...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)  (อ่าน 276478 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6

ออฟไลน์ MK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-4
เพิ่งได้อ่านค่ะ  แล้วก็ติดแล้วเรียบร้อย หลงรักท่านเตชเต็มกระบุง ฮรื้อออออ

ตอนล่าสุด น่าจะดีใจที่เค้าได้กันแต่ทำไมมันเศร้างี้ ฮรื้อออออ ไพ่ตายที่ว่าเอาออกมาใช้เถอะ

เรื่องนี้เดาอะไรไม่ได้เลย ผิดหมด   :เฮ้อ:   สนกลับไปแล้วจะปลอยภัยใช่ไหม? แม่คงไม่คิดจะทำอะไรหรอกใช่ไหม?

จะได้อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ ฮรื้อออออ  สงสารทั้งสองอ่ะ    :katai4:

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
รอไพ่ของเจษฎา

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
ช่วงนี้เซนซิทีฟกับเรื่องรักๆ
อ่านตอนนี้แล้วน้ำตาจะไหล
สงสารทั้งสองคน ที่กว่าอีกคนจะรู้ใจตัวเองก็เรียกได้ว่าสายไปแล้ว
แต่หวังว่าปาฏิหารย์จะมีจริง

ออฟไลน์ jaja-jj

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-3
ไพ่ตายอยู่ไหนคะ. Need มากๆ ต้องการด่วนๆ

บทนี้เศร้ามาก หวานมาก. ชอบมากๆค่ะ #ซับน้ำตา

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อ่านแล้วน้ำตาคลออ้ะ สงสารทั้งคู่เลย

รักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ หวังว่าไพ่ตายจะมีผลนะ

รอนะค้าบบ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ดราม่ามาก รักกันแต่ก็ต้องพรากจาก  :ling3:

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
เหมือนจากกันแล้วจะไม่ได้เจอกันอีกเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: ด้วยพันธะบรรณาการ
By: Dezair
……………………..

บทที่ 15



   เสียงหวูดของเรือหลวงสมุทราที่จอดเทียบท่าอยู่ที่อนันตราชดังเป็นคำรบที่สองบอกเวลาการเตรียมพร้อมรับเสด็จองค์ชายสนธยาที่จะเสด็จกลับสมุทราแล้ว วันนี้ที่ท่าเรือของอนันตราชค่อนข้างครึกครื้นกว่าเคย เพราะนอกจากประชาชนทั่วไปแล้ว กษัตริย์วิภู องค์ชายเจษฎาและองค์ชายเตชินทร์ยังเสด็จมาส่งองค์ชายสนธยาถึงท่าเรือแต่เช้าตรู่



   สมิตมององค์ชายเหนือหัวของตนประทับเคียงข้างองค์ชายสนธยาที่กำลังสนทนาอยู่กับองค์ชายเจษฏาและกษัตริย์วิภูด้วยความอัดอั้น เขามองซ้ายมองขวาก็เห็นแต่อังกูรเท่านั้นที่พอจะปรับทุกข์ด้วยได้



   “นี่อังกูร วันนั้นเจ้าก็ได้ยินใช่ไหมว่าองค์เจษตรัสว่าทรงมีไพ่ตาย แล้วไหนล่ะไพ่ตาย! นี่องค์ชายสนธยาจะเสด็จกลับสมุทราอยู่แล้ว ไม่เห็นไพ่ตายสักใบถูกองค์เจษทรงทิ้งออกมา!!!” สมิตเกือบจะวางใจอยู่แล้วตอนที่ได้ยินว่าองค์ชายเจษฎาทรงมีไพ่ตายไว้ช่วยเหลือองค์ชายเตชินทร์และองค์ชายสนธยาได้ครองคู่กัน



   แต่ดูเอาเถอะ!! ผ่านไปสามวันจนกระทั่งองค์ชายสนธยาจะเสด็จกลับอยู่รอมร่อสมิตก็ยังไม่เห็นไพ่ตายสักใบมารั้งองค์ชายสนธยาเอาไว้!!!
   “ข้าก็ไม่เห็นเช่นเจ้านั่นล่ะ” อังกูรตอบกลับด้วยความหนักใจไม่แพ้กัน แม้ตลอดสามวันที่ผ่านมาองค์ชายเตชินทร์จะประทับเคียงใกล้องค์ชายสนธยาไม่ห่างด้วยพักตร์ยิ้มแย้ม แต่...อังกูรรู้ดีว่าภายใต้พักตร์สรวลสดใสนั้นคือความเจ็บปวดพระทัยขั้นรุนแรง



   “โธ่เอ๊ย!!ไพ่ตายจะมาตอนไหนกัน?!! เจ้าว่าเจ้าชีวินนั่นจะรู้ไหม” สมิตถามเพื่อนรักอีกหน เหลือบมองไปที่องครักษ์ขององค์ชายสนธยาก็เห็นแต่ใบหน้านิ่งเฉยไม่ทุกข์ไม่ร้อนเช่นเคย!



   “ข้าคิดว่าไม่ องค์เจษทรงเก็บความลับเก่งมาแต่ไหนแต่ไร หากเรื่องไม่แพร่งพรายมาถึงหูเจ้ากับข้า ท่านชีวินก็ไม่น่าจะรู้”



   สมิตยิ่งงุ่นง่านมากกว่าเดิม ยิ่งเมื่อเห็นองค์ชายสนธยาน้อมกายบังคมลากษัตริย์วิภูและองค์ชายเจษฏาด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งกังวล



   ...องค์สนจะเสด็จกลับแล้ว!! ทำอย่างไรดี!! ทำอย่างไรดีให้องค์สนประทับที่อนันตราช!!!...



   ทว่า...ท้ายที่สุดแล้วสมิตก็ทำได้เพียงแค่อ้าปากพะงาบๆเพราะไม่รู้จะทำสิ่งใดได้อีก แล้วมองดูองค์ชายสนธยาพร้อมด้วยนายทหารจากสมุทราก้าวขึ้นเรือหลวงที่เทียบท่ารออยู่ ในขณะที่องค์ชายเตชินทร์ประทับอยู่ที่ท่าแล้วทรงทำได้เพียงส่งรอยสรวลเบาบางไปให้ผู้ที่ประทับที่กาบเรือเท่านั้น



   เสียงหวูดของเรือดังขึ้นอีกครั้งเป็นสัญญา ก่อนที่เรือลำไม่ใหญ่นักจะเคลื่อนตัวออกสู่มหาสมุทรกว้าง เรือหลวงของสมุทราเคลื่อนตัวไกลออกจากท่าจนกลายเป็นลำเล็กลงทุกที ทุกที ก่อนจะหายลับสายตาไปในที่สุด



   “องค์เตช...” สมิตได้แต่ทูลเรียกเสียงแผ่ว ร่างสูงสง่าที่ประทับอยู่เบื้องหน้าตนนั้นยังคงผึ่งผายมองส่งจนลับสายเนตร



   “เสด็จกลับวังเถอะพระเจ้าค่ะ” ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะยืนอยู่ที่นี่อีกแล้ว องค์ชายสนธยาเสด็จกลับสมุทราไปแล้ว และคงอีกนาน...กว่าจะมีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง



   แต่...องค์ชายเตชินทร์ยังคงประทับนิ่งอยู่ที่เดิม เรือหลวงของสมุทราไม่ได้เพียงพรากคนที่พระองค์รักไปสุดสายเนตร แต่ยังพาหัวใจของพระองค์ไปด้วย



   “องค์เตช...” เสียงขององค์ชายเจษฎาดังขึ้น พร้อมกับหัตถ์ของเชษฎาที่วางลงบนอังสาขององค์ชายเตชินทร์



   “เจ้าควรจะกลับได้แล้ว ที่กรมวังมีงานอีกมากที่เจ้าต้องจัดการ”



   “กระหม่อมทราบ” องค์ชายเตชินทร์ยังคงเลื่อนลอยและเซื่องซึมจนผู้เป็นเชษฏาต้องถอนปัสสาสะเล็กน้อย



   “ถ้าเช่นนั้นก็กลับกรมวังเสีย เจ้าต้องรีบสะสางงานให้เรียบร้อย อย่าลืมว่าต้องไปร่วมงานของสมุทรา” ประโยคท้ายของผู้เป็นพี่ ทำเอาองค์ชายเตชินทร์ชะงักไปโดยพลัน



   “อะไรนะพระเจ้าค่ะ?! ร่วมงานของสมุทรา?...”



   “อ้าว! ก็งานศพอย่างไรล่ะ สมุทราเป็นพันธมิตรกับเรา ซ้ำยังมีน่านน้ำร่วมกัน เจ้าคงไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะส่งขุนนางนายทหารไปร่วมงานสำคัญนั่นหรอกนะ ตอนแรกเราก็ตั้งใจจะไปร่วมเพียงลำพังหรอก แต่องค์หญิงอรุณาเป็นถึงว่าที่ราชินี ครั้นจะไปคนเดียวก็คงดูอย่างไรอยู่ เลยว่าจะให้องค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 2 ไปด้วยกัน เจ้าคิดเห็นอย่างไร” ราวกับตะวันสาดแสงเข้ามาในหัวใจที่ดำมืด องค์ชายเตชินทร์แย้มสรวลกว้างด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง



   “เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งพระเจ้าค่ะ!! เรากับสมุทราเป็นมิตรและผูกพันกันมานานนม ทั้งงานนี้ยังเป็นงานใหญ่ จะเสด็จแค่รัชทายาทลำดับที่ 1 เพียงพระองค์เดียวคงไม่เหมาะกระหม่อม!! แล้วเสด็จพี่มีกำหนดเดินทางเมื่อไหร่หรือพระเจ้าค่ะ”



“ยังไม่แน่นอน คงต้องรอจัดการงานต่างๆให้เรียบร้อยก่อน เจ้าก็สะสางงานเอาไว้แต่เนิ่น เมื่อเราตัดสินใจแล้ว จะได้ออกเดินทางได้ทันที”



“รับด้วยเกล้าพระเจ้าค่ะ!! เช่นนั้นกระหม่อมจะรีบกลับไปสะสางงานโดยไว!! สมิต อังกูร กลับ!” ราวกับมีชีวิตใหม่อย่างไรอย่างนั้น จากเมื่อครู่ที่เป็นองค์ชายผู้เงียบงันกลายเป็นองค์ชายเตชินทร์คนเดิมแล้ว



   ร่างสูงก้าวอย่างรวดเร็วกลับไปที่ม้าเพื่อกลับวังโดยไว ในขณะที่สมิตรีบหันมาทูลองค์ชายเจษฏาอย่างยินดี



   “นี่คือไพ่ตายที่พระองค์เคยตรัสใช่ไหมพระเจ้าค่ะ!” องค์ชายเจษฏาสรวลเบาๆ ก่อนจะส่ายพระพักตร์ไปมา



   “ไพ่ตายก็คือไพ่ตาย...เปิดทีเดียวทุกอย่างอยู่ในมืออนันตราชทั้งหมดนั่นสิถึงจะเรียกว่าไพ่ตาย”



   งานนี้ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นราชินีมากเล่ห์วารีวาทก็ไม่อาจยื้อยุดสิ่งใดจากอนันตราชได้แน่...แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นองค์ชายพระองค์โตแห่งสมุทรานามว่าสนธยาก็ตาม!!!



……………………………



   สมุทรายังคงเป็นสมุทรา เกาะขนาดเล็กใจกลางมหาสมุทร เป็นท่าเรือ เป็นแหล่งค้าขาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ในแต่ล่ะปีต้อนรับชาวต่างแดนมากหน้าหลายตาให้แวะเวียนมาเยี่ยมชมความงดงามของภูมิทัศน์และวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่



   สนธยาก้าวลงจากเรือตรงมายังสตรีสูงสุดแห่งสมุทราที่ประทับรออยู่ที่ท่าเรือแล้ว ก่อนจะค้อมกายถวายการคำนับด้วยความรักและห่วงหา



   “ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่”



   “ยินดีที่ได้เห็นเจ้ากลับมา องค์สน” ราชินีวารีวาทยังคงมีรอยแย้มพระโอษฐ์น้อยๆบนพักตร์สีน้ำผึ้ง แม้จะฉลองพระองค์สีดำเพื่อไว้ทุกข์แก่ธิดาที่จากไป แต่อากัปกริยาก็ยังคงไว้ซึ่งบารมีเช่นเคย



   “พระองค์ไม่น่าทรงลำบากมารับกระหม่อมถึงทีนี่เลย น่าจะประทับรอที่วัง” อากาศร้อนจัดในยามกลางวันนั้นทำให้สนธยาค่อนข้างจะห่วงใยในสุขภาพของผู้เป็นมารดา ทว่าราชินีวารีวาทกลับเพียงแย้มโอษฐ์น้อยๆ



   “ก็แค่มาดูเท่านั้น ว่าลูกมาคนเดียว ไม่ได้พาใครมาด้วย” สนธยานิ่งงันไปกับวาจาของมารดา หากแต่ก็เสยิ้มแล้วปฏิเสธ



   “ลูกจะพาใครมาด้วยเล่า ยามไปก็ไปเพียงลำพัง ยามกลับก้ต้องกลับเพียงลำพัง จึงจะถูก” ราชินีวารีวาทจ้องเนตรของโอรส และเป็นฝ่ายโอรสพระองค์โตของพระองค์ที่เบือนเนตรหลบไปอีกทาง



   “แม่ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น กลับวังกันเถอะ เดินทางมาเหนื่อยๆจะได้พักผ่อน” สตรีผู้กุมอำนาจสุงสุดแห่งสมุทราตรัสเช่นนั้น ก่อนจะหมุนวรองค์เสด็จนำ ทิ้งให้สนธยาเพียงมองตามด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดนอก



   ...เสด็จแม่ทรงหวังให้เขากลับมาเพียงลำพัง แต่เขา...กลับอยากกลับมาที่นี่พร้อมใครบางคนต่างหาก...



   ...ใครบางคนที่เขามอบใจให้ทั้งดวง...ใครบางคน...ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจกลายร่างเป็นปลาว่ายมาหาเขาถึงสมุทรา...ใครบางคน...ที่อาจต้องจากไกล...ตลอดกาล...



…………………………..   



   ภายในวังหลวงของสมุทราที่เคยประดับด้วยอัญมณีหลากหลายระยิบระยับไปทั่วทุกมุม บัดนี้ถูกริ้วธงสีดำที่ติดไว้ตามตำหนักต่างๆบดบังความระยิบระยับนั้นเสียสิ้น พระศพขององค์หญิงอรุณาถูกตั้งอยู่ที่ตำหนักหน้าของวังหลวง ซึ่งเป็นตำหนักที่ราชินีวารีวาทเสด็จประชุมทุกเช้า และนับตั้งแต่ตั้งพระศพขององค์หญิงอรุณาไว้ที่นั่น ราชินีวารีวาทก็แทบจะพำนักที่ตำหนักนั้นไปเสียแล้ว สนธยารับทราบเรื่องนี้จากขุนนางชั้นผู้ใหญ่ผู้หนึ่งในระหว่างเสด็จจากท่าเรือมายังวังหลวง



   ‘ราชินีทรงแทบจะประทับอยู่ในตำหนักหน้าทั้งวันทั้งคืน เอาแต่ทอดเนตรโลงพระศพขององค์หญิงอรุณา กระหม่อมทราบดีว่าการสูญเสียนำมาซึ่งความโศกเศร้า แต่เกรงว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป พระวรกายของราชินีจะแย่เอาพระเจ้าค่ะ’



   สนธยาเหลือบเนตรไปยังโลงศพสีขาวที่ประดับด้วยอัญมณีสีน้ำเงิน ดูเหมือนนี่จะเป็นเพียงสิ่งเดียวในวังหลวงที่มีประกายระยิบระยับโดยไม่ถูกริ้วผ้าสีดำบดบังเอาไว้ โลงศพถูกตั้งอยู่กลางห้อง รายล้อมด้วยดอกไม้นานาพันธ์ที่ให้กลิ่นหอมหวน ทว่า...ก็ชวนให้โศกเศร้าเสียจนสนธยาต้องถอนหายใจแผ่วเบา



   ...ยิ่งอรุณาคิดร้ายต่อเขาและเสด็จแม่มากเพียงใด ก็ยิ่งทำให้สนธยาเสียใจมากเท่านั้น ยิ่งได้มาเห็นจุดจบของผู้เป็นน้องสาวซึ่งเหลือเพียงร่างไร้วิญญาณก็ยิ่งทำให้สนธยาแทบหมดเรี่ยวหมดแรง...



   ความละโมบโลภมากและมักใหญ่ใฝ่สูงอย่างไร้สติและโง่เขลา ทำให้ชีวิตหนึ่งดับสูญได้เพียงนี้เชียวหรือ



   “นึกว่าเจ้าจะกลับตำหนักไปพักผ่อนก่อนเสียอีก” เสียงของสตรีผู้เป็นมารดาดังขึ้นเบื้องหลัง สนธยาไม่ได้หันกลับไปมอง สายเนตรยังคงจับจ้องที่โลงศพของผู้เป็นน้องอย่างเวทนา



   “กระหม่อมอยากมาพบอรุณา ก็เลย...มาที่นี่ก่อน เพราะเย็นนี้จะเผาศพของนางแล้วใช่ไหมกระหม่อม” เขาทูล ราชินีวารีวาทเสด็จเข้ามาประทับเคียงข้างผู้เป็นโอรส ก่อนจะตรัสเสียงแผ่ว



   “ใช่...เย็นนี้จะเผา” และเพราะเป็นวันเผา เรือที่พาองค์ชายสนธยากลับมาจากอนันตราชจึงต้องแล่นเร็วเป็นพิเศษ และคนที่คุมบังเหียนเรือในน่านน้ำอย่างชำนิชานาญก็ไม่มีใครมีฝีมือเกินไปกว่าองค์ชายสนธยา



   สนธยาบังคับเรือกลับมายังสมุทราอย่างเร่งด่วนเพื่อร่วมงานของน้องเป็นครั้งสุดท้าย เรื่องนี้ราชินีวารีวาททรงทราบดีว่าสนธยามีใจปรารถนาดีต่ออรุณาเพียงใด



   “ถ้าอรุณารับรู้ความปรารถนาดีของเจ้าบ้างแม้เพียงนิด นางอาจจะ...กลับใจทัน” สนธยาเพียงกระตุกยิ้มบางเบา



   “หรือบางที อาจจะเป็นเพราะความปรารถนาดีของกระหม่อมมีน้อยเกินไป นางเลยมองไม่เห็นก็เป็นได้” อย่างน้อยอรุณาก็เป็นน้อง แม้นางจะคิดร้ายถึงขั้นทำลายชีวิตเขา แต่สนธยาก็ตระหนักอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายเป็นน้องที่คลานตามกันมา



   “ตอนอรุณาสิ้น...นางทรมานไหมกระหม่อม” ในฐานะที่เป็นพี่ สิ่งสุดท้ายที่อยากรู้เกี่ยวกับน้องผู้นี้คือจากไปอย่างสงบหรือไม่ หรืออย่างน้อยๆก็จากไปอย่างเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยเท่านั้น   



   “อรุณาน่าจะมีความสุขที่สุดในชีวิตด้วยซ้ำ” ราชินีวารีวาทยังจำสายเนตรที่อรุณามอบให้พระองค์ในห้วงลมหายใจสุดท้ายได้อย่างดี เมื่อนางได้ยินว่านางคือธิดาแท้ของพระองค์ ส่วนคนที่ไม่ใช่...คือสนธยา...



   “องค์สน...เจ้าเคยได้ยินเรื่องที่ว่าลูกของแม่คนหนึ่ง ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของแม่ไหม” สนธยานิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบตามความจริง



   “เคยได้ยินกระหม่อม” เขาได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่จำความได้ เดิมทีมันเป็นเพียงข่าวลือโคมลอย หากแต่ในเวลาต่อมา มันก็ยิ่งหนาหูขึ้นทุกทีจนสนธยาคิดเอาว่าพี่น้องทั้งหมดของเขาก็ล้วนรับรู้เรื่องนี้เช่นกัน



   “แล้วเจ้าคิดเห็นเช่นไร”



   “แรกๆก็สงสัยตามธรรมชาติว่าใครคือคนที่ไม่ได้เกิดจากเสด็จแม่ แต่...พอเริ่มโต กระหม่อมก็มีเรื่องมากมายให้ต้องคิด ทั้งเรื่องเรียน ทั้งเรื่องเที่ยว เรื่องข่าวลือนี้ กระหม่อมจึงเลิกสนใจไปโดยปริยาย อีกทั้งกระหม่อมคิดว่าไม่ว่ากระหม่อมจะเป็นลูกของเสด็จแม่แท้จริงหรือไม่ หน้าที่ของกระหม่อมก็ไม่เปลี่ยน กระหม่อมต้องรับใช้ราชสำนัก รับใช้สมุทรา ถึงวันหนึ่งความจะเผยว่ากระหม่อมไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเสด็จแม่ และต้องถอดยศองค์ชาย ความปรารถนาในการรับใช้สมุทราก็ยังคงเหมือนเดิม” ยิ่งสดับความคิดความอ่านของผู้เป็นโอรสองค์โตแล้ว ราชินีวารีวาทก็ยิ่งสะท้อนพระทัยด้วยเพราะหากอรุณาคิดได้อย่างนี้สักครึ่งหนึ่ง นางจะไม่โหยหาตำแหน่งและฐานันดรที่สูงส่งเกินตัวจนต้องพบจุดจบเช่นนี้



   “เสด็จแม่ตรัสเรื่องนี้ขึ้นมาทำไมหรือกระหม่อม” สนธยาหันมาทูลถามด้วยความสงสัย ก่อนจะเหลือบเนตรไปยังโลงศพของผู้เป็นน้อง



   “หรือว่า...เรื่องหนึ่งที่ทำให้อรุณาพยายามทำลายกระหม่อมเพราะเกรงว่าตนเองจะไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเสด็จแม่ด้วย” มีเพียงความเงียบเป็นคำตอบ สนธยาหันมองมารดา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหยาดอสุชลของราชินีวารีวาท



   “เสด็จแม่!...” เขาร้องด้วยความตกใจ หากแต่ราชินีวารีวาทกลับส่งรอยแย้มพระโอษฐ์บางเบากลับมา



   “บางที...คนที่โลภกว่าอรุณาก็คือแม่ คนที่เลวกว่าอรุณาก็คือแม่...แม่คือคนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้...” ราชินีวารีวาทตรัส ก่อนจะกะพริบเปลือกเนตรถี่ๆเพื่อไล่หยาดน้ำเหล่านั้นให้กลับลงสู่ก้นบึ้งของพระทัย พระองค์เป็นราชินีแห่งสมุทรา บัลลังก์ราชินีเปื้อนเลือดได้ แต่ไม่มีวันเปื้อนน้ำตาเป็นแน่



   “องค์สน เรื่องข่าวลือที่ว่าในจำนวนลูกทั้งหมดของแม่ มีลูกคนหนึ่งที่ไม่ได้เกิดจากแม่นั้นเป็นความจริง...” สนธยาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ข่าวลือนี้เกิดมานานนม หากแต่...ทำไมเวลานี้ราชินีวารีวาทกลับตรัสกับเขา



   หัตถ์เล็กสีน้ำผึ้งทองจับลงที่แขนของสนธยาแล้วบีบกระชับ



   “และคนที่ไม่ได้เกิดจากแม่ ก็คือ...อรุณา” สนยานิ่งงัน เขาเหลือบเนตรกลับไปมองยังโลงศพของผู้เป็นน้องอีกครั้ง ในขณะที่หูได้ยินเสียงของมารดากำชับหนักแน่น



   “เจ้าที่เป็นโอรสองค์โตของแม่ เป็นบุตรแห่งราชสำนักสมุทราโดยเนื้อแท้ จงอย่าลืมในฐานันดรและหน้าที่ของตนเป็นอันขาด จำเอาไว้”



   สนธยาหันกลับมามองมารดาอีกครั้ง หากแต่สิ่งที่เขาเห็นคือสตรีเบื้องหน้าไม่ใช่เสด็จแม่ที่เขารู้จัก แต่เป็นราชินีวารีวาทผู้กอบกุมอำนาจสูงสุดแห่งสมุทรา!!!



…………………….
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2014 19:41:58 โดย Dezair »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ชีวินเหลือบมองนายเหนือหัวซึ่งเพิ่งกลับเข้าตำหนักส่วนพระองค์ หลังจากทำหน้าที่รับแขกบ้านแขกเมืองจากต่างถิ่นที่มาร่วมงานไว้อาลัยองค์หญิงอรุณา นับตั้งแต่กลับมาจากอนันตราช หน้าที่หลักอีกอย่างขององคืชายพระองค์โตแห่งสมุทราอย่างสนธยาคือการเทียวไปเทียวมาระหว่างวังหลวงและท่าเรือเพื่อคอยรับการมาเยือนจากขุนนาง นายทหารชั้นสูง และเหล่าองค์ชายองค์หญิงที่เป็นตัวแทนอาณาจักรต่างๆเข้าร่วมงาน



เกือบเดือนแล้วที่กลับจากอนันตราช หากแต่สิ่งที่ชีวินเห็นจนแทบจะชินตาคือพักตร์ยุ่งเหยิงที่ดูราวกับองค์ชายหนุ่มแห่งสมุทรากำลังครุ่นคิดเรื่องบางเรื่องอยู่ตลอดเวลา



“ชีวิน บอกให้คนยกสำรับอาหารขึ้นไปให้เราที่ห้องสมุดที เราจะทานที่นั่น”



และเมื่อไรที่กลับจากรัฐกิจประจำวัน องค์ชายหนุ่มก็มักจะหมกมุ่นอยู่แต่ในห้องสมุดของตำหนัก ซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือเก่าจำนวนมากทั้งที่พระองค์ไม่เคยคิดจะแตะต้องมาก่อน ด้วยเพราะมีคติชอบเรียนรู้จากประสบการณ์และทำการทดลองด้วยหัตถ์ขององค์เอง มากกว่าการอ่านหนังสือ



ขีวินเดินไปสั่งให้นางกำนัลจัดสำรับขึ้นไปยังห้องสมุดดังทุกวัน ก่อนจะรีบตามเสด็จขึ้นไป



“ช่วงนี้ทรงอ่านหนังสือทุกวันเลยนะพระเจ้าค่ะ”



เขาทูลเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องทรงงานขององค์ชายหนุ่มและพบว่าผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับหนังสือเล่มหนาเก่าคร่ำคราอีกแล้ว



องค์ชายสนธยาเหลือบเนตรมององครักษ์คู่พระทัยเล็กน้อยก่อนตรัส



“อย่าคิดว่าเราอกหักแล้วขยันล่ะ เราไม่ได้อกหักแต่แค่มีเรื่องสงสัยนิดหน่อยก็เท่านั้น จะถามใครก็คงไม่มีใครตอบ เลยต้องมาหาข้อมูลเอาจากบันทึกเก่าพวกนี้ แต่ดูเหมือน...คนจดบันทึกจะเอาแต่หลีกเลี่ยงความจริงอย่างไรไม่รู้”



“เรื่องสงสัย? สงสัยเรื่องใด กระหม่อมทูลถามได้ไหมพระเจ้าค่ะ” เพราะกิจวัตรที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทำให้ชีวินอดสงสัยใคร่รู้ไม่ได้



องค์ชายหนุ่มถอนปัสสาสะเล็กน้อย ก่อนจะทรงวางหนังสือลงกับโต๊ะ



“สงสัยเสด็จแม่น่ะสิ...ข่าวลือเรื่องลูกหนึ่งคนของพระองค์ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงน่ะมีมาตั้งแต่เรายังเด็ก แต่ทำไม...ทำไมอยู่ดีๆเสด็จแม่ก็ตรัสความจริงขึ้นมากับเรา บอกว่าเราเป็นลูกที่แท้จริง ส่วนคนที่ไม่ใช่คืออรุณา...เรารู้สึกว่าเสด็จแม่กำลังปิดบังเรา อาศัยว่าอรุณาตายไปแล้วย่อมพูดไม่ได้และไม่อาจรับรู้อะไรได้อีก ดังนั้น...หากจะโยนว่านางไม่ใช่ลูกที่แท้จริง เสด็จแม่ก็ย่อมทรงทำได้”



โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นราชินีผู้มากเล่ห์นามว่าวารีวาทแล้ว เล่ห์เหลี่ยมของพระองค์นั้นแพรวพราวเพียงใดพิสูจน์ได้จากที่พระองค์สามารถดำรงสมุทราให้อยู่รอดพ้นภัยร้ายมาหลายทศวรรษ



“พระองค์กำลังดำริว่า...คนที่ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของราชินีวารีวาทคือ...พระองค์เองหรือพระเจ้าค่ะ” ชีวินถามเสียงเบา เริ่มหวนคิดถึงสิ่งที่ได้ยินจากองค์ชายเจษฎาถึงชาติกำเนิดที่แท้จริงขององค์ชายสนธยา



...หากสิ่งที่องค์ชายเจษฎาตรัสเป็นเรื่องจริง ข้อสงสัยขององค์ชายสนธยาก็ยิ่งเข้าเค้า...



องค์ชายสนธยาเอนปฤษฎางค์ลงกับพนักพระเก้าอี้ด้วยพักตร์ครุ่นคิด



“เราคิดว่า...เสด็จแม่ใช้ฐานะองค์ชายของเราเพื่อทำกิจใดสักอย่าง ไม่อย่างนั้นจู่ๆจะตรัสขึ้นมาทำไมว่าเราเป็นลูกที่แท้จริง” ชีวินได้แต่เงียบด้วยเพราะเขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้แน่ชัด และความเงียบขององครักษ์ที่เติบโตมาด้วยกันก็ทำให้องค์ชายสนธยาต้องตรัสถาม



“ชีวิน...เจ้ารู้อะไรมาใช่ไหม” ชีวินเม้มปากแน่น ก่อนจะพ่นลมหายใจแรงแล้วเดินเข้ามาใกล้เพื่อเอ่ยปากทูลเสียงเบาตามที่ได้ยินมาจากองค์ชายเจษฎา



   ...ชาติกำเนิดที่แท้จริง...เลือดครึ่งหนึ่งไม่ใช่สมุทรา...และการที่ชีวินถูกทิ้งที่ตลาดในสมุทราเพื่อให้องค์ชายองค์โตแห่งสมุทราทรงเก็บไปเลี้ยงดู...



   ทั้งหมดนี้...คือสิ่งที่ไม่มีบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาตร์ของสมุทราแม้แต่นิดเดียว!!!



…………………………….



   การประชุมระหว่างราชินีวารีวาทและเหล่าขุนนางนายทหารชั้นสูงในเช้าวันนี้ สนธยาเข้าร่วมเป็นปกติดังทุกวัน นับตั้งแต่กลับมาที่สมุทรา แต่ที่จะไม่เหมือนวันที่ผ่านๆมาก็ตรงที่องค์ชายหนุ่มไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย



   “องค์สน...องค์สน...” เสียงเรียกทำให้สนธยาได้สติถึงกับสะดุ้ง



   “เป็นอะไรรึเปล่า วันนี้เจ้าดูเหม่อ” สนธยามองไปรอบกายก็พบว่าในห้องประชุมไม่มีขุนนางนายทหารคนใดเหลืออีกแล้ว นอกจากพระองค์ ราชินีวารีวาท และ...โลงศพขององค์หญิงอรุณาที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะประชุมเท่าไรนัก สนธยาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปยังโลงซึ่งว่างเปล่า เนื่องจากมีพิธีเผาร่างไปเมื่อวานนี้อย่างเงียบเฉียบ และนำเถ้าอัฐิไปโปรยที่ทะเลในยามเช้าตรู่ของวันนี้ แต่ด้วยธรรมเนียมดั้งเดิมของการไว้ทุกข์ จึงต้องมีการตั้งโลงเปล่าของผู้วายชนม์เอาไว้หลังจากเผาเป็นเวลา 100 วันเพื่อไว้อาลัย ดังนั้นแม้วันนี้จะไม่มีร่างของอรุณาเหลืออยู่แล้ว แต่ทั่วทั้งวังหลวงก็ยังคงประดับด้วยริ้วผ้าสีดำทั้งสิ้น



   “เปล่าพระเจ้าค่ะ เมื่อคืนแค่นอนไม่ค่อยหลับเท่านั้น”



   “ถ้าอย่างนั้นก็กลับไปพักผ่อนเสีย เรือจากอนันตราชจะมาถึงเย็นนี้ เจ้าต้องออกไปรับ”



   “เรือจากอนันตราชหรือพระเจ้าค่ะ?!”



ราวกับเป็นยาชั้นดี สีพักตร์ขององค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราดูมีชีวิตชีวาขึ้นในบัดดล ราชินีวารีวาททรงนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีกระตือรือร้นของโอรส ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ พลางตรัส



   “ใช่ คณะจากอนันตราชจะมาร่วมงานไว้อาลัยในวันพรุ่งนี้ และจะมาถึงในเย็นวันนี้ ทางกรมวังจัดเตรียมตำหนักต้อนรับไว้แล้ว เจ้าก็แค่ไปรับที่ท่าเรือเช่นเคย” เหมือนที่สนธยาไปต้อนรับคณะเดินทางจากอาณาจักรต่างๆที่มาร่วมงานไว้อาลัย ทว่า...ครั้งนี้ ที่ได้รู้ว่าคณะเดินทางคณะนี้มาจากอนันตราช พระทัยขององค์ชายพระองค์โตของสมุทราก็เหมือนมีเลือดหล่อเลี้ยงให้อุ่นซ่านไปทั้งดวง



   “แล้ว...ใครเป็นผู้นำคณะหรือกระหม่อม” ราชินีวารีวาททอดพระเนตรท่าทางสงสัยใคร่รู้และติดไปทางมีความหวังของผู้เป็นโอรส ก่อนจะตรัสด้วยพักตร์เรียบเฉย และน้ำเสียงที่ติดจะเย็นลงเล็กน้อย



   “องค์ชายเจษฎา...และ...องค์ชายเตชินทร์...”



   ชื่อนั้นนำความดีใจมาให้สนธยาจนไม่ทันสังเกตสีพระพักตร์ที่เปลี่ยนเป็นนิ่งตึงของราชินีวารีวาทแม้แต่น้อย



   ...องค์ชายเตชินทร์...บุรุษแห่งอนันตราชที่จะมาพรากเสาหลักไปจากสมุทรา!!!...



   หัตถ์เล็กสีน้ำผึ้งของราชินีวารีวาทที่อยู่ใต้โต๊ะทรงงานกำชายกระโปรงอย่างหมายมาด



………………………….   



   ดูเหมือนนี่จะเป็นเพียงวันแรกนับตั้งแต่กลับมาสมุทราที่องค์ชายสนธยามีรอยแย้มสรวลเต็มพักตร์อย่างที่ชีวินคิดถึง องครักษ์หนุ่มรับทราบมาว่าเพราะวันนี้อาคันตุกะที่จะมาร่วมงานพระศพขององค์หญิงอรุณามาจากดินแดนใกล้เคียงอย่างอนันตราช นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่องค์ชายเหนือหัวของเขาจะมีความสุขเช่นนี้



   เรือหลวงขนาดย่อมจากอนันตราชเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือหลักของสมุทราแล้ว บนท่าเรือมีขบวนรับเสด็จนำโดยองค์ชายสนธยาและเหล่านายทหารชั้นผู้ใหญ่ พร้อมด้วยหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ทำเอาวันนี้ที่ท่าเรือดูหนาแน่นเป็นพิเศษ



   สะพานไม้ถูกวางทอดจากเรือหลวงลงมายังท่าเรือ แล้วกายสูงสง่าที่อยู่เบื้องหลังองค์ชายเจษฎาก็ทำเอาสนธยายิ้มเต็มหน้าด้วยความยินดี



   เสียงแตรดังสนั่นเป็นการต้อนรับการมาเยือนของรัชทายาทแห่งอนันตราช ก่อนที่พระองค์จะเสด็จลงมา องค์ชายสนธยาค้อมศีรษะทำความเคารพในฐานะเจ้าบ้าน



   “ขอบพระทัยที่พระองค์เสด็จมาถึงนี่”



   “เราต้องมาอยู่แล้ว สมุทราเป็นมิตรที่ดี เกิดเรื่องเศร้าขึ้นเช่นนี้ หากอนันตราชไม่มาร่วมแสดงความเสียใจคงเป็นเรื่องแปลกเต็มทน องค์ชายสนธยาทรงสบายดีใช่ไหม” องค์ชายเจษฎาตรัส และท้ายประโยคคือการตรัสถามความสุขสบายของคนตรงหน้า



   “สบายดีกระหม่อม” องค์ชายเจษฏาเพียงสรวลเบาๆ แล้วตรัส



   “ดีแล้วที่ท่านสบายดี เพราะขืนมีอีกคนที่ไม่สบายดี เราคงยิ่งอยู่ไม่สุขมากกว่านี้”



   “ไม่สบายดี?...พระองค์หมายถึง...” องค์ชายเจษฎาทรงแย้มสรวลน้อยๆ ก่อนจะเหลือบเนตรไปทางผู้เป็นอนุชาที่ยืนอยู่เบื้องหลังของพระองค์ สนธยาเหลือบเนตรไปยังเตชินทร์ แค่เพียงสายเนตรสบกัน ความรู้สึกในใจก็เพิ่มพูนเสียจนประเมินค่าไม่ได้



   องค์ชายเจษฎาทอดเนตรสายใยบางเบาระหว่างผู้เป็นอนุชาของพระองค์และองค์ชายแห่งสมุทราแล้วก็ได้แต่ดำริชื่นชมพระองค์เองว่าทรงทำถูกแล้วที่ตัดสินพระทัยเช่นนี้



   “เอ่อ...กระหม่อมจะนำเสด็จกลับวังหลวง เชิญทางนี้พระเจ้าค่ะ” เกือบครู่หนึ่ง กว่าที่สนธยาจะรู้สึกตัวและถอนสายเนตรออกจากเนตรคมกริบที่ยังคงแฝงความรักและห่วงหาอาทรขององคชายเตชินทร์ได้ ร่างโปร่งผิวน้ำผึ้งหมุนองค์ออกเสด็จนำไปยังเกวียนเทียมม้า เพื่อมุ่งสู่วังหลวงแห่งสมุทรา







   วังหลวงของสมุทรานั้นยังคงเหมือนเดิมทุกประการนับตั้งแต่องค์ชายเจษฎาเคยเสด็จมาที่นี่ หากจะมีแปลกตาไปบ้างก็ตรงริ้วผ้าสีดำที่ประดับอยู่ตามจุดต่างๆ จนทำให้วังหลวงที่เคยระยิบระยับด้วยอัญมณีสูงค่า เหลือเพียงความเศร้าระทม



   ราชินีวารีวาทประทับอยู่ที่โถงของตำหนักหน้า ซึ่งเป็นห้องบัลลังก์ของพระองค์ ห้องข้างเคียงคือห้องทรงงานที่พระองค์ใช้จัดประชุมในทุกเช้าและเป็นห้องที่ใช้วางโลงพระศพองค์หญิงอรุณาซึ่งแม้บัดนี้ร่างของพระองค์จะถูกเผาแล้ว แต่ก็ยังวางโลงเปล่าไว้สำหรับการเข้าไว้อาลัยตามธรรมเนียม



   “ถวายบังคมพระเจ้าค่ะ” องค์ชายเจษฎาและองค์ชายเตชินทร์พร้อมด้วยนายทหารจากอนันตราชค้อมกายทำความเคารพสตรีผู้ประทับอยู่บนบัลลังก์สูงสุดแห่งสมุทรา



   “เชิญตามสบาย องค์ชาย” องค์ชายเจษฎาเงยพักตร์ขึ้นแล้วยกพระราชสาส์นในหัตถ์ขึ้นเหนือเศียร



   “เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งให้กระหม่อมนำสาส์นไว้อาลัยมาถวายพระเจ้าค่ะ แท้จริงแล้ว เสด็จพ่อมีดำริจะเสด็จมาด้วยตัวองค์เอง แต่เนื่องจากรัฐกิจมากมายนัก จึงมอบหมายให้กระหม่อมกับองค์เตชมาแทน แต่ทั้งอย่างนั้นก็มาไม่ทันวันเผา ทำได้แค่มาไว้อาลัยเท่านั้นเอง”



   “ไม่เป็นไรหรอก ธรรมเนียมงานศพของสมุทราก็ใช้เวลาจัดเพียงน้อยวัน ให้อย่างไรก็ไม่มีใครมาทัน” ราชินีวารีวาทตรัส แม้จะรู้แก่พระทัยว่าแม้ใช้เวลาจัดนานเพียงใด แต่คนที่จะมาร่วมงานศพของอรุณาก็คงมีคนเต็มใจมาเพียงไม่กี่คน ในเมื่อนางไม่เคยสร้างคุณงามความดีอะไรเอาไว้ให้คนรอบข้างนึกถึง คนที่มาร่วมจึงมาเพื่อเป็นเกียรติแก่ราชสำนักสมุทราก็เท่านั้นเอง



   “แต่อย่างไรก็ขอบพระทัยองค์ชายมาก ที่สละเวลามาร่วมงานไว้อาลัย” พระองค์ตรัสอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมีรับสั่งให้ราชเลขาฯรับสาส์นจากองค์ชายเจษฎามาก่อนที่พระองค์จะทรงลุกจากบัลลังก์เสด็จลงมายังเบื้องหน้าองค์ชายหนุ่มอย่างไม่ถือองค์และเป็นมิตร



   “องค์สนจะเป็นคนนำเสด็จองค์ชายทั้งสองไปยังห้องไว้อาลัย จากนั้นจะพาไปยังตำหนักรับรอง ตอนค่ำค่อยเสวยมื้อค่ำร่วมกันที่ตำหนักนี้ ไม่ทราบว่าองค์ชายทั้งสองจะสะดวกหรือไม่” องค์ชายเจษฎาค้อมกายต่ำรับคำ



   “สะดวกเป็นอย่างยิ่งกระหม่อม ทางที่ดี กระหม่อมขอทูลแนะนำสักเล็กน้อยให้พระองค์ทรงอ่านสาส์นที่กระหม่อมแนบมากับสาส์นไว้อาลัยของเสด็จพ่อ บนโต๊ะเสวย...ทั้งกระหม่อมและพระองค์จะได้มีบทสนทนาร่วมกันที่ถูกคอ” แล้วองค์ชายเจษฎาก็ทรงส่งรอยแย้มสรวลน้อยๆถวายแด่ราชินีวารีวาทที่บัดนี้พักตร์เรียบตึงลงอย่างรวดเร็ว



   “สาส์นแนบ?...”



   “พระเจ้าค่ะ สาส์นแนบของกระหม่อมออกจะยาวไปสักหน่อย แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระองค์จะทรงอ่านจนจบเพราะกระหม่อมเกรงว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว อาจจะถูกพระองค์ทรงลบเลือนมันทิ้งไป...แต่...ต่อให้ลบเรื่องทั้งหมดออกจากสมุทราได้ ก็ไม่อาจลบเรื่องที่อนันตราชได้ จริงไหมพระเจ้าค่ะ” องค์ชายเจษฎาตรัสอย่างพระอารมณ์ดี ก่อนจะหันไปทางองค์ชายสนธยาที่ยืนอยู่ไม่ไกล ทว่าบทสนทนาระหว่างพระองค์และราชินีวารีวาทเมื่อครู่นี้ก็เป็นไปอย่างเบาแผ่วเสียจนไม่มีใครได้ยินนอกจากทั้งสองพระองค์เอง



   “องค์สน เราพร้อมไปไว้อาลัยองค์หญิงอรุณาแล้ว” แล้วคณะของอนันตราชก็ถูกองค์ชายสนธยานำออกจากห้องโถง ทิ้งราชินีวารีวาทเอาไว้เบื้องหลัง



   สตรีผู้กุมอำนาจแห่งสมุทรารอจนกระทั่งนายทหารคนสุดท้ายขจองอนันตราชออกจากห้องโถงไปแล้ว จึงหันไปขอสาส์นจากอนันตราชเมื่อครู่จากท่านราชเลขาฯ



   ม้วนหนังสีน้ำตาลประทับด้วยตราประจำราชสำนักอนันตราชถูกคลี่ออก ภายในบรรจุกระดาษม้วนสองแผ่น แผ่นหนึ่งเพียงแค่ปรายเนตรผ่านๆก็รับรู้ว่าเป็นสาส์นแสดงความเสียพระทัยจากกษัตริย์วิภูต่อการจากไปขององค์หญิงอรุณา หากแต่อีกแผ่นที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังนั้น เป็นสาส์นที่มีใจความยาวเหยียด และที่มุมขวาด้านบนสุดของกระดาษประทับด้วยตราประจำองค์ชายรัชทายาทลำดับที่หนึ่งนามว่าเจษฎา บรรทัดถัดมาเขียนหัวเรื่องที่เพียงแค่เห็นก็ทำเอาราชินีวารีวาทนิ่งงันไปทั้งร่าง



   ‘ทูลราชินีวารีวาทแห่งราขสำนักสมุทราว่าด้วยเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงขององค์ชายลำดับที่ 1 แห่งสมุทรา’



   ...ต่อให้เรื่องทั้งหมดถูกลบออกจากสมุทราได้ แต่ก้ลบออกจากอนันตราชไม่ได้!!!...




ติดตามตอนต่อไป

   เดือน 7 แล้ววววว บัวมีปณิธานว่าเรื่องนี้ต้องจบภายในเดือนเก้า เพราะฉะนั้น จะขยันมาลงให้บ่อยๆที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ! ส่วนใครรอเซอร์ไพร์สที่เกริ่นไปแล้วว่าจะมาเดือนนี้ อดใจนิดนึง ใกล้ล่ะๆ

สำหรับใครที่กังวลเรื่องความดราม่า อย่ากังวลค่ะ คือตัวบัวเองไม่ค่อยชอบความดราม่า เพราะฉะนั้น เมื่อมันมาได้มันก็จะจากไปได้เช่นเดียวค่ะ ฮ่าฮ่า

ท้ายสุดนี้ ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ และบอร์ดเช่นเคยนะคะ

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับองค์สนซินะ
ตั้งตารอ หุหุ

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
มีเรื่องอะไร ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอีกหว่า

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ้โห องค์เจษฎานี่ ร้ายใช่เล่นนะเนี่ย
น่าติดตามสุดๆ

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
เจ้าเล่ห์จัง555

ออฟไลน์ sine_saki

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +58/-2
ไพ่ตายใกล้ถูกเปิดแล้ว

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ตั้งตารอไพ่ตาย !!!

ออฟไลน์ kongxinya

  • Skt KS
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
ซับซ้อนดีแท้ ตั้งหน้าตั้งตารอตอนต่อไป  :impress2:

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
ลุ้นระทึกจริงจริ้งงง รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ตัวร้ายจริง ๆ คงเป็นราชินีนี่แหละ เสี้ยมลูกตัวเองให้เกลียดและระแวงกันเอง
คงมีองค์เจษนี่แหละที่พอจะรับมือความร้ายกาจของราชินีได้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
องค์เป็นลูกของใครกันแน่?

มีเลือดของอนันตราชเหรอ?

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
เมื่อไรจะเฉลยสักทีนะ

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
เท่าที่ปะติดปะต่อ และดูจากสภาพทางกายภาพคร่าวๆ ก็พอมีเงื่อนงำนะครับ

- สนธยา ไม่น่าจะเป็นลูกของวารีวาทจริงๆ และเรื่องนี้ น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสวามีของราชินีวารีวาท และกษัตริย์วิภูด้วย ถ้ามีบันทึกอยู่ในทั้งอนันตราชและสมุทรา แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่มีความสำคัญระดับราชวงศ์ และดูตามช่วงเวลา ไม่น่ามีใครที่จะเข้าข่ายน่าสงสัยไปมากกว่าสองคนนี้ ดีไม่ดีอาจจะเกี่ยวเนื่องถึงเรื่องอดีตที่ทำให้เกิดสัญญาระหว่างสองเมืองก็เป็นได้ นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้วารีวาทตัดสินใจลบบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้น

- ชีวิน ชีวินนี่ปมอาจจะแปลกๆ เพราะสีผิว เคสแรกที่ผมสันนิษฐานคือชีวินน่ะเป็นเด็กสัญชาติอนันตราช แต่หลักฐานสนับสนุนที่นอกจากการที่ชีวินมีสีผิวแบบเดียวกับชาวอนันตราช นอกนั้นก็ไม่มีเลย อีกเรื่องคือสภาพร่างกาย ถ้าชีวินเป็นชาวอนันตราชจริง โครงสร้างร่างกายน่าจะสูงใหญ่กว่านี้ แต่ถ้าเราคำนึงถึงประเด็นของอาหารและการเลี้ยงดูแบบชาวสมุทราที่อาจทำให้ชีวินไม่มีพัฒนาการทางกายภาพที่เหมือนชาวอนันตราช ก็ถือว่าข้อสันนิษฐานนี้ยังพอมีน้ำหนักอยู่

ส่วนเคสที่สอง ส่วนตัวผมว่ามันแฟนตาซีเกินไปนะ คือ ถ้าสมมุติว่าการเก็บชีวินมาจากตลาดเป็นเรื่องที่ถูกบอกเล่ามาโดยราชินีวารีวาท ก็มีความเป็นไปได้ว่ามันจะไม่ใช่ความจริง ทีนี้ประเด็นคือ แล้วชีวินมาจากไหน? ถ้าเราย้อนกลับไปที่ข้อสันนิษฐานเดิม ก็แสดงว่า เหตุการณ์ในช่วงของสนธยาที่เกี่ยวเนื่องกับกษัตริย์วิภูและสวามีของราชินีวารีวาท ชีวินอาจจะมีบทบาทอยู่ในนั้นร่วมก็เป็นได้ อาจจะเป็นพยานสำคัญที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย แต่เนื่องจากยังเด็กไป จึงจำอะไรไม่ได้ และเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต คนอย่างวารีวาทก็ไม่มีทางยอมให้ปัจจัยแบบนี้อยู่นอกเหนือการควบคุมหรอก ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็คือนำตัวมาอยู่ให้ใกล้หูใกล้ตาซะ

- องค์ชายเจษฎา น่าจะรู้ระแคะระคายอะไรบางอย่างมาจากกษัตริย์วิภู เลยตัดสินใจตามสืบ แต่ด้วยหน้าที่กษัตริย์ ท่านวิภูคงไม่สามารถบรรยายอะไรออกมาเยอะได้ เพราะเรื่องน่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับเพื่อนสนิท ต่อให้ไปถาม บางทีก็อาจจะเขวเรื่องได้ พยานปากสำคัญตอนนี้น่าจะเป็น หนึ่ง มเหสีลำดับแรกสุดของอนันตราช เพราะอยู่มานาน น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดดี ไม่ว่าจะลับแค่ไหน สอง คุณท้าวเอิบ เรื่องข่าวกรองนี่ต้องยกให้นางในเค้าครับ วงการข่าวกรองนี่ยังกับใยแมงมุม ต่อให้ไม่รู้เรื่องจริงที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ต้องได้ยินข่าวลือมาบ้างละ อีกเรื่องคือ ถ้าเรื่องมันเกิดในอนันตราชจริง และเรื่องมันเกี่ยวข้องกับเด็ก คนที่กษัตริย์วิภูไว้ใจให้จัดการหรือเล่าให้ฟัง ก็น่าจะเป็นคุณท้าวเอิบในช่วงที่ยังสาว เพราะมีความชำนาญด้านนี้ และดูจากรูปการณ์แล้ว คุณท้าวเอิบน่าจะเป็นแม่นมคนสนิทที่กษัตริย์วิภูไว้ใจด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-07-2014 23:31:50 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
 :fire:
เอาล่ะสิงานนี้
ใครจะอยู่ใครจะไป อิอิ

ออฟไลน์ ลิงน้อยสุดเอ๋อ

  • ถึงจะเหงา แต่ไม่ได้ง่าย
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1993
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-2
    • Fanpage
ลุ้นมากๆๆๆ

หวังว่าชีวินคงไม่ใช่ลูกชายที่แท้จริงหรอกน่ะ

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
หลายปมมาก ผูกมาซะ คนอ่านตามแก้ไม่ถูกเลย และพอแก้ได้เงื่อนนึง จะมีเงื่อนอื่นซ่อนอยู่ด้วย แหม๋

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
ลุ้น! ตอนต่อไป

ออฟไลน์ KMprince

  • kyumin QingYu
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 281
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อ่านถึงตอน 9 ค่ะ
องค์เตชกับองค์เจษ รวมมือกันให้ได้ผลนะคะ 55
ส่วนองค์สน ตัดสินใจถูกแล้วนะ อยู่กับคนที่รักเรา
ส่วนท่านหญิง จะกลับตัวกลับใจได้ไหม
สงสารก็แต่ราชินี คนเป็นแม่

ออฟไลน์ ReiiHarem

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 886
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-3
ปม ปม ปม ปม
ถ้ามันซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้นะ

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
รอไพ่ตายอย่างลุ้นระทึก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด