ตอนที่ 10
พักนี้ไม่ค่อยได้ออกล่าเหยื่อด้วยกันเลยนะ หรือว่ามีของอร่อยของตัวเองให้กินอยู่แล้ว ธารามักถูกไตรภพพูดแซวแบบนี้
เขาไม่ค่อยพอใจกับคำพูดนั้น ธาราไม่ได้มีของอร่อยติดตัว มีแต่เด็กดีที่รอซุกแผ่นอกของเขาทุกๆคืน แม้ว่าคนในอ้อมกอดจะน่าอร่อยมากแค่ไหนก็ตาม
ติณณ์อาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เป็นเวลาสองเดือนกว่าๆแล้ว ธาราเป็นคนบ้างาน ส่วนติณณ์ก็บ้าเรียน ฉะนั้นกิจวัตรประจำวันของทั้งคู่มักจะตื่นเช้า ไปทำงาน ไปโรงเรียน กลับมาทานข้าวเย็น ทำการบ้าน ทำงาน เล่นกับเจ้าแมวอ้วน เข้านอนด้วยกัน แล้วก็วนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ
คนโลกส่วนตัวสูงไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย แค่นี้ก็รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นกว่าเก่ามากแล้ว แถมยังมีความสบายใจกับอาธารมากขึ้นด้วย เวลาอยู่ด้วยกันเงียบๆไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป เป็นเพราะความเคยชินและอาธารเป็นคนสบายๆ ไม่ได้คะยั้นคะยอให้เขาพูดเยอะๆ แม้ใจจริงธาราอยากจะให้ติณณ์คุยบ้างก็ตาม
ติณณ์อยากพูดนะ มีเรื่องสงสัยเกี่ยวกับอาธารเยอะแยะเลย แต่กลับไม่กล้าพูดออกไป จึงเลือกที่จะมองด้วยความสงสัย พออีกฝ่ายหันมาสบตา เขาก็หลบหน้า และปฏิเสธว่าไม่มีอะไรครับ
ใช่ ติณณ์เป็นแบบนั้นมาตลอดสองเดือน ด้วยความที่เจ้าตัวเอาแต่หมกมุ่นกับการเรียน ส่วนธาราก็หมกมุ่นกับงาน เลยไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกันเท่าไหร่ ถึงต่อให้มีเวลาติณณ์ก็พูดน้อยอยู่ดี
ยากกว่าที่คิด
โชคดีที่วันหยุดยาวกำลังจะมาถึง เป็นช่วงที่แผนกเพิ่งทำโปรเจคจบอย่างสวยงามพอดี ธาราเลยถือโอกาสจัดทริปทะเลให้กับลูกน้องเพื่อเป็นการตอบแทน แน่นอนว่าไม่ลืมชวนใครอีกคน แต่คนโดนชวนกลับปฏิเสธ เพราะติณณ์คิดว่าเขาต้องอึดอัดแน่ๆเมื่อไปอยู่ท่ามกลางผู้ใหญ่ที่ไม่รู้จักอีกครั้ง แถมกลัวเป็นภาระให้อาธารเที่ยวไม่สนุกด้วย เลยบอกไปว่าจะอยู่คอนโดกับเจ้าถุงเงิน แต่อาธารเล่นดักว่าจะพาถุงเงินไปด้วย ติณณ์จะได้ช่วยอาดูแลแมวด้วยไง
เอาแมวมาล่อเด็กชัดๆ
สุดท้ายติณณ์ก็ต้องไปด้วย ธาราเหมารถตู้ให้ลูกน้อง ส่วนตัวเองขับรถส่วนตัวไปกับเด็กหนุ่ม ระหว่างทางไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีเพียงเสียงแมวสองตัวที่เล่นกันงุ้งงิ้งๆ และเสียงเพลงคลาสสิคคลอเบาๆ ธาราชวนคุยบ้างนิดหน่อย ได้ข้อมูลมาว่าติณณ์ไม่ได้ไปทะเลมาหลายปีแล้ว เพราะยิ่งโตเจ้าตัวก็ยิ่งเรียนหนัก ฟังแบบนั้นก็รู้สึกตัดสินใจไม่ผิดที่พาคนข้างๆมาด้วย ก่อนจะปล่อยให้เด็กนอนหลับคอพับไป
เมื่อมาถึงรีสอร์ทที่จองไว้ คนทั้งแผนกก็มารวมตัวกัน ทันทีที่ติณณ์ลงจากรถก็เป็นเป้าสายตา ด้วยความเป็นลูกของคนที่เคยทำงานในแผนกนี้จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ พวกคุณน้าคุณอาทั้งหลายต่างพาเข้ามาทักทายและเข้าหาเขาจนหัวหมุนไปหมด คนเหล่านี้รู้จักติณณ์ แต่ติณณ์ไม่รู้จักใครเลยนอกจากอาธาร
เด็กหนุ่มส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังคนรู้จัก แต่อาธารทำเพียงยิ้มบางๆเชิงจะบอกว่า'มันจะไม่เป็นอะไร'
"อุ้ย! น้องติณณ์ดูมีน้ำมีนวลมากกว่าคราวก่อนหรือเปล่าจ๊ะ ดูดีมากเลย" น้าผู้หญิงคนนึงที่ติณณ์จำได้ลางๆว่าเคยเจอกันคราวก่อนนั้นพูดคุยกับเขามากเป็นพิเศษ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายเอื้อมมือมาบีบแก้มเขาด้วยความเอ็นดู ติณณ์ไม่ได้รังเกียจอะไร เพียงแค่ตกใจเวลาคนที่ไม่ค่อยรู้จักจู่โจมแบบนี้
อย่างที่ธาราเห็นแล้วรู้สึกตะหงิดๆที่หัวใจเช่นกัน
"พอแล้วๆ ไปทานข้าวเที่ยงดีกว่า เชิญเลือกร้านกันตามสะดวก เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง"
คนในแผนกฟังคำหัวหน้าแล้วหยุดวอแวกับลูกของมาลิน เปลี่ยนไปคุยกันเรื่องร้านอาหารแทน ส่วนติณณ์ก็ค่อยๆเขยิบตัวมาหลบตรงแผ่นหลังกว้างนั้น ถ้าได้อยู่หลังอาธารคงจะไม่มีใครกล้าเข้ามา ติณณ์คิดแบบนี้
ธารามองคนที่แอบอยู่ข้างหลังพลางคิดไปคิดมา เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆเสียจริง
มื้อกลางวันมาหยุดอยู่ที่ร้านอาหารริมหาดแห่งหนึ่ง บรรยากาศนับว่ายอดเยี่ยม ลมทะเลพัดเข้าฝั่งทำให้ได้กลิ่นเกลือน้ำทะเลกับเสียงคลื่นปะทะฝั่งครืนๆ อาหารทะเลที่วางบนโต๊ะก็หลากหลาย ทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา กลิ่นหอมโชยกระตุ้นน้ำย่อยให้คนบนโต๊ะ แต่ทั้งๆที่บรรยากาศดีแบบนี้ ติณณ์ยังคงอึดอัด
เพราะคนบนโต๊ะอาหารต่างก็เป็นผู้ใหญ่ เลยพูดแต่เรื่องผู้ใหญ่งั้นหรอ ติณณ์ว่าไม่ใช่ มีพนักงานผู้ชายคนนึงที่หน้าเด็กมากๆ จากที่ฟังเขาพูดคุยกันก็ได้รู้ว่าน่าจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน พี่นักศึกษาพูดเก่งมาก อัธยาศัยดีมากๆจนเหมือนมีแสงเปล่งประกายสาดส่องออกมาจากตัวพี่เขา จนแสงนั้นกลบติณณ์ไปเสียหมด
ติณณ์อยากเป็นให้ได้แบบนั้นบ้าง แต่สำหรับเขารู้สึกว่ามันยากเหลือเกิน
อาธารยังหันมาคุยกับเขาเป็นระยะๆบ้าง แต่ก็นั่นแหละ มีแค่อาธารที่พูดกับเขา แล้วเขาก็กล้าพูดแค่กับอาธาร ติณณ์ได้แต่นั่งทานข้าวเงียบๆ เหมือนมาเพื่อทานอย่างเดียวจริงๆ ดูเผินๆเหมือนหิว แต่ความจริงคือไม่รู้จะทำไรนอกจากทานต่างหาก ถุงเงินก็อยู่ในบ้านพัก ไม่มีใครให้เล่นด้วยเลย
ทั้งๆที่มีคนอยู่รอบกายตั้งหลายคน แต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว
ถ้าอยู่คนเดียวจริงๆคงจะรู้สึกดีกว่านี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ติณณ์คิดว่าตัวเองชอบอยู่ตามลำพัง
"ผมไปเข้าห้องน้ำนะครับ" ติณณ์สะกิดบอกอาธารเบาๆ พออีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาจึงเดินออกจากโต๊ะอาหารนี้ไป
ติณณ์เข้าห้องน้ำก็จริง แต่ไม่ได้ขับถ่ายอะไร เพียงแค่มายืนหน้ากระจก เปิดก็อกน้ำแล้วเอาของเหลวสีใสล้างหน้าตัวเองเท่านั้น หวังว่ามันจะช่วยล้างความรู้สึกน้อยใจออกไปได้บ้าง แต่ความจริงแล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย เด็กหนุ่มมองตัวเองในกระจกด้วยความคิดที่หลากหลาย หนึ่งในความคิดนั้นก็คือ ผู้ชายคนนี้น่าเบื่อเสียจริงๆ
ร่างเล็กพาตัวเองมาจากห้องน้ำ ก่อนจะมองเข้าไปในร้านบริเวณโต๊ะของตัวเอง บรรยากาศช่างดูครื้นเครง ถ้าเปรียบเทียบเป็นสี คนตรงนั้นคงเป็นสีรุ้งที่สดใส ฉูดฉาด สดชื่น และน่าสนใจ ส่วนตัวเขาเป็นเพียงที่เทาชืดๆ จืดๆ ไม่ได้ชวนเข้าหาเท่าไหร่ เขายังทานอาหารไม่อิ่ม แต่ไม่อยากไปตรงนั้นแล้ว ติณณ์จึงเลือกไปนั่งตรงม้านั่งข้างๆร้าน
วิวที่ประจันหน้าเป็นผืนทะเลสีครามสดใส ท้องฟ้าที่ประดับด้วยกลุ่มเมฆปุกปุย เส้นขอบฟ้าสุดลูกหูลูกตา แรงลมที่คลอเคลียผิวกายทำให้สบายตัว และเสียงคลื่นกับเสียงพระพายดังประสานกันทำให้ที่ตรงนี้ไม่ได้เงียบเหงาจนเกินไป ติณณ์เสพบรรยากาศเงียบๆ มันไม่ได้สนุก แต่สบายใจ
ดวงตากลมมองไปยังทิวทัศน์ข้างหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เมื่อก่อนติณณ์สามารถนำความเฉยชาเป็นเกราะป้องกันให้ตัวเอง ความจริงเขาสามารถอดทนนั่งอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดได้ดีด้วยซ้ำ แต่พออะไรเปลี่ยนไป เกราะนั้นมันยากที่จะสร้างขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ
ติณณ์เข้าห้องน้ำนานเกินไปอีกแล้ว
พอคิดแบบนั้นก็กลัวว่าจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเหมือนที่บ้านไตรภพอีก จึงต่อสายหาคนที่เป็นห่วง สักพักคนปลายสายก็ตอบว่านั่งเล่นอยู่ตรงข้างๆร้าน พอถามว่าจะกลับเข้ามาเมื่อไหร่กลับไม่มีเสียงตอบรับ เหมือนลำบากใจที่จะตอบ หรือไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี
"เดี๋ยวผมมาแปปนึงนะครับ พอดีมีงานเข้าด่วน" ธาราพูดปดกับคนร่วมโต๊ะพลางชี้ไม้ชี้มือไปที่โทรศัพท์ก่อนที่จะลุกออกไปหาใครบางคน
สายตาคมมองไปยังเด็กคนนั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งอย่างหงอยเหงา เส้นผมนุ่มปลิวไปตามแรงลมจนผมหน้าม้าเข้าหน้าเข้าตา ทำให้เด็กหลับตาหยีกันผมเข้าตา พลางสะบัดศีรษะไปมาเพื่อสลัดผมหน้าม้าออก ธารายิ้มให้กับภาพนั้นก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งข้างๆอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง เลยทำให้ติณณ์สะดุ้งเล็กน้อย
"...?" ติณณ์ทำหน้าตาสงสัยใส่อีกฝ่าย
"มานั่งทำอะไรตรงนี้อยู่คนเดียว"
นั่นน่ะสินะ เขามานั่งทำอะไร เพราะก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งตากลมโง่ๆ
"มานั่งเล่นเฉยๆครับ"
"ทานข้าวอิ่มแล้วหรอ หืม อาเห็นเราทานไปนิดเดียวเองนะ"
"อิ่มแล้วครับ"
...โครกคราก...
เหตุเกิดจากความหิวเลยทำให้ลำไส้บิดตัวจนเกิดเสียงน่าอาย คนได้ยินหัวเราะเบาๆทำเอาคนหิวหน้าแดงก่ำเพราะความอาย ช่วงนี้ติณณ์เจริญอาหารขึ้นแล้ว แม้ไม่ใช่ฝีมือของอาธารก็ทานได้ เลยกลับมาหิวเมื่อได้รับอาหารไม่เพียงพอแบบนี้ แต่นั่งอยู่ตั้งนานท้องกลับไม่ร้อง ดันมาส่งเสียงเวลาอาธารอยู่ด้วยซะได้
ธาราไม่ได้พูดแซวอะไร ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปไหนสักที่อย่างที่ติณณ์ก็มองตามด้วยความสงสัย ผู้ใหญ่คนนั้นเดินไปที่ร้านขายพวกปลาหมึกย่างที่กลิ่นหอมฉุยมาถึงตรงที่นั่งอยู่ สักพักก็เดินกลับมาพร้อมถือถุงพลาสติกเล็กๆถุงหนึ่งกับน้ำอีกหนึ่งขวด อย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าของในถุงคือปลาหมึกย่าง
อาธารอุตส่าห์ซื้อมาให้ ถ้าปฏิเสธคงจะเสียน้ำใจน่าดู ไม่ใช่หรอก ลึกๆเองติณณ์ก็หิว เขากล่าวขอบคุณก่อนจะรับปลาหมึกย่างเสียบไม้นั่นมาทานเอาๆ ก้มหน้าก้มตาอย่างไม่สนใจใคร ธารามองคนบอกไม่หิวแต่เคี้ยวแก้มตุ่ยอย่างอารมณ์ดี ปากเล็กๆนั่นขยับมุบมิบไปมาเพราะแรงเคี้ยว สักพักริมฝีปากบางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความเผ็ดร้อน สูดลมเข้าปากจนเกิดเสียงซี๊ดซ๊าดเบาๆเพื่อบรรเทาเผ็ด เห็นแบบนั้นจึงเปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้ เด็กหนุ่มรับมาแล้วยกขึ้นดื่มจนเผยให้เห็นลำคอขาวๆเต็มตา น้ำบางส่วนไหลเกินออกจากขอบปากจนไหลรินลงมาตามลูกกระเดือกสวยที่กระเพื่อมจากการกลืน จนไหลหายเข้าไปในคอเสื้อ อย่างที่ทำให้ธารามองตาค้าง
อะไรกัน แค่ทานปลาหมึกย่างต้องเซ็กซี่ขนาดนี้เลยหรอ
"อิ่มหรือยัง?"
"อิ่มแล้วครับ"
"ไหนตอนแรกบอกไม่หิวไง"
"เอ่อ..."
"หิวแล้วทำไมไม่เข้าไปทานข้างในล่ะ อาหารออกจะเยอะแยะ ทำไมออกมานั่งคนเดียวตั้งนาน"
ความจริงแล้วธารารู้คำตอบอยู่แก่ใจ เห็นเด็กข้างๆนั่งเงียบ แถมดูท่าทางอึดอัดมาตั้งนานแล้ว นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะติณณ์เป็นคนแบบนี้ ยิ่งมาอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่รู้จัก ย่อมอึดอัดเป็นธรรมดาของเด็กคนนี้ แต่ที่ถามไปก็เพราะอยากให้เจ้าตัวพูดออกมาบ้างแค่นั้นเอง
"..."
"หืม? ว่าไงครับ?"
"คือ..."
"ติณณ์อึดอัดใช่ไหม?"
เด็กหนุ่มเบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายพูดสิ่งที่อยู่ในใจเขา ไม่คิดว่าอาธารจะรับรู้และสังเกตเห็นความรู้สึกนี้ด้วย แล้วจะพูดยังไงต่อไปดีล่ะ ไปต่อไม่ถูกเลยเมื่อถูกพูดตรงๆแบบนี้ เลยทำได้เพียงพยักหน้ารับ
"อึดอัดอะไรบ้าง ไหนลองบอกอาซิ"
"..." มันอยากจะพูดออกไปนะ แต่เหมือนมีกำแพงอะไรบางอย่างมากั้นเอาไว้
"นะ จะหาว่าอายุ่งก็ได้ แต่อาอยากรู้จริงๆว่าติณณ์คิดอะไรอยู่"
พอได้ยินแบบนั้นมันก็รู้สึกใจชื้นอย่างบอกไม่ถูก ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครอยากรู้ถึงความรู้สึกของเขาจริงๆ พอถูกสนใจความรู้สึกขึ้นมาใจก็สั่นรัวด้วยความตื่นเต้น
ติณณ์คิดไปคิดมา อยากลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ว่าการพูดออกไปบ้างคงจะดีกว่านี้
"ผมไม่รู้จักใครเลย" เสียงแผ่วเบาว่าแบบนั้น "ผมเลยไม่รู้จะพูดอะไร พูดกับใคร ชวนคุยก็ไม่เก่ง ถึงต่อให้รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ไม่รู้ว่ามันจะดูประเดิกประเดิดไหม ผมเองก็ฝืนด้วยถ้าจะพูดเยอะๆกับคนที่ไม่รู้จัก มัน... ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง รู้แต่ว่าที่ตรงนั้นมันไม่ใช่ที่ของผมเลย อยู่ตรงนี้คนเดียวน่าจะโอเคกว่า"
นี่คงเป็นการพูดที่นอกเหนือจากเรื่องเรียนที่ยาวที่สุด แม้จะไม่ได้ระบายออกมาแบบหมดเปลือก แต่พูดออกมาได้ขนาดนี้ธาราก็ดีใจมากแล้ว ซึ่งเขาเองก็เข้าใจในสิ่งที่ติณณ์พูด และสิ่งที่ติณณ์เป็น ขนาดตัวเขาอยู่กับติณณ์มานานกว่าคนในแผนก ยังพูดน้อยเลย
"อ้าว อยากอยู่คนเดียวแต่อามานั่งด้วยแบบนี้ จะอึดอัดไหม?" ธาราพูดเล่นๆอย่างไม่จริงจัง
"ไม่ใช่นะครับ! ผมไม่ได้อึดอัดกับอาธารเลย"
ธาราชะงักเมื่อได้ยินคำนั้น
ที่ผ่านมา ธาราคิดตลอดว่าติณณ์คงยังมีความอึดอัดกับเขาบ้าง เพราะเจ้าตัวไม่ค่อยคุยด้วย แต่พอติณณ์พูดกับปากเองว่าไม่ได้อึดอัดมันก็ดีใจ ดีใจที่เวลานี้มีเพียงเขาคนเดียวที่เด็กคนนี้สบายใจด้วย มันไม่ค่อยดีกับติณณ์นัก แต่ยอมรับว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันชื่นใจจริงๆ
"แล้วทำไมถึงไม่ค่อยพูดกับอาล่ะ หืม?"
ติณณ์มีปมบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนั้น จึงเลือกตอบไปแค่ "ผมชวนคุยไม่เก่งครับ"
"แต่อาอยากคุยกับติณณ์มากเลยนะ" ธาราลูบผมเด็ก "ไม่ต้องพยายามสรรหาประโยคมาชวนคุยก็ได้ แค่บอกว่าวันนี้อากาศเป็นยังไง เรียนเป็นยังไงบ้าง มีเรื่องอะไรน่าเบื่อไหม รู้สึกง่วงหรือเปล่า อะไรก็ได้ ขอแค่พูดออกมาเถอะ อาคุยได้ทุกเรื่องอยู่แล้วถ้าเป็นติณณ์...จริงๆนะ"
"แต่กลัวว่าพูดไปแล้วจะน่าเบื่อกว่าเดิม..."
"เลิกคิดว่าตัวเองน่าเบื่อได้แล้ว" เรียวนิ้วชี้แตะลงบนริมฝีปากนุ่มนั้นเบาๆ "เวลาพูดเยอะๆแบบนี้...น่ารักออก"
หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวมากกว่าเดิม
จะหาว่าเวอร์ก็ได้ แต่ติณณ์รู้สึกดีใจจนจะร้องไห้
พอทานอาหารกลางวันกันเสร็จเรียบร้อย เด็กหนุ่มได้ยินพวกผู้ใหญ่คุยกันว่ามื้อเย็นจะไปทานที่ร้านอาหารบริเวณหน้ารีสอร์ท จากนั้นก็แยกย้ายตามอัธยาศัย บางกลุ่มก็ไปเล่นที่หาด บางกลุ่มไปชอปปิ้ง และบางกลุ่มเลือกที่จะนอนพักอยู่ที่รีสอร์ทจนกว่าจะถึงมื้อเย็น นั่นก็คือกลุ่มของธารา ที่มีเพียงตัวเขา และติณณ์
ธาราเหนื่อยล้าจากการขับรถทางไกล บวกกับอายุที่ไม่ใช่น้อยๆแล้วจึงมีความล้าร่างกาย จึงไม่ได้ออกไปเที่ยวเหมือนคนอื่นๆ นับว่าโชคดีพอสมควรที่รูมเมทของเขาคือติณณ์ รายนั้นพอจะเดาได้ว่าคงอยากอยู่ในห้องพักเหมือนกัน ดูได้จากตอนที่เด็กคนนั้นเปิดประตูเข้ามาก็รีบวิ่งแจ้นเข้าหาถุงเงินก่อนเป็นอับดับแรก ส่วนเจ้าแมวก็เอาแต่เดินหนีเพราะมนุษย์คนนี้วอแวกับมันมากเกินไป ธาราชอบมองแมวสองตัวนี้เล่นกัน มันน่ารักดี
หัวหน้าแผนกเปลี่ยนเป็นชุดสบายๆเพื่อให้เหมาะแก่การงีบหลับ พอศีรษะสัมผัสกับหมอนนุ่มๆ แอร์เย็นๆมันก็พร้อมสลบ ธาราหลับตาได้สักพักก็สัมผัสได้ว่าเตียงข้างๆยุบลงไปเหมือนมีสิ่งมีชีวิตมานอนร่วมเตียง เมื่อหันหน้าไปมองก็พบว่าติณณ์นอนหันหน้ามาทางเขา ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มจนถึงปาก เปลือกตาถูกปิดลงให้เห็นแพขนตาเรียงสวย ติณณ์น่าจะเมื่อยจากการนั่งรถเหมือนกันเลยคลานขึ้นมาหลับปุ๋ยแบบนี้
หลับได้โดยไม่ต้องพึ่งอ้อมกอดเขาอย่างนั้นหรือ?
อาจเป็นเพราะเหนื่อยเลยหลับได้ง่าย ส่วนธาราน่ะหรอ เหนื่อยมากกว่าอีก แต่ดันนอนไม่สบายตัวเมื่อไม่ได้กอดเด็กตัวอุ่นๆอย่างเคย เขาชอบเวลาเส้นผมนุ่มๆมาคลอเคลียตรงลำคอ บางทีศีรษะเล็กก็ขยับถูไถเบาๆเพื่อหาท่าที่สบาย แต่ดูอีกมุมก็เหมือนอ้อน อุณหภูมิอุ่นๆในอ้อมแขนทำให้หลับสบาย คิดแบบนั้นแล้วเขาก็ขยับตัวเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ จากนั้นท่อนแขนแกร่งก็โอบกอดร่างบอบบางนั้นอย่างทะนุถนอม เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาช้อนมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนที่จะปิดเปลือกตาลงแล้วนอนนิ่งๆ เชิงว่าอนุญาตให้กอด
นี่แหละ วันพักผ่อนที่ธาราต้องการ
ตกเย็น ธาราตื่นขึ้นมาก่อนติณณ์ เด็กหนุ่มถูกปลุกด้วยคำว่า ตื่นมาทานข้าวเย็นกันเร็ว แต่คำๆนั้นยิ่งทำให้เขาอยากจมหายไปกับเตียง
แค่นึกว่าต้องไปนั่งท่ามกลางคนไม่รู้จักอีกรอบ ก็อึดอัดจนจะแย่แล้ว แต่ถ้าให้หนีออกมาเหมือนเดิม คงดูไม่ดีเท่าไหร่
อาธารให้เขาได้สร่างง่วงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วชวนออกจากห้องเพื่อไปทานอาหารเย็น ติณณ์ยังไม่ทันได้มีอารมณ์อิดออดไม่อยากไป แต่ดันเจอจานอาหารมากมายตั้งอยู่บนม้าหินหน้าห้องเสียก่อน อาธารเดินเข้าไปนั่งตรงนั้นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า มื้อเย็นของเรา คือที่นี่
ติณณ์เข้าไปนั่งตามอย่างงงๆ จะว่านัดคนอื่นมาทานที่นี่ก็ไม่ใช่ ม้าหินเล็กๆแบบนี้จะนั่งกันพอได้ยังไง ไหนจะปริมาณอาหารที่ไม่เพียงพอต่อคนทั้งแผนก หากแต่เพียงพอต่อคนสองคน อาธารบอกให้เขาลงมือทานอย่างหน้าตาเฉย ทั้งๆที่ตอนนี้ติณณ์ไม่เข้าใจอะไรเลย
"ไม่ไปทานที่ร้านกันแล้วหรอครับ?" ติณณ์เอ่ยความสงสัยออกไป
"ไป แต่ไม่ใช่เรา"
"ทำไม..."
"ค่อยว่ากัน ทานก่อน เดี๋ยวจะเย็นชืดหมด"
เด็กหนุ่มกลืนคำถามมากมายลงคอ แล้วเปลี่ยนเป็นกลืนอาหารตรงหน้าแทน ธารารู้ว่าติณณ์สงสัยมาก เพราะคนตรงหน้าทานไป ลอบมองหน้าเขาไปอย่างลุ้นๆว่าจะพูดออกมาให้เข้าใจได้เมื่อไหร่ ตอนแรกอยากจะแกล้งปล่อยเงียบเพื่อให้ติณณ์ถามออกมาเองเสียที สุดท้ายก็สงสารปนเอ็นดู เลยเลือกเฉลยเองแทน
"อากลัวติณณ์อึดอัด ถ้าติณณ์รู้สึกแบบนั้นอาก็ไม่สบายใจด้วย ถ้าติณณ์สบายใจ อาก็สบายใจ ไม่ต้องคิดล่ะว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้อาหมดสนุก"
"..." ติณณ์มือสั่นเล็กน้อย
"จริงๆอาอยากนั่งทานเงียบๆบ้างน่ะ ปกติไม่ชอบพูดคุยบนโต๊ะอาหาร นิดหน่อยน่ะพอได้ แต่ไม่ใช่พูดทุกนาที มันไม่ค่อยสะดวก" ธาราชี้แจง "อยู่กับติณณ์แล้วสงบดี เหมือนได้พักผ่อนจริงๆ"
มันไม่ใช่คำพูดสวยหรูเพื่อให้กำลังใจ เป็นคำง่ายๆแต่รู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ อย่างน้อยอาธารก็ไม่ได้ทำแบบนี้เพราะสงสารเขาอย่างเดียว แต่ไลฟ์สไตล์ของอีกฝ่ายค่อนข้างเข้ากันได้ดีกับเขา อาจจะไม่ใช่ทุกเรื่อง แค่บางเรื่องอย่างเช่นเรื่องนี้ ก็ดีใจมากๆแล้วที่ได้เจอพวกเดียวกัน มันรู้สึกเหมือนมีเพื่อน แบบนี้ต่างฝ่ายคงต่างสบายใจ เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ติณณ์ชอบแบบนี้มากๆ
คนตัวบางไม่รู้จะอธิบายยังไงกับความรู้สึกที่ดีใจมากๆแบบนี้ พูดออกไปเดี๋ยวจะหาว่าพิลึก แค่อีกฝ่ายเปลี่ยนมาเป็นทานอาหารกับเขาแค่นี้ก็ดีใจเหมือนถูกหวยยังไงไม่รู้
มื้อเย็นผ่านไปโดยไม่มีอะไรหวือหวาอย่างเคย มีแต่ความสบายใจที่เพิ่มมากขึ้นในตัวติณณ์ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับเข้าห้องพัก โดยที่เด็กหนุ่มก็แบกหนังสือเรียนมาอ่านเล่นๆบนเตียง ส่วนธาราก็แบกโน้ตบุ๊คมาทำงานอื่นนิดๆหน่อยๆ ตามสไตล์คนบ้าเรียนและบ้างาน แต่ผู้ใหญ่เป็นฝ่ายหาวหวอดขึ้นมาก่อน ธาราล้มตัวนอนข้างๆเด็กเพื่อพักสายตาครู่หนึ่ง แต่ติณณ์เข้าใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้ว
ธาราไม่รู้ว่าตัวเองพักสายตาไปนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าตัวเองไม่ได้หลับ อยู่ๆก็สัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองมาที่เขา ถ้าให้เดาว่าคงเป็นผี
ผีเด็กซะด้วยสิ
ผู้ใหญ่ลืมตาขึ้น ภาพที่เห็นคือติณณ์กำลังนอนมองเขาด้วยสายตาที่เขาเองก็อธิบายไม่ถูก เหมือนมีดวงดาวประกายแสงหลายๆดวงอยู่ในดวงตานั้น มันมีชีวิตชีวา มันสดใส มันดูมีความหวัง แต่ทันทีที่เจ้าตัวโดนจับได้ว่าแอบมอง เด็กติณณ์สะดุ้งตัวแล้วหลับตาปี๋ พลางเอาใบหน้ามุดกับผ้าห่ม เหลือแต่ใบหูขาวๆที่โผล่ออกมา ทำอย่างกับว่าจะหนีความผิดที่แอบมองอย่างไรอย่างนั้น
ธาราหัวเราะกับความน่าเอ็นดูนั้น เห็นแล้วอยากจะแกล้งพิลึก ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใกล้ๆอีกฝ่าย ริมฝีปากอุ่นกระซิบชิดใบหูขาวนั้นว่า แอบมองอาหรอ คนในผ้าห่มยกไหล่ขึ้นเพื่อป้องกันความจั๊กจี๊นั้น และไม่มีทีท่าว่าจะเปิดผ้าห่มออกมา ธาราพยายามดึงผ้าห่มออกจากใบหน้านั้นแล้ว มันก็ยากพอควร พลังของคนเขินอายไม่ใช่เล่นๆ แต่สุดท้ายมือแกร่งก็ดึงผ้านั้นออกได้สำเร็จ เผยให้เห็นใบหน้าอ่อนวัยที่กำลังแดงก่ำเหมือนลูกมะเขือเทศ แถมยังเบนสายตาไปทางอื่นอย่างไม่ยอมมองมาที่เขา
คนขี้แกล้งพยายามนำสายตาตัวเองไปไว้ตรงหน้าเด็กหนุ่ม แต่ก็โดนหันหน้าหนีตลอด ดักทางซ้าย ย้ายไปทางขวา ดักทางขวา ย้ายไปทางซ้าย แบบนี้ไปมาเรื่อยๆ จนธาราต้องจับปลายคางมนเพื่อล็อคให้อยู่กับที่ แล้วยื่นหน้าไปใกล้ๆเพื่อให้คนใต้ร่างได้มองหน้าเขาเต็มตา แต่แล้วดวงตากลมก็หลับปี๋ด้วยความอาย
หึ เด็กขี้อาย
ริมฝีปากอุ่นจุมพิศลงบนเปลือกตานั้น เชิงเป็นคำขอร้องให้อีกฝ่ายลืมตามามองกัน ความอบอุ่นแผ่ซ่านบนผิวบอบบางนั้น เปลือกตาสวยค่อยๆลืมขึ้นมาจนเห็นนัยต์ตาสีดำที่หล่อเลี้ยงไปด้วยน้ำเอ่อใส มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความทุกข์ แต่เป็นน้ำตาของความตื้นตันบางอย่าง ธารามองเด็กตรงหน้าที่แก้มแดงจัด ริมฝีปากสีสวยขบเม้มเข้าหากัน ดวงตามีน้ำคลอเบ้าเล็กๆ แถมยังหดคอหนีน้อยๆ
ทำไมมันน่ารักได้ขนาดนี้
ธาราอยากทำอะไรสักอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงดึงเด็กมากอดแน่นๆจนได้ยินเสียงครางฮือด้วยความเจ็บ
"อาธาร มันแน่นเกินไป"
"ก็ติณณ์อยากน่ารักทำไม"
"ผมไม่ได้น่ารัก... ฮื่อ!" ติณณ์ร้องออกมาเมื่อโดนรัดแน่นกว่าเดิม
"น่ารักจนอาอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว"
"ปล่อยก่อนครับ ผมอึดอัดนะ"
"จะให้ปล่อยได้ยังไง" ธารากระซิบริมใบหูขาว "ติณณ์ตัวนุ่มไปทั้งตัวแบบนี้ แถมกลิ่นก็หอม แล้วก็จะทำโทษข้อหาชอบแอบมองอาบ่อยๆด้วย ถ้าวันหลังเอาแต่มองและไม่พูดอะไรอีก อาจะกอดแบบนี้แหละ"
ธาราแกล้งรัดติณณ์ให้ส่งเสียงครางฮือแบบนั้นอยู่นาน เขาชอบฟังเสียงนี้ที่สุด มันน่ารัก น่าฟัด อยากจะทำอะไรให้มากกว่านี้ให้เจ้าตัวร้องออกมาดังมากกว่านี้
ถ้าไม่ติดว่ามีศีลธรรมมากพอ ป่านนี้เขาคงจับเด็กคนนี้กดให้จมเตียง กัดกินผิวเนื้อนุ่มๆให้จมเขี้ยว บดขยี้ร่างกายนี้แรงๆจนช้ำเนื้อไปทั้งตัว อยากทำให้แปดเปื้อนจนเสียงหวานครางออกมาดังๆ
แต่นั่นแหละ
มันเป็นได้แค่ความคิดtalk.
ฮูเรรรรร่ มาถึงตอนที่10แล้ว น้องเปิดใจแล้ววว ส่วนอาธารก็เริ่มศีลแตกเรื่อยๆ5555555
อยากบอกว่าขอบคุณทุกๆฟีดแบคเลย เค้าอ่านทุกๆเม้นเลย จำได้หลายๆคนด้วย รักนะ ขอบคุณจริงๆที่ตามกันมาถึงตอนนี้ แง ล้องห้ายแปป
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ