► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)  (อ่าน 40170 ครั้ง)

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อะไรกันเนี่ยะ :z3:

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อาธารก็เตือนน้องแรงไป๊....

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อย่ารังแกเด็กซ้ำดิ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 7



     

     สัมผัสหนักๆเหมือนมีวัตถุกลมๆนิ่มๆบางอย่างอยู่ตรงท้องของร่างบางๆ ทำให้เจ้าของร่างลืมตาขึ้นมาอย่างไม่สบายตัว เมื่อเปลือกตาไม่ได้บดบังนัยต์ตาสีเข้มอีกต่อไป ก็พบว่ามีแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์นอนแหมะอยู่บนท้องของเจ้าตัว อะไรกัน ติณณ์ไม่ได้เลี้ยงแมวที่หน้าตาเหมือนถุงเงินแบบนี้เสียหน่อย



     เด็กหนุ่มเบิกตากว้างพลันมองไปรอบๆห้อง ยังไม่ทันจะได้สงสัยอะไรก็เห็นธาราอยู่ในสายตา ผู้ใหญ่คนนั้นกำลังนั่งอยู่ข้างๆเตียงที่ติณณ์นอนอยู่ อาธารยิ้มบางๆพลางทำหน้าเหมือนจะพูดว่า 'ตื่นแล้วหรอ?'



     ติณณ์มองซ้ายขวาเพื่อสำรวจสถานที่อีกครั้ง ที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของเขา การตกแต่งและธีมของห้องดูคุ้นตาเป็นพิเศษ อีกทั้งมีทั้งเจ้าถุงเงิน ทั้งห้องที่คุ้นตา ทั้งกลิ่นที่คุ้นจมูก ทั้งคนที่อยู่ข้างๆตอนนี้ จะอะไรเสียอีกนอกจากที่นี่คือคอนโดของอาธาร



     "อาธาร?" เสียงแหบแห้งเอ่ยชื่อนั้นแทนความสงสัยทั้งหมดในใจ



     "ไม่ต้องตกใจ อาเป็นคนพาติณณ์มาที่นี่เอง"



     "ทำไม..."



     "ใจเย็นๆแล้วฟังอานะ...ต่อไปนี้ติณณ์ต้องอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาอาตลอด อาจะไม่ยอมให้ติณณ์ทำร้ายตัวเองอีก" ธาราว่าอย่างใจเย็น "ส่วนเสื้อผ้า อาเก็บมาให้แล้ว รวมถึงหนังสือเรียนต่างๆด้วย อยู่ในชั้นหนังสือ ถ้าติณณ์จะอ่านก็ไปหยิบมาอ่านตรงห้องโถงได้"



     "ด...เดี๋ยวครับ ผมไม่เข้าใจ"

 

     "ไม่เข้าใจอะไรอีก หืม อีกทีนะ อาพาติณณ์มาอยู่ที่นี่เพราะกลัวติณณ์จะทำร้ายตัวเองอีก นี่ตัวร้อนอีกด้วย ไหนจะโทรมเหมือนพักผ่อนน้อย ให้อาดูแลติณณ์ดีกว่านะ ไม่ต้องเกรงใจเลย อาเต็มใจทำ"



     "คือ ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ พาผมกลับบ้านนะครับ" ติณณ์อ้อนวอน



     "ไม่...จนกว่าอาจะมั่นใจว่าติณณ์จะไม่ทำร้ายตัวเองอีก รักตัวเองมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น โอเคไหม?"



     "ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว พาผมกลับบ้านนะ ผมไม่ทำแล้วจริงๆ"



     "ติณณ์ไม่อยากอยู่ที่นี่หรอ?"



     "ครับ...มันรบกวนอาธารมากเกินไป" ติณณ์ไม่อยากเป็นภาระใครอีกแล้ว "อีกอย่างอาธารจะลำบากใจด้วย"



     "ลำบากอะไรกัน ไม่ได้ลำบากเลย" ธาราเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กตรงหน้า "ยังไงอาก็ไม่ยอมให้ติณณ์อยู่คนเดียวอีกแล้ว ต่อให้ติณณ์หนีกลับไป อาก็จะอุ้มติณณ์กลับมาอีก และถ้าติณณ์ทำแบบนั้น ยิ่งทำให้อาเหนื่อยและลำบากใจ รู้ไหม? การที่ติณณ์อยู่ในการดูแลของอาทำให้อาสบายใจ เข้าใจไหม?"



     "..." ติณณ์สับสนว่าต้องทำตัวอย่างไรต่อไป อยากจะขัดขืนข้อเสนอนี้ แต่อาธารบอกกับปากเลยว่าจะทำให้อาธารลำบากใจมากกว่าเดิม



     "โอเคนะ? ติณณ์?"



     "...แต่ผมกลัวว่าถ้าผมอยู่ที่นี่ อาธารจะลำบากใจมากกว่าเดิม" เพราะเขาเป็นคนน่าเบื่อยังไงล่ะ



     "ติณณ์อยากให้อาสบายใจไหม?"



     "ครับ"



     "ถ้าอย่างนั้น อย่างแรกเลยคือ ติณณ์ต้องอยู่ที่นี่ อยู่ในสายตาอาตลอด ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด สอง มีอะไรไม่สบายใจให้รีบบอกอา ไม่งั้นอาจะไม่มีวันรู้เลยว่าติณณ์คิดอะไรอยู่ สาม เป็นเด็กดี เตือนอะไรไปต้องฟัง ห้ามดื้ออีก และข้อสุดท้าย..." มือใหญ่เคลื่อนมาลูบริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบา "...ยิ้มเยอะๆ จะทำให้อาชื่นใจมากๆ"



     "แต่อาธารไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ เรา...เอ่อ..." ติณณ์อึกอักอย่างลำบากใจที่จะพูด "เราไม่ใช่ญาติกัน ผมไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับอาขนาดนั้น ทำไมอาต้องเอาเงิน เอาเวลามาทิ้งกับคนอย่างผมด้วย"



     "อาไม่ได้เอาเงินและเวลามาทิ้ง อาเต็มใจให้ แล้วทำไมอาจะดูแลติณณ์ไม่ได้ล่ะ? ต้องเป็นญาติกันเท่านั้นหรอถึงจะมีสิทธิ์ดูแลกัน?"



     เด็กหนุ่มทำสงครามประสาทกับผู้ใหญ่สักพัก สุดท้ายธาราก็ตัดบทโดยการเอาหลังมือมาแนบกับหน้าผากเนียน แล้วบอกว่าติณณ์น่ะตัวร้อนมากตั้งแต่เมื่อคืน แล้วเขาก็นำน้ำอุ่นใส่กะละมัง จุ่มผ้าขนาดกำลังดีลงน้ำนั้นแล้วบิดหมาดๆ ติณณ์เข้าใจว่าอาธารจะเช็ดตัวให้ และพบว่าเขาเข้าใจไม่ผิดเมื่อมือใหญ่คู่นั้นยื่นมาปลดกระดุมเสื้อบนตัวเด็กหนุ่ม มันทำให้ติณณ์ต้องถอยหลังโดยอัตโนมัติ



     อะไรกัน เรื่องเก่ายังไม่เคลียร์เลย มีเรื่องใหม่ให้ลำบากใจอีกแล้ว



     "ค...คือ เดี๋ยวผมเช็ดเองก็ได้ครับ" ติณณ์โตแล้ว เขาคิดว่าเรื่องแบบนี้เขาทำเองได้



     "ก็อาจะเช็ดให้" ธาราว่าอย่างไม่ฟัง พลางจ้องจะปลดกระดุมเม็ดต่อไป บอกแล้วว่าอยากดูแล



     "ผมทำเองได้จริงๆนะครับ" มือเล็กคว้าที่มือใหญ่เพื่อห้ามปราม



     "อาบอกว่าอย่าดื้อไง ติณณ์กำลังทำให้อาลำบากใจนะ" ธาราแสร้งทำหน้าเครียด "จะให้อาเช็ดดีๆหรือต้องให้ดุ"



     พอมองสายตาคมกริบนั้น ติณณ์ก็ไม่ต่อต้านอีกต่อไป ปกติอาธารเป็นคนใจดี ยิ้มบ่อย แต่พอดุแล้วน่ากลัว อาจเป็นเพราะไม่ใช่ด้านที่เขาเห็นบ่อยๆ จึงได้แต่นั่งนิ่งให้มือใหญ่นั้นปลดกระดุมไปเรื่อยๆ



     เมื่อกระดุมแต่ละเม็ดเลิกทำพันธะกัน สิ่งที่ซ่อนไว้คือผิวขาวนวลตากับยอดอกสีน่าลิ้มรส ติณณ์ผอมมากจนกระดูกซี่โครงขึ้นให้เห็นจางๆ ไหนจะเอวที่บางจนกลัวว่ามันจะหักเข้าสักวัน เห็นแล้วอยากจะจับขุนให้มีเนื้อนิ่มๆให้ได้จับเสียบ้าง



     "กินข้าวเยอะๆนะติณณ์ ผอมมากไปมันจะเสียสุขภาพเอา"



     ธาราบ่นพลางใช้ผ้าขนหนูหมาดๆถูไปมาบนแขนเล็กๆที่มีรอยแผลอยู่ประปราย โดยระมัดระวังไม่ให้ไปเช็ดโดนส่วนนั้น แล้วเคลื่อนผ้าขนหนูไปที่ลาดไหล่เนียน กระดูกไหปลาร้า ลงมาถึงหน้าอกแบนๆทั้งสองข้าง เมื่อยอดอกสีหวานถูกความชื้นละเลงก็ส่งผลทำให้ชูชันขึ้นมาอัตโนมัติ ธาราตาวาวขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นภาพยั่วยวนนั้น ด้านมืดของจิตใจมันสงสัยว่าถ้าใช้ลิ้นอุ่นชื้นละเลงลงไปมันจะชูช่อขึ้นมาได้มากแค่ไหน? ถ้าใช้ฟันคมขบกัดลงไปจนช้ำมันคงจะสีสดน่ากินกว่านี้ไหม? และถ้าทำแบบนั้นเจ้าตัวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร จะแอ่นอกขึ้นมาตอบรับหรือขยับตัวหนีเหมือนกระต่ายให้ไล่จับ เสียงครางจะหวานเหมือนสีของเม็ดทับทิมทั้งสองข้างนั้นไหม?



     ธารารู้ตัวว่าด้านมืดของตัวเองมันกำลังร่ำร้องให้ทำสิ่งชั่วๆ เขาจึงรีบมองข้ามแล้วหลับหูหลับตาเช็ดตัวให้คนป่วยอย่างเร่งรีบ เขาไม่ได้ถอดกางเกงของติณณ์ออก ทำเพียงล้วงเข้าไปเช็ดต้นขาอ่อนๆโดยมีกางเกงปิดเอาไว้ไม่ให้เห็นเนื้อนวลที่น่าทำให้ชอกช้ำ กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยทำเอาธาราหายใจไม่ทั่วท้อง เขาน่าจะเชื่อติณณ์ตั้งแต่แรกว่าให้เจ้าตัวทำเอง



     หลังจากนี้เขาต้องฝึกความอดทนมากกว่านี้ ต่อให้เนื้อมันกลิ่นหอมหวานน่ากลืนกินมากแค่ไหนก็ตาม




     ติณณ์ไปโรงเรียนโดยที่ธาราไปรับ-ส่งตามปกติ  พอกลับบ้านมา ไม่ใช่สิ พอกลับคอนโดของอาธารเขาไม่สามารถปฏิเสธข้าวเย็นได้อีกต่อไป ด้วยความที่ผู้ใหญ่ไม่มีเวลาทำอาหารเองจึงมักจะสั่งอาหารขึ้นมาเป็นประจำ มันคือมักกะโรนีกุ้งเมนูโปรดของติณณ์อย่างลับๆ แต่เขากลับกินไม่ลง เพราะปกติไม่ได้กินข้าวเย็นเลย แต่อาธารบังคับแล้วบังคับอีกชนิดที่ว่าแทบจะจับยัดเข้าปากกันเลยทีเดียว จากนั้นก็ถูกจับกินยาตามมาติดๆ



     ยังดีหน่อยที่ที่นี่มีสัตว์เลี้ยงให้เล่นบ้าง เด็กหนุ่มเลยผ่อนคลายขึ้นท่ามกลางความไม่สบายใจที่ต้องอยู่ที่นี่เพราะค่อนข้างแปลกถิ่น ติณณ์เลยใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือและหันไปเล่นกับแมวเป็นระยะๆ เขาว่ามันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ที่แค่หันไปมองหน้าแมวอ้วนมึนๆก็สามารถยิ้มออกมาได้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าลุกไปเล่นด้วยหรอก ยังไงดีล่ะ เกรงใจเจ้าของสถานที่ จะทำอะไรก็รู้สึกประดักประเดิดไปหมด



     ธาราเองก็นั่งทำงานอยู่ไม่ไกลจากคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่ เด็กคนนั้นกำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ มีเสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นเป็นระยะให้ชวนหันไปมองรอยยิ้มเล็กๆนั้น ธารานึกเป็นหนี้บุญคุณเจ้าถุงเงินที่ทำให้ติณณ์มีความสุขบ้างไม่มากก็น้อย



     เวลาล่วงเลยไปสี่ทุ่มกว่าๆแล้ว ร่างสูงปิดแฟ้มเอกสารที่กำลังวุ่นวายอยู่เพื่อเตรียมเข้านอน แต่ใครอีกคนไม่มีท่าทีว่าจะง่วง นั่งอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างกับพรุ่งนี้มีสอบแอดมิชชั่นอย่างไรอย่างนั้น ธาราเดินเข้าไปนั่งใกล้ๆอย่างนึกอยากรู้ว่าวิชาอะไรกันที่ทำให้ใบหน้าละอ่อนนั้นเครียดได้ถึงขนาดนี้



     "อ่านวิชาอะไรอยู่ หืม หน้าเครียดเชียว"



     ติณณ์สะดุ้งน้อยๆเมื่อเสียงนุ่มทุ้มดังข้างๆหู "ฟิสิกส์ครับ"



     "สอบพรุ่งนี้หรอ ถึงได้อ่านจนดึกแบบนี้"



     "เปล่าครับ ผมอ่านเตรียมสอบเข้ามหาลัย"



     "ไหนขออาดูบ้างซิ" ธารายื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆเพื่อจะได้อ่านโจทย์ได้ถนัด "โห เด็กม.ปลายเดี๋ยวนี้เขาเรียนยากกันขนาดนี้แล้วหรอ?"



     "ไม่หรอกครับ ผมอยู่ห้องGiftedเลยยากกว่าปกตินิดนึง"



     นั่นเป็นความรู้ใหม่ของธารา คือติณณ์เรียนห้องโครงการพิเศษที่มีแต่ยอดมนุษย์เรียนกัน พอรู้อย่างนั้นก็ไม่สงสัยในบุคลิกของติณณ์อีกต่อไป ความจริงติณณ์คงเป็นเด็กเนิร์ด เอาแต่เรียน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่เกเร ไม่นอกลู่นอกทาง ไม่ทำอะไรเลยนอกจากเรียน แบบนี้หรือเปล่า?

 

     "จริงหรอ คนเก่ง" ว่าแล้วก็เอามือไปลูบหัวอย่างที่ชอบทำ "แต่คนเก่งอ่านแบบนี้ทุกวันเลยใช่ไหม?"



     "ใช่ครับ"



     "คนเก่งอย่าหักโหมสิ ไม่งั้นจะป่วยนะ เป็นคนเก่งอย่างเดียวพออย่าเป็นคนป่วยเพิ่มเลยนะ เพราะฉะนั้น เข้านอนกันนะ"



     นี่มันเพิ่งสี่ทุ่มกว่าๆเองนะ



     ติณณ์ไม่อยากนอน มันจะเพิ่มเวลาฟุ้งซ่านให้กับเขา



     "เอ่อ..."



     "ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย จะดื้ออะไรกับอาอีก? สัญญาแล้วนะว่าจะไม่ทำให้อาลำบากใจ"



     ติณณ์อยากเถียงนะ ว่าพาเขากลับบ้านก็หมดเรื่อง แต่มันไม่มีประโยชน์หรอกที่จะพูดแบบนั้น อาธารน่ะก็ดื้อพอๆกันนั่นแหละ



     สุดท้ายก็ต้องจำใจเข้านอนก่อนเวลาปกติ ไม่งั้นคงโดนบ่นหูชา ก่อนเข้านอนติณณ์อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้วมานอนบนเตียงขนาดคิงไซส์ทั้งๆที่ไฟในห้องสว่างจ้า ใครจะกล้าปิด ก็อาธารยังอาบน้ำไม่เสร็จเลย เขาไม่มีสิทธิ์ทำอะไรกับห้องนี้ตามใจชอบหรอก



     ไม่นานเกินรอ เสียงประตูห้องก็ดังขึ้นตามมาด้วยร่างสูงที่เปิดเข้ามา อาธารใส่เสื้อยืดกางเกงวอร์มสบายๆอย่างที่ติณณ์ไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติเห็นแต่ในลุคน่าเกรงขาม แบบว่าใส่เสื้อเชิ้ตไม่ก็ใส่ชุดสูทน่ะ พอเห็นแบบนี้ก็รู้สึกว่าอาธารหน้าเด็กลง แต่ความดูดีไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย ติณณ์แอบมองเจ้าของคอนโดเดินไปที่หน้ากระจก แล้วหยิบกระปุกเล็กๆอะไรสักอย่างขึ้นมา เปิดฝาออกแล้วใช้นิ้วแตะๆสิ่งที่อยู่ข้างในมาทาบนใบหน้า ติณณ์สรุปเอาเองว่ามันคือครีมทาหน้า เหมือนของแม่หรือเปล่านะ



     ผู้ชายเขาต้องทาครีมกันด้วยหรอ? หรือนี่คือเคล็ดลับความดูดีของอาธาร?



     ดูเหมือนว่าติณณ์จะแอบมองแบบโต้งๆเกินไป ธาราหันมามองตาแล้วยิ้มให้คนที่อยู่บนเตียง คนถูกจับได้รีบหลับตาปี๋ทั้งๆที่รู้ตัวว่าโป๊ะอยู่แล้ว อีกทั้งดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดครึ่งหน้า เสียดายที่นี่ไม่มีหมอนข้าง ไม่งั้นเขาคงเอาหน้ามุดเพื่อหนีความอาย



     "ติณณ์"



     เสียงของอาธารดังขึ้นใกล้ๆหูอีกแล้ว จะปลุกมาแซวกันหรือเปล่า? จะอะไรก็ตาม ติณณ์ก็จำใจลืมตาขึ้นมา ไหนๆก็แกล้งหลับไม่เนียนอยู่แล้วนี่



     เมื่อลืมตาก็เห็นคนตัวสูงนั่งอยู่ที่ขอบเตียง แล้วมองลงมาที่เขา ในมือใหญ่มีกระปุกครีมอยู่สองกระปุก "ลุกขึ้นมาหน่อยเร็ว"



     ติณณ์ลุกขึ้นนั่งอย่างว่าง่าย มองมือใหญ่นั้นหมุนฝากระปุกครีมให้เปิดออกให้เห็นของเหลวๆหนืดๆสีอ่อนด้านใน นิ้วสากป้ายเนื้อครีมนั้นขึ้นมา แล้วยื่นเข้ามาใกล้ๆที่ใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก่อนที่ครีมนั้นจะแปะลงใบหน้า ติณณ์ก็ย่นคอหนีเสียก่อน



     "กลัวอะไรเล่า" ธาราหัวเราะ "อาจะทาให้ เห็นพักนี้หน้าเราโทรม ครีมพวกนี้มันช่วยได้นะ"



     "...?" ติณณ์ทำหน้างง



     "ตอนหนุ่มๆอาก็ไม่เคยใช้หรอก พอทำงานหนักขึ้น อายุมากขึ้น ก็รู้ว่ามันจำเป็น วัยทำงานก็ต้องใช้หน้าใช้ตานะ ไม่งั้นอาไม่หล่อขนาดนี้หรอก"



     "อ่า..."



     "อยู่นิ่งๆ จะทำให้ รับรองตื่นมาหน้าใสกิ๊ง เหมือนได้พักผ่อนมาสิบชาติ"



     เมื่อเด็กตรงนั้นนั่งนิ่งไม่ขัดขืน นิ้วใหญ่ก็ป้ายครีมนั้นลงเป็นแก้มเนียนทั้งสองข้าง หน้าผาก คางมน จมูกรั้น แล้วค่อยๆทาให้ทั่วหน้าอย่างทะนุถนอม ติณณ์ไม่ค่อยมีสิว หน้าใส แต่สุขภาพผิวหน้าดูแห้งและโทรม ธารามองตากลมที่แต่เอาหลุกหลิกเพราะไม่รู้จะเอาสายตาวางไว้ตรงไหน เขาขำเบาๆแล้วสั่งให้มองตาเขานิ่งๆเสีย จากนั้นก็เอาอายครีมอีกกระปุกหนึ่งมาปาดที่ใต้ตาคล้ำๆนั้น ธาราเพลิดเพลินกับการได้ดูแลเด็กแบบนี้ ไม่รู้สิ ได้ลูบไล้ใบหน้าน่าหลงใหลแบบนี้แล้วมันชื่นใจแปลกๆ



     "เสร็จแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง"



     "ก็...เย็นๆดีครับ"



     ธาราหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แล้วดันศีรษะเล็กให้นอนลงกับหมอน จากนั้นก็ปิดไฟจนความมืดเข้ามาทักทาย ติณณ์ตัวเกร็งเมื่อไม่มีแสงสว่างอีกต่อไป ความคิดฟุ้งซ่านมันกำลังจะไหลเข้ามา เจ้าตัวพยายามข่มตาให้หลับโดยไม่คิดอะไร แต่ความทรงจำที่ไม่น่าจดจำมันก็ค่อยๆไหลเข้ามาอีกแล้ว



     ติณณ์หันหน้าหนีคนที่นอนข้างๆ ถึงแม้ว่ายามวิกาลมันช่วยปกปิดหน้าตาที่ไหลออกมาอยู่แล้ว แต่เสียงสะอื้นนี่สิปกปิดยากเหลือเกิน เขาพยายามสูดน้ำมูกให้เบาที่สุด โชคดีที่พอสะอื้นไปสักพักแต่อาธารไม่ยักจะตื่น สงสัยคงหลับไปแล้ว



     สุดท้ายก็ต้องร้องไห้คนเดียวทุกๆคืน



     เมื่อไหร่จะเลิกอ่อนแอสักทีนะ?




     ยิ่งไม่มีคุณหมอนข้างโปรดให้โอบกอดก็รู้สึกอ้างว้าง หนาวเย็น ไหนจะไม่คุ้นสถานที่ ความรู้สึกหลายๆอย่างมันตีกันไปหมด อาธารจะทนเขาได้อีกนานเท่าไหร่? ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย? เพราะแค่กลัวเขาฆ่าตัวตายหรือเปล่า? แต่สุดท้ายก็ต้องอยู่คนเดียวอีกใช่ไหม...



     "ติณณ์!?"



     "!!!!!!"



     "ร้องไห้หรอ?"



     ถูกจับได้อีกแล้ว



     แย่ชะมัด เขาว่าเขาสะอื้นเบาแล้วนะ



     ร่างบางถูกพลิกให้หันหน้าเข้าร่างหนา เป็นอะไร? คิดมากหรอ? ไม่เอาไม่ร้องนะ อาอยู่ตรงนี้แล้วไง ธาราพูดซ้ำๆวนไปวนมาพลางลูบศีรษะนั้นๆ ทำให้ติณณ์ร้องไห้หนักกว่าเดิมจนต้องดึงร่างนั้นเข้ามากอดในอ้อมอก ความอบอุ่นจากร่างกายแกร่งนั้นโอบล้อมเด็กหนุ่มแทนที่ความอ้างว้าง ติณณ์ซุกหน้าลงบนอกนั้นแทนหมอนข้าง แล้วปล่อยน้ำตาอย่างไม่อาย เพราะอาธารเคยเห็นน้ำตาเขามาแล้ว เห็นอีกสักครั้งจะเป็นอะไรไป



     "ตอนนั้นอาเตือนติณณ์แรงเกินไปใช่ไหม? อาขอโทษ อาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ติณณ์รู้สึกไม่ดี อาเป็นห่วง อาไม่อยากให้ติณณ์เข้าใกล้สิ่งไม่ดี แต่ยังมีอาอยู่ตรงนี้นะ เห็นไหม อาอยู่ใกล้ๆติณณ์ตรงนี้ไง ชู่ว ไม่ต้องร้องครับ อาอยู่นี่..."



     อ้อมกอดและคำพูดของอาธารนั้นวิเศษ คำว่า'อาอยู่ตรงนี้นะ'มันเข้ามาแทนที่ภาพเลวร้ายในหัว ร่างของเขาจมอยู่ในอ้อมแขน ยิ่งสะอื้นอาธารนยิ่งกอดแน่นขึ้น ตอกย้ำว่ามีคนสามารถสัมผัสได้ถึงเขา ตอกย้ำว่าเขามีตัวตน ตอกย้ำว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวนะ มีอาธารกอดอยู่ตรงนี้จริงๆ น้ำตาค่อยๆหยุดไหลเพราะมีความอบอุ่นมาปกป้อง แต่ถึงอย่างนั้นมือใหญ่ก็คอยลูบหัวเขาไม่หยุด จนติณณ์ผล็อยหลับคาอ้อมอกนั้นอีกครั้ง



     คืนต่อมา ติณณ์ยังคงบังคับให้นอนไว



     ทำยังไงดี มันจะฟุ้งซ่านเหมือนเดิมอีกแล้ว



     ลืมบอกไปว่าให้อาธารแวะเอาหมอนข้างก่อนจะกลับบ้าน มันรู้สึกอ้างว้างอีกแล้ว



     ติณณ์อยากให้อาธารกอดอีก แต่ไม่อยากร้องไห้เสียงดังจนอาธารตื่น มันรบกวนเกินไป



     เด็กหนุ่มมองคนข้างๆอย่างลังเล ผู้ใหญ่กำลังหลับสบาย จะทำยังไงดีเพื่อจะได้อยู่ในอ้อมกอดนั้นอีกครั้ง?



     ร่างบางค่อยๆขยับตัวเข้าใกล้อาธารอย่างเบาๆ และทำให้เงียบที่สุด เข้าใกล้จนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่าย แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ในห้วงนิทราอย่างสงบ มองแล้วรู้สึกสงบตามพิลึก ร่ายกายขยับเข้าไปใกล้อีกนิด ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งนำใบหน้าเล็กๆไปซุกและพิงอกแกร่งนั้น แม้ไม่ได้ถูกกอด แต่แค่อยู่ในอ้อมอก ได้รับไออุ่น ได้สัมผัส แค่ได้รู้สึกว่าคืนนี้ติณณ์ไม่ได้อยู่คนเดียวก็ดีใจมากๆแล้ว




     ติณณ์คิดไปคิดมา แล้วก็พบว่าการไม่ได้กลับบ้านก็ดีเหมือนกัน






talk.
เห็นไหม หมดดราม่าแล้วจริงๆ! ขอโทษนะคะที่หายไปนาน งานยุ่งนิดหน่อยแต่เยอะมาก(?) แงๆๆ
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ติณณ์มาอยู่กับอาธารนะถูกต้องแล้ว

นอนแนบอกอุ่นๆของอาธาร

แถมมีคนทาครีมบำรุงให้ด้วย

น่ารักที่สุด

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
อาธารคือหมาป่าที่สวมหน้ากากฮัสกี้
ส่วนน้องคือลูกแมวน้อยหลงทางทีีมีบาดแผล ได้แต่ภาวนาให้อย่าร้ายกับน้องกลัวน้องมีปมเพิ่มอีก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
สงสารอาธารเลยค่ะต่อไปนี้ เข้มแข็งไว้นะคะ อดทนอย่าให้ด้านมืดออกมา 55555555

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ภติณท์เอ้ยน่าสงสารมาก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น้องตินณ์เริ่มจะติดหมอนข้างที่ชื่อธาราแล้วสิ :-[

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew2: เด็กน้อยน่าสงสาร

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
 :pig4: :pig4:เรารออ่านเรื่องนี้ตลอดเลย

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 689
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อาธารนอกจากจะเป็นหมอนข้างที่ดีที่สุดแล้วยังต้องฝึกความอดทนมากๆๆอีกนะคะ :katai3:

ออฟไลน์ M_Y MILD

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รักเรื่องนี้นะคะ รักมากกกกกกชอบๆๆๆ

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เอ็นดูน้องตินณ์ งื้ออออออ

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 8


     "เมี้ยว"




     เสียงร้องเหมียวๆของเจ้าถุงเงินเป็นเสียงนาฬิกาปลุกชั้นเยี่ยมของธารา มันมักจะมานั่งจ้องหน้าเจ้าทาสตอนเช้าตรู่เพื่อปลุกให้มาถวายข้าวเช้าเสียดีๆ แต่วันนี้พอธารายกเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมา ก็พบว่าไม่ใช่แมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์ของเขา แต่เป็นแมวน้อยที่ต้องการความอบอุ่น ดูได้จากการเอาใบหน้ามามุดแผ่นอกของเขาแบบนี้ ส่วนเจ้าถุงเงินก็เอาแต่แหกปากร้องอยู่หลังแผ่นหลังบอบบางนั่น




     นอนดิ้นหรือ?




     ธาราไม่กล้าขยับตัวแม้แต่กระดิกเดียว กลัวว่าคนที่กำลังหลับสบายจะตื่นเช้าเกินไปในวันหยุดแบบนี้ ร่างสูงคิดว่าควรจะปล่อยให้นอนต่ออีกสักนิด




     อีกส่วนหนึ่งในร่างกายนี้ที่ธาราชอบเป็นพิเศษ นอกจากลำคอสวยๆนั่นแล้ว ยังชอบกลุ่มผมนิ่มๆลื่นๆนี้ เอามือลูบแล้วเพลินดี คงจะสระผมบ่อยๆ ว่าแล้วก็อยากพิสูจน์ว่าจะหอมสักแค่ไหน ปลายจมูกโด่งกดลงไปสูดดมกลุ่มผมนิ่ม แล้วพบว่ามันหอมกลิ่นน้ำยาสระผมแบบผู้ชาย เสพแล้วผ่อนคลาย สบายใจพิลึก




     นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเด็กคนนี้ตัวร้อน เลยให้ทานยาลดไข้ไป มือใหญ่เอาหลังมือแนบหน้าผาก พบว่าอุณหภูมิไม่ได้สูงเท่าเก่าแล้วจึงสบายใจ แล้วเปลี่ยนมาเชยชมหน้าตาคนตรงหน้า




     ติณณ์เป็นคนเวลาทำหน้าเฉยๆแล้วดูเป็นคนหล่อ แต่พอยิ้มจนแก้มบุ๋มลงไปทั้งสองข้างแล้วน่ารัก ธาราลอบมองเครื่องหน้าราวพระเจ้าสรรค์สร้างนั่น คิ้วเข้มได้รูป ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งรั้น กระจับปากน่ามอง ริมฝีปากสีธรรมชาติหากแต่กลับแห้งแตก เพราะเจ้าตัวคงดื่มน้ำน้อย เห็นทีคงต้องจับทาลิปมันเสียบ้าง ถึงอย่างไรก็ตาม สายตาคมมันชอบเหลือบไปมองซอกคอขาวๆนั่นอยู่ดี




     ให้ตาย




     พ่อจะจับให้ใส่เสื้อคอเต่าทุกวันเลยคอยดู
















     "เมี๊ยวๆ~"




     เจ้าแมวนามถุงเงินแหกปากร้องเพื่อปลุกเจ้าทาสอีกครั้ง หากแต่เจ้าทาสตัวนี้ไม่ค่อยคุ้นกลิ่นนัก เจ้าตัวขนนั่งมองร่างบางๆที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงคนเดียว ส่วนเจ้าทาสตัวใหญ่ที่มันคุ้นกลิ่นนั้นอยู่ในห้องครัว จมูกเล็กๆสีชมพูยื่นเข้าไปดอมดมจมูกรั้นของอีกฝ่ายเพื่อสำรวจ ไม่นานนักเปลือกตาอันหนักอึ้งของติณณ์ก็ลืมขึ้นมาเพราะสัมผัสเปียกชื้นตรงจมูกของแมวเจ้าปัญหานี่




     "ถุงเงิน?"




     เจ้าของชื่อครางรับเสียงเล็ก เด็กหนุ่มหัวเราะอย่างเอ็นดูก่อนที่จะสังเกตว่าอาธารไม่ได้นอนอยู่ข้างๆอีกต่อไป เขามองไปตรงแดดเจิดจ้าที่กรองผ่านผ้าม่านหรูให้เหลือแดดอ่อนๆ เจ้าของคอนโดตื่นก่อนเขา แถมหายไปไหนก็ไม่ทราบ ติณณ์ไม่ได้ติดใจในข้อนั้นเท่าไหร่ เขาสนใจเจ้าแมวขนนุ่มตรงหน้า ดวงตาที่คล้ายเม็ดลำไยช้อนตามองมนุษย์เหมือนจะอ้อนขออะไรบางอย่าง เห็นแล้วมันเขี้ยวไม่น้อย เลยจับเจ้าตัวขนนั้นขึ้นมาอุ้ม มันร้องประท้วงเงี๊ยวๆเบาๆ แต่ก็ยอมให้จับแต่โดยดี




     "ยอมเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม?"




     เสียงใสว่าแบบนั้นเมื่อแมวในอ้อมกอดนอนนิ่งเหมือนตุ๊กตา ติณณ์ดีใจที่อย่างน้อยมันก็ไม่เมินเขาแล้ว น่ารักจังเลย กินข้าวหรือยัง ดูท่าจะกินเยอะใช่ไหมถึงได้ตัวอ้วนกลมขนาดนี้ ติณณ์พูดคุยกับแมวทั้งๆที่รู้ว่ามันตอบไม่ได้นอกจากร้องเหมียวๆ ใครมาเห็นอาจจะหาว่าเขาบ้าก็ได้ แต่เขามีความสุขดีที่ได้เล่นกับแมวหรือสัตว์ต่างๆ มันสบายใจดี




     ติณณ์นั่งฟัดเจ้าแมวน่ารักสักพักก็ได้กลิ่นหอมๆเหมือนอาหารอะไรสักอย่าง เขาหยุดฟัดถุงเงินแล้วสูดจมูกฟุดฟิดเพื่อดมกลิ่นน่าอร่อยนั่น สักพักท้องก็ร้องโครกครากอย่างน่าอาย นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ดมกลิ่นอาหารแล้วรู้สึกหิวขนาดนี้? เด็กหนุ่มก้าวลงจากเตียงพร้อมอุ้มเจ้าแมวอ้วนไปด้วย เขาเดินไปทางนั้นทางนี้ตามกลิ่นไปอย่างไม่รู้ทาง สุดท้ายก็มาเจอต้นตอที่ห้องครัวหรู




     เด็กหนุ่มแอบมองธาราที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว พอแอบชะเง้อดูสิ่งที่อยู่ในกระทะเทฟลอนก็พบว่าคือแฮมที่ถูกย่างจนกลิ่นหอมอบอวลไปทั่ว แถมยังมีวัตถุดิบลักษณะคล้ายขนมปังกลมๆเล็กๆวางข้างๆ ส่วนอีกเตานึงเป็นหม้อที่ไม่รู้ว่าข้างในคืออะไร ซึ่งอาธารกำลังวุ่นวายกับหม้อนั้นอยู่ ติณณ์เพิ่งเคยเห็นผู้ใหญ่คนนี้ทำอาหาร เพราะปกติอาธารมักจะสั่งอาหารมาทานแทนที่จะทำเองเพราะเสียเวลา หรือเพราะวันนี้เป็นวันหยุดเลยมีเวลาทำงั้นหรือ?




     คนหิวได้แต่แอบมองและแอบดมกลิ่นหอมๆอยู่หลังกำแพง ในหัวมีแต่คำว่าหอมจัง มันคืออะไรนะ ใช่อาหารเช้าหรือเปล่า คงจะอร่อยน่าดู




     อยากจะเดินเข้าไปดูขั้นตอนการทำ ติณณ์ชอบดูการทำอาหาร ทั้งในทีวี ยูทูป หรือแม้กระทั่งตอนแม่ยังมีชีวิต เขาชอบเข้าไปยืนดูอย่างสนอกสนใจ แต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เลยโดนแม่บ่นและชอบไล่ให้ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารตลอด




     แล้วนี่คืออาธาร เพิ่งย้ายมาอยู่คอนโดเขาไม่กี่วัน อย่าสร้างภาระดีกว่า




     "เมี๊ยว"




     เจ้าแมวคงอึดอัดที่อยู่ในอ้อมกอดนานๆจึงเริ่มดิ้นและแหกปากประท้วง เสียงร้องนั่นทำให้ธาราหันไปมองต้นตอเสียง ภาพที่เห็นคือ ติณณ์กำลังอุ้มเจ้าถุงเงินที่พยายามดีดดิ้นให้พ้นพันธนาการ ส่วนเจ้าตัวก็พูดอย่างตกใจว่า 'ถุงเงิน!' แล้วปล่อยแมวตัวนั้นให้เป็นอิสระ ก่อนจะหันมามองเขาอย่างทำตัวไม่ถูก เก้ๆกังๆว่าจะทำอะไรต่อไปดี




     มีเด็กแอบมองอีกแล้ว





     "อ้าวติณณ์ แอบมองอาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ้ย... ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่" ธาราเอ่ยปากแซวเด็กโป๊ะแตก




     ติณณ์ได้แต่ยิ้มเกร็งๆไปให้ผู้ใหญ่ ในใจนึกอยากจะจับตีเจ้าแมวตัวปัญหานั่น คอยดูนะ ถ้ามีโอกาสจะจับฟัดเสียให้เข็ดเลย!




     "เพิ่งตื่นเมื่อกี้ครับ"




     "อากำลังทำอาหารเช้าอยู่พอดีเลย มานั่งรอตรงเคาน์เตอร์นี่มา" ธาราพยักพเยิดไปตรงเคาน์เตอร์เรียบหรูที่อยู่ติดกับครัว ติณณ์นั่งแหมะลงกับเก้าอี้สูงตามคำสั่ง พลางมองคนตัวสูงเดินทำนู่นนี่นั่นในครัว ไม่นานเกินรอ จานใบเล็กสีขาวสะอาดตาก็วางลงตรงหน้า ตามมาด้วยขนมปังก้อนกลมที่เรียกว่าอิงลิชมัฟฟินที่ถูกผ่าครึ่งและย่างเรียบร้อย แผ่นแฮมย่างหอมๆวางทับบนคาร์โบไฮเดรต ต่อด้วยโปรตีนคือไข่ดาวน้ำที่เป็นทรงสวยจากการใส่น้ำส้มสายชู ราดด้วยซอสฮอลแลนเดสสีเหลืองนวลให้คลุมไข่ขาวเป็นการปิดท้าย




     มันคือเอ้กเบเนดิกต์ที่น่าทานมากๆ




     "เรียบร้อย จัดการได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ" ธาราว่าอย่างนั้นหลังจากวางมีดและส้อมไว้ข้างจานเพื่อเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการเสิร์ฟ




     ติณณ์อยากจะหั่นเข้าปากแทบตาย แต่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ต้องรอเจ้าบ้านเปิดก่อนเขาถึงจะตาม ดวงตากลมมองร่างสูงตักข้าวโอ๊ต ซีเรียล เวย์โปรตีนลงชาม จากนั้นก็เทนมสดรสจืดลงไป คนๆให้เข้ากันแล้วโยนบลูเบอร์รี่สดลงไปเป็นท็อปปิ้ง เด็กหนุ่มเห็นผู้ใหญ่ทานอาหารเช้าแนวๆนี้ทุกวัน แนวจืดๆ แนวรักสุขภาพ แนวคนออกกำลังกาย มิน่าล่ะอาธารถึงได้มีหุ่นที่สมบูรณ์แบบอย่างนี้




     พอเหลือบตามามองข้อมือเล็กๆของตัวเอง มันช่างน่าน้อยใจเสียจริง




     "รออะไรเนี่ย ทำไมไม่ทานล่ะติณณ์?" เพราะติณณ์เอาแต่นั่งมองเขาตาไม่วาง อาหารไม่แตะ





     "รออาธารทานก่อนครับ"



     เด็กดีของอา





     ธาราบอกโอเคๆแล้วลงมือทานมื้อเช้าของตัวเอง เมื่อเด็กหนุ่มเห็นอย่างนั้นแล้วจึงหยิบส้อมกับมีดขึ้นมาชำแหละไข่แดงจนทะลักไหลเยิ้มออกมา ส้อมคมจิ้มวัตถุดิบทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้วส่งเข้าโพรงปาก รสชาติทุกอย่างกลมกล่อมเข้ากันด้วยดี ติณณ์วิจารณ์อาหารไม่เป็นหรอก บอกได้แค่ว่ามันอร่อย อร่อยมากๆ ไม่ได้ทานอาหารโฮมเมดมานานมากแล้ว เขาชอบความสดใหม่ ความหอมกรุ่น ความเสิร์ฟร้อนๆ รสมือแบบโฮมเมดที่ไม่เหมือนตามร้านอาหาร นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ชิมฝีมืออาหาร ติณณ์นึกเสียดาย ทำไมอาธารถึงไม่ทานของอร่อยแบบนี้ด้วยกัน




     คนที่ทานอาหารเช้าแบบคนรักสุขภาพอย่างธาราก็ได้แต่มองเด็กตรงหน้าที่ดูเจริญอาหารกว่าปกติ ยอมรับว่าค่อนข้างลุ้นว่าติณณ์จะมีผลตอบรับอย่างไรกับอาหารของเขา ไม่ได้คาดหวังว่าต้องทำหน้าตาตื่นตาตื่นใจแล้วร้องออกมาว่าอร่อยมากๆอะไรแบบนั้นหรอก แค่ทานหมดจานก็พอใจแล้ว




     เป็นไปตามคาดอย่างหนึ่ง คือเมื่อคำแรกส่งเข้าปากเล็กๆนั่น เจ้าของร่างไม่ได้มีรีแอคชั่นที่หวือหวาอะไร แต่ถ้าไม่ได้คิดไปเองเขาเห็นม่านตาขยายกว้างขึ้นเล็กน้อย เหมือนแมวเวลาเห็นอะไรที่น่าสนใจ แถมยังทานเร็วกว่าปกติ ธารามองคนเคี้ยวแก้มตุ่ยเหมือนกระต่ายอย่างเพลินตา รู้ตัวอีกทีเอ้กเบเนดิกต์ที่บรรจงทำก็หมดเกลี้ยง และที่น่าตื่นเต้นก็คือ ติณณ์ทานอาหารหมดก่อนเขาเป็นครั้งแรก




     "อร่อยหรือหิวเนี่ย" ธาราว่าไปหัวเราะไป




     "อร่อยครับ" อร่อยมากๆ อร่อยโคตรๆเลยต่างหากล่ะ




     "ได้ยินแล้วชื่นใจ ทานเยอะๆแบบนี้บ่อยๆนะ จะได้มีเนื้อมีหนัง"




     มันค่อนข้างเป็นอะไรที่คอนทราสพอสมควร ติณณ์ต้องมาทานของที่เพิ่มน้ำหนัก ส่วนธาราต้องทานของที่ไม่เพิ่มไขมัน




     ติณณ์มองอาหารในชามของคนตรงข้ามอย่างนึกสงสัย คนที่คุมน้ำหนักเขาจะรู้สึกยังไงบ้างที่ต้องทานน้อยๆ ทานของจืดๆแบบนี้ เขามองใบหน้าอาธารสลับกับอาหารไปมาอย่างสงสัย อย่างที่ธาราเองก็รู้ตัว




     "มองอะไรครับ หืม?"




     "ป...เปล่าครับ" ติณณ์หลุบตาลงเมื่อโดนทัก




     ก็เห็นๆอยู่ว่ามองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ยักจะถามสักคำ




     เมื่อไหร่จะสนิทกับแมวตัวนี้สักทีนะ










     จากที่เมื่อเช้าเห็นว่าเด็กติณณ์เจริญอาหารขึ้นแล้ว มื้อกลางวันเลยพาเด็กออกไปทานข้าวข้างนอกบ้าง จะได้เปิดหูเปิดตา ธาราเป็นคนเลือกร้านเองเพราะติณณ์มักจะตอบว่าทานอะไรก็ได้ เขาเลือกเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่วัยรุ่นชอบมาทานกัน แน่นอนว่าติณณ์ไม่ได้เลือกเมนูเองเพราะเกรงใจ เขาเลยเลือกข้าวหน้าทงคัตสึให้คนตัวเล็กกว่า ส่วนตัวเองเลือกสเต็กปลาแซลมอน




     ธาราแปลกใจที่คราวนี้ทำท่าไม่อยากทานอีกแล้ว ตักข้าวช้า ตักคำเล็ก เคี้ยวช้าๆเหมือนมีเวลาบดอาหารทั้งชาติ ทั้งๆที่เมื่อเช้าก็เห็นทานได้ดีนี่นา




     "ไม่อร่อยหรอ?" ธาราเอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มทานช้า




     "อร่อยครับ แต่ผมแค่ไม่ค่อยหิว"




     ติณณ์ไม่กล้าบอกหรอกว่าความจริงเขาชอบอาหารโฮมเมดของอาธารมากกว่า แต่ถ้าบอกตรงๆไปคงจะดูเรื่องมากพอควร อาธารอุตส่าห์เลี้ยงก็ดีมากเท่าไหร่แล้ว เขาไม่ควรจะเรื่องเยอะ เขาไม่ได้เจริญอาหารขึ้น เพียงแต่อาหารฝีมืออาธารมันอร่อยเกินไปต่างหาก




     หลังจากนั้นก็โดนย้ำเตือนชุดใหญ่ว่าให้ทานข้าวเยอะๆ เขารู้ข้อนี้ดี เลยต้องจำใจยัดเข้าไปอย่างกล้ำกลืน พอเสร็จธุระอาธารก็ถามว่าอยากไปที่ไหนต่อไหม แน่นอนว่าไม่ จะพูดว่าไม่ชอบเที่ยวก็ได้ ติณณ์ไม่ชอบที่กว้างๆ คนเยอะๆ ที่ของเขาต้องเป็นที่แคบๆ คนน้อยๆ เป็นส่วนตัว อย่างเช่นบ้าน ไม่ก็คอนโดของอาธาร ติณณ์จึงปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด




     ธาราก็เห็นด้วยกับคำตอบของติณณ์เหมือนกัน ลึกๆแล้วก็อยากนอนเฉยๆอยู่บ้านเพื่อพักผ่อน ทำงานเหนื่อยทุกวัน อยากจะพักร่างกายบ้าง พอกลับถึงคอนโด ธาราเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆแล้วนอนดูหนังในไอแพดอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจ ส่วนติณณ์ก็ไปเล่นกับเจ้าถุงเงินงุ้งงิ้งๆสักพักก็หยิบหนังสือขึ้นมาทำโจทย์




     มันเป็นภาพชินตาของธาราไปแล้ว ติณณ์เอาแต่อ่านหนังสือ ทำการบ้าน เล่นกับแมว อ่านหนังสือ อ่านหนังสือ เล่นกับแมว แล้วก็อ่านหนังสือ




     เด็กสมัยนี้มันจะขยันกันเกินไปแล้ว




     ในขณะที่ธารากำลังผ่อนคลายกับหนังโปรด สายตาก็เหลือบไปมองคนทำหน้าตาเครียดกับหนังสือ มือข้างที่จับดินสอก็ตวัดยุกยิกๆไปมา แล้วก็เอายางลบถูๆหน้ากระดาษ ทำอย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมาจนคิ้วเข้มทั้งสองแทบจะผูกเป็นโบว์แล้ว




     อะไรกัน นี่มันวันหยุด ควรจะพักผ่อนสิติณณ์




     "ติณณ์ อ่านหนังสือเตรียมแอดอีกแล้วหรอ?"




     "ครับ"




     "พักสักหน่อยไหม สักสองสามชั่วโมงก็ยังดี นี่มันวันหยุดนะ พักผ่อนหน่อยดีไหม?" ธาราแนะนำ "สักแปปนึงความรู้ไม่หายไปไหนหรอกนะคนเก่ง"




     ติณณ์อึกอัก อีกฝ่ายพูดขนาดนี้คงต้องทำตามแล้วล่ะ ไม่งั้นคงโดนดุว่าดื้ออีกแน่ๆ แต่เขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการพักผ่อนที่นี่ดี มันไม่ใช่บ้านของเขาที่จะทำอะไรตามใจชอบได้ จะหันไปเล่นกับเจ้าแมวอ้วนก็เห็นว่ามันหลับปุ๋ยอยู่ก็ไม่กล้ากวน เลยทำตัวไม่ถูกว่าจะทำอะไรดี




     "ถ้าชอบอ่านหนังสือ ลองอ่านอะไรที่เบาๆสมองหน่อยไหม? อามีหนังสือในชั้นหนังสือเต็มเลย ลองไปหยิบๆมาสักเล่มก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ"




     ฟังดูเป็นตัวเลือกที่ดี ร่างบางย้ายตัวเองไปตรงชั้นวางหนังสือเพื่อหาอย่างอื่นอ่านบ้าง ส่วนใหญ่มีแต่วรรณกรรมแนวสืบสวน ผจญภัย ฆาตกรรม อะไรทำนองนั้น ติณณ์สงสัยว่าอ่านแล้วมันเบาสมองขึ้นจริงๆหรือ? สายตาไล่อ่านชื่อหนังสือตามแนวสันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดที่สันหนังสือสีสดใสที่เป็นคู่มือการทำอาหาร เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดดูคร่าวๆก็พบว่ามันเป็นหนังสือสอนทำอาหารฝรั่งที่มีรูปภาพสวยๆเต็มไปหมด นี่คงเป็นหนังสือที่น่าจะผ่อนคลายที่สุดสำหรับเขาในชั้นหนังสือนี้แล้วล่ะ




     เมื่อธาราเห็นคนตัวเล็กเลือกหนังสือได้แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง พลางตบเบาะข้างๆเพื่อเรียกให้อีกฝ่ายมานั่งด้วยกัน ติณณ์นั่งลงตรงนั้นอย่างไม่อิดออดพลางเปิดหนังสือที่ตัวเองเลือกมาอย่างสนอกสนใจ




     "ติณณ์ชอบทำอาหารหรอ ถึงเลือกเล่มนี้"




     "เปล่าครับ ผมว่าเล่มอื่นมันเครียดเกินไป"




     ธาราหัวเราะกับคำตอบตรงไปตรงมานั้น เขาชอบอ่านหนังสือแนวที่คนอื่นมักจะบอกว่าปวดหัว แต่มั่นใจว่าผ่อนคลายกว่าหนังสือเรียนของติณณ์แน่ๆ แต่ก็ไม่ค้านหรอกว่าหนังสือทำอาหารเล่มนี้น่ะ เบาสมองสุดในบรรดาหนังสือทุกเล่มในคอนโดเขาแล้ว




     เด็กและผู้ใหญ่ต่างฝ่ายต่างอยู่ในโลกของตัวเอง ธารานั่งดูหนังในไอแพดเงียบๆ ติณณ์ก็นั่งดูหนังสืออย่างเงียบๆเช่นกัน บรรยากาศเงียบๆนี้ไม่ได้สร้างความอึดอัดแม้แต่น้อย กลับรู้สึกผ่อนคลายเพราะต่างคนต่างกำลังจมกับสิ่งที่ตนสนใจ ติณณ์เสพการจัดวางหน้ากระดาษ งานกราฟฟิค และภาพอาหารของหนังสือเล่มนี้ มันสวยและองค์ประกอบลงตัวทุกอย่าง เขาเอาแต่เปิดไปมาเพื่อชื่นชมกับภาพอาหารน่าทานนั้นอย่างไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดกับหน้าหนึ่งเข้า




     ไก่อบเลม่อน




     ไม่รู้ว่าด้วยเทคนิคของมุมกล้อง หรือแสงสีที่ปรับแต่งเลยทำให้ภาพๆนี้ดูน่าทานมากๆ ติณณ์หยุดอ่านขั้นตอนการทำไม่กี่ขั้นตอนก็พบว่ามันไม่ยากมาก แถมน่าอร่อยอีกต่างหาก ยิ่งถ้าเป็นแบบโฮมเมดคงจะตีบวกดาเมจเข้าไปอีกแน่ๆ




     หิว




     ไม่น่าเลย ไม่น่าเลือกอ่านเล่มนี้เลย นี่มันแค่บ่ายสองเองนะ อีกนานกว่าจะถึงเวลาข้าวเย็น แต่กลับหิวขึ้นมาเสียได้ ติณณ์ปิดหนังสือเล่มนี้ลงแล้วนำไปเก็บที่เดิม กลับมานั่งจุมปุ้กเพื่อทำโจทย์ดังเดิม ธาราเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัวเบาๆ นั่นเรียกว่าพักแล้วหรอ ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เอาเถอะ อนาคตเด็กนี่คงได้เป็นด็อกเตอร์อะไรเทือกๆนั้นแน่ๆ




     โคตรจะเนิร์ด




     เวลาล่วงเลยไปหลายชั่วโมง ธาราก็ยังคงหาหนังดูไปเรื่อยๆ ส่วนติณณ์ก็นั่งทำโจทย์วิชานั้นวิชานี้ไปเรื่อยๆ เขาหยิบชีทแนวข้อสอบแพทสามหรือข้อสอบความถนัดทางวิศวกรรมที่ทำค้างไว้ขึ้นมาทำต่อ ติณณ์อยากเรียนวิศวะไฟฟ้า เลยค่อนข้างทำได้ดีในเรื่องของไฟฟ้า ส่วนเรื่องที่ถนัดน้อยสุดคงจะเป็นพวกเครื่องกลอะไรทำนองนั้น




     ว่าแล้วโจทย์ในหัวข้อที่เขาไม่ค่อยสนิทก็มาถึง เป็นเรื่องของเครื่องกลที่โจทย์ยาวเหยียด อ่านคร่าวๆก็รู้ได้ว่าต้องคิดหลายขั้นตอน ติณณ์พยายามค่อยๆทำด้วยตัวเอง พยายามแก้สมการ แต่แล้วก็พบแต่ทางตัน นิ้วเรียวเอาแต่นวดขมับตัวเองอย่างปวดหัว เฉลยในอินเตอร์เน็ตน่ะไม่มีหรอก เพราะนี่เป็นแนวข้อสอบที่คุณครูคิดโจทย์ขึ้นเอง




     ทำยังไงดี ทักไปถามเพื่อนน่ะหรอ ตัดออกได้เลย เพราะหนึ่ง ไม่ค่อยมีเพื่อน สอง ติณณ์เป็นคนค่อนข้างมีอีโก้สูงกับคนรุ่นเดียวกันเพราะเขาเป็นถึงระดับท็อปของห้อง จะยอมให้คนที่เขายอมรับว่าเก่งกว่าสอนให้เท่านั้น ซึ่งก็คือคุณครูประจำวิชานั้นๆ เขามักเลือกถามคุณครูในคาบมากกว่าเพื่อนข้างๆ แต่ตอนนี้ ที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนนี่ แต่เป็นคอนโดของอาธาร คนที่เก่งที่สุดในห้องนี้ก็คงจะเป็น—




     จริงสิ อาธารเคยบอกว่าจบโยธานี่นา




     คงจะเก่งเรื่องเครื่องกลอะไรพวกนี้ใช่ไหม?





     เมื่อเห็นว่าใครเป็นที่พึ่งได้ เด็กหนุ่มก็มองคนๆนั้นใหญ่ อาธารกำลังดูหนังอย่างตั้งใจ ไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ เลยข้ามไปทำข้ออื่นรอให้ผู้ใหญ่ดูหนังจบก่อนค่อยถาม พอเห็นว่าอาธารวางไอแพดลงแล้วบิดขี้เกียจเล็กน้อยก็รีบลุกขึ้นพร้อมหยิบชีทเจ้าปัญหาติดมือไปด้วย




     "อาธารครับ คือผมทำโจทย์ข้อนี้ไม่เป็น เลยอยากให้ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมครับ" ติณณ์ยิงคำขอร้องใส่อย่างไม่อ้อมค้อม ถ้าเป็นเรื่องเรียนล่ะก็เขาก็กล้าพูด กล้าถามทั้งนั้นแหละ




     ธาราแปลกใจ แต่ก็ตื่นเต้นนิดๆ เพราะนับครั้งได้ที่ติณณ์เป็นฝ่ายพูดกับเขาก่อน และไม่บ่อยนักที่จะพูดประโยคยาวๆ ธาราบอกไหนขอดูซิ แล้วหยิบชีทในมือเล็กๆนั่นขึ้นมาอ่านโจทย์ ติณณ์นั่งลงข้างๆพลางมองอย่างใจจดใจจ่อ




     "มีดินสอไหม?" ติณณ์ยื่นดินสอกดให้ ธารารับมาแล้วขีดๆเขียนๆภาพประกอบให้พร้อมทิศของแรงกำกับ ตั้งสมการให้คร่าวๆเพื่อให้หาตัวแปร นักเรียนยื่นหน้าเข้ามาดูและฟังอย่างตั้งใจ พยักหน้าหงึกๆเพื่อแสดงความเข้าใจในสิ่งที่พูด ระยะของทั้งสองใกล้กันจนธาราได้กลิ่นตัวหอมๆจางๆของอีกฝ่าย ไหนจะดวงตาแป๋วๆที่มองอย่างตั้งใจนั่น มันทำให้เขาอยากจะจับฟัดให้มันรู้ๆไป




     "อาใบ้ให้แค่นี้ ที่เหลือไปหาค่าต่อเองนะ"




     ชีทนั่นถูกส่งคืนเพื่อมาให้ติณณ์ทำด้วยตัวเองต่อไป อาธารเก่งสมกับที่เป็นวิศวกรโยธาจริงๆ ติณณ์มองอีกฝ่ายในด้านบวกมากขึ้น รู้สึกเคารพนับถือมากยิ่งขึ้น แรงบันดาลใจต่อไปของเขาก็คืออาธารล่ะมั้ง โตขึ้นก็อยากจะเป็นวิศวกรเก่งๆแบบนี้บ้าง




     ธารานั่งมองเด็กนั่งแก้สมการจนหัวยุ่ง ดูท่าทางจะยากสำหรับเด็กตัวแค่นี้แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ถามทางลัดจากเขา จริงๆแล้วการนั่งมองคนทำโจทย์ด้วยสีหน้าเครียดๆนั้นไม่น่ามองเท่าไหร่ แต่พอเป็นติณณ์กลับน่ามองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ไม่รู้สิ มันเอ็นดูล่ะมั้ง เขามองเด็กอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งเจ้าตัวยกก้นดินสอขึ้นมากัดระบายความเครียด หากแต่ภาพนั้นกลับดูเซ็กซี่พิลึก ธารากลืนน้ำลายลงแล้วหันหน้าไปทางอื่น




     บางทีก็อยากจะลดความหื่นของตัวเองให้น้อยลงหน่อย




     ใช้เวลาสักพัก นิ้วเรียวยกขึ้นมาจิ้มจึกๆที่ไหล่แกร่ง ติณณ์เรียกให้อาธารหันมาเช็ควิธีทำ สมการที่ใช้ และคำตอบว่าถูกต้องหรือไม่ ธาราอ่านลายมือที่เขียนลวกๆแต่ไม่อ่านยากจนเกินไปเพราะเป็นลายมือเด็ก เช็คการวิเคราะห์และการคำนวณอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเฉลยคำตอบ




     "ถูกแล้วครับ" มือใหญ่ลูบศีรษะนั้นเป็นรางวัล "เก่งมากเลยคนเก่ง"




     "ฮี่~"




     ติณณ์ครางรับคำชมนั้นด้วยความพอใจ พร้อมยิ้มกว้างให้เห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวย เหมือนธาราเห็นออร่าอะไรบางอย่างเปล่งประกายอยู่รอบๆร่างนั้น เขาเพิ่งเคยเห็นติณณ์ยิ้มกว้างจนเห็นฟันแบบนี้ ความสุขอีกอย่างหนึ่งคือการประสบความสำเร็จในการเรียนสินะ? เห็นทีคงต้องซัพพอร์ตในด้านนี้บ่อยๆแล้วสิ




     "อยากได้อะไรเป็นรางวัลไหม?" ธาราหวังว่ารางวัลนั้นจะทำให้เห็นรอยยิ้มติณณ์แบบนี้อีก




     "อ่า ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง"




     "ใช่ เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องเกรงใจกัน" ให้ตาย ติณณ์ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเสียหน่อย "หัดให้รางวัลตัวเองบ้าง นิดๆหน่อยๆก็ยังดี จะได้มีกำลังใจทำอะไรๆต่อไปไง"




     ติณณ์มองธาราค้าง คิดว่าผู้ใหญ่พูดเล่นๆ แต่พอเห็นสีหน้าอาธารที่ดูคาดหวังกับคำตอบ เขาเลยต้องใช้เวลาคิดสักพักว่าอยากได้อะไรดี




     พอนึกขึ้นได้ ติณณ์รีบลุกไปหยิบหนังสือทำอาหารที่เคยอ่านไว้เมื่อตอนบ่ายๆ เปิดหน้าสารบัญไล่หาเมนูที่อยากทาน เปิดหน้าตามหมายเลขนั้นจนเจอหน้าที่ตามหา แล้วพลิกหน้านั้นให้ธาราดูเต็มตา




     "งั้น...เย็นนี้อาธารทำไก่อบเลม่อนให้ทานหน่อยได้ไหมครับ" ติณณ์พูดพลางช้อนตามองดวงตาคมนั้นอย่างจังๆ เพื่อให้เห็นว่าอยากทานจริงๆนะ อย่างที่ธาราประมวลผลได้ว่าสายตานั้นช่างออดอ้อนเหมือนถุงเงินเวลาขอข้าว




     "ติดใจฝีมืออาล่ะสิ ได้ เดี๋ยวเย็นนี้อาจะทำให้"




     คำตอบของธาราทำให้เด็กตรงหน้ายิ้มกว้างจนลักยิ้มบุ๋มลงไปอีกครั้ง




     ธาราเองก็ได้คำตอบแล้วเหมือนกัน ว่าทำไมเขาถึงอยากจะเข้าหาติณณ์นักหนา




     คงเพราะอยากปกป้องรอยยิ้มน่ารักๆนั่นล่ะมั้ง















talk.

เงอะ น้องติณณ์ติดกับเสน่ห์ปลายจวักของอาธาร555555555 อ้อนให้เขาทำอาหารให้กินบ่อยๆระวังจะโดนกินเองนะคะ—

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2019 16:26:40 โดย TiXA »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
บรรยากาศเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ    :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
น่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
ค่อยๆปรับเข้าหากันทีละนิด

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ถ้าเป็นอาธารจะทำไก่อบเลม่อนให้ติณณ์ทานซัก10จานไปเลย น้องเริ่มอ้อนแล้ว เป็นสัญญาณที่ดีที่อาธารกับติณณ์เริ่มปรับเข้าหากันแล้ว รู้สึกว่าติณณ์ไว้ใจอาธารมากขึ้น รอติณณ์เปิดใจให้อาธารแบบจริงจัง รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีค่ะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
น้องติณณ์เวอร์นี้


น่ารักน่าเอ็นดูที่สุด

อาธารที่น่าสงสาร

หายใจเข้าอยากฟัดเด็ก

หายใจออกอยากฟัดเด็ก

อาธารจะกลายเป็นป๋าผู้เก็บกด

55555555

น่ามสานมาก

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักทั้งคู่เลย

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
น่ารักคุณอาทำอาหารให้หลานตินณ์กินบ่อย ๆ นะจะได้สนิทกันไว ๆ :o8:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ชอบโมเม้นท์อยู่ในห้องมากเลยค่าา  :hao5:

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 9




     ธาราคิดว่าช่วงนี้อะไรๆมันดีขึ้น




     อะไรๆที่ว่า ก็หมายถึงคนเด็กคนนั้นนั่นแหละ




     เริ่มจากที่ธาราคิดว่าติณณ์จะทานอาหารได้ดีก็ต่อเมื่อเป็นอาหารโฮมเมด ไม่ใช่ว่าอาหารอย่างอื่นจะไม่ทาน เพียงแต่ดูทรมาณทุกๆคำที่กลืนเข้าไป เขาคิดว่าช่วงนี้คงต้องทำอาหารเองบ่อยๆเพื่อเอาใจ จากนั้นก็สลับเป็นอาหารตามร้าน อีกหน่อยก็คงจะชิน และน่าจะมีเนื้อนุ่มๆให้เห็นมากกว่าข้อกระดูกในอนาคต




     อย่างต่อมา เขาคิดว่าตัวเองได้พูดคุยกับติณณ์มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเรียน เวลามีโจทย์ฟิสิกส์ที่ไม่เข้าใจมักกล้าที่จะพูดและถาม บางทีก็เป็นโจทย์คณิตศาสตร์ ต้องขอบคุณที่ตัวเองตั้งใจเรียนมาตลอดเลยพอมีวิชาหลงเหลือไว้สอนนักเรียนบ้าง เขาไม่ได้สอนตรงๆไปเสียทุกอย่าง ส่วนมากจะปล่อยให้เด็กวิเคราะห์เองบ้าง




     ธารามักจะถามกลับว่าติณณ์คิดยังไงกับโจทย์นี้? เวลาเด็กหนุ่มอภิปรายสิ่งที่ตัวเองคิด เขาชอบมองไปที่ปากเล็กๆที่เจื้อยแจ้วอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ดวงตาฉายแววความมั่นใจออกมาเป็นประกาย มองๆไปแล้วธาราก็เผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาชอบเวลาติณณ์หมกมุ่นกับสิ่งที่ตัวเองสนใจ มันดูเฉิดฉาย มีออร่า แต่เมื่อไหร่ที่หัวข้อการศึกษาจบลง คนเก่งของเขากลายเป็นเด็กพูดน้อยเหมือนเดิม




     บางทีธาราก็อยากคุยเรื่องอื่นๆกับติณณ์บ้าง แต่พอเข้าใจว่าคนประเภทนี้คงต้องใช้เวลา




     อย่างสุดท้าย ใบหน้าละอ่อนนั่นดูสดใสขึ้น สุขภาพดีขึ้น ไม่ได้โทรมอย่างแต่ก่อนแล้ว อาจเป็นเพราะเขาจับเด็กมาประโคมครีมบำรุงให้ทุกคืนก่อนนอน ทากับมือเองทุกครั้ง เพราะเด็กคนนั้นไม่มีทางหยิบของของเขามาใช้เองแน่ แต่นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสุขภาพผิวหน้าสดใสนั้น สาเหตุหลักคงมาจากการพักผ่อนเพียงพอ ไม่ได้สปหงกบนรถอีกต่อไปแล้ว




     พูดถึงการหลับนอน ช่วงนี้ธารามักตื่นมาเจอใครบอกคนนอนซุกอกเขาทุกๆเช้า




     ทีแรกคิดว่าน่าจะนอนดิ้น แต่นี่มันบ่อยเกินไปจนผิดวิสัย ไม่ใช่ว่ารำคาญอะไร รู้สึกดีด้วยซ้ำที่มีเด็กตัวอุ่นๆมาซุก แค่สงสัยเท่านั้นว่านอนดิ้นอีท่าไหนถึงมาจบที่แผ่นอกของเขาทุกๆเช้า




     คืนหนึ่ง ผู้ใหญ่และเด็กหนุ่มเข้านอนเวลาปกติ คนตัวเล็กหันหลังให้ธารา ดวงตาคมมองร่างนั้นทะลุผ่านความมืดพลางคิดว่าอยากเห็นเหตุการณ์สดๆว่าเจ้าตัวดิ้นยังไง เขาจึงตัดสินใจยังไม่หลับ รอเวลาสักพัก คนข้างๆค่อยพลิกตัวมาทางด้านเขา ธาราแสร้งหลับตาเผื่อว่าแสงจันทร์มันจะสะท้อนให้เห็นว่าเขาจับตาดูอยู่ เตียงบริเวณข้างๆยุบมาทางเขาอย่างช้าๆ จนสัมผัสได้ถึงไออุ่นของร่างกาย และเสียงลมหายใจที่ตามมา




     "อาธาร?"




     ชื่อของเขาถูกเรียกอย่างแผ่วเบาราวกระซิบ เรียกไปมาอยู่สักพัก เมื่อธาราไม่ได้ตอบกลับอะไรศีรษะกลมก็เข้ามาซุกตรงแผ่นอกแกร่งอย่างที่เคยสัมผัสทุกๆเช้า ธาราสรุปได้ว่า นี่ไม่ใช่การนอนดิ้น หรือการละเมอ แต่เป็นการจงใจ




     "จับได้แล้ว"




     "!!!!!"




     จากที่ติณณ์กำลังเคลิ้มหลับ อยู่ๆธาราก็ใช้แขนและมือมารวบเอวบางๆนั่นไว้แน่นราวกับจะพันธนาการไม่ให้ไปไหน ถ้าติณณ์มีหูกระต่ายมันคงชี้ตั้งขึ้นด้วยความตกใจ เด็กหนุ่มหัวใจหล่นวูบเพราะทั้งการกระทำและคำพูดนั้นส่อว่าเขาถูกจับได้แล้วจริงๆ ติณณ์พูดอะไรไม่ออกสักคำ ได้แต่ดิ้นขลุกขลิกอยู่ในอ้อมกอดนั้น แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นเท่าไหร่ เถาวัลย์นี้ยิ่งรัดร่างกายเขาแน่นขึ้น




     "จะหนีไปไหน หืม?"




     "ปล่อยก่อนครับ...ฮื่อ" เสียงเล็กครางในลำคอด้วยความอึดอัดเมื่อโดนล็อคเอวไว้แน่นกว่าเดิม ธารายกยิ้มมุมปากออกมาในความมืดเมื่อปลายผมนุ่มนั้นคลอเคลียไปมาตรงลำคอของเขา เพราะเจ้าตัวกำลังดีดดิ้น




     "ไม่ปล่อย" ธาราว่าอยากสนุกสนาน "ตอบอามาก่อนสิ ว่าแอบมาซุกอกอาทำไมทุกคืน?"




     ติณณ์อยากจะมุดแผ่นดินหนีเสียตรงนั้น




     มันน่าอาย น่าอายมากๆ




     "ไม่มีอะไรครับ" นั่นเป็นคำตอบที่สิ้นคิด ติณณ์รู้ แต่มันไม่รู้จะตอบอะไรแล้ว




     "โกหก"




     "ไม่มีอะไรจริงๆครับ ผมแค่นอนดิ้น...ฮื่อ! อาธาร ผมหายใจไม่ออก" ติณณ์ร้องประท้วงเมื่ออาธารกอดแน่นขึ้นอีกเหมือนจะแกล้งกัน ระยะของทั้งคู่ตอนนี้ใกล้กันมากขึ้นเพราะแรงดึง ทำให้ปลายจมูกโด่งแทบจะเสียดสีกัน




     "เหรอ นอนดิ้นอะไรมีเรียกชื่ออาด้วย? ทำไม หลงเสน่ห์อาแล้วหรือไง"




     เด็กหนุ่มไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเล่นมุกแบบนี้ ทำเอาติณณ์ทำสีหน้าไม่ถูก โชคดีที่มีความมืดมาบดบังเอาไว้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เห็นประกายเล็กๆจากดวงตาของอีกฝ่ายเหมือนกำลังสนุกสนาน




     "ไม่ใช่ครับ" ถึงธาราจะถามเล่นๆ แต่ติณณ์ตอบจริงๆ




     "งั้นก็ตอบมาสิ ไม่งั้นอาจะรัดทั้งคืนให้เอวหักคามือนี่แหละ"




     ความอึกอักนั้นล้มหลามอยู่ในใจ อีกใจหนึ่งมันก็บอกให้ปิดปากเงียบเอาไว้ กลัวว่าบอกไปจะดูเป็นคนอ่อนแอ หรือต่อให้ได้แสดงความอ่อนแอก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้จักตัวตนของเขามากเกินไป เข้ามาในโลกของเขามากเกินไป แต่อาธารอาจจะไม่ยอมให้เขาเข้าไปในโลกอีกฝ่ายเลยก็ได้ เหมือนกับว่าไม่อยากรู้สึกสนิทกับใครอยู่ฝ่ายเดียวอีกแล้ว




     แต่อีกใจหนึ่งมันก็อัดอั้น อยากจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจให้ใครสักคนฟังบ้าง




     "ผมนอนไม่หลับ" สุดท้ายติณณ์เลือกที่จะตอบแค่นั้น




     คนฟังเมื่อได้ยินเสียงอันแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อยนั้นก็นิ่งไปครู่ คนในอ้อมกอดไม่ได้พูดอะไรต่อเขาจึงไม่ได้เซ้าซี้พลางนึกถึงคืนแรกที่เด็กนี่มานอนที่คอนโดแห่งนี้ เขาจำได้ว่าเจ้าตัวร้องไห้ ต้องดึงมากอดปลอบถึงจะสงบและผล็อยหลับไป ธาราเดาว่าติณณ์คงมีเรื่องและอารมณ์สีเทาๆในใจมากมายแต่ไม่ค่อยแสดงออกเป็นสีหน้าและคำพูด เขาอยากให้เจ้าตัวระบายออกมาบ้าง แต่กลัวว่าการเค้นถามจะเป็นการกดดันมากเกินไป




     ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสม คงจะพูดออกมาเองล่ะมั้ง




     "โอเค อาเข้าใจแล้ว" มือใหญ่เคลื่อนจากเอวบางไปที่ศีรษะกลม "ไม่ต้องคิดมาก นอนกันนะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน"




     ติณณ์รู้สึกขอบคุณที่อีกฝ่ายไม่ได้มีคำถามอะไรต่อ ถึงแม้ว่าทั้งสองแทบจะไม่มีระยะห่างต่อกัน แต่คนตัวเล็กยังเขยิบตัวเข้าใกล้อีกนิดแล้วเอาศีรษะซุกตรงแผ่นอกอย่างที่ชอบแอบทำประจำ แต่วันนี้ไม่ต้องแอบแล้ว แถมยังมีท่อนแขนแข็งแรงทั้งสองข้างโอบกอดเอาไว้อีกต่างหาก




     อุ่น อ้อมกอดของอาธารอุ่นที่สุดเลย







     ช่วงนี้มึงหล่อขึ้นหรือเปล่าวะ วันนี้ติณณ์โดนทักแบบนี้หลายรอบมากจากที่โรงเรียน




     เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองดูดีขึ้นตรงไหน ก็เหมือนเดิมตลอดนี่ หรือเป็นเพราะเป็นตัวเองเลยไม่ได้สังเกต




     "หล่อจริง หน้ามึงดูใสๆขึ้นยังไงไม่รู้ ไม่ได้เป็นแพนด้าอย่างแต่ก่อน" โต้ยืนยันอีกเสียง




     นิ้วเรียวยกขึ้นแตะใบหน้าตัวเองด้วยความรู้สึกประหม่า เมื่อก่อนเขาดูแย่ขนาดนั้นเลยหรือ?  จริงสิ หรืออาจเป็นเพราะครีมบำรุงหน้ามหัศจรรย์ของอาธาร ที่เคลมว่าทาแล้วหน้าใสกิ๊งเหมือนพักพ่อนมาสิบชาติ แต่จะว่าไปติณณ์ก็พักผ่อนเพียงพอมากกว่าแต่ก่อนจริงๆแหละ ไม่ใช่เพราะพึ่งยานอนหลับ แต่เป็นเพราะอ้อมกอดอุ่นๆของใครอีกคน




     "แล้วนี่มึงเอาไรมากิน?" โต้ถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่ามื้อกลางวันของเพื่อนไม่ใช่ขนมปังโง่ๆอีกต่อไป แต่เป็นมักกะโรนีกุ้งที่ใส่กล่องสำหรับอาหารอย่างดี "เชี่ย มึงซื้อมาจากไหนวะ โคตรน่ากิน"




     "เปล่า มีคนทำให้"




     "ใคร?"




     "..." ติณณ์ไม่รู้จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับอาธารยังไงดี "อาที่รู้จักกัน"




     "ชื่อ?"




     "อาธาร"




     "หน้าตาเป็นยังไง"




     "ไม่ใช่เรื่องของมึง"




     โต้หัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อโดนด่าเข้าให้ ติณณ์เป็นพวกด่าแล้วไม่รู้สึกโกรธแต่กลับรู้สึกสะใจชอบกล เขามองคนข้างๆยัดอาหารใส่ปากด้วยความเร็วกว่าปกติ แถมยังกวาดเสียหมดเกลี้ยง นี่มันไม่ธรรมดา ติณณ์ไม่เคยกินข้าวเร็วขนาดนี้ สงสัยจะถูกปาก




     หลังจากมื้อกลางวันผ่านไป โต้บอกเพื่อนว่าจะไปเข้าห้องน้ำแปปนึง เมื่อเดินมาถึงห้องน้ำชายเขาก็ชะเง้อมองว่าติณณ์ไม่ได้ตามมาจริงๆ จึงยกโทรศัพท์คู่ใจตัวเองขึ้นมา กดโทรหาใครบางคนที่ได้ติดต่อกันเมื่อเช้านี้แล้ว




     "สวัสดีครับคุณอา ครับ ทานหมดเกลี้ยงเหมือนอดมาจากไหนก็ไม่รู้ ผมไม่เคยเห็นมันทานเร็วขนาดนี้มาก่อนเลย แสดงว่าคุณอาทำอร่อยมากๆ...อ่า วันนี้ก็ดูปกตินะครับ หมายถึงตั้งใจเรียน เรียนอย่างเดียว ไม่ค่อยพูดเหมือนเดิม เรียนอย่างกับจะเอาโอลิมปิกเหรียญทองเลย อ้อ อีกอย่างนึง ผมว่าติณณ์ดูหล่อขึ้นนะครับ"




     ก็ยอมรับแหละ ว่าโต้เป็นสายลับให้ใครบางคน







     "อือฮึ โอเค ขอบคุณมากที่ช่วยดูให้"



 
     ธารากล่าวขอบคุณก่อนที่จะวางสายจากเพื่อนของเด็กคนนั้น วันนี้เขาลองให้โต้เป็นหูเป็นตาที่โรงเรียนให้ ช่วงนี้มันรู้สึกเป็นห่วงติณณ์ขึ้นมาเวลาอยู่นอกสายตา เลยอาศัยถามคนรอบตัวอีกฝ่ายแทน เพราะถ้าจะให้โทรถามเจ้าตัวโดยตรง คงจะเน้นตอบให้เขาสบายใจมากกว่า




     อย่างน้อยก็ได้รับรู้เรื่องดีๆสองอย่าง หนึ่ง ติณณ์ทานอาหารของเขาจนหมดอย่างเคย สอง คนอื่นๆเริ่มเห็นว่าติณณ์หน้าตาไม่ได้โทรมอย่างเก่าแล้ว




     คนมันเลี้ยงดีน่ะ




     ในระหว่างธารากำลังคิดอะไรเพลินๆ เสียงโทรศัพท์มือถือก็กรีดร้องขึ้นมาอีกครั้ง มันถูกโทรเข้าด้วยเบอร์แปลก เขาขมวดคิ้วสงสัยก่อนที่จะกดรับสาย "สวัสดีครับ?"




     "สวัสดีครับไอ้คุณธารา" เสียงปลายสายว่าอย่างสนิทสนม แถมเสียงยังคุ้นๆเหมือนเคยได้ยินที่ไหน




     "ไม่ทราบว่าผมกำลังพูดอยู่กับใครครับ?"




     "ลืม ทำลืม กูแสงเพื่อนร่วมสาขามึงไง"




     "แสง..." ธาราใช้เวลารื้อฟื้นความจำ "ไอ้แสง!?"




     'แสง'เป็นเพื่อนร่วมสาขา ร่วมคณะ ร่วมมหาวิทยาลัยตอนสมัยปริญญาตรี จัดว่าเป็นเพื่อนสนิทของธาราในสมัยนั้น จากนั้นก็ไปเรียนต่อและทำงานที่ต่างประเทศจนไม่ได้เจอกัน ธาราคุยกับคนปลายสายอย่างออกรสอย่างที่ไม่ได้ติดต่อกันมานาน จับใจความได้ว่าแสงจะย้ายมาทำงานที่ประเทศไทยแล้ว วันนี้เครื่องจะลงตอนค่ำๆ เลยโทรมานัดธาราไปทานข้าวด้วยกันในมื้อเย็น




     หลังจากที่ธารารับเด็กกลับจากโรงเรียนก็บอกอีกฝ่ายอย่างชัดเจนว่าเย็นนี้อาจะไปทานข้าวกับเพื่อนนะ ชื่ออาแสง เป็นเพื่อนสมัยเรียนป.ตรี เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ อาจะกลับบ้านสักสามทุ่ม ติณณ์ทานข้าวเย็นก่อนได้เลย อาสั่งไว้ให้แล้ว อยู่บ้านเป็นเด็กดีนะ ติณณ์รับฟังประโยคบอกเล่านั้นอย่างเข้าใจ ก่อนที่อาธารจะแต่งตัวหล่อแล้วเดินออกจากคอนโดนี้ไป




     ติณณ์มาอยู่ที่นี่ได้สองสามสัปดาห์แล้ว เขาเริ่มชินกับบุคคลและสถานที่ พอถึงคราวที่ต้องอยู่คนเดียวแล้วรู้สึกแปลกๆ




     เด็กหนุ่มนั่งทานอาหารเย็นอยู่คนเดียว พอไม่มีใครมาบังคับให้ทานก็ทานช้าลงในระดับที่เจ้าถุงเงินยังกินข้าวในชามหมดก่อนเขา


 

     คนเก่งนั่งทำการบ้านอยู่ตรงที่ประจำ พลางเล่นกับแมวบ้าง ทั้งๆที่มันสงบดีและเป็นกิจวัตรประจำวันที่ควรจะชิน แต่ติณณ์รู้สึกมีอะไรบางอย่างขาดหายไป




     ดวงตากลมมองไปที่นาฬิกาเรือนสวย




     สามทุ่มนี่ นานเหมือนกันนะ








     ธาราสงสัยว่าอยู่ๆตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร




     ร้านเหล้า




     จะอะไรเสียอีก พอทานอาหารเย็นกับไอ้แสงเสร็จแล้ว มันก็ชวนมาต่อที่นี่ พร้อมให้เหตุผลประกอบว่าไม่ได้มาร้านเหล้าที่ไทยนานแล้ว อยากมารื้อฟื้นความจำอะไรเสียอย่าง ธาราก็ไม่ได้ขัด ช่วงนี้เขาทำงานหนักจนไม่ได้เที่ยวกลางคืนอย่างที่ชอบทำมานานแล้ว ไหนๆก็มีโอกาสพักผ่อน ขอใช้เวลาสักนิดจะเป็นอะไรไป




     "คนนั้นน่าสนใจว่ะ"




     แสงสะกิดให้เพื่อนหันไปมองสาวสวยที่กำลังกรีดกรายเรือนร่างไปตามจังหวะเพลง มันสาธยายความงามของหญิงสาวให้เขาฟังสักพักก็หายตัวไปกับฝูงชน คงจะออกล่าเหยื่อ




     ธาราไม่ได้เดินตามไป เขานั่งดื่มอยู่ตรงบาร์เงียบๆ วันนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะล่าเหยื่อ เพียงแค่อยากมาพักผ่อนเท่านั้น




     แต่ด้วยรูปลักษณ์อันน่าหลงใหลของนักล่า ทำให้เหยื่อไม่น้อยจ้องตาเป็นมัน อยากจะโดนร่างกายอันแข็งแกร่งนั้นกัดกินอย่างเร่าร้อน ธาราเป็นคนมี sex appeal สูง เพียงแค่ปรายตาคมกริบไปมองใครบางคนเข้า คนๆนั้นก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนกับองค์ประกอบที่ดึงดูดทุกๆเพศนั้น




     "มาคนเดียวหรอครับ"




     วันนี้มีเหยื่อมาถวายตัวให้ธาราถึงที่




     ร่างสูงมองสำรวจคนที่เข้ามาทักทาย เป็นชายหนุ่มอายุราวสามสิบ โครงหน้าสวยหวานน่ารักน่ามอง รูปร่างสมส่วนอย่างที่ธาราชอบ และสิ่งที่ชอบที่สุด คือสายตาพราวระยับอันยั่วยวนนั้น อย่างที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการเขามากแค่ไหน




     ชัดเจน ตรงไปตรงมา ธาราชอบแบบนี้




     เครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยแอลกอฮอล์ไหลรินลงริมฝีปากบางเฉียบ ลิ้นอุ่นแลบเลียริมฝีปากอย่างเชื่องชาพลางมองไปที่เหยื่อตัวน้อยนั่น




     ขอกลืนคำพูดตัวเองที่ว่าคืนนี้ไม่ได้ตั้งใจจะล่าเหยื่อ




     จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อเนื้อหอมๆรสโอชะมันหลอกล่ออยู่ตรงหน้าเขาแล้ว








     อาขอเลื่อนเวลาเป็นเที่ยงคืนนะ ติณณ์หลับไปก่อนได้เลย อาธารว่าแบบนี้ในเวลาสี่ทุ่มกว่าๆ




     ถึงจะสงสัยว่าทำไมอยู่ๆถึงเลื่อนเวลา แต่ติณณ์ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป คงจะเป็นธุระส่วนตัว




     เด็กหนุ่มไม่ได้ว่าอะไร อาธารคงจะอยากพักผ่อน อาธารมีสังคมของเขา ติณณ์เข้าใจดี เข้าใจมากๆ แต่ทำไมถึงรู้สึกอยากให้อาธารกลับมาไวๆก็ไม่รู้




     ติณณ์เลิกมองนาฬิกา แล้วหันมาทำการบ้าน อ่านหนังสือเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านอย่างเคย พออ่านไปเรื่อยๆหนังตามันก็เริ่มล้า ช่วงนี้ความสามารถในการอดนอนของเขาลดลง เป็นเพราะช่วงนี้เข้านอนไวบ่อยๆจนเคยชิน เด็กหนุ่มอาบน้ำชำระร่างกายจนเรียบร้อยแล้วเข้าไปที่ห้องนอน เขาเดินผ่านหน้ากระจกที่มีครีมบำรุงของอาธารเต็มไปหมด ดวงตาใสหยุดมองมันอยู่สักพัก พลางคิดอะไรนิดหน่อยอยู่ในหัว ก่อนที่จะสลัดมันออกแล้วปิดไฟนอนอย่างที่ควรจะทำ




     พลิกซ้าย




     พลิกขวา




     นอนหงาย




     เอาหน้ามุดผ้าห่ม




     ติณณ์พยายามทุกท่าแล้ว แต่นอนไม่หลับ เตียงนี้มันกว้างเกินไปที่จะนอนคนเดียว แถมยังหนาว แม้จะเอาผ้าห่มมาพันร่างตัวเองแน่นๆแล้วก็ยังรู้สึกอุ่นไม่พอ




     มือเรียวเอื้อมไปสัมผัสพื้นที่อันว่างเปล่าข้างๆ พลางคิดว่า ถ้ามีแผ่นอกของอาธารให้ซุก คงจะหลับง่ายกว่านี้




     แบบนี้ไม่ดีเลย ติดอาธารแบบนี้ไม่ดีเลย




     คนตัวเล็กถอนหายใจ ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องนั่งเล่น ดวงตากลมกวาดหาเจ้าแมวพันธุ์สก็อตทิช โฟลด์อยู่สักพักก็เจอเจ้าตัวขนขดตัวอยู่บนโซฟา เจ้าทาสนั่งลงข้างๆมันอย่างเบาๆเพราะกลัวแมวตื่น พลางโน้มตัวลงไปฟัดขนนิ่มๆนั้นอย่างมันเขี้ยว เจ้าแมวครางเงี๊ยวๆเหมือนละเมอทำให้ติณณ์ยิ้มออกมาบางๆ




     เที่ยงคืนกว่าๆ




     อาธารยังไม่กลับมา




     ติณณ์ตัดสินใจที่จะรอ ต่อให้เข้านอนยังไงก็นอนไม่หลับ เขานั่งๆนอนๆเล่นกับเจ้าถุงเงินซ้ำไปซ้ำมา มาถึงจุดหนึ่งก็เบื่อเพราะแมวไม่ยอมเล่นด้วย มันคงจะง่วงและรำคาญมนุษย์คนนี้ไม่น้อย ติณณ์เลยเอนตัวนอนบนโซฟา ดึงเจ้าแมวอ้วนเข้ามากอด ตัวอุ่นๆขนนิ่มๆทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้เขานอนหลับได้อย่างสบายใจอยู่ดี




     ความอ้างว้างล้อมรอบกายอย่างน่าหดหู่ มีแต่ความเงียบงันที่คอยเป็นเพื่อนกัน ติณณ์คิดมาตลอดว่าตัวเองชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย แต่วันนี้เขาได้คำตอบแล้ว ว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้ต้องการอยู่คนเดียวเลย




     แค่หลอกตัวเองว่าแข็งแกร่ง อยู่คนเดียวได้ ไม่ต้องพึ่งพาใคร




     ภาพที่มองไปยังประตูห้องเริ่มพร่ามัวเพราะแผ่นฟิล์มของน้ำตา พอกะพริบตาทีนึง น้ำตามันก็หยดออกมาเป็นเม็ดใสๆ




     อีกแล้ว ฟุ้งซ่านอีกแล้ว







     ตีหนึ่งครึ่ง เป็นเวลาที่รถคันหรูของธาราจอดที่คอนโดมิเนียม




     เขาไม่ได้นอนค้างคืนกับคู่นอน พอแลกเปลี่ยนความสุขสมกันเสร็จสรรพก็ต่างกันแยกย้าย จะให้ค้างคืนได้อย่างไร เขามีเด็กให้ดูแลอยู่ที่คอนโด แต่ป่านนี้เจ้าตัวคงนอนหลับปุ๋ยไปแล้ว




     เป็นไปตามคาด เมื่อธาราเปิดประตูเข้าไป ติณณ์หลับไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังนอนกอดเจ้าถุงเงินด้วย




     ส่วนสิ่งที่เหนือคาด ติณณ์ไม่ได้หลับบนเตียงนอน แต่กลับเป็นบนโซฟาในห้องนั่งเล่นนี้




     ทำไมมานอนตรงนี้?




     ธาราย่อตัวลงตรงนั้น มองเผินๆเหมือนแมวสองตัวนอนกอดกัน เขามองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู แต่แล้วต้องชะงักลงเมื่อสังเกตเห็นคราบน้ำตาบนแก้มใส ความเปียกชื้นที่แพขนตา และปลายจมูกสีแดงก่ำ



     ร้องไห้หรือ?




     พอคิดแบบนั้นหัวใจมันก็หล่นไปที่ตาตุ่ม คำพูดที่ติณณ์บอกว่านอนไม่หลับนั้นไหลย้อนมาในสมอง หรือจะคิดมากตอนค่ำๆเหมือนวันแรก? ธารานึกโกรธตัวเองที่กลับมาช้าเพราะมัวไปเสพสุขอยู่คนเดียว ปล่อยให้เด็กตัวจ้อยนอนร้องไห้อยู่ที่คอนโด




     นิ้วสากลูบเบาๆที่พวงแก้มนั้น สายตาคมมองไปที่ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ก่อนจะโอบอุ้มร่างบางๆไปที่ห้องนอน แล้ววางลงอย่างทะนุถนอม จากนั้นก็อาบน้ำขัดล้างกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ติดตัวให้สะอาดมากพอที่จะกลับมานอนกอดเด็กขี้แงของเขา




     "ฮื่อ..." ธารามองคนในอ้อมกอดครางฮือเหมือนรู้สึกตัวจากการโดนโอบกอด ติณณ์ซุกใบหน้าอย่างโหยหาไออุ่นบริเวณลำคอของผู้ใหญ่อย่างไม่รู้ตัว "แม่...แม่กลับมาแล้วหรอ"




     ธาราฟังด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง




     "อย่าทิ้งติณณ์ไปไหนอีกนะ"




     "..."




     "ติณณ์เหงา..."




     คำพูดที่เอ่ยออกมาอย่างไม่มีสตินั้นทำให้ธาราอยากจะลงโทษตัวเองหนักๆ เขากอดร่างนั้นแน่นๆอย่างกลัวว่าเด็กคนนี้จะรู้สึกอ้างว้าง ริมฝีปากอุ่นประทับลงบนหน้าผากเนียนนั้นอย่างปลอบประโลม




     "ขอโทษ อาขอโทษนะติณณ์" ธาราเอ่ยคำนั้นซ้ำไปซ้ำมาทั้งคืน "อาอยู่นี่...และอาจะไม่ไปไหนอีกแล้ว"




     หลังจากนี้ธาราคิดว่าจะไม่เที่ยวกลางคืนจนดึกดื่นแบบนี้อีกแล้ว และบทลงโทษของเขาคืนนั้น คือการที่ธารานอนไม่หลับทั้งคืน









talk.
สาปอาธารได้แต่อย่าแรงมากนะคะ ;3; คูมอาผิดไปแร้ว
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ



ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
สงสารน้องแมวน้อยจัง
อาธารอย่าออกไปล่าบ่อยสิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด