ระโนด <by ต้นคุง>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ระโนด <by ต้นคุง>  (อ่าน 184270 ครั้ง)

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 39=
«ตอบ #450 เมื่อ20-09-2009 05:19:32 »

แสดงความเสียใจกับทุกท่านสำหรับการสูญเสียผู้เป็นที่รักด้วยค่ะ   ตัวเราเอง ทั้งปู่  ย่า  ตา  ก็จบชีวิตด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน  ตอนนี้เหลือยายคนเดียวที่อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ลูกหลานค่ะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลด้วยค่ะ  จะนำความไปบอกต้นคุงให้นะคะ  (เราก็เด็กต่างจังหวัดเหมือนกันง่ะ  ไม่ค่อยเข้าวัดด้วย  :call:)  ขออภัยสำหรับข้อผิดพลาดค่ะ

เรื่องปรีย์กับพี่ธีร์ตอนเราอ่านเราไม่ได้ติดใจนะ  จริง ๆ  คือเหมือนจะทำให้รู้สึกว่าพี่ธีร์เค้าภายนอกยังวัยรุ่นนะ  ไม่ได้แก่ขนาดเด็กเกร็ง ๆ  เราคิดแค่นั้นเองง่ะ  เอ๊ะ! หรือจะมีอะไรจริง ๆ  :a5:

ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ   :L2:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 39=
«ตอบ #451 เมื่อ20-09-2009 05:30:53 »

40 สีลม
“คุณหนุ่ย...คุณหนุ่ย...” เสียงเคาะประตูเรียกในตอนเกือบแปดโมงเช้าทำเอาหนุ่ยสะดุ้ง เด็กหนุ่มเหลือบมองดูนาฬิกาที่หัวเตียง
“เฮ้ย...จะแปดโมงแล้ว...ตายละหว่า...” เด็กหนุ่มร้องออกมาก่อนจะวิ่งไปเปิดประตู
“ป้าจิตขอกาแฟใส่แก้ว...ขนมปังแซนวิชด้วย...กินในรถนะป้า” หนุ่ยร้องสั่งก่อนปิดประตูห้องแล้วถอดเสื้อ กางเกงสะบัดไปคนละทางสองทางแล้ววิ่งแก้ผ้าเข้าห้องน้ำไป ห้านาทีสำหรับการทำความสะอาดร่างกายในเวลารีบเร่งแบบนี้
“ป้าจิตอยู่ไหน...กาแฟผมล่ะ...” หนุ่ยวิ่งไปใส่กระดุมเสื้อไป ชายเสื้อเปิดเห็นกล้ามท้องเป็นลอนสวย
“ในรถค่ะ...” หนุ่ยวิ่งไปที่รถ กุญแจพร้อม อาหารเช้าในรถพร้อมแล้วเด็กหนุ่มออกเดินทางไปเรียนด้วยความเร็วปานพายุ เขาขับขึ้นทางด่วนลงดินแดงแล้วต่อด้วยโทลเวย์เพื่อลงที่รังสิต...แต่ยังไงก็ไม่ทันเรียน...เพราะวิชาแรกเข้าเรียนแปดโมง

“ไปทำห่าอะไรมาวะ...ทำหน้าตายังกะไฟไหม้บ้าน” ไอ้เจี๊ยบเพื่อนปากหมาทักทายแต่เช้า
“ไอ้บ้า...ตื่นสายเว้ย...เมื่อคืนกูนอนไม่หลับ”
“อาจารย์ยังไม่เช็คชื่อ...” เจี๊ยบพูดยิ้มๆในความโชคดีของหนุ่ย


          เลิกเรียนแล้ว วันนี้ที่มหาลัยมีกิจกรรมแต่หนุ่ยไม่ได้เข้าร่วม เขาขอลากับรุ่นพี่เพราะต้องรีบไปรับอ้นกับแคน เขาจะไปหาเพื่อน เขารู้ว่า”ป้อ”คอยพวกเขาอยู่ที่วัด วันนี้อาการโศกเศร้าของเด็กๆดีขึ้นมาก ยกเว้นทีมกับน่านที่ตายังบวมช้ำอยู่ เมื่อคืนคงจะร้องไห้และแน่นอนมันสองคนต้องนอนไม่หลับแน่ๆ เพราะเท่าที่คุยกับอ้นและแคน มันสองคนก็นอนไม่หลับเหมือนกัน...อาการเหมือนกับเขาเปี๊ยบเลย
“ไอ้ทีมเป็นไงบ้างมึง” แคนเดินเข้าไปกอดคอเพื่อน
“นอนไม่หลับเลยว่ะ...คิดถึงป้อทั้งคืนเลย” ทีมพูดเศร้าๆ
“อือ...กูก็เหมือนกันเลย...” อ้นพูด
“ตกลงเราเป็นเจ้าภาพวันศุกร์นี้นะ...สวดคืนสุดท้าย...พ่อกับแม่บอกว่าจะเผาวันเสาร์นี้” หนุ่ยกับน่านออกมาจากศาลาหลังจากที่เข้าไปคุยกับพ่อแม่ของป้อ
“ฮัลโหล” หนุ่ยกดโทรศัพท์หาธีร์
“ว่าไงหนุ่ย...” ธีร์รับสาย
“พี่ธีร์ครับ...เราจะเป็นเจ้าภาพกันวันศุกร์นี้ครับ...”
“อืม...เดี๋ยวพี่จะชวนคุณแม่ไปด้วย...แต่ไม่รู้ท่านจะว่างรึเปล่า”
“ครับ...”
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะหนุ่ย” ธีร์ยังเป็นห่วง


          หลังจากที่งานสวดศพป้อวันสุดท้ายผ่านพ้นไปแล้ว ธีร์ขับรถไปส่งแม่ที่บ้านแล้วออกไปกับเต้...ชายหนุ่มทั้งสองออกไปเที่ยวอีกตามเคย ในร้านเหล้าที่บรรยากาศสบายๆ ทั้งสองนั่งคุยกันถึงเรื่องธุรกิจของบริษัทที่กำลังไปได้สวย
“เต้นี่เก่งนะ...ทำให้บริษัทมีกำไรตั้งเยอะ...ปีหน้าเต้ตั้งเป้าไว้สักเท่าไหร่ดี”
“คนจะกินเหล้าธีร์มาคุยเรื่องงานอีก...ไปคุยที่บริษัทดีกว่าธีร์” เต้พูดยิ้มๆ พักหลังๆนี้ธีร์เข้ามาดูงานในบริษัทบ่อยขึ้น ทำให้งานราบรื่นและรวดเร็วขึ้น เพราะบางครั้งเขาเองไม่คล่องตัวเรื่องการติดต่อภายนอก สู้ธีร์ไม่ได้ เต้เป็นคนเก็บตัวและมีโลกส่วนตัวสูง มีธีร์นี่แหละที่เต้แสดงออกด้วยมากที่สุด ทั้งความคิดและอารมณ์
“หนุ่ย...เห็นวันก่อนคุณป้าบอกว่าจะให้รางวัลหนุ่ยที่เอนทรานซ์ติด...” เต้ถามขึ้นมา
“อืม...คุณแม่ว่าอย่างนั้น” ธีร์กระดกเหล้าหมดแก้ว เพราะเริ่มจับหางเสียงของเต้ได้...
“คุณป้าให้หาที่พักกับตั๋วเครื่องบินให้...” เต้พูดห้วนๆ
“ธีร์ว่าจะไปด้วย...” ธีร์พูดออกมาแค่นั้นเอง
“จะไปสักกี่วันล่ะ...งานการไม่ต้องทำกันพอดี...” เต้กระแทกหางเสียงแล้วมองมาที่ธีร์อย่างที่ธีร์ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เต้มาเป็นเจ้านายธีร์ตั้งแต่เมื่อไหร่...” ธีร์ย้อนเข้าให้
“เต้ไม่กล้าเป็นเจ้านายของคุณชายธีร์หรอกครับ” เต้ประชดประชัน
“แล้วเต้จะพูดทำไม...ค่าที่พักค่าเครื่องบินเต้ก็บวกค่าจัดการแล้วเอาเข้าบริษัทซะสิ...แพงกว่าที่อื่นคุณแม่ก็เต็มใจจะจ่ายอยู่แล้ว...ธีร์ไม่เห็นว่าเต้ต้องมาค่อนขอดอะไรนี่” ธีร์เหลืออดเลยใส่เข้าให้ เขารู้สึกว่าระยะหลังๆมานี้ เต้คอยจะเจ้ากี้เจ้าการและเข้ามาวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของเขาบ่อยมากเกินไป...ธีร์เป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ข้อจำกัดของธีร์ข้อนี้...เต้น่าจะรู้ดีที่สุดคนหนึ่งด้วยซ้ำ
“ก็เปล่า...แต่เห็นว่าแค่เอนฯติด...ไม่เห็นต้องโอ๋ต้องอวยกันขนาดนี้เลย” เต้ยังไม่หยุด
“เต้...ทำไมเต้พูดแบบนี้ล่ะ...เมื่อก่อนนี้ไม่เห็นเต้พูดจาอะไรแบบนี้เลย” ธีร์เริ่มสงสัยว่ามันจะมากเกินกว่าคำว่า”ญาติ”ซะแล้ว
“ถ้าพูดกันแบบนี้ก็กลับบ้านดีกว่า...อย่าไปกินมันอีกเลย...” ธีร์กวักมือเรียกเด็กมาเก็บเงิน
“ขอโทษนะ...เต้ไม่ได้ตั้งใจ...จะพูดแบบนี้...” เต้ก้มหน้า แต่ธีร์ยังไม่ยอมพูดอะไร...เขาควักเงินจ่ายค่าอาหารแล้วเดินออกมาจากโต๊ะโดยไม่เรียกเต้สักคำ
          เต้เดินตามออกมา ตอนมาเขามาพร้อมกับธีร์...ร้านก็เข้าซอยมาลึก...เต้เลยต้องเดินตามมาขึ้นรถด้วยความจำใจ...
“ไปไหน...ธีร์จะไปส่ง” ธีร์พูดพร้อมกับสตาร์ทรถ
“สีลม”เต้พูด...อยากจะประชดให้ธีร์รู้บ้างว่า...ถ้าเขาไปเที่ยวธีร์จะห่วงรึเปล่า
“.............” ธีร์เงียบ ชายหนุ่มออกรถอย่างแรงมุ่งหน้าไปสีลมตามความต้องการของเต้ สักครู่เดียวธีร์ก็จอดรถตรงที่เต้บอก...ริมถนนสีลม เขาออกรถไปเลยโดยที่ไม่มองมาที่เต้ด้วยซ้ำ...
          เต้เดินขึ้นรถแท็กซี่แล้วบอกกับคนขับรถด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยว่า”ไปประชานุกูลครับ”เต้ตัดสินใจกลับบ้าน...ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนี้...เขาไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวอยู่แล้ว...จะออกไปกินหรือเที่ยวก็เพราะธีร์ชวนเท่านั้น กับคนอื่นมาลากถึงบ้าน...เต้ไม่เคยไปเลย เต้นั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง มองสรรพสิ่งที่ผ่านไป ใจลอยไม่รู้ตัวจนรถแท็กซี่วิ่งลงทางด่วน คนขับหันมาถามว่าจะลงตรงไหนนั่นหล่ะ...เต้ถึงได้สะดุ้งตื่นจากภวังค์...ชายหนุ่มปาดน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เลี้ยวเข้าซอยหน้าครับลุง...” เต้บอกพลางขยับตัวเพื่อจะลง
“จอดหน้าบ้านที่เปิดไฟครับ...” เต้จ่ายค่าโดยสารแล้วลงมายืน เขาควานหากุญแจบ้านจากเป้ใส่โน๊ตบุ๊คที่สะพายอยู่ด้านหลัง เต้อยู่คนเดียวมาหลายวันแล้ว...แม่เขาไปเมืองจีนกับเพื่อนๆ...เวลาว่างของแม่คือเที่ยว...เขาเต็มใจที่เห็นแม่มีความสุข...เต้มีพ่อก็เหมือนไม่มี...แม่กับพ่อแยกทางกันนานแล้ว
“ไปไหนวะ...” เต้บ่นเบาๆ
“สงสัยหล่นในรถธีร์แน่ๆเลย...” เต้นึกขึ้นมาได้เพราะตอนที่นั่งมากับธีร์ มีหมาเดินตัดหน้ารถทำให้ธีร์เบรกอย่างแรง...พวงกุญแจอาจจะตกอยู่ในรถก็ได้
“ทำไงดีวะ...” เต้บ่น...เขาจะเข้าบ้านได้ยังไง เกรงใจถ้าธีร์จะต้องเอากุญแจมาให้ จะออกไปเอาก็ไม่รู้ว่าธีร์อยู่ที่ไหน...บ้านหรือคอนโด ชายหนุ่มจำใจกดโทรศัพท์หาธีร์ ด้วยความหวั่นใจว่าธีร์จะรับโทรศัพท์รึเปล่า...ธีร์โกรธอยู่นี่นา
“................” เสียงโทรศัพท์เรียกอยู่นานจนสายถูกตัดไปเอง เต้กดใหม่อีกครั้ง...จะไม่ให้ธีร์ต้องออกมาหรอก...เขาอยากรู้เท่านั้นว่าธีร์อยู่ที่ไหนเขาจะไปเอากุญแจเอง
“.................” เงียบ...ไม่มีผู้ใดมารับสาย เต้คิดอยู่อย่างเดียวว่าธีร์ต้องโกรธเขาแน่ๆ ชายหนุ่มเดินออกมากะว่าจะนั่งแท็กซี่มาหาธีร์ที่บ้านก่อน...ถ้าไม่อยู่จะไปที่คอนโดอีกรอบ...
“ปรี๊ดดดด...ปรี๊ดดดดด.....” เสียงธีร์โทรเข้ามา...เต้ดีใจมาก...ไม่คิดว่าธีร์จะโทรมา...นั่นแสดงว่าธีร์ไม่โกรธเขาแล้ว
“ธีร์...เต้ทำกุญแจรถหล่นในรถธีร์รึเปล่า...” เต้ส่งเสียงไปทันที
“อืม...ไหนบอกว่าไปเที่ยวไง....แล้วไง...เข้าบ้านไม่ได้เหรอ...” ธีร์พูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ
“ขอโทษนะ...ธีร์อยู่ไหน...เดี๋ยวจะไปเอากุญแจ” เต้ไม่กล้าบอกให้ชายหนุ่มเอามาให้
“คอยอยู่ที่ร้านเนตฯปากซอยนั่นแหละ...เดี๋ยวให้หนุ่ยเอาไปให้...” ธีร์กดโทรศัพท์ทันที
“เฮ้อ...” เต้โล่งอก...ไม่ใช่เรื่องกุญแจบ้านหรอก...แต่เป็นเรื่องธีร์ไม่โกรธเขาแล้วต่างหาก ...


ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 40=
«ตอบ #452 เมื่อ20-09-2009 06:22:46 »

สงสัยเต้จาคิดไม่ซื่อซะแล้ว

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 40=
«ตอบ #453 เมื่อ20-09-2009 08:50:21 »

 :call:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 39=
«ตอบ #454 เมื่อ20-09-2009 11:25:58 »

เรื่องปรีย์กับพี่ธีร์ตอนเราอ่านเราไม่ได้ติดใจนะ  จริง ๆ  คือเหมือนจะทำให้รู้สึกว่าพี่ธีร์เค้าภายนอกยังวัยรุ่นนะ  ไม่ได้แก่ขนาดเด็กเกร็ง ๆ  เราคิดแค่นั้นเองง่ะ  เอ๊ะ! หรือจะมีอะไรจริง ๆ  :a5:

ตกลงเรื่องของปรีย์ ไม่มีอะไรในกอไผ่จริงๆด้วย คุณต้นคุงไขข้อสงสัยของผมให้แล้วที่ gbs แหะๆ  :impress2:

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 39=
«ตอบ #455 เมื่อ20-09-2009 12:57:27 »

เรื่องความรักมันไม่เข้าใครออกใคร

เมื่อรักแล้วจะทำอย่างไรหละ นั้นมันเรื่องของคนมีความรัก

แล้วคนไร้รักหละ ไม่รู้ว่าความรักมันเป็นเช่นใด

 :z2:   :z2:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 40=
«ตอบ #456 เมื่อ20-09-2009 14:12:16 »

เต้อิจฉาหนุ่ยเข้าแล้ว

 :เฮ้อ:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 40=
«ตอบ #457 เมื่อ21-09-2009 00:23:54 »

เต้แสดงออกมาหลายครั้งแล้ว
ธีร์ก็น่าจะรู้บ้างนะ
หรือมันมีอะไรซับซ้อนไปกว่านี้อีก

ขอบคุณมากนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ
 :L2:


องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 40=
«ตอบ #458 เมื่อ21-09-2009 04:25:44 »

41 ปลายทาง

          วันรุ่งขึ้นเป็นเช้าวันเสาร์หลังจากที่ตื่นตอนเช้าและออกไปวิ่งออกกำลังกายแล้ว หนุ่ยกลับเข้ามาอาบน้ำแต่งเครื่องแบบนักศึกษาของมหาวิทยาลัย เตรียมตัวไปงานของเพื่อนรัก...วันสุดท้ายแล้วสินะที่ร่างกายที่เคยเป็นของป้อ...ร่างกายที่เคยเดินเหินไปไหนมาไหนได้ ร่างกายที่เคยพูดคุยหยอกล้อ...รูปกายที่หล่อเหลา...และบอบบางของ”ป้อ”จะดับสูญลง...บ่ายสามโมงวันนี้จะมีงานฌาปนกิจศพ”ป้อ”...วันที่ทุกคนจะร่วมส่ง”ป้อ”สู่สรวงสวรรค์
          เด็กหนุ่มออกมารับอ้นและแคนเพื่อไปด้วยกัน...เพื่อนๆทุกคนในห้องนัดกันแต่งชุดนักศึกษาอย่างเรียบร้อย...เพื่อเป็นเกียรติให้กับ”ป้อ”

“เณร...ฉันอะไรรึยัง...เอานมมั้ย” หนุ่ยถามทีมที่ตอนนี้บวชให้”ป้อ”ไม่เพียงแต่”ทีม”เท่านั้น”น่าน”เองก็บวชให้”ป้อ”ด้วยอีกคน พ่อแม่ของสองเณรก็มา...บอกว่าอยากเห็นลูกห่มผ้าเหลือง...แม้จะเป็นการบวชหน้าศพก็ตาม
“โกนหัวบวชเมื่อไหร่เนี่ย...” ปรีย์ถามเพื่อนเณรทั้งสอง
“เมื่อเช้านี้เอง...อาจารย์บวชให้...เผาเสร็จก็สึกแล้ว” เณรน่านพูดยิ้มๆ ใบหน้าใสๆไร้ผมไร้คิ้ว...น่านและทีมดูเปล่งปลั่ง...และแผ่รังสีออร่าอยู่ในผ้าเหลือง
“ดูดีจังเลยเณร...น่าจะบวชไปตลอดเลยนะ...” ปรีย์แซวเพื่อนสองคนที่ได้แต่นั่งอมยิ้ม...เป็นเณรทำอะไรมันไม่ได้...เดี๋ยวผิดศีล
“อืม...ดูดี...หัวก็สวย...เณรหัวสวยๆแบบนี้น่าจะบวชไปนานๆนะ...” อ้นเอาบ้าง...เณรก็ได้แต่นั่งอมยิ้ม...ไม่ว่าอะไร
“ถ้าเป็นปกติ...จะลุกไปเตะให้” เณรทีมพูดเบาๆกับเณรน่าน เพื่อนๆได้ยินต่างก็หัวเราะกันเสียงดัง...
“ไอ้อ้นไอ้ปรีย์โดนเตะแน่มึง” แคนพูด

          เจ้าหน้าที่จากทางวัดเริ่มเอาพวงหรีดและดอกไม้ตกแต่งโลงออกมาด้านนอก แล้วไปประดับที่เมรุเผาศพแล้ว เด็กๆใจแป้วมากขึ้น โลงศพสีขาวลวดลายเทพพนมของ”ป้อ”ตั้งตระหง่านกลางศาลา มีเพียงกระถางธูปและตะเกียงน้ำมันก๊าดเท่านั้นที่ตั้งอยู่...สักพักเจ้าหน้าที่เตรียมเข้าไปยกโลงศพของ”ป้อ”ออกมาเพื่อเอาไปวนรอบเมรุ ตอนนี้เองที่เด็กๆเริ่มน้ำตาซึมออกมา
“ป้อ...”ทีมครางออกมาเบาๆในลำคอ น้ำตาเริ่มคลอหน่วย เณรทั้งสองเดินเข้าไปที่ศาลา เพราะมีพระผู้ใหญ่เรียกไปจูงศพ เพื่อนๆร่ำไห้ออกมากันถ้วนหน้า วันนี้ทุกคนมากันครบทั้งห้องเลยทีเดียว ศพถูกวนรอบเมรุสามรอบแล้วก็เอาขึ้นไปตั้งไว้ที่เมรุ พิธีเริ่มต้นขึ้นแล้ว ด้วยการเชิญผู้มีเกียรติทั้งหลายขึ้นทอดผ้าบังสุกุล เช่นอาจารย์สมเกียรติ
          และแล้วก็ถึงเวลาสุดท้ายของ”ป้อ”เวลาที่ทุกคนไม่อยากให้มี นั่นคือการฌาปนกิจร่างของ”ป้อ”ให้มอดไหม้ลงไป...เพื่อส่งป้อขึ้นสู่สรวงสวรรค์
“........กรี๊ง.......”เสียงกริ่งดังยาวๆหนึ่งครั้งให้สัญญาณพิธีฌาปนกิจศพ...

          เด็กๆคอยจนแขกคนสุดท้ายขึ้นเมรุแล้วพวกเขาก็เดินตามขึ้นไป นำโดยหนุ่ย...แคน...อ้น...ปรีย์...เพื่อนสนิทมีอยู่เท่านี้...ส่วนเณรทั้งสองนั่งคอยอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้าเรียบร้อยแล้ว
“ป้อ...ฮือ...ฮือ...” ปรีย์ร้องไห้ออกมาทำเอาเพื่อนๆที่เดินเข้ามาวางดอกไม้จันทน์ พากันน้ำตาซึมไปหมด หนุ่ยเดินไปที่รูปป้อ...หนุ่ยเอามือลูบไล้ไปที่ใบหน้าในกระจก...แวบหนึ่งในใจ...หนุ่ยคิดถึงวันนั้น...วันที่เขาถือรูปถ่ายของปู่แล้วเดินลงจากเมรุ...วันนั้นเขาคิดกับธีร์แบบไหนเหรอ...โกรธ...แค้น...หรือเขาไม่รู้สึกตัวเอาเลยว่าเขารู้สึกแบบไหนกับธีร์กันแน่...
“ไปสู่สุขคตินะป้อ...” หนุ่ยยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา
          เด็กๆไม่ยอมลงจากเมรุต่างออกันอยู่ตามราวบันไดเพื่ออยู่เป็นเพื่อน”ป้อ” เพื่อนของพวกเขา...รองหัวหน้าห้องของพวกเขา...”ป้อ”ตัวแทนของความรักที่บริสุทธิ์...”รักที่ไม่ครอบครอง”

          เมื่อเตาเผาปิดลงเด็กๆทยอยเดินลงจากศาลา พ่อกับแม่ตอนนี้อยู่ท่ามกลางญาติๆ แม่ร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด...พ่อกับแม่ไม่ได้ขึ้นไปเผา”ป้อ” เพราะความเชื่อที่ว่าพ่อแม่”ไม่เผาลูกตัวเอง”
          ควันสีดำค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาวมัวหม่น มันพวยพุ่งออกมาจากปลายปล่องเมรุ ร่างกายที่นอนนิ่งในซองเผาศพกลับกลายเป็นควัน ไม่มีใครบอกได้ ถ้าหากควันเหล่านี้...มันจะลอยไปยังแดนสรวง...ห้วงสัมปรายภพได้...ขอให้ดวงวิญญาณของ”ป้อ”จงไปสถิต ณ ที่แห่งนั้นด้วยเทอญ...แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ยัง”สถิต”อยู่ในใจทุกคนคือ...ความทรงจำ

“พวกเราต้องพาเณรไปสึกก่อนนะ...อย่าเพิ่งกลับ...” หนุ่ยสั่งเพื่อนที่สนิทๆกันให้ไปส่งทีมกับน่านที่กุฏิอาจารย์
“เดี๋ยวเราสึกก่อนนะ...เดี๋ยวเจอกัน” ทีมโอบไหล่ปรีย์เอาไว้แล้วดึงมากอดเหมือนกับจะบอกว่า”มึงโดนแน่ๆ”
“โอ้ว...อาตมาว่าจะกลับแล้ว...ไม่รอท่านสึกหรอก...” ปรีย์ล้อเลียนเณรด้วยการเรียกตัวเองว่า”อาตมา”
“.........” เณรทีมชี้หน้าปรีย์แล้วเอานิ้วไปทำท่าปาดคอ
“เณร...ไม่เล่นอย่างนี้สิ...ยังไม่ได้สึกเลยนะ” หนุ่ยปราม
“ปรีย์อีกคน...นรกจะกินกบาลนะมึง” หนุ่ยหันไปดุปรีย์
“ไปหาหลวงพ่อกันเถอะ...จะได้สึก” แคนเดินนำไปทางด้านหลังวัด
          เด็กๆเดินไปกุฏิอาจารย์เพื่อให้ท่านทำพิธีสึก...จะได้กลับบ้านกันซะที...พรุ่งนี้ต้องมาทำบุญอีกตอนเช้า ระหว่างที่เดินกันไปนั้น หมาวัด 4-5 ตัวเห่ากรรโชกและหอนรับกันเป็นทอดๆ ทำเอาเด็กหนุ่มทั้ง 4 รวมเณรด้วยอีก 2 พากันมองหน้าเลิกลั่กไปมา...
“อะไรวะ...หอนอยู่ได้...” ปรีย์พูดขึ้นมา
“อือนั่นน่ะสิ...” แคนที่เดินนำอยู่กลับเดินช้าลงและรวมกลุ่มกับเพื่อน
“กลัวบ้าอะไรวะ...” หนุ่ยเริ่มรำคาญเด็กกรุงเทพฯ เขานึกถึงตอนที่อยู่ระโนด...ต้องไปขอข้าวพระกินทุกเที่ยง...ต้องเดินผ่านป่าช้า ผ่านโกดังเก็บศพ เดินคนเดียวยังไม่เห็นกลัว...หรือว่ากลัวนะ...แต่ความหิวและสัญชาตญาณการเอาตัวรอดมันทำให้เขาต้องอดทนกับ”ความกลัว”
“เณรเดินนำสิ...” ปรีย์ดันหลังเณรน่าน
“อย่าดันสิปรีย์” น่านหันมาดุ
“เณรเป็นหัวหน้าห้องนะ...ต้องกล้าหาญสิ...” ปรีย์ยุกยิกๆอยู่ตรงกลางคนเดียว
“ปรีย์ถ้าไม่หยุดเดี๋ยวจะมัดไว้ที่ศาลานี่แหละ...” เณรทีมพูดออกมา ทันใดหมาก็หอนขึ้นมาอีก ลมกรรโชกเอาทั้งฝุ่นทั้งเศษใบไม้พัดปลิวว่อนไปหมด เศษประตูสังกะสีที่พิงอยู่ริมกำแพงล้มครืนลงมา”ปัง”เสียงดังๆทำเอาปรีย์ แคน อ้นวิ่งกระเจิงไปทางกุฏิอาจารย์โดยเร็ว เมฆฝนที่ไม่มีเค้ามาก่อนตั้งเค้าทะมึนเต็มท้องฟ้า เด็กๆรีบวิ่งขึ้นไปบนกุฏิ ฟ้าลั่นครั่นครืนกลบเสียงเด็กหนุ่มทั้งหกคน

          สักครู่ใหญ่ๆพิธีสึกก็เสร็จสิ้น ทีมและน่านก้มลงกราบอาจารย์และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงยีนส์ขาวและเสื้อยืดสีขาว ก่อนจะขอลากลับ เม็ดฝนเริ่มซัดสาดไปทั่ว เด็กๆวิ่งบ้างหลบบ้างไปตามชายคาศาลาสวดที่เรียงราย จนมาถึงรถ หนุ่ยกดรีโมทแล้วเปิดประตูกระโดดเข้ารถ อ้น แคนตามเข้ามาทางด้านเบาะหลัง น่านวิ่งหัวใสมานั่งด้านหน้าคู่กับหนุ่ย เด็กหนุ่มสตาร์ทเครื่อง “แชะ...”....”แชะ....”
“เฮ้ยทำไมไม่ติดวะ...” หนุ่ยใจเสียกลัวรถจะรวน...ซ่อมทีนึงหลายตังแน่ๆเลย
“เป็นไรวะหนุ่ย...” แคนถาม
“สตาร์ทไม่ติดน่ะสิ...” หนุ่ยก้มลงดู น้ำฝนหยดจากปลายเส้นผมเป็นหยดเล็กๆ
“อีกทีสิ” แคนพูด
“แชะ...”....”แชะ....”
“ไม่ติดว่ะ...” หนุ่ยเริ่มใจไม่ดี...ใจเขากลัวอย่างเดียวว่ารถจะพัง
“น่านว่า...เอ่อ...” น่านพูด
“อะไรน่าน...ว่าอะไร” อ้นถาม
“เรา...ไม่ได้บอกป้อเลยว่าจะกลับ” สิ้นเสียงน่านทุกคนในรถเงียบ...ฝนตกลงมาหนักขึ้นมากกว่าเดิม กระจกเริ่มเป็นฝ้าขาว...มองอะไรข้างนอกไม่เห็นแล้ว...เลยไม่รู้ว่ามีรถใครจอดอยู่แถวนั้นบ้าง

 น่านพนมมือแล้วหันไปทางเมรุก่อนจะพูดเบาๆ“ป้อ...พวกเรากลับก่อนนะ...แล้วพรุ่งนี้เช้าจะมาทำบุญให้นะป้อ...”
“ลองสิ...” แคนพูดเรียกสติหนุ่ยที่ทำหน้าแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“....แชะ...บรื้น...” เครื่องยนต์สตาร์ทติดอย่างง่ายดาย...หนุ่ยเหยียบคันเร่งเครื่องยนต์เดินเรียบเป็นปกติ...ไม่มีอาการที่แสดงว่าจะเสียหรือพังอะไรเหมือนเมื่อกี้นี้เลย
“ขอบคุณนะป้อ...ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน...” น่านพูดอีกครั้ง ทุกคนในรถเงียบกริบ ขนลุกเกรียว...หนุ่ยยกมือท่วมหัว...ก่อนจะเข้าเกียร์แล้วหมุนพวงมาลัยรถ...บีเอ็มดับบลิวคันหรูออกตัวช้าๆสู่ถนนใหญ่ ตามมาด้วยรถอีกคันของปรีย์ ...


ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #459 เมื่อ21-09-2009 05:15:04 »

อ่านแล้วก็เศร้าจังเลยค่ะ สงสารป้อ สงสารพ่อแม่ป้อด้วย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
« ตอบ #459 เมื่อ: 21-09-2009 05:15:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #460 เมื่อ21-09-2009 06:47:13 »

ป้อพ้นบ่วงกรรมไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็ดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทละกันนะ


ตอนจบแอบมีหลอนอะ  o22

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #461 เมื่อ21-09-2009 07:11:00 »

แอบหลอนนิดๆอะ

555+

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #462 เมื่อ21-09-2009 10:56:34 »

ป้อห่วงเพื่อน........

ออฟไลน์ ChiOln

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2475
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #463 เมื่อ21-09-2009 13:57:20 »

สงสารป้ออ่ะ
 :m15:

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #464 เมื่อ21-09-2009 14:52:34 »

 :L2: ผ่านมาหลายตอน แล้วก็อ่านจนถึง....เหอ

หลายอย่างผ่านไป หลายอย่างเปลี่ยน และเวลาก็ยังคงเดินต่อไป....

เป็นกำลังให้เพื่อนๆทุกคน

ปล.เป็นกำลังให้คนแต่งและคนโพสครับ

ออฟไลน์ tutu

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #465 เมื่อ21-09-2009 17:45:35 »

น่าสงสารจัง!!~

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #466 เมื่อ21-09-2009 18:10:02 »

ป้อไปดีแล้ว
ที่เหลือก็ดำเนินชีวิตต่อไป

บวก 1 แต้ม ขอบคุณคนแต่งและคนโพสต์ค่ะ


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #467 เมื่อ21-09-2009 18:27:41 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #468 เมื่อ21-09-2009 19:28:22 »

คนเราก็มีแค่นี้แหละ  จะอะไรมากมาย

วันนี้มีอยู่พรุ่งนี้จะเป็นเช่นไรนั้นมันไม่แน่นอน

 :เฮ้อ:  แต่ก็เศร้าแสนเศร้าเลยนะครับ

เมื่อไรนะถึงจะมีความสุขกันบ้างหละ

 :z2:    :z2:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #469 เมื่อ21-09-2009 21:13:07 »

น่าเศร้ามากกกกคับยังไม่ทันได้เริ่มเรียนเลยก็ต้องมาด่วนจากไปซะแล้ว



ขอให้ไปสู่สุคติน่ะป้อ



ขนตั้งเลยอ่ะตอนที่ระสตาร์ทไม่ติดเนี่ยหยิวอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
« ตอบ #469 เมื่อ: 21-09-2009 21:13:07 »





องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 41=
«ตอบ #470 เมื่อ22-09-2009 04:09:43 »

42 เคปทาวน์

          หลังจากงานศพของป้อผ่านไปไม่นาน น่านก็เดินทางไปเคปทาวน์ตามแผนที่วางไว้ โดยมีเพื่อนๆตามไปส่งที่สนามบินกันครบทุกคน หลังจากร่ำลากับเพื่อนแล้ว น่านเดินมาหาหนุ่ยที่ยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย
“หนุ่ย...ขอบคุณมากๆสำหรับทุกสิ่งที่ผ่านมา...” น่านน้ำตาคลอ
“ไม่เป็นไรน่าน...เราเป็นเพื่อนกันนี่...” หนุ่ยกอดน่านเอาไว้แน่น
“กูกอดมึงมั่งสิไอ้น่าน” ปรีย์เดินเข้ามา น่านกอดตอบ
“น่านอย่าลืมพวกกูนะ...ออนเอ็มก็ทักทายกันบ้าง” แคนเดินเข้ามา เด็กๆกอดกันกลม น่านน้ำตาซึม สุดท้ายน่านเดินไปกอดกับพ่อ แม่ พี่ชาย น้องชายที่มาส่งด้วยน้ำตานองหน้า
“ติดต่อกลับมาบ้างนะลูก...” แม่ของน่านพูดพลางร้องไห้กอดลูกชายที่ร่างบอบบางนั้นไว้แน่น
“เดินทางถึงนู่นแล้วน่านจะโทรกลับมานะครับ...ไม่ต้องห่วงนะ...น่านอยู่ได้” น่านบอก แล้วเดินเข้าไปในที่สำหรับผู้โดยสาร เสียงประกาศเรียกของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ดังขึ้นอีกครั้ง น่านจะต้องไปต่อเครื่องที่สนามบินชางฮี ประเทศสิงคโปร์ แล้วบินสู่เคปทาวน์ ที่นั่นวัชจะมารับ ชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง...ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง รอยแผลรักที่เกิดในใจ...มันไม่ได้มลายหายไปกับร่างไร้วิญญาณของป้อหรอก....มันจะอยู่ในหัวใจน่านตลอดไป...น่านทำได้ดีที่สุดเท่านี้...น่านอยู่กับป้อเพราะต้องการจะเป็นกำลังใจให้ วัชเองก็เข้าใจ...วัชไม่ได้เร่งรัดให้น่านรีบมาหาเลย แต่กลับบอกให้น่านดูแลป้อไปเรื่อยๆ น่านก็รู้สึกดีที่ได้ดูแลป้อจนวาระสุดท้าย

          น่านนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นๆกำลังเข้านั่งประจำที่ อ้อมกอดของเด็กหนุ่มมีเสื้อไหมพรมสีกรมท่าที่น่านขอมาจากวิภาพร น่านเอาเสื้อของ”ป้อ”ขึ้นมาแนบอกอีกครั้งแล้วสูดเบาๆ กลิ่นกายที่ยังอบอวลอยู่ ทำให้น่านน้ำตาซึม
“ลาก่อนนะป้อ...ขอบคุณมากที่”รัก”น่าน...” น่านพูดคนเดียวเบาๆ เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม ก่อนพุ่งทะยานไปบนรันเวย์ เครื่องบินลำยักษ์ลอยพ้นพื้น”แผ่นดินแม่”...มันพาน่านบินสู่ห้วงแห่งความรัก
............................................................


          ที่ร้านกาแฟวาวีริมแม่น้ำปิง...กลางเมืองเชียงใหม่ เต้นั่งเงียบๆคนเดียว ความเหงาอ้างว้างมันเกาะกินหัวใจของเขา เต้นึกถึงวันที่หนุ่ยเอากุญแจบ้านมาให้
“พี่เต้ครับ...พี่ธีร์ให้เอากุญแจมาให้พี่” หนุ่ยยกมือไหว้พลางส่งกุญแจพวงใหญ่ให้เต้
“ขอบใจมากนะ...เข้าบ้านก่อนมั้ย...ฝนตกใหญ่แล้วนะ” เต้บอกหนุ่ย
“ไม่ดีกว่าครับ...พรุ่งนี้มีงานทำบุญและเผาศพเพื่อนผมน่ะครับ” หนุ่ยบอก
“ขอบใจมากนะหนุ่ย...แล้วนี่ธีร์มันทำอะไรอยู่ล่ะ...ถึงให้หนุ่ยเอามาให้น่ะ...” เต้ถาม
“พี่ธีร์นอนแล้วครับ...เห็นบ่นว่าปวดหัว...” หนุ่ยพูดยิ้มๆ หน้าตาใสซื่อแววตาแห่งความจริงใจของหนุ่ยบอกอะไรได้ตรงไปตรงมาเสมอ เต้รับรู้ได้จากแววตานั้น
“อืม...ขับรถดีๆนะ...” เต้บอกแล้วปิดรั้วลง

          เต้ยกถ้วยกาแฟเย็นชืดนั้นขึ้นมาดื่มจนหมด ชายหนุ่มทอดสายตาออกไปยังสายน้ำกว้างใหญ่ เต้ยังสับสนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้ เขารักธีร์รึเปล่า...หรือแค่หวงกลัวธีร์ไปรักใคร...เขากับธีร์ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย...แต่ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้ เต้ก้มหน้า...เอากุญแจรถขีดโต๊ะเล่นไปเรื่อยๆ...คิดไปเรื่อยเปื่อยสมน้ำหน้าแล้วล่ะ...ที่ทำให้ธีร์โกรธ
          เต้ลาพักผ่อนประจำปี เขามาเที่ยวเชียงใหม่คนเดียว ไม่มีโปรแกรมอะไรมากมาย...ตื่นนอนตอนสายๆ...เดินเล่นห้าง...อ่านหนังสือ...กินกาแฟ...การพักผ่อนของเต้...เน้นอย่างเดียวคือไม่พกโทรศัพท์...ไม่ว่าจากใครทั้งสิ้น อยู่กับตัวเองให้มากที่สุด ทบทวนความคิดในห้วงเวลาที่ผ่านมา...สิ่งใดไม่ดี...เขาจะไม่ทำมันอีกแล้ว...ความต้องการของตัวเองอยู่ตรงไหน...มาพักผ่อนครั้งนี้...เต้รู้สึกได้ว่า...เขาหาเจอแล้ว
...............................................


          กำหนดการที่จะสอบปลายภาคของหนุ่ยออกมาแล้ว หนุ่ยยกเลิกการไปยุโรปแล้วแต่ขอไปเที่ยวออสเตรเลียแทนด้วยเหตุผลที่ว่า...ยุโรปดูวุ่นวายและค่าครองชีพแพงเกินไป...อยากจะไปขับรถเที่ยวที่ออสเตรเลียมากกว่า...เป้าหมายคือ”เมลเบิร์น”

“หรือไม่อยากให้แม่เสียเงินมาก...หือตาหนุ่ย” ภาณีดึงหนุ่ยเข้ามากอดแล้วหอมที่แก้ม...
“ครับ...เดี๋ยวจบตรีแล้ว...ผมจะไปต่อโทกฎหมายที่ฝรั่งเศส...คุณแม่ได้เสียเงินแน่ๆครับ” หนุ่ยยิ้มแล้วหอมแก้มภาณีคืน นางยิ้มดีใจในสิ่งที่นางให้ไป”ไม่สูญเปล่า” หนุ่ยเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน  “เกียรตินิยมอันดับหนึ่งคงไม่ไกลเกินลูกแม่จะเอื้อมถึงหรอกใช่มั้ย” ภาณีพูดแล้วยิ้มอย่างใจดี
“ผมสัญญาครับคุณแม่” หนุ่ยกอดภาณี
“โอ้โห...แม่ลูกคู่นี้รักกันจริงๆ...เอาใจอะไรคุณแม่อีกล่ะหนุ่ย” ธีร์เดินลงมา
“ไม่มีอะไรครับพี่ธีร์...แค่จะเอาเกียรตินิยมมาให้คุณแม่แค่นั้นเอง” หนุ่ยยิ้มแล้วเดินไปเอากาแฟมาจากป้าจิตก่อนส่งให้ธีร์
“วางแผนไว้รึยังว่าจะไปเมลเบิร์นสักกี่วันดี...” ธีร์ถาม
“สักครึ่งเดือนเป็นไงครับพี่...” หนุ่ยพูด
“โอ้ว...พี่โดนไล่ออกแน่ๆเลย...” ธีร์ส่ายหน้าแสดงอาการไม่แน่ใจ
“ห่วงงานก็ไม่ต้องไปหรอกพี่...ผมไปคนเดียวได้” หนุ่ยพูดเหมือนงอน
“นี่...เพลาๆเรื่องงานซะบ้าง...แม่เห็นแกทำงานซะจน...เกือบจะเป็นหุ่นยนต์อยู่แล้ว” ภาณีพูดกับลูกชาย
“จริงครับคุณแม่...พี่ธีร์นี่ไม่ให้เวลากับตัวเองเลย...พักผ่อนบ้างเถอะนะครับ” หนุ่ยเดินมากอดธีร์ไว้ในอ้อมแขนแข็งแรง ทำเอาธีร์เกือบสำลักกาแฟ
“อ่ะ...เดี๋ยวจะยื่นเรื่องลา...อย่าพาพี่ไปหลงที่เมลเบิร์นนะ” ธีร์พูดพลางยกกาแฟขึ้นซด
“ครับผม...ผมรักพี่ธีร์จังเลย” หนุ่ยกอดธีร์แน่นกว่าเดิม
“เบาๆหน่อย...เดี๋ยวกระดูกพี่เค้าหักพอดี” ภาณีปรามอาการดีใจของหนุ่ย
“หนุ่ยเตรียมเอกสารให้พร้อมแล้วกัน...จะใช้อะไรบ้างเดี๋ยวให้น้องที่บริษัทส่งลิสต์มาให้...” ธีร์กดโทรศัพท์สั่งงาน
“พี่ธีร์ลางานได้แน่ๆนะ...” หนุ่ยยิ้มอย่างดีใจ
“อืม...ได้สิ...” ธีร์รับปาก


          หลังจากสอบเสร็จหนุ่ยเริ่มเตรียมตัว เรื่องเอกสารที่จะไปทำหนังสือเดินทาง และเอกสารที่จะต้องขอวีซ่า เรื่องการจองที่พักและรถเช่านั้นเต้เป็นคนจัดการให้ทั้งหมด พักหลังเต้มุ่งทำแต่งานจนธีร์เริ่มกังวล
“เต้...ไม่พักผ่อนบ้างเหรอ” ธีร์ถามเต้ในบ่ายวันหนึ่ง
“ก็คิดอยู่นะ...แต่ตอนนี้ยังหรอกช่วงซัมเมอร์งานเยอะน่ะธีร์” เต้ยิ้มแย้ม
“อืม...จะพักเมื่อไหร่บอกนะ” ธีร์พูดแล้วโอบไหล่ญาติสนิท
“ทำไมธีร์จะพาไปรึไง...” เต้หยอดกลับ
“อยากไปไหนล่ะ...” ธีร์ถาม
“อยากไปเตะฝุ่นที่แคลิฟอร์เนีย” เต้บอก
“...โป๊ก...” มะเหงกเขกลงที่หัวเต้เสียงดัง
“อูยย...ธีร์...ชั้นเจ็บนะเว้ย...” เต้คลำหัวตัวเอง ผมเทรนด์เกาหลีดูยุ่งเหยิง
“ปากอย่างนี้...ต้องโดน...” ธีร์พูดแล้วเดินยิ้มออกไปนอกห้องทำงานของเต้

          เต้ไม่เคยพูดถึง”คนนั้น”มานานมากแล้ว เต้รู้ทุกอย่างที่เขาเคยเจอมา เรื่องที่เกิดที่แคลิฟอร์เนีย...เมื่อหลายปีก่อน...มันกลับมาทำให้เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องไร้สาระเต็มที เพราะชีวิตทุกวันนี้ของธีร์มันมีความหวัง...มากพอที่จะลืมเรื่องราวแต่หนหลัง ธีร์เก็บเรื่องนั้นไว้ลึกสุดใจ
“ธีร์เรียนจบแล้วนะ...อยากกลับบ้านใจจะขาด...” ธีร์พูด เขานอนอยู่ในอ้อมกอดของ”ฝุ่น”
“ธีร์กลับไปก่อนนะ...ฝุ่นเรียนจบแล้วจะตามกลับไป...ไม่นานหรอก...” ฝุ่นดึงร่างของธีร์ขึ้นมากอด
“สัญญานะ...” ธีร์มองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น สองปีที่ผ่านมาฝุ่นไม่เคยโกหกเขาเลย ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ฝุ่นดูจริงจัง ทั้งเรื่องเรียน ทั้งเรื่องงาน แม้ว่าฐานะทางบ้านฝุ่นจะไม่ดีนัก แต่ความพยายามในการไขว่คว้าหาโอกาส... ทุกอย่างที่ได้เงิน...หรือหนทางก้าวหน้า...ฝุ่นมุ่งมั่น...และไม่เคยรีรอ ธีร์คิดจะฝากชีวิตไว้กับฝุ่น... คนนี้แหละที่ธีร์ตามหามาทั้งชีวิต ในคืนวันก่อนเดินทางกลับธีร์ร้องไห้จนน้ำตาแทบจะเป็นสายเลือด การใช้ชีวิตร่วมกันมาตลอดสองปี...ทั้งกิน ทั้งนอน ทั้งคู่แทบจะไม่เคยแยกจากกันเลย เหมือนเป็นเงาของกันและกัน
“ฝุ่น...เรียนให้จบแล้วรีบตามกลับมาเร็วๆนะครับ” ธีร์กอดฝุ่นแน่น น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง
“ธีร์...ฝุ่นสัญญานะ...ฝุ่นจะรีบเรียนให้จบ...”
“อยู่คนเดียวที่นี่...ฝุ่นอย่าเหลวไหลนะ” ธีร์กำชับ
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาธีร์ก็เห็นไม่ใช่เหรอครับ...ว่าฝุ่นไม่เคยทำตัวเหลวไหล” ..... นั่นแหละ”สัญญาปากเปล่า”ที่ฝุ่นให้ไว้กับธีร์...


patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 42=
«ตอบ #471 เมื่อ22-09-2009 05:26:32 »

อยากให้ธีร์ลืมฝุ่นให้หมดหัวใจจริงๆ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 42=
«ตอบ #472 เมื่อ22-09-2009 12:50:13 »

เรื่องราวความหลังที่มันฝังอยู่ในใจนี้ มันยากที่จะลบเลือนได้

คนบางคนยังฝังใจอยู่เสมอ  แต่ทำไมบางคนถึงได้ลืมง่าย ๆนะ

ที่ลืมได้ก็ดีไป แต่คนที่ลืมไม่ได้นี้แหละน่าเห็นใจ

 :z2:    :z2:

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 42=
«ตอบ #473 เมื่อ22-09-2009 12:56:32 »

 :a5:ขอร้องอย่าจบเศร้า เพราะเศร้ามาเกือบทั้งเรื่องแล้วอ่ะ

เป็นกำลังใจให้คนดพสและคนเขียน

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 42=
«ตอบ #474 เมื่อ22-09-2009 15:22:35 »

ธีร์จะต้องได้เจอกับฝุ่นภายในเวลาไม่นานนี้แน่ๆเลย
มันจะกลายเป็นรักกี่เส้ากันหละเนี่ย
 :L2: ขอบคุณมากนะคะ


ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 42=
«ตอบ #475 เมื่อ22-09-2009 16:04:57 »

ไม่รู้จะเม้นท์อะไรเต้นรอก็แล้วกันนะ  :z2:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 42=
«ตอบ #476 เมื่อ23-09-2009 04:45:36 »

43 ของขวัญวันเกิด

“ส้มกลับมารึยัง...ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย...” อ้นพูด
“ไม่ได้หรอกอ้น...ส้มไม่ว่างอ่ะ...ส้มยังกลับไม่ได้” ส้มปฏิเสธเพราะส้มไปต่างจังหวัดกับครอบครัว
“โห..แล้วกลับเมื่อไหร่เนี่ย...คิดถึงนะ” อ้นอ้อนตามสาย
“กลับวันอาทิตย์...”
“นี่วันศุกร์เองนี่...อีกตั้งหลายวัน” อ้นบ่นเบาๆ
“แล้วอ้นจะไปกับใครล่ะ...” ส้มยังห่วง
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวชวนไอ้แดนไป...” อ้นคิดถึงแดนเพื่อนที่มหาลัย แดนเพื่อนสนิทของอ้น ทั้งสองคนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ

“แดน...มึงไปซื้อเสื้อที่จตุจักรเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ” อ้นชวนแดน
“หือ...อะไรของมึงวะ” เด็กหนุ่มพลิกตัวเป็นนอนคว่ำเผยให้เห็นต้นขาเนียนขาว แดนเอื้อมมือลงมาเกาก้น ผ้าห่มที่คลุมอยู่เลิกขึ้นไปสูงจนเห็นกางเกงในสีขาวตัวเล็ก เด็กหนุ่มติดการใส่กางเกงในตัวเดียวนอนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“กูจะชวนมึงไปซื้อเสื้อที่จตุจักรหน่อย...” อ้นพูดชวนเป็นครั้งที่สอง
“อือ...เมื่อไหร่” แดนยังงัวเงีย พูดไปหาวไปเห็นฟันขาวๆเรียงกันเป็นระเบียบ
“วันนี้แหละ...นี่มึงทำอะไรของมึงอยู่วะเนี่ย” อ้นเริ่มหงุดหงิดเพราะดูท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่อง
“อือ...กูนอนอยู่...ขออีกสองสามชั่วโมงได้มั้ย...กูเพิ่งนอนเมื่อเช้านี้เอง”แดนหลับตาลงอีกครั้ง
“เออๆๆ...เดี๋ยวบ่ายๆกูไปหามึงที่ห้องแล้วกัน” อ้นบอกแล้วกดวางสาย
“ทำห่าอะไรวะ...เพิ่งจะนอน” อ้นบ่นเพื่อนสนิทเบาแล้วก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ


          บ่ายโมงอ้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินออกมาขึ้นรถเมล์ที่หน้าปากซอย ไม่มีรถอยู่ที่บ้านเลย พี่สาวเอารถไปเที่ยวไหนก็ไม่รู้ พ่อแม่ก็ไม่อยู่บ้าน อ้นก้มหน้าก้มตาเดินจนถึงป้ายรถเมล์เขากระโดดขึ้นรถสายที่จะผ่านคอนโดของแดน อ้นคิดในใจ”เดี๋ยวเอารถแดนออกไปจตุจักรท่าจะดี”

“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...” อ้นเคาะประตูห้องของแดนที่อพาร์ทเม้นต์แห่งหนึ่งใกล้ๆมหาลัย
“อ้อ...อ้นเองเหรอ...มาทำไมวะ” แดนเดินมาเปิดประตูให้เพื่อนในร่างที่เปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงในสีขาวตัวเดียวที่ปกปิกส่วนสำคัญกลางแก่นกาย
“อ้าว...ไอ้แดนกูโทรมาหามึงเมื่อเช้านี้ทำลืม...” อ้นก้าวเข้าไปยืนอยู่ในห้องที่รกไปด้วยกองหนังสือและระเกะระกะไปด้วยสิ่งของจิปาถะ ห้องชายโสดก็อย่างนี้แหละ

          แดนล้มตัวลงนอนต่อ อ้นเดินเข้ามานั่งลงข้างๆเตียง เด็กหนุ่มหยิบรีโมทมากดเปิดโทรทัศน์แล้วสอดส่ายสายตากวาดไปทั่วห้อง ห้องชายโสดแม้จะรกรุงรังแต่ก็เย็นเฉียบด้วยเครื่องปรับอากาศ อ้นเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำออกมาเทใส่แก้วดื่ม กล่องใส่ถุงยางอนามัย 3-4 กล่องวางอยู่บนหลังตู้เย็น ราวกับมันเป็นยาสามัญประจำบ้านก็ไม่ปาน ถ้าเป็นที่บ้านเขาละก็ โดนด่าไปสามบ้านแปดบ้านแล้ว เด็กหนุ่มอิจฉาชีวิตของเพื่อนสนิทคนนี้จริงๆ
“มึงไปทำอะไรมาวะ...ถึงเพิ่งจะมานอน” อ้นถามพลางมองไปที่ร่างเกือบเปลือย ท่อนลำที่นอนสงบนิ่งในกางเกงในตัวจิ๋ว ขยับเล็กน้อย ดูเหมือนมันจะตื่นตัวขึ้นมา
“เฮ้ยไอ้แดน...ไปทำอะไรมาวะ...” อ้นหงุดหงิดอีกครั้ง
“ป่าว...ทำธุระนิดหน่อย” แดนปฏิเสธอีก แดนเอามือเอื้อมมากุมเป้ากางเกงไว้ มือใหญ่ๆของชายหนุ่มปิดมันไม่มิดทีเดียว ไรขนสีดำฟูหยิกหยอยลามออกมานอกขอบขากางเกงใน กล้ามหน้าท้องแกร่งเป็นลอนสวย จมูกโด่งขนตายาวงอน เปลือกตาที่ปิดสนิท ผิวหน้าใสๆเนียนเรียบ เมื่อคืนผมทรงเกาหลีอินเทรนด์สุดๆเทียบกับตอนนี้แล้วต่างกันลิบลับ ผมฟูๆชี้ไปทุกทิศทุกทาง ขายาวรับกับรูปร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มทำให้เป็นที่หมายปองของสาวๆในมหาลัยมากมาย แต่นอกจากสาวๆแล้วแดนยังได้รับความเอ็นดูจากนายทหารระดับเสธฯอีกคน เงินที่มีใช้ไม่ขาด รถที่มีให้ขับ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ไม่ขาดตกบกพร่อง

“ไอ้แดน...ตื่นซะทีสิ” อ้นนอนลงข้างๆเพื่อน มือกดรีโมทเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ มืออีกข้างเอื้อมไปเขย่าตัวของแดนเบาๆ
“มึงนี่มัน...กวนอารมณ์กูจริงๆ” แดนส่ายหน้าหงุดหงิด เด็กหนุ่มลุกขึ้นมายืนแล้วดึงขอบกางเกงในลงจนมันหลุดลงมา แดนสะบัดมันลงตะกร้าไปก่อนเดินเข้าห้องน้ำในสภาพเปลือยเปล่า
          อ้นถอนหายใจแล้วกดรีโมทเล่นไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้นึกเกรงใจเพื่อนเลยแม้แต่น้อย เพราะเรื่องอย่างนี้มันเกิดขึ้นบ่อยๆ ทั้งสองสนิทกันมากเกินกว่าคำว่าเกรงใจ อ้นเลิกชายเสื้อยืดขึ้นมาเผยให้เห็นหน้าท้องแกร่ง แม้มันไม่เป็นลอนชัดเจนเหมือนของแดน แต่ก็ไม่มีไขมัน ไรขนดำสนิทลามเลื้อยลงไปในขอบบ๊อกเซอร์ กางเกงยีนส์ขาเดฟสีเทาที่ใส่อยู่ เป้าเป็นกระเปาะตึง ขนาดที่ดูๆแล้วไม่น่าจะต่างกับของแดนมากนัก ยิ่งอยู่ในห้องนี้แล้วนอนบนเตียงนี้ด้วย มันทำให้เขามีอารมณ์ขึ้นมา ท่อนลำในกางเกงขยายตัวใหญ่ขึ้น เด็กหนุ่มคิดถึงคืนนั้น คืนที่เขาพาแฟนสาวที่เพิ่งคบกันได้ 3-4 เดือนมาที่ห้องนี้ แดนเจ้าของห้องไม่อยู่ แดนไปพัทยากับพี่เสธฯรูปหล่อ เด็กหนุ่มเลยถือโอกาสขอยืมห้องของเพื่อนฉลองวันเกิดของส้ม ร่างกายที่เปลือยเปล่าของทั้งคู่สอดประสาน ความบริสุทธิ์ของส้ม ที่เขาออดอ้อนขอจนได้มานั้นมันมีค่ามากมายในความรู้สึก เพราะมันทั้งเสียวซ่านและซาบซึ้ง...ทุกอิริยาบถในค่ำคืนนั้นมันทำให้เด็กหนุ่มลืมไม่ลงเลยทีเดียว แอลกอฮอล์ที่ทั้งสองดื่มกันมาจากร้านข้างนอก รถที่แดนให้เอาไว้ใช้เป็นพาหนะอันดีที่พาทั้งคู่มาพบกับสรวงสวรรค์

“เฮ้ย...ไอ้อ้นเป็นไรมึง...ไอ้สัดนี่เดี๋ยวที่นอนกูเลอะ” เสียงแดนร้องทักทำเอาอ้นสะดุ้ง มือข้างนึงเกาะกุมกระเปาะเป้ากางเกงอยู่ มืออีกข้างลูบอยู่ที่หน้าท้องขาวเนียน
“ไอ้เชี่ยแดน...ตกใจหมด” อ้นชักมือออกมาแล้วหยิบรีโมท
“ถ้าไม่ออกมาเห็นก่อนนี่มึงชักว่าวบนที่นอนกูแน่เลย...คราวนั้นก็มาทำเลอะไปทีนึงแล้วนะ” แดนแซวเพื่อนยิ้มๆ
“คราวนั้นน้ำมันออกเยอะเว้ย...” อ้นยิ้มแหยๆ เขาไม่อายเรื่องพวกนี้กับแดนเท่าไหร่ เพราะแดนก็ชอบมาเล่าให้ฟังเสมอๆ ถึงเรื่องที่เคยมีอะไรกับผู้หญิงหรือผู้ชายที่มันพามาเล่นสนุกด้วย แดนเดินไปหยิบแป้งหน้ากระจกมาเทลงฝ่ามือแล้วโป่ะไปที่พวงไข่ ก่อนจะหยิบกางเกงในสีขาวแบบบ๊อกเซอร์บรีพมาใส่ แดนเอาผ้าไปพาดที่ราวตากผ้าด้านนอกก่อนเดินตัวเปล่าเปลือยเข้ามา
“ร้อนฉิบหาย...กูขอเปลี่ยนที่ได้มั้ยไอ้อ้น จตุจักรมันร้อนตายเลย” แดนไม่ชอบที่ร้อนๆเลย ถ้าจะให้ไปเดินเขาอยากไปสยามมากกว่า
“จะไปไหนล่ะ”
“สยามดีกว่า”
“กูละเบื่อมึงจริงๆเลยไอ้เชี่ยแดน” อ้นส่ายหน้าไปมา แต่เขาก็เต็มใจเพราะไม่อยากขัดใจเพื่อน

          เด็กหนุ่มแต่งตัวรวดเร็วมากเพียงแค่ใส่เสื้อกางเกงก็เรียบร้อยพร้อมออกไปข้างนอกแล้ว บนรถเก๋งโตโยต้า วีออสสีขาวที่แต่งอย่างสวย รถคันนี้แหละที่พี่เสธฯเป็นผู้อุปการคุณให้ แดนพูดคุยถึงโปรแกรมในวันนั้นให้เพื่อสนิทฟัง
“ไอ้อ้น...วันนี้กูมีงานเบิร์ทเดย์ปาร์ตี้ตอนมืดๆนะ” แดนพูดออกมาแล้วกดคันเร่งเพื่อแซงรถคันหน้า
“เออๆๆ...เดี๋ยวกูกลับเองก็ได้...” อ้นชินซะแล้วกับธุระที่สม่ำเสมอของเพื่อนรัก
“ไม่ใช่...กูไม่ได้จะให้มึงกลับบ้าน...แต่กูจะชวนมึงไปด้วย” แดนยิ้ม
“วันเกิดใครวะ...” อ้นหันหน้ามามองหน้าหล่อๆของเพื่อน
“เจ้าของงานน่ะกูยังไม่รู้จักหรอก...เค้ารู้จักกับพี่เสธฯน่ะ...กูกลัวว่าจะไม่มีเพื่อนคุย...เลยจะชวนมึงไป...กลัวไปนั่งหาว...เดี๋ยวพี่เสธฯแม่งก็คุยแต่ธุรกิจ...เบื่อฉิบหาย” แดนบ่นออกมามากกว่าการที่จะบอกให้เพื่อนรู้รายละเอียดของเจ้าของงาน
“อ้าว...ไอ้เชี่ย...ไม่รู้จักแล้วเสือกชวนกูทำไมเนี่ย” อ้นถาม
“ไปเหอะน่า...ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ...นะ...นะ” แดนยิ้มออดอ้อนเพื่อน รอยยิ้มของมันบวกหน้าตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มนี่มีเสน่ห์ไม่น้อย ถ้าสาวๆได้เห็นหรือโดนอ้อนอย่างนี้มีหวังเสร็จมันทุกราย
“เออๆๆ...ว่าแต่ที่ไหนวะ”
“บ้านของพี่เค้านั่นแหละ...แถวๆไหนไม่รู้...เดี๋ยวพี่เสธฯจะโทรมาบอก...พี่เค้าเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ว่ะ...ปะเหลาะไว้ก่อนเผื่อไปเที่ยวฟรี” แดนยิ้มอย่างมีเลศนัย

          หลังจากที่ซื้อเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็เดินเหล่สาวนิดหน่อยแล้ว สองหนุ่มก็ขับรถไปที่บ้านของเพื่อนพี่เสธฯตามที่พี่เสธฯโทรมาบอก เด็กหนุ่มไม่ได้ไปตัวเปล่า...แดนหนีบไวน์แดงไปหนึ่งขวดด้วย
“ไอ้บ้าเอ้ย...ขวดตั้งสามพัน...มึงบ้ารึเปล่าเนี่ย” อ้นบ่นงุบงิบ
“พี่เสธฯให้ซื้อติดมือไปให้พี่เค้า...นี่บัตรเสริม...มึงไม่ต้องห่วง” แดนชูบัตรเครดิตในมือให้ดู
“เรารีบไปเถอะ...เดี๋ยวจะดึกมาก...ผู้ใหญ่จะคอยมันไม่ดี...” นี่แหละข้อดีของแดน ไม่เคยทำให้ผู้อุปการคุณไม่พอใจ เขาตามใจพี่เสธฯเสมอไม่ว่าจะรุกหรือรับ

          แดนพาอ้นมาที่บ้านหลังหนึ่งแถวๆประชานุกูล ทั้งสองจอดรถที่ว่างๆข้างบ้านแล้วเดินลงไป บริเวณงานถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ดูดี มีแขกไม่มากมายนักหรอก ดูแล้วมีแต่คนสนิททั้งนั้น เสียงเพลงจากกีต้าร์คลาสสิคดังคลอเบาๆ ดูดีไปทั้งงาน พี่เสธฯนั่งอยู่ที่เก้าอี้แบบสบายๆกับชายหนุ่มที่ดูดีคนหนึ่ง เด็กหนุ่มทั้งสองเดินเข้าไปหาเสธฯอิท...นายทหารและนักธุรกิจคนดัง
“สวัสดีครับพี่...ขอโทษที่มาช้า” แดนเอ่ยพร้องกับโอบมือไปกอดร่างท้วมๆแน่นไปด้วยมัดกล้ามของเสธฯอิท
“อ้าวมาแล้วเหรอ...น้องแดน...อ้าวแล้วนี่อ้นนี่นา...” พี่เสธฯมีจริตจะก้านขึ้นมาเล็กน้อยหันมามองหนุ่มหล่อที่ถือขวดไวน์เดินตามเพื่อนเข้ามา
“หวัดดีครับพี่เสธฯ” อ้นยกมือไหว้
“อ้าเด็กๆพี่ขอแนะนำให้รู้จักเพื่อนรุ่นน้องของพี่...เจ้าของวันเกิดวันนี้ ”พี่เต้” ” พี่เสธฯผายมือไปยังชายหนุ่มที่นั่งยิ้มไปกับท่าทีของเสธฯอิท ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะกรีดกรายได้ขนาดนี้
“หวัดดีครับพี่เต้...” เด็กหนุ่มทั้งสองยกมือไหว้พร้อมๆกัน
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่เต้” อ้นพูดเบาๆด้วยความอาย เพราะสายตาของ”เต้”ที่มองมานั้นมันไม่ธรรมดาเอาซะเลย...เด็กหนุ่มรู้สึกเขินเอามากๆทีเดียว...


patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 43=
«ตอบ #477 เมื่อ23-09-2009 06:35:12 »

แล้วเต้ก็ได้ของขวัญเป็นสัตว์สองเท้า  :z1:

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 43=
«ตอบ #478 เมื่อ23-09-2009 07:17:57 »

โลกมันกลมจริงๆ

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 43=
«ตอบ #479 เมื่อ23-09-2009 13:55:36 »

^
^
เห็นด้วยค่ะ โลกกลมจริงๆ
แบบนี้ธีร์ก็ทางโล่งไปอีกขั้นแล้วสิ
แต่อ้นนี่สิ ทางน้องส้มล่ะว่าไง
ขอบคุณมากนะคะ  :L2:
เดี๋ยวตามมาบวกให้อีกแต้มค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด