ตอนที่ 14 ทำไมผมต้องหงุดหงิดด้วยเนี่ย แค่เห็น ท่านรองยืนกอดกับ Sup เอง แล้วผมจะหงุดหงิดทำไม ไม่ใช่เรื่องของผมเลย วุ้ยอารมณ์เสีย ไอ้บาสทำไมยังไม่มา! ฝากซื้อข้าวแค่นี้ไปนานจริงวะ แล้วทำไมน้ำในตู้เย็นไม่เย็นเลย อารมณ์เสียอ่ะ
“กำนันมารับผมหน่อย”
[เออๆ บ่ายนะ ตอนนี่พ่อประชุมอยู่อำเภอ]
“ได้พ่อ อยากกินต้มยำไก่อ่ะ”
[เออๆ เดี๋ยวพ่อทำให้กิน]
“ครับ”
ผมอยากกลับไปนอนตากแห้งอยู่ที่บ้านซัก 2 วัน ยังดีที่วันจันทร์เป็นวันหยุด นี่ผมก็เหลือเวลาฝึกงานอีกแค่ 4 วันเอง แต่ไม่อยากไปแล้วอ่ะ ไม่อยากเจอใครเลย
“ไอ้บาสกูกลับบ้านนะ”
“เออ แต่ดูหน้าตามึงนี่ไม่ค่อยร่าเริงเท่าไร เป็นอะไรอีก”
“เปล่า…”
กูยังไม่รู้เลยว่ากูเป็นอะไร กูขอกลับไปคิดที่บ้านซัก 2 วันแล้วกัน
“แปลกนะมึงอ่ะ ไม่มีเรื่องสมมติอะไรของมึงนั่น มาถามกูแล้วเหรอ”
“…งั้นสมมตินะ สมมติ”
“เออ ลีลาตลอด”
“สมมติว่ามึงไปเห็นหนุ่มยืนกอดอยู่กับสาวแล้วมึงรู้สึกหงุดหงิด…แล้วมึงทำยังไง”
“แล้วมึงหงุดหงิดที่สาวไปกอดหนุ่มหรือหงุดหงิดที่หนุ่มไปกอดสาว”
นั่นสิ มึงพูดอย่างนี้กูงงหนักเข้าไปใหญ่
“…”
“แต่กูว่ามึงหงุดหงิดที่หนุ่มไปกอดสาวมากกว่า”
“มึงทำเป็นรู้ดี สัด กูยังไม่รู้เลย”
“ถ้าจริง แสดงว่ามึงก็ชอบไอ้หนุ่มนั่นเข้าแล้ว”
“…แล้วกูต้องทำไง”
“ก็แล้วแต่มึง จะปล่อยให้เขาไปกับสาวหรือจะแย่งมาเองล่ะ”
“พูดเหมือนกูเป็นนางร้ายในละคร นี่กูต้องไปตบนางเอกเพื่อแย่งพระเอกมาเหรอ”
แต่เอาเข้าจริงๆ ผมคงไปทำอะไรไม่ได้ นั่นก็ Sup แต่ผมสงสารพี่พลอ่ะ พี่เขารู้รึเปล่านะว่าเพื่อนกำลังหักหลัง แต่ท่านรองทำไมเป็นคนอย่างนี้วะ! คิดจะแย่งแฟนเพื่อนได้ไงอ่ะ
“ก็เรื่องของมึง ส่วนเรื่องของกู กูว่าจะลองคบกับสาวดู”
“อืม ส้มจี๊ดอ่ะนะ ก็ดี ขอให้คบกันนานๆนะ”
ยินดีกับเพื่อนด้วย ส่วนผมก็ยังสับสน ตกลงผมชอบท่านรองจริงๆเหรอ ส่วนเรื่อง Sup ผมมั่นใจว่าไม่ได้ชอบพี่เขาแน่นอน
“เฮ้ย ! มึงรู้ได้ไงว่าเป็นส้มจี๊ดอ่ะ”
“ก็มึงโง่ไง กูรู้มาตั้งนานแล้ว”
“เหรอ ทำไมกูไม่รู้เลย”
ก็มึงโง่ไง ยังมาถามอีก กูไปเก็บกระเป๋าดีกว่า เดี๋ยวกำนันหมานจะมารับแล้ว
“เป็นไงไอ้ลูกหมา ทำไมวันนี้อยากกลับบ้านได้”
“อืม เซ็งๆอ่ะกำนัน ผมมีเรื่องปรึกษาด้วย”
“อะไร ยังไงว่ามา”
“สมมตินะ ถ้าผมเห็นใครซักคนไปจู๋จี๋กับคนอื่นแล้วหงุดหงิด แสดงว่าผมอาจจะไปชอบเขาใช่มั้ย”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ นี่เอ็งไปชอบใครเข้ารึไง”
“มันเป็นเรื่องสมมติหรอก”
“ก็ไอ้เรื่องสมมติของเอ็งมันก็เป็นเรื่องจริงทุกทีแหละ”
รู้อีก กำนันหมานนี่ รู้ใจผมจริงๆเลย
“อื้อ เรื่องจริงก็ได้”
“ก็แค่นั้น เอ็งก็ลองคิดนะ ว่าหงุดหงิดเพราะอะไร เวลาไม่เจอเขาแล้วรู้สึกยังไง พ่อว่ามันอาจจะถึงเวลาแล้วที่เอ็งจะชอบใครซักคน”
“โห กำนันอ่ะ เข้าใจวัยรุ่นจริงๆ”
นี่แหละพ่อผม ปรึกษาได้ทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องความรัก แต่ผมยังไม่ได้บอกนะว่าเป็นผู้ชายอ่ะ ไม่รู้พ่อจะว่ายังไง
“อืม เดี๋ยวนี้เขาไม่ปิดกั้นแล้ว ไม่ว่าเอ็งจะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงพ่อก็ไม่ว่าหรอกนะ ยังไงๆเอ็งก็เป็นลูกพ่อ”
โห ซึ้งอ่ะ น้ำตาจะไหล พ่อผมโคตรเจ๋งเลย อยากทำโล่พ่อดีเด่นให้กำนันซักอันจริงๆ
ผมจะลองคิดดูนะ ว่าผมแอบไปหลงรักท่านรองเขาจริงรึเปล่า แต่พูดตามตรงว่าท่านรองเขาเป็นคนดีในสายตาของผมนะ แต่คนอื่นผมไม่รู้หรอก ขอกลับไปคิดทบทวนที่บ้านอีกครั้งครับ เพื่อความแน่ใจ แต่ผมคงทำอะไรไม่ได้เพราะเขามีคนรักอยู่แล้ว ก็อาจจะได้แต่แอบชอบเงียบๆ เศร้าครับ ‘หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่ทุกวัน ไปหลงรักแฟนชาวบ้านทั้งที่รู้ตัว’
“เป็นอะไรของเอ็งข้าวปลาไม่กิน ลดน้ำหนักเหรอวะ”
โห กำนันไหนว่าเข้าใจวัยรุ่นกำลังสับสน ผมก็นั่งทบทวนไงว่าว่าผมหลงรักท่านรองจริงๆรึเปล่าอยู่ไง
“มันกำลังเฮิร์ทๆน่ากำนัน ขอผมอยู่คนเดียวซักพักนะ”
หลายๆคนอาจจะงงๆว่าผมมีโมเม้นนี้ด้วยเหรอ มีสิครับ ผมก็คนนะ ถึงแม้ว่าจะหน้าตาดีมากก็ตาม?
Rrrrrrrrrrr
ใครโทรมาตอนกำลังเฮิร์ทวะ เสียอารมณ์คนหล่อหมด ฉิบหาย! ท่านรองโทรมา เพิ่งจะโทรมาได้นะ คิดว่าจะโทรมาตั้งแต่เมื่อคืน เฮ้ยๆ! ทำไมผมดีใจอ่ะ แต่พอนึกถึงตอนที่ท่อนรองยืนกอดอยู่กับ Sup ก็ไม่อยากรับเลยอ่ะ
“ใครครับ?”
ทำเนียนไม่รู้ว่าใครโทรมา เดี๋ยวจะหาว่าตัวเองสำคัญ เชอะ!
[ผมเอง คุณอยู่ที่ไหน ทำไมผมไปหาไม่เจอ]
ห๊ะ ไปหาผมที่หอด้วยเหรอ ไปทำไมอ่ะ ไปดักรอตีหัวผมเหรอ
“…ท่านรองไปหาผมทำไมครับ”
[…ก็ที่ผมนัดไปกินข้าวไง คุณจำไม่ได้เหรอ]
อุ้ยลืมสนิทเลย
“ผมอยู่บ้าน ถ้าไม่มีอะไรแค่นี้นะครับ”
หงุดหงิด เหมือนผมผิดที่ลืมเรื่องนัดกินข้าว แล้วท่านรองทำอะไรไว้ล่ะ ไม่เห็นพูดถึงเลย
[เดี๋ยวสิ คือเรื่องเมื่อคืน…]
“ผมไม่อยากรู้หรอกครับ มันก็เรื่องของท่านรองแต่ผมสงสารพี่พล”
[เดี๋ยวคุณเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว]
“ช่างเถอะครับ แค่นี้นะครับ”
ผมขอเล่นตัวหน่อยนะ คราวก่อนดูเหมือนผมใจง่ายที่ยอมคืนดีเร็วไปหน่อย
[นี่ปั๊กน้อย ฟังผมนะ ผมกับมายด์ไม่ได้มีอะไรจริงๆ]
“แล้วบอกผมทำไมครับ ผมไม่ได้อยากรู้เลย”
[คุณโกรธผมอีกแล้วนะ]
“พูดเหมือนผมโกรธหลายครั้งแล้ว คราวก่อนท่านรองโกรธผมก่อนต่างหาก”
[…ก็ได้ ครั้งก่อนผมผิดแต่ครั้งนี้คุณเข้าใจผิดนะ]
“ยังไงครับ?”
ท่านรองอาจจะมองไม่เห็นหน้าผมตอนนี้ แต่บอกเลยว่าเคืองมาก ยังจะมาว่าผมเข้าใจผิด งั้นท่านรองก็อธิบายมาเลยครับ
[ก็พ่อของมายด์เข้าโรงพยาบาล]
“แล้วยังไงครับ มันเกี่ยวกับท่านรองตรงไหน คนที่ควรจะปลอบ Sup น่าจะเป็นแฟนเขามากกว่านะครับ”
ไม่ควรจะเป็นท่านรอง หรือท่านหวังจะตีท้ายครัวเขาอยู่ครับ ยอมรับมาซะดีๆ
[คือพ่อของมายด์เป็นอาของผม]
“แล้วท่านรองไปเกี่ยวยังไงครับ ผมว่าไม่เห็นจะเกี่ยว… ห๊ะ! ท่านรองว่ายังไงนะครับ”
[ผมกับมายด์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน]
“…อ่อครับแหะๆ”
ผมนี่ดีใจฉิบหาย อร๊ายยยๆ ดีใจจัง อุ้ยๆออกนอกหน้า
[เห็นมั้ย คุณเข้าใจผิด]
“ผมจะไปรู้ได้ไง เกือบเกลียดท่านรองไปแล้วนะ ที่คิดจะแย่งแฟนเพื่อนอ่ะครับ”
[แล้วเกลียดผมไปรึยัง]
“…ยังครับ ยังไม่เกลียด”
[หึ…แล้วคุณกลับมาวันไหน ให้ผมไปรับมั้ย]
“ไม่เป็นไรครับผมกลับเอง”
[อืม…ครับ]
“เจอกันวันอังคารครับ ผมมีอะไรจะบอกท่านรองด้วยครับ”
[คุณบอกวันนี้ไม่ได้เหรอ]
“ไม่ได้ครับ ขอผมคิดอีกวันนึง”
“ครับโอเคแล้วแต่คุณ ผมจะรอฟัง”
ผมคุยกับท่านรองนานมาก นานกว่าคุยกับพ่อผมอีก แล้วก็นานกว่าคุยกับเพื่อนผมอีกนะ แต่ตอนนี้สบายใจมาก ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าท่านรองเป็นญาติพี่น้องกับ Sup มายด์ ไม่รู้มาก่อนเลย แล้ว Sup ก็ไม่เคยเล่าเลยนะ เนียนให้ผมเอาเอกสารไปให้ท่านรองเซ็นตั้งหลายรอบ ก็คิดว่ากลัวท่านรอง ผมเลยอยากช่วย แล้วมาหลอกกันได้นะ วันอังคารต้องไปสะสางซะแล้ว
“Sup ไม่เห็นบอกผมเลยว่าเป็นญาติกับท่านรองอ่ะ”
ผมอยากจะงอนนะแต่คิดว่าไม่เท่ เลยไม่เอาดีกว่า
“อ้าว ก็เอ็งไม่ถามนี่”
“อ้าว Sup แล้วที่ให้ผมเอาเอกสารไปให้ท่านรองเซ็นนี่ ก็แกล้งผมอะดิ”
“ก็ไม่ใช่หรอก ถึงจะเป็นญาติกันแต่ก็จะโดนกินหัวอยู่บ่อยๆ พี่ก็ขยาดอยู่เหมือนกัน”
“แล้วพ่อของ Sup เป็นยังไงบ้างครับ”
“อืม ก็ดีขึ้นแล้วออกจากโรงพยาบาลเมื่อวาน ตอนแรกพี่ตกใจแทบแย่ ตอนที่เอ็งเข้ามาในห้องก็ไม่ฟังอะไรเลยนะ”
“แหม Sup ผมก็ตกใจเห็นยืนกอดกับท่านรองอ่ะครับ”
จริงๆตอนนั้นผมไม่ใช่แค่ตกใจ แต่รู้สึกไม่พอใจด้วย พูดง่ายๆคือหึงนั่นเอง ทำไมผมรู้ตัวนะเหรอ ผมนั่งคิดนอนคิด จนรู้ใจตัวเอง ผมฉลาดมั้ยล่ะ ทีเรื่องเรียนผมไม่ได้ฉลาดขนาดนี้นะเนี่ย ผมรู้ใจตัวเองก็เพราะว่าผมไม่เคยชอยใครน่ะสิ แล้วเวลาที่ผมมีความรู้สึกดีๆกับใครซักคน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่มันทำให้ผมรู้ตัวไงหล่ะ ฉลาดจริงๆผมเนี่ย ถ้ามันเป็นเรื่องเรียนผมได้เอไปแล้ววว
“ไหนว่ามีเรื่องอะไรจะบอกผม”
ท่านรองอุตส่าห์ดั้นด้นมาหาผมถึงห้องสมัครงาน เพื่อมาถามว่าผมมีอะไรจะบอกท่านเขารึเปล่านะ โห! ลงทุนจริงๆ แต่ตอนนี้ผมไม่กล้าพูดหรอกครับ คนเยอะขนาดนี้
“เอ่อ…เอาไว้ก่อนดีกว่าครับท่านรอง”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“คือ…เอาเป็นว่าวันศุกร์ดีกว่าครับ”
“ทำไมต้องเป็นวันศุกร์”
ท่านเขาจะไล่บี้อะไรผมขนาดนี้ อยากรู้ขนาดนั้นเลยเหรอ
“วันศุกร์เป็นวันที่ผมฝึกงานวันสุดท้ายไงครับ ผมก็เลยมีเรื่องอยากสารภาพกับท่านรองซักหน่อยครับ”
“…เหรอวันศุกร์วันสุดท้ายเหรอ…แล้วตอนเย็นคุณมีธุระอะไรรึเปล่า”
“ครับ? แผนกบุคคลมีเลี้ยงส่งเด็กฝึกงานครับ ท่านรองมีอะไรรึเปล่าครับ”
“…เปล่า แล้วผมจะโทรหานะ”
“ครับท่านรอง”
ดูท่านเขาเหมือนมีเรื่องจะบอกผมอยู่นะครับ ทำปากขมุบขมิบๆ แล้วไม่ยอมพูดแต่แกเดินออกไปแล้ว
“เอ้าไอ้น้องหมอกเหลือเวลาอีก 3 วัน ที่จะฝึกงานที่นี่ มีอะไรจะถามหรืออยากให้พี่อธิบายอะไรเพิ่มเพื่อกลับไปทำรายงานรึเปล่า”
“มีครับๆ เดี๋ยวผมเอาสมุดจดก่อน”
“เออ แล้วมาที่ห้องประชุมนะ”
ดีจังเลยครับ Sup ใจดีเสมอ เป็นหัวหน้างานที่ผมใฝ่ฝันมากเลยขอบอก
หลังจากได้ข้อมูลมาทำรายงาน ผมก็ช่วยทำงานเอกสารต่อ
Rrrrrrrrr
“ครับท่านรอง?”
[เย็นนี้คุณว่างรึเปล่า]
“ครับ? เอ่อ…ว่างครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
[ไปทานข้าวกัน ตอนเย็นผมไปรับที่หอ]
“อ่อ…ได้ครับ”
มาเร็วเคลมเร็วสมกับเป็นท่านรองจริงๆ
พอห้าโมงเย็นปุ๊ป ผมก็รีบกลับปั๊บเลยครับ ไม่อยากให้ท่านเขารอนานด้วย จะขอกลับไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆซักหน่อย แต่ที่ไหนได้พอมาจอดรถที่หอพัก ก็เจอท่านรองมาจอดรถรออยู่ที่หน้าหอแล้ว เร็วจริงๆ แอบแซงผมมาตอนไหนเนี่ย
“ทำไมท่านรองมาเร็วจังครับ ผมว่าจะอาบน้ำก่อนซักหน่อย”
“… ขึ้นรถสิ”
“…ครับ”
แทนที่จะมีเวลาให้ผมเสริมหล่อบ้างนะ อยู่กับท่านรองผมก็อยากดูดีบ้างอ่ะ ไม่ใช่แบบเพิ่งเลิกงานหัวกระเซอะกระเซิง หน้ามันๆ ไรงี้อ่ะ
“คุณอยากกินอะไร ผมให้คุณเลือก มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”
“เลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไรครับ”
“ก็…ในโอกาสเลี้ยงส่งก็ได้ครับ”
“ขอบคุณครับ แล้วหลังจากผมฝึกงานเสร็จแล้ว ท่านรองยังจะเลี้ยงข้าวผมอีกมั้ยครับ?”
“ได้สิ ได้ตลอด ผมอยากเจอคุณนะ”
“…ครับ”
ผมคิดเข้าข้างตัวเองได้มั้ยว่าท่านรองเขาก็สนใจผมอยู่เหมือนกัน แต่ผมยังไม่กล้าถามเลย กลัวแป๊ก
“ผมโทรหาคุณอีกได้รึเปล่า?”
ทีงี้ทำมาถาม ปกติท่านก็โทรเลยนี่ครับ ไม่เคยเห็นจะถาม
“ได้สิครับ ท่านรองเล่นไลน์มั้ย ผมขอ ID หน่อย”
“ได้สิ…เดี๋ยวค่อยแลกกันก็ได้”
โอ้โห!ท่านรองเขาพามากินข้าวในโรงแรมเลยครับ ใส่ชุดนักศึกษาเขาห้องอาหารในโรงแรมหรูพร้อมกับเสี่ยใหญ่ใจป้ำ เป็นห้องอาหารติดทะเล บรรยากาศดีเลิศประเสริฐศรีมากๆครับ ลมพัดพริ้วๆข้างชายหาด มองเห็นคลื่นทะเลพร้อมกับเศษทรายปลิวว่อน อันหลังนี่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่โดยรวมๆไฮโซหรูหราหมาเห่ามากครับ
“เอ่อ พาผมมาที่นี่เลยเหรอครับ มันดูหรูหราหมาเห่าไปหน่อยนะครับ”
“…หึ คุณอยากกินอะไรสั่งเลยนะ”
พี่บริกรหรือภาษาบ้านผมเรียกเด็กเสิร์ฟยื่นเมนูมาให้ ฉิบหาย! เมนูภาษาอังกฤษทั้งนั้น พี่เด็กเสิร์ฟเลยแนะนำรายการอาหารให้ ผมเลยสั่งมา 2-3 อย่าง ท่านรองเขาดูชำนาญนะครับ แอบพาใครมากินที่นี่บ่อยรึเปล่าเนี่ย แต่คราวหน้ากรุณาอย่าพาผมมาอีกนะครับ เอาแบบเมนูไทยที่อ่านรู้เรื่องก็พอครับ
“ทำไมคุณทำหน้าอย่างนั้นล่ะ”
“คือ…บอกตามตรงว่ามันไฮโซไปหน่อย ไม่ค่อยเข้ากับผมซักเท่าไรอ่ะครับ”
“เหรอ…ผมคิดว่าคุณจะชอบซะอีก คราวหน้าคุณอยากกินอะไรบอกผมดีกว่า”
“ครับ…แต่ผมชอบบรรยากาศนะ ดูโรแมนติกดีครับ”
“อืม…นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ”
“อะไรนะครับ?”
“เปล่าหรอก”
“ท่านรองมาที่นี่บ่อยเหรอครับ”
“อืม ก็ไม่บ่อยนะ พอดีมีรุ่นพี่เป็นผู้จัดการที่นี่น่ะ”
“อ๋อครับ”
ซักพักอาหารก็ทยอยมาเสิร์ฟ หน้าตาน่ากินมากครับ แต่ผมจำชื่อไม่ได้หรอกว่ามันเรียกว่าอะไรอ่ะ
แล้วเราก็เริ่มกิน ผมต้องกินช้าๆ ให้แลดูกิริยามารยาทงามนิดนึง ไม่อยากเสียภาพพจน์ครับ กลัวท่านรองเขาอับอายขายขี้หน้าแล้วไม่พาไปกินข้าวอีก
“หึ! คุณไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ทำตัวตามสบายเหมือนปกติสิ”
“ครับ ผมก็ว่าอยู่ เกร็งจนไม่รู้ว่ารสชาติอาหารเป็นยังไงแล้วเนี่ย”
“อร่อยมั้ย”
“อร่อยครับ แต่ผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรนะ”
“อืมดีแล้วที่คุณชอบ”
“อ้าว! เจ้าเมฆมาได้ไงเนี่ย”
ผมเงยหน้าไปมอง มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาทักทายท่านรองครับ สงสัยจะเป็นรุ่นพี่ที่ท่านเขาบอก
“ดีครับพี่เอก เป็นไงพี่”
“อืมก็เรื่อยๆ เอ๊ะ! น้องน่ารัก ใครครับเนี่ย”
“…น้องที่โรงงาน ชื่อหมอก”
“เอ๊ะๆ ไม่เคยเห็นเมฆพาใครมาเลย น้องคนนี้ต้องพิเศษแน่ๆเลยใช่มั้ยเจ้าเมฆ”
“…ก็แล้วแต่พี่จะคิด”
ท่านรองกรุณาแก้ตัวด้วยครับ พี่คนนี้เขาพูดใหญ่แล้ว แต่ท่านก็ยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ผมทำไมต้องเขิลด้วยเนี่ย
“โอ๊ะๆ ไม่ธรรมดาเลยนะคุณเมฆา…เออๆ ไม่เล่นแล้ว ทานอาหารให้อร่อยนะครับน้องหมอกคนน่ารัก พี่ไปทำงานก่อน เดี๋ยวโดนไล่ออก วันหลังผ่านมาก็มาแวะได้ เดี๋ยววันนี้พี่เลี้ยงของหวานให้นะ”
แล้วพี่แกก็เดินไปทักทาย ลูกค้าที่เข้ามานั่งที่โต๊ะถัดไป ดูแกเฟรนลี่ดี ไม่เหมือนท่านรองเลย จ้องแต่จะงับหัวคนรอบข้างแม้แต่น้องนุ่งก็ไม่เว้น ผมเลยมองว่าไม่น่าจะคบกันได้นะ แต่ผมก็รู้มาอีกเรื่อง คือท่านรองไม่เคยพาใครมาที่นี่เลย แอบดีใจเล็กน้อย อิอิ
“แล้วท่านรองเวลามากินข้าวที่นี่นั่งคนเดียวเหรอครับ ไม่เหงาเหรอ”
เป็นผมนี่เหงาตายเลยนะ เหมือนกระต่ายอ่ะ ถ้าไม่ได้คุยกับใครนี่อกแตกตายเลย ไอ้บาสมันยังว่าผมพูดมากเลย
“ก็พี่เอกไง มานั่งด้วยแต่ไม่บ่อยหรอก”
“อ่อครับ”
หลังจากทานอาหารที่โคตรอร่อย บรรยากาศโคตรโรแมนติก และเจ้ามือก็โคตรหล่อ ท่านรองก็มาส่งผมคนที่โคตรหน้าตาดีที่หอ
“วันนี้ขอบคุณมากนะครับสำหรับดินเนอร์สุดไฮโซหรูหราหมาเห่า แล้วก็มาส่งผมด้วย”
“อืม…แล้วอย่าลืมวันศุกร์นะ ที่บอกว่าจะบอกอะไรผมน่ะ”
“ค…ครับ ผมไม่ลืมหรอกน่า”
“อืม…ขึ้นไปเถอะเดี๋ยงยุงกัด”
ท่านรองไม่รู้อีกแล้วว่าผมชอบนั่งตากยุงเล่นอยู่
“ครับ ฝันดีครับ”
“ครับฝันดี เจ้าปั๊กน้อย”
เกือบจะหล่ออยู่แล้วนะครับผมเนี่ย ถ้าไม่ติดตรงที่ถูกหาว่าหน้าเหมือนหมาอยู่บ่อยๆ แต่ก็เกือบจะชินแล้ว เป็นหมาหล่อก็ได้…โฮ่งๆ
จบตอนที่ 14ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะครับ