“เพื่อนสนิทพี่จะแต่งงานที่ขอนแก่น.........พี่ว่าจะไปร่วมแสดงความยินดีกับเค้าด้วย”.........ว้า........ไม่อยากจะพูดแบบนี้เลย..........แต่จะทำไงได้ล่ะ ถ้าผมไม่ชวนนัทไปด้วย.......ตอนขากลับมีหวังได้หลับในขับรถตกเขาแน่ๆ..............อีกทั้งถ้าเดียวรู้ว่าผมชวนนัทไปไม่ได้ ผมคงจะโดนหล่อนถากถางให้ได้อับอายไม่รู้จักจบสิ้น..............มีแฟนแต่พึ่งพาใช้สอยไหว้วานอะไรไม่ได้ แล้วจะมีไปทำซากอะไรกัน..............
นัทยังคงสนใจอยู่กับการกินข้าวไม่แสดงอาการรู้ร้อนหนาวถึงสิ่งที่ผมปรารภ..........ยิ่งทำให้ผมรู้สึกร้อนใจมากยิ่งขึ้น...........
จะว่าไปแล้วเราสองคนก็เป็นคู่ที่เข้าขากันได้ดีไม่เลว...........ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราแทบจะไม่มีปากเสียงกันเลย...........จะมีบ้างก็เรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ทันข้ามวันก็หายโกรธกันแล้ว (ส่วนมากก็มักจะมาจากผม ที่ขัดใจเพราะนัทไม่ได้อย่างใจ).........และก็ยังมีเรื่องบนเตียงที่ไม่ค่อยจะเอาไหนของเค้าด้วย (หุหุ) ......ผมรู้สึกว่านัทไม่ค่อยจะสนใจอย่างจริงจังที่จะทำให้ผมมีความสุขเท่าไหร่........เค้าสนใจแต่ว่า เค้ามีความสุขก็จบ..........ถึงยังไงผมก็ยังมองว่านั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรนัก.........เพราะสำหรับผมแล้ว เรื่องพรรณนั้น ยังไงก็ได้...........เรื่องความรู้สึกสำคัญกว่า............
“ใครแต่งเหรอ”..........นึกว่าจะไม่ถาม.........ผมแอบค้อนอยู่ในใจ............เมื่อเค้าถามก็เข้าแผนที่วางไว้พอดี........... เพราะฉะนั้นผมจึงเดินหมากต่อ...........
“ปิ๋ม........นัทไม่เคยเจอหรอก..........พี่นัดกับเดียวให้ชีขึ้นมาหาที่เชียงใหม่.......ตอนแรกก็ว่าจะขับรถไปด้วยกันและก็กลับมาเชียงใหม่ด้วยกัน..........แต่ชีดันเปลี่ยนแผน บอกว่าจะเอาแฟนมาด้วยและก็จะขึ้นรถกลับกรุงเทพจากขอนแก่นเลย...........นี่พี่ก็กลัวอยู่ว่าถ้าขับรถกลับมาคนเดียวจะทำยังไง”......ผมทอดเสียงลงในตอนท้ายประโยคเรียกความเห็นใจ พลางจ้องหน้าเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเบื้องลึกของเค้า........ลงทุนร่ายซะยาวยืดขนาดนี้.......หวังว่านัทคงจะจับทางออกนะว่าผมอยากให้เค้าไปเป็นเพื่อน...........
“ทำไมไม่ชวนน้องพรไปด้วยล่ะ”........ฮึ่มมมม........เย็นไว้นะโยม..............ผมพยายามบอกตัวเองในใจ........นี่เค้ายังจะเกี่ยงไปให้คนอื่นอีกหรือไงเนี่ยยยยยย.............
“เค้าไปไม่ได้หรอก..........เค้าต้องทำแลป............อีกอย่าง พี่ก็ไม่อยากรบกวนเค้าด้วยอ่ะ”...........ผมพยามระงับความโมโหเอาไว้ ค่อยๆรุกต้อนให้นัทจนมุมอีกครั้ง เพื่อจะสื่อให้เห็นว่า เค้าเป็นความหวังเดียวสุดท้ายของผมแล้วในตอนนี้............เพราะฉะนั้นเค้าควรจะต้องไป ถ้าเค้ายังมีหัวใจห่วงใยผมอยู่บ้าง..........
“ไม่ไปหรอก ไปกันเองเถอะ นัทขี้เกียจนั่งรถไกลๆ”............เออ............ให้มันได้อย่างนี้สิ...........ผมนึกบริภาษอยู่ในใจ...........นี่จะใจจืดใจดำกับผมได้ขนาดนี้เลยหรือไง.........
“ถ้านัทไม่ไปเป็นเพื่อน แล้วพี่จะกลับมากับใคร.............ขับรถคนเดียวไกลๆมันอันตรายนะ......เกิดพลัดตกเขาขึ้นมาจะทำยังไง”.............ผมยังไม่ยอมแพ้..............ความจริงแล้วผมมีแผนสำรองเอาไว้แล้วว่า ถ้านัทไม่ไปผมจะชวนคนอื่นไปแทน.............แต่เมื่อเค้าทำท่าไม่ไยดีแบบนี้........ผมยิ่งอยากจะพาเค้าไปด้วยให้ได้...........นี่ฉันเป็นแฟนนายนะ ไหว้วานนิดหน่อยแค่นี้ไม่ได้หรือไง........
“ตอนนี้นัทอยู่เฉยๆก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยไม่ได้หรือไง”..........ไม่รู้ล่ะ......วันนี้จะเอาคำตอบให้ได้........
“ไม่เอา......จะเล่นเกมส์”..........นัทขึ้นเสียงบ้าง.................โหยยยยยย...........นี่อ่ะนะเหตุผล............สติของผมขาดผึงทันที...............พลันก็บังเกิดทิฐิมานะขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้...........ดี...........จะได้รู้กัน...........
“งั้นก็ช่างเถอะ.......พี่ไปคนเดียวก็ได้”..........ผมตัดบททำหน้างอ............แม้ปากจะพูดตัดบทไปอย่างนั้น........แต่ใจผมนั้นมีคำตอบให้นัทเลือกเพียงทางเดียวคือ ต้องไป.........ถ้าไม่ไป จะต้องได้เห็นดีกันแน่.............
ผมเลิกพูดเรื่องขอนแก่นไปอีกสองสามวัน จนกระทั่งวันที่เดียวมาถึง..........ผมจึงเริ่มหวนนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง.............ถ้านัทไม่ไป ผมก็จะไปคนเดียว.........จะได้รู้กันไปว่าถ้าไม่มีเค้าแล้วผมจะทำไม่ได้............แต่ถึงยังไงผมก็ไม่คิดว่านัทจะแล้งน้ำใจกับผมได้ขนาดนั้นหรอก............ผมคิดว่าเค้าจะต้องไป........เชื่อสิ..........
“กั้ง........นี่พี่แดน.....” เดียวแนะนำแฟนของหล่อนให้ผมรู้จัก...........ผมยกมือไหว้พลางมองสำรวจพี่แดนเงียบๆ................หน้าตาเหมือนปลาบู่สูงอายุ (อิอิ).................คะเนว่าน่าจะเกือบสี่สิบแล้วกระมัง........นี่เดียวตกอับถึงขั้นหาแฟนที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง..............
“เค้าขอตามฉันมาเอง.......ฉันจะไม่ให้มาก็สงสาร”........เดียวมากระซิบบอก..........แหม.........ร้อนตัวเชียวนะ........ผมนึกขำอยู่ในใจ................
“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรแกสักหน่อย”...........ผมพูดดักคอเพื่อนสาว...........หล่อนจึงทำเฉไฉไปพูดเรื่องอื่นแทน................
“แล้วแฟนแกไปไหนล่ะ”...........เดียวยิงคำถามแก้เก้อซึ่งก็ได้ผลเอาการ เพราะเล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัวเลยทีเดียว......
“เค้าก็อยู่ที่หอเค้าน่ะสิ...........ทำไมเหรอ”..........ผมแกล้งย้อนถาม พยายามกลบเกลื่อนพิรุธในดวงหน้ามิให้หล่อนสังเกตุได้ถนัด...........
“แล้วเค้าจะไปเป็นกับแกมั้ยล่ะ”...........เดียวยังไม่ลดละรุกไล่เอาคำตอบ เมื่อเห็นว่าผมแสดงท่าทางอึกอักกับคำถามของหล่อนเมื่อครู่นี้...............
“ยังไม่รู้เลย”..........ผมตอบเสียงอ่อย...............เดียวยิ้มอย่างผู้มีชัย............
“แสดงว่าเค้าอาจจะไม่ไป”...............หล่อนจ้องหน้าผมคาดคั้นเอาคำตอบ
“ก็ลองไม่ไปดูสิ”...........ผมทำเสียงเขียว แล้วเดินจ้ำกลับไปที่รถ ก่อนที่หล่อนจะถามผมให้เกิดอารมณ์โมโหมากไปกว่านี้..............
หลังจากที่จัดการกับอาหารมื้อเย็นเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ผมจึงพาเดียวกับพี่แดนกลับมาที่ห้อง.............พี่แดนขอตัวไปอาบน้ำเพื่อพักผ่อน ปล่อยให้ผมกับเดียวนั่งคุยกันตามลำพัง.......
อีตาพี่แดนดูท่าทางจะไม่ชอบหน้าผมนัก............บางทีเค้าอาจจะสัมผัสได้ว่า ผมไม่สนับสนุนให้เดียวชอบเค้าเท่าไหร่ก็ได้..............แต่ก็ว่าไม่ได้หรอกนะ...........ใครก็ต้องอยากให้เพื่อนได้คนที่เราคิดว่าดีที่สุดอยู่แล้ว..............
“พี่แดนเค้าเป็นอาจารย์สอนมหาลัยเชียวนะแก”...........เดียวอวดอ้างสรรพคุณแฟนของหล่อนเพื่อให้ผมมีทัศนะคติในทางที่ดีขึ้น..............เป็นอาจารย์แล้วไง...........ผมจบไปก็ต้องไปเป็นอาจารย์เหมือนกัน...........ก็ไม่คิดว่าจะวิเศษวิโสกว่ามนุษย์ธรรมดาตรงไหน..........
“ก็ดีแล้วนี่ ถ้าแกชอบเค้าจริงๆ”...........ผมบอกปัดเพราะความรำคาญ...........ถึงยังไงผมก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า หล่อนคงคบกับอีตานี่ได้ไม่นานหรอก...............
“ว่าแต่ว่าแกโทรไปถามไอ้นัทหรือยัง ว่ามันจะไปกับเรามั้ย”...........เดียววกมาเข้าเรื่องสำคัญอีกจนได้...........ผมจึงหยิบโทรศัพท์เดินออกไปโทรที่ระเบียง............
“ฮัลโหล........” เสียงนัทดังแว่วมาตามสาย............
“เก็บของหรือยัง..........พรุ่งนี้จะต้องออกแต่เช้านะ”...........ผมทนหน้าด้านมัดมือชกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้.....................
“ไม่ไป๊ปปป.........พี่กั้งก็ไปเองสิ........ก็บอกแล้วว่านัทไม่ไป.........”...............ฮึไม่ไปเหรอ..........แล้วทำไมต้องทำเสียงสูงขนาดนั้น...............ต่อมโมโหผมเริ่มทำงานอีกครั้ง...............นี่เค้าจะเอาแบบนี้จริงๆใช่มะ............
“ถ้านัทไม่ไปแล้วพี่จะทำยังไง.......จะให้ขับรถกลับมาคนเดียวเหรอ”.........ผมเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโมโห........
“พี่กั้งก็ไปกันเองสิ............นัทจะอยู่เชียงใหม่”............จะอยู่ทำบ้าอะไรที่นี่...........ที่ขอร้องไม่ใช่ว่าไม่จำเป็นนะ.........ตอนนี้ผมต้องการเค้า............เค้าก็น่าจะอยู่เคียงข้างผมสิ..........
“จะเอายังงั้นใช่มั้ย............ได้..........ไม่ไปก็ได้.......งั้นแค่นี้นะ”............ผมปิดโทรศัพท์ด้วยมืออันสั่นเทา............ถ้าผมพึ่งเค้าในยามคับขันไม่ได้...........ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีแฟนไว้ทำไม.........เลิกกันซะดีกว่า..............คำว่าเลิกแล่นขึ้นมาในหัวผมอย่างฉับพลัน..........ใช่...........ผมจะเลิกกับเค้า.........ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ว่าจะมีความสุขสักเท่าไหร่.............ผมทำได้เพื่อเค้าทุกอย่าง............แต่พอผมจะพึ่งเค้าบ้าง เค้ากลับปฏิเสธโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร...........เค้าทำไปได้ยังไง..........คิดจะให้ผมขับรถกลับจากขอนแก่นมาเชียงใหม่คนเดียว...........คิดได้ยังไง.........
ผมเดินกลับเข้ามาที่ห้องด้วยสีหน้าบึ้งตึง...............เดียวคงจะสังเกตเห็น หล่อนจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง............
“เค้าไม่ไปเหรอ”............ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก............
“ช่างเค้าเถอะ.........ถ้าไม่ไปก็เลิกกัน”..........ผมพูดเป็นคำขาด แล้วชวนหล่อนคุยเรื่องอื่น..........
หลังจากที่ข่มความโกรธลงได้.........ผมจึงลงมือเก็บข้าวของที่จำเป็น เพราะพรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าตรู่.............เมื่อไม่มีใครให้พึ่ง ผมก็จะพึ่งตัวเอง..........ไม่ต้องง้อให้เสียเกียรติ..............
เมื่อเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ผมกับเดียวจึงได้มีโอกาสนอนคุยกันเรื่องสรรเพเหระ.........แม้ว่าเราจะติดต่อกันสม่ำเสมอ แต่ก็ไม่ใคร่มีโอกาสเล่าสาระทุกข์สุขดิบอะไรให้กันฟังมากนัก......ส่วนพี่แดนนั้นนอนที่พื้น...........เรานอนบนเตียง............ผมสังเกตว่าพี่แดนขยับตัวบ่อยๆ คงจะยังไม่หลับ สงสัยจะแอบฟัง........ผมจึงชวนเดียวคุยเรื่องผู้ชาย..........ก็จะมีอะไรสนุกไปกว่าการคุยถึงผู้ชายคนเก่าๆที่ผ่านมามั่งล่ะ..........ดังนั้นเรื่องร้อยแปดพันเก้าของบรรดาผู้ชายที่เราสองคนพานพบ จึงถูกยกนำมาแลกเปลี่ยนสู่กันฟังอย่างออกรส.............ผมเหลือบไปมองพี่แดนที่นอนอยู่ข้างล่างอีกครั้ง...........ได้ยินก็ช่างเถอะ........ถึงยังไงเค้าก็ไม่มีทางรู้อยู่ดีว่า ที่แท้แล้วผมเป็นคนแบบไหนกันแน่............ก็เรื่องเล่าสนุกเอามันส์ในหมู่เพื่อน ใครเค้าจะเอามาเป็นสาระกันบ้างเล่า...........
นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม...........ตอนนี้ผมทำใจได้แล้วว่าจะไม่มีนัทไปด้วย............และผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกกับเค้าแน่ๆ............เพราะฉะนั้นผมจึงไม่ใส่ใจอีกต่อไป...........การเดินทางครั้งนี้จะถือว่าเป็นการเดินทางเพื่อจบทุกอย่างระหว่างเรา............ผมจะกลับมาเชียงใหม่พร้อมกับหัวใจที่ว่างเปล่า............ถึงไงเราก็ต้องเลิกกันอยู่ดี ไม่วันใดก็วันหนึ่ง...........แล้วถ้าจะเลิกกันวันนี้ มันจะต่างอะไรกันกับเลิกกันในวันข้างหน้า.............
ระหว่างที่ผมกับเดียวคุยกันอย่างออกรสชาติ...........โทรศัพท์ของผมก็แผดเสียงดังลั่นห้อง.........ผมไม่กระตือรือร้นที่จะรับมากนัก เพราะคิดว่าก็คงเป็นนัทนั่นแหล่ะที่โทรมา............ถ้าไม่ไปก็เลิก..........นี่คือคำตอบที่ผมเตรียมเอาไว้.............
“ฮัลโหล........เก็บของเสร็จหรือยัง”............น้ำเสียงของนัทยังดูระรื่นดีอยู่.........จะโทรมาหาพระแสงอะไรกันอีก.............ผมคิด
“เก็บแล้ว.........มีอะไร”.........ผมตอบเสียงเนือยๆ.............เนื่องจากการผิดหวังในตัวนัทเมื่อค่ำ จึงไม่มีอารมณ์จะฝืนเป็นทำร่าเริง...........
“แล้วพรุ่งนี้ออกกี่โมงล่ะ”..........นัทยังชวนคุยต่อ.........จะมาไม้ไหนอีกล่ะ.........ผมเริ่มปรับอารมณ์ใหม่............บางทีเค้าอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ..............
“ตีสาม.........แล้วจะไปด้วยมั้ยล่ะ”............น้ำเสียงผมยังฟังห้วนอยู่........เวลานี้ผมควรไว้เชิงเอาไว้ก่อน...........
“ตอนแรกก็ว่าจะไปด้วยอยู่หรอก...........แต่มาทำเป็นปากดีแบบนี้ก็ว่าจะไม่ไปแล้ว”...........ตาบ้าเอ๊ยยยยยยยยย.......ยังจะมาลีลา..........ลึกๆแล้วผมรู้ว่านัทต้องไป.........ในที่สุดเค้าก็ไม่ทำให้ผมผิดหวัง..........ผมว่าผมมองเค้าไม่ผิดหรอก...........
“ปากดีตรงไหน...........พี่ไม่ได้พูดอะไรซักหน่อย”..............เสียงผมเริ่มอ่อน........อ้อนไว้ก่อนน่าจะดีกว่า............
“ก็มาทำแว้ดๆใส่อย่างนั้นอย่างนี้...........ปากดี”..............นัทยังวกวนกำกวมเช่นเคย...........ก็มันน่าโมโหมั้ยล่ะ จะไม่ให้แว้ดได้ยังไง.............
“ก็พี่โมโหนี่.............ขอโทษก็ได้.........ขอโทษนะ........หายโกรธยัง”.............ผมหันมาใช้ไม้อ่อนพลางนึกขำ............ไม่แน่จริงนี่หว่า............สงสัยจะกลัวเราเลิกจริงๆอ่ะดิ...........
“ปากดี”..........นัทยังบ่นผมคำเดิมไม่จบสิ้น............ขืนปล่อยไว้แบบนี้อารมณ์ผมต้องขึ้นอีกแน่..............อย่ากระนั้นเลย..........รีบหาทางรวบรัดตัดความจะดีกว่า...........
“พรุ่งนี้ออกตีสาม............พี่จะโทรไปปลุกนะ.........รีบเก็บของแล้วเข้านอนซะ..........แค่นี้นะ”...........ผมสั่งเสียแล้วรีบวางสาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เดียวอย่างผู้มีชัย.............เห็นมั้ย..........ในที่สุดเค้าก็ต้องไป......หุหุ..........ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร...............