...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)  (อ่าน 278097 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jthida

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
สรุปแล้วคนที่เจ้าเล่ห์ที่สุดคือเสด็จแม่ชัดๆเลยอ่ะ หวังว่าจะไม่มีมีตัวร้ายอีกแล้ว แล้วถ้าอรุณาไม่ใช่ลูกสาวคนแรกแท้ๆ แล้วใครเป็นอ่ะ ต่อจากสนธยาน่ะ

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ซับซ้อนจริงๆ แต่อรุณาตายง่ายไปหน่อย

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
โอ้วววยังไงคะ ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แผนสลัดนางออกไป นางตายแล้ว หรือแค่บอกให้สบายใจ

แล้วยังไง


ยังเป็นบุคคลลึกลับเสมอเลยนะคะ เดาความคิดไม่ได้เลย เพราะตั้งแต่เริ่มเรื่องมา ก็แผนเธอตลอดด

ออฟไลน์ bangkeaw

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 566
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +32/-4
เนื้อเรื่องเข้มข้นซับซ้อนมาก อ่านแล้วลุ้นตลอด
แต่ก็แฝงอารมณ์ขันไว้ด้วย  o13

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อรุณาโหดไม่ได้ครึ่งของราชินีเลยด้วยซ้ำ นับถือจริงๆ




ขอบคุณสำหรับตอนนี้ค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
จะทำการใหญ่ใจต้องเหี้ยมจริงๆ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ด้วยพันธะบรรณาการ
By: Dezair
……………………..
บทที่ 12
   

   สนธยานั่งนิ่งอยู่บนเตียงด้วยเพราะตื้อตันไปทั้งหัว เขาเคยได้รับคำชมจากเหล่านายทหารผู้เป็นครูบาอาจารย์ว่ามีไหวพริบ คล่องแคล่ว ว่องไว แต่…มาวันนี้…สนธยารู้แล้วว่าความฉลาดของเขายังน้อยนิดนักหากเทียบกับความเจ้าเล่ห์ของผู้เป็นมารดา



   “อรุณา…ไม่ใช่น้องของกระหม่อมหรอกหรือ…” เขาตั้งคำถามเสียงแผ่วหวิว ความจริงที่ได้รับรู้วันนี้ ก่อความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจมากเหลือประมาณ แม้อรุณาจะไม่เคยมีความหวังดีต่อเขาเลย แต่เมื่อคิดถึงช่วงเวลาในวัยเยาว์ที่เคยนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน หรือออกไปเที่ยวด้วยกันแล้ว สนธยาก็อดไม่ได้…



…อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย…อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ…



   …มันจะดีกว่านี้ไหม หากว่าเขาไม่รู้ มันจะดีกว่านี้ไหม หากอรุณาไม่ละโมบโลภมากจนพาไปสู่จุดจบของนางในวันนี้…



   “นางไม่ใช่น้องของเจ้า ไม่ใช่พี่ของทิวาและอุษา”



   “แล้วเสด็จแม่รับเลี้ยงนางทำไม” สนธยาเงยหน้าถาม



หากคิดในทางกลับกันแล้ว ถ้าราชินีวารีวาทไม่รับเลี้ยงอรุณามาเป็นธิดาแต่แรก ไม่มอบฐานันดรให้นางเป็นองค์หญิงพระองค์แรกแห่งราชสำนักสมุทราให้แก่นาง นางคงเป็นเพียงสตรีธรรมดาสามัญชน และอาจมีความสุขกับวิถีชีวิตอันเรียบง่าย ไม่ทะเยอทะยาน ไม่ละโมบโลภมาก ไม่ปองร้ายใคร วันนี้…นางอาจจะยังมีลมหายใจ มีความสุข และมีความสงบไปจนถึงบั้นปลาย…



   ราชินีวารีวาทนิ่งงันไปเล็กน้อยเมื่อโอรสเงยพักตร์ขึ้นสบเนตรกับพระองค์ ก่อนจะขยับโอษฐ์ตอบเสียงเรียบกลับไป



   “เพราะแม่อยากให้นางมาเป็นคู่แข่งของเจ้า”



   “เสด็จแม่!”



   “สมุทรามีกฎมณเฑียรบาลในการสืบทอดบัลลังก์คือจะต้องมอบให้แก่ธิดาองค์โต แต่แม่อยากให้เจ้าเป็นราชาคนแรกของสมุทรา เจ้าก็รู้ ด้วยความสามารถของเจ้า ด้วยลักษณะนิสัยของเจ้า ถ้าเจ้าได้เป็นราชา ได้ปกครองสมุทรา สมุทราจะร่มเย็น…”



   “แต่ราชสำนักจะลุกเป็นไฟ” สนธยาสวนอย่างแข็งกร้าว ดวงเนตรจับจ้องด้วยความเจ็บปวดเหลือแสนที่ต้องรับรู้เรื่องราวโหดร้ายของมารดาที่ชักจูงสตรีผู้หนึ่งเข้ามาเป็นหมาก



…หมากเพื่อให้พระองค์ได้ขึ้นเป็นองค์ราชันย์แห่งสมุทราอย่างนั้นหรือ…ราชสำนักอยู่ในอุ้งหัตถ์ของราชินีวารีวาทมาแต่ไหนแต่ไร เพียงแค่ต้องการให้โอรสอย่างพระองค์ขึ้นครองราชย์ต่อ ไม่เห็นมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องใช้หมากอย่างอรุณาเลยสักนิด…



   “ราชสำนักจะไม่ลุกเป็นไฟ เพราะแม่รู้ว่าเจ้าจะปกครองด้วยความเย็นช่ำดุจสายน้ำ”



   “เสด็จแม่รู้จักกระหม่อมดีเหลือเกิน…” สนธยากล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบราวกับทบทวน



   …หากราชินีวารีวาทคิดจะทำสิ่งใดในสมุทราแล้ว ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องใช้หมากใช้เบี้ย หนำซ้ำไม่ต้องใช้เวลาอย่างสิ้นเปลืองชุบเลี้ยงธิดาที่ไม่ใช่ลูกของตนให้เติบใหญ่เพียงพอเพื่อที่จะให้กลายมาเป็นคู่แข่งและผลักดันโอรสองค์โตให้ขึ้นเป็นองค์ราชันย์องค์แรกของสมุทรา…ราชินีวารีวาทผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องทำเช่นนั้น ในเมื่ออำนาจสูงสุดของสมุทราอยู่ในหัตถ์ของพระองค์…


   สนธยาเหลือบเนตรขึ้นมองราชินีผู้เป็นมารดาด้วยสายเนตรเย็นเยือกราวกับท้องทะเลก่อนพายุใหญ่จะพัดกระหน่ำ



   “…แต่เหตุใดพระองค์จึงไม่รู้ว่ากระหม่อมไม่เคยมองอรุณาเป็นคู่แข่งสักครั้ง พระองค์คือราชินีแห่งสมุทรา มองฟ้าก็รู้ดิน พระองค์รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า พระองค์ทรงทำนายได้แม่นยำ พระองค์รู้แต่แรกว่าบัลลังก์นี้จะไม่มีวันมาถึงมือกระหม่อมใช่ไหมพระเจ้าค่ะ พระองค์ไม่ได้ทรงเลี้ยงอรุณามาเพื่อเป็นคู่แข่งของกระหม่อม…”



   ราชินีวารีวาทสบเนตรของโอรส สนธยาเม้มโอษฐ์แน่นดวงเนตรจับจ้องสบเนตรสีเดียวกับพระองค์



   “เสด็จแม่…ทรงเลี้ยงอรุณาเพื่อเป็นข้ออ้างในการส่งกระหม่อมมาอยู่ที่อนันตราชต่างหาก เสด็จแม่ทรงรู้ดีเรื่องที่เสด็จพ่อเคยขอสัญญาจากกษัตริย์วิภูเรื่องที่กษัตริย์แห่งอนันตราชจะช่วยเหลือสมุทราหากมีความจำเป็น พระองค์ทรงรู้ดีว่าถ้าหากกษัตริย์วิภูทรงทราบเรื่องที่พี่น้องในราชวงศ์สมุทราเกลียดชังกัน กษัตริย์วิภูจะยินยอมให้เชื้อพระวงศ์คนใดคนหนึ่งลี้ภัยมาอาศัยใบบุญของอนันตราช ดังนั้น…ของบรรณาการในครั้งนี้ ที่สมุทราถวายแก่อนันตราชไม่ใช่หอยมุกแก่ตัวนั้น!! แต่คือตัวกระหม่อมเอง!!! เป็นตัวกระหม่อมที่เสด็จแม่ตั้งพระทัยจะส่งออกมาจากสมุทรา!! และอรุณาคือคนที่ถูกเลี้ยงดูขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้างในการส่งกระหม่อมออกมา!!!”



   ดวงเนตรสีอ่อนของราชินีวารีวาทมีแวววูบไหวเพียงเสี้ยวอึดใจ โอษฐ์บางขยับเผยอเหมือนจะตรัสอะไรบางอย่าง แต่ก็หุบลงตามเดิมราวกับชั่งใจอยู่อีกครู่ แล้วจึงยอมเอ่ยออกมา



   “มีขุนนางนายทหารหลายคนเคยบอกแม่ว่า เจ้าคือคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด แม่เห็นทีต้องยอมรับโดยดุษณีก็วันนี้”



   “เสด็จแม่ทรงทำเช่นนี้เพื่ออะไร เพื่อให้กระหม่อมไกลจากบัลลังก์สมุทราอย่างนั้นหรือ”



   “…และเพื่อให้ใกล้บัลลังก์อนันตราช” ราชินีวารีวาทต่อความ ทำเอาสนธยาถึงกับเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ



   “เจ้าก็รู้ องค์สน…สมุทราเป็นเกาะเล็กๆ ถึงแม้วันนี้จะร่ำรวยแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะมั่นคงในภายภาคหน้า หากวันนี้เราผูกสัมพันธ์ต่ออนันตราชไว้ มีแต่จะได้กับได้ก็เท่านั้น”



   “เสด็จแม่…” สนธยาได้แต่ครางด้วยคาดไม่ถึงกับเรื่องที่ได้ยิน



   “องค์เตชมีใจปฏิพัทธ์ต่อเจ้า เรื่องนี้เจ้าก็รู้ จงใช้จิตใจของเขาให้เป็นประโยชน์ ชักจูงเขาด้วยสถานะคู่สมรส ทำให้อนันตราชสนับสนุนสมุทราทุกเรื่อง โดยเฉพาะด้านการทหาร”



   “สมุทราก็มีทัพเรือ เหตุใดจึงต้องให้อนันตราชช่วยเหลือ…” สนธยาย้อนถาม



   “พวกตะวันตกมองสมุทราเป็นทรัพย์กลางทะเล กองทัพเรือเพียงอย่างเดียวของเราอาจไม่เพียงพอสำหรับภายภาคหน้า ไม่เกินสิบปีหลังจากนี้ ถ้าเรายังมีแค่ทัพเรือ พวกนั้นจะล้อมเกาะเราเอาไว้ แล้วเมื่อถึงเวลานั้น จะไม่มีใครช่วยเหลือเราได้อีก”



   “เสด็จแม่ถึงได้ส่งกระหม่อมมาอนันตราช ย้ำกับกระหม่อมนักหนาว่าแม้จะถอดยศองค์ชายแห่งสมุทราออกแล้ว แต่กระหม่อมก็ยังเป็นลูกหลานชาวสมุทราไปจนตาย เสด็จแม่ไม่ได้ตรัสเพื่อให้กระหม่อมระลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน แต่เรียกร้องให้กระหม่อมตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยวิธีมากเล่ห์”


โอรสองค์โตที่ต้องมารับรู้ความจริงและแบกรับการเรียกร้องของมารดาได้แต่เบือนพักตร์ออกไปอีกทางอย่างเจ็บช้ำ ยามคิดถึงความรู้สึกจริงใจที่แสนมั่นคงของเตชินทร์ที่มอบให้เขาเสมอมา นับตั้งแต่เขาเหยียบแผ่นดินอนันตราช



   …เตชินทร์ช่วยเหลือเขาอย่างเต็มใจ แต่เป็นมารดาของเขาเองที่ใช้ความรู้สึกของเตชินทร์เป็นเครื่องมือสร้างผลประโยชน์ให้แก่สมุทรา…



   สนธยาหลับตาลงอย่างอ่อนล้าทั้งกายและใจ…ถ้าจะต้องรับรู้เรื่องพวกนี้ สู้ไม่รู้อะไรเลยยังจะดีเสียกว่า…ไม่น่าเลย ต่อว่าต่อขานว่าอรุณาละโมบโลภมาก หากแต่แท้จริงแล้ว คนที่โลภยิ่งกว่าอรุณาก็คือราชินีวารีวาท…



   “แม่ไม่ได้เรียกร้องจากเจ้า องค์สน…แม่แค่…บอกในสิ่งที่เจ้าถาม เจ้าถามว่าแม่ส่งเจ้ามาที่นี่ทำไม แม่ก็บอกเจ้าแล้ว จากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป นั่นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า เจ้าจะทนอยู่เฉยยามมองออกมาจากตำหนักหลวงของอนันตราชที่แสนหรูหราตระการตาแล้วเห็นสมุทรา เห็นคนที่เจ้ารัก เห็นสิ่งที่เจ้ารักล่มจมลงต่อหน้าได้ไหมเล่า” ราชินีวารีวาทตรัสด้วยน้ำเสียงที่แสนเล่ห์ร้าย ดวงเนตรสีอ่อนส่อประกายชอบอกชอบใจเมื่อเห็นโอรสองค์โตนิ่งขึงไปทั้งร่าง



   “เอาเถอะ ในฐานะที่เจ้าเป็นลูกรักของแม่ แม่จะบอกแผนการของแม่ให้เจ้าฟังหนึ่งอย่าง หลังเสร็จสิ้นเรื่องอรุณาแล้ว แม่จะแต่งตั้งทิวาเป็นแม่ทัพกองเรือ ส่วนอุษา…แม่จะให้เรียนรู้เรื่องบ้านเมือง”



   “เสด็จแม่จะให้อุษาครองบัลลังก์หรือพระเจ้าค่ะ” สนธยาถาม ทว่าไม่มีคำตอบใดๆ ราชินีวารีวาทมีเพียงรอยสรวลเบาบางบนมุมโอษฐ์



   “แม่คิดว่าเจ้าควรจะพักผ่อนได้แล้ว” สตรีผู้กุมอำนาจสูงสุดในสมุทราตรัส ก่อนจะลุกขึ้น



   “เสด็จแม่ กระหม่อมขอทูลถามเป็นครั้งสุดท้าย”



   “…อรุณา…สิ้นแล้วจริงหรือ” สองสายเนตรทอดสบกัน ฝ่ายหนึ่งเต็มไปด้วยคำถามและต้องการคำตอบ ทว่าอีกสายเนตรหนึ่งกลับนิ่งเรียบราวกับท้องทะเลที่ไร้คลื่น ทว่าก่อนที่เจ้าของเนตรจะได้กล่าวอะไรนั้น เสียงจากนอกห้องก็ดังขึ้น



   “องค์ชายเตชินทร์เสด็จ!”



   ราชินีวารีวาทเลิกขนงเล็กน้อย ขณะที่ทอดเนตรสบกับเนตรของโอรส เรียวโอษฐ์อวบอิ่มขยับยกยิ้มบางเบาทว่าแลดูชอบใจ



   “เรื่องอรุณาไม่ใช่เรื่องของเจ้า เรื่องของเจ้าคือเรื่ององค์ชายเตชินทร์ ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตัดสินใจแล้ว ลูกรัก” ราชินีวารีวาทตรัสเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะหมุนองค์เสด็จออกจากห้องพักผ่อน สนธยายังนั่งนิ่งอยู่ที่เตียง ได้ยินเสียงแว่วๆของผู้เป็นมารดากับเจ้าของตำหนักทักทายปราศรัยกันที่หน้าห้อง…เจ้าของตำหนัก...ที่จริงใจต่อเขาเสมอมา แต่…ตัวเขาเอง ที่มาตำหนักแห่งนี้เพราะมีความนัยแอบแฝง…



   …ตัดสินใจหรือ…ถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ…จะทำเพื่อสมุทราแต่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม หรือจะทำเพื่อมนุษยธรรมแต่ไร้ซึ่งความกตัญญู…



   บานประตูห้องถูกผลักเข้ามาแล้ว พักตร์ขาวขององค์ชายเตชินทร์โผล่เข้ามาพร้อมรอยสรวลกว้างขวาง



   …รอยสรวล…ที่จะกลายเป็นหอกแทงใจสนธยาตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป!!!...


…………………………………..



   ไม่เกิน 3 วันคณะของราชสำนักสมุทราก็พร้อมเดินทางกลับ สนธยาพร้อมด้วยเตชินทร์ยืนน้อมส่งราชินีวารีวาทที่ท่าเรือหลักจนเรือลำใหญ่หายลับไปจากสายตา



   “แวะเที่ยวตลาดเสียหน่อยไหม” เตชินทร์เอ่ยชวน เมื่อหน้าที่ในการส่งอาคันตุกะเรียบร้อยแล้ว เขาสังเกตว่าหลายวันมานี้ สนธยาดูไม่ร่าเริงอย่างที่ควรจะเป็น ดูนิ่งขรึมและอัดอั้น เขาพยายามถาม ทว่าอีกฝ่ายก็บอกปัดว่าไม่มีอะไร เตชินทร์จึงต้องหาวิธีใหม่ด้วยการชักชวนเที่ยวเตร่ ด้วยหวังว่าความครึกครื้นของตลาดท่าเรือจะทำให้อีกฝ่ายคลายความรู้สึกย่ำแย่ในใจได้บ้าง



   “เราอยากกลับ” ทว่า…ดูเหมือนคำว่า ‘แวะเที่ยว’ จะไม่อาจทำให้สนธยาสนใจได้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าเรียวสีน้ำผึ้งยังคงนิ่งเรียบ ทว่าดวงเนตรสีอ่อนนั้นส่อแววฝังลึกอยู่ภายในอย่างแปลกประหลาด



   “ท่านสน…ท่านเป็นอะไร บอกเราได้ไหม” เตชินทร์ถาม มือแตะที่แขนของอีกฝ่ายราวกับจะรั้งไม่ให้เดินหนี ทว่าทุกการกระทำนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและห่วงใย



   สนธยาหันกลับมาสบตากับคนถาม ยิ่งเห็นความจริงใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเตชินทร์ก็ยิ่งปวดลึกมากขึ้นทุกที



   …ไม่น่าเลย…ไม่น่ารู้เลยว่าถูกเสด็จแม่ส่งมาที่นี่ทำไม…



   “เรา…เราแค่…แค่อยากไปเยี่ยมท่านอังกูร…” สนธยาตอบไปอีกเรื่อง ด้วยเพราะรู้ดีว่านับตั้งแต่เตชินทร์สั่งขังอังกูร นอกจากสมิตแล้ว ก็ไม่มีใครได้ลงไปเยี่ยมเยียนอีก ทว่า…สนธยาก็พอจะรู้ความเป็นอยู่ของอังกูรจากปากชีวินที่คอยสืบข่าวมารายงาน



   เตชินทร์เงียบไปในทันที ซ้ำยังหันหน้าหนีเสียด้วย



   “ท่านเตช เราอยากไปเยี่ยมท่านอังกูร” สนธยาย้ำอีกครั้ง



   “ก็ได้ แต่ถ้าเราบอกให้กลับก็ต้องกลับพร้อมเรา ห้ามดื้อ ห้ามขอสิ่งใดจากเราในเรื่องที่เกี่ยวกับอังกูรอีก” เตชินทร์ยอมตกลง ทว่าก็ยังมีข้อแม้เงื่อนไขมากมายเสียจนคนฟังต้องเม้มปากแน่นอย่างอัดอั้น สนธยาเหลือบมองไปทางด้านหลังของเตชินทร์ เห็นสายตาของสมิตที่ส่งมาราวกับจะขอร้องให้เขาช่วยพูดเพื่ออังกูรมากกว่านี้ หรือแม้แต่ชีวินเอง สนธยาก็พอจะรู้ว่าทุกๆคืนรายนั้นมักจะแอบออกจากตำหนักแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนอังกูรที่คุกหลวงอยู่เสมอ



   …ทุกคนอยากช่วยอังกูรทั้งนั้น รวมทั้งเขาเองก็ด้วย…



   “แต่เราถามได้ใช่ไหม ว่าท่านคิดจะทำอย่างไรเรื่องท่านอังกูร”



   “ขังเอาไว้อย่างนั้น” เตชินทร์ตอบเสียงเรียบ ดวงเนตรแข็งขืนจนสนธยาต้องแตะมือลงกับต้นแขนแข็งแรงของอีกฝ่ายราวกับจะขอร้อง



   “ท่านเตช…ท่านอังกูรมีบุญคุณกับเรามากมายนัก และเราเองก็…”



   “ถ้าท่านอยากไปเยี่ยมอังกูร เราจะพาไป แต่ขอร้องอย่าก้าวก่ายเราในเรื่องของอังกูร” เตชินทร์ตัดบทเสียจนสนธยาได้แต่อ่อนใจ เขาเหลือบมองสมิตอีกครั้ง รายนั้นเองก็มีท่าทีหมดหวังเช่นกัน



   “จะไปเยี่ยมอังกูรหรือไม่” เมื่อเห็นสนธยานิ่งเงียบ เตชินทร์จึงปรับเสียงให้อ่อนลงอีกหน่อยแล้วตั้งคำถามเหมือนจะง้องอน



   “ไป”



ร่างสูงผายมือไปทางรถเทียมม้าให้สนธยาออกเดิน ก่อนที่ขบวนเสด็จขององค์ชายเตชินทร์และว่าที่ชายาจะเคลื่อนตัวออกจากท่าเรืออนันตราชไป



……………………………………..



   คุกหลวงใต้ดินที่ใช้เป็นที่จองจำอังกูรนั้น ทั้งเงียบและอับทึบจนแทบไม่มีแสงลอดเข้ามา มันถูกก่อด้วยหินก้อนใหญ่วางเรียงซ้อนอยู่ใต้ดินในอาณาเขตของกรมวัง ทางเข้าเป็นทางลาดที่มีประตูเหล็กแน่นหนา ทว่า…ไม่มีทหารสักคน



   “ไม่มีทหารประจำคุกหรือ” สนธยาเอ่ยถามอย่างงุนงง



   “ไม่จำเป็นหรอก ต่อให้ต้องโทษประหาร อังกูรก็จะไม่มีวันหนีออกจากคุก” เตชินทร์ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเดินนำลงไปตามบันไดที่ทอดตัวสู่คุกใต้ดิน



   อากาศภายในคุกนั้นเย็นเยียบและเงียบกริบ ราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใด แสงสลัวจากคบเพลิงในมือของเตชินทร์ให้ความสว่างสลัว พอๆกับที่คบเพลิงที่หน้าห้องขังห้องหนึ่งถูกจุดเอาไว้ ภายในห้องขังนั้น คือชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนตั่งราวกับกำลังดื่มด่ำกับตัวหนังสืออย่างไม่สนใจบรรยากาศอย่างไรอย่างนั้น ทว่าเมื่อเสียงฝีเท้าของคณะผู้มาเยี่ยมดังขึ้น ก็ทำเอาชายหนุ่มต้องเหลือบตาขึ้นจากหนังสือเล่มเล็กในมือ



   “องค์ชาย…” อังกูรครางเสียงแผ่วเมื่อเห็นว่าองค์ชายเตชินทร์ประทับอยู่อีกฝั่งของลูกกรงเหล็ก



   “เสด็จมาที่นี่ทำไมพระเจ้าค่ะ” เขาตั้งคำถามอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นองค์ชายสนธยาเสด็จมาด้วย



   “เราขอให้ท่านเตชพาเรามาเยี่ยมท่าน”



   “ขอบพระทัยในพระกรุณา แต่กระหม่อมสบายดีพระเจ้าค่ะ อีกอย่าง พระองค์เป็นองค์ชายแห่งสมุทรา มิควรเสด็จมาที่คุกของอนันตราชพระเจ้าค่ะ องค์เตช ทรงพาองค์ชายสนธยาเสด็จออกจากที่นี่เถอะพระเจ้าค่ะ”



   “เดี๋ยวสิ เราเข้าใจว่าเราไม่ควรลงมาที่นี่ แต่…เราเป็นห่วงท่าน ท่านมีบุญคุณต่อเรามากมาย จะให้เราทำเป็นนิ่งเฉยในขณะที่ท่านอยู่ในคุกได้อย่างไรกัน”



   “กระหม่อมไม่ได้เดือดร้อนสิ่งใดกับการอยู่ในนี้พระเจ้าค่ะ แต่ก็ขอขอบพระทัยที่พระองค์กรุณาห่วงใยกระหม่อม แต่กระหม่อมยืนยันคำเดิมว่ากระหม่อมไม่เป็นไร” สนธยาได้แต่มองใบหน้านิ่งเฉยของอังกูรแล้วเม้มปากแน่น เขาหันมาทางเตชินทร์หมายจะให้ร่างสูงช่วยเหลือ แต่องค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชกลับมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ยี่หระ แม้ว่าคนที่ยืนอยู่หลังซี่กรงเหล็กจะเป็นองครักษ์ของตัวเองก็ตามที



   “ถ้าท่านว่าเช่นนั้น เราก็…ไม่มีอะไรจะพูดอีก” สนธยาได้แต่เอ่ยเสียงขื่น อังกูรช่วยเหลือเขาและสมุทรา แต่เมื่อถึงคราวที่อังกูรลำบาก เขากลับช่วยเหลืออะไรไม่ได้สักนิด ไม่สิ…เขาพยายามจะช่วยเหลือ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมรับความช่วยเหลือของเขาต่างหาก!...



   “น้อมส่งเสด็จพระเจ้าค่ะ” ไหมล่ะ…มีการส่งเสด็จทั้งๆที่สนธยายังไม่ทันจะหมุนกายออกจากคุกเสียด้วยซ้ำ ร่างโปร่งมองอังกูรที่โค้งกายต่ำอยู่หลังลูกกรงด้วยความเสียใจและเจ็บใจ หากแต่ทำอะไรไม่ได้…เขาทำอะไรไม่ได้เลย…



   ‘เจ้าจะทนอยู่เฉยยามมองออกมาจากตำหนักหลวงของอนันตราชที่แสนหรูหราตระการตาแล้วเห็นสมุทรา เห็นคนที่เจ้ารัก เห็นสิ่งที่เจ้ารักล่มจมลงต่อหน้าได้ไหมเล่า’…



   วาจาอันร้ายกาจของราชินีวารีวาทราวกับตอกย้ำในทุกห้วงขณะจิต ว่าเขาได้ใช้ชีวิตอันสะดวกสบายซึ่งแลกมาด้วยความเดือดร้อนของคนรอบข้าง อังกูรต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขา อังกูรต้องถูกขังคุกก็เพราะช่วยเขา!!...



   “ท่านเตช เราอยากกลับแล้ว” สนธยาหันไปกล่าวกับร่างสูงข้างกาย



   …ในเมื่อการอยู่ตรงนี้ ไม่อาจทำสิ่งใดเพื่อช่วยไหลืออังกูรได้ สนธยาก็จะกลับไปรวบรวมสติเสียใหม่ เขาเชื่อว่าปัญญาที่มีไม่เป็นสองรองใคร หนำซ้ำเขายังถูกเสด็จแม่ส่งมาที่เพื่อให้ ‘ใกล้ชิดบัลลังก์อนันตราช’ ผู้ที่ใกล้ชิดบัลลังก์อันยิ่งใหญ่อย่างอนันตราช หากไม่สามารถไถ่ชีวิตใครได้ สนธยาก็ขอลาจากอาณาจักรนี้ไปเสียจะดีกว่าอยู่ให้ขายขี้หน้า!!



“เราจะพาท่านไปส่งที่ตำหนักอิฐ สมิต…เจ้าไปรอเราที่กรม เราส่งท่านสนแล้วจะกลับเข้ากรม” เตชินทร์กล่าวก่อนจะพาสนธยาพาออกจากคุกหลวง ทว่าก่อนที่ร่างโปร่งขององค์ชายแห่งสมุทราจะลับสายตาของอังกูร สนธยาก็หันกลับมามองชายหนุ่มเบื้องหลังกรงขังอีกครั้งด้วยสายเนตรแน่วแน่อย่างที่ทำเอาอังกูรนิ่งขึงไปทั้งร่าง



   …องค์ชายสนธยาต้องทำอะไรสักอย่างแน่ๆ!! และถ้าทรงทำเช่นนั้น องค์เตชก็ต้องคอยตามไปช่วยเหลือ และเรื่องทั้งหมดอาจไม่จบลงอย่างที่วางแผนเอาไว้!!...



   “สมิต” อังกูรร้องเรียกเพื่อนทันที เจ้าของชื่อที่กำลังจะตามเสด็จออกจากคุกรีบหันกลับมา



   “คืนนี้เจ้าต้องขังองค์สนไว้กับองค์เตชจนกว่าจะรุ่งสาง” คนฟังตาลุกโตด้วยความตกใจกับคำพูดของเพื่อน



   “เจ้าว่าอะไรนะ?!!”



   “ทำตามที่ข้าบอก ขังองค์สนกับองค์เตชไว้ด้วยกันจนกว่าฟ้าจะสาง!!!” อังกูรสำทับหนักแน่นอีกครั้ง ทำเอาสมิตได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก มองซี่กรงที่ขวางกลางระหว่างเขาและอังกูรแล้วเหมือนจะมองเห็นภายภาคหน้า



   …ดูเหมือนเขาเองก็คงจะได้ไปอยู่หลังลูกกรงนี้กับเพื่อนรักเสียแล้วสิ…



……………………………………….


ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
“สมิต”



   ไม่มีการตอบรับใดๆจากนายทหารหนุ่มที่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล



   “สมิต!”



   ร่างสูงสง่ายังคงยืนเฉยอยู่ที่เดิม เอาแต่ก้มหน้าราวกับตกอยู่ในภวังค์ จนองค์ชายเตชินทร์ซึ่งทรงเรียกหาถึงสองครั้งต้องเงยพักตร์จากเอกสารในหัตถ์ขึ้นมาทอดเนตร



   “สมิต!!!”



   “พ…พระเจ้าค่ะ!!” พอทรงขึ้นเสียงเป็นครั้งที่สาม สมิตก็ถึงกับตาหูเหลือกรีบถลาเข้ามาที่โต๊ะทรงงานทันที



   “เป็นอะไรของเจ้า เราเรียกตั้งหลายครั้ง”



   “เอ่อ…เอ่อ…กระหม่อม…กระหม่อมคิด…คิดถึงเพื่อนพระเจ้าค่ะ”



   “คิดถึงเพื่อน?” เตชินทร์ทวนถามอย่างฉงน หากแต่เมื่อสมิตพยักหน้ายืนยันหนักแน่น พระองค์ก็ไม่ซักไซ้สิ่งใดอีก



   “คืนนี้เจ้าสั่งให้เวรยามรอบตำหนักอิฐรัดกุมมากกว่าเดิม เราสังหรณ์ใจว่าท่านสนอาจจะกลับเข้าไปหาอังกูร” สมิตชะงัก ไม่รู้จะน้อมรับโองการดีหรือไม่ ในเมื่ออังกูรบอกให้เขาขังองค์ชายเตชินทร์เอาไว้กับองค์สนธยา



   “เอ่อ…กระหม่อมคิดว่า…เอ่อ…ให้พาองค์ชายสนธยามาประทับที่กรมดีไหมพระเจ้าค่ะ ที่นี่ทหารเวรทั้งเยอะ ทั้งขวักไขว่”



   “เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน เจ้าไปพาองค์ชายสนธยามาที่นี่”



   “ให้ประทับที่นี่เลยนะพระเจ้าค่ะ กระหม่อมจะให้คุณท้าวเอิบเตรียมข้าวของฉลองพระองค์มาถวายด้วย”



   “ก็ได้ เจ้าไปจัดการมาให้เรียบร้อย”



   “เอ่อ…ให้คุณท้าวเตรียมฉลองพระองค์ขององค์เตชมาด้วยเลยนะพระเจ้าค่ะ”



   “อือ” สมิตยิ้มพรายขึ้นมาทันที ก่อนจะค้อมกายรับโองการแล้วถลาออกจากห้องทรงงานบนตำหนักของกรมวัง องค์ชายเตชินทร์ทรงลุกจากโต๊ะทรงงานเสด็จไปยังหน้าต่างบานกว้าง สายเนตรทอดไกลไปยังทางลงคุกใต้ดินที่ไม่มีแม้แต่ทหารประจำการ



   เขาได้แต่หวัง…ว่าทุกอย่างที่ยอมเดินตามแผนการของราชินีวารีวาท จะส่งผลดีอย่างที่คาดเดาเอาไว้ แต่ถ้าไม่…เขาก็อาจจะเสียองครักษ์คู่ใจไปหนึ่งคน โดยที่ไม่อาจเรียกร้องสิ่งใดกลับมาได้อีกเลย…



………………………………



   สนธยาและชีวินถูกสมิตพามาที่ตำหนักของกรมวัง โดยมีคุณท้าวเอิบหอบนางกำนัลมาอีกหนึ่งชุดติดตามมาจากตำหนักอิฐ ทันทีที่มาถึงห้องทรงงานขององค์ชายเตชินทร์ คุณท้าวเอิบก็สั่งให้นางกำนัลทั้งหลายจัดโต๊ะเสวยในห้องทันที



   “รีบจัดโต๊ะแต่หัววันเชียว คุณท้าว” หญิงร่างอวบหันกลับมายิ้มหวานเอาใจองค์ชายสนธยาที่ตั้งคำถามกับนาง



   “หม่อมฉันมีงานที่ตำหนักอิฐอีกกระบุงโกยเพคะ ห้องหับทุกห้องต้องถูกทำความสะอาดทั้งหมดก่อนถึงพิธีเสกสมรสขององค์สนและองค์เตช รับรองเชียวว่าจะไม่ยอมให้มีร่องรอยสกปรกสักคราบ!” คุณท้าวเอิบยืนยันหนักแน่นอย่างที่ทำเอาสนธยาไม่อยากจะถามสิ่งใดอีก แม้จะยอมรับเรื่องพิธีเสกสมรส แต่พอได้ยินได้ฟังบ่อยเข้า ก็ชักนึกขยาดขึ้นมาตะหงิด



   “ประเดี๋ยวจะสั่งนางกำนัลเอาไว้ให้คอยรับใช้นะเพคะ” คุณท้าวเอิบสำทับอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ ก่อนจะหันไปย่อกายบังคมลาองค์ชายเตชินทร์ แล้วจึงหมุนกายเดินออกจากห้องทรงงานออกไป พร้อมกับเหล่านางรับใช้และทหารที่ตามคุณท้าวเอิบออกไปเป็นพรวน จนภายในห้องเหลือเพียงสนธยาและเตชินทร์เพียงสองคน



   …แม้แต่ชีวินกับสมิตก็หายไปเช่นกัน…



   “แปลกจริง ปกติเวลาท่านทำงาน ท่านสมิตก็ไม่อยู่คอยรับใช้หรือ” สนธยาหันมาถามเมื่อบานประตูถูกปิดลง



   “ปกติมักจะอยู่ แต่วันนี้คงไม่ปกติกระมัง” เตชินทร์ตอบเสียงเรียบ ใบหน้านิ่งเฉยอย่างที่ทำเอาสนธยานึกรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ไม่ปกติยิ่งกว่าการที่สมิตไม่อยู่รับใช้เสียอีก



   “ท่านเตช…เป็นอะไรไป หรือเห็นหน้าเราแล้วหงุดหงิด” ได้ผลชะงักยิ่งกว่าการง้องอนหวานๆเสียอีก เตชินทร์รีบหันกลับมามองคนถามทันที



   “ไม่ใช่” เตชินทร์แค่ทำตัวหมางเมินเพราะเห็นอีกฝ่ายถามถึงแต่คนอื่น ทั้งๆที่เขายืนอยู่ตรงหน้า ทว่าพอถูกร่างโปร่งย้อนถามอย่างมีมารยาแล้ว องค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชก็รีบปฏิเสธในทันที



   “เราเห็นหน้าท่านแล้วมีความสุขทุกครั้ง ไม่เคยสักครั้งที่จะนึกหงุดหงิด” เขากล่าวเสียงทุ้มอ่อนโยน พลางสอดมือเข้ารั้งเอวของอีกฝ่ายเข้ามากอดแนบกาย สนธยาต้องยกมือขวางระหว่างอกตนและอกของอีกฝ่ายเอาไว้ มิเช่นนั้นเห็นทีพวกเขาคงชิดใกล้เสียจนหายใจไม่ออก



   “ถึงแม้ว่าเราจะเป็นชายเหมือนท่านน่ะหรือ”



   “ความรู้สึกไม่ใช่เรื่องของเพศ”



   “แต่เราและท่านมาจากต่างราชสำนัก วันหนึ่งในไม่ช้ามันจะกลายเป็นปัญหา จะต้องมีคนนำเรื่องนี้มาเป็นประเด็น ท่านไม่กลัวหรือ” ดวงเนตรสีอ่อนจางสั่นระริกยามทอดสบกับดวงเนตรสีเข้มของเตชินทร์ ร่างสูงลูบแผ่นหลังของคนในอ้อมแขนแผ่วเบาราวกับจะปลอบประโลม



   “เรากลัวท่านไม่รู้สึกอะไรกับเรา มากกว่ากลัวจะมีปัญหาเพราะเรื่องที่เราสองคนมาจากสองราชสำนักเสียอีก” พอพูดถึงความรู้สึกแล้ว ก็ราวกับเป็นชนักปักหลัง



   …มาที่นี่เพื่อเข้าใกล้ราชสำนักอนันตราชเพื่อผลประโยชน์ของสมุทรา…แต่จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ในเมื่อมันคือการหักหลังเตชินทร์อย่างร้ายกาจถึงเพียงนี้…



   “รู้สึกอะไรกับเราบ้างไหม ท่านสน” เตชินทร์ย้ำถามเสียงอ่อนระโหยราวกับจะขาดใจ ดวงเนตรส่อแววอ้อนวอน สนธยาเม้มริมฝีปากแน่น ใจหนึ่งอยากเอ่ยความรู้สึกที่แท้จริงให้รับรู้ ทว่าอีกใจ…กลับบอกว่าไม่ควร



   …ไม่ควร เพราะพวกเขามาจากราชสำนักที่ต่างกัน…ไม่ควร เพราะพวกเขาเป็นชายเฉกเช่นเดียวกัน…ไม่ควร เพราะพวกเขาอาจถูกกดดันด้วยผลประโยชน์มหาศาล…ไม่ควร พวกเขาไม่ควรอยู่ด้วยกันด้วยเหตุผลประการทั้งปวง…



   “หากท่านเป็นคนธรรมดา ทุกอย่างอาจราบลื่นกว่านี้” สนธยาทำได้เพียงพึมพำเสียงเบา และนั่นทำให้เตชินทร์ต้องเพิ่มแรงกอดรัดให้แนบแน่นยิ่งขึ้น เพราะเกรงอีกฝ่ายจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย



   “แต่ถ้าหากเราเป็นคนธรรมดา เรากับท่านอาจไม่ได้แม้แต่จะพบหน้ากันด้วยซ้ำ ไม่คิดหรือว่าที่ทั้งเราและท่านต่างเป็นองค์ชายจากสองราชสำนัก คือสาเหตุที่ทำให้ได้มาเจอกัน ได้รักกัน เพราะหากท่านเกิดร่วมราชสำนักเดียวกับเรา เราและท่านก็เป็นเพียงพี่น้องเท่านั้น ไม่อาจได้ครองคู่เฉกเช่นคู่ชีวิตหรอก”



   “และถ้าหากท่านเกิดเป็นหญิง องค์หญิงแห่งราชสำนักสมุทราต้องขึ้นครองราชย์ จะอภิเษกกับองค์ชายราชสำนักอื่นอย่างเราก็ไม่ได้อีก เราที่เป็นเพียงองค์ชายรัชทายาทลำดับที่สองไม่คู่ควรกับว่าที่ราชินีแน่” ช่างเป็นคำพูดที่เจียมเนื้อเจียมตัวเสียเหลือเกินจนสนธยาฟังแล้วยังใจอ่อน ฝ่ามือสีน้ำผึ้งที่วางอยู่บนอกหนาแกร่งของคนที่โอบแขนกอดรัดร่างเขานั้น ลูบเนื้อแน่นใต้ฝ่ามือไปมา



   “ท่านสน เราอยากให้ท่านรู้ ตั้งแต่แรกที่ท่านเหยียบอนันตราช เรารู้ว่าท่านมาที่นี่ทำไม เรารู้ว่าราชินีวารีวาทต้องการสิ่งใดจากอนันตราช การเป็นบ้านพี่เมืองน้องไม่ใช่สถานะที่เพียงพอต่อความมั่นคงของสมุทรา ไม่ใช่เพียงสมุทราหรอกที่ได้ยินข่าวเรื่องล่าอาณานิคมของพวกตะวันตก อนันตราชเองก็ได้ยินข่าวลือนี้หนาหูขึ้นทุกวัน แม้แต่พวกเรายังระแวง สมุทราจะไม่ระแวงเลยก็เห็นจะไม่ใช่ราชินีวารีวาท”



   “แล้วท่านก็ยังยอมอย่างนั้นหรือ” สนธยาถาม ดวงเนตรสีอ่อนเพ่งมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างคาดหวังอยากรู้ แม้ส่วนหนึ่งจะหวั่นในคำตอบมากก็ตามที



   “มีเหตุใดให้ไม่ยอมเล่า ราชินีวารีวาทมีปัญญาแยบยล การได้เป็นพันธมิตรถือว่าเป็นเรื่องดี หรือต่อให้หมดราชินีวารีวาท สมุทราก็เป็นเกาะที่ใกล้ชิดอนันตราชมากที่สุด อนันตราชไม่อาจปล่อยให้สมุทราตกอยู่ใต้กำมือใครได้” ที่ตั้งของสมุทรานั้น อยู่ใกล้กับท่าเรือหลักของอนันตราช หากพูดถึงประเด็นเรื่องความมั่นคงแล้ว อนันตราชคงระแวงไม่น้อย หากปล่อยให้สมุทราตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายที่ไม่ประสงค์ดีต่อตน



   “ที่สำคัญ การรับท่านเข้ามาในอนันตราชครั้งนี้ นอกจากจะทำให้อนันตราชมั่นคงด้วยแล้ว ยังทำให้เราได้อยู่ใกล้ท่านมากกว่าเดิม…” ไม่พูดเปล่า แต่เตชินทร์ยังรั้งกายของอีกฝ่ายให้เข้าใกล้แนบชิดเสียจนแทบจะใช้ลมหายใจเดียวกัน



   “เอ่อ…ใกล้ไปหน่อยไหม” ไอร้อนจากกายสูงหนาที่โอบรัดไม่เท่ากับสายตาที่ทอดมองมาอย่างลึกซึ้ง สนธยานึกสะท้านวาบไปทั้งกาย แม้ใจจะโอนอ่อนไปเกินครึ่ง แต่จะให้เคลิ้มตามเสียหมด ก็ดูจะเสียชื่อโอรสแห่งราชินีวารีวาท



   “ไม่ใกล้หรอก อีกหน่อยจะใกล้กว่านี้อีก…” สนธยาแทบไม่อยากจะจินตนาการว่า ‘อีกหน่อย’ ที่อีกฝ่ายว่าจะใกล้ชิดถึงเพียงไหน ทว่าร่างทั้งร่างก็เกร็งขึงด้วยความตื่นตระหนกไปเสียแล้ว จนเตชินทร์ต้องออกปากเพื่อให้คนในอ้อมแขนคลายกังวล


   “เรารอท่านมานาน ท่านสน…รอที่จะได้กอดท่าน รอที่จะได้อยู่ใกล้ๆท่าน เรารอ…แม้ไม่มีหวังก็ยังรอ หากแต่สุดท้ายฟ้าดินก็เป็นใจ ท่านอย่าใจร้ายใจดำกับเราเลย…” เตชินทร์ไม่พูดเปล่าแต่ก้มลงฝังหน้าลงกับลาดไหล่ของคนในอ้อมแขน สนธยาตัวขึงเกร็งอยู่ครู่หนึ่งด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายชิดใกล้ถึงเพียงนี้ ทว่า…อาจจะเพราะประโยค ‘อย่าใจร้ายใจดำกับเราเลย…’ นั่นกระมัง จึงทำให้เขายอมยกสองแขนขึ้นโอบรัดแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายแต่โดยดี


   … จะไม่ใจร้าย จะไม่ใจดำ จะยอมทำตามที่หัวใจอยากทำ…ต่อให้เป็นชายเช่นเดียวกัน ต่อให้มาจากราชสำนักที่ไม่เหมือนกัน หรือ…ต่อให้…เบื้องหลังของเขาจะถูกชักใยด้วยผลประโยชน์มากมาย แต่เมื่อเวลานี้…มีกันเพียงแค่สองคนแล้ว…สนธยาก็ไม่อาจทำใจปล่อยอีกฝ่ายให้หลุดลอยออกจากมือได้เช่นกัน…


   องค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชรับรู้ถึงแรงกอดรัดแล้วได้แต่ยิ้มบางกับตัวเอง หากแต่เมื่อเขาละสายตาจากลาดไหล่ของสนธยามองออกไปยังนอกหน้าต่างบานกว้างก็ทำเอาองค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชตัวแข็งทื่อเบิกตาโพลง



 เปลวเพลิง!!! เปลวเพลิงลุกโพลงไม่ไกลจากตำหนัก!!! เตชินทร์จับจ้องเปลวเพลิงสีแดงที่โหมกระหน่ำด้วยความตกตะลึง  จากตำแหน่งที่ไฟร้อนแผดเผาส่งควันมอดไหม้ขึ้นสู่ท้องฟ้ายามเย็นนั้น บอกได้เป็นอย่างดีว่าที่ตรงนั้น…ที่ตรงนั้นที่กำลังถูกเปลวเพลิงมอดไหม้ให้พังพินาศคือคุกใต้ดิน!!!



   …คุกใต้ดินกำลังถูกเพลิงไหม้เผาให้ย่อยยับ…คุกใต้ดินที่มีหนึ่งชีวิตถูกขังอยู่ในนั้น…



   …อังกูร!!!!...



   ครืด!!!



เตชินทร์เอื้อมแขนข้างหนึ่งไปรูดม่านปิดบานหน้าต่างอย่างรวดเร็ว ทั้งที่มืออีกข้างยังกอดรัดร่างของสนธยาไม่ปล่อย



   บุรุษร่างโปร่งหันมองตามเสียง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย



   “ปิดม่านทำไมหรือ”



   “แดดร้อนน่ะ ท่านสนไปนั่งตรงนั้นเถอะ เราขอปิดม่านสักหน่อย” เตชินทร์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะผลักสนธยาไปยังเก้าอี้ด้านในห้อง



   “แดดร้อน? ตอนเย็นเช่นนี้น่ะหรือ” สนธยาย้อนถามด้วยความสงสัย ตั้งแต่เขามาอยู่ที่อนันตราช เขาไม่เคยเจอกับคำว่า ‘อากาศร้อน’ เลยสักครั้ง อีกทั้งแสงอาทิตย์ของที่นี่ก็เบาบางมากกว่าที่สมุทรามากโขจนแทบไม่รู้สึกระคายผิวเลยสักน้อย


   “ใช่ ท่านไปนั่งเถอะ” เตชินทร์สำทับ แล้วรีบผละไปปิดม่านอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหน้าต่างบานสุดท้าย องค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นอึดใจ สายเนตรเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับเจ็บช้ำและโกรธแค้น ทว่าสองมือก็กระตุกม่านปิดเข้าหากันอย่างรวดเร็ว



   ภายในห้องมืดลงทันตาเห็น สนธยามองเจ้าของห้องอย่างสงสัย



   “ข้างนอกมีอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ” ท่าทางผิดสังเกตของเตชินทร์ทำให้เขาต้องเอ่ยปากถาม ทว่า...เตชินทร์ก็รีบตอบกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน



   “ไม่มีอะไร”



   “เกิดเรื่องดี หรือเรื่องไม่ดี” ดูเหมือนสนธยาจะไม่ฟังคำตอบของเตชินทร์เลยแม้แต่น้อย เจ้าตัวส่งคำถามต่อเนื่อง จนร่างสูงได้แต่นิ่งมองคนถามด้วยความเจ็บร้าวไปทั้งอก หากแต่เพียงชั่วอึดใจ ร่างสูงสง่าของเตชินทร์ก็ก้าวเข้าไปคว้าร่างของสนธยาเข้ามากอดแน่น



   “เราไม่รู้ ท่านสน…เราไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี…” ร่างสูงใหญ่สั่นสะท้านราวกับจะพังทลายจนสนธยาที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่โอบกอดเอาไว้อย่างปลอบประโลม



   “ท่านเตช…”



   “ได้โปรดอยู่เคียงข้างเรา อย่าจากเราไป…” เสียงที่อ้อนวอนนั้นไม่หลงเหลือความเชื่อมั่นใดๆอีกแล้ว สนธยาทั้งแปลกใจทั้งสงสาร ได้แต่โอบกอดร่างอีกฝ่ายเอาไว้แน่นขึ้น



   “เราไม่ไปไหนหรอก เราจะอยู่ตรงนี้”



   “อย่าไปจากเรา…อย่าไปจากเรา…” เตชินทร์ได้แต่ครวญเสียงแผ่ว ภาพไฟลุกไหม้โหมกระหน่ำยังคงติดตา เขาไม่รู้ว่าอังกูรที่อยู่ในคุกนั้นจะมีสภาพเป็นเช่นไร



   …คุกที่ก่อด้วยหิน อับทึบ ไม่มีทางออก…กับไฟที่โหมรอบอยู่ภายนอก ส่งไอร้อนเข้าไปแผดเผาหลอมละลาย…



   …อังกูร!!...


ติดตามตอนต่อไป
   เอ่อ…เดือนครี่งเนอะ…ไม่มีอะไรจะมอบให้ทุกคนนอกจากคำว่าขอโทษที่มาช้านะคะ T^T
   บัวพยายามเร่งมือมากที่สุดแล้ว แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง มันก็เลยเลทมาถึงขนาดนี้
   ขอโทษมากๆนะคะ แล้วก็ขอบคุณสำหรับความคิดถึง ความห่วงใย ที่ยังคงมีให้เสมอมาค่ะ
   ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยนะคะ


ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
อังกูรจะเป็นอะไรมั้ยน่ะ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
ซับซ้อนมาก :ling1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ลึกลับซับซ้อนมากอะ เมื่อไหร่จะได้แต่งงานกันน้าาาา

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ง่ะ  องค์ราชินีวารีวาทช่างเป็นผู้ที่น่ากลัวอย่างที่สุด  o22

หวังว่าอังกูรคงจะไม่เป็นอะไรไปนะ  :mew2:

รอตอนต่อไปค่ะ   :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
อังกูรรร
หวังว่าจะไม่มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นนะ
ไม่อยากให้เศร้าเลย
พระนายของเรากำลังจะไปกันได้ด้วยดีแล้วแท้ๆ

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
อังกูรรร อย่าเป็นอะไรน้าา

ออฟไลน์ strawberryboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
อ๊ายยยยย มาต่อแล้ว ดีใจจัง /มาต่อไวๆนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
คนที่ไม่รู้อะไรเลยก็น่าสงสารนะ ชีวิตตัวเองจะเป็นไปในทิศทางไหนยังไม่รู้

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ทำไมเรื่องมันเป็นอย่างนี้ล่ะ อังกูรเป็นคนดีนะ  :m15:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
อังกูรเป็นอะไรหรือเปล่า วารีวาทมีแผนอะไรกันแน่

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
สมิตน่าจะไปช่วยอังกูรออกมาได้
แต่ใครล่ะ ที่เป็นคนวางเพลิง


ขอกอดบ้างสิ  :กอด1:

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ดีใจที่ได้อ่านต่อค่ะ นานแค่ไหนก็รอได้  :mc4:
เป็นแผนหรือเปล่านะ ไม่งั้นอังกูรคงไม่ขอให้สมิต
รั้งสองคนนั้นไว้ด้วยกันหรอก เนอะ!

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
อ่า...ง่า...น้ำตาจะไหล
บีบเกินไป...สงสารท่านเตช

อึนๆ หวานๆ เปิดใจรับกันไป
แล้วมาลงท้ายตอนเยี่ยงนี้มัน...T^T

แผนที่วางไว้คืออะไร...เป็นยังไงต่อล่ะนี่ ซับซ้อนแท้...ราชินี

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ง่าาาาาาาาา
ทำไมดราม่าเฉยเลย
ฮืออออ

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
รอตอนต่อไป  :katai5:

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
อังกูรโดนย่าง

จะเป็นไรไหมน้อ

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
อังกูรจะเป็นไรมั้ยนะ อย่าให้อังกูรเป็นอะไรไปเลย
เรื่องมันซับซ้อนมากจริงๆ
 :z3:

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: อังกูร อย่าเป็นไรไปนะ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
อาจจะเป็นวิธีเดียวที่ทำให้อังกูลไม่โดนประหารก็ได้นะ แบบแกล้งทำเหมือนอังกูลตายไปแล้วแต่อาจจะมีคนมาช่วยไว้ลับๆ

เดาอ่ะนะ รอตอนต่อไปดีกว่า :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อังกูรต้องไม่เป็นอะไร ต้องเป็นแผนอีกแน่ๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด