28 รีสอร์ทแสนเศร้า
เด็กหนุ่มทั้งสองคุยกันมาเรื่อยจนรถวิ่งเข้ามาสู่ตัวเมืองกาญจน์ เด็กๆเช่าสองแถวไปที่พักทันที ห้องพักที่จัดไว้ให้เป็นห้องนอนรวม นอนได้ประมาณหกคน ซึ่งไม่พอดีกับเด็กๆทั้งหมดซึ่งมากัน 7 คน ต้องมีสองคนนอนด้วยกัน
“หนุ่ยนอนที่พื้นก็ได้...น่านนอนเถอะ” หนุ่ยขยับตัวลง
“ไม่ต้องหรอก...เดี๋ยวน่านไปนอนกับป้อก็ได้” น่านบอก
“เออ...น่านมานอนนี่เถอะ” ป้อร้องบอกมาจากเตียงที่อยู่ริมห้อง
“น่านนอนข้างในนะ...เดี๋ยวป้อจะนอนริมด้านนอกเอง...” ป้อบอกพลางขยับที่ให้น่าน
“ขอบคุณนะป้อ” น่านยิ้มให้ป้อ แค่นี้ก็ทำเอาหัวใจเด็กหนุ่มสะท้านไปถึงไหนๆแล้ว
“แล้วเราจะทำอะไรกันมั่ง...” อ้นถาม
“คอยโทรศัพท์ไง...ให้เบอร์เค้าไปแล้วไม่ใช่เหรอมึง” ทีมพูด
“ไอ้เชี่ย...ใครวะจะบ้าขนาดนั้น...ให้ไปแป๊บเดียวเอง...เค้าไม่กล้าหรอก...กูว่าเค้าดูขี้อายยังไงไม่รู้” อ้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วทำคิ้วขมวด “ใครยิงเข้ามาวะ...” มีเบอร์โชว์มา อ้นกดโทรศัพท์ออกไปตามเบอร์ที่เรียกเข้ามาทันที
“สวัสดีครับ...เมื่อกี้นี้ไม่ทราบว่าใครโทรมาเบอร์ผมครับ” อ้นกรอกเสียงลงไป
“เอ่อ...ให้เบอร์ใครไปล่ะคะ” เสียงหวานๆของน้องเสื้อส้มแน่เลย ทีมกระโดดจากเตียงตัวเองลงมาที่เตียงอ้น แทบจะทับไข่กันเลยทีเดียว
“ใช่รึป่าววะ” ทีมทำเสียงกระซิบ อ้นพยักหน้าบอกว่าใช่แล้วคุยต่อ
“เอ่อ...ครับผมชื่ออ้นครับ”
“ทราบแล้วค่ะ”
“ทราบได้ยังไงครับ”
“อ่อ...เพื่อนบอกค่ะ”
“อืม...คุณชื่ออะไรครับ”
“ส้มค่ะ”
“โหยย...ชื่อเดียวกับสีเสื้อเลย” อ้นหน้าแดงแป๊ด...ทีมเงี่ยหูฟังข้างๆด้วยใจอันจดจ่อ
“อ้น...”
“ครับ”
“เสาร์หน้าว่างมั๊ย”
“ว่างครับ”
“อยากเจอจังเลย”
“ที่ไหนดี” อ้นหน้าแดง ซาบซ่านไปหมดทั้งตัวทั้งใจ
“สยามก็ได้”
“ได้ได้...แล้วโทรมาหานะ...นี่เบอร์ส้ม”
“คร๊าบบบ” อ้นวางหู เอาโทรศัพท์แนบอก ถอนหายใจรุนแรงหนักหน่วง...ความรักวิ่งเข้าชนเต็มประตูเลย คิดถึงอาทิตย์หน้า...จะแต่งตัวยังไง เสื้อสีส้มดีกว่า เพราะถ้าส้มถามจะได้บอกว่ามีแต่ส้มทั้งตัวทั้งหัวใจ.... (สำนวนบ้านนอกได้อีก) คิดแล้วมีความสุข...โหยยย...ไม่คิดว่าจะเจอกามเทพแผลงศรให้ขนาดนี้...หัวใจมันอิ่มเอม...
“ไอ้อ้น...เป็นเชี่ยอะไรมึง...นอนยิ้มอยู่ได้...ชาวบ้านเค้าออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว” เสียงทีมเรียกยังไม่ทำให้สะดุ้งเท่าแรงถีบที่กระแทกลงมาที่สีข้าง...”พลั่ก”...
“อูยยย...ไอ้บ้านี่...ไอ้ทีมมึงถีบกูทำไม...สาดดดนี่....กูเจ็บนะเมิง” อ้นลงไปนอนแอ้งแม้ง แต่ยิ้มเผล่อยู่ข้างเตียง
“นอนฝันกลางวันอยู่ได้...คนอื่นมันไปเล่นน้ำกันหมดแล้ว...กูมาปลุกมึงเนี่ย...จะไปด้วยกันรึเปล่า” ทีมเสียงดังพลางคุ้ยหากางเกงว่ายน้ำในกระเป๋า
“เล่นน้ำสระเหรอ...” อ้นถาม
“เออ...เล่นที่แม่น้ำเดี๋ยวได้จมตาย” ทีมถอดกางเกงนอก กางเกงในแล้วใส่กางเกงว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว พลางเดินออกจากห้อง
“ไปด้วยดิ...กูไม่มีกางเกงว่ายน้ำเค้าให้ลงป่าววะ” อ้นถอดกางเกงขายาวลงมาสะบัดออกอย่างรวดเร็วเหลือแค่บ๊อกเซอร์ตัวเดียว “ไปทั้งอย่างนี้แหละวะ”
“รอด้วย...” อ้นวิ่งออกจากห้องตามทีมไป
ที่สระว่ายน้ำเด็กหนุ่มทั้งเจ็ดคนเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน อ้นกับทีมตามมาทีหลังวิ่งมาแต่ไกลแล้วกระโดดลงน้ำพร้อมกัน ทีมใส่กางเกงว่ายน้ำสีดำรัดเปรี๊ยะ แต่อ้นกระโดดลงไปทั้งบ๊อกเซอร์ น้ำกระจายขึ้นมาที่ขอบสระเปียกไปหมด เด็กๆเล่นลิงชิงบอลกัน แน่นอนคนที่ตัวเล็กอย่างน่านกับป้อเป็นลิงอยู่บ่อยๆ จนเหนื่อย...ทั้งสองเหนื่อยกว่าใครๆ จนเกือบค่ำทั้งหมดจึงขึ้นมาจากน้ำแล้วก็ไปทานอาหารกันที่ห้องอาหารของทางรีสอร์ท แคนให้จัดอาหารไว้แล้ว หลังจากทานอาหารเย็นแล้วทั้งหมดมานั่งคุยนั่งเล่นกันที่หน้าบ้านพัก
ธรรมชาติตอนเย็นย่ำค่ำลง ลมพัดมาแผ่วๆใบไม้พลิ้วไหวล้อลมอยู่ ทีมเอากีต้าร์ออกมาเกาเพลงเบาๆ เรื่องถนัดมันอยู่แล้ว ทีมเป็นนักดนตรี พ่อมันชอบเล่นดนตรี ส่วนปรีย์นั่งข้างๆร้องตาม หนุ่ยกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับธีร์
“ครับพี่...ไม่มีปัญหาครับ”
“..........”
“ขอบคุณครับ...” หนุ่ยวางหูไปแล้วเดินเข้ามาร่วมวงร้องเพลงกับเพื่อน
“พี่ธีร์โทรมาเหรอ” น่านถามพลางเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เสื้อตัวโคร่งของหนุ่ย กางเกงขาสั้นของป้อ เพื่อนเอาเสื้อผ้ามาแบ่งให้ใส่ ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่มานั้นเอาไว้ใส่กลับ
“อืม...พี่ธีร์ถามว่าขาดเหลืออะไรให้บอก”
“บอกยังไง...” น่านถาม
“ก็พี่เค้าจะให้ลูกน้องซื้อเข้ามาให้” หนุ่ยบอก
“ไอ้ทีม...กูว่ามึงน่าจะเอากลองชุดมาด้วย”ปรีย์พูดพลางกระดกเบียร์
“เอามาให้พ่อมึงตีเหรอ...แค่นี้ก็ขนกันเหมือนกับจะย้ายบ้านอยู่แล้ว...ไหนจะน้ำเปล่าหกขวดที่ขนมาจากสายใต้อีก...” ทีมด่าเป็นชุดแถมกัดปรีย์อีกหนึ่งดอก
“ด่ากูอีก...เดี๋ยวกูจะเอาไปอาบให้หมดเลย” ปรีย์พูดงอนๆ
“ไม่ต้องกัดกัน...น้ำแค่หกขวด...ล้างKก็หมดแล้ว” อ้นพูด
“Kมึงใหญ่ขนาดนั้นเลยไอ้อ้น...ไหนกูดูสิ” ปรีย์กำลังจะเอื้อมมือไปจับเป้ากางเกงอ้น แต่ไม่ทันไอ้อ้นถกกางเกงลงมาให้ดูซะก่อน หัวห้อยออกมาเหี่ยวๆ ขาวๆเหมือนตัวมัน...
“แค่เนี้ยทำคุย...” ปรีย์พูดทำปากเบะๆเล็กน้อย
“อ่ะ...” แคนยื่นเบียร์มาให้หนุ่ย
“ขอบใจว่ะ” หนุ่ยรับมาดื่มแบบจิบๆ เพราะเพิ่งเริ่มดื่ม เขาเองก็ดื่มไม่เก่ง เคยแอบย่ากินตอนงานวันเกิดเพื่อนที่ระโนดและดื่มกับพี่ธีร์บ้าง...พี่ธีร์บอก ”หัดไว้บ้างเผื่อเข้าสังคม” หนุ่ยจำขึ้นใจ เลยซัดอักๆลงคอไปอีก เสียงกีต้าร์เล่นเพลงที่มันขึ้นเรื่อยๆประกอบกับเบียร์ที่พร่องลงไป เด็กๆสนุกสนานกันมาก จะทำอะไรไม่มีใครว่า ถึงจะนอกหูนอกตาผู้ใหญ่แต่ก็ไม่มีใครออกนอกร่องนอกรอยเลย แค่เบียร์กับสปายอย่างเดียวเขาก็รู้สึกว่ามันมากเกินไปแล้ว
“ป้อ...หน้าแดงเชียว...” น่านทักป้อ แต่ตัวเองก็จิบสปายเรด หน้าขาวใสแดงแป๊ดเหมือนกัน
“น่านก็แดง...เขินเหรอ...” ป้อถามพลางลงมานั่งข้างๆ กลิ่นหอมของยาสระผมบนหัวของน่าน ทำเอาเด็กหนุ่มเคลิ้ม เบียร์นิดหน่อยก็ทำให้ป้อกล้าขึ้นมาบ้าง...อย่างน้อยก็กล้าที่จะคุย
“หอมอะไรอ่ะน่าน” ป้อแกล้งถาม
“หอมอะไรเหรอ...” น่านหันหน้ามาถาม
“ไม่รู้สิ” กลิ่นเหมือนกับ ป้อทำจมูกฟุดฟิดแล้วไล่ดมไปจนถึงเส้นผมบางสลวยของน่าน ป้อดมที่เส้นผมของน่าน
“กลิ่นผมน่านนี่เอง” ป้อสูดลหายใจเอากลิ่นผมของน่านซะเต็มปอด
“ป้อ...ทำอะไร...อายเพื่อน...” น่านหน้าแดงแล้วเดินหนี
“ไปไหนล่ะ” ป้อถามกำลังจะตามไป แต่ไอ้อ้นดึงมือไว้ให้ร้องเพลงกับมัน
น่านเดินปลีกไปที่ริมแม่น้ำ ทางเดินที่เป็นปูนคดเคี้ยวไปตามละเมาะไม้ สนามหญ้าสว่างไปด้วยไฟแสงจันทร์ น่านเดินออกมาจากวงเพื่อน มือถือสปายเรดขวดเดิม เด็กหนุ่มขยับขวดขึ้นดื่ม มันไม่เหลือแล้ว ไวน์หยดสุดท้ายไหลลงคอไป...น่านโยนขวดลงถังขยะข้างทาง น่านเดินมาสุดทาง สายน้ำเบื้องหน้าสีดำสนิท เงื้อมเงาของขุนเขาแทบจะบดบังท้องฟ้าเสียสนิท น้ำไหลเร็วและแรง เสียงหรีดหริ่งเรไรดังก้องป่า น่านมายืนอยู่ที่ระเบียงริมน้ำ ตลิ่งที่สูงปกคลุมด้วยกอหญ้าและไม้ดอกต้นเล็กที่ตอนนี้มันหลับใหลในราตรีกาล มันคอยเวลาแห่งแสงแรกในวันพรุ่ง แต่ใจคนสิ...จะมีใครรู้...ว่ามันก็รอแสงตะวันเฉกเช่นดอกไม้เหมือนกัน “วัช”หายไปเป็นเดือนๆแล้ว ไม่ออนเอ็มเหมือนก่อน ไม่โทรมาหา แถมน่านโทรไปก็มีสัญญาณติดต่อไม่ได้อีก ที่เคยบอกว่าจะทำงานเก็บเงินซื้อตั๋วเครื่องบินมาให้... หรือสัญญาเป็นเพียงแค่ลมปาก เขาก้มหน้านิ่ง ปัญหาหัวใจ ปัญหาเศรษฐกิจทางบ้านที่รุมเร้า น่านเดินลงไปที่ท่าน้ำ แล้วนั่งลงที่ริมโป๊ะ เท้าเปลือยเปล่าห้อยลงระสายน้ำเย็นเฉียบ ก้อนสะอื้นจุกที่คอ...เนื้อตัวสั่นด้วยความหนาว มันหนาวเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ด้วยความเหงาอย่างที่สุด ความเหงานี่มันร้ายกาจนัก... เสียงเพลงแว่วมาจากเรือหางยาวที่รับนักท่องเที่ยว เสียงนี้ทำให้น้ำตาน่านไหลออกมา...มันควบคุมไม่ได้
คำว่ารักมันกลายเป็นฝุ่นไปแล้ว
อะไรที่หวัง ก็พังไปตั้งนานแล้ว
แต่ชีวิตไม่รู้ทำไม มันยังคงค้างคาใจ
ไม่มีวันใดที่ฉันไม่จดจำ
ก็คำว่ารักยังจำได้อยู่เสมอ
หลับตาทุกครั้งยังเจอเธออยู่ตรงนี้
ความเข้มแข็งที่ฉันเข้าใจ อ่อนแอลงทุกนาที
อยู่ดีๆ ใจก็ร้องไห้อีกครั้ง
ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย
เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน
ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน
เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ
ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ จบแล้วก็เข้าใจ
แต่จะให้ทำยังไง เมื่อในหัวใจยังจดจำ
คำว่ารักยังพอให้ต่อชีวิต
ยังทำให้คิดถึงวันเก่าๆ เหล่านั้น
ได้แต่หวังลึกๆ ในใจ จะมีบ้างไหมสักวัน
สิ่งที่ดีๆ เหล่านั้นจะกลับมา
ยังคิดถึงเธอเหลือเกิน ได้ยินมั้ย
เธอยังอยู่ในหัวใจ ของฉัน
ข่มตานอนทุกคืน ยังฝันยังเห็นว่าเรารักกัน
เธออยู่ที่ไหน คิดถึงเธอ
ชาตินี้ไม่มีสิทธิ์เจอ จบแล้ว ก็เข้าใจ
แต่จะให้ทำยังไง เมื่อในหัวใจมีแต่เธอ
“น่าน...มานั่งทำอะไรตรงนี้...”เสียงคุ้นๆทำเอาเด็กหนุ่มต้องหันมามอง
“...ป้อ...”น่านครางออกมาเมื่อป้อนั่งลงข้างๆ ...