[Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10  (อ่าน 54153 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
กอดหมอรินแน่นๆ :กอด1:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เศร้ามากเลย แม่คือแย่มากๆทำไมทำแบบนี้ :katai1: :m31: สงสารหมอรินมากๆ เจ้าหมารินต้องดูแลหมอรินให้ดี :L1: :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เรื่องแม่คือพีคมาก เจอกันวันเดียวไม่พบ ดันมามีไรกันในบ้านอีก สงสารพ่อมาก สงสารพี่ริน เสียทั้งพ่อ ทั้งน้อง เจ้ารินต้องอยู่ข้างๆพี่เขานะ  :hao5:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เรื่องแม่อมก.มากจ้า
แต่ปูเสื่อรอน้ำสับปะรดเลยจ้า
คิดดีไมไ่ด้เลย

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ทันตอนพีคเรื่องเเม่หมอรินพอดี ถึงกับไปไม่เป็น สงสารพ่ออัลฟ่า น้องสาวและหมอรินมาก...ถึงจะเป็นโอเมก้าแต่ก็เป็นแม่คน ทำไมถึงทำเรื่องเลวๆแบบนี้ได้!
 
แต่ต่อไปนี้หมอรินจะมีธารินเด็กตัวยักษ์กับน้องโฮปเด็กน้อยอยู่ข้างๆ ไม่โดดเดี่ยวแล้วนะ //รวบกอดสามคนพ่อแม่ลูก ฮือออ

สนุกมากค่ะ เอ็นดูเจ้าลูกหมาตัวโต ที่หลอกล่อออดอ้อนพี่ต่ายขาโหด เนียนๆตาใส ทั้งหมั่นไส้ทั้งน่าเอ็นดูวว พี่หมอรินปากร้ายใจดี น่าฟัด น่ามันเข้วว เจ้าลูกหมาถึงได้รักถึงได้หลงงงง

พี่ศรน่าสงสาร อยากให้หลุดพ้นไปจากอัลฟ่าหลงตัวเองอย่างธาราได้เร็วๆ

พี่นน ก็น่าเห็นใจ แต่หลังดูแปลกๆ /แอบทายว่าอีกในห้องอาจจะเป็นพี่นนกับคุณหมอน้ำใจ มากกว่าพี่พยาบาล 5555

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-12-2019 17:39:13 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ Jiraapp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
พี่หมอรินคะยู้กหมารินน่ะชอบพี่นั่นแหละค่ะ หึงยู้กหมารินแล้วแหละแบบนี้ สอบครั้งนี้ได้เอแล้วเก่งมาก ๆ /หอมหัว สงสารพี่หมอรินและน้องสาวที่สุดตอนนั้นยังเด็กมาก ๆ แม่ไม่น่าทำแบบนั้นเลย

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เศร้าอ่ะ น้องกับพ่อของพี่หมอรินจากไปแล้ว ครอบครัวสุขสันต์พังเพราะคนไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี :fire:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หลายอารมณ์มากตอนนี้  :hao5:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 12 อาการกำเริบ

ส่งน้องโฮปที่โรงพยาบาลเรียบร้อย อริญชย์ก็มาส่งธารินที่หน้าบ้าน แต่หลังจากเปิดประตูลงจากรถแทนที่เด็กหนุ่มจะยกมือไหว้แล้วรีบเดินเข้าบ้านไปหาศรศรัณย์ที่ชะเง้อคอรออยู่หน้าประตูบ้าน เขากลับรีรอไม่ยอมไปไหนจนอริญชย์ต้องลดกระจกลงแล้วธารินก็รีบพุ่งมาเกาะขอบกระจกชะโงกหน้าเข้ามาคุยด้วย


“อาจารย์ขับรถกลับบ้านดีๆ นะครับ”


“อือ” อริญชย์ตอบรับนิ่งๆ เพราะเด็กหนุ่มพูดประโยคนี้ก่อนลงจากรถสักสิบรอบได้แล้ว


“กินยาด้วยนะ อาจารย์ตั้งเวลาไว้สองทุ่มใช่ไหมผมจำได้”


“อือ” ประโยคนี้ก็อีกราวสี่หรือห้ารอบได้


“ถ้ากินยาไม่ตรงเวลาเดี๋ยวอาการก็กำเริบอีก หมู่นี้ยิ่งกำเริบบ่อยๆ อยู่”


“รู้แล้วน่า” อริญชย์เริ่มตัดบท ไม่ได้รำคาญแต่สงสัยว่าจริงๆ แล้วเด็กหนุ่มอยากจะพูดหรือทำอะไรกันแน่ถึงได้ทำเป็นรีรอรั้งไว้ไม่ยอมให้เขาออกรถไปสักที


“อาจารย์ครับ...”


“อะไรอีกล่ะ”


“ถึงบ้านแล้วโทรหาผมด้วยนะ”


“เป็นอะไรกันทำเป็นมาสั่ง”


“เป็นเด็กเอนของอาจารย์ไงครับ” ธารินบอก


เขาเป็นห่วงอริญชย์มากเพราะกว่าจะหยุดร้องไห้ก็ใช้เวลานานโขและพอรู้เรื่องของอาจารย์แล้วเขาก็รู้สึกว่ารอยยิ้มของอาจารย์ที่ส่งมาให้นั้นมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ที่เห็นว่าปากกำลังยิ้มอยู่นั้นหัวใจยิ้มตามไปด้วยหรือเปล่า นี่คือใบหน้าที่แท้จริงหรือเป็นแค่หน้ากากที่ใส่หลอกเขา หลอกคนอื่นและหลอกแม้กระทั่งตัวเองว่าสบายดี


คืนนี้เขาไม่อยากปล่อยให้อาจารย์อยู่คนเดียว อยากกอดแน่นๆ แล้วกระซิบปลอบข้างหูว่าไม่เป็นไรจนอาจารย์หลับไปในอ้อมกอดเขา แต่คนที่มีความสัมพันธ์เป็นแค่นักเรียนกับอาจารย์อย่างเขาจะมีสิทธิ์อะไรไปทำแบบนั้นได้ล่ะ


“มีอะไรก็โทรมานะครับ ผมจะรีบไปหาทันทีเลย”


“ไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่ไหม” อริญชย์ถามย้ำ “งั้นฉันไปนะ”


ธารินถอยหลังออกมามองกระจกรถที่เลื่อนขึ้นช้าๆ จนไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ในรถ เขายืนส่งจนรถของอริญชย์ลับสายตาไปถึงเดินเข้าบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในหัวใจที่ยังคงเป็นห่วงคนที่เพิ่งแยกกัน


“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะริน ไปเที่ยวมาไม่สนุกเหรอ” ศรศรัณย์ถาม เด็กหนุ่มหันมาทำตาเศร้าใส่ก่อนจะเอียงหน้ามาซบลงบนบ่า


“ผมต้องทำยังไงผมถึงจะทำให้คนๆ นึงมีความสุขได้ครับ”


“รินหมายถึงอาจารย์คนนั้นน่ะเหรอ”


“ครับ”


“มีความสุขที่ว่านี่หมายถึงรินอยากตอบแทนที่อาจารย์ช่วยสอนหนังสือให้แล้วก็ยังพาไปเที่ยวด้วยใช่ไหม”


“ถ้าพูดกันตรงๆ เลยก็แบบที่อยากได้มาเป็นเมียน่ะครับ”


“ริน~” ศรศรัณย์ร้องเสียงหลง “เจ้าเด็กบ้านี่! เป็นเด็กเป็นเล็กพูดอะไรแบบนี้”


“ไม่เล็กสักหน่อย เรื่องนี้ผมมั่นใจมากเลยนะ”


“ขนาดตัว?”


“ไอ้นั่นน่ะแหละ”


“ริน!” ศรศรัณย์หน้าแดง “ยังไม่เลิกล้อพี่เล่นอีก”


“ผมจริงจังนะพี่ศร”


“อาจารย์เขาแก่กว่าเราตั้งหลายปีนะ”


“สิบสามปีเอง”


“เอาจริง?”


ธารินพยักหน้า “ผมรู้ว่าจีบเขาตรงๆ คงยากเพราะเขามีข้อห้ามของคนที่จะไม่เอาทำแฟน3ข้อ แล้วผมก็มีครบทุกข้อเลย แต่ถึงไม่ได้เป็นแฟนอย่างน้อยผมก็อยากทำให้เขามีความสุข”


ศรศรัณย์พ่นลมหายใจออกจมูก เห็นหน้ากันมาแต่อ้อนแต่ออกเพิ่งเคยเห็นน้องชายสุดที่รักกลัดกลุ้มขนาดนี้ เขาโอบแขนรอบแผ่นหลังเด็กหนุ่ม “เข้าบ้านก่อนไป แล้วเดี๋ยวเราค่อยมานั่งคุยกัน แต่พี่ก็ไม่รู้จะให้คำปรึกษารินได้ดีแค่ไหนนะ เพราะเรื่องนี้ตัวพี่เองยังเอาตัวไม่รอดเลย”


พอกลับมาถึงห้องอริญชย์ก็วางกระบองเพชรทั้งสามต้นที่ได้มาเป็นของขวัญวันเกิดในรอบยี่สิบปีลงบนโต๊ะ เขาหมอบตัวลงนอนราบไปกับพื้นโต๊ะมองดูมันใกล้ๆ ลำต้นของมันมีลักษณะเป็นแผ่นทรงกลมใหญ่และแตกยอดขึ้นไปอีกสองยอดดูคล้ายหูกระต่ายซึ่งเป็นที่มาของชื่อแคสตัสกระต่ายหรือต้นหูมิกกี้เมาส์


เขายกมือขึ้นแตะลงบนจุดสีขาวบนลำต้นแล้วก็ต้องสะดุ้งเพราะสิ่งที่ดูเป็นปุยอ่อนนุ่มสีขาวที่เขาเห็นนั้นคือกลุ่มหนามแหลม อริญชย์เหลือบตาลงมองหยดเลือดที่ค่อยๆ ซึมขึ้นมาจากผิวเนื้อตรงจุดที่โดนหนามตำ


...บางทีสิ่งที่เห็น อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิด...


เขานึกถึงอัลฟาคนนั้น ก่อนหน้านั้นยังยิ้มระรื่นคุยกับพ่อและอวยพรวันเกิดให้เขา แต่อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมากลับย่องมานอนกับแม่เขาได้หน้าตาเฉย


...รอยยิ้มและความใจดีที่ให้มา มันเป็นของจริงหรือเปล่า หรือแค่หลอกให้ตายใจแล้วหวังผลประโยชน์อะไรจากเขา...


อริญชย์ละสายตาจากต้นกระบองเพชรแล้วกวาดตามองไปรอบห้องที่เงียบเชียบ ทั้งที่เขาเปิดไฟจนสว่างไสวแต่กลับรู้สึกว่ามันยังคงเงียบเหงา น่ากลัวและไม่น่าไว้ใจ


...ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของเขา...


อริญชย์ลุกขึ้นยืนและเดินเข้าห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะกลับออกมาด้วยชุดใหม่เป็นเสื้อเชิ้ตกางเกงขายาวสีดำสนิท ผมถูกเซ็ตทรงใหม่กลายเป็นอีกคน เขาทิ้งกระบองเพชรทั้งสามต้นไว้บนโต๊ะทั้งอย่างนั้นแล้วคว้ากุญแจรถออกจากห้องไปอีกครั้ง


อริญชย์เดินหลบเลี่ยงผู้คนที่กำลังวาดลวดลายไปตามจังหวะเพลงไปหาที่ว่างนั่งลงหน้าบาร์


มิสเตอร์บีบาร์เทนเดอร์ประจำ Devil Club ซึ่งกำลังพูดคุยกับลูกค้าคนหนึ่งเหลือบสายตามาเห็นก็ขอตัวเดินมาหาพร้อมกับเครื่องดื่มแก้วโปรดของเขา “ว้อดก้าใส่น้ำแข็ง”


“ขอบใจ”


มิสเตอร์บีเท้าแขนลงบนเคาน์เตอร์มองดูลูกค้าประจำที่หยิบแก้วเหล้าไปถือไว้แต่ไม่ยอมยกขึ้นจิบสักที “หายหน้าไปหลายวันนึกว่าไปได้ดีกับหนุ่มที่ไหนแล้วซะอีก”


“อย่างฉันเนี่ยนะ” อริญชย์หัวเราะแกร็นๆ ในลำคอ


มิสเตอร์บีไหวไหล่ “นี่ก็ปีที่สิบสามแล้วสินะที่นายมานั่งคนเดียวที่นี่”


“จำได้ด้วยเหรอ”


“ไม่ได้อยากจำแต่มันติดใจ” มิสเตอร์บีพูดเรียบๆ “เพราะทุกๆ ครั้งในหนึ่งปีที่นายมาที่นี่จะมีวันหนึ่งที่นายทำหน้าเหมือนโลกจะแตก แววตาว่างเปล่า... มันไม่ใช่ท่าทางของคนที่มีเรื่องกลุ้มใจจนอยากจะตายหนีปัญหาแต่มันเหมือนคนที่มองไม่เห็นอนาคตและไม่รู้จะไปทางไหน... แล้ววันหนึ่งที่ว่านั้นก็คือวันนี้ซึ่งมันตรงกับวันแรกที่ฉันเจอนาย” เขาเว้นวรรคเพื่อมองดูชายหนุ่มตรงหน้า “ไม่เคยถามนะว่าวันนี้วันอะไร แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย แต่ฉันว่านายในวันนี้คือตัวจริงยิ่งกว่าจริงที่ฉันได้เจอนายที่ระริกระรี้หิ้วผู้ชายกลับบ้านไม่ซ้ำหน้าซะอีก”


“เป็นแค่คนชงเหล้า ไม่ต้องรู้ดีขนาดนั้นก็ได้” อริญชย์ว่า


“แหม... พูดแบบนี้มันก็น่าน้อยใจนะเนี่ย ทั้งที่เมื่อสิบสามปีก่อนอุตส่าห์อ่อนโยนด้วยขนาดนั้นแท้ๆ”


“นั่นเรียกว่าอ่อนโยนแล้วเหรอ เจ็บจะตาย” อริญชย์หัวเราะในลำคอ เขาใช้ปลายนิ้วคนน้ำแข็งที่เริ่มละลายในแก้วแล้วยกขึ้นซด ไหนๆ วันนี้ก็ไม่มีอารมณ์อยากหิ้วผู้ชายกลับอยู่แล้ว นั่งรำลึกความหลังแกล้มเหล้ากับเพื่อนเก่าก็ไม่เลวเหมือนกัน “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณนายล่ะนะที่ทำให้ฉันคิดได้ว่าจะมานั่งกลุ้มใจกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเองก็ปวดหัวเปล่าๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วสนุกกับมันให้สุดเหวี่ยงไปเลยดีกว่า”


“อย่าเอาฉันไปรวมกับคู่นอนของนายเลย”


“ไม่ได้รวมแค่จะบอกว่านายเป็นแรงบันดาลใจให้หาคนใหม่ที่เด็ดกว่า”


มิสเตอร์บีหลิ่วตา “ฟังแล้วเจ็บจี๊ดเลยนะเนี่ย พูดงี้มาแก้ตัวกันใหม่อีกรอบดีกว่า”


“ไม่เอาหรอกเดี๋ยวติดใจ”


มิสเตอร์บีหัวเราะ เขาเองก็แกล้งแหย่ไปอย่างนั้นไม่คิดจะทำจริงเหมือนกัน “ทำไมไม่ลองหาแฟนล่ะ เขาว่ากันว่าจะรู้สึกดีกว่านอนกับคนอื่นไม่ใช่เหรอ”


“ฉันไม่ชอบอะไรที่มันซ้ำซาก นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว”


“ฉันหมายถึงจับคู่ต่างหาก” มิสเตอร์บีว่า “เบต้าอย่างฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกนะ แต่เท่าที่ฟังมามันก็เป็นอะไรที่สุดยอดไปเลยไม่ใช่เหรอ เวลาฮีทก็เติมเต็มความต้องการได้เต็มที่ จะออกไปไหนก็สบายตัวไม่ต้องมาคอยระแวงว่าจะถูกพวกอัลฟาดักปล้ำเพราะมีอะไรกับใครไม่ได้แล้ว แล้วการที่ได้ผูกพันกับคนที่เรารัก และอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าก็เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาจะตาย”


“นั่นนายพูดเรื่องอะไรน่ะ ฟังแล้วขนลุก”

“ก็พูดเรื่องธรรมชาติของโอเมก้าอย่างนายน่ะแหละ ลองคิดเล่นๆ สิว่าถ้ามีรินน้อยมาคอยออดอ้อนฉอเลาะ ชีวิตจะมีสีสันขนาดไหน”

อริญชย์เข้าใจว่ามิสเตอร์บีพูดถึงลูกในอนาคต แต่ใจเขากลับคิดไปถึงเด็กหนุ่มที่มาคอยตามเกาะแข้งเกาะขาช่วงนี้กับบทบาทสมมติที่แกล้งทำเป็นพ่อแม่ลูกกันเมื่อเช้า เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจที่จะมีครอบครัวแต่คิดว่าคนอย่างเขาไม่เหมาะกับอะไรแบบนั้น อยู่ตัวคนเดียวไปแบบนี้มันสะดวกกายและสะดวกใจมากกว่า

“นอนกับอัลฟามาตั้งเยอะแยะ ไม่คิดว่าเจอคนที่ใช่บ้างเลยเหรอ” มิสเตอร์บีถามต่อ

“ยังไงถึงเรียกว่าใช่ล่ะ” อริญชย์ถามกลับ

“เขาว่ากันว่าเป็นสัญชาติญาณที่พวกนายจะรู้กันเองนี่นา”

“ฉันรู้แค่เรื่องเข้ากันได้หรือไม่ได้น่ะ”

“นายนี่นะ” มิสเตอร์บีส่ายหน้าอย่างระอา เขาหมายถึงหัวใจแต่อีกฝ่ายดันหมายถึงอย่างอื่นไปเสียนี่

พอแกล้งให้มิสเตอร์บีมีสีหน้าลำบากใจได้อริญชย์ก็ค่อยยิ้มออก เขาเหลียวมองไปรอบตัวก่อนจะหันมาหามิสเตอร์บีอีกครั้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “ช่วยอะไรอย่างหนึ่งสิ ในฐานะลูกค้าประจำก็ได้” เขาล้วงมือลงในกระเป๋าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดรูปหนึ่งแล้วเลื่อนส่งให้ดู

มิสเตอร์บีเหลือบตาลงมองแล้วดันกลับคืน ไม่ได้จะไม่ช่วยแต่เขาจำคนในรูปนั่นได้แล้ว “ทำไม”

อริญชย์เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า “มันเป็นคนที่ฉันปฏิเสธไปแล้วก็เลยมาดักหาเรื่องน่ะ” โชคดีที่ช่วงชุลมุนในตอนนั้นเขากดสลับแอปพลิเคชั่นไปเป็นวีดีโอทำให้ถ่ายติดทั้งภาพและเสียงเหตุการณ์ในตอนนั้นมาบางส่วนและเขาก็เลือกแคปเอาเฉพาะหน้าหมอนั่นมาให้มิสเตอร์บีดู

“สวยเลือกได้ก็งี้ละนะ” มิสเตอร์บีทำเป็นก้มหยิบแก้วเหล้าไปเปลี่ยนแล้วกระซิบที่ข้างหู “สงสัยอะไร”

“ฉันคิดว่าพวกมันโดนจ้างมา หาให้หน่อยว่าเป็นใคร หรือถ้ามันยากไปบอกมาแค่พวกมันเป็นใครก็พอ”

มิสเตอร์ยืดตัวขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างและตอบด้วยน้ำเสียงปกติ “ไม่มีปัญหาครับคุณลูกค้า ครั้งหน้าผมจะหาเหล้าที่คุณต้องการมาให้ครับ”

อริญชย์วางทิปลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน “ฝากด้วยนะ”

มิสเตอร์บีเอื้อมมือไปเก็บเงินกับแก้วเหล้าแล้วตอนนั้นเองเขาก็ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของอริญชย์ลอยฟุ้งขึ้นมา เขารีบเงยหน้าขึ้นกวาดตามองหาเจ้าของกลิ่นและเห็นร่างบางกำลังทรุดลงตรงมุมหนึ่งพอดี “ริน!”

อริญชย์กุมหน้าอกแน่น ร่างกายร้อนรุ่มและเหงื่อกาฬแตกพลั่ก เขาเพิ่งจะหมดช่วงฮีทไปยังไม่ถึงเดือน นี่มันเร็วเกินไปที่จะวนกลับมาอีกรอบ แต่อาการนี้มันคือฮีทแน่ๆ

อัลฟาหนุ่มที่มีอยู่มากมายใน Devil Club ได้กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงที่ฟุ้งกระจายออกมาจากโอเมก้าหนุ่มก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกเขาหันมามองด้วยสายตาหื่นกระหายและเริ่มรุมกันเข้ามาตามสัญชาติญาณของการล่าเหยื่อ

อริญชย์ปกป้องตัวเองไม่ได้เลย แข้งขาอ่อนปวกเปียก และก่อนที่จะถูกอัลฟาพวกนั้นฉุดไป มิสเตอร์บีก็แทรกเข้ามาขวางไว้ได้ทัน

“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า ท่าทางลูกค้าท่านนี้จะไม่สบายผมขอพาตัวไปพักนะครับ” พูดจบก็รีบรวบตัวร่างบางขึ้นมาแล้วพาชิ่งไปขึ้นลิฟต์สำหรับพนักงาน ระหว่างทางก็อดจะบ่นไม่ได้ “นี่นายลืมกินยาอีกแล้วเหรอไงเนี่ย”

“กินแล้วก่อนที่จะมา” อริญชย์บอกหอบๆ ลมหายใจแปรปรวนจนแม้แต่หายใจยังจะไม่ทัน “ทำไมช่วงนี้อาการมันกำเริบบ่อยขนาดนี้ก็ไม่รู้ทั้งที่กินยาตลอด”

“ไม่ใช่ว่าดื้อยาไปแล้วหรอกนะ”

“มาซักกันตอนนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันเว้ย”

“เดี๋ยวฉันพานายไปเปิดห้องนอนพักก่อนละกัน ดีขึ้นแล้วค่อยกลับนะ”

“ขอบใจ”

มิสเตอร์ค่อยประคองเขานั่งลงบนเตียง ร่างบางทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนแรง เนื้อตัวบิดเกร็งเช่นเดียวกับฟีโรโมนที่แผ่กระจายรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเบต้าอย่างเขายังเริ่มรู้สึกตอบสนอง เขายกมือขึ้นปิดจมูกแล้วก้าวถอยหลัง “ฉันว่าอาการนายตอนนี้มันไม่ปกติแล้วว่ะริน”

“ฉันรู้แล้ว” อริญชย์ครางในลำคอ “แต่มันทำอะไรไม่ได้นี่หว่า”

มิสเตอร์บีมองโอเมก้าหนุ่มที่กำลังทรมานเพราะอาการฮีท อริญชย์ในสภาพนี้เกินกว่าที่เบต้าอย่างเขาจะรับมือไหว เขาถอยหลังจนติดกำแพงเพื่อหนีจากกลิ่นที่กำลังเชิญชวนนั่น หลังจากผ่านไปสักพักอาการฮีทของอริญชย์ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นซ้ำยังดูแย่ลงเรื่อยๆ เขาจึงรีบคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง “อดทนไว้ก่อนนะรินเดี๋ยวฉันตามคนมาช่วย”

“นายจะตามใครมา”

“ก็อัลฟาคนที่นายหิ้วกลับไปตั้งสองครั้งนั่นไง”

“หยุดเลยนะ!” อริญชย์กุมขมับ จะตามเจ้าเด็กนั่นมาให้ปวดหัวทำไม

“ปกตินายไม่นอนกับใครซ้ำสองแสดงว่าหมอนั่นต้องมีอะไรดี แถมยังเคยช่วยนายตอนฮีทด้วย แล้วสัญชาติญาณของฉันก็บอกว่าหมอนั่นดูไว้ใจได้… นอกเสียจากว่านายจะมีคนอื่นให้ตามก็บอกมา”

“ฉันไม่ญาติที่ไหน”

“นายพูดเล่นปะเนี่ย”

“ตายไปหมดแล้ว”

“ขอโทษที่ถาม เอาเป็นว่าฉันตามหมอนั่นมาแล้วล่ะ”

“ก็บอกว่าไม่ต้องไง!”

“แคนเซิลไม่ทันแล้ว เอาเป็นว่าเจอหน้าเขาแล้วค่อยคิดละกันว่าจะเอายังไงต่อ” มิสเตอร์บีพูดยังไม่ทันขาดคำเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “นั่นไง เขามาพอดีเลย”

เขารีบเปิดประตูออกไปต้อนรับ

อริญชญย์เงยหน้าที่แดงก่ำขึ้นมอง แต่คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับไม่ใช่เด็กหนุ่ม

มิสเตอร์บีเองก็ตกใจไม่แพ้กัน “คุณไม่ใช่คุณธารานี่นา”

“ผมนี่แหละธารา” อัลฟาหนุ่มประกาศชื่อตัวเอง

“แต่ว่า...”

“หมอนั่นขโมยบัตรพี่ชายมาเที่ยว” อริญชย์ช่วยไขข้อข้องใจให้ มิสเตอร์บีคงโทรตามเบอร์ที่ลงทะเบียนไว้

ชายหนุ่มหันไปมาสบตาอริญชย์ที่นอนบิดอยู่บนเตียงแล้วก็แสยะยิ้มออกมา ตอนรับโทรศัพท์ก็แปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่คิดว่าลองตามน้ำมาก่อนก็ไม่เลวเหมือนกัน แล้วเขาก็คิดไม่ผิดจริงๆ ด้วย

ธาราผลักอกมิสเตอร์บีให้พ้นทางแล้วย่างสามขุมเข้าหา

“ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณลูกค้า ผม...”

“ออกไป” ธาราบอก “นายเรียกฉันมาดูแลหมอนี่ไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะดูแลให้อย่างดีเลยนี่ไง”

“แต่...”

“ฉันสั่งให้ออกไปไง!” ธาราสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ

ถึงมิสเตอร์บีจะมีร่างกายสูงใหญ่แต่ด้วยพื้นฐานความเป็นเบต้าแล้วทำให้เขาสู้แรงธาราไม่ได้ ซ้ำอีกฝ่ายยังถือเป็นลูกค้า VIP ตามบัตรสมาชิกที่ถือครองอยู่นั่นยิ่งทำให้เขาไม่กล้าแตะต้องเพราะเกรงว่าจะมีผลต่อหน้าที่การงาน

เขาจ้องมองบานประตูที่ถูกปิดตายจากด้านใน คิดไม่ถึงว่าความหวังดีของตนจะกลายเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ที่แย่อยู่แล้วของอริญชย์ให้เลวร้ายลงไปอีก

ล็อกประตูแน่นหนาธาราก็หันไปมองโอเมก้าหนุ่มที่กำลังอยู่ในช่วงฮีท เขาเดินไปนั่งลงข้างเตียงแล้วก้มหน้าแตะปลายจมูกที่ข้างซอกคอขาว

“กลิ่นใช้ได้เลยนี่” กระซิบพร้อมกับแลบลิ้นเลียครั้งหนึ่ง

“ถอยไป!” อริญชย์ออกปากไล่เสียงดังแข่งกับสัญชาติญาณของโอเมก้าที่กำลังเรียกร้องให้อัลฟาหนุ่มเข้ามาใกล้มากกว่านี้

“อะไรกัน เรียกฉันมาเองแล้วจะมาไล่กลับกันง่ายๆ แบบนี้น่ะเหรอ” ธาราคว้าเข้าที่ปลายคางแล้วจับให้หันมา ได้กลิ่นกายโอเมก้ามาก็มากแต่ไม่เคยเจอใครมีกลิ่นรุนแรงจนแทบทำให้หน้ามืดควบคุมตัวเองไม่ได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย ทั่วทุกตารางนิ้วของร่างกายเหมือนมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน มันไม่ใช่แค่ความอยากหรือปรารถนา แต่มันคือความกระสันต์จะร่วมรักกับโอเมก้าตรงหน้า

แววตาของอัลฟาหนุ่มวาวโรจน์ ธาราเริ่มควบคุมตัวไม่ได้เขาก้าวขึ้นคร่อมพร้อมกับฉีกกระชากเสื้อเชิ้ตออกจากร่างบางจนกระดุมขาดผึงกระเด้งกระกระดอนไปคนละทิศ แผงอกขาวเนียนมือกับยอดอกสีหวานตรงหน้ายิ่งกระตุ้นแรงกำหนัดจนเห็นรอยโป่งนูนของกางเกงเด่นชัด

ธาราจับเรียวขายาวแยกออกแล้วสอดกายเข้าแทรกกลาง เอาส่วนโป่งนูนนั้นถูไถกับส่วนกลางลำตัวอีกฝ่าย ถึงจะมีผ้าขวางกั้นแต่ก็ทำเอาอริญชย์สะท้านไปทั้งร่าง

“อยากได้มากกว่านี้ละสิ”

อริญชย์ยอมรับจนหมดใจว่าอยากได้มาก กลิ่นตัวของชายหนุ่มนั้นก็หอมยวนใจเหลือเกิน ถึงหน้าตาจะเหมือนกับน้องชายแต่กลิ่นนั้นไม่เหมือนกันสักนิด ของเด็กหนุ่มนั้นทำให้เขาคิดถึงแสงอาทิตย์อุ่นๆ แต่ของธารานั้นเป็นกลิ่นมัสก์ผสมกุหลาบป่าที่ทั้งหวานและเซ็กซี่

อัลฟาหนุ่มจับที่ปลายคางมนแล้วดึงเชิดขึ้นก่อนจะประทับจูบลงมา

อริญชย์กำมือแน่น พยายามต่อสู้กับสัญชาติญาณดิบที่ปลดเปลื้องทั้งกายให้อัลฟาหนุ่มเข้ามาครอบครอง

“ให้ตายฉันก็ไม่นอนกับแกเด็ดขาด!” เขาตวาดลั่นพร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบร่างสูงล้มลงกับพื้น ก่อนจะพยายามฝืนตัวลุกขึ้นจากเตียง แต่ด้วยความอ่อนแรงราวกับกลายเป็นคนขาเปลี้ยทำให้กลิ้งตกลงมากองที่พื้นแทน เขากัดกรามแน่นใช้ข้อศอกดันตัวลุกขึ้นแล้วกึ่งเดินกึ่งคลานหนีเข้าไปในห้องน้ำ ใช้กำลังเฮือกสุดท้ายที่มีกดล็อกประตูแล้วทรุดลงกองกับพื้น ร่างกายร้อนจนตาพร่ามองอะไรเป็นภาพซ้อนไปหมด เขารู้สึกว่าสติสัมปชัญญะกำลังจะหลุดลอยไปทุกที หัวใจเต้นแรงจนจุกในหน้าอกไปหมด

เขาไม่รู้ว่าเคยมีโอเมก้าคนไหนตายเพราะอาการฮีทรุนแรงไหม แต่ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันก็เหมือนเดินอยู่บนปากปล่องภูเขาไฟ แค่ขยับตัวพลาดนิดเดียวก็จะโดนลาวาที่ร้อนระอุนั้นแผดเผา แต่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่นี่เป็นความร้อนที่มาจากภายในตัวของเขาเอง

อริญชย์หยิกต้นขาตัวเองเต็มแรงเพื่อเรียกสติกลับมา แต่ดูเหมือนตอนนี้ประสาทสัมผัสที่รับรู้ความเจ็บปวดแทบจะไม่ตอบสนองเลย เขาจึงยกแขนขึ้นแล้วกัดลงไปจนจมเขี้ยว

ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

อริญชย์สะดุ้งเฮือก เขาเงยหน้าขึ้นมองลูกบิดประตูที่ขยับหมุนไปมา

“ออกมาเถอะ อย่าให้ต้องใช้กำลังเลย”

ประตูและลูกบิดนั่นอาจจะแข็งแรง แต่ด้วยพละกำลังและมันสมองของอัลฟาหนุ่ม เขาคิดว่าไม่ใช่เรื่องยากที่ธาราจะบุกเข้ามาถ้าต้องการ อริญชย์กวาดตามองหาตัวช่วย เขาเห็นสิ่งที่น่าจะใช้เป็นอาวุธได้มากมายแต่เรี่ยวแรงที่มีเหลือในตอนนี้แค่จะลุกขึ้นยืนยังยาก

โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นขึ้น อริญชย์รีบหยิบออกมาเปิดดู มีข้อความเข้าจากเด็กหนุ่ม

เด็ก N ของอาจารย์รินคนเดียว: อาจารย์ถึงบ้านหรือยังครับ ทำไมไม่ส่งข้อความบอกผมล่ะ

เขาทอดสายตามองข้อความที่แสดงอยู่บนหน้าจอ แล้วใบหน้าเป็นห่วงเป็นใยกับคำพูดตอนที่จะแยกกันก็ดังขึ้นในหัว

“มีอะไรก็โทรมานะครับ ผมจะรีบไปหาทันทีเลย”

ดึกป่านนี้แล้วแถมยังอยู่ตั้งไกล นายจะมาหาฉันจริงๆ เหรอธาริน...

อริญชย์ลากปลายนิ้วไปบนหน้าจอสัมผัสอย่างเชื่องช้า เรี่ยวแรงค่อยๆ หดหายลงไปทุกที มือเริ่มสั่นจนควบคุมไม่ได้ เขาทำโทรศัพท์หลุดมือพร้อมกับสติสัมปชัญญะที่ดับวูบ

.

.

.

.

“อาจารย์! ตื่นสิครับ! อาจารย์!”

เสียงทุ้มที่ดังโหวกเหวกอยู่ข้างหู ทำให้อริญชย์ปรือตาขึ้นเล็กน้อย เพราะสติที่ยังกลับมาไม่สมบูรณ์นักทำให้เห็นหน้าเจ้าของเสียงนั้นไม่ชัด แต่กลิ่นหอมของเจ้าตัวกับวงแขนซึ่งไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตัวเองเริ่มคุ้นเคยตวัดรอบตัวเขาก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร

...นายมาจริงๆ ด้วย...

“อาจารย์ไม่เป็นไรนะ!”

น่าแปลกเหลือเกินที่น้ำเสียงซึ่งฟังดูร้อนรนนั้นกลับทำให้รู้สึกอุ่นใจเหลือเกิน

อริญชย์พยายามฝืนยกเปลือกตาที่หนักอึ้งขึ้นแล้วกวาดตามองไปรอบห้องเห็นธารานั่งกุมปากที่มีเลือดอาบอยู่ตรงข้างผนังและประตูห้องก็พังไปแถบหนึ่ง

…ทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว รู้ไหมว่าประตูนั่นราคาเท่าไหร่ แล้วมาก่อเรื่องวุ่นวายแบบนี้เผลอๆ จะโดนแบล็คลิสต์ไม่ให้มาเหยียบที่นี่อีกเลยนะ แล้วนายไปมีเรื่องกับพี่ชายแบบนั้นเดี๋ยวก็โดนพ่อด่าไล่ตะเพิดให้ออกจากบ้านอีกหรอกและถ้าเรื่องถึงมหาวิทยาลัยนายได้โดนพักการเรียนแน่ๆ ทำไมถึงเป็นคนหุนหันพลันแล่นทำอะไรไม่ห่วงตัวเองแบบนี้นะ…

เขาหันกลับมามองเด็กหนุ่มที่กำลังอุ้มเขาลอยขึ้น ใบหน้าที่มักยิ้มทะเล้นให้อยู่เสมอดูแข็งกร้าวราวกับเป็นคนละคนหากแววตาที่มองมานั้นกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย

…ที่นายเป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้ โดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นยังไง เป็นเพราะฉันเหรอ…

ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย อริญชย์ยกแขนขึ้นคล้องรอบลำคอหนาให้ธารินอุ้มได้ถนัดถนี่

“นั่นคุณจะพาเขาไปไหน” มิสเตอร์บีฉวยแขนเด็กหนุ่มไว้ ยังตกใจไม่หายที่จู่ๆ ก็มีอัลฟาหนุ่มที่หน้าตาคล้ายกับคนในห้องปรากฏตัวขึ้น มาถึงก็ถามแค่ว่าอาจารย์รินอยู่ในห้องใช่ไหม แล้วถีบประตูโครมเข้าไป

“ผมจะพาเขากลับบ้าน” ธารินตอบ

มิสเตอร์บีก้มลงมองคนในอ้อมแขนเด็กหนุ่ม ดูเหมือนอริญชย์จะหมดสติไปอีกรอบแต่มือยังคงเกาะคอเด็กหนุ่มไว้แน่น พอเห็นดังนั้นเขาก็คลายมือออก

“กระเป๋ากับกุญแจรถของเขาอยู่นี่” มิสเตอร์บีบอกพร้อมกับส่งของให้ “ผมฝากเขาด้วยนะ”

“ครับ” ธารินรับคำ เขากระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นแล้วรีบก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

(ต่อข้างล่างค่ะ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
(ต่อตรงนี้ค่ะ)

อริญชย์กลับมาได้สติอีกครั้งก็ตอนที่เด็กหนุ่มวางเขาลงบนเตียงในห้องนอน เขาลืมตาขึ้นมองคนซึ่งนั่งอยู่ข้างเตียงที่กำลังดูแลเปิดแอร์ห่มผ้าให้เขา

“เอายาให้หน่อย”

“อาจารย์จะกินซ้ำเหรอ”

“เอามาเถอะ... ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

ธารินหันไปเปิดกระเป๋าและค้นเอายาคุมส่งให้อย่างเสียไม่ได้ซึ่งอริญชย์ก็รีบรับไปกลืนลงคอโดยไม่ดื่มน้ำตามแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตามเดิม แค่ลุกขึ้นมาแป๊บเดียวก็รู้สึกหัวหมุนจนแทบจะอ้วกแล้ว

“อาจารย์อยากได้อะไรอีกไหมครับ... ผ้าเย็น น้ำแข็งหรือว่าไอศกรีมไหมผมจะไปหามาให้”

“ไม่เอา” อริญชย์ตอบด้วยน้ำเสียงที่แตกพร่าลำคอแห้งผากไปหมด “มันเกินจุดนั้นไปแล้ว… ฉันรู้ตัวดี ของพวกนั้นมันช่วยอะไรไม่ได้แล้ว... นายกลับไปเถอะ ขอบคุณนะที่มาช่วย”

“อาจารย์อยู่ในสภาพนี้ผมจะทิ้งไปได้ยังไงล่ะ” ธารินบอก “ผมจะอยู่ด้วยจนกว่าอาจารย์จะดีขึ้นนะ”

อริญชย์ซุกหน้าลงกับหมอน เขาเข้าใจในเจตนาดีของเด็กหนุ่ม แต่ในยามนี้กลิ่นอัลฟาของเจ้าตัวนั้นช่างเย้ายวนเสียเหลือเกินจนเขากลัวจะอดใจไว้ไม่ไหว

“อาจารย์อย่ากัดลิ้นตัวเองนะ” ธารินร้องเสียงดังเมื่อเห็นอริญชย์ขบฟันลงริมฝีปากจนมันห้อเลือดเป็นจ้ำๆ เขากวาดตามองไปตามร่างกายเห็นลำแขนขาวก็มีรอยคล้ายรอยหยิกและรอยกัดที่อริญชย์ทำร้ายตัวเองเพื่อประคองสติเต็มไปหมดก็ยิ่งรู้สึกเป็นห่วงและเจ็บปวดแทน เขาสอดปลายนิ้วไปจ่อที่ริมฝีปากบาง “ถ้าทนไม่ไหวอยากจะกัดอะไรก็กัดมือผมนี่”

อริญชย์เผยอริมฝีปากออกแล้วกัดลงไปเต็มแรงจนเห็นรอยฟันขึ้นชัดแถมยังมีเลือดซิบนิดๆ เขาคิดว่าเด็กหนุ่มคงเข็ดขยาดจนชักมือออกหรือหนีกลับไป แต่ก็ผิดคาด นอกจากจะไม่ร้องให้ได้ยินสักแอะ ธารินกลับลูบมือลงบนศีรษะเขาอย่างอ่อนโยนและปลอบเขาด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

“ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วนะ”

อริญชย์ดุนปลายลิ้นไปมาตามท่อนนิ้วแรงที่สอดเข้ามาในปากก่อนจะคายออกมา

“กัดอีกก็ได้ครับผมไม่เจ็บหรอก” ธารินบอกแล้วดันนิ้วไปจ่อที่ริมฝีปากอีกครั้ง

อริญชย์หันหน้าหนี เขาไม่ได้กลัวเด็กหนุ่มเจ็บ เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่กลิ่นกายที่ทำให้เขาแทบทนไม่ไหว แต่ผิวสัมผัสของเนื้อเด็กหนุ่มนั้นก็หวานลิ้นเสียจนเขาอยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัว ดูเหมือนที่กำลังออกฤทธิ์อยู่จะไม่ใช่ยาคุมแต่เป็นอาการฮีทมากกว่า

เขาเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่กึ่งนั่งกึ่งนอนลูบหัวลูบหลังอยู่ไม่ห่างแล้วเอ่ยปากถาม

“ทำไมนายไม่ทำ”

“ทำอะไรครับ”

“แบบที่เคยทำ...” อริญชย์บอกเสียงสั่น “ครั้งก่อน... ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลน่ะ”

“ผมไม่อยากฝืนใจอาจารย์” ธารินบอก “ตอนนั้นผมไม่รู้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าสำหรับอาจารย์มันไม่เหมือนกัน”

“งั้นนายก็กลับบ้านไป ไม่ต้องมานั่งเฝ้าฉันหรอก ฉันโตแล้วดูแลตัวเองได้”

“ผมเป็นห่วงอาจารย์นี่นา” ธารินบอก “ขอผมอยู่ด้วยจนกว่าอาจารย์จะดีขึ้นนะครับ... ผมไม่ได้พูดเล่นนะที่บอกว่าจะทำทุกอย่างน่ะ เรื่องเรียนผมอาจจะไม่ได้เรื่องแต่เรื่องนี้ขอให้เชื่อผมนะ”

อริญชย์สบตาเด็กหนุ่มแล้วก็ขยับพลิกตัวเพื่อมองให้ถนัดขึ้น ไม่เข้าใจว่าธารินต้องการอะไรกันแน่ แต่ที่น่าแปลกคือเด็กหนุ่มไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ต่อกลิ่นฟีโรโมนของเขาเหมือนอัลฟาคนอื่น เขาเงียบตรึกตรองอยู่อึดใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “ริน”

“ครับอาจารย์”

“ทำสิ”

“ทำอะไรครับ”

“ฉันอนุญาต”


“ไม่ครับ! ผมไม่ทำ” ธารินปฏิเสธเสียงแข็ง

“ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

“นี่มันไม่ใช่ความต้องการจริงๆ ของอาจารย์ อาจารย์แค่เผลอพูดออกมาเพราะกำลังฮีท”

อริญชย์ขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปสัมผัสแก้มเด็กหนุ่ม “ตอนนี้ฉันยังมีสติและฉันก็ตัดสินใจแล้ว แต่ถ้านายไม่เต็มใจช่วยฉันนายก็กลับไปซะก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจริงๆ”

ธารินเหลือบตามองมือที่จับอยู่ข้างแก้ม เขายกมือตัวเองขึ้นกุมแล้วค่อยหันไปกดจูบหนักๆ ลงกลางฝ่ามือครั้งหนึ่ง “แน่ใจนะครับ”

อริญชย์พยักหน้า “ในลิ้นชักหัวเตียงมีถุงยางอยู่ห้ากล่อง คิดว่าน่าจะพอนะ”

ธารินสบสายตาที่มองมา เขาอ่านไม่ออกว่ามันแปลว่าอะไรกันแน่ เพราะมันผสมผสานไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่อย่างหนึ่งที่เขาดูออกคืออาจารย์เต็มใจให้เขาทำจริงๆ

เขาค่อยๆ ก้มหน้าลงแตะริมฝีปากที่ข้างแก้มแล้วลากเบาๆ ค่อยๆ บรรจงสูดกลิ่นหอมนั้นไล่ไปจนถึงใบหูแล้วกระซิบบอก “อาจารย์จะคิดว่าผมเป็นพี่แบบครั้งก่อนก็ได้นะ”

อริญชย์หัวเราะลั่น “อย่าพูดถึงหมอนั่น ไม่งั้นฉันจะโทรตามนายมาทำไม”

“แล้วทำไมอาจารย์ถึงตามผมมาล่ะ” ธารินฝังจูบลงข้างคอแล้วเงียบรอฟังคำตอบด้วยใจจดจ่อหวังว่าตัวเองจะสำคัญต่อคนในอ้อมแขนสักนิดก็ยังดี

“เพราะหมอนั่นแค่จูบก็ยังไม่ได้เรื่องน่ะสิ”

“จูบ” ธารินทวนคำแล้วยกตัวขึ้นจ้องตาร่างบางเขม็ง “อาจารย์ไปจูบกับพี่ผมตอนไหนครับ”

“ตอนที่เจอกันครั้งก่อนที่โรงพยาบาลน่ะ”

“อาจารย์บอกผมว่าแค่ทักทายธรรมดานี่นา”

“ก็ทักทายแบบผู้ใหญ่ไง” อริญชย์ว่า “แล้วเมื่อกี้ก็จูบไปหน่อยนึง”

“หน่อยนึงของอาจารย์นี่แค่ไหนครับ อย่าบอกนะว่าใช้ลิ้นด้วยน่ะ”

“ก็นิดนึง”

“หมายความว่าถ้าพี่จูบเก่งกว่านี้ อาจารย์ก็จะยอมนอนกับพี่เหรอครับ”

“เก่งกว่านี้ก็ไม่เอา”

“ทำไมล่ะครับ” ธารินถามซ้ำ “ทำไมถึงไม่ใช่พี่ ทำไมถึงเป็นผม”

“ฉันไม่ชอบคนมีเจ้าของ”

ถึงจะไม่ได้โกหก แต่ก็นั่นไม่ใช่คำตอบที่ตรงกับใจที่สุด เขาไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมถึงต้องเป็นเด็กหนุ่ม จะบอกว่าเพราะรูปร่างหน้าตาถูกใจคนพี่ก็คงไม่ต่างแถมยังไม่เข้ากับกฏเหล็กสามข้อของตัวเองให้ต้องมานั่งละอายใจทีหลังด้วย

ทว่าเขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไม เขาแค่รู้ว่าธารินนั้นแตกต่างจากพี่ชาย แตกต่างจากอัลฟาคนอื่นๆ ทั้งหมดที่เขาเคยนอนด้วย มันเป็นความพิเศษที่เขาอธิบายไม่ได้ว่าคืออะไร

อริญชย์สังเกตเห็นว่าแววตาของเด็กหนุ่มวาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อยเหมือนกับตอนของธารา เขาคิดว่าเป็นเพราะตอบสนองต่อฟีโรโมนของเขา หารู้ไม่ว่านั่นเกิดจากความหึงหวงล้วนๆ จึงหันไปฉวยผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาชวนเล่นเกมหน้าตาเฉย “นายเองก็จะคิดว่าฉันเป็นพี่ศรแบบครั้งที่แล้วก็ได้นะ”

ธารินยื้อข้อมือบางไว้แล้วโยนผ้าทิ้ง “ไม่มีประโยชน์หรอกครับ กลิ่นอาจารย์ชัดขนาดนี้ถึงจะปิดตาแน่นแค่ไหนผมก็รู้อยู่ดีว่าคนที่ผมนอนด้วยเป็นใคร”

“แล้วนายโอเคใช่ไหม” อริญชย์ถามเพราะจู่ๆ น้ำเสียงของเด็กหนุ่มก็ห้วนขึ้นชัดเจน

“แล้วอาจารย์ล่ะโอเคหรือเปล่า”

“แน่นอนอยู่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ช่วยเรียกชื่อผมให้ถูกด้วยนะครับ อย่าเรียกผิดแบบครั้งก่อน”

“นายก็เลิกเรียกว่าอาจารย์ๆ ได้แล้ว ฟังแล้วมันจั๊กจี้หู รู้สึกว่าตัวเองบาปยังไงชอบกล” อริญชย์ว่า “ฉันก็อนุญาตให้นายเรียกพี่รินแล้วนี่นา”

“ไม่อยากเรียกแล้ว” ธารินบอกพร้อมกับกดจูบลงกลางหน้าผากแล้วจูบไล่ลงมาตามสันจมูก “อยากเรียกอย่างอื่นมากกว่า”

“แล้วอยากเรียกอะไร แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่ยอมให้นายเรียกชื่อห้วนๆ หรอกนะ” อริญชย์ถาม ริมฝีปากหยักมาหยุดตรงหน้าพอดีเขาจึงเผยอปากตอบรับให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามา

“เรียกว่าอาจารย์ไง” ธารินตอบหลังจากจูบจนพอใจ “พี่รินน้องโฮปก็เรียก แต่คนเรียกอาจารย์มีผมเรียกคนเดียว เวลาอาจารย์ได้ยินจะได้รู้ว่าเป็นผม”

“ไม่ต้องได้ยินเสียง ฉันก็รู้แล้วว่าเป็นนาย” อริญชย์บอกพลางยกสองแขนขึ้นโอบรอบแผ่นหลังกว้างที่ทาบทับลงมาบนตัว แนบหน้ากับบ่าลาดแล้วสูดกลิ่นกายที่ไม่เหมือนใครนั้นจนเต็มปอด “ทั้งกลิ่น ทั้งสัมผัสต่อให้หลับตาฉันก็รู้ว่าเป็นนาย”

“จริงเหรอครับ” ธารินถามย้ำ “ถ้าอย่างนั้นก็จำให้แม่นๆ อย่าลืมหรือไปจำสลับกับใครนะครับ”

“อืม”

อริญชย์หลับตาแล้วเงยหน้าขึ้นรับจูบที่ส่งมาอีกครั้ง รู้สึกว่าร่างกายตรงที่ฝ่ามือใหญ่นั้นลากผ่านร้อนวูบวาบมากขึ้นทุกที หากมันไม่ใช่ความทรมานเหมือนก่อนหน้านี้ หัวใจยังคงเต้นแรงแต่ไม่ได้เจ็บปวดและเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจอีกดวงภายใต้หน้าอกแกร่งที่ทาบทับกันอยู่ แล้วความหวามไหวที่บีบคั้นร่างกายจนทรมานก็ค่อยๆ ถูกปลดเปลื้องออกจนหมดเมื่อเด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มเข้ามา

อริญชย์ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตัวเองนอนหนุนอกร่างสูงในสภาพที่ร่างกายเปลือยเปล่า มีลำแขนแข็งแรงพาดอยู่รอบเอว เรียวขายังคงกอดก่ายและส่วนสะโพกแนบสนิทจนแทบไม่เหลือช่องว่าง

เขาจดจำบทรักตลอดทั้งคืนได้แม่นยำไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่เรียกเขา ฝ่ามือที่โอบกอดหรืออุณหภูมิของร่างกายที่สอดประสานกัน มันเป็นการร่วมรักที่รู้สึกดีกว่าทุกครั้ง ดีจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ถูก ทั้งที่ปลดปล่อยออกมาจนหมดแล้วแต่ร่างกายก็โหยหาสัมผัสจากอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไม่รู้จักพอ

…หรือว่านี่จะเป็นความรู้สึกแบบที่มิสเตอร์บีบอก…

อริญชย์เหลือบตาขึ้นมองคนที่ยังนอนหลับสนิท

…ไร้สาระน่า ก็แค่เพราะอยู่ในช่วงฮีทร่างกายเลยไวต่อสิ่งเร้ามากกว่าทุกที แล้วหมอนี่ก็เก่งกว่าอัลฟาคนอื่นก็เลยรู้สึกดีกว่าปกติมันก็แค่นั้นเอง และถ้าใช่จริงๆ ธารินต้องยิ่งทนต่อกลิ่นฟีโรโมนของเขาไม่ได้สิ เหมือนอย่างที่แม่อ้างตอนที่นอนกับอัลฟาคนนั้น เทียบกันแล้วคนที่สติขาดเลยกลับกลายเป็นคนพี่มากกว่า…

เขาส่ายศีรษะไล่ความคิดสับสนออกจากหัว “ไปอาบน้ำดีกว่า เหนียวตัวไปหมด”

อริญชย์ดันตัวลุกขึ้นเตรียมตวัดขาลงจากเตียง ฝ่ามือใหญ่ก็สอดมาคว้ารอบเอวแล้วรั้งให้นอนลงแนบอกตามเดิม

ธารินซุกหน้าลงกับกลุ่มผมที่คลอเคลียอยู่จมูกแล้วกระซิบทั้งที่ยังไม่ลืมตา “อาจารย์น่ะชอบตื่นก่อนแล้วหนีผมไปทุกทีเลย”

“ไม่ได้หนี แค่จะไปอาบน้ำ” อริญชย์พยายามลุกขึ้นอีกครั้งแต่กลับโดนดึงตัวไปจูบ

“เดี๋ยวผมอาบให้” ธารินบอกกับกลีบปากนุ่มที่ยังงับเล่นไว้ครึ่งหนึ่ง

อริญชย์แกล้งงับคืนเพื่อให้อีกฝ่ายปล่อย “ไม่ต้องเลย ฉันอาบเองได้”

“ทำไปตั้งขนาดนั้น คิดว่าตัวเองยืนไหวเหรอครับ”

“ไหวสิ” อริญชย์บอกอย่างดื้อดึงแล้วใช้สองมือยันแผงอกกว้างเพื่อจะลุกขึ้น แต่พอเท้าสัมผัสพื้นเท่านั้น ทั้งตัวก็ถูกรวบเข้าไว้ในอ้อมแขนแล้วโดนอุ้มลอยขึ้นจากพื้น

“แต่ผมอยากอาบให้”

“รินปล่อยน่า”

ธารินหัวเราะเบาๆ อย่างอารมณ์ดีแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ “อาจารย์อย่าดิ้นสิครับ เดี๋ยวก็ตกหรอก”

พอเท้าสัมผัสพื้นได้ อริญชย์ก็ออกปากไล่ “ออกไปได้แล้ว ฉันจะอาบน้ำ” แล้วผลักอกให้ถอยห่างออกไปก่อนจะหน้าหนีเข้าหาผนัง

“ผมบอกแล้วไงว่าจะอาบให้”

“แต่ฉันจะอาบเอง”

“ยังจะเขินอะไรอีกล่ะครับ” ธารินจับตัวร่างบางหันมาประจัญหน้า เขามองคนที่แก้มขาวซับสีเข้มจัดต่างไปจากทุกทีและเอาแต่ก้มหน้างุด “หืมมม หรือว่า... อย่าบอกนะว่าอาจารย์ไม่เคยอาบน้ำกับคนอื่น”

“น้ำแตกก็แยกย้ายจะเอาเวลาที่ไหนมาอาบด้วยกัน”

ธารินแทบเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่ถึงจะไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่ได้ครอบครองร่างบางแต่ก็มีอย่างอื่นที่เขาได้ทำเป็นคนแรกหลายทั้งเรื่องเที่ยว วันเกิดแล้วก็มาเรื่องนี้อีก “ก็ลองสิครับ ครั้งต่อไปจะได้รู้ไงว่าต้องทำยังไง”

“มันแปลกๆ นี่นา”

“อาจารย์คิดไปเองต่างหาก… ผมจะเปิดน้ำแล้วนะ ถ้าร้อนหรือเย็นไปก็บอกนะครับ” ธารินบอกแล้วเอื้อมมือไปจับก็อกน้ำ ถ้าบิดไปทางขวาจะเป็นน้ำเย็น บิดจะไปทางซ้ายจะได้น้ำร้อน และตอนนี้หัวก็อกอยู่ตรงกลาง

ธารินปัดมือไปทางขวาเล็กน้อยพอไม่ให้ผิดสังเกตแล้วเปิดก็อกจนสุด

พอสายน้ำเย็นโปรยลงมาร่างบางก็ผวาเข้าซุกอกกว้างแน่น “หนาว!”

“รอแป๊บนึงนะครับเดี๋ยวก็อุ่นแล้ว” ธารินว่าแล้วค่อยๆ หมุนก๊อกน้ำกลับไปทางน้ำอุ่น “ดีขึ้นไหมครับ”

“อืม” อริญชย์ครางในลำคอ ตอนนี้เขาแยกไม่ออกแล้วว่าที่รู้สึกอุ่นเป็นเพราะน้ำหรือเพราะร่างกำยำเปลือยเปล่าที่แนบสนิทอยู่กับตน

ฝ่ามือใหญ่คว้าขวดครีมอาบน้ำมาบีบใส่มือขยี้จนเกิดฟองแล้วเริ่มลูบไล้ไปตามผิวนุ่มในอ้อมแขน

“ริน... อย่าจับตรงนั้นสิ” อริญชย์ขอร้องเพราะเด็กหนุ่มเล่นทำความสะอาดของเขาทุกซอกทุกมุม ไม่ว่าจะข้างบนหรือข้างล่าง ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

“ถ้าไม่ล้างให้หมดมันจะสะสมเชื้อโรคนะครับ”

“พอแล้ว...” เสียงหวานแตกพร่าเมื่อปลายนิ้วแข็งแรงสอดเข้าสู่ส่วนอ่อนไหวของร่างกายแล้วขยับวนไปมา

“พอได้ไงล่ะครับเป็นตั้งขนาดนี้แล้ว” ธารินบอกพลางย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้า “พิงผนังห้องน้ำไว้นะครับ ถ้ายืนไม่ไหวก็จับไหล่ผมไว้หรือจะทิ้งตัวลงมาเลยก็ได้ผมรับไหว”

“ริน...”

“ทำไมครับ”

“มันไม่พอน่ะ”

ธารินใช้หลังมือเช็ดคราบความเปียกชื้นที่ริมฝีปากแล้วลุกขึ้นยืน “ทนไหวไหมครับ ถุงยางหมดแล้วเดี๋ยวผมลงไปซื้อก่อน”

“ไม่ไหวแล้ว” อริญชย์บอกเสียงสั่น ร่างกายเบียดเข้าหาความร้อนจากตัวอีกฝ่าย “นายหลั่งข้างนอกได้ไหม”

“ไม่รู้จะทันไหม ไม่เคยลอง”

“งั้นก็รีบล้าง ไหนๆ ก็อยู่ในห้องน้ำอยู่แล้ว”

“พลาดขึ้นมาทำไงครับ”

“ฉันกินยาทุกวัน แถมเมื่อกี้กินไปตั้งสองเม็ดมันจะท้องได้ไง”

“แน่ใจนะครับ”

“อย่าถามมากน่า รีบๆ ใส่เข้ามาเถอะ”

ธารินเอื้อมมือไปเปิดก็อกน้ำให้ไหลแรงที่สุด เขาดันร่างบางไปติดผนังแล้วจับขาข้างหนึ่งยกขึ้นพาดเอวก่อนจะสอดตัวเข้าแทรกตรงกลาง

“ร้อน…” อริญชย์ครางในลำคอ “ทำไมมันร้อนกว่าทุกทีล่ะริน”

“ก็ประมาณนี้แหละครับ” ธารินกัดกรามแน่นพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้เผลอทำรุนแรง “ท่านี้ถนัดไหมครับ หรือหันหลังดีกว่า”

“แบบนี้แหละ” อริญชย์คล้องมือรอบคอร่างสูงดึงให้โน้มตัวลงมา “เข้าข้างหลังมันจูบไม่ถนัด”

ธารินแทบคลั่งกับความปากตรงกับใจนี้ เขาระบายความรู้สึกที่อัดแน่นผ่านรสจูบที่ดุดันพลางกอบกุมสะโพกเพรียวนั้นเข้ามาปะทะกับของตน “ผมขยับแล้วนะ”

ที่บอกว่าเมื่อคืนรู้สึกดีแล้วนั้น แต่ต่อให้เอาทุกครั้งมารวมกันก็ยังไม่เท่าครั้งนี้ครั้งเดียวเลย

อริญชย์หมดแรงไปพร้อมๆ กับที่อาการฮีทหมดฤทธิ์ เขาปล่อยตัวเข้าซุกอ้อมอกของเด็กหนุ่มที่อุ้มพากลับมานอนลงบนเตียง

“เหมือนจะดีขึ้นแล้วนะครับ”

“ขอบใจนะที่นายมา”

ธารินเกลี่ยปลายนิ้วไปตามฝ่ามือบางที่ยังคงจับไว้อยู่ก่อนจะดึงขึ้นมากดจูบครั้งหนึ่ง “วันนี้ขอผมนอนด้วยคนนะครับ”

อริญชย์ไม่ตอบแต่ขยับตัวไปชิดขอบเตียงด้านหนึ่งให้เด็กหนุ่มมีที่พื้นล้มตัวลงมาก่อนที่จะโดนลำแขนแข็งแรงนั้นรวบตัวไปนอนหนุนบนอกกว้าง “ทำแบบนี้เดี๋ยวนายก็นอนไม่หลับอีกหรอก”

“ขอแค่อาจารย์หลับได้ก็พอครับ” ธารินบอกพร้อมจูบที่หน้าผาก “นอนเถอะครับก่อนที่ผมจะอยากทำอีกรอบ”

“ก็ทำสิ”

“อาจารย์~” ธารินครางในลำคอเพราะพอพูดจบอริญชย์ก็ผล็อยหลับไปหน้าตาเฉยปล่อยให้เขาหวังเก้ออีกแล้ว

…คอยดูนะ ตื่นมาจะลงโทษให้สาแก่ใจเลย…





ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
พี่รินเริ่มรักน้องรินแล้วก็บอกเด็กมันเถอะ เด็กมันแอบหึงแอบหวงอยู่ขนาดนี้แล้ว

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
สงสารน้องเรืองครอบครัวน้อง สงสารพี่รินด้วย ฮรืออ มีความสุขได้แล้ววน้าพี่ริน

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ท้องแน่ๆพี่ริน  :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2019 06:44:04 โดย Ginny Jinny »

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ธารานี่นิสัยไม่ดีจริงๆ นั่นคนของเจ้ารินนะ!!! :angry2:
ส่วนพี่ริน ท้องแน่จ้าาาาา  :katai2-1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
พี่รินมีใจให้น้องมันแล้วเนี่ยย แค่ยังไม่อยากยอมรับเท่านั้น เจ้ายู๊กหมาแอบหึงพี่เขา แต่ก็อ่อนโยนมาก โง้ยยย ละมุนหัวใจ  :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-12-2019 14:57:43 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮีทบ่อบแบบนี้แถมไม่ใส่ถุงยางด้วย พี่รินจะท้องไหมน้าาาาา

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ธาราเกินไปมากกกกกก ถ้ารินมาไม่ทันคงเสียใจตลอดแน่ๆ
เพราะพี่ตัวเองทำพิษอีกแล้วจ้า  :z6: :z6:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 13 เรื่องบังเอญที่ไม่มีอยู่จริง

“เป็นไงบ้าง”

“สนุกดีครับ” อริญชย์ตอบนนท์ประวิชไปแบบนั้นเพราะคิดว่าเจ้าตัวถามถึงเรื่องที่ไปเที่ยวเมื่อวันหยุดที่ผ่านมากับเด็กหนุ่ม

นนท์ประวิชมีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อและชวนไปราวน์ นั่นทำให้อริญชย์โล่งอกไม่น้อยเพราะถ้าจะต้องมานั่งโกหกเรื่องหลังกลับจากเที่ยวแล้วขลุกอยู่ด้วยกันทั้งคืนจนถึงเช้าก่อนที่เขาขับรถไปส่งธารินที่บ้านก่อนมาทำงานก็ไม่รู้จะพูดไปทางไหน

“พี่รินสวัสดีครับ” น้องโฮปรีบวิ่งมาเกาะขาทันทีที่เห็นหน้า “พี่รินสบายดีแล้วนะ ไม่ลืมรดน้ำต้นไม้ที่น้องโฮปให้ไปใช่ไหมครับ”

“เรียบร้อยแล้วครับ” อริญชย์ตอบพลางลูบหัวเด็กชายด้วยความเอ็นดู จริงๆ แล้วคนที่รดน้ำต้นแคสตัสทั้งสามต้นไม่ใช่เขาหรอกแต่เป็นนายธารินต่างหาก ก็ชื่อรินเหมือนกันนี่นะ ไม่ถือว่าโกหกหรอก พลางนึกถึงตอนที่เจ้าตัวดีหาที่วางต้นไม้ทั้งที่ทีแรกบอกจะวางบนชั้นแทนต้นปลอมที่มีอยู่ แต่สุดท้ายก็ขยับไปขยับมาจนลามมาวางบนโต๊ะหัวเตียงตรงกรอบรูปน้องสาวเขาได้ยังไงก็ไม่รู้

‘ทีนี้อาจารย์ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะ มีผมกับน้องโฮปอยู่ตรงนี้ด้วยนะ’

เด็กหนุ่มบอกด้วยสีหน้าแววตาภูมิอกภูมิใจนักหนา ในขณะที่เขาทำได้แค่โคลงศีรษะเบาๆ ครั้งหนึ่งและหยิบกุญแจรถเดินนำออกจากห้อง

ไม่รู้จะตีความรอยยิ้มใสซื่อนั่นยังไงแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะอายุมากจนตามเกมคสอายุน้อยกว่าไม่ทันบางทีเขาอาจจะคิดมากไปเองก็ได้

“ต้นไม้อะไรเหรอ” นนท์ประวิชถามด้วยความสนใจ

“แคสตัสน่ะครับ” อริญชย์ตอบ “น้องโฮปซื้อให้ผมเมื่อวาน”

“แหม นอกจากจะเป็นเด็กดีแล้วยังน่ารักจังเลยนะ” นนท์ประวิชลูบศีรษะเด็กชายครั้งหนึ่งแล้วพากันไปราวน์ต่อจนกระทั่งเสร็จสิ้น

“หมอรินคะ มีข่าวดีจะบอกล่ะ” พรรณทิพย์เดินเข้ามารายงานพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “เจ้าหน้าที่บ้านรักคุณโทรมาบอกเมื่อเช้าว่ามีคนอยากจะรับอุปการะน้องโฮปแล้วนะคะ”

“จริงเหรอครับ” อริญชย์ถามด้วยความดีใจ “เขาเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน ทำงานอะไรครับ”

“ใจเย็นๆ ค่ะหมอริน แหม ถามเป็นชุดเลยใครจะตอบทัน”

ถ้าเปรียบเจ้าหน้าที่ของหอผู้ป่วยกุมาร3 เป็นญาติของน้องโฮปก็คงเป็นญาติห่างๆ แต่หมอรินนั้นพิเศษกว่าใครเพราะเป็นคนที่นั่งรถพยาบาลไปรับน้องโฮปตรงจุดที่พลเมืองดีพบนำมาทิ้ง พามาดูแลรักษาฟูมฟักจนโตมาขนาดนี้ย่อมต้องดีใจมากกว่าใครอยู่แล้วที่จะได้เห็นเด็กชายที่ถูกทิ้งมีครอบครัวที่สมบูรณ์สักที

“เป็นคุณแม่น้องโฮปเองค่ะ” พรรณทิพย์บอก

“คุณแม่” อริญชย์ทวนคำอย่างไม่เชื่อหู รอยยิ้มในหน้าจางลงเล็กน้อย

“จากที่เจ้าหน้าที่บอกมา เห็นว่าเธอชื่อปรางค์ทิพย์ค่ะเป็นโอเมก้า ยังสาวและสวยอยู่เลย เธอมานั่งร้องห่มร้องไห้กับเจ้าหน้าที่ขอให้ช่วยตามหาลูกที่เอามาทิ้งไว้ เธอบอกว่าตอนนั้นทำไปเพราะอายุยังน้อยและพ่อของเด็กก็ไม่รับผิดชอบ 0จะไปทำแท้งก็ไม่กล้า พอคลอดมาเห็นเด็กตัวเล็กมากคิดว่าตายแล้วเลยเอาไปทิ้งค่ะ จนกระทั่งดูข่าวรู้ว่าเด็กไม่ตายแต่ก็อายและกลัวความผิดจึงไม่กล้ายอมรับ ได้แต่แอบตามข่าวอยู่ห่างๆ จนมาวันนี้เธอเรียนจบทำงานแล้วก็เลยอยากได้ลูกคืนน่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าหน้าที่ที่นั่นจะยอมให้เธอเอาน้องโฮปไปดูแลเหรอครับ” อริญชย์ถาม “คนที่ทิ้งลูกไปแล้วครั้งหนึ่งแบบนั้นน่ะนะ”

“จากที่เขาบอกมาทีแรกก็ไม่เต็มใจเท่าไหร่แต่เธอดูสำนึกผิดมาก ยื่นหลักฐานการเรียนการทำงานอะไรให้ดูว่าเธอพร้อมจริงๆ และพูดจนเจ้าหน้าที่เห็นใจก็เลยคิดว่าอย่างน้อยอยากจะลองให้เธอมาพบกับลูกดูสักครั้งค่ะ แล้วค่อยมาคุยกันอีกทีว่าจะเอายังไงต่อ และก็ขึ้นกับตัวน้องโฮปเองด้วยว่าจะยอมรับแม่คนนี้หรือเปล่า”

“เขานัดวันมาหรือยังครับ”

“ทางบ้านรักคุณขอเวลาตรวจสอบอะไรอีกหลายๆ อย่างน่ะค่ะก็เลยนัดเป็นสัปดาห์หน้าเดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะพาเธอมาหาน้องโฮปที่นี่ค่ะ หมอรินจะได้คุยกับเธอด้วย”

“ขอบคุณครับ”

“ทำไมดูไม่ดีใจเลยล่ะ น้องโฮปจะมีบ้านแล้วนะ” นนท์ประวิชถามขึ้น

“จะว่าผมใจแคบก็ได้นะครับพี่นนท์ แต่ผมไม่คิดว่าคนแบบนั้นจะเลี้ยงลูกได้”

“ฉันเข้าใจรินนะ” นนท์ประวิชว่าพลางวางมือลงไหล่อริญชย์ “แต่คนเรามันทำผิดพลาดกันได้ และเหรียญก็มีสองด้าน เราลองมาฟังเหตุผลของฝั่งแม่ดูบ้าง เขาคงมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ และตอนนี้ก็กลับตัวแล้วแต่ถึงอย่างไรสุดท้ายคนตัดสินใจก็คือน้องโฮปว่าอยากจะกลับไปอยู่กับแม่คนนี้ไหม”

อริญชย์พยักหน้า พลันโทรศัพท์สั่นเพราะมีข้อความเข้า ทีแรกเขาคิดว่าเป็นเด็กหนุ่มส่งข้อความมาป่วนเหมือนเคย แต่ผิดคาดนั่นกลับเป็นข้อความตามตัวไปพบด่วนจากณรงค์ชัยหัวหน้าภาควิชากุมารเวช “เจ้าล้านมีธุระอะไรตามตัวผมแต่เช้า”

“ให้ฉันไปด้วยไหม” นนท์ประวิชเอ่ยเสียงเครียดด้วยรู้ดีว่าณรงค์ชัยซึ่งเป็นเบต้านั้นมีนิสัยเสียอย่างหนึ่งคือเป็นพวกเหยียดโอเมก้า เขาเฝ้าจับตาดูอริญชย์นับตั้งแต่เหยียบเข้ามาสมัครงานที่ภาควิชาและหมายหัวอริญชย์ไว้ตั้งแต่ตอนที่ถูกกล่าวโทษว่ารักษาล่าช้าจนทำให้เด็กชีวิตเมื่อหลายปีก่อนซึ่งยังคงเป็นบาดแผลในใจอริญชย์มาจนถึงทุกวันนี้ แน่นอนว่าการส่งข้อความส่วนตัวหาแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

“ไม่เอาน่าพี่นนท์ ผมไม่ใช่เด็กประถมนะถึงจะได้ต้องมีผู้ปกครองไปด้วย อีกอย่างผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย อย่างมากก็แค่...”

“แค่อะไร”

“เรื่องที่ผมพาน้องโฮปปออกเที่ยวเมื่อวานโดยไม่รายงานเขาละมั้ง” อริญชย์ไหวไหล่ “เรื่องน้องมีนนี่กับน้องกัปตันก็มีคนคาบข่าวไปบอกจนผมโดนลงโทษให้ขึ้นเวรเสริมไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้วไง หรือบางทีเขาอาจจะอยากคุยเรื่องที่น้องโฮปกำลังจะได้ครอบครัวอุปถัมภ์ก็ได้เพราะเรื่องของน้องโฮปค่อนข้างดังในโลกโซเชียลเมื่อหลายปีก่อนตอนนี้ก็ยังพอมีกระแสอยู่บ้าง เจ้าล้านนั่นอาจจะอยากได้หน้าจากเรื่องนี้เลยต้องเรียกผมไปคุยเพราะผมเป็นเจ้าของเคสแน่ๆ... นอกนั้นผมก็คิดไม่ออกแล้วล่ะว่าจะมีอะไรให้ด่าอีก”

“เป็นไปได้” นนท์ประวิชพยักหน้าเข้าใจ “ตอนปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ให้น้องกัปตันสำเร็จก็คุยโอ่เสียยกใหญ่ ทำยังกับตัวเองเป็นผู้บริจาคเองทั้งที่ทำแค่เซ็นอนุมัติห้องพิเศษให้ใช้แท้ๆ แล้วยังมีหน้ามาบ่นว่าฉันทำเกินหน้าเกินตาด้วยนะ”
   
“ผมไปก่อนนะพี่นนท์” อริญชย์วางกระเป๋าลงบนโต๊ะกลางวอร์ดซึ่งนั่งทำงานประจำแล้วเดินไปแต่ตัว
   
ณรงค์ชัยนั่งรออยู่แล้ว เขาเป็นชายสูงวัยจุดเด่นยิ่งกว่าร่างกายสูงใหญ่คือศีรษะที่ปราศจากผมสักเส้นนั่นเป็นที่มาของฉายา ‘เจ้าล้าน’ ที่ใครๆ พากันเรียกขานเวลานินทาลับหลัง
   
“มีเรื่องอะไรอะไรถึงเรียกผมมาพบครับ” อริญชย์ถามขึ้นทันทีโดยไม่ยอมเสียเวลา ซึ่งดูท่าณรงค์ชัยเองก็ปรารถนาจะให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เขาหยิบถุงเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาและดึงเอาของข้างในออกมาส่งให้
   
“มีผู้หวังดีส่งรูปพวกนี้มาให้ผม”
   
มันเป็นรูปเขากับธารินที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อวาน และมีกระทั่งรูปที่เด็กหนุ่มอุ้มเขาซึ่งหมดสติเพราะอาการฮีทออกจากรถเดินเข้าไปในคอนโด อริญชย์ตกใจไม่น้อยแต่ก็พยายามปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ   

“คุณรู้ไหมว่าเด็กคนนี้เป็นใคร”

“เขาเป็นนักเรียนแพทย์ที่ผมดูแลอยู่” อริญชย์ตอบเสียงเรียบ

“แล้วคุณรู้ไหมว่าเขาเป็นลูกชายคนเล็กของคุณธงชัยกับคุณวิลาวรรณเจ้าของบริษัทส่งออกเครื่องเพชรรายใหญ่ของประเทศที่เป็นผู้มีพระคุณของโรงพยาบาลเรา” ณรงค์ชัยกล่าวต่อ “ครอบครัวเขาบริจาคเงินให้เราทุกปี ปีละไม่ต่ำกว่าหลักสิบล้านบาทแถมภรรยาของคณบดียังเป็นลูกค้าประจำและสนิมสนมกับครอบครัวนี้อีก”

อริญชญ์ส่ายหน้า ยอมรับว่าเรื่องพวกนนี้เขาไม่รู้มาก่อนจริงๆ เขาแค่รู้ว่าบ้านเด็กหนุ่มมีฐานะดีมากเท่านั้น

“แล้วคุณไปยุ่งกับลูกชายเขา... แถมยังเป็นนักเรียนแพทย์ปีสี่... นี่คุณเอาอะไรคิด”

“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด” อริญชย์ยอมรับว่าตอบไม่เต็มเสียงเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความจริงเรื่องมันเกินเลยไปมากกว่ารูปถ่ายเยอะชนิดที่คนตรงหน้ารู้ต้องเครียดจนขนร่วงหมดตัวแน่ๆ “เขาขึ้นฝึกงานกับผมเดือนก่อน ผมช่วยติวหนังสือให้เขาพอผลสอบออกว่าได้เอก็เลยพาไปเที่ยวตามที่สัญญาแค่นั้นเองครับ”

“แล้วภาพนี้มันคืออะไร” ณรงค์ชัยโยนภาพที่เขาถูกเด็กหนุ่มอุ้มมาตรงหน้า

“อาการฮีมผมกำเริบ ไม่มีแรง เขาเลยอาสาไปส่ง”

“ฮีทอย่างนั้นเรอะ!”

อริญชย์สังเกตเห็นเครื่องหน้าของณรงค์ชัยกระตุกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องรอให้พูดออกมาเขาก็รู้ว่าเบื้องหลังแววตาที่ฉายความรังเกียจชัดนั้นกำลังคิดอะไรอยู่

“แล้วปล่อยให้กำเริบได้ยังไง ยาก็มีให้กิน ไม่ใช่ว่าแกล้งลืมกินเพราะหวังอะไรอยู่เหรอ” ณรงค์ชัยพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่ครับ”

“แล้วทำไมจู่ๆ คนที่ประกาศกร้าวในที่ประชุมมาทุกๆ ปีว่าจะไม่รับสอนนักเรียนถึงอาสาไปติวตัวต่อตัวให้นักเรียนแทพย์ได้ล่ะ แถมเด็กคนนั้นยังเป็นอัลฟา บ้านรวย ยังไม่พอนะอาการฮีทยังกำเริบหนักถึงขั้นล้มพับจนต้องให้พาไปส่งถึงห้อง ผมว่าแล้วเชียวว่าไม่ควรรับโอเมก้าอย่างพวกคุณเข้ามาทำงานเลย ทำเป็นตีหน้าซื่อทำงานขันแข็งอยากใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเอง จริงๆ คือตั้งใจมาจับอัลฟาเพราะหวังรวยทางลัด สบายไปตลอดชาติต่างหาก”

อริญชย์กำมือแน่นจนเล็กจิกลงในผิวเนื้อด้วยความโกรธ “คุณพูดเกินไปแล้วนะครับ”

“ที่ฉันพูดมามันเกินไปตรงไหนเหรอ” ณรงค์ชัยถามกลับ “ถ้ามันไม่จริงก็อธิบายมาสิ”

“ผม...” อริญชย์อ้าปากจะเถียงแล้วก็พูดไม่ออก เมื่อจู่ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นพร้อมกับคลื่นความาร้อนที่ตีขึ้นมาจากส่วนล่างของร่างกาย

อาการฮีทของเขากำเริบอีกแล้ว!

“น่ารังเกียจ!” ณรงค์ชัยทำจมูกฟุดฟิดแล้วยกมือขึ้นปิดจมูกเป็นครั้งแรกที่เขาได้กลิ่นฟีโรโมนรุนแรงขนาดนี้ “นี่สินะวิธีการจับผู้ชายของพวกโอเมก้า คิดว่าจะใช้วิธีนี้กับฉันได้ผลหรือไง ดีนะที่ฉันเป็นเบต้าถึงได้กลิ่นก็ไม่คิดพิศวาสอะไรขึ้นมาหรอก”

“คิดว่าผมอยากมีอะไรกับคุณนักหรือไงเล่า” อริญชย์ฟุบหน้าลงกับโต๊ะอย่างอ่อนแรง ทำไมอาการถึงกำเริบได้ผิดที่ผิดเวลาเสียจริง

“ผมขอสั่งพักงานคุณหนึ่งอาทิตย์และจะรายงานเรื่องนี้ให้คณบดีทราบ” ณรงค์ชัยสั่งการเสียงดังลั่น “แล้วก็ออกไปให้พ้นๆ หน้าผมได้แล้ว”     

อริญชย์กัดฟันพาร่างตัวเองออกมาจากห้องทำงานของณรงค์ชัย เขาเดินพ้นมาได้ไม่กี่ก้าวก็หมดแรงล้มลง โชคดีที่นนท์ประวิชซึ่งรู้สึกไม่สบายใจกับการเรียกพบนี้แอบตามมาดูด้วยความเป็นห่วงเห็นเข้าพอดีจึงคว้าตัวไว้ได้ทัน

“ริน! รินเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ช่วยผมด้วยพี่นนท์” อริญชย์บอกเสียงแตกพร่า

“ทนหน่อยนะเดี๋ยวฉันพาไปนั่งพัก” นนท์ประวิชหิ้วปีกอริญชย์ขึ้นพากลับไปหอผู้ป่วยกุมาร3  เขาวางตัวร่างบางลงตรงโต๊ะกลางวอร์ดเพราะไม่อยากหลบเข้าห้องไปสองต่อสองแบบครั้งก่อนแล้วหันไปร้องเรียกพรรณทิพย์ที่น่าจะมีประสบการณ์ตรงในเรื่องนี้มากกว่า “คุณทิพย์มาช่วยผมหน่อยเร็ว”

“มีอะไรคะหมอนนท์” พรรณทิพย์รีบวิ่งมาหาก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเห็นสภาพของอริญชย์ “ตายแล้ว! หมอรินลืมกินยาเหรอคะ แล้วนี่ยาอยู่ไหน”

“ผมกินมาแล้วครับแต่ดูเหมือนช่วงนี้จะไม่ค่อยได้ผล” อริญชย์บอก “ยาอยู่ในกระเป๋าครับ ช่วยเอาให้ผมหน่อย”

“นี่ค่ะหมอริน เอ๊ะ!” พรรณทิพย์หยิบแผงยาออกมาเธอกำลังแกะมันออกแล้วก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่าง

“มีอะไรครับคุณทิพย์ เอายามาก่อนเร็ว” นนท์ประวิชเร่ง

“ทำไมยาคุมหมอรินหน้าตาแปลกๆ คะ” พรรณทิพย์บอก “ไม่เห็นเหมือนยาที่เรากินเลย”

“คุณทิพย์... ว่าไงนะ”

“ก็ลองดูสิคะ” พรรณทิพย์หยิบแผงยาของตนออกมาแล้วเปรียบเทียบให้ดู “มันคล้ายกันก็จริง แต่ไม่เหมือนสักทีเดียว ไม่ใช่ว่าซื้อมาผิดหรือโดนเอาของปลอมมาหลอกขายนะคะ”

“เป็นไปได้ยังไงผมซื้อร้านประจำตลอด”

พรรณทิพย์มองยาสองแผงที่แตกต่างกันในมือและตัดสินใจแกะของตนส่งให้ “เมื่อกี้หมอรินบอกว่าหมู่นี้เหมือนยาที่กินไม่ค่อยได้ผลใช่ไหม งั้นหมอรินลองกินยาของเราดู”

อริญชย์รับมาใส่ปากแล้วกลืนลงคอ ไม่น่าเชื่อว่าเพียงไม่กี่นาทีอาการทรมานทั้งหมดก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

“เป็นไงบ้างคะหมอริน ดีขึ้นแล้วใช่ไหม” พรรณทิพย์ถาม

อริญชย์พยักหน้า

พรรณทิพย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เราว่าหมอรินต้องเปลี่ยนร้านแล้วล่ะ แล้วก็ต้องไปเอาเรื่องให้ถึงที่สุดด้วย อะไรกันเอายาปลอม ยาไม่ได้คุณภาพมาหลอกขายได้ยังไง”

อริญชย์มองแผงยาในมือ ทั้งงุนงงและสับสน ถึงจะกินอยู่ทุกวันแต่เขายอมรับว่าไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกตินี้เลยจริงๆ

“มีคนแอบสลับหรือเปล่า” จู่ๆ นนท์ประวิชก็พูดขึ้น

“ทำไมพี่นนท์คิดแบบนั้นล่ะครับ”

“ปกติรินซื้อยากับโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ” นนท์ประวิชบอก “จะบอกว่ามีคนเสี่ยงยอมเอายาปลอมมาเปลี่ยนเพื่อแอบเอาของจริงออกไปขายต่อก็เป็นไปได้ แต่ยาคุมนี่มันก็ไม่แพงอะไรขนาดนั้น ร้านขายยาก็ขายแผงละไม่กี่บาท แล้วระบบของเราก็เข้มงวดมากฉันว่ามันได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้ามีคนคิดร้ายกับรินแล้ววางแผนนี้ขึ้นมามันก็เป็นอีกเรื่องนึง”

อริญชย์คิดตาม... จะว่าไปแล้ว ช่วงหลังมานี่เขาก็แทบไม่ได้หยิบยาออกมากินเองเลยด้วยซ้ำ ได้แต่วานให้คนอื่นช่วยหยิบให้แล้วหลับหูหลับตาส่งเข้าปากตลอด

“หมอรินเป็นคนดีจะตาย แล้วจะมีคนคิดร้ายทำไมแล้วเขาจะได้อะไรจากการที่หมอรินคุมอาการฮีทไม่ได้ หมอนนท์ดูละครหลังข่าวมากไปหรือเปล่า เราว่าเรื่องเจ้าหน้าที่ห้องยาแอบเปลี่ยนยาไปขายยังดูน่าเชื่อกว่าอีก” พรรณทิพย์ว่า

อริญชย์นึกถึงรูปถ่ายที่ณรงค์ชัยเอาให้ดูเมื่อสักครู่

“หรือว่าจะเป็นคนที่เคยมาดักทำร้ายครั้งก่อน” นนท์ประวิชกระซิบถามที่ได้ยินกันสองคน

“เขาจะมีโอกาสมาเปลี่ยนยาผมตอนไหนได้ครับ” อริญชย์ตอบเสียงเบา ในสมองมึนชาเพราะตอนนี้เขาคิดออกแค่คนเดียวที่จะมีโอกาสทำเรื่องนี้ได้ คนที่ช่วยหยิบยาให้เขาทุกครั้ง คนที่อยู่กับเขาเสมอเมื่อเกิดอาการฮีท ซ้ำยังมาหาได้ทันทีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เรื่องมันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่า

นัยน์ตากลมโตเบิกพลาง เมื่อสมองคิดทบทวนความเป็นได้ที่ใครสักคนจะขโมยบัตรคนอื่นไปเที่ยวคลับแล้ว บังเอิญช่วยใครคนหนึ่งแล้วนอนด้วยกัน แล้ววันรุ่งขึ้นก็บังเอิญมาเจอกันอีกครั้ง

หรือว่า... ถ้านี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญมาตั้งแต่ต้นล่ะ ไม่ใช่ฝ่ายเขาที่เป็นคนวางแผนตามที่ณรงค์ชัยกล่าวหา แต่เป็นแผนการของใครคนหนึ่งที่เขาหยั่งใจไม่ถึง

อริญชย์เหลือบตาลงมองปลายนิ้วที่โดนหนามต้นกระบองเพชรตำเมื่อคืน... ไม่มีเลือดไหล และรอยแผลก็หายไปแล้ว แต่ทำไมเขากลับรู้สึกเจ็บจี๊ดตรงหัวใจเสมือนว่าหนามแหลมนั้นยังคงปักคาอยู่ ที่แท้รอยยิ้มและความใจดีที่ให้มามันก็อาบยาพิษเอาไว้นี่เอง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-12-2019 02:44:24 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อ้าววว เรืองมันยังไงกันแน่นะเนี่ย
ขอให้ไม่ใช่อย่างที่รินคิดเถอะะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อ่าว  :z3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ยังไงๆ :a5:

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คดีพลิกมากจะเกิดอะไรขึ้น :katai1: :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Hnggnh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :ling1: ม่ายยยยยยยย :katai4: ใครคิดร้ายกะพี่รินเนี่ยยยย

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
อ้าว ช็อคเลย น้องรินคงไม่ได้ทำหรอกมั้งคะ แงงงง  :hao5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ใครมาสับเปลี่ยนยาพี่รินล่ะเนี่ย

ออฟไลน์ korinasai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
สงสัยหมอนนนท์ หรือไม่ก็ธารา??

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 14 ขอแต่งงาน

“อาจารย์ริน~”

เจ้าของเสียงทุ้มเรียกอย่างร่าเริงแต่ก็ไม่อาจเรียกร้องความสนใจจากเจ้าของชื่อที่กำลังนั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะกลางหอผู้ป่วยกุมาร3 ได้

ธารินอาศัยช่วงเวลาพักเที่ยงไปสั่งทำของให้อริญชย์และเพิ่งไปรับมาหลังเรียนภาคบ่ายเสร็จก่อนจะแวะมาหา ทีแรกก็ใจตุ๊บๆ ต่อมๆ กลัวว่าจะไม่เจอเหมือนกันเพราะเขาส่งข้อความมานัดแนะตั้งหลายรอบแต่อาจารย์ก็ไม่ยอมเปิดอ่านเลย เขาจึงต้องลองเสี่ยงขึ้นมาดู

ธารินนั่งลงข้างกันและหยิบเอาของที่เขาตั้งใจเตรียมมาให้ออกมา “ผมเอารูปที่เราไปเที่ยวด้วยกันเมื่อวานไปอัดใส่กรอบมาให้อาจารย์ครับ อาจารย์เอาไปวางข้างๆ ต้นแคสตัสนะ”

อริญชย์เพียงแต่ปรายตามองด้วยหางตาและไม่ได้รับมา เขายังคงก้มหน้าก้มตาทำงานที่ค้างไว้ต่อให้เสร็จเพราะอีกตั้งหนึ่งอาทิตย์กว่าจะได้กลับมาทำงานอีกครั้ง

เด็กหนุ่มซึ่งไม่ได้คิดอะไรเพราะเห็นว่าอริญชย์คงยุ่งๆ จึงดึงขาตั้งกรอบรูปออกวางตรงหน้าแล้วชวนคุยเรื่อยๆ ตามประสาคนอยากถ่วงเวลาที่จะอยู่ด้วยกันให้นานขึ้นอีกนิดก็ยังดี

“อาจารย์วันนี้กินยาแล้วใช่ไหมครับ”

“ถามทำไม”
   
“ไม่มีอะไรครับ ก็แค่เห็นช่วงนี้อาจารย์อาการฮีทกำเริบบ่อยๆ ผมเลยเป็นห่วง”
   
อริญชย์หยุดมือ ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะตอบรับเสียงห้วน “เหรอ”
   
ธารินเริ่มเห็นความผิดปกติ เขาค้อมหลังลงเล็กน้อยให้สายตาอยู่เสมอกับคนตัวเล็กกว่าและพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “อาจารย์โกรธอะไรผมอยู่หรือเปล่าครับ”
   
อริญชย์เงยหน้าขึ้นสบตาเด็กหนุ่ม เจ้าตัวเปิดประเด็นขึ้นมาเองก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้เคลียร์ให้มันชัดเจนไม่คาราคาซังอยู่แบบนี้ “ใช่”
   
“เรื่องอะไรครับ” ธารินถามอย่างร้อนรน “ผมทำอะไรผิด อาจารย์บอกมาสิผมจะได้ขอโทษ… อาจารย์ไม่ชอบที่ผมถือวิสาสะไปอัดรูปใส่กรอบทั้งที่อาจารย์เคยสั่งให้ลบ หรือว่าเรื่องที่ผมเอาแคสตัสไปวางหัวเตียง… ถ้าอย่างนั้นจะเปลี่ยนไปวางที่อื่นก็ได้นะครับหรือว่า…”
   
“นายปิดปังอะไรฉันอยู่”
   
“เรื่องอะไรครับ”
   
“ที่นายมาวอแวรอบตัวฉัน มาคอยเอาใจ มาคอยเป็นห่วงเป็นใย นายต้องการอะไรจากฉันกันแน่” ถามออกไปแล้วอริญชย์ก็รู้สึกใจสั่นแปลกๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าอยากให้คำตอบมันออกมาแบบไหน
   
“ผม… ผม…” ธารินพูดไม่ออก ดูจากสีหน้าและน้ำเสียงของคนตรงหน้านี่ไม่ใช่เวลาจะมาสารภาพความในใจ เขาจึงต้องแกล้งเฉไฉไปทางอื่น “ผมแค่อยากเก่งแบบอาจารย์ แล้วอาจารย์ก็ช่วยสอนอะไรผมตั้งเยอะผมก็เลยอยากตอบแทนก็แค่นั้นเอง”
   
อริญชย์มองตาเด็กหนุ่ม มือกำปากกาแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด สิ่งที่ทำให้โกรธมากกว่าคือการที่เด็กหนุ่มไม่ยอมพูดความจริง ถ้าเรื่องเปลี่ยนยานั่นเป็นความจริงอย่างน้อยเขายังเลือกได้ว่าจะให้อภัยหรือไม่ “โกหก!”
   
“ผมไม่ได้โกหกนะครับ”

“พูดความจริงมาเดี๋ยวนี้ว่านายมายุ่งกับฉันทำไม”

ธารินกำมือแน่น ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่จู่ๆ อริญชย์ถึงมีท่าทีเช่นนี้กับเขาทั้งที่เมื่อคืน… ไม่สิ! เมื่อเช้ายังคุยกันอยู่ดีๆ แท้ๆ แต่ที่เขารู้แน่ๆ คือถ้าพูดความจริงออกไปเขาคงไม่อาจรักษาความสัมพันธ์ของศิษย์อาจารย์แบบนี้ได้อีก

เขาสบสายตาถมึงทึงที่จ้องมองมา

แต่ถ้าไม่พูดอาจารย์คงจะยิ่งเข้าใจเขาผิดไปมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นเขายอมให้อาจารย์เกลียดเขาเพราะตัวเขาเองดีกว่า

“ผมชอบ…”

“นี่นายมาทำอะไรที่นี่เนี่ย!” นนท์ประวิชที่แวะมาหาอริญชย์อีกครั้งเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงรีบเดินเข้ามาแทรกกลางระหว่างทั้งสอง “ถอยไปเลยนะ!”

“ผมมีธุระจะคุยกับอาจารย์”

“แต่รินไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว”

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่นนท์สักหน่อย”

“รินโดนสั่งพักงานหนึ่งอาทิตย์เพราะไปเที่ยวกับนาย แค่นี้ถือว่าเกี่ยวหรือยัง”

“ถูกพักงาน” ธารินทวนคำอย่างไม่เชื่อหู “ทำไมล่ะครับ ก็…”

“เพราะเขาคิดว่ารินเข้าหานายเพื่อหวังผลประโยชน์น่ะสิ”

“ผลประโยชน์อะไรครับ” ธารินละล่ำละลักถาม “อาจารย์จะได้ประโยชน์อะไรจากผม มีแต่ผมต่างหากที่ได้ประโยชน์จากอาจารย์”

“พูดแบบนี้ก็แสดงว่านายยอมรับแล้วใช่ไหมว่าที่นายมายุ่งกับรินเพราะหวังอะไรอยู่จริงๆ หรือว่าจะเป็นเรื่องที่ตอนนี้คะแนนดีขึ้นผิดหูผิดตา”

“นั่นผมไม่ได้…”

ธารินมองหน้าอริญชย์ นั่นยิ่งทำให้เขาพูดความในใจไม่ออก เขาบอกไม่ได้ว่าเขาชอบอาจารย์ไม่งั้นเรื่องคงจะยิ่งบานปลายไปมากกว่านี้

แววตาที่มองสบมาเต็มไปด้วยคำถามและความคลางแคลงแต่ตอนนี้เขาก็ให้คำตอบอะไรไม่ได้เลย

“อาจารย์… ผม...”

“เป็นอย่างที่พี่นนท์ว่าเหรอ” อริญชย์ถามเสียงเรียบ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เขาให้เด็กหนุ่มได้พูดความจริง “นายมาตีสนิทกับฉันเพราะคิดว่าฉันจะช่วยให้เกรดนายดีขึ้นเหรอ”

“ผม...”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ฉันผิดหวังในตัวนายมากนะเพราะฉันคิดมาตลอดว่านายไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆ เขาว่ากัน”

“อาจารย์ครับ” ธารินเอื้อมมือออกไปจะคว้าแขนให้หันมาพูดกันแต่ร่างบางกลับเบี่ยงตัวหลบ

“ไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีก” อริญชย์ตัดบทพร้อมกับหันไปเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมกลับ

“เดี๋ยวฉันไปส่งนายที่ห้องนะ” นนท์ประวิชรีบคว้าของอริญชย์มาช่วยถือไว้ครึ่งหนึ่ง ด้วยความรีบร้อนจึงไปชนเข้ากับโต๊ะจนกระเทือนทำให้กรอบรูปที่เด็กหนุ่มวางไว้ร่วงหล่นลงพื้น

ธารินมองสองคนที่เดินคู่กันออกประตูไปแล้วก้มลงเก็บกรอบรูปขึ้นมาถือไว้ โชคดีที่กรอบรูปค่อนข้างแข็งแรงแรงกระแทกนั้นจึงไม่ทำให้มันบุบสลาย เขาทรุดตัวลงนั่งนัยน์ตาทอดมองคนในรูปถ่ายที่ส่งยิ้มมาให้อย่างสับสน อยากจะตามไปปรับความเข้าใจแต่ตราบใดที่นนท์ประวิชยังคงประกบติดเป็นเงาตามตัวขนาดนั้นเขาคงไม่มีโอกาสได้พูด อีกทั้งการที่ไปยุ่มย่ามมากกว่านี้อาจจะทำให้อาจารย์โดนลงโทษมากกว่านี้ก็ได้ นี่ขนาดแค่ไปเที่ยวด้วยกันยังมีความผิดขนาดนี้ ใครกันนะที่เป็นคนบัญญัติไว้ว่าเป็นนักเรียนแล้วมีความรักกับอาจารย์ไม่ได้

“พี่ริน~”

เสียงใสร้องเรียก ธารินรีบขยับนั่งตัวตรงพร้อมกับปรีบสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะหันไปหาเด็กชายที่วิ่งเข้ามาสวมกอด

“ว่าไงครับ” เขาลูบมือลงบนศีรษะกลมที่ซุกอยู่ตรงหน้าอกแล้วช้อนตัวขึ้นมานั่งบนตัก

“น้องโฮปจะมีบ้านแล้วนะ มีคนจะรับน้องโฮปไปอยู่ด้วยแล้วนะ” เด็กชายรีบเล่าข่าวดีที่เพิ่งรู้มาให้ฟัง

“จริงเหรอครับ ดีจังเลยนะ”

“ครับ”

“เขาเป็นใครเหรอครับ น้องโฮปเคยเจอเขาหรือยัง”

เด็กชายเงียบเอียงคอไปมาอยู่อึดใจก่อนจะตอบ “เป็นคุณแม่น้องโฮปครับ คุณแม่บอกว่าคิดถึงน้องโฮปเลยจะมารับกลับไปอยู่ด้วย”

“ดีจังเลยนะ น้องโฮปดีใจไหมครับ”

“ครับ” น้องโฮปพยักหน้า “น้องโฮปอยากมีแม่”

“แล้วจะไปเมื่อไหร่ครับ”

“อาทิตย์หน้าครับ” น้องโฮปตอบ “เดี๋ยวคุณแม่จะมารับที่โรงพยาบาล”

“เดี๋ยวพี่รินมาส่งนะ”

เด็กชายเงียบไปอึดใจก่อนจะเอ่ยขึ้น “พี่ริน… คุณแม่น้องโฮปจะใจดีกับน้องโฮปเหมือนพี่รินทั้งสองคนไหม แล้วเขาจะสอนน้องโฮปทำการบ้านพาเล่นเกมไหมครับ”

“สอนสิครับก็เขาเป็นคุณแม่ของน้องโฮปนี่นา” ธารินบอก

“ถ้างั้นก็ดีสิครับ” เด็กชายพยักหน้าหงึกหงัก “พี่รินครับ รูปนั่นสวยจัง”

“นี่เหรอ” ธารินขยับกรอบรูปในมือ “น้องโฮปอยากได้เหรอ”

เด็กชายพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ถ้าน้องโฮปเอาไปบ้านใหม่ด้วยแม่จะว่าไหม”

“พี่รินคิดว่าไม่ว่าหรอก” ธารินบอกพร้อมกับส่งให้

“ขอบคุณครับ น้องโฮปจะเก็บไว้อย่างดีเลย” เด็กชายบอกพร้อมกับกอดไว้แนบอก

ธารินกระชับร่างเล็กในอ้อมแขนแล้วโคลงตัวเบาๆ รู้สึกโหวงเหวงในใจแปลกๆ เมื่อรู้ว่ากำลังจะเสียเด็กชายไปให้คนอื่น เวลานี้เขาต้องดีใจสิถึงจะถูก น้องโฮปกำลังจะไปมีครอบครัว ได้ไปอยู่กับแม่จริงๆ ของเขาแล้ว

เขาพยายามบอกตัวเองแบบนั้นแต่ก็ยังรู้สึกใจหายอยู่ดี




นนท์ประวิชที่ตามมาส่งอริญชย์ถึงคอนโด กวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่เงียบเชียบแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้”

“ได้สิครับทำไมจะไม่ได้ล่ะ” อริญชย์ตอบยิ้มๆ แต่มันก็เสแสร้งและแห้งเหี่ยวจนคนมองไม่รู้สึกสบายใจขึ้นเลยสักนิดและเป็นห่วงมากกว่าเดิม

“ริน… มีอะไรที่ฉันช่วยได้ก็บอกนะไม่ต้องฝืนหรอก ฉันรู้ว่างานคือทุกอย่างของริน รินพยายามมากเพื่อให้จบหมอ เพื่อให้ทุกคนยอมรับ เจ้าล้านนั่นก็ทำเกินไปหน่อยเรื่องแค่นี้ถึงกับต้องสั่งพักงาน รินยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแท้ๆ” นนท์ประวิชถอนหายใจ “จะว่าไปก็เป็นความผิดฉันด้วยส่วนหนึ่ง ฉันก็รู้ว่าช่วงนี้รินอาการไม่ค่อยดียังบอกให้รินไปให้รางวัลนายธารินนั่นอีก ถ้าไม่ได้ไปด้วยกันแต่แรกเรื่องก็คงไม่เกิดหรอก”

“ไม่เกี่ยวกับพี่นนท์เลยครับ ผมตั้งใจพาเขาไปเองครับ” อริญชย์บอก “พี่นนท์กลับไปเถอะครับผมอยากพักแล้ว”

“เดี๋ยวสิริน” นนท์ประวิชคว้าข้อมือไว้ได้ทันก่อนประตูจะปิด

“มีอะไรครับ”

“เป็นฉันไม่ได้เหรอ”

อริญชย์ส่ายหน้าพร้อมกับค่อยๆ แกะมือใหญ่ที่กำรอบข้อมือตนไว้ออก “ผมชื่นชมพี่นนท์ครับ แต่ผมรักพี่นนท์ไม่ได้จริงๆ เราเป็นพี่น้องกันแบบนี้ดีอยู่แล้วครับ วันนี้ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยแล้วยังเสียเวลามาส่งอีก”

นนท์ประวิชมองประตูที่ปิดลงพร้อมกับสายตาที่หม่นเศร้า ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจข้ามกำแพงของความเป็นพี่น้องที่อีกฝ่ายตั้งใส่เขาได้สักที เขาถอนหายใจเสียงดังแล้วกลับออกไป

อริญชย์ปิดประตูเดินเข้าไปในห้องนอน ว่าจะนอนเอาแรงสักตื่นแล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไงต่อดีกับเวลาหนึ่งอาทิตย์แบบไม่เต็มใจที่ได้มา พลันสายตาเหลือบไปเห็นต้นกระบองเพชรหัวเตียงที่วางเรียงกันอยู่ แล้วอารมณ์โกรธและผิดหวังที่มีต่อเด็กหนุ่มก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เขาใช้มือกวาดทั้งสามต้นตกลงมาบนพื้น ลำต้นสีเขียวมีหนามปกคลุมนอนนิ่งอย่างน่าสงสารอยู่ท่ามกลางกระถางเซรามิคแตกเป็นเสี่ยง ดินทรายกระจายเกลื่อน เหมือนกับความรู้สึกของเขาที่มันแตกสลาย
   
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาเร็วมากและก็จบลงอย่างรวดเร็ว อริญชย์ทอดสายตามองแคสตัสที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกผิดแล้วก้มลงจะเก็บขึ้นมา พลันก็รู้สึกคลื่นไส้และมึนหัวอย่างแรงจนต้องใช้มือเกาะโต๊ะไว้เพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลงไป
   
...ไม่ใช่... นี่ไม่ใช่อาการฮีท...
   
อริญชย์หน้าซีดเมื่อภาพเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อคืนวนกลับเข้ามาในหัว เขาเลื่อนมือลงกุมท้องพร้อมกับอุทานด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “หรือว่านี่... เป็นไปไม่ได้น่า!”
   



อริญชย์นั่งรอผลตรวจเลือดและปัสสาวะด้วยความกระสับกระสับส่าย เขาเลือกมาคลินิคเฉพาะทางสำหรับผู้มีบุตรยากที่อยู่ไกลจากที่พักเพราะกลัวว่าจะเจอคนรู้จัก โอเมก้านั้นไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่ต้องรอถึงแปดสัปดาห์จึงจะตรวจหาฮอร์โมนที่บ่งชี้การตั้งครรภ์ได้ ระยะเพียงแค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงหลังปฏิสนธิก็เพียงพอแล้ว อันที่จริงมีสัญญาณหลายอย่างที่ทำให้เจ้าตัวและคนรอบข้างรู้ได้เช่นอาการร้อนวูบวาบปั่นป่วนในช่องท้องที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของทารก และกลิ่นฟีโรโมนที่แปลกไปจากเดิมเนื่องจากมีอีกชีวิตหนึ่งเพิ่มมาอยู่ในร่างกายด้วย
   
อริญชย์กวาดมองไปรอบๆ ระหว่างรอเรียกชื่อตอนนั้นเองที่เขาเห็นร่างสูงในชุดสูทเดินกุมปากที่บวมช้ำมาจากอีกทาง ท่าทางของเขาดูผิดหวังมากกว่าจะหัวเสียกับอาการเจ็บปวด ทั้งสองหยุดสบตากันด้วยความตกใจทั้งคู่ก่อนจะเป็นฝ่ายอริญชย์ที่พูดขึ้นก่อน “คุณมาทำอะไรที่นี่”
   
“ผมมาทำแผล” ธาราตอบพลางชี้ให้ดูแผลที่เกิดจากหมัดของน้องชายตนเมื่อคืน ถึงจะมีเรื่องทะเลาะชกต่อยกันบ่อยๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นน้องชายหัวเสียและลงมือรุนแรงขนาดนี้ ปกติเขาจะเหนือกว่าเสมอแต่มีครั้งนี้แหละที่เขารู้ทันทีว่าไม่อาจเอาชนะได้ “แล้วคุณล่ะ”
   
“แค่ไม่ค่อยสบายเลยมาหาหมอ”
   
ธาราเลิกคิ้ว เขารู้ว่าอีกฝ่ายโกหกแน่ๆ กำลังจะถามต่อพยาบาลสาวตรงเคาน์เตอร์ก็ขานชื่อพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญไปยังห้องด้านในเพื่อฟังผลตรวจ

“คุณอริญชย์เชิญค่ะ”

อริญชย์ลุกไปหน้าห้อง พยาบาลสาวเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและเอ่ยถาม “มาคนเดียวเหรอคะ”

อริญชย์พยักหน้าแล้วเปิดประตูเข้าไป

ธาราหันหลังกับธุระที่ไม่ใช่ของตนเพื่อจะเดินไปขึ้นรถแล้วก็เปลี่ยนใจหันกลับมา เขาทำทีเป็นเพิ่งมาถึงและรีบร้อนเดินไปหาพยาบาลคนเดิมพลางกล่าวด้วยด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ามีคนไข้ชื่ออริญชย์มาตรวจที่นี่ไหมครับ”

“คุณหมอเรียกเข้าห้องไปเมื่อสักครู่นี่เองค่ะ”

“ผมขอเข้าไปฟังด้วยได้ไหมครับ ผมเป็นสามีของเขา” ธารารีบพูดต่อก่อนที่เธอจะหันได้ถาม

“เชิญเลยค่ะ” พยาบาลสาวตอบอย่างยินดีพร้อมกับผายมือไปด้านใน

ธารายิ้มกับตัวเอง เขาเดินไปหน้าห้องแล้วค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกช้าๆ เพื่อไม่ให้รบกวนคนที่อยู่ข้างใน

“หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ จากนี้คุณต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ แล้วอย่าลืมมาฝากครรภ์ให้ตรงเวลาล่ะครั้งหน้าพาสามีมาด้วยนะ หมอจะได้แนะนำการดูแลภรรยาช่วงตั้งครรภ์ให้” นายแพทย์กล่าวอย่างแช่มชื่นในขณะที่อริญชย์นั้นช็อกไปแล้ว คาดไม่ถึงว่าจากความประมาทแค่เพียงครั้งเดียวเพราะคิดว่าตนเองกินยาคุมสม่ำเสมอจะทำให้ชีวิตหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมาได้

“อ้าว... นั่นคุณเป็นใครครับ เข้ามาได้ยังไง” นายแพทย์ถามเมื่อหันมาเห็นธารายืนอยู่ที่ประตู

“ผมเป็นสามีครับ” ธารารีบตอบพร้อมกับเข้ามาประคองหลังร่างบาง “ขอบคุณคุณหมอมากนะครับที่ช่วยดูแลภรรยาผม”

“นี่นาย!” อริญชย์กระซิบลอดไรฟันพร้อมกับขืนตัวออกห่าง

“ขอโทษนะที่ผมมาช้า พอดีรถมันติด ครั้งต่อไปจะรีบมานะจ๊ะ” ธาราทำเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับขยิบตาให้ครั้งหนึ่งก่อนจะหันไปค้อมศีรษะให้นายแพทย์แล้วประคองกึ่งลากอริญชย์ออกมาจากห้องตรวจ

พอพ้นออกจากห้องมาได้อริญชย์ก็สะบัดตัวหลุดแล้วรีบก้าวยาวๆ หนีไปขึ้นรถ แต่ธาราก็ยังเร่งฝีเท้าตามอย่างไม่ลดละ “ไม่ต้องมายุ่งกับผม”
   
“ไม่ยุ่งไม่ได้หรอกก็ตอนนี้ผมเป็นสามีคุณแล้วนี่นา”
   
อริญชย์หยุดฝีเท้าแล้วหันไปเผชิญหน้า “คุณคิดจะทำอะไร”
   
ธาราเหลียวมองซ้ายขวาแน่ใจว่าปลอดคนจึงสืบเท้าเข้าหา เขาวางมือลงบนเอวสอบแล้วก้มหน้าลงสูดกลิ่นหอมที่ข้างซอกคอขาว “ดูเหมือนว่าพ่อของลูกในท้องคุณจะเป็นน้องชายของผมสินะ”
   
“ไม่เกี่ยวกับคุณ” อริญชย์กล่าวเสียงห้วนพร้อมกับผลักอกร่างสูงให้ถอยห่างออกไป
   
“เกี่ยวสิ เพราะนี่มันมีชื่อเสียงของครอบครัวมาเอี่ยวด้วย” ธาราว่า “แถมน้องชายผมยังเป็นแค่นักเรียนแล้วคุณก็เป็นอาจารย์ของเขา เรื่องแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น เผลอๆ คุณจะถูกโรงพยาบาลเชิญออกด้วยซ้ำ”
   
อริญชย์นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า แค่มีภาพว่าไปเที่ยวด้วยกันกับอุ้มเข้าห้องเขายังถูกพักงาน เรื่องที่ธาราพูดจึงไม่เกินจริงเลยสักนิด เขายืนนิ่ง พยายามตั้งสติหาทางออกให้เหตุการณ์นี้ ตากลมหลุบลงมองพื้นอึดใจเห็นรองเท้าหนังตรงหน้าขยับไปมาแล้วเขาก็นึกอะไรขึ้นได้ อริญชย์เงยหน้าขึ้นสบตาร่างสูงที่ยังคงยืนมองเขาดูอยู่ “คุณคิดจะทำอะไร”
   
“หาทางให้เด็กมีพ่ออย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ทำให้เรื่องทุกอย่างมันง่ายขึ้นไง” ธาราบอก
   
“ยังไง” อริญชย์ถาม
   
“ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยแค่คุณรับปากยอมแต่งงานกับผม”
   
อริญชย์สบสายตาที่บ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่น “แล้วคุณศรศรัณย์คู่หมั้นของคุณล่ะ”
   
“คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้พิศวาสศรเท่าไหร่ แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาจะชอบพออยู่กับน้องชายผมด้วย ถอนหมั้นได้ไม่ใช่มีแค่ผมคนเดียวที่โล่งใจ”
   
อริญชย์พยักหน้า “ผมรับข้อเสนอ”



ออฟไลน์ Hnggnh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ม่ายยยย จะร้องแล้วนะ สรุปใครทำพี่รินนน ฮื่อสงสารน้องรินอ่าาา

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด