ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11  (อ่าน 185491 ครั้ง)

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
สงสารรงค์ ค่ะ :m15: เป็นแบบนี้ เปิดใจรับคนใหม่ดีกว่า :z2:
 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
นานๆ มาที แต่มาแบบเจ็บปวดรวดร้าวมากกกกกกกกกก  :z3: 
แล้วคู่นี้จะเป็นไงต่อไป  :sad4:

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
อ่าว กรรม ไหงออกมารูปแบบนี้อ่ะ แต่เอาจริงๆด้วยนิสัยของไรอัน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่สมควรจะมีแฟนจริงๆ

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
ตอนแรกก็คิดว่าที่ไรอันไปที่ผับนั้นแล้วไปเจอ คงตามไปกะจะขอโทษ แล้วก็หึงเลยสาดเครื่องดื่มใส่

แต่ แต่ว่า ทำไมมันมาลงเอยแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย ต้องผิดพลาดทางเทกนิก แน่เลย

ไรอัน อารมณ์ art สุดๆอ่ะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ไรอันโหดร้ายยยยยยยยย
ณรงค์คิดสั้นอีกต่างหากกกกกก

เพิ่งได้มาตามอ่าน บวกให้ค่า

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
 :monkeysad:
โอ้ยยยยย ณรงค์อย่าทำไรน้าาาาาาาาาา  :serius2:
 :o12:

Moon_Crying

  • บุคคลทั่วไป
เซ็งกับนิสัยพระเอก นายเอกจัง
เพิ่งได้มาอ่าน ตอนแรกมาดีมากเลย
หลังๆเริ่มแบบอะไรกันเนี่ยคู่นี้
อึดอัดมากอ่ะค่ะ ค้างด้วย
เกลียดมากเวลาคนประชดอะไรด้วยการจะไปอะไรกับอีกคน
เฮ้ออออ

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เข้ามารอๆๆๆๆครับ

ฟีฟาร30

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งได้เข้ามาอ่าน พอเจอตอนล่าสุดเข้าไป  :o12:
ทำไมถึงเป็นเยี่ยงนี่เล่า โถ่ :z3:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอน Square One [ภาครอง]

เสียงยิงปืนและเสียงวิ่งซอยฝีเท้าถี่ๆ รวมทั้งเสียงตะโกนออกคำสั่งราวกับอยู่ในสนามรบปลุกณรงค์ที่ยังหลับใหลให้ตื่นขึ้น ชายหนุ่มใช้ข้อนิ้วข้างหนึ่งขยี้ตาอย่างงัวเงีย พอเหลือบมองนาฬิกาก็เห็นว่าเป็นเวลาแปดโมงกว่า สมองที่ค่อยๆ ตื่นตัวทีละน้อยบอกเขาว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ ชายหนุ่มจึงยันตัวขึ้นจากเตียงอย่างเชื่องช้าพลางหยีตามองผ่านประตูออกไปยังคนที่กำลังเล่นเกมอยู่ในห้องนั่งเล่น

“ตี้ พี่เคยบอกว่าตอนเช้าๆ ถ้าอยากเล่นเกมก็อย่าเปิดเสียงดังไง”

หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้ว ณรงค์ก็เดินออกมาจากห้องนอนพลางเอ่ยบอกคนที่กำลังขะมักเขม้นกับการทำแต้มอยู่หน้าจอโทรทัศน์ เด็กหนุ่มเจ้าของชื่อจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วทำหน้ายู่

“อ้าว ตี้เห็นพี่รงค์หลับสนิทเลยนึกว่าคงไม่ได้ยินนี่นา ขอโทษ”

ธีระกดหรี่เสียงลำโพงลงและหันไปสนใจกับเกมต่อ ณรงค์จึงเดินเลยเข้าไปในครัวพลางเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อน

“พี่จะทอดไข่ ตี้จะกินด้วยมั้ย?”

“อื้อ พี่รงค์ทำอะไรตี้ก็กินอันนั้นแหละ”

เสียงแหบเล็กตอบมาทั้งที่ตายังจ้องเกม ส่วนมือทั้งสองข้างก็กระหน่ำกดจอยแบบไม่ยั้ง ณรงค์จึงส่ายหน้ายิ้มๆ พลางหันไปเปิดตู้เย็นและหยิบอาหารเพื่อออกมาทำเป็นมื้อเช้า ตั้งแต่มีใครอีกคนชอบมาใช้เวลาในช่วงวันหยุดที่คอนโดของเขา ณรงค์ก็เลยเริ่มซื้อของสดมาตุนไว้ในตู้เย็นมากขึ้นไปโดยปริยาย

เวลาผ่านไปร่วมหนึ่งเดือนตั้งแต่คืนที่เขาแตกหักกับไรอัน...และโทรชวนเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่เคยมีสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกันให้ตามมาที่ห้อง เพียงเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้นและช้ำใจจากการถูกคนรักบอกเลิกอย่างไม่ไยดี

ในตอนแรกณรงค์ไม่ได้คาดหวังที่จะสืบสานความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มเลยสักนิด เขาเพียงสับสนและต้องการใครสักคนอยู่ข้างๆ เพื่อช่วยให้ลืมความปวดร้าว แต่พอเช้าวันถัดมา เขาก็เป็นฝ่ายประหลาดใจเองที่พบว่าคนที่นอนด้วยเมื่อคืนยังนั่งรอให้เขาตื่นอย่างอดทน และประกาศว่าจะไม่ยอมออกจากห้องไปไหนจนกว่าจะได้คำอธิบายถึงเรื่องราวในคืนที่ผ่านมา ณรงค์ไม่มีทางเลือกนอกจากเล่าเรื่องเท่าที่อีกฝ่ายควรรู้โดยไม่ลงรายละเอียด และเขาก็คิดว่าทุกอย่างคงจะจบลงแค่ตรงนั้น

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดเหมือนกัน เพราะหลังจากที่รู้ว่าตอนนี้ณรงค์ไม่มีใคร เด็กหนุ่มก็เสนอตัวขอคบกับเขาเอง และพอได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ณรงค์ก็ยิ่งตกใจมากเข้าไปอีกเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะอายุยี่สิบเอ็ด แถมยังเรียนมหาวิทยาลัยปีสามเท่านั้นเองด้วย ซึ่งเท่ากับหากบวกลบแล้ว ช่องว่างระหว่างวัยของพวกเขาสองคนยังมากกว่าระหว่างธีระกับน้องๆ ฝาแฝดที่บ้านต่างจังหวัดเสียอีก

ถึงแม้จะมีนิสัยชอบดูแลคนอื่นตามประสาลูกชายคนโต แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดฝันว่าวันหนึ่งจะได้มาคบกับคนที่เด็กกว่าถึงแปดปี และความแตกต่างระหว่างพนักงานบริษัทกับนักศึกษาก็ช่างกว้างเสียจนทำเอาณรงค์ปวดหัวหลายครั้ง ถึงแม้ธีระก็ดูจะรู้ตัวในเรื่องนี้และพยายามปรับตัวให้เป็นผู้ใหญ่เพื่อจะได้ทันเขามากขึ้นแล้วก็ตาม

ซึ่งอย่างน้อยก็ต่างกับผู้ชายอีกคนที่แทบจะไม่เคยพยายามปรับตัวเข้าหาเขาเลยตลอดเวลาที่คบกันมา...

“อื้ม ไข่ดาวหอมจัง เดี๋ยวตี้ชงกาแฟให้พี่รงค์เอามั้ย?”

ณรงค์สะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็ถูกสวมกอดจากด้านหลัง ธีระมีรูปร่างผอมกะทัดรัด ขนาดณรงค์เอี้ยวคอกลับไปมองก็ยังเห็นกระหม่อมอีกฝ่ายอยู่แค่ระดับหัวไหล่ ดูเหมือนเขาจะใจลอยจนไม่ทันรู้สึกว่าคนร่วมห้องหยุดเล่นเกมและปิดโทรทัศน์ได้สักพักแล้ว ชายหนุ่มพยักหน้าพลางหันกลับไปพลิกไข่ในกระทะ

“เอาสิ ขอเข้มๆ หน่อยก็ดีเหมือนกัน”

“กาแฟกับน้ำตาลอย่างละช้อนครึ่งกับครีมช้อนนึงนะ? งั้นรอแป๊บ”

เด็กหนุ่มผละจากเขาไปเลื่อนฝาตู้เก็บของใกล้ๆ ตู้เย็นเพื่อหยิบกาแฟออกมาชง ณรงค์ชำเลืองมองแล้วก็ยิ้มน้อยๆ ดูเหมือนการคบกับเด็กก็ใช่ว่าจะแย่ไปเสียหมด เพราะว่าธีระเป็นคนยิ้มแย้มร่าเริง ช่างพูด นอกจากนั้นยังไม่ค่อยขัดใจเขา หากมีเรื่องไม่พอใจขึ้นมาก็โกรธง่ายหายเร็ว ณรงค์จึงไม่ค่อยต้องเหนื่อยกับการง้อสักเท่าไหร่ และการมีคนอยู่ใกล้ๆ ก็ช่วยให้เขาลืมความหม่นมัวที่ฝังตัวแน่นในอกไปได้ไม่น้อยเลย

ถึงแม้ความรู้สึกนั้นจะไม่มีวันสลายไปได้อย่างถาวรก็ตามที

“เสร็จแล้ว เดี๋ยวตี้เอาออกไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะพี่รงค์”

ธีระหันมาบอกหลังจากชงกาแฟของณรงค์กับโกโก้ของตัวเองเสร็จ ณรงค์จึงส่งเสียงรับพลางหยิบจานสองใบมาใส่อาหารเช้าที่เพิ่งทำเสร็จ “อืม”

ทั้งสองนั่งทานอาหารด้วยกันบนโซฟาในห้องนั่งเล่นโดยเปิดโทรทัศน์ดูไปด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมวันหยุดที่ทำกันทุกสัปดาห์นับตั้งแต่เริ่มคบกัน แต่ในวันธรรมดาธีระจะอยู่อพาร์ตเม้นท์ของนักศึกษาซึ่งอยู่นอกตัวเมืองเนื่องจากใกล้มหาวิทยาลัยมากกว่า และส่วนหนึ่งในใจของณรงค์ก็ยังค่อนข้างพอใจที่เป็นแบบนั้น

“วันนี้พี่รงค์จะออกไปไหนหรือเปล่า?”

หลังจากทานมื้อเช้าเสร็จ เด็กหนุ่มก็กระเถิบตัวมานั่งใกล้ณรงค์มากขึ้นแล้วเงยหน้าถาม ชายหนุ่มจึงยักไหล่พลางยกกาแฟขึ้นจิบ “ไม่รู้สิ จริงๆ เมื่อคืนกว่าจะได้กลับบ้านมานอนก็ดึกดื่น อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะนอนตื่นสักเที่ยงด้วยซ้ำ แต่โดนเสียงเกมของใครไม่รู้ปลุกตั้งแต่เช้าเลย”

“พี่รงค์อ้ะ ก็เมื่อคืนตี้นอนเร็วนี่นา อีกอย่างนี่มันวันหยุดทั้งที ขืนเอาแต่นอนก็เสียเวลาทำอย่างอื่นหมดสิ”

ธีระทุบไหล่เขาแล้วแก้ตัวด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด หากจะมีนิสัยอย่างหนึ่งที่เด็กหนุ่มค่อนข้างต่างจากเพื่อนวัยเดียวกันก็เห็นจะเป็นเรื่องที่ชอบตื่นแต่เช้านี่เอง ณรงค์จึงยิ้มบางๆ พลางยกมือขึ้นยีผมอีกฝ่าย

“เอาเถอะ ยังไงตอนนี้พี่ก็ตื่นแล้ว ตี้อยากไปไหนหรือเปล่าล่ะพี่จะได้พาไป”

เด็กหนุ่มยิ้มอย่างดีใจ “จริงนะ? ถ้างั้นตี้อยากไปสวนจตุจักรน่ะ อยากไปดูเสื้อกับกางเกงหน่อย ว่าจะไปหลายทีแล้วก็ไม่ได้ไปซักที”

ณรงค์เลิกคิ้ว “แต่เสื้อผ้าเราก็มีเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ? พี่ว่าบางตัวที่เคยซื้อให้นั่นตี้ยังใส่ไม่ครบเลยนะ”

ชายหนุ่มติงหลังจากรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย เพราะที่ผ่านมามีบางครั้งที่ทั้งคู่ไปเดินซื้อของตามห้างสรรพสินค้าหรือย่านการค้าในเมืองด้วยกัน และเด็กหนุ่มก็เคยอ้อนเขาให้ซื้อของที่อยากได้ให้บ่อยครั้ง ซึ่งถ้าณรงค์เห็นว่าไม่ได้สิ้นเปลืองจนเกินไปก็จะยอมตามใจให้

ซึ่งอาจเป็นกลไกการชดเชยที่เขายังไม่อาจทุ่มหัวใจให้อีกฝ่ายก็เป็นได้

ธีระทำปากยื่น “พี่รงค์อ้ะ...”

“เอ้าๆ ไปก็ไป ถ้างั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เสร็จแล้วจะได้ออกไปกันเลย”

ณรงค์ตัดบทพลางหยิบจานชามและถ้วยเครื่องดื่มเพื่อนำไปเก็บในครัว แต่แล้วก็เลิกคิ้วเมื่อเด็กหนุ่มเดินตามมาแล้วใช้สองแขนคล้องแขนเขาไว้ พอก้มลงมองก็เห็นใบหน้าเนียนใสกำลังยิ้มซุกซน

“พี่รงค์ก็ยังไม่อาบน้ำเหมือนกันนี่นา ถ้าเกิดเข้าไปอาบทีละคนก็เปลืองน้ำอยู่นะ”

“ไอ้เด็กทะลึ่ง”

ณรงค์ยิ้มพลางผลักหัวอีกฝ่ายเบาๆ แต่พอวางจานชามลงในอ่างแล้วก็หันมาช้อนร่างผอมบางขึ้นอุ้ม เสียงหัวเราะสดใสจากคนในอ้อมแขนดังตลอดทางจากห้องครัวไปจนถึงห้องน้ำ



++------++


   
ตลาดนัดในช่วงบ่ายของวันหยุดเต็มไปด้วยผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของ ต่อให้เป็นร้านที่มีพื้นที่น้อยและซ่อนอยู่ในตรอกซึ่งลึกลับแค่ไหนก็ยังมีลูกค้าเดินผ่าน ณรงค์ดึงสายตาจากความคึกคักของบรรยากาศนอกร้านกลับมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนที่เพิ่งเข้าไปลองเสื้อหลังม่าน

“พี่รงค์ ตัวนี้เทียบกับตัวที่เพิ่งลองเมื่อกี้เป็นไง?”

ผิวแก้มของคนถามเรื่อสีชมพูและมีเหงื่อซึมตามไรผมเล็กน้อยถึงแม้ในร้านจะมีพัดลมเป่า นัยน์ตากลมโตเป็นประกายสดใสขณะเดินออกจากหลังม่านมาขอความเห็นเขาเกี่ยวกับเสื้อที่เพิ่งลองสวม ณรงค์โน้มตัวลงเท้าศอกบนเข่าข้างหนึ่งพลางเอียงคอมองอย่างพิจารณา

“ก็...ดูเป็นตี้ดี”

อาจเพราะไม่ค่อยชินกับการช้อปปิ้งเสื้อผ้าวัยรุ่น แถมความชอบของธีระกับเขายังต่างกันแบบคนละปลายขั้วเสียอีก ณรงค์จึงไม่รู้จะออกความเห็นอย่างไรนอกจากที่พูดไปแล้ว

“พี่รงค์อ้ะ!”

ธีระห่อปากแล้วพูดวลีประจำตัวเวลาที่ณรงค์ทำอะไรไม่ได้อย่างใจ จากนั้นก็บ่นอุบอิบแล้วหันไปเลือกเสื้อตัวอื่นต่อ โชคดีที่เจ้าของร้านนี้เป็นญาติของเจ้าตัวเอง เด็กหนุ่มจึงสามารถเลือกลองเสื้อเยอะหรือนานแค่ไหนก็ได้โดยไม่ถูกเขม่น

ณรงค์ยิ้มบางๆ พลางนั่งเอนหลังพิงพนักอย่างเดิม ถึงแม้ใจจะอยากแยกไปเดินดูนิตยสารหรือของแต่งบ้านไว้เป็นไอเดียแค่ไหนก็ต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะลองเสื้อจนพอใจ เพราะครั้งที่แล้วที่เคยมาเลือกซื้อของด้วยกันเขาก็เคยขอแยกตัวไปดูร้านที่เล็งไว้ แต่กลายเป็นว่าทำให้เด็กหนุ่มงอนจนเขาต้องคอยง้อทั้งคืน ณรงค์เลยเลือกที่จะตัดปัญหาด้วยการรอแล้วค่อยชวนไปเดินด้วยกันทีเดียวดีกว่า

ชายหนุ่มได้ยินเสียงเสียดสีของผ้าและเห็นการขยับของคนด้านในผ่านการไหวของผ้าม่านเวลายกแขนหรือหมุนตัว แล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสรีระของอีกฝ่ายยามไร้อาภรณ์ปกปิดและบิดเกร็งด้วยความรัญจวนอยู่ใต้ร่างเขา เมื่อเช้าทั้งคู่ใช้เวลา ‘อาบน้ำ’ ด้วยกันนานถึงสองชั่วโมงกว่าจะได้ออกจากคอนโด กว่าจะมาถึงตลาดก็เลยเที่ยงไปแล้ว ทำให้ต้องแวะทานข้าวกันก่อนจะได้เริ่มเดินดูร้านรวงจริงๆ

ณรงค์ยอมรับว่าพึงใจธีระพอสมควร โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์เพื่อตอบสนองแรงขับของผู้ชายด้วยกัน อาจเพราะอีกฝ่ายยังอายุน้อยและอยากรู้อยากเห็นในเรื่องนี้เป็นทุนอยู่แล้ว แต่ในด้านบุคลิกนั้นพวกเขายังต้องปรับตัวเข้าหากันอีกมาก

แต่ณรงค์ก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจทุกครั้งหลังจากได้แนบชิดร่างกายกันอยู่นั่นเอง 

ชายหนุ่มถอนหายใจพลางมองออกไปนอกร้าน วันหยุดที่ร้อนอบอ้าวดูจะไม่ได้ทำให้ความรู้สึกอยากออกมาเดินซื้อของของผู้คนน้อยลงเลย ยิ่งตกบ่าย จำนวนของลูกค้าในตลาดก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ระหว่างที่ณรงค์กำลังทอดสายตามองด้านนอกไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลา สายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับร่างสูงโปร่งที่มีผมสีน้ำตาลอ่อนเข้าอย่างจัง

ไรอัน??

นั่นคือชื่อแรกที่ผุดขึ้นในหัวเมื่อเห็นด้านหลังของร่างสูงโปร่งอันคุ้นตา เขาไม่ได้พบผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งมามากกว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วเพราะอีกฝ่ายเดินทางไปประชุมที่ฮ่องกง ซึ่งจะว่าดีก็ดีเพราะทำให้เขาได้ทุ่มเทกับงานโดยไม่พะวักพะวนคอยมองหาเจ้าตัว แต่ขณะเดียวกันก็ยิ่งตอกย้ำความคิดถึงจนณรงค์ร่ำๆ จะโทรไปหาก่อนเสียหลายครั้ง

เท้าไวกว่าความคิด ร่างสูงใหญ่รีบลุกจากเก้าอี้และเดินเบียดผู้คนเพื่อตามเจ้าของร่างนั้นไปทันที ใจเขาเต้นแรงขึ้นจนณรงค์คิดว่าได้ยินเสียงหัวใจดังก้องในหู เนื่องจากทางเดินที่แคบและผู้คนที่เดินสวนกันไปมามีจำนวนมาก กว่าณรงค์จะตามไปจนถึงเป้าหมายได้ ชายหนุ่มก็เดินเลยร้านเสื้อผ้าที่ธีระกำลังเลือกซื้อมาหลายซอยแล้ว

“ไรอัน...”

ณรงค์ยื่นมือออกไปแตะไหล่อีกฝ่ายจากด้านหลัง ทั้งที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากเจ้าตัวหันมา เขาจะอธิบายเรื่องที่มาทักกลางตลาดว่าอย่างไร ในเมื่อตลอดหนึ่งเดือนนี้พวกเขาแทบไม่เคยคุยกันสักคำเวลาอยู่ที่บริษัท แต่แล้วเมื่อคนที่เดินนำหน้าหันกลับมามองเขาด้วยสีหน้างุนงง ณรงค์ก็รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“Do I know you?”

“เอ้อ...no, sorry.”

แค่สำเนียงกับสีนัยน์ตาก็ไม่ใช่แล้ว...แถมคนที่ถูกทักยังไม่ใช่ลูกครึ่งแต่เป็นชาวต่างชาติเต็มตัว อีกฝ่ายมองณรงค์อย่างงงๆ ก่อนจะหันกลับไปจูงมือหญิงสาวชาวต่างชาติที่มาด้วยกันแล้วเดินต่อ ณรงค์มองตามหลังคู่รักแล้วก็แค่นหัวเราะกับตัวเอง

งี่เง่าดีนัก...หน้าแตกเลยไหมล่ะไอ้รงค์เอ๊ย...

ณรงค์หมุนตัวแล้วก็ตั้งใจจะเดินกลับไปที่ร้าน แต่ดูเหมือนเขาจะเดินตามหนุ่มแปลกหน้าออกมาไกลเกินจนจำไม่ได้ว่าต้องเลี้ยวตรงไหนแน่ ขณะที่กำลังเดินหาจุดสังเกตที่พอจะจำได้ ธีระก็โทรศัพท์มาเรียกเขา

“พี่รงค์ไปไหนน่ะ ตี้ซื้อเสื้อเสร็จแล้วนะ พี่ป๊อกบอกว่าตะกี้จู่ๆ พี่รงค์ก็ลุกออกจากร้านแล้วไม่รู้หายไปไหน”

ณรงค์นึกถึงหน้าของลูกพี่ลูกน้องของธีระซึ่งเป็นเจ้าของร้าน เขาไม่ค่อยชอบขานั้นเท่าไหร่เพราะชอบทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยจนไม่ค่อยอยากสุงสิงด้วย

“ขอโทษที พี่...มาเข้าห้องน้ำน่ะ ว่าแต่พี่จำทางกลับไปที่ร้านไม่ได้ เดี๋ยวตี้ออกมาเจอพี่แถวหอนาฬิกาแทนได้มั้ย?”

ปลายสายทำเสียงเหมือนกำลังพ่นลมออกทางปาก “แค่นี้ก็หลงด้วย? เอ้า งั้นเดี๋ยวตี้ไปหาที่หอนาฬิกาก็ได้ เดี๋ยวถึงแล้วโทรหาอีกทีนะ”

ณรงค์รับคำแล้วก็วางสาย ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ธีระไม่ได้ระแคะระคายกับเหตุผลที่เขาผลุนผลันลุกออกมา หลังจากเดินทะลุตามทางในซอยจนออกมาถึงทางเดินระหว่างโครงการ ณรงค์ก็เริ่มจำทิศทางได้และเดินไปยังสถานที่ที่นัดไว้ ระหว่างทางเขารู้สึกกระหายจึงแวะซื้อน้ำดื่มจากแผงข้างทาง แต่พอหันกลับมาเพื่อจะเดินต่อก็ชนกับคนที่เดินสวนมาอย่างจัง

“Oops, sorry. Hey…Narong! How are you mate?”

ณรงค์มองญาติผู้พี่ของไรอันที่กำลังยิ้มแย้มทักทายเขาด้วยสีหน้าตกตะลึง คงเพราะว่าทั้งสองไม่ได้เจอกันนานแล้วตั้งแต่อีกฝ่ายกลับออสเตรเลียไปเมื่อเดือนก่อน พอจู่ๆ ก็มาเจอกันแถมยังเป็นกลางตลาดจตุจักรอีกจึงทำให้ณรงค์ตั้งตัวไม่ถูก ทว่าเมื่อเหลือบไปเห็นคนที่เดินมากับอีกฝ่าย นัยน์ตาของเขาก็หยุดอยู่ที่หนุ่มลูกครึ่งเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทันที

“ไรอัน…”

ชื่อของหนุ่มลูกครึ่งหลุดจากริมฝีปากของเขาอย่างแผ่วเบา พลันก็รู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกระตุกจนต้องกำมือตัวเองแน่น เพราะความที่ทางเดินนั้นแคบแสนแคบ ทำให้ไรอันอยู่ในระยะที่เขาแทบจะยื่นมือออกไปจับหรือรั้งตัวเข้ามากอดได้อย่างไม่ยากเย็น แต่อีกฝ่ายกลับเพียงมองเขาด้วยนัยน์ตาเฉยเมย ริมฝีปากหยักได้รูปเม้มเป็นเส้นตรงอย่างไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆ

เจมส์ไม่ทันได้สังเกตท่าทีของคนที่ยืนข้างๆ จึงชวนณรงค์คุยต่อ “โทษทีนะที่งวดนี้ไม่ได้โทรบอกคุณก่อน พอดีผมบินมาทำธุระด่วนน่ะ ว่าแต่ไรอันไม่ยักบอกว่าวันนี้ก็นัดคุณไว้ที่นี่ด้วย”

ณรงค์เลิกคิ้วและเบนสายตากลับไปทางเจมส์ “เอ๊ะ?”

“I didn’t.”

ไรอันขัดขึ้น และทำให้เจมส์ทำหน้าเหลอหลา ฝ่ายณรงค์เองเมื่อเห็นดังนั้นก็งุนงงไม่แพ้กัน แต่ท่าทางจับต้นชนปลายไม่ถูกของญาติผู้พี่ของไรอันกลับทำให้ในใจของเขาชื้นขึ้นราวกับมีตาน้ำเล็กๆ ผุดซึมออกมา

หมายความว่าไรอันไม่ได้เล่าเรื่องที่พวกเขาเลิกกันให้เจมส์ฟัง...

“พี่รงค์! อยู่นี่เอง ตี้เดินหาตั้งนาน”

เสียงเรียกจากด้านหลังฉุดเขาจากภวังค์ ฝ่ายธีระเองเมื่อเดินมาทันณรงค์และเห็นไรอันก็ชะงัก เด็กหนุ่มรีบก้าวเร็วๆ เข้ามายึดแขนณรงค์ไว้แน่นทันที ตอนแรกชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจที่จู่ๆ อีกฝ่ายก็มาเกาะเขาแจ แต่พอเห็นสายตาไม่เป็นมิตรของธีระที่มองไปยังหนุ่มลูกครึ่ง เช่นเดียวกับสายตาเย็นชาของไรอันที่มองตอบ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าสองคนนี้เคยเจอกันมาก่อนที่ผับเพราะไรอันสาดน้ำใส่พวกเขานั่นเอง

เจมส์ดูเหมือนจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดีนักแม้จะเริ่มเอะใจ ญาติผู้พี่ของไรอันจึงยิ้มและถามณรงค์เพื่อหยั่งท่าที

“He’s your brother?”

ณรงค์แปลกใจที่เจมส์ความจำดีใช้ได้ทีเดียว เพราะเขาเคยเล่าให้ฟังว่ามีน้องชายกับน้องสาวฝาแฝดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

“No, I’m his boyfriend.”

ธีระโพล่งตอบพลางเบียดตัวเข้าหาร่างสูงใหญ่มากขึ้น ณรงค์เหลือบตามองคนข้างตัวก่อนจะเบนสายตากลับไปที่ไรอัน นัยน์ตาของทั้งสองสบกันเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนที่ไรอันจะมองไปอีกทาง ทั้งสองจึงไม่ทันสังเกตว่าเจมส์ลอบประเมินการแลกสายตาของพวกตนอยู่ ขณะที่ธีระก็เห็นเช่นกัน เด็กหนุ่มบีบแขนณรงค์แน่นขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัว

“Let’s go, James. I want to get your fucking shopping list done and go home now.”

ไรอันพูดขึ้นพลางฉุดแขนเจมส์ไปอีกทาง เจมส์จึงหันมาโบกมือให้ณรงค์และร้องบอก

“Hey, you take care alright? I’ll call you later.”

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ไรอันมองญาติผู้พี่ของตัวเองตาเขียวแล้วเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น ฝ่ายณรงค์ได้แต่มองตามทั้งสองไปด้วยความรู้สึกอยากก้าวตามใจแทบขาด แต่แรงกอดแขนที่กระชับแน่นก็ดึงสายตาเขาให้ก้มลงมอง และทำให้ได้เห็นว่าธีระก็กำลังมองตามคนทั้งสองเช่นกัน แต่ด้วยนัยน์ตาไม่พอใจและริมฝีปากเม้มแน่น ณรงค์จึงได้แต่ถอนหายใจ

“เราจะไปดูอะไรกันต่อดี?”

ณรงค์ถามขึ้นในที่สุด ถึงแม้จะอยากตามไปอธิบายกับไรอันและเจมส์แค่ไหนก็ไม่อาจละทิ้งคนข้างตัวได้ เพราะเขาคือคนที่ดึงธีระเข้ามาข้องเกี่ยวเอง และนี่คือความรับผิดชอบที่จะละทิ้งกลางคันไม่ได้

“ตี้ไม่อยากเดินตลาดต่อแล้ว ตี้อยากไปที่อื่น”

เด็กหนุ่มปล่อยมือณรงค์และออกเดินนำหน้า น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจมาก ณรงค์จึงสาวเท้ายาวๆ จนตามทันและรั้งข้อมือผอมเล็กไปจับไว้

“ถ้างั้นไปดูหนังกันดีกว่า แล้วตอนเย็นๆ ค่อยไปหาร้านกินข้าวแถวนี้ โอเคมั้ย?”

การแสดงความเอาใจใส่ของณรงค์ช่วยสลายอารมณ์โกรธของธีระลงบ้าง เด็กหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้แล้วบีบมือเขากลับ ทั้งสองเดินจูงมือกันออกจากตลาดเพื่อไปยังลานจอดรถ ทำให้ไม่ทันได้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาของเจมส์ที่มองตามพวกเขาทั้งคู่ ก่อนที่จะหันกลับไปมองญาติผู้น้องของตนที่กำลังยืนเลือกสินค้าด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอย่างครุ่นคิด

หลังจากไปดูหนังและทานข้าวเย็นกันในห้างสรรพสินค้าซึ่งเลยไปจากตลาดไม่ไกล ณรงค์ก็ยอมตามใจธีระที่ยังไม่อยากกลับห้องด้วยการพาไปนั่งดื่มเหล้าและฟังเพลงที่ร้านซึ่งเด็กหนุ่มชอบไปประจำ ดูเหมือนก่อนหน้าที่จะคบกับเขาธีระจะเป็นที่นิยมไม่ใช่น้อย เพราะระหว่างที่นั่งอยู่ในบาร์นั้นมีผู้ชายไม่ต่ำกว่าสี่คนเดินเข้ามาทักอีกฝ่ายอย่างคุ้นเคย แต่พอเด็กหนุ่มแนะนำเขาไปว่าเป็นแฟน คนเหล่านั้นก็ถอยกลับไปเองพร้อมกับท่าทางเสียดาย

จวบจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปเกือบค่อนคืน ณรงค์ก็จ่ายค่าเครื่องดื่มและชวนธีระกลับ เขาไม่ได้ดื่มมากเท่าเด็กหนุ่มที่สั่งเบียร์มาหลายขวดจนเดินเซเล็กน้อยตอนเดินขึ้นรถ หลังจากมาถึงคอนโดและถอยรถเข้าจอดช่องประจำ ณรงค์ก็ดับเครื่องพลางถามขึ้นเปรยๆ

“ตี้เคยคบใครมาก่อนหน้าพี่มั้ย?”

คำถามนั้นทำให้คนที่เพิ่งจะตื่นจากการผล็อยหลับหันมาถามอย่างงุนงง

“หือม์? ถามทำไมอะ?? พี่รงค์หึงตี้เหรอ?”

เสียงของเด็กหนุ่มยานคางเล็กน้อย ผิวแก้มเนียนใสเป็นสีแดงเรื่อเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ ณรงค์ปรายตามองคนที่เอนตัวมาพิงไหล่แล้วก็ส่ายหน้า

“พี่ก็แค่ถามดูเฉยๆ เห็นเราป๊อบเหลือเกินนี่นา ถ้าเมื่อกี้พี่ไม่อยู่ด้วยสงสัยคงมีคนอยากแย่งกันไปส่งถึงห้องเลยมั้ง”

ณรงค์แซวอย่างไม่ได้คิดอะไร แต่ธีระกลับเงียบไป เขานึกว่าเด็กหนุ่มคงง่วงจึงไม่ได้เซ้าซี้ แต่พอกำลังจะหันไปปลดล็อคประตู ณรงค์ก็เลิกคิ้วเมื่อคนที่นึกว่าหลับยื่นแขนขึ้นมาโน้มคอเขาลงไปจูบ

ชายหนุ่มครางเสียงต่ำเมื่อถูกปลายลิ้นอุ่นรุกเข้ามาในริมฝีปาก ขณะเดียวกันร่างผอมบางก็พยายามเบียดเข้าหาเขามากขึ้น ณรงค์สัมผัสได้ถึงความพยายามของอีกฝ่ายที่จะปลุกอารมณ์จึงจับไหล่แล้วดันออก

“ไม่อยากขึ้นไปนอนบนเตียงเหรอเรา อีกอย่างนี่มันในรถนะ”

ณรงค์ไม่ใช่พระอิฐพระปูน แต่เป็นผู้ชายที่มีเลือดเนื้อและแรงขับทางกายเช่นผู้ชายทั่วไป เมื่อความปรารถนาที่อัดอั้นมานานถูกสะสมจนล้นปรี่ก็ย่อมต้องหาทางระบายออกเป็นธรรมดา ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้พลาดจนมีอะไรกับธีระตั้งแต่ครั้งแรกเพราะความมึนเมา เขาไม่ปฏิเสธว่าอีกฝ่ายตอบสนองเขาได้ดีต่อให้บางครั้งเขาจะเรียกร้องมากแค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าณรงค์จะคึกอยากมีอะไรกันทุกครั้งที่เด็กหนุ่มอยู่ใกล้ เขาไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ที่มีเงื่อนไขแค่การใช้ร่างกายระบายความใคร่ต่อกันเท่านั้น

และไฟปรารถนาในตัวเขาก็ยิ่งดูจะริบหรี่ลงไปอีกเมื่อได้เจอไรอันที่ตลาดกับเจมส์วันนี้ ถึงแม้จะรู้ดีว่าทั้งสองเป็นแค่ญาติกันก็ตาม

“ถ้าหากตี้บอกว่าพี่รงค์ไม่ใช่คนแรกของตี้ พี่รงค์จะหึงหรือเปล่า?”

เด็กหนุ่มกระซิบชิดริมฝีปาก ลมหายใจที่อวลกลิ่นแอลกอฮลล์พวยออกจากปลายจมูกและรดลงเหนือริมฝีปากของณรงค์แผ่วๆ แต่เขาก็เพียงมองอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาว่างเปล่า

“งั้นเหรอ...”

ณรงค์ไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากนั้น แต่ปฏิกิริยาที่ราวกับไม่ใส่ใจของเขากลับจุดไฟโทสะให้ธีระได้อย่างชะงัด เด็กหนุ่มเบิกตากว้างมองเขาเหมือนไม่เชื่อหูในวูบแรก จากนั้นก็ผลักอกณรงค์อย่างแรงแล้วเปิดประตูวิ่งออกจากรถ ณรงค์อึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป จึงรีบเปิดประตูและวิ่งตามอีกฝ่ายไปทันที

“ตี้! จะไปไหนน่ะ!!”

“ไม่ต้องตามมาเลย! ตี้มันไม่มีค่าเลยไม่ใช่หรือไง!! ถ้าหากอยากกลับไปหาเขานักก็รีบไปเดี๋ยวนี้เลยสิ!!!”

ณรงค์รีบคว้าแขนเรียวไว้แล้วดึงอีกฝ่ายให้หันมาหา น้ำตาที่ไหลอาบเต็มสองแก้มของธีระทำให้เขาชะงัก ความรู้สึกผิดเอ่อท้นในอกจนณรงค์ต้องรีบรั้งร่างผอมบางเข้ามากอดแล้วลูบแผ่นหลังขึ้นลงแรงๆ

“พี่ขอโทษ พี่...ไม่ได้ตั้งใจจะพูดอย่างนั้น ตี้ใจเย็นๆ ก่อนเถอะ”

“ฮึก ถึงจะเคยมีคนเข้ามาจีบก่อนพี่รงค์ แต่ตี้ไม่เคยนอนกับใครเลยนะ...ทำไมพี่รงค์ต้องพูดเหมือนไม่แคร์กันเลยอย่างนั้นด้วย”

คำตัดพ้อของเด็กหนุ่มตอกย้ำความรู้สึกผิดในใจให้ฝังลึก และทำให้ณรงค์รู้สึกว่าตัวเองเลวมากขึ้นไปอีก เพราะนอกจากจะลากอีกฝ่ายเข้ามาเพื่อชดเชยความเหงาแล้ว เขายังเป็นคนที่พรากสิ่งสำคัญที่สุดของธีระไปแล้วทำเหมือนไม่เห็นค่าอีกด้วย

นี่เขาจะต้องทำผิดพลาดอีกสักกี่ครั้งถึงจะพอ...

“พี่ขอโทษนะตี้ เลิกร้องไห้เถอะ นี่มันก็ดึกแล้ว กลับห้องพี่ก่อนดีกว่านะ”

ณรงค์ดันร่างผอมบางออกแล้วเช็ดน้ำตาให้ ก่อนจะโอบไหล่แล้วพาเดินกลับเข้าไปในคอนโด ถึงแม้จะอายพนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ตรงป้อมยามแต่ก็ช่วยไม่ได้ และโชคยังดีของเขาที่ฝ่ายนั้นก็พยายามแสร้งทำเป็นไม่เห็นด้วยความเกรงใจ

หลังจากขึ้นลิฟต์มาถึงที่ห้อง ณรงค์ก็จูงธีระให้นั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบกล่องทิชชู่ส่งให้เพื่อเช็ดน้ำมูก

“เดี๋ยวพี่เอาน้ำมาให้นะ รอตรงนี้แป๊บนึง”

ชายหนุ่มบอกก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว แต่ขณะที่กำลังหยิบแก้วมากดรองน้ำดื่มจากเครื่องกรอง ณรงค์ก็ชะงักเพราะธีระเดินตามมากอดเอวเขาและแนบหน้าลงบนแผ่นหลังอย่างเงียบๆ

“ง่วงหรือไงเรา? ถ้างั้นก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป”

ณรงค์บอกพลางปิดก๊อกน้ำ แล้วก็ชะงักอีกครั้งเมื่อคนข้างหลังเริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเขาพลางเอ่ยเสียงอู้อี้จากด้านหลัง

“พี่รงค์ กอดตี้หน่อย”

ไม่เพียงใช้คำพูดเท่านั้น เด็กหนุ่มยังสอดมือเข้าใต้สาบเสื้อของณรงค์และลูบแผ่นอกของเขาไปมา ณรงค์ขบกรามเมื่อถูกสัมผัสอันเร่งเร้าจุดไฟปรารถนาในร่างให้ค่อยๆ คุโชน จึงรีบดึงมือที่กำลังซุกซนออกแล้วหันกลับไปหา

“เมื่อเช้าพี่ก็กอดตี้ไปแล้วนี่”

ณรงค์อ้างถึงการอาบน้ำด้วยกันเมื่อเช้า ซึ่งมักไม่จบลงเพียงการอาบน้ำทุกครั้งที่ทั้งสองเข้าห้องน้ำด้วยกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ธีระยอมถอย เด็กหนุ่มหรี่ตามองเขาพลางทำปากยื่นอย่างดื้อรั้น

“แค่นั้นไม่พอ ตี้อยากให้พี่รงค์กอดอีก กอดตี้ให้ถึงเช้าเลย นะ...พี่รงค์”

ธีระพูดพลางถอดเสื้อกับกางเกงของตัวเองออกราวไม่ต้องการฟังคำปฏิเสธ ณรงค์ได้แต่ยืนนิ่งเมื่ออีกฝ่ายก้าวร่างเปลือยเปล่าเข้ามากอดเขาไว้และสอดมือลงใต้กางเกง อุ้งมืออุ่นที่โอบกุมส่วนอ่อนไหวพลางหยอกเย้าไปมาเป็นจังหวะ เช่นเดียวกับริมฝีปากอุ่นที่พรมจูบลงบนแผ่นอกทำให้ณรงค์ต้องใช้มือข้างหนึ่งกำขอบอ่างล้างจานไว้เพื่อพยุงตัว ส่วนมืออีกข้างจิกลงบนไหล่ผอมและกัดฟันแน่นเพื่อข่มกลั้นอารมณ์ ธีระเหลือบมองณรงค์ที่ปิดตาแน่นและหอบหายใจเพราะการเล้าโลมของตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนตัวลงและกระซิบด้วยเสียงแหบต่ำ

“กอดตี้นะพี่รงค์ จนกว่าพี่รงค์จะลืมเขา จะนึกว่าตี้เป็นเขาก็ได้”

“ตี้!!”

คำพูดนั้นทำให้ณรงค์ได้สติ เขารีบจับยึดไหล่อีกฝ่ายให้ยืนขึ้นอีกครั้งแล้วเขย่าอย่างแรง

“อย่าพูดอย่างนั้นอีกนะตี้!! ไม่มีใครเป็นตัวแทนใครได้ทั้งนั้นเข้าใจไหม!!!”

ณรงค์รู้สึกปวดหัวจี๊ดและร้อนในอกราวกับใครมาสุมไฟเผา ประโยคที่เพิ่งได้ยินทำให้เขาโกรธจนไม่สามารถจะใช้คำใดมาบรรยายได้

“ฮึก ถ้างั้น...ถ้างั้นพี่รงค์ก็กอดตี้สิ! อย่าทำเหมือนตี้ไม่มีตัวตนแบบนี้! ทั้งๆ ที่พี่รงค์เป็นคนเข้ามาหาตี้ก่อนแท้ๆ!!”

ใบหน้าเหยเกที่มีหยาดน้ำไหลรินทำให้ณรงค์ใจหายวูบ ไฟโทสะดับมอดราวกับถูกน้ำถังใหญ่สาดเข้าใส่ ร่างที่สั่นเทาและเสียงสะอื้นเรียกความสงสารจนใจของเขาอ่อนยวบ

เขาเป็นคนที่ลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยว และทำให้ตัวเองกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้เอง ไม่มีใครให้โทษทั้งนั้น ไม่ใช่แม้แต่ไรอันด้วย…

พลันภาพของเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ไม่ยอมสบตาเขาเมื่อตอนกลางวันก็ผุดขึ้นมาในหัว

ชายหนุ่มเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างเชื่องช้าและพยายามมองคนตรงหน้าโดยไม่มีภาพของใครมาทาบทับอีก ถึงแม้ว่ามันจะช่างทำได้ยากเย็นเหลือเกินก็ตาม

“เข้าใจแล้ว พี่ขอโทษนะตี้ คืนนี้พี่จะกอดตี้ถึงเช้าเลย เรานั่นแหละ แน่ใจนะว่าทนพี่ไหว?”

“....ที่ผ่านมาตี้ไม่ทนหรือไงล่ะ”

เด็กหนุ่มตัดพ้อด้วยท่าทางเขินอาย ณรงค์จึงหัวเราะเบาๆ เพราะรู้ดีว่าตั้งแต่คบกันมา บางครั้งเขาก็เรียกร้องจากธีระมากเกินไปจริงๆ

“เด็กขี้น้อยใจ ถ้าพรุ่งนี้ลุกไม่ขึ้นอย่าบ่นก็แล้วกัน”

ณรงค์อุ้มธีระขึ้นและพาเข้าไปในห้องนอน จากนั้นก็วางร่างผอมบางลงบนเตียงอย่างอ่อนโยนก่อนจะถอดเสื้อผ้าและตามลงทาบทับ ร่างในอ้อมแขนโอนอ่อนตามทุกการสัมผัสของเขาอย่างกระตือรือร้น และไม่ว่าจะถูกขอให้ทำอะไรก็ยินยอมโดยไม่อิดออดด้วยอยากให้เขาพอใจมากที่สุด

ร่างสูงใหญ่ใส่อารมณ์ในทุกการเคลื่อนไหวอันหนักหน่วง เขาจูบกลืนเสียงกรีดร้องด้วยความสุขสมของอีกฝ่ายอย่างกระหาย ขณะเดียวกันก็ตักตวงความสุขจากผิวกายเนียนอุ่นราวไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ถึงแม้ว่าความหิวโหยทางกายจะได้รับการบรรเทาสักเพียงใด บาดแผลในใจของณรงค์กลับยิ่งขยายรอยลึกและเจ็บแสบมากขึ้นเมื่อได้เห็นแววตาที่เปิดเผยถึงความหลงใหลในตัวเขาอย่างหมดใจ

เขาผิดเองที่ลากเด็กคนนี้เข้ามาในชีวิตตั้งแต่แรก….
 


++------++


ณรงค์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาตอนสายของวันอาทิตย์ และเพราะการยั่วยวนของธีระที่ยังนอนซุกเขาไม่ไปไหน ทั้งสองจึงมีอะไรกันอีกครั้งก่อนจะได้อาบน้ำและลงไปทานมื้อกลางวันในตลาดใกล้คอนโด กระทั่งบ่ายคล้อย ณรงค์จึงขับรถพาเด็กหนุ่มไปส่งที่อพาร์ตเม้นท์ใกล้มหาวิทยาลัยย่านชานเมือง

“เดี๋ยววันศุกร์หน้าพี่ต้องบินไปเอ๊าท์ติ้งที่ภูเก็ตกับออฟฟิศตั้งแต่เช้า แต่ถ้าเย็นวันอาทิตย์กลับมาแล้วไม่เหนื่อยเกินไปพี่จะแวะเอาของฝากมาให้”

ณรงค์หันไปบอกขณะเทียบรถเข้าจอดหน้าทางเข้าอพาร์ตเม้นท์ ธีระจึงหันมายิ้มให้

“ไม่ต้องรีบก็ได้พี่รงค์ เดี๋ยววันไหนเลิกเรียนเร็วตี้ค่อยไปหาที่ออฟฟิศก็ได้”

คำตอบนั้นทำให้ณรงค์ชะงักไปนิดหนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองพร้อมจะให้ใครต่อใครเห็นคนที่คบด้วยในตอนนี้หรือยัง ไม่ใช่เพราะอายที่มีแฟนเป็นเด็กหนุ่มเพศเดียวกัน แต่หากเปิดเผยตัวเช่นนั้น...ก็เท่ากับยิ่งปิดประตูที่จะได้กลับไปคืนดีกับไรอันมากเข้าไปอีก

นี่เขายังไม่เลิกคิดฝันอะไรลมๆ แล้งๆ อีกหรือไงนะ...จะทำตัวเป็นคนโง่ซ้ำซากไปถึงไหน...

“พี่รงค์?”

ธีระขมวดคิ้วมองนัยน์ตาเลื่อนลอยที่ราวกับมองทะลุผ่านตัวเองไป และน้ำเสียงที่แฝงความหวั่นไหวก็เรียกสติของณรงค์ให้กลับมา ชายหนุ่มกะพริบตาก่อนจะรีบยิ้มให้อีกฝ่ายสบายใจ

“เอาสิ งั้นไว้ค่อยนัดกันอีกทีก็แล้วกัน”

ณรงค์เอ่ยพลางยื่นตัวเข้าไปจูบริมฝีปากอีกฝ่ายเร็วๆ เพื่อปลอบใจ ธีระจึงค่อยคลี่ยิ้มออกมาได้ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ควรให้ความหวังกับเด็กหนุ่มทั้งที่ตัวเองก็ยังสับสน แต่เขาก็ชอบมองรอยยิ้มสดใสที่ช่วยทำให้โลกอันมืดมนคลายความหม่นหมองมากกว่าใบหน้าเศร้าๆ ที่เหมือนภาพสะท้อนความในใจของเขามากกว่า

อย่างน้อยก็จนกว่าเขาจะรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป...

กว่าณรงค์จะกลับถึงที่พักก็ย่ำค่ำเพราะช่วงเย็นวันอาทิตย์มีรถจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพหนาแน่น หลังจากทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารตามสั่งหน้าคอนโดเพียงลำพัง ชายหนุ่มก็ขึ้นลิฟต์กลับขึ้นไปบนห้อง วูบหนึ่งก็ให้รู้สึกเหงาที่ไม่มีคนคุยด้วยหลังจากส่งธีระกลับไปแล้ว

เสียงโทรศัพท์มือถือของณรงค์ดังขึ้นขณะที่เพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พอเขาหยิบเครื่องขึ้นดูและเห็นชื่อคนโทรเข้าก็ลังเลครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กดรับ

“ฮัลโหล?”

“ณรงค์ วันนี้มันเรื่องบ้าอะไรกันน่ะ?”

เจมส์ถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น ณรงค์จึงผ่อนลมหายใจยาวแล้วยกมือขึ้นนวดขมับ

“ไม่มีอะไรหรอก ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ ตอนนี้ผมกับไรอันเลิกกันแล้ว และผมก็คบกับเด็กคนนั้นอยู่”

แม้แต่ชายหนุ่มยังแปลกใจตัวเองที่สามารถตอบคำถามได้อย่างฉะฉานไม่สะดุด ปลายสายเงียบไปราวอึ้งกับคำตอบ เกือบหนึ่งนาทีให้หลังเจมส์จึงถามขึ้นอีกครั้ง

“How in bloody hell did it happen?”

ณรงค์เลิกคิ้ว “คุณหมายถึง?”

“คุณกับไรอัน พวกคุณเลิกกันได้ยังไง และไม่ต้องบอกให้ผมถามเจ้าตัวเอง ถ้าผมง้างคำอธิบายออกจากปากหมอนั่นได้ผมคงไม่ต้องโทรมาหาคุณ”

ชายหนุ่มถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้ง เริ่มรู้สึกว่าความปวดหัวแล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ เขารู้จักนิสัยไรอันดีว่าอย่างมากก็คงแค่บอกลูกพี่ลูกน้องตัวเองว่าพวกเขาแยกทางกัน แต่ไม่ได้ให้เหตุผลที่เพียงพอหรือน่าพอใจสำหรับคนถามแน่ๆ ไม่ต่างจากเขาที่มึนงงตอนที่ถูกบอกเลิก แล้วก็ถูกขับไล่ไสส่งโดยไม่ได้รับโอกาสให้อุทธรณ์นั่นแหละ

“ถ้าจะถามผม ผมก็จะเดาว่าเพราะเขาหึง เพราะหลังจากที่คุณกลับเมลเบิร์นคืนนั้นไรอันก็ไล่ผมออกจากห้อง ผมโมโหก็เลยไปกินเหล้าเมาแล้ว ก็เลย...กับเด็กคนนั้น...เอาเป็นว่าผมผิดเองก็แล้วกัน”

ณรงค์ตัดบทด้วยยิ่งพูดก็ยิ่งขุดหลุมฝังตัวเอง ชายหนุ่มหายใจหอบเล็กน้อยหลังจากรัวคำอธิบายเหล่านั้นออกมา และนั่นทำให้เจมส์เงียบไปพักใหญ่

“ถ้างั้นก็หมายความว่าคุณ...นอกใจไรอันเพราะน้อยใจที่ถูกไล่กลับห้อง?”

เจมส์ถามขึ้นในที่สุด แต่นั่นช่างเป็นข้อสรุปที่เรียบง่ายและปรักปรำความผิดกับเขาฝ่ายเดียวเหมือนไม่สนใจความซับซ้อนของเรื่องที่เกิดขึ้นเลยสักนิด

“ผมไม่ได้ตั้งใจ! ถ้าหาก...คืนนั้นไรอันไม่ได้บอกว่าผมน่ารำคาญ...ผมอาจไม่ขาดสติจนออกไปกินเหล้าตั้งแต่แรกก็ได้”

ณรงค์ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาพลางยกมือขึ้นเสยผมแรงๆ การพยายามอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ต่างจากการสะกิดแผลที่ยังไม่ปิดสนิทให้ปริแตกและสูบพลังออกจากตัวไปจนเหนื่อยอ่อน

“...ผมเชื่อว่ามันต้องมีคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้ แต่ที่แน่ๆ คุณยังรักไรอันอยู่ใช่ไหมล่ะ?”

ณรงค์ฟังคำถามแล้วก็ปิดเปลือกตาลงด้วยความอ่อนล้า จู่ๆ ภาพแววตาหวั่นไหวของธีระก่อนจะลาจากกันเมื่อเย็นก็ผุดขึ้นมาในหัว และความรู้สึกเจ็บแปลบอีกอย่างก็ทิ่มแทงใจจนเขาไม่สามารถตอบคำถามได้ในทันที

ทำไมทุกอย่างดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ได้ ทำไมเขาถึงต้องรักไรอัน ทำไมไรอันถึงต้องทำตัวเข้าใจยากและไม่ยอมรับเขาเข้าในหัวใจง่ายๆ ทำไมคืนนั้นเขาถึงต้องออกไปกินเหล้าเมาจนเผลอมีอะไรกับธีระไป ทำไมเขาถึงต้องกลับไปที่ผับนั้นอีก ทำไมไรอันถึงต้องบอกเลิกเขา ทำไมธีระต้องแสดงออกว่ารักเขามากและขาดเขาไม่ได้ ทำไม ทำไม ทำไม ดูเหมือนชีวิตของณรงค์จะมีแต่เรื่องที่ชวนให้ตั้งคำถามเกิดขึ้นซ้ำๆ ติดต่อกันไม่หยุดหย่อน

ความมืดในห้องทำให้ชายหนุ่มควานมือหาสวิทช์โคมไฟตั้งโต๊ะเพราะไม่อยากลุกไปเปิดไฟดวงใหญ่ พลันเมื่อแสงสีอ่อนนวลฉายออกจากโคมไฟทรงกลมทำจากเรซินสีขาวสลับกับน้ำเงิน ณรงค์ก็กะพริบตาก่อนจะจ้องโคมไฟดวงนั้นนิ่งนาน

ราวกับเขาไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่ามันตั้งอยู่ตรงนี้มาตลอดนับตั้งแต่ได้รับมา

ภาพของคนที่ซื้อโคมไฟให้พลันปรากฏขึ้นในใจอย่างแจ่มชัดโดยไม่ต้องอาศัยรูปถ่าย ไม่ว่าจะเป็นเช้าแรกที่ไรอันตื่นขึ้นมาในห้องเขาด้วยท่าทางงุนงงหลังจากไปเมาจนมีเรื่องที่ผับ รอยยิ้มแรกที่อีกฝ่ายมอบให้หลังจากไปเดินดูไฟคริสต์มาสด้วยกันทั้งที่ไม่ได้ใส่คอนแทคต์เลนส์ ภาพตอนที่ไรอันบอกชื่อเล่นตัวเองอย่างอายๆ ตอนที่เขาไปส่งที่ห้อง ภาพตอนที่ยิ้มรับดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์จากเขาและทานดินเนอร์ด้วยกันใต้แสงเทียน ภาพตอนที่เล่นสงกรานต์ตอนไปเยี่ยมบ้านที่กาญจนบุรี และยังความอ่อนหวานและเร่าร้อนที่ทั้งสองมอบให้กันใต้สายน้ำฝักบัว ถึงแม้จะไม่มีอะไรมากไปกว่าการกอดจูบและสัมผัสผิวกายจนอีกฝ่ายบรรลุความปรารถนาเท่านั้น แล้วยังไม่นับตอนที่อีกฝ่ายไม่สบายจนเขาไปคอยนอนเฝ้าไข้ตลอดสุดสัปดาห์อีก

เขาจะมอบใจให้คนอื่นได้อย่างไร ในเมื่ออดีตที่มีร่วมกับไรอันยังอัดแน่นในทุกอณูความทรงจำแบบนี้

“ณรงค์? Are you still there?”

“Yes....ขอโทษนะเจมส์ ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก”

ณรงค์ตอบเสียงเบาก่อนจะกดวางสาย เขาไม่รู้ว่าเจมส์จะเข้าใจไหมว่าคำตอบ ‘Yes’ ของเขาเมื่อครู่คือการตอบรับทั้งสองคำถาม ชายหนุ่มวางโทรศัพท์ลงข้างตัวก่อนจะยื่นมือออกไปทาบลงบนโคมไฟ พลังงานจากหลอดไฟด้านในส่งผ่านความอบอุ่นออกมายังฝ่ามือใหญ่ที่แนบอยู่บนผิวโค้งกลม แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับความอบอุ่นที่ฝ่ามือนี้ยังคงจดจำจากการกอดและสัมผัสใครคนหนึ่งที่ช่างแสนหัวรั้นแต่ก็กุมหัวใจเขาไว้ได้แน่นหนาจนดิ้นไม่หลุด

ความทรงจำที่สั่งสมมาครึ่งปีไม่ใช่สิ่งที่จะถูกหักล้างกันง่ายดายภายในเดือนเดียว และแม้ว่าจะรู้สึกผิดต่อธีระสักเพียงไหน แต่ณรงค์ก็ไม่อาจยกพื้นที่ในหัวใจให้กับใครแทนไรอันได้ ถึงแม้ว่าภาพใบหน้านองน้ำตาของเด็กหนุ่มเมื่อคืนจะยังทิ่มแทงใจเขาทุกครั้งที่นึกถึงก็ตาม


++---TBC---++


A:N/ ต่อเนื่องจากตอนที่แล้ว ดูเหมือนมาม่าชามนี้จะยังปรุงไม่เสร็จง่ายๆ ใครที่เคยงอนคนเขียนหรือจิตตกจากตอนที่แล้ว เดี๋ยวเอายาดม / ยาลม / ยาหม่อง / คุ้กกี้ / ชา / กาแฟ มาเสิร์ฟให้นะคะ อย่าเพิ่งนอยด์คนเขียนกับณรงค์เลยนะ เห็นใจเฮียแกหน่อย กำลังโดนพิษรักเล่นงานขั้นรุนแรงก็เลยไม่อยู่กับร่องกับรอยแบบนี้แหละ  :z10:

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
นี่มัน มาม่า ไวไว สารพัดยี่ห้อแล้วเนี่ยยยยย
.
อ่านแล้วอินมาก เป็นเรา เรายอมให้ตัวละคร"ตาย"จากกัน ...ดีกว่าที่จะให้ไปมีอะไรกับคนอื่นทั้งที่ยังรักหรือยังไม่เข้าใจกัน
.
อย่างว่าคนแต่งเขียนดี อินมาก อินจัด T_T

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
กรี๊ดดดด อุตส่าห์ดีใจได้อ่านต่อ นึกว่าเรื่องมันจะดีขึ้น ทำไมมันดูเลวร้ายกว่าเดิมเนี่ย TT__TT

ณรงค์จะกลับมารักกับไรอันได้อีกมั้ยเนี่ย แอบสงสารตี้ด้วยอ่ะ เครียด!!!!!!!!

ฟีฟาร30

  • บุคคลทั่วไป
โอ้วว ..เป็นความจริงที่น่าเจ็บปวดจริงๆ :m15:
เครียดแทนเลย  :serius2:
รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แอบสงสารตี้กับรงค์เบา ๆ

แต่ไม่สงสารไรอันหรอกนะ


ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
กรรม สงสารน้องตี้

bluebird

  • บุคคลทั่วไป
มาตามอ่านเรื่องบ้างค่ะ = )
จริงๆไปอ่านเรื่องนี้ในบล็อคมา แต่ขอมาคอมเม้นในนี้แล้วกัน
อ่านแล้วนับถือในความอดทนของพ่อคุณพระเอกมากๆ 55+
รู้สึกได้ว่าการรักคนที่ตั้งกำแพงขึ้นมานี่มันยากจริงๆนะ (อินน)
สองตอนล่าสุด ไม่รู้จะเห็นใจใครดี แต่สงสารน้องตี้จัง ฮือ >.<
อยากรู้จริงๆว่า สุดท้ายแล้ว ปัญหานี้จะแก้ไขได้ยังไง
รออ่านต่อด้วยความหน่วงในใจค่ะ 55+
ทั้งเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆด้วยนะ ฮี่ๆ ; )

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
ไรอัน   น่าสงสาร..........ตรงไหน??

ออฟไลน์ berlyn

  • Put Van The Man on the jukebox then we start to dance
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-2
มัน แย่ลงดิ่งลงเรื่อยๆแล้ววว ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะต่อติดมั้ย

สงสารแฟนใหม่ของรงค์อ่ะ เขาคงรู้อยู่ลึกๆแหละว่ารงค์ยังนึกถึงแฟนเก่าเลยอยากจะทำทุกทางเพื่อให้ลืม
drama จริงจัง

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
รักคนเข้าใจยาก ต้องอดทนกว่าปกติหลายสิบเท่า
แต่รักคนที่ไม่เข้าใจกัน ไม่รู้จะทนไปทำไม

แต่เราสงสารไรอันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด   ถึงจะรักแต่ใช่ว่าจะอยู่ด้วยกันได้เสมอไป 
ถ้าไรอันกับณรงค์ยังเป็นเหมือนเดิม ดูยังไงก็ไปไม่รอด ณรงค์ก็จะมีอาการจิตตกกำเริบเป็นระยะๆ   

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอนพิเศษ Square One [ภาคปลาย]

สัปดาห์ใหม่เริ่มต้นอย่างไม่แจ่มใสนักสำหรับณรงค์ จริงๆ แล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ไม่มีสัปดาห์ไหนที่เขารู้สึกสดชื่นเต็มที่อยู่แล้ว แต่ถึงแม้ในใจจะหนึบหน่วงแค่ไหน ณรงค์ก็ยังสามารถปกปิดอาการได้และทำตัวไม่ต่างจากเมื่อก่อน แม้แต่รุ่นน้องในทีมของเขาทั้งสองที่สนิทกันมากอย่างอิสราและยุพดีก็ไม่รู้สึกว่า ‘พี่ชาย’ คนนี้เปลี่ยนไป เพราะเขายังคงหยอกล้อและสอนงานให้ทั้งสองได้เช่นเดิมไม่มีบกพร่อง

และณรงค์ก็ค่อนข้างภูมิใจที่อย่างน้อยยังควบคุมการแสดงออกของตัวเองได้

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ได้คุยแบบเปิดใจกับเจมส์ทางโทรศัพท์ เขาก็ตั้งปณิธานว่าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครอีก ทั้งเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะเล่าเรื่องเดิมซ้ำซาก ทั้งเพราะไม่อยากปล่อยให้ความอ่อนแอครอบงำจนหมกมุ่นแต่กับเรื่องที่อกหักด้วย

ในเมื่อไรอันเองก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าได้รับผลกระทบจากการแยกทางครั้งนี้สักนิด

ช่วงวันแรกๆ หลังจากที่บอกเลิกเขา ไรอันจะทำเหมือนมองไม่เห็นณรงค์ในสายตาเวลาอยู่ที่บริษัท ต่อให้มีเหตุต้องประชุมร่วมกันหรือเดินสวนกันก็จะพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาที่สุดและไม่สบตาด้วยสักแวบ ณรงค์เคยพยายามจะมองหาสัญญาณที่บ่งบอกว่าไรอันเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและอยากปรับความเข้าใจกับเขาบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับสามารถทำเหมือนย้อนคืนไปสู่ช่วงก่อนที่จะเริ่มสนิทสนมกับเขาได้อย่างไม่ยากเย็น ราวกับเวลาร่วมครึ่งปีที่เคยมีร่วมกันถูกตัดออกจากความทรงจำโดยสิ้นเชิง และแล้วโดยที่ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป เขาก็ยิ่งพบว่าตัวเองถูกไรอันกีดกันออกห่างมากขึ้นโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย


++------++


ตลอดสัปดาห์นี้ พนักงานของแต่ละแผนกต่างพยายามสะสางงานที่คั่งค้างให้มากที่สุด เพราะว่าบริษัทของณรงค์จะจัดทริปพาพนักงานไปเที่ยวภูเก็ตช่วงสุดสัปดาห์ตั้งแต่วันศุกร์เป็นต้นไป พวกพนักงานใหม่ถูกมอบหมายให้เตรียมการแสดงสำหรับปาร์ตี้ซึ่งจะมีขึ้นในคืนที่สอง ขณะที่ฝ่ายบุคคลต้องประสานงานกับโรงแรมและบริษัททัวร์เพื่อจัดตารางกิจกรรมต่างๆ บรรยากาศในบริษัทจึงคึกคักเพราะทุกคนต่างทำงานไปด้วยและพูดคุยกันเรื่องเตรียมตัวไปเที่ยวด้วยอย่างชื่นมื่น

ทีมของณรงค์ได้รับยกเว้นไม่ต้องส่งการแสดง แต่ได้รับมอบหมายให้ออกแบบเวทีและธีมการตกแต่งเพื่อส่งให้ทางโรงแรมนำไปจัดทำ โดยประวิตรให้แก้วกานต์ซึ่งเป็นเลขาของทีมทำหน้าที่ประสานงาน ณรงค์อาสาเป็นคนออกแบบเพราะเขาเคยร่างภาพร้านอาหารไว้เล่นๆ และไม่ได้ใช้ จึงสามารถนำมาดัดแปลงให้เข้ากับธีมของงานเลี้ยงได้ไม่ยาก ส่วนอิสรากับยุพดีก็แบ่งกันทำงานประจำของลูกค้าไป งานของสมาชิกในทีมจึงแบ่งกันได้อย่างลงตัว

เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี ณรงค์ออกไปรับบรีฟงานจากลูกค้าในช่วงเช้าก่อนจะแวะกินข้าวแล้วกลับมาถึงออฟฟิศในช่วงบ่าย เขาเดินขึ้นบันไดจากชั้นจอดรถใต้ดินเพื่อจะไปขึ้นลิฟต์ที่ชั้นหนึ่ง แต่พอพบว่าใครยืนรออยู่หน้าลิฟต์ก่อนแล้ว ณรงค์ก็สะดุดลมหายใจตัวเอง

คนที่ทำให้เขานอนหลับไม่สนิทสักคืนตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา...

ไรอันเหลือบมองณรงค์นิดหนึ่งก่อนจะเบนสายตากลับไปทางแผงไฟข้างประตูลิฟต์ ในมือของหนุ่มลูกครึ่งถือแก้วกาแฟเย็นซึ่งคงซื้อมาจากร้านด้านหน้าอาคาร และณรงค์ก็เกือบจะยิ้มเมื่อเดาได้ว่ากาแฟแก้วนั้นคงเป็นคาปูชิโนแบบไขมันต่ำและไม่เติมน้ำเชื่อมอย่างไม่ต้องสงสัย ในเมื่ออีกฝ่ายสั่งแบบนี้ทุกครั้งไม่ว่าจะดื่มกาแฟร้านไหนก็ตาม

บริเวณทางเดินหน้าลิฟต์ไม่มีใครเดินผ่านไปมาเลย อาจเพราะว่าเกินเวลาพักเที่ยงมานานแล้วก็เป็นได้ ทว่าระหว่างชายหนุ่มทั้งสองก็ไม่มีคำพูดทักทายใดหลุดออกจากปากเลยสักคำ

ท่าทีของผู้บริหารหนุ่มที่วางเฉยได้ราวทั้งคู่ไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งใดมาก่อนทำให้ณรงค์รู้สึกถึงความโกรธที่ผุดขึ้นมาเช่นเดียวกับความน้อยใจ

คุณอยากให้พวกเราจบกันแบบนี้จริงๆ หรือ...

พอประตูลิฟต์เปิดออก ณรงค์ก็รอจนไรอันเดินเข้าไปก่อนจึงค่อยเดินตามหลัง แต่เขาเลือกยืนลึกเข้าไปด้านในขณะที่อีกฝ่ายยืนใกล้ประตู ความเงียบภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ทำให้ณรงค์มองแผ่นหลังของไรอันไปพร้อมกับความรู้สึกราวกับมีอะไรบีบในช่องอกจนเจ็บ

ลิฟต์ยิ่งเคลื่อนสูงขึ้น ความร้อนรนของณรงค์ก็ค่อยๆ ขยายตัวมากขึ้น ชายหนุ่มยังจดจำรายละเอียดในคืนสุดท้ายที่เขามีโอกาสใกล้ชิดกับไรอันได้อย่างแม่นยำ ทั้งอุณหภูมิและความเนียนลื่นของผิวยามที่เขาเช็ดตัวให้ ทั้งกลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ปนกับโคโลญจน์ที่เจ้าตัวชอบใช้ และแล้วโดยที่ไม่รู้ตัว ณรงค์ก็ขยับเข้าใกล้คนที่ยืนตรงหน้ามากขึ้นทุกที มากจนเขาจะไม่แปลกใจเลยหากไรอันสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาบนต้นคอด้านหลัง

“Don’t.”

เสียงนั้นเบาแต่มั่นคง และนั่นก็ราวกับระฆังลั่นสัญญาณให้ณรงค์ชะงักการเคลื่อนไหว เขาไม่รู้ตัวเลยว่ายกแขนทั้งสองขึ้นจับไหล่กว้างของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็ทำได้เพียงค่อยๆ ลดมือทั้งสองลงพร้อมๆ กับที่ลิฟต์หยุดเมื่อถึงชั้นที่กดไว้

“ขอโทษ”

ณรงค์เอ่ยเสียงเบา และทันทีที่ประตูเปิดออก ไรอันก็ก้าวออกจากลิฟต์โดยไม่ชายตามามองด้านหลังอีก ส่วนเขาได้แต่กำหมัดแน่นและแหงนหน้าสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมสติก่อนจะก้าวตามออกไป ร่างสูงใหญ่เดินตรงไปที่โต๊ะโดยพยายามไม่เหลียวไปทางห้องทำงานของหนุ่มลูกครึ่ง หัวใจของเขายังคงรัวเร็วเหมือนกลองเพราะความตื่นเต้นจากการที่ได้ใกล้ชิดอีกฝ่ายเมื่อครู่นี้ และณรงค์ก็รู้สึกว่ากำลังใกล้จะเป็นบ้าเนื่องจากต้องคอยควบคุมตัวเองยามอยู่ใกล้ไรอันเข้าไปทุกที

ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้แล้วสูดหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อระบายความแน่นหน้าอก จากนั้นก็พยายามรวบรวมสติเพื่อทำงานที่ยังคงคั่งค้าง เขาเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเช็คอีเมล์และคีย์ตารางงานล่วงหน้าสำหรับสัปดาห์ถัดไปโดยพยายามชวนอิสรากับยุพดีคุยไปด้วย โชคดีว่าทั้งสองงานไม่ยุ่งจึงคุยเล่นกับเขาได้โดยไม่มีใครบ่น

ขณะที่กำลังแซวรุ่นน้องสาวเรื่องชุดว่ายน้ำที่เจ้าตัวบ่นว่ากลัวจะใส่แล้วอ้วน เสียงโทรศัพท์มือถือที่ณรงค์วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น เขาดูชื่อคนโทรเข้าแล้วก็ลุกไปคุยตรงมุมสงบบริเวณทางเดินหน้าห้องครัว

“ว่าไงตี้? เลิกเรียนแล้วเหรอ?”

ณรงค์ถามเพราะจำได้ว่าอีกฝ่ายเลิกเรียนเร็วในวันพฤหัสบดี ธีระจึงตอบกลับด้วยเสียงสดใสที่ติดแหบนิดๆ อันเป็นเอกลักษณ์

“เลิกแล้ว แต่ตี้กะว่าคืนนี้จะเข้าไปกินข้าวเย็นแล้วก็ค้างที่ห้องพี่รงค์ เลยโทรมาถามว่าเย็นนี้พี่รงค์เลิกงานกี่โมง”

ณรงค์ยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “วันนี้เหรอ? ไม่ถึงหกโมงก็คงออกได้แล้วล่ะ แต่พรุ่งนี้พี่ไปส่งตี้ที่มหา’ลัยไม่ได้นะเพราะต้องไปสนามบินแต่เช้า”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวตี้นั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้ ตี้อยากกินข้าวกับพี่รงค์ก่อนไปภูเก็ตนี่นา”

เด็กหนุ่มทำเสียงงอนๆ ช่วงท้ายประโยค ณรงค์จึงหัวเราะเพราะนึกหน้าอีกฝ่ายออก “ถ้างั้นเดี๋ยวไปหาอะไรกินกันแถวๆ คอนโดพี่ก็แล้วกัน พอตี้ใกล้ถึงห้องแล้วโทรมาก็ได้ พี่จะได้กะเวลาออกจากที่นี่ถูก...”

รอยยิ้มของณรงค์สะดุดเมื่อเหลือบเห็นคนที่กำลังเดินมาทางห้องครัว ดูเหมือนไรอันคงตั้งใจมาเติมน้ำดื่มเพราะถือกระติกน้ำประจำตัวมาด้วย อีกฝ่ายไม่ได้ชะลอฝีเท้าลงและเพียงเลื่อนบานประตูครัวที่อยู่ข้างๆ เขาออกเท่านั้น

“...อืม...แล้วไว้เจอกันเย็นนี้”

ณรงค์วางสายพลางมองผ่านช่องว่างของประตูที่ปิดไม่สนิทเข้าไปเห็นหนุ่มลูกครึ่งกำลังยืนรองน้ำจากคูลเลอร์ เขาจึงหันหน้าหนีและรีบเดินเร็วๆ กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

ไม่มีประโยชน์ที่จะหาเรื่องให้ตัวเองทรมานอีก...ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่อยากมองหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ...

ชายหนุ่มคิดในใจอย่างขมขื่นโดยไม่หันกลับไป แต่หากเมื่อครู่เขายังยืนที่เดิมนานอีกสักนิด ณรงค์อาจจะเอะใจกับเสียงน้ำที่ไหลลงแก้วจนล้นไม่หยุด และนัยน์ตาของหนุ่มลูกครึ่งที่ยืนมองนิ้วตัวเองซึ่งออกแรงกดอยู่บนปุ่มของคูลเลอร์จนขาวซีดด้วยแววตาว่างเปล่า

พอใกล้จะถึงเวลาเลิกงาน หลายคนในบริษัทก็เริ่มจับกลุ่มคุยกันเรื่องทริปวันรุ่งขึ้นเพราะเคลียร์งานกันไปได้มากแล้ว ส่วนณรงค์ก็เก็บของเตรียมจะกลับหลังจากธีระโทรมาบอกว่าอีกราวครึ่งชั่วโมงจะถึงคอนโด ยุพดีเหลือบเห็นเขาปิดคอมพิวเตอร์จึงถามพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์

“จะไปดินเนอร์กับสุดที่รักเหรอคะพี่รงค์”

คนถูกถามเลิกคิ้ว “อะไรของเธอยายผึ้ง?”

“แหมมมมมม ทีกับน้องนุ่งล่ะทำเสียงห้วนเชียว ทีตะกี้ตอนคุยโทรศัพท์ยังทำเสียงหวาน ‘เดี๋ยวพี่รีบออกไป’ อยู่เลย จริงๆ พวกเราก็ทำงานด้วยกันมาตั้งนานแล้วน้า กะอีแค่มีแฟนเด็กเนี่ยพี่รงค์ไม่ต้องปิดพวกผึ้งก็ได้”

คำว่า ‘พวก’ ทำให้ณรงค์ปรายตามองอิสราซึ่งนั่งอยู่ข้างตัวเอง หนุ่มรุ่นน้องจึงยิ้มยิงฟัน

“เมื่อวันเสาร์ผมกับผึ้งไปเดินดูของด้วยกันที่จตุจักร เลยเห็นพี่รงค์เดินจูงมือกับใครอยู่ก็ไม่รู้แหละ แต่ที่แน่ๆ ผึ้งมันกรี๊ดกร๊าดใหญ่เลย พวกผมเกือบจะเข้าไปทักแล้วแต่เห็นดูท่าทางรีบร้อนกันเลยไม่อยากกวน”

ณรงค์ถึงบางอ้อทันที และค่อยเข้าใจว่าทำไมตอนที่เขาคุยโทรศัพท์เมื่อกี้ถึงเห็นรุ่นน้องสาวที่นั่งเยื้องกันทำนัยน์ตากรุ้มกริ่มนัก

“หน้าตายังเด็กอยู่เลยพี่รงค์ เรียนอยู่หรือทำงานแล้วอะนั่น?”

ยุพดีถามอย่างใคร่รู้ ณรงค์จึงได้แต่ยิ้มจืดๆ เพราะตอนที่เขาคบกับไรอันกลับไม่เคยมีใครเห็นตอนพวกเขาไปเดินเที่ยวในวันหยุดด้วยกันสักคน

“ยังเรียนอยู่ แต่ก็ปีสามแล้วล่ะ”

ยุพดีทำตาโตแล้วเอามือปิดปากราวกับอยากกรี๊ดเสียเต็มประดา ณรงค์จึงยื่นมือไปเคาะปากกาบนศีรษะเบาๆ จนเจ้าตัวแกล้งร้องอูย

“เก็บท่าทีหน่อยแม่คุณ แค่พี่มีแฟนเด็กมันไม่ได้ประหลาดมหัศจรรย์ขนาดนั้นหรอกน่ะ”

“อุ้ย! ทำไมจะไม่แปลก ก็ตั้งแต่ผึ้งกับอ๋องทำงานมาไม่เห็นเคยได้ยินพี่รงค์พูดถึงสเป็คคนที่ชอบให้ฟังสักที จู่ๆ พี่ชายมีแฟนก็ต้องอยากรู้จักสิ”

รุ่นน้องสาวออกตัว ส่วนอิสราเพียงแต่ยิ้มยิงฟันโดยไม่ปฏิเสธ ณรงค์มองหน้าทั้งสองคนแล้วก็ยิ้มพลางส่ายหน้า

“เอาไว้กลับจากภูเก็ตจะนัดให้ออกมากินข้าวด้วยก็แล้วกัน”

ณรงค์บอกก่อนจะขอตัวกลับ วูบหนึ่งก็ไม่แน่ใจนักว่าทำถูกหรือเปล่าที่ไปสัญญาเช่นนั้น เพราะดูเหมือนยิ่งมีคนรู้ว่าเขาคบกับธีระมากขึ้นแค่ไหน เขาก็ยิ่งผูกมัดตัวเองกับเด็กหนุ่มจนสลัดไม่หลุดมากตามไปด้วย

แต่ว่า...เขาก็ไม่มีโอกาสแนะนำไรอันในสถานะคนพิเศษให้คนอื่นได้รู้อีกต่อไปแล้วนี่...

ชายหนุ่มคิดด้วยหัวใจที่เริ่มจะด้านชา ความจริงเขาควรจะทำใจเสียทีกับความเมินเฉยที่ไรอันมอบให้ และยอมรับปัจจุบันที่มีร่วมกับธีระแม้อีกฝ่ายจะยังวุฒิภาวะน้อยเสียจนณรงค์กังวล เกรงว่าต่อไปเขาเองที่จะเป็นคนทำให้เด็กหนุ่มต้องเจ็บจากการที่เขาไม่ยอมลืมคนในหัวใจคนก่อนเสียที

พอออกจากออฟฟิศ ณรงค์ก็ขับรถขึ้นทางด่วนเพื่อจะได้กลับถึงคอนโดเร็วขึ้น พอรับธีระที่นั่งรอในล็อบบี้เรียบร้อยก็พาไปทานมื้อเย็นที่สวนอาหารซึ่งอยู่เลยคอนโดเขาไปไม่ไกล ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในร้านที่เขาเคยวางแผนไว้ว่าจะพาหนุ่มลูกครึ่งมาทานแต่ไม่ได้มาสักที

ลูกค้าภายในร้านวันนี้ค่อนข้างแน่นแต่ก็ยังพอจะมีโต๊ะว่าง ณรงค์กับธีระจึงไม่ต้องรอคิวแต่ก็ต้องรออาหารนานพอสมควร ชายหนุ่มพอใจที่อีกฝ่ายดูจะเพลิดเพลินกับบรรยากาศและวงดนตรีของทางร้านมากทีเดียว หลังจากบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟก็ต่างคนต่างทานกันด้วยความหิว แต่ยังไม่ทันจะได้สั่งของหวาน โทรศัพท์ของณรงค์ก็ดังขึ้น และคนที่โทรมาก็คือแก้วกานต์ซึ่งเป็นเลขาของทีม

“ว่าไงกานต์?”

ณรงค์ถามพลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม คู่สนทนาได้ยินเสียงดนตรีในร้านอาหารจึงถามอย่างเกรงใจ

“พี่รงค์กินข้าวอยู่เหรอ กานต์ขอโทษนะ แต่มีเรื่องจะรบกวนน่ะค่ะ”

ณรงค์เลิกคิ้ว ส่วนธีระที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็มองเขาด้วยนัยน์ตามีคำถามเช่นกัน “อื้อ มีอะไรเหรอ?”

“คือกานต์ลืมแนบไฟล์ภาพบางตัวให้ที่โรงแรมค่ะ ผู้จัดการก็เลยโทรมาขอให้ส่งไฟล์ให้ใหม่เพราะกลัวทีมงานที่นั่นจะเตรียมสถานที่ไม่ทัน ตอนแรกกานต์ก็ว่าจะกลับเข้าไปส่งไฟล์ที่บริษัทเอง แต่ทีนี้เจ้าตัวเล็กเกิดไม่สบายต้องรีบพาไปหาหมอ กานต์ก็เลยคิดว่าคงจะไม่ไปภูเก็ตพรุ่งนี้แล้วด้วย เป็นห่วงลูก”

“อ้าว แล้วน้องเดย์เป็นอะไรมากมั้ย?”

ณรงค์ถามอย่างเป็นห่วง เพราะแก้วกานต์ทำงานกับเขามานาน ตอนหญิงสาวคลอดลูกเขาก็ยังถือกระเช้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลด้วย

“ก็ไข้ขึ้นสูงแล้วผื่นขึ้นเต็มตัวเลยค่ะ กานต์ก็ไม่รู้ว่าแพ้อะไรเหมือนกัน นี่พ่อเขากำลังขับรถพาไปโรงพยาบาลอยู่”

“เข้าใจแล้ว งั้นเดี๋ยวพี่เข้าออฟฟิศไปส่งอีเมล์ให้ ถ้าหากพรุ่งนี้กานต์ไปภูเก็ตไม่ได้จริงๆ ก็โทรบอกพี่วิตรด้วยแล้วกัน แต่กรณีนี้พี่เขาคงไม่ว่าหรอก”

“ขอบคุณมากนะคะพี่รงค์”

ณรงค์วางสายแล้วก็รวบช้อนส้อมไว้กลางจาน ธีระที่ได้ยินบทสนทนาจึงถามขึ้น “พี่รงค์ต้องกลับไปออฟฟิศเหรอ?”

“อืม ต้องไปส่งอีเมล์ให้โรงแรมที่ภูเก็ตน่ะ พอดีน้องที่รับผิดชอบเขาต้องพาลูกไปโรงพยาบาลเลยเข้าไปส่งเองไม่ได้ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จพี่จะไปส่งตี้ที่ห้องก่อนแล้วค่อยเลยไปออฟฟิศ”

“ตี้ไปด้วยไม่ได้เหรอ?” เด็กหนุ่มถามพลางทำปากยื่น ณรงค์จึงยกมือขึ้นยีผมอีกฝ่ายเบาๆ

“พี่แค่ไปส่งอีเมล์แป๊บเดียวน่า ตี้รอที่ห้องแล้วช่วยจัดกระเป๋าไปภูเก็ตให้พี่ก็แล้วกัน จะไปพรุ่งนี้อยู่แล้วยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย”

เมื่อได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญให้ สีหน้าของเด็กหนุ่มที่ดูหงอยๆ จึงแจ่มใสขึ้นบ้าง หลังจากสั่งของหวานมาทานจนเสร็จและจ่ายเงินแล้ว ณรงค์ก็ขับรถไปส่งธีระที่คอนโดก่อนจะวกกลับเข้าออฟฟิศซึ่งอยู่กลางใจเมืองอีกครั้ง เขาชะล่าใจไปหน่อยที่ไม่ได้ส่งไฟล์เข้าอีเมล์ส่วนตัวไว้ด้วยตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นก็คงฟอร์เวิร์ดออกจากมือถือได้เลยโดยไม่ต้องเปลืองเชื้อเพลิงรถ

กว่าณรงค์จะไปถึงอาคารสำนักงานก็สามทุ่มแล้ว เขาเลือกจอดรถตรงที่ว่างด้านหน้าเพราะตั้งใจจะขึ้นไปทำธุระแค่แป๊บเดียว ชายหนุ่มเลิกคิ้วเมื่อมองขึ้นไปยังชั้นออฟฟิศและเห็นว่ามีแสงสว่างลางๆ ลอดออกมาจากมุมหนึ่งทั้งที่ส่วนอื่นมืดสลัว ซึ่งหมายความว่ายังมีคนนั่งทำงานอยู่ทั้งที่ดึกป่านนี้

พนักงานรักษาความปลอดภัยที่อยู่ชั้นล่างทักทายณรงค์อย่างคุ้นเคยเมื่อเห็นเขากลับเข้ามาในตึก พอณรงค์ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้นออฟฟิศแล้วก็ใช้บัตรพนักงานแตะที่เครื่องแสกนเพื่อเปิดประตู ร่างสูงใหญ่ชะงักฝีเท้าเมื่อพบว่าแสงที่ตนเห็นว่าลอดจากหน้าต่างเมื่อครู่มาจากทางห้องของไรอันซึ่งอยู่ด้านใน แต่ดูจากความสว่างแล้วคงเป็นแค่โคมไฟมากกว่าจะเป็นไฟดวงใหญ่บนเพดาน


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ยังไม่กลับอีกรึ...

ณรงค์พยายามระงับความสงสัยและเดินไปที่โต๊ะเพื่อทำภารกิจให้เสร็จก่อน เขาเปิดคอมพิวเตอร์ของแก้วกานต์และโทรถามพาสเวิร์ดรวมทั้งไฟล์ที่จำเป็นต้องส่งเพื่อให้แน่ใจ จากนั้นก็โทรเช็คกับทางโรงแรมด้วยตัวเองว่าปลายทางได้รับไฟล์ครบถ้วน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงปิดคอมพิวเตอร์และเลื่อนเก้าอี้เข้าใต้โต๊ะให้ตามเดิม

ความมืดสลัวอันเงียบงันปกคลุมไปทั่วชั้นสำนักงาน ณรงค์ไม่ได้เปิดไฟตอนที่เดินเข้ามาเพราะแสงจากอาคารข้างๆ ยังพอส่องเข้ามาให้เห็นเค้าโครงว่าโต๊ะใครอยู่ตรงไหน และเมื่อครู่ก็อาศัยแต่แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ในการมองแป้นคีย์บอร์ดเท่านั้น ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่ครู่หนึ่งเพื่อจับว่ามีเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ หรือไม่ แล้วก็ให้นึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดินเข้าบริษัทมาก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรจากห้องของผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งเลย ทั้งที่หากเจ้าตัวอยู่ในนั้นก็น่าจะได้ยินเสียงเขาเปิดประตูและเสียงตอนที่คุยโทรศัพท์จนเดินออกมาดูแท้ๆ และท้ายที่สุดณรงค์ก็ถูกความอยากรู้อยากเห็นดึงให้เดินไปทางห้องนั้นเพื่อให้หายสงสัย

แค่อยากรู้ว่าลืมปิดไฟหรือเปล่าเท่านั้นแหละน่า...

ณรงค์บอกตัวเอง แต่แล้วภาพที่รอเขาอยู่เมื่อมองผ่านประตูกระจกเข้าไปก็คือเจ้าของห้องที่กำลังนั่งฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะ แขนทั้งสองข้างประสานกันโดยมีศีรษะที่ปกคลุมด้วยผมหยักศกหนุนอยู่และตะแคงหน้าเล็กน้อย ไฟจากหน้าจอคอมพิวเตอร์กับโคมไฟบนโต๊ะทาบลงบนผมจนเหลือบเป็นเฉดอ่อนกว่าสีผมจริง

ณรงค์สูดหายใจเข้าลึกกับภาพตรงหน้า ตั้งแต่ห่างเหินกันไปเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาก็ได้เจอไรอันแค่ตอนกลางวันเท่านั้น แถมบางครั้งยังแค่ไม่กี่นาทีเพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยอยู่ที่บริษัท การได้เห็นหนุ่มลูกครึ่งในช่วงเวลาที่ไร้การป้องกันตัวเช่นนี้จึงปลุกความโหยหาถึงช่วงเวลาที่เคยใกล้ชิดกันอย่างห้ามไม่ได้

ก่อนจะทันได้หยุดยั้งตัวเองเนื่องจากความไม่เหมาะสม มือใหญ่ก็ผลักประตูกระจกและก้าวเข้าไปด้านในอย่างเงียบเชียบ ไรอันสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงคลิกของประตูที่ปิดลง แต่แล้วก็เพียงระบายลมหายใจยาวและไม่ได้แสดงท่าทางว่าจะตื่น

ณรงค์เดินเข้าไปใกล้มากขึ้นพอที่จะเห็นใบหน้าซึ่งโดนท่อนแขนบดบังเสี้ยวหนึ่งไว้ เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงเงาที่สลัวภายในห้องหรือว่าคิดไปเอง แต่แก้มของไรอันราวกับจะซูบลงนิดหน่อย ส่วนเสื้อเชิ้ตตัวเก่งสีครีมก็ดูหลวมกว่าที่เคยบนช่วงบ่ากว้าง

แววตาของร่างสูงใหญ่อัดแน่นด้วยความรู้สึกที่พลุ่งพล่าน ความเป็นห่วงในสุขภาพของอีกฝ่ายล้นเอ่อจนเขาอยากจะปลุกให้ไรอันกลับไปนอนพักผ่อนเพราะวันรุ่งขึ้นยังต้องไปสนามบินแต่เช้า แต่ก็รู้ว่าหากเจ้าตัวตื่นมาเห็นเขาอาจจะโกรธก็เป็นได้ จึงเพียงยื่นมือออกไปสางผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกที่เริ่มยาวขึ้นจากเดือนที่แล้ว จากนั้นก็ย่อตัวลงและแนบริมฝีปากบนขมับอย่างแผ่วเบา

ได้แค่นี้ก็อาจจะดีมากแล้ว...

“หืม...เจมส์?”

 ณรงค์กลั้นลมหายใจเมื่อคนตรงหน้าค่อยๆ ปรือตาขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนยามครึ่งหลับครึ่งตื่นดูไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย ไรอันกะพริบตาช้าๆ พร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ค่อยๆ ตื่นตัว กระทั่งเมื่อรับรู้ว่าคนที่ก้มตัวอยู่ข้างๆ คือณรงค์ ผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งก็ดีดตัวขึ้นนั่งตรงและดันเก้าอี้ออกห่างทันที

ณรงค์ยืดตัวขึ้นยืนตรงเช่นกัน ริมฝีปากของชายหนุ่มเหยียดยิ้มขณะที่นัยน์ตาอ่อนแสงด้วยความเจ็บช้ำ ทั้งที่เขาเคยวางใจว่าเจมส์กับไรอันคงเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน แต่การที่อีกฝ่ายหลุดชื่อญาติผู้พี่ของตัวเองออกมาเมื่อครู่ก็ตอกย้ำให้ความเชื่อของณรงค์ว่าทั้งสองเป็นมากกว่านั้นหนักแน่นขึ้น

“ขอโทษนะที่ผมไม่ใช่เจมส์ ถ้าหากรู้ว่าคุณรอเขาอยู่ผมคงไม่เข้ามาในนี้”

อะไรบางอย่างในน้ำเสียงของณรงค์ทำให้ไรอันที่กำลังนวดขมับอยู่หันขวับมา และเมื่อเห็นแววตาของเขา เรียวคิ้วเหนือดวงตาสีน้ำตาลอ่อนก็ขมวดมุ่นยิ่งกว่าเดิม

“What was that supposed to mean?”

ร่างสูงใหญ่เท้ามือหนึ่งลงกับโต๊ะของไรอัน ขณะที่มืออีกข้างเท้าลงบนพนักเก้าอี้และโน้มตัวลงหา ตอนนี้ร่างกายของณรงค์จึงคร่อมหนุ่มลูกครึ่งเอาไว้ทั้งตัว

“คุณก็รู้ว่าผมหมายความว่ายังไง ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะว่าจริงๆ แล้วคุณกับเจมส์ไม่ได้เป็นแค่ญาติกัน ถ้าแบบนั้นยังจะฟังขึ้นกว่าที่คุณบอกว่าผมน่ารำคาญตั้งเยอะเลย”

น้ำเสียงของชายหนุ่มชุ่มโชกด้วยความโกรธและหึงหวง ความเจ็บใจที่รู้สึกเหมือนโดนสวมเขาทำให้ณรงค์ควบคุมอารมณ์ได้ยากขึ้นทุกที และอาการนั้นก็ลามต่อไปยังไรอันราวกับมีใครมาราดน้ำมันบนตัวทั้งคู่แล้วจุดไฟ

“You don’t know a bloody thing! James is my cousin and there’s no way in hell I’m gonna fuck or date him!!”

“ถ้างั้นกับผมก็ได้สิ”

ร่างสูงใหญ่เอ่ยเสียงต่ำพลางกวาดกองเอกสารลงจากโต๊ะจนเกิดเสียงดังระนาว ไรอันส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ ก็ถูกจับตัวขึ้นจากเก้าอี้แล้วผลักให้หงายหลังลงบนโต๊ะอย่างแรง หนุ่มลูกครึ่งเบิกตากว้างเมื่อณรงค์ก้มลงจูบปิดเสียงร้องและแทรกร่างเข้าตรงหว่างขาจนส่วนอ่อนไหวของทั้งคู่เบียดกันผ่านเนื้อผ้า

ณรงค์หน้ามืดตามัวจนไม่สนใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาบังคับจูบไรอันอย่างรุนแรงโดยไม่สนใจอาการดิ้นพล่านขัดขืนของคนในอ้อมแขนแม้แต่น้อย เมื่อโดนมือหนึ่งของไรอันตะกุยข่วนหน้าจนเป็นรอยเล็บ ความโมโหก็ทำให้ณรงค์รวบจับมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้สูงเหนือศีรษะแล้วก้มลงจูบต่อ ส่วนมืออีกข้างก็กระชากเสื้อเชิ้ตที่ไรอันใส่จนกระดุมสามเม็ดแรกกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง

“หยุดบ้าเดี๋ยวนี้นะ!!!”

ไรอันอาศัยจังหวะสั้นๆ ที่ณรงค์ถอนริมฝีปากออกตะคอกเสียงดังและยกเท้าขึ้นถีบอย่างแรงจนณรงค์หลังกระแทกกับตู้เอกสาร โชคดีที่ตู้นั้นเป็นแบบผิวเรียบและมีฝาเลื่อนปิด แต่กระนั้นข้าวของที่วางอยู่ด้านบนก็ร่วงหล่นลงใส่จนณรงค์เสียหลักล้มลงไปนั่งกับพื้น

ร่างสูงใหญ่ส่งเสียงลอดไรฟันเมื่อพบว่าข้อมือขวาเคล็ดจากการกระแทกเมื่อครู่ ฝ่ายไรอันก็รีบยันตัวขึ้นจากโต๊ะด้วยท่าทางยังไม่หายตกใจ เสียงหอบหายใจแรงดังจากทั้งสองจนสะท้อนก้องในห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ ครู่ใหญ่เจ้าของห้องก็ตั้งสติได้และเอ่ยขึ้นก่อน

“ผมจะถือว่าเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้น คุณเองก็เลิกทำตัวบ้าบอแบบนี้ได้แล้ว คิดถึงใจแฟนคุณบ้างว่าเขาจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าคุณทำตัวแบบนี้!” ไรอันพูดพลางเสยผมที่ปรกหน้าผากขณะที่มืออีกข้างกุมปกคอเสื้อเข้าหากัน ท่าทางดูเหมือนยังไม่อยากเชื่อว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่ ฝ่ายณรงค์ได้ยินก็แค่นหัวเราะ

“แฟน?”

ชายหนุ่มทวนคำพลางค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น “คุณเคยถามผมหรือเปล่าว่าผมอยากเลิกกับคุณไหม ถ้าไม่ใช่เพราะคุณบอกว่าผมน่ารำคาญก่อน ผมก็คงไม่ต้องไปหาคนอื่นมาคบให้หายเหงาหรอก”

นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่กำลังมองณรงค์หรี่ลงทันที “I don’t need to talk about this. We’re through and that’s the end of the story.”

เสียงโทรศัพท์มือถือของไรอันดังขึ้น พอหนุ่มลูกครึ่งเห็นว่าใครโทรมาก็เหลือบมองณรงค์ก่อนจะกดรับ

“James? Yes, I’m at the office…alright, I’ll go down now.”

บทสนทนานั้นทำให้ณรงค์พ่นหัวเราะทางจมูกจนไรอันทำตาเขียวใส่ แต่แล้วหนุ่มลูกครึ่งก็เอะใจเมื่อเห็นชายหนุ่มกุมข้อมือข้างที่เคล็ดพลางส่งเสียงลอดไรฟัน ประกายในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจึงลดความกร้าวลงขณะที่กดวางสาย

“...You alright?”

น้ำเสียงนั้นมีกังวานที่เกือบจะใกล้เคียงกับความเป็นห่วง แต่ณรงค์ก็เตือนตัวเองว่าอย่าเผลอได้ใจและเพียงแต่ส่ายหน้า

“ไกลหัวใจ”

ณรงค์เดินผ่านไรอันออกจากบริษัทและกดลิฟต์ลงชั้นล่างโดยไม่รอ ตอนที่เขาเดินออกจากอาคารก็เห็นเจมส์นั่งอยู่ในรถสปอร์ตสีแดงซึ่งจอดอยู่ด้านหน้า แต่เขาก็ไม่ได้สนใจแม้อีกฝ่ายจะบีบแตรทักทายและเดินตรงไปยังรถของตัวเองก่อนจะขับออกมาโดยเร็วที่สุด

การจราจรบนทางด่วนในยามดึกค่อนข้างจะโล่ง ณรงค์จึงเหยียบคันเร่งด้วยความเร็วร้อยยี่สิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงและกลับมาถึงคอนโดในเวลาเพียงไม่กี่นาที ตอนที่เขาขึ้นไปถึงห้องก็พบว่าธีระกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น

“กลับมาซักที ไหนบอกว่าไปแป๊บเดียวไง...พี่รงค์ หน้าโดนอะไรมา?”

ธีระเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตื่นตกใจทันทีที่เห็นหน้าของณรงค์ถนัดตา ชายหนุ่มจึงเลิกคิ้วและหันไปมองกระจกเหนือชั้นวางรองเท้า และพบว่าบนแก้มด้านหนึ่งมีรอยข่วนสี่ขีดชัดเจนแถมมีเลือดซึมออกมานิดๆ ด้วย

“พี่ซุ่มซ่ามเองน่ะ ไม่เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวพี่อาบน้ำก่อนนะ”

ณรงค์ตอบแล้วก็เลี้ยวเข้าห้องนอนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ พอแผลบนหน้าโดนน้ำอุ่นที่วักขึ้นลูบ ชายหนุ่มก็แสบจนต้องกัดฟัน แถมข้อมือขวาที่เคล็ดยังทำให้ลำบากเวลาจะบิดก๊อกน้ำหรือหยิบเสื้อผ้ามาสวมด้วย

นี่คงเป็นบทลงโทษที่ริทำตัวเป็นผู้ร้ายหื่นกามสินะ...

ณรงค์คิดแบบขำไม่ออก หลังจากแปรงฟันเรียบร้อยและเดินออกมาจากห้องน้ำ ธีระที่นั่งรออยู่แล้วก็เข้ามาจูงมือเขาไปนั่งบนเตียง

“ขอดูแผลหน่อยนะพี่รงค์ ตี้จะได้ทายาให้”

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ดูเหมือนเด็กหนุ่มจะลงไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลจากร้านสะดวกซื้อมาระหว่างที่ณรงค์อาบน้ำ เด็กหนุ่มใช้สำลีชุบยาแล้วซับบนแผลให้อย่างเบามือ จากนั้นก็ตัดผ้าก๊อซมาพับแล้วใช้เทปปิดแผลปิดให้ พอรู้ว่าข้อมือเขาเคล็ดก็รีบกระวีกระวาดไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กห่อน้ำแข็งแล้วเอามาประคบให้ด้วย ฝ่ายณรงค์เพียงแต่นั่งให้อีกฝ่ายดูแลนิ่งๆ โดยไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้ใจเขาชาพอๆ กับแผลบนหน้าและข้อมือไปแล้ว

“ตี้จัดกระเป๋าให้พี่รงค์เสร็จแล้วนะ มีพวกเสื้อผ้าสำหรับเดินเที่ยวกับเล่นน้ำ แต่พี่รงค์จะเช็คอีกรอบก็ได้ว่าอยากเอาอะไรไปเพิ่มหรือเปล่า”

ธีระเอ่ยขึ้นในที่สุด ร่างผอมบางนั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ณรงค์ขณะที่ประคบน้ำแข็งบนข้อมือให้ ณรงค์จึงตอบเนือยๆ อย่างไม่ใส่ใจ

“ไม่ต้องหรอก พี่เชื่อใจตี้”

เด็กหนุ่มเหลือบตาขึ้นยิ้มให้ก่อนจะเบนสายตาลงมองข้อมือของณรงค์อีกครั้ง ภายในห้องอวลไปด้วยความเงียบอยู่ครู่ใหญ่ แต่แล้วณรงค์ก็เอะใจเมื่อมีหยดน้ำเล็กๆ ตกลงบนข้อมือ

“ตี้..น้ำอะไร...”

เขายังถามไม่ทันขาดคำ ณรงค์ก็เสียงหายเมื่อพบว่าไหล่ของคนตรงหน้าสั่น ชายหนุ่มนั่งนิ่งเมื่อธีระเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับน้ำตาที่อาบเต็มสองแก้ม

“พี่รงค์ ตี้รักพี่รงค์นะ นอกจากพี่รงค์แล้วตี้ไม่เคยรักใครมากขนาดนี้เลยนะ”

“ตี้...”

คำสารภาพเหล่านั้นแทงทะลุจิตใจราวกับมีคนปาลูกดอกนับสิบเข้ามาบนหน้าอก น้ำเสียงและใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้ณรงค์เจ็บปวดไปด้วย ร่างผอมบางวางผ้าห่อน้ำแข็งลงก่อนจะโผเข้ามากอดคอเขาไว้แน่น

“พี่รงค์ไม่ต้องอธิบายก็ได้ว่าไปทำอะไรมาถึงได้แผลพวกนี้ แต่ขอให้พี่รงค์รู้ว่าตี้รักพี่รงค์ที่สุดก็พอแล้ว”

เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นอยู่บนบ่าของเขา ร่างที่สั่นเทิ้มในอ้อมแขนทำให้ณรงค์ได้แต่หลับตาแล้วกัดฟัน เขาเข้าใจดีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้พูดแบบนั้น แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากกอดร่างผอมบางตอบและพร่ำพูดซ้ำๆ ด้วยความรู้สึกจากส่วนลึกในใจ

“ขอโทษนะตี้ ทุกอย่างเป็นเพราะพี่เอง พี่ขอโทษ”



++------++



คืนนั้นณรงค์ปลอบธีระที่ร้องไห้ทั้งคืนด้วยการนอนกอดไว้แนบอกกระทั่งเด็กหนุ่มเพลียจนหลับไปเอง เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายคงเดาได้ว่าสาเหตุที่เขาเจ็บตัวเมื่อคืนเป็นเพราะใคร ถึงได้ไม่ถามอะไรทั้งสิ้นและเพียงพูดย้ำความรู้สึกที่มีให้เขาราวกับกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้บอกอีก

เช้าวันถัดมาณรงค์รีบตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาเข้าครัวทำอาหารเช้าให้ธีระตั้งแต่หกโมงครึ่งแล้วเอาพลาสติกแร๊ปปิดไว้เพราะต้องรีบเตรียมตัวไปสนามบิน พอจัดการทุกอย่างเสร็จและกำลังจะออกจากห้อง เด็กหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่นและเดินออกมาส่งเขาที่หน้าประตู

“เที่ยวให้สนุกนะพี่รงค์”

ธีระยิ้มให้เขาผ่านนัยน์ตาที่บวมช้ำเพราะหลับไปทั้งที่ร้องไห้หนัก ณรงค์จึงยิ้มตอบและยีผมอีกฝ่ายเบาๆ

“ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

“อื้อ ตี้รักพี่รงค์นะ”

ธีระเอ่ยกับเขาอีกครั้ง ทั้งสองมองสบตากันนิ่งนาน ก่อนที่ณรงค์จะก้มลงจูบอีกฝ่ายเพื่อบอกลา ส่วนเด็กหนุ่มเองก็คล้องแขนรอบคอเขาและจูบตอบอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน ราวกับสังหรณ์ว่านี่อาจจะเป็นจูบสุดท้ายที่ณรงค์จะได้มอบให้ ครู่หนึ่งร่างสูงใหญ่จึงผละริมฝีปากออกและมองเข้าไปในแววตากลมโตของคนในอ้อมแขน

“พี่ก็รักตี้”

...น้องชายคนดีของพี่

ณรงค์สวมรองเท้าและเดินออกจากห้องโดยไม่หันหลังกลับไปอีก เขารู้ว่าเมื่อธีระได้เห็นโน้ตที่เขาเสียบไว้ใต้ถาดอาหารเช้า เด็กหนุ่มคงจะต้องเสียน้ำตาครั้งใหญ่อีกอย่างแน่นอน แต่ณรงค์ก็คิดว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับทั้งคู่ เมื่อไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่อาจตอบสนองความรู้สึกของธีระได้ การปล่อยให้เด็กหนุ่มได้มีโอกาสพบกับคนอื่นย่อมดีกว่าการรอคอยเขาไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย

และเขาจะได้ทุ่มเทใจให้กับการตามทวงความรักที่เคยทำหลุดลอยไปเสียที…

ณรงค์ขับรถไปจอดในอาคารจอดรถของสนามบินก่อนจะเดินเข้าไปยังประตูที่ทีมงานนัดไว้ เนื่องจากทางบริษัทมีสมาชิกร่วมแปดสิบกว่าชีวิต ทำให้ต้องแบ่งพนักงานเป็นสองกลุ่มและให้ออกบินกันคนละเที่ยว สำหรับทีมของณรงค์นั้นได้บินตั้งแต่เที่ยวแรก ทำให้ต้องมาเช็คอินกันตั้งแต่เช้าตรู่เช่นนี้

ชายหนุ่มแวะซื้อปลอกผ้าพันข้อมือจากร้านขายยาก่อนจะขึ้นไปจุดนัดพบที่ชั้นบน เมื่อเห็นผ้าก๊อซบนแก้มและปลอกผ้าบนข้อมือของเขา เพื่อนร่วมงานต่างพากันไถ่ถามว่าเป็นอะไรด้วยความเป็นห่วง แต่ณรงค์ก็เพียงตอบว่าถูกแมวของยามที่คอนโดข่วนตอนจะให้อาหาร และดูเหมือนนั่นจะช่วยปิดกั้นคำถามอื่นๆ ที่จะตามมาได้เป็นอย่างดี

หลังจากเช็คอินแล้วณรงค์ก็เข้าไปหาร้านนั่งทานอาหารเช้ากับยุพดีและอิสรา จนกระทั่งได้เวลาบอร์ดดิ้งก็เดินไปขึ้นเครื่องด้วยกัน เครื่องบินลำนั้นเป็นแบบลำเล็กที่มีแถวที่นั่งสองแถว แถวละสามที่นั่งและมีทางเดินคั่นกลาง เมื่อเดินไปถึงแถวที่ระบุไว้บนหางตั๋วเครื่องบิน ณรงค์ก็ชะงักเมื่อเห็นผู้โดยสารที่นั่งอยู่คนละฟากกับเขา

“Hey, what’s up mate?”

เจมส์ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างประวิตรที่นั่งริมหน้าต่างกับไรอันที่นั่งริมทางเดินยกมือทักทายเขาพร้อมกับยิ้มให้ ประวิตรทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาณรงค์

“รู้จักกันอยู่แล้วเหรอ? ทุกคน นี่เจมส์เป็นลูกพี่ลูกน้องของไรอันนะ พอดีช่วงนี้เขามาทำธุระที่เมืองไทยแล้วว่างก็เลยจะไปภูเก็ตด้วย”

“อ้อ...ครับ/ ค่ะ”

ยุพดีกับอิสราไหว้สวัสดีเจมส์ขณะที่ณรงค์พยักหน้าทักอย่างเบลอๆ ชายหนุ่มเบี่ยงตัวให้รุ่นน้องสาวที่กรี๊ดกร๊าดอยากนั่งติดหน้าต่างได้เข้าไปก่อน ตามด้วยอิสราซึ่งนั่งตรงกลาง และหลังจากเขาเก็บกระเป๋าไว้บนชั้นด้านบนแล้วก็นั่งลงกับที่บ้าง

เนื่องจากทั้งณรงค์และไรอันนั่งติดทางเดิน ระหว่างทั้งสองจึงมีเพียงช่องทางเดินแคบๆ กั้นกลาง เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องเห็นผ้าก๊อซบนแก้มแน่นอนเพราะเป็นด้านที่เขาหันให้ แต่หนุ่มลูกครึ่งก็ไม่ได้แสดงท่าทางว่าสนใจจะไถ่ถามว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างสักนิด และครู่หนึ่งก็หยิบแว่นกันแดดที่เสียบไว้บนคอเสื้อขึ้นมาสวมแล้วหลับตาลง

“What? You’re gonna sleep?” เจมส์เลิกคิ้วถาม ไรอันจึงตัดบทด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ

“Yes, I’m tired so shut the fuck up.”

ณรงค์ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ก็พยายามไม่หันไปมองและหยิบนิตยสารที่เสียบอยู่ตรงหน้ามาอ่านเรื่อยเปื่อย กระทั่งได้เวลาเครื่องเทคออฟ เขาจึงเก็บนิตยสารไว้ที่เดิมและหันไปมองภาพนอกหน้าต่างบ้าง แม้ว่าจะค่อนข้างลำบากเพราะยุพดีนั่งบังและเอาแต่ถ่ายรูปจากกล้องมือถือก็ตาม

หลังจากเครื่องขึ้นสู่อากาศและไต่ระดับความสูงจนเสถียรได้สักครู่ พนักงานบนเครื่องก็เริ่มเอาน้ำดื่มกับของว่างมาเสิร์ฟ ณรงค์เพียงดื่มกาแฟและยกแซนด์วิชให้อิสราเพราะไม่รู้สึกอยากอาหาร ฝ่ายไรอันเองก็ดูเหมือนจะหลับจริงๆ เพราะไม่แม้แต่จะสนใจกล่องของว่างตรงหน้าจนเจมส์หยิบไปแบ่งกับประวิตรแทน

เนื่องจากเป็นสายการบินในประเทศที่ระยะทางไม่ได้ไกล เพียงชั่วโมงกว่าๆ เครื่องก็ลงจอดสู่ที่หมาย หลังจากพวกณรงค์เดินออกมาจากสนามบินก็พบกับไกด์ท้องถิ่นที่มารอรับพร้อมกับรถบัสอยู่แล้ว

ตามกำหนดการของวันแรก พนักงานที่มาถึงทั้งสองกลุ่มจะได้เที่ยวแยกกันโดยมีไกด์ที่คอยดูแลกลุ่มละคนและรถบัสคนละคัน โดยจะเริ่มจากการไปไหว้พระที่วัดฉลอม จากนั้นค่อยพาไปทานอาหารกลางวันและเดินทางต่อไปไหว้พระใหญ่บนยอดเขา ปิดท้ายด้วยการรอชมพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมพรหมเทพโดยมีพนักงานอีกกลุ่มตามมาสมทบ ตกเย็นจึงค่อยพาไปเช็คอินเข้าที่พักและทานมื้อค่ำแบบบุฟเฟต์

เมื่อขึ้นรถบัส ที่นั่งจะถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเหมือนตอนอยู่บนเครื่องบิน แต่ฝั่งหนึ่งนั่งได้สามคน อีกฝั่งนั่งได้สอง ณรงค์ยังคงนั่งกับยุพดีและอิสราเหมือนเดิม แต่คราวนี้เขาเลือกนั่งริมหน้าต่างค่อนไปทางด้านหลังโดยมียุพดีนั่งกลางและอิสรานั่งริมทางเดิน ส่วนไรอันกับเจมส์นั่งด้วยกันตรงที่นั่งสำหรับสองคนซึ่งค่อนไปทางด้านหน้า

“นี่ๆ ดูคุณไรอันกับคุณเจมส์เขาสนิทกันจังเลยเนอะ? แถมหล่อกันทั้งคู่ด้วย”

ยุพดีเอ่ยขึ้นระหว่างนั่งฟังไกด์บรรยายความเป็นมาของภูเก็ตและสถานที่ต่างๆ เนื่องจากสนามบินกับวัดที่จะไปอยู่ห่างกันมาก พวกเขาจึงต้องนั่งในรถนานพอสมควรทีเดียว

“อะไรของเธอน่ะผึ้ง ต่อจากพี่รงค์กับแฟนก็จะมาเชียร์เจ้านายต่อหรือไง?”

อิสรากระเซ้า ยุพดีจึงหันไปถลึงตาใส่ “ไม่ใช่ย่ะตาบ้า ฉันก็แค่ปลื้มที่มาเที่ยวคราวนี้ได้เจอฝรั่งหล่อๆ นอกจากเจ้านายเราต่างหาก ฉันไม่ใช่พวกสนับสนุนไม้ป่าเดียวกันสักหน่อย อ้อ...แต่เว้นพี่รงค์ไว้คนนึง”

ณรงค์ฟังแล้วก็กลอกตา ด้วยเพราะรุ่นน้องทั้งสองต่างรู้ว่าเขาเป็นเกย์ตั้งแต่รู้จักกันแรกๆ ดังนั้นจึงไม่ได้แปลกใจนักตอนที่เห็นณรงค์เดินจูงมือกับธีระที่ตลาดเมื่อวันหยุดสัปดาห์ที่แล้ว

ว่าแต่เจ้านายสุดหล่อของผึ้งก็โดนพี่จูบไปตั้งไม่รู้กี่ทีแล้วเหมือนกันล่ะน่ะ...

ณรงค์ได้แต่คิดพลางเท้าคางมองไปนอกหน้าต่าง เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องโอ้อวดเรื่องนั้นให้คนอื่นฟัง ในเมื่อยิ่งพูดไปก็มีแต่จะสะท้อนใจเองเสียเปล่าๆ และความที่มัวแต่สนใจทิวทัศน์ข้างทางจนไม่ได้รับรู้ว่าไกด์บนรถกำลังนำสมาชิกเล่นเกมอะไร เขาจึงหันกลับมาอย่างงงๆ เมื่อจู่ๆ ก็มีกระป๋องโลหะมาหล่นอยู่บนตักพร้อมกับเสียงหัวเราะและปรบมือจากคนอื่นๆ เกรียวกราว

“คุณเป็นผู้โชคดีค่า!! เดี๋ยวแกะคำถามออกมาอ่านแล้วตอบให้เพื่อนๆ ได้ฟังกันชัดๆ ด้วยนะค้า!!!”

ชายหนุ่มมองไมโครโฟนไร้สายที่ถูกยื่นมาตรงหน้าโดยไกด์สาวร่างเล็กแต่เสียงแปดหลอดด้วยสีหน้าจับต้นชนปลายไม่ถูก ยุพดีที่นั่งข้างๆ จึงหันมากระซิบ

“เขาเล่นเกมส่งคำถามในกระป๋องกันอยู่ ถ้าเกิดเพลงหยุดแล้วกระป๋องอยู่ที่ใครต้องหยิบคำถามออกมาตอบ แล้วค่อยเขียนคำถามของตัวเองใส่ในกระป๋องต่อ”

ณรงค์ค่อยพยักหน้าอย่างเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ถึงแม้จะรู้สึกว่าเกมแบบนี้เหมาะจะเอาไปเล่นกับพวกนักศึกษามากกว่าพนักงานบริษัทก็ตาม แต่เขาก็เปิดฝากระป๋องขนาดเขื่องกว่ากระป๋องนมข้นเล็กน้อยออกและหยิบคำถามข้างในออกมาอ่าน

“ตอนนี้แอบชอบใครอยู่หรือเปล่า? ใครเขียนคำถามนี้เนี่ย?”

ณรงค์อ่านคำถามออกไมค์ที่ไกด์สาวยื่นมาจ่อให้ถึงปากอย่างเอื้อเฟื้อ สมาชิกในรถบัสได้ยินก็พากันส่งเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ขณะที่ตัวคนเขียนคำถามซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดหันมายกมือรับพลางฉีกยิ้มสะใจ ณรงค์จึงยิ้มตอบแกนๆ แล้วชูกำปั้นขึ้นเหมือนจะยกนิ้วกลางให้

ถามอะไรได้แทงใจกันเหลือเกิน...

“ว่าไงคะ? ตอนนี้มีคนที่แอบชอบอยู่ไหมคะ?”

ไกด์สาวยิ้มแย้มและถามออกไมค์เสียงดังก่อนจะยื่นไมค์มาให้เขาอีกครั้ง ทั้งที่ณรงค์คิดว่าต่อให้เจ้าหล่อนไม่ใช้ไมค์ก็เสียงดังฟังชัดทั้งคันรถอยู่แล้ว แต่คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่ตอบยากเลยสักนิด

“ก็...มีครับ”

ณรงค์ตอบเพื่อที่คุณไกด์เสียงแปดหลอดจะได้เลิกจู้จี้เสียที แต่ไม่รู้อะไรเข้าสิงให้เจ้าหล่อนถามต่ออีก

“โอ๊ะโอ๋! มีคนที่แอบชอบอยู่แล้วด้วย ถ้างั้นชื่ออะไรบอกหน่อยได้ไหมคะ?”

คราวนี้เสียงร้องแซวดังก้องรถมากกว่าเดิม อาจเพราะทุกคนในบริษัทคุ้นเคยกับณรงค์ดีอยู่แล้วและรู้ว่าเขายังไม่มีแฟน ชายหนุ่มเลยชักรู้สึกเหมือนหางคิ้วเต้นตุบๆ ขึ้นมาตงิดๆ

“ขอไม่ตอบคำถามนี้ได้ไหมครับ?”

ณรงค์พยายามไม่ทำหน้านิ่วใส่ไกด์สาวที่ละลาบละล้วงไม่เข้าท่า แต่อีกฝ่ายตีความว่าเขาไม่อยากบอกเพราะอาย

“อู๊ยยย แต่คนอื่นๆ อยากรู้กันเต็มรถเลยนะคะ จริงไหมคะทุกคน?”

เพื่อนร่วมงานของณรงค์ต่างส่งเสียงตอบรับกันอย่างพร้อมเพรียง ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นนวดขมับเมื่อรู้ว่ากำลังโดนแกล้ง ตอนนี้สายตาทุกคู่ในรถต่างมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว ไม่เว้นแม้แต่เจมส์ที่นั่งค่อนไปข้างหน้าหลายแถว แต่หนุ่มลูกครึ่งอีกคนที่นั่งข้างกันกลับไม่หันมามองเลยสักแวบ

ณรงค์เห็นท่าทางอย่างนั้นก็ตัดสินใจได้ทันที...จะผิดอะไรถ้าเขาจะบอกชื่อคนที่รักออกไป ในเมื่อไม่มีอะไรจะต้องเสียอีกแล้ว

“ผมขอบอกแค่ตัวย่อก็แล้วกัน ชื่อเขาขึ้นต้นด้วย ร.เรือ ถ้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษก็ขึ้นด้วยตัวอาร์ครับ”

เสียงโห่ร้องและผิวปากแซวจากเพื่อนร่วมงานที่คึกคะนองตามมา ขณะที่บางคนก็แซวที่เขาไม่ยอมบอกชื่อออกมาให้ชัดเจน ฝ่ายเจมส์นั้นอมยิ้มและหันกลับไปกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับไรอัน ส่วนยุพดีก็หันมาหาเขาแล้วถามอย่างสงสัย

“แฟนพี่รงค์ชื่อขึ้นด้วย ร.เรือเหรอ? แล้วตกลงน้องเขาชื่ออะไรอะ?”

“ยังไม่ต้องรู้หรอกตอนนี้”

ณรงค์ตอบพลางเอนเบาะลง ยุพดีจึงทำแก้มป่องแล้วหันไปเล่นเกมส่งกระป๋องกับอิสราและคนอื่นๆ ในรถต่อ ชายหนุ่มจึงถือโอกาสนั้นจับจ้องคนที่นั่งหันหลังให้อยู่ด้านหน้าซึ่งมีเพียงกลุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่โผล่ขึ้นมาพ้นเบาะ

ต่อให้คนอื่นไม่รู้...แต่แค่คุณรู้ว่าผมหมายถึงคุณก็พอแล้ว...



++---TBC---++


A/N: อนึ่ง แม้ภาคนี้จะจั่วหัวว่าภาคปลายแต่ก็หาใช่ตอนจบไม่ เพราะเดี๋ยวยังจะมีภาคปิดท้ายตามมา (และถ้าในภาคปิดท้ายยังไม่จบ ก็คงได้อ่านภาคบทสรุปกันต่อ เนื่องจากคนเขียนยังไปไม่ถึงตรงนั้นเลยคอนเฟิร์มไม่ได้ 555+) ไม่รู้ทำร้ายจิตใจแม่ยกน้องตี้กันไปแค่ไหนนะคะ เพราะทั้งที่น้องเปิดตัวช้าแต่กลับมีคนเอ็นดูเยอะเลย กลายเป็นว่าไรอันโดนหมั่นไส้หนักซะงั้น แต่อย่างว่า...ณรงค์เป็นพวกรักแล้วเลิกยาก สุดท้ายพ่อเจ้าประคุณก็เลยยังอยากรีเทิร์นอยู่ดีนั่นแล เหนื่อยแทนเฮียจริงๆ วุ้ย   o22

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
อึมครึม อึดอัด หน่วงในอก หายใจไม่สะดวก

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
เพลียอ่ะ
.
เอางี้ ให้เครื่องบินตกซะเลย จบเรื่องราวเจ็บปวดทุกอย่างที่มีของทุกคน!!!

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เพลียอ่ะ
.
เอางี้ ให้เครื่องบินตกซะเลย จบเรื่องราวเจ็บปวดทุกอย่างที่มีของทุกคน!!!

จว๊ายยยยย โหด!!

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
สงสารตี้!!!!!!!!!!!!!!!!!

คุณรินคะ หาคู่ให้น้องตี้ของเค้าด้วย T^T



เอาเจมส์ก็ได้ ^^"

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
อ่านแล้วซึ้งตอนนี้ชะมัด
แต่ก็อยากทืบณรงค์ ดีใจที่ปล่อยน้องตี้ซะที
ถึงจะเป็นการทำร้าย แต่ยึดไว้มันทำลายกันเกินไป

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:


 :z3: :z3: :z3:


ไรอันทำตัวน่ารำคาญนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด