พิมพ์หน้านี้ - ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: TiXA ที่ 21-02-2019 13:23:41

หัวข้อ: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 21-02-2019 13:23:41
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





(https://pbs.twimg.com/media/Dz7G_bXUUAMFIaw.jpg)




ธาราอยากจะใช้มือคู่นี้ลูบหัวเด็กคนนั้นอย่างอ่อนโยน
อยากจะใช้มือคู่นี้ปกป้องจากอันตรายใดๆ
อยากจะใช้มือคู่นี้โอบกอดให้ความอบอุ่น

แต่บางที...
ธาราก็อยากจะใช้มือคู่นี้ลูบไล้ผิวเนียนใสนั้น
อยากจะใช้มือคู่นี้ขย้ำร่างบางให้ช้ำเนื้อ
และบางทีก็อยากใช้มากกว่ามือ...ทำให้เด็กคนนั้นแปดเปื้อน





สารบัญ

บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3947282#msg3947282)
ตอนที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3948637#msg3948637)
ตอนที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3949833#msg3949833)
ตอนที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3951220#msg3951220)
ตอนที่4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3952615#msg3952615)
ตอนที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3956394#msg3956394)
ตอนที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3957456#msg3957456)
ตอนที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3961466#msg3961466)
ตอนที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3963557#msg3963557)
ตอนที่ 9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3964940#msg3964940)
ตอนที่10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3966549#msg3966549)
ตอนที่11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3968650#msg3968650)
ตอนที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3970545#msg3970545)
ตอนที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3974127#msg3974127)
ตอนที่14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3977421#msg3977421)
ตอนที่15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3982326#msg3982326)
ตอนที่16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg3985798#msg3985798)
ตอนที่17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69675.msg4019461#msg4019461)(UP!)
#เด็กมันน่ารัก




ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @TiXA_20X จะได้ไม่พลาดตอนใหม่ๆจ้า

**คำเตือน : นิยายเรื่องนี้นายเอกยังเป็นผู้เยาว์ แต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ**
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-02-2019 13:29:32
 :hao7: แค่เริ่มก็ชอบแล้วค่ะ  o13 รออ่านนะค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 21-02-2019 13:31:48
บทนำ


       "อือ..."



     คนตัวบางใต้ร่าง"ธารา"ส่งเสียงประท้วงในลำคอยามอยู่ในห้วงนิทรา เมื่อคนข้างบนกำลังขบดูดซอกคอขาวอย่างหน้ามืดตามัว ธาราใจเต้นแรงราวมันจะปะทุออกมาในยามที่ลิ้นอุ่นได้สัมผัสกับลำคอเนื้อเนียน จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากร่างบางอย่างกับโดนมอมเมาด้วยกลิ่นและรส



     กว่าเขาจะได้สติและหยุดการกระทำ ก็ตอนที่'เด็ก'ใต้ร่างขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าร่างกายกำลังถูกรบกวนด้วยอะไรบางอย่าง



     อะไรบางอย่างที่ว่าละใบหน้าออกจากซอกคอน่าหลงใหลนั้น ก่อนที่จะมองใบหน้าละอ่อนของเด็กดีที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว สุดท้ายธาราก็คิดว่า คนมีมลทินอย่างเขา ไม่ควรจะทำผ้าขาวแปดเปื้อน



     ธาราขบกรามแน่น ไม่อาจดับไฟราคะที่คุกรุ่นในใจได้ ร่างหนาพาตัวเองเข้าห้องน้ำ จัดการอารมณ์ด้วยฝ่ามือเสร็จสรรพ เขาเริ่มตั้งคำถามว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



     จุดที่คนที่ฟันใครมามากอย่างเขา ต้องมาอดทนอดกลั้น แล้วทำตัวเป็นพ่อพระ กับเด็กอายุ18คนนึง









     มันคงเริ่มจากวันนั้น เช้าวันจันทร์ที่จราจรไม่น่าพึงประสงค์



     ธาราเพิ่งย้ายมาอยู่ในย่านนี้ ก็ถูกรับน้องด้วยการนั่งแช่อยู่ในรถส่วนตัวเป็นชั่วโมง หนุ่มใหญ่มองวิวข้างนอกรถเพื่อฆ่าเวลา พลันสายตาก็ไปหยุดอยู่เด็กม.ปลายคนนึงที่เดินอยู่บนฟุตบาทท่าทางกำลังเดินไปโรงเรียน



     เด็กคนนั้น คนที่เพิ่งเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่องานศพของมาลิน



     มาลินที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานของเขา และมาลินที่เป็นแม่ของเด็ก'ติณณ์'คนนั้น



     ธาราเจอติณณ์ครั้งแรกตั้งแต่เด็กน้อยยังตัวเล็กนิดเดียว มาลินเคยพาลูกมาที่ทำงาน คนในแผนกต่างเอ็นดูและอยากเข้ามาเล่นด้วย แต่เด็กน้อยเอาแต่หลบหลังแม่ ไม่พูดคุยกับใครนอกจากแม่ เหมือนโลกทั้งใบมีแต่แม่มาลิน



     เวลาผ่านไป มาลินไม่ได้พาติณณ์มาที่ทำงานอีก แต่เธอยังคงชอบเล่าเรื่องราวของลูกให้ธาราฟัง พร้อมเปิดภาพประกอบให้ดู เหมือนกับธาราได้เฝ้าดูการเติบโตของเด็กคนนี้ จากการเล่าเรื่องของมาลินบ่อยๆ



     จนกระทั่งมาลินถูกรถชน



     ธาราจำได้แม่นว่าตัวเองน้ำตาไหลในงานศพ มาลินเป็นเพื่อนของเขาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แถมยังอยู่แผนกเดียวกันตอนทำงาน ไหนจะชอบมาเล่าเรื่องลูกให้ฟังบ่อยๆ



     แต่ทว่าวันนั้นธาราก็จำได้แม่น ว่าไม่มีน้ำตาสักหยดจากติณณ์



     ภาพที่เห็นคือเด็กคนนั้นมีแววตาว่างเปล่า ไม่นานนักก็เริ่มเป็นแววตาเศร้าสร้อย น้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย ฟันขาวขบกัดริมฝีปากบางอย่างกับกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็กลับมาทำหน้าเรียบเฉย



     เรียบเฉยอย่างวันนี้



     งานศพเพิ่งพ้นไปเมื่อเดือนที่แล้ว ธาราอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าติณณ์จะสบายดีไหม อา คงไม่สบาย เพราะปกติมาลินต้องส่งลูกไปโรงเรียนทุกวัน



     ธาราจ้องร่างบางที่กำลังเดินท่ามกลางแดดจ้าที่กระทบบนผิวขาวๆนั่น มันยิ่งส่งให้เด็กคนนั้นมีออร่า น่าจับตามอง แต่มันคงจะแสบผิวน่าดู ธารานึกเสียดายผิวสวยๆนั่นถ้าหากว่าถูกเผาไหม้จากแดด



     คนในรถมีความคิดที่จะเรียกให้ติณณ์ติดรถไปด้วยกัน แต่ต้องถูกยกเลิกไป เพราะหนึ่ง เขาไม่ได้อยู่ในเลนติดฟุตบาท สอง ติณณ์คงจะจำไม่ได้ว่าตาแก่วัย40ปีนี่เป็นใคร คงไม่ยอมขึ้นรถไปด้วยแน่



      และแล้วก็ถึงสัญญาณไฟเขียว ธาราคิดช่างแม่ง หลังจากนี้ก็คงไม่เจอกันแล้ว





     ธาราคิดผิด



     แทบจะทุกๆเช้าบนจราจร ในตอนที่รถติด เขามักจะเห็นติณณ์เดินไปโรงเรียน



     แต่วันนี้ เด็กน้อยหยุดนั่งพักตรงป้ายรถเมล์ กำลังนั่งหอบด้วยความเหนื่อย เหงื่อเม็ดเล็กไหลจากหน้าผากมาสู่คาง และมันก็ไหลย้อยมาตามลำคอขาว ลูกกระเดือก และไหปลาร้า ก่อนจะไหลหายเข้าไปในชุดนักเรียน



     ให้ตายเถอะ



     ธาราปฏิเสธไม่ได้ว่าช่วงลำคอของติณณ์น่ามองมาก



     เป็นโชคดีที่กระจกรถติดฟิล์มค่อนข้างทึบ ไม่งั้นคงเห็นภาพหนุ่มใหญ่กำลังจดจ้องลำคอหนุ่มน้อยด้วยสายตาวาววับ อย่างกับเสือเจอเหยื่ออันโอชะ



     ธาราสลัดความคิดหื่นกามของตัวเองออก ก่อนจะหันไปโฟกัสกับไฟสัญญาณจราจรแทน



     การที่ธาราต้องมาเห็นติณณ์เดินบนฟุตบาทบ่อยๆทำให้เขาเริ่มสังเกตเด็กนี่มากขึ้น เริ่มจากหน้าตาที่จัดว่าดี ออกไปทางหล่อมากกว่าหน้าหวาน ผิวพรรณนวลใส แต่ติดที่ว่าชอบทำหน้าตาย ไม่สิ ทำหน้าเหมือนโลกนี้ไม่น่าอยู่มากๆต่างหาก



     และตัวย่อชื่อโรงเรียนที่ปักบนหน้าอก เป็นโรงเรียนดังในย่านนี้ ตรงไปอีกนิดนึงก็ถึงแล้ว



     แต่ติดตรงที่ว่า.....



     วันหนึ่ง ธาราต้องตื่นเช้ามากเป็นพิเศษ ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างก็ว่าได้ ขณะที่เขากำลังพารถออกจากคอนโดมิเนียมที่อยู่ เขาก็เจอติณณ์กำลังเดินออกจากหมู่บ้านข้างหน้า



     มันแปลกตรงไหนน่ะหรอ



     ตรงที่โรงเรียนกับหมู่บ้านนี้ ไม่ได้ใกล้พอที่จะสามารถเดินไปเรียนได้แม้แต่น้อย มันไกลมาก ทีแรกเขาคิดว่าติณณ์บ้านอยู่ใกล้โรงเรียน หรือไม่ก็นั่งรถเมล์มาลงป้ายหรอกหรอ



     ธาราเก็บความสงสัยไว้ในใจ หรือเรื่องมันอาจไม่ใช่อย่างที่เห็นกันนะ? อยู่ๆก็โดนปลุกความเป็นเด็กวิทย์ขี้สงสัย เขาทดลองตามดูพฤติกรรมการไปโรงเรียนของเด็กนี่ทุกวันๆ สังเกตว่าติณณ์เดินผ่านป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้านไปอย่างหน้าตาเฉย ไม่มีการขึ้นรถใดๆทั้งสิ้น



     ถึงจะดูโรคจิต แต่ก็สรุปได้ว่า ติณณ์เดินไปโรงเรียนทุกวัน



     ทำไมไม่ขึ้นรถเมล์ รถตู้ หรือแท็กซี่ล่ะ?



     ธาราทนไม่ไหวที่ต้องเห็นเด็กน้อยเดินหอบไปโรงเรียนทุกวัน ถ้ามาลินมาเห็นเธอจะรู้สึกยังไง? ให้ตาย เขาต้องทำอะไรสักอย่าง



      แผนการเข้าหาเด็ก101 คงเริ่มต้นนับจากนี้













talk.

นี่เป็นเรื่องราวของพระเอกวัย40กับเด็กอายุ18นะคะ /ไอดังคุกๆ ถ้าสนใจรบกวนคอมเม้นหน่อยนะคะ/กราบ พอดีพล็อตมันแวบเข้ามาในหัว ลงบทนำดูฟีดแบคก่อน ถ้าไม่แป้กก็แต่งต่อ ถ้าแป้กก็จะแต่งต่อ /ห้ะ
ปล.เรื่องนี้ลงทั้งเว็บเด็กดีและเล้าเป็ดเน้อ ไม่ต้องตกใจว่าก็อปรึเปล่า ไรท์คนเดียวกัน555555



#เด็กมันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — บททำ (21.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 21-02-2019 13:46:51
ชอบค่ะ  o13  อย่าทิ้งกันน้าาาาา  o13
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — บททำ (21.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: แพรวฐา ที่ 21-02-2019 15:18:57
ติดตามค่าาา o13
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — บททำ (21.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-02-2019 18:43:27
ขอแบบแดดดี้(ที่ไม่ใช่พ่อ)นะจ๊ะ   :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — บททำ (21.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 24-02-2019 23:09:54
ตอนที่1
     

            “ติณณ์ วันนี้มึงเอาข้าวมากินปะ” โต้เอ่ยถามเพื่อนในกลุ่มเมื่อเจ้าตัวกำลังนั่งบนเก้าอี้ ติณณ์ทำเพียงพยักหน้าตอบ ก่อนที่จะฟุบหน้าลงกับโต๊ะเลคเชอร์



            “มึงนี่น้า เป็นแบบนี้ตลอด หัดนอนไวๆบ้างเหอะมึง”



            ติณณ์รับฟังคำพูดนั้นแล้วปล่อยให้มันผ่านหูไป ตอนนี้เขาเหนื่อยเกินกว่าที่จะพูดกับโต้  มันเป็นแบบนี้ทุกเช้า พอติณณ์มาถึงโรงเรียนเขามักจะงีบก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยลงไปเข้าแถว เนื่องจากเขาอ่อนล้าจากการเดินมาโรงเรียน และง่วง



            หลังจากที่แม่เสีย เขากลายเป็นคนกลัวรถ ภาพที่เห็นแม่ถูกรถชนยังติดตาและหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้ มันทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าขึ้นรถโดยสารทุกประเภท เขายอมเดินในระยะทางที่ไกล แม้ว่าจะเหนื่อยมากก็ตาม



            นายติณณ์ถูกเลี้ยงมาโดยแม่คนเดียว แต่โชคดีเหลือเกินที่มาลินมีหน้าที่การงานดี เงินเดือนเยอะ ฉะนั้นไม่มีปัญหาเลยสำหรับการเลี้ยงติณณ์ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีมาตั้งแต่เล็กจนโต



            “ไหนมึงเอาอะไรมากิน ขอดูหน่อยดิ้” โต้ถือวิสาสะค้นถุงพลาสติกที่บรรจุข้าวกลางวันของติณณ์ “ขนมปังอีกละ? มึงอิ่มหรอกูถามจริง”



            หลังจากนั้นโต้ก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง โต้เป็นเพื่อนสนิทของติณณ์มาตั้งแต่สมัยม.ต้น ติณณ์กล้าเรียกโต้ว่าเพื่อนสนิทในตอนนั้น เพราะเวลามีเรื่องอะไร ก็มีแต่เพียงแม่กับโต้เท่านั้นที่เด็กหนุ่มยอมให้รับรู้เรื่องราวในชีวิต ยอมแชร์ประสบการณ์ที่ดีและไม่ดี



            พอขึ้นม.ปลาย กลุ่มเพื่อนเริ่มใหญ่มากขึ้น แน่นอนว่าโต้สนิทกับเพื่อนหลายคนเพราะเป็นคนอัธยาศัยดี ต่างกับติณณ์ที่พูดไม่เก่ง ไม่ใช่ว่าไม่ชอบเข้าสังคม เพียงแต่ติณณ์ไม่ถนัดที่จะเข้าหาคนแปลกหน้าเท่านั้น ก็พอมีเพื่อนอยู่บ้าง แต่ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นอย่างที่เคยสนิทกับโต้



            ระยะห่างระหว่างคนสองคนมากขึ้น จนติณณ์ไม่กล้าเรียกโต้ว่าเพื่อนสนิทอีกต่อไป เพราะกลัวว่าเขาเป็นฝ่ายเดียวที่สนิทด้วย และเขาก็ไม่กล้าเรียกร้อง เพราะมันกลัวจะดูงี่เง่า



            แต่พอแม่เขาเสีย โต้กลับมาใกล้ชิดกับติณณ์มากขึ้น เริ่มจากที่โต้มานั่งเป็นเพื่อนเขาแบบนี้ในทุกๆเช้า เห็นว่าติณณ์ไม่ยอมลงไปกินข้าวกลางวันเลยซื้อข้าวมาให้ เขายืนยันว่าไม่กินแต่เพื่อนเขาก็บังคับให้กินอยู่นั่น สุดท้ายติณณ์ต้องเอาข้าวกลางวันมากินเองบนห้อง จะได้ไม่ลำบากโต้ และโต้ก็จะนั่งกินข้าวกลางวันบนห้องเป็นเพื่อนเขาทุกวัน



            อย่างที่เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้



แทนที่จะเรียกว่าความหวังดี แต่ติณณ์คิดว่ามันก็แค่ความสงสาร พอเวลาผ่านไป ถ้าโต้เห็นว่าเขาเข้มแข็งขึ้น ก็คงจะห่างกันเหมือนเดิม



            ไม่ต้องมาสงสารเราหรอก



            เรามันน่าเบื่อ อยู่ด้วยก็น่าเบื่อ เราไม่สนุกเท่าไปอยู่กับคนอื่นๆหรอก



            ไม่อยากปล่อยพลังลบใส่ใคร ไม่อยากให้ใครมาเบื่อเวลาอยู่กับเรา



            ไม่ต้องมาทำให้เราคิดว่าเรามีเพื่อน เพราะสุดท้ายเราก็ต้องอยู่คนเดียว



            ติณณ์ปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆกับพื้นโต๊ะ เก็บเสียงสะอื้นให้เบาที่สุด เมื่อก่อนเขามักจะร้องไห้ในอ้อมกอดแม่ แล้วตอนนี้ล่ะ เขาจะไปร้องไห้กับใคร



            นอกจากตัวเองคนเดียว





 

            “นี่มึงดูนี่ ย่ากูทำกุ้งทอดกระเทียมมาให้กิน ของโปรดมึงนี่” ไม่ว่าเปล่า โต้เปิดกล่องข้าวเมื่อถึงเวลาพักเที่ยง เขาจำได้ว่ามันเป็นเมนูโปรดของใครบางคน หวังว่าอาหารที่ชอบจะทำให้สุขภาพจิตของติณณ์ดีขึ้นบ้าง



            คนชอบกุ้งทำเพียงปรายตามอง ก่อนที่จะกัดขนมปังไส้หมูหย็องคำเล็กๆเข้าปาก ติณณ์รู้ทันว่าสิ่งที่โต้กำลังทำก็เพราะอยากให้เขาอารมณ์ดี ไม่ใช่เพราะอยากกลับมาสนิทด้วยแต่อย่างใด



            ติณณ์เข็ดเหลือเกินกับการเอาชีวิตตัวเองไปผูกกับใครมากเกินไป พอถึงคราวโดนทิ้ง มันเจ็บเหมือนจะตายอย่างไรอย่างนั้น



            เขาเลยแก้ปัญหาโดยการนับจากนี้เขาจะไม่เปิดรับใครอีกแล้ว หากไม่มีการผูกพัน ก็จะไม่เจ็บปวด ทำให้โต้ทนไม่ไหวกับความน่าเบื่อของเขา แล้วโต้ก็จะจากไปเอง



            “อะ กุ้งมึงอะ”



            เจ้าของกุ้งทอดกระเทียมนำช้อนที่บรรจุด้วยกุ้งหนึ่งตัวไปจ่อปากเพื่อนคนหน้าตาย ติณณ์ปฏิเสธด้วยการส่ายหน้า โต้ถอนหายใจให้กับความดื้อด้าน จึงตัดสินใจจับปลายคางเพื่อนให้หันหน้าเข้าหากันดีๆ บีบริมฝีปากบางนั่นให้อ้าออกเบาๆ จากนั้นก็ทำการยัดกุ้งเข้าปาก



            “จะดื้อไปเพื่อ? กินๆเข้าไปให้เยอะๆ ตัวมีเนื้อบ้างหรือเปล่าวะน่ะ”



            โต้บ่นอีกแล้ว แต่ติณณ์ทำหูทวนลม



            “มึงดูแลตัวเองบ้างดิ ไม่ชอบให้มึงเป็นแบบนี้เลย กูเป็นห่วงมึงนะเว้ย”



            โกหก



            “จะแอดมิชชั่นอยู่แล้ว เป็นห่วงสุขภาพบ้าง อดทนกินเข้าไปหน่อยเถอะ เพื่อตัวของมึงเอง”



            หยุดสงสารกันสักที สุดท้ายแล้วตัวเขาก็ต้องอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง



            “ติณณ์? มึงฟังกูไหมเนี่ย”



            “อืม”



            โต้ถึงกับตบหน้าผากตัวเองเมื่อเห็นเพื่อนตอบส่งๆ มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าตอบตามมารยาท ติณณ์รับรู้ถึงความหนักใจของคนข้างๆ แต่เขาไม่ได้หนักใจตามไปด้วย



            ดูซิ มึงจะทนความน่าเบื่อของกูได้อีกนานเท่าไหร่กัน



            ติณณ์เดินกลับบ้านอย่างเคยตั้งแต่อะไรๆเปลี่ยนไป ถามว่าชินไหม ก็คงต้องตอบว่าไม่ เดินไปโรงเรียนหนึ่งเดือน เทียบกับนั่งรถไปโรงเรียนทั้งชีวิต มันเทียบได้ที่ไหนกัน



            เด็กหนุ่มอยู่บ้านหลังเดิมคนเดียว มรดกจากแม่ก็มากพอที่จะใช้ชีวิตต่อไป และยังมีพวกญาติที่ต่างจังหวัดโอนเงินมาให้อย่างไม่ขาดมือ แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่เขารู้สึกขาดแคลน



            คงจะเป็นความอบอุ่น



            นึกแล้วก็แค่นยิ้มประชดให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง ที่ไม่ไปอยู่กับญาติเพราะไม่สนิทกับญาติเหมือนกัน ใช่ ญาติแท้ๆจากสายเลือดนั่นแหละที่ไม่สนิท เวลาแม่พาไปหาญาติ เขาไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกับใครนอกจากแม่ ทำแต่เพียงยิ้มและตอบคำถามเป็นมารยาท บางทีเขาก็เกลียดตัวเองที่เข้ากับใครยากเหลือเกิน



            ติณณ์สลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว จากนั้นก็อาบน้ำชำระเหงื่อ ทำโจทย์เตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยจนดึกดื่น ที่หักโหมขนาดนี้เพราะไม่อยากว่าง ถ้าไม่มีอะไรทำแล้วจะฟุ้งซ่าน เลยเอาแต่อ่านหนังสือ และไม่กินข้าวเย็น



            ไม่ใช่เพราะเอาแต่อ่านหนังสือ แต่เป็นเพราะกินไม่ลง ไม่อยากอาหาร แค่ดื่มน้ำเท่านั้น



            พออ่านหนังสือจนง่วง ติณณ์เริ่มปิดไฟเข้านอน แต่คืนของเขาไม่จบแค่นั้น



            เด็กหนุ่มนอนร้องไห้เมื่อความมืดและความอ้างว้างเข้ามาเยือน สมองเอาแต่วนลูปภาพที่แม่ถูกรถชน และตอกย้ำความโดดเดี่ยว ไม่มีใครให้ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกต่อไป



            ร่างบางกอดหมอนข้างแน่น เพื่อให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว และห่มผ้าหนาๆให้ความอบอุ่น ให้เหมือนกับว่ากำลังถูกใครสักคนกอด



            เสียงสะอื้นในความมืดยังคงดังอยู่นาน จนกระทั่งเจ้าของร่างอ่อนล้าและผล็อยหลับไปเอง





 

            กิจวัตรประจำวันของติณณ์วนลูปแบบนี้อยู่ทุกวัน คือ กินข้าวเช้า เดินไปโรงเรียน ถูกโต้บังคับกินข้าวกลางวัน กลับบ้านมาอ่านหนังสือ ร้องไห้ก่อนนอน และหลับในเวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปโรงเรียน



            แต่วันนี้ มีบางอย่างเปลี่ยนไป



            ในขณะที่ติณณ์กำลังทำโจทย์ เสียงออดของบ้านก็ดังขึ้นอย่างที่ไม่ได้ดังมานาน เขาแปลกใจอย่างมากเมื่อชะโงกหน้าไปดูตรงหน้าต่างก็พบว่า มีผู้ใหญ่คนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูรั้ว



            เจ้าของบ้านเดินออกไปที่ประตูรั้ว ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร ผู้ใหญ่นิรนามก็เอ่ยขึ้นเสียก่อน



            “สวัสดีครับติณณ์ จำอาได้ไหม?”



            ติณณ์เริ่มมองสำรวจคนแปลกหน้า…คนๆนี้เป็นผู้ชายดูมีอายุห่างจากเขาหลายปี ถ้าให้เดาคงพอๆกับแม่ แต่งตัวดี เหมือนทำงานในบริษัท ตัวสูง หุ่นดี อา หมายถึงมีกล้าม หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม แต่ด้วยความที่เจ้าตัวฉีกยิ้มแบบเป็นมิตรสุดๆเลยดูใจดีไม่น้อย



            รวมๆแล้ว ติณณ์จำผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยสักนิด



            “ขอโทษนะครับ คือผมจำไม่ได้” ติณณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงงุนงงปนรู้สึกผิด



            “อา นั่นสิ จำได้ก็แปลก ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน นี่อาธารนะ เป็นเพื่อนของแม่มาลิน เราเคยเจอกันตอนที่ติณณ์ตัวเล็กนิดเดียวเอง ที่ทำงานแม่เราไง จำได้ไหม?”



            เด็กหนุ่มเริ่มรื้อฟื้นความจำ ภาพที่จำได้คือแม่เคยพาเขาไปที่แผนกตอนอยู่อนุบาล แล้วก็มีผู้ใหญ่ยิ้มให้มากมาย ทำท่าจะข้ามาหาติณณ์ตั้งหลายคน ติณณ์กลัวมากเลยเอาแต่หลบหลังแม่ ฉะนั้น เขาจำใครไม่ได้ทั้งนั้น



            “อ๋อ…ครับ” อ๋อไปอย่างนั้น ติณณ์จำไม่ได้หรอก แน่นอนว่าธาราดูออก



            “จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก อาแวะมาทักทายเฉยๆ พอดีเพิ่งย้ายมาอยู่แถวนี้” ธาราชวนคุย “เป็นไงบ้าง สบายดีไหม แล้วนี่อยู่บ้านคนเดียวหรอ”



            “ครับ” ติณณ์เลือกตอบแค่คำถามที่สอง



            “นี่ อาซื้อก๋วยเตี๋ยวมาฝาก ไม่รู้ว่าชอบไหม แต่รับรองว่าอร่อย เจ้าเด็ดเชียวนะ”



            ธาราหยิบยื่นน้ำใจให้เด็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าติณณ์ยังไม่ไว้ใจเขาเท่าไหร่เลยไม่ยอมเปิดประตูรั้วมารับ ให้ตาย มาลินคงสอนลูกว่า ‘อย่าไปรับขนมจากคนแปลกหน้านะลูก’ แน่ๆ



            เมื่อเป็นอย่างนี้ หนุ่มใหญ่เลยยื่นนามบัตรให้กับติณณ์เพื่อแสดงตัวตนและความน่าเชื่อถือ “ถ้ากินเข้าไปแล้วรู้สึกผิดปกติก็เรียกตำรวจให้มาจับอาได้เลย เอาน่า อาไม่ใช่โจรหรอกนะ แค่แวะมาทักทายเฉยๆว่าสบายดีไหม รับไปเถอะนะครับ”



            พูดขนาดนี้แล้ว เจ้าของบ้านเลยยอมเปิดประตู แล้วยกมือไหว้ขอบคุณก่อนที่จะรับถุงก๋วยเตี๋ยวมา จบด้วยการปิดประตูรั้วใส่



            ธาราคงหวังมากไป นึกว่าติณณ์จะชวนเข้าไปกินน้ำกินท่าในบ้านเสียอีก…



            หึ ขี้ระแวงจริงนะ



            “งั้นอาไปก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่ ดูแลตัวเองดีๆนะครับ”



           ทั้งคู่กล่าวลาตรงประตูรั้วนั้น ธาราออกรถไปแล้ว เหลือแต่ติณณ์ที่มองถุงก๋วยเตี๋ยวอย่างงงๆ ก่อนที่จะเข้าบ้านไปนั่งทำโจทย์เหมือนเดิม และไม่มีความคิดที่จะกินข้าวเย็นดังเดิม



            แต่พอเห็นถุงก๋วยเตี๋ยวแล้วใจมันว้าวุ่น หากต้องลงถังขยะคงจะดูเสียมารยาทไม่น้อย



            ถึงจะไม่อยากอาหารมากแค่ไหน แต่คำว่า ‘มารยาท’ มันค้ำคอ เขาจึงลุกไปหยิบถ้วยในครัวมาอย่างช่วยไม่ได้



            นั่นเป็นวันแรกที่ติณณ์กินข้าวเย็นในรอบเดือน

 

           

 

 

 

            เช้าวันต่อมา ธาราตื่นเช้ากว่าปกติเพื่อมาจอดรถรอใครบางคนอยู่หน้าหมู่บ้าน เหมือนโรคจิตพิลึก แต่ที่ทำไปก็เพราะเป็นห่วง เห็นมาตั้งแต่ตัวเล็กๆย่อมมีความผูกพัน แม้ว่าธาราจะผูกพันอยู่ฝ่ายเดียวก็ตาม



            อะไรช่วยได้ก็ช่วยๆกันไป



            ไม่กี่อึดใจ เป้าหมายก็เดินออกมาจากหมู่บ้าน ธารารีบออกจากรถแล้ววิ่งตามเด็กหนุ่ม แล้วลดความเร็วลง ทำทีว่ามาเดินแถวนี้ก่อนอยู่แล้ว



            “ติณณ์” ธาราสะกิดหลังติณณ์ เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนสะกิดก็ยกมือไหว้ทักทายทันที



            “สวัสดีๆ กำลังจะไปโรงเรียนหรอ”



            “ครับ”



            “ไปยังไง”



            “เดินไปครับ”



            “อ้อ…” ธาราพยักหน้า และถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แก่ใจ“อยู่โรงเรียนอะไรล่ะหืม”



            นักเรียนตอบชื่อโรงเรียนมา โหมันอยู่ไกลมากเลยนะ เดินไหวได้ยังไง ธาราแสร้งถาม ติณณ์ยิ้มเป็นมารยาทแล้วยืนยันว่าไหวครับ หนุ่มใหญ่ชี้ทางสว่างให้ติดรถไปด้วยกัน แต่ก็เป็นไปตามคาด ติณณ์ปฏิเสธเพราะเกรงใจ



            “ไม่ต้องเกรงใจเลย อาต้องไปทำงานทางนั้นพอดี ไม่ได้ลำบากอะไร” ธาราเองก็ยืนยันจะพาเด็กคนนี้ไปส่งให้ได้



            “ไม่เป็นไรจริงๆครับ ขอบคุณนะครับ” ติณณ์ปฏิเสธอย่างมีมารยาท



            “เดินไปไม่เหนื่อย ไม่ร้อนหรือไง หืม”



            “ไม่ครับ”



            โกหกชัดๆ



            เขามันไม่น่าเอามาเป็นเพื่อนร่วมทางขนาดนั้นเลยหรือไงถึงได้ปฏิเสธขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ใช่ลูกของมาลินนี่เขาช่างแม่งไปนานแล้ว



            “ติณณ์กลัวอาลำบากหรอ?”



            “ครับ”



            “ติณณ์ลองคิดดูนะ ระหว่างติณณ์เดินตากแดดไป กับอาขับรถไปแบบสบายๆ ใครลำบากมากกว่ากัน”



            เด็กตรงหน้าเม้มริมฝีปากแล้วหลบตา จากนั้นก็เงียบ เห็นได้ชัดว่าเถียงต่อไม่ได้ ดูแล้วท่าทางจะอึดอัด



            “ไปกับอานะติณณ์ ไปสบายๆไม่ต้องเดินตากแดด” ธาราแตะไหล่เด็กหนุ่ม แล้วดันให้ไปทางรถเบาๆ แต่ติณณ์กลับขืนตัวแล้วส่ายหน้า หนุ่มใหญ่คิดว่าเราจะเล่นสงครามประสาทนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กัน คงต้องเข้าโหมดจริงจัง



            “ติณณ์” ธาราปรับเป็นโทนเสียงอ่อนโยน โน้มใบหน้าลงให้อยู่ระดับเดียวกันกับเด็กน้อยที่เอาแต่หลบตาเขา นิ้วสากจากการทำงานหนักเชยคางมนให้มามองตากัน แล้วจ้องลึกไปในแก้วตาใสนั้น “บอกอาได้ไหมว่าทำไมไม่อยากนั่งรถ”



            “…”



            “งั้นไม่ต้องไปกับอาก็ได้ แต่ติณณ์นั่งแท็กซี่ไปได้ไหม เดี๋ยวอาออกเงินให้ เอาไหม”



            ติณณ์ส่ายหน้าอีกแล้ว แถมยังกัดปากแน่นกว่าเดิม ทำเอาคนมองเหนื่อยใจ เอานิ้วไปคลึงริมฝีปากเบาๆให้คลายออก “อย่ากัดปาก”



            “ผมเดินไปเองได้จริงๆนะครับ”



            “ตากแดดบ่อยๆเดี๋ยวก็ป่วยเอาหรอก สรุปตอบอาได้ไหมว่าทำไมไม่ยอมนั่งรถ”



            “…”



            “จะเลือกไม่ตอบใช่ไหม”



            ธาราก้าวเข้าหาติณณ์ระยะประชิดจนเด็กนักเรียนต้องก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ กระทั่งแผ่นหลังแนบชิดกับกำแพง จากนั้นก็ถูกปิดล้อมอิสระภาพด้วยแขนแกร่ง ติณณ์ตกใจไม่น้อยเมื่อถูกกระทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ตอนนี้เป็นตอนเช้ามืด ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปผ่านมา



            “ไม่ตอบก็ไม่ต้องไปไหนกันทั้งคู่นี่แหละ”



            ระยะนี่มันใกล้จนติณณ์ได้กลิ่นน้ำหอมแบบผู้ใหญ่จากร่างกายคนตรงหน้า เขาว่าตัวเองไม่ใช่คนตัวเล็กอะไร แต่พอมาอยู่ภายใต้อาณัติแบบนี้ เขาดูตัวจ้อยไปทันตา



            ธารามีความสามารถในการกดดันลูกน้อง กับเด็กตัวแค่นี้ถือว่ารับมือง่ายมาก ติณณ์ดูท่าทางเป็นเด็กดี ขี้เกรงใจ ฉะนั้นไม่ต้องใช้ไม้แข็งมากเกินไปก็น่าจะใจอ่อนแล้ว



            “เรากำลังจะสายทั้งคู่นะติณณ์ แต่ถ้าติณณ์ยอมไปกับอา หรือตอบมาดีๆว่าทำไมไม่ยอมขึ้นรถ เรื่องก็จบแล้วนะครับ”



            คนในชุดนักเรียนรู้สึกกดดันอย่างมาก ประโยคนั้นมันแปลได้ง่ายๆว่าเขานั่นแหละที่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ไหนจะสายตาคู่นั้นที่ดูอ่อนโยน ไม่ทำให้รู้สึกว่ากำลังโดนดุอะไร มันทำให้ติณณ์ดื้อไม่ลงกับคนที่ใจดีแบบนี้



            แต่ติณณ์ก็ใช้เวลาสักพักกว่าจะกล้าตอบออกไป



            “ผม…กลัวรถ”



            “กลัวรถ? ทำไมล่ะ?”



            เมื่อคนถามเห็นปฏิกิริยาของคำถูกถาม  เขาแทบอยากจะกลืนคำพูดของตัวเองลงไป เด็กหนุ่มหลบสายตาอีกครั้ง จมูกรั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ดวงตาแววใสเหมือนกับมีน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันอย่างเคยตัว นี่เขากำลังจะเด็กร้องไห้หรือ?



            ธาราปะติดปะต่อเองว่าทำไมติณณ์ถึงกลัวรถนัก พอเดาถึงสาเหตุหนึ่งซึ่งดูมีน้ำหนักมากพอ เขาก็เริ่มพอเข้าใจและไม่เซ้าซี้อีก



            “โอเค อาเข้าใจแล้วว่าติณณ์กลัว…แต่ให้โอกาสอาไปส่งได้ไหม? สัญญาว่าอาจะขับช้าๆ ไม่ต้องกลัวนะ”



            “…”



            “นะครับติณณ์ ไม่น่ากลัวหรอก เชื่ออานะ”



            “…”



            “ช้ากว่านี้จะสายแล้วนะติณณ์”



            สุดท้ายติณณ์ก็ยอมจบสงครามประสาทโดยการตอบตกลงไป สีหน้าของอาธารดูโล่งใจมาก เขาแค่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงเวลาไปทำงานของผู้ใหญ่เท่านั้นเอง



            เมื่อร่างบางถูกยัดเข้าสู่ห้องโดยสารส่วนตัว ความรู้สึกที่แล่นเข้ามาในหัวก็คือ เกร็ง



            เกร็งเพราะเกรงใจ และคนข้างๆไม่ใช่คนที่สนิทด้วย



            ไม่ทันตั้งตัว สารถีใจบุญก็เอี้ยวตัวมาคาดเข็มขัดให้ผู้โดยสาร ติณณ์กลั้นหายใจเมื่อแขนแกร่งที่คุ้นเคยอยู่ตรงหน้า และกลิ่นน้ำหอมของอาธารก็ลอยมาแตะจมูกอีกแล้ว ปกติติณณ์ไม่ชอบกลิ่นน้ำหอมฉุนๆอย่างที่เพื่อนผู้หญิงในห้องฉีด แต่ของอาธารมันเป็นกลิ่นแบบที่เขาอธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าพอได้สูดดมแล้วรู้สึกผ่อนคลายแปลกๆ



            “ขอบคุณครับ”



            แต่ติณณ์ไม่รู้ตัวหรอก



            ตอนที่สารถีเอื้อมมาคาดเข็มขัดให้ ธารากำลังใช้ความพยายามอย่างมากในการห้ามตัวเองไม่ให้มองไปที่ลำคอขาวๆนั่น 







#เด็กมันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 25-02-2019 16:32:58
ลืมtalk.555555

น้องเป็นเด็กดีมีมารยาทค่ะ ส่วนคนดื้อก็คงเป็นอาธาร :o8: ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-02-2019 16:52:54
 :L2: :pig4:

เย็นไว้ตุณอา
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 25-02-2019 18:41:30
ค่อยๆตะล่อมนะคะลุง เอาใจช่วย
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-02-2019 21:23:56
สงสารน้อง..งงงงงงง     :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 25-02-2019 21:54:14
 :pig4:สนุกค่ะ  ตาม
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: MimoreQ ที่ 25-02-2019 23:24:32
เลี้ยงต้อยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่1 (24.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 28-02-2019 14:34:52
ตอนที่ 2   
     



            ผู้โดยสารของธาราหลับปุ๋ยไปแล้ว



            หลังจากที่จับเด็กติณณ์ยัดขึ้นรถได้สำเร็จ เด็กหนุ่มมีท่าทางเกร็งอย่างเห็นได้ชัด นิ้วเรียวจิกหน้าตักแน่น คิ้วขมวดกันเป็นปม สายตามองออกไปยังนอกกระจกรถอย่างหวาดระแวง ถึงธาราจะขับช้ากว่าปกติมาก แต่ติณณ์ก็คงยังดูเป็นกังวล



            "ติณณ์หลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวถึงแล้วอาจะปลุกให้"



เด็กดีเชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ จึงหลับคอพับไปทันใด ระหว่างติดไฟแดงธาราลอบมองผู้โดยสารด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย



            เด็กที่อยู่ในโทรศัพท์ของมาลิน ดูต่างจากเด็กตรงหน้าเขามาก



            มาลินชอบถ่ายอิริยาบทต่างๆของลูกตอนเด็กๆแล้วเอามาเล่าเรื่องกับธารา มีทั้งรูปที่ติณณ์กำลังกินอาหารที่ชอบ ติณณ์กำลังทำหน้าเครียดเวลาอ่านหนังสือ ติณณ์กำลังไปเที่ยว ติณณ์ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แม้มันไม่ใช่เรื่องของธาราเขาก็ยินดีรับฟัง สำหรับมาลินที่อยู่ตัวคนเดียว คงจะอยากอวดลูกให้ใครสักคนได้รับรู้



            แต่เด็กคนนั้นตอนนี้ ดูโทรมเหลือเกิน



            เริ่มจากขอบตาที่คล้ำแถมยังบวมนิดๆเหมือนคนอดนอน ผอมจนกระดูกไหปลาร้าขึ้นชัด ธาราไม่สงสัยเลยว่าทำไมร่างกายอ่อนเพลียนั่นถึงพักผ่อนได้ง่ายในยามนี้



            น่าสงสาร นั่นเป็นคำนิยามคำเดียวสำหรับติณณ์ตอนนี้



            มีแม่อยู่คนเดียวตั้งแต่เล็กจนโต อยู่ๆมาวันนึงต้องอยู่คนเดียว ใช้ชีวิตด้วยตัวเอง แถมยังมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับรถเลยไม่กล้านั่งรถไปโรงเรียน



            ธาราเพิ่งย้ายคอนโดมิเนียมมาอยู่แถวนี้เพราะเนื่องจากได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนก เงินเดือนสูงขึ้น ย่อมเลือกซื้อความสะดวกสบายให้กับตัวเอง คอนโดฯหรูขึ้น ใกล้บริษัทมากขึ้น นี่ถ้าไม่ได้ย้ายมาอยู่แถวนี้เขาเดาไม่ออกว่าป่านนี้ชีวิตติณณ์จะเป็นอย่างไร



            คนหลับไม่รู้เรื่องเอียงคอไปทางประตูรถเล็กน้อย มันเปิดโอกาสให้เห็นขี้แมลงวันจุดเล็กๆที่ซ่อนอยู่ตรงซอกคอขาวนั้น ไม่รู้อะไรดลใจให้ธารามองอย่างไม่วางตา กว่าจะรู้สึกตัว ก็ตอนที่รถคันหลังบีบแตรไล่ยามที่ไฟเขียว



            อา เป็นเอามากนะไอ้ธารา



 

 

            "ติณณ์...ติณณ์ครับ ถึงแล้วนะ"



            ไหล่ของติณณ์ถูกเขย่าเบาๆโดยฝีมือธารา เจ้าของรถมองผู้โดยสารเอามือขยี้ตาตัวด้วยความงัวเงีย ก่อนที่จะปล่อยให้เด็กลงรถเขาก็รีบพูดขึ้นก่อน



            “ติณณ์เลิกเรียนกี่โมง”



            “…บ่ายสามครับ”



            “โอเค เดี๋ยวอาขอเบอร์ติณณ์หน่อยนะ” คนเพิ่งตื่นทำหน้างุนงงตอนที่ผู้ใหญ่ยื่นโทรศัพท์มาให้กรอกเบอร์ แต่แล้วก็ยอมให้เบอร์ไปอย่างไม่อิดออด “ประมาณบ่ายสามครึ่งอาจะมารับที่เดิมนะ”



            “…ครับ?”



            “ก็ตามนั้น อาจะมารับเรากลับบ้านตอนเย็น จะปฏิเสธก็ได้นะ แต่อาก็จะมาจอดรถรอตรงนี้จนกว่าติณณ์จะเดินขึ้นรถอา”



            แล้วมันเรียกว่าปฏิเสธได้ตรงไหน!?

 

 

 

 

            เป็นไปตามคาด



            เวลาบ่ายสามกว่าๆ มีรถคันหรูมาจอดรอใครบางคนที่เดิม ติณณ์ทำได้แต่ถอนหายใจ เขายอมรับตามตรงว่าไม่อยากไปกับอาธารเท่าไหร่ แม้จะสบายก็ตาม แต่เขารู้สึกอึดอัดจริงๆ



            นั่นแหละ คำว่ามารยาทมันค้ำคอไงล่ะ



            "สวัสดีครับ"



            ติณณ์เอ่ยคำนั้นพลางยกมือไหว้ผู้ใหญ่ใจดีตอนขึ้นรถ ธาราฉีกยิ้มเป็นมิตรอย่างเคย เลยทำให้เขาลดความเกร็งไปนิดนึง


           
            "เป็นไง บ้าง เรียนเหนื่อยไหม"



            "ครับ"



            "คาบสุดท้ายเรียนอะไร ดูเหนื่อยๆจริงด้วย"



            "ฟิสิกส์ครับ"



            "ไม่แปลกใจ" ธาราหัวเราะเบาๆ "เมื่อก่อนอาชอบฟิสิกส์นะ แต่พอทำงาน เกลียดเข้าไส้เลยล่ะ"



            ติณณ์อยากจะถามนะว่าอาธารทำงานอะไรถึงได้ใช้ฟิสิกส์ด้วย แต่ติดที่ว่าเขารู้สึกอายๆหรือไม่ก็ขาดความมั่นใจทุกครั้งเวลาชวนคุยกับคนที่ไม่สนิท



            คงจะเป็นปมตอนเด็ก



            "ตอนม.ปลายนะ อาได้ท็อปฟิสิกส์เกือบทุกรอบ แต่พอเรียนมหาลัย ไม่ติดเอฟก็นับว่าเป็นบุญ" ธาราเล่า "อ้อ อาเรียนวิศวะโยธามานะ แล้วเราล่ะ อยากเรียนอะไร"



            อา ได้รู้คำตอบแล้วว่าอาธารเป็นวิศวกรโยธา



            "วิศวะไฟฟ้าครับ"



            "โห ดีเลยนะ งานมั่นคง เงินเดือนดี"



            ธาราชวนผู้โดยสารคุยเยอะกว่าคนขับแท็กซี่เสียอีก แต่ติณณ์ตอบมาแค่ ครับ ไม่ครับ โอเคครับ และเห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มดูท่าทางอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนมาเป็นชวนคุยเป็นระยะๆมากกว่าพูดฉอดๆอย่างตอนแรก 



            “ปกติเรานอนกี่โมงเนี่ยหืม” ธาราชวนคุยในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ถนนข้างหน้า



            “…”



            “ติณณ์?”



            เมื่อไร้เสียงตอบรับจากผู้โดยสาร ธารารู้สึกแปลกใจ แม้ว่าติณณ์จะพูดไม่เก่งแต่เป็นเด็กมีมารยาท ถามอะไรไปมักจะตอบเสมอ ไม่ใช่เงียบแบบนี้



            ธาราปรายตาไปมองที่นั่งข้างๆ ก็พบว่าติณณ์หลับไปแล้ว



            “โถ่ ก็ปล่อยให้อาพูดคนเดียวตั้งนาน”



            ธาราว่าอย่างขำๆ ก่อนที่มือใหญ่จะเอื้อมไปลูบผมของเด็กหนุ่มอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู คนหลับปุ๋ยตอบสนองสัมผัสนั้นด้วยการเอาศีรษะไปไถกับมืออุ่นนั้นเบาๆอย่างไม่รู้ตัว



            หึ อย่างกับแมวที่บ้านแน่ะ



 

            ธาราไปรับไปส่งนักเรียนแบบนี้ทุกๆวัน ภาพชินตาของเขาคือ เมื่อไหร่ที่ติณณ์นั่งรถ ก็จะเผลอหลับทุกๆที ไม่แน่ใจว่าเป็นผลมาจากเบาะนุ่มเกินไป เขาขับรถช้าเกินไป แอร์เป่าหน้ามากเกินไป หรือไม่ก็เจ้าตัวเองนั่นแหละที่นอนน้อยมากเกินไป



            เขาเคยถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการนอนของติณณ์ ก็ได้รับคำตอบว่า เด็กหนุ่มมัวแต่อ่านหนังสือเตรียมสอบ จึงนอนไม่พอ และเขาได้ทำการตักเตือนไปเรียบร้อยว่าอย่าหักโหม ให้นอนเร็วกว่านี้ แต่ดูท่าทางเด็กดีของเขาจะดื้อในเรื่องนี้ เพราะจะกี่วันๆ เขาก็เห็นติณณ์ในสภาพอิดโรยทุกที



            และจะกี่วันๆ ติณณ์ก็คงยังพูดน้อยกับเขาอยู่ดี



            ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว ธาราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองสนิทกับเด็กหนุ่มมากขึ้นเลย เขาสรุปเองได้ว่าติณณ์เป็นคนโลกส่วนตัวสูงมาก เคยชวนไปกินข้าวด้วยแล้วก็ไม่ไป มันทำให้เขาเองต้องระวังไม่ให้ตัวเองล้ำเส้นมากเกินไป กลัวว่าเด็กคนนั้นจะอึดอัดจนไม่ยอมให้ไปรับไปส่งอย่างที่เป็นตอนนี้



            แต่ไม่รู้สิ ธารารู้สึกอยากรู้จักติณณ์มากกว่านี้



 

 

            วันหนึ่ง ธารามารับติณณ์ที่โรงเรียนอย่างเคย



            แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป คือติณณ์หายไปไหนก็ไม่รู้



            เขาโทรหาติณณ์ก็พบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง ธาราเหงื่อตก ทั้งเป็นห่วงทั้งกังวล เป็นห่วงว่าเด็กคนนั้นจะเป็นอะไรหรือเปล่า และเป็นกังวลว่า หรือเด็กคนนั้นจะหนีเขาไปแล้ว?



            ธาราตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน แต่แล้วก็ต้องเดินออกมาด้วยความผิดหวัง เพราะเขาไม่รู้จักชื่อจริงของติณณ์ แถมไม่รู้ด้วยว่าเรียนอยู่ห้องอะไร



            คงจะเหลือแผนสุดท้าย ก็คือเดินสุ่มถามนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่ารู้จักคนชื่อติณณ์ที่อยู่ม.6ไหม เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร จะมีสักกี่คนกันที่รู้จักติณณ์ เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยสุงสิงกับใคร



            แต่แล้วฟ้าก็ประทานเด็กคนหนึ่งมาให้



            “อ๋อ ไอ้ติณณ์น่ะหรอ เพื่อนผมเองครับ”



            ธาราโล่งใจอย่างมากที่ในที่สุดก็เจอคนรู้จักติณณ์สักที



            “พอจะรู้ไหมว่าตอนนี้ติณณ์อยู่ที่ไหน?”



            “ผมเห็นมันนั่งอยู่ตรงลานน้ำพุอะครับ” ว่าแล้วเพื่อนของติณณ์ก็ชี้ไม้ชี้มือบอกพิกัดเป้าหมายให้เป็นอย่างดี



            “โอเค ขอบคุณมากครับ” ก่อนที่จะทำการค้นหาเด็กติณณ์ เขาก็นึกอะไรขึ้นได้ “ว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ”



            “โต้ครับ”



            “อยู่กับติณณ์บ่อยไหม? เอ่อ หมายถึงว่าสนิทกับติณณ์ใช่ไหม?”



            “อา ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนสนิทติณณ์”



            “อาขอเบอร์โต้หน่อยนะ เผื่อว่าอาติดต่อติณณ์ไม่ได้จะได้ติดต่อเราแทน”



            หลังจากแลกเบอร์เสร็จสรรพ โต้มองตามแผ่นหลังของผู้ใหญ่ที่กำลังเดินออกไป พลางคิดไม่ตกว่า…



            ใครวะ!?

 

 

 

            ธาราเดินมาตามทางที่เพื่อนของติณณ์บอกไว้ แล้วเขาก็เจอคนที่ตามหา



            คนๆนั้นนั่งอยู่บนม้าหิน กับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวนอนอืดอยู่บนโต๊ะ



            ติณณ์ยกโทรศัพท์ราคาแพงขึ้นมาถ่ายภาพแมวสีส้มที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วยกยิ้มขึ้นบางๆทำให้เล็กรอยลักยิ้มจางๆที่ปรากฎอยู่บนแก้มใสนั้น



            เป็นครั้งแรกเลยหรือเปล่านะ ที่ธาราเคยเห็นติณณ์ยิ้ม



            “ติณณ์”



            เจ้าของชื่อดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นธาราอยู่ที่นี่ “อาหาตั้งนาน ทำไมถึงปิดโทรศัพท์ล่ะ?”



            หัวใจของติณณ์หล่นไปที่ตาตุ่ม เขาทำอาธารเดือดร้อนอีกแล้ว



            “ขอโทษครับ  คาบสุดท้ายผมสอบ เลยปิดไว้แล้วลืมเปิด”



            อา รอยยิ้มนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแต่สีหน้าที่รู้สึกผิดสุดๆ



            แต่ใครมันจะไปโกรธเด็กดีลง จริงไหม?



            ธาราบอกเด็กหนุ่มว่าไม่เป็นไร ระหว่างที่ทั้งคู่เดินไปที่รถ ธาราเล่าเรื่องแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ของตัวเองที่เลี้ยงไว้ในคอนโด มันชื่อถุงเงิน ชอบกระโดดขึ้นมานั่งทับโน้ตบุคเวลาอาทำงาน บางทีก็ชอบมานอนทับตัวตอนกลางคืน บางทีแกล้งมันหนักๆหน่อยก็โดนตบหน้า อย่างนั้น อย่างนี้ ธาราเล่า แถมยังเล่าไม่หยุดแม้กระทั่งตอนออกรถแล้ว



            เพราะตอนเล่า ติณณ์มองเขาเล่าอย่างสนอกสนใจ แถมยังเรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากเจ้าตัวอีกด้วย



            จับได้แล้ว



            ที่แท้ ก็ชอบแมวนี่เอง

 

 

            วันต่อมา ธารามารับติณณ์กลับบ้านตามปกติ



            ไม่สิ ติณณ์จะยังไม่ได้กลับบ้านตอนนี้



            “เดี๋ยวอาขอแวะซื้อข้าวให้ถุงเงินแปปนึงนะ”



            ว่าแล้วธาราก็จอดรดที่หน้าร้านขายอาหารสัตว์ร้านหนึ่งที่ค่อนข้างดูดีและราคาแพง ไม่นานนักเขาก็เดินออกมาจากร้านนั้น พร้อมถือถุงพลาสติกพะรุงพะรังเต็มสองมือ



            “อามีเรื่องรบกวนติณณ์นิดหน่อยได้ไหม” ธาราแสร้งทำหน้าลำบากใจสุดๆ “ช่วยอาถือถุงอาหารกับถุงทรายขึ้นคอนโดหน่อยนะ”



            มีหรือที่ติณณ์จะปฏิเสธ



            อยากเห็นรอยยิ้มของติณณ์อีกครั้ง ก็ต้องลงทุนหน่อยน่ะนะ

 

 

 

            ติณณ์เดินถือถุงอาหารแมวตามธาราขึ้นคอนโดมิเนียมหรู ภายนอกดูด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่าแพงมาก แต่พอได้เข้าไปในห้อง ก็พบว่ามันดูแพงยิ่งกว่า เฟอร์นิเจอร์หรูหราถูกจัดวางเป็นระเบียบ ไหนจะวัสดุต่างๆที่ใช้ อีกทั้งของตกแต่งที่ทำให้ห้องนี้ดูมีราคาเพิ่มขึ้นไปอีก



            แขกผู้มาเยือนมัวแต่ตกตะลึงกับความงามของคอนโด พอถูกสัมผัสเหมือนขนอะไรนิ่มๆมาถูไถที่ขา ติณณ์ถึงกับสะดุ้งแล้วเผลอถอยตัวออกเล็กน้อย



            “เมี้ยว”



            นี่น่ะหรอ ถุงเงินของอาธาร



            เจ้าสิ่งมีชีวิตพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์เริ่มทำการสำรวจสิ่งมีชีวิตใหม่ที่แปลกหน้า จมูกเล็กๆพยายามที่จะดมเท้ามนุษย์ ติณณ์ตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสเปียกชื้นของจมูกแมวมันติดกับข้อเท้า ถึงเขาจะชอบแมว แต่ก็ไม่ค่อยเล่นกับแมวตัวเป็นๆแบบนี้ มากสุดก็ได้แต่นั่งมองเฉยๆ



            เมื่อติณณ์ถูกสำรวจมากขึ้น เขาเริ่มถดตัวหนี



            “ถุงเงินพอก่อน”



            ธาราอุ้มเจ้าแมวสก็อตทิช โฟลด์ออกมา พอเห็นท่าทีดูเกร็งๆกลัวๆของติณณ์ก็รู้สึกเอ็นดูมากกว่าเดิม



            “ถุงเงินเขาสงสัยน่ะว่าติณณ์เป็นใคร แปลกกลิ่น เล่นด้วยเยอะๆเดี๋ยวก็ชิน ไม่ต้องกลัวนะ ถุงเงินไม่ข่วนหรอก” ธาราอุ้มเจ้าแมวเข้าไปใกล้ๆติณณ์ “ลองลูบหัวดูสิ”



            ติณณ์เอื้อมมือไปลูบหัวเล็กๆนั่นอย่างกล้าๆกลัวๆ พอได้ลูบขนนิ่มๆเขาก็ลดอาการเกร็งลงเมื่อเจ้าถุงเงินหลับตาเคลิ้ม ท่าทางน่ารักนั่นสามารถเรียกรอยยิ้มของติณณ์ได้อย่างง่ายๆ



            เจ้าของแมวพอใจอย่างมากตอนที่เห็นเด็กตรงหน้ายกยิ้ม



            เวลายิ้มออกจะน่ารัก ธาราอยากให้ติณณ์ยิ้มบ่อยๆแบบนี้



            “เล่นกับถุงเงินไปก่อนนะ เดี๋ยวอาไปเปลี่ยนทรายแมวแปปนึง”



            ธาราทิ้งสิ่งมีชีวิตหน้าตาน่ารักสองตัวให้เล่นด้วยกัน ส่วนตัวเองก็ไปเปลี่ยนทรายแมวในกระบะ พลางลอบมองเด็กคนนั้นเป็นระยะๆ



            เด็กติณณ์ยังคงกล้าๆกลัวๆที่จะเล่นกับถุงเงิน มือเรียวตั้งใจจะเอื้อมไปลูบหัวเล็กๆนั่นอย่างเมื่อกี้ แต่ไม่ทันถึงหัว จมูกเล็กๆของเจ้าแมวก็เริ่มดอมดมมีนิ้วเรียวนั้น ลามมาถึงแขน สักพักเริ่มขึ้นตักติณณ์ เริ่มไต่ชุดนักเรียน ทำเอาเด็กหนุ่มอมยิ้มจนแก้มบุ๋มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว



            นั่นมันน่ารักสุดๆไปเลยไม่ใช่หรอ ธาราคิดในใจ



            เมื่อถุงเงินทำการสำรวจจนพอใจแล้ว มันก็เลิกสนใจคนแปลกหน้า แล้ววิ่งไปอ้อนเจ้าของแทน ติณณ์รู้สึกใจห่อเหี่ยวขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าตัวเล็กหนีไปหาอาธารแทน



            อย่างที่ธาราเองก็รู้สึกได้



            “ขนมแมวอยู่บนโต๊ะน่ะติณณ์ ซองสีชมพู ลองเอามาให้ถุงเงินสิ”



            ติณณ์ลุกขึ้นไปหยิบซองขนมอย่างว่าง่าย พอฉีกออกก็ได้กลิ่นคล้ายปลาทูน่าเลยขึ้นมาแตะจมูก แต่ดูเหมือนเจ้าแมวจะยังไม่รู้ตัวว่าของอร่อยมันอยู่ในมือของใครอีกคน



            “ลองเรียกเขาสิติณณ์”



            เรียก?



            หมายถึง…เรียกเหมียวๆน่ะหรอ



            “ม…เมี้ยวๆ”



            พระเจ้า



            เสียงนั่นมันน่ารักกว่าถุงเงินเสียอีก ธาราคลุ้มคลั่งกับตัวเองเงียบๆ



            เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นและสนุกกับการป้อนขนมให้ถุงเงินอย่างมาก พอรีดขนมจนหมดซอง เจ้าแมวก็ทำการไต่ชุดนักเรียนเหมือนจะขอขนมอีก ติณณ์ได้แต่หัวเราะแล้วบอกว่าหมดแล้วๆ แถมยังดูทุลักทุเลยามที่โดนถุงเงินจู่โจม



            ตอนนี้ติณณ์ดูมีความสุขจริงๆ



            อย่างที่ธาราเองก็เผลอยิ้มตามไปด้วย



 

 

            ในยามที่ตะวันลาขอบฟ้า ดวงดาราเข้าประดับยามราตรี เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาแล้วที่นักล่าต้องออกล่าเหยื่อ



            ธาราชำระร่างกายตัวเองให้สะอาด สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินพอดีตัวเพื่อเน้นให้รูปร่างดูดี ปลดกระดุมบนออกเล็กน้อย โชว์กล้ามอกพอเซ็กซี่ เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมเป็นกลิ่นยั่วยวนแทนกลิ่นที่ใช้เวลาไปทำงาน และไม่ลืมที่จะพกถุงยางอนามัยใส่กระเป๋ากางเกงไป



            ใช่ ธาราชอบเที่ยวกลางคืน



            ไม่นานนัก ธาราก็มาถึงผับร้านประจำ แสงสีเสียงแสดส่องผู้คนที่กำลังเต้นยั่วยวน หลายคนจ้องมามาที่ธาราอย่างเชิญชวน แต่เลือกเมินและเขาเดินไปตรงโซนวีไอพีที่มีคนได้จองไว้ก่อนหน้านี้แล้ว



            “ไง วันนี้มาช้านะ”



            ไตรภพ หนึ่งในคณะกรรมการบริหารหน้าใหม่ในบริษัทของธาราเอ่ยทัก ในยามที่ตนเองนั่งโอบผู้ชายหน้าตาน่ารักข้างนึง กับผู้หญิงสวยเซ็กซี่ข้างหนึ่งบนโซฟาสีแดงเลือด พวกเขาเห็นกันมาตั้งแต่เล็กๆ ครอบครัวของธาราและไตรภพรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า ไตรภพอายุมากกว่าธาราเล็กน้อย จึงคอยช่วยเหลือธารามาตั้งแต่เล็กๆ



            รวมถึงมีเส้นสายในการทำงานเล็กน้อย



            “ผมติดธุระนิดหน่อยน่ะครับ”



            ธุระที่ว่า ก็คือมัวแต่ตะล่อมให้ติณณ์มากินข้าวเย็นด้วยกัน แน่นอนว่าเด็กคนนั้นตกลง เพราะธาราเล่นเตรียมอาหารใส่จานเสียเรียบร้อย ก่อนที่จะถามความสมัครใจของติณณ์



            ธาราเริ่มรู้วิธีรับมือกับติณณ์ทีละน้อย



            “แล้วนี่…วันนี้พี่จะเอาทั้งสองคนเลยหรอ?”



            ไตรภพหัวเราะในลำคอเมื่อได้ยินคำนั้น “ไม่ใช่…คนนี้เด็กพี่” มือข้างที่โอบไหล่เนียนของสาวสวยบีบขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เปลี่ยนไปบีบไหล่เด็กหนุ่มอีกคน “ส่วนคนนี้ของธาร”



            เขาก็ต่างเป็นเสือไบกันทั้งคู่



            เขาว่าอันตราย แต่ใครๆก็อยากเข้าหา ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่ออันตราย และเสียงเล่าอ้างที่ว่า ‘เผ็ด’ อย่าบอกใคร



            ธารายกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นคนที่ไตรภพเลือกมาให้ เป็นเด็กหนุ่มน่าจะอายุประมาณยี่สิบกว่าๆ หน้าตาออกไปทางตี๋ น่ารัก ดูมีเนื้อมีหนัง จับเต็มไม้เต็มมือ ผิวขาวเนียนละเอียด ดูท่าทางร้ายไม่เบา และที่สำคัญ ธาราเชื่อว่าไตรภพคัดมาแล้วว่าเป็นงาน และเก่งเรื่องอย่างว่า



            เพราะนี่คือสเป็คของธารา



            แมวยั่ว…ธาราชอบแมวยั่ว



            อา พูดถึงแมวแล้วก็คิดถึงแมวอีกตัว ที่ไม่ใช่ถุงเงิน



            ไม่…



            ในยามที่รอบตัวเขาเต็มไปด้วยอบายมุข ติณณ์ไม่สมควรแม้แต่จะมาอยู่ในความคิดของเขาด้วยซ้ำ



            เด็กคนนั้นใสสะอาดเกินกว่าจะเอามาคิดเรื่องสกปรก



            เขาจะเป็นเทวดาผู้ใจดีต่อหน้าเด็กคนนั้น และจะปกป้องทุกอบายมุขให้พ้นจากเด็กคนนั้น



            เขาจะซ่อนซาตานในใจให้ลึกที่สุด…ไม่ให้เด็กคนนั้นแปดเปื้อนแม้แต่นิดเดียว







#เด็กมันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-02-2019 21:34:40
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-02-2019 22:00:43
คุณอาแอบเผ็ดนี่นา....รอวันตะบะแตกเลย    :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-02-2019 23:23:08
 :pig4:จะคอยอ่านดูซิว่าจะเป็นเทวดาใจดีได้นานแค่ไหนกลัวร่างซาตานจะทนไม่ไหวแหกร่างเทวดาออก. ก็เด็กมันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-02-2019 23:29:48
ทนไหวเหรอคะคุณอา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: nittanid33333 ที่ 28-02-2019 23:40:08
ชอบค่ะ ชอบบบบบ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 28-02-2019 23:56:17
ร่างเทวดาจะโดนถีบออกเมื่อไหร่ 55555
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 01-03-2019 09:03:48
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-03-2019 11:31:41
จะรอดูอาธารเป็นในคราบเทวดา
อย่ามาเป็นซาตานกับน้องนะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 01-03-2019 13:05:48
ขอให้ตาลุงธารา


รักเด็กแบบจริงใจด้วยนะ

 อย่าทำให้น้องเสียใจ


สงสารน้อง
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Poer ที่ 01-03-2019 14:15:40
ชอบอ่าาาาาชอบอะไรแบบเน้ :hao5:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 02-03-2019 11:30:29
ชอบบบบบ :mew1: เป็นกำลังใจให้จ้าาาา
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 02-03-2019 13:35:43
เอาใจช่วยธาร ให้น้องเปิดใจให้ไวไวนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่2 (28.2.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 04-03-2019 16:37:03
ตอนที่ 3


            พระอาทิตย์เจิดจ้าบนท้องฟ้าถูกบดบังรัศมีโดยมวลเมฆครึ้มสีเทา มันส่งเสียงครืนๆน่ากลัวสักพักจนกระทั่งหยาดน้ำฟ้าเทลงมาบนดิน ทำให้ติณณ์ที่กำลังยืนรอคนมารับตรงหน้าโรงเรียน ต้องหลบเข้าใต้หลังคาของฟุตบาทเพื่อหลบฝน



            ติณณ์เกลียดฝน



            โดยเฉพาะฝนที่ตกหนักแบบนี้



            ทั่วบริเวณที่เจ้าตัวยืนอยู่ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่คงยังหลบฝนกันอยู่ในอาคารเรียน เหลือเพียงแต่ตัวเขากับสายฝนล้อมรอบ ลมพัดแรงจนฝนบางส่วนสาดเข้าคนในร่ม แถมยังเกือบทำร่างบางๆนั่นปลิวหายไปกับลม   

 

            เปรี้ยง!



            อยู่ๆฟ้าก็คำรามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาผู้คนสะดุ้งโหยง โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบเสียงดังๆอย่างติณณ์ บรรยากาศโดยรวมส่งผลให้เขาหดหู่อย่างมาก



            รอบๆตัวไม่มีใครนอกจากฝน



            อ้างว้าง หนาวเย็น และรู้สึกไม่ปลอดภัย



            ติณณ์ไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว เมื่อไหร่อาธารจะมา



            เขายืนรออยู่นานแสนนาน แต่ก็ไร้วี่แววสักคัน



            หรือว่าจะโดนทิ้ง



            พอจินตนาการแบบนั้นในสถานการณ์น่าหดหู่แบบนี้ น้ำตามันก็รื้นขึ้นมาอย่างอ่อนแอ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพื่ออดกลั้นก้อนสะอื้น พยายามเลิกคิดแบบนั้นจะได้ไม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้



            โตแล้ว ยิ่งเป็นผู้ชายด้วย ใครเขาร้องไห้กัน ว่าไหม?



            ปริ้นๆ



            เพราะมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ จึงไม่รู้ว่ารถของอาธารมาจอดตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ในระหว่างที่กำลังเปิดประตูขึ้นรถ เด็กหนุ่มเปียกฝนในระยะเวลาสั้นๆ แต่ด้วยความที่ฝนตกหนัก เลยทำให้ชุดนักเรียนเปียกมากกว่าควรที่จะเป็น



            "ขอโทษที่มารับช้านะติณณ์ วันนี้รถติดนิดหน่อย" ธาราชี้แจง "ดูซิเปียกหมดแล้ว"



            ธาราพูดขึ้นตามภาพที่เห็น โชคดีที่ไม่ได้เปียกจนชุ่มไปทั้งชุดนักเรียนสีขาวตัวบางๆ ถ้าไม่อย่างนั้น ธาราต้องหัวใจวายตายแน่



            เมื่อร่างบางที่เปียกฝนนั้นถูกเป่าด้วยแอร์รถ สองแขนก็กอดร่างตัวเองขึ้นมาอัตโนมัติด้วยความหนาว ธาราเห็นท่าทีนั้นจึงเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทบนเบาะหลังมาห่มให้เด็กหนุ่มได้อบอุ่น



            "ขอบคุณครับ"



            รถออกจากโรงเรียนไปได้สักพัก ติณณ์รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ ไม่รู้สิ มันรู้สึกมีอะไรที่ไม่เหมือนทุกๆวัน



            วันนี้อาธารไม่ชวนคุย



            ใบหน้าหล่อเหลาที่มักจะยิ้มให้เด็กหนุ่ม ตอนนี้กลับเคร่งเครียดอย่างปิดไม่มิด ติณณ์ไม่กล้าถามว่าอาธารเป็นอะไร เพราะคนข้างๆดูน่ากลัวมากในตอนนี้ จึงได้แต่นั่งเงียบๆอย่างอึดอัดใจ



            Rrrrrrrrrrr



            อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของธาราก็กรีดร้องขึ้นมา ทำเอาผู้โดยสารสะดุ้งเล็กน้อย แต่เจ้าของโทรศัพท์กลับไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าใครโทรมา



            "สวัสดีครับ" เงียบไปสักพัก ธาราก็ถอนหายใจ "อีกแล้วหรอ? ลูกค้าต้องการงานพรุ่งนี้นะคุณ!...ไม่ต้อง เดี๋ยวผมจะเข้าบริษัทตอนนี้ล่ะ"



            ธาราหัวเสียอย่างมากที่ต้องกลับไปแก้งานด้วยตัวเองถึงบริษัท ก่อนอื่นต้องไปส่งติณณ์ที่บ้านก่อน แต่เมื่อสายตาคมมองไปที่จราจรก็พบว่าตัวเองต้องถอนหายใจอีกครั้ง



            และเขาต้องตัดสินใจแบบนี้



            "ติณณ์ วันนี้รีบกลับบ้านหรือเปล่า"



            "ไม่ครับ"



            "งั้นติดรถไปบริษัทกับอาแปปนึงได้มั้ย? ทางบ้านเรามันต้องยูเทิร์น ตอนนี้รถติดมาก อากลัวว่าจะไม่ทันการ"



            "เอ่อ...งั้นอาธารปล่อยผมลงตรงป้ายรถเมล์ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมข้ามสะพานลอยไปเอง"



            "เรามีร่มมั้ย?"



            "ไม่มีครับ"



            "แล้วจะเดินตากฝนไปหรอ หืม ฝนตกหนักมาก ทางเข้าบ้านน้ำท่วมแน่ๆ อาไม่ให้ติณณ์เดินไปหรอก" ธาราใช้น้ำเสียงอ่อนลง "ไปกับอานะครับ แปปเดียวจริงๆ"



            "...ครับ"



            ติณณ์ไม่เข้าใจตัวเองว่ารู้สึกแย่ทำไม



            ถ้าอาธารไม่เสียเวลามารับเขา คงจะถึงบริษัทเร็วกว่านี้หรือเปล่า เหมือนเป็นภาระยังไงไม่รู้ ยิ่งเห็นอาธารเครียด ติณณ์ยิ่งรู้สึกไม่ดี รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของความเครียดนั้น



            ติณณ์รู้ว่าตัวเองคิดมากเกินไปในช่วงนี้ แต่มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ



            ถ้าเป็นคนอื่นๆที่มานั่งตรงนี้แทนเขา คงจะพูดอะไรสักอย่างให้อาธารสบายใจขึ้นมั้ย? จะดีกว่าเขาที่เอาแต่นั่งเงียบและเป็นภาระแบบนี้มั้ย? หรือถ้าไม่มีเขาตรงนี้จะดีกว่า?



            เขามันเป็นคนที่ไปอยู่กับใคร ก็ไม่สามารถให้พลังบวกกับคนๆนั้นได้จริงๆ



            ติณณ์แอบใช้เล็บจิกข่วนหน้าตักตัวเองใต้เสื้อสูท จะได้รู้สึกเจ็บร่างกายมากกว่าเจ็บที่ใจ และจะได้หยุดฟุ้งซ่านด้วย



            วันนี้ฝนตก



            และมันกำลังตกอย่างหนักในหัวใจติณณ์





 

            เสื้อสูทที่เคยห่มอยู่บนร่างบางๆ ตอนนี้มันกลับถูกสวมโดยคนร่างแข็งแกร่ง



            ติณณ์เพิ่งเคยเห็นธาราสวมชุดสูทแบบนี้ มันส่งให้ผู้ใหญ่คนนั้นดูเคร่งขรึม น่าเคารพ น่าเกรงขาม ตอนที่เดินเข้าบริษัทมีแต่คนยกมือสวัสดีธาราตลอดทาง ส่วนติณณ์ก็ได้แต่เดินตามหลังต้อยๆ แถมยังสัมผัสได้ว่ามีหลายคนกำลังมองมาที่เขา แม้ไม้รู้ว่าถูกมองด้วยสายตาแบบไหน แต่ติณณ์ไม่สบายใจเลย



            “ติณณ์นั่งรออยู่ตรงนี้แปปนึงนะ เดี๋ยวอามา”



            คนตัวเล็กกว่าถูกจับนั่งบนโซฟาสวยในห้องโถงใหญ่ๆที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมา ส่วนธาราเดินหายไปในแผนกเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ติณณ์ที่นั่งตัวลีบอยู่คนเดียว แถมยังเกร็งมากๆเพราะไม่เคยมาที่นี่



            ไม่สิ เคยมาตอนเด็กๆ แต่ติณณ์จำอะไรไม่ได้เลย



            “ขอโทษนะคะ ใช่น้องติณณ์ลูกแม่มาลินหรือเปล่า?”



            อยู่ๆก็มีพนักงานผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเข้ามาทักทายเด็กหนุ่ม อายุดูไล่เลี่ยกับอาธารและแม่ ถ้าให้เดาคงเป็นเพื่อนของแม่



            “ใช่ครับ”



            “ตายแล้ว ใช่จริงๆด้วย พวกน้ามองกันตั้งนานว่าใช่หรือเปล่า” น้าผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยความตื่นเต้น “โตขนาดนี้แล้วหรอ เจอกันคราวนั้นยังตัวเล็กนิดเดียวเอง โตมาหล่อเชียว”



            “ขอบคุณครับ” พร้อมหัวเราะแห้งๆเมื่อถูกชม



            ติณณ์ถูกบรรดาผู้ใหญ่รุมถามสารพัด เป็นไงบ้าง สบายดีไหม อยู่ม.อะไรแล้ว เรียนที่ไหน จะเข้าคณะอะไร คิดถึงติณณ์มากเลย บลา บลา บลา เด็กหนุ่มหัวแทบหมุนเวลาถูกล้อมด้วยผู้ใหญ่ เขาก็ทำได้แต่ตอบทุกคำถามให้ครบ และรู้สึกแย่เป็นพิเศษเวลาตอบคำถามเกี่ยวกับแม่



            “เอ้อ ลืมถาม น้องติณณ์มากับคุณธาราหรอ?”



            “คุณธารา?” ติณณ์นึก “อาธารใช่ไหมครับ”



            “โอ้ รู้จักกันหรอ” น้าสาวคนหนึ่งดูตกใจ “ลืมไป คุณธาราเขาเป็นเพื่อนกับมาลินนี่นา”



            “แล้วสรุปมากับคุณธาราได้ยังไงจ๊ะน้องติณณ์”



            “เอ่อ…” จากนั้นติณณ์ก็เล่าถึงสาเหตุที่เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้



            “คุณธาราไปรับไปส่งน้องติณณ์ทุกวันเลยหรอ ใจดีจัง”



            “อยากให้คุณธาราไปส่งฉันบ้าง”



            “ละเมอ!”



            ผู้ใหญ่พูดคุยกันเองสักพัก ก่อนจะลาเด็กน้อย “งั้นพวกน้าไปทำงานก่อนนะจ๊ะ ไว้เจอกันใหม่นะน้องติณณ์”



            ติณณ์ยกมือไหว้พวกผู้ใหญ่ก่อนจะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกรอบ เขานึกสงสัยว่าอาธารอยู่ตำแหน่งอะไร ทำไมถึงต้องเรียกว่าคุณธารา แล้วที่บอกว่าอาธารเป็นเพื่อนกับแม่ของเขานี่เป็นความจริงสินะ



            ตลอดเวลาที่เด็กหนุ่มนั่งตรงนั้น ก็มีแต่คนมอง ไม่รู้ว่าเพราะเขาใส่ชุดนักเรียนเลยดูโดดเด่นในบริษัทนี้ เพราะเขาเป็นลูกของมาลิน หรือเพราะเขามากับธารา ติณณ์อึดอัดมาก ได้แต่แสร้งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ไหนจะแอร์ที่นี่เย็นมาก ไอหนาวมันทะลุผ่านชุดนักเรียนตัวบาง แถมกางเกงมันก็ไม่ได้ยาวมาก นี่มันหนาวกว่าในรถของอาธารเสียอีก



            เมื่อไหร่อาธารจะมา ในหัวของติณณ์มีแต่คำนี้







            “เด็กคนนั้นเป็นใคร”



            ไตรภพเอ่ยถามกลุ่มพนักงานที่เข้าไปคุยกับเด็กที่ใส่ชุดนักเรียนคนนั้น ที่จริงเขาเห็นตั้งแต่ที่ธาราเดินมากับคนตัวจ้อยนั่นแล้ว มันทำให้กระตุกต่อมสงสัยอย่างมาก ว่าธาราไปรู้จักกับเด็กหน้าตาน่ารักคนนั้นได้ยังไง และเด็กคนนั้นเป็นใคร



            “น้องติณณ์ค่ะคุณไตรภพ เป็นลูกของมาลินที่เคยเป็นพนักงานในแผนกเดียวกันกับคุณธารา แล้วคุณธาราต้องเข้ามาแก้งานกะทันหันตอนกำลังไปส่งน้องติณณ์ที่บ้าน แต่อะไรๆไม่สะดวก น้องติณณ์เลยต้องติดมาด้วยน่ะค่ะ”



            “อืม…” ไตรภพพยักหน้าเข้าใจ “ขอบคุณพวกคุณมาก ไปทำงานได้แล้ว”



            หลังจากที่ไล่พนักงานของตัวเองไปทำงานเสร็จสรรพ ผู้บริหารก็เดินเข้าไปหาเด็กติณณ์ที่กำลังเอาแต่นั่งลูบแขนตัวเองบรรเทาความหนาว



            “สวัสดีครับ”



            นั่นเป็นคำทักทายของไตรภพที่แล่นเข้าหูเด็กหนุ่ม คนถูกทักทายยกมือสวัสดีกลับทั้งๆที่ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร ถ้าให้เดาคงเป็นคนรู้จักกับแม่ หรือไม่ก็อาธารอีกนั่นแหละ



            “อาชื่อไตรภพนะ เป็นเพื่อนกับธารา ส่วนเรา…ชื่อติณณ์ใช่มั้ย?”



            “ครับ”



            ไตรภพเริ่มทำการสำรวจคู่สนทนา เด็กคนนี้หน้าตาดี ผิวขาวใสไปทั้งตัว ขาเรียวสวย รูปร่างบาง กระดูกไหปลาร้าขึ้นสวย รวมๆแล้วเรียกได้ว่า นี่คือสเป็คของไตรภพทั้งหมด



            “มารออาธารหรอครับ”



            “ครับ”



            “งั้นเดี๋ยวอาขอนั่งคุยเป็นเพื่อนนะ พอดีอาว่างๆอยู่เหมือนกัน” ไตรภพชวนคุย “นี่ไม่ค่อยกินข้าวใช่ไหมเนี่ย ตัวเราผอมมากเลย”



            “…ครับ”



            ผู้ใหญ่หัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีขี้อายนั้น จากการพูดคุยไม่กี่ประโยค เขาก็รับรู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้พูดไม่เก่ง เขาจึงเป็นฝ่ายชวนคุย



            “ข้าวมันไม่อร่อยหรอถึงไม่กิน”



            “เอ่อ…ผมแค่ไม่ค่อยหิวน่ะครับ”



            ติณณ์รู้สึกได้ว่า อาไตรภพคนนี้ ยิ้มเก่งเหมือนอาธาร ชวนคุยเก่งเหมือนอาธาร ดูเหมือนจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ อาภพไม่ถามเกี่ยวกับการเรียนหรือเรื่องส่วนตัวเลย ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องทั่วๆไป วันนี้ฝนตกหนักนะ รถติดแน่ๆ ตอนติณณ์นั่งมาก็รู้ใช่มั้ยว่าติด นั่งจนเมื่อยเลยสิ อาเบื่อกรุงเทพก็เพราะแบบนี้ อย่างนั้น อย่างนู้น ติณณ์เลยตอบได้อย่างไม่อึดอัดใจ เพราะอาภพไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเขาเหมือนน้าผู้หญิงพวกนั้น



            ซึ่งดีมากๆ



            “ติณณ์เป็นคนพูดน้อยนะ”



            “เอ่อ…ครับ” ติณณ์ตอบพร้อมยิ้มแห้งๆ



            “ไม่ใช่ไม่ดีนะ อาชอบคนพูดน้อยๆ ไม่น่าเบื่อหรอก เพราะอาพูดเยอะ ถ้าอยู่กับคนพูดเยอะจะแย่งกันพูด อารำคาญคนพูดมาก” ไตรภพว่าขำๆ “ยกเว้นอา อาพูดเยอะได้คนเดียว”



            ติณณ์หัวเราะเบาๆกับคำพูดนั้น ไม่ได้หัวเราะตามมารยาท แต่ติณณ์รู้สึกดีกับคำพูดนั้นจริงๆ



            แอบดีใจที่มีคนไม่เบื่อเวลาอยู่กับเขา ดีใจที่มีคนมาบอกว่าชอบสิ่งที่เขาเป็น ทั้งๆที่เขาน่ะโคตรเบื่อตัวเองเลย



            อาภพเป็นคนร่าเริงจริงๆ พูดไม่หยุดเลย แถมยังไม่ชวนคุยเรื่องเครียดๆด้วย ที่สำคัญ อาภพยิ้มตลอดเวลา มันทำให้ติณณ์รู้สึกดีที่เวลาคนอยู่กับเขามีความสุข เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวว่าตัวเองยิ้มออกมาตั้งแต่ตอนไหน มารู้ก็ตอนที่อาภพพูดชมว่า ติณณ์น่ะ เวลายิ้มแล้วน่ารักมากเลย



            “ข…ขอบคุณครับ” ไม่เคยมีใครชมมาก่อนว่าเขาน่ารัก เลยประหม่าเล็กน้อย



            “น่ารักจริงๆนะ ตอนที่เห็นน่ะ หัวใจอาเต้นแรงมากเลย”



            พอถูกพูดตรงๆแบบนี้ ติณณ์ประหม่าอย่างมาก รู้สึกมือตัวเองเกะกะ ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน เลยเอามาลูบแขนเบาๆเพื่อบรรเทาความหนาวดังเดิม



            “หนาวหรอครับ”



            “ครับ”



            “งั้นไปนั่งที่อื่นมั้ย ตรงนี้แอร์มันลง แล้วก็…” ไตรภพมองซ้ายมองขวา “…คนเยอะด้วย”



            เป็นความคิดที่ดี เพราะติณณ์ไม่ชอบตรงนี้เลย



            ตอนกำลังคุยกับอาภพ กลับมีคนมองมาทางติณณ์มากกว่าตอนเดินมากับอาธารอีก



            “ครับ…ไปครับ”



            หารู้ไม่



            เด็กน้อยกำลังคิดว่าผู้ใหญ่คนนี้ปลอดภัยกับตัวเอง

 

 

 

            ติณณ์นึกว่าไตรภพจะพาไปนั่งที่อื่นที่ไม่ไกลจากเดิม ที่ไหนได้ ผู้ใหญ่คนนั้นพาเด็กหนุ่มเข้ามาถึงห้องทำงานส่วนตัว



            ติณณ์อยากจะถอยหลังกลับ แต่ไม่ทันแล้ว



            “เดี๋ยวอาชงโกโก้ร้อนให้ดื่มนะ จะได้อุ่นๆ”



            ร่างบางถูกจับให้นั่งบนโซฟานุ่มๆ มันนั่งสบายกว่าโซฟาที่ห้องโถงนั้นเสียอีก ติณณ์อยากจะปฏิเสธโกโก้ร้อนนั้นด้วยความเกรงใจ แต่ก็รู้อยู่ว่าถึงปฏิเสธไปอาภพก็ยืนยันจะทำให้อยู่ดี



            ระหว่างรอ แขกผู้มีเกียรติแอบมองห้องทำงานนี้ มันค่อนข้างขว้าง หรูหราด้วยการตกแต่ง เหมือนห้องทำงานของคนมีตำแหน่งสูง เพียงแต่ติณณ์ไม่รู้ว่ามันคือตำแหน่งอะไร แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย เพราะถ้ารู้เขาต้องเกร็งมากแน่ๆ



            ไม่นานนัก โกโก้ร้อนกลิ่นหอมหวานก็โชยมาแตะจมูกเล็ก เด็กหนุ่มตาวาวเมื่อแก้วโกโก้ถูกยื่นมาโดยผู้ใหญ่ตรงหน้า เขาไม่ลืมยกมือไหว้ขอบคุณก่อนที่จะรับแก้วนั้นมา ของเหลวสีน้ำตาลเข้มไหลรินเข้าโพรงปากจนได้รสหอมหวานของโกโก้ชั้นดี อุณหภูมิที่ไม่ร้อนลวกปากจนเกินไปทำให้ดื่มง่าย กลืนลงไปแล้วอบอุ่นร่างกายดี



            เครื่องดื่มอุ่นๆ ห้องเงียบๆ ได้อยู่กับคนที่บอกว่าไม่เบื่อเขา



            นี่มันเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับวันแย่ๆของติณณ์วันนี้เลย



            ไตรภพนั่งชิดข้างๆตัวเด็กหนุ่มทั้งๆที่โซฟามีพื้นที่ตั้งกว้าง แขนแกร่งยกขึ้นวางบนพนักพิงด้านที่เด็กคนนั้นนั่ง แถมยังหันตัวมาทางติณณ์อีก มองๆดูแล้วเหมือนติณณ์กำลังถูกไตรภพโอบอย่างไรอย่างนั้น



            เด็กหนุ่มรับรู้ว่าตัวเองกำลังถูกผู้ใหญ่มอง มองแบบจังๆ ไม่กะพริบตาเลย ติณณ์ไม่กล้าหันไปดูว่าอาภพกำลังมองตัวเองด้วยสายตาแบบไหน เลยทำได้แต่ก้มหน้าดื่มโกโก้ร้อนอึกๆอย่างเดียว



            ไตรภพมองดู ‘เหยื่อ’ ที่ทำตัวไม่ถูกเวลาโดนมอง เขารู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเด็กคนนี้โดยการจ้องไม่หยุด เวลาต่อมา พวงแก้มใสทั้งสองข้างเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ อย่างที่ไตรภพรู้ว่าติณณ์กำลังประหม่า



            โกโก้ร้อนหมดแก้วแล้ว เด็กหนุ่มวางแก้วนั้นลงที่โต๊ะข้างๆ ส่วนปัญหาต่อไปคือ เขาไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหนดี



            “อร่อยขนาดนั้นเลยหรอ” ไตรภพถามอย่างล้อเลียน



            “อร่อยครับ”



            “อาชงร้อนขนาดนั้นเลยหรอ หืม…” นิ้วสากเคลื่อนไปลูบไล้แก้มแดงๆนั่น “แก้มแดงเชียว…น่ารัก”



            พอได้สัมผัสกับแก้มเนื้อเนียนใสนั้น ไตรภพเคลื่อนนิ้วไปที่ปลายคางมน แล้วบังคับให้ใบหน้าอ่อนเยาว์หันมาสบตากัน ติณณ์รู้สึกหน้าร้อนมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอาภพกำลังใช้สายตาแบบไหนมองเขา ไม่รู้สิ รู้สึกว่าดวงตาคมนั้นวาววับ เป็นประกายแปลกๆ



            ติณณ์เกร็งตัวเมื่อถูกมือสากสัมผัสใบหน้า ไตรภพรู้สึกติดใจแก้มเนียนๆเลยเอาแต่ลูบอย่างหลงใหล สักพักก็เปลี่ยนไปลูบใบหูขาวๆจนมันเปลี่ยนเป็นสีแดง ติณณ์ไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกเคลิ้มเพราะเบาะมันนุ่ม เพราะอากาศมันกำลังพอดี หรือเพราะถูกลูบเบาๆแบบนี้



            “ง่วงหรอครับ…” ไตรภพกระซิบชิดใบหูขาวนั้น “ง่วงก็หลับซะนะ”



            มือใหญ่โอบศีรษะเล็กให้มาพิงบนบ่าแกร่ง แล้วลูบผมนิ่มๆนั้นเพื่อกล่อมให้หลับ



            ทั้งๆที่เด็กคนนั้นถูก‘กล่อม’ด้วยโกโก้ร้อนเรียบร้อยแล้ว



            เปลือกตาของเด็กหนุ่มปิดลงอย่างง่ายดาย ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทำให้ไตรภพมั่นใจว่าเด็กคนนี้หลับไปแล้ว ดวงตาคมจ้องมองต้นขาขาวที่มีรอยแดงน่าสงสัย เหมือนรอยข่วน แต่เขาไม่สนใจหรอกว่ามันเกิดจากอะไร เขาสนใจแต่ว่า สีแดงๆนั่นมันตัดกับผิวขาวๆได้สวยมาก



            มือสากเคลื่อนไปลูบไล้ต้นขานั้นที่มีรอยแดง และเริ่มลามขึ้นไปจนกางเกงนักเรียนเลิกขึ้น เผยให้เห็นขาอ่อนด้านใน มือแกร่งจัดการขยำเนื้อนุ่มนั้นอย่างถือวิสาสะจนมันเกิดรอยนิ้วมือ นักล่าตาวาวมากกว่าเดิมเมื่อเห็นผิวสะอาดนั่นแปดเปื้อนไปด้วยรอยแดง อยากจะใช้ฟันคมเข้าไปกัดเนื้อนั้นให้เลือดซิบ



            อยากได้



            ไตรภพอยากได้เด็กคนนี้



            ก็อกๆ



            ไฟราคะถูกดับด้วยเสียงเคาะประตู ไตรภพถอนหายใจด้วยความหัวเสีย และละมือออกจากขาอ่อนนั้นด้วยความเสียดาย



            “เชิญครับ”



            คนที่เปิดเข้ามา คือธารา



            เขาหัวใจหล่นไปที่ตาตุ่มเมื่อเห็นว่าติณณ์กำลังซบบ่าใคร



            ตอนที่เขาเดินออกมาจากแผนก ก็ไม่เห็นเด็กหนุ่มนั่งอยู่ที่เดิมแล้ว โชคดีที่มีคนบอกเขาว่าเห็นติณณ์เดินไปกับไตรภพ พอถามคนนั้นคนนี้เรื่อยๆ ก็ได้คำตอบว่า เด็กดีคนนั้นอยู่ในถ้ำเสือร้าย ตอนรู้แบบนั้นเขาแทบอยากจะบ้า



            ผีย่อมเห็นผีกันเอง



            “ติณณ์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ คุณไตรภพ” ธาราพยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้หาเรื่องมากเกินไป



            แต่ไตรภพดูออก ว่าธารากำลังไม่พอใจ



            “ก็ไม่มีอะไร เด็กมันหนาว เลยชวนมาดื่มอะไรร้อนๆเฉยๆ” ผู้บริหารตอบอย่างสบายๆ



            “ถ้าแค่นั้น ก็ดีครับ…งั้นผมขอพาติณณ์กลับบ้านนะครับ”



            “เชิญ”



            ไตรภพกำลังจะปลุกให้เด็กติณณ์ตื่น แต่ธาราเข้ามาดึงร่างบางนั่นออกไปเองเสียก่อน เขาเรียกพร้อมเขย่าให้ติณณ์ตื่น ไม่นานนักดวงตาสวยก็ลืมขึ้นมาอย่างงงงวย



            “อาธาร…?”



            “ครับ อาเอง กลับบ้านกันนะ” ธารายิ้มให้กับเด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว



            ติณณ์มองไปที่ไตรภพผู้กำลังยิ้มแย้มอย่างเดิม เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังถูกล่วงเกิน เลยกล่าวลาอาภพอย่างสุภาพดังเดิม



            “ไว้เจอกันใหม่นะติณณ์”



            ไตรภพบอกอย่างนั้นขณะที่ธารากำลังโอบไหล่เด็กหนุ่มอย่างหวงแหน ก่อนจะเดินออกจากห้อง ธาราหันมามองไตรภพด้วยสายตาที่อ่านได้ว่า ‘อย่ายุ่งกับเด็กคนนี้เป็นอันขาด’



            ผู้บริหารกระตุกยิ้มเมื่อเห็นสายตานั้น ธาราดูหวงแหนเด็กคนนั้นมาก และเขาไม่เคยเห็นน้องชายหวงใครมากขนาดนี้



            แต่ไตรภพก็อยากได้เด็กคนนั้นมากเหมือนกัน



            หึ…น่าสนุกจริงๆ









talk.

มัวแต่แอ๊บใส ระวังโดนตัดหน้านะคะอาธาร  :hao3:

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ



#เด็กมันน่ารัก



หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 04-03-2019 21:15:49
ถ้าขี้เกียจเข้ามาดูว่านิยายอัพหรือยัง กดตุ่มฟอลที่ทวิต @TiXA_20X ได้นะคะ เพิ่งเปิดสดๆตะกี้  :hao5:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-03-2019 21:46:37
ไตรภพกับธาราพี่น้องคนละแม่รึเปล่าจากหน้าที่ตำแหน่งงานต่างกันจัง
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-03-2019 22:47:57
กลัวคุณไตรภพนี่แทนน้องเลย น่ากลัวมาก คุณอาอย่าพาน้องมาอีกนะคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-03-2019 22:58:47
คืออะไร...เกือบไปแล้วลูก    :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 05-03-2019 02:04:22
อะไรเนี่ยะไวไฟรุกแรงมากไตรภพ :ling3:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 05-03-2019 06:02:45
โอ๊ยยยยเค้าฟูมฟักของเค้ามาอย่างดีจะมาแย่งของเค้าไปไม่ได้นะ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่3 (4.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 08-03-2019 16:37:32
ตอนที่ 4


            ติณณ์กำลังรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ต้องหา ส่วนอาธารเป็นตำรวจ



            เพราะตั้งแต่เขาทั้งคู่เดินออกมาจากห้องทำงานของไตรภพ ธาราโอบไหล่เด็กนักเรียนตลอดเวลา เหมือนกลัวว่าติณณ์จะดิ้นและวิ่งหนีหายไปไหน หรือไม่ก็กลัวว่าใครจะมาเอาเด็กคนนี้ไป



            และตอนนี้ ในห้องโดยสารส่วนตัวเงียบๆแคบๆนี้ ติณณ์กำลังถูกสอบสวนเรื่องไตรภพ



            อยู่ๆไปโผล่ในห้องทำงานอาภพได้ยังไง? เขาเข้ามาชวนคุยหรอ? คุยอะไรบ้าง? แล้วเข้าไปทำอะไรในห้องทำงาน? เขาทำอะไรติณณ์หรือเปล่า? ทำไมอยู่ๆไปหลับคาบ่าเขาแบบนั้น อาบอกแล้วใช่ไหมว่าให้นั่งรออา วันหลังใครชวนไปไหนอย่าไปนะ ห้ามไปหลับกับใครมั่วซั่วด้วย บลา บลา บลา ฉอด ฉอด ฉอด



            ติณณ์โดนสวดยับตั้งแต่ออกมาจากบริษัทจนตอนนี้ใกล้จะถึงบ้าน ธาราก็ยังไม่หยุดบ่นเรื่องนี้ แถมยังใช้เสียงเหมือนจะดุ แม้จะไม่ได้ตะคอกหรือพูดเสียงดัง แต่สีหน้าของอาธารเวลาพูดนั้นเครียดมาก เลยรู้สึกว่ากำลังถูกดุอยู่



            เหมือนเขาเป็นภาระให้อาธารอีกแล้ว



            "ขอโทษครับ"



            เสียงน่าฟังที่ตอนนี้กลับเบาหวิวและเศร้าสร้อยไม่น้อย เมื่อธาราหันไปก็พบว่าใบหน้าอ่อนเยาว์กำลังหม่นหมอง และนัยต์ตากลมก็หม่นแสง ถ้าติณณ์มีหูแมวหรือหูกระต่าย ตอนนี้คงทำหูตกอย่างน่าสงสาร



            "ขอโทษเรื่องอะไรครับ?"



            "ผมดื้อ...ไม่ยอมนั่งรออาธารตอนนั้น"



            เด็กดี



            ก็เป็นเด็กดีเสียอย่างนี้ ธาราจะไปโกรธลงได้ยังไง



            "ไม่ต้องขอโทษหรอก ติณณ์ไม่ได้ผิดเลย" ธาราใช้เสียงที่อ่อนลง พลางเอื้อมมือไปลูบผมนิ่ม"อาแค่เป็นห่วง และอยากตักเตือนเท่านั้นเอง เข้าใจไหม หืม?"



            เพราะว่าเด็กดีของเขาทำหน้าจ๋อยเนื่องจากโดนสวดยับ ธาราจึงหยุดพูดเรื่องนี้ แล้วเปลี่ยนไปคุยสัพเพเหระแทน ทั้งๆที่ติณณ์เป็นคนพูดคำว่าขอโทษ แต่กลับเป็นเขาเสียเองที่รู้สึกผิด ไม่รู้สิ อยากจะทำยังไงก็ได้ให้เด็กคนนั้นทำหน้าตาสดใสมากกว่านี้



            ก็ยอมรับแหละ ว่าสงครามนี้เขาแพ้ติณณ์



            เจ้าของรถคันหรูตบไฟเลี้ยวเพื่อเป็นสัญญาณว่าจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของใครบางคน ไม่นานนักเครื่องยนต์ก็มาจอดเทียบท่าบ้านหลังเดี่ยว ผู้โดยสารยกมือไหว้ขอบคุณอย่างที่ทำปกติก่อนจะเปิดประตูแล้วเอี้ยวตัวลงจากรถ



            “เดี๋ยว” ธาราเรียกรั้งไว้ก่อนที่ร่างบางนั่นจะลงรถ



            “ครับ?” คนถูกรั้งหันมามองด้วยสีหน้างุนงง



            ตอนที่ขาเรียวขยับเพื่อจะออกจากห้องโดยสาร กางเกงนักเรียนสีเข้มมันเลิกขึ้นจนเผยให้เห็นรอยข่วนสีแดงจางๆตรงหน้าตัก “ไปโดนอะไรมา” ธาราถาม



            “เอ่อ…อุบัติเหตุเล็กน้อยครับ” ติณณ์ตอบอ้อมแอ้ม



            “เจ็บไหม”



            ธารานึกห่วงร่างกายบอบบางนี้ แต่เจ้าตัวยืนยันว่าไม่เจ็บครับ เขาคงจะปล่อยเด็กคนนี้ไปแล้วถ้าสายตาคมไม่ไปเห็นรอยอะไรแดงๆบางอย่างใต้กางเกงนักเรียนนั่น



            “แล้วตรงนั้นไปโดนอะไรมาอีก? อาขอดูหน่อยนะ”



            มือใหญ่จับกางเกงสีเข้มให้เลิกสูงขึ้นอีก เขาพบว่าเนื้ออ่อนตรงนั้นมันมีรอยคล้ายนิ้วมือเป็นจ้ำๆทั่วบริเวณ ทั้งๆที่ยังไม่ได้ถามข้อเท็จจริงกับเจ้าตัวว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ธาราสงสัยไตรภพไปแล้วเรียบร้อย



            ติณณ์น่ะ ทั้งเด็ก ตัวขาว ผอมบาง และใสซื่อ



            ทั้งหมดนั่นมันคือสเป็คของไตรภพเลยไม่ใช่หรือไง?



 

 

            อย่าไว้ใจอาภพมากนะ นั่นคือคำพูดสุดท้ายของอาธารที่บอกกับติณณ์ก่อนที่จะเข้าบ้าน



            ติณณ์ไม่เข้าใจว่าทำไมอาธารถึงพูดแบบนั้น แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เข้าบ้านมาอาบน้ำชำระร่างกาย ทำโจทย์ และร้องไห้ก่อนนอนตามปกติ



            พอความมืดและความอ้างว้างเข้ามาทักทาย ความทรงจำที่ไม่ดีมันก็ฉายซ้ำๆไปมาในหัวของเด็กหนุ่ม ยิ่งนับวัน ภาพเหล่านั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น เหมือนความทรงจำนั้นคอยตะโกนใส่หน้าเขาทุกคืนว่า ‘ไม่มีใครรักแกแล้ว’



            และสำหรับภาพฉายวันนี้ เป็นเรื่องของความรัก



            รักครั้งแรกของติณณ์ คงจะเป็นตอนที่เขาอยู่ม.4 แล้วมีพี่ม.6คนหนึ่งเข้ามาจีบ



            พี่คนนั้นบอกว่าติณณ์ลึกลับ น่าค้นหา อยากรู้จัก อยากจีบ ติณณ์แอบดีใจเล็กๆที่มีคนเข้าหา มันรู้สึกว่าเขามีตัวตน เป็นคนพิเศษสำหรับใครสักคน แต่ก็มีข้อเสียอยู่อย่างหนึ่ง พอเขารู้ตัวว่ากำลังถูกจีบ กลับทำตัวไม่ถูก เก้ๆกังๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี ทั้งๆที่ในใจมันรู้สึกดีที่มีคนมาชอบ



            และอยู่ๆวันนึง พี่คนนั้นก็พูดตรงๆว่าติณณ์น่ะ เข้าถึงยากมากเกินไป จากนั้นก็หายไปเลย



            ติณณ์แปลคำว่า ‘เข้าถึงยาก’ ได้ว่า ‘น่าเบื่อ’



            เขารู้ตัวแหละ รู้ตัวเสมอๆด้วยว่าน่าเบื่อ เขาไม่ใช่คนตลก ชวนคุยไม่เก่ง อยู่กับใครก็พาเขาน่าเบื่อไปหมด



            และมันก็เป็นแบบนี้ซ้ำๆ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าตอนจบมันเป็นแบบไหน แต่มันก็อดรู้สึกดีไม่ได้จริงๆเวลามีคนเข้าหา



            พอถึงเวลาที่คนพวกนั้นจากไป ติณณ์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกแย่มากๆ เขาไม่โทษหรอกว่าคนพวกนั้นให้ความหวัง มันเป็นเพราะเขาน่าเบื่อเองต่างหาก



            แต่ยังดี ตอนนั้นเขายังมีแม่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นคนเดียวที่เขาเชื่อจริงๆว่ารักเขาแบบไร้เงื่อนไข



            แต่ตอนนี้ไม่มีแม่แล้ว ก็คงไม่เหลือใครที่รักเขาแล้ว จริงไหม?



            เด็กหนุ่มกอดหมอนข้างแน่นขึ้น ปลอกหมอนเนื้อดีชุ่มไปด้วยน้ำตา เจ้าตัวปล่อยให้ตัวเองสะอื้นเต็มที่แบบไม่อายใคร ให้น้ำตามันไหลออกไปให้หมด เดี๋ยวตัวเขาก็ผล็อยหลับไปเอง



            RRRRRRRRrrrrrrrrrrrrrrrrrr



            อยู่ๆแสงไฟจากหน้าจอโทรศัพท์ก็สาดขึ้นมาท่ามกลางความมืด เสียงริงโทนที่ไม่ได้เปลี่ยนมานานก็ดังกลบเสียงสะอื้น เจ้าของเครื่องหยิบอุปกรณ์เจ้าปัญหามาเช็คว่าใครโทรมาในยามนี้ ดวงตาที่พร่าเลือนไปด้วยหยาดน้ำถูกปาดออกเพื่อจะได้มองเลขเบอร์ได้ชัดๆ



            เบอร์แปลก



            นิ้วเรียวกดปุ่มรับสายด้วยความสงสัย พยายามคุมเสียงตัวเองให้ปกติมากที่สุด



            “สะ…สวัสดีครับ” เพราะติดก้อนสะอื้น เลยทำให้สื่อสารไม่ค่อยชัดเจน



            [ติณณ์? ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้นล่ะ] เสียงนิรนามจากปลายสายเอ่ยขึ้น มันเป็นเสียงผู้ชายที่ค่อนข้างมีอายุ และฟังแล้วคุ้นหูไม่น้อย



            “เอ่อ…ไม่ทราบว่าใครโทรมาครับ?”



            [อาเอง…อาไตรภพเอง]



            “อาภพ?” ติณณ์ทวนชื่อไป สูดน้ำมูกไป



            [ติณณ์เป็นอะไรหรือเปล่า? ร้องไห้หรอ?]



             “เปล่าครับ” เด็กหนุ่มโกหกทั้งน้ำตา



            [จริงหรือเปล่า]



            “จ…จริงครับ”



            [เด็กไม่ดี โกหกอา เสียงสั่นแบบนี้ยังจะบอกว่าไม่ร้องไห้อีก]



            พอสิ้นคำนั้น ติณณ์ก็บ่อน้ำตาแตกอย่างไม่อายคนปลายสาย



            ยามที่หัวใจพังยับเยินขนาดนี้ ขอแค่ใครสักคนรับฟังเสียงสะอื้น…แค่นั้นก็พอแล้ว



 

 

            ตลอดคืนนั้นไตรภพปลอบประโลมเด็กหนุ่มด้วยเสียงนุ่มๆ ส่วนคนเจ้าน้ำตาก็เอาแต่ร้องไห้ ไม่ได้เล่าหรือระบายความในใจอะไร จนกระทั่งผล็อยหลับไปตามปกติ



            แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ หลังจากวันนั้น ไตรภพโทรมาหาเด็กหนุ่มทุกคืน ส่วนใหญ่จะโทรมาชวนคุยเรื่องราวทั่วไป ไม่ได้ถามไถ่ถึงสาเหตุการร้องไห้นั้นอีก ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยากเล่าอะไรอยู่แล้ว ติณณ์ไม่รู้หรอกว่าอาภพทำแบบนี้ทำไม รู้แต่ว่าการโทรมาทุกๆคืนนั้น มันช่วยเบี่ยงเบนไม่ให้เขาฟุ้งซ่านตอนดึกๆ และไม่ร้องไห้ก่อนนอนอีกแล้ว



            พักหลังๆมา ผู้ใหญ่คนนั้นเริ่มหยอดคำหวาน พูดในสิ่งที่เด็กหนุ่มอยากฟัง พูดให้เด็กคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองมีค่า ตัวเองพิเศษสำหรับไตรภพมากแค่ไหน ดั่งซาตานที่คอยป้อนยาพิษรสหอมหวานให้เด็กน้อยที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวจนติณณ์รู้สึกสับสน



            อีกใจหนึ่งมันบอกว่า คำพูดเหล่านี้ เขาเคยได้รับมันมาแล้วและมันไม่เคยจะลงเอยด้วยดี



            อีกใจหนึ่งมันบอกว่า ที่ผ่านมามันเป็นเพราะเขาไม่เปิดใจเอง แต่หากคราวนี้เขายอมเปิดใจสักครั้ง แล้วจะได้ความรักที่เขาโหยหาทุกๆคืนไหม?



            ติณณ์รู้ ว่าตอนนี้เขาต้องการแค่ใครสักคนมารัก



            ตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ตอนนี้เขารู้สึกดีกับคำพูดเหล่านั้นเหลือเกิน



            เด็กน้อยผู้ขาดความรักกำลังถูกชักจูงโดยซาตาน…ผู้ที่ต้องการแค่ต้องการกลืนกินร่างกายน่าลิ้มรสนั่นเท่านั้นเอง



 

            ช่วงนี้ติณณ์หน้าตาสดใสขึ้น ธาราคิดอย่างนั้น



            ประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา จากที่เด็กคนนั้นชอบทำหน้าตาหม่นหมอง ตอนนี้กลับดูมีชีวิตชีวา พูดเยอะขึ้นนิดหน่อย(นิดเดียวจริงๆ) บางทีอยู่ๆก็อมยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาเคยถามนะว่ายิ้มอะไรอยู่คนเดียว แต่ก็ได้คำตอบมาแค่ว่า เปล่าครับ



            ใช่สิ ธารามันก็แค่คนนอก



            ถึงจะอยากรู้เหตุผลของความสุขนั้น แต่มันก็ไม่สำคัญนักหรอก



            แค่ยิ้มบ่อยๆให้เขาเห็น เท่านี้ก็ชื่นใจมากแล้ว



            “ยืนยิ้มอะไรอยู่คนเดียวคะคุณธารา”



            เหมือนเสียงนั้นมาจิ้มฟองสบู่ที่มีรูปเด็กติณณ์ให้แตกเหลือแต่ละออง พอหันหน้าไปก็พบว่ามีพนักงานในแผนกคนหนึ่งกำลังยิ้มล้อเลียนเขาอยู่ พอเอามือมาแตะที่มุมปากของตัวเอง ก็พบว่าเขากำลังยิ้มอยู่จริงๆ



            แค่นึกถึงรอยยิ้มของเด็กคนนั้น เขาก็ยิ้มออกมาแล้วหรอเนี่ย



            ท่าจะทำงานหนักเกิน



            “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ธาราว่าอย่ายิ้มๆ



            “ค่ะ ไม่มีก็ไม่มีค่ะ ว่าแต่คุณธารากำลังจะไปไหนคะ?” เพราะธารากำลังยืนรอลิฟต์ พนักงานสาวจึงเอ่ยถามแบบนั้น



            “ไปที่ห้องคุณไตรภพน่ะครับ พอดีโดนเรียก”



            “เรียกไปชมแน่ๆเลยค่ะ โปรเจคต์ใหญ่ของคุณธาราเพิ่งเสร็จไปด้วยดีนี่คะ”



            “ขอให้เป็นอย่างนั้นนะครับ”



            ธาราเองก็สงสัย ร้อยวันพันปีไม่เคยจะถูกเรียกไปที่ห้องไตรภพ



            มันต้องมีอะไรแน่ๆ



 

 

            “เชิญนั่งครับ”



            ธารานั่งลงบนเก้าอี้หรูตามคำเชิญ แล้วมองหน้าพี่ชายต่างครอบครัวเพื่อรอให้ฝ่ายนั้นเป็นคนชี้แจงเอาเองว่ามีเหตุอะไรถึงต้องเรียกธารามาถึงที่นี่



            “โปรเจคต์ใหญ่ที่คุณเพิ่งทำเสร็จไป น่าชื่นชมมากเลยนะ ลูกค้าชมใหญ่เลยว่างานเรียบร้อยมาก เห็นทีบริษัทคงมีภาพลักษณ์ที่ดีมากขึ้นจากโปรเจคต์ของคุณ” ไตรภพเริ่มพูดขึ้นอย่างสบายๆ และสาธยายคุณงามความดีของโปรเจคต์อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ธารารู้สึกว่านี่ยังไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขาถูกเรียกมา



            “ผมเลยมีอะไรตอบแทนเล็กๆน้อย ผมจะจัดปาร์ตี้ฉลองให้กับพวกคุณทั้งแผนก…ที่บ้านของผม”



            นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ไตรภพมักจะหาเรื่องปาร์ตี้ได้เสมอนั่นแหละ



            และธาราก็รู้ว่าไตรภพยังไม่เข้าเรื่อง



            “ขอบคุณมากครับ แต่คุณภพช่วยเข้าเรื่องให้ผมหน่อยได้ไหมครับ?”



            ผู้บริหารระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเมื่อถูกมองเกมขาดแบบนั้น “รีบไปไหนล่ะน้องชาย”



            “ผมแค่อยากรู้ว่าพี่เรียกผมมาทำไม” สรรพนามเริ่มเปลี่ยนเมื่อบรรยากาศเป็นกันเองมากขึ้น



            “งั้นผมไม่อ้อมค้อมแล้วนะ” ไตรภพหยิบถุงที่บรรจุกล่องขนมอะไรสักอย่างที่หน้าตาดูดีมีราคา “ฝากไปให้ติณณ์ที”



            ว่าแล้วเชียว



            “เนื่องในโอกาสอะไรครับ?”



            “ให้เพราะความเอ็นดูไม่ได้หรอ?” ผู้บริหารหนุ่มว่าอย่างกวนๆ แต่ธาราไม่ขำ



            “ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไรกับติณณ์”



            ธารารู้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว เขาเห็นสายตาที่ไตรภพมองที่เด็กคนนั้นก็รู้เลยว่า ไตรภพอยากได้ติณณ์จนตัวสั่น



            “แล้วยังไงต่อล่ะ…พี่คิดอะไรกับเด็กคนนั้นแล้วธารจะทำไม?”



            “ติณณ์ไม่เหมาะกับพี่”



            “ยังไงหรอคุณธารา ช่วยอธิบายให้ฟังได้ไหม?”



            “เขาไม่ใช่ของเล่นของใคร เขามีค่ามากกว่านั้น” ธาราเริ่มไม่พอใจนิดๆ “พี่จะไปเล่นกับใครก็ได้ แต่ไม่ใช่กับติณณ์”



            “ทำไม ธารจะเก็บไว้เล่นเองหรือไง?”



            “คุณไตรภพ”



            ท่าทีจริงจังและเยือกเย็นของธารา ทำให้ไตรภพรับรู้ว่าธาราไม่เล่น แถมยังดูหวงเด็กคนนั้นมากจริงๆ และดูท่าทางไม่ได้หวงแบบคู่นอน ไม่บ่อยนักที่จะเห็นธาราอารมณ์เสียใส่เขาแบบนี้ นี่เป็นโอกาสดีทีเดียวที่จะได้เห็นน้องชายในด้านนี้



            ไอ้ที่อยากได้ติณณ์น่ะ ก็อีกเรื่อง



            แต่การที่ได้ปั่นหัวธาราเล่นเนี่ย ก็น่าสนุกไม่แพ้กัน

 



            ณ เวลาเลิกเรียนของเด็กมัธยมปลาย ติณณ์นั่งรถของอาธารกลับบ้านตามปกติ ผู้ใหญ่ก็ชวนคุยนิดหน่อยตามปกติ แต่ดูเหมือนอาธารอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่พูดออกมาสักที



            จนกระทั่งรถจอดตรงหน้าบ้านนั่นแหละ ถึงยอมพูดออกมา



            "อาภพเขาฝากขนมมาให้เราน่ะ"



            ธาราหยิบถุงขนมหน้าตาหรูที่วางอยู่ตรงเบาะหลังมาให้เด็กตรงหน้า คนได้รับมีท่าทางดีใจเหมือนได้ของล้ำค่าที่สุดในชีวิต อย่างที่ธาราไม่เคยเห็นท่าทีแบบนั้นมาก่อน



            ธาราชอบให้ติณณ์ยิ้ม แต่ไม่ชอบให้ยิ้มเพราะไตรภพเลย



            "ขอบคุณครับ"



            เด็กติณณ์กล่าวขอบคุณขนมนั้น และขอบคุณที่ธารามาส่ง ก่อนที่จะวิ่งแจ้นหายเข้าไปในบ้านเพื่อเปิดดูถุงขนมนั้นด้วยความตื่นเต้น มันคือคุกกี้เนยสดที่ตัวเขาเคยบอกไตรภพว่าชอบกิน ตอนที่คุยโทรศัพท์กันนั่นแหละ



            ติณณ์ยังคงเป็นคนที่พูดไม่เก่ง แต่พอคู่สนทนาไม่ได้มาเป็นตัวเป็นๆอยู่ตรงหน้า เหลือเพียงเสียงปลายสายให้สื่อสาร เขาก็กล้าสนทนาด้วยนิดหน่อย



            อารมณ์เหมือนนักเลงคีย์บอร์ด ต่อหน้าไม่กล้าบอกอย่างไรอย่างนั้น



            พอได้หยิบคุกกี้กล่องสวยนั้นออกจากถุง มือเรียวจัดการเปิดกล่องแล้วชิมรสขนมหวาน หอมกลิ่นเนยและวานิลลาที่คละคลุ้งอยู่ในปาก ดั่งแอปเปิ้ลสีสวยแต่อาบไปด้วยยาพิษฝีมือแม่มด เพียงแต่ยาพิษไม่ได้อยู่ในคุกกี้ แต่เป็นการ์ดเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในถุง



            เด็กหนุ่มหยิบการ์ดต้องสงสัยออกมาจากถุง มันเป็นการ์ดเชิญงานปาร์ตี้อะไรสักอย่างที่ติณณ์ไม่เข้าใจนักว่ามันคืออะไร เขาจึงต่อสายไปหาคนที่ส่งการ์ดนี้มาให้



            พอดีศุกร์นี้อาจะจัดปาร์ตี้ฉลองน่ะติณณ์ อาธารเขาเพิ่งทำโปรเจคต์ใหญ่เสร็จไป อาเลยจัดงานเลี้ยงตอบแทนเล็กๆน้อยๆ อยากให้ติณณ์มาด้วย อาอยากเจอ อาคิดถึง ไตรภพพูดแบบนี้



            ติณณ์หนักใจไม่น้อย เพราะนั่นมันงานสำหรับผู้ใหญ่ และเขาไม่เกี่ยวข้องเลยสักนิด



            แต่ไตรภพยังคงยืนยันว่าอยากให้เขาไปมากๆ ถ้าไม่ไปไตรภพคงเสียใจแย่



            คนฟังได้แต่ใจอ่อน พลางคิดว่าถ้าปฏิเสธไป อาภพคงจะคิดว่าเขาน่ะเข้าถึงยาก และเรื่องมันก็จะจบลงแบบซ้ำๆกับในอดีต



            ติณณ์บอกกับตัวเองแล้ว ว่าจะลองแหกกฎของตัวเอง แล้วลองเปิดใจดูสักครั้ง



 

            เช้าวันใหม่ ธารามารับเด็กตัวจ้อยอย่างเคย ใบหน้าน่ามองนั้นสดใสขึ้นทุกวันๆ อย่างวันนี้ตอนนั่งรถ ติณณ์หันมามองหน้าธาราเป็นระยะๆ เหมือนมีเรื่องอะไรจะพูด แต่ยังลังเลอยู่ว่าจะพูดออกไปดีไหม



            ธาราจับได้นะ ถึงสายตาจะมองตรงไปที่ถนนข้างหน้า แต่หางตามันเห็นว่ามีเด็กแอบมองอยู่



            “มีอะไรจะพูดกับอาหรือเปล่าติณณ์?” ธาราหันไปว่ากับเด็กข้างๆอย่างขำๆ “มองอยู่นั่น อยากพูดอะไรก็พูดสิ อาไม่กัดหรอกนะ”



            “อ่า…” ไหนๆอาธารก็พูดขนาดนี้แล้ว “คือ…วันศุกร์นี้อาธารมีงานเลี้ยงหรอครับ?”



            “ติณณ์รู้ได้ยังไง?”



            “อาภพเขาชวนผม—”



            “ไปชวนตอนไหน?” พอชื่อนั้นออกมาจากปากติณณ์ ธาราก็โพล่งขึ้นมา และพยายามคุมตัวเองไม่ให้รู้สึกหงุดหงิด



            “เขาโทรมาชวนผมเมื่อวานครับ”



            “โทร? แล้วอาภพไปได้เบอร์ติณณ์มาจากไหนล่ะ”



            “เขาบอกว่าเป็นความลับ…”



            หึ ไม่พ้นให้ลูกน้องไปสืบมาล่ะสิ



            “อาฮะ แล้วยังไงต่อ เขาโทรมาตั้งแต่วันไหน แล้วโทรมาทุกวันเลยหรือเปล่า”



            “ตั้งแต่วันที่อาธารพาผมไปที่บริษัท แล้วก็คุยกันทุกวันเลยครับ” ถึงติณณ์จะไม่เข้าใจว่าทำไมอาธารต้องถามขนาดนั้น แต่ก็ยอมเล่าตามความจริง



            “โทรมาคุยอะไรกัน หืม”



            “ก็…สัพเพเหระน่ะครับ”



            ธารานิ่งไปสักพักเพื่อใช้ความคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะถามเด็กคนนี้ต่อ “ติณณ์คิดว่าอาภพเขาเป็นคนยังไง?”



            เด็กหนุ่มนึกถึงลักษณะนิสัยของไตรภพ แล้วตอบไปว่า อาภพคุยเก่ง ใจดี ใส่ใจคนอื่น พูดน่าฟัง บลา บลา บลา ติณณ์พูดถึงไตรภพในทางที่ดีทั้งนั้น พอได้ฟังแล้วธาราก็รู้ว่านิสัยเหล่านั้นมันเอาไว้หลอกหล่อคนอื่นต่างหากล่ะ



            และดูเหมือนติณณ์จะเป็นหนึ่งในผู้ถูกหลอกรายต่อไป ดูจากเวลาที่เจ้าตัวพูดถึงไตรภพแล้ว เด็กหนุ่มมีอาการเขินเล็กน้อย แล้วก็เผลออมยิ้มออกมาด้วย



            อย่าบอกนะ ว่าที่ช่วงนี้ยิ้มบ่อยๆเป็นเพราะไตรภพ



            เขาอยากจะบ้าตายจริงๆ



            ธาราดีใจนะที่ติณณ์มีความสุข แต่มันต้องไม่ใช่ความสุขปลอมๆและไม่ยั่งยืนแบบนี้สิ



            ต่อให้เขาพูดไปตอนนี้ว่า อาภพของติณณ์น่ะ ไม่ใช่คนดีอย่างที่ติณณ์คิดหรอก เขาแค่จะมาหลอกฟันติณณ์เท่านั้นเอง เด็กคนนี้คงไม่เชื่อเขาแน่



            “แล้วติณณ์อยากไปหรอ?” ธาราเข้าเรื่องแบบไม่อ้อมค้อม



            “อยากไปครับ”



            “ทำไมถึงอยากไปล่ะ”



            “ก็…อาภพชวน”



            มองจากดวงอังคารก็รู้ว่าติณณ์ชอบไตรภพ



            คนๆนั้นน่ะ มีความสามารถพูดให้คนอื่นหลงได้ง่ายจะตาย แล้วกับเด็กตัวแค่นี้ ไม่แปลกเลยที่ติณณ์จะเดินตามเกมของไตรภพอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่



            ธารากำลังจะหันไปบอกติณณ์ว่า ‘ไม่ให้ไป’ แต่พอเจอสีหน้าที่คาดหวังของเด็กหนุ่ม ดวงตาใสเป็นประกายและมีความหวังมากมายอยู่ในนั้น แถมยังช้อนตามองธาราอย่างติดอ้อนนิดๆ มันทำให้เขากระอักกระอ่วนไม่น้อย



            อย่ามาทำหน้าตาน่ารักใส่นะติณณ์!



            ไม่ได้ เขาต้องใจแข็งเข้าไว้



            “อย่าไปเลย ในงานมีแต่ผู้ใหญ่ที่ติณณ์ไม่รู้จักทั้งนั้น เราไม่อึดอัดแย่หรอหืม…มันไม่สนุกสำหรับติณณ์หรอก เชื่ออานะ” เขาพยายามชักนำความคิดเด็กหนุ่มให้ไปอีกทาง



            “…แต่” ติณณ์อ้ำอึ้ง



            “ที่นั่นไม่เหมาะกับติณณ์หรอก เอาไว้วันหลังอาพาไปเที่ยวที่อื่นดีกว่าเนอะ”


           
            “…”



            ดวงตาที่เคยมีประกายความหวัง ตอนนี้มันกลับมาหม่นแสงอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยสดใสน่ามองก็แปรเปลี่ยนมาเป็นหม่นหมองอย่างเคย เอ่อ หม่นหมองมากกว่าเคยหรือเปล่านะ



            ติณณ์ไม่ได้มองหน้าธาราแล้ว เด็กหนุ่มหันหน้าหนีไปทางกระจกรถแทน ไหล่ทั้งสองข้างห่อเข้าหากันอย่างเสียบุคลิก แล้วห้องโดยสารก็ตกอยู่ในความเงียบ เหลือไว้แต่เสียงแอร์รถ และธาราก็รู้สึกว่าโลกใบนี้นั้นหดหู่ลง



            อา เขาเป็นคนทำให้รอยยิ้มนั้นหายไปแล้ว

 



            ตั้งแต่วันนั้น เด็กติณณ์ไม่สดใสเลย แบบที่ว่ามองทีไรก็รู้สึกห่อเหี่ยวไปด้วย จากปกติที่เด็กคนนั้นไม่ค่อยจะพูดกับธารา ตอนนี้มันกลายเป็นว่าติดลบอย่างกู่ไม่กลับ สองสามวันที่ผ่านมาติณณ์พูดกับเขาแค่ ‘สวัสดีครับ’ ตอนขึ้นรถ และ ‘ขอบคุณครับ’ ตอนลงจากรถ ไหนจะคอยหันหน้าหนีไปทางกระจกรถทุกวันๆ



            ธาร มึงทำเด็กงอน



            ทั้งๆที่เขาคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองทำผิดมหันต์ยังไงไม่รู้



            ชวนคุยก็แล้ว ง้อก็แล้ว ติณณ์ยืนยันว่าไม่ได้งอนครับ แต่เด็กคนนั้นก็ดูหม่นหมองลงทุกวันๆ



            ธาราไม่อยากให้ติณณ์เป็นแบบนี้เลย



            หัวหน้าแผนกถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด ทำไมเขาต้องมากระวนกระวายกับเด็กตัวแค่นี้ด้วย!?



            สุดท้าย มือใหญ่ก็หยิบโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองขึ้นมา เลื่อนหารายชื่อลูกน้องคนสนิท แล้วกดโทรออกอย่างไม่ลังเล



            “คุณเอก ช่วยแนะนำร้านเสื้อผ้าสำหรับวัยรุ่นผู้ชายหน่อยสิ ราคาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เกี่ยง” ธาราพูดเสียงเครียด “ชุดสำหรับโอกาสอะไรน่ะหรอ…เอาแบบไปงานปาร์ตี้อะไรพวกนั้นน่ะ”



            ก็ยอมรับอีกแหละ ว่าธาราแพ้เด็ก









talk.

อาธารทำเด็กงอนนนนนนนนนนนนนนน /ปิดตาชี้

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X นะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ



#เด็กมันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 08-03-2019 21:28:14
ติณณ์โลกแคบไม่ทันจิ้งจอกอย่างไตรภพหรอกก็ขออย่าได้พลาดท่าให้ไตรภพแล้วกัน
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-03-2019 21:36:43
โว๊ะ...จะรอดไหมเนี่ย..ยยยยย     :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 08-03-2019 22:05:49
ถ้าจะพาน้องไปก็ต้องดูแลน้องดีๆนะธาร อย่าพึ่งดีแตกซะก่อน
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-03-2019 22:33:07
เหนื่อยใจแทนธาร

ถ้าติณมันจะชอบแบบไนรภพ

ก็ช่างมันเถอะ

สัญชาติญาณของคนที่ไม่มีใคร

ควรจะขี้ระแวงกว่านี้นะติณ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 09-03-2019 10:05:46
ให้ติณณ์ได้เรียนรู้เองดีกว่าเพราะนางไม่ฟังใครแน่ๆ ให้เจอกับตัวเองดีสุด
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 09-03-2019 19:24:34
 o13 :really2:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 10-03-2019 09:23:25
+1  o13 ขอบคุณครับ :pig4: :katai5:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-03-2019 23:53:41
ปล่อยเลยไหมคะอาธาร ให้ได้เรียนรู้
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 11-03-2019 14:33:59
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pond_sn ที่ 12-03-2019 20:39:24
ขอบคุณณค้่าา
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-03-2019 07:20:41
 :3123:
รออ่านต่อจร้าา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 18-03-2019 16:05:47
ตอนที่ 5



          นี่ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของเขา ติณณ์คิดแบบนั้นระหว่างนั่งรถกลับบ้าน



          ถ้าจำไม่ผิด ทางที่ธารากำลังขับไป ก็คือคอนโดของเจ้าตัวนั่นแหละ เด็กหนุ่มมองวิวข้างทางที่ไม่ชินตาพลางมีคำถามมากมายในหัว แต่ไม่ได้เอ่ยปากถามสักคำ จนกระทั่งรถจอดนิ่งที่ลานจอดรถ



          ธาราเดินมาเปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้ เป็นคำสั่งนัยๆว่าให้ลงจากรถด้วยกัน ผู้โดยสารสบตาดวงตาคมคู่นั้นเชิงเป็นคำถาม อยู่ๆก็พามาที่คอนโดแบบไม่บอกไม่กล่าวกัน แถมไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น มันทำให้ติณณ์เกิดระแวงขึ้นมา



          "ติณณ์ครับ ลงมา" ธาราใช้เสียงอ่อนโยนอย่างที่ใช้กับเด็กคนนี้เป็นประจำ



          "ไปไหนหรอครับ?"                                     



          ดูสิ ดันมาระแวงใส่เขาได้ยังไงกัน



          "บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ อาตั้งใจจะเซอร์ไพรส์ติณณ์เชียวนะ มา ลงมาเร็ว"



          "เอ่อ..." เด็กหนุ่มอึกอักเมื่อถูกเร่งเร้า



          "อะไรกัน ไม่ไว้ใจอาหรอ?" ธาราว่าขำๆแล้วเท้าแขนกับประตูรถ "แล้วถ้าเป็นอาภพของติณณ์มาพูดแบบนี้ จะยอมลงมั้ย หืม"



          เมื่อผู้ใหญ่พูดแบบนั้น คนฟังก็เบิกตากว้าง เพราะคำตอบของคำถามนั้น มันก็คือใช่ ไตรภพมีอิทธิพลต่อจิตใจเขามาก แต่ธาราเอ่ยปากว่าไม่ให้ติณณ์ไปยุ่งกับคนที่เขาประทับใจ มันเลยทำให้เขาหน้าเสียเล็กน้อย แถมยังไปต่อไม่เป็น



          "เฮ้อ เชื่อเขาจริงๆสินะ น่าน้อยใจจัง" ธาราแสร้งทำทีน้อยใจ "อามีของขวัญมาให้ติณณ์ เลือกตั้งนานเลยนะ อาตั้งใจหาให้เราเลยนะ จะไม่ไปเอาจริงๆหรอครับ"



          "ของขวัญอะไรหรอครับ" ยัง ยังไม่ลงมาอีก



          นี่เขาเหมือนมิจฉาชีพหรือนักต้มตุ๋นขนาดนั้นเลยหรือไง



          "ก็บอกว่าจะเซอร์ไพรส์ไง ถ้าบอกก็ไม่ตื่นเต้นสิ"



          เด็กคนนั้นยังทำหน้าไม่ไว้ใจเหมือนเดิม แถมยังนั่งแช่อยู่บนรถไม่เปลี่ยน สายเข็มขัดก็ยังไม่ได้ปลดด้วยนะน่ะ   

       

          "ติณณ์ ลงมาดีๆนะครับ"



          "..."



          "ลงมาเร็ว ไม่ดื้อตอนนี้นะติณณ์"



          "..."



          "อ่า..." ธาราถอนหายใจ "จะไม่ลงดีๆใช่ไหม?"



          ในขณะที่เด็กหนุ่มไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงก้มศีรษะเข้ามาในรถและถือวิสาสะปลดเข็มขัดนิรภัยออก มือแกร่งสอดเข้าใต้ขาพับแล้วอุ้มร่างบางนั่นออกมาจากรถ เจ้าตัวมีอาการตื่นตระหนกที่ถูกกระทำแบบนี้ และมองไปที่ใบหน้าหล่อคมนั้นอย่างไม่พอใจ



          จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอก



          แค่อยากแกล้งเด็กดื้อน่ะ



          "อาธาร ปล่อยครับ" เสียงน่าฟังว่าพลางดิ้นน้อยๆอย่างกลัวตก



          "ตัวเบาจัง กินข้าวบ้างหรือเปล่าเนี่ย" ธาราเปลี่ยนเรื่องอย่างลอยหน้าลอยตา



          "ผมยอมเดินไปด้วยดีๆแล้ว ปล่อยเถอะครับ"



          ธาราก้มมองดวงตากลมที่ฉายแววตื่นตระหนกและซ่อนความเว้าวอนไว้ข้างในอย่างปิดไม่มิด ถึงปากเล็กจะเอาแต่บอกให้ปล่อย แต่มือเรียวยังคงยึดบ่าเขาไว้แน่นเพราะกลัวตก  แบบที่ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือ



          อยากจะแกล้งให้คนหน้าตายร้องไห้สักครั้ง



          ถ้าดวงตาเรียบเฉยนั้นมีน้ำใสๆคลอเบ้าให้วิบวับ จะน่ารักสักแค่ไหนกัน




          "อาธาร!"



          เจ้าของร่างบางร้องออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆผู้ใหญ่ก็ปล่อยเรียวขาให้ตกไปตามแรงโน้มถ่วง ยังดีที่มือแกร่งอีกข้างยังคงโอบลำตัวเด็กหนุ่มไว้อยู่ ไม่อย่างนั้นติณณ์คงล้มระเนระนาดไปกองกับพื้น



          ติณณ์ตัวเล็กมาก ธาราคิดอย่างนั้นเมื่อมือของตัวเองกำลังประคองเอวบางๆนั่นไว้



          ตัวเล็กในที่นี้หมายถึงผอม ไม่ใช่ไม่สูง ติณณ์สูงตามอายุอย่างปกติ แต่พอได้สัมผัสแบบนี้ เดาไม่ยากเลยว่าใต้ชุดนักเรียนนั่นยังบอบบางได้มากกว่านี้ นี่ถ้าเขาเป็นพ่อของติณณ์ คงจะตีให้ก้นลายโทษฐานที่ไม่รักษาสุขภาพตัวเอง



          ก่อนที่จะวินิจฉัยร่างกายของเด็กหนุ่มไปมากกว่านี้ ร่างนั้นก็ผละตัวออกจากธารา ยิ่งเห็นว่าผู้ใหญ่กำลังอมยิ้มล้อเลียนนิดๆ ยิ่งทำให้ติณณ์มั่นใจว่ากำลังโดนแกล้ง เขาซ่อนความไม่พอใจไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย แต่ธาราจับได้เพราะแววตาขุ่นมัวนั้น



          นอกจากจะไม่ร้องไห้ตามที่คาดไว้ แถมยังโดนหงุดหงิดอีกด้วย



          คดีเก่ายังไม่ทันหาย ดันสร้างคดีใหม่ขึ้นมาอีกนะไอ้ธาร



 

 

          "ถุงเงิน~"       



          ทันทีที่สองขาเข้ามาเหยียบในคอนโดหรู เด็กหนุ่มรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาเจ้าแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟานุ่ม ธารามองเด็กที่เอาแต่ลูบหัวสัตว์เลี้ยงของตัวเองอย่างไม่สนใจอย่างอื่น ไม่เอ่ยปากถามถึงเซอร์ไพรส์ของเขาด้วยซ้ำ



          เจ้าของคอนโดหรูนั่งลงข้างๆเจ้าแมวอีกฝั่ง พลางมองลักยิ้มบุ๋มๆตรงแก้มของติณณ์ยามได้ลูบขนนิ่มๆอย่างเพลินมือ ส่วนแมวก็หลับตาเคลิ้มอย่างสบายใจ บางทีธาราก็อิจฉาถุงเงินที่ถูกติณณ์สนใจและยิ้มให้บ่อยๆแบบนี้



          ตอนแรกถามอยู่นั่นแหละว่าพามาทำไม ทีงี้ล่ะไม่สนใจเขาเชียว น่าน้อยใจชะมัด



          ด้วยความหมั่นไส้สัตว์เลี้ยงตัวเองที่บังอาจมานอนอืดคั่นกลางระหว่างธารากับติณณ์ เขาจัดการอุ้มแมวขวางคอไปนอนที่อื่นโดยไม่สนใจว่าจะเป็นรบกวนมันหรือไม่ แล้วเขยิบตัวเองเองเข้าไปใกล้ๆติณณ์ แต่เด็กคนนั้นกลับหันหน้าหนี



          "ยังไม่หายงอนอาหรอ?"



          "..."



          จริงๆอาจจะหายงอนตั้งนานแล้ว แต่ดันไปแกล้งเขาเพิ่ม ก็เลยโดนงอนใหม่หรือเปล่านะ



          ไม่รอช้า อยู่ๆถุงแบรนด์เนมก็ถูกวางลงบนตักของติณณ์ เขามองหน้าอาธารอย่างสงสัยก่อนที่จะเปิดดูของข้างใน มันคือเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงยีนส์สีเข้ม และเขาก็กลับไปมองหน้าอาธารอย่างสงสัยมากกว่าเก่า เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายซื้อให้เขาทำไม เนื่องในโอกาสอะไร



          "เซอร์ไพรส์" ธาราว่ายิ้มๆ



          "ขอบคุณครับ แต่…อาธารซื้อให้ผมทำไมหรอครับ"



          "เอาไว้ใส่ไปงานเลี้ยงไง"



          "งานเลี้ยง?"



          "ใช่ ก็อาภพเขาชวนเราไม่ใช่หรอ"



          ติณณ์หน้าเหวอไปแล้ว



          "ไป เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย ตอนเย็นๆงานจะเริ่มแล้ว"



          เด็กหนุ่มเข้าใจว่าอาธารอนุญาตให้ไปงานเลี้ยงแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆถึงให้ไป ทั้งๆที่ตอนแรกอาธารห้ามนักห้ามหนาเหลือเกิน



          "ทำไมอยู่ๆอาธารถึงให้ผมไปล่ะ"



          "ก็ดูสิ มีเด็กแถวนี้งอนอา" นิ้วสากเอื้อมไปบีบแก้มเนียนๆนั่นด้วยความมันเขี้ยว "แบบนี้คงหายงอนกันแล้วใช่ไหม?"



          "ผมไม่ได้งอนครับ" ติณณ์เบี่ยงหน้าออกจากการโดนแตะต้องใบหน้าตัวเอง



          ถ้าเป็นคนอื่น ธาราคงใช้มุกแก้คนปากแข็งด้วยการบดจูบ คิดแล้วสายตาคมก็เคลื่อนไปมองที่ปากเล็กๆนั่น มันเป็นสีธรรมชาติที่ดูสุขภาพดี ดูก็รู้ว่าเด็กดีของเขาไม่ได้สูบบุหรี่แต่อย่างใด แบบนั้นในโพรงปากคงจะหอมหวาน พอส่งลิ้นเข้าไปสำรวจเจ้าตัวคงจะครางอื้ออึงอย่างที่ไม่เคยรับรสจูบของเขามาก่อน



          ธาราไม่ต่อปากต่อคำกับติณณ์ต่อ และไล่เด็กไปอาบน้ำแต่งตัว พอเห็นคนตัวเล็กหายเข้าไปในห้องน้ำตามคำสั่ง ลิ้นอุ่นก็แลบเลียริมฝีปาก กลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผาก ทั้งหมดมันเป็นผลมาจากจินตนาการว่าได้บดจูบเด็กคนนั้น



          ติณณ์น่าจะจูบไม่เก่ง ซึ่งไม่ใช่สเป็คของธาราด้วยซ้ำ



          แต่ส่วนมืดของจิตใจมันก็อยากเห็นปฏิกิริยาบางอย่างจากคนนิ่งๆแบบนั้น



 

 

          เสียงน้ำกระทบพื้นดังมาจากในห้องน้ำระหว่างที่ติณณ์กำลังนั่งบนโซฟาตัวเดิม เขาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว ก็เหลือแต่รออาธารอาบน้ำแต่งตัวบ้าง ตอนที่เขาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมชุดใหม่ อาธารมองมาที่เขาอย่างพอใจ แล้วบอกว่าติณณ์หล่อมาก เขาคิดว่าเสื้อผ้าน่ะ มันส่งให้เขาดูดีได้เยอะมาก พอคิดแบบนั้นก็ได้สติขึ้นมาว่า เขาทำอาธารเดือดร้อนอีกไหมนะ ที่ต้องมาซื้อเสื้อแพงๆให้



          นี่เขาเผลองี่เง่าใส่อาธารหรือเปล่า แย่ชะมัด



          ไม่กี่อึดใจ ธาราก็ปรากฏตัวในสายตาติณณ์พร้อมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสแล็คสีดำ มือแกร่งยกขึ้นเสยผมไปมาเพื่อจัดแต่งทรงผมอยู่หน้ากระจก ติณณ์มองภาพนั้นอย่างตะลึง เขาเพิ่งเคยเห็นอาธารลุคนี้ ทั้งโครงหน้า ทรงผม เสื้อผ้า มันส่งให้ผู้ใหญ่คนนั้นหล่อคมมากๆแม้อายุจะปาไป40



          น้ำหอมขวดหรูหราถูกฉีดไปแต่ละจุดตามร่างกายแกร่ง กลิ่นหอมกรุ่นๆลอยมาแตะจมูกเล็ก มันเป็นกลิ่นหอมแบบผู้ใหญ่ ดมแล้วผ่อนคลายอย่างที่ติณณ์ชอบ เขาพยายามมองขวดน้ำหอมนั้นอย่างสนใจ เผื่อว่าในอนาคตเขาจะไปซื้อกลิ่นนี้ตาม มองไปมองมาสักพัก เจ้าของขวดน้ำหอมก็หันมามองติณณ์กลับ แถมยังยิ้มล้อเลียน



          "แอบมองอาหรอ"



          "ข...ขอโทษครับ"



          "ขอโทษอะไรกัน มองอีกเยอะๆเลยก็ได้ อาชอบ" ธาราว่าพลางแต่งองค์ทรงเครื่องตัวเอง "ติณณ์เสร็จแล้วหรอ ฉีดน้ำหอมหน่อยไหม?"



          ความจริงแล้วติณณ์ค่อนข้างเกรงใจ แต่ด้วยความอยากรู้ว่ากลิ่นหอมๆนั้นมันคือน้ำหอมแบรนด์อะไร ตัวเองจึงต้องมายืนหน้ากระจกกับอาธารแบบนี้ เขาลอบมองขวดบรรจุภัณฑ์เรียบหรูในมืออีกฝ่าย เห็นโลโก้ของแบรนด์นิดๆก็รู้ว่าเป็นแบรนด์ดัง ราคาคงแพง ยิ่งเข้าใกล้อาธารแบบนี้ยิ่งได้กลิ่นหอมจากร่างกายนั้น แต่อาธารกลับวางน้ำหอมขวดนั้นลงบนโต๊ะ



          “กลิ่นนี้มันออกแนวผู้ใหญ่ไปหน่อย ไม่ค่อยเหมาะกับติณณ์” ธาราพูดพลางเอื้อมมือไปหยิบน้ำหอมอีกขวด “เอาอันนี้ดีกว่า วัยรุ่นก็ฉีดได้”



          ธารากดลงที่หัวสเปรย์ให้ฉีดลงไปที่ต้นคอของเด็กหนุ่ม แต่กลไกไม่รักดี แทนที่น้ำหอมจะออกมาเป็นละอองฟุ้งๆกลับเป็นสายน้ำเสียอย่างนั้น มันทำให้ต้นคอของติณณ์เลอะน้ำหอมหยดย้อยลงมาเป็นสาย ธารากกล่าวตำหนิหัวฉีดไม่รักดีและขอโทษขอโพยเด็กหนุ่ม พลางเอามือไปเช็ดหยดน้ำหอมตามลำคอสวย



          กลิ่นที่ถูกฉีดบนร่างกายติณณ์ มันเป็นกลิ่นที่ธารามักจะใช้เวลาไปเที่ยวกลางคืน ดั่งมีฟีโรโมนออกมาจากเด็กตรงหน้า กลิ่นที่ติดอยู่ตรงต้นคอเนียนสวยมันผสมไปด้วยกลิ่นอำพัน กลิ่นไม้ กลิ่นดอกไอริส เพิ่มความยั่วยวนด้วยกลิ่นเหล้ารัมผสมสไปซี่นิดๆ ตอนที่มันอยู่บนร่างกายธาราเขาก็ว่ามีเสน่ห์มากแล้ว พอกลิ่นพวกนั้นมันไปอยู่บนร่างกายติณณ์ ยิ่งกลิ่นแรงเป็นพิเศษบริเวณต้นคอ มันทำให้มือสากเผลอลูบไล้ลำคอที่เขาหลงใหลทั้งๆที่คราบน้ำหอมมันน่าจะหมดไปตั้งนานแล้ว



          รูปก็เพลินตา สัมผัสก็เนียนมือ ไหนจะกลิ่นที่ยั่วยวน



          ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าติณณ์ตอนนี้น่าขย้ำ น่ากลืนกินไปทั้งตัว



          เจ้าตัวขนลุกนิดๆเมื่ออาธารเช็ดคอให้ มือสากที่ผ่านการทำงานมามากไล้วนไปมาบริเวณไหปลาร้า แถมยังลูบขึ้นลูบลงไปถึงต้นคอซ้ำๆจนติณณ์เดาว่าน่าจะเกิดรอยแดงจางๆ ดวงตากลมช้อนมองไปที่ใบหน้าหล่อคมของผู้ใหญ่เพื่อจะเชิงถามว่าเสร็จหรือยัง แต่พอเห็นสายตาของอาธารที่มองมานั้นวาววับเหมือนเห็นเหยื่อรสโอชะอย่างที่ติณณ์ไม่เคยเห็นมาก่อน ส่งผลให้เขาหน้าเห่อร้อนและถอยหลังออกอย่างตกใจนิดๆ



          ปฏิกิริยาของติณณ์นั้นดึงสติธาราได้อย่างดี จากที่ถูกมอมเมาด้วยกลิ่นและสัมผัสอย่างหน้ามืดตามัวก็ปรับสายตาให้เห็นว่าติณณ์กำลังทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้สึกผิดอย่างมากและรีบขอโทษเด็กคนนั้นยกใหญ่



          อันตราย



          ขนาดเขายังเป็นขนาดนี้ แล้วไตรภพล่ะ จะขนาดไหน





(ต่อด้านล่างค่ะ)

         
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่4 (8.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 18-03-2019 16:06:15
 อยู่ใกล้ๆอาไว้นะ ห้ามเถลไถล ใครชวนไปไหนห้ามไปด้วยเด็ดขาด ธาราสั่งติณณ์แบบนี้ เหมือนผู้ปกครองพาเด็กเข้าห้างสรรพสินค้าครั้งแรก



          ขณะนี้ตัวเขามาอยู่ในปาร์ตี้เล็กๆที่อยู่หน้าบ้านของไตรภพ อย่างที่ติณณ์เองก็ไม่แน่ใจว่าควรเรียกว่าบ้านหรือคฤหาสน์ กึ่งกลางพื้นที่กินไปด้วยสระน้ำสีครามน่าแหวกว่าย รายล้อมไปด้วยโต๊ะ เก้าอี้เป็นกลุ่มๆ อีกทั้งโซนบาร์บีคิว อาหารและเครื่องดื่มละลานตา แสงไฟประดับที่อยู่ด้านบนเต็มไปด้วยสีสันแวววาวตัดกับบรรยากาศยามค่ำได้อย่างดี เขาไม่ได้มาเร็วนัก จึงมีแขกอยู่แล้วมากมาย ทั้งหมดเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดีเพราะต่างเป็นลูกน้องของธาราทั้งนั้น



          แต่ไม่ใช่กับติณณ์



          ถึงที่นี่จะสวยและอลังการ แต่เขาไม่ได้ผ่อนคลายไปด้วยเลย เพราะมีแต่ผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักรายล้อมทั้งนั้น เลยทำให้เขาค่อนข้างอึดอัด นึกภาพไม่ออกเลยว่าหลังจากนี้ควรจะวางตัวเองไว้ตรงไหน บางทีเขาก็นึกโกรธตัวเองที่ไม่เชื่อฟังอาธารตั้งแต่แรก



          เดี๋ยวสิ เขาไม่ได้อยากจะมาสนุกกับปาร์ตี้นี้สักหน่อย



          เขาอยากมาเจอไตรภพต่างหาก



          เด็กหนุ่มหันซ้ายหันขวา พยายามใช้สายตาค้นหาคนที่เขาอยากเจอ แต่กลับไร้วี่แวว อาจจะเป็นเพราะคนเริ่มเยอะขึ้นด้วย ไตรภพอาจจะถูกใครสักคนบดบังอยู่



          เพราะมัวเอาแต่หาใครบางคน พอหันมาอีกทีก็พบว่าอาธารกำลังยืนคุยกับผู้ใหญ่2-3คน ท่าทางดูนอบน้อมกับธารามาก แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ประเด็นอยู่ที่ว่าตอนนี้ติณณ์ทำตัวไม่ถูกต่างหาก แน่นอนว่าการเข้าไปคุยด้วยนั่นเป็นวิธีที่บัดซบที่สุด จะยืนเก้ๆกังๆอยู่ข้างหลังก็กระไรอยู่ เด็กหนุ่มเลยทำทีสนใจพุ่มไม้ข้างๆ



          มันคือดอกแก้ว ดอกเล็กๆสีขาวเป็นช่อ ส่งกลิ่นหอมเวลากลางคืน ที่บ้านเขาเคยปลูกไว้แต่ตายไปแล้ว กลิ่นหอมแบบนี้เป็นกลิ่นที่เขาไม่ได้ดอมดมมานาน เลยให้ความสนใจกับต้นไม้ต้นนี้เป็นพิเศษ แต่ในระหว่างที่เขากำลังใจจดใจจ่อกับดอกไม้สีขาวนั้น หางตามันก็แอบเห็นว่ามีใครบางคนกำลังมองมาทางเขา



          ด้วยความสงสัย ติณณ์เลยหันไปมองกลับอย่างไม่ลังเล แต่แล้วก็ต้องกลั้นหายใจไปนิดนึงเมื่อรู้ว่าคนที่กำลังมองเขาอยู่คือไตรภพ ผู้ใหญ่คนนั้นกำลังยืนคุยกับคนอื่นอยู่จากที่ไกลๆ อาภพส่งยิ้มมาให้เขาเป็นการทักทาย แต่ติณณ์กลับหันหน้าหนีอย่างไวเพราะความเขิน



          ตั้งใจมาหาเขาทั้งที แต่พอเจอจริงๆกลับไม่กล้ามองหน้า



          บ้าไปแล้วติณณ์



          ตอนคุยผ่านโทรศัพท์น่ะมันใจกล้ามากกว่านี้ เพราะไม่ได้เผชิญกันต่อหน้าแบบนี้ไง เขามันก็เป็นแบบนี้ทุกที พอได้เจอคนที่ประทับใจก็ทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าพูด ไม่กล้าอะไรเลย



          แต่ลึกๆมันก็อยากมองอีก



          ติณณ์รวบรวมความกล้าไปเพื่อหันไปมองอาภพอีกครั้ง คราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้มองมาทางเขาแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะเขาจะได้แอบมองอยู่ตรงนี้อย่างสบายใจ



          สำหรับเขา แค่นี้มันก็มากพอแล้วจริงๆ



          “ติณณ์!”



          เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงเมื่อชื่อตัวเองถูกเรียกดังๆที่ข้างหู แถมยังมีสองมือเข้ามาตะปบไหล่อย่างกะทันหัน เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นธาราที่กำลังยืนหัวเราะใส่เขาอยู่ นั่นแหละ เขาถูกอาธารแกล้งอีกแล้ว



          “มายืนทำอะไรตรงนี้ ถ้าใครมาจับติณณ์ไปไหนจะทำยังไงเนี่ย”



          “แต่ที่นี่ไม่น่าจะอันตรายนะครับ”



          “ใครว่าล่ะ” ธาราทำเป็นกระซิบกระซาบ “เจ้าของที่นี่น่ะ ตัวดีเลย” คนฟังทำหน้าไม่เข้าใจ ซึ่งธาราไม่ได้หวังจะให้เข้าใจอะไรอยู่แล้ว “แล้วนี่ทำอะไร ชมดอกไม้?”



          “อ่า…ครับ มันหอมดี”




           มันก็จริงอย่างที่ว่า ดอกแก้วดอกเล็กพากันส่งกลิ่นหอมแข่งกันอบอวลทั่วบริเวณ แต่เป็นเพราะธารายืนใกล้ติณณ์เกินไปอย่างไรก็ไม่ทราบ กลิ่นดอกแก้วเลยถูกกลบด้วยกลิ่นน้ำหอมยั่วยวนไปเสียหมด เขาถอยตัวห่างเด็กหนุ่มเล็กน้อย จะได้ไม่หน้ามืดตามัวอย่างครั้งที่แล้ว ติณณ์น่ะ ตัวหอมล่อแมลงยิ่งกว่าดอกแก้วเสียอีก



          บางทีธาราก็มีความคิดอยากจะจับติณณ์อาบน้ำขัดตัวไม่ให้เหลือกลิ่นนี้แม้แต่นิดเดียว



 

 

          ติณณ์ถูกจับให้นั่งร่วมโต๊ะกับผู้ใหญ่คนอื่นๆ แหงล่ะ มันไม่มีเด็กคนอื่นแล้วสักหน่อย จะให้เขาแยกโต๊ะกับอาธารสองคนก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะความดื้อดึงจะมาด้วยเขาเลยต้องรับผลแบบนี้ 



          ตอนมานั่งแรกๆติณณ์โดนชวนคุยเยอะแยะเลย ส่วนใหญ่ก็ถามทั่วๆไปอย่างที่เขาเคยตอบมาเป็นสิบๆรอบ สักพักผู้ใหญ่บนโต๊ะก็ชวนคุยกันเองตามที่ควรจะเป็น ส่วนเขาก็นั่งตัวลีบอยู่ข้างๆหัวหน้าแผนก ฟังเรื่องของผู้ใหญ่ที่ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก ยังดีที่อาธารยังหันมาคุยด้วยเป็นระยะๆ อร่อยมั้ย ทำไมไม่ลองกินอันนี้ล่ะ เอาอะไรเพิ่มมั้ย อย่างนั้นอย่างนี้ ติณณ์รู้สึกขอบคุณอาธารลึกๆที่อย่างน้อยก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาจืดจางโดยสมบูรณ์



          ที่นี่มีคาราโอเกะกันนิดหน่อย มีอาผู้ชายคนหนึ่งลุกขึ้นร้องเพลงเสียงเพี้ยนๆ เอ่อ อาคนนี้คือคนร่วมโต๊ะเดียวกันกับติณณ์นั่นแหละ จากการที่ฟังผู้ใหญ่คุยกัน อาคนนี้น่าจะชื่ออาเอก เพลงเพี้ยนๆของอาเอกสร้างความบันเทิงให้งานได้อย่างดี คนโต๊ะอื่นๆก็ต่างมองมาที่โต๊ะนี้แล้วพากันหัวเราะ ส่วนติณณ์ก็ทำได้แต่ดื่มน้ำแก้เคอะเขินอย่างเดียว



          เหมือนรอบๆกายเป็นสีสันสดใส แต่ตัวเขาเป็นสีเทาจืดๆ



          ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา



          "ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ" เด็กหนุ่มสะกิดผู้ใหญ่ที่พาเขามา แล้วขออนุญาต พออาธารพยักหน้าเขาก็รีบออกมาจากตรงนั้น เพราะ...



          หนึ่ง เอาแต่กินน้ำอยู่นั่น เลยทำให้ปวดฉี่



          สอง ตรงนั้นเสียงดังและทำให้มึนหัวมาก เลยอยากออกมาตั้งหลักในที่เงียบๆสักพัก



          ติณณ์เดินเข้าไปในสถาปัยกรรมที่โคตรสวยเพื่อหาห้องน้ำ ในนี้มันกว้างเกินกว่าที่จะเดินหาเองเลยอาศัยถามคุณป้าแม่บ้านเอา เด็กหนุ่มกล่าวขอบคุณแล้วเดินหายไปในห้องน้ำหรู อย่างที่ทั้งหมดอยู่ในสายตาของใครบางคน



          ไตรภพยังคงยืนยัน ว่าเรื่องนี้มันโคตรน่าสนุก



 

 

          ติณณ์จัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้ว ก่อนที่จะกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเดิมเขาเพิ่งสังเกตว่าที่นี่มีสวนหย่อมเล็กๆหลังบ้านด้วย กลิ่นหอมของดอกแก้วโชยมากับลม หลอกล่อให้เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในสวนเพื่อตามหาต้นตอของกลิ่นนั้น พอได้เจอเจ้าดอกไม้ตัวการก็เผลอยิ้มออกมา เขามีความคิดว่าจะเชยชมดอกไม้แถวนี้สักพักค่อยกลับไปนั่งที่



          เพราะตรงนี้มันเย็น ร่มรื่น สงบ แถมกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย



          ติณณ์ชอบบรรยากาศแบบนี้มากกว่า



          นิ้วเรียวเอื้อมไปเด็ดดอกแก้วมาดอกหนึ่ง หมุนไปหมุนมาพิจารณารูปลักษณ์ก่อนจะยกขึ้นมาดมใกล้ๆจมูก มันหอมสบายๆ ไม่ฉุน เหมือนเวลาได้กลิ่นน้ำหอมของอาธาร



          "อ๊ะ!"



          เจ้าตัวอุทานขึ้นมาอย่างตกใจ เมื่อมีสองแขนปริศนามากอดเอวของเขาไว้ ติณณ์พยายามแกะมือนั้นออกด้วยความตกใจ แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยข้างๆจึงหันไปมองคนต้นเหตุ



          อาไตรภพ



          "จับเด็กไม่ดีได้แล้ว แอบขโมยดอกไม้อาหรอ"



          "ขอโทษครับ" ลืมไปเลยว่าต้นไม้นี้มีเจ้าของ ดันไปเด็ดมั่วซั่วเสียได้



          "ไม่ยกโทษให้ได้ไหม" ไตรภพว่าเสียงเจ้าเล่ห์



          "อาภพปล่อยก่อนครับ"



          ติณณ์ดีใจมากเลยนะที่ได้เจออาภพ แต่พออีกฝ่ายเข้ามากอดเอวระยะแนบชิดแบบนี้มันก็อึดอัดเหมือนกัน แถมใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดีด้วย เข้าดิ้นขลุกขลักและพยายามแกะพันธนาการนั้นออก โชคดีที่อาภพไม่ขี้แกล้งจนเกินไป เลยยอมปล่อยเขาให้เป็นอิสระแต่โดยดี



          แล้วยังไงต่อล่ะ



          พอได้มาเจออีกฝ่ายใกล้ๆแบบนี้ หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวจนแทบจะกระโดดออกมา ใบหน้าหล่อคมที่น่ามองแต่เขากลับไม่กล้ามองขึ้นมาดื้อๆ มือไม้รู้สึกเกะกะไปหมด ตอนนี้เขาคงดูเก้กังในสายตาอาภพไม่น้อย



          "คิดถึงจังเลย" ไตรภพว่าเสียงนุ่มพลางลูบศีรษะอีกฝ่าย "ดีใจจังที่ติณณ์ยอมมาด้วย"



          เด็กหนุ่มยิ้มเขินๆ ปากตอบออกไปแค่'ครับ' เขาอยากจะพูดกับคนๆนี้ให้มากกว่านี้เหมือนตอนคุยโทรศัพท์ แต่พอมาอยู่ต่อหน้ากลับพูดไม่ออกสักคำ



          "เพิ่งเคยเห็นเราแต่งตัวแบบนี้นะ ดูดีมากเลย"



          และก็เป็นฝ่ายไตรภพที่ชวนคุยเหมือนเดิม เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ที่นี่อาหารอร่อยดีไหม ชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ตอนนั้นแอบมองอาหรอ อาเห็นนะ รู้ไหมว่าอาคิดถึงติณณ์จะแย่ พอได้เห็นหน้าแล้วชื่นใจมากๆ บลา บลา บลา เด็กหนุ่มรู้สึกดีกับคำพูดพวกนั้น เขาว่าการมาครั้งนี้มันคุ้มค่าแล้วล่ะ



          "ติณณ์ชอบดอกแก้วหรอ?" ที่ถามแบบนั้นเพราะหลักฐานมันคามือ



          "ชอบครับ" ดอกแก้วในมือถูกยกขึ้นมาดม "หอมดี"



          "หอมจริงหรือเปล่า"



          ไตรภพยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆดอกไม้เล็กที่มือเรียวถืออยู่ เขาไม่ได้สนใจดอกไม้เลยแม้แต่น้อย เขาสนใจแต่ใบหน้าอ่อนเยาว์ที่อยู่ห่างกันแค่คืบ และกลิ่นหอมยั่วยวนที่มาจากร่างกายเด็กคนนี้



          "หอมจริงๆด้วย...หมายถึงติณณ์น่ะ"



          คนถูกชมมีอาการประหม่า แต่พอเงยหน้าไปก็เห็นสายตาที่ดูน่ากลัวแปลกๆของอาภพ จะว่าอย่างไรดี มันคล้ายๆสายตาของอาธารที่เคยมองเขาตอนอยู่ที่คอนโด แต่ของอาภพตอนนี้มันดูมีความต้องการบางอย่างที่รุนแรงมากกว่า มันทำให้ติณณ์ต้องถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ



          "ตกใจหรอ?" ไตรภพว่าพลางหัวเราะ "ขอโทษนะ ติณณ์หอมมาก อาเลยอยากดมใกล้ๆ"



          "อ่า...ครับ" เขาตอบได้แค่นี้จริงๆ



          "ไปคุยกันเงียบๆในบ้านไหม? ตรงนี้มันมืด แถมยุงเยอะด้วย"



            ถ้าติณณ์ไม่กลับไปนั่งที่ตอนนี้ เขาต้องโดนอาธารดุแน่ๆ เพราะเขาออกมาจากตรงนั้นมานานพอสมควรแล้ว "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมกลับไปนั่งดีกว่า"



          "ว้า เสียดายจัง" ไตรภพแสร้งถอนหายใจ "งั้นไหนๆก็ช่วยอายกบาร์บีคิวไปวางเพิ่มหน่อยได้ไหม อยู่ในห้องครัวน่ะ"



          มีหรือที่ติณณ์จะปฏิเสธ เขาเดินตามคนตัวสูงเข้าไปในบ้าน เดินลัดเลาะนิดหน่อยก็เจอห้องครัวที่ทั้งกว้างทั้งหรู อาภพบอกเขาว่าบาร์บีคิวถูกพลาสติกแรปอยู่ในตู้เย็นใหญ่ ให้หยิบออกไปวางบนโต๊ะโซนปิ้งย่างได้เลย ส่วนเจ้าของบ้านจะตามไปทีหลังเพราะจะไปหยิบไวน์ในห้องมาเพิ่ม



          คนแปลกถิ่นเปิดตู้เย็นเพื่อค้นหาบาร์บีคิวที่ว่า ในตู้นี้มีของสดมากมายหลายตาจนเป็นการยากในการหาของนิดหน่อย เขาพยายามหาสิ่งที่ดูเหมือนบาร์บีคิวมากที่สุดแต่ก็ไม่พบ ในระหว่างที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่นั้น มีมือปริศนานำผ้าเช็ดหน้ามาแนบกับจมูกและปากของติณณ์ เขาตื่นตระหนกอย่างมากเมื่อตัวเองถูกล็อคด้วยแขนของใครบางคน ใช้เวลาสักพักสารเคมีที่อยู่ในผ้าเช็ดหน้าก็ออกฤทธิ์ให้คนสูดดมได้หมดสติลงอย่างสิ้นฤทธิ์



          ร่างบางทิ้งตัวลงบนอ้อมอกไตรภพอย่างไม่ได้สติ ผู้บริหารยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะช้อนตัวเด็กหนุ่มขึ้น แล้วพาเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ร่างผอมถูกวางลงบนโซฟานุ่ม ตามมาด้วยไตรภพที่นั่งมองสรีระเด็กคนนี้อย่างพิจารณา



          คนอย่างเขาไม่ชอบลักหลับใคร จะมีเซ็กส์ก็ต่อเมื่อคู่นอนสมยอมเท่านั้น



          อีกทั้งยังมีแขกมากมายอยู่ข้างนอก ถ้าเขาคิดจะกินเด็กคนนี้ขึ้นมาจริงๆ คงไม่โง่มาทำที่นี่หรอก และเขาก็ไม่ได้ล็อคประตูด้วยซ้ำ



          ไตรภพแค่อยากจะยั่วโมโหธาราเล่นๆเท่านั้นเอง



 

 

 

          ติณณ์หายไปนานเกินไป นี่คือสิ่งที่ธาราคิด



          เด็กคนนั้นบอกจะไปเข้าห้องน้ำ แต่นี่มันนานเกินไป จะให้คิดว่าคงถ่ายหนักก็ยังคงนานเกินไปอยู่ดี ไม่ใช่ว่าไปเถลไถลแถวไหนอีกล่ะ คิดแบบนั้นแล้วก็เกิดความกังวล มือใหญ่หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาโทรหาเด็กเจ้าปัญหา ฟังเสียงรอสายสักพักปลายสายก็รับโทรศัพท์



          “ฮัลโหล ติณณ์อยู่ไหน”



          [อยู่ในห้องทำงาน]



          เสียงทุ้มๆแบบนี้ไม่ใช่เสียงของติณณ์ ธารายกหูออกเพื่อเช็คว่าเขาโทรหาถูกคนแล้ว “ผมกำลังพูดกับใครครับ?”



          [อะไรกัน จำเสียงเจ้าของบ้านหลังนี้ไม่ได้หรือ น่าน้อยใจนะ] ปลายสายว่าพลางหัวเราะ



          “คุณไตรภพ?” เมื่อรู้ว่าเป็นใคร เขากังวลยิ่งกว่าเก่า “คุณมารับโทรศัพท์ติณณ์ได้ยังไง แล้วติณณ์อยู่ไหน!?”



          [ธารฉีดน้ำหอมให้ติณณ์หรอ หอมมากเลยนะ] ไตรภพเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย [น่ากินไปทั้งตัว]



          “อย่าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว”



          ธาราขบกรามดังกรอด ข่มอารมณ์ไม่ให้ตวาดออกมาท่ามกลางผู้คน มือใหญ่กดตัดสายอย่างไม่ไยดีแล้วรีบลุกออกจากที่เพื่อไปหาเด็กคนนั้น เขาร้อนรนใจมากว่าไตรภพจะทำอะไรเลวๆกับเด็กดีของเขาไหม หรือต่อให้ไม่ได้ทำอะไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ติณณ์อยู่กับไตรภพสองต่อสองแน่ เมื่อเข้ามาในบ้านหลังโตเขาก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานชั้นสองอย่างชำนาญทาง ธาราไม่ได้เคยมาที่นี่ครั้งแรกเสียหน่อย



          ประตูห้องทำงานถูกกระชากออกด้วยมือแกร่ง ไฟพิโรธลุกโชนขึ้นเมื่อเห็นพี่ชายต่างครอบครัวกำลังซุกไซ้ลำคอเด็กคนนั้นที่ดูเหมือนหมดสติไป เขาเดินจ้ำอ้าวเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายให้ออกมา ง้างกำปั้นเตรียมต่อยคนที่บังอาจมาแตะต้องเด็กดีของเขา แต่แล้วไตรภพก็ยกมือขึ้นสองข้างขึ้นมาแล้วบอกธาราให้ใจเย็นก่อน



          “พี่ทำอะไรติณณ์วะ!” ธารากระชากเสียงอย่างหาเรื่อง



          “ก็ยังไม่ได้ทำอะไร” ไตรภพพูดอย่างไม่ซีเรียส “แค่ขอดมเฉยๆเอง”



          “อย่ามาโกหก!”



          “โกหกอะไรกัน” มือแกร่งกระชากอีกมือที่ขย้ำคอเสื้อเขาออก “ถ้าพี่คิดจะทำอะไรจริงๆคงล็อคประตู ไม่สิ พี่จะพาติณณ์ไปทำที่อื่นด้วยซ้ำ”



          “แล้วพาติณณ์มาถึงที่นี่ทำไมล่ะ คุณไตรภพ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมากของธารา เขาพยายามไม่ให้อารมณ์มาครอบงำตัวเองอย่างเมื่อกี้ ไม่อย่างนั้นคงทำอะไรบ้าๆลงไปแล้ว



          “แค่อยากเห็นนายโมโหเล่นๆน่ะ ธาร…เด็กคนนี้เป็นคนโปรดของนายหรอ ทำไมต้องหวงก้างขนาดนั้นด้วย”



          “ติณณ์เป็นลูกของเพื่อนผม” ธาราจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “และคุณห้ามแตะต้อง”



          “แค่ลูกของเพื่อนหรอ หืม?” ไตรภพหัวเราะเยาะ “นายไม่เคยรู้ตัวเลยใช่ไหมว่านายใช้สายตาแบบไหนมองเด็กคนนี้”



          “แล้วยังไง มันไม่เกี่ยวกับคุณ อ้อ หรือต้องให้ผมทำแบบนี้กับหลานสาวของคุณบ้างล่ะถึงจะเข้าใจ?”



          เมื่อเอ่ยถึงคนที่หวงแหน ไตรภพก็เริ่มมีน้ำโห “อย่าลากหลานของผมไปเกี่ยวด้วย”



          “ผมไม่ยุ่งแน่ ถ้าคุณไม่ยุ่งกับติณณ์ก่อน” ธาราพูดอย่างจริงจัง “ถ้าครั้งต่อไปคุณมายุ่งกับติณณ์อีก ผมก็จะเข้าไปยุ่งกับหลานของคุณเหมือนกัน คุณไตรภพ”



          “นี่คุณขู่ผม?”



          “หึ คุณก็รู้ว่าขู่ไม่ขู่ คุณรู้จักผมดีไม่ใช่หรือ?”



          ใช่ ธาราไม่ได้ขู่



          ใครเล่นสกปรกมา เขาก็พร้อมเล่นสกปรกกลับ ไตรภพรู้ข้อนี้ดี



          “หึ…” ไตรภพกำลังโมโห แต่เขาไม่ยอมถูกยั่วโมโหคนเดียวหรอก “หวงขนาดนี้ เพราะจะเก็บไว้กินเองล่ะสิ”



          “ผมไม่ได้คิดสกปรกเหมือนคุณ”



          “โอ้ พ่อเทวดา น่าประทับใจจริงๆ” ผู้บริหารปรบมืออย่างชอบใจ “นายอดใจไหวหรือ? อ้อ ติณณ์ไม่ใช่สเป็คนายนี่”



          “…”



          “ไม่คิดจะลองหน่อยหรอ เนื้ออ่อนน่ะๆ มันออกจะหวาน” ซาตานกำลังหลอกล่อซาตานด้วยกัน “นายน่าจะลองชิมความไร้เดียงสาดูเสียบ้าง ความสด ความอ่อนเยาว์แบบนี้มันหาได้ง่ายๆที่ไหน…นายไม่คิดบ้างหรอว่าเด็กคนนี้มันน่าจะหอมหวานมากแค่ไหน นายจะได้ฟังเสียงครางหวานๆที่ไม่ได้ปรุงแต่งสักนิด แค่คิดก็หวานปากแล้ว เด็กมันน่ารักขนาดนี้ นายทนไหวได้ยังไงกัน?”



          ผลั่ก!!



          ความอดทนเส้นสุดท้ายของธาราขาดลงเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงติณณ์แบบนั้น กำปั้นแน่นต่อยอย่างแรงที่ใบหน้าหล่อคมนั่น แรงกระทำมหาศาลส่งผลให้ไตรภพเซลงบนโซฟา เลือดแดงฉานไหลซิบออกมาจากมุมปากนั้น แต่ธาราไม่ได้สนใจ ไม่เกรงกลัวด้วยซ้ำว่าจะถูกไล่ออกหรือไม่ ก็ให้มันรู้ไปสิว่าคนอย่างไตรภพมันจะแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก เขาช้อนตัวเด็กหนุ่มที่หลับไม่รู้เรื่องออกจากตรงนั้นทันที อย่างที่ไตรภพมองดูแล้วแสยะยิ้ม



          ดูซิ ว่านายจะเป็นเทวดาได้นานเท่าไหร่กัน ธารา



 

 

          ร่างบางถูกวางลงบนเตียงนอนของเจ้าตัวอย่างทะนุถนอม ติณณ์เก็บกุญแจบ้านไว้ในกระเป๋าเสื้อเลยไม่ยากต่อการค้นหาสำหรับธารามากนัก เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ นึกโมโหตัวเองที่ใจอ่อนยอมพาติณณ์มาแบบนี้



          ไตรภพพูดอย่างกับว่าติณณ์เป็นของเล่น



          อีกฝ่ายพยายามหลอกล่อให้ด้านมืดของเขาออกมา จริงอยู่ที่ติณณ์ไม่ใช่สเป็คของเขาแม้แต่น้อย ติณณ์ตัวเล็กเกินไป ไร้เดียงสาเกินไป เป็นเด็กดีเกินไป แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองเข้าหาติณณ์ขนาดนี้เพราะอะไร เพราะเป็นลูกของมาลิน เพราะน่าสงสาร เพราะน่าเอ็นดู เขาเองก็ไม่ทราบ และก็ไม่มั่นใจว่าถ้าถูกยั่วยวนขึ้นมาเขาจะทำเป็นไม่สนใจได้หรือไม่



          ธาราสลัดความคิดอบายมุขออกจากหัวก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง เขาเอื้อมมือไปลูบผมนุ่มของคนบนเตียงเป็นการบอกลาแล้วเตรียมลุกขึ้น แต่คนติดหมอนข้างกลับคว้ามือแกร่งนั้นไว้แล้วดึงเข้ามากอดอย่างที่คิดว่าเป็นหมอนข้าง ใบหน้าเนียนซุกเข้ากับมือนั้นเพื่อหาความอบอุ่น ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดมือสากสม่ำเสมอจนธาราไม่กล้าขยับไปไหน เหมือนเวลาถุงเงินกระโดดขึ้นมานอนบนตักไม่ผิด



          คนถูกรั้งหัวเราะอย่างเอ็นดู เขาก้มลงไปหมายจะแกะมือเล็กนั้นออก แต่พอได้เข้าใกล้อีกระยะก็ได้กลิ่นน้ำหอมที่ยังคงติดกายเจ้าตัวอยู่ ดั่งโดนฟีโรโมนนั้นสะกดอีกครั้ง ธารามองค้างที่ดวงหน้าได้รูปนั้น แพขนตาที่ปิดสนิทเข้าหากันเรียงตัวสวย จมูกรั้นเข้ากับรูปปากบางสีธรรมชาติ ไล่มองลงมาถึงแนวลูกกระเดือกนูนต่ำ ขี้แมลงวันจุดเล็กที่ซุกซ่อนตรงลำคอขาวชวนค้นหา ไหปลาร้านูนสวยจนน่าพรมจูบ เสื้อเชิ้ตสีขาวพอดีตัวเข้ารูปร่าง ยิ่งเวลาร่างกายนี้นอนตะแคงยิ่งทำให้เห็นเส้นโค้งเว้าของเอวเล็กกับสะโพกผาย ชายเสื้อเลิกขึ้นเล็กน้อยจนเผยให้เห็นเนื้อขาวเนียนอย่างหมิ่นเหม่ ชวนให้สงสัยว่าใต้ร่มผ้านั้นจะขาวขนาดไหน รูปร่างน่ามองทั้งหมดมันปกคลุมด้วยกลิ่นน้ำหอมยั่วยวน มันทำให้ธาราต้องลมหายใจติดขัด



          อันตราย



          ตอนนี้ติณณ์อันตรายกับตัวเขามาก



          ในระหว่างที่ธารากำลังสูดลมหายใจเข้าออกเพื่อสงบสติอารมณ์ สายตาคมเหลือบไปเห็นกรอบรูปของแม่เด็กคนนี้บนหัวเตียง จุดนั้นแหละทำให้ธาราได้สติขึ้นมา เขาแกะมือเล็กที่กอดแขนเขาแน่นได้สำเร็จ แล้วหยิบหมอนข้างที่อยู่อีกฝั่งมาแทนที่ จับข้อมือเล็กให้มากอดสิ่งที่ควรจะกอด เขาผละตัวออกแล้วดึงผ้าห่มให้มาคลุมถึงอก และไม่ลืมที่จะลูบศีรษะเด็กหนุ่มเบาๆเพื่อกล่อมนอนปิดท้าย



          มือใหญ่หยิบกรอบรูปบนหัวเตียงขึ้นมาดู มันเป็นรูปคู่ของมาลินและติณณ์ตอนเด็กๆ เขารู้แล้วว่าติณณ์มีดวงตาและผิวขาวเหมือนใคร ที่แท้ก็เหมือนแม่ มาลินในรูปกำลังกอดติณณ์ตัวน้อยอย่างมีความสุข ป่านนี้คงไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์ คอยมองลงมาดูลูกรักเสมอๆแน่



          เขาลูบกรอบรูปนั้นอย่างแผ่วเบา รูปๆนึงมันทำให้เขาคิดอะไรได้หลายๆอย่าง



          ธารามองรูปของมาลินอย่างแน่วแน่ พลางให้คำสัญญากับคนที่ล่วงลับ



          จะดูแล ทะนุถนอม และปกป้องติณณ์ให้ดีที่สุด อย่างที่เธอเคยทำมาตลอด











talk.

หายไปนานเลย แง ขอโทษนะคะ ติดภารกิจนิดหน่อย

ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ อาธารดูรอดคุกขึ้นมานิดนึงมั้ยเอ่ย  :hao4:

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ





#เด็กมันน่ารัก

หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 18-03-2019 16:39:02
น้องงงง
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 18-03-2019 17:13:51
เฮ้อ เหนื่อยแทนธาร

คือไตรภพนี่ก็เลวจริงๆ

คือมึงมองชีวิตเด็กคนนึงแค่เรื่องเซ็กส์

แล้วมองอนาคตเด็กคนนึงแค่เรื่องปั่นหัวธาร

คือมึงมองความรักของเด็กคนนึงที่มอบให้มึงเป็นเรื่องตลก

เราขอแช่งให้นายไตรภพได้ผัวซาดิส
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 18-03-2019 22:03:03
น้องตื่นมาก็น่าจะรู้แล้วป่ะว่าอาภพอันตรายอ่ะ โดนปิดปากขนาดนี้ ตาสว่างสักทีเถอะลูก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 18-03-2019 22:15:27
อยากถีบหน้าไตรภพเลวได้รางวัล
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 18-03-2019 22:28:30
ติณเกี่ยวอะไรกับธาร ต้องการอะไรกันแน่
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 18-03-2019 22:30:23
ถ้าติณณ์ตื่นมาแล้วยังดื้อไม่ฟังที่อาธารเตือนเรื่องไตรภพก็คือไม่ไหวแล้วนะ ควรรู้ได้แล้วว่าไตรภพเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-03-2019 22:50:51
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 20-03-2019 21:02:59
น้องตินณ์จะรู้มั้ยเนี่ยว่าคนที่หนูไว้ใจอย่างไตรภพเนี่ยไว้ใจไม่ได้เลย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 21-03-2019 14:26:59
ตอนที่ 6



     เปลือกตาสวยลืมขึ้นก่อนเวลาที่ควรจะตื่นประมาณครึ่งชั่วโมง ยังไม่ทันปรับโฟกัสสายตาให้มองทัศนียภาพได้เห็นชัดๆ ความรู้สึกปวดหัวจี๊ดก็แล่นเข้ามาอย่างกะทันหัน เมื่อผ่อนลมหายใจเข้าออกติณณ์ก็พบว่ามันร้อนกว่าปกตินิดหน่อย เป็นสัญญาณว่าคงจะเริ่มไม่สบาย เด็กหนุ่มชันตัวเองขึ้นอย่างยากลำบากเพราะเหมือนเรี่ยวแรงมันหายไปไหนก็ไม่ทราบ พอผ้าห่มร่วงหล่นจากหน้าอกเมื่อชันลำตัวขึ้นมา เผยให้เห็นว่าเขายังคงใส่เสื้อตัวเดิมจากเมื่อคืน

     

     พอพูดถึงเมื่อคืน ความทรงจำอันเลือนลางมันก็ไหลย้อนมา



     เขาจำได้ว่าตัวเองกำลังเปิดตู้เย็นหาบาร์บีคิวให้อาภพ อยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้เอาผ้ามาปิดปาก เขาสูดดมกลิ่นคล้ายสารเคมีบางอย่างเข้าไปโดยไม่เต็มใจ แถมยังลูกล็อคตัวไว้อีกด้วย จากนั้นก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว



     เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเขา ติณณ์รับรู้แค่นี้



     ส่วนคนที่พาเขามาอยู่ตรงนี้ คงจะเป็นอาธาร



     และคนที่โปะยาสลบ เขาไม่รู้หรอก อันที่จริงก็มีคนที่เขาสงสัยอยู่ แต่ไม่อยากให้ความจริงเป็นอย่างที่คิดเลย



     ติณณ์เลิกคาดเดาคนไม่ดี รออาธารมาชี้แจงให้ชัดๆไปเลยดีกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาโคตรรู้สึกแย่



     เจ้าของบ้านลุกขึ้นจากเตียงอย่างทะลักทุเล จากปกติที่ทำอะไรเฉื่อยช้าไปหมด ตอนนี้มันเข้าขั้นสล็อต เป็นเพราะเด็กหนุ่มมีอาการปวดหัว ไม่สบายตัวนิดหน่อย แต่ยังไม่ถึงกับขั้นต้องลาป่วย เขาเดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำและเตรียมตัวไปโรงเรียนตามปกติ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ผู้ใหญ่ซื้อให้ถูกถอดออก เผยให้เห็นร่างกายบอบบางที่ขนาดติณณ์เองยังไม่ชอบ เขาหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อสำรวจว่าร่างกายตัวเองไม่ได้มีร่องรอยอะไรผิดปกติ แถมไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ร่างกายส่วนไหน



     แล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกับเขา



     อีกใจนึงมันก็อยากรู้ แต่อีกใจนึงก็กลัวคำตอบที่ได้รับเหลือเกิน






     รถคันหรูจอดลงตรงหน้าบ้านหลังที่คุ้นเคย ธาราลงจากรถแล้วไปกดออดหน้าบ้านเพื่อเรียกคนข้างในอย่างที่ทำประจำ ป่านนี้ติณณ์คงกระวนกระวายน่าดูว่ากุญแจบ้านตัวเองนั้นหายไปไหน แท้จริงแล้วเมื่อคืนธาราเอากุญแจดอกนั้นไป ก่อนที่จะล็อคประตูรั้วให้เจ้าของบ้าน เขาแอบไปปั๊มกุญแจมาสำรองติดไว้กับตัวเองเผื่อมีอะไรฉุกเฉิน ไม่กี่อึดใจ เด็กนักเรียนก็เดินออกมาจากบ้าน ธาราไขประตูรั้วให้เสร็จสรรพพลางชี้แจงเรื่องกุญแจตอนที่ติณณ์กำลังทำหน้างง



     และเขามีอีกเรื่องสำคัญที่ควรจะแจ้งให้ติณณ์รู้ไว้



     รถส่วนตัวไม่ได้ออกตัวทันทีที่คนสองคนนั่งประจำที่อย่างเคย เพราะธารามีเรื่องที่จะคุยกับติณณ์ยาวเชียวล่ะ อีกประการหนึ่ง เขาคิดว่าถึงเวลาที่ต้องเตือนติณณ์อย่างตรงไปตรงมา และต้องใช้ไม้แข็ง เขาอ่อนโยนไม่ได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเด็กดีของเขาจะกลายเป็นเด็กดื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งธาราไม่อยากให้เกิดความเสี่ยงใดๆขึ้นอีก



     "ติณณ์รู้ไหมว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น?"



     ภายใต้ห้องโดยสารเงียบๆแบบนี้ กับน้ำเสียงของธาราที่ไม่คุ้นหู เป็นเสียงที่ค่อนข้างดุ อีกทั้งหัวข้อที่ธาราจะพูดยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะดี ติณณ์เตรียมใจไว้แล้วว่าหลังจากนี้เขาต้องหดหู่แน่ๆ



     "ยังไม่ค่อยรู้ชัดเจนเท่าไหร่ครับ" ติณณ์ตอบออกไปตามตรง



     "งั้นอาขอถามก่อน หลังจากติณณ์เข้าห้องน้ำเสร็จแล้วได้ไปที่ไหนต่อไหม?"



     "ผมเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้าน แล้วก็เจออาภพ เขาขอให้ผมไปช่วยยกบาร์บีคิวมาเพิ่มในห้องครัว ผมเลย—"



      "อาบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าเถลไถล?"



     "ต...แต่อาภพเขาขอให้ผมช่วย ผมเลยไป" ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เมื่อผู้ใหญ่ขอความช่วยเหลือเขา จะให้ปฏิเสธคงจะดูเสียมารยาทมากๆ



     "ใครชวนไปไหนก็ไปหรอ?" ธาราว่า "แล้วเป็นยังไงต่อ"



     ติณณ์ลำบากใจที่จะเล่าพอควร แต่ก็ต้องเล่าตามความจริง "ผมหาของอยู่ดีๆก็มีใครไม่รู้เอาผ้ามาปิดปากผม แล้วผมก็สลบไป"



     "หึ ติณณ์คิดว่าใครเป็นคนทำล่ะ"



     "..."



     "อาภพของติณณ์ไง" ธาราแค่นยิ้ม "ผู้ชายที่ติณณ์อุตส่าห์ไปหา อยากรู้ไหมว่าเขาชวนติณณ์มาทำไม ไม่สิ อยากรู้ไหมว่าเขาเข้าหาติณณ์ทำไม"



     "..."



     "เขาแค่อยากจะกินติณณ์เท่านั้น อารู้จักเขาดียิ่งกว่าติณณ์เสียอีก ไตรภพน่ะหรอที่ต้องการความรัก ไม่เลย คำพูดหวานๆที่ใช้พูดกับติณณ์น่ะ เขาใช้กับทุกคน ถามว่าทำแบบนี้ทำไมน่ะหรอ? เอาไว้หลอกเด็กซื่อๆอย่างติณณ์ไง" ธาราเริ่มดุ "รู้ไหม รสนิยมทางเพศของไตรภพเป็นยังไง? แบบติณณ์เลยล่ะ เด็ก ขาว ตัวเล็ก อามองก็รู้ว่าอาภพน่ะอยากได้ตัวติณณ์จนตัวสั่น"



     ไม่จริง...



     "แล้ววันนั้นเกิดอะไรขึ้นรู้ไหม ติณณ์หายไปนานมากอาเลยโทรหา แต่คนที่ติณณ์รักหนักหนากลับรับโทรศัพท์แทน แถมยังบอกว่าตัวเองอยู่ในห้องทำงานกับติณณ์ พออาเข้าไปในห้องนั้น ภาพที่เห็นคือเขากำลังจะล่วงเกินติณณ์"



     "..."



     "คิดว่าคนที่รักกันจริงๆเขาทำแบบนี้ไหม?" ธาราขยี้ "เขาต้องการแค่ตัวของติณณ์...หัวใจไม่เอา"



     เหมือนโลกทั้งใบของติณณ์ถล่มลงมาเมื่อฟังประโยคนั้น



     "ไตรภพมองว่าติณณ์เป็นแค่ของเล่น ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาแม้แต่นิดเดียว ก็แค่เด็กตัวเล็กๆที่หลอกฟันง่ายเท่านั้น"



     ดั่งคำพูดที่ตรงไปตรงมานั้นเสียดแทงหัวใจดวงน้อยแล้วถูกขยี้ซ้ำๆจนไม่เหลือชิ้นดี เด็กหนุ่มรู้สึกชาๆที่ใบหน้า และชาเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณทรวงอก หัวสมองเขาว่างเปล่า มันเจ็บเสียจนคิดอะไรไม่ออก ทำได้แต่นั่งนิ่งให้อาธารดุต่อไป



     "อาเตือนแล้วใช่ไหม ว่าอย่าไว้ใจเขา? แล้วติณณ์ฟังอาบ้างไหม เอาแต่ฟังอาภพ แล้วผลเป็นยังไง" เสียงทุ้มนั้นเริ่มดุขึ้นเรื่อยๆ "ต้องให้โดนฟันแล้วทิ้งจริงๆก่อนใช่ไหมถึงจะเชื่ออา?...อาจะเตือนเป็นครั้งสุดท้าย และถ้าติณณ์ยังดื้ออีก ต่อไปนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเพราะติณณ์ไม่เชื่อฟัง อาจะไม่ช่วยแล้วนะ จะไปไหนกับอาภพก็ตามใจติณณ์แล้วกัน"



     ดวงตากลมเบิกกว้างกับคำพูดรุนแรงนั้นอย่างคาดไม่ถึง ไหนจะสีหน้านั้นที่ดูไม่พอใจในตัวเขาอย่างมาก เหมือนอาธารเอามือเข้ามาขย้ำหัวใจให้แหลกเหลวยิ่งกว่าเก่า ติณณ์รู้สึกว่าปลายจมูกมันชาๆขึ้น เป็นอาการว่าจะร้องไห้ออกมา ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันเพื่ออดกลั้นความรู้สึกที่จะปะทุออกมา เขาจะไม่ยอมปล่อยน้ำตาออกมาต่อหน้าใคร จะไม่ยอมให้ใครมาว่าเขาว่าเป็นผู้ชายอ่อนแออีกแล้ว ติณณ์อยากจะเอ่ยปากว่าขอโทษ แต่กลัวว่าพอเปิดปากออกมาแล้วมันจะกลายเป็นก้อนสะอื้นแทน



     ธารามองอาการของเด็กตรงหน้าที่เหมือนวันนั้น วันงานศพของมาลิน



     เขาใจหล่นไปที่ตาตุ่มเมื่อเห็นติณณ์พยายามปกปิดความรู้สึกบางอย่าง แต่เขาต้องใจแข็งเข้าไว้ จะไม่โอ๋อีกแล้ว เดี๋ยวเด็กคนนี้จะเคยตัวเอา ต้องได้รับการสั่งสอนแบบไม้แข็งเสียบ้าง



     ธาราไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วออกรถเดินทางไปส่งนักเรียนโดยไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆ คนถูกทำร้ายจิตใจเบนหน้าเข้าหาหน้าต่าง เขาไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ควรต้องรู้สึกอย่างไรก่อนดี เพราะตอนนี้อารมณ์ที่หลากหลายมันตีกันมั่วไปหมดจนปวดหัวมากกว่าเก่า ความรู้สึกทั้งหมดมันเอ่อล้นมาอยู่ที่เบ้าตา เขากลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่สุดท้ายมันก็หยดติ๋งลงมาหยดหนึ่ง เด็กหนุ่มรีบปาดมันออกอย่างกลัวว่าใครอีกคนจะเห็น ฟันขาวขบกัดริมฝีปากแน่นจนได้รสคาวเลือดในปากนิดๆ มันไม่ได้เจ็บแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับความเจ็บที่ใจ



     พอสองเท้าก้าวเข้ามาในเขตโรงเรียน เด็กหนุ่มรีบวิ่งเข้าห้องก่อนที่หยดน้ำตามันจะออกมาโชว์ใครต่อใคร เมื่อร่างบางขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำแคบๆ ก้อนน้ำตามหาศาลที่อดกลั้นเอาไว้ตั้งนานก็ถูกปล่อยออกมา ในหัวตอนนี้มันคิดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ มันรู้แต่ว่าตอนนี้ต้องการร้องไห้ และพยายามไม่ให้สะอื้นเสียงดังเกินไปจนคนข้างนอกได้ยิน



     ฟันขาวขบกัดนิ้วเรียวของตัวเองเพื่อบังคับให้หยุดร้องไห้เสียที พอน้ำตาหยุดไหลเขาก็รอสักพักให้น้ำตาที่คลอในเบ้ามันแห้งเหือด รอให้จมูกหายแดง รอให้สีหน้ากลับมาเป็นปกติที่สุดก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ ในระหว่างที่เดินเข้าห้องเขาก็เห็นกลุ่มเพื่อนห้องอื่นจับกลุ่มคุยนอกห้องกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็เป็นคู่รักนั่งกระหนุงกระหนิงกันตรงระเบียง เขาพยามยามไม่มองดั่งว่ามันเป็นภาพบาดตา เป็นภาพที่เขาอยากได้รับ แต่ไม่เคยจะได้รับ



     ไม่สิ เคยเหมือนจะได้รับ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่ภาพลวงๆเอาไว้หลอกเด็กโง่ๆ



     ปกติติณณ์เป็นคนตั้งใจเรียนอยู่แล้ว แต่วันนี้เหมือนเป็นบ้า เขาตั้งใจฟังคุณครูทุกคำพูด ทุกประโยค และคิดตามในทุกๆเรื่อง แม้จะเป็นวิชาที่เขาเบื่ออย่างสังคมศึกษาก็ตั้งใจฟังกว่าทุกที พอคาบว่างก็เอาแต่ทำโจทย์ที่ต้องคำนวณจะได้ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น แต่ถึงจะพยายามมากแค่ไหน มันก็มีความคิดอื่นแล่นเข้ามาในหัวเป็นระยะ เมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกว่าจมูกชาๆนั่นเป็นสัญญาณที่ไม่ดี เขาพยายามมากๆในการอดกลั้นความรู้สึกที่จะปะทุออกมา มันทรมาณมากจนรู้สึกว่าอยากหายไปจากตรงนี้



     เจ็บเพราะอาภพน่ะ มันแค่ส่วนหนึ่ง



     แต่ที่เป็นบาดแผลอันใหญ่หลวง เพราะเหตุการณ์นี้มันตอกย้ำเขาว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรักอีกต่อไป



     ติณณ์คิดมาตลอดนะ ว่าตัวเองน่ะไร้ค่า แต่คิดไม่ถึงว่าจะไร้ค่าได้ขนาดนี้



     คิดไม่ถึงจริงๆ








     ....ติณณ์น่ะ เวลายิ้มแล้วน่ารักมากเลย...



     ...ถามว่าทำแบบนี้ทำไมน่ะหรอ? เอาไว้หลอกเด็กซื่อๆอย่างติณณ์ไง...



     ...อาชอบคุยกับติณณ์นะ...



     ...พออาเข้าไปในห้องนั้น ภาพที่เห็นคือเขากำลังจะล่วงเกินติณณ์...



     ...อยากให้ติณณ์มาด้วย อาอยากเจอ อาคิดถึง...



     ....ไตรภพมองว่าติณณ์เป็นแค่ของเล่น ไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาแม้แต่นิดเดียว....



     ...เขาต้องการแค่ตัวของติณณ์...หัวใจไม่เอา...



     ...ต้องให้โดนฟันแล้วทิ้งจริงๆก่อนใช่ไหมถึงจะเชื่ออา...



     เฮือก!!




     คำพูดหลอกหลอนหลายคำพูดมันเอาแต่อัดใส่ติณณ์ในความฝันจนสะดุ้งตื่น สภาพตอนนี้คือเหงื่อโซมกายไปทั้งร่าย ลมหายใจหอบหนักเหมือนเพิ่งเจอเรื่องหนักๆมา มือเรียวยกขึ้นแตะพวงแก้มตัวเองก็พบว่ามันเลอะน้ำตา เขาภาวนาให้เรื่องทั้งหมดเป็นความฝัน แต่เรื่องราวทั้งหมดมันเด่นชัดเกินกว่าจะหลอกตัวเอง



     ขณะนี้เวลาสามทุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ติณณ์จำได้ว่าพอกลับมาถึงบ้านเขาก็ร้องไห้โฮอย่างนานจนหลับไป กิจวัตรประจำวันของเขาคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาไม่ได้ทำโจทย์ ไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้ร้องไห้ก่อนนอน แต่คงจะเปลี่ยนเป็นร้องไห้ทุกเวลาแทน



     เวลานี้อาภพไม่ได้โทรมาหาเหมือนเดิมแล้ว แน่นอนแหละว่าติณณ์ย่อมผิดหวังในเรื่องไตรภพอย่างมาก



     ก็เหมือนที่อาธารพูด เขามันก็แค่เด็กคนนึงที่แม่ตายไปก็ขาดความอบอุ่น ไม่เหลือใครให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ พอมีคนมาบอกชอบนิดหน่อยก็ตกไปอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายอย่างง่ายดาย ทั้งๆที่เมื่อก่อนมันก็เป็นแบบนี้ แต่ความโหยหาความรักของเขามันรุนแรงจนประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างน่าสมเพช



     โง่



     ติณณ์คิดว่าตัวเองโง่เง่าสิ้นดี ก็รู้อยู่แก่ใจว่าหลังจากนี้คงไม่มีใครมารักอีก แต่ความโง่นั้นทำให้เขาหลงเชื่อไตรภพง่ายๆ แท้จริงแล้วสิ่งที่มีค่าที่สุดในตัวเขาก็คือความซิงงั้นหรือ? แค่ร่างกายงั้นหรือ? ก็ใช่น่ะสิ คนน่าเบื่ออย่างเขา ใครจะมารักได้ลง หลงสำคัญตัวเองผิดไปเสียได้ว่ามีค่าสำหรับผู้ใหญ่คนนั้น



     ทั้งโง่ ทั้งไร้ค่า หรือเขาสมควรถูกฟันแล้วทิ้งจริงๆ?



     ไม่มีใครเข้าหาเขาเพราะตัวของเขาจริงๆหรอก เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว



     แล้วอาธารล่ะ เข้าหาเขาเพราะอะไร?



     ญาติทางสายเลือดก็ไม่ใช่ คนรู้จักก็ไม่เชิง เข้าหาเพราะความรักหรือ ตลกตายล่ะ



     จะมีอะไรเสียอีก นอกจากติณณ์เป็นลูกของเพื่อนอาธาร ก็คงจะเกิดความสงสารเลยเข้ามาช่วยเหลือเท่านั้น



     อาธารต้องลำบากไปรับไปส่งเขาทุกๆวันอย่างไม่จำเป็น ต้องมาเหนื่อยใจเวลาเขาดื้อ เขาน่ะเป็นภาระในชีวิตอีกฝ่ายชัดๆ ถ้ายอมไม่ไปงานปาร์ตี้วันนั้น อาธารคงจะอยู่ต่อที่งานนั้นอย่างสบายใจและผ่อนคลาย แต่ทั้งหมดต้องมาพังเพราะเขาคนเดียว มันคงถึงเวลาแล้วแหละที่อาธารจะหมดความอดทนกับเขา



     ถึงได้ไล่ให้ไปอยู่กับอาภพอย่างนั้น



     สมควรแล้วจริงๆ



     เขายังหาข้อดีที่ตัวเองเข้าไปอยู่ในชีวิตของอาธารไม่เจอสักข้อ มีแต่ภาระและปัญหาทั้งนั้น ติณณ์ชื่นชมความอดทนของอาธารที่มีต่อเขามากจริงๆ แต่แค่นี้มันก็มากพอแล้ว หยุดเหนื่อยใจกับคนไร้ค่าอย่างเขาได้แล้ว



     ติณณ์อยากจะร้องไห้อีกนะ แต่มันไม่เหลือน้ำตาให้ร้องแล้ว ตอนนี้มันทั้งปวดหัวและเจ็บซี่โครงจากการสะอื้นไปหมด เขาเกลียดตัวเองที่อ่อนแอเกินไป เรื่องแค่นี้ไม่ควรจะร้องไห้ แท้จริงควรจะจำคำเตือนนั้นแล้วเดินหน้าต่อไป แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้จริงๆว่าทำไมต้องรู้สึกแย่ขนาดนี้ ทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้ ทำไมต้องอ่อนแอเหมือนเด็กอายุไม่กี่ขวบ ทั้งๆที่ก็โตแล้ว แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย



     โคตรน่าสมเพชเลยว่าไหม



     เขายังยืนยัน ว่าเรื่องของอาภพมันก็แค่หนึ่งในร้อยๆเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเจียนตายอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ภาพในอดีตแย่ๆที่เคยพยายามเมินเฉย มันกำลังสะสม และกลายเป็นภาพที่เด่นชัดขึ้น ภาพที่ว่านั้นก็คือความโดดเดี่ยวของตัวเองยังไงล่ะ



     คัตเตอร์คมกริบถูกหยิบขึ้นมาโดยเจ้าของบ้าน เด็กหนุ่มดันใบมีดแหลมคมให้ขึ้นมาสะท้อนแวววาวกับแสงไฟ ฆ่าตัวตายหรอ? ไม่หรอก ติณณ์ไม่ทำแบบนั้นหรอก เด็กดี เขาจะเป็นเด็กดีอย่างที่อาธารว่าไว้



     ติณณ์แค่อยากรู้สึกอย่างอื่นบ้าง



     ทรมาณหัวใจเหลือเกินที่ต้องรู้สึกไร้ค่าแบบนี้ตลอดทั้งวัน



     ปลายคัตเตอร์แหลมคมสะกิดลงบนข้อมือเล็ก เขาไม่กดลงไปให้จมเส้นเลือดหรอก เพียงแค่สะกิดให้เป็นแผลเล็กๆ3-4แผลเท่านั้น เลือดสีแดงสดไหลซิบนิดๆตัดกับผิวสีขาวได้อย่างดี ความรู้สึกใหม่ที่แล่นเข้ามาคือความเจ็บแสบที่ร่างกาย เขารู้หรอกว่าทำแบบนี้มันดูโง่สิ้นดี แต่ไหนๆก็โง่ตั้งแต่แรกแล้ว โง่อีกสักนิดจะเป็นอะไรไป



     สุขภาพจิตย่ำแย่งั้นหรอ? ก็คงใช่ แต่แล้วยังไงต่อล่ะ มีใครสนใจที่ไหน?



     น้ำตาหยดใสกลับมาไหลรินอีกครั้ง พร้อมกับเสียงสะอื้นดังที่แทบขาดใจ



     ติณณ์ได้แต่คิดซ้ำๆ ว่าเขาร้องไห้ออกมาเพราะเจ็บแผล ไม่ได้เจ็บปวดใจแต่อย่างใด



     ไม่เจ็บสักนิด




(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่5 (18.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 21-03-2019 14:27:27
'อาธารไม่ต้องไปรับไปส่งผมที่โรงเรียนแล้วนะครับ ผมเริ่มขึ้นแท็กซี่เองได้แล้ว ขอโทษที่รบกวนอาตลอดมา หลังจากนี้จะไม่รบกวนอีกแล้ว ส่วนค่าเสื้อผ้า ผมจะคืนให้ในโอกาสหน้านะครับ ขอบคุณที่เมตตาผมเสมอมา
ติณณ์'



     ธาราอ่านข้อความที่เด็กคนนั้นส่งมาซ้ำๆ มันถูกส่งมาเมื่อสองสามวันที่แล้ว เขาโทรหาเด็กคนนั้นแต่ก็ไม่ยอมรับสาย ที่จริงเป็นเรื่องดีที่ติณณ์เริ่มกลับมาขึ้นรถโดยสารเป็นแล้ว แต่ทำไมเขากลับอยากไปรับไปส่งเด็กคนนั้นทุกๆวันก็ไม่รู้



     พอเป็นแบบนี้ เขาก็หาเรื่องเข้าหาเด็กคนนั้นไม่ได้แล้ว ติณณ์เป็นเด็กโลกส่วนตัวสูง ใช่ว่าเข้าไปได้ง่ายๆ แถมช่วงนี้เจ้าตัวคงจะยังเฮิร์ทเรื่องไตรภพอยู่อีก คงต้องให้เวลาสักพัก แล้วค่อยหาโอกาสเหมาะๆไปเยี่ยมเยียน



     ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ร้องไห้หนักหรือเปล่า กินข้าวบ้างไหม หลับเต็มอิ่มบ้างไหม



     หัวหน้าแผนกยอมรับว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีสมาธิทำงาน เพราะเอาแต่คิดถึงและเป็นห่วงใครบางคน แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อโทรไปก็ไม่รับสาย ไปหาที่บ้านตอนเช้าทีไรก็พบว่าติณณ์ออกไปแล้วทุกที แต่จะไปหาตอนเย็นก็กลัวว่าจะรบกวนเวลาพักผ่อน



     อยู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่าเขามีเบอร์เพื่อนของติณณ์ ชื่อว่าโต้มั้งถ้าจำไม่ผิด นี่เป็นเวลาพักเที่ยงพอดี เป็นโอกาสเหมาะที่จะโทรไปถามคนที่อยู่ใกล้ตัวติณณ์ตอนนี้ว่าเจ้าตัวเป็นอย่างไรบ้าง



     [สวัสดีครับ?]



     "สวัสดีครับ โต้ใช่ไหม? นี่อาธารเองนะ เป็นคนรู้จักติณณ์น่ะ ที่อาเคยมาถามเราตอนนั้นไงว่าติณณ์อยู่ไหน"



     [อาธาร?] โต้นึกนานมาก [อ้อ คุณอาที่เคยมาหาติณณ์ในโรงเรียนนี่เอง]



     "ใช่แล้ว ตอนนี้โต้สะดวกคุยไหม"



     [สะดวกครับ คุณอามีอะไรหรือเปล่าครับ]



     "คืออาแค่อยากมาถามว่า ติณณ์สบายดีไหม ตอนที่อยู่โรงเรียนน่ะ"



     [เอ่อ...] โต้อึกอัก [คือ...ช่วงนี้ติณณ์ดูซึมๆน่ะครับ เห็นบอกว่าปวดหัว น่าจะไม่สบาย]



     "หรอ แล้วเขาได้เอายาอะไรไปกินบ้างไหม"



     [ผมไม่เห็นนะครับ]



     "ทำไมไม่ดูแลตัวเองบ้างนะ" ธาราพึมพำกับตัวเองเบาๆ "งั้นอาฝากโต้ดูแลติณณ์หน่อยนะ บังคับให้กินข้าวเยอะๆยิ่งดี"



     [อ่า...โอเคครับ]



     "อื้ม ขอบคุณมากครับ อามีเรื่องแค่นี้แหละ"



     [ด...เดี๋ยวครับคุณอา อย่าเพิ่งวางสายนะครับ]



     "หืม? มีอะไรหรือเปล่า"



     [คือ...] โต้ลังเลว่าจะพูดดีหรือไม่ แต่สุดท้ายก็พูดออกไป [ผมเห็นรอยอะไรสักอย่างบนข้อมือติณณ์ มันเป็นรอยแผลเล็กๆหลายแผลตรงข้อมือ เหมือนใช้อะไรคมๆข่วน ตอนแรกผมยังเห็นแค่ไม่กี่แผล แต่ตอนนี้มันเหมือนจะมากขึ้นทุกวันๆ]



     "..."



     [ช่วงนี้เพื่อนผมดูโทรมมากๆ ผมไม่กล้าถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่กล้าทักเรื่องแผลด้วย ผมเลย...อยากขอให้คุณอาช่วยดูให้หน่อยได้ไหมครับ]



     โทรศัพท์แทบจะร่วงหล่นมือ ณ ตอนนี้



     ธาราได้แต่ภาวนาว่ามันคงเป็นอุบัติเหตุ



     มันต้องเป็นอุบัติเหตุ...แค่อุบัติเหตุเท่านั้น










     รองเท้าหนังเหยียบคันเร่งจนเกือบจะมิดดามเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ธาราแทบจะคำรามออกมาเมื่อสัญญาณไฟแดงมันสว่างขึ้น จิตใจมันเป็นห่วงใครอีกคนแทบตายอยู่แล้ว อยู่ๆก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าวันนั้นเขาเตือนติณณ์แรงเกินไปหรือเปล่า? แต่สาบานว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายจิตใจแต่อย่างใด เพียงแค่อยากให้ติณณ์คิดได้จริงๆ



     ปกติติณณ์ก็ดูไม่ค่อยยิ้ม ชอบทำหน้าเศร้าๆอยู่แล้ว คนที่รักที่สุดในชีวิตเพิ่งจะเสียไปเดือนก่อน มันยังคงเป็นแผลสด พอวันนึงคิดว่ามีคนมารัก คงจะดีใจ และสบายใจว่าคนที่รักตัวเองคงจะมาทดแทนความอบอุ่นนั้นได้



     ธารายอมรับว่าตัวเองไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่ติณณ์มากเท่าที่ควร



     เพราะเด็กคนนั้นโลกส่วนตัวสูง เขาคิดว่าให้ทุกๆอย่างค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า กระโจนหามากเกินก็กลัวว่าจะอึดอัด แต่เขาคิดผิด ไตรภพเข้าหาอย่างตรงๆและรุกแรง แถมยังพูดให้เด็กคนนั้นเข้าใจว่าเข้าหาเพราะความรัก ทีแรกคิดว่าการทำแบบนี้มันจะทำให้อีกฝ่ายกระโจนหนี แต่ไม่เลย เมื่อมีคนร้องขอความรักจากคนขาดความรัก มันกลับเข้าคู่กันได้ดีอย่างน่ากลัว




     พูดกันตามตรง ไตรภพคงจะคุยกับติณณ์ผ่านโทรศัพท์มากกว่าคุยกับเขาในชีวิตจริงเสียอีก



     ธารารู้แล้วว่าหลังจากนี้ควรจะให้ความอบอุ่นเด็กคนนั้นมากกว่านี้



     ไตรภพพูดว่ารัก ติณณ์ถึงยอมเปิดใจให้ในเวลาขาดความรักแบบนี้หรือเปล่า?



     ถ้าเป็นเขาล่ะ ต้องพูดแบบไหนติณณ์ถึงจะเปิดใจให้ รักงั้นหรือ? ถ้าพูดแบบนั้นคงจะเป็นการโกหก แถมติณณ์คงจะไม่เชื่ออีกแล้ว



     แล้วความจริงที่เขาเข้าหาติณณ์ขนาดนี้เพราะอะไรกันแน่ สงสาร? เอ็นดู? อยากช่วยเหลือ? ผูกพันธ์? สนใจ?



     ธาราเองก็ตอบไม่ได้จริงๆ






     เมื่อตัวเองมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของใครบางคน ธารากดออดหน้าบ้านซ้ำๆตั้งหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้ โทรหาก็แล้วแต่ไม่รับสาย เขาไม่สบายใจจนเหงื่อตก มือใหญ่รีบค้นหากุญแจสำรองที่เคยปั๊มเอาไว้ในรถ เมื่อหาเจอแล้วเขาก็เปิดประตูรั้วเข้าไปอย่างไม่รอช้า พอเปิดประตูบ้านเข้าไปก็ไม่เจอใคร ธาราเรียกตะโกนชื่อติณณ์ซ้ำๆแต่ก็ไร้เสียงตอบรับ เขาถือวิสาสะเปิดประตูทุกห้องของบ้าน สุดท้ายคนที่เป็นห่วงก็นอนหลับปุ๋ยอยู่ในห้องนอน



     ธาราถอนหายใจอย่างโล่งอก ขายาวก้าวเข้าไปหาคนที่จมอยู่ในนิทราไม่รู้เรื่อง ท่าทางจะหลับลึกมากจนไม่ได้ยินอะไรเลย มือใหญ่ลูบกลุ่มผมนิ่มเบาๆอย่างเอ็นดู พลันสังเกตใบหน้าอ่อนวัยที่ดูโทรมจนน่าใจหาย แต่ที่น่าสังเกตมากกว่าก็คือ ใต้ตานั้นบวมแดง จมูกรั้นก็แดง พวงแก้มใสกลับมีคราบบางอย่างที่ไหลต่อมาจากดวงตา อย่างที่พอเดาได้ว่าคงจะร้องไห้มาอย่างหนัก



     น่าสงสาร



     มือที่เคยลูบผมก็เคลื่อนมากุมมือเล็กแทน ในยามที่คนตรงหน้าหลับใหล ธาราทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ



     จริงสิ เพื่อนของเด็กคนนี้เคยบอกไว้ว่าที่ข้อมือติณณ์มีรอยแผลอะไรบางอย่าง เขารีบยกข้อมือบอบบางนั้นมาตรวจดู แล้วก็พบว่ามันมีแผลเล็กๆคล้ายแมวข่วนเต็มไปหมด แต่มันไม่ใช่รอยกรงเล็บแมว เหมือนมีของคมๆมากรีดบางๆ อีกทั้งรอยพวกนั้นมันอยู่บนข้อมือทั้งสองข้าง



     บนหัวเตียงที่เคยมีแต่กรอบรูปของมาลิน ตอนนี้มันมีบางสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง นั่นก็คือคัตเตอร์ ธาราใจคอไม่ดี ภาวนาขอให้ไม่เป็นอย่างที่คิด มือใหญ่หยิบสิ่งของนั้นมาพิจารณา เลื่อนใบมีดคมให้ขึ้นมาปรากฏแก่สายตา เขาพบว่าตรงปลายมันมีคราบเหมือนของเหลวสีแดงเล็กๆ



     เหมือนหัวใจของธาราแหลกสลายเสียตรงนั้น



     ข้อมือเล็กในกำมือมีการขยับเล็กน้อย คนที่เคยหลับใหลค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงีย ก่อนที่มันจะเบิกกว้างเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนอยู่ในห้อง แถมยังมองข้อมือเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ติณณ์กระชากมือตัวเองกลับอย่างรวดเร็ว แล้วถอยตัวจนแผ่นหลังแนบชิดกับหัวเตียง



     "ติณณ์ทำแบบนี้ทำไม..."



     "อาธารมาทำไมหรอครับ—"



     "ติณณ์!" ธาราดุ "อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง ตอบคำถามอา"



     เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่ออาธารดุเขาอีกแล้ว ติณณ์หน้าเสียเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร คำตอบนั้นมันยาวเหลือเกิน อีกทั้งไม่อยากพูดถึง หากพูดไปอาธารคงจะมองว่าเขาอ่อนแอ งี่เง่า ทำร้ายตัวเองเพราะแค่เรื่องเล็กๆ



     "เรื่องเล็กๆ ไม่มีอะไรหรอกครับ"



     "ถ้าเรื่องนั้นมันทำให้ติณณ์ต้องเป็นแบบนี้ อาว่าไม่เล็กแล้วนะ" ธาราใช้เสียงอ่อนลง "บอกอาได้ไหมว่าทำแบบนี้ทำไม"



     "..." ติณณ์อึดอัด เขาไม่อยากพูดจริงๆ



     "นะ บอกอาหน่อยนะ"



     "..."



     "เรื่องไตรภพหรอ?" ติณณ์ยังไม่ทันตอบ ธาราก็พูดต่อเสียก่อน "เขาไม่ได้รักติณณ์ ไม่ต้องไปให้ค่ากับคนเลวๆแบบนั้นหรอก"



     'เขาไม่ได้รักติณณ์'งั้นหรอ



     ติณณ์รู้อยู่แล้ว รู้ดีเสียด้วยว่าไม่ใช่แค่อาภพที่ไม่รัก แต่ไม่มีใครรักเขาเลยต่างหาก



     "ติณณ์เลิกรักคนแบบนั้นได้แล้วนะ และติณณ์ก็ต้องรักตัวเองด้วย"



     เขาไม่ได้รักอาภพแล้ว และไม่ได้รักตัวเองด้วย



     "คนแบบนั้นไม่ควรจะให้ค่าเลยสักนิด คนที่เห็นแค่ติณณ์เป็นของเล่นน่ะ ตัดเขาออกจากชีวิตซะ"



     รู้แล้ว รู้ว่าเป็นได้แค่ของเล่น ต้องการแค่ร่างกาย หัวใจไม่เอา ที่ทั้งหมดเป็นแบบนี้เพราะเขามันโง่เง่า และถ้าต่อไปยังโง่อยู่อีกอาธารจะไม่เตือน ไม่ช่วย ปล่อยให้อาภพฟันแล้วทิ้งให้มันจบๆไป เขารู้ดี จะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ ว่าอย่าหลงคิดว่าตัวเองสำคัญกับใคร เพราะแท้จริงก็เป็นแค่ไอ้คนอ่อนแอ่ที่ไม่มีใครต้องการ



     ติณณ์เงยหน้ามองคนที่กำลังย้ำกับเขาซ้ำๆว่าอาภพไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ให้เขาเลิกรักได้แล้ว เขาคงดูโง่มากจริงๆจนอาธารคิดว่าเขากรีดข้อมือเพราะอกหักรักคุด



     บางทีเขานึกสงสัย อาธารจะมาเข้าหาเขาทำไมอีก ในเมื่อติณณ์พยายามเอาตัวเองออกมา จะได้ไม่เป็นภาระให้อีกฝ่ายเหนื่อยใจ ทำไมต้องมาตามเขาอยู่อีก อาธารควรจะโฟกัสที่การทำงาน มีความสุขกับคนรอบข้าง ไม่ใช่ต้องมารับพลังงานลบๆจากเขา ความรู้สึกพวกนี้น่ะ เขารับไว้คนเดียวก็พอแล้ว อาธารจะหาภาระมาใส่ตัวเองอีกทำไม ญาติก็ไม่ใช่ ถึงต้องมารับผิดชอบชีวิตเขาขนาดนี้



     อ๋อลืมไป ก็แค่สงสาร



     พอหายสงสาร เขาก็ต้องอยู่คนเดียวเหมือนเดิม คนเราอยู่ด้วยกันเพราะความสงสารตลอดไปไม่ได้หรอกจริงไหม



     "ไม่ต้องเสียใจนะ ไตรภพไม่ได้เข้าหาติณณ์เพราะอย่างที่ติณณ์คิด" ธารายังคงพูดให้ติณณ์คิดอยู่เรื่อยๆ



     "แล้วอาธารล่ะ" ติณณ์เอ่ยเสียงแผ่วเบา "เข้าหาผมเพราะอะไร"



     คนถูกตามเบิกตากว้างกับคำถามนั้น



     เป็นคำถามที่เขาหาคำตอบจริงๆให้ตัวเองไม่ได้จริงเสียที



     ธาราไม่รู้เลยว่าจะตอบอย่างไรให้เด็กตรงหน้าสบายใจและดูให้คุณค่ามากที่สุด เขาเงียบเพื่อคิดแล้วคิดอีก พยายามหาสาเหตุทั้งหมดที่เขาต้องมารู้สึกกับติณณ์แบบนี้ และเขาก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือความรู้สึกอะไร ถ้าตอบว่าความรักคงจะเป็นนิยายหลอกเด็ก เพราะเขาหยุดมีความรักไปตั้งนานแล้ว มันหลอกลวง มันไม่มีอยู่จริง เขาไม่เคยศรัทธาในความรักมาเป็นเวลานาน จึงเลือกเพียงความสุขยามชั่วค่ำคืนเท่านั้น



     แล้วเขาต้องตอบเด็กคนนี้ว่าอย่างไร?



     ความเงียบปกคลุมห้องสี่เหลี่ยมนี้เป็นเวลานาน ติณณ์ไม่ได้คาดหวังว่าอาธารจะตอบอีกแล้ว เลยเบนหน้าหนีไปทางอื่น



     ติณณ์ได้ยินเสียงคนข้างๆถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความเบาของเตียงมันเบาขึ้นเพราะอาธารลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกจากห้องนี้ไป เหลือเพียงแต่เสียงประตูดังปังทิ้งท้ายเอาไว้



     เด็กหนุ่มใจสลายอย่างคาดไม่ถึง คำตอบมันไม่น่าฟังขนาดนั้นจนต้องหนีไปแบบนี้เชียวหรือ? ทั้งๆที่คิดว่าอาธารไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก แต่พอโดนกระทำเหมือนโดนทิ้งแบบนี้น้ำตามันก็เอ่อไหล ดั่งถูกให้ความหวังแล้วทำลายทิ้งซ้ำๆจนหัวใจเน่าเฟะ อาธารคงจะคิดได้เสียทีว่าที่ทำอยู่มันไม่มีเป้าหมาย มันไม่มีค่า มันเสียเวลา เขายินดีด้วยจริงๆเมื่อในที่สุดอาธารก็ตาสว่างเหมือนเขาเสียที

 

     แต่ทำไมมันถึงร้องไห้เป็นหมาไม่หยุดแบบนี้







     "สองร้อยสี่สิบบาทครับ"



     ธารายื่นแบงค์สีเทาให้เภสัชกรแล้วรับถุงสินค้ามา เขาออกมาซื้ออุปกรณ์ทำแผลตรงร้านหน้าบ้าน เขาคิดว่ามันคงดีกว่านั่งเงียบอยู่ในห้องนั้น กว่าที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ก็รับเงินทอนจากเภสัชกรมา แล้วรีบเดินกลับเข้าบ้านเพื่อไปทำแผลที่ข้อมือติณณ์ให้



     ยังไม่ทันบิดประตูเข้าไป เสียงสะอื้นไห้ก็ดังออกมาจากในห้องนั้น ธารารีบเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าติณณ์นั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ ผู้ใหญ่ตกใจอย่างมากจึงรีบเข้าไปกอดปลอบคนที่ขดตัวกลมแถมยังสั่นเทาอย่างน่าสงสาร



     "ติณณ์...ไม่เอาไม่ร้องนะ อาอยู่นี่แล้ว"

     ธาราพูดพลางลูบศรีษะเพื่อปลอบโยน เขาไม่เคยเห็นติณณ์ร้องไห้มาก่อน วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหยดน้ำตาอันมากมายไหลออกมาจากดวงตาที่เคยเฉยชานั้น เป็นครั้งแรกที่เพิ่งเคยได้ยินเสียงสะอื้นเหมือนแทบขาดใจ เป็นครั้งแรกที่เพิ่งเคยเห็นความเปราะบางขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าติณณ์เจออะไรมาบ้าง ไม่รู้เลยว่าข้างในนั้นมันมีความผิดหวังอันมากมายซ่อนอยู่ เขาไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย



     เขาไม่ถามย้ำแล้วว่าติณณ์เป็นอะไร พูดอะไรไปตอนนี้ก็คงสูญเปล่า เลยทำได้แต่กอดร่างบอบบางนั้นแน่น ลูบศีรษะที่ซุกอกเขาอยู่ รับรู้ได้ถึงความชื้นแฉะของเสื้อเชิ้ตที่มาจากการเปื้อนน้ำตา ติณณ์ร้องไห้นานมาก นานจนตะวันจะลับขอบฟ้า ร้องจนเขาทรมาณและเหนื่อยแทน เมื่อเวลาผ่านไป คนในอ้อมกอดเริ่มหยุดสะอื้นด้วยความเหนื่อยและอ่อนล้า ธารารับได้ถึงแรงที่ทิ้งตัวลงมาอย่างหมดแรง เสียงแผ่วเบาพูดอะไรบางอย่างออกมาจากปากเล็ก ก่อนที่คนน่าสงสารจะผล็อยหลับคาอ้อมอกด้วยความเหนื่อย



     "ไม่มีใครรักเลย..."



     ธาราแทบใจสลายเมื่อได้ยินคำนั้น









talk.
อันนี้ไม่ใช่นิยายดราม่านะคะ ต่อจากนี้จะไม่มีดราม่าอีกแล้ว  ._____.
ตอนนี้ใช้พลังมากเลยค่ะ แงๆ เกือบร้องไห้ตั้งหลายรอบ
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ





#เด็กมันน่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-03-2019 15:58:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-03-2019 18:23:19
อาธาร

ดุเด็กเยอะแล้ว

กรุณาปลอบใจเด็กด้วย

เด็กกำลังอ่อนแอ

น้องกำลังคิดว่าตัวเองไร้ค่า

น้องเหงาน้องหว้าเหว่

ปลอบน้องเลยนะ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-03-2019 18:56:46
หง่ะ..ไม่ดราม่าเลย..ยยยยยยยยยยยยยย    :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 21-03-2019 21:22:28
อะไรกันเนี่ยะ :z3:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 22-03-2019 14:00:39
อาธารก็เตือนน้องแรงไป๊....
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 22-03-2019 14:49:34
อย่ารังแกเด็กซ้ำดิ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-03-2019 04:05:23
 :z2: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-03-2019 15:43:25
 :mew2:
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 03-04-2019 21:07:18
ตอนที่ 7



     

     สัมผัสหนักๆเหมือนมีวัตถุกลมๆนิ่มๆบางอย่างอยู่ตรงท้องของร่างบางๆ ทำให้เจ้าของร่างลืมตาขึ้นมาอย่างไม่สบายตัว เมื่อเปลือกตาไม่ได้บดบังนัยต์ตาสีเข้มอีกต่อไป ก็พบว่ามีแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์นอนแหมะอยู่บนท้องของเจ้าตัว อะไรกัน ติณณ์ไม่ได้เลี้ยงแมวที่หน้าตาเหมือนถุงเงินแบบนี้เสียหน่อย



     เด็กหนุ่มเบิกตากว้างพลันมองไปรอบๆห้อง ยังไม่ทันจะได้สงสัยอะไรก็เห็นธาราอยู่ในสายตา ผู้ใหญ่คนนั้นกำลังนั่งอยู่ข้างๆเตียงที่ติณณ์นอนอยู่ อาธารยิ้มบางๆพลางทำหน้าเหมือนจะพูดว่า 'ตื่นแล้วหรอ?'



     ติณณ์มองซ้ายขวาเพื่อสำรวจสถานที่อีกครั้ง ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา การตกแต่งและธีมของห้องดูคุ้นตาเป็นพิเศษ อีกทั้งมีทั้งเจ้าถุงเงิน ทั้งห้องที่คุ้นตา ทั้งกลิ่นที่คุ้นจมูก ทั้งคนที่อยู่ข้างๆตอนนี้ จะอะไรเสียอีกนอกจากที่นี่คือคอนโดของอาธาร



     "อาธาร?" เสียงแหบแห้งเอ่ยชื่อนั้นแทนความสงสัยทั้งหมดในใจ



     "ไม่ต้องตกใจ อาเป็นคนพาติณณ์มาที่นี่เอง"



     "ทำไม..."



     "ใจเย็นๆแล้วฟังอานะ...ต่อไปนี้ติณณ์ต้องอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาอาตลอด อาจะไม่ยอมให้ติณณ์ทำร้ายตัวเองอีก" ธาราว่าอย่างใจเย็น "ส่วนเสื้อผ้า อาเก็บมาให้แล้ว รวมถึงหนังสือเรียนต่างๆด้วย อยู่ในชั้นหนังสือ ถ้าติณณ์จะอ่านก็ไปหยิบมาอ่านตรงห้องโถงได้"



     "ด...เดี๋ยวครับ ผมไม่เข้าใจ"

 

     "ไม่เข้าใจอะไรอีก หืม อีกทีนะ อาพาติณณ์มาอยู่ที่นี่เพราะกลัวติณณ์จะทำร้ายตัวเองอีก นี่ตัวร้อนอีกด้วย ไหนจะโทรมเหมือนพักผ่อนน้อย ให้อาดูแลติณณ์ดีกว่านะ ไม่ต้องเกรงใจเลย อาเต็มใจทำ"



     "คือ ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ พาผมกลับบ้านนะครับ" ติณณ์อ้อนวอน



     "ไม่...จนกว่าอาจะมั่นใจว่าติณณ์จะไม่ทำร้ายตัวเองอีก รักตัวเองมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โอเคไหม?"



     "ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว พาผมกลับบ้านนะ ผมไม่ทำแล้วจริงๆ"



     "ติณณ์ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอ?"



     "ครับ...มันรบกวนอาธารมากเกินไป" ติณณ์ไม่อยากเป็นภาระใครอีกแล้ว "อีกอย่างอาธารจะลำบากใจด้วย"



     "ลำบากอะไรกัน ไม่ได้ลำบากเลย" ธาราเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กตรงหน้า "ยังไงอาก็ไม่ยอมให้ติณณ์อยู่คนเดียวอีกแล้ว ต่อให้ติณณ์หนีกลับไป อาก็จะอุ้มติณณ์กลับมาอีก และถ้าติณณ์ทำแบบนั้น ยิ่งทำให้อาเหนื่อยและลำบากใจ รู้ไหม? การที่ติณณ์อยู่ในการดูแลของอาทำให้อาสบายใจ เข้าใจไหม?"



     "..." ติณณ์สับสนว่าต้องทำตัวอย่างไรต่อไป อยากจะขัดขืนข้อเสนอนี้ แต่อาธารบอกกับปากเลยว่าจะทำให้อาธารลำบากใจมากกว่าเดิม



     "โอเคนะ? ติณณ์?"



     "...แต่ผมกลัวว่าถ้าผมอยู่ที่นี่ อาธารจะลำบากใจมากกว่าเดิม" เพราะเขาเป็นคนน่าเบื่อยังไงล่ะ



     "ติณณ์อยากให้อาสบายใจไหม?"



     "ครับ"



     "ถ้าอย่างนั้น อย่างแรกเลยคือ ติณณ์ต้องอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาอาตลอด ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด สอง มีอะไรไม่สบายใจให้รีบบอกอา ไม่งั้นอาจะไม่มีวันรู้เลยว่าติณณ์คิดอะไรอยู่ สาม เป็นเด็กดี เตือนอะไรไปต้องฟัง ห้ามดื้ออีก และข้อสุดท้าย..." มือใหญ่เคลื่อนมาลูบริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา "...ยิ้มเยอะๆ จะทำให้อาชื่นใจมากๆ"



     "แต่อาธารไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ เรา...เอ่อ..." ติณณ์อึกอักอย่างลำบากใจที่จะพูด "เราไม่ใช่ญาติกัน ผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับอาขนาดนั้น ทำไมอาต้องเอาเงิน เอาเวลามาทิ้งกับคนอย่างผมด้วย"



     "อาไม่ได้เอาเงินและเวลามาทิ้ง อาเต็มใจให้ แล้วทำไมอาจะดูแลติณณ์ไม่ได้ล่ะ? ต้องเป็นญาติกันเท่านั้นหรอถึงจะมีสิทธิ์ดูแลกัน?"



     เด็กหนุ่มทำสงครามประสาทกับผู้ใหญ่สักพัก สุดท้ายธาราก็ตัดบทโดยการเอาหลังมือมาแนบกับหน้าผากเนียน แล้วบอกว่าติณณ์น่ะตัวร้อนมากตั้งแต่เมื่อคืน แล้วเขาก็นำน้ำอุ่นใส่กะละมัง จุ่มผ้าขนาดกำลังดีลงน้ำนั้นแล้วบิดหมาดๆ ติณณ์เข้าใจว่าอาธารจะเช็ดตัวให้ และพบว่าเขาเข้าใจไม่ผิดเมื่อมือใหญ่คู่นั้นยื่นมาปลดกระดุมเสื้อบนตัวเด็กหนุ่ม มันทำให้ติณณ์ต้องถอยหลังโดยอัตโนมัติ



     อะไรกัน เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เลย มีเรื่องใหม่ให้ลำบากใจอีกแล้ว



     "ค...คือ เดี๋ยวผมเช็ดเองก็ได้ครับ" ติณณ์โตแล้ว เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้เขาทำเองได้



     "ก็อาจะเช็ดให้" ธาราว่าอย่างไม่ฟัง พลางจ้องจะปลดกระดุมเม็ดต่อไป บอกแล้วว่าอยากดูแล



     "ผมทำเองได้จริงๆนะครับ" มือเล็กคว้าที่มือใหญ่เพื่อห้ามปราม



     "อาบอกว่าอย่าดื้อไง ติณณ์กำลังทำให้อาลำบากใจนะ" ธาราแสร้งทำหน้าเครียด "จะให้อาเช็ดดีๆหรือต้องให้ดุ"



     พอมองสายตาคมกริบนั้น ติณณ์ก็ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ปกติอาธารเป็นคนใจดี ยิ้มบ่อย แต่พอดุแล้วน่ากลัว อาจเป็นเพราะไม่ใช่ด้านที่เขาเห็นบ่อยๆ จึงได้แต่นั่งนิ่งให้มือใหญ่นั้นปลดกระดุมไปเรื่อยๆ



     เมื่อกระดุมแต่ละเม็ดเลิกทำพันธะกัน สิ่งที่ซ่อนไว้คือผิวขาวนวลตากับยอดอกสีน่าลิ้มรส ติณณ์ผอมมากจนกระดูกซี่โครงขึ้นให้เห็นจางๆ ไหนจะเอวที่บางจนกลัวว่ามันจะหักเข้าสักวัน เห็นแล้วอยากจะจับขุนให้มีเนื้อนิ่มๆให้ได้จับเสียบ้าง



     "กินข้าวเยอะๆนะติณณ์ ผอมมากไปมันจะเสียสุขภาพเอา"



     ธาราบ่นพลางใช้ผ้าขนหนูหมาดๆถูไปมาบนแขนเล็กๆที่มีรอยแผลอยู่ประปราย โดยระมัดระวังไม่ให้ไปเช็ดโดนส่วนนั้น แล้วเคลื่อนผ้าขนหนูไปที่ลาดไหล่เนียน กระดูกไหปลาร้า ลงมาถึงหน้าอกแบนๆทั้งสองข้าง เมื่อยอดอกสีหวานถูกความชื้นละเลงก็ส่งผลทำให้ชูชันขึ้นมาอัตโนมัติ ธาราตาวาวขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นภาพยั่วยวนนั้น ด้านมืดของจิตใจมันสงสัยว่าถ้าใช้ลิ้นอุ่นชื้นละเลงลงไปมันจะชูช่อขึ้นมาได้มากแค่ไหน? ถ้าใช้ฟันคมขบกัดลงไปจนช้ำมันคงจะสีสดน่ากินกว่านี้ไหม? และถ้าทำแบบนั้นเจ้าตัวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จะแอ่นอกขึ้นมาตอบรับหรือขยับตัวหนีเหมือนกระต่ายให้ไล่จับ เสียงครางจะหวานเหมือนสีของเม็ดทับทิมทั้งสองข้างนั้นไหม?



     ธารารู้ตัวว่าด้านมืดของตัวเองมันกำลังร่ำร้องให้ทำสิ่งชั่วๆ เขาจึงรีบมองข้ามแล้วหลับหูหลับตาเช็ดตัวให้คนป่วยอย่างเร่งรีบ เขาไม่ได้ถอดกางเกงของติณณ์ออก ทำเพียงล้วงเข้าไปเช็ดต้นขาอ่อนๆโดยมีกางเกงปิดเอาไว้ไม่ให้เห็นเนื้อนวลที่น่าทำให้ชอกช้ำ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยทำเอาธาราหายใจไม่ทั่วท้อง เขาน่าจะเชื่อติณณ์ตั้งแต่แรกว่าให้เจ้าตัวทำเอง



     หลังจากนี้เขาต้องฝึกความอดทนมากกว่านี้ ต่อให้เนื้อมันกลิ่นหอมหวานน่ากลืนกินมากแค่ไหนก็ตาม




     ติณณ์ไปโรงเรียนโดยที่ธาราไปรับ-ส่งตามปกติ  พอกลับบ้านมา ไม่ใช่สิ พอกลับคอนโดของอาธารเขาไม่สามารถปฏิเสธข้าวเย็นได้อีกต่อไป ด้วยความที่ผู้ใหญ่ไม่มีเวลาทำอาหารเองจึงมักจะสั่งอาหารขึ้นมาเป็นประจำ มันคือมักกะโรนีกุ้งเมนูโปรดของติณณ์อย่างลับๆ แต่เขากลับกินไม่ลง เพราะปกติไม่ได้กินข้าวเย็นเลย แต่อาธารบังคับแล้วบังคับอีกชนิดที่ว่าแทบจะจับยัดเข้าปากกันเลยทีเดียว จากนั้นก็ถูกจับกินยาตามมาติดๆ



     ยังดีหน่อยที่ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงให้เล่นบ้าง เด็กหนุ่มเลยผ่อนคลายขึ้นท่ามกลางความไม่สบายใจที่ต้องอยู่ที่นี่เพราะค่อนข้างแปลกถิ่น ติณณ์เลยใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือและหันไปเล่นกับแมวเป็นระยะๆ เขาว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่แค่หันไปมองหน้าแมวอ้วนมึนๆก็สามารถยิ้มออกมาได้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าลุกไปเล่นด้วยหรอก ยังไงดีล่ะ เกรงใจเจ้าของสถานที่ จะทำอะไรก็รู้สึกประดักประเดิดไปหมด



     ธาราเองก็นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลจากคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ เด็กคนนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นเป็นระยะให้ชวนหันไปมองรอยยิ้มเล็กๆนั้น ธารานึกเป็นหนี้บุญคุณเจ้าถุงเงินที่ทำให้ติณณ์มีความสุขบ้างไม่มากก็น้อย



     เวลาล่วงเลยไปสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว ร่างสูงปิดแฟ้มเอกสารที่กำลังวุ่นวายอยู่เพื่อเตรียมเข้านอน แต่ใครอีกคนไม่มีท่าทีว่าจะง่วง นั่งอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างกับพรุ่งนี้มีสอบแอดมิชชั่นอย่างไรอย่างนั้น ธาราเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆอย่างนึกอยากรู้ว่าวิชาอะไรกันที่ทำให้ใบหน้าละอ่อนนั้นเครียดได้ถึงขนาดนี้



     "อ่านวิชาอะไรอยู่ หืม หน้าเครียดเชียว"



     ติณณ์สะดุ้งน้อยๆเมื่อเสียงนุ่มทุ้มดังข้างๆหู "ฟิสิกส์ครับ"



     "สอบพรุ่งนี้หรอ ถึงได้อ่านจนดึกแบบนี้"



     "เปล่าครับ ผมอ่านเตรียมสอบเข้ามหาลัย"



     "ไหนขออาดูบ้างซิ" ธารายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะได้อ่านโจทย์ได้ถนัด "โห เด็กม.ปลายเดี๋ยวนี้เขาเรียนยากกันขนาดนี้แล้วหรอ?"



     "ไม่หรอกครับ ผมอยู่ห้องGiftedเลยยากกว่าปกตินิดนึง"



     นั่นเป็นความรู้ใหม่ของธารา คือติณณ์เรียนห้องโครงการพิเศษที่มีแต่ยอดมนุษย์เรียนกัน พอรู้อย่างนั้นก็ไม่สงสัยในบุคลิกของติณณ์อีกต่อไป ความจริงติณณ์คงเป็นเด็กเนิร์ด เอาแต่เรียน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่เกเร ไม่นอกลู่นอกทาง ไม่ทำอะไรเลยนอกจากเรียน แบบนี้หรือเปล่า?

 

     "จริงหรอ คนเก่ง" ว่าแล้วก็เอามือไปลูบหัวอย่างที่ชอบทำ "แต่คนเก่งอ่านแบบนี้ทุกวันเลยใช่ไหม?"



     "ใช่ครับ"



     "คนเก่งอย่าหักโหมสิ ไม่งั้นจะป่วยนะ เป็นคนเก่งอย่างเดียวพออย่าเป็นคนป่วยเพิ่มเลยนะ เพราะฉะนั้น เข้านอนกันนะ"



     นี่มันเพิ่งสี่ทุ่มกว่าๆเองนะ



     ติณณ์ไม่อยากนอน มันจะเพิ่มเวลาฟุ้งซ่านให้กับเขา



     "เอ่อ..."



     "ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย จะดื้ออะไรกับอาอีก? สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทำให้อาลำบากใจ"



     ติณณ์อยากเถียงนะ ว่าพาเขากลับบ้านก็หมดเรื่อง แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะพูดแบบนั้น อาธารน่ะก็ดื้อพอๆกันนั่นแหละ



     สุดท้ายก็ต้องจำใจเข้านอนก่อนเวลาปกติ ไม่งั้นคงโดนบ่นหูชา ก่อนเข้านอนติณณ์อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วมานอนบนเตียงขนาดคิงไซส์ทั้งๆที่ไฟในห้องสว่างจ้า ใครจะกล้าปิด ก็อาธารยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย เขาไม่มีสิทธิ์ทำอะไรกับห้องนี้ตามใจชอบหรอก



     ไม่นานเกินรอ เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นตามมาด้วยร่างสูงที่เปิดเข้ามา อาธารใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มสบายๆอย่างที่ติณณ์ไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติเห็นแต่ในลุคน่าเกรงขาม แบบว่าใส่เสื้อเชิ้ตไม่ก็ใส่ชุดสูทน่ะ พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกว่าอาธารหน้าเด็กลง แต่ความดูดีไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ติณณ์แอบมองเจ้าของคอนโดเดินไปที่หน้ากระจก แล้วหยิบกระปุกเล็กๆอะไรสักอย่างขึ้นมา เปิดฝาออกแล้วใช้นิ้วแตะๆสิ่งที่อยู่ข้างในมาทาบนใบหน้า ติณณ์สรุปเอาเองว่ามันคือครีมทาหน้า เหมือนของแม่หรือเปล่านะ



     ผู้ชายเขาต้องทาครีมกันด้วยหรอ? หรือนี่คือเคล็ดลับความดูดีของอาธาร?



     ดูเหมือนว่าติณณ์จะแอบมองแบบโต้งๆเกินไป ธาราหันมามองตาแล้วยิ้มให้คนที่อยู่บนเตียง คนถูกจับได้รีบหลับตาปี๋ทั้งๆที่รู้ตัวว่าโป๊ะอยู่แล้ว อีกทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดครึ่งหน้า เสียดายที่นี่ไม่มีหมอนข้าง ไม่งั้นเขาคงเอาหน้ามุดเพื่อหนีความอาย



     "ติณณ์"



     เสียงของอาธารดังขึ้นใกล้ๆหูอีกแล้ว จะปลุกมาแซวกันหรือเปล่า? จะอะไรก็ตาม ติณณ์ก็จำใจลืมตาขึ้นมา ไหนๆก็แกล้งหลับไม่เนียนอยู่แล้วนี่



     เมื่อลืมตาก็เห็นคนตัวสูงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง แล้วมองลงมาที่เขา ในมือใหญ่มีกระปุกครีมอยู่สองกระปุก "ลุกขึ้นมาหน่อยเร็ว"



     ติณณ์ลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่าย มองมือใหญ่นั้นหมุนฝากระปุกครีมให้เปิดออกให้เห็นของเหลวๆหนืดๆสีอ่อนด้านใน นิ้วสากป้ายเนื้อครีมนั้นขึ้นมา แล้วยื่นเข้ามาใกล้ๆที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก่อนที่ครีมนั้นจะแปะลงใบหน้า ติณณ์ก็ย่นคอหนีเสียก่อน



     "กลัวอะไรเล่า" ธาราหัวเราะ "อาจะทาให้ เห็นพักนี้หน้าเราโทรม ครีมพวกนี้มันช่วยได้นะ"



     "...?" ติณณ์ทำหน้างง



     "ตอนหนุ่มๆอาก็ไม่เคยใช้หรอก พอทำงานหนักขึ้น อายุมากขึ้น ก็รู้ว่ามันจำเป็น วัยทำงานก็ต้องใช้หน้าใช้ตานะ ไม่งั้นอาไม่หล่อขนาดนี้หรอก"



     "อ่า..."



     "อยู่นิ่งๆ จะทำให้ รับรองตื่นมาหน้าใสกิ๊ง เหมือนได้พักผ่อนมาสิบชาติ"



     เมื่อเด็กตรงนั้นนั่งนิ่งไม่ขัดขืน นิ้วใหญ่ก็ป้ายครีมนั้นลงเป็นแก้มเนียนทั้งสองข้าง หน้าผาก คางมน จมูกรั้น แล้วค่อยๆทาให้ทั่วหน้าอย่างทะนุถนอม ติณณ์ไม่ค่อยมีสิว หน้าใส แต่สุขภาพผิวหน้าดูแห้งและโทรม ธารามองตากลมที่แต่เอาหลุกหลิกเพราะไม่รู้จะเอาสายตาวางไว้ตรงไหน เขาขำเบาๆแล้วสั่งให้มองตาเขานิ่งๆเสีย จากนั้นก็เอาอายครีมอีกกระปุกหนึ่งมาปาดที่ใต้ตาคล้ำๆนั้น ธาราเพลิดเพลินกับการได้ดูแลเด็กแบบนี้ ไม่รู้สิ ได้ลูบไล้ใบหน้าน่าหลงใหลแบบนี้แล้วมันชื่นใจแปลกๆ



     "เสร็จแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง"



     "ก็...เย็นๆดีครับ"



     ธาราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วดันศีรษะเล็กให้นอนลงกับหมอน จากนั้นก็ปิดไฟจนความมืดเข้ามาทักทาย ติณณ์ตัวเกร็งเมื่อไม่มีแสงสว่างอีกต่อไป ความคิดฟุ้งซ่านมันกำลังจะไหลเข้ามา เจ้าตัวพยายามข่มตาให้หลับโดยไม่คิดอะไร แต่ความทรงจำที่ไม่น่าจดจำมันก็ค่อยๆไหลเข้ามาอีกแล้ว



     ติณณ์หันหน้าหนีคนที่นอนข้างๆ ถึงแม้ว่ายามวิกาลมันช่วยปกปิดหน้าตาที่ไหลออกมาอยู่แล้ว แต่เสียงสะอื้นนี่สิปกปิดยากเหลือเกิน เขาพยายามสูดน้ำมูกให้เบาที่สุด โชคดีที่พอสะอื้นไปสักพักแต่อาธารไม่ยักจะตื่น สงสัยคงหลับไปแล้ว



     สุดท้ายก็ต้องร้องไห้คนเดียวทุกๆคืน



     เมื่อไหร่จะเลิกอ่อนแอสักทีนะ?




     ยิ่งไม่มีคุณหมอนข้างโปรดให้โอบกอดก็รู้สึกอ้างว้าง หนาวเย็น ไหนจะไม่คุ้นสถานที่ ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด อาธารจะทนเขาได้อีกนานเท่าไหร่? ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? เพราะแค่กลัวเขาฆ่าตัวตายหรือเปล่า? แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียวอีกใช่ไหม...



     "ติณณ์!?"



     "!!!!!!"



     "ร้องไห้หรอ?"



     ถูกจับได้อีกแล้ว



     แย่ชะมัด เขาว่าเขาสะอื้นเบาแล้วนะ



     ร่างบางถูกพลิกให้หันหน้าเข้าร่างหนา เป็นอะไร? คิดมากหรอ? ไม่เอาไม่ร้องนะ อาอยู่ตรงนี้แล้วไง ธาราพูดซ้ำๆวนไปวนมาพลางลูบศีรษะนั้นๆ ทำให้ติณณ์ร้องไห้หนักกว่าเดิมจนต้องดึงร่างนั้นเข้ามากอดในอ้อมอก ความอบอุ่นจากร่างกายแกร่งนั้นโอบล้อมเด็กหนุ่มแทนที่ความอ้างว้าง ติณณ์ซุกหน้าลงบนอกนั้นแทนหมอนข้าง แล้วปล่อยน้ำตาอย่างไม่อาย เพราะอาธารเคยเห็นน้ำตาเขามาแล้ว เห็นอีกสักครั้งจะเป็นอะไรไป



     "ตอนนั้นอาเตือนติณณ์แรงเกินไปใช่ไหม? อาขอโทษ อาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ติณณ์รู้สึกไม่ดี อาเป็นห่วง อาไม่อยากให้ติณณ์เข้าใกล้สิ่งไม่ดี แต่ยังมีอาอยู่ตรงนี้นะ เห็นไหม อาอยู่ใกล้ๆติณณ์ตรงนี้ไง ชู่ว ไม่ต้องร้องครับ อาอยู่นี่..."



     อ้อมกอดและคำพูดของอาธารนั้นวิเศษ คำว่า'อาอยู่ตรงนี้นะ'มันเข้ามาแทนที่ภาพเลวร้ายในหัว ร่างของเขาจมอยู่ในอ้อมแขน ยิ่งสะอื้นอาธารนยิ่งกอดแน่นขึ้น ตอกย้ำว่ามีคนสามารถสัมผัสได้ถึงเขา ตอกย้ำว่าเขามีตัวตน ตอกย้ำว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวนะ มีอาธารกอดอยู่ตรงนี้จริงๆ น้ำตาค่อยๆหยุดไหลเพราะมีความอบอุ่นมาปกป้อง แต่ถึงอย่างนั้นมือใหญ่ก็คอยลูบหัวเขาไม่หยุด จนติณณ์ผล็อยหลับคาอ้อมอกนั้นอีกครั้ง



     คืนต่อมา ติณณ์ยังคงบังคับให้นอนไว



     ทำยังไงดี มันจะฟุ้งซ่านเหมือนเดิมอีกแล้ว



     ลืมบอกไปว่าให้อาธารแวะเอาหมอนข้างก่อนจะกลับบ้าน มันรู้สึกอ้างว้างอีกแล้ว



     ติณณ์อยากให้อาธารกอดอีก แต่ไม่อยากร้องไห้เสียงดังจนอาธารตื่น มันรบกวนเกินไป



     เด็กหนุ่มมองคนข้างๆอย่างลังเล ผู้ใหญ่กำลังหลับสบาย จะทำยังไงดีเพื่อจะได้อยู่ในอ้อมกอดนั้นอีกครั้ง?



     ร่างบางค่อยๆขยับตัวเข้าใกล้อาธารอย่างเบาๆ และทำให้เงียบที่สุด เข้าใกล้จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่าย แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ในห้วงนิทราอย่างสงบ มองแล้วรู้สึกสงบตามพิลึก ร่ายกายขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งนำใบหน้าเล็กๆไปซุกและพิงอกแกร่งนั้น แม้ไม่ได้ถูกกอด แต่แค่อยู่ในอ้อมอก ได้รับไออุ่น ได้สัมผัส แค่ได้รู้สึกว่าคืนนี้ติณณ์ไม่ได้อยู่คนเดียวก็ดีใจมากๆแล้ว




     ติณณ์คิดไปคิดมา แล้วก็พบว่าการไม่ได้กลับบ้านก็ดีเหมือนกัน






talk.
เห็นไหม หมดดราม่าแล้วจริงๆ! ขอโทษนะคะที่หายไปนาน งานยุ่งนิดหน่อยแต่เยอะมาก(?) แงๆๆ
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 03-04-2019 21:45:16
ติณณ์มาอยู่กับอาธารนะถูกต้องแล้ว

นอนแนบอกอุ่นๆของอาธาร

แถมมีคนทาครีมบำรุงให้ด้วย

น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่6 (21.3.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-04-2019 22:20:03
อาธารคือหมาป่าที่สวมหน้ากากฮัสกี้
ส่วนน้องคือลูกแมวน้อยหลงทางทีีมีบาดแผล ได้แต่ภาวนาให้อย่าร้ายกับน้องกลัวน้องมีปมเพิ่มอีก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-04-2019 23:34:29
สงสารอาธารเลยค่ะต่อไปนี้ เข้มแข็งไว้นะคะ อดทนอย่าให้ด้านมืดออกมา 55555555
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 03-04-2019 23:38:33
ภติณท์เอ้ยน่าสงสารมาก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-04-2019 23:42:32
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 04-04-2019 12:43:41
น้องตินณ์เริ่มจะติดหมอนข้างที่ชื่อธาราแล้วสิ :-[
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-04-2019 15:19:25
 :mew2: เด็กน้อยน่าสงสาร
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 04-04-2019 21:27:41
 :pig4: :pig4:เรารออ่านเรื่องนี้ตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 04-04-2019 21:58:57
อาธารนอกจากจะเป็นหมอนข้างที่ดีที่สุดแล้วยังต้องฝึกความอดทนมากๆๆอีกนะคะ :katai3:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: M_Y MILD ที่ 05-04-2019 00:25:35
รักเรื่องนี้นะคะ รักมากกกกกกชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 07-04-2019 23:49:20
เอ็นดูน้องตินณ์ งื้ออออออ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่7 (03.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 10-04-2019 20:28:57
ตอนที่ 8


     "เมี้ยว"




     เสียงร้องเหมียวๆของเจ้าถุงเงินเป็นเสียงนาฬิกาปลุกชั้นเยี่ยมของธารา มันมักจะมานั่งจ้องหน้าเจ้าทาสตอนเช้าตรู่เพื่อปลุกให้มาถวายข้าวเช้าเสียดีๆ แต่วันนี้พอธารายกเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมา ก็พบว่าไม่ใช่แมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ของเขา แต่เป็นแมวน้อยที่ต้องการความอบอุ่น ดูได้จากการเอาใบหน้ามามุดแผ่นอกของเขาแบบนี้ ส่วนเจ้าถุงเงินก็เอาแต่แหกปากร้องอยู่หลังแผ่นหลังบอบบางนั่น




     นอนดิ้นหรือ?




     ธาราไม่กล้าขยับตัวแม้แต่กระดิกเดียว กลัวว่าคนที่กำลังหลับสบายจะตื่นเช้าเกินไปในวันหยุดแบบนี้ ร่างสูงคิดว่าควรจะปล่อยให้นอนต่ออีกสักนิด




     อีกส่วนหนึ่งในร่างกายนี้ที่ธาราชอบเป็นพิเศษ นอกจากลำคอสวยๆนั่นแล้ว ยังชอบกลุ่มผมนิ่มๆลื่นๆนี้ เอามือลูบแล้วเพลินดี คงจะสระผมบ่อยๆ ว่าแล้วก็อยากพิสูจน์ว่าจะหอมสักแค่ไหน ปลายจมูกโด่งกดลงไปสูดดมกลุ่มผมนิ่ม แล้วพบว่ามันหอมกลิ่นน้ำยาสระผมแบบผู้ชาย เสพแล้วผ่อนคลาย สบายใจพิลึก




     นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเด็กคนนี้ตัวร้อน เลยให้ทานยาลดไข้ไป มือใหญ่เอาหลังมือแนบหน้าผาก พบว่าอุณหภูมิไม่ได้สูงเท่าเก่าแล้วจึงสบายใจ แล้วเปลี่ยนมาเชยชมหน้าตาคนตรงหน้า




     ติณณ์เป็นคนเวลาทำหน้าเฉยๆแล้วดูเป็นคนหล่อ แต่พอยิ้มจนแก้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้างแล้วน่ารัก ธาราลอบมองเครื่องหน้าราวพระเจ้าสรรค์สร้างนั่น คิ้วเข้มได้รูป ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งรั้น กระจับปากน่ามอง ริมฝีปากสีธรรมชาติหากแต่กลับแห้งแตก เพราะเจ้าตัวคงดื่มน้ำน้อย เห็นทีคงต้องจับทาลิปมันเสียบ้าง ถึงอย่างไรก็ตาม สายตาคมมันชอบเหลือบไปมองซอกคอขาวๆนั่นอยู่ดี




     ให้ตาย




     พ่อจะจับให้ใส่เสื้อคอเต่าทุกวันเลยคอยดู
















     "เมี๊ยวๆ~"




     เจ้าแมวนามถุงเงินแหกปากร้องเพื่อปลุกเจ้าทาสอีกครั้ง หากแต่เจ้าทาสตัวนี้ไม่ค่อยคุ้นกลิ่นนัก เจ้าตัวขนนั่งมองร่างบางๆที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงคนเดียว ส่วนเจ้าทาสตัวใหญ่ที่มันคุ้นกลิ่นนั้นอยู่ในห้องครัว จมูกเล็กๆสีชมพูยื่นเข้าไปดอมดมจมูกรั้นของอีกฝ่ายเพื่อสำรวจ ไม่นานนักเปลือกตาอันหนักอึ้งของติณณ์ก็ลืมขึ้นมาเพราะสัมผัสเปียกชื้นตรงจมูกของแมวเจ้าปัญหานี่




     "ถุงเงิน?"




     เจ้าของชื่อครางรับเสียงเล็ก เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนที่จะสังเกตว่าอาธารไม่ได้นอนอยู่ข้างๆอีกต่อไป เขามองไปตรงแดดเจิดจ้าที่กรองผ่านผ้าม่านหรูให้เหลือแดดอ่อนๆ เจ้าของคอนโดตื่นก่อนเขา แถมหายไปไหนก็ไม่ทราบ ติณณ์ไม่ได้ติดใจในข้อนั้นเท่าไหร่ เขาสนใจเจ้าแมวขนนุ่มตรงหน้า ดวงตาที่คล้ายเม็ดลำไยช้อนตามองมนุษย์เหมือนจะอ้อนขออะไรบางอย่าง เห็นแล้วมันเขี้ยวไม่น้อย เลยจับเจ้าตัวขนนั้นขึ้นมาอุ้ม มันร้องประท้วงเงี๊ยวๆเบาๆ แต่ก็ยอมให้จับแต่โดยดี




     "ยอมเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม?"




     เสียงใสว่าแบบนั้นเมื่อแมวในอ้อมกอดนอนนิ่งเหมือนตุ๊กตา ติณณ์ดีใจที่อย่างน้อยมันก็ไม่เมินเขาแล้ว น่ารักจังเลย กินข้าวหรือยัง ดูท่าจะกินเยอะใช่ไหมถึงได้ตัวอ้วนกลมขนาดนี้ ติณณ์พูดคุยกับแมวทั้งๆที่รู้ว่ามันตอบไม่ได้นอกจากร้องเหมียวๆ ใครมาเห็นอาจจะหาว่าเขาบ้าก็ได้ แต่เขามีความสุขดีที่ได้เล่นกับแมวหรือสัตว์ต่างๆ มันสบายใจดี




     ติณณ์นั่งฟัดเจ้าแมวน่ารักสักพักก็ได้กลิ่นหอมๆเหมือนอาหารอะไรสักอย่าง เขาหยุดฟัดถุงเงินแล้วสูดจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่นน่าอร่อยนั่น สักพักท้องก็ร้องโครกครากอย่างน่าอาย นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ดมกลิ่นอาหารแล้วรู้สึกหิวขนาดนี้? เด็กหนุ่มก้าวลงจากเตียงพร้อมอุ้มเจ้าแมวอ้วนไปด้วย เขาเดินไปทางนั้นทางนี้ตามกลิ่นไปอย่างไม่รู้ทาง สุดท้ายก็มาเจอต้นตอที่ห้องครัวหรู




     เด็กหนุ่มแอบมองธาราที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว พอแอบชะเง้อดูสิ่งที่อยู่ในกระทะเทฟลอนก็พบว่าคือแฮมที่ถูกย่างจนกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว แถมยังมีวัตถุดิบลักษณะคล้ายขนมปังกลมๆเล็กๆวางข้างๆ ส่วนอีกเตานึงเป็นหม้อที่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร ซึ่งอาธารกำลังวุ่นวายกับหม้อนั้นอยู่ ติณณ์เพิ่งเคยเห็นผู้ใหญ่คนนี้ทำอาหาร เพราะปกติอาธารมักจะสั่งอาหารมาทานแทนที่จะทำเองเพราะเสียเวลา หรือเพราะวันนี้เป็นวันหยุดเลยมีเวลาทำงั้นหรือ?




     คนหิวได้แต่แอบมองและแอบดมกลิ่นหอมๆอยู่หลังกำแพง ในหัวมีแต่คำว่าหอมจัง มันคืออะไรนะ ใช่อาหารเช้าหรือเปล่า คงจะอร่อยน่าดู




     อยากจะเดินเข้าไปดูขั้นตอนการทำ ติณณ์ชอบดูการทำอาหาร ทั้งในทีวี ยูทูป หรือแม้กระทั่งตอนแม่ยังมีชีวิต เขาชอบเข้าไปยืนดูอย่างสนอกสนใจ แต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เลยโดนแม่บ่นและชอบไล่ให้ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารตลอด




     แล้วนี่คืออาธาร เพิ่งย้ายมาอยู่คอนโดเขาไม่กี่วัน อย่าสร้างภาระดีกว่า




     "เมี๊ยว"




     เจ้าแมวคงอึดอัดที่อยู่ในอ้อมกอดนานๆจึงเริ่มดิ้นและแหกปากประท้วง เสียงร้องนั่นทำให้ธาราหันไปมองต้นตอเสียง ภาพที่เห็นคือ ติณณ์กำลังอุ้มเจ้าถุงเงินที่พยายามดีดดิ้นให้พ้นพันธนาการ ส่วนเจ้าตัวก็พูดอย่างตกใจว่า 'ถุงเงิน!' แล้วปล่อยแมวตัวนั้นให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันมามองเขาอย่างทำตัวไม่ถูก เก้ๆกังๆว่าจะทำอะไรต่อไปดี




     มีเด็กแอบมองอีกแล้ว





     "อ้าวติณณ์ แอบมองอาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ้ย... ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่" ธาราเอ่ยปากแซวเด็กโป๊ะแตก




     ติณณ์ได้แต่ยิ้มเกร็งๆไปให้ผู้ใหญ่ ในใจนึกอยากจะจับตีเจ้าแมวตัวปัญหานั่น คอยดูนะ ถ้ามีโอกาสจะจับฟัดเสียให้เข็ดเลย!




     "เพิ่งตื่นเมื่อกี้ครับ"




     "อากำลังทำอาหารเช้าอยู่พอดีเลย มานั่งรอตรงเคาน์เตอร์นี่มา" ธาราพยักพเยิดไปตรงเคาน์เตอร์เรียบหรูที่อยู่ติดกับครัว ติณณ์นั่งแหมะลงกับเก้าอี้สูงตามคำสั่ง พลางมองคนตัวสูงเดินทำนู่นนี่นั่นในครัว ไม่นานเกินรอ จานใบเล็กสีขาวสะอาดตาก็วางลงตรงหน้า ตามมาด้วยขนมปังก้อนกลมที่เรียกว่าอิงลิชมัฟฟินที่ถูกผ่าครึ่งและย่างเรียบร้อย แผ่นแฮมย่างหอมๆวางทับบนคาร์โบไฮเดรต ต่อด้วยโปรตีนคือไข่ดาวน้ำที่เป็นทรงสวยจากการใส่น้ำส้มสายชู ราดด้วยซอสฮอลแลนเดสสีเหลืองนวลให้คลุมไข่ขาวเป็นการปิดท้าย




     มันคือเอ้กเบเนดิกต์ที่น่าทานมากๆ




     "เรียบร้อย จัดการได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" ธาราว่าอย่างนั้นหลังจากวางมีดและส้อมไว้ข้างจานเพื่อเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเสิร์ฟ




     ติณณ์อยากจะหั่นเข้าปากแทบตาย แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ต้องรอเจ้าบ้านเปิดก่อนเขาถึงจะตาม ดวงตากลมมองร่างสูงตักข้าวโอ๊ต ซีเรียล เวย์โปรตีนลงชาม จากนั้นก็เทนมสดรสจืดลงไป คนๆให้เข้ากันแล้วโยนบลูเบอร์รี่สดลงไปเป็นท็อปปิ้ง เด็กหนุ่มเห็นผู้ใหญ่ทานอาหารเช้าแนวๆนี้ทุกวัน แนวจืดๆ แนวรักสุขภาพ แนวคนออกกำลังกาย มิน่าล่ะอาธารถึงได้มีหุ่นที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้




     พอเหลือบตามามองข้อมือเล็กๆของตัวเอง มันช่างน่าน้อยใจเสียจริง




     "รออะไรเนี่ย ทำไมไม่ทานล่ะติณณ์?" เพราะติณณ์เอาแต่นั่งมองเขาตาไม่วาง อาหารไม่แตะ





     "รออาธารทานก่อนครับ"



     เด็กดีของอา





     ธาราบอกโอเคๆแล้วลงมือทานมื้อเช้าของตัวเอง เมื่อเด็กหนุ่มเห็นอย่างนั้นแล้วจึงหยิบส้อมกับมีดขึ้นมาชำแหละไข่แดงจนทะลักไหลเยิ้มออกมา ส้อมคมจิ้มวัตถุดิบทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วส่งเข้าโพรงปาก รสชาติทุกอย่างกลมกล่อมเข้ากันด้วยดี ติณณ์วิจารณ์อาหารไม่เป็นหรอก บอกได้แค่ว่ามันอร่อย อร่อยมากๆ ไม่ได้ทานอาหารโฮมเมดมานานมากแล้ว เขาชอบความสดใหม่ ความหอมกรุ่น ความเสิร์ฟร้อนๆ รสมือแบบโฮมเมดที่ไม่เหมือนตามร้านอาหาร นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ชิมฝีมืออาหาร ติณณ์นึกเสียดาย ทำไมอาธารถึงไม่ทานของอร่อยแบบนี้ด้วยกัน




     คนที่ทานอาหารเช้าแบบคนรักสุขภาพอย่างธาราก็ได้แต่มองเด็กตรงหน้าที่ดูเจริญอาหารกว่าปกติ ยอมรับว่าค่อนข้างลุ้นว่าติณณ์จะมีผลตอบรับอย่างไรกับอาหารของเขา ไม่ได้คาดหวังว่าต้องทำหน้าตาตื่นตาตื่นใจแล้วร้องออกมาว่าอร่อยมากๆอะไรแบบนั้นหรอก แค่ทานหมดจานก็พอใจแล้ว




     เป็นไปตามคาดอย่างหนึ่ง คือเมื่อคำแรกส่งเข้าปากเล็กๆนั่น เจ้าของร่างไม่ได้มีรีแอคชั่นที่หวือหวาอะไร แต่ถ้าไม่ได้คิดไปเองเขาเห็นม่านตาขยายกว้างขึ้นเล็กน้อย เหมือนแมวเวลาเห็นอะไรที่น่าสนใจ แถมยังทานเร็วกว่าปกติ ธารามองคนเคี้ยวแก้มตุ่ยเหมือนกระต่ายอย่างเพลินตา รู้ตัวอีกทีเอ้กเบเนดิกต์ที่บรรจงทำก็หมดเกลี้ยง และที่น่าตื่นเต้นก็คือ ติณณ์ทานอาหารหมดก่อนเขาเป็นครั้งแรก




     "อร่อยหรือหิวเนี่ย" ธาราว่าไปหัวเราะไป




     "อร่อยครับ" อร่อยมากๆ อร่อยโคตรๆเลยต่างหากล่ะ




     "ได้ยินแล้วชื่นใจ ทานเยอะๆแบบนี้บ่อยๆนะ จะได้มีเนื้อมีหนัง"




     มันค่อนข้างเป็นอะไรที่คอนทราสพอสมควร ติณณ์ต้องมาทานของที่เพิ่มน้ำหนัก ส่วนธาราต้องทานของที่ไม่เพิ่มไขมัน




     ติณณ์มองอาหารในชามของคนตรงข้ามอย่างนึกสงสัย คนที่คุมน้ำหนักเขาจะรู้สึกยังไงบ้างที่ต้องทานน้อยๆ ทานของจืดๆแบบนี้ เขามองใบหน้าอาธารสลับกับอาหารไปมาอย่างสงสัย อย่างที่ธาราเองก็รู้ตัว




     "มองอะไรครับ หืม?"




     "ป...เปล่าครับ" ติณณ์หลุบตาลงเมื่อโดนทัก




     ก็เห็นๆอยู่ว่ามองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ยักจะถามสักคำ




     เมื่อไหร่จะสนิทกับแมวตัวนี้สักทีนะ










     จากที่เมื่อเช้าเห็นว่าเด็กติณณ์เจริญอาหารขึ้นแล้ว มื้อกลางวันเลยพาเด็กออกไปทานข้าวข้างนอกบ้าง จะได้เปิดหูเปิดตา ธาราเป็นคนเลือกร้านเองเพราะติณณ์มักจะตอบว่าทานอะไรก็ได้ เขาเลือกเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่วัยรุ่นชอบมาทานกัน แน่นอนว่าติณณ์ไม่ได้เลือกเมนูเองเพราะเกรงใจ เขาเลยเลือกข้าวหน้าทงคัตสึให้คนตัวเล็กกว่า ส่วนตัวเองเลือกสเต็กปลาแซลมอน




     ธาราแปลกใจที่คราวนี้ทำท่าไม่อยากทานอีกแล้ว ตักข้าวช้า ตักคำเล็ก เคี้ยวช้าๆเหมือนมีเวลาบดอาหารทั้งชาติ ทั้งๆที่เมื่อเช้าก็เห็นทานได้ดีนี่นา




     "ไม่อร่อยหรอ?" ธาราเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทานช้า




     "อร่อยครับ แต่ผมแค่ไม่ค่อยหิว"




     ติณณ์ไม่กล้าบอกหรอกว่าความจริงเขาชอบอาหารโฮมเมดของอาธารมากกว่า แต่ถ้าบอกตรงๆไปคงจะดูเรื่องมากพอควร อาธารอุตส่าห์เลี้ยงก็ดีมากเท่าไหร่แล้ว เขาไม่ควรจะเรื่องเยอะ เขาไม่ได้เจริญอาหารขึ้น เพียงแต่อาหารฝีมืออาธารมันอร่อยเกินไปต่างหาก




     หลังจากนั้นก็โดนย้ำเตือนชุดใหญ่ว่าให้ทานข้าวเยอะๆ เขารู้ข้อนี้ดี เลยต้องจำใจยัดเข้าไปอย่างกล้ำกลืน พอเสร็จธุระอาธารก็ถามว่าอยากไปที่ไหนต่อไหม แน่นอนว่าไม่ จะพูดว่าไม่ชอบเที่ยวก็ได้ ติณณ์ไม่ชอบที่กว้างๆ คนเยอะๆ ที่ของเขาต้องเป็นที่แคบๆ คนน้อยๆ เป็นส่วนตัว อย่างเช่นบ้าน ไม่ก็คอนโดของอาธาร ติณณ์จึงปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด




     ธาราก็เห็นด้วยกับคำตอบของติณณ์เหมือนกัน ลึกๆแล้วก็อยากนอนเฉยๆอยู่บ้านเพื่อพักผ่อน ทำงานเหนื่อยทุกวัน อยากจะพักร่างกายบ้าง พอกลับถึงคอนโด ธาราเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆแล้วนอนดูหนังในไอแพดอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ ส่วนติณณ์ก็ไปเล่นกับเจ้าถุงเงินงุ้งงิ้งๆสักพักก็หยิบหนังสือขึ้นมาทำโจทย์




     มันเป็นภาพชินตาของธาราไปแล้ว ติณณ์เอาแต่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน เล่นกับแมว อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ เล่นกับแมว แล้วก็อ่านหนังสือ




     เด็กสมัยนี้มันจะขยันกันเกินไปแล้ว




     ในขณะที่ธารากำลังผ่อนคลายกับหนังโปรด สายตาก็เหลือบไปมองคนทำหน้าตาเครียดกับหนังสือ มือข้างที่จับดินสอก็ตวัดยุกยิกๆไปมา แล้วก็เอายางลบถูๆหน้ากระดาษ ทำอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนคิ้วเข้มทั้งสองแทบจะผูกเป็นโบว์แล้ว




     อะไรกัน นี่มันวันหยุด ควรจะพักผ่อนสิติณณ์




     "ติณณ์ อ่านหนังสือเตรียมแอดอีกแล้วหรอ?"




     "ครับ"




     "พักสักหน่อยไหม สักสองสามชั่วโมงก็ยังดี นี่มันวันหยุดนะ พักผ่อนหน่อยดีไหม?" ธาราแนะนำ "สักแปปนึงความรู้ไม่หายไปไหนหรอกนะคนเก่ง"




     ติณณ์อึกอัก อีกฝ่ายพูดขนาดนี้คงต้องทำตามแล้วล่ะ ไม่งั้นคงโดนดุว่าดื้ออีกแน่ๆ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการพักผ่อนที่นี่ดี มันไม่ใช่บ้านของเขาที่จะทำอะไรตามใจชอบได้ จะหันไปเล่นกับเจ้าแมวอ้วนก็เห็นว่ามันหลับปุ๋ยอยู่ก็ไม่กล้ากวน เลยทำตัวไม่ถูกว่าจะทำอะไรดี




     "ถ้าชอบอ่านหนังสือ ลองอ่านอะไรที่เบาๆสมองหน่อยไหม? อามีหนังสือในชั้นหนังสือเต็มเลย ลองไปหยิบๆมาสักเล่มก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ"




     ฟังดูเป็นตัวเลือกที่ดี ร่างบางย้ายตัวเองไปตรงชั้นวางหนังสือเพื่อหาอย่างอื่นอ่านบ้าง ส่วนใหญ่มีแต่วรรณกรรมแนวสืบสวน ผจญภัย ฆาตกรรม อะไรทำนองนั้น ติณณ์สงสัยว่าอ่านแล้วมันเบาสมองขึ้นจริงๆหรือ? สายตาไล่อ่านชื่อหนังสือตามแนวสันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่สันหนังสือสีสดใสที่เป็นคู่มือการทำอาหาร เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดดูคร่าวๆก็พบว่ามันเป็นหนังสือสอนทำอาหารฝรั่งที่มีรูปภาพสวยๆเต็มไปหมด นี่คงเป็นหนังสือที่น่าจะผ่อนคลายที่สุดสำหรับเขาในชั้นหนังสือนี้แล้วล่ะ




     เมื่อธาราเห็นคนตัวเล็กเลือกหนังสือได้แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง พลางตบเบาะข้างๆเพื่อเรียกให้อีกฝ่ายมานั่งด้วยกัน ติณณ์นั่งลงตรงนั้นอย่างไม่อิดออดพลางเปิดหนังสือที่ตัวเองเลือกมาอย่างสนอกสนใจ




     "ติณณ์ชอบทำอาหารหรอ ถึงเลือกเล่มนี้"




     "เปล่าครับ ผมว่าเล่มอื่นมันเครียดเกินไป"




     ธาราหัวเราะกับคำตอบตรงไปตรงมานั้น เขาชอบอ่านหนังสือแนวที่คนอื่นมักจะบอกว่าปวดหัว แต่มั่นใจว่าผ่อนคลายกว่าหนังสือเรียนของติณณ์แน่ๆ แต่ก็ไม่ค้านหรอกว่าหนังสือทำอาหารเล่มนี้น่ะ เบาสมองสุดในบรรดาหนังสือทุกเล่มในคอนโดเขาแล้ว




     เด็กและผู้ใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ธารานั่งดูหนังในไอแพดเงียบๆ ติณณ์ก็นั่งดูหนังสืออย่างเงียบๆเช่นกัน บรรยากาศเงียบๆนี้ไม่ได้สร้างความอึดอัดแม้แต่น้อย กลับรู้สึกผ่อนคลายเพราะต่างคนต่างกำลังจมกับสิ่งที่ตนสนใจ ติณณ์เสพการจัดวางหน้ากระดาษ งานกราฟฟิค และภาพอาหารของหนังสือเล่มนี้ มันสวยและองค์ประกอบลงตัวทุกอย่าง เขาเอาแต่เปิดไปมาเพื่อชื่นชมกับภาพอาหารน่าทานนั้นอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดกับหน้าหนึ่งเข้า




     ไก่อบเลม่อน




     ไม่รู้ว่าด้วยเทคนิคของมุมกล้อง หรือแสงสีที่ปรับแต่งเลยทำให้ภาพๆนี้ดูน่าทานมากๆ ติณณ์หยุดอ่านขั้นตอนการทำไม่กี่ขั้นตอนก็พบว่ามันไม่ยากมาก แถมน่าอร่อยอีกต่างหาก ยิ่งถ้าเป็นแบบโฮมเมดคงจะตีบวกดาเมจเข้าไปอีกแน่ๆ




     หิว




     ไม่น่าเลย ไม่น่าเลือกอ่านเล่มนี้เลย นี่มันแค่บ่ายสองเองนะ อีกนานกว่าจะถึงเวลาข้าวเย็น แต่กลับหิวขึ้นมาเสียได้ ติณณ์ปิดหนังสือเล่มนี้ลงแล้วนำไปเก็บที่เดิม กลับมานั่งจุมปุ้กเพื่อทำโจทย์ดังเดิม ธาราเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ นั่นเรียกว่าพักแล้วหรอ ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เอาเถอะ อนาคตเด็กนี่คงได้เป็นด็อกเตอร์อะไรเทือกๆนั้นแน่ๆ




     โคตรจะเนิร์ด




     เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ธาราก็ยังคงหาหนังดูไปเรื่อยๆ ส่วนติณณ์ก็นั่งทำโจทย์วิชานั้นวิชานี้ไปเรื่อยๆ เขาหยิบชีทแนวข้อสอบแพทสามหรือข้อสอบความถนัดทางวิศวกรรมที่ทำค้างไว้ขึ้นมาทำต่อ ติณณ์อยากเรียนวิศวะไฟฟ้า เลยค่อนข้างทำได้ดีในเรื่องของไฟฟ้า ส่วนเรื่องที่ถนัดน้อยสุดคงจะเป็นพวกเครื่องกลอะไรทำนองนั้น




     ว่าแล้วโจทย์ในหัวข้อที่เขาไม่ค่อยสนิทก็มาถึง เป็นเรื่องของเครื่องกลที่โจทย์ยาวเหยียด อ่านคร่าวๆก็รู้ได้ว่าต้องคิดหลายขั้นตอน ติณณ์พยายามค่อยๆทำด้วยตัวเอง พยายามแก้สมการ แต่แล้วก็พบแต่ทางตัน นิ้วเรียวเอาแต่นวดขมับตัวเองอย่างปวดหัว เฉลยในอินเตอร์เน็ตน่ะไม่มีหรอก เพราะนี่เป็นแนวข้อสอบที่คุณครูคิดโจทย์ขึ้นเอง




     ทำยังไงดี ทักไปถามเพื่อนน่ะหรอ ตัดออกได้เลย เพราะหนึ่ง ไม่ค่อยมีเพื่อน สอง ติณณ์เป็นคนค่อนข้างมีอีโก้สูงกับคนรุ่นเดียวกันเพราะเขาเป็นถึงระดับท็อปของห้อง จะยอมให้คนที่เขายอมรับว่าเก่งกว่าสอนให้เท่านั้น ซึ่งก็คือคุณครูประจำวิชานั้นๆ เขามักเลือกถามคุณครูในคาบมากกว่าเพื่อนข้างๆ แต่ตอนนี้ ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนนี่ แต่เป็นคอนโดของอาธาร คนที่เก่งที่สุดในห้องนี้ก็คงจะเป็น—




     จริงสิ อาธารเคยบอกว่าจบโยธานี่นา




     คงจะเก่งเรื่องเครื่องกลอะไรพวกนี้ใช่ไหม?





     เมื่อเห็นว่าใครเป็นที่พึ่งได้ เด็กหนุ่มก็มองคนๆนั้นใหญ่ อาธารกำลังดูหนังอย่างตั้งใจ ไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ เลยข้ามไปทำข้ออื่นรอให้ผู้ใหญ่ดูหนังจบก่อนค่อยถาม พอเห็นว่าอาธารวางไอแพดลงแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยก็รีบลุกขึ้นพร้อมหยิบชีทเจ้าปัญหาติดมือไปด้วย




     "อาธารครับ คือผมทำโจทย์ข้อนี้ไม่เป็น เลยอยากให้ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมครับ" ติณณ์ยิงคำขอร้องใส่อย่างไม่อ้อมค้อม ถ้าเป็นเรื่องเรียนล่ะก็เขาก็กล้าพูด กล้าถามทั้งนั้นแหละ




     ธาราแปลกใจ แต่ก็ตื่นเต้นนิดๆ เพราะนับครั้งได้ที่ติณณ์เป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อน และไม่บ่อยนักที่จะพูดประโยคยาวๆ ธาราบอกไหนขอดูซิ แล้วหยิบชีทในมือเล็กๆนั่นขึ้นมาอ่านโจทย์ ติณณ์นั่งลงข้างๆพลางมองอย่างใจจดใจจ่อ




     "มีดินสอไหม?" ติณณ์ยื่นดินสอกดให้ ธารารับมาแล้วขีดๆเขียนๆภาพประกอบให้พร้อมทิศของแรงกำกับ ตั้งสมการให้คร่าวๆเพื่อให้หาตัวแปร นักเรียนยื่นหน้าเข้ามาดูและฟังอย่างตั้งใจ พยักหน้าหงึกๆเพื่อแสดงความเข้าใจในสิ่งที่พูด ระยะของทั้งสองใกล้กันจนธาราได้กลิ่นตัวหอมๆจางๆของอีกฝ่าย ไหนจะดวงตาแป๋วๆที่มองอย่างตั้งใจนั่น มันทำให้เขาอยากจะจับฟัดให้มันรู้ๆไป




     "อาใบ้ให้แค่นี้ ที่เหลือไปหาค่าต่อเองนะ"




     ชีทนั่นถูกส่งคืนเพื่อมาให้ติณณ์ทำด้วยตัวเองต่อไป อาธารเก่งสมกับที่เป็นวิศวกรโยธาจริงๆ ติณณ์มองอีกฝ่ายในด้านบวกมากขึ้น รู้สึกเคารพนับถือมากยิ่งขึ้น แรงบันดาลใจต่อไปของเขาก็คืออาธารล่ะมั้ง โตขึ้นก็อยากจะเป็นวิศวกรเก่งๆแบบนี้บ้าง




     ธารานั่งมองเด็กนั่งแก้สมการจนหัวยุ่ง ดูท่าทางจะยากสำหรับเด็กตัวแค่นี้แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ถามทางลัดจากเขา จริงๆแล้วการนั่งมองคนทำโจทย์ด้วยสีหน้าเครียดๆนั้นไม่น่ามองเท่าไหร่ แต่พอเป็นติณณ์กลับน่ามองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้สิ มันเอ็นดูล่ะมั้ง เขามองเด็กอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งเจ้าตัวยกก้นดินสอขึ้นมากัดระบายความเครียด หากแต่ภาพนั้นกลับดูเซ็กซี่พิลึก ธารากลืนน้ำลายลงแล้วหันหน้าไปทางอื่น




     บางทีก็อยากจะลดความหื่นของตัวเองให้น้อยลงหน่อย




     ใช้เวลาสักพัก นิ้วเรียวยกขึ้นมาจิ้มจึกๆที่ไหล่แกร่ง ติณณ์เรียกให้อาธารหันมาเช็ควิธีทำ สมการที่ใช้ และคำตอบว่าถูกต้องหรือไม่ ธาราอ่านลายมือที่เขียนลวกๆแต่ไม่อ่านยากจนเกินไปเพราะเป็นลายมือเด็ก เช็คการวิเคราะห์และการคำนวณอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเฉลยคำตอบ




     "ถูกแล้วครับ" มือใหญ่ลูบศีรษะนั้นเป็นรางวัล "เก่งมากเลยคนเก่ง"




     "ฮี่~"




     ติณณ์ครางรับคำชมนั้นด้วยความพอใจ พร้อมยิ้มกว้างให้เห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวย เหมือนธาราเห็นออร่าอะไรบางอย่างเปล่งประกายอยู่รอบๆร่างนั้น เขาเพิ่งเคยเห็นติณณ์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแบบนี้ ความสุขอีกอย่างหนึ่งคือการประสบความสำเร็จในการเรียนสินะ? เห็นทีคงต้องซัพพอร์ตในด้านนี้บ่อยๆแล้วสิ




     "อยากได้อะไรเป็นรางวัลไหม?" ธาราหวังว่ารางวัลนั้นจะทำให้เห็นรอยยิ้มติณณ์แบบนี้อีก




     "อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง"




     "ใช่ เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องเกรงใจกัน" ให้ตาย ติณณ์ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเสียหน่อย "หัดให้รางวัลตัวเองบ้าง นิดๆหน่อยๆก็ยังดี จะได้มีกำลังใจทำอะไรๆต่อไปไง"




     ติณณ์มองธาราค้าง คิดว่าผู้ใหญ่พูดเล่นๆ แต่พอเห็นสีหน้าอาธารที่ดูคาดหวังกับคำตอบ เขาเลยต้องใช้เวลาคิดสักพักว่าอยากได้อะไรดี




     พอนึกขึ้นได้ ติณณ์รีบลุกไปหยิบหนังสือทำอาหารที่เคยอ่านไว้เมื่อตอนบ่ายๆ เปิดหน้าสารบัญไล่หาเมนูที่อยากทาน เปิดหน้าตามหมายเลขนั้นจนเจอหน้าที่ตามหา แล้วพลิกหน้านั้นให้ธาราดูเต็มตา




     "งั้น...เย็นนี้อาธารทำไก่อบเลม่อนให้ทานหน่อยได้ไหมครับ" ติณณ์พูดพลางช้อนตามองดวงตาคมนั้นอย่างจังๆ เพื่อให้เห็นว่าอยากทานจริงๆนะ อย่างที่ธาราประมวลผลได้ว่าสายตานั้นช่างออดอ้อนเหมือนถุงเงินเวลาขอข้าว




     "ติดใจฝีมืออาล่ะสิ ได้ เดี๋ยวเย็นนี้อาจะทำให้"




     คำตอบของธาราทำให้เด็กตรงหน้ายิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มลงไปอีกครั้ง




     ธาราเองก็ได้คำตอบแล้วเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงอยากจะเข้าหาติณณ์นักหนา




     คงเพราะอยากปกป้องรอยยิ้มน่ารักๆนั่นล่ะมั้ง















talk.

เงอะ น้องติณณ์ติดกับเสน่ห์ปลายจวักของอาธาร555555555 อ้อนให้เขาทำอาหารให้กินบ่อยๆระวังจะโดนกินเองนะคะ—

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 10-04-2019 21:41:29
บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ    :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-04-2019 21:42:20
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 10-04-2019 21:42:41
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 10-04-2019 23:38:44
ค่อยๆปรับเข้าหากันทีละนิด
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 11-04-2019 00:52:41
ถ้าเป็นอาธารจะทำไก่อบเลม่อนให้ติณณ์ทานซัก10จานไปเลย น้องเริ่มอ้อนแล้ว เป็นสัญญาณที่ดีที่อาธารกับติณณ์เริ่มปรับเข้าหากันแล้ว รู้สึกว่าติณณ์ไว้ใจอาธารมากขึ้น รอติณณ์เปิดใจให้อาธารแบบจริงจัง รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 11-04-2019 08:36:11
น้องติณณ์เวอร์นี้


น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด

อาธารที่น่าสงสาร

หายใจเข้าอยากฟัดเด็ก

หายใจออกอยากฟัดเด็ก

อาธารจะกลายเป็นป๋าผู้เก็บกด

55555555

น่ามสานมาก
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 11-04-2019 18:28:24
น่ารักทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 12-04-2019 17:56:19
น่ารักคุณอาทำอาหารให้หลานตินณ์กินบ่อย ๆ นะจะได้สนิทกันไว ๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ► เ ด็ ก มั น น่ า รั ก ◄ — ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-04-2019 22:21:27
ชอบโมเม้นท์อยู่ในห้องมากเลยค่าา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่8 (10.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 15-04-2019 21:02:31
ตอนที่ 9




     ธาราคิดว่าช่วงนี้อะไรๆมันดีขึ้น




     อะไรๆที่ว่า ก็หมายถึงคนเด็กคนนั้นนั่นแหละ




     เริ่มจากที่ธาราคิดว่าติณณ์จะทานอาหารได้ดีก็ต่อเมื่อเป็นอาหารโฮมเมด ไม่ใช่ว่าอาหารอย่างอื่นจะไม่ทาน เพียงแต่ดูทรมาณทุกๆคำที่กลืนเข้าไป เขาคิดว่าช่วงนี้คงต้องทำอาหารเองบ่อยๆเพื่อเอาใจ จากนั้นก็สลับเป็นอาหารตามร้าน อีกหน่อยก็คงจะชิน และน่าจะมีเนื้อนุ่มๆให้เห็นมากกว่าข้อกระดูกในอนาคต




     อย่างต่อมา เขาคิดว่าตัวเองได้พูดคุยกับติณณ์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเรียน เวลามีโจทย์ฟิสิกส์ที่ไม่เข้าใจมักกล้าที่จะพูดและถาม บางทีก็เป็นโจทย์คณิตศาสตร์ ต้องขอบคุณที่ตัวเองตั้งใจเรียนมาตลอดเลยพอมีวิชาหลงเหลือไว้สอนนักเรียนบ้าง เขาไม่ได้สอนตรงๆไปเสียทุกอย่าง ส่วนมากจะปล่อยให้เด็กวิเคราะห์เองบ้าง




     ธารามักจะถามกลับว่าติณณ์คิดยังไงกับโจทย์นี้? เวลาเด็กหนุ่มอภิปรายสิ่งที่ตัวเองคิด เขาชอบมองไปที่ปากเล็กๆที่เจื้อยแจ้วอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ดวงตาฉายแววความมั่นใจออกมาเป็นประกาย มองๆไปแล้วธาราก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาชอบเวลาติณณ์หมกมุ่นกับสิ่งที่ตัวเองสนใจ มันดูเฉิดฉาย มีออร่า แต่เมื่อไหร่ที่หัวข้อการศึกษาจบลง คนเก่งของเขากลายเป็นเด็กพูดน้อยเหมือนเดิม




     บางทีธาราก็อยากคุยเรื่องอื่นๆกับติณณ์บ้าง แต่พอเข้าใจว่าคนประเภทนี้คงต้องใช้เวลา




     อย่างสุดท้าย ใบหน้าละอ่อนนั่นดูสดใสขึ้น สุขภาพดีขึ้น ไม่ได้โทรมอย่างแต่ก่อนแล้ว อาจเป็นเพราะเขาจับเด็กมาประโคมครีมบำรุงให้ทุกคืนก่อนนอน ทากับมือเองทุกครั้ง เพราะเด็กคนนั้นไม่มีทางหยิบของของเขามาใช้เองแน่ แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสุขภาพผิวหน้าสดใสนั้น สาเหตุหลักคงมาจากการพักผ่อนเพียงพอ ไม่ได้สปหงกบนรถอีกต่อไปแล้ว




     พูดถึงการหลับนอน ช่วงนี้ธารามักตื่นมาเจอใครบอกคนนอนซุกอกเขาทุกๆเช้า




     ทีแรกคิดว่าน่าจะนอนดิ้น แต่นี่มันบ่อยเกินไปจนผิดวิสัย ไม่ใช่ว่ารำคาญอะไร รู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีเด็กตัวอุ่นๆมาซุก แค่สงสัยเท่านั้นว่านอนดิ้นอีท่าไหนถึงมาจบที่แผ่นอกของเขาทุกๆเช้า




     คืนหนึ่ง ผู้ใหญ่และเด็กหนุ่มเข้านอนเวลาปกติ คนตัวเล็กหันหลังให้ธารา ดวงตาคมมองร่างนั้นทะลุผ่านความมืดพลางคิดว่าอยากเห็นเหตุการณ์สดๆว่าเจ้าตัวดิ้นยังไง เขาจึงตัดสินใจยังไม่หลับ รอเวลาสักพัก คนข้างๆค่อยพลิกตัวมาทางด้านเขา ธาราแสร้งหลับตาเผื่อว่าแสงจันทร์มันจะสะท้อนให้เห็นว่าเขาจับตาดูอยู่ เตียงบริเวณข้างๆยุบมาทางเขาอย่างช้าๆ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างกาย และเสียงลมหายใจที่ตามมา




     "อาธาร?"




     ชื่อของเขาถูกเรียกอย่างแผ่วเบาราวกระซิบ เรียกไปมาอยู่สักพัก เมื่อธาราไม่ได้ตอบกลับอะไรศีรษะกลมก็เข้ามาซุกตรงแผ่นอกแกร่งอย่างที่เคยสัมผัสทุกๆเช้า ธาราสรุปได้ว่า นี่ไม่ใช่การนอนดิ้น หรือการละเมอ แต่เป็นการจงใจ




     "จับได้แล้ว"




     "!!!!!"




     จากที่ติณณ์กำลังเคลิ้มหลับ อยู่ๆธาราก็ใช้แขนและมือมารวบเอวบางๆนั่นไว้แน่นราวกับจะพันธนาการไม่ให้ไปไหน ถ้าติณณ์มีหูกระต่ายมันคงชี้ตั้งขึ้นด้วยความตกใจ เด็กหนุ่มหัวใจหล่นวูบเพราะทั้งการกระทำและคำพูดนั้นส่อว่าเขาถูกจับได้แล้วจริงๆ ติณณ์พูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่ดิ้นขลุกขลิกอยู่ในอ้อมกอดนั้น แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นเท่าไหร่ เถาวัลย์นี้ยิ่งรัดร่างกายเขาแน่นขึ้น




     "จะหนีไปไหน หืม?"




     "ปล่อยก่อนครับ...ฮื่อ" เสียงเล็กครางในลำคอด้วยความอึดอัดเมื่อโดนล็อคเอวไว้แน่นกว่าเดิม ธารายกยิ้มมุมปากออกมาในความมืดเมื่อปลายผมนุ่มนั้นคลอเคลียไปมาตรงลำคอของเขา เพราะเจ้าตัวกำลังดีดดิ้น




     "ไม่ปล่อย" ธาราว่าอยากสนุกสนาน "ตอบอามาก่อนสิ ว่าแอบมาซุกอกอาทำไมทุกคืน?"




     ติณณ์อยากจะมุดแผ่นดินหนีเสียตรงนั้น




     มันน่าอาย น่าอายมากๆ




     "ไม่มีอะไรครับ" นั่นเป็นคำตอบที่สิ้นคิด ติณณ์รู้ แต่มันไม่รู้จะตอบอะไรแล้ว




     "โกหก"




     "ไม่มีอะไรจริงๆครับ ผมแค่นอนดิ้น...ฮื่อ! อาธาร ผมหายใจไม่ออก" ติณณ์ร้องประท้วงเมื่ออาธารกอดแน่นขึ้นอีกเหมือนจะแกล้งกัน ระยะของทั้งคู่ตอนนี้ใกล้กันมากขึ้นเพราะแรงดึง ทำให้ปลายจมูกโด่งแทบจะเสียดสีกัน




     "เหรอ นอนดิ้นอะไรมีเรียกชื่ออาด้วย? ทำไม หลงเสน่ห์อาแล้วหรือไง"




     เด็กหนุ่มไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเล่นมุกแบบนี้ ทำเอาติณณ์ทำสีหน้าไม่ถูก โชคดีที่มีความมืดมาบดบังเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เห็นประกายเล็กๆจากดวงตาของอีกฝ่ายเหมือนกำลังสนุกสนาน




     "ไม่ใช่ครับ" ถึงธาราจะถามเล่นๆ แต่ติณณ์ตอบจริงๆ




     "งั้นก็ตอบมาสิ ไม่งั้นอาจะรัดทั้งคืนให้เอวหักคามือนี่แหละ"




     ความอึกอักนั้นล้มหลามอยู่ในใจ อีกใจหนึ่งมันก็บอกให้ปิดปากเงียบเอาไว้ กลัวว่าบอกไปจะดูเป็นคนอ่อนแอ หรือต่อให้ได้แสดงความอ่อนแอก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้จักตัวตนของเขามากเกินไป เข้ามาในโลกของเขามากเกินไป แต่อาธารอาจจะไม่ยอมให้เขาเข้าไปในโลกอีกฝ่ายเลยก็ได้ เหมือนกับว่าไม่อยากรู้สึกสนิทกับใครอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว




     แต่อีกใจหนึ่งมันก็อัดอั้น อยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้ใครสักคนฟังบ้าง




     "ผมนอนไม่หลับ" สุดท้ายติณณ์เลือกที่จะตอบแค่นั้น




     คนฟังเมื่อได้ยินเสียงอันแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยนั้นก็นิ่งไปครู่ คนในอ้อมกอดไม่ได้พูดอะไรต่อเขาจึงไม่ได้เซ้าซี้พลางนึกถึงคืนแรกที่เด็กนี่มานอนที่คอนโดแห่งนี้ เขาจำได้ว่าเจ้าตัวร้องไห้ ต้องดึงมากอดปลอบถึงจะสงบและผล็อยหลับไป ธาราเดาว่าติณณ์คงมีเรื่องและอารมณ์สีเทาๆในใจมากมายแต่ไม่ค่อยแสดงออกเป็นสีหน้าและคำพูด เขาอยากให้เจ้าตัวระบายออกมาบ้าง แต่กลัวว่าการเค้นถามจะเป็นการกดดันมากเกินไป




     ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม คงจะพูดออกมาเองล่ะมั้ง




     "โอเค อาเข้าใจแล้ว" มือใหญ่เคลื่อนจากเอวบางไปที่ศีรษะกลม "ไม่ต้องคิดมาก นอนกันนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน"




     ติณณ์รู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ได้มีคำถามอะไรต่อ ถึงแม้ว่าทั้งสองแทบจะไม่มีระยะห่างต่อกัน แต่คนตัวเล็กยังเขยิบตัวเข้าใกล้อีกนิดแล้วเอาศีรษะซุกตรงแผ่นอกอย่างที่ชอบแอบทำประจำ แต่วันนี้ไม่ต้องแอบแล้ว แถมยังมีท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบกอดเอาไว้อีกต่างหาก




     อุ่น อ้อมกอดของอาธารอุ่นที่สุดเลย







     ช่วงนี้มึงหล่อขึ้นหรือเปล่าวะ วันนี้ติณณ์โดนทักแบบนี้หลายรอบมากจากที่โรงเรียน




     เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองดูดีขึ้นตรงไหน ก็เหมือนเดิมตลอดนี่ หรือเป็นเพราะเป็นตัวเองเลยไม่ได้สังเกต




     "หล่อจริง หน้ามึงดูใสๆขึ้นยังไงไม่รู้ ไม่ได้เป็นแพนด้าอย่างแต่ก่อน" โต้ยืนยันอีกเสียง




     นิ้วเรียวยกขึ้นแตะใบหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกประหม่า เมื่อก่อนเขาดูแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?  จริงสิ หรืออาจเป็นเพราะครีมบำรุงหน้ามหัศจรรย์ของอาธาร ที่เคลมว่าทาแล้วหน้าใสกิ๊งเหมือนพักพ่อนมาสิบชาติ แต่จะว่าไปติณณ์ก็พักผ่อนเพียงพอมากกว่าแต่ก่อนจริงๆแหละ ไม่ใช่เพราะพึ่งยานอนหลับ แต่เป็นเพราะอ้อมกอดอุ่นๆของใครอีกคน




     "แล้วนี่มึงเอาไรมากิน?" โต้ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่ามื้อกลางวันของเพื่อนไม่ใช่ขนมปังโง่ๆอีกต่อไป แต่เป็นมักกะโรนีกุ้งที่ใส่กล่องสำหรับอาหารอย่างดี "เชี่ย มึงซื้อมาจากไหนวะ โคตรน่ากิน"




     "เปล่า มีคนทำให้"




     "ใคร?"




     "..." ติณณ์ไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับอาธารยังไงดี "อาที่รู้จักกัน"




     "ชื่อ?"




     "อาธาร"




     "หน้าตาเป็นยังไง"




     "ไม่ใช่เรื่องของมึง"




     โต้หัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อโดนด่าเข้าให้ ติณณ์เป็นพวกด่าแล้วไม่รู้สึกโกรธแต่กลับรู้สึกสะใจชอบกล เขามองคนข้างๆยัดอาหารใส่ปากด้วยความเร็วกว่าปกติ แถมยังกวาดเสียหมดเกลี้ยง นี่มันไม่ธรรมดา ติณณ์ไม่เคยกินข้าวเร็วขนาดนี้ สงสัยจะถูกปาก




     หลังจากมื้อกลางวันผ่านไป โต้บอกเพื่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำแปปนึง เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำชายเขาก็ชะเง้อมองว่าติณณ์ไม่ได้ตามมาจริงๆ จึงยกโทรศัพท์คู่ใจตัวเองขึ้นมา กดโทรหาใครบางคนที่ได้ติดต่อกันเมื่อเช้านี้แล้ว




     "สวัสดีครับคุณอา ครับ ทานหมดเกลี้ยงเหมือนอดมาจากไหนก็ไม่รู้ ผมไม่เคยเห็นมันทานเร็วขนาดนี้มาก่อนเลย แสดงว่าคุณอาทำอร่อยมากๆ...อ่า วันนี้ก็ดูปกตินะครับ หมายถึงตั้งใจเรียน เรียนอย่างเดียว ไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม เรียนอย่างกับจะเอาโอลิมปิกเหรียญทองเลย อ้อ อีกอย่างนึง ผมว่าติณณ์ดูหล่อขึ้นนะครับ"




     ก็ยอมรับแหละ ว่าโต้เป็นสายลับให้ใครบางคน







     "อือฮึ โอเค ขอบคุณมากที่ช่วยดูให้"



 
     ธารากล่าวขอบคุณก่อนที่จะวางสายจากเพื่อนของเด็กคนนั้น วันนี้เขาลองให้โต้เป็นหูเป็นตาที่โรงเรียนให้ ช่วงนี้มันรู้สึกเป็นห่วงติณณ์ขึ้นมาเวลาอยู่นอกสายตา เลยอาศัยถามคนรอบตัวอีกฝ่ายแทน เพราะถ้าจะให้โทรถามเจ้าตัวโดยตรง คงจะเน้นตอบให้เขาสบายใจมากกว่า




     อย่างน้อยก็ได้รับรู้เรื่องดีๆสองอย่าง หนึ่ง ติณณ์ทานอาหารของเขาจนหมดอย่างเคย สอง คนอื่นๆเริ่มเห็นว่าติณณ์หน้าตาไม่ได้โทรมอย่างเก่าแล้ว




     คนมันเลี้ยงดีน่ะ




     ในระหว่างธารากำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง มันถูกโทรเข้าด้วยเบอร์แปลก เขาขมวดคิ้วสงสัยก่อนที่จะกดรับสาย "สวัสดีครับ?"




     "สวัสดีครับไอ้คุณธารา" เสียงปลายสายว่าอย่างสนิทสนม แถมเสียงยังคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหน




     "ไม่ทราบว่าผมกำลังพูดอยู่กับใครครับ?"




     "ลืม ทำลืม กูแสงเพื่อนร่วมสาขามึงไง"




     "แสง..." ธาราใช้เวลารื้อฟื้นความจำ "ไอ้แสง!?"




     'แสง'เป็นเพื่อนร่วมสาขา ร่วมคณะ ร่วมมหาวิทยาลัยตอนสมัยปริญญาตรี จัดว่าเป็นเพื่อนสนิทของธาราในสมัยนั้น จากนั้นก็ไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศจนไม่ได้เจอกัน ธาราคุยกับคนปลายสายอย่างออกรสอย่างที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน จับใจความได้ว่าแสงจะย้ายมาทำงานที่ประเทศไทยแล้ว วันนี้เครื่องจะลงตอนค่ำๆ เลยโทรมานัดธาราไปทานข้าวด้วยกันในมื้อเย็น




     หลังจากที่ธารารับเด็กกลับจากโรงเรียนก็บอกอีกฝ่ายอย่างชัดเจนว่าเย็นนี้อาจะไปทานข้าวกับเพื่อนนะ ชื่ออาแสง เป็นเพื่อนสมัยเรียนป.ตรี เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ อาจะกลับบ้านสักสามทุ่ม ติณณ์ทานข้าวเย็นก่อนได้เลย อาสั่งไว้ให้แล้ว อยู่บ้านเป็นเด็กดีนะ ติณณ์รับฟังประโยคบอกเล่านั้นอย่างเข้าใจ ก่อนที่อาธารจะแต่งตัวหล่อแล้วเดินออกจากคอนโดนี้ไป




     ติณณ์มาอยู่ที่นี่ได้สองสามสัปดาห์แล้ว เขาเริ่มชินกับบุคคลและสถานที่ พอถึงคราวที่ต้องอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกแปลกๆ




     เด็กหนุ่มนั่งทานอาหารเย็นอยู่คนเดียว พอไม่มีใครมาบังคับให้ทานก็ทานช้าลงในระดับที่เจ้าถุงเงินยังกินข้าวในชามหมดก่อนเขา


 

     คนเก่งนั่งทำการบ้านอยู่ตรงที่ประจำ พลางเล่นกับแมวบ้าง ทั้งๆที่มันสงบดีและเป็นกิจวัตรประจำวันที่ควรจะชิน แต่ติณณ์รู้สึกมีอะไรบางอย่างขาดหายไป




     ดวงตากลมมองไปที่นาฬิกาเรือนสวย




     สามทุ่มนี่ นานเหมือนกันนะ








     ธาราสงสัยว่าอยู่ๆตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร




     ร้านเหล้า




     จะอะไรเสียอีก พอทานอาหารเย็นกับไอ้แสงเสร็จแล้ว มันก็ชวนมาต่อที่นี่ พร้อมให้เหตุผลประกอบว่าไม่ได้มาร้านเหล้าที่ไทยนานแล้ว อยากมารื้อฟื้นความจำอะไรเสียอย่าง ธาราก็ไม่ได้ขัด ช่วงนี้เขาทำงานหนักจนไม่ได้เที่ยวกลางคืนอย่างที่ชอบทำมานานแล้ว ไหนๆก็มีโอกาสพักผ่อน ขอใช้เวลาสักนิดจะเป็นอะไรไป




     "คนนั้นน่าสนใจว่ะ"




     แสงสะกิดให้เพื่อนหันไปมองสาวสวยที่กำลังกรีดกรายเรือนร่างไปตามจังหวะเพลง มันสาธยายความงามของหญิงสาวให้เขาฟังสักพักก็หายตัวไปกับฝูงชน คงจะออกล่าเหยื่อ




     ธาราไม่ได้เดินตามไป เขานั่งดื่มอยู่ตรงบาร์เงียบๆ วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะล่าเหยื่อ เพียงแค่อยากมาพักผ่อนเท่านั้น




     แต่ด้วยรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลของนักล่า ทำให้เหยื่อไม่น้อยจ้องตาเป็นมัน อยากจะโดนร่างกายอันแข็งแกร่งนั้นกัดกินอย่างเร่าร้อน ธาราเป็นคนมี sex appeal สูง เพียงแค่ปรายตาคมกริบไปมองใครบางคนเข้า คนๆนั้นก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนกับองค์ประกอบที่ดึงดูดทุกๆเพศนั้น




     "มาคนเดียวหรอครับ"




     วันนี้มีเหยื่อมาถวายตัวให้ธาราถึงที่




     ร่างสูงมองสำรวจคนที่เข้ามาทักทาย เป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบ โครงหน้าสวยหวานน่ารักน่ามอง รูปร่างสมส่วนอย่างที่ธาราชอบ และสิ่งที่ชอบที่สุด คือสายตาพราวระยับอันยั่วยวนนั้น อย่างที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการเขามากแค่ไหน




     ชัดเจน ตรงไปตรงมา ธาราชอบแบบนี้




     เครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ไหลรินลงริมฝีปากบางเฉียบ ลิ้นอุ่นแลบเลียริมฝีปากอย่างเชื่องชาพลางมองไปที่เหยื่อตัวน้อยนั่น




     ขอกลืนคำพูดตัวเองที่ว่าคืนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะล่าเหยื่อ




     จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อเนื้อหอมๆรสโอชะมันหลอกล่ออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว








     อาขอเลื่อนเวลาเป็นเที่ยงคืนนะ ติณณ์หลับไปก่อนได้เลย อาธารว่าแบบนี้ในเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ




     ถึงจะสงสัยว่าทำไมอยู่ๆถึงเลื่อนเวลา แต่ติณณ์ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป คงจะเป็นธุระส่วนตัว




     เด็กหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร อาธารคงจะอยากพักผ่อน อาธารมีสังคมของเขา ติณณ์เข้าใจดี เข้าใจมากๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกอยากให้อาธารกลับมาไวๆก็ไม่รู้




     ติณณ์เลิกมองนาฬิกา แล้วหันมาทำการบ้าน อ่านหนังสือเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านอย่างเคย พออ่านไปเรื่อยๆหนังตามันก็เริ่มล้า ช่วงนี้ความสามารถในการอดนอนของเขาลดลง เป็นเพราะช่วงนี้เข้านอนไวบ่อยๆจนเคยชิน เด็กหนุ่มอาบน้ำชำระร่างกายจนเรียบร้อยแล้วเข้าไปที่ห้องนอน เขาเดินผ่านหน้ากระจกที่มีครีมบำรุงของอาธารเต็มไปหมด ดวงตาใสหยุดมองมันอยู่สักพัก พลางคิดอะไรนิดหน่อยอยู่ในหัว ก่อนที่จะสลัดมันออกแล้วปิดไฟนอนอย่างที่ควรจะทำ




     พลิกซ้าย




     พลิกขวา




     นอนหงาย




     เอาหน้ามุดผ้าห่ม




     ติณณ์พยายามทุกท่าแล้ว แต่นอนไม่หลับ เตียงนี้มันกว้างเกินไปที่จะนอนคนเดียว แถมยังหนาว แม้จะเอาผ้าห่มมาพันร่างตัวเองแน่นๆแล้วก็ยังรู้สึกอุ่นไม่พอ




     มือเรียวเอื้อมไปสัมผัสพื้นที่อันว่างเปล่าข้างๆ พลางคิดว่า ถ้ามีแผ่นอกของอาธารให้ซุก คงจะหลับง่ายกว่านี้




     แบบนี้ไม่ดีเลย ติดอาธารแบบนี้ไม่ดีเลย




     คนตัวเล็กถอนหายใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ดวงตากลมกวาดหาเจ้าแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์อยู่สักพักก็เจอเจ้าตัวขนขดตัวอยู่บนโซฟา เจ้าทาสนั่งลงข้างๆมันอย่างเบาๆเพราะกลัวแมวตื่น พลางโน้มตัวลงไปฟัดขนนิ่มๆนั้นอย่างมันเขี้ยว เจ้าแมวครางเงี๊ยวๆเหมือนละเมอทำให้ติณณ์ยิ้มออกมาบางๆ




     เที่ยงคืนกว่าๆ




     อาธารยังไม่กลับมา




     ติณณ์ตัดสินใจที่จะรอ ต่อให้เข้านอนยังไงก็นอนไม่หลับ เขานั่งๆนอนๆเล่นกับเจ้าถุงเงินซ้ำไปซ้ำมา มาถึงจุดหนึ่งก็เบื่อเพราะแมวไม่ยอมเล่นด้วย มันคงจะง่วงและรำคาญมนุษย์คนนี้ไม่น้อย ติณณ์เลยเอนตัวนอนบนโซฟา ดึงเจ้าแมวอ้วนเข้ามากอด ตัวอุ่นๆขนนิ่มๆทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เขานอนหลับได้อย่างสบายใจอยู่ดี




     ความอ้างว้างล้อมรอบกายอย่างน่าหดหู่ มีแต่ความเงียบงันที่คอยเป็นเพื่อนกัน ติณณ์คิดมาตลอดว่าตัวเองชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย แต่วันนี้เขาได้คำตอบแล้ว ว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการอยู่คนเดียวเลย




     แค่หลอกตัวเองว่าแข็งแกร่ง อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องพึ่งพาใคร




     ภาพที่มองไปยังประตูห้องเริ่มพร่ามัวเพราะแผ่นฟิล์มของน้ำตา พอกะพริบตาทีนึง น้ำตามันก็หยดออกมาเป็นเม็ดใสๆ




     อีกแล้ว ฟุ้งซ่านอีกแล้ว







     ตีหนึ่งครึ่ง เป็นเวลาที่รถคันหรูของธาราจอดที่คอนโดมิเนียม




     เขาไม่ได้นอนค้างคืนกับคู่นอน พอแลกเปลี่ยนความสุขสมกันเสร็จสรรพก็ต่างกันแยกย้าย จะให้ค้างคืนได้อย่างไร เขามีเด็กให้ดูแลอยู่ที่คอนโด แต่ป่านนี้เจ้าตัวคงนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว




     เป็นไปตามคาด เมื่อธาราเปิดประตูเข้าไป ติณณ์หลับไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังนอนกอดเจ้าถุงเงินด้วย




     ส่วนสิ่งที่เหนือคาด ติณณ์ไม่ได้หลับบนเตียงนอน แต่กลับเป็นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นนี้




     ทำไมมานอนตรงนี้?




     ธาราย่อตัวลงตรงนั้น มองเผินๆเหมือนแมวสองตัวนอนกอดกัน เขามองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู แต่แล้วต้องชะงักลงเมื่อสังเกตเห็นคราบน้ำตาบนแก้มใส ความเปียกชื้นที่แพขนตา และปลายจมูกสีแดงก่ำ



     ร้องไห้หรือ?




     พอคิดแบบนั้นหัวใจมันก็หล่นไปที่ตาตุ่ม คำพูดที่ติณณ์บอกว่านอนไม่หลับนั้นไหลย้อนมาในสมอง หรือจะคิดมากตอนค่ำๆเหมือนวันแรก? ธารานึกโกรธตัวเองที่กลับมาช้าเพราะมัวไปเสพสุขอยู่คนเดียว ปล่อยให้เด็กตัวจ้อยนอนร้องไห้อยู่ที่คอนโด




     นิ้วสากลูบเบาๆที่พวงแก้มนั้น สายตาคมมองไปที่ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ก่อนจะโอบอุ้มร่างบางๆไปที่ห้องนอน แล้ววางลงอย่างทะนุถนอม จากนั้นก็อาบน้ำขัดล้างกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดตัวให้สะอาดมากพอที่จะกลับมานอนกอดเด็กขี้แงของเขา




     "ฮื่อ..." ธารามองคนในอ้อมกอดครางฮือเหมือนรู้สึกตัวจากการโดนโอบกอด ติณณ์ซุกใบหน้าอย่างโหยหาไออุ่นบริเวณลำคอของผู้ใหญ่อย่างไม่รู้ตัว "แม่...แม่กลับมาแล้วหรอ"




     ธาราฟังด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง




     "อย่าทิ้งติณณ์ไปไหนอีกนะ"




     "..."




     "ติณณ์เหงา..."




     คำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างไม่มีสตินั้นทำให้ธาราอยากจะลงโทษตัวเองหนักๆ เขากอดร่างนั้นแน่นๆอย่างกลัวว่าเด็กคนนี้จะรู้สึกอ้างว้าง ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนหน้าผากเนียนนั้นอย่างปลอบประโลม




     "ขอโทษ อาขอโทษนะติณณ์" ธาราเอ่ยคำนั้นซ้ำไปซ้ำมาทั้งคืน "อาอยู่นี่...และอาจะไม่ไปไหนอีกแล้ว"




     หลังจากนี้ธาราคิดว่าจะไม่เที่ยวกลางคืนจนดึกดื่นแบบนี้อีกแล้ว และบทลงโทษของเขาคืนนั้น คือการที่ธารานอนไม่หลับทั้งคืน









talk.
สาปอาธารได้แต่อย่าแรงมากนะคะ ;3; คูมอาผิดไปแร้ว
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ


หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-04-2019 21:51:24
 o13
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-04-2019 22:14:44
สงสารน้องแมวน้อยจัง
อาธารอย่าออกไปล่าบ่อยสิ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 15-04-2019 22:27:44
ธารามัวแต่ไปกินผู้ชายจนลืมน้องใช่ไม่ได้เลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-04-2019 23:09:25
ฮึ่ม..มมมมมมมมมมมมมม   :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 16-04-2019 00:14:10
อาธารไม่กล้าออกล่าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 16-04-2019 00:16:36
อาธาร คนนิสัยไม่ดี!!!! :angry2:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: _jinxpy ที่ 16-04-2019 16:36:35
สงสารน้อง อาธารอย่าทิ้งน้องไปไหนดึกๆดื่นๆอีกนะ
:hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 17-04-2019 15:31:46
สมน้ำหน้า นอนไม่หลับไปเลย อยากทิ้งน้องไว้คนเดียวทำไมมมมมม  :z2:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่9 (15.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 20-04-2019 14:39:50
ตอนที่ 10



     พักนี้ไม่ค่อยได้ออกล่าเหยื่อด้วยกันเลยนะ หรือว่ามีของอร่อยของตัวเองให้กินอยู่แล้ว ธารามักถูกไตรภพพูดแซวแบบนี้




     เขาไม่ค่อยพอใจกับคำพูดนั้น ธาราไม่ได้มีของอร่อยติดตัว มีแต่เด็กดีที่รอซุกแผ่นอกของเขาทุกๆคืน แม้ว่าคนในอ้อมกอดจะน่าอร่อยมากแค่ไหนก็ตาม




     ติณณ์อาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เป็นเวลาสองเดือนกว่าๆแล้ว ธาราเป็นคนบ้างาน ส่วนติณณ์ก็บ้าเรียน ฉะนั้นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่มักจะตื่นเช้า ไปทำงาน ไปโรงเรียน กลับมาทานข้าวเย็น ทำการบ้าน ทำงาน เล่นกับเจ้าแมวอ้วน เข้านอนด้วยกัน แล้วก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ




     คนโลกส่วนตัวสูงไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย แค่นี้ก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นกว่าเก่ามากแล้ว แถมยังมีความสบายใจกับอาธารมากขึ้นด้วย เวลาอยู่ด้วยกันเงียบๆไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป เป็นเพราะความเคยชินและอาธารเป็นคนสบายๆ ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เขาพูดเยอะๆ แม้ใจจริงธาราอยากจะให้ติณณ์คุยบ้างก็ตาม




     ติณณ์อยากพูดนะ มีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับอาธารเยอะแยะเลย แต่กลับไม่กล้าพูดออกไป จึงเลือกที่จะมองด้วยความสงสัย พออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาก็หลบหน้า และปฏิเสธว่าไม่มีอะไรครับ




     ใช่ ติณณ์เป็นแบบนั้นมาตลอดสองเดือน ด้วยความที่เจ้าตัวเอาแต่หมกมุ่นกับการเรียน ส่วนธาราก็หมกมุ่นกับงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกันเท่าไหร่ ถึงต่อให้มีเวลาติณณ์ก็พูดน้อยอยู่ดี




     ยากกว่าที่คิด





     โชคดีที่วันหยุดยาวกำลังจะมาถึง เป็นช่วงที่แผนกเพิ่งทำโปรเจคจบอย่างสวยงามพอดี ธาราเลยถือโอกาสจัดทริปทะเลให้กับลูกน้องเพื่อเป็นการตอบแทน แน่นอนว่าไม่ลืมชวนใครอีกคน แต่คนโดนชวนกลับปฏิเสธ เพราะติณณ์คิดว่าเขาต้องอึดอัดแน่ๆเมื่อไปอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักอีกครั้ง แถมกลัวเป็นภาระให้อาธารเที่ยวไม่สนุกด้วย เลยบอกไปว่าจะอยู่คอนโดกับเจ้าถุงเงิน แต่อาธารเล่นดักว่าจะพาถุงเงินไปด้วย ติณณ์จะได้ช่วยอาดูแลแมวด้วยไง




     เอาแมวมาล่อเด็กชัดๆ




     สุดท้ายติณณ์ก็ต้องไปด้วย ธาราเหมารถตู้ให้ลูกน้อง ส่วนตัวเองขับรถส่วนตัวไปกับเด็กหนุ่ม ระหว่างทางไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีเพียงเสียงแมวสองตัวที่เล่นกันงุ้งงิ้งๆ และเสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆ ธาราชวนคุยบ้างนิดหน่อย ได้ข้อมูลมาว่าติณณ์ไม่ได้ไปทะเลมาหลายปีแล้ว เพราะยิ่งโตเจ้าตัวก็ยิ่งเรียนหนัก ฟังแบบนั้นก็รู้สึกตัดสินใจไม่ผิดที่พาคนข้างๆมาด้วย ก่อนจะปล่อยให้เด็กนอนหลับคอพับไป




     เมื่อมาถึงรีสอร์ทที่จองไว้ คนทั้งแผนกก็มารวมตัวกัน ทันทีที่ติณณ์ลงจากรถก็เป็นเป้าสายตา ด้วยความเป็นลูกของคนที่เคยทำงานในแผนกนี้จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ พวกคุณน้าคุณอาทั้งหลายต่างพาเข้ามาทักทายและเข้าหาเขาจนหัวหมุนไปหมด คนเหล่านี้รู้จักติณณ์ แต่ติณณ์ไม่รู้จักใครเลยนอกจากอาธาร




     เด็กหนุ่มส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคนรู้จัก แต่อาธารทำเพียงยิ้มบางๆเชิงจะบอกว่า'มันจะไม่เป็นอะไร'




     "อุ้ย! น้องติณณ์ดูมีน้ำมีนวลมากกว่าคราวก่อนหรือเปล่าจ๊ะ ดูดีมากเลย" น้าผู้หญิงคนนึงที่ติณณ์จำได้ลางๆว่าเคยเจอกันคราวก่อนนั้นพูดคุยกับเขามากเป็นพิเศษ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาบีบแก้มเขาด้วยความเอ็นดู ติณณ์ไม่ได้รังเกียจอะไร เพียงแค่ตกใจเวลาคนที่ไม่ค่อยรู้จักจู่โจมแบบนี้




     อย่างที่ธาราเห็นแล้วรู้สึกตะหงิดๆที่หัวใจเช่นกัน




     "พอแล้วๆ ไปทานข้าวเที่ยงดีกว่า เชิญเลือกร้านกันตามสะดวก เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง"




     คนในแผนกฟังคำหัวหน้าแล้วหยุดวอแวกับลูกของมาลิน เปลี่ยนไปคุยกันเรื่องร้านอาหารแทน ส่วนติณณ์ก็ค่อยๆเขยิบตัวมาหลบตรงแผ่นหลังกว้างนั้น ถ้าได้อยู่หลังอาธารคงจะไม่มีใครกล้าเข้ามา ติณณ์คิดแบบนี้




     ธารามองคนที่แอบอยู่ข้างหลังพลางคิดไปคิดมา เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆเสียจริง








     มื้อกลางวันมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารริมหาดแห่งหนึ่ง บรรยากาศนับว่ายอดเยี่ยม ลมทะเลพัดเข้าฝั่งทำให้ได้กลิ่นเกลือน้ำทะเลกับเสียงคลื่นปะทะฝั่งครืนๆ อาหารทะเลที่วางบนโต๊ะก็หลากหลาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา กลิ่นหอมโชยกระตุ้นน้ำย่อยให้คนบนโต๊ะ แต่ทั้งๆที่บรรยากาศดีแบบนี้ ติณณ์ยังคงอึดอัด




     เพราะคนบนโต๊ะอาหารต่างก็เป็นผู้ใหญ่ เลยพูดแต่เรื่องผู้ใหญ่งั้นหรอ ติณณ์ว่าไม่ใช่ มีพนักงานผู้ชายคนนึงที่หน้าเด็กมากๆ จากที่ฟังเขาพูดคุยกันก็ได้รู้ว่าน่าจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน พี่นักศึกษาพูดเก่งมาก อัธยาศัยดีมากๆจนเหมือนมีแสงเปล่งประกายสาดส่องออกมาจากตัวพี่เขา จนแสงนั้นกลบติณณ์ไปเสียหมด




     ติณณ์อยากเป็นให้ได้แบบนั้นบ้าง แต่สำหรับเขารู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน




     อาธารยังหันมาคุยกับเขาเป็นระยะๆบ้าง แต่ก็นั่นแหละ มีแค่อาธารที่พูดกับเขา แล้วเขาก็กล้าพูดแค่กับอาธาร ติณณ์ได้แต่นั่งทานข้าวเงียบๆ เหมือนมาเพื่อทานอย่างเดียวจริงๆ ดูเผินๆเหมือนหิว แต่ความจริงคือไม่รู้จะทำไรนอกจากทานต่างหาก ถุงเงินก็อยู่ในบ้านพัก ไม่มีใครให้เล่นด้วยเลย




     ทั้งๆที่มีคนอยู่รอบกายตั้งหลายคน แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว




     ถ้าอยู่คนเดียวจริงๆคงจะรู้สึกดีกว่านี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ติณณ์คิดว่าตัวเองชอบอยู่ตามลำพัง




     "ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ" ติณณ์สะกิดบอกอาธารเบาๆ พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาจึงเดินออกจากโต๊ะอาหารนี้ไป




     ติณณ์เข้าห้องน้ำก็จริง แต่ไม่ได้ขับถ่ายอะไร เพียงแค่มายืนหน้ากระจก เปิดก็อกน้ำแล้วเอาของเหลวสีใสล้างหน้าตัวเองเท่านั้น หวังว่ามันจะช่วยล้างความรู้สึกน้อยใจออกไปได้บ้าง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย เด็กหนุ่มมองตัวเองในกระจกด้วยความคิดที่หลากหลาย หนึ่งในความคิดนั้นก็คือ ผู้ชายคนนี้น่าเบื่อเสียจริงๆ




     ร่างเล็กพาตัวเองมาจากห้องน้ำ ก่อนจะมองเข้าไปในร้านบริเวณโต๊ะของตัวเอง บรรยากาศช่างดูครื้นเครง ถ้าเปรียบเทียบเป็นสี คนตรงนั้นคงเป็นสีรุ้งที่สดใส ฉูดฉาด สดชื่น และน่าสนใจ ส่วนตัวเขาเป็นเพียงที่เทาชืดๆ จืดๆ ไม่ได้ชวนเข้าหาเท่าไหร่ เขายังทานอาหารไม่อิ่ม แต่ไม่อยากไปตรงนั้นแล้ว ติณณ์จึงเลือกไปนั่งตรงม้านั่งข้างๆร้าน




     วิวที่ประจันหน้าเป็นผืนทะเลสีครามสดใส ท้องฟ้าที่ประดับด้วยกลุ่มเมฆปุกปุย เส้นขอบฟ้าสุดลูกหูลูกตา แรงลมที่คลอเคลียผิวกายทำให้สบายตัว และเสียงคลื่นกับเสียงพระพายดังประสานกันทำให้ที่ตรงนี้ไม่ได้เงียบเหงาจนเกินไป ติณณ์เสพบรรยากาศเงียบๆ มันไม่ได้สนุก แต่สบายใจ




     ดวงตากลมมองไปยังทิวทัศน์ข้างหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เมื่อก่อนติณณ์สามารถนำความเฉยชาเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง ความจริงเขาสามารถอดทนนั่งอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดได้ดีด้วยซ้ำ แต่พออะไรเปลี่ยนไป เกราะนั้นมันยากที่จะสร้างขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ










     ติณณ์เข้าห้องน้ำนานเกินไปอีกแล้ว




     พอคิดแบบนั้นก็กลัวว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนที่บ้านไตรภพอีก จึงต่อสายหาคนที่เป็นห่วง สักพักคนปลายสายก็ตอบว่านั่งเล่นอยู่ตรงข้างๆร้าน พอถามว่าจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนลำบากใจที่จะตอบ หรือไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี




     "เดี๋ยวผมมาแปปนึงนะครับ พอดีมีงานเข้าด่วน" ธาราพูดปดกับคนร่วมโต๊ะพลางชี้ไม้ชี้มือไปที่โทรศัพท์ก่อนที่จะลุกออกไปหาใครบางคน




     สายตาคมมองไปยังเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งอย่างหงอยเหงา เส้นผมนุ่มปลิวไปตามแรงลมจนผมหน้าม้าเข้าหน้าเข้าตา ทำให้เด็กหลับตาหยีกันผมเข้าตา พลางสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดผมหน้าม้าออก ธารายิ้มให้กับภาพนั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งข้างๆอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง เลยทำให้ติณณ์สะดุ้งเล็กน้อย




     "...?" ติณณ์ทำหน้าตาสงสัยใส่อีกฝ่าย




     "มานั่งทำอะไรตรงนี้อยู่คนเดียว"




     นั่นน่ะสินะ เขามานั่งทำอะไร เพราะก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งตากลมโง่ๆ




     "มานั่งเล่นเฉยๆครับ"




     "ทานข้าวอิ่มแล้วหรอ หืม อาเห็นเราทานไปนิดเดียวเองนะ"




     "อิ่มแล้วครับ"




     ...โครกคราก...





     เหตุเกิดจากความหิวเลยทำให้ลำไส้บิดตัวจนเกิดเสียงน่าอาย คนได้ยินหัวเราะเบาๆทำเอาคนหิวหน้าแดงก่ำเพราะความอาย ช่วงนี้ติณณ์เจริญอาหารขึ้นแล้ว แม้ไม่ใช่ฝีมือของอาธารก็ทานได้ เลยกลับมาหิวเมื่อได้รับอาหารไม่เพียงพอแบบนี้ แต่นั่งอยู่ตั้งนานท้องกลับไม่ร้อง ดันมาส่งเสียงเวลาอาธารอยู่ด้วยซะได้




     ธาราไม่ได้พูดแซวอะไร ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปไหนสักที่อย่างที่ติณณ์ก็มองตามด้วยความสงสัย ผู้ใหญ่คนนั้นเดินไปที่ร้านขายพวกปลาหมึกย่างที่กลิ่นหอมฉุยมาถึงตรงที่นั่งอยู่ สักพักก็เดินกลับมาพร้อมถือถุงพลาสติกเล็กๆถุงหนึ่งกับน้ำอีกหนึ่งขวด อย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของในถุงคือปลาหมึกย่าง




     อาธารอุตส่าห์ซื้อมาให้ ถ้าปฏิเสธคงจะเสียน้ำใจน่าดู ไม่ใช่หรอก ลึกๆเองติณณ์ก็หิว เขากล่าวขอบคุณก่อนจะรับปลาหมึกย่างเสียบไม้นั่นมาทานเอาๆ ก้มหน้าก้มตาอย่างไม่สนใจใคร ธารามองคนบอกไม่หิวแต่เคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆนั่นขยับมุบมิบไปมาเพราะแรงเคี้ยว สักพักริมฝีปากบางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความเผ็ดร้อน สูดลมเข้าปากจนเกิดเสียงซี๊ดซ๊าดเบาๆเพื่อบรรเทาเผ็ด เห็นแบบนั้นจึงเปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้ เด็กหนุ่มรับมาแล้วยกขึ้นดื่มจนเผยให้เห็นลำคอขาวๆเต็มตา น้ำบางส่วนไหลเกินออกจากขอบปากจนไหลรินลงมาตามลูกกระเดือกสวยที่กระเพื่อมจากการกลืน จนไหลหายเข้าไปในคอเสื้อ อย่างที่ทำให้ธารามองตาค้าง




     อะไรกัน แค่ทานปลาหมึกย่างต้องเซ็กซี่ขนาดนี้เลยหรอ




     "อิ่มหรือยัง?"




     "อิ่มแล้วครับ"




     "ไหนตอนแรกบอกไม่หิวไง"




     "เอ่อ..."




     "หิวแล้วทำไมไม่เข้าไปทานข้างในล่ะ อาหารออกจะเยอะแยะ ทำไมออกมานั่งคนเดียวตั้งนาน"




     ความจริงแล้วธารารู้คำตอบอยู่แก่ใจ เห็นเด็กข้างๆนั่งเงียบ แถมดูท่าทางอึดอัดมาตั้งนานแล้ว นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะติณณ์เป็นคนแบบนี้ ยิ่งมาอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก ย่อมอึดอัดเป็นธรรมดาของเด็กคนนี้ แต่ที่ถามไปก็เพราะอยากให้เจ้าตัวพูดออกมาบ้างแค่นั้นเอง




     "..."




     "หืม? ว่าไงครับ?"




     "คือ..."




     "ติณณ์อึดอัดใช่ไหม?"




     เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขา ไม่คิดว่าอาธารจะรับรู้และสังเกตเห็นความรู้สึกนี้ด้วย  แล้วจะพูดยังไงต่อไปดีล่ะ ไปต่อไม่ถูกเลยเมื่อถูกพูดตรงๆแบบนี้ เลยทำได้เพียงพยักหน้ารับ




     "อึดอัดอะไรบ้าง ไหนลองบอกอาซิ"




     "..." มันอยากจะพูดออกไปนะ แต่เหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างมากั้นเอาไว้




     "นะ จะหาว่าอายุ่งก็ได้ แต่อาอยากรู้จริงๆว่าติณณ์คิดอะไรอยู่"




     พอได้ยินแบบนั้นมันก็รู้สึกใจชื้นอย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครอยากรู้ถึงความรู้สึกของเขาจริงๆ พอถูกสนใจความรู้สึกขึ้นมาใจก็สั่นรัวด้วยความตื่นเต้น




     ติณณ์คิดไปคิดมา อยากลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ว่าการพูดออกไปบ้างคงจะดีกว่านี้




     "ผมไม่รู้จักใครเลย" เสียงแผ่วเบาว่าแบบนั้น "ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไร พูดกับใคร ชวนคุยก็ไม่เก่ง ถึงต่อให้รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ว่ามันจะดูประเดิกประเดิดไหม ผมเองก็ฝืนด้วยถ้าจะพูดเยอะๆกับคนที่ไม่รู้จัก มัน... ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง รู้แต่ว่าที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของผมเลย อยู่ตรงนี้คนเดียวน่าจะโอเคกว่า"




     นี่คงเป็นการพูดที่นอกเหนือจากเรื่องเรียนที่ยาวที่สุด แม้จะไม่ได้ระบายออกมาแบบหมดเปลือก แต่พูดออกมาได้ขนาดนี้ธาราก็ดีใจมากแล้ว ซึ่งเขาเองก็เข้าใจในสิ่งที่ติณณ์พูด และสิ่งที่ติณณ์เป็น ขนาดตัวเขาอยู่กับติณณ์มานานกว่าคนในแผนก ยังพูดน้อยเลย




     "อ้าว อยากอยู่คนเดียวแต่อามานั่งด้วยแบบนี้ จะอึดอัดไหม?" ธาราพูดเล่นๆอย่างไม่จริงจัง




     "ไม่ใช่นะครับ! ผมไม่ได้อึดอัดกับอาธารเลย"




     ธาราชะงักเมื่อได้ยินคำนั้น




     ที่ผ่านมา ธาราคิดตลอดว่าติณณ์คงยังมีความอึดอัดกับเขาบ้าง เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยคุยด้วย แต่พอติณณ์พูดกับปากเองว่าไม่ได้อึดอัดมันก็ดีใจ ดีใจที่เวลานี้มีเพียงเขาคนเดียวที่เด็กคนนี้สบายใจด้วย มันไม่ค่อยดีกับติณณ์นัก แต่ยอมรับว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันชื่นใจจริงๆ




     "แล้วทำไมถึงไม่ค่อยพูดกับอาล่ะ หืม?"




     ติณณ์มีปมบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น จึงเลือกตอบไปแค่ "ผมชวนคุยไม่เก่งครับ"




     "แต่อาอยากคุยกับติณณ์มากเลยนะ" ธาราลูบผมเด็ก "ไม่ต้องพยายามสรรหาประโยคมาชวนคุยก็ได้ แค่บอกว่าวันนี้อากาศเป็นยังไง เรียนเป็นยังไงบ้าง มีเรื่องอะไรน่าเบื่อไหม รู้สึกง่วงหรือเปล่า อะไรก็ได้ ขอแค่พูดออกมาเถอะ อาคุยได้ทุกเรื่องอยู่แล้วถ้าเป็นติณณ์...จริงๆนะ"




     "แต่กลัวว่าพูดไปแล้วจะน่าเบื่อกว่าเดิม..."




     "เลิกคิดว่าตัวเองน่าเบื่อได้แล้ว" เรียวนิ้วชี้แตะลงบนริมฝีปากนุ่มนั้นเบาๆ "เวลาพูดเยอะๆแบบนี้...น่ารักออก"




     หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวมากกว่าเดิม




     จะหาว่าเวอร์ก็ได้ แต่ติณณ์รู้สึกดีใจจนจะร้องไห้










     พอทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันว่ามื้อเย็นจะไปทานที่ร้านอาหารบริเวณหน้ารีสอร์ท จากนั้นก็แยกย้ายตามอัธยาศัย บางกลุ่มก็ไปเล่นที่หาด บางกลุ่มไปชอปปิ้ง และบางกลุ่มเลือกที่จะนอนพักอยู่ที่รีสอร์ทจนกว่าจะถึงมื้อเย็น นั่นก็คือกลุ่มของธารา ที่มีเพียงตัวเขา และติณณ์




     ธาราเหนื่อยล้าจากการขับรถทางไกล บวกกับอายุที่ไม่ใช่น้อยๆแล้วจึงมีความล้าร่างกาย จึงไม่ได้ออกไปเที่ยวเหมือนคนอื่นๆ นับว่าโชคดีพอสมควรที่รูมเมทของเขาคือติณณ์ รายนั้นพอจะเดาได้ว่าคงอยากอยู่ในห้องพักเหมือนกัน ดูได้จากตอนที่เด็กคนนั้นเปิดประตูเข้ามาก็รีบวิ่งแจ้นเข้าหาถุงเงินก่อนเป็นอับดับแรก ส่วนเจ้าแมวก็เอาแต่เดินหนีเพราะมนุษย์คนนี้วอแวกับมันมากเกินไป ธาราชอบมองแมวสองตัวนี้เล่นกัน มันน่ารักดี




     หัวหน้าแผนกเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆเพื่อให้เหมาะแก่การงีบหลับ พอศีรษะสัมผัสกับหมอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆมันก็พร้อมสลบ ธาราหลับตาได้สักพักก็สัมผัสได้ว่าเตียงข้างๆยุบลงไปเหมือนมีสิ่งมีชีวิตมานอนร่วมเตียง เมื่อหันหน้าไปมองก็พบว่าติณณ์นอนหันหน้ามาทางเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มจนถึงปาก เปลือกตาถูกปิดลงให้เห็นแพขนตาเรียงสวย ติณณ์น่าจะเมื่อยจากการนั่งรถเหมือนกันเลยคลานขึ้นมาหลับปุ๋ยแบบนี้




     หลับได้โดยไม่ต้องพึ่งอ้อมกอดเขาอย่างนั้นหรือ?




     อาจเป็นเพราะเหนื่อยเลยหลับได้ง่าย ส่วนธาราน่ะหรอ เหนื่อยมากกว่าอีก แต่ดันนอนไม่สบายตัวเมื่อไม่ได้กอดเด็กตัวอุ่นๆอย่างเคย เขาชอบเวลาเส้นผมนุ่มๆมาคลอเคลียตรงลำคอ บางทีศีรษะเล็กก็ขยับถูไถเบาๆเพื่อหาท่าที่สบาย แต่ดูอีกมุมก็เหมือนอ้อน อุณหภูมิอุ่นๆในอ้อมแขนทำให้หลับสบาย คิดแบบนั้นแล้วเขาก็ขยับตัวเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ จากนั้นท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดร่างบอบบางนั้นอย่างทะนุถนอม เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาช้อนมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงแล้วนอนนิ่งๆ เชิงว่าอนุญาตให้กอด




     นี่แหละ วันพักผ่อนที่ธาราต้องการ




     ตกเย็น ธาราตื่นขึ้นมาก่อนติณณ์ เด็กหนุ่มถูกปลุกด้วยคำว่า ตื่นมาทานข้าวเย็นกันเร็ว แต่คำๆนั้นยิ่งทำให้เขาอยากจมหายไปกับเตียง




     แค่นึกว่าต้องไปนั่งท่ามกลางคนไม่รู้จักอีกรอบ ก็อึดอัดจนจะแย่แล้ว แต่ถ้าให้หนีออกมาเหมือนเดิม คงดูไม่ดีเท่าไหร่




     อาธารให้เขาได้สร่างง่วงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชวนออกจากห้องเพื่อไปทานอาหารเย็น ติณณ์ยังไม่ทันได้มีอารมณ์อิดออดไม่อยากไป แต่ดันเจอจานอาหารมากมายตั้งอยู่บนม้าหินหน้าห้องเสียก่อน อาธารเดินเข้าไปนั่งตรงนั้นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า มื้อเย็นของเรา คือที่นี่




     ติณณ์เข้าไปนั่งตามอย่างงงๆ จะว่านัดคนอื่นมาทานที่นี่ก็ไม่ใช่ ม้าหินเล็กๆแบบนี้จะนั่งกันพอได้ยังไง ไหนจะปริมาณอาหารที่ไม่เพียงพอต่อคนทั้งแผนก หากแต่เพียงพอต่อคนสองคน อาธารบอกให้เขาลงมือทานอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ตอนนี้ติณณ์ไม่เข้าใจอะไรเลย




     "ไม่ไปทานที่ร้านกันแล้วหรอครับ?" ติณณ์เอ่ยความสงสัยออกไป




     "ไป แต่ไม่ใช่เรา"




     "ทำไม..."




     "ค่อยว่ากัน ทานก่อน เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด"




     เด็กหนุ่มกลืนคำถามมากมายลงคอ แล้วเปลี่ยนเป็นกลืนอาหารตรงหน้าแทน ธารารู้ว่าติณณ์สงสัยมาก เพราะคนตรงหน้าทานไป ลอบมองหน้าเขาไปอย่างลุ้นๆว่าจะพูดออกมาให้เข้าใจได้เมื่อไหร่ ตอนแรกอยากจะแกล้งปล่อยเงียบเพื่อให้ติณณ์ถามออกมาเองเสียที สุดท้ายก็สงสารปนเอ็นดู เลยเลือกเฉลยเองแทน




     "อากลัวติณณ์อึดอัด ถ้าติณณ์รู้สึกแบบนั้นอาก็ไม่สบายใจด้วย ถ้าติณณ์สบายใจ อาก็สบายใจ ไม่ต้องคิดล่ะว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาหมดสนุก"




     "..." ติณณ์มือสั่นเล็กน้อย




     "จริงๆอาอยากนั่งทานเงียบๆบ้างน่ะ ปกติไม่ชอบพูดคุยบนโต๊ะอาหาร นิดหน่อยน่ะพอได้ แต่ไม่ใช่พูดทุกนาที มันไม่ค่อยสะดวก" ธาราชี้แจง "อยู่กับติณณ์แล้วสงบดี เหมือนได้พักผ่อนจริงๆ"




     มันไม่ใช่คำพูดสวยหรูเพื่อให้กำลังใจ เป็นคำง่ายๆแต่รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ อย่างน้อยอาธารก็ไม่ได้ทำแบบนี้เพราะสงสารเขาอย่างเดียว แต่ไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่ายค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับเขา อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แค่บางเรื่องอย่างเช่นเรื่องนี้ ก็ดีใจมากๆแล้วที่ได้เจอพวกเดียวกัน มันรู้สึกเหมือนมีเพื่อน แบบนี้ต่างฝ่ายคงต่างสบายใจ เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ติณณ์ชอบแบบนี้มากๆ




     คนตัวบางไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความรู้สึกที่ดีใจมากๆแบบนี้ พูดออกไปเดี๋ยวจะหาว่าพิลึก แค่อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นทานอาหารกับเขาแค่นี้ก็ดีใจเหมือนถูกหวยยังไงไม่รู้




     มื้อเย็นผ่านไปโดยไม่มีอะไรหวือหวาอย่างเคย มีแต่ความสบายใจที่เพิ่มมากขึ้นในตัวติณณ์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับเข้าห้องพัก โดยที่เด็กหนุ่มก็แบกหนังสือเรียนมาอ่านเล่นๆบนเตียง ส่วนธาราก็แบกโน้ตบุ๊คมาทำงานอื่นนิดๆหน่อยๆ ตามสไตล์คนบ้าเรียนและบ้างาน แต่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายหาวหวอดขึ้นมาก่อน ธาราล้มตัวนอนข้างๆเด็กเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง แต่ติณณ์เข้าใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว




     ธาราไม่รู้ว่าตัวเองพักสายตาไปนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าตัวเองไม่ได้หลับ อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เขา ถ้าให้เดาว่าคงเป็นผี




     ผีเด็กซะด้วยสิ




     ผู้ใหญ่ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นคือติณณ์กำลังนอนมองเขาด้วยสายตาที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก เหมือนมีดวงดาวประกายแสงหลายๆดวงอยู่ในดวงตานั้น มันมีชีวิตชีวา มันสดใส มันดูมีความหวัง แต่ทันทีที่เจ้าตัวโดนจับได้ว่าแอบมอง เด็กติณณ์สะดุ้งตัวแล้วหลับตาปี๋ พลางเอาใบหน้ามุดกับผ้าห่ม เหลือแต่ใบหูขาวๆที่โผล่ออกมา ทำอย่างกับว่าจะหนีความผิดที่แอบมองอย่างไรอย่างนั้น




     ธาราหัวเราะกับความน่าเอ็นดูนั้น เห็นแล้วอยากจะแกล้งพิลึก ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ๆอีกฝ่าย ริมฝีปากอุ่นกระซิบชิดใบหูขาวนั้นว่า แอบมองอาหรอ คนในผ้าห่มยกไหล่ขึ้นเพื่อป้องกันความจั๊กจี๊นั้น และไม่มีทีท่าว่าจะเปิดผ้าห่มออกมา ธาราพยายามดึงผ้าห่มออกจากใบหน้านั้นแล้ว มันก็ยากพอควร พลังของคนเขินอายไม่ใช่เล่นๆ แต่สุดท้ายมือแกร่งก็ดึงผ้านั้นออกได้สำเร็จ เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนวัยที่กำลังแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ แถมยังเบนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่ยอมมองมาที่เขา




     คนขี้แกล้งพยายามนำสายตาตัวเองไปไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม แต่ก็โดนหันหน้าหนีตลอด ดักทางซ้าย ย้ายไปทางขวา ดักทางขวา ย้ายไปทางซ้าย แบบนี้ไปมาเรื่อยๆ จนธาราต้องจับปลายคางมนเพื่อล็อคให้อยู่กับที่ แล้วยื่นหน้าไปใกล้ๆเพื่อให้คนใต้ร่างได้มองหน้าเขาเต็มตา แต่แล้วดวงตากลมก็หลับปี๋ด้วยความอาย




     หึ เด็กขี้อาย




     ริมฝีปากอุ่นจุมพิศลงบนเปลือกตานั้น เชิงเป็นคำขอร้องให้อีกฝ่ายลืมตามามองกัน ความอบอุ่นแผ่ซ่านบนผิวบอบบางนั้น เปลือกตาสวยค่อยๆลืมขึ้นมาจนเห็นนัยต์ตาสีดำที่หล่อเลี้ยงไปด้วยน้ำเอ่อใส มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์ แต่เป็นน้ำตาของความตื้นตันบางอย่าง ธารามองเด็กตรงหน้าที่แก้มแดงจัด ริมฝีปากสีสวยขบเม้มเข้าหากัน ดวงตามีน้ำคลอเบ้าเล็กๆ แถมยังหดคอหนีน้อยๆ




     ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้




     ธาราอยากทำอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงดึงเด็กมากอดแน่นๆจนได้ยินเสียงครางฮือด้วยความเจ็บ




     "อาธาร มันแน่นเกินไป"




     "ก็ติณณ์อยากน่ารักทำไม"




     "ผมไม่ได้น่ารัก... ฮื่อ!" ติณณ์ร้องออกมาเมื่อโดนรัดแน่นกว่าเดิม




     "น่ารักจนอาอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว"




     "ปล่อยก่อนครับ ผมอึดอัดนะ"




     "จะให้ปล่อยได้ยังไง" ธารากระซิบริมใบหูขาว "ติณณ์ตัวนุ่มไปทั้งตัวแบบนี้ แถมกลิ่นก็หอม แล้วก็จะทำโทษข้อหาชอบแอบมองอาบ่อยๆด้วย ถ้าวันหลังเอาแต่มองและไม่พูดอะไรอีก อาจะกอดแบบนี้แหละ"




     ธาราแกล้งรัดติณณ์ให้ส่งเสียงครางฮือแบบนั้นอยู่นาน เขาชอบฟังเสียงนี้ที่สุด มันน่ารัก น่าฟัด อยากจะทำอะไรให้มากกว่านี้ให้เจ้าตัวร้องออกมาดังมากกว่านี้




     ถ้าไม่ติดว่ามีศีลธรรมมากพอ ป่านนี้เขาคงจับเด็กคนนี้กดให้จมเตียง กัดกินผิวเนื้อนุ่มๆให้จมเขี้ยว บดขยี้ร่างกายนี้แรงๆจนช้ำเนื้อไปทั้งตัว อยากทำให้แปดเปื้อนจนเสียงหวานครางออกมาดังๆ




     แต่นั่นแหละ




     มันเป็นได้แค่ความคิด












talk.

ฮูเรรรรร่ มาถึงตอนที่10แล้ว น้องเปิดใจแล้ววว ส่วนอาธารก็เริ่มศีลแตกเรื่อยๆ5555555

อยากบอกว่าขอบคุณทุกๆฟีดแบคเลย เค้าอ่านทุกๆเม้นเลย จำได้หลายๆคนด้วย รักนะ ขอบคุณจริงๆที่ตามกันมาถึงตอนนี้ แง ล้องห้ายแปป

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 20-04-2019 16:15:34
ขยับเข้าใกล้กันอีกนิด...เอาใจช่วยน้อง   :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 20-04-2019 16:44:03
เป็นใจไปหมดยกเว้นความเสี่ยงคุกน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 20-04-2019 22:09:03
ขยับเข้ามาใกล้กันอีกนิดนึงแล้ว น้องยอมเปิดใจรับอาธารแล้ว คุกก็เปิดรอต้อนรับอาธารอยู่เสมออ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 20-04-2019 22:15:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-04-2019 23:55:45
เป็นกำลังใจให้คุณอาค่ะ 5555555555555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 21-04-2019 00:31:43
แค่ก คุก คุก คุก คุก คุก แค่กๆๆ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 21-04-2019 11:33:58
สนุกมากค่ะ สนุกมากกกก หวังว่าจะไม่มีดราม่าอะไรอีกแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 21-04-2019 15:03:17
อาธารทิ้งหลานไปนานเลยนะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-04-2019 21:33:53
 o18 คุก คุก คุก
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-04-2019 00:21:05
เจ้าเด็กน่ารักขึ้นทุกวัน ๆ เอ็นดูเคี้ยวหมึกย่างมุบมิบของน้องตินณ์จังค๊าบบบบ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 27-04-2019 18:37:37
ตอนที่ 11


     การพักผ่อนที่เพียงพอทำให้เปลือกตาสวยค่อยๆลืมขึ้นมาอย่างอ้อยอิ่ง กะพริบปริบๆสองสามครั้งเพื่อปรับโฟกัสให้เห็นรูปหน้าราวสวรรค์สร้างของผู้ใหญ่ คนที่ใช้ท่อนแขนพันธนาการร่างกายติณณ์ยังคงหลับใหล ความมึนง่วงในสมองทำให้ติณณ์นิ่งไปครู่หนึ่ง พลางพยายามเค้นความคิดว่าความรู้สึกแปลกใจนี้มันเกิดจากอะไร คิดไปสักพักก็พบว่า ปกติเวลาลืมตาขึ้นมาตอนเช้าเขามักจะเห็นที่ว่างข้างๆกาย เหลือไว้เพียงรอยยับของที่ผ้าปูเตียงของคนที่เคยนอน  เพราะอาธารมักจะตื่นก่อนเขาเสมอ อย่างวันหยุดตื่นสายสุดก็7โมง




     7โมงงั้นหรือ?




     ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างลืมง่วง แล้วกดดูนาฬิกาในโทรศัพท์บนหัวเตียง ขณะนี้เป็นเวลา7โมงกว่าๆแล้ว พวกผู้ใหญ่เขานัดรวมตัวกันไปดำน้ำกันที่เกาะตอน7โมงไม่ใช่หรือ!?




     "อาธารครับ อาธาร!" คนตัวเล็กยันข้อศอกข้างหนึ่งไว้กับเตียง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเอื้อมไปเขย่าไหล่คนยังไม่ตื่นอย่างร้อนรน




     "หืม..." ธาราครางในลำคอรับรู้ แต่ยังคงหลับตา




     "7โมงกว่าแล้วครับ! เลยเวลานัดแล้ว"




     "อืม..."




     "อาธาร!" ทำไมถึงดูไม่กระตือรือร้นสึกนิดเลยล่ะ!




     "ติณณ์อยากไปหรอ?"




     "...?"




     พอโดนถามแบบนี้แล้วมันก็...ยังไงดีล่ะ ความจริงติณณ์ไม่อยากไปหรอก กลัวจะอึดอัดเหมือนเดิม แต่ถ้าไม่ไปมันจะดูเสียมารยาทหรือเปล่าก็ไม่รู้




     "ว่าไง" ในที่สุดธาราก็ลืมตาขึ้นมามองเด็กตรงหน้า "อยากไปไหม ตอบมาตรงๆเลยไม่ต้องเกรงใจ"




     "...ไม่อยากไปครับ"




     "หึๆ ก็แค่นั้นแหละ งั้นนอนกันต่อ"




     "ครับ?...เอ่อ...คือ...?" ติณณ์ไม่เข้าใจ นึกไม่อยากไปก็ยกเลิกง่ายๆแบบนี้เลยหรอ




     "สงสัยอะไรอีกล่ะเรา"




     "แล้วคนอื่นๆจะไม่รอหรอครับ แล้ว...อาธารไม่ไปหรอ"




     "ไม่รอหรอก อาบอกล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่ไป เพราะอาอยากอยู่ทำงานอีกนิดหน่อย แถมขี้เกียจเที่ยวเยอะด้วย เหนื่อย อาแก่แล้ว"




     "แต่...อาธารไม่เบื่อหรอครับ มาเที่ยวทั้งที น่าจะออกไปเที่ยวกับพวกเขาสักหน่อยนะครับ"




     "ถ้าอาไป ติณณ์จะไปด้วยไหม?"




     "ไม่ไปครับ ผมจะอยู่เลี้ยงแมว— อ๊ะ!"




     ติณณ์ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อร่างตัวเองโดนดึงเข้าไปกอดอีกแล้ว ไม่สิ เหมือนถูกล็อคตัวมากกว่า




     "อาก็จะอยู่เลี้ยงแมวเหมือนกัน" มุมปากของธาราถูกยกขึ้น "อาอยากมาพักผ่อน พักผ่อนไม่จำเป็นต้องออกไปทำกิจกรรมเยอะๆนี่ แค่มาเปลี่ยนบรรยากาศก็ถือว่าพักผ่อนได้เหมือนกัน ฉะนั้น ของีบสัก10นาที เดี๋ยวมาทานข้าวเช้ากัน"




     ถึงจะแปลกๆไปหน่อย แต่ยอมรับว่าติณณ์โอเคมากๆกับข้อตกลงนี้




     "งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำแต่งตัวรอนะครับ" คนในอ้อมกอดขยัวตัวนิดๆเพื่อจะลุกไปอาบน้ำ แต่กลับโดนผู้ใหญ่ล็อคตัวไว้แน่น




     "เดี๋ยวค่อยอาบ มาให้กอดก่อน" ธาราหลับตาลงเพื่อปิดการรับรู้ ไม่ว่าติณณ์จะพูดอะไรต่อ "ไม่มีหมอนข้างนุ่มๆแล้วมันหลับไม่ลง"




     ความจริงมันก็แค่ข้ออ้าง




     ธาราบอกคนในแผนกว่าติณณ์ไม่สบาย เลยขอผ่านทริปดำน้ำวันนี้ไป ที่จริงแค่อยากหาเรื่องอยู่กับเด็กคนนี้สองคนต่างหาก




     ไม่สบายอะไรกัน




     ทั้งๆที่ตัวอุ่นกำลังดี น่ากอดไปทั้งวันแบบนี้เนี่ยนะ







     ข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารเช้าง่ายๆสำหรับคนทั้งคู่ ธาราสั่งมาทานหน้าบ้านพักเหมือนเดิม ซึ่งติณณ์ก็ดูไม่ขัดอะไร แถมยังทานอาหารได้ดี เขาสังเกตมานานแล้วว่าถ้ามื้อไหนมีกุ้งเป็นส่วนประกอบของอาหารจานนั้น ติณณ์จะทานเร็วกว่าเมนูอื่นๆ




     สงสัยจะชอบ





     ธาราตักกุ้งสองสามตัวจากชามตัวเองไปใส่ชามอีกคน เด็กทำท่าจะปฏิเสธแต่เขาพูดดักว่าอาไม่ชอบ ติณณ์ช่วยทานหน่อยนะ พออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มจนแก้มบุ๋มลงไป ตักกุ้งตัวใหม่เข้าปากพลางยิ้มกว้างๆใส่ผู้ใหญ่เชิงจะบอกว่าอร่อยมาก และแฝงคำขอบคุณไว้ในรอยยิ้มนั้น




     อาธารเคยบอกมานานแล้วว่าอยากให้ติณณ์ยิ้มเยอะๆ เพราะอาธารชอบ เห็นแล้วชื่นใจ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยยิ้มเลย




     คราวนี้อยากตอบแทนด้วยการยิ้มให้บ่อยขึ้นบ้าง แม้มันจะทดแทนบุญคุณไม่หมดก็เถอะ ก็ติณณ์เชื่อว่าอาธารต้องชื่นใจแน่ๆ เพราะเวลาเขายิ้มทีไร อาธารจะยิ้มตามทุกที




     ตอนนี้เขาไม่ได้ยิ้มแล้ว มัวแต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้ม แต่มันเห็นหางตาว่าอาธารยังมองมาทางนี้อย่างยิ้มๆอยู่ แบบไม่รู้ว่าจะหุบยิ้มลงเมื่อไหร่




     อะไรเนี่ย แปลกคนจัง




     ข้าวต้มกุ้งถูกย่อยระหว่างที่คนต่างวัยกันกำลังนั่งทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ในห้อง ธารานั่งทำงานบนเก้าอี้ ส่วนติณณ์ก็นอนอ่านหนังสือบนเตียงอย่างเคย ไม่มีใครเรียกร้องว่ามาทะเลทั้งทีควรจะออกไปเที่ยว เพราะต่างคนก็ไม่ได้เดือดร้อนกับกิจกรรมเรียบง่ายที่ทำอยู่




     เวลาล่วงเลยไปบ่ายโมง




     ธารายังคงนั่งทำงานอยู่ แต่ติณณ์เริ่มเอียนกับการอ่านวิชาชีววิทยาที่เขาเกลียดนักหนา ดวงตากลมกวาดหาเจ้าแมวขนฟูเพื่อจะไปเล่นด้วย มันนอนอยู่ใต้โต๊ะที่อาธารกำลังทำงานอยู่ ติณณ์ค่อยๆเลื้อยลงจากเตียงแล้วไปนั่งเล่นกับถุงเงินงุ้งงิ้งๆ




     ติณณ์ไม่กล้าเล่นเสียงดัง เพราะคนบนเก้าอี้กำลังนั่งทำงานหน้าเครียด แม้ว่าอีกฝ่ายจะใส่หูฟังทั้งสองข้างก็ตาม เขาไม่อยากไปรบกวนสมาธินั้นเลยได้แต่ลูบขนเจ้าแมวเงียบๆ




     แต่




     ติณณ์หิว




     นี่มันบ่ายโมงกว่าแล้ว ยังไม่ได้ทานอาหารกลางวันเลย ปกติอาธารจะเรียกเขาให้ทานประมาณ11โมงถึงเที่ยง ไม่เคยเกินเวลามาแบบนี้เลย อาจเป็นเพราะอาธารทำงานจนลืมดูเวลาหรือเปล่า




     แต่ติณณ์หิวจริงๆนะ




     คนที่นั่งกับพื้นเงยหน้ามองอีกฝ่าย อย่างที่ปกติอาธารจะหันมาถามเองว่ามีอะไรหรือเปล่า มองอาทำไม แต่คราวนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว อาธารเอาแต่จ้องจอแบนๆนั้น ไม่หันมามองกันเลย ติณณ์มองตั้งนานแล้วนะ ตั้งใจมองมากๆด้วย แต่ทำไมอาธารยังไม่รู้ตัวอีกล่ะ




     ไม่หรอก นี่เป็นแผนเล็กๆของธารา




     ติณณ์ติดนิสัยชอบมองแทนการพูดและการถาม ทั้งๆที่ตัวเองไม่ใช่แมวสักหน่อยที่เอาแต่มองมนุษย์อย่างอ้อนๆแล้วจะได้สิ่งที่ต้องการ อย่างน้อยแมวมันก็ร้องเมี้ยวๆเพื่อเรียกเจ้าของบ้าง แต่เด็กคนนี้เลือกที่จะมองจนกว่าเขาจะหันไปถามเอง




     แค่อยากดัดนิสัยอะไรนิดหน่อยน่ะ




     "อาธารครับ บ่ายโมงแล้วนะครับ"




     ในที่สุดคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็ยอมเอ่ยปากออกมาเสียที ธาราพยายามกลั้นยิ้มสุดความสามารถ เขาอยากแกล้งเด็กอีกสักนิด อยากจะรู้ว่าถ้าทำเป็นไม่ได้ยิน ติณณ์จะทำอย่างไรต่อไป




     "อาธารครับ?"




     "..."




     "อาธาร ผมหิวข้าวแล้วครับ"




     "..."




     "อาธารครับ อาธาร"




     คนข้างบนน่าจะไม่ได้ยินเสียงที่เขาเรียก นี่คือสิ่งที่ติณณ์คิด เพราะมีหูฟังมาบดบังคลื่นเสียงของเขา เด็กหนุ่มเรียกตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจนท้อ ถ้าไม่รีบไปทานข้าวล่ะก็ต้องหิวไส้ขาดแน่




     "อาครับ..." นิ้วเรียวยื่นไปดึงๆชายเสื้อยืดสีขาวของอีกฝ่าย "ผมหิว..."




     สัมผัสตึงๆตรงชายเสื้อทำให้ธาราต้องก้มลงมอง เด็กข้างล่างกำลังดึงชายเสื้อเขา ดวงตากลมช้อนมองอย่างซ่อนความอ้อนไว้ลึกๆ ปากเล็กเอ่ยคำว่าหิวไปมาจนน่าสงสาร เหมือนแมวร้องเงี้ยวๆเพื่อขอข้าวอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายธาราก็ต้องยอมแพ้ลูกอ้อนนี้




     "อ้าว บ่ายโมงกว่าแล้วหรอ ขอโทษๆ อาทำงานเพลินไปหน่อย" ธาราแสร้งทำมองนาฬิกา "หิวแย่เลยใช่ไหม งั้นออกไปทานข้าวกัน"




     พอเห็นอาธารทำท่าจะเก็บงาน ติณณ์ก็อมยิ้มเล็กๆเพราะดีใจที่จะได้ทานอาหารกลางวันเสียที พลางยันตัวลุกขึ้นยืนเตรียมออกจากสถานที่ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้นรัศมีของอาธาร ตัวบางๆก็โดนดึงเข้ารัศมีนั่นอย่างกะทันหัน




     "อ๊ะ!" ติณณ์ร้องออกมาอย่างตกใจ เมื่อมีท่อนแขนทั้งสองข้างมารั้งเอวของเขาไว้ให้พาร่างเล็กๆเซไปนั่งบนตักใครอีกคน




     "บอกแล้วใช่ไหมว่ามีอะไรให้พูด ไม่ใช่เอาแต่มอง" เสียงทุ้มดังอยู่บริเวณใบหูขาว จนเจ้าตัวจั๊กจี๊นิดๆ




     "อ...อาธารเห็น?"




     "หึๆ"




     "แล้วทำไม..."




     "อยากดัดนิสัยเราไง" ธารากอดแน่น "มีอะไรก็หัดพูด หัดถาม ไม่มีใครว่าอะไรเราหรอกนะ มัวแต่มองเมื่อไหร่จะคุยกันรู้เรื่อง หืม อาบอกแล้วใช่ไหมว่าอยากคุยกับติณณ์"




     "...ขอโทษครับ"




     "ไม่ต้องขอโทษหรอก วันหลังอย่ามองอย่างเดียวก็พอ บอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะว่าถ้ามองอีกอาจะกอดแบบนี้"




     "ผมไม่ทำแล้วครับ อาธารปล่อยผมนะ" ติณณ์หันหน้าไปบอกคนข้างหลัง "ผมหิวแล้ว"




     "อาก็หิว"




     "งั้นไปกันครับ" เด็กหนุ่มขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะอาธารล็อคเขาไว้แน่น บางทีติณณ์ก็สงสัยว่าทำไมชอบล็อคแบบนี้นักนะ "อาธาร?"




     "ขอทำโทษเราก่อน"




     ใช่ นี่คือบทลงโทษของเด็กดื้อ และมันคือกำไรของธารา




     เด็กอะไร ตัวนุ่มไปทั้งตัว







     "ติณณ์อยากทานอะไร?"




     ธาราพาเด็กมาทานอาหารกลางวันที่ร้านเดิม เขาจำได้ว่าเมื่อวานคนตัวเล็กทานไปได้เท่าแมวดม น่าเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มรสอาหารทะเลของที่นี่อย่างเต็มที่ ร้านนี้ใช้ของสดและปรุงรสมาอย่างพอดี บรรยากาศก็ดี เลยอยากให้ติณณ์ได้มาแก้ตัวกับร้านนี้อีกรอบหนึ่ง




     "อะไรก็ได้ครับ"




     เชื่อเขาเลย คำตอบเดิมๆ




     "ไม่มีเมนูอะไรก็ได้"




     "..."




     "ลองสั่งอันที่ตัวเองอยากทานจริงๆดูบ้างสิติณณ์ อยู่ด้วยกันเป็นเดือนแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ"




     "อ่า...ได้หรอครับ"




     "ได้สิ อยากได้อะไรชี้เอาเลย อาอยากรู้เหมือนกันว่าติณณ์ชอบอะไร"




     นิ้วเรียววางบนริมฝีปากตัวเองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองอยากทาน "เอากุ้งเผา ข้าวผัดกุ้ง แล้วก็ทอดมันกุ้งครับ"




     "ทำไมเป็นกุ้งทุกอย่างเลยล่ะ"




     "ผมชอบกุ้งครับ"




     "โอเค งั้นขอเป็นกุ้งเผา ข้าวผัดกุ้ง ทอดมันกุ้ง ข้าวสวย แล้วก็ปูนึ่งครับ อ้อ น้ำเปล่า2ขวดด้วย" ธาราหันไปสั่งกับพนักงาน คนจดเมนูทวนรายการซ้ำอีกรอบก่อนที่จะเดินไปขานออร์เดอร์ในครัว




     เมื่อบริเวณนี้มีเพียงคนสองคนบนโต๊ะอาหาร คนอ่อนวัยกว่าเขยิบตัวไปนั่งชิดขอบเก้าอี้ยาว เพื่อได้เห็นวิวทะเลสวยๆ ติณณ์ชอบทะเล แต่ไม่ได้ชอบเล่นน้ำทะเลขนาดนั้น เพียงแค่เสพบรรยากาศกับอาหารทะเล แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว




     ติณณ์ว่ายน้ำไม่แข็ง ตอนเด็กๆเลยชอบเล่นทรายมากกว่า ถ้าจะให้ลงทะเลก็เล่นได้แค่ระดับน้ำถึงอก ลึกกว่านี้คงไม่กล้า ดวงตาใสมองไปที่น้ำทะเลสีสวยที่คอยรองรับประชากรที่เล่นน้ำกันอยู่ เห็นน้ำที่ดูสะอาดๆแบบนั้นก็อยากลงไปเล่นบ้าง เพราะไม่ได้เล่นมานานมากๆแล้ว แต่เขาไม่กล้าขออาธารหรอก




     เห็นว่าอยากพักสงบๆนี่นา




     "ติณณ์"




     สายตาละจากวิวสวยตรงหน้า แล้วหันไปมองผู้ใหญ่ที่มองเขาอยู่แล้ว "ครับ?"




     "อยากเล่นน้ำหรอ?"




     "เปล่าครับ แค่มองเฉยๆ"




     "โกหกอา"




     ถ้ามองในสายตานั้นดีๆ มันอ่านได้ว่าติณณ์สนใจทะเลข้างๆมาก นัยน์ตาสีดำสนิทที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่มันซ่อนประกายความสนใจเล็กๆเอาไว้ อย่างที่เมื่อครู่ถามไปแล้วดวงตานั้นเบิกกว้างนิดๆ ก่อนจะตีหน้าเรียบพร้อมปฏิเสธ




     ดูเหมือนเป็นคนอ่านยาก แต่ถ้ามองดีๆ ติณณ์อ่านง่ายนิดเดียว




     "คือ...ผม..." เด็กหนุ่มไปต่อไม่ถูกเมื่อถูกจับได้ว่าปากพูดไม่ตรงกับสิ่งที่คิด




     "อยากเล่นก็บอกว่าอยากเล่นสิ"




     "แต่อาธารมีงานทำ..."




     "ไม่ใช่งานด่วนงานเร่งอะไรนี่ เห็นอาทำงานแต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ยอมเที่ยวเลยนะ"




     "แต่อาธารบอกอยากพักสงบๆ..."




     "คำว่าสงบของอา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ แต่ขึ้นอยู่กับคนที่อาอยู่ด้วย" ธาราอธิบาย "ถ้าอยากเล่นก็พูดออกมาก่อนสิ ได้ไม่ได้ค่อยว่ากัน อย่าคิดแทนอาด้วย เข้าใจไหม"




     "...เข้าใจครับ" ติณณ์ตอบรับคำสั่งสอนนั้นอย่างหงอยๆนิดหน่อย เพราะประโยคท้ายๆของอาธารติดดุนิดๆ ถ้างั้นเขาจะลองเป็นเด็กเชื่อฟังแบบทันตาเห็นดูบ้าง "ผม...อยากเล่นน้ำครับ"




     "น่ารักมาก ก็แค่นั้นแหละ" ธาราระบายยิ้มออกมา "วันหลังอยากได้อะไร พูดออกมานะ อาเต็มใจให้"




     พอเห็นอาธารยิ้ม ติณณ์ก็อมยิ้มเล็กๆออกมาบ้าง ผู้ใหญ่ชวนเด็กคุยสัพเพเหระสักพัก พนักงงานชายก็เดินมาเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ ติณณ์ละความสนใจจากอาธาร แล้วหันไปจ้องกุ้งเผาหัวโตๆ กลิ่นหอมๆในจานนั้นมากกว่า




     "จุ้ง~" คนชอบกุ้งพึมพำกับตัวเองในลำคอเบาๆ




     "อะไรนะ?" ธาราถามเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆ




     "อ่า..." ติณณ์ไม่คิดว่าอาธารจะได้ยินด้วย "จุ้งครับ"




     "จุ้ง? หมายถึงกุ้งหรอ?" ธาราว่าขำๆ




     "ครับ จุ้งเผา ข้าวผัดจุ้ง ทอดมันจุ้ง"




     ติณณ์พูดเยอะขึ้นแล้ว




     น่ารักขึ้นเป็นกอง




     "ทำไมถึงเรียกจุ้งล่ะ"




     "ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนเด็กๆเวลาแม่เชียร์ให้ทานกุ้ง ชอบเรียกจุ้งๆๆทุกที ผมเลยติดมา"




     "หรอ น่ารักดีนะ" ธารายิ้มจนรู้สึกเมื่อยแก้มหน่อยๆ "งั้นทานได้เลย อยากทานจุ้งจะแย่แล้วสิ"




     พอเจ้าภาพอนุญาต เด็กหนุ่มยิ้มร่า หยิบกุ้งหัวโตๆตัวหนึ่งใส่จานน้อยของตัวเอง มือเรียวบิดส่วนหัวและหางออกจากกัน ดวงตากลมส่องมันกุ้งสีส้มๆเยิ้มๆในหัวอย่างที่ชอบทำ พอเห็นว่ากุ้งตัวนี้มันเยอะก็ดีใจ อดจะอวดอาธารไม่ได้จริงๆว่า ดูตัวนี้สิครับ มันเยอะมากเลย อย่างที่ธาราเห็นแล้วเอ็นดูจับใจ




     ติณณ์บรรจงแกะกุ้งเข้าปากอย่างมีความสุข เปลือกสีส้มกองเต็มจาน มือเรียวเปื้อนไปด้วยกลิ่นกุ้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ใจจดใจจ่ออยู่กับการแกะกุ้งตัวต่อไปในจาน แต่แล้วก็มีคนยื่นกุ้งในสภาพเปลือยเปลือกก็เข้ามาอยู่เฟรมสายตา อาธารแกะกุ้งให้เขา แถมตามมาด้วยหัวกุ้งแบบที่พร้อมทาน




     "ขอบคุณครับ อาธารไม่ทานหัวกุ้งหรอครับ"




     "คลอเรสเตอรอลสูง ไม่ค่อยดีกับคนอายุอย่างอาเท่าไหร่ ติณณ์เอาเลย"




     อาธารแกะให้ติณณ์สลับกับแกะให้ตัวเอง ติณณ์เกรงใจนะ แต่ถ้าห้ามอาธารนั้นเปล่าประโยชน์แน่ๆ เขาเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มแกะปูทานมากกว่าแกะกุ้งเข้าปาก ให้เดาก็คือ อาธารชอบทานปูมากกว่า แต่ติณณ์ไม่ชอบเพราะมันแกะยาก ตัวอะไรไม่รู้ กระดองก็แข็ง เนื้อก็น้อย แกะยาก มีเปลือกซับซ้อนไปหมด กว่าจะได้ทานมือคงเปื่อยเสียก่อน




     แต่ข้อเสียเหล่านั้นดูจะทำอะไรอาธารไม่ได้ เพราะมือใหญ่นั้นแกะอย่างไวเหมือนกับผู้เชี่ยวชาญ เหมือนบิดนิดสะกิดหน่อยก็ได้เนื้อสวยๆพร้อมทานแล้ว ในขณะเดียวกันอาธารก็ยังแกะกุ้งให้ติณณ์อยู่ จนเขาแทบจะทานไม่ทันอยู่แล้ว




     ทำไมอาธารต้องมานั่งแกะให้ฝ่ายเดียวด้วย ไม่เห็นยุติธรรมเลย




     เด็กติณณ์หยิบปูนึ่งสีส้มๆมาใส่จานตัวหนึ่ง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าทางร้านทุบเปลือกมาให้แล้วประมาณนึง จึงไม่ต้องลำบากใช้มืองัดแงะเท่าที่กังวล แต่มันก็ยากสำหรับคนไม่นิยมทานปูอยู่ดี มือเล็กพยายามแกะเปลือกอันซับซ้อนเพื่อให้ได้เนื้อปูสีขาวๆอย่างลำบาก ทำไมพอทำเองแล้วไม่เหมือนที่อาธารทำเลย รายนั้นทำอย่างกับกำลังปอกกล้วยเข้าปาก




     ธาราเห็นเด็กที่ไม่ได้แตะปูมาสักพักก็เริ่มทะเลาะกับการแกะสัตว์ทะเลกระดองแข็ง คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันเมื่อทำอะไรแล้วไม่ได้ดั่งใจ มองแล้วช่างน่าสงสาร เลยแกะเนื้อส่วนกรรเชียงสวยๆไปวางบนจานอีกฝ่าย ดวงตากลมละสายตาจากศัตรูของตัวเองแล้วมามองสิ่งใหม่ก็อยู่บนจาน ธาราคาดหวังว่าว่าติณณ์จะดีใจ แต่ไม่เลย กลับทำปากยู่ๆบวกกับหน้ามุ่ยๆนั่นอีก




     เขาทำอะไรผิดงั้นหรือ?




     "เห็นเราแกะอยู่นานแล้วยังไม่ได้ทานสักที ให้อาแกะให้ไหม?"




     "ไม่เป็นไรครับ"




     ไม่ว่าเปล่า มือเล็กยังคงทะเลาะกับปูของตัวเองต่อไป ทิ้งกรรเชียงสวยๆของธาราไว้ตรงจานอย่าไม่ไยดี ธาราสงสัยว่าติณณ์เป็นอะไร แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป จนกระทั่งติณณ์แกะปูของตัวเองสำเร็จทุกสัดส่วน เด็กหนุ่มถอนหายใจด้วยความเหนื่อยพลางระบายยิ้มสวยๆออกมา ก่อนที่จะยื่นจานปูที่ตัวเองแกะเองให้ผู้ใหญ่




     "หืม?" ธาราส่งเสียงในลำคออย่างแปลกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายก็ยื่นจานให้




     "ผมแกะให้"




     พอได้ยินแบบนั้นธาราก็ยิ้มออกมา "ทำไมล่ะ?"




     "ก...ก็อาธารยังแกะให้ผมเลย ผมอยากแกะให้อาธารบ้าง"




     ถ้าไม่ติดว่ามือเลอะ ธาราคงยื่นมือไปลูบผมนุ่มๆนั่นด้วยความรักใคร่แล้ว




     เด็กอะไร น่ารักเป็นบ้า








     (ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่10 (20.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 27-04-2019 18:38:04
     หลังจากพ้นมื้อกลางวัน ธาราพาเด็กมาเล่นน้ำทะเลตามสัญญา ติณณ์รู้สึกตื่นเต้นเวลาเท้าเปลือยๆเหยียบพื้นทรายหยาบๆจนมันเข้าซอกเท้าเต็มไปหมด เด็กหนุ่มย่างก้าวอย่างหวาดระแวงเพราะปูลมตัวเล็กๆวิ่งไปมากันเยอะแยะ กลัวว่าจะไปเหยียบมันเข้า เมื่อเข้าใกล้ระยะของคลื่นทำให้ผืนทรายชื้นแฉะเหยียบสบายเท้ามากขึ้น จนกระทั่งฟองคลื่นเข้ามาซอนไชตามซอกเล็บแทนเม็ดทราย




     ติณณ์มองแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของอาธาร อีกฝ่ายใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำสีเข้ม กับท่อนบนที่เปลือยเปล่าอวดลายกล้ามเนื้อราวรูปปั้นของเทพเจ้าสักองค์ สายตานับสิบมองมาที่ผิวสีแทนสวยของอาธารอย่างตาค้าง ตัดภาพมาที่ติณณ์ เขาใส่เพียงเสื้อยืดสีดำกับกางเกงขาสั้นธรรมดาๆ พอมาเดินคู่กับอาธารแล้วมันรู้สึกถึงความต่างอย่างพิลึก




     ธาราเดินนำเด็กหนุ่มอยู่ไม่ไกล พอเดินมาเรื่อยๆจนระดับน้ำถึงเอวก็กลัวว่าคลื่นจะซัดร่างบอบบางนั่นปลิวหายไปไหนเสียก่อน จึงคว้ามือเล็กมาจับให้มั่นกันคลื่นซัด กระทั่งความดันน้ำมันมาดันอยู่แถวๆระดับอก อันที่จริงติณณ์หยุดเล่นน้ำในระดับนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะว่ายน้ำไม่แข็ง แต่อาธารทำท่าจะเดินไปลึกกว่านี้ ติณณ์เลยฝืนตัวเองโดยอัตโนมัติ




     เมื่อธาราสัมผัสได้ว่ามืออีกคนที่จูงมาด้วยกันเริ่มขืนตัว ไม่ยอมเดินหน้าไปกับเขา จึงหันไปมองอย่างสงสัยก็เห็นได้ว่า ติณณ์มีสีหน้าเป็นกงวัลอย่างเห็นได้ชัด




     "ผมว่ายน้ำไม่แข็งครับ"




     "อ้าว ทำไมไม่บอกอาก่อนล่ะ จะได้ซื้อห่วงยางมาให้"




     "ปกติผมเล่นน้ำระดับนี้ก็ได้ครับ"




     ร่างสูงกำลังแตกแขนงความคิดเพื่อแก้ปัญหานี้




     หนึ่ง เดินกลับไปซื้อห่วงยางมาให้ติณณ์




     สอง ปล่อยให้ติณณ์เล่นตรงนี้ แต่มันไม่เหมาะกับความสูงของเขา




     สาม ไปที่ระดับน้ำที่เหมาะสมกับเขา แล้วก็ทำตัวเองให้เป็นห่วงยางให้ติณณ์




     ธาราชอบข้อสาม




     "มากับอานะ" ธาราจับมือแน่น "เดี๋ยวอาเป็นห่วงยางให้เอง"




     "ครับ?"




     "เกาะอาไว้ไง อาจะพาเล่นน้ำเอง ไม่ต้องห่วง ปลอดภัยแน่นอน"




     ข้อเสนอนั้นทำเอาติณณ์หัวหมุน "ไม่เป็นไรครับ ผมเล่นตรงนี้ก็ได้"




     "จะให้อาปล่อยเด็กไว้แถวนี้คนเดียวหรือไง หืม ไปกับอานะ ถ้าอาเล่นคนเดียวต้องเหงาแน่ๆ"




     ติณณ์เม้มปากอย่างลังเลสักพัก สุดท้ายก็ต้องเดินฝ่าคลื่นตามอาธารไปอีกระยะหนึ่ง เขาคิดว่าลองเล่นน้ำที่ลึกกว่านี้น่าจะโอเคถ้ามีอาธารอยู่ด้วย เมื่อระดับน้ำไต่มาถึงลำคอขาว อาธารจับข้อมือเล็กๆทั้งสองข้างมาคล้องคอตัวเอง ส่งผลให้ร่างเล็กลอยเข้ามาประชิดกล้ามเนื้อ น้ำทะเลก็ออกจะเย็นแต่กลับมีไออุ่นของเด็กตรงหน้าเข้ามาแทรก สีหน้าของติณณ์เริ่มมีอาการระแวงขึ้นมาเล็กน้อย จึงประคองเอวบางๆนั่นไว้เพื่อความปลอดภัยอีกขั้น




     กระทั่งฝ่าเท้าของทั้งคู่ลอยขึ้นเหนือผืนทรายใต้น้ำ บวกกับคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดเข้ามา ทำเอาติณณ์หน้าซีดพลางเกาะร่างกายแกร่งแน่นขึ้น ทำให้ระยะของทั้งคู่ชิดกันจนใบหน้าอยู่ห่างกันแค่คืบ มือใหญ่สัมผัสได้ว่าเอวเล็กๆที่มันกำลังสั่นระริก ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากัน ดวงตากลมสั่นไหวอย่างหวาดกลัว เป็นอาการที่สรุปได้ว่า ติณณ์กลัว




     ก็น่าสงสารนะ แต่ทำไมถึงดูน่ารักมากกว่า




     "กลัวหรอ?"




     "ค...ครับ"




     "ไม่ต้องกลัว อาอยู่นี่ ไม่เป็นอะไรหรอก"




     ติณณ์พยักหน้ารับ และจำประโยคที่อาธารพูดเมื่อกี้แล้วเปิดเทปเสียงนั้นวนเวียนในหัวซ้ำไปซ้ำมา อย่างกับจะกล่อมตัวเองไม่ให้กลัว ติณณ์ไม่เคยว่ายน้ำในระดับที่เท้าตัวเองไม่ถึงพื้น มีอาธารให้เกาะมันสบายก็จริงแต่ก็อดกลัวไม่ได้ ยิ่งมีคลื่นลูกใหญ่ซัดมายิ่งทำให้ติณณ์เกาะแน่นจนอีกนิดปลายจมูกจะชนกันอยู่แล้ว เขาอยากงอแงจะขึ้นฝั่งไปเล่นทราย แต่นี่มันเพิ่งจะแปปเดียวเอง เขาอยากให้อาธารได้เล่นน้ำ




     แต่ธาราเห็นเด็กในความดูแลท่าทางจะไม่ไหว แม้พยายามปกปิดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแค่ไหน แต่แววตาสั่นๆนั่นมันโกหกความกลัวไม่ได้ เขาหันไปมองโขดหินที่อยู่ด้านซ้าย ก่อนจะแหวกว่ายพาตัวเองและติณณ์ไปพักตรงโขดหินนั้น ธาราใช้เท้าข้างหนึ่งยันตัวเองไว้กับของแข็งนั้น กับแขนทั้งสองข้างก็ยันหินนั้นไว้เช่นกัน ราวกับกักอาณาเขตของติณณ์ไปเสียหมด เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอกเมื่อแผ่นหลังตัวเองมีสิ่งแข็งแรงยึดเอาไว้ อย่างที่ธารามองแล้วก็โล่งอกไปด้วย




     "กลัวขนาดนั้นเลยหรอ?"




     "ครับ ผมไม่เคยมาลึกขนาดนี้เลย" ปากเล็กตอบอย่างสั่นๆเพราะความกลัวและความหนาว




     "โอ๋ๆ อยากขึ้นฝั่งไหม?"




     "ยังไหวอีกนิดครับ




     "หรอ" ธาราขำ "แต่หน้าเราไม่ไหวแล้วนะ"




     สภาพติณณ์ตอนนี้เหมือนลูกแมวตกน้ำ ปอยผมเปียกลู่ไม่เป็นทรงจากการถูกคลื่นสาด ดวงตากลมฉายแววความเกร็ง ความกลัว ความไร้เดียงสาออกมาอย่างปิดไม่มิด มีน้ำเอ่อหล่อเลี้ยงดวงตาทำให้อวัยวะทรงอัลมอนด์นั้นเหมือนแก้วใสๆ ปลายจมูกแดงก่ำพอๆกับริมฝีปากที่ดูคล้ายลูกเชอร์รี่สดที่มีหยดน้ำเกาะแพรวพราว อย่างที่มองแล้วอยากใช้ฟันคมกัดลงไปลิ้มรสว่ามันจะหวานสักแค่ไหน เนื้อข้างในจะฉ่ำเหมือนเปลือกนอกหรือไม่




     ปากแดงๆน่ากินอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับทำอะไรไม่ได้




     อยู่ๆบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ มันไม่ได้เงียบแบบสบายใจแต่กลับมีความรู้สึกอะไรบางอย่างเข้ามาแล่นในใจติณณ์ เป็นเพราะแรงดันน้ำข้างใต้หรือเปล่านะ หรือว่าเป็นสายตาคู่นั้นที่มองมา




     ติณณ์เสหน้าไปมองวิวทะเล เพราะรู้สึกประหม่ากับการที่อาธารมองแบบนี้ แม้ไม่ได้สบตาตรงๆก็รับรู้ได้ว่านัยน์ตาคมนั้นมันวาว เปล่งประกาย เขาเคยกลัวสายตาแบบนี้ แต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ความร้อนผาวปรากฏขึ้นบริเวณพวงแก้มใสจนเจ้าตัวคิดว่ามันคงแดงแน่ๆ




     เมื่อไหร่ไม่รู้ที่อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่าลมหายใจอุ่นร้อนของอีกฝ่ายค่อยๆเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ตอนแรกติณณ์นึกว่าตัวเองคิดมากไปเอง แต่แล้วสายตาคมกริบราวจะปลดเปลื้องเขาไปทั้งร่างก็ขยับเข้าใกล้จนเด็กหนุ่มเห็นใบหน้าตัวเองในดวงตาวาวๆนั้น ทั้งๆที่อาธารไม่ได้ล็อคตัวเขาอย่างเคยแต่กลับไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่ปลายนิ้ว ติณณ์ทำอะไรไม่ถูกจนลมหายใจอุ่นรดริมฝีปากตัวเอง ดวงตากลมหลับตาปี๋อัตโนมัติทำใจรับสัมผัสในจินตนาการ




     ฟอด...




     "!?"




     กลายเป็นว่าสัมผัสอุ่นๆมันไปแนบอยู่ตรงพวงแก้มนิ่มแทน ปลายจมูกโด่งกดลงไปที่แก้มฟูๆนั้นแล้วสูดความบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด ตอหนวดเล็กๆทิ่มเนื้อเนียนนั้นจนเจ้าของร่างจั๊กจี๊แต่ไม่ยอมเบือนหน้าหนี เมื่อธาราเห็นแบบนั้นจึงประทับลงบนแก้มอีกข้างอย่างกลัวน้อยใจ พรมจูบเบาๆราวกับจะทะนุถนอมไม่ให้ช้ำเนื้อ




     ทำอะไรปากแดงๆนั่นไม่ได้ งั้นขอแค่แก้มแดงๆนี่คงจะไม่ว่ากันใช่ไหม




     ติณณ์ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันถูกต้องหรือเปล่า ก้อนเนื้อในอกมันเต้นรัวเป็นหลักฐานว่าเขาเขินอาย ไม่รู้ด้วยว่าอาธารทำแบบนี้ทำไม ในเชิงชู้สาวหรอ ไม่น่าใช่ เพราะอาธารไม่ค่อยพูดจาที่ส่อไปทางนั้นเท่าไหร่ หรือจะเป็นแค่ผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็ก? ไม่รู้สิ ติณณ์ไม่เคยมีพ่อ ไม่รู้ว่าการที่ผู้ชายที่อายุมากกว่าหลายปีทำแบบนี้มันเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า




     ก่อนที่จะสงสัยอะไรไปกว่านี้ คนขโมยหอมแก้มก็ละใบหน้าออกมามองตากัน สายตาที่เคยมันวาวกลายเป็นดูอิ่มเอม เหมือนเพิ่งทำอะไรสาแก่ใจมาเรียบร้อย ส่งผลให้ติณณ์แสดงความสงสัยที่อยู่ในใจผ่านสีหน้าของตัวเองอย่างชัดเจน




     "น่ารัก"




     เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยออกมาเพียงสองพยางค์




     สองพยางค์ที่ทำให้ติณณ์แทบหลอมละลายเป็นผืนเดียวกับน้ำทะเลนี้







     เวลาล่วงเลยไปนานหลังจากทั้งคู่กลับมาจากชายหาดจนดวงตะวันโคจรครบรอบจนถึงเวลาบอกลาขอบฟ้า จันทราและดวงดาราเข้ามาประดับแทนที่นภามืดๆ ธาราออกมานอนจิบเบียร์กระป๋องตรงเบาะหน้าบ้านพัก ส่วนติณณ์ไม่กล้าออกมาด้วย ตั้งแต่โดนหอมแก้มก็ไม่กล้าสบตาผู้ใหญ่ และรู้สึกประดักประเดิดทุกการกระทำ เขาเอาแต่นั่งเล่นกับถุงเงินในห้องจนไม่รู้จะเล่นอะไรด้วยแล้ว หนังสือก็อยากจะพักกับมันเสียบ้าง ยอมรับว่าเหงา เหงาเวลาที่ไม่มีอาธารอยู่ด้วย




     คนตัวเล็กเปิดประตูอย่างไม่กว้างนัก ดวงตาสีเข้มส่องคนที่อยู่ข้างนอกผ่านช่องเล็กๆ อาธารอยู่ตรงนั้น แถมข้างนอกลมก็ดีด้วย ติณณ์อยากออกไปนอนตากลมตรงนั้นบ้าง แต่ติดว่ามันไม่กล้า... ริมฝีปากบางขบเม้มเข้าหากันแน่น ทะเลาะกับตัวเองในความคิดสักพัก ก่อนจะกลั้นใจพาร่างตัวเองออกไปนอนแหมะบนเบาะข้างๆผู้ใหญ่




     "ว่าไง เหงาหรอ?" ธาราว่าพลางจิบเบียร์อย่างสบายอารมณ์




     "ครับ"




     "ดีเลย มานอนดูดาวเป็นเพื่อนอาหน่อย อยู่คนเดียวมันเหงา"




     ติณณ์เงยหน้ามองฟ้า เห็นแต่พระจันทร์ดวงกลมๆเล็กๆสีเหลือง แต่กลับไม่เห็นดาวสักดวง "ไม่เห็นมีดาวเลย"




     "มีนะ ลองมองดีๆ แถวนี้ไฟมันเยอะเลยเห็นไม่ชัด แต่ลองมองดีๆสิ"




     "ผมมองไม่เห็น"




     "ติณณ์สายตาสั้นหรือเปล่า?"




     "ไม่ครับ แต่ผมไม่เห็นจริงๆนะ"




     "นั่นไง ดวงสว่างๆนั้นน่ะ" ธาราชี้ไม้ชี้มือไปบนฟ้า




     "นั่นมันเครื่องบินไม่ใช่หรอครับ?"




     "โอ้ะ นั่นสินะ" ธาราหัวเราะกับมุกฝืดๆของตัวเอง ติณณ์ได้แต่มองมาอย่างงงๆ




     "อาธารเมาหรือเปล่า"




     "หืม อย่างอาเนี่ยนะจะเมา ไม่หรอก อาคอแข็งกว่าที่ติณณ์คิดเยอะ"




     ติณณ์มองเครื่องดื่มมึนเมาในรูปแบบกระป๋องในมือใหญ่นั้นอย่างสงสัยว่าทำไมคนเขาถึงชอบดื่มกัน ติณณ์เคยลองชิมแล้วพบว่ามันไม่อร่อย แถมไม่ดีต่อสุขภาพด้วย แต่ทำไมมันถึงเป็นที่นิยมนะ




     "เคยดื่มไหม?" มือใหญ่ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นโชว์อีกฝ่าย เมื่อเห็นเด็กข้างๆจ้องวัตถุในมือตาไม่วาง




     "เคยเมื่อนานมาแล้วครับ แต่ผมไม่ชอบ"




     "หึๆ ดีแล้ว เด็กดี"




     "แต่...มันนานมาแล้ว" ติณณ์คิดอยากลองอีกสักครั้ง "ผมอยากรู้ว่าตอนนี้จะยังไม่ชอบอยู่หรือเปล่า"




     ธารายิ้มให้กับความอยากรู้อยากเห็นนั้น ให้เด็กลองภายใต้ความดูแลของเขาดีกว่าไปลองกับใครที่ไหนไม่รู้ พอคิดแบบนั้นเขาก็ยื่นกระป๋องเย็นๆให้คนข้างๆ เด็กหนุ่มรับมันมาดมๆเหมือนแมวก่อนที่จะกระดกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าปาก พอรสขมกลืนลงคอเข้าไป ใบหน้าอ่อนวัยก็ทำหน้าเหยเก อย่างที่ไม่ต้องถามซ้ำว่าชอบหรือไม่




     "ขม"




     "ขมสิ" ธาราหัวเราะอย่างเอ็นดู "ไม่ชอบน่ะดีแล้ว ไม่ใช่ว่าดื่มไม่ได้ อย่าบ่อยก็พอ แต่ทางที่ดีอย่าแตะเลยดีกว่า ช่วงนี้อาก็ไม่ค่อยดื่มแล้ว"




     "ทำไมล่ะครับ"





     ริมฝีปากบางเฉียบกระดกเครื่องดื่มเข้าปากอึกหนึ่งก่อนจะหันมาตอบ "กลับบ้านดึกเดี๋ยวมีเด็กร้องไห้"




     ...




     อาธารรู้...




     อาธารมองมาที่เขาอย่างกับว่าอ่านออกทุกๆอย่าง ติณณ์เม้มปากตัวเองอีกครั้ง มิน่าล่ะ หลังจากวันนั้นอาธารก็ไม่เคยบอกว่าจะกลับดึก หรือจะไปสังสรรค์อะไรอีกเลย ติณณ์นอนหลับสบายทุกคืนจนมาถึงทุกวันนี้เพราะอาธารเลิกออกไปดื่มงั้นหรือ?




     ติณณ์เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีค่าก็คราวนี้




     เด็กหนุ่มไม่รู้จะอธิบายความตื้นตันนี้เป็นคำพูดอย่างไรดี เลยได้แต่นิ่งเงียบเป็นเวลานาน มีเพียงเสียงสายลมที่พัดผ่านผิวกายและผิวหน้า ผมหน้าม้ามันเข้าหน้าเข้าตาติณณ์อีกครั้ง จนเขาต้องสะบัดออกเป็นระยะๆอย่างรำคาญ เห็นแบบนั้นแล้วธาราก็นึกได้ว่าตอนออกไปซื้อเบียร์เมื่อเย็นเขาเจอร้านขายของชำร้านหนึ่ง มีของขายเยอะแยะมากมายแต่มีสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาเขาเป็นพิเศษ คือที่คาดผมหูแมว




     ธาราซื้อมาอย่างไม่ลังเล เพราะเห็นแล้วนึกถึงแมวบางตัว




     ที่คาดผมหูแมวถูกหยิบออกมาจากถุงพลาสติกใบเดียวกับที่บรรจุกระป๋องเบียร์ ติณณ์ได้แต่มองตามอย่างงๆว่าอาธารซื้อมาทำไม มันดูไม่เหมาะกับใครที่นี่เลยสักคน




     "อาธารซื้อมาทำไม—" พูดไม่ทันขาดคำ ที่คาดผมนั้นก็มาอยู่บนศีรษะโดยฝีมือคนที่ซื้อมา




     "ก็เห็นว่าผมชอบปิดหน้าปิดตาเรานี่"




     ธารามองเด็กที่ใช้มือจับๆคลำๆผ้าสามเหลี่ยมทรงหูแมวบนศีรษะตัวเอง เขามองภาพนั้นด้วยความภาคภูมิใจที่คิดไม่ผิดว่าติณณ์เหมาะกับที่คาดผมหูแมวนี้มากๆ สองหูเล็กๆที่เทาสีโผล่ขึ้นมาตรงซอกผมมันทำให้ติณณ์น่าฟัดมากกว่าเดิมเสียอีก แล้วถ้ามีหางอีก จะน่ารักขนาดไหนกัน?




     เจ้าของผลงานเอื้อมมือไปลูบหูเทียมนิ่มๆนั้นบ้าง  ซึ่งติณณ์ก็ปล่อยตามใจอีกฝ่าย แต่แล้วไม่ทันได้ตั้งตัว นิ้วสากๆนั้นเคลื่อนมาที่ใบหูจริงๆของเขาหน้าตาเฉย




     ร่างสูงสนใจใบหูเล็กๆขาวๆนี่มากกว่า เรียวนิ้วไล้ไปตามกรอบอวัยวะ นิ้วชี้ทำหน้าที่ลูบไล้หลังหู ส่วนนิ้วโป้งก็ทำหน้าที่บีบติ่งหูนิ่มเบาๆ ไม่นานเกินรอใบหูสีขาวๆก็กลายเป็นสีแดงก่ำจากการที่เขาเล่นอวัยวะนี้อย่างเพลินมือ




     "อ๊ะ!" ติณณ์ร้องออกมาอย่างจั๊กจี๊เมื่อปลายนิ้วอีกคนเริ่มชอนไชเข้าไปด้านในหูอย่างซุกซน




     หารู้ไม่ เสียงนั้นมันไปกระตุกต่อมบางอย่างของธารา




     นิ้วซุกซนคอยรังแกใบหูน่ารักจนมันแดงก่ำอย่างกับลูกมะเขือเทศ ผสานกับเสียงครางฮือด้วยความจั๊กจี๊ทำให้ธาราตาวาวขึ้นมาอีกครั้ง ติณณ์มองคนตรงหน้าที่ดูเหมือนสติหลุดลอยไปที่ไหนสักแห่ง ไหนจะตาเยิ้มๆนั่นอีก หรืออาธารจะดื่มมากไป




     "อาธารเมาแล้วนะครับ"




     "หึ นั่นน่ะสิ ใครจะไปคอแข็งแบบติณณ์นะ" ปลายนิ้วชี้เปลี่ยนมาลูบไล้ลูกกระเดือกสวยๆนั้น "หืม ก็ไม่เห็นจะแข็งนี่"




     "ผมไม่ได้ดื่มสักหน่อย...ฮ...ฮื่อ!"




     ติณณ์ร้องอย่างตกใจเมื่ออาธารหอมแก้มเขาอีกครั้ง




     ไม่สิ ไม่ควรเรียกว่าหอม ควรเรียกว่าฟัด




     มันไม่ใช่การกดจมูกลงผิวเนื้อแล้วสูดลมหายใจอย่างเก่า แต่เป็นการไล้ปลายจมูกบริเวณพวงแก้มอย่างคลอเคลีย ริมฝีปากไม่เพียงประทับลงจูบไปแต่เป็นการขบเม้มเบาๆอย่างกับจะกลืนกินเข้าไป อีกทั้งตอหนวดสากๆคอยรุกรานผิวเนื้อนุ่มให้ขึ้นสีมากกว่าเดิม ติณณ์จั๊กจี๊แต่ทำอะไรไม่ได้ คราวนี้เขาขยับตัวเองได้นะ แต่อาธารกลับจับล็อคแล้วเรียบร้อยแล้วนี่สิ




     "ฮื่อ อาธาร มันจั๊กจี๊"




     เสียงใสๆเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาธาราไปอย่างสิ้นเชิง เขาถูกแก้มฟูๆนี้มอมเมาหาใช่ฤทธิ์แอลกอฮอล์ ร่างสูงลุกจากเบาะของตัวเองแล้วมันขึ้นคร่อมร่างเล็กๆเพื่อคลอเคลียกับพวงแก้มนุ่มนิ่มนี้ ทั้งบริสุทธิ์ ทั้งหอมหวาน ทั้งนุ่มเหมือนแป้งซาลาเปาขาวๆ ทำเอาธาราอยากจะฟัดให้ช้ำเนื้อแล้วกัดกินให้เหลือแม้แต่ซาก




     มุมต่ำของสายตาคมกริบ คือลำคอเนียนๆที่มีขี้แมลงวันจุดเล็ก เอ็นกระดูกเส้นยาวสวย ร่องไหปลาร้าน่าซุกไซ้ ลึกลงไปอีกคงเป็นแผ่นอกที่มีเม็ดทับทิมสีชมพูแต่งแต้ม แต่เพียงถูกเสื้อยืดบดบังไปเสียหมด




     กลัวว่าจะทนไม่ไหวเอาน่ะสิ




     ธาราละใบหน้าตัวเองออกมาด้วยความเสียดายก่อนที่จะถอนหายใจ "ไปนอนได้แล้ว"




     "??" ติณณ์ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน เมื่อกี้ยังมาหอมแก้มแรงๆอยู่เลย คราวนี้มาไล่ให้ไปนอนเสียอย่างนั้น "แต่ผมยังไม่ง่วงนะครับ"




     "นั่นแหละ เข้านอนเถอะเด็กดี เชื่ออานะ"




     "แต่—"




     "ถ้าไม่ไปนอนอาจะฟัดแก้มติณณ์ให้ช้ำเลยนะ"




     เด็กติณณ์ปิดปากฉับแล้วกุลีกุจอวิ่งเข้าบ้านพักไป ธารามองตามแล้วถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่ลูกชายเขามันยังไม่ตื่นตัว




     ท่องเอาไว้




     นั่นลูกเพื่อน









talk.
อาธารรรรรรรรรรฟัดแจ้มน้องช้ำหมดล้าวววววววว แง แต่งตอนนี้ไปอยากทะลุเข้าไปฟัดน้องเอง ; - ;
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: _jinxpy ที่ 27-04-2019 19:31:10
น้องติณณ์น้องน่ารักมากเลยยแงงลูกกกกมีแกะปูให้อาธารด้วยย
ส่วนอาธารอย่ากินน้อง!!!
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-04-2019 21:04:27
ออร่าความน่ารักพุ่งสูง...งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-04-2019 22:11:30
อันตรายมากนะหูแมวเนี่ย
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-04-2019 22:22:53
อาธารเกือบไปแล้วยั้งอารมณ์ทัน
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 27-04-2019 23:23:44
 o18 ท่องไว้อาว่าคุก คุก คุก
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-04-2019 00:19:18
แงงงง น้องนุ่มๆฟูๆ น่าฟัดดดดด  :mew1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 28-04-2019 01:07:28
คุณตำรวจจจจจจจจจจ!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-04-2019 01:23:02
น้องน่ารักมากกกกกกก
คุณอาก็อันตรายมากเช่นกัน  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 28-04-2019 01:33:56
 :mew2: เขอนนนนน
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 28-04-2019 19:36:02
น่ารัก^^
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 28-04-2019 19:51:44
ชอบตอนน้องเงยหน้าจ้องอาธารเพราะหิวข้าวอ่ะน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 29-04-2019 07:23:22
ฮือออ รออาธารตบะแตกอยู่น้สาาส :z1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 03-05-2019 20:38:08
ตอนที่ 12     


     วันนี้อาธารตื่นสายอีกแล้ว



     ความจริงก็ไม่นับว่าสายเท่าไหร่สำหรับคนทั่วไป แต่พอเป็นอาธารที่เวลา7โมงกว่าๆแล้วยังคงวนเวียนในนิทรา นี่ไม่ใช่เรื่องที่ติณณ์เห็นบ่อยๆ เชื่อแล้วว่าคงจะอยากมาพักผ่อนจริงๆ คนที่ตื่นขึ้นก่อนมองคนที่กอดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่ปลุกคนที่กำลังหลับสบาย ลำตัวบางค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากพันธนาการนี้อย่างแผ่วเบา เบาพอที่จะไม่ทำให้ใครอีกคนรู้สึกตัว เมื่อตนเองได้รับอิสระภาพจึงเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย แต่งตัวแบบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นง่ายๆก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วมุ่งหน้าไปร้านสะดวกซื้อหน้ารีสอร์ทตามลำพัง



     วันนี้ติณณ์อยากทานแซนด์วิชอบ จะปลุกให้อาธารพาไปเซเว่นด้วยก็ใช่เรื่อง



     คนอยากอาหารเช้าเดินกินลมชมวิวอย่างไม่เร่งรีบ ปกติแล้วเขาไม่ค่อยออกมาเดินนอกอาคารในเวลาเช้าๆแบบนี้บ่อยๆ ถ้าเป็นวันธรรมดาก็จะหมกตัวอยู่ในห้องจนกว่าจะเข้าแถว ถ้าเป็นวันหยุดก็จะหมกตัวอยู่ในห้องเหมือนกัน แต่คงต้องโทษที่ช่วงนี้ตัวเองเกิดกลับมาอยากอาหาร ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ เขาสามารถนั่งรออาธารตื่นยันเที่ยงโดยไม่มีความรู้สึกหิวแม้แต่น้อย



     มัวแต่คิดนู่นคิดนี่ อยู่ๆตัวเองก็มาอยู่ในเซเว่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ติณณ์ใช้เวลาอันน้อยนิดในการเลือกไส้แซนด์วิช เขาเลือกนมสดรสจืดหนึ่งกล่องกับแซนด์วิชแฮมชีสให้ตัวเอง ไม่สิ ต้องเป็นนมจืดสองกล่อง เอาไว้ทานกับซีเรียลและผลไม้อบแห้งสำหรับอาธาร ถ้าซื้อแบบที่ตัวเองทานไปให้อีกฝ่ายล่ะก็ คงต้องโดนรัดด้วยกล้ามแน่นๆนั่นแน่เลย



     ติณณ์เดินวนเวียนอย่างไม่รู้ว่าที่ไหนคือที่ของตัวเองเพราะกำลังรอแซนด์วิชอบ พอพนักงานขานว่าอบเสร็จแล้วก็รีบไปรับสินค้ามาตรงเคาน์เตอร์ที่มีลูกค้าหน้าตาคุ้นๆกำลังจ่ายเงินเสร็จพอดี



     "ล...ลูกค้าคะ! เงินทอนค่ะ!" พนักงานหญิงที่ให้บริการลูกค้าคนนั้นร้องออกมาเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็พบแต่ความว่างเปล่า ลูกค้าผู้ชายคนนั้นเดินออกจากร้านอย่างไวโดยไม่สนเงินทอน อย่างที่ติณณ์ก็มองเห็นทุกเหตุการณ์



     "เดี๋ยวผมเอาไปให้ครับ"



     ติณณ์อาสาเอาเงินทอนไปให้ลูกค้าคนนั้น พนักงานสาวขอบคุณยกใหญ่อย่างที่เขาก็สงสัยว่าไม่กลัวว่าเขาจะขโมยเงินทอนนี้ไปหรือ? แต่ช่างมันเถอะ ไม่ได้อยากจะขโมยอยู่แล้ว เด็กหนุ่มวิ่งตามพี่ผู้ชายคนนั้นไป โชคดีที่ยังไปไม่ไกลนัก วิ่งแปปเดียวไม่ทันเหนื่อยก็ถึงตัวแล้ว



     "พี่ครับ พี่ลืมเงินทอนครับ"



     คนขี้ลืมหันมามองเมื่อรู้สึกว่ามีใครมาดึงตรงหลังเสื้อเบาๆ พอหันหลังไปเท่านั้นต่างฝ่ายก็ต่างตกใจเมื่อเห็นหน้ากัน



     นั่นมันพี่นักศึกษาคนนั้นนี่...



     นั่นมันน้องคนที่มากับหัวหน้านี่...




     "อ้าว น้อง" ชายหนุ่มทำหน้ากระจ่าง พลางมองหน้าเด็กน้อยสลับกับเงินทอนในมือ "เอ้า ลืมไอ้นี่เองหรอ ก็ว่าอยู่เหมือนลืมอะไร เอ้อ ขอบใจมาก ถ้าไม่ได้น้องนี่พี่ไม่มีตังค์หยอดตู้ซักผ้าอะ...ว่าแต่น้องชื่อไรนะ พี่ชื่อซี"



     "ติณณ์ครับ"



     "ขอบใจมากนะติณณ์ บุญคุณนี้พี่จำจนตายอะ" ซีพูดอติพจน์ "แล้วนี่บ้านพักเราอยู่หลังไหน"



     "หลังที่Xครับ"



     "เออ ใกล้ๆกัน มา เดินกลับด้วยกันนี่แหละ"



     ติณณ์เออออห่อหมกตาม เดินกลับบ้านกับพี่ซีอย่างงงๆ พี่คนนี้พูดเก่งมากจนติณณ์สงสัยว่าปกติหายใจทางผิวหนังหรือเปล่า แม้ว่าเขาจะเป็นพวกถามคำตอบคำ แต่รายนั้นสามารถฝอยได้เรื่อยๆ ส่วนมากเป็นเรื่องมีสาระ เช่น พรรณนาสรรพคุณของอาหารเช้าของตัวเองอย่างละเอียด ราวกับจบด้านชีววิทยาหรือเคมีอะไรแบบนั้น ซึ่งติณณ์ฟังแล้วมึนหัว เลยฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ยังคงพยักหน้าหงึกๆตามพอเป็นมารยาทอยู่



     หูทั้งสองข้างรับคลื่นเสียงคนข้างๆมาแต่มันไม่ได้ส่งข้อมูลไปยังสมองเท่าไหร่ หากแต่นัยน์ตาสีดำขลับมันเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวส้มนอนหลับอยู่ข้างทาง ดวงตากลมเปล่งประกายเหมือนได้เจอของเล่น เรียวขาเปลี่ยนทิศทางไปหาแมวตัวนั้นอย่างควบคุมไม่ได้ คนขี้โม้ก็เอาแต่โม้ฉอดๆจนไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้รุ่นน้องข้างๆไม่ได้เดินมาด้วยกันแล้ว



     "เนี่ย เมื่อก่อนพี่ชอบกินผักมาก ขี้นี่ไหลทุกวัน เพราะร่างกายมัน—  อะ อ้าว..."



     นักศึกษาฝึกงานหยุดคุยโวเมื่อได้สติว่าตัวเองกำลังพูดคนเดียวมาได้สักพัก ก่อนที่จะหันซ้ายขวาหาน้องติณณ์คนหน้านิ่งคนนั้น และพบว่าอยู่ๆน้องก็ไปนั่งลูบหัวแมวส้มตรงนั้นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ทำเอาเขาต้องเกาหัวแกรกๆ



     น้องติณณ์เป็นคนที่ชอบทำหน้าตายตั้งแต่แรกเห็น อย่างเมื่อตอนเห็นกันครั้งแรกก็คือตอนที่น้องเอาแต่หลบอยู่หลังหัวหน้า พูดน้อยๆ ไม่ก็แทบไม่พูดเลย ริมฝีปากเหยียดตรงไร้รอยยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มที่มักจะไม่แสดงความรู้สึก แต่มองดีๆแล้วเหมือนมีความเศร้าสร้อยในนั้นตลอดเวลา



     แต่ดันมายิ้มออกมาง่ายๆตอนลูบหัวแมวเนี่ยนะ...



     หนุ่มรุ่นพี่เกือบจะโวยวายแล้วว่าอยู่ๆนึกจะหยุดเดินแล้วทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ แต่พอเห็นรอยยิ้มนั้นไกลๆแล้วใจมันกระตุกแปลกๆ



     เวลายิ้มแบบนี้ น่ามองกว่าทำหน้าตายตั้งเยอะ...






     "ติณณ์! ไปไหนมา อาเป็นห่วงแทบแย่"



     เจ้าของชื่อตกใจแทบตายเมื่อเปิดประตูเข้ามาอาธารก็มีท่าทีร้อนรนใส่เขา เลยยกถุงสินค้าโชว์อีกฝ่าย "ไปเซเว่นมาครับ ซื้อข้าวเช้า"



     "โธ่  วันหลังเอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยสิ เข้าใจไหม" ธาราดุอย่างไม่จริงจัง "ไหน ซื้ออะไรมาบ้างล่ะเรา"



     "ผมซื้อซีเรียลมาให้อาธาร" ติณณ์ว่าพลางล้วงกล่องซีเรียลมาชูให้อีกฝ่ายเชยชม



     ธาราเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย ไม่นึกว่าติณณ์จะซื้อสิ่งที่เขามักจะทานมาให้ แล้วก็ไม่คิดว่าอีกคนจะสังเกตด้วยว่าเขาทานอาหารคุมน้ำหนักบ่อยๆ นี่อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ธาราอยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าติณณ์ก็มีมุมใส่ใจคนอื่นเหมือนกัน



     "น่ารัก" คนตัวสูงโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มฟูๆนั่น จนเจ้าของร่างหยีตาข้างนึงจากการโดนรุกรานใบหน้า "อาหอมแก้มบ่อยๆแบบนี้ ติณณ์รำคาญไหม?"



     "ไม่รำคาญครับ"



     "แล้วถ้าคนอื่นมาหอมล่ะ?"



     "ก็คง...รู้สึกแปลกๆ" ติณณ์จินตนาการ "ผมไม่ค่อยชอบให้คนที่ไม่สนิทมาโดนตัว"



     คนฟังหัวใจพองโต นั่นเป็นการบอกอย่างอ้อมๆว่าธาราอยู่ในรายชื่อคนสนิทของติณณ์ เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีความสำคัญกับเด็กคนนี้มากน้อยแค่ไหน แต่มาได้ขนาดนี้ก็ชื่นใจมากแล้ว



     แต่อันที่จริงธาราค่อนข้างกังวลตอนที่เขาไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปฟัดแก้มนุ่มนั้นได้ กลัวว่าติณณ์จะตกใจจนมองหน้าไม่ติด ซึ่งอันที่จริงก็ควรจะเป็นแบบนั้นถ้าเด็กคนนี้มองว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงแค่อากับหลาน แต่ผลคือติณณ์ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร อาจมีประดักประเดิดตอนแรกๆบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังคุยกับเขาเหมือนเดิม



     "อาทำแบบนี้ ติณณ์ไม่รู้สึกแปลกๆบ้างหรอ?"



     "...นิดหน่อยบ้างครับ"



     ธาราใจหล่นวูบ กลัวว่าติณณ์จะซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ "รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?"



     "ผมอธิบายไม่ถูก" ติณณ์รู้ว่าตัวเองเขิน แต่ไม่แน่ใจกับอาการนั้นว่ามันสมควรพูดออกไปหรือไม่ "หัวใจมันเต้นแรง ผมคงตื่นเต้น? ไม่เคยถูกผู้ใหญ่หอมแก้มแบบนี้เลยนอกจากแม่ ไม่รู้ว่าถ้าผมมีพ่อ พ่อจะทำแบบนี้หรือเปล่า? มันเป็นเรื่องปกติไหมผมก็ไม่รู้ เลยไม่รู้ว่าควรรู้สึกแบบไหนดี..."



     ธารายกยิ้มให้กับความไร้เดียงสานั้น ติณณ์เป็นคนเก่งด้านทฤษฎี แต่กับโลกความจริงนั้นช่างเป็นเด็กน้อย อย่างกับกบในกะลาที่ไม่ค่อยได้เรียนรู้โลกภายนอก



     วันนี้ธาราจะพากบน้อยออกจากกะลาเสียบ้าง



     แต่...เรื่องบางเรื่องเขาก็อยากหลับหูหลับตา ให้ความไร้เดียงสายังคงอยู่กับเขา



     "เรื่องปกติน่ะ เด็กดี ก็เหมือนกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก"



     "แต่ผมอยู่ม.6แล้ว ไม่เด็กแล้วนะครับ" กบน้อยคัดค้านขณะที่ศีรษะตัวเองถูกลูบเบาๆ



     "ถ้าเทียบกับอาน่ะ...ติณณ์เป็นเด็กน้อยไปเลย" ธาราหัวเราะในลำคอ "อาเป็นพ่อเราได้เลยนะ รู้ไหม?"



     "พ่อเลยหรอครับ" ติณณ์หัวเราะให้กับการอุปมาอุปมัยนั้น



     "อื้ม อาก็รุ่นๆเดียวกับแม่เรานั่นแหละ"



     "งั้น..." ติณณ์ไม่เคยมีพ่อ อยากจะรู้ว่าความรู้สึกเวลาพูดว่าพ่อมันเป็นยังไง "ผมขอลองเรียกอาว่าพ่อได้ไหม"



     ธาราชะงักไปครู่หนึ่ง ใช้ความคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง



     "พ่อ..."



     "..."



     "พ่อธาร..."



     "..."



     "พ่อธาร...เรียกแบบนี้ดูแปลกๆไหมครับ?"



     ธารารู้ว่าตัวเองกำลังใช้สายตาแบบไหนมองติณณ์เวลาเจ้าตัวเอ่ยคำนั้น เขาเลยบอกให้เด็กเรียกว่าอาธารเหมือนเดิมจะดีกว่า เรียกพ่อแล้วดูแก่ลงไปอีกเยอะ พอสถานะกลับมาเป็นคุณอาเหมือนเดิมเขาก็โล่งใจ จากนี้ไปมันคงเป็นคำต้องห้ามสำหรับติณณ์



     ถึงแม้ว่าธาราอยากจะให้เด็กคนนี้เรียก'พ่อธาร'ซ้ำๆไปมาใจจะขาด...






     เวลาผ่านไปไม่นานนัก ภาพก็ตัดมาที่อควาเรียมประจำจังหวัด



     อ้อ ไม่ได้มากับอาธารสองคนด้วย แต่แถมมากับคนทั้งแผนกเลยดูวุ่นวาย



     ธาราอยากให้กบน้อยตัวนี้ได้ออกจากกะลาเสียบ้าง เมื่อวานเขาหยวนให้ติณณ์ได้อยู่ในพื้นที่ที่สบายใจเพื่อปรับตัวก่อนวันนึง แท้จริงนั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดหรอก ธาราเองก็อยากใช้เวลากับติณณ์สงบๆด้วย แต่หากวันนี้ปล่อยตามใจให้อยู่แต่กับเขาคงจะไม่ดีเท่าไหร่ หนึ่งคือติณณ์จะเคยตัวเอา ควรจะหัดเข้าสังคมบ้างแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบก็เถอะ สองคือมันจะดูผิดปกติกับคนในแผนกมากเกินไป



     วันนี้เป็นหนึ่งในวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวเลยหลากตาเป็นพิเศษ แทนที่จะหันไปแล้วเจอตู้ปลาสวยๆใหญ่ๆกลับเจอหมู่คนบดบังแทน ธารารู้ว่าติณณ์ไม่ชอบเลยคอยลูบแผ่นหลังบอบบางนั้นอย่างปลอบประโลม กบน้อยที่ไม่เคยได้ออกจากกะลาเดินซ้อนหลังผู้ใหญ่ตลอดเพราะรู้สึกปลอดภัย อาธารเดินไปทางไหนติณณ์ก็เดินไปทางนั้น ไม่คิดจะแยกตัวไปเดินตามลำพังแม้แต่เสี้ยวความคิด



     อย่างที่ซีเห็นแบบนั้นอยู่ตลอด...



     นักศึกษาหนุ่มพยายามหาทางเข้าไปพูดคุยกับรุ่นน้อง แต่สุดท้ายก็มีความกล้าไม่เพียงพอ เพราะคนที่เขาสนใจนั้นเดินตัวติดอยู่กับหัวหน้าแผนก คุณธาราไม่ใช่คนดุหรือคนโหดร้ายถึงขั้นไม่กล้าย่างเข้าใกล้รัศมี ออกจะเป็นคนใจดี เป็นที่รักของลูกน้องเสียด้วยซ้ำ



     แต่ซีคิดว่าเหมือนมีคลื่นพลังงานอะไรสักอย่างที่รู้สึกว่า คุณธาราหวงแหนน้องคนนั้น ถึงขั้นที่เขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง



     "เอ้า คนเขาพามาดูปลา แล้วมึงมายืนเอ๋ออะไรอยู่ตรงนี้" ลูกน้องคนสนิทของธาราเอ่ยทักนักศึกษาหนุ่ม เมื่อเห็นคนอายุน้อยกว่ากำลังยืนเหม่ออะไรอยู่คนเดียวก็ไม่ทราบ



     "เฮียเอก ผมมีเรื่องสงสัยอะ" ซีกระซิบกระซาบ "น้องติณณ์เขาเป็นอะไรกับคุณธาราหรอ"



     "น้องติณณ์น่ะหรอ เขาเป็นลูกชายเพื่อนสนิทของคุณธารา ชื่อคุณมาลิน แต่เธอเสียไปแล้วประมาณสองสามเดือนก่อน คุณธาราเลยมาดูแลให้แทนล่ะมั้ง...เอ้อ แต่กูเพิ่งมาเห็นเขาติดต่อกันช่วงหลังๆ ประมาณหนึ่งเดือนหลังแม่เขาเสียได้" เอกเล่าเรื่อง "ว่าแต่มึงถามทำไมวะ"



     "ผมอยากรู้ไม่ได้หรอเฮีย" ซีบ่นอย่างไม่จริงจัง "แล้ว...ปกติน้องเขาเป็นคนเงียบๆแบบนี้หรอ"



     "ใช่ ตอนนู้นนนน ที่คุณมาลินยังอยู่ เธอเคยพาน้องติณณ์มาที่แผนก เขากลัวทุกคนเลย ตอนนี้ก็ยังดูเป็นแบบนั้น พูดน้อย ไม่ค่อยยิ้ม ดูเศร้าๆ ก็เป็นเรื่องปกติของคนที่เพิ่งเสียคนสำคัญไปน่ะแหละ"



     ซีฟังคำเล่าไป มองคนในสายตาไป ซึ่งโคตรจะย้อนแย้งกับที่เฮียเอกพูดเพราะติณณ์ยิ้มไปพูดเจื้อยแจ้วไปกับคุณธารา



     ทำไมทีกับพี่ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!!



     "ไม่เชื่ออะ เฮียดูนั่นดิ เขาออกจะร่าเริงเวลาอยู่กับหัวหน้า"



     "ก็เขาติดต่อกันมาสักพักแล้วไหมล่ะ แล้วนี่มึงไปเสือกอะไรกับเขา"



     "ผมไม่ได้เสือก...ผมแค่สนใจ"



     "มึงหมายความว่าไง?" ลูกน้องคนสนิทของหัวหน้าหรี่ตามองไอ้เด็กฝึกงาน



     "ก็...น้องเขาน่ารักอะ"



     "นั่นไง กูว่าแล้วเชียว คนกะล่อนอย่างมึง อ้าว แล้วน้องยี่หวา น้องแพร น้องสายไหม น้องออย น้องนั่นน้องนี่ที่มึงคุยอยู่ล่ะ"



     "เฮียอย่าเว่อร์ มีแค่น้องยี่หวากับน้องแพรโว้ย! อ่อ มีน้องออยอีกคนนึงนี่หว่า"



     "นั่นแหละ มึงมันเจ้าชู้ ไอ้ซี" เอกถอนหายใจ "แต่ระวังคุณธาราไว้เถอะ ไปเล่นๆกับน้องเขา คุณเขาหวงนะเออ"



     "หวง? หวงทำไมอะเฮีย เขาไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นา..."



     "มึงไม่รู้อะไร ตอนน้องติณณ์มีปัญหานะ คุณเขาเครียดตลอดเลย เป็นห่วงจนกูนึกว่าลูก" เอกเริ่มใช้เสียงที่เบาลง



     "แต่ผมก็มีสิทธิ์จีบใช่ไหมล่ะ"



     "เออ! ไอ้มีสิทธิ์น่ะมึงมีแน่ แต่มึงมันเจ้าชู้ไอ้ซี ถ้ามึงทำลูกเพื่อนสนิทของหัวหน้าเสียใจล่ะก็ เตรียมฝึกงานไม่ผ่านแน่มึง"



     ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อฟังเฮียเอกเท่าไหร่ ตั้งแต่โดนรอยยิ้มน่ารักๆนั้นหลอกล่อเมื่อเช้านี้ เขาก็ตกหลุมพรางนั้นอย่างไม่รู้วิธีขึ้นมา



     คนเจ้าชู้มองไปที่น้องคนนั้นอย่างหลงใหล หวังว่าติณณ์จะหันมามองกันบ้าง แต่แล้วซีก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนเป็นหัวหน้าเป็นฝ่ายหันหน้ามามองแทน แถมยังมองด้วยสายตาที่เขาเองก็อ่านไม่ออก แต่ที่รู้ๆคือดวงตาคมคู่นั้นแสนจะเย็นชา



     คนที่จะกระชากหัวซีออกมาจากหลุมรักนี้ คงจะเป็นคุณธาราล่ะมั้ง...







(ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่11 (27.04.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 03-05-2019 20:38:29
     อควาเรียมทำพิษกบน้อยของธารา



     หลังจากเดินวนเวียน เบียดเสียดผู้คนในตู้ปลาขนาดยักษ์เสร็จ ติณณ์มีสีหน้าคลื่นไส้หลังจากออกมาจากอควาเรียมนั้น คงจะเป็นเพราะจำนวนคนที่เยอะเป็นพิเศษ เลยอาเจียนออกมาทั้งๆที่ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นผาดโผน หลังจากนั้นก็หลับคอพับคาเบาะรถยนต์ส่วนตัว ธาราไม่กล้าปลุกคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงจึงช้อนตัวอุ้มเด็กน้อยมาวางลงบนเตียงนุ่มๆ



     พอนึกถึงที่อควาเรียมนั้น ธาราก็นึกถึงเรื่องๆนึง...



     แม้ท่ามกลางผู้คนอันมากมายจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่มีสายตาคู่หนึ่งที่เด่ดชัดในสายตาธาราที่กำลังมองมายังติณณ์ นั่นก็คือเด็กฝึกงานที่ชื่อว่าซี เขาเห็นตลอดว่าหนุ่มคนนั้นเอาแต่มองคนในความดูแลของเขา มองด้วยสายตาที่ธาราก็อ่านออกว่ากำลังสนใจเด็กคนนี้อยู่



     อะไรกัน มีคนเห็นความน่ารักของติณณ์นอกจากเขาด้วยงั้นหรือ...



     ความรู้สึกหวงเด่นชัดขึ้นมาในความคิดของธารา เขาไม่แน่ใจว่าหวงแบบผู้ใหญ่เป็นห่วงเด็ก หรือหวงแบบเจ้าข้าวเจ้าของกันแน่ เพราะธาราไม่แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์หวงแบบที่สองหรือไม่



     เราต่างก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมีสิทธิ์หวงแบบนั้นหรือเปล่า?



     แต่ถ้าจะมีใครสักคนที่เข้าหาติณณ์ด้วยเจตนาที่ดี เขาคงจะห้ามไม่ได้ อาจเป็นผลดีด้วยซ้ำไปถ้ามันทำให้ติณณ์เริ่มปรับตัวกับคนอื่นเป็น เด็กคนนี้ไม่ค่อยเข้าหาใคร ดังนั้นถ้ามีคนเข้าหาก่อน คงจะเป็นการเริ่มปรับตัวเข้าสังคมได้ดี อีกทั้งเขาตัดสินใจแทนติณณ์ไม่ได้ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิต ถ้าคนๆนั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างไตรภพน่ะนะ



     อีกใจหนึ่งก็อยากให้ติณณ์มีสังคม อีกใจหนึ่งมันก็หวงแหน อยากเก็บลักยิ้มน่ารักๆนั้นไว้เชยชมแต่เพียงผู้เดียว



     แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ติณณ์เป็นลูกของเพื่อนสนิทเขา อีกทั้งอายุที่ห่างกันจนจะเป็นพ่อเด็กคนนี้ได้ เขาจะเป็นอะไรได้นอกจากคุณอาผู้แสนดีงั้นหรือ? ถ้าเทียบกับนักศึกษาคนนั้นเขาคงจะโอกาสน้อยกว่าหรือเปล่า?



     ผู้ใหญ่นั่งลูบกลุ่มผมนิ่มๆของคนที่หลับไม่รู้เรื่องพลางคิดเรื่องเป็นร้อยๆเรื่องในหัว บางทีก็แอบนำปลายนิ้วไปเขี่ยพวงแก้มใสนั้นเพื่อคลายความเครียด คนหนุ่มร้องอื้ออึงในลำคอพลางเอียงใบหน้าอย่างคลอเคลียกับเรียวนิ้วของเขาราวกับจะอ้อนกัน



     ก็เป็นเสียแบบนี้ จะไม่ให้หวงได้อย่างไร...



     กิ๊งก่อง




     เสียงออดหน้าประตูเป็นเสียงที่ปลุกให้ธาราตื่นจากภวังค์ของตน ดวงตาคมละสายตาออกจากใบหน้าน่ามองก่อนจะเดินไปเปิดประตูรับแขกที่มาทักทาย



     "สวัสดีครับหัวหน้า" ซียกมือไหว้อย่างถ่อมตนเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูต้อนรับ



     ให้ตาย ไอ้เด็กนี่มันตายยากจริงๆ



     "สวัสดีๆ" ธารารับไหว้ "มีธุระอะไรหรือเปล่า?"



     "อ่า..." ซีอ้ำอึ้งสักพัก สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่งก่อนที่จะไม่เสียเวลาต่อไป "ผมมาชวนน้องติณณ์ไปเดินเล่นที่ชายหาดน่ะครับ"



     ธารากำลังประมวลผลในสมอง



     ส่วนลึกของจิตใจมันต่อต้าน ไม่อยากให้ติณณ์ไปกับคนๆนี้สองต่อสอง แต่นี่มันเป็นโอกาสที่ติณณ์จะได้เข้าสังคมกับเขาบ้าง อีกทั้งธาราไม่อยากทำตัวเป็นเด็กๆเหมือนเด็กหวงของเล่น



     ไม่รู้จะคิดเยอะไปทำไม ทั้งๆที่ควรจะไปถามความสมัครใจของเจ้าตัวเองเสียก็สิ้นเรื่อง เพียงแต่ธารากลัวคำตอบเพียงเท่านั้น



     "เดี๋ยวผมไปถามติณณ์ให้ คุณนั่งรอข้างนอกก่อน"



     หัวหน้าแผนกปิดประตูใส่นักศึกษาก่อนที่จะหมุนตัวเดินเข้าไปหาติณณ์ในห้องนอน แต่แล้วก็พบว่าเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาลุกนั่งด้วยหน้าตางัวเงียกับทรงผมยุ่งๆ แถมยังเอามือขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัส อย่างที่ธาราไม่ต้องปลุกให้เสียเวลา



     "อ้าว ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่"



     "ผมได้ยินเสียงเปิดประตู..." เสียงใสตอบด้วยความงัวเงีย



     "พี่ซีเขามาหา" ธาราไม่อ้อมค้อม "รู้จักพี่ซีไหม?"



     "พี่ซี..." ติณณ์ใช้เวลานึกไม่นาน "อ้อ รู้จักครับ พี่เขาลืมเงินทอนที่เซเว่นเมื่อเช้า เลยได้คุยกันนิดหน่อย"



     อ้อ...ไปเจอกันเมื่อเช้านี่เอง



     "นั่นแหละ พี่เขามาชวนเราออกไปเดินเล่นที่หาด อยากไปไหม?"



     ติณณ์เจอเรื่องลำบากใจอีกแล้ว



     ถ้าเอาคำตอบจริงๆคือติณณ์อยากไปเดินเล่นที่หาดมากๆ เมื่อวานได้เล่นน้ำทะเลแล้วแต่ยังไม่ได้ปั้นทรายเล่นเลย แถมยังมีคนมาชวนด้วย มันออกจะน่าตื่นเต้นเพราะชีวิตนี้แทบจะไม่มีใครชวนเขาออกไปไหน พอถึงเวลามีคนชวนมันก็อดดีใจไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากปฏิเสธให้เสียน้ำใจด้วย



     แต่อีกใจนึงมันก็กลัวว่าจะอึดอัด เพราะติณณ์เพิ่งรู้จักกับพี่ซี ไม่ได้สนิทอะไรกัน กลัวว่าความไม่กล้าชวนคุยและความน่าเบื่อของเขาจะไปทำลายบรรยากาศ ติณณ์กลัวตัวเองอึดอัด แล้วก็กลัวพี่ซีอึดอัดด้วย



     ทำยังไงดี ทำยังไงดี



     "คิดนานจังเลย ป่านนี้พี่เขารอจนรากงอกแล้วมั้ง" ธาราแซวอย่างขำๆเมื่อเห็นคนบนเตียงใช้เวลาคิดนานเกินจำเป็น "เอาคำตอบจริงๆ แบบที่เป็นคำตอบแรกเลย ไม่ต้องคิดเยอะ"



     "อยากไปครับ" คำตอบนั้นทำเอาธาราชะงัก "แต่ผมกลัวอึดอัด..."



     ผู้ใหญ่เข้าใจดีว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงพูดแบบนั้น "ไม่ต้องกลัวหรอก เขาชวนแสดงว่าเขาอยากให้เราไปด้วย อีกอย่างพี่เขาเป็นกันเอง ติณณ์ก็น่าจะเคยเห็นนี่"



     "งั้นอาธารไปด้วยได้ไหมครับ"



     "ทำไมล่ะ"



     "ถ้ามีอาอยู่ด้วย ผมน่าจะสบายใจขึ้น...นิดนึงก็ยังดี"



     "..."



     "นะ นะครับ"



     สุดท้ายคำอ้อนวอนนั้นก็พาธารามายืนบนหาดทรายเม็ดละเอียดนี้จนได้ ติณณ์ดูท่าทางสบายใจอย่างที่บอก แต่นักศึกษาที่เป็นคนชวนกลับดูกระอักกระอ่วนพิลึก มีการชวนติณณ์คุยเป็นระยะๆแต่ไม่ได้มากเท่าปกติเพราะเด็กหนุ่มมักจะหันมาคุยธารามากกว่า ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้ชวนคุยแม้แต่น้อย



     ถ้าจะเอาความคิดที่ควรจะคิดก็คือ ธาราอยากให้ติณณ์คุยกับคนอื่นบ้าง



     แต่ถ้าเป็นความคิดจากส่วนลึกของจิตใจ ติณณ์คุยกับเขาคนเดียวน่ะดีแล้ว



     คนอายุน้อยที่สุดบอกกับคนโตกว่าทั้งสองคนว่าขอตัวไปเล่นทรายตรงนั้น ก่อนจะเดินไปที่จุดหมายแล้วนั่งเล่นบนผืนทรายอย่างไม่กลัวเลอะ ซีกำลังจะเดินตามไปด้วยแต่แล้วก็ถูกคนเป็นหัวหน้ารั้งไว้เสียก่อน



     "ชอบน้องเขาหรือไง?" ธาราถามอย่างไร้อารมณ์



     "หัวหน้ารู้ได้ยังไงครับ" ซีตกใจนิดๆเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาตรงๆ



     "เล่นมองขนาดนั้น ไม่รู้ก็แย่แล้ว"



     "เอ่อ..." ชายหนุ่มอ้าปากค้าง "ครับ เห็นน้องน่ารักดี เลยอยากทำความรู้จัก"



     "ยังไง?"



     "ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ หยิ่งๆ เห็นไม่ค่อยพูดแล้วก็ชอบทำหน้าตาย แต่ก็ได้คุยก็รู้ว่าเป็นเด็กดี มีมารยาทคนนึง แล้วที่สำคัญ...ตอนยิ้มแล้วดูน่ารักด้วยครับ"



     นี่มันแทบจะตรงกับความคิดของธาราทุกอย่าง...



     "ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขออนุญาตหัวหน้าเพื่อจีบน้องติณณ์ได้ไหมครับ?" ซีไม่เข้าใจว่าตัวเองจะขออนุญาตทำไม แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกว่าควรจะพูดออกไปมากกว่าเข้าหาโต้งๆ



     ธาราไม่ได้ตอบคำถามนั้นในทันที ดวงตาคมมองไปยังคนที่เป็นเป้าในวงสนทนา เด็กคนนั้นกำลังนั่งก่อทรายเป็นรูปทรงประหลาดอีกทั้งเนื้อตัวยังมอมแมมไปทั่วผิวนวลสวย สองมือเล็กคอยไล่ตะครุบเจ้าปูลมตัวเล็กๆที่วิ่งลงหลุมกันไปมาราวกับแมวไล่ตะครุบหนู พอจับเจ้าสัตว์ทะเลตัวจ้อยนั้นได้สำเร็จก็ระบายยิ้มออกมาจนลักยิ้มบุ๋มลงไปตรงแก้มทั้งสองข้าง



     เพราะความน่ารักนั้นใช่ไหม ซีถึงได้หลงนักหนา



     ความน่ารัก...ที่ธาราไม่ได้เป็นเจ้าของ




     "ผมจะไปห้ามอะไรได้ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ" ธาราว่าน้ำเสียงสงบ "เชิญตามสบายนะ ผมแค่เดินมาส่งติณณ์เท่านั้น คงไม่อยู่รบกวนนาน"



     "ขอบคุณครับหัวหน้า ขอบคุณจริงๆครับ"



     "อืม" คนเป็นหัวหน้าพยักหน้ารับ "อ้อ ผมจะบอกทริคนิดๆหน่อยๆให้"



     "ครับ?"



     "ติณณ์น่ะ...ชอบให้คนถูกเนื้อต้องตัว แตะนิดหน่อยก็เขินจนหน้าแดงแล้ว"



     ธาราพูดไป ยกยิ้มให้กับการทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉาของตัวเองไป อนุญาตให้เข้าหา แต่ไม่บอกนี่ว่าจะช่วย...แถมยังมีการขัดขวางเล็กน้อยเสียอีก เขายอมรับว่าค่อนข้างย้อนแย้งกับตัวเองไม่น้อย แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า



     จากแมวน้อยซมซาน ตัวมอมแมมแถมยังผอมกะหร่อง อีกทั้งยังขาดความอบอุ่น ก็เป็นธาราไม่ใช่หรือที่เป็นคนฟูกฟักทะนุถนอมมาตลอดจนกลายเป็นแมวตัวฟู สุขภาพดีพร้อมอวดโฉมความน่ารักให้ใครต่อใครได้หลงใหล แล้วอยู่ๆจะมีคนมาขออุ้มแมวของเขาไปง่ายๆแบบนี้น่ะหรือ



     นอกเสียจากจะบอกวิธีเข้าหาผิดๆให้แมวตัวนั้นขู่ฟ่อแล้ววิ่งหนีไปเอง...







     คนตัวสูงนั่งกินลมชมวิวอยู่ตรงหน้าบ้านพักอยู่คนเดียว พลางเหลือบมองนาฬิกาที่บอกว่าขณะนี้สี่โมงเย็นแล้ว เขารอเวลาติณณ์กลับบ้านพักมาหาเขา รอฟังประสบการณ์ที่ได้ไปนั่งเล่นกับพี่ชายคนนั้นสองต่อสอง ธาราไม่คิดจะอยู่ดูภาพบาดตานั้นหรอก จึงโยกย้ายตัวเองมานั่งรอผลทีเดียวเลยดีกว่า



     ดูเหมือนผลจะออกมาเร็วกว่าที่คาด...



     เด็กติณณ์กำลังเดินกลับเข้ามาด้วยสภาพมอมแมม แม้ว่าจะทำการล้างเม็ดทรายออกจากตัวไปบ้างแล้วแต่ยังคงเหลือเม็ดเล็กๆที่ชำระไม่หมดติดตัวบ้าง ธาราอ่านสีหน้านั้นไม่ออกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์แบบไหน เลยไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนค่อยออกมาคุยกัน



     รอไม่นานนัก ติณณ์ก็ออกมาในสภาพสะอาดสะอ้านดีแล้ว เหลือเพียงผมเปียกๆลู่ๆนั่นที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเพิ่งสระผมเสร็จ เจ้าตัวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กยีผมทำตัวให้แห้ง แต่ไม่ทันไรก็ถูกผู้ใหญ่แย่งไปจากมือ ก่อนที่จะบรรจงเช็ดความเปียกชื้นบนศีรษะเล็กๆนั่นให้



     "ไปเล่นทรายมาสนุกไหม" ธาราเริ่มเอ่ยถามไปเช็ดผมให้ไป



     "สนุกครับ ไม่ได้เล่นมาตั้งนาน แต่ที่นี่หอยน้อยมากเลยถ้าเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน" เด็กหนุ่มเล่าเสียงเจื้อยแจ้ว



     "ธรรมดาของธรรมชาติน่ะ...แล้วเป็นยังไงบ้าง อึดอัดกับพี่ซีไหม" ผู้ใหญ่ถามอย่างลุ้นๆ



     "อืม..." ติณณ์เม้มปากพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง "พี่ซีคุยเก่งมากเลยไม่มีเวลาให้เงียบได้อึดอัด แต่มีอย่างนึงที่ผมไม่ชอบ..."



     "อะไรหรอ?"



     "พี่ซีชอบมาแตะตัวผม ผมไม่ชอบเลย"



     "ไหน แตะตรงไหนบ้าง"



     "ก็มีลูบหัว เอามือมาแตะหน้าผากแล้วถามว่าหายป่วยแล้วหรอ ผมงงว่าผมไปป่วยตอนไหน"



     ตอนที่ธาราโกหกคนในแผนกไงเล่า...



     "อ่าฮะ...แตะตรงไหนอีก"



     "แล้วก็เอานิ้วมาจิ้มตรงนี้" ติณณ์สาธิตโดยการเอานิ้วไปจิ้มแก้มตัวเองจนบุ๋มลงไป "เขาถามว่ามีลักยิ้มด้วยหรอ แล้วก็จิ้มใหญ่เลย"



     "มีตรงไหนอีกไหม" ธารามองเด็กขี้ฟ้องอย่างนึกสนุกในใจ



     "ตรงนี้ครับ" เด็กหนุ่มชี้ไปที่ลำคอขาวของตัวเอง ตรงจุดที่มีขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆ "เขาบอกว่าขี้แมลงวันอันนี้น่ารัก แล้วก็ลูบๆใหญ่เลย"



     ธารารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนติณณ์ ถ้าเขาได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดล่ะก็ นายซีคนนั้นไม่รอดแน่



     "ผมพยายามมองหาให้อาธารช่วย แต่อาธารหายไปตอนไหนก็ไม่รู้" ติณณ์ทำหน้ายุ่ง "ทิ้งผมให้อยู่กับพี่ซีสองคน"



     "โถ่ อาขอโทษนะ พอดีว่าปวดหัวนิดหน่อย เลยไม่ได้บอกก่อนว่าจะกลับ"



     "อาธารไม่สบายหรอครับ" ติณณ์ดูท่าทางตกใจนิดๆ



     "ป่าวหรอก แค่ปวดหัวนิดๆเดี๋ยวก็หาย ห่วงตัวเราเถอะ ลำบากใจแย่เลยใช่ไหม"



     "ครับ ผมไม่ชอบให้ใครก็ไม่รู้มาแตะเลย..."



     "เดี๋ยวอาล้างให้นะ"



     หลังจากว่าจบ ธาราโน้มตัวลงจุมพิศที่กลุ่มผมเปียกชื้นหอมๆนั้นที่เคยถูกผู้อื่นสัมผัสมา ลากริมฝีปากลงมาที่หน้าผากเนียนๆที่เคยถูกผู้อื่นแตะต้อง ปลายจมูกโด่งไล้วนบริเวณที่เกิดลักยิ้มแล้วสูดกลิ่นหอมๆเข้าเต็มปอด ก่อนที่ใบหน้าจะมาหยุดตรงซอกคอขาวๆที่เคยถูกผู้อื่นลูบไล้ เขามองไปที่จุดเล็กๆสีเข้มที่ตัดกับผิวขาวๆนั้น นึกอยากจะล้างกลิ่นของคนอื่นออกด้วยรอยช้ำสีกุหลาบให้ทั่วบริเวณ



     "อ๊ะ!"



     ติณณ์ร้องออกมาเมื่อริมฝีปากอุ่นประทับลงบนผิวเนื้ออ่อน ตอหนวดสากๆสัมผัสลงบนลำคอจนรู้สึกจั๊กจี๊มากกว่าตอนถูกหอมแก้มเสียอีก เด็กหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองส่งเสียงร้องน่าอายออกไป มันไม่ใช่คำอุทานจากความตกใจ แต่มัน...มัน...



     "ขอโทษครับ" ติณณ์ยกมือปิดปากตัวเองหลังจากส่งเสียงแปลกๆออกไป



     "ขอโทษอะไร หืม"



     "ผมร้องอะไรแปลกๆออกไปก็ไม่รู้"



     "แปลกยังไง?" ธาราทำใสซื่อ ทั้งๆที่ตอนนี้หัวใจเขากำลังเต้นแรงเพราะเสียงน่ารักๆนั่น



     "ก็มัน...มัน...อะ อ๊ะ!" ติณณ์ร้องเสียงนั้นออกมาอีกครั้งเมื่ออาธารโน้มใบหน้าลงมาฟัดลำคอตรงจุดเดิมอีกรอบ



     "หึๆ จุดอ่อนสินะ"



     "ค...ครับ?" เขาไม่เข้าใจคำว่าจุดอ่อน



     "ติณณ์รู้สึกยังไงเวลาอาลงไปฟัดคอแบบนั้น"



     "มันรู้สึก...แปลกๆ มันจั๊กจี๊แปลกๆ แล้วก็ขนลุกด้วย ใจเต้นแรงขึ้นด้วย ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง แต่มันจึ๊กจึ๋ย มัน...มัน..."



     ธารามองคนที่พยายามอธิบายความรู้สึกของตัวเองด้วยความเอ็นดู แถมลูกซาลาเปาทั้งสองข้างนั้นก็ขึ้นสีแดงจัดกว่าตอนที่โดนฟัดแก้มเสียอีก



     "เสียว พูดแบบนี้นะติณณ์"



     "!?"



     "จุดอ่อนของติณณ์อยู่ตรงลำคอ แล้วคำอธิบายของเราที่ว่ามาน่ะ...มันแปลว่าเสียว"



     "เสียว?" ติณณ์พูดตามอย่างงงๆ



     "ใช่ แล้วที่ร้องออกมาเมื่อกี้น่ะ มันไม่ได้เรียกว่าร้องเสียงแปลกๆ" ธาราไล้ลูกกระเดือกสวยนั้นอย่างเบามือ "แต่มันเรียกว่าคราง"



     ดูสิ แค่จูบตรงซอกคอนิดเดียวก็ครางเสียงหวานออกมาแล้ว ธาราก็เช่นกัน แค่เสียงหวานๆนั่นเปล่งออกมานิดเดียวก็ทำให้ใจสั่นขนาดนี้ หากว่าเสียงนั้นประสานกับคำว่า'พ่อธาร'ล่ะ จะน่าฟังขนาดไหน



     ดูเอาเถอะซี...ว่าเด็กมันตอบสนองกับใครมากกว่ากัน






talk.
อาธารขี้หวงไม่พอยังขี้โกงด้วย!!
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-05-2019 21:44:06
หมั่นไส้ความรอบจัดและขี้โกงของแด้ดดี้ธาร รอไปนะน้องยังใส
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 03-05-2019 21:49:50
คนที่ร้ายที่สุดในเรื่องก็คืออาธาร วางแผนกักติณณ์ไว้กับตัวจะทำให้ติณณ์ขาดอาธารไม่ได้แล้ว ฮือออ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ รอชมอาธารที่สอนให้ติณณ์เรียนรู้โลกของผู้ใหญ่  :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 03-05-2019 22:07:07
ร้ายมากธาราที่ทำให้ตินณ์เสียความรู้สึกกับซีได้
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 03-05-2019 22:55:49
ร้ายกาจ....อาธารคือหมาป่าในคราบแดดดี้   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 03-05-2019 23:59:24
อยากให้น้องเรียกป๊ามากกว่าค่ะแค่กๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 04-05-2019 00:27:35
คุณอานี่ร้ายมากๆเลยนะคะ รอวันที่คุณอาตบะแตก55555555555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-05-2019 02:48:31
แด๊ดดี๊!!!!!
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 04-05-2019 04:21:01
มีคนจะกินเด็ก1 EA
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 04-05-2019 08:51:43
 :z1: อาธารร้ายยยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 04-05-2019 14:51:05
อะโหร้ายเหลือเกินอาธาร คุณตำหนวดต้องรู้เรื่องนี้ค่ะ :ruready
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 04-05-2019 15:17:30
แหนะ อาธารแสบนะคะ ชอบเวลาน้องติดอามากก ฟิน ทำตัวน่ารักกับอาเยอะๆนะคะ รุ้สึกสะใจพิลึกเวลาคุณอาข่มใจ5555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Tiffany ที่ 04-05-2019 19:42:57
ร้ายมากอาธาร
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 04-05-2019 22:57:47
ร้ายมากค่ะคุณอา  :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 15-05-2019 21:34:11
ตอนที่ 13


     เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว อย่างที่วันนี้เป็นวันหยุดพิเศษวันสุดท้าย



     เมื่อถึงคราแยกย้ายกลับบ้าน ธาราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ติณณ์ก็มีบ้านตัวเองเหมือนกัน



     นี่เป็นเวลา2-3เดือนแล้วที่เด็กน้อยมาอยู่อาศัยกับเขา ธาราจำได้ว่าจุดประสงค์ของตัวเองคืออะไร ที่ติณณ์ต้องมาอยู่ในความดูแลของเขาเพราะอีกฝ่ายทำร้ายตัวเอง สุขภาพกายและสุขภาพจิตน่าเป็นห่วง กลัวว่าอยู่คนเดียวแล้วจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมา เมื่อถึงวันที่เด็กคนนี้ดีขึ้นถึงจะอนุญาตให้กลับบ้าน ธาราจำได้ดี



     ใช่ ตอนนี้ติณณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนประมาณหนึ่ง แต่เขากลับอยากให้เด็กคนนี้ยังอยู่ด้วยกัน ซึ่งธาราเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากอยู่กับใครแบบนี้มานานแล้ว



     อยากให้อยู่ในสายตา อยากเห็นทุกการกระทำ เป็นห่วงถ้าหากเขาไม่สบายใจ มีความสุขเวลาเขายิ้ม อยากทะนุถนอมและอยากปกป้อง แบบนี้สามารถเรียกว่าความรักได้หรือไม่?



     ถ้าเป็นความรักในเชิงอากับหลาน ก็พอจะเข้าข่ายอยู่



     แต่อาที่ไหนคิดอยากจะแตะเนื้อต้องตัวหลานกัน...



     หากติณณ์จะต้องอยู่ในวงโคจรอันใกล้แบบนี้ต่อไป ธาราไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ทำอะไรๆกับเด็กคนนี้ ทั้งๆคนที่หลับคาเบาะรถข้างๆไม่ได้จัดอยู่ในสเปคเขาด้วยซ้ำ



     ธาราชอบคนหน้าหวาน แต่ติณณ์หน้าออกไปทางหล่อ



     ธาราชอบคนที่เด็กกว่า แต่ติณณ์เด็กเกินไป



     ธาราชอบคนที่เจนโลก แต่ติณณ์สุดจะไร้เดียงสา



     ธาราชอบคนเก่งเรื่องอย่างว่า แต่ติณณ์คงจะทำอะไรไม่เป็นเลย



     หรือเป็นเพราะนิสัย การกระทำ อิริยาบท คำพูดคำจา เลยทำให้เขารู้สึกอยากฟัดเด็กคนนี้ให้จมเตียง



     ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ความธรรมดาและความไร้เดียงสานั่นมันทำให้เด็กคนนี้พิเศษ



     คนที่กำลังขับรถเข้าสู่กรุงเทพถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดเรื่องนี้เมื่อไหร่เป็นอันต้องปวดหัว พยายามลบล้างเรื่องนี้ออกจากสมองแล้วตั้งใจขับรถเป็นเวลานับชั่วโมง กระทั่งรถส่วนตัวและรถตู้มาจอดที่บริษัท



     "ติณณ์...ติณณ์ตื่นก่อนเร็ว" ธาราสะกิดคนที่หลับใหล



     "อือ..." คนถูกปลุกค่อยๆลืมตาขึ้นพลางงึมงำ พอมองออกไปนอกรถก็พบว่าที่นี่คือที่ทำงานของอาธาร "มาที่นี่ทำไมหรอครับ?"



     "พวกน้าๆอาๆเขาจอดรถไว้ที่บริษัทก่อนขึ้นรถตู้น่ะ อาเลยมาส่งพวกเขา แล้วติณณ์ต้องลงไปลาน้าๆอาๆด้วยนะ"



     เรียวขาสวยก้าวลงจากรถอย่างเซนิดๆเพราะผลจากการเพิ่งตื่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับลุงป้าน้าอากำลังทยอยลงจากรถตู้ จุดโฟกัสแรกของคนกลุ่มนี้คือคนเป็นหัวหน้าของพวกเขา การกล่าวลากันเทไปทางธาราเป็นคนแรกๆ เมื่อติณณ์เห็นคนรอบข้างยกมือไหว้เขาก็ต้องยกมือขึ้นตามโดยอัตโนมัติ



     คนอายุน้อยที่สุดไหว้ลาคนอายุมากกว่าโดยที่มือแทบจะไม่ตก แม้ว่าจะไม่รู้จักใครเลยนอกจากพี่ซีก็เถอะ เมื่อมาถึงคราวต้องกล่าวลารุ่นพี่อัธยาศัยดีแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่รับไหว้ กลับมีสีหน้าที่เหมือนเพิ่งนึกอะไรสักอย่างออก หันซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าน้องติณณ์ไม่ได้อยู่ในสายตาของหัวหน้า จากนั้นก็คว้าข้อมือเล็กโดยไม่บอกไม่กล่าว



     ไม่ทันจะได้ตั้งคำถามอะไร นักศึกษาหนุ่มลากรุ่นน้องออกจากฝูงชนมาได้ไม่ไกล เพื่อได้สนทนาเป็นการส่วนตัว



     "ติณณ์ พี่ขอไลน์หน่อยดิ" ซีไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด



     "ห...หา?" ติณณ์ถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก



     "เด๋ออะไรเนี่ย พี่บอกว่าขอไลน์เราหน่อย ได้ไหม ได้เถอะนะ"



     ติณณ์มองโทรศัพท์ที่โชว์หน้ากรอกไอดีไลน์ให้เสร็จสรรพสลับกับคนตรงหน้า ซีเองก็มีท่าทางเซ้าซี้และเว้าวอนโดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่อื่นกำลังจับจ้องมาทางนี้



     สายตาแรก คือของธารา



     สายตาที่สอง คือของไตรภพ



     หนึ่งในผู้บริหารมองเหตุการณ์เหล่านั้นจากที่ไกลๆ แต่แม้ว่าตนจะมีระยะห่างจากคนกลุ่มนั้นเพียงใด สายตาของธารากลับเด่นชัดท่ามกลางความวุ่นวาย ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่เด็กน้อยกับใครสักคนที่น่าจะอายุห่างกับติณณ์ไม่กี่ปี ไตรภพไม่ทราบว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน แต่ที่มั่นใจก็คงเป็นสายตาราวอยากดึงเด็กคนนั้นออกมาจนใจจะขาด



     คนตำแหน่งสูงเหยียดยิ้ม มองภาพนั้นพลางรอเวลาให้คนในแผนกแยกย้ายขึ้นรถส่วนตัว กระทั่งเหลือเพียงคนต่างวัยยืนอยู่คู่กัน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วเขาจึงเดินเข้าไปทักทายสองคนนั้น ภาพแรกที่เห็นก็คือ ติณณ์ดูตกใจเขา



     "อ้าว สวัสดีครับพี่" ธาราเอ่ยทักทายด้วยสรรพนามเป็นกันเองเมื่ออยู่นอกเวลางาน "มาทำอะไรที่บริษัท นี่มันวันหยุดนี่?"



     "มีธุระที่ต้องจัดการนิดหน่อย บังเอิญเห็นนายเลยแวะมาทักทาย"



     ไตรภพไม่ได้เข้ามาทักทายธาราหรอก



     เขาแค่อยากเข้ามาแหย่คนตัวเล็กเล่นๆเท่านั้นเอง...



     นัยน์ตาแพรวพราวเหลือบมองคนบริสุทธิ์ที่ดูกระอักกระอ่วน ก่อนที่จะยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาท ไตรภพรับคำทักทายนั้นพลางสังเกตรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเด็กคนนี้ ร่างกายที่เคยผอมซูบเริ่มมีน้ำมีนวล สมส่วนชวนมอง ใบหน้าสดใสไม่ได้โทรมอย่างเก่า และสิ่งที่เปลี่ยนไปอีกประการ คือเด็กคนนี้ดูท่าทางอยากจะวิ่งหนีเขาไปไกลๆ



     "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..." ร่างสูงขยับเข้าใกล้ โน้มใบหน้าลงให้อยู่ระดับเดียวกันกับคนอ่อนวัยให้ได้เห็นผิวนวลเนียนเต็มตา "...น่ารักขึ้นเยอะเลย"



     การกระทำเหล่านั้นทำให้ภาพเก่าๆย้อนมาให้ความทรงจำ ติณณ์ถอยตัวไปหลบหลังคนที่ไว้ใจอย่างหวาดระแวง อย่างที่ธาราเห็นแล้วก็สั่งให้ติณณ์ขึ้นไปรอบนรถ



     "อะไรกัน แค่ชมนิดหน่อยไม่เห็นต้องหวงขนาดนี้เลย" ไตรภพแค่นหัวเราะหลังจากที่เด็กน้อยหนีขึ้นรถไปเรียบร้อย



     "พี่ทำอะไรไว้ล่ะ" ธาราเริ่มไม่พอใจ



     "ก็ยอมรับว่ายังอยากได้เด็กคนนี้อยู่" เขาลอยหน้าลอยตา "แล้วนายล่ะ...ยอมรับไหมว่าอยากได้"



     "ผมไม่จำเป็นต้องตอบ"



     "อ่าฮะ ไม่ต้องพูดก็รู้ เพราะสายตานายมันฟ้อง"



     "พูดเรื่องอะไร"



     "คิดว่าฉันไม่เห็นหรือ...สายตาที่นายมองติณณ์กับไอ้หนุ่มนั่น"



     "...!?"



     "หวงขนาดนั้น แสดงความเป็นเจ้าของไปหรือยังล่ะ"



     "มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ไตรภพ"



     "มันเป็นเรื่องของผมสิ คุณด่าว่าผมเลวอย่างนั้นเลวอย่างนี้ แต่อีกหน่อยคุณก็จะไม่ต่างจากผมหรอกธาร...เนื้ออ่อนๆ แถมยังหอมและหวาน ใครมันจะไปทนไหว ขนาดผมยังทนไม่ได้เลย"



     "หมายความว่ายังไง?"



     "ผมยังไม่ได้บอกหรือ ว่าผมชิมเด็กคนนั้นไปนิดๆหน่อยๆ อย่าเพิ่งโมโหล่ะ ไม่ได้เกินเลยถึงขั้นนั้น เพียงแค่รู้ว่าริมฝีปากนั้นนุ่มอย่างกับปุยนุ่น น้ำลายก็หวานฉ่ำเหมือนกับน้ำผึ้ง"



     ธารากำหมัดแน่นเมื่อได้รับรู้ว่าคนแปดเปื้อนอย่างไตรภพบังอาจมาแตะต้องเด็กดีของเขา แต่ไม่อาจทำอะไรได้เพราะติณณ์ยังคงอยู่บนรถ ไม่อยากให้เจ้าตัวเห็นภาพคนที่น่าจะมีวุฒิภาวะกลับมาใช้กำลังเหมือนกับคนไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ หัวหน้าแผนกส่งสายตาวาวโรจน์ไปยังคนตำแหน่งสูงอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะหันหลังกลับขึ้นรถโดยไม่กล่าวลาสักพยางค์หนึ่ง ยิ่งยืนฟังไปก็ยิ่งพาลทำให้หงุดหงิด



     "อาธารโอเคไหมครับ?" ติณณ์ถามคนข้างๆอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเครียด



     "โอเคครับ ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันนะ"



     ใช่ ธาราจะพาติณณ์กลับบ้าน แต่ไม่ใช่บ้านของเจ้าตัวแน่



     ต่อให้โดนตราหน้าว่าเห็นแก่ตัว กักขังอิสระภาพคนอื่น แต่ในเมื่อติณณ์ไม่ได้เรียกร้องอะไรก็อย่าหวังว่าเขาจะปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่นอกสายตา....






     ธารากลับเข้าคอนโดมิเนียมด้วยพลังงานที่ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มันส่งผลมาจากการที่เขาทำงานหนักและสะสมมาตลอด ไหนจะต้องมาปวดหัวกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อติณณ์ เขาไม่ได้สับสนว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ด้วยอายุและประสบการณ์ที่มากพอที่จะรู้ว่าเขาคิดเกินเลยกับเด็กคนนี้มากกว่าหลาน



     เพียงแค่สับสนว่าควรไปต่อหรือหยุดไว้เท่านี้...



     หากว่าจะหยุด คงเป็นการยากที่จะห้ามใจ เขาเก็บความรู้สึกได้ในขณะนี้แต่ไม่ได้แปลว่าจะซ่อนมันไว้ได้ตลอดไป ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง ไม่ได้โคจรรอบๆกันอย่างที่เป็นตอนนี้



     แต่หากให้อยู่นอกสายตา ความรู้สึกเป็นห่วงว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้นกลับมีพลังมากกว่า อยากให้ติณณ์ได้ใกล้ชิดกับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งช่วงนี้ธารามักจะดึงเด็กคนนี้มาใกล้ชิดมากเกินไป ถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัว แต่เขาไม่ได้คิดจะย่ำยีแล้วปล่อยละเลยแบบไตรภพ



     สิ่งที่กลัวคือกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวแล้วทำเรื่องคาวๆต่างหากเล่า...



     "อาธารเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ติณณ์เอ่ยถามเมื่อเห็นอาธารสีหน้าไม่ค่อยดี แถมยังนวดขมับบ่อยๆตอนนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน



     "ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ" เขาพูดเพื่อให้เด็กสบายใจ ทั้งๆที่ตัวเองปวดหัวจนแทบจะระเบิด



     "งั้นนอนเลยดีไหมครับ ดึกแล้ว"



     "ติณณ์นอนก่อนเลย อาขอทำงานต่ออีกนิดหน่อย"



     "แต่...อาธารทำงานหนักเกินไปแล้วนะครับ น่าจะพักผ่อนสักหน่อย"



     "ไม่หนักหรอก อีกแค่นิดเดียวเอง"



     "อาธารดื้อ"



     ดื้อ?



     ธาราเนี่ยนะดื้อ ช่างเป็นคำที่ไม่เหมาะสมกับวัยของเขาจริงๆ



     "ดื้อหรอ?" ธาราหัวเราะให้กับคำนั้น



     "ครับ อาบอกไม่ให้ผมดื้อ แต่อาธารกลับดื้อเสียเอง" ติณณ์ทำหน้ามุ่ยโดยไม่รู้ตัว "ผมแค่อยากให้อาพักบ้างเท่านั้นเอง"



     "โอเคครับ เข้าใจแล้วครับ จะไปนอนเดี๋ยวนี้ล่ะครับ"



     คนอายุมากกว่าพูดสุภาพอย่างติดตลก ไม่น่าเชื่อว่าวันนึงต้องมาเชื่อฟังเด็กตัวเล็กๆที่ไม่ได้มีอำนาจมาจากไหน หากคนที่ทำงานมาเห็นเข้าคงจะถูกหัวเราะเยาะ ก็ดูเอาเถอะ ใครมันจะไปทนสายตาเว้าวอนนั่นไหวกัน



     ร่างบอบบางถูกเจ้าของเตียงดึงเข้ามากอดอย่างเคย เขาชินแล้วที่ได้เป็นหมอนข้างให้ใครอีกคน ชินเสียจนรับรู้ว่าอุณภูมิร่างกายของร่างแกร่งนั้นเปลี่ยนไปจากอุณหภูมิปกติของมนุษย์ มันอุ่นกว่าเดิม ไม่ใช่ความอุ่นที่รู้สึกอบอุ่น แต่กลับเป็นสัญญาณกลายๆว่า อาธารอาจมีไข้อ่อนๆ



     ข้อศอกแหลมถูกใช้ยันลำตัวขึ้น ดวงตากลมมองคนที่หลับใหลผ่านความมืด แสงจันทร์อันน้อยนิดส่องให้เห็นโครงหน้าได้รูป มือเรียวเอื้อมไปนาบลงบนหน้าผากอย่างใคร่รู้อุณภูมิว่าจะร้อนสักแค่ไหน สุดท้ายก็พบว่ามันร้อนจนเสี่ยงเป็นไข้จริงๆ



     ซึ่งธารายังคงมีสติอยู่



     มือเย็นๆจากคนที่ไม่ต้องเดาว่าใครคอยสัมผัสหน้าผากและลำคอซ้ำไปซ้ำมาเพื่อวัดอุณหภูมิ ไม่นานนักก็เป็นเสียงถอนหายใจตามมา พื้นที่อันว่างเปล่าในอ้อมกอดเป็นเครื่องยืนยันว่าติณณ์ยังคงนั่งอยู่ แต่ธาราก็รู้สึกได้ว่าดวงตาคู่สวยกำลังจดจ้องมาทางนี้ บรรยากาศเป็นแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนตัวเล็กจะเข้ามาซุกในอ้อมอกเขาอย่างเคย



     มันไม่ใช่การกระทำที่หวือหวาหรือพิเศษอะไรสักนิด



     แต่ธาราไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองต้องใจเต้นกับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น...









     เวลาตีห้าครึ่ง เป็นเวลาที่อาธารมักจะตื่น และปลุกให้ติณณ์เตรียมตัวไปโรงเรียน แต่ไม่ใช่วันนี้



     กว่านักเรียนจะยกเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมาได้ ก็ล่วงเลยไปหกโมงนิดๆแล้ว ภาพแรกที่เห็นคืออาธารยังคงหลับไม่ได้สติ ดวงตาที่เคยสะลึมสะลือเบิกกว้างเมื่อเราทั้งคู่ตื่นช้ากว่าปกติ จึงรีบสะกิดคนข้างๆอย่างกลัวสาย



     "อาธารครับ อาธาร หกโมงกว่าแล้วครับ!"



     "..."



     "ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวจะสายเอานะครับ!"



     เสียงงุ้งงิ้งๆเหมือนแมวร้องเงี้ยวๆทำให้ธาราลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ความรู้สึกแรกคือเหมือนกับหัวเขาจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ อีกทั้งลมหายใจที่ร้อนกว่าปกติเป่ารดบนกระจับปาก พอขยับร่างเล็กน้อยก็ได้รู้ว่าปวดเมื่อยไปทั้งตัว เขาวินิจฉัยสุขภาพเช้านี้ด้วยตัวเองในใจ สุดท้ายก็ได้ผลสรุปว่าคงต้องลางานหนึ่งวัน



     "อาปวดหัวน่ะติณณ์ คงไม่ได้ไปทำงาน" ธาราว่าแล้วยันตัวขึ้นมาอย่างเชื่องช้า



     "ปวดมากไหมครับ ไปหาหมอไหม??"



     "ไม่ๆ แค่นอนพักก็น่าจะดีขึ้นแล้ว" เขายกยิ้มให้เด็กที่มีท่าทางเป็นแมวตื่นตูม "ส่วนเราน่ะ ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวอาไปส่ง"



     "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ก็ได้ อาธารนอนพักเถอะครับ"



     "ไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นสักหน่อย แค่ขับรถไปส่งเอง"



     "ผมไปเองได้จริงๆนะ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก" ติณณ์ยังคงยืนกราน



     "เอาหน่า ให้อาไปส่งเถอะ—"



     สองฝ่ามือขาวๆดันลงบนไหล่ทั้งสองข้างของธารา แรงกระทำนั้นดันลงให้ร่างแกร่งนอนราบไปกับพื้นเตียงนุ่มอีกครั้ง "พักเถอะนะครับ ตอนนี้คนที่สุขภาพน่าเป็นห่วงกลายเป็นอาธารแทนแล้วนะครับ"



     "..."



     "เชื่อใจผมนะ ผมโตแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"



     แม้ว่าธาราอยากจะดื้อดึงไปส่งมากแค่ไหน แต่การทำสงครามประสาทต่อไปไม่ใช่ทางออก เขายกธงขาวยอมแพ้คนอายุน้อยกว่าอย่างง่ายดาย การแพ้ครั้งนี้ทำให้ติณณ์ฉีกยิ้มออกมาอย่างสบายใจ ซึ่งธาราไม่เคยแพ้แล้วรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน



     คนป่วยหลับตาลงเพื่อพักผ่อน โสตประสาทยังคงได้ยินเสียงเด็กเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง คาดว่ากำลังอาบน้ำแต่งตัวอยู่ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องที่เขานอนอยู่ ตามด้วยเสียงฝ่าเท้าที่ใกล้เข้ามาทางนี้ แถมยังมีเสียงกุกกักเหมือนมีสิ่งของบางอย่างวางลงบนตู้ข้างๆ และสุดท้ายเป็นเสียงเหมือนกับกำลังบิดน้ำออกจากผ้า



     สัมผัสนุ่มๆเย็นๆวางลงบนหน้าผากของธารา เขาประมวลผลได้ว่ามันคือผ้าชุบน้ำ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินออกจากห้องนี้ไป



     ธาราลืมตาขึ้นมาอย่างใคร่รู้ เขาเอื้อมมือมาจับเพื่อเช็คว่าสิ่งที่แปะหน้าผากอยู่คือผ้าชุบน้ำจริงๆ พลันหันไปมองสิ่งที่อยู่บนตู้เตี้ยๆ คือยาพาราเม็ดขาวๆในแก้วใบเล็ก ส่วนอีกแก้วหนึ่งบรรจุน้ำสะอาดไว้เต็มแก้ว



     ความรู้สึกปวดหัวมาถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมใจ



     นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้ถูกดูแลแบบนี้







 (ต่อด้านล่างค่ะ)
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่12 (03.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 15-05-2019 21:35:55
    วันนี้ติณณ์เรียนไม่รู้เรื่อง



     ตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้าย ในหัวของเขามีแต่เรื่องอาธาร ป่านนี้จะทานอาหารหรือยัง ทานยาที่เขาเตรียมไว้ให้หรือยัง พักผ่อนอย่างสบายหรือเปล่า อาการปวดหัวทุเลาลงบ้างไหม



     นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้เป็นห่วงคนอื่นมากขนาดนี้ นอกจากแม่



     นี่เป็นครั้งแรกที่ติณณ์เอาแต่มองนาฬิกา จับจ้องไปที่เข็มชั่วโมง นาที และวินาทีเดินไปอย่างช้าๆ เขารอเวลากลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ วิชาชีววิทยาคาบสุดท้ายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในโลก เขาไม่ถนัดพวกวิชาที่ต้องใช้ความจำเสียเท่าไหร่ ยิ่งมีการประกาศท้ายคาบว่าจะมีการสอบเก็บคะแนนสัปดาห์หน้ายิ่งเหมือนกับตกนรก ติณณ์หัวดีก็จริงแต่ไม่ได้แปลว่าจะสามารถผ่านมันไปอย่างง่ายดายเสียหน่อย



     เสียงออดเป็นเสียงสวรรค์สำหรับเด็กมัธยมอย่างเขา ไม่แน่ใจว่าไอ้ความรู้สึกดีใจนี้มันมาจากการบอกลาคาบสุดท้าย หรือมาจากการจะได้กลับไปหาอาธารไวๆก็ไม่ทราบ เด็กหนุ่มเก็บอุปกรณ์เข้ากระเป๋าอย่างเร่งรีบกว่าปกติ แต่แล้วก็มีเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวในโทรศัพท์มาขัดจังหวะ



     sea : ติณณ์อยู่ไหน



     sea : ตอนนี้พี่อยู่โรงเรียนติณณ์



     นักเรียนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นข้อความนั้น มือเรียวกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายก็พบว่าเป็นพี่ซี เขานึกสงสัยว่าพี่ซีมาที่นี่ทำไม ถามทำไมว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาเรียนอยู่โรงเรียนนี้ อ้อ ลืมไปว่าคราวนั้นพี่ซีชวนคุยเรื่องที่โรงเรียน แต่นั่นก็เป็นคำตอบเดียวที่ติณณ์รู้ในบรรดาล้านๆคำถาม



     tinnn : พี่ซีมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?



     sea : มีเรื่องอยากคุยด้วย บอกพี่ได้ไหมว่าอยู่ไหน จะไปหา



     tinnn : อยู่ตึกXครับ



     sea : โอเค รออยู่หน้าตึกนั่นแหละ เดี๋ยวไปหา



     ติณณ์ต้องมานั่งรอรุ่นพี่คนนั้นอย่างงงๆตรงหน้าตึก พอพี่ซีบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยมันก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่ามีอะไรต้องคุยกับคนจืดจางอย่างเขา คนในชุดนักเรียนจินตนาการในหัวไปเรื่อยเปื่อยก่อนที่คนในชุดนักศึกษาจะมายืนตรงหน้า



     "สวัสดีครับพี่ซี" ติณณ์ยกมือไหว้



     "เห้ยๆไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ไม่ได้แก่ขนาดนั้น"



     "มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?" ติณณ์ไม่อ้อมค้อม



     "จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมารับกลับบ้าน"



     "หา???"



     "ก็ถ้าบอกไปตรงๆตั้งแต่แรกว่าจะไปส่งที่บ้าน ติณณ์คงไม่อยู่รอพี่หรอก ใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าพูดว่ามีเรื่องจะพูดด้วย ติณณ์ต้องอยู่รอพี่เพราะอยากรู้แน่ๆ"



     "เดี๋ยวก่อนครับ ผมไม่เข้าใจ" ติณณ์งุนงงกับความไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนี้ "พี่ซีแค่มารับผมกลับบ้านหรอครับ? อาธารบอกมาหรอครับ"



     "ไม่ใช่ พี่มาเองด้วยตัวและหัวใจ"



     "ไม่เห็นเข้าใจเลย..."



     "งงอะไรอีกเนี่ย บอกเป็นล้านๆรอบแล้วว่ามารับกลับบ้าน"



     "ไม่ใช่ครับ ผมไม่เข้าใจว่าพี่ทำแบบนี้ทำไม" ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเสียหน่อย ไม่เห็นต้องทำเพื่อเขาขนาดนี้เลย



     "ก็พี่ช—"



     "ไอ้ติณณ์ มึงลืมหยิบชีท!"



     อยู่ๆโต้ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ตอนที่ติณณ์กำลังคุยกับพี่ซีอยู่ ทั้งคู่หันไปมองโต้อย่างงงๆ เขาเองก็งงว่ารุ่นพี่นักศึกษาคนนี้เป็นใคร แต่มันไม่ใช่ประเด็นของเขา "ครูเขาวางชีทสรุปไว้ให้หน้าห้อง มึงลืมหยิบใช่ไหมกูรู้นะ อะ กูหยิบมาให้ละ เดี๋ยวไม่มีอะไรอ่านสอบ แค่นี้ล่ะ กูไปละ"



     เพื่อนของติณณ์โผล่มายื่นชีทสรุปให้ภายในไม่กี่วินาทีก็จากไป ซีเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในกระดาษนั้นก็จับใจความได้ว่าเป็นวิชาชีววิทยาที่เขาชื่นชอบและทำได้ดีมาตั้งแต่เด็กๆ "มีสอบชีวะหรอ?"



     "ครับ สัปดาห์หน้า"



     "เรียนเข้าใจปะ"



     "ไม่ครับ"



     "แย่จริง" นักศึกษาหนุ่มหัวเราะกับคำตอบที่ตรงไปตรงมานั้น "ให้พี่ติวให้ไหม อย่าเพิ่งปฏิเสธนะขอร้อง พี่มีวิธีจำดีๆให้"



     "เอ่อ..." เด็กหนุ่มอึกอักเมื่อถูกดักทาง



     "พี่เรียนวิศวะก็จริง แต่ความจริงแล้วพี่อยากเป็นหมอนะ ตอนแอดมิชชั่นคะแนนก็ถึงด้วย แต่บ้านบังคับให้เรียนวิศวะอ่ะ แต่ช่างมันเถอะ ให้พี่สอนให้นะ รับรองคะแนนงามแน่"



     "แต่ผมเกรงใจ..."



     "ไม่ต้องเกรงใจดิ ยินดีสอนฟรี เนี่ยลองหาที่นั่งติวกันสักแปปดีปะ ฟังเทคนิคดีๆไว้ประดับสมองสักหน่อยก็ไม่เสียหายนะติณณ์"



     พี่ซีคุยโม้โฆษณาไม่หยุดหย่อน อันที่จริงก็อยากรีบกลับบ้าน แต่ติณณ์เองก็เป็นห่วงการสอบของตัวเองเหมือนกัน มันไม่เหมือวิชาฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ที่ให้อาธารสอนที่บ้านก็ได้ วิชาชีววิทยาเป็นวิชาที่เขาไม่รู้จะพึ่งพาใครจริงๆ ที่ผ่านมาก็พึ่งตัวเองอย่างทุลักทุเล แน่นอนว่าเขาไม่ยอมไปนั่งติวกับเพื่อนๆเพราะไม่มีเพื่อนและมีอีโก้สูง การที่พี่ซียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็นับว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย



     "งั้นผมขอโทรบอกอาธารก่อนนะครับ"



     สุดท้ายติณณ์ก็แพ้ลูกตื้อ มือเรียวกดโทรออกหาอาธารเพื่อแจ้งว่าวันนี้จะกลับช้ากว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งซีเองก็สงสัยว่าทำไมต้องโทรบอกหัวหน้าด้วย? แต่เขาเลือกเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ



     "อาธารครับ วันนี้ผมกลับบ้านช้าหน่อยนะครับ พอดีจะอยู่ติวหนังสือ" ติณณ์แจ้งปลายสาย



     [โอเค แล้วติวกับใคร เพื่อนหรอ?]



     "เปล่าครับ พี่ซีมาติวให้"



     [ซี? อ้าว แล้วพี่ซีไปอยู่กับติณณ์ได้ยังไง]



     "ผมก็งงๆเหมือนกันครับ เห็นบอกว่าจะมารับผมกลับบ้าน นึกว่าอาธารส่งพี่เขามาเสียอีก"



     [เปล่า อาไม่ได้ทำแบบนั้น] ธาราใช้เสียงเรียบนิ่ง [แล้วติณณ์โอเคไหม หรืออยากให้อาไปรับ]



     "ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค อาธารนอนพักเถอะครับ ถ้าเห็นว่าขับรถมารับผมจะโกรธจริงๆนะ"



     ธาราถึงกับต้องนวดขมับตัวเองอีกรอบเมื่อติณณ์ไปอยู่กับไอ้หนุ่มนั่นสองต่อสองอีกแล้ว



     เขาอยากจะเหยียบคันเร่งไปฉกตัวเด็กคนนั้นขึ้นรถให้จบๆไป แต่อีกฝ่ายประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เขาขับรถไปรับ คงจะเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเขาป่วยอยู่เป็นแน่



     แต่ไม่เป็นไรหรอก



     ในเมื่อเขาไม่สามารถลากติณณ์ให้มาอยู่กับตนในเวลานี้ได้ เขาก็จะใช้วิธีการให้ติณณ์รีบวิ่งกลับมาหาอาธารคนนี้เอง..
.







     RRRRRRRrrrrrrrrrrr



     นั่งฟังพี่ซีสอนเทคนิคการจำง่ายๆไปได้ร่วมชั่วโมงกว่าๆก็มีสายเรียกเข้าขึ้นมาขัดจังหวะ ซึ่งเป็นอาธารที่เป็นคนโทรเข้ามาขัดจังหวะนี้ แต่ติณณ์ไม่ได้หงุดอะไรที่อีกฝ่ายโทรมา



     "ครับอาธาร?"



     "อีกนานไหมติณณ์ กว่าจะกลับบ้าน" เสียงอาธารดูแหบแห้งกว่าปกติ



     "คงอีกสักพักน่ะครับ อาธารมีอะไรหรือเปล่า?"



     "อาทำกุ้งทอดกระเทียมไว้ให้น่ะ กำลังร้อนๆเลย กลัวว่ากลับช้าจะเย็นชืดหมด"



     "อาธารทำเอง?" ติณณ์ไม่รู้ว่าจะเซอร์ไพรส์กับกุ้งทอดกระเทียมหรือการที่คนป่วยลุกขึ้นมาทำอาหารเองก่อนดี "ทำไมไม่นอนพักล่ะครับ อากำลังป่วยอยู่นะ ถ้าเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง?"



     "เรื่องแค่นี้เอง แค่ทอดกุ้งทำไมอาจะทำให้ติณณ์ไม่ได้" เสียงปลายสายพูดไป มีเสียงไอค่อกแค่กดังขัดจังหวะไป



     "เห็นไหมครับไอใหญ่เลย น่าจะนอนพักแท้ๆ"



     "อาไม่เป็นไรหรอก แต่ติณณ์รีบกลับบ้านนะ" เสียงปลายสายดูอิดโรยจนแทบจะทนไม่ไหว



     "อาธารไหวไหมครับ....อาธาร? อาธาร!?"



     ติณณ์ร้องอย่างตกใจเมื่อเสียงปลายสายไม่ใช่เสียงพูดของอาธาร แต่เป็นเสียงกุกกักอย่างดังจนต้องยกหูออก ราวกับเครื่องมือสื่อสารของอีกฝ่ายกำลังตกกระทบกับอะไรสักอย่าง จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ



     หรือว่าจะเป็นลมไปแล้ว...



     "พี่ซีครับ ขอกลับบ้านเลยได้ไหมครับ" ติณณ์พูดอย่างร้อนรนกับรุ่นพี่



     "อะ...เอ่อ... ได้ๆ งั้นเก็บของขึ้นรถกันเลย" ซีลนลานตาม



     ตัดภาพมาที่ธารา...



     หนุ่มใหญ่มองโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองที่'จงใจ'ทำหล่นพื้น เขาหยิบขึ้นมาเช็คสภาพว่ามีรอยบุบตรงไหนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าสภาพยังคงทนสมราคาก็โล่งใจแล้ววางมันลงบนตำแหน่งเดิม



     ต้องขอบคุณวิชาการแสดงตอนสมัยม.ปลายที่ยังใช้ได้อยู่



     ธารานึกขำกับแผนของตัวเองที่ทำตัวอย่างกับเด็กเรียกร้องความสนใจ แต่เขาไม่ได้แคร์ขนาดนั้น ร่างสูงนอนลงบนโซฟาหรู กระดิกเท้าตามจังหวะเพลงอย่างสบายๆ กระแอมเส้นเสียงที่เพิ่งดัดไปเมื่อสักครู่ให้กลับมาเป็นปกติ พลางมองนาฬิกาที่ผ่านไปแต่ละวินาที



     ไม่นานนักหรอก



     เด็กน้อยของเขาคงกำลังรีบกลับมาหาคนป่วยคนนี้แน่...







     ติณณ์ผลักประตูเข้าคอนโดอย่างไม่สนใจกลิ่นกุ้งทอดกระเทียมหอมๆที่ลอยมาแตะจมูก เขาสนใจผู้ใหญ่ที่นอนหมดแรงอยู่บนโซฟานั้นต่างหาก



     เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง ดวงตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของอาธารที่ใช้สื่อสารกันก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้มันนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น นี่หรือเปล่าที่เป็นต้นเหตุของเสียงกุกกักนั้น?



     "กลับมาแล้วหรอ" ธาราประดิษฐ์เสียงแหบแห้งประกอบการแสดงฉาก'เพิ่งตื่น'ทั้งๆที่ไม่ได้หลับตั้งแต่แรก



     "เป็นยังไงบ้างครับ อยู่ๆสายขาดไป เกิดอะไรขึ้นครับ" ติณณ์ตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม



     "น่าจะหน้ามืดแล้วเป็นลมไปน่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ"



     "ปกติวันธรรมดาจะสั่งอาหารขึ้นมาทานนี่ครับ แล้วทำไมวันนี้ถึงลุกมาทำเองทั้งๆที่ยังป่วยอยู่ ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าให้พักเยอะๆ แล้วนี่ทานยาหรือยังครับ" ติณณ์บ่นด้วยความเป็นห่วง



     "ทานแล้วครับๆ" ธาราหัวเราะเบาๆ "ดุจังนะ คุณพยาบาล"



     "พ...พยาบาลอะไรกันครับ" มันรู้สึกจั๊กจี้ใจแปลกๆเมื่อถูกเรียกว่าคุณพยาบาล



     "ก็เราดุอย่างกับพยาบาลในโรง'บาลแน่ะ คนกำลังป่วยอยู่นะ อ่อนโยนหน่อยสิ" น้ำเสียงปรับมาเป็นโทนนุ่มทุ้ม มือใหญ่เอื้อมไปจับมือเล็กนั้น แล้วใช้ปลายนิ้วลูบๆหลังมือเพื่อให้อีกคนใจเย็นลง



     "ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่า" ติณณ์ทำหน้าหงอย "แค่เป็นห่วงว่าอาธารจะเป็นอะไรไป ถ้าเป็นแบบนั้นผมคง..."



     "..."



     "...ไม่มีอะไรครับ" ติณณ์กลืนประโยคที่อยากพูดลงคอ "ไปทานข้าว ทานยาแล้วอาบน้ำนอนกันเถอะครับ"



     ธาราทำเป็นเออออห่อหมกตาม ทั้งๆที่เดาไม่ยากเลยว่าติณณ์จะพูดอะไรต่อไป แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปากแข็งด้วย วันนี้เขาทานข้าวต้มปลา ส่วนติณณ์ทานกุ้งทอดกระเทียมฝีมือเขาอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นคุณพยาบาลก็จัดแจงหยูกยาให้ ตบท้ายด้วยการไล่ให้เด็กไปอาบน้ำก่อนอย่างเคย เพราะธรรมชาติของธาราเป็นคนอาบน้ำนาน



     คนในชุดคลุมอาบน้ำเปิดประตูออกมาเห็นเด็กติณณ์กำลังนั่งอ่านชีทอะไรสักอย่างบนโซฟาในท่าชันเข่า ท่านั่งนั้นทำให้กางเกงขาสั้นร่นไปกองกันตรงซอกขา เผยต้นขาอ่อนนวลเนียนให้ได้เชยชมถนัดตา เห็นแล้วก็มีความคิดอยากจะไปหนุนตักอ่อนๆนั้นด้วยความอยากรู้ว่าจะนุ่มขนาดไหน



     ซึ่งธาราไม่อยากให้มันเป็นเพียงความคิด



     "อ่านอะไรอยู่หรอ" ร่างสูงเดินเข้าไปชวนคุย



     "วิชาชีวะครับ ที่พี่ซีติวให้เมื่อเย็น มีสอบสัปดาห์หน้า"



     "อ๋อหรอ..." พอเจ้าตัวพูดคำว่าพี่ซีแล้วรู้สึกหงุดหงิดชอบกล "อ่า...ปวดหัวแฮะ"



     "มากไหมครับ?" ติณณ์ละสายตาจากกระดาษแล้วเงยหน้ามองคนสีหน้าไม่ค่อยดี



     "อื้ม สงสัยอาบน้ำนานเกินไป" ไม่หรอก การแสดงกำลังจะเริ่มอีกครั้ง ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางไม่สู้ดี เขาทำท่านวดขมับสักพักก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักเด็กหนุ่ม



     ใช่ ตักเปลือยๆขาวๆนั้นนั่นแหละ



     "งั้นเข้านอนเลยดีไหมครับ" ติณณ์ถามด้วยความเป็นห่วงโดยไม่เอะใจว่านี่คือเล่ห์กล



     "อืม นอนเลย" ธาราปิดเปลือกตาลง



     "งั้นลุกไปนอนที่เตียงกันเถอะครับ"



     "ไม่ล่ะ ตรงนี้สบายดี"



     "ไม่เห็นจะสบายเลย น่าจะเมื่อยออก ไปหนุนหมอนนุ่มๆไม่ดีกว่าหรอครับ"



     "ตักติณณ์ก็นุ่มจะตายนี่" ธาราไม่สนใจ "ขออางีบสักแปปนึงนะ"



     ติณณ์มองคนบนตักอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปนอนบนเตียงดีๆ ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไล่ให้อาธารไปไหนไม่ได้หรอก นอกเสียจากทำตัวเป็นหมอนนิ่งๆให้คนป่วย สายตาเหลือบไปเห็นชุดคลุมอาบน้ำที่แหวกออกจนเห็นกล้ามอกสวยอย่างหมิ่นเหม่ ทั้งๆที่ไม่ได้ถอดเสื้อล่อนจ้อนแต่ติณณ์รู้สึกว่าอาธารดูเป็นคนเซ็กซี่อย่างอธิบายไม่ถูก



     "โป๊หมดแล้ว" ติณณ์พูดกับตัวเองเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปจับชุดคลุมให้ปิดเนื้อหนังจนเรียบร้อย



      แน่นอนว่าธาราได้ยิน และเขาทำได้เพียงยกยิ้มอยู่ในใจ...







     เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ แต่นานพอที่ทำให้ธาราตื่นขึ้นมา



     ตอนแรกคิดว่าจะเนียนนอนตักเปลือยๆนี้แปปเดียว แต่ด้วยความนุ่มและสบายทำให้เขาหลับลึกไปตอนไหนก็ไม่รู้ คนป่วยลุกขึ้นนั่งก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าคุณพยาบาลของเขาก็หลับไปเช่นกัน



     หลับน้ำลายไหลด้วยนะ



     เขายิ้มให้กับเด็กหลับน้ำลายยืดอย่างเอ็นดู ปากบอกว่าโตแล้วๆแต่กลับทำตัวเหมือนเด็ก เรียวนิ้วเอื้อมไปเช็ดน้ำลายหยดใสนั้นโดยไม่นึกรังเกียจ เช็ดตั้งแต่ปลายคางขึ้นมาถึงริมฝีปากนุ่มๆราวกับปุยนุ่น



     ปุยนุ่นงั้นหรือ...



     'เพียงแค่รู้ว่าริมฝีปากนั้นนุ่มอย่างกับปุยนุ่น น้ำลายก็หวานฉ่ำเหมือนกับน้ำผึ้ง'



     เสียงซาตานอีกตนดังขึ้นในหัวของเขา ราวกับโดนต้องมนต์สะกดเมื่อเขามองไปที่ริมฝีปากสีชมพูที่เคลือบไปด้วยน้ำฉ่ำใสน่าลิ้มลอง นิ้วสากที่คาบนริมฝีปากอยู่ๆก็ควบคุมไม่ได้ เรียวนิ้วชอนไชเข้าไปในริมฝีปากนุ่มๆนั้นจนกระทั่งเข้าไปเจอลิ้น สัมผัสที่ห่อหุ้มนิ้วกลางของเขาเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำ ความอุ่น และความนุ่มหยุ่น



     เรียวนิ้วกวาดควานน้ำลายหวานไปทั่วโพรงปากราวกับทำหน้าที่แทนลิ้นของตัวเอง ส่วนที่เร้าอารมณ์ที่สุดคงจะเรียวลิ้นนุ่มๆนั้น นิ้วสากเอาแต่คลุกเคล้าและกวาดควานลิ้นเล็กจนน้ำลายหยดออกมานอกริมฝีปากทั้งๆที่เพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อครู่



     "อึก...อื้อ"



     คนตัวเล็กครางอื้ออึงออกมาโดยไม่รู้ตัวจากการถูกรุกรานโพรงปาก ธาราบดจูบเด็กน้อยด้วยเรียวนิ้วจนพอใจจึงนำออกมา ลิ้นอุ่นแลบเลียน้ำลายหวานฉ่ำที่เคลือบอยู่บนนิ้วตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย

 

     นุ่มราวกับปุยนุ่น หวานฉ่ำอย่างกับน้ำผึ้งจริงๆ



     "อือ..." คนหลับไม่รู้เรื่องครางละเมอพลางเอามือเช็ดคราบน้ำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัวอย่างเคย



     ธาราเพิ่งจะได้สติว่าคราวนี้ตัวเองแตะต้องมากเกินไป...



     แม้ว่าจะไม่ได้บดจูบด้วยปาก แต่การกระทำเมื่อสักครู่นั้นหาข้อแก้ตัวไม่ขึ้นสักนิด ว่านั่นคือการกระทำของอากับหลาน



     "อาขอโทษ..."



     เขาควรทำอย่างไร ยิ่งนับวันความอดทนเขายิ่งลดลงไปเรื่อยๆ ซาตานที่ซุกซ่อนอยู่ในใจมันกำลังฉีกร่างเทวดาออกเป็นชิ้นๆ มันกำลังจะออกมาขย้ำแมวน้อยซื่อๆตัวนี้ ไม่ใช่สิ ต้องเปรียบเป็นลูกแมวต่างหาก ด้วยอายุที่ยังเด็กเกินกว่าจะทำอะไรๆที่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ธาราก็ไม่อยากอยู่ห่างไกลจากเด็กคนนี้ ในขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะใกล้ชิดเกินไปอย่างวันนี้



     ใครก็ได้บอกที ว่าเขาควรทำอย่างไร...









talk.

ช่วยอาธารด้วยยยยยย เขาจะกลายเป็นซาตานแล้ว แงงงงงง

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 15-05-2019 22:00:17
บอกไปเลยค่ะว่าอารู้สึกดีกับติณณ์ เอาความดีเข้าสู้ไปเลยยย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 15-05-2019 22:31:32
ลุ้น....นนนนนนนน   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 15-05-2019 22:59:16
 :z3: :really2: อาธารคือจะไม่ไหวแล้ว55555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 15-05-2019 23:09:18
แตกแน่ๆๆๆ 55
แม่ยกจะอกแตกละจ้า ลุ้นหนักมาก
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 16-05-2019 00:59:06
สงอาธารเข้าชิงรางวัลนักแสดงสาขาจอมมารผู้ล่อลวงลูกแกะน้อยดีกว่า :pigha2:ตีบทแตกกระจุย
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kimmiew112 ที่ 16-05-2019 02:43:08
ชอบอาธาร มารยาล้านเล่มเกวียนเว่อ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 16-05-2019 08:47:28
อยากให้อาธารเลือกบอกติณณ์ไปตรงๆแบบว่าวัดใจกันไปเลย ก็พอเข้าใจคุณอาว่าคงกลัวน้องเตลิด ถ้าไม่บอกตรงๆอย่างน้อยก็ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมให้ติณณ์รู้ว่ามันไม่ใช่อาหลานเหมือนเดิม ไม่อยากให้อาธารหักดิบ ทำตัวไม่สนใจติณณ์ หรือทำตัวอยู่ห่างติณณ์ไปเลย ถ้าเป็นแบบนั้นติณณ์น่าจะยิ่งอาการไม่ดีไปใหญ่ยิ่งคิดว่าอาธารไม่รัก เพราะงั้นลุยเลยค่ะคุณอา! ส่วนถ้าติณณ์ไม่ใช่คนมีประสบการณ์แบบที่อาธารชอบก็ให้อาธารเป็นคนสอนจนเก่งไปเลยค่ะ :ling1: รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดี
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 16-05-2019 11:59:29
ตัวกระตุ้นเยอะเหลือเกินคุณอาาาาาาาา
แข็งใจไว้ค่ะ!!!  :hao5:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 16-05-2019 20:38:40
อาธารรรรร คุกนะคะ น้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ แงงงงงง
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mindch ที่ 17-05-2019 14:37:09
ใครจะร้ายกว่าอาธารไม่มีอีกแล้วววว น้องติณณ์จะตามอาธารทันหรอ หนูใสซื่อเกินไปลูก :laugh: จะรอตอนต่อไปนะคะ  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: _jinxpy ที่ 17-05-2019 16:15:01
นับวันรอวันที่อาธารทนไม่ไหว คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆแน่นอน :hao6: :hao6:
เราชอบภาษาของไรท์มากๆเลยสู้ๆนะค้ารอติดตามรอวันที่อาธารตบะแตก5555555555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 17-05-2019 22:05:48
อาธารคะ คนอ่านต้องรวมตังค์ไปประกันมั้ยคะ???? 555
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 17-05-2019 22:24:04
 :hao6: :mew1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 18-05-2019 07:36:24
ลุงจะกินเด็กแล้ว หนีไปปป~
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 19-05-2019 06:35:34
โอ้โหห!!!!!! ฉากที่เอานิ้วลูบปากน้องแล้วทำอะไรต่อมิอะไรนั้นมันพอร์นมาก! ถึงจะไม่ได้จูบแต่มันทำให้เรารู้ว่าอาธารนั้นกำลังอดทนอดกลั้นมากแค่ไหน กรี๊ดดดดดดดด เขินมาก พอร์นเกินไปค่ะ ไม่ได้หวังฉากอาธารล่วงเกินน้องเลยนะคะ แต่ตั้งตาคอยทุกวันค่า มันต้องฮอตปรอทแตกแน่เลน แงๆๆๆๆๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-05-2019 09:15:44
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 19-05-2019 17:12:07
อะโหคนนั้นก็จีบ คนนี้ก็อยากได้ อาธารต้องสู้แล้วค่ะอย่ามัวชักช้า
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 27-05-2019 17:01:13
ตอนที่ 14
   


     ติณณ์ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงมายืนในบ้านของตัวเองได้ บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ ไม่ใช่คอนโดของอาธาร



     ทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ยังคงเหมือนเดิมทุกๆอย่าง หากแต่ทัศนียภาพกลับไม่ชัดเจน เหมือนใส่ฟิลเตอร์ฟุ้งๆในแอพแต่งภาพ เหมือนกับในความฝัน นั่นสินะ หรือนี่คือความฝันจริงๆ



     ที่นี่ไม่มีใครเลยนอกจากตัวเอง ไม่มีอาธาร ไม่มีถุงเงิน ไม่มีโต้ และไม่มีแม่ แม้ขนาดในความฝันยังโดดเดี่ยวหรือนี่ ทำไมชีวิตมันช่างน่าสมเพชเสียจริง



     "ติณณ์ลูก"



     ยังไม่ทันได้เพ้อพรรณนาความน่าสมเพชของตัวเองไปมากกว่านี้ อยู่ๆก็มีใครบางคนเรียกชื่อของเขาด้วยโทนเสียงน่าฟังที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน โทนเสียงที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็อบอุ่น โทนเสียงที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็รู้สึกปลอดภัย แต่ ณ เวลานี้ มันกลายเป็นโทนเสียงที่ได้ยินแล้วน้ำตามันเอ่อล้นขึ้นมา



     เจ้าของชื่อหันไปทางต้นตอเสียงนั้น คนที่บังอาจเอ่ยชื่อเขาเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ผมยาวสลวยสีดำขลับ ดวงตาสีนิลที่ใครต่อใครต่างบอกว่าเหมือนกับติณณ์ รอยยิ้มที่สว่างไสวเหมือนกับแดดที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกๆคืนวัน



     "แม่..."



     ใช่ เธอคือมาลิน มารดาผู้ให้กำเนิดเด็กติณณ์คนนี้



     ร่างบางตัวชาไปทั้งร่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดไปถึงปลายเท้า สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวบนร่างกายคงเป็นน้ำตาที่ตกไปตามแรงโน้มถ่วง ติณณ์พูดอะไรไม่ออกสักคำนอกจากร้องไห้ คนเดียวที่เขารักอยู่ตรงหน้าเขา คนที่เขาคิดว่าคงจากไปอย่างไม่มีวันกลับกำลังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา



     มือเรียวยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เป็นเหตุทำให้ทัศนียภาพพร่ามัวกว่าความจริง พอกะพริบตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกำลังถูกแม่กอด



     "ขี้แงเหมือนเดิมเลยนะ" มาลินว่าเสียงอ่อนโยน



     "ม...แม่กลับมาแล้ว กลับมาแล้วใช่ไหม" มาลินไม่ตอบ เพียงแต่ส่งยิ้มพลางเช็ดน้ำตาของลูกหัวแก้วหัวแหวนของเธอเอง



     "อยู่กับอาธารเป็นยังไงบ้างลูก"



     "ติณณ์คิดถึงแม่"



     เธอหัวเราะกับบทสนทนาที่ไม่มีใครยอมตอบใคร ลูกน้อยของเธอเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่าคิดถึงแม่ อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน มาลินลูบศีรษะคนในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโลม เธอกลับไปอยู่กับลูกไม่ได้จึงไม่สามารถตอบคำถามที่ว่า แม่กลับมาหาติณณ์แล้วใช่ไหม



     ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ติณณ์อยู่ในสายตาเธอมาตลอด หัวอกคนเป็นแม่เจ็บหัวใจเหมือนจะตายอีกรอบเวลาเห็นลูกรักร้องไห้ทุกๆคืน สุขภาพทรุดโทรม สภาพจิตใจย่ำแย่ มาลินนึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถโอบกอดร่างนั้นได้ และไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากมองลูกรักเจ็บปวด



     จนกระทั่งธารเข้ามาในชีวิตติณณ์



     ดั่งสวรรค์มาโปรด เพื่อนของเธอยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือติณณ์อย่างมหาศาลจนไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนอย่างไรในภพภูมิหน้า ธารเข้ามาดูแลทั้งเรื่องร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังปกป้องจากอันตรายใดๆ ธารทำให้ติณณ์กลับมามีรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง



     มาลินรู้ รู้ว่าเพื่อนของเธอคิดอะไรเกินเลยกับลูกคนนี้ ธารเป็นเพื่อนกับเธอมาตั้งหลายปีทำไมถึงจะไม่รู้ถึงความหมายของสายตาและการกระทำนั้น เวลาเห็นติณณ์ถูกแตะต้องเธออยากจะเข้าไปตีมือนั้นสักทีนึง แต่ก็ต้องอนุโลมไป เพราะเธอเห็นความพยายามยับยั้งชั่งใจของธาร และเชื่อใจว่าธารจะไม่ทำอะไรหากติณณ์ไม่เต็มใจ



     ซึ่งลูกของเธอทั้งคน ทำไมจะไม่รู้ว่าติณณ์ก็มีใจให้ เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกเท่านั้น



     ถ้าถามว่ารับได้ไหมน่ะหรือ กับสถานการณ์แบบนี้ ในทีแรกก็เป็นห่วงอะไรหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าผู้ชายคนนี้ทำให้เห็นแล้วว่าสามารถปกป้อง ดูแล ให้ความรัก และทำให้ลูกรักของเธอมีความสุขมากกว่าคนเป็นพ่อแท้ๆเสียอีก



     เพียงแค่นั้นก็นับว่าเพียงพอมากแล้วจริงๆ



     "อยู่กับเขา ทำตัวเป็นเด็กดีนะลูก" เธอจุมพิศกระหม่อมบาง "แม่รักติณณ์นะ รักมากๆด้วย"



     "ฮึก ติณณ์ก็รัก"



     "ครับผม แม่รู้ แต่แม่ต้องไปแล้วนะ"



     "ไปไหนครับ!? แม่จะไปไหน??"



     "ไปที่ของแม่จ้ะ"



     "ไม่เอา ติณณ์ไม่ให้ไป อยู่กับติณณ์นะ นะ"



     คำอ้อนวอนไม่ได้ทำให้แม่ของเขาอยู่ด้วยตามปรารถนา แต่กลับผละตัวออกอย่างไม่เต็มใจก่อนจะเดินไปที่ประตูบ้าน พอเปิดมันออกแทนที่จะเป็นวิวของรั้วหน้าบ้าน กลับเป็นแสงสว่างๆพุ่งทะลุเข้ามาข้างในห้อง มาลินหันมายิ้มให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เดินหายไปในแสงนั้น



     "แม่! ฮึก... แม่ไปไหน"



     คนน่าสงสารทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง ร้องไห้ฟูมฟายจนแทบหายใจไม่ออก แต่แล้วก็มีสองแขนปริศนาเข้ามาโอบกอดร่างกายนี้จากด้านหลัง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งตัวแม้ว่านี่เป็นเพียงฝัน เป็นความอบอุ่นอีกแบบนึงที่ติณณ์คุ้นเคยดีนอกจากแม่



     "ติณณ์...ติณณ์"



     หากแต่ใครคนนั้นไม่ได้ปลอบยามที่เขาร้องไห้จะเป็นจะตาย กลับเป็นการเรียกชื่อเหมือนเรียกสติ ชื่อของติณณ์ถูกเรียกซ้ำไปซ้ำมา และดังขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเด็กหนุ่มตื่นขึ้นจากฝันร้าย



     "ติณณ์! ร้องไห้ทำไม" เป็นอาธารจริงๆด้วยที่ปลุกเขา "ฝันร้ายหรอ?"



     ติณณ์พบว่าสภาพตัวเองตอนนี้ไม่ได้ต่างจากในฝันแม้แต่นิดเดียว รวมทั้งความรู้สึก



     ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่คิดเรื่องแม่เพราะไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว แต่พอวันนี้แค่ฝันไม่กี่นาทีกลับทำเขากลับมาอ่อนแอเหมือนเป็นบ้าไปเลย



     ธาราเปิดโคมไฟที่หัวเตียงไล่ความมืดอันน่าหดหู่ คำถามที่เขาถามไปสักครู่ถูกตอบมาในรูปแบบของการพยักหน้าทั้งน้ำตา แม้จะอยากรู้เพียงใดว่าฝันแบบไหนบังอาจมาทำให้คนของเขาเสียน้ำตาได้ แต่หากถามในเวลานี้คงจะไม่สมควรเท่าไหร่



     เสียงสะอื้นไห้เป็นเสียงเดียวที่คอยบรรเลงค่ำคืนนี้ พร้อมกับสัมผัสที่เปียกชื้นจากน้ำตาและความสั่นระริกราวลูกนกแรกเกิดตรงบริเวณแผ่นอกธารา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดร่างนี้แน่นๆ ลูบศีรษะเบาๆอย่างไม่รู้จักเมื่อย ปลอบว่าอาอยู่ตรงนี้นะ ไม่เป็นอะไรแล้ว มันจบลงไปแล้ว ซ้ำไปซ้ำมา



     เจ็บ



     ธาราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้เวลาเห็นติณณ์เสียใจ



     ติณณ์ร้องไห้นานมาก นานเสียจนข้างนอกหน้าต่างเริ่มมีแสงสว่าง ในขณะเดียวกันเสียงสะอื้นก็แผ่วเบาลง กลายเป็นความเงียบงันที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา



     "ผมฝันว่าแม่มาหา" ติณณ์เป็นฝ่ายพูดก่อน ด้วยสติสัมปัชชัญญะที่ไม่เต็มร้อย สภาพจิตยังไม่แข็งแรงดี "แล้วแม่ก็จากไปอีกแล้ว"



     "..." ธาราทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี



     "รู้ไหมว่าผมคิดถึงแม่ทุกวันเลย...ร้องไห้ทุกคืนด้วย" เขาเผยความจริงบางสิ่งที่พยายามปกปิดไว้ แต่เวลานี้มันอ่อนแอจนแทบทนไม่ไหว อยากจะระบายมันออกมาบ้าง และเขาไว้ใจถ้าคนฟังเป็นอาธาร "มันทรมาณนะ หลับตาลงทีไรก็มีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามาในหัวเต็มเลย เหนื่อยนะที่ต้องร้องไห้ทุกๆคืน ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอก แต่มันห้ามไม่ได้เลย"



     ธาราเพิ่งรู้ข้อเท็จจริง



     ถ้าอย่างนั้น สาเหตุที่เมื่อก่อนติณณ์ใต้ตาคล้ำและบวม คงเพราะแบบนี้ใช่ไหม



     "ถ้าผมมีพ่อ อะไรๆมันจะดีกว่านี้ไหม" เขาถามแบบไม่คาดหวังคำตอบ "อย่างน้อยก็เหลือคนในชีวิตให้พักพิงคนนึง คนเดียวก็ได้...ไม่ใช่อ้างว้างแบบนี้"



     "ตอนนี้ติณณ์ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ มีอาทั้งคน แล้วก็มีเพื่อนที่โรงเรียนด้วยไง"



     มีอาธารทั้งคน ติณณ์พอเข้าใจ



     แต่ที่บอกว่ามีเพื่อนน่ะ ของแบบนั้นไม่มีหรอก



     "ไม่มีเพื่อนหรอกครับ หมายถึงเพื่อนที่สนิทใจกัน หรือเพื่อนที่อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ"



     "ทำไมล่ะ?"



     "ไม่รู้สิครับ เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ผมควรจะชินใช่ไหม แต่ผม...ผมไม่กล้าเข้าหาคนอื่นๆเท่าไหร่"



     "..." ธารารับฟัง



     "คงเป็นเพราะตอนอนุบาลผมเหงามากเกินไป เลยเข้าหาคนอื่นมากๆจนเขารำคาญ เขาบอกว่าผมพยายามทำตัวเด่น แล้วอยู่ๆก็ไม่มีใครพูดด้วย ไม่มีใครเล่นด้วย ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลยทำได้แค่ขอโทษ ทำได้แค่ง้อคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เหมือนเป็นอากาศที่แหกปากร้องอยู่คนเดียว"



     "..."



     "ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าพูดเยอะๆแบบนั้นอีกเลย พอโตขึ้นมาหน่อยก็อยากจะกลับไปพูดคุยกับคนอื่นเยอะๆแบบนั้นอีก แต่ไม่รู้ทำไมยังขาดความมั่นใจอยู่ ก่อนพูดทุกครั้งต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะพูดอะไรออกไปให้อีกฝ่ายสนิทกับเรา มันฝืนผมรู้ คนอื่นก็รู้ เขาบอกว่าให้ผมเป็นตัวของตัวเอง ตัวตนของผมกลายเป็นคนคุยไม่เก่งไปแล้ว พอผมเป็นตัวของตัวเองเขากลับบอกว่าผม...น่าเบื่อ เข้าไม่ถึง อยู่ด้วยแล้วอึดอัดแปลกๆ"



     "..."



     "งี่เง่าจัง แค่ความทรงจำแย่ๆนิดเดียวตอนเด็กทำไมต้องเอามาฝังใจขนาดนี้ แต่ตอนนั้นมาแย่มากเลยนะครับ...ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงยังยึดติดกับเรื่องเล็กๆแค่นั้น อ่อนแอกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง" ติณณ์ถอนหายใจ "ผมพูดอะไรก็ไม่รู้ใช่ไหม มันคงงี่เง่าเหลือเกินในสายตาผู้ใหญ่ ฟังแล้วลืมๆมันไปนะครับ"



     "อาไม่ได้คิดว่ามันงี่เง่าเลย"



     "!?"



     "คนเรามีจุดอ่อนไม่เหมือนกัน เรื่องเล็กสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องใหญ่มากๆสำหรับบางคน อีกอย่างนึงคือถ้ามันทำให้ติณณ์เป็นถึงขนาดนี้ อาว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ" ธาราอธิบาย "แต่อาขอถามได้ไหม ว่าทำไมติณณ์ถึงพูดเยอะกับอาล่ะ?"



     "เพราะอาธารใจดี"



     "..."



     "ตอนแรกผมก็ไม่กล้าคุยกับอาธารหรอกครับ กลัวว่าพูดไปแล้วอาธารจะอึดอัดและเบื่อผมเหมือนคนอื่นๆ แต่อาธารใจดี ผมอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าอยู่กับอาธารแล้วมีค่า แล้วอาก็บอกว่าชอบให้ผมพูด ผมเลยอยากพูดด้วย" ติณณ์ว่า "...แต่คนอื่นไม่เป็นแบบนั้นกับผมหรอก ไม่มีใครพยายามเข้าหาผมแบบอาธาร ไม่มีใครทนความน่าเบื่อของผมได้"



     "พื้นฐานของติณณ์ไม่ใช่คนน่าเบื่อ รู้ไหม อาอยู่ด้วยมาตั้งนานแล้วไม่เห็นน่าเบื่อเลย ความเงียบไม่ได้ทำให้อึดอัดเสมอไปนะ สำหรับอาที่เจอความวุ่นวายจากที่ทำงานทุกวัน พอกลับบ้านมาเจอความสงบของติณณ์ มันกลับทำให้อาสบายใจและหายเหนื่อยนะ"



     "...จริงหรอครับ" ติณณ์ไม่เคยถูกใครพูดแบบนี้เลย



     "จริงสิ แท้จริงแล้วติณณ์เป็นคนน่ารัก เพราะติณณ์มีมารยาท ติณณ์รู้จักเป็นห่วงคนอื่น เป็นเด็กดี เป็นเด็กขยันใฝ่รู้ แล้วก็มีอีกหลายๆอย่างที่อามองว่ามันน่ารัก แต่ติณณ์แค่ไม่รู้ตัว"



     "..."



     "ส่วนเรื่องเข้าสังคม อย่าคิดว่าคนทั้งโลกจะเข้ากับเราไม่ได้สิ สังคมที่ติณณ์เจอมันก็แค่กลุ่มคนในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนไม่ใช่โลกทั้งใบ เราอาจจะยังไม่เจอคนที่ไลฟ์สไตล์เข้ากับเราจนทำให้เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย แต่ก็อย่ารอให้สังคมเข้าหาเราฝ่ายเดียว แต่เราต้องเข้าสังคมด้วย เข้าใจไหม"



     "แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไง..."



     "คิดซะว่าคนๆนั้นเป็นอาสิ อย่าไปกังวลว่าพูดแบบนี้เขาจะเบื่อไหม เขาจะอึดอัดไหม ถ้าไม่พูดเลยเราจะไม่มีวันรู้ ถ้าการเริ่มต้นใหม่กับสังคมเดิมมันยากเกินไป ก็ลองเริ่มต้นกับสังคมมหาลัยก็ได้นะ อีกไม่นานจะจบแล้วใช่ไหม"



     "ครับ"



     "อื้ม ลองเริ่มต้นใหม่กับสังคมใหม่ ลองกับสังคมเดิมด้วยก็ได้ อารู้ว่ามันยากสำหรับติณณ์ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถ้ารู้สึกไม่สบายใจที่โรงเรียนก็โทรหาอาตอนพักกลางวันได้ทุกวันเลยนะ รู้ไหม"



     "..."



     "หืม? ติณณ์? เข้าใจที่อาพูดไหม"



     "ทำไมอาธารถึงไม่เป็นพ่อผมนะ"



     ธาราชะงักกับคำถามนั้น



     "ถ้าได้อาธารเป็นพ่อผมต้องมีความสุขแน่ๆเลย" ติณณ์นำใบหน้าพิงบนบ่าพลางช้อนตามองอีกฝ่าย



     "เป็นอาเฉยๆติณณ์ก็มีความสุขได้เหมือนกันนะ"



     "แต่ถ้าเป็นพ่อผมตั้งแต่เด็กๆ ผมก็จะมีความสุขกว่านี้ไง อีกอย่างนึง ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมันตัดยากใช่ไหม ถ้าแบบนั้นอาคงจะอยู่กับผมไปนานๆ ไม่ทิ้งผมไปไหน"



     "ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อ อาก็ไม่ทิ้งติณณ์ไปไหนนะ"



     ติณณ์รู้สึกตัวเองกำลังอันตราย



     เขากำลังจะรักอาธาร



     เขาไม่กล้ารัก ไม่กล้ายึดติด กลัวว่าจะผิดหวังซ้ำๆเหมือนในอดีต ตอนนั้นที่กล้ารักอาภพเป็นเพราะเขาดันไปเชื่อว่าอีกฝ่ายก็รักเขา อย่างที่พูดออกมาจากปาก ติณณ์เลยรู้สึกไม่กังวลถ้าตัวเองได้รักกับคนที่รักตัวเองอยู่แล้ว



     แต่กับอาธาร ติณณ์ไม่รู้ว่าอาธารรักติณณ์แบบนั้นไหม



     มันกลัวจะผิดหวัง กลัวว่าอาธารจะเป็นโลกทั้งใบของเขาอยู่ฝ่ายเดียว กลัวว่าจะสนิทกับอาธารที่สุดในชีวิตอยู่ฝ่ายเดียว กลัวว่าความรู้สึกทั้งสองฝ่ายจะไม่เท่ากัน กลัวว่าเขาจะขาดอาธารไม่ได้ แต่อาธารขาดเขาได้ กลัวว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องมาเจ็บซ้ำๆ



     คราวนี้ติณณ์ไม่อยากอยู่เฉยๆอย่างรอปัญหาเข้ามา ความรู้สึกอยากให้อาธารรักมันรุนแรงเสียจนทำให้เขาคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายรักเขาหัวปักหัวปำเหมือนกัน การบอกรักไปโต้งๆไม่ใช่ทางที่ติณณ์ถนัด แต่แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?



     เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร ค้นหาวิธีทำให้คนอื่นมารักในอินเตอร์เน็ตก็มีแต่วิธีแปลกๆ แท้จริงอาจจะธรรมดาสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับติณณ์กลับเป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถ เลยได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างไร้หนทางแบบนี้



     "อ้อนอะไรเนี่ยถุงเงิน"



     เสียงนุ่มทุ้มที่ไม่ได้พูดกับมนุษย์เรียกให้ติณณ์หันไปมอง เจ้าถุงเงินมันกำลังเอาหัวกลมๆไปถูไถกับท่อนขาอีกฝ่าย อาธารเรียกอาการนี้ว่าแมวหิวข้าว พอมันกินอาหารเม็ดที่เจ้าของเทให้เรียบร้อย เจ้าตัวขนฟูก็กระโดดขึ้นไปขดตัวนอนบนตักอาธาร ติณณ์มองอาธารที่ยิ้มพลางลูบลำตัวแมวตัวนั้นอย่างรักใคร่ ใช่ อาธารดูรักแมวตัวนั้นมาก มากจนบางทีก็นึกอิจฉาถุงเงิน



     ติณณ์อยากเป็นแมวบ้าง



     มันออกจะบ้าบิ่นไปหน่อย แต่ขอลอกเลียนพฤติกรรมแบบถุงเงินบ้างได้ไหม เผื่อจะได้ถูกรักแบบนั้นบ้าง






(ต่อด้านล่างค่า)
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่13 (15.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 27-05-2019 17:01:36
     ตกเย็นวันหนึ่ง อาธารนั่งอ่านเอกสารอะไรสักอย่างบนโซฟา



     ดูท่าจะเป็นงานสำคัญหรือเปล่า อ่านนานมากๆ นานจนเลยเวลาอาหารเย็นไปชั่วโมงกว่า ถ้าเป็นปกติติณณ์จะเตือนว่าได้เวลาทานข้าวแล้วนะครับ แต่คราวนี้เขาอยากทำอะไรให้มันพิเศษขึ้นโดยการหย่อนตัวไปนั่งข้างๆ แล้วก็เอาศีรษะไถๆกับหัวไหล่นั้นไม่หยุด และได้ผล อาธารหยุดอ่านข้อความในกระดาษนั้นแล้วหันมามองคนพยาพยามเลียนแบบแมว



     "อะไรเนี่ยเรา อยู่ๆก็มาอ้อน"



     "ติณณ์หิว"



    ติณณ์หิว?



     เด็กคนนี้เปลี่ยนสรรพนามจากคำว่า'ผม'เป็น'ติณณ์'




     "หืม? ว่าไงนะ"



     "ติณณ์หิวข้าวแล้วครับ"



     ธาราไม่ได้ถามเรื่องการเปลี่ยนสรรพนามนั้น กลัวว่าแซวอะไรไปเจ้าตัวจะเขินจนเสียความมั่นใจ เพราะเขาชอบเวลาติณณ์เรียกแทนชื่อตัวเอง มันน่ารัก ยิ่งมาออดอ้อนแบบนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะดูผิดปกติก็เถอะ



     ใช่ พักนี้ติณณ์น่ารักแบบผิดปกติจริงๆ



     ยกตัวอย่างเช่น เวลาธารานั่งอ่านหนังสือสอบสวนเล่มโปรดของตัวเองอยู่ ติณณ์ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆพร้อมหนังสือวิชาชีววิทยา ทีแรกเขาคิดว่าคงจะมานั่งอ่านด้วยเฉยๆ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น คนตัวเล็กเอนศีรษะลงมานอนบนตักเขา มีการช้อนตามองอย่างลุ้นๆว่าอาธารคนนี้จะว่าอะไรไหม เขาให้คำตอบโดยการยิ้มและลูบผมนิ่มๆนั้น แล้วต่างคนก็ต่างอ่านหนังสือของตัวเอง



     อย่างบางวันที่ธารากลับบ้านมาเหนื่อยๆ บิดขี้เกียจพลางบ่นเมื่อยอย่างนั้นเหนื่อยอย่างนี้ตามปกติ พอคนในชุดเรียนได้ยินแบบนั้นเลยรีบเข้ามาถามว่า ติณณ์นวดให้ไหม ยอมรับว่ามีอึ้งๆอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงๆแล้วเขาแสนจะเต็มใจ มือเล็กๆคอยบีบนวดตรงบ่าด้วยแรงพอเหมาะ แบบว่าแรงกว่าแมวนิดนึง ใช่แล้ว ติณณ์เห็นถุงเงินชอบเอาอุ้งเท้าไปนวดๆอาธาร เขาเลยอยากทำแบบนั้นบ้าง



     ยังไม่หมด เด็กคนนี้ชอบเข้ามาคลอเคลีย อยู่ๆก็เอาคางมาเกยบนบ่าอย่างไม่มีเหตุผลบ้าง เอาศีรษะมาพิงหลังบ้าง พิงอกบ้าง ล่าสุดมีการอาสาผูกเนคไทให้เขาก่อนไปทำงาน ส่วนสิ่งที่ทำบ่อยๆคือเจ้าตัวชอบเอาดวงตาแป๋วๆมาจ้องแล้วก็ยิ้มอะไรก็ไม่รู้



     ธาราใจสั่นกับการกระทำที่ก้าวกระโดดนั้น อยู่ๆก็มาทำตัวน่ารักใส่ไม่หยุด ในขณะเดียวกันมันทำให้ความอดทนของเขาลดลงไปเรื่อยๆ



     อ้อนกันแบบนี้ อยากโดนตะปบหรือไง?



     และสิ่งที่ทำให้เขาหมดความอดทนมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องราวในคืนนี้



     ติณณ์เอาตัวเองเข้าไปซุกกับแผ่นอกนั้นโดยไม่ต้องรอให้ใครเรียก ธาราจุมพิศบนหน้าผากนั้นแทนคำบอกฝันดีอย่างที่ทำทุกๆคืน สิ่งที่ควรจะเป็นต่อไปก็คือเขาทั้งคู่เข้าสู่ช่วงนิทรา แต่วันนี้เด็กน้อยกลับขยับศีรษะดุ๊กดิ๊ก เงยใบหน้าขึ้นไป'จุ๊บ'สันกรามของคนที่อายุมากกว่า จากนั้นก็หลับปุ๋ยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ธารานอนหัวใจเต้นแรงอยู่คนเดียว



     ปกติธาราก็ต้องอดกลั้นกับเด็กคนนี้อยู่แล้ว ยิ่งมาทำตัวแบบนี้ ใครมันจะไปทนไหวกัน?



     "อือ..."



     คนตัวบางใต้ร่างธาราส่งเสียงประท้วงในลำคอยามอยู่ในห้วงนิทรา เมื่อคนข้างบนกำลังขบดูดซอกคอขาวอย่างหน้ามืดตามัว ธาราใจเต้นแรงราวมันจะปะทุออกมาในยามที่ลิ้นอุ่นได้สัมผัสกับลำคอเนื้อเนียน จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากร่างบางอย่างกับโดนมอมเมาด้วยกลิ่นและรส



     กว่าเขาจะได้สติและหยุดการกระทำ ก็ตอนที่เด็กใต้ร่างขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าร่างกายกำลังถูกรบกวนด้วยอะไรบางอย่าง



     อะไรบางอย่างที่ว่าละใบหน้าออกจากซอกคอน่าหลงใหลนั้น ก่อนที่จะมองใบหน้าละอ่อนของเด็กดีที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว สุดท้ายธาราก็คิดว่า คนมีมลทินอย่างเขา ไม่ควรจะทำผ้าขาวแปดเปื้อน



     ธาราขบกรามแน่น ไม่อาจดับไฟราคะที่คุกรุ่นในใจได้ ร่างหนาพาตัวเองเข้าห้องน้ำ จัดการอารมณ์ด้วยฝ่ามือเสร็จสรรพ เขาเริ่มตั้งคำถามว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



     จุดที่คนที่ฟันใครมามากอย่างเขา ต้องมาอดทนอดกลั้น แล้วทำตัวเป็นพ่อพระ กับเด็กอายุ18คนนึง



     ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางคิดตั้งแต่จุดเริ่มต้น แต่ไม่รู้ว่าจุดจบมันจะไปทางไหน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้สับสนกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ คนที่ผ่านโลกมามากและแน่วแน่กับความคิดตัวเองกลับมาต้องคิดหนักกับเด็กตัวเล็กๆแค่นี้ เขาว่ากันว่าความรักทำให้คนตาบอด ประโยคเลี่ยนๆที่ธาราเคยเอียนกลับกลายเป็นว่าเขากำลังเจอกับตัวเสียเอง



     เจ้าของคอนโดมิเนียมพาตัวเองไปที่เงียบๆอย่างตรงระเบียง ปล่อยให้สายลมขัดเขลาสิ่งที่ขุ่นมัวในใจ เวลานี้เขาต้องการใครสักคนมาปรึกษา และพาตัวเองออกจากหลุมนี้สักที



     "ไงไอ้แสง ว่างหรือเปล่า"  เขาเลือกที่จะโทรหาเพื่อนสนิท



     [อือฮึ กูเพิ่งกลับบ้าน มีอะไรหรือเปล่า]



     "มึงเคยคบเด็กเปล่าวะ"



     [คำถามมึงแปลก มึงไม่ใช่ไอ้ธาร]



     "อย่านอกเรื่องน่า"



     [เอ้า อยู่ๆก็ดุใส่กู เออๆก็เคยคบ ทำไมหรือ?]



     "เด็กสุดอายุเท่าไหร่ ตอนมึงอายุประมาณนี้"



     [ก็ประมาณ...23มั้งถ้าจำไม่ผิด]



     "อือฮึ..."



     [อือฮึแล้วพูดต่อสิวะ อย่าเงียบ]



     "อย่างน้อยของมึงก็ไม่ใช่ผู้เยาว์" เขาถอนหายใจ "กูว่ากูชอบเด็กคนนึง...แต่เขาอายุ18"



     [หา...แล้วไปเจอได้ยังไง]



     "ก็..." ธาราเล่าเรื่องทั้งหมดนับชั่วโมง "...กูจะทำยังไงดี"



     [แล้วนี่มึงเคยจีบเขาหรือยัง]



     "ยัง"



     [ก็ลองจีบ ลองเข้าหาดูสิ มึงโตปานนี้แต่ทำไมทำตัวเหมือนวัยรุ่นรักแรกเลยวะ]



     "ไอ้เรื่องความรู้สึกน่ะกูรู้ตัวเองดี อยากจะจีบ อยากจะทำอะไรให้มันชัดเจนอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าเด็กมันยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย"



     [มึงเอาทีละเรื่อง ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถ้าจีบติดแล้วเขาโอเคที่จะอยู่กับมึงก่อนค่อยคิดไปเรื่องนั้น]



     "กูทำไม่ได้ กูต้องการให้ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆกัน"



     [ไอ้ธาร!]



     "ก็แบบนี้ไงกูเลยโทรมาปรึกษามึง"



     [เฮ้อ...มึงคิดว่ามึงอดทนรอให้เขาอายุ20ไหวหรือเปล่าล่ะ]



     "ไม่"



     [เอ้อ ก็มีคำตอบอยู่แล้ว จะโทรมาหากูทำซาก]



     "แล้วมึงไม่คิดหน่อยหรอว่ากูเสี่ยงคุกน่ะ"



     [แล้วนี่เกิดอยากเป็นพ่อพระอะไรขึ้นมาตอนนี้วะ แต่เขาก็เด็กเกินไปจริงๆแหละ...แต่ถ้าเอาแบบไม่สนกฏหมายอะไรทั้งสิ้น ถ้าเขายินยอมมันก็โอเคใช่ไหมล่ะ]



     "ก็ใช่ แต่มัน..."



     [กูจะสมมติในกรณีที่อีกฝ่ายมีใจให้มึงนะ ถ้ามึงเลือกความถูกต้อง เลือกที่จะเป็นพ่อพระ ไม่แตะต้องเด็กคนนี้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งมึงรู้ว่ามึงทำไม่ได้เลยจะถอยห่าง หนึ่งคือมึงไม่ได้แดกและมึงไม่มีความสุข สอง เด็กคนนี้จะเสียใจจะเป็นจะตายเพราะมึง กับอีกอย่างนึง แหกกฏที่มึงไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ว่ามึงแหก ผลคือหนึ่ง มึงได้แดกและมีความสุข สองเด็กคนนี้ก็จะมีความสุขด้วย เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างความถูกต้องสำหรับมึง หรือความรู้สึกของคนที่มึงรัก กูไม่ได้ชักนำหรือชี้นำ แค่สรุปเรื่องให้ฟังเฉยๆ]



     "..."



     [แม่งพูดยากว่ะเรื่องนี้ เหมือนถ้ากูยิ่งพูดยิ่งดูเหมือนสนับสนุนเพื่อนเข้าคุก แย่หน่อยนะที่บังเอิญเพื่อนมึงก็ไม่ใช่คนดีอะไรหนักหนา ก็นะ ฟังเอาแล้วคิดเยอะๆว่าอยากไปทางไหน แต่ก็กูจะบอกมึงไว้อย่างนึง]



     "อืม..."



     [เรื่องบางเรื่องน่ะนะ] แสงอาทิตย์พูดเสียงจริงจัง [ทางทฤษฎีก็ใช้ไม่ได้จริงกับทางปฏิบัติว่ะ...]







     วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นวันหยุดที่อาธารเลือกที่จะนอนดูหนัง



     ติณณ์เปิดตู้เย็นช่องแช่แข็งเพื่อหาไอศครีมโคนสำเร็จรูปของญี่ปุ่นที่อาธารซื้อมาฝากเมื่อวาน อีกฝ่ายโฆษณาใหญ่ราวกับเป็นนายหน้าว่าอร่อยอย่างนั้น ขายดีอันดับหนึ่งแบบนี้ ฟังแล้วชวนหิวตาม เลยต้องลุกขึ้นมาทานแบบนี้



     เด็กหนุ่มนั่งแหมะข้างๆคนกำลังดูหนังรักของสักประเทศหนึ่ง ติณณ์อยากพูดให้ฟังจะตายว่าไอศกรีมอร่อยมากอย่างที่โฆษณาจริงๆด้วย แต่เขาไม่กล้าชวนคุยหรอก เพราะอาธารกำลังจมกับซีนพระนางจีบกันอย่างตั้งใจ ติณณ์เลยไม่กล้าชวนคุยด้วย ได้แต่นั่งดูหนังซับไทยไปพร้อมๆกับอีกฝ่าย



     เขาค้นพบว่าตัวเองไม่อินกับหนังรัก



     เพราะไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีโมเม้นท์อะไรแบบนั้น ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกของตัวละครมันเป็นแบบไหน เลยทำให้หนังเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดดูแล้วหลับสำหรับติณณ์ หนังสือยังสนุกกว่านี้เลย



     "จะหลับหรือ?" เสียงนุ่มทุ้มของอาธารว่าแบบนั้นเลยทำให้ติณณ์สะดุ้งตัวขึ้นหลังจากที่ศีรษะตัวเองไปอยู่บนไหล่อีกฝ่ายเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ "จะซบก็ไม่ได้ว่าอะไร นอนได้"



     ติณณ์สบายใจขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น แล้วเอนศีรษะลงบนลาดไหล่นั้นพลางลิ้มรสไอศกรีมรสนมไปด้วย ทั้งๆที่ธาราเป็นฝ่ายอนุญาตให้เด็กทำแบบนี้ แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่ดูหนังไม่รู้เรื่องเพราะมีคนซบไหล่ มันไม่ใช่ความน่ารำคาญ หรือไม่สบายใจแต่อย่างใด มันคือความรู้สึกที่พองโตอย่างบอกไม่ถูก



     "อย่างกับเป็นแฟนกันเลยนะ"



     "ครับ?" ติณณ์ตอบรับอย่างงงๆเมื่ออยู่ๆอาธารก็พูดอะไรแบบนั้นออกมา



     "ซบไหล่กันแบบนี้น่ะ...เหมือนพระเอกกับนางเอกในหนังเลย"



     อะ...อะไรกัน อยู่ๆก็มาพูดอะไรแบบนี้ใส่...



     คนตัวเล็กนำศีรษะตัวเองออกมาจากไหล่นั้นด้วยความประดักประเดิด ทั้งๆที่หวังให้มันเป็นแบบนี้แต่พอเจอเข้าจริงๆกลับเขินจนไปไม่ถูก แค่พูดว่าเหมือนแฟนกันเอง ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ทำไมหน้าต้องร้อนขนาดนี้ด้วย



     "ติณณ์เคยมีแฟนไหม?" นั่น อยู่ๆก็มาชวนคุยเรื่องที่เขาไม่ถนัด



     "ไม่เคยหรอกครับ..." ติณณ์ว่าเสียงซึม "...เพราะติณณ์เหมือนเต้าหู้"



     "หือ? เต้าหู้? ทำไมล่ะ"



     "มีคนเคยบอกว่าติณณ์เหมือนเต้าหู้ รู้ว่าดี มีประโยชน์กับร่างกาย แต่จืด ไม่อร่อย ไร้รสชาติ...เพราะแบบนี้ติณณ์เลยไม่มีแฟนมั้งครับ"



     คราวก่อนเป็นกบน้อย คราวนี้เป็นเต้าหู้น้อยงั้นหรือ



     ถ้าถามว่าเหมือนเต้าหู้ไหม ธาราคงตอบว่าเหมือนในแง่ของร่างกาย เด็กคนนี้ตัวขาวใสเพราะแทบไม่โดนแดดภายนอกบ้าน กับผิวนุ่มๆที่ได้รับการพิสูจน์จากการกอดทุกๆคืน สรุปก็คือ ติณณ์ขาวและนุ่มเหมือนเต้าหู้



     ดวงตาคมมองคนผิวสีเต้าหู้ทานไอศครีมพลางๆ ลิ้นสีสดแลบเลียออกมากวาดครีมสีขาวเข้าโพรงปาก เนื้อของหวานบางส่วนไปเลอะอยู่ตรงมุมปากเลยทำให้เจ้าตัวต้องใช้ลิ้นฉ่ำๆแลบเลียมันอย่างลวกๆ พอครีมขาวเริ่มละลายหยดเป็นสายจนเลอะมือ ลิ้นสีน่ากินนั้นก็ทำหน้าที่เลียคราบไอศกรีมที่หยดมาถึงก้นโคน ไล้เลียขึ้นไปยังต้นโคนเพื่อกันไม่ให้มันหกไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะส่งปลายนิ้วเรียวที่เลอะครีมเล็กน้อยเข้าไปในโพรงปาก



     ระหว่างไอศกรีมสีขาวกับริมฝีปากสีเชอร์รี่นั้น อะไรมันจะหวานมากกว่ากันนะ



     "เต้าหู้จืดๆงั้นหรอ" ธารายิ้มอย่างมีเลศนัย "งั้นอาขอชิมหน่อยได้ไหม"



     ใช่ ธาราเลือกแล้ว



     เลือกแล้ว...ว่าเขาต้องเดินไปทางไหน



     มือใหญ่สัมผัสลงบนท้ายทอยเด็กหนุ่มราวว่าจะจับล็อคกลายๆ ติณณ์รู้สึกท้องไส้ปั่นปวนเมื่ออาธารทำสายตาเปล่งประกายแบบนั้นอีกแล้ว แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆอย่างรวดเร็วจนเขาต้องยกไอศกรีมขึ้นมาป้องกันโดยสัญชาตญาณ เลยกลายเป็นว่าอาธารกำลังจูบกับไอศกรีมไปเสียได้



     คนเจ้าเล่ห์ชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสที่ได้รับไม่ใช่สิ่งที่คาดหวัง เขามองดวงตากลมที่ดูตื่นตูมนิดๆอย่างน่าจับขย้ำให้มีน้ำตาเล็ดลอดออกมา สถานการณ์นิ่งค้างแบบนั้นอยู่สักพัก เด็กเต้าหู้ก็เบนสายตาไปทางอื่น แก้มแดงก่ำราวผลไม้ ริมฝีปากขยับรับไอศกรีมเข้าปากแก้เก้อเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อไป



     แต่สิ่งที่ผิดแผนคืออะไรรู้ไหม



     แผนของธาราตอนแรกคือการค่อยๆจีบ และค่อยๆเข้าหาอย่างนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า



     ...ในเมื่อเด็กมันน่ารักขนาดนี้...



     ธารายกยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปไล้เลียครีมสีขาวบนโคนกรอบๆนั้นบ้าง เรียวลิ้นกวาดควานครีมนุ่มๆหวานๆเข้าโพรงปากจนมันกร่อนเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งธาราคาดเดาว่าถ้าตวัดลิ้นอีกไม่กี่ทีครีมสีขาวก็คงจะหมดจนกระทั่งขุดเจอริมฝีปากสีน่ากินนั้นแน่ๆ



      หากแต่สายตาพราวระยับดั่งนายพรานพบเหยื่อตัวน้อยไม่ได้มองสิ่งที่กำลังกิน กลับมองสิ่งที่'อยากกิน'ต่างหาก



     ติณณ์พยายามคิดในแง่ดี ชิมในแง่นี้อาจจะหมายถึงชิมไอศกรีมก็ได้ พอเห็นอาธารเอาแต่ทานเอาๆแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ ว่ามันคงเป็นแบบนั้นแหละ



     แต่มีอย่างหนึ่งที่ติณณ์ไม่เข้าใจ



     ริมฝีปากติณณ์ไม่ใช่ไอศกรีมเสียหน่อย แต่ทำไมอาธารถึงไล้เลียและขบกัดไม่หยุดเลย









talk.

ย้ากกกกกกกกกกกกก!! อาธารจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วนะคะ!! ลุงจะบูบีๆๆๆปากน้อง โดเนทเงินประกันตัวให้เขาด้วยนะคะ

หายไปนานเลย ขอโทษนะคะ แบบว่าติดปัญหานิดหน่อยยยย ;_____;

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 27-05-2019 18:24:01
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 27-05-2019 18:25:19
ช่วยสมทบทุน  o18
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: คุณซี ที่ 27-05-2019 20:22:31
อาคะ..หนูไม่มีเงินไปประกันอาออกจากคุกนะคะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: _jinxpy ที่ 27-05-2019 21:23:15
ไม่รอดแล้วน้องติณณ์หรอป่าวคนอ่าน!!!!!เลือดออกหมดตัวแล้วแงงง
แง้อาธารจะเริ่มรุกน้องจริงจังแน้ววว เกียมยาดม :hao6:  :hao3:


คิดว่าไรท์จะหายไปสะอีกสู้ๆนะคะเราชอบเรื่องนี้มากๆเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-05-2019 21:27:51
ตบะอาธารแตกแล้ว :z2:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-05-2019 21:53:03
จดทะเบียนก่อนค่ะ เป็นสามีและผุ้ปกครองไปเลย
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-05-2019 00:20:01
คุณอ๊าาาาาาาาาา คุยกับน้องก่อน!!!!!
น้องไม่ใช่เด็กเข้าใจยาก ฮือออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 28-05-2019 01:23:45
แค่กๆๆ คุกๆๆๆๆ เจ็บคอจังเลยนะคะ สงสัยจะกินไอติมมากไป แค่กๆ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 28-05-2019 01:36:53
เริ่มแล้วววว คนหลานก็อ้อนเอาอ้อนเอา คนเป็นอาก็ตัดสินใจเด็ดขาดรุกแรงแบบทันทีทันใดนั้นเลย ติณณ์ก็จะทำให้อาธารอยู่กับตัวเองไม่ไปไหน ส่วนอาธารก็ตัดสินใจดับเครื่องชนใส่ติณณ์ ต่างฝ่ายต่างแน่วแน่ ขนาดเพิ่งเริ่มยังขนาดนี้  :ling1: :-[  ไม่รู้ว่าต่อไปเด็กกับผู้ใหญ่ใครจะร้ายกว่ากันนะคะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานนะคะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-05-2019 03:05:58
หลานก็อ้อนซะขนาดนั้น เป็นใครก็ทนไม่ไหวหรอกครับ ฮี่ ๆ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 28-05-2019 09:29:21
มีคนจะกินเด็ก 1 EA
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-05-2019 12:23:37
 :hao6: :z1: :hao6:



 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-05-2019 23:11:24
อาธารอยากกินอะไรคะ ตอนหน้ารบกวนสั่งเสียทิ้งไว้นะคะ 555555555555555555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 29-05-2019 01:34:13
ตายยยยยยตายเด็กมันยั่ว!! :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mindch ที่ 29-05-2019 22:01:32
โอ้โหหห ตอนหน้าคาดหวังกับอาธารเลยนะคะ เผ็ดแบบพริกทั้งสวนไม่ใช่กับน้องนะ คุณอาเลยค่ะ  :haun4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 30-05-2019 06:30:42
ไม่รอดแน่ ๆ หมายถึงอาธารอ่ะไม่รอดคุกแน่ ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 30-05-2019 11:22:36
อาธาร หนูไม่มีตังค์จะประกันอาออกจากคุกนะ
แต่หนูทำผัดกะเพรากับข้าวผัดอร่อย
หนูจะทำแล้วหิ้วไปฝากนะคะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 31-05-2019 14:53:04
โอ้ย ตายแล้ววว ใครจะไปประกันตัวคุณเขากันเนี่ย ถ้าน้องเป็นเต้าหู้พี่คงยอมกินเต้าหู้ไปทั้งชีวิต น้องน่ารักซะขนาดนี้ แงๆๆ อยากหยิก ทำมาเป็นอ้อนๆ แบบแมว โง้ยยดสกวกาวก
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Lonliness ที่ 31-05-2019 18:30:25
อาธารกินน้องเถอะค่ะ ทางเราได้เตรียมเงินประกันตัวไว้ให้แล้ว 55555555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Hananijinji ที่ 02-06-2019 06:54:44
อุ้ยยยยย เขิน ในที่สุดอาธารก็แหกเซฟโซน คิดถึงไรท์นะคะรอนานแต่ก็รู้สึกคุ้มที่รอ❤
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 13-06-2019 20:57:11
ตอนที่ 15



     คุณเคยสัมผัสปุยนุ่นหรือเปล่า?



     หรือคุณเคยทานอะไรสักอย่างที่มีรสสัมผัสนุ่มๆไหม?



     จงจินตนาการความนุ่มนั่นไว้ แล้วธาราจะบอกให้ว่าริมฝีปากของติณณ์น่ะ นุ่มกว่านั้นอีก



     ไม่เพียงแค่รสสัมผัสที่น่าบดขยี้ให้ปากบวมเจ่อเท่านั้น รสชาติหวานๆจากครีมนมที่เคลือบริมฝีปากก็ยังเข้าได้ดีกับความนุ่มนิ่ม ธาราขบดูดกลีบปากอย่างไม่เร่งรีบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเจ้าตัวว่าจะขัดขืนอะไรหรือไม่ ถ้าไม่เต็มใจเขาจะยอมปล่อยไปแต่โดยดี หากแต่เด็กดีของเขายังคงนิ่งงัน อนุญาตให้ธาราไล้เลียริมฝีปากสีน่ากินนี้ไม่หยุด



     เด็กหนุ่มหลับตาปี๋พลางกัดฟันแน่นเพราะความตื่นตระหนกกับประสบการณ์ใหม่ ซึ่งนั่นทำให้ธาราไม่สามารถสอดลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานข้างในโพรงปากได้



     "อ้าปากหน่อย เด็กดี" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก



     "ทำไมล่ะค— อื้อ..."



     คนไร้ประสบการณ์สะดุ้งตัวเมื่อลิ้นของอีกฝ่ายชอนไชเข้ามาข้างใน ธาราได้ยินเสียงอะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงไอศกรีมหล่นลงกระทบโซฟาราคาแพง แต่เขาไม่ได้ไยดีมันสักนิด เขาสนใจลิ้นน้อยๆที่กำลังจะชิมรสนี้ต่างหาก



     หวาน



     ใช่ โพรงปากนี้เต็มไปด้วยความหอมหวานรสไอศกรีมนมที่เพิ่งทานไป แต่มันกลับอร่อยขึ้นเยอะเมื่อรสนั้นมันมาอยู่ในโพรงปากนี้



     ติณณ์ตกใจอย่างมากเมื่ออยู่ๆอาธารก็สอดลิ้นเข้ามาจนต้องเผลอผลักอีกฝ่ายออก แน่นอนว่ามันไม่มีประโยชน์ นอกจากอาธารจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแล้วแถมยังจับเขาล็อคแน่นกว่าเดิมอีก



     "ฮื้อ!"



     เสียงเล็กครางได้แต่ในลำคอเพราะโดนครอบครองริมฝีปากอยู่ สาเหตุที่ต้องทำให้ร้องออกมาคงมาจากการที่ลิ้นใหญ่นั้นกวาดควานความหวานตรงเพดานปาก ไล้เลียวนไปวนมาจนธาราสัมผัสได้ว่ามือเล็กๆนั่นกำลังจิกบ่าเขาแน่น เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่กลับรู้สึกได้ใจ ไม่รอช้ารีบส่งลิ้นไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆนั้น ดูดดึงบ้าง ตวัดไปมาบ้าง ติณณ์ไม่ได้ตอบรับสัมผัสโดยการจูบตอบ แต่เป็นการจิกเสื้อเชิ้ตของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเกรงว่ามันจะขาดเอา



     ธารายอมถอนจูบออกมาทั้งๆที่กำลังเพลิดเพลินกับความอร่อย เพราะเด็กเอาแต่ร้องอื้ออึงประท้วงและตะกุยหน้าอกของเขาราวกับแมวดีดดิ้น นั่นคงเป็นเพราะเจ้าตัวหายใจไม่ทันกับจูบนี้ ดูได้จากการที่คนตัวเล็กหอบหนักเหมือนไปวิ่งมาสิบรอบแบบนี้



     "เต้าหู้จืดๆอะไรกัน" ธาราว่าพลางคลอเคลียกับพวงแก้มใส "ออกจะหวานขนาดนี้"



     ไม่ทันได้ตอบอะไรก็โดนบดเบียดริมฝีปากเข้ามาอีกแล้ว ทั้งๆที่ธาราก็จูบใครต่อใครมามาก แถมใครต่อใครที่ว่านั้นก็จูบเก่งไม่แพ้เขาเลยสักคน ต่างกับติณณ์ที่ไร้การตอบรับโดยสิ้นเชิง แต่เขาไม่นับว่าเป็นจูบที่แย่ กลับเป็นจูบที่เขาติดใจเสียจนหยุดไม่ได้ ความหอมหวาน ความไร้เดียงสา ความละอ่อนของผิวเนื้อทำให้เขาหยุดรังแกริมฝีปากนี้ไม่ได้จริงๆ



     มือสากถือโอกาสลูบไล้เอวบางๆที่สุดจะเนียนมือ นิ้วโป้งไล้วนส่วนโค้งเว้าจนร่างบางตัวสั่นระริก แม้ไม่ได้เห็นด้วยตาแต่ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายนี้คงจะน่ามองและน่าโลมเลียไม่น้อย ต่อให้จินตนาการล้ำเลิศแค่ไหนก็คงไม่ชัดเจนเท่าตาเห็น มือใหญ่เคลื่อนจากผิวกายนุ่มๆไปที่ชายเสื้อแล้วเลิกมันขึ้นเพื่อเตรียมปลดเปลื้องอาภรณ์ กระทั่งเด็กน้อยรับรู้ได้ถึงอากาศเย็นจัดที่กระทบผิวเนื้อ



     เพี๊ยะ!!



     "!!!"



     เสียงมือเล็กกระทบลงบนมือปลาหมึกดังเพี๊ยะจนธาราต้องละตัวออกมาอย่างขาดตอน เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำพลางเช็ดน้ำลายที่เลอะตรงมุมปากก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ดูท่าทางตกใจไม่แพ้กัน แต่ติณณ์ตกใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกถอดเสื้อ



     มันเร็วเกินไปสำหรับติณณ์



     หัวใจของธาราหล่นไปตรงตาตุ่มเพราะถูกปฏิเสธทางร่างกาย เด็กน้อยเม้มปากแน่น ทำตาหลุกหลิกอย่างไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน เขามองออกว่าติณณ์ทำตัวไม่ถูก และคาดเดาว่าเขาคงจะล้ำเส้นมากเกินไปจนถึงคราวที่แมวตัวนี้ต้องวิ่งหนีเขาแล้วหรือเปล่า?



     "ติณณ์ อาขอโทษ"



     "ม...ไม่เป็นไรครับ"



     "..."



     "..."



     ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจนน่าอึดอัด



     ไม่น่าเลย ไม่น่าใจร้อนเลยจริงๆ ยังไม่ได้จีบเพื่อเอาหัวใจเขาก็เล่นไปชิมร่างกายอีกฝ่ายเสียแล้ว มันข้ามขั้น มันผิดขั้นตอนสำหรับเด็กคนนี้ คงจะตกใจจนมองหน้าอาธารคนนี้ไม่ติดแล้วหรือเปล่า หมดความไว้วางใจผู้ใหญ่คนนี้แล้วหรือไม่ รู้สึกเกลียดขี้หน้ากันไปหรือยัง



     "ติณณ์อยากกลับบ้านไหม"



     "...!?"



     "ถ้าอยากกลับบ้านบอกอาได้เลยนะ เดี๋ยวจะช่วยขนของ ถ้ามองหน้าอาไม่ติดล่ะก็—"



     "ทำไมติณณ์ต้องกลับบ้านด้วยล่ะครับ"



     "อาทำเรื่องไม่ดีกับติณณ์"



     "มันไม่ดีหรอครับ ติณณ์ไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย"



     "!?"



     "ติณณ์แค่...ตกใจเท่านั้นเอง ไม่เคยถูกใครทำแบบนี้เลยทำตัวไม่ถูก" ติณณ์หลุบตาต่ำ "แต่ไม่ใช่ว่าห้ามทำนะครับ ทำได้ แต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปได้ไหมครับ ติณณ์ปรับตัวช้า"



     เด็กคนนี้ไม่ได้รังเกียจการกระทำเมื่อกี้อย่างนั้นหรือ...



     "หมายความว่ายังไง"



     "ก็คือระหว่างนี้จะทำอะไรกับติณณ์ก็ได้ แต่ยังไม่ถอดเสื้อได้ไหมครับ"



     ธาราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาหมายถึงทำไมติณณ์ไม่โกรธกับการกระทำที่เกินเลยนั้น นอกเหนือเสียจากว่าเต็มใจ



     หรือว่าเด็กนี่ชอบเขาอยู่แล้ว?



     "ติณณ์ชอบอาหรอ ถึงได้ยอมแบบนี้"



     "!?"



     ติณณ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างเรื่องที่อาธารทำแบบนี้กับตัวเอง หรือเรื่องที่อาธารรู้ถึงความลับในใจตัวเองแล้ว ทุกอย่างมันตีกันในหัวไปหมดเลย จนไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อไป หรือต้องวางไม้วางมือไว้ตรงไหน แม้กระทั่งสายตาของตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะโฟกัสไปที่จุดไหนดี



     ธารามองเด็กน่ารักที่ดูท่าทางตกใจเมื่อเขาพูดคำนั้นไป แก้มที่เคยแดงจัดมันกลับขึ้นสีมากกว่าเดิมจนลามไปถึงใบหู ริมฝีปากที่เคยถูกบดขยี้เอาแต่อ้าปากพะงาบๆเหมือนต้องการจะพูดบางสิ่งแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการที่อ่านยากแม้แต่น้อยสำหรับธารา



     อวัจนภาษาที่ชัดเจนนั้นทำเอาธาราใจชื้นขึ้นมาทันใด...



     "ที่จริงก็พอรู้คำตอบแล้วล่ะ..." เรียวนิ้วเชยคางมนขึ้นมาให้มองหน้ากันดีๆ "งั้นอาก็ไม่ต้องจีบแล้วสิเนี่ย"



     "เอ้ะ?" จากที่ไปต่อไม่ถูกอยู่แล้ว ติณณ์ยิ่งเอ่ยอะไรออกมาเป็นประโยคไม่ได้



     "จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ติณณ์ต้องการอาใช่ไหม? และอาก็ต้องการติณณ์มากๆเหมือนกัน หัวใจเราต้องการกันและกันถูกไหม ติณณ์ตามทันไหม?"



     "ม...ไม่ทันครับ"



     "หืม?"



     "ทำไมอาธารถึงต้องการติณณ์ ทั้งๆที่ติณณ์ไม่มีอะไรเลย" เขาคิดว่าต้องทำตัวน่ารักแบบถุงเงินให้อาธารมาหลงรักก่อนสิ ถึงจะมาต้องการเขาได้ เพราะก่อนหน้านั้นติณณ์ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แล้วอาธารจะมาชอบคนจืดๆ น่าเบื่อๆอย่างเขาได้ยังไง



     "ไม่มีอะไรกัน รู้ไหมว่าอามองเรามาตั้งนานแล้ว บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเราน่ะน่ารัก"



     "ไม่เห็นจะน่ารักเลย— อื้อ!" ประโยคขาดหายเพราะอาธารสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากอีกแล้ว



     "ห้ามพูดว่าตัวเองไม่น่ารัก ติณณ์น่ารักมาตลอดแต่ติณณ์ไม่รู้ตัว และไม่ได้มีแค่อาคนเดียวที่มองว่าเราน่ารัก" ก็ทั้งไตรภพ ทั้งเด็กฝึกงานคนนั้นน่ะสิ "แต่ที่อาไม่แสดงออกมาขนาดนั้นเพราะกลัวว่ามันจะไม่ดีกับติณณ์ เราก็รู้ใช่ไหมว่าเรายังเป็นผู้เยาว์"



     "...รู้ครับ"



     "นั่นแหละเป็นเหตุที่อาไม่ได้แสดงออกมาให้รู้ว่าเราน่ะน่าให้ความรักมากแค่ไหน และบวกกับอาคิดอะไรบางอย่างมากเกินไป จนลืมว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือจีบเราอย่างชัดเจน แต่จะค่อยๆเป็นค่อยไป และตอนนี้อาได้ข้ามขั้นไปหน่อยนึง เราน่าฟัดเกินไปจริงๆนะติณณ์ รู้ตัวบ้างไหม"



     "อ่า..."



     "พูดให้อามั่นใจหน่อยได้ไหม ว่าติณณ์พร้อมเริ่มความสัมพันธ์นี้กับอา"



     "ความสัมพันธ์แบบนี้หมายถึงยังไงครับ"



     "แบบคู่รักไง พูดง่ายๆก็คือเป็นแฟนกันนะ"



     "เอ่อ..." ความจริงเขาชอบอาธารมากๆเลยนะ แต่พอเอาเข้าจริงๆติณณ์กลับรู้สึกกลัวโดนทิ้งอีกรอบอยู่ลึกๆ กลัวจะโดนบอกเลิก กลัวนั่นกลัวนี่เต็มไปหมด



     "นะ ให้โอกาสอาหน่อยได้ไหมคนดี อาชอบเรามากจริงๆนะ"



     "คือ..."



     "ขอร้องนะติณณ์" เขาจุมพิศลงบนหลังมือเล็กนั่น "เชื่ออาสักครั้งได้ไหม อยากเป็นคนดูแลเรานะ"



     "งั้น..." ถ้าเป็นอาธารคนนี้ ติณณ์คิดว่ามันก็น่าจะคุ้มที่จะลองเสี่ยงดู "ติณณ์พร้อมครับ"



     "ชื่นใจจัง ยังไม่ทันจีบก็ได้หัวใจติณณ์มาแล้ว" ธาราอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มแดงๆนั่นเป็นรางวัล "ที่เหลือก็คงต้องจีบอย่างอื่นสินะ"



     "อะไรหรอครับ?"



     "จะอะไรเล่า" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก "ก็ต้องจีบร่างกายเราต่อไง..."






     ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนติณณ์ตกใจ กว่าสมองจะประมวลผลได้ว่าอะไรเป็นอะไร เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันต่อมา



     คำว่า'จีบร่างกาย'ไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของเขา หรือพจนานุกรมเล่มไหนๆเลย พอถามความหมายกับอาธารก็โดนยิ้มล้อเลียนใส่ สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า ร่างกายของเขาจะถูกละเอียดชิมทีละนิด ถูกแทะโลมทีละหน่อยเพื่อให้ได้ปรับตัวกับสัมผัสแปลกใหม่ จวบจนกว่าติณณ์จะอนุญาตให้'กิน'อย่างเป็นทางการ



     อย่างเช้าวันนี้ เด็กหนุ่มไม่ได้ตื่นขึ้นเพราะเสียงที่อาธารคอยเรียกปลุกอย่างเคย แต่เป็นสัมผัสอุ่นชื้นที่พยายามขบเม้มทั้งริมฝีปากบนและล่างของคนสติไม่เต็มร้อย อาธารบอกว่านี่คือมอร์นิ่งคิส ติณณ์เคยได้ยินคำๆนี้ และพอเคยเห็นในหนังฝรั่งอยู่บ้าง แต่ในหนังเขาแค่จุ๊บๆกันแปปเดียวนี่นา ไม่ใช่สอดลิ้นเข้ามาเข้ามาในปากและบดจูบอย่างนานจนปากบวมเจ่อแบบนี้



     ที่สำคัญ ติณณ์หายใจตามไม่ทัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเขานั้นอ่อนหัดเอง หรืออาธารจูบเก่งเกินไป



     "อึก—อือ อ...อาธาร เดี๋ยวจะสายเอานะครับ" คนอ่อนหัดพยายามเบือนหน้าหนีตอนที่คนมากประสบการณ์ยังคงจุมพิตไม่เลิก แม้ว่าสถานที่นี้คือในรถ และพอเปิดประตูลงไปก็คือโรงเรียน ติณณ์กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า



     "อะไรกัน ยังไม่อิ่มเลย"



     ติณณ์รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าแดงมากๆ เพราะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ไม่ต่ำนักบริเวณใบหน้า อาธารโน้มลงมาขบกัดริมฝีปากล่างเน้นๆอีกทีหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะยอมปล่อยเหยื่อที่ทั้งน่ารักและน่าสงสารเข้าโรงเรียนไป



     สองขาเรียวเลี้ยวไปที่ทิศทางของห้องน้ำชาย เขาอยากจะเช็คสภาพตัวเองว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หน้าแดงมากไหม ปากบวมเจ่อหรือเปล่า มีเลือดซิบตรงริมฝีปากล่างหรือไม่ ติณณ์ต้องทำตัวไม่ถูกแน่ๆถ้าใครถามว่าไปทำอะไรมาถึงได้หน้าดำหน้าแดงขนาดนี้



     แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างข้างๆห้องน้ำชาย...



     จะไม่อ้อมค้อมอะไรให้เสียเวลา ติณณ์เห็นโต้กำลังจูบกับน้องผู้หญิงสักคนนึง อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์สดๆแบบนี้ต่างหาก



     ดูเหมือนการที่ติณณ์มาเยือนสถานที่ลับของสองคนนั้นทำให้โต้รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน ฝ่ายชายตกใจเล็กน้อยเมื่อมีบุคคลที่สามมาเจอเข้า น้องผู้หญิงดูหน้าซีดและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาราวกับว่าอับอาย



     "อ...เอ่อ...น้องอ้อม หนูกลับไปที่ห้องเรียนก่อนนะคะ"



     โต้เป็นคนเคลียร์สถานการณ์ให้ไม่ดูน่าอึดอัดไปกว่านี้ ติณณ์กะพริบตาปริบๆก่อนจะทำสีหน้าเหมือนคนไม่ได้เห็นอะไรมาก่อน นี่มันอะไรกัน ทำไมช่วงนี้เจอแต่อะไรจูบๆ...



     "ไอ้ติณณ์ มึงอย่าไปบอกใครนะเว้ย"



     "อือ"



     "คือกูคบกับเขาอย่างลับๆอะ น้องบอกว่ายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างกูกับเขา ฉะนั้นมึงเหยียบให้มิดเลยนะ ขอร้อง"



     "รู้แล้วน่า"



     "ดีมาก น้องเขาขี้อายไงเลยยังไม่อยากเปิดตัว น่ารักดีนะมึง แต่เสียดายนิดหน่อยตรงที่ว่าน้องไม่จูบตอบกูเลย น่าจะไม่เคยล่ะมั้ง"



     ห้ะ?



     จูบตอบ??



     ต้องจูบตอบด้วยหรอ???




     "ม...มันต้องจูบตอบด้วยหรอ"



     "ก็เออดิ ถ้าต่างฝ่ายต่างรุกแม่งโคตรฟินเลยนะเว้ย จูบอยู่ฝ่ายเดียวมันก็จะเซ็งนิดๆอะ"



     ติณณ์ไม่เคยจูบตอบเลย แล้วแบบนี้อาธารจะเซ็งเหมือนกันไหม...



     "แล้วจูบตอบนี่ต้องทำยังไง"



     "ก็ไหลไปตามอารมณ์อะ อย่างไปคิดมาก ให้สถานการณ์มันพาไป"



     "ขอแบบละเอียดๆ เป็นขั้นเป็นตอนหน่อยได้ไหม"



     "แล้วนี่มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะเนี่ย" โต้หรี่ตามอง "เออๆ ก็เอาลิ้นดันๆดุนๆลิ้นเขาอะ แบบเกี่ยวกันไปเกี่ยวกันมาอะไรแบบนั้น"



     ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!!



     "ทำไมต้องจูบตอบด้วยล่ะ?"



     "ก็บอกไปแล้ว จูบคนเดียวมันเซ็ง"



     "สอนกูหน่อยดิ"



     สอนในทีนี้ ติณณ์หมายถึงให้อธิบายในเชิงทฤษฎีให้ละเอียดและเห็นภาพมากกว่านี้



     แต่โต้คิดไปไกลถึงเชิงปฏิบัติ...



     "ห้ะ!!" โต้เบิกตากว้างจนแทบหลุดจากเบ้า "มึงบ้าปะเนี่ย มึงใช่ไอ้ติณณ์เพื่อนกูหรือเปล่า มึงเป็นใครวะ!"



     "อะไรของมึง แค่สอนเนี่ยนะ"



     "ไม่ได้ๆๆๆๆ กูไม่นิยมกินเพื่อนตัวเอง เดี๋ยวนะ นี่มันไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือมึงจะอยากรู้ไปทำไม จะไปจูบตอบกับใคร??" เขาว่าพลางเหลือบไปเห็นริมฝีปากบวมๆของอีกฝ่าย "แล้วนี่มึงไปทำอะไรมาปากถึงได้บวมเจ่อขนาดนั้น หน้ามึงก็แดงแจ๊ด อย่าบอกนะว่า..."



     "ห...ห้ะ" คนที่ลืมเรื่องการเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำถึงกับต้องยกมือมาแตะริมฝีปากตัวเอง



     "มึงไปจูบกับใครมา!!!!"



     "ม...ไม่มี"



     "โกหกตาใสๆ! มิน่าล่ะถึงได้อยากรู้เรื่องจูบนัก มึงมีแฟนแล้วหรอ หรือไปแอบคุยกับใคร เขามาหลอกมึงหรือเปล่า มันเป็นใครบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลย!!" ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยเห็นติณณ์มีแฟนและสนใจเรื่องพวกนี้เลย ถ้ามีคนหวังร้ายมาหลอกเพื่อนของเขาขึ้นมาจะทำยังไง



     "ไม่มี ไม่มีจริงๆ" ติณณ์ไม่ได้อยากโกหก แต่เรื่องแบบนี้มันบอกคนอื่นได้ง่ายๆที่ไหนกันเล่า "มึงพูดไม่รู้เรื่องแล้ว งั้นกูขึ้นตึกก่อนนะ"



     "ไอ้ติณณ์!!"



     อยู่ๆไอ้ติณณ์ก็วิ่งหนีไปเลย วิ่งด้วยความเร็วที่โต้เองก็คว้าไว้ไม่ทัน ทิ้งให้เขาคิดมาก มโนภาพคณานับพัน เพื่อนเขามันเรียนเก่งก็จริงแต่เรื่องพวกนี้มันไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ถ้าโดนหลอกขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดีล่ะ ถ้าถูกทำร้ายร่างกายล่ะ ถ้าถูกข่มขืนล่ะ ถ้า—



     เขาต้องรีบโทรบอกผู้ปกครองมัน!!



     "สวัสดีครับคุณอาธาร ไม่ทราบว่าสะดวกคุยไหมครับ"



     [อือฮึ สะดวกครับ มีอะไรหรือเปล่าโต้]



     "คุณอาพอจะทราบไหมครับว่าติณณ์มีแฟนหรือยัง หรือพักนี้สุงสิงกับใครจนผิดปกติหรือเปล่า"



     [หืม ไม่มีนะครับ ทำไมหรือ?]



     "คือเมื่อกี้อยู่ๆมันก็มาให้ผมสอน เอ่อ สอนจูบตอบน่ะครับ ซึ่งปกติมันไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย อีกอย่างนึงปากมันดูบวมๆเจ่อๆผิดปกติ หน้าก็แดงผิดปกติเหมือนเพิ่งโดนจูบมาอย่างนั้นแหละ ผมถามมันแล้วว่าแอบซุกใครไว้ มันก็ไม่ตอบ ถ้ามีขึ้นมาผมก็อยากเช็คว่าไว้ใจได้ไหม"



     ไว้ใจได้สิ เพราะคนๆนั้นก็คือธาราเองไง...



     [เดี๋ยวก่อน แล้วอยู่ๆติณณ์ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยน่ะหรือ?]



     "อะ...อ่า จริงๆแล้วมันบังเอิญมาเห็นผมจูบกับแฟนพอดี ก็เลย..."



    รู้ตัวแล้วสินะเด็กน้อย ว่าอะไรควรเป็นอะไร



     แต่ให้คนอื่นสอนจูบทั้งๆที่ก็มีอาธารที่พร้อมจะสอนทุกอย่างอยู่แล้วเนี่ยมันใช้ได้ที่ไหนกัน น่าจับตีให้ก้นแดงชะมัด




     [โอเค อาเข้าใจแล้ว ไว้จะถามให้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จะดูแลให้อย่างดี]



     ธารากดวางสายเพื่อจบบทสนาทนา มุมปากยกยิ้มขึ้นพลางควงปากกาในมืออย่างสำราญใจ



     อยากกลับบ้านจนแทบจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ...







(ต่อข้างล่างน้า)
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่14 (27.05.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 13-06-2019 20:57:41
     

      "มีเรื่องอะไรจะสารภาพอาหรือเปล่า"



     อยู่ๆอาธารก็พูดแบบนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียม ซึ่งติณณ์รับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยปกตินัก อีกฝ่ายพูดเหมือนกับว่าเขาไปทำอะไรผิดมาสักเรื่อง แต่ติณณ์นึกไม่ออกจริงๆว่าเขาไปทำอะไรไม่ดีให้อาธารเคลือบแคลงใจ เรื่องเดียวที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดีในวันนี้ ก็คงมีแค่แอบงีบคาบวิชาประวัติศาสตร์ไปประมาณห้านาทีเท่านั้นเอง



     "เรื่องอะไรหรอครับ"



     "ไปขอให้ใครเขาสอนจูบมาล่ะ"



     อ๋อ นึกออกแล้ว คงเป็นตอนที่ติณณ์ขอให้โต้สอนจูบตอบนี่เอง ว่าแต่มันผิดขนาดนั้นเลยหรอ แค่อยากให้เพื่อนเล่าให้ฟังเองว่าต้องทำอย่างไร



     "อ๋อ ขอให้เพื่อนสอนครับ ว่าแต่อาธารรู้ได้ยังไง"



     "เขาโทรมาฟ้องน่ะสิ"



     "โทรมา?? โต้น่ะหรอครับ แล้วมันไปรู้เบอร์ของอาธารได้ยังไง แล้วไปรู้จักกันตอนไหนครับ แล้ว..."



     "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน" ธารากักขังอิสระภาพคนตัวเล็กด้วยท่อนแขน "ทำไมต้องไปให้คนอื่นสอนด้วย หืม"



     "ต...ติณณ์แค่อยากรู้เท่านั้นเอง จะได้เอามาใช้กับอาธาร ติณณ์กลัวอาเบื่อถ้าติณณ์เอาแต่อยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย"



     "ขอบคุณนะที่คิดแบบนั้น แต่ก็อยากรู้ก็ให้อาสอนสิ ไม่เห็นต้องไปขอคนอื่นเขาสอนเลย"



     "แค่ขอให้อธิบายวิธีการเฉยๆก็ไม่ได้หรอครับ...ติณณ์แค่อยากรู้จากเพื่อนเอง"



     "หือ? อธิบาย?"



     "ครับ แค่อธิบาย แต่โต้พูดไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่"



     "โธ่เอ้ย อาก็นึกว่าเราไปขอให้เขามาจูบ หึงแทบแย่เลยรู้ไหม" เขาไม่คิดเลยว่าติณณ์จะใสขนาดนี้ "แต่เรื่องแบบนี้น่ะ ใครเขาสอนเป็นคำพูดกัน มันต้องทำจริงๆถึงจะเข้าใจ"



     "อ๋า..."



     "อีกอย่างนึง ก่อนที่จะจูบตอบน่ะ ติณณ์ต้องฝึกหายใจให้เป็นก่อน รู้ไหม"



     นี่เป็นสิ่งที่เขาเถียงไม่ได้จริงๆว่าเขาหายใจไม่ทัน จูบไม่ถึงนาทีก็ต้องตะกุยเสื้ออาธารเพื่อเป็นสัญญาณว่า เขาน่ะไม่ไหวแล้ว



     "แล้วมันต้องทำยังไงหรอครับ ถึงจะหายใจเป็น"



     "เราน่ะกลั้นหายใจนาน ไม่ต้องเกร็ง ค่อยๆผ่อนลมหายใจช้าๆ กลืนน้ำลายได้นะ แต่อย่างที่บอกไป ของแบบนี้มันต้องปฏิบัติจริงด้วย" ธาราโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ "อ้าปากหน่อย เด็กดี"



     ริมฝีปากเล็กเผยอออกมาตามคำสั่ง เรียวลิ้นของผู้ใหญ่ชอนไชเข้าไปเพื่อฝึกประสบการณ์ให้เด็กน้อย ธาราบดจูบอย่างอ่อนโยนกว่าปกติเพราะนี่เป็นแค่แบบฝึกหัดบทแรกๆง่ายๆ เรียกได้ว่าละเอียดชิมอย่างใจเย็นก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามอ่อนโยนแค่ไหน ติณณ์ก็ยังตะกุยเสื้อสูทของเขาอยู่ดี มือสากเคลื่อนไปลูบแผ่นหลังบางนั้นเพื่อปลอบประโลมว่าให้ใจเย็นๆ นั่นทำให้ติณณ์ได้สติว่าเขาต้องหายใจ



     ธารารับรู้ได้ว่าติณณ์เริ่มผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อไม่ให้สำลัก มือเล็กที่เคยจิกที่บ่าแน่นก็เริ่มคลายลง จูบคราวนี้นับว่าจูบได้นานกว่าที่ผ่านมาเพราะเด็กน้อยเริ่มหายใจเป็นและรู้จักกลืนน้ำลาย ธาราเริ่มสอนบทต่อไปโดยไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูด เขาใช้ลิ้นตัวเองไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆนั่นเป็นส่วนใหญ่ ไล้เลียบาง ดุนดันบ้าง กวาดเกี่ยวบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายโต้ตอบเขาบ้าง



     ในตอนแรกติณณ์ไม่เข้าใจว่าอาธารพยายามจะสื่ออะไร พอนึกได้ว่าควรจะจูบตอบก็คิดถึงคำบอกเล่าของโต้ เขาเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่ อีกฝ่ายเขี่ยลิ้นมา เขาก็เขี่ยกลับ ไล้เลียมาก็ไล้เลียกลับ ติณณ์ทำได้แค่ลอกเลียนแบบเท่านั้น



     น่าเอ็นดู



     ปฏิกิริยาที่ไร้เดียงสานั่นทำให้ธาราไม่อยากจะอ่อนโยนด้วยอีกต่อไป เรียวลิ้นตวัดกวาดเกี่ยวด้วยความชำนาญ ขโมยน้ำลายรสหวานทั่วโพรงปากจนมือเล็กต้องกลับมาจิกบ่าแน่นๆอีกครั้ง ใช่ ตอนนี้ธาราไม่ได้สอน แต่เป็นการตักตวงต่างหาก



     "อื้อ!...อื้อ"



     เด็กน้อยครางประท้วงพร้อมตะกุยเสื้อสูทไปมาเพราะอยู่ๆอาธารก็ข้ามเลเวลโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ตอนแรกยังนุ่มนวลอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้ทำอย่างกับว่าไปหิวมาจากไหนอย่างนั้นแหละ และสุดท้ายธาราก็ต้องถอนจูบออกอย่างเสียดาย



     "เก่งมาก"



     ธาราเอ่ยชมนักเรียนเพื่อเป็นรางวัล เขาชอบจริงๆว่าติณณ์จูบตอบอย่างไม่ประสีประสา นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขัดใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมันยิ่งกระตุ้นอำนาจของสัญชาตญาณดิบเข้าไปใหญ่ อยากรังแก อยากบดขยี้ อยากต้อนให้จนมุม 



     "แต่ติณณ์ทำไม่เป็น"



     "ไม่เป็นไร ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็จะเก่งเอง"



     และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ธารามักจะเข้าไปสอนจุมพิตทั้งๆที่นักเรียนยังไม่ทันเอ่ยขอ แม้กระทั่งตอนที่ติณณ์เอาคางไปเกยบ่าอีกฝ่ายเพื่ออ้อนตามปกติ อาธารก็มักจะหันมาจูบตลอดๆ รายนั้นน่ะจูบบ่อยจริงๆ บ่อยจนปากบวมไปโรงเรียน แล้วเขาก็ถูกเพื่อนโวยวายใส่อีกแล้วว่าไปจูบกับใครมาและติณณ์ก็บอกไม่ได้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือ หลังจากที่จูบเสร็จแล้วแต่มันทำให้ติณณ์หัวใจเต้นโครมครามไปอีกหลายชั่วโมง เรียกได้ว่าไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลยทีเดียว เลยจำเป็นต้องขอให้อาธารเพลาๆลงบ้าง



     ซึ่งธาราก็ยอมลดความถี่ลง ทั้งๆที่เขาอยากจะลิ้มชิมรสทุกวันๆ



     มันทนไม่ไหวขนาดนั้นหรอก เหยื่อน่ารักๆอยู่ตรงหน้าทั้งทีแต่กลับทำอะไรไม่ได้ขนาดนั้น ยิ่งตอนที่พยายามตะล่อมจูบแต่ติณณ์นั้นดีดดิ้นด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ นั่นทำให้ยิ่งมันเขี้ยว ยิ่งน่าปู้ยี้ปู้ยำ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า เสื้อก็ไม่ให้ถอด ปากก็ไม่ให้จูบ ดูดคอยิ่งไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะขึ้นรอยแล้วคนที่โรงเรียนเขาจะเห็นเข้า



     แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่หรอก



     คนอย่างธารา ยังไงก็หาวิธีอื่นๆมาได้เสมอนั่นแหละ






     ตกค่ำวันหนึ่ง ติณณ์อาบน้ำชำระร่างกายตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือก็ เมื่อชำระร่างกายจนสะอาดแล้ว เขาใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วตรงไปที่ห้องเสื้อเพื่อหาชุดนอนสวมใส่ แต่ในตอนนี้ในตู้เสื้อผ้ากลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยนอกจากชุดเรียน กางเกงชั้นใน และเสื้อเชิ้ตสีเข้มไซส์ใหญ่ที่ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่ของเขา



     นี่มันอะไรกัน!? ชุดหายไปไหนหมด!



     "อาธารครับ เสื้อติณณ์หายไปไหนหมดแล้ว"



     "อ้อ ส่งซักไปหมดแล้วน่ะ" ธาราตอบหน้าตาย ราวกับว่าสิ่งนี้ไม่เห็นจะผิดแปลกอะไรตรงไหน



     "อาธาร!?" ติณณ์งงเป็นไก่ตาแตก ทำต้องส่งซักทีเดียวพร้อมๆกันด้วย



     "มีอะไรก็ใส่อันนั้นไปก่อนแล้วกัน"



     "แกล้งผมหรือเปล่าครับ" ไม่เห็นจะมีอะไรเมคเซ้นส์เลย เขากำลังถูกแกล้งชัดๆ



     "เปล๊า อาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"



     น้ำเสียงที่จงใจทำให้ดูมีพิรุธนั่นทำให้ติณณ์ยิ่งมั่นใจว่าโดนแกล้ง แต่เขาก็ทำได้เพียงกระฟัดกระเฟียด โวยวายไปก็คงเท่านั้นเพราะอาธารตัดสินใจแกล้งแล้ว คงไม่ยอมให้แผนตัวเองล่มง่ายๆหรอก อีกอย่างติณณ์ก็ไม่กล้าค้านขนาดนั้นด้วย



     "งั้นขอยืมกางเกงสักตัวได้ไหมครับ" ถึงมันจะหลวมก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย



     "ไม่อนุญาตเด็ดขาด"



     ทำไมต้องแกล้งกันขนาดนี้ด้วย!!



     ท้ายที่สุดแล้วติณณ์ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งนั้นตัวเดียว ความยาวของชายเสื้อมันเลยเป้ากางเกงมาแค่คืบเดียวเองด้วยซ้ำ ที่สำคัญเลยคือ หนาวขาชะมัด



     ธารามองคนที่เดินออกมาจากห้องเสื้อด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ เขาจงใจให้ติณณ์อวดเรียวขาขาวๆเปลือยๆ มันช่างเข้ากับเสื้อตัวโคร่งๆสีเข้มที่ตัดกับสีผิว มองแล้วช่างเพลินตาเพลินใจ อยากจะให้เด็กคนนี้แต่งตัวแบบนี้ทุกๆวัน ไม่สิ ถ้าถอดออกหมดเลยคงน่าจะดีกว่านี้



     "ติณณ์ หยิบขวดโลชั่นบนชั้นหนังสือให้อาที"



     ขวดโลชั่น?



     ติณณ์กวาดสายตาไปที่ชั้นหนังสือที่ว่า แล้วก็พบว่ามันอยู่บนชั้นบนสุด เขาอยู่ที่นี่มาเป็นเดือนไม่เคยจะเห็นโลชั่นขวดนั้นมาก่อนเลย และอาธารไม่ใช่คนที่ทาโลชั่นเป็นเรื่องปกติด้วย อีกอย่างหนึ่งทำไมต้องเอาไปวางไว้บนนั้นล่ะ ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลอีกแล้ว



     คนขี้แกล้งมองเด็กทำหน้างงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าเพื่อยืดส่วนสูงของตัวเอง แขนขวายกขึ้นขนสุดแขนจนชายเสื้อมันเลิกขึ้นไปจนเกือบเผยให้เห็นสะโพกกลมกลึง แต่ที่แน่ๆมันทำให้เห็นต้นขาขาวๆได้ชัดเจนมากกว่าเดิม



     นี่แหละที่ธาราต้องการ



     พอคว้าขวดโลชั่นได้สำเร็จ ติณณ์เริ่มพิจารณาว่ามันคือโลชั่นบำรุงผิวกายกลิ่นพีช เขานึกสงสัยว่าอาธารซื้อมาทำไม มานึกอยากบำรุงผิวอะไรตอนนี้ แต่ช่างมันเถอะ เขาเดินตรงไปหาอาธารที่กำลังนั่งสบายๆอยู่บนโซฟา สายตาคมของอีกฝ่ายไม่ได้โฟกัสที่ขวดโลชั่นเลยแม้แต่น้อย เพราะเอาแต่มองขาสวยๆนั่นต่างหาก



     ติณณ์ยื่นสิ่งของที่อาธารต้องการไปให้ แต่ผู้ใหญ่ไม่รับของ อีกทั้งยังยืนขึ้นเต็มความสูงอีกต่างหาก



     "เหวอ!?"



     เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆอีกฝ่ายก็สอดมือเข้ามาที่ใต้วงแขนทั้งสองข้างแล้วยกร่างเขาขึ้นจนเท้าลอยจากพื้น นี่มันท่าที่เขาเคยอุ้มเจ้าถุงเงินชัดๆ จากนั้นอาธารก็ยกเขาไปนั่งบนโต๊ะทำงานที่ถูกเคลียร์กองเอกสารเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ตัวใหญ่พอๆกับเจ้าของ นิ้วสากยกขึ้นลูบปลายคางตัวเองพลางจดจ้องเรียวขาสวยที่อยู่ตรงระดับสายตาพอดี อีกทั้งยังผิวปากแซวเจ้าของร่างจนติณณ์ต้องเลือดขึ้นหน้า เพราะอาธารมองด้วยสาตามันวาวและหยาดเยิ้มมากๆ



     "ทำอะไรของอาธารเนี่ยครับ"



     "ไม่มีอะไร อยากทาโลชั่นที่ขาให้เรา"



     "ปกติติณณ์ไม่ได้ทาอยู่แล้วนะครับ"



     "ก็อาจะทาให้"



     "งั้นเดี๋ยวติณณ์ทาเองก็ได้"



     "ก็อาจะทาให้"



     ดื้อดึงไม่แพ้ใครเลยจริงๆ ผู้ใหญ่คนนี้



     ธาราไม่รอช้า คว้าขวดโลชั่นนั้นมาบีบของเหลวสีขาวมาใส่มือด้วยปริมาณพอเหมาะ เอามายีกับอีกฝ่ามืออีกข้างหนึ่งแล้วนวดลงที่เรียวขาเนียนๆนั้น ฝ่ามือลูบไล้ที่ข้อเท้าเล็กๆ น่องขาที่โค้งเว้าเป็นสัดส่วนที่สวยงาม เคลื่อนไปถึงต้นขานุ่มๆ ลามไปถึงต้นขาด้านในที่นุ่มยิ่งกว่า มือสากเอาแต่ไล้วนอยู่แต่บริเวณนั้นจนติณณ์รู้สึกแปลกๆ เรียวขาเคลื่อนหนีฝ่ามือนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าดูเหมือนเขาแยกขาออกจากกัน และนั่นเป็นโอกาสที่ธาราได้เลื่อนเก้าอี้เข้าไปแทรกตรงกลางนั้น



     "โลชั่นซึมหมดแล้ว พอได้แล้วมั้งครับ"



     "นุ่ม"



     "!?"



     "ขาเรานุ่มจังนะ"



     แม้ว่าเนื้อโลชั่นจะซึมเข้าผิวจนหมดแล้ว แต่ธาราก็ยังไม่หยุดลูบ จะให้หยุดได้ยังไง ทั้งขาว ทั้งนุ่ม และหอมกลิ่นพีชหวานๆขนาดนี้



     น่าชิมชะมัด



     "อ๊ะ!!"



     ธารายกขาเรียวข้างขวาขึ้นพาดบ่า แล้วโน้มใบหน้าลงไปเพื่อใช้ฟันคมขบกัดเนื้อต้นขาด้านในนุ่มๆนั้นจนเกิดรอยฟันสีแดง เรียวลิ้นส่งความอุ่นชื้นไปลิ้มรสผิวเนียนๆละมุนลิ้น ขบดูดเนื้อนุ่มจนก่อเกิดรอยซ้ำสีกุหลาบ อีกทั้งตอเครายังคอยเสียดสีต้นขาทำให้เจ้าของร่างจั๊กจี้จนต้องหนี แต่ยิ่งหนีก็เหมือนแยกขาให้กว้างขึ้นเหมือนอย่างเคย กลายเป็นว่ามันทำให้ธาราได้ฟัดถนัดขึ้น



     อาธารเคยบอกว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่า'เสียว' และติณณ์กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่ เขาพยายามกลั้นเสียงประหลาดไม่ให้เล็ดลอดออกมาโดยการกัดนิ้วตัวเอง อยากจะเอ่ยห้ามอยู่หรอกนะ แต่กลัวว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะไม่ใช่คำพูดน่ะสิ



     คนที่นั่งเก้าอี้ฟัดต้นขาทั้งสองข้างสลับกันไปมากระทั่งพอใจจึงหยุดการกระทำ นั่นเล่นเอาเด็กหนุ่มต้องหอบตัวโยนจากการหายใจไม่เต็มปอดเป็นเวลานาน ติณณ์ก้มมองขาด้านในตัวเองก็พบว่ามันมีรอยฟันและรอยรักสีแดงช้ำตัดกับสีผิวตัวเอง แถมยังมีคราบน้ำลายวาวใสเคลือบบนรอยเหล่านั้น



      "ทำไมอาธารต้องแกล้งด้วย"



     "ไม่ได้แกล้งสักหน่อย แต่เราไม่ให้อาจูบปาก เลยไปจูบอย่างอื่นแทน อีกอย่างไม่ได้ถอดเสื้อติณณ์ด้วยนะ ไม่ได้ขัดคำสั่งติณณ์สักอย่างเลยเห็นไหม"



     เจ้าเล่ห์!



     "ขี้โกงนี่ ทำไมอยู่ๆอาธารก็ร้ายขึ้น"



     "ร้ายอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้" ธารายิ้มกริ่ม "แต่งตัวแบบนี้น่าจับใส่หางแมวนะ น่าจะเข้ากันน่าดู"



     "หางแมวอะไรหรอครับ"



     "แต่ก่อนอื่นอยากจะสอนออรัลก่อน จะได้ช่วยอาได้"



     "ออรัลคืออะไรครับ"



     "อีกหน่อยคงต้องสอนออนท็อปด้วย เผื่ออยู่บนรถจะได้สะดวกๆ"



     "ออนท็อปคืออะไรหรอ"



     "ใส่กุญแจมือด้วยดีไหมนะ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวจะบาดผิวสวยๆ"



     "ทำไมต้องใส่กุญแจมือ อาธารพูดให้ติณณ์เข้าใจด้วยสิครับ"



     "ชู่ว..." ธารานำเรียวนิ้วชี้ทาบลงบนริมฝีปากนิ่ม "...บอกก่อนก็ไม่ตื่นเต้นสิครับ เด็กดี"







talk.
     อ่ามมม ก่อนอื่นต้องขออภัยอีกครั้งที่ห่างหายไปนาน หมดไฟอีกแล้วค่ะแง แต่จะกลับมามีไฟอีกครั้งเพราะมีสำนักพิมพ์มาติดต่อรวมเล่มค่ะ *รัวมือ*
     อาธารข่นบ้า สอนอะไรให้น้องก็ไม่รู้ บัดสีที่สุดเรยยยย
     พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 13-06-2019 21:48:20
นี่ขนาดยังไม่ได้กินเต็มที่แค่ชิมเล็กๆยังหื่นได้เสียวขาดใจ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 13-06-2019 22:22:17
ที่ขุ่นอาคิดแต่ละอย่าง...งงงงงงงงงงง    :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-06-2019 23:32:39
อาธารหูกับหางโผล่แล้ว เจ้าหมาป่าอยากกินลูกแกะ 555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 14-06-2019 00:38:24
อาธารล่อลวงติณณ์ๆๆๆๆ แงงง ตอนนี้อะไรๆติณณ์ก็ยังตามไม่ทัน แต่อนาคตตอนที่ติณณ์รู้ทันอาธารต้องสยบแน่นอน เพราะแค่นี้ก็หลงไม่ไหวแล้ว รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-06-2019 01:08:46
คุณอาาาาาาาาาาา
ระวังคุกกกกกกกกกกก น้องยังเด็ก!!!!
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 14-06-2019 12:03:53
หลักสูตรมอมเมาเด็กเต็มเลยนะคะคุณอา หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Khanomni ที่ 14-06-2019 18:43:42
กรี๊ดดดดด คุก คุก คุก ออรัลอะไร๊ ออนท๊อปอะไร๊ ค่นบ้าาา ผีทะเลล รู้สึกเหมือนลูกน้อยกำลังจะโดนกิน คุณธารเก็บหูเก็บไม่มิดเลยยยย
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 14-06-2019 22:38:58
ล่อลวงหนักมากกกก
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 15-06-2019 00:55:20
ลุงคิดไปไกลถึงไหนแล้ว
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 15-06-2019 01:57:22
อาธารรรรรรรโครงการจับเด็กกินมันเยอะอะไรเบอร์นั้นคะคุณอา55555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-06-2019 16:47:46
เจ้าเล่ห์มาก :hao3:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: pwmd ที่ 26-06-2019 01:08:19
กรี๊ดดดด ตามทันแน้ว ตามมาจากคุนหมี อหห
คุนอาคือร้ายมากเว่ออออ ตอนล่าสุดคือมือเกียมกด 191 รอแน้ววววว
กร๊าวใจมากกรี๊ดดดดด คุนอาโหมดเสือร้ายนะคะ คนเขาดูออกนะคะ
เล็งเห็นออร่าความดุของคุณอา หุหุ ความออรัล ความออนท็อป กุญแจมือนะะะะ ฮื้อ
น้องติณณ์ก็แบบนั่ลลั๊กกกก อยากฟัดมั่งง ชอบน้องโหมดแมวจังคะชอบความอ้อนของน้อน
ยิ่งน้องใส่แค่เสื้อเชิ้ตก็ครืออออใจไม่ดีเลย *กุมใจ* ...โหมดยั่ว(เย)เริ่มทำงาน...

สนุกมั่กๆ อ่านไปก็ลุ้นว่าคุนอาจะสติแตกเมื่อไหร่ กรั่กๆๆๆ
คุนคนเขียนแต่งดีมากๆเลยยย เป็นกำลังใจให้นะคะ เริ้บ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 27-06-2019 20:18:50
ตอนที่ 16


"เมี้ยวว"



เจ้าแมวขนฟูกระโดดขึ้นมาปีนป่ายบนตักของธาราอย่างออดอ้อน มันแหกปากร้องใส่เจ้านายที่กำลังงุ่นง่านกับการรัวนิ้วลงคีย์บอร์ดเสียงดังต๊อกแต๊ก แต่มันไม่สนใจหรอกว่ามนุษย์นั้นยุ่งขนาดไหน อุ้งเท้านิ่มๆเอาแต่ไต่กำแพงเนื้อจนในที่สุดก็นำหัวกลมๆนิ่มๆของมันไปถูไถปลายคางของธาราจนได้ และนั่นทำให้เขาต้องลดความสำคัญของงานตรงหน้าลงครู่หนึ่งเพื่อมาจัดการกับแมวเจ้าปัญหานี่



"จะเอาอะไรเนี่ย หิวหรือไง กินจนพุงย้วยหมดแล้ว" มือแกร่งขยุ้มลงบนพุงนิ่มๆย้วยๆของถุงเงินอย่างมันเขี้ยวก่อนจะลุกไปเทอาหารเม็ดใส่ชามอาหารสัตว์



ในขณะที่ช่วงนี้มีแมวตัวหนึ่งอ้อนเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่แมวอีกตัวหนึ่งกลับระแวดระวังตัวจากธารามากขึ้น



ติณณ์แต่งตัวมิดชิดมากขึ้นทั้งๆที่ปกติก็ใช่สุดเรียบร้อยอยู่แล้ว ไม่เข้ามาคลอเคลียอย่างเดิมแล้ว ทั้งหมดเป็นผลมาจากที่ธาราแกล้งเด็กคนนี้เยอะไปหน่อย


 

ซึ่งติณณ์ก็รู้สึกย้อนแย้งกับตัวเองไม่น้อย ตอนแรกออกตัวกับอาธารไปว่าจะทำอะไรกับร่างกายเขาก็ได้แต่ห้ามถอดเสื้อ คนไร้เดียงสาก็คิดได้แค่ว่าจะทำอะไรได้นอกจากจูบกับหอมแก้มการกระทำเหล่านี้อยู่ในระดับที่เขาพอปรับตัวได้บ้าง แต่ไม่คิดว่าอาธารจะเจ้าเล่ห์เจ้ากล มาทำอะไรไม่รู้กับซอกขาอ่อนๆของเขาจนแทบจะหัวใจวาย



หรือมันเป็นเรื่องปกติของคนคบกัน? ไม่รู้สิ อย่างที่บอกไปว่าไม่เคยมีแฟน ไม่รู้ว่าเขาน่ะช้าเกินไปหรืออาธารเร็วเกินไป

 

เด็กคนนี้บอกว่าไม่ได้โกรธเลย เพียงแค่ตกใจเท่านั้น และขอเวลาตั้งตัวอีกสักหน่อย ในความหมายนี้ก็คือติณณ์ยังพูดคุยกับเขาปกติ จะผิดปกติก็แค่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ชิดเหมือนเดิม

 

แต่ธาราก็อดแหย่นิดแหย่หน่อยไม่ได้ เห็นปรางค์แก้มใสๆแล้วเป็นอันต้องเข้าไปฟัด พอคนตัวเล็กแสดงอาการตกใจก็อยากแกล้งให้พองขนขู่ฟ่อ แต่แมวตัวนี้ขู่ไม่เป็นหรอก ทำได้มากสุดก็แค่ดีดดิ้น ร้องเงี้ยวๆแล้วรีบขยับตัวหนี



"ไหนบอกว่าจะให้อาทำอะไรก็ได้ไง"

 

 "อาธารขี้โกง"

 

 "โกงอะไร ทำตามกติกาทุกอย่าง เสื้อไม่ถอด ไม่ปลอกเปลือกสักชิ้น"

 

 "แต่...ฮื่อ" ติณณ์เถียงไม่ออกเพราะมันก็จริงตามที่อีกฝ่ายว่า ได้แต่ส่งเสียงตัดพ้อเล็กๆในลำคอ

 

 "โอ๋ๆ ยอมรับก็ได้ว่าขี้โกง หลังจากนี้จะไม่โกงแล้วนะ"

 

 "จริงนะครับ"

 

 "อื้ม"

 

 "จริงๆหรอ"

 

 "จริงสิ ก็ติณณ์ตกใจนี่นา อาจะพยายามช้าลง ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้ายังไม่พร้อมก็รอได้..." ธารายิ้มแบบมีลับลมคมใน "...แต่จะไม่รอนานหรอกนะ"

 

 แม้คำพูดและท่าทางจะไว้ใจไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าอาธารรุกติณณ์น้อยลงจริงๆ

 

 ไม่แน่ใจว่ากำลังยับยั้งชั่งใจอยู่ หรือเพราะช่วงนี้ทำงานหนักจนไม่มีเวลาแทะเล็มก็ไม่รู้

 

อย่างวันนี้อาธารก็บอกล่วงหน้าให้ทราบว่าจะอยู่ที่ไซต์งานจนเย็น ซึ่งนั่นเลยเวลาเลิกเรียนของนักเรียนไปแล้ว ติณณ์ไม่มีปัญหาเลยที่จะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง ดีใจด้วยซ้ำเพราะอย่างน้อยอาธารก็ไม่ได้สักแต่เอาใจเขาจนอีกฝ่ายต้องเดือดร้อน ไม่งั้นติณณ์คงรู้สึกแย่แน่ๆ



คนเรียนหนักก็มีความเหนื่อยล้าสะสมเช่นกัน ร่างบางพาตัวเองเข้าคอนโดมิเนียมลำพัง อุ้มเจ้าแมวขนนิ่มเข้าห้องนอน โอบกอดมันแทนความอบอุ่นของใครบางคน จากนั้นร่วงหล่นสู่ห้วงนิทราจากความอ่อนล้า

 

 

 

 

17.30 น.

 

แกร็กๆ แกร็กๆ

 

"เมี้ยววว เมี้ยววว!"

 

เสียงกรงเล็บที่ตะกุยประตูผสานกับเสียงเล็กแหลมของถุงเงินนั้นเป็นนาฬิกาปลุกชั้นดีให้กับเด็กที่นอนงัวเงียอยู่บนเตียง มันแหกปากร้องเพราะได้ยินเสียงประตูอีกบานที่คุ้นเคยได้เปิดและปิดลง เจ้านายของมันกลับมาแล้ว

 

ติณณ์กุลีกุจอก้าวเรียวขาลงจากเตียง เปิดประตูเพื่อปลดปล่อยอิสระภาพของตนและแมวไปพร้อมๆกัน เด็กหนุ่มเห็นร่างสูงกำลังนอนหลับบนโซฟาทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดเสื้อสูท เนคไท และถุงเท้า เขาไม่เคยเห็นอาธารสลบด้วยสภาพเต็มยศขนาดนี้มาก่อนเลย

 

คงจะเหนื่อยแย่เลยสิ

 

 "ถุงเงิน อย่า!"

 

เจ้าแมวถูกเจ้านายคนที่สองของมันเอ็ดด้วยเสียงเบาๆ เพราะมันกระโดดขึ้นโซฟาเดียวกันกับที่มนุษย์ตัวใหญ่นอนอยู่ และเตรียมปีนป่ายภูเขาเนื้อแกร่งเพื่อสำรวจ แต่ก็ต้องล้มเหลวเพราะถูกมนุษย์ตัวบางอุ้มไปวางที่อื่นเสียก่อน ติณณ์กลัวว่าถุงเงินจะกวนใจจนอาธารตื่นขึ้นมาน่ะสิ

 

เนคไทสีเข้มที่ผูกเป็นปมอย่างดีมันทำให้คนมองรู้สึกอึดอัดแทน จะนอนพักทั้งทีก็อยากให้ถอดเสื้อสูท ปลดเนคไท ปลดกระดุมบนสักเม็ด ปลดเข็มขัดที่รัดทรวดทรงออกจะได้นอนสบายๆ แต่ที่ว่ามาทั้งหมดนั่น ติณณ์ทำได้แค่เอื้อมมือไปแกะเนคไทให้คลายออกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่กล้าไปยุ่มย่ามเครื่องแบบอื่นๆของอีกฝ่ายสักเท่าไหร่



แม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำให้อุณภูมิภายในห้องเย็นสบายมากแค่ไหน แต่ตามกรอบหน้าราวรูปปั้นของอาธารยังคงมีเหงื่อไหลเป็นเม็ดๆให้เห็น คงเหนื่อยมากสินะ ติณณ์อยากช่วยให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้นบ้าง เมื่อก่อนตอนที่แม่ยังอยู่ เวลาแม่เหนื่อยๆแบบนี้เขาชอบแอบพัดให้เบาๆ นำยาดมไปจ่อตรงจมูกจะได้สดชื่นขึ้น และตอนนี้ติณณ์กำลังทำแบบนั้นกับอาธาร

 

ปลายจมูกโด่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆจนเกิดเสียง กลิ่นหอมระเหยนำพาอวัยวะรับกลิ่นดอมดมต้นตอความหอม ปลายจมูกสัมผัสเข้ากับนิ้วเรียวแทนที่จะเป็นหลอดยาดม ลากไล้ไปถึงข้อมือเล็ก มือสากเอื้อมขึ้นมาประคองข้อมือนั้นแล้วกดจมูกลงไปจนจม สูดความหอมหวานเข้าเต็มปอดกระทั่งลืมตามามองเด็กดีที่ดูท่าทางตกใจ



"หอม"

 

หลอดยาดมของติณณ์กลายเป็นแท่งพลาสติกธรรมดาๆไปแล้ว เพราะอาธารเอาแต่ดอมดมข้อมือของเขาไม่หยุด

 

"อาธารดมยาดมอันนี้ดีๆสิครับ"

 

"ก็นี่ไง ยาดมของอา"

 

"นี่มันข้อมือติณณ์นะ อีกอย่างติณณ์ยังไม่ได้อาบน้ำเลย"

 

"หรอ แต่หอมชื่นใจออก ดมแล้วหายเหนื่อยเลย"

 

หายเหนื่อยจริงหรือเปล่า

 

ถ้ามันทำให้อาธารรู้สึกดีขึ้นจริงๆล่ะก็ เขาดีใจมากเลยนะ อย่างน้อยตัวเองก็มีประโยชน์สำหรับใครบางคนสักที แม้ว่าจะแค่เล็กน้อยก็ตาม ติณณ์อยากทำให้อาธารหายเหนื่อยแบบนี้ทุกวัน

 

หลังจากวันนั้น เด็กหนุ่มพยายามหาข้อมูลว่าสบู่ยี่ห้อไหนให้กลิ่นหอมมากที่สุด พอกดเข้าไปในกระทู้หนึ่งก็พบว่าหลายๆความเห็นแนะนำสบู่กลิ่นผลไม้ยี่ห้อเดียวกัน ติณณ์เลยไปหาซื้อมาใช้บ้าง และวันนี้เขาต้องกลับบ้านก่อนอาธารเช่นเคย กะเวลาอาบน้ำให้เหมาะสมแล้วรีบใช้สบู่กลิ่นใหม่ที่ซื้อมาด้วยความตื่นเต้น

 

หอมสดชื่นจริงๆด้วย

 

ถ้าให้อาธารได้ดมข้อมืออีก ต้องชื่นใจกว่าเมื่อวานแน่ๆ

 

ติณณ์อาบน้ำสระผมจนตัวเองหอมฟุ้ง อยากให้อาธารได้ดมจะแย่อยู่แล้ว แต่พออีกฝ่ายเปิดประตูเข้ามา เขากลับไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี อาธารครับมาดมข้อมือติณณ์เร็ว แบบนี้คงจะแปลกไปหน่อยไหม

 

คนตัวหอมไม่รู้จะพูดอะไรยังไง เลยใช้วิธีเอาตัวเข้าไปคลอเคลียแทน ทำเอาธาราต้องแปลกใจว่าติณณ์มาไม้ไหนอีก ก่อนหน้านี้ยังหวงเนื้อหวงตัวอยู่เลย ตอนนี้กลับมาอ้อนเอาๆ เด็กคนนี้ชอบให้ลูบศีรษะก็ลูบแล้ว ลูบหลายครั้งด้วย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่หยุดอ้อน แถมยังมองมาเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ไม่กล้าพูด

 

"อ้อนจะเอาอะไรเนี่ยเรา สารภาพมาเสียดีๆ"



อะไรกัน ไม่เนียนหรอกหรอ

 

นอกจากอาธารจะไม่ได้ทักถึงกลิ่น แถมยังต้องมาพูดตรงๆกับอีกฝ่ายเองอีกต่างหาก

 

"ติณณ์ซื้อสบู่มาใหม่" ข้อมือเล็กถูกยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย "อยากให้อาธารดมว่าหอมไหม..."

 

"หืม?"

 

"ก...ก็เห็นเมื่อวานอาธารบอกว่า...เอ่อ..."

 

อ้อ พอจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว

 

เมื่อวานที่ชมว่าติณณ์ข้อมือหอมชื่นใจ วันนี้เลยไปซื้อสบู่มาใหม่ อยากให้อาธารคนนี้ได้สดชื่นอย่างเมื่อวานงั้นสิ?

 

 มันน่าไหมล่ะ มันน่ารักให้แรงๆสักทีไหมล่ะ


 

ธารารับข้อมือนั้นมาประคองไว้ แล้วแตะปลายจมูกลงไปรับกลิ่นหอมหวานของผลไม้สักชนิด ให้เดาว่าคงเป็นส้ม จมูกโด่งสูดดมบริเวณชีพจรนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเคลื่อนปลายจมูกไปที่ท้องแขน ต้นแขน ลามมาถึงต้นคอขาวๆที่ดูเหมือนจะมีกลิ่นรุนแรงเป็นพิเศษ

 

"ฮื่อ!"

 

เจ้าของร่างน้อยๆหลุดเสียงประหลาดออกมาเมื่อธารกดจมูกลงที่ลำคอระหงนั้น เขาจำได้ดีว่านี่คือจุดอ่อนของติณณ์ ลมหายใจอุ่นร้อนจงใจเป่ารดลงบนผิวเนื้อเนียนๆนั่นทั่วบริเวณ จนร่างกายนี้ต้องขยับยุกยิกเพราะสัมผัสชวนจั้กจี๊ อดไม่ได้ที่ต้องฝังจมูกลงไปให้จมเนื้อนุ่ม สูดดมความหอมหวานจากผู้เยาว์แสนบริสุทธิ์ ปัดป่ายปลายอวัยวะรับกลิ่นไปมาอย่างที่เรียกว่า'ฟัด'ด้วยความมันเขี้ยว

 

"หอมมาก" เสียงทุ้มกระซิบชิดใบหูนิ่มๆจนขนอ่อนต้องลุกขึ้นเกรียว

 

เพียงแค่นี้ก็รู้สึกหายเหนื่อยจากการทำงานมาทั้งวันแล้ว

 

ใจจริงอยากจะขบกัดให้คอขาวๆนี่ขึ้นรอยด้วยซ้ำ แต่พรุ่งนี้ยังคงต้องไปโรงเรียนสินะ ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจะสร้างรอยบริเวณนี้นัก

 

อย่าให้ถึงโอกาสเหมาะๆเชียวล่ะ

 

พ่อจะกัดให้แดงไปทั้งตัวเลยคอยดู...

 

 

 

 

วันต่อมา เป็นวันที่ติณณ์เองไม่มีเวลาอ้อนอาธารเท่าไหร่ เพราะว่าพรุ่งนี้มีสอบวิชาชีววิทยาเพื่อนรัก เขาเองก็ต้องอ่านหนังสือทบทวน

 

ที่ช่วงนี้อยากกลับมาอ้อนเพราะเห็นอาธารเหนื่อยทุกวัน กลับบ้านช้า นอนก็ดึกกว่าเดิม มันออกจะย้อนแย้งอีกแล้ว ตอนเขาจะเล่นด้วยติณณ์ก็กลับหนี แต่พอเขาไม่ว่างก็อยากจะไปคลอเคลีย

 

ไม่ได้อยากรบกวนหรอก เพียงอยากให้อีกฝ่ายได้คลายเครียดบ้าง

 

คืนนี้เป็นคืนที่ต่างฝ่ายก็ต่างอยู่ในมุมของตัวเอง อาธารนั่งทำงาน ส่วนติณณ์ก็นั่งอ่านหนังสือ จนเวลาล่วงเลยไปเที่ยงคืน อันที่จริงเขาอ่านหนังสือเสร็จไปตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว ตอนนี้เพียงแค่อ่านทบทวนเท่านั้น อ่านซ้ำๆไปเรื่อยๆจนกว่าอาธารจะทำงานเสร็จ เขาอยากนอนพร้อมกับอาธาร

 

"ติณณ์ อ่านหนังสือจบหรือยัง" ธาราละสายตาจากจอมาถามคนในความดูแล เมื่อเห็นว่าขณะนี้ดึกพอสมควรแล้ว

 

"จบแล้วครับ"

 

"งั้นไปนอนได้แล้วไป พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่หรือ"

 

"แล้วอาธารล่ะครับ..."

 

"งานยังไม่เสร็จน่ะ แต่อีกไม่เยอะหรอก ติณณ์นอนก่อนได้เลย"



ติณณ์รู้ว่าถ้าเขายังดื้อด้านนั่งแช่อยู่ตรงนี้ ต้องโดนดุแน่ๆ สุดท้ายก็ได้แต่ทำใจเดินเข้าห้องนอนไปคนเดียว

 

เมื่อไหร่อาธารจะได้พักบ้างนะ...

 

เวลาล่วงเลยไปตีหนึ่งเกือบจะตีสอง

 

ธาราเก็บกวาดงานของตัวเองบนโต๊ะให้เรียบร้อย บิดขี้เกียจคลายเมื่อยประมาณสองสามท่า พักนี้นอนดึกติดต่อกันหลายวันเลยรู้สึกล้า แต่มันเป็นเรื่องปกติ ยิ่งอายุมากเท่าไหร่ก็ต้องยิ่งเหนื่อยเป็นธรรมดา

 

ร่างสูงอาบน้ำชะโลมกายให้ไร้เหงื่อ ไร้ความเหนียวตัว จากนั้นก็เปิดประตูห้องนอนอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวคนนอนหลับจะตื่น แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น แสงไฟเล็ดลอดออกมาจากในห้องทันทีที่บานประตูถูกแง้ม พอเปิดเข้าไปก็พบว่าเด็กน้อยยังนั่งตาแป๋วอยู่เลย

 

"อ้าว ทำไมยังไม่นอนล่ะ" ธาราเอ่ยถามขณะที่นั่งลงข้างๆเด็กคนนี้

 

"รออาธารครับ"

 

"รอทำไม ไม่ต้องรอ เดี๋ยวก็ตื่นไปโรงเรียนไม่ไหวหรอก"

 

"อาธารก็เหมือนกันครับ เดี๋ยวก็ตื่นไปทำงานไม่ไหวหรอก"

 

"ไม่มีทาง ระดับนี้แล้ว อาชินแล้ว"

 

"ติณณ์อยากให้อาธารหาเวลาพักบ้าง กลัวว่าจะป่วยเหมือนคราวก่อน" ติณณ์ว่าเสียงซึม "ติณณ์แค่เป็นห่วง"

 

ธารานิ่งไปสักพัก

 

เขารู้สึกดีทุกครั้งที่เด็กคนนี้แสดงความเป็นห่วงเป็นใย

 

"พักไม่ได้หรอก ช่วงนี้งานเยอะน่ะ แถมพวกตัวใหญ่ๆยังจับตามองด้วย"

 

"พวกตัวใหญ่ๆ?"

 

"คนตำแหน่งสูงๆน่ะ" เขาอธิบาย "ยิ่งตั้งใจทำเท่าไหร่ ผลงานออกมาน่าพอใจเท่าไหร่ โอกาสได้เลื่อนตำแหน่งก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น"

 

"แต่เป็นระดับหัวหน้าแผนกก็เก่งแล้วนะครับ"

 

"เรารู้ได้ยังไงเนี่ย"

 

"พี่ซีบอกมา"

 

"อ๋อ...อืม นั่นแหละ แต่ก็ไม่เก่งขนาดนั้นหรอก มีคนอื่นๆที่อายุน้อยกว่านี้ทำตำแหน่งนี้ก็มีถมเถไป มันขึ้นอยู่กับโอกาส จังหวะ และอะไรหลายๆอย่าง"

 

"ไม่จริง อาธารเก่ง เข้ามาทำในบริษัทดังๆได้ก็สุดยอดแล้ว"

 

"ไม่หรอกติณณ์ เข้ามาได้เพราะมีเส้นสายกับอาไตรภพเขาน่ะ ซึ่งอาภพเขาก็ใช้เส้นสายมาอีกทีเหมือนกัน แต่ตอนนี้อาไม่ได้พึ่งพาความเส้นแล้ว ไม่อยากเป็นผู้ใหญ่แบบที่ตัวเองไม่ชอบเมื่อตอนเด็กๆน่ะ...ติณณ์ห้ามทำแบบอานะเข้าใจไหม"



 "ครับ แต่อาธารเท่จังเลยที่คิดได้"

 

"ไม่เท่หรอก รู้ไหมเมื่อสมัยอาเด็กๆน่ะ พ่อแม่ของอากับพ่อแม่อาภพสนิทกัน อาภพเรียนเก่งมาก เก่งจนพ่อแม่อาชอบเปรียบเทียบบ่อยๆ ตอนนั้นน่ะโคตรน่ารำคาญ แต่อาภพเขาดีกับอานะคอยช่วยเหลือตลอด รวมถึงตอนดึงตัวเข้าทำงานด้วย"

 

"..."

 

"แต่ไม่รู้สิ เป็นเพราะเมื่อก่อนโดนเปรียบเทียบบ่อยๆมั้ง เลยมีความอยากเอาชนะอยู่ลึกๆ ก็เลยอยากจะเลิกใช้วิธีลัด ถ้าประสบความสำเร็จไปอีกขั้นด้วยตัวเองคงน่าจะภูมิใจกว่าตั้งเยอะ ว่าไหม"

 

"อ๋า..."

 

"ไม่ต้องสงสารนะ อาไม่ได้รู้สึกอะไรแล้วล่ะ มันเลยจุดที่จะน้อยใจพ่อแม่ไปตั้งนานแล้ว ก็อายุปูนนี้แล้วนี่เนอะ อีกหน่อยติณณ์ก็จะเข้มแข็งแบบนี้เหมือนกัน"

 

นี่เป็นข้อเท็จจริงที่ติณณ์เพิ่งเคยรู้

 

อาธารโดนเปรียบเทียบมาตลอดเลยหรือ? กดดันมาตั้งแต่เด็กจนโตเลยหรือเปล่า? อาธารไม่เคยบ่น ไม่เคยแสดงอาการว่าท้อแท้ออกมาเลย หรือว่าเป็นเพราะเลยจุดที่จะอ่อนแอแบบที่อาธารบอกมา

 

แล้วตอนที่ยังอยู่ในจุดอ่อนแอล่ะ มีใครให้กำลังใจหรือเปล่า

 

ติณณ์ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่ออาธารบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว แต่เขาอยากจะทำอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายรู้สึกดี แล้วอาธารยังต้องการกำลังใจอยู่ไหม ยังไงดีล่ะ ขนาดปลอบใจตัวเองยังทำไม่เป็น แล้วเขาจะไปปลอบใจให้คนอื่นที่อายุมากกว่าได้อย่างไร

 

ก็อย่างที่บอกไป ติณณ์ไม่ถนัดพูด แต่ถนัดทำมากกว่า

 

จุ๊บ

 

"!?"

 

ธาราตกใจไม่น้อย เมื่อกลีบปากสีสวยนั่นเข้ามางับๆริมฝีปากของเขาเบาๆ เบาเหมือนแมวงับเจ้าของเล่นๆ

 

ติณณ์ไม่เคยจูบเขาก่อน...

 

 "ติณณ์ จะทำอะไร"

 

 "เติมพลังให้อาธาร"

 

 "!?"



"เห็นพักนี้เหนื่อยๆ อยากให้อาธารมีความสุขบ้าง อาชอบจูบใช่ไหม งั้นวันนี้ติณณ์จะยอมให้วันนึง...อะ...อื้อ!"

 

กลีบปากบางๆที่เคยเจื้อยแจ้วถูกบดเบียดเข้ามาตามคำเสนอ เด็กน้อยเผยอปากออกอัตโนมัติโดยไม่ต้องรอคำสั่ง นี่ไม่ใช่จูบแรกแต่มันก็อดจิกบ่าแกร่งไม่ได้เมื่อลิ้นอุ่นลัดเลาะเข้ามาในโพรงปาก คราวนี้ธาราไม่เร่งรีบ เขาตั้งใจละเลียดลิ้มรสน้ำหวานที่รสเยี่ยมยิ่งกว่าน้ำผึ้งไหนๆ ดูดดื่มแล้วได้พลังยิ่งกว่ายาชูกำลังใดๆ

 

ติณณ์ไม่ลืมสิ่งที่อาธารสอน เขาผ่อนลมหายใจตัวเองเพื่อยื้อจูบนี้ไว้ ตวัดลิ้นตอบรับไปบ้างแม้ไม่ชำนาญการเท่าอีกคน เขาพยายามมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเพราะต้องการเอาใจ และโชคดีที่จูบครั้งนี้ค่อนข้างจะอ่อนหวาน ทำให้ไม่ได้สำลักลมหายใจอย่างไวเหมือนคราวก่อน

 

เรียวลิ้นกวาดควานน้ำหวานชื่นใจกลืนลงคอ เสียงร้องอื้ออึงยิ่งทำให้ธาราไม่จะหยุดลิ้มรสกลีบปากนี้ ติณณ์น่ารัก ตัวเองอ่อนประสบการณ์จนจะตั้งหลักไม่ไหวแต่ยังยอมให้ดูดดื่มเพราะอยากให้อาธารคนนี้ได้เติมพลัง น่าเสียดายที่ต้องมีพักยกเป็นระยะ ไม่งั้นคงได้จูบมาราธอนจนเช้า

 

"ทำไมวันนี้ใส่เสื้อตัวนี้" ธาราเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กดีของเขาใส่เสื้อคอกว้างเป็นพิเศษ

 

"เผื่ออยากหอมแบบเมื่อวานไงครับ จะได้ถนัดๆ"

 

ติณณ์พูดออกมาอย่างซื่อๆ ไม่มีอะไรในกอไผ่เลย แค่เห็นว่าอาธารทำแบบนั้นแล้วดูมีความสุขดีเลยอยากช่วยให้มันสะดวกมากขึ้นเท่านั้นเอง

 

ยั่วตาใส ธารานิยามคำๆนี้ให้ติณณ์ได้คำเดียว

 

นิ้วสากเกี่ยวคอเสื้อลงไปบริเวณหน้าอกเพื่อพิสูจน์ว่าคอเสื้อนี้มันกว้างขนาดไหน และพบว่ามันกว้างขนาดที่ว่าถ้าปล่อยให้คอเสื้อย้วยลงมาแบบนี้ มันเกือบจะปกปิดเม็ดทับทิมไม่มิดอยู่แล้วเชียว

 

อย่างกับเหยื่อที่โดนล่าหนักๆจนตกใจหนี พอนักล่าหมดแรงก็เกิดสงสารขึ้นมา เอียงคอให้กินแบบนี้เลยเนี่ยนะ

 

ไม่รู้จะเรียกว่าน่ารักหรือน่าตีดี

 

จะมีใครบ้างที่ทำกับเขาแบบนี้ ยิ่งติณณ์เป็นห่วงเขา ยิ่งทำตัวน่ารักกับเขา มันยิ่งทำให้ธาราหวงเด็กคนนี้เข้าไปใหญ่ เขากลัวว่าวันนึงใครจะมาแย่งความน่ารักนี้ไป

 

อยากแสดงความเป็นเจ้าของจนจะแย่อยู่แล้ว

 

ประทับรอยหนักๆตรงซอกคอนั่นเสียเลยน่าเข้าท่าไม่น้อย

 

Rrrrrrrrr


 

เสียงระบบโทรฟรีจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวดังขึ้นขัดจังหวะเวลาชิมของหวาน และมันไม่ใช่ของธารา แต่เป็นติณณ์ที่ต้องหันไปกดรับสาย อะไรกัน กำลังจะเข้าได้เข้าเข็มแท้ๆกลับมีมารผจญมาขัดจังหวะเสียได้

 

"ครับพี่ซี"

 

มารผจญที่ว่า เป็นไอ้เด็กฝึกงานคนนั้นอีกแล้วหรือ

 

[คิดว่านอนแล้วซะอีก หรือว่าพี่ปลุกติณณ์หรือเปล่า]

 

"ผมยังไม่นอนครับ พี่ซีมีอะไรหรอ"

 

[เดี๋ยวพรุ่งนี้ ไม่สิ วันนี้หลังเลิกเรียนพี่ไปหาได้ไหม พอดีมีของจะให้]

 

"ของอะไรหรอครับ"

 

[ตอบมาก่อนว่าว่างหรือไม่ว่าง]

 

"ว่างครับ"

 

 [โอเค เดี๋ยวจะไปเซอร์ไพรส์]

 

 "เซอร์ไพรส์อะไร เซอร์ไพรส์ทำไมหรอครับ"

 

 [เดาไม่ออกจริงๆหรอเนี่ย วันๆดูปฏิทินบ้างหรือเปล่า]

 

 "อ๋า..."

 

[แต่ไม่รู้น่ะดีแล้ว จะได้ตื่นเต้นไง แต่เอาเถอะ พี่ไม่กวนเราละ นอนๆ ฝันดีนะติณณ์]

 

"ด...เดี๋ยวสิครับพี่ซี ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฮัลโหล...ฮัลโหล"

 

ธาราไม่ตั้งใจจะเสียมารยาทหรอกนะ แต่เสียงลำโพงมันดันไม่ได้เบาอะไรนัก เลยพอจะได้ยินว่าทั้งคู่สื่อสารอะไรกันบ้าง

 

ตอนเย็นๆหลังเลิกเรียนงั้นหรอ



เห็นทีต้องพานักศึกษาฝึกงานไปฝึกประสบการณ์ที่ไซต์งานบ้างแล้วล่ะมั้ง...


 

 

 

(ต่อข้างล่างงับ)
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่15 (13.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 27-06-2019 20:19:16

วันนี้วันวาเลนไทน์งั้นหรอ ติณณ์เพิ่งจะระลึกได้ก็ตอนที่ลงจากรถมาแล้วเห็นร้านขายดอกกุหลาบและลูกโป่งเข้ามาขายในโรงเรียนนี่แหละ

 

นักเรียนหลายๆระดับชั้นต่างกันมุงซื้อดอกกุหลาบ ซื้อลูกโป่ง ซื้อสติกเกอร์กันเต็มไปหมด เขาเคยเห็นภาพเหล่านี้ทุกๆปี และไม่เคยจะอินกับมันเลยสักครั้ง หันหน้าไปทางไหนก็เห็นแต่คนเดินจับมือถือแขน บ้างก็ให้ดอกกุหลาบกัน บ้างก็สารภาพรักท่ามกลางสาธารณะจนคนรอบข้างให้ความสนใจ

 

ช่างเถอะ เขามาวันนี้เพื่อสอบเท่านั้นเอง

 

"ตัวเล็ก วันนี้พี่ทำช็อกโกแลตมาเซอร์ไพรส์ตัวเล็กด้วยนะ"

 

นั่นมันเสียงไอ้โต้นี่

 

ไอ้โต้จริงๆด้วย มันกำลังกระหนุงกระหนิงกับแฟนมันอยู่หน้าห้องเรียน ว่าแต่น้องผู้หญิงคนนั้นชื่อน้องอ้อมไม่ใช่หรอ ไม่ใช่'ตัวเล็ก'อย่างที่ไอ้โต้มันเรียกนี่

 

อ้อ คงจะเป็นฉายา แบบที่หลายๆคู่รักเขาชอบตั้งชื่อให้กันหรือเปล่า

 

จะว่าไปแล้ว ทั้งๆที่สถานะของติณณ์กับอาธารก็เรียกได้ว่าเป็นแฟนกัน แต่เขารู้สึกว่าเราทั้งคู่ไม่ค่อยมีโมเม้นท์กุ๊กกิ๊กเหมือนสังคมรอบข้างตอนนี้เลย

 

คนเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ทำอะไรแบบนั้นมันแปลว่าแปลกไหม จำเป็นต้องให้ดอกไม้กันหรือเปล่า ถ้าไม่ตั้งฉายาให้กันจะดูผิดปกติไหม ติณณ์ไม่รู้ ไม่รู้อะไรเลย

 

ช่างมันเถอะ เขาคิดแบบนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่าน แล้วนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงมุมห้องเงียบๆคนเดียว...

 

 

 

 "เลขที่3?"

 

การสอบวิชาชีววิทยาได้ผ่านพ้นไปแล้ว เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับนักเรียนหลายๆคนที่ครูประจำวิชารีบกรอกคะแนนในคาบ เป็นเหตุทำให้ติณณ์ต้องแลกกระดาษคำตอบกับเพื่อนข้างๆซึ่งคือโต้ เลขที่ประจำตัวนักเรียนถูกขานเรียงเบอร์เพื่อให้ผู้ตรวจตะโกนคะแนนของเพื่อนข้างๆให้ครูได้กรอกลงตาราง และเลขที่3คือเลขที่ของติณณ์

 

"9ครับ" โต้ขานคะแนนสอบของเขา

 

เสียงฮือฮาไล่ตามหลังมาติดๆ เพราะนับว่าเป็นคะแนนที่สูงลิ่วเมื่อเทียบกับระดับความยากของข้อสอบ แต่นั่นแหละ นั่นมันติณณ์ หัวกะทิระดับต้นๆของโรงเรียนนี่นา

 

"มึงไม่ใช่คนอีกแล้วนะ" คนตรวจคะแนนหันหน้ามาชมเชย

 

"ไม่ใช่คนแล้วกูเป็นอะไร"

 

"เป็นเทพ"

 

"เพ้อเจ้อ"

 

"เทพจริงๆนี่หว่า เอ้านี่ รางวัลสำหรับเทพ" มันล้วงแผ่นอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ เรียวนิ้วจัดการแงะแผ่นเล็กๆสีแดงออกมาติดกับปลายนิ้ว จากนั้นก็ประทับลงบนอกชุดนักเรียนของติณณ์ "แฮปปี้วาเลนไทน์จ้า"

 

ดวงตากลมทำการสำรวจสิ่งแปลกปลอมใหม่บนชุดนักเรียน มันคือสติกเกอร์รูปตัวใจดวงเล็กๆสีแดง ข้างในมีตัวอักษรคำว่า'LOVE'ประกอบความหมาย พอกระทบกับแสงมันก็เล่นกับแสงระยิบระยับ เขาเรียกว่าอะไรนะ กลิตเตอร์หรอ?

 

พอเงยหน้าขึ้นหันไปมองรอบตัว เขาพบว่าคนอื่นๆก็มีสติกเกอร์รูปหัวใจประดับบนชุดนักเรียนเหมือนกัน แต่จะต่างกันก็ตรงจำนวนนี่แหละ คนรอบตัวต่างมีสติกเกอร์ติดตัวหลายดวงจากเพื่อนๆที่ติดให้กันเล่นๆสนุกๆ แต่ติณณ์มีแค่ดวงเดียวเอง

 

เขารู้นะ ว่าไอ้การน้อยใจเรื่องแบบนี้มันออกจะงี่เง่าไม่น้อย แต่มันสายไปเสียแล้ว เขาน้อยใจไปแล้ว

 

ไม่มีดอกไม้ ไม่มีช็อคโกแล็ต ไม่มีสติกเกอร์ ไม่มีอะไรเลย เป็นวันแห่งความรักที่จืดชืดสิ้นดี

 

ตอนนี้ติณณ์กำลังรู้สึกแย่ แย่มากๆเลยด้วย ยิ่งตอนที่พี่ซีส่งข้อความมาหาว่า'ขอโทษนะติณณ์ พอดีพี่ติดงานด่วนตอนเย็นน่ะ ไปหาไม่ได้แล้วนะ'ยิ่งโหวงๆในใจ นึกว่าอย่างน้อยก็มีพี่ซีอยู่เป็นเพื่อน แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้เขาต้องหงอยเหงาแบบนี้ไปจนกว่าจะกลับบ้านงั้นหรือ

 

อาธารเคยบอกไว้ว่าถ้ารู้สึกแย่เมื่อไหร่ ให้โทรหาได้ตลอด

 

นี่คงเป็นครั้งแรกเลยที่เขาตัดสินใจโทรหาอีกฝ่ายขณะอยู่ที่โรงเรียน

 

[ฮัลโหล ว่าไงติณณ์]

 

"..." ติณณ์ไม่กล้าพูดต่อเลย เพราะเสียงปลายสายค่อนข้างมีเสียงรบกวนมากจนได้ยินเสียงมนุษย์แทบไม่ชัด มีทั้งเสียงเครื่องจักร เสียงรถยนต์ เสียงลม ทำให้อีกฝ่ายต้องตะเบ็งเสียงแข่งกับเสียงรบกวน อาธารกำลังทำงานอยู่หรือเปล่า?

 

[ฮัลโหล? ได้ยินที่อาพูดหรือเปล่า?]

 

"ได้ยินครับ"

 

[ว่าไง โทรมามีอะไรหรือเปล่า?]

 

"อ๋า..." ทำยังไงดี รู้จะพูดอะไรดี ไม่กล้าบอกว่าคิดถึง ไม่กล้าบอกว่าเหงา มันจะดูงี่เง่าหรือเปล่า จะรบกวนอาธารเกินไปไหม "อาธารว่างไหมครับ"



[ว่างสิ กำลังจะพักเที่ยงพอดีเลย]

 

"อ๋อ..."

 

[แล้วนี่เรามีอะไรหรือเปล่า ถึงได้โทรมาหาอา]

 

"..." พอโดนเร่งเร้าคำตอบมันยิ่งกดดัน สมองประมวลผลไม่ถูกว่าควรพูดอะไรต่อไป

 

[...] เสียงที่ตอบกลับธารามีแต่ความเงียบ เขาสงสัยไม่น้อยว่าเด็กของเขาโทรมาทำไม ทั้งๆที่ร้อยวันพันปีไม่เคยจะโทรมา ถ้าให้เดาคงจะมีอะไรผิดปกติแต่เจ้าตัวไม่กล้าบอกตรงๆ ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นชวนคุยแล้วกัน เผื่อว่าอีกฝ่ายจะได้คลายกังวล [ติณณ์พักเที่ยงแล้วหรอ ทานข้าวหรือยัง]

 

"ทานแล้วครับ อาธารล่ะ"

 

[ยังเลย กำลังคิดเมนูหนักๆเติมพลังอยู่ วันนี้เหนื่อยมาก อยากทานข้าว อยากทานหมู อยากเอาอะไรหนักๆยัดเข้าปาก]

 

"ปกติอาธารต้องทานอะไรเบาๆสิครับ"

 

[วันนี้ขอยกเว้นแล้วกัน เหนื่อยมาก อยากเติมพลัง ไอ้ของเบาๆน่ะทานแล้วไม่รู้สึกสะใจเท่าไหร่...ยกเว้นติณณ์นะ]

 

"อาธาร!"



เสียงปลายสายดูสดใสขึ้น ส่งผลให้ธาราสบายใจขึ้นตาม เราทั้งคู่ต่างชวนคุยสัพเพเหระ เรื่องมีสาระ เรื่องไร้สาระ ติณณ์สอบหรือยัง เป็นอย่างไรบ้าง อาธารทำงานอะไรอยู่ ที่นั่นแดดแรงมากไหม เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ บลา บลา บลา แต่สุดท้ายก็คุยกันไม่ได้นานอย่างใจหวัง

 

[อาขอไปทานข้าวก่อนนะติณณ์ จะเป็นลมแล้ว] ธาราพูดติดตลก

 

"อ๋า ได้ครับ"

 

[โอเค ไว้เจอกันที่บ้านนะ]

 

"ด...เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งวางนะ"



[อือฮึ ว่าไงครับ]



"ค...คือ..."

 

[...]

 

"..."

 

[...]

 

"ติณณ์เหงา..."

 

จับได้อีกแล้ว

 

ที่โทรมาเพราะเป็นเด็กขี้เหงาที่คิดถึงแฟนล่ะสิ


 

 

 

 

"เมี้ยววว!"

 

ติณณ์พอจะจับจุดของถุงเงินได้อย่างหนึ่ง เมื่อไหร่ที่อาธารเตรียมจะเปิดประตูเข้ามา เจ้าแมวนี่มันชอบแหกปากร้องและวิ่งไปนั่งจ้องประตูระยะประชิดเพื่อรอออดอ้อนเจ้านายของมัน พอติณณ์ได้ยินสัญญาณจากเจ้าถุงเงินเขาก็ลุกตัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น เมื่ออาธารเปิดประตูเข้ามาเขาก็รีบวิ่งไปกอดราวกับไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปีอย่างไรอย่างนั้น

 

"เกิดอะไรขึ้นเนี่ย อ้อนทั้งคนทั้งแมวเลย"

 

แมวน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะนี่เป็นพฤติกรรมปกติของมันที่ชอบมาพันแข้งพันขาแบบนี้ แต่ติณณ์นี่สิ อ้อนหนักผิดปกติอีกแล้ว แถมยังเอาอกเอาใจด้วย ทั้งถอดเนคไทให้ ถอดเสื้อสูทไปแขวนให้ ทำน้ำเย็นๆให้ดื่ม แล้วก็ชอบนำศีรษะมาคลอเคลียตรงแผ่นหลังบ่อยๆ ถ้าติณณ์เป็นแมวป่านนี้คงจะมีขนเส้นเล็กๆติดตามเสื้อเชิ้ตเต็มไปทั้งตัวแน่ๆ

 

และโชคดีที่วันนี้เป็นวันศุกร์ นั่นแปลว่าธาราสามารถพักผ่อนหย่อนใจได้ในวันนี้ เขาอาบน้ำให้สดชื่นและเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสบายๆแล้วมานอนดูหนังอยู่บนเตียงเงียบๆ เขาเลือกหนังรักโรแมนติกอย่างที่ชอบดูบ่อยๆ ติณณ์บอกว่าไม่ค่อยถนัดแนวนี้ แต่เจ้าตัวกลับปีนเตียงขึ้นมามุดวงแขนของเขาข้างหนึ่งให้กางออก เพื่อที่จะนำตัวเองมานอนแหมะตรงแผ่นอกและดูหนังไปพร้อมๆกัน

 

"อ้อนหนักแบบนี้ อยากได้อะไรหรือเปล่า?" ธาราไม่สนใจหนังตรงหน้าอีกต่อไป เขาสนใจลูกแมวที่อ้อนหนักผิดปกติตัวนี้ต่างหาก

 

"เปล่าครับ" ติณณ์โกหก เขาอยากได้ความรัก รู้อยู่แก่ใจหรอกว่าอาธารน่ะรักเขา แต่วันแห่งความรักทั้งทีก็อยากได้อะไรที่มันพิเศษๆเหมือนคนอื่นเขานี่นา

 

"โกหกตาใส"

 

"ง่า..."

 

"จะเอาอะไร สารภาพมาเสียดีๆ ไม่งั้นอาจะเอาเราก่อน"

 

"หะ...หา"

 

"สารภาพมา นับหนึ่ง"

 

"ติณณ์ไม่ได้อยากได้อะไรนะ"

 

"นับสอง"

 

"ไม่มีอะไรจริงๆนะครับ"

 

"นับสาม" เขาเตรียมล้วงมือไปสัมผัสผิวเนียนๆใต้ชุดนักเรียน

 

"ยอมแล้วก็ได้ครับ" ติณณ์ทำหน้าหงอย "แต่ติณณ์อธิบายไม่ถูกว่าต้องการอะไร มันสับสน"

 

"งั้นพูดอะไรก็ได้ที่อยู่ในหัวตอนนี้ ไม่ต้องเรียบเรียงคำพูดก็ได้ แต่พูดออกมาได้เลย"



"คือ..." เขาพยายามนึกถึงเรื่องที่โรงเรียน นึกถึงสิ่งที่คนอื่นเขามี แต่ตัวเองไม่มี "อาธารเคยมีแฟนมาก่อนใช่ไหม แล้ว...ตอนนั้นมีการตั้งฉายาอะไรกันหรือเปล่า"

 

"ฉายา?"

 

"ครับ ก็เช่นเรียกแฟนว่าตัวเล็ก หมูอ้วน อะไรทำนองนั้น"

 

"อ๋อ ก็เคยนะ ตอนสมัยเรียนมหา'ลัยน่ะ"

 

"ล...แล้ววันวาเลนไทน์เคยให้พวกดอกไม้ ของขวัญ หรือช็อคโกแลตไหมครับ"

 

"เคยให้นะ แต่มันนานมากๆแล้วล่ะ" ธาราคิดว่าเขาเริ่มจะจับจุดบางอย่างได้ "ติณณ์อยากได้บ้างหรือ?"

 

"ติณณ์เห็นเพื่อนที่โรงเรียนเขาทำกัน ก็เลย..."

 

"น้อยใจอาหรือเปล่าเนี่ย"

 

"...เปล่าครับ"

 

"โถ่ เรื่องนี้เองสินะ" สุดท้ายเขาก็เข้าใจ "อาไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นมานานมากๆแล้ว กับแฟนที่คบจริงจังก่อนหน้านี้ก็สมัยเรียนนู่น บวกกับอายุขนาดนี้ ความรับผิดชอบขนาดนี้ก็เลยไม่ได้นึกถึงตรงนั้นเสียเท่าไหร่ แต่ลืมไปว่าติณณ์เป็นวัยรุ่น ยังคงต้องการอะไรแบบนั้นอยู่ใช่ไหม"

 

ติณณ์ลืมคิดไปเลยว่าอาธารเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว คงเลยจุดที่จะมานั่งคิดเรื่องกุ๊กกิ๊กพวกนี้แล้ว

 

"ติณณ์ทำให้อาธารอึดอัดหรือเปล่า"

 

"เปล่าเลย อาขอโทษนะที่ละเลยเรื่องนี้ไป แล้วติณณ์ล่ะ น้อยใจหรือเปล่า?"

 

"ไม่ครับ ติณณ์เข้าใจ แล้วตอนนั้นอาเรียกแฟนว่าอะไรหรอ"

 

"จำไม่ค่อยได้แล้ว น่าจะเป็นตัวเล็กล่ะมั้ง เขาตัวเล็กๆน่ะ ก็เลยเรียกตามที่เห็น...ติณณ์อยากมีชื่อบ้างไหม"

 

"ยังไงก็ได้ครับ แต่ไม่เอาตัวเล็กนะ" ดูเหมือน'ตัวเล็ก'น่าจะเป็นฉายาที่โหลอันดับต้นๆเลยมั้ง

 

"ถ้างั้น..." ธาราคิดไปคิดมาอยู่สักพัก "เป็น'ลูกเหมียว'ดีไหม?"

 

"เอ้ะ?"

 

"ติณณ์น่ะเหมือนลูกแมว รู้ตัวบ้างไหม"

 

"มันจะไม่แบ๊วไปใช่ไหมครับ"

 

 "น่ารักออก ลูกเหมียว"

 

"ถ้างั้นเรียกติณณ์เฉยๆก็ได้ครับ" มันรู้สึกจั้กจี๊หัวใจแปลกๆเวลาถูกเรียกแบบนั้น แถมยังร้อนๆหน้าด้วย

 

"ทำไมล่ะลูกเหมียว"

 

"ไม่ใช่ลูกเหมียวนะ"

 

"น่ารักจะตาย ลูกเหมียว ลูกเหมียว" ยิ่งเห็นติณณ์หน้าแดงเขายิ่งชอบใจ "ลูกเหมียวน่าแดงใหญ่เลย"

 

"ฮื่อ" ติณณ์ไม่รู้จะเถียงอะไรแล้ว ได้แต่ครางประท้วงในลำคอ

 

"โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว" ธาราหัวเราะชอบใจ "แล้วนี่สติกเกอร์อะไร ใครมาแปะให้"

 

"โต้แปะให้ครับ"

 

"ดีจัง มีคนแปะสติกเกอร์ให้ด้วย น่ารักดีนะ"

 

"แต่คนอื่นได้เยอะกว่าติณณ์อีก" เขาพูดเสียงเบา "ติณณ์ได้แค่ดวงเดียวเอง"

 

ธาราดูออก ว่าติณณ์น่ะน้อยใจเรื่องนี้ไม่น้อยเลยล่ะ

 

พอนึกภาพคนมารุมติดสติกเกอร์ให้ติณณ์มันก็หวงเหมือนกัน แต่พอไม่มีคนมาให้ความสนใจติณณ์ก็น้อยใจ

 

แล้วถ้าเขาเป็นคนติดเองเยอะๆบ้างล่ะ?

 

"อยากได้สติกเกอร์เยอะๆบ้างไหม?"

 

ลูกเหมียวพยักหน้าหงึกๆ

 

"ถ้างั้น...เดี๋ยวอาจะติดให้ทั้งตัวเลยนะ"

 

ธาราปัดป่ายผ้าห่มที่แสนเกะกะออกไปให้พ้นเตียง จ้องมองลำคอสวยๆที่เขาหลงใหลและชอบลอบมองเป็นประจำ อยากจะทำให้เกิดรอยช้ำมาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยจะมีโอกาส มาถึงเวลานี้ วันศุกร์แบบนี้ เจ้าตัว(น่าจะ)ยินยอมแบบนี้ ใครมันจะปล่อยโอกาสให้พ้นมือล่ะว่าไหม...

 

"อ๊ะ!?" เสียงน่ารักเปล่งออกมาทันทีที่ฟันคมขบกัดลงบนลำคอขาวนั้น "อ...อาธารทำอะไรครับ"

 

"ติดสติกเกอร์ให้เราไง" ใบหน้าหล่อเหลาคลอเคลียอยู่กับซอกคอนั้น "เป็นแบบฝังลงผิว สีสวย ลอกออกไม่ได้ แต่รับรองว่าติณณ์ต้องชอบ"

 

ลิ้นร้อนฉ่าประทับลงบนผิวเนื้อนุ่มจนเจ้าของร่างสะดุ้ง สัมผัสอุ่นชื้นลากไล้ตามลูกกระเดือกโหนกนูนไปจนถึงปลายคางเรียว ริมฝีปากนุ่มหยุ่นประกบจูบลงบนลำคอจนเกิดเสียงน่าอาย โพรงปากรับผิวนุ่มๆเข้ามาดูดดึงจนเกิดรอยช้ำสีกุหลาย ขยับไปสร้างรอยตำแหน่งอื่นๆให้ทั่วบริเวณที่สามารถไปถึง จงใจถูไถตอหนวดเข้ากับผิวบางๆนั่นเพราะรู้ว่ามันทำให้เจ้าตัวเสียวซ่าน เด็กน้อยย่นคอหนีแต่ไม่สามารถพ้นเงื้อมมือราชสีห์ไปได้อยู่ดี ยิ่งหันหน้าไปอีกทางเท่าไหร่ ยิ่งเท่ากับเปิดพื้นที่ให้ธาราได้ซุกไซ้มากขึ้นเท่านั้น

 

"อึ่ก...อื้อ"

 

ติณณ์กัดนิ้วตัวเองเพื่อกลั้นเสียงอีกแล้ว คนตัวใหญ่กว่ามองคนใต้ร่างที่พยายามต่อสู้กับความรู้สึกตัวเอง ดวงตาสีเข้มฉ่ำวาวไปด้วยน้ำตาที่มาจากแรงอารมณ์ กลีบปากสีสดขบกัดนิ้วเรียวเพื่อป้องกันไม่ให้ครวญครางเสียงน่าอายเลยทำให้เสียงนั้นอึกอักอยู่ในลำคอ

 

แต่ธาราอยากได้ยินเสียงครางหวานๆ อยากจะรู้ว่าหวานสู้รสผิวกายขาวๆนี่ได้หรือไม่



แมวน้อยถึงกับผงะตอนที่เห็นอาธารหยุดการกระทำไปครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาเป็นปลดเนคไทสีเข้มของตนอย่างใจเย็นพร้อมใช้สายตาพราวระยับมองมาที่เขาอย่างลึกซึ้ง มือใหญ่เอื้อมมาจับมือที่ใช้ปกปิดเสียงแห่งความลับไว้ อาธารพยายามดึงนิ้วของติณณ์ออกแต่เจ้าตัวนั้นเกร็งไว้แน่นอย่างไม่ยอมเช่นกัน อันที่จริงถ้าธาราออกแรงอีกสักนิดก็สามารถดึงออกได้แล้ว เพียงแต่เขาไม่อยากจะรุนแรงมากเท่าไหร่

 

ใบหน้าราวพระเจ้าสร้างโน้มลงมาประจันหน้ากับคนที่น่าเอ็นดู ใช้วิธีสู้กับปราการนั้นด้วยเรียวลิ้น อวัยวะอุ่นชื้นสัมผัสลงหลังมือ ไล้เลียไปตามซอกนิ้วทีละนิ้วจนมันชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำลาย ติณณ์ตกใจมากที่อาธารมาเลียมือเลียนิ้วไม่หยุดกระทั่งต้องปัดมือออกจากตำแหน่งเดิม เปิดโอกาสให้ริมฝีปากบางได้เป็นอิสระ รวมถึงเปิดโอกาสให้ลิ้นของธาราได้สอดใส่เข้าไปในโพรงปากนั้นเพื่อหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆ

 

ในขณะที่กำลังรังแกปากน่ารักและดึงดูดความสนใจไว้กับการจุมพิต ผู้ใหญ่ค่อยๆรวบข้อมือเล็กทั้งสองข้างไว้เหนือหมอน จัดการพันธนาการเนคไทไว้กับข้อมือนั้นจนแน่น นิ้วเรียวๆพวกนี้ไม่สามารถสะกัดกั้นเสียงครางของแมวน้อยได้อีกต่อไป แขนที่ยกขึ้นทั้งสองข้างมันทำให้ชุดนักเรียนมันเลิกขึ้นไปจนเกือบเห็นหน้าท้องแบนราบ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่นักเรียนคนนี้ใส่เสื้อกล้ามอีกชั้นอยู่ข้างใน

 

เกะกะชะมัด

 

แควก!!

 

"อาธาร!!"

 

ใช่ ธาราล้วงมือไปฉีกเสื้อกล้ามสีขาวจนมันขาดหลุดลุ่ย ข้อหาที่มันบังสิ่งสวยงามเอาไว้

 

บอกว่าห้ามถอดเสื้อ แต่ไม่ได้บอกว่าห้ามฉีกเสื้อชั้นใน ถือว่าไม่ได้ทำผิดกติกาเสียหน่อย

 

"อะ...อ๊ะ!!"

 

พุงนุ่มๆขาวๆนั่นก็ใช่ว่าจะรอด เขาละเลงปลายลิ้นลงบนผิวกายนุ่มนิ่ม ไล้วนไปวนมาแถวแอ่งสะดือสวยให้ลูกเหมียวดิ้นพล่านเล่นๆ ประทับตราสติกเกอร์ความเป็นเจ้าของไว้ทั่วบริเวณไม่แพ้ตรงซอกคอ ยิ่งลิ้มรสมากเท่าไหร่ เอวคอดยิ่งบิดไปมาให้เชยชมรูปร่างโค้งเว้าได้อย่างดีเยี่ยม

 

อันที่จริงธาราอยากจะทำรอยตรงบริเวณหน้าอกด้วยแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะมีคำสั่งที่ว่าห้ามถอดเสื้อค้ำคอไว้

 

แต่ไอ้ชุดนักเรียนบางๆเนี่ย...ไม่ใช่อุปสรรคเท่าไหร่หรอก

 

มือใหญ่รัดชุดเรียนให้แนบเนื้อร่างบางให้ได้มากที่สุด กระทั่งเม็ดทับทิมทั้งของเม็ดดุนดันเนื้อผ้าขึ้นมาให้เห็นได้เต็มตา เรียวลิ้นทำหน้าที่ละเลงความชื้นลงบนเป้าหมาย จนเนื้อผ้าบางเปียกชุ่ม เผยให้เห็นเนื้อสีชมพูข้างใต้ลางๆตา ฟันคมขบกัดอัญมณีสวยงามผ่านเนื้อผ้านั้นอย่างแรงจนติณณ์หลุดครางเสียงหวานออกมาเต็มเสียง นิ้วสากบดขยี้เม็ดอีกข้างอย่างกลัวน้อยใจด้วยแรงที่ไม่เบานักเช่นกัน ธาราเอาแต่รังแกซอกคอ พุงขาวๆ และเม็ดทับทิมนี้สลับกันไปมาจนแมวน้อยครวญครางจนแทบทนไม่ไหว

 

มีใครเคยบอกหรือเปล่าว่าติณณ์น่ะ ครางเสียงหวานมาก

 

หวานจนปลุกอารมณ์ที่พยายามกดไว้จนมันตื่นขึ้นมา...

 

"อั่ก..."

 

อยู่ๆอาธารก็อุทานอะไรแปลกๆออกมา ฟังดูเหมือนคนเจ็บร่างกาย มือใหญ่กุมหน้าอกข้างซ้ายแน่น จากนั้นก็ทิ้งน้ำหนักร่างกายลงคล้ายคนหมดแรง

 

"อาธารเป็นอะไรครับ อาธาร!" ติณณ์ร้องออกมาอย่างกังวลเมื่อเห็นอาธารอาการไม่ดี อาธารเป็นอะไร ไม่สบายหรือ จะเป็นลมหรือเปล่า!?

 

"ติณณ์..." ธาราพูดเสียงแหบพร่า

 

"ไหวไหมครับ เจ็บอะไรตรงไหนไหม ไปโรงพยาบาลไหมครับ!?"

 

"ติณณ์ช่วยอะไรอาหน่อยได้ไหม"

 

"ได้ครับ ได้เลย"

 

"ช่วยทุกอย่างเลยนะ?"

 

"ทุกอย่างเลยครับ"

 

"รับปากไหม"

 

"รับปากครับ อาธารเป็นอะไรรีบบอกสิครับ เดี๋ยวจะแย่เอานะ"

 

ธาราหัวเราะในลำคอ ละครบทสั้นๆจบลงไปอีกฉากหนึ่ง ร่างแข็งแกร่งยันตัวขึ้นมาเป็นสภาพปกติไม่เหลือเค้าคนเจ็บร่างกาย เขาเหยียดยิ้มให้กับคนบนเตียง พลางปลดหัวเข็มขัดจนเกิดเสียงโลหะกระทบกัน สายหนังแท้อย่างดีถูกดึงออกไปจากสะโพกสอบ เสียงซิบกางเกงที่ถูกรูดลงทำเอาหัวใจดวงน้อยต้องร่วงหล่นตาม

 

"อ...อาธารจะทำอะไรครับ"

 

"ให้เราช่วยไง"

 

"ช่วยอะไรครับ ล...แล้วอาธารถอดเข็มขัดทำไมครับ"

 

"ไม่ถอดก็ช่วยอาไม่ได้น่ะสิ"

 

"ฮื่อ ติณณ์บอกวาห้ามถอดเสื้อไง"

 

"ผิดแล้วลูกเหมียว" ธาราพูดเสียงเจ้าเล่ห์ "ติณณ์ห้ามถอดเสื้อติณณ์ แต่ไม่ได้ห้ามอาถอดเสื้อตัวเองนี่นา..."

 

 

 

 

 

 

talk.

 

ทำไมทุกคนต้องเชียร์ให้อาธารเข้าคุกคะ ลุงเขาไม่ได้จะทำอะไรเล๊ย แค่จะใช้ให้น้องติณณ์ซักกางเกงให้เอ๊ง!!

ตอนหน้าชาวเล้าเป็ด/ชาวRAWยิ้มกริ่มเลยนะคะ ส่วนชาวเด็กดีเกียมหาช่องทาง ติดตามเส้นทางบาปได้ในทวิตเตอร์ในตอนต่อไปนะคะ งุงิส์ จะได้ไม่เลิ่กลั่กหาวาร์ปไม่เจอเนอะ

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 27-06-2019 20:45:18
ใจเราบาปรอล่วงหน้าเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Lonliness ที่ 27-06-2019 21:44:46
โอยยย ไม่ไหว ใจมันอ่อนแอ อยากอ่านตอนหน้าแล้ว กรี้สสสสสสสส :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 27-06-2019 23:05:53
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-06-2019 00:11:51
ร้ายนะเนี่ยอาธาร5555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-06-2019 00:54:10
ระวังหน่อยค่าคุณอา  :hao3:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: memozy ที่ 28-06-2019 19:24:17
 :haun4:

อาธาร !!! เกินไปแล้ว

รอติดตามอยุ่นะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-06-2019 22:09:28
อาธารร้าย..ยยยยยย  รอตอนหน้าด้วยใจจดจ่อ   :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ 29-06-2019 09:49:48
รอการแจกจ่ายพอร์นอยู่นะคะอา แต่เบามือกับน้องนิดนึงเนอะะ :z1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPoe ที่ 03-07-2019 23:41:10
ฮือออ อาธารใจเย็นๆก่อนนะคะ
้เดี๋ยวน้องลูกเหมียวตกใจหมด :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-07-2019 00:51:18
 :z1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: s_sisters19 ที่ 07-07-2019 15:29:32
คุณแม่ไม่น่ารีบไปเลย กลับมาตีหัวอาธารก่อนนนน ต้องจะงาบน้องอยู่รายวัน
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-07-2019 22:16:11
กรี๊ดดดด อาธารจะให้น้องช่วยอะไรน้าาาื่ เต้นไปหมดเลยค่าา อรุ่มมม  :hao7:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-07-2019 14:55:43
งื้อ~ใจจะขาดแล้ว :hao5:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 11-07-2019 22:32:27
ติณณ์อ้อนได้น่ารักดี มีการเลียนแบบน้องแมวด้วย 555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BloodyBlue ที่ 12-07-2019 12:53:47
อ๊ากกกก  :hao7:อาธารรรรรรรร :ling1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 12-07-2019 13:20:25
มาอ่านตอนค้างพอดี ควรดีใจไหม 555
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 13-07-2019 15:40:05
อร๊ายยยยยือยากจะไอคุกๆๆๆๆจะแย่แล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-07-2019 23:00:59
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 17-07-2019 10:15:03
ทำไมมีแววว่าคนอ่านต้องไปประกันตัวอาธารเลย :mew4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 17-07-2019 16:30:23
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Jiraapp ที่ 23-07-2019 14:04:57
เล่นใหญ่นึกว่าคนแก่จะหัวใจวายซะอีก :laugh: น้องตินณ์แย่แล้วลูกกกกกจะโดนอาธารล่อลวงแล้ว
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 25-07-2019 10:23:14
อยากดูความช่วยเหลือของเด็กน้อยแล้วววววว :jul1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-07-2019 11:21:55
 :laugh: อาธารร้ายยย
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Lonliness ที่ 01-08-2019 23:39:44
รอออออออออออ  :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 08-08-2019 12:39:23
กรี๊ดดดดด ตามทันพอดี สมทบทุนวางเงินประกันตัวอาธารไว้ล่วงหน้าเลยได้ ไอ คุกๆๆๆๆๆๆแน่!!  :laugh:

ลุ้นมากตอนตบะจะแตกไม่แตก น้องน่าฟัดจนใจบาปอยากให้แตก!ใจบาปกว่าอาธารก็เรานี่เเหล่ะ  :hao5:
แต่อาธารก็ยั้งใจอยู่แบบร้ายๆ แต่พอตัดสินใจไปต่อเท่านั้น โอ้ยยยย ออร่าดุ มาเต็ม ทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งขี้โกง หิวกระหาย จนน้องจะละลายคาอกอยู่แล้ว

น้องติณณ์ น่ารักมากกกกกกกก อิมเมจลูกแมวน้อย มองตาแป่ว ยิ่งตอนน้องหิวแล้วอ้อน ใจละลายยย น้องลู๊กก อยากจับมาบีบ มาฟัดให้จมเขี้ยว น้อนนนนนนนนนน

ยิ่งพอเแฟนแล้วน้องยั่วแบบไม่ตัว ออรัล ออนท็อป คืออะไร นี่คืออันตรายมากกกก
อาธารจะให้น้องช่วยอะไรก็เบาๆหน่อย เด่วน้องจะช้ำ แงงงงงงงงง คุณตำหนวดดดดดดดด หมาป่ากำลังจะกินลูกแกะ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Supapphu1909 ที่ 11-08-2019 20:25:00
แงงงงงงงงงงคูมอาจากิงงงงน้อนนนนนนนแร้ววว :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่16 (27.06.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: TiXA ที่ 28-12-2019 20:59:50
ตอนที่ 17




     ใช่ ติณณ์เคยห้ามไว้ว่าอย่าถอดเสื้อของตน และอย่าแตะต้องตัวมากเกินไปในบางเวลา



     แต่นั่นมันติณณ์นี่ ธาราไม่เคยจะห้ามอะไรแบบนั้นเสียหน่อย



     เห็นไหม เขาไม่ได้ทำผิดกติกาสักนิด



     หนุ่มใหญ่มองหนุ่มน้อยที่กำลังทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แก้มนวลขึ้นสีแดงจัดเมื่อซิบกางเกงราคาแพงนั่นแยกตัวออกจากกัน ยังไม่ทันได้เห็นอะไรๆ ติณณ์ก็เบนสายตาหนีเสียแล้ว



     “ไม่ต้องหันหน้าหนีหรอก” เรียวนิ้วจับปลายคางมนให้เบนมายังทิศทางเดิม “เดี๋ยวจะได้ทำอย่างอื่นที่ยิ่งกว่ามองเสียอีก”



     “อาธาร...”



     “จะผิดสัญญากันหรือเปล่า?”



     “เปล่าครับ แต่ว่า...”



     “เป็นแบบนี้มันทรมาณอานะครับ”



      “...”



     “ติณณ์จะไม่ช่วยอาจริงๆหรอ”



     “แต่ติณณ์ทำไม่เป็นนะ”



     “เดี๋ยวอาสอน”



      “แต่มันก็ยัง...”



       “จะผิดสัญญากันจริงๆหรอเนี่ย ว้า เสียใจจัง”



     “...”



     “แบบนี้ก็ทรมาณแย่เลยสิเนี่ย”



     เห็นไหมล่ะ ว่าอาธารน่ะดื้อดึงเหมือนกัน



      "...ก็ได้ครับ" สุดท้ายติณณ์ก็ต้องจำนนต่อคำอ้อนวอน "ต้องทำยังไงบ้างหรอครับ"

 

     “คิดไว้อยู่แล้วว่าติณณ์ต้องใจดี” ธาราระบายยิ้ม "คิดเสียว่ามันคือลูกอม แต่ฟันห้ามโดนนะ"

 

     มันแทนลูกอมได้เสียที่ไหน ถ้าให้เทียบเป็นลูกอม คุณคนนั้นคงเป็นลูกอมยักษ์

 

     ติณณ์พยายามจินตนาการตามว่าสิ่งๆนี้คือของหวาน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วโน้มใบหน้าลงไปเข้าหาท่อนเนื้อนั้น คนอ่อนประสบการณ์ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน ขั้นแรกของการทานลูกอมคงเป็นการเลียเพื่อชิมรส และน่าจะต้องทำอย่างนั้นเป็นอย่างแรกใช่ไหม?

 

     ปลายลิ้นอุ่นชื้นสัมผัสลงตรงส่วนปลายด้วยความไม่แน่ใจ แต่พอได้ยินเสียงทุ้มต่ำคำรามอยู่ในลำคอเขาก็เดาเอาเองว่าน่าจะมาถูกทาง เด็กน้อยเอาแต่เลียส่วนนั้นซ้ำๆอย่างช้าๆ สักพักก็นำพาความอุ่นชื้นไปตามแนวเส้นเลือด ลากขึ้นลากลงอย่างไม่รู้ประสา ทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนธาราคิดว่าเด็กน้อยควรจะได้รับบทที่ยากขึ้นอีกสักหน่อย

 

     "ติณณ์"

 

     "ครับ?"

 

     ผู้ใหญ่ประคองแก่นกายของตนไว้ด้วยมือ บดเบียนส่วนปลายเข้าไปที่ริมฝีปากบางๆนั่นจนกลีบปากแยกออกจากกัน กระทั่งฝ่าด่านฟันขาวๆไปยังโพรงปากอุ่นที่ห่อหุ้มตัวตนของเขาจนรู้สึกเสียวซ่าน

 

     "อื้อ!?"

 

     เด็กหนุ่มตกใจไม่น้อยที่อยู่ๆคุณคนนั้นก็บดเบียดเข้ามาในโพรงปาก เพียงแค่ส่วนหัวที่เข้ามาก็แทบจะไม่มีพื้นที่เหลือให้อะไรแล้ว เขาทำอะไรไม่ถูกนอกจากพยายามเก็บฟันตามที่อาธารสอน แต่ติณณ์ไม่กล้าขยับด้วยตัวเอง หัวสมองมันตื้อไปหมด ไม่คิดว่าวันนึงต้องมาลิ้มรสผิวเนื้อรสเฝื่อนแบบนี้มาก่อนเลย



     ธารามองริมฝีบางสีสวยที่ครอบครองตัวตนของเขาเอาไว้ มันค่อยๆเคลื่อนไหวไปตามเส้นเลือดอย่างเก้ๆกังๆ ดวงตากลมช้อนมองร่างสูงด้วยความไร้เดียงสา ติณณ์เพียงอยากรู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันถูกต้องหรือไม่ อาธารจะชอบหรือเปล่า และดูเหมือนว่าเขาจะมาถูกทาง เพราะอีกฝ่ายคำรามเสียงต่ำในลำคออย่างอดกลั้น แถมยังมีการลูบศีรษะราวกับว่าเขาเป็นแมวเชื่องๆ

 

     จะไม่ให้อดกลั้นได้อย่างไร ในเมื่อศูนย์รวมความรู้สึกมันอยู่ในโพรงปากเด็กน่ารักๆคนนี้

 

     เพียงแต่ด้วยความอ่อนประสบการณ์ จังหวะในการเล้าโลมช่างเฉื่อยช้า ขาดความมั่นใจ ไร้ซึ่งลีลา มีแต่ความซื่อตรงไปตรงมา และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ธาราไม่เลือกที่จะอ่อนโยนด้วยอีกต่อไป

 

     “อึก!?”

 

     เสียงอึกอักร้องออกมาด้วยความตกใจในลำคอ เมื่อคุณคนนั้นก็ถูกยัดเข้ามาในปากอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พื้นผิวขรุขระเสียดสีกับลิ้นน้อยและกระพุงแก้มเต็มไปหมด สักพักท่อนเนื้อนั้นก็ถูกชักออกไปจนเกือบจะหลุดออกจากริมฝีปาก จากนั้นก็ยัดเข้ามาใหม่ เคลื่อนไหวไปตามสะโพกสอบของอาธาร ความเร็วถูกเร่งขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกันกับลมหายใจของคนตัวสูงที่หอบหนักขึ้น และแน่นอนว่าติณณ์เริ่มหายใจไม่ถนัด

 

     เด็กน้อยขอเวลานอกโดยการพยายามถอนกลีบปากของตนออกจากคุณคนนั้นเพื่อพักเวลาหายใจ ธารามองแมวน้อยนำมือมาเช็ดน้ำลายที่เลอะบนริมฝีปาก พวงแก้มแดงก่ำ แววตาฉ่ำไปด้วยน้ำใสๆ อาการเหล่าทำเอาธาราทนได้ไม่นาน นิ้วสากเชยคางมนให้เงยขึ้นมา ไล้ส่วนปลายของตนไปตามแนวริมฝีปากบาง บดเบียดเข้าไปในโพรงอุ่นเพื่อบรรเลงจังหวะอีกครั้ง มันค่อยๆเร็วขึ้น เร็วขึ้น กระทั่งกระตุกเกร็ง ปลดปล่อยของเหลวสีขุ่นเต็มปากเล็กๆนั่น

 

     “แค่กๆ...ค....แค่ก”

 

     ติณณ์สำลักของเหลวที่ฉีดลงคอออกมาหน้าดำหน้าแดง ส่วนที่ไม่ได้ตั้งใจกลืนลงไปมันมีรสฝาดเฝื่อนแปลกๆจนต้องไอออกมาไม่หยุด ธาราเห็นแบบนั้นแล้วก็หยุดความคิดที่จะสอนให้เด็กนี่กลืนกินลงไป ควานหาทิชชู่มาเช็ดคราบขุ่นที่เลอะเต็มริมฝีปากบางให้สะอาด รวมไปถึงตามปลายคางที่มีน้ำบางส่วนไหลย้อยออกมาเลอะผิวขาวๆนั่น ชุดนักเรียนทีเคยเรียบเป็นระเบียบกลับยับยู่ยี่ไปหมด

 

     ดั่งผ้าขาวที่แปดเปื้อนไปด้วยมลทิน...

 

     "น่ารักที่สุด"

 

     "แค่ก...ติณณ์ขอไปบ้วนปากก่อนได้ไหม"

 

     "ได้เสมอ อาเห็นว่าเป็นครั้งแรก งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน..." เรียวนิ้วสากไล้ลำคอระหงตามความยาว "...แต่ครั้งต่อไป ติณณ์ต้องกลืนมันลงไปให้หมดนะครับ"


 

 

 

 

 

     เป็นเพราะอาธารนั่นแหละ ติณณ์เลยต้องออกมาข้างนอกพบปะกับประชาชน ทั้งๆที่บนลำคอขาวนั้นเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบช้ำ



     จะอะไรเสียอีก ก็ออกมาซื้อคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดรอยพวกนี้ยังไงล่ะ



     “ร้อนไหมติณณ์” ทั้งๆที่ในห้างก็ออกจะเย็น แต่ที่ธาราถามแบบนั้นเพราะเด็กหนุ่มกำลังใส่เสื้อคอเต่าเพื่อปิดรอย



     “ไม่ครับ” ติณณ์ตอบเพียงสั้นๆ แถมยังหลบสายตาตั้งแต่เหตุการณ์นั้น



     “ทำไมวันนี้พูดน้อยจัง”



     “หรอครับ”



     “โกรธหรอ เรื่องเมื่อคืนน่ะ”



     “ม…ไม่ใช่นะ” เด็กหนุ่มเริ่มหันไปมองหน้าอีกฝ่ายน้อยๆเมื่อถูกกล่าวหาว่าโกรธ



     “อ้อ โอเคเข้าใจแล้ว” ธาราทำหน้าโล่งใจพลางยิ้มกริ่ม



     “?”



     “ที่แท้ก็อายนี่เอง”



     “!!” คนตัวเล็กกว่าเบิกตากว้างเมื่อถูกจับได้ ยิ่งเห็นใบหน้าล้อเลียนนั่นก็ยิ่งเจ็บใจ ไม่รู้จะตอบโต้อะไรคนเจ้าเล่ห์ได้ ทำได้เพียงขบริมฝีปากพลางก้าวขาไวๆเชิงว่าไม่อยากคุยกับอาธารแล้ว!



     “ไม่เห็นต้องรีบเดินเลย” มือใหญ่ขว้าต้นแขนเล็กที่ไม่ได้อยู่ห่างไกลนัก เจ้าของร่างหันมาแยกเขี้ยวใส่ ดูยังไงก็แค่แมวขู่ “หวงตัวจังนะ”



     “ต่อไปนี้อาห้ามแตะผมหนึ่งสัปดาห์นะครับ!” ใช่ ติณณ์สู้ได้พูดขู่



     “ได้ยังไงกันล่ะเนี่ย อาผิดตรงไหน”



     “ทุกตรงเลย”



     “เอ พาลนี่นา”



     “ก็อาธาร—“



     “เอ่อ ใช่คุณธาราหรือเปล่าคะ”



     มีผู้หญิงคนหนึ่งมาหยุดสงครามย่อมๆระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่



     ผู้หญิงที่สวยมากด้วย



     เด็กหนุ่มแอบสำรวจบุคคลที่สามอย่างลับๆ คุณน้าคนนี้อายุดูไล่เลี่ยกับอาธาร ดูอ่อนกว่านิดนึง รูปร่างที่ดูก็รู้ว่าคงออกกำลังกายมามาก ทรวดทรงถึงได้เหมือนนาฬิกาทรายแบบนั้น แถมยังแต่งตัวดี หน้าตาก็ดี



     ใครกันนะ?



     “ใช่ครับ สวัสดีครับคุณแพรว”



     ติณณ์ยืนมองผู้ใหญ่สองคนคุยกัน คุณแพรวคนนั้นไม่ได้ปรายสายตามามองเขาด้วยซ้ำ คงจะคิดว่าเขาไม่ได้มากับอาธารล่ะมั้ง? เรียวขาถอยหลังมาก้าวหนึ่งโดยสัญชาตญาณ ราวกับรู้สึกผิดที่ต้องแอบฟังผู้ใหญ่คุยกัน เขาชักเริ่มไม่แน่ใจว่าใครคือบุคคลที่สามกันแน่



     คุณแพรวยิ้มสวยมาก สวยจริงๆ สวยจนติณณ์ยังต้องมองค้าง แล้วอาธารล่ะ จะชอบรอยยิ้มนั่นไหม ไม่สิ ชอบมากกว่ารอยยิ้มของเขาหรือเปล่านะ



     พอติณณ์หันหน้าไปมองอาธาร พบว่าอาธารยิ้มกว้างมากกว่า ยิ้มแบบคนใจดีที่สุดที่ติณณ์เคยพบ ยิ้มแบบที่ติณณ์ชอบตลอดมา



     ยิ้มแบบที่ติณณ์หวงด้วย



     หวงงั้นหรือ? เขาตกใจกับความรู้สึกตัวเอง เคยจินตนาการไว้ว่าหากมีคนมายุ่งกับอาธาร เขาคงร้องไห้ฟูมฟายอย่างคนอ่อนแอ คิดลบ คิดมาก ยอมถอยอย่างไม่คิดสู้ ไม่ใช่รู้สึกหวงแหน อยากเอาตัวไปขวางไม่ให้ใครมายุ่งกับอาธารแบบนี้



     “เย็นนี้คุณว่างไหมคะ? แพรวว่าจะชวนไปทานข้าวเย็นด้วยกัน”



     “ไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ พอดีวันนี้พาเด็กมาด้วย” ธารามองหาคนที่ว่า แล้ววางมือบนลงศีรษะน้อยๆนั่น “ขอโทษด้วยนะครับ”



     “ตายจริง แพรวต่างหากค่ะที่ต้องขอโทษ นึกว่าคุณมาคนเดียว” หล่อนทำสีหน้าตกใจ



     เขามันมีสถานะเป็นแก๊สหรือไง...



     “ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวก่อน”



     ชายหญิงแยกกันตรงนั้น ติณณ์หันหลังกลับโดยไม่คิดไปลามาไหว้อย่างที่มักจะทำ คุณแพรวคงเป็นคนแรกล่ะมั้งที่เขาเสียมารยาทด้วย ติณณ์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอยู่ๆมานิสัยไม่ดีอะไรตอนนี้



     “คุณแพรว ลูกค้ารายใหญ่ที่บริษัทน่ะ” ธาราแนะนำคุณแพรวย้อนหลัง



     “อ๋อ” ติณณ์พยักหน้า “สวยมากเลยนะครับ”



     “อือฮึ ก็จริง”



     คนขี้หวงไม่ได้แสดงอาการหึงหวงหรือน้อยใจอะไร เขายังคงตอบอาธารดีๆตามปกติ เพราะไม่มีเหตุผลเลยที่ต้องงี่เง่าใส่อีกฝ่าย เขานั่นแหละที่คิดมากเกินไป ก็แค่ลูกค้าคนนึงที่สวยมาก ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นนี่นา



     ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น…จริงๆหรอ



     พักนี้มีคนโทรหาอาธารบ่อยมาก คนๆนั้นก็คือคุณแพรวนั่นแหละ รู้ได้ยังไงน่ะหรอ ก็ทุกครั้งที่กดรับสาย อาธารมักจะพูดขึ้นต้นว่า ‘สวัสดีครับคุณแพรว’ แล้วก็ต่อด้วย ‘ขอโทษนะครับวันนี้ผมไม่สะดวก’ ไม่ก็ ‘ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลย ไว้โอกาสหน้านะครับ’



     “คุณแพรวจะจีบอาแน่ๆเลย โตแล้ว ดูออก” ธาราหันมาฟ้องติณณ์ที่มองมาทางเขาอยู่แล้ว “อุ่ย แอบนินทาลูกค้า เสียมารยาทเสียจริง”



     พออาธารพูดอย่างนั้น ติณณ์ก็โล่งใจที่อาธารไม่ได้ปิดบังอะไร อีกใจก็กังวล คุณแพรวทำงานกับอาธารบ่อยแค่ไหน คุยกันบ่อยแค่ไหน ยิ้มของคุณแพรวจะน่ามองกว่าเขาสักวันนึงหรือเปล่า แล้วอาธารล่ะยิ้มแบบนั้นให้คุณแพรวบ่อยแค่ไหน ทันทีที่เท้าติณณ์เหยียบเข้าโรงเรียน เขาก็ไม่รับรู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย



     ต้องทำให้อาธารหลงเขามากกว่านี้ จะได้มั่นใจว่าจะไม่หันไปมองคุณแพรว



     ติณณ์ทำตัวน่ารักใส่อาธารบ่อยแล้ว…มันต้องมากกว่านี้



     เขาอยากเป็นฝ่ายควบคุมผู้ใหญ่อย่างวันนั้น วันที่อารมณ์ของอาธารขึ้นอยู่กับริมฝีปากของเขาแต่เพียงผู้เดียว สีหน้าและเสียงครางต่ำๆที่ร้อนแรงนั่นทำให้ติณณ์รู้สึกดีใจ แต่คราวก่อนอาธารช่วยไว้เยอะอยู่ เขาอยากจะเก่งกว่านี้ อยากควบคุมคนเดียวมากกว่านี้ อยากทำให้อาธารคลั่งเพราะเขามากกว่านี้



     ทำยังไงดีน่ะหรือ?



     เริ่มจากใส่กางเกงขาสั้นนิดเดียว เผยเรียวขาขาวๆยาวๆที่เขามั่นใจว่าอาธารชอบมอง ใส่เสื้อตัวโคร่งที่คอเสื้อมันปิดไหปลาร้าสวยไม่มิด ดวงตากลมมองตัวเองในกระจกแล้วพบว่ามันยังยั่วยวนไม่มากพอ จึงดึงคอเสื้อไปอีกฝั่งจนเผยลาดไหล่มนขาวเนียน เขาตกใจพอควร ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนขี้หวงและอยากเอาชนะได้ถึงขนาดนี้



     ปกติเขาไม่เป็นแบบนี้นี่น่า อะไรถึงทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้



     ผิดที่อาธารนั่นแหละ ที่ทำให้ติณณ์รู้สึกรักและอยากรักษาใครสักได้มากขนาดนี้



     “อาธารครับ”



     “ว่าไงค...รั...บ”



     ธารานั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานอยู่ดีๆก็มีเด็กแต่งตัวยั่วยวนเดินมาหา ไม่สิ เรียกว่าปีนมานั่งตักจะดีกว่า



     เขาพูดไม่ผิดหรอก ติณณ์นั่นแหละ เด็กติณณ์คนนั้นนั่นแหละ ปีนขึ้นมานั่งบนตักเขา



     “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย—“ เสียงของธาราหายไปแล้ว เพราะถูกเด็กน้อยกลืนกิน



     ติณณ์ไม่ได้จุ๊บ แต่เป็นจูบ จูบแบบพยายามสอดสิ้นเข้าไปทักทายในโพรงปากของอีกฝ่าย ธารางุนงงกับการกระทำนั้น แต่พอถูกเหยื่อกระตุ้น ถูกยั่ว มีหรือนักล่าจะปล่อยให้ผ่านมือ พอตั้งสติได้เขาก็รุกกลับอย่างไม่ออมมือจนเด็กตกใจ มันผิดแผน ติณณ์ตั้งใจมายั่ว ตั้งใจมาเป็นฝ่ายควบคุม ไม่ใช่ฝ่ายถูกควบคุมจนเป็นเขาเองที่สติเตลิดแบบนี้ หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวเมื่อถูกลิ้นอุ่นรุกรานช่องปาก กวาดควานตามเพดานและเรียวลิ้นจนติณณ์เสียวซ่าน ไม่ใช่แบบนี้สิ ไม่เอาแบบนี้สิ!



     “อื้อ...อาธาร อื้อ! อึก...” พอสู้ไม่ไหว กรงเล็บน้อยๆก็เริ่มตะกุยเสื้อเชิ้ตขาวจนยับ



     แพ้



     แพ้ราบคาบ



     ติณณ์ก็แค่ลูกแมวตัวน้อยๆที่คิดว่าตัวเองเป็นเสือ จะเอาอะไรไปสู้กับราชสีห์ล่ะ



     เมื่อผู้ล่าดูดดื่มจนพอใจก็ยอมปล่อยเหยื่อผู้น่าสงสาร เด็กหนุ่มหอบแฮกๆหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะรีบลงจากร่างกายแกร่ง แล้ววิ่งหนีเข้าห้องนอนไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมดราวกับลมพัด ทำเอาธารางุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพริบตา



     อะไรของเขา



     ยั่วเอง ถอยเอง เอาอีกแล้ว ติณณ์มาแปลกอีกแล้ว



     แต่ดูท่าทางแบบนี้ไม่ควรจะเรียกว่าอ้อนอย่างที่เคยๆทำ ควรเรียกว่า ‘ยั่วเพศ’



     ทำไมน่ะหรือ หลังจากวันนั้นติณณ์ไม่หยุดแค่นั้นน่ะสิ แถมหนักกว่าเดิมด้วย เด็กนั่นยังคงแต่งตัวยั่วๆเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหยิบไอศกรีมจากตู้เย็นมาหนึ่งแท่ง จากนั้นก็นอนแหมะบนตักของธารา ริมฝีปากสีสดรับไอศกรีมทรงกระบอกเข้าไปอย่างช้าๆ บ้างก็เปลี่ยนเป็นไล้เลียจากโคนจรดปลาย รูดเข้าออกเพื่อรับรสชาติในบางครั้ง แล้วดูดน้ำแข็งที่ละลายจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ



     ไอ้เสียงนั่นแหละคือปัญหา



     ธาราพยายามไม่มองแล้วนะ กลัวว่าถ้าจู่โจมอย่างเมื่อวานกระต่ายน้อยจะตกใจจนกระโดดหนีเข้าโพรงไปอีก และใช่ เขาต้องเป็นฝ่ายอดทน อดทนอีกแล้ว แต่เสียงที่ชวนคิดอบายมุขนี่สิ...



     “แผล็บ...จ๊วบ...อ่าห์”



     ติณณ์ไม่ได้กัดไอศกรีมสักคำ แต่ใช้วิธีดูดและเลียจนกว่าจะหมดแท่ง ธาราแทบจะบ้าตายกว่าเด็กหนุ่มจะทานหมด ยิ่งจะบ้าตายเมื่อมองลงไปและพบว่า ไอศกรีมเจ้าปัญหานั่นมันละลายไหลหยดย้อยเลอะออกตรงขอบปากติณณ์ เขาจึงอาสาเอื้อมนิ้วไปเช็ดให้ อยู่ๆเรียวลิ้นเล็กๆสีสดก็แลบออกมาเบนไปหานิ้วแกร่ง ไล้เลียเล็กน้อยก่อนจะใช้ฟันขาวงับที่นิ้วนั่นเบาๆ ตบท้ายด้วยดวงตากลมๆที่ช้อนมองขึ้นมา...



     นี่มันอะไรกัน...



     ธาราอยากจะจับขย้ำให้เนื้อขาวชอกช้ำมันเสียตรงนั้น อยากปราบแมวน้อยที่นึกพยศ อยากควบคุมจนต้องอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา



     แต่ทำยังไงได้ล่ะ...เขาอยู่ในสถานะที่ทำอะไรไม่ได้นัก และติณณ์ก็ยังคงยั่วเขาทุกๆวัน ทุกวันๆราวกับเขาเป็นพระอิฐพระปูน



     แต่รู้อะไรไหม ติณณ์กำลังคิดผิดมหันต์ที่เล่นกับไฟ...



     ตัวเองเป็นแค่แมว ริมาสู้กับนักล่าอย่างเขาน่ะหรือ มันคงจะเร็วไปหน่อยล่ะมั้ง



     ผู้เป็นราชสีห์นั่งจิบแอลกอฮอล์บนโซฟากว้างพลางรอเด็กช่างยั่วอาบน้ำ เขาไม่ได้จะมอมเมาตัวเอง หากแต่ต้องการมอมเมาใครอีกคน รสจูบที่คละคลุ้งไปด้วยรสแอลกอฮอล์คงทำติณณ์หัวหมุนได้ไม่ยากนัก



     ริมฝีปากหยักรับบรั่นดีเข้าไปอีกอึก



     ติณณ์เริ่มก่อนเองนะ...ช่วยไม่ได้



     ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็ออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดเดิมๆ เขาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอาธารกำลังดื่มน้ำเมา แถมยังปลดกระดุมบนออกจนอวดแผงอกเล็กน้อยพอเซ็กซี่



     พอเซ็กซี่ที่แปลว่าเซ็กซี่มาก



     ติณณ์เคยบอกแล้วว่าอาธารน่ะ sex appeal สูงมาก และมันยิ่งมากเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นเรียวนิ้วกำลังลูบขอบปากแก้วช้าๆ ก่อนจะส่งน้ำเมาเข้าริมฝีปาก ใบหน้าหล่อคมถูกยกขึ้นเล็กน้อยจนเห็นลูกกระเดือกที่กำลังขยับเพราะกำลังกลืนกินของเหลว สักพักสายตาคมกริบก็ปรายตามองมาติณณ์ ทำเอาเจ้าตัวต้องสะดุ้ง



     แผนที่จะเข้าไปนั่งตัก...มันล่มไปหมด ติณณ์เขิน เขินมากจริงๆ เขินจนทำได้เพียงไปนั่งด้วยข้างๆ แล้วอุ้มเจ้าถุงเงินมาเล่นด้วยแก้เก้อ



     เอาอีกแล้ว จะมายั่วเขา แต่ทำไมถูกเขายั่วแทนล่ะ!



     ตุบ!



     เฮือก!!



     อยู่ๆผู้ใหญ่ก็วางแก้วลง แล้วหันมาวางแขนข้างๆลำตัวของติณณ์ราวกับกักขังอิสระภาพจนเจ้าแมวตกใจแล้ววิ่งหนีไป เหลือแต่เพียงแมวอีกตัวที่กำลังจะโดนล่า



     เด็กน้อยหันไปมองอาธารอย่างช้าๆ...แล้วพบกับสายตาที่แสนจะอันตราย สายตาอันวับวาว สายตาที่หยาดเยิ้มนั่นกำลังลอบสำรวจเขา เริ่มจากประสานสายตากันจนติณณ์สะท้านไปทั้งร่าง ไล่ลงมาที่จมูกรั้น ริมฝีปากสีสวยน่าขบกัด ลำคอขาวๆที่อีกฝ่ายตั้งใจจะอวดรวมถึงเรียวขาสวยๆนั่นด้วย ทั้งๆที่ติณณ์จงใจจะโชว์ แต่ทำไมพอถูกมองด้วยสายตาโลมเลียแบบนี้แล้วมัน...



     เหมือนดวงตาคมนั้นปลดกระดุมทีละเม็ด ค่อยๆถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นจนร่างกายเปลือยเปล่าอย่างไรอย่างนั้น



     “อาธาร ทะ...ทำอะไรครับ”



     ไม่มีคำตอบจากอีกฝ่าย มีเพียงรอยยิ้มที่จุดขึ้นตรงมุมปาก สายตาอันร้อนแรงยังคงมองเหยื่อไม่วาง



     ธาราแค่อยากจะเอาคืนนิดหน่อยๆ



     ที่ผ่านมา ติณณ์ชอบยั่วตลอด ทั้งตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่เขาต้องเป็นฝ่ายอดทนอดกลั้นมาตลอด เพราะเด็กน้อยไม่ยอมให้สัมผัส



     คราวนี้ติณณ์นั่นแหละต้องเป็นฝ่ายคลั่งเสียบ้าง...



     นิ้วสากแตะลงบนแก้มนุ่ม ไล้วนไปวนมาจนเกิดเลือดฝาดสีน่ารัก ลากลงมาที่ริมฝีปากนุ่มแล้วลูบเบาๆ ลูกกระเดือกสวยก็ยังถูกสัมผัสด้วยนิ้วโป้ง มืออีกข้างจัดการลูบต้นขานวลเนียนไปมา สอดลึกเข้าไปกางเกงขาสั้น ลูบไล้ตรงผิวลื่นๆระหว่างขา อีกมือหนึ่งไม่น้อยหน้า เกี่ยวคอเสื้อให้ลึกลงมา ลึกเสียจนปิดเม็ดทับทิมสีสวยไม่มิด เสียงร้องน่ารักถูกเปล่งออกมา ยามที่สัมผัสร้อนแรงนั่นเล่นงานที่ยอดอกสีชมพู



     “หึๆ” ธาราหัวเราะในลำคอ พลางแลบเลียริมฝีปากแห้งผาก “น่ากินไปทั้งตัวเลยเนอะ...”



     อาธารตอนนี้ไม่ใช่หมีใจดีอย่างที่ติณณ์รู้จักแล้ว แต่เป็นสิงโตที่ดุร้ายและหิวกระหายต่างหาก



     สัมผัสของอาธารทำให้ติณณ์แทบบ้า...บ้าจนจะตายอยู่แล้ว



     “อื้ม...อึก...อื้อ”



     ริมฝีปากสีสวยถูกประกบด้วยริมฝีปากอุ่น มือใหญ่จัดการบีบปากเล็กนั่นเบาๆเพื่อให้เผยอออก ง่ายต่อการส่งลิ้นเข้าไปชอนไช ป้อนน้ำลายที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบรั่นดีที่หอมหวาน ลิ้นที่ป้อนถึงลิ้นทำให้เด็กหนุ่มมัวเมาในกลิ่น รส และสัมผัสที่ยั่วยุ ทำเอาเขากลืนน้ำลายลงไปไม่ทัน จนน้ำสีใสไหลย้อยลงมาจากขอบปาก ธาราถอนจูบออกมาเพื่อไล้เลียน้ำลายหวานที่ไหลจนถึงปลายคาง แลบเลียของเหลวนั้นกลับไปที่เรียวปากอิ่ม แล้วทำการมอมจูบอีกครั้ง



     “อื้อ!” ติณณ์ร้องออกมาเมื่อสัมผัสอุ่นชื้นประทับลงบนลำคอระหง ลิ้นร้อนนั่นลากลงจากคอขาว ไปยังกระดูกไหปลาร้า และมาจบลงที่เม็ดทับทิมสีน่ากิน และธาราก็กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย เรียวลิ้นไล้วนรอบฐานอย่างช้าๆ หยอกล้อกับส่วนยอดจนชูชนพร้อมให้ลิ้มรส เจ้าของร่างกรีดร้องยามที่ริมฝีปากอุ่นกำลังดูดดุนยอดอกอย่างหิวกระหาย ทั้งดูดดึง ขบกัด แลบเลีย จนจากเม็ดทับทิมสีชมพูกลายเป็นสีแดงก่ำ ส่วนอีกเม็ดหนึ่งก็ถูกนิ้วมือบดคลึงอย่างไม่น้อยหน้า เมื่อรังแกยอดอกน้อยๆนี่จนพอใจก็เปลี่ยนไปลูบไล้เอวคอดแทน



     หัวใจเด็กน้อยเต้นแรงมาก มากจนกลัวว่าหัวใจจะวาย แต่มันคงจะวายอีกในไม่ช้า เพราะอาธารกำลังเคลื่อนมือมาที่เป้ากางเกง จากนั้นก็...สัมผัสเบาๆ เพียงแค่นั้นติณณ์ก็เกร็งตัว ธาราลูบขึ้นลงอย่างช้าๆให้เด็กเสียวซ่านเล่นๆ ก่อนที่จะขยำอย่างเต็มไม้เต็มมือ



     “อ๊า! อ...อย่าจับตรงนั้น...ม....มัน...อ๊ะ!” ติณณ์สติกระเจิงทันทีที่ถูกปลุกปั่นอารมณ์ มือแกร่งเอาแต่นวดและขยำส่วนรวมของความรู้สึกไปมา จนส่วนนั้นเริ่มแข็งสู้มือ อย่างที่เจ้าของร่างยกมือขึ้นมาปิดหน้าด้วยความอาย “ปล่อยติณณ์นะ ต...ติณณ์จะไปเข้าห...ห้องน้ำ อึก! อื้อ...”



     “ไปเข้าห้องทำไม?”



     “จะไปเอาออก...อื้ม...ฮ่า...”



     “เอาออกตรงนี้เลย ห้ามไปไหนทั้งนั้น”



     “อาธาร...”



     “คราวนี้อาไม่ใจดีให้หรอกนะ”



     เขาอยากจะดีดดิ้นสู้ต่ออีกนิดนะ แต่ร่างกายเขาควบคุมไม่ได้ เพราะอาธารควบคุมร่างกายเขาอยู่ ทั้งส่วนบนและส่วนล่างเลย



     ก็เลยต้องจำใจเคลื่อนมือลงต่ำ เตรียมจัดการกับเจ้าลูกชายตัวเอง



     หมับ!



     กริ้ก!




     “อาธาร!?” ติณณ์ร้องชื่ออีกฝ่ายด้วยความตกใจ



     จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร ก็ร่างสูงจัดรวบข้อมือเล็กแล้วจับใส่กุญแจมือที่เอามาตอนไหนก็ไม่ทราบ ทำเอาคนใต้ร่างงุนงง



     “อะไรกันครับ!?” ติณณ์โวยวาย



     “ให้ทำตรงนี้ แต่ไม่ได้บอกให้ติณณ์ทำเองนี่นา” ธารายิ้มร้าย



     “แล้วจะให้ทำยังไง ฮื่อ ติณณ์ม...ไม่ไหวแล้วนะ อื้อ อย่าขยำ...”



     “ให้อาทำให้ไง”



     “ไม่...ไม่มีทาง อึก...”



     “ลองดูแล้วกัน”



     มืออันช่ำชองบดคลึงส่วนนั้นอย่างไม่ออมมือนัก ผู้ชายด้วยกัน รู้ว่าทำอย่างไรถึงจะรู้สึกดี หลักฐานอยู่ที่ใบหน้าของติณณ์ ดวงตากลมฉ่ำไปด้วยน้ำตาใสๆเพราะทรมาณ ร่างกายบิดไปมาด้วยแรงอารมณ์ เสียงครางน่ารักนั่นยืนยันได้อย่างดีว่าเด็กน้อยกำลังจะขาดใจ



     “แฮก...อ๊า...”



     “ยอมหรือยัง”



     “ย...ยัง...ฮ๊า! อย่าบีบตรงน...นั้น อ๊ะ!”



     “ยอมหรือยัง”



     “อึก...อื้อ”



     “ยอมหรือยัง”



     “ย...ยอมแล้วค...ครับ”



     “เด็กดี”



     ธาราหยุดสัมผัสทุกส่วนของร่างเล็ก เปลี่ยนมาเป็นมองดูเด็กบิดเร้าๆแทน ราวกับเทพธิดากำลังร่ายรำ...สวยงามและยั่วยวน



     ใช่ ธาราทำแค่มอง มองดูเฉยๆ



     “ไหนบอกจะช่วยติณณ์ไงครับ”



     “...”



     “อาธาร...”



     “ขอร้องอาก่อนสิ”



     “ขอร้องน่ารักๆ...แล้วอาจะช่วย”



     “!?”



     “ไม่งั้นอาก็จะมอง...มองอยู่แบบนี้แหละ”



     “...”



     “...”



     “...”



     “...”



     “อาธารครับ ช่วยติณณ์หน่อยนะครับ”



     “...”



     “ติณณ์ไม่ไหวแล้ว นะครับ...” ติณณ์ทำเสียงออดอ้อน “...พ่อธาร”



     “...!”



     “พ่อ พ่อธาร พ่อธารช่วยติณณ์ด้วยนะ— อื้อ!”



     พอได้ยินคำว่าพ่อธาร ความอดทนมันก็หมดลง...



     มือสากถอดกางเกงตัวจิ๋วออกทั้งชั้นนอกและชั้นในจนเผยส่วนน่ารักนั่น เขาจัดการกำรอบผิวเนื้อ รูดรั้งจังหวะหนักๆจนเด็กน้อยกรีดร้องไม่เป็นภาษา นิ้วโป้งไล้วนส่วนปลายที่ฉ่ำน้ำ ผ่อนจังหวะให้ร่างบางเสียวเล่นๆ ก่อนจะเร่งจังหวะจนติณณ์คลั่งอีกครั้ง สะโพกสวยเด้งตามจังหวะตามสัญชาตญาณ มือหนาทำหน้าที่ด้วยความเร็วจนใกล้ถึงจุดสุดยอด จากนั้นก็หยุดการกระทำแล้วเปลี่ยนมาใช้...ปาก



     “อะ...อ๊า!! อ...อาธา...ร อ๊ะ!!”



     เทคนิคที่อาธารใช้...ไม่เหมือนเขา



     เขาไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่มันต่าง ด้วยประสบการณ์ที่อีกฝ่ายมีมากกว่า เพียงแค่ใช้ปากได้ไม่นานนัก อารมณ์ทั้งหมดก็ถูกปล่อยออกมา และแน่นอนว่าธารากลืนกินมันลงไปจนหมด



     “แฮก...แฮก...”



     ร่างบางนอนหอบแฮกๆบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้เขาจะมาควบคุมอาธารไม่ใช่หรือ แต่ทำไมถึง...



     “เป็นไงล่ะตัวแสบ”



     “แฮก...”



     “วันหลังถ้ายังไม่พร้อม อย่ามายั่วกันอีกล่ะ จะหาว่าไม่เตือน”



     “อ...อารู้?”



     “รู้อยู่แล้วว่าจงใจยั่วกัน” เขาก้มลงไปจูบหนักๆด้วยความมันเขี้ยว



     “อ๋า...”



     “ถ้ามีครั้งหน้าแล้วอาทนไม่ไหว...” นิ้วสากเคลื่อนไปด้านหลัง บดคลึงเบาๆที่รูจีบเล็กๆ “...อาจะเอาจริงแล้วนะครับ”









talk. กลับมาแล้วงับบบ หลังจากหายไปนานมาก มากๆ หายไปตัดโมมาค่ะ อุแง้ ขอบคุณทุกๆเลยนะคะที่รอ ไม่รู้จะพูดไรเรย เอาเป็นว่าขอให้เอ็นจอยกับบทนี้นะคะ อ้อ ฉากคัทมีในรีดอะไรท์กับเล้าเป็ดนะงับบบบ

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-12-2019 21:49:54
กลับมาแล้ว...ดีใจมาก รอตอนอาธารทนไม่ไหวใจจะขาด..ดดดดดดดด    :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 28-12-2019 23:05:40
 :jul1: เด็กมันร้ายแต่ผู้ใหญ่ร้ายกว่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 28-12-2019 23:06:19
 :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 29-12-2019 07:17:04
 :mew1: แอร๊ี
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-12-2019 12:45:11
เลือดสาดกันเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 29-12-2019 19:10:04
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 29-12-2019 21:23:14
ยินดีต้อนรับกลับมากับความโซแดมฮอตของอาธารค่ะ แง้ นุ้งติณเผ็ชมากค่ะ55555555 เรื่องนี้ร้อนแรงแบบระวังหลังมากเลยค่ะ รออ่านต่อค่าาา
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-12-2019 03:07:22
 :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 30-12-2019 09:07:45
เหมียวน้อยลูกรังแก :hao7:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 30-12-2019 09:34:30
นานมากกกก~
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: thanza1970 ที่ 01-01-2020 12:51:49
อ่าาาาาาาาสสสส
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
เริ่มหัวข้อโดย: BitterCucumber ที่ 01-02-2020 17:36:59
อว่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: