(Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ  (อ่าน 21286 ครั้ง)

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.22.1 ความจริงจากหมอสายป่าน

                  หลังจากที่ผมกับหมอสายป่านเดินไปหามุมที่พอจะคุยกันได้ ผมนั่งลงตรงข้ามกับเธอ แววตาคู่นั้นไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเขาร้ายกาจแต่ผมเข้าใจว่าเขารักพี่สาวเขามากและมีต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจนทำให้เธอตัดสินใจเข้ามาทำแบบนี้ ทั้งที่มันก็ทำให้เธอมีมลทิน

“ผมไม่คิดว่าจะเจอพี่สายป่านที่นี้นะครับ เห็นพี่หมอภีมบอกผมว่าพี่ลาออกแล้วนะครับก็เลยไม่ได้นัดฉีดวัคซีนเจ้าลูกโซ่ต่อนะครับ และต้องเป็นหมอภีมปภพฉีดให้แทนน่ะครับ “ผมเริ่มเปิดบทสนทนากับหมอสายป่าน

“ค่ะ พี่ไปเปิดคลินิกนะคะ ว่าแต่น้องลูกโซ่เป็นยังไงบ้างคะ ดูเขาเป็นเด็กที่ฉลาดมากนะคะ ฉลาดเกินวัยด้วยซ้ำ สำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดหลายสัปดาห์ “พี่หมอสายป่านหันมาพูด ก่อนจะเดินมาเจอมุมที่นั่งคุยได้ ผมนั่งลงตรงข้ามกับหมอสายป่าน

“น้องบีมมีอะไรจะถามพี่ ถามได้เลยค่ะ พี่ตอบได้พี่จะตอบให้ค่ะ” พี่หมอสายป่านบอกผม

“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษนะครับ ถ้าคำถามของผมเป็นการละลาบละล้วงไป” ผมพูดกับพี่หมอสายป่าน

“เชิญค่ะ พี่ตอบได้พี่จะตอบนะคะ” พี่หมอสายป่านพูด

“คือผมไม่รู่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง พี่กันตภณกับพี่หมอภีมปภพและพี่ แต่ผมอยากให้ พี่สายป่านให้อภัยพี่ทั้งสองเขาได้ไหมครับ”

“ผมเองยังไม่กล้า ที่จะเข้าไปกั้นกลางระหว่างเขาสองคนเลยนะครับ ต่อให้พี่กันตภณจะบอกผมว่าเขารักผมมากแค่ไหนก็ตามแต่ว่า ผมเห็นในแววตาของเขาทั้งคู่ ผมว่าเขายังรักกันอยู่นะครับ “ผมพูดกับหมอสายป่าน คำพูดเชิงขอร้อง และหมอสายป่านก็ทำท่าสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ใช่เขารักกันมาก แต่ความรักของเขามันทำให้พี่สาวฉันต้องนั่งร้องไห้ เสียใจ จนฉันต้อง……ฉันต้องพี่หลินพาเขาไปพบจิตแพทย์ พี่สาวฉันเกือบเป็นโรคซึมเศร้า” ผมเงยหน้ามองพี่หมอสายป่าน

“แต่ตอนนี้พี่สาวคุณก็แต่งงานใหม่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามหมอสายป่าน

“ใช่ เขาแต่งงานใหม่แล้ว และที่เขาต้องไปแต่งงานใหม่ก็เพราะว่า พี่หลินรักพี่กันมากเลยต้องยอมตัดใจ แต่ตอนนี้พี่หลินเขาดีขึ้นแล้ว เพราะว่าผู้ชายที่พี่หลินเลือกคนนี้เขาดีมาก ดูแลพี่หลินดี ถามว่าดีกว่าพี่กันไหม พี่กันเขาดูแลพี่หลินดีมากเหมือนเช่นสามีทั่วไปแต่ในใจเขาไม่ได้อยู่กับพี่หลิน” พี่หมอสายป่านพูด

“เขาก็เหมือนกับผม พี่กันดูแลผมดีแต่ใจเขาไม่ได้อยู่กับผมเช่นกัน และใจผมก็ไม่ได้อยู่กับเขาเหมือนกันครับ” ผมพูดกับหมอสายป่าน เขาเหลือบตามามองผม

“แต่ฉันเดาว่า เรื่องที่เธอยากจะถามฉันน่ะไม่ใช่เรื่องนี้หรอก น่าจะเป็นเรื่องคืนนั้นใช่ไหมบีม เรื่องที่ฉันกับหมอภีมปภพมีอะไรกัน” ผมหันมามองหมอสายป่าน ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผมเองก็ไม่กล้าถาม

“ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ หรอก ฉันแค่ใช้ยาหลอนประสาทกับเขาและมันก็ทำให้เขาจำอะไรไม่ได้ แต่ตื่นมาเจอว่านอนกับฉันและฉันก็เป็นคนส่งข้อความให้พี่กันมาหาและเปิดประตูมาเจอ ฉันตั้งใจ “หมอสายป่านพูด

“แล้วพี่ทำแบบนั้นทำไมล่ะครับ ทั้งที่พี่กันกับพี่หลินเขาหย่ากันไปแล้วนะครับ “ผมถามพี่หมอสายป่าน พี่เขามองหน้าผม

“ผมขอโทษนะครับ ที่ผมถามไปแบบนั้นนะครับ” ผมรีบขอโทษทันที

“ฉันรู้ว่า ถ้าฉันทำแบบนี้ ผลมันก็คือฉันเองที่ดูแย่ แต่ว่าฉันต้องทำให้เขาทั้งคู่เจ็บเหมือนที่พี่สาวฉันเจ็บ “พี่หมอสายป่านพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเจ็บแค้นแทนพี่สาวเขามากแค่ไหน

“พี่หมอภีมเขาส่งรูปที่เขานอนกันบนเตียงไปให้พี่สาวฉัน หลังจากที่พี่สาวฉันให้พี่กันพาไปหาหมอภีมเพื่อต้องการทำกิ๊ฟ แต่เขากลับให้พี่กันตรวจสุขภาพและผลมันก็ออกมาว่าพี่กันเป็นหมัน และพี่กันก็ปฏิเสธที่จะใช้ไข่ของพี่สาวฉันกับน้ำเชื้อคนอื่น ข้ออ้างว่า ลูกคนอื่นเขาเลี้ยงไม่ได้ พี่สาวฉันเสียใจมาก”

“แต่ที่หนักกว่านั้นรูปพวกนั้นมันทำให้พี่สาวฉันจนเกือบคุมสติตัวเองไม่อยู่คือ รูปที่ทั้งคู่นอนกันอยู่บนเตียง “ผมก็รีบกุมมือพี่สายป่าน ผมเข้าใจว่าพี่เขารักพี่สาวเขามาก

“แต่ผมว่า การที่จะแก้แค้นกันไปมาแบบนี้ เมื่อไหร่มันจะจบล่ะครับพี่หมอและที่สำคัญมันก็มีแต่คนเจ็บไม่มีใครมีความสุขสักคน พี่เองก็เช่นกัน และผมคิดว่าพี่หมอภีมเขาเจ็บมาพอแล้ว ให้อภัยเขาเถอะนะครับพี่สายป่าน” ผมพูด

“อันที่จริงฉันจบแล้ว พี่สาวฉันคุยกับฉันแล้วว่า เขาไม่โกรธพี่กันแล้ว เพราะว่าวันที่เขาขอให้พี่กันพาไปหาหมอภีมปภพ พี่กันก็ให้เกียรติพี่หลินอย่างภรรยา เขาเพิ่งจะบอกฉันเมื่อวันที่เขา พร้อมจะให้อภัยจริงๆ”

“ดีแล้วครับ ผมเองก็อยากเห็นทุกคนเลิกอาฆาตโกรธแค้นกัน เพราะว่ามันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และสิ่งที่ผ่านมาก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้”

“นี่เธอคงคิดว่าเรื่องแค่นี้เหรอ ที่จะทำให้พี่กันไม่กลับไปหาหมอภีมปภพ” พี่สายป่านพูด ผมเงยหน้ามองหน้าเขา ยังมีอีกเหรอ

“พ่อของพี่หมอภีมต่างหาก ที่เรียกพี่กันมาคุย ก็พอดีวันนั้นฉันเดินไปหาคุณลุงเขา และฉันก็เห็นพ่อพี่หมอภีมคุยกับพี่กันด้วยสีหน้าซีเรียส เหมือนกับว่าเขาขอพี่กัน อย่ากลับมาหาลูกเขา เขาอยากให้ลูกเขาแต่งงานกับผู้หญิงแต่ว่าพี่หมอภีมก็ไม่ยอมแต่ง ฉันก็นับถือเขาน่ะ ที่เขามั่นคงแต่สิ่งที่เขาทำกับพี่สาวฉัน ฉันโกรธมากจริงๆ “พี่หมอสายป่านพูด

“แต่ตอนนี้ฉันพอแล้ว ฉันเลยขอลาออกไปเปิดคลินิกกับเพื่อนหมอด้วยกัน “พี่หมอสายป่านพูด

“ผมขอบคุณนะครับพี่สายป่าน “ผมขอบคุณที่เขาหยุด

“เรานี้น่ะ นางเอกจริงๆ อันที่จริง ถ้าเราจะเลือกพี่กัน เพราะดูเขารักและเป็นห่วงเรามาก และเขาเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ พี่สาวฉันยอมรับเลย แต่ว่า เขาแค่โดนกดดันมาจากป๊าเขาเยอะมากแค่นั้น และนี้ป๊าเขายังไม่ยกอะไรให้เลยน่ะ เธอรู้ไหมว่าเพราะอะไร” ผมก็ตกใจ

“เพราะว่า หนึ่งพี่กันไม่มีลูกเขาคิดว่าคงไม่มีใครสืบสกุลดูแลกิจการต่อ สองพี่กันไม่อาจจะกลับมาใช้ชีวิตปกติแบบคนปกติเขาได้ คือการแต่งงานกับผู้หญิงได้ ป๊าเขาใจร้ายไปน่ะแต่เขาก็ทำ ต่อให้ป๊าของพี่กัน เขาจะรักพี่สาวฉันอยากได้พี่สาวฉันเป็นลูกสะใภ้แค่ไหนเขาก็ควรจะ ถามลูกชายเขาก่อนนนะว่าเขา ชอบแบบไหนไม่ใช่จับพลัดจับผลูคิดว่าฝืนอยู่กันได้”

“ก็มีแต่พังแบบนี้ “หมอส่ายป่านพูดก่อนจะเหลือบตาลงมองเวลาที่นาฬิกายี่ห้อเดียวกับมือถือของเธอ

“ผมยอมรับว่าผมดูโง่ในสายตาใครหลายคนแต่ผมเชื่อว่าพี่เธียรวิชย์ก็เป็นพ่อที่ดีได้ในแบบที่เขาเป็นและสายตาเจ้าลูกโซ่ มองพี่เธียรวิชย์กับตอนที่มองพี่กันตภณมันต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่าลูกโซ่ไม่รักพี่กันน่ะ แต่รักเหมือนญาติผู้ใหญ่มากกว่านะครับ ผมดูออก “ผมบอกหมอสายป่าน เขาก็มองผมก่อนจะลุกขึ้น

“พี่ต้องไปแล้ว พี่ต้องขึ้นไปพูดต่อจากนี้ มีอะไรก็ไปหาพี่แล้วกันน่ะ คลินิกพี่ไม่ห่างจากบ้านเธียรวิชย์หนักหรอก” พี่หมอป่านพูดผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น

“ขอบคุณนะครับพี่สายป่าน” ผมพูดขอบคณพี่สายป่านอีกครั้ง สายตาที่เขามองผมก่อนจะยิ้มให้ผม

“ฉันขอโทษนะ ถ้าที่ฉันทำมันอาจจะทำให้เธอไม่สบายใจ แต่ฉันไม่ได้มีอคติในความรักแบบที่เธอเป็น ดูแลลูกให้ดีล่ะเขาเกิดมาเพื่อเราน่ะ ดูเขารักเรามากและเราก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีไม่แพ้ผู้หญิงจริงๆ “พี่หมอสายป่านพูดก่อนจะเดินแยกไปทันที ผมก็ต้องรีบเดินเข้าไปในงาน แต่ว่าคนเริ่มเยอะ ผมก็เห็นม๊านั่งให้สัมภาษณ์อยู่กับแม่ของแพรวาบนเวที ผมก็ยืนถ่ายรูปม๊า ม๊าหันมายิ้มให้ผม แม่ของแพรวาเขาพูดชมลูกสาวเขาเยอะมาก

//น้องแพรวาเป็นคนเรียบร้อยค่ะ เป็นคนใจเย็น น่ารัก โอบอ้อมอารี คือแม่สอนเขาตั้งแต่เด็ก ว่าให้เขามีจิตใจเอื้อเฝื่อต่อทุกคน และเขาก็เป็นกตัญญูรู้คุณ บร้าๆ “ผมนั่งฟังก่อนจะหันไปเห็นหมอสายป่านที่นั่งกอดอกฟัง เขาเบ้ปากและสั่นหัวเล็กน้อย ผมเห็นทีมงานเดินมาหาหมอสายป่าน และพูดคุยกัน ผมก็นั่งเลือกรูปภาพส่งไปให้พี่ๆ

ตึ้ง เสียงข้อความผมดังขึ้น พี่เธียรวิชย์ส่งรูปที่เขาอยู่กับเจ้าก้อนเต้าหู้ หน้าตามอมแมมมาก ผมรีบส่งข้อความตอบกลับทันที จะวิดีโอคอลก็เกรงใจคนรอบข้าง
มาม๊า // พี่ทำอะไรกับลูกผมน่ะ//
ปาป๊า// เขาอยากกินขนมไง พี่เลยให้เขากินเอง ปลอดภัยน่ะ แต่รู้สึกว่าพี่ต้องจับเจ้าก้อนไปอาบน้ำหลังจากนี้ ฮาๆ //
มาม๊า// แน่ล่ะดูซิ เลอะเทอะขนาดนี้//
ปาป๊า//ลูกชายน่ะม๊า มันก็ต้องมีเลอะเทอะกันบ้าง // พี่เธียรวิชย์บอกผม ก่อนจะส่งมาอีกรูป พ่อลูกเลอะพอกันเลย
ปาป๊า // เจ้าก้อนแกล้งพี่อ่ะม๊า!!”
ปาป๊า//อีกนานไหมกว่าม๊าจะกลับพี่จะได้รอให้มาจับพี่อาบน้ำ//
มาม๊า//อาบเองไปเลยและอาบให้ลูกด้วยนะป๊า ดูซิ มอมแมมมากกกก// ผมส่งข้อความ หาคุยกับพี่เธียรวิชย์ จู่ๆ ก็มีคนมาดึงมือถือผมไป หน้าตาเฉย ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ผมหันไปมองคนนั้นคือ แพรวา เธอขบกรามจนผมได้ยินเสียงดัง

“อีตุ๊ด มึง กล้าคุยกับพี่เธียรกูแบบนี้เหรอ” แพรวาพูดเชิงกระซิบกับผม สายตาที่จ้องมองผมราวกับอยากจะขย้ำผม

“ก็ผมกับพี่เธียรเราเป็นอะไรกันคุณน่าจะรู้ดี คุยกันแบบนี้มันปกติของคนรัก แต่ของคุณคงไม่ใช่แบบนี้ซินะคุณแพรวา คุณถึงได้เดือดดาลผมได้มากขนาดนี้” ผมหันไปพูดเชิงกระซิบตอบบ้าง เธอยิ้มที่มุมปาก ผมแบมือขอมือถือผมคืน แต่ว่าเธอทำเป็นว่ามันหยุดมือลงไป

“อยากได้เหรอ ก้มลงไปเก็บซิ ไอ้ตุ๊ด ไอ้แม่ตุ๊ด อยากรู้หนักว่าลูกโตมามันจะคิดยังไงที่มีแม่เป็นผู้ชายอย่างมึง มึงจะเอาอะไรมาสู้คนอย่างฉัน ฉันนี้สวยกว่า รวยกว่า และที่สำคัญ ฉันดีกว่าแก “แพรวาพูด ผมก็ต้องย่อตัวลงจะเก็บมือถือของผมขึ้นมาแต่ว่าแพรวาใช้ส้นเท้าแหลมๆ ของเขาเหยียบลงไปที่หน้าจอมือถือของผมอย่างจัง

“แคร๊ก” เสียงหน้าจอแตก ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าแพรวา ทำไมเธอถึงได้ใจคอโหดร้ายขนาดนี้

“มองหน้าเหรอ ไม่พอใจเหรอ คอยดูน่ะฉันจะทำมากกว่านี้อีก ถ้าแกยังหน้าด้านอยู่บ้านพี่เธียรวิชย์ของฉัน แกได้เห็นดีมากกว่านี้แน่ะ “แพรวาถามผม เธอรู้ว่าคนเยอะแยะผมไม่กล้าทำอะไรเธอแน่ ไหนจะม๊าของพี่เธียรวิชย์ที่นั่งอยู่และมันคงไม่คุ้มกันถ้าผมจะสวนเธอกลับ

“พี่เธียรวิชย์เขาไม่ได้เป็นอะไรกับคุณไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณยังกล้าพูดว่าพี่เธียรวิชย์ของฉันอีกล่ะครับ” ผมถามแพรวา เธอมองหน้าผม เธอกำหมัดแน่น

“ฉันคือคนที่คู่ควรกับเขาที่สุด ฉันคือคนที่เหมาะสมกับพี่เธียรวิชย์ที่สุดไม่ใช่แก ไอ้ตุ๊ด แกคิดว่าแค่แกท้องแล้วเขาต้องรับผิดชอบแกอย่างนั้นเหรอ”

“แกมันเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร ฉันนี้ลูกรัฐมนตรี ฉันมีหน้ามีตามากกว่าแกอีก ดังนั้นคนที่เหมาะสมกับตระกูลที่เป็นที่รู้จัก มันก็ควรจะเป็นฉัน”

“แกสองคนพ่อลูกเตรียมตัวกระเด็นออกไปเลย ฉันจะให้พ่อไปยื่นคำขาดกับพี่เธียรวิชย์ ว่าให้แกออกไปจากบ้านนั้นซะ เพราะว่าฉันคือคนที่ถูกเลือกไม่ใช่แก เข้าใจไหม ไอ้หน้าด้าน ไอ้ร่านอยากได้ของ ของคนอื่น” ผมยืนนิ่งฟัง เพราะว่าเสียงที่แพรวาด่าทอผม มันดังก้องไปรอบๆ ตัวผม ใช่ไม่ใช่แค่ผมที่ได้ยิน แต่มันได้ยินไปทั่ว แถมภาพที่มีผมกับแพรวาก็ถูกนำขึ้นหน้าจอใหญ่ พ่อแม่ที่เชิญมาฟัง ก็หันมามองผมกับแพรวากันหมด

“ตายแล้ว แม่ก็เพิ่งจะบอกอยู่ ว่าลูกสาวมีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารี ไม่เห็นเป็นอย่างที่แม่เธอพูดเลยอ่ะ” คนที่นั่งอยู่หันมาพูด

“นั้นซิ เป็นถึงลูกท่านรัฐมนตรี ดูคำพูดคำจาเข้าซิ ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ คำพูดเหมือนไม่มีใครอบรมสั่งสอนมาก่อนเลย”

“โอ๊ย!! อย่างนี้กลับสอนลูกตัวเองให้ดีก่อนดีกว่าที่จะมาบอกให้เอาเป็นแม่ต้นแบบน่ะ ลูกยังมารยาทแย่ขนาดนี้ ไม่ต้องถามหลอกว่าสอนมายังไง” และมีคนพาดพิงแม่เธอด้วย แพรวาหันไปมองรอบๆ สายตามากมายที่มองเธอพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

“แพรวา” แม่ของเธอลงมาจากเวทีทันที แพรวาหันไปหาแม่ของเธอ ส่วนม๊าเดินมาหาผม และเข้ามาจับแขนผม เช่นกัน

“แม่ค่ะ ไอ้นี่มัน จงใจทำให้ทุกคนมองว่าแพรวาไม่ดีอ่ะค่ะคุณแม่” แพรวาพูดก่อนจะชี้มาที่ผม ผมหันมามองม๊า

“แพรวา ใครเขาก็ได้ยินที่เธอว่าบีมน่ะ ฉันยังได้ยินเลย แล้วบีมเขาไปทำให้เธอถูกมองไม่ดีตรงไหน ทั้งหมดนี้เธอทำตัวเอง” ม๊าหันไปต่อว่าแพรวา

“ก็มันจงใจอ่ะ คุณแม่ ฮือๆ” เธอทำท่าจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก เพราะสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่ ผมเห็นคนที่รับผิดดูแลเดินมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ที่ควบคุม เขาเดินมาที่ด้านหลังผม

“ผมปิดกล้องตรงนี้ไปก่อนแล้วครับ และจะไปใช้กล้องหน้าแทนแต่นี้กล้องถูกเปิดพร้อมกับไมล์ด้วยครับ” ผมได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกัน

“คุณน้าค่ะ” แพรวาหันมาเรียกม๊า

“ฉันผิดหวังในตัวเธอมากจริงๆ แพรวา และสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด มันก็ไม่เป็นความจริงเลย เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเธียรวิชย์ และเธอควรกจะยอมรับความจริงได้แล้วว่า บีมน่ะคือภรรยาของเธียรวิชย์ ไม่ใช่เธอ และเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาไล่หลานกับลูกสะใภ้ฉันไปไหนทั้งนั้น ต่อให้พ่อเธอจะมาขอร้องก็ตาม และฉันก็เชื่อว่าป๊าของเธียรวิชย์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน “ม๊าพูดก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผมรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจม๊า ม๊าน่าโกรธและโมโหแทนผมมาก ผมจีบแขนของม๊า

“ธัญญารัตน์” แม่ของแพรวาเอ่ยปากเรียกม๊า เพราะเห็นว่าม๊าทำท่าจะดึงแขนผมออก

“พอแล้วนิดา ฉันว่าคุณควรจะทำตามที่ฉันและเฮียเกริกแนะนำ คือพาลูกคุณไปตรวจและรักษาซะ ฉันว่าเขาป่วยน่ะ และฉันคิดว่าคุณรู้ตัวดี พาเธอไปรักษาซะ ส่วนเรื่องเธียรวิชย์ ต่อไปนี้ ก็บอกให้ลูกสาวคุณ อยู่ในกรอบขอบเขตของตัวเอง อย่ามาวุ่นวายเพราะว่าเธียรวิชย์เขาจะแต่งงานกับบีมแล้ว เรากำลังดูฤกษ์กันอยู่ “ผมหันมามองม๊า ม๊าพยักหน้ากับผมว่าใช่

“ฉันไปนะคะ คุณนิดา “ม๊าหันมาบอกแม่ของแพรวา ก่อนจะพยักหน้ากับผม ให้ผมเดินออก ผมหันมาเห็นหมอสายป่านที่ยืนกอดอกดูเหตุการณ์อยู่ หมอสายป่านส่งยิ้มให้ผม พิธีกรเดินมาหาม๊า ส่วนแม่ของแพรวาดันแพรวาให้ออกไปอีกทางเพื่อเลี่ยงสายตานับร้อยคู่ที่มองเธออยู่

“คราวนี้หลอนคงเข็ดไปสักพัก” พี่หมอสายป่านพูดกับผม ผมหันมามองเธออีกครั้ง

“ฉันเดินไปเปิดกล้องนั้นเองแหละ คนอะไร ด่าว่าคนอื่นเขาฉอดๆ ว่าข่มคนอื่นเขาคิดแต่ว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นเขา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ผู้หญิงคนนี้ป่วยมากเลยน่ะ เป็นทั้ง Erotomania และ โรคหลงตัวเอง อีกด้วย น่าสงสารน่ะ พ่อแม่ก็ปล่อยเอาไว้อยู่ได้ไม่พาลูกไปรักษา แปลกเนอะ” หมอสายป่านพูดกับผมและพิธีกรก็เดินมาพาหมอสายป่านขึ้นไปบนเวที เพื่อนไปพูดเรื่องการเลี้ยงลูกของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ม๊าเดินหาผม

“พิธีกรเขาเรียกม๊าไปถามน่ะ เพราะว่าเขารู้จักครอบครัวเราดี ถ้ามีอะไรให้เขาช่วยเขายินดีจะเป็นพยานให้” ม๊าบอกผม

“ม๊าผมขอโทษนะครับ”

“ขอโทษม๊าทำไมบีม เราไม่ได้ทำอะไรผิดนิ แต่ก็ดีนะ ทำให้ม๊ารู้ว่า แพรวาน่ะร้ายกับเราแค่ไหน ต่อไปก็ระวังหน่อย อย่าไปอยู่ใกล้ๆ หรือตามลำพังกับแพรวา” ม๊าบอกผม

“ป๊าโทรมาแล้ว ม๊ารับสายป๊าก่อนนะ และเราก็กลับบ้านกันเลยแล้วกันน่ะ” ม๊าบอกผมก่อนจะกดรับสายป๊า จะว่าไปผมก็สงสารเธออยู่เหมือนกัน ยิ่งเห็นสีหน้าแววตาของคนเป็นแม่ สายตาแม่ของแพรวาที่มองคนที่ยืนวิพากวิจารณ์แพรวาในทางเสียๆ หายๆ ผมเดินตามม๊าก็ยังคุยโทรศัพท์กับป๊าอยู่ ไปจนมาถึงลานจอดรถ ผมกับม๊ารีบเข้าไปในรถทันทีที่ประตูรถเปิดออก

“มีคนแชร์คลิปเยอะแยะเลยเนี๊ยะ “ม๊าหันมาพูดกับผม ผมก็ต้องทำหน้าแอบเซ้ง มีคนมือไวเอาคลิปผมกับแพรวาไปโพสต์อีก

“ผมรู้สึกผิด ผมกลัวว่าเรื่องมันจะบานปลายใหญ่โตอ่ะม๊า”

“ก็ช่วยไม่ได้ แพรวาทำอะไรไม่คิดเอง เรากลับบ้านกันเถอะ วันนี้ป๊าบอกว่าจะรีบกลับไปหาหลาน ไปเล่นกับหลาน “ม๊าบอกผม ผมยิ้มเจือนๆ ให้ม๊าก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ผมหยิบมือถือผมมาดูที่หน้าจอ หน้าจอแตกแต่ก็ยังพอเห็นข้อความ

มะนาว// บีมคิดถึงหลานอ่ะ ขอไปหาหลานได้มันอ่ะ วันนี้พวกเราเลิกงานเร็วกัน//
บีม// ขอถามแม่ของพี่เธียรวิชย์ก่อนน่ะมะนาว // ผมบอกมะนาวก่อนจะหันมา มองม๊า ม๊าก็มองผมกลับ

“ม๊าครับ เพื่อนผมเขาคิดถึงลูกโซ่นะครับ เขาขอมาเยี่ยมได้ไหมครับที่บ้าน” ผมถามม๊า ด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจ มาอยู่ไม่นานพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านแล้ว

“มาได้ซิ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะบีม และถ้าจะมาก็อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันไปเลย” ม๊าบอกผม

“ผมเกรงใจอ่ะม๊า แค่มาเยี่ยมก็พอมั้งครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจม๊าจริงๆ

“อะไรกัน เราน่ะก็เป็นคนในครอบครัวแล้ว แถมยังเป็นลูกสะใภ้ม๊าอีก ไม่ต้องเกรงใจแล้ว “ม๊าพูด ผมก็ยิ้ม ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน จากที่ผมไม่เคยได้รับ ผมก็ได้รับจากแม่พี่เธียรวิชย์

“และวันนี้เฮียธี จะกลับมาค้างที่บ้านอีกแล้ว สงสัยจะติดหลานแล้วเนี๊ยะ ปกติไม่ค่อยได้กลับหลอก อ้างว่าอยู่ไกล เหนื่อย นี้อยากกลับมาบ่อยๆ แต่ก็ดีน่ะ หนุ่มๆ เขาได้อยู่ติดบ้านกัน ครบทีมเชียว “ม๊าพูด ใช่ผมเห็นหนุ่มๆ เขาอยู่ในห้องดูทีวีเล่นกับเจ้าลูกโซ่ทุกวัน ป๊า เฮียธาม (อันที่จริงต้องเรียกเจ๊ธาม พี่เธียรวิชย์บอกผม) เธียธันอีกคนและเธียธีเริ่มมาบ่อยขึ้น พี่เธียรวิชย์อีกคน ผมเห็นม๊ายืนมองด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ผมพลอยมีความสุขไปด้วยเช่นกัน

“ขอบใจนะบีมที่ทำให้ครอบครัวมากลับมาเป็นเหมือนเดิม อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง และนี้เพราะเจ้าลูกโซ่คนเดียวเลย “ม๊าพูด ผมยิ้มให้ม๊าก่อนจะก้มลงหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อตอบเพื่อนผมทางไลน์กลุ่ม

บีม// มะนาวม๊าบอกมาได้น่ะและอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันเลย //
ใบชา// จริงดิ //
มะนาว// ไม่รีบเลยน่ะนางใบชา เรื่องกินเนี๊ยะ!!!//
ใบชา// หลอนก็ไม่น้อยหน้าหรอก และนี้ แต่งตัวให้เร็วหน่อยน่ะ ไปกินข้าวเฉยๆ ไม่ต้องแต่งเหมือนจะไปงานกาลาดินเนอร์ล่ะ // ใบชาพูดแขวะมะนาวตามเคย
มะนาว// ไม่ได้หรอก ม๊าของพี่เธียรเขามีลูกชายเหลือตั้งสามคน เพื่อกูจะได้มาสักคน วันนี้ถ้าสวยเกินหน้าก็อย่ามาว่าก็แล้วกันน่ะ //
บีม// ฟิล์มกับเป็กซ์ล่ะ// ผมถามหาเพื่อนอีกสองคน เพราะว่าช่วงนี้ไม่ได้คุยกันเลย ผมส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับกันเลย ฟิล์มกับเป็กซ์เป็นเพื่อนของผมตั้งแต่มัธยมปลาย ส่วนมะนาวกับใบชา มาเป็นเพื่อนตอนเข้ามหาวิทยาลัยแต่ก็สนิทพอพอกัน
ใบชา// ฟิล์มมันคงทะเลาะพี่เอ็มอีกแล้วว่ะ ดูท่าจะได้เลิกกันจริงก็รอบนี้แหละ ไอ้พี่เอ็มแม่งไปเอาใครอีกก็ไม่รู้ว่ะ // ผมถึงกับถอนหายใจยาวๆ ตอนจีบไอ้ฟิล์มพี่เอ็มแม่งก็ตามแจกขนมอยู่สองปี พอได้เป็นแม่งลายออกทันที
มะนาว // เป็กซ์มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ไม่ตอบข้อความกูเลยเหมือนกัน มันก็เงียบจนผิดสังเกตว่ะ หรือว่ามันทำงานเยอะว่ะ” มะนาวพูดเชิงถาม ผมก็เป็นห่วงเป็กซ์มัน ผมได้ยินมาว่าเป็กซ์มันมีปัญหาการเงินตั้งแต่เรียนก่อนเรียนจบปีสี่แล้ว มันไม่เงินจ่ายค่าเทอม เท่าที่พวกผมทราบแต่นี่มันก็จบมาได้ ผมก็ไม่ได้ถามว่ามันเอาเงินใครมาจ่าย และนี้มันคงไปทำงานใช้คืนเขาแน่ๆ

มะนาว// ฟิล์มมันส่งข้อความมาแล้วว่ะ ว่าไปแต่ขับรถตามไป บีมมึงก็ส่งที่อยู่มาให้พวกกูด้วย จะได้ไปหาถูก ส่วนเป็กซ์แม่งเงียบว่ะ ไม่รู้จะมาไหม “

บีม// เดี๋ยวส่งให้เลยน่ะ แค่นี้ก่อนน่ะ จะถึงบ้านแล้ว //ผมส่งข้อความบอกเพื่อน

ขณะที่รถแล่นเข้ามาจอดด้านในเรียบร้อยแล้ว ม๊าก็เพิ่งจะคุยโทรศัพท์เสร็จ ผมพอจับใจความได้ว่าคุยกับโกวหงส์ ผมเปิดประตูลงมาทันที ผมคิดถึงเจ้าลูกโซ่ ไม่รู้ว่าพ่อลูกเขาอยู่กันนี้ตีกันหรือเปล่า

“บีม อย่าไปคิดมากน่ะเรื่องแพรวา น่ะ บีมไม่ใช่คนผิด งานนี้แพรวาเขาทำตัวเอง และคงต้องแก้ไขเอง “ม๊าเดินมาบอกผม

“ไปดูพ่อลูกเขาเถอะ “ม๊าบอกผม “ม๊าดีใจน่ะที่เห็นเธียรวิชย์ของม๊า ก็ทำหน้าที่ป๊าที่ได้ แม้จะเป็นลูกที่ดื้อของป๊ากับม๊าไปหน่อยแต่ว่า แค่นี้ม๊าก็ภูมิใจเขามากแล้วบีม “ม๊าบอกผม ผมเดินเข้ามาด้านเรียบร้อยแล้ว ผมเห็นพี่มลเดินลงมาจากชั้นบน ม๊าหันไปมองพี่มล

“มลแล้วพ่อลูกเขาไปไหนกันล่ะ” ม๊าเอ่ยปากถามพี่มลทันที

“อ้อ คุณเธียรพาน้องลูกโซ่ไปอาบน้ำค่ะ เพราะว่าพากันไปเล่นขี้โคลนมาหน้าตาเลอะเทอะไปหมดจนจำไม่ได้เลยค่ะ และตอนนี้ก็ไปเล่นกันต่ออยู่ในห้องน้ำนะคะ นี้มลเพิ่งจะเอาชุดไปวางไว้ให้ค่ะ” พี่มลพูดพร้อมกับชูเสื้อผ้าเจ้าลูกโซ่ที่เลอะเทอะขี้โคลน จนจำสภาพเดิมไม่ได้เลย ม๊าหันมามองผมก่อนจะอมยิ้ม ส่วนผมถึงกับต้องเหลือกตาขึ้นบน นี้พากันไปเล่นขี้โคลนมาเลยเหรอ เลี้ยงลูกยังไงของพี่น่ะพี่เธียรวิชย์ ผมรีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที ผมเปิดประตูเข้าไป เสียงพ่อลูกดังมาจากในห้องน้ำ ผมเดินเข้าไปย่องดู ภาพที่ทำให้ผมยืนอมยิ้มคือพี่เธียรวิชย์กำลังสระผมให้เจ้าลูกโซ่ แถมตัวเองก็เปียกปอนไปด้วย ทั้งที่สวมเสื้อผ้าอยู่ ผมเดินเข้าไปยืนมองใกล้ๆ

“พ่อลูกทำอะไรกันน่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“พี่เอาเจ้าก้อนเต้าหู้มาอาบน้ำอ่ะบีมแต่ดูซิ ไม่รู้ว่าใครอาบน้ำให้ใคร เล่นเอาพี่เปียกไปด้วยเลย” พี่เธียรวิชย์พูดปนหัวเราะ

“แล้วนี่พี่พาลูกไปเล่นขี้โคลนที่ไหนมา ถึงได้เทอะเทอะเสื้อผ้าขนาดนั้นน่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์ก่อนจะนั่งลงที่ขอบอ่างน้ำ จะว่าไปผมเห็นภาพพ่อลูกแล้วมันทำให้ผมคิดถึงพ่อผมเหลือเกิน

“รู้ไหมว่า มันจะทำให้ลูกเราแข็งแรง ถ้าเลี้ยงแบบถนอมไม่ให้เขาทำอะไรที่เขาอยากทำ มันจะไปปิดกั้นจินตนาการของเขาไง พี่เลยให้ลูกเล่นเต็มที่ “พี่เธียรวิชย์พูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย

“ขึ้นได้หรือยังล่ะ ดูแล้วน่าจะอาบมาได้สักพักแล้วมั้ง”

“เต้าหู้ ขึ้นได้แล้ว เดี๋ยวม๊าดุป๊าเอา” พี่เธียรวิชย์พูด ก่อนจะจับเจ้าลูกโซ่ล้างน้ำเปล่า ผมหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวมารอ จะว่าไป ผมเห็นสีหน้าแม่ของแพรวาตอนที่มองแพรวา เห็นแล้วผมอดสงสารเขาไม่ได้ ถ้าเป็นลูกผมบ้างล่ะ ผมเองยังเองยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตลูกผมจะเจออะไรบ้าง นี้แหละหัวอกคนเป็นแม่

“บีม” ผมสะดุ้งทันทีที่มีน้ำกระเด็นมาโดนแก้มของผม ผมหันไปมองพี่เธียรวิชย์ พี่เขาอุ้มเจ้าลูกโซ่มารอผมอยู่แล้ว แต่ผมมัวแต่เหม่ออยู่

“เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมฝืนยิ้มให้พร้อมกับสั่นหัวไปมาว่าไม่มีอะไร ผมรีบกางมือเพื่อจะรับเจ้าลูกโซ่มาห่อตัวไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว ผมพาลูกโซ่ออกมาแต่งเช็ดตัวให้แห้ง ทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื่น ก่อนจะสวมชุดลายน่ารักที่ผมกับม๊าไปเลือกมาให้ จะว่าไปผมเองก็ยังไม่ได้ไปหาพี่รินทร์เลย ไม่รู้ว่าน้องออกจากโรงพยาบาลหรือยัง

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้อง ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่เดินไปดูว่าใคร และคนที่มาเคาะประตูคือม๊านั้นเอง

“อ้า” ดูเจ้าโซ่ดีใจกางแขนกางขาใหญ่เลย

“อาก๋งเขากลับมาถึง ก็ถามหาหลานเลย “ม๊าบอกผม

“งั้นบีมอาบน้ำก่อนนะลูก ม๊าดูให้ พาไปเล่นกับอาก๋งเขาหน่อย เขากลับมาเหนื่อย อยากหอมแก้มหลาน” ม๊าบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะปิดประตูลง เจ้าลูกโซ่นี้โชคดีจริง โชคดีกว่าเด็กหลายๆ คนซะอีก

“หมับ” จู่ๆ ก็มีคนมากอดผมจากด้านหลัง เขาซุกปลายจมูกที่โด่งรั้นนั้นกับซอกคอของผม

“มีอะไรหรือเปล่า บีมดูเงียบๆ น่ะวันนี้น่ะ” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมหันมามองคนที่เดินออกมามีแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ บนหัวก็มีผ้าซับผมรองทรงที่เปียกชุ่มอยู่เลย ผมหันมาจับผ้าและเช็ดผมให้พี่เธียรวิชย์  พี่เธียรวิชย์ยืนก้มลงเล็กน้อยให้ผมทำให้ จะว่าไปผู้ชายคนนี้ก็มีมุมมองที่น่ารักไม่ต่างกับเจ้าลูกโซ่เหมือนกันน่ะ

“บีม ยังไม่บอกพี่เลย มีอะไรหรือเปล่า”ขณะที่พี่เขาก้มหัวอยู่ พี่เธียรวิชย์แหงขึ้นมาถามผมก่อนจะก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เออ ไม่มีครับ สงสัยผมจะเหนื่อยนิดหน่อยนะครับ ผมขออาบน้ำสักแป๊บ เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ” ผมบอกพี่เธียรวิชย์  ผมเช็ดผมจนเกือบแห้ง พี่เธียรวิชย์ก็เดินไปแต่งตัว ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะหันมามองคนที่สวมกางเกงเรียบร้อยเหลือแต่สวมเสื้อยืดพอดีตัว หุ่นที่ไม่ผอมจนเกินไป ไม่กำยำจนเรียกว่านักกล้าม มันทำให้ผมที่ยืนมองเขาอยู่พักใหญ่ต้องแอบกลืนน้ำลาย ผมสะดุ้งทันที ที่คนนั้นหันมามองผมก่อนจะสวมเสื้อยืดพอดีตัวนั้นปกปิดร่างกาย

“แอบมองพี่แบบนี้ แสดงว่าคืนนี้จะลักหลับพี่แน่ๆ เลย  ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมรีบหันหลังหนีเข้าห้องน้ำทันที รู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีด้วยความอาย พูดมาได้ยังไงว่าผมคิดแบบนีั้นแต่ก็แอบคิดเหมือนกันน่ะ  ผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำสระผม ก่อนจะออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย พี่เธียรวิชย์ลงไปข้างล่างแล้ว ผมหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง ผมยังไม่ได้ให้พี่เธียรวิชย์ดูเลยว่าหน้าจอมันแตก เอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะพี่เธียรวิชย์คงได้ถามผมยาวแน่ และผมก็เลือกที่จะโกหกดีกว่า เพราะแค่หน้าจอแตกแต่จะทำให้เขาแตกคอกับคนที่เคยช่วยเหลือครอบครัวเขามาก่อนผมคงไม่ทำ
TBC.....
มาอีกตอนนะคะ ตอนหน้าเมื่อแพรวามาขอโทษบีมและบีมจะเชื่อนางได้ไหมน่ะ


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
 EP.23 แพรวามาขอโทษ

              Part’ s เธียรวิชย์ ผมเดินลงมาก่อน ผมว่าบีมต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่ผมเดาว่าเขาไม่ยอมบอกผมหรอก ผมเลยเดินลงมาที่ชั้นล่าง ผมเห็นป๊ากับม๊ากำลังนั่งเล่นกับเจ้าลูกโซ่อยู่ เจ้าลูกโซ่ก็อ้อนป๊าผมน่าดู และยิ่งกำลังคลานกำลังเกาะยืนด้วยแล้วก็เลยคอยเกาะแข็งเกาะขาป๊าและยิ้มโชว์ฟันสี่ซี่และกำลังมาอีกครึ่งซี่ ผมเดินลงมาก็ย่อตัวลงเพื่ออุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา ว่าจะหอมสักหน่อยแต่ก้อนเต้าหู้เอาแต่ดันหน้าผมออก สงสัยเป็นเพราะว่าหนวดแน่ๆ เลย หนวดเริ่มขึ้นแล้วไง ต้องโกนอีกแล้ว

“ขอป๊าหอมหน่อย” ผมพูดคนที่ผมอุ้มขึ้นมา เจ้าลูกโซ่ส่ายหัวไปมาไม่ยอมให้ผมหอม

“บีมล่ะเธียร” ม๊าถามหาลูกสะใภ้

“บีมเขาขออาบน้ำก่อนนะครับม๊า”

“เห็นบอกกับม๊าว่า เพื่อนเขาจะมาหาเจ้าลูกโซ่นะเธียร” ม๊าบอกผม ผมทำหน้าแปลกใจเพราะว่าบีมไม่ได้บอกผม

“ม๊ะ ม๊ะ ม๊ะ” เริ่มเรียกบีมว่าม๊าบ้างแล้ว คงเพราะว่าผมเรียกแม่ผมว่าม๊า

“ไม่ได้ ม๊าเขาอาบน้ำอยู่ “ผมบอกคนที่ชี้นิ้วขึ้นไปที่ชั้นบน พอบอกไม่ได้หน้างอทันที

“ไม่ได้ ห้ามไปดู ป๊าหวง” ผมพูดกับเจ้าก้อนเต้าหู้ ดูซิ ทำท่ากอดอกหน้าคว่ำขึ้นมาทันที และจังหวะนั้น เฮียธันเดินเข้ามาพอดีเลย สิ่งแรกคือตรงมาหาเจ้าก้อนเต้าหู้ก่อนเลย กางแขนมาแต่ไกล เพื่อจะหอมแต่ว่าเจ้าก้อนเต้าหู้ใช้มือดันหน้าเฮียธันไว้

“จะดันหน้าแปะทำไมเนี๊ยะ มาให้หอมก่อนเลย นี้มีของเล่นน่ะ “เฮียธันเอาซ้อนไว้ด้านหลัง ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ เอี้ยวตัวมองใหญ่เลยว่ามีอะไรมาฝากเขา แต่เฮียธีนก็ยังไม่ยอมให้

“อ้า!!” หันไปเรียกม๊าผมทันที พยายามจะเรียกอาม่าหรือเปล่า

“ธัน อย่าแกล้งหลานซิ ซื้อมาให้หลานก็ให้หลานไปซิ เรานิ” ม๊าผมเอ็ดเฮียธันทันที

“ไม่ร้ายเลยน่ะลูกมึงน่ะครับ ไอ้ตี๋น้อย” เฮียธันพูดก่อนจะเอารถขึ้นมาให้เจ้าลูกโซ่ เป็นรถเฟอรารีของเล่น กดมีเสียงด้วย เจ้าลูกโซ่รีบรับมาถือยิ้มโชว์ฟันให้เฮียธันดู

“เฮีย กลับเร็วน่ะช่วงนี้น่ะ” ผมแซวพี่ชายคนที่สามขอบผม

“ช่วงนี้ติดเด็กไง เด็กลูกมึงนี้แหละ” เฮียธันพูดก่อนจะรับเจ้าลูกโซ่ลงไปนั่งเล่นรถ ผมก็เดินมานั่งลงข้างๆ ม๊า

“ม๊า วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ผมเห็นบีมเงียบๆ ไปอ่ะ “ผมถามม๊า ม๊าหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าป๊า

“วันนี้ แพรวาเขาต่อว่าบีมแต่ดันมีคนมือดี กดเปิดกล้องที่สามารถจับภาพและเสียงการสนทนาของแพรวากับบีมได้ แถมยังขึ้นหน้าจอใหญ่ จนคนที่มาร่วมงานหันไปมองและต่อว่าแพรวากันยกใหญ่ “ผมหันมองม๊า ผมไม่รู้เรื่องนี้เลยแถมบีมก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังอีก

“แล้วเขาว่าอะไรบีมบ้างล่ะครับม๊า” ผมถามม๊า

“ว่าเยอะมาก ก็ส่วนมากคืออาการหึงหวงเรานั่นแหละ และก็ไล่บีมให้ออกไปอะไรแบบนี้แหละ ม๊าเองก็ตกใจเลยจับใจความอะไรไม่ได้มาก” ม๊าพูด ผมหันไปมองม๊า แพรวามันจะมาหึงหวงผมได้ยังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ม๊ายักไหล่ว่าไม่รู้

“และนี้ไม่ได้ดูคลิปกันเหรอมีคนแชร์เยอะแยะเลย “ม๊าพูดก่อนจะหยิบมือถือมาส่งให้ผมดู ผมก็รับมาเปิดดู เฮียธันว่าเป็นคนติดโซเชียลยังพลาดเลย ผมเอามือถือม๊ามาเปิดดูเฮียธันลุกมานั้งดูกับผมด้วย มีคนถ่ายตั้งแต่แพรวาทำโทรศัพท์มือถือบีมตกและเอาส้นรองเท้าเหยียบลงไปอีก แถมถ้อยคำที่แพรวาต่อว่าบีม ผมหันมามองหน้าเฮียธัน

“มึงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้วไอ้ตี๋น้อย “เฮียธันพูดผม จังหวะนั่น เฮียธามเดินลงมาพอดี เขาเดินมาก้มลงมองที่ผมสุมหัวดูกันอยู่

“เฮ้ย!!! นี่มันแพรวานี้และนี้มันทำอะไรบีมอ่ะ” เฮียธามพูดก่อนจะแย้งมือถือไปกดรีเพลย์ดูอีกที ก่อนจะเดินมานั่งและหันมามองหน้าทุกคน ก่อนจะมาหยุดที่ผม

“นี้มันใช่คนปกติเขาทำกันเหรอ ทำไมม๊ากับป๊าไม่บอกพ่อแม่เขาไปซะทีล่ะว่าลูกสาวเขาน่ะ ป่วยและดูท่าจะยากแล้วแหละที่จะหาย ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะ ไอ้เธียรมึงคงได้ประสาทกินและได้เป็นบ้าก่อนนางแน่ๆ “เฮียธันพูด ผมเห็นบีมเดินลงมาพอดี ผมรีบแย้งมือถือมาจากเฮียธามก่อนปิดมันและส่งให้คืนไปให้ม๊าทันที

“ก็มาดิ ทำอะไรอยู่ไม่ได้ไปไหนก็มาหาหลาน พวกมะนาวจะมากัน เออๆ แค่นี้น่ะ” บีมเดินคุยโทรศัพท์ลงมา บีมใช้โทรศัพท์เครื่องเก่า ผมหันไปมองบีมและมองมือถือที่บีมใช้

“เพื่อนจะมาถึงหรือยังบีม” ม๊าหันไปถามบีม บีมนั่งลงข้างๆ ผม

“เพื่อนบีมจะมาหาเจ้าลูกโซ่นะครับพี่เธียร ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่เธียรก่อน ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินเลยลืมนะครับ” บีมบอกผม ผมพยักหน้า ผมหันมามองบีม ผมรู้สึกผิดแต่ผมก็รักบีมไปแล้ว ผมรักมากแล้วด้วย ยิ่งเห็นเจ้าลูกโซ่ ที่ทำให้ทุกคนหัวเราะในความน่ารักของเขาแบบนี้ผม ทนไม่ได้หรอกน่ะที่จะเสียเขาไป บีมหันมามองหน้าผม แววตาชวนสงสัย

“มีอะไรเหรอครับ” บีมถามผมนั่นแหละถึงได้สติ ต้องเกาศีรษะแก้เขินแทน

“ก็วันนี้เมียน่ารัก เลยมองนานหน่อย” ผมกระซิบที่หูบีม บีมหมุดหน้าลงด้วยความเขิน

“ป๊า ม๊า สงสัยบ้านเราจะได้นักบิดเพิ่มอีกคนแล้วม๊า ดูซิ ฮาๆ” เฮียธามเรียกป๊ากับม๊าผม ให้หันไปดูเจ้าลูกโซ่ที่นั่งบนรถเฟอรารี่ของเล่น คันไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ถ้าเจ้าโซ่นั่งนี้เล็กขึ้นมาทันทีเลยแหละ แถมยังทำท่าจะขับรถอีกต่างหาก

“ไม่ให้หลานม๊าไปลงสนามแน่นอน “ม๊ารีบบอกปฏิเสธทันที ผมหันมามองบีม เขาก็ยังมองลูกโซ่นิ่ง ผมสะกิดคือบีมไม่ยิ้มไม่หัวเราะ เหมือนทุกที เขาสะดุ้งจนหันมามองผม ด้วยอาการแปลกใจ

“คุณนายค่ะ คุณธรรมรัตน์และคุณนิดาและก็คุณแพรวามาค่ะ” คนใช้เดินเข้ามาบอกม๊าว่าพ่อแม่ของแพรวามาและแพรวาก็มาด้วย ตอนนี้หันมามองหน้ากันหมด แม้กระทั่งป๊าผม ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ก็หันมามองหน้าม๊า

“ไปเชิญเขาเข้ามาซิ “ม๊าหันไปบอกคนใช้ในบ้าน

“ม๊าเขายังกล้ามาอีกเหรอ ผมนี้เชื่อเลยน่ะ และเหตุการณ์เพิ่งจะผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เลยด้วย “เฮียธามหันมาพูด ม๊าทำนิ้ว ไม่ให้เฮียธามพูดต่อ พ่อของแพรวาเดินเข้ามาพร้อมกับแพรวาที่เดินหน้านิ่งเข้ามาหยุดและมองผมที่นั่งไขว่ห้างเบียดอยู่กับบีม

“นั่งก่อนซิพี่รัตน์ “พ่อผมเรียกชื่อพ่อของแพรวา

“นั่งก่อนซิคะ คุณนิดา แพรวา” ม๊าทำน้ำเสียงได้เรียบนิ่งที่สุด แพรวาหันมามองบีม ผมน่ะพยายามไม่มองหน้าเธอ ผมใช่แขนโอบเอวบีมเอาไว้ และจู่ๆ แพรวาก็เดินเกือบกระโจนเข้าใส่บีม

“บีม!!” ที่เธอปรี่เข้ามาคือเพื่อมาคลุกเข่ากอดขาบีม บีมก็ก้มลงมองด้วยอาการตกใจ

“เว้ย!!” พวกผมร้องออกมาพร้อมกันตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้

“นี่ผีเข้าสิงเหรอ!!!” เฮียธามปากไว้มาก ชิ่งถามแพรวาด้วยอาการตกใจ แม่ของแพรวาสะบัดหน้ามามองเฮียธาม

“อันนี้น่าจะผีออกแล้วมากกว่า อาจารย์สำนักไหนอาสาไล่ให้เหรอครับ แพรวา” เฮียธันแพรวา สะบัดหน้าไปมองเฮียธัน

“แพรวาไม่ได้ผีเข้าค่ะ!!” แพรวาหันมาทำตาขวางแต่แม่เธอสั่นหัว แพรวาเลยย่อตัวลงกอดขาบีมต่อ ผมก็มองบีมว่าเธอมาไม้ไหนของเธอเนี๊ยะ

“แพรวาแค่รู้สึกสับสนเฉยๆ ค่ะ” แพรวาพูด

“พี่ว่าอาการแพรวามันห่างไกลคำว่าสับสนไปเยอะเลยครับ และพี่ขอแนะนำว่า น้องแพรวาควรจะไปรับน้ำมนต์มาดื่มควบคู่กับทานยาหลวงน่ะครับ เพราะไอ้ที่สิงน้องอยู่นะครับ ดูท่ามันจะเข้าๆ ออกๆ ถี่ไปแล้วน่ะครับ พี่นี่เป็นห่วงจากใจ” เฮียธันพูด ส่วนเฮียธามนะยกมือรอแท็กทีมกัน แถมยังหันมาแตะมือกับหลานอีกคน

“วัดไหนบอกด้วยธัน น้องเขาจะได้ไปรับถูก” เฮียธามหันมาถามเฮียธัน ทั้งพ่อแม่ขอบแพรวาหันมามองเฮียผมทั้งคู่

“วัด…..” เฮียธามแต่ป๊าผมหันมามองเต็มๆ

“ธาม! ธัน!! เอาหลานไปเลี้ยงข้างนอกกันก่อนไหม!! “เสียงที่ลอดไรฟันของม๊าผม ผมก็มองแพรวา ที่กอดขาบีม เขาแหงนหน้ามองผม แววตาที่เหมือนแพรวาเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กใสซื่อนั้น ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่ยืนเกาะมองแพรวา เอียงคอเล็กน้อย แววตาช่างสงสัยคู่นั้น

“ธัน เอาหลานไปเล่นข้างนอกก่อนน่ะ” ม๊าผมบอกเฮียธัน เฮียธามเดินมาอุ้มลูกโซ่

“น่ารักนะคะลูกของเธียรวิชย์เนี๊ยะ! เห็นแพรวาเขาชมว่าน้องน่ารักเลี้ยงง่าย น่าจะลองให้แพรวามาช่วยเลี้ยงไหมคะ” อันนี้ทำเอาเฮียธามสะดุ้ง "ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลย" เฮียธามพูดเชิงกระซิบ และผมสั่นหัวกับม๊าทันทีว่าไม่เอาน่ะม๊า ผมไม่ไว้ใจเด็ดขาด ส่วนบีมหันมามองผมแน่นอนเขาต้องไม่ยอม และคนที่เกาะขาบีมอยู่ก็ไม่ยอมปล่อยอีกด้วย จู่ๆ เจ้าลูกโซ่ ก็คว้าไม้มาหนึ่งอัน สงสัยว่าคนใช้จะเอามเขี่ยของเล่นเจ้าลูกโซ่และลืมเอาไว้ และหันมาทางแพรวาเร็วมาก

“อย่าลูกโซ่!!!” ผมกับบีมร้องห้ามลูกโซ่ ผมนะคิดว่าจะไปฟาดแพรวาแต่เปล่า เอาไม้ไปจิ้มๆ แพรวา ม๊าผมพยักพเยิดให้เธียธามไปเอาหลานออก

“อย่าทำอย่างนั้นซิลูกโซ่ อย่าเอาไม้ไปเขี่ยพี่แพรวาเขาแบบนั้น เขาไม่ใช่ขรี้ครับลูก” เฮียธาม

“ธาม!!” ป๊าพูดส่วนพ่อเธอมองเฮียธาม “ล้อเล่นครับ น้องลูกโซ่อย่าทำอีกนะครับ อย่าเอาไม้ไปเขี่ยแบบนั้นเพราะว่า เขาห้ามเอาไม้แหย่และให้อาหารนะครับลูก เดี๋ยวพี่เขากัดเอานะครับ สวนสัตว์เขาติดป้ายเตือนเอาไว้ลูก" ผมและบีมสะบัดหน้าไปมองเธียธาม แม่ของแพรวาสะบัดหน้าไปมองเฮียธาม

“เฮ้ยเฮีย!!” ผมเองที่ตกใจมันหนักกว่าเดิมอีกน่ะเฮีย!! ม๊าน่ะหันมองหน้าเฮียธามเขม็ง เฮียธามก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“แพรวาไม่ใช่สัตว์ดุร้ายในสวนสัตว์นะคะ” แพรวารีบแผดเสียงด้วยอาการลืมตัวก่อนจะรีบหันมาเกาะขาบีมต่อ บีมก็หันมามองหน้าผม ผมก็สั่นหัวว่าเดาเธอไม่ออกเลย ว่าจะเอายังไง ม๊าผมก็มองแพรวา ก่อนจะหันมามองแม่ของเธอที่อ้าปากค้างที่เห็นเฮียธามว่าประชดลูกสาวเขาน่าดู เฮียธามก็เข้ามาอุ้มลูกโซ่

“พี่หยอกเล่นนะครับน้องแพรวา ไม่โกรธเนอะ!” เฮียธามพูดและยิ้มให้แพรวา แต่เธอแหงนหน้ามองเฮียธาม “ไม่!!” แต่น้ำเสียงน่ะไม่ใช่แน่ๆ ผมว่านางบวกรวบเข้าไปอีก และเฮียธามก็พาลูกโซ่ออกไป ตามไปด้วยเฮียธันทันที

“แหย่กันเล่นตั้งแต่เด็กๆ เลยนะคะ แต่รอบนี้แรงไปนะคะ” แม่ของแพรวาพูด แม่ผมก็ยิ้มแหย่ๆ ให้ ก่อนจะหันมามองผมแอบสั่นหัวเบาๆ ให้พี่ชายของผม

//เฮียออกมายัง ออกมาแล้วเหรอ มาถึงแล้วเนี๊ยะ//ผมได้ยินเฮียธันโทรศัพท์คุยกับเฮียธีแน่ๆ เลย

“แพรวาเขาจะมาขอโทษบีมนะคะ เขาแค่โกรธแต่ว่าน้าอธิบายให้เขาเข้าใจแล้วน่ะ เขาสำนึกผิดแล้วน่ะเธียร บีม ยกโทษให้แพรวาได้ไหม” แม่ของแพรวาพูด ผมหันมามองบีมว่าเอายังไง

“แพรวาขอโทษ แพรวาจะไม่ทำอีก แพรวาสัญญา” แพรวาพูด

“แน่ใจน่ะแพรวา เพราะว่าคำพูดที่แพรวาต่อว่าบีมน่ะ มันแรงมากน่ะ และโชคดีที่บีมเขารู้จักระงับอารมณ์ตัวเองไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนอื่นแพรวาคงโดนไปแล้ว” ผมหันไปพูดและมองหน้าเธอ ผมไม่เคยแสดงสีหน้าโกรธเธอแบบนี้มาก่อน

“เธียร ลุงขอโทษแทนลูกสาวลุงด้วย เธอแค่ เสียใจมากน่ะ แต่ว่าตอนนี้เธอ โอเคแล้วน่ะเธียร” พ่อของแพรวาพูด ผมยังคงมองหน้าเธอผมมองเข้าไปในแววตาคู่นั้น ผมไม่เชื่อว่าเธอสำนึกผิดแล้วจริงๆ แต่ว่าเธอกอดขาบีมไม่ปล่อย บีมหันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“ก็ได้ครับ ผมจะไม่ถือโทษโกรธเธอแต่ผมอยากจะแนะนำให้เธอ ไปปรึกษาคนที่เขาพอจะช่วยได้เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมอารมณ์ตัวเองนะครับ” บีมพูดก่อนจะหลุบตาลงมองแพรวา

“เพราะว่าการที่คุณเป็นแบบนี้ มันส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคุณด้วย” บีมพูดพร้อมกับหันมาชำเลืองตามองผม

“นี่แก” แพรวากระดกหัวขึ้นแต่แม่เธอขยิบตา

“บีม ฉันไม่ได้เป็นอะไรน่ะฉันแค่ เสียใจ ที่อยู่ๆ ก็มีคนมา เอาของรักของฉันไป ถ้าเป็นเธอล่ะ เธอจะทำยังไง จะเสียใจมากเหมือนฉันไหม” แพรวาถามบีม บีมหลุบตาลงมองเธอ

“ก็ต้องดูว่าของชิ้นนั้นควรค่าแก่การที่จะร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายไหม แต่ถ้าไม่ ผมก็เลือกที่จะ ปล่อยมือ แต่ถ้าเป็นลูกผม ผมไม่ยอมปล่อยแน่ๆ อันนี้แหละที่สมควรที่จะพยายามไม่ยอมให้ใครมาแย้งเขาไป “บีมพูดก่อนจะหันมามองผม

“แพรวาขอโทษบีมเขาซิ เราน่ะผิดน่ะลูก” แม่ของเธอบอกแพรวาพูด

“ขอโทษน่ะบีม “แพรวาพูด

“และอั๊วจะขออีกเรื่องหนึ่งคือ คลิปที่หลุดออกไปน่ะ มันทำให้แพรวาดูแย่ แค่เสียคนที่แพรวารักเขาก็เสียใจมากอยู่แล้ว ดังนั้น ฉันจะนัดแถลงการณ์ให้แพรวาและบีมออกมาพูดและแพรวาก็ขอโทษบีมผ่านสื่อได้ไหม” พ่อของแพรวาพูด

“ได้ไหม ถือว่าอั๊วขอล่ะเกริก “พ่อของแพรวาพูด

“ว่าไงล่ะบีม “ป๊าหันมาถามบีม ผมก็มองหน้าบีม บีมเขาก้มลงมองแพรวา

“ก็ได้ครับ ผมจะไปทำให้ แต่ว่า คุณต้องหยุดพฤติกรรมพวกนี้กับผมทันที ทำได้ไหมครับ” บีมหลุบตาลงมองแพรวา

“แพรวา!!” แม่ของเธอเรียกเธออีกครั้ง

“ว่าไงล่ะแพรวา “ม๊าถามแพรวา

“ได้ค่ะ แพรวาจะไม่พูดจาไม่ดีกับบีมอีก เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม” แพรวาเงยหน้าขึ้นมาถามบีม รอยยิ้มนั้นมันแปลกๆ จังหวะนั้น เจ้าลูกโซ่คลานกลับเข้ามาเฉยเลย ตรงมาหาผมและเกาะเดินไปหาบีมทันทีอย่างรวดเร็ว ผมก็อุ้มลูกโซ่ขึ้น ลูกโซ่หันมาจับหน้าบีมให้หันมาทางผม เหมือนเขาพยายามจะสื่ออะไรบางอย่าง

“ม๊า ม๊า ม๊า” เขาเรียกบีมว่าม๊า

“เรียกม๊าชัดแล้วเหรอ แล้วป๊าล่ะไม่เรียกป๊าบ้างเหรอ” ผมถามลูกโซ่

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวพาลูกโซ่ไปเดินเล่นก่อนนะครับ เขาชอบให้พาออกไปเดินตอนเย็นๆ น่ะครับ “บีมพูดก่อนจะหันมารับลูกโซ่ไป ผมรู้ว่าบีมรู้สึกอึดอัดผมเองก็อึดอัดเหมือนกัน ป๊าผมก็คงไม่แพ้กัน ผมก็เงยหน้าขึ้นมองบีม

“งั้นพี่ไปด้วยน่ะบีม” ผมบอกบีมเขาก็พยักหน้าเบาๆ ผมจะปล่อยให้พ่อแม่ของแพรวาคุยกับป๊ากับม๊าผมแล้วกัน

“หมับ” แพรวาจับแขนบีมทันที

“ขอแพรวาอุ้มน้องลูกโซ่บ้างได้ไหมคะ อยากอุ้มค่ะ “แพรวาพูดพร้อมกับมองที่เจ้าลูกโซ่ แพรวาลุกขึ้นยืนเช่นกัน สายตาเขามองเจ้าลูกโซ่อย่างเอ็นดูเหลือเกินแต่มันแฝงไว้ซึ่งบางสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ แต่บีมเขานิ่งมากเขาหันไปมองแพรวา

“ขอแพรวาอุ้มได้ไหมคะบีม ไหน ไหนก็เป็นลูก พี่เธียรวิชย์ พี่ชายของ แพรวา!” แพรวาพูด ผมหันมามองบีม เจ้าลูกโซ่ก็กอดคอบีมแน่น

“หมับ” แพรวาเอื้อมมือมาจับลูกโซ่ สายตาเธอมองลูกโซ่

“ขออาแพรวาอุ้มหน่อยนะคะ ลูกโซ่” แพรวาพูดเขามองหน้าลูกโซ่ ลูกโซ่ทำท่าจะร้องไห้ และบีมก็ยังขืนลูกโซ่เอาไว้เช่นกัน

“บีมขอแพรวาอุ้มหน่อยซิ” แม่ของแพรวาพูด ป๊าและม๊าก็มองแพรวา แม้กระทั่งผมและคนใช้ ก็มองที่เธอเช่นกัน

“หมับ” แพรวาจับตัวลูกโซ่ จะอุ้มให้ได้

“ผมว่าไม่ดีกว่าเพราะว่าลูกโซ่ เขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้าอุ้มนะครับ” บีมปฏิเสธและยื้อลูกโซ่คืน แต่แพรวาก็ยังจะขืนจะอุ้มให้ได้จน

“ทำไม ฉันจะขออุ้มไม่ได้ ขออุ้มน่ะ” แพรวาพูดและมองหน้าบีมแต่บีมก็ไม่ยอมปล่อยลูกโซ่เช่นกัน

“แหวะ!!”

“เฮ้ย!!!” ผมร้องออกมาดังลั่น เจ้าลูกโซ่ อ้วกนมใส่แพรวา ตั้งหัวลงไปเลยทันที แพรวาถอยหลังออกมาก้มลงมองชุดสวยๆ ของเธอ ส่วนบีมก็ยกตัวลูกโซ่ถอยหลังออกมาทันที ก่อนจะหันมามองผม ผมเองก็เวรแล้วครับงานนี้

“กรี้ดด!!!” แพรวากรี้ดลั่นบ้านไปหมด

“กรี้ดดด” เสียงกรี้ดตามมาแต่ไม่ใช่แพรวา ผมหันไปมอง ผู้หญิง อวบระยะสุดท้ายเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกอีกคน แต่ละคนมองผมและบีมและเจ้าลูกโซ่ บีมอุ้มลูกโซ่ถอยหลังออกมา "กรี้ดอะไรกันเหรอคะ " คนนั้นถามขึ้นก่อนจะหันมามองพวกผม ผมหันมาบีม ว่าเขาคือใครน่ะ

“อ้ายยย!!” กรี้ดก่อนจะหันขวับมาทางบีมและลูกโซ่ แพรวาทำท่าจะ ....

“หมับ" แม่ของเธอลุกพรวดขึ้นมาจับมือแพรวาไว้ซะก่อน " แพรวา!! แม่ว่ากลับบ้านก่อนดีกว่าน่ะ บีมเขาน่าจะมีแขก” แม่ของแพรวาพูดกับแพรวา ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่ที่จ้องมองแพรวา เหมือนจะขย้ำด้วยซ้ำ บีมรีบเปลี่ยนที่ยืนกับผมทันที ก่อนที่ลูกผมจะกระโดดไปงับใบหูเขาเข้า

“งั้นอั๊วกลับก่อนนะเกริก “พ่อของแพรวารีบลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบพาแพรวาเดินออกไปโดยทิ้งไว้ซี้งอาการงงของผู้มาเยือน แพรวาถูกลากแขนออกไปทั้งที่เนื้อตัวเลอะเทอะนมที่เจ้าลูกโซ่ขย้อนออกมาจากพุง ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าแพรวาเขา ดีขึ้นแล้วจริงๆ เหรอ ผมหันมามองบีม

“ดูซิเนี๊ยะ! ยื้อแย่งกันจนอ้วกเลยเหรอลูก” ม๊าผมลุกขึ้นมาถามเจ้าลูกโซ่ ส่วนผมสะกิดบีมให้มองผู้มาเยือน ที่ยืนหันไปมองสามคนพ่อแม่ลูกที่รีบเดินออกไป ก่อนจะหันมายิ้มให้พวกผมแทน

“เพื่อนผมนะครับพี่เธียร มะนาวกับใบชาครับ เพื่อนที่มหาวิทยาลัยนะครับ” บีมหันมาบอกผม

“งั้นให้พี่มลเขาเอาเจ้าลูกโซ่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปลูก” ม๊าหันมาบอกพี่มล พี่เลี้ยงและแม่บ้าน "แม่นนะคะคุณนาย ไม่ลงพื้นเลย ลงหัวเขาเต็มๆ เลยค่ะ" พี่มลกล่าวชมลูกผมทันที "มล!! พาหลานไปเปลี่ยนชุด และฉันไม่ได้ขอความคิดเห็นน่ะ ขอบใจ" ม๊าผมหันไปบอกพี่มล พี่เขาก็รับลูกโซ่ไปจากบีม และเพื่อนๆ บีมเขาเดินเข้ามา ผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายไม่เชิงว่าจะเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคน แต่ผู้หญิงนี้ไหว้แม่ผมซะสวยเชียว

“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณพ่อ”

“สวัสดีครับ” อีกคนทักทาย

“สวัสดีค่ะ นั่งก่อนลูก “ม๊าผมรีบบอกให้นั่งลง ทั้งคู่หันมามองผม ก่อนจะ

“อุ้ย! หน้าเหมือนมากเลยอะค่ะ “

“เหมือนอะไรแก”

“เหมือนลูกโซ่เลย พ่อเด็กแน่เลย” มะนาวพูด ผมหันมามองบีม

“มะนาว!!”

“แล้วลูกโซ่ไปไหนแล้วอ่ะบีม” เพื่อนของบีมถามถึงลูกโซ่ที่พี่มลอุ้มเข้าไป

“พอดีลูกโซ่มันอ้วกอ่ะ เลยให้พี่เขาเอาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ลูกโซ่มัน อ้วกใส่ผู้หญิงคนเมื่อกี้เปล่าว่ะ” น้องผู้หญิงหันไปถามเพื่อน เขาคงเห็นสภาพแพรวาแล้ว บีมพยักหน้าเบาๆ

“อ้าวลูกแกยังไม่เลิกแหวะนมใส่ชาวบ้านเขาอีกเหรอ ชอบแหวะนมใส่อาจารย์กันต์ภณบ่อยๆ ด้วย” น้องผู้ชายที่ชื่อใบชาหันมาถามบีม ผมหันมามองบีมจริงอ่ะ บีมเขายิ้มให้ผมว่าใช่

“งั้นป๊าไปอาบน้ำก่อนแล้วกันน่ะจะได้ทานอาหารเย็นกัน ส่วนพวกเราก็ตามสบายเลยน่ะ “ป๊าผมพูดก่อนจะลุกขึ้น

“พี่เธียร นี้มะนาว และนี่ใบชา” บีมแนะนำเพื่อนของเขาให้ผมรู้จัก

“ถ้าอย่างนั้นคุยกันไปก่อนเลยน่ะ ม๊าจะไปดูซิว่าเขาทำอะไรทานกันวันนี้ แล้วนี่มากันแค่สองคนเหรอ” ม๊าพูดก่อนจะลุกขึ้น

“เดี๋ยวมาอีกคนค่ะ “มะนาวตอบ ม๊าพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ เฮียธันเดินเข้ามาพอดี เฮียธันมองเพื่อนของบีมสองคน น้องผู้หญิงนี้ส่งสายตาปริ้งๆ ให้เฮียธันใหญ่เลย ส่วนบีมน่ะเหลือกตาขึ้นบน

“สวัสดีครับ” เฮียธันทักทาย

“เฮียธัน นี้เพื่อนผมครับ มะนาวกับใบชา” บีมแนะนำเพื่อนเขา

“พรวด!!” เธอลุกพรวด ส่วนเฮียธันนะสะดุ้งจนถึงขั้นกระโดดถอยหลังออก

“หนูไม่ใช่ขรี้นะคะพี่ กระโดดหนีหนูทำไมอ่ะคะ” น้องเขาถามเฮียธันทันที

“พี่เป็นโรคตื่นกลัว เอ๊ย! ตื่นตัว เล่นลุกพรวดมาแบบนี้ พี่ตกใจซิครับ นึกว่าอะไรเข้าสิงน้องเหมือนคนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้ “เฮียธันพูด ไม่วายพาดพิงถึงแพรวาอีก

“คนเมื่อกี้เขาผีเขาเหรอคะ ดูตาขวางๆ น่ากลัวเขียว” มะนาวพูด

“มะนาว” บีมหันมา

“หนูแค่จะสวัสดีนะคะ พี่? “มะนาวยื่นมือไปขอเช็กแฮนด์กับเฮียธัน แต่เฮียธันมองด้วยอาการงง น้องเขาก็ก้มมองที่มือที่รอการเช็กแฮนด์ก่อนจะเงยหน้ามองเฮียธัน เฮียแกก็ทำท่าจะเช็กแฮนด์น่ะแต่ดูมือเฮียแกสั่นๆ ไปน่ะ น้องเขารีบคว้าเอาไว้ทันที

“ทำอะไรของมึงน่ะอีนาว” ใบชามันพยายามดึง

“เช็กแฮนด์ไง “มะนาวพูด ผมหันมามองบีมนี้เพื่อนเหรอ และชี้นิ้วไปด้วย เฮียธันพยายามจะดึงมือออกแต่

“หมับ” มะนาวไม่ยอมให้ดึงมือออกอีกขืนไว้ด้วย

“น้องครับ ปล่อยมือพี่ได้แล้วมั้งครับ จับนานเนอะ เขาเช็คแฮนด์กันอย่างมากก็แค่ไม่กี่วินาทีแต่นี้จะห้านาทีแล้วครับ ปล่อยเถอะครับ” เฮียธันพูดก่อนจะพยายามขอมือคืน เพราะว่ามะนาวไม่ยอมปล่อยมือเฮียธันซะที

“อีนาว ปล่อยมือเขาได้แล้ว อีนี่นิ” มะนาวก็ถึงได้ยอมปล่อย

“คืออยากทำความรู้จักให้นานๆ นะค่ะ เราจะได้รู้จักกันให้มากขึ้น “มะนาวพูด เฮียธันหันมามองผมสองคน ก่อนจะชี้ที่มะนาว

“พี่ถามหน่อยดิบีม” ผมหันมากระซิบถามบีม

“ครับพี่เธียร” บีมพยักหน้าเบาๆ

“ตอนบีมคบเพื่อนน่ะ เขาบังคับบีมเป็นเพื่อนหรือเปล่าอ่ะ ดูแล้วไม่น่าจะใช่เพื่อนบีมเลยจริงๆ คนละขั้วกันเลย” ผมกระซิบกับบีม บีมหันมาทำท่าจะหยิกผม และเฮียธันก็เดินมาทำท่าจะกระซิบกับผม

“งั้นเฮียขอไปเวิร์คเอาท์ก่อนน่ะ “

“ไปไหนน่ะเฮีย” ผมหันไปถาม เพราะว่าเฮียแกพูดเบามาก

“อย่าให้ตะโกน เดี๋ยวน้องเขารู้ กูกลัวว่ะ “เฮียธันหันมากระซิบกับผมและบีมก็ได้ยินเพราะว่านั่งใกล้ๆ

“กลัวอะไร” ผมกระซิบกับ

“กลัวตามเฮียไป “เฮียกระซิบกับ ก่อนนะยิ้มแหยๆ ให้มะนาว

“ไปห้องยิมน่ะ” เฮียบอกกับผมอีกที ผมพยักหน้า ก่อนจะหันมาโบกมือให้น้องเขาและเดินสับเท้าออกไปทันที

“แล้วเป็กซ์ล่ะมันจะมาไหม” บีมถามเพื่อนของเขา

“ไม่มาว่ะ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ นี้กูชวนมันจะมาหามึงน่ะ ดูมันเหมือน ยังไงไม่รู้ว่ะ บอกไม่ถูกว่ะ” เพื่อนที่ชื่อใบชาพูด ผมหันมามองบีมว่ามีอะไรหรือเปล่า ผมเห็นเจ๊ธามผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ เปลี่ยนชุดใหม่มาเรียบร้อยแล้ว

“เก่งมากหลานโกว “สงสัยเธียธามจะชม ที่หลานรักไปอาเจียนใส่แพรวาแน่ๆ ลุงหลานนี้เริ่มแสบเหมือนกันเข้าไปทุกที เฮียธามเดินมาหยุดมองเพื่อนของบีม และเพื่อนของบีมก็หันไปมองเฮียธาม นิ่งกันไปพักหนึ่ง หลายวินาทีเลย

“สวัสดีค่ะขุ่นแม่” “สวัสดีครับขุ่นแม่” พากันยกมือไหว้เฮียธามแต่ว่าเขารู้ไงว่าเฮียธามผมไม่ใช่แมนน่ะ

“สวัสดีค่ะลูกๆ “เฮียถามก็รับไหว้ซะอ่อนช้อยพอกัน และดีที่ป๊าเดินขึ้นไปแล้ว

“เว้ย!! ” และจู่ๆ ร้องออกมาพร้อมกันซะงั้น

“รู้ได้ไงอ่ะ “นั้นไง ผมหันมากุมขมับตัวเองส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ เอียงคอมองอย่างสนใจ และเฮียธามก็ทำนิ้วจุ๊ปากก่อน ประมาณว่าความลับ บีมสะกิดแขนผมให้ดูเจ้าลูกโซ่ทำนิ้วตาม

“ชุ๊!!!” เหมือนกัน โก้งตูดน่ารักเชียว

“เออ พี่มีเอกสารจะให้พ่อเซ็นต์น่ะ เราคุยกับเพื่อนไปก่อนน่ะ “ผมหันมาบอกบีม บีมเขาก็พยักหน้า ผมก้มลงหอมแก้มลูกชายผม เฮียธาม และเพื่อนของบีมดูท่าจะคุยกันถูกคอ ส่วนเจ้าลูกโซ่โชว์สเต๊ปเต้นเบบี๋ชาร์ค ผมเดินเข้าไปหยุดที่ห้องทำงานของพ่อผม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตู ห้องทำงาน ก่อนจะเปิดเข้าไป ป๊าเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมนั่งลงที่ตรงข้ามกับป๊า สายตาที่ป๊ามองมันไม่เหมือนทุกครั้ง

“ว่าไงเธียร” ป๊าถามผม

“ป๊า ป๊าว่าแพรวาเขาจะหยุดแค่นี้ไหมอ่ะป๊า” ผมถามป๊า ป๊าวางปากกาลง

แล้วถ้าเขาไม่หยุดละเธียร แถมดูท่าจะหนักขึ้นทุกวัน” ป๊าเงยหน้าพูดกับผม

“ป๊าจำที่เธียรเคยขอป๊าได้ไหม ที่ตอนนั้นเธียรขอเพราะว่าเธียรคิดว่า ถ้าวันที่เธียรไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ เธียรก็จะได้ไม่ต้องทำให้ตระกูลของป๊ามัวหมอง แต่ว่าตอนนี้ผมกลับต้องคิดใหม่"

"ถ้าเขาหมายถึง ผมต้องแต่งงานกับแพรวาเพราะว่า อากงอยากให้เราสองตระกูลดองกัน และนี่อาจจะเป็นข้ออ้างที่แพรวาจะนำมาใช้กับผมล่ะป๊า ผมคิดว่าเธอไม่หยุดแค่นี้หรอกครับป๊า"ผมพูดกับป๊า  ป๊ามองหน้าผม

 " ผมเลือกจะออกไปได้ไหมป๊า” ผมถามป๊า ป๊าลุกขึ้นก่อนจะเดินมาทางผม ป๊าใช้ฝ่ามือแตะที่หัวผม ผมเงยหน้ามองป๊า ผมรู้สึกแปลกใจเพราะว่าป๊าไม่เคยทำกับผมแบบนี้มาก่อน

“เธียร ไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกออกไปลำบากหรอกน่ะ ต่อให้ป๊าจะเคยบอกว่าถ้าเราไม่เอาไหน จะไม่ให้อะไรเลย มันเป็นไปไม่ได้เธียร “ป๊าพูดกับผม

“แต่ว่าผม”

“อย่าเพิ่งเลือกทางนี้เลยน่ะ สงสารม๊าเขาบ้าง ถ้าม๊ารู้เขาก็จะเสียใจ และยิ่งเรามีลูกด้วยแล้ว ป๊ากับม๊ายิ่งไม่อยากปล่อยให้เราออกไปแบบนั้นแน่นอน “ป๊าพูดเป็นเชิงห้ามผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมรักม๊าผมมากแต่ผมก็ไม่อยากเสียลูกเมีย ผมเดาว่าม๊าจะเข้าใจผมที่สุด

“ป๊าจะไปอาบน้ำแล้ว และเราจะได้ทานข้าวกัน “ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออก ผมว่าจะเข้าไปเอาของในห้องนอนสักหน่อย แต่จะว่าไป บีมไม่เห็นบอกผมเรื่องโทรศัพท์กับผมเลย ผมเดินเข้าไปในห้องนอน ผมคิดว่าบีมน่าจะเก็บมันไว้ในลิ้นชัก ผมเห็นบีมใช้เครื่องเก่าที่ไม่ใช่แอบเปิ้ลที่ผมซื้อให้ ผมเปิดลิ้นชักออกมาดู ผมหยิบมือถือเครื่องนั้นขึ้นมา หน้าจอแตกร้าวเกือบทั้งหมด นี้แพรวาทำไมเขาทำขนาดนี้ ผมพยายามกดเปิดเครื่องดู ก็ยังเปิดได้แต่หน้าจอแตกเยอะเกินไป ยังไงก็ต้องซื้อให้บีมใหม่ หน้าจอมีสิ่งที่ทำให้ผมอมยิ้มทันที คือภาพที่ผมเล่นกับลูกโซ่ ลูกโซ่หัวเราะจนปากบานดูเขามีความสุขมากและผมก็เช่นกัน แล้วอย่างนี้ผมจะไม่พยายามรักษาครอบครัวของผมได้อย่างไร อากงนะอากง ไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลยและเธอก็คิดฝังใจมาตลอดว่าผมต้องแต่งงานกับเธออีก

TBC......



ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
      Part’ s เฮียธัน ผมเฮียธันพี่ชายคนที่สามของเจ้าเธียรวิชย์ ผมหนีน้องมะนาวอะไรนั้นมาเวิร์คเอาท์แทน ผมเป็นคนไม่ชอบผู้หญิงจีบก่อนแต่ถามว่าน้องน่ารักไหมน่ารักครับ แต่ก็ไม่ใช่สเป็กอยู่ดี น้องอวบไปครับ แถมยังอวบระยะสุดท้ายแล้วด้วยครับหุ่นน้องนะครับ ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายแบบฮาร์ดคอร์และโยคะตบท้าย แฟนผมเป็นคนรักสุขภาพกันทุกคนหุ่นดีทุกคน แต่ว่าแฟนผมแต่ละคน ที่ผมคบก็ไม่ยืดสักคนไม่ใช่ตายจากนะครับแต่ว่าเลิกรากันเร็วมากผมเป็นคนไม่ชอบมานั่งจับผิดหรือต้องคอยโทรตาม


   หลังจากเสร็จกิจกรรม ผมก็เข้าห้องซาวน์น่าต่อเลยและนี้กะว่าจะเข้าไปอาบน้ำ และค่อยออกมาเล่นกับหลานลูกโซ่ของผมต่อ เด็กอะไรก็ไม่รู้ทำเอาผมเอาหลง ก็หลานคนแรกของบ้านซะด้วย หลงจนผมแทบจะไม่ได้ไปหาแฟนเลย แฟนคนใหม่ที่เพิ่งคบกันได้สามเดือนเอง อายุแก่กว่าผมสามปียังไม่ถึงขั้นเรียกแฟนเหมือนกำลังดูใจกันอยู่ เธอเป็นคนมาตรวจสอบมาตรฐานโรงเรียนให้ผมและผมเองเป็นคนชอบคนมีอายุมากกว่าตลอด เลยลองคุยและลองคบและที่สำคัญเธอเป็นคนขอคบผมก่อนไม่เชิงว่าจีบก่อน ส่วนตัวผมเอง ถ้าจะคบแฟนใหม่ก็ต่อเมื่อผมเลิกกับคนเก่าแล้ว และแฟนคนเก่าผมก็ตามจิกตามหวงจนผมรำคาญเลยบอกว่าไม่ไหว เลิกเถอะ และคนใหม่นี้เดือนแรกนี้ดีมากจนผมคิดว่าจะอยู่กันไปนานแต่มาเดือนนี้ เธอจิกผมน่าดูเร่งรัดนั้นนี้จนผมเริ่มรู้สึกอึดอัด

“ฮัลโหล “พูดถึงก็โทรมาหาทันที ผมกดรับสายผ่านแอร์พ็อดส์ที่หยิบมาเสียบไว้ที่หู ผมถอดเสื้อผ้าออกจนหมดมีแต่ผ้าพันกายไร้ซึ่งชั้นใน

“ว่าไงครับ ลินดา” ผมถามผู้หญิงในสาย

“วันนี้ธันก็ไม่มาหาพี่อีกแล้วน่ะ ทำไมช่วงนี้กลับบ้านบ่อย มีอะไรหรือเปล่าคะ” นี้แหละที่ผมไม่ชอบ คนเราต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง ผมควรจะได้อยู่กับครอบครัวบ้าง

“ผมก็บอกพี่ลินดาแล้วไงครับว่าผมมาเล่นกับหลาน ว่าแต่พี่ลินดาเถอะกลับมาจากไปอบรมอะไรของพี่หรือยังล่ะครับ” ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำเป็นห้องน้ำสำหรับผมและคนที่มาใช้ยิมของบ้าน แต่ส่วนมากเป็นผมคนเดียว ผมตรงไปห้องน้ำทันทีก่อนจะเดินไปหมุดวาลว์เปิดน้ำรองใส่อ่างกุ้ซชี้ ผมเห็นว่ายังมีเวลาเหลือแช่น้ำให้สบายใจสักหน่อย

“กลับมาแล้ว และรอธันอยู่ ตกลงวันนี้จะมาหาพี่ไหมคะ” นั้นไง ขนาดตอนคบผมบอกว่าไม่ชอบให้มาเซ้าซี้ไง

“ถ้าไม่ไปล่ะครับ “ผมถามคนปลายสาย

“พี่จะไปเที่ยวบาร์โฮสต์กับเพื่อนค่ะ” นี้ข้อทสองที่ผมมไม่ชอบเข้าไปใหญ่ ขู่จะไปเที่ยวเพื่อหาผู้ชายมาเป็นอาหารตา

“พี่ลินดา ผมคุยกันว่าไงครับ ถ้าคบกับผมเรื่องพวกนี้ต้องไม่มี ผมไม่ชอบ “ผมทำเสียงซีเรียสทันที

“งั้นก็มาหาพี่คืนนี้นะคะ” และคนปลายสายก็ชิ่งวางสายไปทันที ผมสั่นหัวด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะเดินออกมาผมว่าสงสัยไม่ผ่านโปรนะคนนี้ ผมเลือกแชมพูในตู้เก็บของ ห้องยิมนี้ส่วนใหญ่เป็นผมใช้และห้องน้ำนี้ด้วยเช่นกัน เสียงกดน้ำดังมาจากห้องน้ำของผม ห้องอาบน้ำและห้องน้ำอยู่ในโซนเดียวกันแต่แยกห้องกันอย่างชัดเจน ผมหยุดฟัง มีคนมาใช้ห้องน้ำผมเหรอ ปกติไม่มีใครมาใช้น่ะ

“ฮัลโหล อะไรพี่เอ็ม พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว เออ กูเลิกแล้ว มึงแม่งนับวันยิ่งเชี้ยจนกูไม่กล้าพามึงเข้าไปไหว้แม่กูอ่ะ มึงคิดเอาเองแล้วกัน แค่นี้น่ะ กูจะมาทำอะไรเรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึง เขาเป็นเพื่อนกู ไอ้สัส!! ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง กูไม่ใช่กระสอบทรายของมึงนะ” ผมหันไปมองห้องน้ำห้องนั้น สักพักประตูถูกเปิดออก ผมหันไปมองคนที่เดินออกมาเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกางเกงสแลคเข้ารูป

“เฮ้ย!!! ” จู่ ๆ ก็ร้องตกใจและปิดตาตัวเอง ทันที ผมคิดในใจ มันควรจะเป็นผมร้องตกใจไม่ใช่เหรอว่ะ เพราะว่านายนี้มันถือวิสาะเข้ามาในบ้านผมและในยามที่ผมโป้อยู่แบบนี้ด้วย แต่ผมแค่ยืนกอดอกมองคนที่ยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปยืนตรงหน้า มีแอบส่องดูลอดช่องระหว่างนิ้วมือ พอเขาเห็นว่าผมมายืนใกล้ๆ

“ไอ้โรคจิต ไอ้บ้า! “อ้าวเฮ้ย!! ด่าผมด้วย แถมผมโดนด่าในบ้านตัวเอง ผมก็ชี้หน้าตัวเอง เออ ผมนี่น่ะโรคจิตตรงไหนว่ะ และบ้าตรงไหนด้วย

“นี้คุณ” ผมสะกิดคนที่ยืนปิดตาอยู่

“ไอ้โรคจิต ออกไปเลย “อ้าวยังมีหน้ามาไล่ผมอีก

“นี้คุณ!! สติครับสติ คุณน่ะมาเข้าห้องน้ำผม และมาไล่ผม คุณนั่นแหละบ้า” ผมยืนมองคนที่ค่อยๆ เปิดตาขึ้นมองผม มองหน้าผมก่อนจะชำเลืองตามองต่ำ ลงไป

“และผมก็มีผ้าขนหนูปิดไม่ได้โป้ ไม่ต้องปิดตาหรอก และนายก็ผู้ชายเหมือนกัน” ผมพูดก่อนจะพยักพเยิดมองคนตรงหน้า

“ก็ไม่มีเสื้ออ่ะ มันก็โป้อยู่ดีนั่นแหละ”

“ผมกำลังจะอาบน้ำ ผมควรจะใส่เสื้ออาบน้ำเหรอครับคุณ อันนั่นแหละเขาเรียกว่าบ้า! ” ผมพูดกับคนตรงหน้า เขาก็มองไปอีกห้องที่ผมเปิดน้ำเอาไว้ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ

“ว่าแต่คุณเถอะ มาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง และมาเข้าห้องน้ำผมอีก คิดว่านี้คือห้องน้ำในปั๊มน้ำมันเหรอ” ผมถามคนตรงหน้า

“ปั๊มน้ำมันบ้านเตี่ยมึงดิ”

“อ้าว เดี๋ยวจับทำเมียแม่งในนี้เลย ห้องน้ำนี้เก็บเสียงดีด้วย” ผมพูดและก่อนจะเดินสาวเท้าเข้าไป คนตรงหน้าผมก็ถอยหลัง

“เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ กูร้องน่ะ”

“ก็บอกเก็บเสียงดี ร้องไปใครจะได้ยิน ไม่มีหรอก และปากดี นี้รุ่นไหนเนี๊ยะ”

“กูไม่ใช่พระเครื่อง ไม่ต้องมาถามเหรอกว่ากูรุ่นไหน และมันไม่ใช่เรื่องของมึง” คนตรงหน้าผมพูด ได้! เดี่ยวรู้ว่าเรื่องของใคร

“ปึก” ผมใช้มือดันไว้กับกำแพงคนที่ผมดันไว้ก็ไปไหนไม่ได้แม้จะพยายามหมุดหนีก็ตาม

“เฮ้ย!! ปล่อยกูน่ะ เพื่อนกูรออยู่ ไอ้สัส!! ไอ้เชี้ย ปล่อยกูดิว่ะ กูบอกให้ปล่อยกู ไอ้โรคจิต ไอ้ขาดความอุ่น ไอ้ไม่มีใครรัก” คนที่พยายามดิ้นออกแต่ผมไม่ยอมปล่อยเพราะว่ายิ่งด่าผมของมันยิ่งของขึ้น แต่ที่ด่ามาทั้งหมดนี้ผมไม่มีข้อไหนที่ตรงกับผมเลย

“อย่านะ ปล่อย!!!” ผมยิ่งแนบตัวเขาไปทาบกะว่าจะดันให้ทะลุกำแพงไปเลย และคนตรงหน้าผมก็พยายามดันผมออก พอเริ่มดันไม่ออกก็มองหน้าผม

“ปึก” ผมจับมือขึ้นขึงไว้เลย

“ปล่อยกูน่ะ ไอ้เชี้ย!! ไอ้พวกจิตฐาน ไอ้บ้าก้าม ไอ้ ไอ้ ….”

“ด่าเก่งนักใช่ไหม ได้ เดี๋ยวรู้” ผมพูดและประกบปากจูบทันที คนที่โดนจูบพยายามต่อต้านผม แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย ผมก็ยิ่งบดขยี้ มือที่จับแขนนั้นขึงอยู่เปลี่ยนมาเป็นจับใบหน้านั้นล็อกเอาไว้และใช้กายของผมดันคนนั้นแหนบไว้กับกำแพง ผมยิ่งบดขยี้หนักขึ้น กำปั้นนั้นก็ทุบอกผมไปด้วย ผมก็ไม่ยอมปล่อย ยิ่งทุบยิ่งจูบอ่ะ เอาซิ ผมเป็นคนชอบฮาร์ดคอร์ซะด้วย

“ทุบมาจะบี้ให้ปากเจ่อเลย” ผมพูดและก้มลงบดขยี้หนักขึ้นอีก

“โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงเพราะว่าคนที่ผมจูบกัดริมฝีปากผมได้เลือดเลย ผมเลยต้องปล่อย ผมใช้นิ้วเรียวๆ แตะที่ริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะมองคนที่ผมจูบเขาทรุดลงไปนั่ง หายในหอบ ไม่ใช่หอบเหนื่อย หอบแบบหายใจเร็วมากและดูท่าจะหายใจไม่ทัน

“เฮ้ย เป็นอะไรไปว่ะ” ผมถามคนที่นั่ง เขายกมือเหมือนจะไม่ไหว

“กระดาษ” คำที่พูดที่หลุดออกมา อย่างยากลำบากคือ เขาต้องการกระดาษเหรอ ผมรีบหันไปเห็นกระดาษA4 ที่ผมปริ้นตารางการเทรนเนอร์ตัวเอง ผมมาหนึ่งแผ่น หรือว่าจะเขียนบอกอะไรผมหรือเปล่าว่ะ

“เอาปากกาด้วยไหม” ผมหันไปถาม

“ไม่!! “เขาพูดเชิงโมโห “แฮ้กๆๆๆ” ดูหายใจถี่ขึ้น

“ก็ถามเพื่อจะเขียนสั่งลา” ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระดาษมาให้และเขาก็ทำท่าจะม้วน ผมเห็นมือไม้สั่นมาก ผมเลยอาสาม้วนให้เป็นกรวยและเขาก็จับมาครอบจมูกตัวเอง แต่มือนั้นสั่นมาก ผมเลยต้องเป็นคนจับให้และใช้แขนประคองให้นั่งเอนอยู่แบบนั้นเกือบสิบกว่านาที จนเริ่มหายใจปกติ และการหายใจก็ค่อยๆ ช้าลง ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ แต่จะว่าไปก็ยังเจ็บอยู่เลยนะเนี๊ยะ กัดมาได้คนอะไรก็ไม่รู้ ผมนั่งยอง ๆ อยู่ดูว่าไหวไหม ไม่ไหวจะไปเรียกคนมาช่วย

“ไหวไหม ถ้าไม่จะได้เรียกคนมาพาไปส่งโรงพยาบาล “ผมถามคนที่นั่งหลังพิงผนังห้องน้ำอยู่ เขาสั่นหัวเบาๆ ผมก็ขยับเข้าไปใกล้อีก

“พอแล้ว “คนตรงหน้ารีบใช้มือดันผมให้ออกจากตัวเขาทันที

“อะไรอีกเนี๊ยะ! “ผมถามคนที่พยายามผลักไสผมออก

“ออกไป! นั่งไม่รู้จักอายคนอื่นบ้าง ออกมาเป็นพวงแล้ว” ผมก้มลงมองอ้อ ไม่มีกางเกงใน เห็นของลับผมแล้วทำหันหน้าหนี

“ก็กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ใครจะอาบทั้งกางเกงในล่ะคุณ แล้วนี่หายดีแล้วเหรอ ที่เมื่อกี้หายใจหอบทำท่าจะขาดอากาศหายใจตาย พอดีขึ้นหน่อยปากดีเชียว เดี๋ยวเอาอีกรอบเลย คราวนี้ได้เขียนสั่งลาในกระดาษนี้แน่ๆ ” และท่าจะจัดให้หอบแบบเมื่อกี้อีกรอบ

“อย่าน่ะ ผมเป็น ไฮเปอร์เวนชั่น” คนนั้นรีบร้องห้ามผมทันที ผมก็พอจะเคยได้ยินมาบ้างตอนเป็นพี่ว้าก เพราะว่ามีน้องที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน ภาวะเครียดมาก ผมก้มลงคนที่นั่งอยู่ ผมลุกขึ้นยืน

“นี้นายเป็นใครถึงเข้ามาในนี้ได้”

“ผมเป็นเพื่อนบีม และผมมาเข้าห้องน้ำ “

“ทำไมไม่ไปเข้าห้องน้ำสำหรับแขกล่ะ”

“ห้องน้ำนั้นมันล๊อก และใครจะไปรู้ว่านี้ห้องน้ำส่วนตัว ที่หลังติดป้ายไว้ดิว่ะ” คนที่นั่งอยู่กำลังจะลุกขึ้น ค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะหันมาปรายตามองผม ผมเห็นโทรศัพท์มือถือสั่นอยู่พักหนึ่งแล้ว ก่อนนะชะเง้อมอง ไม่รับเหรอ เขามองผมก่อนจะแทรกตัวเดินออกไปหน้าตาเฉย ผมยืนใช้นิ้วเรียวๆ แตะที่ริมฝีปากเบาๆ ได้เลือดซิบเลย

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบเดินออกมา ผมเดินมาจับลูกบิดที่ห้องน้ำแขก มันล๊อกเอาไว้จริงๆ ด้วย สงสัยพี่มลคงจะมาล๊อกเพราะว่าเจ้าลูกโซ่เริ่มคลานได้ อาจจะเผลอผลักประตูเข้าไป และผมก็เดินออกมา ผมเห็นเจ้าลูกโซ่นั่งตัก ไอ้คนนั้นคนที่กัดปากผมซะจนได้เลือด ผมเดินมาหยุดมอง คนที่โดนผมจูบในห้องน้ำหันมาค้อนผมขวับเลย

“บีมไอ้คนนี้ใครวะ” ระยะประชิดมากเลยครับน้อง

“ถามพี่ก็ได้มั้งครับ พี่น่ะชื่อพี่ธันครับ เป็นเฮียของไอ้เธียรวิชย์ครับ “ผมตอบแทนบีม คนนั้นหันมามองผมก่อนจะก้มลงมองลูกโซ่

“ลูกโซ่ น่าสงสารเนอะ มีลุงโรคจิต” ผมสะบัดมามอง คนที่บอกหลานผมว่าผมโรคจิต ผมได้ยินมือถือคนนั้นสั่นตลอด

“ไม่รับสายล่ะ แฟนโทรมาแน่เลย ถี่ยิบขนาดนี้” ผมนั่งลงก่อนจะกระซิบข้างหูคนนั้น

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ มารยาทน่ะมีปะ” คนข้างๆ หันมาพูด

“แม้ปากดี ชื่ออะไรครับเนี๊ยะ” ผมถามแต่เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน

“นี่มีคนเขาถามแล้วไม่ตอบน่ะมันเสียมารยาทนะครับน้องครับ” ผมถามคนที่นั่ง อุ้มเจ้าลูกโซ่นั้งอยู่บนตัก

“ผมจะมีมารยาทกับคนที่ควรจะมีเท่านั้นครับ” เขาหันมาตอบผม ผมพยักหน้าเบาๆ ได้ถ้าไม่ยอมบอก ถามน้องสะใภ้ก็ได้ ถึงยังไงบีมต้องยอมบอกผมแน่ๆ

“บีมครับ เพื่อนชื่ออะไรเหรอครับ เฮียอยากรู้จักครับ” ผมถามบีมพร้อมกับชี้คนที่อุ้มเจ้าลูกโซ่อยู่

“ชื่อฟิล์มครับเฮียธัน “บีมหันมาตอบและคนที่อุ้มลูกโซ่หันขวับมามองผมทันที ผมก็ยักคิ้วกับลูกโซ่ หลายผมก็ทำท่าเลียนแบบเหมือนกัน บีมลุกขึ้นไปหาไอ้เธียรวิชย์ ผมเลยขยับเข้าไปใกล้

“มาหาลุงไหมครับ “ผมกางมือเรียกลูกโซ่ “ลุงมีของเล่นน่ะ” ผมรีบเอาของเล่นมาล่อใจ นั้นไง หันขวับมาและดีดตัวมาหาผมทำให้คนที่อุ้มไม่ทันตั้งตัว ผมเลยต้องรับน้ำหนักทั้งหลายผมและคนที่อุ้มไว้ด้วยอกชายสามศอกของผม พอลูกโซ่กอดคอผม ผมก็จับมาหอมแก้ม ส่วนคนที่นั่งน่ะชำเลืองตามองผม “เอิ้กๆๆ” “เจ้าลูกโซ่หัวเราะใหญ่เลย ผมก็หอมแต่มีคนอิจฉาเหลือกตามองบนก่อนจะหันไปมองทางอื่น ผมจับลูกโซ่ไปเกาะและคนนั้นก็หันขวับมาจะมาหอมแก้มลูกโซ่แต่ผมยกลูกโซ่หนีและแทรกตัวเข้าไปแทน

“ฟ้อด” หอมแก้มผมเต็มๆ ครับ

“เฮ้ย!” เขาร้องและใช้มือดันอกของผมออก แต่ผมสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจคนที่เอามือมาดันหน้าอกผมไว้ ใจเขาเต้นแรงมาก

“ถ้าตื่นเต้นจนหายใจติดขัดแบบเมื่อกี้ พี่พร้อมผายปอดให้เลยนะครับ “ผมกระซิบ

“ไอ้...” เขาจะหันมาด่าผม ผมชี้ที่เจ้าลูกโซ่ มีเด็กอยู่น่ะ อย่าใช่คำพูดไม่สุภาพ เฮียธีเดินเข้ามาพร้อมกับมิวพอดีเลย ทั้งคู่มองผม และเข้าลูกโซ่ก็กางแขนเพราะว่าแอบเห็นของเล่นที่เฮียธีซื้อมาให้ มิวก็กางแขนมาอุ้ม มิวน่ะรุ่นเดียวกับผม พอดีว่าน้องมะนาวคนสวยเดินออกมาพอดี และเห็นเฮียธีเข้า

“ไปรับน้องสาวมาเหรอคะ” มะนาวหันไปถามเฮียธี แต่บอกว่าเจ๊มิวเป็นน้องสาว

“เฮ้ย น้อง คนนั้นนิ” เฮียธีทำท่าชี้มาที่มะนาว

“ที่พี่ไปส่งไอ้บีมที่คอนโดมันนะคะ หนูยังจำพี่ได้แม่นเลยค่ะ แต่อีกคน เออ จำได้รางๆ” น้องมะนาวพูดก่อนจะหันมามองมิว

“อู้ยย!! ” เฮียธีที่เกียมัวมากหันไปมองเจ๊มิว เจ๊แกยืนยิ้มอยู่แต่ยิ้มนี้คงสยองของเฮียธีมากน่าดู

“น้องครับ บ้านพี่ไม่มีน้องสาวครับ มีแต่น้องชาย “เฮียธีพูดก่อนจะหันมาสะดุดที่เฮียธามที่เพิ่งจะเดินเข้าพาเพราะว่าแอบไปโทรศัพท์กลับมา

“ครึ่งหญิงครึ่งชาย” เฮียธีพูด “โอ๊ย! ดีไม่บอกว่าครึ่งบกครึ่งน้ำล่ะเฮีย “เฮียธามพูด

“เฮียล้อเล่น” เฮียธีรีบแก้ทันที เพราะว่าเจ๊ธามไม่ธรรมดาแต่ดีเจ๊แกแค่สะบัดบ๊อบใส่ ตามมาด้วยท่าเดินสะบัดสะบิ้งไปทันที และแน่นอนตอนนี้เฮียแกทำได้อยู่เพราะว่าป๊ายังไม่ลงมา

“อ้าวแล้วเขาคือใครอะคะ แฟนคลับเหรอคะ” น้องมะนาวชี้ไปที่พี่มิว

“ตกลงนี้จะให้พี่โสดให้ได้ใช่ไหมครับ ถ้าเป็นงั้นพี่คงได้ตายก่อนโสดแน่ๆ “เฮียธีพูด

“อีมะนาว เขาเป็นแฟนกันไง “ใบชารีบตอบแทน

“ฮะ” น้องมะนาวร้อง พวกผมพากันยกมือมาเกาศีรษะพร้อมๆกันผมกับเฮียธี และไอ้เธียรวิชย์มันเดินออกมาพร้อมกับบีม และเจ้าลูกโซ่ก็หันไปหาไอ้เธียรวิชย์ให้อุ้ม และมันก็แบมือขอลูกมันไปอุ้ม น้องมะนาวหันขวับมาทางผมทันที

“แสดงว่าเหลือพี่อีกคนใช่ไหมคะ “ผมสะบัดหน้าไปมองเขาพร้อมกันส่ายหน้าเบาๆ และโชคดีที่ม๊าเดินลงมากับป๊า

“ไปทานอาหารกันดีกว่าลูก “ม๊าเดินมาบอกพวกผม ก่อนก้มลงมองคนที่นั่งข้างๆ ผม

“สวัสดีครับ” คนข้างๆ ผมยกมือไหว้ม๊าของผม

“ผมชื่อฟิล์มครับ ผมเป็นเพื่อนบีมครับ” เขาแนะนำตัวกับม๊าของผม

“อ้าวเหรอ นี่พึ่งจะมาถึงใช่ไหมเราน่ะ” ม๊าผมถามคนข้างๆ ผม

“ใช่ครับ และพอมาถึงผมก็เลยวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ “คนข้างๆ ผมตอบแบบเขินๆ ผมก็มามองและท่าท่าคิดก่อนจะ

“เลยเข้าห้องน้ำผิดว่างั้น เพราะว่ารีบ หรือตั้งใจกันแน่” ผมพูด คนที่ยิ้มให้ม๊าผมอยู่ ก็หันขวับมามองผม ม๊ามองผมสลับกันอีกคน

“กินข้าวได้ยังอะม๊า ผมหิวแล้วอ่ะ” ผมรีบอ้อนม๊าผมทันทีกลบเกลื่อน

“งั้นก็ไปทานอาหารกันได้แล้ว” ม๊าบอกผม

“ม๊าชวนหนูใช่ไหมคะ” มะนาวลุกพรวดขึ้นทันที

“ม๊าชวนทุกคนแหละ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวอาหารเย็นหมดไปลูกไป เราด้วยนะฟิล์ม “ม๊าบอกทุกคนก่อนจะแตะไหล่ของฟิล์ม ผมหันมามองคนที่ลุกขึ้น เขาเหลือบมองโทรศัพท์มือถือแต่ก็จับมันหยัดใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย

“ฟิล์ม ทำไมไอ้เป็กซ์ไม่มาว่ะ”

“ไม่รู้แม่งว่ะ ว่ะกูโทรแล้ว มันไม่รับสายเลย ทั้งที่กูคุยกับมันตอนเช้าน่ะยังคุยดีอยู่เลย แต่พอบ่ายกูชวนมาหามึงอ่ะ มันก็ เงียบและมันก็บอกว่ามีธุระด่วนน่าจะเสร็จไม่ทัน” ผมบังเอิญได้ยินเพราะว่าเดินตามหลังเขามา

“มันโกรธอะไรกูเปล่าว่ะ” บีมพูดถามเพื่อน ผมเดินช้าลงเพื่อแอบฟัง แต่เอ๊ะ! ทำไมผมอยากรู้ก็ไม่รู้ ผมคิดถามที่เขาคุยกันจนเสียงเงียบนั่นแหละผมถึงได้เงยหน้าขึ้นและ ผมก็เกือบจะชนคนข้างหน้าที่หันและหยุดเดินกะทันหัน เขามองผม และโชคดีที่ผมเบรกทันไม่งั้นคงได้กอดคงตรงหน้าโชว์น้องสะใภ้

“แอบฟังเหรอ บอกแล้วไง มารยาทน่ะมีหน่อยน่ะ” อยู่ ๆ ก็หันมาว่าผม ผมชี้หน้าตัวเอง

“ไอ้ฟิล์ม!!” บีมรีบห้ามเพื่อนเขาทันที และหนุ่มกวนผมคนนั้นก็เดินผ่านผมไป วันนี้อาหารเต็มโต๊ะกว่าทุกวัน บีมเขานั่งใกล้ๆ กับเพื่อนๆ ของเขา ดูบีมกับเพื่อนๆ สนิทกันมาก พูดคุยกันสนุกสนาน มะนาวและใบชา ดูเป็นลูกรับลูกส่งมุขกันดี แต่อีกคนที่ชื่อฟิล์มเหมือนจะไม่ค่อยสนุก ผมหันมาอีกคน คนนี้สนุกสนานมากแต่กับการตักอาหารกระจัดกระจายไปทั่ว คือเจ้าลูกโซ่ ไอ้เธียรวิชย์มันเลยต้องคอยป้อนแทนบีม

“มัม มัม มัม” ลูกโซ่เขาตักอาหารเด็กมาจะป้อนเจ้าเธียรวิชย์

“ไม่เอาเต้าหู้ ป๊าไม่กินอันนี้น่ะ กินไปซนจริงๆ เลย อยากรู้จริงๆ ว่าม๊าเขาใจเย็นป้อนเราได้ไงว่ะเนี๊ยะ อย่าสะบัดมันเลอะป๊า ป๊าอาบน้ำแล้วน่ะ “ไอ้เธียรวิชย์มันป้อนข้าวลูกและบ่นลูกมันเป็นหมีกินผึ้งเลย

TBC........


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
             
EP.24.1 (เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1

          ตลอดการทานอาหารเย็นวันนี้พิเศษกว่าทุกวันก็ตรงที่มีเพื่อนๆของบีมมาทานด้วย ผมเพิ่งรู้ว่าฟิล์มทำงานบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟห้าแห่งหนึ่ง เขาเป็นสเมียน ผมคิดว่าเขาน่าจะได้งานที่ดีกว่านี้และเขาก็ต้องเข้าทำงานเป็นกะด้วย นั้นคือเขาต้องทำกะกลางคืนด้วย หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ผมเห็นพวกบีมกับเพื่อนๆของเขาเดินไปจับกลุ่มคุยกันเหมือนมีเรื่องซีเรียสมาก แต่ว่าโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมหยิบมาดู เป็นข้อความจากพี่ลินดา

// ถ้าคืนนี้ธันไม่มาหาพี่ เราเลิกกัน เพราะว่าพี่ไม่ชอบคนที่ไม่เสมอต้นเสมอปลาย” ผมแอบเหลือกตาขึ้นบน

//ผมบอกว่าผมอยู่บ้านไงคุณลินดา//

//มาหาด้วย เพราะว่าพี่ไม่ไปบาร์โฮสต์ พี่รอธันนะคะ “และผมก็ต้องส่ายหัว เบื่อมาก ผมเลยเลือกเดินกลับขึ้นห้องจะไปเตรียมตัว ไปหาลินดา ผมเดินลงมา

“อ้าวธันจะไปไหนนะเรา” ม๊าถามผม

“ผมจะไปนอนคอนโดครับม๊า เพราะว่าผมมีงานแต่เช้า” ผมบอกม๊า ใช่ครับผมโกหกม๊า ผมกวาดตาไปรอบๆเพื่อมองหาเจ้าลูกโซ่ พรุ่งนี้ไม่ได้หอมหลานก่อนไปทำงานเลย

“ง่วงนอนแล้วครับเฮียธัน นั่งโงกแล้วผมเลยให้พี่เธียรเป็นคนพาหลานพี่ขึ้นไปนอนแทนครับ” บีมหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ แต่ก็แอบกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดที่หนุ่มคนนั้น แต่ว่า

“เฮียธีกลับแล้วเหรอม๊า” ผมหันมาถามม๊าผม

“กลับไปแล้วแหละ ตอนแรกว่าจะค้างแต่ดันเปลี่ยนใจเหมือนกัน” ม๊าหันมาบอกผม

“งั้นพวกหนูกลับเลยนะคะ แม้รู้อย่างนี้ไม่น่าเอารถมาเลยจะได้กลับพร้อมพี่ธัน” มะนาวหันมาพูดกับผม ทำตาชวนฝันใส่ผมแอบบนี้ ขนแขนผมรุกทันที

“แล้วบ้านน้องมะนาวอยู่ไหนครับ” ผมถามน้องมะนาว แต่ในใจภาวนาอย่าใกล้กับคอนโดผมเลยน่ะ สาธุ!!

“บางแคค่ะ” น้องมะนาวตอบผม ดีใจยิ่งกว่าถูกแจ็คพ๊อตอีก

“พี่ไปทางห้วยขวางครับ” ผมตอบน้องมะนาว ชักสีหน้าเสียดายแต่ในใจ บุญแท้ๆเลยธันเอ๊ย

“งั้นหนูให้ย้ายไปก็ได้นะคะ” มะนาวพูด ผมสะบัดหมามอง เอาจริงเหรอ  ลงทุนไปหรือเปล่า

“เฮ้ย!!! ” พวกเพื่อนน้องอุทานด้วยความตกใจพร้อมเพียงกัน “ไม่ได้เหรอ” มะนาวยังมีหน้าไปถามเพื่อนอีกเหรอครับ

“อีโรคจิต!!! ” เพื่อนมะนาวที่ชื่อใบชาพูด

“ล้อเล่นนะคะพี่ธัน” มะนาวพูดผมก็พยักหน้าค่อยโล่งอกไปหน่อยที่น้องเขาไม่ได้คิดจริง” แต่ก็คิดจริงนะคะ” อันนี้แหละครับที่ทำให้ผมสะดุ้ง

“อยู่ที่เดิมของน้องนั่นแหละครับดีแล้ว” ผมรีบบอกมะนาวทันที

“เออ พี่ธันครับเพื่อนผม ไอ้ฟิล์ม มันบ้านมันอยู่ไม่ไกลจากห้วยขวางอ่ะครับ และวันนี้มันไม่ได้เอารถมา ผมฝากไปด้วยได้ไหมครับพี่ “คนที่ชื่อใบชาพูด ผมหันมามองฟิล์มที่หันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนทันที

“ได้ซิครับ พี่ใจดี หน้าตาก็ดีและ “ผมหันไปพูดและมองคนที่ยืนขมวดคิ้วรอ “ลีลาก็ดี” ผมอันนี้ผมรีบกระซิบบอกทันทีเพราะว่าไม่ได้ยืนอยู่ไกลจากผม เขาสะบัดหน้ามามองผม

“ไม่เอาอ่ะ นั่งแท็กซี่ดีกว่า” ฟิล์มรีบปฏิเสธผมทันทีเช่นกัน กลัวผมตรงลีลาดีนี้แน่ๆ

“ให้เฮียธันเขาไปส่งก็ได้ลูก จะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่และแท็กซี่จากในหมู่บ้านนนี้ไม่ค่อยมีนะ เพราะส่วนใหญ่มีรถกันทุกบ้าน กว่าจะออกไปก็ไกลอยู่ ม๊าเป็นห่วงลูก “ม๊าผมพูด ม๊าแอบช่วยลูกหรือเปล่า หันไปยิ้มกับม๊า

 “และไม่ต้องเกรงใจหรอก ไหน ไหน พี่เขาก็ผ่านอยู่แล้ว” ม๊าหันไปพูดกับฟิล์ม เขาทำสีหน้าเกรงใจม๊าผม

“ทางผ่านอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ ธัน” ม๊าหันมาถามผมอีกที ผมก็พยักหน้าว่าใช่

“นั้นซิฟิล์ม มึงไปกับเฮียธันแล้วกัน กูเป็นห่วงมึง ไม่อยากให้มึงนั่งแท๊กซี่คนเดียว” บีมรีบบอกเพื่อน เขาหันมามองผม ก่อนจะพยักหน้าแบบขอไปที และผมก็หันไปหยิบกุญแจรถคันหรูของผม จังหวะที่คนอื่นๆ เดินไหว้ลาม๊าผมกับป๊าผม ผมก็เดินมากระซิบข้างหู

“กลัวพี่เหรอ “ผมกระซิบถาม

“มึงคิดว่ากูควรจะไว้ใจคนที่จูบกูโดยที่ไม่ได้รู้จักกูมาก่อน” คนที่ผมกระซิบด้วยบอกผม ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนๆ ไปไหว้ป๊ากับม๊าของผม แต่โทรศัพท์ผมมันก็ดังจนน่ารำคาญ ผมเลยต้องเดินเลี่ยงออกไปและเข้าไปในรถคันหรูของผม รถสปอร์ตนำเข้า แรงได้ใจทีเดียว ผมชอบรถแรงเพราะว่าผมเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน

“พี่ลินดา ผมจะไปแล้วพี่เลิกโทรได้ไหมครับ ผมไม่ชอบพี่ก็รู้” ผมรับสายเธอ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เดือนแรกแสนดี ไม่โทนตามไม่โทรจิกแต่ตอนนี้จิกยังกับไก่เลย

“และที่พี่ไม่ชอบทำไมธันไม่เคยรู้” พี่ลินดาพูด ผมถึงกับสูดลมหายใจเพื่อจะได้ไม่ระเบิดมันออกมา นี้มันหลายครั้งแล้วน่ะ

“และนี่พี่ก็แค่จะถามดู ว่าธันออกมาหรือยัง พี่เหงาค่ะ มีแฟนก็อยากอยู่กับแฟนให้แฟนเอาใจค่ะ”

“ผมก็อยากอยู่กับครอบครัวบ้างนี่ครับและผมกับพี่เรายังไม่ใช่แฟนกันครับ เรียกว่ากำลังลองคบอยู่ “ผมบอกพี่ลินดา

“และสงสัยว่า”

“พอแล้วไม่ถามมากก็ได้ และมาด้วยนะคะ พี่รอค่ะ” พี่ลินดาพูด

“เอาเป็นว่าผมกำลังจะไปนะครับ แค่นี้นะครับ” ผมรีบพูดก่อนจะกดวางสาย ผมหันมามองคนที่เข้ามาในรถของผม ต้องทนนั่งรถไปกับผมละซิ ดูจากสีหน้าและคิ้วหนาๆ ที่ขมวดจนเกือบชนกัน มันรับกับปลายจมูกโด่งจนเป็นสันคม ผมสังเกตตอนที่เขาหันไปยิ้มกับม๊า เขามีเขี้ยวด้วย ผมชอบคนมีเขี้ยวซะด้วย เห็นแล้วใจสั่นเลย ผมยิ้มกริ่มมองคนนั่งข้างๆ เพลินไปหน่อย

“ไม่ออกรถละครับ หรือว่ารถพี่มัน เป็นไทม์แมสชีนทะลุมิติเวลาได้แบบว่าเปิดประตูลงไปนี้ผมก็เจอบ้านผมเลยนะครับ” เจ็บเลยครับผม เด็กมันเล่นซะแล้วครับ

“อันนั้นมันประตูโดเรม่อนครับ พี่เคยดูตอนเด็กๆ” ผมหันไปบอกคนข้าง กวนได้ใจธันจริงๆ

“และพี่เราก็ใส่ข้อมูลที่อยู่ของเราลง GPRS ให้พี่อยู่ครับ พี่จะได้ไปส่งได้ถูกๆ “ผมบอกคนนั่งข้างๆ เขาหันไปมองที่หน้าจอและมองหน้าผม

“ถ้าไม่บอกพี่ เดี๋ยวพี่พาไปนอนคอนโดพี่เลยน่ะ รับรองได้มากกว่าในห้องน้ำแน่ๆ และถ้าอาการกำเริบขึ้นมาอีกนะ พี่จะอาสาผายปอด เอาให้หอบไปด้วยกันเลย “ผมหันมาพูดกับคนข้างๆ ผม มือจับพวงมาลัยรถและพยายามโน้มตัวไปหา และคนที่ได้ยินถึงกับรีบพิมพ์ที่อยู่ตัวเองลงไปทันที และแผนที่ก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอรถผมทันที คนข้างๆ ก็ปรับเอนเบาะไปด้านหลังหน่อย ก่อนจะนั่งเอนพิงหลังพร้อมกับอยู่ในท่ากอดอก มันทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้

ผมก็ออกรถทันที คนที่นั่งข้างๆ ก็เอาแต่เล่นมือถือไม่ชวนผมคุยเลยสักนิด ผมหันมามองเป็นระยะๆ ก่อนจะขับไปเรื่อย ๆ มือถือผมก็มีข้อความเข้ามาตลอดจนผมเริ่มเบื่อ สงสัยจะไม่ได้ไปแล้วแหละผมว่า ผมขับมาถึงที่อยู่ที่น้องเขาป้อนเอาไว้  น้องเขาก็กำลังจะลงจากรถแต่เปิดประตูไม่ได้ ผมหันไปมองเขา ขอคำขอบคุณสักหน่อย

“อะไรอีกอ่ะ” เขาหันมาถมผม

“อ้าว! ขอบคุณไงครับ พี่อุตส่าห์ขับมาส่งน่ะ ไหนน้องพูดว่าควรมีมารยาทไงครับ “ผมพูดพร้อมกับเลิกคิ้วมองคนที่หันมามองผม

“ขอบคุณ” คำขอบคุณที่เปล่งออกมามันเร็วและเบามาก ผมเลยรีบปลดเข็มก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มาก จนคนข้างๆ ผมหันมามองและถอยหลังจนด้านหลังเขาติดประตู

“พี่ได้ยินไม่ชัดนะครับ สงสัยหูตึงไปหน่อย” ผมขยับเข้าไปใกล้อีก เอาขยับหนีก็ขยับไปหาซิ แต่เปิดประตูหนีไม่ได้หรอกเพราะว่าผมกดล๊อกประตูเอาไว้

“ขอบคุณ พอใจหรือยัง จะได้เข้าบ้าน” คนที่ผมบอกให้กล่าวคำขอบคุณ ก็ทำท่ากลั้นใจก่อนจะบอกผมเสียงดัง และผมก็ถอยหลังมานั่งตามเดิมและกดปลดล๊อกประตูให้ หนุ่มคนนั้นรีบก้าวเท้าลงจากรถทันทีเหมือนกลัวไม่ได้ลง ผมก้มลงมองบ้านเขาเป็นบ้านทรงทันสมัยหลังเล็กๆ นี้บ้านเขาเหรอ ผมก็หันมามองโทรศัพท์ของผม ก่อนจะสูดลมหายใจออกมายาวๆ

“ทำไมยังไม่ถึงอีกล่ะธัน ตกลงจะมาไหมคะ” พี่ลินดาส่งข้อความเหมือนเร่งผม

“พี่ลินดา พี่อย่าเยอะได้ป่ะ ผมไม่ไปแล้ว ผมจะกลับบ้านแล้วน่ะ” ผมตัดสินใจโทรบอกเธอทันที ไปก็ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น

“ธัน พี่รอธันอ่ะ ธันไปไหนมา ไปแวะส่งใคร!”

“ผมมาแวะส่งน้องที่เป็นเพื่อนของน้องสะใภ้ผมครับ “

“พี่ไม่เชื่ออ่ะ” ผมต้องพ่นลมหายใจออก ผมนี้พยายามใจเย็นที่สุดแล้วน่ะ

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อดิพี่ ผมว่าพี่เยอะไปแล้ว เราเลิกกันเถอะ!!”

“ธันมีคนอื่นใช่ป่ะ”

“ผมไม่มีคนอื่น แต่ผมไม่ชอบคนจู้จี้จุกจิก พี่ไม่ใช่แม่ผมน่ะ โอเคน่ะพี่ลินดา เราเลิกกัน และผมไม่ไปแล้วและไม่ต้องโทรหาผมอีกนอกจากเรื่องงาน ตรู้ดๆๆๆ “ผมพูดก่อนจะกดวางสาย ผมก็จะไปนอนคอนโดของผมเหมือนเดิมแต่ว่าผมเห็นมีคนเดินมากระชากแขนฟิล์ม และเหมือนจะคุยกันสงสัยแฟนแน่ๆ คนที่โทรหยิกๆ แน่นอน ผมก็กำลังเปลี่ยนเกียร์ แต่ว่าไอ้คนนั้นมันต่อยฟิล์มลงไปกองกับพื้น อ้าว! ผมก็รีบลงเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ว่างทันทีเพื่อเข้าจอด ก่อนจะลงมาจากรถ

“มึงไปกับใครมา!!”

“กูไปกับใครก็เรื่องของกู กูบอกว่าเลิกก็เลิกดิว่ะ มึงไม่ใช่แฟนกูแล้ว กูทนมึงมามากพอแล้วพี่เอ็ม “น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเก็บกดมานาน ผมยืนเอามือเท้าเอวมอง

“มึงมีคนใหม่ใช่ไหม” ไอ้คนที่ยืนจังก้ามันถลกแขนเสื้อขึ้น

“เดี๋ยวบั๊ด!!” มันทำท่าจะลงไปต่อยฟิล์มซ้ำอีก

“เฮ้ย! มึงไปต่อยเขาทำไมว่ะ” ผมถามไอ้คนนั้น และมันก็หันมามองหน้าผม หน้ามันกวนตีนได้โล่มาก น่ามอบรางวัลให้เลย กวนตีนแห่งชาติ น่ะไม่ใช่สามีแห่งชาติ

“นี้ผัวใหม่มึงเหรอไอ้ฟิล์ม” มันหันมาชี้หน้าผม และหาว่าผมเป็นผัวใหม่น้องเขาด้วย ฟิล์มค่อยๆ ลุกขึ้นมายืน ก่อนจะหันมามองผม เขาส่ายหัวเล็กน้อยเหมือนกับว่าผมนี้ผิดที่ลงมาจากรถ

“ไม่ใช่เรื่องของมึงพี่เอ็ม ไปได้แล้วกูจะเข้าบ้าน และกูไม่อยากให้แม่ออกมาเห็น มึงทำเชี้ยๆ แบบนี้กับกู “ฟิล์มบอกคนที่ยืนมองจ้องผมอยู่

“และพี่กลับไปได้แล้วพี่ธัน” เขาหันมาบอกผมอีกคน อันนี้บอกหรือไล่ผมว่ะเนี๊๊ยะ คนอุตส่าห์ลงมา

“หมับ” ไอ้คนนั้นมันคว้าแชนฟิล์มและดึงกระชาก แต่ฟิล์ม สะบัด และไอ้นั่นมันก็ทำท่าจะต่อยฟิล์มอีก ผมเลย

“ผลั๊ว” สวนอากาศไปให้หนึ่งที ไอ้คนนั้นมันกระเด็นไป และผมก็ตามไปชี้หน้ามัน

“มึงบ้าหรือเปล่าว่ะ น้องเขาบอกว่าเขาจะเข้าบ้าน และถ้ามึงคุยกับเขาๆ ดีดีไม่ได้ ก็มาคุยกันวันหลังดิว่ะ ไม่ใช่มาทำร้ายเขาแบบนี้เพราะว่ามึงหัวร้อนและแฟนกันเขาไม่ทำร้ายกันหรอกว่ะ “ผมพูด มันมองหน้าผมก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมา

“มึงเสือกอะไรด้วย! กูนี้ผัวมัน! ” มันหันมาตะคอกถามผม

“แฟนกัน มึงควรให้เกียรติแฟนมึงหรือเปล่าว่ะ” ผมถามมันกลับเพราะว่ามันเล่นมาทำเขาที่หน้าบ้านเลยแบบนี้

“กูจะให้หรือไม่ให้ไม่เกี่ยวอะไรกับมึง “มันหันมาด่าผม ก่อนจะคว้าแขนฟิล์มแต่ผมจับมือมันและบีบจนมันยอมปล่อย

“ไอ้สัส!!” มันถอยหลังออกไปและหันมาชี้หน้าผม

“ได้มึงอยากลองตีนกูใช่ไหม” มันถามผมและวิ่งผ่าตรงมาหาผม พร้อมกับปล่อยหมัดมาที่ผมทันที ผมโยกหลบ และสวนมันกลับไป

“ผลัวะ!” หมัดผมเข้าไปเต็มๆ ใบหน้าไอ้คนนั้นแน่นอนผมปล่อยหมัดได้แม่นมากและคนที่โดนต่อยมันหน้าหงายไปทันที

“กูเรียนต่อยมวยมาว่ะไอ้สัส!!” ผมพูดก่อนจะเดินลงไปซัดต่ออีกสองสามมัด จนไอ้คนนั้นหมอบไปเลยกับพื้น

“พอเถอะพี่ธัน!! “ฟิล์มเข้ามาห้ามผม ผมหันไปมองฟิล์ม “มันซ้อมเรายังเป็นห่วงมันอีกเหรอ” ผมถามฟิล์ม

“อย่าไปต่อยกับมันเลยพี่ธัน พี่น่ะดีกว่ามันเยอะ และพี่เป็นถึงผู้บริหาร ผมว่ามันไม่คุ้มกัน” ผมหันมามองคนที่ห้ามผม ผมเลยถอยหลังออกมา

“มึงดูไว้นะ!!  ขนาดมึงซ้อมเขา เขายังเข้ามาห้ามกูและมึงเป็นแฟนภาษาอะไร มาซ้อมเขาขนาดนี้ เป็นใครก็ไม่อยากอยู่กับมึงหรอก”  ผมด่ามัน มันก็ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นและผมได้ยินเสียงฝีเท้า คนเดินกึ่งวิ่งมา

“ฟิล์มเกิดอะไรขึ้นนะลูก” ผู้หญิงเลยวัยกลางคนไปแล้ว เดินออกมาถามฟิล์ม

“ไอ้นี่มันมาอีกแล้วเหรอ มันมาทำร้ายลูกอีกแล้วเหรอฟิล์ม” แสดงว่ามันมาทำร้ายฟิล์มบ่อย

“ครับแม่” ฟิล์มพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“แล้วคนนี้ใครล่ะ” แม่ของฟิล์มถาม ผมหันไปยกมือไหว้

“พี่เขาเป็นพี่ชายแฟนของไอ้บีมน่ะครับแม่” ฟิล์มเขาบอกกับแม่ของเขา

“กูจะแจ้งตำรวจมีทำร้ายกูไอ้สัส!” มันพูดว่าผมทำร้ายมัน และจู่ๆ ก็มีตำรวจขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอด พร้อมกับสายตาเพื่อนบ้านที่ออกมามุงดูตอนไหนก็ไม่รู้ และนายตำรวจสองนายนั้นก็เดินตรงมาทางที่ผมมีเรื่องกันทันที ก่อนจะมองไอ้คนที่ผมต่อยมันลงไป

“สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจโทรชานนท์ ผมได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นที่หน้าบ้านเลขที่ 68 ก็คือหลังนี้ เขาแจ้งให้ผมเข้ามาตรวจสอบเพราะว่านี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก “นายตำรวจติดยศเอ่ยถามขึ้นก่อนจะมองหน้าทุกคน

“ผมขอดูบัตรประชาชนหน่อยครับ” คุณตำรวจพูดก่อนจะแบมือขอบัตร ผมก็รีบหยิบให้จากกระเป๋าสตางค์ของผมและไอ้ปากดีนั้นด้วย พอคุณตำรวจเห็นนามสกุลผมก็เงยหน้ามอง ใช้คำนามสกุลคนดัง ไฮโซเหมือนกันแต่ไม่ต้องแสดงตัวเท่าไหร่ ส่วนไอ้ที่เบ่งนี้ผมก็มรู้มันลูกเต้าเหล่าใคร

“คุณตำรวจครับ ไอ้นี่มันต่อยผมครับ มันทำร้ายผมครับ นี้ถ้าคุณตำรวจไม่มา มันฆ่าผมแน่ๆ ครับ นี้ผมเจ็บมากนะครับ “ผมหันไปมองไอ้คนที่ยืนอยู่มันทำเป็นเจ็บมากเพื่อโชว์เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ คุณตำรวจสำรวจผม ผมแบมือว่าไม่มีอาวุธจะฆ่ามันได้ยังไง

“คุณต่อยเขาเหรอครับ” คุณตำรวจหันมาถามผม

“ใช่ครับ ผมต่อยมันแต่ว่ามันทำร้ายน้องคนนี้ก่อน” ผมพูดและชี้ไปที่ฟิล์ม ฟิล์มพยักหน้ากับคุณตำรวจ” และน้องคนนี้เขาเป็นเพื่อนกับแฟนน้องชายผมครับ ผมเลยต้องปกป้องเขาในฐานะคนที่เห็นเหตุการณ์และคิดว่ามันไม่ถูกต้อง “ผมหันมาพูดกับคุณตำรวจหนุ่ม เขาพยักหน้า

“เขาคนนี้ทำร้ายคุณใช่ไหมครับ คุณ….” คุณตำรวจหันไปถามฟิล์มบ้าง

“ใช่ครับ เขามาทำร้ายผมที่หน้าบ้านของผมและนี้ไม่ใช่ครั้งแรกครับ “ฟิล์มตอบ

“มึงเข้าข้างมันเหรอ เดี๋ยวมึงได้เห็นดีกับกู” นั้นยังอีกคราวนี้คุณตำรวจรู้เลยว่าใครกันแน่ที่เป็นอันตพาล คุณตำรวจหันไปชำเลืองตามองไอ้ปากดีนั้น

“ดูท่านายจะไม่ได้เจ็บจริงนะ “คุณตำรวจเอ่ยปากถามคนที่ลุกขึ้นมาชี้หน้าฟิล์มและผม มันหันมามองคุณตำรวจ ผมแอบคิดในใจ โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ดีกว่าไหม

“แต่มันก็ต่อยผมน่ะ ผมไม่ยอมความนะครับ” ไอ้ปากดีมันหันมาพูดกับบุคคลในเครื่องแบบ

“เอาอย่างนี้ ไปให้ปากคำที่โรงพักทั้งคุณและเขาและก็เราด้วยเชิญครับ” คุณตำรวจบอกผมและไอ้ปากดีนั้น ผมหันมามองฟิล์มก่อนจะพยักหน้าว่าไปโรงพักกัน

“ไปที่โรงพักเลยนะครับ อยู่ปากซอย” คุณตำรวจหันมาบอกผมอีกครั้งเขายึดเอาบัตรประชาชนของผมและคนที่ผมต่อยมันไปด้วย ผมหันมามองฟิล์ม จะไปกันยังไง

“แม่อยู่บ้านน่ะ ผมไปคนเดียวดีกว่า “ฟิล์มหันมาบอกแม่ของเขา

“ฟิล์มไปรถพี่นะครับ” ผมหันไปบอกฟิล์ม

“มึงต้องไปรถกู” ไอ้คนนั้นมันรีบบอก

“กูไม่ไปรถมึงพี่เอ็ม และกูกับมึงก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ตั้งแต่ที่มึงไปเอาเด็กที่ทำงานกับมึงน่ะ กูบอกแล้วว่าถ้ามึงทำอีกกูเลิก มึงเข้าใจที่กูพูดป่ะ” ฟิล์มหันไปบอกไอ้คนนั้น

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
(Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1

EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.2

       ฟิล์มหันไปพูดกับไอ้นั้นก่อนจะเดินมาขึ้นรถผมทันที ผมกดโทรหาเฮียธีทันที ส่วนฟิล์มเองก็นั่งเงียบไม่พูดอะไรเลย ผมเลยเดาไม่ถูกว่าเขาเสียใจที่ผมต่อยไอ้คนนั้นหรือว่าไง จนเฮียธีกดรับสายผม

//ว่าไงธัน// เฮียธีรับายผม
//เฮีย ผมมีเรื่องอ่ะครับ นี้กำลังจะไปโรงพักแถวรัชดาด้วยเฮีย” ผมบอกเฮียธี แต่ไม่กล้าโทรไปบอกป๊า
//เรื่องอะไรวะธัน //เฮียธีถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจพอสมควร
//ผมมีเรื่องชกต่อยเฮีย พอดีมีคนมาต่อยเพื่อนบีมผมเลยลงไปช่วย และก็ต่อยมันแทนครับเฮีย//
//โอ้วเยี่ยม!! สวมบทพระเอกเลย//เฮียธีกล่าวชมผมผ่านทางโทรศัพท์ทันที
//คู่กรณีมึงเป็นไงบ้างล่ะ//
//ยังปากดีได้อยู่ นี้ต้องไปที่โรงพักก่อน//
//เออเฮียไปเดี๋ยวนี้// เฮียธีบอกผมทันที เฮียธีอยู่ไม่ไกลจากที่นี้เท่าไหร่

   หลังจากที่ผมกดวางสายและผมก็ออกรถทันทีที่ฟิล์มเข้ามานั่งในรถ เขาเงียบไปตลอดทาง ผมหันไปเห็นที่มุมปากของฟิล์มมีเลือดซิบ ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและส่งไปให้ฟิล์มซับเลือดที่มุมปากนั้น จะเช็ดให้ก็เกรงใจ เพราะสีหน้าของเขาไม่รู้ว่าเขาเสียใจหรือว่าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่

“พี่ถามจริงๆ นะฟิล์ม มันทำร้ายเราบ่อยเหรอฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม ฟิล์มหันมามองหน้าผม ก่อนจะดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกงสแลคนั้นและก็ถลกชายเสื้อขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องที่มีรอบช้ำเป็นจั้มๆเลย เห็นแบบนี้ผมตกใจเหมือนกันน่ะ

“ทนได้ยังไงเนี๊ยะฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม

“คือว่า มันเคยช่วยเรื่องเงินกับผมอ่ะพี่ และนี้มันก็ฝากผมเข้าทำงานแต่ว่ามันเป็นคนโมโหร้ายครับพี่” ฟิล์มพูดก่อนจะหันมามองผม ผมพยักหน้า ผมขับมาจนถึงสถานีตำรวจ

   ผมหันมามองไอ้คู่กรณีที่ขับรถมาถึง พอมันก็เดินออกมาจากรถได้มันชี้หน้าฟิล์ม แต่ผมน่ะทำนิ้วเฉือดคอใส่มัน มันรีบเดินขึ้นไปด้วยความโมโห ผมกับฟิล์มตามมันขึ้นไปเช่นเดีววกัน ผมพากันเดินไปนั่งตามที่คุณตำรวจที่ผมเจอเมื่อสักครู่ผายมือบอก ผมดูจากป้ายชื่อ สารวัตรสืบสวนสอบสวน ผมสองคนนั่งลงแต่ห่างจากไอ้ปากดีหน่อย

“ตกลงใครทำร้ายร่างกายใครก่อนครับ คุณหรือเขาและทำไปเพราะอะไรครับ หึงหวง หรือว่ามองหน้ากันแล้วไม่พอใจเลยต่อยกันครับ” คุณตำรวจถามก่อนจะมองผมสามคน ผมหันไปมองไอ้เวรนั้น ระหว่างนั้นเฮียธีก็มาถึงพอดี พร้อมกับเฮียธามและไอ้ตี๋น้อยแต่สองคนหลังนี้ทำให้ผมงง มันมาได้ยังไงเร็วมาก แสดงว่าไอ้เธียรวิชย์เป็นคนขับมาแน่ๆ ไอ้นี่มันขับรถเร็ว ส่วนไอ้คู่กรณีผมน่ะยังไม่มีใครโผ่มาประกันตัวมัน

“เขาทำร้ายผมก่อนครับคุณตำรวจและพี่เขาก็เข้ามาช่วยผม เพราะว่ามันจะเข้ามาซ้ำผมอีกครับ” ฟิล์มเป็นคนพูดก่อน

“ก็มึงมันร่านไปกับคนอื่น” ผมหันไปมองหน้าไอ้ที่ด่าว่าฟิล์ม คุณตำรวจหันไปมองหน้า

“ที่นี้สถานีตำรวจนะครับ รบกวนให้เกียรติสถานที่หน่อยนะครับ” คุณตำรวจหันไปพูด

“น้องเขาเป็นแฟนผมนะครับคุณตำรวจ ส่วนไอ้นี่ เอ๊ย คนนี้น่ะ มันเป็นชู้กับแฟนผม” ไอ้เวรนั้นมันพูดก่อนจะชี้มาที่ผม แถมให้ตำแหน่งผมด้วยครับ เฮียๆ ผมสะบัดหน้าไปมองคนที่มอบตำแหน่งชู้ให้ผม

“มึงเอาน้องมาเขาส่ง มึงได้ตำแหน่งชู้เลยเหรอ ไอ้ธัน!” เฮียธามพูด ผมหันไปมองเธียธาม

“ตกลงเราเป็นแฟนนายเดชาถูกต้องไหม” คุณตำรวจหันมาถามฟิล์ม

“ใช่ครับ ผมเคยเป็นแฟนเขาครับ” ฟิล์มตอบ เฮียธีหันมาหน้าผม ขมวดคิ้วทันที

“แต่ว่าผมเลิกกับเขาแล้วครับ เพราะว่าเขาชอบทำร้ายผม ผมเลยไม่อยากทนครับ” ฟิล์มพูด ผมหันไปมองหน้ามันอีก

“อ้าว แล้วนายไปทำร้ายเขาทำไมล่ะ “

“ก็มึง….” ผมสี่คนหันไปมองคนที่กำลังจะอ้าปากพูดไม่สุภาพกับผม ไอ้คนนั้นก็หันไปมองคุณตำรวจที่ วางปากกาลงพร้อมกับทำท่ากอดอกมองหน้าคนนั้น

“เขามักจะทำร้ายร่างกายผมทุกครั้งที่เขาเมา จนผมไม่อยากกลับบ้าน กลัวแม่ผมเห็นและเขายังขู่ฆ่าผมด้วยครับคุณตำรวจ” ผมหันไปมองหน้าไอ้คนนั้นพร้อมกับคุณตำรวจ นี่มันขู่ฆ่าเขาเลยเหรอ

“ขู่ฆ่าก็ผิดกฎหมายแล้วมึงครับ “ผมพูดแทนและคุณตำรวจก็พยักหน้าเห็นด้วย

“และยิ่งทำร้ายร่างกายเขาด้วย เขามีพ่อมีแม่ มึงน่ะเป็นแค่แฟนมึงไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายเขา และการที่ชอบทำร้ายร่างกาย ใครมันจะอยากอยู่กับมึงว่ะ กูถามหน่อย” ผมหันไปถามคู่กรณีของผม

“มึงอยากได้มันใช่ไหม ได้งั้นกูยกให้ ล้างชามให้กูด้วยแล้วกัน” เท่านั้นแหละ “ครี้ด!!” เสียงผมผลักเก้าอี้ออก ผมรีบลุกขึ้นเพราะว่ามันคือการดูถูกคนที่มันบอกว่าเป็นแฟนมัน ผมกระชากคอเสื้อมันทันที

“หมับ” คนที่คว้าตัวผมไว้คือเฮียธี “อย่าไอ้ธัน” เสียงลอดไรฟันจากเฮียธีที่ร้องห้ามผม ผทเลยต้องยอมปล่อยคอเสื้อมันและนั่งลง พยายามสงบอารมณ์ตัวเองให้ได้

“ผมก็แค่ขู่ให้มันกลัว ไม่ได้จะฆ่ามันสักหน่อยนะครับคุณตำรวจ” คุณตำรวจหันมามองฟิล์ม

“แต่นายก็ผิดเพราะว่านายทำร้ายร่างกายเขาด้วย” คุณตำรวจพูด

“ใช่ผมทำเพราะว่า ผมหึง ผมหวงและผมรักมัน” มันพูดว่าที่มันทำร้ายร่างกายฟิล์มเพราะว่ามันรัก ผมหันไปมองหน้ามันเต็มๆ คิดได้ยังไงวะไอ้นี่

“โอ้วมายด์กู้ดเนส!! นี้ดูละครมากไปหรือเปล่า ละครประเภทตบจูบมากไปนะ  ปากก็บอกว่ารักแต่ซ้อมเขาฉิบหาย! คุณมึงน่ะ …” เฮียธามพูดแต่คำว่ามึงนี้ เธียธามหันไปมองคุณตำรวจซะก่อน

“คุณมึงนี้ สุภาพอยู่นะครับ  “เฮียธามหันไปถามคุณตำรวจหนุ่ม “ยังได้อยู่ครับ สุภาพขึ้นมาหน่อยครับ และจะอะลุ้มอล่วยได้ครับ” คุณตำรวจหันมาชี้เฮียธัน

“เฮ้ย!!! ” ไอ้เธียรวิชย์อุทานด้วยความตกใจ “แต่คำนี้ไม่สุภาพครับ พยายามไม่ใช่บ่อยจะดีมากครับ “คุณตำรวจหันมาบอกไอ้ตี๋น้อยทันควัน และตี๋น้อยมันชี้หน้าตัวเอง

“คุณมึงจะบอกว่าตบน้องเขาด้วยความรักเหรอครับ และถ้าน้องเขาถีบยอดหน้าคุณมึงบ้างละครับ และบอกกับคุณมึงว่า น้องเขาถีบด้วยความรักเหมือนกัน มึงก็ไม่ต้องโล่มาแจ้งความนะคราวหน้าน่ะ เพราะว่านั้นแหละคือความรักที่คุณมึงต้องการ” เธียธามพูด ไอ้คนที่เฮียหันไปพูดด้วยมันหันขวับมาทันที

“ก็คุณมึงบอกเองว่าซ้อมคือการบอกรัก ถ้าเป็นฉันนี้น่ะจะซ้อมแม่งเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอนด้วย จะได้รู้ว่ารักมาก!!” ฟิล์มสะบัดหน้าไปมองเฮียธามผมพร้อมกับขมวดคิ้ว ส่วนคนที่ถูกเจ๊ธามของผมด่าก็อ้าปากค้างไป

“เจ๊เป็นใครอ่ะ” มันถามเจ๊ธามผมทันที

“แม่มึงมั้งคะ” เจ๊ธามของผม ผมสะบัดหน้าไปมองเจ๊ธามทันที

“ไม่สุภาพนะครับ” คุณตำรวจหันมาบอกเจ๊ธามผมแต่น้ำเสียงแกมหยอกมากกว่าจริงจัง

“แม่คุณมึงมั้งคะ” เจ๊ธามพูดและกรีดนิ้วด้วยชี้ไปด้วย

“สุภาพพอใช้ได้ครับผม” คุณตำรวจพูด ไอ้ปากดีมันสะบัดหน้าไปมองคุณตำรวจหนุ่มรูปหล่อ เจ๊ธามจะด่าต่อแต่ว่า

“เฮียใจเย็นๆ เดี๋ยวคดีก็พลิก” ไอ้เธียรวิชย์มันสะกิดเจ๊มัน

“พลิกเป็นอะไรล่ะ” เฮียธามหันไปถาม

“ก็เป็นเราทั้งหมดนี้แหละครับที่จะโดนจ่ายค่าปรับหนัก อย่าไปด่าเขาดิเฮีย” ไอ้เธียรวิชย์พูดกระซิบ

“แต่ว่าผมก็เห็นด้วยกับคุณเขานะครับ” คุณตำรวจหันมาชี้เจ๊ธามผม “อู้ยจะดีเหรอครับ ไม่ต้องเอนเอียงขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ เอากลางๆ พอเถอะครับคุณตำรวจ” เฮียธันผมแถมหันมาชำเลืองตามองเจ๊ธามผมอีก

“นายไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายหรือขู่ฆ่าเขา ไม่ว่าจะขู่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามและต่อให้เขาเป็นแฟนหรือภรรยานาย นายก็ผิด ถ้าอย่างนั้นก็สี่พันบาท ข้อหาขู่ให้เกิดความกลัวแต่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ถ้านายทำเขาอีกนายโดนหนักกว่านี้แน่ๆ” คุณตำรวจพูด มันชักสีหน้าไม่พอใจทันที

“และคุณก็ต้องเสียค่าปรับข้อหาทะเลาะวิวาท สี่พันบาทนะครับ คุณธัน” คุณตำรวจบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้แต่อีกคนซิ

“นายด้วยเพิ่มค่าปรับทะเลาะวิวาทด้วยน่ะ” คุณตำรวจหันไปบอกไอ้คนนั้น

“อ้าวคุณตำรวจทำไมผมจ่ายเยอะกว่าล่ะครับ” มันยังมีหน้าถามอีกน่ะ

“ก็นายไปขู่ฆ่าเขาด้วยนิ ดีไม่ไปฝากขังก็บุญแล้ว” คุณตำรวจละสายตาจากการลงบันทึกประจำวัน มันก็เลยเถียงไม่ได้ และเฮียธีทำการง่ายเงินให้ผมแทนและทำเรื่องประกันตัวผมออกไปด้วย ผมหันไปเห็นคนที่มาประกันตัวมัน น่าจะเป็นพ่อมันเอง เขาเดินมาถึงก็

“เพี๊ยะ! ” เข้าที่ใบหน้าคนนั้น

“กูบอกมึงกี่ครั้งว่าอย่าหาแต่เรื่อง “และเขาก็นั่งลงคุยกับตำรวจต่อทันที ส่วนไอ้คนที่โดนคนที่มาประกันตัวตบหน้านั้น มันหันมามองหน้าพวกผม

“เรื่องของคุณเสร็จแล้วครับ กลับได้เลยนะครับ” คุณตำรวจบอกผมแต่ตายังมองเฮียธาม ส่วนเธียธีน่ะเห็นแบบนี้หวงน้องครับ รีบดันเฮียธามออกทันที พยักพเยิดให้ออกไป ผมหันไปมองฟิล์ม ฟิล์มยกมือไหว้คุณตำรวจและพากันจะลุกขึ้น

“กูกับมึงจบไอ้ฟิล์ม” มันหันมาบอกฟิล์มฟิล์มแค่หยุดแต่ไม่ได้หันกลับไปมองและสาวเท้าเดินต่อไปทันที  ผมนะหันไปมองหน้ามัน “ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ใครอยากจะอยู่กับคนที่ทำร้ายล่ะ สมองนะคิดหน่อย” ผมหันไปพูดแทนฟิล์ม และชี้นิ้วที่สมองน่ะว่าให้มันใช้ความคิดหน่อย

“แต่มึงกับกูไม่จบ!!” ผมหันกลับมามองหน้ามัน

“ไม่จบก็ลุกขึ้นมาดิ” ผมหันกลับไปท้าทายมันกลับทันที แต่ว่าเฮียธีกับไอ้ตี๋น้อยมาดึงรั้งผมให้ผมเดินออก ส่วนไอ้ปากดีนั้นคนที่มาประกันตัวมัน ก็หันมามองแค่นั้นมันก็นั่งลงทันที ส่วนฟิล์มน่ะรีบเดินออกไปก่อนผม คงจะถามไอ้เธียรวิชย์ไป

“นิดนึงน่ะ ช่วงนี้คู่กรณีเยอะอ่ะ พามาประนีประนอมสน. นี้แทนได้ไหมครับคุณตำรวจ” ยังอีกเจ๊ธามผม

“ได้ครับ ถ้ามาไม่เจอ ผมฝากเบอร์ไว้ให้เลย” คุณตำรวจที่น่ารัก

“ไปเคลียร์กับคู่กรณีที่บ้านก่อน!!!!” เฮียธีพูดลอดไรฟัน

“ใครอ่ะ” เจ๊ธาม

“ป๊า!! เคลียร์แล้วค่อยมาขอเบอร์เขา” เธียธี ฮาๆ เท่านั้นแหละเจ๊ธามผม เดินสะบัดก้นไปทันที

“ไปเลยไอ้ธัน ไปหัวร้อนกับมันทำไมว่ะ ไม่คุ้มกันและนี้มึงเป็นผู้บริหารโรงเรียนน่ะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะมี” เฮียธี หันมาต่อว่าผมทันที ผมเดินลงมาที่ด้านหน้าโรงพัก ผมเห็นฟิล์มกำลังคุยกับไอ้เธียรวิชย์อยู่

“พี่คงทำไม่ได้หรอกครับฟิล์ม จะให้พี่ไม่บอกบีมไม่ได้ เพราะว่าบีมฝากพี่มาดูเราน่ะ ถึงยังไงบีมก็ต้องถามพี่อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ต้องบอกไปตามจริง…. พี่โกหกเมียไม่เก่งครับ” ไอ้เธียรวิชย์มันพูด

“เหรอ!! แต่โกหกม๊ากับป๊า ขั้นเทพนะมึงน่ะ” เฮียธาม ผมหันไปชี้ถูกต้อง ไอ้เธียนวิชย์หันมามองเถียงไม่ออก

“ถึงยังไงพี่ก็ต้องบอกบีมและบีมเขาก็เป็นห่วงเรามากน่ะ เราเป็นเพื่อนรักบีมไม่ใช่เหรอ เรื่องพวกนี้อย่าไปปิดเลย “เธียรวิชย์พูดกับฟิล์ม ฟิล์มพยักหน้าเบาๆ

“งั้นเฮียกลับเลยน่ะ เจอกันพรุ่งนี้มีประชุม อย่าเบี้ยวล่ะ ไอ้ผู้บริหารหัวร้อน” เฮียธีหันมาบอกผม ผมยกมือไหว้เฮียธีก่อนจะหันมามองฟิล์ม

“ฟิล์มพี่ไปส่งเพราะว่าพี่จะกลับคอนโดใกล้ๆ บ้านเรานี่แหละ “ผมบอกฟิล์ม

“งั้นผมกลับเลยน่ะเฮีย ฝากไปส่งน้องเขาด้วยเฮีย “เธียรวิชย์หันมาบอกผม เฮียธามก็เดินเข้าไปนั่ง นี่มันขับมาจากบ้านเลย มาแบบทำเวลามาก

“คราวนี้มึงไม่ต้องรีบแล้วน่ะไอ้ตี๋น้อย เล่นซะผมกูเสียทรงหมด และหลังคานะปิดด้วย เปิดทำไมไม่มีอะไรให้ดู บร้าๆ” เฮียธามหันมาบ่นไอ้ตี๋น้อย และเธียรวิชย์ก็ออกรถเลย ผมหันมามองฟิล์ม

“ไปครับขึ้นรถพี่ไปส่ง”

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับผม”

“ขึ้นรถ ถ้าดื้อไม่ขึ้นไปดีดี พี่จะอุ้มขึ้นไปแทนและไอ้เวรนั้นมันลงมาคงได้ต่อยกันกับพี่อีกอีกรอบและพากันกลับขึ้นไปเสีบค่าปรับหรือไม่ก็นอนคุกไปด้วยกันอีกสักคืน เอาแบบนั้นไหมล่ะ” ผมถามคนตรงหน้า เท่านั้นแหละเดินขึ้นไปทันที ผมเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไป

“พรุ่งนี้ไปทำงานหรือเปล่าฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม เขาหันมามองหน้าผม ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“ก็ต้องไปทำ และต้องเจอไอ้เชี้ยนี่อีก “ผมหันมามองอย่าบอกน่ะว่าทำงานที่เดียวกัน

“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานน่ะ เดี๋ยวมันทำร้ายเอาอีก” ผมหันมาบอกฟิล์ม

“แล้วถ้าผมไม่ทำงาน ผมก็โดนไล่ออกอะดิ” หันมาเถียงผมทันที

“ก็ลาออกไปเลย มันเคยขู่ฆ่าไม่ใช่เหรอ จะไปทนทำงานและให้มันเห็นหน้าทำไม หรือว่ายังรักมันอยู่ล่ะ” ผมหันไปถามคนที่นั่งข้าง เขาหันมามองหน้าผมนิ่ง ผมก็ปากไว้ไปอีก ผมยกมือขอโทษ

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่พี่บอก รักชีวิตตัวเองก่อน ดูท่ามันจะเป็นพวกวู่วามซะด้วย” ผมหันมาบอกฟิล์ม

“ก็ผมมีแม่ที่ต้องดูแล ผมจะลาออกได้ยังไง”

“ก็นั้นไง รักตัวเอง นายมีแม่ที่ต้องดูแล เพื่อมันคิดทำบ้าอะไรขึ้นมาล่ะทำไง” ผมถามคนที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ผมเอารถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

“เอาอย่างนี้ จบอะไรมา” ผมถามฟิล์ม

“ผมจบเอกภาษาอังกฤษเหมือนกับบีมครับ แต่ว่าผมไปทำงานเป็นเสมียรที่โรงงานนี้เพราะว่างานหายากครับ ถ้าไม่มีเส้น “ฟิล์มพูด ผมพยักหน้าว่าจริง

“พี่ต้องการธุรการเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง พรุ่งนี้ไปสมัครงานและขึ้นไปหาพี่ที่โรงเรียน” ผมพูดก่อนจะส่งนามบัตรให้ฟิล์มไป เขารับมาถือไว้ ก่อนจะหันหน้ามามองหน้าผม

“สิบโมงเช้า อย่าเลทล่ะ” ผมหันไปบอกเขา

“ซื้อหมั่นโถวปากซอยไปฝากพี่ด้วย เข้าใจไหม “ผมบอกคนที่กำลังจะเดินออกจากรถผมไป เขาสะบัดหน้ามามองหน้าผม

“เจ้านี้พี่ชอบทาน “ผมบอกน้องเขา

“อะไรวะ ยังไม่ทันไร สั่งแล้วอ่ะ “คนข้างๆ หน้างอขึ้นมาทันที

“ไม่ได้สั่ง แต่ทวงคำขอบคุณที่ลงไปต่อยไอ้เวรนั้นให้ไง ซื้อไปฝากด้วย และให้ไปสิบโมงเพราะว่าพี่พักเบรกโอเคน่ะ “ผมหันพูดพร้อมรอยยิ้ม คนที่กำลังละก้าวขาลงจากรถก็หันกลับมามองผม เขานิ่งไปก่อนจะยิ้มบางๆ ส่งมาให้ และก้าวเท้าลงจากรถคันหรูของผม ประตูปิดลงเบาๆ ผมยังคงจอดมองคนนั้นเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีแม่ออกมายืนรอรับอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แม่เขาส่งยิ้มให้ผมเป็นการขอบคุณ ผมพยักหน้าตอบก่อนจะออกรถเพื่อกลับไปยังคอนโดของผม แต่ไม่ไปหาพี่ลินดา ที่ผมเลือกคบคนอายุเยอะกว่าเพราะว่าบอกว่าจบคือจบ ผู้ใหญ่แล้วไม่เยิ่นเย้อต่อความยาวสาวความยืดกันแต่นี่เด็กกว่าอีก ไม่เคยมีแฟนเด็กมาก่อนเลย สงสัยต้องไปหาตำราจีบเด็ก เห็นแบบนี้ผมรู้สึกสนใจฟิล์มยังไงก็ไม่รู้

TBC…..

   ตอนหน้าเธียรวิชย์ตามหาผู้จัดการเจอแล้วและเขาก็จะได้รู้ความจริงๆ บางอย่างว่า ไม่ใช่มีแค่ผู้จัดการที่รู้เรื่องเขาและบีมและใครคนนั้นทำให้เขาตกใจไม่แพ้กัน

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1 NC18+

           Part’ s เธียรวิชย์ ผมกลับมาบ้านเพื่อมาเอาเอกสารด่วนไปให้พ่อผมและผมต้องเข้าร่วมประชุมรายงานผลการประเมินโรงเรียนนานาชาติสาขาใหญ่ที่ป๊าผมดูแลอยู่ ผมกลับมาถึงบ้านตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ ช่วงเช้าเล่นเอาเธียรวิชย์กุมขมับตัวเอง มีกลุ่มผู้ปกครองที่ตั้งกลุ่มคุยกันถึงเรื่องระบบของโรงเรียนของผม เขาขอมาพูดคุยเพื่อร้องเรียนและนำเสนอสิ่งที่ผู้ปกครองคาดหวังอยากจะได้จากโรงเรียน บางคนอยากได้อย่างนั้น บางคนก็อยากได้อย่างนี้ บางคนก็ชอบแบบเดิมไม่อยากให้เปลี่ยน บางคนก็ให้เพิ่มนั้นเพิ่มนี้แต่อย่าขึ้นค่าเทอม แล้วถ้าเพิ่มตามที่ขอมาค่าใช้จ่ายมันก็ตกอยู่ที่ผู้บริหาร เล่นเอาผมปวดหัวเลย โดยเฉพาะเรื่องที่แบบจุกจิกเล็กๆ น้อย คนปกติขาไม่คิดกันก็เอามาตั้งประเด็น ต้องเป็นคนหยุมหยิมคิดเล็กคิดน้อยจริงๆ เล่นเอาผมกับบรรดาครูส่ายหัวกันเป็นแถว คุณครูสอนก็หนักแล้วและผมเองแค่บริหารจัดการทุกอย่างก็เหนื่อยมากพอกัน ผมเลยถือโอกาสออกมาก่อนเวลาเพื่อมาเอาเอกสารและเลยไปประชุมเลย

“คุณเธียร กลับเร็วจังค่ะ” คนใช้ในบ้านถามผม ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นบีมและเจ้าก้อนเต้าหู้

“วันนี้งอแงไม่อยากจะนอนกลางวันค่ะ เกเรมาตั้งแต่หลังทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะคุณเธียร”

“และไม่ยอมเอาใครเลย ต้องเกาะติดคุณบีมตลอดเลยค่ะ” พี่คนใช้ในบ้านรายงานผม ผมพยักหน้า ปกติพี่มลที่เป็นผู้ช่วยมือขวาของบีม แต่วันนี้พี่เขาขอลากลับไปบ้านสองสามวัน ส่วนคนใช้คนอื่นก็ไม่ค่อยได้ช่วยเลี้ยงเท่าไหร่เลยเดาใจนายน้อยกันไม่ถูก

“สงสัยคุณบีมจะพาขึ้นไปนอนบนห้องนอนแทนค่ะ จะได้อยู่กันเงียบๆ เพื่อว่าน้องจะยอมนอน “บุ๋มสาวใช้ในบ้านบอกผม ผมพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปบนบ้าน วันนี้ผมเหนื่อยและท้อเหลือเกิน เลยอยากจะเดินขึ้นไปกอดลูกชายสักหน่อย ได้หอมแม่ด้วยยิ่งดีเลย ผมเดินไปถึงที่หน้าห้องนอน ผมค่อยๆ บิดลูกบิดอย่างเบามือที่สุด เปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือที่สุด และภาพที่ทำให้ผมยืนอมยิ้ม บีมนอนหลับอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าก้อนเต้าหู้ ผมก้มลงมองนาฬิกาโรเล็กซ์ ป๊าบอกผมว่ามีประชุมตอนบ่ายสามโมงที่โรงเรียนสาขาใหญ่ ผมเห็นว่าเวลาเหลืออยู่ ผมค่อยๆ เดินอ้อมไปอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาจากเตียง พยายามประคองให้เจ้าลูกโซ่อยู่ในท่าเดิม ไม่กล้าเปลี่ยนท่าไปจนถึงเตียงเด็ก

“นอนนี่น่ะ ป๊าจะทำน้องให้ ถ้าอยากมีน้องหลับสนิทไปเลยลูก” ผมกระซิบกับก้อนเต้าหู้ เนกไทถูกปลดออก กระดุมเสื้อเชิ้ต ถูกปลดออกจนหมดแพง ผมถอดเสื้อออกมาพาดไว้ เดี๋ยวยับป๊าคงได้รู้ว่าเธียรไม่ได้มาเอาแค่เอกสาร มาเอาเมียด้วยครับกางเกงถูกถอดออกพาดไว้อย่างดี เหลือแต่ปราการสุดท้ายกางเกงยางยืด ผมค่อยๆ ขึ้นไปบนเตียง ผมจ้องมองใบหน้าของบีม มีเค้าโครงลูกครึ่ง ผมใช้หลังนิ้วมือค่อยๆ ไล่ตามแก้มเนียนๆ นั้น อย่างเบามือ

“อืม ลูกโซ่ “เสียงครางเบาจากคนที่กำลังหลับ บีมคิดว่าเป็นลูกโซ่กำลังกวนเขาอยู่ ผมค่อยใช้นิ้วมือเรียวของผมแตะที่ริมฝีปากเรียวบาง มันสวยราวกับสตรีก็ไม่ป่าน

“อืม ม๊าไม่เล่นนะครับลูกโซ่” บีมพูดก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“พี่เธียร!” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาตกใจมาก ที่เห็นอยู่บนเตียงกับเขา

“อย่าเสียงดังซิครับ เดี๋ยวลูกตื่น ลูกยิ่งง่วงนอนอยู่น่ะ ถ้าอยากเล่นมาเล่นกับป๊าดีกว่านะม๊า ป๊าพร้อมมาก” ผมพูด บีมก้มลงมองผม เขาคงเห็นแล้วว่าผมพร้อมแค่ไหน ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่ปราการสุดท้ายเท่าเอง

“เฮ้ยย อะไรของป๊าเนี๊ยะ!” บีมร้องเสียงหลง

“ป๊าวอนทฺ” ผมพูดทำหน้าอ้อน

“ไม่เอาอ่ะ”

“เอาเถอะ ป๊าถอดออกหมดขนาดนี้แล้วน่ะ ขอนะ นะเมียนะ” ผมพูดอ้อนวอนก่อนจะก้มลงจูบบีมอย่างดูดดื่ม

“อืม!! “เสียงครางเบาๆ จากคนเบื้องล่าง ผมก็ยิ่งได้ใจ บดขยี้จนหนักหน่วง มือของบีมที่ที่ดันอกของผมอยู่ก็เริ่มเลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบคอผมแทน ผมพลิกมาเป็นคร่อมร่างบางๆ นั้นโดยไม่ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวไว้กับร่างเล็กที่เบื้องล่าง เริ่มซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอ

“อ้าห์ พี่เธียร ซี้ด” คนเบื้องล่างแอ่นอกขึ้นสู้กับริมฝีปากผมที่ดูดแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอนะครับ ที่รัก “ผมพูดกับคนที่นอนมองผมแววตานั้นฉายประกายว่าเขาเองก็ต้องการผมเหมือนกัน ชายเสื้อยืดถูกเลิกขึ้น ผมถอดมันออกไปให้พ้นทาง จุดที่ผมไม่ลืมสองแลนมาร์คที่ผมต้องก้มลงโลมเลียตอนนี้บีมไม่ค่อยให้เจ้าลูกโซ่ก่อนนอนแล้วดังนั้นผมเลยยึดคืน ผมใช้ลิ้นตวัดไปมาทั้งสองข้าง

“พี่เธียร ซี้ด โอ้ว” เสียงครางกระเซ้าทำให้เจ้าเธียรวิชย์น้อยๆ ในกางเกง แข็งปังขึ้นมาทันที

“ผมว่าพี่เอาไว้ทำตอนกลางคืนดีกว่าไหม ซี้ด ผมกลัวลูกโซ่ตื่น” บีมพูด จะให้ผมหยุด คงจะไม่ได้ ผมหันไปมองลูกโซ่ยังนอนหลับสนิท

“บุ๋มบอกกับพี่ว่า บีมพึ่งจะพาลูกโซ่ขึ้นมานอนไม่ใช่เหรอครับ นั้นแปลว่า อีกนานเลยกว่าจะตื่น พี่เบิ้นยังได้เลย” ผมพูดกับบีม เขายู่ปากใส่ผมทันทีที่รู้ว่ามีคนรู้ทัน ผมกัดปากให้บีมดูก่อนจะเริ่มพรมจูบลงที่หน้าท้องของบีม

“ว่าแต่จะให้พี่เบิ้นได้ไหม  พี่จะได้ออมแรงเอาไว้บ้าง” ผมกระดกหัวขึ้นมาถาม

“ซี้ด อ้าร์ พี่เธียร รอบเดียวพอ และอย่าทรมานผมซิ อ้าห์ พี่เธียร!!”

“ไม่ได้ทรมาน เขาเรียก ปรนเปรอครับเมีย” ผมกระดกศีรษะขึ้นพูดก่อนจะก้มลงจูบ ผมขบริมฝีปากกับเนื้ออ่อน ผมเม้มปากผมลงที่ตรงหัวหน่าวของบีมเบาๆ ผมเห็นรอยแผลที่ดูงดงามนั้น ผมใช้นิ้วมือลูบไล้เบาๆ

“บีม พี่ไม่ใส่ถุงนะครับ” ผมกระซิบกับบีม บีมมองหน้าผม

“พี่อยากมีอีกคน นะครับ เราไม่ควรจะรอให้อายุเยอะเกิน เดี๋ยวเล่นกับลูกไม่รู้เรื่อง “ผมพูดกับบีม มือหนาๆ ของผมค่อยๆ รูดปราการสุดท้ายของบีมออกไป แถมไปทีเดียวพร้อมกันสองชั้นเลย บีมชอบสวมเหมือนกางเกงวอร์มแบรนด์เนมดัง ตัวเล็กพอดีตัว บีมเขาชอบแต่งสไตล์นี้ตอนอยู่บ้าน เธียรวิชย์ไม่รอช้า ลุกขึ้นมายืนถอดกางเกงยางยืดนั้นออกไปทันที

“ปึก “ผมกระโจนขึ้นไปคร่อมร่างของบีม บีมโน้มตัวผมลงไป บีมเริ่มจูบที่แผ่นอกของผม ไล่ลงไปถึงกล้ามท้อง ตอนนี้เริ่มจะหันมาฟิตหุ่น เข้าไปใช้ยิมของเฮียธันบ้างแล้วแต่ซิกแพคผมยังห่างไกลจากเฮียธันเยอะ เฮียแกมีตั้งแต่ไปเรียนต่อยมวยแล้ว

“ปึก!” ร่างผมถูกพลิกให้ไปนอนหงายและคนเบื้องล่างรีบสลับตำแหน่งขึ้นมาคร่อมผมไว้แทน บีมเริ่มเร้าโรม พรมจูบไปทั่วตั้งแต่แผ่นอกไปจนถึง หน้าท้องอีกครั้ง

“ไม่ใส่ถุงแต่ก็ต้องใช้เจลด้วยนะพี่เธียร” บีมบอกผม เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมกลัวว่าถ้าผมเอาเจลมาไว้ใกล้ๆ แล้วลูกอาจจะบีบเล่นได้ บีมออกมาจากห้องน้ำ เหลือบมองลูกโซ่นิดหนึ่ง เขายังหลับอยู่ บีมบีบเจ็บหล่อลื่น ชโลมลงบน แท่งร้อนของผม ใช้มือรูดเบาๆ บีมทำท่านั่งยองๆ เล็งให้ตรงกับแท่งร้อนของผม

“วันนี้จัดเองเลยเหรอม๊า” ผมถามบีม

“ทำให้ก็บ่นเดียวไม่ทำเลย” บีมพูดหรี่ตาลงมอง แถมทำท่าจะลุกหนีอีก

“หมับ” ผมรีบจับเอวบีบเอาไว้ก่อน “ทำ ทำจ๊ะทำ วันนี้ยกให้เลยคุมเองเลย” ผมรีบพูดก่อนจะนอนแผ่หลาปล่อยให้เมียจัดการ บีมค่อยๆ กดช่องทางรักให้อยู่เหนือปลายแท่งร้อนของผม และกดมันลงช้าๆ เบาๆ ผมถึงกับต้องหลับตาพริ้ม เลียริมฝีปาก มือที่กุมประสานกันไว้ และแกนกายผมก็เข้าไปในกายของบีมจนหมดด้าม

“ยาวไปนะของพี่น่ะ ซี้ด” บีมพูดพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆ และบีมก็เริ่มโยกขึ้นลงๆ ช้าๆ เนิบๆ จนถึงขั้นเริ่มเร็วขึ้น เร็วมากขึ้น คราวนี้ขึ้นสุด ลงสุด นี่ขนาดทำไปบนไปด้วยน่ะ แต่ก็เล่นเอาเธียรวิชย์ต้องจิกผ้าปูที่นอน

“โอ้วว นี้ขนาดบอกว่ากลัวลูกตื่นน่ะบีม โอ้วว ซี้ด มันถึงใจพี่มาก บีม “ผมถึงกับต้องเกร็งหน้าท้องเอาไว้ คล้ายกับว่าป้องกันหมัดคู่ต่อสู้

“พี่ห้ามเด้งสวนผมน่ะพี่เธียร “บีมบอกผม ผมก็ปล่อยให้เมียจัดการ ตกลงนี้ใครกันแน่ที่วอนทฺ ดูท่าจะเมียผมแล้วแหละ ขึ้นลงเพลินเชียว

“หมับ” ผมจับเอวของบีมเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวเมียเหนื่อย พี่จัดให้บ้าง” ผมพูดกระซิบ บีมค่อยๆ ยกตัวเองขึ้น ผมดันตัวเองขึ้นนั่ง พร้อมกับรีบหมุนตัวไปอยู่ด้านท้ายของบีมจับบีมอยู่ในท่าดอกกี้

“ขอจบทีท่านี้นะครับเมียพี่” ผมพูดกระซิบที่ข้างหูบีม ผมรีบดันเจ้าแท่งร้อนสอดแทรกเข้าไปที่ช่องทางเดิม คราวนี้ไหลลื่นดีและเข้าไปจนสุด

“อู้ยย พี่เธียร มันลึกไปอ่ะ ของพี่มันยาวนะไม่ใช่สั้นๆ ” คนที่ผมกระแทกเด้งสวนเข้าออก หันมาทำหน้าจะโกรธแล้วน่ะ

“ขอโทษจะเมีย ก็ก้นเมียมันก้มเด้งอ่ะ เลยเพลินไปไหน่อย” ผมพูดพร้อมโชว์ท่ากัดปากเล็กน้อย

“เขาบอกว่ายอดเขา ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ไอ้จู๋พี่มันยาว ยิ่งเข้าลึกยิ่งเสียวนะครับ” ผมกระซิบกับบีม

“ขอแรงๆ หน่อยพี่เธียร “พอได้ที่หน่อยขอแรงๆทันที แถมทำเสียงกระเซ้าเร่งมาขนาดนี้ เธียรวิชย์ไม่รอช้า เป็นคนมีดีทีเอว ซอยไม่ยั้ง ตอนนี้ผมต้องรีบแล้วผมต้องทำเวลา เดี๋ยวป๊าโทรมาตาม

“ปัก ปัก ปัก” เสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อนของผมกับบีบ ดังสนั่นขนาดนี้ เจ้าลูกโซ่ยังไม่ตื่นเลย และผมก็กระแทกช่องทางรักของบีม เข้าเกือบสุดออกเกือบสุด จนแท่งร้อนของผมเริ่มเกร็งกระตุก ผมก็เกร็งบั้นท้ายตัวเอง น้ำรักพุ้งกระฉูดออกมาจังหวะที่ผมสวนเข้ามือจับสะโพ้กของบีมค้างไว้แน่น ผมกดสิ่งนั้นค้างไว้ในกายบีม เรียกว่าน้ำทุกหยดของผมอยู่ในนั้นหมด ผมโน้มตัวลงไปจูบบีม ก่อนจะค่อยๆ ถอนแกนกายของผมออก เล่นเอาเธียรวิชย์เสียเหงื่อเป็นถังเลย ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆ บีม

“พี่มาทำไมเนี๊ยะ หรือว่าวันนี้เลิกงานเร็วครับพี่เธียร” บีมหันมาถามผม เอาหัวมาหนุนที่หัวไหล่ผม

“ฟ้อด!!” ผมหอมหน้าผากของบีม

“ตื้ดดดด!!!!!” เสียงมือถือผมสั่นในกระเป๋ากางเกง ผมรีบลุกไปหยิบมาดู

//ตี๋น้อย ป๊าถามว่ามึงไปเอาเอกสารให้ป๊าที่อังกฤษเหรอคะมึงค่ะ ป๊าใช้วันนี้นะคะ// เจ๊ธามส่งข้อความมา บีมก็พิงไหล่ผมอยู่เขาก็อ่านข้อความไปพร้อมกับผมด้วย บีมมองหน้าผม

“ใช่ครับ ป๊าใช้พี่ให้มาเอาเอกสาร แต่ว่าพี่เข้ามาเห็นเมียนอนให้ท่าเลยเกิดอารมณ์” ผมหันไปสารภาพกับบีม

“ไมได้นอนให้ท่าเลย พี่น่ะหื่นอยู่แล้ว และไม่ว่าผมนอนท่าไหนพี่ก็คิดว่าผมให้ท่าอยู่ดี” บีมพูดก่อนจะรีบลุกขึ้นไป เพื่อจะได้ชำระล้างร่างกาย

“ฟ้อด!” ผมลุกขึ้นตามไปในห้องน้ำ ไปกอดบีมจากด้านหลัง ผมหอมที่แก้มของบีมเบาๆ

“ขอบคุณนะครับ “กระซิบขอบคุณที่มอบความสุขให้ผม

“แล้วนี่ก็ไม่ใส่ถุง ถ้าท้องล่ะ” บีมหันมาถามผม

“อาม่าดีใจน่าดูเลย อาม่าอยากเห็นหลานคนที่สอง เพราะว่าอาม่าอายุเยอะแล้วนะบีม” ผมพูดกับบีม

“ผมกลัวว่าจะทุ่มความรักให้เจ้าลูกโซ่ไม่เต็มที่น่ะครับ ผมเลยคิดว่าเราควรจะรอก่อน” บีมหันมาพูดกับผม

“ตอนนี้มีคนช่วยเลี้ยงเยอะอยู่และพี่เชื่อว่าบีมทำหน้าที่แม่ได้ดีที่สุด “ผมบอกกับบัม ผมรับเดินออกมาแต่งตัว ให้เรียบร้อย จะได้เอาเอกสารไปให้ป๊าผมที่ห้องทำงาน

“บีม เดี๋ยวพี่ไปดูเอกสารบนโต๊ะของป๊าพี่ก่อนน่ะ” ผมหันมาบอกบีมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จังหวะนั้นโทรศัพท์ของบีมดังขึ้น บีมหันไปกดรับสาย ผมรีบเดินออกไปซะก่อน ผมปิดประตูเบาๆ กลัวลูกชายตื่น

          ผมตรงไปหยิบซองเอกสาร สายตาผมเหลือบไปเห็นกระดาษที่ผมเคยให้ป๊าดู มันนานมากแล้ว ตั้งแต่ผมเพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่อยากไปต่อ ผมเลยว่าจะออกจากตระกูลนี้ไปตั้งนามสกุลใหม่ วันนั้นป๊าโกรธผมมาก ป๊าไม่พูดกับผม อยู่พักหนึ่งจนกระทั่งป๊าถามผมอยากไปเรียนเมืองนอกไหม เพื่อไปต่อปริญญาโทแต่ก็ยังคงเป็นสายบริหารอยู่ดี แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่บนโต๊ะของป๊าผมอีกครั้งได้ยังไง ป๊าคิดอะไรของป๊าอยู่

มีต่อ

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1 NC18+

EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P2


“ปึก” เสียงประตูถูกผลักเข้ามาโดยบีม ด้วยสีหน้าที่ตกใจ

“พี่เธียร แม่ของเป็กซ์โทรมาหาผม เขาบอกว่า เป็กซ์ไม่ได้กลับบ้านมาเกือบอาทิตย์แล้ว และวันนี้เป็กซ์มันโทรมาหาแม่มันด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนมันกำลังจะสั่งลา “บีมบอกผม ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

“ผมกลัวว่าเป็กซ์มันจะคิดสั้นอ่ะพี่เธียร” บีมบอกผม

“แหง๋ๆๆ” ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่บีมอุ้มมาก็ร้องแข่งบีมเช่นกัน

“แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะบีม” ผมเดินออกมาถามบีม

“แม่เป็กซ์บอกว่าระหว่างที่คุยโทรศัพท์อยู่ ได้ยินเสียงเรือวิ่ง รถวิ่ง แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน” บีมพูด

“แหง๋ๆๆ” เจ้าลูกโซ่ก็ร้องแข่งกับบีมอีก

“ผมเดาว่า สะพานเหล็ก ที่ผมเคยไปเดินด้วยกันบ่อยๆ ผมว่าเป็กซ์มันรู้ว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วอ่ะพี่เธียร” บีมบอกผม ผมก้มลงมองเอกสาร และหันมามองลูกโซ่ ที่หนีบเอวบีมไว้อยู่ และที่ผมจะเอาเอกสารไปให้ป๊า มันก็ไม่ไกลจากสะพานเหล็ก ถ้าอย่างนั้น

“ผมต้องไปที่นั่นพี่เธียร” บีมบอกผม ผมหันมามองคนที่น้ำหูน้ำตาหนองเต็มใบหน้า

“พี่ไปด้วย” ผมบอกบีม บีมกับผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่

“ม๊าไม่อยู่น่ะ ม๊าไปทำธุระกับเพื่อนม๊าที่สมาคมสตรีแถวชลบุรี เอาไงดีล่ะพี่เธียร” บีมพูด

“พี่จะขับรถป๊าไปและเอาลูกโซ่ไปฝากป๊า เพราะว่าเฮียเขาไปประชุมที่นั่นกัน น่าจะช่วยกันดูได้ “ผมบอกบีม

“จะดีเหรอพี่เธียร” บีมถามผม

“ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ถือซะว่า เจ้าลูกโซ่คือตัวแทนเข้าประชุมแทนป๊าแล้วกัน” ผมพูดและหยิบเอาซองเอกสารที่พ่อผมสั่งให้ผมมาเอา ก่อนจะไปประชุม และต้องเอาเจ้าลูกโซ่ไปด้วย

“พี่อุ้มลูกก่อนได้ไหมครับ ผมจะไปเตรียมน้ำเตรียมนมให้ลูกโซ่ครับพี่เธียร” บีมบอกผม ผมก็รีบลูกโซ่มาอุ้มไว้

“ร้องทำไมล่ะลูกโซ่ เดี๋ยวป๊าพาไปหาอากง “ผมบอกลูกโซ่พร้อมกับหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาน้ำมูกให้ ผมเดินเข้าไปในห้องหยิบผืนใหม่มาไว้ใช้ ลูกโซ่เขากอดผมเอาหน้าแนบอกไว้ ผมรีบเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน

“กูจะไปกับพี่เธียรวิชย์ มึงจะตามไปที่นั่นเหรอ น่าจะใช่ เออ กูรู้ แค่นี้ก่อนนะกูรีบอยู่” บีมคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ผมเดาว่าเป็นฟิล์ม เพราะว่าเฮียผมพากันไปประชุมที่สาขาใหญ่กันหมด บีมจัดของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ส่วนลูกโซ่ก็กอดคอผมแน่นๆ กลัวผมจะส่งให้คนใช้คนอื่นๆ

“ใจเย็นๆ บีม “ผมเห็นบีมมือไม้สั่น ผมจับต้นแขนของเขาเอาไว้ บีมหันมามองหน้าผม เขามองเข้ามาในแววตาของผม ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“ผมรู้ว่าพี่เธียร แต่ว่านั้นเป็กซ์ เขาคือเพื่อนผม พี่จะว่าผมมองโลกสวยเกินไปก็ได้นะครับผมไม่เถียง แต่คนนี้เพื่อนผม และผมรู้จักนิสัยเป็กซ์ดี ผมเดาว่า เป็กซ์ไม่ได้อยากทำ ด้วยตัวเขาเอง” บีมบอกผม ตอนนี้ทุกอย่างถูกแพ็คลงกระเป๋าเรีบบร้อยแล้ว

“ผมกับบีมมีธุระด่วนกันนะครับ ผมจะเอาลูกโซ่ไปด้วย “ผมหันมาบอกคนใช้ เขาก็พยักหน้ากัน ผมรีบพากันออกมาที่รถที่จอดอยู่ ที่โรงรถ รถของป๊าผมเอง ผมรีบนำเจ้าลูกโซ่ไปใส่ไว้ในรถ ส่วนบีมเดินเข้าไปนั่งหน้า ผมรีบเปิดประตู คนขับรถเดินออกมาพอดี เขามองผมดัวยสีแหน้าแปลกใจ

“พี่ครับ ผมขับรถไปเองนะครับ พี่ไม่ต้องไปส่งผม เพราะว่าผมมีธุระด่วนครับ” ผมบอกพี่เขาก่อนจะขึ้นรถไปทันที พร้อมทำหน้าที่คนขับ บีมกดเปิดรายการเพลงให้ลูกโซ่ ผมมีทีวีในรถเพื่อให้เจ้าลูกโซ่จะได้ไม่งอแงระหว่างอยู่ในรถ ผมถอยหลังก่อนจะรีบออกตัวไป บีมก็พยายามกดโทรศัพท์หยิกๆ เลย ผมเดาว่าคนปลายสายไม่ยอมรับสายบีมหรือไม่ก็ปิดเครื่องไปแล้ว

“เป็กซ์ รับสายกูดิ มีอะไรคุยกัน จะทำอะไรคิดถึงแม่มึงด้วยดิว่ะ แม่มึงต้องการมึงน่ะ และมึงจะทำเชี้ยอะไรกูก็พร้อมให้อภัยมึงเป็กซ์” บีมพูดฝากข้อความเสียง ผมหันมากุมมือบีม ส่วนเจ้าลูกโซ่กำลังดูรายการโปรด เขากำลังหัวเราะมีความสุขตามประสาเด็ก

“บีมแน่ใจเหรอว่าเป็นสะพานเหล็ก “ผมถามบีม

“ผมแน่ใจครับ ว่าเป็นสะพานเหล็ก เพราะว่าผมชอบพากันไปเดินที่นั่น โรงเรียนที่ผมจบมาอยู่ใกล้สะพานเหล็กครับ “บีมหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมกดโทรออกผ่านบลูทูธ

//ไปส์//ผมโทรหาไอ้ไปส์

//ว่าไงว่ะ// ไปส์ถามผม

//อยู่ไหนมึง//

//อยู่บ้านดิ วันนี้กูเบี้ยวกูพึ่งจะกลับมาจากจีนกับม๊ากู มึงมีอะไรวะ// ไปส์ถามผมกลับ

//มึงเคยเห็นหน้าเพื่อนบีมใช่ไหมว่ะ คนที่มึงบอกว่ามาคุยกับผู้จัดการ//ผมถามไปส์ บีมมองหน้าผม

//ใช่ดิ จำได้เลย แม่งเหยียบเท้ากู ไม่ขอโทษขนาดนั้น กูจำไม่ลืมครับ ว่าแต่มีอะไรวะ// ไอ้ไปส์มันนี้แค้นฝังหุ่นจริงๆ

//บ้านมึงอยู่ไม่ไกลจากสะพานเหล็ก //

//กูรู้ เพราะนี้บ้านกูเองครับ ว่าแต่มึงมีอะไรเปล่า น้ำเสียงเหมือนงานจะเข้า//

//บีมคิดว่าน้องคนนั้นน่าจะไปที่สะพานเหล็กว่ะตอนนี้ด้วย// ผมบอกไอ้ไปส์

//อย่าบอกน่ะว่าให้กูนัดน้องเขามาคุยกันที่สะพานเหล็ก ไปทำไมว่ะ น้องเขาไม่อยากคุยกับกูหรอกว่ะเธียร เพราะว่ากูด่าเขาไว้เยอะอยู่ เขาเลยวิ่งแจ้นขึ้นรถแท็กซี่ไปคืนนั้นนะ// ไอ้ไปส์พูด ผมหันมามองหน้าบีม บีมเลิกคิ้วสูง

//มึงไม่ได้บอกกูเลยน่ะว่าวันนั้นมึงด่าน้องเขาด้วยไอ้เชี้ยไปส์// ผมขยับหนีเมียออกมาหน่อย เหมือนเมียจะรู้ขยับตามผมมา ผมยิ้มแหยๆ ให้เมีย

//ไอ้ไปส์ กูจะให้มึงไปสะพานเหล็กนั้น หน้าที่มึงคือไปตามหาน้องเขาเพราะว่าน้องเขาไปแล้ว บีมคิดว่าน้องเขากำลังจะ คิดสั้น กระโดดลงแม่น้ำว่ะ มึงไปดูให้กูกับบีมหน่อย กูขอล่ะไปส์ ถึงน้องเขาจะผิดแต่ บีมเชื่อว่าน้องเขามีเหตุผล//ผมพูดเชิงขอร้องไอ้ไปส์

//อะไรวะ// ไอ้ไปส์มันสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะทนเห็นคนฆ่าตัวตายแน่นอน

//ไปส์กูขอร้อง กูกับบีมกำลังจะไป แต่กลัวว่าจะไม่ทันว่ะ กูต้องเอาลูกไปฝากป๊ากูก่อนว่ะ //ผมบอกไอ้ไปส์

//เออๆ กูไปเดี๋ยวนี้// สุดท้ายไอ้ไปส์ก็ยอมจนได้

//ขอบใจว่ะ เพื่อน//

//กูนี้ยอมให้เพื่อนแต่เพื่อนแม่ง// มาทันทีเพื่อนไปส์ของผม

// ถ้ามึงหมายถึงบีม กูขอโทษ ขอกูอย่างอื่นได้ไหมว่ะไปส์ กูจะหาให้แต่ยกเว้นลูกเมียกูว่ะ กูให้ไม่ได้ //

//กูไม่ขอมึงหรอก แค่นี้น่ะ กูรีบไปดูให้ เดี๋ยวน้องเขาโดนลงไปว่ายน้ำเล่นซะก่อน สะพานเหล็กมันข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ใช่สะพานข้ามคลองแสนแสบนะไอ้คุณเธียรวิชย์ มันสูงครับ!! // ไปส์พูดก่อนจะวางสายไป ผมแอบอมยิ้มบีมมองหน้าผมนิ่งมาก

“พี่โทรขอร้องให้ไอ้ไปส์มันไปดูน้องเป็กซ์ให้นะครับ เพราะว่ามันอยู่ไม่ไกลจากสะพานเหล็ก มันน่าจะไปถึงก่อนเราสองคน “ผมหันมาบีม เขาถึงได้พยักหน้ากับผม บีมกุมมือผมเอาไว้

“ขอบคุณนะครับพี่เธียร “บีมหันมาบอกผม ผมรีบขับรถไปยังโรงเรียนนานาชาติ ที่ป๊าผมนัดประชุมที่นั่น ผมเหลือบมองเวลา นี้ก็ใกล้จะเข้าประชุมแล้ว

Rrrrrr โทรศัพท์บีมมีสายโทรเข้า และบีมก็กดรับสายทันที

“กูไปกับพี่เธียร พี่เขาให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ไปดูให้ก่อน กูต้องแวะมาที่โรงเรียนพ่อพี่เธียรเขามีประชุมวันนี้ อ้าวเหรอมึงจะมาเหรอ ใกล้ถึงแล้วใช่ป่ะ เออ กูรอ “ทันทีบีมจบการสนทนาก็กดวางสาย เขาหันมามองผม

“พี่เธียร ไอ้ฟิล์มมันจะไปด้วยครับ และมันก็กำลังจะมาถึง” บีมบอกผม

“ได้ถ้าอย่างนั้นพี่เอาลูกโซ่ไปให้ป๊าก่อนนะ เพราะว่ารถของบรรดาเฮียของพี่เข้ามาจอดกันแล้ว นี่ก็แปลว่าเข้าขึ้นประชุมกันหมดแล้วครับ ส่วนบีมก็รอเพื่อนอยู่นี้แล้วกัน” ผมหันมาบอกบีมก่อนจะรีบนำรถเข้าไปจอด ผมเดาว่าฟิล์มน่าจะมารถแท็กซี่และเขาต้องเดินผ่านทางนี้ก่อน ผมลงมาจากรถก็ไปเอาเจ้าลูกโซ่ออกมาจากคาร์ซีทก่อน

“อ้า” ไม่อยากไปอีก ไม่อยากลงจากรถ อยากจะดูการ์ตูนต่อ

“ไปดูบนห้องประชุมกับอากงโน่นลูกโซ่” ผมพูด พร้อมกับแกะมือเหนียวๆ ออก ผมหันไปรีบนำกระเป๋าใส่ของใช้เจ้าลูกโซ่

“ผมชงนมมาให้เขา ตอนนี้น่าจะเย็นพอจะดื่มได้แล้วครับพี่เธียร อย่าลืมให้โซ่ดืมเลยนะครับ เพราะว่าถ้าปล่อยให้หิวจัด จะโมโหเอา” บีมบอกผม

“ครับ คุณแม่” ผมพูดกับบีม

“เร็วๆ เลย ผมเป็นห่วงเพื่อน” บีมบอกผม ผมรีบอุ้มลูกโซ่วิ่งขึ้นไปบนตึก ก่อนจะขึ้นไปถึง ก็ต้องผ่านบรรดาครูอาจารย์ มีนักเรียนที่เดินเปลี่ยนห้องเรียน เขาก็พากันมองผม เพราะว่ารอบนี้ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่มาด้วย ผมเลยกลายเป็นพ่อลูกอ่อนไปทันที แถมเจ้าลูกโซ่ยังทำท่าตื่นเต้นมาก เจอเพื่อนไงแต่มันคนละรุ่นกันลูก โบกไม้โบกมือให้เขาใหญ่เลย แถมเด็กก็พากันหัวเราะชอบใจเจ้าลูกโซ่ของผม

“อ้า!!” กางแขนจะไปเล่นกับเขาให้ได้ ผมมองเจ้าลูกโซ่ ข้ามรุ่นหรือเปล่านี้ยังไม่หนึ่งขวบเลยน่ะ

“เอาไว้ก่อนน่ะเต้าหู้ ป๊ารีบ และเราน่ะยังวิ่งไม่ได้ จะไปเล่นกับเขายังไง “ผมบอกลูกโซ่ กอดอกอีกแล้ว ไม่สบอารมณ์

“ตอนนี้ไปหาอากงก่อน ไปเล่นกับแปะด้วยน่ะ “ผมบอกลูกโซ่ มือถือผมก็สั่น ผมลืมหยิบแอร์แอร์พอร์ตเสียบหูมาด้วย

“ลูกโซ่ ถือซองนี้เอาไว้ ไปให้อากงทีลูก” ผมบอกลูกโซ่พร้อมกันส่งแฟ้มไปให้ลูกถือไว้ก่อน ผมก็รีบกดรับสายจากไอ้ไปส์ ทันที

//ว่าไงไปส์ เจอไหม//

//ไอ้เธียร!! รถติดมากเลยว่ะ กูจะไปทันก่อนที่น้องเขาจะดิ่งลงไปในแม่น้ำไหมวะ ถ้าไม่ทัน กูยืนไว้อาลัยรอแทนแล้วกันนะ และกูจะยืนขออโหสิกรรมที่วันก่อนกูก็ด่าน้องไว้เยอะ//ไอ้ไปส์ มันพูด ผมอยากจะตีเข่ามันจริงๆ ตีอากาศไปก่อนแล้วกัน

“ไอ้เชี้ย! กูให้มึงไปห้ามเขาดังนั้นมึงควรจะวิ่งไปให้ทัน และถ้ารถมันติดมากก็จอดรถมึงและวิ่งไปเลย “ผมบอกไอ้ไปส์

“ไม่เลว!!

“ก็ทำตามดิ” ผมรีบบอก ก่อนจะทักทายครูนักเรียนที่ผมวิ่งผ่านมาก

“มันเลวร้ายมาก มึงจะให้กูวิ่ง อากาศร้อนขนาดนี้ ดูแล้วติดยาวมากด้วย แถมระยะทางนี้คงไม่ต่ำจากสี่ห้ากิโล และมันกิโลกรัมเพราะว่ามันเป็นกิโลเมตรไอ้เชี้ยเธียร!!”

“ทำยังไงก็ได้ ที่ให้มึงไปให้ทัน ไอ้ไปส์ แค่นี้น่ะ กูก็รีบ!!” ผม ผมว่งมาจนถึงห้องประชุม เปิดประตูพรวดเข้าไป

“นี้ไงป๊า มันมาแล้ว ไอ้เธียรวิชย์ของป๊านะ” เจ๊ธามรีบบอกป๊าผมทันที ป๊าหันมามอง หน้าของป๊าโหดมาก คงรอเอกสารจากผมอยู่และในห้องก็มีผู้บริหารที่จ้างมาช่วยงาน เขานั่งอยู่ ป๊ายืนอยู่ การประชุมน่าจะเริ่มมาได้สักสิบห้านาทีแล้ว

“ไหนล่ะ เธียร เอกสารที่ป๊าให้ไปเอามา” เฮียธี หันมาถามผม ผมก็ชูเลย

“นี่ไง!!” ชูขึ้นกลางอากาศ เอกสารอันนี้เริ่มจะหนักแล้วน่ะ

“เฮ้ย!!!” บรรดาเฮียของผมร้องออกมาพร้อมกัน ผมชูลูกโซ่แทน

“นี่มันลูกมึง!!” บรรดาเฮียพูดออกมาพร้อมกั้น ผมก็มองสิ่งที่ผมชูไปให้เฮียธี เฮียถึงกับก้าวเท้าถอยไปด้านหลังด้วยอาการตกใจ

“ลูกโซ่เอาแฟ้มที่มือน่ะให้แปะไป” ผมกระซิบ ลูกโซ่ก็ชูนี้มือเขาถืออยู่ขึ้นมา

“นั่นแหละ ให้แปะไปครับลูกโซ่” ผมกระซิบอีกที

“อ้า” ส่งไปให้เฮียธี เฮียก็รับไปแต่แบบกล้าๆ กลัว ๆ คงกลัวหลานกระโดดใส่แน่ๆ

“เอาลูกมาทำไมเธีย คุณเธียรต้องเข้าประชุมนะครับ” เฮียธีหันมาถามผมเรียกน้องซะเพราะเชียว ก่อนจะมองสิ่งที่ผมสะพายมาด้วยกระเป๋านมพร้อมมาก

“อย่าบอกน่ะว่าจะเอาลูกมาประชุมด้วย” เฮียธีหันมาถามผม

“ผมอยู่ประชุมไม่ได้จริงๆ ป๊า เอ๊ย!! ท่านประธานที่เคารพรัก” ผมหันไปพูดกับป๊าของผม

“มาเต็ม!! “พี่ธันหันมามองผมแอบส่ายหัวเล็กน้อย ผมหันไปยักคิ้วให้ ทำไม่ได้ละซิ

“มันช่างกล้า มันเรียกท่านประธานที่เคารพรัก” เฮียธามของผม เธียรทำบ่อยด้วยเวลาป๊าโกรธ

“มันจะเรียกป๊าแบบนี้ ทุกครั้งที่มันงานเข้าไง เฮีย” เฮียธันพูดก่อนจะหันไปแตะมือแทกทีมกับเฮียธาม

“จะไปไหนเธียร” ป๊าหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เหมือนกำลังระงับความโกรธอยู่

“คือ เออ เรื่อง มันยาวอ่ะครับ” ผมหันไปบอกป๊า

“เธียร เรื่องมึงน่ะยาวเป็นหางว่าวแล้วครับ ฉายามึงน่ะ เธียรเรื่องเยอะ จำไม่ได้เหรอ ไอ้ตี๋น้อย” เฮียธามไม่ลืมหันมาจิกกัดน้องอีก

“อันนี้เรื่องด่วนอ่ะเฮีย” ผมหันไปบอกเฮียธาม

“เฮียไม่เคยเห็นเรื่องไหนไม่ด่วนสำหรับคุณเธียรสักเรื่อง ส่วนใหญ่แล้ว ด่วนมาก ด่วนมากที่สุด!!” เฮียธีอีกคน โดนเฮียๆรุม

“อะแฮม” ป๊าต้องเป็นคนห้ามทัพทุกที


“ป๊าน่ะ ผมมีเรื่องจริงๆ ผมขออธิบายที่หลังได้ไหมครับท่านประธาน และผมรบกวนอีกเรื่อง ฝากลูกด้วยครับ” ผมพูด ป๊าหันมามองหน้าผม

“ห๊ะ!!” บรรดาเฮียของผมอุทานออกมาพร้อมกัน

“ฝากให้ประชุมแทนคุณเหรอครับ คุณเธียรวิชย์ครับ” เฮียธีหันมาถามผมและชี้ที่ลูกโซ่

“ก็บีมต้องไปกับผมอ่ะครับ เฮีย ผมไม่มีใครดูลูก บีมมีเรื่องครับเฮีย และพี่มลก็ไม่อยู่ เฮียก็รู้ แถมม๊าก็ยังไม่กลับ” ผมพูดทำหน้าเศร้า แต่ไม่ได้เล่าความเท็จนะ ผมหน้าอ้อนวอนขอร้องเฮียธีและหันไปมองป๊าผม ป๊าก็พยักหน้ายกมือว่าให้ผมหยุดพูดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะพรรณนาต่อจนกว่าจะมีคนเห็นใจ

ผมรีบพาลูกโซ่เดินไปที่เก้าอี้ที่มีป้ายชื่อตั้งเอาไว้ว่า “เธียรวิชย์ “ป้ายชื่อผมเองครับแถมยังนั่งใกล้ท่านประธานซะด้วย ผมมองหาว่าใครกัน ถึงได้จัดให้เธียรวิชย์นั่งใกล้ชิดท่านประธานสุดที่รักของผมขนาดนี้ เฮียธามยักคิ้วให้ผม ฝีมือเฮียธาม

“ป๊าบอกอยากนั่งใกล้ลูกรัก เลยจัดให้ ไม่ดีหรือไง มึงจะได้อ้อนป๊าได้สะดวกๆ” เฮียธาม ผมเหลือกตาขึ้นบน

“แต่เสียใจด้วย วันนี้ต้องเป็นหลานท่านประธานนั่งแทน “ผมพูดก่อนจะวางลูกโซ่ผมลง พร้อมกับหยิบขวดนม ขวดน้ำมาวางให้ลูกโซ่

“วันนี้คือตัวแทนป๊านะลูกน่ะ อย่าทำอะไรให้ท่านประธานกรุ๊ปโกรธนะลูกโซ่ ห้ามฮือห้ามอือ พยักหน้าอย่างเดียว ว่าเห็นด้วยทุกอย่างนะลูกนะ ฟ้อด!! “ผมกระซิบกับลูกโซ่แถมหอมทุยๆ ที่กลมเหมือนลูกฟุตบอล ลูกโซ่มองดูขวดนมก่อนจะหยิบมาถือไว้และจับใส่ปากไปทันที เนื่องจากว่าได้เวลากินนมของลูกโซ่แล้ว เขาหันไปมองรอบๆ ผู้เข้าประชุมทุกคนคนมีแก้วกาแฟ ขนมปังวางไว้ แต่ลูกผมมีขวดนม ขวดน้ำ ผมก็เลยล้วงมือลงไปหยิบซองขนม ที่บีมทำไว้ให้ โยเกิร์ตที่อัดเม็ดเอาไว้และมันก็สลายได้ในปากได้

“พี่ครับ ผมรบกวนขอจานพาสติกให้ หลานท่านประธานหน่อยนะครับ ใส่ของว่างครับ” ผมหันไปบอกพี่แม่บ้าน เขาก็พยักหน้าให้ผม เขาหันมามองสองสามที

“ป๊า ผมไปก่อนนะบีมรออยู่ ผมมีเรื่องจริงๆ ป๊า เรืองใหญ่ด้วย คอขาดบาดตายเลย” ผมบอกป๊าที่นั่งมองเจ้าลูกโซ่

“แบบนี้ก็ได้เหรอ พ่อมันเข้าประชุมไม่ได้ มันส่งลูกมันมาประชุมแทน มึงคิดนานไหมเธียร” เฮียธามถามผม

“ไม่นานเฮีย แต่ลูกน่ะใช้เวลาทำนานมาก” ผมหันไปตอบ

“เว้ย!!” เฮียธันสะบัดหน้ามามองผมสองทีติด

“ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราเริ่มประชุมจริงๆ กันเลยดีกว่าไหมครับ เชิญตัวแทนคุณเธียรวิชย์พูดก่อนเลยครับเกี่ยวกับการประเมิณโรงเรียนที่คุณเธียรวิชน์ดูแลอยู่่ะครับ” ผู้บริหารอีกสาขาที่พ่อผมจ้างมายกมือขึ้นเพื่อให้ลูกผมพูดก่อนเหรอแต่ขวดนมยังปาอยู่เลย

“อย่า!!!” ผมและเฮียพากันยกมือห้าม

“ผมคิดว่าคุณเธียรวิชย์สอง อาจจะยังไม่พร้อม รอให้ทานนมก่อนจะดีกว่านะครับ เชื่อผม!” เฮียธันรีบเบรกไว้ก่อนทันที ก่อนจะหันมาพยักพเยิดให้หลานรัก ดื่มต่อได้เลย ผมมองเจ้าลูกโซ่แอบโบกมือให้ด้วย ก่อนปิดประตูห้องประชุมให้อย่างเรียบร้อย

ผมก็รีบเดินลงชั้นล่างทันที ผมรีบวิ่งลงไปให้เร็วที่สุด ผมลงมาถึงก็เจอฟิล์มยืนอยู่กับบีม กำลังช่วยกันกระหน่ำโทร

“พี่เธียรมาแล้วบีม” ฟิล์มสะกิดบีม ฟิล์มยกมือไหว้ผม

“ว่าไง ติดต่อเพื่อนได้ไหมบีม” ผมถามบีม

“ไม่ได้เลยครับ นี้ผมโทรหามะนาว ใบชาให้ไปเจอกันที่สะพานเหล็กเลยครับเฮีย” บีมบอกผม ผมก็พยักหน้า โบกมือให้พากันขึ้นรถ ผมก็วิ่งไปขึ้นรถและขับออกทันที

“บีมพอจะรู้ไหมว่าน้องเขามีปัญหาอะไรถึงได้ ทำแบบนั้นกับบีม” ผมถามบีม

“ผมเดาว่า น่าจะมาจากเรื่องเงินครับ แม่เป็กซ์เขาป่วยเป็นมะเร็ง ผมเพิ่งรู้จากฟิล์มครับเฮีย” บีมหันมาบอกผม

“มันน่าจะต้องใช้เงินเยอะ แม่มันต้องให้คีโมนะครับ “ฟิล์มพูด ผมขับมาใกล้ถึงแต่ว่ารถติดมากเหมือนที่ไอ้ไปส์บอกผมเลย นี้ขนาดผมแซงมาตลอด โดดบีบแตร๋ด่าก็โดน แต่ก็ต้องยอม โดนด่าพ่ออีกต่างหาก แต่โชคดีที่บีมจับแขนผมบีบเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงได้ลงไปต่อยกับคนที่ด่าผมแล้วแน่ๆ เธียรหัวร้อนก็เคยเป็น เมื่อก่อนเป็นบ่อยด้วย

“ขอบคุณนะครับ” ผมหันมาขอบคุณที่รักของผม ผมขับมาจนอีกประมาณ ห้าร้อยเมตรได้

Rrrr เสียงโทรศัพท์ผมดัง ผมรีบกดรับสายผ่านแอร์พอร์ต ที่เสียบหุอยู่

“ว่าไงไปส์”

“กูเจอน้องเขาแล้ว และน้องกำลังจะ จะ”

“จะอะไรวะ”

“กระโดดลงไป นี้กูดึงแขนไว้อยู่”

“น้องขึ้นมาเถอะ เพื่อนเขาให้อภัยแล้ว หนักน่ะเนี๊ยะ เห็นตัวแค่เนี๊ยะ!!” เสียงไอ้ไปส์

“บีม ไปส์มันเจอเพื่อนเราแล้ว และกำลังจะกระโดดลงไปแล้ว” ผมหันมาบอกบีม

“ทำไงดีล่ะพี่เธียร!!” บีมถามผมด้วยท่าทีร้อนรน ผมก็หันไปมอง เห็นทางที่จะเลี้ยวไป ผมว่าจะนำรถเข้าไปจอดและวิ่งต่อไปแล้วกัน ผมนำรถเข้ามาจอดทันที บีมมองหน้า

“เราจอดรถและวิ่งเถอะ ขับไปอีกหลายสิบนาทีเลย และนั้นรถไป รถที่ผมคุ้นเคยดี รัั้นค่่าไปส์จอดอยู่นั้น” ผมพูด ผมจำรถไอ้ไปส์ได้ ผมกับบีมและฟิล์มก็ลงมาจากรถ ผมล๊อกรถก่อนจะรีบพากันเดินออก กึ่งวิ่งกึ่งเดิน จนสุดท้ายก็พากันวิ่ง ผมก็หวงเมีย รีบวิ่ง

“บีม ไหวไหม ขี่หลังพี่ไหม” ผมถามบีม ฟิล์มหันมามองผมก่อนจะหันไปมองบีมอีกที

“จะบ้าเหรอพี่เธียร ให้ผมขี่หลังพี่ ทั้งที่รถบนถนนเยอะแยะขนาดนี้ ฝันไปเถอะ” บีมพูด

“อ้าว ก็ป๊าเป็นห่วงม๊า ขี่ไหม และถ้าเป็นเกิดเป็นลมขึ้นมา พี่จับผายปอดน่ะ” ผมพูด

“พี่เธียร เป็นลมไม่ได้หยุดหายใจไม่ต้องผายปอด และผมจะไม่ยอมเป็นลมคนเยอะแยะแบบนี้แน่ะ อายเขา” บีมหันมาบอกผม พร้อมกับวิ่งไปด้วยจนกระทั้งถึงสะพานผมวิ่งไปด้วยกัน ผมก็มองหาไอ้ไปส์ พวกผมวิ่งไปเกือบถึงกลางสพาย ผมเห็นไอ้ไปส์มันกำลังดึงใครสักคน ให้ขึ้นมา ผมก็วิ่งไปหามัน เวลานี้ไม่ค่อยมีคนมาวิ่ง เพราะว่าใกล้ๆ นี้มีสวนสาธารณะให้คนวิ่งออกกำลังกาย และเวลานี้คือเวลาเร่งรีบ ไม่มีใครสังเกตก็ไม่เห็น ผมข้ามรั่วไป ผมยื่นมือไปช่วยไอ้ไปส์มันดึงแขนอีกคน

“เป็กซ์ อย่านะ มีอะไรคุยกับพวกกูดิว่ะ” ฟิล์มพยายามเกลี้ยกล่อมเป็กซ์

“ไอ้เชี้ยเอ๊ย กูดึงมาจะครึ้งชั่วโมงแล้วเนี๊ยะ! จนจะล่วงลงไปกับน้องมันอยู่แล้ว” ไอ้ไปส์พูด

“เป็กซ์ ขึ้นมาเถอะ กูไม่โกรธมึงน่ะ เพราะว่ากูรู้มึงไม่อยากทำ แต่มึงขึ้นมาได้ไหม ไม่ได้ขึ้นมาเพื่อกู แต่ขึ้นมาเพื่อแม่มึงป็กซ์ กูขอร้อง ถ้ามึงทำแบบนี้ กูก็มองหน้าแม่มึงไม่ติด เป็กซ์ กูขอร้อง ขึ้นมา อย่าทิ้งกูกับหลานไปดิว่ะ “บีมพูด ผมกับไปส์ ออกแรงดังั้ว ร่างเป็กซ์อกครั้งพยายามดึงลาก เป็กซ์เริ่มไม่ขืนตัวเองไว้ ผมพยักหน้ากลับไปส์และพากันออกแรงเฮือกใหญ่ ดึงขึ้นมาเลย

“ตุบ” จนร่างนั้นข้ามขอบสะพานขึ้นมา ไอ้ไปส์ทรุดลงนั่ง เหงื่อแตกผลักเลย ผมยืนเอามือเท้าเอว นี้ขนาดมาว่าผมแป๊บเดียวยังเหงื่อออกขนาดนี้แต่ไอ้ไปส์มันดึงเอาไว้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“น้องครับ พี่นี้เกือบจะไม่ไหวแล้ว เกือบได้ไปเกิดใหม่พร้อมกันอยู่แล้ว” ไปส์พูด

“รู้ไหมว่า ไอ้ไปส์นี้มันโคตรกลัวความสูงเลยน้อง” ผมหันไปบอกน้องที่นั่งอยู่ น้องเขาหันไปมองไปส์

“ขากูสั่นเลยสาดเอ๊ย!! ยิ่งสูงยิ่งเสียว เสียวยันไส้ติ่ง “ไอ้ไปส์พูด บีมเดินมาหาเป็กซ์ ก่อนจะโผเข้าไปกอด ฟิล์มอีกคน ภาพเขาสามคนกอดกัน ผมหันมามองหน้าไอไปส์

“ไปห้องกูก่อนไหมว่ะ กูย้ายมาอยู่คอนโดแถวนี้” ไอ้ไปส์พูด ผมหันมาเหล่ตามองมัน ย้ายมาตอนไหน

“ก็วิวดี มองเห็นแม่น้ำไง เลยย้ายมา” ไอ้ไปส์มันบอกผม ผมพยักหน้ากับไอ้ไปส์ก็ได้

“บีมรอที่นี้แล้วกันตรงสวนสาธารณะนั้นน่ะ พี่กับไปส์เดินไปเอารถมารอรับ” ผมบอกบีม บีมพยักหน้ากับผม บีมและฟิล์ม ช่วยกันพยุงน้องเขาขึ้นมา ผมหันไปพยักหน้ากับไอ้ไป ว่าไปเอารถด้วยกัน และนี้ถือโอกาสให้เขาคุยกันด้วย

TBC.........


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-04-2021 12:56:35 โดย Alessa »

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 334
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
     
EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P1
   
            :sad11: พอผมได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเป็กซ์ ผมรีบบอกพี่เธียรวิชย์ พี่เขาก็ไม่รอช้ารีบขับรถออกมาแถมยังให้เพื่อนเขามาดูให้ก่อนไม่อย่างนั้น พวกผมคงมาไม่ทันที ผมนั่งรอพี่เธียรกับพี่ไปส์ เขาสองคนเดินไปเอารถที่จอดเอาไว้เพราะว่ารถติดมากพี่เธียรเลยเลี้ยวรถหาที่จอดและพากันวิ่งมา เพราะกลัวไม่ทัน โชคดีที่พี่ไปส์มาถึงก่อนถึงได้ดึงไอ้เป็กซ์มันเอาไว้ได้แต่ก็เกือบจะไม่ไหว พี่เธียรมาช่วยดึงอีกคน

“ดื่มน้ำก่อนมึง” ฟิล์มเดินไปซื้อน้ำจากซุ้มขายน้ำมาให้เป็กซ์ เขาเงยหน้าขึ้นมารับไป ผมหันมามองเป็กซ์ ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก

“จำได้ป่ะ เรามานั่งกันทุกวันเลยอ่ะ” ผมถามเป็กซ์ ผมแค่แชำเลืองตาไปมองคนที่นั่งนิ่ง ผมรู้ว่ามันรู้สึกผิดและถ้ายิ่งพูดมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ไหม ผมนั่งใช่แขนยันไปทางด้านหลัง ฟิล์มนั่งลงอีกฝั่งข้างๆ เป็กซ์

“กูชอบชวนมึงสองคนมานั่งที่นี้ เพราะว่ากูไม่มีใครรอกลับบ้านทุกวันเหมือนมึงสองคนที่ยังมีแม่ ส่วนแม่กูก็อยู่ไกล แต่บางทีกูก็รู้สึกว่ากูไม่มีพ่อแม่เลยว่ะ” ผมพูด

“จำได้ดิ อยากย้อนเวลากลับไป เป็นเหมือนวันก่อน เลิกเรียนต้องเดินมานั่งนี้ เสร็จแล้วก็ไปกินบะหมี่กันต่อ บะหมี่จับกัง โคตรเยอะเลยแต่ชามละแค่สิบบาท “เป็กซ์พูด

“เออว่ะ อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมว่ะ ถ้ารู้ว่ายิ่งโตมาเรื่องแม่งยิ่งเยอะ กลับไปเป็นเด็กดีกว่าไหมว่ะ ไม่ต้องคิดห่าอะไรเยอะแบบนี้ด้วย” ไอ้ฟิล์มพูด ผมสามคนหันมามองหน้ากัน

“ย้อนกลับไปเหมือนที่เรายังเรียนอยู่ วัน วัน ก็มีแต่เรื่องสนุกสนาน มากกว่าตอนนี้ “ผมพูด

“และที่สำคัญมิตรภาพของคำว่าเพื่อน” ผมหันไปพูดผม มองหน้าเป็กซ์

“กูขอโทษว่ะ กูแม่งเป็นเพื่อนที่เชี้ยมากว่ะ” เป็กซ์พูดก่อนหลุบตาลงมองพื้น

“หมับ” ผมใช้แขนผมโอบไหล่เป็กซ์ ไอ้ฟิล์มก็เช่นกัน

“กูเชื่อว่ามึงไม่ได้ทำเพราะตัวมึงเองเป็กซ์ และกูพร้อมจะให้อภัยมึงน่ะเป็กซ์ ไม่ว่าเรื่องมันจะเชี้ยแค่ไหน กูก็ยังให้อภัยมึง “ผมพูด จังหวะนั้นรถพี่เธียรกับรถของพี่ไปส์มาจอดพอดี พี่เขาเดินลงมาจากรถทั้งคู่

RRRR มือถือไอ้ฟิล์มดังขึ้น

“มะนาวว่ะ” ฟิล์มชูให้ผมกับเป็กซ์ดู

“ถึงยังไงมันก็เพื่อนเราปะวะ “ผมถามเป็กซ์ เป็กซ์พยักหน้าเบาๆ ผมหันไปพยักหน้ากับไอ้ฟิล์มว่าให้มันคุยได้ถึงยังไงมะนาวและใบชาก็เพื่อนกันมาตั้งสี่ปีเกือบจะห้าปีแล้วด้วย

“พี่ว่าเราไปคุยกันที่คอนโดไอ้ไปส์ก่อนน่ะ ไม่ไกลจากนี้” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมพยักหน้ากับเป็กซ์ เป็กซ์มันเงยหน้าขึ้นมองพี่ไปส์

“โอเค ขอโทษ ที่วันนั้นว่าเอาไว้เยอะ ใครจะไปรู้ล่ะ และที่ทำน่ะ มันแรงนะน้อง ถึงเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้ ต่อให้มีมีดมาจอคอพี่ก็ไม่ทำ “พี่ไปส์พูด

“ไอ้ไปส์!! “พี่เธียรหันไปเอ็ดพี่ไปส์

“ผมรู้” เป็กซ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเบามาก

“ผมว่าคนที่ควรจะมาฟัง ควรจะเป็นอาจารย์กันตภณด้วยครับ” เป็กซ์พูดเขาเงยหน้าขึ้นมองพี่เธียร ผมหันมามองหน้าเป็กซ์อีกที

“เกี่ยวกับอาจารย์กันตภณด้วยเขาควรจะได้รู้” เป็กซ์บอกผม พี่เธียรก็ทำสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“เพื่อนผมจะมาหาได้ไหมอ่ะพี่ มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ใบชาและมะนาว “ฟิล์มเดินมาถาม

“ได้ครับ คอนโดพี่อยู่ที่ตรงคลองสานครับ คอนโดหรูริมแม่น้ำเลย “พี่ไปส์หันไปบอกฟิล์ม พี่เธียรก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน ก่อนจะเดินหลบไป ผมหันมามองฟิล์ม

“กูบอกไป มึงคงอึ้งอ่ะ กูไม่คิดเลยว่ะ ว่าผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหายเลย “เป็กซ์พูด พี่เธียรวิชย์เดินกลับมาหาผมและเป็กซ์

“พี่บอกอากันแล้วน่ะ จะมาเจอกันที่คอนโดของไปส์มัน” พี่เธียรเดินกลับมา

“งั้นเป็กซ์ ไปกับพี่ไปส์น่ะ “ผมหันไปบอกเป็กซ์

“ฟิล์มไปกับพี่ไปส์ก็ได้น่ะ เป็กซ์มันจะได้มีเพื่อน” ผมบอกฟิล์มอีกคน มันก็ยักไหล่

“ฟิล์ม พี่ธันบอกว่าโทรหาเขาด้วยนะ นี่โทรมาโวยวายว่าธุรการเขาหาย “พี่เธียรพูด ผมหันมามองหน้ามัน ไอ้ฟิล์มมันขมวดคิ้วทันที


“กูรีบ เลยไม่ได้บอกพี่เขาว่ากูมากับมึงไง” ฟิล์มพูด

“โวยวายยังกับแฟนหาย” พี่เธียรวิชย์พูด ผมหันมามองไอ้ฟิล์มยังไงเนี๊ยะ!!

“อย่าแซว กูบอกที่หลังเอาเรื่องไอ้เป็กซ์ก่อน” ฟิล์มมันพูด ผมพยักหน้าก็ได้ ผมเดินไปขึ้นรถคันหรูของพี่เธียร

“พี่เธียรแล้วลูกโซ่ล่ะ” ผมถามพี่เธียร พี่เขาพยักหน้าขณะที่กำลังต่อสายโทรหาใครสักคนผ่านบลูทูธ

“ฮัลโหลเฮียธี อ้าว เฮียไปรับเจ๊มิวที่ไหน โรงพยาบาลเหรอ เจ๊ขึ้นเวรโรงพยาบาลเหรอวันนี้ แล้วลูกผมล่ะ อยู่กับป๊า จริงดิ โอเค ม๊าจะหามาป๊าเลยใช่ป่ะ ประชุมไม่สำเร็จ หาข้อตกลงกันไม่ได้เหรอ อ้าวเหรอ ก็คิดซะว่านี้คือประสบการณ์ใหม่ ยังเลย ว่าจะคุยกันก่อน จริงๆ เรื่องใหญ่ คุยทีเดียวเลย เมื่อทุกอย่างโอเค เป็นห่วงน้องสะใภ้ เหรอ โอเค” พี่เธียร์พูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมเป็นระยะๆ

“ว่าแต่เฮียจะอาสาเอาลูกผมไปนอนด้วยอีกไหมล่ะคืนนี้นะ ทำไม ไม่ได้กวนสักหน่อย จริงๆ ผมกับบีมก็จั้มจี้กันทุกคืน ทำไมเหรอ เฮียเอาไปนอนด้วยแล้วทำไมได้ละซิ ผมเทพแล้วไง” อันนี้ผมหันมามอง โม้น่าดูเลยน่ะ ผมทำท่าจะหยิก พี่เธียรรีบยกมือห้าม เพราะเกรงว่าคนในสายจะได้ยินเฮียแกร้อง

“โอเคเฮีย เจอกันที่บ้าน บายครับ” พี่เธียรวิชย์วางสาย ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“คืนนี้ไม่ต้องมาปลุกผมเลยนะพี่เธียร!!” ผมหันไปชี้หน้าพี่เธียรวิชย์ทันที พี่เธียรรีบคว้ามือผมไปหอมเพื่อออดอ้อนทันที

“แล้วใครดูลูกโซ่ล่ะพี่เธียรตอนนี้นะ” ผมถามพี่เธียร

“ป๊าพี่ไง นี้ป๊าต้องอุ้มตลอดการประชุมเลยน่ะ เพราะว่ากินนมเสร็จ ปืนขึ้นโต๊ะคลานเลยครับ บีมเอาอะไรใส่ในขวดนมให้ลูกหรือเปล่า เฮียพี่ถามนะครับ ฮาๆ “พี่เธียรวิชย์หันมาถามผม ผมนี้น่ะจะเอาอะไรใส่ไปล่ะ

“ก็นมชงปกตินั่นแหละ และช่วงนี้ชอบปืนจริงๆ เลย ผมเลยยังไม่อยากท้องไง กลัวจับเจ้าลูกโซ่ไม่ทัน” ผมพูด พี่เธียรยังจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย หอมมืออยู่นั่นแหละ

“ก็จ้างพี่มลเป็นพี่เลี้ยง เลี้ยงเจ้าลูกโซ่อย่างเดียวเลย พี่อยากให้บีมพักบ้าง พี่มลบอก ว่าบีมทำเองทุกอย่างเลย หนักไปนะม๊า”

“และพี่ว่าจะให้ลูกโซ่ไปอยู่ใกล้ๆ พี่ ให้พี่ที่ศูนย์เด็กเล็กดูแลเขาจะได้เรียนรู้พัฒนาการได้เร็วขึ้น ส่วนเมียพี่ก็ให้ไปนั่งให้กำลังใจพี่ที่ทำงาน ดีไหม” พี่เธียรวิชย์พูด

“มุขอยากให้ผมไปช่วยงานก็บอกมาเถอะ” ผมหันชำเลืองตามองคนข้างๆ พี่เขาพยักหน้าอย่างเร็ว รถพี่เธียรวิชย์แล่นเข้ามาจอดด้านในคอนโดหรูที่ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำ ผมเดินลงมาจากรถ เห็นเป็กซ์เดินมากับฟิล์มและพี่ไปส์

// ครับพี่ธัน ผมขอโทษ ผมไม่ได้หายไปไหน เมื่อเช้ามีพัสดุมาให้พี่ด้วยนะ อยู่บนโต๊ะนะครับ ผมไม่ได้แกะดู ก็มันเป็นของส่วนตัวนี่ครับ เหรอครับ ทำไมอ่ะ ผมนอนบ้านบ้างดีกว่าไหมอ่ะ ก็ได้ เดี๋ยวผมบอกอีกทีครับ ครับพี่ธัน” ฟิล์มมันยู่ปาก ผมพยักหน้าว่ามีอะไร

“มึงคบกับพี่ธันใช่ไหมว่ะ” ผมถามฟิล์ม เป็กซ์มันหันมามองไอ้ฟิล์ม อ้าปากหวอเลย

“ใครวะ” เป็กซ์ถาม

“พี่ชายพี่เธียรเขา “ผมพูด ตายังมองฟิล์ม เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย

“แล้วไอ้พี่เอ็มอ่ะ” เป็กซ์มันถามฟิล์ม

“กูเลิกกับมันแล้ว และนี้มันก็ ทำเหมือนขู่ฆ่ากูด้วยว่ะ ด้วยการฆ่าลูกแมวกูตายให้กูดู”

เฮ้ยย!!” ผมกับเป็กซ์ร้องออกมาพร้อมกัน

“ไอ้เชี้ยนี้แม่งบ้าไม่เลิกเลยเหรอว่ะ มึงบอกเลิกกับมันไปเมื่อสามเดือนก่อนแล้วไม่ใช่เหรอวะ” เป็กซ์ถามฟิล์ม ฟิล์มมันพยักหน้า

“เรื่องของกูเอาไว้เล่าทีหลังได้เถอะว่ะ เอาเรื่องไอ้เป็กซ์ก่อน” ฟิล์มรีบบอกผม มันรู้ว่าผมเป็นห่วงมัน

“เออก็ได้” ผมพูด

“น้อง ๆ ครับ พี่จะไปสั่งเครื่องดื่ม เอาอะไรดีครับ “พี่ไปส์ถามและมองหน้าพวกผมทุกคน

“ผมเอากาแฟเย็นแล้วกันครับ มอคค่าเย็นครับพี่ “ฟิล์มบอก

“เออ ผม ขอเป็นนมเย็นครับ” เป็กซ์มันพูดเสียงเบามาก

“อะไรน่ะ น้องชอบกินนมเย็นเหรอ!!” พี่ไปส์ถามเสียงดัง

“อ้าวไอ้เชี้ย มึงจะเสียงดังทำไม นมเย็นมันผิดตรงไหนวะ หรือเขาไม่มีขาย” พี่เธียรวิชย์รีบหันไปถามพี่ไปส์ทันที พวกผมก็สั่งให้มันประจำน่ะนมเย็นนะ

“มีว่ะ เออๆ สั่งให้ ผู้ชายอะไรกินนมเย็นว่ะ” พี่ไปส์พูดก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว

“ผมเอา” ผมกำลังจะสั่ง

“เอาลาเต้หวานน้อย มาสองแก้ว ไปส์ “พี่เธียรหันมาสั่งเพื่อนพี่เธียรทันที พี่ไปส์พยักหน้าก่อนจะหันไปกดโทรศัพท์ ระหว่างที่กำลังรอลิฟต์อยู่

“อากันมาถึงหรือยังวะ” พี่ไปส์ถามพี่เธียรวิชย์

“อีกสักยี่สิบนาทีได้ อากันส่องข้อความมาบอกว่ะ” พี่เธียรพูดกับพี่ไปส์ ผมสามคนเดินตามพี่ๆ เขาขึ้นมาที่ห้อง เป็นหนึ่งห้องนอนพลัส มีห้องนอนสำหรับแขกเป็นห้องนอนเล็ก มีพื้นที่ครัว ห้องรับแขกมีสองห้องน้ำ วิวระเบียงที่มองเห็นแม่น้ำพี่เขาอยู่ชั้นที่ยี่สิบเอ็ด นี้ขนาดกลัวความสูงแต่มาอยู่ชั้นที่ยี่สิบเอ็ด

“ตามสบายเลยครับ “พี่ไปส์พูด เป็กซ์มันนั่งลง ผมก็นั่งลงตรงกันข้าม ไอ้ฟิล์มก็นั่งลงข้างๆ เป็กซ์ พี่เธียรวิชย์มานั่ง ที่วางแขนโซฟาเดียวกับผม

“ตกลงน้องทำกับบีมเขาแบบนั้นจริงเหรอครับ” พี่เธียรวิชย์เป็นคนถามเป็กซ์คนแรก เป็กซ์หันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์

“คือผม ผมไม่ได้อยากทำแต่ผมไม่มีทางเลือกนี่ครับ ผมไม่ได้อยากทำกับเพื่อนผมแบบนั้นถ้าผมเลือกได้ บีมคือเพื่อนที่ผมรัก “เป็กซ์พูด

“แล้วใครให้น้องทำ ไอ้ผู้จัดการนั้นมันบอกว่ามีคนจ้างมัน แต่ว่ามันไม่เคยเห็นหน้าคนสั่งและน้องคือคนที่มาติดต่อกับเขาตลอด ตกลงใครจ้างใครกันแน่ “พี่เธียรวิชย์ถาม เขากอดอกมองเป็กซ์ พี่ไปส์ยกมือเดินไปเอาของที่หน้าห้องก่อนจะกลับมาพร้อมเครื่องดื่ม ทำการแจกให้คนละแก้ว

“คนที่จ้างให้ผู้จัดการทำคือ อาจารย์เปรมสินีครับ” ผมกับฟิล์มหันมามองหน้ากัน สั่นหัวไปมา

“เป็นไปไม่ได้เป็กซ์ กูไม่เคยมีเรื่องกับเขา” ผมรีบพูด ไอ้เป็กซ์มันพยักหน้าว่าใช่

“เป็นได้ไงว่ะ บีมมันไม่เคยมีปัญหากับอาจารย์เปรมสินี อาจารย์เขาไม่เคยสอนห้องเราด้วย เขาสายบัญชี” ฟิล์มพูดเช่นเดียวกัน

“เขามีปัญหากับมึงบีม กูเดาว่า มันมาจาก อาจารย์กันตภณ เพราะว่าเขามีรูปมึงตอนขึ้นไปนั่งคุย ปรึกษาอาจารย์กันตภณที่ห้องพักอาจารย์” เป็กซ์พูด

“กูไม่ได้ไปนั่งคุยกันสองต่อสองกับอาจารย์เขาเลยน่ะ” ผมพูด

“ก็ใช่ไงแต่เขาตั้งใจถ่ายแค่มึงกับอาจารย์ กูเห็นตอนไปเอาของที่โต๊ะเขา แต่ล่ะรูปน่ะ เขาเอาปากจิ้มหน้ามึงอ่ะแบบซ้ำๆ เหมือนคนโกรธเกลียดมึงมาก” เป็กซ์พูด

“กูเห็นกูยังขนลุกเลยอ่ะ” เป็กซ์พูด

“มึงจะบอกว่าอาจารย์เปรมสินีเขาชอบอาจารย์กันตภณเหรอว่ะ” ฟิล์มถามเป็กซ์

“กูไม่แน่ใจ เขาทำเหมือนเขาเคยเป็นแฟนอาจารย์มาก่อน เขายังแสดงอาการหึงหวง แต่เขาไม่เคยแสดงต่อหน้าอาจารย์เลยน่ะ ต่อหน้าอาจารย์เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิด ยิ้มปกติ “เป็กซ์พูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียร

“อาการมันเหมือนคนหลงรักอาจารย์กันตภณมากแต่เขาแสดงออกไม่ได้ หรืออะไรทำนองนี้น่ะ และพยายามจะทำให้เขาดูเทียบเท่า เหมือนอยากให้อาจารย์รับรู้ว่าเขามีตัวตน เพราะว่ากูไม่เห็นอาจารย์กันตภณสนใจเขาเลยสักนิด ก็แค่ทักและผ่านไป” เป็กซ์พูด

“เขาเรียกว่า อาการคลั่งรัก (Limerence) ” พี่ไปส์พูด ทุกคนหันไปมองพี่เป็กซ์

“ก็คือรักใครสักคนมากจนคิดว่าเขาเป็นของตัวเองไปแล้ว หมกมุ่นอยากให้เขารักตอบ อยากครอบครองเขา หึงหวงเขาโดยที่เขาไม่ได้เป็นแฟนกัน รักเขามาก ทำได้แม่งทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา รักมากจนแยกแยะผิดชอบไม่ออก และหึงหวงจนน่ากลัวแต่ส่วนใหญ่จะแสดงลับหลังคนนั้น อาการหึงหวงทั้งที่เขาไม่ได้เป็นแฟนจริงๆ” พี่ไปส์พูด

“น้องสาวพี่เรียนจิตวิทยาครับ” พี่ไปส์พูด

“แล้วแพรวาล่ะว่ะ” พี่เธียรหันไปถามพี่ไปส์

“เป้ยมันบอกว่าแพรวานี้คือErotomania เขาคิดว่ามึงน่ะรักเขา รักเขามาก มึงเป็นซูปเปอร์ฮีโร่ของเขา น้องกูบอกว่าพอได้เรียนพวกนี้น่ะ มันนึกถึงแพรวาก่อนเลยมึง” พี่ไปส์หันมาพูดพี่เธียรทันที

“บีมก็บอกกูว่าเขาเคยรับทำรายงานให้นักศึกษาคนหนึ่ง เขาทำรายงานเกี่ยวกับโรคนี้ บีมเลยบอกว่าแพรวาอาจจะเข้าค่ายป่วยว่ะ” พี่เธียรพูด

“กูก็ตัดสินใจไปบอกพ่อเขาแล้ว พ่อเขาด่ากูกลับด้วย เขาไม่เชื่อ” พี่เธียรพูด

“คนที่พี่พูดถึงคือคุณแพรวา ใช่ไหมครับ” เป็กซ์ถาม

“ใช่ น้องรู้จักเหรอ “ไปส์ถามเป็กซ์

“รู้จักครับ เพราะว่าเขามาหาอาจารย์เปรมสินีบ่อยๆ เขาให้อาจารย์ช่วยเรื่อง เกียรตินิยมอันดับสองครับ แต่ตอนนั้น ผมเองก็ยังไม่รู้ว่า อาจารย์กันตภณ ส่งชื่อบีมเข้าไป และอาจารย์เขาก็ยื่นขอแลกกับการที่แพรวาพ่อของเธอเซ็นต์รับรองว่าเขาควรจะได้รับตำแหน่งรองศาสตราจารย์อีกคนครับ” เป็กซ์พูด

“ที่เขาทำกับบีมแบบนี้ เพื่อเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บีมดูไม่เหมาะสมที่จะได้เกียรตินิยมอันดับสอง” เป็กซ์พูด

“เขาคงคิดว่าเขายิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยซินะ” ฟิล์มพูด ผมพยักหน้าตาม

“พี่เคยบอกกับแพรวา ว่าถ้าเขาได้เกียรตินิยมอันดับสองพี่จะให้รางวัลเขา แต่พี่เลือกเอาสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ใช่คนเรียนเก่งเลยไง แต่พอเขาบอกพี่ว่าเขาได้ พี่โคตรตกใจเลย”

“แน่ล่ะ เขาไม่ได้มาด้วยความสามารถเลย เกรดที่ได้มาไม่เป็นความจริง อาจารย์เปรมสินีช่วยเธอทั้งหมด” เป็กซ์พูด

“วันก่อนผมไปหาเขาเพราะว่าเขาเรียกผมเข้าไปคุยเรื่องบีมแต่ผมปฏิเสธเธอ ผมบอกว่าผมไม่ได้ติดต่อบีมอีกเลย”

“นี่แหละที่กูหายไปจากมึงบีม” เป็กซ์หันมาบอกผม

“ผมเห็นแพรวาเธอยังไปหาอาจารย์เปรมสินี เหมือนเขาต้องการให้อาจารย์ทำอะไรสักอย่าง” เป็กซ์พูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์ พี่เขาสั่นหัวไปมา

“อากันบอกกับพี่ว่า เขาไม่ต้องการให้บีมเข้ารับประกาศนียบัตรเลย” พี่เธียรบอกผม

“ไปกันได้ดีเลยครับ ลูกศิษย์กับอาจารย์” จู่ ๆ พี่ไปส์ก็พูดขึ้น ทุกคนหันไปมองพี่ไปส์พร้อมกันหมด

“ก็คนป่วยกับคนป่วยไงเลยคุยกันรู้เรื่องเคมีตรงกันทันที กูว่าแพรวาน่ากลัวแล้ว อาจารย์นี่น่ากลัวกว่า แถมเขาเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์อีกต่างหาก ทำงานเป็นทีมเลย” พี่ไปส์พูด พี่เธียรหันไปมองก่อนจะกลั้นหัวเราะพี่ไปส์ “ที่อย่างนี้ปากดี ทำไมต่อหน้าแพรวามึงไม่ปากดีแบบนี้ว่ะ ไอ้ไปส์" พี่เธียรพูด " ก็กูไม่ป่วยไง กูเลยคุยกับแพรวาไม่รู้เรื่องไอ้สัส! " พี่ไปส์พูด

“แล้วน้องไปร่วมมือกับเขาทำไม ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ถูกอ่ะครับ” พี่ไปส์หันถามเป็กซ์ เป็กซ์หันมาค้อนพี่ไปส์ เหมือนจะพยายามกลั้น เพราะว่าเป็กซ์มันเป็นคนปากร้ายไม่เบาอยู่แล้วน่ะ

“กูถามผิดคำถามเหรอครับ” พี่ไปส์หันมาถามพี่เธียรวิชย์

“อันนี้ควรให้เพื่อนสนิทเขาถามไอ้เชี้ย” พี่เธียรหันมาต่อว่าพี่ไปส์ทันที

“คุณเธียรจะบอกว่า ผมเสือกเหรอครับ” พี่ไปส์ถามพี่เธียร

“ที่กูพูดไปมันตรงตัวอยู่แล้วนะครับ ไอ้คุณไปส์! ” พี่เธียรหันมา พี่ไปส์รีบยกนิ้วกลางให้ทันที

“มึงไปช่วยเขาทำไมวะเป็กซ์ กูกับบีมแค่อยากรู้ ต่อให้คำตอบมันจะออกมายังไง กูสองคนก็ตัดมึงจากเพื่อนไม่ได้หรอกว่ะ “ฟิล์มพูดแทนผม

“กู เออ กูโดนบังคับค่ะ ก็ ไอ้โก้อ่ะ มันดันเอาชื่อกูไปลงพนันบอลและมันก็เสียเกือบครึ้งแสน และไอ้เจ้าของโต๊ะ คนนี้มันเป็นลูกนายตำรวจ พอเขารู้ว่ากูเรียนที่ไหน เขาก็มาคุยกับอาจารย์เปรมสินี”

“เข้าทางเขาเลยมึง เขาเรียกกูไปคุยตอนหลังเลิกเรียนวันนั้นน่ะ เขาบอกให้กูไปคนเดียวไม่อย่างนั้นเขาจะส่งเรื่องถึงอธิการบดี “

“พอไปถึงเขาก็บอกว่าให้กู ยอมทำตามที่เขาต้องการเขาและเขายังมีเงินค่าจ้างให้ด้วย ให้กูไปใช้คืนไอ้เชี้ยนั้นแทนไอ้โก้ “เป็กซ์พูด

“ที่สำคัญ กูจะจบแล้ว ถ้ากูโดนไล่ออก กูเสียเวลาไหม”

“กูไม่อยากทำ กูไม่อยากทำร้าย กูไม่…. ฮึกๆ ” ไอ้เป็กซ์มันเริ่มร้องไห้ ผมรู้ว่ามันเสียใจจริงๆ

“พอ พอ พอแล้ว “พี่ไปส์กลับเป็นคนห้ามเป็กซ์แทน ผมสามคนหันมามองหน้าพี่ไปส์

“เดี๋ยวน้ำตาท่วมห้องพี่ครับ” พี่ไปส์พูด

“เขาให้น้องทำอะไรคืนนั้น” พี่เธียรถามเป็กซ์

“อากันมาถึงแล้วว่ะ” พี่เธียรพูดขณะที่ก้มลงดูข้อความในมือถือ

“กูลงไปรับอากันเอง” พี่ไปส์พูดก่อนจะลุกขึ้นไป ผมหันมามองเป็กซ์อีกที

“ผมเดาว่าเขาเคยทำแบบนี้กับนักศึกษาคนอื่นมาก่อน และการที่เขาได้มาเป็นอาจารย์ที่นี้ เพราะว่าเขามีหนุนหลัง เขาเหมือนคนหานักศึกษาที่ร้อนเงิน ไปให้พวกชอบซื้อบริการทางเพศ บางคนก็ทำเพื่อแลกเกรด บางคนก็ทำเพื่อเงิน แต่มีเด็กคนหนึ่งทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ คล้ายๆ กับบีม “

“และเด็กคนนั้นก็ไม่มากเรียนอีกเลย หายไปเลย ส่วนบีมนี้เขาส่งรูปไปให้และเขาก็สนใจบีม” เป็กซ์พูด

“เขาให้ผมตามติดตามดูพฤติกรรมบีมมาพักหนึ่ง จนเขารู้ว่าบีมไปทำงานที่ผับนั้น อาจารย์เขารู้จักกับเจ้าของผับเป็นอย่างดี เขาเลยให้ผมวางยาบีม วันที่บีมไปทำงานเป็นผู้จัดการที่ร้านนั้น อาจารย์เขานัดพวกนี้ออกมาด้วย พวกเขาก็รออยู่ด้านใน” ขณะที่เป็กซ์เล่า ผมกุมมือพี่เธียรเอาไว้

“ผมเคยถามอาจารย์ว่าทำไมต้องเป็นบีม คนอื่นไม่ได้เหรอ ถ้าคนอื่นผมจะยอมทำให้”

“ผมเคยบอกว่าผมทำร้ายเพื่อนไม่ได้แต่เขายืนยันว่าต้องเป็นบีม เขาเลือกแล้วและถ้าผมไม่ทำเขาจะเดินเรื่องถึงอธิการบดีทันที “เป็กซ์พูด จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา โดยอากันตภณ ผมหันไปมองพร้อมกับยกมือไหว้ ทุกคนก็เช่นเดียวกัน

“สวัสดีครับอาจารย์” เป็กซ์ยกมือไหว้ อากัน อากันนั่งลงตรงข้ามผมกับพี่เธียร

ต่อด้านล่างค่ะ

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
(Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P1

EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P2

จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา โดยอากันตภณ ผมหันไปมองพร้อมกับยกมือไหว้ ทุกคนก็เช่นเดียวกัน อากันเดินเข้านั่ง ทุกคนหันไปมองอาจารย์กันหมด รวมถึงเป็กซ์

“สวัสดีครับอาจารย์” เป็กซ์ยกมือไหว้ อากัน อากันนั่งลงตรงข้ามผมกับพี่เธียร

“ตกลงใครจ้างเรา เป็กซ์” อากันตภณถามคำถามแรกกับเป็กซ์ทันที ถามได้ตรงเป้าเหมือนกับว่าอาจารย์เขาทำการบ้านมาดี

“อาจารย์เปรมสินีครับ อาจารย์กันตภณ” ผมหันไปมองหน้าอากัน สีหน้าอาจารย์กันตภณไม่ได้รู้สึกตกใจหรือแปลกใจเลยสักนิดที่ได้ยินชื่อนี้

“เขาส่งเด็กไปให้ ให้พวกผู้ใหญ่เพื่อบำเรออย่างว่าใช่ไหมเป็กซ์” อากันตภณถามเป็กซ์

“ครับ อาจารย์เขาทำครับแบบนั้นด้วยครับ มีทั้งคนที่รู้ก็ยังยอมและคนที่ไม่รู้เหมือนโดนหลอกไปแค่เพราะว่าเงินมาล้อและเขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าพวกมันอัดคลิปไว้ต่อรอง” เป็กซ์พูด

“อาได้ยินมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวอาแบบนี้” อากันตภณพูด

“อาจารย์เคยเป็นแฟนกับอาจารย์เปรมสินีมาก่อนไหมครับ” ฟิล์มหันมาถามอากัน ผมกับพี่เธียรหันมามองหน้าอาจารย์พร้อมกัน

“ไม่เคยน่ะ “อากันตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง สมกับเป็นอาจารย์กันตภณ

“แต่เขามีรูปถ่ายอาจารย์กับเขา ไม่เชิงว่าถ่ายแบบแนบชิดเป็นแฟนนะครับ ดูแล้วน่าจะหลายปีแล้วด้วยครับ ก่อนที่ผมจะเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครับ”

“ในรูปถ่ายมีสามคน มีผู้หญิงอีกคนดูสนิทกับอาจารย์มากด้วยครับ” เป็กซ์พูด ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา และส่งให้อากันดู อากันรับมาดู

“ผมรีบกดถ่ายเอาไว้นะครับ มันเลยเบลอๆ หน่อย”

“ดูไม่เหมือนอาจารย์เปรมสินีในตอนนี้เลยครับอาจารย์” เป็กซ์บอกอากัน” ผมว่าอาจารย์เขาน่าจะทำศัลยกรรมจัดเต็มก่อนจะมาเป็นอาจารย์ที่นี้ครับ” เป็กซ์พูด และอาจารย์กันตภณก็กดเข้าในมือถือของเขาก่อนจะเลื่อนดูน่าจะรูปอาจารย์เปรมสินี ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“มีเค้าหน้าอยู่น่ะ “อาจารย์กันตภณพูด พี่เธียรวิชย์เดินไปขอมาดู ผมก็ก้มดู รูปในมือถืออากันกับมือถือของเป็กซ์ ถึงจะเบลอๆ แต่ก็ดูออก

“อาจารย์เปรมสินีเขามาไกลมากเลยว่ะ จากก่อนศัลยกรรม” ฟิล์มพูด

“อันนี้เขาเรียกศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เรียกว่าเกิดใหม่เลยก็ว่าได้” พี่ไปส์อีกคน

“อาพอจะจำได้แล้ว ตอนนั้นอากับอาหลินยังไม่ได้หย่ากัน นี่แสดงว่าเขาคือคนที่ทำงานที่เดียวอาหลินเมื่อก่อน นี่อาจำเขาไม่ได้เลย เขาเปลี่ยนไปเยอะและเขาก็น่าจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลด้วย “อากันพูด

“เป็นใครก็จำไม่ได้หรอกครับอา เขาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือกับหลังเท้าเลยนะ” พี่เธียรพูดก่อนจะส่งมือถือคืนให้อากันไปและมือของเป็กซ์

“วันนั้นอาไปทำเรื่องที่คุรุสภาและหลินเขาก็ชวนอาไปทานข้าวใกล้ๆ สำนักงาน คนนี้ก็ไปด้วยเพราะว่าเพิ่งมาทำงานใหม่ๆ อาก็ไม่ได้สนใจน่ะเพราะว่าอาหลินเขายังเป็นภรรยาของอาอยู่ในตอนนั้น “อากันพูด

“เขามาเป็นอาจารย์ก่อนรุ่นเราจะเข้ามาปีหนึ่งได้มั้ง” อากันพูด

“ตอนนั้นอากับอาหลิน เริ่มแยกกันอยู่แล้ว” อากันพูด

“เขาคนนี้คือคนที่สั่งให้น้องวางยาบีมเพื่อพาไปให้พวกที่ชอบมีเซ็กส์กับนักศึกษาเหรอครับ” พี่เธียรถามเป็กซ์

“ครับ เขาให้ผมทำหลายครั้งแล้ว แต่ผมบ่ายเบี่ยง จนกระทั่งวันนั้นแหละ เขายื่นคำขาดมาแล้ว และคืนวันนั้นคือวันเคาท์ดาวน์ เหมือนกับว่าเขาน่าจะรู้ว่า อาจารย์กันตภณกำลังจะเสนอชื่อบีมเขาเพื่อรับการคัดเลือกเกียรตินิยม เขาเลยเร่งผมใหญ่เลยครับ “เป็กซ์พูด

“วันนั้นผมแอบไปรอบีมเขา ผู้จัดการเดินมาบอกผมว่า บีมไปชงเหล้ากับแขกและดูท่าคงจะโดนมอมเหล้า ให้ผมรอจังหวะและจัดการได้เลย”

“ไอ้ผู้จัดการนี้น่ะ”

“มันก็อยากได้เงินเร็วๆ มันมีคนมาทวงเงินมันอยู่” เป็กซ์พูด

“ผมรอดูสักพัก จนกระทั่ง บีมเดินออกมาด้วยอาการมึนๆ ผมเดาว่าน่าจะเมาแล้ว คือปกติบีมเป็นคนไม่ดื่มเหล้าเลย ถึงจะเห็นว่าบีมทำงานในผับก็เถอะ เหล้าบุหรี่บีมไม่เคยเลย “เป็กซ์พูด

“ผมเอาขวดน้ำที่ผสมยาไว้ให้บีมดื่มทันที และบีมคงมึนมากเลยคว้ามาไปดื่มโดยไม่ได้ดูว่าขวดน้ำนั้นมาจากใคร และผมเดินตามจนแน่ใจว่ายาออกฤทธิ์แล้ว ผมโทรบอกผู้จัดการ และเขาก็เดินมาแตะบัตรให้ผมพาร่างบีมเข้าไปเพราะว่าพวกนั้นรออยู่”

“ผู้จัดการนั้นมันก็เดินออกไปทันที ก่อนจะบอกกับผมว่าไปห้องไหน ไอ้คนพวกนี้ เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ชอบกัดบ้าง บังคับใช้ยาเสพติดบ้าง คนที่ถูกกระทำก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง และยังชอบถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยอีก”

“ผมยืนสับสนอยู่พักหนึ่ง แต่ผม ผมก็ทำไม่ได้ครับ ผมเลยดึงบีมออกมา บีมมันอยู่ในสภาพที่ยาปลุกเซ็กกำลังออกฤทธิ์ด้วย ระหว่างที่ผมกำลังโทรตามไอ้ผู้จัดการว่าให้มันมาเปิดประตู และผมจะพาบีมออก แต่ไอ้บีมมันดันเดินหายไปไหนไม่รู้ ผมก็หาไม่เจอ”

“จนผู้จัดการมา ผมบอกบีมหายไป ผมไม่ทำแล้ว ผมจะเอาเพื่อนผมกลับ แต่ผู้จัดการมันไม่ยอม มันบอกมีตำรวจนอกเครื่องแบบมา มันจะพาคนพวกนั้นหนีก่อน คนพวกนี้เสียเงินเมมเบอร์แพง ถ้าไม่ช่วยเจ้าของผับเอามันตายแน่ และมันบอกว่าให้ผมออกไปและไม่ต้องย้อนกลับมาอีก มันดันผมออกทันทีและมันก็ล๊อกประตู แน่นอนผมไม่มีเมมเบอร์ผมเข้าไม่ได้อยู่แล้ว ผมเลยไปช่วยบีมไม่ได้” เป็กซ์พูดอย่างรู้สึกผิด

“ผู้หญิงนี้รักแรงหึงแรง น่ากลัว โคตรๆ เลยอ่ะ “พี่ไปส์พูด

“และหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น” เป็กซ์พูด

“มึงได้สวมเสื้อผ้าให้กูเปล่าว่ะ” ผมถามเป็กซ์

“กูหามึงไม่เจอ จะไปสวมให้มึงตอนไหนวะ ถ้ากูหาเจอกูเอามึงออกมาแล้ว” เป็กซ์พูด

“แล้วใครวะ” ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์

“กูว่าน้องที่ชอบมาคุยกับมึงแน่ๆ เลยว่ะ น้องที่เรียนสารพัดช่าง เด็กดูแลแขกด้านในห้องพักแขกวีไอพี “

“กูยังแซวมึงเลยว่าน้องเขาชอบมึงแน่ๆ ตอนที่กูไปรับมึงกลับอ่ะ เห็นเขายืนมองมึงทำท่าจะทักมึงหลายรอบแล้ว” เป็กซ์พูด บางทีเป็กซ์มันมาค้างกับผม ผมก็จะให้มันขับรถไปรับผมกลับ แต่พอผมหันมามองคนข้างๆ ผม เขาก็มองผมนิ่งๆ เฉยเลย เหมือนบีมจะงานเข้า

“แต่หลังๆ ที่กูไป กูไม่เห็นน้องเขาแล้วน่ะ ลาออกไปแล้วมั้ง คงเพราะมึงด้วยมั้ง น้องคงเสียใจนะ” ไอ้เป็กซ์ ผมถลึงตาใส่มั้นทันที มึงจะใส่ไฟเพิ่มทำไมว่ะ

“น้องคนนั้นแน่ๆ น้องที่ชื่อบัส น้องเขาทำงานที่นั่นมาก่อนเกือบปี และเขามักจะบอกว่าอย่าไว้ใจผู้จัดการกับเจ้าของร้านมากหนัก เขาบอกผมแบบนี้หลายครั้งมาก “ผมพูดแต่คนข้างๆ ผมเริ่มจะมองผมนิ่งมาก

“ก็แค่พูดคุยกันเวลาเจอกันทีทำงาน และมีชวนไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกงานครั้งหนึ่ง” ผมหันมาบอกพี่เธียร

“แน่นะ!!”

“เหตุการณ์นี้มันเกิดก่อนผมเจอพี่ปะ แยกแยะหน่อยดิ” ผมหันมามองพี่เธียร

“แล้วไป” พี่เธียร

“ไอ้ผู้จัดการมันถ่ายรูปแบล็กค์เมล์บีมไว้ด้วย น้องรู้ไหม” พี่เธียรหันไปบอกเป็กซ์

“รูปที่บีมมีเข็มฉีดยานะเหรอ” อากันตภณหันถาม ผมกับพี่เธียรค่อนข้างตกใจเพราะว่ายังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับอากันมาก่อนเลยแม้แต่รูปก็ยังไม่เคยให้ดูเลย

“อารู้ได้ไง” พี่เธียรถามอากัน

“รูปพวกนี้แหละ ที่ทำให้อาต้องถอนชื่อบีมออกจากเกียรตินิยมอันดับสองตามที่อาจารย์เปรมสินีบอกและเขาจะไม่ส่งรูปพวกนั้นให้อธิการบดี เพราะนี้อาจจะทำให้บีมไม่มีสิทธิ์เรียนต่อจนจบ “อากันตภณพูดแต่เขาไม่ได้บอกผมว่าเป็นเพราะรูปนี้มาก่อน สงสัยว่าเขาไม่อยากให้ผมเครียดตอนท้องด้วย

“ในรูปมันดูเหมือนบีมไปเสพยาและการที่บีมชอบทำงานผับมันทำให้เชื่อมโยงกันได้ดี จนพี่เองก็แก้ต่างอะไรให้ไม่ได้ นอกจากจะกลับไปหาคำตอบ แต่ดันได้คำตอบที่ …. ฮืมมม” อากันพูดก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ผม เขาก็หันหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นแปลว่าอาก็รู้ก่อนไอ้เธียรมันอีกซิครับ” พี่ไปส์พูด

“ไอ้ไปส์!! " "อาเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพวกมันเลยนะ” พี่เธียรหันมาแก้ต่างทันที

“เดี๋ยวนะอา แพรวามันเป็นคนไปเอารูปพวกนี้มาจากไอ้ผู้จัดการคนนั้นเองเลยน่ะ แพรวามันก็เอามาเพื่อให้ป๊ากับม๊าผมดู” พี่เธียรพูด

“ผู้จัดการบอกว่า แพรวาไปเอาตามคำสั่งอาจารย์แต่ไม่ได้บอกชื่ออาจารย์ครับ ไอ้ผู้จัดการนั้นมันจำแพรวาได้ ว่าแพรวาเป็นลูกสาวลุงธรรมรัตน์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ” พี่เธียรพูด

“อาจารย์เปรมสินีเขาก็มีรูปอยู่แล้ว เขาให้ผมไปเอาไฟล์รูปจากไอ้ผู้จัดการ วันที่ผมเจอพี่เขานั่นแหละ” เป็กซ์พูดและชี้ไปที่พี่ไปส์

“พี่จำได้ครับ ไม่ต้องย้ำ น้องเหยียบเท้าพี่ครับ ขอโทษสักคำก็ไม่มี “

“กูไม่สะดุดเท้ามึงก็บุญแค่ไหนแล้ว ที่กูโมโหเพราะว่าหน้ากูเกือบทิ่มลงพื้น!” เป็กซ์มันหันขวับมาพูด ไอ้ฟิล์มมันถึงกับเหลือกตาขึ้นบน

“เดินนะหัดมองดิน้อง และคำขอโทษน่ะ มารยาทพื้นฐานครับ พกไว้บ้าง” พี่ไปส์ก็ไม่ยอม

“พอ!! “พวกผมต้องร้องห้าม

“เอาไว้เคลียร์กันทีหลังได้ไหม ไอ้เรื่องเหยียบเท้าอะไรกันนี่ เอาเรื่องบีมก่อน ขอล่ะครับ” พี่เธียรพูด

“ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม อาจารย์เปรมสินีเขาให้แพรวาไปเอาเองละครับ” เป็กซ์ถามด้วยความแปลกใจ

“ผู้จัดการมันเพิ่งส่งข้อความหา ว่าจะปริ้นรูปที่แพรวาไปเอารูปมาให้ทางอิเมล มันได้จากกล่องวงจรปิด มันบอกว่ามันชดเชยเงินสองหมื่นที่เอาไป นี่ยังไม่ได้เข้าไปเช็กอิเมลเลย” พี่ไปส์พูด

“แสดงว่า เขาตั้งใจ ให้แพรวาคือคนรับเต็มๆ ถึงได้ให้แพรวาไปเอาเอง เพราะกล่องวงจรปิดจะจับภาพที่เธอ ถ้าจะตามเรื่องต้องไปขอดูกล้องวงจรปิดก่อน “อากันตภณพูด

“แพรวามันก็ไม่คิดอะไรให้มันรอบคอบเลย มันนึกอยากจะได้รูปมาอวดป๊ากับม๊าผมแค่นี้นี่น่ะ “พี่เธียรพูด

“แถมเรื่องบีมท้องที่มีคนตั้งกระทู้ในเว๊บไซต์ของมหา’ ลัย อาจารย์เปรมสินีก็เป็นคนทำด้วยครับ ทำให้เป็นประเด็นคนพูดกันและมันกับมุ้งเป้ามาที่อาจารย์กันตภณ ว่าเป็นคนทำให้บีมท้อง” เป็กซ์พูด พี่เธียรหันมามองผม ผมพยักหน้าว่าจริง

“เขารู้ว่าไม่ใช่อาจารย์ที่ทำบีม เขาแค่อยากให้อาจารย์ออกมาพูดว่าไม่ใช่คนทำ แต่อาจารย์กลับเลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้คนเข้าใจกันไปแบบนั้น อาจารย์คงไม่รู้นางยิ่งเดือด นางคงส่งอะไรให้หมอภีมปภพ ผมเห็นชื่อนี้ที่หน้าซองจดหมายครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจเลยไม่ได้ถามอาจารย์” เป็กซ์พูด

“แต่บีมมันก็เข้มแข็งน่ะ มันเรียนจนจบ จนผ่านมาได้ เป็นผม ผมทำไม่ได้ เดินเข้าไปก็มีแต่คนหันมามอง ยิ่งไปอ่านกระทู้ที่เขาคุยกัน พวกผมนี้สงสารบีมมันมากและผมก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะบางคนก็เห็นใจ บางคนก็พูดแบบไม่มีความเห็นอกเห็นใจและยังซ้ำเติมอีกด้วย “เป็กซ์พูด พี่เธียรโอบไหล่ผมเบาๆ

“อาจารย์ก็ไม่คิดว่า คนที่ทำหน้าที่ครูอาจารย์ ไม่ใช่แค่สอนเท่านั้นนะแต่ยังเป็นเหมือนผู้ปกครองคนที่สอง คอยให้คำแนะนำช่วยเหลือลูกศิษย์แต่กลับมาทำแบบนี้กับลูกศิษย์ซะเอง อานี่หมดศรัทธาผู้หญิงคนนี้นับแต่วันนี้เลย “อากันพูด พี่เธียรบีบมือผมเบาๆ

“ใครมีหลักฐานอะไรส่งให้อาให้หมดเลยน่ะ เป็กซ์ด้วย “อากันพูด พี่เธียรหันไปคุยกับพี่ไปส์ พี่ไปส์เดินไปหยิบเอาแล๊ปท๊อปออกมา

“ผมต้องไปเอามือถืออีกเครื่องนะครับ มีหลักฐานหลายอย่างเลยครับ อยู่ในนั้น แต่ผมซ้อนไว้ในตุ๊กตาหมีที่ห้องนอนผมครับ” เป็กซ์พูด

“ตุ๊กตาหมี!! ” พี่ไปส์พูด

“เป็นคนชอบสะสม ทำไมอ่ะ ผิดเหรอ” เป็กซ์มันหันมาถามพี่ไปส์

“ไม่ครับแค่แปลกใจ ผู้ชายอะไรวะ ขอบตุ๊กตาหมี” พี่ไปส์พูด พี่เธียรหันไปมองเพื่อนเขา ก่อนจะทำนิ้วให้รูดซิปปาก

“แม้กระทั่งหลักฐานที่ผมเอาเงินไปให้ผู้จัดการผมก็มีครับอาจารย์”

“เอาล่ะทุกอย่างเรารู้กันแค่นี้น่ะ เอาหลักฐานทุกอย่างที่ทุกคนได้ ส่งให้อา อาจะได้ส่งให้อาหลินเขาทำเรื่องถึงอธิการบดีเพื่อตรวจสอบ อาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนอื่นอีก เขาน่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว และคนแบบนี้ไม่น่าจะเป็นครูอาจารย์ใครได้ “อากันตถภณพูด

“แม้กระทั่งแพรวานะ ก็ห้ามให้เธอรู้ พ่อเธอไม่ธรรมดา เราน่าจะรู้ดีเธียร ถึงแม้ว่าแพรวาจะไม่ได้ตั้งใจทำ แต่เธอคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ และเธอกำลังโดนตรวจสอบถึงผลการเรียนที่น่าจะเป็นเท็จ เธออาจจะไม่ได้จบในปีนี้ถ้าผลนั้นออกมาจริง” อากันตภณพูด

“ผมเดาว่าพ่อเธอคงโกรธมากอ่ะอา”

“อาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเขารักลูกจริง ไม่ควรปล่อยให้ลูกทำเรื่องพวกนี้ได้ และเธอใช้วิธีนี้มานานแล้วน่ะเธียรแต่มันไม่น่าเกลียดเท่าปีนี้ เกรดออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อทุกตัว” พี่เธียรวิชย์ ทำสีหน้าตกใจ

“เพื่อแค่ว่าอยากได้เกียรตินิยมอันดับสอง “อากันหันมาพูดกับพี่เธียร

“ตอนนี้อาจารย์เปรมสินีเขารู้แล้วว่าผม ต้องเอาเรื่องนี้มาบอกอาจารย์ เขาเหมือนพยายามส่งคนตามผมด้วยครับ” เป็กซ์พูด

“ผมไม่กล้ากลับบ้าน ผมไม่กล้าไปทำงาน และงานที่ผมได้ อาจารย์เปรมสินีก็ฝากผมกับพ่อของแพรวา” เป็กซ์พูด

“เอาอย่างนี้ พักที่นี้ อยู่ที่นี้ จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น “พีไปส์พูด

“ให้อยู่ทำไม มึงด่ากูไว้ตั้งเยอะ” เป็กซ์หันไปถามพี่ไปส์

“ไอ้เป็กซ์มึงยังมีตัวเลือกอื่นอีกเหรอวะอยู่ที่นี้ไปเลย ส่วนแม่มึงน่ะ พวกกูไปดูให้” ฟิล์มมันถามเป็กซ์ ผมพยักหน้ากับมันว่าอยู่ที่ปลอดภัยดีกว่า

ตื้ดๆๆ เสียงข้อความเข้ามือถือฟิล์ม

“เพื่อนผมมาแล้วครับ “

“มะนาวกับใบชาอ่ะ”

“พี่ไปส์ผมกับเพื่อนลงไปรับเองดีกว่าผมเกรงใจพี่อ่ะครับ” ผมบอกพี่ไปส์ พี่เขาพยักหน้า

“ไปส์ขออาใช้ไวไฟเราหน่อยซิ อาจะคุยกับอาหลินและส่งหลักฐานบางอย่างให้อาหลินเขา “อากันตภณพูด ผมพยักหน้ากับพี่เธียร ก่อนจะเดินออกมา ผมจำเลขที่ห้องของพี่ไปส์

“กูขอโทษนะบีม กูขอโทษจริงๆ ว่ะ “

“แค่มึงเปลี่ยนใจไม่ส่งกูไปเจอนรกก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“แล้วเขาไม่ว่ามึงเหรอว่ะ เรื่องที่มึงทำไม่สำเร็จ”

“กูโกหกเขา กูบอกว่าตำรวจนอกเครื่องแบบเขาถามกู เพราะว่าเขาสงสัยกู กูเลยรีบออกไม่อย่างนั้น กูคงทำให้เขาโดนไปด้วย เขาเลยปล่อยกูไง อาจารย์เปรมสินี แบคอัพเขาดีอยู่นะมึง”

“เขาเคยทำแบบที่นักศึกษาทำมาก่อนว่ะ กูคิดว่าน่ะ” เป็กซ์พูด

“แบคอัพดีแต่จะเหนือกฎหมายไหมล่ะ กูว่าไม่ว่ะ” ฟิล์มพูด

“แต่มึงโชคดีน่ะบีม ที่เจอพี่เธียรและโชคดีที่เขารับผิดชอบมึง กูว่าเขาเนื้อคู่มึงว่ะ” ฟิล์มพูด ผมเดินลงมาก็เจอ

“หมับ” มะนาวตรงมากอดผม ก่อนจะหันมามองเป็กซ์

“มะนาว พวกกูคุยกันเข้าใจแล้ว ทุกอย่างไม่ใช่เพราะเป็กซ์มันอยากทำ ยังไงมันก็เพื่อนเรานะ” ผมบอกมะนาวกับใบชา

“มึงนี่น่ะ มีเชี้ยอะไรแล้วไม่บอกพวกกู มีเพื่อนไว้ทำเชี้ยอะไรของมึงว่ะ” มะนาวต่อว่าเป็กซ์

“กูขอโทษ” เป็กซ์พูด

“แล้วลูกมึงล่ะ” มะนาวถามหาเจ้าลูกโซ่

“อยู่กับอากงเขา”

“ไปกินข้าวบ้านมึงอีกได้ไหมว่ะ” มะนาวถามผม

“มึงจะไปหาสามีให้ได้ใช่ไหมอีนาว!!” ใบชาพูด

“ยังเหลือไม่ใช่เหรอ พี่ธันไง พี่ธันก็หล่อนะ” มะนาวพูด

“อาจจะไม่เหลือแล้วก็ได้น่ะ” ฟิล์มมันพูดลอย ๆ

“มึงหมายถึงว่าเขามีแฟนแล้วเหรอ มึงทำงานกับเขานี่หว่า จริงๆ เหรอวะที่พี่ธัน ไม่รอด โอ๊ย!!” มะนาว

“กูไม่รู้ กูแค่พูดไปเฉยๆ มึงถามเขาดิ เวลาเจอหน้าพี่เขานะ” ฟิล์มพูด ผมหันมามองหน้ามัน แต่ฟิล์มมันขยิบตาแถมหันหลังเดินออกอีกต่างหาก เป็กซ์มันพยักพเยิด ผมกับเป็กซ์ดูมันออก ผมสองคนคบฟิล์มมานานกว่าสองคนนี้

“เหลืออีกคนไง เฮียธามไงแก” ใบชาพูด

“มึงเคยเชื่อคำว่า ผีเห็นผีไหม กูเห็นเฮียธามรู้ทันที และเจ๊แกคุ้นๆ หน้าอ่ะ เหมือนขุ่นแม่ ที่ผับที่เราไปประจำอ่ะ ที่มักจะมีหนุ่มหล่อมาเดินการกุศลและจะมีแม่ยกประมูลของที่หนุ่มคนนั้นถือมา รู้สึกเจ๊แกจะเปย์หนักมาก กูว่าใช่ค่ะ!!” มะนาวพูด

“ที่เขาขอบเรียกกันว่า เลดี้กาก้าสองนะเหรอ” ใบชาพูด พวกนี้มันเที่ยวผับกันด้วยแต่ผมน่ะไปทำงานอย่างเดียว

“ใช่เลย!!!”

“มึงเคยเห็นเจ๊แกแต่งหน้าไหมบีม” มะนาวถามผมทันที

“ไม่เคย!! ไม่มีแน่นอน เขาไม่ทำหรอก อยู่บ้านก็แมนปกติน่ะ แต่ก็มีแอบหลุดบ้าง รู้สึกว่าเจ๊แกจะมีเพจ ฮาวทูอยู่น่ะ “ผมพูดขณะที่กำลังเดินขึ้นไปบนห้องพี่ไปส์ ผมเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ทำให้ผมอมยิ้มคือ พี่เธียรกับอากันตภณกำลังคุยกัน แบบอากับหลาน

“สวัสดีค่ะอาจารย์ สวัสดีค่ะพี่เธียร” มะนาวรีบยกมือไหว้อากันกับพี่เธียร

“สวัสดีครับอาจารย์ สวัสดีครับพี่เธียร” ใบชา ส่วนมะนาวน่ะมันมองอากันกับพี่เธียรสลับกันไปมา

“มีอะไรเหรอมะนาว” อากันหันมาถามมะนาวที่ยืนมองหน้าอากันตภณกับพี่เธียรสลับกันไปมา

“นั่งใกล้กันได้ยังไงคะ อริกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ” มะนาวถามอากันกับพี่เธียร

“อีมะนาว!!!” เพื่อนๆ ผม

“พักยกครับ “พี่เธียรพูดปนหัวเราะ

“เอาล่ะ พี่ส่งหลักฐานเพิ่มไปที่อาหลิน และอาหลินเขาบอกว่าใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ เราก็อยู่กันแบบนิ่งๆ ไม่ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราทำอะไรอยู่”

“ถ้าอาจารย์เปรมสินีโทรมาก็บอกว่าเราอยู่ต่างจังหวัดน่ะเป็กซ์ เขาจะได้รู้ว่าเราจะไม่นำความลับของเขามาเปิดเผย” อากันหันมาบอกเป็กซ์

“ก็อยู่ที่นี้ไปก่อน ห้องนี้พี่ยังไม่ได้มาอยู่ มีเสื้อผ้าตัวไหนใส่ได้ก็ใส่ไปก่อนแล้วกัน จะเอาอะไรก็บอกมา จะเอามาให้” พี่ไปส์พูด

“ขอบใจนะไปส์” อากันหันไปขอบคุณพี่ไปส์

“แม่มึงน่ะกูไปดูให้ ทางผ่านกลับบ้านกูอยู่แล้ว และตอนนี้แม่มึงก็เป็นห่วงมากนะเป็กซ์” ใบชาพูด

“กูฝากแม่ด้วยนะใบชา “เป็กซ์พูด

“เออๆ เห็นแม่มึงบอกว่าแป้งจะมาอยู่ด้วย เพราะว่าย่าเขาให้มาเรียนที่กรุงเทพอ่ะ คงดูแลแม่มึงได้อยู่ เป็กซ์” ใบชาพูด แป้งคือน้องสาวกับพ่อเลี้ยงเป็กซ์มัน แป้งน่าจะเรียนมัธยมปีที่4แล้ว

“เป็กซ์มีอะไรโทรหากูน่ะ กูอยู่ข้างมึง “ผมบอกเป็กซ์

“ขอบใจว่ะบีม “เป็กซ์พูด “หมับ” เขาโผเข้ามากอดผม “ขอบคุณที่มึงยังให้อภัยกูว่ะ กูคิดว่ามึงไม่น่าจะให้อภัยกูได้เลย ฮึก ๆ” เป็กซ์พูด

“กูให้อภัยเพราะว่ามึงคือเพื่อนคนแรกของกูเป็กซ์และเป็นเพื่อนที่ไม่เคยรังเกียจกู “ผมพูด

“พวกมึงทุกคนแหละ คือเพื่อนรักกูทุกคน” ผมพูดกับเพื่อนๆ ผม

“เอาล่ะ งั้นก็แยกย้ายกันกับบ้านเลยแล้วกัน ใครมายังไงกัน จะกลับพร้อมอาจารย์เลยไหม” อากันตภณหันมาถามทุกคน

“มะนาว มึงอ่ะ” ใบชาพูด

“ก็ไปกับอาจารย์เลยแล้วกัน ใบชาด้วยใช่ไหม” อากันหันไปถาม

“ก็ได้ครับอาจารย์ อาจารย์ส่งผมกับมะนาวตรงสถานีรถไฟฟ้าก็ได้ครับ เพราะว่าอีนาวมันจะไป สมัครสมาชิกที่ฟิตเนสนะครับ เขาเกิดอยากจะเวิร์คเอาท์เอาชาบูออกนะครับ” ใบชาพูดพร้อมกับโยกหัวไปด้วย

“มึงนี่น่ะจะเข้ายิม” เป็กซ์หันมาถามมะนาวทันที

“อยากหุ่นดีสำหรับพี่ธัน พี่ธันของมะนาว” มะนาวพูด ผมหันมามองฟิล์ม ฟิล์มมันเหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย

“งั้นกูอยู่นี้ก่อนว่ะ” พี่ไปส์พูด พี่เธียรรีบหันไปมองพี่ไปส์ทันที พวกผมก็เช่นกัน

“ก็กูรอรับน้องชายกูอ่ะ ไอ้ปาร์ค มันเรียนพิเศษ มันจะสอบเข้าหมอและไม่ไกลจากนี้ จะให้ขับรถกลับไปบ้านและมาอีกเหรอ เปลืองน้ำมัน ราคาน้ำมันก็ขึ้น” พี่ไปส์พูด ผมหันไปมองเพื่อนพี่เธียรก่อนจะหันมามองพี่เขาเช่นกัน ยังไงเนี๊ยะ!

“งั้นเรากลับเลยน่ะ ป่านนี้ลูกโซ่คงรอแย่แล้ว ไปเร็วม๊า ไปเถอะ รถป๊าก็ไม่มีคาร์ซีทด้วยน่ะ “พี่เธียรรีบเร่งผมทันที ก่อนจะพยายามดันผมออก นี้เขาเตี้ยมอะไรกันหรือเปล่า ผมยืนมองพี่เธียร คนอื่นก็เดินออกมาจากห้องกันหมด

“น้องฟิล์ม” พี่เธียรเหมือนรีบเปลี่ยนเรื่องซะก่อน พี่เธียรเรียกฟิล์ม

“ครับพี่เธียร” ฟิล์มหันมา

“เฮียธันเขาบอกกับพี่ว่า เฮียจะมารับน้องฟิล์มที่สาขาใหญ่ครับรอด้วยครับ สงสัยว่ามีเอกสารต้องแก้ไขนะครับ น้ำเสียงเฮียของพี่โหดมาก พูดเลย” พี่เธียรพูด ฟิล์มมันเหลือกตาขึ้นบ่นก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป ผมหันมามองพี่เธียรก่อนจะเดินตามฟิล์มเข้าไปเช่นกัน ผมรับรู้ได้ว่าคนที่ตามเข้ามาทีหลังเขาจับมือผมบีบเบาๆ

“คราวนี้คงจบซะทีน่ะ” พี่เธียรกระซิบพูดกับผม ผมยิ้มให้พี่เธียร

“พี่ว่าแพรวาเขาจะจบเหรอครับ” ผมถามพี่เธียร พี่เงียบไปทันที ผมรู้ว่าพี่เธียรรู้จักเธอดี

“นางอาจจะทำในสิ่งที่พี่กับผมคาดไม่ถึงก็ได้นะครับ” ผมถามพี่เธียรแต่ผมรู้ว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผมกับลูกโซ่ไว้กับเขาแน่นอน

“ถึงตอนนั้น พี่ก็จะใช้วิธีที่นางก็คาดไม่ถึงเหมือนกันบีม พี่ว่าบีมรู้ แล้วบีมล่ะ เลือกจะไปกับพี่ไหม ถ้าพี่ไม่มีนามสกุลของป๊าพี่ไปด้วย นั้นหมายถึง ไม่มีคนรู้จักพี่และช่องทางดีดีก็อาจจะไม่มีเหมือนตอนนี้ พี่อาจจะลำบากกว่านี้ทั้งที่พี่ไม่เคย และเราอาจจะต้องเริ่มจากศูนย์” พี่เธียรวิชย์ถามผม

“ผมมาโดยไม่มีอะไรมาด้วย ผมก็พร้อมจะออกไปโดยไม่มีอะไรได้เช่นกัน แต่ผมคงทิ้งหัวใจผมไว้ไม่ได้ เพราะว่าพี่กับเจ้าลูกโซ่คือหัวใจของผม” ผมกระซิบกับพี่เธียร พี่เธียรเอาฝ่ามือลูบหัวผมเบาๆ ส่วนฟิล์มมันก็ก้มหน้าก้มตากับมือถือแชทคุยกับใครก็ไม่รู้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนมะนาวก็คุยกับอาจารย์กันตภณเรื่องที่ทำงานของเขา

TBC......



ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0

EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1

          Part’ s กันต์ธีย์ หลังจากที่ผมกับเป็กซ์ได้คุยกันแล้ว เป็กซ์มันไม่ต้องการทำแต่โดนอาจารย์เปรมสินีบังคับ และเหตุผลที่นางทำแบบนั้นกับผม เป็กซ์บอกว่ามาจากอาการหึงหวงอาจารย์กันตภณ ผมมารู้ที่หลังว่าอาจารย์เปรมสินียังเคยทำงานที่เดียวกับอาหลินมภรรยาเก่าอากันก่อนที่เขาจะใช้เส้นสายมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับอากันตภณ และในตอนนั้นอากันตภณยังไม่ได้หย่ากับภรรยาเก่าของเขาด้วย ตอนที่อาจารย์เปรมสินีแอบชอบอาจารย์กันตภณไปแล้ว
   พออาจารย์กันตภณหย่าขาดก็ตามมาเป็นอาจารย์ที่นี้ทันที และยังใช้แพรวาเป็นเครื่องมือโดยเอาตำแหน่งรองศาสตราจารย์มาต่อรองเพื่อให้เธอได้เขารับเกียรตินิยมอันดับสองแทนผม โดยการพยายามสร้างเรื่องให้ผมดูไม่ดี เพื่อให้ผมถูกตัดสิทธิ์ออก ต้นเหตุมาจากที่อาจารย์กันตภณได้ยื่นเสนอชื่อผมเข้าไป มันทำให้นางโกรธแค้นผมมากขึ้น แต่ที่นางทำกับผมไม่ใช่แค่สร้างเรื่องธรรมดา แต่มันคือการเอาชีวิตผมไปสังเวยให้พวกชอบความรุนแรงทางเพศ นั้นแปลว่านางอยากทำลายชีวิตผมเลยทั้งที่ผมเอง แทบจะไม่ได้คุยกันกับอาจารย์ท่านนี้มาก่อน เรียกได้ว่าไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวมีแค่ยกมือไหว้ทักทายในฐานะอาจารย์ในมหา'ลัยแค่นั้น เพราะผมไม่เคยเรียนวิชาไหนกับเขาเลยสักตัวเช่นกัน
   ตอนนี้อาจารย์กันตภณบอกว่าให้พวกผมอยู่นิ่งๆ ก่อน ระหว่างที่กำลังรวบรวมหลักฐานทุกอย่างเพื่อยื่นเสนอถึงอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่ผมจบมา เป็กซ์ไม่ได้ไปทำงานที่เดิมแล้ว ผมว่าอาจารย์เปรมสินีกำลังจับตาดูเป็กซ์อยู่เช่นกัน เขากลัวว่าเป็กซ์จะบอกความจริงทุกอย่าง แม้กระทั่งผู้จัดการก็โดนเหมือนกัน พี่ไปส์เลยให้เป็กซ์อยู่ที่คอนโดของเขาไปก่อนและผมก็กลับมาใช้ชีวิตกันปกติทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย และคนที่จะถูกตรวจสอบอีกคนก็คือแพรวา โดนตรวจสอบเรื่องการติดสินบนเจ้าหน้าที่ในการเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสอง รวมทั้งเกรดที่ได้มาโดยความไม่โปร่งใสอีก เธออาจจะไม่ได้จบในปีนี้หรือจะโดนมากกว่านี้ไม่มีใครรู้ เพราะคนที่ตรวจสอบมาจากคุรุสภาทั้งหมด

“วันนี้ป๊าดีใจน่ะที่ม๊ายอมมาช่วยป๊าสักที “พี่เธียรวิชย์หันมาพูดกับผม เขากุมมือผมเอาไว้

“ก็เห็นป๊าทำหน้าเครียดอยู่หลายวันแล้ว งานยุ่งไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันมาพูดกับคนข้างๆ

“ไม่ยุ่งมากหรอกแต่พี่ไม่ถนัดงานด้านนี้ ก็บางทีมีผู้ปกครองที่หยุมหยิมเข้ามาคอมเพลนเรื่องไม่เป็นเรื่อง แถมโวยวายราวกับฟ้าจะถล่ม แอดมินก็เคลียร์ไม่ได้ เขาก็ส่งขึ้นไปหาพี่อีกที พี่ก็ใจไม่เย็นพอบีม เกือบจะมีเรื่องกับผู้ปกครองแล้ว” คนข้างๆ ผมพูด ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ เพราะว่าขนาดผมมาทำไม่นานยังเจอเลย แต่ผมก็พยายามพูดให้เขาใจเย็นลง

“พี่ก็อยากทำงานกับเมียพี่มากกว่าเพื่อว่าเมียพี่จะช่วยได้ดีกว่า เมียพี่นะใจเย็นเหมือนม๊าของพี่เลย” พี่เธียรพูดผมหันไปมองจริงอ่ะ

“พี่ก็เหมือนกับป๊าของพี่ พี่มักจะเห็นป๊าอ้อนม๊าไปด้วยทุกที เห็นไหมล่ะ” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะชำเลืองมามองผม ผมหันหน้าหนี บอกตรงๆ ว่าเขิน

“ป๊านี้น่ะอ้อนม๊า “ผมหันมาถามพี่เธียร

“อ้อนแบบฉบับของป๊าพี่ไง คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าอ้อนแต่พวกพี่เข้าใจตรงกันนั่นแหละที่เรียกว่าป๊าอ้อนแล้ว “พี่เธียรหันมาบอกผม ผมพยักหน้า อาจจจะจริงของพี่เธียร

“พอรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา หันมามองลูกมองเมียก็หาย อย่างที่อาม่าบอก” พี่เธียรวิชย์หันมาบอกผม

“แม้คนเราก็ต้องมีช่องว่างไม่ใช่เหรอครับ ผมกลัวว่าพี่จะอึดอัดไง ถ้าผมคอยอยู่กับพี่ตลอดเวลา” ผมพูดก่อนจะหันมามองคนข้างๆ แว๊ปหนึ่ง

“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย อยากอยู่ใกล้ๆ บีมทำให้พี่เห็นภาพความรักของป๊าและม๊าพี่และพี่ก็อยากได้แบบนั้น “ผมหันมายิ้ม

“รักและให้เกียรติภรรยาอันนี้ป๊าพี่สอนมาครับ” พี่เธียรวิชย์พูด วันนี้ผมให้ลูกโซ่ อยู่กับม๊าก่อนแพราะว่าลูกโซ่ต้องไปฉีดวัคซีน อาทิตย์หน้า ผมกลัวว่าถ้ามาอยู่กับพี่ที่ศูนย์เด็กเล็ก มีเด็กหลายคน อาจจะทำให้เจ้าลูกโซ่ติดหวัดได้และตารางการฉีดจะต้องเลื่อนออกไปอีก ลูกโซ่อายุแปดเดือนกว่าแล้วด้วย ยื่นตั้งไข่แล้ว ผมสังเกตเห็นการพัฒนาการของเจ้าลูกโซ่เขาเร็วมาก ประกอบกับพี่เธียรวิชย์เขาไปซื้อบาร์สำหรับหัดเดินมาให้เขา ลูกโซ่เลยเกาะเดิน เกาะยืนได้และพี่เธียรก็ไปซื้อเบบี๋จั้มเปอร์ แบบที่ห้อยกับขอบประตูมาให้เจ้าก้อนเต้าหู้ของเขาฝึกกระโดดฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาอีก

ผมก้มลงมองเสื้อเชิ้ตที่ผมสวมใส่มาวันนี้ ผมเลือกใส่สีเดียวกันเรียกว่ามาเป็นเซตคู่รักแต่ของผมเป็นทรงผู้หญิงเพราะว่ามันเข้ารูปได้ดีสำหรับผู้ชายหุ่นเล็กๆ บางๆ อย่างผม ผมสวมเสื้อสูททับแต่ไม่ได้ผูกเนคไท มีแค่พี่เธียรที่ต้องผูกมา

ระหว่างที่พี่เธียรวิชย์กำลังนำรถเข้ามาจอด ผมก็เห็นรถเก๋งราคาแพง ปอร์เช่ย์ Porscheคันสีขาว แล่นเข้ามาจอดไม่ไกลจากรถพี่เธียรมาก ผมหันไปมองหน้าพี่เธียร พี่เธียรถึงกับเหลือกตาขึ้นบน เขารู้ได้ทันทีว่าใครมา พี่เธียรวิชย์ลงมาจากรถ เพื่อตรงมาโปรดประตูให้ผม และคนที่ก้าวขาลงมาจากรถเก๋งคันสีขาว นั้นก็คือแพรวา เธอมาด้วยชุดแซกสั้น สวมเสื้อคลุมสั้นพร้อมกับคล้องกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง  เธอก้าวเท้าลงมาจากรถ เธอมองมาที่ผมกับพี่เธียร ผมก้าวเท้าลงมาจากรถ ผมเห็นเธอเดินปรี่ตรงมาหาพี่เธียรแต่ไกล นั่นผมก็เดาความคิดเธอได้ เธอรู้ว่ามีเศษไม้ขวางอยู่เธอคงคิดว่าจะเป็นตัวช่วยให้เธอได้ใช้มารยากับพี่เธียรวิชย์ซินะ

“พี่เธียรค่ะ!!!! ช่วยแพรวาด้วยค่ะ!!!” แพรวาเรียกพี่เธียรแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่ทันได้เหยียบไม้ จนเธอเหยียบเข้าที่กิ่งไม้นั้นอย่างตั้งใจ “ว้ายยย!!” เสียงกรีดร้องตกใจกางแขนรอให้พี่เธียรไปรับซิ

“พี่เธียร” ผมเรียกพี่เธียรบ้างไม่ต้องเสียงแหลมแสบแก้วหูเหมือนเธอหรอก แค่ผมทำท่าจะล้มก็เพียงพอแล้ว

“หมับ!!” ผมสัมผัสได้ว่ามีคนรับผมเอาไว้ได้ทัน สายตาผมประสานกับพี่เธียรนั้นทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปมองทางอื่น “ตุบ!!” แต่อีกคนคงไม่มีใครไปรอรับถึงได้ร่วงลงไปคุกเข่าที่พื้นแบบนั้น

“ระวังหน่อยซิม๊า ป๊าเป็นห่วง “พี่เธียรเอ็ดผมแต่น้ำเสียงมันบอกว่าเขาเป็นห่วงผมมากกว่า ผมยิ้มให้ก่อนจะชำเลืองไปมองคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น เพราะไม่มีใครเข้าไปรับเธออย่างที่ตั้งใจไว้

“พี่เธียร!! ทำไมไม่รับแพรวาค่ะ!!!” แพรวาเงยหน้าขึ้นถามพี่เธียรเสียงดัง กลุ่มคนที่เดินมายังที่จอดรถคือบรรดาผู้ปกครองที่มาส่งลูกตัวเองก็หันมามองเธอกันหมด

“ก็แฟนพี่จะล้มเหมือนกันนี่ครับ พี่ก็เลยต้องรับบีมก่อน เพราะว่าบีมเขา เออ เขา….” พี่เธียรวิชย์กำลังจะพูด ผมรู้ว่าเขากลัวว่าถ้าผมท้องอาจจะเป็นหนักกว่าเธอ

“เขาทำไมคะ บีมเขาทำไมเหรอคะ มันเป็นผู้ชายและพี่ควรจะรับแพรวาก่อนซิคะ มันถึงจะถูก!!” แพรวารีบถามพี่เธียรทันที เธอลุกขึ้นมายืนมองผมด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะจัดแต่งเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อย

“อ้อ บีมเขา ปวดท้องอีกแล้วพี่เลยเป็นห่วง พี่ไม่อยากให้บีมเป็นเยอะ แล้วแพรวาน่ะ ทำไมไม่เดินอีกทางก็รู้ว่าตรงนี้มีกิ่งไม้อยู่ และเธอก็สวมรองเท้าส้นเข็มแหลมขนาดนั้นอีก “ผมหันมามองพี่เธียรพูดต่อว่าเธอ ผมแอบยิ้มในความเซ่อของเธอมุขนางร้ายยุคไหนก็ไม่รู้ ผมมองพี่เธียรเหมือนพี่เขาจะเดาความคิดผมออกว่าทำไมพี่เขาถึงโกหกว่าผมปวดท้อง พี่เธียรเองก็ขยิบตาก่อนจะดันผมออกมานิดนึง เพื่อคุยกันตามลำพัง

“ถ้าพี่บอกเขาว่าบีมอาจจะท้อง พี่กลัวว่านางจะคิดทำอะไรแผลงๆ พี่ไม่ไว้ใจแพรวา” พี่เธียรกระซิบบอกผม ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย โดยมีสายตาแพรวาที่มองผมสองคนอยู่ เหมือนเธอต้องการจะรู้ว่าผมสองคนคุยอะไรกัน ผมยิ้มและพยักหน้าให้พี่เธียรก่อนจะหันมามองเธอพร้อมกัน

“ทำไมต้องหลบไปคุยกันสองคนด้วยคะ” แพรวาถาม แต่ไม่เจาะจงว่าถามผมหรือพี่เธียรวิชย์กันแน่

“เออ คือพี่ “พี่เธียรทำท่าจะตอบ

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแพรวา ผมกับพี่เธียรก็แค่คุยกันเรื่องส่วนตัวนะครับ” ผมเป็นฝ่ายตอบแทนพี่เธียรวิชย์

“แล้วคุณแพรวาคิดว่าเรื่องส่วนตัวนี้ควรจะให้คนอื่นรู้ได้ไหมครับ แต่ถ้าได้ก็คงไม่เรียกว่าเรื่องส่วนตัวใช่ไหมรับ” ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“แต่พี่เธียรเขาไม่เคยมีความลับกับฉัน” แพรวาพูด ผมหันมามองพี่เธียรเอียงคอเล็กน้อย

“แพรวาพอเถอะ พี่ก็แค่คุยกับแฟนพี่แค่นี่เอง แล้วนี่แพรวามาทำไมครับ “พี่เธียรยกมือห้ามแพรวาก่อนจะถามสาเหตุที่เธอมาวันนี้ เธอยืนกอดอกสายตาจ้องมองลงมาที่ของผมที่มีมือพี่เธียรจับมืออยู่

“อยู่โรงเรียนทำไมพี่ไม่คิดจะสำรวมหน่อยเหรอคะ จับมือกันขนาดนี้ เด็กๆ จะเอาตามอย่างไหมคะ” แพรวาถาม ผมก้มลงมองมือพี่เธียรก่อนจะพยักหน้าปล่อยเถอะ พี่เธียรวิชย์ก็ต้องยอมปล่อยก่อน

“ตกลงแพรวามาทำไมคะ” พี่เธียรถามแพรวา

“แพรวาจะมาทำงานกับพี่เธียรค่ะ เพราะว่าโรงเรียนของพ่อพี่มันเกิดขึ้นได้ก็เป็นเพราะคุณปู่ของแพรวา ดังนั้นแพรวาจะมาทำงานที่นี้ด้วยและสาขานี้ค่ะเท่านั้น” แพรวาพูดเธอเน้นว่าสาขานี้เท่านั้น เธอมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม

“พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” พี่เธียรพูดปฏิเสธทันที

“เดี๋ยวก็รู้ค่ะและนี่คือความรับผิดชอบที่พี่ฉีกหน้าแพรวาวันที่แพรวาขึ้นไปแถลงข่าวกับ อี…”

“กับบีมค่ะและวันนั้นพี่ก็ทำให้แพรวาอับอายคนที่ทำงานของพ่อแพรวา แพรวาเลยต้องมาทำที่นี้แทนค่ะ ในฐานะผู้บริหารเหมือนกับพี่เธียรค่ะ” แพรวาพูดก่อนจะมองไปรอบ เธอชูคออย่างราวกับว่าเธอคือคนที่เหนือกว่า

“ขึ้นห้องทำงานกันหรือยังคะ พี่เธียร” แพรวาถามพี่เธียร

“แล้วบีมล่ะ มาทำหน้าที่ธุรการเหมือนเดิมเหรอ นั่งห้องธุรการล่ะเพราะว่าห้องทำงานของพี่เธียร เขาให้สำหรับผู้บริหารเขานั่งกัน” แพรวาหันมาบอกผม

“ลองถามท่านผู้บริหารของผมดูก่อนดีกว่าไหมครับ ว่าผมมาทำงานในตำแหน่งอะไร เพราะเขาเองเป็นคนคะยั้นคะยอให้ผมมา ผมไม่ได้ เสนอตัวมาเองเหมือนคุณแพรวา” ผมพูดก่อนจะช้อนตาไปมองคนข้างๆ ผม แพรวาหันมามองผม สายตาเธอประสานกับสายตาผม ผมก็จ้องมองเข้าไปในแววตาคู่นั้น มันแข็งกร้าวก็จริงแต่มันกับไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าเธอไม่มีอะไรเลยในดวงตาคู่นั้น ผมแค่ยิ้มที่มุมปาก

“พี่เธียรจะให้ผมเป็นคนตอบแทนใช่ไหมครับ” ผมถามพี่เธียรก่อนจะหันมามองแพรวา” ผมมาในฐานะเมียผู้บริหารครับ ตำแหน่งนี้ใหญ่ทั้งที่บ้านและที่ทำงานครับ” ผมพูดก่อนจะหันมามองคนที่อ้อนให้ผมมากับเขา

“ใช่ไหมครับพี่เธียร” ผมถามพี่เธียร พี่เธียรวิชย์หันมายิ้มให้ผม เขาพยักหน้าเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยล่ะโดนแน่ๆ ผมคิดในใจ แพรวามองหน้าพี่เธียร เธอเหมือนทำท่าจะกรี้ด

“ผมว่าเราขึ้นห้องทำงานกันเถอะครับ จะพากันสายเอานะครับ ทั้งผู้บริหารและผมในฐานะภรรยาของผู้บริหารด้วย และผมสองคนเรานั่งห้องเดียวกันได้ครับ คุณแพรวา”

“ผมยินดีต้อนรับนะครับ คุณผู้บริหารคนใหม่ คราวหน้าเอาหนังสือแต่งตั้งมาด้วยนะครับ ไม่ใช่มาพูดปากเปล่า” ผมบอกเธอ

“ก็อาเกริกสั่งให้ฉันมาพอใจหรือยัง อาเกริกอาจจะคิดได้แล้วก็ได้น่ะว่า ใครที่เหมาะสมกับตระกูลนี้ “แพรวาพูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียร พี่เขาสั่นหัวว่าไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่เชื่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นห้องทำงานกันเถอะครับ เราควรจะไปถึงห้องทำงานตามเวลา เวลางานก็ต้องนั่งทำงาน ไม่ใช่นั่งเอฟของ หรือว่าขับรถไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมหรูๆ ขับรถไปทำเล็บทำผมในเวลางาน ไม่ได้นะครับ เพราะว่าทีนี้เขามีประเมินด้วยนะครับ คุณแพรวา นี่คุณได้อ่านคู่มือมาพร้อมใช่ไหมครับ ที่จะมาเป็นผู้บริหารงานที่นี้ “ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปมองแพรวา ที่ผมพูดมาทั้งหมดเธอนั้นคือพฤติกรรมของเธอที่เธอทำในที่ทำงานของพ่อเธอและข้อมูลเหล่า เป็กซ์ได้ยินมาจากคนที่ทำงานในนั้นทั้งนั้น พวกเขาพูดว่าเธอลับหลังกันทุกคน ผมเดินออกอย่างไม่แยแสและพี่เธียรวิชย์ก็เดินตามผมมาติดๆ อย่างเร็ว

“อีบีม!!” เสียงลอดไรฟันออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“นึกว่าจะยืนรอให้ชะนีลากไปกินซะก่อน” ผมพูดกับคนที่เดินมาประชิดกับผม

“พี่ไม่รู้ว่าเธอจะขอมาทำงานที่นี้ บีม “พี่เธียรวิชย์พูด ผมหันมามอง ผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก เธอคงให้พ่อของเธอขอร้องป๊า

“ดังนั้น ม๊าต้องมาช่วยป๊าทุกวันแล้วนะ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมควรจะมารบรากับผู้หญิงคนนี้ทุกวันด้วยหรือไง ผมสองคนเดินมาหยุดทางขึ้นไปชั้นที่สองของอาคาร ก็เจอครูประทีบยืนอยู่ เขาหันมามองผมกับพี่เธียรวิชย์

“สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์ สวัสดีค่ะคุณกันต์ธีย์” ผมกับพี่เธียรวิชย์รับไหว้ทันที เขาหันไปมองแพรวา คนที่เดินมาเทียบเท่าและมองหน้าครูประทีบ ครูเขาเธอยิ้มให้อย่างไมตรี

“ไม่ไหว้ฉันล่ะ ฉันคือผู้บริหารที่นี้!” แพรวาพูดกระแทกเสียงใส่ครูตรงหน้า แต่น้ำเสียงนี้มันทำให้ครูที่ยืนอยู่ ชักสีหน้าแปลกใจทันที

“ยืนทื่ออยู่ทำไม ไหว้ฉันซิ ฉันก็เหมือนกับพี่เธียรวิชย์ เราระดับเดียวกัน แต่อีกคน ฉันไม่รู้!” แพรวาพูดและอีกคนที่เขาพูดถึงก็คือผมแน่ๆ พี่เธียรวิชย์หันไปมองหน้าแพรวา เธอยืนกอดอกไม่สนใจสายตาของพี่เธียรสักนิด แม้กระทั่งครูประทีป เธออายุราว ๆ สี่สิบได้แล้ว

“แพรวาครับ นี้เขาคือครูประทีบ คุณครูโรงเรียนของพี่ครับ ให้เกียรติครูหน่อยซิครับ “พี่เธียรหันไปต่อว่าเธอ

“ผมว่าแค่ทักทายอย่างคนที่มี…” ผมค่อยๆ หันไปมองหน้าเธอ

“มารยาท! ก็พอมั้งครับ ไม่ต้องยกมือไหว้หรอกครับ เพราะว่าครูประธีปเขาอายุเยอะกว่าผม และแน่นอนครูเขาต้องมากกว่าคุณ ครูประทีบคือผู้อาวุโสของที่นี้นะครับ ดังนั้นคุณแพรวาควรจะเป็นคนไหว้คุณครูถึงจะถูกครับ” ผมหันมาพูดเน้นคำว่ามารยาทกับแพรวา เธอมองหน้าผม

“คุณแพราเขามาทำงานที่นี้นะครับครู” พี่เธียรแนะนำอย่างสุภาพ

“เหรอคะ สวัสดีค่ะ” ครูประทีปแค่หันมาทักทายเฉยๆ

“ดิฉันขอตัวนะคะ เด็กรอเข้าแถวอยู่ค่ะ กำลังรอจะเข้าห้องเรียนกันแล้วค่ะ” ครูประทีปพูด เขายิ้มให้ผมกับพี่เธียรวิชย์ แต่แค่ปรายตาไปมองแพรวาที่ยืนกอดอก เบ้ปากเล็กน้อย ผมเห็นพี่เธียรวิชย์ส่ายหัวเล็กอย่างเอือมระอา

“วันนี้เราจะลงไปดูห้องอาหารกันน่ะ พี่มีอะไรเซอไพรส์บีมด้วยนะครับ” พี่เธียรหันมากระซิบกับผม ผมยิ้ม เอะอะไรน่ะที่พี่เธียรวิชย์บอกเซอไพรส์ แต่จู่ ๆ

“หมับ” แพรวาเดินมาจับแขนพี่เธียรอีกฝั่งหนึ่งทันที จับแบบแนบชิดด้วย ผมเหล่ตามอง พี่เธียรหันไปมองตามมือเธอ

“แพรวา! ที่นี้ในโรงเรียนครับ แถมเมื่อสักครู่ตอนที่พี่จับมือบีมทั้งที่บีมเขาคือภรรยาพี่ เธอยังบอกว่าไม่สำรวมเลย”

“ดังนั้นเธอเองก็ไม่ควรจะทำน่ะ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ พี่มีภรรยาแล้ว ปล่อยครับ” พี่เธียรวิชย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเธอ เธอถึงกับต้องปล่อยมือจากแขนพี่เธียรวิชย์

“คุณเธียรวิชย์ค่ะ เดี๋ยวคุณครูจะขอคุยด้วยเรื่องการเปิดสอนพิเศษช่วงปิดเทอมนะคะ จะมีครูเอกภาษาอังกฤษ ครูสอนศิลปะค่ะ ที่เราได้คุยกันไว้นะคะ ครอสพิเศษสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกทำกิจกรรมพิเศษช่วงปิดเทอม ไม่ทราบว่าคุณเธียรวิชย์สะดวกไหมคะวันนี้”

“สะดวกครับ ไม่ทราบว่าจะครูเขา สะดวกเข้าห้องประชุมกี่โมงครับ”

“สิบโมงได้ไหมคะ ครูที่จะเข้ามาคุยกับคุณเธียร จะได้สั่งงานนักเรียนไว้ก่อนนะคะ”

“ได้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้น เจอกันที่ห้องประชุมเล็กนะคะ “ครูวิมลวรรณพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม แต่เธอก็ต้องหุบยิ้มตรงแพรวานี้แหละที่ยืนกอดอกไม่ยิ้มตอบเธอแถมยังเบือนหน้าหนีอีก

“แพรวาไปรอที่ห้องทำงานเลยก็ได้นะครับ เพราะว่าพี่กับบีม.” พี่เธียรวิชย์หันไปบอกแพรวา

“ไม่ได้ค่ะ! แพรวาคือผู้บริหารคนหนึ่ง แพรวาต้องไปนั่งด้วยค่ะ” แพรวาพูด เธอปรายตามามองผม ผมก็ยิ้มเชื่อเชิญถ้าอยากเข้าไปก็ตามใจ

“มีครูกี่ท่านครับพี่เธียร ผมจะได้ขอให้พี่ๆ เขาจัดของว่างให้ถูกนะครับ” ผมถามพี่เธียร

“น่าจะประมาณ 8 ท่านนะบีม”

“ได้ครับ ผมจะได้ไปขอให้พี่ธุรการเข้าจัดของว่างไปให้ที่ห้องประชุมเล็กครับ “ผมพูดก่อนจะปรายตามามองแพรวา

“พี่เธียรวิชย์ครับ พี่เอากาแฟคาปูชิโน่ร้อนใส่นมอัลมอลด์ใช่ไหมครับ น้ำตาลช้อนเดียว ผมจำได้ครับ” ผมบอกพี่เธียรวิชย์พี่เธียรพยักหน้าว่าใช่ “ขอบคุณครับ” พี่เธียรบอกผม แพรวาถลึงตาใส่ผมเธอคงคิดไม่ถึงซินะ ผมเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องธุรการทันที จังหวะนั้นก็มีสายโทรเขามือถือของพี่เธียร

มีต่อด้านล่าง

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1

ผมเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องธุรการทันที จังหวะนั้นก็มีสายโทรเขามือถือของพี่เธียร

“สวัสดีครับ “ผมเข้าไปถึงก็ทักทายเจ้าหน้าที่ในห้องธุรการทันที ตอนนี้มีคนทำงานประจำสองคน มีเด็กฝึกงานอีกสองคน

“สวัสดีค่ะคุณกันต์ธีย์” พี่ธุรการคนที่มาทำงานแทนผม น้องฝึกงานที่นั่งอยู่ด้านในก็พากันยกมือไหว้ผม ผมก็รีบยกมือรับไหว้ทันที

“เรียกผมบีมเฉยๆ ก็พอครับ”

“แม้ไม่ได้หรอก เป็นถึงแฟนผู้บริหารทั้งที่ เรียกแบบนี้ดีกว่าค่ะ คุณบีม “พี่เขาพูด

“แหว๊ะ!!” เสียงดังมาใกล้ๆ ผมหันไปมองคนนั้นคือแพรวา พี่ธุรการถึงกับชักสีหน้าตกใจและแปลกใจ

“ขอโทษนะคะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ เป็นผู้ปกครองเด็กที่นี้หรือเปล่าคะ” พี่ธุรการหันไปถามแพรวาทันที

“ฉันยังไม่มีลูกย่ะ!! และฉันคือผู้บริหารที่นี้ จำไว้กะลาหัวไว้ด้วยน่ะ พูดกับฉันให้มันดีกว่านี้หน่อยนะ ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร มารยาทนะมีไหม” แพรวาเธอเดินตามผมเข้ามาตอนไหนรู้ เธอหันมามองผมแบบเหยียดๆ

“ขอโทษนะคะ คุณเป็นพนักงานบัญชีมาใหม่หรือเปล่าคะ ที่ชื่อแพรวานะคะ” พี่เจ้าหน้าที่ธุรการเอ่ยถาม ผมว่าพ่อของพี่เธียรวิชย์นะได้ติดต่อพี่เขาเอาไว้ให้แล้วแน่ๆ แสดงว่าเธอไม่ได้มาในตำแหน่งผู้บริหารจริงๆ ด้วย ผมหันมาชำเลืองตามองเธอ

“นี้ฉันบอกให้มีมารยาทกับฉันไง เรียกฉันคุณแพรวา! คุณแพรวา เข้าใจไหม! และนอบน้อมกับฉันไว้ด้วย เพราะว่าฉันคือว่าที่ภรรยาจริงของคุณเธียรวิชย์ ไม่ใช่ภรรยาที่ตั้งใจท้องเพื่อมาจับ “แพรวาพูด

“และตอนนี้ฉันคือผู้บริหารที่เทียบเท่าคุณเธียรวิชย์ ไม่ใช่ ธุรการ เหมือนเธอ บีม!!” คุณแพรวาพูด ผมยิ้ม

“คุณนี้ความจำสั้นน่ะครับ ผมเป็นภรรยาผู้บริหารครับ คนที่จะลดตำแหน่งผมได้คือคนที่ตั้งผมขึ้นมา นั้นคือพี่เธียรวิชย์คนเดียว” ผมพูดก่อนจะใช้แขนเท้าที่เคาน์เตอร์ผมมองเธอนิ่งๆ

“แกคิดว่าพี่เธียรแต่งตั้งกับอากงแต่งตั้งใครจะสำคัญกว่ากัน ระวังไว้ให้ดีน่ะจะเก็บของออกไปไม่ทัน”

“และพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน ถ้ายังทำตัวไร้มารยาทกับฉันอีก ฉันจะโทรบอกอาเกริก เขาเป็นเพื่อนรักของพ่อฉัน” แพรวาพูดก่อนจะปรายตาไปมองคนในห้องธุรการ

“ให้ไล่ออกทั้งหมด” แพรวาพูดเขาเอาแขนมาเท้าเคาน์เตอร์มองหน้าผมธุรการตรงหน้าผมขมวดคิ้ว ผมแอบสั่นศีรษะเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าเธอชัดๆ กลืนน้ำลายลงคอ ผมเหลือบไปมองว่าพี่เธียรยังคุยโทรศัพท์อยู่

“คำก็ว่าเขาไม่มีมารยาท สองคำก็ไม่มีมารยาทอีก ถามตัวคุณเองหรือยังคำคุณแพรวา ว่าคุณมีมารยาทให้เขาหรือยัง” ผมถามแพรวา เธอสะบัดหน้ามามองหน้าผม

“คิกๆ” คนในห้องถึงกับพากันหัวเราะ

“ผมคิดว่าคุณน่าจะสับสน ระหว่างคนที่เขาปฏิบัติกับคุณอย่างคนมีมารยาทกับคนที่ปฏิบัติกับคุณอย่างคนประจบสอพลอ แต่ผมเดาว่าคุณเจออย่างหลังมากกว่า เลยอยากได้แบบนั้น”

“ที่นี้ไม่มีครับ เราอยู่แบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีใครเป็นนายเป็นบ่าว เขาเลิกทาสกันไปนานแล้วนะครับคุณแพรวา ไปอยู่ที่ไหนมาครับ” ผมถามเธอ

“อี… อี… อีบีม!!”

“และถ้าคุณแพรวาไม่มีมารยาทให้เขาก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทให้คุณเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ทำนะครับ” อันนี้ผมเข้ามากระซิบกับแพรวา

“พี่ครับ ผมรบกวนจัดของว่างให้หน่อยได้ไหมครับ ที่ห้องประชุมเล็กครับ จะมีครูประมาณ 8 ท่านครับ มีคุณเธียรวิชย์และผมครับ” ผมก้มลงพูดกับพี่ธุรการ

“ผมคิดว่าเพิ่มอีกสักทีแล้วกันนะครับ เผื่อจะมีใครที่ไม่ได้รับเชิญอยากเข้าด้วย รวมเป็น สิบเอ็ดทีครับ” ผมพูด

“นี่แกว่าฉันเหรอ “แพรวาถึงกับออกอาการเดือดใส่ผมทันที

“ผมไม่ได้คุณครับ ผมแค่พูดว่าเพื่อ เพื่อว่ามีคนมาเพิ่ม “ผมหันมาบอกเธอ “ใช่ไหมครับที่ผมบอกพี่ไปนะครับ”

“ใช่ค่ะ คุณบีมบอกว่าเพื่อมีคนมาเพิ่มค่ะ แล้วคุณแพรวาคิดว่าคุณบีมว่าคุณตรงไหนเหรอคะ” พี่เขาถามแพรวากลับ

“คุณบีมค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้จัดตอนกี่โมงดีคะ”

“ผมคิดว่า สิบโมงครึ่งแล้วกันนะครับ คุณครูเขานัดประชุมสิบโมง จัดของเบรกตอนสิบโมงครั่งกำลังดีครับ”

“ได้ค่ะคุณบีมตามนี้นะคะ เดี๋ยวพี่ให้น้องฝึกงานดูแลให้ค่ะ” พี่ธุรการบอกผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบคุณนะครับ” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าเธอ

“นี้คือตัวอย่างคนที่มีมารยาทที่ดี จำไว้ใช้ได้นะครับ ผมไม่หวงครับ คุณแพรวา” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป

“กรอด!!!!” เสียงกัดฟันกรามดังออกมาขนาดนี้คงโกรธน่าดู แต่ผมก็แค่หยุดก่อนจะเดินออกไปทันทีเช่นกัน

“ตกลงคุณจะติดต่อเรื่องอะไรคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันจะได้ไปเตรียมของให้คุณบีมค่ะเพราะว่าใกล้เวลาประชุมแล้วค่ะ” น้ำเสียงพี่เจ้าหน้าที่ธุรการถามเธออย่างไม่สบอารมณ์ดังแว่วตามหลังผมออกมา ผมเดินมาหยุดมองพี่เธียร

“ครับป๊า ครับผม ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมต้องให้บีมมาช่วยผมก่อนแล้วป๊า ผมไม่อยากให้บีมเขาไม่สบายใจ ผมเข้าใจป๊า ครับป๊า ตอนเที่ยงเจอกันครับ “พี่เธียรวิชย์คุยกับป๊าของเขาก่อนจะวางสายไป เขาหันมามองหน้าผม ผมยิ้มให้พี่เธียรวิชย์

“เห็นแพรวาบอกว่าจะไปขอร้องเจ้าหน้าที่ธุรการ หาคนช่วยยกโต๊ะทำงานของเธอขึ้นมาให้หน่อยนะบีม เธอสั่งโต๊ะทำงานมาเอง” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะ “ฟู่!!” พ่นลมหายใจออกมา

“พี่แน่ใจเหรอครับว่า คุณแพรวาเข้าไปขอร้อง เพราะว่าถ้อยคำของเธอ ไม่มีความสุภาพเลยและมันห่างไกลจากคำว่าขอร้อง เธอควรจะหัดให้เกียรติคนอื่นบ้างนะครับ” ผมพูดพี่เธียรวิชย์ขมวดคิ้ว แพรวาเดินออกมาพอดีเลย

“แพรวา ป๊าโทรมาบอกพี่แล้วน่ะ” พี่เธียรยืนเอามือเท้าเอวหันไปบอกเธอ

“บอกว่าแพรวามาทำงานกับพี่เธียรในฐานะ….” แพรวาหันมาพูดตรงหน้าผม

“มาฝึกงานเฉยๆ ครับ ไม่ได้มาทำหน้าที่ผู้บริหารครับ ไม่มีโรงเรียนไหนหรอกครับที่มีผู้บริหารสองคน เดี๋ยวแพรวาไปทำงานในห้องบัญชีแล้วกันนะครับ ส่วนบีมเขาไปทำงานกับพี่ในฐานะเลขาฯ และที่ปรึกษาของพี่” พี่เธียรพูดกับแพรวา

“หึ!!” ผมหลุดหัวเราะออกมาทันที “ผมบอกแล้วไง เอาหนังสือแต่งตั้งมาด้วยจะได้ไม่ลงผิดตำแหน่งนะครับคุณแพรวา “ผมหันไปพูดกับเธอ แพรวาสะบัดหน้าไปมองพี่เธียร

“ไม่ได้!!!” เธอแผดเสียงดังมากจน บรรดาครูที่เดินขึ้นมาต่างก็พากันตกอกตกใจกันหมด

“ไม่ได้!!! แพรวาต้องนั่งกับพี่!!”

“แพรวา ทำตามตำแหน่งงานตัวเองนะครับ ไม่อย่างนั้นแพรวาก็ต้องไปทำที่สาขาใหญ่ ไม่ใช่ที่นี้ ส่วนบีมน่ะเขาคือเลขาฯ ของพี่ครับและเขาคือแฟนพี่ ป๊าให้บีมทำงานในห้องพี่ได้ แค่คนเดียว” พี่เธียรวิชย์พูด ก่อนจะดึงแขนเพื่อจะเดินออกแต่ผมดึงแขนพี่เธียรเอาไว้

“พี่เธียรครับ เศษกระดาษติดเสื้อนะครับ ผมเอาให้นะครับ ปล่อยให้เศษกระดาษมาติดแบบนี้ไม่ดีนะครับ “ผมพูดก่อนจะปรายตาไปมองคนที่ยืนมองจ้องผมเขม็ง

“ทำไมเหรอครับ” พี่เธียรถามผมก่อนจะพยายามก้มลงมองหา

“ก็มันดู เป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้นะครับ” ผมพูด พี่เธียรหรี่ตาลงมองและใช้นิ้วดีดออกแทน

“ออกหรือยังครับ พี่ไม่อยากมีส่วนเกินซะด้วย” พี่เธียรพูด อันนี้ผมไม่รู้ว่าพี่เธียรตั้งใจหรือเปล่าแต่คงโดนคนที่ยืนฟังน่าดู

“ผมคิดว่าน่าจะออกแหละครับพี่เธียร”

“ใช่ไหมครับคุณแพรวา” ผมหันมาถามเธอ เธอมองผมนิ่งมาก เธอคงจำคำพูดที่ผมเคยบอกเธอเอาไว้ได้ ว่าเธอคือส่วนเกินของผมสามคนพ่อแม่ลูก

“ห้องบัญชีด้านโน้นครับแพรวา เดินไปตามป้ายเลยครับ พี่ต้องรีบไปเซนต์เอกสารครับ” พี่เธียรหันไปบอกเธออีกครั้ง ผมกับพี่เธียรวิชย์เดิน ตรงไปยังห้องทำงาน ผมนั่งลงตรงหน้า พี่เธียรถอนหายใจออกมายาวๆ

“ผมว่าเธอคงไม่ยอมง่ายๆ เรื่องของผมกับพี่ ขนาดว่าพี่ประกาศออกสื่อขนาดนั้นแล้วนะพี่เธียรและผมก็เบื่อที่จะเล่นสงครามประสาทกับเธอ “ผมบอกพี่เธียรวิชย์ พี่เขาพยักหน้ากับผม ผมนั่งลงเปิดดูเอกสารคำร้องต่างๆ ในแฟ้มที่วางอยู่ ส่วนพี่เธียรก็นั่งลงเซ็นเอกสารสำคัญๆ เพื่อรอเวลาเข้าประชุม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงานของผมกับพี่เธียรวิชย์ ผมหันไปมองคนที่เปิดเข้ามาก็คือครูที่เดินมาทักพี่เธียรวิชย์ว่าจะมีการขอประชุมพูดคุย เขาเดินเข้ามาในห้อง

“ครูที่จะขอคุยกับคุณเธียรวิชย์นะคะ พร้อมแล้วค่ะ “พี่เธียรวิชย์พยักหน้า ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบสมุดที่จะใช้บันทึกการสนทนาไปด้วย

“วันนี้ตอนเที่ยงไปทานอาหารที่ไหนดีล่ะม๊า “พี่เธียรถามผม

“ตามใจป๊าซิครับ แต่จะว่าไป ผมคิดถึงลูกโซ่นะครับ นี่แค่ครึ่งวันเอง” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์

“กลับบ้านแล้วกัน ไปทานกันที่บ้าน พี่เองก็อยากไปป้อนข้าวลูกโซ่ “พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมพยักหน้าตอบ ผมเห็นแพรวามายืนที่หน้าประตูเข้าห้องประชุม

“แพรวา มาทำไมครับ” พี่เธียรวิชย์ถามเธอ

“มาประชุมค่ะ ทำไมบีมมันเข้าได้แต่แพรวาเข้าไม่ได้ค่ะ แพรวาจะเข้าค่ะ!!”

“แพรวาคือคนที่อากงพี่เลือกพี่อย่าลืมซิ” แพรวาพูด

“อยากเข้าก็เชิญครับคุณแพรวา และที่พี่เธียรเขาไม่ได้ให้คุณเข้าเพราะว่า เรื่องที่เราจะพูดไม่เกี่ยวกับงานของคุณนะครับ คุณนักบัญชีฝึกหัด” ผมพูด เธอมองหน้าผมนิ่งได้อีกฝ่านี้คงอยากจะฟาดมันลงที่แก้มผมแย่แล้วแต่ติดที่พี่เธียรยืนอยู่

“เอาล่ะแพรวา ถ้าอยากเข้าก็เชิญครับ ตอนนี้ครูหลายท่านรออยู่ครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมก็ผายมือให้เธอเข้าไปก่อน เธอหันมามองผมและรีบก้าวเท้าเดินเข้าไป ผมเห็นมีเก้าอี้ว่างอยู่สามตัวที่ตรงหัวโต๊ะ นั้นแปลว่าเธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอจะเข้าประชุมด้วย เธอนี้ตื้อจริงๆ พี่เธียรวิชย์เดินไปนั่งตรงกลาง แพรวาก็เดินไปนั่งทางด้านซ้ายทันที แถมเธอยังขยับเข้ามาจนชิดติดกับพี่เธียรวิชย์ อย่างไม่อายสายตาครูที่นั่งมองเธอ ผมก็นั่งลง ผมแค่ปรายตาไปมองพี่เธียรเฉยๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก

“ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็น น้องสาวคนที่สนิทกับพี่เธียรวิชย์มากที่สุดหรืออาจจะเป็นคนที่ คู่ควรมากที่สุด” แพรวารีบแนะนำตัวเธอทันที” ขอนั่งใกล้ชิดหน่อยแล้วกันนะคะ “แพรวาพูด ครูแต่ละคนหันมามองหน้า บางก็หันไปกระซิบกระซาบกัน

“แพรวา ขยับหน่อยพี่อึดอัดครับ” พี่เธียรงวิชย์ตัดสินใจหันไปพูดกับเธอ เธอเบียดจนแทบจะรวมร่างกับพี่เธียรวิชย์เลยก็ว่าได้

“ไม่ค่ะ นั่งใกล้ๆ ดีกว่าค่ะ” เธอพูดพร้อมกับส่งสายตาฟรุ้งฟริ้งมาให้พี่เธียรวิชย์

“อะแฮม! ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ผมจะกลับบ้านนะ” ผมหันมาพูดกับพี่เธียรวิชย์ พี่เขาชักสีหน้าตกใจ

“แพรวาอย่าให้พี่ต้องไล่เธอออกไปจากห้องประชุมนะ ขยับออกครับ พี่ว่าแพรวาโตแล้วนะครับ น่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วและพี่เองก็ให้สัมภาษณ์สถานะที่ชัดเจนของพี่กับบีมไปแล้ว คนที่ดูไม่ดีมันคือแพรวานะครับ ไม่ใช่พี่”

“ตอนนี้ทุกคนที่นี่รับรู้กันหมดแล้วว่าพี่กับบีมเป็นอะไรกัน แพรวาไม่เห็นเหรอครับ ว่าทุกคนให้การเคารพบีมเท่าๆ กับพี่ “พี่เธียรวิชย์หันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าจริงจัง เธอถึงกับต้องขยับออกมา พี่เธียรก็ขยับออกมาทางผมทันที แม้ไม่ได้ใกล้ชิดเหมือนที่แพรวาทำก็ตาม

“สวัสดีครับ ผมจะขอแนะนำ คุณกันต์ธีย์หรือคุณบีม จะมาทำหน้าที่เลขาฯ และที่ปรึกษาของผมครับ” พี่เธียรวิชย์แนะนำผมให้ครูที่นั่งอยู่ ผมยกมือไหว้ครูทุก

“สวัสดีครับ มีอะไรดีดีนี่แนะนำผมได้เลยนะครับ ผมยินดีอย่างยิ่งเพราะว่าเราอยู่กันอย่างครอบครัว” ผมพูดพี่เธียรวิชย์ยิ้มให้ผม

“คนสำคัญด้วยไหมคะคุณเธียร พอดีดิฉันเห็นในคลิปที่มีคนแชร์นะคะ ลูกสาวดิฉันแฟนคลับหนูลูกโซ่ด้วยค่ะ” ครูอีกคนยกมือถามแถมยังบอกว่าลูกสาวเขาเป็นแฟนคลับลูกโซ่ผมอีกด้วย

“ลูกชายหล่อเหมือนพ่อแถมยังได้ตาหวานๆ เหมือนคุณบีมด้วย เห็นแล้วอยากอุ้มจังค่ะ”

“ขอบคุณครับ ดีใจแทนลูกชายครับ มีแฟนคลับกับเขาด้วย พ่อยังไม่มีเลย สงสัยจะแพ้ลูกแน่ๆครับ แต่พ่อคงยอมล่ะครับ” พี่เธียรพูดปนขำ ผมหันมาชำเลืองตามองเล็กน้อย

“มีคนน่ารักนั่งข้างๆขนาดนี้ ไม่ต้องแล้วมั้งคะแฟนคลับนะคะ เดี๋ยวชีวิตจะหาไม่ค่ะคุณเธียร” คุณครูอีกคนพูดแซว ส่วนแพรวานั่งนิ่งเงียบผมสังเกตเธอกุมกระโปรงเธอไว้แน่น

"เห็นด้วยเลยครับ" พี่เธียรพูดตอบก่อนจะหันมามองผม ผมแค่ยิ้มบางๆให้แค่นั้นคงรู้ว่าผมเห็นด้วยไหม

“พอดีว่าช่วงนี้ ผมค่อนข้างยุ่งมากเลยนะครับ ผมเลยต้องขอร้องให้ คุณบีมพักยกเลี้ยงลูกโซ่ มาอยู่ช่วยงานผมก่อนนะครับ คุณบีมเขาเก่งเรื่องเอกสารนะครับ” พี่เธียรพูดแนะนำผมกับครูทุกคน

“ตอนนี้คุณบีมเขาก็แฟนผมครับ ดังนั้นคุณบีมจึงมีสิทธิ์ในการคิด ใการตัดสินใจทุกอย่างเท่าๆกับผมนะครับ มีปัญหาอะไรถ้าผมไม่อยู่ ติดต่อกับคุณบีมได้เลยนะครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน

“เรามาเริ่มประชุมกันเลยไหมครับ” พี่เธียรวิชย์พูด

“เดี๋ยวค่ะ พี่เธียรยังไม่ได้แน่ะนำตัวแพรวาเลยนะคะ ไม่น่ารักนะคะ” แพรวาหันมาพูด

“พี่ลืมครับแพรวา” พี่เธียรพูด และทำท่าจะแนะนำตัว

“ดิฉันชื่อแพรวาว่ะเป็นลูกสาวรัฐมนตรีธรรมรัตน์ รู้จักใช่ไหมคะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศนะคะ ดิฉันกับพี่เธียร เราก็เป็น…” แพรวาแนะนำตัวแต่เหมือนกับว่าเธอกำลังจะล้ำเส้นสถานะของผมกับพี่เธียร

“น้องสาวผมครับ เธอมาฝึกงานแผนกบัญชีนะครับ มีอะไรติดต่อคุณแพรวได้เลยนะครับ เรื่องเกี่ยวกับบัญชีนะครับ”

“อ้าวแล้วคุณแพรวามาประชุมทำไมเหรอคะ” ครูที่นั่งอยู่ถามแพรวา

“ทำไม ฉันจะมาไม่ได้!! “แพรวาหันขวับไปที่ครูคนที่ถามทันที

“แพรวา” พี่เธียรวิชย์เรียกชื่อเธอเพื่อเตือนสติเธอ

“ก็เห็นว่านี้ไม่เกี่ยวกับแผนกบัญชีนี่ค่ะ ดิฉันเลยถามดูค่ะ” ครูท่านนั้นพูด

“เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ เรามาเริ่มประชุมกันดีกว่า เรื่องที่เราคุยกันไว้ ที่ทำการเปิดคลาสพิเศษ ช่วงปิดเทอม ตามที่ผู้ปกครองได้เสนอมานะครับ บร้าๆ” พี่เธียรวิชย์พูด ผู้ปกครองที่ยื่นเรื่องมากเพราะว่าอยากให้ลูกมีกิจกรรมทำไม่อยากให้ว่างจนเกินไป ทางโรงเรียนก็เลยนำเสนอมีการติวภาษาอังกฤษเพิ่ม มีกิจกรรม เรียนวาดภาพ มีสอนดนตรี การประชุมดำเนินไปได้สักครึ่งชั่วโมง พี่เธียรวิชย์มีสายด่วนเข้ามาพอดีเลยขอตัวออกไปรับสายทันที
TBC ... 

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 777
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :hao3:


น่าสงสารเขานะคับ คุณแพรวา

ออฟไลน์ Alessa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
EP.27.1 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1

          หลังจากที่พี่เธียรวิชย์เปิดการประชุม แต่เป็นการพูดคุยกันมากกว่าถึงกิจกรรมที่น่าสนใจของเด็กๆ ที่คุ้มค่ากับการที่จะยอมจ่ายเพื่อให้เด็กๆ มาเรียนในช่วงปิดเทอม เนื่องจากว่าโรงเรียนปิดแต่ผู้ปกครองยังต้องทำงานตามปกติ ซึ่งผู้ปกครองบางคนกลัวลูกจะติดเกมส์มากเกินไป จึงได้ลงความคิดว่าโรงเรียนควรจะเปิดคลาสพิเศษขึ้น แถมครูอาจารย์ก็ได้มีรายได้เสริมอีกด้วย ทางโรงเรียนก็เลยนำเสนอมีการติวภาษาอังกฤษเพิ่ม เรียนวาดภาพและสอนดนตรี การประชุมดำเนินไปได้สักครึ่งชั่วโมง พี่เธียรวิชย์มีสายด่วนเข้ามาพอดีเลยขอตัวออกไปรับสายทันที

“ขอโทษนะคะ ขอนุญาติเสิร์ฟกาแฟและแซนด์วิชค่ะ” น้องนักศึกษาที่ขอฝึกงานที่ห้องธุรการเดินเข้ามาพร้อมรถเข็นอาหารสำหรับของว่าง และช่วยกันยกกาแฟมาจัดเสิร์ฟ พร้อมกับแซนด์วิชจิ๋วดูน่าทานมาก

“กาแฟของคุณบีมค่ะ กาแฟดำไม่ใส่นมใช่ไหมคะ ใส่น้ำตาลก้อนเดียวค่ะและของคุณเธียรวิชย์ เป็นคาปูชิโน่ร้อนนมอัลมอลด์นะคะไม่ใส่น้ำตาลค่ะ”

“ใช่ครับ ขอบคุณนะครับ “ผมบอกน้องขอบคุณ น้องเขายิ้มให้ผม ผมแอบแปลกใจน้องรู้ได้ยังไงว่าผมชอบดื่มกาแฟดำ

“คุณเธียรวิชย์บอกไว้นะคะคุณบีม “น้องฝึกงานหันมากระซิบกับผม

“ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณน้องเขาเบาๆ และพอน้องเขาเอากาแฟและแซนด์วิชไปให้คุณแพรวา ระหว่างนั้นผมได้ลองชิมแซนด์วิชดูรสชาติใช้ได้แม้ว่าหน้าตาจะไม่ค่อยสวยเหมือนมืออาชีพก็ตาม

“อร่อยดีนะครับ นี้สั่งจากร้านไหนมาครับ” ผมถามน้องฝึกงาน

“ไม่ได้สั่งค่ะคุณบีม สั่งไม่ทันแต่ล่ะที่เขารับทำส่งจัดเลี้ยงขนมถูกเหมาหมดไปแล้วนะคะ หนูสองคนเลยทำกันเองค่ะ พอได้ไหมคะ” น้องฝึกงานบอกผม ผมพยักหน้า

“ฝีมือเก่งนะครับ ใช่ได้เลยทีเดียว ผมชื่นชมที่คุณสองคนแก้ปัญหาได้ดีครับ” ผมหันไปชมน้องฝึกงาน

“ขอบคุณค่ะ” น้องเขาขอบคุณผม

“เดี๋ยว!! ใครทำแซนด์วิชนี้!” แพรวาหันมาถามน้องฝึกงานอีกครั้ง ผมว่าเขาได้ยินการสนทนาของผมกับน้องฝึกงานเต็มๆ สองรูหูเธอน่ะ แต่เธอยังถามย้ำอีกครั้ง

“หนูค่ะ คือทางเราโทรไปสั่งของว่างที่ร้านประจำไม่ทันค่ะ ปกติจะมีประชุมจะแจ้งล่วงหน้าค่ะ หนูสองคนเลยอาสาทำให้นะคะ เคยทำขายที่ตลาดนัดมาก่อนค่ะ “น้องฝึกงานหันมาตอบแพรวา

“นี้เหรอแซนด์วิช อุ๊ยตายแล้ว!!! หน้าตาแย่มาก!!! ครีมก็ใส่จนเยอะดูแยะๆ ผักเขียวก็เยอะเชียว และนี้อะไรอ่ะ ปูอัดเหรอมันดู อี้!! มันดูไม่น่าทานเลยอะ ทำไม่เป็น ทำไมไม่ไปสั่งขนมร้านที่มีชื่อเสียงมาให้ ฉันกินไม่ลงหรอก “แพรวาพูดพร้อมกับใช้คีบขึ้นมา

“ทีหลังควรจะเป็นพวกคุกกี้ ขนมปังมันจะดีกว่าแซนด์วิช   ยี้!!  แบบนี้น่ะฉันว่าน่ะ …” คุณแพรวาพูดพร้อมกับใช้นิ้วคีบออกไป เธอหันไปมองคุณครูที่มองมาที่เธอกันหมดทุกคน แม้กระทั่งผมเองก็เช่นกัน เธอคงลืมตัวไปมั้งว่าเธอนั่งพูดฉอดๆ ที่ไหนและกับใคร

“เธอเป็นเด็กฝึกงานไม่ใช่เหรอ” แพรวาหามาถามน้องที่ยืนกอดถาดเอาไว้ สีหน้าน้องเขาตกใจและเสียใจเช่นกันที่ถูกต่อว่าเสียงดังขนาดนี้

“ค่ะหนูมาฝึกงานค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ฉันพูดก็เพราะว่าฉันหวังดีน่ะ มันดูแหยะๆ ไม่น่าทาน และบังเอิญว่าฉันเป็นคนพูดตรง เห็นไม่ดีก็พูด ฉันหวังดี นำไปปรับปรุงนะคะ คราวหน้าเลือกของให้มันดูอัพเกรดกว่านี้หน่อย ถ้าไม่รู้นี้น่ะถามฉันน่ะ ฉันยินดีช่วยสงเคราะห์บอกให้ว่าร้านไหนดี เพราะว่าฉันเช็กอินมาหมด เข้าใจไหม” คุณแพรวาพูด ผมหันมามองเธอเต็ม

“ค่ะ…. เข้าใจค่ะ” น้องเขาหันมาตอบน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ขอโทษนะครับคุณแพรวา คุณบอกว่าคุณเป็นคนพูดตรง เห็นอะไรไม่ดีก็พูด ผมว่านะคนพูดตรงกับคนไร้มารยาทนี่มันต่างกันนิดเดียวนะครับ” ผมหันมามองหน้าเธอ เธอก็มองหน้าผม

“คนที่พูดตรง เป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่ถ้าพูดไม่ตรงคน ไม่ตรงเรื่อง ไม่ตรงกาลเทศะ ผมว่าอันนี้เรียกคนไร้มารยาทครับ”

“คนที่พูดตรงมักจะออกมาจากใจ แต่เขาต้องกลั่นกรองผ่านกระบวนการความคิดซะก่อน ว่าสมควรที่จะพูดไหม พูดแล้วได้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน สิ่งสำคัญคนฟังเขาจะรู้สึกยังไง ไม่ใช่สักแต่ว่าเขา ต่อให้คุณรู้มากกว่าเขาก็เถอะ”

“ผมว่า อันนี้ไม่น่าจะเรียกว่า เป็นคนตรงๆ หรือจริงใจ แต่บ่งบอกถึง ว่าเป็นคนไร้วุฒิภาวะ กาละเทศะไม่มี หรือไม่มีศิลปะในการสื่อสารที่พอจะรักษาน้ำใจคนฟัง มากกว่านะครับ”

“แถมตอนท้าย คุณยังอุตส่าห์ ตบหัวแล้วลูบหลังเขาอีก ผมละเชื่อคุณเลย”

“ฉันไม่ได้ตบหัวแล้วลูบหลังซะหน่อย “แพรวาพูดก่อนจะหันไปมองน้องที่ยืนอยู่

“ฉันทำเหรอ” เธอหันไปถามน้องเขาอีก น้องเขาแค่ช้อนตาขึ้นมองหน้าเธอ

“ก็ผมได้ยินอยู่นะครับ คุณพูดว่า ฉันหวังดี นำไปปรับปรุงด้วยนะคะ คุณว่าเขาฉอด ๆ แต่ละคำไม่ได้บอกเลยว่า นี้คือการแนะนำที่ดี คนฟังเขาเสียความรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ”

“ถ้าคุณอยากจะหวังดีจริง คุณคงใช้คำที่มันสื่อให้เห็นว่าคุณแนะนำเขาจริง ผมว่าถ้าคุณบอกน้องเขาดีดี น้องเขาพร้อมรับฟัง ผมเชื่อว่าน้องเขาตั้งใจมาฝึกงานที่นี้เพื่อจะได้เรียนรู้งานและนำสิ่งดีดีจากที่นี้ ที่เขาสมควรจะได้รับจากการขอมาฝึกงาน และนำไปใช้ในการทำงานจริงๆ ได้ในวันข้างหน้า “ผมพูด ผมหมุนเก้าอี้มามองหน้าเธอ

“นั้นซิคะ คุณแพรวา ฉันว่าที่คุณพูดมันก็แรงไปนะคะ ถึงมันจะดูเหมือนที่คุณว่าก็ตาม แต่คำพูดคำจาที่คุณสื่อออกมานะคะ มันไม่ได้บอกว่าคุณหวังดีเลยนะคะ ออกจะทำร้ายจิตใจเด็กซะด้วยซ้ำ” ครูที่เข้าร่วมประชุม

“น้องเขาก็ตั้งใจทำมาให้ ถ้าคุณแพรวาไม่ชอบก็แค่ปล่อยผ่าน ไม่ต้องทานก็ได้มั้งค่ะ อันไหนที่คุณไม่ชอบเก็บไว้ในใจหรือไม่ก็ไปคุยกับน้องเขาหลังจากประชุมมันจะดูดีกว่านะคะ ไม่ใช่พูดประจานน้องเขาแบบนี้ อันนี้ดิฉันก็ว่าไม่สมควรค่ะ” ครูอีกท่านพูดขึ้นเช่นกัน

“บีมแกกล้าดียังไง มาฉีกหน้าฉันที่นี้” แพรวาลูกพรวดขึ้นมายืน เธอหันมาพูดกับผมแบบไม่ดังมาก ผมก็ลุกขึ้นมองหน้าเธอเช่นกัน

“ผมไม่ได้ฉีกหน้าคุณแพรวานะครับ คุณทำตัวเองต่างหาก และนี้คงจะทำให้คุณแยกแยะออกนะครับ ว่าคุณอยากจะเป็น คนพูดตรงหรือว่าเป็นคนไร้มารยาทอย่างที่ผมบอก” ผมพูดกระซิบกลับแต่ผมยิ้มไปด้วย ส่วนแพรวานะยิ่งตาขวางใส่ผมทันที

“อีบีม แก!!” และฝ่ามือของขอเธอก็ยกขึ้นมาและกำลังฟาดมาที่ผม

“ขอโทษทีนะครับ พอดีผมมีสายด่วน…. “พี่เธียรวิชย์เข้ามาพอดี

“โคล้ม!!” ยังไม่โดนหน้าผมหรอกแต่ผมล้มลงไปทันที เธอมารยาใส่พี่เธียรได้ ผมก็ทำได้เช่นกัน

“บีม!!!” พี่เธียรวิชย์ร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบวิ่งตรงเข้ามาหาผม ผมก็เอามือกุมท้องตัวเองเอาไว้ พี่เธียรรีบประคองผมเอาไว้ทันที ผมหันมามองหน้าพี่เธียร พี่เธียรตกใจมาก

“แพรวา!! นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอนะ” ก่อนจะหันไปตะคอกเสียงดังใส่แพรวา น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าพี่เธียรวิชย์โกรธเธอมาก จนกล้ามขบกันเป็นสันนูน

“เธอตบบีมทำไม รู้ไหมว่าบีมเขา…” พี่เธียรวิชย์ผมหันมาจับแขนเขา ผมสั่นหัวเล็กน้อย

“บีมเขาปวดท้องอยู่ พี่ก็บอกแล้ว” พี่เธียรวิชย์พูด

“แพรวาไม่ได้ทำอะไรมันสักหน่อยนะคะพี่เธียร มันสำออยค่ะ และพี่กำลังเข้าใจแพรวาผิดด้วยค่ะ แพรวาไม่ใช่อย่างที่พี่เห็นนะคะ พี่เธียร “แพรวาพูด ผมก็ทำสีหน้าว่าเจ็บอีกพี่เธียรวิชย์ก็ยิ่งกอดประคองผม "ก็พี่เห็นอยู่ว่าเธอตบบีม เธอยังมีหน้ามาโกหกพี่อีเหรอแพรวา!!"

“ใช่ค่ะ ฉันก็เห็นอยู่ว่าคุณตบคุณกันต์ธีย์ไปขนาดนั้น เขาจะมาสำออยได้ยังไงคะคุณ! “ครูที่นั่งอยู่ไม่ไกลลุกขึ้น และคนอื่นก็หันมาพูดกันว่าเห็นแพรวาตบผมจริง

“บีม บีมเจ็บตรงไหน บอกพี่ซิ ไปโรงพยาบาลไหม” น้ำเสียงที่ร้อนรนจนเกือบจะอุ้มตัวผมขึ้น แต่ผมแตะแขนพี่เธียรอีกครั้ง

“ผมว่าผมไม่น่าจะเป็นอะไรครับ ไม่ต้องหรอกครับพี่เธียร” ผมบอกพี่เธียร

“พี่เป็นห่วง ปวดท้องหรือเปล่า” ผมยิ้มให้พี่เธียรวิชย์ ผมสั่นหัวไปมา สายตามองผม เขามองด้วยความรู้สึกเป็นห่วงผมจริง และมันคงเป็นภาพบาดตาบาดใจแพรวามิใช่น้อย

“แพรวา พี่ว่าเธอควรจะกลับบ้าน เธอไม่พร้อมจะทำงาน ที่นี้ ไม่ว่าจะกลับใครก็ตาม”

“ใช่ค่ะ ฉันเห็นด้วย จากการที่คุณต่อว่าเด็กฝึกงานขนาดนั้น นั่นแปลว่าคุณไม่มีความเมตตาให้เพื่อนมนุษย์ ฉันคนหนึ่งนะคะที่ไม่ขอทำงานร่วมด้วยค่ะ “ครูที่เข้าประชุมลุกขึ้นพูด

“และนี่คุณยังตบคุณกันต์ธีย์อีก ทั้งที่เขาพูดในสิ่งที่ถูกต้อง คุณกันต์ธีย์พูดในฐานะผู้บริหารงานคนหนึ่ง ส่วนคุณนักบัญชีที่มาฝึกงานไม่ใช่เหรอคะ”

“และการใช้กำลังแบบที่คุณทำ มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนของชาตินะคะ “ครูแต่ละคนลุกขึ้นพูด

“คุณเธียรวิชย์ค่ะ ดิฉันขอตัวกลับไปห้องเรียนก่อนดีกว่านะคะ เอาไว้วันไหนที่คุณว่างแล้วเราค่อยคุยที่ค้างเอาไว้ดีกว่าค่ะ ตอนนี้พาคุณบีมไปพักเถอะค่ะ”

“ดิฉันขอตัวเลยนะคะ” ครูอีกคนพูดขึ้น

“และอีกเรื่องนะคะ คุณควรจะจัดการเรื่องนี่ด้วยนะคะ ส่งอบรมก็ดีนะคะ ถ้าอยากจะมาทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะว่านิสัยแบบนี้คงไม่มีใครอยากร่วมงานด้วยแน่นอนค่ะ “ครูคนนั้นพูดก่อนจะหันมามองแพรวา นั่นแปลว่าเขาหมายถึงแพรวาเต็มๆ ครูทุกคนพากันออกจากห้องไปทันที ผมว่าเธอคิดผิดมากที่มาแสดงอาการแบบนี้ในโรงเรียนที่มีครูอาจารย์แบบนี้ด้วย 

พี่เธียรวิชย์พยุงผมขึ้น จนเกือบจะอุ้มผมแต่ผมแตะแขนร้องห้ามเอาไว้ ผมค่อยๆลุกขึ้นแต่ก็มีเซเล็กน้อยพอเป็นมารยานิดหน่อยให้พี่เธียรรีบประคองผมไว้  ผมคงไม่ต้องใช่มารยาถึงห้าร้อยเล่มเกวียนเท่าเธอหรอก  และคนที่ยืนมองก็ยิ่งกำมัดแน่นกว่าเดิม

“แพรวากลับไปบ้านเถอะ ส่วนเรื่องงานพี่จะคุยกับพ่อเธอเอง “พี่เธียรพูดกับแพรวา เธอยังยืนอึ้งไม่ขยับ

“อีกอย่างน่ะ แพรวา พี่ว่าเธอควรจะไปพบผู้เชี่ยวชาญที่จะสามารถช่วยเธอได้ “พี่เธียรพูดผมหันไปมองหน้าเธอ

“พี่จะว่าแพรวาไม่ปกติ เหมือนที่โกวหงส์พูดกับพ่อแม่ของแพรวาเหรอคะ” แพรวาถามพี่เธียร

“โกวหงส์นะเขาเกลียดแพรวาต่างหากละ เขาถึงไอ้พูดแบบนั้นกับพ่อแม่ของแพรวา เขาอิจฉาที่แพรวาหน้าตาดีกว่าลูกสาวเขา” แพรวาพูด ผมสะบัดหน้าไปมองเธอคิดได้ยังไง ผมหันมามองพี่เธียรอีกที พี่เธียรเหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย

“และคงจะเป็นอาม่าอีกคนใช่ไหมคะที่บอกพี่เธียรแบบนั้น ก็อาม่านะเขาไม่ชอบแพรวาเพราะเขากลัวว่าแพรวาจะแย่งพี่ไปจากอาม่า อาม่าเขาอิจฉาแพรวาค่ะ แพรวาดูออกค่ะ” แพรวาพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ นี่เธอใช้ความรู้สึกของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาพูดมากกว่า

“ไปกันใหญ่แล้วแพรวา ไร้สาระ! “พี่เธียรพูด

“ตอนแรกพี่ก็ไม่เชื่อที่ทุกคนพูดกัน แต่ว่าตอนนี้ พี่เชื่อแล้วแพรวา แพรวาเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ!! “พี่เธียรวิชย์หันไปพูดกับเธอ

“แพรวาไม่ได้บ้า!!”

“พี่ก็ไม่ได้ว่าแพรวาบ้า!!”

“แต่แพรวาแค่ต้องการได้รับการรักษาที่ถูกวิธี แพรวาอาจจะดีขึ้น” พี่เธียรวิชย์พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่นิ่งลง

“แพรวา…” แพรวากำลังจะอ้าปากเถียงต่อ

“พอแล้วแพรวา!!! กลับบ้านไปซะ ไม่ต้องมาทำงานที่นี้อีก พฤติกรรมของแพรวาอาจจะทำให้เด็กหลายๆ คนเข้าใจผิดและลอกเลียนแบบนะครับ พี่ขอร้อง”

“อย่าหาว่าพี่ใจร้ายเลยนะแพรวา แต่อย่ามาอีก พี่รักบีม พี่ไม่อยากให้บีมรู้สึกอึดอัดเช่นกัน พี่ไม่อยากเห็นแพรวาทำร้ายคนที่พี่รักอีก เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมแพรวา” พี่เธียรหันไปพูดกับเธออีกครั้ง ก่อนจะกอดเพื่อพยุงผมออกไปจากห้องประชุมเล็ก เพื่อตรงไปยังห้องผู้บริหาร


“พี่เป็นห่วงผมหรือว่าเป็นห่วง เออ “ผมพูดก่อนจะหลุบตาลงมองที่พุงของบผม นี้เพิ่งจะผ่านมาแค่เกือบอาทิตย์เองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมท้องหรือเปล่า

“ห่วงแม่ของลูกก่อน นี้คือสิ่งแรกที่พี่คิด” พี่เธียรวิชย์พูด มันทำให้มุมปากผมกระตุกเป็นรอยยิ้ม ดีใจครับ

“ถ้าเกิดบีมท้องขึ้นมาล่ะ เห็นไหม ขนาดพี่ไม่ได้บอกให้นางรู้ นางจะทำกับบีมขนาดไหน พี่ไม่อยากคิดเลย ต่อไปห้ามอยู่ห่างจากพี่นะครับ” พี่เธียรบอกผม แววตาคู่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดที่ผมลงทุนลงไปกับพื้นขนาดนั้น

“ปวดท้องหรือเปล่า ถ้าปวดบอกพี่เลยนะพี่จะได้พาไปโรงพยาบาลเลย”

“ไม่ปวดหรอกครับ ผมลงไปไม่แรง และผมไม่ได้เอาสะโพกลง ผมใช้แขนยันเอาไว้ครับ ผมรู้ว่าผมจะปกป้องเขายังไง “ผมบอกพี่เธียรวิชย์ เขาก็พยุงผมให้นั่งลงที่เก้าอี้ พี่เธียรก็นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าผม เอามือลูกท้องน้อยของผม

“ป๊าขอโทษนะครับ ถ้าเป็นอะไรนี้ ป๊าโกรธตัวเองน่ะไม่โกรธม๊าหรอก “พี่เธียรพูดกับพุงน้อยๆ ของผม ผมก้มลงมอง นี้ยังไม่รู้เลยว่าท้องไหม

“พี่เธียร ผมยังไม่รู้เลยน่ะว่าผมท้องหรือเปล่า”

“พี่ว่าบีมท้องนะ” พี่เธียรวิชย์พูด เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ดูเขาจะมั่นใจมาก

“พี่ฝันเห็นเด็กผู้หญิงนะครับ พี่ฝันว่าพี่อุ้มเด็กผู้หญิง น่ารักมากเลย หน้าเขาหวานเหมือนกับบีมไม่มีผิด แถมยังขี้อ้อนพี่มากด้วย พี่นี้หอมแก้มไม่หยุดเลยและก็พูดจ้อยๆ ไม่หยุดปากเลยนะ พูดจนพี่นี่หลงเลย “พี่เธียรวิชย์พูด

“ม๊าที่ทำให้ป๊าหลงมากแล้วน่ะ แต่พอมาอุ้มลูกสาวนี้หลงหนักเลย และถ้าได้ลูกสาวจริง พี่คงต้องไว้หนวดจะได้ไม่มีใครกล้ายุ่ง” พี่เธียรพูด ผมขำแต่ก็แอบปาดน้ำตาด้วยความดีใจ

“พี่เชื่อว่าฝันคือลางบอก เพราะว่าตอนลูกโซ่พี่ก็ฝันทุกคืน จนเจอเขาตัวเป็นๆ เลยน่ะ” พี่เธียรวิชย์พูด เขากอดพุงผมเบาๆ หอมพุงผมด้วย

“ปึก” ประตูถูกผลักเข้ามาโดยแพรวา เธอยืนมองผมกับพี่เธียรวิชย์ ที่จูบพุงผมเล่น พี่เธียรวิชย์ลุกพรวดยืนขึ้นทันที ผมไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจความหมายของมันไหม ผมรีบดึงเสื้อมาปิดพุงผมไว้ก่อนจะลุกขั้นมายืนเช่นกัน

“นี้ฝีมือแกใช่ไหม หรือว่าแกไปอ้อนอากันตภณ ให้เขาไปขอให้อธิการบดี เขาท่รื้อเรื่องของฉันขึ้นมาพิจารณาใหม่ใช่ไหม!! "  "แกคงอิจฉาฉันใช่ไหม ที่ฉันได้เกียรตินิยมอันดับสองแต่แกไม่ได้ เพราะว่าแกมันท้องป่องในมหา’ลัย” แพรวาพูด ผมเดาว่าอาจารย์เปรมสินีคงโทรบอกเธอแน่ๆ

“ตกลงแกนี้มันเอาทั้งอาและหลานเลยใช่ไหม อีร่าน!!” แพราวาพูด

“แพรวา!! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้” พี่เธียรหันไปตะคอกเสียวงดีใส่แพรวา

“แพรวาไม่ถอนค่ะ และพี่ไม่เห็นเหรอคะ ว่ามันแอบไปเอากับอากันด้วย แต่อากันแค่เป็นหมัน ไม่อย่างนั้นคงได้ท้องกับอากันก่อนพี่!!” แพรวาพูด ผมกำมัดผมอยากจะลงไปตบหน้าเธอแต่คิดอีกที ไม่คุ้มกับหมาบ้าอย่างแพรวา เพราะว่าถ้าผมกัดกับเธอผมก็แค่ชนะหมา

“หยุด!! เธอคิดว่าพี่จะเชื่อคำพูดของคนขี้อิจฉาอย่างเธอเหรอแพรวา พี่รู้มากกว่านั้นว่าเธอทำอะไรบีม และถ้าทุกอย่างมันทำให้เธอและพ่อเธอต้องอับอาย ไม่ต้องไปโทษใคร และพี่นี่ที่ผิดหวังในตัวเธอที่สุด”

“ต่อไปก็ไม่ต้องมาเรียกพี่ว่าพี่ชายของเธอ เพราะเธอใจร้ายเกินกว่าที่พี่จะให้ได้แม้กระทั่งฐานะน้องสาว” พี่เธียรวิชย์พูด เธอมองพี่เธียรวิชย์ แววตาคู่นั้นมันบ่งบอกว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน ผมถึงกับต้องหันหน้าหนี ผมจะไม่ยอมใจอ่อนให้ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด

แกทำให้ฉันเสียคนที่ฉันรัก!!” แพรวาพูดพร้อมกับจะเข้ามาแต่พี่เธียรกันผมออกโดยใช้ตัวเองบัง

“หยุดน่ะแพรวา!! ถ้าแพรวาไม่หยุด พี่จะให้ รปภ มาลากแพรวาลงไป!!!”

“ได้!!! เราจะได้เห็นดีกัน แพรวาจะดูซิว่า ใครจะได้เป็นสะใภ้ตระกูลนี้กันแน่ เพราะว่าแพรวาว่ามีจดหมายที่อากงเขียนเอาไว้ ว่าแพรวาควรจะแต่งงานกับคนในตระกูลนี้และมันก็ต้องเป็นพี่คนเดียว พี่เธียร!!!” แพรวาพูด เขาหันมามองหน้าผมตาขวางจนดูน่ากลัว ก่อนจะเดินหันหลังออก

“ปัง!!” เสียงประตูปิดลงเสียงดัง ผมเห็นสีหน้าพี่เธียรเครียดขึ้นมาทันที ผมจับมือพี่เธียรไว้ พี่เธียรพยักหน้ากับผม ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา

“กลับบ้านกันดีกว่า ไปทานข้าวกับลูกโซ่ดีกว่าครับ” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมพยักหน้า

มีต่อด้านล่างค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด