ตอนที่ 3
พระอาทิตย์เจิดจ้าบนท้องฟ้าถูกบดบังรัศมีโดยมวลเมฆครึ้มสีเทา มันส่งเสียงครืนๆน่ากลัวสักพักจนกระทั่งหยาดน้ำฟ้าเทลงมาบนดิน ทำให้ติณณ์ที่กำลังยืนรอคนมารับตรงหน้าโรงเรียน ต้องหลบเข้าใต้หลังคาของฟุตบาทเพื่อหลบฝน
ติณณ์เกลียดฝน
โดยเฉพาะฝนที่ตกหนักแบบนี้
ทั่วบริเวณที่เจ้าตัวยืนอยู่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คงยังหลบฝนกันอยู่ในอาคารเรียน เหลือเพียงแต่ตัวเขากับสายฝนล้อมรอบ ลมพัดแรงจนฝนบางส่วนสาดเข้าคนในร่ม แถมยังเกือบทำร่างบางๆนั่นปลิวหายไปกับลม
เปรี้ยง! อยู่ๆฟ้าก็คำรามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผู้คนสะดุ้งโหยง โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบเสียงดังๆอย่างติณณ์ บรรยากาศโดยรวมส่งผลให้เขาหดหู่อย่างมาก
รอบๆตัวไม่มีใครนอกจากฝน
อ้างว้าง หนาวเย็น และรู้สึกไม่ปลอดภัย
ติณณ์ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อไหร่อาธารจะมา
เขายืนรออยู่นานแสนนาน แต่ก็ไร้วี่แววสักคัน
หรือว่าจะโดนทิ้ง พอจินตนาการแบบนั้นในสถานการณ์น่าหดหู่แบบนี้ น้ำตามันก็รื้นขึ้นมาอย่างอ่อนแอ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่ออดกลั้นก้อนสะอื้น พยายามเลิกคิดแบบนั้นจะได้ไม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้
โตแล้ว ยิ่งเป็นผู้ชายด้วย ใครเขาร้องไห้กัน ว่าไหม?
ปริ้นๆ เพราะมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ จึงไม่รู้ว่ารถของอาธารมาจอดตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ในระหว่างที่กำลังเปิดประตูขึ้นรถ เด็กหนุ่มเปียกฝนในระยะเวลาสั้นๆ แต่ด้วยความที่ฝนตกหนัก เลยทำให้ชุดนักเรียนเปียกมากกว่าควรที่จะเป็น
"ขอโทษที่มารับช้านะติณณ์ วันนี้รถติดนิดหน่อย" ธาราชี้แจง "ดูซิเปียกหมดแล้ว"
ธาราพูดขึ้นตามภาพที่เห็น โชคดีที่ไม่ได้เปียกจนชุ่มไปทั้งชุดนักเรียนสีขาวตัวบางๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ธาราต้องหัวใจวายตายแน่
เมื่อร่างบางที่เปียกฝนนั้นถูกเป่าด้วยแอร์รถ สองแขนก็กอดร่างตัวเองขึ้นมาอัตโนมัติด้วยความหนาว ธาราเห็นท่าทีนั้นจึงเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทบนเบาะหลังมาห่มให้เด็กหนุ่มได้อบอุ่น
"ขอบคุณครับ"
รถออกจากโรงเรียนไปได้สักพัก ติณณ์รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ไม่รู้สิ มันรู้สึกมีอะไรที่ไม่เหมือนทุกๆวัน
วันนี้อาธารไม่ชวนคุย
ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะยิ้มให้เด็กหนุ่ม ตอนนี้กลับเคร่งเครียดอย่างปิดไม่มิด ติณณ์ไม่กล้าถามว่าอาธารเป็นอะไร เพราะคนข้างๆดูน่ากลัวมากในตอนนี้ จึงได้แต่นั่งเงียบๆอย่างอึดอัดใจ
Rrrrrrrrrrr อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของธาราก็กรีดร้องขึ้นมา ทำเอาผู้โดยสารสะดุ้งเล็กน้อย แต่เจ้าของโทรศัพท์กลับไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าใครโทรมา
"สวัสดีครับ" เงียบไปสักพัก ธาราก็ถอนหายใจ "อีกแล้วหรอ? ลูกค้าต้องการงานพรุ่งนี้นะคุณ!...ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจะเข้าบริษัทตอนนี้ล่ะ"
ธาราหัวเสียอย่างมากที่ต้องกลับไปแก้งานด้วยตัวเองถึงบริษัท ก่อนอื่นต้องไปส่งติณณ์ที่บ้านก่อน แต่เมื่อสายตาคมมองไปที่จราจรก็พบว่าตัวเองต้องถอนหายใจอีกครั้ง
และเขาต้องตัดสินใจแบบนี้
"ติณณ์ วันนี้รีบกลับบ้านหรือเปล่า"
"ไม่ครับ"
"งั้นติดรถไปบริษัทกับอาแปปนึงได้มั้ย? ทางบ้านเรามันต้องยูเทิร์น ตอนนี้รถติดมาก อากลัวว่าจะไม่ทันการ"
"เอ่อ...งั้นอาธารปล่อยผมลงตรงป้ายรถเมล์ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมข้ามสะพานลอยไปเอง"
"เรามีร่มมั้ย?"
"ไม่มีครับ"
"แล้วจะเดินตากฝนไปหรอ หืม ฝนตกหนักมาก ทางเข้าบ้านน้ำท่วมแน่ๆ อาไม่ให้ติณณ์เดินไปหรอก" ธาราใช้น้ำเสียงอ่อนลง "ไปกับอานะครับ แปปเดียวจริงๆ"
"...ครับ"
ติณณ์ไม่เข้าใจตัวเองว่ารู้สึกแย่ทำไม
ถ้าอาธารไม่เสียเวลามารับเขา คงจะถึงบริษัทเร็วกว่านี้หรือเปล่า เหมือนเป็นภาระยังไงไม่รู้ ยิ่งเห็นอาธารเครียด ติณณ์ยิ่งรู้สึกไม่ดี รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความเครียดนั้น
ติณณ์รู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไปในช่วงนี้ แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ
ถ้าเป็นคนอื่นๆที่มานั่งตรงนี้แทนเขา คงจะพูดอะไรสักอย่างให้อาธารสบายใจขึ้นมั้ย? จะดีกว่าเขาที่เอาแต่นั่งเงียบและเป็นภาระแบบนี้มั้ย? หรือถ้าไม่มีเขาตรงนี้จะดีกว่า?
เขามันเป็นคนที่ไปอยู่กับใคร ก็ไม่สามารถให้พลังบวกกับคนๆนั้นได้จริงๆ
ติณณ์แอบใช้เล็บจิกข่วนหน้าตักตัวเองใต้เสื้อสูท จะได้รู้สึกเจ็บร่างกายมากกว่าเจ็บที่ใจ และจะได้หยุดฟุ้งซ่านด้วย
วันนี้ฝนตก
และมันกำลังตกอย่างหนักในหัวใจติณณ์
เสื้อสูทที่เคยห่มอยู่บนร่างบางๆ ตอนนี้มันกลับถูกสวมโดยคนร่างแข็งแกร่ง
ติณณ์เพิ่งเคยเห็นธาราสวมชุดสูทแบบนี้ มันส่งให้ผู้ใหญ่คนนั้นดูเคร่งขรึม น่าเคารพ น่าเกรงขาม ตอนที่เดินเข้าบริษัทมีแต่คนยกมือสวัสดีธาราตลอดทาง ส่วนติณณ์ก็ได้แต่เดินตามหลังต้อยๆ แถมยังสัมผัสได้ว่ามีหลายคนกำลังมองมาที่เขา แม้ไม้รู้ว่าถูกมองด้วยสายตาแบบไหน แต่ติณณ์ไม่สบายใจเลย
“ติณณ์นั่งรออยู่ตรงนี้แปปนึงนะ เดี๋ยวอามา”
คนตัวเล็กกว่าถูกจับนั่งบนโซฟาสวยในห้องโถงใหญ่ๆที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา ส่วนธาราเดินหายไปในแผนกเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ติณณ์ที่นั่งตัวลีบอยู่คนเดียว แถมยังเกร็งมากๆเพราะไม่เคยมาที่นี่
ไม่สิ เคยมาตอนเด็กๆ แต่ติณณ์จำอะไรไม่ได้เลย
“ขอโทษนะคะ ใช่น้องติณณ์ลูกแม่มาลินหรือเปล่า?”
อยู่ๆก็มีพนักงานผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเข้ามาทักทายเด็กหนุ่ม อายุดูไล่เลี่ยกับอาธารและแม่ ถ้าให้เดาคงเป็นเพื่อนของแม่
“ใช่ครับ”
“ตายแล้ว ใช่จริงๆด้วย พวกน้ามองกันตั้งนานว่าใช่หรือเปล่า” น้าผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น “โตขนาดนี้แล้วหรอ เจอกันคราวนั้นยังตัวเล็กนิดเดียวเอง โตมาหล่อเชียว”
“ขอบคุณครับ” พร้อมหัวเราะแห้งๆเมื่อถูกชม
ติณณ์ถูกบรรดาผู้ใหญ่รุมถามสารพัด เป็นไงบ้าง สบายดีไหม อยู่ม.อะไรแล้ว เรียนที่ไหน จะเข้าคณะอะไร คิดถึงติณณ์มากเลย บลา บลา บลา เด็กหนุ่มหัวแทบหมุนเวลาถูกล้อมด้วยผู้ใหญ่ เขาก็ทำได้แต่ตอบทุกคำถามให้ครบ และรู้สึกแย่เป็นพิเศษเวลาตอบคำถามเกี่ยวกับแม่
“เอ้อ ลืมถาม น้องติณณ์มากับคุณธาราหรอ?”
“คุณธารา?” ติณณ์นึก “อาธารใช่ไหมครับ”
“โอ้ รู้จักกันหรอ” น้าสาวคนหนึ่งดูตกใจ “ลืมไป คุณธาราเขาเป็นเพื่อนกับมาลินนี่นา”
“แล้วสรุปมากับคุณธาราได้ยังไงจ๊ะน้องติณณ์”
“เอ่อ…” จากนั้นติณณ์ก็เล่าถึงสาเหตุที่เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้
“คุณธาราไปรับไปส่งน้องติณณ์ทุกวันเลยหรอ ใจดีจัง”
“อยากให้คุณธาราไปส่งฉันบ้าง”
“ละเมอ!”
ผู้ใหญ่พูดคุยกันเองสักพัก ก่อนจะลาเด็กน้อย “งั้นพวกน้าไปทำงานก่อนนะจ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะน้องติณณ์”
ติณณ์ยกมือไหว้พวกผู้ใหญ่ก่อนจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกรอบ เขานึกสงสัยว่าอาธารอยู่ตำแหน่งอะไร ทำไมถึงต้องเรียกว่าคุณธารา แล้วที่บอกว่าอาธารเป็นเพื่อนกับแม่ของเขานี่เป็นความจริงสินะ
ตลอดเวลาที่เด็กหนุ่มนั่งตรงนั้น ก็มีแต่คนมอง ไม่รู้ว่าเพราะเขาใส่ชุดนักเรียนเลยดูโดดเด่นในบริษัทนี้ เพราะเขาเป็นลูกของมาลิน หรือเพราะเขามากับธารา ติณณ์อึดอัดมาก ได้แต่แสร้งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไหนจะแอร์ที่นี่เย็นมาก ไอหนาวมันทะลุผ่านชุดนักเรียนตัวบาง แถมกางเกงมันก็ไม่ได้ยาวมาก นี่มันหนาวกว่าในรถของอาธารเสียอีก
เมื่อไหร่อาธารจะมา ในหัวของติณณ์มีแต่คำนี้
“เด็กคนนั้นเป็นใคร”
ไตรภพเอ่ยถามกลุ่มพนักงานที่เข้าไปคุยกับเด็กที่ใส่ชุดนักเรียนคนนั้น ที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ที่ธาราเดินมากับคนตัวจ้อยนั่นแล้ว มันทำให้กระตุกต่อมสงสัยอย่างมาก ว่าธาราไปรู้จักกับเด็กหน้าตาน่ารักคนนั้นได้ยังไง และเด็กคนนั้นเป็นใคร
“น้องติณณ์ค่ะคุณไตรภพ เป็นลูกของมาลินที่เคยเป็นพนักงานในแผนกเดียวกันกับคุณธารา แล้วคุณธาราต้องเข้ามาแก้งานกะทันหันตอนกำลังไปส่งน้องติณณ์ที่บ้าน แต่อะไรๆไม่สะดวก น้องติณณ์เลยต้องติดมาด้วยน่ะค่ะ”
“อืม…” ไตรภพพยักหน้าเข้าใจ “ขอบคุณพวกคุณมาก ไปทำงานได้แล้ว”
หลังจากที่ไล่พนักงานของตัวเองไปทำงานเสร็จสรรพ ผู้บริหารก็เดินเข้าไปหาเด็กติณณ์ที่กำลังเอาแต่นั่งลูบแขนตัวเองบรรเทาความหนาว
“สวัสดีครับ”
นั่นเป็นคำทักทายของไตรภพที่แล่นเข้าหูเด็กหนุ่ม คนถูกทักทายยกมือสวัสดีกลับทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ถ้าให้เดาคงเป็นคนรู้จักกับแม่ หรือไม่ก็อาธารอีกนั่นแหละ
“อาชื่อไตรภพนะ เป็นเพื่อนกับธารา ส่วนเรา…ชื่อติณณ์ใช่มั้ย?”
“ครับ”
ไตรภพเริ่มทำการสำรวจคู่สนทนา เด็กคนนี้หน้าตาดี ผิวขาวใสไปทั้งตัว ขาเรียวสวย รูปร่างบาง กระดูกไหปลาร้าขึ้นสวย รวมๆแล้วเรียกได้ว่า นี่คือสเป็คของไตรภพทั้งหมด
“มารออาธารหรอครับ”
“ครับ”
“งั้นเดี๋ยวอาขอนั่งคุยเป็นเพื่อนนะ พอดีอาว่างๆอยู่เหมือนกัน” ไตรภพชวนคุย “นี่ไม่ค่อยกินข้าวใช่ไหมเนี่ย ตัวเราผอมมากเลย”
“…ครับ”
ผู้ใหญ่หัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีขี้อายนั้น จากการพูดคุยไม่กี่ประโยค เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้พูดไม่เก่ง เขาจึงเป็นฝ่ายชวนคุย
“ข้าวมันไม่อร่อยหรอถึงไม่กิน”
“เอ่อ…ผมแค่ไม่ค่อยหิวน่ะครับ”
ติณณ์รู้สึกได้ว่า อาไตรภพคนนี้ ยิ้มเก่งเหมือนอาธาร ชวนคุยเก่งเหมือนอาธาร ดูเหมือนจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ อาภพไม่ถามเกี่ยวกับการเรียนหรือเรื่องส่วนตัวเลย ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องทั่วๆไป วันนี้ฝนตกหนักนะ รถติดแน่ๆ ตอนติณณ์นั่งมาก็รู้ใช่มั้ยว่าติด นั่งจนเมื่อยเลยสิ อาเบื่อกรุงเทพก็เพราะแบบนี้ อย่างนั้น อย่างนู้น ติณณ์เลยตอบได้อย่างไม่อึดอัดใจ เพราะอาภพไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขาเหมือนน้าผู้หญิงพวกนั้น
ซึ่งดีมากๆ
“ติณณ์เป็นคนพูดน้อยนะ”
“เอ่อ…ครับ” ติณณ์ตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ
“ไม่ใช่ไม่ดีนะ อาชอบคนพูดน้อยๆ ไม่น่าเบื่อหรอก เพราะอาพูดเยอะ ถ้าอยู่กับคนพูดเยอะจะแย่งกันพูด อารำคาญคนพูดมาก” ไตรภพว่าขำๆ “ยกเว้นอา อาพูดเยอะได้คนเดียว”
ติณณ์หัวเราะเบาๆกับคำพูดนั้น ไม่ได้หัวเราะตามมารยาท แต่ติณณ์รู้สึกดีกับคำพูดนั้นจริงๆ
แอบดีใจที่มีคนไม่เบื่อเวลาอยู่กับเขา ดีใจที่มีคนมาบอกว่าชอบสิ่งที่เขาเป็น ทั้งๆที่เขาน่ะโคตรเบื่อตัวเองเลย
อาภพเป็นคนร่าเริงจริงๆ พูดไม่หยุดเลย แถมยังไม่ชวนคุยเรื่องเครียดๆด้วย ที่สำคัญ อาภพยิ้มตลอดเวลา มันทำให้ติณณ์รู้สึกดีที่เวลาคนอยู่กับเขามีความสุข เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวว่าตัวเองยิ้มออกมาตั้งแต่ตอนไหน มารู้ก็ตอนที่อาภพพูดชมว่า ติณณ์น่ะ เวลายิ้มแล้วน่ารักมากเลย
“ข…ขอบคุณครับ” ไม่เคยมีใครชมมาก่อนว่าเขาน่ารัก เลยประหม่าเล็กน้อย
“น่ารักจริงๆนะ ตอนที่เห็นน่ะ หัวใจอาเต้นแรงมากเลย”
พอถูกพูดตรงๆแบบนี้ ติณณ์ประหม่าอย่างมาก รู้สึกมือตัวเองเกะกะ ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน เลยเอามาลูบแขนเบาๆเพื่อบรรเทาความหนาวดังเดิม
“หนาวหรอครับ”
“ครับ”
“งั้นไปนั่งที่อื่นมั้ย ตรงนี้แอร์มันลง แล้วก็…” ไตรภพมองซ้ายมองขวา “…คนเยอะด้วย”
เป็นความคิดที่ดี เพราะติณณ์ไม่ชอบตรงนี้เลย
ตอนกำลังคุยกับอาภพ กลับมีคนมองมาทางติณณ์มากกว่าตอนเดินมากับอาธารอีก
“ครับ…ไปครับ”
หารู้ไม่
เด็กน้อยกำลังคิดว่าผู้ใหญ่คนนี้ปลอดภัยกับตัวเอง
ติณณ์นึกว่าไตรภพจะพาไปนั่งที่อื่นที่ไม่ไกลจากเดิม ที่ไหนได้ ผู้ใหญ่คนนั้นพาเด็กหนุ่มเข้ามาถึงห้องทำงานส่วนตัว
ติณณ์อยากจะถอยหลังกลับ แต่ไม่ทันแล้ว
“เดี๋ยวอาชงโกโก้ร้อนให้ดื่มนะ จะได้อุ่นๆ”
ร่างบางถูกจับให้นั่งบนโซฟานุ่มๆ มันนั่งสบายกว่าโซฟาที่ห้องโถงนั้นเสียอีก ติณณ์อยากจะปฏิเสธโกโก้ร้อนนั้นด้วยความเกรงใจ แต่ก็รู้อยู่ว่าถึงปฏิเสธไปอาภพก็ยืนยันจะทำให้อยู่ดี
ระหว่างรอ แขกผู้มีเกียรติแอบมองห้องทำงานนี้ มันค่อนข้างขว้าง หรูหราด้วยการตกแต่ง เหมือนห้องทำงานของคนมีตำแหน่งสูง เพียงแต่ติณณ์ไม่รู้ว่ามันคือตำแหน่งอะไร แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย เพราะถ้ารู้เขาต้องเกร็งมากแน่ๆ
ไม่นานนัก โกโก้ร้อนกลิ่นหอมหวานก็โชยมาแตะจมูกเล็ก เด็กหนุ่มตาวาวเมื่อแก้วโกโก้ถูกยื่นมาโดยผู้ใหญ่ตรงหน้า เขาไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณก่อนที่จะรับแก้วนั้นมา ของเหลวสีน้ำตาลเข้มไหลรินเข้าโพรงปากจนได้รสหอมหวานของโกโก้ชั้นดี อุณหภูมิที่ไม่ร้อนลวกปากจนเกินไปทำให้ดื่มง่าย กลืนลงไปแล้วอบอุ่นร่างกายดี
เครื่องดื่มอุ่นๆ ห้องเงียบๆ ได้อยู่กับคนที่บอกว่าไม่เบื่อเขา
นี่มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับวันแย่ๆของติณณ์วันนี้เลย
ไตรภพนั่งชิดข้างๆตัวเด็กหนุ่มทั้งๆที่โซฟามีพื้นที่ตั้งกว้าง แขนแกร่งยกขึ้นวางบนพนักพิงด้านที่เด็กคนนั้นนั่ง แถมยังหันตัวมาทางติณณ์อีก มองๆดูแล้วเหมือนติณณ์กำลังถูกไตรภพโอบอย่างไรอย่างนั้น
เด็กหนุ่มรับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกผู้ใหญ่มอง มองแบบจังๆ ไม่กะพริบตาเลย ติณณ์ไม่กล้าหันไปดูว่าอาภพกำลังมองตัวเองด้วยสายตาแบบไหน เลยทำได้แต่ก้มหน้าดื่มโกโก้ร้อนอึกๆอย่างเดียว
ไตรภพมองดู ‘เหยื่อ’ ที่ทำตัวไม่ถูกเวลาโดนมอง เขารู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเด็กคนนี้โดยการจ้องไม่หยุด เวลาต่อมา พวงแก้มใสทั้งสองข้างเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ อย่างที่ไตรภพรู้ว่าติณณ์กำลังประหม่า
โกโก้ร้อนหมดแก้วแล้ว เด็กหนุ่มวางแก้วนั้นลงที่โต๊ะข้างๆ ส่วนปัญหาต่อไปคือ เขาไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหนดี
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรอ” ไตรภพถามอย่างล้อเลียน
“อร่อยครับ”
“อาชงร้อนขนาดนั้นเลยหรอ หืม…” นิ้วสากเคลื่อนไปลูบไล้แก้มแดงๆนั่น “แก้มแดงเชียว…น่ารัก”
พอได้สัมผัสกับแก้มเนื้อเนียนใสนั้น ไตรภพเคลื่อนนิ้วไปที่ปลายคางมน แล้วบังคับให้ใบหน้าอ่อนเยาว์หันมาสบตากัน ติณณ์รู้สึกหน้าร้อนมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอาภพกำลังใช้สายตาแบบไหนมองเขา ไม่รู้สิ รู้สึกว่าดวงตาคมนั้นวาววับ เป็นประกายแปลกๆ
ติณณ์เกร็งตัวเมื่อถูกมือสากสัมผัสใบหน้า ไตรภพรู้สึกติดใจแก้มเนียนๆเลยเอาแต่ลูบอย่างหลงใหล สักพักก็เปลี่ยนไปลูบใบหูขาวๆจนมันเปลี่ยนเป็นสีแดง ติณณ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกเคลิ้มเพราะเบาะมันนุ่ม เพราะอากาศมันกำลังพอดี หรือเพราะถูกลูบเบาๆแบบนี้
“ง่วงหรอครับ…” ไตรภพกระซิบชิดใบหูขาวนั้น “ง่วงก็หลับซะนะ”
มือใหญ่โอบศีรษะเล็กให้มาพิงบนบ่าแกร่ง แล้วลูบผมนิ่มๆนั้นเพื่อกล่อมให้หลับ
ทั้งๆที่เด็กคนนั้นถูก‘กล่อม’ด้วยโกโก้ร้อนเรียบร้อยแล้ว
เปลือกตาของเด็กหนุ่มปิดลงอย่างง่ายดาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้ไตรภพมั่นใจว่าเด็กคนนี้หลับไปแล้ว ดวงตาคมจ้องมองต้นขาขาวที่มีรอยแดงน่าสงสัย เหมือนรอยข่วน แต่เขาไม่สนใจหรอกว่ามันเกิดจากอะไร เขาสนใจแต่ว่า สีแดงๆนั่นมันตัดกับผิวขาวๆได้สวยมาก
มือสากเคลื่อนไปลูบไล้ต้นขานั้นที่มีรอยแดง และเริ่มลามขึ้นไปจนกางเกงนักเรียนเลิกขึ้น เผยให้เห็นขาอ่อนด้านใน มือแกร่งจัดการขยำเนื้อนุ่มนั้นอย่างถือวิสาสะจนมันเกิดรอยนิ้วมือ นักล่าตาวาวมากกว่าเดิมเมื่อเห็นผิวสะอาดนั่นแปดเปื้อนไปด้วยรอยแดง อยากจะใช้ฟันคมเข้าไปกัดเนื้อนั้นให้เลือดซิบ
อยากได้
ไตรภพอยากได้เด็กคนนี้
ก็อกๆ ไฟราคะถูกดับด้วยเสียงเคาะประตู ไตรภพถอนหายใจด้วยความหัวเสีย และละมือออกจากขาอ่อนนั้นด้วยความเสียดาย
“เชิญครับ”
คนที่เปิดเข้ามา คือธารา
เขาหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มเมื่อเห็นว่าติณณ์กำลังซบบ่าใคร
ตอนที่เขาเดินออกมาจากแผนก ก็ไม่เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิมแล้ว โชคดีที่มีคนบอกเขาว่าเห็นติณณ์เดินไปกับไตรภพ พอถามคนนั้นคนนี้เรื่อยๆ ก็ได้คำตอบว่า เด็กดีคนนั้นอยู่ในถ้ำเสือร้าย ตอนรู้แบบนั้นเขาแทบอยากจะบ้า
ผีย่อมเห็นผีกันเอง
“ติณณ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ คุณไตรภพ” ธาราพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้หาเรื่องมากเกินไป
แต่ไตรภพดูออก ว่าธารากำลังไม่พอใจ
“ก็ไม่มีอะไร เด็กมันหนาว เลยชวนมาดื่มอะไรร้อนๆเฉยๆ” ผู้บริหารตอบอย่างสบายๆ
“ถ้าแค่นั้น ก็ดีครับ…งั้นผมขอพาติณณ์กลับบ้านนะครับ”
“เชิญ”
ไตรภพกำลังจะปลุกให้เด็กติณณ์ตื่น แต่ธาราเข้ามาดึงร่างบางนั่นออกไปเองเสียก่อน เขาเรียกพร้อมเขย่าให้ติณณ์ตื่น ไม่นานนักดวงตาสวยก็ลืมขึ้นมาอย่างงงงวย
“อาธาร…?”
“ครับ อาเอง กลับบ้านกันนะ” ธารายิ้มให้กับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว
ติณณ์มองไปที่ไตรภพผู้กำลังยิ้มแย้มอย่างเดิม เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกล่วงเกิน เลยกล่าวลาอาภพอย่างสุภาพดังเดิม
“ไว้เจอกันใหม่นะติณณ์”
ไตรภพบอกอย่างนั้นขณะที่ธารากำลังโอบไหล่เด็กหนุ่มอย่างหวงแหน ก่อนจะเดินออกจากห้อง ธาราหันมามองไตรภพด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า ‘อย่ายุ่งกับเด็กคนนี้เป็นอันขาด’
ผู้บริหารกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสายตานั้น ธาราดูหวงแหนเด็กคนนั้นมาก และเขาไม่เคยเห็นน้องชายหวงใครมากขนาดนี้
แต่ไตรภพก็อยากได้เด็กคนนั้นมากเหมือนกัน
หึ…น่าสนุกจริงๆ
talk.
มัวแต่แอ๊บใส ระวังโดนตัดหน้านะคะอาธาร
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
#เด็กมันน่ารัก