18 ห้องนอน
หลังจากที่ศิวัชต้องออกจากโรงเรียนเพื่อเข้ารับการบำบัดรักษาอาการของผู้ที่ติดยาเสพติดแล้ว น่านซึมเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกที่ศิวัชต้องไปอยู่สถานบำบัด น่านนั่งเหม่อลอยและไม่ได้ตั้งใจเรียนเหมือนก่อน...เรื่องผลการเรียนที่ตกลงไปของน่านนั้นทำให้หนุ่ยรู้สึกเป็นห่วงเอามากๆ...เขากับเพื่อนร่วมแก๊งนั้นเรียนดีขึ้นเป็นลำดับ...ทั้งหมดเริ่มมองหาที่เรียนในระดับมหาวิทยาลัยแล้ว การที่น่านมาเป็นแบบนี้ทำให้หนุ่ยพยายามอย่างยิ่งที่จะดึงน่านให้เข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วยกัน น่านจะได้ไม่รู้สึกเหงาและเก็บตัวอีกต่อไป อีกอย่างจะได้ช่วยเรื่องเรียนของน่านไปด้วย
“น่านรายงานของอาจารย์สำเนียง...น่านมาอยู่กลุ่มเดียวกับเรานะ...” เสียงหนุ่ยชวนน่านเข้ากลุ่มด้วยกัน แก๊งของหนุ่ยมี 6 คนแต่อาจารย์ให้จับกลุ่มละ 7 คนฉะนั้นต้องดึงน่านมาเข้ากลุ่มอีกคนจะได้ครบพอดี
“ยังไงก็ได้...” น่านหันมายิ้ม
“กลุ่มของเรามีแคน อ้น ป้อ ปรีย์ ทีมหนุ่ยแล้วก็น่าน” หนุ่ยบอกน่าน
“ไอ้ทีม...เขียนชื่อส่งอาจารย์เลย...กูจองชื่อกลุ่มที่หนึ่งนะเว้ย” แคนบอก
“ทำไมต้องเอากลุ่มหนึ่งด้วยวะ...เดี๋ยวต้องพรีเซ้นต์ก่อน” ทีมถามเพื่อน
“เออน่าพรีเซ้นต์ก่อนน่ะไม่กดดัน...เสร็จแล้วจะได้นั่งดูคนอื่น...มึงรู้รึเปล่า...ถ้าพรีเซ้นต์ที่หลัง...มึงก็มานั่งใจตุ้มๆต่อมๆ” ไอ้ปรีย์เสนอแนวความคิดที่แยบยล
“เออดีเหมือนกันนะ...” น่านเห็นด้วย...ทุกคนในกลุ่มสรุปตามนั้น...ขอเป็นกลุ่มที่หนึ่ง
วิชานั้นจะต้องส่งในอีกสัปดาห์ถัดมาและต้องพรีเซนต์ไปพร้อมๆกันเลย เพราะฉะนั้นระหว่างนี้ เพื่อนๆทั้งหมดต้องแบ่งงานกันทำ น่านกับหนุ่ยและปรีย์ได้รับงานพิมพ์ลงคอมและเข้ารูปเล่ม...เป็นงานที่น่านถนัดเหมือนกัน แม้จะไม่มากนักแต่น่านน่าจะทำได้ดี...
“ไปทำที่บ้านเราก็ได้นะ...” หนุ่ยเสนอให้ไปใช้สถานที่ที่บ้าน
“ดีเหมือนกัน...บ้านไอ้หนุ่ยกว้างยังกะวัง” ปรีย์พูด
เด็กทั้งสามคนมาทำรายงานกันที่บ้านหนุ่ย หนุ่ยพาเพื่อนเข้ามาทำงานกันในห้องนอนของเขา เมื่อเห็นห้องนอนส่วนตัวของหนุ่ยที่ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามทำให้น่านคิดถึงวัชขึ้นมาทันที สองคนนี้มีห้องส่วนตัวเหมือนกัน น่านเองนั้นต้องนอนกับน้องชาย บ้านก็เป็นตึกแถวขายอาหารอยู่แถวๆโรงเรียนนั่นเอง น่านไม่เคยมีห้องส่วนตัว ส่วนปรีย์ก็เช่นเดียวกัน เขาต้องนอนกับพี่ชายเหมือนกัน ปรีย์นั้นเคยมาแล้วจึงไม่ได้ตื่นตาตื่นใจอะไร ปรีย์เริ่มทำรายงานโดยใช้โน้ตบุ๊คของหนุ่ย...
“ของเก่าน่ะ...พี่ธีร์ให้เอามาใช้” หนุ่ยบอกน่าน
“ขอเปิดโทรทัศน์หน่อยนะ...” น่านขออนุญาต
“ตามสบายเลยน่าน...เดี๋ยวหนุ่ยลงไปหาอะไรมาให้กิน” หนุ่ยว่าแล้วก็เดินออกจากห้องไป
น่านเปิดโทรทัศน์โดยไล่ไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ข่าวการล้อมจับนักค้ายาบ้ารายใหญ่ เนื้อหาที่ข่าวรายงานมานั้นเหมือนกับเป็นผลการจับนักค้ารายย่อยที่ชื่อนายอุ้ย...ต่อมาก็สืบสวนขยายผลจนมาจับนักค้ายารายใหญ่นี้ได้...
“นายอุ้ย...” น่านทวนชื่อๆนี้ไปมา...ใครนะชื่อคุ้นๆ
“น่านมาดูนี่สิ...ไอ้นี่จะทำยังไง” ปรีย์ตะโกนถามน่านที่นั่งคิ้วขมวดอยู่บนที่นอน
“เป็นอะไรไป...ทำไมทำหน้าอย่างนั้น...” ปรีย์ถามน่าน
“ดูข่าวยาบ้าเมื่อกี้นี้...มีชื่อนายอุ้ย...เราคุ้นๆนะ...นายรู้จักมั้ย...” น่านถามปรีย์ แต่พอดีหนุ่ยเข้ามาได้ยินพอดี
“ไอ้อุ้ยที่ถูกจับเรื่องที่มันทำร้ายร่างกายเราเมื่อตอนนั้นรึเปล่า...” หนุ่ยพูดจบทำให้น่านนึกขึ้นมาได้ทันที
“เออใช่...” น่านร้องออกมา ใจเขาคิดถึงวัชขึ้นมาทันที ตอนนี้วัชอยู่ที่ไหนนะ น่านเป็นห่วงขึ้นมา จึงกดโทรศัพท์หาวัชทันที
“วัชเมื่อกี้น่านดูข่าวว่ามีการจับคนค้ายาบ้า...ที่ตำรวจขยายผลจากคดีไอ้อุ้ย” น่านรายงานเร็วปรื๋อ
“อืม...วัชก็ดูอยู่เหมือนกัน” น้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีของวัชทำให้น่านเป็นห่วง
“น่าน...น่านอยู่ไหนอ่ะ...” เสียงวัชดูร้อนรน
“น่านอยู่กับปรีย์..มาทำรายงานบ้านหนุ่ย...”
“อืม...ทำเสร็จแล้วโทรมาหาหน่อยสิ...วัชอยากเจอน่าน...ให้วัชไปรับที่บ้านหนุ่ยก็ได้นะ” เสียงวัชเจื้อยแจ้วมาตามสาย น่านนั่งยิ้มที่คนรักอยากเจอเขา...เขาเองก็อยากจะเจอวัช...ใจจะขาด
“ได้...เสร็จแล้วน่านจะโทรไปหานะ...” น่านวางหู
เด็กๆทำรายงานกันจนเสร็จ หลังจากนั้นปรีย์รับอาสาที่จะไปเย็บเล่มให้ น่านเลยกดโทรศัพท์หาวัช...ปรีย์ขอตัวกลับไปก่อนพร้อมแฮนดี้ไดร์ฟเก็บข้อมูลรายงาน ระหว่างที่น่านคอยให้วัชมารับ
“น่าน...คิดอะไรอยู่” หนุ่ยเห็นเพื่อนที่นั่งเรียนคู่กัน ทำหน้าเศร้ากว่าที่เคยเป็น
“อือ...น่านกำลังกลุ้มใจเรื่องข่าวเมื่อกลางวัน” น่านหันมาบอก ดวงตาเอ่อคลอคล้ายจะร้องไห้
“ไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง...น่านคิดมากไปรึเปล่า” หนุ่ยเดินมาโอบไหล่เพื่อนเอาไว้ รูปร่างหนุ่ยพอๆกับวัช ทำให้น่านรู้สึกเหมือนกับมีวัชมายืนเคียงข้าง
“ไม่มีอะไรมากก็ดีสิ...น่านกลัวว่ามันจะตามล้างแค้นวัชเอาน่ะสิ” น่านบอก
“เรื่องอะไรต้องมาล้างแค้น” หนุ่ยถามด้วยความสนใจ
“ก็เรื่องที่หนุ่ยเคยถูกกันเป็นพยานเพื่อสาวให้ถึงผู้ค้ารายใหญ่...ตอนที่ไอ้อุ้ยถูกจับเมื่อหลายเดือนก่อนน่ะสิ” น่านถอนหายใจเฮือกใหญ่
“วัชรู้ตัวรึเปล่า...” หนุ่ยถาม
“น่าจะรู้นะ...ตอนหลังๆน่านเห็นวัชไปไหนมาไหนต้องหลบๆซ่อนๆตลอดเวลา...แค่ชวนไปจตุจักรวัชยังไม่ยอมไปเลย” น่านตั้งข้อสังเกต
“ต้องบอกผู้ใหญ่ให้รู้นะ...เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะน่าน” หนุ่ยพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้เพื่อน
“น่านก็บอกวัชว่าให้บอกคุณตา...คุณยาย...ไม่รู้เหมือนกันว่าวัชบอกรึเปล่า...” น่านเล่าให่หนุ่ยฟังจนหมด เพราะลึกแล้วน่านเองก็มองเห็นอยู่แล้วว่า...หนุ่ยเองน่าจะเป็นคนที่ไว้ใจได้...และน่าจะเป็นที่พึ่งทางความคิดได้
“....ปี๊น...ปี๊น...” เสียงบีบแตรรถเบาๆทำให้ทั้งคู่หันไปมอง
“วัชมารับแล้ว...น่านไปก่อนนะ...แล้วเจอกันวันจันทร์” น่านโบกมือให้หนุ่ย
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักเมื่อคิดถึงเรื่องของวัชขึ้นมา...คิดไม่ออกว่าถ้าเป็นเขา...เขาจะทำยังไง...จะหนีหรือจะสู้กับมันดี
..................................................
“พี่ธีร์...มาเมื่อไหร่ครับ” หนุ่ยทักธีร์เมื่อเดินลงมาเห็นธีร์ที่โต๊ะอาหารเย็น วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าเลยทีเดียวทั้งคุณภาณี ธีร์และเต้
“หวัดดีครับพี่เต้...” หนุ่ยยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ...ใครเห็นก็ต้องชม
“มาเมื่อกี้นี้เอง...มานั่งคอยคุณชายของบ้านนันทนกุล” เสียงของธีร์ค่อนขอด
“ธีร์นี่ก็ละ...”คุณภาณีตีมือของลูกชาย
“ดูสิคุณแม่...จะทานข้าวกันทีไร...ต้องคอยทุกครั้ง” ธีร์พูดกับคุณภาณี แต่สายตาก็หันไปหาพวกด้วยการพยักเพยิดกับเต้
“แกไม่ต้องมาหาพวกไอ้ธีร์...แกมีเรื่องจะต้องคุยกับชั้นหลายเรื่อง” เต้มองธีร์แบบดุๆ...ยิ่งคนพูดน้อยๆอย่างเต้ได้พูดแล้วด้วย...ธีร์จึงสงบปากลงได้
“ขอโทษครับทุกคน...พอดีผมดูข่าวภาคค่ำอยู่ครับเลยลงมาช้า” หนุ่ยบอกทุกคน
“อะไร...หนุ่ย...เนี่ยนะดูข่าว...” ธีร์พูดออกมาเพราะไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มดูโทรทัศน์สักเท่าไหร่เลย
“ผมดูข่าว.....” หนุ่ยเล่ารายละเอียดของข่าวที่เขาดูเมื่อกลางวันและข้อสังเกตที่น่านคุยกับเขาเมื่อเย็นนี้ให้ทุกคนฟังจบหมด
“เฮ้อ...” ภาณีถอนหายใจออกมา
“เป็นอะไรคุณแม่...” ธีร์แซวแม่ตัวเอง
“หนักใจแทน...พ่อแม่เจ้าวัชจริงๆ” ภาณีพูด
“ไม่ต้องหนักใจหรอกครับคุณแม่...พ่อวัชมันอยู่อเมริกา...แม่มันอยู่แอฟริกาใต้” หนุ่ยบอกยิ้มๆ
“โอย...ฉันจะเป็นลม...ทำไมมันถึงรันทดขนาดนี้นะ” ภาณีกุมขมับ
“ยังกับเป็นลูกตัวเองเลยนะ” ธีร์ประชดประชัน
“ไอ้ธีร์ขอคุยด้วยหน่อยสิ” เต้เบรคธีร์ไว้กลางคัน...แล้วดึงมือธีร์ออกไปข้างนอก
“ป้าจิต...ขอชาร้อนถ้วยนึง...น้ำขิงถ้วยนึง” เต้ร้องสั่ง
“คุณแม่ครับ...วัชน่ะอยู่กับตายายสามคนเท่านั้นนะครับ” หนุ่ยเล่าให้ภาณีฟังถึงชีวิตของวัช...ว่าโตมายังไงและปัญหาทางด้านจิตใจ...รวมทั้งเรื่องที่เคยติดยา
“ดีนะที่มีคุณตาคุณยายที่ยังรักและเข้าใจ...วัชเองก็น่าจะมีพื้นฐานทางจิตใจที่ดี...ไม่งั้นอาจจะเสียคนไปแล้วก็ได้” ภาณีให้ความเห็นอย่างคนที่มีประสบการณ์
“เออหนุ่ย...เรื่องบ้านเราที่ระโนดน่ะ...หนุ่ยจะเอายังไงหือ...หนุ่ยจะขายหรือจะเก็บเอาไว้ก่อน” ภาณีถาม
“คุณแม่เห็นว่ายังไงล่ะครับ...” หนุ่ยย้อนถามความเห็น
“แม่ก็แล้วแต่หนุ่ยนะ...จะเก็บไว้ก็ได้...แต่ก็ต้องหาคนดูแล...เห็นว่ามีเจดีย์เก็บกระดูกปู่กับย่าอยู่ไม่ใช่เหรอ...”
“ครับ...ผมไม่อยากจะขาย...ผมอยากเอาไว้เป็นเอ่อ...เอ่อ...”หนุ่ยก้มหน้า
“แล้วแต่นะลูก...เก็บไว้ก็ได้...จ้างคนแถวๆนั้นช่วยดูแลก็น่าจะได้เนอะ...” ภาณีหาทางออก
“ครับ...” หนุ่ยรับคำ
“แม่ว่าปิดเทอมนี้หนุ่ยชวนพี่ธีร์ไปจัดการให้เรียบร้อยดีมั้ยลูก” ภาณีว่า
“โหย...คุณแม่ครับ...พี่ธีร์จะว่างเหรอครับ...วันๆทำงานหนักขนาดนี้” หนุ่ยพูดยิ้มๆ
“เออ...ถ้าหนุ่ยชวนแม่ว่าพี่ธีร์อาจจะหาเวลาว่างพาไปก็ได้นะ...” ภาณีพูดยิ้มๆ
“ผมจะลองชวนดูครับ” หนุ่ยบอก
“ใกล้จะปิดเทอมแล้วนี่...ยังไงบอกพี่เค้าล่วงหน้าหน่อยก็ดีนะ” ภาณีว่าแล้วเดินขึ้นห้องไป ...