ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก แจ้งภาคต่อ เรื่องของน้องตี้ [31/08/56] P.11  (อ่าน 185446 ครั้ง)

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
เพิ่งได้อ่าน น่ารักมากค่า อ่านไปยิ้มไปตลอดเลย ^^

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
กว่าจะคว้ามาได้ทั้งใจและกายแบบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์คงเหนื่อยอีกหลายยก
เป็นกำลังใจให้รงค์พิชิตยอดเขาเอเวอร์เรส ๕๕๕ ปานนั้นเลยเชียว

รอที่เหลือจ้า

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
นึกว่าตาฝาดซะอีกนะเนี่ย  :laugh:

รอครึ่งหลังอย่างใจจดจ่อ ไรอัน จะไปเปิดตัวแล้ว  :mc4:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ครึ่งหลังมาแล้วค่า ยาวหน่อยนะคราวนี้

*คำเตือน* กรุณาหาทิชชู่มาวางไว้ใกล้ๆ เนื่องจากอาจต้องใช้ระหว่างที่อ่านตอนนี้ เขาเตือนแร้วน้า


*****************************

ยินดีที่ได้รู้จัก...รัก ตอน ควันหลงสงกรานต์ ครึ่งหลัง

หลังจากผ่านวันทำงานไปอีกสองวัน ในที่สุดก็ถึงเช้าวันเดินทาง ณรงค์นัดไรอันว่าจะไปรับที่คอนโดตอนเก้าโมงเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบตื่นแต่เช้าในวันหยุด ที่สำคัญวันที่สิบสามเมษาก็มีรถออกนอกเมืองไม่ค่อยเยอะแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเผื่อเวลาสำหรับรถติดสักเท่าไหร่

เมื่อจอดรถหน้าคอนโดแล้วณรงค์ก็โทรศัพท์ขึ้นไปบอกไรอัน ห้านาทีต่อมาหนุ่มลูกครึ่งก็เดินมาที่รถพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อม วันนี้อีกฝ่ายแต่งตัวแปลกตาจากทุกครั้งที่เจอกัน เพราะแม้วันหยุดไรอันจะชอบแต่งตัวสบายๆ ด้วยกางเกงขายาวกับเสื้อยืด แต่วันนี้หนุ่มลูกครึ่งใส่กางเกงผ้าสีกากีขาสั้นเสมอเข่ากับเสื้อยืดแขนกุด แม้ว่าจะไม่เข้ารูปนักแต่ก็เผยให้เห็นผิวสีงาช้างช่วงหัวไหล่และบ่ากว้าง รวมทั้งเรียวขาที่เขาเคยเห็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่คืนคริสต์มาสอีฟเมื่อปลายปีก่อนที่ช่วยถอดเสื้อผ้าและเช็ดตัวให้ได้ถนัดตา และณรงค์ก็พบว่าเขากำลังนึกโยงภาพที่เห็นกับความทรงจำในคืนนั้นจนรู้สึกว่าในคอแห้งผาก

“What are you looking at?”

ไรอันที่สวมแว่นกันแดดเลนส์สีชาหันมาถามหลังจากที่เข้ามานั่งในรถและหันไปวางกระเป๋าไว้บนเบาะหลัง ณรงค์จึงนึกดีใจที่แว่นกันแดดของตัวเองสีเข้มพอ เพราะอย่างน้อยไรอันคงไม่ทันเห็นแววตาของเขาที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์

“ไม่มีอะไร แค่นานๆ ทีจะเห็นคุณแต่งตัวแบบนี้”

หนุ่มลูกครึ่งก้มลงมองตัวเองแล้วยักไหล่ “ก็วันนี้อากาศร้อน อีกอย่างเวลาอยู่ที่เมลเบิร์นผมก็แต่งตัวแบบนี้ทุกวันหยุดนั่นแหละ”

ณรงค์ส่งเสียงรับในคอก่อนจะออกรถ อดนึกอิจฉาเพื่อนๆ กับคนรอบตัวของไรอันไม่ได้ที่ได้เห็นอีกฝ่ายเวลาแต่งตัวสบายๆ อย่างนี้มากกว่าเขา แล้วก็เหลือบตามองอย่างแปลกใจเมื่อหนุ่มลูกครึ่งเอนเบาะลงทำท่าจะนอนทั้งที่เพิ่งออกจากคอนโดได้ไม่กี่นาที

“คุณยังง่วงอยู่เหรอ?”

“เมื่อคืนผมคุยสไกป์กับที่บ้านแล้วก็เพื่อนๆ จนดึกน่ะ กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่า เดี๋ยวถึงบ้านคุณเมื่อไหร่ก็ปลุกผมด้วยแล้วกัน”

 ไรอันเอ่ยพลางหยิบหมอนอิงใบเล็กจากเบาะด้านหลังมากอดแล้วหลับตาลง ณรงค์มองภาพนั้นแล้วก็หัวเราะ

“จะไม่ตื่นแล้วคอยคุยเป็นเพื่อนผมหน่อยเหรอ ถ้าเกิดผมหลับในแล้วพาไปชนเสาไฟฟ้าระหว่างทางจะทำไงล่ะ?”

หนุ่มลูกครึ่งพ่นหัวเราะทางจมูกแต่ไม่ได้ลืมตา แถมยังทำท่ากอดหมอนแน่นขึ้นอีก “You wouldn’t do that.”

ณรงค์ยิ้มแต่ไม่ได้เซ้าซี้อีก ถ้าหากระหว่างที่คบกันมาจะมีอะไรที่เขาเรียนรู้เกี่ยวกับไรอันเพิ่มขึ้น ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่หากอีกฝ่ายต้องการพักผ่อนก็หมายความอย่างนั้นจริงๆ เพราะขนาดเมื่อวันวาเลนไทน์ที่นอนทับเขาบนโซฟายังหลับสนิทได้ จนสุดท้ายเขาต้องอุ้มเจ้าตัวไปนอนบนตียงเพื่อจะได้ไม่ตื่นมาปวดหลังกันทั้งคู่

ระหว่างที่รถติดไฟแดง ณรงค์สังเกตว่าแดดส่องเข้าทางหน้าต่างฝั่งที่ไรอันนั่งอยู่ แต่ดูอีกฝ่ายจะไม่รู้สึกตัวทั้งที่เริ่มมีเหงื่อซึมตามไรผม เขาเลยเร่งแอร์ในรถขึ้นแล้วหันไปเอาเสื้อแจ็คเก็ตที่คลุมไว้บนพนักตัวเองออกคลุมให้ เพราะระยะทางที่ต้องไปบ้านเขานั้นยังอีกไกล ถ้าปล่อยให้ไรอันนอนตากแดดไปเรื่อยๆ คงผิวไหม้หมดแน่

ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นสางผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อนที่ชื้นเหงื่อออกจากหน้าผากเนียน จากนั้นก็ยิ้มเมื่อคนหลับยกมือข้างหนึ่งขึ้นถูจมูกและดึงแจ็คเก็ตขึ้นจนถึงคออย่างงัวเงีย ภาพที่เห็นทำให้เขาอดใจไม่ไหว ต้องก้มลงไปหอมแก้มคนที่เอียงหน้ามาทางเขาโดยไม่รู้ตัวเสียทีหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาออกรถเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวพอดี

และเพราะความที่ณรงค์มัวจดจ่อสายตาอยู่กับถนนเบื้องหน้านี่เอง เขาจึงไม่ได้รู้เลยว่าคนข้างตัวแอบหรี่ตาขึ้นมองเขาผ่านเลนส์แว่นกันแดดสีชาที่ใส่บังไว้ จากนั้นเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ก่อนที่จะค่อยปิดตาลงและหลับลึกจริงๆ ไปตลอดเส้นทาง


++------++


เกือบบ่ายโมงณรงค์ก็ขับรถมาถึงบ้านที่กาญจนบุรี  ทางเข้าบ้านของเขารายล้อมด้วยสวนผลไม้ร่วมสองร้อยไร่ ส่วนตัวบ้านก็ค่อนข้างใหญ่เพราะกิจการผลไม้ที่พ่อของเขาทำมาตั้งแต่ยังหนุ่มดำเนินไปได้ดี ไรอันรู้สึกตัวตื่นตอนที่ณรงค์ลงจากรถไปเปิดประตูรั้ว เมื่อณรงค์กลับมานั่งประจำที่อีกครั้ง หนุ่มลูกครึ่งจึงยันตัวขึ้นนั่งตรงและหยีตามองไปรอบๆ

“ถึงบ้านคุณแล้วเหรอ?”

“อื้อ ตอนที่คุณหลับแม่เลี้ยงผมโทรมาบอกว่าพ่อออกไปดูสวน คงอีกสักพักถึงจะกลับมา แต่ว่าน้องๆ ผมอยู่บ้านกันหมด พวกนั้นยังเด็กอยู่ก็เลยอาจจะชอบคุยชอบถามซอกแซกหน่อย ถ้าหากรำคาญก็บอกผมแล้วกัน”

ไรอันดันพนักเก้าอี้ขึ้นตั้งตรงพลางเหยียดแขนบิดขี้เกียจ จากนั้นก็ลงจากรถตามณรงค์เมื่ออีกฝ่ายจอดรถในโรงรถแล้ว ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะก้าวเข้าไปในตัวบ้านก็มีเด็กวัยรุ่นสองคนวิ่งแข่งกันออกมากอดเอวณรงค์ไว้จนหนุ่มลูกครึ่งเลิกคิ้ว

“เย้!! พี่รงค์มาแล้ว ไหนขนมที่บอกว่าจะซื้อมาให้อ้ะ?”

“พี่รงค์ ศรอยากได้พีเอสพี ซื้อให้หน่อยดิ”

ฝาแฝดชายหญิงที่หน้าตาคล้ายกันมากต่างแย่งกันพูดและเรียกร้องความสนใจจากพี่ชายเป็นพัลวัน ณรงค์จึงหันมายิ้มให้ไรอันที่ยืนเยื้องไปข้างหลังและแนะนำน้องๆ ให้รู้จัก

“ศร สา ปล่อยพี่ก่อน พี่พาเพื่อนมาด้วย นี่ไรอันนะ เป็นเจ้านายพี่ที่ออฟฟิศ ไรอัน นี่ยายสากับเจ้าศร น้องๆ ผมเอง ปีนี้จะอายุสิบห้าแล้ว”

แฝดทั้งสองหันมองคนที่พี่ชายแนะนำอย่างสนใจ พอเห็นหน้าของไรอันถนัดก็พากันทำหน้าเหลอหลา

“หวา! ลูกครึ่งนี่นา อ่า...เฮลโล่? กู้ด มอร์นิ่ง? เอ๊ย! กู้ด อาฟเตอร์นูน??” เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยมั่นใจพลางใช้มือหนึ่งเกาหัว ส่วนเด็กสาวทำตาลอยแล้วกระตุกเสื้อณรงค์

“หล่อจัง....เขาพูดไทยได้ไหมอะพี่รงค์?”

ณรงค์หันไปเหล่ใส่น้องสาวที่ถามอะไรแก่แดด แล้วก็เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไรอัน พอหันไปก็พบว่าอีกฝ่ายถอดแว่นกันแดดออกเสียบไว้บนเสื้อแล้วและกำลังยิ้มอย่างใจดีให้กับน้องๆ ของเขาอยู่

“พูดได้ครับ เรียกพี่ว่าพี่รักก็ได้ น้องสา น้องศร”

ณรงค์รู้สึกว่าหางคิ้วกระตุก จึงรีบตักเตือนมารยาทน้องๆ ทันที “เจ้าพวกนี้ พี่แนะนำตัวให้แล้วยังไม่รีบไหว้อีก เดี๋ยวก็ให้แม่เขามาตีให้ซะหรอก”

น้องฝาแฝดของณรงค์แลบลิ้นให้พี่ชายก่อนจะหันกลับมาไหว้ไรอัน หนุ่มลูกครึ่งยกมือรับไหว้ด้วยมุมปากที่ยังยกขึ้นน้อยๆ เมื่อเด็กๆ ทำความเคารพกันเสร็จ ณรงค์จึงยื่นกุญแจรถให้น้องชายแล้วใช้นิ้วโป้งชี้ไปทางโรงรถ 

“ขนมกับของฝากอยู่ท้ายรถ เอากระเป๋าของพวกพี่สองคนลงมาแล้วเอาไปไว้บนห้องให้ด้วย เดี๋ยวพี่จะพาไรอันไปไหว้น้าหนิง”

“คร้าบ / ค่า”

ทั้งสองรับคำแล้วก็พากันวิ่งออกไปที่รถซึ่งจอดอยู่ในโรงรถ ไรอันจึงหันมาถาม “นี่คุณไม่ใช้แรงงานพวกน้องๆ ไปหน่อยเหรอ?”

ณรงค์ส่ายหน้าและเดินนำไปทางห้องครัวเพราะได้ยินเสียงจากทางนั้น “แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกน่ะคุณ จะได้สอนให้รู้ว่าถ้าอยากได้อะไรก็ต้องทำงานแลกบ้าง อีกอย่างกระเป๋าของคุณกับของผมก็ไม่ได้หนักอะไรสักหน่อย”

ภายในห้องครัวขนาดย่อม หญิงวัยกลางคนรูปร่างท้วมนิดหน่อยคนหนึ่งกำลังยืนทำกับข้าวอยู่หน้าเตาแก๊ส เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าจึงวางทัพพีลงบนจานรองแล้วเดินพร้อมรอยยิ้มเข้ามาหาทั้งคู่

“ไงจ๊ะ ได้ยินเสียงรถกับเสียงเด็กๆ น้าก็รู้แล้วล่ะว่าเรามาแล้ว แต่ติดว่าแกงเดือดอยู่เลยไม่ได้ออกไปรับ เดี๋ยวก็ใกล้จะได้กินกันแล้วล่ะ”

น้ำเสียงอบอุ่นและรอยยิ้มอ่อนโยนทำให้คนที่ได้พบเห็นรู้สึกสบายใจได้ทันที ณรงค์ยกมือไหว้แล้วก็เข้าไปกอดและหอมแก้มแม่เลี้ยงก่อนจะหันมาแนะนำคนที่พามาด้วย

“น้าหนิงครับ นี่ไงครับเพื่อนที่ผมบอกจะพามาด้วย ไรอันครับ”

ไรอันรีบยกมือไหว้ และเอ่ยทักทายเป็นภาษาไทยด้วยเลยเพื่อไม่ให้ต้องเกิดคำถามอีกว่าเขาพูดไทยได้ไหม เพราะว่าถึงแม้โครงหน้าจะดูคมเข้มเพราะเชื้อไทยจากแม่ แต่สีผมกับสีตาที่ค่อนข้างอ่อนก็อาจทำให้เขาดูละม้ายไปทางฝรั่งมากกว่า

“สวัสดีครับ”

ผู้สูงวัยกว่ายกมือรับไหว้แล้วยิ้มกว้างที่ได้ยินภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ “สวัสดีจ้ะ ไรอัน”

“เรียกผมว่ารักก็ได้ครับ”

“หืม? ชื่อไทยชื่อรักเหรอจ๊ะ? คุณพ่อคุณแม่ช่างคิดจัง เพิ่งมาถึงกันเหนื่อยๆ เดี๋ยวรงค์พาเพื่อนขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าวดีกว่า กลางวันนี้พ่อเขาคงไม่ได้กลับมากินข้าวด้วย ก็คงมีแต่พวกเรากับเด็กๆ อีกสองคนนี่ล่ะ”

ณรงค์พยักหน้า “ครับ งั้นเดี๋ยวพวกผมขึ้นไปบนห้องก่อนนะ”

ระหว่างกำลังเดินขึ้นบันได ฝาแฝดทั้งสองก็วิ่งแข่งกันลงมาและสวนกับณรงค์พอดี ชายหนุ่มจึงไล่ให้ทั้งคู่เข้าไปช่วยงานในครัว หลังจากนั้นก็เดินนำไรอันขึ้นไปห้องนอนบนชั้นสองซึ่งเป็นห้องที่อยู่ด้านในสุด โชคดีว่าพ่อของเขาต่อเติมบ้านรอไว้ตั้งแต่ตอนที่น้องฝาแฝดเพิ่งเข้าประถม ห้องของเขาจึงมีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร

เมื่อเข้าไปในห้อง ณรงค์ก็พบว่ากระเป๋าของพวกเขาทั้งคู่วางอยู่บนเตียงแล้ว ไรอันที่เดินตามเข้ามาทีหลังมองไปรอบๆ ก่อนจะจ้องเขาเขม็ง

“ผมนอนห้องเดียวกับคุณเหรอ?”

เจ้าของห้องเลิกคิ้ว ความจริงเขาก็คิดไว้เหมือนกันว่าไรอันอาจไม่สะดวกที่จะนอนห้องเดียวกับเขาก็ได้ แต่ก็อาศัยยกน้องๆ ขึ้นมาอ้าง

“ผมเห็นว่าห้องผมก็ใหญ่พอเลยไม่ได้ให้น้าหนิงเตรียมห้องไว้ให้น่ะ อีกอย่างถ้าคุณไม่นอนกับผม ก็คงต้องไปขอยืมห้องเจ้าศรแล้วไล่ให้ไปนอนห้องเดียวกับยายสา แต่ยายสาก็เริ่มเป็นสาวแล้ว คงไม่ค่อยอยากให้น้องชายไปนอนด้วยนักหรอก”

หนุ่มลูกครึ่งปรายตามองเขาด้วยท่าทางหน่ายๆ จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูออกจากกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ “Alright, alright. Geez. You’re such a loser.”

ณรงค์ดูออกว่าไรอันคงไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่ที่จะนอนห้องเดียวและเตียงเดียวกับเขา แต่ที่ยอมก็เพราะเกรงใจแม่เลี้ยงกับน้องๆ ของเขามากกว่า จึงอมยิ้มและหันไปหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋ามาแขวนใส่ตู้ เนื่องจากเขาทิ้งข้าวของบางส่วนไว้ที่นี่อยู่แล้ว จึงเอามาแค่ชุดสำหรับใส่ในวันกลับเท่านั้น

ไม่นานไรอันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำเล็กๆ ยังเกาะพราวบนไรผมกับต้นคอหลังจากล้างหน้าและซับน้ำออกไม่หมด ขณะที่อีกฝ่ายเดินมาหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเพื่อจะเอาไปแขวนบ้าง หนุ่มลูกครึ่งก็สะดุ้งเมื่อถูกอ้อมแขนของณรงค์สวมกอดจากด้านหลัง

“What are you doing?”

คนถูกกอดถามเสียงแข็ง ณรงค์ถือโอกาสกดจมูกลงบนต้นคอด้านหลังที่ยังชื้นน้ำนิดหน่อยและกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น

“อาทิตย์ที่ผ่านมาผมยังไม่ได้จูบคุณสักครั้งเลยนะ ขอผมชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอ?”

ณรงค์ได้ยินคนในอ้อมกอดทำเสียงหึ ก่อนที่อีกฝ่ายจะแงะแขนเขาออกแล้วหันกลับมาใช้นิ้วจิ้มอกเขาให้ถอยห่าง

“Don’t push your luck. คุณขโมยหอมแก้มผมไปแล้วเมื่อเช้า ไม่ต้องมาทำเป็นทวง”

ชายหนุ่มร่างสูงเลิกคิ้ว เพราะไม่นึกว่าตอนที่เขาหอมแก้มไรอันในรถนั่นเจ้าตัวจะตื่นอยู่ พลันก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกของน้องชาย

“พี่รงค์ แม่ทำกับข้าวเสร็จแล้ว ลงมากินกันเร็วๆ”

“โอเค...เดี๋ยวพวกพี่ลงไป”

ณรงค์ตอบก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับไรอัน หนุ่มลูกครึ่งยิ้มยียวนให้ครั้งหนึ่งก่อนจะเดินไปเปิดประตูและลงไปข้างล่าง เจ้าของห้องจึงได้แต่หัวเราะแล้วส่ายหน้า อย่างน้อยการยอกย้อนเมื่อครู่ก็ยังเป็นสัญญาณที่ดีกว่าการปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยล่ะน่า

ถ้าไม่ใจอ่อนให้เองก็อย่าหวังจะได้แอ้มงั้นสินะ...คุณนี่ชอบปั่นหัวผมจริงๆ ให้ตายสิ...

ชายหนุ่มเปลี่ยนมาใส่กางเกงขาสั้นก่อนจะเดินตามลงไปชั้นล่าง เมื่อทุกคนล้อมวงทานข้าวกันที่โต๊ะอาหารในห้องข้างๆ ห้องครัว ทั้งน้องชายและน้องสาวของณรงค์ก็พากันยิงคำถามใส่ไรอันด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้งคำถามยอดฮิตสำหรับคนต่างชาติว่าชอบเมืองไทยไหม ชอบกินอาหารอะไร ไปจนถึงเรื่องที่เริ่มใกล้ตัวมากขึ้นว่ารู้จักกับพี่ชายได้อย่างไร เวลาณรงค์อยู่ที่ออฟฟิศเป็นยังไงบ้าง จนกระทั่งถึงคำถามเด็ดที่ณรงค์คิดอยู่แล้วว่าคงมีใครสักคนถามแน่ แต่เขาพลาดไปที่ลืมเตือนน้องๆ ไว้ก่อนว่าอย่าถามซอกแซกให้มากนัก

“แล้วพี่รักมีแฟนหรือยังอะคะ?”

“ยายสา อย่าไปถามเรื่องส่วนตัวพี่เขาอย่างนั้นสิลูก”

ผู้เป็นแม่รีบเตือนลูกสาวที่กำลังวัยรุ่น แต่ว่าไรอันยิ้มอ่อนๆ ให้อย่างไม่ถือสา “ก็มีคนที่กำลังดูๆ กันอยู่ แต่ยังไม่รู้เหมือนกันครับว่าเรียกว่าแฟนได้หรือเปล่า”

เด็กชายได้ยินคำตอบก็อ้าปากค้าง “โห...พี่ตอบเหมือนพวกดาราเด๊ะเลยนะเนี่ย”

“ศร...กินข้าวไป”

ณรงค์หันไปดุน้องชายที่จู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา เด็กชายจึงทำปากยื่นก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อ ชายหนุ่มเหลือบมองไรอันที่ยิ้มพลางทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาของเขา แต่เขาก็รู้ดีว่ากำลังโดนรวนอยู่

สำหรับผม...คุณน่ะใช่ แต่ดูเหมือนในสายตาคุณแล้วผมยังไม่ดีพอที่จะยอมรับว่าเป็นแฟนล่ะมั้ง...

ชายหนุ่มกินข้าวต่ออย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก แต่ดูเหมือนคนอื่นๆ ในโต๊ะจะไม่มีใครทันสังเกตเพราะมัวแต่ชวนไรอันคุยเพลิน จนเมื่อกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยและยกจานชามไปเก็บล้างแล้ว น้องสาวของณรงค์ก็วิ่งออกมาเขย่าแขนแม่ยิกๆ

“แม่จ๋า เดี๋ยวหนูกับศรจะออกไปเล่นน้ำสงกรานต์นะ เมื่อกี้พวกไอ้ยุ้ยโทรมาชวน ตอนนี้กำลังสาดน้ำกันแถวหน้าโรงเรียนเลย”

“อ้าว จะไปเล่นน้ำกันแล้วเหรอ พวกพี่ๆ เขาเพิ่งมาถึงบ้านกันเองนะ”

เด็กสาวทำปากยื่น “ก็แหม พวกเพื่อนๆ มันเพิ่งโทรมาตะกี้นี่นา ถ้างั้นพี่รงค์กับพี่รักจะไปเล่นน้ำกับพวกหนูไหมล่ะ?”

ณรงค์หันไปมองไรอันแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม และเห็นความไม่แน่ใจที่สะท้อนในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแม้จะไม่ชัดเจนนัก ชายหนุ่มจึงตัดสินใจแทนให้

“ไปสิ พี่รักเขาก็ไม่เคยเล่นสงกรานต์มาก่อนด้วย ก่อนมานี่เขายังบอกพี่ว่าอยากลองเล่นสาดน้ำอยู่เลย”

“Hey! Who said I wanted to…”

ไรอันขึ้นเสียงแล้วก็ชะงักเพราะสายตาของทุกคนจับจ้องเขาอยู่ ณรงค์จึงยิ้มอย่างมีชัย เพราะเขาจับจุดอ่อนได้แล้วว่าไรอันท่าทางจะเกรงใจแม่เลี้ยงกับน้องๆ ของเขาจนไม่ออกปากปฏิเสธแน่ หนุ่มลูกครึ่งหันไปมองคนอีกสามคนที่กำลังยืนทำหน้าเหลอหลา แล้วโหนกแก้มของชายหนุ่มก็แต้มสีเข้มขึ้น

“...เอ่อ...ไป...ก็ได้ครับ”

“เย้! งั้นเดี๋ยวพี่รักซ้อนมอเตอร์ไซค์พี่รงค์ก็แล้วกันนะ แล้วสามาซ้อนรถเรา คราวนี้พวกเพื่อนๆ ได้แตกตื่นกันแน่ มีลูกครึ่งหล่อๆ มาเล่นน้ำด้วยเนี่ย”

เด็กชายเอ่ยก่อนจะวิ่งออกไปที่โรงจอดรถซึ่งมีรถมอเตอร์ไซค์สามคันจอดอยู่ ส่วนเด็กสาวก็ยิ้มร่าเริงแล้วคว้าแขนไรอันมาคล้องพลางพาเดินตามไปที่โรงรถ ส่วนณรงค์เพิ่งนึกขึ้นได้หลังได้ยินที่น้องชายพูดเมื่อกี้ ว่าท่าทางที่เขาจะพาไรอันไปเล่นสาดน้ำนี่คงจะไม่ใช่การแกล้งเอาคืนอีกฝ่ายหรอก แต่จะเป็นการแกล้งหาเรื่องให้เขาเองเสียมากกว่า เพราะพวกสาวๆ ที่ออกไปเล่นสาดน้ำกันมีหวังได้หาโอกาสมาตีสนิทแล้วเบียดไรอันแบบเนียนๆ แน่

“ดูท่าทางแฟนของรงค์เขาจะไม่ค่อยอยากตัวเปียกนะจ๊ะนั่น ทำไมไปแกล้งบังคับเขาอย่างนั้นล่ะ?”

เสียงทักจากแม่เลี้ยงที่ตบมือลงบนไหล่เขาเบาๆ ทำเอาณรงค์หันขวับอย่างตกใจ พอเห็นชายหนุ่มทำตาโต หญิงวัยกลางคนก็หัวเราะ

“แหม น้าก็เลี้ยงเรามาตั้งสิบกว่าปีแล้วนะ แค่สายตาของรงค์เวลามองคนที่ชอบแล้วเป็นยังไงทำไมจะดูไม่ออก ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ น้าว่าไรอันเขาก็ดูน่าจะเข้ากับครอบครัวเราได้ดีนะ”

ณรงค์แค่นยิ้มเมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์จากโรงรถ “ท่าทางจะดีกว่ากับผมแล้วซะด้วยสิตอนนี้”

ชายหนุ่มพูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ในเมื่อเขาเองที่เป็นคนทำให้ไรอันต้องไปเล่นน้ำสงกรานต์ เขาก็ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการออกไปคอยดูแลอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ยังไงก็อย่าเล่นกันแบบรุนแรงแล้วกันนะจ๊ะ”

แม่เลี้ยงของเขาเตือนอีก ณรงค์จึงพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปที่หน้าบ้านพลางม้วนแขนเสื้อยืดขึ้นไปด้วย พลันก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้

ว่าแต่...นี่เราก็ไม่ได้เล่นน้ำสงกรานต์มาหลายปีแล้วเหมือนกันนะนี่...


++------++



ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
หลังจากตามน้องฝาแฝดทั้งสองไปเล่นสาดน้ำที่หน้าโรงเรียนมัธยมซึ่งเป็นโรงเรียนเก่าของเขาเอง ณรงค์ก็พบว่าเขาชักจะอายุมากเกินกว่าจะเล่นสาดน้ำแบบนี้ไปเสียแล้ว

จริงอยู่ว่าหลังจากไม่ได้เล่นสงกรานต์มาหลายปีนับตั้งแต่เข้าทำงาน เขาจะรู้สึกเคอะเขินและเงอะงะอยู่บ้าง แต่พอโดนน้องๆ แกล้งสาดน้ำใส่พร้อมกับตะโกนแซว สัญชาตญาณเอาชนะของเขาก็ทำให้หยิบปืนฉีดน้ำอันใหญ่มาไล่ฉีดเด็กๆ กลับ และพาลเลยไปฉีดใส่ไรอันที่เหมือนคนหลงถิ่นมาอยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยไปด้วย แต่ทั้งที่ปกติแล้วหนุ่มลูกครึ่งจะค่อนข้างเฉยชาเวลาอยู่ที่บริษัทจนเขานึกว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ชอบการละเล่นแบบนี้ กลายเป็นว่าไปๆ มาๆ ดูไรอันจะสนุกกับการเล่นสาดน้ำมากกว่าเขาเสียอีก แถมยังเผลอปล่อยตัวจนสาวๆ นุ่งน้อยห่มน้อยพากันเข้าไปเบียดกระแซะจนเกินงามอีกด้วย ร้อนถึงเขาต้องเข้าไปคอยอยู่ข้างๆ คอยเป็นบอดี้การ์ดกันสาวๆ พวกนั้นไปซะฉิบ

กว่าการเล่นสาดน้ำกันของพวกเด็กๆ จะจบลง เวลาก็ล่วงเลยไปจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำและแสงแดดที่แผดจ้าเริ่มคลายความร้อนแรง ณรงค์เดินนำไรอันไปที่รถมอเตอร์ไซค์ซึ่งจอดไว้ด้านหลังโรงเรียนเพื่อจะได้พากลับบ้าน ส่วนน้องฝาแฝดแยกตัวไปก่อนแล้วเพราะจะตามเพื่อนไปเล่นสาดน้ำที่อื่นกันต่ออีกสักพักถึงค่อยกลับ

“ฮัดเช่ย!”

เสียงจามจากคนที่เพิ่งขึ้นนั่งซ้อนท้ายหลังณรงค์ติดเครื่องทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง และพบว่าไรอันรีบใช้หลังมือปาดจมูกลวกๆ

“คุณไม่สบายเหรอ?”

“เปล่า”

หนุ่มลูกครึ่งปฏิเสธแทบจะทันที ขณะที่ณรงค์ไม่ค่อยอยากเชื่อนัก เพราะต่อให้ชินกับอากาศร้อนแค่ไหน ถ้ามาเจอสาดน้ำเย็นๆ เข้าไปกลางแดดเปรี้ยงติดต่อกันหลายชั่วโมงก็ทำให้คนที่แข็งแรงสุดๆ เป็นหวัดได้เหมือนกัน ชายหนุ่มจึงดึงแขนข้างหนึ่งของไรอันให้โอบเอวเขาไว้

“ผมจะรีบพากลับบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก็แล้วกัน จับผมให้แน่นๆ นะ”

ไรอันส่งเสียงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆ คนขับก็เร่งเครื่องออกรถอย่างแรงจนคนซ้อนแทบหงายหลัง ณรงค์ได้ยินเสียงพึมพำสบถเป็นภาษาอังกฤษเบาๆ จากหนุ่มลูกครึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถือสาและยิ้มเมื่อรู้สึกได้ว่าอ้อมแขนที่โอบรอบเอวเขากระชับแน่นขึ้น เช่นเดียวกับความอบอุ่นเมื่ออีกฝ่ายค่อยแนบหน้าลงบนแผ่นหลังเขาอย่างช้าๆ หลังจากที่บ่นจนพอใจ

แสงอาทิตย์ยามเย็นยิ่งลดเลือนเมื่อเวลาเย็นย่ำ เมื่อณรงค์เอารถมอเตอร์ไซค์เข้าจอดที่โรงรถ ท้องฟ้าก็เริ่มเป็นสีม่วงแกมแสดแล้ว

“รถพ่อผมจอดอยู่ สงสัยคงกลับมาแล้วล่ะ”

ณรงค์หันไปบอกคนข้างหลังที่ดูเหมือนจะเผลอหลับระหว่างที่ใกล้จะมาถึงบ้าน ไรอันจึงยกศีรษะขึ้นแล้วหรี่ตามองเขาเหมือนยังไม่ค่อยตื่นดี และณรงค์ก็ไม่นึกตำหนิอีกฝ่าย เพราะการเล่นสาดน้ำกันแบบเต็มที่เมื่อครู่คงสูบพลังงานจากหนุ่มลูกครึ่งไปพอสมควร

“กลับมาแล้วครับ”

ณรงค์เดินนำไรอันเข้าไปในบ้าน และพบว่าพ่อเขากำลังนั่งจิบเบียร์และมีกับแกล้มจานเล็กๆ ที่โต๊ะอาหารโดยมีแม่เลี้ยงเขานั่งเป็นเพื่อน ผู้สูงวัยทั้งสองหันมายิ้มให้เมื่อเห็นเขาเดินเข้าไปหา

“กลับมาซะที ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเรา”

“หวัดดีครับพ่อ ศรกับสาบอกว่าจะไปเล่นน้ำกับพวกเพื่อนๆ ต่อเลยไม่ได้มาด้วย แต่ผมบอกแล้วว่าอย่ากลับบ้านดึกนัก”

ผู้สูงวัยพยักหน้า “เจ้าพวกนั้นโทรมาบอกแล้วล่ะ พ่อก็เตือนแล้วเหมือนกันว่าถ้าสองทุ่มยังไม่ถึงบ้านจะออกไปตามพร้อมไม้เรียวด้วย ว่าแต่นี่เพื่อนที่เราพามาล่ะสิ?”

ณรงค์หันไปด้านหลังพร้อมกับเบี่ยงตัวเพื่อจะได้แนะนำไรอันได้ถนัดขึ้น “ไรอัน นี่พ่อผมเอง ไรอันเป็นเจ้านายผมที่บริษัทน่ะพ่อ”

พ่อของณรงค์ฟังแล้วก็เลิกคิ้วพลางใช้มือหนึ่งลูบคาง “หือ? เป็นเจ้านายด้วยรึ อืม...หายากนะที่สนิทกันได้ขนาดนี้”

“พ่อนี่ก็...ว่าแต่รงค์พารักไปอาบน้ำก่อนดีไหมจ๊ะ ใส่เสื้อผ้าเปียกๆ นานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

แม่เลี้ยงของเขาทักขึ้น ณรงค์จึงหันไปมองไรอันเต็มตา และเห็นว่านอกจากเสื้อผ้าอีกฝ่ายจะเปียกไปทั้งตัวแล้ว ตามเนื้อตัวก็แดงเพราะตากแดดมาตลอดบ่ายด้วย จึงรีบโอบหลังและพาไปทางบันไดทันที

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมพาไรอันขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวอีกสักพักจะลงมากินข้าวเย็นด้วยก็แล้วกัน”

ระหว่างที่กำลังเดินเลี้ยวขึ้นบันได ณรงค์เห็นแม่เลี้ยงตบแขนพ่อเขาเบาๆ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะคิกคักกัน จึงเดาได้ว่าคงกำลังคุยเรื่องเขากับไรอันอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มกลอกตาแล้วก็ได้แต่นึกขอบคุณทั้งสองในใจที่อย่างน้อยก็ไม่แซวพวกเขาต่อหน้า ไม่อย่างนั้นไรอันคงได้กระฟัดกระเฟียดใส่เขาแน่ๆ

เมื่อเดินขึ้นมาถึงบนห้อง ณรงค์ก็ให้ไรอันเข้าห้องก่อนแล้วปิดประตูตามหลัง เนื่องจากเขาเป็นลูกคนโตจึงค่อนข้างมีอภิสิทธิ์ตรงที่ในห้องนอนของเขามีห้องน้ำส่วนตัว ทำให้ไม่เคยต้องเข้าคิวรอใช้ห้องน้ำเวลามาค้างที่นี่กับพวกน้องๆ ทั้งสอง

“คุณอาบน้ำในนี้ก็ได้ เดี๋ยวผมจะออกไปอาบที่ห้องน้ำข้างนอก”

ณรงค์เอ่ยพลางหยิบผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนออกจากตู้ แต่หนุ่มลูกครึ่งกลับขมวดคิ้วแล้วมองเขา จากนั้นก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงเบา

“It’s ok if we shower together.”

เสียงนั้นแผ่วจนณรงค์นึกว่าตัวเองหูฝาด เมื่อหันไปมองคนพูดก็เห็นว่าผิวแก้มของไรอันเป็นสีแดงเรื่อ แต่ยากจะบอกว่าสีที่เข้มขึ้นนั้นมาจากการที่ตากแดดเมื่อตอนบ่ายหรือเพราะสิ่งที่เพิ่งพูดกันแน่

“เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรนะ?”

ไรอันทำหน้าเหนื่อยหน่ายพลางถอดเสื้อยืดแขนกุดที่เปียกจนแนบเนื้อออกแล้วปล่อยให้ตกลงบนพื้น จากนั้นก็ใช้นิ้วโป้งข้างหนึ่งเกี่ยวที่ขอบกางเกงเหมือนจะรูดทั้งตัวนอกและตัวในลงในคราวเดียว

“ผมบอกว่าเราอาบน้ำด้วยกันก็ได้ ถึงยังไงนี่ก็ห้องคุณนี่นา เว้นว่าคุณอยากอาบคนเดียวมากกว่าก็ตามใจ”

เมื่อจบประโยค กางเกงขาสั้นกับกางเกงในสีขาวก็ถูกรูดลงมาถึงข้อเท้าคนพูดพอดี ไรอันยกขาออกจนพ้นกองกางเกงแฉะๆ ที่วางอยู่ข้างเสื้อซึ่งถอดไปก่อนหน้า จากนั้นก็หมุนตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยจงใจไม่ปิดประตู ไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวที่ตกกระทบพื้นก็ดังขึ้น และณรงค์ก็พบว่าตัวเองยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม และสายตาก็ยังจ้องอยู่จุดเดิมที่ไรอันยืนอยู่เมื่อกี้จนแทบไม่กะพริบเหมือนกัน

หลายวินาทีผ่านไปกว่าเขาจะรู้สึกตัวและหันไปกดล็อคประตูห้องนอน จากนั้นจึงรีบถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดและเดินตามไรอันเข้าไปในห้องน้ำบ้าง ชายหนุ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นจนแทบจะได้ยินเสียงก้องในหู และภาพที่อีกฝ่ายยืนหันหลังให้เขาโดยที่มีสายน้ำจากฝักบัวที่แขวนไว้ไหลรดลงบนร่างก็ทำเอาณรงค์แทบหยุดหายใจ

ไรอันไม่ได้หันมาทางเขา แต่ก็คงรับรู้ว่าเขาเข้ามาในห้องน้ำด้วยแน่นอน ร่างสูงเพรียวหันไปหยิบก้อนสบู่จากที่วางขึ้นมาขยี้ให้เกิดฟองแล้วก็ลูบไปบนแขน ณรงค์จึงขยับตัวเข้าไปใกล้และหยิบสบู่ก้อนนั้นมาถือไว้เอง ระยะที่ใกล้ชิดทำให้สายตาของทั้งสองประสานกันเมื่อไรอันเหลียวหลังกลับมา เช่นเดียวกับไออุ่นจากทั้งสองร่างที่ราวกับดึงดูดพวกเขาไว้ไม่ให้ห่างออกจากกัน

“เดี๋ยวผมถูสบู่ให้เอง”

ณรงค์เอ่ยพลางลูบก้อนสบู่ไปบนแผ่นหลังของหนุ่มลูกครึ่ง ไรอันไม่ได้ตอบปฏิเสธและเพียงแต่ยืนนิ่งๆ ให้เขาถูสบู่ให้ จนถึงบริเวณไหล่ที่ผิวโดนแดดเผาจนสีแดงจัดกว่าผิวส่วนอื่น คนที่ยืนนิ่งมานานจึงส่งเสียงลอดไรฟันเบาๆ

“ขอโทษ แสบเหรอ?”

ณรงค์ถามพลางลูบผิวบริเวณที่ไหม้ของไรอันอย่างอ่อนโยนราวนั่นจะช่วยทำให้เขาหายเจ็บ ไรอันจึงส่ายหน้าก่อนจะหันกลับมาอีกครั้ง

“นิดหน่อยน่ะ พอดีผมก็ลืมทาซันบล็อกเอาไว้ก่อน ไม่นึกว่าแดดมันจะแรงขนาดนั้น”

“ผมผิดเอง ความจริงไม่น่าให้คุณออกไปเล่นสาดน้ำกลางแจ้งแบบนั้นเลย ขอโทษด้วย”

ชายหนุ่มเอ่ยพลางจับไรอันให้หันหน้ามาหา จากนั้นก็ช่วยถูสบู่บนแผ่นอกและลำคอให้ รอยแดงบนไหล่และอกส่วนที่โผล่พ้นเสื้อทำให้เขายิ่งนึกโทษตัวเองมากขึ้นอีก

“It’s ok. I had fun.”

ไรอันเอ่ยพลางสูดหายใจลึกเมื่อณรงค์ลูบก้อนสบู่ต่ำลงไปบนหน้าท้องที่ไม่ถึงกับแบนราบแต่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อย ณรงค์จึงตวัดสายตาขึ้นสบตากับไรอันอีกครั้ง และสัมผัสได้ว่าแผ่นอกของหนุ่มลูกครึ่งเริ่มกระเพื่อมถี่ตามลมหายใจที่กระชั้นขึ้น

“ความจริง ที่ผมชวนคุณไปเล่นสาดน้ำนั่นเพราะผมอยากแกล้งคุณ เรื่องที่บอกกับยายสาไปว่าคุณยังไม่มีแฟนน่ะ”

ณรงค์วางก้อนสบู่ลงบนที่วาง ก่อนจะค่อยๆ เบียดร่างกายเข้าหาไรอันมากขึ้นจนแผ่นอกของทั้งสองแนบชิด เช่นเดียวกับร่างกายท่อนล่างที่ต่างเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อการเสียดสีมากขึ้นทุกที

“ผมรู้”

ไรอันเอ่ยเสียงหอบ ก่อนที่ลมหายใจจะถูกช่วงชิงเมื่อณรงค์บดริมฝีปากเข้าหาอย่างไม่ปราณี หนุ่มลูกครึ่งยกแขนขึ้นเกาะเกี่ยวแผ่นหลังของณรงค์ไว้ราวกับหากไม่ทำเช่นนั้นจะยืนไม่อยู่ ส่วนณรงค์ก็ใช้แขนข้างหนึ่งรั้งเอวสอบของคนตรงหน้าไว้แน่น ขณะที่มืออีกข้างสอดนิ้วเข้าไปในเรือนผมที่เปียกน้ำจนชุ่มของไรอันและดึงให้แหงนเงยเพื่อรับจูบจากเขามากยิ่งขึ้น

ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดกันอย่างร้อนแรง เช่นเดียวกับปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดอย่างไม่มีใครยอมใคร จูบครั้งนี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับคืนวันวาเลนไทน์ที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลและอ่อนหวาน เพราะทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความเร่งเร้าและร้อนรน ราวกับหากไม่ได้สัมผัสเนื้อตัวกันในนาทีนี้จะต่างทนความต้องการที่กำลังปะทุในใจไม่ได้

“อะ...อ๊ะ Not there!!”

ท่ามกลางพายุอารมณ์ที่ปั่นป่วน ไรอันยังมีสติพอที่จะรู้สึกตัวเมื่อณรงค์เลื่อนมือหนึ่งต่ำลงไปที่สะโพกด้านหลัง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหรี่ขึ้นสบตากับนัยน์ตาของณรงค์อย่างขอร้อง ชายหนุ่มจึงกระซิบติดริมฝีปากอีกฝ่ายเสียงแผ่ว

“ถ้าแค่นิ้วล่ะ โอเคมั้ย?”

ณรงค์รู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมแขนสั่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ไรอันจะหลุบตาลงและพยักหน้าช้าๆ ร่างเพรียวของหนุ่มลูกครึ่งสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อณรงค์ใช้นิ้วที่ถูกับก้อนสบู่จนลื่นลูบที่รอยแยกตรงเนินเนื้อด้านหลัง ก่อนจะค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นทีละนิด ท่าทางตื่นเกร็งและปลายนิ้วที่จิกลงบนไหล่เขาอย่างแรงทำให้ณรงค์สังหรณ์ใจว่าบริเวณนั้นของหนุ่มลูกครึ่งคงไม่เคยผ่านการถูกล่วงล้ำจากใครมาก่อน และนั่นก็ทำให้อารมณ์ที่มัวหมองก่อนหน้านี้ของเขาปลอดโปร่งขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ไรอันลืมตาขึ้นเมื่อถูกดึงมือให้ลดลงจับความแกร่งร้อนของณรงค์ที่กำลังเบียดกับความร้อนรุ่มของตัวเอง สายตาสองคู่ประสานกันใต้สายน้ำที่ยังคงไหลไม่หยุด ก่อนที่ไรอันจะหลับตาอีกครั้งและรู้ได้เองว่าควรทำอะไรด้วยการใช้ทั้งสองมือโอบกุมความแข็งขืนของทั้งคู่และขยับไปพร้อมกัน

“อื้มมม”

ร่างเพรียวส่งเสียงครางในคอเมื่อณรงค์ก้มลงปิดเสียงจากริมฝีปากของเขาด้วยริมฝีปากตัวเอง ภายในห้องน้ำจึงมีเพียงเสียงสายน้ำจากฝักบัวที่ยังไหลรินบนร่างของชายหนุ่มทั้งสอง เสียงของร่างกายที่เสียดสีกันจนเกิดเสียงเฉอะแฉะหยาบโลน และเสียงหอบหายใจถี่ที่สะท้อนถึงความปั่นป่วนจากร่างกายของทั้งคู่

ณรงค์ตระหนักว่าตัวเองกำลังจะทนความรู้สึกที่พลุ่งพล่านไม่ไหว เพราะการได้แนบชิดร่างกายเปลือยเปล่ากันและสัมผัสจากมือของไรอันนั้นดีกว่าที่เขาคิดฝันไว้มากนัก จึงเลื่อนมือที่รั้งเอวสอบไว้มากุมรอบมือของไรอันอีกชั้นเพื่อกำกับให้ขยับเร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็เพิ่มนิ้วที่สอดแทรกในร่างกายอุ่นขึ้นเป็นสองนิ้วด้วย และในเวลาไม่นาน พยับคลื่นความสุขสมที่ถาโถมก็ม้วนขึ้นกระหน่ำซัดทั้งคู่จนต่างไม่รับรู้อะไรอีกนอกจากสัมผัสจากคนตรงหน้าเท่านั้น

ชายหนุ่มทั้งสองต่างหอบหายใจแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อเสร็จสิ้นการแลกเปลี่ยนรสเสน่หาให้กันและกัน ณรงค์สัมผัสได้ถึงช่องทางเบื้องหลังของไรอันที่บีบรัดนิ้วทั้งสองของเขาอย่างแรง จึงรอจนกระทั่งร่างกายของอีกฝ่ายสงบลงมากขึ้นถึงค่อยถอนนิ้วออก ฝ่ายไรอันค่อยๆ ปรือตาขึ้นมองเขาราวกับเปลือกตามีอะไรที่หนักอึ้งถ่วงไว้ จากนั้นก็แนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบาจนณรงค์ยิ้ม

บรรยากาศอ่อนหวานกระจายตัวพร่างพรมไปทั่วทั้งห้องน้ำ แต่แล้วณรงค์ก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่ทำเอาเขายังฉุนไม่หายอยู่ จึงใช้ปลายจมูกดุนจมูกอีกฝ่ายแล้วเรียกชื่อเสียงเบา

“ไรอัน”

“หืม?”

หนุ่มลูกครึ่งส่งเสียงถามในคอ ใบหน้าแดงเรื่อและลามไปจนถึงช่วงอก นัยน์ตาที่ยังฉ่ำเยิ้มเพราะความพิศวาสเมื่อครู่ทำให้ความไม่พอใจของณรงค์ลดวูบ แต่ก็คิดว่าถึงอย่างไรก็ต้องพูดในเมื่อทั้งสองคบกันแล้ว

“คุณยังติดผมอยู่อีกเรื่องนะ ทีผมคุณบอกว่าไม่ชอบให้เรียกชื่อเล่น แต่ทำไมวันนี้คุณถึงเที่ยวแนะนำตัวเองกับน้าหนิงกับเจ้าสองตัวนั่นด้วยชื่อรักตลอดเลยล่ะ?”

ณรงค์ถามอย่างตัดพ้อ ไรอันจึงสบตาเขานิ่งๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนถามทำหน้าเหลอ

“Sorry. ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนผมไม่อยากให้คุณเรียกชื่อเล่นผมจริงๆ แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มจะชินแล้วล่ะ ที่ยังไม่อยากให้คุณเรียกชื่อรักน่ะเพราะสาเหตุอื่นต่างหาก”

หนุ่มลูกครึ่งกลั้นหัวเราะพลางยกสองเขนขึ้นโอบรอบคอเขาไปด้วย ณรงค์จึงได้แต่ขมวดคิ้วมองรอยยิ้มของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะได้ยินคำตอบเมื่อไรอันโน้มคอเขาเข้าหา นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของคนพูดเป็นประกายแวววามยามที่อธิบายชิดริมฝีปากเขา

“เพราะผมชอบเสียงคุณเวลาเรียกผมว่าไรอันมากกว่าน่ะสิ”


++------++


ตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น ณรงค์กับไรอันอยู่บ้านที่กาญจนบุรีกันจนกระทั่งถึงวันหยุดวันสุดท้าย ตอนแรกณรงค์คิดว่าหนุ่มลูกครึ่งที่ไม่ชินกับชีวิตต่างจังหวัดคงเบื่อหลังจากอยู่ได้สองสามวัน แต่ปรากฏว่าไรอันก็ไม่เคยปริปากบอกเขาว่าอยากรีบกลับสักที นอกจากนี้ความช่างเลือกกินก็ดูจะไม่เป็นปัญหาเมื่อมาเจอฝีมือทำอาหารของแม่เลี้ยงเขา ถึงแม้ว่าน้าหนิงจะไม่สันทัดการทำอาหารตะวันตก แต่ก็เพียรถามไรอันว่าชอบทานอะไรจะได้ทำให้ และหนุ่มลูกครึ่งก็กล้าลองอาหารที่ไม่เคยทานมาก่อนมากขึ้น เว้นบางมื้อที่เขาพาไรอันไปทานฟาสต์ฟู้ดที่ห้างในตัวเมืองบ้างเพื่อช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้ไม่เบื่อกับอาหารที่บ้านเกินไป

วันที่สิบสี่ซึ่งเป็นวันครอบครัวนั้น พ่อของณรงค์พาทั้งบ้านไปทำบุญตักบาตรและกรวดน้ำให้แม่ของณรงค์ที่เสียไปกันตอนเช้า จากนั้นก็พาไปรดน้ำผู้ใหญ่ที่บ้านของน้องชายปู่ซึ่งอยู่นอกตัวเมืองออกไปไกล เนื่องจากปู่กับย่าแท้ๆ ของณรงค์เสียตั้งแต่เขายังเด็กแล้ว ส่วนตลอดวันหยุดที่เหลือ เขาก็พาไรอันเที่ยวสวนผลไม้ของพ่อบ้าง แจวเรือให้ดูวิวสองฝั่งคลองใกล้บ้านบ้าง บางครั้งก็พาไปเที่ยวน้ำตกหรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่นซึ่งโชคดีว่าจังหวัดบ้านเกิดเขามีเยอะ และนอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูรู้ว่าเป็นลูกครึ่งแล้ว ไรอันก็ดูจะปรับตัวเข้ากับการใช้วันหยุดที่บ้านที่ต่างจังหวัดกับครอบครัวของเขาได้ดีทีเดียว

เมื่อถึงวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของวันหยุด ณรงค์ก็พาไรอันไปไหว้ลาพ่อกับแม่เลี้ยงเพื่อจะได้กลับบ้านกันหลังทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่แม่เลี้ยงของเขาพาไรอันเข้าไปในครัวเพื่อดูว่าจะนำผลไม้กับขนมอะไรกลับบ้านโดยที่น้องฝาแฝดทั้งสองตามเข้าไปด้วย พ่อก็เรียกณรงค์ไปคุย

“ตกลงว่าคนนี้สะใภ้พ่อใช่มั้ย?”

“เฮ่ย! พ่อ อย่าพูดอย่างนี้ให้ไรอันได้ยินนะ  พวกผมเพิ่งคบกันได้ไม่กี่เดือนเอง”

ณรงค์ตอบพลางชำเลืองมองไปทางครัวซึ่งโชคดีที่ยังไม่มีใครออกมา พ่อของเขามองตามสายตาแล้วก็ส่ายหน้ายิ้มๆ “เอาเถอะ ถ้ารงค์ทำอะไรแล้วมีความสุขพ่อก็ไม่ห้ามหรอก ถึงจะเสียดายที่คงไม่มีโอกาสอุ้มหลานเร็วๆ นี้ก็เถอะ อย่างน้อยก็ยังมีเจ้าศรกับยายสา เราไปอยู่กรุงเทพคนเดียวพ่อก็เป็นห่วง ถ้าได้มีคนอยู่ข้างๆ ก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว เขาเองมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองคนเดียวก็คงเหงา เราอายุมากกว่าก็ดูแลเขาให้ดีๆ ล่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มและยกมือไหว้พ่อ ถึงแม้ว่าตั้งแต่ทำงานแล้วเขาจะไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยเท่าสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัย แต่เมื่อใดก็ตามที่ได้กลับมาที่นี่ก็จะได้รับความอบอุ่นและกำลังใจทุกครั้ง และเขาก็ดีใจที่พ่อและแม่เลี้ยงของเขาใจกว้างพอที่จะยอมรับคนที่ลูกรักได้ ถึงแม้ว่าอาจจะต่างออกไปจากลูกชายบ้านอื่นๆ ก็ตาม

“ถ้าผมกล่อมไรอันให้มาเยี่ยมบ้านอีกได้จะพามาบ่อยๆ ก็แล้วกัน”

ณรงค์เอ่ยขึ้น พ่อเขาจึงหัวเราะ “สงสัยจะดื้อน่าดูสิท่า? แต่พ่อเห็นโหวงเฮ้งแล้วก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นคนแบบนั้นอยู่หรอก”

ชายหนุ่มได้ยินเสียงแม่เลี้ยงเรียกจากในครัวให้เข้าไปช่วยยกของ จึงผละเข้าไปช่วยขนถุงผลไม้ที่ถูกผูกแยกส่วนสำหรับของเขาและไรอันไว้ไปใส่ไว้ท้ายรถ จากนั้นชายหนุ่มทั้งสองก็ไหว้ลาพ่อกับแม่เลี้ยงอีกครั้ง ส่วนน้องๆ ทั้งสองก็เข้ามากอดลาทั้งเขาและไรอันอย่างอาลัยอาวรณ์

“แล้วพี่รงค์ต้องพาพี่รักมาเยี่ยมอีกนะ เสียดายพ่อยังไม่ให้สากับศรเข้ากรุงเทพเอง ไม่งั้นจะไปหาถึงที่คอนโดเลย”

น้องสาวของเขาเอ่ยขึ้นโดยที่นัยน์ตามีน้ำตาคลอ ณรงค์จึงขยี้หัวทุยๆ ที่มัดหางม้าหลวมๆ ไว้เบาๆ จากนั้นก็เหลือบมองไปที่หนุ่มลูกครึ่งข้างตัว “ไว้ถ้าพวกพี่มีวันหยุดยาวอีกเมื่อไหร่จะมาก็แล้วกัน พวกเราสองคนก็เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนด้วยล่ะ ผมไปแล้วนะพ่อ น้าหนิง”

“ขับรถกลับดีๆ นะจ๊ะ แล้วเจอกันใหม่จ้ะรัก”

แม่เลี้ยงของเขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ไรอันจึงยิ้มตอบก่อนจะเข้านั่งในรถบ้าง จากนั้นณรงค์ก็ขับรถออกมาโดยทิ้งภาพครอบครัวที่ยืนโบกมือลาไว้ด้านหลัง น่าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกใจหายกับการกลับกรุงเทพมากเท่าครั้งนี้มาก่อน อาจเป็นเพราะว่าเวลาที่จะได้ใช้สองคนกับไรอันติดๆ กันหลายวันโดยมีครอบครัวเขาอยู่พร้อมหน้าด้วยแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ กระมัง

แม้ว่าณรงค์จะขับรถออกมาจากบ้านไกลแล้ว แต่ในรถก็ไม่มีใครชวนใครคุย และชายหนุ่มก็ไม่ได้เปิดเพลงเพราะเขารู้สึกว่าอยากอยู่กับความสงบเงียบมากกว่า ฝ่ายไรอันเองก็ดูจะไม่ได้อึดอัดเพราะเพียงแต่เท้าคางกับขอบกระจกแล้วมองออกไปภายนอกเงียบๆ เท่านั้น

ณรงค์ไม่รู้ว่าใครที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่เมื่อรู้ตัว มือข้างซ้ายของเขากับมือขวาของไรอันก็ขยับไปโดนกันและเกาะกุมกันเอาไว้หลวมๆ ชายหนุ่มค่อยๆ สอดนิ้วเข้าไปเกี่ยวกับนิ้วของไรอันไว้แล้วดึงให้มาวางบนตักของเขา ก่อนที่ไรอันจะโน้มตัวมาเอนพิงไหล่เขาช้าๆ ราวกับทั้งสองเคยทำแบบนี้ประจำจนเป็นเรื่องปกติ ความอบอุ่นจากสัมผัสนั้นทำให้ณรงค์รู้สึกว่าอยากให้ช่วงเวลานี้ยืดยาวออกไปและไม่อยากกลับเข้ากรุงเทพเลย

“ครอบครัวคุณอบอุ่นดีนะ”

ไรอันเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากที่พวกเขานั่งกันเงียบๆ อยู่นาน ณรงค์จึงพยักหน้าขณะที่แขนอีกข้างบังคับพวงมาลัยรถไปด้วย

“ผมโชคดีน่ะ ถึงน้าหนิงจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ก็เอ็นดูผมดี พ่อก็ไม่เคยปล่อยปละละเลย ส่วนพวกน้องๆ ก็ว่าง่ายถึงจะซนไปหน่อย”

เมื่อณรงค์พูดถึงน้องฝาแฝด ไรอันก็หัวเราะนิดหนึ่งแล้วดันตัวเองออกมองหน้าเขา ณรงค์จึงเหลือบตามองตามอย่างสงสัย

“พูดถึงน้องๆ คุณ ตอนที่ผมเข้าไปในครัวน่ะ น้องสาวคุณมากระซิบถามว่าผมเป็นแฟนคุณหรือเปล่าด้วยนะ”

“หา?”

ณรงค์อุทานอย่างตกใจ จริงอยู่ว่าเขาไม่เคยคิดจะปิดบังความสัมพันธ์ของเขากับไรอันกับคนที่บ้าน แต่ก็ไม่คิดว่าน้องสาวจะมองออกง่ายขนาดนั้นทั้งที่เขาไม่เคยบอกตรงๆ

“...แล้วคุณตอบไปว่าไงล่ะ?”

ชายหนุ่มถามพลางเหลือบตากลับไปมองถนนด้านหน้า เขามั่นใจว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ไรอันมีให้เขาคงมากกว่าเมื่อวันวาเลนไทน์แล้ว แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นที่จะเต็มใจรับว่าเขาเป็นแฟนเต็มตัวก็เป็นได้ หนุ่มลูกครึ่งจึงขยับนิ้วมือที่ประสานกับนิ้วของเขาไปมาแล้วทำท่าคิด

“ผมแค่ยิ้มแล้วไม่ได้พูดอะไรน่ะ ตอนนั้นผมงงที่ถูกถาม แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่ายังไงดีนี่นา”

“แล้วถ้าผมถามคำถามเดียวกันตอนนี้ล่ะ? คุณตอบผมได้หรือเปล่า?”

ณรงค์เบี่ยงรถเข้าจอดข้างถนนซึ่งเต็มไปด้วยร่มไม้ใหญ่ จากนั้นก็หันไปถามไรอันตรงๆ เพราะเขารู้สึกว่าวินาทีนี้คือช่วงเวลาที่เขาจะได้คำตอบที่จริงใจมากที่สุด เพราะหากปล่อยจนกระทั่งพวกเขากลับถึงกรุงเทพ ไรอันอาจจะกลับไปเป็นเจ้านายที่เย็นชาและลืมช่วงเวลาที่พวกเขาเพิ่งมีด้วยกันที่บ้านสวนไปก็ได้

ไรอันดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งตัวกับการที่ถูกถามอย่างเอาจริงเอาจังเช่นนั้น จึงนั่งสบตาเขานิ่งราวจะค้นหาบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ในแววตาของณรงค์อยู่ครู่ใหญ่ หลายอึดใจผ่านไปกว่ามุมปากทั้งสองบนใบหน้าคมเข้มจะค่อยยกขึ้นน้อยๆ ณรงค์แทบกลั้นหายใจเมื่ออีกฝ่ายโน้มตัวเข้าหาจนริมฝีปากทั้งสองเกือบสัมผัสกัน แต่แทนที่จะจูบเขา ไรอันกลับเบี่ยงตัวไปกระซิบที่ข้างหูเขาแทน

“In that case, my answer is yes.”

หนุ่มลูกครึ่งย้ำคำตอบด้วยการกดจมูกลงบนแก้มณรงค์ทีหนึ่งก่อนจะถอยกลับไปนั่งที่เดิม จากนั้นก็ยิ้มชอบใจเมื่อเห็นสีหน้าของณรงค์ที่เหมือนกำลังเห็นมนุษย์ต่างดาวก็ไม่ปาน ก่อนจะเขย่ามือเขาเพื่อเรียกความสนใจกลับมา

“You’re my boyfriend. Happy now?”

ณรงค์ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่กว่าจะค่อยๆ เรียกสติตัวเองกลับมาได้ จากนั้นความดีใจก็ถาโถมจนเขาต้องรั้งตัวหนุ่มลูกครึ่งเข้าไปกอดแน่น คนในอ้อมแขนหัวเราะอย่างสดใสก่อนจะยกมือข้างที่ไม่ได้จับกันไว้ขึ้นตบหลังเขาเบาๆ

ครู่ใหญ่กว่าณรงค์จะยอมคลายอ้อมแขนออก เขายิ้มให้กับเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าและแนบหน้าผากลงกับหน้าผากอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ความอ่อนหวานที่ได้สัมผัสทำให้เขาไม่อยากปล่อยมือจากร่างกายอีกฝ่ายเลย

“ขอบคุณมากนะ คุณไม่รู้หรอกว่าผมรอนาทีนี้มานานแค่ไหน”

“…ผมรู้”

ไรอันตอบพร้อมกับยิ้มให้ และณรงค์ก็พบว่าตัวเองหุบยิ้มไม่ได้มากขึ้นทุกที ชายหนุ่มยกมือข้างที่ประสานกันไว้ขึ้นแล้วแนบริมฝีปากลงบนหลังมือไรอันจนเกิดเสียงดัง จากนั้นก็หันไปออกรถเพื่อกลับเข้าเมืองอีกครั้ง พักหนึ่งก็หันไปถามคนข้างตัวที่เอนหัวมาพิงไหล่เขาอย่างเดิม

“บ่ายนี้ถึงกรุงเทพแล้วไปดูหนังกันมั้ย?”

หนุ่มลูกครึ่งหัวเราะเบาๆ พลางไหวไหล่ “ก็แล้วแต่คุณ”

“แล้วตอนเย็นไปกินข้าวกันที่ร้านเดิมด้วยนะ”

“Yeah yeah whatever you want, sweety.”

ณรงค์หัวเราะบ้างเพราะรู้ว่าไรอันกำลังแซวเขา แต่ต่อให้โดนด่าตอนนี้เขาก็คงจะไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิด

“งั้น...ถ้าคืนนี้ผมชวนคุณมานอนที่ห้องผมล่ะ?”

ณรงค์ถามอีก คราวนี้ไรอันจึงถอยไปนั่งพิงพนักตัวเองแล้วหยิบหมอนขึ้นมากอด “ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะคุณ แล้วก็ขับรถดีๆ ด้วย ผมจะนอนล่ะ”

หนุ่มลูกครึ่งพูดจบก็ปล่อยมือจากเขาและหยิบแว่นกันแดดมาสวมก่อนจะปรับเบาะให้เอนลง ณรงค์จึงยิ้มก่อนจะดึงแจ๊คเก็ตจากพนักแล้วส่งให้ และไรอันก็รับไปห่มคลุมตัวเองโดยไม่ต้องให้บอก

“นอนไปเถอะ เดี๋ยวถึงกรุงเทพแล้วผมจะปลุก”

“อืม”

ไรอันรับคำในคอ จากนั้นไม่นานก็หลับสนิทจนส่งเสียงหายใจสม่ำเสมอ และณรงค์ก็ฉวยโอกาสตอนที่รถติดไฟแดงก้มลงหอมแก้มหนุ่มลูกครึ่งอีกครั้ง เพราะมั่นใจว่าตอนนี้เขามีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นได้โดยไม่ต้องห่วงจะโดนหาว่าลักหลับอีกแล้ว

อาจจะยังต้องใช้เวลาเรียนรู้กันต่อไปอีกหน่อย แต่ณรงค์ก็มั่นใจว่านับจากวันนี้ ไรอันคงจะเริ่มมองเขาต่างไปจากที่เคยมองมา และยอมรับให้เขาเข้าไปในหัวใจมากขึ้น รวมทั้งกล้าเปิดเผยตัวตนที่แต่ก่อนปิดบังไว้ให้เขาได้ใกล้ชิดมากขึ้นด้วย

ต่อให้คืนนี้ไรอันจะตามไปนอนกับเขาที่ห้องหรือไม่ หรือว่าเขาจะได้ไปนอนที่ห้องของไรอันหรือเปล่าก็ไม่สำคัญ เพราะสิ่งที่ณรงค์พบว่าสำคัญที่สุดจริงๆ ในห้วงนาทีนี้ คือการที่รักของเขาได้รับการตอบรับจากคนที่ได้หัวใจเขาไปเสียทีต่างหาก…
สงกรานต์ปีนี้ เขาคือคนที่โชคดีที่สุดจริงๆ...

End


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
รู้สึกอย่างกับเขียน Trilogy เพราะมาครบสามเทศกาลใหญ่แล้ว ฮา (อย่าถามถึงพวกไหว้พระจันทร์อะไรทำนองนั้นเลยนะ อิป้าไม่สันทัดเทศกาลจีนค่า) หวังว่าครึ่งหลังคงทำให้แม่ยกณรงค์กับไรอันหายใจโล่งกันขึ้นบ้างนะค้า ณรงค์อาจไม่ถึงกับเผด็จศึกได้ซะทีเดียว แต่อย่างน้อยก็ได้ของที่สำคัญกว่านั้นจากไรอันไปแล้วล่ะ จากนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะเขียนคู่นี้ตามเทศกาลไหนอีกหรือเปล่าเหมือนกัน บางทีถ้านึกอะไรได้อาจเขียนมาให้อ่านแก้คิดถึงกันซะมากกว่า หวังว่าตอนนี้คงทำให้คนอ่านยิ้มอย่างมีความสุขกันทุกคนค่ะ   :L1:

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
มีความสุขกับตอนนี้
อ่านไปยิ้มไป

 :o8: :o8:


+1 ให้กับคุณรัก และรงค์

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณคุณริน :L2:
ความสัมพันธ์รงค์กับรักก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว
เทศกาลต่อไปหยุดวันแรงงานไง รงค์กับรักหยุดแน่ๆ
ลองวีคเอ็นด์ซะด้วย หยุดเสาร์อาทิตย์จันทร์
ว่าแต่ไปไหนดีคุณริน :-[

ออฟไลน์ badcow

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-10
น่ารักมากครับ
อ่านซ้ำไปมาไม่ได้ทำงานเลย 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
มีความสุขจัง อิอิ ยินดีกับรงค์ด้วย ^^

ปล. รอตอนพิเศษวันหยุดแรงงาน >_<

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เทศกาลต่อไปนำเสนอวันแรงงานเหรอคะ ดูมันยังไม่ทิ้งห่างสงกรานต์เท่าไหร่เลยเนาะ (แถมต่อจากนั้นจะมีวันฉัตรฯ วันพืชฯ อีก คนเขียนตายหยังเขียดแหง 55555555)   :try2:

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:คุณริน
เราออกจะเกรงใจคุณรินเสนอวันแรงงานหยุดยาวช่วงเดียวนะ
เราเห็นว่าวันพืชฯวันฉัตรฯเป็นวันพระราชพิธี วันวิสาขบูชาก็เป็นวันศาสนา ไม่เหมาะที่จะให้รงค์กะรักได้กัน :-[
คุณรินมาชี้โพรงให้กระรอกกระโจนโหนตัวเข้าไปเองนะ
เราเห็นว่าวันแรงงานเหมาะกับการใช้แรงงานของสองหนุ่มจริงๆนะคุณริน :o8:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
โอวววว คุณ kakuro ช่างคิดล้ำลึกยิ่งนัก ข้าน้อยขอคารวะ!! (<< ไม่ได้คิดอะไรลึกเท่านั้นเลยนะเนี่ย) ว่าแต่วันแรงงานนี่มันช่างเป็นข้ออ้างในการ "ใช้แรงงาน" จริงๆ นิ เอิ้กๆๆ (แต่จะได้เขียนป่าวไม่รู้นะ)  :laugh:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
จิ้มๆๆๆ คนแต่ง

ในที่สุด เขาก็เป็นแฟนกันเป็นทางการซะที เ้ย้ๆๆๆๆ  :mc4:  :mc4:
รู้สึกว่า อ่านเรื่องนี้ แล้วเหนื่อยกับการลุ้นให้นายเอกรับรักพระเอก มากกว่าทุกเรื่องทีผ่านมาเลยนะเนี่ย เฮ้ออออออออออ โล่งอก   :a2:


ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
จิ้มๆๆๆ คุณผึ้งมั่ง

รู้สึกว่า อ่านเรื่องนี้ แล้วเหนื่อยกับการลุ้นให้นายเอกรับรักพระเอก มากกว่าทุกเรื่องทีผ่านมาเลยนะเนี่ย เฮ้ออออออออออ โล่งอก   :a2:

ประเด็นใหญ่ใจความก็คือจะแกล้งพระเอกน่ะค่ะ เอ๊ยไม่ใช่! ให้พระเอกได้แสดงความจริงใจนานๆ หน่อยไง ฮ่าๆๆ :jul3:

 

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
อยากอ่านต่ออีกจังค๊า >,,,<  เรื่องน่ารักมากๆค่ะ

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
"ประเด็นใหญ่ใจความก็คือจะแกล้งพระเอกน่ะค่ะ เอ๊ยไม่ใช่! ให้พระเอกได้แสดงความจริงใจนานๆ หน่อยไง ฮ่าๆๆ"
จริงๆแล้วคุณรินชอบให้ตัวเอกของคุณรินค้าง ยกตัวอย่าง
-เป้...วิวตอนวิวหลับ คุณรินก็ให้วิวตื่นมาชกเป้
-ต้นล้มลงกอดไผ่จน...แล้วก็ให้ทั้งคู่กอดกันเฉยๆ
-เชษฐ์กอดภัทรในห้องน้ำจน...แล้วให้รอมันสงบ
-รงค์ไม่ได้พกถุงเลยอด...รักในวันวาเลนไทน์
คิดไปคิดมาแล้วคนที่ค้างมากกว่าคือคนอ่าน :serius2:
คุณรินคงไม่โกรธนะ รองานเขียนคุณรินจ้ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2011 12:05:41 โดย kakuro »

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
^
^

จิ้มคุณ kakuro ช่างคิดดังๆได้โดนใจเรา 555+
คุณรินหาได้แกล้งให้พระเอกได้แสดงความจริงใจนานๆแต่อย่างใดไม่
หากแต่เป็นการแกล้งคนอ่านให้ได้ค้างคาอย่างที่สุด  o18
อันที่จริงแล้วจะฝึกให้คนอ่านรู้จักอดทนอดกลั้น ยุบหนอพองหนอ ชิมิ  :m20:


รักนะตัวเอง  :จุ๊บๆ:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
^
^
^
สองคนข้างบน...ร้ายนักนะ แต่ละคำแทงใจจึ้กๆ
  o22







แต่ว่า...ถูกทุกข้อฮ่ะ ถ้าไม่อารมณ์ค้างกันบ้างก็ไม่ตื่นเต้นอยากรู้ตอนต่อจิ อุโฮะๆๆๆๆ (กร๊าก ไม่ยักรู้ว่าที่แท้คนอ่านของเราก็ชอบอะไรค้างๆ แบบนี้นะเนี่ย)  :laugh5:

เขาก็รักคนอ่านเหมือนกัน งุงิ :man1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-04-2011 13:37:27 โดย bellbomb »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
อยากจะ ^^ น้องริน ( คงเรียกไม่ผิด มั่ง )  ก็ยังไม่ควร เพราะยังไม่รู้จักกันเป็นทางการเลย  :m23:
ขอแนะนำตัวก่อน พี่ชื่อ วัน นะครับ รู้จัก น้องริน จากน้องสาวผู้น่ารัก แนะนำให้อ่านหนังสือของน้องริน
และน้องสาวอีกนั่นแหละ จองหนังสือ ให้เป็นที่เรียบร้อย ( แต่ยังไม่ได้จ่ายค่าหนังสือคืนให้น้องสาวเลย 555... )
เอาว่ารู้จักกันแล้วนะครับ ( ขี้ตู่ ) 555.... เป็นกำลังใจให้นะครับ ส่วนจะมาเมื่อไหร่ ก็คงเมื่อนั้น
+1 ให้เป็นการตอบแทนสำหรับเรื่องสนุก ๆ อีกทั้งรอลุ้น วันแรงงานของทั้ง  " รัก กับ ณรงค์ " :กอด1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ถ้าเป็นเรื่องของคุณริน
กว่าบทเข้าพระเข้านายจะมา
ต้องรอจนถึงจุดพีคค่ะ
พอมาแล้วก็ต้องบอกว่าของเขาดีจริงๆ หุหุหุ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
อยากจะ ^^ น้องริน ( คงเรียกไม่ผิด มั่ง )  ก็ยังไม่ควร เพราะยังไม่รู้จักกันเป็นทางการเลย  :m23:
ขอแนะนำตัวก่อน พี่ชื่อ วัน นะครับ รู้จัก น้องริน จากน้องสาวผู้น่ารัก แนะนำให้อ่านหนังสือของน้องริน
และน้องสาวอีกนั่นแหละ จองหนังสือ ให้เป็นที่เรียบร้อย ( แต่ยังไม่ได้จ่ายค่าหนังสือคืนให้น้องสาวเลย 555... )
เอาว่ารู้จักกันแล้วนะครับ ( ขี้ตู่ ) 555.... เป็นกำลังใจให้นะครับ ส่วนจะมาเมื่อไหร่ ก็คงเมื่อนั้น
+1 ให้เป็นการตอบแทนสำหรับเรื่องสนุก ๆ อีกทั้งรอลุ้น วันแรงงานของทั้ง  " รัก กับ ณรงค์ " :กอด1:

หวัดดีค่ะพี่วัน น้องสาวผู้น่ารักคนนั้นใช่พี่น้ำตาลหรือเปล่าน้า?
เพราะเห็นบอกว่าช่วยแนะนำนิยายให้พี่ชายท่านหนึ่งอ่านเหมือนกัน ถ้าใช่ก็ยินดีที่รู้จักอย่างเป็นทางการค่า   :impress2:

+1 คืนให้เช่นกัน หวังว่าจะเอ็นจอยเรื่องใหม่ที่ส่งไปแล้วเหมือนกันนะคะ ส่วนตอนวันแรงงานสำหรับณรงค์กับรักนี่ อย่ายุมากจิ เดี๋ยวบิ๊วท์ขึ้น ฮ่าๆๆ
  :laugh:

ถ้าเป็นเรื่องของคุณริน
กว่าบทเข้าพระเข้านายจะมา
ต้องรอจนถึงจุดพีคค่ะ
พอมาแล้วก็ต้องบอกว่าของเขาดีจริงๆ หุหุหุ

คุณ yeyong คุณค่าของการรอคอยมันให้ผลหอมหวานและเต็มอิ่มยังงี้ละ (ป๊าดดดดด) ว่าแต่ทางบ้านหายน้ำท่วม + ได้หนังสือหรือยังเอ่ย? ส่งไปแล้วก็เป็นห่วงเหมือนกัน ยังไงถ้าได้รับหรือได้อ่านต้นกับไผ่แบบรวมเล่มแล้วมาเล่าสู่ให้ฟังกันบ้างนะคะ จุ๊บๆ  o13

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนใหม่ยังไม่มา แต่แบบว่า...กำลังเห่อรูปสเก็ตช์ตัวละครจากน้อง Rans ค่ะ เลยขอเอามาแปะเผื่อแผ่คนอ่านที่อาจไม่ได้เล่น facebook ละกัน (เพราะแปะที่นู่นไปแล้ว) นี่คือณรงค์กับไรอันที่อาจหน้าตาออกแนว manga ไปนิด แต่อิมเมจใกล้เคียงภาพที่เคยคิดไว้ในหัวเลยค่ะ แอร๊ยย์  :o8:

เริ่มจากคนแรก พ่อพระเอกที่ชอบโดนปั่นหัว ที่คุณ kakuro เปรียบเปรยให้ว่า หมาเห่าเครื่องบินนั่นเอง (เอ๊ะ หรือหมาวัดกับดอกฟ้า?) มีคนทักว่าดูหล่อเกินไปด้วย กร๊ากกก :laugh:  



คนต่อไป ผู้บริหารหนุ่มลูกครึ่งขี้วีน ที่ชอบทำณรงค์ต้องคอยลุ้นอารมณ์อยู่เรื่อย  :เฮ้อ:



ต้องขอบคุณน้อง Rans มากๆ ที่สื่ออารมณ์ตัวละครได้ตรงใจคนเขียนเลย อนึ่ง บนปกจริงทั้งคู่จะบึกบึนกว่านี้หน่อย แต่คงยังไม่รวมเล่มเร็วๆ นี้หรอกค่ะเพราะเนื้อหาเพิ่งกระจึ๋งเดียว (เป็นโปรเจ็คต์ในอนาคตอีกละ ^^") ว่าแต่ไหนๆ แล้ว ขอแจ้งให้ทราบว่าจากสัปดาห์หน้าเป็นต้นไป อิป้าคนนี้จะกลับไปเป็นพนักงานบริษัทเต็มเวลาแล้วค่ะ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะยุ่งยิ่งปานไหน แต่ยังไงจะไม่ทิ้งนิยายแน่นอน ระหว่างนี้อนุญาตให้อ่านทวนตอนเก่าๆ ระหว่างรอตอนใหม่กันก่อนได้เน้อ แล้วพบกันใหม่เร็วๆ นี้ค่า (หวังว่า)  :z1:

ป๋อหลอ ขอความร่วมมือ อย่าเอารูปไปโพสต์ที่อื่นหรือนำไปดัดแปลงนะ เพราะคาแรกเตอร์ยังต้องปรับปรุงอีกค่า XD[/colo]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2011 23:21:31 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ Wordslinger

  • แป้งจี่รีรีข้าวสาร
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1180/-5
กดบวกหนึ่งไปแล้วนะคะเธอ

แอร๊ยยยยยยยยซ์ ไรอันน่ารักอะ ชอบนายเอกที่เป็นแบบนี้ที่สุด แบบว่าค่อยๆมอบความรักให้กับพระเอกทีละน้อย แบบว่าเดี๊ยนชอบที่พระเอกมันต้องตกเป็นเบี้ยล่างน่ะค่ะ  :laugh:

อยากกอดไรอันจัง คงรู้สึกดีน่าดู ส่วนรงค์ อิอิ หล่อนะคุณขา ฮัวะๆๆๆ :o8:

kakuro

  • บุคคลทั่วไป
ว้าย...มาแต่รูปหรือคุณริน เอาเรื่องด้วยดิ
ตอนแรกคุณรงค์เป็น"หมาเห่าเครื่องบิน"ตอนนี้เป็น"หมาวัดกับดอกฟ้า"เพราะรักมีใจให้รงค์แล้ว ได้กันเมื่อไร รงค์ก็กลายร่างเป็นเจ้าชายทันที :laugh3:
อ่านนี่หน่อยนะคุณรินhttp://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=24714.0
ปล.รูปสเก็ตช์หล่อนะ แต่สู้ต้นกับไผ่สองหนุ่มในดวงใจไม่ได้ :o8:

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
รูปสเก็ตซ์ไรอันโดนใจ ..ดูแรงและเหวี่ยงตัวจริงเสียงจริง  :pigha2:
คุณรงค์ของเราก็หล่อมากกกก

เป็นกำลังใจให้คนกำลังจะยุ่งคะ  :L2:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
Wordslinger ขอบคุณและบวกคืนจ๊ะเพื่อนสาว แอร๊ยย์ รสนิยมตรงกันเด๊ะเชียว เพราะชอบพระเอกที่มักตกเป็น "เบี้ยล่าง" เหมือนกัน ฮ่าๆๆ ต้องขอบคุณคนวาดที่ทำให้ณรงค์หล่อขนาดนี้ เพราะจริงๆ คนเขียนจินตนาการไว้หน้าตาธรรมดากว่านี้เย้อออ ส่วนไรอัน...น่ากด เอ๊ย น่ากอดจริงๆ แหละ หุหุหุ  :o8:

kakuro ไปอ่านแล้วค่า~  :a5:

4.แค่สบตาก็รู้ว่ารัก by Bellbomb
ชอบพระเอกนายเอก แต่รอคนเขียนนานจนผมคนอ่านเริ่มหงอก
แอร๊ยยย์ ตายแร้ว สงสัยต้องรีบเขียนตอนใหม่มาให้คุณ kakuro พร้อมบีเง็น (ปิดผมขาว) เขาไม่ได้ตั้งใจดองนะ นี่ก็เพิ่งผ่านตอนสุดท้ายมา เอ่อ...เก้าเดือนเอ๊ง แหะๆ ขอบคุณมากที่โควตให้เป็นหนึ่งในเรื่องที่ติดตามค่า แม้ว่ายายนี่จะเป็นโรคชอบเขียนติดๆ ดับๆ ก็เถอะ ยังไงติดตามกันก่อนทั้งเรื่องนี้และแค่สบตาก็รู้ว่ารักนะค้า ได้อ่านจนจบแน่ คอนเฟิร์มๆ
ปล. ตอนนี้กระแสต้นไผ่ยังแรง ถ้าเรื่องอื่นยังไม่จบสงสัยจะล้มกระแสยากส์
 :laugh:

ohmpresto ขอบคุณแทนคนวาดด้วยค่าคุณโอม ณรงค์ดูดีเกินคาดมากแต่ไรอันนี่บุคลิกใช่เลย สำหรับชีวิตที่กำลังจะยุ่ง...ถึงยุ่งยังไงแต่เค้าก็จะยังเขียนนิยายมาให้คุณโอมอ่านนะคะ งุงิ  :man1:

บวกให้คุณ kakuro กับคุณโอมด้วยค่า ได้อ่านเม้นต์จากแฟนประจำแล้วชื่นใจจริงๆ ^_____^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2011 19:36:39 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
ถ้าเป็นเรื่องของคุณริน
กว่าบทเข้าพระเข้านายจะมา
ต้องรอจนถึงจุดพีคค่ะ
พอมาแล้วก็ต้องบอกว่าของเขาดีจริงๆ หุหุหุ


คุณ yeyong คุณค่าของการรอคอยมันให้ผลหอมหวานและเต็มอิ่มยังงี้ละ (ป๊าดดดดด) ว่าแต่ทางบ้านหายน้ำท่วม + ได้หนังสือหรือยังเอ่ย? ส่งไปแล้วก็เป็นห่วงเหมือนกัน ยังไงถ้าได้รับหรือได้อ่านต้นกับไผ่แบบรวมเล่มแล้วมาเล่าสู่ให้ฟังกันบ้างนะคะ จุ๊บๆ  o13
ได้รับหนังสือแล้วค่ะ
แต่รู้สึกว่า boxset มันฟิตมากเลยค่ะ พอเปิดอ่าน หนังสือมันจะฟูขึ้นกว่าเดิม เอาใส่กลับกล่องยากมาก ทีนี้เราเอาหนังสือไปเคลือบปก เลยใส่กลับกล่องไม่ได้ ก็เลยต้องแยกกันอยู่ไปโดยปริยาย



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด