ฮิ้วๆ แอบอู้ไปฉลอง วาเลนไทด์ มาคนเดียว ฮือๆ
มาต่อกันเลยนะคะ ช้าไปหน่อย ขออภัยๆบทที่ 21 ความจริง“ครับ เจอกันร้านเดิมครับ ด้านในนะครับ” ฉันพูดย้ำเตือนความจำ คุณธนา เป็นรอบที่สอง วันพรุ่งนี้ฉํนนัดเขาไปเที่ยวกัน ซึ่งดูคุณธนาเองก็แปลกใจไม่น้อย เพราะปกติจะเป็นเขาเองมากกว่าที่ออกปากชวนไปนั่น นี่
“สงสัยงานนี้มี เซอร์ไพรซ์” คุณธนาตอบรับอย่างทันที เขาคงไม่รู้หรอกว่า สิ่งที่ฉันเตรียมไว้คงทำเขาประหลาดใจ จนหลับไม่ลงเป็นแน่แท้
เมื่อคุยกันจนหมดเรื่องฉันวางโทรศัพท์ลงข้างตัว พลิกตัวหันหน้าออกไปยังระเบียง น้ำตาที่เอ่นองเตรียมไว้ตั้งแต่เริ่มคุยกับเขา ตั้งแต่คิดเรื่องที่จะเกิดขึ้น ก็ไหลร่วงลงจนหมอนที่นอนชุ่มโชก
ไม่อยากให้เป็นแบบนี้……แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเช่นกัน
ค่ำคืนของวันรุ่งขึ้น ฉันเตรียมตัวแต่งกาย ด้วยเสื้อผ้าที่หลากสีมากกว่าเดิม ทั้งรูปแบบเสื้อที่แหวกแนวไปกว่าผู้คนใส่ปกติไปบ้างเล็กน้อย กางเกงขาเดฟรัดรูปซะนึกว่าใส่กางเกงไปแอร์โรบิก ตุ้มหูอันใหม่ฝังเพชร(เก้)ที่พึ่งซื้อมาเมื่อเช้า ถูกใส่เข้าไปอย่างลำบาก นับว่ายังโชคดีที่รู(หู)ยังไม่ตัน ลิปมันสีแดงอ่อน ค่อยๆถูกบรรจงทาทับลงริมฝีปาก จนดูเป็นคนมีสุขภาพดีขึ้นมาทันควัน
จะว่าไปก็แปลก ฉันมองคนในกระจกอีกครั้ง ภาพที่เห็นยังนับว่าห่างไกลจากตัวฉันในอดีต แต่จะว่าไป ฉันเองก็ชักไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ฉันยังอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมหรือไม่
ใช่สิ ฉันอยากเต้น ฉันอยากทำท่ากรีดกรายอยู่บนเวทีการแสดง
แต่อีกใจก็เบื่อกับการแต่งตัวที่มากเกินทน กับการแต่งหน้าที่หนาเตอะ กับการแสดงออกที่มากเกินความจำเป็น
แบบไหนคือตัวตนของฉันกันแน่
ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป ไม่ว่ายังไงก็ต้องยอมรับความจริง ว่าฉันเป็นคนที่ออกสาว และคุณธนาไม่ชอบ……….ถึงยื้อเวลาไปก็เท่านั้น ไม่ว่ายังไงความจริงก็คือความจริง สักวันเขาเองก็อาจจะรู้
ถ้าหากเขาเองรับไม่ได้จริงๆ ก็สู้ให้มันจบลงตอนนี้เสียดีกว่า ต้องให้คุณธนามาเสียเวลากับคนอย่างฉัน ผู้ชายดีๆแบบนั้นไม่ควรคู่กับคนขี้โกหกหรอก เอาเวลาที่มีค่าไปหาคนที่เหมาะสม และคนที่รักกันจะดีกว่า
ฉันนั่งแท็กซี่ไปตามลำพัง คนขับเองก็ยิ้มให้นิดๆ เมื่อฉันเสนอหน้าไปบอกเป้าหมายที่ต้องการ ฉันนั่งลงข้างคนขับ และค่อยๆเคลื่อนตัวสู่เป้าหมายที่นัดหมาย และก็เป็นไปตามแผน ฉันมาถึงก่อนเวลาประมาณเกือบชั่วโมง (ถือว่าผิดปกติมากๆ) นังธรและนังดนัยโบกมือเรียกอยู่ตรงโต๊ะ ใกล้ๆบาร์ ฉันเข้าไปนั่งทันที
“แกแน่ใจนะ” ทัทีที่เข้าไป เพื่อนสาวธรก็ซักขึ้น สีหน้าดูเป็นห่วงในการตัดสินใจครั้งนี้ ฉันพยักหน้ายืนยัน นังธรรับรู้และตบไหล่ฉันให้กำลังใจ
“โหย พวกพี่เป็นอะไรกัน พากันเครียด” ไอ้ธันเข้ามาวางจากของทอดไว้พร้อมกับทักทาย มันคงรู้สึกถึงบรรยากาศอึมครึมที่ล้อมรอบไว้เสียล่ะมั้ง ฉันเอ่ยปากสั่งของกินเล่นไปอีก2-3 อย่าง แล้วไล่มันไป
เครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า ถูกยกขึ้นจรดกับริมฝีปาก ฉันกลืนพวกมันลงไป จนรู้สึกร้อนที่ใบหน้า เพื่อนที่เหลือทั้งสองพยายามปราม แต่ฉันเองก็ไม่ฟัง จะให้ทำยังไง ถ้าหวังให้มีสติเต็มร้อย ฉันเองไม่กล้าที่จะพูดกับคุณธนาแน่นอน จนในที่สุดทั้งสองก็ยอมแพ้
“เอ้า กินก็กิน” นังธรยอมแพ้ ยกแก้วขึ้นมาชนแล้วซัดเสียหมดแก้ว นั่นทำฉันประหลาดใจ ปกติ นังธรมันไม่ค่อยจะถูกกับเรื่องแบบนี้ แต่ก็ดี จะได้มีเพื่อนดวล แบบนี้ค่อยสนุกหน่อย เราทั้งสามผลัดกันชน ผลักกันเติมไปสักพัก บรรดานักท่องราตรีค่อยๆทยอยเข้าร้านมาจนคนเริ่มแน่น วงดนตรีก็เริ่มที่จะเร่งจังหวะเพลงแล้ว
“ฉันชอบเพลงนี้ ลุกขึ้นเร็ว” ฉันวางแก้วลงอย่างรวดเร็วและลุกขึ้น ทำเอาอีก2 คนที่เหลือปรับอารมณ์ตามไม่ทัน แต่ก็ยอมลุกขึ้นยืนด้วยดี แน่นอน นังธรเองก็ไม่ได้ชอบเต้นเจ้าหล่อนคงยืนดูนักร้องไปเรื่อยๆ แต่นังดนัยนี่สิ ต้ายมันแอบร้ายนะยะ
“ว้าย แกแอบแรงนะยะ” ฉันจิกมันไปเบาๆดอกหนึ่ง แหม ก็ทำทีเป็นส่ายสะโพกไปชนกับหนุ่มน้อยที่อยู่โต๊ะข้างๆ อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นนะยะ
ผิดกับฉันที่ไม่ได้ออกมาวาดลวดลายเสียตั้งนาน เพลงแรกจบไปฉันยังได้แค่โยกไปมา เหมือนนักกีฬาที่ร้างสนามไปหลายเดือน กว่าจะกลับเข้าฟอร์มได้ก็ปาเข้าไปเพลงที่ 5 นั่นล่ะ
ไม่นานนักคุณธนาก็โทรเข้าหาฉัน สงสัยจะมาถึงร้านแล้ว ฉันกดรับสาย พร้อมกับตะโกนแข่งเสียงกรี๊ดของนังดนัยที่กรี๊ดให้ดีเจที่เปิดเพลงได้โดนใจ ทำเอาฉันแทบจะไม่ได้ยินเสียงคุณธนา
“กำลังจะออกไปข้างนอกครับ” ฉันใช้มือป้องปากไว้บอกให้เขารออยู่หน้าประตู
และวินาทีที่เราพบกัน
เขาตกใจไปชั่วครู่ ก่อนจะปรับสีหน้ามาเป็นเหมือนเดิม
“วันนี้มาแปลกนะซัน”
ฉันยิ้มให้เขาแต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่เห็นท่าทีเขาตกใจเมื่อเห็นฉันในโฉมใหม่ ใจมันก็เสียไปกว่าครึ่ง ฉันจูงเขาเดินเบียดจนมาถึงโต๊ะ นังดนัยกรีดกรายมาทักทายเพื่อนเก่าอย่าสนิท ซึ่งคุณธนาเองก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แค่หัวเราะเมื่อเห็นดนัยหน้าแดงพร้อมกับเต้นเลื้อยไปมา
“สวัสดีครับ” นังธรทักทายแบบสุภาพเช่นเคยคุณธนาทักตอบพูดคุยพอเป็นพิธี
“เพลงนี้สนุกนะครับมาเต้นกัน” เมื่อวงดนตรีเปลี่ยนไปเล่นอีกเพลง ฉันดึงคุณธนาขึ้นมายืน เขาดูงง ทำคิ้วขมวด ฉันไม่สนใจยิ้มให้อย่างเดียวแม้ว่านัยน์ตาของฉันมันจะชุ่มไปแล้วก็ตาม
เสียงดนตรีโหยกระหน่ำเพิ่มความแรงขึ้นเรื่องๆ ฉันยิ่งเต้นแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาหนึ่งที่จ้องมองมา แต่ฉันไม่กล้า……ไม่กล้าที่จะจ้องตอบกลับ กลัวเหลือเกิน ว่าสายตาที่มองมานั้นจะเต็มไปด้วยความผิดหวัง
“ซัน เมาแล้วล่ะ พอก่อน” เขาห้ามไม่ให้ฉันยกแก้วขึ้นดื่ม ฉันเผลอมองเขาชั่วครู่ นั่นก็พอเพียงที่จะเห็นความไม่ชอบใจในใบหน้านั้น
“ยังไม่เมาจ้า แค่นี้จิ๊บๆ” ฉันฉีกยิ้มแสร้งหัวเราะ เหล้าเกือบเต็มแก้วหายไปในร่างกายฉันในพริบตา
“พอแล้วซัน บอกให้พอไง” เขาเสียงดังขึ้น
“อะไรคะ”
“ออกไปข้างนอก”
เขาไม่ฟังเสียงค้านใดๆจากฉันและเพื่อนๆ เขาออกแรงดึงฉันฝ่าฝูงชนที่ต่างพากันสนุกสุดเหวี่ยงไม่ได้สนใจเลยว่าในขณะนี้ ฉันคนนี้ไม่ได้นึกสนุกไปตามใบหน้าที่ยิ้มไว้เลย
“ซันเล่นอะไรอยู่ คิดจะลองใจกันงั้นหรือ”
“ลองใจอะไรกันจ๊ะ”
“อย่าทำแบบนี้ ซันก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบ” เขาเบือนหน้าหนีเมื่อฉันทำเป็นกรีดนิ้วทาบตรงหน้าอกตนเองทำท่าตกใจ
ฉันกลั้นใจอีกครั้ง แต่มันช่างยากเหลือเกิน เมื่อมองใบหน้าเขา มันก็อดไม่ได้ที่จะห้ามน้ำตาไม่ให้เอ่อ ออกมา ฉันรีบเงยหน้าขึ้นเพื่อห้ามไม่ให้มันไหลออกมา ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ถ้าซันจะบอกว่า นี่คือตัวตนจริงๆของซัน แล้วคุณธนาจะว่ายังไง”
เขาเงียบไปชั่วครู่
“แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร”
“ซันขอโทษ” ฉันทำได้เพียงขอโทษ ความรู้สึกผิดที่หลอกลวงเขายิ่งทำฉันแย่ เมื่อรู้ว่าเขาเองก็เจ็บปวดกับการโกหกในครั้งนี้
“ซัน…….อย่าเป็นแบบนี้เลยนะ”
“พี่ชอบซันนะ”
คำที่เขาพูดออกมานั้นไม่ได้ช่วยให้ฉันยิ้มได้เลย มันยิ่งตอกย้ำเข้าในใจ ใจฉันมันเจ็บจนอยากจะร้องออกมา เพียงแค่ต้องทน…….ฉันต้องทนให้ได้
หมดกันทีกับความหวังลมๆแล้งๆ ความหวังที่ว่าชีวิตจะเหมือนละคร ที่พระเอกยอมรับในตัวของนางเอกได้ แม้ว่านางเอกนั้นจะไม่ได้ดีพร้อมสำหรับเขา………ความหวังที่ฉันแอบคิดไปเองว่าความจริงแล้วคุณธนาอาจจะยอมรับตัวตนที่แท้จริงของฉันได้ ….. ความหวังที่คิดว่าคำอธิฐานของฉันจะเป็นจริง
เคยนั่งตรงนี้ เก้าอี้ตัวนี้ อยู่ข้างๆเธอ
เป็นที่ประจำ ที่เธอและฉัน จะนัดกันเสมอ
แต่วันนี้ ที่เดิมตรงนี้ ที่ฉันได้เจอ
ทุกอย่างคงเดิม บรรยากาศเดิมๆ แต่ไม่มีเธอ
ดนตรี นั้นเล่นอยู่ ฟัง ฉันฟังอยู่
แต่ว่าในใจนั้น เงียบงัน
ฉันนั่งอยู่โต๊ะเดิมของเราที่เขาพาฉันมาเลี้ยงขอโทษ พลางคิดถึงใบหน้าเปื้อนยิ้มที่มอบให้กัน ดนตรีที่บรรเลงเพลงรัก บรรยากาศเย็นสบาย ชวนฝัน
มันก็เป็นฝันจริงๆเสียด้วย
ฉันนั่งมองไปที่นั่งตรงข้ามที่ว่างเปล่า ปล่อยให้น้ำตาที่เก็บไว้ร่วงหล่นลงมาเสียที………เขาไปแล้ว……และไม่มีทางกลับคืนมา
มีแต่เสียงเพลง ที่ว่างเปล่า
จบลงแล้ว ความรักของเรา
ไม่มีเขาเคียงข้างอีกแล้ว ไม่มีคืนวันที่สดใส
ดื่มให้ตัวเองอีกที กับรักที่เพิ่ง ผ่านพ้นไป
“ไม่เป็นไรนะ” เสียงของเพื่อนสาวดังขึ้นพร้อมกับมืออุ่นๆที่วางลงบนบ่า ฉันมองคนทั้งสองด้วยน้ำตานองหน้า
“ไม่เอานะ เดี๋ยวแป้งหลุดหมด มาๆๆๆ เรามาฉลองกันดีกว่า” ดนัยรีบเอากระดาษมาซับน้ำตาฉัน นังธรจัดแจงบอกธันให้ย้ายโต๊ะออกมานั่งข้างนอกเสีย ไม่นานนักข้าวของก็ถูกลำเลียงมาจนครบ
“เฮ้ย พี่เป็นอะไร” ทันทีที่ธันมันเห็นฉันมันก็ร้องทักขึ้น แต่ฉันไม่มีอารมณ์ตอบหรอก ก็เป็นหน้าที่ของธรที่ไล่ให้มันไปทำงานเสีย
“มาๆ ชนแก้วกันหน่อยเร็วเพื่อนสาว” ดนัยรินเหล้าให้ฉันจนเต็ม
“แด่ผู้ชายห่วยๆ”
“แด่ผู้ชายเฮงซวย
ทั้งสองชูแก้วขึ้นแล้ว เหลือเพียงฉันที่นั่งนิ่ง…..มันไม่มีแรงแม้จะเคลื่อนไหว
“อาทิตย์” นังธรเรียกฉันเบาๆ ดวงตานั้นสั่นไหวด้วยความเศร้า ฉันรู้สึกได้
“ไม่เป็นไร…..มา ๆๆ แด่ผู้ชายที่ฉันรัก…..หมดแก้ว”
ดนตรี นั้นเล่นอยู่ ฟัง ฉันฟังอยู่
แต่ว่าในใจนั้น เงียบงัน
มีแต่เสียงเพลง ที่ว่างเปล่า
จบลงแล้ว ความรักของเรา
ไม่มีเขาเคียงข้างอีกแล้ว ไม่มีคืนวันที่สดใส
ดื่มให้ตัวเองอีกที กับรักที่เพิ่ง ผ่านพ้นไป
เพียงไม่นานฉันเองก็คลายความเศร้าลง นี่สินะเขาถึงมากินเหล้ากันตอนอกหัก ตอนนี้ดนัยกำลัง เล่าเรื่องน่าอายของเขาให้ฟัง นังธรเองก็นั่งโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลง มีออกอาการตกใจบ้างเมื่อนังดนัยเผลอกรี๊ดออกมา ฉันเองก็ได้แต่หัวเราะไปกับเพื่อนๆทั้งสองคน แม้ในใจจะยังคิดถึงแต่เขา
แต่มันคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
“หมดแก้ว ไม่ต้องกลัวเมาเลยซันนี่ เดี๋ยววันนี้ ดนัยดูแกเอง” ดนัยรินเหล้าลงไปอีก พลางบังคับให้ฉันกิน ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธ นานๆทีได้เต็มที่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“ใช่ๆ กินให้เต็มที่ เดี๋ยวเราดูแกเอง” นังธรสนับสนุนด้วยอีกแรง
“หมดแก้ว”
“หมดแก้ว”
“หมดแก้ว”
ฉันยกแก้วขึ้นมาอย่างสนุก แก้วแล้วแก้วเล่า เหล้าขวดเก่าหมดไป ขวดใหม่ก็มาแทนที่
“หมดแก้ว”
“หมดแก้ว”
ฉันชูแก้วขึ้น รอเพื่อนมาร่วมวง
“แด่รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป”
“……..”
“แด่รักที่เพิ่งผ่านพ้นไป” ฉันย้ำอีกครั้งเมื่อไม่เห็นว่าเพื่อนๆจะตอบสนอง
“……”
ฉันเหลือบตามองดูก็ถึงได้รู้เหตุผลที่พวกเธอๆ นั้นเงียบไป
“แอร๊ย……ไหนบอกว่าจะดูแลฉัน ยะ”