...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)  (อ่าน 276486 ครั้ง)

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
พลิก ม้วน ตลบ เป็นเกลียวววววว แอบมึนเพราะไม่ได้อ่านนาน

ตั้งสติได้ อ่านแล้สก้อสงสารนางเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
ราชินีวารีวาทแผนซ้อนแผนซ้อนแผนหลายชั้นมากกกกกกกกกก ลึกล้ำๆ

สรุปเรื่องทั้งหมดราชินีวารีวาททำเพื่อกันองค์สนออกจากบัลลังก์สมุทราสินะ

ให้อรุณาอิจฉาและปองร้ายองค์สน องค์สนจะได้อยู่ที่สมุทราไม่ได้ ต้องลี้ภัยไปอยู่ที่อื่น

แถมได้ประโยชน์ 2 ต่อ เพราะได้อนันตราชเป็นพันธมิตรด้วย

ร้ายจริงๆ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
เหอๆ
สลับซับซ้อนกันเข้าไป

ขอบคุณคุณบัวที่มาต่อนะคะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
ทำไมกลายเป็นท่านสนล่ะ ที่ไม่ใช่ลูก สับสนมึนงงกับราชินีมากเลย

ิbabobean

  • บุคคลทั่วไป
ขอถวายน้ำตาหนึ่งจอกเลยค่ะ ฮรืออออออออออออออออ  :z3: :hao5: :katai1:
เจ้าชายหอยของพวกเรามาอัพแล้ว แต่กลับพบความจริงๆที่่องค์สนไม่ใช่...
เห็นแบบนี้แล้วรู้เลยว่าองค์ราชินีทรงเสียสละมากจริงๆ จะไม่สนหรอกนะคะว่าองค์สนจะเป็นลูกใคร
แต่ขอให้นายเอกของเรามีชีวิตที่ปราศจากคนปลองร้ายเสียทีเถิด
ขอบคุณที่มาอัพให้อ่านนะคะ คิดถึงมากๆเลย

ออฟไลน์ Gaem

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 127
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
ปมเยอะไป๊   o22 :a5:

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
อัพแล้ววววววว ดีใจมากมายคิดถึงองค์สนองค์เตชมั๊กมากกก  :mew1:

ง่ะ ตอนนี้หักมุมเเบบตีโค้งไม่ทันเลยยย  :a5:
องค์สนลูกใครล่ะนี่  :ling1:

รอติดตามตอนต่อไปค่ะ   :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ถ้าคิดอย่างกษัตริย์ต้องทำแบบองค์ราชินีนี่แหละ
ผู้ปกครองตัองนึกถึงประเทศเป็นสำคัญ ความมั่นคง
ของประเทศและประชาชนต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
ยอมรับว่าองค์ราชินีเหี้ยมมาก ปกติมีแต่ผู้ชายนะที่ทำแบบนี้ได้
ไม่คิดว่าคนเป็นแม่จะใจแข็งเพียงนี้ จำได้ว่าพระองค์เคยตรัสว่า
หากใครเหมาะสมกับตำแหน่ง ไม่สนว่าหญิงหรือชาย สายเลือดหรือไม่
พระองค์ก็จะทรงเลือกให้ครองบัลลังก์ ผู้กครองแบบนี้ดีสำหรับประชาชน
แต่จะร้ายสำหรับคนแย่งชิงอำนาจ
สงสารก็แต่องค์สน เป็นแค่หมากตัวหนึ่ง ที่สงสารน้องสาวกลับเป็นองค์เองต่างหาก
สรุป ดราม่าจบแค่นี้เหรอ ไม่หรอกมั้งปูเรื่องซะอลังการขนาดนี้ จบง่ายก็เสียโครงหมดสิ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 :hao7: โหดฟุดๆ สรุปใครเป็นลูกแท้ๆ อรุณาหรอ?
แล้วองค์สนเป็นลูกของใคร???
ลุ้นๆรอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
เพราะความโลภถึงต้องมีจุดจบแบบนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :katai1: ไม่นะองค์สนน

คิดถึงเรื่องนี้จังงง หายไปตั้งนาน :katai2-1:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
เพื่อความร่มเย็นต้องฆ่าลูกตัวเอง1 คนอืมเนอะ
แต่องค์สนไม่ใช่ลูกจริง
ก็น่าจะใช่เพราะเมืองนี้ผู้หญิงเป็นใหญ่นี่เนอะ :mew2:

ออฟไลน์ whipcream

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
สนุกมาก แม้ไม่มี ฉากNC ชมจากใจเลยค่ะ แอบกลัวราชินีวารีวาท นางแรงอ่ะ

ออฟไลน์ jannie

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 782
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-0
หักมุมสุดๆ เลยค่ะ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
องค์สนธยาไม่ใช่ลูก อรุณาเป็นลูก น่าสงสาร  :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ rule

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 430
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-2
สนุกมากผูกเรื่องได้ดี ฝั่งแม่เจ้าเล่ห์แบบโคตรๆ ผลประโยชน์มาก่อนใช้ลูกเป็นเครื่องมือสุดๆ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
ที่ส่งองค์สนไปอีกเมืองก็เพราะอยากให้ไปไกลจากบัลลังค์สินะ
แต่ลูกที่แท้จริงยังตามไปอิจฉารังควานเลยพบกับจุดจบด้วยฝีมือแม่แท้ๆ
ซับซ้อนมากค่ะ ขอบคุณคุณบัวที่มาต่อให้หายคิดถึงค่ะ

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ตายไปดีละ ชั่วๆแบบนี้ แผ่นดินจะได้สูงขึ้นหน่อย -.-"

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
...ด้วยพันธะบรรณาการ
By: Dezair
………………..   
บทที่ 14



   “องค์เตชขอเข้าเฝ้าพระเจ้าค่ะ” เสียงทูลของนายทหารเลขานุการคนสนิท ทำเอาองค์กษัตริย์แห่งอนันตราชทรงรู้สึกปวดพระเศียรเล็กน้อย



   ...ไม่ต้องพบหน้าโอรสก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องที่เตชินทร์มาขอเข้าเฝ้า คือเรื่องใด...ดูเหมือนสมุทราจะหาเรื่องปวดเศียรมาให้พระองค์เยอะเสียเหลือเกิน หากว่าไม่ใช่เพราะเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ซึ่งเป็นบิดาแท้ๆขององค์ชายสนธยาเคยทำสัญญากับพระองค์เอาไว้ กษัตริย์วิภูทรงยืนยันว่าจะตัดหางปล่อยวัดสมุทราเอาจริงๆ!...



   “ให้เข้ามา”



   เพียงแค่อึดใจเดียว ผู้เข้าเฝ้าที่มาอย่างกะทันหันก็รีบถลาเข้ามาในห้องทรงงาน กษัตริย์วิภูทรงกำลังจดจ่อพระทัยอยู่กับเอกสารในหัตถ์แต่ก็รับรู้ถึงฝีเท้าที่ย่ำอย่างรวดเร็วเพราะความร้อนใจ



   “เสด็จพ่อ! ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ”



   “เรื่องด่วนเหตุร้ายอันใด จึงมาพบพ่อกะทันหันเช่นนี้”



   “ด่วนมากที่เดียวพระเจ้าค่ะ! ตอนนี้องค์หญิงอรุณาอยู่ในพระหัตถ์ของราชินีวารีวาทแล้ว และนางคงไม่อาจออกมาทำร้ายใครได้อีก! แล้ว...แล้วบางที...บางทีสมุทราอาจจะอยากได้ตัวองค์ชายสนธยาคืน...” จริงอยู่ว่าองค์ชายสนธยาไม่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ที่สืบทอดด้วยอิสตรี แต่สนธยาก็เป็นโอรสองค์โตที่เก่งกาจและมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับใช้ราชสำนัก



   “สมุทราจะขอคืนก็เป็นธรรมดา...”



   “ไม่ธรรมดานะพระเจ้าค่ะ!! องค์สนเป็นว่าที่คู่หมายของกระหม่อม! จะส่งคืนสมุทราได้อย่างไรกัน!! เสด็จพ่อ! พระราชทานวันมงคลให้กระหม่อมกับองค์สนโดยเร็วเถอะพระเจ้าค่ะ!” องค์ชายเตชินทร์ค้อมกายลงต่ำจนแทบติดพื้นด้วยไม่เห็นหนทางที่จะดึงรั้งองค์ชายสนธยาเอาไว้ที่อนันตราชได้อีก



   ...ไม่ว่าจะเรื่องภยันตรายจากอรุณา หรือเรื่องหอยบรรณาการ...ทุกอย่างกลายสภาพจากตรวนเหล็กเป็นสายลมที่ไร้ค่าไปเสียแล้วในเวลานี้ เมื่อเทียบกับราชสำนักสมุทราที่กำลังโคลงเคลงง่อนแง่นและต้องการใครสักคนกลับไปค้ำจุน...



   “ไม่ได้”



   “เสด็จพ่อ...” กษัตริย์วิภูทรงเหลือบเนตรสบกับเนตรของโอรสอย่างอ่อนพระทัย ก่อนจะตรัส



   “เมื่อครู่นี้...มีสาส์นจากราชินีวารีวาทว่าทันทีที่กลับถึงสมุทราจะมีการประกาศไว้อาลัยองค์หญิงอรุณา”



   ...การประกาศไว้ทุกข์ให้แก่อรุณา?!!...หมายความว่าองค์หญิงอรุณาสิ้นแล้วหรือ?!!...



   “...บางที หากหมดภัยแล้ว สมุทราก็คงอยากได้องค์ชายลำดับที่หนึ่งคืน ถึงเราจะเป็นอนันตราช ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีอำนาจบาตรใหญ่ริบองค์ชายของอีกฝ่ายเอาไว้ เจ้าเข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหม”



 เตชินทร์นิ่งงันราวกับหัวใจหลุดลอย ดูเหมือนจะหมดหนทางที่จะรั้งสนธยาเสียแล้ว



“องค์เตช เจ้ารักเขามากหรือ”



   “รักมากกระหม่อม” เตชินทร์ยอมรับอย่างหมดอาลัย



   “ถ้าเช่นนั้นปล่อยเขาไปตามทางของเขาจะได้ไหม” โอรสเหลือบเนตรขึ้นสบกับเนตรของบิดา เนตรของกษัตริย์หนุ่มแน่นิ่งไม่แปรเปลี่ยน ราวกับจะตรัสว่าพระองค์มีสัญญาที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เป็นสัญญาที่แม้คนที่ทำสัญญาด้วยจะจากไปแล้ว แต่กษัตริย์วิภูก็ยังทรงยึดมั่นในคำสัญญานั้นเรื่อยมา



   ...สมุทราไม่ใช่เมืองขึ้นของอนันตราช แต่อนันตราชต้องดูแลสมุทรา...



   ดังนั้น การส่งสนธยากลับไปรับใช้ราชสำนักสมุทราก็คือสิ่งที่ดีที่สุดในยามที่สมุทราเพิ่งเสียธิดาองค์โตผู้ที่ใครต่อใครต่างก็จับจ้องว่านางจะต้องขึ้นมาเป็นราชินีเหนือบัลลังก์สมุทราคนต่อไป



   “...รับด้วยเกล้า” เตชินทร์น้อมกายทูลเสียงแผ่วด้วยไม่อาจตัดสินใจทางอื่นใดได้อีกแล้ว นอกเสียจากยอมรับความจริงอย่างเจ็บปวด



   ...สนธยาต้องกลับ...และพวกเขา...อาจจะไม่มีวันได้พบกันอีก...



.............................



   องค์ชายสนธยาผู้เป็นหัวข้อสนทนาระหว่างกษัตริย์และองค์ชายแห่งอนันตราชทำได้เพียงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องพักผ่อนส่วนตัวในตำหนักอิฐ บัดนี้ดึกมากแล้วแต่ชีวินยังไม่กลับมา เรื่องที่ไหว้วานให้ช่วยจัดการไม่รู้คืบหน้าไปทางใดบ้าง เขาได้แต่หวังว่าอรุณาจะยังคงมีชีวิตอยู่...



   เสียงเปิดประตูดังขึ้นเบาๆ ทำเอาองค์ชายหนุ่มแห่งสมุทรารีบหันไปมอง และทันทีที่พบว่าผู้มาใหม่คือองครักษ์ส่วนพระองค์ที่กำลังนึกถึง ก็ทำเอาสนธยารีบถลาเข้าไปหาในทันที



   “ชีวิน!!...เป็น...” ยังไม่ทันได้ถาม ชีวินก็ทรุดกายลงคุกเข่า หมอบกายต่ำขออภัยโทษ



   “องค์หญิงอรุณาสิ้นแล้วพระเจ้าค่ะ”



   “อะไรนะ...อรุณา...สิ้นแล้ว...” แม้อรุณาจะไม่ได้รักใคร่ใยดีพี่ชายอย่างสนธยาเสียเท่าไหร่ แต่ในฐานะที่ถูกพี่เรียกน้องมาตั้งแต่จำความได้ ก็ทำเอาสนธยานิ่งงันไปกับสิ่งที่ได้รับรู้



   “พระเจ้าค่ะ กระหม่อมทำตามประสงค์ของพระองค์ไม่สำเร็จ กระหม่อมส่งร่างขององค์หญิงอรุณาไปกับเรือสินค้าลำอื่น แต่...กษัตริย์วิภูทรงมีรับสั่งให้ราชนาวีอนันตราชค้นเรือทุกลำที่ออกจากท่า...”



   ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมก็พอจะคาดเดาได้ว่าที่กษัตริย์วิภูทรงมีรับสั่งเช่นนั้นเป็นเพราะราชินีวารีวาทขอร้อง ท้ายที่สุด...อรุณาก็เหลือเพียงชื่อเท่านั้นหรือ...



   “นาง...ทรมานมากไหม”



   “กระหม่อมไม่ทราบพระเจ้าค่ะ สายบนเรือหลวงสมุทรารายงานว่าราชินีวารีวาททรงประทับอยู่ในห้องกับองค์หญิงอรุณาเพียงสองพระองค์ แล้วจากนั้นไม่นาน...ราชินีวารีวาทก็ทรงมีรับสั่งให้ทหารเข้าไปจัดการร่างขององค์หญิงอรุณา”  ชีวินไม่ได้เล่าต่อว่าราชินีวารีวาททรงพระทัยแข็งถึงขั้นมีรับสั่งให้ทหารแยกส่วนศีรษะและกายขององค์หญิงอรุณาออกจากกัน และทิ้งศีรษะลงในทะเลลึก ส่วนลำตัวนั้นใส่หีบนำกลับไปทำพิธีที่สมุทรา



   “องค์ชาย...กระหม่อมสมควรได้รับโทษ” ชีวินน้อมกายลงต่ำจนแทบติดพื้น



   “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เสด็จแม่รู้เท่าทันความคิดของเรา เอาเถอะ...อรุณาสิ้นแล้วก็เหมือนหมดทุกข์ เราจะได้กลับสมุทราได้เสียที...” พอถึงตรงนี้ สนธยาก็นิ่งชะงัก



   ...กลับสมุทราอย่างนั้นหรือ...จริงอยู่ว่าตอนแรกก็ไม่ได้อยากมาที่นี่ แต่พอมาถึงแล้ว...ใครบางคนที่นี่กลับเป็นที่พึ่งพิงราวกับเสาหลัก...



   ...ใครบางคนที่ขอร้องว่าอย่าจากไป ใครบางคน...ที่เขาเองก็เคยให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งไปไหน...



   ...องคายเตชินทร์...



   “องค์สน...” เสียงของชีวินปลุกสติให้องค์ชายแห่งสมุทราตื่นจากภวังค์ขึ้นมารับรู้ความจริง



   ...ความจริงที่พระองค์เป็นองค์ชายต่างเมือง ความจริงที่เวลานี้สมุทราสิ้นธิดาองค์โตที่ถูกกะเกณฑ์ว่าจะเป็นราชินีในอนาคต...ความจริง...ที่พระองค์ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของการเป็นโอรสองค์โตที่ต้องกลับไปค้ำจุนบัลลังก์ก่อนที่ราชินีวารีวาทจะมีประสงค์พระราชทานบัลลังก์ให้แก่ธิดาลำดับต่อไป...ความจริง...ที่ถึงเวลาที่ต้องกลับสมุทราแล้ว...



   “เราจะกลับ...สมุทรา...”



   “แล้ว...องค์ชายเตชินทร์...” ไม่ว่าใครต่างก็รับรู้ถึงความรู้สึกมากมายที่องค์ชายหนุ่มเจ้าของตำหนักอิฐแสดงออกอย่างแจ่มแจ้ง และแน่นอนว่าเพราะความรู้สึกเช่นนั้น องค์ชายเตชินทร์แห่งอนันตราชไม่มีทางยินดีที่จะยอมรับการจากลาในครั้งนี้



   มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบให้แก่คำถามของชีวิน องค์ชายสนธยาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเวลานี้...หัวใจของพระองค์กลับหนักอึ้งยิ่งกว่าตอนที่จะจากสมุทรามาเสียอีก...



…………………………………



   โต๊ะเสวยเช้าวันนี้มีแต่ความเงียบ องค์ชายเตชินทร์และองค์ชายสนธยาประทับอยู่คนละฝั่งโต๊ะ และต่างไม่มีใครชักชวนอีกฝ่ายพูดคุยเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทุกคนในห้องเสวยต่างสังเกตเห็น ไม่ว่าจะเป็นอังกูร สมิต ชีวินหรือแม้แต่คุณท้าวเอิบ หากแต่ทุกคนก็ได้แต่ยืนเงียบเท่านั้นเอง



   “อิ่มแล้วหรือ...” จนกระทั่งเสียงของสนธยาดังขึ้นเมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามยกน้ำขึ้นจิบ



   “อืม...” เตชินทร์ตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงเขาไม่รู้สึกถึงความหิวหรืออิ่มเลยแม้แต่น้อย ที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เพราะอยากใช้เวลาที่พอจะเหลืออยู่น้อยนิดกับคนที่รักที่สุดต่างหาก



   “เอ่อ...แล้ว...วันนี้มีงานเร่งด่วนอะไรไหม” สนธยาถาม หากแต่ดวงเนตรกลับมองแต่อาหารตรงหน้า ไม่ยอมสบสายเนตรของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่นิดเดียว



   “ไม่มี” ยังคงเป็นคำตอบสั้นและเบาราวกับกระซิบ



   “ถ้า...ถ้าอย่างนั้น...ออกไปเดินเล่นกับเราได้ไหม เราไม่ได้ไปดูแลหอยนานแล้ว ไม่รู้ป่านนี้เป็นเช่นไรบ้าง” พอพูดถึงหอยแล้ว องค์ชายสนธยาก็นิ่งเงียบสะท้านในอก



...หอย...อย่างนั้นหรือ ของบรรณาการที่ครั้งแรกคือพันธะผูกพันพระองค์เอาไว้ที่นี่ หากแต่วันนี้ ไม่ว่ามันจะอยู่หรือตาย มันก็ไม่สามารถรั้งพระองค์เอาไว้ได้อีก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับ...สมุทราคือบ้าน สมุทราคือชีวิต พระองค์เป็นองค์ชายพระองค์แรกในราชสำนัก มีภาระมากมายที่ต้องจัดการ...แต่...อนันตราช...สำหรับอนันตราช พระองค์เป็นเพียงองค์ชายพลัดถิ่นที่มาขอพึ่งพาอาศัย...ไม่มีค่าเพียงพอให้ต้องอยู่ที่นี่



สนธยาลอบมองแผ่นหลังของเจ้าของตำหนักที่เดินนำออกจากห้องอาหารแล้วใจหาย



...อีกไม่นานแล้ว...อีกไม่นาน...แผ่นหลังของเตชินทร์จะปรากฎแค่ในความฝันของพระองค์เท่านั้น...ไม่มีวันเป็นจริง...



..........................



   ระหว่างคนทั้งคู่ยังมีแต่ความเงียบ บ่อหอยนั้นแม้ขนาดจะค่อนข้างกว้างขวางพอสมควรสำหรับหอยมุกตัวโต แต่เมื่อเดินวนได้หนึ่งรอบ ทั้งสนธยาและเตชินทร์ต่างก็พบว่าขนาดบ่อไม่ได้กว้างเพียงพอที่จะทำให้พวกเขาอยู่ข้างๆกันได้นานขึ้น หนำซ้ำพอวนกลับมาที่เดิมแล้ว ต่างก็ได้แต่หยุดอยู่กับที่ด้วยไม่รู้จะใช้วิธีใดในการรั้งอีกฝ่ายให้อยู่เคียงข้างกัน



   “เอ่อ...” แล้วพอตัดสินใจจะพูดอะไรสักอย่าง คนทั้งคู่ก็ดันเอ่ยปากขึ้นมาพร้อมกันเสียอีก สนธยาและเตชินทร์เหลือบมองกันอีกครั้ง และโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร ต่างฝ่ายต่างก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าข้างบ่อนั่นเอง



   “ท่านรู้อะไรไหม ตอนเรายังเด็ก เราเคยอยากเกิดเป็นหอยด้วย” แล้วคนที่ทำลายความเงียบด้วยบทสนทนาเรียบง่ายก็คือสนธยา เตชินทร์หันมองร่างโปร่งผิวสีน้ำผึ้งทองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่ออีกฝ่ายตั้งหน้าตั้งตาเล่าต่ออย่างเอาจริงเอาจัง



   “เราต้องเดินผ่านบ่อหอยมุกตัวนี้ทุกวันเพื่อไปเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ที่ตำหนักเสด็จแม่ แต่เราขี้เกียจมาก เราไม่ชอบการเรียนในห้อง เราเห็นหอยตัวนี้แล้วก็ได้แต่บ่นกับตัวเองว่าหากเกิดเป็นหอยก็คงจะดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องอ่านหนังสือเป็นตั้งให้ปวดหัว ท่านล่ะ สมัยเด็กๆเคยอยากเกิดเป็นอย่างอื่นไหม”



   เตชินทร์หัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเอนกายไปเบื้องหลังแล้วค้ำมือลงกับพื้นหญ้า ปล่อยตัวปล่อยใจตามสบายไปกับสายลมเย็นและกลิ่นพืนดินพื้นหญ้าที่ลอยอวล



   “เคยสิ เราอยากเกิดเป็นปลา”



   “ทำไมล่ะ? ไม่กลัวชาวประมงจับไปกินหรือ?!!”



   “ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอก คิดแค่ว่าถ้าเป็นปลา ก็คง...ว่ายไปที่สมุทราได้โดยง่าย” ท้ายประโยคดวงเนตรคมขององค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชเหลือบสบกับเนตรของสนธยาอย่างมีความหมาย



   ...สมุทราที่เตชินทร์อยากไป ไม่ใช่เพราะอยากไปเหยียบเกาะเล็กๆ แต่อยากไปเพราะมีใครบางคนอยู่ที่นั่นต่างหาก...



   “เราเคยได้รับความช่วยเหลือจากเด็กคนหนึ่งในเกาะนั้น มารู้เอาทีหลังว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกชาวบ้านธรรมดาแต่เป็นองค์ชายพระองค์โตของราชสำนักสมุทราที่แอบหนีทหารออกมาเที่ยว เราซาบซึ้งใจในน้ำใจของเขามาก ถึงแม้ว่าเขาจะมองว่าการช่วยเหลือเราเป็นเพียงแค่เรื่องน่าสนุกก็ตามที เราเก็บความประทับใจนั่นไว้ตลอด และหาเรื่องกลับไปเที่ยวที่สมุทราบ่อยครั้ง แทบทุกครั้งเราจะพบเด็กคนนั้น แต่ละปี แต่ละปี เขาเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือรอยยิ้มของเขา แต่เมื่อเราขึ้นมาช่วยงานเสด็จพ่อ เราก็ไม่อาจไปสมุทราได้อีก ทำได้เพียงส่งอังกูรไปตามสืบว่าบัดนี้องค์ชายคนนั้นเป็นเช่นไรบ้าง แล้ว...เราก็...ได้แต่ภาคภูมิใจในตัวเขา เพราะเขาเติบโตขึ้นมาเป็นเสาหลักให้แก่ราชสำนัก เป็นที่พึ่งให้แก่แผ่นดิน เป็นองค์ชายเต็มตัวที่เก่งกล้าสามารถและบ้าบิ่นขนาดที่ยอมแม้กระทั่งเป็นตัวแทนมากับขบวนบรรณาการที่มีหอยมุกเพียงตัวเดียว...” เตชินทร์หันมามองคนข้างกาย ก่อนจะกุมมือสีน้ำผึ้งนั้นเอาไว้ด้วยหัวใจที่ไหวโหวงด้วยความเศร้าระทม



   “ท่านสน เรารู้ดีว่าวันหนึ่งท่านต้องกลับไปค้ำจุนราชสำนักของท่าน พันธะระหว่างเราสองจะเลือนหายไปกับกาลเวลา แต่...เราอยากให้ท่านรับรู้เอาไว้...ว่าเราจะรอวันที่ท่านจะได้กลับมาอยู่เคียงข้างเราอีกครั้ง ไม่ว่าจะนานสักเพียงใด เราก็จะรอ...” คำพูดของเตชินทร์ราวกับมีดกรีดลงที่ขั้วหัวใจของสนธยา ร่างโปร่งได้แต่บีบมืออีกฝ่ายแน่นเป็นการบอกให้รับรู้ว่าเขาเองก็จะรอวันนั้นเช่นกัน



   ท่ามกลางความเงียบสงบของบริเวณบ่อน้ำนั้น ไม่มีใครพูดอะไรอีก เตชินทร์เพียงแค่โน้มกายโปร่งเข้ามาใกล้ สนธยาวางหน้าผากลงกับลาดไหล่แข็งราวกับใช้ไหล่นี้เป็นที่พึ่งพิงแม้เพียงแค่เวลาสักเสี้ยวเดียวก็ยังดี ฝ่ามือที่ยังจับกันนั้นบีบกระชับแน่น รู้ดีว่าวันหนึ่งต้องพัดพราก แต่วันหนึ่งในภายภาคหน้าต้องได้กลับมาพบกันอีก...สนธยาสัญญา



   ศีรษะของเตชินทร์เอนลงพิงกับศีรษะของสนธยา มันเป็นความรู้สึกอัดแน่นในอกที่ไม่ว่าอย่างไรก็พูดออกไปไม่ได้ บอกไม่ได้ว่ารักมากเพียงใด บอกไม่ได้ว่าห่วงหามากแค่ไหน...สิ่งเดียวที่พูดได้คือคำว่าจะรอ...



   ...จะรอวันที่เราได้เจอกัน...จะรอวันที่เราได้อยู่ด้วยกัน...จะรอ...



   ...วันที่เราได้รักกัน...



……………………………



   ภาพขององค์ชายทั้งสองที่ทำได้เพียงซบอิงกันอยู่ที่ริมบ่อนั้นอยู่ในสายตาขององครักษ์ทั้งสามอย่างอังกูร สมิต และชีวินที่ยืนอยู่ข้างตำหนักอิฐ พวกเขาต่างพากันเงียบ ด้วยไม่รู้ว่าต้องพูดสิ่งใด



   ...แค่เห็น แค่ใช้เพียงสายตามอง...ก็รู้แล้วว่าทั้งอง์ชายสนธยาและองค์ชายเตชินทร์ผูกพันกันเพียงใด...



   ชีวินมองภาพตรงหน้าก่อนจะเบือนสายตาหลบด้วยความรู้สึกที่แสนหนักอึ้งไปทั้งหัวใจ องค์ชายสนธยาคือผู้มีพระคุณสูงสุดของเขา และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขารู้ว่าองค์สนกำลังตกทุกข์ได้ยาก สิ่งเดียวที่ชีวินจะทำคือการทำทุกอย่างที่จะทำให้พระองค์กลับมามีความสุขอีกครั้ง



   ...แต่ครั้งนี้...ครั้งนี้...เขามองไม่เห็นทาง...เขาจะทำเช่นกันดี ในเมื่อองค์สนจำต้องกลับเพื่อความมั่นคงของสมุทรา...



   “ชีวิน เจ้าจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้หรือ” เสียงของสมิตดังขึ้นทำเอาองครักษ์หนุ่มร่างโปร่งเหลือบตามองคนถาม



   “แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร” น้ำเสียงของชีวินยังคงเรียบเฉยราวกับไม่อินังขังขอบ ซึ่งนั่นทำเอาสมิตชักจะไม่พอใจกับท่าทีเฉยเมยแม้จะเห็นตำตาว่าทั้งองค์ชายสนธยาและองค์ชายเตชินทร์ต่างต้องการอยู่เคียงข้างกัน



   “ทำเช่นไร?!! ทำเช่นไรก็ได้ให้องค์ชายสนธยาทรงสามารถประทับที่นี่ต่อไปได้!!! เจ้าจะให้พระองค์เสด็จกลับทั้งๆที่ทรงไม่อยากกลับอย่างนั้นรึ?!!!”



   “การเสด็จกลับขององค์สนเป็นที่จำเป็นสำหรับสมุทรา” ชีวินยังคงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบกริบราวกับไม่รู้สึกรู้สาประการใด หากแต่ในใจนั้น เขาก็ไม่ต่างจากสมิต ที่เป็นกังวลและห่วงใยต่อความรู้สึกขององค์ชายสนธยา เพียงแต่...เขาไม่ใช่คนหงุดหงิดงุ่นง่านแบบสมิต เขาแสดงออกแบบนั้นไม่เป็น ท่าทีที่คนรอบข้างเห็นจึงกลายเป็นชีวินที่ไม่มีชีวิตจิตใจ



   “แต่องค์ชายสนธยาก็จำเป็นสำหรับอนันตราชเช่นกัน!!” สมิตยังโวยวาย ด้วยเพราะความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจเกินกว่าครึ่ง 



คนที่กระตุ้นองค์ชายเตชินทร์ให้ต้องรับรู้ความจริงเรื่องนี้ก็คือเขาเอง หากเขาไม่พูดเสียแต่แรก พระองค์ก็คงจะมีความสุขไปได้อีกหลายวันนับตั้งแต่วันที่องค์หญิงอรุณาสิ้น แต่นี่...เพราะเขาเอง...เพราะเขาที่เป็นคนทูลองค์ชายเตชินทร์เรื่องความเป็นไปได้ที่องค์ชายสนธยาต้องเสด็จกลับ คนที่ทำให้พระองค์ทุกข์จนถึงขั้นเหม่อลอยราวกับไร้ซึ่งความสุขใดๆก็คือเขาเอง!!



   “ถ้าให้องค์สนเลือกระหว่างสมุทราและอนันตราช ข้ายืนยันว่าองค์สนจะเลือกสมุทรา” ชีวินตอบด้วยท่าทีเฉยเมยเช่นเดิม   



   “แล้วถ้าหากองค์ชายสนธยาทรงทราบเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงของตัวเองว่าไม่ได้มีแค่เลือดของสมุทราเท่านั้น องค์ชายสนธยาจะทรงเลือกสมุทราอย่างไม่บิดพลิ้วได้อยู่หรือ”



เสียงหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาสามองครักษ์ต้องรีบหันไปมอง และต่างต้องรีบค้อมกายคำนับการเสด็จขององค์ชายรัชทายาทลำดับที่หนึ่งของอนันตราชโดยพร้อมเพรียง



   “ไม่ต้องมากพิธี เราแค่แอบแวะมาดูองค์เตชเท่านั้น เสด็จพ่อตรัสกับเราเรื่ององค์หญิงอรุณาแล้ว เราก็เลยเป็นห่วงองค์เตชนิดหน่อย” องค์ชายเจษฎาตรัสเช่นนั้นพลางเหลือบเนตรไปยังสองร่างที่ริมบ่อ องค์ชายสนธยายังคงวางหน้าผากลงบนลาดไหล่ขององค์ชายเตชินทร์ ในขณะที่องค์ชายเตชินทร์อิงซบศีรษะลงบนศีรษะขององค์ชายสนธยา



   ...ช่างเป็นภาพที่ดูเศร้าสร้อยเสียจนน่าสงสาร...



   “น่าเป็นห่วงกว่าที่คิดจริงๆด้วยสินะ” องค์ชายเจษฎาตรัสอย่างครุ่นคิด



   “เอ่อ...เรื่องที่พระองค์ตรัสเมื่อครู่...เรื่องชาติกำเนิดขององค์ชายสนธยาหมายความว่าอย่างไรหรือพระเจ้าค่ะ” สมิตทูลถามด้วยความสงสัย หากแต่องค์ชายหนุ่มกลับเหลือบเนตรกลับมายังชีวิน



   “เจ้าเคยสงสัยตัวเองไหมชีวิน ว่าเหตุใดเด็กผิวขาวอย่างเจ้าจึงถูกทอดทิ้งอยู่ที่ตลาดในสมุทรา”



   ชีวินได้แต่เงียบ แม้จะรู้ตัวดีว่าเขาไม่ใช่ชาวสมุทราโดยกำเนิด แต่เรื่องราวในวัยเยาว์ก็นานมากเสียจนเขาจำหน้าบิดามารดาไม่ได้แล้ว สิ่งเดียวที่จำได้คือการที่เขาถูกเก็บมาจากตลาดในสมุทราโดยองค์ชายสนธยา



   “เรื่องบางเรื่องก็ยุ่งยากและซับซ้อน บางเรื่องไม่จำเป็นต้องถูกเปิดเผย และบางเรื่อง...ก็ควรถูกใช้เป็นไพ่ตาย” องค์ชายเจษฎาทอดเนตรกลับไปยังสองร่างที่ริมบ่ออีกครั้ง



   ...หากคราวนี้ทุกอย่างสำเร็จ...พระองค์จะใช้งานองค์เตชให้หนักสมกับที่พระองค์ทิ้งไพ่ตายทีเดียวเชียว!!...



...................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-06-2014 20:03:52 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ไม่ถึงเจ็ดวันหลังจากนั้น ก็มีประกาศสำคัญจากสมุทราส่งไปยังอาณาจักรต่างๆเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงอรุณา ใจความสำคัญของประกาศค่อนข้างสั่นคลอนความมั่นคงของราชสำนักสมุทราพอดูเพราะองค์หญิงพระองค์โตผู้เปรียบดังรัชทายาทสิ้นพระชนม์กะทันหันในขณะที่องค์หญิงพระองค์อื่นผู้มีสิทธิ์ในบัลลังก์กลับยังไม่เติบโตเพียงพอที่จะแบกรับรัฐกิจ ดังนั้นอนันตราชจึงต้องประกาศการเสด็จกลับขององค์ชายสนธยาในเวลาต่อมาโดยทันที



   ...และประกาศของอนันตราชนั้น...ออกโดยกรมวังซึ่งอยู่ใต้การปกครองขององค์ชายเตชินทร์...



   เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ชีวินหันไปมองยังบานประตูนั้นก่อนจะเป็นคนเดินไปเปิด และร่างสูงใหญ่เบื้องหน้า ก็ทำเอาองครักษ์หนุ่มแห่งสมุทราต้องค้อมกายทำความเคารพ



   “องค์สนหลับหรือยัง” เพราะประกาศของอนันตราชฉบับนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน เตชินทร์จึงกลับถึงตำหนักดึกกว่าเคยและไม่ได้ร่วมมื้อเย็นกับสนธยาดังทุกที



   “ยังกระหม่อม” ชีวินขยับกายเล็กน้อยเปิดทางให้องค์ชายหนุ่มเสด็จเข้ามาภายใน องค์ชายสนธยากำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ชุดเก้าอี้ข้างหน้าต่าง เมื่อเห็นผู้มาเยือนยามวิกาลก็รีบวางหนังสือลงข้างกายทันที



   “ท่านเตช กลับมาแล้วหรือ” เตชินทร์นิ่งชะงักด้วยความใจหายกับประโยคทักทาย อีกไม่นานแล้ว...ที่จะไม่อาจได้ยินประโยคเช่นนี้จากสนธยา



   “กลับมาแล้ว” เขาตอบกลับเสียงแผ่ว ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อรวบรวมความเข้มแข็งให้ข่มความรู้สึกทั้งหมดให้คงที่ แล้วกล่าวเสียงแผ่ว



   “...เรา...จะมาแจ้งท่านว่าเรื่องการเดินทางกลับของท่าน เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันแล้ว ไม่ต้องห่วง”



   รอยยิ้มบนใบหน้าของสนธยาจืดจางลงเพียงน้อยเมื่อได้ยินความจริงจากปากของเตชินทร์



   ...เรื่องเดินทางกลับเป็นที่รับรู้โดยทั่วกันแล้ว...ดังนั้น...ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับ จะบิดพลิ้วไม่ได้อีกแล้ว...



   “ขอบคุณท่านมาก”



   “แล้วกำหนดกลับคือเมื่อใด” ตามประกาศที่ออกโดยกรมวังนั้น บอกกล่าวให้ทราบโดยทั่วกันว่าองค์ชายสนธยาผู้มากับขบวนบรรณาการจากสมุทราเมื่อคราวก่อนจะกลับในไม่ช้านี้ ทว่ายังไม่ระบุวันแน่นอน



   “ก็...อีกสามวันหลังจากอนันตราชประกาศ เราคงกลับไปร่วมตอนเผาศพทันพอดี” เนื่องจากเกาะสมุทราเป็นเกาะเล็กๆ ดังนั้นจึงไม่มีที่ทางเพียงพอสำหรับการฝัง แม้แต่ในราชสำนักเองก็นิยมการเผาและนำเถ้าไปลอยในทะเลถือเป็นการสิ้นสุดชีวิตที่เกิดจากท้องทะเลและจบที่ท้องทะเล



   “สามวันข้างหน้าหรือ...” เพียงแค่สามวันเท่านั้น ที่จะได้อยู่ด้วยกัน...แค่สามวัน แล้วนับจากนั้น...คงต้องภาวนาขอให้เตชินทร์กลายเป็นปลา จึงจะสามารถไปสมุทราได้



   “ท่านเตช...” การนิ่งซึมของอีกฝ่าย ทำเอาสนธยาใจหายรีบยื่นมือไปจับมือหนาของร่างสูงเอาไว้แล้วส่งยิ้มให้อย่างร่าเริง



   “ตั้งแต่เรามาอนันตราช เราไม่เคยชิมน้ำจัณฑ์ของที่นี่เลย เขาว่ากันว่าน้ำจัณฑ์ของอนันตราชละมุนลิ้น ถ้าอย่างไร ท่านพาเราชิมหน่อยได้ไหม” เตชินทร์เห็นสีหน้าซีดเซียวหากแต่รอยยิ้มนั้นพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้ดูสดใส เขาก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายก้รู้สึกไม่แตกต่างไปจากเขาเช่นกัน



   ...หากแต่เพราะพันธะ...หากแต่เพราะหน้าที่...พบกันเพื่อจากลา และเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่หลังการจากลาคือการได้พบกันอีกครั้ง...



   “ได้สิ คืนนี้เลยดีไหม เราจะไปบอกคุณท้าวเอิบให้ช่วยเตรียมน้ำจัณฑ์และกับแกล้มให้” สนธยาเพียงยิ้มอย่างเห็นด้วย ผู้เป็นเจ้าของตำหนักจึงรีบกุลีกุจอออกจากห้องไป และทันทีที่พ้นร่างสูง รอยยิ้มบนใบหน้าสนธยาก็เลือนหาย



   “ชีวิน...” องค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราตรัสเสียงอ่อน



   “...เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ เรา...อยากอยู่กับท่านเตชเพียงลำพัง” ชีวินมองพักตร์เศร้าระทมของผู้เป็นนายเหนือหัวด้วยความสงสาร ดูเหมือนนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับความรู้สึกเบื้องลึกขององค์ชายสนธยา หลังจากนี้ไปอีกสามวัน ความรู้สึกเหล่านี้จะกลายเป็นเพียงตะกอนในหัวใจที่ต้องรอเวลาให้ช่วยเจือจางเท่านั้น



   ...แต่กว่าเวลาจะเยียวยา...องค์ชายสนธยาคงไม่มีรอยสรวลบนพักตร์อีก...



   “รับด้วยเกล้า” ชีวินไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดได้แม้จะอยากช่วยเหลือเพียงใด เขาทำได้เพียงค้อมกายลาตามรับสั่ง แล้วเดินออกจากห้องมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้งไม่แพ้กัน



   ...หวังเพียงอย่างเดียวคือไพ่ตายขององค์ชายเจษฎาจะมาทันเวลาก่อนที่องค์ชายสนธยาและองค์ชายเตชินทร์จะไม่มีวันได้เคียงคู่กันอีก...



   ...............................



   เตชินทร์กลับมาที่ห้องของสนธยาอีกครั้งพร้อมด้วยถาดที่คุณท้าวเอิบจัดแจงให้โดยมีน้ำจัณฑ์ขวดทรงกลมไม่ใหญ่นักและแก้วสำหรับน้ำจัณฑ์สองแก้ว พร้อมด้วยถั่วอบแห้งเป็นกับแกล้ม ตอนแรกคุณท้าวเอิบจะให้นางกำนัลยกถาดขึ้นมาให้ แต่เตชินทร์ขอเป็นคนยกเอง



   ผู้เป็นเจ้าของตำหนักเคาะประตู 2-3 ครั้งก่อนจะเปิดเข้าไปในห้องพักผ่อนของผู้มาอาศัย หากแต่...อีกแค่ 3 วัน...ห้องนี้จะว่างเปล่า...



   “มาแล้วหรือ โอ้! สีสันน่าอร่อยจริงด้วย” เสียงร่าเริงของสนธยาทำเอาเตชินทร์ต้องพยายามยิ้มให้ได้อีกครั้ง แม้หัวใจจะอ่อนล้าเพียงใดก็ตาม



   “รับรองว่าท่านจะติดใจ” เจ้าของตำหนักกล่าว ก่อนจะวางถาดลงบนโต๊ะหน้าชุดเก้าอี้ แล้วเปิดขวดน้ำจัณฑ์รินน้ำสีอำพันลงแก้วแล้วจึงส่งแก้วให้แก่สนธยา



   “หืม...กลิ่นก็หอมดีทีเดียว” องค์ชายจากสมุทรายกแก้วขึ้นดมกลิ่นหอมหวลนั้นก่อนจะจิบน้ำสีอำพันนั้นอย่างละเลียด แต่ก็ต้องข่มตาหลับแน่นเมื่อน้ำจัณฑ์ร้อนแรงไหลลงสู่ลำคอ



   “เป็นอย่างไร” เตชินทร์ถามด้วยแววเนตรระยิบเมื่อดูท่าทางคนตรงหน้าจะไม่ถูกปากกับน้ำจัณฑ์ของอนันตราช



   “เข้ม! ไหนใครต่อใครว่าละมุนลิ้นกัน!! โกหกเราชัดๆ!!”



   “อนันตราชเป็นเมืองหนาว น้ำจัณฑ์ก็ต้องรสเข้มเป็นธรรมดา” เตชินทร์ตอบกลั้วหัวเราะ



   “ท่านรู้ทั้งรู้ว่ารสเข้มเพียงใดก็ยังเออออไปกับเราว่าละมุนลิ้นให้ลองชิม! เราคาดโทษท่านเหมือนกัน!!” สนธยาโวยวายหากแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่จริงจังเสียเท่าไหร่นัก เพราะยกแก้วขึ้นจิบอีกอึก แต่พอน้ำจัณฑ์ผ่านคอก็ทำตาปี๋อีกหน



   “ถ้าไม่ถูกปากก็ไม่ต้องดื่มแล้วก็ได้” เจ้าของขวดน้ำจัณฑ์ว่าอย่างนั้น เอื้อมมือจะรับแก้วคืนหากแต่ร่างโปร่งกลับยื้อมือหนี



   “ไม่ถูกปากแต่ไม่ใช่ไม่อร่อยสักหน่อย ท่านดื่มร่วมกับเราเลย เราไม่ดื่มคนเดียวหรอก” สนธยาว่าอย่างนั้นก่อนจะเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำจัณฑ์มารินให้แก่ร่างสูง เตชินทร์ได้แต่ยิ้มบางพลางยกแก้วขึ้นจิบ



   แล้วพอน้ำจัณฑ์เข้าปากไปได้สักหน่อย ก็ดูเหมือนมันจะทำหน้าที่ที่สนธยาต้องการได้อย่างดีเยี่ยม เขาเหลือบมององค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชที่นั่งอยู่ข้างกัน ความเป็นบุรุษในกายบอกสนธยาว่าหากเวลานี้เขาไม่ปริปากบอกทุกความรู้สึก เขาจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้ว



   “ท่านเตช...” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงแผ่ว เมื่อไหร่ไม่รู้ที่การอยู่ข้างกายเตชินทร์กลายเป็นความต้องการของเขา สนธยาไม่ปฏิเสธว่าเพราะเตชินทร์แสดงออกซึ่งความปรารถนาดีต่อเขาเสมอมา และเขาก็ต้องการความปรารถนาดีเช่นนี้สืบต่อไป



   ...แต่...อาจจะไม่ได้รับรู้ความปรารถดีนี้อีกแล้ว อาจจะห่างไกลเสียจนไม่อาจสัมผัสได้อีก...ดังนั้น...เวลานี้เท่านั้น...อย่างน้อยก็แค่เวลานี้...



   เตชินทร์หันกลับมามองตามเสียงเรียกนั้น พวกเขาทำได้เพียงสบตากันเงียบๆ ขณะที่ใบหน้าเลื่อนเข้าหากันช้าๆ แล้วริมฝีปากที่เจือด้วยรสน้ำจัณฑ์ก็แนบสัมผัสกันและกันอย่างเชื่องช้าราวกับต้องการจะรั้งเวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่ให้ยาวนานออกไปมากที่สุด



   “อืม...” เสียงครางแผ่วเบานั้นเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากที่เบียดประกบเข้าหากัน แก้วน้ำจัณฑ์ในมือของสนธยาหล่นลงกับพื้นพรมใต้เก้าอี้นั่ง มือทั้งสองข้างเป็นอิสระเพียงพอที่จะไขว่คว้าแผ่นหลังกว้างของเตชินทร์ที่พลิกกายขึ้นคร่อมเบียดร่างเขาให้ฝังลงกับเบาะเก้าอี้นุ่ม



   รสสัมผัสที่ริมฝีปากนั้นแนบแน่นแต่อ้อยอิ่งเสียจนเกือบจะขาดใจ ฝ่ามือใหญ่ร้อนของเตชินทร์ลากไล้ไปมาบนช่วงเอวของร่างข้างใต้ก่อนจะผละริมฝีปากออกมาอย่างเชื่องช้า



   “ท่านสน...” เตชินทร์ถามเสียงกระซิบบนริมฝีปากฉ่ำ



   “...มอบใจของท่านให้แก่เราได้ไหม” สนธยาหลับตาลงอย่างยินยอม



   “เรามอบให้ท่านทั้งหมด...ทั้งใจ...และกายของเรา...”



...............................



   เตียงสี่เสากลางห้องพักผ่อนของสนธยาถูกตลบม่านบางพลิ้วลงทั้งหมดแล้ว มันพลางตาสองร่างที่กอดก่ายแนบชิดบนเตียงให้เหลือเพียงเงา เสียงครางแผ่วหวานดังลอดเป็นระยะสอดประสานไปกับเสียงแนบเนื้อที่เร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ



   ฤทธิ์มึนเมาของน้ำจัณฑ์ทำให้สนธยาลืมไปหมดแทบทุกสิ่ง เวลานี้เขารู้เพียงแค่ว่าการอยู่ใต้ร่างของเตชินทร์นั้นเป็นความเจ็บปวดที่แสนหวาน มันทรมานราวกับดำน้ำลึกโดยที่ไม่ได้โผล่ขึ้นมารับอากาศ ราวกับจะขาดใจ ทว่ายามที่ริมฝีปากของเตชินทร์ก้มลงแนบชิดกับริมฝีปากของเขาก็เหมือนมอบกำลังใจทั้งมวลให้ดิ้นรนดำดิ่งลงสู่ความหฤหรรย์ที่แสนทรมานนั่นต่อไป



   ฝ่ามือลูบไล้ร่างเปลือยเปล่าของกันและกันเพื่อทิ้งความรู้สึกทั้งมวลเอาไว้ให้ห่วงหายามต้องจากไกล ค่ำคืนนี้ท้ายที่สุดแล้วอาจกลายเป็นเพียงความทรงจำครั้งหนึ่ง...แต่ความทรงจำครั้งนี้จะมีความหมายไปตลอดชีวิต



   “ท่านเตช...” ท่ามกลางความพร่างพรายของดวงเนตรที่เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาของความเต็มตื้นและเจ็บปวด สนธยารู้ดีว่าไม่อาจเอ่ยความรู้สึกของตัวเองได้ แต่...ถ้าเพียงแค่บอกมันด้วยสายตา เตชินทร์คงเข้าใจ



   ฝ่ามือใหญ่ของร่างสูงลูบไล้ใบหน้าสีน้ำผึ้งด้วยความรักใคร่



   “...ท่านจะอยู่ในความฝันของเรา...ตลอดไป” ช่างเป็นความเจ็บปวดที่อ่อนโยนราวกับผีเสื้อขยับปีก เตชินทร์มองลึกเข้าไปในดวงเนตรสีอ่อนนั้น ทั้งดีใจทั้งเสียใจปะปนกัน



   “เวลานี้เรายังมีท่านอยู่ในความจริง...อย่าพูดถึงเรื่องฝันเลย” น้ำเสียงทุ้มนั้นแสนเศร้าเสียจนคนฟังยังใจหาย หากเขารู้ใจเร็วกว่านี้ก็คงดี หากเขาสำนึกในความรู้สึกที่มีของตัวเองได้เร็วกว่านี้ ก็คงได้ใกล้ชิดกันได้นานกว่านี้



   “ถ้าเช่นนั้น...กอดเราเถอะ กอดเราจนกว่าจะถึงวันที่ท่านกลายเป็นเพียงฝัน...กอดเรา...จนกว่าในความจริงของเราจะไม่มีท่านอยู่อีกแล้ว” สนธยาพูดเสียงแผ่ว ดวงเนตรเอ่อคลอด้วยน้ำตา ทว่าเรียวปากยังยิ้มบาง เป็นภาพที่งดงามและสะเทือนใจ เตชินทร์คำรามในคออย่างอัดอั้น ทุรนทุรายกับหยาดน้ำใสที่เขาต้องพบเห็น



   หากแต่...สิ่งเดียวที่ทำได้ในเวลานี้คือปลอบโยนด้วยไออุ่นของเรือนกาย...มอบสัมผัสให้แก่กันอย่างไม่รู้จักจบจักสิ้นราวกับจะบอกลา



   ...ครั้งแรก...และครั้งสุดท้าย...ก่อนจากกันไกล



   มุ้งบางรอบเตียงยังคงมีเงาของสองร่างที่อิงแอบแนบชิดกันไม่ห่าง ภาพเงาของร่างสองร่างที่ตะกองกอดกันและกันเอาไว้ สามวันสุดท้ายของการชิดใกล้ สามวันสุดท้ายก่อนที่หัวใจจะไม่อาจเผยความรู้สึกใดให้รับรู้ได้อีกแล้ว



   ...สามวันสุดท้ายของความจริง ก่อนที่อีกฝ่ายจะกลายเป็นเพียงความฝันนิรันดร...





ติดตามตอนต่อไป

ก่อนอื่น ขอขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามเรื่องนี้นะคะ บัวจะพยามยามเขียนให้จบภายในสามเดือนนับจากนี้ เพราะว่ามีลิสต์ตอนพิเศษอีกหลายเรื่องจ่อคออยู่ อยากเขียนไปหมดทุกสิ่งอัน (โลภมากจริงๆ =.=)

จะพยายามปั่นมาลงให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เลยค่ะ!

ยังไงก็ขอบคุณสำหรับการติดตาม การอ่าน การม้นท์ และพื้นที่บอร์ดจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
องค์สนต้องกลับสมุทราจริงๆหรือนี่  :monkeysad:

สงสารทั้งสองคนเลย หวังว่าไพ่ตายขององค์ชายเจษฎาจะช่วยทั้งสองคนได้นะ  :ling2:

แต่แอบกลัวองค์ราชินีวารีนาทโหดสุดๆเลย  :ling3:

รอตอนต่อไปคร่าาา  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
จำเนื้อเรื่องไม่ได้ค่ะขอกลับไปทวนของเก่าก่อน :mew1:

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
อ่านตอนนี้แล้วบีบหัวใจเหลือเกิน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เปิดไพ่เถอะองค์เจษฐ์ สงสารท่านเตชกะท่านสน
งื้อออออ

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ลึกลับซับซ้อน  :z10:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
....จึกๆกันแล้ว แต่เป็นฉากที่ชวนเศร้ามากจริงๆ :o12:

ไพ่ตายคืออะไรน้าาาา หรือว่าชีวินเป็นองค์ชายของอนันตราช!!!(มั่วๆ55)

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
เพราะรักจึงยอมทุกอย่าง ไม่เหลือมาดองค์ชายเลยนะองค์สน

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
หวานปนเศร้า ฮือๆๆๆๆ
ชอบอ่านแบบนี้จัง รู้สึกประทับใจ
มันซาบซึ้ง ตราตรึง บอกไม่ถูก
แต่ชอบบบบบบบ
ยังไงก็ตามขอจบแฮปปี้นะคะ  :mew4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
เป็นฉากรักที่เศร้าที่สุดแล้วมั้งนี่
ไพ่ตายขององค์ชายรัชทายาทคืออะไรกันแน่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด