► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)  (อ่าน 40315 ครั้ง)

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
ลุงจะกินเด็กแล้ว หนีไปปป~

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ้โหห!!!!!! ฉากที่เอานิ้วลูบปากน้องแล้วทำอะไรต่อมิอะไรนั้นมันพอร์นมาก! ถึงจะไม่ได้จูบแต่มันทำให้เรารู้ว่าอาธารนั้นกำลังอดทนอดกลั้นมากแค่ไหน กรี๊ดดดดดดดด เขินมาก พอร์นเกินไปค่ะ ไม่ได้หวังฉากอาธารล่วงเกินน้องเลยนะคะ แต่ตั้งตาคอยทุกวันค่า มันต้องฮอตปรอทแตกแน่เลน แงๆๆๆๆๆๆ :hao6:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อะโหคนนั้นก็จีบ คนนี้ก็อยากได้ อาธารต้องสู้แล้วค่ะอย่ามัวชักช้า

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 14
   


     ติณณ์ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆเขาถึงมายืนในบ้านของตัวเองได้ บ้านที่เป็นบ้านจริงๆ ไม่ใช่คอนโดของอาธาร



     ทุกอย่างภายในบ้านหลังนี้ยังคงเหมือนเดิมทุกๆอย่าง หากแต่ทัศนียภาพกลับไม่ชัดเจน เหมือนใส่ฟิลเตอร์ฟุ้งๆในแอพแต่งภาพ เหมือนกับในความฝัน นั่นสินะ หรือนี่คือความฝันจริงๆ



     ที่นี่ไม่มีใครเลยนอกจากตัวเอง ไม่มีอาธาร ไม่มีถุงเงิน ไม่มีโต้ และไม่มีแม่ แม้ขนาดในความฝันยังโดดเดี่ยวหรือนี่ ทำไมชีวิตมันช่างน่าสมเพชเสียจริง



     "ติณณ์ลูก"



     ยังไม่ทันได้เพ้อพรรณนาความน่าสมเพชของตัวเองไปมากกว่านี้ อยู่ๆก็มีใครบางคนเรียกชื่อของเขาด้วยโทนเสียงน่าฟังที่ไม่ได้ยินมานานแสนนาน โทนเสียงที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็อบอุ่น โทนเสียงที่ได้ยินเมื่อไหร่ก็รู้สึกปลอดภัย แต่ ณ เวลานี้ มันกลายเป็นโทนเสียงที่ได้ยินแล้วน้ำตามันเอ่อล้นขึ้นมา



     เจ้าของชื่อหันไปทางต้นตอเสียงนั้น คนที่บังอาจเอ่ยชื่อเขาเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ผมยาวสลวยสีดำขลับ ดวงตาสีนิลที่ใครต่อใครต่างบอกว่าเหมือนกับติณณ์ รอยยิ้มที่สว่างไสวเหมือนกับแดดที่อบอุ่น รอยยิ้มที่เขาเฝ้าคิดถึงอยู่ทุกๆคืนวัน



     "แม่..."



     ใช่ เธอคือมาลิน มารดาผู้ให้กำเนิดเด็กติณณ์คนนี้



     ร่างบางตัวชาไปทั้งร่าง ตั้งแต่ศีรษะจรดไปถึงปลายเท้า สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวบนร่างกายคงเป็นน้ำตาที่ตกไปตามแรงโน้มถ่วง ติณณ์พูดอะไรไม่ออกสักคำนอกจากร้องไห้ คนเดียวที่เขารักอยู่ตรงหน้าเขา คนที่เขาคิดว่าคงจากไปอย่างไม่มีวันกลับกำลังยืนยิ้มอยู่ตรงหน้าเขา



     มือเรียวยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่เป็นเหตุทำให้ทัศนียภาพพร่ามัวกว่าความจริง พอกะพริบตาขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองกำลังถูกแม่กอด



     "ขี้แงเหมือนเดิมเลยนะ" มาลินว่าเสียงอ่อนโยน



     "ม...แม่กลับมาแล้ว กลับมาแล้วใช่ไหม" มาลินไม่ตอบ เพียงแต่ส่งยิ้มพลางเช็ดน้ำตาของลูกหัวแก้วหัวแหวนของเธอเอง



     "อยู่กับอาธารเป็นยังไงบ้างลูก"



     "ติณณ์คิดถึงแม่"



     เธอหัวเราะกับบทสนทนาที่ไม่มีใครยอมตอบใคร ลูกน้อยของเธอเอาแต่พูดซ้ำไปซ้ำมาว่าคิดถึงแม่ อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน มาลินลูบศีรษะคนในอ้อมกอดเพื่อปลอบประโลม เธอกลับไปอยู่กับลูกไม่ได้จึงไม่สามารถตอบคำถามที่ว่า แม่กลับมาหาติณณ์แล้วใช่ไหม



     ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ติณณ์อยู่ในสายตาเธอมาตลอด หัวอกคนเป็นแม่เจ็บหัวใจเหมือนจะตายอีกรอบเวลาเห็นลูกรักร้องไห้ทุกๆคืน สุขภาพทรุดโทรม สภาพจิตใจย่ำแย่ มาลินนึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถโอบกอดร่างนั้นได้ และไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากมองลูกรักเจ็บปวด



     จนกระทั่งธารเข้ามาในชีวิตติณณ์



     ดั่งสวรรค์มาโปรด เพื่อนของเธอยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือติณณ์อย่างมหาศาลจนไม่รู้ว่าควรจะตอบแทนอย่างไรในภพภูมิหน้า ธารเข้ามาดูแลทั้งเรื่องร่างกายและจิตใจ อีกทั้งยังปกป้องจากอันตรายใดๆ ธารทำให้ติณณ์กลับมามีรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง



     มาลินรู้ รู้ว่าเพื่อนของเธอคิดอะไรเกินเลยกับลูกคนนี้ ธารเป็นเพื่อนกับเธอมาตั้งหลายปีทำไมถึงจะไม่รู้ถึงความหมายของสายตาและการกระทำนั้น เวลาเห็นติณณ์ถูกแตะต้องเธออยากจะเข้าไปตีมือนั้นสักทีนึง แต่ก็ต้องอนุโลมไป เพราะเธอเห็นความพยายามยับยั้งชั่งใจของธาร และเชื่อใจว่าธารจะไม่ทำอะไรหากติณณ์ไม่เต็มใจ



     ซึ่งลูกของเธอทั้งคน ทำไมจะไม่รู้ว่าติณณ์ก็มีใจให้ เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกเท่านั้น



     ถ้าถามว่ารับได้ไหมน่ะหรือ กับสถานการณ์แบบนี้ ในทีแรกก็เป็นห่วงอะไรหลายๆอย่าง แต่สุดท้ายแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าผู้ชายคนนี้ทำให้เห็นแล้วว่าสามารถปกป้อง ดูแล ให้ความรัก และทำให้ลูกรักของเธอมีความสุขมากกว่าคนเป็นพ่อแท้ๆเสียอีก



     เพียงแค่นั้นก็นับว่าเพียงพอมากแล้วจริงๆ



     "อยู่กับเขา ทำตัวเป็นเด็กดีนะลูก" เธอจุมพิศกระหม่อมบาง "แม่รักติณณ์นะ รักมากๆด้วย"



     "ฮึก ติณณ์ก็รัก"



     "ครับผม แม่รู้ แต่แม่ต้องไปแล้วนะ"



     "ไปไหนครับ!? แม่จะไปไหน??"



     "ไปที่ของแม่จ้ะ"



     "ไม่เอา ติณณ์ไม่ให้ไป อยู่กับติณณ์นะ นะ"



     คำอ้อนวอนไม่ได้ทำให้แม่ของเขาอยู่ด้วยตามปรารถนา แต่กลับผละตัวออกอย่างไม่เต็มใจก่อนจะเดินไปที่ประตูบ้าน พอเปิดมันออกแทนที่จะเป็นวิวของรั้วหน้าบ้าน กลับเป็นแสงสว่างๆพุ่งทะลุเข้ามาข้างในห้อง มาลินหันมายิ้มให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็เดินหายไปในแสงนั้น



     "แม่! ฮึก... แม่ไปไหน"



     คนน่าสงสารทิ้งตัวลงอย่างหมดแรง ร้องไห้ฟูมฟายจนแทบหายใจไม่ออก แต่แล้วก็มีสองแขนปริศนาเข้ามาโอบกอดร่างกายนี้จากด้านหลัง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั้งตัวแม้ว่านี่เป็นเพียงฝัน เป็นความอบอุ่นอีกแบบนึงที่ติณณ์คุ้นเคยดีนอกจากแม่



     "ติณณ์...ติณณ์"



     หากแต่ใครคนนั้นไม่ได้ปลอบยามที่เขาร้องไห้จะเป็นจะตาย กลับเป็นการเรียกชื่อเหมือนเรียกสติ ชื่อของติณณ์ถูกเรียกซ้ำไปซ้ำมา และดังขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเด็กหนุ่มตื่นขึ้นจากฝันร้าย



     "ติณณ์! ร้องไห้ทำไม" เป็นอาธารจริงๆด้วยที่ปลุกเขา "ฝันร้ายหรอ?"



     ติณณ์พบว่าสภาพตัวเองตอนนี้ไม่ได้ต่างจากในฝันแม้แต่นิดเดียว รวมทั้งความรู้สึก



     ที่ผ่านมาเขาพยายามไม่คิดเรื่องแม่เพราะไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว แต่พอวันนี้แค่ฝันไม่กี่นาทีกลับทำเขากลับมาอ่อนแอเหมือนเป็นบ้าไปเลย



     ธาราเปิดโคมไฟที่หัวเตียงไล่ความมืดอันน่าหดหู่ คำถามที่เขาถามไปสักครู่ถูกตอบมาในรูปแบบของการพยักหน้าทั้งน้ำตา แม้จะอยากรู้เพียงใดว่าฝันแบบไหนบังอาจมาทำให้คนของเขาเสียน้ำตาได้ แต่หากถามในเวลานี้คงจะไม่สมควรเท่าไหร่



     เสียงสะอื้นไห้เป็นเสียงเดียวที่คอยบรรเลงค่ำคืนนี้ พร้อมกับสัมผัสที่เปียกชื้นจากน้ำตาและความสั่นระริกราวลูกนกแรกเกิดตรงบริเวณแผ่นอกธารา เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดร่างนี้แน่นๆ ลูบศีรษะเบาๆอย่างไม่รู้จักเมื่อย ปลอบว่าอาอยู่ตรงนี้นะ ไม่เป็นอะไรแล้ว มันจบลงไปแล้ว ซ้ำไปซ้ำมา



     เจ็บ



     ธาราไม่เข้าใจว่าทำไมถึงรู้สึกเจ็บขนาดนี้เวลาเห็นติณณ์เสียใจ



     ติณณ์ร้องไห้นานมาก นานเสียจนข้างนอกหน้าต่างเริ่มมีแสงสว่าง ในขณะเดียวกันเสียงสะอื้นก็แผ่วเบาลง กลายเป็นความเงียบงันที่ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา



     "ผมฝันว่าแม่มาหา" ติณณ์เป็นฝ่ายพูดก่อน ด้วยสติสัมปัชชัญญะที่ไม่เต็มร้อย สภาพจิตยังไม่แข็งแรงดี "แล้วแม่ก็จากไปอีกแล้ว"



     "..." ธาราทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี



     "รู้ไหมว่าผมคิดถึงแม่ทุกวันเลย...ร้องไห้ทุกคืนด้วย" เขาเผยความจริงบางสิ่งที่พยายามปกปิดไว้ แต่เวลานี้มันอ่อนแอจนแทบทนไม่ไหว อยากจะระบายมันออกมาบ้าง และเขาไว้ใจถ้าคนฟังเป็นอาธาร "มันทรมาณนะ หลับตาลงทีไรก็มีแต่เรื่องไม่ดีเข้ามาในหัวเต็มเลย เหนื่อยนะที่ต้องร้องไห้ทุกๆคืน ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้หรอก แต่มันห้ามไม่ได้เลย"



     ธาราเพิ่งรู้ข้อเท็จจริง



     ถ้าอย่างนั้น สาเหตุที่เมื่อก่อนติณณ์ใต้ตาคล้ำและบวม คงเพราะแบบนี้ใช่ไหม



     "ถ้าผมมีพ่อ อะไรๆมันจะดีกว่านี้ไหม" เขาถามแบบไม่คาดหวังคำตอบ "อย่างน้อยก็เหลือคนในชีวิตให้พักพิงคนนึง คนเดียวก็ได้...ไม่ใช่อ้างว้างแบบนี้"



     "ตอนนี้ติณณ์ไม่ได้อยู่คนเดียวนะ มีอาทั้งคน แล้วก็มีเพื่อนที่โรงเรียนด้วยไง"



     มีอาธารทั้งคน ติณณ์พอเข้าใจ



     แต่ที่บอกว่ามีเพื่อนน่ะ ของแบบนั้นไม่มีหรอก



     "ไม่มีเพื่อนหรอกครับ หมายถึงเพื่อนที่สนิทใจกัน หรือเพื่อนที่อยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ"



     "ทำไมล่ะ?"



     "ไม่รู้สิครับ เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ผมควรจะชินใช่ไหม แต่ผม...ผมไม่กล้าเข้าหาคนอื่นๆเท่าไหร่"



     "..." ธารารับฟัง



     "คงเป็นเพราะตอนอนุบาลผมเหงามากเกินไป เลยเข้าหาคนอื่นมากๆจนเขารำคาญ เขาบอกว่าผมพยายามทำตัวเด่น แล้วอยู่ๆก็ไม่มีใครพูดด้วย ไม่มีใครเล่นด้วย ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลยทำได้แค่ขอโทษ ทำได้แค่ง้อคนอื่น แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เหมือนเป็นอากาศที่แหกปากร้องอยู่คนเดียว"



     "..."



     "ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่กล้าพูดเยอะๆแบบนั้นอีกเลย พอโตขึ้นมาหน่อยก็อยากจะกลับไปพูดคุยกับคนอื่นเยอะๆแบบนั้นอีก แต่ไม่รู้ทำไมยังขาดความมั่นใจอยู่ ก่อนพูดทุกครั้งต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะพูดอะไรออกไปให้อีกฝ่ายสนิทกับเรา มันฝืนผมรู้ คนอื่นก็รู้ เขาบอกว่าให้ผมเป็นตัวของตัวเอง ตัวตนของผมกลายเป็นคนคุยไม่เก่งไปแล้ว พอผมเป็นตัวของตัวเองเขากลับบอกว่าผม...น่าเบื่อ เข้าไม่ถึง อยู่ด้วยแล้วอึดอัดแปลกๆ"



     "..."



     "งี่เง่าจัง แค่ความทรงจำแย่ๆนิดเดียวตอนเด็กทำไมต้องเอามาฝังใจขนาดนี้ แต่ตอนนั้นมาแย่มากเลยนะครับ...ผมไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เข้าใจ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมถึงยังยึดติดกับเรื่องเล็กๆแค่นั้น อ่อนแอกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง" ติณณ์ถอนหายใจ "ผมพูดอะไรก็ไม่รู้ใช่ไหม มันคงงี่เง่าเหลือเกินในสายตาผู้ใหญ่ ฟังแล้วลืมๆมันไปนะครับ"



     "อาไม่ได้คิดว่ามันงี่เง่าเลย"



     "!?"



     "คนเรามีจุดอ่อนไม่เหมือนกัน เรื่องเล็กสำหรับบางคนอาจเป็นเรื่องใหญ่มากๆสำหรับบางคน อีกอย่างนึงคือถ้ามันทำให้ติณณ์เป็นถึงขนาดนี้ อาว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ" ธาราอธิบาย "แต่อาขอถามได้ไหม ว่าทำไมติณณ์ถึงพูดเยอะกับอาล่ะ?"



     "เพราะอาธารใจดี"



     "..."



     "ตอนแรกผมก็ไม่กล้าคุยกับอาธารหรอกครับ กลัวว่าพูดไปแล้วอาธารจะอึดอัดและเบื่อผมเหมือนคนอื่นๆ แต่อาธารใจดี ผมอธิบายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าอยู่กับอาธารแล้วมีค่า แล้วอาก็บอกว่าชอบให้ผมพูด ผมเลยอยากพูดด้วย" ติณณ์ว่า "...แต่คนอื่นไม่เป็นแบบนั้นกับผมหรอก ไม่มีใครพยายามเข้าหาผมแบบอาธาร ไม่มีใครทนความน่าเบื่อของผมได้"



     "พื้นฐานของติณณ์ไม่ใช่คนน่าเบื่อ รู้ไหม อาอยู่ด้วยมาตั้งนานแล้วไม่เห็นน่าเบื่อเลย ความเงียบไม่ได้ทำให้อึดอัดเสมอไปนะ สำหรับอาที่เจอความวุ่นวายจากที่ทำงานทุกวัน พอกลับบ้านมาเจอความสงบของติณณ์ มันกลับทำให้อาสบายใจและหายเหนื่อยนะ"



     "...จริงหรอครับ" ติณณ์ไม่เคยถูกใครพูดแบบนี้เลย



     "จริงสิ แท้จริงแล้วติณณ์เป็นคนน่ารัก เพราะติณณ์มีมารยาท ติณณ์รู้จักเป็นห่วงคนอื่น เป็นเด็กดี เป็นเด็กขยันใฝ่รู้ แล้วก็มีอีกหลายๆอย่างที่อามองว่ามันน่ารัก แต่ติณณ์แค่ไม่รู้ตัว"



     "..."



     "ส่วนเรื่องเข้าสังคม อย่าคิดว่าคนทั้งโลกจะเข้ากับเราไม่ได้สิ สังคมที่ติณณ์เจอมันก็แค่กลุ่มคนในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนไม่ใช่โลกทั้งใบ เราอาจจะยังไม่เจอคนที่ไลฟ์สไตล์เข้ากับเราจนทำให้เราสบายใจที่จะอยู่ด้วย แต่ก็อย่ารอให้สังคมเข้าหาเราฝ่ายเดียว แต่เราต้องเข้าสังคมด้วย เข้าใจไหม"



     "แต่ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไง..."



     "คิดซะว่าคนๆนั้นเป็นอาสิ อย่าไปกังวลว่าพูดแบบนี้เขาจะเบื่อไหม เขาจะอึดอัดไหม ถ้าไม่พูดเลยเราจะไม่มีวันรู้ ถ้าการเริ่มต้นใหม่กับสังคมเดิมมันยากเกินไป ก็ลองเริ่มต้นกับสังคมมหาลัยก็ได้นะ อีกไม่นานจะจบแล้วใช่ไหม"



     "ครับ"



     "อื้ม ลองเริ่มต้นใหม่กับสังคมใหม่ ลองกับสังคมเดิมด้วยก็ได้ อารู้ว่ามันยากสำหรับติณณ์ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถ้ารู้สึกไม่สบายใจที่โรงเรียนก็โทรหาอาตอนพักกลางวันได้ทุกวันเลยนะ รู้ไหม"



     "..."



     "หืม? ติณณ์? เข้าใจที่อาพูดไหม"



     "ทำไมอาธารถึงไม่เป็นพ่อผมนะ"



     ธาราชะงักกับคำถามนั้น



     "ถ้าได้อาธารเป็นพ่อผมต้องมีความสุขแน่ๆเลย" ติณณ์นำใบหน้าพิงบนบ่าพลางช้อนตามองอีกฝ่าย



     "เป็นอาเฉยๆติณณ์ก็มีความสุขได้เหมือนกันนะ"



     "แต่ถ้าเป็นพ่อผมตั้งแต่เด็กๆ ผมก็จะมีความสุขกว่านี้ไง อีกอย่างนึง ความสัมพันธ์ทางสายเลือดมันตัดยากใช่ไหม ถ้าแบบนั้นอาคงจะอยู่กับผมไปนานๆ ไม่ทิ้งผมไปไหน"



     "ไม่จำเป็นต้องเป็นพ่อ อาก็ไม่ทิ้งติณณ์ไปไหนนะ"



     ติณณ์รู้สึกตัวเองกำลังอันตราย



     เขากำลังจะรักอาธาร



     เขาไม่กล้ารัก ไม่กล้ายึดติด กลัวว่าจะผิดหวังซ้ำๆเหมือนในอดีต ตอนนั้นที่กล้ารักอาภพเป็นเพราะเขาดันไปเชื่อว่าอีกฝ่ายก็รักเขา อย่างที่พูดออกมาจากปาก ติณณ์เลยรู้สึกไม่กังวลถ้าตัวเองได้รักกับคนที่รักตัวเองอยู่แล้ว



     แต่กับอาธาร ติณณ์ไม่รู้ว่าอาธารรักติณณ์แบบนั้นไหม



     มันกลัวจะผิดหวัง กลัวว่าอาธารจะเป็นโลกทั้งใบของเขาอยู่ฝ่ายเดียว กลัวว่าจะสนิทกับอาธารที่สุดในชีวิตอยู่ฝ่ายเดียว กลัวว่าความรู้สึกทั้งสองฝ่ายจะไม่เท่ากัน กลัวว่าเขาจะขาดอาธารไม่ได้ แต่อาธารขาดเขาได้ กลัวว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องมาเจ็บซ้ำๆ



     คราวนี้ติณณ์ไม่อยากอยู่เฉยๆอย่างรอปัญหาเข้ามา ความรู้สึกอยากให้อาธารรักมันรุนแรงเสียจนทำให้เขาคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างให้อีกฝ่ายรักเขาหัวปักหัวปำเหมือนกัน การบอกรักไปโต้งๆไม่ใช่ทางที่ติณณ์ถนัด แต่แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?



     เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร ค้นหาวิธีทำให้คนอื่นมารักในอินเตอร์เน็ตก็มีแต่วิธีแปลกๆ แท้จริงอาจจะธรรมดาสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับติณณ์กลับเป็นเรื่องที่ยากเกินความสามารถ เลยได้แต่นั่งถอนหายใจอย่างไร้หนทางแบบนี้



     "อ้อนอะไรเนี่ยถุงเงิน"



     เสียงนุ่มทุ้มที่ไม่ได้พูดกับมนุษย์เรียกให้ติณณ์หันไปมอง เจ้าถุงเงินมันกำลังเอาหัวกลมๆไปถูไถกับท่อนขาอีกฝ่าย อาธารเรียกอาการนี้ว่าแมวหิวข้าว พอมันกินอาหารเม็ดที่เจ้าของเทให้เรียบร้อย เจ้าตัวขนฟูก็กระโดดขึ้นไปขดตัวนอนบนตักอาธาร ติณณ์มองอาธารที่ยิ้มพลางลูบลำตัวแมวตัวนั้นอย่างรักใคร่ ใช่ อาธารดูรักแมวตัวนั้นมาก มากจนบางทีก็นึกอิจฉาถุงเงิน



     ติณณ์อยากเป็นแมวบ้าง



     มันออกจะบ้าบิ่นไปหน่อย แต่ขอลอกเลียนพฤติกรรมแบบถุงเงินบ้างได้ไหม เผื่อจะได้ถูกรักแบบนั้นบ้าง






(ต่อด้านล่างค่า)

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
     ตกเย็นวันหนึ่ง อาธารนั่งอ่านเอกสารอะไรสักอย่างบนโซฟา



     ดูท่าจะเป็นงานสำคัญหรือเปล่า อ่านนานมากๆ นานจนเลยเวลาอาหารเย็นไปชั่วโมงกว่า ถ้าเป็นปกติติณณ์จะเตือนว่าได้เวลาทานข้าวแล้วนะครับ แต่คราวนี้เขาอยากทำอะไรให้มันพิเศษขึ้นโดยการหย่อนตัวไปนั่งข้างๆ แล้วก็เอาศีรษะไถๆกับหัวไหล่นั้นไม่หยุด และได้ผล อาธารหยุดอ่านข้อความในกระดาษนั้นแล้วหันมามองคนพยาพยามเลียนแบบแมว



     "อะไรเนี่ยเรา อยู่ๆก็มาอ้อน"



     "ติณณ์หิว"



    ติณณ์หิว?



     เด็กคนนี้เปลี่ยนสรรพนามจากคำว่า'ผม'เป็น'ติณณ์'




     "หืม? ว่าไงนะ"



     "ติณณ์หิวข้าวแล้วครับ"



     ธาราไม่ได้ถามเรื่องการเปลี่ยนสรรพนามนั้น กลัวว่าแซวอะไรไปเจ้าตัวจะเขินจนเสียความมั่นใจ เพราะเขาชอบเวลาติณณ์เรียกแทนชื่อตัวเอง มันน่ารัก ยิ่งมาออดอ้อนแบบนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่ ถึงแม้ว่าจะดูผิดปกติก็เถอะ



     ใช่ พักนี้ติณณ์น่ารักแบบผิดปกติจริงๆ



     ยกตัวอย่างเช่น เวลาธารานั่งอ่านหนังสือสอบสวนเล่มโปรดของตัวเองอยู่ ติณณ์ก็เดินเข้ามานั่งข้างๆพร้อมหนังสือวิชาชีววิทยา ทีแรกเขาคิดว่าคงจะมานั่งอ่านด้วยเฉยๆ แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น คนตัวเล็กเอนศีรษะลงมานอนบนตักเขา มีการช้อนตามองอย่างลุ้นๆว่าอาธารคนนี้จะว่าอะไรไหม เขาให้คำตอบโดยการยิ้มและลูบผมนิ่มๆนั้น แล้วต่างคนก็ต่างอ่านหนังสือของตัวเอง



     อย่างบางวันที่ธารากลับบ้านมาเหนื่อยๆ บิดขี้เกียจพลางบ่นเมื่อยอย่างนั้นเหนื่อยอย่างนี้ตามปกติ พอคนในชุดเรียนได้ยินแบบนั้นเลยรีบเข้ามาถามว่า ติณณ์นวดให้ไหม ยอมรับว่ามีอึ้งๆอยู่บ้าง แต่เอาเข้าจริงๆแล้วเขาแสนจะเต็มใจ มือเล็กๆคอยบีบนวดตรงบ่าด้วยแรงพอเหมาะ แบบว่าแรงกว่าแมวนิดนึง ใช่แล้ว ติณณ์เห็นถุงเงินชอบเอาอุ้งเท้าไปนวดๆอาธาร เขาเลยอยากทำแบบนั้นบ้าง



     ยังไม่หมด เด็กคนนี้ชอบเข้ามาคลอเคลีย อยู่ๆก็เอาคางมาเกยบนบ่าอย่างไม่มีเหตุผลบ้าง เอาศีรษะมาพิงหลังบ้าง พิงอกบ้าง ล่าสุดมีการอาสาผูกเนคไทให้เขาก่อนไปทำงาน ส่วนสิ่งที่ทำบ่อยๆคือเจ้าตัวชอบเอาดวงตาแป๋วๆมาจ้องแล้วก็ยิ้มอะไรก็ไม่รู้



     ธาราใจสั่นกับการกระทำที่ก้าวกระโดดนั้น อยู่ๆก็มาทำตัวน่ารักใส่ไม่หยุด ในขณะเดียวกันมันทำให้ความอดทนของเขาลดลงไปเรื่อยๆ



     อ้อนกันแบบนี้ อยากโดนตะปบหรือไง?



     และสิ่งที่ทำให้เขาหมดความอดทนมากที่สุด ก็คงเป็นเรื่องราวในคืนนี้



     ติณณ์เอาตัวเองเข้าไปซุกกับแผ่นอกนั้นโดยไม่ต้องรอให้ใครเรียก ธาราจุมพิศบนหน้าผากนั้นแทนคำบอกฝันดีอย่างที่ทำทุกๆคืน สิ่งที่ควรจะเป็นต่อไปก็คือเขาทั้งคู่เข้าสู่ช่วงนิทรา แต่วันนี้เด็กน้อยกลับขยับศีรษะดุ๊กดิ๊ก เงยใบหน้าขึ้นไป'จุ๊บ'สันกรามของคนที่อายุมากกว่า จากนั้นก็หลับปุ๋ยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ธารานอนหัวใจเต้นแรงอยู่คนเดียว



     ปกติธาราก็ต้องอดกลั้นกับเด็กคนนี้อยู่แล้ว ยิ่งมาทำตัวแบบนี้ ใครมันจะไปทนไหวกัน?



     "อือ..."



     คนตัวบางใต้ร่างธาราส่งเสียงประท้วงในลำคอยามอยู่ในห้วงนิทรา เมื่อคนข้างบนกำลังขบดูดซอกคอขาวอย่างหน้ามืดตามัว ธาราใจเต้นแรงราวมันจะปะทุออกมาในยามที่ลิ้นอุ่นได้สัมผัสกับลำคอเนื้อเนียน จมูกโด่งสูดกลิ่นหอมจากร่างบางอย่างกับโดนมอมเมาด้วยกลิ่นและรส



     กว่าเขาจะได้สติและหยุดการกระทำ ก็ตอนที่เด็กใต้ร่างขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่าร่างกายกำลังถูกรบกวนด้วยอะไรบางอย่าง



     อะไรบางอย่างที่ว่าละใบหน้าออกจากซอกคอน่าหลงใหลนั้น ก่อนที่จะมองใบหน้าละอ่อนของเด็กดีที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว สุดท้ายธาราก็คิดว่า คนมีมลทินอย่างเขา ไม่ควรจะทำผ้าขาวแปดเปื้อน



     ธาราขบกรามแน่น ไม่อาจดับไฟราคะที่คุกรุ่นในใจได้ ร่างหนาพาตัวเองเข้าห้องน้ำ จัดการอารมณ์ด้วยฝ่ามือเสร็จสรรพ เขาเริ่มตั้งคำถามว่าตัวเองมาถึงจุดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่



     จุดที่คนที่ฟันใครมามากอย่างเขา ต้องมาอดทนอดกลั้น แล้วทำตัวเป็นพ่อพระ กับเด็กอายุ18คนนึง



     ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางคิดตั้งแต่จุดเริ่มต้น แต่ไม่รู้ว่าจุดจบมันจะไปทางไหน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้สับสนกับความรู้สึกตัวเองแบบนี้ คนที่ผ่านโลกมามากและแน่วแน่กับความคิดตัวเองกลับมาต้องคิดหนักกับเด็กตัวเล็กๆแค่นี้ เขาว่ากันว่าความรักทำให้คนตาบอด ประโยคเลี่ยนๆที่ธาราเคยเอียนกลับกลายเป็นว่าเขากำลังเจอกับตัวเสียเอง



     เจ้าของคอนโดมิเนียมพาตัวเองไปที่เงียบๆอย่างตรงระเบียง ปล่อยให้สายลมขัดเขลาสิ่งที่ขุ่นมัวในใจ เวลานี้เขาต้องการใครสักคนมาปรึกษา และพาตัวเองออกจากหลุมนี้สักที



     "ไงไอ้แสง ว่างหรือเปล่า"  เขาเลือกที่จะโทรหาเพื่อนสนิท



     [อือฮึ กูเพิ่งกลับบ้าน มีอะไรหรือเปล่า]



     "มึงเคยคบเด็กเปล่าวะ"



     [คำถามมึงแปลก มึงไม่ใช่ไอ้ธาร]



     "อย่านอกเรื่องน่า"



     [เอ้า อยู่ๆก็ดุใส่กู เออๆก็เคยคบ ทำไมหรือ?]



     "เด็กสุดอายุเท่าไหร่ ตอนมึงอายุประมาณนี้"



     [ก็ประมาณ...23มั้งถ้าจำไม่ผิด]



     "อือฮึ..."



     [อือฮึแล้วพูดต่อสิวะ อย่าเงียบ]



     "อย่างน้อยของมึงก็ไม่ใช่ผู้เยาว์" เขาถอนหายใจ "กูว่ากูชอบเด็กคนนึง...แต่เขาอายุ18"



     [หา...แล้วไปเจอได้ยังไง]



     "ก็..." ธาราเล่าเรื่องทั้งหมดนับชั่วโมง "...กูจะทำยังไงดี"



     [แล้วนี่มึงเคยจีบเขาหรือยัง]



     "ยัง"



     [ก็ลองจีบ ลองเข้าหาดูสิ มึงโตปานนี้แต่ทำไมทำตัวเหมือนวัยรุ่นรักแรกเลยวะ]



     "ไอ้เรื่องความรู้สึกน่ะกูรู้ตัวเองดี อยากจะจีบ อยากจะทำอะไรให้มันชัดเจนอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ว่าเด็กมันยังเป็นผู้เยาว์อยู่เลย"



     [มึงเอาทีละเรื่อง ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถ้าจีบติดแล้วเขาโอเคที่จะอยู่กับมึงก่อนค่อยคิดไปเรื่องนั้น]



     "กูทำไม่ได้ กูต้องการให้ทั้งสองอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆกัน"



     [ไอ้ธาร!]



     "ก็แบบนี้ไงกูเลยโทรมาปรึกษามึง"



     [เฮ้อ...มึงคิดว่ามึงอดทนรอให้เขาอายุ20ไหวหรือเปล่าล่ะ]



     "ไม่"



     [เอ้อ ก็มีคำตอบอยู่แล้ว จะโทรมาหากูทำซาก]



     "แล้วมึงไม่คิดหน่อยหรอว่ากูเสี่ยงคุกน่ะ"



     [แล้วนี่เกิดอยากเป็นพ่อพระอะไรขึ้นมาตอนนี้วะ แต่เขาก็เด็กเกินไปจริงๆแหละ...แต่ถ้าเอาแบบไม่สนกฏหมายอะไรทั้งสิ้น ถ้าเขายินยอมมันก็โอเคใช่ไหมล่ะ]



     "ก็ใช่ แต่มัน..."



     [กูจะสมมติในกรณีที่อีกฝ่ายมีใจให้มึงนะ ถ้ามึงเลือกความถูกต้อง เลือกที่จะเป็นพ่อพระ ไม่แตะต้องเด็กคนนี้ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ซึ่งมึงรู้ว่ามึงทำไม่ได้เลยจะถอยห่าง หนึ่งคือมึงไม่ได้แดกและมึงไม่มีความสุข สอง เด็กคนนี้จะเสียใจจะเป็นจะตายเพราะมึง กับอีกอย่างนึง แหกกฏที่มึงไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ว่ามึงแหก ผลคือหนึ่ง มึงได้แดกและมีความสุข สองเด็กคนนี้ก็จะมีความสุขด้วย เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างความถูกต้องสำหรับมึง หรือความรู้สึกของคนที่มึงรัก กูไม่ได้ชักนำหรือชี้นำ แค่สรุปเรื่องให้ฟังเฉยๆ]



     "..."



     [แม่งพูดยากว่ะเรื่องนี้ เหมือนถ้ากูยิ่งพูดยิ่งดูเหมือนสนับสนุนเพื่อนเข้าคุก แย่หน่อยนะที่บังเอิญเพื่อนมึงก็ไม่ใช่คนดีอะไรหนักหนา ก็นะ ฟังเอาแล้วคิดเยอะๆว่าอยากไปทางไหน แต่ก็กูจะบอกมึงไว้อย่างนึง]



     "อืม..."



     [เรื่องบางเรื่องน่ะนะ] แสงอาทิตย์พูดเสียงจริงจัง [ทางทฤษฎีก็ใช้ไม่ได้จริงกับทางปฏิบัติว่ะ...]







     วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นวันหยุดที่อาธารเลือกที่จะนอนดูหนัง



     ติณณ์เปิดตู้เย็นช่องแช่แข็งเพื่อหาไอศครีมโคนสำเร็จรูปของญี่ปุ่นที่อาธารซื้อมาฝากเมื่อวาน อีกฝ่ายโฆษณาใหญ่ราวกับเป็นนายหน้าว่าอร่อยอย่างนั้น ขายดีอันดับหนึ่งแบบนี้ ฟังแล้วชวนหิวตาม เลยต้องลุกขึ้นมาทานแบบนี้



     เด็กหนุ่มนั่งแหมะข้างๆคนกำลังดูหนังรักของสักประเทศหนึ่ง ติณณ์อยากพูดให้ฟังจะตายว่าไอศกรีมอร่อยมากอย่างที่โฆษณาจริงๆด้วย แต่เขาไม่กล้าชวนคุยหรอก เพราะอาธารกำลังจมกับซีนพระนางจีบกันอย่างตั้งใจ ติณณ์เลยไม่กล้าชวนคุยด้วย ได้แต่นั่งดูหนังซับไทยไปพร้อมๆกับอีกฝ่าย



     เขาค้นพบว่าตัวเองไม่อินกับหนังรัก



     เพราะไม่เคยมีแฟน ไม่เคยมีโมเม้นท์อะไรแบบนั้น ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกของตัวละครมันเป็นแบบไหน เลยทำให้หนังเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวดดูแล้วหลับสำหรับติณณ์ หนังสือยังสนุกกว่านี้เลย



     "จะหลับหรือ?" เสียงนุ่มทุ้มของอาธารว่าแบบนั้นเลยทำให้ติณณ์สะดุ้งตัวขึ้นหลังจากที่ศีรษะตัวเองไปอยู่บนไหล่อีกฝ่ายเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ "จะซบก็ไม่ได้ว่าอะไร นอนได้"



     ติณณ์สบายใจขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น แล้วเอนศีรษะลงบนลาดไหล่นั้นพลางลิ้มรสไอศกรีมรสนมไปด้วย ทั้งๆที่ธาราเป็นฝ่ายอนุญาตให้เด็กทำแบบนี้ แต่กลับเป็นตัวเขาเองที่ดูหนังไม่รู้เรื่องเพราะมีคนซบไหล่ มันไม่ใช่ความน่ารำคาญ หรือไม่สบายใจแต่อย่างใด มันคือความรู้สึกที่พองโตอย่างบอกไม่ถูก



     "อย่างกับเป็นแฟนกันเลยนะ"



     "ครับ?" ติณณ์ตอบรับอย่างงงๆเมื่ออยู่ๆอาธารก็พูดอะไรแบบนั้นออกมา



     "ซบไหล่กันแบบนี้น่ะ...เหมือนพระเอกกับนางเอกในหนังเลย"



     อะ...อะไรกัน อยู่ๆก็มาพูดอะไรแบบนี้ใส่...



     คนตัวเล็กนำศีรษะตัวเองออกมาจากไหล่นั้นด้วยความประดักประเดิด ทั้งๆที่หวังให้มันเป็นแบบนี้แต่พอเจอเข้าจริงๆกลับเขินจนไปไม่ถูก แค่พูดว่าเหมือนแฟนกันเอง ไม่ได้มีอะไรสักหน่อย ทำไมหน้าต้องร้อนขนาดนี้ด้วย



     "ติณณ์เคยมีแฟนไหม?" นั่น อยู่ๆก็มาชวนคุยเรื่องที่เขาไม่ถนัด



     "ไม่เคยหรอกครับ..." ติณณ์ว่าเสียงซึม "...เพราะติณณ์เหมือนเต้าหู้"



     "หือ? เต้าหู้? ทำไมล่ะ"



     "มีคนเคยบอกว่าติณณ์เหมือนเต้าหู้ รู้ว่าดี มีประโยชน์กับร่างกาย แต่จืด ไม่อร่อย ไร้รสชาติ...เพราะแบบนี้ติณณ์เลยไม่มีแฟนมั้งครับ"



     คราวก่อนเป็นกบน้อย คราวนี้เป็นเต้าหู้น้อยงั้นหรือ



     ถ้าถามว่าเหมือนเต้าหู้ไหม ธาราคงตอบว่าเหมือนในแง่ของร่างกาย เด็กคนนี้ตัวขาวใสเพราะแทบไม่โดนแดดภายนอกบ้าน กับผิวนุ่มๆที่ได้รับการพิสูจน์จากการกอดทุกๆคืน สรุปก็คือ ติณณ์ขาวและนุ่มเหมือนเต้าหู้



     ดวงตาคมมองคนผิวสีเต้าหู้ทานไอศครีมพลางๆ ลิ้นสีสดแลบเลียออกมากวาดครีมสีขาวเข้าโพรงปาก เนื้อของหวานบางส่วนไปเลอะอยู่ตรงมุมปากเลยทำให้เจ้าตัวต้องใช้ลิ้นฉ่ำๆแลบเลียมันอย่างลวกๆ พอครีมขาวเริ่มละลายหยดเป็นสายจนเลอะมือ ลิ้นสีน่ากินนั้นก็ทำหน้าที่เลียคราบไอศกรีมที่หยดมาถึงก้นโคน ไล้เลียขึ้นไปยังต้นโคนเพื่อกันไม่ให้มันหกไปมากกว่านี้ ก่อนที่จะส่งปลายนิ้วเรียวที่เลอะครีมเล็กน้อยเข้าไปในโพรงปาก



     ระหว่างไอศกรีมสีขาวกับริมฝีปากสีเชอร์รี่นั้น อะไรมันจะหวานมากกว่ากันนะ



     "เต้าหู้จืดๆงั้นหรอ" ธารายิ้มอย่างมีเลศนัย "งั้นอาขอชิมหน่อยได้ไหม"



     ใช่ ธาราเลือกแล้ว



     เลือกแล้ว...ว่าเขาต้องเดินไปทางไหน



     มือใหญ่สัมผัสลงบนท้ายทอยเด็กหนุ่มราวว่าจะจับล็อคกลายๆ ติณณ์รู้สึกท้องไส้ปั่นปวนเมื่ออาธารทำสายตาเปล่งประกายแบบนั้นอีกแล้ว แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆอย่างรวดเร็วจนเขาต้องยกไอศกรีมขึ้นมาป้องกันโดยสัญชาตญาณ เลยกลายเป็นว่าอาธารกำลังจูบกับไอศกรีมไปเสียได้



     คนเจ้าเล่ห์ชะงักเล็กน้อยเมื่อสัมผัสที่ได้รับไม่ใช่สิ่งที่คาดหวัง เขามองดวงตากลมที่ดูตื่นตูมนิดๆอย่างน่าจับขย้ำให้มีน้ำตาเล็ดลอดออกมา สถานการณ์นิ่งค้างแบบนั้นอยู่สักพัก เด็กเต้าหู้ก็เบนสายตาไปทางอื่น แก้มแดงก่ำราวผลไม้ ริมฝีปากขยับรับไอศกรีมเข้าปากแก้เก้อเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อไป



     แต่สิ่งที่ผิดแผนคืออะไรรู้ไหม



     แผนของธาราตอนแรกคือการค่อยๆจีบ และค่อยๆเข้าหาอย่างนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า



     ...ในเมื่อเด็กมันน่ารักขนาดนี้...



     ธารายกยิ้มกริ่มก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปไล้เลียครีมสีขาวบนโคนกรอบๆนั้นบ้าง เรียวลิ้นกวาดควานครีมนุ่มๆหวานๆเข้าโพรงปากจนมันกร่อนเข้าไปเรื่อยๆ ซึ่งธาราคาดเดาว่าถ้าตวัดลิ้นอีกไม่กี่ทีครีมสีขาวก็คงจะหมดจนกระทั่งขุดเจอริมฝีปากสีน่ากินนั้นแน่ๆ



      หากแต่สายตาพราวระยับดั่งนายพรานพบเหยื่อตัวน้อยไม่ได้มองสิ่งที่กำลังกิน กลับมองสิ่งที่'อยากกิน'ต่างหาก



     ติณณ์พยายามคิดในแง่ดี ชิมในแง่นี้อาจจะหมายถึงชิมไอศกรีมก็ได้ พอเห็นอาธารเอาแต่ทานเอาๆแบบนี้ก็พอเข้าใจได้ ว่ามันคงเป็นแบบนั้นแหละ



     แต่มีอย่างหนึ่งที่ติณณ์ไม่เข้าใจ



     ริมฝีปากติณณ์ไม่ใช่ไอศกรีมเสียหน่อย แต่ทำไมอาธารถึงไล้เลียและขบกัดไม่หยุดเลย









talk.

ย้ากกกกกกกกกกกกก!! อาธารจะไม่ทนอีกต่อไปแล้วนะคะ!! ลุงจะบูบีๆๆๆปากน้อง โดเนทเงินประกันตัวให้เขาด้วยนะคะ

หายไปนานเลย ขอโทษนะคะ แบบว่าติดปัญหานิดหน่อยยยย ;_____;

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2019 20:07:26 โดย TiXA »

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ช่วยสมทบทุน  o18

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อาคะ..หนูไม่มีเงินไปประกันอาออกจากคุกนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ _jinxpy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่รอดแล้วน้องติณณ์หรอป่าวคนอ่าน!!!!!เลือดออกหมดตัวแล้วแงงง
แง้อาธารจะเริ่มรุกน้องจริงจังแน้ววว เกียมยาดม :hao6:  :hao3:


คิดว่าไรท์จะหายไปสะอีกสู้ๆนะคะเราชอบเรื่องนี้มากๆเลย :mew1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ตบะอาธารแตกแล้ว :z2:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
จดทะเบียนก่อนค่ะ เป็นสามีและผุ้ปกครองไปเลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คุณอ๊าาาาาาาาาา คุยกับน้องก่อน!!!!!
น้องไม่ใช่เด็กเข้าใจยาก ฮือออออออออออออออ

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 933
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
แค่กๆๆ คุกๆๆๆๆ เจ็บคอจังเลยนะคะ สงสัยจะกินไอติมมากไป แค่กๆ

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เริ่มแล้วววว คนหลานก็อ้อนเอาอ้อนเอา คนเป็นอาก็ตัดสินใจเด็ดขาดรุกแรงแบบทันทีทันใดนั้นเลย ติณณ์ก็จะทำให้อาธารอยู่กับตัวเองไม่ไปไหน ส่วนอาธารก็ตัดสินใจดับเครื่องชนใส่ติณณ์ ต่างฝ่ายต่างแน่วแน่ ขนาดเพิ่งเริ่มยังขนาดนี้  :ling1: :-[  ไม่รู้ว่าต่อไปเด็กกับผู้ใหญ่ใครจะร้ายกว่ากันนะคะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานนะคะ

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หลานก็อ้อนซะขนาดนั้น เป็นใครก็ทนไม่ไหวหรอกครับ ฮี่ ๆ

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มีคนจะกินเด็ก 1 EA

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อาธารอยากกินอะไรคะ ตอนหน้ารบกวนสั่งเสียทิ้งไว้นะคะ 555555555555555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตายยยยยยตายเด็กมันยั่ว!! :ling1:

ออฟไลน์ mindch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ้โหหห ตอนหน้าคาดหวังกับอาธารเลยนะคะ เผ็ดแบบพริกทั้งสวนไม่ใช่กับน้องนะ คุณอาเลยค่ะ  :haun4: :katai2-1:

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไม่รอดแน่ ๆ หมายถึงอาธารอ่ะไม่รอดคุกแน่ ๆ  :hao7:

ออฟไลน์ lovejinjunno

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อาธาร หนูไม่มีตังค์จะประกันอาออกจากคุกนะ
แต่หนูทำผัดกะเพรากับข้าวผัดอร่อย
หนูจะทำแล้วหิ้วไปฝากนะคะ

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ้ย ตายแล้ววว ใครจะไปประกันตัวคุณเขากันเนี่ย ถ้าน้องเป็นเต้าหู้พี่คงยอมกินเต้าหู้ไปทั้งชีวิต น้องน่ารักซะขนาดนี้ แงๆๆ อยากหยิก ทำมาเป็นอ้อนๆ แบบแมว โง้ยยดสกวกาวก

ออฟไลน์ Lonliness

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อาธารกินน้องเถอะค่ะ ทางเราได้เตรียมเงินประกันตัวไว้ให้แล้ว 55555555

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อุ้ยยยยย เขิน ในที่สุดอาธารก็แหกเซฟโซน คิดถึงไรท์นะคะรอนานแต่ก็รู้สึกคุ้มที่รอ❤

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 15



     คุณเคยสัมผัสปุยนุ่นหรือเปล่า?



     หรือคุณเคยทานอะไรสักอย่างที่มีรสสัมผัสนุ่มๆไหม?



     จงจินตนาการความนุ่มนั่นไว้ แล้วธาราจะบอกให้ว่าริมฝีปากของติณณ์น่ะ นุ่มกว่านั้นอีก



     ไม่เพียงแค่รสสัมผัสที่น่าบดขยี้ให้ปากบวมเจ่อเท่านั้น รสชาติหวานๆจากครีมนมที่เคลือบริมฝีปากก็ยังเข้าได้ดีกับความนุ่มนิ่ม ธาราขบดูดกลีบปากอย่างไม่เร่งรีบเพื่อรอดูปฏิกิริยาของเจ้าตัวว่าจะขัดขืนอะไรหรือไม่ ถ้าไม่เต็มใจเขาจะยอมปล่อยไปแต่โดยดี หากแต่เด็กดีของเขายังคงนิ่งงัน อนุญาตให้ธาราไล้เลียริมฝีปากสีน่ากินนี้ไม่หยุด



     เด็กหนุ่มหลับตาปี๋พลางกัดฟันแน่นเพราะความตื่นตระหนกกับประสบการณ์ใหม่ ซึ่งนั่นทำให้ธาราไม่สามารถสอดลิ้นเข้าไปสำรวจความหวานข้างในโพรงปากได้



     "อ้าปากหน่อย เด็กดี" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก



     "ทำไมล่ะค— อื้อ..."



     คนไร้ประสบการณ์สะดุ้งตัวเมื่อลิ้นของอีกฝ่ายชอนไชเข้ามาข้างใน ธาราได้ยินเสียงอะไรสักอย่างที่คาดว่าน่าจะเป็นเสียงไอศกรีมหล่นลงกระทบโซฟาราคาแพง แต่เขาไม่ได้ไยดีมันสักนิด เขาสนใจลิ้นน้อยๆที่กำลังจะชิมรสนี้ต่างหาก



     หวาน



     ใช่ โพรงปากนี้เต็มไปด้วยความหอมหวานรสไอศกรีมนมที่เพิ่งทานไป แต่มันกลับอร่อยขึ้นเยอะเมื่อรสนั้นมันมาอยู่ในโพรงปากนี้



     ติณณ์ตกใจอย่างมากเมื่ออยู่ๆอาธารก็สอดลิ้นเข้ามาจนต้องเผลอผลักอีกฝ่ายออก แน่นอนว่ามันไม่มีประโยชน์ นอกจากอาธารจะไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแล้วแถมยังจับเขาล็อคแน่นกว่าเดิมอีก



     "ฮื้อ!"



     เสียงเล็กครางได้แต่ในลำคอเพราะโดนครอบครองริมฝีปากอยู่ สาเหตุที่ต้องทำให้ร้องออกมาคงมาจากการที่ลิ้นใหญ่นั้นกวาดควานความหวานตรงเพดานปาก ไล้เลียวนไปวนมาจนธาราสัมผัสได้ว่ามือเล็กๆนั่นกำลังจิกบ่าเขาแน่น เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บแต่กลับรู้สึกได้ใจ ไม่รอช้ารีบส่งลิ้นไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆนั้น ดูดดึงบ้าง ตวัดไปมาบ้าง ติณณ์ไม่ได้ตอบรับสัมผัสโดยการจูบตอบ แต่เป็นการจิกเสื้อเชิ้ตของเขาแน่นขึ้นเรื่อยๆจนเกรงว่ามันจะขาดเอา



     ธารายอมถอนจูบออกมาทั้งๆที่กำลังเพลิดเพลินกับความอร่อย เพราะเด็กเอาแต่ร้องอื้ออึงประท้วงและตะกุยหน้าอกของเขาราวกับแมวดีดดิ้น นั่นคงเป็นเพราะเจ้าตัวหายใจไม่ทันกับจูบนี้ ดูได้จากการที่คนตัวเล็กหอบหนักเหมือนไปวิ่งมาสิบรอบแบบนี้



     "เต้าหู้จืดๆอะไรกัน" ธาราว่าพลางคลอเคลียกับพวงแก้มใส "ออกจะหวานขนาดนี้"



     ไม่ทันได้ตอบอะไรก็โดนบดเบียดริมฝีปากเข้ามาอีกแล้ว ทั้งๆที่ธาราก็จูบใครต่อใครมามาก แถมใครต่อใครที่ว่านั้นก็จูบเก่งไม่แพ้เขาเลยสักคน ต่างกับติณณ์ที่ไร้การตอบรับโดยสิ้นเชิง แต่เขาไม่นับว่าเป็นจูบที่แย่ กลับเป็นจูบที่เขาติดใจเสียจนหยุดไม่ได้ ความหอมหวาน ความไร้เดียงสา ความละอ่อนของผิวเนื้อทำให้เขาหยุดรังแกริมฝีปากนี้ไม่ได้จริงๆ



     มือสากถือโอกาสลูบไล้เอวบางๆที่สุดจะเนียนมือ นิ้วโป้งไล้วนส่วนโค้งเว้าจนร่างบางตัวสั่นระริก แม้ไม่ได้เห็นด้วยตาแต่ก็สัมผัสได้ว่าร่างกายนี้คงจะน่ามองและน่าโลมเลียไม่น้อย ต่อให้จินตนาการล้ำเลิศแค่ไหนก็คงไม่ชัดเจนเท่าตาเห็น มือใหญ่เคลื่อนจากผิวกายนุ่มๆไปที่ชายเสื้อแล้วเลิกมันขึ้นเพื่อเตรียมปลดเปลื้องอาภรณ์ กระทั่งเด็กน้อยรับรู้ได้ถึงอากาศเย็นจัดที่กระทบผิวเนื้อ



     เพี๊ยะ!!



     "!!!"



     เสียงมือเล็กกระทบลงบนมือปลาหมึกดังเพี๊ยะจนธาราต้องละตัวออกมาอย่างขาดตอน เด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำพลางเช็ดน้ำลายที่เลอะตรงมุมปากก่อนจะมองคนตรงหน้าที่ดูท่าทางตกใจไม่แพ้กัน แต่ติณณ์ตกใจยิ่งกว่าเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกถอดเสื้อ



     มันเร็วเกินไปสำหรับติณณ์



     หัวใจของธาราหล่นไปตรงตาตุ่มเพราะถูกปฏิเสธทางร่างกาย เด็กน้อยเม้มปากแน่น ทำตาหลุกหลิกอย่างไม่รู้ว่าจะวางสายตาไว้ตรงไหน เขามองออกว่าติณณ์ทำตัวไม่ถูก และคาดเดาว่าเขาคงจะล้ำเส้นมากเกินไปจนถึงคราวที่แมวตัวนี้ต้องวิ่งหนีเขาแล้วหรือเปล่า?



     "ติณณ์ อาขอโทษ"



     "ม...ไม่เป็นไรครับ"



     "..."



     "..."



     ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบจนน่าอึดอัด



     ไม่น่าเลย ไม่น่าใจร้อนเลยจริงๆ ยังไม่ได้จีบเพื่อเอาหัวใจเขาก็เล่นไปชิมร่างกายอีกฝ่ายเสียแล้ว มันข้ามขั้น มันผิดขั้นตอนสำหรับเด็กคนนี้ คงจะตกใจจนมองหน้าอาธารคนนี้ไม่ติดแล้วหรือเปล่า หมดความไว้วางใจผู้ใหญ่คนนี้แล้วหรือไม่ รู้สึกเกลียดขี้หน้ากันไปหรือยัง



     "ติณณ์อยากกลับบ้านไหม"



     "...!?"



     "ถ้าอยากกลับบ้านบอกอาได้เลยนะ เดี๋ยวจะช่วยขนของ ถ้ามองหน้าอาไม่ติดล่ะก็—"



     "ทำไมติณณ์ต้องกลับบ้านด้วยล่ะครับ"



     "อาทำเรื่องไม่ดีกับติณณ์"



     "มันไม่ดีหรอครับ ติณณ์ไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย"



     "!?"



     "ติณณ์แค่...ตกใจเท่านั้นเอง ไม่เคยถูกใครทำแบบนี้เลยทำตัวไม่ถูก" ติณณ์หลุบตาต่ำ "แต่ไม่ใช่ว่าห้ามทำนะครับ ทำได้ แต่ค่อยๆเป็นค่อยๆไปได้ไหมครับ ติณณ์ปรับตัวช้า"



     เด็กคนนี้ไม่ได้รังเกียจการกระทำเมื่อกี้อย่างนั้นหรือ...



     "หมายความว่ายังไง"



     "ก็คือระหว่างนี้จะทำอะไรกับติณณ์ก็ได้ แต่ยังไม่ถอดเสื้อได้ไหมครับ"



     ธาราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาหมายถึงทำไมติณณ์ไม่โกรธกับการกระทำที่เกินเลยนั้น นอกเหนือเสียจากว่าเต็มใจ



     หรือว่าเด็กนี่ชอบเขาอยู่แล้ว?



     "ติณณ์ชอบอาหรอ ถึงได้ยอมแบบนี้"



     "!?"



     ติณณ์ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างเรื่องที่อาธารทำแบบนี้กับตัวเอง หรือเรื่องที่อาธารรู้ถึงความลับในใจตัวเองแล้ว ทุกอย่างมันตีกันในหัวไปหมดเลย จนไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อไป หรือต้องวางไม้วางมือไว้ตรงไหน แม้กระทั่งสายตาของตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าจะโฟกัสไปที่จุดไหนดี



     ธารามองเด็กน่ารักที่ดูท่าทางตกใจเมื่อเขาพูดคำนั้นไป แก้มที่เคยแดงจัดมันกลับขึ้นสีมากกว่าเดิมจนลามไปถึงใบหู ริมฝีปากที่เคยถูกบดขยี้เอาแต่อ้าปากพะงาบๆเหมือนต้องการจะพูดบางสิ่งแต่ไม่กล้าเอ่ยออกมา อาการเหล่านี้ไม่ใช่อาการที่อ่านยากแม้แต่น้อยสำหรับธารา



     อวัจนภาษาที่ชัดเจนนั้นทำเอาธาราใจชื้นขึ้นมาทันใด...



     "ที่จริงก็พอรู้คำตอบแล้วล่ะ..." เรียวนิ้วเชยคางมนขึ้นมาให้มองหน้ากันดีๆ "งั้นอาก็ไม่ต้องจีบแล้วสิเนี่ย"



     "เอ้ะ?" จากที่ไปต่อไม่ถูกอยู่แล้ว ติณณ์ยิ่งเอ่ยอะไรออกมาเป็นประโยคไม่ได้



     "จะไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ติณณ์ต้องการอาใช่ไหม? และอาก็ต้องการติณณ์มากๆเหมือนกัน หัวใจเราต้องการกันและกันถูกไหม ติณณ์ตามทันไหม?"



     "ม...ไม่ทันครับ"



     "หืม?"



     "ทำไมอาธารถึงต้องการติณณ์ ทั้งๆที่ติณณ์ไม่มีอะไรเลย" เขาคิดว่าต้องทำตัวน่ารักแบบถุงเงินให้อาธารมาหลงรักก่อนสิ ถึงจะมาต้องการเขาได้ เพราะก่อนหน้านั้นติณณ์ไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ แล้วอาธารจะมาชอบคนจืดๆ น่าเบื่อๆอย่างเขาได้ยังไง



     "ไม่มีอะไรกัน รู้ไหมว่าอามองเรามาตั้งนานแล้ว บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วว่าเราน่ะน่ารัก"



     "ไม่เห็นจะน่ารักเลย— อื้อ!" ประโยคขาดหายเพราะอาธารสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากอีกแล้ว



     "ห้ามพูดว่าตัวเองไม่น่ารัก ติณณ์น่ารักมาตลอดแต่ติณณ์ไม่รู้ตัว และไม่ได้มีแค่อาคนเดียวที่มองว่าเราน่ารัก" ก็ทั้งไตรภพ ทั้งเด็กฝึกงานคนนั้นน่ะสิ "แต่ที่อาไม่แสดงออกมาขนาดนั้นเพราะกลัวว่ามันจะไม่ดีกับติณณ์ เราก็รู้ใช่ไหมว่าเรายังเป็นผู้เยาว์"



     "...รู้ครับ"



     "นั่นแหละเป็นเหตุที่อาไม่ได้แสดงออกมาให้รู้ว่าเราน่ะน่าให้ความรักมากแค่ไหน และบวกกับอาคิดอะไรบางอย่างมากเกินไป จนลืมว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือจีบเราอย่างชัดเจน แต่จะค่อยๆเป็นค่อยไป และตอนนี้อาได้ข้ามขั้นไปหน่อยนึง เราน่าฟัดเกินไปจริงๆนะติณณ์ รู้ตัวบ้างไหม"



     "อ่า..."



     "พูดให้อามั่นใจหน่อยได้ไหม ว่าติณณ์พร้อมเริ่มความสัมพันธ์นี้กับอา"



     "ความสัมพันธ์แบบนี้หมายถึงยังไงครับ"



     "แบบคู่รักไง พูดง่ายๆก็คือเป็นแฟนกันนะ"



     "เอ่อ..." ความจริงเขาชอบอาธารมากๆเลยนะ แต่พอเอาเข้าจริงๆติณณ์กลับรู้สึกกลัวโดนทิ้งอีกรอบอยู่ลึกๆ กลัวจะโดนบอกเลิก กลัวนั่นกลัวนี่เต็มไปหมด



     "นะ ให้โอกาสอาหน่อยได้ไหมคนดี อาชอบเรามากจริงๆนะ"



     "คือ..."



     "ขอร้องนะติณณ์" เขาจุมพิศลงบนหลังมือเล็กนั่น "เชื่ออาสักครั้งได้ไหม อยากเป็นคนดูแลเรานะ"



     "งั้น..." ถ้าเป็นอาธารคนนี้ ติณณ์คิดว่ามันก็น่าจะคุ้มที่จะลองเสี่ยงดู "ติณณ์พร้อมครับ"



     "ชื่นใจจัง ยังไม่ทันจีบก็ได้หัวใจติณณ์มาแล้ว" ธาราอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มแดงๆนั่นเป็นรางวัล "ที่เหลือก็คงต้องจีบอย่างอื่นสินะ"



     "อะไรหรอครับ?"



     "จะอะไรเล่า" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมฝีปาก "ก็ต้องจีบร่างกายเราต่อไง..."






     ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไปหมดจนติณณ์ตกใจ กว่าสมองจะประมวลผลได้ว่าอะไรเป็นอะไร เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงเช้าวันต่อมา



     คำว่า'จีบร่างกาย'ไม่ได้อยู่ในพจนานุกรมของเขา หรือพจนานุกรมเล่มไหนๆเลย พอถามความหมายกับอาธารก็โดนยิ้มล้อเลียนใส่ สุดท้ายก็ได้คำตอบว่า ร่างกายของเขาจะถูกละเอียดชิมทีละนิด ถูกแทะโลมทีละหน่อยเพื่อให้ได้ปรับตัวกับสัมผัสแปลกใหม่ จวบจนกว่าติณณ์จะอนุญาตให้'กิน'อย่างเป็นทางการ



     อย่างเช้าวันนี้ เด็กหนุ่มไม่ได้ตื่นขึ้นเพราะเสียงที่อาธารคอยเรียกปลุกอย่างเคย แต่เป็นสัมผัสอุ่นชื้นที่พยายามขบเม้มทั้งริมฝีปากบนและล่างของคนสติไม่เต็มร้อย อาธารบอกว่านี่คือมอร์นิ่งคิส ติณณ์เคยได้ยินคำๆนี้ และพอเคยเห็นในหนังฝรั่งอยู่บ้าง แต่ในหนังเขาแค่จุ๊บๆกันแปปเดียวนี่นา ไม่ใช่สอดลิ้นเข้ามาเข้ามาในปากและบดจูบอย่างนานจนปากบวมเจ่อแบบนี้



     ที่สำคัญ ติณณ์หายใจตามไม่ทัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเขานั้นอ่อนหัดเอง หรืออาธารจูบเก่งเกินไป



     "อึก—อือ อ...อาธาร เดี๋ยวจะสายเอานะครับ" คนอ่อนหัดพยายามเบือนหน้าหนีตอนที่คนมากประสบการณ์ยังคงจุมพิตไม่เลิก แม้ว่าสถานที่นี้คือในรถ และพอเปิดประตูลงไปก็คือโรงเรียน ติณณ์กลัวว่าใครจะมาเห็นเข้า



     "อะไรกัน ยังไม่อิ่มเลย"



     ติณณ์รู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองกำลังหน้าแดงมากๆ เพราะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่ไม่ต่ำนักบริเวณใบหน้า อาธารโน้มลงมาขบกัดริมฝีปากล่างเน้นๆอีกทีหนึ่งด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะยอมปล่อยเหยื่อที่ทั้งน่ารักและน่าสงสารเข้าโรงเรียนไป



     สองขาเรียวเลี้ยวไปที่ทิศทางของห้องน้ำชาย เขาอยากจะเช็คสภาพตัวเองว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง หน้าแดงมากไหม ปากบวมเจ่อหรือเปล่า มีเลือดซิบตรงริมฝีปากล่างหรือไม่ ติณณ์ต้องทำตัวไม่ถูกแน่ๆถ้าใครถามว่าไปทำอะไรมาถึงได้หน้าดำหน้าแดงขนาดนี้



     แต่แล้วก็ต้องชะงักฝีเท้าลง เมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างข้างๆห้องน้ำชาย...



     จะไม่อ้อมค้อมอะไรให้เสียเวลา ติณณ์เห็นโต้กำลังจูบกับน้องผู้หญิงสักคนนึง อันที่จริงมันไม่ใช่เรื่องแปลกขนาดนั้นหรอก เพียงแต่เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์สดๆแบบนี้ต่างหาก



     ดูเหมือนการที่ติณณ์มาเยือนสถานที่ลับของสองคนนั้นทำให้โต้รู้สึกตัวขึ้นมาก่อน ฝ่ายชายตกใจเล็กน้อยเมื่อมีบุคคลที่สามมาเจอเข้า น้องผู้หญิงดูหน้าซีดและเอาแต่ก้มหน้าก้มตาราวกับว่าอับอาย



     "อ...เอ่อ...น้องอ้อม หนูกลับไปที่ห้องเรียนก่อนนะคะ"



     โต้เป็นคนเคลียร์สถานการณ์ให้ไม่ดูน่าอึดอัดไปกว่านี้ ติณณ์กะพริบตาปริบๆก่อนจะทำสีหน้าเหมือนคนไม่ได้เห็นอะไรมาก่อน นี่มันอะไรกัน ทำไมช่วงนี้เจอแต่อะไรจูบๆ...



     "ไอ้ติณณ์ มึงอย่าไปบอกใครนะเว้ย"



     "อือ"



     "คือกูคบกับเขาอย่างลับๆอะ น้องบอกว่ายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างกูกับเขา ฉะนั้นมึงเหยียบให้มิดเลยนะ ขอร้อง"



     "รู้แล้วน่า"



     "ดีมาก น้องเขาขี้อายไงเลยยังไม่อยากเปิดตัว น่ารักดีนะมึง แต่เสียดายนิดหน่อยตรงที่ว่าน้องไม่จูบตอบกูเลย น่าจะไม่เคยล่ะมั้ง"



     ห้ะ?



     จูบตอบ??



     ต้องจูบตอบด้วยหรอ???




     "ม...มันต้องจูบตอบด้วยหรอ"



     "ก็เออดิ ถ้าต่างฝ่ายต่างรุกแม่งโคตรฟินเลยนะเว้ย จูบอยู่ฝ่ายเดียวมันก็จะเซ็งนิดๆอะ"



     ติณณ์ไม่เคยจูบตอบเลย แล้วแบบนี้อาธารจะเซ็งเหมือนกันไหม...



     "แล้วจูบตอบนี่ต้องทำยังไง"



     "ก็ไหลไปตามอารมณ์อะ อย่างไปคิดมาก ให้สถานการณ์มันพาไป"



     "ขอแบบละเอียดๆ เป็นขั้นเป็นตอนหน่อยได้ไหม"



     "แล้วนี่มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะเนี่ย" โต้หรี่ตามอง "เออๆ ก็เอาลิ้นดันๆดุนๆลิ้นเขาอะ แบบเกี่ยวกันไปเกี่ยวกันมาอะไรแบบนั้น"



     ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!!



     "ทำไมต้องจูบตอบด้วยล่ะ?"



     "ก็บอกไปแล้ว จูบคนเดียวมันเซ็ง"



     "สอนกูหน่อยดิ"



     สอนในทีนี้ ติณณ์หมายถึงให้อธิบายในเชิงทฤษฎีให้ละเอียดและเห็นภาพมากกว่านี้



     แต่โต้คิดไปไกลถึงเชิงปฏิบัติ...



     "ห้ะ!!" โต้เบิกตากว้างจนแทบหลุดจากเบ้า "มึงบ้าปะเนี่ย มึงใช่ไอ้ติณณ์เพื่อนกูหรือเปล่า มึงเป็นใครวะ!"



     "อะไรของมึง แค่สอนเนี่ยนะ"



     "ไม่ได้ๆๆๆๆ กูไม่นิยมกินเพื่อนตัวเอง เดี๋ยวนะ นี่มันไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นคือมึงจะอยากรู้ไปทำไม จะไปจูบตอบกับใคร??" เขาว่าพลางเหลือบไปเห็นริมฝีปากบวมๆของอีกฝ่าย "แล้วนี่มึงไปทำอะไรมาปากถึงได้บวมเจ่อขนาดนั้น หน้ามึงก็แดงแจ๊ด อย่าบอกนะว่า..."



     "ห...ห้ะ" คนที่ลืมเรื่องการเข้าไปส่องกระจกในห้องน้ำถึงกับต้องยกมือมาแตะริมฝีปากตัวเอง



     "มึงไปจูบกับใครมา!!!!"



     "ม...ไม่มี"



     "โกหกตาใสๆ! มิน่าล่ะถึงได้อยากรู้เรื่องจูบนัก มึงมีแฟนแล้วหรอ หรือไปแอบคุยกับใคร เขามาหลอกมึงหรือเปล่า มันเป็นใครบอกกูมาเดี๋ยวนี้เลย!!" ตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมา เขาไม่เคยเห็นติณณ์มีแฟนและสนใจเรื่องพวกนี้เลย ถ้ามีคนหวังร้ายมาหลอกเพื่อนของเขาขึ้นมาจะทำยังไง



     "ไม่มี ไม่มีจริงๆ" ติณณ์ไม่ได้อยากโกหก แต่เรื่องแบบนี้มันบอกคนอื่นได้ง่ายๆที่ไหนกันเล่า "มึงพูดไม่รู้เรื่องแล้ว งั้นกูขึ้นตึกก่อนนะ"



     "ไอ้ติณณ์!!"



     อยู่ๆไอ้ติณณ์ก็วิ่งหนีไปเลย วิ่งด้วยความเร็วที่โต้เองก็คว้าไว้ไม่ทัน ทิ้งให้เขาคิดมาก มโนภาพคณานับพัน เพื่อนเขามันเรียนเก่งก็จริงแต่เรื่องพวกนี้มันไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ถ้าโดนหลอกขึ้นมาจะทำยังไง ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ดีล่ะ ถ้าถูกทำร้ายร่างกายล่ะ ถ้าถูกข่มขืนล่ะ ถ้า—



     เขาต้องรีบโทรบอกผู้ปกครองมัน!!



     "สวัสดีครับคุณอาธาร ไม่ทราบว่าสะดวกคุยไหมครับ"



     [อือฮึ สะดวกครับ มีอะไรหรือเปล่าโต้]



     "คุณอาพอจะทราบไหมครับว่าติณณ์มีแฟนหรือยัง หรือพักนี้สุงสิงกับใครจนผิดปกติหรือเปล่า"



     [หืม ไม่มีนะครับ ทำไมหรือ?]



     "คือเมื่อกี้อยู่ๆมันก็มาให้ผมสอน เอ่อ สอนจูบตอบน่ะครับ ซึ่งปกติมันไม่ได้สนใจเรื่องนี้เลย อีกอย่างนึงปากมันดูบวมๆเจ่อๆผิดปกติ หน้าก็แดงผิดปกติเหมือนเพิ่งโดนจูบมาอย่างนั้นแหละ ผมถามมันแล้วว่าแอบซุกใครไว้ มันก็ไม่ตอบ ถ้ามีขึ้นมาผมก็อยากเช็คว่าไว้ใจได้ไหม"



     ไว้ใจได้สิ เพราะคนๆนั้นก็คือธาราเองไง...



     [เดี๋ยวก่อน แล้วอยู่ๆติณณ์ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลยน่ะหรือ?]



     "อะ...อ่า จริงๆแล้วมันบังเอิญมาเห็นผมจูบกับแฟนพอดี ก็เลย..."



    รู้ตัวแล้วสินะเด็กน้อย ว่าอะไรควรเป็นอะไร



     แต่ให้คนอื่นสอนจูบทั้งๆที่ก็มีอาธารที่พร้อมจะสอนทุกอย่างอยู่แล้วเนี่ยมันใช้ได้ที่ไหนกัน น่าจับตีให้ก้นแดงชะมัด




     [โอเค อาเข้าใจแล้ว ไว้จะถามให้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ จะดูแลให้อย่างดี]



     ธารากดวางสายเพื่อจบบทสนาทนา มุมปากยกยิ้มขึ้นพลางควงปากกาในมืออย่างสำราญใจ



     อยากกลับบ้านจนแทบจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ...







(ต่อข้างล่างน้า)

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
     

      "มีเรื่องอะไรจะสารภาพอาหรือเปล่า"



     อยู่ๆอาธารก็พูดแบบนั้นออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบเมื่อกลับมาถึงคอนโดมิเนียม ซึ่งติณณ์รับรู้ถึงบรรยากาศที่ไม่ค่อยปกตินัก อีกฝ่ายพูดเหมือนกับว่าเขาไปทำอะไรผิดมาสักเรื่อง แต่ติณณ์นึกไม่ออกจริงๆว่าเขาไปทำอะไรไม่ดีให้อาธารเคลือบแคลงใจ เรื่องเดียวที่เขาคิดว่าตัวเองเป็นเด็กไม่ดีในวันนี้ ก็คงมีแค่แอบงีบคาบวิชาประวัติศาสตร์ไปประมาณห้านาทีเท่านั้นเอง



     "เรื่องอะไรหรอครับ"



     "ไปขอให้ใครเขาสอนจูบมาล่ะ"



     อ๋อ นึกออกแล้ว คงเป็นตอนที่ติณณ์ขอให้โต้สอนจูบตอบนี่เอง ว่าแต่มันผิดขนาดนั้นเลยหรอ แค่อยากให้เพื่อนเล่าให้ฟังเองว่าต้องทำอย่างไร



     "อ๋อ ขอให้เพื่อนสอนครับ ว่าแต่อาธารรู้ได้ยังไง"



     "เขาโทรมาฟ้องน่ะสิ"



     "โทรมา?? โต้น่ะหรอครับ แล้วมันไปรู้เบอร์ของอาธารได้ยังไง แล้วไปรู้จักกันตอนไหนครับ แล้ว..."



     "เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน" ธารากักขังอิสระภาพคนตัวเล็กด้วยท่อนแขน "ทำไมต้องไปให้คนอื่นสอนด้วย หืม"



     "ต...ติณณ์แค่อยากรู้เท่านั้นเอง จะได้เอามาใช้กับอาธาร ติณณ์กลัวอาเบื่อถ้าติณณ์เอาแต่อยู่นิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย"



     "ขอบคุณนะที่คิดแบบนั้น แต่ก็อยากรู้ก็ให้อาสอนสิ ไม่เห็นต้องไปขอคนอื่นเขาสอนเลย"



     "แค่ขอให้อธิบายวิธีการเฉยๆก็ไม่ได้หรอครับ...ติณณ์แค่อยากรู้จากเพื่อนเอง"



     "หือ? อธิบาย?"



     "ครับ แค่อธิบาย แต่โต้พูดไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่"



     "โธ่เอ้ย อาก็นึกว่าเราไปขอให้เขามาจูบ หึงแทบแย่เลยรู้ไหม" เขาไม่คิดเลยว่าติณณ์จะใสขนาดนี้ "แต่เรื่องแบบนี้น่ะ ใครเขาสอนเป็นคำพูดกัน มันต้องทำจริงๆถึงจะเข้าใจ"



     "อ๋า..."



     "อีกอย่างนึง ก่อนที่จะจูบตอบน่ะ ติณณ์ต้องฝึกหายใจให้เป็นก่อน รู้ไหม"



     นี่เป็นสิ่งที่เขาเถียงไม่ได้จริงๆว่าเขาหายใจไม่ทัน จูบไม่ถึงนาทีก็ต้องตะกุยเสื้ออาธารเพื่อเป็นสัญญาณว่า เขาน่ะไม่ไหวแล้ว



     "แล้วมันต้องทำยังไงหรอครับ ถึงจะหายใจเป็น"



     "เราน่ะกลั้นหายใจนาน ไม่ต้องเกร็ง ค่อยๆผ่อนลมหายใจช้าๆ กลืนน้ำลายได้นะ แต่อย่างที่บอกไป ของแบบนี้มันต้องปฏิบัติจริงด้วย" ธาราโน้มใบหน้าลงไปใกล้ๆ "อ้าปากหน่อย เด็กดี"



     ริมฝีปากเล็กเผยอออกมาตามคำสั่ง เรียวลิ้นของผู้ใหญ่ชอนไชเข้าไปเพื่อฝึกประสบการณ์ให้เด็กน้อย ธาราบดจูบอย่างอ่อนโยนกว่าปกติเพราะนี่เป็นแค่แบบฝึกหัดบทแรกๆง่ายๆ เรียกได้ว่าละเอียดชิมอย่างใจเย็นก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามอ่อนโยนแค่ไหน ติณณ์ก็ยังตะกุยเสื้อสูทของเขาอยู่ดี มือสากเคลื่อนไปลูบแผ่นหลังบางนั้นเพื่อปลอบประโลมว่าให้ใจเย็นๆ นั่นทำให้ติณณ์ได้สติว่าเขาต้องหายใจ



     ธารารับรู้ได้ว่าติณณ์เริ่มผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อไม่ให้สำลัก มือเล็กที่เคยจิกที่บ่าแน่นก็เริ่มคลายลง จูบคราวนี้นับว่าจูบได้นานกว่าที่ผ่านมาเพราะเด็กน้อยเริ่มหายใจเป็นและรู้จักกลืนน้ำลาย ธาราเริ่มสอนบทต่อไปโดยไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูด เขาใช้ลิ้นตัวเองไปหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆนั่นเป็นส่วนใหญ่ ไล้เลียบาง ดุนดันบ้าง กวาดเกี่ยวบ้างเพื่อให้อีกฝ่ายโต้ตอบเขาบ้าง



     ในตอนแรกติณณ์ไม่เข้าใจว่าอาธารพยายามจะสื่ออะไร พอนึกได้ว่าควรจะจูบตอบก็คิดถึงคำบอกเล่าของโต้ เขาเริ่มมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่ อีกฝ่ายเขี่ยลิ้นมา เขาก็เขี่ยกลับ ไล้เลียมาก็ไล้เลียกลับ ติณณ์ทำได้แค่ลอกเลียนแบบเท่านั้น



     น่าเอ็นดู



     ปฏิกิริยาที่ไร้เดียงสานั่นทำให้ธาราไม่อยากจะอ่อนโยนด้วยอีกต่อไป เรียวลิ้นตวัดกวาดเกี่ยวด้วยความชำนาญ ขโมยน้ำลายรสหวานทั่วโพรงปากจนมือเล็กต้องกลับมาจิกบ่าแน่นๆอีกครั้ง ใช่ ตอนนี้ธาราไม่ได้สอน แต่เป็นการตักตวงต่างหาก



     "อื้อ!...อื้อ"



     เด็กน้อยครางประท้วงพร้อมตะกุยเสื้อสูทไปมาเพราะอยู่ๆอาธารก็ข้ามเลเวลโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย ตอนแรกยังนุ่มนวลอยู่เลย แต่ทำไมตอนนี้ทำอย่างกับว่าไปหิวมาจากไหนอย่างนั้นแหละ และสุดท้ายธาราก็ต้องถอนจูบออกอย่างเสียดาย



     "เก่งมาก"



     ธาราเอ่ยชมนักเรียนเพื่อเป็นรางวัล เขาชอบจริงๆว่าติณณ์จูบตอบอย่างไม่ประสีประสา นั่นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขัดใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมันยิ่งกระตุ้นอำนาจของสัญชาตญาณดิบเข้าไปใหญ่ อยากรังแก อยากบดขยี้ อยากต้อนให้จนมุม 



     "แต่ติณณ์ทำไม่เป็น"



     "ไม่เป็นไร ทำบ่อยๆเดี๋ยวก็จะเก่งเอง"



     และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ธารามักจะเข้าไปสอนจุมพิตทั้งๆที่นักเรียนยังไม่ทันเอ่ยขอ แม้กระทั่งตอนที่ติณณ์เอาคางไปเกยบ่าอีกฝ่ายเพื่ออ้อนตามปกติ อาธารก็มักจะหันมาจูบตลอดๆ รายนั้นน่ะจูบบ่อยจริงๆ บ่อยจนปากบวมไปโรงเรียน แล้วเขาก็ถูกเพื่อนโวยวายใส่อีกแล้วว่าไปจูบกับใครมาและติณณ์ก็บอกไม่ได้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือ หลังจากที่จูบเสร็จแล้วแต่มันทำให้ติณณ์หัวใจเต้นโครมครามไปอีกหลายชั่วโมง เรียกได้ว่าไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเลยทีเดียว เลยจำเป็นต้องขอให้อาธารเพลาๆลงบ้าง



     ซึ่งธาราก็ยอมลดความถี่ลง ทั้งๆที่เขาอยากจะลิ้มชิมรสทุกวันๆ



     มันทนไม่ไหวขนาดนั้นหรอก เหยื่อน่ารักๆอยู่ตรงหน้าทั้งทีแต่กลับทำอะไรไม่ได้ขนาดนั้น ยิ่งตอนที่พยายามตะล่อมจูบแต่ติณณ์นั้นดีดดิ้นด้วยสีหน้าที่แดงก่ำ นั่นทำให้ยิ่งมันเขี้ยว ยิ่งน่าปู้ยี้ปู้ยำ แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า เสื้อก็ไม่ให้ถอด ปากก็ไม่ให้จูบ ดูดคอยิ่งไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะขึ้นรอยแล้วคนที่โรงเรียนเขาจะเห็นเข้า



     แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสักเท่าไหร่หรอก



     คนอย่างธารา ยังไงก็หาวิธีอื่นๆมาได้เสมอนั่นแหละ






     ตกค่ำวันหนึ่ง ติณณ์อาบน้ำชำระร่างกายตามปกติ แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือก็ เมื่อชำระร่างกายจนสะอาดแล้ว เขาใส่ชุดคลุมอาบน้ำแล้วตรงไปที่ห้องเสื้อเพื่อหาชุดนอนสวมใส่ แต่ในตอนนี้ในตู้เสื้อผ้ากลับว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยนอกจากชุดเรียน กางเกงชั้นใน และเสื้อเชิ้ตสีเข้มไซส์ใหญ่ที่ดูก็รู้ว่ามันไม่ใช่ของเขา



     นี่มันอะไรกัน!? ชุดหายไปไหนหมด!



     "อาธารครับ เสื้อติณณ์หายไปไหนหมดแล้ว"



     "อ้อ ส่งซักไปหมดแล้วน่ะ" ธาราตอบหน้าตาย ราวกับว่าสิ่งนี้ไม่เห็นจะผิดแปลกอะไรตรงไหน



     "อาธาร!?" ติณณ์งงเป็นไก่ตาแตก ทำต้องส่งซักทีเดียวพร้อมๆกันด้วย



     "มีอะไรก็ใส่อันนั้นไปก่อนแล้วกัน"



     "แกล้งผมหรือเปล่าครับ" ไม่เห็นจะมีอะไรเมคเซ้นส์เลย เขากำลังถูกแกล้งชัดๆ



     "เปล๊า อาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ"



     น้ำเสียงที่จงใจทำให้ดูมีพิรุธนั่นทำให้ติณณ์ยิ่งมั่นใจว่าโดนแกล้ง แต่เขาก็ทำได้เพียงกระฟัดกระเฟียด โวยวายไปก็คงเท่านั้นเพราะอาธารตัดสินใจแกล้งแล้ว คงไม่ยอมให้แผนตัวเองล่มง่ายๆหรอก อีกอย่างติณณ์ก็ไม่กล้าค้านขนาดนั้นด้วย



     "งั้นขอยืมกางเกงสักตัวได้ไหมครับ" ถึงมันจะหลวมก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย



     "ไม่อนุญาตเด็ดขาด"



     ทำไมต้องแกล้งกันขนาดนี้ด้วย!!



     ท้ายที่สุดแล้วติณณ์ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งนั้นตัวเดียว ความยาวของชายเสื้อมันเลยเป้ากางเกงมาแค่คืบเดียวเองด้วยซ้ำ ที่สำคัญเลยคือ หนาวขาชะมัด



     ธารามองคนที่เดินออกมาจากห้องเสื้อด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ เขาจงใจให้ติณณ์อวดเรียวขาขาวๆเปลือยๆ มันช่างเข้ากับเสื้อตัวโคร่งๆสีเข้มที่ตัดกับสีผิว มองแล้วช่างเพลินตาเพลินใจ อยากจะให้เด็กคนนี้แต่งตัวแบบนี้ทุกๆวัน ไม่สิ ถ้าถอดออกหมดเลยคงน่าจะดีกว่านี้



     "ติณณ์ หยิบขวดโลชั่นบนชั้นหนังสือให้อาที"



     ขวดโลชั่น?



     ติณณ์กวาดสายตาไปที่ชั้นหนังสือที่ว่า แล้วก็พบว่ามันอยู่บนชั้นบนสุด เขาอยู่ที่นี่มาเป็นเดือนไม่เคยจะเห็นโลชั่นขวดนั้นมาก่อนเลย และอาธารไม่ใช่คนที่ทาโลชั่นเป็นเรื่องปกติด้วย อีกอย่างหนึ่งทำไมต้องเอาไปวางไว้บนนั้นล่ะ ไม่เห็นจะสมเหตุสมผลอีกแล้ว



     คนขี้แกล้งมองเด็กทำหน้างงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าเพื่อยืดส่วนสูงของตัวเอง แขนขวายกขึ้นขนสุดแขนจนชายเสื้อมันเลิกขึ้นไปจนเกือบเผยให้เห็นสะโพกกลมกลึง แต่ที่แน่ๆมันทำให้เห็นต้นขาขาวๆได้ชัดเจนมากกว่าเดิม



     นี่แหละที่ธาราต้องการ



     พอคว้าขวดโลชั่นได้สำเร็จ ติณณ์เริ่มพิจารณาว่ามันคือโลชั่นบำรุงผิวกายกลิ่นพีช เขานึกสงสัยว่าอาธารซื้อมาทำไม มานึกอยากบำรุงผิวอะไรตอนนี้ แต่ช่างมันเถอะ เขาเดินตรงไปหาอาธารที่กำลังนั่งสบายๆอยู่บนโซฟา สายตาคมของอีกฝ่ายไม่ได้โฟกัสที่ขวดโลชั่นเลยแม้แต่น้อย เพราะเอาแต่มองขาสวยๆนั่นต่างหาก



     ติณณ์ยื่นสิ่งของที่อาธารต้องการไปให้ แต่ผู้ใหญ่ไม่รับของ อีกทั้งยังยืนขึ้นเต็มความสูงอีกต่างหาก



     "เหวอ!?"



     เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างตกใจ เพราะอยู่ๆอีกฝ่ายก็สอดมือเข้ามาที่ใต้วงแขนทั้งสองข้างแล้วยกร่างเขาขึ้นจนเท้าลอยจากพื้น นี่มันท่าที่เขาเคยอุ้มเจ้าถุงเงินชัดๆ จากนั้นอาธารก็ยกเขาไปนั่งบนโต๊ะทำงานที่ถูกเคลียร์กองเอกสารเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ใหญ่ก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ตัวใหญ่พอๆกับเจ้าของ นิ้วสากยกขึ้นลูบปลายคางตัวเองพลางจดจ้องเรียวขาสวยที่อยู่ตรงระดับสายตาพอดี อีกทั้งยังผิวปากแซวเจ้าของร่างจนติณณ์ต้องเลือดขึ้นหน้า เพราะอาธารมองด้วยสาตามันวาวและหยาดเยิ้มมากๆ



     "ทำอะไรของอาธารเนี่ยครับ"



     "ไม่มีอะไร อยากทาโลชั่นที่ขาให้เรา"



     "ปกติติณณ์ไม่ได้ทาอยู่แล้วนะครับ"



     "ก็อาจะทาให้"



     "งั้นเดี๋ยวติณณ์ทาเองก็ได้"



     "ก็อาจะทาให้"



     ดื้อดึงไม่แพ้ใครเลยจริงๆ ผู้ใหญ่คนนี้



     ธาราไม่รอช้า คว้าขวดโลชั่นนั้นมาบีบของเหลวสีขาวมาใส่มือด้วยปริมาณพอเหมาะ เอามายีกับอีกฝ่ามืออีกข้างหนึ่งแล้วนวดลงที่เรียวขาเนียนๆนั้น ฝ่ามือลูบไล้ที่ข้อเท้าเล็กๆ น่องขาที่โค้งเว้าเป็นสัดส่วนที่สวยงาม เคลื่อนไปถึงต้นขานุ่มๆ ลามไปถึงต้นขาด้านในที่นุ่มยิ่งกว่า มือสากเอาแต่ไล้วนอยู่แต่บริเวณนั้นจนติณณ์รู้สึกแปลกๆ เรียวขาเคลื่อนหนีฝ่ามือนั้น แต่กลับกลายเป็นว่าดูเหมือนเขาแยกขาออกจากกัน และนั่นเป็นโอกาสที่ธาราได้เลื่อนเก้าอี้เข้าไปแทรกตรงกลางนั้น



     "โลชั่นซึมหมดแล้ว พอได้แล้วมั้งครับ"



     "นุ่ม"



     "!?"



     "ขาเรานุ่มจังนะ"



     แม้ว่าเนื้อโลชั่นจะซึมเข้าผิวจนหมดแล้ว แต่ธาราก็ยังไม่หยุดลูบ จะให้หยุดได้ยังไง ทั้งขาว ทั้งนุ่ม และหอมกลิ่นพีชหวานๆขนาดนี้



     น่าชิมชะมัด



     "อ๊ะ!!"



     ธารายกขาเรียวข้างขวาขึ้นพาดบ่า แล้วโน้มใบหน้าลงไปเพื่อใช้ฟันคมขบกัดเนื้อต้นขาด้านในนุ่มๆนั้นจนเกิดรอยฟันสีแดง เรียวลิ้นส่งความอุ่นชื้นไปลิ้มรสผิวเนียนๆละมุนลิ้น ขบดูดเนื้อนุ่มจนก่อเกิดรอยซ้ำสีกุหลาบ อีกทั้งตอเครายังคอยเสียดสีต้นขาทำให้เจ้าของร่างจั๊กจี้จนต้องหนี แต่ยิ่งหนีก็เหมือนแยกขาให้กว้างขึ้นเหมือนอย่างเคย กลายเป็นว่ามันทำให้ธาราได้ฟัดถนัดขึ้น



     อาธารเคยบอกว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่า'เสียว' และติณณ์กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่ เขาพยายามกลั้นเสียงประหลาดไม่ให้เล็ดลอดออกมาโดยการกัดนิ้วตัวเอง อยากจะเอ่ยห้ามอยู่หรอกนะ แต่กลัวว่าเสียงที่เปล่งออกมาจะไม่ใช่คำพูดน่ะสิ



     คนที่นั่งเก้าอี้ฟัดต้นขาทั้งสองข้างสลับกันไปมากระทั่งพอใจจึงหยุดการกระทำ นั่นเล่นเอาเด็กหนุ่มต้องหอบตัวโยนจากการหายใจไม่เต็มปอดเป็นเวลานาน ติณณ์ก้มมองขาด้านในตัวเองก็พบว่ามันมีรอยฟันและรอยรักสีแดงช้ำตัดกับสีผิวตัวเอง แถมยังมีคราบน้ำลายวาวใสเคลือบบนรอยเหล่านั้น



      "ทำไมอาธารต้องแกล้งด้วย"



     "ไม่ได้แกล้งสักหน่อย แต่เราไม่ให้อาจูบปาก เลยไปจูบอย่างอื่นแทน อีกอย่างไม่ได้ถอดเสื้อติณณ์ด้วยนะ ไม่ได้ขัดคำสั่งติณณ์สักอย่างเลยเห็นไหม"



     เจ้าเล่ห์!



     "ขี้โกงนี่ ทำไมอยู่ๆอาธารก็ร้ายขึ้น"



     "ร้ายอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้" ธารายิ้มกริ่ม "แต่งตัวแบบนี้น่าจับใส่หางแมวนะ น่าจะเข้ากันน่าดู"



     "หางแมวอะไรหรอครับ"



     "แต่ก่อนอื่นอยากจะสอนออรัลก่อน จะได้ช่วยอาได้"



     "ออรัลคืออะไรครับ"



     "อีกหน่อยคงต้องสอนออนท็อปด้วย เผื่ออยู่บนรถจะได้สะดวกๆ"



     "ออนท็อปคืออะไรหรอ"



     "ใส่กุญแจมือด้วยดีไหมนะ ไม่ดีกว่า เดี๋ยวจะบาดผิวสวยๆ"



     "ทำไมต้องใส่กุญแจมือ อาธารพูดให้ติณณ์เข้าใจด้วยสิครับ"



     "ชู่ว..." ธารานำเรียวนิ้วชี้ทาบลงบนริมฝีปากนิ่ม "...บอกก่อนก็ไม่ตื่นเต้นสิครับ เด็กดี"







talk.
     อ่ามมม ก่อนอื่นต้องขออภัยอีกครั้งที่ห่างหายไปนาน หมดไฟอีกแล้วค่ะแง แต่จะกลับมามีไฟอีกครั้งเพราะมีสำนักพิมพ์มาติดต่อรวมเล่มค่ะ *รัวมือ*
     อาธารข่นบ้า สอนอะไรให้น้องก็ไม่รู้ บัดสีที่สุดเรยยยย
     พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
นี่ขนาดยังไม่ได้กินเต็มที่แค่ชิมเล็กๆยังหื่นได้เสียวขาดใจ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด