ระโนด <by ต้นคุง>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ระโนด <by ต้นคุง>  (อ่าน 184256 ครั้ง)

hene2526

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #390 เมื่อ14-09-2009 23:14:59 »

ยังมีให้ติดตามอีกเยอะช่ายมั้ยเนี้ย

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #391 เมื่อ15-09-2009 00:44:38 »

วันนี้ลงให้สองตอนนะคะ  ไม่อยากให้ค้างอยู่ในใจ  (เอ .. หรือจะค้างมากกว่าเดิม) 

ใครลุ้นคู่หนุ่ยกับพี่ธีร์ใจเย็นนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ   :L2:

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #392 เมื่อ15-09-2009 00:48:10 »

ยังมีให้ติดตามอีกเยอะช่ายมั้ยเนี้ย
แอบมาบอกว่า อีกเยอะเลยครับ เพราะตอนนี้ ต้นฉบับแปะถึงตอน 52 แล้วอะครับ และตอน 52 นี้ อาจเป็นตอนที่หลายๆคนรอคอย

 :bye2:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #393 เมื่อ15-09-2009 00:50:40 »

34 พญาไท

“ป้อ...ถึงโรงพยาบาลแล้วนะ...มึงต้องไม่เป็นอะไรนะ” ทีมกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามรถเข็น ที่เข็นร่างอันไร้สติของป้อเข้าห้องฉุกเฉิน
“ญาติรอด้านนอกนะคะ....” เสียงพยาบาลทำให้เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่กับที่ หลังจากนั้นทั้งแพทย์เวรและพยาบาลก็เดินวิ่งกันให้ขวักไขว่ ความวุ่นวายมาเยือนโรงพยาบาลแห่งนี้ตอนตีสอง
“น้องเป็นอะไรกับคนไข้คะ” เสียงพยาบาลอีกคนเดินเข้ามา
“เอ่อ...เป็นเพื่อนครับ”
“แล้วญาติผู้ป่วย...”
“ยังติดต่อคุณแม่ไม่ได้เลยครับ...ไม่เป็นไรครับ...ผมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่างครับ”
“ขอบัตรประชาชนของน้องกับคนไข้ด้วยค่ะ...”
“นี่ครับ...”
“คอยสักครู่นะคะ...คุณหมอกำลังดูอาการเบื้องต้นก่อนค่ะ...”
“ครับ...”
          ความกระวนกระวายใจเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อป่านนี้แล้วหนุ่ยยังมาไม่ถึงอีก ทีมกดโทรศัพท์หาหนุ่ยอีกครั้ง
“อยู่ไหนวะ”
“ถึงแล้วกูจอดรถอยู่”
“ห้องฉุกเฉินนะ..”
          หนุ่ยกับน่านเดินเข้ามาทางด้านหลังอย่างรีบร้อน เพื่อนทั้งสามคนไม่สามารถจะติดต่อกับแม่ของป้อได้เลย เพราะว่าไม่มีเบอร์โทรศัพท์และป้อก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา ก็ได้แต่นั่งกุมขมับรออยู่จนกระทั่งเกือบเช้า

“น้องคะเอ่อ...กรอกรายละเอียดตรงนี้ให้พี่หน่อยค่ะ” พยาบาลพูด
“ครับ...” ทีมขยับเข้าไปกรอกรายละเอียดในกระดาษเพื่อเปิดห้องพักสำหรับแอดมิทคนไข้
“เพื่อนผมเป็นยังไงบ้างครับ”
“รู้สึกตัวแล้วค่ะ...แต่ไม่ยอมพูดอะไรได้แต่นอนร้องไห้อยู่”
“ผมขอพบเพื่อนผมหน่อยนะครับ” ทีมพูดพลางเซ็นชื่อลงท้าย
“ค่ะ...เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะพาคนไข้ขึ้นไปบนห้อง”
“ครับ....” ทีมลุกพรวดเข้าไปในห้องฉุกเฉินแล้วรีบปรี่ไปที่เตียงที่ป้อนอนอยู่ ผ้าห่มสีขาวคลุมร่างอันบอบบางและซีดเซียวของป้อไว้ ป้อค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ น้ำตาไหลที่อาบแก้มเป็นคราบ โหนกแก้มมีพลาสเตอร์ปิดไว้
“ป้อ...เป็นไงบ้าง” ทีมเดินเข้ามากุมมือป้อเอาไว้ เด็กหนุ่มน้ำตาซึมออกมาทางหางตา เมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรักที่ผ่ายผอมและซีดเซียว เสื้อผ้าเปียกๆถูกถอดเปลี่ยนเป็นชุดคนไข้ของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว สายน้ำเกลือระโยงระยาง
“ขอโทษครับ...” เจ้าหน้าที่มาขยับเตียงเตรียมจะเข็นออกจากตรงนั้น
“ป้อไหวนะ...เดี๋ยวขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะ...กูอยู่ตรงนี้...กูอยู่ตรงนี้แล้ว” ทีมน้ำตาไหลออกมาเด็กหนุ่มยกแขนเสื้อเปียกชื้นขึ้นเช็ดน้ำตา
“..............” ไม่มีเสียงของป้อออกมาจากลำคอ นอกจากรอยยิ้มอันแห้งแล้ง ปากที่เขียวซีดของเด็กหนุ่มแห้งแตกจนเลือดซึมออกมา ป้อพยักหน้าน้อยๆราวกับรับรู้ในความรู้สึกของเพื่อน
“หนุ่ย น่าน...” ทีมพยักหน้าเรียกเพื่อนทั้งสองให้ตามขึ้นห้องไปด้วยกัน
“ป้อ...ป้อ...” หนุ่ยเดินตามพลางเรียกเพื่อนเบาๆ ป้อพยักหน้ารับรู้แล้วก็หลับตาลงเมื่อเห็นน่านเดินอยู่ด้านหลัง ป้อน้ำตาไหลออกมาอีก

          เมื่อเข้าห้องพักแล้วพยาบาลก็เดินเข้ามาอธิบายถึงการใช้ห้องพักและบริการที่โรงพยาบาลมีให้ เด็กๆรับทราบ
“คุณกวินคะ...เรียนเชิญทางนี้หน่อยค่ะ” พยาบาลยังเรียกทีมออกไปที่เคาน์เตอร์
“เอ่อ...ไม่ทราบว่าเราจะได้พบคุณแม่ของคุณปรเมษได้เมื่อไหร่คะ”
“เอ่อ...พรุ่งนี้ผมจะบอกท่านให้ครับ”
“ให้ไปพบอาจารย์คุณหมอสุวิทย์...ที่คลินิกโลหิตวิทยาด้วยนะคะหรือถ้าคุณแม่มาแล้วให้มาบอกพยาบาล...เราจะนัดอาจารย์ให้” พยาบาลบอก

          ทีมกลับเข้ามาในห้องพักอีกครั้ง เพื่อนสองคนยืนอยู่ข้างเตียง ป้อนอนหลับตาอยู่เหมือนไม่อยากจะรับรู้เลยว่าใครมายืนอยู่ข้างๆ ทีมเรียกหนุ่ยและน่านออกมาด้านนอกระเบียงแล้วเปิดฉากซักถามเพื่อนทั้งสองว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่น่านเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทีมและหนุ่ยฟังอย่างละเอียดแล้ว
“เฮ้อ...” ทีมถึงกับส่ายหน้าอย่างผิดหวัง
“ทีมจะด่าจะว่าน่านก็ได้นะ...น่านยอมทุกอย่าง” น่านเอาแขนขึ้นมาเช็ดน้ำตา
“กูจะด่ามึงได้ยังไง...ทางเดินของมึง...ชีวิตของมึง...เพื่อนกูมันไม่เจียมกะลาหัวเองเสือกไปรักมึง” ทีมหน้าแดงด้วยความโกรธ
“เฮ้ยๆๆ...ไอ้ทีม...มึงไปว่าไอ้น่านอย่างนั้นมันก็ไม่ถูกนะ...” หนุ่ยห้ามศึก
“ให้ทีมว่ามาเถอะ...หนุ่ย...น่านมันไม่ดีเอง...” น่านนั่งลงไปกองกับพื้น แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ไอ้ทีม...ไอ้ป้อมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว...กูว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น...” หนุ่ยบอกเพื่อนรักพลางเอามือโอบไหล่ไว้
“นะ...อย่าโทษกันเลย...มันไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละ” หนุ่ยพูดอีกแล้วนั่งลงข้างๆน่าน
“ตอนเนี้ย...สิ่งที่เราต้องทำก่อนเลยคือ...ติดต่อแม่ไอ้ป้อ...แล้วให้ท่านมาที่นี่...” หนุ่ยหาทางออกยามหน้าสิ่วหน้าขวานได้ดีเสมอ
“..............” เงียบกันไปทั้งหมด สายลมเย็นพัดเอื่อยๆเข้ามา สายฝนที่พร่างพรมโปรยละอองลงมาเล็กน้อย ทีมนั่งลงข้างๆน่านแล้วกอดคอเพื่อนเอาไว้
“น่านกูขอโทษว่ะ...” ทีมเอ่ยขึ้นมาแล้วดึงเพื่อนเข้ามากอด
“อือ...น่านขอโทษทีมด้วย...” น่านพูดเสียงสั่นๆ
“ไม่ต้องขอโทษทีมหรอก...ไปขอโทษไอ้ป้อนู่น...” ทีมพยักหน้าเข้าไปในห้องพักที่ป้อนอนหลับสนิทอยู่

          ทีมกลับบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววนกลับไปที่บ้านป้อเพื่อไปบอกแม่ ก่อนที่จะกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แม่ของป้อตามมาที่โรงพยาบาลในเวลาไม่นาน เพื่อนๆคนอื่นๆเข้ามาเยี่ยมอาการของป้อแต่เช้า ทำเอาห้องทั้งห้องสดใสและอบอวลด้วยความสุขและมิตรภาพ หนุ่ยกับน่านตามมาเพราะเพิ่งกลับไปบ้านหลังจากที่ทีมมาเฝ้าต่อ เด็กๆคุยกันเสียงดังลั่น ป้อที่นอนอยู่พลอยยิ้มแก้มปริไปด้วย ป้อมีความสุขมาก แม่ของป้อได้ไปพบอาจารย์หมอตามที่พยาบาลนัดให้ ห้องนี้จึงมีแต่เด็กๆ น่านเทโจ๊กที่เอามาจากบ้าน เด็กหนุ่มกำลังเลื่อนโต๊ะกินข้าวเข้ามาให้ป้อ
“โจ๊กที่บ้านนะ...ที่ป้อชอบกินไง” น่านพูดพลางตักใส่ปากป้อ
“ไม่เป็นไรป้อทานเองได้” ป้อพูดเบาๆ
“อ่ะ...เดี๋ยวเอาน้ำให้นะ” น่านหยิบแก้วน้ำแล้วรินน้ำเปล่าใส่แก้วให้ป้อ
“ไม่เอา...อยากได้น้ำเย็นน่ะ...”
“ไม่สบายแล้วยังดื่มน้ำเย็นอีกเหรอ....” น่านพูด
“อือ...ขอเถอะนะ...ป้ออยากกินน้ำเย็นๆ...อีกหน่อยอาจจะไม่ได้กินก็ได้” ป้อพูดแล้วยิ้ม เพื่อนๆที่ได้ยินต่างหันกลับมามองด้วยความงุนงงว่าทำไมป้อถึงพูดอะไรแบบนี้
“ทำไมล่ะ...เดี๋ยวหายแล้วนะ...มึงจะกินน้ำใส่หิมะกูก็จะไปหามาให้” ทีมพูดหลังจากเงียบมานาน
“ขนาดนั้นเลยไอ้ทีม...” ปรีย์สวนขึ้นมา
“ไอ้เชี่ยปรีย์...เงียบๆไปเลยมึง” ทีมหันไปด่า เหมือนกับกลัวว่าปรีย์จะหลุดอะไรออกมา
“ไอ้ป้อ...หน้าเสียโฉมเลยมึง” ปรีย์จับแผลที่โหนกแก้มเบาๆ
“อย่างนี้เรียกหน้าบากรึเปล่า” แคนพูด
“ไม่ขนาดนั้น...แค่ถลอกนิดหน่อยเอง” ป้อพูดเบาๆ
“ต้องศัลยกรรมรึเปล่าวะ” ปรีย์ถาม
“ให้หมอทำจมูกด้วยเลย...มันโด่งเกินนะกูว่า” อ้นตอบแทนป้อ
“โด่งแบบนี้น่ารักมั้ยวะไอ้ทีม...” ปรีย์ปากหมาอีกจนได้ ทุกคนเลยหันมามองเป็นตาเดียวกัน
“ไอ้ปรีย์...มึงออกไปข้างนอกเลยปะ” ทีมชี้นิ้วไล่
“ก็ได้วะ...” ปรีย์เดินคอตกออกข้างนอกไป
“ไปไหนวะปรีย์” อ้นเดินตามออกมา
“เปล่า...เบื่อขี้หน้าไอ้เชี่ยทีม...” ปรีย์ส่ายหน้า
“เฮ้อ...เพื่อนกันน่า...อย่าคิดมาก...ปะไปหาอะไรกินกันดีกว่า” อ้นพาปรีย์เดินออกจากโรงพยาบาลไป  ....


ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #394 เมื่อ15-09-2009 01:46:26 »

ทำไมป้อพูดชวนสงสัยแบบนี้นะ อย่าบอกว่าจะคิดสั้นนะ ถ้าทำจริงนี่จะด่าให้เลย กะอีแค่อกหัก ไม่สงสารพ่อแม่ซะบ้าง (คนอ่านอินจัดขออภัยฮ่ะ)

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #395 เมื่อ15-09-2009 02:40:34 »

35 ห้องตรวจ

          ที่ห้องตรวจของแพทย์ทางด้านโลหิตวิทยา วิภาพรนั่งรอพบอาจารย์หมอสุวิทย์ที่หน้าห้อง สักพักพยาบาลก็เชิญเข้าพบ
“คุณเป็นแม่ของคนไข้ที่ชื่อนายปรเมษใช่มั้ยครับ...”
“ค่ะ...”
“คืออย่างนี้นะครับ...จากอาการของคนไข้โดยทั่วไปแล้ว ไม่มีอะไรมาก อาจจะพักผ่อนน้อยและมีอาการเมาสุราร่วมด้วยจึงวูบไป บาดแผลที่ใบหน้าก็แค่รอยถลอกเท่านั้น...แต่ที่หมอเรียกคุณมาพบนั้นมันมีข้อที่น่าสงสัยอีกเรื่องที่หมอต้องบอก...คือ...หมอดูจากอาการอื่นประกอบกันแล้วเช่นการวูบหมดสติ การที่คนไข้มีภาวะไข้สูง ได้สั่งให้แลปตรวจเลือดแบบ CBC ของคนไข้ดูแล้ว ปรากฏว่าผลที่ได้นั้นพบว่า มีความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือด ทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดชนิดผิดปกติออกมามากกว่าปกติ และจะไปรบกวนการสร้างเม็ดเลือดปกติ ทำให้จำนวนเม็ดเลือดที่ปกตินั้นมีจำนวนลดน้อยลง...พูดง่ายๆว่าหมอสงสัยว่าคนไข้น่าจะมีอาการของ”มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมียนั่นเองครับ”” สิ้นเสียงของหมอ วิภาพรถึงอ้าปากค้าง...น้ำตานางไหลออกมา

“ป้อ...” นางครางเรียกชื่อลูกชายคนเดียวออกมา
“.............”
“แต่เพื่อให้ผลการวินิจฉัยออกมาแน่นอนหมอจะขอตรวจไขกระดูกอีกครั้งนะครับ”
“มีทางรักษามั้ยคะ...” วิภาพรพูดอย่างร้อนรน
“โดยทั่วไปเราต้องควบคุมโรคให้สงบก่อนลงเสียก่อน...พูดง่ายๆคือทำให้มันนิ่งหลังจากนั้นจะต้องป้องกันไม่ให้มันกลับมาเป็นซ้ำ...” หมอร่ายยาวถึงรายละเอียดของการรักษาและค่าใช้จ่ายที่ต้องเกิดขึ้น
“หมอแนะนำให้คุณพาลูกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐเพื่อจะได้มีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง...แล้วหมอจะประสานงานให้” หมอแนะนำไปเรื่อยๆด้วยความเมตตา แต่สมองของวิภาพรนั้นไม่รับเสียแล้ว นางช็อกไปชั่วครู่ พรุ่งนี้พ่อของป้อถึงจะบินกลับมา อยากโทรไปบอกสามีของนางให้รู้ใจจะขาด แต่กลัวว่าจะกระทบกับการทำงานของเขา นางจึงได้แต่เก็บความไม่สบายใจเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว
“ลูกชายดิฉันจะหายรึเปล่าคะ...”
“หมอไม่รับปากนะ...เพราะอาการที่แสดงออกมามันค่อนข้างรุนแรงอยู่...เราต้องให้เคมีบำบัดเพื่อควบคุมไม่ให้เซลส์มะเร็งแพร่กระจายออกไปอีก...เดี๋ยวเช้านี้หมอขอเจาะเลือดที่ไขกระดูกเพื่อดูผลอีกครั้งนะครับแล้วเราค่อยคุยกันอีกครั้งนึง” หมอกล่าวแล้วขอตัวออกไป วิภาพรนั่งสะอื้นไห้...น้ำตาร่วงอยู่กับเก้าอี้ ปกติแล้วนางเป็นคนเข้มแข็งพอสมควร แต่พอมาเจอเรื่องอย่างนี้เข้าความรู้สึกนางเหมือนกับดวงใจถูกเด็ดออกเป็นชิ้นๆ

          วิภาพรเดินออกจากห้องแพทย์เพื่อกลับไปหาลูกชายคนเดียวของนางที่คอยอยู่ที่ห้อง นางกลับเข้ามาในห้อง เด็กๆต่างเงียบกันหมด นางเดินไปที่เตียงของลูกชาย เด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง แวดล้อมด้วยเพื่อนฝูงมากมาย นางคิดระหว่างที่เดินมาแล้วว่า “นางต้องทำได้...นางต้องเข้มแข็ง จะให้ลูกรู้ไม่ได้เด็ดขาด เขายังเล็กเกินไปที่จะมารับรู้ชะตากรรมของตัวเอง”

“ป้อทานอะไรรึยังลูก...” นางก้มลงไปหอมหน้าผากลูกชาย มันหอม หอมมากๆ เหมือนวันแรกที่ป้อเกิดมาเลย...กลิ่นหอมของเส้นผม ใบหน้าหล่อๆบางๆจมูกที่โด่งคล้ายพ่อ นางเอาใจใส่ดูแลลูกชายคนเดียวสารพัด ลูกหิวนางป้อนนม ลูกร้องโยเย...นางก็เครียดไปด้วย ชีวิตที่มีกันแค่แม่ลูกบ่อยๆเพราะพ่อของป้อต้องทำแต่งาน จึงไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่นัก หากป้อเป็นอะไรไป...นางจะอยู่อย่างไร
“ป้อทานโจ๊กแล้วครับแม่...” ป้อพูดเบาๆ เด็กหนุ่มสงสัยเหมือนกันว่าทำไมวันนี้แม่ถึงหอมที่หน้าผากนานกว่าปกติ
“เหรอ...อิ่มมั้ยลูก...ใครซื้อมาล่ะ”   
“โจ๊กจากบ้านของน่านครับ...” ป้อพูดแล้วยิ้มอย่างดีใจที่ได้กินโจ๊กจากบ้านน่าน
“เหรอ...” นางหันไปมองน่านที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เด็กหนุ่มยิ้มตอบ นางสงสัยว่า”คนนี้รึเปล่าที่ป้อพูดถึงอยู่บ่อยๆ”
“น่านที่เป็นหัวหน้าห้องน่ะเหรอลูก...”
“ครับแม่...เป็นไงครับ...นี่แหละหัวหน้าห้องของผม...น่านเป็นคนเก่งนะแม่” ป้อยิ้มภูมิใจ
“แม่ครับนี่เพื่อนๆผมทั้งแก๊งค์เลยครับ...นี่หนุ่ย...นี่ทีม...นี่แคน...อ้าวอ้นกับปรีย์ไปไหนล่ะ” ป้อถาม
“ไปหาอะไรกินมั้ง...” แคนว่า
“ไอ้ทีมมึงก็เหลือเกิน...ชอบแกล้งปรีย์มัน...กูขอเถอะวะ...สงสารมัน” ป้อจับมือทีมเบาๆ ทีมพยักหน้ารับรู้แต่สายตามองมาที่หน้าของแม่เพื่อน ที่ตอนนี้สลดลงและมีร่องรอยของความกังวลใจราวกับมีเรื่องทุกข์ใจใหญ่หลวง
          หลังจากนั้นไม่นานพยาบาลและเจ้าหน้าที่ก็มารับตัวป้อออกไป โดยป้อนั่งในรถเข็น เพื่อออกไปเจาะไขกระดูกตามคำสั่งของหมอ ระหว่างที่ป้อออกไปนั้น ทีมได้ตามไปด้วย เขาอยากคุยกับแม่เหลือเกิน
“แม่ครับ...ป้อมาทำอะไรครับ”
“หมอขอเจาะดูเลือดที่ไขกระดูกน่ะลูก...”
“ทำไมต้องดูครับ...ป้อเป็นอะไรครับแม่...”
“ไม่เป็นไรมากหรอกลูก...” สีหน้าของนางทำให้เด็กหนุ่มไม่เชื่อ
“แม่บอกผมเถอะแม่...ป้อเป็นอะไร...” ทีมทำท่าจะร้องไห้ นางจึงเข้ามากอดแล้วบอกว่า
“หมอ...หมอสงสัยว่าป้อจะเป็นมะเร็งเม็ดเลือดน่ะลูก” นางบอกทีมพลางกอดเด็กหนุ่มไว้ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างหนัก จนทีมตกใจ
“.................” ทีมอึ้งจนพูดไม่ออก เด็กหนุ่มนิ่งงงงันเหมือนใครเอาอะไรหนักๆมาทุบหัว คำถามทำไม...ทำไม...ทำไม...วนรอบหัวไปหมด
“แม่ครับ...อย่าร้องครับแม่...ป้อต้องไม่เป็นไรแม่...ป้อเป็นคนดี...พระต้องคุ้มครองป้อ...แม่เชื่อผมนะ...ป้อเป็นเด็กดี...ป้อต้องหาย”ทีมสะอึกสะอื้นไปด้วย เขารู้สึกสงสารป้อ ทำไมต้องเป็นป้อด้วย ทำไมต้องเป็นเพื่อนเขา ทำไมต้องเป็นคนที่เขา”รัก”ด้วย ในที่สุดทีมก็ทนไม่ไหว ถ้าเขาเป็นแทนเพื่อนได้เขาจะเป็นซะเอง
“ฮือ...ฮือ...ป้อ...”ทีมร้องโฮออกมา

          ตอนนั้นหนุ่ยเดินเข้ามาข้างหลังแล้ว เขาได้ยินและรู้เรื่องทั้งหมด หนุ่ยทรุดนั่งลงกับพื้น น้ำตาไหลออกมาโดยไม่ได้สะอื้นเลย หลากหลายคำถามที่วนเข้ามาในหัวเช่นเดียวกัน ป้อไปทำบาปทำกรรมอะไรมานะ ทำไมสวรรค์ถึงต้องลงทัณฑ์เพื่อนของเขาถึงขนาดนี้ หนุ่ยนึกอะไรไม่ออกเอาเลย มันรุนแรงมากกับความรู้สึกของเด็กหนุ่ม นี่ขนาดป้อยังไม่ได้เป็นอะไรนะ แต่อาจจะด้วยความรู้ที่พอมีว่า มะเร็งเม็ดเลือดนั้นมันรักษายากมากๆยิ่งเป็นกับผู้ใหญ่ด้วยแล้ว โอกาสหายจะยิ่งน้อยลงไปอีก

“หนุ่ย...ป้อ...” ทีมพูดได้แค่นั้นก็เดินเข้ามากอดหนุ่ยแล้วก็ร้องไห้ออกมาอีก
“ทีม...ทำใจดีๆไว้...ป้ออาจจะไม่ได้เป็นก็ได้” หนุ่ยพยายามจะปลอบประโลมหัวใจอันเจ็บช้ำด้วยคำพูดดีๆ
“ฮือ...” ทีมกอดหนุ่ยแน่น ร้องไห้โฮออกมาอีก

          อีกพักใหญ่ๆป้อถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด ป้อนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง พนักงานเข็นเตียงพยายามเข็นอย่างเบาที่สุด แล้วพาป้อขึ้นไปส่งบนห้องพัก ที่นั่นเพื่อนๆยังอยู่กันครบและกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องของป้อ ยังไม่มีใครรู้หรอกว่าป้อเป็นอะไร เพียงแต่ทุกคนสงสัยกันว่าป้อจะกลับได้เมื่อไหร่ บางคนประชดไปว่าโรงพยาบาลเลี้ยงไข้ไปนู่น

          น่านสังเกตเห็นสีหน้าของหนุ่ย ทีมและแม่ของป้อซึ่งทุกคนเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจ และดวงตาที่แดงช้ำเหมือนกับเพิ่งร้องไห้มา ทำให้น่านดึงหนุ่ยออกมานอกห้องโดยบอกเพื่อนๆว่า”หิวข้าว”
“หนุ่ย...ป้อเป็นอะไร” น่านเปิดฉากถามทันทีที่พ้นประตูห้อง
“ไม่รู้เหมือนกัน...หมอยังไม่ได้บอกเลย” หนุ่ยพูดตามจริงเพราะว่าหมอยังไม่ได้ฟันธง
“ต้องคอยหมอก่อน...” หนุ่ยบอก
“แล้วป้อไปทำอะไรมา...”
“ป้อไปตรวจไขกระดูก...”
“ตรวจทำไม...”
“หมอสงสัยว่า...เอ่อ...ว่า”
“...สงสัยอะไร” น่านดึงชายเสื้อหนุ่ย
“สงสัยว่า...ป้อเป็นลูคีเมีย”
“หา...ลูคีเมียเหรอ...” น่านเอามือปิดปาก น้ำตาเอ่อขึ้นมา น่านกะพริบตาทีเดียวน้ำตาก็ไหลพร่างพรูลงมาทันที
“อืม...”
“มีใครรู้บ้าง...” น่านถาม
“มีหนุ่ยกับทีมแล้วก็น่าน”
“คุณแม่ป้อว่ายังไงบ้าง”
“ท่านร้องไห้ แต่ท่านยังไม่ได้บอกพ่อเลย...พ่อบินกลับมาเย็นนี้...ท่านจะบอกเอง ท่านบอกว่าอย่าเพิ่งให้ป้อรู้” หนุ่ยพูด น่านเอาแขนเสื้อเช็ดน้ำตา

          ในวันนั้นเพื่อนฝูงทั้งกลุ่มเปลี่ยนความรู้สึกจากหน้ามือเป็นหลังมือกันหมด ความห่วงใยและห่วงหาอาทรที่มีต่อป้อ...มันมากล้น...มันเต็มไปด้วยความรักและความห่วงใยสงสารในชะตากรรมของเพื่อน แม้กระทั่งน่านเองที่เพิ่งจะปฏิเสธความรักที่ป้อมีให้ ยังอดไม่ได้ที่จะต้องทำให้ป้อรู้สึกดี”

“...แม่ครับน่านขอมาเฝ้าป้อสลับกับแม่นะครับ” น่านจับมือวิภาพรแน่นแล้วร้องไห้ออกมา นางกอดเด็กหนุ่มร่างบางๆไว้แน่น พลางลูบหลังแล้วบอกว่า
“ได้สิลูก....หนูมาอยู่เป็นเพื่อนป้อ...ป้อจะต้องหายเร็วขึ้น”  ...


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #396 เมื่อ15-09-2009 02:43:55 »

 :z3:
ตอนนี้อ่านแล้วยังคงเต็มกลืนเหมือนเดิม มีแต่คำว่า ฉงนสนเท่ห์ คลางแคลง 555+
เห็นด้วยกับรีบนนะบางที ถ้ามองว่าคิดสั้นเกิดจากคำว่าไม่สนใจพ่อแม่
เพียงแต่ในเวลาที่คนเรามีความรัก มักจะมีดวงตาที่มืดบอด มองขาวเป็นดำ มองดำเป็นขาว
สิ่งรอบตัวไม่อาจเข้ามาแทรกและเปลี่ยนปรับให้ถูกไม่ได้
คิดสั้นมันเป็นเรื่องของอารมณ์ มันมาเป็นบางครั้งบางคราว และชั่ววูบ
ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย คงต้องมีคนมายั้งไว้ละ
เรื่องยิ่งเขียนยิ่งวุ่นวายดีแท้ ลำบากใจมากถ้าเป็นป้อก็คงอยาก... เหมืิอนกัน
เรื่องนี้เริ่มเข้าตามสูตรเกาเหลา กับช่ิองเจ็ดยังไงๆอยู่นะ อิๆ
แล้วจะรออ่านต่อ +1 ให้เลยวันนี้มาลงสามตอน
นิว(LOVEis)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2009 05:28:16 โดย [N]€ẃÿ{k}uñĢ »

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 33=
«ตอบ #397 เมื่อ15-09-2009 02:46:41 »

ยังมีให้ติดตามอีกเยอะช่ายมั้ยเนี้ย
แอบมาบอกว่า อีกเยอะเลยครับ เพราะตอนนี้ ต้นฉบับแปะถึงตอน 52 แล้วอะครับ และตอน 52 นี้ อาจเป็นตอนที่หลายๆคนรอคอย

 :bye2:


ถูกค่ะ  ต้นคุงขยันจริง ๆ เลย  เราโพสทุกวันยังไม่ทัน   :serius2:
ต้นฉบับที่เรามี เลยตอน 52 ไปอีกค่ะ   ถ้าต้นคุงหยุดโพสซักหน่อย รับรองเราแซงแน่   อิอิ   o3

nithiwz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #398 เมื่อ15-09-2009 02:52:00 »

ป้อเป็นลูคีเมีย  ไม่นะ...........
จะร้องไห้อ่ะ  สงสารป้ออ่ะ  ผิดหวัง  อกหัก  เมา  หน้าบาก  แล้วยังมาเป็ฯโรคลูคีเมียอีก
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ ไม่เอาน้า.......ป้อต้องไม่เป็นไร

รู้สึกมี something wrong นะ  ทีมกับป้อเนี่ยะ  ชอบมีอะไรแปลกๆ ให้คิดเล่นๆ
เศร้าอ่ะคับ  อ่านแล้ว  เริ่มเครียด  -*-

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #399 เมื่อ15-09-2009 10:40:42 »

เนื้อเรื่องช่วงนี้ ยอมรับเลยอะครับว่า อ่านไปน้ำตาไหลไปอ่ะ

ป้อน่าสงสารจริงๆ  :o12:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
« ตอบ #399 เมื่อ: 15-09-2009 10:40:42 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






paulla

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #400 เมื่อ15-09-2009 11:32:40 »

ป้อน่าสงสารจัง  น่านก้อน่าจะให้ป้อมีความสุขมากๆ ก่อนจะไปนะ :o12:

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #401 เมื่อ15-09-2009 12:46:49 »

โอวววววว
มีเรื่องเศร้าเข้ามาอีกแล้ว
สงสารป้อ เจ็บทั้งกายและใจเลย
มีแผลใจแบบนี้จะมีแรงอยากรักษากายมั้ยเนี่ย
สงสารพ่อกับแม่ป้อด้วยอ้ะ

บวกอีก 1 แต้มนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #402 เมื่อ15-09-2009 13:47:49 »

ความสัมพันธ์ ระหว่างเพื่อนพ้องนี้ดีจังเลยนะครับ

มีการดูแลเป็นห่วงเป็นใยที่ดีและน่ารักมาก

 :เฮ้อ: สงสารป้อจังเลยไม่น่าจะเป็นอย่างนี้

 :z2:   :z2:

premkoe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #403 เมื่อ15-09-2009 20:51:23 »

แอร๊ายยยย

จะหายไหมเนี้ย

สงสารป้ออ่ะ

ซิกๆ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #404 เมื่อ15-09-2009 22:14:06 »

น้ำตาซึมเลย สงสารป้อ  :sad11:

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 35=
«ตอบ #405 เมื่อ16-09-2009 03:07:26 »

36 รอยยิ้ม...

          ที่ห้องตรวจทางโลหิตวิทยากัปตันพารณและวิภาพรนั่งอยู่ต่อหน้าคุณหมอสุวิทย์ หมอกำลังอธิบายถึงวิธีควบคุมเซลล์มะเร็ง การรักษาและวิธีปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งจะเป็นลำดับขั้นของการรักษา ทุกสิ่งอย่างที่คุณหมอบอกกับพารณและวิภาพรนั้นทำให้ทั้งสองมีกำลังใจมากขึ้น เพราะหนทางในการรักษายังพอมี

“ในขั้นแรกอาการอาจจะรุนแรงบ้างเพราะผลจากเคมีบำบัดอาจจะทำให้คนไข้ทรมานมากด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน ผมร่วง และเม็ดเลือดต่ำลง ซึ่งอาจจะติดเชื้อได้ง่าย”
“แล้วต้องให้เคมีบำบัดนานแค่ไหนครับ” พารณถาม
“ก็อาจจะต้องหลายครั้ง...หมอจะต้องดูอาการคนไข้ไปพร้อมๆกันด้วย...ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้ด้วยนะครับว่าแข็งแรงและพร้อมขนาดไหน...และอีกอย่างคือชนิดความผิดปกติทางพันธุกรรมของมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่ผู้ป่วยเป็น” หมอกล่าว

          หลังจากที่รับทราบถึงขั้นตอนการรักษาเรียบร้อยแล้ว พารณและวิภาพรก็กลับขึ้นไปหาลูกชายที่อยู่บนห้องพัก
“พ่อครับ...แม่ครับ...ป้อเป็นอะไรครับ...หมอว่ายังไง” นั่นคือคำถามที่ทั้งสองไม่อยากได้ยิน เพราะทั้งคู่ไม่รู้จะหาวิธีบอกกับลูกได้อย่างไร...
“เอ่อ...คุณหมอยังไม่ได้บอกอะไรน่ะลูก...” วิภาพรพูดพลางเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม
“ป้อต้องนอนที่โรงบาลอีกนานแค่ไหนครับ...ป้ออยากกลับบ้านจังเลยแม่” ป้อมองหน้าแม่
“สักพักก็ได้กลับแล้วลูก...หมอขอวินิจฉัยให้ละเอียดอีกครั้งนะ”

          การไม่พูดความจริงบางครั้งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่เสียหาย เพื่อความสบายใจของลูกชายและเพื่อกำลังใจของลูก วิภาพรเลือกที่จะโกหก นางยอม“โกหกสีขาว” ไม่พูดความจริงเพื่อให้ลูกสบายใจและไม่กังวล


“หมอว่ายังไงครับ...” ป้อถามหลังจากที่นางและสามีลงไปพบหมออีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
“หมอบอกว่าป้อเป็นโรคเลือดน่ะลูก” วิภาพรลูบหัวลูกชายคนเดียวด้วยความรักและห่วงใย
“ยังไงครับแม่...” ป้อถาม
“ก็ติดเชื้อในกระแสเลือดอะไรทำนองนั้นแหละ....” วิภาพรบอก
“เมื่อไหร่จะได้กลับบ้านครับ...” ป้อถามอีกครั้ง...
“ต้องให้ยาและอยู่โรงพยาบาลอีกระยะ...ลูกต้องอดทนนะ...มันอาจจะคลื่นไส้อาเจียนบ้าง...” พารณบอกลูกชาย
“ครับแม่...ป้อจะทน...” ป้อเป็นเด็กที่อดทนมาตลอด เรื่องเจ็บป่วยเล็กน้อย ป้อแทบจะไม่เคยปริปากบ่นออกมาเลย บางทีเด็กหนุ่มปวดกระดูกแทบตายแต่ด้วยความที่รักแม่ กลัวว่าแม่จะลำบากและเหนื่อย ป้อแอบกินแค่ยาแก้ปวดเท่านั้น
.......................


          หลังจากที่ป้อย้ายมาอยู่โรงพยาบาลศิริราชและการให้เคมีบำบัดครั้งแรกผ่านไป ป้อมีอาการตามที่หมอบอกไว้ทุกอย่าง กินแทบไม่ได้กิน แต่ก็ยังอาเจียนได้ทั้งวัน มันทั้งคลื่นไส้ เวียนหัวราวกับห้องถูกหมุนด้วยมือของยักษ์ เส้นผมที่ร่วงเป็นกระจุกของป้อทำให้ป้อเกิดคำถามอีกมากมาย ป้อเพียรถามวิภาพรกับพารณแทบทุกวัน จนในที่สุดแล้วความลับต่างๆก็ปิดบังต่อไปอีกไม่ได้ ในเช้าวันหนึ่งที่มีกันแค่เพียงพ่อ แม่ ลูก
“พ่อครับ...แม่ครับ...บอกป้อเถอะครับว่าป้อเป็นอะไร...” ป้อนอนไม่ไหวติงบนเตียง ริมฝีปากบางๆแห้งและซีดเซียว ป้อถามถึงตัวเอง มือลูบไปที่หัว เส้นผมก็หลุดตามออกมาเป็นกระจุก
“ป้อ...ป้อทำใจดีๆนะลูก...” พารณพูดออกมา น้ำเสียงที่สั่นเครือ ชายหนุ่มกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่ได้
“หมอบอกว่าป้อเป็นลูคีเมียน่ะลูก...” พารณพูดออกมาจนได้ หลังจากที่ทนเห็นลูกชายคนเดียวเป็นอย่างนี้มาหลายวันแล้ว
“....................”ไม่มีเสียงใดๆเปล่งออกมาจากปาก...เด็กหนุ่มนิ่งเงียบ...ก้มหน้า...น้ำตาไหลออกมาอาบแก้ม สองสามีภรรยาก้มลงกอดลูกชายคนเดียวด้วยความรักสุดหัวใจ ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ทั้งคู่คิดว่ามันทรมานมากไปกว่านี้อีกแล้ว วิภาพรสะอื้นไห้น้ำตาไหลเปียกแก้มของเด็กหนุ่มไปหมด ผู้เป็นพ่อก็พยายามที่จะประคับประคองให้แม่ยืนอยู่ได้ แต่คำพูดที่หลุดออกจากปากลูกชายคนเดียวทำเอาวิภาพรถึงกับปล่อยโฮออกมาอีกครั้งเลยทีเดียว
“แม่อย่าร้องไห้สิ...ป้อยังไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” ป้อจับใบหน้าของวิภาพรขึ้นมาแล้วหอมแก้ม
“ป้อ...ป้อ...ลูกแม่...อดทนหน่อยนะลูก...” นางลูบแก้มลูกชาย แล้วสะอื้นไห้
“แม่ครับ...พ่อครับ...ป้ออุตส่าห์สอบติดวิดวะเกษตรฯที่เดียวกับพ่อ...ป้อยังไม่ทันได้เรียนเลย...ป้อจะต้องหายครับ...” ป้อพูดแล้วยิ้ม ด้วยความหวังว่าอนาคตจะต้องได้เรียนจนจบวิศวะ...สถาบันเดียวกับพ่อของเขา
“อืม...ป้อต้องหายลูก...ป้อต้องหาย...พ่อกับแม่รักลูกนะ...” พารณจับมือลูกชายไว้แน่น เด็กหนุ่มบีบมือตอบ แสดงถึงกำลังใจที่เข้มแข็งของป้อ

          สายๆวันนั้นเองพื่อนๆที่ได้รู้ข่าวว่าป้อต้องเข้ารับเคมีบำบัดเมื่อวานนี้ ต่างก็ทยอยกันมาเยี่ยมแต่เช้า ทำเอาห้องแคบลงไปถนัดตาเลยทีเดียว
“เจ็บมั้ยวะป้อ...” ปรีย์ยืนเกาะเตียงถามอาการเพื่อน
“อือ...ไม่หรอก...แค่เวียนหัวนิดหน่อย” ป้อบอกเหมือนกับจะให้เพื่อนสบายใจ แต่แท้จริงแล้วเขาทรมานเอามากๆ
“แล้วผมมึงจะขึ้นอีกมั้ยวะไอ้ป้อ...” แคนถาม
“ไม่รู้สิ...ถ้าไม่ขึ้นก็บวชไปเลย...” ป้อตอบโต้แบบทันกัน
“...ถ้ามึงบวชกูจะบวชเป็นเพื่อน” ทีมพูดพลางบีบมือป้อไว้แน่น แรงที่ป้อบีบมือกลับมันเริ่มอ่อนล้าเต็มที
“ถ้าป้อหายเราจะบวชพร้อมกันหมดเนี่ยเลยดีมั้ย...” หนุ่ยพูด ทำเอาเพื่อนๆทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย
“ดี...ดี...บวชหลายๆคนอบอุ่นไม่กลัวผี...” ปรีย์พูด
“ไอ้ปรีย์...เณรที่ไหนกลัวผี...”อ้นถาม
“มึงดูบุปผาราตรีรึเปล่าไอ้อ้น...พระเณรวิ่งหนีก่อนเลย...” ปรีย์พูดออกมาทุกคนก็ขำ ทำเอาป้อยิ้มไปด้วยอย่างมีความสุขแม้รอยยิ้มจะแห้งแล้งเอามากๆ
“น่าน...ไปเมื่อไหร่...” ป้อส่งเสียงแหบแห้ง...ถามน่านที่ยืนก้มหน้านิ่งๆมานาน
“ยังหรอก...ป้อยังไม่สบายอย่างนี้...น่านยังไม่ไปหรอก...” น่านพูดแล้วยิ้มพลางจับมือป้อมากุมไว้
“วัชไม่ว่า...เหรอ...” ป้อถาม เหมือนกับคนที่ทำใจได้แล้วแต่ทุกคำที่เปล่งออกมา ป้อเหนื่อยเหลือเกิน
“วัชฝากมาบอกว่าให้ป้อหายเร็วๆ” น่านพูดออกมาทำเอาป้อยิ้มออกมาได้
“บอกวัชด้วย...ขอบคุณนะ...” ป้อยิ้มน้อยๆพลางหายใจยาวๆเหมือนคนเหนื่อย ป้อรู้สึกเริ่มเวียนหัวอีก
“ป้อเหนื่อยมั้ย...” ทีมถามพลางส่งแก้วน้ำให้จิบ
“ยัง...กูสนุกดี...” ป้อเบือนหน้าหนี ป้อได้แค่จิบๆน้ำเท่านั้น
“ทีม...อ้อก...อ้อก...” ป้อทำท่าจะอาเจียนออกมา ทีมรีบเอากระโถนออกมารอง ป้ออ้วกออกมา มันมีแต่น้ำ เด็กๆถอยห่างออกมาจากเตียง ไม่ใช่ว่ารังเกียจแต่ขยับให้ทีมได้เข้าไปดูแลป้อใกล้ๆ
“พอ....” ป้อโบกมือเบาๆส่งสัญญาณให้เอากระโถนออกไป ทีมน้ำตาซึมออกมา เด็กหนุ่มแอบเอาเสื้อขึ้นมาเช็ด ด้วยความสงสารเพื่อน คนอื่นๆก็เช่นกัน
“พี่ธีร์ฝากมาบอกว่ากลับจากต่างประเทศ...แล้วจะมาเยี่ยมนะ” หนุ่ยบอก
“.............” ป้อยกมือห้ามเป็นความหมายว่าไม่ว่างก็ไม่เป็นไร
“.......น่า....” ป้อเรียกได้แค่นั้น แต่สายตามองไปที่น่าน... น่านเดินเข้ามาหาป้อแล้วจับมือป้อไว้แน่น...
“ป้อนอนก่อนเถอะนะ...” ทีมจับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ เพื่อนๆขยับออกมาห่างๆ
“อืม......” ป้อหลับตาลงเพื่อพักผ่อน ก่อนที่เพื่อนๆจะพากันมานั่งข้างนอก คงเหลืออยู่แต่ทีมเท่านั้นที่ยืนดูอยู่ข้างเตียงไม่ห่าง
“ป้อพักก่อนเถอะนะ...กูอยู่ตรงนี้แหละ...กูไม่ไปไหนหรอก...จะอยู่เป็นเพื่อนมึงนะ” ทีมขยับหมวกไหมพรมที่หัวให้กระชับ แล้วเอามือลูบแก้มของเพื่อนรัก...
“ทีม...” ป้อยังไม่หลับ...เด็กหนุ่มพยักหน้าช้า เรียกให้ทีมเข้าไปใกล้ๆ ทีมเอาหูไปแนบข้างปากของป้อ...คอยฟังว่าป้อจะพูดอะไร
“...........” ป้อไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองมามันสื่อความหมายดีๆที่เพื่อนคนนึงพึงจะมีให้...ไม่มีคำพูดคำใดออกมาจากปากหรือต่อให้คำพูดเป็นร้อยเป็นพัน...คงไม่เทียบเท่า..สายตาของป้อที่มองมา...มันลึกซึ้งและน่าจดจำเกินกว่าที่ทีมจะลบเลือนมันออกไปจากใจ....
“ขอบคุณนะ...” เสียงแหบๆแผ่วเบา ทำเอาทีมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ทีมพยักหน้าช้าๆยอมรับ
“นอนเถอะป้อ...” ทีมขยับผ้าห่ม ป้อยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่มันอ่อนแรงเต็มทน ทีมหันหน้าหนีภาพตรงหน้า...น้ำตาเด็กหนุ่มไหลซึมออกมา...


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #406 เมื่อ16-09-2009 03:25:05 »

 :m15: เศร้ามากมายเลยอะ
+1 ให้ครับ ขอบคุณที่มาลงให้อ่าน
อ่านแล้วใจไม่ดีเลยเหมือนเห็นภาพเรื่องหนึ่งที่เคยอ่านนานมากแล้ว
สุดท้ายก็ต้องจากไปอยู่ดี จะบอกว่านิวก็เคยมีเพื่อนเป็นโรคมะเร็งเหมือนกัน
เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตอนแรกหมอก็ให้กำลังใจ ให้ทำคีโมแบบนี้
แล้วรอดูอาการ ซึ่งรักษาตัวไป ทำคีโมไปหลายครั้งจนหยุดการเจริญเติมโต
และลดขนาดก้อนเนื้อได้้จนมันคงที่ แต่แม้โรคเหือบจะหาย
คีโม และยาต่างๆที่ใช้สู้กับโรคมันก็ทำให้ร่างกายรับภาระหนักเกินไปทั้งตับ
และอวัยวะภายในอื่นๆไม่อาจทนรับไหว สุดท้ายเพื่อนนิวก็จากไปทั้งที่ไม่น่าเลย
 :monkeysad:
นิว(LOVEis)

ออฟไลน์ Chatcha

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-0
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #407 เมื่อ16-09-2009 07:44:35 »

ป้อต้องหายแน่นอน

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #408 เมื่อ16-09-2009 08:59:11 »

เศร้าจัง :o12:

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #409 เมื่อ16-09-2009 11:14:33 »

เศร้า.....

สู้นะป้อ  :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
« ตอบ #409 เมื่อ: 16-09-2009 11:14:33 »





ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #410 เมื่อ16-09-2009 11:26:43 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

paulla

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #411 เมื่อ16-09-2009 13:01:39 »

หายไว ๆนะคับ ป้อ  :bye2:

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #412 เมื่อ16-09-2009 13:04:36 »

น่าสงสารจัง ขอบคุณครับ

องค์หญิงกำชัย

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 36=
«ตอบ #413 เมื่อ17-09-2009 01:15:55 »

37 ห้องพี่ธีร์

“สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่” ธีร์และหนุ่ยกล่าวทักทายพารณและวิภาพร
“เป็นยังไงหนุ่มน้อย...เห็นหนุ่ยบอกว่าดีขึ้นเยอะแล้วนี่...” ธีร์ส่งเสียงทักทายป้อที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง
“หวัดดีคับพี่...” ป้อยิ้มเหนื่อยๆ
“ทานอะไรได้บ้าง...พี่เอาผลไม้มาให้ทาน...” ธีร์ส่งกระเช้าผลไม้ให้วิภาพร
“ขอบคุณครับ...” ป้อยกมือไหว้
“เป็นไงป้อ...มีใครมาบ้างวันนี้” หนุ่ยถามถึงเพื่อนๆที่จะผลัดกันมา...ไม่ใครก็ใคร...ถ้าว่างต้องมาเยี่ยมกันทุกวัน เพื่อนๆในแก๊งร่วมกันตั้งกฎเกณฑ์นี้ขึ้นมา ด้วยความยินยอมพร้อมใจของทั้งหมด โดยทีมกับน่านจะเป็นสองคนที่อาสามาดูแลบ่อยที่สุดและมักจะผลัดกันนอนเฝ้าเสมอๆ
“อ้นเพิ่งไป...” ป้อบอก
“เมื่อคืนนี้ตาทีมมานอนเฝ้าทั้งคืน...กลับไปตอนเช้า...แล้วอ้นก็เข้ามา...” วิภาพรบอก
“รักกันดีจริงๆ...เด็กพวกนี้...พี่ธีร์เห็นด้วยมั้ยครับ” พารณถามความเห็นโดยเรียกธีร์ตามที่ป้อเรียก
“ครับ...เด็กๆกลุ่มนี้น่ารักครับ...รักกันมาก” ธีร์เห็นด้วย
          หลังจากนั้นธีร์ก็ไถ่ถามอาการเพิ่มเติม โดยส่วนใหญ่แล้วจะคุยกับพ่อและแม่มากกว่า หนุ่ยยืนอยู่ข้างเตียงเพื่อนไม่ไปไหนเลย คอยดูว่าเพื่อนอยากได้อะไร แต่ป้อก็ได้แต่นอนหลับ...จนพักใหญ่ๆธีร์กับหนุ่ยก็ได้ขอตัวกลับไปก่อน
“พรุ่งนี้จะมาใหม่นะป้อ...” หนุ่ยบอกพร้อมกับจับมือเพื่อนบีบเบาๆ
“พี่ไปก่อนนะ...หายเร็วๆนะป้อ...” ธีร์พูดพลางเอามือลูบเบาที่หลังมือ ป้อพยักหน้ารับรู้แต่ไม่ลืมตา

          ธีร์ลาพ่อแม่ของป้อ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับหนุ่ย เด็กหนุ่มนั่งเงียบมาตลอดทางจนถึงบ้าน หนุ่ยเดินเข้าห้องนอนโดยไม่พูดไม่จากับใคร ธีร์เดินตามเข้ามาดู
“เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ...” ธีร์ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หรอกครับ...แค่สงสารป้อน่ะครับ...” หนุ่ยบอก
“ไปนั่งกินกาแฟกับพี่ที่สวนข้างล่างดีกว่า” ธีร์ชวนหนุ่ยพร้อมกับเข้าไปดึงมือหนุ่ยให้ออกมาจากห้อง
“อยู่คนเดียว...เบื่อแย่เลย...เอาโน้ตบุ๊คลงไปเล่นเกมส์ด้วยก็ได้นี่...” ธีร์บอก หนุ่ยจึงเดินเข้าไปหยิบเอาโน้ตบุ๊คออกมาด้วย

          หนุ่ยกับธีร์นั่งดื่มกาแฟและอาหารว่างกันที่ใต้ต้นไม้ในสวนแบบบาหลี ที่หนุ่ยเป็นคนออกแบบและสร้างไว้ ธีร์ชวนหนุ่ยคุยไปเรื่อยเปื่อย
“เปิดเรียนเมื่อไหร่ล่ะ”
“ใกล้แล้วละพี่...อีกสองอาทิตย์” หนุ่ยบอกพลางเล่นคอมไปด้วย
“อือ...แล้วเรื่องเรียนของป้อต้องดรอปไปก่อนเหรอ” ธีร์ถาม
“คงงั้นแหละพี่...เฮ้อ...ยังไม่ทันได้เรียนเลย” หนุ่ยถอนหายใจ
“เดี๋ยวก็กลับไปเรียนได้...” ธีร์พูดอย่างมีความหวังว่าป้อจะต้องหาย
“ผมก็อยากให้มันเป็นอย่างนั้นแหละพี่”
.......................................


          หลังจากที่เปิดเรียนแล้ว หนุ่ยต้องออกจากบ้านแต่เช้าทุกๆวันและกลับมาในตอนเย็นบางวันถ้ามีการซ้อมเชียร์หรือรับน้องโต๊ะหรือกิจกรรมอะไรก็จะกลับค่ำมืดดึกดื่น ดังนั้นในสัปดาห์แรกหนุ่ยแทบไม่ได้ไปเยี่ยมป้อเลย แต่ขนาดไม่ได้ไปเยี่ยมก็ยังโทรเข้าไปหาป้อทุกวัน แม้บางครั้งจะไม่ได้คุย ถ้าได้คุยหนุ่ยจะรู้สึกว่าน้ำเสียงของป้อจะดีใจมาก เช่นวันนี้
“เป็นยังวะนักศึกษาใหม่” ป้อเสียงสดใส
“ก็ดี...สนุกดี...วันนี้มีกิจกรรมนิดหน่อย” หนุ่ยพูด
“อิจฉาหนุ่ยจังเลย”
“ป้อก็หายเร็วๆสิ...จะได้มาเรียน...” หนุ่ยพยายามพูดให้เหมือนกับว่าอาการป่วยของหนุ่ยมันเป็นเรื่องเล็กๆ
“วันนี้ใครมาเฝ้าป้อล่ะ”
“วันนี้น่านมาเฝ้า...อยู่เนี่ยละ...จะคุยมั้ย...” ป้อจะส่งโทรศัพท์ให้ ในขณะที่น่านจับมือป้ออยู่อีกข้างนึง
“ไม่ละอยากคุยกับป้อมากกว่า...โทรมาหาไม่เคยได้คุยเลย...ป้อหลับตลอด” หนุ่ยบอก
“เรียกสิ...ป้ออยากคุยกับทุกคนแหละ...”
“อยากให้ป้อได้พักผ่อนมากกว่า” หนุ่ยพูด
          หนุ่ยคุยกับป้อสักพักก็วางหู เพราะฟังจากเสียงของป้อแล้วดูป้อเหนื่อยเอามากๆ หลังจากวางหูแล้วหนุ่ยก็เดินเข้าไปหาธีร์ในห้อง ซึ่งระยะหลังๆนี้ธีร์แทบจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดเลย ยกเว้นวันที่งานยุ่งมากๆ แต่ถ้าไม่ยุ่งธีร์จะกลับเร็วและกลับมาที่บ้านเสมอๆ เหมือนจะกลับมาคอยใครบางคน

“ว่าไงหนุ่ย” ธีร์เงยหน้าจากคอมฯ
“จะมาชวนพี่ธีร์ไปเยี่ยมป้อพรุ่งนี้...พี่ธีร์ว่างมั้ยครับ” หนุ่ยยืนข้างๆโต๊ะมองไปที่จอโน้ตบุ๊ค
“ว่างสิ...ไปกี่โมงล่ะ...สักสิบโมงเป็นไง”

“ไปเรียนเป็นไงบ้าง”ธีร์ถาม
“ก็สนุกดีครับ...เพื่อนเยอะแยะมากมาย...” หนุ่ยบอก...เขาอยากจะชวนธีร์ไปไหว้หลวงพ่อโสธรที่แปดริ้วแต่จากที่ดูแล้วเห็นธีร์นั่งทำงานอยู่...เลยไม่กล้าชวน
“มีอะไรรึเปล่า” ธีร์เห็นหนุ่ยจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่กล้าพูด
“อ้อ...ปะ...เปล่าครับ” หนุ่ยกำลังจะเดินออกจากห้องแต่ธีร์ก็เรียกไว้
“หนุ่ย...”
 “ครับพี่ธีร์...”
“มีอะไรพูดมาซิ...” ธีร์เสียงเข้ม
“เอ่อ..ผมอยากจะไปไหว้พระทำบุญน่ะครับ...ขอพรพระสักหน่อย...ป้ออาจจะหายเร็วขึ้น” หนุ่ยพูด
“แล้วก็ไม่บอก...เรื่องแค่นี้เอง...จะชวนพี่ไปหรือไง” ธีร์พูดแล้วยิ้ม ก่อนจะเดินมาหา
“ทีหลังมีอะไรก็บอกพี่นะ...ถ้าพี่ว่างจะไปไหนก็ได้...ถ้าไม่ว่างพี่จะบอกว่าไม่ว่าง” ธีร์พูดพลางกอดคอเด็กหนุ่มไว้ ไม่น่าเชื่อว่าจากเด็กหนุ่มตัวกระเปี๊ยกที่นั่งรถไฟเข้ากรุงเทพฯคนเดียว...บัดนี้หนุ่ยกลายเป็นเด็กหนุ่มร่างกายสูงใหญ่กำยำ...แม้ผิวจะคล้ำไปบ้างแต่ก็ถือว่าขาวกว่าตอนที่มาอยู่กรุงเทพฯใหม่ๆ หน้าใสไร้สิวยังหล่อคมไม่เสื่อมคลาย คิ้วเข้ม นัยน์ตาสีสนิมเหล็ก ทรงผมที่ไม่อินเทรนเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ แต่ก็เป็นทรงที่เรียบร้อย ดูเป็นตัวของตัวเอง และที่สำคัญรอยยิ้มที่เจืออยู่บนใบหน้าเสมอ ท่าทางที่สุภาพอ่อนโยน จึงเป็นที่รักของผู้ที่พบเห็นและเพื่อนฝูง ไม่ว่าที่ไหนในมหาวิทยาลัยที่หนุ่ยไป มักจะถูกมองมาด้วยสายตาที่อยากเข้ามารู้จัก...ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
“เดี๋ยวพี่ทำงานให้เสร็จแล้วพรุ่งนี้เจอกัน” ธีร์พูดแล้วยิ้ม
“ครับพี่...อย่าหักโหมนักนะครับ...ถ้าไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรนะครับ...ผมไม่ซีเรียส...แค่อยากชวนพี่ไปด้วยเท่านั้นเอง” หนุ่ยบอกพลางปิดประตู

          กลางดึกคืนนั้นหนุ่ยตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ พลันสายตาเด็กหนุ่มเห็นแสงไฟในห้องที่สาดส่องลงไปที่ต้นไม่ใหญ่ เขาแน่ใจว่าธีร์ต้องทำงานอยู่แน่ๆเลย หนุ่ยเหลือบมองนาฬิกาดูเวลา “นี่มันตีหนึ่งแล้วนี่...พี่ธีร์ยังไม่นอนอีก”เด็กหนุ่มเดินไปที่ห้องของธีร์ ประตูไม่ได้ล็อกเขาจึงเปิดเข้าไป ธีร์นอนฟุบอยู่กับโต๊ะทำงาน มือของชายหนุ่มยังวางอยู่ที่โน้ตบุ๊คอยู่เลย หน้าจอปิดและดับไปแล้ว

“พี่ธีร์ครับ...พี่ธีร์นอนเถอะครับ...” หนุ่ยเดินไปปลุกธีร์ที่นอนไม่รู้ตัว
“อือ...พี่งีบไปพักนึง...เดี๋ยวจะทำงานต่อ...หนุ่ยไปนอนเถอะ...” ธีร์งัวเงีย
“พี่ง่วงก็นอนเถอะครับ...พรุ่งนี้ไม่ต้องไปไหนก็ได้...ผมไม่ไปแล้ว” หนุ่ยบอกพลางดึงมือธีร์ให้ลุกขึ้น
“หนุ่ยไปนอนเถอะ...นะ...พี่ทำอีกนิดเดียวก็เสร็จแล้ว” สำหรับเรื่องงานแล้วธีร์ดื้อเสมอ
“เฮ้อ...ผมทำให้พี่ลำบากรึเปล่า” หนุ่ยพูดราวกับโทษตัวเอง....เขาไม่รู้หรอกว่าธีร์ต้องรีบทำงานให้เสร็จก่อนพรุ่งนี้อยู่แล้ว เขาต้องส่งให้เจ้านายก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้
“ไม่หรอกหนุ่ย...ถ้าอยากช่วยพี่...หนุ่ยไปชงกาแฟให้พี่หน่อยไป...” ธีร์บอก พลางเอามือดุนหลังเด็กหนุ่ม
“ครับพี่...” หนุ่ยเดินออกไปจากห้อง

          เด็กหนุ่มหายไปสักพักก็กลับมาด้วยกาแฟแก้วใหญ่ ส่งกลิ่นและควันหอมลอยตามลมมาเลยทีเดียว หนุ่ยวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าพร้อมกับชาจีนร้อนๆ เผื่อธีร์อยากจะล้างคอ
“นี่ครับพี่ชาย...”
“อือ...หอมจังเลย” ธีร์สูดกลิ่นหอมของกาแฟ ที่หนุ่ยตั้งใจชงให้
“ลองชิมสิครับ...อร่อยเหมือนเลขาพี่ชงรึเปล่าก็ไม่รู้” หนุ่ยบอก
“พี่ว่าอร่อยกว่าแน่นอน...อย่างน้อยตาสว่างแน่ๆถ้ากินตอนนี้”
“ทำไมล่ะครับ...”
“ก็ร้อนอย่างนี้มีหวังปากพองน่ะสิ” ธีร์ยิ้ม
“ผมอยู่เป็นเพื่อนมั้ยครับพี่...” หนุ่ยก้มลงมาถาม กลิ่นกายหอมๆของชายหนุ่มทำเอาธีร์แทบสำลักกาแฟ ก็หนุ่ยเล่นก้มลงมาซะติดหน้าเขาเลย
“ไม่เป็นไรหรอก...ไปนอนเถอะ...พรุ่งนี้ขับรถให้พี่แล้วกัน”
“โห...ยังไงผมก็ขับอยู่แล้ว...หลังๆนี่...ถ้าผมไปไหนกับพี่...พี่ไม่เคยขับเลยนี่” หนุ่ยนวดต้นคอเบาๆ ทำให้ชายหนุ่มคลายความเมื่อยล้าไปได้มาก
“อืม...นี่ไปหัดนวดมาจากไหน...” ธีร์เอ่ยปากชม
“เพื่อนมันเคยนวดให้ผมน่ะครับ...ตอนเล่นกีฬาเสร็จใหม่ๆ...นวดคลายกล้ามเนื้ออะไรแบบนั้นแหละพี่” หนุ่ยบอกพลางนวดแรงขึ้นอีก เขาขยับไปนวดตามต้นแขนที่บอบบาง
“พอแล้วอย่าขยำ...พี่จะละลายอยู่แล้ว...” ธีร์หัวเราะชอบใจ
“ขยำให้ละลายไปเลย...นี่ๆๆ” หนุ่ยนวดเล่นๆอีกห้าหกครั้งแล้วก็คลึงมาที่หัว หนุ่ยนวดเบาๆที่ขมับ
“ไปนอนได้แล้วไป...” ธีร์เอ่ยปากไล่...ถ้าปล่อยให้นวดอยู่แบบนี้เขาทำงานไม่ได้พอดี...หนุ่ยชอบเล่นอะไรถึงเนื้อถึงตัวเสมอๆ...ไม่ระวังบ้างเลย...ว่าหัวใจชายหนุ่มมัน...วาบหวิวขนาดไหน .....


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 37=
«ตอบ #414 เมื่อ17-09-2009 01:34:54 »

 :impress2: ทีแรกอ่านแล้วว่าจะเศร้าเจอหวานๆของสองหนุ่มเข้าไปก็เลยยิ้มได้อิๆ
แล้วจะรออ่านต่อ
นิว(LOVEis)

namtaan

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 37=
«ตอบ #415 เมื่อ17-09-2009 01:55:20 »

^
^
จิ้มที่รัก
รู้สึกเหมือนกัน ตอนที่แล้ว สงสารป้อ
ตอนนี้ลงท้ายแบบเกือบละลายนิดๆ เพราะสิ่งที่ธีร์รู้สึกกับหนุ่ย

บวก 1 แต้ม ขอบคุณมากค่ะ


DexTunG

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 37=
«ตอบ #416 เมื่อ17-09-2009 02:12:14 »

 o18  มารอตอนต่อไปด้วยคนนะครับ

 :z2:   :z2:

ออฟไลน์ WEERACHOT

  • ฉันดีใจที่มีเธอ
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +337/-5
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 37=
«ตอบ #417 เมื่อ17-09-2009 02:27:29 »

เป็นกำลังใจให้คนโพส คนเขียนครับ...

ขอตามอ่านก่อนน่ะ อิอิ

premkoe

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 37=
«ตอบ #418 เมื่อ17-09-2009 03:31:58 »

รอ ตอน ต่อ ไป คับ

patz

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] ระโนด <by ต้นคุง> =ตอนที่ 37=
«ตอบ #419 เมื่อ17-09-2009 04:07:36 »

ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งสงสารป้ออะ สอบได้แล้วแต่ไม่ได้เข้าเรียนพร้อมเพื่อนนี่ มันน่าเศร้ามากๆเลย

 :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด