Bad Bromance พี่ชายตัวร้าย น้องชายที่รัก Ep.5 Update 4/12/2023
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Bad Bromance พี่ชายตัวร้าย น้องชายที่รัก Ep.5 Update 4/12/2023  (อ่าน 706 ครั้ง)

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-12-2023 17:46:16 โดย ซูเปอร์โมเดล »

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทนำ

ไฟ



ความรักเอย เจ้าลอยลมมาหรือไร

มาดลจิต มาดลใจ เสน่หา

รักนี้จริงจากใจหรือเปล่า

หรือเย้า เราให้เฝ้าร่ำหา

หรือแกล้งเพียงแต่แลตา

ยั่วอุราให้หลงลำพอง



เสียงเพลงโปรดของผมดังจากเครื่องเล่นหน้าตาโบราณที่ถูกตั้งไว้มุมหนึ่งของห้อง ผมปล่อยใจไปกับเสียงเพลงในขณะที่กำลังสวมเสื้อเชิ้ตสีดำเข้ารูป



ภาพจากกระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งสะท้อนให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มคนหนึ่ง  เป็นความงามพร้อมที่ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน



รู้หรือเปล่ากว่าจะมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ ผมต้องแลกมากับความพยายามและความเจ็บปวดมากมายเหลือคณานับ มัดกล้ามขนาดพอดิบพอดี และหน้าท้องที่เป็นลอนสวยงาม ผมต้องแลกมากับการอดกินอาหารเมนูโปรดหลายๆ เมนู แถมยังต้องออกกำลังกายอย่างหนักเพื่อที่จะได้มันมา ส่วนใบหน้าที่เพอร์เฟคระดับเทพปั้นนี้ ผมต้องยอมแลกกับเงินจำนวนเป็นล้านๆ และความเจ็บปวดเหลือทนทุกครั้งที่ถูกคมมีดของหมอศัลยกรรมกรีดลงบนใบหน้า



แต่นั่นนับว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ความเจ็บปวดทางกาย มันเทียบไม่ได้เลยกับบาดแผลที่โดนกรีดลึกเข้าไปในจิตใจ แผลที่ถูกใครบางคนทิ้งเอาไว้จนผมกลายเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ผมต้องกลายเป็นคนคิดลบ วันๆ ใช้ชีวิตอยู่แต่กับคราบน้ำตาและความทุกข์ทรมานจนเกือบจะฆ่าตัวตาย



สงสารใจฉันบ้าง วานอย่าสร้าง

รอยช้ำซ้ำเป็นรอยสอง รักแรกช้ำน้ำตานอง

ถ้าเป็นสอง...ฉันคงต้องขาดใจตาย



เพลงจบท่อนฮุคตอนที่ผมติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายเสร็จพอดี ผมยื่นใบหน้าเข้าใกล้บานกระจกเพื่อเช็คความเรียบร้อยของใบหน้าและทรงผมเป็นครั้งสุดท้าย



เอาล่ะ ผมพร้อมแล้ว พร้อมที่จะกลับมาทวงคืนทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยสูญเสียไปให้กับใครคนนั้น



ต่อไปนี้ขอให้ทุกคนเรียกผมว่า 'ไฟ'



ไฟที่เปรียบเสมือนตัวแทนของความแค้น ไฟที่ถูกจุดขึ้นด้วยน้ำมือของคนที่ผมเคยรักจนสุดหัวใจ ไฟที่พร้อมจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้จนกลายเป็นจุล



ทำหัวใจเราพังย่อยยับขนาดนี้ จะหนีไปมีความสุขคนเดียวงั้นเหรอ ไม่มีทาง...คนสารเลว!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2023 22:37:59 โดย ซูเปอร์โมเดล »

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทที่ 1

คืนนี้กับคืนนั้น



ผมมาถึงจุดหมายซึ่งเป็นสถานเริงราตรีตอนเกือบจะเที่ยงคืน เลือกนั่งโต๊ะที่เหมาะกับการสังเกตบริเวณรอบๆ ร้านได้เป็นอย่างดี



เป้าหมายของผมนั่งอยู่ไม่ไกลกันนัก เขามากับเพื่อนผู้ชายอีกสามสี่คน ดูแล้วน่าจะเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พวกเขากำลังดื่มเหล้าและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน



เขาโดดเด่นเสมอแม้จะอยู่ท่ามกลางคนมากมายขนาดไหน ยังหล่อได้อย่างร้ายกาจเหมือนเดิม แต่สูงขึ้น ขาวขึ้น ดูดีขึ้นจากครั้งสุดท้ายที่เราเจอกันมาก



​​เหมือนเขาจะรู้ว่าผมมองอยู่ เจ้าตัวหันมาสบสายตาและส่งยิ้มให้ หากเป็นเมื่อก่อนผมคงเคลิบเคลิ้มไปกับมัน แต่หลังจากรู้เช่นเห็นชาติเจ้าของรอยยิ้มเป็นอย่างดีแล้ว ผมได้แต่เก็บความรู้สึกขยะแยงไว้ในส่วนลึกที่สุดของหัวใจเพื่อจะฝืนยิ้มตอบอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด



เขาหันไปพูดอะไรบางอย่างกับเพื่อนสองสามประโยค ก่อนจะชี้มาทางโต๊ะผม เดาว่าคงจะบอกเพื่อนว่าอยากมาคุยกับผม ซึ่งก็เป็นแบบนั้นจริงๆ



"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ ?" เขาเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม



"ครับ" ผมพยักหน้าตอบรับ



ร่างสูงในเสื้อเชิ้ตสีดำแขนสั้นปลดกระดุมสองเม็ดกับกางเกงขายาวหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมวางแก้วที่ถือมาด้วยลงตรงหน้าเมื่อได้รับคำอนุญาต



"มาคนเดียวเหรอครับ"



"ครับ แต่คงไม่น่าได้กลับคนเดียวแล้ว" ผมตอบอย่างมีชั้นเชิง พร้อมชูแก้วขึ้นชนกับเขา



"ใครกันนะครับจะมีโอกาสได้กลับกับคนหล่อๆ อย่างคุณ" เขาไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ เรื่องนิสัยเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า แต่ก็ดี ผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย



ผมยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมกับตอบทีเล่นทีจริง"อาจจะเป็นคนที่ดื่มแก้วนี้หมดไปพร้อมกับผมมั้งครับ"



เราดื่มเหล้ากันอย่างคนหิวกระหาย สัญชาตญาณบอกผมว่าคนตรงหน้ากำลังต้องการเรื่องอย่างว่าขั้นสูงสุด ไม่มีอะไรต้องกังวล ผมรับมือไหว อันที่จริงถ้าคืนนี้เราจะมีเซ็กซ์กันอีกสักครั้งผมก็คงไม่มีอะไรสึกหรอไปมากกว่านี้หรอก มันก็คงเหมือนๆ กับคืนที่เคยผ่านมา...คืนที่เรามีอะไรกันครั้งแรก คืนที่ผมยอมมอบทั้งกายและใจให้เขาได้ครอบครอง แต่สุดท้ายก็โดนเขาทำลายทิ้งจนไม่เหลือชิ้นดี



คืนนี้มันจะต่างออกไป ผมรู้เดียงสามากพอที่จะไม่เอาหัวใจลงไปให้เขาปู้ยี่ปู้ยำเล่นอีกแล้ว



.......................................



สามปีที่แล้ว



เรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในคืนวันเสาร์กลางเดือนตุลาคม ที่อำเภอหนึ่งของจังหวัดนครพนม ตอนนั้นผมยังคงเป็นแค่ 'ไอ้แฟ้ม' ในคืนนั้นผมออกมาเที่ยวคนเดียว ดื่ม ฟังเพลง และฟังคนแปลกหน้าพูดคุยกันไปเรื่อย



โต๊ะข้างๆ เป็นกลุ่มเพื่อนวัยทำงาน พวกเขากำลังเล่นเกมลูกเต๋ากันอย่างสนุกสนาน ถัดออกไปอีกนิดเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นชายหญิงสามคน สองในสามคนนั้นเดาได้ไม่ยากว่าเป็นแฟนกัน พวกเขากำลังโอบเอวกันโยกตามจังหวะเพลงที่ร้านเปิดคลอเอาไว้ ส่วนผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังรินเหล้าลงแก้วตัวเอง เขาโดดเด่นจนผมไม่คิดว่าจะเจอคนหน้าตาแบบนี้ได้ในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นหู ตา จมูก ปาก ดูรับเข้ากับใบหน้ารูปไข่ของเขาได้เป็นอย่างดี



เขาหันมายิ้มให้ คงรู้ว่าผมแอบมองอยู่ ผมประหม่าจึงเบือนหน้าหนี แต่นั่นกลับเป็นการเร่งให้เขาบุกประชิดเข้าหาเร็วขึ้นกว่าเดิม



"ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ ?" ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในอนาคต เพียงแต่ผมเองก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นเมื่อไหร่



"ครับ" ผมพยักหน้ารับ รู้สึกประหม่าเกินไปที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น



"ใครเขาปล่อยให้คนน่ารักๆ แบบพี่มานั่งคนเดียวได้ครับเนี่ย" คำพูดคำจาบ่งบอกว่าเด็กนี่ร้ายใช่ย่อย



"ก็ไม่ได้อยากมาคนเดียวหรอก แต่พี่ไม่รู้จักใครที่นี่เลย เพิ่งบินมาจากกรุงเทพฯ สองสามวันเอง"



"มาเที่ยวเหรอครับ ?" เขาถาม



"เปล่า บ้านพี่อยู่นี่ แต่ไปเรียนในกรุงเทพฯ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว" คราวนี้ผมจ้องตาเขาแล้วเป็นฝ่ายเอ่ยถามกลับบ้าง "เราล่ะเรียนที่ไหน แถวนี้ไม่มีมหา'ลัยสักหน่อย"



"โธ่!" เขาย่นหน้าจนยับยู่ยี่ "ผมหน้าแก่ขนาดนั้นเชียว เพิ่งมอหกเองครับพี่"



เด็กกว่าที่คิดอีกแฮะ ตอนแรกนึกว่าปีสองปีสามแล้ว จะว่าเขาหน้าแก่ก็ไม่เชิง แค่ดูโตกว่าวัยนิดหน่อย ที่สำคัญคือเขาเข้าร้านเหล้าได้แล้วต่างหาก อย่างว่าต่างจังหวัดคงไม่เคร่งเรื่องตรวจบัตรประจำตัวเท่าไรนัก



"อ้อ คงจะเป็นโรงเรียนประจำอำเภอหน้าตลาดแน่เลย"



"เปล่าครับ ผมเรียนที่สกล โรงเรียนธาตุวารินทร์อ่ะ รู้จักป่ะ"



ผมพยักหน้ารับ ถึงจะจากจังหวัดนี้ไปนานก็พอจะคุ้นชื่ออยู่บ้าง โรงเรียนอันดับต้นๆ ของจังหวัดสกลนคร รู้สึกจะห่างจากที่นี่ออกไปเกือบห้าสิบกิโลเมตรได้ เรียนในตัวเมืองนี่เอง ถึงว่าเขาดูแต่งตัวเป็น หยิบจับเสื้อผ้ามาแมตช์กันได้อย่างลงตัว ดูไม่เหมือนเด็กต่างจังหวัดทั่วไป



"ช่วงนี้ปิดเทอม เบื่อๆ ก็เลยชวนเพื่อนมาดื่มแก้เซ็งน่ะครับ"



"แต่เพื่อนเราจะไปแล้วน่ะ" ผมเตือนเมื่อเห็นว่าเด็กวัยรุ่นชายหญิงที่มากับเขากำลังจะลุกจากโต๊ะไป



"ไม่เป็นไร ผมอยากอยู่คุยกับพี่มากกว่า" เขาบอกพลางส่งยิ้มหวานให้ ดูเจ้าเล่ห์เกินอายุ จนผมเริ่มจะรับมือไม่ไหว



"พี่คุยไม่เก่งนะ" ผมบอก



"ไม่เป็นไร ผมคุยเก่ง"



เราพูดคุยกันเรื่องต่างๆ นานา เขาคุยเก่งตามที่พูด สามารถทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและสนิทใจที่จะโต้ตอบกับเขาอย่างไม่รู้สึกเขินอายอีกต่อไป



คุยกันจนร้านใกล้ปิด ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำด้านหลังร้าน ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ แล้วเดินย้อนกลับเข้ามาตามทางเดินแคบๆ



เด็กหนุ่มคนนั้นเดินสวนมาตอนผมใกล้จะถึงทางเข้าโซนที่ทางร้านจัดไว้รองรับลูกค้า โดยไม่ทันระวังเขาคว้าท่อนแขนผมเอาไว้ก่อนจะดึงเข้าไปประชิดตัว



เขาผลักผมจนแผ่นหลังติดกับกำแพงตอนที่เราสบสายตากัน เขาบอกว่า "พี่แม่งโคตรน่ารักเลย" แล้วหอมแก้มซ้ายขวาของผมฟอดใหญ่



ผมอ่อนระทวยไปกับคำหวานของเขา ในขณะที่เสียงหัวใจส่วนลึกของผมกำลังร้องเตือนว่า 'เด็กนี่อันตราย' เขาก็ขโมยจูบแรกของผมไปหน้าตาเฉย วินาทีนั้นภาพในหัวของผมขาวโพลนไปหมด ลืมทุกอย่างไปเสียสิ้น จูบตอบกับเขาอย่างง่ายดาย



ผมไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไร อาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ อาจเป็นเพราะความหล่อของคนตรงหน้า หรืออาจเป็นเพราะความง่ายของตัวผมเอง แต่ท้ายที่สุดแล้วคืนนั้นก็จบลงตรงที่ผมยอมพลีกายให้กับเขาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน โดยไม่รู้ตัวเลยว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2023 18:03:56 โดย ซูเปอร์โมเดล »

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทที่ 2

เด็กคนนั้นโตมากลายเป็นเธอ



เรามาต่อกันที่หอของเขาตอนตีสามกว่าๆ ทันทีที่ปิดประตูห้องลงเขาก็โถมตัวเข้าหาผมอย่างไม่รอช้า คงจะอยากเต็มที



เขาเริ่มจากจูบผม ริมฝีปากของเราประกบกันแนบชิด เรียวลิ้นของเขาฉกเข้ามาลิ้มรสชาติด้านในโพรงปากของผมอย่างหื่นกระหาย



"อื้อออออ"



ผมหลับตาพริ้มรับรสจูบของเขา เนิ่นนานจนสมใจอยากเขาก็เริ่มปัดป่ายมือหนาไปทั่วร่ายกายผม ก่อนจะสอดมือเข้าใต้สาบเสื้อ เลื่อนผ่านเอวคอดแบบคนออกกำลังกายอย่างหนัก ผ่านหน้าท้องที่เต็มไปด้วยซิคแพ็คสวยงาม ขึ้นมาหยอกเย้ากับยอดอกสีชมพูอ่อน แล้วลงท้ายด้วยการถอดเสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมของผมโยนทิ้งไปอย่างไม่ใยดี



"เฮือก" ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดเข้าที่ยอดอกโดยไม่ทันตั้งตัว อีกฝ่ายดูดดุนและขบกัดสลับกันไปมาอย่างช่ำชอง ผมจิกปลายเส้นผมของเขาไว้จากด้านหลัง แหงนหน้าขึ้นรับรสสัมผัสเสียวซ่านที่เขามอบให้



เมื่อเล่นกับยอดอกของผมจนพึงพอใจแล้ว เขาก็เปลี่ยนมาให้ความสนใจกับต้นคอและใบหูของผมแทน ขบเม้มอย่างย่ามใจ ก่อนจะกระซิบบอกผมว่า "ตอนนี้พี่แม่งโคตรน่าเอา"



ผมไม่ปล่อยให้เขาคุมเกมอีกต่อไปแล้ว เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายเปิดเกมรุกบ้าง เริ่มด้วยการผลักเขาลงไปบนเตียงนอนกลางห้องแล้วโน้มตัวตามลงไป ผมจู่โจมจากส่วนล่างของเขาก่อน กางเกงสแล็คเข้ารูปเป้าตุงจนบ่งบอกความชูชันของสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน



ปราการที่ปกปิดท่อนล่างทั้งหลายของเขาถูกผมปลดเปลื้องออกในที่สุด ผมจ้องมองมันด้วยสายตาเย้ายวน ก่อนจะเริ่มใช้ปลายลิ้นทักทายไปที่ส่วนสีแดงด้านบนสุด แล้วครอบครองแก่นกายทั้งอันไว้ด้วยริมฝีปากบาง



"อ่า...อื้อ...ลึกกว่านี้อีกนิดครับ" เขาครวญครางทั้งที่ยังหลับตาพริ้ม



ผมปรนเปรอความสุขให้กับเขาอย่างเต็มความสามารถ บางครั้งเจ้าตัวขยับสะโพกตามเหมือนกลัวว่าน้องชายตัวน้อยจะหลุดออกจากปากผมไปอย่างไรอย่างนั้น ผมเริ่มใช้มือสาวในส่วนที่กลืนเข้าไปไม่หมด



"ซี้ดดด" ร่างสูงสูดปากแรงๆ เมื่อผมเริ่มเร่งจังหวะ เขาปล่อยให้ผมทำแบบนั้นไปอีกหลายนาทีก่อนจะเอื้อมมือมาจับปลายคางผมไว้แล้วถอดถอนเอาความเป็นชายออกจากปากของผมไป "พอก่อน เดี๋ยวแตก"



เราสลับตำแหน่งกันบ้าง เขาเปลี่ยนให้ผมเป็นฝ่ายนอนนิ่งบนเตียง ส่วนตัวเองก็จัดการถอดเสื้อเชิ้ตแขนสั้นที่ยังติดตัวอยู่ เขาโตขึ้นจากสามปีที่แล้วมาก กล้ามเนื้อใต้ร่มผ้าชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อน แถมดูสูงขึ้นจากตอนนั้นสักห้าหกเซ็นได้



เมื่อร่างกายเปลือยเปล่ากันทั้งคู่ เขาจับผมชันขาขึ้น ซุกใบหน้าลงกับช่องทางคับแคบด้านหลังของผม แล้วโลมเลียมันอย่างไม่รังเกียจ



"อ๊า...อ้า" เขาเริ่มเปลี่ยนมาใช้นิ้วในการเบิกทาง โดยมีน้ำลายของเขาเองเป็นตัวช่วยหล่อลื่น ผมยอมรับว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครเก่งเท่าเขาแล้ว แต่จะไม่เผลอใจไปกับรสสัมผัสบ้าๆ นี่เด็ดขาด ผมไม่ยอมให้ตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างอีกต่อไปแล้ว



"จะใส่เข้าไปแล้วนะครับ" เขาบอกพร้อมกับฉีกซองถุงยางในมือสวมมันเข้ากับอาวุธประจำตัว



"ฮึก!" ผมเสียวสะท้านไปทั้งตัวเมื่อถูกเขาใช้ส่วนปลายถูกับช่องทางรักก่อนจะค่อยๆ ดันมันเข้ามาภายใน ถึงจะไม่ใช่เซ็กซ์ครั้งแรก แต่ผมก็ห่างหายจากเรื่องพวกนี้ไปนานหลายปี



ผมจิกเล็บเข้ากับท่อนแขนของเขา เจ้าตัวดูพอใจที่สามารถทรมานผมได้ แล้วเขาก็เริ่มขยับเอวเข้าออก จากช้าก็เริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ



"อื้ม...อ่ะ...อ้า" เสียงครางด้วยความสุขสมของเราสอดประสานกันจนยากจะแยกออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร



เขาโน้มตัวมากดจูบผมอีกครั้งในขณะที่สะโพกยังคงเคลื่อนไหว มือซ้ายของเขาจับท้ายทอยผมยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อจะได้มอบรสจูบให้อย่างถนัด ผมเริ่มคุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมที่ถูกแทรกเข้ามาในร่างกายแล้วจึงเผยอปากรับจูบของเขา กัดริมฝีปากล่างของอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหยอกเย้าเพื่อที่จะบอกเขาเป็นนัยๆ ว่าเราเองก็เชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้ไม่แพ้กัน



เหงื่อที่ผุดตามไรผมของคนตรงหน้าหยดลงที่แก้มผมสองหยด เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนผมรับรู้ได้ว่าเขาใกล้จะเสร็จในอีกไม่ช้า ด้วยความนึกสนุก ผมจัดแจงเปลี่ยนท่าทางโดยที่ร่างกายยังดูดกลืนท่อนล่างของอีกฝ่ายอยู่



"เสียวมั้ยครับ" ผมเอ่ยปากถามเมื่อเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายอยู่ด้านบน บรรจงขย่มท่อนเอ็นของเขาด้วยท่าทีเร่าร้อน ตอนนี้เราอยู่ในท่านั่งกันทั้งคู่ แก่นกายของผมแกว่งไกวตามจังหวะการขยับตัวกระทบกับหน้าท้องของเขาอยู่เนืองๆ



"อ้า...โคตรเสียวเลย" เสียงเขากระเส่า ฟังแล้วดูเซ็กซี่ดี "พี่แม่งโคตรเก่ง"



ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นโดยที่มีเขาช่วยกระตุ้นด้วยการดูดดุนส่วนปลายของหน้าอกพร้อมทั้งใช้มือสาวเจ้าหนูของผมเป็นจังหวะเดียวกัน เมื่อได้รับแรงเสียดสีทั้งด้านหน้าและด้านหลังพร้อมกันเข้ามากๆ ส่วนปลายของผมก็เริ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำใสๆ และในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว กระตุกเกร็งและปลดปล่อยออกมาเต็มหน้าท้องเขาไปหมด



"อ๊าาาาา" ผมร้องดังเมื่อมาถึงปลายทาง รู้สึกตัวได้เลยว่าท่อนล่างกำลังบีบรัดเขาแน่นราวกับต้องการจะประท้วง เขาเร่งขยับสะโพกรัวเร็วและตามมาในที่สุด ผมรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนภายใต้ถุงยางซึ่งเป็นปราการชั้นดี หากไม่มีมันกั้นกลางอยู่คงจะมีของเหลวสีขาวขุ่นล้นทะลักออกมาเป็นแน่



"เสร็จแล้ว...อื้อ...เสร็จแล้วครับ"



สายตาของเราสอดประสานกันโดยที่เขายังไม่ได้ถอนแก่นกายออกไป เขาเอื้อมมือมาจับแก้มผมทั้งสองข้าง ใช้ริมฝีปากจุมพิตด้วยความอ่อนโยนแล้วล้มตัวลงนอนบนฟูกอย่างคนหมดแรง



หลังผ่านพ้นช่วงเวลาที่เร่าร้อน เราเข้าไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำพร้อมๆ กัน แต่ด้วยความเป็นคนรักสะอาดผมจึงใช้เวลานานกว่าอีกฝ่าย กลับออกมาอีกทีก็พบว่าเขาหลับปุ๋ยไปแล้ว ผมมองร่างเปลือยเปล่าที่กำลังหลับใหลภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่สีน้ำตาลช็อคโกแลต เผลอลูบแก้มเขาอย่างอดใจไม่ได้ พลันสมองก็นึกย้อนเอาภาพในวันวานกลับมาฉายซ้ำอีกครั้ง



.......................................



เรื่องเมื่อคืนจบลงไปแล้ว ผมเองก็ควรจะจบ แต่หัวใจเจ้ากรรมมันดันเอาแต่เฝ้าคิดถึงใครคนนั้น หลังจากจูบกันที่ร้านเหล้า เราไปต่อกันที่รีสอร์ทในตัวอำเภอ ทำเรื่องอย่างว่ากัน และแยกย้ายกันในตอนเช้าโดยที่ไม่ได้ถามชื่อกันด้วยซ้ำ



ผมกลับมานอนซังกะตายที่บ้านในตอนสายๆ ห้องนอนของผมอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งนั้นนอกจากกลิ้งตัวไปมาอย่างว้าวุ่น



ใครเขาจะเชื่อ...ชายหนุ่มอายุยี่สิบสี่ปีเต็มเสียตัวครั้งแรกให้กับเด็กน้อยมอหก แถมยังเผลอมอบหัวใจให้เขาไปทั้งดวง ทั้งที่มันควรจะเป็นแค่วันไนท์สแตนด์แท้ๆ



ก๊อก ก๊อก ก๊อก!



เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้องสามครั้ง ตามมาด้วยเสียงนุ่มๆ ของหญิงวัยกลางคน "แฟ้มตื่นหรือยังลูก ลงไปอาบน้ำกินข้าวได้แล้ว"



"ครับแม่" ผมขานรับ



ได้ยินเสียงฝีเท้าแม่ค่อยๆ เดินจากไป ผมเองก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงด้วยหัวใจห่อเหี่ยว พาตัวเองลงมาชั้นล่างเพื่อทำตามคำสั่งของแม่



แม้จะเป็นช่วงบ่ายแต่น้ำยังเย็นใช้ได้ ช่วงนี้ที่อีสานตอนบนกำลังเข้าสู่หน้าหนาว นี่อีกเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมเลือกกลับมาบ้านในช่วงนี้ แต่เหตุผลหลักคือแม่ของผมเพิ่งจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้งหลังจากย้ายไปอยู่บ้านพ่อที่อุบลเมื่อสิบสามปีก่อน



พ่อเสียด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเมื่อปีที่แล้ว แกดูแข็งแรงมากจนไม่มีใครดูออกว่าเป็นโรคหัวใจ มารู้กันอีกทีก็ตอนที่แกจากไปแล้ว แม่ทนเศร้าได้ไม่นานก็ขายบ้านหลังนั้นทิ้งไป แกบอกผมว่าอยากย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดตัวเอง แต่ผมพอจะดูออกว่าแกคงไม่อยากอยู่ในสถานที่ที่ทำให้คิดถึงพ่อ



ผมปล่อยใจไปกับสายน้ำจากฝักบัวที่กำลังสาดกระเซ็นเข้าใบหน้า สะบัดหัวเบาๆ เพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไป



"อ้าวธันวา ไปไงมาไงลูก" เสียงแม่ดังมาจากด้านนอก แกกำลังคุยอยู่กับเด็กผู้ชายสักคน



"แม่ธันให้เอาแกงไก่ใส่หน่อไม้ส้มมาฝากครับ" เสียงคุ้นจังแฮะ



"อุ๊ย พอดีเลย ป้ากำลังทำต้มยำปลานิลให้พี่แฟ้มเขา รอก่อนนะ ป้าจะแบ่งไปให้แม่เราด้วย ยายภาเขาชอบ"



ยายภาที่ว่าคือ 'น้าประภา' เพื่อนบ้านของเรา แกสนิทกับแม่ของผมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ช่วงที่เราย้ายไปอยู่อุบลก็ได้แกนี่แหละคอยดูแลบ้านช่องให้ ส่วนเด็กที่คุยกับแม่ผมอยู่คงเป็นเจ้าธันวาลูกชายน้าประภา ฟังจากเสียงน่าจะโตขึ้นเป็นกองเลย ครั้งสุดท้ายที่เจอกันมันน่าจะอายุสักสี่ห้าขวบ ตอนนั้นยังตัวกะเปี๊ยกเดียวเอง หน้าตาน่ารักจ้ำม่ำ แก้มป่องๆ ตาโตๆ นึกภาพไม่ออกเลยว่าโตขึ้นจะเป็นยังไง



"พี่แฟ้มมาเหรอครับป้าเดือน" เจ้าธันวาถามแม่ผมด้วยเสียงตื่นเต้น "โห ไม่เจอกันตั้งหลายปี พี่แฟ้มจะจำธันได้มั้ยนะ"



"ลองถามดูสิจ๊ะ นู่นไงอาบน้ำเสร็จพอดี" แม่ชี้มาทางผมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนจะหันไปสาละวนกับหม้อต้มยำปลานิลของแกต่อ



"เฮ้ย!" ผมและเจ้าธันวาร้องเสียงหลงเมื่อเจอหน้ากัน


ผ้าขนหนูที่ผมพันรอบเอวไว้หมิ่นเหม่เกือบจะหลุดร่วงเมื่อพบว่าคนตรงหน้าเป็นใคร


คงพอเดาออกใช่มั้ยว่าเขาคือเด็กมอหกคนนั้น...คนที่ผมเฝ้าคิดถึงตลอดทั้งช่วงเช้าที่ผ่านมา คนที่ทำให้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเลย คนที่เพิ่งมีอะไรกับผมไปเมื่อคืนนี้เอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-11-2023 18:03:40 โดย ซูเปอร์โมเดล »

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
นิยายเรื่องนี้เกิดจากเค้าโครงจากเรื่องจริงของผู้เขียนเองนะครับ มีการเปลี่ยนชื่อตัวละคร สถานที่เพื่อไม่ให้กระทบกับบุคคลหรือสถานที่ใด เนื้อเรื่องเป็นเรื่องจริงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นคือเรื่องที่ถูกแต่งเติมขึ้นมาเพื่ออรรถรสและสนองตัณหาของผู้เขียนเอง

:hao7: :hao6: :katai4:

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทที่ 3

จูบรสหมูกระทะ


"ตื่นได้แล้วขี้เซา" ผมปลุกธันวาที่ยังนอนคุดคู้บนเตียงในช่วงสายของวัน



เขานอนกับผมตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาโดยที่ทั้งแม่และน้าประภาไม่ได้ระแคะระคายอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องของเรา พวกเขาคงนึกว่าเราสนิทกันง่ายตามประสาเพื่อนผู้ชายทั่วๆ ไป แต่แท้ที่จริงแล้วความสัมพันธ์ของเราลึกซึ้งกว่านั้นมาก เจ้าธันวาคอยแอบกอดแอบหอมผมทุกครั้งที่มีโอกาส ยิ่งพอตกกลางคืนยิ่งกระทำชำเราอย่างหนักหน่วงจนกลั้นเสียงร้องไว้แทบไม่ไหว โคตรทรมานเลย เสียวแทบตายแต่ส่งเสียงร้องไม่ได้สักแอะ



ธันวายิ้มเจ้าเล่ห์ขณะยังหลับตา คว้าข้อมือผมที่เขย่าตัวปลุกเขาอยู่ดึงให้เข้าไปหา เจ้าตัวแสบโอบรัดผมไว้แน่น ก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับต้นคอของผม



ผมดิ้นขัดขืน ร้องประท้วง "อย่า ช้ำไปทั้งตัวแล้ว"



"ขออีกรอยนะ" เขาหมายถึงรอยแดงเป็นจ้ำที่ฝากไว้ใต้ร่มผ้า ไม่ไหวเลยจริงๆ เจ้าเด็กนี่ทำเอาผมช้ำไปหมด ลำบากต้องคอยซ่อนร่องรอยพวกนี้ให้รอดพ้นจากสายตาคมกริบของแม่



"ไม่ได้ แค่นี้ก็แทบจะไม่มีที่ว่างแล้ว" ผมบอกพร้อมเปิดเสื้อให้เขาดู



"ก็ดีแล้วนี่ พี่กลับกรุงเทพฯ จะได้ไปทำกับคนอื่นไม่ได้" ดูมันพูดเข้า ผมจะไปทำอะไรกับใครที่ไหนกัน



"ลุกได้แล้ว" ผมตัดบท "เดี๋ยวพี่ต้องออกไปซื้อของฝากให้เพื่อนที่ทำงาน เย็นนี้ต้องบินกลับแล้ว"



ธันวารัดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม "ยังไม่อยากให้กลับเลยอ่ะ"



"งอแงเป็นเด็กไปได้ ไว้เดี๋ยวพี่มาหาใหม่" ผมลูบหัวปลอบเจ้าเด็กที่ตัวโตพอๆ กัน



"จริงนะ" ธันวาอ้อนให้ผมรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะกลับมาหาบ่อยๆ​ ​​​​ซึ่งผมก็รักษาสัญญาได้เป็นอย่างดี หลังจากบินกลับกรุงเทพฯ คราวนั้น ผมกลับมาหาเขาอีกเดือนละสองถึงสามครั้ง



อย่างเช่นวันนี้ ผมบินมาถึงสนามบินสกลนครตอนเก้าโมงเศษๆ ธันวามารับช้ากว่าเวลานัดเล็กน้อย เขาบอกว่าตื่นสายเมื่อคืนเพื่อนชวนออกไปดื่มสังสรรค์กัน เขาเที่ยวกลางคืนค่อนข้างบ่อย ผมไม่ได้ว่ากล่าวหรือตักเตือนอะไรแบบที่ผู้ใหญ่ควรจะทำ เข้าใจว่าเด็กสมัยนี้เปิดกว้างทางความคิด พวกเขามีสิทธิ์ตัดสินใจเองว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ สิ่งสำคัญคือธันวารักษาผลการเรียนได้เป็นอย่างดี ไม่เคยทำให้เกรดด่างพร้อยแม้แต่วิชาเดียว ผมคิดว่านั่นมากเพียงพอแล้ว



เขาพาผมนั่งซ้อนรถมอเตอร์ไซค์สีฟ้ายี่ห้อดังไปยังหอพักซึ่งห่างออกมาจากสนามบินแค่สามสี่กิโลเมตรเท่านั้น ผมสะพายเป้สีดำนั่งซ้อนท้าย ระหว่างทางก็มองต้นไม้ใบหญ้าริมทางไปเรื่อยเปื่อย



สกลเป็นจังหวัดเล็กๆ เงียบๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แม้กระทั่งรถประจำทางยังหายาก ครั้งหนึ่งตอนผมกลับมางานแต่งลูกพี่ลูกน้องโดยไม่บอกเจ้าตัวเพราะอยากจะเซอร์ไพรส์ กะว่านั่งรถประจำทางเข้าหมู่บ้านคงไม่ยากนัก แต่ผิดคาดผมต้องรอครึ่งค่อนวันกว่าจะหารถได้ ดีที่ยังกลับไปทันงานแต่ง ไม่งั้นคงเสียเที่ยวแย่



เราหอบข้าวของมาทิ้งไว้ที่หอพัก ก่อนจะพากันออกมากินข้าวที่ห้างประจำจังหวัด



"อยากได้ตุ๊กตาอ่ะ" เจ้าเด็กทำหน้าอ้อน ชี้ไปทางตู้คีบตุ๊กตา



"อื้อ งั้นรีบกินข้าวให้เสร็จเดี๋ยวพาไป"



ติ๊งงงงงงง~



ระหว่างนั้นมีเสียงแชทดังขึ้นจากโทรศัพท์ของเขา ผมไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรนักเพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัว



แลกเหรียญไว้สามร้อยบาท เพื่อจะมาหยอดตู้คีบตุ๊กตาในโซนเกมและเครื่องเล่นเด็กๆ ธันวาบ่นว่าอยากได้ตุ๊กตาลูกครึ่งหมีกับวัวสีเขียวหน้าตาประหลาด แต่หยอดเหรียญหมดไปสองร้อยแล้วก็ยังคีบขึ้นมาไม่ได้



"ไม่เอาแล้ว" เจ้าตัวทำหน้างอ แบมือดูเหรียญหนึ่งร้อยบาทสุดท้ายแล้วบอกว่า "ไปร้องคาราโอเกะกัน"



ตู้คาราโอเกะอยู่ในโซนเดียวกัน แยกเป็นห้องเล็กๆ เรียงกันเป็นแถวด้านในสุด เราได้ห้องริมฝั่งซ้าย ธันวาหยอดเหรียญและใช้ระบบอย่างคล่องแคล่ว คงจะมาที่นี่บ่อย แหงล่ะ สกลมีห้างใหญ่ๆ ประจำจังหวัดแค่ที่เดียว แม้จะเล็กกว่าห้างในจังหวัดอื่น แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้วในย่านนี้



ขณะที่ห้องข้างๆ กำลังครวญเพลงลูกทุ่งจังหวะโจ๊ะๆ อย่างสนุกสนาน ดนตรีเพลงที่ธันวาเลือกก็เริ่มดังขึ้นกลบเสียงนั้นไป แนวเพลงที่เขาร้องเป็นเพลงป๊อบติดตลาด ผมพอรู้จักชื่อนักร้องบ้าง แต่ไม่เคยเปิดฟังเพลงพวกนี้เองเลย อย่างมากก็แค่เคยได้ยินตามร้านเหล้าในกรุงเทพ



"พี่แฟ้มร้องให้ฟังสักเพลงหน่อยดิ"



ผมส่ายหน้า "ไม่เอา พี่ไม่ค่อยฟังเพลงใหม่ๆ"



"เอาน่า" เขายังคงเว้าวอน "ไม่เห็นเป็นไรเลย"



ผมจึงกดแป้นพิมพ์เลือกเพลงไว้สองสามเพลง เป็นเพลงจำพวกยุคเก้าศูนย์ปลายๆ สองพันต้นๆ เพื่อนที่กรุงเทพมักจะบ่นเสมอว่าผมชอบฟังเพลงแก่เกินอายุ



"โห เพลงโคตรเก่า" ธันวาแซว



"ก็บอกแล้ว พี่ไม่ค่อยฟังเพลงใหม่ๆ"



"แต่เพราะนะ ความหมายดี ผมชอบ"



"คนหรือเพลง ?" ผมกระเซ้า



"ก็ต้องเพลงอยู่แล้ว" เขาทำหน้าเจ้าเล่ห์อย่างเคย "คนน่ะต้องฝึกสกิลบนเตียงอีกหน่อยถึงจะให้คะแนนเพิ่ม โอ๊ย!"



เด็กแสบร้องเสียงหลง เมื่อผมตีแขนแรงๆ ไปหนึ่งที มันอดไม่ได้จริงๆ ทะลึ่งเป็นบ้า



ติ๊งงงงงงง~



เสียงแชทดังอีกแล้ว



เราใช้เวลากับการร้องเพลงจนหมดชั่วโมง ผมเพิ่งรู้วันนี้เองว่าธันวาร้องเพลงเพราะ อาจจะไม่ได้เนี้ยบทุกโน๊ตแบบนักร้องมืออาชีพ แต่ถือว่าจังหวะดี เข้าคีย์ถูก เพราะใช้ได้เลย แถมยังร้องได้หลายแนวด้วย แม้กระทั่งลูกทุ่งอีสานที่ผมไม่นึกว่าหน้าแบบเขาจะร้องได้ ก็โชว์สกิลลูกคอสิบชั้นให้ดูจนผมอึ้งไปเลย สมกับเป็นลูกอีสานขนานแท้



"เดี๋ยว!" ขณะที่เรากำลังเดินออกจากตู้คาราโอเกะ ผมรั้งอีกฝ่ายไว้ เหลือบมองป้ายบางอย่างด้านหน้าของตู้



"รับฟรี ตุ๊กตาหมีวัวคาวแบร์สุดคิ้วท์ เมื่อซื้อเสื้อยืดคาวแบร์สองตัวขึ้นไป" ผมอ่านออกเสียงเฉพาะข้อความไฮไลท์



"ไม่เอา" เขาทำหน้าเศร้า "เสื้อลิขสิทธิ์แท้ราคาแพง"



"เอาน่า ซื้อสองตัวใส่คู่กันไง" ผมขยี้หัวคนตรงหน้าเบาๆ ด้วยความเอ็นดู "อีกอย่างพี่ชอบลายเสื้อด้วย น่ารักดี"



ติ๊งงงงงงง~



เสียงแชทดังอีกแล้ว มันคงไม่แปลกอะไรมั้ง เด็กมัธยมคงมีกลุ่มเพื่อนเยอะแยะเป็นปกติ แต่ไม่รู้ผมคิดมากไปมั้ย เขาดูซ่อนหน้าจอมือถือจากผมแปลกๆ ยังไงไม่รู้



ช่างเถอะ...ผมคงคิดมากไป



อยู่ในห้างทั้งวันจนไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เราก็กลับห้องพักของเขาตอนเกือบๆ สองทุ่ม ก่อนกลับเราแวะกินหมูกระทะร้านดังของตัวจังหวัดกัน



ธันวาในเสื้อหมีวัวคาวแบร์ตัวที่เพิ่งซื้อเดินเข้ามากอดผมที่กำลังนั่งเขี่ยหน้าจอมือถือตัวเองเล่นอยู่บนโซฟา ตัวเราแนบชิดจนเสื้อคู่แทบจะกลืนกันเป็นเนื้อเดียว กลิ่นควันยังติดที่ปลายผมของเขาจางๆ



"จะอ้อนเอาอะไร" ผมถาม



"เปล่า" เขาเอาคางที่เกยไหล่ผมผละออกไป "แค่อยากกอด"



เป็นอีกครั้งที่สายตาของเราสบประสาน ก่อนที่เราสองคนจะเริ่มจูบกันอย่างแผ่วเบา ยังมีกลิ่นหมูกระทะติดอยู่ที่ปลายลิ้น สิ่งที่ผมควรทำที่สุดในตอนนั้นคือไล่ให้เขาไปแปรงฟันซะ แต่ผมกลับไม่ทำ ตรงกันข้ามผมรู้สึกชอบสัมผัสนั้นเป็นพิเศษ มันดูเป็นจูบที่เกิดจากความต้องการของจิตใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ความใคร่เหมือนที่เคยผ่านมา



"ธันมีความสุขมากนะตอนที่อยู่กับพี่" เขาบอกผมเสียงหวาน ดูจริงใจที่สุดตั้งแต่รู้จักกันมา



ติ๊งงงงงงง~



เสียงแชททำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ พลันผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้



"ไปอาบน้ำกัน"



ไม่รอเสียงตอบรับ ผมลากเขาเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูสีขาวของเขาซึ่งเราใช้ผืนเดียวกันเป็นปกติอยู่แล้ว อาบน้ำได้สักพักผมบอกเขาว่าลืมแปรงสีฟันไว้ในเป้ จึงขอตัวออกมาเอา



ผมเดินตัวเปียกพันผ้าขนหนูออกมาจากห้องน้ำ ตรงไปยังโซฟาที่มีเป้สีดำวางอยู่ แต่แทนที่ผมจะควานหาแปรงสีฟันกลับคว้าหมับไปที่โทรศัพท์มือถือของธันวาแทน



หัวใจผมเต้นระส่ำ ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย



ด้วยความเร็วแสงผมกลั้นหายใจกดปุ่มปลดล็อคหน้าจอหวังจะดูแชทที่ทำให้ผมรำคาญใจมาทั้งวันแต่...หน้าจอถูกล็อคแบบเข้ารหัส ไม่สามารถอ่านการแจ้งเตือนใดๆ ได้เลย จึงจำต้องคว้าเอาแปรงสีฟันกลับเข้าห้องน้ำไป



"นานจัง" เขาทักเมื่อผมกลับเข้ามา



ผมยิ้มเจื่อน "แปรงอยู่ลึกอ่ะ จัดกระเป๋าไม่ดี"



หลังอาบน้ำเรามานอนดูหนังในไอแพดกัน จังหวะนี้เองที่ผมแอบเห็นธันวาปลดล็อคหน้าจอมือถือเขาสักที ผมแอบจำรหัสเอาไว้อย่างแม่นยำ ยังไงวันนี้ต้องรู้ให้ได้



หนังจบไปสองเรื่องเราก็ทนง่วงกันไม่ไหว ธันวาหลับไปแล้วโดยที่ยังคงกอดผมเอาไว้แน่น



รอจนแน่ใจว่าเขาหลับไปแล้ว ผมจึงเริ่มทำตัวเป็นนักสืบอีกครั้ง ผมค่อยๆ ลืมตาท่ามกลางความมืด ยกมือเขาออกไปจากตัวก่อนจะคว้าเอาโทรศัพท์ของเขามาถือไว้ มุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มเพื่อไม่ให้แสงหน้าจอไปรบกวนการนอนคนข้างๆ



หัวใจผมเต้นแรงจนแทบทะลุ แต่สุดท้ายก็ปลดล็อคหน้าจอจนได้



ผมรีบกดเข้าแชทนั้นอย่างไม่รอรี ภาพที่เห็นทำเอาผมอึ้ง คนในแชทชวนธันวาพูดคุยแต่เรื่องลามก ผมไล่ย้อนไปดูด้านบน มีการส่งภาพถ่ายแบบจำกัดเวลาให้กันไปมาหลายภาพ ถึงภาพพวกนั้นจะดูไม่ได้แล้ว แต่ก็ยังหลงเหลือข้อความแชทเอาไว้ให้ผมได้อ่าน



'น่าอมจัง'



'โคตรใหญ่'



'ขนสวยดี'



'ผมอยู่ห้องสองศูนย์เจ็ด เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อค'



ผมหน้าชา ไม่มีแรงจะถือโทรศัพท์ในมืออีกต่อไป ยังมีข้อความอีกมากมายที่ผมทำใจอ่านต่อไม่ไหวแล้ว มันโหดร้ายเกินไปสำหรับผม นี่มันอะไรกัน ผมกำลังเจอกับเรื่องเหี้ยอะไรอยู่ ?

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทที่ 4

ความสัมพันธ์อาบยาพิษ


ความจริงมันควรต้องจบไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมปล่อยให้เรื่องนี้ยืดยาวมาจนถึงหกโมงเช้า



"ตื่นเร็วจัง" เสียงงัวเงียเอ่ยทักผมที่นั่งพาดตัวพิงกับหัวเตียง



ไม่มีคำพูดใดๆ โต้ตอบ มีเพียงดวงตาร้อนผ่าวเท่านั้นที่ผมส่งมอบคืนแก่เขา ธันวายังคงไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น เขาขยับเข้ามานอนหนุนตักและสวมกอดรอบเอวผมเอาไว้



ป้อมปราการน้ำตาที่ผมพยายามสร้างไว้พังครืนลงในที่สุด ผมปล่อยให้มันรินไหลออกจากดวงตาท่ามกลางความเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น



"พี่แฟ้มร้องไห้ทำไม" ในที่สุดธันวาก็รู้ตัวสักที เขารีบลุกขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่เปื้อนใบหน้าผม



"..."



นิ้วเรียวกวาดคราบน้ำตาอย่างปลอบประโลม "เป็นอะไร บอกธันสิ"



"สำหรับธันพี่แม่งเป็นตัวอะไรวะ ?" ผมเอ่ยถามอย่างยากลำบาก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความแหบพร่า



"พี่ก็คือคนสำคัญที่สุดของธันไง"



"สำคัญงั้นเหรอ" ผมเค้นเสียงถาม "แล้วนี่อะไร ?"



สีหน้าของเขาดูตกใจไม่น้อยเมื่อผมยื่นโทรศัพท์มือถือให้ดู...แต่คงไม่เท่ากับตอนที่ผมเจอมั้ง ผมใช้เวลาค่อนคืนจมจ่อมอยู่กับการเลื่อนหน้าจอแชทของเขา แค่คนแรกก็ว่าแย่แล้ว แต่มันยังมีแชทจากคนพวกนี้อีกเป็นสิบๆ นั่นนับเฉพาะที่ผมเห็นนะ คงมีอีกมากมายเลยที่ผมยังเลื่อนดูไม่หมด



"พี่คงเห็นหมดแล้วสิ" เขาก้มหน้าลงไม่ยอมสบตา



"คืออะไรวะ" ผมแผดเสียง "ทำไมทำตัวแบบนี้"



"ธันไม่รู้" เขาส่ายหน้า เริ่มจะร้องไห้บ้าง "ธันเป็นของธันแบบนี้มาตั้งนานก่อนจะมาเจอพี่อีก"



"พี่ไม่สนหรอกว่าเมื่อก่อนธันจะเป็นยังไง แต่ตอนนี้ธันมีพี่ทั้งคนนะเว้ย มันสมควรเหรอที่พี่ต้องมาเจอเรื่องเหี้ยๆ แบบนี้"



ใบหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาของอีกฝ่ายหันมาจ้องมองผมตรงๆ เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ผมเดาไม่ออกว่า "พี่จะทิ้งธันมั้ย ?"



"ไม่รู้" ผมตอบได้แค่นั้น "เรื่องวันนี้มันหนักเกินไปสำหรับพี่ว่ะ"



ผมเก็บกระเป๋าเป้ที่หิ้วติดตัวมาแค่ใบเดียวออกจากห้องเขาตั้งแต่ตอนนั้น เราไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมโบกรถมอเตอร์ไซค์คนแปลกหน้ามาลงที่สถานีรถโดยสารประจำจังหวัดโดยไม่สนใจธันวาที่ร้องขอจะมาส่ง



ตั๋วเครื่องบินรอบเช้าวันพรุ่งนี้ถูกฉีกทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใยดี ผมยอมเสียเวลากว่าสิบชั่วโมงนั่งรถทัวร์จากสกลนครกลับเข้ากรุงเทพฯ ในใจนึกเพียงอยากจะหนีไปให้พ้นๆ



ทันทีที่ก้าวลงจากรถผมก็ปล่อยโฮอีกครั้ง ร้องไห้ออกจากหมอชิตจนมาต่อรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานีสวนจตุจักรไปยังสถานีห้วยขวางอีกทีโดยไม่สนสายตาของใครทั้งนั้น



เลิกไปเถอะคนแบบนั้น อยู่ไปก็ช้ำใจเปล่า...ทุกคนบอกกับผมเป็นเสียงเดียวกัน แต่จะทำแบบนั้นได้ไง ในเมื่อผมรู้ตัวเองดีว่ายังไม่พร้อมที่จะปล่อยให้เขาจากไป



หลบมาทำใจได้ไม่ถึงเดือนผมก็บินกลับสกลอีกครั้ง ธันวามารอรับที่สนามบินเช่นเคย เขาดีใจมากที่ผมยอมกลับมาหา



"คิดถึง" เขาบอกพร้อมสวมกอดทันทีที่เราเจอหน้ากัน "สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว"



ว่ากันว่าหากความเชื่อใจมันถูกทำลายไปแล้วก็ยากที่จะเอาคืนกลับมาได้ ผมเข้าใจในเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ในช่วงแรกผมเลือกที่จะให้โอกาสเขาได้แก้ตัว พยายามลบลืมเรื่องแย่ๆ ออกไป แต่ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งค้นพบว่า...ผมทำไม่ได้



ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกันแล้วโทรศัพท์ของธันวามีเสียงแจ้งเตือน ผมจะรู้สึกไม่ปลอดภัย มันเกิดความระแวงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ยิ่งเวลาเห็นใครสักคนเข้าหาเขาผมยิ่งรู้สึกแย่ อย่างครั้งล่าสุดเราออกไปดื่มด้วยกัน มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ใส่แว่น หน้าตาน่ารักเดินเข้ามาชนแก้วกับเขา ผมก็รีบแสดงตัวทันทีว่าเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ จนอีกฝ่ายต้องเดินหน้าชาออกไป



"อึดอัด" ธันวาโพล่งออกมาตอนที่แอลกอฮอล์ออกฤทธิ์เต็มที่



"รู้" ผมยอมรับเต็มปาก "แต่จะให้ทำยังไงวะ ในเมื่อพี่ยังลบภาพพวกนั้นออกจากหัวไม่ได้เลย"



"แล้วมันต้องเป็นแบบนี้ไปนานแค่ไหนวะ"



"ไม่รู้สิ...คงจนกว่าพี่จะแน่ใจมั้ง" น้ำเสียงผมแผ่วลง ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงมากพอจะเยียวยาได้



บรรยากาศคืนนั้นเต็มไปด้วยความขุ่นมัว เรากลับมานอนที่ห้องของเขาตั้งแต่ยังไม่ถึงเที่ยงคืนด้วยซ้ำ ต่างคนต่างหันหลังให้กัน ผมรู้ดีว่าความสัมพันธ์แบบนี้คงไปต่อได้อีกไม่นาน



"ไปดูหนังกัน" ผมตัดสินใจเอ่ยชวนเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น หวังว่ามันคงจะทำให้เรื่องของเราดีขึ้นมาบ้าง



จอภาพขนาดยักษ์กำลังฉายหนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนได้ประมาณครึ่งเรื่อง ผมยกแก้วน้ำอัดลมในมือซ้ายขึ้นดูดขณะที่มือขวาก็เกาะกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ คล้ายกับว่าความสัมพันธ์ของเรากำลังจะดีขึ้น แต่แล้วมันก็พังทลายลงอีกครั้งเมื่อเสียงแชทจากโทรศัพท์ธันวาดังขึ้นมา



"พี่แฟ้ม เอามือถือธันคืนมา" ธันวาขู่เสียงเขียวเมื่อเห็นผมฉวยจังหวะหยิบสมาร์ทโฟนของเขาไป



"ทำไม ถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้ดูดิ" โทรศัพท์มือถือถูกยื้อยุดไปมา



"ได้" ในที่สุดเขาก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ปล่อยมือออกไป "ถ้าอยากดูนักก็เอาไปเลย"



พูดจบเขาก็ลุกออกจากโรงหนังไป ทิ้งให้ผมหัวเสียอยู่คนเดียว​ จนกระทั่งทนสายตาตำหนิของ​​​​​คนรอบข้างไม่ไหวจึงลุกตามออกไป



ธันวาหายตัวไป หายไปพร้อมกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจของเขา ผมตัดสินใจกลับหอพักเผื่อว่าเขาจะหลบไปรออยู่ก่อนแล้ว



ในห้องมีแต่ความว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาผู้เป็นเจ้าของ



ครั้งนี้ผมผิด ผิดที่หึงหวงจนเกินเหตุ แชทนั้นเป็นแค่เพียงข้อความจากกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนเขาปรึกษากันเรื่องทำโครงงานเท่านั้น



คืนนั้นธันวาไม่ยอมกลับห้อง ผมติดต่อเขาไม่ได้เพราะโทรศัพท์มือถือเขาอยู่กับผม ความสำนึกผิดทำให้ผมออกมานั่งรอเขาใต้ตึกท่ามกลางความมืด จนเวลาล่วงเลยไปถึงตีสอง ผมมั่นใจแล้วว่าเขาไม่กลับมาแน่ๆ จึงหอบเอาสังขารกลับขึ้นห้องพักไป



เขากลับมาเปลี่ยนชุดนักเรียนในเช้าวันถัดมา



อันที่จริงผมซื้อตั๋วบินกลับกรุงเทพฯ ไว้วันนี้เพราะต้องกลับไปทำงานในช่วงสายๆ แต่เพราะก่อนหน้ายังติดต่อธันวาไม่ได้ผมจึงเลือกที่จะโทรลาป่วยกับหัวหน้างานแทน



"ขอโทษ" ผมบอกอย่างคนสำนึกผิด



"อืม ธันไม่ได้โกรธพี่หรอก แต่แค่อยากให้เชื่อใจกันบ้าง"



"พี่สัญญาจะไม่งี่เง่าแล้ว" ผมรับปาก



เจ้าเด็กมอหกเดินเข้ามากอดผมไว้อย่างปลอบประโลม ลูบหัวผมเบาๆ



ขณะที่ผมกำลังซุกใบหน้าไว้กับไหล่เขาแล้วกอดตอบ พลันสายตาผมก็เหลือบไปเห็นร่องรอยบางอย่าง มันเป็นสีแดงช้ำเลือดช้ำหนองหลบอยู่ที่ด้านหลังต้นคอของเขา...รอยจูบ ผมแน่ใจว่านั่นไม่ได้เกิดจากฝีมือผมแน่นอน ผมไม่เคยทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้น แถมเมื่อวานเราเพิ่งจะทะเลาะกัน เขาไม่ได้นอนที่นี่ ไม่มีเวลาไปทำเรื่องอย่างว่าหรอก



ผมเก็บทุกความสงสัยเอาไว้มิดชิด ทุกคำถามที่ติดอยู่ในหัวถูกกลืนลงคอ ปั้นหน้ายิ้มบอกกับเขาไปว่า "ไปเรียนได้แล้ว เดี๋ยวสาย"



"กลับถึงกรุงเทพฯ แล้วแชทมาบอกด้วยนะ เดินทางปลอดภัยครับ" ธันวายังไม่รู้ว่าผมยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว เขาหอมแก้มผมสำทับคำร่ำลาอีกหนึ่งที



เย็นนั้นผมแอบไปดักรอเขาหน้าโรงเรียน จอดรถมอเตอร์ไซค์ที่เช่ามาหมาดๆ ไว้ใกล้กับร้านกาแฟเล็กๆ ที่ผมเลือกไว้เป็นจุดยุทธศาสตร์



เป้าหมายของผมเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มเพื่อนเขาสี่ห้าคน ผมลอบมองเขาผ่านหนังสือเล่มใหญ่ เห็นเขาแวะส่งเพื่อนผู้หญิงสองคนขึ้นรถรับส่งและโบกมือแยกย้ายกับเพื่อนผู้ชายที่เหลือหน้าประตูโรงเรียนก่อนจะย้อนกลับไปขับเอามอเตอร์ไซค์สีฟ้าของตัวเองออกมา



ผมวางธนบัตรใบสีแดงไว้เป็นค่ากาแฟ รีบขับรถตามออกไป



ผมบิดคันเร่งตามเขาไปโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง รู้เพียงแค่ว่ามันไม่ใช่เส้นทางกลับหอพักของเขา ผมปล่อยให้เจ้าตัวได้ทิ้งระยะห่างพอสมควรแต่ก็ยังใกล้พอให้ตัวเองขับตามได้ทัน



มอเตอร์ไซค์ของเขามาจอดลงหน้าตึกยุโรปสีน้ำตาลหลังหนึ่ง แรกทีเดียวผมไม่ทันสังเกตว่ามันคือตึกอะไร แต่พอตามมาถึงหน้าตัวอาคารผมแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา...โรงแรม



ผมไม่ทันสังเกตว่าเขาเข้าไปข้างในกับใคร ตอนนั้นทำได้แค่รีบคว้ามือถือขึ้นมาโทรหาเขา ไม่สนใจแล้วว่าจะโดนจับได้หรือเปล่า ไร้การตอบรับจากปลายสาย เขาปล่อยให้ผมกดโทรซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น



ความร้อนใจทำให้ผมบุกตามเข้าไปหาแต่ถูกเจ้าหน้าที่ต้อนรับกันเอาไว้



"ผมมากับน้องนักเรียนคนเมื่อกี้อ่ะครับ เขาชื่อธันวา บูรณะรังสี"



"ขออภัยด้วยค่ะไม่พบชื่อนี้แจ้งเข้าพัก ยังไงรบกวนคุณลูกค้าโทรแจ้งน้องลงมารับด้านล่างนะคะ" พนักงานสาวหน้าตาแจ่มใสบอกด้วยโทนเสียงสุภาพ



โธ่เว้ย! ถ้าโทรไปแล้วมันรับคงไม่มายืนเซ่ออยู่ตรงนี้หรอก



แม้จะคับข้องใจมากแค่ไหนแต่ผมก็ไม่สามารถฝืนกฎของโรงแรมได้ สุดท้ายก็ต้องนั่งฟึดฟัดรออยู่ที่โซฟาในห้องล็อบบี้



ผ่านไปราวสองชั่วโมง คนต้นเรื่องก็เดินกลับลงมา ผมเลือดขึ้นหน้าทันทีเมื่อเห็นว่าข้างกายของเขามีใครอีกคน เด็กผู้ชายตัวเล็กๆ ใส่แว่นที่เจอในร้านเหล้าเมื่อคืนก่อน ผมประติดประต่อเรื่องราวได้ทันที



"มึงแอบมาเอากันเหรอ ?" ผมบุกประชิดตัว



"พี่มาได้ไงอ่ะ" คนของผมออกหน้ารับโดยมีคนตัวเล็กหลบอยู่ด้านหลัง



"สำคัญด้วยเหรอว่ามาได้ไง ที่ต้องตอบคือมึงมาทำอะไรกับไอ้เหี้ยนี่ต่างหาก" ผมชี้หน้าไอ้แว่นอย่างคาดโทษ



"ผมว่าพวกพี่ใจเย็นๆ กันก่อนนะครับ" คนตัวเล็กหน้าตาใสซื่อพูดขึ้นมาบ้าง



"มึงหุบปากไปเลย กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าธันวามันมีเจ้าของแล้ว"



"พี่แฟ้มพอ" ธันวาเข้ามาห้ามทัพ เขาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ "มันไม่มีอะไรเลย ผมกับน้องแค่มาติวหนังสือกัน"



"ติวหนังสือเหรอ" ผมเค้นเสียง "วิชาอะไร เพศศึกษาป่ะ"



ความโมโหสั่งให้ผมกระชากไปที่คอเสื้อนักเรียนของเขา กระดุมเสื้อสองเม็ดบนของธันวาหลุดกลิ้งลงพื้นเผยให้เห็นร่องรอยสีแดงบนหน้าอกซึ่งยืนยันคำพูดของผมได้เป็นอย่างดี



"เลิกทำตัวแบบนี้ได้มั้ย น่ารำคาญ"



"มึงก็เลิกเหี้ยดิ"



"มันก็แค่เซ็กซ์ป่ะ จะอะไรนักหนาวะ" นึกไม่ถึงว่าเขาจะตอบออกมาแบบนั้น



"งั้นแปลว่าถ้ากูจะไปเอากับคนอื่นบ้างก็ไม่เป็นไรใช่ป่ะ"



"เออ" ธันวาหัวเสีย "จะไปเอากับใครก็ไปเลย"



"ทุเรศ!" ผมผลักอกเขาเต็มแรง ในใจคุกรุ่นไปด้วยความโกรธ



"พี่ดูสภาพตัวเองตอนนี้ดิ ใครมันจะไปเอาลง"



"เพราะมันใช่ป่ะ" ผมเริ่มเปลี่ยนเป้าหมาย พุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อไอ้แว่น



"พอสักที!" ธันวาดึงตัวผมออกมา ร่างผมเซถลาร่วงลงไปกองกับพื้น แต่นั่นไม่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเท่ากับประโยคต่อมาของเขา "พี่ออกไปจากชีวิตผมเถอะ"



"มึงไล่กูเพราะไอ้เหี้ยนี่เหรอ" วินาทีนั้นผมไม่สนใจอะไรแล้ว ทันทีที่ตั้งหลักได้ผมก็ลากเอาไอ้แว่นมาไว้ในอุ้งมือ ต่อยหน้ามันไปสองสามที ยังไม่ทันจะสาแก่ใจรปภ. ก็เข้ามารวบตัวผม



ผมดิ้นสุดแรงเกิด หวีดร้องสุดเสียง ปลายเท้ายังคงถีบลมถีบแล้งไปทางมัน



"กูบอกให้พอ" เป็นครั้งแรกที่ธันวาขึ้นมึงกูกับผม "มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น"



"..."



"กูเป็นคนแบบนี้ กูรักสนุก กูชอบการมีเซ็กซ์แบบไม่ผูกมัด กูอึดอัดทุกทีที่มึงทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มันน่ารำคาญ ได้ยินมั้ย...มันน่ารำคาญ!" เขาทิ้งประโยคแสบสันเอาไว้ให้ มันเป็นประโยคที่ผมยังจำฝังใจมาจวบจนกระทั่งทุกวันนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-12-2023 22:32:29 โดย ซูเปอร์โมเดล »

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
ฮัลโหลๆ มีคนอ่านมั้ยครับ เหมือนหน้าเว็บเงียบๆ นักเขียนใจแป้วแน้ววววว


 
:mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทที่ 5

จุดเปลี่ยน


สายลมบนดาดฟ้าคอนโดพัดโบกเข้าใบหน้า คราบน้ำตาของผมค่อยๆ เหือดแห้งและจางหายไป ผมพาตัวเองออกมายืนริมสุดของตัวอาคาร หลับตานึกถึงเรื่องเฮงซวยทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับชีวิต



เรื่องของเราจบลงตั้งแต่วันนั้น ตอนนี้ผมไม่ได้สูญเสียเพียงแค่คนเลวๆ อย่างธันวาไป แต่กำลังสูญเสียทุกอย่างแท้กระทั่งความรักที่ควรจะมีให้กับตัวเอง



ผมถูกไล่ออกจากงานเพราะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เริ่มจากร้องไห้บ่อยๆ จนหัวหน้าต้องเรียกเข้าไปว่ากล่าวตักเตือน สุดท้ายเราก็มีปากเสียงกัน ผมโมโหร้ายอย่างที่ไม่เคยเป็น ชี้หน้าด่าคนตำแหน่งสูงกว่าอย่างไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน แน่นอน...ผมไล่ออก



ในช่วงหลายเดือนนี้วันๆ ของผมหมดไปกับการเก็บตัวร้องไห้ในห้องคนเดียว จิตแพทย์สาวคนหนึ่งวินิจฉัยว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง เธอจ่ายยาจำพวกยานอนหลับ ยากล่อมประสาทมาให้เต็มไปหมด แต่โรคทางใจมันไม่เคยรักษาหายด้วยยา  ต่อให้กินเข้าไปมากแค่ไหนถ้าใจผมไม่ดีขึ้นตัวผมก็ไม่มีทางดีขึ้นหรอก



เงินเก็บผมค่อยๆ หมดไปกับค่าใช้จ่ายที่ยังคงมีเท่าเดิม ไม่สิ...มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ผมต้องจ่ายค่ารักษาโรคบ้าๆ นี่เพิ่มเข้ามาด้วย พอเงินหมดเพื่อนที่เคยคบก็ค่อยๆ ห่างหายไปเรื่อยๆ อย่าว่าแต่ถึงขั้นจะขอหยิบยืมเลยแค่จะโทรหาให้ใครสักคนมานั่งปรับทุกข์ด้วยยังไม่มี



ไม่มีงาน ไม่มีเงิน ไม่มีเพื่อน ไม่มีความรัก ชีวิตผมแม่งไม่มีอะไรเหลือเลยว่ะ สมเพชตัวเองชะมัด



ถ้าต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไป...ผมขอตายดีกว่า



รู้ตัวอีกทีสองเท้าของผมก็ก้าวมาชิดขอบตึก พร้อมจะจากโลกใบนี้ไปแล้ว แต่ทำไมกันนะในหัวถึงยังเอาแต่เฝ้าคิดถึงเรื่องของเขาไม่ยอมหยุด



.......................................



"ธันไม่เลิกกับพี่ได้มั้ย" ผมสวมกอดชายผู้เป็นที่รักไว้จากด้านหลัง



เขาเมินเฉยต่อคำอ้อนวอนของผมตอบกลับมาว่า "ธันไม่มีใจแล้วว่ะ"



"ไม่เป็นไรเลย ธันไม่ต้องรักพี่แล้วก็ได้ แต่ให้พี่ยังได้อยู่ใกล้ๆ กับธันแบบนี้ไปเรื่อยๆ ได้มั้ย ธันจะมีใครอีกสักกี่คนก็ได้ พี่จะไม่ว่า ไม่ยุ่ง ไม่ระรานใครเลย" ผมพรั่งพรูความในใจออกมา ยอมทุกอย่างเพื่อจะซื้อเวลาต่อให้ตัวเอง



"อย่าฝืนเลย" ธันวาตอบเสียงเรียบไร้ซึ่งความรู้สึก "พี่ทำไม่ได้หรอก"



"ได้สิ ขอแค่ธันให้โอกาสพี่บ้าง"



"เชื่อธันเถอะ" เขาแกะมือผมออกจากตัวก่อนจะหันมาสบสายตากับผมตรงๆ "สุดท้ายเรื่องมันก็จะจบเหมือนเดิม แล้วตอนนั้นเราจะเกลียดกันไปมากกว่านี้"



.......................................



กริ๊งงงงงงงงงงงงง~



เสียงโทรศัพท์ดึงผมหลุดออกจากภวังค์ อะไรบางอย่างดลใจให้ผมหยิบมันออกมากระเป๋ากางเกงด้วยมือที่สั่นเทา



'แม่' ชื่อบนหน้าจอทำเอาคราบน้ำตาที่แห้งกรังของผมกลับมารินไหลอีกครั้ง



(ฮัลโหลแฟ้ม ช่วงนี้เงียบหายไปเลยนะลูก) ปลายสายทักทายด้วยน้ำเสียงอบอุ่น



ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติที่สุด "แฟ้มไม่สบายนิดหน่อยครับแม่"



(ดูสิเสียงแหบเสียงแห้งหมดเลย อยู่กรุงเทพคนเดียวต้องดูแลตัวเองนะลูก แม่เป็นห่วง) ประโยคสุดท้ายทำให้ผมปล่อยโฮออกมาในที่สุด



ผมยื่นโทรศัพท์ออกห่างจากตัวไม่ให้ปลายสายได้ยินเสียงร้องไห้ ก่อนจะฝืนกลืนก้อนสะอื้นตอบเธอไปว่า "แฟ้มขอโทษครับแม่ แฟ้มขอโทษที่ไม่รักตัวเองเลย"



(ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นลูก แฟ้มแค่ต้องให้เวลาตัวเองได้พักฟื้นหน่อย แล้วเดี๋ยวร่างกายมันก็จะซ่อมแซมตัวมันเอง อ้อ...อย่าลืมกินข้าวกินยาด้วยล่ะ)



"ครับแม่ แค่นี้ก่อนนะครับ...แฟ้มรักแม่นะ"



(แม่ก็รักแฟ้มจ้ะ กลับมาหาแม่บ้างนะคิดถึงจะแย่แล้ว)



นี่ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่วะ ?



นึกขึ้นได้ผมก็ถอยเท้ากลับเข้ามาในตัวอาคาร ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น กอดเข่าและร้องไห้ออกมาดังๆ ผมเกือบจะปลิดชีวิตตัวเองไปแล้ว ไม่! มันไม่ถูกต้อง ทำไมผมต้องมาตายเพียงเพราะคนๆ เดียว เขามีค่าอะไรขนาดนั้นวะ ก็แค่ผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่ง



พอกันที...ต่อไปนี้ผมจะไม่เอาตัวเองไปยึดติดกับเขาอีกแล้ว ผมต้องอยู่ให้ได้แม้ว่าหัวใจจะพังย่อยยับแค่ไหนก็ตาม



การเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมยื่นสมัครงานออฟฟิศไปหลายที่แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนติดต่อกลับมาเลย ผมคงทนรอไม่ไหว เงินใกล้หมดเข้าไปทุกที ต้องรีบหางานมารองรับก่อนที่มันกลายเป็นศูนย์จริงๆ



ทีแรกผมนึกอยากหนีกลับไปพักใจที่บ้านกับแม่ก่อน แต่พอคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก หากกลับไปเจอกันตอนนี้ทุกอย่างคงพังไม่เป็นท่า



'รับสมัครพนักงานชายรูปร่างหน้าตาดี' เหมือนเฟซบุ๊คจะรับรู้ว่าผมกำลังต้องการงานด่วน อยู่ดีๆ โฆษณาหน้าเพจบาร์โฮสต์ก็เด้งขึ้นมาโชว์หราบนหน้าจอ



เอาวะ...ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ผมตัดสินใจกดลิ้งค์เข้าไปขอสมัครงาน



คืนนั้นทางร้านให้ผมเริ่มงานได้เลย ผมโดนจับแต่งหน้าทำผมแล้วส่งตัวขึ้นไปยืนรวมกลุ่มกับเพื่อนร่วมอาชีพบนเวทีอีกนับร้อยชีวิต



โคตรจะไม่ชินกับการถูกแสงไฟสาดส่องเข้าใบหน้า ให้ผู้คนจับจ้องแล้วจ่ายเงินซื้อเราเหมือนกับเป็นผักปลา



ช่วงแรกของผมเป็นไปอย่างเก้ๆ กังๆ ต้องอาศัยเลียนแบบพฤติกรรมของโฮสต์คนอื่นรอบข้างถึงจะพอถูไถไปได้บ้าง จากที่จะคว้ามันไว้เป็นแค่งานชั่วคราวก็เริ่มเปลี่ยนความคิดมายึดเป็นงานประจำเพราะรายได้ต่อเดือนสูงกว่าเงินเดือนทั้งปีของออฟฟิศที่เคยทำเสียอีก



ใช้เวลาไม่นานนักผมก็กลายเป็นดาวเด่นของร้าน มีชื่อในวงการว่า 'เฟมัส' ทุกๆ วันจะมีลูกค้าหลายคนแย่งกันประมูลผมลงไปนั่งร่วมโต๊ะ



วันนี้ก็เช่นกัน



"ห้าร้อยดื่ม" คุณตรีภพลูกค้าเจ้าประจำเปิดประมูลผมในราคาที่ไม่มีใครกล้าสู้



"โอ้โห โต๊ะวีไอพีสิบหกเริ่มเปิดประมูลน้องเฟมัสที่ห้าร้อยดื่มค่ะ" เสียงมาม่าซังประกาศผ่านไมโครโฟน เธอทำน้ำเสียงตื่นเต้นโอเวอร์แอคติ้งอย่างเคย "ห้าร้อยดื่มครั้งที่หนึ่งค่ะ ห้าร้อยดื่มครั้งที่สอง มีใครให้มากกว่านี้มั้ยคะ ถ้าไม่มีขออนุญาตปิดประมูลเลยนะคะ และห้าร้อยดื่มครั้งที่สาม น้องเฟมัสลงโต๊ะวีไอพีสิบหกได้เลยค่ะ"



เสียงปรบมือดังเกรียวกราว



ผมไหว้ขอบคุณและเดินลงไปนั่งข้างๆ ผู้ชนะการประมูลที่คุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี 'คุณตรีภพ' ยังคงมือปลาหมึกเช่นเคย เขาโอบไหล่โอบเอวผมไปเรื่อย อย่างว่าเขาเสียเงินตั้งมากมายคงไม่ยอมให้ผมมานั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนอย่างเดียวแน่ๆ



ผมซบลงบนแผ่นอกหนา ใช้ปลายนิ้วลูบไล้ไปมาอย่างมีชั้นเชิง "ขอบคุณนะครับป๋า มากี่ทีก็เลือกผมตลอดเลย"



"ก็ทั้งน่ารักทั้งเอาใจเก่งขนาดนี้จะปล่อยให้ไปนั่งกับคนอื่นได้ยังไง" เขาส่งยิ้มหวานพร้อมกับหยิกแก้มผมเบาๆ



คุณตรีภพเป็นหนุ่มใหญ่วัยกลางคนที่ยังดูหล่อ ภูมิฐาน และแข็งแรงกว่าอายุจริงอยู่มาก เป็นลุคแบบที่คนสมัยนี้เรียกกันว่าแด๊ดดี้ รอบตัวของเขาเหมือนมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมา มันให้ความรู้สึกมีอำนาจและน่าเกรงขามอย่างประหลาด ผมเคยได้ยินเสียงเล่าลือมาว่าแกร่ำรวยมากๆ มาจากการเป็นนักธุรกิจสีเทามีเบื้องหลังเป็นเจ้าพ่อวงการพนันอะไรเทือกๆ นี้



เอาเข้าจริงผมไม่ได้รู้สึกพิศวาสอะไรเขาหรอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารายได้หลักของผมมาจากเขา เพราะฉะนั้นต้องทำหน้าที่ดูแลเขาให้ดี วางทุกอย่างทิ้งไว้ข้างหลังและสวมหน้ากากแสดงละครเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์คนโปรดของเขาให้แนบเนียนที่สุด



"เมื่อไหร่จะยอมใจอ่อนไปทานข้าวนอกรอบกับป๋าสักที" หนุ่มใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงสุขุมก่อนจะยกแก้วไวน์ราคาสูงลิ่วในมือขึ้นดื่ม



"ป๋าก็ขยันทำคะแนนสิครับ มาหาผมบ่อยกว่านี้อีกหน่อย ผมหนีไปไหนไม่รอดหรอก"



ประสบการณ์สอนผมว่าทำงานแบบนี้ต้องมีลูกล่อลูกชน ต้องรู้จักหาวิธีเลี่ยงจากความเสี่ยงที่ลูกค้าจะลากเราขึ้นเตียงให้ได้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เผลอไปมีอะไรเกินเลยกับลูกค้า สเน่ห์ของเราจะหมดทันที ผมไม่อยากไร้ค่าแบบที่เคยถูกใครบางคนทำให้รู้สึกอีกแล้ว



"สิบล้าน" เป็นข้อเสนอที่ผมฟังแล้วสะดุด ไม่คาดคิดว่าเขาจะตีราคาเด็กบาร์โฮสต์คนหนึ่งสูงค่าขนาดนั้น



สิบล้าน...เงินก้อนนี้มากพอจะเปลี่ยนชีวิตผม เผลอๆ มันอาจจะทำให้ผมสามารถจัดการปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่ในตอนนี้ก็เป็นได้


"ตกลงครับ เจอกันเย็นวันเสาร์"
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-12-2023 00:10:55 โดย ซูเปอร์โมเดล »

ออฟไลน์ ซูเปอร์โมเดล

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
บทที่ 6

คิดถึงคนแปลกหน้า


#ธันวา



หน้าตึกคณะไอทีซึ่งเป็นอาคารเรียนหลักของผมและกลุ่มเพื่อนอีกสี่คนประกอบไปด้วย คอปเตอร์ ฟร้องค์ แบม และคะแนน พวกเรานั่งชิลกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นหูกวางร่วมกับเพื่อนๆ ในคณะที่แยกกันนั่งกระจายออกไปออกไป



"แกเป็นอะไรวะไอ้ธัน ดูเหม่อๆ ลอยๆ ตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว" หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มอย่างคะแนนตาไวเสมอ



ยังไม่ทันที่ผมจะตอบอะไรไอ้ฟร้องค์ที่นั่งอ่านสไลด์ในไอแพดของตัวเองก็เอ่ยแทรกขึ้นมาว่า "นั่นดิ ดูทำหน้าทำตาเข้า อย่างกับคนมีความรัก"



"มึงก็พูดไปนั่น คนอย่างไอ้ธันมันจะตกหลุมรักใครเขาได้ มีแต่มันนั่นแหละวันๆ เอาแต่หว่านสเน่ห์ให้เขาหลงรักไปทั่ว นี่กูว่ามันเก็บแต้มไปครึ่งมอแล้วมั้ง" ไอ้แบมเสริมทัพ



"ก็จริง" ฟร้องค์พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แล้วพวกมันทุกคนก็หัวเราะชอบใจกันใหญ่จนเสียงดังลั่นไปรอบๆ บริเวณ



ผมเมินเฉยต่อคำพูดเย้าหยอกของเพื่อน นั่งเท้าคางจนแก้มยู่ พลันก็หวนนึกถึงใครบางคนที่ยังติดตรึงแจ่มชัดในความความทรงจำ



แปลกที่หลายวันมานี้ผมเฝ้าคิดถึงแต่เขา ทั้งที่ปกติไม่เคยเผลอใจให้กับวันไนท์สแตนด์เลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เหมือนกับว่าเขาเกิดมาเพื่อตอบโจทย์ผมไปซะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หน้าตา นิสัย หรือแม้กระทั่งเรื่องบนเตียงก็ดูจะถูกใจผมไปเสียหมด



บ้าน่า...เขาก็แค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง เรายังไม่รู้จักชื่อกันด้วยซ้ำผมจะไปตกหลุมรักเขาได้ยังไง ไม่เมคเซ้นต์เอาซะเลย



"กูถามจริงนะธัน" ไอ้คอปเตอร์ที่เงียบมานานเริ่มอยากมีส่วนร่วม "มึงเคยคิดจะจริงจังกับใครบ้างมั้ยวะ ?"



"เคยดิ...แต่ไม่เวิร์คว่ะ" ผมตอบไปตามตรง



ครั้งหนึ่งผมเองก็เคยคิดอยากจะลองหยุดอยู่ที่ใครสักคนเหมือนกัน แต่พอเอาเข้าจริง ใจผมมันรักอิสระเกินไป มันเหมือนกับม้าป่าที่เคยโลดแล่นไปจนทั่ว พอวันหนึ่งมีคนมาจับไปขังไว้ ม้าตัวนี้มันรู้สึกอึดอัด มันเบื่อที่จะอยู่แต่ในคอกแคบๆ กินแต่หญ้าแต่ฟางที่เจ้าของหามาให้ สุดท้ายมันก็เลยพยศแล้วก็วิ่งหนีกลับเข้าป่าไป



"ทำอะไรกันครับ" เสียงใสๆ ของใครสักคนเอ่ยทักทายพร้อมกับยื่นคางมาเกยไว้บนไหล่ของผม



ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็น 'ไตตั้น' เด็กในสังกัดผมเอง น้องเรียนนิเทศปีสอง ด้วยความที่คณะของเราติดกันน้องเลยมาหาได้บ่อยๆ



ไตตั้นมักจะมาพร้อมกับน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ ละมุนๆ คล้ายแป้งเด็ก อยู่ใกล้ทีไรก็ชวนให้นึกถึงทุ่งดอกไม้สีหวานๆ



ผมลูบหัวเล็กๆ ด้วยความเอ็นดู "ว่าไงครับเจ้าเด็ก"



"เด็กที่ไหน เค้าเป็นน้องพี่ธันแค่ปีเดียวเหอะ" คนตัวเล็กย่นจมูกจนเกิดริ้วรอยระหว่างคิ้ว



"เด็กกว่าอยู่ดี"



"ไม่เถียงด้วยแล้ว" ไตตั้นเลิกมุ่ยหน้าแทรกตัวลงนั่งร่วมโต๊ะพร้อมกับสวัสดีเพื่อนๆ ของผม



"คนนี้หรือเปล่านะที่ทำเพื่อนฉันใจลอยทั้งวัน" คะแนนกระเซ้า



"ใครใจลอยเหรอครับพี่คะแนน" คนตัวเล็กถามหญิงสาวคนเดียวในกลุ่มด้วยความใสซื่อ



"เปล่าๆ" ผมแก้ตัวพัลวัน "อย่าไปฟังพวกนี้มากเลยตั้น มันก็พูดไปเรื่อยแหละ"



เพื่อนๆ ผมลอบมองหน้ากันอย่างคนรู้เท่าทัน โชคดีที่คนตัวเล็กไม่ทันสังเกตจึงไม่ได้ซักถามอะไรต่อ



ไตตั้นเข้ากับกลุ่มเพื่อนผมได้เป็นอย่างดี เขาน่ารักสดใสและมีมนุษย์สัมพันธ์เป็นเลิศ ใครเห็นเข้าก็ต้องรู้สึกตกหลุมรักไปซะทุกคน ขนาดพวกเพื่อนๆ ผมเองยังคอยเชียร์ให้คบกับน้องมันเลย...แต่อย่างว่าม้าป่าก็คือม้าป่า



"ตั้นอยากกินไอติมอ่ะ พี่ธันไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ" คนตัวเล็กละความสนใจจากกลุ่มเพื่อนตัวแสบแล้วเปลี่ยนมาอ้อนผมแทน



"อื้อ เอาดิ" ตอนนี้ผมเองก็อยากหาอะไรทำแก้เซ็งเหมือนกัน



"พวกกูไปด้วยได้มั้ย" ใครสักคนในกลุ่มของเราแทรกเข้ามา



ผมป้องปากตอบกลับพวกมันไปว่า 'เสือก' โดยที่ไม่ได้ออกเสียง ซึ่งแทนที่จะสลดพวกมันกลับชอบใจ ส่งเสียงเฮฮารับส่งกันเป็นขบวนแห่ขันหมาก ไอ้พวกมาโซคิสม์!



ไตตั้นกับผมมาถึงห้างใหญ่กลางเมืองอุบลกันตอนบ่ายสามเห็นจะได้ คนตัวเล็กพาผมมานั่งกินไอศกรีมร้านดังในโซนอาหารและเครื่องดื่ม เขาสั่งเมนูโปรดที่เต็มไปด้วยไอศกรีมรสสตรอเบอร์รี่ ผมลองชิมไปด้วยสองสามคำก็ต้องโบกมือลาเพราะเป็นรสชาติที่ผมไม่ถูกใจเอาเสียเลย



กินเสร็จเราเดินขึ้นไปช็อปปิ้งกันต่อที่ชั้นสาม เขาได้เสื้อผ้ามาสองสามถุงโดยมีผมเป็นคนคอยถือให้  ขณะที่เรากำลังหิ้วของเดินออกจากร้านเสื้อผ้าผมก็เดินชนเข้ากับใครบางคน แก้วกาแฟในมือของคู่กรณีหกเต็มเสื้อผมไปหมด



ผมใช้มือข้างที่ยังว่างอยู่สลัดเสื้อนักศึกษาไล่เอาคราบกาแฟออกก่อนจะหันไปต่อว่าคนตรงหน้า "เดินยังไงของคุณเนี่ย"



"ขอโทษครับ ไม่ทันระวัง" เขากล่าวขอโทษ ในมือยังถือแก้วกาแฟที่ทำหกไปกว่าครึ่ง



ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าเขาเต็มสองตา หัวใจผมก็เกิดอาการกระตุกวูบ ด้วยรูปร่างหน้าตาสมบูรณ์แบบราวกับหลุดมาจากนิตยสารแฟชั่นชั้นนำ บวกเข้ากับบุคลิกส่วนตัวบางอย่างที่ดูแล้วช่างให้ความรู้สึกน่าหลงใหลเสียเหลือเกิน คงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเขา! ชายผู้เป็นวันไนท์สแตนด์ของผมนั่นเอง



เจ้าตัวดูไม่ยี่หระกับการบังเอิญเจอคนเคยนอนร่วมเตียงอย่างผม เขาล้วงเอากระดาษทิชชูจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเช็ดคราบกาแฟให้



"เช็ดให้แล้ว ขอตัวก่อนนะครับ" เขาบอกแล้วทำท่าจะเดินจากไปจริงๆ



ผมรีบคว้าข้อมือของเขาเอาไว้ ไม่ปล่อยให้ร่างระหงหลุดลอยไปง่ายๆ "เดี๋ยวสิคุณ"



"มีอะไรหรือเปล่าครับ ?" เขาทำหน้าฉงน "อ้อ...นี่ค่าเสื้อตัวใหม่ของคุณ คิดว่าคงพอ"



คนแปลกหน้านับเงินแบงค์พันสามใบก่อนจะยัดมันใส่กระเป๋าเสื้อให้ผมแล้วเดินจากไปอยู่ดี ทิ้งให้ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก



"ตั้นรอพี่ตรงนี้แป๊บนึงนะ" ผมหันมาบอกคนตัวเล็กข้างกาย "พี่ขอไปจัดการคนไร้มารยาทก่อน"



"ไม่เอา อย่ามีเรื่องกันเลยนะครับ ตั้นขอร้อง" ไตตั้นรั้งแขนผมเอาไว้



"ไม่มีอะไรหรอกครับคนดี เดี๋ยวพี่รีบกลับมานะ"



หลังเคลียร์กับไตตั้นได้ผมก็รีบเดินตามคนแปลกหน้าไปในทันที ตามมาจนใกล้ถึงตัวเป้าหมายผมก็ส่งเสียงร้องเรียกดักเขาเอาไว้ว่า



"คิดจะหนีกันไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอคุณ"



"ทำไมครับ ค่าเสื้อที่ให้เมื่อกี้น้อยไปเหรอ" เขาหันกลับมาหา ทำท่าจะควักเงินเพิ่มให้



"พอๆ" ผมรีบห้าม "ผมไม่ได้อยากได้เงินคุณสักหน่อย แค่ไม่ชอบที่คุณหนีผมไปแบบนี้ ทั้งตอนนี้...แล้วก็คืนนั้นด้วย"



"คืนนั้น? หนีอะไรกัน คุณเสร็จ ผมเองก็เสร็จ เราก็วินวินทั้งคู่แล้วป่ะ แยกย้ายกันไปไม่เห็นจะแปลกตรงไหน" ร่างระหงของเขายืนกอดอกตอบอย่างไม่ใยดี



ผมเหลือบสายตากลับไปมองทางไตตั้นแล้วดึงคนตรงหน้าหลบมุมออกมา



"อย่างน้อยคุณก็ควรจะบอกลาผมหน่อยหรือเปล่า ?"



"อย่าบอกนะว่าคุณอินกับเรื่องคืนนั้นอ่ะ" เขายิ้มหยัน "ไม่เอาน่า เราก็แค่วันไนท์สแตนกัน คุณคงไม่ได้เพิ่งเคยทำกับผมคนแรกหรอกมั้ง"



"ก็เปล่า แต่ผมแค่..." ผมไม่ได้พูดต่อ แอบรู้สึกเสียหน้าเพราะทั้งชีวิตไม่เคยโดนใครเมินใส่ขนาดนี้เลย



"โอเคๆ ถ้าอยากจะให้บอกลา งั้นผมไปแล้วนะ โชคดีคุณ" เขาโบกมือพร้อมกับปั้นหน้าส่งยิ้มให้ โคตรเย็นชาเลยว่ะ



ผมรีบคว้าข้อมือเขาเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยให้เขาหันหลังจากไปเป็นครั้งที่สอง



"ผมขอคอนแทคคุณไว้ได้มั้ย เฟซบุ๊ค ไอจี หรืออะไรก็ได้"



"อย่าเลย เราคงไม่มีธุระอะไรต้องคุยกันอีกแล้ว" เขาตอบเสียงเรียบ



ให้ตายเถอะ...คนตรงหน้ากำลังทำให้ผมคลั่ง ผมคือธันวา คาสโนวาดีกรีเดือนมหาวิทยาลัย ผมแม่งตัวท็อปเลยนะโว้ย! จะไม่แคร์กันหน่อยเลยเหรอ



"แล้วถ้าผมบอกว่าผมอยากจะมีอะไรกับคุณอีกสักครั้งล่ะ" ผมงัดไม้ตายออกมา มั่นใจมากว่ากับเรื่องบนเตียงแล้วไม่มีใครเคยปฏิเสธผมได้



"ขอโทษนะ แต่เซ็กซ์จืดๆ แบบที่คุณมอบให้ผมคืนนั้นน่ะ ผมไม่ประทับใจ" น้ำเสียงของเขาคล้ายจะบอกว่าผมอ่อนหัด "เอาไว้ถ้าวันไหนผมเกิดเหงาขึ้นมา แล้วหาคนที่แซ่บกว่าคุณไม่ได้เราค่อยกลับมาว่ากันใหม่นะ"



นอกจากคำพูดเย้ยหยันแล้วคู่สนทนายังสำทับด้วยการเกาคางผมเบาๆ คล้ายกำลังเล่นกับลูกแมว



สติผมขาดผึง ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาจากเลือดที่สูบฉีด ไม่เคยมีใครพูดกับผมแบบนี้มาก่อน โคตรรู้สึกเสียหน้าที่โดนอีกฝ่ายหยาม ผมเลยจับร่างระหงดึงเข้ามาจูบหวังจะลบคำปรามาส



"แบบนี้ยังเรียกว่าจืดอยู่ป่ะ ?" ผมยักคิ้วแล้วยิ้มมุมปากให้เขาอย่างผู้มีชัย



โดยไม่คาดคิดมาก่อนคนตรงหน้าเดินเข้ามากัดริมฝีปากล่างผมเบาๆ เขาบอกว่า "ไม่จืดหรอก แต่รสชาติมันเหมือนอาหารหมา ผมไม่นิยมกิน"



รอยยิ้มบนใบหน้าผมเลือนหายไป เกมส์นี้ผมแพ้น็อคว่ะ ผมได้แต่ตะโกนไล่หลังเขาไปว่า "เออ อย่าเผลอมาขึ้นเตียงกับไอ้หมาตัวนี้อีกแล้วกัน มันล่อคุณจนหาทางคลานกลับบ้านไม่ถูกแน่"

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด