ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11  (อ่าน 186137 ครั้ง)

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
กด+1 แทนเม้นท์นะคะ
เพราะแอบไปอ่านและเม้นท์ที่บล็อคไว้แล้ว

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
ขอบคุณสำหรับ happy ending
+1

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
สุขสันต์วันเกิดคุณริน :HBD5:
ในที่สุดรงค์ก็สามารถพิชิตใจ+กายดอกฟ้าอย่างรักสำเร็จ
สงสารก็แต่น้องตี้ ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวพี่แนะนำน้องอ้นเพื่อนน้องไผ่เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่เชียงใหม่ให้ ช่วยกันดามใจ อิอิ
ปล.ลุงเชษฐ์คะจะปีใหม่แล้วนะคะ ติดใจหนุ่มเวียดนามไปยังคะ ลืมหนูภัทรหรือเปล่าคะ กะซิกกะซิก :impress:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
เคลียร์กับตี้ให้เข้าใจซะ สงสารน้อง

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
สุขสันต์วันเกิดคุณริน :HBD5:
ในที่สุดรงค์ก็สามารถพิชิตใจ+กายดอกฟ้าอย่างรักสำเร็จ
สงสารก็แต่น้องตี้ ไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวพี่แนะนำน้องอ้นเพื่อนน้องไผ่เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นที่เชียงใหม่ให้ ช่วยกันดามใจ อิอิ
ปล.ลุงเชษฐ์คะจะปีใหม่แล้วนะคะ ติดใจหนุ่มเวียดนามไปยังคะ ลืมหนูภัทรหรือเปล่าคะ กะซิกกะซิก :impress:

ขอบคุณค่ะคุณ Kakuro ไม่เห็นกันนานเลย ว่าแต่ไม่เคยนึกถึงคู่พี่อ้น+น้องตี้เลยแฮะ ส่วนคนที่เวียดนาม...สงสัยน้ำที่บ้านยังไม่ลดเลยยังไม่กลับน่ะค่ะ XD

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
แสดงว่าจำขึ้นใจเลยเรื่องถุงยาง

อ่านตอนนี้แล้วเขินไงไม่รู้แฮะ

รอตอนพิเศษด้วยคน

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
แวะมาส่งพรวันหยุดเทศกาลค่ะ ตอนพิเศษกำลังปั่นอยู่แต่ไม่รู้จะได้มาลงก่อนปีใหม่หรือเปล่า ยังไงเอารูปสองหนุ่มที่จะทำปกไปดูพลางๆ ก่อนนะ หุหุหุ


ปล. ห้ามนำรูปไปเผยแพร่นะเจ้าคะ เอาให้แฟนนิยายดูเท่านั้นเน้อ ^^

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
คุณรักของเราดูราชินีเคะมากมาย หึหึ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
อุ๊บกรี๊ดดดดดดดด ไหล่ณรงค์น่าซบสุดๆ >////<

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






tippy

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักมากเลยค่ะ เหมือนจะจบ แต่ไม่จบ อยากอ่านตอนพิเศษด้วยจ้า ไรอัน่ารักมาก พี่แกซึนจริงๆ :z2:

loveorlike

  • บุคคลทั่วไป


Merry Christmas 2011
Season's Greetings-- May love and laughter fill your life at Christmas

พี่บีบี คิดถึงมากกกกกกกกก ไม่ได้คุยกันเลยนะ น้องนี้แหละที่ผิด ฮ่าๆๆ กอดดดดดดด

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ยินดีที่ได้รู้จัก…รัก ตอน คุณค่าของความตั้งใจ

ในเช้าวันศุกร์ของสัปดาห์หนึ่ง ในที่สุดบริษัทของณรงค์ก็เข้าสู่ช่วงปลายปีที่งานเริ่มงวดเข้ามาสำหรับหลายๆ แผนก ขณะที่บางคนก็วางแผนจะขอลาพักร้อนก่อนจะหมดสิทธิ์ ทำให้หลายคนต่างรีบเร่งทำงานที่คั่งค้างเพื่อจะได้ไปเที่ยวอย่างสบายใจ

ณรงค์หยิบแฟ้มสำหรับพรีเซนต์งานขึ้นมาหนีบไว้ใต้แขนหลังวางสายจากลูกค้า จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องของไรอันแล้วเคาะกรอบประตูที่เปิดอ้าอยู่เบาๆ ส่วนเลขาของไรอันก็ขยิบตาให้เขาแล้วถือโอกาสลุกไปที่อื่นอย่างรู้กาลเทศะ

จริงๆ แล้วณรงค์กับไรอันไม่เคยปริปากเรื่องที่คบกันกับคนในบริษัท แต่หลังจากทริปภูเก็ตเป็นต้นมา หลายคนเริ่มสังเกตเห็นว่าหนึ่งในผู้บริหารซึ่งเป็นลูกครึ่งกับซีเนียร์ดีไซเนอร์มือดีของบริษัทมีการพูดคุยและแสดงความคุ้นเคยกันในที่ทำงานจนผิดสังเกตจากเมื่อก่อน ดังนั้นจึงพอจะอนุมานกันได้เองโดยไม่ต้องถาม

“เดี๋ยวผมจะออกไปเจอลูกค้านะ วันนี้นัดรวดเดียวสองรายเลยยังไม่รู้ว่าจะกลับมาออฟฟิศหรือเปล่า ไว้เดี๋ยวผมจะโทรบอกอีกที”

“OK. See you.”

ไรอันตอบโดยไม่ละสายตาขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ คิ้วเข้มเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนขมวดมุ่นขณะที่นิ้วชี้ข้างที่วางอยู่บนเมาส์ก็คลิกถี่อย่างขัดใจ ณรงค์เห็นดังนั้นก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงกำลังเจอปัญหากับงาน จึงเพียงยิ้มอ่อนๆ แล้วเดินออกมา เพราะทั้งคู่ตกลงกันแล้วว่าในระหว่างที่อยู่ออฟฟิศจะไม่ก้าวก่ายเรื่องงานกันเด็ดขาด

เวลาผ่านไปไม่นานก็ถึงช่วงพักกลางวัน ไรอันที่ทำงานติดพันจึงให้แม่บ้านไปซื้อกับข้าวและเอาใส่ถาดไปให้ในห้องทำงาน เพราะแค่มองออกไปจากหน้าต่างว่าด้านนอกแดดแรงแค่ไหนเขาก็ไม่อยากออกจากตึกแล้ว

ผู้บริหารหนุ่มนั่งกินข้าวมันไก่ในห้องประจำตำแหน่งที่เปิดโคมไฟบนโต๊ะเพื่อให้ความสว่าง เนื่องจากตอนเที่ยงนั้นทางบริษัทจะดับไฟเพื่อประหยัดพลังงานและบังคับเวลาพักกลางวันไปในตัว แต่เพราะความที่ไม่ค่อยหิวจึงทำให้กินได้เพียงครึ่งจานก็อิ่ม พอจะหันไปหยิบกระบอกใส่น้ำบนโต๊ะขึ้นมาเทใส่แก้วก็พบว่าไม่มีน้ำเหลือสักหยด เขาจึงตัดสินใจยกถาดกลับไปที่ครัวเองเพื่อจะได้เติมน้ำดื่มไปด้วย

ทางเดินจากในตัวออฟฟิศไปสู่ห้องครัวค่อนข้างสลัวเพราะไฟที่ปิดไว้ บวกกับผนังด้านนี้เป็นผนังทึบ กระนั้นไรอันก็พบว่ามีแสงไฟลอดออกมาจากช่องประตูห้องครัวที่ปิดไม่สนิท พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ

“นี่...อ๋องคิดว่าพี่รงค์จีบคุณไรอันติดได้ไงอะ?”

ไรอันแทบสะดุดฝีเท้าเมื่อได้ยินคำถาม หนึ่งเพราะจำได้ว่าเสียงคนถามคือยุพดีซึ่งเป็นรุ่นน้องในทีมของณรงค์ สองก็เพราะชื่อของเขากับณรงค์ถูกรวมอยู่ในคำถามด้วย

“เฮ่ย!! แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า ไม่เคยไปแอบดูตอนเขาจีบกันนี่!”

เสียงของอิสรามีกังวานกึ่งเอ็ดกึ่งระอา ไรอันจึงลองมองเข้าไปในครัวผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่ และพบว่าทั้งสองกำลังนั่งทานข้าวกันที่โต๊ะโดยอิสราหันหลังให้ประตู ส่วนยุพดีนั่งหันข้าง และดูเหมือนจะต่างไม่รู้ตัวกันเลยว่ามีคนกำลังยืนแอบฟัง

ยุพดีทำปากยื่นและขมวดคิ้ว “อ้าว ก็นึกว่าพี่รงค์คงเล่าอะไรให้อ๋องฟังมั่งเพราะเป็นผู้ชายเหมือนกันนี่นา แต่ผึ้งว่าดูจากบุคลิกแล้วพี่ชายเราคงตามใจคุณไรอันอยู่ฝ่ายเดียวแน่เลยเนอะ? โอ๊ยนี่! อีตาอ๋อง!! มันเจ็บนะ!!!”

หญิงสาวร้องพลางยกมือขึ้นลูบจมูกเพราะโดนเพื่อนหนุ่มใช้นิ้วดีดแม้จะไม่แรงนัก ไรอันไม่เห็นว่าอิสราทำสีหน้าแบบไหนเพราะหันหลังให้ประตู แต่ก็อดนึกขอบคุณไม่ได้ เพราะถ้าเขาเป็นคนที่โดนถามก็คงทำอย่างเดียวกัน

“เธอนี่ชักจะเลื่อนเปื้อนใหญ่แล้ว ถ้าอยากรู้นักก็ไม่ลองสะกดรอยตามไปดูเวลาเขาอยู่ด้วยกันเลยล่ะ?”

พอโดนตอกกลับเช่นนั้น คนอยากรู้ก็ยอมสงบปากคำลงได้แม้จะยังทำหน้ายู่เพราะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ไรอันถือโอกาสที่บทสนทนาขาดช่วงสูดหายใจลึกก่อนจะดันประตูเลื่อนเปิดแรงๆ จนคนในห้องสะดุ้ง ยุพดีนั้นพอหันมาเห็นเขาก็ทำหน้าเหมือนเห็นผีทีเดียว

“ว้าย! อ่า...คุณไรอัน ง่า....จะมาทานข้าวเหรอคะ?”

หญิงสาวยิ้มแห้งๆ พลางลุกขึ้นถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก ขณะที่อิสราได้แต่ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองกับความเปิ่นเป๋อของเพื่อน ไรอันจึงตัดสินใจแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งคู่เพิ่งคุยกันเสีย

“No. I already finished.”

เขาไม่ค่อยชอบพูดภาษาไทยกับคนไม่สนิท อีกอย่างก็เพราะมันช่วยป้องกันการสร้างความสนิทสนมแล้วชวนคุยชวนถามเรื่องส่วนตัวได้ดี ผู้บริหารหนุ่มเดินถือถาดเข้าไปวางในอ่างล้างจานก่อนจะหันไปกดน้ำจากคูลเลอร์ใส่กระบอกที่ถือติดมา ยุพดีกับอิสราจึงรีบขอตัวอย่างว่องไว

“ถ้างั้นตามสบายนะครับ / นะคะ”

หางเสียงของทั้งคู่ติดจะร้อนรนอย่างปิดไม่มิด ไรอันยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นยุพดีกับอิสรารีบหนีออกจากห้องครัวและเลื่อนประตูปิดตามแทบไม่ทัน ชายหนุ่มยกกระบอกที่รองน้ำจนเกือบเต็มขึ้นดื่มพลางทอดสายตามองทิวทัศน์ซึ่งถูกอาบด้วยแดดจัดจ้านอกหน้าต่าง จากนั้นเรียวคิ้วดกหนาก็ค่อยมุ่นเข้าหากัน

ท่าทางเขาคงดูเป็นคนเอาแต่ใจมากกระทั่งกับคนที่ไม่สนิทกันเลยสินะ...


++------++



บ่ายวันนั้นณรงค์ไม่ได้กลับเข้าออฟฟิศ ชายหนุ่มจึงโทรนัดไรอันให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันที่ห้อง เนื่องจากตอนเย็นนั้นทั้งคู่จะสลับกันไปทานข้าวที่คอนโดของแต่ละฝ่ายในวันที่เลิกงานไล่เลี่ยกันอยู่แล้ว ส่วนจะมีการค้างอ้างแรมตามมาหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ส่วนใหญ่ถ้าไรอันเป็นฝ่ายมาที่ห้องของณรงค์ เขาจะเลือกขับรถกลับไปนอนคอนโดของตัวเองมากกว่า

“ตกลงผมไม่ต้องซื้ออะไรเข้าไปนะ? ....ก็ได้ ถ้างั้นขอเคลียร์อีเมล์อีกนิดแล้วจะออกไป See you.”

ไรอันวางสายก่อนจะเปิดอีเมล์อ่านและตอบในส่วนที่ต้องรับผิดชอบจนหมด เขาไม่ชอบทิ้งงานให้ค้างคาไปถึงวันรุ่งขึ้นโดยไม่จำเป็น เพราะการต้องรับตำแหน่งเป็นหนึ่งในผู้บริหารก็ทำให้มีเรื่องต้องคิดต้องเครียดมากกว่าพนักงานธรรมดาอยู่แล้ว เพียงแต่ช่วงหลังมานี้เขายอมอะลุ้มอล่วยกับตัวเองบ้างหลังจากกลับมาคบกับณรงค์ เพราะการใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นก็เป็นเสมือนการชดเชยช่วงเวลาที่เคยเสียไประหว่างที่เลิกกันด้วย

ถึงแม้ว่าณรงค์จะบอกเขาว่าไม่ต้องแวะซื้อของเพื่อไม่ให้เสียเวลา แต่การจราจรอันติดขัดก็ไม่ได้ทำให้ไรอันไปถึงคอนโดที่อยู่ชานเมืองของอีกฝ่ายเร็วขึ้น เพราะขนาดเลี่ยงขึ้นทางด่วนแล้วก็ยังเจอรถราที่ติดกันยาวหลายกิโลเมตร อามณ์ที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วจึงยิ่งติดลบเข้าไปอีกกว่าเขาจะมาถึงที่หมาย

“ว่าไง ทำไมหน้ามุ่ยจัง?”

เจ้าของห้องถามยิ้มๆ หลังจากเห็นสีหน้าของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง ไรอันปิดประตูตามหลังพลางถามณรงค์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดอย่างไม่ปิดบัง “บอกผมอีกทีซิว่าทำไมคุณถึงได้เลือกมาอยู่คอนโดไกลศูนย์กลางเมืองขนาดนี้? ไม่รำคาญเวลาต้องขับรถกลับมาบ้างหรือไง?”

คนถูกถามหัวเราะหลังรู้สาเหตุที่หนุ่มลูกครึ่งอารมณ์เสีย “เอ ผมว่าผมก็เคยบอกไปแล้วนะว่าชอบบรรยากาศชานเมืองเพราะมันไม่แออัดดี ถ้าจะติดที่ไม่สะดวกก็มีแค่เรื่องระยะทางนั่นแหละ เอาน่า คิดซะว่าคุณจะได้เปลี่ยนบรรยากาศจากที่เห็นแต่ตึกสูงๆ แถวคอนโดคุณไง”

ณรงค์ตอบพลางเดินกลับเข้าไปในครัว ไรอันจึงได้แต่แยกเขี้ยวตามหลังพลางถอดเน็คไทออกพาดบนโซฟาและม้วนแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น เมื่อตามอีกฝ่ายเข้าไปในครัวก็พบว่าอาหารมื้อเย็นถูกจัดใส่จานไว้หมดแล้ว

“จะกินกันในนี้เลยหรือออกไปนั่งดูทีวีตรงโซฟาดี?”

ณรงค์ถามพลางเปิดตู้ด้านบนเพื่อหยิบจานชามกับช้อนส้อมออกมา ไรอันเหลือบมองบนโต๊ะและเห็นว่าอาหารเย็นประกอบไปด้วยผัดเปรี้ยวหวาน แกงจืดหมูสับใบตำลึงและผัดพริกแกงไก่ จากนั้นก็ปรายตากลับไปมองอีกฝ่ายเพราะสองในสามอย่างนั้นเป็นอาหารที่เขาเคยบอกว่าชอบตอนไปเที่ยวบ้านที่กาญจนบุรี

“อาจไม่อร่อยเท่าที่น้าหนิงทำนะ แต่อย่างน้อยผมก็เคยช่วยเป็นลูกมือตอนเด็กๆ เลยพอจะจำรสมือได้ ถ้าหากจืดหรือเค็มไปก็บอกก็แล้วกัน”

ณรงค์หันกลับมาบอกเมื่อเห็นแววตาของไรอัน หนุ่มลูกครึ่งเม้มปากนิดหนึ่งด้วยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะจำได้ อารมณ์ที่ขุ่นมัวเพราะการเดินทางเมื่อครู่ค่อยลดเลือนลงไปบ้าง ทว่าใบหน้าหล่อเหลายังคงไม่ยิ้ม

“กินที่ห้องนี้เลยก็ได้ ผมไม่ชอบกินไปดูทีวีไป อีกอย่างเปิดทีวีตอนนี้ก็คงมีแต่ข่าว ผมนั่งฟังข่าวมาในรถจนเอียนจะแย่แล้ว”

ไรอันตอบพลางเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำกับน้ำแข็งออกมา เรื่องที่ช่วงหลังนี้เขาพูดภาษาไทยกับณรงค์มากขึ้นก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงออกถึงความสนิทสนมที่มากขึ้นเหมือนกัน ถึงแม้ณรงค์จะไม่เคยเอ่ยขอเลยก็ตาม และเขาก็ไม่เคยบอกด้วยว่านอกจากแม่กับยายแล้ว เขาก็แทบจะไม่พูดภาษาไทยกับใครตอนอยู่ที่เมลเบิร์นเลยด้วยซ้ำ

เจ้าของห้องหัวเราะแต่ไม่ได้คัดค้าน หลังจากจัดจานชามกับน้ำดื่มแล้วทั้งสองก็นั่งลงทานมื้อเย็นด้วยกัน ไรอันลองตักผัดพริกแกงไก่มากินได้คำหนึ่งแล้วก็ต้องรีบยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ณรงค์เห็นเลยเลิกคิ้ว

“ขอโทษ ผัดพริกแกงเผ็ดไปเหรอ? คราวหลังผมจะได้ทำให้เผ็ดน้อยลงกว่านี้”

ไรอันส่ายหน้าพลางวางแก้วน้ำลง ความรู้สึกชานิดๆ ยังคงติดอยู่บนปลายลิ้น “ไม่ต้องหรอก ผมรู้ว่าคุณชอบกินเผ็ด ถ้าคุณอยากกินอะไรรสแบบไหนก็ทำอย่างที่ชอบนั่นแหละ อย่างน้อยมีของจืดๆ พอให้ผมกินได้ก็โอเคแล้ว”

หนุ่มลูกครึ่งตอบพลางตักข้าวทานต่อ แต่แล้วก็เหลือบตาขึ้นเมื่อเห็นณรงค์ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางแล้วมองเขายิ้มๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามอย่างขวางๆ “What?”

“…เปล่า ไม่มีอะไร”

ณรงค์ตอบพลางจัดการอาหารตรงหน้าต่อ ทว่ารอยยิ้มและนัยน์ตาเป็นประกายเมื่อครู่ทำให้ไรอันรู้สึกแปลกๆ เพราะว่ามันทั้งให้ความรู้สึกอบอุ่น ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้สึกเหมือนมีอะไรแกว่งในใจจนจั๊กจี้

และตลอดชีวิตยี่สิบหกปี ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้เลยสักคน...

หลังจากทั้งคู่ทานมื้อเย็นจนหมดเกลี้ยง ไรอันก็ช่วยหยิบจานชามไปวางในอ่างล้าง ห้องครัวของณรงค์ไม่มีเครื่องล้างจานเหมือนที่ห้องของเขาแถมยังขนาดเล็กกว่า แต่โดยรวมแล้วก็นับว่าสะอาดใช้ได้สำหรับห้องที่มีผู้ชายอยู่คนเดียวและไม่ได้จ้างแม่บ้านให้คอยดูแล

“เย็นนี้คุณจะกลับห้องหรือเปล่า?”

ณรงค์ถามขณะรับจานที่ไรอันล้างสะอาดแล้วมาวางเรียงในตะแกรงข้างอ่าง หนุ่มลูกครึ่งเหลือบมองคนถามแวบหนึ่งโดยไม่หันหน้าไปหา ก่อนจะส่งจานที่ล้างสะอาดแล้วให้อีกใบ

“ยังไม่รู้เหมือนกัน คุณอยากให้ค้างไหมล่ะ?”

ไรอันแกล้งถามรวนไปอย่างนั้น เพราะความจริงแล้ววันนี้เขาค่อนข้างเพลียจากงานที่ทำเอาเครียดมาตลอดทั้งวัน แล้วไม่นับความเหน็ดเหนื่อยจากการจราจรหลังเลิกงานที่กินเวลากว่าชั่วโมงครึ่งอีก ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายไม่ถามเขาก็ตั้งใจจะค้างอยู่แล้ว อีกอย่างเขาก็เคยทิ้งเสื้อผ้าลำลองไว้ที่นี่สองสามชุดจากการมาค้างครั้งก่อนๆ อยู่แล้วด้วย

“ถ้างั้นค้างนะ”

ณรงค์เอ่ยพลางขยับเข้ามาและฉวยกระทะที่ไรอันกำลังขัดไปถือไว้เอง จากนั้นก็พยักเพยิดหน้าไปทางห้องน้ำซึ่งอยู่ในห้องนอน

“คุณไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า ตรงนี้เดี๋ยวผมล้างต่อเอง จะได้ออกมานั่งดูทีวีด้วยกัน”

ไรอันเหลือบตามองกระทะและอุปกรณ์ทำครัวที่เหลืออยู่ในอ่างอีกไม่กี่ชิ้น ก่อนจะคิดว่าก็ดีเหมือนกันเพราะเขาก็ชักจะเพลียๆ แล้ว จึงพยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องนอน ทำให้ไม่ทันได้เห็นว่าณรงค์มองตามหลังเขายิ้มๆ ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายระยับ

ชายหนุ่มถอดเสื้อผ้าชุดทำงานโยนลงตะกร้าแล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ เขาตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อน้ำเย็นจากฝักบัวหลั่งลงกระทบร่างกายเนื่องจากเครื่องทำน้ำร้อนยังไม่ทำงาน ก่อนจะค่อยถอนหายใจอย่างสบายตัวขึ้นเมื่อสายน้ำค่อยๆ อุ่นขึ้นจนได้ที่หลังจากผ่านไปสักครู่

ไรอันหันไปปั๊มแชมพูจากขวดที่วางอยู่บนตะแกรงใกล้ฝักบัวขึ้นมาขยี้ผมก่อนจะล้างออก ขณะที่กำลังจะหันไปปั๊มขวดสบู่เพื่อฟอกตัวหลังล้างผมเสร็จแล้ว ร่างสูงสมส่วนก็สะดุ้งเมื่อประตูกระจกฝ้าในส่วนของห้องอาบน้ำถูกเลื่อนเปิดออกอย่างกะทันหัน ก่อนที่เรือนร่างเปลือยเปล่าของเจ้าของห้องจะก้าวตามเข้ามาและเลื่อนประตูปิดยิ้มๆ

“ไหนๆ ก็เปิดน้ำแล้ว งั้นอาบพร้อมกันไปเลยก็แล้วกันนะ?”

ณรงค์เดินเข้ามายืนซ้อนหลังคนที่ยืนอยู่ก่อน จากนั้นก็โอบแขนสองข้างรอบเอวสอบแล้วก้มลงจูบเบาๆ บนซอกคอที่ฉ่ำเพราะน้ำจากฝักบัวที่ยังหลั่งลงมา ก่อนจะกระซิบเสียงนุ่มอีกประโยค

“วันนี้คิดถึงคุณทั้งวันเลย”

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เอ่ยก่อนจะไล้ริมฝีปากขึ้นไปบนแก้มและขมับของไรอัน ขณะเดียวกันก็ลูบฝ่ามือข้างหนึ่งบนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยไปมา สัมผัสนั้นชวนหวามจนทำให้คนในอ้อมแขนแขม่วท้องโดยอัตโนมัติ

I should have known when he asked me to stay over tonight…

ไรอันหัวเราะเบาๆ ออกมาในที่สุดพลางหดคอด้วยความจั๊กจี้เมื่อถูกขบใบหูเบาๆ  ณรงค์จับตัวเขาให้หันไปหาก่อนจะประทับริมฝีปากลงมาอย่างหยอกเย้า ขนาดของห้องอาบน้ำที่ไม่ได้กว้างขวางนักทำให้ไรอันทำอะไรไม่ได้มากนอกจากยกสองแขนขึ้นคล้องคอณรงค์เอาไว้

“อารมณ์ดีขึ้นแล้วหรือยัง?”

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ณรงค์ถามหลังจากถอนริมฝีปากออก ไรอันจึงยิ้มอ่อนๆ พลางพยักหน้าเบาๆ ถึงแม้จะหมั่นไส้ แต่เขาก็คงทนกระฟัดกระเฟียดต่อไม่ได้ยามที่ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันขนาดนี้ “...I guess so.”

“ถ้างั้นผมถูสบู่ต่อให้นะ”

คนตัวสูงกว่าหันไปปั๊มสบู่จากขวดก่อนจะชโลมไปทั่วผิวกายที่เนียนลื่นแต่มีกล้ามเนื้อกำลังดี ไรอันหันหลังเมื่อณรงค์ดันไหล่เขาเพื่อจะได้ถูสบู่ด้านหลังให้ หนุ่มลูกครึ่งระบายลมหายใจยาวและหลับตาลงเมื่อฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปมาด้วยแรงพอที่จะทำให้ร่างกายของเขาคลายความเครียดเขม็งลงได้เป็นอย่างดี

หากจะมีอะไรที่ทำให้เขาพึงใจณรงค์นอกจากความพยายามในการตามง้อเขาจนถึงที่สุดทั้งที่เคยโดนแสดงความเย็นชาใส่ ก็เห็นจะเป็นความช่างดูแลและรู้ว่าจะสลายอารมณ์ที่ขุ่นมัวของเขาอย่างไรโดยไม่ต้องทำให้รู้สึกว่ากำลังพยายามมากจนน่ารำคาญกระมัง...

ไรอันลืมตาขึ้นพลางหันไปปั๊มสบู่ใส่ฝ่ามือแล้วหันกลับมาไล้ฟองครีมไปตามลาดไหล่ของณรงค์บ้าง ทั้งสองสบตากันยิ้มๆ ก่อนที่ณรงค์จะปล่อยให้ไรอันฟอกสบู่ให้ด้วยความยินดี พลันหนุ่มลูกครึ่งก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งเมื่อลูบมือต่ำลงบนหน้าท้องแกร่งและพบอะไรบางอย่างที่กำลังตื่นตัวผิดปกติอยู่บนหน้าขาของอีกฝ่าย

“ขอโทษที ก็บอกแล้วนี่นาว่าผมคิดถึงคุณ”

ถึงปากจะบอกขอโทษ ทว่านัยน์ตาและรอยยิ้มของณรงค์กลับไม่สะท้อนสิ่งเดียวกับที่ปากพูดสักนิด ไรอันแกล้งทำหน้าระอาใจนิดหนึ่งขณะลูบฟองครีมออกจากแผ่นอกให้ และทำให้ณรงค์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเขาค่อยๆ คุกเข่าลงบนพื้นห้องน้ำ

“รัก...คุณจะทำ...อุ๊บ!”

ณรงค์สะดุ้งและรีบยันแขนสองข้างบนผนังด้านหน้าเพื่อกันไม่ให้ลื่นล้ม ไรอันจึงค่อยผละริมปากที่เพิ่งจุมพิตลงบนแก่นเนื้ออุ่นโดยไม่ปล่อยนิ้วมือที่โอบกุมรอบความรุ่มร้อนนั้น

“Or should I stop?”

ไรอันเงยหน้าขึ้นถามยิ้มๆ เหมือนจะถอนตัว แต่กลับแกล้งณรงค์ด้วยการใช้วงนิ้วรูดรั้งสิ่งที่อยู่ในมือเบาๆ เพื่อเร้าอารมณ์อีกฝ่ายจนคนถูกแกล้งหอบหายใจหนักหน่วง นัยน์ตาสีดำสนิทที่ก้มลงมองคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าคล้ายมีละอองไอของความปรารถนาจับจนขุ่นมัว

“...ไม่หรอก ทำต่อสิ”

ณรงค์เลื่อนมือหนึ่งลงจากผนังแล้วแทรกปลายนิ้วเข้าในกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อน แรงนวดคลึงจากปลายนิ้วแข็งแรงบนท้ายทอยรวมทั้งสายตาที่จ้องมาทำให้ไหล่ของหนุ่มลูกครึ่งสั่นอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อมือข้างนั้นออกแรงดันเบาๆ ให้เขาเลื่อนศีรษะเข้าหา ไรอันก็ลังเลเพียงครู่เดียวก่อนจะค่อยๆ แลบลิ้นออกตวัดไล้ความแข็งแกร่งที่ชูชันอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

ที่ผ่านมาไรอันไม่เคยปรนนิบัติณรงค์อย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เพราะว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่คอยทำให้เขารู้สึกดีอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เคยบังคับให้ต้องทำอย่างเดียวกันตอบ และเขาเองก็ไม่เคยมานั่งคิดเล็กคิดน้อยเหมือนกันว่าณรงค์จะน้อยใจหรือไม่ในเมื่อเจ้าตัวก็ดูจะเต็มใจทำให้เขามีความสุขเอง แต่ดูเหมือนบทสนทนาที่ไปแอบได้ยินเข้าเมื่อกลางวันจะทำให้เขาเริ่มคิดทบทวนความสัมพันธ์ของทั้งคู่อีกครั้ง

ณรงค์สูดหายใจลึกพลางแขม่วท้องเมื่อริมฝีปากของไรอันค่อยๆ ดูดกลืนความปรารถนาของเขามากขึ้น ชายหนุ่มมองคนที่กำลังหลับตาขณะพยายามจะรับความแข็งแกร่งของเขาเข้าไปให้ลึกที่สุดทั้งที่ไม่ชินแล้วก็ยิ้มบางๆ ก่อนจะกลั้นลมหายใจและแหงนเงยหน้าขึ้นเมื่อโพรงปากอันชุ่มฉ่ำได้รองรับความตื่นตัวของเขาเข้าไปจนมิด มือแข็งแรงที่กระชับบนท้ายทอยของหนุ่มลูกครึ่งออกแรงบีบมากขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

ไรอันหรี่ตาขึ้นมองณรงค์ขณะที่เลื่อนริมฝีปากเข้าออกรอบท่อนเนื้อแกร่งอย่างช้าๆ เรือนร่างแข็งแรงที่กล้ามเนื้อทั่วร่างเกร็งเพราะสัมผัสของเขาทำให้ชายหนุ่มภูมิใจว่าการพยายามจะเอาใจอีกฝ่ายครั้งแรกคงไม่ได้แย่จนเกินไป ภาพของแผ่นอกหนาและไหล่กว้างที่มองเห็นจากมุมต่ำ รวมทั้งรสสัมผัสของสิ่งที่กำลังปรนเปรอให้ด้วยริมฝีปากเป็นดั่งเชื้อไฟที่จุดเพลิงปรารถนาให้ลามเลียไปตามร่างกาย ทำให้หนุ่มลูกครึ่งเริ่มขยับศีรษะด้วยจังหวะที่เร่งเร้าขึ้นเพื่อตอบสนองสะโพกเพรียวของร่างสูงใหญ่ที่เคลื่อนไหวเข้าหา ขณะเดียวกันก็เลื่อนมือข้างหนึ่งลงฟอนเฟ้นความต้องการด้านล่างที่เริ่มมีสภาพไม่ต่างจากของอีกฝ่ายไปด้วย

เสียงหายใจหอบแรงผสานกับเสียงน้ำฝักบัวดังก้องภายในห้องอาบน้ำแคบๆ ที่กรุรอบด้านด้วยกระจกฝ้า ไรอันรู้สึกได้ถึงริ้วของคลื่นอารมณ์ที่กำลังม้วนตัวอย่างบ้าคลั่งในท้องน้อยและพร้อมจะปะทุออกมาได้ทุกขณะ แต่แล้วชายหนุ่มก็ปรือตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหมุนปิดก๊อกน้ำและสะโพกแกร่งที่หยุดขยับเข้าหาริมฝีปากของเขา

ใบหน้าของณรงค์เป็นสีแดงเข้มด้วยโลหิตที่สูบฉีด นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลงสบตากับไรอันก่อนจะเลื่อนต่ำลงมองมือของเขาที่กำลังปรนเปรอส่วนอ่อนไหวของตัวเองที่ด้านล่าง ร่างสูงใหญ่ค่อยๆ สอดนิ้วโป้งข้างหนึ่งเข้าตรงมุมปากที่ยังคงดูดดุนลำเนื้อร้อนของเขาอย่างเผลอไผล ไรอันจึงค่อยรู้สึกตัวและยอมปล่อยให้ความแกร่งลื่นเลื่อนออกช้าๆ ตามด้วยการระบายลมหายใจยาวเมื่อสิ่งนั้นเป็นอิสระจากริมฝีปากของเขาในที่สุด

“...อื้ม อื๊อ”

หนุ่มลูกครึ่งทำได้เพียงส่งเสียงครางในคอเมื่อณรงค์รั้งไหล่เขาให้ยืนขึ้นพิงผนังและประทับจูบลงมาอย่างรุนแรงจนเจ็บ สัมผัสนั้นอัดแน่นไปด้วยความปรารถนาที่กำลังทลายลงจากเขื่อนที่กักเก็บไว้ยามทั้งสองอยู่ต่อหน้าคนอื่น และเขาก็ได้แต่ปล่อยให้ณรงค์สัมผัสร่างกายเขาไปทั่วทุกส่วนตามพายุอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านโดยไร้เรี่ยวแรงจะหยุดยั้ง แม้เมื่อกระทั่งอีกฝ่ายสอดแทรกนิ้วที่ชุ่มด้วยสบู่เหลวเข้ามาในช่องทางเล็กแคบด้านหลังถึงสองนิ้วแล้วก็ตาม

“ไรอัน วันนี้...ผมไม่ใช้ถุงยางได้มั้ย?”

ณรงค์กระซิบเสียงต่ำเมื่อละริมฝีปากออกเพื่อเลาะเล็มบนผิวแก้มเนียน ไรอันซึ่งยังคงเคลิบเคลิ้มกับรสสัมผัสไม่อาจให้คำตอบได้ในทันทีและทำได้เพียงมองคนถามอย่างงุนงง

“...เอ๊ะ?”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่มองกลับดูเหมือนคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะณรงค์ไม่ยอมปล่อยร่างกายเขาให้เป็นอิสระนานพอจะคิดอะไรได้เลย กระทั่งเมื่อใจความของคำถามนั้นกระจ่างแจ้งในที่สุด ไรอันจึงกะพริบตาถี่เหมือนไม่แน่ใจว่าได้ยินถูก

“...เมื่อตอนบ่ายผมไปตรวจร่างกายมาแล้ว ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงหรอกนะ จากนี้ผมก็จะมีแต่คุณคนเดียว”

ณรงค์ขยายความต่อพลางขบกลีบปากที่บวมช้ำของไรอันเบาๆ เมื่อหนุ่มลูกครึ่งตระหนักได้ว่าสาเหตุที่อีกฝ่ายไม่กลับเข้าออฟฟิศช่วงเย็นเป็นเพราะอะไร ไรอันก็รู้สึกราวกับเลือดในกายพร้อมใจกันสูบฉีดไปรวมอยู่บนหน้าจนร้อนผ่าว

“รัก?”

ณรงค์ถามซ้ำเมื่อไรอันก้มหน้าลงซุกไหล่เขา ฝ่ามือใหญ่ลูบแผ่นหลังคนในอ้อมแขนไปมาและพยายามจะดันตัวออกเพื่อมองหน้า แต่หนุ่มลูกครึ่งกลับยิ่งส่ายหน้าแล้วกอดไหล่กว้างแน่นขึ้นอีก

บ้าจริง...ถึงกับต้องแอบไปขอคำยืนยันจากหมอเพื่อให้เขาสบายใจที่จะมีอะไรด้วยขนาดนั้นเลยหรือไง...

ไรอันไม่แน่ใจว่าจะฉุน จะขำ หรือจะหมั่นไส้คนที่กำลังกอดตัวเองดี แต่เมื่อณรงค์ประสบความสำเร็จในการแงะแขนเขาออกและเชยคางขึ้นเพื่อสบตาด้วยในที่สุด เขาก็รู้ว่าไม่จำเป็นจะต้องคิดมากเรื่องใดๆ อีกแล้ว

เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนความปรารถนาในตัวเขาอย่างเด็ดเดี่ยวถึงเพียงนั้น...

“ไรอัน?”

ณรงค์ถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงานมากขึ้น และไม่ยอมให้หนุ่มลูกครึ่งหันหน้าหนีด้วยการยึดคางเรียวไว้แน่นเพื่อให้สบตากับตัวเอง ไรอันที่ไม่รู้จะมองที่ไหนจึงได้แต่หลุบตาลงด้วยไม่กล้าสบนัยน์ตาคมเข้มอันร้อนแรงคู่นั้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ตั้งแต่เริ่มคบกับณรงค์มาที่เขารู้สึกเขินอย่างจริงจัง

เขินเอามากๆ จนถ้าหากเป็นคนอื่นเขาคงต่อยแล้วเดินหนีไปแล้วโทษฐานที่มาเซ้าซี้เอาคำตอบจนน่าโมโหอย่างนี้...

“...จะทำอะไรก็ทำ”

เสียงนั้นแผ่วและงึมงำเพราะคนพูดก้มหน้า กระนั้นณรงค์ที่ตั้งใจฟังก็ได้ยินทุกพยางค์ไม่ตกหล่น ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะรั้งตัวหนุ่มลูกครึ่งเข้าไปกอดแล้วจูบแรงๆ จนไรอันส่งเสียงอู้อี้ในคอ

“ผมรักคุณ”

ร่างสูงใหญ่เอ่ยคำรักชิดริมหูอีกครั้งจนไรอันใจเต้นรัว ชายหนุ่มสบตาอีกฝ่ายก่อนจะยอมหันหลังเมื่อถูกจับดันไหล่เข้าหาผนัง ร่างสมส่วนราวนายแบบกระตุกเกร็งเมื่อณรงค์อ้อมมือมาปลุกเร้าความตื่นตัวของเขาให้พร้อมกับใช้อีกมือสอดนิ้วเข้าด้านหลังเพื่อสร้างความคุ้นเคยให้อีกครั้ง

“That’s enough…”

ไรอันเอี้ยวหน้าไปบอกเสียงเบาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ชายหนุ่มใช้แขนสองข้างยันผนังไว้ด้วยหากไม่ทำเช่นนั้นอาจยืนไม่อยู่ นาทีนี้ความต้องการในตัวณรงค์มีมากเกินกว่าที่เขาจะมัวแต่ไว้ท่าและรอให้อีกฝ่ายขออนุญาตก่อนดั่งเช่นทุกครั้งแล้ว

ณรงค์ยิ้มพลางก้มลงจูบขมับเขาเบาๆ ไรอันหันกลับเข้าหาผนังและพยายามระบายลมหายใจช้าๆ เมื่อรู้สึกถึงความแกร่งร้อนที่กำลังแทรกเข้ามาในช่องทางที่ถูกนิ้วมือและสบู่เหลวเบิกทางไว้ก่อนจนไม่เสียดสีมากนัก ถึงกระนั้นการที่ได้ตระหนักว่านี่เป็น ‘ครั้งแรก’ ที่ทั้งสองสัมผัสกันแบบแนบเนื้อโดยไร้สิ่งขวางกั้นก็ทำให้ไหล่กว้างของหนุ่มลูกครึ่งสั่นอย่างยากจะระงับ

“Good boy.”

นานครั้งเช่นกันที่ณรงค์จะพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษ ไรอันห่อไหล่เมื่ออีกฝ่ายก้มลงจูบบนต้นคอและลาดไหล่พลางใช้ฟันขบไปทั่วจนเขามั่นใจว่าต้องเป็นรอยแน่ สัมผัสสากหยาบที่แนบบนบั้นท้ายรวมทั้งท่อนขาแข็งแรงที่ซ้อนอยู่ด้านหลังบอกให้ไรอันรู้ว่าได้รับณรงค์เข้ามาในตัวหมดแล้ว และเมื่อร่างกายของเขาบีบรัดสิ่งแปลกปลอมนั้นเองโดยไม่ตั้งใจ ณรงค์ก็สูดหายใจลึกราวจะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ล่วงหน้าไปก่อนเสียตรงนั้น

“แบบนี้รู้สึกดีกว่าตั้งเยอะ”

คนด้านหลังรำพึงเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบและเข้มหนัก ไรอันไม่แน่ใจว่าณรงค์พูดกับตัวเองหรือตั้งใจพูดกับเขา แต่ยังไม่ทันจะหันหน้ากลับไปก็ต้องจิกเล็บลงบนผนังกระเบื้องพร้อมกับปล่อยให้เสียงครางหลุดลอดออกมาเมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับกายเข้าออกอย่างช้าๆ แต่หนักหน่วง

“ฮึก อะ อ๊ะ”

ไรอันห้ามเสียงร้องที่เริ่มดังขึ้นแข่งกับเสียงผิวกายที่กำลังกระทบกันไม่ได้เนื่องจากณรงค์เพิ่มจังหวะการเคลื่อนกายเร็วขึ้น ความรุมร้อนจากแรงเสียดสีในช่องทางเล็กแน่นและอุณหภูมิที่ถ่ายทอดมาจากด้านหลังทำให้หนุ่มลูกครึ่งอุ่นวาบไปทั้งตัว ร่างสูงสมส่วนสะดุ้งอีกครั้งเมื่อฝ่ามือใหญ่ที่รั้งสะโพกอยู่เลื่อนมาด้านหน้าและช่วยปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้โหมทะยานไปพร้อมกัน

“รัก...ผมออกข้างในนะ”

ไรอันได้ยินคำถามผ่านเสียงลอดไรฟันจากคนข้างหลังแว่วๆ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าตนเองตอบไปว่าอย่างไร สิ่งเดียวที่จำได้ก่อนที่จะเห็นหมอกขาวโพลนในหัวและเสียงหัวใจเต้นจนหูอื้อก็คือร่างกายที่สั่นสะท้านจากความหวามซ่านที่แตกปะทุ และความอบอุ่นจากวงแขนแข็งแรงที่กอดและพยุงเขาไว้หลังจากผ่านห้วงแห่งความสุขสมอันเร่าร้อนมาพร้อมกัน



++------++



นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนปรือขึ้นอีกครั้งและเห็นภาพเพดานห้องนอนแทนที่จะเป็นฝาผนังห้องน้ำ เมื่อเขาขยับตัวและมองไปข้างๆ ก็ไม่เห็นใครภายในห้องนอนที่สลัวเพราะเปิดแค่โคมไฟไว้ดวงเดียว ไรอันขมวดคิ้วก่อนจะยันตัวขึ้นนั่ง และเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูห้องนอนเปิดออกพอดี

“รู้สึกตัวแล้วเหรอ เมื่อกี้คุณสลบไปแป๊บนึงผมเลยพาออกมาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น่ะ หิวหรือเปล่า? ผมจะได้ไปทำอะไรมาให้”

ไรอันส่ายหน้าพลางรับแก้วน้ำมาดื่ม จากนั้นจึงถามด้วยความสงสัย

“ผมหมดสติไปนานแค่ไหน?”

ณรงค์เหลือบมองนาฬิกาพลางกลอกตาอย่างคาดคะเน “ประมาณสิบนาทีได้มั้ง ไม่นานเท่าไหร่หรอก สงสัยคุณคงเหนื่อยมาก่อนอยู่แล้วน่ะ ขอโทษทีที่ผมรุนแรงไปหน่อย”

ถึงแม้จะขอโทษ แต่หน้าตาคนพูดกลับยิ้มแย้มเสียจนน่าโดนสอยเข้าให้สักหมัดในสายตาของไรอัน และหนุ่มลูกครึ่งก็ได้แต่เม้มปากแน่นเมื่อนึกย้อนไปถึงวินาทีที่ทั้งสองเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง เขายังจำได้ถึงความรู้สึกยามที่ณรงค์ถอนกายออกและมีหยาดหยดอุ่นข้นไหลซึมตามออกมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะดึงเขาให้หันกลับไปจูบอย่างร้อนแรงจนแทบหายใจไม่ออก

ดูเหมือนเขาคงจะหมดสติไปตอนนั้นนั่นแหละ...

“รู้ตัวก็ดี”

ไรอันว่าแล้วก็ทรุดตัวลงนอนตะแคงหนีณรงค์และดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปงแทบมิดหัว จริงอยู่ว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหาใช่ครั้งแรกของทั้งคู่ กระนั้นก็ยังนับได้ว่าเป็น ‘ครั้งแรก’ ในหลายๆ ความหมาย ไม่ว่าจะในสิ่งที่เขาเสนอตัวทำให้ หรือเรื่องที่เลิกใช้อุปกรณ์ป้องกันอย่างที่เขาเคยขอด้วย

หนุ่มลูกครึ่งได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มต่ำจากคนด้านหลัง ดูเหมือนพอคบกันนานขึ้น อีกฝ่ายก็จะเริ่มเดาความคิดเขาออกได้มากขึ้นตามไปด้วยจนน่าหวั่นใจ  ถ้าหากในอนาคตณรงค์รู้ว่าเขากำลังรู้สึกเช่นไรได้ทุกครั้งจะทำอย่างไรดี

“เดี๋ยวคุณนอนก่อนเลยก็ได้นะ พอดีผมเอางานกลับมาทำด้วย คงอีกสักพักถึงจะเข้ามานอน ถ้าหากอยากได้อะไรก็ตะโกนเรียกผมก็แล้วกัน”

“I’m not that helpless…”

ไรอันยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนคนที่นั่งอยู่ข้างหลังก้มลงมาผนึกริมฝีปากเอาไว้ เรียวลิ้นอุ่นแลบออกเลียริมฝีปากเขาเบาๆ ก่อนณรงค์จะยืดตัวขึ้นแล้วใช้ข้อนิ้วไล้ไปบนผิวแก้ม

“I know…คุณนอนพักเถอะ ผมไม่กวนละ”

ณรงค์เอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องนอนไปแล้วงับประตูตามหลัง ส่วนไรอันยังคงนอนลืมตาโพลงอยู่ในความสลัว ชายหนุ่มใช้หลังมือข้างหนึ่งไล้บนผิวแก้มที่โดนสัมผัสเมื่อครู่ ก่อนจะค่อยๆ เลิกผ้าห่มขึ้นและลุกไปแง้มเปิดประตูเบาๆ พลางมองออกไปยังห้องนั่งเล่น

ณรงค์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ติดบานเลื่อนกระจกข้างระเบียง แผ่นหลังกว้างหันหลังให้กับประตูห้องนอน บางครั้งเจ้าตัวก็จะหันมองออกไปนอกหน้าต่างเวลาคิดงานไม่ออก จากนั้นถึงค่อยหันกลับไปยังหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้ง เสียงคลิกเมาส์สลับกับเสียงปากกาที่ขูดขีดบนกระดาษเป็นระยะบอกให้รู้ว่ากำลังขะมักเขม้นกับการทำงานอย่างที่บอกไว้

ไรอันมองภาพนั้นอยู่สักครู่ก่อนจะงับประตูปิด จากนั้นก็เลื่อนตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นกอดพลางพิงผนังข้างประตู บางครั้งเขาก็อิจฉาณรงค์ที่แม้จะอายุมากกว่าเพียงสามปี แต่อีกฝ่ายกลับมีวุฒิภาวะสูงแถมยังรับมือกับความใจร้อนของเขาได้ดีกว่าคนที่บ้านเสียอีก

เวลาอยู่ที่บริษัท เขาอาจถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้บริหารวัยหนุ่มที่เข้มงวด ขี้โมโห เอาแต่ใจ แต่เวลาที่อยู่คนเดียวหรือต่อหน้าณรงค์ เขาก็เป็นแค่ผู้ชายอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งที่มีอารมณ์หวั่นไหว ไม่แน่ใจกับการตัดสินใจหรืออนาคตของตัวเองเหมือนคนอื่นๆ เพียงแต่เขาปิดบังด้านนี้ไว้ได้ค่อนข้างมิดชิดสำหรับคนที่ไม่รู้จักเขาดีก็เท่านั้นเอง ทว่ากับณรงค์ เขากลับเปิดเผยด้านนี้ได้อย่างหมดเปลือกโดยที่ไม่ต้องหวั่นเกรงว่าอีกฝ่ายจะทำให้เสียใจหรือรับด้านนี้ของเขาไม่ได้เลยสักนิด

จริงอยู่ว่านิสัยเอาแต่ใจนั้นเป็นบุคลิกของเขาที่ฝังรากมาแต่เด็กและก็คงจะแก้ยากไปแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ไรอันรู้สึกว่าอยากลองเปลี่ยนนิสัยเพื่อใครสักคนดู ถึงแม้จะไม่อาจทำได้เต็มร้อย แต่เขาก็เริ่มจะเรียนรู้แล้วว่าการได้เห็นณรงค์ยิ้มเวลาเขาทำอะไรดีๆ ให้นั้นนทำให้หัวใจเขาเองพองโตได้แค่ไหน

บางที...พรุ่งนี้เขาจะชวนณรงค์ไปเดินเล่นที่ร้านขายเครื่องแต่งบ้านแล้วหาซื้ออะไรมาให้ประดับห้องเพิ่มอีกสักอย่างดีกว่า...

ไรอันคิดวางแผนสำหรับวันรุ่งขึ้นในหัว พร้อมกับความง่วงงุนและอ่อนเพลียที่คืบคลานขึ้นเกาะตามกล้ามเนื้อที่เมื่อยล้า ในที่สุดหนุ่มลูกครึ่งก็ฟุบหลับไปในท่าที่กำลังนั่งกอดเข่าพิงผนังข้างประตูนั่นเอง เขาจึงไม่ได้เห็นว่าในอีกหนึ่งชั่วโมงถัดจากนั้นมีคนมาเห็นเขานั่งหลับและช่วยอุ้มขึ้นไปนอนบนเตียง และคนคนนั้นยิ้มกว้างแค่ไหนเมื่อเขาเบียดซุกตัวเข้าหายามที่เจ้าตัวทอดกายลงนอนเคียงข้างกันใต้ผ้านวม

หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้รู้ตัวเลย...ว่าหากเพียงอีกฝ่ายได้รู้ถึงความคิดที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเขา นั่นก็อาจเพียงพอที่จะทำให้ใครคนนั้นมีความสุขที่สุดในโลกแล้วก็เป็นได้...



++---End---++



จริงๆ แล้วเนื้อเรื่องตอนนี้ไม่ค่อยมีอะไร แต่พยายามจะเขียนเหมือนให้มีอะไร (งงไหม?) สารภาพว่าตอนแรกตั้งใจจะเขียนให้ออกมาขำ แต่ไปๆ มาๆ ไหงกลายเป็นโหมดนี้ก็ไม่รู้ เนื้อหาในตอนนี้จะตามหลังเหตุการณ์ที่เกิดในตอน Square One ภาคบทสรุปประมาณหนึ่งถึงสองเดือน ไรอันก็ยังคงเป็นไรอัน ถึงจะคืนดีกับณรงค์แล้วก็ยังมีเรื่องให้ต้องปรับตัวเข้าหากันอยู่ดี ความจริงตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนตอนพิเศษส่งท้ายปีใหม่เพราะมีไอเดียแล้ว ไปๆ มาๆ ไอเดียของตอนนี้ก็ดันแล่นเข้ามาจนต้องแทรกคิวก่อน ส่วนของตอนปีใหม่อาจได้เขียนตามมาให้หลังผ่านปีใหม่ไปแล้วนะคะ (คงกลายเป็นควันหลงยาว) ก็ขอถือโอกาสนี้ Happy Holiday แก่ทุกคนครั้งหลังแปะการ์ดไปในกระทู้ก่อน ขอให้ปีหน้าเป็นปีที่สุขสดชื่น สมหวังในสิ่งที่พยายามและมุ่งมั่น และเจอแต่เรื่องดีๆ กันถ้วนหน้าค่ะ

ปล. ไม่ได้แปะเตือนไว้ว่าตอนนี้เนื้อหาเรทร้อนแรงอีกแล้ว อ่านแล้วคงไม่ตกใจกันเนอะ เอิ้กๆๆ
:L1:



ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
กรี๊ดดดดดด คุณริน หื่นอะ 55555  แต่ขอแบบนี้อีกได้มั้ย  :o8:

โห ไรอัน ทำตัวน่ารักขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย  :a5:

ออฟไลน์ maio2000

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
 :z13: พี่รินแอบมาลง  ตอนนี้บอกคำเดียวสุดยอด :jul1:
ขอเลือดมาเติมด่วนค่ะพี่  ตอนนี้ดีใจรักเริ่มที่จะยอมพี่ณรงค์มากขึ้น
คิดถึง เข้าใจพี่ณรงค์มากขึ้น เป็นปลื้มมากๆ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
กรี๊ดดดดดด คุณริน หื่นอะ 55555  แต่ขอแบบนี้อีกได้มั้ย  :o8:

โห ไรอัน ทำตัวน่ารักขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย  :a5:

คนหื่นมันณรงค์ตะหาก เค้าไม่เกี่ยว กร๊ากกกกกกก

Cacao

  • บุคคลทั่วไป
สวีทมากกกกกกก =////= อ่านฉาก ฉ ฉิ่งแล้วกรีดร้อง เืลือดระเหยออกมาเป็นไอ 5555555
คือแบบ อ๊ากกกกกก เขียนได้ต่อมจิ้นระเบิดมากๆคุณริ๊นนนน >///////<  แล้วยิ่งต้องกรี๊ด
เพราะเหมือนไรอันจะเริ่มเอาแ่ต่ใจน้อยลง คิดถึุงณรงค์มากขึ้น ทำอะไรที่เหมือนคนรักปกติเค้าทำกันหน่อย
แล้วยิ่งตอบสนองแล้วก้เอาใจณรงค์กับเรื่องบนเตียงมากขึ้น (จริงๆมันก็ไม่เชิงเรื่องบนเีตียงสินะ ฮ่าๆ)
ีนี่มันก็จะยิ่งน่าร๊ากก เข้าไปใหญ่ ตอนนี้ณรงค์ก็หลงไรอันจะแย่ละ เจอแบบนี้เข้าไปพลีชีพถวายกายหนักกว่าเดิมอีก ฮ่าาา

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
กรี๊ดดดดดดดดดดด ไรอันน่ารักอ่ะ ชอบ!!!!!!!!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ไรอันเป็นแบบนี้ ณรงค์ยิ่งรักยิ่งหลง ไปไหนไม่รอดแล้ว

paradoxxx

  • บุคคลทั่วไป


เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากกกกกกก  ><

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
ตอนนี่้ไรอันน่ารักมาก

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
ความสัมพันธ์มีการพัฒนา :-[
 :mc1: :mc3: :mc2:
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆ นะคุณริน
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-01-2012 21:10:26 โดย Horizon »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ความสัมพันธ์มีการพัฒนา :-[
 :mc1: :mc3: :mc2:
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขมากๆ นะคุณริน
+1

ช่วงปีใหม่ไปตะลอนทัวร์เลยไม่ทันเห็นข้อความสวัสดีปีใหม่ งั้นขอสวัสดีปีใหม่ย้อนหลังคุณ Horizon  และทุกคนด้วยค่า ;-)

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
อ่านรวดเดียวเลย  อิอิ  สงสารตี้จัง  ฝากคุณรินหาคนมาดามอกให้ตี้มั่งนะครับ อิอิ  o13

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ไหนๆ พรุ่งนี้ก็จะวันวาเลนไทน์แล้ว ก็เอาตอนพิเศษมาลงให้ก่อนวันนึง ไม่ผิดกติกาหรอกนะ มาเร็วดีกว่ามาช้า จริงมิ เอิ้กๆๆ  :m32:

ตอน คืนพิเศษของคนพิเศษ


อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศในห้องเย็นกำลังพอดี หมอนและผ้าห่มก็นุ่มลื่นแถมยังกรุ่นกลิ่นอายที่คุ้นเคยจนชวนให้หลับสบาย แต่เมื่อวาดแขนออกไปและพบแต่ความว่างเปล่าใกล้ตัว ณรงค์ก็หรี่ตาขึ้นช้าๆ ท่ามกลางความงัวเงียเพราะยังไม่ตื่นเต็มที่ เสียงน้ำไหลแผ่วๆ จากในห้องน้ำก็ลอยมาเข้าหู

ชายหนุ่มเหลือบมองไปทางประตูห้องน้ำซึ่งเปิดอ้าไว้ บานประตูสีขาวบังคนที่กำลังยืนอยู่หน้ากระจกและหันหลังให้เขาไปกว่าครึ่งตัว กระนั้นก็เพียงพอจะเผยให้เห็นด้านหลังของเรือนร่างเย้ายวนแบบบุรุษเพศที่สวมเพียงกางเกงบรีฟแนบเนื้อสีเทาอ่อน ร่างสูงใหญ่ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองทีหนึ่ง ก่อนจะสูดจมูกแล้วค่อยยันตัวขึ้นนั่ง

“คุณตื่นเช้าจัง”

เสียงณรงค์ยังสะลึมสะลือเล็กน้อยเมื่อเดินเข้าไปใกล้คนที่กำลังโกนหนวด ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้ก็สวมเพียงกางเกงบรีฟผ้ายืดตัวเดียวไม่ต่างกับไรอัน แต่เรือนผมหยักศกที่ชื้นนิดๆ กับกลิ่นสบู่ที่กรุ่นในห้องน้ำบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

ไรอันมองสบตาคนที่เพิ่งตื่นผ่านกระจก ขณะเดียวกันก็รูดใบมีดโกนไปบนแก้มที่โปะครีมโกนหนวดขาวฟูเอาไว้ เผยให้เห็นผิวเนียนสีงาช้างยามที่ใบมีดคมกริบลากผ่าน ราวกับใครเอานิ้วปาดวิปครีมจนเห็นเนื้อเค้กข้างใต้

“I didn’t go to bed at 2 o’clock like you.”

ณรงค์หัวเราะ เขาฉวยโอกาสตอนไรอันเคาะมีดโกนซึ่งเลอะครีมลงในอ่าง ก้มลงกดจมูกบนขมับอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบแปรงสีฟันของตัวเองมาบีบยาสีฟันลงไป ไรอันจึงเบี่ยงตัวเพื่อให้ที่เขาได้ยืนและแปรงฟันได้ถนัดขึ้น

ที่นี่เป็นคอนโดของไรอัน ปกติแล้วในสัปดาห์หนึ่งๆ พวกเขาจะสลับกันไปนอนที่คอนโดของอีกฝ่ายบ้างตามแต่จะสะดวก บางคืนก็อาจจะนอนแยกคอนโดใครคอนโดมัน แต่เพราะเมื่อคืนนี้ณรงค์ต้องอยู่ทำงานที่ออฟฟิศถึงตีหนึ่งครึ่งเพื่อเตรียมแบบสำหรับไปเสนอลูกค้า เมื่อคืนเขาก็เลยมาค้างที่นี่เพราะเพลียจนไม่อยากขับรถกลับคอนโดของตัวเอง

“ถ้างั้นเดี๋ยวกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนมั้ย? จะให้ผมต้มโจ๊กหรือทอดไข่ดี?”

ณรงค์ถามขณะแปรงฟันอย่างไม่รีบร้อน เพราะว่าจากคอนโดของไรอันไปบริษัทนั้นใช้เวลาเพียงสิบห้านาที ดังนั้นต่อให้เขาโอ้เอ้จนแปดโมงครึ่งก็ยังมีเวลาถมถืดสำหรับเดินทาง

ไรอันเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ก่อนจะจรดมีดโกนลงเก็บรายละเอียดครั้งสุดท้ายแล้วก้มลงล้างหน้า

“วันนี้ผมมีนัดต้องไปสัมภาษณ์นิตยสารตอนเช้า เมื่อคืนผมก็บอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“หือม์?...อ้อ วันนี้หรอกเหรอเนี่ย”

ณรงค์กลอกตาพลางพูดงึมงำ ตอนมาถึงคอนโดของไรอันเมื่อคืนเขาทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย ถ้าหากเป็นที่คอนโดตัวเองก็คงแค่ถอดเสื้อผ้าแล้วล้มตัวลงบนเตียงเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะโดนไล่ให้ไปอาบน้ำก่อน ถึงได้ต้องข่มความง่วงทำตามที่เจ้าของห้องบอกก่อนจะมานอนด้วยกัน เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเรื่อง ‘สัมภาษณ์’ แว่วๆ ตอนกอดเจ้าตัวจากข้างหลัง แต่เพราะผล็อยหลับไปก่อนจะฟังจบ เลยไม่ทันได้จำรายละเอียด

“คุณนี่นะ...แล้วหายไข้หรือยัง?”

ไรอันถามพลางอังมือลงบนต้นคอของณรงค์ ชายหนุ่มจึงก้มลงบ้วนปากก่อนจะหยิบผ้าขนหนูขึ้นซับหน้า

“ผมมีไข้ด้วยเหรอ?”

ไรอันฟังคำถามแล้วก็ทำหน้าหน่ายใจ แต่ประกายในดวงตากับมุมปากที่ยกขึ้นนิดๆ ทำให้ใบหน้าอ่อนโยนลง

“ก็เมื่อคืนคุณตัวอุ่นๆ แถมสูดน้ำมูกอีก แต่ท่าทางคงไม่เป็นไรแล้วมั้ง ตัวไม่ร้อนแล้ว”

หนุ่มลูกครึ่งยกมือขึ้นอังหน้าผากเขาอีกทีเพื่อให้แน่ใจ ณรงค์จึงหันไปเสียบแปรงสีฟันในที่เก็บก่อนจะหันกลับมาทั้งตัว

“โอเค ผมแปรงฟันเสร็จแล้ว มอร์นิ่งคิสผมล่ะ?”

ณรงค์พูดยิ้มๆ พลางกางแขนสองข้างออก ไรอันสบตากับเขา แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลาก็ขยายกว้างขึ้นด้วยความหมั่นไส้

“Cheeky bastard.”

หนุ่มลูกครึ่งก้าวเข้ามายืนจนชิดและวางมือลงบนไหล่ ณรงค์จึงรวบเอวอีกฝ่ายเข้าหาก่อนจะก้มลงจูบกลีบปากได้รูปเบาๆ กลิ่นสบู่และครีมโกนหนวดอ่อนจางดึงดูดให้เขาเคลียจมูกไปบนผิวแก้มเกลี้ยงเกลาก่อนจะกดลงหอมแรงๆ อย่างมันเขี้ยว

ทั้งคู่อาจคบกันมาหลายเดือนแล้วก็จริง แต่เนื่องจากยังไม่ได้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน สัปดาห์หนึ่งๆ จะได้นอนเตียงเดียวกันก็สามสี่วันเท่านั้น การจะได้สวีทหวานตอนเช้าจึงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ดังนั้นในวันที่โอกาสเป็นใจแบบนี้ ณรงค์จึงขอตักตวงให้เต็มอิ่ม

รอยยิ้มสดใสบนหน้าหนุ่มลูกครึ่งหลังจากณรงค์ผละออกเป็นสิ่งที่เขาได้รับโดยไม่ต้องเรียกร้องมากขึ้นทุกที และหากก่อนหน้านี้ไรอันเคยทำให้เขาตกหลุมรักหัวปักหัวปำได้ทั้งที่เย็นชาใส่ การที่อีกฝ่ายโอนอ่อนเข้าหาก็ไม่ต่างจากการกลบฝังหลุมนั้นจนเขาปีนไม่ขึ้นเท่านั่นเอง

และโชคดีที่ณรงค์ก็ไม่เคยคิดอยากปีนขึ้นมาอยู่แล้วด้วย

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมแต่งตัวออกไปก่อนก็แล้วกัน เย็นนี้เจอกันที่โรงแรม Ok?”

หนุ่มลูกครึ่งเอ่ยก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำ ณรงค์จึงยิ้มพลางถอนหายใจเบาๆ วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ซึ่งจะนับเป็นครั้งที่สองที่พวกเขาได้ฉลองวันแห่งความรักด้วยกัน เพียงแต่เมื่อปีที่แล้วนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังไม่มั่นคงแบบนี้ แถมยังเป็นมื้อที่ค่อนข้างฉุกละหุกอีกด้วย ปีนี้ก็เลยตกลงกันว่าจะหาสถานที่สำหรับทานอาหารค่ำในคืนพิเศษอย่างเป็นเรื่องเป็นราว โดยที่ไรอันเป็นคนตัดสินใจเลือกห้องอาหารในโรงแรมหรูด้วยตัวเอง แล้วยังบอกเขาว่าไม่ต้อง ‘เตรียมอะไรให้ก็ได้’ อีก

แต่จะให้เขาไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงกัน...

“I’m going.”

“Ok.”

ณรงค์ร้องตอบจากในห้องน้ำเนื่องจากกำลังอาบน้ำอยู่ เสียงปิดประตูที่ด้านหน้าบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องออกไปทำงานแล้ว หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย เขาก็เดินเข้าไปหยิบมือถือซึ่งวางอยู่บนหัวเตียงมากดโทรออก

เขาก็อยากทำอะไรพิเศษให้คนรักใน ‘คืนพิเศษ’ นี้เหมือนกันนี่นา

“หวัดดีเหมย นี่ถึงออฟฟิศหรือยัง? แล้วตกลงเรื่องที่ให้ฝากให้ช่วยสำเร็จมั้ย?”



++------++



ไรอันถอยรถเข้าจอดในที่ว่างบริเวณชั้นใต้ดินของอาคารแห่งหนึ่ง โดยทางทีมงานของนิตยสารได้ติดต่อเขาผ่านทางเลขาว่าให้มาพบกันที่ร้านอาหารในตึกนี้เพื่อสัมภาษณ์และถ่ายรูป เมื่อเขาเหลือบมองเวลาที่หน้าปัดดิจิตอลก็พบว่าอีกตั้งยี่สิบนาทีกว่าจะถึงเวลานัดหมาย จึงตัดสินใจว่าจะยังไม่ดับเครื่องและนั่งฟังเพลงฆ่าเวลาต่ออีกสักพัก

ใจจริงแล้วผู้บริหารหนุ่มไม่เคยสนใจอยากให้สัมภาษณ์นิตยสารไม่ว่าจะหัวไหน แถมคราวนี้ยังเป็นนิตยสารแนวไลฟ์สไตล์สำหรับผู้หญิงซึ่งเขาไม่อ่านอีกด้วย แต่เพราะว่าบรรณาธิการใหญ่เป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของเขาเอง พอโดนทาบทามมาก็เลยปฏิเสธไม่ได้

ไรอันอาศัยเวลาว่างนั่งเช็คอีเมล์ในมือถือไปพลางๆ ขณะนั้นเองก็มีรถสปอร์ตรูปร่างเฉี่ยวสีดำสนิทขับลงมาจอดคู่กันกับรถของเขา ไรอันปรายตามองก็รู้ทันทีว่ารถคันนั้นเป็นรถนำเข้าจากอิตาลีมูลค่าหลายสิบล้าน

แน่นอนว่าสำหรับผู้ชายแล้ว รถยนต์ก็ไม่ต่างจากเครื่องประดับชิ้นใหญ่ที่ใช้งานได้ด้วย แต่ถึงเขาจะชอบรถยนต์ที่สวยและดูดีแค่ไหนก็ไม่คิดจะละลายเงินไปกับยานพาหนะเพียงเพื่ออวดบัญชีในธนาคารเท่านั้น

ผู้ที่เดินลงมาจากรถอิตาลีคันนั้นคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ใบหน้าโครงเหลี่ยมใต้คิ้วเข้มพาดเฉียงสวมแว่นกันแดดสีดำสนิท ร่างกายท่อนบนสวมเสื้อยืดสีดำแขนสั้นเข้ารูป เน้นให้เห็นเค้าโครงของมัดกล้ามที่ดันเสื้อจนเป็นเนินนูนชัดเจน ส่วนท่อนล่างสวมกางเกงยีนส์ลีวายส์กับรองเท้าบู๊ตหนังสูงปิดข้อเท้า ผมด้านบนที่ตัดสั้นนั้นใส่เยลและจัดทรงไว้อย่างดี ชายคนนั้นเบือนหน้ามามองเขานิดหนึ่งก่อนจะเดินไปทางลิฟต์ แต่ไรอันเพียงเหลือบตากลับลงอ่านอีเมล์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ เขารอจนกระทั่งเหลืออีกสิบนาทีจะถึงเวลานัดจึงค่อยออกจากรถแล้วเดินไปขึ้นลิฟต์

เมื่อเดินออกจากลิฟต์ ไรอันก็เดินตามป้ายชี้บอกทางไปร้านอาหารซึ่งอยู่ไม่ไกลจากล็อบบี้ โดยร้านอาหารนี้แบ่งเป็นโซนในอาคารและกลางแจ้ง แต่บริเวณที่อยู่กลางแจ้งก็มีร่มผ้าใบและไม้ประดับเขียวชอุ่มตลอดแนวระเบียง ทำให้บรรยากาศยังคงร่มรื่นแม้แดดจะเริ่มแรงในยามสาย

เนื่องจากทั้งร้านมีคนจับกลุ่มนั่งกันอยู่โต๊ะเดียว แถมบนโต๊ะยังมีอุปกรณ์เช่นกล่องใส่เครื่องแต่งหน้าและอุปกรณ์สำหรับถ่ายรูปวางอยู่ ไรอันจึงผลักประตูแล้วเดินตรงเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล หนึ่งในทีมงานซึ่งเป็นหญิงสาวผมตัดบ๊อบสั้น ใส่แว่นกรอบกลมกับชุดกระโปรงสีส้มลายจุดหันมาเห็นเขาก็ยิ้มแป้น

“คุณไรอันใช่มั้ยคะ? สวัสดีค่ะ นิ้งเป็น บก. ของนิตยสารที่จะสัมภาษณ์วันนี้นะคะ แล้วก็นี่ทีมงานของนิ้ง มีตากล้องกับช่างแต่งหน้าค่ะ เดี๋ยวรอคุณเคียวกลับจากห้องน้ำแล้วเราก็เริ่มแต่งหน้าถ่ายรูปได้เลย เสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนชุดสำหรับถ่ายรูปนะคะ”

หญิงสาวเอ่ยทักทายพร้อมกับยื่นนามบัตรให้อย่างคล่องแคล่ว และแม้ว่าไรอันจะฟังภาษาไทยแตกฉาน แต่ก็แทบจะตามจังหวะการพูดที่รัวราวประทัดของเธอไม่ทัน ทว่าก็ยังจับข้อความช่วงท้ายๆ ได้ และนั่นทำให้คิ้วดกหนามุ่นขึ้น

“เปลี่ยนชุด?”

นัยน์ตามีคำถามของหนุ่มลูกครึ่งทำให้บรรณาธิการสาวหน้าเหลอ นัยน์ตาเรียวรีหลังแว่นกรอบกลมกะพริบปริบๆ ก่อนจะอธิบาย

“เอ่อ กำหนดการของเราวันนี้จะถ่ายแบบคุณไรอันกับคุณเคียว ในฐานะลูกครึ่งหนุ่มที่มีตำแหน่งสำคัญในแวดวงธุรกิจเหมือนกันค่ะ คุณเคียวเขาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ลูกชายบริษัทอาหารกระป๋องรายใหญ่แล้วก็นายแบบโฆษณา ก่อนหน้านี้นิ้งเคยส่งรายละเอียดไปให้คุณเหมยแล้วนะคะ”

ไรอันยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกลอกน้อยๆ ขณะพยายามนึกว่าเลขาของเขาเคยบอกเรื่องนี้ไว้ก่อนหรือไม่ เป็นไปได้ว่าเมธาวีเคยบอกแล้ว แต่เพราะมัวแต่งานยุ่ง ประกอบกับไม่ได้สนใจการสัมภาษณ์ครั้งนี้เท่าไหร่ เขาเลยไม่ได้ใส่ใจฟังก็เป็นได้

“Ok then. แต่คงเสร็จก่อนเที่ยงใช่ไหม?”

ชายหนุ่มตั้งใจบอกเป็นนัยๆ ว่าเขาไม่มีเวลามากนัก การสัมภาษณ์และถ่ายรูปจะได้ไม่ยืดเยื้อ หญิงสาวจึงรีบกระวีกระวาดจัดให้เขานั่งที่เก้าอี้เพื่อให้ช่างเริ่มแต่งหน้าได้เลย ขณะที่ช่างกำลังหยิบของจากกล่องอุปกรณ์ออกวางเรียงบนโต๊ะ ไรอันก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน การแต่งกายและรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ทำให้จำได้ทันทีว่าเป็นคนเดียวกับเจ้าของรถราคาแพงที่จอดข้างกันในชั้นใต้ดิน เพียงแต่ตอนนี้แว่นกันแดดที่เคยสวมถูกพับและเสียบไว้บนคอเสื้อยืด และนัยน์ตาดำขลับใต้คิ้วพาดเฉียงที่มองมาทางเขาก็ฉายประกายระยับ

“อ้อ คุณน่ะเอง”

ไรอันตัดสินใจหยิบมือถือออกมาเช็คอีเมล์ทันที

ทีมงานตกลงกันว่าจะถ่ายภาพตรงมุมหนึ่งของห้องอาหารที่ติดกับกระจก และจะถ่ายทั้งรูปเดี่ยวและรูปคู่ จะได้มีคลังรูปไว้เลือกตอนนำไปตีพิมพ์ โดยระหว่างที่ทีมงานกำลังจัดแสงไฟและฉาก ช่างแต่งหน้าของไรอันก็ไม่ได้ชวนเขาคุย เนื่องจากชายหนุ่มเอาแต่จดจ่อกับการทำอะไรสักอย่างในมือถือ ในขณะที่อีกคนซึ่งนั่งแต่งหน้าอยู่ข้างกันนั้นสนทนากับช่างแต่งหน้าอย่างออกรส

“ช่วงนี้ที่ญี่ปุ่นหนาวมากเลยครับ หิมะยังตกอยู่ ยิ่งทางเหนือๆ ยิ่งหนาว อาทิตย์ก่อนผมก็เพิ่งไปสกีกับเพื่อนๆ ที่นิเซโก้ กะว่าเดี๋ยวช่วงเมษาจะกลับไปดูซากุระบานที่โตเกียว”

“ว้าย โรแมนติกจังเลย แพตตี้ก็อยากไปดูซากุระค่ะ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นซักที" ช่างแต่งหน้าหญิงไม่แท้ที่กำลังทาแป้งให้เจ้าตัวพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน

“ถ้าคุณแพตตี้จะไปจริงๆ ลองโทรหาผมสิ เดี๋ยวผมพาเที่ยวเองก็ได้”

“อุ๊ย!! คุณเคียวพูดงี้เดี๋ยวแพตตี้ก็ไปจริงๆ หรอก”

เสียงหัวเราะคิกคักจากทั้งคู่ทำให้ไรอันรู้สึกเลี่ยนๆ พิกล แต่ก็พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า เขาเองก็เคยต้องไปทานข้าวกับลูกค้าหรือพบปะผู้คนในงานเลี้ยงบ้าง จึงใช่จะไม่เคยได้ยินบทสนทนาเกี้ยวพาหยอกล้อเช่นนี้ แต่ที่ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งกว่าอะไร ก็เห็นจะเป็นสายตาจากหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เขารู้ว่าลอบมองมาหลายครั้งแล้วมากกว่า

โชคดีที่การแต่งหน้ากินเวลาไม่นานนัก เนื่องจากเพียงแค่ลงรองพื้น ทาแป้งแล้วก็ปัดคิ้ว ไรอันหยิบเสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนเข้าไปในห้องที่ทางร้านจัดให้ใช้แต่งตัวก่อนจะเดินออกมาอีกครั้ง โดยชุดที่เปลี่ยนจะเป็นสูททางการ และถึงแม้เขาจะไม่ได้บึกบึนมาก แต่ก็สูงโปร่งและมีกล้ามเนื้อสมส่วนแบบคนที่ออกกำลังเป็นประจำ บวกกับเป็นคนที่ถูกสอนเรื่องการวางท่าและบุคลิกมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นถึงชุดสูทจะไม่เข้ารูปพอดี แต่ก็ไม่ได้กลบรัศมีผู้บริหารของเขาลง แถมยังทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นอีกด้วย

การถ่ายแบบเริ่มขึ้นโดยไรอันเข้าไปนั่งที่มุมของร้านซึ่งช่างภาพจัดแสงไว้แล้ว แต่เนื่องจากเขาไม่ได้เป็นนายแบบอาชีพ จึงต้องให้สไตลิสต์คอยแนะว่าต้องวางมือหรือหันหน้ามุมใดจึงจะดูดี และแม้จะพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า แต่ความรำคาญที่ต้องมาทำอะไรที่ไม่ชอบก็ทำให้หนุ่มลูกครึ่งขมวดคิ้วบ่อยๆ อย่างช่วยไม่ได้

“คุณเคียวแต่งหน้าเสร็จแล้วค่ะ ถ้างั้นเดี๋ยวถ่ายรูปคู่แล้วค่อยถ่ายรูปเดี่ยวคุณเคียวต่อนะคะ”

บรรณาธิการสาวเอ่ยพลางเดินนำหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นมาที่ฉาก ดูเหมือนทีมงานคงเตรียมชุดที่ไซส์ค่อนข้างใหญ่ไว้สำหรับฝ่ายนั้นอยู่แล้ว กระนั้นเสื้อสูทแจ๊คเก็ตก็ยังบดบังความกำยำของไหล่หนาไม่ได้

กล้ามเยอะไปหน่อย...

ไรอันประเมินอีกฝ่ายผ่านๆ ด้วยแววตาเรียบเฉย ตัดกับนัยน์ตาสีดำเป็นมันที่จ้องเขาโดยมีประกายวิบวับภายใน เขาไม่รู้ว่าทางทีมงานจะมีใครสังเกตหรือไม่ แต่ไรอันก็ไม่ได้โง่ เขาเคยโดนมองด้วยสายตาแสดงความสนใจหรือแม้แต่กะลิ้มกะเหลี่ยจากเพศเดียวกันบ่อยพอจะรับรู้ได้ทันทีที่เห็น

“อย่าทำหน้าดุใส่ผมนักสิครับ"

แล้วถือสิทธิ์อะไรมาบอกเขาไม่ทราบ ไรอันอยากพูดแต่ก็เงียบไว้ เขาอาศัยความเงียบแทนการสื่อสารว่าไม่อยากยุ่งด้วย แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับสารนั้นง่ายๆ เพราะขณะที่ถ่ายรูปคู่กัน มีบางครั้งที่ช่างภาพบอกให้สลับที่ หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นก็ดูเหมือนจะจงใจปัดมือให้มาโดนตัวเขาบ่อยๆ

ไรอันนึกอยากจะถอนหายใจแรงๆ แล้วหันไปต่อยอีกฝ่ายให้สักที

นิสัยชอบอาละวาดเวลาอารมณ์ไม่ดีของเขาไม่เคยหายไปไหน เวลาอยู่ที่ออฟฟิศ ถ้าเกิดเจอว่าใครทำงานผิดพลาด หรือมีเรื่องทำให้ไม่พอใจที่เกี่ยวกับงาน เขาก็ยังเป็นที่ขึ้นชื่อว่าอารมณ์ร้อนอยู่เหมือนเดิม แต่หากใครที่พอจะมีเวลาสังเกตหน่อยจะรู้ว่าเขาใจเย็นขึ้นมากแล้ว ประสบการณ์สอนให้เขาอดทนขึ้น เพียงแต่บางทีเมื่อทนไม่ไหวก็จำต้องระเบิดออกมาบ้าง

กรณีคนที่กำลังถ่ายรูปคู่กันอยู่นี่ก็เหมือนกัน ถ้าหากเอะใจก่อนว่าทางนิตยสารติดต่อคนอื่นไว้ด้วย ไรอันคงปฏิเสธไปแล้วเพราะแปลว่าไม่จำเป็นต้องเป็นเขาก็ได้ หากพูดอย่างเป็นกลาง เขายอมรับว่าเคียวนั้นมีรูปร่างหน้าตาดีเลยทีเดียว ทั้งผิวขาวจัด คิ้วที่หนาและพาดเฉียงเหมือนดาบ และยังเรือนร่างสูงใหญ่เหมือนเล่นกีฬาประเภทสร้างกล้ามเป็นประจำ แต่น่าแปลกที่ไรอันไม่คิดว่าอีกฝ่ายดึงดูดสายตาสักนิด เขากลับพบว่าโครงหน้าที่มีคางเหลี่ยมเป็นสันและร่างกายอุดมมัดกล้ามนั้นชวนให้นึกถึงหุ่นโชว์เสื้อผ้าตามห้าง แถมกลิ่นน้ำหอมที่เจ้าตัวใช้ยังฉุนเกินไปจนเขาเผลอย่นจมูกเสียหลายหน

กลิ่นมิ้นต์จากยาสีฟันยังจะหอมเสียกว่า...

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
จู่ๆ จูบอรุณสวัสดิ์เมื่อเช้าก็ผุดขึ้นมาในหัว รวมทั้งใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่กางแขนออกรอ ‘มอร์นิ่ง คิส’ จากเขาด้วย ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน ไรอันคงไม่คาดคิดว่าจะมีวันหนึ่งที่ปล่อยให้ใครได้ใกล้ชิดเขาขนาดนี้ และยิ่งไม่มีวันที่เขาจะมองเห็นใครคนนั้น ‘น่ารัก’ เวลาแสดงการออดอ้อนใส่โดยไม่นึกอยากผลักไสออกด้วย

และนอกจากณรงค์...ก็คงไม่มีใครที่เปลี่ยนมุมมองของเขาได้เช่นนี้อีกแล้ว

ภาพรอยยิ้มของณรงค์เมื่อเช้าจุดรอยยิ้มอ่อนๆ บนมุมปากของหนุ่มลูกครึ่ง กิริยาเล็กน้อยเพียงเท่านั้นช่วยจุดประกายสว่างไสวบนใบหน้าเขาจนคนที่ยืนถ่ายแบบข้างๆ กลั้นหายใจไปชั่วขณะ แต่ดูเหมือนปฏิกิริยานั้นจะรวดเร็วจนไม่มีใครทันสังเกต

หลังจากช่างภาพถ่ายรูปคู่ของพวกเขาได้พอสมควรก็ขอถ่ายรูปเดี่ยวของหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นต่อ ไรอันจึงแยกมาให้สัมภาษณ์ที่อีกมุมหนึ่งของห้องอาหาร โดยที่ไม่ได้หันไปสนใจอีกฟากของห้องที่ยังถ่ายรูปกันอยู่สักนิด

การสัมภาษณ์กับบรรณาธิการสาวนับว่าราบรื่นพอสมควร ส่วนหนึ่งอาจเพราะไรอันก็ไม่ใช่คนชอบพูดมากอยู่แล้ว ส่วนคำถามไหนที่ไม่อยากตอบ เขาก็จะใช้คำบอกปัดอย่างแนบเนียน จนกระทั่งมาถึงคำถามช่วงท้าย

“ขอโทษที่ถามเรื่องส่วนตัวหน่อยนะคะ แต่คำถามนี้จะเกี่ยวกับมุมมองเรื่องความรักน่ะค่ะ ไม่ทราบตอนนี้คุณไรอันมีแฟนหรือเปล่าคะ?”

ไรอันกะพริบตาขณะทวนคำถามในหัว ถ้าหากเป็นไม่กี่เดือนก่อนเขาอาจลังเลที่จะตอบคำถามนี้ แต่ตอนนี้ ชายหนุ่มเพียงแต่พยักหน้าน้อยๆ

“มีครับ”

หญิงสาวทำตาแวววาวขึ้น ท่าทางดีใจที่จะได้มีอะไรให้เขียนในบทสัมภาษณ์ของเขานอกจากเรื่องงาน

“แล้วคบกันมานานเท่าไหร่แล้วคะ?”

“คง...ประมาณปีนึง”

ไรอันไม่แน่ใจว่าเขากับณรงค์เริ่มคบกันแน่นอนวันที่เท่าไหร่ แต่หากนับว่าวาเลนไทน์ปีที่แล้วพวกเขาก็เคยฉลองด้วยกัน การที่วันนี้เวียนมาบรรจบก็แปลว่าพวกเขาคบกันมาครบปีแล้ว

แถมเป็นหนึ่งปีที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเหลือเกิน...

“พอจะพูดถึงคนพิเศษคนนี้ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?”

โชคดีที่หญิงสาวไม่ได้ใช้คำว่า ‘สาวผู้โชคดีคนนั้น’ ไม่อย่างนั้นเขาคงกระอักกระอ่วน แต่ก็นั่นแหละ สมัยนี้ใครเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ การเลือกใช้คำให้กลางๆ ไว้ก่อนย่อมปลอดภัยกว่า ไรอันนึกชมเธอที่ช่างคิดถึงจุดนี้

“เป็นคนใจดี เข้ากับคนง่าย แต่เวลาที่โมโหก็น่ากลัวเหมือนกัน” ท้ายประโยคมีเสียงหัวเราะเจืออยู่แผ่วเบา ไรอันอดนึกถึงตอนที่ณรงค์เข้าใจเขากับเจมส์ผิดจนหน้ามืดไม่ได้ คืนนั้นทั้งบริษัทมีพวกเขาอยู่แค่สองคน นั่นเป็นครั้งแรกที่ความหึงหวงอย่างรุนแรงของอีกฝ่ายทำให้เขาหวั่นไหวจนเกือบจะใจอ่อน แต่จิตใต้สำนึกยั้งไว้ว่าถ้าไม่อยากเสียใจภายหลังก็ให้รีบตัดไฟแต่ต้นลม และเขาก็นึกขอบคุณตัวเองที่วันนั้นตัดสินใจเช่นนั้น เพราะเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นต่อมาช่วยพิสูจน์ว่าณรงค์จริงใจกับเขาจริงๆ

ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น...ก็คงไม่มีใครตื๊อเขาต่อทั้งที่โดนทำแย่ๆ แบบนั้นใส่แล้ว

“อืม ถ้าอย่างนั้น...มีเวลาไหนที่เขาทำให้เรารู้สึกว่าเขาน่ารักมากๆ บ้างไหมคะ?”

หญิงสาวถามอีก ไรอันหลุบตาลงพลางยกมือหนึ่งขึ้นเท้าคางกับพนักเก้าอี้ขณะใช้ความคิด ก่อนจะตอบคล้ายรำพึงกับตัวเอง

“...คงตอนที่เขาทำงานเหนื่อยๆ แล้วมานอนกอดผมจนหลับล่ะมั้ง”

เมื่อคืนนี้ณรงค์คงไม่รู้ตัว แต่หลังจากอีกฝ่ายยอมไปอาบน้ำก่อนจะกลับมานอนกอดเขาอย่างง่วงๆ นั้น เนื่องจากรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิจากร่างกายที่อุ่นจัดกว่าปกติ ไรอันเลยนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืดตั้งนานเพราะความเป็นห่วง แต่สุดท้ายก็หลับตามคนข้างหลังไปเมื่อได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอที่ขับกล่อม

ผู้บริหารหนุ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองทำสีหน้าแบบไหนขณะตอบคำถาม แต่บรรณาธิการสาวทำตาโตขึ้นนิดหนึ่ง ก่อนที่แก้มสองข้างจะกลายเป็นสีเข้มขึ้น

“โห น่าอิจฉาผู้โชคดีคนนั้นจังเลยค่ะ ยังไงวันนี้ขอบคุณคุณไรอันมากนะคะที่มาให้สัมภาษณ์ ไว้เล่มนี้ทำเสร็จเมื่อไหร่นิ้งจะรีบส่งไปให้ที่ออฟฟิศเลยค่ะ”

หญิงสาวยกมือขึ้นดันแว่นก่อนจะก้มลงไหว้ขอบคุณ ไรอันจึงยกมือรับไหว้ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้า เขาลาทีมงานแล้วก็รีบเดินไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังลานจอดรถ แต่พอมาถึงชั้นใต้ดินก็พบว่าเคียวกำลังออกมาจากลิฟต์ตัวข้างๆ กัน

เขาลืมเสียสนิทว่าเพิ่งได้ถ่ายแบบคู่กับผู้ชายคนนี้ไป แต่ก็คร้านจะถามว่าทำไมถึงสัมภาษณ์เสร็จเร็วนัก

“ทำไมดูรีบร้อนจัง คุณมีนัดต่อเหรอ?”

หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นถามขณะเดินข้างเขากลับไปที่รถ ไรอันจึงยักไหล่โดยไม่หันไปมอง

“Not really.”

คำตอบแบบมะนาวไม่มีน้ำทำให้คนถามเลิกคิ้ว แต่เคียวก็เพียงแต่ยิ้มบางๆ พอเดินมาถึงรถ ไรอันยังไม่ทันจะเปิดประตูก็ถูกคนที่เดินมาด้วยเอามือยันประตูรถเอาไว้ พอเขาหันกลับมาก็เลยกลายเป็นว่าโดนยืนคร่อมไปโดยปริยาย

ไรอันรู้สึกว่าหางคิ้วเต้นตุบเพราะความไม่พอใจ เมื่อได้อยู่ในระยะประชิดเช่นนี้ เขาถึงเพิ่งสังเกตว่าเคียวน่าจะสูงพอๆ กับณรงค์ ซึ่งก็แปลว่าไม่ได้สูงกว่าเขามากเท่าไหร่ แต่วงกล้ามที่ดันเสื้อยืดสีดำขึ้นมาเป็นลูกนูนๆ นี่...ยิ่งดูก็ยิ่งขัดลูกนัยน์ตามากขึ้นทุกที

เป็นผู้ชายก็ควรจะมีกล้ามเนื้อไม่ป้อแป้ ข้อนั้นเขาเห็นด้วยและไม่เถียง แต่อะไรที่มันเยอะเกินไปก็ชวนให้เอียนได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะท่าทางก้อร่อก้อติกเกินพอดี หรือการพยายามโปรยเสน่ห์ด้วยรูปร่างที่ชวนให้นึกว่าเจ้าของคงไม่ค่อยมั่นใจสรีระตัวเอง ถึงได้ต้องฟิตสร้างกล้ามจนปูดโปนเสียขนาดนั้น

“นี่เพิ่งจะเที่ยงเอง ไม่ไปหาร้านกินข้าวด้วยกันก่อนล่ะ? คุณทำบริษัทออกแบบตกแต่งไม่ใช่เหรอ? ผมว่ากำลังจะทำออฟฟิศใหม่อยู่พอดี เผื่อจะได้จ้างบริษัทคุณไง”

ไม่เลวที่คิดจะเอางานมาล่อ แต่น่าเสียดายที่ไรอันไม่ได้กระหายหิวโครงการใหม่ขนาดนั้น

“เดี๋ยวคุณติดต่อเลขาผมก็แล้วกัน แล้วถ้าอยากให้บริษัทผมออกแบบให้จริงๆ ค่อยนัดประชุมกันอีกที”

ไรอันเอ่ยพลางทำท่าจะหมุนตัวกลับไปเปิดประตูรถ แต่แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็เบิกกว้างเมื่ออีกฝ่ายรั้งแขนเขาไว้แล้วก้มลงกระซิบข้างหู

“ไม่เอาน่า เราไม่ต้องคุยกันแต่เรื่องงานก็ได้นี่ ผมดูออกนะว่าคุณก็เหมือนผม อึ๊ก!!”

ถ้าหากมีใครอยู่ในลานจอดรถใต้ดินในเวลานั้น คงจะไม่มีทางพลาดเสียง ‘พลั่ก!’ เหมือนอะไรโดนกระแทกอย่างแรงไปได้ แต่บังเอิญเหลือเกินที่นอกจากบรรดารถที่จอดเรียงรายก็ไม่มีใครอยู่ คนที่ได้ยินเสียงจึงมีเพียงชายหนุ่มสองคนที่กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่เท่านั้น

ใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นบิดเบ้และซีดขาว ร่างสูงกำยำเหลือกตามองใบหน้าไร้อารมณ์ของคนตรงหน้า ขณะที่ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า สองมือกุมท้องไว้แน่นด้วยความเจ็บ พอเห็นเช่นนั้น ไรอันก็กระตุกยิ้มเย็น ขณะทรุดตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าอีกฝ่าย

“แต่ดูเหมือนคุณจะอ่อนไปสำหรับผมนะ แฟนผมโดนชกแบบนี้ยังยืนได้อยู่เลย อีกอย่างคุณไม่ใช่สเป็คผมซะด้วยสิ Good luck charming someone else.”

ไรอันยังมีแก่ใจตบไหล่หนาเบาๆ อย่างมีน้ำใจ ก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกมาโดยไม่สนใจสายตาเอาเรื่องที่มองตามหลัง กระทั่งออกมาถึงถนนใหญ่แล้ว เขาจึงค่อยสะบัดมือข้างที่เพิ่งตุ๊ยท้องอีกฝ่ายไปแล้วสูดปากเสียงเบา

"Worthless piece of shit..."

นับว่าเขาโชคดีที่พ่อซึ่งเป็นคนชอบวัฒนธรรมไทยสนับสนุนให้เรียนมวยไทยตั้งแต่เด็ก ขณะที่บ้านอื่นส่งลูกไปซ้อมฟุตบอลหรือตีเทนนิส ดังนั้นไรอันจึงมั่นใจในพลังหมัดของตัวเองพอสมควร แถมเมื่อครู่เขายังโมโหจนไม่ออมแรงอีกต่างหาก แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาโดนเนื้อตัวอยู่แล้ว คิดจะมาตะล่อมเขาวิธีนี้ก็มีแต่จะโดนเล่นงานกลับเท่านั้นเอง

หรือเพราะเขาชินกับวิธีเข้าหาแบบไม่กดดันของณรงค์ก็ไม่รู้เหมือนกัน

จริงอยู่ว่าหากมองจากสายตาของคนภายนอก ถ้าใครได้มาเห็นเวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน ทุกคนคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาเอาแต่ใจ ส่วนณรงค์ก็ดีแต่ให้ท้ายจนเหลิง แต่ใครจะรู้ว่าวิธีที่ณรงค์ใช้นั่นแหละ ที่ทำให้เขายอมโอนอ่อนผ่อนตามมากกว่าการถูกบังคับเสียอีก

แต่แน่นอนว่าปล่อยให้นั่นเป็นความลับของพวกเขาสองคนก็พอแล้ว

ไรอันแวะหาร้านทานข้าวกลางวันระหว่างทาง พอตอนบ่ายก็กลับไปร่วมประชุมกับพวกผู้บริหารที่ออฟฟิศจนเย็น เขารู้อยู่แล้วว่าตอนบ่ายณรงค์มีนัดกับลูกค้าถึงได้นัดไปเจอกันที่โรงแรมเลย ขณะที่กำลังเก็บของเพื่อออกจากห้อง เมธาวีก็เคาะประตูกระจกแล้วเอาช็อกโกแลตกล่องเล็กๆ เข้ามาวางบนโต๊ะให้ ไรอันมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของนำเข้าราคาแพงจากเบลเยียม

“Thanks. Sorry I don’t have anything for you.”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณไรอัน ถ้างั้นเหมยขอตัวกลับก่อนนะคะ Happy Valentine’s Day ค่ะ”

วันนี้เลขาของเขาแต่งตัวและทำผมสวยกว่าทุกวัน จากที่ปกติสวมแว่นก็เปลี่ยนมาใส่คอนแทคต์เลนส์ด้วย การเปลี่ยนแปลงในช่วงหลังนี้ทำให้เขารู้ว่าเจ้าตัวก็คงกำลังคบหากับใครอยู่ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สนใจนัก แต่ในเมื่อตอนนี้เขาเองก็นับได้ว่ามีความสุขกับคนพิเศษของตัวเอง จึงอดดีใจกับลูกน้องไม่ได้ที่ได้พบความสุขเช่นนั้นเหมือนกัน

“Happy Valentine’s Day.”

ไรอันเก็บของแล้วก็ล็อกประตูห้องก่อนจะลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ระยะทางจากออฟฟิศของเขาไปโรงแรมนั้นไม่ไกล กระนั้นก็ยังไปถึงช้ากว่าณรงค์ที่เสร็จนัดจากลูกค้าก่อนจึงมารออยู่ที่ล็อบบี้แล้ว อีกฝ่ายสวมเสื้อยืดคอวีสีอ่อนกับกางเกงผ้าสีเข้ม เมื่อสวมแจ็คเกตลำลองกึ่งทางการทับก็ดูเหมาะกับการทานดินเนอร์ในห้องอาหารของโรงแรมดี รูปร่างสูงใหญ่แต่ก็สมส่วน ไม่ได้หนาตันเป็นยักษ์ปักหลั่นจนรกลูกตาทำให้ไรอันยิ้มบางๆ

ไม่รู้ว่าณรงค์ดูดีอยู่แล้วแต่เขาเพิ่งสังเกตเห็น หรือว่าดูดีเพราะว่าเป็น ‘ผู้ชายของเขา’ กันแน่

“รอนานมั้ย?”

“ไม่หรอก ผมก็เพิ่งมาถึงไม่นานนี่เอง ถ้างั้นขึ้นไปกันเลยดีกว่า”

ทั้งคู่ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องอาหารซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมที่ขึ้นชื่อว่าหรูและเก่าแก่ย่านใจกลางเมืองด้วยกัน ถึงแม้ห้องอาหารแห่งนี้จะไม่มีส่วนที่เปิดให้ออกไปรับอากาศภายนอก แต่ผนังกรุกระจกใสที่ช่วยให้ชมวิวได้รอบด้าน รวมทั้งรสชาติของอาหารและบรรยากาศที่ขึ้นชื่อก็ทำให้มีคนจองโต๊ะในคืนนี้จนเต็ม

โชคดีว่าเลขาของไรอันสนิทกับผู้จัดการห้องอาหารแห่งนี้ เธอจึงสามารถจองโต๊ะในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวให้ทั้งสองได้ โดยอาหารที่ถูกเสิร์ฟก็เป็นเมนูที่เชฟทำขึ้นสำหรับโอกาสนี้เท่านั้น และแทบทุกโต๊ะที่มาในค่ำคืนนี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นคู่รักกันทั้งสิ้น

หลังจากที่นั่งทานอาหารกันไปเรื่อยจนครบคอร์สโดยมีเสียงดนตรีขับกล่อม ณรงค์ก็ชวนไรอันคุยเรื่องที่ไปสัมภาษณ์นิตยสารขึ้นมา

“ที่ไปสัมภาษณ์เมื่อเช้าเป็นยังไงบ้าง?”

ไรอันนึกถึงหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่แล้วความคิดนั้นก็ลอยผ่านหัวไปเหมือนละอองฝุ่นที่ไม่มีความหมาย “ก็ไม่ค่อยมีอะไร แค่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าถ่ายรูปในชุดที่เขาเตรียมให้ เสร็จแล้วก็ตอบคำถามเรื่องส่วนตัวอีกนิดหน่อย แต่ถ้ามีใครมาเชิญอีกผมคงไม่ไป น่าเบื่อ”

นัยน์ตาของณรงค์เป็นประกายขึ้นแวบหนึ่ง ชายหนุ่มยิ้มพลางวางแขนประสานกันบนโต๊ะ “หืม? ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายแย่สิ”

“Why?”

ไรอันเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ณรงค์เลยอธิบายยิ้มๆ “ก็น่าเสียดายที่คนอื่นๆ จะไม่ได้เห็นว่าคุณหล่อแค่ไหนไง นี่น่ะผมรอซื้อเล่มนี้ไปให้น้าหนิงกับเจ้าแฝดดูเลยนะ”

หนุ่มลูกครึ่งยิ้มเมื่อได้ยินคำชม เขาย่อมตระหนักเรื่องรูปร่างหน้าตาของตัวเองดีอยู่แล้ว เพราะนั่นคือสิ่งที่ดึงดูดใครหลายคนให้พยายามเข้าหาตั้งแต่สมัยเขายังอยู่ที่ออสเตรเลีย แต่ทุกคนก็ถูกสกัดดาวรุ่งหมดด้วยนิสัยเอาแต่ใจแบบไม่ไว้หน้าใคร สุดท้ายคนพวกนั้นจึงล้มเลิกความคิดและขอชื่นชมจากระยะห่างกันไปหมด

จะมีก็แต่คนตรงหน้านี่...ที่ไม่ว่าจะพยายามสลัดออกจากชีวิตแค่ไหน สุดท้ายก็กลับยังพุ่งเข้าหาจนเขาแพ้ใจตัวเอง

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเชื่อมลงเมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่ทำให้ทั้งคู่มีวันนี้ ทำให้ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่ากำลังจ้องริมฝีปากของณรงค์อย่างเผลอไผล ผิดกับคนถูกจ้องที่อ่านความหมายในแววตานั้นได้แทบจะทันที ชายหนุ่มจึงยิ้มพลางยกแก้วไวน์ที่เหลือขึ้นดื่มจนเกลี้ยง

“สามทุ่มกว่าแล้ว เรากลับกันดีไหม?”

คำถามของณรงค์ทำให้ไรอันหลุดจากภวังค์ หนุ่มลูกครึ่งกะพริบตาเหมือนจะประมวลคำถาม จากนั้นก็พยักหน้าพลางยกมือส่งสัญญาณให้บริกร ณรงค์รีบห้ามเมื่อคนร่วมโต๊ะหยิบบัตรเครดิตออกมา แต่ไรอันกลับปรายตาเข้มใส่

“ตามธรรมเนียมผู้ชายอาจจะต้องเป็นคนจ่ายให้ผู้หญิง แต่ผมไม่ใช่ผู้หญิง คุณเองก็ไม่ใช่ มื้อนี้ผมเป็นคนจอง ดังนั้นผมก็ควรจ่าย”

ณรงค์ทำหน้าลำบากใจนิดหน่อย แต่ไรอันไม่สนใจและเพียงลงชื่อในใบเสร็จเมื่อบริกรนำบัตรมาคืน ถึงแม้ในใจเขาจะรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยังเหลือเวลาอีกมาก แต่ในเมื่อณรงค์อยากกลับก็ช่วยไม่ได้

ที่สำคัญ...ตอนนี้เขาก็อยากไปที่ที่จะได้อยู่กับณรงค์ตามลำพังด้วย

“ให้คุณเลี้ยงผมฝ่ายเดียวก็ไม่แฟร์สิ”

“เมื่อกี้ผมก็บอกแล้วไงว่าผมอยากเลี้ยง จะทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ทำไมกัน” ไรอันตัดบทด้วยอารมณ์หงุดหงิดหน่อยๆ ไม่เข้าใจว่าการที่เขาจ่ายค่าอาหารมื้อนี้จะทำให้ณรงค์รู้สึกเสียศักดิ์ศรีทำไมนักหนา แต่แล้วนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็เบิกกว้างเมื่ออีกฝ่ายยิ้มพลางหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ

มันคือซองใส่คีย์การ์ดของโรงแรม

“งั้นไหนๆ คุณก็จ่ายค่าอาหารไปแล้ว ผมก็ขอจ่ายค่าห้องคืนนี้บ้างแล้วกัน แบบนี้คงไม่มีปัญหานะ?”

ณรงค์พูดยิ้มๆ พลางเท้าคางลงบนมือที่เท้าศอกไว้บนโต๊ะ ไรอันพยายามจับต้นชนปลายอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยเข้าใจ ความหงุดหงิดเมื่อครู่ค่อยๆ ละลายหายไปทีละน้อย

“คุณแอบไปจองห้องตั้งแต่ตอนไหน?”

“ก็ตั้งแต่วันที่คุณบอกว่าจะมาดินเนอร์ที่นี่นั่นแหละ จากนั้นก็ให้เหมยช่วยจองห้องสวีทให้เลย เห็นว่าต้องล็อบบี้ผู้จัดการกันยกใหญ่กว่าจะขอห้องนี้ได้”

ถึงกับต้องขอให้เลขาของเขาช่วยเลยหรือ หมอนี่...เหลือรับจริงๆ

ณรงค์สบตากับไรอันแล้วก็หัวเราะ “ถ้าจะว่าอะไรผมก็ไปว่าที่ห้องก็แล้วกัน ไปกันเถอะ”

ไรอันยิ้มอย่างหมั่นไส้พลางลุกตาม ทั้งสองเดินไปรอลิฟต์ที่หน้าห้องอาหารเพื่อจะลงไปยังชั้นห้องพัก เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกก็มีชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเดินควงแขนกันออกมา แต่ฝ่ายชายชะงักทันทีที่เหลือบมาเห็นไรอัน

“โอ๊ะ”

“เคียว? มีอะไรเหรอคะ?”

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
หญิงสาวในชุดกระโปรงเข้ารูปสีบานเย็นถามขึ้นเพราะจู่ๆ คนข้างกายก็หยุดเดิน ชายหนุ่มจึงรีบเบนสายตาจากไรอันกลับไปตอบ “เปล่าครับ ไม่มีอะไร เราไปทานอาหารกันเถอะ”

ถึงแม้จะไม่ได้อยากจำหน้าให้รกสมอง แต่ไรอันก็จำหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นได้ทันทีเหมือนกัน ชายหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะทำสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะทำ คือยกมือขึ้นควงแขนของณรงค์แล้วดึงเข้ามาใกล้ ก่อนจะกล่าวอวยพรคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินผ่านไป

“Happy Valentine’s Day.”

“อุ้ย! Happy Valentine’s Day ค่ะ”

หญิงสาวยิ้มตอบ ท่าทางตื่นเต้นที่มีหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาอวยพรให้ ฝ่ายชายหนุ่มร่างบึกบึนข้างๆ มองหน้าเขาสลับกับณรงค์ไปมา แต่ก็ไม่พูดอะไรตอบและเพียงเดินนำหญิงสาวเข้าไปที่ห้องอาหาร

ไรอันรู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนั้น ขณะเดียวกันก็ให้เห็นใจหญิงสาวที่อีกฝ่ายพามาด้วยขึ้นมาทันที

“ดูท่าเขาไม่ค่อยพอใจนะที่เห็นผมอยู่กับคุณ รู้จักกันเหรอ?”

ณรงค์ถามหลังจากทั้งคู่เข้ามาในลิฟต์แล้ว คิ้วดกหนามุ่นเข้าหากันอย่างไม่ค่อยพอใจ ท่าทางคงเพราะดูออกว่าสายตาของเคียวยามเหลือบมองตนเองเมื่อครู่มีประกายไม่เป็นมิตร ไรอันจึงยักไหล่

“ผมลืมบอกคุณว่าเมื่อเช้านิตยสารเชิญผมกับเขาไปถ่ายรูปพร้อมกันน่ะ แต่ที่เขาไม่ค่อยพอใจคงเพราะอิจฉาคุณมั้ง”

“อิจฉาผม?”

หนุ่มลูกครึ่งเห็นแววตาของณรงค์ชักดุขึ้นทุกที แต่ก็ไม่รู้สึกกลัวเลยสักนิด แถมในอกยังอิ่มเอมกับปฏิกิริยาเช่นนั้นเสียอีก และในเมื่อไหนๆ ในลิฟต์ก็ไม่มีคนอื่น เขาเลยถือโอกาสทำอย่างที่อยากทำตั้งแต่อยู่ที่ห้องอาหารสักที

“อื้ม”

ณรงค์เลิกคิ้วอย่างงุนงงเมื่อคนรักขยับเข้าใกล้แล้วโน้มคอเขาเข้าไปจูบ แต่ชายหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธแล้วยังจูบตอบอย่างเต็มใจ ริมฝีปากและปลายลิ้นของทั้งคู่เคล้าเคลียกันราวจะชดเชยที่เมื่อครู่ไม่อาจทำเช่นนั้นในห้องอาหาร กระทั่งไรอันค่อยๆ ผละริมฝีปากออก ณรงค์ก็ยังไม่ปล่อยสองมือที่รั้งเอวสอบเอาไว้

“เขาพยายามจะจีบผม แต่ผมต่อยเขาไปแล้วก็บอกว่าเขาสู้คุณไม่ได้ สงสัยจะเจ็บใจตอนที่ได้เจอคุณน่ะ”

ไรอันเลียริมฝีปากพลางอธิบาย ช่วงอกกระเพื่อมเล็กน้อยเนื่องจากลมหายใจยังหอบรัวจากจูบเมื่อครู่ ณรงค์จึงค่อยยิ้มออกมาได้ ร่างสูงใหญ่รั้งเอวไรอันเข้าใกล้ตัวมากขึ้น

“แบบนี้ก็ต้องให้รางวัลกันหน่อยแล้วสิ”

“Uh oh.”

ชายหนุ่มทั้งสองหันไปทางต้นเสียงพร้อมกัน และพบว่าเสียงนั้นมาจากสามีภรรยาสูงวัยชาวต่างชาติซึ่งยืนอยู่หน้าลิฟต์ ดูเหมือนพวกเขาจะอยู่ในภวังค์ของกันและกันจนไม่ทันรู้สึกตัวว่าลิฟต์หยุด กระนั้นณรงค์กับไรอันก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าจะปล่อยแขนจากกันเลยสักนิด

ดูเหมือนคนที่ตั้งตัวได้ก่อนจะเป็นหญิงชราสูงวัย เธอรีบยิ้มพลางโบกมือให้เหมือนจะบอกว่า ‘ตามสบาย’ จากนั้นก็ลากแขนสามีที่ยังอ้าปากค้างออกห่าง ท่าทางคงเพื่อไปรอลิฟต์อีกตัวที่อยู่ข้างกันแทน

“โดนขัดจังหวะเลยแฮะ” ณรงค์หันกลับมาสบตาไรอันพลางหัวเราะเบาๆ ขณะเดียวกันก็คลายวงแขนไปด้วย เพราะกว่าจะถึงชั้นห้องพักของพวกเขาก็ยังอีกตั้งสี่ชั้น

“We’d better wait till we get to the room.”

ไรอันเข้าใจดีว่าณรงค์กำลังรู้สึกอย่างไร ถึงแม้จะเสียดายที่ถูกขัดจังหวะเมื่อครู่ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะสามีภรรยาคู่นั้นหยุดลิฟต์ไว้ น่ากลัวว่าพวกเขาคงได้ทำอะไรที่น่าอายยิ่งกว่าจูบกันแน่ๆ

ณรงค์ดึงมือเขาไปจับไว้แน่นพลางเพ่งมองเลขบนแผงไฟ พอประตูลิฟต์เปิดออกบนชั้นที่ต้องการก็รีบฉุดเขาไปทางห้องพักทันที สถานการณ์เช่นนี้ทำให้หนุ่มลูกครึ่งนึกย้อนไปถึงวันที่ทั้งคู่เพิ่งปรับความเข้าใจกันระหว่างไปเที่ยวภูเก็ตกับที่บริษัท เพราะในคืนที่ได้หลอมรวมร่างกายและจิตใจด้วยกันเป็นครั้งแรก คืนนั้นณรงค์ก็จูงเขาไปที่ห้องด้วยท่าทางรีบร้อนแบบนี้ และนั่นทำให้เขาพลอยใจเต้นแรงไปด้วย ราวกับทั้งสองเป็นเด็กวัยรุ่นที่กำลังจะแอบทำเรื่องไม่ดีที่บอกคนอื่นไม่ได้ แต่เรื่องที่ว่าก็ช่างมีมนต์เสน่ห์อันเย้ายวนจนแทบอดใจรอลิ้มรสไม่ไหว

ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้...นอกจากคนที่กำลังกุมมือเขาแน่นคนนี้คนเดียว

หลังจากรูดคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง ณรงค์ก็แทบจะไม่ปล่อยให้ไรอันได้มีเวลาชื่นชมกับห้องที่จุดเทียนหอมและโรยดอกไม้ประดับไว้ แต่กลับดึงเขาเข้าไปจูบแทบจะก่อนที่ประตูจะปิด และหนุ่มลูกครึ่งก็ไม่ได้ขัดขืนแม้ยามที่ฝ่ามือใหญ่พยายามจะทึ้งเสื้อผ้าเขาออกทั้งที่ยังเดินไปไม่ถึงเตียง เพราะเขาเองก็กำลังทำแบบเดียวกันกับเสื้อผ้าของอีกฝ่ายเช่นกัน

ไรอันไม่รู้ว่าทั้งคู่ทำอย่างไรถึงไปจบลงบนเตียงโดยต่างก็ไร้อาภรณ์ติดกายในเวลาสั้นๆ ได้ รู้แต่ว่าเมื่อแผ่นหลังสัมผัสผ้าปูเตียงซึ่งมีกลีบกุหลาบโรยเอาไว้ แรงขับในใจก็ทำให้เขารั้งคอณรงค์ลงจูบอย่างหิวกระหาย เช่นเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่บรรจงมอบความรักและเก็บเกี่ยวความสุขจากการเคลื่อนไหวที่เขาเต็มใจมอบให้อย่างไม่รู้อิ่ม

เวลาล่วงเลยจนไรอันคร้านจะใส่ใจว่าพวกเขาแบ่งปันความหวานล้ำให้แก่กันไปกี่ชั่วโมงหรือกี่ครั้ง รู้แต่ว่าหลังจากณรงค์ยอมผละจากเขาแล้วล้มลงนอนข้างๆ ในที่สุด หนุ่มลูกครึ่งก็หันไปเกลี่ยปอยผมที่ชื้นติดหน้าผากให้ก่อนจะเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังหายใจไม่ถูกจังหวะ

“I love you.”

เสียงของคนพูดหอบและแหบพร่า แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ณรงค์ยิ่มกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไรอันรั้งเขาเข้าไปจูบเบาๆ ราวจะช่วยยืนยันว่าไม่ใช่ความฝัน เมื่อหนุ่มลูกครึ่งผละริมฝีปากออกอีกครั้ง ณรงค์ก็ยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะก้มลงจูบบนหน้าผากชื้นเหงื่ออย่างอ่อนโยน

สัมผัสที่ถ่ายทอดมานั้นบ่งบอกได้อย่างดีว่าเจ้าตัวให้ความสำคัญกับเขาเพียงไร

“ผมก็รักคุณ”

ณรงค์เอ่ยพลางกอดเอวไรอันเอาไว้หลวมๆ แสงเทียนซึ่งถูกจุดไว้ในโถแก้วดับไปหลายดวงแล้ว กระนั้นกลิ่นหอมบางเบาก็ยังลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ

ไรอันสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวออกมา ขณะที่กำลังเคลิ้มๆ จะหลับก็ได้ยินเสียงจากคนที่กอดตัวเองไว้

“พรุ่งนี้คุณว่างทั้งวัน...งั้นตอนเช้าไปร้านแหวนกันมั้ย?”

“หือ? …Tomorrow?”

ไรอันทำท่าจะลุกขึ้นมองหาโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็คตาราง แต่ไม่แน่ใจว่าเสื้อแจ็คเก็ตของเขาหล่นอยู่หน้าประตู หรือระหว่างทางเดินมาที่เตียงแน่ บางทีอาจจะเป็นบนเก้าอี้หน้ากระจกก็ได้ แต่ยังไม่ทันจะลงจากเตียงก็โดนฉุดลงไปนอนท่าเดิม

“ไม่ต้องเช็คหรอก ผมฝากเหมยให้ช่วยเลื่อนตารางประชุมวันพรุ่งนี้ของคุณให้หมดแล้ว สบายใจได้”

ณรงค์เอ่ยยิ้มๆ พลางช่วยสางผมหยักศกที่ยุ่งเหยิงให้ ไรอันจึงพยายามปะติดปะต่อเรื่องในหัว อีกฝ่ายบอกว่าฝากเลขาของเขาให้ช่วยเลื่อนประชุมให้แล้ว แปลว่าหมอนี่แพลนเรื่องนี้มาตลอด?

มีสิทธิ์อะไรกัน...

ไรอันอยากจะโกรธที่ณรงค์มายุ่มย่ามกับตารางงานของเขา เพราะถ้าหากนัดไหนเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือนัดใหม่ยากจะทำอย่างไร แต่พอเห็นหน้าอีกฝ่ายก็ใจอ่อนจนให้นึกรำคาญตัวเอง

ว่าแต่เมื่อครู่...ณรงค์ชวนเขาไปที่ไหนนะ?

“เมื่อกี้คุณพูดถึงร้านแหวน?”

ไรอันถามอีกทีให้แน่ใจ เขาไม่ชอบให้อะไรคลุมเครือ ดังนั้นต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ต้องถามให้กระจ่าง ณรงค์เห็นสายตาที่คนร่วมเตียงมองมา จึงหยุดมือที่กำลังเสยผมให้แล้วดึงมือข้างหนึ่งไปกุมไว้

“ร้านแหวนไง ผมคิดว่าหนึ่งปีที่ผ่านมาเราก็พิสูจน์อะไรกันมาเยอะแล้วนะ อีกอย่างผมอยากให้มีสัญลักษณ์อะไรที่เรามีเก็บติดตัวไว้เหมือนๆ กัน แต่ยังไงก็ต้องให้คุณเลือก เพราะถ้าผมเลือกคุณอาจจะไม่ชอบก็ได้”

ณรงค์พูดไปพลางโยกมือที่กุมกันไว้เบาๆ นัยน์ตาบ่งบอกว่าเอาจริงตามที่พูดทุกคำ และไรอันก็พบว่าเขาแพ้สายตาแบบนั้นมากขึ้นทุกที

ความรักทำให้เขากลายเป็นคนปวกเปียกไปแล้วหรือไงนะ

พอเห็นเรียวคิ้วของไรอันที่มุ่นขึ้น ณรงค์ก็ยิ้มพลางถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง

“อย่าคิดมากอย่างนั้นสิ ถ้าคุณไม่สะดวกพรุ่งนี้ผมก็ไม่อยากบังคับหรอก”

ประโยคนั้นบอกให้รู้ว่ายินดียกอำนาจให้เขาตัดสินใจ ไรอันมองสบตาณรงค์ในความสลัวอย่างใช้ความคิด จากนั้นจึงตอบอย่างมุ่งมั่น “ถ้างั้นก็ยังไม่ต้องไปวันพรุ่งนี้ เพราะว่าผมไม่สะดวก”

น้ำเสียงเฉียบขาดนั้นทำเอาณรงค์ใจหายวูบ เขานึกว่าได้พิสูจน์ให้ไรอันเห็นความจริงใจจนไม่มีคำถามเกี่ยวกับความรู้สึกของเขาแล้วเสียอีก หรือว่าที่ผ่านมาเขายังแสดงออกน้อยเกินไปกันแน่

หนุ่มลูกครึ่งเห็นคนตรงหน้าเงียบไปก็เดาความคิดได้ทันที ถ้าไม่ติดว่านี่คือณรงค์ เขาคงได้ทุบเข้าให้โทษฐานที่คิดเรื่องง่ายๆ แค่นี้ไม่ออก “เวลาเลือกแหวนใครเขาเลือกส่งๆ กัน อีกอย่างพรุ่งนี้มันวันทำงานนะคุณ รอให้วันหยุดก่อนค่อยไปเลือกก็ได้ It’s not like I don’t see you on weekends.”

ณรงค์เลิกคิ้ว ถึงแม้ว่าแสงไฟในห้องจะสลัวเพราะโคมไฟอยู่ห่างจากเตียงพอสมควร แต่ท่าทางของไรอันที่เหลือบตาลงต่ำแถมหางเสียงงึมงำ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ ‘รัก’ ของเขาคงกำลังหน้าแดงอยู่แน่ๆ

แค่นี้ณรงค์ก็รู้สึกเหมือนกับได้ของขวัญที่รอมาทั้งชีวิตแล้ว...

“ผมรักคุณนะ”

ชายหนุ่มขยับเข้าแนบริมฝีปากบนกลีบปากนุ่มเบาๆ ก่อนจะกระซิบ ทำเอาไรอันรู้สึกราวกำลังโดนขอแต่งงานก็ไม่ปาน แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขารู้สึกร้อนที่ผิวหน้าไปหมด

“I know.”

ไรอันตอบเสียงเบาและหลุบตาลงต่ำ ตอนที่บอกรักณรงค์ไปเมื่อครู่ยังไม่รู้สึกเขินเท่าตอนที่ได้ยินอีกฝ่ายพูด ตอนที่เริ่มคบกันได้ไม่นาน เขาเคยรู้สึกแปลกๆ เวลาได้ยินคำนี้ เขายอมรับว่ามันทำให้รู้สึกอบอุ่น แต่ขณะเดียวกัน นิสัยที่ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ก็ทำให้เขาไม่ได้ยึดถือน้ำหนักในคำพูดของอีกฝ่ายมากนัก และนั่นช่วยให้เขาสามารถควบคุมท่าทีทุกครั้งที่ได้ยินคำนั้นได้

แต่นับตั้งแต่ทั้งสองเลิกกันและกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง เวลาได้ยินคำว่า ‘รัก’ ความรู้สึกที่ซ่านขึ้นจนฉ่ำไปทั้งอกกลับเป็นความภูมิใจ เพราะเขามั่นใจแล้วว่าณรงค์ยกพื้นที่ในใจให้เขาครอบครองเพียงคนเดียว ซึ่งนั่นทำให้เขาตระหนักถึงความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอันไม่คุ้นเคย เลยกลายเป็นว่าเมื่อณรงค์กระซิบคำนี้ข้างหูทีไร โดยเฉพาะเวลาที่ร่างกายแนบชิดกัน เขาจะเขินจนไม่รู้จะพูดตอบว่าอย่างไรอยู่บ่อยครั้ง

นี่มันสวนทางกับปฏิกิริยาที่คู่อื่นเขาควรจะเป็นกันชัดๆ

ณรงค์ลูบต้นแขนไรอันขึ้นลงอย่างอ้อยอิ่ง ท่ามกลางเสียงหายใจที่เริ่มเป็นปกติและไออุ่นของร่างกายที่ถ่ายทอดให้กันและกัน ชายหนุ่มค่อยๆ เชยคางคนรักขึ้นจูบช้าๆ

“คุณยังไม่ง่วงใช่มั้ย?”

ไรอันเหลือบตาขึ้นและเห็นแววตาที่เป็นประกายพราวของคนถาม แถมยังความตื่นตัวของร่างสูงใหญ่ที่กำลังเรียกร้องความสนใจอยู่ด้านล่างอีก ท่าทางค่ำคืนนี้คงจะไม่ปิดฉากลงง่ายๆ อย่างที่เขานึกไว้เสียแล้ว

หนุ่มลูกครึ่งกระถดตัวลงแหย่ปลายลิ้นบนแผ่นอกของณรงค์ ขณะเดียวกันก็ลากนิ้วลงสัมผัสความแข็งแกร่งและรูดรั้งอย่างหยอกเย้า เรือนร่างสมส่วนยกขาขึ้นเกี่ยวบนต้นขาอีกฝ่ายแล้วใช้แรงพลิกให้ตัวเองขึ้นนั่งคร่อม ริมฝีปากได้รูปยิ้มอย่างพอใจกับเสียงคำรามต่ำของณรงค์ยามเขาบดบั้นท้ายลงบนความตื่นตัวที่กำลังร้อนรุ่มเต็มที่

อยากมายั่วให้เขาต้องการก่อนเองทำไม...

“You asked for it.”

ในค่ำคืนกลางเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งท้องฟ้าปลอดโปร่งและดาราน้อยใหญ่ฉายแสงสุกสกาว ภายในห้องพักของโรงแรมหรูที่ถูกประดับด้วยเทียนหอมและกลีบกุหลาบจนกลิ่นอายแห่งรักอวลกรุ่น ชายหนุ่มคู่หนึ่งต่างแบ่งปันและแลกเปลี่ยนความในใจอันลึกซึ้งที่มีให้แก่กันอย่างไม่รู้หน่ายจนกระทั่งฟ้าสาง

Happy Valentine’s Day…


++--- End คืนพิเศษของคนพิเศษ---++



A/N: เป็นตอนที่ตั้งใจเขียนมารับกับวาเลนไทน์โดยเฉพาะ ที่ผ่านมาไม่ค่อยเขียนเทศกาลซ้ำๆ สำหรับคู่ใดคู่หนึ่ง เพิ่งมีคู่นี้นี่แหละที่ปีที่แล้วเคยเขียนตอนวาเลนไทน์ให้แล้ว ปีนี้ก็ยังอุตส่าห์มีวาเลนไทน์ให้ซ้ำอีก  แต่ก็ตั้งใจจะนำเสนอว่าตอนก่อนที่จะใจตรงกัน กับหลังใจตรงกันแล้ว บรรยากาศในคืนพิเศษสำหรับทั้งคู่มันจะได้ฟีลต่างไปน่ะค่ะ ถ้าหากอ่านแล้วหวานเกินไป แนะนำให้ชงกาแฟดำขมๆ มาจิบระหว่างอ่านได้ รับรองว่าจะได้กาแฟที่หวานพอดีแน่นอน หุหุหุ

ขอให้วันแห่งความรักนี้เป็นวันที่ดีสำหรับทุกคนนะคะ ถึงจะไม่มีแฟนหรือคนพิเศษ ก็มอบความรักให้เพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวได้เหมือนกันนะ Happy Valentine's Day อีกครั้งค่ะ :D

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด