++++ผมกับมัน ไอ้พระเอกซีรี่ย์วาย!!!++++ซีนที่72 ทั้งหมดอาจจะไม่จริง UP 1/4/64
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++++ผมกับมัน ไอ้พระเอกซีรี่ย์วาย!!!++++ซีนที่72 ทั้งหมดอาจจะไม่จริง UP 1/4/64  (อ่าน 55871 ครั้ง)

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ซีนที่48 บี..วาฬขอโทษนะ


“ใช่…..นภอยู่ที่ร้านพี่ตั้งแต่แรก….” พี่ดินพูดขึ้นมาขณะที่ผมกำลังดูคลิป……ตอนนั้นไอ้นภบอกกับผมว่ามันตามมาทีหลัง…..แต่จริงๆไม่ใช่…...เพราะจากในคลิป มันตามผมมาตั้งแต่แรก…..แล้วเข้าไปนั่งดูผมจากอีกมุมนึงของร้าน…

“…….พี่คุยกับพี่รหัสของนภแล้ว จริงๆวันนั้นนภขอแยกตัวกลับเลยทันทีโดยอ้างว่าติดงาน……และจากนั้นก็มาปรากฏตัวตามที่เห็นในคลิป…..วาฬลองดูคลิปถัดไปสิ…...”พี่ดินชี้ไปที่การกระทำของนภในคลิปที่สอง…….ไอ้นภลุกขึ้นไปขวางพนักงานเสิร์ฟก่อนจะยื่นอะไรสักอย่างให้กับพนักงานที่กำลังยกแก้วน้ำไปที่โต๊ะ……มุมกล้องมันไม่ชัดครับ เห็นแต่ด้านหลังของไอ้นภ…..ที่ทำอะไรสักอย่างบริเวณแก้วที่จะมาเสิร์ฟ.....

“…..ตอนแรกพี่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น จนได้คุยกับแม้น…..แม้นถึงได้เล่าให้พี่ฟังว่าวาฬสงสัยพี่……แต่วาฬอย่าไปโกรธแม้นนะที่มาเล่าให้พี่ฟัง…..จริงๆแม้นบุกมาหาพี่หลังแข่งว่ายน้ำ เพื่อมาขอร้องให้พี่อยู่ให้ห่างจากวาฬ ……เพราะวาฬมีนภอยู่แล้ว……พี่ต้องอธิบายอยู่นานกว่าแม้นจะยอมเชื่อ……” พี่ดินค่อยๆเล่าให้ผมฟังพร้อมกับทยอยส่งคลิปให้ผมเรื่อยๆ

“…..ตอนแรกพี่ตกใจมากนะ….แต่ก็เหมือนพี่ได้คำตอบจากเรื่องที่สงสัย…..ทำให้พี่เข้าใจ…..พี่รีบมาย้อนดูกล้องวงจรปิด ซึ่งโชคยังดีที่ข้อมูลวันนั้นยังอยู่…..ทำให้พี่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด….ขาดก็แต่พนักงานคนนั้นที่ลาออกไปแล้ว…..แต่วาฬไม่ต้องเป็นห่วงนะ…..พี่ให้คนตามหาอยู่ จะได้มาเล่าให้ฟังว่านภศูลพูดและทำอะไร….จากคลิปถัดมา วาฬจะเห็นว่าวาฬไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากอาหารในจานของวาฬกับน้ำจากแก้วใบนั้น……ซึ่งการวางยาในอาหารหรือทาที่ช้อนส้อมนั้นมันเป็นไปไม่ได้……เพราะนภศูลแย่งวาฬกินไปเยอะมาก รวมถึงใช้ช้อนส้อมของวาฬด้วย……ดังนั้นถ้ามีการวางยาจริง…..โอกาสที่เป็นไปได้ก็มีทางเดียวนั่นก็คือ ที่แก้วใบนั้น…..แก้วที่ถูกนำมาวางหลังจากที่นภศูลเข้ามาร่วมนั่งที่โต๊ะ”พี่ดินอธิบายพร้อมกับชี้ไปที่คลิปอันสุดท้าย……. คลิปที่ทำให้เห็นว่าแก้วที่ถูกเสิร์ฟมาใหม่ตอนไอ้นภมานั่งได้ถูกสลับกับแก้วของผม…..โดยไอ้นภครับ!!

ตอนนี้สมองผมชาไปหมดแล้วครับ…..นึกไม่ออกว่าควรคิดหรือรู้สึกอย่างไร……ผมเหมือนถูกหมัดแรงๆของใครสักคนชกเข้ามาที่ขมับอย่างจังครับ……ตัวของผมเย็นวาบไล่จากหัวลงไปจรดเท้า……

“วาฬ พี่ขอโทษนะที่ต้องบอกเรื่องนี้……พี่ไม่อยากให้วาฬเข้าใจพี่ผิด…..และที่สำคัญพี่ไม่อยากให้วาฬตกไปอยู่ภายใต้เงื้อมือของคนพวกนั้นอีก” พี่ดินจับมือผมแน่น….ของคนพวกนั้นงั้นเหรอ….

“ขอบคุณนะครับพี่ดิน….แต่วาฬว่ามันอาจจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ได้…..ผมอาจจะไม่ได้ถูกวางยา…..อาจจะแค่เหนื่อยแล้วก็เผลอหลับไป” ผมพยายามฝืนยิ้มให้พี่ดิน….ขณะที่ภายในใจของผมก็รู้ตัวว่า….ผมพยายามจะปฏิเสธความจริงอยู่……

“…..วาฬ…...”พี่ดินเรียกชื่อผมด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วงผมมาก…..

“พี่ดินไปส่งผมหน่อยครับ……ตอนนี้ผมอยากกลับไปนอนมากๆแล้ว……ผมเหนื่อย…..” ผมหันไปขอร้องพี่ดิน

……พี่ดินไม่พูดอะไร ได้แต่พยักหน้าแล้วขับรถพาผมมาส่งที่หอ…….


“ขอบคุณนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ผมหันไปลาพี่ดิน…..แต่ยังไม่ทันได้ลงจากรถ…..พี่ดินก็คว้าตัวผมเข้าไปกอดและบอกว่า

“วาฬสัญญากับพี่นะ….ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น….พี่อยากให้วาฬนึกถึงพี่เป็นคนแรก….ขอให้พี่ได้เป็นกำลังให้วาฬนะ”

“….ครับ….” ผมตอบ…….ประโยคนี้มันคือประโยคที่ไอ้นภเคยพูดกับผม……แต่หลังจากนี้ผมจะเชื่อใจใครได้อีก….

“รีบไปพักผ่อนนะ อ้อ ส่วนนี่…พี่เซฟข้อมูลจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดใส่thumb driveอันนี้ให้แล้ว…..วาฬลองเอาไปดูเองแล้วกันนะ จะได้รู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นยังไง และจะได้มั่นใจว่าไม่มีการตัดต่อ……ฝันดีครับ” พี่ดินยื่นthumb driveให้ผมก่อนจะขับรถออกไป… ทิ้งผมไว้กับคำถามมากมายที่กำลังถาโถมขึ้นมา……ผมยอมรับว่าผมกำลังสับสนมาก…..ผมได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมา มันเป็นแค่ฝันไป…….


…………………………………………


ถ้าเป็นฝันผมคงอยากจะรีบตื่น……แต่ผมนอนไม่หลับเลยตลอดทั้งคืนครับ…..ได้แต่คิดวนเวียนไปมา…..พอถึงตี5ผมจึงรีบออกจากหอ…..ผมยังไม่รู้จะไปไหน…..ผมรู้แต่ว่าผมไม่สามารถอยู่ตรงนั้นได้….และผมยังไม่พร้อมที่จะไปคณะ……เพราะผมไม่อยากรับรู้และยังไม่อยากเจอใคร…..ไม่ว่าจะเป็นไอ้นภหรือพี่ดิน

ผมเดินออกมาแล้วก็ขึ้นรถเมล์คันแรกที่เจอ นั่งไปเรื่อยๆจนกระทั่งเช้า…..ผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน……. ผมรู้แต่ว่าผมต้องไปที่ไหนก็ได้สักที่……ระหว่างทางผมก็นั่งมองผู้คน…..นั่งมองอาคารบ้านเรือน……จนกระทั่ง…..ผมผ่านไปยังที่ที่นึงที่ผมคุ้นเคย…….ผมได้สติขึ้นมาทันทีและรีบลงที่ป้ายถัดมา……ก่อนที่จะเดินย้อนกับไปยังที่แห่งนั้น…….

“บี……วาฬขอโทษนะที่ไม่ได้มาเยี่ยมบีซะตั้งนาน” ผมวางพวงมาลัยลงตรงหน้ารูปของบี….

“บีคงนึกขำวาฬอยู่แน่ๆ ที่อยู่ๆวาฬเอาพวงมาลัยมาให้…..จริงๆมันควรจะเป็นดอกกุหลาบสีขาวที่บีชอบเหมือนทุกที…..แต่วันนี้วาฬหาให้ไม่ทันจริงๆนะ……มันมีแต่พวงมาลัยกับดอกดาวเรืองที่ขายอยู่หน้าวัด…..วาฬว่าบีคงจะชอบดอกมะลิในพวงมาลัยมากกว่า…...” ผมพูดกับรูปของบีแล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมา……ออกมามากซะจนกลายเป็นการสะอื้นจนผมไม่สามารถพูดอะไรต่อไปอีกได้……

เรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับบีค่อยๆชัดเจนขึ้นมาในหัวของผมอีกครั้ง……ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน…..การเดิน….การพูด……เสียงหัวเราะ…..สถานที่ที่เราเคยไป……สิ่งที่บีชอบ…..สิ่งที่บีหวัง…..รวมถึงนาทีที่ทุกอย่างพังทลายลง……นาทีที่บีจากผมไป……..

เรื่องราวต่างๆเริ่มขึ้นเมื่อสิบสองปีก่อน…..ตอนที่ผมอายุได้เพียง7ขวบ…… ชีวิตของผมในช่วงนั้นถือว่าเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุดครับ เพราะทุกคนในบ้านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งพ่อ แม่และผมที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของบ้าน……ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมไม่ขาดอะไรเลย เมื่อผมอยากได้อะไรก็จะมีใครสักคนคอยหามาให้ผมจนได้ ไม่ว่าสิ่งของเหล่านั้นจะมีราคามากแค่ไหนก็ตาม…… รวมถึงความรักความอบอุ่นเองก็ด้วยเช่นกัน…

ตอนนั้นครอบครัวของผมมีธุรกิจนึงที่ทำกำไรให้อย่างมหาศาล นั่นก็คือบริษัทผลิตสุราที่มีความยิ่งใหญ่เป็นอันดับต้นๆของประเทศ……พ่อของผมภูมิใจในบริษัทนี้เป็นอย่างมากเพราะเค้าเป็นคนก่อตั้งและสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของตัวเอง……พ่อมักจะพูดกับใครต่อใครเสมอว่าบริษัทนี้ก็เหมือนลูกอีกคนหนึ่งของเค้า……ลูกที่สร้างชื่อเสียงและทำเงินให้เค้าได้อย่างมหาศาล….

ผิดกับแม่ของผมที่ดูจะไม่ค่อยชอบใจนัก…..แม่มักจะพูดกับพ่อให้ขายบริษัทนี้ไปเสีย เพราะมันทำให้คนขาดสติและครอบครัวมากมายต้องแตกแยกพังทลายลง……..แต่พ่อก็มักจะตอบแม่กลับไปเสมอว่าถ้าเค้าไม่ขาย คนอื่นก็ต้องมาขายแทนอยู่ดี…..บทสนทนาก็เป็นแบบนี้เรื่อยมาจนวันนึง……วันที่ชีวิตของผมต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล….

ผมจำได้ดีว่าวันนั้นเป็นวันก่อนวันแม่……วันที่โรงเรียนของผมจัดงานขึ้นมาเพื่อให้แม่ของเด็กทุกคนเดินทางมานั่งลงที่เก้าอี้และให้ลูกๆได้เข้ามากราบ……วันนั้นทั้งวัน……แม่ของผมไม่มาปรากฏตัว……ผมนั่งรอด้วยใจที่กระวนกระวาย…….ด้วยความเป็นเด็ก…..ผมคิดว่าบางทีนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าแม่อาจจะแค่เจอรถติด…..แต่เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า…….ผมก็คิดว่า…..หรือจริงๆแม่อาจจะทิ้งผมไปซะแล้ว…..

ก่อนที่โรงเรียนจะเลิก…..พ่อเข้ามาที่โรงเรียน…..แล้วก็ลงมานั่งที่เก้าอี้ที่แม่ควรจะนั่ง……จากนั้นครูก็ให้ผมกราบพ่อแทน…..ก่อนที่พ่อจะร้องไห้และโผเข้ามากอดผม……

“แม่ไม่อยู่แล้ว…..แม่เค้าทิ้งพวกเราไปแล้ว…...” พ่อพูดกับผมซ้ำไปซ้ำมาพร้อมกับร้องไห้หนักขึ้นเรื่อยๆ…….ถามว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง……แน่นอนว่าผมตกใจ…..และรู้สึกกลัว…….แต่ผมจะร้องไห้ไม่ได้……ผมต้องเป็นคนปกป้องพ่อ……ผมต้องเข้มแข็ง…..ถึงแม้ว่าเวลานี้แม่จะทิ้งผมกับพ่อไปแล้ว…….

สำหรับเด็กในวัยนั้นผมยังไม่เข้าใจถึงความหมายของการสูญเสีย……ผมเข้าใจว่า…..ถ้าผมเป็นเด็กดีแม่คงกลับมา…….ที่แม่ทิ้งพวกผมไป…..ก็เพราะผมเป็นเด็กดื้อและเอาแต่ใจ……ผมเป็นคนผิด…..แม่เลยทิ้งผมไป……แม่ครับ…..ผมขอโทษ…….

หลังจากนั้นผมถึงมาทราบความจริงทีหลังว่า รถที่แม่ของผมนั่งไปนั้นเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางที่จะมาโรงเรียน……ที่บริเวณสี่แยกไฟแดงก่อนจะถึงโรงเรียนเพียงแค่5นาที……ระหว่างที่รถแล่นอยู่จู่ๆก็มีรถบรรทุกคันใหญ่ฝ่าไฟแดงพุ่งจากอีกฝั่งเข้ามาชนรถแม่ของผมอย่างจัง…..รถตีลังกาหลายตลบก่อนที่จะหยุดในสภาพที่หงายท้อง……

โชคร้ายที่ทุกคนในรถเสียชีวิตลงในทันที ทั้งแม่ของผม ป้าของผม และพี่เจนลูกพี่ลูกน้องของผมผู้เป็นลูกสาวของป้า……จะมีแค่ลุงคนขับรถที่รอดมาได้แต่อาการสาหัสนอนสลบไม่ได้สติอยู่หลายเดือน……. ตำรวจสรุปคดีนี้ว่าเป็นอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ……เพราะตรวจพบว่าคนขับรถบรรทุกนั้นเมาอย่างมากขณะเกิดเหตุ…….และพบขวดเหล้าตกอยู่ข้างที่นั่งคนขับ…….ที่สำคัญเหล้ายี่ห้อนั้นคือเหล้าจากบริษัทของพ่อผมเอง…….

หลังจากเหตุการณ์นั้น……พ่อเปลี่ยนไปอย่างมากครับ……พ่อทำงานหนักขึ้นและกลับบ้านดึกทุกวัน…….และทุกครั้งที่กลับมาก็จะเมา……. ถ้าช่วงไหนที่เค้าไม่ได้ดื่มเหล้า เค้าจะพยายามชดเชยทุกอย่างให้กับผม……ให้ผมในสิ่งที่ผมไม่ได้ต้องการ………ผมพยายามบอกเค้าว่าผมต้องการความรักและเวลา……..แต่สุดท้ายเค้าก็เลี้ยงผมด้วยเงินมากกว่าเดิม…..


…………………………………



ต่อตอนหน้านะครับ :sad4:



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ทำไม "นภ" ต้องทำแบบนั้น

"นภ" เป็นฝ่าย "ดี" หรือ "ไม่ดี" กันแน่?

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 334
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เหตุการณ์มันน่าเศร้า ก็เลยหนีออกมา
และทุกคนพยายามเข้าหาวาฬเพื่อผลประโยชน์ใช่ไหม

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ Morake

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ direkraj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ซีนที่49 เรื่องของบี


แต่ผมก็ไม่ใช่คนเดียวที่ต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสีย…….พี่ชาร์ค…….ลูกชายอีกคนของป้า…..เค้าเองก็ต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างไม่ต่างจากผม…….ซึ่งบางทีอาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ……เพราะเค้าต้องสูญเสียทั้งแม่และพี่สาวไปในเวลาเดียวกัน……

หลังจากเหตุการณ์นั้นพี่ชาร์คก็เปลี่ยนไปมากครับ จากคนที่ร่าเริงก็กลายเป็นคนที่เก็บตัว เย็นชา สายตามีแต่ความทุกข์…..ตอนนั้นพี่เค้ากำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย…..ทุกคนเป็นห่วงว่าเค้าอาจจะไม่ไปสอบหรืออาจจะถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่……เพราะจุดมุ่งหมายในชีวิตนั้นไม่เหลืออีกต่อไปแล้ว……แต่โชคดีที่เค้าได้เพื่อนที่ดีช่วยเอาไว้…..เพื่อนที่เป็นรักแรกของเค้า…..ถึงแม้จะไม่สมหวังในรัก….แต่การมองเห็นคุณค่าของชีวิตก็กลับมาอีกครั้ง…… และในที่สุดเค้าก็เรียนจบมาเป็นหมอที่คอยอุทิศตนเพื่อคนรอบข้าง…..

แต่ผมไม่ได้เหมือนพี่ชาร์คครับ…….ผมต้องพยายามกัดฟันผ่านแต่ละวันไปด้วยตัวเอง…..ผมถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำที่อังกฤษ……พ่อบอกว่าการทำแบบนี้ก็เพื่อให้ผมได้มีสิ่งแวดล้อมใหม่ๆได้เจอคนใหม่ๆ…..เพื่อให้ผมได้ลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้เร็วที่สุด…..แต่พ่อเองกลับไม่เคยลืม และไม่เคยผ่านมันไปได้……ในใจลึกๆ ผมคิดว่าเหตุผลจริงๆอาจจะเป็นเพราะพ่อไม่สามารถทำใจได้เวลาเห็นหน้าผม …..เพราะผมเหมือนแม่มาก…….เค้าถึงพยายามผลักผมออกไปให้ไกลจากชีวิตเขา…………

จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อผมอายุได้15ปี …….ผมขอให้พี่ชาร์คช่วยทำเรื่องย้ายผมกลับมาเรียนที่เมืองไทย…… เพราะผมคิดว่าผมทำใจได้แล้ว……และผมก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าพ่อคงอยากให้ผมกลับมาอยู่ด้วย…… แต่ผมก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง…..เพราะผมคิดผิด…..พ่อไม่ได้สนใจอะไรผมเลย……พ่อยุ่งมากจนเราไม่เคยเจอกัน……เค้าจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมกลับมาบ้านแล้ว….. เค้ายังโอนเงินเข้าบัญชีที่อังกฤษให้ผมอยู่ทุกเดือนแม้ว่าผมจะกลับมานานแล้วก็ตามที

ดังนั้นเมื่อผมกลับมาที่นี่ ความโดดเดี่ยวของผมก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง…..ผมยังคงต้องยิ้มให้กับทุกสิ่งแม้ว่าเบื้องลึกผมจะร้องไห้เหมือนจะขาดใจ…..ชีวิตผมยังคงต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆแบบที่คนอื่นคิดว่าควรจะเป็น โดยที่ผมไม่เคยรู้ว่าจุดหมายจริงๆคืออะไร…..จนกระทั่งวันนึงที่ ‘บี’ได้เข้ามาในชีวิตของผม…..

ในที่สุดเรื่องราวของผมกับบีก็เริ่มต้นขึ้น……สาเหตุเพราะการที่ผมอยู่ต่างประเทศมานานหลายปี ปัญหาที่หนักที่สุดก็คือเรื่องภาษาไทย….ที่ถึงแม้ว่าผมยังพอพูดได้…..แต่ผมกลับอ่านไม่ค่อยออกและผมก็ลืมวิธีเขียนไปแล้ว …..….นั่นทำให้พี่ชาร์คต้องหาครูพิเศษมาสอนภาษาไทยให้ผมใหม่…..ซึ่งคนๆนั้นก็คือ ‘บี’

‘บี’ เป็นผู้หญิงที่อายุมากกว่าผม3ปี เค้าเรียนจบมัธยมปลายแล้วแต่ยังไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย…..นั่นไม่ใช่เพราะว่าเค้าเรียนไม่เก่ง……บีเรียนเก่งมากครับ ได้ทุนเรียนดีมาตลอด……แต่ปัญหาเกิดขึ้นตอนเค้ากำลังเรียนม.6……ตอนที่เค้ากำลังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย…..

เดิมทีที่บ้านบีเค้าฐานะไม่ดี……พ่อของบีเสียไปตั้งแต่บีอายุได้2ขวบ…..จากนั้นมาแม่ของบีก็เลยกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องออกไปทำงานหาเงินและเลี้ยงลูกเองมาตลอด……อยู่ๆแม่ที่เลี้ยงเค้ามาเกิดป่วยต้องนอนเป็นอัมพาต สาเหตุเพราะแม่เค้าเป็นโรคความดันโลหิตสูงมานานแต่ไม่ยอมไปรักษาทำให้วันนึงเกิดภาวะเส้นเลือดในสมองแตก…….

การป่วยของแม่ครั้งนี้ทำให้บีต้องหยุดความฝันที่จะเรียนต่อเอาไว้ก่อน………เมื่อจบม.6เค้าเลือกที่จะออกมาทำงานควบคู่กับการดูแลแม่……บีแทบไม่ได้พักเลย…..เค้าต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วรีบกลับมาป้อนข้าวแม่ตอนเที่ยง ก่อนจะออกไปทำงานต่อแล้วก็กลับมาทำงานบ้านพร้อมกับทำกายภาพให้แม่ไปด้วยจนดึก…..การใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากนี้ดำเนินต่อมาเรื่อยๆไม่เคยมีวันหยุด…….แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความเหนื่อยยากก็ไม่อาจพรากความหวังและการมองโลกในแง่ดีของบีไปได้……..บียังคงยิ้มให้กับปัจจุบัน….แล้วรอคอยกับอนาคตที่บีเชื่อมั่นว่ามันจะมาถึง…….ชีวิตของบีเริ่มดีขึ้นหน่อยหลังจากที่เค้าได้ทำงานที่คลินิกของพี่ชาร์ค…..….พี่ชาร์คช่วยให้งานที่ทำให้บีได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แบ่งเวลาไปอ่านหนังสือได้มากขึ้น และดูแลแม่ได้มากขึ้น….

บีคิดเสมอว่าถึงแม้ตนจะโชคร้ายที่แม่ต้องมาป่วย เหนื่อยที่จะต้องทำงานไปด้วย แต่ก็ยังโชคดีมากๆที่แม่ยังมีชีวิตอยู่…..เค้ายังมีโอกาสได้ดูแลและใช้เวลากับแม่……ยังมีแม่ที่เค้าสามารถยิ้มให้ได้…..ดีกว่าที่จะไม่เหลือใครอยู่ข้างเค้าอีกเลย….

สิ่งเหล่านั้นจากตัวเค้านี่แหละครับที่ช่วยชีวิตผม……บีสอนให้ผมรู้จักกับวิธีการมองโลกในแง่มุมอื่นๆ….ทำให้ผมเข้าใจว่าคนเราโชคร้ายได้ แต่ไม่จำเป็นต้องสิ้นหวังเสมอไปกับความโชคร้ายเหล่านั้น……ชีวิตของเค้าสอนให้ผมไม่ย่อท้อ…..ความคิดของเค้าสอนให้ผมยึดมั่นในความพยายาม…..

ถึงตรงนี้หลายๆคนคงสงสัยว่าทำไมผมเรียกเค้าว่าบีเฉยๆ……ใช่ครับ…..จริงๆผมต้องเรียกเค้าว่าพี่บีหรือครูบี…..แต่เพราะว่าผมห่างจากการพูดภาษาไทยมานาน…..ช่วงแรกๆผมเลยเผลอเรียกชื่อเค้าเฉยๆ ซึ่งบีเองก็ยินดีหัวเราะชอบใจ ไม่ยอมให้ผมกลับไปเรียกพี่หรือครู……. เหตุผลเพราะผมและเค้าจะได้เป็นเพื่อนกัน……ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่อยากมีเพื่อนครับ บีเองก็ด้วย……..เพราะทั้งชีวิตเค้าตอนนั้นมีแค่งานกับแม่……

เราสองคนอยู่ให้กำลังใจกันและกันมาเรื่อยๆจนผ่านมาเกือบปี…..เราสนิทกันมาก…….ผมรู้ตัวอีกทีผมก็หลงรักเค้าไปอย่างหมดหัวใจซะแล้ว……ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าบีกับผมจะคิดตรงกันสักวัน…..

เมื่อเวลาผ่านไปอาการแม่ของบีก็ดีขึ้นมาก…..ผลจากการฝึกกายภาพทำให้จากที่ทานข้าวเองไม่ได้ก็เริ่มช่วยตัวเองได้มากขึ้น…….บีเลยคิดว่ามันคงถึงเวลาที่เค้าจะกลับไปเรียนต่อแล้ว…….บีเลยพยายามอ่านหนังสือและทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่เหลืออยู่กับการเตรียมตัวสอบ……..และเมื่อวันที่ประกาศผลสอบมาถึง…..บีก็สอบติดคณะทันตะอย่างที่ตั้งใจไว้……แต่ความสุขก็ไม่ได้อยู่กับเค้านาน…..

เพราะว่าระหว่างที่บีกำลังดีใจกับผลสอบอยู่นั้น……แม่ของบีก็หยุดหายใจไป…….ซึ่งกว่าบีจะรู้ก็คือเมื่อบีกลับมาถึงบ้านกลางดึกหลังเลิกงาน…….ตอนนั้นบีตกใจมากทำอะไรไม่ถูก…..บีโทรหาผมเป็นคนแรกเพื่อขอความช่วยเหลือ……สิ่งที่ผมทำได้ก็คือรีบโทรบอกพี่ชาร์คเพื่อให้พาบีและร่างของแม่ไปโรงพยาบาล……

แน่นอนว่าตอนนั้นมันสายเกินไป……แม่ของบีจากไปหลายชั่วโมงแล้วก่อนที่บีจะกลับ……และเมื่อผลชันสูตรออกมาก็พบว่าแม่ของบีเสียชีวิตจากการทานยาเกินขนาด…….ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆเกิดอะไรขึ้น……แม่ของบีอาจจะเผลอหยิบยามากินเองเยอะเกินไปด้วยความไม่รู้หรืออาจจะเป็นเพราะการตั้งใจที่ไม่อยากจะเป็นภาระให้บีอีกต่อไปแล้ว……แต่ไม่ว่าสาเหตุจริงๆจะเป็นยังไง……หัวใจของบีก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง…….

หลังจากเหตุการณ์นั้นผมก็กลายเป็นฝ่ายที่เข้าไปดูแลบีแทน ผมพยายามให้กำลังใจ ทำทุกอย่างให้บีรู้ว่าเค้าไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้……. ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องค่อยๆฟื้นฟูประกอบชิ้นส่วนที่แตกสลายของหัวใจเค้าให้กลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้ง…….

แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ……ทุกอย่างก็ดูจะดีขึ้นเรื่อยๆ บีเริ่มปล่อยวางและกลับมาเป็นคนเดิมทีละน้อยๆ…….จนเมื่อถึงวันก่อนเปิดเทอม…..บีใส่ชุดนักศึกษามาหาผม……เค้าต้องการจะอวดให้ผมดูว่าเค้าเหมาะกับชุดนี้แค่ไหน……ใช่ครับ…..เค้าเหมาะกับชุดนี้มากๆ…… ตั้งแต่ผมรู้จักกับเค้ามา….เค้าทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มาใส่ชุดนี้…..และก่อนที่เค้าจะกลับ…..เค้าได้หอบแก้มผม1ที…..พร้อมกับขอบคุณสำหรับทุกอย่าง……ขอบคุณที่พาเค้ากลับมาสู่เส้นทางที่ควรจะเป็น…..เส้นทางที่จะได้เป็นนักศึกษาทันตะอย่างที่เค้าฝันไว้ตั้งแต่เด็ก……

ผมเดินออกมาส่งเค้าที่หน้าบ้าน……..วันนั้นเค้าดูสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา……ผมสัมผัสได้ถึงความโล่งใจที่เค้าสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมาได้……ผมโบกมือให้เค้า…..เค้าหันมายิ้มให้ผมก่อนที่จะเดิมข้ามถนนเพื่อกลับบ้านไปอย่างทุกที

โครม!!!!

เสียงชนดังสนั่นเกิดขึ้นชั่วพริบตา…….ภาพที่บียิ้มกับผมด้วยแววตาที่มีความสุขถูกแทนที่ด้วยภาพร่างของบีลอยกระเด็นขึ้นบนอากาศ…..หลังจากที่ถูกรถยนต์คันใหญ่ขับพุ่งมาชนอย่างแรง…….ร่างของบีหมุนกระแทกกับรถไปมาจนหล่นลงพื้น…….สีแดงของเลือดได้ไหลออกมาย้อมจนถนนเป็นสีแดงฉาน……ร่างของบีไม่ได้สวยงามเหมือนเดิม…..เสื้อผ้าชุดใหม่ขาดวิ่น……แขนและขานั้นผิดรูป…..แน่นอนว่ากระดูกของเธอคงจะหัก…….แต่สติของบียังมี…….เธอยังหายใจ……ผมรีบตะโกนให้คนช่วย……ก่อนที่จะหันไปเห็นว่ารถคันที่มาชนผู้หญิงที่ผมรักนั้นคือรถของพ่อผม!!!

เมื่อรถพยาบาลมาถึง ผมรีบขึ้นรถไปกับบี……..ผมภาวนาต่อทุกสิ่งทุกอย่างขอให้เกิดปาฏิหาริย์ …..ขอให้บีปลอดภัย………ขอให้บีอย่าทิ้งผมไปอีกคน…….ผมจะเป็นคนดี……ผมยอมทุกอย่าง…..อย่าได้พรากคนที่ผมรักไปอีกเลย……

“…..วา….วาฬ…...”เสียงสั่นเครือของบีดังขึ้นมาเบาๆ…..
 
“บี!!....บี!!! วาฬอยู่นี่!!” ผมรีบตอบเสียงนั้นทันที….

“วาฬ….บี…ไม่ไหว…...”บีพยายามพูดกับผม

“ไม่!! ไม่!! บีต้องปลอดภัย!!! บีต้องไม่เป็นอะไร!!!”ผมตอบบีพร้อมกับตัวสั่นและน้ำตาพรั่งพรู

“…..วาฬ……มีชี…วิต…..แทน….บี…..ที….นะ” บีพยายามพูดกับผม…..เธอหายใจหนักขึ้น……..

“ไม่!! บี!! เราต้องอยู่ด้วยกัน!!!”

“บี….ไม่…..ไหว…..….วาฬ……สัญ….ญา….นะ………ทำแท..น…บี……ที…….”เสียงบีโรยรินลงเรื่อยๆ

“สัญญา!!! วาฬสัญญา!!! แต่บีต้องอยู่กับวาฬนะ!!! วาฬรักบี!!! ผมรักคุณ!!!! บีได้ยินมั๊ย!!! ผมรักคุณ!!!”

“บี…ก็…..รั…………ก………….ว…………..” แล้วเสียงของบีก็หยุดลงไปพร้อมกับการหายใจเฮือกสุดท้ายนั้น……..



………………………………




ต่อตอนหน้านะครับ :n1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Morake

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
นี่คงเป็นสาเหตุให้วาฬมาเรียนทันตะ

ออฟไลน์ direkraj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ซีนที่50 จดหมายจากบี


เมื่อรถพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ร่างของบีก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว…..ตอนแรกผมจะขอตามเข้าไปด้วย แต่ก็ถูกคุณพยาบาลห้ามเอาไว้…….จริงสินะ…..ผมเป็นแค่เด็กม.ปลาย……ผมไม่สามารถทำอะไรได้…..เข้าไปก็มีแต่จะเกะกะคุณหมอเค้าเท่านั้น……..ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมทำได้…..ก็คือภาวนา……ภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์ …….ภาวนาให้บีอย่าพึ่งจากผมไป…..ภาวนาให้เค้ากลับมาอยู่กับผมก่อน……

“คุณเป็นญาติของคนไข้ใช่ไหมครับ” คุณหมอที่พึ่งออกมาจากห้องที่ร่างของบีถูกเข็นเข้าไป เดินเข้ามาคุยกับผม

“….ครับ….” ผมตอบ…..ใช่สิ……บีไม่เหลือใครอีกแล้ว…..คนสุดท้ายที่พอจะเรียกว่าญาติได้ก็คือผม….

“หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ……เค้าจากไปก่อนที่จะมาถึงโรงพยาบาล…….ร่างกายของเค้าได้รับบาดเจ็บมากจริงๆ…… ทุกคนพยายามอย่างดีที่สุดแล้วครับ” คุณหมอแจ้งข่าวร้ายให้ผมฟัง……..ข่าวร้ายที่จริงๆผมรู้อยู่แล้ว…..เพียงแต่ผมไม่อยากจะยอมรับความจริงเท่านั้น……ตัวผมชาไปหมด…..น้ำตาจากดวงตาทั้งสองข้างของผมก็เอ่อล้นและไหลพรั่งพรูลงมาอาบแก้ม……

“…..ผมขอเข้าไปพบเค้าได้ไหมครับ…..” ผมถามคุณหมอ

“ได้ครับ เชิญทางนี้” คุณหมอตอบพร้อมกับพาผมเข้าไปพบบี……

บีที่ตอนนี้กำลังนอนอย่างสงบ……..ไม่มีอาการหอบเหนื่อยเหมือนตอนอยู่บนรถ……ไม่มีอาการเกร็งด้วยความเจ็บปวด……..ไม่มีสีหน้าที่ทุกข์ทรมาน…..ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ…..และไม่มีแม้แต่ลมหายใจ….

“บี…….ผมรักคุณ…..” ทันทีที่ผมสารภาพความในใจออกไปอีกครั้งกับร่างของหญิงสาวที่เคยมีชีวิต…..ทุกอย่างก็ขาวโพลนไปหมด…..ก่อนที่ผมจะหมดสติล้มลงไปกับพื้น……


………………………………………..



“วาฬ!!” พี่ชาร์คโผเข้ามากอดผมทันทีที่เห็นผมรู้สึกตัว…….ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหนกันเนี่ย…….

“ที่นี่ที่ไหนครับ….”ผมถามพี่ชาร์ค

“ที่นี่คือโรงพยาบาลที่พี่ทำงานอยู่”พี่ชาร์คตอบ

“ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่…..”

“…..ก็เพราะว่าวาฬหมดสติไป…….วาฬหลับไปห้าวันเต็มๆ……พี่เป็นห่วงมากเลยนะรู้ไหม…...”พี่ชาร์คเคลื่อนตัวออกมาแล้วเอามือลูบไปที่หัวของผมอย่างแผ่วเบา……

“…….บี…..แล้วบีล่ะครับ!!!” ผมรีบหันไปถามพี่ชาร์คหลังจากที่เริ่มลำดับเหตุการณ์ได้……มันอาจจะเป็นแค่ฝันไป…..ใช่แน่ๆ…..มันเป็นแค่ฝันไป….

“……วาฬ…คือ…….” พี่ชาร์คอึกอัก….

“พี่ชาร์คบอกผมสิครับว่าบียังอยู่!!!…..บีแค่ไปมหาวิทยาลัย!!!” ผมจับแขนพี่ชาร์คเขย่า…..

“…..วาฬ…..พี่เสียใจด้วยนะ……บีเค้าจากเราไปแล้ว……” พี่ชาร์คกลั้นใจบอกความจริงกับผม……

“ไม่…..ไม่จริง!!!......ม่ายยยยยย……ฮือๆๆๆ…….ม่ายยยยยย……” ผมระเบิดความรู้สึกเสียใจที่มันอยู่ข้างในออกมาพร้อมกับน้ำตา…….ถึงแม้ว่าผมจะรู้อยู่แล้ว…..แต่ผมก็ยังอยากจะให้มันไม่เป็นความจริง……

ผมไม่รู้ว่าการร้องไห้อย่างบ้าคลั่งของผมดำเนินต่อไปนานแค่ไหน…….ผมรู้แต่พี่ชาร์คคอยอยู่ข้างๆผมตรงนั้น…..เค้าคอยกอดผมเอาไว้ตลอดเวลา…….. จนกระทั่งเมื่อเค้าเห็นว่าผมเริ่มสงบลง……เค้าจึงยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ผม

“จดหมายอะไรครับ”ผมปาดน้ำตาถามพี่ชาร์ค

“จดหมายจากบี…..ถึงวาฬ…..”พี่ชาร์คตอบ…...ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง……จดหมายจากบีงั้นเหรอ……ผมรีบรับจดหมายฉบับนั้นมาอ่านด้วยความงุนงง


=====================================


ถึงวาฬ…..คนที่สำคัญที่สุดของบี


ถ้าวาฬได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็แสดงว่าบีไม่อยู่บนโลกนี้แล้วนะ……บีคงกำลังขึ้นไปเจอกับแม่ที่คอยอยู่ข้างบน…….วาฬอย่าเศร้ากับการจากไปของบีล่ะ…..มันเป็นเรื่องปกติของโลกใบนี้……ไม่ช้าก็เร็วทุกคนก็ต้องเจอเหมือนๆกัน…..แต่วาฬไม่ต้องจินตนาการว่าบีตั้งใจจะตายหรอกนะ…..บีคงแค่จากไปด้วยสาเหตุอะไรสักอย่างที่บีไม่เคยคิดมาก่อนเท่านั้นเองแหละ…..ถ้าเป็นไปได้บีก็อยากจะอยู่ไปนานๆ…..นานจนแก่พร้อมๆกับวาฬเลยล่ะ……แต่ที่บีเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาก็เพราะว่า บีคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัว ดูอย่างแม่ของบีสิ เค้าจากไปเร็วอย่างที่บีก็ไม่เคยคิด…..อุตส่าห์ฝ่าฟันความลำบากด้วยกันมาตั้งหลายปีแท้ๆ…..หนีบีไปก่อนซะงั้น…..ไม่มีการบอกลากันสักคำ…. แต่ก็เพราะการจากไปอย่างกะทันหันนี่แหละ…. มันทำให้บีรู้ว่าคนที่ยังอยู่จะรู้สึกค้างคาแค่ไหน….เพราะการไม่ได้ลากัน…..ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจให้กันและกันฟัง…..มันบั่นทอนมากเลยนะ…..ซึ่งเรื่องนี้วาฬก็เคยเห็นนี่….. ถ้าไม่มีวาฬอยู่เคียงข้างบีตอนนั้น บีก็คงผ่านมันมาไม่ได้เหมือนกันแหละ…….เอาจริงๆ ถ้าบีเลือกได้….บีก็อยากให้แม่ทิ้งจดหมายไว้ให้บีสักฉบับ….มันคงช่วยได้มาก……แต่มันก็ไม่มีไง…….บีเลยคิดว่าบีต้องเป็นคนเขียนจดหมายให้คนที่บีรักและเป็นห่วงอยู่เสมอแทน….. ซึ่งนั่นก็คือวาฬ…..ถ้าวาฬอ่านจดหมายฉบับนี้อยู่ยกมือขึ้นมา ปาดน้ำตาซะ หยุดร้องไห้ แล้วยิ้มให้บีซะดีๆ…..เรายังโชคดีที่ได้คุยกันแม้บีจะไม่อยู่แล้วนะ…..มันเป็นการจากลาที่วาฬควรจะมีความสุข……วาฬต้องตั้งใจมีชีวิตอยู่ให้ดีที่สุดนะ…….มีชีวิตแทนบีด้วย……ทำความฝันให้เป็นจริงด้วย….มีความสุขแทนบีด้วย…..และก็ยิ้มแทนบีด้วย……..บีอยากจะยิ้มได้ทุกๆวันในชีวิต…. ดังนั้นถ้าวาฬรักบี วาฬต้องเลิกเศร้า ก้าวต่อไป แล้วมีความสุขให้ได้นะ!!!

                        รัก

                     จากบี หญิงสาวที่สวยที่สุดในปฐพี


ปล. ถ้าโชคดียังไม่ตายจะรีบเอาจดหมายไปเปลี่ยนทุก2-3ปีละกันนะ จะได้อัพเดทชีวิตด้วย เดี๋ยวผ่านไปนานๆวาฬจะงงหมดว่าทำไมตกเทรน

ปล2 บีฝากจดหมายขอร้องถึงพี่ชาร์คด้วยว่าถ้าบีเป็นอะไร อย่าเก็บบีไว้นานนะ เดี๋ยวอืด ไม่สวย แล้วก็สวด3วันพอแล้วเผาเลย จะได้ไม่ต้องลำบากคนอื่น เพราะญาติก็ไม่มีแล้ว เหลือแต่พี่ชาร์คที่เคารพเหมือนพี่ชายแท้ๆกับวาฬคนที่สำคัญที่สุดของบีนี่แหละ…..หยุดร้อง!!ยิ้มได้แล้ว!!!อย่าดราม่า!!! ไปละนะ บ๊ายบาย!!!!



====================================


“บีเค้าเป็นห่วงวาฬมากเลยนะ” พี่ชาร์คพูดกับผม เมื่อเห็นว่าผมอ่านจดหมายเสร็จ

“ใช่ครับ…..และบีก็ยังคงเป็นบี…..ทำให้ผมยิ้มได้เสมอ แม้ว่าเค้าจะจากไปแล้ว”ผมหันไปตอบพี่ชาร์ค พร้อมกับเอามือปาดน้ำตาที่มันยังไหลออกมาไม่หยุด……

“พี่ทำตามที่บีขอแล้วนะ……พี่จัดงานให้บี…..ทำพิธีให้ดีที่สุด…….จนถึงวันเผา……ตอนแรกพี่คิดจะยื้องานรอให้วาฬตื่นก่อน……แต่……วาฬก็ไม่ตื่นสักที……ในที่สุดพี่ก็เลยตัดสินใจทำตามความต้องการสุดท้ายของบี…..หลังจากเสร็จงานเผาพี่ก็เอาอัฐิไปไว้ที่วัด……พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกก่อน” พี่ชาร์คบอกกับผมด้วยสายตาที่เป็นห่วงผมอย่างมาก

“ไม่เป็นไรครับ…..ขอบคุณมากๆ…..พี่ชาร์คทำถูกต้องแล้ว….ถ้าตอนนั้นวาฬบอกได้ วาฬก็คงขอให้พี่ชาร์คทำตามเดิมนั่นแหละครับ” ผมไหว้ขอบคุณพี่ชาร์ค……พี่ชาร์ครับไหว้แล้วยิ้มให้ผม…..

“เอ่อ……พี่ชาร์คครับ…….ผมอยากจะถามอีกเรื่อง”

“อะไรเหรอวาฬ”

“คนที่ขับรถชนบี…..ก็คือพ่อใช่ไหมครับ…..”



…………………



ต่อตอนหน้านะฮะ
 :n1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

วาฬรู้ได้ไงว่าคนขับรถคันนั้นคือพ่อของวาฬเอง?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ direkraj

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Morake

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ตอนที่51 ผมจะกลายเป็นบี



“คนที่ขับรถชนบี…..ก็คือพ่อใช่ไหมครับ…..” ผมถามพี่ชาร์คพร้อมกับจ้องไปที่ตาของเค้าด้วยอารมณ์ที่ต่างไปจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง

“…..วาฬ…..คือ…….” พี่ชาร์คกลับมาอึกอักอีกครั้ง….

“……รถคันนั้นพ่อหวงมาก ไม่ยอมให้ใครขับอย่างแน่นอน…….สรุปว่าพ่อเป็นคนขับใช่ไหมครับ…..” ผมถามต่อด้วยเสียงจริงจังอย่างที่สุด

“…..คือ…….”พี่ชาร์คแสดงสีหน้ากังวลอย่างมาก

“ ใช่ไหมครับ!!!” ผมแผดเสียงถามออกไปอย่างที่เริ่มคุมตนเองไม่ได้…..

“………………...” พี่ชาร์คไม่ได้พูดอะไร….ได้แต่พยักหน้าเบาๆออกมาแทนคำตอบด้วยความอึดอัด….

“ พ่อฆ่าบี!!!” ผมเริ่มหลุด

“วาฬใจเย็นๆก่อนนะ…..มันเป็นอุบัติเหตุ…….” พี่ชาร์คพยายามปลอบให้ผมสงบ…..แต่ก็ไม่กล้าสบตาผมเหมือนก่อนหน้านั้น……มันต้องมีอะไรอีกสินะ…..ใช่……ต้องเป็นเรื่องนั้นแน่ๆ……

“พ่อเมาใช่ไหมครับ!!!” ผมถามพร้อมกับจับแขนพี่ชาร์คแน่น

“…….คือ…...”

“ตอบผมมาสิครับ!!!”

“…..วันนั้น…….คนที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าเห็นคุณลุงเป็นคนขับ……และเค้าไม่ได้สติ…...”

“เพราะเมาใช่มั๊ยครับ!!!!!!”

“พี่ไม่รู้……แต่ในรถวันที่เกิดเหตุ…..มีขวดเหล้าตกอยู่ข้างคนขับด้วย…...”

“นั่นไง!!!.....เค้าก็ต้องเมาเหมือนทุกทีนั่นแหละ!!!” ผมหลุดไปแล้วครับ……

“วาฬใจเย็นๆก่อนนะ…วันนั้นคุณลุงหมดสติแล้วก็จำอะไรไม่ได้จริงๆ…เค้าบอกว่าเค้าไม่ได้ดื่ม...เค้าอาจจะไม่…..”

“พี่ชาร์คหยุดเถอะครับ!!! หยุดปกป้องผู้ชายคนนั้นสักที!!!!” ผมระเบิดอารมณ์ใส่พี่ชาร์ค

“วาฬใจเย็นๆ พี่ไม่ได้เข้าข้างใคร พี่อยากให้วาฬใจเย็นๆลองฟังคุณลุงดูก่อน เค้าอยากคุยกับวาฬนะ”พี่ชาร์คพยายามปลอบผม

“ผมไม่ต้องการเจอผู้ชายคนนั้น!!! จากนี้ไปผมจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรกับเค้าอีก!!! แล้วถ้าพี่ชาร์คไม่หยุดพูดถึงผู้ชายคนนั้น ผมก็จะไม่คุยกับพี่ชาร์คด้วยเหมือนกัน!!!!!!!!” ผมประกาศลั่นจนพี่ชาร์คต้องหยุดไม่พูดอะไรต่อ……

……………………………………………


จากนั้นผมก็ทำอย่างที่ผมพูดครับ ผมปฏิเสธที่จะเจอพ่อ ปฏิเสธที่จะคุย ปฏิเสธที่จะรับฟังทุกอย่างที่เกี่ยวกับเค้า……ผมขอให้พี่ชาร์คเป็นตัวกลางในการแจ้งกับพ่อว่า ผมต้องการกลับไปอังกฤษโดยที่เค้ามีหน้าที่เซ็นต์ยินยอมแต่เพียงเท่านั้น…..ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆผมไม่ขอรับจากเค้าครับ…..ผมดูแลตัวเองได้…..เพราะก่อนแม่จากไป…..แม่ได้ทำพินัยกรรมมอบทรัพย์สินไว้ให้ผม……บวกกับเงินที่ได้จากประกันชีวิตมันก็หลายร้อยล้านอยู่……ยังไงชาตินี้ผมก็ใช้ไม่หมดแล้วครับ….ดังนั้นผมเลยไม่ได้ต้องการการช่วยเหลือใดๆจากผู้ชายคนนั้นเลย

เมื่อผมกลับไปอยู่อังกฤษ ผมก็มีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น…..ผมเริ่มสงบลง แต่ทุกวันผมก็ยังนึกถึงแต่บี……ผมต้องเอาจดหมายฉบับนั้นขึ้นมาอ่านทุกเวลาที่ทำได้…..อ่านวนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า……จนผมจำได้ขึ้นใจทุกคำและทุกประโยค…..แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมหยุดอ่าน……เพราะสำหรับผมในตอนนั้นการอ่านจดหมายคงเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังอยากมีชีวิตอยู่…….

แล้ววันนึงผมก็คิดอะไรบางอย่างออก…..ถ้าผมยังเป็นแบบนี้อยู่ ผมคงไม่มีทางที่จะยิ้มให้บีได้…….ถ้าผมยังทำแบบนี้อยู่ผมก็คงไม่สามารถมีความสุขให้บีได้…….และถ้าผมยังเป็นวาฬอยู่ผมคงไม่สามารถมีความฝันใดๆได้……ดังนั้น…..ผมจะเลิกเป็นวาฬ!!

ผมจะเป็นบี…..ผมจะทำทุกอย่างแทนบี…..ผมจะยิ้มแทนบี……ผมจะมีความสุขแทนบี…..และผมจะเข้าไปตามความฝันแทนบี……ผมจะไปเรียนทันตะ!!!

ดังนั้นแผนการของผมจึงเริ่มต้นขึ้น…..ผมขอให้พี่ชาร์คแจ้งกับพ่อ…..ให้พ่อทำเอกสารยินยอมมาให้ผมสำหรับการทำธุรกรรมต่างๆในกรณีที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ…..ซึ่งเค้าก็ยอมทำให้แต่โดยดี ……แต่ตอนที่พี่ชาร์คส่งเอกสารมาให้ผม…..พี่ชาร์คพยายามจะพูดอะไรสักอย่างเกี่ยวกับพ่อให้ผมฟังให้ได้……ซึ่งนั่นทำให้ผมโกรธมาก…..ผมไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งสิ้น……ผมคิดว่าพี่ชาร์คปกป้องผู้ชายคนนั้นมากกว่าผม……ทำให้ผมตัดขาดจากทุกคนไม่ว่าใครก็ตามหลังจากวันนั้น……รวมถึงพี่ชาร์คด้วย,,,,,,,

จากนั้นผมก็ให้ลุงทนายที่เคยเป็นทนายประจำตัวของแม่จัดการเตรียมทุกอย่างที่ผมต้องการแบบเป็นความลับให้ ……โดยเริ่มจากการเปลี่ยนชื่อนามสกุล….ผมตั้งชื่อใหม่แล้วเอานามสกุลของแม่มาใช้….. จากนั้นผมก็ทำเรื่องย้ายกลับมาเรียนต่อที่กรุงเทพโดยบอกกับเพื่อนๆว่าไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาหนึ่งปี….. ซึ่งการย้ายมาที่โรงเรียนนี้ก็ทำให้ผมได้เป็นเพื่อนกับแม้น…..จากนั้นทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งอย่างที่ทุกคนรู้……ในฐานะใหม่ที่ผมเป็นบี…..ไม่ใช่วาฬ……


……………………………………………..


ภาพทุกอย่างตัดกลับมาที่ปัจจุบันอีกครั้ง…..ผมยังยืนมองรูปบีอยู่ที่เดิม……นี่มันคงใกล้เที่ยงแล้วสินะ……. ถ้าบียังอยู่….บีคงดุผมไปแล้วแน่ๆ ที่ผมโดดเรียน…..แถมยังมายืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ในวัดแบบนี้อีก…..

“บี…..ตอนนี้วาฬเรียนทันตะแล้วนะ วาฬไล่ตามความฝันให้บีสำเร็จไปเรื่องนึงแล้วล่ะ…..แถมตอนนี้วาฬก็ยิ้มได้…..ยิ้มแบบที่บีต้องการ…..ไม่ใช่แค่นั้นนะ….วาฬมีความสุ…….” ผมพูดคำว่าสุขไม่ออกครับ…..

ผมโกหกบีไม่ได้…..ผมร้องไห้ไม่หยุด…….ผมรู้ตัวว่าตอนนี้ผมไม่มีความสุข……จริงๆมันแย่ไปกว่าเมื่อก่อนซะอีกครับ……..เพราะผมไม่สามารถเชื่อใจใครได้…..ผมยังไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้…..ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความฝันของตัวเองคืออะไร……..วาฬจริงๆแล้วเป็นใคร……ต้องการอะไร…….รวมถึงคนที่ผมเคยเชื่อ……เคยยอมเปิดใจ……ไอ้นภ……คนที่ผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถกลับไปรู้สึกเหมือนเดิมได้อีกไหม…..

ถึงตอนนี้ผมไม่รู้จะทำอะไรต่อไปจริงๆครับ…..ผมได้แต่นั่งปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อยๆ ……ร้องไห้ต่อไปจนไม่เหลือน้ำตาให้ไหล……...กระทั่งเย็น ผมเห็นพระหลายรูปเริ่มเดินเข้าไปที่โบสถ์….….นี่คงได้เวลาทำวัตรเย็นแล้วสินะ……ผมเองก็คงถึงเวลาต้องกลับหอไปเผชิญหน้ากับความจริงด้วยเหมือนกัน…….

“โยม…..เข้าไปฟังสวดก่อนสิ ใจจะได้สบายขึ้น……อาตมาเห็นนั่งอยู่ตรงนี้มาทั้งวันแล้ว” พระรูปหนึ่งเดินเข้ามาบอกผม…..ท่านคงรู้ว่าผมอยู่ที่วัดทั้งวันแบบนี้เพราะความทุกข์พามาสินะครับ……

“กราบขอบพระคุณครับ” ผมยกมือขึ้นมาไหว้…….ท่านยิ้มให้ผมด้วยความเมตตาแล้วก็เดินเข้าไปที่โบสถ์…..บางทีการฟังสวดก็อาจจะทำให้ใจผมสงบมากขึ้นจริงๆก็ได้…..

ก่อนจะเข้าไปที่โบสถ์ ผมหยิบมือถือขึ้นมาจะปิดเสียง…..ผมเลยพึ่งรู้ครับว่าโทรศัพท์ของผมยังไม่ได้เปิดเครื่อง…..ผมปิดมันไปตั้งแต่เมื่อคืนเพราะไม่อยากรับรู้อะไร……มิน่าไม่มีใครโทรหรือส่งข้อความอะไรมาเลยทั้งวัน……พอผมเปิดเครื่องเท่านั้นแหละ…..ข้อความแจ้งเตือนว่ามีmissed callจำนวนมากก็เด้งขึ้นมาทันที…..จำนวนสายที่ว่าเยอะนั้นยังไม่เท่ากับจำนวนข้อความในLineที่ผมยังไม่ได้อ่าน…….แต่ตอนนี้ผมไม่มีกระจิตกระใจไปดูหรอกครับว่าใครโทรหรือส่งอะไรมา……ผมได้แต่ปิดเสียงแล้วก็เข้าไปนั่งฟังพระสวด…..

สำหรับคนไกลวัดอย่างผม……การได้มาฟังบทสวดแบบนี้มันก็ดีจริงๆแหละครับ…..ผมรู้สึกสงบ…..แม้ว่าผมจะยังทำสมาธิไม่ได้เพราะจิตใจยังว้าวุ่นอยู่มาก……แต่ผมก็รู้สึกว่าความยุ่งเหยิงใจมันค่อยๆน้อยลงไป……

ผมนั่งพนมมือฟังไปจนพระท่านทำวัตรเสร็จ การสวดจบลง…..ผมก้มลงไปกราบ…..พร้อมกับอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้เรื่องร้ายต่างๆจบลงไปเสียที…..ขอให้ผมได้เจอกับความสุขจริงๆเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง



…………………………..




ต่อตอนหน้าอะจิ :n1:


ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 334
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด