Underneath the tree มหาสมุทรใต้ต้นไม้ (บท ภาพวาดของพ่อ 5) 5 ม.ค. 23
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Underneath the tree มหาสมุทรใต้ต้นไม้ (บท ภาพวาดของพ่อ 5) 5 ม.ค. 23  (อ่าน 13552 ครั้ง)

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
“เดี๋ยวๆ พี่ลากผมมาทำไมเนี่ย?” ต้นน้ำเอ่ยทักหลังจากเดินมาได้หลายก้าวจนเห็นเพื่อนตนเองและจินไห่ตัวเล็กลงมาก

“ถามจริง! มึงสองคนยังไม่เคยกันใช่ไหม?” ชัยถามโผงผาง

“เฮ้ย..!! อะไรวะ ทำไมมาถามอะไรแบบนี้!” ต้นน้ำลนลานถอยห่างไปครึ่งก้าวแก้เขิน

“กูถามว่าเคยหรือไม่เคย!!” ชัยตัดบท

“....” ต้นน้ำเงียบเป็นคำตอบ พาลให้นึกถึงจูบที่ดูดดื่มในห้องน้ำ

“กูยืนยันได้เลยว่า พวกมึงยังไม่เคยได้เสียกัน!!” ชัยฟันธงด้วยสีหน้ามั่นใจ

“เฮ้ย ....ผมคบกันมาพักใหญ่แล้วนะ เรื่องแค่....นี่.... ผมกับพี่....” ต้นน้ำพยายามโกหก แต่พอเจอสีหน้ารู้ทันของอีกฝ่ายก็สารภาพหมดเปลือก

..........

“อย่างนี้นี่เอง....” ชัยพยักหน้าไปมา

“...........” ต้นน้ำที่เล่าเรื่องทุกอย่างหมดจรดตั้งแต่เริ่มแผนยันเรื่องปัจจุบัน มาถึงตรงนี้เขาก็เลยหยุดนิ่งเพื่อรอปฏิกิริยาของคนตรงหน้า แต่มวลอากาศที่หนักอึ้งในอกตอนนี้เหมือนสลายหายไปแล้ว

“แฟนหลอกๆ....... แต่สายตาที่มองกันแบบนั้นกูว่ามันผิดปกติ พวกมึงเคยทำอะไร เกินเลยเช่นกอดหรือจูบอะไรแบบนี้ด้วยความไม่ตั้งใจใช่ไหม?” ชัยกรอกตาไปมาในช่วงแรกก่อนจะถามย้ำ

“.......มันก็...ไม่เชิง.....ไม่ตั้งใจ....” ต้นน้ำได้แต่ตื่นเต้นหน้าแดง พลางคิดไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่าน

“แม่ง!! ตามสูตรเป๊ะๆ!!” ชัยตบหน้าขาฉาดใหญ่

“เป๊ะอะไร? ยังไง?” ต้นน้ำงงกับกับคำถามของรุ่นพี่ที่เพิ่งจะเคยเจอวันนี้

“สูตรอาการตกหลุมรักไง!” ชัยพูดอย่างมั่นใจ

“เฮ้ย!!” ต้นน้ำรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ชัยพูดออกมาเสียงดัง มันเป็นสิ่งที่เขาพยายามที่จะไม่คิดถึงมัน

“ไม่ต้องตกใจ กูเคยผ่านมาก่อน กูดูอาการออก” ชัยตบบ่าอีกฝ่าย

“ไม่ใช่หรอก แต่ถึงแม้จะใช่ มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก เพราะ...” ต้นน้ำลนลาน

“มึงจะบอกว่าเพราะเป็นผู้ชายด้วยกันงั้นเหรอ? มึงก็น่าจะรู้นะว่า.... ความรักน่ะมันไม่จำกัดเรื่องเพศหรอก!!” ชัยตกใจนิดหน่อยเพราะตอนท้ายประโยคของเขา ต้นน้ำได้พูดประโยคเดียวกันได้อย่างพร้อมเพียง

“อ้าว!! มึงก็รู้อยู่แล้ว มึงจะกังวลเชี้ยอะไรวะ!!” ชัยทำหน้าขบขันกับอาการของคนตรงหน้า

“ก็แบบ....” ดวงตาคนตอบอย่างต้นน้ำกลิ้งสั่นไปมาจนชัยรู้สึกรำคาญ

“แปลกมากเลยนะ ที่มึงลังเลแบบนี้ เพราะมึงมีเพื่อนแบบไอ้ไอซ์ โตมากับสังคมที่เปิดกว้างแบบสมัยนี้!!” ชัยกอดอกมองอีกฝ่ายอย่างมีน้ำเสียงโมโหนิดๆ

“ผมไม่ได้รังเกียจ หรือลังเลอะไร ผมรู้ว่าความรู้สึกระหว่างผู้ชายด้วยกันมันไม่แปลก มันแปลกที่ความรู้แบบนี้ที่ผมไม่เคยรู้สึกกับใครเลย แต่กลับมารู้สึกกับพี่ไห่! มันเป็นไปได้ยังไง? ผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง? ที่ผ่านมาผมคบกับใครเพราะความรู้สึกชอบและความต้องการเท่านั้น ผมไม่เคยเริ่มคบกับใครด้วยความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แล้วยิ่งเป็นผู้ชายแบบนี้ ผมแม่งโคตรสับสน!!” ต้นน้ำระเบิดสิ่งที่อัดอั้นมาตลอดทริปนี้ออกมา

“เอาล่ะ! อย่างน้อยกูก็รู้แล้วว่ามึงรู้ใจตัวเองแค่ไหน ขาดแค่การตัดสินใจเริ่มต้นเท่านั้นเอง!!” ชัยโอบไหล่อีกฝ่าย จนรู้สึกถึงความตึงเกร็งได้

“เฮ้อ......แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!!” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจ

“งั้นทำตามพี่บอก รับรองแก้ปัญหามึงได้แน่นอน!!” ชัยตบอกตัวเองเบาๆ

“!?!?!”

................

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
งามเลี้ยงริมหาดส่วนตัวที่เกาะขนาดเล็กไม่ไกลจากรีสอร์ตจบลงด้วยดี ทั้งกลุ่มต่างดื่มกินกันอย่างสนุกสนานและวันนี้เป็นวันแรกที่ไร้น้ำแอลกอฮอล์เพราะมีกิจกรรมทางน้ำให้เล่นด้วย กวีจึงสั่งห้ามน้ำเมาทุกชนิด ดื่มได้เพียงน้ำโซดา น้ำอัดลมและน้ำเปล่าเท่านั้น เพื่อความปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้น ต้นน้ำก็ได้จัดทริปนี้เป็นสุดยอดทริปในฝันไปเรียบร้อยแล้ว

นีโน่ที่หลังจากเจอชัย แฟนหนุ่มสุดหล่อของกวีมากันท่าทุกทาง ก็เลยหันเป้ามาแกล้งไอ้ไอซ์ผู้น่าสงสารแทน พูดได้เลยว่าคนที่ไม่สนุกที่สุดในทริปนี้ก็ไอ้ไอซ์นี่แหละ!!

ต้นน้ำกับจินไห่แม้จะมีอาการเกร็งๆบ้างในช่วงแรกเพราะเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อมีกิจกรรมสนุกอย่างเจ็ตสกี และ เครื่องเล่นเป่าลมต่างๆที่ทางรีสอร์ตจัดมาให้ เครื่องเล่นทางน้ำมากมายที่พี่นีโน่บอกว่าจะทำในอนาคตแต่อยากให้ทุกคนมาทดลองกันก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ทุกคนสนุกจนกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง

ทุกคนเล่นกันจนหิว หิวก็พักมากินมาดื่ม พอหายเหนื่อยก็กลับไปเล่นต่อ วนไปแบบนี้ตลอดทั้งวันจนพระอาทิตย์คล้อยต่ำ จนเกือบชนเส้นขอบฟ้า  เจ้าหน้าที่รีสอร์ตจึงมาแจ้งให้สิ้นสุดการเล่นแต่เพียงเท่านี้

แม้ทุกคนจะเสียดายแต่ก็ยินยอมพร้อมใจกันกลับที่พัก

ขากลับแม้จะต้องขับเจ็ตสกีกลับเช่นเดิน แต่เนื่องจากเหนื่อยกันมาก จึงมีอาการเกี่ยงกันขับกลับเกิดขึ้นผิดจากขามา

ชัยยอมกวีแต่โดยดี เพียงแค่มองปลายตาด้วยความเกรี้ยวกราด
นีโน่บังคับไอ้ไอซ์ให้ทำตามคำสั่งอย่างไม่ยากเย็น แม้มันจะบ่นเหนื่อนแทบตายแต่ก็ยอมขับกลับโดยดี

ผิดกับคู่ของต้นน้ำและจินไห่ จินไห่อาสาขับกลับให้โดยไม่ต้องรอต้นน้ำเอ่ยปาก ทำให้ต้นน้ำนั่งเกาะท้ายจินไห่ด้วยความอ่อนเพลียและอบอุ่นในใจ

‘การโอบเอวคนที่เราชอบมันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง’ ต้นน้ำคิดไปอมยิ้มไป ขณะโอบเอวบางที่มีกล้ามเนื้อสุขภาพดีอยู่ ระหว่างที่ต้นน้ำสัมผัสก็ดอที่จะนึกถึงเรื่องเมื่อสายไม่ได้ แต่เขาต้องข่มใจไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้ส่วนกลางลำตัวร้อนลุมขยายขึ้นมาเขาคงจะเดินกลับที่พักลำบาก

หลังจากแยกย้ายกัน ณ เวลาถึงที่พัก ทุกคนต่างกลับเข้าห้องใครห้องมัน ชัยที่มาใหม่รีบจัดการย้ายข้าวของไอซ์ไปโยนใส่ห้องนีโน่โดยไม่บอกกล่าวอะไร ชัยพูดแค่เพียง

‘มันก็เป็นเรื่องที่ควรจะเป็น!’ หลังจากนั้นก็โอบไหล่กวีเข้าห้องล็อคประตูเรียบร้อย ส่วนกวีได้แต่ทำหน้าขอโทษรุ่นน้องตนเองก่อนเดินเข้าห้องไป

ส่วนต้นน้ำนั้นหลังจากช่วงผ่อนคลายตลอดทั้งวันที่ผ่านมาจบลง หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายเข้าห้องเพื่อเตรียมตัวพักผ่อน เพราะเหนื่อยกันมาตลอดทั้งวันแล้ว (ไอซ์มีอาการงอแงนิดหน่อยเพราะไม่อยากนอนร่วมห้องกับนีโน่)

ต้นน้ำพยายามถ่วงเวลาตัวเองไม่ยอมเข้าห้องพัก โดยอ้างว่าอยู่เป็นเพื่อนไอซ์ที่ห้องนั่งเล่นก่อน เลยบอกให้จินไห่ไปพักผ่อนก่อน ส่วนตนเองจะขออยู่นั่งคุยเป็นเพื่อนไอซ์ก่อน พยายามกล่อมให้ไอซ์เข้าห้องเพราะไอซ์ทำท่าจะนอนตรงโซฟาท่าเดียว

เลยช่วงหัวค่ำไปแล้ว ในที่สุดไอซ์ก็ยอมกลับเข้าห้องที่พักร่วมกับพี่นีโน่โดยการหว่านล้อมของต้นน้ำ ที่ไม่อยากให้เพื่อนมานอนร้อนและเป็นอาหารยุงอยู่ที่ด้านนอกนี่

ต้นน้ำนั่งทำใจอยู่พักใหญ่กว่าจะตัดสินใจเดินเข้าห้องพักตนเอง เขารู้ตัวดีว่าการเข้าไปอยู่กันสองต่อสองแบบนี้ มันคงอึดอัดไม่น้อย การที่คนเราเวลามีใจให้ใครสักคนมันเป็นสิ่งที่ทำใจยากแบบนี้นี่เอง เพราะที่ผ่านมา เขามีแต่เป็นฝ่ายตั้งรับให้อีกฝ่ายมาสารภาพ แม้จะไปจีบอีกฝ่ายก่อนก็ไม่เคยรู้สึกลึกซึ้งอะไร แตกต่างจากกรณีนี้โดยสิ้นเชิง

ต้นน้ำไม่รู้ว่าที่ผ่านมาการกระทำนะหว่างเขากับจินไห่มันคือแค่อารมณ์ชั่ววูบหรือเมาไม่ได้สติ หรือตั้งใจ แต่การที่เขาคิดไปไกลแล้วแบบนี้ มันทำใจอยู่กับจินไห่แค่สองคนมันลำบากใจอย่างแปลกประหลาด

ต้นน้ำยืนทำใจอยู่หน้าห้องอยู่นานกว่าจกล้าบิดลูกบิดประตูเข้าไป

สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ จินไห่ที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำหลวมสวมทับชุดนอนผ้าฝ้ายสีน้ำตาลอ่อน นอนหลับตาในท่าเอนพิงหมอนหนุนจำนวนหนึ่ง มือข้างหนึ่งถือรีโมทโทรทัศน์อย่างหลวม คล้ายกับว่าจินไห่ดูทีวีไปไม่นานก็ผล่อยหลับด้วยความเพลีย

ต้นน้ำเดินไปหยิบรีโมทโทรทัศน์ออกจากมือที่กำอย่างหลวมๆ กลิ่นสบู่ที่หอมแบบดอกไม้นานาพันธุ์โชยอ่อนๆ ออกมาจากร่างของจินไห่ ลมหายใจที่หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอและแผ่วเบา สีหน้าที่สงบและผ่อนคลายเหมือนทะเลที่ไร้คลื่นลมปั่นป่วนในยามเย็น มันเป็นสีหน้าที่ต้นน้ำเผลอมองอยู่นาน

เสื้อชุดนอนผ้าฝ้ายที่เป็นแบบไร้กระดุมแค่นำมาซ้อนทับและใช้เชือกผูกซึ่งทำให้ช่วงหน้าอกเผยออกเป็นรูปตัววี ต้นน้ำเห็นผิวอกขาวที่ตัดกับลำคอที่แดงจากโดนแดดเผา กระเพื่อมขึ้นลงจากการหายใจ  ภาพตรงหน้าทำให้ต้นน้ำตื่นเต้น แบบไม่รู้ตัว

ทำไมเขาถึงเห็นภาพตรงหน้ามีเสน่ห์มากขนาดนี้ เขาย้ำถามตนเองก่อนที่จะสะบัดหน้าหนีก่อนที่อะไรๆ ในตัวเขาจะถูกปลุกปั่นขึ้นมา

ต้นน้ำผละจากเตียงโดยพลัน และคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำทันที

ต้นน้ำเสร็จภาระกิจในการชำระเม็ดทรายออกจากร่างกายเรียบร้อยแล้ว วันนี้เขาใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อบาสฯ ตัวเก่งนอนเหมือนที่เขาอยู่บ้าน เพราะตอนอยู่บ้านจินไห่ จินไห่จะบังคับให้ต้นน้ำใส่ชุดนอนเหมือนกับเขา แต่ต้นน้ำไม่ชอบเพราะมันไม่สบายตัวเอาเสียเลย แต่พอมาได้ใส่ชุดประจำของตนเองก็แอบรู้สึกโล่งๆ ไม่ชินขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ต้นน้ำสลัดความคิดเล็กน้อยเหล่านั้นออกไปเพื่อเตรียมตัวนอน แต่หลังจากมองไปที่เตียงขนาดควีนไซส์ตรงหน้า เขาก็ไม่อาจละเลยอิริยาบทของจินไห่ที่ยังคงนอนในท่าเดิมก่อนที่เขาจะเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำได้ มันดูไม่น่าจะสบายเลย ต้นน้ำคาดว่าตอนตื่นนอนจินไห่จะต้องบ่นปวดคอแน่นอน เขาจึงตัดสินไปจัดท่านอนให้ใหม่

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
น้ำหนักผู้ชายร่างสูงคนหนึ่งนั้นมันไม่ง่ายเลยที่จะเคลื่อนย้ายหรือเปลี่ยนท่า ช่างแตกต่างกับเรือนร่างที่โอดองบอบบางของหญิงสาว แต่สัมผัสที่รู้สึกกลับตื่นเต้นน่าจับต้อง จนต้นน้ำต้องเผลอลูบไล้เบาๆไปที่ท่อนแขนส่วนที่พ้นชายแขนเสื้อออกมา รอยเส้นเลือดที่ปูดโปนให้เห็นบ้าง สร้างให้เกิดรอยสีเขียวจางเป็นสายไปตามความยาวของแขน ต้นน้ำไม่ได้รู้สึกรังเกียจ แต่กลับยิ่งหลงไหลในผิวที่เกลี้ยงเกลาและใสจนมองเห็นเส้นเลือดตามแขนขนาดนี้

เสียงจังหวะลมหายใจของจินไห่ที่เปลี่ยนไปทำให้ต้นน้ำได้สติ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่ ต้นน้ำเผลอคิดอย่างกังวล เขาจึงพยายามทำภารกิจให้สำเร็จ จะได้นอนและเลิกฟุ้งซ่านเสียที

ต้นน้ำหันไปใช้มือสอดรอบคอจินไห่อย่างเบามือ และจัดแจงเอาหมอนที่ซ้อนกันเกินความจำเป็นออก แล้วจึงค่อยผ่อนแรงให้ศรีษะของจินไห่วางลงบนหมอนอย่างนุ่มนวล

ในเมื่อท่าทางมันเป็นแบบนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่จะไม่มองหน้าอีกฝ่ายที่หลับอย่างสงบ สันจมูกและสันกรามทีได้รูปตรงหน้ามันช่างดึงดูดสายตาของเขาเสียเหลือเกิน วงตาที่เรียวสวยขนตาที่ยาวได้รูป  ตอนนี้เขามองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าที่มองกี่ครั้งก็สมบูรณ์แบบไปหมด ทำไมเขาถึงเพิ่งรู้ตัวนะว่า นี่คือสิ่งที่สวยงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา จนเขาอยากวาดรูปเก่งๆ เหมือนคนในบันทึกจะได้เก็บรายละเอียดเหล่านี้ด้วยนิ้วมือตัวเอง

ในขณะที่ต้นน้ำกำลังเหม่อลอยกับวงหน้าในระยะประชิด จินไห่ที่นอนนิ่งมาตลอดก็เปลี่ยนอิริยยาบถอย่างไม่ทันตั้งตัว มือจินไห่คว้าร่างต้นน้ำที่สูงว่า 180 เซ็นติเมตรข้ามร่างตนเองไปกอดบนเตียง สร้างความตกใจกับต้นน้ำจนร้องเสียงหลง

“จดๆจ้องๆอยู่นานแล้วนะ รู้ไหมพี่อึดอัด จะทำอะไรก็ทำเสียทีสิ!!” เสียงของคนที่น่าจะหลับไปแล้วดังขึ้น

ต้นน้ำหันไปทำหน้าเหวอใส่คนที่ลืมตาโพรงและแจกรอยยิ้มที่มากเสน่ห์กลับมา

‘ดวงตาสดใสเกินไปแล้วนะ’ ต้นน้ำเผลอคิดในใจ

ไม่ทันที่ต้นน้ำจะเอ่ยสิ่งใด เขาก็โดนอีกฝ่ายที่ดึงเขาให้นอนขนานกับตัวเองบรรจงจูบลงบนริมฝีปากของต้นน้ำอย่างรุนแรง จนได้ยินเสียงฟันกระทบกัน

“โอ้ย!!” ต้นน้ำร้องและผละออกเล็กน้อย

“ขอโทษนะ พี่ตื่นเต้นไปหน่อย ขอโทษนะ คือ ... พี่.. คิดว่ามันน่าจะเป็นเวลานี้แหละ กลัวมันจะเลยช่วงเวลาดีๆ แบบนี้ไป ขอโทษที ลืมๆ ไปเหอะนะ!!” จินไห่ขอโทษขอโพยและพร้อมจะผละออกไป

แต่ต้นน้ำกลับคว้าแขนจินไห่ไว้ดัง หมับ!!

“เวลานี้แหละ เหมาะแล้ว พี่เนี่ยนึกว่าจะจูบเก่งกว่านี้อีกนะเนี่ย” ต้นน้ำพูดจบก็ดึงอีกฝ่ายเข้ามามอบจุมพิตให้อย่างนุ่มนวล จินไห่ที่ค่อยๆ ลดอาการตกใจลงก็ได้ตอบสนองอย่างนุ่มนวลเช่นกัน

ต้นน้ำค่อยๆ ใช้มือกดหลังอีกฝ่ายให้ลงมาแนบชิดกับพื้นผิวส่วนหน้าของร่างกายของตนเอง จินไห่ที่รับรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายก็คล้อยตามอย่างที่ต้นน้ำแทบไม่ต้องใช้แรง

ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดกันอย่างเผ็ดร้อน จินไห่ที่มีประสบการณ์ต่ำเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้รู้สึกแปลกใจกับการเล้าโลมจากคนที่อายุน้อยกว่าเขาเกือบครึ่งรอบ กระบวนลิ้นและริมฝีปากที่ดึงและดูด สัมผัสอันลึกล้ำรสสัมผัสมันช่างสุดยอดไปหมด เรื่องจูบเล้าโลมที่ผ่านมา ในชีวิตของเขากลายเป็นเรื่องจืดชืดไปเลยเมื่อเทียบกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ขณะ

ชีวิตที่ผ่านมาของจินไห่ เขามักที่จะไม่ใช่เป็นฝ่ายเริ่มก่อน คนที่เคยมีความสัมพันธ์ระดับแฟนของเขา ก็มีเพียงคนเดียว คือ เสี่ยวหยู๋ แม้ความสัมพันธ์กับเธอนั้นมันจะสุดยอด แต่ความแปลกใหม่ตรงหน้าก็เป็นประสบการณ์อีกระดับหนึ่งของเขา จินไห่ยินยอมพร้อมใจที่จะรับประสบการณ์ใหม่เต็มที่

ร่างกายที่บดเสียดสีกันอยู่เบื้องล่างนั้น ต้นน้ำรู้ดีว่ามีสิ่งแปลกต่างจากสิ่งที่เขาเคยเผชิญมา ท่อนลำที่แข็งนูนภายใต้ร่มผ้าทางด้านบนมันช่างให้ความรู้สึกอีกแแบบ เขากลับไม่ได้รังเกียจ แต่ไม่รู้ว่าจะจัดการมันอย่างไร เขาจะทำให้คนตรงหน้ามีความสุขกับเรื่องบนเตียงแบบนี้ได้อย่างไร

สิ่งที่แว่บเข้ามาในห้วอย่างแรกที่เป็นคำตอบคือ

‘เรื่องระหว่างผู้ชายน่ะมันง่ายจะตาย มึงไม่ต้องคิดอะไรมาก มึงต้องการอะไรมึงก็ให้เขาแบบนั้นแหละ แต่มันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่มึงต้องตัดสินใจ ก็เรื่องตอนจบนั่นแหละ!’

คำพูดยาวเหยียดที่ไอ้ไอซ์เพื่อนยาก พูดกรอกหูอยู่ทุกวันในบทเรียนการเตรียมตัวมีแฟนเป็นผู้ชาย ซึ่งตอนนั้นต้นน้ำก็แค่ฟังผ่านๆ และยังด่ากลับไอ้เพื่อนเวรนั้นที่ทำให้ขนลุกขนพองโดยไม่จำเป็น

แต่ตอนนี้ต้นน้ำเข้าใจแล้ว เวลาเรื่องบนเตียงที่ทำไปด้วยความรักนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันและอิ่มฟูในใจยิ่งกว่าการมีมันเพียงเพราะต้องการตอบสนองราคะของร่างกาย

ต้นน้ำแค่ข้องใจเรื่อง ‘ตอนจบ’ ที่เพื่อนเขาพูดถึงต่างหาก

ระหว่างที่ร่างทั้งสองบดเบียดแนบแน่นอยู่บนเตียง จินไห่รู้สึกว่าน้องชายเขามันตื่นเต็มตัวแล้ว ความรู้สึกของเขาตอนนี้พุ่งทะยานทะลุม่านเมฆไปแล้ว การเสียดสีภายใต้ร่มผ้ามันไม่เพียงพอเสียแล้ว

จินไห่จึงตัดสินใจใช้มือที่ขณะนี้ทำหน้าที่ลูบไล้นวดคลึงไปทั่วเนื้อผ้าที่แนบติดร่างกายดึงชายเสื้อขึ้นอย่างช้าๆ และเหมือนต้นน้ำจะรู้จังหวะ เขาขยับให้จินไห่ปลดเปลื้อเสื้อเขาออกอย่างง่ายดาย ในขณะเดียวกัน ต้นน้ำเองก็จัดการดึงเสื้อของจินไห่ออกเช่นกันแต่ในความเร็วที่เหนือกว่ามาก ผิดกับจินไห่ที่ค่อยๆ ทำอย่างนิ่มนวล แต่กับต้นน้ำ เขาสามารถถอดเสื้อผ้าคนตรงหน้าออกอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ไม่นานร่างกายของทั้งสองก็เปล่าเปลือย

จินไห่พินิจโครงร่างตรงหน้าที่มีกล้ามเนื้อแบบนักกีฬา ทุกส่วนลีนกำลังดีได้สัดส่วน เทียบกับจินไห่เองแล้ว เขากลับดูผอมเก้งก้างไปเลย จินไห่ใช้มือลูบไล่ไปตามกล้ามเนื้อที่ตอนนี้อุ่นและมีเหงื่อซึมชื้นๆอยู่เล็กน้อย ความรู้สึกที่ตามมาคือความตื่นเต้นจนหัวใจแทบหลุดออกมาจากหน้าอกของเขา

จินไห่ใช้มือไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ ภายใต้การมองดูของคนทางด้านล่าง เขาก็เจอกับตัวปัญหาที่แข็งแรงชูชันซึ่งมีขนาดที่มากกกว่าเขาเล็กน้อย เขาใช่นิ้วมือที่เรียงยาวสัมผัสมันและค่อยๆ กำมันอย่างช้าๆ จินไห่ได้ยินเสียงของต้นน้ำหายในหอบกระชั้นขึ้น เขาจึงรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องแล้ว

จินไห่ใช้มือกระชับให้แน่นขึ้นและเครื่องจักรระบายอารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมีมาตั้งแต่บรรพกาลก็เริ่มทำงาน เสียงกัดฟันและลมร้อนที่ลอดออกจากปากของชายหนุ่มทางด้านล่างบอกกับเขาว่าเขามาถูกทางแล้ว แม้จะเป็นครั้งแรกแต่ก็มีผู้รู้สอนมาว่า

‘ให้ทำตามสัญชาตญาณของผู้ชายไปเลย ร่างกายผู้ชายมันก็เหมือนกันหมด คิดว่าทำแล้วมันรู้สึกดีก็ทำไป พออยู่บนเตียงจริงๆ เดี๋ยวน้องก็รู้ แต่.... มันอยูที่ตอนสำคัญมากกว่า เพิ่งเคยทำครั้งแรกก็คงต้องเลือกนะ เลือกว่าจะเป็นฝ่ายไหน?’

พี่นีโน่ผู้ไม่เคยอ้อมค้อมได้บอกไว้ ความจริงมันละเอียดกว่านี้เยอะแต่เขาแค่ไม่อยากจะนึกถึง เขาแค่ทำตามที่หัวใจของเขาพาไปเท่านั้นพอ

“พี่ไห่... พอก่อนครับ!!” ต้นน้ำยื่นมือมารั้งมืออีกฝ่ายที่กำลังทำงานเป็นเครื่องจักรอยู่

“พี่ทำเราเจ็บเหรอ หรือว่า ไม่โอเค...​งั้น....” จินไห่เลิ่กลักพูดติดขัดแต่ก่อนที่ต้นน้ำจะพูดอะไร จินไห่ก็ทำบางอย่างที่ต้นน้ำคิดไม่ถึง

จินไห่ก้มลงไปและใช้ปากครอบสิ่งนั้นไว้อย่างไม่ถนัด แม้ต้นน้ำพยายามจะห้ามเพราะเขารู้สึกอายและเกรงใจที่จินไห่ที่เป็นผู้ชายแล้วมาทำกับเขาแบบนี้ แต่เพียงครู่เดียว ความรู้สึกประดักประเด่อก็หมดไปเหลือไว้แต่เพียงความรู้สึกหฤหรรษที่ยากจะบรรยาย การกระทำของจินไห่เหมือนจะรู้ถึงจุดอ่อนไหวต่างๆ ของเขา มันทำให้ต้นน้ำอ่อนระทวยจนแทบคลั่ง

หลังจากทำท่วงทางจากรสริมฝีปากอยู่นาน ต้นน้ำจึงตัดสินใจเรื่องหนึ่งขึ้นมาในใจ เขาใช้สองมือรวบศรีษะคนเบื้องล่างขึ้นมาบดบี้ริมฝีปากและแลกลิ้นอย่างไม่รังเกียจว่าเมื่อครู่ปากเนียนนุ่มนี้ได้ไปอยู่ตรงส่วนใดของเขา

โรมรันกันพักใหญ่ต้นน้ำจึงตัดสินใจพลิกตัวอีกฝ่ายลงและเลื่อนหน้าของเขาลงไปจัดการกับอวัยวะสำคัญเบื้องล่างของจินไห่เช่นกัน จินไห่ยินยอมแต่โดยดีแม้แรกๆ จะขัดขืนเพราะความขวยเขินอยู่บ้าง

จินไห่ร้องครางออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แม้สิ่งนี้จะเป็นครั้งแรกของต้นน้ำแต่เขาทำได้ดีจนจิตใจของจินไห่อยากจะกรีดร้องออกมาเพราะความสุขที่อีกฝ่ายมอบให้ เขาทำได้แค่กัดผ้าห่มและทำเสียงแปลกๆ ออกมาเท่านั้น

“พี่ไห่..... ผม ...... ผม.......” ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นและมองตาจินไห่ด้วยแรงปรารถนาอันท่วมท้น หลังจากปรนเปรอด้วยปากให้คนตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ

จินไห่พยักหน้าอย่างรู้ใจ เขารู้ว่าสุดท้ายอาจจะเป็นเขาที่เป็นฝ่ายยอม เพราะเขารักผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายมีความสุขได้เขาก็ทำ

ต้นน้ำไม่รอช้าจัดจินไห่พลิกคว่ำทันที เขาเดินไปหยิบกล่องยาตามที่จินไห่บอกหลังจากที่โดยจับพลิก ต้นน้ำเปิดดูด้านล่างสุดเขาพบถุงซิปที่ใส่อุปกรณ์สำหรับเรื่องนี้ครบชุด แม้จะประหลาดใจตั้งแต่เห็นครั้งแรกเมื่อวันที่เขาศรีษะแตก แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์สงสัยหรือถามไถ่

ต้นน้ำรีบใช้อุปกรณ์ที่เป็นเจลเย็นใสลงบนเป้าหมายทันที

จินไห่มีอาการสะดุ้งตกใจเล็กน้อย จินไห่มีอาการสั่นจนเห็นได้ชัดอาจเพราะอาการกลัวจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเอง เพราะจินไห่เองก็ไม่เคยเช่นกัน เขาศึกษามาพอสมควรหลังจากรู้ใจตัวเองว่าชอบชายหนุ่มคนนี้มากกว่าน้องคนรู้จัก เขารู้มาว่ามันเจ็บมาก จากการศึกษาผ่านตัวหนังสือ, สื่อภาพเคลื่อนไหว และคำบอกเล่าจากนีโน่ที่พยายามเสนอตัวเป็นครูให้ลองเป็นฝ่ายตั้งรับดู

ส่วนต้นน้ำที่มีทฤษฎีแน่นหัวเพราะเพื่อนสนิทผู้โชกโชนได้สอนสั่งอัดความรู้เชิงปฏิบัติการให้เต็มจนล้น ทั้งที่เขาไม่พยายามจะตั้งใจฟังเลย แต่มือและร่างกายของเขาก็รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ

หลังจากที่ชโลมเจลใสไร้กลิ่นลงไปที่เป้าหมายแล้ว ต้นน้ำพยายามพานิ้วมือของเขาลงไปตามช่องแคบ เขาลูบไล้มันอยู่นานจนได้ยินเสียงพึงใจดังจากในลำคอของผู้นอนอยู่เบื้องล่าง

จินไห่ที่คลายอาการตกใจจากประสบการณ์ที่มีสัมผัสจากมือที่ไม่ใช่ของตนลูบไล้ส่วนสำคัญที่ด่านล่าง ที่ซึ่งเขาทำความสะอาดอย่างดีทุกวันนับตั้งแต่มาค้างแรมที่นี่ ที่เขาคิดวางแผนกับนีโน่ในการสร้างบรรยากาศให้ตนเองแน่ใจและกล้าพอที่จะสารภาพความในใจ จินไห่เริ่มรู้สึกดีกับการโดนสัมผัสอย่างเชี่ยวชาญ มันวาบวามหัวใจและรู้สึกดีภายในเวลาเดียว ในขณะที่ทุกอย่างกำลังเหมือนอยู่ในฝัน เขาต้องสะดุ้งตกใจเพราะมีสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาที่ช่องน้อยๆ ของเขา

ต้นน้ำไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกตื่นเต้นกับการใช้มือเล้าโลมบั้นท้ายใครขนาดนี้ เขาไม่รู้สึกรังเกียจ มีความใคร่รู้ว่ามันจะรู้สึกยังไงหากเขาได้เสพสมกับคนที่เขารู้สึกเต็มตื้นตรงหน้า เขาตัดสินใจทำขั้นตอนถัดไปทันที เขาใช้นิ้วชี้ค่อนๆ ชอนลึกเข้าไปเรื่อยๆ ช้าๆ จนคนตรงหน้าเขาสะดุ้งเกร็งและตกใจ ต้นน้ำมองไปที่คนเบื้องหน้าเป็นเชิงถามว่า ‘ไหวไหม?’ อีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้าเป็นการอนุญาตให้ไปต่อได้ด้วสีหน้าแสดงความเจ็บปวด

เมื่อเห็นดังนั้นต้นน้ำจึงได้ใจ เขาจึงเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกสองนิ้ว จินไห่เผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ต้นน้ำรับดึงมือออกทันที

“ผมว่าเราพอแค่นี้เถอะ พวกเรายังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้จริงๆ” ต้นน้ำขยับขึ้นไปโอบกอดอีกฝ่าย

“ไม่เป็นไร พี่ยังไหว...” จินไห่มีเสียงหอบถี่

“แต่ว่า....” ต้นน้ำพยายามจะพูดโน้มน้าวโดยการมองไปที่หน้าจินไห่ให้เข้าใจว่าเขาโอเคที่จะหยุดแต่เพียงเท่านี้ แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายทำให้ต้นน้ำตัดสินใจทำต่อ

“ได้ครับ...ผมจะพยายามอ่อนโยนนะครับ” ต้นน้ำตอบรับคนที่ทำหน้ากล้าๆ กลัวๆ ตรงหน้า แต่มือของจินไห่กลับกำแน่นที่ต้นแขนของต้นน้ำจนแดงกล่ำไปเป็นแถบ

ต้นน้ำหยิบซองถุงยางฉีกออกโดยใช้ปากดึงตรงรอยแยกอย่างชำนาญ จินไห่ที่เห็นทุกท่วงท่าตรงหน้าก็ยิ่งทำให้ใจสั่นระรัวเป็นกลองศึก เขายอมรับว่าภาพที่เห็นทำให้อารมณ์ยิ่งพุ่งสูงไปอีก แต่ในใจลึกๆ ก็กลัวสิ่งที่จะตามมาเป็นครั้งแรกอย่างมาก

จินไห่เตรียมใจมาอย่างดีแล้ว ไม่ว่าเขาจะอยู่ในตำแหน่งไหน เขาก็พร้อมเต็มใจเพราะว่าเขารักคนๆ นี้มากเหลือเกิน มันมากจนไม่มีเหตุผลเลยเสียด้วยซ้ำ

ต้นน้ำจัดท่าน้องขายของเขาหลังจากสวมปลอกสีขุ่น พื้นผิวส่วนยอดของน้องชายต้นน้ำจรดจ่ออยู่ที่ปากทางที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยของเหลวลื่นหนืด เขามองหน้าที่แดงกล่ำดุจผลแอปเปิ้ลสุกตรงหน้า แล้วจึงค่อยๆดันตัวเองไปด้านหน้าช้าๆ ให้ร่างกายส่วนนั้นค่อยๆ สัมผัสผิวที่บีบแน่นตึงจนเขาต้องร้องออกมา

ความทรมานที่โดนสิ่งแปลกปลอมสอดแทรกเข้ามาทีละน้อยๆ พร้อมกับความเจ็บปวดที่ไม่เคยลิ้มรสมาก่อน จินไห่ถึงกับพยายามขยับร่างถอยออกจากส่วนทิ่มแทงเข้ามา แต่ไม่สำเร็จเพราะโดนมือหยาบใหญ่ของอีกฝ่ายตรึงไว้ จินไห่ทำได้เพียงใช้มือแต่ละข้างขยำหมอนและผ้าปูที่นอนจนยับยู่

ต้นน้ำกำลังผ่านขั้นตอนที่ยากที่สุด คือในช่วงการถลำเข้าไปถึงช่วงกลาง มันคับแน่นและขยับตัวเข้าได้ยาก ยิ่งได้เห็นคนเป็นพี่เกร็งบิดด้วยความเจ็บปวดตรงหน้า ต้นน้ำยิ่งรู้สึกทำใจเดินหน้าต่อได้ยาก เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องเกรงใจคนตรงหน้ามากขนาดที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน

แต่ด้วยอาการบีบรัดของส่วนนั้น ยิ่งอยู่นานยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาพุ่งทยานจนไม่สามารถ ถอนตัวได้ แม้จะยอมรับว่าเกรงใจคนด้านล่างและไม่อยากจะทำร้ายคนๆนี้ไปมากกว่านี้ แต่ในอีกใจหนึ่งซึ่งตอนนี้ทรงพลังกว่ามาก กำลังโน้มน้าวให้เขาทำมากกว่านี้ ต้องการมากกว่านี้ และในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ให้กับความต้องการของตนเอง เขาดันตัวเองไปจนสุดทางอย่างรวดเร็ว

จินไห่อุดริมฝีกปากแทบไม่ทัน เขาร้องอู้อี้อยู่ในลำคนและสั่นไปหมดทั่วทั้งร่าง

ต้นน้ำแม้จะเห็นแบบนั้นแต่เขาหยุดตัวเองไม่อยู่แล้ว เขามองภาพตรงหน้าด้วยความวาบวาม ความเจ็บปวดของคนตรงหน้ายิ่งทำให้เขารู้สึกว่าจินไห่ดูยั่วยวนเพียงใด เขาจึงมอบความรักให้กับอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดหย่อน ต้นน้ำไม่ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของอีกฝ่ายเลย เขารับรู้แต่ว่าเขามีความสุขแค่ไหน จนกระทั่งเขาสัมผัสได้ถึงมืออันเย็นเยียบมาเกาะบริเวณเอวแกร่งของเขา เขาถึงได้รับรู้ว่าความรู้สึกของเขา ในที่สุดก็ส่งถึงอีกฝ่ายจนได้ เพราะรอยยิ้มและใบหน้าดูมีความสุขได้ส่งมาให้เขาอย่างต่อเนื่อง

ต้นน้ำกระหน่ำเพลงรักอีกหลายกระบวนท่าจนกระทั่งทั้งสองหมดแรงไป คืนนี้เป็นคืนที่อบอุ่นที่สุดของจินไห่ เพราะเขาไม่ได้นอนคนเดียวแล้ว และยังมีคนนอนกอดให้อุ่นตลอดทั้งคืน


.....................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กะแล้วเชียว  กลิ่นมันบอกมาเป็นนัยหลายตอนแล้วว่า  ตอนจบนั้น จินไห่ต้องเสียเอกราช

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ลืมบอกไปว่าตอนนี้ 18+ น่าจะไม่ทัน... :-[  :jul1:

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่ 17

Changes


ต้นน้ำมองคนที่หลับอยู่ตรงเบาะหน้าข้างคนขับ ขณะขับรถเดินทางกลับบ้าน จินไห่ที่ดูอ่อนเพลียและมีไข้อ่อนๆ ตลอดช่วงเช้าคงหมดแรงที่ฝืนทนอาการเหล่านี้ได้อีกต่อไป หากไม่เพราะต้นน้ำอาสาเป็นคนขับรถกลับเองอย่างแข็งขัน ผู้ใหญ่ที่หลับเป็นเด็กห้าขวนคนนี้คงจะฝืนตัวเองอาสาขับรถกลับบ้านเป็นแน่

ต้นน้ำยื่นมือใหญ่ไปลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มด้านหน้าที่ตกลงมาปิดหน้าผากของจินไห่และลูบเสยไปทางด้านหลังอย่างเอ็นดู

‘ทำไมคนๆ นี้ถึงได้มีเสน่ห์กับเขาขนาดนี่นะ ไม่เคยนึกเลยว่าผู้ชายมันจะน่ารักขนาดนี้’ ต้นน้ำคิดขณะที่มือสัมกับเส้นผมสีอ่อนและนุ่นสลวย แม้ดวงตาจะมองถนนอย่างมั่นเหมาะเพราะไม่ชำนาญเส้นทาง แต่ใจเขาก็ยังมีความสุขอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ คล้ายเหมือนมีฝูงภมรีมาบินวูบไหวอยู่กลางลำตัวตลอดเวลา จนต้องเผลอนั่งยิ้มอยู่คนเดียว

“เป็นเอามากนะมึงเนี่ย!!” เสียงกวนๆ จากเบาะหลังดังขึ้น

ไอ้ไอซ์ที่ถูกอัปเปหิจากรถของพี่กวีเพราะแฟนของพี่กวีนั้นยืนยันหนักแน่นว่าจะขอขับกลับกันสองคนเท่านั้น โดยอ้างว่าตั้งแต่ฝึกงานก็ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันสองต่อสองเสียที กวีก็เลยต้องขอร้องให้ต้นน้ำพาไอ้เพื่อนปากเสียคนนี้มาด้วย

“หุบปากแล้วนอนซะ หรือมึงอยากแดกตีนกูก่อนนอน!!” ต้นน้ำโต้กลับทันควัน พร้อมยกมือกลับไปที่พวงมาลัยที่เดิมด้วยความตกใจ

“กูไม่ได้โง่นะ กูว่าคนอื่นๆ ในทริปนี้ก็ไม่ได้โง่เหมือนกัน ที่จะดูไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างมึงสองคน!” ไอซ์ที่กำลังจะเคลิ้มหลับแต่ดันเห็นภาพที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นจากทางเบาะด้านหน้า ต่อมเผือกก็เลยร้อนรนจนเก็บไม่อยู่

“พูดเชี้ยอะไรของมึง!” ต้นน้ำบ่ายเบี่ยง เขาคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้ เลยตกลงกับจินไห่ว่าจะเก็บเป็นความลับไปก่อน ซึ่งจินไห่ก็เข้าใจและเห็นด้วย

“เมื่อเช้าพวกมึงมีอาการอ่อนเพลียแบบสุด แล้วพวกมึงก็มองตากันหวานเยิ้มมีความสุข พี่จินไห่อ่อนเพลียและเหมือนไม่สบาย เดินเหินก็ไม่กระฉับกระเฉง อีกอย่างที่ชัดสุดๆ คือ พวกมึงเสียงดังกันเกือบทั้งคืน มึงไม่รู้ใช่ไหมว่า ห้อง! มัน! ไม่! เก็บ! เสียง!” ไอซ์พูดไปอมยิ้มเจ้าเล่ห์ไป

ต้นน้ำได้แต่นิ่ง พูดไม่ออก เขาลืมไปว่าเพื่อนคนนี้ฉลาดขนาดไหน? และที่สำคัญประสบการณ์โชกโชนกว่าเขามาก การนิ่งเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด

“โอเค! มึงไม่ต้องเล่าก็ได้ แค่พยักหน้าตอบคำถามกูก็พอ!!” ไอซ์ยื่นหน้ามาที่เบาะหน้าเล็กน้อย

ต้นน้ำพยักหน้าด้วยอาการจำยอม การปฏิเสธเพื่อนที่ช่วยเขาเยอะขนาดนี้ออกจะแล้งน้ำใจไปหน่อย อีกอย่างพวกเขาไม่เคยมีความลับต่อกันเลย

“พวกมึง....ป๊าบๆๆ กันแล้วใช่ไหม?” ไอซ์ถามไปทำมือทำไม้ไปด้วย

ต้นน้ำคิดอยู่พักใหญ่จึงพยักหน้า

“กูเดาว่า... พี่เขารับให้มึงใช่ไหม?” ไอซ์ฉีกยิ้มกว้างไปอีก

ต้นน้ำรู้สึกอึดอัดกับสิ่งที่จะตอบ แม้เขาจะเจ้าชู้ยังไง ก็ไม่เคยเล่าเรื่องบนเตียงให้ใครฟัง

“เดาจากอาการของมึงก็ได้คำตอบแล้ว! แล้วเมื่อวานจัดไปกี่ครั้ง?” ไอซ์ถามต่ออย่างไม่ลดละ

“เชี้ย! มันจะเกินไปหน่อยป่ะ พี่เขาก็ยังนั่งอยู่นี่นะ” ต้นน้ำเริ่มไม่สบายใจเลยโต้ตอบกลับไป ด้วยเสียงกระซิบเพราะกลัวคนที่นั่งหลับอยู่เบาะด้านหน้าจะตื่น

“กูรู้! และกูก็รู้ว่ามึงไม่ตอบหรอก กูก็แค่ยั่วมึงเฉยๆ สนุกดี” ไอซ์หัวเราะคิกคักมีความสุข

“สัด!! กลับไปนอนเลยมึง! กูจะขับรถ!!” ต้นน้ำสบถใส่เพื่อน

“โอเคๆ กูถามดีๆ แล้ว.... ตอนนี้ความรู้สึกมึงเป็นไงบ้าง?” ไอซ์เปลี่ยนโหมดกระทันหัน

“เชี้ย.... กู... ไม่รู้ว่ะ กูไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย ขนาดพี่เขาเป็นผู้ชาย กูยังไม่รู้สึกรังเกียจอะไรพี่เขาเลย กูไม่เคยรู้สึกอยากกอดใครมากขนาดนี้มาก่อน แม่ง!! มัน.... อบอุ่นว่ะ  พี่เขา... น่ารักไปทุกส่วนเลย ไม่ว่าจะท่าทาง เสียงร้อง เขาเป็นส่วนเติมเต็มที่กูไม่เคยอิ่มเลยว่ะ” ต้นน้ำพูดสิ่งที่เขาคิดออกมาจนหมด มันอัดอั้นในใจมาตั้งแต่เมื่อคืน เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร พอเพื่อนถามเขาเลยเอามันออกจากอกทั้งหมด

ไอซ์นั่งทำหน้าทึ่งและอึ้งกับคำตอบและนิ่งไปหลายวินาที

“เชี้ย....มึง.... คลั่งรักโคตรๆ” ไอซ์พูดทำลายบรรยากาศที่เงียบ

“รัก.....?” ต้นน้ำเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

“เออ!...กูเข้าใจ ที่ผ่านมามึงมีคู่ก็แค่สนองเซ็กส์กับหน้าตาชื่อเสียง มันก็แน่อยู่แล้วที่มึงจะรู้สึกแบบนี้เป็นครั้งแรก” ไอซ์ตบบ่าเพื่อนเบาๆ

“........” ต้นน้ำไม่คิดว่ารักแรกที่เกิดกับเขา มันดันเกิดขึ้นกับผู้ชาย เขาที่อยากจะรู้มาตลอดว่าความรักมันเป็นเช่นไร กลับมาพบเจอในที่ๆ คาดไม่ถึงแบบนี้

“ได้มาแล้วก็ว่ายาก แต่รักษาให้คงอยู่น่ะยากกว่านะมึง” ไอซ์พูดด้วยสีหน้าจริงจังจนต้นน้ำถึงกับทำหน้าประหลาดใจ

“เชี้ย! กูไม่ได้มีแต่มุมเล่นๆ เสมอไปนะมึง! มึงก็เอาคำพูดกูไปคิดก็แล้วกัน ว่าสิ่งที่กูพูดน่ะโคตรจริง! กูง่วงแล้ว ไปนอนก่อนนะ พ่อพลขับ” ไอซ์พูดจบก็เอนกายไปที่พนักพิงด้านหลังและหลับตาลงทันที

“นี่มึงไม่คิดจะมาผลัดกันขับบ้างหรือไง?” ต้นน้ำส่งเสียงไปที่เบาะหลังแต่สิ่งที่ตอบกลับมามีแต่เพียงความเงียบและเสียงลมหายใจแผ่วเบา

“สัด! มึงจะเก่งไปแล้ว” ต้นน้ำบ่นเพื่อนงึมงำ

ระหว่างขับรถเดินทางกลับบ้านข้ามจังหวัด เขาแอบมองคนที่นอนหลับอยู่ด้านข้างด้วยสายแห่งความห่วงใย เขาแอบมองบ่อยจนตนเองแปลกใจ และทุกครั้งที่มอง หัวใจเขากลับพองโต และตื่นเต้นกับทุกครั้งที่อีกฝ่ายส่งเสียงลมหายผ่านช่องปากเป็นเสียงลมหวีด

“ทำไม... น่ารักอย่างนี้วะ” เขาบ่นงึมงำแบบนี้ไปตลอดทาง และวางแผนว่ากลับไปเขาจัดการคนตรงนี้ยังไงดี และสักอีกกี่รอบดี


.........................

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

‘ไม่ได้!! มึง อย่าเพิ่งเสี้ยนให้มันมากนัก ให้พี่เขาพักเครื่องก่อนมึง ครั้งแรกนะ!! สัด!!’ เสียงเพื่อนของต้นน้ำดังสะท้อนอยู่ในหัว เมื่อครั้งที่เขาเดินไปขอถุงยางอนามัยเพื่อนไอซ์ที่มักพกติดตัวเสมอ แต่กลับโดนปฏิเสธอย่างมีเหตุผลที่ทำให้เขายอมจำนน เพียงเพราะเป็นห่วงคนที่เขาเพิ่งยอมรับที่จะสานความสัมพันธ์ด้วย

“เป็นอะไรคอตกเชียว” จินไห่ถามไถ่ต้นน้ำด้วยอาการซีดเซียว

“ไม่มีอะไรครับ” ต้นน้ำยิ้มหวานใส่คนถามและรีบเดินไปแย่งสัมภาระออกจากมือคนพี่

“ไม่จริงน่ะ! ไปคุยอะไรกับไอซ์มาทำไมซึมๆ” ตั้งแต่ต้นน้ำขับรถไปส่งไอซ์ถึงที่บ้าน ต้นน้ำขอตัวลงไปคุยกับไอซ์เพียงครู่เดียวก็เดินคอตกกลับมาและก็ดูไม่สดชื่นจนถึงตัวบ้านของจินไห่

“คงเหนื่อยมั้งพี่ ขับรถมาเกือบทั้งวัน” ต้นน้ำตอบพร้อมขยับคอไปมาจนได้ยินเสียงกล้ามเนื้อตึงตีกันลั่นดังชัดเจน

จินไห่มองไปที่ท้องฟ้าที่มีความมืดคืบคลานจนเกือบมิดขอบฟ้าก็พยักหน้าเป็นการเข้าใจ

“หิวไหม? เดี๋ยวพี่โทรศัพท์บอกที่ร้านให้เอาอาหารมาส่ง” จินไห่แม้มีอาการอ่อนเพลียแต่ก็ยังมีความห่วงใยแฟนเด็กของตน

“ไม่หิวข้าว แต่หิวอย่างอื่น” ต้นน้ำบ่นอุบอิบ

“อะไรนะ?” จินไห่ถามทวนต้นน้ำเพราะไม่แน่ใจว่าตนเองได้ยินอะไร

“ไม่มีอะไรครับ งั้นสั่งให้มาส่งแล้ววางไว้ที่โต๊ะอาหารก่อนก็ได้ครับ ขอไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนแล้วค่อยว่ากันครับ” ต้นน้ำพูดจบก็เดินนำหน้าขึ้นห้องไป ส่วนจินไห่ก็ต่อสายถึงผู้จัดการร้านให้ช่วยจัดเตรียมมื้อค่ำให้

จินไห่ที่มีอาการไข้ต่ำๆ เริ่มมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่สบายกายเท่าไหร่ เขาไม่ชอบอาการเจ็บปวดหลังเสร็จกิจนี้เลย เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่เป็นแบบนี้จะต้องทนรับอาการอะไรแบบนี้ทุกคนหรือทุกครั้งหรือเปล่า? มันน่าอายนิดหน่อยที่จะบอกอาการของตนให้กับคนอื่นฟัง โดยเฉพาะต้นน้ำ จินไห่ไม่อยากให้ต้นน้ำรู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้

จินไห่พยายามฝืนมาตลอด เขายอมรับว่าเมื่อคืนมันเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษที่เขาทั้งสองคนได้มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่แค่ไม่คิดว่าเรื่องราวหลังจากนั้นมันจะทรมานข้ามวันแบบนี้

จินไห่ลากสังขารวัยเกือบสามสิบขึ้นไปที่ห้องด้วยสภาพหมดแรงและเจ็บแปลบที่โคนขา หลังจากที่ผลักประตูห้องเข้าไป เขาก็ต้องตกใจที่เจอหนุ่มน้อยที่เขารักยืนรอกอดอกด้วยนุ่งผ้าเช็ดตัวเล็กๆ ผืนเดียว

“เฮ้ย!! อะไรน่ะ” จินไห่หัวใจเต้นตุบตับ

“จะตกใจอะไรวะพี่ เราสองคนยิ่งกว่าเห็นอะไรๆกันแล้วเสียอีก!” ต้นน้ำตอบด้วยรอยยิ้มขบขันอาการผู้ใหญ่ตรงหน้า

“มีอะไร? ทำไมไม่ไปอาบน้ำอีก!!” จินไห่เริ่มลนลาน

“รอพี่!!” ต้นน้ำตอบเสียงดังฟังชัด

“หา!!!” จินไห่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ รู้สึกขาสั่นขึ้นมา

“คิดอะไรของพี่เนี่ย! มานี่” ต้นน้ำเดินมาโอบอีกฝ่าย จัดแจงปลดเปลื้องเสื้อผ้าของจินไห่จนล่อนจ้อน ด้วยอาการอ่อนเพลียจินไห่ทำได้เพียงโวยวายแต่ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ขัดขืน

หลังจากนั้นต้นน้ำก็ผลักไหล่ให้จินไห่เอนลงนอนบนเตียงอย่างช้าๆ ในใจของจินไห่ร่ำร้องปฏิเสธดังลั่นแต่ริมฝีปากกลับไม่ได้ขยับและไม่เปล่งเสียงออกมา หัวใจสั่นระรัวเป็นกลองศึก แต่ก็ขัดขืนอีกฝ่ายไม่ได้

“อ้าขากว้างๆ” ต้นน้ำพูดอย่างอ่อนโยน

“เฮ้ยๆ เดี๋ยว ยังไม่ทันไรก็จะเริ่มเลยเหรอ พี่ยังเจ็บไม่หายเลยนะ!!” ในที่สุดจินไห่ก็เหลืออดพูดออกมาดังลั่น

“นี่ไง! เจ็บก็ไม่พูดไม่บอก เนี่ย! ผมจะดูอาการให้ พี่กวีเขาแนะนำมาก่อนกลับ แล้วก็ให้ยาทามาด้วยนะ จะได้ไม่ติดเชื้อ ส่วนนี่ยากินอย่าลืมกินก่อนนอน!!” ต้นน้ำหยิบยาหลอดเล็กๆสีขาว และยาเม็ดที่อยู่ในถุงซิบสีน้ำตาลเข้มขึ้นแสดงให้อีกฝ่ายเห็น

ตอนนี้ต้นน้ำนั่งอยู่ระหว่างขาจินไห่ในสภาพเปล่าเปลือย ยิ่งพอมาเจอสถานการณ์แบบนี้ยิ่งทำให้เขาอยากแทรกแผ่นดินหนีเพราะความอาย

“เดี๋ยวสิ! จะไปไหน ขอดูก่อน!!” ต้นน้ำใช้มือจับขาทั้งสองข้างขณะที่จินไห่ทำท่าจะหนีจากตัวเอง สุดท้ายจินไห่ก็ยอมนอนเฉยๆ ให้ต้นน้ำตรวจช่องน้อยที่เบื้องล่างของเขาอย่างพินิจพิเคราะห์

“พอหรือยัง!?!” จินไห่ขึ้นเสียงเมื่อเห็นอีกฝ่ายลูบคลำพินิจพิเคราะห์อยู่พักใหญ่

“พี่นี่โคตรเซ็กซี่เลย เกือบอดใจไม่อยู่” ต้นน้ำยิ้มยิงฟันเห็นฟันขาวเรียงตัวสวยชัดเจน

“ต้นน้ำ!!”  แม้จินไห่จะแอบเคลิ้มกับภาพตรงหน้า แต่ก็อดที่จะอารมณ์เสียกับความไม่รู้กาละเทศะของเด็กหนุ่ม

“เอาน่าๆ อย่าโกรธสิ โชคดีนะที่ไม่ถึงขั้นเป็นแผลร้ายแรง แต่โชคร้ายสำหรับผมนะเนี่ย แล้วเมื่อไหร่จะใช้ได้อีกเนี่ย?” ต้นน้ำพูดด้วยสีหน้าทะเล้น

“ไอ้เด็กทะลึ่ง!!”  จินไห่ด่ากลับด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำ

“ไปอาบน้ำกัน ทำความสะอาดเสร็จแล้วผมจะทำแผลให้” ต้นน้ำพูดจบ จินไห่ก็เดินไปห้องน้ำอย่างว่าง่าย ไร้คำพูด

...........


ต้นน้ำช่วยจินไห่อาบน้ำทำความสะอาดอย่างหมดจดด้วยความอ่อนโยน เขาแทบจะใช้ใยขัดผสมฟองสบู่ถูไถลูบไล้ไปจนทุกมุมทุกส่วนของจินไห่ โดนเฉพาะส่วนบาดเจ็บบอบช้ำทางด้านหลัง

จินไห่พยายามโวยวายเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายทำให้เพราะไม่ชิน แต่ก็โดนเด็กหนุ่มเซ้าซี้ ออดอ้อนจนต้องยอมแต่โดยดี

จบการอาบน้ำก็เป็นช่วงที่น่าอายที่สุดของจินไห่ที่ต้องนอนเปลือยให้อีกฝ่ายทายาให้ แต่ต้นน้ำก็ทำได้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยนจนจินไห่รู้สึกอบอุ่นจนแทบจะหายได้ในทันที

“หิวไหมครับ?” ต้นน้ำถามจินไห่หลังจากที่ทั้งสองใส่ชุดนอนเรียบร้อย

“ไม่อยากกินอะไร เพลีย.....” จินไห่มีท่าทางอิดโรยแสดงออกมาชัดเจนยิ่งกว่าคำพูด เหมือนแบตเตอรี่ขีดสุดท้ายที่พยายามเค้นออกมาในช่วงหัวค่ำได้หมดลงแล้ว

“ไม่ได้นะครับ ไม่กินก็ไม่แข็งแรงนะครับ ต้องกินยาหลังอาหารอีก แล้วอาหารที่สั่งมามีอะไรบ้างครับ?” ต้นน้ำสวนกลับทันทีแต่จินไห่กลับมีท่าทีไม่ได้สนใจ เขาตัดสินใจปีนขึ้นเตียงไปนอนอย่างเชื่องช้าดูไปก็คล้ายตัวสลอธน่ารักน่าเอ็นดู

“ก็พวกของโปรดต้นน้ำน่ะแหละ” จินไห่นอนแผ่อย่างหมดแรง

“เฮ้อ.... ของพวกนั้นพี่กินได้ที่ไหนล่ะครับ นี่! แปลว่าตั้งใจจะไม่กินตั้งแต่แรกใช่ไหม?!” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจกับอาการทำตัวเป็นเด็กดื้อของอีกฝ่าย

“ต้นน้ำไปกินก่อนเถอะนะ พี่ขอนอนก่อน...” ตาจินไห่ปรือจนแทบจะหลับ

“เฮ้อออออ.....” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจอีกยาวพร้อมส่ายหน้า เขาตัดสินใจเดินไปนอนบนเตียงข้างๆ จินไห่

“เฮ้ย.!!! ขึ้นมาทำอะไร!?!” จินไห่ตกใจลืมตาโพลง

“มาจัดการเด็กดื้อ!!” ต้นน้ำพูดจบก็ดึงอีกฝ่ายเข้าโอบกอดในอ้อมอก ให้อีกฝ่ายได้นอนหนุนอกแน่นของเขาต่างหมอน

“เด็ก!?!” จินไห่อุทาน

“เอาน่า... ขอกอดให้พลังหน่อย แล้วเราลงไปกินข้าวด้วยกันนะ” เสียงอันอบอุ่นจากต้นน้ำทำให้จินไห่สงบลง และหนุนนอนบนอกอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย จินไห่ได้ยินเสียงหัวใจอีกฝ่ายเต้นระรัว แต่เป็นจังหวะที่น่าฟัง

“อืม...” จินไห่ตอบตกลงในลำคอแล้วค่อยๆ หลับตาลงอย่างอ่อนเพลียภายในอ้อมกอดอันอบอุ่นที่เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานานหลายปีแล้ว

.....................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มาต่ออีกนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่  18

A whole new world



ลำแสงแดดยามเช้าแทงทะลุม่านหนังตาที่ปิดสนิทของต้นน้ำ อุณหภูมิในห้องร้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาพบว่าจินไห่ยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอดของตน

ต้นน้ำยิ้มอย่างพอใจ และใช้มือลูบสางผมสีอ่อนยามต้องแสงที่แสนอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม

ต้นน้ำคิดย้อนกลับไปเมื่อคืนวาน ซึ่งเขาพยายามบังคับให้เด็กในร่างผู้ใหญ่ลงกินข้าวกินยาก่อนนอน เขารู้ว่าเด็กน่าจะหลอกง่ายกว่ามาก เพราะผู้ใหญ่ที่ดื้อรั้นและเป็นตัวของตัวเองสูงแบบนี้ กว่าจะยอมทำตามที่เขาแนะนำก็ใช้เวลามากจนแทบจะหมดความอยากอาหาร

เมื่อคืนจินไห่ยังมีไข้ขึ้นสูงอยู่ เขาจึงต้องดูแลผู้ใหญ่คนนี้จนแทบไม่ได้นอน และความงอแงที่จะให้เขานอนกอดถึงได้ตื่นมาในสภาพนี้ซึ่งต้นน้ำก็มองว่าน่ารักดี

ต้นน้ำพยายามแกะมือไม้อีกฝ่ายที่พันรอบตัวเขาอย่างกับปลาหมึก เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจ ถึงแม้ว่ามันจะทำให้เขาร้อนจนเหงื่อแตกไปหมด แต่ที่ทำเพราะเขาปวดปัสสาวะมาก ผู้ชายทุกคนก็คงเข้าใจว่าเช้าๆแบบนี้ มันเป็นอย่างไร กางเกงมันตึงแน่นไปหมด

หลังจากที่แกะมือไปได้เพียงหนึ่ง เด็กในร่างผู้ใหญ่คนนี้ก็ตื่นมาด้วยอาการงัวเงีย

จินไห่มองไปที่คนที่เขานอนกอดอยู่อย่างสงสัย และด้วยความที่ตำแหน่งท่าที่กอดนั่น จินไห่จะอยู่ต่ำกว่าต้นน้ำระดับหนึ่ง ทำให้เขามองเห็นการยืนตรงเคารพธงชาติยามสายของน้องชายต้นน้ำอย่างชัดเจน จนต้องขมวดคิ้ว

“เอ่อ.... ปวดฉี่น่ะครับ” ต้นน้ำยิ้มแห้งๆ

“อืม......” จินไห่พยักหน้าและลงไปนอนต่อที่เดิมพร้อมใช้มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาสัมผัสรอบส่วนที่โก่งนูนออกมา

“เฮ้ย! พี่! ผม! ปวด.......โอยยยย”  ต้นน้ำแม้จะปวดฉี่และพยายามจะขัดขืนแต่พอโดนอีกฝ่ายลูบไล้ขึ้นลง ต้นน้ำก็แทบหมดแรง อารมณ์ที่กักเก็บไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแทบจะระเบิดออกมาทันที (เป็นสาเหตุหนึ่งที่เขานอนแทบไม่หลับตลอดทั้งคืน)

“ไม่สบายอยู่นะพี่!!” ต้นน้ำจับมือและจับศรีษะจินไห่เพื่อให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำดังกล่าว ต้นน้ำพบว่าอีกฝ่ายไข้ลดแล้ว

“พี่จะให้รางวัลคนน่ารักไม่ได้เลยหรือ?” จินไห่ยิ้มหวาน

“ม่ายยยย ด้ายยยยย”  ต้นน้ำพูดยานคางอย่างบังคับใจตนเอง เขาดันอีกฝ่ายให้นอนลงแล้วรีบลุกหนีเข้าห้องน้ำทันที

หลังจากเข้าห้องน้ำได้เขาก็พยายามสงบสติอารมณ์อย่างมากเพราะในหัวตอนนี้ของเขามันมีแต่ภาพเย้ายวนของคนบนเตียงลอยวนเวียนอยู่เต็มไปหมดจนแทบไม่สามารถปัสสาวะได้ ต้นน้ำยืนอยู่หน้าโถส้วมอยู่นานพอควรจึงจะเสร็จสิ้นภาระกิจ

ต้นน้ำเดินออกจากห้องน้ำก็เห็นจินไห่ห่มผ้าคลุมถึงศรีษะอยู่บนเตียงนิ่ง เขารับรู้ได้ทันทีว่าคงโดนอีกฝ่ายงอนเข้าให้แล้ว ต้นน้ำไม่คิดเลยว่าความสัมพันธ์ของเขาจะมาขั้นนี้ได้ แต่เขาก็อดที่จะยิ้มกับภาพที่เห็นตรงหน้าหน้า ตอนนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรเขาก็รู้สึกว่าน่ารักไปหมดนั่นแหละ

หลังจากเดินวนดูรอบเตียงอยู่นาน ต้นน้ำจึงตัดสินใจโยนตัวเองขึ้นเตียงเพื่อกอดปลอบใจอีกฝ่าย และจินไห่กลับนิ่งเฉย ต้นน้ำทนไม่ได้จึงได้เปิดผ้าห่มและดันตัวเองเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เพียงแวบแรก ต้นน้ำต้องตกใจกับสิ่งที่พบภายใต้ผ้าห่มคือ จินไห่ในสภาพเปลือยเปล่า เสื้อผ้าชุดนอนของจินไห่ถูกถอดกระจายภายใต้ร่มผ้า ต้นน้ำที่ตกใจกับภาพตรงหน้าถึงกับร่างกายแข็งทื่อ

“พี่เล่นอะไรเนี่ย!” ต้นน้ำพูดขึ้นมาขณะที่โดนอีกฝ่ายเริ่มรุกเข้ามากอดรัด

“ก็พี่อยากปลอบใจต้นน้ำไง!” จินไห่พูดด้วยน้ำเสียงที่ผู้ชายด้วยกันย่อมรู้สึกถึงเจตนาแฝงได้

“พี่ไห่!! พี่เพิ่งหายป่วยนะ!!” ต้นน้ำพูดด้วยอาการเป็นห่วง และพยายามขัดขืน แต่สายตาเจ้ากรรมของเขาได้โลมเลียผิวเนียนนุ่มของคนตรงหน้าอย่างห้ามไม่ได้

“อืม... ก็ได้!” จินไห่พลิกตัวกลับไปนอนหงายทันที เขาเปิดผ้าห่มขึ้นมาพับไว้ เหลือผ้าปิดร่างกายไว้ตั้งแต่เอวลงไปเท่านั้น

เอือก!!!

เสียงคนที่โวยวายเมื่อครู่กลืนน้ำลายเสียงดัง ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งเขาก็รู้สึกว่าจินไห่เซ็กซี่เย้ายวนมาก

“พี่ไห่ อย่าโกรธผมสิ ผมเป็นห่วงพี่นะ ผมกลัวนะ” ต้นน้ำโผเข้าไปโอบร่างท่อนบนที่เปลือยอยู่

“กลัวอะไร?” จินไห่ถามเสียงเรียบแฝงอารมณ์โกรธ

“กลัวตัวเองอดใจไม่อยู่ กลัวทำพี่เจ็บอีก” ต้นน้ำพูดจบก็กดริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากอิ่มแดงของอีกฝ่าย

จินไห่ยิ้มรับกับคำตอบและการแสดงออกเมื่อต้นน้ำถอนปากออกและยิ้มลงมาที่เขา

จินไห่ เขาเองก็เป็นผู้ชาย เขามีความต้องการไม่น้อยไปกว่าต้นน้ำ และเขาก็รู้ตัวแล้วว่าเขารู้สึกติดใจในรสสวาทที่อีกฝ่ายมอบให้เสียแล้ว

“งั้นพี่ขอแค่จูบ...” จินไห่ร้อนลุ่มทั่วใบหน้าขณะพูดและดึงใบหน้าต้นน้ำลงมา ทาบริมฝีปากตัวเองลงไป บดเบียดด้วยลีลาที่อีกฝ่ายสอนมาอย่างที่อาจารย์ซึ่งก็คือต้นน้ำเคลิบเคลิ้มจนลืมตัวตอบโต้ไปอย่างเผ็ดร้อน

มือที่ว่างอยู่ตอนนี้ของต้นน้ำลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกที่เกลี้ยงเกลา รอยแดดตามผิวหนัง ไม่ทำให้ความเย้ายวนของจินไห่ลดลงเลย ต้นน้ำใช้ลิ้นตวัดพัวพันภายในช่องปากอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง จินไห่ที่เริ่มแรกเป็นฝ่ายรุกไล่ก่อนตอนนี้กลับโดนต้อนให้คล้อยตามอย่างว่าง่าย

มือที่ลูบไล้ไปทั้วแผ่นอก เริ่มหาจุดโฟกัสที่ตุ่มเนื้อชมพูสวยเด่น ต้นน้ำใช้นิ้วดุนดันเคลียคลอจนแข็งตึง แล้วค่อยๆ เลื่อนลงไปตามความยาวลำตัวและสอดมือเข้าไปในร่มผ้าห่มผืนบาง เขาพบหน่วยหนึ่งที่แข็งตั้งลำ เข้าใช้มือกำและผ่อนแรงดึงขึ้นลงอย่างเนิบนาบ

จินไห่ร้องออกมาด้วยความสุขสันต์ จนเปล่งเสียงลอดซี่ฟันของต้นน้ำ ต้นน้ำจึงตัดสินใจเลื่อนปากลงต่ำ ใช้ลิ้นอั่นชุ่มชอนไชไปตามผิวสีแทนไหม้แดดอย่างหิวกระหาย ภายใต้เสียงร้องของคนที่ได้สัมผัสมันอย่างลืมตัว

ลิ้นเลื่อนลงต่ำไปจนถึงติ่งเนื้อกลางอก ต้นน้ำไม่รอดช้าที่จะใช้ลิ้นและริมฝีปากบรรเลงเพลงรักอย่างสุดฝีมือ จนเขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายขนลุกชูชันไปหมด

ยังไม่ทันให้จินไห่ได้พักหายใจ เขาตัดสินใจเลื่อนปากลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว เขาเปิดผ้าห่มที่คลุมจุดยุทธศาสตร์อีกฝ่ายอยู่และจุดนั้นก็ยังอยู่ในกำมือของต้นน้ำ

ต้นน้ำเห็นสิ่งนั่นเติบโตเต็มที่เต็มมือดี มันสวยงามตามธรรมชาติของมัน เขาจึงตัดสินใจใช้ริมฝีปากคลอบสิ่งนั้นไว้จนมิด ใช้ปากต่างมือรูดเร้นขึ้นลงจนจินไห่ร้องออกไม่เป็นภาษา

ต้นน้ำฟังเสียงร้องแปลกๆ จากอีกฝ่ายก็ยิ่งเครื่องร้อน มันแปลว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้ปากกับจุดนี้ของผู้ชาย มันแปลกที่เขาไม่รู้สึกรังเกียจสิ่งที่อยู่ในปากเขาแม้แต่น้อย อาจเพราะมันเป็นของคนที่เขารัก เขาเค้นทุกลีลาที่เขาคิดว่าแม้แต่ตัวเขาต้องชอบ ทำมันอย่างนั้นอยู่นานจนกระทั้งจินไห่ตัวสั่นไปหมดพร้อมกลืนน้ำลายและเสียงประหลาดเหล่านั้นลงคอไป

จินไห่จับสันกรามอีกฝ่ายให้สูงขึ้น ให้คายสิ่งที่เป็นของตนออกจากวงปากที่เย้ายวน ไม่นานไออุ่นจากจินไห่ก็พุ่งขึ้นสูงจนเลอะเทอะไปหมด กลิ่นไออุ่นอบอวลห้องแอร์ไปหมด ทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ แต่ตัวจินไห่กลับเปียกโชกไปด้วยเหงื่อและแดงไปทั้งตัว

“เซ็กซี่ฉิบหาย!!” ต้นน้ำเอ่ยขึ้นเบาๆ

“ตาน้องแล้วนะ” จินไห่ขยับเข้ามาใกล้ด้วยแววตาดุจสัตว์ร้ายที่พร้อมขย้ำเหยื่อ

............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
หลายวันผ่านไปนับจากเรื่องวุ่นวายช่วงเที่ยวต่างจังหวัด ต้นน้ำก็ยังคงอยู่บ้านจินไห่แบบข้าวใหม่ปลามัน เขากลับบ้านน้อยลงจนแม่เขาทักเป็นห่วงทุกครั้งเรื่องงานที่รับจ้างจากจินไห่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ลำบากใจที่จะตอบกลับว่างานเยอะหรือยุ่ง เพราะชีวิตส่วนใหญ่หลังจากกลับจากเรียน ต้นน้ำก็คลุกอยู่กับเตียงกับจินไห่แทบจะตลอดเวลา

งานเขียนแบบที่เคยคิดจะทำให้จริงๆ จึงคงค้างอยู่ที่แบบร่างอยู่แบบนั้น กระดาษวาดแบบถูกม้วนสุมๆ อย่างไม่ใส่ใจบนโต๊ะทำงานในห้องนอนที่ตอนนี้เป็นห้องของพวกเขาทั้งสองคนโดยสมบูรณ์แล้ว

“ไอ้ต้นน้ำ ไอ้เชี้ยนี่มึงจะรีบกลับไปไหน บ้านมันไม่มีเดินหนีมึงหรอก!!” ไอซ์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิททักขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนตัวเองเตรียมออกสตาร์ทจากห้องเรียนคาบสุดท้าย

“เชี้ยอะไร หากไม่มีธุระอะไรสำคัญก็เอาไว้ทีหลังกูรีบ!!” ต้นน้ำหันควับมาต่อว่าเพื่อนที่เรียกรั้งเขาไว้

“ธุระอะไรของมึงช่วงนี้!! มึงโดนซ้อมบาสฯ มาหลายวันติดกันแล้วนะ !!” เฟรมประธานทีมบาสเกตบอลเอ่ยสวนขึ้นก่อนที่ไอซ์จะกล่าวสวน ไอซ์หันไปนิ่วหน้าใส่พี่ชายฝาแฝดด้วยคำพูดไร้เสียงว่า ‘กูก่อน!’

เฟรมพยักหน้ายอมน้องชาย และเดินออกไปนอกห้อง เฟรมชี้หน้าใส่ต้นน้ำและพูดเสียงเรียบ

“กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกัน”

“เฮ้ย! ไปก่อนนะ ปล่อยให้ไอ้ไอซ์จัดการไป” ต้นกล้าเพื่อนสนิทอีกคนกระโจนกอดคอและพาแฝดพี่ออกจากห้องเรียนไป

“พวกมึงเป็นไรกันวะ!! กูมีความสุขดี พวกมึงจะอะไรกับกูหนักหนา คิดว่ากูอยู่ในช่วงฮันนีมูนอะไรแบบนี้สิ ปล่อยกูไปก่อนนะ” ต้นน้ำทำเสียงอ้อน เมื่ออยู่กันสองคนเขารู้ดีว่าเพื่อนคนนี้ต้องใช้ไม้นี้แหละถึงจะรอดตัว

“เฮ้ออออ มึงเนี่ยนะ...” ไอซ์พ่นลมหายใจออกยาว

“ทำไมเหรอ มึงมีเรื่องอะไรจะพูดกับกู” ต้นน้ำเอ่ยถามด้วยความสงสัยในท่าทีของเพื่อน

“พูดกับมึงไปก็เปล่าประโยชน์...” ไอซ์บ่นงึมงำ

“อะไรของมึง เรียกกูมาฟังมึงพูดคนเดียวหรือไง? กูรีบ!!” ต้นน้ำนิ่วหน้ามองนาฬิกาข้อมือตนเอง

“งั้นงี้! กูขอไปฝากท้องกับพี่จินไห่หน่อย ขอคุยธุระตอนกินข้าวก็แล้วกัน” ไอซ์ทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ก่อนพูด

“เชี้ยอะไร!! ไม่เอา!!” ต้นน้ำรีบปฏิเสธ

“มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธกู!!” ไอซ์เดินมากอดไหล่อีกฝ่ายแล้วลากไปตามทิศที่ต้องการ

.............

ณ ร้านอาหารของจินไห่ช่วงเย็นที่ยังคงเห็นแสงสุดท้ายของดวงตะวันที่ขอบฟ้าทิศตะวันตก เนื่องจากต้นน้ำได้โทรศัพท์บอกจินไห่ว่าจะมีเพื่อนอย่างไอซ์เข้ามาฝากท้องร่วมกินมื้อเย็นด้วย ทางด้านจินไห่จึงจัดพื้นที่ส่วนหนึ่งของร้านอาหารให้กับมื้อเย็นดังกล่าว

“โห...พี่.... ต้องขนาดนี้เลย” ไอซ์เอ่ยทักหลังจากเดินมาจนถึงส่วนนอกชานกลางแจ้งริมสวนสวย ที่ถูกจัดโต๊ะสำหรับมื้อเย็นมื้อนี้ บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารอาหารนานาชนิด

“ลาภปาก!” ต้นน้ำอุทานเมื่อได้เห็นอาหารบนโต๊ะ เพราะปกติพวกเขาก็จะกินมื้อเย็นกันสองคนด้วยอาหารง่ายๆ ที่พอจะหาได้ในตู้เย็นที่ปรุงโดยจินไห่

“ก็พี่ไม่รู้ว่าจะมากี่คน ใครบ้าง ไม่รู้จะเตรียมอะไรให้ถูกปาก ก็เลยทำมาอย่างที่เห็น”
จินไห่ที่เดินออกจากส่วนครัวหลังร้านออกมายิ้มต้อนรับทั้งสองที่เดินเข้ามาพร้อมอุทานเสียงดัง

“โอย....กูจะบ้า ไอ้ต้นน้ำ!! นี่มึงบอกพี่เขายังไงวะ?!?” ไอซ์หันมาหาไอ้ตัวการ

“ก็บอกว่ามีเพื่อนมาด้วย”

“แค่เนี่ย!!!”

“เออ” ต้นน้ำที่ไม่ทุกข์ร้อนและยังดูมีความสุขกับอาหารเต็มโต๊ะตรงหน้าตอบสั้นๆและยิ้มให้แฟนหนุ่มตรงหน้า

ไอซ์รู้สึกถึงความเปลี่ยนไปของต้นน้ำจนถึงขั้นกดขมับทั้งสองข้าง และตัดสินใจถูกแล้วที่ขอตามมาวันนี้

“จริงๆ ผมกินเหมือนที่พวกพี่กินทุกครั้งก็ได้ครับ นี่มันมากไป” ไอซ์กล่าวอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไร ถือว่าได้ลองเมนูใหม่ๆ ที่พี่อยากลองทำ เผื่อจะได้ช่วยพี่วิจารณ์ด้วยไง อันไหนดีพี่จะได้เอาลงเมนูหลักดู”  จินไห่ตอบแบบใจดี

“มึงก็จริงจังเกินไปป่ะวะ นี่กูนึกว่ามากับไอ้เฟรมเลยนะเนี่ย?!?” ไอซ์ยิ้มพลางพูดด้วยท่าทีทะเล้น

“โอเค งั้นกูจะเข้าเรื่องแล้ว” พูดกับเพื่อนจบก็มองหน้าจินไห่และกล่าวต่อ “ผมมีเรื่องจะขอร้องพี่หน่อย”

“อะไรของมึง?!?” สีหน้าต้นน้ำแปลกใจกับการที่เพื่อนสนิทเข้าโหมดจริงจังเร็วขนาดนี้ มื้อเย็นเลิศหรูอยู่ตรงหน้าจะรีบร้อนทำไมก็ไม่รู้

“เรื่องของมึงนั่นแหละ แต่ขอกินข้าวก่อนนะกูหิว แฟนมึงนี่เสน่ห์ปลายจวักดีเหลือเกิน หอมจนเรียกน้ำย่อยกูไปหมด แทบลืมหมดแล้วว่าจะพูดอะไร”  อยู่ๆ ไอซ์ก็กลับมาเป็นตัวเองเสียอย่างนั้น จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะอาหารตรงหน้ามันดูดีเสียเหลือเกิน

หลังจากจัดการอาหารตรงหน้าทุกจานเหมือนอดข้าวมาสามวัน ไอซ์ก็พร้อมพูดกับจินไห่และต้นน้ำ

“มีเรื่องอะไรจะไหว้วานพี่ล่ะ? ไม่ต้องวิจารณ์เรื่องอาหารแล้ว พี่เห็นพวกเรากินก็พอจะรู้แล้วว่ามันขายได้แน่นอน” จินไห่ทักขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังตัดสินใจเริ่มพูด รู้ถึงความอารมณ์ดีมากับน้ำเสียงเมื่ออาหารถูกปากแขกที่มา

“มันอร่อยทุกอย่างเลยครับ ของคุณพี่มากๆครับ” เมื่อเห็นเพื่อนสนิทพูดประจบจนน่าหมั่นไส้ ต้นน้ำก็อดจะเบะปากไม่ได้ แต่ก็ไม่พ้นสายตาไอซ์ เขามองตาขวางใส่ทันทีที่อีกฝ่ายกำลังทำกิริยานั่นอยู่ ต้นน้ำเปลี่ยนเป็นยิ้มให้แทบไม่ทัน

“เรื่องที่จะขอร้องก็คือ...... พี่ช่วยจัดการต้นน้ำที่เกเรเรื่องเรียนได้ไหมครับ! ทุกวันนี้มันคลุกอยู่กับพี่จนแทบไม่ขึ้นเรียน ไม่ส่งงาน ไม่สนใจเชี้ยอะไรเลยครับ คนหวังดีเตือนมัน มันก็จะแว้งกัด” ไอซ์ร่ายยาว

“กัดพ่อง กูไม่ใช่หมา กูไม่....” ยังไม่ทันที่ต้นน้ำจะโต้ตอบจบประโยคก็โดนไอซ์ขัดขึ้นมา

“นี่ไง!! มึงร้อนตัว!!”

“ร้อนตัวพ่อง....กูเข้าเรียนทุกวัน!!”

“แต่มึงไม่เคยส่งงานไง!! คะแนนเก็บมึงจะไม่ถึง มึงจะต้องเรียนซ้ำนะมึง!!”

“มึงเป็นอะไรกับกูถึงได้มาสั่งสอนกูจัง กูรู้ว่าอะไรควรทำเมื่อไหร่!”

“แต่มึงค้างส่งทุกวิชา!! ในฐานะที่เป็นประธานด้านวิชาการของชั้นปี กูยอมเห็นมึงเกรดตกไม่ได้ เพื่อนเป็นเพื่อนกูนะ!!”

“หยุด!!!”  เสียงจินไห่ตะโกนดังลั่นเพื่อหยุดเด็กตรงหน้าทะเลาะกัน

“ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง?” จินไห่ถามไอซ์ด้วยท่าทางอึดอัดเก็บกดอารมณ์โกรธไว้ภายในแต่เสียงยังคงเรียบเฉย

แต่ต้นน้ำรู้สึกขนหัวลุกไปหมด ไอซ์ทำเพียงพยักหน้าตอบผู้ใหญ่ตรงหน้าที่แผ่รังสีน่ากลัวออกมา

“ขอบคุณมาก ไอซ์กลับไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่คุยกับต้นน้ำให้” จินไห่ยิ้มส่งให้ไอซ์ ส่วนไอซ์ได้แต่ก้มศรีษะเพื่อขอตัวกลับไปก่อน ทิ้งให้บรรยากาศตรงนั้นมาคุน่ากลัวมาก

“เดี๋ยวพี่ไปส่งเพื่อนเรา ต้นน้ำอยู่นี่แหละ” จินไห่พูดเสียงเรียบกับต้นน้ำและลุกขึ้นทันที ไอซ์รีบลุกตามไปทันที

หลังจากที่พูดคุยบางอย่างเป็นการส่วนตัวระหว่างจินไห่กับไอซ์ จินไห่ก็ส่งยิ้มส่งไอซ์ที่ขอตัวกลับไปก่อน เพียงแค่วูบเดียวแววตาของจินไห่ก็ปรับเปลี่ยนเป็นโหมดสัตว์ร้ายทันที เขาหันไปจ้องคนที่ไร้ความรับผิดชอบที่ตอนนี้ยังนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ที่โต๊ะ

“วันนี้ต้นน้ำกลับไปนอนบ้านนะ แล้วหากยังจัดการเรื่องตัวเองไม่เรียบร้อยก็ยังไม่ต้องกลับมา” ผู้ใหญ่กล่าวเสียงเรียบ

“ไม่เอาอ่ะพี่ ผมขอเคลียร์งานที่บ้านพี่ได้ไหม? ผมสัญญานะว่าจะไม่เกเรอีกแล้ว” ต้นน้ำหันกลับมาพูดด้วยสายตาอ้อนวอน

“ต้นน้ำได้ทำลายความไว้ใจของพี่หมดแล้ว ที่ผ่านมาคิดว่าพวกเรามีความสุขกันมาก แต่พี่ไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเป็นยาพิษ!” จินไห่หลับตาปี๋ไม่มองคนตรงหน้า เขาไม่อยากจ้องมองสายตาที่เขามักพ่ายแพ้ให้เสมอ

“พี่! น๊าาา ผมจะตั้งใจเรียน ตั้งใจทำงานส่ง ผมจะไม่เกเร ขอผมอยู่กับพี่นะ” ต้นน้ำรุกคืบมาจับมืออีกฝ่ายเขย่าไปมาเหมือนเด็กเล็กงอแงจะเอาของเล่น ไม้ตายที่เขาใช้กับแฟนทุกคนที่ผ่านมา  ใช้แววตาใสๆ หน้าตาน่ารักๆ ของตัวเองอ้อนคนตรงหน้าอย่างสุดความสามารถ

จินไห่ที่หลับตาอยู่ยิ่งไม่กล้าเปิดตามอง และยังคงปฏิเสธแข็งขัน พร้อมทั้งบอกอีกว่า เขาจะให้ไอซ์รายงานเรื่องนี้ผ่านไลน์แชททุกวัน หากไม่เรียบร้อยก็ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้าอีก และลงท้ายด้วยว่า

“ที่พี่ทำเพราะหวังดีนะ”

แล้วจินไห่ก็หันหลังเดินเข้าบ้านทันที ต้นน้ำรับลุกขึ้นเดินตามเพื่อจะไปตื้อให้ได้อยู่ที่นี่ต่อ จะให้เขากลับไปนอนคิดถึงแฟนตัวเองที่บ้านแบบนี้ได้ยังไง ยิ่งบ้านอยู่ใกล้กันแค่นี้ ที่ผ่านมาเขาต้องนอนกกกอดแฟนคนนี้ทุกคืน กิจกรรมร่วมกันก็มีทุกคืนทุกเช้า จนกลายเป็นเสพติดจินไห่ไปแล้ว

ต้นน้ำพยายามเข้าบ้านของจินไห่ทุกทางที่มีช่องให้เขาสามารถเข้าได้ทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างทุกบานล้วนถูกผนึกปิดล็อกหมดสิ้น เขาตะโกนอ้อนวอนอีกฝ่ายก็ไม่ตอบ จนเกือบเที่ยงคืน ต้นน้ำจึงตัดใจเดินกลับบ้าน ท่ามกลางสายตาให้กำลังใจจากลูกจ้างในร้านทุกคน ซึ่งรู้กันดีว่าทั้งสองคนคบกันจริงจัง แต่ถูกจินไห่ขอร้องไม่ให้เม้าส์ต่อๆ ยังไม่อยากให้ที่บ้านของต้นน้ำรู้ เพราะอยากให้เรียนจบก่อน

ต้นน้ำเดินเข้าบ้านตัวเองด้วยสีหน้าเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ดูหม่นหมองและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำกับเขาขนาดนี้

ต้นน้ำรู้ตัวตนเองผิดที่ไม่ใส่ใจการเรียนเท่าที่ควร
 
“เรื่องพวกนี้ก็คุยกันได้ป่าววะ ไม่ใช่ว่าจะหมดเทอมอยู่วันสองวันเสียเมื่อไหร่!”  ต้นน้ำบ่นอุบอิบขณะเดินผ่านชั้นลอยซึ่งถูกออกแบบให้เป็นห้องนั่งเล่นของบ้าน

“อ้าวววว วันนี้กลับบ้านได้ด้วย ลูกชายฉันหายไปเลย ฉันนึกว่าแกได้เสียเป็นเมียน้องไห่แล้วนะเนี่ย กลับมาบ้านบ้างนะ ทำไมเหรอ? น้องไห่ตามใจแกมากสินะ นี่คงหนีเที่ยวทุกวันใช่ไหม? แม่โทรหาเขาทุกวันเลยนะ ให้ช่วยเป็นหูเป็นตา ให้งานเสร็จเร็วๆ ไม่ใช่ให้ปล่อยแกไปเที่ยวเล่นไม่สนใจการเรียน!!” แม่ต้นน้ำบ่นยาว

“งาน? อ้อ!!” ต้นน้ำหันมาบ่นลอยๆ พลางคิดอย่างหงุดหงิดว่าทำไมทุกคนคิดว่าเขาเป็นเมียกันทุกคนด้วย

“นี่แกไปทำงานจริงไหมเนี่ย? หรือพี่ไห่ของแกช่วยปิดเรื่องที่ไปติดหญิง!?!” แม่ขมวดคิ้วเข้าหากันส่งเสียงสูง

“โหย.... แม่ติดยงติดหญิงที่ไหน ไม่มีเสียหน่อย ไปอยู่นั่นก็เรื่องงานล้วนๆ!!” อันแรกเรื่องจริง อันนี้หลังนี่จริงครึ่งหนึ่ง แต่ช่วงหลังมานี่งานออกแบบไม่คืบหน้าเลย

“อย่าให้ฉันจับได้ก็แล้วกัน!! แล้วเมื่อไหร่จะเสร็จงาน แบบนี้แม่ต้องได้ค่านายหน้านะ!!” แม่ต้นน้ำกล่าวต่อแบบไม่มีช่องไฟ

“ยังไม่ไปถึงไหนเลย.... ก็.... งานที่มหาวิทยาลัยมันเยอะ ที่กลับมาเนี่ยก็เพราะมีหลายงานที่ต้องมาหา reference ที่บ้านเนี่ย ข้อมูลอุปกรณ์ไม่พร้อม เดี๋ยวไม่ทันส่งเดดไลน์! ไปแล้วนะแม่ รีบๆ อยู่!” ต้นน้ำพูดจบก็สาวเท้าเดินจากมาทันที เดี๋ยวพูดมากกว่านี้จะโดนจับได้เสียป่าวๆ แม่เขาก็ไม่ธรรมดาอยู่ด้วย ต้นน้ำไม่เคยโกหกแม่เขาได้นานเกินเดือนเลยสักครั้ง

“ไปไม่ลา มาไม่ไหว้เหมือนเคย นี่แม่แกนะ!!” แม่เขาโวย

“คร้าบบบ สวัสดีครับแม่ ไปก่อนนะครับ ผมขอตัวไปทำงานส่งอาจารย์ก่อนนะ เดี๋ยวเรียนไม่จบ!!” ต้นน้ำพูดยานคางแสร้งทำตัวเรียบร้อยเกินเบอร์ จนแม่เขาคว่ำปากใส่ด้วยความเอ็นดู

ต้นน้ำเดินถึงห้องปิดประตู ใช้สองมือตบใบหน้าตนเองเบาๆ ตั้งสติและหยิบโทรศัพท์ เพื่อกดเบอร์เพื่อนสนิททันที

“มึง! กู...กูขอโทษ ช่วยส่งรายการงานทุกอย่างมึงรู้มาให้กูหน่อย!!” ต้นน้ำสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนพูด

“กูว่าแล้วต้องได้ผล!! ได้ๆ กูเตรียมไว้หมดแล้ว เดี๋ยวส่งอีเมลให้ มึงไปดูเอาล่ะกัน ส่งภายในสิ้นเดือนนะมึง!” ปลายสายตอบกับมา

ต้นน้ำเหลือบมองปฏิทินที่มุมห้อง สิ้นเดือนมี่ว่าคืออีกเกือบสองสัปดาห์

“นานไป กูทำเสร็จให้หมดภายใน สามวันเลย!!” ต้นน้ำตอบหลับฉับไว

“เชี้ย!! มึงดูไฟล์ที่กูส่งให้ก่อนไหมค่อยพูด!! แต่จะให้กูช่วยอะไรก็บอกแล้วกันนะ” เสียงเพื่อนสนิทแสดงอาการเป็นห่วง

.............

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
.............

สามวันแล้ว.......

สามวันที่ความมุมานะของต้นน้ำค่อยๆ ถดถอยลงตามเวลา งานที่ต้องส่งอาจารย์ทั้งงานกลุ่ม งานเดี่ยว ในช่วงเวลาการฮันนี่มูนของเขา มันเยอะมากเสียจนเขาอยากมีของวิเศษจากแมวหุ่นยนต์แห่งโลกอนาคตมาช่วยให้เขาทำงานให้เร็วขึ้น

สามวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาทั้งหมดกับการเรียนและการทำงานที่คั่งค้างอยู่ให้หมดโดยเร็ว แต่อนิจจา ช่วงปลายเทอมแบบนี้มันเหมือนเคราะห์กรรมของพวกเรียนสถาปัตย์ฯ ที่ต้องตกนรกกับงานจำนวนมหาศาลจากคณาจารย์ประจำคณะฯ  ไม่รวมกับที่ต้องเตรียมตัวสอบอีก ต้นน้ำอยากจะร้องไห้เป็นสายเลือด

ปกติเขาไม่เคยเกเรแบบนี้ เขาไม่คิดว่าการไม่ใส่ใจเรื่องเรียนไปเกือบเดือนของเขาจะมีพิษสงร้ายกาจขนาดนี้ จากที่คิดว่าสบายๆ ตอนนี้อยากจะหมดสติกลับเข้าสู่โหมดความฝัน หนีจากโลกแห่งความเป็นจริงที่แสนจะโหดร้ายเสียให้ได้

โชคดีที่มีเพื่อนดีๆ และเรียนเก่งอย่างไอ้ไอซ์ เพราะหลังจากที่ทำงานตนเองเสร็จ มันก็โดดมาช่วยผมแบบเต็มเวลา แต่สิ่งที่มันช่วยต้นน้ำไม่ได้คือ ..การเติมเต็มช่องว่างในจิตใจ....การคิดถึง...โหยหาคนที่อยู่บ้านใกล้กันแค่นี้ เห็นหลังคาบ้านแต่ไม่เห็นหน้า...

ต้นน้ำพอจะทราบว่าจินไห่แอบโทรศัพท์มาถามเรื่องของเขาบ่อยๆ จากไอซ์ ทำให้จินไห่รู้ความคืบหน้าโดยตลอดของต้นน้ำ

ต้นน้ำพยายามแชทไลน์ไปหาหลายครั้ง แต่จินไห่ตอบกลับมาเพียง
‘จัดการเรื่องเรียนให้เรียบร้อย!!’ เท่านั้น

เลขนาฬิกาเข็มสั้นชี้เลขสิบในช่วงที่ท้องฟ้ามืดมิดไร้ดาว มีเพียงแสงจันทร์เต็มดวงคอยสาดส่องแสงนวลขาวไปทั่วสวนผลไม้เก่าที่ขาดการดูแลอย่างดี ต้นน้ำที่ยืนบิดขี้เกียจอยู่ที่ริมหน้าต่างอย่างเหนื่อยล้า จากการเร่งทำงานส่งตามภารกิจที่นักศึกษาปีสาม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ควรกระทำ

ในขณะที่เพื่อนสนิทอย่างไอซ์นอนพักสายตาจากการช่วยสร้างโมเดลจำลองอาคารทรงทันสมัย เพื่อนไอซ์หลับตาลงทั้งๆ ที่มือไม้เปรอะเปื้อนไปเศษกาวและเศษวัสดุที่ใช้ในการประดิษฐ์ ต้นน้ำได้โอกาสเฝ้ามองไปทางสวนหลังบ้าน ทิศทางที่มีบ้านที่เขาเคยไปอาศัยอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ผ่านมา

ต้นน้ำรู้สึกเบาโหวงที่หน้าอกอย่าบอกไม่ถูก เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลย การคิดถึงใครสักคนที่เราไม่สามารถเดินไปหาเขาได้ทั้งที่อยู่ใกล้แค่นี้มันทรมานจนเขาไม่อยากจะเชื่อ แต่สัญญาต้องเป็นสัญญา หลังจากที่เขาอาศัยอยู่กับจินไห่มาพอสมควรทำให้รู้ว่าจินไห่เข้มงวดขนาดไหน ยิ่งได้รู้จากไอซ์ว่าจินไห่เองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ถึงได้ขอร้องให้ไอซ์มาช่วย แต่ก็ไม่ยอมผ่อนปรนให้ตนเองหรือกับต้นน้ำเลย จินไห่ได้ลั่นวาจาไว้ว่าอย่างไร เขาก็จะทำแบบนั่นให้ได้

ดังนั้นหากงานไม่สำเร็จเรียบร้อยเขาคงไม่สามารถไปพบหน้าจินไห่เป็นแน่

ต้นน้ำหาวเสียงดังออกไปด้านนอกหน้า อยู่ๆ สายตาเขาก็ไปจับจ้องไปที่แสงไฟวูบวาบอยู่ในสวนใกล้ต้นไม้ไม้ใหญ่ต้นนั้น ต้นน้ำหันไปหาเพื่อนสนิทตนเองที่ตอนนี้ถูกส่งไปเฝ้าเทพนิทราเสียแล้ว เสียงหายใจวืดวีดแสดงถึงอาการหลับลึก ต้นน้ำรู้สึกสงสารปนนับถือเพื่อนคนนี้มาก ที่มาตรากตรำทำงานกับเขาแบบไม่มีบ่นสักคำ (หรือมาเฝ้าให้ทำงานก็ไม่รู้)

เมื่อเห็นอีกฝ่ายน่าจะไม่ตื่นง่ายๆ เขาจึงย่องเบาออกไปจากห้อง และออกไปที่สวนอย่างเร่งรีบทันที


ในสวนหลังบ้านของต้นน้ำ ตอนนี้มีเพียงแสงสลัวจากบ้านโดยรอบเพื่อให้เขาพอที่มองเห็นทางเดินบ้าง แม้สายตาจะปรับให้รับกับแสงเท่าที่มีอยู่ได้ แต่ก็เป็นการเดินทางที่ลำบากอยู่ไม่น้อย

ปกติแล้วต้นน้ำไม่เคยคิดที่จะออกเดินในสวนหลังบ้านของเขาในเวลาแบบนี้ เพราะมันทั้งมืดทั้งกว้าง และรกไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า แต่วันนี้เขามีจุดหมายปลายที่ไปเพราะความโหยหาคิดถึง ทำให้เขาไม่คิดกลัวสิ่งเหล่านั้นเลย

ต้นน้ำเห็นแสงเทียนที่ไหวตามลมอ่อนอยู่หลังเงาไม้น้อยใหญ่ทางด้านหน้า ทำให้เขาต้องชะลอฝีเท้าลง ต้นน้ำกลับเพิ่งคิดไปได้ว่าหากคนที่อยู่ ณ ปลายทางไม่ใช่คนที่เขาคิดถึงอยู่จะเป็นเช่นไร เพราะพื้นที่ตรงนี้ก็มักจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาบูชาต้นไม้ต้นนั้นอยู่บ่อยครั้ง

ต้นน้ำตัดสินใจค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปอย่างเงียบเชียบ พยายามเดินไม่ให้เกิดเสียงใดๆ จนกระทั่งเห็นเงาคนปรากฏอยู่ในคลองสายตา เงาร่างที่เขารู้จักอย่างดี แม้จะมีแสงจากเทียนเพียงไม่กี่เล่ม เขาก็จำเงาร่างในแสงสลัวได้อย่างดี เงาร่างที่เขาเคยกกกอดในความมืดมาแล้วหลายวัน เงาร่างที่เขาถวิลหาทุกลมหายใจเข้าออก

เท้าของต้นน้ำต้องการจะสืบออกไปหาคนที่ยืนนิ่งเหม่อลอยใต้ต้นไม้ใหญ่แต่ในจิตใจของเขากลับห้ามเขาไว้ เพราะภารกิจของตนเองยังไม่เสร็จ ก้าวเท้าออกไปรังจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ หลังจากที่ร่างกายและจิตใจต่อสู้กันพักใหญ่ ต้นน้ำก็ตัดสินใจหยุดนิ่งแอบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ไม่ไกลจากจุดที่เงาร่างนั้นยืนอยู่

แต่ด้วยที่ในสวนแห่งนี้มีสิ่งมีชีวิตมาเยือนค่อนข้างน้อย ทำให้ยุงบริเวณนี้ดุกว่าปกติ พวกมันพยายามไต่ตอมคนที่แอบอยู่หลังพุ่มไม้อย่างหิวกระหาย ต้นน้ำแอบสงสัยว่าเจ้าของเงาร่างนั้นทนได้อย่างไร

เพี๊ยะ!!

ต้นน้ำเผลอตบยุงที่บินเข้ามากัดเขาที่คออย่างไม่ตั้งใจ

“ใครนะ!!” เจ้าของเงาร่างตกใจและชูสิ่งเหมือนกับกระบองไม้ยาวประมาณหนึ่งขึ้นมาหมายว่าเป็นอาวุธป้องกันตัว

“เฮ้ย!! พี่ เดี๋ยวๆ ผมเอง!!” ต้นน้ำพุ่งออกจากเงาไม้และยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

“อ้าว! ต้นน้ำ.... เดี๋ยวนะ มาอยู่นี่ได้ไง ไอซ์บอกพี่ว่าทำโมเดลกันอยู่นี่ ใกล้เดดไลน์แล้วไม่ใช่เหรอ?” แม้ไม่เห็นหน้า แต่ต้นน้ำก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าเกรี้ยวกราดอยู่ไม่น้อย

“เอ่อ.... ผมเห็นแสงไฟ....” ต้นน้ำพยายามคิดหาคำอธิบายสวยๆ

“ไม่มีความรับผิดชอบ!! พี่โคตรเกลียดคนที่ไม่มีความรับผิดชอบเลย ยิ่งพี่เห็นเราเป็นแบบนี้ มันก็ยิ่งตอกย้ำว่า ที่ต้นน้ำเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่!!” จินไห่โวยแทรกทั้งที่ต้นน้ำยังพูดไม่จบประโยค

“เดี๋ยวสิพี่ หากพี่เห็นแสงไฟในสวนบ้านพี่ พี่จะไม่ออกมาดูเหรอ?” ต้นน้ำคิดหาทางออกจนได้

“........” จินไห่ไม่พูดโต้ตอบ แต่ก็ทำให้รู้ว่าเขาเห็นด้วย

“แล้วพี่มาทำอะไรดึกๆ ดื่นๆ” ต้นน้ำขยับเข้าไปใกล้อีกนิด เขาอยากเห็นหน้าคนๆนี้ชัดๆกว่านี้

“หยุด! เรายังไม่ควรคุยกัน” จินไห่ยกมือขึ้นปรามอีกฝ่ายไม่ให้เดินมา เขาเดินหันหลังกลับไปทางบ้านตนเองทันที

“พี่ไห่!!” ต้นน้ำร้องเรียกอีกฝ่าย แต่จินไห่กลับใจแข็งไม่หันกลับมาแม้แต่ปรายตามอง

“พี่ลืมของ!!” ต้นน้ำชูกระเป๋าสะพายที่บรรจุของเบาๆ อยู่ในนั้น สองสามชิ้น

“วางไว้ตรงนั้นแหละเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าพี่มาเอา!” จินไห่ตะโกนกลับมาทั้งที่เดินไปด้านหน้าข้ามรั่วลวดหนามไปโดยไม่หันกลับมามอง

ต้นน้ำทำได้เพียงยืนมองอีกฝ่ายหายลับไปในความมืด หลังจากตั้งสติได้เขาก็มองพื้นที่โดยรอบที่เต็มไปด้วยเทียนหลายเล่ม เขารู้ว่าจินไห่เป็นที่มีอารมณ์ศิลปินสูง แต่ก็ไม่นึกว่าจะมากขนาดที่ว่าสามารถมายืนชมแสงจันทร์ยามค่ำคนเดียวแบบนี้

ครืด.....

เสียงโทรศัพท์ที่สั่นสะเทือนจนต้นน้ำแอบตกใจเพราะตอนนี้เขาเหลือตัวคนเดียวในภายใต้แสงเทียน

‘ใครวะ?’ เขาคิด มือของต้นน้ำล้วงโทรศัพท์มือถือจากในกระเป๋าด้วยปฏิกิริยาอัตโนมัติ เขาเห็นชื่อคนที่ส่งข้อความมาด้วยรอยยิ้ม ต้นน้ำปลดล็อกทันทีโดยแทบไม่ได้อ่านข้อความที่แสดงอยู่ที่หน้าจอแจ้งเตือน

พี่ไห่
‘ดับเทียนให้ด้วย! ลืม!’

ขอความสั้นๆ ที่อีกฝ่ายส่งมา หลังจากขาดการติดต่อจากอีกฝ่ายมาหลายวัน แม้จะไม่ใช่ข้อความแบบที่คิดไว้ มันก็ทำให้เขายิ้มได้อย่างกับคนบ้า

Ocean’s lover
‘คิดถึง’

หลังจากพิมพ์ส่งไป ต้นน้ำได้ยินเสียงเตือนข้อความเข้าจากที่ไม่ไกล

พี่ไห่
‘ไอ้เด็กบ้า ไม่คุยโว้ย ดับเทียนให้ด้วยหากไม่อยากให้สวนวอดวาย’

Ocean’s lover
‘เทียนใต้ต้นไม้น่ะดับแน่ แต่ไฟคิดถึงในอกนี่สิต้องให้พี่มาช่วยดับ’
เสียงเตือนข้อความเข้ายังอยู่ไม่ไกลเช่นเดิม

พี่ไห่
‘ดับเทียนแล้วไปทำงานให้เสร็จอย่ามาไร้สาระ!’
พร้อมส่งสติ๊กเกอร์หน้าโกรธมาด้วย

Ocean’s lover
‘พี่จุดธูปทำไมน่ะ ไล่ยุง? ทำไมไม่ใช้ยากันยุงดีๆ บ้านผมมีเยอะนะมาขอได้’
ต้นน้ำกดแป้นพิมพ์ตอบไปพลางดับเทียนไปพลางทีละเล่ม

พี่ไห่
‘เออ! ดับให้ด้วย’

Ocean’s lover
‘อยากเจอ อยากกอด อยากฟัด’
ต้นน้ำมองไปทางต้นเสียงข้อความแจ้งเตือนที่ดังขึ้น จินไห่คงคิดว่ามันไม่ดังพอที่เขาจะได้ยินหริอเปล่านะ แต่เขาได้ยินชัดเจน ใจอยากจะวิ่งไปกอดคนที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้มืดๆ นั้นแต่ทำแบบนั้น น่าจะทำให้อีกฝ่ายโกรธหนักกว่าเดิม

พี่ไห่
‘กลับไปทำงานให้เสร็จ!!’ พร้อมส่งสติ๊กเกอร์หน้าโหดมาอีกสามอันติด ต้นน้ำได้แต่ถอดหายใจหันหลังกลับ

ครืดดดดด

ต้นน้ำหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูตามสัญชาตญาณ

พี่ไห่
‘คิดถึงเหมือนกัน รีบทำงานให้เสร็จเร็วๆ สิ!!’

ต้นน้ำยิ้มกว้างและเดินกลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว

………………

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


บทที่ 19

Lost and found




โย่ววว!!!!

ต้นน้ำยกมือขึ้นยืดตัวร้องเสียงท่ามกลางเพื่อนๆ ในคณะเดียวกัน จนทุกคนในบริเวณใต้ตึกคณะฯ มองกันเป็นตาเดียว

เนื่องจากเป็นหนึ่งในพื้นที่สุมหัวทำงานของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ต่างจับจองกันทำงานส่งอาจารย์อย่างบ้าคลั่ง จนมีเหล่าศิษย์เก่าอุทิศเงินส่วนตัวสั่งซื้อโต๊ะ เก้าอี้อย่างดีมาให้รุ่นน้องไว้ใช้งานทั่วบริเวณ ดังนั้นปริมาณคนที่มองมาที่เขาย่อมเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น ต้นน้ำก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น เพราะงานที่โหมตรากตรำทำมาร่วมสองสัปดาห์ก็เห็นผล ทุกงานที่ส่งผ่านฉลุย แบบไม่ติดคอมเม้นต์ใดๆ

ซึ่งต้องยกเครดิตให้ไอซ์เพื่อนรักซึ่งตอนนี้มีหน้าตาหมองคล้ำไม่ต่างจากต้นน้ำเลย เพราะนอกจากจะต้องทำงานของตัวเองเสร็จแล้วยังต้องไปช่วยไอ้คนที่มีท่าทีจะได้เรียนใหม่ทั้งหมดพร้อมรุ่นน้องแน่ๆหากไม่ส่งงานที่มีเป็นกองยังกับภูเขา แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจว่าปีสามทำไมต้องทำอะไรขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครตั้งคำถามกับอาจารย์เพราะโดนรุ่นพี่เตือนไว้แล้วตั้งแต่ปีหนึ่ง

ต้นน้ำกอดคอเพื่อนรักที่นอนซบแขนตัวเองอย่างหมดแรง

“เออๆ ดีใจด้วยเพื่อน” ไอซ์พูดด้วยท่าทีสลึมสลือ ยกหัวขึ้นมาพูดก่อนที่จะหย่อนศรีษะตัวเองลงไปพับกับแขนตัวเองอีกครั้ง

“เชี้ยๆๆๆ แม่งเสร็จกันหมดแล้ว เหลือกูสิเนี่ย!” ต้นกล้าหนึ่งในเพื่อนสนิทอีกคนโวยลั่น ขณะโขกคีย์บอร์ดของแลปท้อปเครื่องใหญ่ของมัน

“มึงเนี่ยมีดีทุกอย่างนะ บ้านก็รวย หน้าตาก็ดี มีรถขับ เป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยอีกต่างหาก เสียอย่างเดียว โง่!! นี่มึงสอบเข้ามาได้ไงวะ!!” ต้นน้ำด่าเพื่อนด้วยอารมณ์ดี

“กูก็งงเหมือนกัน! อ้าว!! ไอ้สัด หลอกด่ากูนี่หว่า!!” ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาหลังจากที่กำลังปั่นงานจนไม่มีแก่ใจจะสนใจคนที่เสร็จงานทุกชิ้นอย่างต้นน้ำ

“เออดิวะ!! มึงเนี่ยทำให้ไอ้ไอซ์ต้องลำบากอยู่เรื่อย!!” ต้นน้ำว่าต่อ

“มึงไม่มีสิทธิ์มาว่ากูไอ้น้ำ! ไม่ใช่เพราะมึงเหรอ? เพื่อนไอซ์กูเหมือนซอมบี้แบบนี้ มันช่วยงานมึงจนไม่ต่างจากศพ!! แม่งน่าจะให้มึงอยู่เรียนต่ออีกสักปีจริงๆ” ต้นกล้าบ่นงึมงำพร้อมบอกเพื่อนซอมบี้ของเขา

“ไอ้เฟรมเพื่อนเลิฟมึงล่ะ ปกติตัวติดกันอย่างกะผัวเมีย มึงไม่ให้มันช่วย!!” ต้นน้ำแซวต่อ

“ติดเมียอย่างกับอะไรดี พอเสร็จงานก็หายไปอยู่แต่กับเมีย วันนี้มึงเห็นมันไหมล่ะ ป่านนี้คงเตรียมลงเสาเข็มกันแล้วมั้ง กับยัยชะนีมักมากนั่นน่ะ” ต้นกล้า บ่นไปทำงานไป

“พูดอย่างกับหึง” ต้นน้ำหยอกต่อ เขามักจะมีสงครามปากกับไอ้ต้นกล้าประจำเพราะมันเป็นคนปากเสียแต่ไม่คิดมากก็เลยสนุก

“หึงพ่อง!!” ต้นกล้ามองมาทางต้นน้ำตาเขียว

“ช่วยหยุดทะเลาะแล้วให้มันทำงานได้ไหม มึงเสร็จแล้วจะไปไหนก็ไป อย่ามากวนมัน!! กูขอร้อง กูอยากนอนตายอยู่ที่บ้านจะแย่ ทุกวันนี้กูอยู่กับแต่พวกมึงจนแม่กูจำหน้าไม่ได้แล้วมั้ง!!” ไอซ์ยกศรีษะขึ้นกล่าวไล่ต้นน้ำ

“เออ! กูไปก็ได้!! อยากไปกอดเมียใจจะขาด!!” ต้นน้ำยิ้มอารมณ์ดี

“เมีย! แหม! เดี๋ยวนี้เต็มปากเต็มคำนะมึง ทีเมื่อก่อนปิดกูจะตาย ไม่อายแล้วเหรอ!” ต้นกล้าสวนขึ้นมาด้วยหน้าตาหมั่นไส้

“เรื่องของกู!!” ต้นน้ำทำหน้าทะเล้นใส่เพื่อนและเดินจากไป

“มึงรีบทำได้แล้ว ทำไมไอ้เฟรมมันถึงส่งมึงมาให้กูด้วยนะ ไหนว่าจะแบ่งกันดูไง!!” ต้นน้ำได้ยินไอซ์บ่นเสียงดังขณะเดินออกจากที่นั่งประจำ

...........


ต้นน้ำเดินทางมาถึงบ้านของจินไห่อย่างเร่งรีบ เขาเดินหาจินไห่ไปทั่วร้านอาหารจนกระทั่งเจอคนที่เขาตามหาที่หน้าห้องครัว จินไห่ที่กำลังควบคุมพ่อครัวดูแลวัตถุดิบของร้านอาหารกึ่งตกใจและประหลาดใจที่ต้นน้ำเกินโผเข้ามากอดเขาโดยไม่สนใจสายตาของทุกคนทั้งบริเวณกำลังจับจ้องอยู่

“เฮ้ย!! มาได้ไง?” จินไห่ยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู นี่มันเพิ่งบ่ายสาม!

“ผมทำงานเสร็จแล้ว ตอนนี่เหลือแค่สอบปลายภาคแค่นั้น!!” ต้นน้ำทำเสียงอู้อี้ใส่ไหล่กว้างของจินไห่

“เฮ้อ.... นึกว่าอะไร ดีใจด้วย งั้นน้องก็เป็นที่ต้อนรับของบ้านหลังนี้อีกครั้ง” การพูดขึ้นของจินไห่ทำให้ต้นน้ำระลึกถึงช่วงเวลาก่อนหน้านี้ขึ้นมา ที่เขาไม่เป็นต้อนรับของพนักงานร้านนี้เสียเท่าไหร่ เพราะจินไห่สั่งไว้

“อืม....สุดยอดเลย” ต้นน้ำสูดอากาศภายใต้เสื้อเชิ้ตแขนสั้นของจินไห่เข้าเต็มปอด

“พอได้แล้ว ไปพักรอที่บ้าน ไป๊!” จินไห่ผลักอีกฝ่ายให้ถอยครึ่งก้าวพร้อมยิ้มให้อย่างเอ็นดู

“อืมมมม งั้น.... พี่ไปส่งผมหน่อย” ต้นน้ำทำหน้าอ้อนจนจินไห่เผลอยกยิ้มมุมปาก และหุบลงอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าอยู่ท่ามกลางลูกจ้างหลายคน

“โตแล้ว ไปเองเหอะ” จินไห่สั่นหน้า

“ไม่เอาอ่ะ!!” ต้นน้ำพูดจบก็ดึงแขนอีกฝากลากออกไปจากหน้าครัวทันที

จินไห่โวยวาย พยายามยื้อเล็กน้อยแต่พองาม แต่สุดท้ายก็เดินตามอีกฝ่ายไปอยู่ดี

หลังจากต้นน้ำลากจินไห่มาจนถึงห้องนอนแล้ว เขาเหวี่ยงสัมภาระทุกอย่างที่ติดตัวมาลงกับพื้น ใช้มือปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกอย่างรวดเร็ว และโผเข้ากอดอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว

จินไห่ที่เสียหลักเล็กน้อยแต่ก็เหมือนเตรียมใจไว้อย่างดี เขากดริมฝีปากตนเองไปที่ริมฝีปากที่ฝ่ายที่เตรียมท่ารออยู่ก่อนแล้ว ลิ้นที่เปียกชุ่มของต้นน้ำถลำลึกไล่เลาะไปตามฟันที่เรียงตัวสวยที่ด้านหน้าก่อนที่จะเข้าไปหยอกล้อสัมผัสกับลิ้นของเจ้าบ้านอย่างเร่าร้อน
มือมี่มีแต่ไอร้อนของต้นน้ำ ระรานไปทั่วร่างของจินไห่ เขารู้ว่าอีกฝ่ายผายผอมลงไปมาก เขารู้สึกว่าเนื้ออีกฝ่ายดูบอบบางลงไปเยอะจนรู้สึกถึงกระดูที่แข็งโปนเป็นร่อง ดูท่าคนที่ทรมานจากการห่างไกลกันจะไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวเสียแล้ว

ต้นน้ำดันตัวเองให้จินไห่ถอยร่นลงไปจนชิดขอบเตียง และใช้ร่างผลักอีกฝ่ายให้เอนนอนหล่นลงไปปะทะกับที่นอนที่อ่อนนุ่ม ต้นน้ำเห็นจินไห่นอนรอด้วยท่าทางเย้ายวน เขาจึงรีบถลาลงไปประกบร่างที่นอนหงายอยู่อย่างเปิดเผย

จินไห่ตอบรับโดยการจุมพิตกลับอย่างดูดดื่มทันที่ที่อีกฝ่ายร่อนลงมาถึงร่างของเขา

ทั้งสองนอนบดเบียดกันจนเสื้อผ้าของจินไห่ถูกปลดออกทีละชิ้นจนเหลือกางเกงชั้นใน ต้นน้ำละจากริมฝีปากและใช้ลิ้นชอนไชไปทั่วผืนคอบวกกับการใช้ริมฝีปากขบกัดเบาๆ ทำให้จินไห่เผลอคลางออกมาอย่างน่าอาย จินไห่แก้อายโดยการกอดรัดอีกฝ่ายแน่นขึ้น ต้นน้ำจึงได้แต่ผ่อนแรงตนเองลงมากอดจินไห่ให้แน่นขึ้น ใช้จมูกของตนซุกซอกคออีกฝ่าย และสูดหายใจเอากลิ่นไอเข้าปอดอย่างที่เขาถวิลหา

เขาทำอย่างนี้อยู่ หลายสิบวินาทีก่อนที่เสียงลมหายใจกลายเป็นเสียงหายใจแผ่วเบาอย่างสม่ำเสมอ

จินไห่สงสัยจึงยกศรีษะขึ้นดูจึงรู้ว่าอีกฝ่ายนอนหมดสภาพอยู่บนร่างของเขาอย่างสนิทและสบายใจเรียบร้อย สภาพร่างกายที่พักผ่อนน้อยของต้นน้ำทำให้เขาเผลอหลับไป

...................

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

เวลาผ่านไปมากกว่าสองชั่วโมง ต้นน้ำสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองซ้ายและขวาอย่างจงใจ ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟบริเวณโต๊ะทำงานที่อยู่ไม่ไกล เขามองสภาพโดยรอบในห้องที่ปิดม่านสนิท ต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกมาทั้งปอดอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าตัวเขาอยู่ที่ไหน มันเป็นสถานที่ๆ เขาอยากกลับมามากที่สุดที่หนึ่ง ห้องของจินไห่ ทำให้ได้รู้ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้ฝันไป เขาเสร็จสิ้นจากงานหฤโหดในช่วงปลายเทอมสุดท้ายของปีสาม

แกร๊ก!

เสียงลูกบิดประตูดังขึ้น เจ้าของห้องเปิดประตูเดินเข้าห้องมาด้วยรอยยิ้ม

“ตื่นแล้วเหรอ? หลับจนคิดว่าตายคาอกพี่ไปแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยังไม่รู้ตัวเลย” จินไห่พูดพลางเดินเข้ามานั่งบนเตียง

“ตายแบบนี้ มันก็คุ้มนะ” คนเด็กกว่าทำหน้าทะเล้นหลังจากมองดูเสื้อผ้าที่ตนเองใส่ และใช้มือข้างหนึ่งรั้งไหล่อีกฝ่ายให้เอนลงมานอนบนที่นอน

“ไอ้เด็กปากเสีย!!” จินไห่ยิ้มรับใบหน้าทะเล้นของไอ้เด็กหน้าตาดีที่เขาหลงรัก

“แล้วรักไหม?” ต้นน้ำพูดใส่หน้าอีกฝ่าย

จินไห่ทำได้เพียงยิ้มอย่างเขินอาย ต้นน้ำคิดว่านาทีนี่แหละที่เขาโหยหา เขารีบกดศรีษะตัวเองลงไปหมายจะบดขยี้ริมฝีปากแดงอวบอิ่มทางด้านล่างที่เปิดรับท้าทายเขาอยู่

“เดี๋ยว!! พี่เตรียมมื้อเย็นแล้ว” จินไห่ยกมือขึ้นมาปิดปากคนที่จู่โจมลงมาและออกแรงดันกลับไปตำแหน่งเดิม

ต้นน้ำได้แต่ทำเสียงโอดโอย แต่หลังจากเจอสายตาพิฆาตจากอีกฝ่ายก็ยอมรามือแต่โดยดี โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะต้องได้นอนที่นี่คืนนี้ ซึ่งจินไห่ก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ

“พี่ไห่เห็นกระเป๋าเป้ผมไหมครับ?” ต้นน้ำมองซ้ายขวาก่อนออกจากห้องนอน

“ก็วางไว้ที่เก้าอี้ไง ทำไม? ลืมอะไร?” จินไห่ที่กำลังเดินออกไปนอนห้องหันกลับมาชี้ทิศที่กระเป๋าวางอยู่

“ผมมีเรื่องจะถามพี่หลายเรื่องเลย แต่ตอนนี้หิวข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันก่อน” ต้นน้ำเดินมาคว้าคออีกฝ่ายเดินไปด้านหน้า

จินไห่เดินตามไปด้วยสีหน้าสงสัย แต่ต้นน้ำก็ทำแค่ยิ้มรับสีหน้าที่ส่งมาไม่พูดอะไร ไอ้สีหน้าทะเล้นแบบนี้แหละที่จินไห่รู้สึกหวั่นใจแปลกๆ

...............
 

หนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน อาหารที่จินไห่เตรียมให้จากฝีมือตัวเองล้วนๆ นั้น รสชาติต่างจากพ่อครัวของร้านอาหารให้พอควร ทั้งที่รูปลักษณ์ สีสันต์ และกลิ่นนั้นไม่ได้แตกต่างกันเสียเท่าไหร่

ต้นน้ำไม่อยากเอาไปเปรียบเทียบกับรสมือแม่เพราะมันดูเหมือนจะเนรคุณบุพการี แต่ก็ต้องยอมรับว่าต้นน้ำจัดการทุกอย่างบนโต๊ะราบเรียบจนกระเพราะของเขาทำงานหนักมาก เหมือนจะจุกเสียดจนแทบยืนไม่ไหว ต้นน้ำนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารต่อจนกระทั่งจินไห่เก็บล้างจานชามอาหารเหล่านั้นเรียบร้อย ถึงได้ขอเดินขึ้นห้องไปพร้อมกับจินไห่

จินไห่ยิ้มดีใจกับผลงานของตนเอง และคิดว่าคืนนี้ไอ้หนุ่มน้อยคนนี้คงไม่มีแรงจัดการเขาเป็นแน่ และนั้นก็เป็นไปตามแผนของจินไห่

“พี่ไห่....” ต้นน้ำทักขึ้นขณะที่เขานั่งผึ่งพุงอวบๆ ของเขาบนที่นอน จินไห่ที่กำลังเตรียมชุดนอนให้ตรงตู้เสื้อผ้าบานใหญ่ถึงกับสะดุ้งตกใจ เพราะเสียงที่ชวนให้คิดไปไกล

“อะไร!” จินไห่ทำเสียงยุ่ง

“เลิกทำตัวยุ่งแล้วมานั่งกับผมก่อนได้ไหม? ผอยากที่จะ...” ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ไม่เอาอ่ะ วันนี้พี่ยังไม่พร้อม!! พรุ่งนี้ได้ไหม? พี่ก็ต้องการนะ แต่เครื่องในพี่จะพังเอานะ!!” จินไห่หันกลับมางอแงเป็นเด็กๆ

“เดี๋ยวๆ ผมไม่ได้คาดคั้นพี่เรื่องนั้น แต่ถ้าพี่ต้องการพรุ่งนี้เข้าผมก็โอเค” ต้นน้ำยิ้มขำในลำคอกับอาการหน้าแดงของอีกฝ่าย
‘น่ารัก’ เขาคิดในใจได้แค่นี้

“อ้าวเหรอ? แล้วมีอะไรล่ะ?” จินไห่ยืนงงหยุดนิ่ง เขาคิดไม่ออกว่าเด็กชายตรงหน้าจะต้องการอะไรจากเขาอีก นอกจากเรื่องบนเตียง

ต้นน้ำอมยิ้มและลุกขึ้นไปหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าที่โต๊ะอ่านหนังสือ

“เรื่องนี้!” ต้นน้ำชูสมุดบันทึกเล่มเก่า ที่ใหญ่พอๆกับกระดาษเอสี่

“ขอบคุณนะที่เอามาคืน แต่....แล้วมันเรื่องอะไร?” จินไห่เดินไปจะไปหยิบสมุดที่ถูกชูขึ้นเหนืออกอีกฝ่าย แต่ก็ถูกต้นน้ำชักกลับ

“พี่เคยบอกว่าสมุดเล่มนี้...เป็นของพ่อพี่!!” ต้นน้ำจ้องหน้าจินไห่ด้วสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น

“พี่บอก?” จินไห่ทำหน้าสับสนกลับมา

“ใช่!”

“เฮ้ย!! ไม่จริง ไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ เอาคืนมา!!”

“ตอนเมาเมื่อวันก่อนไง!!”

“อืม.... จำไม่เห็นได้ เอาคืนมา!!”

“พี่ไห่! ผมถามจริงๆ!!”

“เออ! ใช่ แล้วไง เอาคืนมาได้แล้ว!”

“ผมขอโทษนะ แต่ผมจะบอกว่าผมแอบอ่านไปแล้ว”

“จนจบ?”

“อืม...”

“เฮ้อ..... ”
สุดท้ายจินไห่ก็ยอมจำนนโดยดี เขาผ่อนลมหายใจออกอย่างยอมแพ้และมีอาการหน้าซีดเล็กน้อย

“พี่ไห่... ผม.....ข้องใจ ผมไม่คิดว่าคนที่เขียนเป็นพ่อพี่ พอมาคิดทบทวนดีๆ แล้ว....... มันทำให้ผมไม่อยากคิดต่อยิ่งได้อ่านบทสุดท้ายของบันทึกเล่มนี้...” ต้นน้ำมีแววตาสับสนมากขึ้นไปในแต่ละคำที่พูด

“.......” จินไห่นิ่งเงียบ ยิ่งเห็นแววตาอีกฝ่าย

“ความจริงผมก็แค่อยากยืนยันว่ามันอาจจะเป็นเพราะพี่เมาก็เลยพูดอะไรมั่วซั่ว แต่พอพี่ยอมรับแบบนี้ ทำให้ผมคิดต่อไปไม่ถูก”

“บทสุดท้ายที่เขียน มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้และการแยกจาก.....ใช่ไหม? ตอนพี่อ่านก็รู้สึกแบบเดียวกันนั่นแหละ” จินไห่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงและสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกได้ แต่ตอนนี้บรรยากาศในห้องมันแสนที่จะหนักอึ้ง

ต้นน้ำหลังจากฟังอีกฝ่ายจนจบประโยค เขาก็ถือสมุดเล่มนั่นด้วยมือข้างหนึ่งและพลิกเปิดไปถึงหน้าท้ายๆของบันทึกและอ่านออกเสียง

“คืนสุดท้าย ก่อนจากลา ผมขอกลับไปอำลาเขาคนนั้นที่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม เขากอดผมด้วยท่าทีอ่อนโยนกว่าครั้งไหนๆ ไออุ่นจากอีกฝ่ายโอนถ่ายมาให้ผมจนผมรู้สึกดีไปหมด อากาศฤดูหนาวในยามทิวาย่างราตรีไม่ได้ทำให้ตัวผมรู้สึกตัวสั่นเลย แต่ที่ตัวสั่นใจเต้นแรงเพราะอ้อมกอดของคนตรงหน้ามากกว่า เขาเปลี่ยนท่าโดยใช้มือมาจับที่ใบหน้าผม ทำให้เห็นว่าดวงตาของคนฝั่งตรงข้ามเต็มไปด้วยน้ำรื่นปริ่มขอบดวงตา และน้ำอุ่นๆ นั่นก็ไหลลงมาอาบแก้ม และหยดลงมาที่ร่างของผม มันทำให้ผมร่างกายอ่อนระทวยไปหมด ผมไม่เคยเห็นนักเลงหัวไม้อย่างเขาเปราะบางเหมือนแก้วร้าวๆแบบนี้มาก่อนเลย เขากดริมฝีปากลงมาที่ริมฝีกปากของผมอย่างแผ่วเบา ผมตกใจแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เหมือนไฟแห่งความต้องการที่มันคุกรุ่นอยู่ยิ่งกระพือแรง ลิ้นที่ชอนไชกวาดต้อนรอบลิ้นของผม มันเหมือนลมที่ช่วยพัดเปลวไฟให้โหมแรงขึ้นอีก ผมรู้ตัวอีกทีผมก็มอบสิ่งที่ผมไม่เคยนึกว่าจะให้กับใครได้อีกให้กับเขาเรียบร้อยแล้ว.............”

ต้นน้ำหยุดตรงนี้และมองหน้าที่นิ่งเงียบของอีกฝ่าย

“สัญญาที่ให้กันว่า เมื่อถึงเวลาเราจะกลับมาพบกันที่นี่อีกครั้ง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดขวางกัน เราจะกลับมาเจอกันอีกครั้งที่นี่ ที่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม....”

ต้นน้ำอ่านต่อด้วยใบหน้าที่ค้นหาคำตอบจากอีกฝ่าย

“ความรักที่ผมมีให้เขามันเชื่อมพวกเราทั้งสอง มันมากมายและไม่มีวันหมด มันเอ่อล้นท่วมทั่วโลกา” จินไห่ท่องประโยคสุดท้ายในสมุดบันทึกเล่มนั่นได้อย่างแม่นยำ ต้นน้ำได้แต่พยักหน้าอละปิดสมุดเล่มนั่นดังพั่บ

ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบตึง ต้นน้ำและจินไห่ได้พูดประโยคหนึ่งขึ้นมาพร้อมกัน

“กนธี แปลว่า มหาสมุทร”
“海洋 (ไห่หยาง) แปลว่า มหาสมุทร”

สีหน้าแปลกใจของทั้งสองคนผุดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ตั้งใจแล้วทั้งสองก็หัวเราะเสียงดังหลังจากเห็นสีหน้าของแต่ละฝ่ายพักใหญ่

“ในที่สุด สิ่งที่ผมข้องใจตั้งแต่อ่านจบก็เฉลยเสียที” ต้นน้ำพูดด้วยน้ำเสียงยกภูเขาออกจากอก

“พี่นึกว่าเราจะโกรธหรือไม่ชอบเสียอีกที่รู้ว่าเรื่องที่อ่านมาทั้งหมดเป็นเรื่องของพ่อตนเอง” จินไห่ที่ยิ้มได้ไม่เต็มปากทำเป็นฝืนยิ้มเพราะไม่รู้ว่าท่าทีของอีกฝ่ายใจจริงเป็นอย่างไร

“หากเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่พอนึกย้อนกลับมาดูตัวเองก็เลย เข้าใจ.......ถึงจะรู้สึกผิดแทนแม่ แต่ก็....เข้าใจ เหมือนเรามาสานต่อเรื่องที่ค้างคาของพ่อเลยนะ” ต้นน้ำเดินมาจับมือที่สั่นสะท้านของจินไห่

“อืม...” จินไห่ตอบสั่นๆ ด้วยสีหน้าหมองลงเล็กน้อย

“พี่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” คำถามที่ยิงโดยแฟนเด็ก เป็นคำถามที่เขารู้อยู่แล้วว่าจะโดนถาม

“ก็ตั้งแต่เดินมาเห็นต้นไม้ต้นนั้น พี่เลย.... เดินไปทำความรู้จักกับบ้านเรา จึงได้รู้ว่า....” จินไห่ไม่กล้าพูดต่อเพราะรู้ว่าต้นน้ำผูกพันธ์กับพ่อเขาขนาดไหน

“พ่อผมเสียแล้ว..... แต่... พ่อพี่ก็.....” ต้นน้ำเติมคำให้จบประโยคและเผลอพูดคำที่เขารู้อยู่แล้วแต่พยายามเลี่ยงมาตลอด เพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยผูกพันธ์กับพ่อตนเองเท่าไหร่ ยิ่งมาเจอเรื่องแบบนี้คงยิ่งทำใจลำบาก

“อืม.. ไม่เป็นไรหรอก คนตายไปแล้ว พี่อโหสิกรรมให้หมดแล้ว” จินไห่พูดพลางมองไปที่หิ้งหลังตู้ที่วางไว้เหมือนไม่จงใจให้ใครมาสังเกตุเห็น

ต้นน้ำมองตามสายตาที่เหม่อลอย

“อยากบอกนะว่า.......”

“ใช่! อัฐิพ่อพี่เอง!!”

“นี่พี่ให้ผมนอนอยู่กับพ่อพี่ตลอดเวลาเลยเหรอ แม้แต่เวลาที่เราที่......”

“คิดมากด้วยเหรอ?”

“แหม... มันก็....นะ นั่นพ่อพี่นะ....”

“คนตายไปแล้วจะไปรู้เห็นอะไร?”

“...........” ต้นน้ำยิ้มไม่ออก ไม่สามารถคิดมุกอะไรเลย ในหัวว่างเปล่าไปหมด วันนี้เจอแต่เรื่องประหลาดใจ

“ต้นน้ำ.... ถึงพี่จะไม่ได้สนิทกับพ่อพี่มากนัก แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่พี่อยากทำให้พ่อของพี่.....” จินไห่เปลี่ยนเสียงพูดและหันมามองหน้าต้นน้ำด้วยแววตาขอร้อง

“พี่อยากให้ผมช่วยอะไร?” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจและถามกลับไป จินไห่คงรู้ว่า เขาแพ้สายตาแบบนี้ของจินไห่

“พี่อยากให้พ่อพี่ได้อยู่ในสถานที่ๆ เขาอยากกลับมามากที่สุด” ต้นน้ำที่ได้ยินประโยคนี้เขาก็เข้าใจทันที และพยักหน้าตอบไป

จินไห่เดินไปเอื้อมหยิบโถสีครามสวยขนาดพอดีมืออยู่บนหลังตู้เสื้อผ้า และโอบกอดไว้อย่างทะนุถนอม

“ขอบใจนะ ที่ฟังคำขอเอาแต่ใจของพี่” จินไห่ส่งรอยยิ้มบางๆ ให้แกาแฟนเด็กกว่าของตน

“นี่... แปลว่า ที่พี่ชอบเข้าทำลับๆ ล่อๆ ที่สวนบ้านผมเพราะแบบนี้” ต้นน้ำทำท่าเหมือนนึกอะไรได้ก่อนพูดออกมา

“อืม..... ก็.... จริงล่ะ แต่ต้นไม้ต้นนั้น มันฮิตมากเลยนะ ไม่เคยมีช่องว่างให้พี่ได้ปฏิบัติภารกิจเลย

“นั่นไง!! ก็เคยสงสัยอยู่ว่า ไอ้ต้นไม้ใหญ่ๆ น่ากลัวๆ แบบนั้นทำไมพี่ถึงได้ชอบไปอยู่นัก” ต้นน้ำเสียงดัง

“พอได้มาสนิทกับบ้านต้นน้ำ พี่ก็เลยคิดว่า พี่ควรจะขอก่อน แต่ก็ไม่มีโอกาสเสียที” จินไห่พูดพลางลูบโถอัฐิไปมาแก้เขิน

“ไม่ใช่ว่าเพราะผมต้องไปดูแลบ่อยหรอกเหรอ พี่กลัวผมสังเกตุว่ามีร่อยรอยการขุดมากกว่า เฮ้ย! ผมเคยจับได้ว่าพี่ถือจอบถือเสียมมาด้วยนี่หว่า!!”

“เกลียดนักคนรู้ทัน” จินไห่กรอกตาใส่ต้นน้ำรอบกว่า

“เกลียดจริงน่ะ?”ต้นน้ำถามหน้าทะเล้น

“ยังจะถามอีก! ไอ้เด็กบ้า!!” จินไห่อยากจะตีคนตรงหน้า แต่มือไม่ว่างจึงได้ทำท่าฟึดฟัดใส่

ต้นน้ำยิ้มตอบอย่างทะเล้นเล่นหน้า พร้อมคิดว่าคนๆนี้ ทำอะไรก็น่ารักไปหมด

……………..

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ทั้งสองเดินถืออุปกรณ์ขุดดินทั้งจอบทั้งเสียม ทั้งโถอัฐิมายังจุดหมาย ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่สวนหลังบ้านของต้นน้ำ พวกเขาเดินวนรอบโคนต้นไม้เพื่อหาจุดที่น่าจะฝังโถอัฐิของพ่อจินไห่ที่เหมาะสม หลังจากทบทวนพิจารณาอยู่นาน ทั้งสองคนก็ตกลงกันว่าจะขุดที่จุดซึ่งตรงกับภาพในสมุดบันทึกมากที่สุด

จุดที่ยืนอยู่แล้ว สามารถมองเห็นหลังคาบ้านของทั้งสองหลัง ที่ๆ เขาน่าจะมาพรอดรักกัน....

ทั้งสองคนลงมือขุดอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อยากให้แม่ของต้นน้ำสังเกตุเห็น

“ดินแถวนี้ร่วนดีจังนะ สงสัยว่าพวกชาวบ้านที่บูชาเจ้าพ่อต้นไม้น่าจะชอบมาขุดเอาดินไปบูชาหรือเปล่า?” จินไห่ขุดไปพูดไปด้วยท่าทางแปลกใจ

“ไม่นะพี่! ชาวบ้านพวกนั้นไม่น่าจะมีเวลาขุดนะ แค่เริ่มต้นจุดธูปบูชา แม่ผมก็ส่งผมมาเก็บแล้ว!” ต้นน้ำก็ทำแบบเดียวกัน

“แล้วอย่างนี้แม่เราไม่ว่าเหรอที่เรามาทำแบบนี้!!”

“คงไม่ แม่น่าจะจำผมได้ แก่แล้วสายตาน่าจะยาว ผมเคยจ้างเด็กในบ้านมาทำความสะอาดให้ แม่ยังรู้เลยว่าไม่ใช่ผม โดนดึงหูแทบขาด หากแม่รู้ว่าเป็นผมคงไม่เป็นไร แม่ชอบเสียด้วยซ้ำ!!” ต้นน้ำพูดอย่างภูมิใจในแม่ตนเอง จินไห่ได้แต่เบะปากหมั่นไส้

เก็งงงง!!!

เสียงเหล็กปะทะกันผ่านรอยดินที่โดนเสียมทิ่มแทงผ่านหน้าดินลงไป สร้างความประหลาดใจแก่คู่รักอย่างมาก พวกเขาสองคนมองหน้ากันประหลาดใจ

“อะไรน่ะ?” จินไห่ถามตาโต

“โห!! พี่ถามผม ผมจะไปถามใคร?”

“ก็นี่มันสวนบ้านต้นน้ำนะ!”

“ผมเคยมาแค่ทำความสะอาด ผมจะรู้ไหมว่ามีอะไรฝังอยู่!!”

“ไม่ใช่ใครมาแอบฝังศพใครที่นี่นะ!”

“พี่ก็พูดเสียน่ากลัว!!” ต้นน้ำพูดจบก็ถอยมาครึ่งก้าวด้วยแววตาหวาดหวั่น

“แล้วมันอะไรล่ะ!?!” จินไห่หน้าถอดสีและถอนเสียมที่เสียบทิ่มอยู่ออกจากหน้าดิน

“หรือเป็นสมบัติของบรรพบุรุษ!! รวยแล้วเรา!” ต้นน้ำพูดอย่างร่าเริง

“อันนั้นยิ่งไม่น่าเป็นไปได้!!” จินไห่เถียง

“ไม่งั้นแม่ผมไม่หวงให้ผมมาดูแลบ่อยๆ หรอก!!”

“.......อืม..... ก็น่าคิด....”

“ขุดต่อเหอะพี่!!”

“หรือเป็นสิ่งที่แม่หรือคนที่บ้านต้นน้ำไม่อยากให้ใครรู้!!”

“แต่ผมอยากรู้ ขุดต่อ!!” ต้นน้ำไม่ฟังเสียงทัดทานจากจินไห่ เขาตั้งหน้าตั้งตาขุดอย่างตั้งใจ

หลังจากขุดหน้าดินขึ้นมากองโดยรอบหลุมที่ขุดลึกไปกว่า 3 ฟุตโดยประมาณก็เผยให้เห็นกล่องอลูมิเนียมขนาดเท่ากับหนังสือเรียนเล่มหนาๆสักเล่มในห้องสมุด ตัวกล่องสีเงินกึ่งแวววาว จับวางอย่างมีระเบียบอยู่ที่ก้นหลุม ตัวกล่องเหมือนสั่งทำพิเศษเพราะไม่ทียี่ห้อหรือโลโก้ใดๆ บนตัวกล่อง

ต้นน้ำหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ตัวกล่องน้ำหนักเบากว่าที่คิด และผิวภายนอกยังคงแวววาวแม้จะมีคราบดินติดกรังอยู่มาก  มีเพียงแต่รอยที่เสียมและจอบที่ไปสัมผัสตอนทั้งสองขุดดิน

“พี่ว่า...... วางไว้ที่เดิมเหอะ เดี๋ยวไปใช้พื้นตรงอื่นก็ได้”  จินไห่เริ่มรู้สึกไม่ดีที่เข้ามาทำแบบนี้ในพื้นที่บ้านคนอื่น ถึงสภาพกล่องมันจะไม่ได้เก่ามากแต่การที่ถูกฝังอย่างบรรจงตั้งใจใกล้รากไม้ขนาดนี้ น่าจะมีเหตุผลหรือมีความหมายอะไรสักอย่าง หากกล่องนี้เป็นโถอัฐิของบิดาของเขา เขาก็คงจะโกรธมากหากมีคนมาทำแบบนี้

“แต่นี่มันก็บ้านผมนะ ผมมีสิทธิ์รู้ป่าววะ?” เมื่อได้ยินไอ้ตัวแสบพูดแบบนี้ จินไห่ถึงกับจะโผเข้าไปหยุดการกระทำต่อไป เพราะดูจากท่าทางแล้ว ต้นน้ำน่าจะกำลังเปิดกล่องดังกล่าวแน่นอน

ป้อก!!

ช้าไป จินไห่ที่อยู่อีกฝากของหลุม ไม่สามารถเข้ามาห้ามการกระทำที่ไม่เคารพต่อเจ้าของกล่องแบบนี้

“พี่ไห่......” ต้นน้ำหน้าซีดเผือดจนเกือบไร้เลือดหล่อเลี้ยง

“อะไร?” จินไห่รีบก้าวเท้าเข้าไปใกล้

สิ่งที่อยู่ในกล่องคือ โหลแก้วขนาดเล็กที่บรรจุผงละเอียดปนหยาบสีเทาอ่อน และกระดาษที่พับเป็นสี่ทบวางซ้อนกันอยู่หลายแผ่น กระดาษแต่ละแผ่นเป็นสีเหลืองอมส้มเปื่อยย่น แต่ละใบมีลายมือที่คุ้นตาอยู่ที่มุมกระดาษทุกใบ

จินไห่เห็นแบบนั่นไม่รอช้า เขาหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาคลี่กางอย่างระมัดระวัง

กระดาษแผ่นบนสุดเป็นรูปวาดร่างด้วยดินสออย่างละเอียดละออ ด้วยลายเส้นแบบนี้ จินไห่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นลายเส้นของใคร ภาพที่ร่างนั้นเป็นหน้าชายหนุ่มที่คุ้นตา หล่อเหลา และอ่อนโยน รอยยิ้มที่ถูกวาดลงไปในกระดาษวาดรูปแผ่นหนานี้มันชวนให้คิดถึงใครบางคนที่เขาแสนจะผูกพันธ์

“ป๊า.....” ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ

“ห๊ะ!!” จินไห่หันควับมายังใบหน้าที่ซีดเผือกอยู่

“ผมเคยเห็นรูปป๊าตอนสมัยเรียน..... นี่มันป๊าของผมไม่ผิดแน่!!” จินไห่หลังจากที่ได้ยินต้นน้ำกล่าวแบบนี้จบ เขาก็ไม่รอช้าที่จะหยิบกระดาษแผ่นถัดๆไป มาคลี่กางจนครบ แต่ละใบมีทั้งที่เป็นรูปบ้านสวน ภาพต้นไม้ และ บ้านคุณปู่ คุณย่าของเขาที่ใต้หวัน.....

“หรือว่า.......” จินไห่มองลงมาที่ขวดโหลขนาดเท่ากำมือเด็กซึ่งตอนนี้เป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในกล่อง

“ผมเองตกใจนะ เพราะคิดอย่างที่พี่คิดนั่นแหละ แต่....ผมไปลอยอังคารกับแม่มาแล้วนะ ทำไม.......?” ต้นน้ำทำสีหน้าครุ่นคิด

“ทำอะไรกันน่ะ!!”

เสียงแหลมตะโกนแหวกอากาศมาถึงต้นน้ำและจินไห่ที่ยืนครุ่นคิดจนลืมระแวดระวังเจ้าของบ้านตัวจริง ที่ตอนนี้เดินดุ่มมาที่พวกเขาด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

ด้วยความตกใจของต้นน้ำ เขาจึงทำได้เพียงปิดผนึกกล่องและวางลงที่เก่าอย่างลวกๆ ในระหว่างที่แม่ของเขาตรงดิ่งมาที่เขาเหมือนมิสไซต์วิ่งพุ่งชนเป้าหมาย

“ไม่มีอะไรแม่ ผมก็มาทำความสะอาดเหมือนปกติ!!” ต้นน้ำรีบตอบกลับไปเผื่อจะช่วยชะลอความเร็วของแม่ตนเองที่ตอนนี้มาอยู่ในระยะที่มองเห็นพวกเขาชัดแล้ว กองดินไม่เป็นระเบียบเหล่านี้คงปิดอะไรคุณแม่ที่แสนเฉลียวฉลาดของต้นน้ำไม่ได้

“พี่ออม… สวัสดีครับ ผม.....แค่พยายามช่วยจัดการพวกที่ทำไม่เป็นระเบียบน่ะครับ ไม่รู้ใครมาขุดหลุมอะไรเต็มไปหมด!” จินไห่รีบช่วยพูด

“อ้าว!! น้องไห่! ขอบใจนะ เมื่อครู่ว่าอะไรนะ ว้าย!!” ดูเหมือนจะสายไป แม่ของต้นน้ำได้เขามาอยู่ระยะที่มองเห็นความวอดวายที่พวกเขาได้ทำแล้ว เธอกรีดร้องด้วยความตกใจเสียงดังลั่น ต้นน้ำรีบยกมือขึ้นปิดหูอย่างรู้ทัน ผิดกับจินไห่ที่ตอนนี้ได้ยินเสียงวิ้งๆ อยู่ในรูหู จินไห่รู้สึกเสียวแปลบจนต้องยกมือขึ้นมาถูใบหูตนเองไปมาช้าๆ

“ใครมาทำอะไรแบบนี้!!” คนเป็นแม่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม วิ่งมาสำรวจโดยรอบเหมือนโจรขึ้นบ้าน

“ไม่มีอะไรหรอกแม่ ดูสิกระถางธูปยังอยู่เลย” ต้นน้ำชี้ไปที่กระถางธูปเก่าๆ ที่ไม่รู้ใครเอามาวางไว้นานแล้ว คงเป็นพวกที่มีความเชื่อเรื่องเจ้าพ่อต้นไม้ใหญ่พวกนั่น ที่ชอบมาบนเรื่องความรัก

“ใครจะไปห่วงของพรรณนั่น!! ลูกคนนี้!! ว้ายๆๆ”. คุณแม่แผดเสียงด้วยความตกใจไม่หยุด เพราะตอนนี้เธอเดินมาถึงจุดที่พวกเขาขุดหลุมไว้เสียเห็นชัด

คุณแม่รีบก้าวลงไปในหลุมด้วยความเร็วที่เกินกว่าที่ต้นน้ำและจินไห่จะคว้าเธอได้ทัน

“แม่อันตราย!!” ต้นน้ำร้องเสียงหลง

“เฮ้อ.... โชคดี ยังอยู่!!” แม่ต้นน้ำผ่อนลมหายใจและปาดเหงื่อที่ไหลผ่านหน้าผากจนมือที่เปื้อนดินโรยเปรอะไปทั่วหน้า เธอโอบกล่องสแตนเลสเปื้อนดินอย่างทะนุถนอม

“แค่กล่องเก่าๆ ไม่เห็นมีค่าอะไร” ต้นน้ำเปรยใส่แม่ แต่ดวงตากลับมีแสงวาบด้วยความเจ้าเลห์และแน่นอนที่จินไห่เห็นทันสายตาเหล่านั้น

“นี่มันของดูต่างหน้าพ่อแก มันจะไม่มีค่าได้ยังไง!!” แม่ตวาดกลับมา แต่ก็ต้องตกใจ เพราะเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

“อะไรนะ!!” บางสิ่งที่นึกไว้แล้วก็เฉลยออกมาต้นน้ำถึงกับอุทานออกมา

“อืมมมมม แกจะไม่รู้ก็ไม่แปลก ก็ตอนแม่ทำตามที่พ่อแกสั่งเสีย แกก็เอาแค่เก็บตัวอยู่ในห้องนี่นะ!!” สิ่งที่แม่เขาพูดกระตุ้นให้เซลสมองของเขาทำงานนึกภาพย้อนกลับไปเกือบสองปี ในช่วงวันที่พ่อเขาเสียให้กับโรคร้ายอย่างมะเร็ง

ต้นน้ำสนิทกับพ่อมาก พ่อปกปิดอาการป่วยของตนเองกับต้นน้ำโดยตลอด จนกระทั้งวันที่ป่วยหนัก กว่าจะรู้ว่าพ่อตนเองป่วยเป็นอะไร มันก็เหลือเวลาอยู่กับพ่อน้อยเต็มที

พ่อเขาพูดแค่อยากให้ต้นน้ำใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ดีกว่าเอาเวลามาห่วงใยดูแลไม้ใกล้ฝั่งอย่างตนเอง ซึ่งเป็นคำพูดที่เขาโกรธมาก และโกรธที่สุดคือตัวเขาเอง เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงปีหนี่งและปีสอง ช่วงที่วัยรุ่นวัยเรียนอย่างต้นน้ำมีกิจกรรมมหาวิทยาลัยมากมายพอๆ กับการบ้านและการเรียน เขาโกรธตัวเองที่ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของพ่อตนเอง พ่อเขาอ่อนแอลง ป่วยบ่อย ไปโรงพยาบาลบ่อย ซูบผอม เขามันไม่ใส่ใจเอง เขาสูญเสียพ่อไปทั้งๆที่เขายังไม่ได้ตอบแทนพระคุณของท่านเลย

ต้นน้ำกักเก็บน้ำตาที่เกือบล้นเขื่อนของตนเองไว้ ที่ครั้งนี้เขานึกถึงเรื่องนี้ มันเหมือนมีใครเอาไฟมาลนสะกิดแผลเก่าให้ต้องเจ็บปวด เขาฝืนเต็มที่เพราะตอนนี้เขามีหน้าที่พิเศษรือเป็นนักสืบให้กับแฟนตนเอง

“งั้น....” ต้นน้ำพูดเสียงสั่นหลังจากพยายามกลืนเสียงสะอื้นตนเองลงคออย่างยากลำบาก จินไห่ได้แต่สั่นหน้าให้อีกฝ่ายหนึ่งหยุดฝืนแล้วพอแค่นี้

“เฮ้อ...... พ่อแกก็ไม่รู้อะไร..... รักต้นไม้ต้นนี้อะไรหนักหนา สั่งเสียว่าหากตายให้เอาเถ้ากระดูกมาฝังใต้ต้นไม้ต้นนี้ พร้อมกับพวกข้าวของเก่าๆ ในกล่องเนี้ย!!”  แม่พูดไปมือก็ลูบกล่องเย็นเปื้อนดินที่ตนเองโอบกอดไว้ไป แววตาเหม่อลอยเหมือนจมไปกับความทรงจำอันขมขื่นในอดีต

“แม่.....” ต้นน้ำเรียกสติแม่ตนเองกลับมาด้วยเสียงอันสั่นรัว

“แม่รักพ่อขนาดนี้เลยถึงได้ยอมทำตามคำขอแปลกๆ ขนาดนี้” ต้นน้ำกลืนก้อนอากาศขมๆลงคอและกล่าวต่อ พร้อมมองดวงตาผู้เป็นมารดาที่เริ่มแดงฉ่ำ

“รักสิ! แม้ว่าเราจะแต่งงานกันเพราะผู้ใหญ่ แต่พ่อแกเป็นสุภาพบุรุษมากนะ ดูแลแม่แกดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ถึงได้มีแกออกมานี่ไง แล้วพ่อแกไม่รักแกหรือไง?” แม่ปาดน้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มอย่างไม่ตั้งใจ เธอมองมายังจินไห่อย่างขอโทษและละอายที่ตนแสดงความอ่อนแอให้คนนอกจากจินไห่เห็นและดูอึดอัด

“รักสิ พ่อรักผมมาก ชื่อผมพ่อก็เป็นคนยืนกรานตั้งให้ ทั้งๆที่อาม่าอยากจะตั้งให้สอดคล้องกับชื่อตระกูล .....” ต้นน้ำตาโตเหมือนนึกอะไรออกเมื่อพูดมาถึงจุดนี้

“ชลธร....” ต้นน้ำพูดชื่อตนเองด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างในอกเหมือนปลดล็อกออกมา จนร่างกายรู้สึกเบาขึ้น เขาผ่อนลมหายใจและมองไปที่หน้าของจินไห่ที่ยิ้มบางๆ และพยักหน้าเบาๆ

“แปลว่า มหาสมุทร เหมือนพ่อแกไง” แม่พูดเสริมประโยคที่เหมือนจะขาดหายไปของต้นน้ำ

ต้นน้ำยิ้มรับ ในที่สุด เขาก็ปลดปมในใจตนเองออก อะไรที่ค้างคาอยู่แค่เขานึกไม่ออกมานานแสนนาน เหตุใดต้องตั้งชื่อเขาให้เหมือนกับตนเองขนาดนี้ มันควรจะมีส่วนผสมของพ่อและแม่สิ  เขาเคยถามแม่หลายครั้ง ว่าทำไม่ไม่เอาชื่อมาร่วมตั้งด้วย “พรนภา” พรจากฟ้า แต่พ่อเลือกที่จะตั้งให้ชื่อเป็น “มหาสมุทร” แต่.... ไม่ใช่เพื่อให้เหมือนตนเอง…

“พ่อแกยืนกรานว่าหากได้ลูกชายจะตั้งขื่อนี้ แม่ก็ถามว่าหากเป็นลูกสาวล่ะ? พ่อแกก็บอกว่าค่อยมาคิดกัน” แม่พูดเสริมอย่างปลงๆ ต้นน้ำรู้ว่าแม่คงเข้าใจว่าคนไทยเชื้อสายจีนต่างชอบลูกชายมากกว่าจึงใส่ใจกับชื่อลูกชายมากกว่า คนที่อยากมีลูกสาวอย่างแม่เลยชอบทำท่าเซ็งๆ เมื่อต้องรับมือกับลูกชายสุดเฮี้ยวอย่างต้นน้ำ

ต้นน้ำคิดขึ้นมาในใจ ‘พ่อไม่ได้ต้องการตั้งชื่อให้เหมือนตนเอง แต่ตั้งให้เหมือนรักแรกของพ่อมากกว่า...’ ต้นน้ำฝืนยิ้มให้แม่ ตอนนี้เขารู้สึกทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน

รู้สึกดีที่พ่อรักตนเองมากขนาดตั้งชื่อให้เหมือนกับรักแรก แต่ก็รู้สึกแย่กับแม่ของตนที่พ่อเลือกที่จะทำเช่นนี้

จินไห่ที่โอบกอดโถอัฐิบิดาของตนเองได้แต่นิ่งเงียบเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขารู้สึกแบบนี้เหมือนกันเมื่อเขาได้อ่านบันทึกนี้จนจบ พ่อเขาเป็นคนดี แต่งงานก็มีชีวิตครอบครัวที่ดี แม้ว่าพ่อเหมือนจะฝืนๆ ตลอดเวลาที่อยู่กันเป็นครอบครัว แม้ว่าจินไห่จะไม่ได้สนิทกับพ่อมากนัก แต่เขาก็รู้ว่า พ่อทำหน้าที่ของตนได้ดีและแอบสงสารผู้เป็นมารดาตนเองจับใจ เมื่อจินไห่สืบทราบว่า พ่อตนทำตามหน้าที่ที่ผู้ใหญ่มอบหมายมากกว่าความรักฉันท์ครอบครัว เหมือนครอบครัวอื่น จินไห่เข้าใจความรู้สึกของต้นน้ำตอนนี้ดี และเขาก็เข้าใจความรู้สึกของบิดาดี ความรักแบบนี้มันผิดมากมายนักหรือ? ทำไมถึงสมหวังไม่ได้

“แกเองก็ต้องมีครอบครัวสักวัน ทำให้ได้สักครึ่งของพ่อแกก็ยังดี ไม่ใช่เกเรแบบทุกวันนี้ ให้เกียรติผู้หญิงบ้างเถอะ เห็นสาวๆในสังกัดแกแล้วอดสงสารไม่ได้ ไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใครนะ” แม่บ่นพึมพำพลางส่ายหน้าใส่ต้นน้ำ เพื่อลดบรรยากาศความเศร้าโศกลงบ้าง

แต่คำพูดแบบนี้กลับเหมือนมีดไปทิ่มแทงจิตใจของพวกเขาทั้งสองคนมากกว่า มันเจ็บจี๊ดที่กลางอกจนเผลอทำหน้าอึดอัดออกไป

“พอๆ กลบให้เรียบร้อยเหมือนเดิมที!!” แม่ของต้นน้ำวางกล่องสแตนเลสลงอย่างนิ่นนวลและหันหน้ามาสั่งต้นน้ำก่อนจะเดินจากไปด้วยใบหน้าที่อ่อนล้า เพราะทิ้งงานที่โต๊ะทำงานมาพอสมควรแล้ว

“พี่ไห่.... ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ต้นน้ำเอ่ยขึ้นเมื่อแม่ของตนเองเดินห่างออกไปพอสมควรแล้ว เขาพบว่าแฟนป้ายแดงของตนเองมีใบหน้าที่หม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด เหมือนสิ่งที่ได้ยินได้รู้เมื่อครู่ได้ดูดทุกสรรพสีของใบหน้าจินไห่ไปจนหมดสิ้น

“อืม” จินไห่พยักหน้าและหันใบหน้าที่มีรอยยิ้มบางๆ แก่ต้นน้ำ ทำให้ต้นน้ำพอจะอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

“พี่ไห่...... ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่างไร เรื่องของเราสองคนก็ไม่มีวันเปลี่ยนนะครับ ความรู้สึกของผมต่อพี่ยังคงเหมือนเดิม” ต้นน้ำเดินมาจับมืออีกฝ่าย มือที่เย็นเยียบบ่งบอกถึงสภาพจิตใจของจินไห่เป็นอย่างดี

“อดีตคือเรื่องที่ผ่านมาแล้ว พี่ไม่กังวลอะไร เรื่องของพ่อเราสองคนก็ให้มันจบและรู้กันแค่เราสองคนเถอะ แต่ปัจจุบันต่างหากที่พี่กังวล” จินไห่เหมือนมีอากาศที่อัดตัวเป็นก้อนอยู่ในปอด จนอึดอัดหายใจไม่ออก

“ผมก็ไม่คิดจะบอกเรื่องของพ่อให้แม่ฟังอยู่แล้ว ให้แม่เขามีความทรงจำที่มีความสุขไปเถอะ ส่วนเรื่องของเรา.....” ต้นน้ำที่เคยมีความมั่นใจกลับไม่กล้าคิดต่อว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ที่ผ่านมาเขาคิดแต่การได้อยู่กับคนที่เขารักอย่างมีความสุข จนลืมไปว่าความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายมาก สภาพครอบครัวที่เป็นลักษณะอนุรักษนิยมแบบจีนแท้ของครอบครัวของต้นน้ำ คงจะเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่พอควรที่ก้าวข้ามได้ยาก โดยเฉพาะแม่ของเขาเองที่แอบพูดความคาดหวังไปแล้วเมื่อครู่

“พี่น่ะ...ไม่มีญาติพี่น้องที่นี่แล้ว.... ไม่เท่าไหร่....แต่....” จินไห่พูดลอยๆ ขึ้นมาขณะที่ต้นน้ำยังคงคิดอะไรในหัวสมองพัลวันเหมือนเถาวัลย์ในป่าดงดิบ แต่เสียงและรอยยิ้มบางๆ ของคนตรงหน้าช่วยให้เขากลับมาสู่ปัจจุบันได้

“ช่างมันเถอะ พี่ไห่ เราอยู่กับปัจจุบันก่อนไหม?” ต้นน้ำหยิบจอบเตรียมขุดดินต่อ เขาสะบัดศรีษะอย่างแรงเพื่อไล่ความเชิงลบออกไป

จินไห่พยักหน้าเห็นด้วยและช่วยต้นน้ำจนเสร็จสิ้นภาระกิจ ตอนนี้โถอัฐิสีอำพันซีดลงไปอยู่คู่กับกล่องสแตนเลสสีเงินภายใต้ผืนดินใกล้ตีนต้นไม้แห่งความทรงจำเรียบร้อย ในที่สุดทั้งสองคนก็กลับมาพบกัน และอยู่ด้วยกันในสถานที่แห่งคำสัญญา

ต้นน้ำเดินไปโอบกอดจินไห่ที่เริ่มมีน้ำรื้นล้นขอบดวงตา จินไห่เอียงคอไปรับไหล่ที่แทรกตัวเข้ามาใกล้

ตอนนี้ทั้งสองคนต่างภาวนาขึ้นพร้อมกันว่าความสัมพันธ์ของเขาจะมีจุดที่ต่างกันกับพ่อของเขาทั้งสองคน


..........................

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
บทที่  20

Life is beautiful?



เสียงริงโทนโทรศัพท์ดังสนั่นลั่นห้อง ต้นน้ำสะบัดพลิกตัวไปกดรับด้วยปฎิกิริยาอัตโนมัติ ทั้งที่ร่างยังคงหนักอึ้งจากการออกกำลังยามค่ำคืน ดวงตาที่สะลึมสะลือหนักอึ้งก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเสียงปลายสายดังขึ้นมาด้วยประโยคที่ไม่คุ้นเคย

“แม่เอง!! อยู่บ้านไหมเนี่ย แม่ทำอาหารมาให้ เห็นแกไม่กลับบ้านเลยตั้งแต่ปิดเทอมเนี่ย เคยคิดถึงแม่บ้างไหม!!” 

‘เชี้ย!!’ ต้นน้ำสบถในใจ สภาพเขาตอนนี้ไม่พร้อมที่จะให้แม่เดินเข้าบ้านเลย

“เช้าแล้วเหรอ? โหย...เมื่อคืนกว่าจะได้นอน ขาสั่นไปหมดแล้ว ขอนอนต่ออีกหน่อยนะ” เสียงคนเปลือยกายภายใต้ผ้าห่มนอนอยู่เคียงข้าง โอดครวญงึมงำจนแทบไม่ได้ศัพท์ ทำให้ต้นน้ำตกใจรีบพูดเสียงดัง

“เมื่อคืนผมทำงานจนดึกก็เลยเพิ่งตื่นครับแม่!! แม่วางของไว้หน้าบ้านก็ได้ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วค่อยลงไปกินนะ”  เสียงที่ดังของต้นน้ำเรียกสติของจินไห่ให้กลับมา เขาไม่เพียงรีบลุกขึ้นมายืน แต่ยังใส่เสื้อผ้า ใช้มือสางผมอย่างลนลาน

“นี่แม่อุตส่าห์มาหา แกไม่คิดจะลงมาเจอกันหน่อยเหรอ ขนาดบ้านอยู่ห่างกันไม่กี่ก้าว แกยังไม่มีแก่ใจเดินไปหาฉันเลย!!” แม่โวยเสียงดังจนได้ยินเสียงจากทางหน้าบ้านแทรกมา

“ครับๆ เดี๋ยวผมอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะ” ต้นน้ำพูดพลางก้มลงดูสภาพตัวเองที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเหงื่อและคราบน้ำแห้งเกรอะกรัง ที่ละเลงใส่กันเมื่อคืน และเหนื่อยจนเผลอหลับไป

ตั้งแต่วันนั้น วันที่ต้นน้ำและจินไห่ฝังเถ้ากระดูกของพ่อของพวกเขาไว้ด้วยกัน ความรู้สึกสับสนต่างๆ มันก็เข้ามาปนเปในหัวสมองเต็มไปหมด จนเขาซึมลงไปมาก หลายวันติดต่อกัน แต่จินไห่ก็มีวิธีที่จะทำให้ต้นน้ำมีชีวิตชีวาขึ้น แม้จะทำให้เขาเจ็บตัวแทบทุกวันก็ตาม จนกระทั่งกลายเป็นแผนของต้นน้ำไปเสียแล้วที่จะให้จินไห่ตามใจ จินไห่เองก็ไม่ได้ขัดข้องใจอะไร ยอมทำตามอย่างว่าง่ายทุกครั้ง

“ไม่ต้องอาบหรอก ปกติมื้อเช้าแกก็แค่แปรงฟันแล้วก็ลงมากินมื้อเช้าแล้ว จะสำอางค์ทำไมวันนี้!! เออ!! แล้วน้องไห่ล่ะ ไม่เห็นอยู่ที่ร้านเลย” เสียงดังรอดโทรศัพท์มาจนทำให้ต้นน้ำหันไปมองคนที่ผมเผ้ารุงรังไม่ต่างจากตน

“อ้อ... เห็นว่า...ป่วยน่ะครับ” ต้นน้ำเดาจากท่าทางการใบ้ของจินไห่

“ตายจริง!!! เป็นอะไรมากไหมเนี่ย? แล้วแกอยู่ด้วยกันแบบนี้จะไม่ติดพี่เขาเรอะ ช่วงนี้ไข้หวัดใหญ่ระบาดหนักเลย! กลับไปอยู่บ้านเราก่อนไหม?” แม่ถามกลับมาเป็นชุด

“เอ่อ.....พี่ไห่...แกอยู่คนเดียวนะแม่น่าสงสารออก ผมอยู่ด้วยจะได้ช่วยดูแล” ต้นน้ำตอบกลับไปด้วยอาการอึกอัก จินไห่ทำได้แค่ระบายลมออกจากปาก

“อย่างแกจะไปดูแลใครเขาได้ เป็นภาระละมากกว่า แต่… เออๆ แล้วแต่แก!!” หลังจากประโยคของต้นน้ำ แม่ของเขาก็นิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะตอบออกมาอย่างปลงๆ กับความดื้อรั้นของลูกชายตนเอง

“ขอบคุณครับ” จินไห่เผลอพูดออกไป ต้นน้ำหันไปหาคนพี่ด้วยอาการหน้าถอดสี

“อ้าว!! อยู่ด้วยกันเหรอ? ลุกไหวไหมมากินข้าวด้วยกันเลย!!”

“อย่าเลย แม่ ให้พี่เขานอนพักเหอะ!” ต้นน้ำรีบพูดแทรก

“แกชื่อจินไห่?!?” แม่สวนมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“เอ่อ...” ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออก เดาว่าแม่เริ่มหงุดหงิดเสียแล้ว

“แล้วแกจะให้ฉันยืนอยู่หน้าบ้านนานแค่ไหน? ลงมาเปิดประตูเสียที!!” แม่โวยลั่นโทรศัพท์

“ครับๆ” แล้วทั้งสองคนก็รีบจัดการตัวเองและห้องให้เรียบร้อยก่อนจะลงไปรับแม่ของต้นน้ำที่หน้าบ้าน

............


“อาหารอร่อยไหมจ๊ะ” เสียงหวานๆ ที่แม่ใช้สำหรับจินไห่ดังขึ้นเมื่อจินไห่ตักโจ๊กคำโตเข้าปากด้วยความเกรงใจ

“พูดเหมือนทำเองเลยเนอะ” น้ำเสียงเชิงเสียดสีที่ต้นน้ำใช้กับแม่เพราะความสองมาตรฐาน แม่ไม่เคยถามเขาด้วยน้ำเสียงและถ้อยคำแบบนี้มานานมาแล้ว จำได้ล่าสุดก็ตอน 12 ขวบ

“ทำไมล่ะ ฉันทำเองหรือจะซื้อ มันต่างกันตรงไหน?” เสียงที่หนึ่งของแม่สาดใส่หน้าต้นน้ำจนเขารู้สึกเบื่ออาหารตรงหน้าขึ้นมา เขาวางช้อนถอนหายใจ

“อร่อยครับ” จินไห่รีบตอบด้วยหน้าตาที่อ่อนเพลีย ด้วยหลายวันที่ผ่านมา เขาต้องบริการแฟนเด็กตัวเองเกือบทั้งคืนทุกคืน

“ตายจริง น่าสงสาร!! หน้ายังดูซีดอยู่เลย ทานเยอะๆ เลยนะ มียากินหรือยัง? ไปหาหมอไหมน้องไห่?” แม่ของต้นน้ำแสดงความเป็นห่วงออกนอกหน้า จนต้นน้ำที่เป็นลูกยังรู้สึกหมั่นไส้

เขาก็รู้นะว่าท่าทางตอนตื่นนอนใหม่ๆ ของชายที่นั่งข้างๆ เขามันน่าเอ็นดูน่าทะนุถนอมขนาดไหน เขาอยากจะเข้าไปโอบกอดไว้แน่นและใช้จมูกฟัดแรงๆ ที่แก้มหลายๆ รอบเลย ติดอยู่ที่คุณแม่ที่นั่งเป็นก้างชิ้นใหญ่ และทำท่าเหมือนอยากจะได้เสียเองแบบนี้ มันยิ่งทำให้ต้นน้ำหงุดหงิดเป็นที่สุด

“แม่…ผมไม่อยากได้พ่อเลี้ยงยังหนุ่มแบบนี้นะ!!” ต้นน้ำแซวแรง

“โอ้ย! ฉันแก่ขนาดนี้แล้ว ไม่เอาแล้ว ผัวเผอเนี่ย แค่เตาะแบบนี้ฉันก็มีความสุขแล้ว!!” ต้นน้ำส่ายหน้ากับคำตอบที่ไม่เคยปิดบังอะไรของแม่ตนเอง

แม่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ โผงผางขวานผ่าซาก เสียงดังและตรงไปตรงมา แบบนี้ถึงได้คุมพวกคนงานผู้ชายได้อยู่หมัด

แต่คนที่ดูเสียอาการมากที่สุดก็คือ จินไห่ เขามักจะมีอาการเขินอายเมื่อเจอแม่รุกหนักแบบนี้เสมอ นั่นยิ่งเป็นเหตุให้แม่ของเขาชอบแซวหนักขึ้น และตอนนี้คนตรงนี้เป็นแม่ของแฟนตัวเอง จินไห่ยิ่งทำตัวไม่ถูกหนักขึ้นไปอีก

“ดูสิ ท่าทางเขินยังน่าเอ็นดู ไม่เหมือนแก!! ไม่ได้พ่อแกเลย ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งคิดถึงพ่อแกเนอะ” คนเป็นแม่ถอนหายใจและมีเหม่อลอยไปช่วงหนึ่งก่อนที่กลับมายิ้มหวานใส่หน้าคนที่ทำหน้าแปลกใจกับประโยคที่เพิ่งกล่าว

“หมายความว่าไงแม่?” ต้นน้ำเปลี่ยนโหมดทันทีที่แม่ของตนเองพูดถึงพ่อ

“เวลาพ่อแกอยู่กับแม่น่ะ อ่อนโยนและสุภาพมากนะ แม้เราจะโดนหมั่นหมายให้แต่งงานโดยที่แทบไม่รู้จักกันมาก่อน แต่พ่อแกน่ะน่ารักมากเลยนะ เหมือนน้องไห่เลย” แม่คิดไปยิ้มไป

“เหรอ…” ต้นน้ำลากเสียง ในความทรงจำของเขา พ่อเป็นคนดีจริงๆ แต่ในมุมอ่อนโยนนี่ เขาแทบไม่เคยเห็นเลย เขาเคยเห็นแต่มุมของเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เป็นผู้นำที่เด็ดขาดน่านับถือ ทำงานเก่ง รอบรู้

“แกยังเด็กแกจะรู้อะไร!!” แม่เขาส่งสายตาขุ่นใส่ต้นน้ำ
“นี่นะ จะเล่าให้ฟังเรื่องหนึ่ง คือว่าพ่อของเจ้าต้นน้ำน่ะ….” แม่ของต้นน้ำหันไปทำสีหน้าที่ต้นน้ำรู้ทันทีว่าเป็นเรื่องเม้ามอย และเริ่มต้นประโยค ‘พ่อของเจ้าต้นน้ำ’ นี่มัน…….น่ากลัว

“เฮ้ยๆๆๆๆ หยุดๆๆ ลาลาล่าล่าลาลา…” ต้นน้ำโวยวายเสียงดังให้แม่เขาหยุดเล่าเรื่องที่เขาไม่ชอบให้แม่เล่าให้บรรดาเพื่อนของเธอฟัง เรื่องความสัมพันธ์ต่างๆ ระหว่างแม่กับพ่อของเขาเวลาอยู่ด้วย ไอ้ความหวานหยดเวลาอยู่ด้วยกันมันควรพูดต่อหน้าลูกตัวเองไหม?

“เบื่อจริง! ชอบขัด!! ว่าแต่น้องไห่ ไม่สบายเป็นอะไรมากไหม?” แม่ของต้นน้ำทำตาขุ่นใส่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ก่อนหันไปคุยต่อกับจินไห่ที่ตอนนี้ได้ยิ้มแห้งๆ อยู่ในวงสนทนาแม่ลูกคู่นี้ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนดูละครเวที เสียงดังและเล่นใหญ่ทั้งคู่ เป็นบรรยากาศที่เขาไม่เคยเจอที่บ้านของเขา

พ่อและแม่ของเขาเป็นคนพูดน้อยทั้งคู่ เหมือนจินไห่ก็จะได้รับอิทธิพลเหล่านี้มาด้วย

“ไม่เป็นไรมากครับ แค่อ่อนเพลีย” ประหยัดคำพูดเหมือนเช่นเคย ยิ่งตอนนี้ยิ่งประหม่า สถานะของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปทำให้เขายิ่งทำตัวไม่ถูก

“น่าสงสาร ทำงานก็หนัก ยังต้องมาดูแลลูกพี่ด้วย ลูกพี่มันก็เป็นตัวภาระแบบนี้แหละ” แม่ต้นน้ำเอื้อมมือไปจับมือที่วางช้อนส้อมมามาดๆบนโต๊ะ

“แม่ก็พูดเกินไป ผมไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย” ต้นน้ำสวนตอบด้วนใบหน้าขมวดคิ้วกอดอก ดวงตาเพ่งไปที่มือของแม่ที่ไปวางแผ่วเบาบนมือของแฟนตนเอง รู้สึกหงุดหงิดแม้จะเป็นแม่ตัวเองก็เถอะ

“ฉันเป็นแม่แกนะ ฉันนี่รู้ดีที่สุดเลย ถามจริง ตั้งแต่แกตื่นนอนยัยนอนหลับ เคยทำอะไรบ้างนอกจากเล่นเกมส์และออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน ใครเป็นคนเช็ดล้างทำความสะอาดห้องให้แก ก็แม่แกนี่ไง” แม่ต้นน้ำเสียงดังยกนิ้วจิ้มไปที่กลางหัวของต้นน้ำหลายครั้ง

ด้วยความที่แม่ของต้นน้ำยังดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก เลยทำให้มีบรรยากาศเหมือนพี่สาวโวยใส่น้องชายมากกว่า และทุกคำพูดของแม่ต้นน้ำ ทำให้จินไห่นึกภาพตามได้เป็นฉาก อย่างกับดูภาพในแผ่นฟิลม์ ทำให้จินไห่อดที่จะหัวเราะออกมากับภาพตรงหน้าไม่ได้

“ดูสิน้องไห่ ยังเห็นด้วยเลย” แม่ของต้นน้ำหัวเราะตาม แต่ต้นน้ำกลับรู้สึกหงุดหงิดจนปากคว่ำใส่แฟนตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอกครับ งานที่วานน้องต้นน้ำไว้ก็ยังไม่เรียบร้อย ไม่ได้รบกวนอะไรครับ ยิ่งผมอยู่บ้านคนเดียวด้วยยิ่งไม่ได้รบกวนอะไร” จินไห่ตอบด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์เหมือนเช่นทุกครั้ง ซึ่งบอกตามตรงว่าแม่ของต้นน้ำค่อนข้างแพ้กับความน่ารักที่ยิงใส่อย่างไม่ยั้งแบบนี้
(ต้นน้ำยังอดรู้สึกใจเต้นไม่ได้ น่ารักจริงๆ)

“ไม่เอาหรอกพี่เกรงใจ ที่มาเนี่ยก็ว่าจะพามันกลับแล้ว อยู่กินอยู่ใช้ที่นี่แบบนี้มันจะไม่คุ้มค่าจ้างเอา มาอยู่ตั้งนานขนาดนี้น่าจะใกล้เสร็จแล้วมังใช่ไหม?” แม่พูดจบก็หันไปหาต้นน้ำทันที ต้นที่ยังอึ้งอยู่กับคำตอบของแม่ก็เลยคิดคำตอบไม่ทัน

“ไม่ลำบากหรอกครับ ยิ่งช่วงนี้ผมไม่ค่อยสบายด้วย น้องช่วยดูแลผมได้เยอะเลยครับ” จินไห่ตอบแก้ตัวแทนคนที่ยังนึกอะไรไม่ออก

“ไม่เอาหรอกพี่เกรงใจ พี่รู้จักลูกพี่ดี เป็นภาระเปล่าๆ” ต้นน้ำฟังแม่ตนเองพูดก็ต้องกรอกตาใส่แม่ตัวเอง

หลังนั้นก็เป็นบทสนทนาระหว่างจินไห่และแม่ของต้นน้ำที่มีความเห็นคนละแบบ ต้นน้ำที่อยู่ท่ามกลางสงครามแห่งความเกรงใจจนกระทั้งรู้สึกแปลกใจว่า จินไห่ก็เป็นคนดื้อดึงไม่น้อยหากเพื่อบรรลุสิ่งที่ตนเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-07-2021 15:17:05 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ขออภัย สำหรับ บทที่ผ่านมา
มันมีย่อหย้าที่ซ้ำกันอยู่ ขออภัยจริงๆ

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1


ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ต้นน้ำและจินไห่มีเสียงริงโทนและเสียงโวยวายของแม่ต้นน้ำมาเป็นเสียงนาฬิกาปลุกยามเช้าตรู่แบบนี้ ต้นน้ำที่ได้แต่หงุดหงิดอารมณ์เสียทุกเช้าที่ตนเองต้องถูกปลุกตั้งแต่แสงอ่อนแสงแรกของยามเช้าแบบนี้ติดต่อกันแม้จะเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่แล้ว

ปกติแม้ต้นน้ำจะอยู่ที่บ้าน แม่ของเขายังไม่เคยปลุกเขาทุกวันแบบนี้ยกเว้นแต่มีธุระที่ต้องใช้งาน มันแปลกเกินไปแล้ว

ต้นน้ำงัวเงียมองนาฬิกาที่หัวเตียงที่เข็มสั้นเบี่ยงออกจากเลขเจ็ดได้นิดหน่อยแล้ว แปลว่าวันนี้แม่เขามาสายกว่าทุกวันที่ผ่านมา

ต้นน้ำผ่อนหายใจยาวออกมาและเริ่มบิดร่างกายไห้ความง่วงออกจากร่างกาย เขาก้มลงมองคนที่เริ่มรู้สึกตัวที่นอนเปลือยกายอยู่ข้างๆ เขา พลางคิดสงสารคนตรงหน้า ตัวเขาเองน่ะไม่เท่าไหร่เพราะตอนกลางวันยังสามารถนอนกลางวันได้ แต่จินไห่นั่นยังต้องไปทำงานบริหารร้านอาหารของตน และยังต้องกลับมาดูแลเขาทั้งนอกและในห้องนอนอีก

ต้นน้ำนั่งจ้องอีกฝ่ายที่กำลังเหยียดยืดร่างกายทำให้เขาสังเกตได้ว่าจินไห่ดูผ่ายผอมไปมากทีเดียว ซี่โครงก็ดูชัดเจนขึ้น หน้าตาก็ดูซีดเซียวจนรู้สึกใจหาย เขาทำกับคนที่เขารักขนาดนี้เลยหรือนี่ ต้นน้ำเฝ้าถามตนเองในใจ

“สรุปว่าจะปล่อยให้ดังแบบนั่น?” จินไห่ใช้นิ้วมือที่เรียวเล็กชี้ไปที่โทรศัพท์ของต้นน้ำที่ดังและสั่นเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจโวยวายที่จะให้รับให้ได้

“ครับๆ” ต้นน้ำดึงสติกลับมาจากร่างที่ซูบเซียวของคนรักตนเองและรีบหยิบโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเครื่องใหญ่ขึ้นมารับทันที

“แม่เอง รับช้าจริง! ยังไม่ตื่นอีกสายขนาดนี้แล้ว!” เสียงในสายแวดออกมาทำให้ต้นน้ำแยกหูออกจากโทรศัพท์ทันที

“สำหรับผมมันยังเช้าอยู่นะ แม่จะมาทุกวันแบบนี้ไม่ได้นะ บ้านก็ไม่ใช่ของเราแม่จะมารบกวนแบบนี้ทุกวันได้ไง?” ต้นน้ำเริ่มหงุดหงิดการที่เจอแบบนี้ตลอดทั้งสัปดาห์

“ก็ไม่ใช่บ้านแกหมือนกัน! เจ้าของบ้านเขายังไม่ว่าอะไรเลย เออ! แล้วน้องไห่ล่ะ ทำไมเดี๋ยวนี้ลงมาดูแลร้านสายทุกวันเลย ไม่สบายยังไม่หายเหรอ?” ต้นน้ำเจอแม่สวนกลับเป็นชุด

“แล้ววันนี้อะไรอีกแม่?” ต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกมายาว และทึ้งหัวตัวเองกับนิสัยแบบนี้ของแม่ตนเอง

“ลงมากินข้าว!! แม่แวะไปตลาดซื้อของอร่อยมาเพียบ!!” ต้นน้ำนึกภาพแม่ตัวเองยืนถือของพะรุงพะรังอยู่หน้าประตูบ้านแล้วรู้สึกไมเกรนจะขึ้น

“แม่รู้ใช่ไหมว่า ที่นี่เป็นร้านอาหาร มันไม่ยากเลยที่จะมีมื้อเช้าแบบนี้ แม่จะลำบากทำไมครับ” ต้นน้ำใจเย็นโต้ตอบด้วยคำสุภาพ

“แม่เกรงใจนี่หว่า ของซื้อของขายมาให้แกกินฟรีๆ แบบนี้! พูดอยู่นั่นแหละลงมาเปิดประตูได้แล้ว!!” น้ำเสียงของคุณนายแม่เริ่มแสดงความหงุดหงิด

“เดี๋ยวผมล้างหน้าแปรงฟันก่อนแล้วลงไปรับนะ แปปเดียว 2 นาที!!”

“เออๆ รีบเลย!”

ต้นน้ำรีบวางหูและคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำทันที แต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นจินไห่ในสภาพที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เปลือยอก นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนจิ๋ว หยดน้ำพรายเกาะเต็มตัว ผมที่ชื้นเปียก หน้าที่เรียวซูบแต่ก็ยังดูน่ารักรับกับดวงตาสีอ่อนแหลมเล็ก จนตัวเขาเองอดใจที่จะโถมตัวเข้าไปกอดไม่ไหว แต่ติดที่คุณนายแม่มารออยู่เขาจึงต้องอดใจไว้

“เดี๋ยวพี่ไปรับพี่ออมเอง” จินไห่ยิ้มให้อีกฝ่ายอาสาไปรับแม่ของต้นน้ำ จินไห่มักจะเรียกแม่ของต้นน้ำด้วยความสนิทสนมแบบนี้เสมอ

“เรียกแม่ได้แล้วมั้ง!” ต้นน้ำยักคิ้วให้ก่อนเข้าห้องน้ำ

“มันใช่เวลามาพูดเล่นไหม ไอ้เด็กคนนี้!!” ปากว่ากล่าวเด็กที่วิ่งเข้าห้องน้ำไป แต่ในใจกลับหวั่นไหวแปลกๆ ไอ้คำนั่นหากได้เรียกก็ดีเพราะมันหมายถึงว่าเขาได้รับการยอมรับแล้ว ครอบครัวเป็นอีกด่านที่น่ากลัวของความสัมพันธ์แบบนี้

“สวัสดีครับ พี่ออม” จินไห่ทักอีกฝ่ายที่กำลังนิ่วหน้าเพราะยืนรอนานกว่าทุกวัน แต่หลังจากหันมาเห็นต้นเสียงก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มสดใสทันที

“อ้าวน้องน้องไห่ ทำไมลงมาเปิดประตูเอง อย่าบอกนะว่าไอ้ตัวแสบมันไปเคาะห้องเรียกให้น้องไห่มารับพี่เอง ไอ้เด็กคนนี้ แทนที่ ‘อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย’ เฮ้อ!!” แม่ของต้นน้ำบ่นไปพลางเดินเข้ามาจัดโน่นนี่ที่โต๊ะอาหารไปพลาง แม่ต้นมีความคล่องแคล้วในการจัดเตรียมมากเพราะช่วงนี้เข้ามาทุกเช้า จึงจดจำได้หมดแล้วว่า จานชามช้อนอะไรอยู่ตรงไหนบ้างโดยที่จินไห่แทบไม่ต้องบอกอะไรแล้ว

“อ๋อ!  ไม่เข้าใจสำนวนโวหารของพี่สินะ คนแก่นี่ไม่ดีเลยเผลอพูดอะไรโบราณให้คนต่างถิ่นอย่างน้องไห่งง ประโยคเต็ม คือ ‘อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น!’ แปลง่ายๆ ว่า อาศัยบ้านคนอื่นอยู่ก็หัดทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างน่ะ ดูสิทำท่างงเสียพี่รู้สึกแก่ไปเลย” แม่ของต้นน้ำพูดไปยิ้มไป มือก็จัดการเทมื้อเช้าที่เตรียมมาเหมือนปกติลงจานชามที่เตรียมไว้อย่างเรียบร้อย

ที่จินไห่มีสีหน้ามึนงงไม่ใช่เพราะประโยคของแม่ต้นน้ำ เขาเรียนภาษาไทยมา เขาพอจะรู้จักสำนวนจำพวกนี้อยู่บ้าง แต่ที่มึนไปพักใหญ่เพราะเป็นสิ่งที่แม่ต้นน้ำพูดก่อนหน้านั้นต่างหาก เพราะจากประโยคของแม่ต้นน้ำแปลได้ว่าเธอเข้าใจว่าเขาและต้นน้ำนอนคนละห้อง การที่เขาออกมารับแม่ของต้นน้ำ มันเลยเป็นเรื่องที่แปลกพอควร

“แล้วไอ้ตัวดีอยู่ไหนล่ะ!?!” แม่ของต้นน้ำจัดเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็ถามขึ้นทันที

“นินทาอะไรผมอีก!! แม่เคยพูดถึงผมในด้านดีบ้างไหมล่ะเนี่ย” คนที่ถูกพูดถึงเดินลงมาจากชั้นบนได้ยินเสียงโหวกเหวกของแม่ตนเองพอดี

“แกมีดีอะไรให้ฉันชมล่ะ ที่แม่มาทุกวันก็เพราะกลัวแกก่อเรื่องนี่แหละ” แม่ต้นน้ำพูดจบก็ส่งยิ้มให้จินไห่นั่งลงกินมื้อเช้าที่เธอเตรียมมา

“ผมออกจะเด็กดี” ต้นน้ำเดินมานั่งประจำที่เหมือนกลายเป็นเหตุการณ์กิจวัตร

“เด็กดี!?!” แม่ของต้นน้ำทวนคำเสียงสูงจนจินไห่เริ่มรู้สึกไม่อยากอาหารทั้งๆ ที่กลิ่นอาหารตรงหน้ามันช่างยั่วยวนน่ารับประทาน เสียงแบบนี้เป็นที่รู้กันว่าพี่ออมใกล้จะหวีดแล้ว

“จานก็ไม่เคยล้าง หากินข้าวเองยังไม่ได้ นี่ยังไม่รวมห้องนอนแกนะ เคยทำความสะอาดมั้งไหม? ไม่ได้แม่แกทำ ป่านนี้แกคงนอนกับแมลงสาป!!” เสียงสูงที่ส่งคลื่นกระแทกทุกวัตถุบนโต๊ะอาหารให้สั่นสะเทือนได้ระดับหนึ่ง จินไห่อยากปิดหูแต่ก็เกรงใจคนที่นำมื้อเช้ามาให้กินทุกวัน

“แม่ก็เกินไป ถ้าเป็นห้องผมก็ทำอยู่นะ” ต้นน้ำพูดเสียงสั่น จินไห่รู้สึกถึงอาการหวาดหวั่นของวัยรุ่นชายคนนี้ได้ ปกติห้าวจะตายแต่พอแม่ตนเองขึ้นเสียงก็มีอาการกลัวอยู่เหมือนกัน

ใครจะปราบแฟนเขาได้ก็ต้องแม่ของแฟนนี่แหละ จินไฟ่ยิ้มเยาะจนต้นน้ำแอบเห็นและแอบกัดฟัน พร้อมสะกดในใจ ‘จำไว้นะ’

“ถ้าฉันไม่สั่งแกจะทำไหม? มีแต่ช่วงนี้แหละที่ห้องแกสะอาดและเป็นระเบียบที่สุด เพราะแกไม่อยู่ไง!!” แม่พูดสวนกลับแบบติดตลก ทำให้บรรยากาศดีขึ้น เพราะเธอเหลือบไปเห็นเจ้าของบ้านก็เลยรู้สึกอายกับนิสัยแบบนี้ของเธอ

“……..” ต้นน้ำที่ยอมรับโดยดี จึงได้แต่นิ่งหลบตาและพยายามหยิบข้าวเหนียวร้อนๆ นุ่มๆ ตรงหน้าขยุ้มเข้าปากพร้อมไก่แดดเดียวทอดเจ้าอร่อยที่เขาชอบ ต้นน้ำจัดการอาหารตรงหน้าแบบเงียบเชียบเพราะขี้เกียจจะเถียงกับบุพการีแล้ว เถียงไปก็ไม่ชนะ และมันก็เป็นความจริงอยู่ด้วย

“พูดถึงตรงนี้ น้องไห่ เดี๋ยววันนี้พี่จะมาทำความสะอาดห้องรับรองแขกที่ให้ไอ้เจ้าต้นน้ำมันนอนนะ พี่ว่าป่านนี้กลายเป็นรังแมลงสาปแล้ว!!” แม่ของต้นน้ำเอ่ยกับเจ้าของบ้านด้วยความอาสา

“ไม่…. ไม่เป็นไรครับ ผมจะให้พี่ออมมาทำแบบนี้ได้ยังไง?” จินไห่ปฏิเสธเลิ่กลั่ก

“ไม่ต้องเกรงใจ แค่น้องไห่ดูแลร้านก็เหนื่อยแล้วจะต้องมาดูแลบ้านที่รกโดยฝีมือลูกชายพี่นี่ พี่เกรงใจนะ” แม่ของต้นน้ำหว่านล้อม

“ผมทำเองได้น่า เห็นแบบนี้ผมก็เกรงใจเป็นนะ ผมทำเองเป็นระจำน่า” ต้นน้ำพูดแก้ตัวแทรกขึ้นมา ส่วนจินไห่ได้แต่ทำหน้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่ายจนแทบเก็บสีหน้าตัวเองไม่อยู่

“ฉันไม่เชื่อ!! กินข้าวเสร็จแล้วขอขึ้นไปดูหน่อยนะ!!”
จบประโยคของแม่ต้นน้ำ จินไห่และต้นน้ำรู้สึกเย็นวูบขึ้นไปที่ใบหน้าอย่างพร้อมเพรียง ต้นน้ำเกือบจะสำลักข้าวเหนียวที่เพิ่งกลืนเข้าไปเลยทีเดียว

“งั้นเดี๋ยวผมไปขี้ก่อนนะ!!” พูดจบต้นน้ำก็วิ่งปราดหายไปข้างบนชั้นสองทันที

“ไอ้เด็กเปรตนี่ ไม่เห็นหรือไงว่าเขากินข้าวกันอยู่!! พี่สอนมันนะแต่ไม่จำ!!” แม่ของต้นน้ำยิ้มไปที่จินไห่แบบเกรงใจ

จินไห่ได้แต่พยายามกลืนข้าวในปากลงคออย่างยากเย็น บรรยากาศตอนนี้เหมือนเขากำลังกินหินกินหญ้าที่ไร้รสชาติและเคี้ยวยากจนกลืนแทบไม่ลงเสียแล้ว

“เดี๋ยวน้องไห่อิ่มแล้ว พาพี่ขึ้นไปดูห้องที่ให้ลูกพี่มันนอนหน่อยนะ จะไปดูหน่อยว่าจะสมกับที่คุยไว้ไหม หากไม่แม่จะตีสักทีแล้วลากกลับบ้านเลย โทษฐานมาทำความเดือดร้อนให้บ้านคนอื่น!”

จินไห่ฟังจบก็แทบจะหายจากความอยากอาหารทันที แต่ก็ได้แต่กินเพื่อถ่วงเวลาไว้เผื่อว่า ต้นน้ำที่รีบวิ่งขึ้นไปก่อนจะทำอะไรบางอย่างที่แค่มองตาก็วางแผนไว้เหมือนกันออก

……………..

“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะ ไม่คิดว่าเวลาแกอยู่บ้านคนอื่นจะเรียบร้อยแบบนี้!!” แม่ต้นน้ำที่เอ่ยขึ้นมาหลังจากที่เดินสำรวจห้องรับรองแขกของบ้านอย่างพินิจพิเคราะห์ยิ่งกว่าหน่วยพิสูจน์หลักฐานของตำรวจ

การเดินรอบๆ อาจจะไม่แปลกแต่การที่ใช้นิ้วกรีดไปตามขอบโต๊ะ ตู้ เตียงนี่มันออกจะเกินไปหน่อย

“ถ้าไม่นับพวกเสื้อผ้าที่มันวางระเกะระกะไปทั่วนี่ แม่จะนึกว่าเข้าห้องผิดนะเนี่ย” แม่ต้นน้ำพูดพลางใช้นิ้วจีบกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวซีดขึ้นมาอย่างรังเกียจ

คนที่มีสีหน้าประหลาดใจไม่มีเพียงแค่แม่ของต้นน้ำเท่านั้น แต่เป็นจินไห่เองด้วย เห็นจากสภาพห้องนี่รู้เลยว่า ต้นน้ำคงไปรื้ออะไรห้องเขาบ้าง

“นี่แกมีเสื้อผ้าแบบนี้ด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็น?!?” แม่ของต้นน้ำเหลือบไปเห็นสิ่งที่แปลกต่างไปจากกองเสื้อผ้า ต้นน้ำลืมไปเลยว่าแม่เขาเก่งเล่นเกมจับผิดภาพ อยู่ในกองเสื้อผ้าที่วางสุมกันไว้ยังจะมองเห็นอีก นั่นมันคือชุดนอนที่เขามักยืมจินไห่ใส่ มันมีกลิ่นที่เหมือนจินไห่จนเขาคิดว่าไม่สามารถใส่เสื้อผ้าแบบอื่นนอนหลับได้แล้ว เขาเผลอหยิบออกจากตู้ด้วยความเคยชิน

“สงสัยผมหยิบมาให้ผิดครับ” จินไห่รีบแก้ตัวให้เมื่อเห็นคนกะล่อนเริ่มหมดมุกจะแก้ตัว เมื่ออยู่กับแม่ตัวเอง จิ้งจอกเจ้าเล่ห์มันก็ลูกหมาดีๆ นี่เอง

“ต้นน้ำ!!” แม่ต้นน้ำขึ้นเสียงด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“ครับแม่!!” ต้นน้ำตื่นตระหนกร้องรับคำเรียก ไม่ต่างอะไรกับจินไห่ที่หน้าตาตื่นไม่แพ้กัน ‘หรือว่าโดนจับได้!!’  จินไห่เย็นวาบไปที่สันหลังเหมือนมีใครเอาน้ำแข็งมาลูบ

“แกนี่มันใช้ไม่ได้เลย!! แกให้พี่เขาซักผ้าให้เหรอ!!” แม่ของต้นน้ำตวาดดัง

“เอ่อ… แค่นี้เอง” ต้นน้ำมีสีหน้าผ่อนคลายเพราะเรื่องที่โดนต่อว่ามันเล็กน้อยมากสำหรับเขา ไม่ต่างอะไรกับจินไห่ที่แอบถอนหายใจ

“ไม่ได้!! เขาจ้างแกมาทำงาน!! แทนที่จะทำเอง ยังมาให้นายจ้างทำให้มันใช้ได้เหรอหะ!!” แม่ต้นน้ำเดินปราดมาหยิกหูลูกตนเองอย่างรวดเร็ว ต้นน้ำได้แต่ร้องโอดโอยเสียงดัง หลบไม่ทัน แม่เขาคงมีวิทยายุทธ์แน่นอน ที่ปราดเปรียวได้ขนาดนี้

“พี่ออมครับ ไม่เป็นไร ยังผมก็มีเสื้อผ้าน้อย จะซักคนเดียวมันก็เปลืองไฟฟ้า” จินไห่พยายามแก้ตัวให้แต่แม่ของจินไห่ยังคงยกมือสูงทำให้หูของแฟนตนเองแดงจนเหมือนผลมะเขือเทศสุก เห็นแล้วรู้สึกเจ็บไปด้วย

“ไม่ต้องไปเข้าข้างมันนะ” แม่ต้นน้ำเสียงดังเป็นคนตอบจนคนปรามต้องถอยร่นมาประจำที่ห่างไปสักหน่อย

“แม่ตัดสินใจแล้ว แกห้ามมาค้างบ้านนี้อีก มาเช้าเย็นกลับ มาอยู่ที่นี่แล้วแกเสียนิสัย!!” แม่ต้นน้ำเสริมต่อไปทางคนที่หูเหมือนกำลังจะขาด

“แม่!! ทำกะอยู่บ้าน ผมเคยทำ!!” ต้นน้ำเค้นเสียงที่มีเถียงกลับ

“แล้วนี่มันใช่บ้านแกไหม?” มือที่หยิกหูต้นน้ำขึ้นตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นตบกบาลเสียงดัง

“ทำไมแม่ต้องทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นด้วย!!” ต้นน้ำเริ่มหมดความอดทนกับนิสัยแม่ตนเอง

“ไม่ต้องพูดมาก วันนี้แกเก็บของกลับบ้านเลย!!” ดวงตาคนเป็นแม่เริ่มลุกเป็นไฟจ้องไปที่คนเป็นลูก

“ใจเย็นๆกันก่อนนะครับ ผมไม่รู้ลำบากอะไรเลยครับแค่นี้” จินไห่รีบเข้าไปห้ามทัพแม่แฟนและแฟนตัวเอง

“อย่าเลยคะ พี่เกรงใจแค่มันทำผ้าปูที่นอนเสียเรียบเหมือนใหม่ขนาดนี้ก็อัศจรรย์แล้ว!” พูดพลางชี้ไปที่เตียงที่มีเสื้อผ้าวางอยู่อย่างไร้ระเบียบ แต่ผ้าปูที่นอนตึงเรียบติดที่นอน ผ้าห่มก็พับอย่างเป็นระเบียบอยู่ที่ปลายเตียง ส่วนผ้าคลุมเตียงกันฝุ่นกลับร่นยับยู่อยู่ที่พื้นปลายเตียง

จินไห่เห็นภาพที่ดูไม่เป็นธรรมชาติแบบนี้แล้วถึงกับเถียงไม่ออก ยืนทำหน้านิ่งอยู่แบบนั้น

หลังจากนั้นไม่ว่าต้นน้ำจะพูดอย่างไร แม่ของเขาก็ปฏิเสธเสียงแข็ง สุดท้ายจินไห่จึงต้องช่วยพูดกล่อมต้นน้ำอีกแรงให้ยอมแม่ไปก่อน และแล้วคืนนั้นก็เป็นคืนเริ่มต้นที่ต้นน้ำต้องกลับไปนอนที่บ้าน และถูกอนุญาตให้มาทำงานที่บ้านจินไห่แค่ช่วงเวลากลางวันเท่านั้น

หลายวันผ่านไปที่แม่ของต้นน้ำเซ้าซี้อยากให้ต้นน้ำแสดงแบบร่างให้ดูเป็นบุญตาเสียหน่อย เพราะใช้เวลาทำนานมากกว่าชิ้นไหนๆ แต่ต้นน้ำก็ทำได้แค่ถ่วงเวลาไปเรื่อง เพราะจำไม่ได้แล้วว่าล่าสุดเก็บแบบร่างที่ออกแบบบ้านจินไห่ไว้ตรงไหน เพราะที่ผ่านมาเขาสนใจเรือนร่างของเจ้าบ้านมากกว่าบ้านเสียอีก ต้นน้ำใช้เวลาอยู่สองวันกว่าจะค้นเจอแบบร่างของบ้านจินไห่ที่วางสุมๆ ไว้กับงานอื่นๆ สมัยที่มีงานค้างเยอะๆ

กลายเป็นว่าแบบร่างที่เขาทิ้งไว้นาน มันแทบไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ดูรายละเอียดดีๆ แทบจะต้องแก้ไขเกือบทั้งหมดเพราะความไม่ใส่ใจของเขาในช่วงแรก (ช่วงหัวใจสับสน)  แบบที่ร่างมาสวยอยู่แล้วแต่สัดส่วนมันผิดเพี้ยนไปหมด ขาดองค์ประกอบสำคัญอยู่มาก

กลายเป็นว่า สามสี่วันนับแต่ค้นเจอแบบร่าง ต้นน้ำต้องใส่ใจในการร่างแบบและออกแบบอย่างจริงจัง จนกระทั่งจินไห่ประหลาดใจที่ต้นน้ำมีเวลาวอแวเขาน้อยลง แต่ก็ได้เห็นมุมจริงจังของอีกฝ่ายที่กลายมาเป็นเสน่ห์ที่หลงไหลเข้าไปอีก

เวลาต้นน้ำจริงจังคิ้วขมวดอยู่กับงานตรงหน้า ทำให้เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แม้แต่จินไห่เองยังอดใจเต้นกับภาพตรงหน้าไม่ได้

มีอยู่วันหนึ่งที่จินไห่ตั้งใจแวะเข้ามาอาบน้ำช่วงเย็นหลังจากดูแลร้านอาหารช่วงเย็นเรียบร้อยแล้ว จินไห่ถึงกับลงทุนคาดผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเข้ามาบริการน้ำอัดลมเย็นให้ถึงโต๊ะหลังจากที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ

ต้นน้ำที่ได้กลิ่นหอมอันคุ้นเคย จึงมองไปที่ต้นตอของกลิ่นหอมนั่น เพียงแว่บแรกที่เขาได้เห็นเรือนร่างโปร่งที่มีหยดน้ำพรายเกาะอยู่ตามปลายผมและร่างกายท่อนบน เขาก็แทบลืมงานตรงหน้า ลืมน้ำอัดลมแสนหวานที่เขาชอบ เขากลับลุกขึ้นและจับอีกฝ่ายถอยร่นไปที่เตียงอย่างคนหลงทางกลางทะเลทรายที่กระหายน้ำแล้วเดินมาเจอโอเอซิสตรงหน้า และรีบจุ่มหน้าลงไปดื่มกินอย่างโหยหา

จินไห่ที่ตั้งใจไว้แล้วก็รีบทำตัวว่าง่ายยอมเป็นน้ำหลางทะเลทรายที่หวานชื่นเป็นประกายให้อีกฝ่ายดื่มด่ำจนลืมงานบนโต๊ะเสียสิ้น นับเป็นรสชาติที่แปลกใหม่ของจินไห่

หลังจากนั้นก็กลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าหลังจากที่สะสางงานที่ร้านอาหารช่วงเย็น จินไห่ก็จะมาเสิร์ฟสวาทจานร้อนให้กับต้นน้ำที่ทำงานเคร่งเครียดทั้งวัน

………..

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

หลายวันผ่านไป แบบร่างที่เขาอุตส่าห์ออกแบบอย่างตั้งใจรวมถึงใส่หัวใจและความรักลงไปเต็มล้น เพราะเขาอยากให้คนที่เขารักอยู่บ้านหลังนี้ด้วยความรักเช่นกัน อยากให้สื่อว่าเขารักจินไห่มากแค่ไหน เขาศึกษากิจวัตรทุกอย่างของจินไห่จนกระทั้งได้แบบร่างบ้านทรงอีโค่และมินิมอลอย่างที่เขาพอใจ ตอนนี้เสร็จไปเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว หลังจากที่ลบๆ รื้อๆ อยู่หลายตลบ

เขาอยากจะเซอร์ไพรส์คนรักของเขา ต้นน้ำจึงระมัดระวังไม่ให้จินไห่เข้ามาแอบดูงานของเขา มันเลยยิ่งเป็นการยากและกินเวลามากกว่าที่เขาคิดไปพอสมควร (เขาใช้วิธีผลักอีกฝ่ายลงเตียงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และได้ผลดีมาโดยตลอด พอสิ้นวันถึงเวลากลับบ้านเขาก็รวบทุกอย่างเอากลับไปบ้านด้วย)

ต้นน้ำตั้งใจว่าวันนี้จะทำให้เสร็จให้ได้ เพราะวันนี้ที่ร้านอาหาร จินไห่จะลงอาหารเมนูใหม่ ทำให้ต้องไปคุมการผลิตด้วยตนเอง เขาเลยคิดว่า มันคงทำให้เขามีเวลาทำงานมากขึ้น คิดได้ดังนั้น เขาก็รวบทุกอย่างและออกจากห้องเพื่อไปบ้านคนรักทันที

“แม่!! ไปก่อนนะ” ต้นน้ำตะโกนบอกแม่ที่ดูแลหน้าร้านวัสดุก่อสร้างกับคนงานกลุ่มหนึ่งอย่างวุ่นวาย เหมือนเช่นทุกครั้ง

“ทำไมวันนี้รีบร้อน ไม่กินข้าวกับแม่ก่อนเหรอ?” แม่ของต้นน้ำปลีกตัวจากหน้าร้านเดินมาตอบเสียงดัง

“ไม่ละ ดูท่าทางวันนี้ร้านน่าจะยุ่งแต่เช้า กว่าแม่จะว่างมากินด้วยคงเกือบเที่ยง” ต้นน้ำพูดจากประสบการณ์

“แหม! ร้านก็ยุ่งจะแย่ แกก็ใจดำไม่คิดจะช่วย!” แม่ค่อนคอด

“ผมก็ไปทำงานนะ ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แถมแม่ยังจะเอาค่านายหน้าด้วยไม่ใช่เหรอ ไม่ได้ทำฟรีๆเสียหน่อย” แม้จะพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะเวลาส่วนหนึ่ง เขาอุทิศให้กับอีกคนอยู่บนเตียงก็เถอะ

“เออๆ พอมีเงินค่าจ้างนี่ขยันเชียวนะ! งั้นกินอะไรรองท้องไปนิดสิ จะได้เป็นอาหารสมอง หากแม่หายยุ่งทันก็จะไปกินด้วย!” แม่ต้นน้ำพูดจบก็จ้องต้นน้ำพักใหญ่ก่อนจะโดนลูกน้องเรียกให้ไปช่วยแก้ปัญหาที่หน้าร้าน ก่อนเดินจากไปก็มองและขยับศรีษะเป็นเชิงขอร้อง

“อืมๆ ครับๆ ได้ๆ” หลังจากที่เห็นแม่ขอร้อง เขาก็เลยต้องรับปาก กองข้าวของไว้ตรงบันได ก่อนจะเดินไปกินมื้อเช้าที่แม่เขาเตรียมไว้ให้ที่ห้องกระจกที่เตรียมโต๊ะอาหารไว้ใกล้กับทางไปหน้าร้าน ระหว่างที่กินมื้อเช้าไปเขาก็มองแม่ของเขาทำงานสั่งลูกน้องเสียงดัง เขายอมรับว่าเขานับถือแม่ของตนเองมาก ผู้หญิงที่แกร่งที่สุดในชีวิตเขาทำงานได้เก่งกว่าใครๆจริง ผู้หญิงคนเดียวก็สามารถดูแลกิจการต่อจากพ่อได้ขนาดนี้ ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน จะหาใครแกร่งกว่าแม่ของเขาคงไม่มี ต้นน้ำกินมื้อเช้าไปก็เผลอยิ้มอย่างอบอุ่นใจไม่ได้

………

ต้นน้ำบิดตัวยืดเหยียดขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ภายในห้องของจินไห่ในช่วงบ่ายของวัน แสงแดดแผดส่องทะลุหน้าต่างกระจกที่ถูกปิดไว้เพราะปิดกั้นอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่ให้รั่วไหลไปด้านนอก แสงแดดทำให้อุณหภูมิให้ห้องอุ่นขึ้น ทำให้เห็นละอองฝุ่นที่ปลิวคละคลุ้งในอากาศ ต้นน้ำพี่พักสายตาจากการร่างแบบทั้งวันได้เหม่อมองบรรยากาศรอบๆ ห้อง ด้วยความรู้สึกสงบในจิตใจ

เขาเปลี่ยนจุดจับจ้องไปที่กระดาษร่างแบบแผ่นใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง เขาไตร่ตรองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพักใหญ่ ให้นิ้วมือสัมผัสไปตามเส้นสายต่างๆ เบาๆ เขาชอบความรู้สึกของการวาดลงบนกระดาษมากกว่าการร่างแบบในคอมพิวเตอร์ มันให้ความอิ่มเอมใจในความสำเร็จและความพึงใจแบบงานศิลป์มากกว่า นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่คนไม่รักการอ่านอย่างเขาอ่านบันทึกของพ่อจินไห่เล่มนั้นจนจบ

เขาตรวจไล่นิ้ววนจนมาถึงแบบของห้องนอน เขาตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะมันมีความทรงจำตลอดปีที่ผ่านมาอัดแน่นอยู่ เขาจึงไม่คิดจะปรับเปลี่ยนอะไร

หลังจากตรวจทุกอย่างจนครบทุกแผ่น ต้นน้ำผ่อนลมหายใจออกยาวๆ เสียงดังลั่นห้อง
“เสร็จแล้วโว้ยยยยย” เขาพูดออกมาอย่างภูมิใจ งานที่เขาทุ่มเทสมองทั้งหมดทำขึ้นมาหลายวัน ในที่สุดมันก็เสร็จ ทั้งบ้านและร้านอาหารที่จะต่อเติม

“เกิดอะไรขึ้น เสียงดังลงไปถึงข้างล่าง” จินไห่ที่กลับมาจากการเตรียมร้านอาหารในช่วงบ่ายเป็นกิจวัตร เปิดประตูและเอ่ยถาม
“ทำไมวันนี้มาช้าจัง” ต้นน้ำดูนาฬิกาข้อมือและส่งสีหน้าไม่พอใจแบบเด็กไปให้ผู้ที่ก้าวเข้ามาในห้อง

“มาได้สักพักแล้ว แต่ลงไปเตรียมห้องครัว” จินไห่ยิ้มรับกับสีหน้าที่ดูหล่อเหล่าตรงหน้าแม้จะทำหน้าตาบูดบึ้งของแฟนเด็กของเขา

“ห้องครัว?” สีหน้าของต้นน้ำตอนนี้ยิ่งทำให้จินไห่อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ สีหน้าที่เปลี่ยนจากหงุดหงิดเป็นสงสัยอย่างกระทันหันแบบนี้มันน่ารักเกินไป

“อ้าว! พี่ออมไม่ได้บอกเหรอ? ว่าจะมาทำอาหารให้กินที่บ้านพี่ เห็นว่าได้กุ้งแม่น้ำตัวโตมา แล้วก็อาหารทะเลอีกเยอะเลย ก็เลยจะมาทำเป็นมื้อเย็นกินที่นี่” จินไห่อธิบายไปก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อออกทีละชิ้น

“ไม่นี่ครับ เมื่อเช้าก็คุยกัน ยังไม่เห็นพูดว่าอะไร” ต้นน้ำที่ลุกออกจากที่นั่งได้เดินไปทางคนที่เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก

“วันนี้พี่ขอนะ เหงื่อออกเยอะมากเลย เหนียวตัวไปหมด” จินไห่ที่เห็นแววตาสัตว์ป่าจากต้นน้ำเลยขอพูดดักทางไว้ก่อน

“งั้นผมให้พี่สองเลย” ต้นน้ำเดินเข้าโอบกอดจากทางด้านหลัง

“ไอ้เด็กทะลึ่ง พี่บอกว่า ม่ายยยยย………” จินไห่พูดยังไม่ทันจบประโยคก็ถูกอีกฝ่ายกดริมฝีปากไปที่ต้นคอ จุดอ่อนอีกหนึ่งจุดของเขา และใช้ปลายลิ้นไล่วนเวียนอยู่รอบๆ บริเวณที่จูบ

“อะไรนะครับ?” ต้นน้ำถามเสียงสั่น

“ก็พอว่าวันนี้ไม่ อาววววว……” จินไห่ตอบเสียงยานคางที่ปลายประโยค เพราะโดนอีกฝ่ายใช้มือหนึ่งสะกิดที่ตุ่มไตบริเวณหน้าอก และอีกมือหนึ่งชอนไชเข้าไปใต้ร่มผ้าที่จุดยุทธศาสตร์เบื้องล่าง

“ฟังไม่รู้เรื่อง งั้นผมทำต่อ” พูดจบเขาก็ใช้นิ้วนวดคลึงด้วยทั้งสองมือตรงบริเวณที่พิกัดอยู่ ตอนนี้จินไห่ไม่เหลือความต้องการที่จะขัดขืนแล้ว ได้แต่ครางเบาๆ ในลำคอ

หลังจากที่ต้นน้ำเห็นว่าร่างกายของจินไห่ตอบสนองได้อย่างดีแล้ว ก็ถึงเวลาที่เขาจะขอค่าตอบแทนสำหรับงานวันนี้เหมือนเช่นทุกวันเสียที ยิ่งวันนี้งานเขาเสร็จเรียบร้อยแล้วเขายิ่งมีความต้องการอีกฝ่ายมากขึ้นไปอีก

ต้นน้ำพลิกตัวจินไห่และไสจินไห่ไปนอนบนเตียงนอนอย่างเร่งรีบ

“ไม่เอาพี่สกปรกจะตาย” จินไห่ตอบด้วยสีหน้าแดงก่ำตัดกับร่างกายที่ขาวสว่างออร่า

“พี่ก็รู้ว่าผมไม่ถือสา เลอะเทอะน้ำผมจนเต็มตัวผมยังทำต่อได้เลย”  ต้นน้ำโต้ตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำให้จินไห่รู้ว่า ท่าทางแบบนี้หยุดไม่อยู่แล้ว มีแฟนเป็นชายหนุ่มรุ่นนี้ก็คงต้องยอมรับกับความต้องการของคนวัยนี้ให้ได้

จินไห่ถอนหายใจและมีท่าทางผ่อนคลายลงทำให้อีกฝ่ายถาโถมเข้ามาเร้าโลมได้อย่างเต็มที่ จินไห่ยอมรับว่าต้นน้ำทำให้เขาเคลิ้บเคลิ้มได้เสมอจริงๆ

“ผมจะเข้าละนะ” ต้นน้ำพูดขึ้นหลังจากจบบทเร้าโลมจนร่างกายของอีกฝ่ายพร้อมแล้ว

จินไห่พยักหน้าและเอ็นดูอีกฝ่ายไปพร้อมกัน ต้นน้ำพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เขาจะทำ มันเป็นอะไรที่น่ารักมากสำหรับจินไห่ มันแสดงถึงการให้เกียรติคนที่คบกัน มีความอ่อนโยนแฝงอยู่ในน้ำเสียง

จินไห่เคยแปลกใจและเคยถามต้นน้ำไปตรงๆ ว่าทำแบบนี้เป็นประจำเหรอ? ส่วนต้นน้ำก็บอกว่า ‘ไม่เคย ผมเป็นห่วงพี่นี่นา มันไม่เหมือนที่ผ่านมา ความรู้สึกมันต่างกัน อีกอย่าง ผมรู้ว่าพี่คงเจ็บมาก พี่เสียสละร่างกายมอบความสุขให้กับผม ผมควรจะให้เกียรติพี่ สรีระร่างกายของผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกัน’

แค่นึกถึงคำพูดเหล่านี้ในใจ จินไห่ก็แทบจะลืมความเจ็บปวดทั้งหมดแล้ว ทุกวันนี้เขามีความสุขที่ได้ให้ความสุขกับแฟนของเขามาก และจินไห่ยอมทุกครั้งที่โดนร้องขอ

…………

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1

อืมมมมมมม

เสียงจินไห่งึมงำเมื่อโดนต้นน้ำเขย่าไหล่อย่างแรง

“พี่ไห่ๆๆ” ต้นน้ำเรียกซ้ำ แม้ว่ามันจะเป็นคำที่จินไห่ได้ยินซ้ำเวลาที่เขามีบรรเลงเพลงรักกัน แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเบื่อหรือรำคาญเลย แต่ครั้งนี้เขายอมรับเลยว่า ‘เพลีย’  วันนี้รู้สึกว่าต้นน้ำจะคึกคักเป็นพิเศษ

“ไม่เอาแล้วนะ วันนี้พอเถอะนะ เครื่องในพี่จะพังหมดแล้ว” จินไห่ปัดมืออีกฝ่ายออกและแสดงอาการปึงปังเหมือนเด็กสี่ขวบ

ได้ฟังคำพูดปึงปังของอีกฝ่ายต้นน้ำก็อดฉีกยิ้มกับความน่ารักของคนตรงหน้าไม่ได้

“ไม่ใช่อย่างนั้นพี่ ไหนว่าแม่ผมจะมาทำกับข้าวให้กิน พี่จะไม่ลุกขึ้นไปดูแล ‘แม่ผัว’ หน่อยเหรอ?”  ต้นน้ำใช้แรงพลิกอีกฝ่ายที่นอนคว่ำหน้าเปลือยเปล่าอย่างไม่ได้ทันตั้งตัว

“ไอ้เด็กทะลึ่ง ฟังพูดจาเข้าสิ น่าขนลุกชะมัด มันใช่เรื่องมาล้อเล่นแบบนี้ไหม?”  จินไห่รีบตะครุบจับส่วนสำคัญไว้ด้วยอาการอาย

“ก็มันเรื่องจริง! อีกหน่อยพี่ก็ต้องเรียกแบบนี้! ว่าแต่จะอายอะไร ทีเมื่อก่อนทำทีว่าชอบโชว์เปลือยเรื่อยๆ” ต้นน้ำมองเรือนร่างที่ชุ่มเหงื่อของอีกฝ่ายอย่างหื่นกระหาย

“ก็เมื่อก่อน คนมันจะอ่อยไง ก็เลยต้องยอมเปลืองตัวกันบ้าง แล้วก็หยุดเลยนะสายตาแบบนั้น!! อีกสิบนาทีแม่น้องจะมาอยู่แล้ว พี่ไปอาบน้ำก่อนล่ะ!!”  จินไห่พูดไปอมยิ้มไประหว่างที่ลุกหนีจากสายตาหื่นกระหายตรงหน้าเพื่อเข้าห้องน้ำ

“แบบนี้นี่เอง งั้นไปอ่อยผมในห้องน้ำหน่อยสิ” ต้นกระโดดลุกจากเตียงตามจินไห่ไปทันทีหลังจากพูดจบประโยค

“สองรอบแล้วนะ พอเถอะ” พูดยังไม่ทันจบประโยคก็โดนอีกฝ่ายหนึ่งลากเข้าไปในห้องน้ำ และปิดประตูลงดังปัง

……………


จินไห่มีอาการเหงื่อเย็น ๆ ไหลออกมาที่ขมับและซอกคอเมื่อเขาเห็นภาพแรกเมื่อลงจากบันไดชั้นสอง

“พี่ออม!” แม่ต้นน้ำกำลังจัดแจงดึงของสดออกจากลังโฟมขนาดพอดีกับตัวคนที่พามันมาด้วย

จินไห่รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ยอมบอกที่วางกุญแจสำรองกับแม่ของแฟนตัวเองแบบนี้ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะต้นน้ำไม่สร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเองเลยทำให้แม่ของเขา ขอแอบมาเช็คความขยันลูกชายตนเองวันไหนก็ได้

“อ้าว!! พี่นึกว่าออกไปธุระข้างนอก เห็นเด็กในร้านบอกว่าไม่เห็นเจ้านายตัวเองพักใหญ่แล้ว” จินไห่ได้ยินคำตอบแบบนั้นก็รู้สึกกังวลเพราะไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วลูกน้องตัวเองพูดว่าอย่างไรบ้าง รู้สึกหน้าตัวเองเย็นวาบขึ้นมา

“ผมเหม็นเหงื่อ เหม็นกลิ่นครัวน่ะครับ ก็เลยแวะมาอาบน้ำก่อน จะได้มาช่วยพี่ทำอาหาร”  จินไห่ตอบอย่างใจเย็นที่สุด ในขณะที่แม่ของต้นน้ำกำลังตั้งใจจัดเตรียมวัตถุดิบตรงหน้า โดยแทบไม่มองหน้าคู่สนทนา

“ไม่เอาสิ อย่างนั้น ก็ตัวเหม็นอีกรอบพอดี ไปนั่งพักรอตรงนั้นแหละ ให้พี่ได้ตอบแทนที่น้องดูแลลูกพี่บ้าง” คนเป็นแม่หันมายิ้มกว้าง

“เกรงใจน่ะครับ” ไม่พูดเปล่าขาของจินไห่ออกก้าวจนถึงโต๊ะเตรียมอาหารของบ้าน

“บ้านดูโทรมไปเยอะจริงๆ แต่ก็ยังใช้งานได้ดีอยู่นะ” แม่ต้นน้ำสำรวจรอบห้องครัวก่อนจะพูดกับจินไห่

“ผมคิดว่าจะอยู่ถาวรแล้วน่ะครับ ก็เลยอยากปรับปรุงให้ดีหน่อย ไหนๆจะทำแล้วก็เลยอยากทำในแบบที่ชอบจริงๆน่ะครับ ผมเองก็งบจำกัดด้วย เห็นฝีมือน้องต้นน้ำดีก็เลยขอให้มาช่วยหน่อย ว่าแต่พี่ออมพูดเหมือนเคยเห็นสภาพก่อนหน้านี้?” จินไห่ช่วยหยิบจับทำมื้อเย็นอย่างเชี่ยวชาญภายใต้สายตาทึ่งและชื่นชมจากคุณนายเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างที่ร้างลาการทำครัวแบบจริงจังมานาน

“แหม…พูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ ติดไอ้ความช่างพูดมาจากเจ้าต้นน้ำมันรึ?” คุณแม่แฟนยกยิ้มมุมปากเป็นเชิงแซว

จินไห่ทำได้เพียงแค่ยิ้มแห้งตอบกลับไปโดยลืมไปว่าเมื่อครู่ถามไปว่าอะไร

“หึ… พี่เคยคิดว่าที่ดินตรงนี้มันสวยดี และตั้งแต่คุณยายของน้องไห่เสียไปก็ไม่มีใครมาดูแล แถมติดป้ายขายไว้นานแล้วยังไม่มีใครซื้อ พี่ก็เลยเคยเข้ามาดูบ้านอยู่นะ กะจะซื้อเก็บไว้เป็นสินสอดเจ้าต้นน้ำมัน แต่เกเรแบบนี้ เจ้าชู้ก็เท่านั้น น่าจะหาเมียยากอยู่นะ”  แม่ของต้นน้ำบ่นไปเรื่อยขณะล้างพริกและผักสดเครื่องเคียงไปด้วย

“อ้อ…. แต่… หน้าตาแบบเขาไม่น่าจะหายากนะครับ” จินไห่พยายามเสริมหลังจากมีช่วงเวลานิ่งเงียบตั้งแต่จบประโยคของแม่จินไห่ไปสักพัก เป็นประโยคที่กระเทือนจิตใจเขาพอสมควร พยายามทำน้ำเสียงติดตลกที่ท้ายประโยค

“หึหึ… น้องว่างั้นเหรอ?” แม่ต้นน้ำพูดพลางหัวเราะในลำคอ

“นินทาอะไรอีกละแม่?!?” เสียงต้นน้ำดังมาแต่ไกล

“คุณชายลงมาได้เสียที” แม่ต้นน้ำสวนทันที

“ผมจะไปช่วยอะไรได้ ทำกับข้าวก็ไม่เป็น!”

“ก็ช่วยล้าง…ผัก ล้างของ…สด… พวกนี้…..ไง…อ้าว! น้องไห่ ทำเสร็จหมดแล้ว??” คนเป็นแม่หันไปเจอทุกอย่างที่เคยอยู่ในกล่องถูกลำเลียงออกมาในสถาพพร้อมทำอาหารเรียบร้อย ทั้งล้างทั้งหั่นทั้งจัดเรียงเป็นหมวดลำดับขั้นตอน

“เก่งนะเนี่ย จัดเรียงเหมือนจะรู้เลยว่าพี่จะทำอะไร นี่ต้นน้ำ จะหาแฟนทั้งนี้ ต้องเป็นผู้หญิงที่เพรียบพร้อมและเก่งกว่าแม่แบบนี้นะ!!”

“โอ้ย! หาไม่ยากหรอก!!” ต้นน้ำยกยิ้มมุมปากและขยิบตาให้จินไห่ ในขณะที่แม่ของเขากำลังควานหาอะไรบนโต๊ะที่สามารถโยนใส่ลูกตัวเองได้

“ไอ้เด็กเปรต แกล้อเลียนชั้นอีกแล้ว!!” แม่ของเขาโวยวายพร้อมเอาเศษผักโยนใส่กำมือหนึ่ง

“อุ้ย!! พี่ขอโทษ!! มันชินมือ” แม่ของต้นน้ำอุทานออกมาหลังเห็นเศษผักกระจายเต็มพื้น

“ไม่เป็นไรครับ” จินไห่ตอบกลับและแอบเขม่นตาดุใส่ไอ้วายร้ายตรงหน้า

ความวุ่นวายในห้องครัวขณะทำอาหารกว่าจะหมดไปก็ใช้เวลาไปไม่น้อย ไม่ใช่เพราะความยุ่งยากในการทำอาหารแต่เป็นการที่สองแม่ลูกต่อล้อต่อเถียงกันจนห้องครัวเกือบจะวอดวาย

ต้นน้ำที่ปากไวเถียงแม่ไม่ตกฟากขณะเป็นลูกมือช่วยจินไห่หยิบจับโน่นนี่ ผสมกับคุณแม่มือไวที่จ้องแต่จะหาอะไรโยนใส่ลูกเมื่อเจอถ้อยคำจิกกัดจากลูกชายตนเอง

ภาระหนักทั้งหมดจึงเป็นของจินไห่ที่กลายมาเป็นหัวหน้าพ่อครัวในมื้อนี้คอยควบคุมการผลิตจากฝ่ายแม่และควบคุมการทำความสะอาดจากฝ่ายลูก

สุดท้ายกว่าที่ทุกอย่างจะเสร็จสิ้นบนโต๊ะได้ จินไห่เรียกได้ว่าหมดพลังงานและความอยากอาหารไปจนสิ้น

“ตายแล้ว น้องไห่สมกับที่เป็นเจ้าของร้านอาหาร จัดจานเสียอลังการเชียว ใครได้ไปเป็นลูกเขยนี่น่าอิจฉาเลยนะ สมบูรณ์พร้อมทั้งหน้าตา นิสัย มีธุรกิจส่วนตัวก็ดี และทำอาหารเก่งอีก!!” แม่ของต้นน้ำเอ่ยชมหลังจากออกจากห้องครัวเป็นลำดับสุดท้ายเพราะอาสาเก็บของทำความสะอาด จากเหตุการณ์ก่อนหน้า

ต้นน้ำไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยิ้มดีใจจนหน้าบานออกนอกหน้า จินไห่ได้แต่ทำตาดุใส่ความทะเล้นของอีกฝ่าย

“แกจะยิ้มเพื่อ ฉันไม่ได้ชมแก แกแค่ยกออกมาวางบนโต๊ะอาหารจะฉีกยิ้มดีใจเพื่อ?” แม่ต้นน้ำแวดใส่ลูกชาย

“อ้าว! แม่!!ก็….” ต้นน้ำผ่อนหายใจแรงที่แม่ทำให้เขาหงุดหงิดเสมอ

“กินข้าวกันเถอะครับเดี๋ยวเย็นหมด” จินไห่รีบพูดสวนขึ้นมาก่อนที่แฟนตนเองจะหลุดพูดอะไรให้เสียบรรยากาศ

ต้นน้ำได้แต่จือปากและขมวดคิ้ว เมื่อโดนขัดแต่ก็ยอมนั่งลงเพื่อกินมื้อเย็นสงบปากแต่โดยดีเมื่อเห็นจินไห่ทำสีหน้าจริงจังใส่

“อร่อยมากเลยครับน้ำจิ้มนี่” จินไห่เอ่ยปากชมเมื่อเขาช้อนกุ้งเผาชุบน้ำจิ้มสีแดงปนเขียวเจ้าปาก มันเผ็ดร้อนกว่าที่คิดแต่ความเค็มความเปรี้ยวที่กลมกล่อมมากๆ

“แน่นอนสูตรลับของบ้านพี่เลยนะ ส่งมารุ่นต่อรุ่น!” คุณนายแม่เอ่ยยึดอกอย่างภูมิใจ

“และมันจะคงจะหยุดที่รุ่นนี้แหละ เพราะไม่เห็นเคยทำมานานแล้ว เมื่อกี้ก็แอบชิมแอบปรุงตั้งหลายรอบ” ต้นน้ำพูดสวนขึ้นมาด้วยอาการติดตลก

“เงียบไปเลย ชั้นมีเวลาทำไหมล่ะ!!” ต้นน้ำโดนแม่ใช้กุ้งแม่น้ำเผาตัวใหญ่ชี้หน้า แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการเกรงกลัว จัดการของตรงหน้าพร้อมมองหน้าแม่ลอยไปลอยมาอย่างล้อเลียน

“สนิทกันดีนะครับ ทำให้ผมคิดถึงแม่เลย” จินไห่อมยิ้มกับภาพที่เห็น

“แม่พี่เป็นมนุษย์ป้าแบบนี้เหมือนกันเหรอ?” ต้นน้ำมองหน้าแม่และพูดติดตลก

“นี่ฉันเป็นแม่แกนะ!! น้องไห่จะบอกว่าเป็นแม่ที่น่ารักอ่อนโยนใช่ไหมจ๊ะ” แม่เขาทำหน้าดุใส่เขาแล้วหันไปยิ้มหวานให้จินไห่

“อ่ะครับ” จินไห่ตอบและยิ้มหัวเราะแห้งไปกับบรรยากาศอบอุ่น

“ว่าแต่ น้องไห่ช่วงนี้โสดใช่ไหม? พี่ว่าจะแนะนำสาวให้รู้จัก เป็นลูกสาวโรงสีข้าว ตอนนี้มาเปิดร้านขายข้าวสารที่ท้ายตลาด น่ารักนะ ขยันขันแข็ง หากได้กันจะได้ไม่ต้องซื้อข้าวไปตลอดชีวิต เลยนะ” แม่ต้นน้ำพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มขณะหยิบกุ้งที่ปลอกเปลือกเรียบร้อยใส่ปากคำโต

“เอ่อ… ผม… ยังไม่พร้อมน่ะครับ” ตามความหมายองจินไห่ ไม่น่าจะใช่ว่าไม่พร้อมมีใคร แต่ยังพร้อมที่จะบอกกับคนตรงหน้ามากกว่าว่าแฟนของเขาก็นั่งร่วมโต๊ะอยู่นี่แหละ จินไห่พูดพลางมองหน้าต้นน้ำเพื่อปรามไม่ให้แทรกบทสนทนาที่แสนอันตรายนี้ จินไห่สังเกตจากกล้ามเนื้อใบหน้าของต้นน้ำที่เริ่มแปลเปลี่ยน พวกเขาอยู่ด้วยกันมานานจนพอจับทางได้

“ลองคุยดูก็ไม่เสียหายนะ พี่ว่า ด้วยอายุ หน้าที่การงานอย่างน้องไห่ บอกว่าไม่พร้อม ไอ้ต้นน้ำนี่ยิ่งโคตรจะไม่พร้อม มันยังมีสาวๆ แวะเวียนมาไม่ซ้ำ จนพี่คิดว่ากรรมคงจะสนองเข้าสักวัน ล่าสุดได้ข่าวเจอสาวน้อยนางหนึ่งปล่อยข่าวป่วนว่าลูกน้าเป็นแฟนกันน้องไห่พี่ยังขำท้องแข็งอยู่จนวันนี้เลย ไอ้คนที่วันๆ เอาแต่จีบสาวคนนี้คนนั่นไปทั่วอย่างนี้ก็สมควรโดนสักที” แม่ต้นน้ำพูดติดตลกและหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างสะใจที่ลูกตัวเองโดนดีเสียบ้าง

แตกต่างจากชายร่วมโต๊ะทั้งสองที่หัวเราะได้ไม่เต็มปากนักแต่ก็ฝืนหัวเราะตามไปด้วยอาการฝืนๆ จินไห่มองหน้าต้นน้ำด้วยสีหน้าหวาดหวั่น แต่ในอกมันสั่นไหวไปหมด จินไห่มีอาการปลายนิ้วมือเย็นและอาการหลอดอาหารตีบจนแทบกลืนอาหารที่เคี้ยวอยู่ไม่ลง

“แม่รู้ได้ไง?” ต้นน้ำเอ่ยปากถามด้วยท่าทางหงุดหงิดซึ่งเขาพยายามทำตัวเป็นปกติที่แม่ชอบมากวนโมโหเขาแบบนี้

“แม่เล่นโซเชียลเป็นนะ ฉันไม่ใช่มนุษย์ป้าล้าหลังนะ ฉันเป็นมนุษย์ป้าไฮเทค แต่ก็ไม่เคยเกรียนคีย์บอร์ดนะยะ!” พูดจบก็ใช้นิ่วชี้ดันหน้าผากลูกชายตัวเองที่ถลันศรีษะเข้ามาใกล้เกินเหตุ

“แล้วพี่ออมไม่รู้สึกอะไรเหรอ?” จินไห่ที่รู้สึกเย็นวูบไปทั่วศรีษะตอนบนเหมือนใครเล่นของเอาศรีษะเขาไปเข้าในตู้เย็นได้เอ่ยถามต่อ

“พี่เล่นโซเชี่ยลมานาน รู้หรอกว่าอันไหนจริง ไม่จริง แล้วเด็กสาวคนที่โพสก็แฟนเก่าไอ้ต้นน้ำมัน แค่นี้ก็รู้แล้วล่ะว่าอะไรเป็นอะไร ขืนร้อนรนไปเสียทุกเรื่อง ไม่ต้องทำมาหากินอะไร” แม่ของต้นน้ำที่พูดไปด้วย หยิบจับอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย น่าจะเป็นคนเดียวในโต๊ะที่เจริญอาหารขนาดนี้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Shonennihon

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 421
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +118/-1
ต้นน้ำไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไรเพราะตนก็อยากจะเปิดเผยอยู่แล้ว ตอนนี้เพื่อนที่มหาวิทยาลัยของเขารู้กันหมดแล้ว เพียงแต่ไม่พูดกันเท่านั้น เพราะอะไรที่มันจริงและเจ้าของข่าวอย่างต้นน้ำที่ไม่สนใจ ไม่อาย ข่าวที่เล่นไม่ได้แบบนี้ ไม่น่าสนใจ เลยกลายเป็นเรื่องธรรมดาของคณะไปแล้ว ยิ่งปัจจุบันผู้ชายคบกันเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ อย่างไอ้ไอซ์เองยังควงผู้ชายแทบไม่ซ้ำหน้าอย่างเปิดเผย เลยกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

“สมมติว่ามันจริงล่ะ?” ต้นน้ำเอ่ยถามขึ้นท่ามกลางใบหน้าตกใจอย่างหนักแต่เก็บอาการไว้อย่างจินไห่

“อะไรจริง?” แม่ต้นน้ำคิ้วขมวดหันควับไปทางคนถาม

“ที่ผมกับพี่ไห่เป็นแฟนกัน” ต้นน้ำพูดหน้านิ่งและใช้นิ้วชี้ไปทางคนที่นั่งหน้าซีดและตาโตดุใส่เขา

“……..” แม่ต้นน้ำที่พยายามเก็บอาการจนขนหัวคิ้วกระตุกสั่นเงียบนิ่งไปชั่วครู่

“ต้นน้ำล้อเล่นแรงไปแล้ว!!” จินไห่พูดสวนขึ้นมา

“ไอ้เด็กบ้า เล่นบ้าอะไรเนี่ย” แม่ของเขาหัวเราะออกมา

“ผมแค่อยากรู้จริงๆ ว่าแม่จะรู้สึกอย่างไรหากสมมติว่า มันเป็นแบบนั้นจริงๆ” ต้นน้ำยังคงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จินไห่พอจะรู้จากน้ำเสียงว่า ต้นน้ำถามจริงจังแต่ใช้คำว่าสมมุติมาตั้งคำถาม

“แม่…ก็คง…อึ้ง…. และคงเสียใจมั้ง….. แม่อยากให้ลูกมีครอบครัวที่สมบูรณ์ที่ลูกไม่เคยมี แม่อยากอุ้มหลาน อยากตั้งชื่อหลานเหมือนเพื่อนๆแม่หลายๆคนบ้าง……… แกเนี่ยถามอะไรเครียดเชียว” แม่หัวเราะทิ้งท้ายประโยคที่ตึงเครียดก่อนหน้านี้

“ว่าแต่ น้องไห่ ไม่สนใจจริงง่ะ น้องน่ารักนะ ยังไม่เคยมีแฟนด้วย เดี๋ยวพี่เป็นแม่สื่อให้!”

“ไม่ดีกว่าครับ”  จินไห่ตอบเสียงห้วนเพราะตอนนี้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะมาเจอสถานการณ์แม่สื่อแม่ชักแบบนี้

“ไม่เป็นไร วันไหนไปตลาดก็แวะไปหาน้องสักหน่อย ไปซื้อข้าวไง บอกว่าพี่แนะนำ รับรองถูกกว่าที่อื่น” แม่ต้นน้ำยังคงขยั้นขยอพร้อมหยิบโทรศัพท์เพื่อค้นหารูปญาติห่างๆของตนให้จินไห่พิจารณากึ่งบังคับ

“อืม…. ครับ จะลองดู” จินไห่รีบรับคำแบบส่งๆ เพื่อจะได้จบการสนทนาเรื่องนี้เสียที

ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าที่แม่ของต้นน้ำมากินมื้อค่ำด้วยเพราะเรื่องนี้เป็นหลัก และอีกเรื่องที่หนักใจไม่แพ้กันคือ ต้นน้ำที่นั่งหน้าเครียดเหมือนจะฆ่าเขาด้วยสายตาเสียให้ได้ หากได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองคน เขาคงจะแย่แน่ๆ

…………….


ต้นน้ำที่ถูกใช้ให้ทำความสะอาดจานชามและภาชนะต่างๆ ในครัวระหว่างที่แม่ของเขากำลังทำหน้าที่แม่สื่อให้กับแฟนของเขา บวกกับเมื่อแม่บังคับให้เขากลับบ้านมาพร้อมกับเธอแบบไม่เต็มใจแบบนี้ ทำให้ต้นน้ำยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นจนแผ่รังสีอำมหิตที่แม้แต่จินไห่ที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกถัดออกไปยังรู้สึกได้

ปกติเขาจะขออยู่จนถึงสองทุ่มแล้วค่อยกลับเพราะอ้างว่าสมองช่วงเย็นกำลังแล่นดี เลยขออยู่สะสางงานให้จบในแต่ละวัน แต่วันนี้เขาโดนแม่ลากกลับมาตั้งแต่ยังไม่หนึ่งทุ่มเสียด้วยซ้ำ

“หน้าหงิกเป็นตูดเชียว เป็นอะไรของแก ไม่ดีหรือไง จะได้รีบกลับไปเล่นเกมเพลย์อะไรของแก เห็นอยู่กับมันมากกว่าฉันอีก! ช่วงนี้ขยันทำงานแปลกๆนะ” แม่เอ่ยทักเมื่อเห็นลูกชายท่าทางฉุนเฉียวจนเก็บอาการไม่อยู่

“แม่ทำไมต้องไปวุ่นวายกับพี่ไห่ด้วย เขายังไม่แก่ขนาดต้องรีบมีครอบครัวเสียหน่อย” ลูกชายที่ตอบไม่ตรงคำถามบวกกับสีหน้าบูดบึ้ง

“แม่แกแต่งกับพ่อแกตั้งแต่ 20 แล้วนะ คนจีนก็แบบนี้ทั้งนั้น ก็เห็นเขาเหมาะสมกันดี ฉันจะแนะนำใครให้ใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกมิทราบ”  แม่เขาสวนกลับทันที

“พี่หมวยเขาหาผัวเองได้เหรอแม่? สวยๆ แบบนั้น น่าจะมีแฟนมาหลายคนแล้วมั้ง” ต้นน้ำพูดถึงลูกพี่ลูกน้องห่างๆของตน

“ปากเรอะนั่น เขามีศักดิ์เป็นพี่สาวแกนะ หัดให้ความเคารพญาติผู้ใหญ่บ้าง!!” แม่เขาหันตวาดใส่ลูกชายที่มีทัศนคติและนิสัยไม่ต่างจากตน จนต้องลอบลูบหน้าอกตัวเองเบาๆ ให้ใจเย็นลงหน่อย

“ก็มันจริงนี่นา!!” ลูกชายตัวดียังไม่หยุด ตอนนี้ต้นน้ำเริ่มอดทนกับความจุ่นจ้านของแม่ตัวเองไม่ไหว

“ก็เห็นน้องไห่ เขาขยันทำมาหากิน จนไม่มีเวลาหาเมียเอง ครั้นจะหาเอาเองมันก็ไม่รู้จะได้เมื่อไหร่ กลัวจะไปคว้าคนที่สวยแต่รูป แม่เห็นชีวิตคนดีๆ พังมาเยอะแล้วเพราะเห็นแค่หน้าตากีก็จับมาทำเมียน่ะ สุดท้ายก็เลิกกัน เห็นผู้ชายดีๆ แบบนี้ก็ต้องแบ่งปันจริงไหมล่ะ….. หรือแก…….” แม่ของเขาพูดจบก็ชี้หน้าเขา

“อะไร!!” ต้นน้ำเริ่มหงุดหงิดกับอากัปกิริยาที่อ่อนกว่าวัยของแม่ตนเองเพิ่มขึ้น

“แกจะรู้ว่า น้องไห่แอบมีเมียแล้ว หรือว่าน้องสาวที่เคยมาอยู่ด้วยนั่นไม่ใช่น้องสาว แต่เป็นเมีย!!  ไม่นะ!! ฝันสลาย กับการมีน้องเขยเป็นคนต่างชาติ!!” แม่ของต้นน้ำที่น่าจะดูละครเยอะไปมีอากัปกิริยาที่มากกว่าคนปกติแสดงออก วาดมือมาลูบหน้าตัวเองเหมือนแม่พระเอกมี่โกรธเมื่อพระเอกไปคว้าเมียไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน

‘ไม่รู้ว่าไอ้นิสัยแบบนี้แม่เหมือนใคร ไม่เหมือนเราแน่ๆ’ ต้นน้ำตะโกนในใจเสียงดังลั่น

“นั่นน้องจริงๆ แม่รู้เยอะไปป่าวเนี่ย!!” ต้นน้ำรีบตอบออกไปตามจริง เพราะกลัวแม่ตนเองจะทำให้คนรอบข้างหันมามองกันหมด

“แม่รู้ทุกเรื่อง!! แปลว่าโสดสิ!! ทางสะดวกเลย!!”

“แม่!!” ต้นน้ำหยุดฝีเท้าลง

“อะไรของแกวะ ทำยังกับแกหวงก้างน้องไห่ สรุปแกเป็นเมียเขาหรือไง ถึงหวงจังเลย!!” แม่หันมาขึ้นเสียง

“ไม่ใช่เมีย ผัว!! ผมเป็นผัวพี่ไห่ พอใจยัง แล้วก็เลิกเป็นแม่สื่อเสียที รำคาญ!!” ต้นน้ำหลุดปากพูดเรื่องที่เก็บกดอยู่มานาน

“……..” แม่ของต้นน้ำนิ่งเงียบไป เธอมองตาลูกชายหัวแหวนของตนด้วยดวงตาเรื่อแดง เธอกำหมัดแน่น แต่มิได้คำพูดใดหลุดออกจากปากต่างจากเมื่อครู่ราวฟ้ากับเหว

ต้นน้ำที่รู้สึกเสียใจกับอาการหัวร้อนของตนทำให้แม่เขารู้ความจริงอย่างไม่เหมาะสมแบบนี้

เพียงครู่เดียวที่แม่ของเขานิ่งและหันหน้ากลับไปเดินต่อด้วยความเงียบจนผิดปกติ พวกเขาก็เดินมาถึงหน้าบ้าน ระหว่างแม่ของเขากำลังไขกุญแจเข้าบ้าน ต้นน้ำจึงถือโอกาสนี้พูดเพื่อทำให้แม่หายโกรธ

“เฮ้ย…ผมขอโทษครับ ผมล้อเล่น ผมแค่อยากให้พี่เขาหาแฟนเองน่ะ พี่เขาเพิ่งอกหักมาน่ะครับ ให้พี่เขาพักใจก่อนก็เท่านั้น” ต้นน้ำเดินไปโอบแม่จากด้านหลัง พยายามพูดแก้ต่างไปเรื่อยเท่าที่คิดออก แต่เขาไม่เก่งเรื่องพวกนี้กับแม่ของเขาเสียเลย

“นานหรือยัง?” แม่เอ่ยเบาระหว่างที่เดินเข้าไปในบ้านไปอย่างช้าๆ

“อะไร นานอะไร?” ต้นน้ำไม่เข้าใจคำถาม

“ฉันถามว่า… พวกแกทำแบบนี้กันนานหรือยัง?” แม่ต้นน้ำเสียงสั่น

“ผมไม่เข้าใจ คือ….” คราวนี่ต้นน้ำไม่เข้าใจคำถามของแม่ตนเองจริงๆ

“ฉันถามแกจริงๆ อย่าให้ฉันพูดคำบัดสีพวกนี้ ฉันถามแกว่าพวกแกทำเรื่องแบบนี้กันนานหรือยัง?!!” แม่ถามสวนประโยคคำตอบของต้นน้ำด้วยถ้อยคำที่สั่นเครือ

“ผม….งงนะแม่ คืออะไรน่ะ?” ต้นน้ำจับต้นชนปลายไม่ถูกยิ่งมาเห็นใบหน้าแม่ที่แดงก่ำเหมือนลูกเหล็กโดนความร้อนที่พร้อมจะระเบิดออกมาแบบนี่เขายิ่งทำอะไรไม่ถูก ในหัวขาวโพลนไปหมด ไม่สามารถคั้นคำพูดใดๆ ออกมาได้

“ก็เรื่องที่พวกแกทำกันก่อนลงมากินข้าวไง!!!” ตอนน้ีน้ำในตาข้างหนึ่งของแม่ของเขาปริ่มไหลลงมาอาบแก้ม

“แม่…ระ…..” คำพูดหลายคำติดจุกอยู่ที่ลำคอของต้นน้ำที่เห็นสีหน้าและน้ำตาของผู้เป็นมารดา

“เสียงมันดังลั่นบ้าน!! แค่ฉันเดินเข้าไปก็แทบจะจินตนาการได้แล้วว่าพวกแกทำอะไรกัน ยิ่งได้บังเอิญขึ้นไปเห็นภาพที่มันวิปลาสแบบนั่น ให้ฉันอดทนนั่งกินข้าวจนอิ่มก็เก่งแล้วไหม แล้วยังต้องสาธยายอะไรอีก!! บอกมาพวกแกทำแบบนี้กันนานหรือยัง!?!”
แม่โวยหลังจากปิดประตูบ้านตอนนี้พวกเขาอยู่พื้นที่หน้าร้านที่ปิดมิดชิดเรียบร้อย

ต้นน้ำไร้คำพูดใดๆ เขาไม่คิดว่าแม่ของเขาจะมารู้เรื่องนี้ในลักษณะแบบนี้ และต้องโทษตัวเองที่ไม่เคยล็อกประตู

“แม่…. คือว่า ผมรักพี่ไห่จริงๆนะครับ?” ต้นน้ำเดินเข้าไปหาแม่ของตนด้วยท่าทีระมัดระวัง เขาไม่เคยคิดเลยว่าแม่ของเขาจะมีปฏิกิริยาแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นอาการแบบนี้เลย

“หยุด!! ไม่ตีองพูดแล้ว ป๊าแกฝากฝังฉันให้ดูแลแกอย่างดี ให้เติบโตและมีครอบครัวที่มีความสุข!! แล้วจะให้ชั้นไปบอกป๊าแกได้ยังไง” แม่ยังคงโวยวายด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขาร้าวหัวใจไปหมด ปกติเขาจะเถียงสู้ฟัดกับแม่ทุกเรื่อง แต่หลังจากมาเจอสีหน้าท่าทางแบบนี้ ต้นน้ำเหมือนอาหารที่กินไปเมื่อเย็นจะทยอยคืนกลับออกมาทางที่มันเข้ามา ทุกคำพูดที่อยากจะพูดมันจุกอยู่ที่คอ

“แม่ฟังผมหน่อยนะ ….” ต้นน้ำปรับน้ำเสียงเพื่อใก้แม่ฟังคำที่เขาพยายามอธิบาย แต่มันยังบรรยายออกมาไม่ถูกต้อง

“แกเคยคิดบ้างไหมว่าญาติผู้ใหญ่เราจะว่ายังไง เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบทำไมถึง เป็นเกย์ ผิดเพศวิปริตแบบนี่!! น้องไห่ที่เห็นไม่มีแฟนก็เพราะชอบไม้ป่าเดียวกันใช่ไหม?!? ผู้ชายตั้งเยอะไม่เอา มายุ่งอะไรกับลูกชายฉันด้วย!!”  แม่ของต้นน้ำนอกจากจะไม่ฟังอะไรแล้ว ยังตวาดเต็มเสียงออกมา

ประโยคสุดท้ายคือเส้นบางๆ ที่ขาดไป ต่อว่าเขาเท่าไหร่ก็ได้ เพราะเรื่องนี้เขาผิดเองที่ไปหลงรักพี่ไห่ แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับพี่ไห่เลย เพราะพี่แทบไม่เคยล้ำเส้นความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องเลย มีแต่เขานี่แหละที่ก้าวข้ามไปก่อน

“แม่!! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว แม่ทำไมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้วะ ผมรักพี่ไห่ไม่ใช่ที่เพศแต่ที่รักเพราะ พี่ไห่ก็คือพี่ไห่” ต้นน้ำขึ้นเสียงกลับ

“นี่ฉันเป็นขนาดนี้แล้วแกยังจะไปเข้าข้างคนอื่นอีกเหรอ!! ไอ้ลูกไม่รักดี เลี้ยงเสียดายข้าวสุก!!” แม่ของเขาโวยกลับมาด้วยเสียงที่ดังและแรงกว่าเดิมมาก

หลังจากนั้นก็เหมือนบ้านสั่นสะเทือนไปหมดจากการโต้ตอบระหว่างต้นน้ำที่คลั่งรัก และแม่ของเขาที่แสนจะผิดหวังกับลูกชายตนเอง สุดท้ายในเมื่อต้นน้ำไม่สามารถทนใช้ถ้อยคำตนเองโต้ตอบถึงความรักอันมหาศาลของเขาให้แม่เข้าใจได้ เขาทำได้แต่เพียงก้าวเดินกว้างๆ ออกมาจากบ้านตนเองอย่างรวดเร็ว

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-08-2021 13:11:15 โดย Shonennihon »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด