...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...ด้วยพันธะบรรณาการ พันธะ 17(จบ)...อัพ 22/07 (หน้า 20 ค่ะ)  (อ่าน 276483 ครั้ง)

ออฟไลน์ KoTo_Nat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
โอ น่าลุ้น

ตอนแรกกำลังหาอ่านเรื่องแนวแฟนตาซีในบอร์ดและบังเอิ๊ญบังเอิญ มาสะดุดคำว่า พันธะ
บวกกับจำนวนตอนที่โพสหัวข้อไว้เลยเข้ามา อือ ตอนแรกก็เรื่อยๆน่าาาา :ruready
แต่มาลุ้นตรงปมนายเอกนี่แหละ :hao3:
จะรอติดตามนะครับ ว่าพ่อแม่ที่แท้จริงคือใคร

(อันนี้คิดเองไปก่อน เดาๆเอา คืออาจเป็นพวกฝั่นตะวันตกหรือเปล่า เอ้แต่มันขัดกับไปเจอกันได้ไงเพราะไม่ถูกกัน แล้วพ่อนายเอกจะไปมีความสัมพันธ์กับใครละเออเดาเอง งง เอง 5555 หรือพ่อนายเอกจะมีความสัมพันธ์กับพี่น้องของฝั่งพระเอกหว่าา
เออชั่งมัน จะรอลุ้นเอาครับผม)

รีบ ๆ มาต่อ ตอนต่อไปนะครับจะรอ

:mew1:รักคนแต่งครับ :mew1:
 :L1: :L1:

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
ลุ้นๆไพ่ต่ายด้วยค่ะ
องค์เจษจะมีทีเด็ดอย่างไร
คราวนี้ท่านแม่จะยอมเปิดเผยอะไรอีกมั้ย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ยิ่งอ่านยิ่งเจอปม คือซับซ้อนมากค่ะ เครียด  :katai4:

ออฟไลน์ jing_sng

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 761
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อ่าน 2 ตอนรวด องค์ราชินีโหดกว่าที่คิดมากมาย ตัดคอโยนลงทะเล แม่คุณสุดยอด
ผู้ที่จะมาต่อกรด้วยนี่ต้องแข็งแกร่งที่สุดนะถึงจะสู่สี

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
ขอบคุณคุณบัวเช่นกันฮะที่แต่งเรื่องสนุกๆ (และไม่ดราม่า)ให้อ่าน อิอิ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
กรี๊ด รอค่ะ ซับซ้อนซ่อนเงื่อนละเกิน

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
นี่เองที่เป็นไม้เด็ดขององค์เจษ
สมแล้วกับตำแหน่งรัชทายาทองค์ที่หนึ่ง!
ขอบคุณมากค่ะ

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
NOV: ด้วยพันธะบรรณาการ
By: Dezair
……………………..
บทที่ 16   



หลังจากไว้อาลัยโลงพระศพขององค์หญิงอรุณาเรียบร้อยแล้ว องค์ชายสนธยาก็เสด็จนำอาคันตุกะจากอนันตราชมายังตำหนักรับรองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักหน้าเสียเท่าไหร่ อีกทั้งยังผินหน้าไปสู่ท้องทะเลสีน้ำเงินระยิบ ทิวทัศน์งดงามและเป็นธรรมชาติของเกาะสมุทรานั้น ไม่ว่าที่ใดก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนที่นี่



“ที่สมุทรายังสวยงามเหมือนเมื่อเกือบสิบปีก่อนที่เราติดตามเสด็จพ่อมาที่นี่” องค์ชายเจษฎาตรัสกับองค์ชายสนธยาพลางเบือนสายเนตรออกสู่ท้องทะเลที่อยู่เบื้องหน้าตำหนัก



“แต่ความเจริญคงเห็นจะไม่สู้อนันตราชกระหม่อม” สนธยาตอบกลับอย่างที่ทำเอาองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งอนันตราชสรวลน้อยๆ



“สมุทราก็เจริญในแบบสมุทรา อนันตราชก็เจริญในแบบอนันตราช เปรียบเทียบกันไม่ได้หรอก แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงตลอดสิบปีที่ผ่านมานี้ สมุทราก็รุดหน้าและมั่นคงขึ้นอย่างที่อนันตราชได้แต่มองตาปริบๆ แม้จะเป็นเพียงเกาะเล็กๆ แต่ก็ประมาทไม่ได้ทีเดียว” องค์ชายเจษฏาตรัสแล้วจึงเหลือบเนตรมายังสนธยาที่น้อมกายรับคำชม



“...หรืออันที่จริง ต้องบอกว่าที่ประมาทไม่ได้คือราชินีวารีวาทผู้ทำให้สมุทราแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ปัญญาอันเฉียบแหลมและความเจ้าเล่ห์ของเสด็จแม่ของท่านเป็นที่เลื่องลือ การที่เรามาถึงที่นี่ก็หวั่นใจอยู่บ้างว่าอาจจะหลวมตัวเข้าไปเป็นหมากตัวหนึ่งของเสด็จแม่ของท่าน แต่...ทำอย่างไรได้ ขืนไม่ยอมเป็นหมาก คนของเราคงอกแตกตายในกรมวังกันพอดี” องค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชตรัสพลางเหลือบเนตรไปยังผู้ที่พระองค์ประเมินเอาไว้ว่าอาจ ‘อกแตกตายในกรมวัง’ ซึ่งยืนคล้อยหลังพระองค์ไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบสายเนตรกลับมายังองค์ชายสนธยาที่ยังคงมีสีพักตร์งุนงง



“องค์ชายสนธยา ท่านเป็นเชษฐาองค์โตของราชสำนักสมุทรา เราคิดว่าท่านเข้าใจถึงหัวอกของความเป็นพี่อย่างดี และเราหวังว่าท่านจะให้อภัยแก่เราที่คิดทำทุกอย่างเพื่อให้น้องของเรามีความสุขเฉกเช่นเดียวกับที่ท่านปรารถนาดีต่อน้องทั้งหลายของท่าน”



สนธยบารู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล อันที่จริงก็น่าสงสัยตั้งแต่ที่อนันตราชส่งองค์ชายถึงสองพระองค์มายังสมุทราเพื่อไว้อาลัยอรุณาแล้ว หากจะว่ากันตามความเหมาะสมสำหรับเกาะเล็กๆอย่างสมุทรานั้น จะส่งองค์ชายองค์หญิงปลายแถวองค์ใดมาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 และ 2 ด้วยซ้ำ



“ท่านคงกำลังสงสัยในท่าทีของเรา แต่โปรดวางใจ องค์ชายสนธยา สิ่งที่เราทำ ล้วนได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย ไม่มีใครน้อยหน้าใครแน่” องค์ชายเจษฎาตรัสพร้อมสรวลน้อยๆด้วยสายเนตรระยับราวกับท้องทะเลต้องแสงอาทิตย์



“เราจะขอพักผ่อนสักหน่อย ถ้าไม่เป็นการรบกวน องค์ชายสนธยาช่วยพาน้องของเราเยี่ยมชมเมืองสมุทราจะได้ไหม น้องของเราคงคิดถึงที่นี่น่าดูชม เพราะเห็นตื่นเต้นมาตั้งแต่ยังไม่ออกจากท่าที่อนันตราช” องค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 ตรัสเช่นนั้น ก่อนจะเสด็จกลับเข้าตำหนักรับรอง สนธยาได้แต่มองตามด้วยความเป็นกังวล แม้อีกฝ่ายจะรับโอษฐ์อย่างทีเล่นทีจริงว่าทุกฝ่ายได้ประโยชน์ แต่...ถ้าหากสมุทราได้ประโยชน์น้อยกว่า เชื่อแน่ว่าราชินีวารีวาทไม่ทรงยอม...



“ท่านสน...” เสียงเรียกจากข้างกาย ทำเอาสนธยาต้องละสายเนตรกลับมาที่เจ้าของเสียง ลมทะเลหอบพัดผ่านระหว่างสองร่างแล้วโอบล้อมพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ราวกับจะสร้างพื้นที่เล็กๆให้อยู่ในภวังค์ของกันและกัน



สนธยายิ้มน้อยๆ เมื่อดวงเนตรจับจ้องพักตร์ของอีกฝ่ายที่แม้จะห่างหายกันไปถึงเดือนกว่า แต่องค์ชายเตชินทร์แห่งอนันตราชก็ยังคงมีสายเนตรอบอุ่นและนุ่มนวลให้แก่เขาไม่แปรเปลี่ยน



“เมื่อครู่นี้ เสด็จพี่ของท่านตรัสว่าท่านอยากชมเมือง อยากเที่ยวที่ใดเล่า เราจะพาไป” แม้ร่างสูงโปร่งขององค์ชายแห่งสมุทราจะเคียงใกล้ถึงเพียงนี้ แต่เพราะบริเวณที่ประทับอยู่ในตอนนี้คือชะง่อนผาด้านหลังของตำหนักซึ่งมีนายทหารเวรยามรักษาการณ์โดยรอบเสียจนเตชินทร์ไม่อาจรุ่มร่ามได้อย่างใจ



“เรา...อยากไปที่ใดก็ได้ที่ได้อยู่กับท่านเพียงสองคน ท่านสน...” ไม่ต้องเอื้อนเอ่ยมากไปกว่านั้น สนธยาก็รู้ดีถึงความร่ำร้องที่อยู่ในใจของอีกฝ่ายและในใจของตน



...ที่ใดก็ได้ที่มีเพียงเราสอง...ที่ใดก็ได้ที่ไม่มีบุคคลอื่น...ที่ใดก็ได้...ที่หัวใจสองดวงจะได้เปิดเผยความรู้สึกลึกล้ำให้กันและกันได้รับรู้...



..........................................



โพล้เพล้จนตะวันลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือขอบทะเลเพียงเล็กน้อย ท้องฟ้าเบื้องบนเหลือเพียงสีส้มอมดำเมื่อยามรัตติกาลเริ่มมาเยือน ราชินีวารีวาทประทับอยู่ที่พระเก้าอี้หัวโต๊ะเสวยในห้องจัดเลี้ยงของตำหนักหน้า และชั่วอึดใจต่อมาอาคันตุกะจากอนันตราชก็ปรากฎกายขึ้นที่หน้าประตู



สตรีแห่งบัลลังก์สมุทราทรงลุกจากพระเก้าอี้แล้วค้อมเศียรเล็กน้อยเป็นการเชื้อเชิญองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 ให้ประทับลงที่พระเก้าอี้ด้านข้างของพระองค์



“ขอบพระทัย และต้องขอโทษด้วยที่เรามาเร็วกว่าเวลานัดหมาย ไม่คิดว่าพระองค์จะเสด็จมาก่อนแล้ว” องค์ชายเจษฎาตรัส หากแต่ปดไปเกินกว่าครึ่งเพราะพระองค์แน่พระทัยอยู่แล้วว่าราชินีวารีวาทจะต้องรีบเสด็จมาคอยที่ห้องเสวยเพื่อทำข้อตกลงก่อนที่มื้อเย็นจะเริ่ม เพราะหากรีรอ นั่นหมายถึงความลับที่ราชินีวารีวาทเก็บงำเอาไว้ อาจแพร่งพรายไปถึงโอรสผู้เป็นที่รักอย่างองค์ชายสนธยา



“ไม่เป็นไรหรอก...” ราชินีวารีวาทตรัส ก่อนจะเหลือบเนตรไปยังพักตร์ที่ยังคงมีรอยสรวลขององค์ชายเจษฎาด้วยความอึดอัด



“มองกระหม่อมเช่นนี้ เห็นทีราชินีแห่งสมุทราคงมีเรื่องอยากจะตรัสกับกระหม่อมกระมัง” องคชายผู้ถูกลอบสังเกตเอ่ยโอษฐ์อย่างทีเล่นทีจริง ราชินีวารีวาทนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะโบกหัตถ์เป็นสัญญาณให้เหล่าข้าราชบริพารในห้องเสวยออกไปให้หมด



และเมื่อทั้งห้องเหลือเพียงพระองค์และองค์ชายผู้เป็นอาคันตุกะแล้ว ผู้มีศักดิ์เป็นมารดาของประชาชนทั้งปวงในสมุทราก็ตรัสขึ้น



“เรื่องสาส์นแนบของท่าน ไม่ทราบว่าท่านได้ความเรื่องนี้มาจากที่ใด เสด็จพ่อของท่านหรือ” สุรเสียงนั้นเบาแผ่วจนแทบเป็นกระซิบ หากแต่ก็ยังแฝงไว้ซึ่งอำนาจของผู้นั่งบัลลังก์สมุทราเช่นเคย



“หามิได้ เสด็จพ่อของกระหม่อมไม่เคยนำเรื่องนี้มาแพร่งพรายให้ใครรู้ แต่ที่กระหม่อมรู้เพราะกระหม่อมสืบหาความเอาเอง  อันที่จริงแล้วก็ทราบเรื่องนี้มาได้สักระยะ นับตั้งแต่องค์หญิงอรุณาจ้องจะเล่นงานเชษฐาอย่างเอาเป็นเอาตาย คนอย่างองค์หญิงอรุณาที่โหยหาความรักนั้น ออกจะน่าประหลาดอยู่สักหน่อย ที่แค่ความทะเยอทะยานในอำนาจเพียงอย่างเดียวจะทำให้ตามจองล้างจองผลาญพี่น้องพ่อแม่เดียวกันได้ถึงเพียงนี้ เว้นเสียแต่...ไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน...” เนตรคมกริบขององค์ชายแห่งอนันตราชเหลือบกลับมาสบเนตรของราชินีวารีวาทอย่างรู้เท่าทัน หากแต่ทีท่าของผู้ครองบัลลังก์ยังคงนิ่งเฉย แม้สายเนตรจะไหวระริกเพียงเล็กน้อยก็ตามที



องค์ชายเจษฎาทรงรู้ดีว่าสิ่งที่พระองค์จะตรัสต่อไปนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ควรพูด เพราะใครก็ตามในสมุทราที่รู้เรื่องนี้ หากไม่ปิดปากเงียบก็ล้วนพบจุดจบอย่างน่าอนาถด้วยกันทั้งนั้น



...แต่...พระองค์ไม่ใช่ชาวสมุทรา หนำซ้ำ...เรื่องนี้คือไพ่ตายที่พระองค์จะใช้กอบกู้หัวใจของผู้เป็นน้องกลับคืนมา...หากอมพะนำเอาไว้ เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์อันใดอีก...



“...เมื่อหลายสิบปีก่อน มีข่าวลือที่ว่าราชสำนักสมุทรามีฝาแฝดเป็นเด็กหญิง แต่เนื่องจากความไม่มั่นคงภายใน เด็กทั้งคู่ใช้ชื่อเดียวกัน ถูกเลี้ยงมาเพื่อเป็นตัวตายตัวแทนของกันและกัน แฝดผู้พี่เติบโตขึ้นและพบรักกับชายชาวต่างถิ่นที่เข้ามาทำมาหากินในสมุทรา สุดท้ายจึงตัดสินใจละทิ้งราชสำนักหนีออกจากสมุทรา ในขณะที่แฝดคนน้องเมื่อเหลือเพียงลำพังจึงขึ้นครองราชย์เป็นราชินี โชคชะตาที่ไม่น่าจะได้พบพานกันแล้ว กลับตาลปัตรเมื่อแฝดผู้พี่จากไปด้วยพิษภัยของสงครามที่เกิดขึ้นในอาณาจักรที่นางอพยพไปอาศัย กษัตริย์แห่งอาณาจักรนั้นซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของสามีของนางจึงขอร้องให้แฝดผู้น้องรับหลานมาเลี้ยงดู ราชินีแห่งสมุทราเกลียดชังผู้เป็นพี่ที่ทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน หากแต่ทันทีที่รู้ว่าสามีของพี่คือสหายของกษัตริย์ นางจึงรับเลี้ยงดูโดยมีข้อแลกเปลี่ยนที่สามีของพี่จะต้องกลายเป็นสามีของนาง”



ราวกับภาพเหตุการณ์เมื่อครั้งอดีตมาปรากฏที่เบื้องหน้า ราชินีวารีวาทเบือนสายเนตรออกไปยังนอกบัญชรสูงที่เผยให้เห็นน้ำทะเลดำมืดของยามค่ำที่ทำให้ขอบทะเลและขอบฟ้ากลืนหายไปด้วยกัน



...มืด...เหมือนในดวงหทัยของพระองค์...



...มืด...ไม่ต่างอะไรกับจิตใจของอรุณาที่ทะเยอทะยานและละโมบโลภมาก...



...มืด...ราวไม่มีเส้นขอบใดๆขีดแบ่งใจของพระองค์และอรุณาออกจากกัน...



...เป็นแม่ลูกกัน...ไม่เหมือนกันสิแปลก...แต่ที่น่าแปลก...คือความมืดมิดนี้ไม่มีในหัวใจของ ‘วารีวาทอีกคน’…วารีวาทคนนั้นสดใส ร่าเริงและพร้อมจะซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเองอย่างยิ่งยวด...



...ไม่เหมือนวารีวาทคนนี้...เจ้าเล่ห์ เลือดเย็นและอำมหิต...



“ราชินีผู้นั้นจงใจให้มีข่าวลือเรื่องโอรสหรือธิดาพระองค์หนึ่งไม่ใช่ลูกที่แท้จริง เพื่อให้มีข้ออ้างในการส่งองค์ชายที่มีศักดิ์เป็นแค่หลานออกไปยังอาณาจักรใหญ่เพื่อเจริญสัมพันธไมตรีและใช้อาณาจักรแห่งนั้นเป็นที่ค้ำจุนให้แก่สมุทรา แต่สิ่งที่ราชินีผู้นั้นไม่ทันระวังคือหัวใจของธิดาพระองค์หนึ่งที่หวาดระแวงและเป็นกังวลว่าตัวเองจะไม่ใช่ลูกโดยแท้” พูดถึงตรงนี้ องค์ชายเจษฎาก็หวนนึกถึงผู้จากไปแล้ว



“...เทวดาฟ้าดินก็ใจร้ายนัก...สรรค์สร้างนางออกมาให้คล้ายพ่อมากกว่าแม่ ในขณะที่คนเป็นเพียงหลาน...กลับคล้ายแม่มากกว่าตนเอง” อรุณานั้นไม่ได้มีผิวพรรณเป็นสีน้ำผึ้งทองและนัยน์ตาสีอ่อนแบบราชินีวารีวาทและองค์ชายสนธยา กลับกัน นางกลับกระเดียดไปบิดาเสียมากกว่า และนั่นคงเป็นเหตุจูงใจเหตุหนึ่งให้นางคิดเอาเองว่าคนที่ไม่คล้ายมารดาก็คือคนที่ไม่ใช่ลูกที่แท้จริง



องค์ชายเจษฎาถอนปัสสาสะอีกคำรบด้วยรู้สึกสงสารในโชคชะตาทั้งมวลที่อรุณาประสบ และเป็นการบีบคั้นให้นางก้าวสู่เส้นทางที่โหดร้าย



 “...องค์หญิงอรุณาหวั่นกลัวว่าบัลลังก์จะไม่ตกแก่ตน ยามยังเล็กก็คงเป็นแค่ความอิจฉาประสาเด็ก แต่เมื่อเติบใหญ่ ยามมองไปที่ผู้เป็นพี่ชายก็พบว่าเขามีทุกอย่าง ได้ทุกอย่างในสิ่งที่ตนไม่มี ยิ่งองค์ชายสนธยามีชีวินข้างกาย ก็คงเหมือนเป็นการขยายแผลให้ปริร้าวมากกว่าเดิม กระหม่อมเชื่อว่าองค์หญิงอรุณารู้ความจริงว่าการที่องค์ชายสนธยาเก็บเด็กต่างถิ่นที่หลงทางในสมุทรามาชุบเลี้ยงไม่ใช่แค่เหตุบังเอิญ ชีวินคือตัวแทนของความห่วงใยที่กษัตริย์แห่งอนันตราชมอบให้แก่บุตรของเพื่อนรัก ถูกส่งมาเพื่อเป็นทหารรับใช้องค์ชายสนธยาผู้เดียวเท่านั้น เป็นไมตรีของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่ว่าอย่างไรอรุณาก็คงหาไม่ได้ ทุกอย่างขมวดปมแน่นว่าสนธยาคือคนที่ได้ทุกอย่างไม่ว่าจะด้วยตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือไมตรีจากอาณาจักรใกล้เคียง และในไม่ช้า...บัลลังก์สมุทราก็อาจเป็นของสนธยาเช่นกัน”



“...องค์หญิงอรุณาจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อริบลมหายใจของเชษฐา แต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นนั้นเป็นข้ออ้างชั้นเยี่ยมสำหรับพระองค์ใช่ไหม ในการส่งคนใดคนหนึ่งออกไปนอกสมุทราตามแผนการ และผู้นั้นก็คือองค์ชายผู้ที่มีศักดิ์เป็นเพียงแค่หลาน แต่...ดูเหมือนว่าการส่งองค์ชายสนธยาออกไปจะไม่อาจลดความอาฆาตพยาบาทขององค์หญิงอรุณาได้เลย เพราะสุดท้ายแล้วองค์ชายผู้นั้นก็ยังถูกจองล้างจองผลาญอยู่วันยันค่ำ ในที่สุด...ราชินีจึงตัดสินพระทัยทำลายหมากอย่าง ‘องค์หญิงอรุณา’ ที่หมดประโยชน์แล้วทิ้งเสีย เพราะอยู่ต่อไปก็รังแต่จะสร้างความเดือดร้อน ดีไม่ดี...เกิดองค์หญิงอรุณาฆ่าพี่ชายสำเร็จจริง เมื่อนั้นสมุทราจะไม่มีหลักประกันอันใดเอาไว้เกี่ยวพันกับอาณาจักรใหญ่อย่างอนันตราชได้อีก”



   องค์ชายเจษฎาจับจ้องพักตร์งามที่ยังคงเรียบตึงราวกับไม่มีอะไรมาสั่นคลอนหทัยที่แข็งแกร่งดุจหินผาของราชินีแห่งสมุทราได้ แม้แต่ความจริงอันโสมมก็ตามที



   “ที่กระหม่อมตรัสมานั้น เป็นความจริงหรือไม่...หรือเป็นแค่ข่าวลือ”



“เราทำทุกอย่างเพื่อสมุทรา” ราชินีวารีวาทตรัสด้วยน้ำเสียงเย็นเรียบ และพักตร์ที่ยังคงนิ่งเฉยประหนึ่งองค์ชายเจษฐาทูลเล่านิทานปรำปราของเด็กอย่างไรอย่างนั้น



“ทราบดีว่าท่านให้ความสำคัญกับสมุทราเพียงใด แต่อุโมงค์หินใต้น้ำของสมุทราก็สำคัญยิ่งสำหรับอนันตราชเช่นกัน” องค์ชายหนุ่มตรัส พลางขยับกายเข้าไปใกล้สตรีผู้สูงศักดิ์มากขึ้น



“ได้ยินมาว่าอาณาจักรโกศลส่งคนมาเจรจาเรื่องขอสัมปทานเช่าพื้นที่บริเวณโดยรอบอุโมงค์ใต้น้ำทางทิศเหนือของสมุทราใช่ไหม เราอยากให้ท่านปฏิเสธทางนั้น”



“แล้วสมุทราจะได้อะไร” คำถามตรงไปตรงมาของราชินีวารีวาททำเอาองค์ชายหนุ่มแย้มสรวลน้อยๆ ก่อนทูลตอบ



“อนันตราชจะรับองค์ชายสนธยามาเป็นชายาขององค์ชายเตชินทร์”



“นั่นคือสิ่งที่สมุทราจะได้อย่างนั้นหรือ?!! เราเรียกว่าเสียต่างหาก!! สมุทรากับโกศลกำลังทำข้อตกลงร่วมกันเรื่องอุโมงค์หินใต้น้ำ ค่าสัมปทานที่สมุทราจะได้ ความมั่นคงทางทหารที่โกศลจะให้ หากเราปฏิเสธ สมุทราจะพลาดรายรับและการทหารที่สำคัญ นอกจากนั้นแล้ว ยังจะให้สมุทราส่งองค์ชายออกไปเป็นสะใภ้ราชสำนักอื่นด้วยอย่างนั้นรึ?!!!” สตรีแห่งบัลลังก์สมุทราตรัสอย่างรวดเร็ว



“แต่องค์ชายสนธยาไม่ใช่องค์ชายที่แท้จริง ถึงแม้จะเป็นบุตรของพี่สาวของท่าน แต่พี่สาวของท่านก็สละฐานันดรนี้แล้ว องค์ชายสนธยาไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาคนหนึ่ง แล้วถ้าหาก...เรื่องนี้กลายเป็นที่โจษจันไปทั่ว จนรับรู้ไปถึงอาณาจักรทางใต้ที่ท่านกำลังหมายมาดจะส่งองค์ชายสนธยาไปสมรสกับองค์หญิงแห่งราชสำนักนั้นทราบเรื่องนี้เข้า อาณาจักรนั้นคงไม่พอใจเป็นแน่” ราชินีวารีวาททรงนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะตรัสถาม



“ท่านทราบเรื่องนี้ด้วยหรือ?”



“ทราบมาว่าเป็นข่าวลือเท่านั้น แต่เกรงจะเป็นจริง เลยต้องรีบมาเจรจากับพระองค์โดยไว กระหม่อมไม่อยากให้น้องของกระหม่อมเสียใจเรื่องพลัดพรากจากรัก” ราชินีวารีวาทสรวลน้อยๆ



“ดูท่าจะรักน้องมากเสียจริง ไม่ใช่พี่น้องแม่เดียวกันไม่ใช่หรือ”



“แม่เดียวกันหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือใจของกระหม่อมมองว่าเตชินทร์เป็นน้องเสมอ”



“เหมือนองค์สน...” ราชินีวารีวาทตรัสเสียงแผ่วเมื่อหวนคำนึงถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องในราชสำนักของพระองค์ สนธยาเองก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เรื่องใดไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกในใจ...ใช้ใจก่อนเหตุผล บางครั้งมันอาจให้ผลเลวร้าย แต่ในหลายครั้ง...มันก็สร้างความสุขใหกับเจ้าของหัวใจเช่นเดียวกัน...



“เพราะกระหม่อมเห็นว่าองค์ชายสนธยาทรงรู้สึกนึกคิดใกล้เคียงกับกระหม่อม คนเช่นนี้หากอยู่ข้างกายเตชินทร์ เตชินทร์จะเป็นน้องที่ดีของกระหม่อมไปตลอดกาล” องค์ชายเจษฎาตรัส ราชินีวารีวาทเหลือบเนตรสบ ก่อนจะยกมุมโอษฐ์สรวลน้อยๆ



“อันที่จริงแล้ว ท่านเองก็คงเกรงว่าองค์ชายเตชินทร์จะหวังในราชบัลลังก์เช่นกันสินะ”



“อำนาจนั้นเป็นความหอมหวลที่อันตราย ทำให้พี่น้องแตกหักกันมาหลายต่อหลายคน กระหม่อมไม่หวงบัลลังก์ หากเสด็จพ่อของกระหม่อมมีตัวเลือกที่ดีกว่ากระหม่อม แต่จนบัดนี้ ตัวเลือกที่ดีมากกว่ากระหม่อมนั้นไม่มี จะมีก็แต่ตัวเลือกที่ดีเทียบเท่ากระหม่อม ซึ่ง...มันเป็นความสุ่มเสี่ยงอย่างร้ายกาจ ถ้าหากกระหม่อมจะปล่อยให้ตัวเลือกนั้นยังคงสภาพการเป็นเป็นตัวเลือกที่ดีพอๆกับตัวกระหม่อมเอง เพราะมันอาจทำให้พวกคิดไม่ซื่อพยายามสร้างสถานการณ์ให้ทั้งกระหม่อมเอง และคนผู้นั้นฟาดฟันกันเพื่อบัลลังก์ก็เป็นได้”



“เพราะฉะนั้น...ถ้าหากตัวเลือกผู้นั้นมีชายาเป็นชายเสีย ความเพียบพร้อมสำหรับราชบัลลังก์ก็จะตกลงด้วยใช่ไหม” ราชินีวารีวาทตรัสถามอย่างรู้เท่าทัน องค์ชายเจษฎาสรวลเสียงดังก่อนจะน้อมกายเยินยอ



“ราชินีวารีวาทมีพระเนตรที่เฉียบแหลมเหลือเกิน”



“เอาเถอะ...เราจะปฏิเสธโกศลเรื่องอุโมงค์หิน”



“ขอบพระทัยในพระกรุณา” องค์ชายหนุ่มแห่งราชสำนักอนันตราชน้อมองค์ลงทำความเคารพอีกครั้ง



“...แต่ เรื่องที่สมุทราจะได้ ไม่ใช่เพียงแค่องค์ชายของสมุทราจะเข้าไปเป็นชายาของอนันตราชเท่านั้นหรอก เรามีข้อเสนออื่นสำหรับอนันตราชเช่นเดียวกัน”



สายเนตรของราชินีวารีวาทวาววับ และเมื่อนั้นองค์ชายเจษฎาก็พลันนึกถึงสิ่งที่เสด็จพ่อของพระองค์เคยตรัสย้ำเตือนก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาที่สมุทรา



‘บางที...การที่เจ้าดิ้นรนจะไปสมุทราก็อยู่ในแผนหนึ่งของราชินีวารีวาท ราชินีผู้นั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อสมุทรา ไม่เว้นแม้แต่การใช้สมุทราเป็นเหยื่อล่อเอง’



....................................



เตียงยวบลงเล็กน้อยเมื่อร่างสูงสง่าทรุดกายลงนั่งเบียดคนที่ยังนอนหอบหายใจระรัวอย่างเต็มอิ่ม ฝ่ามือหนาร้อนลูบไล้แผ่นหลังสีน้ำผึ้งทองที่โผล่พ้นผ้าแพรซึ่งห่มอย่างหมิ่นเหม่อย่างอ้อยอิ่งและหลงใหล



“ลุกไหวไหม” น้ำเสียงและสายเนตรขององค์ชายเตชินทร์ที่นั่งอยู่ข้างกายยังคงเจือแววอ่อนโยนเช่นเคย ก่อนจะตามมาด้วยโอษฐ์ร้อนที่แนบประทับลงบนแก้มของสนธยาด้วยความรักใคร่



“ใกล้ได้เวลาเสวยแล้ว หากท่านลุกไม่ไหว เราจะให้คนไปทูลราชินีวารีวาทและเสด็จพี่ของเรา...”



“ทูลว่ากระไร” คำถามของสนธยานั้นแลดูซื่อ หากแต่ดวงเนตรกลับระยิบระยับยิ่งนัก เตชินทร์สรวลน้อยๆอย่างเอ็นดูอีกฝ่าย ปลายนาสิกเคลียคลอแก้มนิ่มอย่างนุ่มนวล



“ทูลว่าท่านเหนื่อย อยากพักผ่อน...กับเรา” เพราะการพักผ่อนกับเตชินทร์ จึงเป็นเหตุให้พวกเขาสองคนคลุกกันอยู่ในห้องบนตำหนักของสนธยาเสียจนพลบค่ำ ภายในห้องที่มีใครอื่น แม้แต่ชีวิน อังกูร หรือสมิตก็ล้วนถูกสั่งให้คอยอยู่ภายนอกทั้งนั้น



“พักผ่อนกับท่านยิ่งทำให้เราเหนื่อยสิไม่ว่า” สนธยาบริวาทน้อยๆ หากแต่รอยแย้มยิ้มยังคงประดับบนพักตร์อย่างที่บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวสุขสมเพียงใดกับการพบพานหลังจากกันถึงหนึงเดือน กายโปร่งพลิกตัวขึ้นนั่ง เตชินทร์จึงลุกจากเตียงเดินไปหยิบเสื้อคลุมเนื้อบางเบามาสวมให้ ทว่าก็ยังมีเสียงขัดใจดังมาจากสนธยา



“เราสวมเองได้หรอก”



“แต่เราอยากสวมให้ท่าน” เตชินทร์เอ่ย แล้วลดสายเนตรลงทอดสบกับดวงเตรสีน้ำตาลอ่อนของสนธยา ความรู้สึกลึกล้ำนั้น มาบัดนี้ถูกเปิดเผยเสียสิ้น ไม่ว่าจะด้วยเพราะความห่างไกลที่พวกเขาต้องพบเจอ หรือด้วยสถานะที่ไม่อาจได้เคียงข้าง ทำให้สนธยายอมรับในความรู้สึกเบื้องลึกทั้งของเขาและของตนเอง แต่...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร วันนี้เตชินทร์ก็ได้เคียงใกล้ร่างนี้อย่างสมใจแล้ว



...แม้ภายภาคหน้า...จะไม่อาจแม้แต่จะพบหน้าอีกก็ตาม...



“ทำไมเศร้านัก หรือเมื่อครู่นี้ เราไม่ดีพอหรือ” เสียงของคนตรงหน้าดังขึ้น ทำเอาองค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชทรงตื่นจากภวังค์ โอษฐ์ขยับแย้มยิ้มเพียงเล็กน้อย ก่อนจะตอบ



“เราแค่...เสียดาย...ที่เรามีเวลาอยู่กับท่านน้อยเหลือเกิน...” สนธยานิ่งไปเช่นกันกับความจริงที่ต้องตระหนัก เพราะมัวแต่หลงดีใจอยู่กับการได้พบหน้า จนลืมกังวลถึงการจากลาที่ต้องมาถึงในไม่ช้า



...เตชินทร์เป็นองค์ชาย...องค์ชายรัชทายาท แม้ไม่ใช่ลำดับที่ 1 แต่ก็เป็นองค์ชาย ให้อย่างไรก็ต้องกลับอนันตราช...ส่วนพระองค์...ก็เป็นองค์ชายเช่นกัน แม้ไม่ใช่ผู้สืบสันตติวงศ์ แต่จนกว่าน้องสาวจะเติบโตเพียงพอที่จะครองบัลลังก์สมุทรา เขาก็ต้องอยู่ที่นี่...อยู่เพื่อเป็นเสาหลัก อยู่เพื่อแผ่นดินสมุทรา อยู่เพื่อ...ทำหน้าที่องค์ชายองค์โต...



“ท่าน...อยู่ที่นี่กี่วันหรือ”



“สองวัน” สนธยาสะท้อนไปทั้งอก มีเวลาอยู่ด้วยกันแค่สองวันเท่านั้น...สองวัน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างจะต้องแบกรับหน้าที่ของการเป็นองค์ชายโดยไม่อาจเผยหัวใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้



องค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราเม้มโอษฐ์เล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเท่าที่จะทำได้



“มีเวลาตั้งสองวัน! ถ้าอย่างนั้น เราจะพาท่านเที่ยวทั้งเกาะสมุทรา รับรองว่าท่านจะได้เห็นสมุทราในมุมที่ไม่มีใครเคยเห็น ยกเว้นเรา!” เตชินทร์เห็นท่าทางสนุกสนานและเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของสนธยาก็พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายทำเช่นนี้เพื่อไม่ให้เขากังวล บุรุษจากอนันตราชรั้งกายโปร่งเข้ามากอดแนบแน่นด้วยความรักและห่วงหา



...ใยได้พบแล้วจึงต้องพัดพราก เหตุใดจึงไม่อาจเคียงคู่อย่างคนอื่น...



“ท่านเตช...” สนธยาได้แต่ครางเสียงแผ่ว อ้อมกอดอบอุ่นนี้ราวกับจะแทนความรู้สึกทั้งหมดที่เตชินทรืมีให้ หัตถ์สีน้ำผึ้งยกขึ้นวางแนบกับแผ่นหลังกว้าง กอดรัดร่างสูงใหญ่เช่นกัน ก่อนจะวางพักตร์ลงกับลาดไหล่แข็งแล้วเอ่ยเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน



“ถ้าวันหนึ่งที่สมุทรามั่นคงแล้ว...เราจะเป็นปลาว่ายไปหาท่านที่อนันตราชเอง...”



......................................

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
‘ข้อเสนอข้อที่หนึ่งของสมุทราก็คือ...สนธิสัญญาค้าขาย’



‘ข้อที่สอง...สนธิสัญญาทางการทหารทั้งเรื่องยุทโธปกรณ์และการร่วมรบ โดยอนันตราชจะร่วมรบกับสมุทราในทันที หากสมุทราถูกโจมตี’



‘ข้อที่สาม...องค์ชายสนธยาจะต้องมีตำแหน่งเป็นชายาเอกในองค์ชายเตชินทร์ไปจนกว่าจะหมดอายุขัย ไม่มีการลด การสละ หรือยกเลิกตำแหน่งไม่ว่าจะในกรณีใดๆ นอกจากนั้น หากสิ้นองค์ชายสนธยาแล้ว จักต้องมีการเสกสมรสระหว่างองค์ชายและองค์หญิงระหว่างสมุทราและอนันตราชภายในเวลา 1 ปี’



‘และข้อที่สี่...ขอให้ทางสมุทราเป็นคนบอกเรื่องนี้แก่องค์ชายสนธยาและองค์ชายเตชินทร์เอง’



ราชินีวารีวาทยังจำสีพักตร์งุนงงขององค์ชายเจษฎาได้เป็นอย่างดี องค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 1 ที่สละเวลาในการบริหารรัฐกิจจำนวนมากของอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่เพื่อเสด็จมายังสมุทราโดยมีเหตุผลเพียงข้อเดียว



   ...มาขอองค์ชายไปเป็นชายาให้น้อง...



   หนำซ้ำเมื่อพระองค์ยื่นข้อเสนอที่มีแต่ได้กับได้ของสมุทราเพียงฝ่ายเดียวให้แก่องค์ชายผู้นั้น ก็ราวกับว่าองค์ชายเจษฎาทรงตัดสินพระทัยมาแล้วว่าถ้าไม่ถึงขั้นเสียดินแดนส่วนใดให้แก่สมุทรา พระองค์จะยินดียอมรับทุกข้อเสนอ ขอเพียงแค่...ทำให้องค์ชายเตชินทร์ได้ครองคู่กับคนที่รัก...



   “ช่างเป็นพี่ที่ดีเสียจริง อนันตราชเลี้ยงกันมาอย่างไรนะ...” ราชินีวารีวาททรุดองค์ลงประทับบนตั่งในสวนบนชะง่อนผา ที่เบื้องหน้าคือทะเลกว้างและดำมืดของรัตติกาล หากแต่พระองค์ยังไม่ถึงเวลาบรรทม เพราะมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า



   “องค์ชายสนธยาเสด็จมาแล้วกระหม่อม” นายทหารผู้หนึ่งเดินเข้ามารายงาน ราชินีวารีวาทพนักพักตร์เล็กน้อยเป็นเชิงให้พาเข้ามา เพียงครู่หนึ่งองค์ชายหนุ่มแห่งสมุทราก็เดินเข้ามาในสวน



   “ขอโทษทีที่ให้คนตามเจ้ามาดึกๆดื่นๆ”



   “หามิได้ เสด็จแม่ทรงมีอะไรหรือ”



   “นั่งลงสิ” สนธยาทรุดกายลงนั่งบนตั่งอีกตัว ในขณะที่ราชินีวารีวาทยังคงทอดเนตรไปยังทะเลดำมืดราวกับมันดึงดูดพระทัยของพระองค์เอาไว้



   “เมื่อตอนมื้อค่ำ ดูเจ้าเศร้าสร้อย ไม่สบายรึเปล่า” มื้อเย็นเมื่อครู่นี้ เป็นการเลี้ยงต้อนรับอาคันตุกะอย่างองค์ชายทั้งสองพระองค์จากแผ่นดินใหญ่ แม้จะไม่มีงานเลี้ยงรื่นเริงเนื่องจากยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แต่สมุทราก็จัดเตรียมอาหารคาวหวานให้แก่คณะผู้มาเยือนจนได้รับคำชมไม่ขาดปาก แต่...ทั้งที่เจ้าบ้านอย่างองค์ชายสนธยาจะยิ้มแย้มรับคำชมนั้นอย่างปลื้มปิติ สิ่งที่ราชินีวารีวาททอดเนตรคือสีพักตร์ที่ติดไปทางทุกข์ระทม



   “เปล่าพระเจ้าค่ะ”



   “ถ้าอย่างนั้นก็คงมีเรื่องในใจ...บอกได้ไหมว่าเรื่องอะไร” สนธยาเม้มโอษฐ์เล็กน้อยอย่างอัดอั้น หากแต่ก็ทูลปฏิเสธ



   “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นพระเจ้าค่ะ เสด็จแม่อย่าได้ใส่พระทัยเลย ว่าแต่...ที่ทรงเรียกกระหม่อมมาเข้าเฝ้า มีอะไรเป็นพิเศษหรือพระเจ้าค่ะ” สนธยาไม่อยากทูลว่าหัวใจของตนนั้นเบาหวิวเหลือเกินยามนึกถึงความจริงที่จะมีเวลาอยู่กับเตชินทร์เพียงแค่สองวัน แม้จะสัญญาแล้วว่าถ้าหากสมุทรามั่นคงเมื่อไร จะเป็นปลาว่ายไปหาอีกฝ่ายที่อนันตราช



   ...แต่...ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่สมุทราจะมั่นคงเพียงพอให้ปล่อยวาง...หน้าที่ของการเป็นองค์ชายผูกมัดและรัดขาสองข้างให้ไม่อาจห่างไกลจากเกาะแห่งนี้...



   “เจ้าคิดว่าบัดนี้ สมุทราเป็นเช่นไร” สนธยานิ่งไปเล็กน้อย ด้วยไม่คิดว่ามารดาจะถามเรื่องนี้ เขานิ่งคิดตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทูลตอบ



   “สมุทรา...แม้จะมั่งคั่งแต่ก็เป็นเพียงเกาะเล็กๆไม่ค่อยมีบารมีสักเท่าไหร่ หนำซ้ำอรุณาก็เพิ่งจากไป อันที่จริงแล้ว ถึงแม้เสด็จแม่จะยังไม่มีโองการแต่งตั้งอรุณาขึ้นเป็นรัชทายาท แต่ก็รู้โดยทั่วกันว่านางมีสิทธิ์เป็นลำดับที่ 1 ดังนั้น...เมื่อสิ้นนาง ก็เหมือนสิ้นทายาท กระหม่อมทราบดีว่าทั้งราตรีและอุษายังเล็กเกินกว่าที่จะเป็นรัชทายาท แต่ก็คิดว่าควรแต่งตั้งพระเจ้าค่ะ”



   “แต่งตั้งราตรีหรืออุษาแล้ว แล้วทิวาเล่า?”



   “ทิวา...เป็นผู้มีความรู้มากมายนัก รักใคร่การอ่านหนังสือ อีกไม่ช้า กระหม่อมคิดว่าในราชสำนักเราจะมีอาจารย์ที่เก่งกล้าและมีสติปัญญาเป็นเลิศพระเจ้าค่ะ”



   “แล้วเจ้าล่ะ เจ้าเป็นนายทหาร หากราตรีหรืออุษาขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าจะถูกเพ่งเล็งเป็นอันดับแรกว่าอาจก่อการกบฎได้ทุกเมื่อ” สนธยาเงียบลงไปเล็กน้อย ก่อนจะทูลตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย



   “หากรูปการณ์ดูจะเป็นเช่นนั้น กระหม่อมก็จะขอสละฐานันดรจากราชสำนักสมุทราเสีย ไปอยู่อาศัยที่อื่น คงมีที่ไหนสักที่ให้กระหม่อมได้พักพิงและทำมาหากินพระเจ้าค่ะ”



   “ไม่อาลัยอาวรณ์ตำแหน่งองค์ชายเลยสักนิดหรือ” ราชินีวารีวาททรงหันมาตรัสถาม



   “หากหวงแล้วต้องทะเลาะเบาะแว้งกับพี่น้องอีกครั้ง กระหม่อมไม่หวงดีกว่าพระเจ้าค่ะ” สตรีผู้สูงศักดิ์ทอดเนตรพักตร์มีน้ำผึ้งที่มองอย่างไรก็ว่าคล้ายพระองค์ยิ่งนัก



   ...หากแต่...ความรู้สึกนึกคิดของสนธยากลับคล้าย... ‘วารีวาทอีกคน’ มากกว่าพระองค์...



   ... ‘วารีวาทอีกคน’ ที่หนีออกจากสมุทราเพราะไม่อยากผิดใจกับน้องเรื่องบัลลังก์ที่มีเพียงแห่งเดียว แต่ผู้สิทธิ์ขึ้นครองมีถึงสอง...



   ... ‘วารีวาทอีกคน’ ที่ทำอะไรตามอำเภอใจอย่างดื้อดึง หัวแข็ง แต่ก็รักในสายสัมพันธ์ของความเป็นพี่น้องมากที่สุด...



   ... ‘วารีวาทอีกคน’ ที่เป็นแม่แท้ๆของสนธยา...



   “ถ้าอย่างนั้น...ก็สละฐานันดรเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยไหม” ราชินีวารีวาทตรัสถาม และนั่นทำเอาสนธยาอึ้งอีกคำรบ



   “ทรงหมายความว่าอย่างไร เสด็จแม่”



   “แม่จะหมั้นหมายเจ้ากับองค์หญิงจากอาณาจักรทางใต้ สละฐานันดรองค์ชายแห่งสมุทราแล้วไปเป็นกษัตริย์ในแผ่นดินอื่น เจ้าสนใจไหม”


.......................................




   “กระหม่อมทำเรื่องเช่นนั้นไม่ได้” หลังจากความเงียบอึดใจใหญ่ องค์ชายสนธยาก็น้อมเศียรต่ำขอลุแก่โทษที่ตนจะทูล



   “ทำไม?”



   “บัดนี้กระหม่อมผูกใจรักของกระหม่อมเอาไว้กับผู้อื่นแล้ว แม้ไม่อาจได้ครองคู่ แต่ก็ตั้งใจมั่นว่าจะไม่สมรสกับผู้ใดอีก หากเสด็จแม่ทรงห่วงใยเรื่องที่กระหม่อมจะไม่มีที่ไป หากราตรีและอุษาขึ้นครองบัลลังก์ กระหม่อมขอทูลให้เสด็จแม่สบายพระทัย มีที่ดินอีกมากมายในแผ่นทวีปให้กระหม่อมอาศัย หากยังทรงเป็นกังวลเรื่องก่อการกบฎ กระหม่อมจะไม่กลับมาที่สมุทราอีกก็ได้ แต่...อย่าทรงให้กระหม่อมต้องแต่งงานกับใครเลย”



   “การปฏิเสธที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสมุทราคือการทรยศ องค์สน รู้ตัวไหม” สนธยาทรุดกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้นอย่างเว้าวอน



   “เสด็จแม่ กระหม่อมมิอาจทรยศหัวใจตัวเองและหัวใจของคนที่กระหม่อมรักเช่นกัน กระหม่อมยินดีทำทุกอย่างเพื่อสมุทรา แต่ต้องมิใช่ทำโดยไม่เอาใจใส่คนที่กระหม่อมรัก”



   “แล้วถ้าหากคนที่เจ้ารัก เขายินดีให้เจ้าแต่งงานกับผู้อื่นล่ะ” เป็นคำถามที่ทำเอาสนธยาได้แต่นิ่งงัน ด้วยเพราะรู้ดีว่าแม้ชายผู้นั้นจะยินยอมให้เขาสมรสไปกับคนอื่น แต่...หัวใจชายผู้นั้นจะต้องเจ็บปวดแสนสาหัสและทุกข์ทรมานไปจนตาย...



   “หากคนที่กระหม่อมรักยินดี แต่กระหม่อมก็ไม่ยินดีที่จะทำให้เขาหน้าชื่นอกตรมพระเจ้าค่ะ”



   “เจ้าคิดว่าเขารักเจ้ามากหรือ เจ้าแต่งงานกับคนอื่นปีแรก สองปีแรก เขาอาจจะเสียใจก็จริง แต่เมื่อผ่านพ้นเป็นห้าปี สิบปี เขาก็คงต้องแต่งงานเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้น ต่างฝ่ายต่างก็ไม่เหลือเยื่อใยใดๆต่อกันอีกแล้ว”



   “กระหม่อมไม่ทราบว่าเขารักกระหม่อมมากไหม แต่ตัวกระหม่อมเอง...รักเขามาก...กระหม่อมไม่อยากให้เขาเจ็บปวดไม่ว่าจะแค่หนึ่งปี หรือสองปีหลังจากกระหม่อมแต่งงานก็ตาม” ราชินีวารีวาทปรายสายเนตรมายังพักตร์ทุกข์ระทมของผู้เป็นโอรส แม้ในใจจะรู้ดีว่าสนธยาไม่ใช่ลูกที่แท้จริง แต่...พระองค์ก็เห็นมาตั้งแต่เล็ก ตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวน้อยๆในผ้าห่อสีขาวสะอาดที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นบิดาของสนธยา



   “สรุปแล้วเจ้าจะไม่ยอมแต่งกับคนที่แม่จัดหาให้ใช่ไหม” สนธยาน้อมกายลงเป็นระนาบกับพื้น



   “กระหม่อมสมควรได้รับโทษ แต่กระหม่อมไม่อาจฝืนใจได้พระเจ้าค่ะ”



   เด็ดเดี่ยว มั่นคง และเข้มแข็งในความต้องการของตนเอง...ลูกไม้ใต้ต้นของ ‘วารีวาทอีกคน’ อย่างที่วารีวาทคนนี้เป็นไม่ได้...



   ราชินีวารีวาททรงลุกขึ้นยืนอย่างที่ทำเอาสนธยาต้องเงยหน้ามองด้วยความเป็นกังวล



   “ในเมื่อเจ้ายอมรับโทษที่ไม่ทำเพื่อสมุทรา คนที่ทำให้เจ้าได้รับโทษก็สมควรได้รับโทษด้วยเช่นกัน”



   “เสด็จแม่!” สนธยารีบลุกขึ้นยืนโดยพลัน เขารู้ดีว่าราชินีวารีวาททรงรู้ว่าใครคือคนที่ทำให้เขาปฎิเสธงานเสกสมรสกับองค์หญิงต่างถิ่น แต่ทั้งอย่างนั้นราชินีวารีวาทก็ยังตรัสว่าจะลงโทษอย่างนั้นหรือ



   ...จะลงโทษได้อย่างไรกัน! ในเมื่อฝ่ายนั้นคือองค์ชายรัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งอนันตราช!!!...



   “ตกใจอะไร” ราชินีวารีวาทยังคงมีพระพักตร์เรียบเฉย ในขณะที่สนธยานั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างถึงที่สุด



   “เสด็จแม่ทรงลงโทษคนผู้นั้นไม่ได้นะพระเจ้าค่ะ”



   “ทำไม” ผู้เป็นโอรสได้แต่อ้าโอษฐ์ค้างด้วยเพราะทูลไม่ออก หากแต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมเอื้อนเอ่ยอย่างเจ็บปวดหัวใจด้วยเพราะรู้ดีว่าด้วยสถานะของต่างฝ่ายต่างเป็นเช่นนี้ โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันมีน้อยจนแทบจะมองไม่เห็น



   “เพราะ...กระหม่อมรักเขา” ราชินีวารีวาททรงจ้องมองเข้าไปในดวงเนตรสีน้ำตาลอ่อนนั้นที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลสกหลาย ทั้งรักทั้งเศร้า ทุกข์ระทมแต่ก็เข็มแข็งและดื้อดึง



   “เจ้าไม่เหมาะกับการเป็นองค์ชายจริงๆ” สตรีแห่งบัลลังก์สมุทราตรัส



   “...และในเมื่อไม่เหมาะ แม่ก็จะขอตำแหน่งองค์ชายคืนและยกเจ้าให้เป็นสมบัติแก่คนที่เจ้ารักเสีย” สนธยานิ่งงันไปด้วยความตกใจระคนงุนงงกับสิ่งที่ผู้เป็นมารดาตรัสออกมา



   “เสด็จแม่หมายความว่า...”



   “เราจะให้อนันตราชมารับเจ้าไปเป็นชายาในองค์ชายเตชินทร์”



สิ้นประโยคนั้น องค์ชายหนุ่มแห่งอนันตราชก็ปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหลังของราชินีวารีวาท สนธยาเลยสายเนตรไปยังบุรุษอันเป็นที่รักด้วยความยินดียิ่ง



   “ท่านเตช...” เตชินทร์ก้าวอย่างรวดเร็วมาคว้าร่างโปร่งไปกอดรัดด้วยความรักความปลื้มปิติ พระองค์ได้ยินทุกประโยคที่สนธยาทูลกับผู้เป็นมารดา และสิ่งที่ดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดคือพระองค์ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวกับการจากลาอีกแล้ว ในไม่ช้า...พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกัน...



   “ขอบคุณท่านมาก ราชินีวารีวาทที่ทรงยอมยกองค์ชายสนธยาให้แก่น้องของเรา เราจะให้คนดำเนินการเรื่องสนธิสัญญาตามที่ตกลงกันไว้โดยเร็วที่สุด” องค์ชายเจษฎาเสด็จเข้ามาทูลกับราชินี เห็นผู้เป็นน้องยิ้มแย้มอย่างเป็นสุข พระองค์ก็ดีพระทัยและดำริเอาว่าทุกอย่างขับเคลื่อนไปในทางที่ดีทั้งสำหรับสมุทรา อนันตราช เตชินทร์ สนธยา หรือแม้แต่ตัวพระองค์เอง



   “ราชินีวารีวาท ทันทีที่เรากลับไปยังอนันตราช เราจะสั่งการให้คนเตรียมของเพื่อมาสู่ขอท่านสนโดยเร็วที่สุด” คำว่าโดยเร็วที่สุดของเตชินทร์ ทำเอาสนธยานึกถึงเรื่องที่ตนเป็นกังวลตลอดมาได้อีกเรื่อง จึงต้องหันมาทูลถามเจ้าแห่งบัลลังก์สมุทรา



   “เสด็จแม่...แล้ว...ถ้ากระหม่อมไม่อยู่ที่นี่ กระหม่อมเป็นห่วงว่าพวกต่างแดนจะมองความมั่นคงของสมุทราเป็นเพียงไม้เปราะที่ทำลายได้โดยง่าย...” หากสมุทราเสียองค์ชายองค์หญิงไปอีกคน ความคลอนแคลนของราชสำนักจะกลายเป็นข่าวลือที่ไปไวยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง



   “เราไม่ได้ให้เจ้าไปอยู่อนันตราชตอนนี้นี่”



   บรรยากาศแห่งความชื่นมื่นราวกับถูกกระชากลงต่ำด้วยมือที่มองไม่เห็น ทุกคนหันมองมาที่ราชินีวารีวาทเป็นตาเดียว หากแต่ราชินีผู้สูงศักดิ์แห่งสมุทรากลับมีท่าทีเฉยเมยแล้วตรัสต่อ



“จนกว่าจะมีโองการแต่งตั้งผู้สืบสันตติวงศ์ของบัลลังก์สมุทรา เจ้าจะยังคงอยู่ที่นี่ และเป็นองค์ชายผู้ค้ำจุนสมุทราต่อไป ส่วน...ใครจะแวะเวียนมาพบหน้าเจ้า หรือเจ้าจะไปพบหน้าใครที่ไหน นั่นก็สุดแล้วแต่ใจเจ้า แม่ไม่ว่าหรอก”



   “อะไรนะกระหม่อม!! จนกว่าจะมีโองการแต่งตั้งอย่างนั้นหรือ?! นั่นก็อีกหลายปีน่ะสิ!” องค์ชายเตชินทร์ร้องลั่นด้วยความตกใจ หากแต่ราชินีวารีวาทกลับแย้มโอษฐ์อย่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย



   “ใช่...เราไม่ได้ตรัสเสียหน่อยว่าจะยกให้บัดนี้ แต่คนที่ตรัสว่าจะจัดการสนธิสัญญาไมตรีทั้งหมดอย่างเร่งด่วนก็คือ...องค์ชายเจษฎา”



   และเมื่อนั้น...องค์ชายรัชทายาทแห่งอนันตราชก็รู้องค์แล้วว่าเสียรู้ให้แก่ราชินีวารีวาทผู้มีสมญานามว่าราชินีผู้มากเล่ห์เข้าเสียแล้ว



   ...ราชินีผู้ทำทุกอย่างเพื่อสมุทรา...พระองค์ทำได้ทุกอย่างจริงๆ!!...


ติดตามตอนต่อไป

คิดว่าตอนหน้าน่าจะจบแล้วล่ะค่ะ ช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนาน
หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว เซอร์ไพรส์ตามสัญญาจะมาในอีกหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้นค่ะ

ขอบคุณสำหรับการติดตาม การอ่าน การเม้นท์ กำลังใจและพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ
แล้วเจอกันพาร์ทหน้าจ้า








CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
องค์ราชินีร้ายที่สุด
ร้ายจริงๆนะ ร้ายน่ากลัวมาก
บรรยากาศสีม่วงเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน 555+

ออฟไลน์ plengpit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :a5:  เสด็จแม่น่ากลัวยิ่งนักพะยะค่ะ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
นับถือจิตใจของสนธยา เด็ดเดี่ยว มั่นคง จริงใจ

ออฟไลน์ Dezzerr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 547
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
โอยยย ราชินีเพคะ โปรดประทานองค์สนให้องค์เตชบัดนี้เลยเถิดเพคะ เขารักกันขนาดนี้แล้ววววว คนอ่านใจจะขาดแล้วเพคะ  :ling1:
ชอบการบรรยายแบบนี้จังค่ะ เวลาบรรยายความรัก ดูหวานซึ้ง กว่าปกติ อึ๊ยย ฟินนน

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ราชินียังเจ้าเล่ห์เหมือนเดิม องค์เตชจะอกแตกตายมั้ยเนี่ย

ออฟไลน์ วัวพันปี

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +540/-3
แผนการอันแยบยล ขิงแก่ย่อมเผ็ด

ออฟไลน์ Ali$a฿eth

  • [จิ้น]ตนการ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-3
ถ้าให้จัดอันดับความร้ายยกให้คุณแม่จริงๆ ก็ขเ้าใจว่าคนแต่งย้ำว่านางเจ้าเลห์เพทุบายแต่แบบ นางก็แม่คน จะทำอะไร พออ่านมาเรื่อยๆ อื๊มมมม ชัดเจน

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
ร้ายกาจจริงๆ

ออฟไลน์ saruttaya

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 926
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-6
องค์ราชินีเจ้าเล่ห์สุดยอด

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
ตอนหน้าจะจบแล้วหรอ
ยังไม่อยากให้จบเลยย
แล้วหอยเป็นไงมั่ง ยังอยู่ดีมั๊ย 5555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ strawberryboys

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
กรี๊สสๆๆๆ มาต่อเร็วๆนะคะ  :hao7:

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ราชินีร้ายจริง ๆ

ออฟไลน์ SenzaAmore

  • Where troubles melt like lemon drops....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 713
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-0
 o13 เรื่องคลี่คลายแล้ว ดีจัง

ราชินีเคี่ยวจริง เอาผลประโยชน์ทุกด้านเลยแหะ

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ต้องเรียกราชินีวารีวาทว่ายัยแม่มดเจ้าเล่ห์ ร้ายจริง ๆ
องค์สนเหมาะจะเป็นชายาองค์เตชที่สุด

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ราชินียังคงความเจ้าเล่ห์ที่สุด

ออฟไลน์ mkx91

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พอได้มีเวลาอยู่ด้วยกันก็ใช่เสียคุ้มเลยนะคะท่านเตชท่านสน อิอิ ในที่สุดท่านสนก็ยอมสารภาพออกมาจนหมดเปลือกเลย หม่อมฉันฟินมากเพคะ เหนือสิ่งอื่นใดคือองค์ราชินีฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมเยอะมาก หาช่องโหว่จากคำพูดมาเล่นงานเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการจนได้ อดใจรอจนถึงวันที่ทั้งสองจะได้แต่งงานกันนะคะ อีกไม่นานแล้วใช่ไหม

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
เรียกได้ว่ากำลังฟินๆอยู่ แบบเห็นคำว่าแฮปปี้เอนดิ้งลอยมาอยู่ข้างหน้าละ
ราชินีพูดประโยคเดียว ทุกอย่างล้มครืน แบบนิ่งค้างกันทั้งห้อง
รออ่านตอนจบแบบแฮปปี้ๆอยู่นะคะ ฮิฮิ

ป.ล.องค์เจษนี่ก็มานิ่งๆลึกๆแล้วปล่อยตู้มเลย555 แต่ราชินีนี่สติดี ร้ายลึกกว่าสุดๆ

ออฟไลน์ punthipha

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +200/-0
.ราชินีผู้ทำทุกอย่างเพื่อสมุทรา...พระองค์ทำได้ทุกอย่างจริงๆ!!...  :sad5: :sad5: :sad5: น่ากลัวมาก :o :o :o

ออฟไลน์ My_yunho

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1683
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
ฟินมากอ่ะๆๆๆๆ น่าร๊ากกกกกด้วย

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
เอิ่มมมม คุณราชินี เจ้าเลห์สุด ๆ องค์เจษคงสู้ยากหน่อย

กระดูกคนละเบอร์เลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด