ตาบลูตอบได้ดี....
แน่ใจหรือว่าที่เขียนเอาไว้ในพระคัมภีร์นะ พระผู้เป็นเจ้าท่านบอกให้เขียนอย่างนั้นจริงๆ ไม่ใช่พวกที่มีหน้าที่คัดลอกพระคัมภีร์หรือพวกกาหลิบรุ่นหลังยัดเยียดใส่ลงเพิ่มเติมที่หลัง แล้วอ้างว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดเอาไว้ เพราะว่าไม่มีใครรู้นิว่าพระเจ้าพูดเอาไว้ว่าอย่างไรนอกจากพระนบีฯ ที่มีโอกาสได้ติดต่อกับพระเจ้าโดยตรง
นสถานการณ์ตอนนี้ นัทควบคุมตัวเองและคุมเกมได้ดีกว่า ทำให้ภาพที่ปรากฏออกมา นัท ดูน่าสงสาร เพราะนัทมีความจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น แต่ถ้าอ่านมาแต่ต้นแล้วจะรู้ว่า พี่กั้ง ก็น่าสงสารเหมือนกันแต่สาเหตุของความอึดอัดและสาเหตุที่พี่กั้งต้องแสดงออกอย่างนี้มาจาก "ตัวของพี่กั้ง" เอง
นัท มีความจำเป็นจากภายนอก
พี่กั้ง มีความจำเป็นจากภายใน
ปล. เท่าที่รู้มาศาสนาต่างๆ แรกเริ่มเดิมที่ก็ไม่มี นิกาย พุทธก็ไม่มี อิสลามก็ไม่มี หรือแม้แต่คริสต์ แต่ทำไม....พอนานๆ ไป ลับหลังจากที่องค์ศาสดาของแต่ละศาสนาเสด็จล่วงไปแล้ว ทำไมถึงมีนิกายขึ้น มีคริสตัง-คริสเตียน มหายาน-หินยาน สุหนี่-ชีอะห์
ล่าสุดที่เพิ่งอ่านเจอมานั้น อธิบายการเกิดนิกายในศาสนาอิสลามโดยฝรั่ง(?) อ่านแล้วอดสูใจ เพราะเกิดจากการแก่งแย่งอำนาจของการเป็นสืบต่อพระศาสนาต่อจากพระนบีฯ ในตำแหน่ง "กาหลิบ" ระหว่างลูกชาย(ชีอะห์)กะลูกเขย(สุหนี่) ดูสิพระนบีฯ ท่านสอนสั่งมาดีๆ แท้ๆ คนรุ่นหลังยังมาทำให้แตกแยกกันได้ เจ้เลยไม่ค่อยเชื่อในคัมภีร์รุ่นหลัง แต่ที่คิดเอาเองนะว่า หลักการของศาสนาอิสลามนั้นคือ อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข เพราะเท่าที่อ่านๆ มา มักมุ่งเน้นสอนให้ช่วยเหลือกัน แบ่งปันกัน กำหนดหน้าที่ที่ศาสนิกชนพึงปฏบัติทั้งต่อตนเอง ศาสนา และส่วนรวม (คล้ายขงจือ-เล่าจือ)
ส่วนคริสต์นี้ แยกกันเพราะเกี่ยงว่านับถือพระแม่มารีหรือไม่นับถือ(?) นิยายหนึ่งว่าพระแม่คือคนธรรมดาสามัญ มิควรกราบไหว้ไม่ อีกนิกายนึงว่าพระแม่คือเทพหรือเซนต์ สมควรกราบไหว้เพื่อระลึกความดีงามของพระแม่ที่มีแก่โลกมนุษย์
ส่วนพรามหณ์ แบ่งกันเพราะแย่งกันชูว่าเทพที่ตนนับถือนั้นยิ่งใหญ่กว่าเทพที่คนอื่นๆ นับถือ ทั้งที่จริงๆ แล้ว หลักการของพรามหณ์คือ การกลับสู่ปรมัต-เข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้นเอง
ส่วนศาสนาพุทธนั้น ละไว้ในฐานที่เข้าใจ......ก็อย่างที่รู้ๆ กัน เจ้เซ็ง

จาก อิเจ้ คนบาป