ยะฮู้ ช่วงนี้รู้สึกฟิตไปไหมน้า
บทที่ 20 อีกด้านหนึ่งของกระจกเงา หนึ่งเดือนผ่านพ้นไป จนแล้วจนรอด ฉัน เองก็ไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับคุณธนาหลายครั้งที่ฉันตั้งใจจะบอก แต่แค่เห็นรอยยิ้มของเขา ฉันก็เปลี่ยนใจ เพราะฉันเองยังไม่แน่ใจนักว่าตอนนี้ ฉันพร้อมหรือยังที่จะทนรับความจริงได้ หากเขาเลือกที่จะเดินจากไป
ที่ เธอเห็น
ไม่ได้เป็น ตัวฉัน
อย่าง ที่ตัว ฉันเป็น
ยังมีความ ลับมาก มาย
ซ่อน เอาไว้
ไม่มีใคร รู้จัก ตัว ฉัน
หลอก ใครใคร
แต่ในใจ จริงนั้น
ฉัน ไม่เคย ต้องการ
ทน มานาน ไม่รู้ เท่า ไหร่
“ซันเป็นอะไรหรือเปล่า” คนข้างหน้าถามอย่างเป็นห่วง พลางเอามือมาแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิ
“ไม่เป็นไรครับ” ฉันตอบกลับ และหันมาสนใจเขาที่อยู่ตรงหน้า ช่วงนี้ฉันมักจะเสียสมาธิอยู่บ่อยครั้ง อาจจะเพราะมัวแต่พุ้งซ่านคิดเรื่องของเขาอยู่ก็เป็นได้
“ซัน……คิดอะไรอยู่” คุณธนาเองก็คงรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาเองก็ไม่ได้โง่ที่จะสังเกตไม่ออก ฉันได้แต่ตอบเลี่ยงไปเรื่องอื่นเสีย เรื่องงานบ้าง เรื่องเพื่อนบ้าง เรื่องการเงินบ้าง ซึ่งเขาเองก็มักจะรับฟังเรื่องโกหกของฉันอยู่เสมอ และยังคอยให้คำปรึกษาดีๆกลับมาเสียด้วย และนั่นทำให้ฉันรู้สึกผิดมากกว่าเดิม
“มีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยครับ”
“ซัน…..โกหก…..เพื่อนคนหนึ่งครับ”
คุณธนา ตั้งหน้าตั้งตาฟังอย่างตั้งใจ ฉันค่อยๆเรียบเรียงถ้อยคำให้เรื่องราวเป็นธรรมชาติมากที่สุด และเช่นเคยเขามักจะมีคำแนะนำดีๆให้ทุกครั้ง
“อืม…..ผมรู้นะครับว่าซันโกหกเพื่อให้เพื่อนสบายใจ แต่ว่า….ถึงอย่างไรมันก็คือการหลอกลวง……ซันควรบอกความจริงกับเพื่อนนะครับ เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย”
“แต่ถ้า เพื่อนของซัน รับไม่ได้…..แล้วเลิกคบกับซันล่ะครับ” ฉันถามกลับไป เขาหยุดคิดสักครู่
“ถ้าเขาเป็นเพื่อนซันจริง เขาต้องเข้าใจครับ”
“ถ้ายื้อไว้นาน ทั้งซันและเพื่อนของซัน มีตาจะเจ็บปวดทั้งคู่”
น่าเสียดาย ที่ความเป็นเพื่อนกับคนรัก มันเป็นตำแหน่งที่เทียบกันไม่ได้
แสงไฟจากถนน สาดส่องเข้ามาในรถเป็นระยะ ฉันเอนตัวแกล้งทำเป็นหลับบิดตัวเข้าหาประตูรถ ข้างนอกมืดแล้ว กระจกใสด้านข้างสะท้อนเงาลางๆ ของคนๆหนึ่งออกมา
‘เธอคือใคร’
ใคร กัน จ้อง มอง ฉัน อยู่
ดู เหมือนเธอ กำลัง ร้องไห้
ภาพ ที่ เห็น
เป็น เงา ของใคร
ไม่ใช่ตัว ฉัน เลย
ต้องทน กล้ำกลืน ทน ฝืน ใจ
นาน เท่าไร
จะคลาย หมองเศร้า
กลับ คืน มา
เป็น ตัว ของเรา
เป็นใจ ของเรา สักที
“ขอขึ้นไปบนห้องนะครับ”
คุณธนา ขออนุญาต ฉันทำบ่ายเบี่ยง แต่ก็ทนลูกตื้ออีกคนไม่ไหว ทั้งอ้อน ทั้งรุกเร้า
“นะครับ รับรองผมไม่ทำอะไรรุ่มร่าม”
ในที่สุดฉันก็ใจอ่อนเสียจนได้
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามาสิยะ” เสียงเจื้อยแจ้วของสมาชิกใหม่เริ่มเปิดการประชุมลับๆ ครั้งที่ 2 ประจำเดือน กว่าที่ดนัยจะยอมรับความจริงก็ต้องโดน คุณธนา ปฏิเสธมา3รอบในเวลาหนึ่งเดือน แล้วก็ไม่พ้นเป็นหน้าที่ฉันอีกที่ต้องตามเก็บกวาดซากศพของหล่อน ที่แน่ๆ ฉันติดเลี้ยงข้าวไอ้ธันเป็น 6 มื้อแล้วน่ะสิ
“จะมีเรื่องอะไร มันก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นล่ะ” นังธรใช้ส้อมจิ้มเนื้อไก่ขึ้นมากินอย่างอร่อย
ฉันถอนหายใจนั่งมองภาพสะท้อนในกระจกใส ก่อนจะตัดสินใจเล่าความอัดอั้นตันใจให้ทั้งสองฟัง
“ฉันตอบไม่ได้นะเรื่องนี้” ดนัยพูดขึ้นก่อนที่เรื่องจบ
“ในกรณีฉัน ตั้งแต่เริ่มรู้จักกัน ธนาก็รู้อยู่แล้วว่า ฉันเป็นยังไง ตอนนั้นฉันเองก็เปรี้ยวน่าดู” เจ้าหล่อนนั่งลำรึกความหลังเมื่อครั้งยังสาว
“ตามจีบมาเป็น ปี ไม่เคยเลยที่จะยอมใจอ่อน เฮ้อ”
ฉันเองก็เข้าใจดนัยเช่นกัน มันอาจจะดูใจร้ายไปบ้างที่ต้องมาคุยเรื่องคุณธนากับดนัย ฉันกล่าวขอโทษ แต่อีกคนก็โบกมือว่าไม่เป็นไร
“ที่จริงฉันเองก็ทำใจได้ ระยะหนึ่งแล้วล่ะ”
ฉันหันไปถามเพื่อนสาวคนเก่ง แต่ยังไม่ทันที่นังธรจะได้พูดอะไร อยู่ๆก็มีคนมายืนข้างหลังนังธร แล้วดึงนังธรให้ยืนขึ้น
“นาย…..”
“หัวหน้า”
เราทั้ง 3 ต่างตกใจกับการกระทำอุกอาจของชายตัวใหญ่
“ผมขอตัวเพื่อนคุณนะ ซันนี่” หัวหน้าสุริยา ออกแรงดึงแขนธรเป็นการบังคับให้เดินออกนอกร้าน แน่นอนว่านังธรขัดขืนเต็มที่ แต่เสียงดังมากไม่ได้เนื่องจากตอนนี้เริ่มมีคนมองมาทางเราแล้ว
“ปล่อย”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
แล้วหัวหน้าก็จูงแกมลากเพื่อนสาวตัวดีของฉันออกไป
“แอร๊ยยย ใครอะเธอ หล่อ ล่ำ น่ากินอะ” นังดนัยมองตามหัวหน้าสุดหล่อ ตาเป็นมัน จนฉันต้องสวมบทเป็นนางมารเบรกความสุขของนางไว้
“หล่อนเห็นไหม ว่าเขาน่ะจูงใครออกไป”
“แอร๊ยยยย อิจฉาอะ”
ฉันมองนังธรที่ถูกลากออกไปจนลับสายตา ไม่คิดเหมือนกันว่าหัวหน้าจะกล้าทำอะไรแบบนี้ ก็ได้แต่ขอให้ลงเอยด้วยดี……อย่าให้เหมือนเรื่องของฉันกับดนัยก็พอ
“ใช่น่าอิจฉา…..คนที่มีคนรัก….รักในตัวตนของเขาจริงๆ” ดนัยได้เพียงพยักหน้ายอมรับในคำพูดของฉัน เจ้าหล่อนตักอาหารเข้าปากอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ฉันได้คิดอะไรเพียงคนเดียว
เฮ้อ
ทั้งๆที่จะมาขอคำปรึกษาแท้ๆ แต่ก็ไม่ได้เรื่อง…….เอาเถอะถึงนังธรมันจะอยู่ มันก็คงบอกให้คิดเอาเองเหมือนเช่นเคย นังธรมันเคารพในการตัดสินใจของคนอื่นค่ะ มันไม่เคยบงการเจ้าจี้เจ้าการกับใครมาก่อน เพียงแค่มันมักจะให้ข้อคิดไว้เสมอ
“จะตัดสินใจสินใจอะไรคิดให้ดีก่อน……………แล้วก็ยอมรับในผลที่เกิดด้วย”
นั่นล่ะค่ะ นังธร คิดอะไรผู้ใหญ่เกินตัว อายุแค่ 25 แต่ทำตัวอย่างกับตาแก่อายุ 40 ดนัยกับฉัน พูดคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ฉันเลี่ยงที่จะคุยกันเรื่องของคุณธนา โดยรวม นังดนัยก็ไม่ได้น่าตบเหมือนตอนแรกที่รู้จักสักเท่าไร นางบอกว่าเห็นฉันตอนแรกก็รู้แล้ว ว่าเป็นเพื่อนสาวเหมือนกัน เลยนึกอยากแกล้งนิดๆ พอเป็นพิธี
“เธอก็ร้ายนะยะ เล่นเอาซะฉันขาสั่นไปเลยที่สวนสนุก” ดนัยหัวเราะเสียงดังเมื่อคิดถึงเมื่อครั้งแรกที่เราได้พบกัน
ไม่นานเราทั้งสองก็จัดการอาหารที่อยู่บนโต๊ะจนหมด เรียกพนักงานมาเก็บเงิน
“ทั้งหมด 350 บาท ก็คิดเป็นคนละ” ฉันกดมือถือ เลข 350 หารด้วยจำนวนคน 3 คน มีฉัน ดนัย และนังธร
นังธร!!!!!
แล้วใครจะจ่ายให้มันคะ……แอร๊ยยยยย
“ครับ ฝันดีเช่นกัน” เช่นเดียวกับทุกคืน ฉันบอกลาคุณธนาทางโทรศัพท์ ก่อนจะวางสายไป ทุกครั้งที่ฉันอยู่ในห้องเพียงลำพัง นั่นคือเวลาที่ฉันจะได้คิดทบทวนเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ในความรักครั้งนี้ ฉันควรจะทำอย่างไรดี
บอกความจริงไป
หรือจะโกหกแบบนี้ต่อไป
จากที่คิดเพียงต้องการแอ๊บแมนเพื่อต้องการใครสักคนที่พอจะสนใจในตัวฉัน แต่ฉันเองคงจะลืมคิดไปว่า หากในระยะยาวแล้ว ฉันเองจะทนไหวไหม หากจะต้องทำตัวแบบนี้เรื่อยไป อย่าว่าตลอดชีวิตเลย เพียงแค่หนึ่งปี ฉันเองจะทนไหวหรือเปล่ายังไม่รู้
ภาพในกระจกที่สะท้อนออกมา ฉันเห็นเพียงเด็กหนุ่ม รูปร่างค่อนข้างผอม ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ผมเผ้าตัดสั้นดูสะอาด สบายตา เพียงแต่นัยตาของเขาคนนั้นช่างหมองหม่น……….เด็กคนนั้นกำลังมีความรัก แต่เหตุใดเขาจึงเศร้าแบบนี้……คนที่มีความรักต้องมีความสุขไม่ใช่หรือ
อีก กี่คน ที่ต้องทน เจ็บช้ำ
แต่ ก็จำ ต้องทน
มีตัวตน อยู่เพื่อ ใคร
ซักวัน จะให้โลก ได้รู้ ถึงความ ในใจ
คงมีใครยอมรับ ฉัน ได้
เด็กหนุ่มในกระจกเงาจ้องกลับมาด้วยสายตาอันบอกช้ำ เขาคนนั้นพยายามเอ่ยปากที่จะบอกอะไรบางอย่างให้ฉันฟัง แต่ฉันไม่เคยได้ยิน ฉันไม่เคยสนใจ
ทำ ไม ต่าง คน ซุก ซ่อน
แสดง ละคร ปิดบัง หัวใจ
บท ที่ เห็น เป็น ตัว ของใคร
ไม่ใช่ตัว ของ เรา
ต้องทน กล้ำกลืน ทน ฝืน ใจ
นาน เท่าไร จะคลาย หมองเศร้า
กลับ คืน มา เป็น ตัว ของเรา
เป็นใจ ของเรา สักที
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ฉันจะช่วยทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้ายิ้มได้เสียทีกลับ คืน มา
เป็นตัว ของเรา
เป็นใจ ของเรา สักที