► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ► ——— เด็กมันน่ารัก ——— ◄ ตอนที่17 (28.12.2019)  (อ่าน 40190 ครั้ง)

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ฮือออ รออาธารตบะแตกอยู่น้สาาส :z1:

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 12     


     วันนี้อาธารตื่นสายอีกแล้ว



     ความจริงก็ไม่นับว่าสายเท่าไหร่สำหรับคนทั่วไป แต่พอเป็นอาธารที่เวลา7โมงกว่าๆแล้วยังคงวนเวียนในนิทรา นี่ไม่ใช่เรื่องที่ติณณ์เห็นบ่อยๆ เชื่อแล้วว่าคงจะอยากมาพักผ่อนจริงๆ คนที่ตื่นขึ้นก่อนมองคนที่กอดตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจไม่ปลุกคนที่กำลังหลับสบาย ลำตัวบางค่อยๆเคลื่อนที่ออกจากพันธนาการนี้อย่างแผ่วเบา เบาพอที่จะไม่ทำให้ใครอีกคนรู้สึกตัว เมื่อตนเองได้รับอิสระภาพจึงเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย แต่งตัวแบบเสื้อยืดกางเกงขาสั้นง่ายๆก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วมุ่งหน้าไปร้านสะดวกซื้อหน้ารีสอร์ทตามลำพัง



     วันนี้ติณณ์อยากทานแซนด์วิชอบ จะปลุกให้อาธารพาไปเซเว่นด้วยก็ใช่เรื่อง



     คนอยากอาหารเช้าเดินกินลมชมวิวอย่างไม่เร่งรีบ ปกติแล้วเขาไม่ค่อยออกมาเดินนอกอาคารในเวลาเช้าๆแบบนี้บ่อยๆ ถ้าเป็นวันธรรมดาก็จะหมกตัวอยู่ในห้องจนกว่าจะเข้าแถว ถ้าเป็นวันหยุดก็จะหมกตัวอยู่ในห้องเหมือนกัน แต่คงต้องโทษที่ช่วงนี้ตัวเองเกิดกลับมาอยากอาหาร ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็ เขาสามารถนั่งรออาธารตื่นยันเที่ยงโดยไม่มีความรู้สึกหิวแม้แต่น้อย



     มัวแต่คิดนู่นคิดนี่ อยู่ๆตัวเองก็มาอยู่ในเซเว่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ติณณ์ใช้เวลาอันน้อยนิดในการเลือกไส้แซนด์วิช เขาเลือกนมสดรสจืดหนึ่งกล่องกับแซนด์วิชแฮมชีสให้ตัวเอง ไม่สิ ต้องเป็นนมจืดสองกล่อง เอาไว้ทานกับซีเรียลและผลไม้อบแห้งสำหรับอาธาร ถ้าซื้อแบบที่ตัวเองทานไปให้อีกฝ่ายล่ะก็ คงต้องโดนรัดด้วยกล้ามแน่นๆนั่นแน่เลย



     ติณณ์เดินวนเวียนอย่างไม่รู้ว่าที่ไหนคือที่ของตัวเองเพราะกำลังรอแซนด์วิชอบ พอพนักงานขานว่าอบเสร็จแล้วก็รีบไปรับสินค้ามาตรงเคาน์เตอร์ที่มีลูกค้าหน้าตาคุ้นๆกำลังจ่ายเงินเสร็จพอดี



     "ล...ลูกค้าคะ! เงินทอนค่ะ!" พนักงานหญิงที่ให้บริการลูกค้าคนนั้นร้องออกมาเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมาก็พบแต่ความว่างเปล่า ลูกค้าผู้ชายคนนั้นเดินออกจากร้านอย่างไวโดยไม่สนเงินทอน อย่างที่ติณณ์ก็มองเห็นทุกเหตุการณ์



     "เดี๋ยวผมเอาไปให้ครับ"



     ติณณ์อาสาเอาเงินทอนไปให้ลูกค้าคนนั้น พนักงานสาวขอบคุณยกใหญ่อย่างที่เขาก็สงสัยว่าไม่กลัวว่าเขาจะขโมยเงินทอนนี้ไปหรือ? แต่ช่างมันเถอะ ไม่ได้อยากจะขโมยอยู่แล้ว เด็กหนุ่มวิ่งตามพี่ผู้ชายคนนั้นไป โชคดีที่ยังไปไม่ไกลนัก วิ่งแปปเดียวไม่ทันเหนื่อยก็ถึงตัวแล้ว



     "พี่ครับ พี่ลืมเงินทอนครับ"



     คนขี้ลืมหันมามองเมื่อรู้สึกว่ามีใครมาดึงตรงหลังเสื้อเบาๆ พอหันหลังไปเท่านั้นต่างฝ่ายก็ต่างตกใจเมื่อเห็นหน้ากัน



     นั่นมันพี่นักศึกษาคนนั้นนี่...



     นั่นมันน้องคนที่มากับหัวหน้านี่...




     "อ้าว น้อง" ชายหนุ่มทำหน้ากระจ่าง พลางมองหน้าเด็กน้อยสลับกับเงินทอนในมือ "เอ้า ลืมไอ้นี่เองหรอ ก็ว่าอยู่เหมือนลืมอะไร เอ้อ ขอบใจมาก ถ้าไม่ได้น้องนี่พี่ไม่มีตังค์หยอดตู้ซักผ้าอะ...ว่าแต่น้องชื่อไรนะ พี่ชื่อซี"



     "ติณณ์ครับ"



     "ขอบใจมากนะติณณ์ บุญคุณนี้พี่จำจนตายอะ" ซีพูดอติพจน์ "แล้วนี่บ้านพักเราอยู่หลังไหน"



     "หลังที่Xครับ"



     "เออ ใกล้ๆกัน มา เดินกลับด้วยกันนี่แหละ"



     ติณณ์เออออห่อหมกตาม เดินกลับบ้านกับพี่ซีอย่างงงๆ พี่คนนี้พูดเก่งมากจนติณณ์สงสัยว่าปกติหายใจทางผิวหนังหรือเปล่า แม้ว่าเขาจะเป็นพวกถามคำตอบคำ แต่รายนั้นสามารถฝอยได้เรื่อยๆ ส่วนมากเป็นเรื่องมีสาระ เช่น พรรณนาสรรพคุณของอาหารเช้าของตัวเองอย่างละเอียด ราวกับจบด้านชีววิทยาหรือเคมีอะไรแบบนั้น ซึ่งติณณ์ฟังแล้วมึนหัว เลยฟังบ้างไม่ฟังบ้าง แต่ยังคงพยักหน้าหงึกๆตามพอเป็นมารยาทอยู่



     หูทั้งสองข้างรับคลื่นเสียงคนข้างๆมาแต่มันไม่ได้ส่งข้อมูลไปยังสมองเท่าไหร่ หากแต่นัยน์ตาสีดำขลับมันเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแมวส้มนอนหลับอยู่ข้างทาง ดวงตากลมเปล่งประกายเหมือนได้เจอของเล่น เรียวขาเปลี่ยนทิศทางไปหาแมวตัวนั้นอย่างควบคุมไม่ได้ คนขี้โม้ก็เอาแต่โม้ฉอดๆจนไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้รุ่นน้องข้างๆไม่ได้เดินมาด้วยกันแล้ว



     "เนี่ย เมื่อก่อนพี่ชอบกินผักมาก ขี้นี่ไหลทุกวัน เพราะร่างกายมัน—  อะ อ้าว..."



     นักศึกษาฝึกงานหยุดคุยโวเมื่อได้สติว่าตัวเองกำลังพูดคนเดียวมาได้สักพัก ก่อนที่จะหันซ้ายขวาหาน้องติณณ์คนหน้านิ่งคนนั้น และพบว่าอยู่ๆน้องก็ไปนั่งลูบหัวแมวส้มตรงนั้นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ทำเอาเขาต้องเกาหัวแกรกๆ



     น้องติณณ์เป็นคนที่ชอบทำหน้าตายตั้งแต่แรกเห็น อย่างเมื่อตอนเห็นกันครั้งแรกก็คือตอนที่น้องเอาแต่หลบอยู่หลังหัวหน้า พูดน้อยๆ ไม่ก็แทบไม่พูดเลย ริมฝีปากเหยียดตรงไร้รอยยิ้ม นัยน์ตาสีเข้มที่มักจะไม่แสดงความรู้สึก แต่มองดีๆแล้วเหมือนมีความเศร้าสร้อยในนั้นตลอดเวลา



     แต่ดันมายิ้มออกมาง่ายๆตอนลูบหัวแมวเนี่ยนะ...



     หนุ่มรุ่นพี่เกือบจะโวยวายแล้วว่าอยู่ๆนึกจะหยุดเดินแล้วทิ้งกันง่ายๆแบบนี้เลยหรอ แต่พอเห็นรอยยิ้มนั้นไกลๆแล้วใจมันกระตุกแปลกๆ



     เวลายิ้มแบบนี้ น่ามองกว่าทำหน้าตายตั้งเยอะ...






     "ติณณ์! ไปไหนมา อาเป็นห่วงแทบแย่"



     เจ้าของชื่อตกใจแทบตายเมื่อเปิดประตูเข้ามาอาธารก็มีท่าทีร้อนรนใส่เขา เลยยกถุงสินค้าโชว์อีกฝ่าย "ไปเซเว่นมาครับ ซื้อข้าวเช้า"



     "โธ่  วันหลังเอาโทรศัพท์ติดตัวไปด้วยสิ เข้าใจไหม" ธาราดุอย่างไม่จริงจัง "ไหน ซื้ออะไรมาบ้างล่ะเรา"



     "ผมซื้อซีเรียลมาให้อาธาร" ติณณ์ว่าพลางล้วงกล่องซีเรียลมาชูให้อีกฝ่ายเชยชม



     ธาราเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย ไม่นึกว่าติณณ์จะซื้อสิ่งที่เขามักจะทานมาให้ แล้วก็ไม่คิดว่าอีกคนจะสังเกตด้วยว่าเขาทานอาหารคุมน้ำหนักบ่อยๆ นี่อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แต่ธาราอยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าติณณ์ก็มีมุมใส่ใจคนอื่นเหมือนกัน



     "น่ารัก" คนตัวสูงโน้มใบหน้าลงไปหอมแก้มฟูๆนั่น จนเจ้าของร่างหยีตาข้างนึงจากการโดนรุกรานใบหน้า "อาหอมแก้มบ่อยๆแบบนี้ ติณณ์รำคาญไหม?"



     "ไม่รำคาญครับ"



     "แล้วถ้าคนอื่นมาหอมล่ะ?"



     "ก็คง...รู้สึกแปลกๆ" ติณณ์จินตนาการ "ผมไม่ค่อยชอบให้คนที่ไม่สนิทมาโดนตัว"



     คนฟังหัวใจพองโต นั่นเป็นการบอกอย่างอ้อมๆว่าธาราอยู่ในรายชื่อคนสนิทของติณณ์ เขาไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีความสำคัญกับเด็กคนนี้มากน้อยแค่ไหน แต่มาได้ขนาดนี้ก็ชื่นใจมากแล้ว



     แต่อันที่จริงธาราค่อนข้างกังวลตอนที่เขาไม่สามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้ไปฟัดแก้มนุ่มนั้นได้ กลัวว่าติณณ์จะตกใจจนมองหน้าไม่ติด ซึ่งอันที่จริงก็ควรจะเป็นแบบนั้นถ้าเด็กคนนี้มองว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงแค่อากับหลาน แต่ผลคือติณณ์ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร อาจมีประดักประเดิดตอนแรกๆบ้าง แต่สุดท้ายก็ยังคุยกับเขาเหมือนเดิม



     "อาทำแบบนี้ ติณณ์ไม่รู้สึกแปลกๆบ้างหรอ?"



     "...นิดหน่อยบ้างครับ"



     ธาราใจหล่นวูบ กลัวว่าติณณ์จะซ่อนความไม่สบายใจเอาไว้ "รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?"



     "ผมอธิบายไม่ถูก" ติณณ์รู้ว่าตัวเองเขิน แต่ไม่แน่ใจกับอาการนั้นว่ามันสมควรพูดออกไปหรือไม่ "หัวใจมันเต้นแรง ผมคงตื่นเต้น? ไม่เคยถูกผู้ใหญ่หอมแก้มแบบนี้เลยนอกจากแม่ ไม่รู้ว่าถ้าผมมีพ่อ พ่อจะทำแบบนี้หรือเปล่า? มันเป็นเรื่องปกติไหมผมก็ไม่รู้ เลยไม่รู้ว่าควรรู้สึกแบบไหนดี..."



     ธารายกยิ้มให้กับความไร้เดียงสานั้น ติณณ์เป็นคนเก่งด้านทฤษฎี แต่กับโลกความจริงนั้นช่างเป็นเด็กน้อย อย่างกับกบในกะลาที่ไม่ค่อยได้เรียนรู้โลกภายนอก



     วันนี้ธาราจะพากบน้อยออกจากกะลาเสียบ้าง



     แต่...เรื่องบางเรื่องเขาก็อยากหลับหูหลับตา ให้ความไร้เดียงสายังคงอยู่กับเขา



     "เรื่องปกติน่ะ เด็กดี ก็เหมือนกับผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก"



     "แต่ผมอยู่ม.6แล้ว ไม่เด็กแล้วนะครับ" กบน้อยคัดค้านขณะที่ศีรษะตัวเองถูกลูบเบาๆ



     "ถ้าเทียบกับอาน่ะ...ติณณ์เป็นเด็กน้อยไปเลย" ธาราหัวเราะในลำคอ "อาเป็นพ่อเราได้เลยนะ รู้ไหม?"



     "พ่อเลยหรอครับ" ติณณ์หัวเราะให้กับการอุปมาอุปมัยนั้น



     "อื้ม อาก็รุ่นๆเดียวกับแม่เรานั่นแหละ"



     "งั้น..." ติณณ์ไม่เคยมีพ่อ อยากจะรู้ว่าความรู้สึกเวลาพูดว่าพ่อมันเป็นยังไง "ผมขอลองเรียกอาว่าพ่อได้ไหม"



     ธาราชะงักไปครู่หนึ่ง ใช้ความคิดสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง



     "พ่อ..."



     "..."



     "พ่อธาร..."



     "..."



     "พ่อธาร...เรียกแบบนี้ดูแปลกๆไหมครับ?"



     ธารารู้ว่าตัวเองกำลังใช้สายตาแบบไหนมองติณณ์เวลาเจ้าตัวเอ่ยคำนั้น เขาเลยบอกให้เด็กเรียกว่าอาธารเหมือนเดิมจะดีกว่า เรียกพ่อแล้วดูแก่ลงไปอีกเยอะ พอสถานะกลับมาเป็นคุณอาเหมือนเดิมเขาก็โล่งใจ จากนี้ไปมันคงเป็นคำต้องห้ามสำหรับติณณ์



     ถึงแม้ว่าธาราอยากจะให้เด็กคนนี้เรียก'พ่อธาร'ซ้ำๆไปมาใจจะขาด...






     เวลาผ่านไปไม่นานนัก ภาพก็ตัดมาที่อควาเรียมประจำจังหวัด



     อ้อ ไม่ได้มากับอาธารสองคนด้วย แต่แถมมากับคนทั้งแผนกเลยดูวุ่นวาย



     ธาราอยากให้กบน้อยตัวนี้ได้ออกจากกะลาเสียบ้าง เมื่อวานเขาหยวนให้ติณณ์ได้อยู่ในพื้นที่ที่สบายใจเพื่อปรับตัวก่อนวันนึง แท้จริงนั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดหรอก ธาราเองก็อยากใช้เวลากับติณณ์สงบๆด้วย แต่หากวันนี้ปล่อยตามใจให้อยู่แต่กับเขาคงจะไม่ดีเท่าไหร่ หนึ่งคือติณณ์จะเคยตัวเอา ควรจะหัดเข้าสังคมบ้างแม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ค่อยชอบก็เถอะ สองคือมันจะดูผิดปกติกับคนในแผนกมากเกินไป



     วันนี้เป็นหนึ่งในวันหยุดยาว นักท่องเที่ยวเลยหลากตาเป็นพิเศษ แทนที่จะหันไปแล้วเจอตู้ปลาสวยๆใหญ่ๆกลับเจอหมู่คนบดบังแทน ธารารู้ว่าติณณ์ไม่ชอบเลยคอยลูบแผ่นหลังบอบบางนั้นอย่างปลอบประโลม กบน้อยที่ไม่เคยได้ออกจากกะลาเดินซ้อนหลังผู้ใหญ่ตลอดเพราะรู้สึกปลอดภัย อาธารเดินไปทางไหนติณณ์ก็เดินไปทางนั้น ไม่คิดจะแยกตัวไปเดินตามลำพังแม้แต่เสี้ยวความคิด



     อย่างที่ซีเห็นแบบนั้นอยู่ตลอด...



     นักศึกษาหนุ่มพยายามหาทางเข้าไปพูดคุยกับรุ่นน้อง แต่สุดท้ายก็มีความกล้าไม่เพียงพอ เพราะคนที่เขาสนใจนั้นเดินตัวติดอยู่กับหัวหน้าแผนก คุณธาราไม่ใช่คนดุหรือคนโหดร้ายถึงขั้นไม่กล้าย่างเข้าใกล้รัศมี ออกจะเป็นคนใจดี เป็นที่รักของลูกน้องเสียด้วยซ้ำ



     แต่ซีคิดว่าเหมือนมีคลื่นพลังงานอะไรสักอย่างที่รู้สึกว่า คุณธาราหวงแหนน้องคนนั้น ถึงขั้นที่เขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง



     "เอ้า คนเขาพามาดูปลา แล้วมึงมายืนเอ๋ออะไรอยู่ตรงนี้" ลูกน้องคนสนิทของธาราเอ่ยทักนักศึกษาหนุ่ม เมื่อเห็นคนอายุน้อยกว่ากำลังยืนเหม่ออะไรอยู่คนเดียวก็ไม่ทราบ



     "เฮียเอก ผมมีเรื่องสงสัยอะ" ซีกระซิบกระซาบ "น้องติณณ์เขาเป็นอะไรกับคุณธาราหรอ"



     "น้องติณณ์น่ะหรอ เขาเป็นลูกชายเพื่อนสนิทของคุณธารา ชื่อคุณมาลิน แต่เธอเสียไปแล้วประมาณสองสามเดือนก่อน คุณธาราเลยมาดูแลให้แทนล่ะมั้ง...เอ้อ แต่กูเพิ่งมาเห็นเขาติดต่อกันช่วงหลังๆ ประมาณหนึ่งเดือนหลังแม่เขาเสียได้" เอกเล่าเรื่อง "ว่าแต่มึงถามทำไมวะ"



     "ผมอยากรู้ไม่ได้หรอเฮีย" ซีบ่นอย่างไม่จริงจัง "แล้ว...ปกติน้องเขาเป็นคนเงียบๆแบบนี้หรอ"



     "ใช่ ตอนนู้นนนน ที่คุณมาลินยังอยู่ เธอเคยพาน้องติณณ์มาที่แผนก เขากลัวทุกคนเลย ตอนนี้ก็ยังดูเป็นแบบนั้น พูดน้อย ไม่ค่อยยิ้ม ดูเศร้าๆ ก็เป็นเรื่องปกติของคนที่เพิ่งเสียคนสำคัญไปน่ะแหละ"



     ซีฟังคำเล่าไป มองคนในสายตาไป ซึ่งโคตรจะย้อนแย้งกับที่เฮียเอกพูดเพราะติณณ์ยิ้มไปพูดเจื้อยแจ้วไปกับคุณธารา



     ทำไมทีกับพี่ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย!!



     "ไม่เชื่ออะ เฮียดูนั่นดิ เขาออกจะร่าเริงเวลาอยู่กับหัวหน้า"



     "ก็เขาติดต่อกันมาสักพักแล้วไหมล่ะ แล้วนี่มึงไปเสือกอะไรกับเขา"



     "ผมไม่ได้เสือก...ผมแค่สนใจ"



     "มึงหมายความว่าไง?" ลูกน้องคนสนิทของหัวหน้าหรี่ตามองไอ้เด็กฝึกงาน



     "ก็...น้องเขาน่ารักอะ"



     "นั่นไง กูว่าแล้วเชียว คนกะล่อนอย่างมึง อ้าว แล้วน้องยี่หวา น้องแพร น้องสายไหม น้องออย น้องนั่นน้องนี่ที่มึงคุยอยู่ล่ะ"



     "เฮียอย่าเว่อร์ มีแค่น้องยี่หวากับน้องแพรโว้ย! อ่อ มีน้องออยอีกคนนึงนี่หว่า"



     "นั่นแหละ มึงมันเจ้าชู้ ไอ้ซี" เอกถอนหายใจ "แต่ระวังคุณธาราไว้เถอะ ไปเล่นๆกับน้องเขา คุณเขาหวงนะเออ"



     "หวง? หวงทำไมอะเฮีย เขาไม่ได้เป็นอะไรกันนี่นา..."



     "มึงไม่รู้อะไร ตอนน้องติณณ์มีปัญหานะ คุณเขาเครียดตลอดเลย เป็นห่วงจนกูนึกว่าลูก" เอกเริ่มใช้เสียงที่เบาลง



     "แต่ผมก็มีสิทธิ์จีบใช่ไหมล่ะ"



     "เออ! ไอ้มีสิทธิ์น่ะมึงมีแน่ แต่มึงมันเจ้าชู้ไอ้ซี ถ้ามึงทำลูกเพื่อนสนิทของหัวหน้าเสียใจล่ะก็ เตรียมฝึกงานไม่ผ่านแน่มึง"



     ชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อฟังเฮียเอกเท่าไหร่ ตั้งแต่โดนรอยยิ้มน่ารักๆนั้นหลอกล่อเมื่อเช้านี้ เขาก็ตกหลุมพรางนั้นอย่างไม่รู้วิธีขึ้นมา



     คนเจ้าชู้มองไปที่น้องคนนั้นอย่างหลงใหล หวังว่าติณณ์จะหันมามองกันบ้าง แต่แล้วซีก็ต้องสะดุ้งเมื่อคนเป็นหัวหน้าเป็นฝ่ายหันหน้ามามองแทน แถมยังมองด้วยสายตาที่เขาเองก็อ่านไม่ออก แต่ที่รู้ๆคือดวงตาคมคู่นั้นแสนจะเย็นชา



     คนที่จะกระชากหัวซีออกมาจากหลุมรักนี้ คงจะเป็นคุณธาราล่ะมั้ง...







(ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2019 22:07:35 โดย TiXA »

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
     อควาเรียมทำพิษกบน้อยของธารา



     หลังจากเดินวนเวียน เบียดเสียดผู้คนในตู้ปลาขนาดยักษ์เสร็จ ติณณ์มีสีหน้าคลื่นไส้หลังจากออกมาจากอควาเรียมนั้น คงจะเป็นเพราะจำนวนคนที่เยอะเป็นพิเศษ เลยอาเจียนออกมาทั้งๆที่ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นผาดโผน หลังจากนั้นก็หลับคอพับคาเบาะรถยนต์ส่วนตัว ธาราไม่กล้าปลุกคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงจึงช้อนตัวอุ้มเด็กน้อยมาวางลงบนเตียงนุ่มๆ



     พอนึกถึงที่อควาเรียมนั้น ธาราก็นึกถึงเรื่องๆนึง...



     แม้ท่ามกลางผู้คนอันมากมายจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่มีสายตาคู่หนึ่งที่เด่ดชัดในสายตาธาราที่กำลังมองมายังติณณ์ นั่นก็คือเด็กฝึกงานที่ชื่อว่าซี เขาเห็นตลอดว่าหนุ่มคนนั้นเอาแต่มองคนในความดูแลของเขา มองด้วยสายตาที่ธาราก็อ่านออกว่ากำลังสนใจเด็กคนนี้อยู่



     อะไรกัน มีคนเห็นความน่ารักของติณณ์นอกจากเขาด้วยงั้นหรือ...



     ความรู้สึกหวงเด่นชัดขึ้นมาในความคิดของธารา เขาไม่แน่ใจว่าหวงแบบผู้ใหญ่เป็นห่วงเด็ก หรือหวงแบบเจ้าข้าวเจ้าของกันแน่ เพราะธาราไม่แน่ใจว่าเขามีสิทธิ์หวงแบบที่สองหรือไม่



     เราต่างก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วมีสิทธิ์หวงแบบนั้นหรือเปล่า?



     แต่ถ้าจะมีใครสักคนที่เข้าหาติณณ์ด้วยเจตนาที่ดี เขาคงจะห้ามไม่ได้ อาจเป็นผลดีด้วยซ้ำไปถ้ามันทำให้ติณณ์เริ่มปรับตัวกับคนอื่นเป็น เด็กคนนี้ไม่ค่อยเข้าหาใคร ดังนั้นถ้ามีคนเข้าหาก่อน คงจะเป็นการเริ่มปรับตัวเข้าสังคมได้ดี อีกทั้งเขาตัดสินใจแทนติณณ์ไม่ได้ว่าจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิต ถ้าคนๆนั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายอย่างไตรภพน่ะนะ



     อีกใจหนึ่งก็อยากให้ติณณ์มีสังคม อีกใจหนึ่งมันก็หวงแหน อยากเก็บลักยิ้มน่ารักๆนั้นไว้เชยชมแต่เพียงผู้เดียว



     แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ติณณ์เป็นลูกของเพื่อนสนิทเขา อีกทั้งอายุที่ห่างกันจนจะเป็นพ่อเด็กคนนี้ได้ เขาจะเป็นอะไรได้นอกจากคุณอาผู้แสนดีงั้นหรือ? ถ้าเทียบกับนักศึกษาคนนั้นเขาคงจะโอกาสน้อยกว่าหรือเปล่า?



     ผู้ใหญ่นั่งลูบกลุ่มผมนิ่มๆของคนที่หลับไม่รู้เรื่องพลางคิดเรื่องเป็นร้อยๆเรื่องในหัว บางทีก็แอบนำปลายนิ้วไปเขี่ยพวงแก้มใสนั้นเพื่อคลายความเครียด คนหนุ่มร้องอื้ออึงในลำคอพลางเอียงใบหน้าอย่างคลอเคลียกับเรียวนิ้วของเขาราวกับจะอ้อนกัน



     ก็เป็นเสียแบบนี้ จะไม่ให้หวงได้อย่างไร...



     กิ๊งก่อง




     เสียงออดหน้าประตูเป็นเสียงที่ปลุกให้ธาราตื่นจากภวังค์ของตน ดวงตาคมละสายตาออกจากใบหน้าน่ามองก่อนจะเดินไปเปิดประตูรับแขกที่มาทักทาย



     "สวัสดีครับหัวหน้า" ซียกมือไหว้อย่างถ่อมตนเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนเปิดประตูต้อนรับ



     ให้ตาย ไอ้เด็กนี่มันตายยากจริงๆ



     "สวัสดีๆ" ธารารับไหว้ "มีธุระอะไรหรือเปล่า?"



     "อ่า..." ซีอ้ำอึ้งสักพัก สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกหนึ่งก่อนที่จะไม่เสียเวลาต่อไป "ผมมาชวนน้องติณณ์ไปเดินเล่นที่ชายหาดน่ะครับ"



     ธารากำลังประมวลผลในสมอง



     ส่วนลึกของจิตใจมันต่อต้าน ไม่อยากให้ติณณ์ไปกับคนๆนี้สองต่อสอง แต่นี่มันเป็นโอกาสที่ติณณ์จะได้เข้าสังคมกับเขาบ้าง อีกทั้งธาราไม่อยากทำตัวเป็นเด็กๆเหมือนเด็กหวงของเล่น



     ไม่รู้จะคิดเยอะไปทำไม ทั้งๆที่ควรจะไปถามความสมัครใจของเจ้าตัวเองเสียก็สิ้นเรื่อง เพียงแต่ธารากลัวคำตอบเพียงเท่านั้น



     "เดี๋ยวผมไปถามติณณ์ให้ คุณนั่งรอข้างนอกก่อน"



     หัวหน้าแผนกปิดประตูใส่นักศึกษาก่อนที่จะหมุนตัวเดินเข้าไปหาติณณ์ในห้องนอน แต่แล้วก็พบว่าเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาลุกนั่งด้วยหน้าตางัวเงียกับทรงผมยุ่งๆ แถมยังเอามือขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัส อย่างที่ธาราไม่ต้องปลุกให้เสียเวลา



     "อ้าว ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่"



     "ผมได้ยินเสียงเปิดประตู..." เสียงใสตอบด้วยความงัวเงีย



     "พี่ซีเขามาหา" ธาราไม่อ้อมค้อม "รู้จักพี่ซีไหม?"



     "พี่ซี..." ติณณ์ใช้เวลานึกไม่นาน "อ้อ รู้จักครับ พี่เขาลืมเงินทอนที่เซเว่นเมื่อเช้า เลยได้คุยกันนิดหน่อย"



     อ้อ...ไปเจอกันเมื่อเช้านี่เอง



     "นั่นแหละ พี่เขามาชวนเราออกไปเดินเล่นที่หาด อยากไปไหม?"



     ติณณ์เจอเรื่องลำบากใจอีกแล้ว



     ถ้าเอาคำตอบจริงๆคือติณณ์อยากไปเดินเล่นที่หาดมากๆ เมื่อวานได้เล่นน้ำทะเลแล้วแต่ยังไม่ได้ปั้นทรายเล่นเลย แถมยังมีคนมาชวนด้วย มันออกจะน่าตื่นเต้นเพราะชีวิตนี้แทบจะไม่มีใครชวนเขาออกไปไหน พอถึงเวลามีคนชวนมันก็อดดีใจไม่ได้ แล้วก็ไม่อยากปฏิเสธให้เสียน้ำใจด้วย



     แต่อีกใจนึงมันก็กลัวว่าจะอึดอัด เพราะติณณ์เพิ่งรู้จักกับพี่ซี ไม่ได้สนิทอะไรกัน กลัวว่าความไม่กล้าชวนคุยและความน่าเบื่อของเขาจะไปทำลายบรรยากาศ ติณณ์กลัวตัวเองอึดอัด แล้วก็กลัวพี่ซีอึดอัดด้วย



     ทำยังไงดี ทำยังไงดี



     "คิดนานจังเลย ป่านนี้พี่เขารอจนรากงอกแล้วมั้ง" ธาราแซวอย่างขำๆเมื่อเห็นคนบนเตียงใช้เวลาคิดนานเกินจำเป็น "เอาคำตอบจริงๆ แบบที่เป็นคำตอบแรกเลย ไม่ต้องคิดเยอะ"



     "อยากไปครับ" คำตอบนั้นทำเอาธาราชะงัก "แต่ผมกลัวอึดอัด..."



     ผู้ใหญ่เข้าใจดีว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงพูดแบบนั้น "ไม่ต้องกลัวหรอก เขาชวนแสดงว่าเขาอยากให้เราไปด้วย อีกอย่างพี่เขาเป็นกันเอง ติณณ์ก็น่าจะเคยเห็นนี่"



     "งั้นอาธารไปด้วยได้ไหมครับ"



     "ทำไมล่ะ"



     "ถ้ามีอาอยู่ด้วย ผมน่าจะสบายใจขึ้น...นิดนึงก็ยังดี"



     "..."



     "นะ นะครับ"



     สุดท้ายคำอ้อนวอนนั้นก็พาธารามายืนบนหาดทรายเม็ดละเอียดนี้จนได้ ติณณ์ดูท่าทางสบายใจอย่างที่บอก แต่นักศึกษาที่เป็นคนชวนกลับดูกระอักกระอ่วนพิลึก มีการชวนติณณ์คุยเป็นระยะๆแต่ไม่ได้มากเท่าปกติเพราะเด็กหนุ่มมักจะหันมาคุยธารามากกว่า ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้ชวนคุยแม้แต่น้อย



     ถ้าจะเอาความคิดที่ควรจะคิดก็คือ ธาราอยากให้ติณณ์คุยกับคนอื่นบ้าง



     แต่ถ้าเป็นความคิดจากส่วนลึกของจิตใจ ติณณ์คุยกับเขาคนเดียวน่ะดีแล้ว



     คนอายุน้อยที่สุดบอกกับคนโตกว่าทั้งสองคนว่าขอตัวไปเล่นทรายตรงนั้น ก่อนจะเดินไปที่จุดหมายแล้วนั่งเล่นบนผืนทรายอย่างไม่กลัวเลอะ ซีกำลังจะเดินตามไปด้วยแต่แล้วก็ถูกคนเป็นหัวหน้ารั้งไว้เสียก่อน



     "ชอบน้องเขาหรือไง?" ธาราถามอย่างไร้อารมณ์



     "หัวหน้ารู้ได้ยังไงครับ" ซีตกใจนิดๆเมื่ออีกฝ่ายพูดออกมาตรงๆ



     "เล่นมองขนาดนั้น ไม่รู้ก็แย่แล้ว"



     "เอ่อ..." ชายหนุ่มอ้าปากค้าง "ครับ เห็นน้องน่ารักดี เลยอยากทำความรู้จัก"



     "ยังไง?"



     "ตอนแรกผมคิดว่าเขาเป็นคนนิ่งๆ หยิ่งๆ เห็นไม่ค่อยพูดแล้วก็ชอบทำหน้าตาย แต่ก็ได้คุยก็รู้ว่าเป็นเด็กดี มีมารยาทคนนึง แล้วที่สำคัญ...ตอนยิ้มแล้วดูน่ารักด้วยครับ"



     นี่มันแทบจะตรงกับความคิดของธาราทุกอย่าง...



     "ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมขออนุญาตหัวหน้าเพื่อจีบน้องติณณ์ได้ไหมครับ?" ซีไม่เข้าใจว่าตัวเองจะขออนุญาตทำไม แต่มันมีความรู้สึกบางอย่างที่บอกว่าควรจะพูดออกไปมากกว่าเข้าหาโต้งๆ



     ธาราไม่ได้ตอบคำถามนั้นในทันที ดวงตาคมมองไปยังคนที่เป็นเป้าในวงสนทนา เด็กคนนั้นกำลังนั่งก่อทรายเป็นรูปทรงประหลาดอีกทั้งเนื้อตัวยังมอมแมมไปทั่วผิวนวลสวย สองมือเล็กคอยไล่ตะครุบเจ้าปูลมตัวเล็กๆที่วิ่งลงหลุมกันไปมาราวกับแมวไล่ตะครุบหนู พอจับเจ้าสัตว์ทะเลตัวจ้อยนั้นได้สำเร็จก็ระบายยิ้มออกมาจนลักยิ้มบุ๋มลงไปตรงแก้มทั้งสองข้าง



     เพราะความน่ารักนั้นใช่ไหม ซีถึงได้หลงนักหนา



     ความน่ารัก...ที่ธาราไม่ได้เป็นเจ้าของ




     "ผมจะไปห้ามอะไรได้ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ" ธาราว่าน้ำเสียงสงบ "เชิญตามสบายนะ ผมแค่เดินมาส่งติณณ์เท่านั้น คงไม่อยู่รบกวนนาน"



     "ขอบคุณครับหัวหน้า ขอบคุณจริงๆครับ"



     "อืม" คนเป็นหัวหน้าพยักหน้ารับ "อ้อ ผมจะบอกทริคนิดๆหน่อยๆให้"



     "ครับ?"



     "ติณณ์น่ะ...ชอบให้คนถูกเนื้อต้องตัว แตะนิดหน่อยก็เขินจนหน้าแดงแล้ว"



     ธาราพูดไป ยกยิ้มให้กับการทำตัวเป็นเด็กขี้อิจฉาของตัวเองไป อนุญาตให้เข้าหา แต่ไม่บอกนี่ว่าจะช่วย...แถมยังมีการขัดขวางเล็กน้อยเสียอีก เขายอมรับว่าค่อนข้างย้อนแย้งกับตัวเองไม่น้อย แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า



     จากแมวน้อยซมซาน ตัวมอมแมมแถมยังผอมกะหร่อง อีกทั้งยังขาดความอบอุ่น ก็เป็นธาราไม่ใช่หรือที่เป็นคนฟูกฟักทะนุถนอมมาตลอดจนกลายเป็นแมวตัวฟู สุขภาพดีพร้อมอวดโฉมความน่ารักให้ใครต่อใครได้หลงใหล แล้วอยู่ๆจะมีคนมาขออุ้มแมวของเขาไปง่ายๆแบบนี้น่ะหรือ



     นอกเสียจากจะบอกวิธีเข้าหาผิดๆให้แมวตัวนั้นขู่ฟ่อแล้ววิ่งหนีไปเอง...







     คนตัวสูงนั่งกินลมชมวิวอยู่ตรงหน้าบ้านพักอยู่คนเดียว พลางเหลือบมองนาฬิกาที่บอกว่าขณะนี้สี่โมงเย็นแล้ว เขารอเวลาติณณ์กลับบ้านพักมาหาเขา รอฟังประสบการณ์ที่ได้ไปนั่งเล่นกับพี่ชายคนนั้นสองต่อสอง ธาราไม่คิดจะอยู่ดูภาพบาดตานั้นหรอก จึงโยกย้ายตัวเองมานั่งรอผลทีเดียวเลยดีกว่า



     ดูเหมือนผลจะออกมาเร็วกว่าที่คาด...



     เด็กติณณ์กำลังเดินกลับเข้ามาด้วยสภาพมอมแมม แม้ว่าจะทำการล้างเม็ดทรายออกจากตัวไปบ้างแล้วแต่ยังคงเหลือเม็ดเล็กๆที่ชำระไม่หมดติดตัวบ้าง ธาราอ่านสีหน้านั้นไม่ออกว่าเจ้าตัวอยู่ในอารมณ์แบบไหน เลยไล่ให้ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนค่อยออกมาคุยกัน



     รอไม่นานนัก ติณณ์ก็ออกมาในสภาพสะอาดสะอ้านดีแล้ว เหลือเพียงผมเปียกๆลู่ๆนั่นที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเพิ่งสระผมเสร็จ เจ้าตัวใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กยีผมทำตัวให้แห้ง แต่ไม่ทันไรก็ถูกผู้ใหญ่แย่งไปจากมือ ก่อนที่จะบรรจงเช็ดความเปียกชื้นบนศีรษะเล็กๆนั่นให้



     "ไปเล่นทรายมาสนุกไหม" ธาราเริ่มเอ่ยถามไปเช็ดผมให้ไป



     "สนุกครับ ไม่ได้เล่นมาตั้งนาน แต่ที่นี่หอยน้อยมากเลยถ้าเทียบกับเมื่อหลายปีก่อน" เด็กหนุ่มเล่าเสียงเจื้อยแจ้ว



     "ธรรมดาของธรรมชาติน่ะ...แล้วเป็นยังไงบ้าง อึดอัดกับพี่ซีไหม" ผู้ใหญ่ถามอย่างลุ้นๆ



     "อืม..." ติณณ์เม้มปากพลางใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง "พี่ซีคุยเก่งมากเลยไม่มีเวลาให้เงียบได้อึดอัด แต่มีอย่างนึงที่ผมไม่ชอบ..."



     "อะไรหรอ?"



     "พี่ซีชอบมาแตะตัวผม ผมไม่ชอบเลย"



     "ไหน แตะตรงไหนบ้าง"



     "ก็มีลูบหัว เอามือมาแตะหน้าผากแล้วถามว่าหายป่วยแล้วหรอ ผมงงว่าผมไปป่วยตอนไหน"



     ตอนที่ธาราโกหกคนในแผนกไงเล่า...



     "อ่าฮะ...แตะตรงไหนอีก"



     "แล้วก็เอานิ้วมาจิ้มตรงนี้" ติณณ์สาธิตโดยการเอานิ้วไปจิ้มแก้มตัวเองจนบุ๋มลงไป "เขาถามว่ามีลักยิ้มด้วยหรอ แล้วก็จิ้มใหญ่เลย"



     "มีตรงไหนอีกไหม" ธารามองเด็กขี้ฟ้องอย่างนึกสนุกในใจ



     "ตรงนี้ครับ" เด็กหนุ่มชี้ไปที่ลำคอขาวของตัวเอง ตรงจุดที่มีขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆ "เขาบอกว่าขี้แมลงวันอันนี้น่ารัก แล้วก็ลูบๆใหญ่เลย"



     ธารารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ไม่ได้อยู่เป็นเพื่อนติณณ์ ถ้าเขาได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดล่ะก็ นายซีคนนั้นไม่รอดแน่



     "ผมพยายามมองหาให้อาธารช่วย แต่อาธารหายไปตอนไหนก็ไม่รู้" ติณณ์ทำหน้ายุ่ง "ทิ้งผมให้อยู่กับพี่ซีสองคน"



     "โถ่ อาขอโทษนะ พอดีว่าปวดหัวนิดหน่อย เลยไม่ได้บอกก่อนว่าจะกลับ"



     "อาธารไม่สบายหรอครับ" ติณณ์ดูท่าทางตกใจนิดๆ



     "ป่าวหรอก แค่ปวดหัวนิดๆเดี๋ยวก็หาย ห่วงตัวเราเถอะ ลำบากใจแย่เลยใช่ไหม"



     "ครับ ผมไม่ชอบให้ใครก็ไม่รู้มาแตะเลย..."



     "เดี๋ยวอาล้างให้นะ"



     หลังจากว่าจบ ธาราโน้มตัวลงจุมพิศที่กลุ่มผมเปียกชื้นหอมๆนั้นที่เคยถูกผู้อื่นสัมผัสมา ลากริมฝีปากลงมาที่หน้าผากเนียนๆที่เคยถูกผู้อื่นแตะต้อง ปลายจมูกโด่งไล้วนบริเวณที่เกิดลักยิ้มแล้วสูดกลิ่นหอมๆเข้าเต็มปอด ก่อนที่ใบหน้าจะมาหยุดตรงซอกคอขาวๆที่เคยถูกผู้อื่นลูบไล้ เขามองไปที่จุดเล็กๆสีเข้มที่ตัดกับผิวขาวๆนั้น นึกอยากจะล้างกลิ่นของคนอื่นออกด้วยรอยช้ำสีกุหลาบให้ทั่วบริเวณ



     "อ๊ะ!"



     ติณณ์ร้องออกมาเมื่อริมฝีปากอุ่นประทับลงบนผิวเนื้ออ่อน ตอหนวดสากๆสัมผัสลงบนลำคอจนรู้สึกจั๊กจี๊มากกว่าตอนถูกหอมแก้มเสียอีก เด็กหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองส่งเสียงร้องน่าอายออกไป มันไม่ใช่คำอุทานจากความตกใจ แต่มัน...มัน...



     "ขอโทษครับ" ติณณ์ยกมือปิดปากตัวเองหลังจากส่งเสียงแปลกๆออกไป



     "ขอโทษอะไร หืม"



     "ผมร้องอะไรแปลกๆออกไปก็ไม่รู้"



     "แปลกยังไง?" ธาราทำใสซื่อ ทั้งๆที่ตอนนี้หัวใจเขากำลังเต้นแรงเพราะเสียงน่ารักๆนั่น



     "ก็มัน...มัน...อะ อ๊ะ!" ติณณ์ร้องเสียงนั้นออกมาอีกครั้งเมื่ออาธารโน้มใบหน้าลงมาฟัดลำคอตรงจุดเดิมอีกรอบ



     "หึๆ จุดอ่อนสินะ"



     "ค...ครับ?" เขาไม่เข้าใจคำว่าจุดอ่อน



     "ติณณ์รู้สึกยังไงเวลาอาลงไปฟัดคอแบบนั้น"



     "มันรู้สึก...แปลกๆ มันจั๊กจี๊แปลกๆ แล้วก็ขนลุกด้วย ใจเต้นแรงขึ้นด้วย ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง แต่มันจึ๊กจึ๋ย มัน...มัน..."



     ธารามองคนที่พยายามอธิบายความรู้สึกของตัวเองด้วยความเอ็นดู แถมลูกซาลาเปาทั้งสองข้างนั้นก็ขึ้นสีแดงจัดกว่าตอนที่โดนฟัดแก้มเสียอีก



     "เสียว พูดแบบนี้นะติณณ์"



     "!?"



     "จุดอ่อนของติณณ์อยู่ตรงลำคอ แล้วคำอธิบายของเราที่ว่ามาน่ะ...มันแปลว่าเสียว"



     "เสียว?" ติณณ์พูดตามอย่างงงๆ



     "ใช่ แล้วที่ร้องออกมาเมื่อกี้น่ะ มันไม่ได้เรียกว่าร้องเสียงแปลกๆ" ธาราไล้ลูกกระเดือกสวยนั้นอย่างเบามือ "แต่มันเรียกว่าคราง"



     ดูสิ แค่จูบตรงซอกคอนิดเดียวก็ครางเสียงหวานออกมาแล้ว ธาราก็เช่นกัน แค่เสียงหวานๆนั่นเปล่งออกมานิดเดียวก็ทำให้ใจสั่นขนาดนี้ หากว่าเสียงนั้นประสานกับคำว่า'พ่อธาร'ล่ะ จะน่าฟังขนาดไหน



     ดูเอาเถอะซี...ว่าเด็กมันตอบสนองกับใครมากกว่ากัน






talk.
อาธารขี้หวงไม่พอยังขี้โกงด้วย!!
พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2019 22:20:03 โดย TiXA »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
หมั่นไส้ความรอบจัดและขี้โกงของแด้ดดี้ธาร รอไปนะน้องยังใส

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คนที่ร้ายที่สุดในเรื่องก็คืออาธาร วางแผนกักติณณ์ไว้กับตัวจะทำให้ติณณ์ขาดอาธารไม่ได้แล้ว ฮือออ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ รอชมอาธารที่สอนให้ติณณ์เรียนรู้โลกของผู้ใหญ่  :ling1:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ร้ายมากธาราที่ทำให้ตินณ์เสียความรู้สึกกับซีได้

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ร้ายกาจ....อาธารคือหมาป่าในคราบแดดดี้   :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อยากให้น้องเรียกป๊ามากกว่าค่ะแค่กๆ  :mew1:

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
คุณอานี่ร้ายมากๆเลยนะคะ รอวันที่คุณอาตบะแตก55555555555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
แด๊ดดี๊!!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
มีคนจะกินเด็ก1 EA

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :z1: อาธารร้ายยยยย อิอิ

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อะโหร้ายเหลือเกินอาธาร คุณตำหนวดต้องรู้เรื่องนี้ค่ะ :ruready

ออฟไลน์ Hananijinji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 82
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แหนะ อาธารแสบนะคะ ชอบเวลาน้องติดอามากก ฟิน ทำตัวน่ารักกับอาเยอะๆนะคะ รุ้สึกสะใจพิลึกเวลาคุณอาข่มใจ5555

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ร้ายมากอาธาร

ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ร้ายมากค่ะคุณอา  :ling1:

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
ตอนที่ 13


     เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็ว อย่างที่วันนี้เป็นวันหยุดพิเศษวันสุดท้าย



     เมื่อถึงคราแยกย้ายกลับบ้าน ธาราฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ติณณ์ก็มีบ้านตัวเองเหมือนกัน



     นี่เป็นเวลา2-3เดือนแล้วที่เด็กน้อยมาอยู่อาศัยกับเขา ธาราจำได้ว่าจุดประสงค์ของตัวเองคืออะไร ที่ติณณ์ต้องมาอยู่ในความดูแลของเขาเพราะอีกฝ่ายทำร้ายตัวเอง สุขภาพกายและสุขภาพจิตน่าเป็นห่วง กลัวว่าอยู่คนเดียวแล้วจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมา เมื่อถึงวันที่เด็กคนนี้ดีขึ้นถึงจะอนุญาตให้กลับบ้าน ธาราจำได้ดี



     ใช่ ตอนนี้ติณณ์ดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนประมาณหนึ่ง แต่เขากลับอยากให้เด็กคนนี้ยังอยู่ด้วยกัน ซึ่งธาราเองก็ไม่ได้รู้สึกอยากอยู่กับใครแบบนี้มานานแล้ว



     อยากให้อยู่ในสายตา อยากเห็นทุกการกระทำ เป็นห่วงถ้าหากเขาไม่สบายใจ มีความสุขเวลาเขายิ้ม อยากทะนุถนอมและอยากปกป้อง แบบนี้สามารถเรียกว่าความรักได้หรือไม่?



     ถ้าเป็นความรักในเชิงอากับหลาน ก็พอจะเข้าข่ายอยู่



     แต่อาที่ไหนคิดอยากจะแตะเนื้อต้องตัวหลานกัน...



     หากติณณ์จะต้องอยู่ในวงโคจรอันใกล้แบบนี้ต่อไป ธาราไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่ทำอะไรๆกับเด็กคนนี้ ทั้งๆคนที่หลับคาเบาะรถข้างๆไม่ได้จัดอยู่ในสเปคเขาด้วยซ้ำ



     ธาราชอบคนหน้าหวาน แต่ติณณ์หน้าออกไปทางหล่อ



     ธาราชอบคนที่เด็กกว่า แต่ติณณ์เด็กเกินไป



     ธาราชอบคนที่เจนโลก แต่ติณณ์สุดจะไร้เดียงสา



     ธาราชอบคนเก่งเรื่องอย่างว่า แต่ติณณ์คงจะทำอะไรไม่เป็นเลย



     หรือเป็นเพราะนิสัย การกระทำ อิริยาบท คำพูดคำจา เลยทำให้เขารู้สึกอยากฟัดเด็กคนนี้ให้จมเตียง



     ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ความธรรมดาและความไร้เดียงสานั่นมันทำให้เด็กคนนี้พิเศษ



     คนที่กำลังขับรถเข้าสู่กรุงเทพถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดเรื่องนี้เมื่อไหร่เป็นอันต้องปวดหัว พยายามลบล้างเรื่องนี้ออกจากสมองแล้วตั้งใจขับรถเป็นเวลานับชั่วโมง กระทั่งรถส่วนตัวและรถตู้มาจอดที่บริษัท



     "ติณณ์...ติณณ์ตื่นก่อนเร็ว" ธาราสะกิดคนที่หลับใหล



     "อือ..." คนถูกปลุกค่อยๆลืมตาขึ้นพลางงึมงำ พอมองออกไปนอกรถก็พบว่าที่นี่คือที่ทำงานของอาธาร "มาที่นี่ทำไมหรอครับ?"



     "พวกน้าๆอาๆเขาจอดรถไว้ที่บริษัทก่อนขึ้นรถตู้น่ะ อาเลยมาส่งพวกเขา แล้วติณณ์ต้องลงไปลาน้าๆอาๆด้วยนะ"



     เรียวขาสวยก้าวลงจากรถอย่างเซนิดๆเพราะผลจากการเพิ่งตื่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับลุงป้าน้าอากำลังทยอยลงจากรถตู้ จุดโฟกัสแรกของคนกลุ่มนี้คือคนเป็นหัวหน้าของพวกเขา การกล่าวลากันเทไปทางธาราเป็นคนแรกๆ เมื่อติณณ์เห็นคนรอบข้างยกมือไหว้เขาก็ต้องยกมือขึ้นตามโดยอัตโนมัติ



     คนอายุน้อยที่สุดไหว้ลาคนอายุมากกว่าโดยที่มือแทบจะไม่ตก แม้ว่าจะไม่รู้จักใครเลยนอกจากพี่ซีก็เถอะ เมื่อมาถึงคราวต้องกล่าวลารุ่นพี่อัธยาศัยดีแล้ว อีกฝ่ายกลับไม่รับไหว้ กลับมีสีหน้าที่เหมือนเพิ่งนึกอะไรสักอย่างออก หันซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าน้องติณณ์ไม่ได้อยู่ในสายตาของหัวหน้า จากนั้นก็คว้าข้อมือเล็กโดยไม่บอกไม่กล่าว



     ไม่ทันจะได้ตั้งคำถามอะไร นักศึกษาหนุ่มลากรุ่นน้องออกจากฝูงชนมาได้ไม่ไกล เพื่อได้สนทนาเป็นการส่วนตัว



     "ติณณ์ พี่ขอไลน์หน่อยดิ" ซีไม่อ้อมค้อมแต่อย่างใด



     "ห...หา?" ติณณ์ถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก



     "เด๋ออะไรเนี่ย พี่บอกว่าขอไลน์เราหน่อย ได้ไหม ได้เถอะนะ"



     ติณณ์มองโทรศัพท์ที่โชว์หน้ากรอกไอดีไลน์ให้เสร็จสรรพสลับกับคนตรงหน้า ซีเองก็มีท่าทางเซ้าซี้และเว้าวอนโดยที่ไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่อื่นกำลังจับจ้องมาทางนี้



     สายตาแรก คือของธารา



     สายตาที่สอง คือของไตรภพ



     หนึ่งในผู้บริหารมองเหตุการณ์เหล่านั้นจากที่ไกลๆ แต่แม้ว่าตนจะมีระยะห่างจากคนกลุ่มนั้นเพียงใด สายตาของธารากลับเด่นชัดท่ามกลางความวุ่นวาย ดวงตาคู่นั้นจับจ้องไปที่เด็กน้อยกับใครสักคนที่น่าจะอายุห่างกับติณณ์ไม่กี่ปี ไตรภพไม่ทราบว่าสองคนนั้นคุยอะไรกัน แต่ที่มั่นใจก็คงเป็นสายตาราวอยากดึงเด็กคนนั้นออกมาจนใจจะขาด



     คนตำแหน่งสูงเหยียดยิ้ม มองภาพนั้นพลางรอเวลาให้คนในแผนกแยกย้ายขึ้นรถส่วนตัว กระทั่งเหลือเพียงคนต่างวัยยืนอยู่คู่กัน เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้วเขาจึงเดินเข้าไปทักทายสองคนนั้น ภาพแรกที่เห็นก็คือ ติณณ์ดูตกใจเขา



     "อ้าว สวัสดีครับพี่" ธาราเอ่ยทักทายด้วยสรรพนามเป็นกันเองเมื่ออยู่นอกเวลางาน "มาทำอะไรที่บริษัท นี่มันวันหยุดนี่?"



     "มีธุระที่ต้องจัดการนิดหน่อย บังเอิญเห็นนายเลยแวะมาทักทาย"



     ไตรภพไม่ได้เข้ามาทักทายธาราหรอก



     เขาแค่อยากเข้ามาแหย่คนตัวเล็กเล่นๆเท่านั้นเอง...



     นัยน์ตาแพรวพราวเหลือบมองคนบริสุทธิ์ที่ดูกระอักกระอ่วน ก่อนที่จะยกมือไหว้เขาอย่างมีมารยาท ไตรภพรับคำทักทายนั้นพลางสังเกตรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของเด็กคนนี้ ร่างกายที่เคยผอมซูบเริ่มมีน้ำมีนวล สมส่วนชวนมอง ใบหน้าสดใสไม่ได้โทรมอย่างเก่า และสิ่งที่เปลี่ยนไปอีกประการ คือเด็กคนนี้ดูท่าทางอยากจะวิ่งหนีเขาไปไกลๆ



     "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ..." ร่างสูงขยับเข้าใกล้ โน้มใบหน้าลงให้อยู่ระดับเดียวกันกับคนอ่อนวัยให้ได้เห็นผิวนวลเนียนเต็มตา "...น่ารักขึ้นเยอะเลย"



     การกระทำเหล่านั้นทำให้ภาพเก่าๆย้อนมาให้ความทรงจำ ติณณ์ถอยตัวไปหลบหลังคนที่ไว้ใจอย่างหวาดระแวง อย่างที่ธาราเห็นแล้วก็สั่งให้ติณณ์ขึ้นไปรอบนรถ



     "อะไรกัน แค่ชมนิดหน่อยไม่เห็นต้องหวงขนาดนี้เลย" ไตรภพแค่นหัวเราะหลังจากที่เด็กน้อยหนีขึ้นรถไปเรียบร้อย



     "พี่ทำอะไรไว้ล่ะ" ธาราเริ่มไม่พอใจ



     "ก็ยอมรับว่ายังอยากได้เด็กคนนี้อยู่" เขาลอยหน้าลอยตา "แล้วนายล่ะ...ยอมรับไหมว่าอยากได้"



     "ผมไม่จำเป็นต้องตอบ"



     "อ่าฮะ ไม่ต้องพูดก็รู้ เพราะสายตานายมันฟ้อง"



     "พูดเรื่องอะไร"



     "คิดว่าฉันไม่เห็นหรือ...สายตาที่นายมองติณณ์กับไอ้หนุ่มนั่น"



     "...!?"



     "หวงขนาดนั้น แสดงความเป็นเจ้าของไปหรือยังล่ะ"



     "มันไม่ใช่เรื่องของคุณ ไตรภพ"



     "มันเป็นเรื่องของผมสิ คุณด่าว่าผมเลวอย่างนั้นเลวอย่างนี้ แต่อีกหน่อยคุณก็จะไม่ต่างจากผมหรอกธาร...เนื้ออ่อนๆ แถมยังหอมและหวาน ใครมันจะไปทนไหว ขนาดผมยังทนไม่ได้เลย"



     "หมายความว่ายังไง?"



     "ผมยังไม่ได้บอกหรือ ว่าผมชิมเด็กคนนั้นไปนิดๆหน่อยๆ อย่าเพิ่งโมโหล่ะ ไม่ได้เกินเลยถึงขั้นนั้น เพียงแค่รู้ว่าริมฝีปากนั้นนุ่มอย่างกับปุยนุ่น น้ำลายก็หวานฉ่ำเหมือนกับน้ำผึ้ง"



     ธารากำหมัดแน่นเมื่อได้รับรู้ว่าคนแปดเปื้อนอย่างไตรภพบังอาจมาแตะต้องเด็กดีของเขา แต่ไม่อาจทำอะไรได้เพราะติณณ์ยังคงอยู่บนรถ ไม่อยากให้เจ้าตัวเห็นภาพคนที่น่าจะมีวุฒิภาวะกลับมาใช้กำลังเหมือนกับคนไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ หัวหน้าแผนกส่งสายตาวาวโรจน์ไปยังคนตำแหน่งสูงอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะหันหลังกลับขึ้นรถโดยไม่กล่าวลาสักพยางค์หนึ่ง ยิ่งยืนฟังไปก็ยิ่งพาลทำให้หงุดหงิด



     "อาธารโอเคไหมครับ?" ติณณ์ถามคนข้างๆอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าเครียด



     "โอเคครับ ไม่มีอะไรหรอก กลับบ้านกันนะ"



     ใช่ ธาราจะพาติณณ์กลับบ้าน แต่ไม่ใช่บ้านของเจ้าตัวแน่



     ต่อให้โดนตราหน้าว่าเห็นแก่ตัว กักขังอิสระภาพคนอื่น แต่ในเมื่อติณณ์ไม่ได้เรียกร้องอะไรก็อย่าหวังว่าเขาจะปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่นอกสายตา....






     ธารากลับเข้าคอนโดมิเนียมด้วยพลังงานที่ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ มันส่งผลมาจากการที่เขาทำงานหนักและสะสมมาตลอด ไหนจะต้องมาปวดหัวกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อติณณ์ เขาไม่ได้สับสนว่าความรู้สึกนี้คืออะไร ด้วยอายุและประสบการณ์ที่มากพอที่จะรู้ว่าเขาคิดเกินเลยกับเด็กคนนี้มากกว่าหลาน



     เพียงแค่สับสนว่าควรไปต่อหรือหยุดไว้เท่านี้...



     หากว่าจะหยุด คงเป็นการยากที่จะห้ามใจ เขาเก็บความรู้สึกได้ในขณะนี้แต่ไม่ได้แปลว่าจะซ่อนมันไว้ได้ตลอดไป ทางออกที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการเว้นระยะห่าง ไม่ได้โคจรรอบๆกันอย่างที่เป็นตอนนี้



     แต่หากให้อยู่นอกสายตา ความรู้สึกเป็นห่วงว่าจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรนั้นกลับมีพลังมากกว่า อยากให้ติณณ์ได้ใกล้ชิดกับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งช่วงนี้ธารามักจะดึงเด็กคนนี้มาใกล้ชิดมากเกินไป ถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัว แต่เขาไม่ได้คิดจะย่ำยีแล้วปล่อยละเลยแบบไตรภพ



     สิ่งที่กลัวคือกลัวว่าจะอดใจไม่ไหวแล้วทำเรื่องคาวๆต่างหากเล่า...



     "อาธารเป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ติณณ์เอ่ยถามเมื่อเห็นอาธารสีหน้าไม่ค่อยดี แถมยังนวดขมับบ่อยๆตอนนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน



     "ปวดหัวนิดหน่อยน่ะ" เขาพูดเพื่อให้เด็กสบายใจ ทั้งๆที่ตัวเองปวดหัวจนแทบจะระเบิด



     "งั้นนอนเลยดีไหมครับ ดึกแล้ว"



     "ติณณ์นอนก่อนเลย อาขอทำงานต่ออีกนิดหน่อย"



     "แต่...อาธารทำงานหนักเกินไปแล้วนะครับ น่าจะพักผ่อนสักหน่อย"



     "ไม่หนักหรอก อีกแค่นิดเดียวเอง"



     "อาธารดื้อ"



     ดื้อ?



     ธาราเนี่ยนะดื้อ ช่างเป็นคำที่ไม่เหมาะสมกับวัยของเขาจริงๆ



     "ดื้อหรอ?" ธาราหัวเราะให้กับคำนั้น



     "ครับ อาบอกไม่ให้ผมดื้อ แต่อาธารกลับดื้อเสียเอง" ติณณ์ทำหน้ามุ่ยโดยไม่รู้ตัว "ผมแค่อยากให้อาพักบ้างเท่านั้นเอง"



     "โอเคครับ เข้าใจแล้วครับ จะไปนอนเดี๋ยวนี้ล่ะครับ"



     คนอายุมากกว่าพูดสุภาพอย่างติดตลก ไม่น่าเชื่อว่าวันนึงต้องมาเชื่อฟังเด็กตัวเล็กๆที่ไม่ได้มีอำนาจมาจากไหน หากคนที่ทำงานมาเห็นเข้าคงจะถูกหัวเราะเยาะ ก็ดูเอาเถอะ ใครมันจะไปทนสายตาเว้าวอนนั่นไหวกัน



     ร่างบอบบางถูกเจ้าของเตียงดึงเข้ามากอดอย่างเคย เขาชินแล้วที่ได้เป็นหมอนข้างให้ใครอีกคน ชินเสียจนรับรู้ว่าอุณภูมิร่างกายของร่างแกร่งนั้นเปลี่ยนไปจากอุณหภูมิปกติของมนุษย์ มันอุ่นกว่าเดิม ไม่ใช่ความอุ่นที่รู้สึกอบอุ่น แต่กลับเป็นสัญญาณกลายๆว่า อาธารอาจมีไข้อ่อนๆ



     ข้อศอกแหลมถูกใช้ยันลำตัวขึ้น ดวงตากลมมองคนที่หลับใหลผ่านความมืด แสงจันทร์อันน้อยนิดส่องให้เห็นโครงหน้าได้รูป มือเรียวเอื้อมไปนาบลงบนหน้าผากอย่างใคร่รู้อุณภูมิว่าจะร้อนสักแค่ไหน สุดท้ายก็พบว่ามันร้อนจนเสี่ยงเป็นไข้จริงๆ



     ซึ่งธารายังคงมีสติอยู่



     มือเย็นๆจากคนที่ไม่ต้องเดาว่าใครคอยสัมผัสหน้าผากและลำคอซ้ำไปซ้ำมาเพื่อวัดอุณหภูมิ ไม่นานนักก็เป็นเสียงถอนหายใจตามมา พื้นที่อันว่างเปล่าในอ้อมกอดเป็นเครื่องยืนยันว่าติณณ์ยังคงนั่งอยู่ แต่ธาราก็รู้สึกได้ว่าดวงตาคู่สวยกำลังจดจ้องมาทางนี้ บรรยากาศเป็นแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คนตัวเล็กจะเข้ามาซุกในอ้อมอกเขาอย่างเคย



     มันไม่ใช่การกระทำที่หวือหวาหรือพิเศษอะไรสักนิด



     แต่ธาราไม่เข้าใจ ว่าทำไมตัวเองต้องใจเต้นกับสัมผัสที่อ่อนโยนนั้น...









     เวลาตีห้าครึ่ง เป็นเวลาที่อาธารมักจะตื่น และปลุกให้ติณณ์เตรียมตัวไปโรงเรียน แต่ไม่ใช่วันนี้



     กว่านักเรียนจะยกเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมาได้ ก็ล่วงเลยไปหกโมงนิดๆแล้ว ภาพแรกที่เห็นคืออาธารยังคงหลับไม่ได้สติ ดวงตาที่เคยสะลึมสะลือเบิกกว้างเมื่อเราทั้งคู่ตื่นช้ากว่าปกติ จึงรีบสะกิดคนข้างๆอย่างกลัวสาย



     "อาธารครับ อาธาร หกโมงกว่าแล้วครับ!"



     "..."



     "ตื่นได้แล้วครับ เดี๋ยวจะสายเอานะครับ!"



     เสียงงุ้งงิ้งๆเหมือนแมวร้องเงี้ยวๆทำให้ธาราลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก ความรู้สึกแรกคือเหมือนกับหัวเขาจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ อีกทั้งลมหายใจที่ร้อนกว่าปกติเป่ารดบนกระจับปาก พอขยับร่างเล็กน้อยก็ได้รู้ว่าปวดเมื่อยไปทั้งตัว เขาวินิจฉัยสุขภาพเช้านี้ด้วยตัวเองในใจ สุดท้ายก็ได้ผลสรุปว่าคงต้องลางานหนึ่งวัน



     "อาปวดหัวน่ะติณณ์ คงไม่ได้ไปทำงาน" ธาราว่าแล้วยันตัวขึ้นมาอย่างเชื่องช้า



     "ปวดมากไหมครับ ไปหาหมอไหม??"



     "ไม่ๆ แค่นอนพักก็น่าจะดีขึ้นแล้ว" เขายกยิ้มให้เด็กที่มีท่าทางเป็นแมวตื่นตูม "ส่วนเราน่ะ ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวอาไปส่ง"



     "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมนั่งแท็กซี่ก็ได้ อาธารนอนพักเถอะครับ"



     "ไม่ได้อาการหนักขนาดนั้นสักหน่อย แค่ขับรถไปส่งเอง"



     "ผมไปเองได้จริงๆนะ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก" ติณณ์ยังคงยืนกราน



     "เอาหน่า ให้อาไปส่งเถอะ—"



     สองฝ่ามือขาวๆดันลงบนไหล่ทั้งสองข้างของธารา แรงกระทำนั้นดันลงให้ร่างแกร่งนอนราบไปกับพื้นเตียงนุ่มอีกครั้ง "พักเถอะนะครับ ตอนนี้คนที่สุขภาพน่าเป็นห่วงกลายเป็นอาธารแทนแล้วนะครับ"



     "..."



     "เชื่อใจผมนะ ผมโตแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"



     แม้ว่าธาราอยากจะดื้อดึงไปส่งมากแค่ไหน แต่การทำสงครามประสาทต่อไปไม่ใช่ทางออก เขายกธงขาวยอมแพ้คนอายุน้อยกว่าอย่างง่ายดาย การแพ้ครั้งนี้ทำให้ติณณ์ฉีกยิ้มออกมาอย่างสบายใจ ซึ่งธาราไม่เคยแพ้แล้วรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน



     คนป่วยหลับตาลงเพื่อพักผ่อน โสตประสาทยังคงได้ยินเสียงเด็กเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง คาดว่ากำลังอาบน้ำแต่งตัวอยู่ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูห้องที่เขานอนอยู่ ตามด้วยเสียงฝ่าเท้าที่ใกล้เข้ามาทางนี้ แถมยังมีเสียงกุกกักเหมือนมีสิ่งของบางอย่างวางลงบนตู้ข้างๆ และสุดท้ายเป็นเสียงเหมือนกับกำลังบิดน้ำออกจากผ้า



     สัมผัสนุ่มๆเย็นๆวางลงบนหน้าผากของธารา เขาประมวลผลได้ว่ามันคือผ้าชุบน้ำ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนเขาก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินออกจากห้องนี้ไป



     ธาราลืมตาขึ้นมาอย่างใคร่รู้ เขาเอื้อมมือมาจับเพื่อเช็คว่าสิ่งที่แปะหน้าผากอยู่คือผ้าชุบน้ำจริงๆ พลันหันไปมองสิ่งที่อยู่บนตู้เตี้ยๆ คือยาพาราเม็ดขาวๆในแก้วใบเล็ก ส่วนอีกแก้วหนึ่งบรรจุน้ำสะอาดไว้เต็มแก้ว



     ความรู้สึกปวดหัวมาถูกแทนที่ด้วยความอิ่มเอมใจ



     นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้ถูกดูแลแบบนี้







 (ต่อด้านล่างค่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2019 21:37:40 โดย TiXA »

ออฟไลน์ TiXA

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
    วันนี้ติณณ์เรียนไม่รู้เรื่อง



     ตั้งแต่คาบแรกยันคาบสุดท้าย ในหัวของเขามีแต่เรื่องอาธาร ป่านนี้จะทานอาหารหรือยัง ทานยาที่เขาเตรียมไว้ให้หรือยัง พักผ่อนอย่างสบายหรือเปล่า อาการปวดหัวทุเลาลงบ้างไหม



     นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้เป็นห่วงคนอื่นมากขนาดนี้ นอกจากแม่



     นี่เป็นครั้งแรกที่ติณณ์เอาแต่มองนาฬิกา จับจ้องไปที่เข็มชั่วโมง นาที และวินาทีเดินไปอย่างช้าๆ เขารอเวลากลับบ้านอย่างใจจดใจจ่อ วิชาชีววิทยาคาบสุดท้ายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในโลก เขาไม่ถนัดพวกวิชาที่ต้องใช้ความจำเสียเท่าไหร่ ยิ่งมีการประกาศท้ายคาบว่าจะมีการสอบเก็บคะแนนสัปดาห์หน้ายิ่งเหมือนกับตกนรก ติณณ์หัวดีก็จริงแต่ไม่ได้แปลว่าจะสามารถผ่านมันไปอย่างง่ายดายเสียหน่อย



     เสียงออดเป็นเสียงสวรรค์สำหรับเด็กมัธยมอย่างเขา ไม่แน่ใจว่าไอ้ความรู้สึกดีใจนี้มันมาจากการบอกลาคาบสุดท้าย หรือมาจากการจะได้กลับไปหาอาธารไวๆก็ไม่ทราบ เด็กหนุ่มเก็บอุปกรณ์เข้ากระเป๋าอย่างเร่งรีบกว่าปกติ แต่แล้วก็มีเสียงแจ้งเตือนจากแอพพลิเคชั่นสีเขียวในโทรศัพท์มาขัดจังหวะ



     sea : ติณณ์อยู่ไหน



     sea : ตอนนี้พี่อยู่โรงเรียนติณณ์



     นักเรียนงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นข้อความนั้น มือเรียวกดเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายก็พบว่าเป็นพี่ซี เขานึกสงสัยว่าพี่ซีมาที่นี่ทำไม ถามทำไมว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเขาเรียนอยู่โรงเรียนนี้ อ้อ ลืมไปว่าคราวนั้นพี่ซีชวนคุยเรื่องที่โรงเรียน แต่นั่นก็เป็นคำตอบเดียวที่ติณณ์รู้ในบรรดาล้านๆคำถาม



     tinnn : พี่ซีมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?



     sea : มีเรื่องอยากคุยด้วย บอกพี่ได้ไหมว่าอยู่ไหน จะไปหา



     tinnn : อยู่ตึกXครับ



     sea : โอเค รออยู่หน้าตึกนั่นแหละ เดี๋ยวไปหา



     ติณณ์ต้องมานั่งรอรุ่นพี่คนนั้นอย่างงงๆตรงหน้าตึก พอพี่ซีบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยมันก็อดอยากรู้ไม่ได้ว่ามีอะไรต้องคุยกับคนจืดจางอย่างเขา คนในชุดนักเรียนจินตนาการในหัวไปเรื่อยเปื่อยก่อนที่คนในชุดนักศึกษาจะมายืนตรงหน้า



     "สวัสดีครับพี่ซี" ติณณ์ยกมือไหว้



     "เห้ยๆไม่ต้องไหว้ก็ได้ พี่ไม่ได้แก่ขนาดนั้น"



     "มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?" ติณณ์ไม่อ้อมค้อม



     "จริงๆก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากมารับกลับบ้าน"



     "หา???"



     "ก็ถ้าบอกไปตรงๆตั้งแต่แรกว่าจะไปส่งที่บ้าน ติณณ์คงไม่อยู่รอพี่หรอก ใช่ไหมล่ะ แต่ถ้าพูดว่ามีเรื่องจะพูดด้วย ติณณ์ต้องอยู่รอพี่เพราะอยากรู้แน่ๆ"



     "เดี๋ยวก่อนครับ ผมไม่เข้าใจ" ติณณ์งุนงงกับความไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยนี้ "พี่ซีแค่มารับผมกลับบ้านหรอครับ? อาธารบอกมาหรอครับ"



     "ไม่ใช่ พี่มาเองด้วยตัวและหัวใจ"



     "ไม่เห็นเข้าใจเลย..."



     "งงอะไรอีกเนี่ย บอกเป็นล้านๆรอบแล้วว่ามารับกลับบ้าน"



     "ไม่ใช่ครับ ผมไม่เข้าใจว่าพี่ทำแบบนี้ทำไม" ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นเสียหน่อย ไม่เห็นต้องทำเพื่อเขาขนาดนี้เลย



     "ก็พี่ช—"



     "ไอ้ติณณ์ มึงลืมหยิบชีท!"



     อยู่ๆโต้ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ตอนที่ติณณ์กำลังคุยกับพี่ซีอยู่ ทั้งคู่หันไปมองโต้อย่างงงๆ เขาเองก็งงว่ารุ่นพี่นักศึกษาคนนี้เป็นใคร แต่มันไม่ใช่ประเด็นของเขา "ครูเขาวางชีทสรุปไว้ให้หน้าห้อง มึงลืมหยิบใช่ไหมกูรู้นะ อะ กูหยิบมาให้ละ เดี๋ยวไม่มีอะไรอ่านสอบ แค่นี้ล่ะ กูไปละ"



     เพื่อนของติณณ์โผล่มายื่นชีทสรุปให้ภายในไม่กี่วินาทีก็จากไป ซีเหลือบมองสิ่งที่อยู่ในกระดาษนั้นก็จับใจความได้ว่าเป็นวิชาชีววิทยาที่เขาชื่นชอบและทำได้ดีมาตั้งแต่เด็กๆ "มีสอบชีวะหรอ?"



     "ครับ สัปดาห์หน้า"



     "เรียนเข้าใจปะ"



     "ไม่ครับ"



     "แย่จริง" นักศึกษาหนุ่มหัวเราะกับคำตอบที่ตรงไปตรงมานั้น "ให้พี่ติวให้ไหม อย่าเพิ่งปฏิเสธนะขอร้อง พี่มีวิธีจำดีๆให้"



     "เอ่อ..." เด็กหนุ่มอึกอักเมื่อถูกดักทาง



     "พี่เรียนวิศวะก็จริง แต่ความจริงแล้วพี่อยากเป็นหมอนะ ตอนแอดมิชชั่นคะแนนก็ถึงด้วย แต่บ้านบังคับให้เรียนวิศวะอ่ะ แต่ช่างมันเถอะ ให้พี่สอนให้นะ รับรองคะแนนงามแน่"



     "แต่ผมเกรงใจ..."



     "ไม่ต้องเกรงใจดิ ยินดีสอนฟรี เนี่ยลองหาที่นั่งติวกันสักแปปดีปะ ฟังเทคนิคดีๆไว้ประดับสมองสักหน่อยก็ไม่เสียหายนะติณณ์"



     พี่ซีคุยโม้โฆษณาไม่หยุดหย่อน อันที่จริงก็อยากรีบกลับบ้าน แต่ติณณ์เองก็เป็นห่วงการสอบของตัวเองเหมือนกัน มันไม่เหมือวิชาฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ที่ให้อาธารสอนที่บ้านก็ได้ วิชาชีววิทยาเป็นวิชาที่เขาไม่รู้จะพึ่งพาใครจริงๆ ที่ผ่านมาก็พึ่งตัวเองอย่างทุลักทุเล แน่นอนว่าเขาไม่ยอมไปนั่งติวกับเพื่อนๆเพราะไม่มีเพื่อนและมีอีโก้สูง การที่พี่ซียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็นับว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย



     "งั้นผมขอโทรบอกอาธารก่อนนะครับ"



     สุดท้ายติณณ์ก็แพ้ลูกตื้อ มือเรียวกดโทรออกหาอาธารเพื่อแจ้งว่าวันนี้จะกลับช้ากว่าปกติเล็กน้อย ซึ่งซีเองก็สงสัยว่าทำไมต้องโทรบอกหัวหน้าด้วย? แต่เขาเลือกเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ



     "อาธารครับ วันนี้ผมกลับบ้านช้าหน่อยนะครับ พอดีจะอยู่ติวหนังสือ" ติณณ์แจ้งปลายสาย



     [โอเค แล้วติวกับใคร เพื่อนหรอ?]



     "เปล่าครับ พี่ซีมาติวให้"



     [ซี? อ้าว แล้วพี่ซีไปอยู่กับติณณ์ได้ยังไง]



     "ผมก็งงๆเหมือนกันครับ เห็นบอกว่าจะมารับผมกลับบ้าน นึกว่าอาธารส่งพี่เขามาเสียอีก"



     [เปล่า อาไม่ได้ทำแบบนั้น] ธาราใช้เสียงเรียบนิ่ง [แล้วติณณ์โอเคไหม หรืออยากให้อาไปรับ]



     "ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค อาธารนอนพักเถอะครับ ถ้าเห็นว่าขับรถมารับผมจะโกรธจริงๆนะ"



     ธาราถึงกับต้องนวดขมับตัวเองอีกรอบเมื่อติณณ์ไปอยู่กับไอ้หนุ่มนั่นสองต่อสองอีกแล้ว



     เขาอยากจะเหยียบคันเร่งไปฉกตัวเด็กคนนั้นขึ้นรถให้จบๆไป แต่อีกฝ่ายประกาศชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เขาขับรถไปรับ คงจะเป็นห่วงเพราะเห็นว่าเขาป่วยอยู่เป็นแน่



     แต่ไม่เป็นไรหรอก



     ในเมื่อเขาไม่สามารถลากติณณ์ให้มาอยู่กับตนในเวลานี้ได้ เขาก็จะใช้วิธีการให้ติณณ์รีบวิ่งกลับมาหาอาธารคนนี้เอง..
.







     RRRRRRRrrrrrrrrrrr



     นั่งฟังพี่ซีสอนเทคนิคการจำง่ายๆไปได้ร่วมชั่วโมงกว่าๆก็มีสายเรียกเข้าขึ้นมาขัดจังหวะ ซึ่งเป็นอาธารที่เป็นคนโทรเข้ามาขัดจังหวะนี้ แต่ติณณ์ไม่ได้หงุดอะไรที่อีกฝ่ายโทรมา



     "ครับอาธาร?"



     "อีกนานไหมติณณ์ กว่าจะกลับบ้าน" เสียงอาธารดูแหบแห้งกว่าปกติ



     "คงอีกสักพักน่ะครับ อาธารมีอะไรหรือเปล่า?"



     "อาทำกุ้งทอดกระเทียมไว้ให้น่ะ กำลังร้อนๆเลย กลัวว่ากลับช้าจะเย็นชืดหมด"



     "อาธารทำเอง?" ติณณ์ไม่รู้ว่าจะเซอร์ไพรส์กับกุ้งทอดกระเทียมหรือการที่คนป่วยลุกขึ้นมาทำอาหารเองก่อนดี "ทำไมไม่นอนพักล่ะครับ อากำลังป่วยอยู่นะ ถ้าเป็นลมขึ้นมาจะทำยังไง?"



     "เรื่องแค่นี้เอง แค่ทอดกุ้งทำไมอาจะทำให้ติณณ์ไม่ได้" เสียงปลายสายพูดไป มีเสียงไอค่อกแค่กดังขัดจังหวะไป



     "เห็นไหมครับไอใหญ่เลย น่าจะนอนพักแท้ๆ"



     "อาไม่เป็นไรหรอก แต่ติณณ์รีบกลับบ้านนะ" เสียงปลายสายดูอิดโรยจนแทบจะทนไม่ไหว



     "อาธารไหวไหมครับ....อาธาร? อาธาร!?"



     ติณณ์ร้องอย่างตกใจเมื่อเสียงปลายสายไม่ใช่เสียงพูดของอาธาร แต่เป็นเสียงกุกกักอย่างดังจนต้องยกหูออก ราวกับเครื่องมือสื่อสารของอีกฝ่ายกำลังตกกระทบกับอะไรสักอย่าง จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบ ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ



     หรือว่าจะเป็นลมไปแล้ว...



     "พี่ซีครับ ขอกลับบ้านเลยได้ไหมครับ" ติณณ์พูดอย่างร้อนรนกับรุ่นพี่



     "อะ...เอ่อ... ได้ๆ งั้นเก็บของขึ้นรถกันเลย" ซีลนลานตาม



     ตัดภาพมาที่ธารา...



     หนุ่มใหญ่มองโทรศัพท์ราคาแพงของตัวเองที่'จงใจ'ทำหล่นพื้น เขาหยิบขึ้นมาเช็คสภาพว่ามีรอยบุบตรงไหนหรือไม่ เมื่อเห็นว่าสภาพยังคงทนสมราคาก็โล่งใจแล้ววางมันลงบนตำแหน่งเดิม



     ต้องขอบคุณวิชาการแสดงตอนสมัยม.ปลายที่ยังใช้ได้อยู่



     ธารานึกขำกับแผนของตัวเองที่ทำตัวอย่างกับเด็กเรียกร้องความสนใจ แต่เขาไม่ได้แคร์ขนาดนั้น ร่างสูงนอนลงบนโซฟาหรู กระดิกเท้าตามจังหวะเพลงอย่างสบายๆ กระแอมเส้นเสียงที่เพิ่งดัดไปเมื่อสักครู่ให้กลับมาเป็นปกติ พลางมองนาฬิกาที่ผ่านไปแต่ละวินาที



     ไม่นานนักหรอก



     เด็กน้อยของเขาคงกำลังรีบกลับมาหาคนป่วยคนนี้แน่...







     ติณณ์ผลักประตูเข้าคอนโดอย่างไม่สนใจกลิ่นกุ้งทอดกระเทียมหอมๆที่ลอยมาแตะจมูก เขาสนใจผู้ใหญ่ที่นอนหมดแรงอยู่บนโซฟานั้นต่างหาก



     เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง ดวงตาเหลือบไปเห็นโทรศัพท์ของอาธารที่ใช้สื่อสารกันก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้มันนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น นี่หรือเปล่าที่เป็นต้นเหตุของเสียงกุกกักนั้น?



     "กลับมาแล้วหรอ" ธาราประดิษฐ์เสียงแหบแห้งประกอบการแสดงฉาก'เพิ่งตื่น'ทั้งๆที่ไม่ได้หลับตั้งแต่แรก



     "เป็นยังไงบ้างครับ อยู่ๆสายขาดไป เกิดอะไรขึ้นครับ" ติณณ์ตอบคำถามนั้นด้วยคำถาม



     "น่าจะหน้ามืดแล้วเป็นลมไปน่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ"



     "ปกติวันธรรมดาจะสั่งอาหารขึ้นมาทานนี่ครับ แล้วทำไมวันนี้ถึงลุกมาทำเองทั้งๆที่ยังป่วยอยู่ ผมบอกแล้วใช่ไหมครับว่าให้พักเยอะๆ แล้วนี่ทานยาหรือยังครับ" ติณณ์บ่นด้วยความเป็นห่วง



     "ทานแล้วครับๆ" ธาราหัวเราะเบาๆ "ดุจังนะ คุณพยาบาล"



     "พ...พยาบาลอะไรกันครับ" มันรู้สึกจั๊กจี้ใจแปลกๆเมื่อถูกเรียกว่าคุณพยาบาล



     "ก็เราดุอย่างกับพยาบาลในโรง'บาลแน่ะ คนกำลังป่วยอยู่นะ อ่อนโยนหน่อยสิ" น้ำเสียงปรับมาเป็นโทนนุ่มทุ้ม มือใหญ่เอื้อมไปจับมือเล็กนั้น แล้วใช้ปลายนิ้วลูบๆหลังมือเพื่อให้อีกคนใจเย็นลง



     "ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่า" ติณณ์ทำหน้าหงอย "แค่เป็นห่วงว่าอาธารจะเป็นอะไรไป ถ้าเป็นแบบนั้นผมคง..."



     "..."



     "...ไม่มีอะไรครับ" ติณณ์กลืนประโยคที่อยากพูดลงคอ "ไปทานข้าว ทานยาแล้วอาบน้ำนอนกันเถอะครับ"



     ธาราทำเป็นเออออห่อหมกตาม ทั้งๆที่เดาไม่ยากเลยว่าติณณ์จะพูดอะไรต่อไป แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปากแข็งด้วย วันนี้เขาทานข้าวต้มปลา ส่วนติณณ์ทานกุ้งทอดกระเทียมฝีมือเขาอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นคุณพยาบาลก็จัดแจงหยูกยาให้ ตบท้ายด้วยการไล่ให้เด็กไปอาบน้ำก่อนอย่างเคย เพราะธรรมชาติของธาราเป็นคนอาบน้ำนาน



     คนในชุดคลุมอาบน้ำเปิดประตูออกมาเห็นเด็กติณณ์กำลังนั่งอ่านชีทอะไรสักอย่างบนโซฟาในท่าชันเข่า ท่านั่งนั้นทำให้กางเกงขาสั้นร่นไปกองกันตรงซอกขา เผยต้นขาอ่อนนวลเนียนให้ได้เชยชมถนัดตา เห็นแล้วก็มีความคิดอยากจะไปหนุนตักอ่อนๆนั้นด้วยความอยากรู้ว่าจะนุ่มขนาดไหน



     ซึ่งธาราไม่อยากให้มันเป็นเพียงความคิด



     "อ่านอะไรอยู่หรอ" ร่างสูงเดินเข้าไปชวนคุย



     "วิชาชีวะครับ ที่พี่ซีติวให้เมื่อเย็น มีสอบสัปดาห์หน้า"



     "อ๋อหรอ..." พอเจ้าตัวพูดคำว่าพี่ซีแล้วรู้สึกหงุดหงิดชอบกล "อ่า...ปวดหัวแฮะ"



     "มากไหมครับ?" ติณณ์ละสายตาจากกระดาษแล้วเงยหน้ามองคนสีหน้าไม่ค่อยดี



     "อื้ม สงสัยอาบน้ำนานเกินไป" ไม่หรอก การแสดงกำลังจะเริ่มอีกครั้ง ร่างสูงนั่งลงบนโซฟาด้วยท่าทางไม่สู้ดี เขาทำท่านวดขมับสักพักก็ล้มตัวลงนอนหนุนตักเด็กหนุ่ม



     ใช่ ตักเปลือยๆขาวๆนั้นนั่นแหละ



     "งั้นเข้านอนเลยดีไหมครับ" ติณณ์ถามด้วยความเป็นห่วงโดยไม่เอะใจว่านี่คือเล่ห์กล



     "อืม นอนเลย" ธาราปิดเปลือกตาลง



     "งั้นลุกไปนอนที่เตียงกันเถอะครับ"



     "ไม่ล่ะ ตรงนี้สบายดี"



     "ไม่เห็นจะสบายเลย น่าจะเมื่อยออก ไปหนุนหมอนนุ่มๆไม่ดีกว่าหรอครับ"



     "ตักติณณ์ก็นุ่มจะตายนี่" ธาราไม่สนใจ "ขออางีบสักแปปนึงนะ"



     ติณณ์มองคนบนตักอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปนอนบนเตียงดีๆ ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ไล่ให้อาธารไปไหนไม่ได้หรอก นอกเสียจากทำตัวเป็นหมอนนิ่งๆให้คนป่วย สายตาเหลือบไปเห็นชุดคลุมอาบน้ำที่แหวกออกจนเห็นกล้ามอกสวยอย่างหมิ่นเหม่ ทั้งๆที่ไม่ได้ถอดเสื้อล่อนจ้อนแต่ติณณ์รู้สึกว่าอาธารดูเป็นคนเซ็กซี่อย่างอธิบายไม่ถูก



     "โป๊หมดแล้ว" ติณณ์พูดกับตัวเองเบาๆ แล้วเอื้อมมือไปจับชุดคลุมให้ปิดเนื้อหนังจนเรียบร้อย



      แน่นอนว่าธาราได้ยิน และเขาทำได้เพียงยกยิ้มอยู่ในใจ...







     เวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่ทราบ แต่นานพอที่ทำให้ธาราตื่นขึ้นมา



     ตอนแรกคิดว่าจะเนียนนอนตักเปลือยๆนี้แปปเดียว แต่ด้วยความนุ่มและสบายทำให้เขาหลับลึกไปตอนไหนก็ไม่รู้ คนป่วยลุกขึ้นนั่งก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าคุณพยาบาลของเขาก็หลับไปเช่นกัน



     หลับน้ำลายไหลด้วยนะ



     เขายิ้มให้กับเด็กหลับน้ำลายยืดอย่างเอ็นดู ปากบอกว่าโตแล้วๆแต่กลับทำตัวเหมือนเด็ก เรียวนิ้วเอื้อมไปเช็ดน้ำลายหยดใสนั้นโดยไม่นึกรังเกียจ เช็ดตั้งแต่ปลายคางขึ้นมาถึงริมฝีปากนุ่มๆราวกับปุยนุ่น



     ปุยนุ่นงั้นหรือ...



     'เพียงแค่รู้ว่าริมฝีปากนั้นนุ่มอย่างกับปุยนุ่น น้ำลายก็หวานฉ่ำเหมือนกับน้ำผึ้ง'



     เสียงซาตานอีกตนดังขึ้นในหัวของเขา ราวกับโดนต้องมนต์สะกดเมื่อเขามองไปที่ริมฝีปากสีชมพูที่เคลือบไปด้วยน้ำฉ่ำใสน่าลิ้มลอง นิ้วสากที่คาบนริมฝีปากอยู่ๆก็ควบคุมไม่ได้ เรียวนิ้วชอนไชเข้าไปในริมฝีปากนุ่มๆนั้นจนกระทั่งเข้าไปเจอลิ้น สัมผัสที่ห่อหุ้มนิ้วกลางของเขาเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำ ความอุ่น และความนุ่มหยุ่น



     เรียวนิ้วกวาดควานน้ำลายหวานไปทั่วโพรงปากราวกับทำหน้าที่แทนลิ้นของตัวเอง ส่วนที่เร้าอารมณ์ที่สุดคงจะเรียวลิ้นนุ่มๆนั้น นิ้วสากเอาแต่คลุกเคล้าและกวาดควานลิ้นเล็กจนน้ำลายหยดออกมานอกริมฝีปากทั้งๆที่เพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อครู่



     "อึก...อื้อ"



     คนตัวเล็กครางอื้ออึงออกมาโดยไม่รู้ตัวจากการถูกรุกรานโพรงปาก ธาราบดจูบเด็กน้อยด้วยเรียวนิ้วจนพอใจจึงนำออกมา ลิ้นอุ่นแลบเลียน้ำลายหวานฉ่ำที่เคลือบอยู่บนนิ้วตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย

 

     นุ่มราวกับปุยนุ่น หวานฉ่ำอย่างกับน้ำผึ้งจริงๆ



     "อือ..." คนหลับไม่รู้เรื่องครางละเมอพลางเอามือเช็ดคราบน้ำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัวอย่างเคย



     ธาราเพิ่งจะได้สติว่าคราวนี้ตัวเองแตะต้องมากเกินไป...



     แม้ว่าจะไม่ได้บดจูบด้วยปาก แต่การกระทำเมื่อสักครู่นั้นหาข้อแก้ตัวไม่ขึ้นสักนิด ว่านั่นคือการกระทำของอากับหลาน



     "อาขอโทษ..."



     เขาควรทำอย่างไร ยิ่งนับวันความอดทนเขายิ่งลดลงไปเรื่อยๆ ซาตานที่ซุกซ่อนอยู่ในใจมันกำลังฉีกร่างเทวดาออกเป็นชิ้นๆ มันกำลังจะออกมาขย้ำแมวน้อยซื่อๆตัวนี้ ไม่ใช่สิ ต้องเปรียบเป็นลูกแมวต่างหาก ด้วยอายุที่ยังเด็กเกินกว่าจะทำอะไรๆที่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แต่ธาราก็ไม่อยากอยู่ห่างไกลจากเด็กคนนี้ ในขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะใกล้ชิดเกินไปอย่างวันนี้



     ใครก็ได้บอกที ว่าเขาควรทำอย่างไร...









talk.

ช่วยอาธารด้วยยยยยย เขาจะกลายเป็นซาตานแล้ว แงงงงงง

พูดคุยและติดตามตอนใหม่ๆได้ที่ทวิตเตอร์ @TiXA_20X และแฮชแท็ก #เด็กมันน่ารัก นะคะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม รักเสมอ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
บอกไปเลยค่ะว่าอารู้สึกดีกับติณณ์ เอาความดีเข้าสู้ไปเลยยย
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ  :impress2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ลุ้น....นนนนนนนน   :hao6: :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BloodyBlue

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :z3: :really2: อาธารคือจะไม่ไหวแล้ว55555

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
แตกแน่ๆๆๆ 55
แม่ยกจะอกแตกละจ้า ลุ้นหนักมาก

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
สงอาธารเข้าชิงรางวัลนักแสดงสาขาจอมมารผู้ล่อลวงลูกแกะน้อยดีกว่า :pigha2:ตีบทแตกกระจุย

ออฟไลน์ kimmiew112

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบอาธาร มารยาล้านเล่มเกวียนเว่อ

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อยากให้อาธารเลือกบอกติณณ์ไปตรงๆแบบว่าวัดใจกันไปเลย ก็พอเข้าใจคุณอาว่าคงกลัวน้องเตลิด ถ้าไม่บอกตรงๆอย่างน้อยก็ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรมให้ติณณ์รู้ว่ามันไม่ใช่อาหลานเหมือนเดิม ไม่อยากให้อาธารหักดิบ ทำตัวไม่สนใจติณณ์ หรือทำตัวอยู่ห่างติณณ์ไปเลย ถ้าเป็นแบบนั้นติณณ์น่าจะยิ่งอาการไม่ดีไปใหญ่ยิ่งคิดว่าอาธารไม่รัก เพราะงั้นลุยเลยค่ะคุณอา! ส่วนถ้าติณณ์ไม่ใช่คนมีประสบการณ์แบบที่อาธารชอบก็ให้อาธารเป็นคนสอนจนเก่งไปเลยค่ะ :ling1: รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดี

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตัวกระตุ้นเยอะเหลือเกินคุณอาาาาาาาา
แข็งใจไว้ค่ะ!!!  :hao5:

ออฟไลน์ ก้อนขี้เกียจ

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
อาธารรรรร คุกนะคะ น้องยังไม่บรรลุนิติภาวะ แงงงงงง

ออฟไลน์ mindch

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ใครจะร้ายกว่าอาธารไม่มีอีกแล้วววว น้องติณณ์จะตามอาธารทันหรอ หนูใสซื่อเกินไปลูก :laugh: จะรอตอนต่อไปนะคะ  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ _jinxpy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
นับวันรอวันที่อาธารทนไม่ไหว คุกๆๆๆๆๆๆๆๆๆแน่นอน :hao6: :hao6:
เราชอบภาษาของไรท์มากๆเลยสู้ๆนะค้ารอติดตามรอวันที่อาธารตบะแตก5555555555

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อาธารคะ คนอ่านต้องรวมตังค์ไปประกันมั้ยคะ???? 555
 :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด