อริทางคับแคบ (Pretending) - No.11 Obsessed (26/04/24)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.11 Obsessed (26/04/24)  (อ่าน 4246 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.9 Trapped (29/02/24)
«ตอบ #90 เมื่อ01-03-2024 15:46:04 »

ช่วงนี้ลงได้ช้าหน่อย เพราะงานยุ่งมาก ตรวจต้นฉบับไม่ทัน

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.9 Trapped (07/03/24)
«ตอบ #91 เมื่อ07-03-2024 17:12:45 »



ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผมถูกมอบหมายให้นั่งทำงานกับโปรเจ็คใหม่โดยย้ายไปช่วยพี่อีกคนอย่างกระทันหัน พี่ท้อปที่เดินมาบอกผมด้วยตนเองก็รู้สึกแปลกใจกับคำสั่งฟ้าผ่าแบบนี้


แต่พอมันเป็นงานก็คงต้องทำครับ บ่นอะไรไม่ได้ ชีวิตลูกจ้างก็คงแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ช่วงบ่ายผมก็ยังนั่งทำงานอยู่คนเดียว

โชคดี คือ ไอ้ตัวปัญหาไม่อยู่ หากมันรู้ว่าผมถูกย้ายไปช่วยโปรเจ็คใหม่มันคงมีอาการโวยวายและหาสาเหตุ มันคงรู้ว่าผมใกล้เส้นตายที่จะส่งงานโปรเจ็คเรียนจบแล้ว ควรจะให้เวลาให้เวลาในการทำงานโปรเจ็คเรียนจบมากขึ้น ไม่ใช่เพิ่มหน้าที่ในบริษัทให้ทำ

โชคร้ายก็คือ ไม่มีคนคอยให้คำแนะนำให้งานมันเสร็จเร็วขึ้น ถึงผมไม่ขอความช่วยเหลือจากมัน แต่อย่างน้อยคำแนะนำของคนที่ฝึกงานที่นี่มาตลอด 4 ปีก็น่าจะมีประโยชน์กว่าการนับจากศูนย์

ทำไมผมต้องมานั่งนึกถึงมันด้วย แอบแปลกใจตัวเองเหมือนกัน แทนที่จะคิดแก้แค้นมัน แต่กลับกลายเป็นว่า มีมันอยู่แล้วมันอุ่นใจกว่าเสียอย่างนั้น

ผมตบแก้มสองแก้มด้วยสองมือเย็นๆ ของตนเบา ๆ เพื่อให้กลับมาโฟกัสกับงานตรงหน้าที่ได้รับมอบหมายมาใหม่

ไม่ถึง 20 นาทีที่ตั้งใจทำข้อมูลที่ได้รับมาอย่างมหาศาลมาเป็นรายงานรายเดือนตั้งแต่ปี 2010 เสียงอีเมลแจ้งเตือนก็ดังขึ้นทำลายสมาธิผม

อีเมลแจ้งว่า อาจารย์นิเทศประจำวิขาจะมาเยี่ยมและขอดูร่างโปรเจ็คในอีก 1 สัปดาห์ และจะขอพบกับพนักงานของบริษัทที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงของนักศึกษา

ข้อความเหล่านั้นทำให้ผมเอ๋อค้างไปกว่าเกือบนาที

แล้วผมจะทำทันไปเนี่ย!!!!!

ผมสูดหายใจลึกสุดปอด และถอนหายใจอย่างหน่ายๆ  ทำสมาธิทันทีเพิ่มวางแผนปั่นงาน และคิดว่าจะไปขอเวลาทำโปรเจ็คจบกับพี่โจโจ้ ซึ่งเป็นเจ้าของโปรเจ็คงานที่ผมต้องไปช่วย

เหมือนฟ้าจะรู้ สวรรค์จะเข้าข้าง พี่โจโจ้โทรศัพท์เพื่อเรียกผมไปพบในทันที

พี่โจโจ้เป็นชายวัยกลางคนที่เงียบขรึม วางตัวเป็นผูใหญ่ของแผนกและมีแผนจะเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการในปีถัดไปเนื่องจากผลงานอันโดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่าน

เพราะเป็นคนจริงจังจึงมีคนเข้าหาน้อยถึงน้อยมาก เพราะนอกเหนือจากงานแล้ว พี่โจโจ้ก็แทบจะไม่พูดคุยเรื่องอื่นเลย

พี่ท้อปพูดกับผมก่อนที่จะส่งผมไปทำงานกับพี่โจโจ้ แค่เพียง

“ดูแลตัวเองด้วยนะ”

คือผมไปทำงานที่ห่างจากโต๊ะพี่ท้อปเพียง 3 บล็อกเองนะ การพูดแบบนี้ผมจึงได้แค่สงสัย ส่วนพี่เชอร์รี่ที่เป็นขาเม้าส์และรู้ทุกสรรพสิ่งในแผนก ก็พูดแต่เพียง

“เดี๋ยวน้องก็รู้”

มันยิ่งแปลกไปอีก……

ผมคิดพลางเดินไปหาพี่โจโจ้ที่โต๊ะทำงาน ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่าคนอื่นเล็กน้อย มีแผงกั้นสูงเสนอศรีษะ มองเห็นเอกสารมากมายเต็มโต๊ะ แต่กลับเป็นระเบียบกว่าทุกคนในแผนก

ผมกำลังทึ่งกับความมีระเบียบวินัยของคนตรงหน้า

“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักคนที่กำลังง่วนกับการพิมพ์อย่างมีสมาธิ

คนที่ง่วนกับการทำงานหันมามองและใช้สายตามองลอดแว่นสีเหลืองอ่อนอย่างพินิจ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างผม

“สวัสดีครับ เราเพิ่งเคยพบกันอย่างเป็นทางการสินะ ปกติคุยกันผ่านแชทตลอด คุณเอกแนะนำน้องให้มาช่วยงานพี่น่ะ เห็นบอกว่าทำงานดีจนอยากจ้างต่อเลย จริงไหมครับ?”

พี่โจโจ้ฉีกยิ้มจนเห็นฟันหน้าที่เรียงตัวสวยจนครบ ใบหน้าที่ขาวซีด แก้มตอบนั่น กลับมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนกว่าที่คิด ริ้วรอยที่บอกถึงความตั้งใจทำงานมาตลอดแสดงให้เห็นก่อนวัยอันควร แต่หลับมีเสน่ห์ในแบบหนุ่มใหญ่หน้าตาดี

มันน่ามองกว่าตอนหน้าเคร่งเครียดทำงานเสียอีก

ผมได้แต่ตอบใช่และพยักหน้าตอบอย่างเกร็งๆ

พี่โจโจ้กลับแสดงความเป็นกันเองและแนะนำตัวอย่างสนิทสนม ผมเองก็แนะนำตัวกลับด้วยบรรยากาศที่เท่ากัน บรรยากาศในการพูดคุยกันแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายหายเกร็งไปเลย แถมยังรู้สึกสนิทกับพี่โจโจ้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

พี่โจโจ้คุยเก่งผิดกับรูปลักษณ์ที่เคร่งขรึมภายนอกเลย

หลังจากช่วงที่พูดคุยแนะนำตัวและละลายพฤติกรรมเรียบร้อย พี่โจโจ้ก็ให้ผมไปนั่งใกล้ๆ เพื่อที่จะได้สอนงานทันที

พี่โจโจ้บอกว่าเขาเป็นคนพูดเบาเลยอยากให้ขยับเข้าไปใกล้หน่อยซึ่งผมที่รู้สึกสนิทใจกับพี่โจโจ้ไปแล้ว จึงขยับเข้าไปใกล้อย่างไม่คิดอะไร

หลังจากผ่านไปร่วมสามชั่วโมง สิ่งที่รู้สึกเด่นชัดคือ กลิ่นจากตัวพี่โจโจ้มันหอมอย่าเย้ายวน มันหอมมากแต่กลับไม่รู้สึกฉุน มันเย็นเบาสบายจนเหมือนลอยอยู่ในสวนดอกไม้

“ชอบกลิ่นนี้เหรอ” พี่โจโจ้ทักขึ้นจากการที่เห็นผมทำจมูกฟุดฟิดเป็นครั้งคราว

“เอ่อ….ครับ” ผมหน้าร้อนผ่าวตอบไปอย่างเขินๆ

“นี่ไงลองดมใกล้ๆ”  พี่โจโจ้ขยับเข้าใกล้กว่าเดิมและยกข้อมมือด้านในให้ผมดม

ผมก็ดันก้มลงไปดมอย่างว่าง่าย

“หอมจังครับ กลิ่นอะไร?” ผมเงยหน้าขึ้นมาเจอสายตาที่จ้องมองผมอย่างใกล้ชิด แบบที่ผมสามารถสัมผัสลมหายใจของอีกฝ่ายได้

“พี่คัสตอมเอง เป็นไง มีแต่พี่นะที่ใช้กลิ่นแบบนี้” พี่โจโจ้ยิ้มหวานใส่ในระยะประชิด

แปลกนะที่ผมไม่รู้สึกกลัวกับการกระทำแบบนี้ ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก

มันแปลกจริงๆ !! ผมกลับละสายตาจากอีกฝ่ายไม่ได้เลย

มือหนึ่งของพี่โจโจ้ ยกขึ้นเชยคางผมขึ้นเล็กน้อย พลางกระซิบเบาอ่อนใส่หน้าผมที่รู้สึกง่วงมึนเหมือนกับเมามายในกลิ่นที่โชยอวนในบริเวณนั้น

“ริมฝีปากน้อยๆ นี้ช่างสวยงามจนพี่ห้ามใจไว้ไม่อยู่ ไม่แปลกเลยนะที่มีแต่คนอยากเชยชม”

เหมือนม่านมนตราบางอย่างเคลือบสายตาผมอยู่ ทำให้ภาพตรงหน้ามันเบลอไม่ชัดเจน ความร้อนรุมเร้าจากภายในอกที่ยากจะบรรยาย ทั้งที่ใจปฏิเสธแต่ผมกลับต่อต้านคนตรงหน้าไม่ได้เลย

ผมกำมือเน้น เพื่อขับไล่ความรู้สึกแปลกออกไปจากในหัว พยายามขัดขืนความรู้สึกลุ่มลึกที่ยากยั่งถึงถึงแรงปรารถนาบางอย่างเบื้องล่าง

เวลาที่ถูกจัดท่าทางด้วยใบหน้าที่เงยอยู่แบบนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ผมคงทำได้แค่อยู่ให้นิ่งที่สุด ไม่ตอบสนองแรงปรารถนาตนเองออกไปกับคนตรงหน้า

ความหอมที่ยั่วยวนและตรึงใจทำให้ภาพตรงหน้ามันทำให้เร้าใจไปหมด ทุกการกระทำ ผมรู้สึกแม้แต่ชีพจรบริเวณมืออีกฝ่ายที่สัมผัสคางและคอผมอย่างแผ่วเบา

“น้องเป็นคนแรกนะที่ทนได้นานขนาดนี้ สงสัยพี่ต้องเพิ่ม” พูดจบพี่โจโจ้ก็ผละไปหยิบจับอะไรบางอย่างมาป้ายเพิ่มบริเวณต้นคอและข้อมือ

ผมรู้สึกถึงกลิ่นที่แรงขึ้น บรรยายกาศดูหนัก แน่น และร้อนอ้าว ลมหายใจผมอุ่นขึ้นพร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจที่แรงสูบฉีดมากขึ้นจนผมร้อนไปทั้งร่าง  ผิวหนังสั่นเทิ่มไปด้วยอาการแปลก ๆ

ภาพตรงหน้ายิ่งฉาบทับด้วยฝ้าหมอกที่หนาขึ้นจนจับเค้าโครงคนตรงหน้าไม่ได้

“น้องวิน…..”   เสียงที่เหมือนอยู่ที่ไกล ๆ ดังกังวาลรอบพร้อมกับม่านหมอกตรงหน้าจับตัวเป็นร่างคนสูงใหญ่ และโอบรอบไหล่ผมอย่างใกล้ชิด

ผมพยายามขยับออกห่างแต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อย

“วิน…..”  เสียงที่ดูเหินห่างกลับกลายเป็นเสียงที่คุ้นเคย

ผมมองกลับไปยังต้นเสียงก็พบกับคนที่ไม่คิดว่าจะเจอตรงนี้

“คอปเตอร์….” ผมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนแรงและโผไปหาอีกฝ่ายอย่างไร้เรี่ยวแรง รู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาดที่เจอเขาตรงนี้

“น่ารักจัง ทำไมน่ารักขนาดนี้” แม้เสียงอีกฝ่ายจะคุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นตา แต่สีหน้าและการกระทำช่างไม่คุ้นชิน

ร่างคอปเตอร์ ค่อยโน้มตัวลงมาใกล้หน้าของผม และสวาปามริมฝีปากผมอย่างหิวโหย

ผมที่ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านอยู่แล้ว มาเจอคอปเตอร์ในสภาพนี้ยิ่งไม่สามารถดิ้นรนหลุดพ้นได้ แต่แปลก…. ผมกลับไม่ได้ผลักไสเขาออกไปอย่างที่คิด ผมกลับดื่มด่ำกับมันอย่างไม่ตั้งใจ

กลิ่นหอมประหลาดนั่นยังคงอบอวลอยู่ในบรรยากาศโดยรอบ ผมกลับเคลิ้มไปกับมัน ยิ่งไปกว่านั้น มือของอีกฝ่ายได้พยายามรุกล้ำเข้ามาในเสื้อเชิ้ตผ่านกระดุมที่ตอนนี้หลุดไปแล้ว 1 อัน

แปลก…. ทำไมผมถึงไม่พยายามขัดขืน

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.9 Trapped (07/03/24)
«ตอบ #92 เมื่อ07-03-2024 22:22:28 »

 :katai1: :z10: :a5: o22

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.9 Trapped (15/03/24)
«ตอบ #93 เมื่อ15-03-2024 14:55:35 »


“มึง!!! ไอ้สัด!!!!”

เสียงดุดันที่คุ้นหูยิ่งกว่าดังขึ้นไม่ไกล แต่ผมกลับไม่ได้แม้แต่สนใจนอกจากเคลิบเคลิ้มไปกับรสหวานจากชิวหาที่คนด้านบนมอบให้อย่างดุดัน

ไม่นาน ความรู้สึกของผมก็เหมือนลอยคว้างและหล่นไปอยู่ที่พื้นพร้อมเสียงชุลมุนที่แผดไปทั่ว ตามมาด้วยเสียงแตกตื่นของคนจำนวนมากกว่าหนึ่งร้องโวยวายไปทั่ว

คงเพราะแรงกระแทก และความมึนศรีษะ สติของผมเลยหายไป


………


ผมตื่นขึ้นด้วยอาการเหมือนดื่มเหล้าสักสิบขวดแล้วสติขาดหายไปช่วงระยะ รู้ตัวอีกทีก็ตอนเช้าเลย แต่มันไม่ใช่อะไรแบบนั้นเสียทีเดียว ผมพยายามตั้งสติ ผมไม่ได้ดื่มอะไรเสียหน่อย ส่วนความทรงจำก่อนหน้านั่นก็ขาดๆ หายๆ เป็นช่วงๆ

ผมมองสภาพแวดล้อมโดยรอบภายใต้แสงสว่างของแสงไฟแอลอีดี ล้อมรอบไปด้วยม่านทึบสีครีมไปเสียครึ่งหนึ่งของพื้นที่รอบเตียงสีขาวขนาดหนึ่งคนนอน สภาพแวดล้อมคล้ายกับอยู่ในหอพักผู้ป่วยที่โรงพยาบาล

หลังจากที่กวาดตาไปสามรอบก็พบว่าตนเองน่าจะอยู่คนเดียว ผมพยายามพยุงร่างที่เหลือแรงอยู่เพียงครึ่งลุกขึ้นนั่งในสภาพสับสน

ผมอยู่ที่ไหนแล้ว มานอนตรงนี้ได้ยังไง ยิ่งคิดยิ่งสับสน

“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นหลังม่าน เสียงเป็นของคนที่ผมคิดว่าไม่น่าจะอยู่ตรงนี้

“เอ่อ….ครับ พี่เอก” ผมเอ่ยทักทันทีที่อีกฝ่ายเลื่อนม่านเปิดจนเห็นเค้าหน้าของอีกฝ่าย

แต่ผมก็ต้องตกใจอีกครั้งที่ใบหน้าของพี่เอกกลับมีรอยช้ำจำนวนมากอยู่บนใบหน้า

ผมตกใจจนออกนอกหน้าพลางมองหากระจกส่องใบหน้าตนเองเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันกับตนเอง

“วินน่ะ ไม่เป็นไรหรอกแค่หมดสติเพราะฤทธิ์ยา” อีกฝ่ายให้คำตอบทันทีที่เห็นท่าทางกระวนกระวายของผม

“ฤทธิ์ยา!?!??” คราวนี้ผมยิ่งงงกว่าเดิมอีก

“ก่อนอื่น…… ก็ ขอโทษด้วยนะ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้” พี่เอกก้มศรีษะลงต่ำ

“เดี๋ยวครับ คือ ผมงงไปหมดแล้ว เรื่องที่ผมหมดสติมันเกี่ยวอะไรกับพี่”

“แต่พี่ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากพี่นี่แหละ……”

หลังจากพี่เอกก็หาเก้าอี้มานั่งก็อธิบายยาวยืดเรื่องที่ผมยังคงงงว่ามันเกี่ยวอะไรกับพี่เอกเขา

พี่เอกสารภาพว่า พี่เอกจงใจเปลี่ยนพี่เลี้ยงให้ผม ให้ไปอยู่กับเพลย์บอยที่ขึ้นชื่อเรื่องล่าเด็กฝึกงาน โดยส่วนใหญ่เด็กทุกคนก็จะหลงเสน่ห์ โจโจ้ และยอมคบด้วยแต่พอโจโจ้ได้เจอคนใหม่ เขาก็ทิ้งทุกคน พี่เอกยอมรับว่าที่เปลี่ยนก็เพราะอยากเปลี่ยนใจผมเรื่องที่จะคบหากับคอปเตอร์ เพราะพี่เอกนั่นแอบชอบคอปเตอร์อยู่ แต่ไม่คิดว่าเรื่องมันจะบานปลายแบบนี้

มันเป็นความบังเอิญที่ผมดันไปตรงสเปกพี่โจโจ้มากๆ และบวกกับที่พี่เอกเสริมไปว่า ผมน่ะก็แอบชอบพี่โจโจ้อยู่แล้ว อยากมาทำงานด้วย มันเหมือนไปเปิดกล่องแพนดอร่าในใจของพี่โจโจ้

สุดท้ายก็ลงเอยอย่างที่เห็น พี่โจโจ้ห้ามใจไม่อยู่…..

ผมนิ่งไปพักใหญ่ หลังจากที่พี่เอกเล่าเหตุการณ์ที่ผมจำไม่ได้เสริมเข้ามา มันน่ากลัวจนผมขนลุกไปทั้งตัว ถึงแม้พี่เอกจะไม่ได้เล่าละเอียดขนาดที่ว่าผมโดยกระทำอะไรบ้าง แต่แค่ได้ยินว่าพยายามทำล่วงเกินแบบนั้น ผมก็ขนลุกไปหมด

“พี่คงมาห้ามและเจ็บตัวเพราะผมใช่ไหม?” หลังจากตั้งสติได้ และเหลือบไปมองหน้าพี่เอกที่ซีดเซียวลงไปมาก อย่างน้อยเขาก็สำนึกผิด

“คือ……. ไอ้ที่พี่ต้องมาอยู่ห้องพยาบาลเนี่ยก็เพราะ…. คอปเตอร์….” 

แล้วพี่เอกก็บอกว่าโดนอะไรบ้าง เหตุการณ์หลังที่ผมกำลังโดนคุกคามทางเพศ คนที่มาช่วยคือ คอปเตอร์ เขาโมโหเลือดขึ้นหน้าจนซัดพี่โจโจ้ปางตาย พี่เอกที่เข้าไปห้ามก็เลยโดนไปด้วย เพราะเหมือนคอปเตอร์จะรู้จากคนในแผนกว่ามึการเปลี่ยนพี่เลี้ยงเป็นโจโจ้โดยพี่เอก

แค่นี้ไอ้คอปเตอร์คนฉลาดคงรู้ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร ปะติดปะต่อได้ไม่ยาก

เล่ามาถึงตรงนี้พี่เอกส่งแววตาสำนึกผิดผ่านมาที่ผม เขาหยุดเล่าไปครู่หนึ่ง และเอ่ยคำขอโทษออกมา

“พี่ขอโทษนะ พี่ไม่คิดว่าเรื่องจะเลยเถิดขนาดนี้ ไม่คิดว่าพี่โจ้แกจะจริงจังขนาดนี้ พี่ไม่เคยเห็นเขาจริงจังมาก่อน อาจเพราะ….. อันนี้พี่ก็เพิ่งรู้จากปากพี่โจ้ว่า เขาเพิ่งเลิกกับคนที่คิดจริงจังด้วย แล้ววินมีส่วนคล้ายกับแฟนเก่าพี่โจ้ เรื่องมันก็เลยบานปลายใหญ่โต พี่ก็แค่คิดว่าหากเจอคนที่เป็นผู้ใหญ่ที่ดูดีกว่า วินน่าจะชอบ เหมือนอย่างที่ผ่านๆ มา พี่โจ้จีบน้องฝึกงานติดทุกคน” ระหว่างเล่าพี่เอกก็คุกเข่าลงพร้อมทั้งหลั่งน้ำตาอย่างไม่ตั้งใจ เขาไม่คิดแม้แต่จะปกปิด หรือเช็ดหยาดน้ำตาที่หลั่งออกมาอย่างล้นหลามเหล่านั้น

ผมนั่นสับสนไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะเห็นใจหรือโกรธดี ที่ตนเองถูกกระทำด้วยการวางแผนแบบนี้ แม้ผลลัพธ์มันจะออกมาแย่กว่าที่พี่เอกคิดแต่การถูกคิดร้ายอย่างการวางแผนแบบนี้ เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก

ผมไม่คิดว่านอกจอทีวีก็จะมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้ด้วย

ระหว่างที่ผมกำลังสับสนอยู่นั้น ประตูห้องพยาบาลก็เปิดออกกว้างด้วยแรงเหวี่ยงอย่างมหาศาล โชคดีที่มันมีบานหยุดนิรภัย จึงหยุดค้างไว้ก่อนจะกระทบกับกำแพงอีกฝั่ง

ไอเย็น
จากจิตอำมหิตแผ่เข้ามาในห้องอย่างโจ้งแจ้ง เสียงกัดฟันกรอดกรอบดังจนผมได้ยินชัดเจน

“มึงต้องการอะไรอีก!!”  คนมาใหม่ที่กำหมัดแน่นจนแทบจะที่เล็บจะจิกเนื้อจนเลือดไหล

“คอปเตอร์ พี่แค่ต้องการจะขอโทษ” คอปเตอร์เดินเข้าในระยะที่ผมมองเห็นชัดขึ้น

เสื้อสีขาวสะอาดที่มีรอยแต้มสีชาดเปรอะอยู่ทั่วเสื้อ เป็นภาพที่สยดสยองไม่น้อย แววตาที่จ้องเขม็งผู้ใหญ่ตรงหน้าก็แทบจะทำให้ห้องร้อนจนลุกเป็นไฟ

“มึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น นอกจากจะต้องชดใช้สิ่งที่มึงทำ!!”

ไม่มีคำพูดสุภาพกับพี่เอกอีกต่อไป หลังพูดจบยังย่างเดินมาอย่างหนักแน่น มือหนึ่งคว้าตอคอเสื้อพี่เอกไว้ อีกมือหนึ่งก็ยกง้างจนสุดมือ หมัดที่แดงกรำจากการใช้งานเหมือนถูกกระทบด้วยของแข็งหลายครั้งทำให้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

“หยุดเลย พี่เขาขอโทษแล้ว” ผมตรงรี่ไปคว้ามือคอปเตอร์ไว้

“แล้วมึงยกโทษให้คนแบบนี้เหรอ!?!??” มันหันมาตาขวางใส่ผม ทำให้มือผมอ่อนแรงไปชั่วครู่

คอปเตอร์กำหมัดแน่นขึ้นเมื่อเห็นผมไม่สามารถตอบคำถามนี้ของเขาได้

“งั้นมึงถอยไป!!” มือที่ง้างอยู่ถูกเลือดสูบฉีดเข้าไปเพิ่มเพื่อเพิ่มแรง

“เดี๋ยวก่อนๆ คือ จะให้ยกโทษให้ได้หรือเปล่ายังไม่รู้ แต่คือ เราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจอกับอะไรบ้าง แล้วพี่เอกก็สำนึกผิดแล้ว ช่างมันเถอะนะ”  ผมพูดไปอย่างติดขัดจนจบประโยค


แต่ก็หมายความอย่างที่ว่าจริงๆ

“แต่กูยังจำได้กูเห็นเรื่องนี้กับตา อย่างน้อยก็ขอให้มันชดใช้จนกว่าเราจะหายโมโหนะ!!” คอปเตอร์เสียงเข้มพลางขยับเข้าไปใกล้ขึ้น กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงแน่น

ผมทำอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจ….

จรดริมฝีปากไปที่คอปเตอร์และพรมจูบอย่างดูดดื่ม แม้อีกฝ่ายจะไม่พร้อมแต่ก็ตอบรับได้ดีพอควร

ผมถอนริมฝีปากออกพร้อมด้วยน้ำหนึดที่เราแลกกันเมื่อครู่ยังมีระยางยืดเชื่อมปากเราสองคน

แรงทั้งร่างของคอปเตอร์ผ่อนลงแล้ว ใบหน้าร้อนแดง และมีรอยยิ้มประดับอยู่บางๆ เขามองผมด้วยสายตาโหยหาและหิวโหยจุมพิตเมื่อครู่ เหมือนคนเสพติดมันอย่างขาดไม่ได้

พักเดียวมือที่เตรียมจู่โจมอีกฝ่ายกลับมาโอบรัดผมอย่างแนบแน่น สุดท้ายเราก็อยู่ในท่ากอดกันกลม ใบหน้าผมไปอยู่ซอกคอเขาอย่างช่วยไม่ได้

“ใจเย็นขึ้นยัง?” ผมถามอย่างหอบๆ เพราะเหมือนโดนขโมยลมหายใจไปหมดตัวเมื่อครู่

“อะไรเหรอ?!?” มันตอบกลับมาแบบนี้ พร้อมลูบศรีษะผมอย่างอ่อนโยน สายตาที่เปลี่ยนไปจากไฟร้อนๆ กลายเป็นน้ำเย็นๆ คู่นั้นทำให้ผมรู้ได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

มือที่ว่างอยู่ของผมทำท่าทางให้พี่เอกรีบออกจากห้องไปก่อน ซึ่งพี่เอกไม่รีรอที่จะอยู่ปะทะกับหมัดแห่งความเกรี้ยวกราด พลางก้มหัวขอบคุณที่ผมช่วยชีวิตเขาไว้

“อยากกลับห้อง”  ผมพูดขึ้น หลังจากที่ถูกโอบรัดอยู่หลายนาที

“อือ” เสียงตอบรับอู้อี้ของคอปเตอร์ที่ตอนนี้ทั้งใบหน้าจมอยู่ที่ซอกคอผม

“งั้นปล่อยได้แล้ว” ผมตบหลังเขาเบา ๆ

“เดินไหวไหม?” คอปเตอร์ถามคงเพราะเห็นอาการสั่นเทาที่ขาทั้งสองข้าง เขาผละออกจากผมเล็กน้อยเพื่อมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง

“ไหวสิ” ผมผละออกจากอีกฝ่ายทันทีที่มีโอกาส

แต่ขาเจ้ากรรมมันดันไม่ยอมเชื่อฟัง ผมเซไปทางซ้ายเล็กน้อย  คอปเตอร์ก้าวเท้าเข้ามารับตัวผมและประคองไว้อย่างรวดเร็ว ไม่รู้เพราะฤทธิ์ยาที่ค้างอยู่ หรืออาการหอบตื่นเต้นกับการจูบอย่างดูดดื่มเมื่อครู่

ผมพยักหน้าขอบคุณ ในขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้ากับอาการของผม

คอปเตอร์หันหลังและก้มลงสวมลงที่ด้านหน้าผมพลางยกตัวเองให้กลายเป็นท่าที่ผมลอยสูงขี่หลังอีกฝ่ายอยู่  ผมร้องตกใจและพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายด้วยความดื้อรั้นของคอปเตอร์ ผมเลยต้องถูกแบกขึ้นหลังจนไปถึงรถยนต์ของเขาและขับพาผมส่งกลับบ้าน



…………………….

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.9 Trapped (15/03/24)
«ตอบ #94 เมื่อ15-03-2024 22:17:01 »

 :pighaun: :haun4:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (21/03/24)
«ตอบ #95 เมื่อ21-03-2024 12:09:41 »

บทที่ 10 Confessed


แม้ว่าผมจะได้พักมาระหว่างนั่งรถเดินทางจนถึงอพาร์ตเมนต์แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ยอมให้อีกฝ่ายแบกใส่หลังและพามาถึงที่ห้อง โชคดีที่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นไม่อย่างนั้นผมคงอายที่ทำให้ตัวเองต้องยอมมาตกอยู่ในสภาพนี้

คอปเตอร์บรรทุกผมใส่หลังจนมาถึงปลายเตียงและผ่อนแรงย่อตัวให้ผมลงนั่งอยู่บนที่นอนอย่างอ่อนโยน

ไม่คิดว่าตัวเองจะยินยอมให้ตัวเองเห็นมุมนี้ของไอ้คนพาลคนนี้ แต่แปลกที่หัวใจผมมันเต้นแรงไม่หยุด ยิ่งได้อยู่ชิดใกล้ ยิ่งได้กลิ่นอายของอีกฝ่าย มันทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง

…ผมย้ำกับตัวเองตลอดทางว่า อาจเพราะฤทธิ์ยา
……แต่นี่มันก็ผ่านมานานแล้วนะ
……..มันคงตกค้าง

คิดย้ำวนไปมา….

“ดื่มอะไรไหม? หรือ อยากกินอะไรหน่อยไหม? ดูเหม่อๆ หน้าซีดๆ” คอปเตอร์ถามด้วยความเป็นห่วง มือหนึ่งของเขาก็เกาะกุมที่ท้ายทอยของผมอย่างอ่อนโยน

ใบหน้าของคอปเตอร์ที่ขยับเข้ามาใกล้ มันทำให้ผมรู้สึกร้อนตั้งแต่คอขึ้นไปทั่วทั้งหน้า

“อ้าว…แดงเสียแล้ว ไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม? ตัวอุ่นๆ ด้วย” คอปเตอร์พูดพลาง ยกมืออีกข้างทาบหน้าผากผม

ผมปฏิเสธเสียงสั่นพลางปัดมืออีกฝ่ายทิ้งไป

ผมเดาว่าอีกฝ่ายน่าจะขบขันกับปฏิกิริยาของผมแต่เปล่า ไอ้คนพาลคนนั้นกลับทำหน้าเศร้าและคุกเข่าลงสองข้าง


“ขอโทษนะ ที่ปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นกับนาย หากเรากล้ากว่านี้ เด็ดขาดกว่านี้ ทุกอย่างคงไม่บานปลายแบบนี้ หากเราเด็ดขาดกับพี่เอก เรื่องแบบนี้คงไม่เกิด!!”  คอปเตอร์พร้ำเพ้อจนยาวเยียด สีหน้าอมทุกข์ที่แสดงออกมาทำให้ใจผมสะท้านสะเทือนพอควร

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ผมรู้สึกได้ถึงความทุกข์ของอีกฝ่ายได้นะ ทำไมผมต้องรู้เศร้าไปกับมันด้วย ผมก็บอกตัวเองไม่ได้

ในใจตอนนี้ให้อภัยคนตรงหน้าหมดทั้งใจทั้งที่เรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคอปเตอร์โดยตรง หากเป็นเมื่อก่อนผมคงขอเลิกคบกับมันและทำให้มันเจ็บช้ำที่สุด แต่ตอนนี้แม้จะมีโอกาสตรงหน้า ผมกลับทำมันไม่ลงเสียอย่างนั้น

“ช่างมันเถอะ” ผมผ่อนลมหายใจยาวพลางเชยคางคนตรงหน้าขึ้นเผยให้เห็นน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาที่แดงกล่ำ

“ขอบใจนะ….ที่ให้โอกาส..” คอปเตอร์พูดอย่างเชื่องช้าด้วยดวงตาที่สดใสขึ้นกว่าเดิม พลางมองขึ้นมาทางผมด้วยดวงตากลมใสสองดวงนั้น

เราสบตากันอยู่อย่างนั้นอยู่หลายวินาที เหมือนมีเคมีหรือกระแสอะไรบางอย่างที่ต่างสื่อสารแลกเปลี่ยน สสารบางอย่างที่ผมไม่เห็น หัวใจกลับพองโต เต้นเร็วและแรงดุจม้าแข่งที่กำลังเข้าเส้นชัย

มือที่ผมเผลอไปสัมผัสกับแขนของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ ราวกับรู่สึกถึงกระแสเลือดที่สูบฉีดโหมภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วผิดปกติ

ไม่นานหลังจากนั้นคอปเตอร์ก็ยืดตัวขึ้นให้ใบหน้าเราขนานกัน ลมหายใจของเขาสัมผัสกับใบหน้าและลำคอของผม ความรู้สึกประหลาดวูบวาบมันโหมกระหน่ำเข้ามาในสมองผมจนเบลอไปหมด กลิ่นกายอีกฝ่ายที่ค่อยๆ เปลี่ยนไป มันเย้ายวน ชวนให้เคลิบเคลิ้มจนแทบหมดแรง

ในที่สุดผมกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อแรงกระตุ้นภายใน ผมโน้มตัวไปประทับริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จู่โจมจนรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีท่าทีประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ถอยหนี กลับกันเขากลับจู่โจมกลับได้รุนแรงกว่าเดิมมาก

ร่างกายของผมถูกชักนำให้ไหลไปตามแรงดันของอีกฝ่ายที่คอยโถมร่างกายท่อนบนเลื่อนดันร่างของผมไปบนพื้นที่นอนที่อ่อนนุ่ม คล้าย ๆ โดนกระแสคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่งซ้ำ ๆ จนทรายเปลี่ยนรูปและถอยร่นไปตามแรงของน้ำ

ผมรู้ตัวอีกทีก็พาตัวเองขึ้นมานอนเป็นจุดศูนย์กลางบนเตียงเสียแล้ว คอปเตอร์ยกตัวขึ้นตั้งฉากกับเตียง พลางพยายามถอดเสื้อตัวเองออกอย่างทุลักทุเล ผมเองที่เห็นอีกฝ่ายแสดงเนื้อหนังแผ่นอกและลอนท้องอ่อน ๆ ตรงหน้าก็อดที่จะทำตามไม่ได้

ผมขยับร่างกายตัวเองเล็กน้อยเพื่อปลดเปลื้องตนเองออกจากพันธนาการของเสื้อเชิ้ต แต่ก็ลำบากตรงที่นำ้หนักที่กดทับอยู่ ไม่นานนัก สองมือของคนด้านบนก็ช่วยปลดเปลื้องผ้าชิ้นบนหลุดออกจากร่างผมโดยง่าย

สายตาที่อีกฝ่ายมองผมมันช่างยากเกินกว่าที่จะอธิบาย เหมือนอีกฝ่ายได้ค้นพบสมบัติที่ใฝ่ฝันมานาน นิ้วเรียวที่ค่อยๆ ไล่ไปตามผิวส่วนคอลากไปจนถึงลอนท้องที่ไม่ได้สมส่วนเท่าไหร่เพราะขาดออกกำลังกายช่วงนี้แต่คอปเตอร์จ้องมองเหมือนพยายามจะเก็บภาพตรงหน้าไม่ให้เลือนหายไปจากสมองตลอดกาล

ผมหลบสายตาจากอีกฝ่าย เพราะไม่คิดว่าจะโดนสายตาแบบนี้ถาโถมใส่ และไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองจะรู้แบบนี้กับสายตานั่น แต่ต้องยอมรับว่าร่างกายมันร้อนไปหมด สมองมันเหมือนถูกปลดผ้าคลุมบางๆ ออก  เข้าใจความต้องการของตนเองมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมากก่อน

คนด้านบนโน้มตัวลงมาอย่างช้าๆ ลงริมฝีปากไปที่ต้นคออย่างแม่นยำพลางขบเบาๆ ด้วยฟันหน้า ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บกับการกระทำนี้ เพราะอีกฝ่ายทำด้วยความทะนุถนอมและโอนโยน ลิ้นที่เหมือนต้นอ่อนของต้นไม้ฝ่าแผงฟันหน้ามาไล้โลมผมอย่างเชื่องช้าคล้ายคอปเตอร์พยายามรับรสชาติของผมอย่างสุนทรี และพยายามที่เก็บรสชาติเหล่านั้นเข้าไปในความทรงจำของตนเองทั้งหมด

ผมทำได้แค่ร้องในลำคอตามน้ำหนักที่ต้นอ่อนนั่นลากผ่าน ความรู้สึกของต้นอ่อนนั้นมันฝังลึกเข้าไปใต้ผิวหนัง ความสุขที่ผมเพิ่งเคยสัมผัสนี่มันสุดยอดไปเลย

“รู้ไหมเรานึกถึงภาพนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนต้องทำร้ายตัวเองไปตั้งหลายรอบ แต่รู้ไหม ไม่เคยไม่ความคิดไหน สุดยอดเท่ากับความรู้สึกที่เรารู้สึกตอนนี้เลย…”

เสียงเบาเบาและติดหอบที่ปลายประโยคทำให้ผมคิดไม่ออกว่านี่คือ คำชื่นชมหรือความโรคจิตของอีกฝ่าย ผมแยกไม่ออกเลย เพราะในหัวตอนนี้คือเป็นสีขาวโพลนว่างเปล่า

คอปเตอร์กดตัวลงและสวมกอดผมแน่น ร่างกายทั้งสองแนบชิดแทบจะรวมเป็นหนึ่ง กระแสเลือดที่ถูกปั๊มจากหัวใจแทบจะสูบฉีดเป็นจังหวะเดียวกัน ที่สำคัญส่วนที่นิ่มอยู่ยามปกติตอนนี้เติบโตแข็งแรงจนผมรู้สึกได้ เพราะมันเหมือนพยายามจู่โจมผมอยู่ที่ท้องน้อยไม่หยุด แต่ผมเองก็ไม่ต่าง ในเมื่อความต้องการของตนเองมาจนสุดทางขนาดนี้ ผมยั้งตัวเองไม่ไหวแล้ว

“วิน….โอเคไหม….? ถ้าเราจะขอ….”

คอปเตอร์กระซิบใส่หูผมด้วยเสียงสั่นเครือ ความกล้าที่ผ่านมาทั้งชีวิตของมันเหมือนจะไม่มีอยู่ในคำพูดนั่นเลย

ผมนิ่งไปพักใหญ่ไตร่ตรอง ในความว่างเปล่าในหัว ผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนที่อีกฝ่ายจะจัดการปลดกางเกงตัวเองลงอย่างรวดเร็ว

ไม่รอช้า คอปเตอร์ก็เล็งกางเกงผมเช่นกัน แต่ด้วยอะไรบางอย่างทำให้ผม ใช้มือจับขอบกางเกงตัวเองแน่น

“เราโอเคนะ หากนายไม่พร้อม…” อีกฝ่ายพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“เรา…เรา…. ขอถอดเองได้ไหม?”

พูดจบผมก็หลับตาแล้วก็ปลดกางเกงตัวเองลง

“มันน่าอายจะตาย” ผมพึมพำหลับตาปี๋

“ไม่หรอก… มันสวยงามมาก…”

“ไอ้บ้า ขนลุก” ผมพูดขึ้นทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาปี๋ ใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด ผมคิดตัวเองเหมือนจะเป็นไข้

“จริงๆ”

พูดจบ ริมฝีปากของอีกฝ่ายก็เล่นล้อกับส่วนที่แข็งขืนของผม เหมือนพยายามลิ้มรสของส่วนสัมผัสของผิวส่วนนั่น ผมถูกปรนเปรอแบบนั่นอยู่หลายนาทีจนแทบขาดอากาศหายใจ ไม่คิดว่าคนห้าวๆ อย่างมันจะสามารถทะนุถนอมส่วนนั้นของผมได้อย่างยอดเยี่ยม บอกได้เลยว่า ดีที่สุดเท่าที่เคยรู้สึกมา

ผมพยายามยกศรีษะของคนด้านบนอยู่นานกว่าจะเขาคายเอาบางส่วนของร่างกายของผมออกมา แต่แทนที่ผมจะได้หยุดพักบ้าง เขากลับลากต้นอ่อนอันเปียกชุ่มไล่ชิมหยาดเหงื่อของผมตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงแผงคอ แม้ทุกการกระทำจะดูนุ่มนวลและเนิบนาบแต่ความรู้สึกของผมเหมือนเป็นเหยื่ออาหารอันโอชะของสิงโตที่กระหายเนื้อที่หิวโหยมาแรมเดือน ทุกการกระทำของเขาเหมือนจะกัดกินผมจนถึงจิตวิญญาณ

เขาขยับศรีษะมาพรมจุมพิศที่ริมฝีปากของผมอย่างเร่าร้อน ผมเหนื่อยมากกับการถูกรุกไล่ด้วยริมฝีปากที่หิวกระหาย เหมือนถูกดึงอากาศออกจากปอดไปเสียหมด

สุดท้ายผมทำได้แค่ยกมือขี้นปิดปากอีกฝ่ายเพราะต้องขอหายใจ

“เหมือนนายจะพร้อมแล้วนะ..” อีกฝ่ายพูดพลางหอบหายใจถี่

ผมไม่เข้าใจสิ่งที่พูดเท่าไหร่ แต่รู้ตัวอีกที ปากประตูเบื้องล่างก็ถูกบางอย่างจรดจ่อรั้งไว้ไม่ห่าง ผมเข้าใจในทันทีที่วัตถุขนาดไม่ธรรมดานั้นดันเข้ามาใกล้ชิดติดจนจุกหน่วง

ก่อนที่ผมจะตัดสินใจอะไรต่อไป อีกฝ่ายลุกขึ้นหายไปค้นกระเป๋าตัวเองกุกกักเสียงดัง เพียงชั่วอึดใจก็กลับเข้ามาสู่สภาพเดิมก่อนหน้านี้

ของเหลวหนึดเย็นถูกป้ายลงตรงปากประตูสวรรค์ ผมพยักหน้าให้อีกฝ่ายด้วยความเข้าใจที่สายตาคอปเตอร์ส่งลงมาให้ วัตถุทรงเรียวยาวฝ่าประตูสวรรค์เข้าไปอย่างยากเย็น ไอ้ความรู้สึกแปลกใหม่นี่มันอะไรกัน ผมก็อธิบายไม่ถูก มันอึดอัดและเจ็บเสียดไปหมด แต่มันก็ไม่ได้เจ็บปวดมากมายกว่าที่คิด ผมเข้าใจคำว่าผมพร้อมแล้วของอีกฝ่ายเลย ขนาดมันคงไม่ใช่ปัญหาสำหรับพวกเรา

ไม่นานหนักผมก็เริ่มชินกับสิ่งที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างกายตนเอง

“งั้นเอาจริงแล้วนะ” พูดพลางชักบางอย่างออกจากร่างของผม

เอ๊ะ!! เดี๋ยวนะ นั่นมัน! แค่นิ้วเหรอ?

สักพักสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วมากมายนักก็พยายามฝ่าประตูเข้ามาอย่างยากเย็น ผมร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ ความเจ็บปวดแทรกซึมไปทั่วร่างพร้อมพยายามขยับร่างกายหนี แต่ไม่ทันเสียแล้วในเมื่ออ้อยเข้าปากช้างแล้ว ย่อมยากที่จะหลบหลีก สุดท้ายผมก็ต้องกับเผชิญกับความสุขที่แสนเจ็บปวดอยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง

………..

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (21/03/24)
«ตอบ #96 เมื่อ21-03-2024 20:20:18 »

 :oo1:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (29/03/24)
«ตอบ #97 เมื่อ29-03-2024 11:56:08 »



นับเป็นอีกหนึ่งคืนที่ผมนอนหลับแล้วแทบจะไม่ฝันอะไรเลย ความงุนงงในเวลารุ่งสางของวันที่หลับมากกว่าปกติ สติที่แสนเลือนลางค่อน ๆ เด่นชัดขึ้นพร้อมกับอาการปวดเมื่อยไปทั่วร่าง กายคล้าย ๆ โดดไปให้รถบรรทุกชนจนร่างแหลก โดยเฉพาะช่วงล่าง รู้สึกเหมือนปวดแสบอย่างที่ไม่เป็นมาก่อน

สมองของผมเริ่มทบทวนแล้วว่าทำไมร่างกายผมถึงอยู่สภาพนี้ ร่างกายที่หนักกว่าปกติ ขยับตัวได้ยาก เหมือนผ้าห่มมันหน้าขึ้นและหนักขึ้นมาก ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายย้ายผ้าห่มหนักๆ บนตัวร่นลงไปถึงครึ่งตัว

ผมต้องตกใจที่ตัวเองเปลือยเปล่า และผ้าห่มที่หนักอึ้งนั่นก็คือไอ้คอปเตอร์ที่ตอนนี้ร่างไร้อาภรณ์ใดๆ กอดก่ายผมอยู่สบายใจ

ในที่สุดสมองที่ทื่อเพราะความตื่นเช้าก็ค่อยๆ รื้อฟื้นภาพจำเมื่อคืนออกมาเป็นฉากๆ

พระเจ้า!! ทำไมเมื่อคืนถึงได้ตัดสินอะไรแบบนั่นลงไป แม้จะดูเลือนลางอย่างกับความฝัน แต่ความต้องการเหล่านั้นดูเป็นของจริงไม่ปรุงแต่ง และความรู้สึกเจ็บป่วยตอนนี้ก็ยิ่งตอกย้ำว่า สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริงๆ ตรงนี้


ในขณะที่ผมพยายามขยับตัวออกห่างร่างกำยำที่ก่ายเกาะผมอยู่มากกว่าครึ่งร่าง ร่างกำยำด้านบนกลับขยับตัวเล็กน้อยพร้อมเสียงงัวเงีย

ผมรีบทำตัวนิ่ง และแสร้งทำเป็นหลับต่อ ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนี้ไปทำไม แค่รู้สึกว่ายังไม่พร้อมที่จะเจอหน้าอีกฝ่ายหลังจากความสัมพันธ์ของทั้งคนลึกซึ้งแบบที่ผมไม่ได้ตั้งใจ (มั้ง)

ร่างหนาด้านบนขยับเข้าใกล้และยกร่างส่วนบนขึ้นเพื่อแอบสอดส่องว่าผมตื่นแล้วหรือยัง เนื่องจากผมหลับตาอยู่เลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบไหน แต่ที่รู้สึกแน่ๆ คือ ผมรู้สึกกำลังถูกจ้องมองอยู่ มือข้างหนึ่งเอื้อมมาลูบแขนผมโดยมีผ้าห่มผืนหนาขวางกั้นอยู่

ลมหายใจของอีกฝ่ายที่ไหลผ่านออกมากระทบผิว ทำให้ผมพอจะทราบว่าน่าจะเกิดจากอาการตื่นเต้นของคอปเตอร์ มันอุ่นและกระชั้นชิด ผมรู้ได้จากสัญชาตญาณที่อยู่ร่วมกันมาหลายเดือนที่ผ่านมา

เสียงสั่นหวืดหวือของอุปกรณ์สื่อสารดังขึ้นไม่ไกล ผมรู้สึกว่าอีกฝ่ายขยับร่างไปตอบรับเสียงนั่นหลังจากขยับร่างให้ถอยห่างไปได้ไม่นาน

“เออ …..” คำตอบสั้นๆ ห้วนๆ ทำให้รู้ว่าคนที่อยู่ในสายคงเป็นคนสนิทของคอปเตอร์

“……..” ผมไม่ได้ตั้งใจฟังก็เลยไม่รู้ว่าแปลความว่าอะไรจากเสียงที่เล็ดลอดจากหูคนข้างๆ

“กูต้องกระซิบสิ เมียกูยังไม่ตื่นเลย” เสียงในสายดังขึ้นอู้อี้แต่ผมก็พอจะจับใจความได้เพราะคู่สนทนานั้นคุยกันไม่ได้ไกลจากตัวผมเลย เสียงจากในสายดังจนเกือบจะเท่าเสียงกระซิบของเจ้าของสายทางนี้เลย

พอได้ยินคำว่าผมเป็นเมียของมัน เลยอดไม่ได้ที่จะตั้งใจแอบฟังอย่างตั้งใจ โชคดีที่เป็นคนหูดี (แอบกำมือแน่น)

“พูดได้เต็มปากเลยนะว่าเมีย!! ไอ้วินมันยอมมึงแล้วเหรอ ไอ้สัด มันได้ยินโกรธตายห่า กูจะถามว่าเพื่อนกูเป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าเจอยาแปลกๆ ไป”  ปลายสายถาม ทำให้ผมสงสัยกับคำว่า ‘เพื่อนกู’ เสียงที่เล็ดลอดออกมาก็คุ้นหูมาก

“ที่รักกูไม่เป็นไรมากแล้ว แต่กูก็ควรจะขอบใจยาแปลกๆ พวกนั้นนะ มันทำให้วิน ยอมรับกู ตอนนี้กูมีความสุขสุดๆ ไปเลย!!”

“อย่าบอกนะว่า….”

“ใช่ วินเป็นของกูแล้ว เมื่อคืน หลายรอบด้วย!!”

ฟังถึงตรงนี้แล้วอยากลุกขึ้นกระโดดถีบมันให้ตกเตียง แต่ยังไม่อยากขัดจังหวะโทรศัพท์ เพราะสงสัยว่ามันคุยกับใครอยู่

“เชี้ย….. แล้วแบบนี้กูต้องวางตัวยังไงว่าเรื่องที่กูแอบช่วยมึงน่ะ?” เสียงปลายสายมีความกังวล ไอ้นำ้เสียงแบบนี้ ทำไมถึงได้คุ้นเคยแบบนี้นะ


“กูว่าอย่าเพิ่งเลย ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่ากูว่า กูไม่อยากให้วินโกรธกูอีก”

“กูไม่เห็นแก่ ‘ไอ้ศิน’ กูไม่คิดจะช่วยมึงหรอก มึงเองก็มีคดีกับกูไม่น้อย!!”  เสียงจากปลายสายผุดตัวละครใหม่ที่ไม่คุ้นเคยอีกหนึ่งคน ผมเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก

“กูขอโทษด้วยนะ กูก็สารภาพกับมึงหมดแล้วนี่ ก็ช่วงที่ไอ้พี่ศินมันเกเร มันน่ากลัวจะตาย แล้วมันก็เล็งมึงกับเพื่อนขนาดนั้น ขืนกูไปทำดีกับมึง กูไม่ซวยไปด้วยเหรอวะ!! ใครจะไปรู้ว่าที่มันแกล้งเพราะชอบมึง!!”

“มึงก็เลยเลียนแบบมันเสียหมด แกล้งคนที่ตัวเองชอบเนี่ยนะ!!”

“กูบอกมึงกี่รอบแล้ว ว่ากูไม่รู้ว่ามันชอบมึง แล้วกูก็ไม่ได้อยากแกล้งเพื่อนมึงด้วย!! กูทำเพราะช่วยต่างหาก!!”

‘เพื่อนเหรอ?’ ผมคิด รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ

“ช่วยด้วยวิธีโง่ๆ ของมึงยิ่งทำให้มันเกลียดน่ะสิ!!”

มีความเกลียดชังแฝงในคำพูด นี่สองคนนี้เป็นเพื่อนกันจริงไหมเนี่ย?

“อย่างน้อยที่กูทำไปเพราะไม่อยากให้คนอื่นแกล้งมัน ไม่อย่างนั้นหนักกว่านี้แน่!!”

“ถึงกูจะเห็นด้วยกับมึงตรงนี้แต่มันมีวิธีดีกว่านี้หรือเปล่าวะ!!”

“กูขอโทษนะตอนนั้น กูก็มีปัญหาของกู….”  เสียงคอปเตอร์อ่อนลงเล็กน้อย

ผมฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว แม้ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ก็มองไอ้คอปเตอร์ดีขึ้นเล็กน้อย 

แต่เดี๋ยวนะ นี่แปลว่า มันจำผมได้ตั้งแค่แรกหรอกเหรอ?? นี่การเปลี่ยนแปลงตัวเองของผมนี่มันไม่ได้ผลเลยหรือ?? นึกย้อนไปแล้วก็อดที่จะอายการกระทำตัวเองไม่ได้

“เออๆ ไอ้เชี้ยเอ้ย…. กูรู้จากไอ้ศินแล้ว กูเข้าใจนะแต่จะให้กูไม่โกรธมึงคงทำไม่ได้  แต่หากมึงทำเชี้ยกับเพื่อนกูอีก มึงได้เจอกับกูเวอร์ชั่นนี้แน่ๆ กูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ เตรียมตัวตายได้เลย”

ผมเห็นด้วยกับปลายสายเรื่องที่ยังโกรธอยู่

“ขอบใจนะไอ้เติ้ล ขอบใจที่ให้โอกาสกู” คอปเตอร์พูดประโยคสุดท้ายก่อนจะวางสาย

ประโยคนี้ประโยคเดียวที่ผมเชื่อมต่อจิ๊กซอว์ทุกตัวเข้าด้วยกันสำเร็จเป็นภาพที่สมบูรณ์ชัด ที่แท้เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง

ผมคงต้องหาโอกาสไปคิดบัญชีไอ้คนขายเพื่อนสักครั้งหลังจากนี้ แต่ตอนนี้ ผมยังคิดหาทางออกให้กับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ออกเลย โดยเฉพาะเมื่อโดนอีกฝ่ายแทรกตัวเข้ามาให้ผ้าห่มอย่างช้าๆ ด้วยร่างกายอันเปลื่อยเปล่า แล้วโอบกอดผมอย่างแผ่วเบาทะนุถนอน อาจเพราะกลัวผมจะตื่น

ผิวอันเย็นฉ่ำจากการที่ตากอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศ สัมผัสกับผิวของผมโดยตรง ความเย็นของผิวที่ทำให้ผมแทบอยากจะขยับหนีทันที แต่ต้องสวมบทบาทคนหลับลึก ทำให้ต้องทนหนาวอย่างไม่ฝืนไม่ได้

เพียงครู่เดียวผิวกายของอีกฝ่ายก็เริ่มอุ่นไปตามอุณหภูมิใต้ผืนผ้า ในขณะเดียวกันผมก็ถูกกอดแน่นขึ้น ร่างกายส่วนหน้าของอีกฝ่ายนาบแนบแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับด้านข้างของผม

มือด้านบนที่โอบรอบอกและต้นแขนของผม เขาเริ่มขยับและลูบไล้ผิวของผมไปมาจนทั่ว อย่างช้าๆ และ แผ่วเบาไม่ต่างจากนำขนนกขึ้นมาถูกไถอยู่บนร่างอยู่นานหลายนาที

“ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้” เสียงบ่นบึมพำข้างหูของผม เหมือนดั่งไม่ตั้งใจให้ผมได้ยิน

ผิวกายของอีกฝ่ายเนียนนุ่มกว่าที่คิด ส่วนที่เป็นกล้ามแกร่งก็สัมผัสได้ถึงความสมชายของอีกฝ่าย แน่นอนผมก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่โดนชายหุ่นแบบนี้เล้าโลมอยู่นานสองนานแล้วจะไม่รู้สึกอะไร ถึงแม้จะพยายามข่มใจให้เกลียดมันเข้าไส้เหมือนอย่างที่เคยทำมา

แต่ตอนนี่ไอ้ความรู้สึกเหล่านั้นมันหายไปไหนหมดแล้วนะ?

มืออันแสนซุกซนข้างนั่นของคอปเตอร์ปรับเปลี่ยนจุดที่ลูบไล้ไปเรื่อย จนถึงช่วงสะโพกแกร่งของผม และไล่วนมาทางด้านหลังเล็กน้อย เพียงชั่วอึดใจ ส่วนที่ควรจะนอนหลับนุ่มนิ่มไปกลับตื่นแข็งขันขึ้นมาอีกครั้ง

ผมที่ถูกส่วนนั้นสัมผัสที่ข้างบั้นท้าย รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย พร้อมความรู้สึกเจ็บแปลบจนเผลอร้องออกมา

“ทำอะไรน่ะ!!” ความเจ็บนั่นทำให้ผมเลิกที่จะแกล้งหลับ ผมขยับพลิกตัวถอยห่างไปเล็กน้อย

“ก็คิดอยู่แล้วนะว่าน่าจะตื่นแล้ว ก็เลยจะช่วยปลุกแบบจริงจัง” คนหื่นที่เปลื่อยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันส่งสายตาแห่งความปรารถนามาอย่างไม่ลดละ

ไม่เพียงเท่านั้นยังรุกคืบเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกที ผมก็อยู่ภายใต้ร่างหนาของอีกฝ่ายเสียแล้ว

เหมือนความทรงจำเรื่องเมื่อคืนมันย้อนกลับเข้ามาในสมอง จากการเห็นหน้าอมยิ้มแดงเรื่อ และผิวร่างแกร่งเป็นลอน ปลุกให้ความต้องการในส่วนลึกมันโลดเล่นขึ้นจนผมควบคุมร่างกายบางส่วนของตนเองไม่ได้

“คิดเหมือนกันใช่ไหม?”

“เรา….. เราไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” แต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟัง ทำไมเราถึงได้ต้องการคนตรงหน้าขนาดนี้นะ คงเพราะยาตกค้างหรือเปล่า ผมพยายามคิดเข้าข้างตนเอง

“โกหกไม่เนียนเลยนะ” คอปเตอร์ยิ้มมุมปากแบบเซ็กซี่

ยอมรับครับว่าใช่ แม้ปากจะบอกไล่แต่ร่างกายกลับไม่ต่อต้านอีกฝ่าย แม้แต่ทันทีที่อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาใช้ริมฝีปากสัมผัสที่ต้นคอด้านหน้า ผมก็แทบจะไม่มีท่าทีต่อต้าน

ความรู้มันกลับตรงกันข้าม….

มือของผมถูกกุมและโน้มไปด้านบนเบาด้วยมือข้างที่ว่างของคอปเตอร์ ผมกลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายไปเสียแล้ว ยอมโยนมือไปตามแรงอีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายได้ลิ้มชิมรสผิวหนังสดใหม่ในช่วงเช้าอย่างหิวโหย แต่ก็อ่อนโยนจนผมไม่อยากให้ช่วงเวลานี้สิ้นสุด

เขาไล่ลิ้มชิมหยดหยาดเหงื่อที่ผมเริ่มซึมออกจากความตื่นตัวของกล้ามเนื้อทุกส่วน ไล่ลงไปเรื่อยๆ จนกระทั้งผ้าห่มที่ควรจะปกคลุมเราทั้งคู่ไหลลู่ลงไปกองที่ปลายเตียง

คอปเตอร์ไม่ได้หยุดแค่ช่วงท้องน้อย แต่ลงไปต่อในส่วนยอดชายของผม เขาเติมเต็มความรู้สึกของผมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้ ไม่อยากจะเชื่อว่าคนดิบเถื่อนอย่างคอปเตอร์จะทำได้อ่อนโยนขนาดนี้

ในที่สุดก็ถึงช่วงสำคัญที่คนด้านล่างได้แหวกขายาวของผมและพลิกกลับหลัง จนผมเผลอที่จะร้องเสียงหลงไม่ได้

แต่แปลกที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรต่อนอกจากนั่งมองนิ่งๆ อยู่พักใหญ่

บอกตามตรงว่าผมเริ่มจะอายแล้ว

ทันทีที่ผมจะเอ่ยถาม คอปเตอร์ก็พูดแทรกขึ้นมา

“อยู่นิ่งไปก่อน ขอโทษนะ เราขอโทษ”

ผมขยับตัวลุกขึ้นและหันกลับไปเห็นคราบสีแดงสด เปรอะอยู่ทั่วผ้าปูที่นอนสีฟ้าคราม

ในขณะที่ผมร้องโวยวาย ผมก็ถูกอีกฝ่าย รวบตัวและอุ้มเข้าห้องน้ำทันที


………..

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (29/03/24)
«ตอบ #98 เมื่อ29-03-2024 13:07:26 »

 :pighaun: :haun4:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (11/04/24)
«ตอบ #99 เมื่อ11-04-2024 15:17:50 »


ถึงแม้ว่าจะโมโหเพื่อนอย่างไอ้ไตเติ้ลมากแค่ไหน แต่หนนี้คงต้องวางทิฐิตัวเองลงชั่วคราว ในขณะที่ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังจากถูกคอปเตอร์อุ้มไปอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยก็ยกโทรศัพท์สมาร์ทโฟนของตนเองขึ้นมาโทรศัพท์หาไอ้หมอเถื่อนเพื่อนตนเอง

“สวัสดี ว่าไง ทำไมโทรหากูได้ตั้งแต่เช้า!! มีอะไรก็พูดมากูเพิ่งลงเวรมา กูพร้อมจะร่วงลงเตียงได้ทุกเมื่อ!! ห้านาทีเท่านั้น!! ฃพูดมาก่อนที่กูจะหลับ!!”

แค่ได้ยินเสียงและคำทักทายแกล้งโง่ของมันแล้วผมก็หูร้อนไปหมด แทบจะสะกดกลั้นความโกรธต่อไอ้คนขายเพื่อนแทบไม่อยู่ แต่พอมาดูสภาพร่างตนเองที่ต้องขอพึงพามัน จึงอดทนไว้ก่อน

ผมอ้ำอึ้งที่จะเริ่มต้นอยู่นาน คอปเตอร์ที่นั่งห่วงอยู่ห่าง ๆ เพราะผมโวยวายใส่หลังจากออกจากห้องน้ำ ก็ทำท่าทางบอกใบ้ว่าให้เขาบอกเองไหม ?

ผมแสยะยิ้มแล้วยกนิ้วกลางให้มัน!!

“คือ…กู… ขอความช่วยเหลือหน่อย คือ กูว่า กูมีแผล ….ที่ …. เอ่อ ….. กลัวจะอักเสบ มึงหายามาให้กูตอนนี้เลยได้ไหมวะ?”

“เป็นอะไรวะ” เสียงที่ปลายสายมีอาการสั่นๆ ที่ปลายประโยค

ผมนึกถึงหน้าที่กลั้นขำของมันออกเป็นฉาก ๆ  มือก็กำหมัดแน่นไว้

“เอ่อ…. คือ เป็นแผลมั้ง เลือดออกเยอะเลย”

“ตรงไหน?”

“มึงนี่ก็ถามแปลกๆ ตรงไหนมันก็เหมือนกันไหมแผลน่ะ!!”

“ไม่เหมือนดิ!! มึงจะรู้ดีกว่าหมอเรอะไง!!”

“อย่ามากวนตีนกู!!”

“ไม่ได้กวนตีน กูจัดยาให้ไม่ถูก” เป็นอีกครั้งที่รู้สึกเห็นปลายสายยิ้มอย่างสะใจ

“เชี้ย!! ….ที่…. เอ่อ… ที่…ก้…..น…”

“ไอ้สัด!! ดังๆสิกูไม่ได้ยิน เป็นอะไรก็บอกอย่าอายหมอ!!”

เส้นความอดทนผมมันขาดดัง ผึง!!

“กูไม่นับถือมึงเป็นหมอไอ้นกสองหัว กูไม่คิดเลยว่าว่าจะมีเพื่อนแบบมึง ไอ้สัด!! ไม่ช่วยแล้วยังลีลาอีก คนอย่างมึงไม่ต้องมาให้กูเห็นหน้าอีกเลย!!!”

ผมโวยลั่นใส่โทรศัพท์ แล้วก็วางสายใส่มันไปเลย

ผมวางโทรศัพท์หอบหายใจอยู่พักใหญ่ คอปเตอร์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินมาโอบไหล่ผม อย่างทะนุถนอม ผมใจเย็นลงอย่างประหลาด ไม่น่าเชื่อว่าหลังจากผมมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับมันไปเพียงชั่วคืน มันจะทำให้ผมรู้สึกกับมันเปลี่ยนไปขนาดนี้

สักพักผมจึงเริ่มรู้สึกตัวเองว่ากำลังใจอ่อนกับไอ้คนที่เคยทำร้ายเรา ผมมองแรงใส่มันอีกครั้ง แน่นอนว่าอีกฝ่ายยอมล่าถอยแต่โดยดี ด้วยท่าทีหงอยห่อเหี่ยว

“ไม่ต้องไปไหนก็ได้อยู่ข้างกันแบบนี้ก็ได้”
แอบตกใจเหมือนกันที่ตัวเองพูดแบบนั้นออกไปโดยไม่คิด

แน่นอนว่าไอ้นักเลงนั้นมีท่าทางหูลู่หางกระดิกกระโจนเข้ามานั่งใกล้ๆ แทบจะทันที

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอแสดงให้เห็นเป็นหน้าไอ้เพื่อนทรยศยิ้มแฉ่ง หากไม่คิดว่าโทรศัพท์มันแพงผมคงหาอะไรมาทุบให้หน้าหักไปแล้ว

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสายโดยที่ไร้เสียงทักทาย

“มึง……” ไอ้เพื่อนทรยศลากเสียงยาวใส่

ผมยังไม่มีอารมณ์จะตอบมัน รู้แต่ว่ายิ่งได้ยินเสียงมันก็ยิ่งโกรธ ความร้อนจากในอกมันปะทุเดือดปุดๆ จนเหมือนจะได้ยินเสียงความเดือดของอารมณ์ตัวเองชัดเจน

“กูจำเป็นนะ มึงฟังกูก่อน กูไม่อยากให้มึงเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ ไหนๆ ทุกคนก็สำนึกผิดแล้ว และกูว่าทุกคนก็ได้รับผลกรรมในแบบของตนเองกันแล้ว”

“กูไม่เข้าใจที่มึงพูดสักประโยค!!!” ผมตอบกลับไปด้วยอาการอดกลั้นถึงขีดสุด

“หา!! พวกมึงนี่นะ กูละปวดหัวจริง นี่พวกมึงได้กันโดยไม่คุยกันเรื่องที่ผ่านๆ หรือไง!!”

ผมนิ่งไปพักหนึ่ง รู้สึกเหมือนมีของแหลมแทงหัวใจตรงเส้นเลือดดำ

“มึงคิดว่าไอ้เชี้ยคอปเตอร์จำมึงไม่ได้เรอะ ทั้งๆมันส่องไอจีมึงเป็นปีๆ!!  เข้าขั้นโรคจิตเลยล่ะ”

ผมรู้สึกเสียววันหลังวูบ ไม่เคยคิดเลยว่า ไอจีที่เราเพิ่งสมัครเมื่อสมัยมหาวิทยาลัยจะถูกคอปเตอร์หาเจอและแอบส่องมาโดยตลอด

“ฟังกูดีๆ นะ มันแอบชอบมึงตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว ส่วนมันชอบมึงตอนไหน เพราะอะไร กูไม่รู้ มันไม่เล่าให้กูฟัง!! รู้แต่ช่วงนั้นมันมีปัญหาครอบครัว  มันก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน หลังจากที่มันชอบมึงก็แอบมองมึงมาตลอด มันเห็นว่ามึงเจอไอ้พวกอันธพาลรังแกบ่อยๆ มันก็คิดปกป้อง แต่มันรู้ว่าหากทำตัวเป็นฮีโร่ สุดท้ายฮีโร่นี่แหละตายก่อน มันจึงต้องไปสนิทกับไอ้พวกเลวนั้น”

ฟังเพื่อนตัวเองเล่ามาถึงตรงนี้ก็รู้สึกแปลกๆ ในอก ไม่รู้จะรู้สึกแบบใดดี ระหว่างดีใจ กับ สับสน


“กูก็เพิ่งมารู้จริงๆ นี่แหละว่า ทุกอย่างที่มันทำน่ะ มันพยายามช่วยมึงทางอ้อมนะ หากมึงรู้ว่าจริงๆ แล้วมึงจะโดนอะไรบ้าง กูว่ามึงโชคดีแล้วที่โดนมันแกล้งน่ะ และสุดท้ายก็เป็นไอ้คอปเตอร์นี่แหละมี่มาสารภาพเสียทุกสิ่งให้อาจารย์ปกครองฟัง จนต้องลงโทษไอ้พวกเกเรพวกนั้นให้ไม่กล้าทำอะไรใครอีก!!”

“นี่กูแค่สรุปให้นะ รายละเอียดมึงไปถามมันเอง มันแกล้งมึงมันก็ทุกข์ใจ พอมึงทำเรื่องย้ายไป มันก็ได้แต่โทษตัวเอง อยากจะไปขอโทษ แม่งก็ตาขาวไม่กล้า การที่มึงเข้ามาฝึกงานในบริษัทของมันนี่ถือว่าสวรรค์เมตตามันแล้ว!!“

ผมนั่งฟังอย่างเงียบเชียบ ผมมองไปทางคอปเตอร์ที่เหมือนกับก้มหน้ายอมรับความจริงที่ไอ้เติ้ลเล่ามา

“สุดท้ายอยู่ที่มึงแล้ว!! ว่าจะเอายังไงกันต่อ!!” ไอ้เติ้ลพูดทิ้งท้ายก่อนจะวางหู เพื่อที่จะเอายามาให้ผม

ผมบอกตามตรงว่าไม่รู้จะแสดงอากัปกิริยาอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ สมองมันสับสนไปหมด แต่กลับเป็นคอปเตอร์ที่ขยับเข้ามาใกล้และเริ่มบทสนทนาก่อน

“เราไม่ขอแก้ตัวอะไร เรารู้ว่าเราผิด เรารู้ว่าเราอ่อนแอ เราไม่ได้เข้มแข็งเหมือนที่ใครๆ คิด ที่ผ่านมาเราก็แค่แกล้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อให้อยู่ในโรงเรียนได้ เรายอมรับผิดที่เราผิดกับวินไปเสียทุกเรื่อง แต่เราไม่ไหวแล้ว เมื่อครั้งที่วินเดินเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง มันเหมือนพระเจ้าได้ให้โอกาสเราอีกครั้ง ได้มีโอกาสแก้ตัว และขอให้ได้รักกับนาย แต่เราก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะยอมรับความจริงได้ สุดท้ายมันก็เลยเป็นแบบนี้ เรากลัวว่าหากเราทำว่าเราจำนายได้ตั้งแต่แรกเราคงไม่ได้คุยกันโชคดีที่ได้ไปปรึกษาไอ้เติ้ล……”

“เราไม่เข้าใจว่า มันไปสนิทกับนายตอนไหน ก็ในเมื่อเรากับมันก็ติดต่อกันตลอด!!” ผมเผลอพูดแทรกเพราะคอปเตอร์มันดันพูดชื่อไอ้เพื่อนสนิทที่ผมยังมีคำถามค้างคาใจอยู่จำนวนมาก

“เอ่อ….. เรื่องนั้น คือ….. ก็ไม่ได้สนิทกับมันแต่ว่าแฟนของมันเป็นเพื่อนสนิทเราน่ะ!!”

อ้าว!! ไอ้เพื่อนเลว เห็นหญิงดีกว่าเพื่อนเสียแล้ว (หรือชายวะ มันก็แทบไม่เคยเล่าเรื่องแฟนมันเลย

“คือ……แล้ว….หากเราจะขอยกโทษจากนายเนี่ย….. จะได้ไหม? เราสาบานเลยว่าจะไม่ทำให้นายต้องเสียใจอีกต่อไป”  คอปเตอร์ถามเสียงเศร้า

ผมนึกทบทวนทันทีหลังจากจบคำถามจากคนด้านข้าง ที่ผ่านมาผมยอมรับว่าผมเสียสุขภาพจิตไปกับเรื่องถูกรังแกสมัยมัธยมพอสมควร แม้จะถึงขั้นไปปรึกษาจิตแพทย์ แต่ผมก็ผ่านมันมาได้แล้ว มันทำให้ผม เข้มแข็งขึ้น และเป็นแรงขับดันให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมนึกย้อนกลับไปก็เข้าใจดีว่า สมัยนั้นก็มีคนแกล้ง กับ คนโดนแกล้งนั่นแหละ  ช่วงเวลาเด็กวันรุ่นที่คึกคะนองก็คงอยากเป็นอย่างแรกมากกว่า ผมยังเคยคิดแบบนั้นเลย ในที่สุดผมก็คิดอะไรได้

“ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” ผมพูดขึ้นมาเสียงดังหลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่

คอปเตอร์ได้แต่ทำหน้างุนงงกับคำพูดของผม ผมยิ้มและตอบกลับไป

“จะให้เรายกโทษให้กับเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา บอกเลยว่ายาก ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม”

คอปเตอร์หน้าซีดลงและลดศรีษะลงเล็กน้อย

“แต่จากนี้ก็ขอดูนะว่านายจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า?” ผมพูดต่อ

คอปเตอร์หันมามองหน้าผมอย่างุนงง ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงได้โง่นักนะ

“ถึงจะไม่ยกโทษให้แต่ก็คาดโทษไว้ก่อน หากว่าวันไหนนายเป็นแฟนเลวๆ ของเราเสียแล้ว รับรองวันนั้นได้ได้ชดใช้ทั้งต้นทั้งดอกแน่นอน!!”

“แปลว่า…..”

“อยากเป็นแฟนเราไม่ใช่เหรอ?”

คอปเตอร์พยักหน้าระรัว

ผมก็พยักหน้าตอบ เท่านั้นแหละ คอปเตอร์โผเข้ามากอดผมเต็มแรง ผมล้มลงไปนอนบนพื้นเตียง ก้นกระแทกสะเทือนไปหมด ผมร้องออกมาด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว

คอปเตอร์ขอโทษขอโพยไม่หยุด แต่ก็พรมจูบที่แก้มผมทั้งสองข้างไม่หยุดเหมือนกัน


…………..

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (11/04/24)
« ตอบ #99 เมื่อ: 11-04-2024 15:17:50 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (11/04/24)
«ตอบ #100 เมื่อ11-04-2024 22:05:52 »

 :ling1: :z6:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (18/04/24)
«ตอบ #101 เมื่อ18-04-2024 12:14:05 »



เสียงเคาะประตูดังมาพักใหญ่แล้ว แต่คอปเตอร์ที่กอดผมไม่ปล่อย ผมไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมลุกไปเปิดประตู นับตั้งแต่วินาทีที่ผมออกปากตกลงคบกับเขา คอปเตอร์ก็กอดผมไม่ปล่อยเลย เอาแต่พูดว่าอย่าชดเชยเวลาที่เสียไป

“หลายปีที่ผ่านมากอดนายได้แต่ในฝัน แต่ครั้งนี้ได้จับเนื้อหนังเป็นๆ แบบนี้ เราไม่คิดอยากจะปล่อยนายไปไหนเลย”

ผมฟังแบบนี่แล้วรู้สึกขนลุก อดที่กรอกตาไปมาไม่ได้

“กูรู้ว่าพวกมึงได้ยินที่กูเคาะประตู อย่าเอาแต่นอนกกกันแล้วไม่สนใจกูได้ไหม กูเอาเวลาพักผ่อนมาหามึงนะ!!” ไอ้ไตเติ้ลตะโกนลั่น

ด้วยความรู้สึกอายผมเลยยื่นคำขาดกับคอปเตอร์ว่า หากไม่รีบลุกออกไป ผมจะโกรธและไม่ให้แตะต้องตัวอีก เท่านั้นแหละ ร่างที่สูงใหญ่ของอีกฝ่ายก็ดีดออกและไปเปิดประตูให้ไอ้ไตเติ้ลอย่างรวดเร็ว

คอปเตอร์มองค้อนคนที่เพิ่งเข้ามาตาเขียวที่มาขัดจังหวะความสุขของเขา

ผมเอ่ยทักทายเพื่อนด้วยรอยยิ้มเขินๆ กับสภาพตัวเอง ไม่คิดว่าจะให้เพื่อนรักมาช่วยดูแลเรื่องอะไรแบบนี้ของตน แต่ที่แปลกใจกว่าคือคนที่เดินตามมาด้วยห่างๆ ด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ

ผมมองไปที่คนมาใหม่ด้วยท่าทางสับสนสลับกับมองเพื่อนของผมและแฟนใหม่ป้ายแดงของผมที่มีสีหน้าไม่ได้แสดงความประหลาดใจออกมาเลย

“แฟนกูเอง!” ไอ้เติ้ลพูดออกมาสั้นๆ เป็นคำตอบ

“อะ อ้อ…. เอ่อ สวัสดีครับ”  ผมมองคนที่ผมไม่คุ้นหน้าและทักทายอย่างสุภาพ

ผมกวักมือเรียกเพื่อนสนิทของผมมาใกล้ๆ พอได้จังหวะผมก็คว้าคอมันลงมาใกล้ผมเพื่อเค้นถามเรื่องคาใจ

“สรุปว่า…เป็นผู้ชาย? หน้าตาน่ารักดีนี่หว่า นี่กูนึกว่า จะประมาณดาวมหาวิทยาลัย สรุปเดือนเหรอวะ อันนี้พีค กูไม่รู้เลยว่ามึงจะ มีรสนิยมแบบนี้!!”

“นี่มึงบูลลี่กู อย่างมึงนี่ไม่น่าว่ากูได้นะ!!”

“อย่างน้อยกูก็ชัดเจน ไม่เหมือนมึง!!”

“กูไม่ได้สนเพศนี่หว่า หากชอบกูก็จีบแค่นั้น แต่คนนี้พิเศษหน่อย!!”

“พิเศษยังไงวะ!!??“

แล้วไอ้เติ้ลก็สบัดคอให้หลุดจากการควบคุมของผม

“นี่มึงไม่เคยเล่าเชี้ยอะไรให้เพื่อนกูฟังจริงง่ะ?” ไอ้เติ้ลหันไปหาคอปเตอร์อย่างอ่อนใจ

“อยากให้มึงเล่าเอง!” แฟนป้ายแดงผมตอบ ซึ่งผมก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเคยพูดแบบนั้นจริงๆ

“สัด!!! โยนขี้ให้กูเสียอย่างนั้น” พูดเสร็จมันก็ผ่อนลมหายใจออกมายาว

“ศรัณย์.. มานี่หน่อยสิ!” ไอ้เติ้ลเรียกคนที่บอกว่าเป็นแฟนมาใกล้ๆ

“มึงมองให้ดีๆ จำไม่ได้จริงๆ น่ะ?”

ผมมองตามที่มันบอก แต่ก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ชายหนุ่มตรงหน้าแต่งตัวสุภาพ ดวงตากลมโต คิ้วเข้ม ทรงผมยาวกว่ารองทรงพอสมควร ผมแสกข้างด้านหน้าที่ยาวเหมือนขาดการตัดผมไปหลายเดือน หน้าตาเกลี้ยงเกลา ขาวเนียน หน้าออกแนวหวานมากกว่าหล่อ หนวดก็โกนได้เกลี้ยงเกลาจนแทบไม่เห็นตอขน แต่งกายด้วยเชิ้ตสีขาวสะอาดแขนยาวและกางเกงผ้าทรงสุภาพที่เข้ารูปกำลังดี

คนที่ดูโดดเด่นแบบนี้ผมน่าจะจำได้สิ แต่กลับแค่คุ้นเคย แต่นึก
ไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน  หากเคยเป็นเดือนคณะฯ จริงๆ ผมคงจะรู้จักบ้าง เพราะสังเกตได้จากตราที่เข็มขัดจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน

“โง่จริง!! ถ้ากูเรียก ไอ้เข้มล่ะ“ ไอ้เติ้ลเหล่มองผมอย่างละอาใจ

“คุ้นนะ แต่เราไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักชื่อ ‘เข้ม’ อะไรนั่น……เข้มเดียวที่กูรู้จักก็……….” พูดพลางคิดพลางก็สำรวจที่คนมาใหม่นี่อีกรอบ

สุดท้ายผมก็มองแฟนเพื่อนด้วยตาโตกว่าปกติ

“ว่าไง!!” แฟนของเพื่อนสนิทเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงเข้มต่างใบหน้าหวานๆ และพลางทำท่าทักทายที่เราแสนจะคุ้นเคย เพราะหากเจอคำทักทายแบบนี้ แปลว่าพวกผมโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษแล้ว!!

“ไอ้เชี้ยเข้ม ไอ้บูลลี่ปากหมาคนนั้นน่ะนะ!!” ผมพูดขึ้นพลางชี้ไปที่คนที่แต่งกายสุภาพคนนั้น

“สัด!! กว่าจะนึกออก!!” เพื่อนผมถอนหายใจ

“ไอ้เชี้ยก็มันต่างจากภาพลักษณ์ที่จำได้อย่างกับฟ้ากับเหว!!” ผมผายมือไปทางไอ้เข้ม เหวี่ยงมือขึ้นลงตั้งแต่หัวจรดเท้า

“หน้าดำๆ มันๆ ไว้หนวดเฟิ้ม เสื้อผ้าก็ยับๆ ผิดระเบียบ ตั้งแต่เข็มขัดยันรองเท้า เตะบอลเหงื่อออกทั้งวันแบบนั้น ใครจะไปเชื่อวะ ว่าจะเปลี่นนไปได้ขนาดนี่!!” ผมเล่าความในใจเสียงดังแบบไม่ปิดบัง

“พูดเสียเราอยากรังเกียจตัวเองเลย” ไอ้เข้มผ่อนลมหายใจ แล้วก็ทำหน้าหดหู่ทันที ส่วนเสียงนั่นปรับเป็นโทนเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ต่างจากเมื่อครู่

“ขืนกูให้เมียกูเป็นแบบเดิมก็แย่ดิวะ กว่าจะดัดสันดานได้ขนาดนี้!!” ไอ้เติ้ลพูดสวนขึ้นมาด้วยสีหน้าภูมิใจ

“ไม่ต้องพูดเลย หากไม่รักจะยอมทำขนาดนี้ไหมเนี่ย!!” ไอ้เข้มทำสีหน้างอนๆ ใส่ไอ้เติ้ล ซึ่งเป็นภาพที่แปลกตามาก ไม่คิดว่าชาตินี้ศัตรูอันดับหนึ่งของพวกเด็กเนิร์ด จะกลายเป็นเด็กเนิร์ดเสียเองแบบนี้ ไหนจะท่าทีอ่อนหวานพวกนั้นอีก 

แล้วไอ้เติ้ลไปดัดนิสัยประมาณไหนเนี่ย!!

“กูว่าไม่ต้องดัด เพราะมันเป็นอินเนอร์!!” เสียวคอปเตอร์แทรกขึ้นมาระหว่างที่คู่รักสองคนนั้นกำลังมองหน้ากันเหมือนชวนทะเลาะ

นับแต่วินาทีนั้น ก็มีแต่เสียงพูดคุยกันระหว่างสามคนนั้นที่ผมฟังแล้วเวียนหัว

แต่ก่อนที่จะคุยกันไปมาไม่จบ ไอ้เติ้ลที่เพลียจากการเข้าเวรมาก็ขอให้รักษาใส่ยาให้ผมให้เรียบร้อยก่อน

เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวกับผมหน่อย เลยให้ไอ้เข้มไปรอที่ห้องของคอปเตอร์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

ก่อนออกไปไอ้เข้มได้บอกว่า เราไม่ได้ชื่อเข้มหรอกนะ อันนี้เราตั้งเองเพราะชื่อเล่นจริงของเรา บอกไปคงไม่มีใครกลัว

“คุโร น่ะเหรอ” แฟนเขาแซวขึ้นมา

“ก็จริงนะ!! น่ารักเชียว” ไตเติ้ลพูดพลางพลางยิ้มหวาน

ส่วนคุโรยิ้มอย่างเขินๆ แล้วก็หันหลังเดินไป แต่ก่อนจะออกจากประตู เขาก็หันกลับมาพูดกับผม เพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

“เรียกศรัณย์เถอะ เหมือนไอ้คอปเตอร์ไง ง่ายดี”

ผมหันไปหาแฟนป้ายแดงของตัวเอง แล้วสื่อสารประมาณว่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน!!


ส่วนคอปเตอร์นั้นผมไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป เพราะมันบอกว่า นอนเปลือยด้วยกันทั้งคืน ขนาดนี้ แถมใช้มือสัมผัสผมแทบจะทุกส่วนแล้วจะอายอะไรกัน ผมได้ถอนหายใจแล้วปล่อยมันอยู่ต่อโดยมีไอ้เพื่อนทรยศอย่างไอ้หมอเถื่อนสนับสนุนว่า

“อย่างมึงทำแผลแบบนี้คนเดียวไม่ได้หรอก ต้องมีคนช่วย ให้ผัวมึงช่วยเถอะ!!” ฟังแล้วอยากหารองเท้ายัดปากมัน

ผมกัดฟันกรอดๆ แต่แทนที่ไอ้เติ้ลมันจะสำนึก มันกลับสวนกลับด้วยคำพูด

“หรือมึงจะเถียง!!”

ผมเลยตัดสินใจเลิกสนใจมันและมุ่งสมาธิกับการรักษาแผลตัวเองดีกว่า

ไอ้เติ้ลเข้าสู่โหมดแพทย์วิชาชีพที่จริง อธิบายเรื่องยาและเรื่องการทำแผลด้วยศัพท์วิชาการและน้ำเสียงน่าเชื่อถือ ส่วนคอปเตอร์แม้ผมจะมองไม่เห็นหน้า แต่คิดว่ามันคงตั้งใจน่าดูเพราะแทบไม่ได้ยินเสียงมันเลย

หลังจากทำความสะอาดแผลและสอดยาเรียบร้อยโดยคอปเตอร์ ผมก็ได้แต่ลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางที่ไม่ได้สบายตัวเท่าไหร่นัก แอบยอมรับว่าคอปเตอร์มันเป็นห่วงผมจริงๆ ในทุกขั้นตอน ผมก็เลยไม่สามารถบ่นหรือตำหนิมันได้เลย

“มึงอยากจะเคลียร์เลยไหมล่ะ!!? ไม่งั้นกูจะไปนอนกกเมียแล้ว!!”  ไอ้เติ้ลผู้ไม่เคยสำนึกกับอะไรเอ่ยขึ้นมาพร้อมจ้องหน้าผมเหมือนเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นความผิดของผม

“กูเจ็บ กูว่าจะปล่อยผ่าน แต่เห็นหน้าเชี้ยๆ ของมึงแล้วกูอยากจะเคลียร์เลย!!” ผมคิ้วขมวดกลับ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาก็คือ ไอ้คอปเตอร์มันก็แค่บลัฟผมเท่านั้น มันคงไม่คิดว่าผมจะกล้าเอ่ยปากขอเคลียร์เลย

ไอ้ไตเติ้ลมันมีสีหน้าลนลานแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรศัพท์หาแฟนตัวเอง

ศรัณย์เดินเข้ามาด้วยท่าทางสุภาพและเรียบร้อย ภาพเก่าที่เคยทับซ้อนอยู่บนความกลัวในหัวของผม มันค่อยๆ เลือนหายไป ผมไม่รู้ว่าไอ้ไตเติ้ลมันทำแบบไหนถึงได้ทำให้คนนี้เปลี่ยนไปขนาดนี้

“เราขอเล่าก่อนก็แล้วกัน จริงๆ เรื่องของเรามันก็เป็นพรหมลิขิตล้วนๆ เลยนะ แต่อาจจะใช้โอกาสที่มีให้เป็นประโยชน์เท่านั่นเอง” คอปเตอร์ยกมือขึ้นขนาดกับศรีษะตัวเอง

ผมพยักหน้าและตั้งใจฟัง ก่อนที่จะฟัง ผมก็แอบเห็นด้วยนะ เพราะการที่ผมอยากมาฝึกงานที่นี่ก็เพราะตัวผมเอง  ผมไม่เคยบอกไอ้ไตเติ้ลเสียด้วยซ้ำ เพราะมันเรียนหนักกว่าผมอีก ก็เลยปล่อยผ่าน ดังนั้นเรื่องที่มันพูดก็ไม่ผิดเสียทีเดียว

คอปเตอร์ยอมรับว่าค่อนข้างช้อคและทำตัวไม่ถูกเมื่อเจอผมอีกครั้งในสถานที่เดียวกัน และยอมนับว่าสับสนว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีสุดท้ายก็ต้องแสดงออกไปว่าจำไม่ได้ เพราะอยากสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกันใหม่

แต่เพราะว่าศรัณย์ซึ่งตอนนี้เป็นแฟนของไอ้เติ้ลแล้วนั้นรู้เรื่องก็เลยหลุดปากเรื่องที่ผมกับคอปเตอร์พบกันอีกครั้ง (คอปเตอร์ที่ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรจึงได้มาปรึกษากับศรัณย์ทุกวัน เรื่องก็เลยถึงหูไตเติ้ลที่ชำนาญการเรื่องความเผือกเป็นลำดับต้นๆ 

และคงไม่ต้องบอกนะว่าศรัณย์โดนอะไรบ้างเมื่อ ศรัณย์พยายามปิดบังไม่ให้ไตเติ้ลรู้เรื่อง เพราะศรัณย์อยากให้มันค่อยเป็นค่อยไป ผมขอเซ็นเซอร์ไม่เล่านะ ให้รู้แต่ว่า วันต่อมาศรัณย์แทบเดินปกติไม่ได้ (ไอ้ซาดิสต์เอ้ย!!)

ในที่สุดคนที่รู้เรื่องของทั้งสองฝ่ายอย่างไอ้เติ้ลมันก็เริ่มคิดแผนรวบรัด เพราะผมดันเผลอไปเล่าให้มันฟังเรื่องที่เจอคอปเตอร์ในที่ฝึกงาน

หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่ทุกคนรู้กัน

หลังจากเรื่องของผมกระจ่าง ผมจึงเพ่งเป้าหมายใหม่ไปที่มันทันที

“พวกมึงคบกันได้ยังไง!”

“เรื่องมันยาววววว”

“กูว่าง!!!”

“ไม่เสือกสักเรื่อง!!”

“กูเพื่อนมึงนะ”

“ยกเว้นกูไว้สักคนนะ ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของกูก็ได้”

“ไอ้สัด!!” ผมโมโห จนอยากจะกระโดดต่อยหน้ามันสักหมัด แต่ตอนนี่คงได้แต่กำหมัด

“ให้แฟนมึงเล่าให้ฟังสิ” ไอ้เติ้ลหันมายิ้มให้คอปเตอร์ที่นั่งอยู่ไม่ไกล

คอปเตอร์สีหน้าเจื่อนๆ และตอบกลับมาด้วยความรู้สึกไม่เต็มใจ

“เรื่องนี้ศรัณย์ไม่อยากให้เล่านะ อีกอย่าง เราก็รู้แต่มุมของฝั่งศรัณย์ด้วย”

“ผัวมึงเชื่องดีนะ!!” 

ไม่เคยนึกเลยว่าไอ้เติ้ลมันจะห้าวได้ขนาดนี้ อะไรไปเปลี่ยนมันได้ขนาดนี้วะ

“เออ ก็ได้วะ!!” ผมมองหน้ายิ้มอ่อนของศรัณย์แล้วก็รู้สึกยอมแพ้

“นิดหน่อยก็ได้ แต่ให้คอปเตอร์เล่าก็แล้วกัน”

“เอาจริงน่ะ” คอปเตอร์ทวนสอบให้แน่ใจ

“คร่าวๆ สิ!” แว่บหนึ่งที่เห็นความโหดของสีหน้าเก่าๆ ของศรัณย์แทรกมา

“เออๆ งั้น…..ค่อยเล่าให้ฟังวันหลังได้ไหม?” คอปเตอร์หันมาขออนุญาตผม ซึ่งผมก็เข้าใจ จึงพยักหน้าตอบไป

หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องการดูแลตัวเอง และเพศศึกษาฉบับชายรักชายที่คุณหมอมือใหม่อย่างไอ้เติ้ลเทศนามาเกือบชั่วโมง ก่อนที่จะโอบกอดศรัณย์จนตัวลอยและพาออกจากห้องไปด้วยใบหน้าที่หื่นกระหายอีกฝ่าย 1000%

แขกสองคนออกจากห้องไปหลายนาทีแล้วแต่ในห้องที่อยู่ระหว่างผมกับมันก็ยังคงเงียบสงบ อาจเพราะความไม่คุ้นเคยกับสถานะใหม่ ที่กระทันหันปรับตัวไม่ทัน จึงได้แต่นั่งมองหน้ากันอย่างเงียบๆ ต่างคนต่างหลบตา และพยายามที่เอื้อนเอ่ยสื่อสารกัน แต่ก็ต้องหยุดตัวเองไว้เพราะ มันเหมือนมีบรรยากาศใหม่ๆ แฝงตัวอยู่ในบรรยากาศของห้องจนมวลอากาศหนักอึ้ง

“เอ่อ…. เรื่องไอ้…เอ้ย  ศรัณย์กับไอ้เติ้ลน่ะ เล่าให้ฟังได้ไหม?” ผมชิงทำลายบรรยากาศอึดอัดแบบนี้ก่อน แปลกๆ นะ ที่เราเลยขั้นนั้นมาแล้ว แต่ยังเอียงอายกับการอยู่สองคนลำพังแบบนี้

“เราก็ไม่ได้รู้เยอะอะไรมากนะ จริงอยู่ที่เราสนิทกับศรัณย์ แต่ก็สนิทกันแค่ช่วงผิวเผินช่วงแรก เพราะสังคมช่วงนั้นมันพาไป ศรัณย์มันมาเฉลยที่หลังว่ามันหมั่นไส้เรามากที่ดีพร้อมทุกอย่าง เลยพยายามเอาเข้ามาเป็นพวกเกเรด้วยกัน  คือมันมีปมนิดหน่อยน่ะ”  คอปเตอร์พูดไปก็ทำหน้านึกย้อนไปด้วย ก็น่ารักดี เวลาไม่ได้เซ็ตผมแบบนี้ พูดด้วยท่าทางสุภาพแบบเด็กๆ แบบนี้ก็น่ารักดีนะ

ผมอาจจะเผลอยิ้มจนอีกฝ่ายหยุดพูดและจ้องเขม็งมาด้วยความแปลกใจ

“อะไร?!?” ผมถามย้อนเป็นเชิงให้อีกฝ่ายหยุดจ้องผมแบบนั้นได้แล้ว

“ก่อนเล่าต่อ เราขออะไรอย่างหนึ่งสิ?”

“????” ผมทำหน้าสงสัยตอบกลับไป

“ขอเข้าไปนั่งใกล้ๆ ได้ไหม?”

แน่นอนผมตอบว่า ‘ได้’  ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเสียหน่อย

ผมขยับตัวมาพิงหัวเตียงและเหลือพื้นที่ให้อีกฝ่ายมานั่งพิงหัวเตียงข้างๆ ได้ แต่หลังจากที่คอปเตอร์มาถึงพื้นที่ๆ ผมเว้นไว้ให้ เขากลับแทรกแขนตนเองอ้อมไปที่ด้านหลังของผม และใช้แรงโอบไหล่ผมกระชับเข้ามาใกล้  ผมเสียหลังเอียงคอไปซบไหล่อุ่น ๆ ของอีกฝ่าย

ความรู้สึกแรกคือ ผมจะโวยวายที่มันถือวิสาสะขนาดนี้ แต่พอได้ซบลงพอดีและลงตัว ความอบอุ่นและความสบายตัวมันเพิ่มขึ้นมาอย่างท่วมท้น ในใจกลับได้รับการเติมเต็มไปด้วยความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด สุดท้ายผมทำได้แค่ปล่อยตัวไปตามสบายและฟังเสียงนุ่มๆ ของคอปเตอร์เหล่าให้ฟังผ่านเส้นเสียงที่ดังจากภายในอก แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่า ฟิน!

คอปเตอร์เล่าต่อทันทีหลังจากทุกอย่างลงตัว เขาแอบยิ้มอย่างลืมตัวจนผมรู้สึกได้จากภาพสะท้อนของชั้นวางกระจกที่มุมห้อง

………………….

ออฟไลน์ TonyPat

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (18/04/24)
«ตอบ #102 เมื่อ18-04-2024 15:59:50 »

ชอบจังงงงงงง

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (18/04/24)
«ตอบ #103 เมื่อ18-04-2024 19:39:10 »

 :o8: :-[

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.10 Confessed (18/04/24)
«ตอบ #104 เมื่อ19-04-2024 14:34:43 »

ชอบจังงงงงงง

ขอบคุณที่ชอบครับ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
Re: อริทางคับแคบ (Pretending) - No.11 obsessed (26/04/24)
«ตอบ #105 เมื่อ26-04-2024 15:38:11 »


บทที่ 11 Obsessed



ผมตื่นขึ้นมาบนที่นอนอย่างงงงวย เพราะมันช่างว่างเปล่าและมืดมิด ม่านที่ไหวหวิวเพราะลมของเครื่องปรับอากาศที่ถูกปรับจนเต็มความแรงลม  เสียงนาฬิกาปลุกที่โทรศัพท์สมาร์ทโฟน ดังขึ้นเรื่อยๆ จนแทบอยากจะขว้างทิ้ง แต่เสียดายที่มันแพงเหลือเกิน ในที่สุดจึงตัดสินใจลุกขึ้นไปปิดอย่างอารมณ์ไม่แจ่มใสนัก

เมื่อคืนจำได้ลางๆ ว่านอนซบคอปเตอร์อยู่แล้วก็วูบไปเลย จำอะไรไม่ได้แล้ว (นี่ผมติดมันขนาดนั้นเลย?) หลังจากนั้นผมก็ตื่นมาบนที่นอนอย่างเดียวดาย ในใจมันวูบไหวว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูกไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงรู้สึกแบบนี้ทั้ง ๆ ที่มันก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนเสียเท่าไหร่

ขณะที่กำลังจะเดินไปเปิดไฟโดยเดินตามแสงพรายที่เรืองแสงอยู่ที่ข้างประตูห้องน้ำไม่ไกล  ประตูบานใหญ่ทางเข้าห้องก็เปิดกว้างขึ้นอย่างช้าๆ และแสงสว่างจากภายนอกสาดไปทั่วห้อง

“อ้าวตื่นแล้วหรือครับ?” คนที่เดินเข้าประตูเอ่ยทัก

ผมรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาดที่เรื่องที่ผ่านมาเมื่อวานไม่ใช่ความฝัน มีแรงสั่นเพื่อมอย่างประหลาดในอกและ กำลังวังชาเหมือนจะฟื้นคืนมาระดับหนึ่ง

ผมน่าจะเผลอยิ้มออกมาด้วยซ้ำ นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?!?

“เราออกไปซื้อมื้อเช้ามา จะได้กินมื้อเช้าก่อนกินยา” คอปเตอร์ยกถุงอาหารขึ้นมาให้เห็นเป็นเหมือนพวงองุ่น

“บ้าเหรอ ใครจะไปกินหมด!!” ผมตอบกลับไปแบบนั้น แต่หน้าร้อนผ่าวไปหมด

“ก็เราไม่รู้ว่านายจะอยากกินอะไรนี่นา”

“เออๆ ไม่เป็นไร เราไปอาบน้ำ แปรงฟันก่อนนะ”

“เดี๋ยวก่อน!!” คอปเตอร์เอ่ยทักเสียงดัง

ผมหันไปดูสีหน้าคนพูดอย่างตื่นตระหนก

”เอ่อ…. เราอาบด้วยสิ!!”

“ไม่เป็นไร เราอาบเองได้”

“รู้! แต่ อยากอาบด้วย”

ผมอึ้งไปพักใหญ่ หน้าร้อนขึ้นไปอีก

“เราไม่น่าจะอายกันแล้วนะ”

“แต่เรายัง……..อะ….” ตอบไม่ถูกเลยผม

“งั้นไม่เป็นไร” คอปเตอร์ยิ้มหงอยหลังจากพูดจบประโยค

ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างลังเล

ก่อนจะปิดประตู ผมดันเผลอพูดไปว่า

“ไม่ได้ล็อกประตูนะ อยากอาบน้ำก็เปิดเข้ามา”

ที่เหลือคงไม่ต้องบอกนะครับว่าเกิดอะไรขึ้น


…….


วันนี้มาทำงานเหมือนปกติ ผมมองบรรยากาศโดยรอบเห็นพี่ๆ พนักงานประจำทยอยเดินเข้ามาทำงานอย่างเอื่อยเฉื่อย แม้ภาพจะเป็นแบบนั้นแต่ผมรู้ว่าเมื่อถึงเวลาทำงานพี่ๆ เขาทำงานกันอย่างจริงจังมาก

ผมยกยิ้มมุมปากอย่างไม่ตั้งใจ พลางรู้สึกใจหายที่อีกไม่กี่สัปดาห์ ผมจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่เสียแล้ว

ผมเดินมาถึงห้อง วางสัมภาระตนเองลงตรงที่ประจำตัว จ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังเปิดขึ้นและกำลังประมวลผลแสดงภาพอยู่ คนที่เดินตามผมไม่ห่างก็ได้เอ่ยทักขึ้นมาทันทีที่กระแทกก้นนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัว

“เป็นอะไร เห็นเหม่อมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว?”

“เปล่า แค่รู้สึกใจหายนิดหน่อย ใกล้จบฝึกงานแล้วนี่นา”

“อยากมาทำงานที่นี่ก็ไม่เห็นจะยากเลย!”

“มีตำแหน่งงานว่างเหรอ?”

“ไม่รู้ แต่จะให้มีก็ไม่ยาก”

“ไม่เอา ไม่ทำแบบนี้สิ เราอยากใช้ความสามารถของตนเองมากกว่า!”

“แต่เราว่าวินมีความสามารถนะ เก่งขนาดนี้ น่ารักขนาดนี้ ใครไม่รับทำงานถือว่าโง่มาก!” พูดจบคอปเตอร์ก็ดึงมือผมจนเสียหลักและเซไปนั่งตักเขาทันที

“จะบ้าเหรอ นี่มันที่ทำงานนะ!!!!” ผมรีบขัดขืนทันทีแต่ก็สู้แรงกอดของอีกฝ่ายไม่ได้ เขาโอบรัดเอวผมอย่างรวดเร็วและเอาหน้าซุกลงที่กลางหลังผมอย่างแนบชิด ลมหายใจอุ่นๆ กระทบแผ่นหลังผม อยู่เนื่อง ๆ

พี่ท้อปที่เดินเข้ามาทักทายเพื่อมอบหมายงานให้เป็นปกติทุกเช้าก็ต้องมาเป็นประจักษ์พยานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างไป

เขิน….

ผมพูดได้คำเดียว

“เอ่อ….. จะให้เข้ามาอีกที หลังจากนี้ไหม?” พี่ท้อปถามพลางมองไปทางอื่น

“ได้ครับพี่ ขอบคุณครับ” คอปเตอร์ตอบแทบจะทันที

“ไม่นะ ไม่ใช่สิ! คอปเตอร์ปล่อย!! ไม่งั้นจะโกรธนะ”

และแล้วทุกอย่างก็กลับสู่สิ่งที่ควรจะเป็น ท่ามกลางสีหน้าประหลาดใจของพี่ท้อป

“งั้นน้องวินมาคุยกับพี่ที่โต๊ะหน่อยสิ” พูดจบพี่ท้อปก็ปิดประตูและเดินกลับไปทันที

“ก้างขวางคอ!!” คอปเตอร์ทำสีหน้าที่ต้องการสบถแรงกว่านี้แต่เกรงใจผมที่หน้าหงุดหงิดใส่ตั้งแต่พี่ท้อปเดินจากไปอย่างอึดอัด

“เราตกลงกันแล้วนี่ ให้ทำตัวเหมือนเดิมระหว่างที่อยู่ที่ทำงาน”

“ก็มันอดไม่ได้นี่นา แฟนน่ารักขนาดนี้” คอปเตอร์ทำหน้ายู่เป็นเด็กเอาแต่ใจ

ผมผ่อนลมหายใจออกมาหมดปอด ไม่คิดว่าตนเองจะไปเปิดกล่องแพนดอร่าของไอ้คอปเตอร์เข้า ถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคน

“เลือกเอาว่าจะอดที่นี่หรือที่ห้อง!!”  ผมยื่นคำขาดซึ่งก็ได้ผลเป็นอย่างดี

“ที่นี่ผมจะอดทนครับ!” คอปเตอร์ตอบพร้อมทำท่าทำความเคารพเหมือนตำรวจยกมือขึ้นเทียบหางคิ้ว เป็นภาพที่น่าเอ็นดูจริงๆ ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้เห็นมุมนี้ของไอ้คนเถื่อนคนนี้

ผมส่ายหน้าแล้วเดินหนีออกจากห้อง ผมแอบมองเห็นสายตาหมาหงอยเวลาเจ้าของไม่อยู่บ้านจากคอปเตอร์ชัดเจน

คนไม่เคยจริงจังกับใครอย่างผมถึงกับใช้หน้ามือตบที่หน้าผากตัวเองเบา ๆ หลายครั้ง พยายามอย่ายอมแพ้กับภาพน่ารักตรงหน้า อย่าใจอ่อนกับเขาเด็ดขาด

…………

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด