[Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10  (อ่าน 54047 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เฮ้ยยยยยย จะไม่คิดมากกว่านี้หรือไง สงสารธารินนะ เรื่องยาก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าว่าธารินเป็นคนทำ หรือร้านยาเอาของปลอมมาขายจะมาโทษธารินโดยไม่มีหลักฐานไม่ได้นะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
คือไร!? กำลังจะดีๆแล้วทำไมมันเป็นนี้ไปได้เนี่ยย!
นี่จะเเต่งงานให้มันยุ่งวุ่นวายไปกว่านี้จริงๆเหรอ เด่วเจ้าลูกหมาก็เข้าใจผิดไปใหญโตอีก! ไหนจะพี่ศร โอ้ยย!!

คนที่เปลี่ยนยา วางแผน รวมทั้งตามถ่ายรูป จงใจให้คิดว่าวารินเป็นคนทำ
คิดว่าพี่นนท์นั้นล่ะ ตัวการ

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อ้าว ไปกันใหญ่เลยทีนี้

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หมอรินม่ายยยยยย :katai1: :m31: เกลียดธาราอ่ะทำเรื่องให้มันยากไปอีก :katai1:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 15 เข้าบ้าน


“ตกลงว่าลูกจะแต่งงานกับคุณหมอคนนี้” ธงชัยเอ่ยถามลูกชายคนโต

“อริญชย์ครับ”

‘คุณหมอคนนี้’ ที่ถูกพูดถึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชวนฟังทำให้ธงชัยและคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันในห้องโถงกลางของบ้านหันไปมองชายหนุ่มหน้าหวานรูปร่างบอบบางที่ลูกชายคนโตพามาบ้านแล้วขอให้ทุกคนมารวมกันเพื่อแจ้งข่าวสำคัญ นั่นคือการขอยกเลิกการหมั้นระหว่างเขากับคู่หมั้นที่ปู่หมั้นหมายไว้ให้และขอแต่งงานกับคนที่เจ้าตัวเลือกเอง

“แต่เราแจกการ์ดไปแล้วนะลูก” วิลาวรรณผู้เป็นแม่ท้วง

“แค่ชื่อบนการ์ด พิมพ์ใหม่แจกใหม่ไม่มีปัญหาครับ” ธาราตอบสบายๆ พลางหันไปสบตาอริญชย์แล้วเลื่อนมือไปกุมมือบาง บีบเบาๆ ครั้งหนึ่งอย่างให้คำมั่นว่าทุกอย่างจะเรีรยบร้อย “ทุกอย่างเหมือนเดิมไม่ว่าจะวันเวลาสถานที่รวมทั้งเดรสโค้ด ที่เปลี่ยนก็แค่คนที่ผมแต่งงานด้วยแค่นั้นเองครับ”

“แล้วทำไมแกถึงเพิ่งจะมาบอกอะไรเอาตอนนี้” ธงชัยถาม

“เพราะผมเพิ่งเจอคนที่คิดว่าเป็นคู่แท้ไงครับ” ธาราบอก “พ่อกับแม่ก็คงเคยได้ยินใช่ไหมครับว่าถ้าอัลฟากับโอเมก้าเจอคนที่เป็นคู่แท้ของกันและกัน เราจะมีสัญชาตญาณบางอย่างที่เราสองคนจะรับรู้ได้ และนี่ก็เป็นความผูกพันที่รุนแรงยิ่งกว่าพันธะไหนๆ ไม่ว่าผมหรือเขาก็ปฏิเสธมันไม่ได้ ผมรู้ว่าจะทำให้เรื่องมันวุ่นวายแต่ในเมื่อเราอุตส่าห์หากันและกันเจอแล้ว พ่อกับแม่และทุกคนก็ควรยินดีกับพวกเรานะครับ ถ้าพ่อกับแม่ห่วงเรื่องหน้าตาทางสังคมผมคิดว่านั่นยิ่งไม่เป็นปัญหาเลย รินเป็นกุมารแพทย์ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ซึ่งขึ่นชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย เรื่องหน้าตาไม่ต้องพูดถึงทุกคนคงประจักษ์กันดีอยู่แล้ว ถ้าใครว่ารินไม่สวยผมจะไล่มันออกให้หมด”

“คุณก็อวยผมมากไป นิยามความสวยของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเองทั้งนั้นแหละครับ” อริญชย์กล่าว “ดูอย่างคุณแม่คุณสิครับ ปีนี้ก็ห้าสิบแล้วถึงจะไม่งามแบบสาวรุ่นแต่ก็สวยสง่าเหมือนกับเพชรที่มีความงามเป็นอมตะนะครับ”

“แหม~ เด็กคนนี้เข้าใจพูดนะเนี่ย” วิลาวรรณหัวเราะคิกคักทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดอยู่จนถึงเมื่อสักครู่ผ่อนคลายลงเล็กน้อย เธอหันไปสบตาสามีซึ่งก็ดูจะพออกพอใจกับว่าที่สะใภ้หมอมากกว่าพ่อครัวร้านอาหารที่ดูไม่มีอนาคต

“ที่แกพูดมามันก็ถูกนะธารา แต่ว่าศรล่ะ... จู่ๆ จะมาถอนหมั้นกันแบบนี้...” ธงชัยหันไปยังอดีตว่าที่สะใภ้ที่นั่งก้มหน้าอยู่อีกด้านหนึ่งของโต๊ะ

ใบหน้าที่ขาวอยู่แล้วของชายหนุ่มแทบกลายเป็นสีกระดาษ ศรศรัณย์กุมมือทั้งสองที่วางไว้บนหัวเข่าแน่นเพราะมันเริ่มสั่นน้อยๆ นัยน์ตาจับจ้องไปยังแผ่นพลาสเตอร์กันน้ำที่ติดอยู่ตรงหลังลำคอขาวของอริญชย์ เขาสูดลมหายใจเข้าจนสุดครั้งหนึ่งก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เป็นเรื่องน่ายินดีที่ธาราพบคู่ของเขาครับ”

“แสดงว่าเธอไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม” ธงชัยถามอย่างอ่อนโยน ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็เป็นเพื่อนลูกชายที่เข้านอกออกในบ้านมาตั้งแต่เด็กและเขาก็ให้ความเอ็นดูอยู่ไม่น้อย

ศรศรัณย์ส่ายหน้าให้แทนคำตอบ

“เขาจะขัดข้องอะไรล่ะพ่อ เจ้าตัวเขาก็อยากจะถอนหมั้นกับผมใจจะขาดอยู่แล้ว” ธาราแทรกขึ้น “อันที่จริงต้องพูดว่าโล่งอกเลยมากกว่ามั้งที่ต่อไปนี้จะไปหาผู้ชายคนอื่นได้สักที”

ศรศรัณย์หันไปสบสายตาดูแคลนที่มองสบมาก่อนที่ธาราจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีไปหาคู่หมั้นคนใหม่ของตนเสียก่อน

 “แล้วนับตั้งแต่วันนี้เพื่อให้รินคุ้นเคยกับบ้านเราผมจะให้เขาย้ายมาอยู่ที่นี่เลย เรื่องห้องให้นอนกับผมส่วนเรื่องของใช้อื่นๆ จะทยอยตามมาทีหลัง” ธาราบอกกับทุกคนแล้วหันไปหาอริญชย์ “ผมจะพาคุณไปดูห้องของเรานะ แล้วผมจะออกไปคุยธุระกับลูกค้า คุณก็ค่อยๆ ทำความคุ้นเคยกับที่บ้านไป มีอะไรไม่เข้าใจก็ถามคนในบ้านได้ เดี๋ยวดึกๆ ผมกลับตกลงนะ”

ศรศรัณย์เม้มปากสนิท แม้จะมาอาศัยอยู่ที่นี่ได้หลายเดือนแล้วอย่าว่าแต่เรื่องนอนร่วมห้องเลย ห้องที่ธาราจัดไว้ให้เขานั้นอยู่ด้านหลังฝั่งติดกับสวน ห่างกันคนละโยชน์ ชนิดที่แทบไม่มีโอกาสได้เดินสวนกันเลยทีเดียว

“อย่ากลับดึกนักนะ อยู่คนเดียวผมเหงา” อริญชย์บอก “บ้านคุณก็กว๊างกว้างผมเดินหลงไปละแย่เลย”

“รับทราบครับ แล้วจะรีบกลับมานะ” ธารารับคำก่อนจะชะโงกหน้าไปหอมแก้มคู่หมั้นคนใหม่ของเขาครั้งหนึ่ง

อริญชย์เอียงแก้มให้ในขณะที่สายตาไปหยุดลงตรงเด็กหนุ่มที่นั่งข้างศรศรัณย์

ธารินจ้องเขาตาไม่กะพริบ แต่ถึงกระนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา ไม่ว่าจะเพราะทำตามที่เขาบอกว่าห้ามมายุ่งหรือเพราะเหตุผลอื่นก็ดีหากมันก็ทำให้เรื่องง่ายขึ้นเยอะเลย

แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป หลังจากอริญชย์ส่งธาราขึ้นรถไปหาลูกค้าเรียบร้อยเขาก็เดินกลับห้องนอนพลางขยับยืดเส้นเพื่อไล่ความเมื่อยขบการต้องวางมาดนั่งนิ่งๆ เรียบร้อยดูไม่ค่อยสมกับเป็นเขาเท่าไหร่ แต่มันก็สร้างความประทับใจแรกพบให้พ่อกับแม่ของธาราตามที่เจ้าตัวเตี๊ยมมา

เขายกมือขึ้นเกาต้นคอ พลาสเตอร์กันน้ำที่แปะไว้สร้างความรำคาญให้เขาไม่น้อยแต่ก็คงต้องอดทนไปสักพักถ้าหากไม่อยากให้ใครเห็นรอยน่าเกลียดนั่น

“อาจารย์ครับนี่มันเรื่องอะไรกัน”

เสียงทุ้มกระซิบกระซาบขึ้นพร้อมกับที่ใครคนหนึ่งคว้าข้อมือเขาไว้แล้วดึงให้หันไปเผชิญหน้า

อริญชย์กวาดตามองเด็กหนุ่ม ท่าทางของเขาดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดราวกับเป็นคนละคนกับในห้องโถงจนอริญชย์นึกแปลกใจว่าเจ้าตัวเก่งทีเดียวที่สามารถคุมอารมณ์ไว้ไม่ให้ระเบิดออกมาได้ตลอดช่วงการสนทนาเมื่อเย็น

“ฉันว่าพี่ชายนายก็พูดชัดเจนแล้วนะ นายยังไม่เข้าใจอะไรอีกเหรอ” อริญชย์ถามกลับเสียงเรียบ

“ไหนอาจารย์บอกผมว่าแค่จูบก็...”

อริญชย์ใช้ปลายนิ้วปิดปากเด็กหนุ่มไม่ให้พูดต่อพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ธารารู้เรื่องนี้แล้วและเขาก็เป็นผู้ใหญ่พอที่จะแยกแยะได้ว่าเรื่องคู่แท้กับความชอบทางเพศมันต่างกันแล้วเขาจะค่อยๆ ปรับตัวเรื่องนี้เอง แต่ฉันว่าพ่อกับแม่ของนายคงไม่ค่อยปลื้มใจนักถ้านายจะเที่ยวพูดเรื่องนี้ปาวๆ เอาเป็นว่านายช่วยเงียบๆ ให้หน่อยแลกกับการที่ฉันจะช่วยหาทางให้นายได้เกรดสวยๆ ในการสอบมิดเทอมที่จะมีอาทิตย์หน้าละกันนะ”

เขาดึงนิ้วออกแล้วยกยิ้มมุมปากให้ครั้งหนึ่งเป็นทำนองว่าให้ช่วยๆ กันหน่อย

“ผมไม่ได้เข้าหาอาจารย์เพราะหวังอะไรแบบนั้นสักหน่อย”

“ถ้าไม่ใช่แล้วนายหวังอะไรล่ะ”

“ผม...” ธารินกำมือแน่น พูดไม่ออกกับความรู้สึกที่เก็บอยู่ข้างในยิ่งได้เห็นแผ่นปิดแผลตรงต้นคอขาวนั่นยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บ... ทั้งๆ ที่คิดว่าได้ตัวมาแล้ว แต่สุดท้ายนอกจากจะไม่ได้หัวใจเขายังเสียอาจารย์ให้พี่ชายไปอีก

 “ตอบไม่ได้เหรอ” อริญชย์ไหวไหล่ “ช่างเถอะ จะเพราะอะไรฉันก็ไม่อยากรู้แล้ว เอาเป็นว่านับจากนี้เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนอกจากพี่สะใภ้กับน้องชายตกลงนะ” พูดจบก็หมุนตัวกลับไม่หันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนมองเขาด้วยความอาลัยอาวรณ์และโกรธแค้นตัวเองจนสุดสายตา

หลังคุยกับเด็กหนุ่มเสร็จอริญชย์ก็รู้สึกหมดอารมณ์ที่จะนอนจึงเดินเลี้ยวออกไปเดินเล่นในสวนทั้งที่เพลียมาทั้งวันเพราะตอนนี้ร่างกายของเขากำลังเขาสู่ช่วงเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูก พอนึกถึงตรงนี้ภาพที่เขากำลังทำหน้าเหยเกนั่งนวดหน้าอกที่เป็นเต้าตูมเพราะนมคัดแล้วหัวนมดันมาตันเสียอีก กับสภาพเป็นไอ้เพิ้งทำงานบ้านงกๆ โดยมีเด็กตัวเล็กๆ วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังแล้วก็รู้สึกขนลุกแปลกๆ

เขาหลุบสายตาลงมองท้องตัวเองแล้วยกมือขึ้นลูบแผ่วค่อย ยอมรับว่ามันเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจแต่เขาจะไม่ยอมให้ความไม่พร้อมทำลายชีวิตบริสุทธิ์ที่เกิดมา อย่างน้อยเด็กคนนี้จะต้องมีคุณณภาพชีวิตและอนาคตที่ดี

พอคิดได้แบบนี้เขาก็สูดลมหายใจเข้าจนสุด เชื่อมั่นกับการตัดสินใจเสี่ยงที่ไตร่ตรองมาดีแล้ว

อริญชย์เดินดุ่มไปตามทางที่ปลูกต้นไม้ทั้งไม้ดอกไม้ประดับไว้มากมายซึ่งส่วนใหญ่เป็นกุหลาบสายพันธุ์ต่างๆ ชูช่อเต็มสวนส่งกลิ่นหอมฟุ้งกระจายไปทั่วอาณาบริเวณบ้านแม้ไม่มีลมพัดต้อง ช่างงดงามสมศักดิ์ศรีบ้านของนักธุรกิจมูลค่าหลายร้อยล้าน เห็นแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยที่ภาพเด็กๆ วิ่งในทีแรกเปลี่ยนมาเป็นวิ่งในสนามหญ้ากว้างขวางแล้วเขาย้ายไปนั่งจิบว้อดก้าตรงม้านั่งดูเด็กๆ วิ่งเล่นแทน

“ตอนท้องกับตอนให้นมห้ามกินเหล้านี่หว่า” รำพึงกับตัวเองอย่างเปรี้ยวปาก แล้วก็ถอนหายใจกับพฤติกรรมหลายๆ อย่างที่ต้องเปลี่ยน... นี่แหละหนาปกติก็ทำปากดีสอนคนอื่นพอถึงตาตัวเองบ้างละทำไม่ได้สักข้อ

เดินเล่นมาได้อีกครู่หนึ่งอริญชย์ก็เห็นเงาตะคุ่มตรงม้านั่งตัวหนึ่ง เขาเขม่นมองไปยังร่างโปร่งแสงจากพระจันทร์บนฟ้าทำให้เขาเห็นว่าชายคนนี้เป็นใคร

“คุณมานั่งทำอะไรตรงนี้มืดๆ คนเดียวครับคุณศร”

ด้วยอารามตกใจที่มีคนมาเห็น ศรศรัณย์ลุกพรวดขึ้นพร้อมกับใช้หลังมือเช็ดหน้าเร็วๆ “เปล่า”

อริญชย์ตวัดสายตาขึ้นลงมองเจ้าของใบหน้ารูปไข่หมดจดกับเรือนร่างสูงโปร่งตรงหน้าแล้วก็รำพึงลอดไรฟัน “ก็แค่เจ็ดเซนต์เอง”

ศรศรัณย์ย่นคิ้ว “คุณว่าอะไรนะครับ”

“เปล่า” อริญชย์บอกปัดแล้วตอนนั้นเองที่เขาเห็นคราบน้ำตรงหางตาเรียวสวยนั่น “คุณร้องไห้เหรอ”

“เปล่า” ศรศรัณย์หันหน้าหลบไปอีกทางพร้อมกับยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาจนหมด

“คุณจะร้องไห้ทำไมในเมื่อคุณไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานกับเขามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” อริญชย์ชะโงกหน้าไปถาม “หรือว่ากลัวเสียหน้าที่ต้องเป็นหม้ายขันหมาก... ไม่เอาน่า ถอนหมั้นกับคนที่ไม่ได้รักได้น่ะ มันน่าโล่งอกจะตาย คิดดูนะ อย่างมากคนก็นินทาไม่กี่วันกี่เดือน แต่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักกลุ้มใจไปทั้งปีทั้งชาติเลยนะคุณ แถมคนที่นินทาก็ไม่ได้มานั่งกลุ้มใจกับคุณด้วย”

ศรศรัณย์หันมามองร่างบาง เขาเคยเจออริญชย์หลายครั้งแล้วตอนขับรถมารับมาส่งธาริน ตอนแรกก็คิดว่าเป็นคนที่ดูดีแล้วแต่พอมองใกล้ๆ แบบนี้ยิ่งสวยกว่า ไม่นึกแปลกใจเท่าไหร่ที่ธาราจะชอบแต่ที่แปลกใจคือท่าทางของเขาดูซื่อๆ ไม่ได้มีพิษมีภัย ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนเก่ามาเจอกันมากกว่าคนที่กำลังจะมาแย่งคู่หมั้นของเขาไป “ให้คู่หมั้นคนใหม่มาปลอบ ผมควรจะรู้สึกยังไงดีเนี่ย”

“มูฟออน” อริญชย์ตบหลังศรศรัณย์เบาๆ ครั้งหนึ่งพร้อมกับดึงให้นั่งลงบนม้านั่งด้วยกัน “ไม่มีพันธะแล้วนี่นา เก็บข้าวของแล้วไปหาคนที่คนคุณรักสิ”

ศรศรัณย์นิ่งไปอึดใจก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มีหรอกคนที่รักน่ะ”

อริญชย์เลิกคิ้ว “ไม่เอาน่า ไม่ต้องโกหกหรอก ไหนๆ ตอนนี้เราก็กลายเป็นคนกันเองแล้วนี่”

“ไม่มีจริงๆ ครับ” ศรศรัณย์หันไปย้ำกับคนที่ยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ “ว่าแต่เรา... คนกันเอง?”

อริญชย์พยักหน้า “ก็คุณเป็นอดีตคู่หมั้นของว่าที่สามีผมนี่นา... ได้ข่าวว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กใช่ไหม เล่าเรื่องของเขาให้ผมฟังหน่อยสิ”

“ทำไมผมต้องเล่าให้คุณฟังด้วย”

“ผมก็แค่อยากรู้เรื่องของคนที่ต้องแต่งงานด้วยบ้าง แล้วคุณก็รู้จักเขาดี... เล่าให้ผมฟังหน่อยนะ เห็นธารินเคยบอกว่าเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนอึกอักก็ชอบใช้กำลังกับคุณนี่นา แบบนี้ผมก็ต้องระวังตัวไว้บ้างใช่ไหมเผื่อวันไหนเขาหน้ามืดอยากทุบตีผมขึ้นมา”

“ธาราไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้นเสียหน่อย” ศรศรัณย์ว่า

อริญชย์ย่นคิ้ว “จริงเหรอ... แล้วเขาเป็นคนยังไงล่ะ”

“ก็มีดีบ้างแย่บ้าง แต่ไม่ถึงกับเลวร้าย”

“พวกคุณรู้จักกันมาตั้งแต่ตอนไหนเหรอ”

“เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเพราะปู่เป็นนักการเมืองพรรคเดียวกันและก็เป็นเพื่อนรักกัน ผมที่สนิทกับปู่และติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนเสมอๆ ก็เลยเข้าออกบ้านนี้แต่เด็ก” ศรศรัณย์เริ่มต้นเล่า ภาพของตัวเองในวัยเยาว์ที่เดินสำรวจไปทั่วห้องโถงในขณะที่พวกผู้ใหญ่คุยกันและเจอเด็กชายคนหนึ่งยืนหลบมุมอยู่ตรงซอกผ้าม่านวนกลับมาในห้วงความคิด

‘สวัสดีเราชื่อศรนะ นายชื่ออะไรเหรอ’

เด็กชายที่อยู่หลังผ้าม่านไม่ตอบและแอบถอยหลังเข้าไปจนเกือบไม่เห็นตัว

ศรศรัณย์ล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเอาอมยิ้มสีสวยออกมาแกะห่อออกแล้วยื่นไปตรงหน้า ‘กินไหม... อร่อยนะ’

เด็กชายตัวเล็กหลังผ้าม่านพยักหน้าอายๆ แล้วยื่นมือออกมา เขารีบชักมือกลับ ‘เราไม่ให้ขนมคนแปลกหน้า เพราะฉะนั้นนายต้องบอกชื่อนายมาก่อนเราถึงจะให้’

เด็กชายหลังผ้าม่านจ้องหน้าเขาแล้วขยับปากอย่างไม่มีเสียงอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบด้วยเสียงเบาๆ ที่เขาแทบไม่ได้ยินว่า ‘เราชื่อธารา’

‘เป็นเพื่อนกันนะ’

เด็กชายพยักหน้าแล้วส่งมือให้คนแปลกหน้าในบ้านดึงมือออกจากหลังผ้าม่านไป



“เขาเป็นคนหัวดี ชอบช่วยคนอื่นมาตั้งแต่เล็กๆ คอยสอนการบ้านให้ผมแล้วก็ปกป้องผมเวลาโดนพวกเด็กอันธพาลคนอื่นแกล้ง ทั้งที่เมื่อก่อนเขาตัวเล็กกว่าผมตั้งเกือบครึ่งแล้วก็ตัวเล็กเกือบที่สุดในชั้นเป็นเจ้าเปี๊ยกเลยล่ะ แต่เป็นเจ้าเปี๊ยกที่ไม่เคยกลัวใคร ถ้าเห็นพวกเราตอนนั้นคุณต้องไม่เชื่อแน่ๆ มันดูเหมือนสลับกันมากกว่า แต่คงเพราะความเป็นอัลฟามันก็เลยทำให้เขาค่อยๆ ตัวสูงใหญ่ขึ้นอย่างที่เห็นน่ะแหละ...

พอขึ้นชั้นประถมพวกเราไปเช็กกันว่าตัวเองเป็นอะไรผลออกมาว่าเขาเป็นอัลฟาโดยไม่ต้องสงสัย ส่วนผมเป็นโอเมก้าเพียงคนเดียวในห้องตอนนั้น ทำให้มีเพื่อนๆ กลุ่มหนึ่งเข้ามาล้อแล้วก็หาเรื่องแกล้ง ไถเงินบ้าง เอาของไปซ่อนบ้าง จนถึงขั้นแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ยอมให้ผมเข้ากลุ่มทำงานด้วย พอผมเอาเรื่องนี้ไปบอกครู ครูก็ได้แต่นิ่งไม่ช่วยจัดการอะไร ผมเลยแก้ปัญหาโดยการทำตัวห่างจากธาราเพราะไม่อยากให้เขาพลอยโดนเกลียดไปด้วยอีกคน แต่พอเขารู้เรื่องเขาก็โกรธผมใหญ่แล้วก็ไปอาละวาดกับพวกคนที่มาแกล้งผม ผมยังจำได้ดีเลยตอนที่เขากระโดดขึ้นไปยืนบนโต๊ะกลางห้องแล้วตะโกนเสียงดังว่า

‘ไม่ว่าอัลฟา เบต้าหรือโอเมก้าทุกคนก็เป็นคนเหมือนๆ กันทั้งนั้น แล้วถ้าใครแกล้งศรอีกก็ถือว่าเป็นศัตรูกับฉันด้วย เพราะศรเป็นเพื่อนของฉัน จำไว้!’

“โคตรนักเลงเลยนี่หว่า” อริญชย์พึมพำ

“ผมว่าเท่จะตาย” ศรศรัณย์ว่า “แล้วพออัลฟาอย่างเขามาสนิทกับผมคนอื่นๆ ก็พลอยมาทำดีกับผมด้วย ตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากเลยล่ะ พอขึ้นม.ต้นเราก็ยังไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด บอกเล่าความฝันของกันและกัน ผมน่ะอยากเป็นเชฟส่วนเขาน่ะอยากเป็นนักจัดสวน สวนนี้น่ะเขาเป็นคนออกแบบเองนะ สวยใช่ไหมล่ะ”

อริยชย์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “แล้วมันกลับตาลปัตรเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

“ปู่ของพวกเราเสียพร้อมกันเพราะอุบัติเหตุตอนเพิ่งขึ้นม.ปลาย พอเสร็จงานศพพวกผู้ใหญ่ก็มานั่งคุยกันแล้วแม่ผมก็พูดขึ้นมาเรื่องคำสั่งเสียที่ทั้งสองเคยพูดไว้ก่อนตายว่าอยากให้เราแต่งงานกัน แล้วพ่อแม่ของธาราก็เห็นด้วยส่วนตัวเขาไม่ได้มีทีท่าอะไรแค่นั่งฟังเงียบๆ แต่พอวันรุ่งขึ้นเขาก็กลายเป็นอีกคน แล้วพอผมเริ่มมีอาการฮีทเขาก็ยิ่งทำเมินเฉยใส่ราวกับว่าสิบกว่าปีก่อนหน้านี้ที่เคยรู้จักกันมามันเป็นแค่ความฝัน ส่วนเรื่องที่เขาเลิกล้มความคิดที่จะเป็นนักจัดสวนคิดว่าเป็นเพราะต้องมารับช่วงธุรกิจที่บ้านนี่แหละ หรือไม่เขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้เพราะอย่างที่บอกเขากลายคนละคนกับคนที่ผมรู้จักไปแล้ว”

“เคยถามเขาไหมว่าเพราะอะไร” อริญชย์ถามต่อ

“เขาเอาแต่พูดว่าโอเมก้าอย่างผมเป็นได้แค่เครื่องมือผลิตลูก แต่ว่านะ...” ศรศรัณย์บอกแล้วจู่ๆ เสียงของเขาก็สั่นขึ้นเล็กน้อย “เมื่อกี้ที่ห้องโถง... ผมเห็นสายตาที่เขามองคุณ ท่าทีที่เขาปฏิบัติกับคุณมันแตกต่างกับเวลาที่อยู่กับผมและมันทำให้ผมนึกถึงธาราคนเดิมที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้ แล้วผมก็เข้าใจความจริงข้อหนึ่ง ธาราไม่ได้เกลียดโอเมก้านี่นา... แต่คนที่เขาเกลียด มันคือผมต่างหาก”

“ผมขอโทษนะ” อริญชย์กล่าวช้าๆ

“ไม่ต้องขอโทษหรอก นี่มันเรื่องน่ายินดีอย่างที่ธาราพูดน่ะแหละ เขาเลือกคุณแล้วนี่นา” ศรศรัณย์ยิ้มจางพลางเหลือบตามองแผ่นปิดแผลตรงหลังคออีกฝ่ายแล้วลุกขึ้นยืน “มืดแล้ว น้ำค้างเริ่มแรง ไปนอนเถอะครับเดี๋ยวจะไม่สบายนะ”

อริญชย์มองแผ่นหลังของคนที่กำลังเดินห่างออกไปทีละน้อยแล้วก็เอ่ยเรียกไว้ “คุณศร”

“มีอะไรสงสัยอีกเหรอครับ” ศรศรัณย์หันมาถาม

“แล้วทำไมตั้งแต่แรกคุณถึงไม่ปฏิเสธการคลุมถุงชนนี้ล่ะ”

ศรศรัณย์นิ่งไปอึดใจ เขาเบนสายตาไปยังต้นกุหลาบสีแดงที่ชูช่อแล้วเสียงทุ้มในห้วงความทรงจำเมื่อนานมาแล้วก็ดังขึ้นในหัว

‘กุหลาบสวยๆ เหมาะกับคนสวยๆ นะ’

เขายิ้มให้กับความทรงจำนั้นก่อนจะหันมาตอบเสียงเศร้า “ก็เพราะมันไม่มีเหตุผลให้ต้องปฏิเสธน่ะสิ”

อริญชย์เดินกลับมาที่ห้องพลางครุ่นคิดเรื่องของธารากับศรศรัณย์ไปด้วย ฉับพลันนั้นเองที่เขารู้สึกเวียนศีรษะอย่างแรงพร้อมกับอาการร้อนวูบวาบในช่องท้องจนต้องทรุดตัวนั่งลงเพื่อไม่ให้ล้ม

“เจ้าตัวเล็กนี่ป่วนแม่มันตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามวันดีเลยเว้ย อยากรู้จริงๆ ว่าแสบเหมือนใคร”

“อาจารย์เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมมานั่งตรงนี้”

อริญชย์กุมขมับ ทำไมถึงได้เจอเจ้าเด็กนี่บ่อยเหลือเกินนะ... อ้อ ลืมไปว่าอยู่บ้านเดียวกันแล้วนี่นา

“เปล่า แค่หน้ามืดนิดหน่อย” เขาบอกพร้อมกับเกาะฝาผนังดึงตัวลุกขึ้นยืน พยายามทำตัวไม่ให้ดูมีพิรุธ แต่พอก้าวขาไปข้างหน้าก็เกิดอาการหน้ามืดทรุดฮวบลง

“อาจารย์ระวังครับ!” ธารินสอดแขนเข้ามาประคองร่างบางไว้ได้ทัน “ไม่สบายเหรอครับ หรือว่าลืมกินยาอีกแล้ว”

“ไม่มีอะไรแค่เพลียๆ น่ะ” อริญชย์ตอบปัด “ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับห้อง”

“สภาพแบบนี้เดินไปเองไม่น่าไหว ให้ผมไปส่งเถอะ”

“ไม่ต้อง... ฉัน เฮ้ย!” อริญชย์ร้องเสียงหลงเมื่อถุกอุ้มลอยขึ้นจากพื้น ...ไอ้เด็กนี่ก็จริงๆ เลยไอ้ที่บอกไปว่าอย่ามายุ่งกันอีกน่ะเข้าใจบ้างไหมเนี่ย

“เกาะแน่นๆ นะครับเดี๋ยวตก”

“อือ”

อาการเวียนหัวทำให้อริญชย์ต้องวางมือลงลำคอหนาแล้วซุกหน้าลงกับบ่ากว้างอย่างจำใจ ตอนนั้นเองที่กลิ่นหอมอ่อนโชยมาแตะจมูก กลิ่นของแสงอาทิตย์กับทุ่งหญ้า แล้วความรู้สึกไม่สบายทั้งหลายที่กำลังขมวดกันเป็นปมอยู่ในตัวก็ค่อยๆ คลายออกช้าๆ

ระยะจากจุดที่เขาเป็นลมจนมาถึงห้องนอนนั้นก็ไกลพอสมควรแต่เขากลับรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปไวเหลือเกิน จนเผลอคิดว่าอยากให้เด็กหนุ่มอุ้มไปส่งห้องนอนที่คอนโดเลยได้ไหม

“สีหน้าอาจารย์ดูดีขึ้นบ้างแล้วนะครับ” ธารินวางตัวร่างบางลงบนเตียง จัดแจงถอดรองเท้าแล้วดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวให้ “อยากได้อะไรไหม ผมจะไปเอามาให้”

อริญชย์ม้วนตัวเข้าในผ้าห่มแล้วหันหลังหนี “ไม่เป็นไร นอนพักเดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วล่ะ”

ธารินหันไปมองขดผ้า รู้ทั้งรู้ว่าเขาหนีแต่ก็เต็มใจที่จะตามไปง้อ ธารินขยับตัวตามขึ้นไปบนเตียง วางมือคร่อมตัวร่างบางเอาไว้

“ออกไปได้แล้ว” อริชญย์กระซิบสั่ง “บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่งกันอีก”

“ก็ผมเป็นห่วงนี่นา อาจารย์สีหน้าไม่ค่อยดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่สบายหรือเปล่าครับ ตัวอาจารย์ร้อนกว่าปกติแล้วกลิ่นตัวก็แปลกไปจากเดิมด้วย”

...ไอ้เด็กนี่มันจะจมูกไวเกินไปแล้วนะ...

อริญชย์หน้าร้อนวาบเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นของร่างหนาที่ขยับเข้ามาใกล้ เขากระชับผ้าห่มแน่นขึ้นในสภาพนี้ก็คงหนีได้ไกลเพียงเท่านี้

“ผมไม่ได้ว่าอาจารย์ตัวเหม็นนะครับ แต่แบบว่า... มันหอมกว่าปกติแล้วก็...” กลิ่นหวานนั้นหอมแปลกไปจากทุกทีจนเกินจะห้ามใจ ธารินก้มหน้าลงต่ำเพื่อจะสูดดมกลิ่นนั้นให้เต็มปอดเมื่อเสียงทรงอำนาจตวาดขึ้นที่หน้าประตู

“ที่นายได้กลิ่นแบบนั้นเพราะว่ารินกำลังท้องอยู่น่ะสิ” ธาราที่เพิ่งกลับมาถึงย่างสามขุมมาหยุดยืนที่ปลายเตียง

“ท้อง?” ธารินทวนคำเสียงแหบแห้ง

“ใช่” ธาราย้ำคำ “รินท้องลูกของฉัน และนั่นก็เป็นอาการปกติของโอเมก้าที่กำลังท้อง นี่แหละเป็นสาเหตุที่เราต้องรีบแต่งงานกัน”

ธารินหันควับไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง “มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับอาจารย์”

“เมื่อคืน” ธาราตอบแทน “ที่ไม่ได้บอกคนอื่นๆ เพราะไม่อยากให้รินเสียหายว่าท้องก่อนแต่งน่ะ”

“แล้วมันเป็นไปได้ยังไงก็อาจารย์กินยาตลอด”

“คงเป็นพรหมลิขิตละมั้ง ก็เราเป็นคู่แท้กันนี่นา” ธาราว่า “นายอยากรู้อะไรอีกไหม... แล้วถ้าหมดธุระแล้วนายก็ช่วยถอยห่างจากเมียฉันแล้วก็ออกไปจากห้องของฉันได้แล้วเจ้าริน”

ธารินหันมามองร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง “อาจารย์ครับ”

“ว่าไง”

“อาจารย์รดน้ำแคสตัสที่ผมให้ไปหรือยัง”

“ฉันทิ้งมันไปแล้ว” อริญชย์ตอบเฉยชา

“อย่างนั้นเหรอครับ”

“หมดคำถามหรือยัง” ธาราแทรกขึ้น

“ครับพี่” ธารินแทรกขึ้นแล้วผุดลุกขึ้นเดินกระแทกไหล่พี่ชายออกไป

พอน้องชายเดินออกจากห้องไปธาราก็รีบล็อกประตูแล้วเดินกลับมาหาอริญชย์ที่เตียง “จริงๆ เลย ไอ้น้องคนนี้ ชอบยุ่งกับของคนอื่น”

“พอกันแหละทั้งพี่ทั้งน้อง” อริญชย์ว่า

“เหรอ” ธาราหัวเราะในลำคอแล้วนั่งลงข้างกัน

“ถามอะไรหน่อยสิธารา คุณเชื่อเรื่องคู่แท้อะไรนั่นจริงๆ เหรอ”

“มาถึงขั้นนี้แล้วถามทำไม” ธาราถามกลับ “คุณเป็นแรกและคนเดียวที่ทำให้ผมหน้ามืดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ นั่นอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะยังไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครนอกจากคุณ”

“แม่ผมก็บอกแบบนั้น” อริญชย์ว่าพลางคลายตัวออกจากขดผ้าแล้วนอนหงายเหม่อมองฝ้าเพดาน แต่ความคิดกลับล่องลอยไปถึงอดีตอันแสนไกล “พ่อก็เหมือนกัน เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ มันอยู่เหนือการควบคุม... แต่เขาก็ว่ากันว่า การได้อยู่กับคู่แท้จะทำให้เรามีความสุขไปชั่วชีวิตขนาดมิสเตอร์บีที่เป็นเบต้ายังพูดแบบนั้นเลย”

เขานึกถึงครอบครัวของตัวเองที่ล่มสลายกับครอบครัวใหม่ของแม่และอัลฟาคนนั้นที่อยู่กันอย่างมีความสุข

“ฟังคุณพูดเรื่องโรแมนติกด้วยสีหน้าเฉยชาแล้วผมขนลุกแปลกๆ” ธาราว่า “คงเจอมาหนักล่ะสิ”

“ก็ไม่น้อย” อริญชย์บอก

“คุณก็เลยตอบตกลงกับผมเพราะอยากพิสูจน์งั้นสิ”

“ไม่เชิง” อริญชย์ว่า “ผมมีทฤษฎีความรักของตัวเอง แต่ที่แน่ๆ ในฐานะหมอเด็กที่กำลังจะเป็นแม่คนลูกผมต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี”

“ผมทำตามสัญญาแน่นอน” ธาราให้คำมั่นพร้อมกับล้มตัวลงเตรียมจะนอนแต่กลับถูกร่างบางยกเท้าขึ้นยันอกเอาไว้เสียก่อน

“อย่าเข้ามา”

ธาราถลึงตาใส่ “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า ก็แค่จะนอน ไปทำงานมาทั้งวันเหนื่อยจะแย่แล้ว”

อริญชย์ลดเท้าลงแล้วชี้ไปที่โซฟาตรงมุมห้อง “ไปนอนตรงโน้นเลย กลิ่นคุณมันทำให้ผมเวียนหัว”

“คุณก็ทำตัวให้ชินไว้สิ แล้วแบบนี้เด็กมันจะคิดว่าผมเป็นพ่อไหม”

พอธาราโน้มตัวลงมาอีกครั้งอริญชย์ก็ยกเท้าขึ้นกันเอาไว้ตามเดิม “ผมจะอ้วกจนแท้งก่อนคลอดออกมาน่ะสิ”

“แต่นี่เตียงผมนะ” ธารายังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “อย่างน้อยผมก็ควรจะได้พื้นที่สักหนึ่งในสามก็ยังดี”

“แต่นี่เมียนะ” อริญชย์ว่าพร้อมกับโยนหมอนให้ “คุณเพิ่งบอกน้องคุณแบบนั้นนี่นา”

“ก็แค่ในนาม” ธาราพึมพำหากก็ยอมหยิบหมอนกับผ้าห่มแล้วลุกเดินไปนั่งลงที่โซฟาแต่โดยดี

“ทนหน่อยน่าคุณพ่อ อีกแค่เก้าเดือนผมก็จะไม่รบกวนคุณแล้ว” อริญชย์ร้องบอกเจ้าของห้องตัวโตที่ขดตัวลงบนโซฟาแคบๆ แล้วหลุดขำออกมาเล็กน้อยกับท่าทีเจ้าแง่แสนงอนเวลาอยู่กันสองคนผิดกับตอนอยู่กับคนอื่น หรือนี่คงจะเป็นธาราคนที่ศรศรัณย์รู้จัก

เพียงแค่ครู่เดียวก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆ มาจากตรงโซฟา แต่อริญชย์ยังนอนไม่หลับ เขานอนจ้องฝ้าเพดานในความมืดอยู่อีกหลายนาทีเพราะภาพแววตาของเด็กหนุ่มตอนที่ธาราบอกว่าเขาท้องลูกของตัวนั้นราวกับโลกทั้งใบแหลกสลายนั้นยังคอยรบกวนหัวใจเขาอยู่

“ถ้านายจะเจ็บปวดขนาดนั้น แล้วทำไมนายต้องโกหกฉันด้วยล่ะริน”

อริญชย์ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัวเพื่อหนีให้พ้นจากสายตาคู่นั้นที่ยังติดตรึงอยู่ในความคิด พลันกลิ่นหอมของเด็กหนุ่มที่ติดอยู่ตรงผืนผ้าลอยมากระทบจมูก เขาหลับตาสูดกลิ่นหอมที่ช่วยเยียวยาหัวใจจากความเหนื่อยล้านั้นแล้วหลับสนิทในอีกไม่กี่นาทีต่อมา

*************************************

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
สงสารรรรเจ้ารินน ชอบก็บอกว่าชอบไปสิ :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
แล้วจริงๆใครเป็นคนเปลี่ยนยา  :m28: :m28:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เรื่องมันดูวุ่นวายไปหมดเลย แล้วพี่รินกับธารินจะปรับความเข้าใจกันได้ยังไงล่ะเนี่ย แถมยังหาคนเปลี่ยนยาไม่ได้อีก

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทำไมต้องทำแบบนี้อ่ะ?
ต้องเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงขนาดนี้เลยเหรอ ความรู้สึกคนอื่นก็คือช่างมัน?

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เฮ้อทำไมต้องทำเรื่องให้มันยาก แล้วยังไม่มีหลักฐานว่ารินเป็นคนทำด้วย ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมธาราเกลียดคู่หมั้นตัวเอง หรือว่าเห็นชอบอยู่กับริน เลยอยากเอาคืน แล้วก็งงกับหมอรินมาก มาต่อเร็วๆนะคะ :pig4:  :L1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
ความย้อนแย้งไม่ชัดเจนของทุกคนทำให้งงและสับสน เรื่องของศรกับธาราที่เจ้าตัวเล่า ไม่ต้องฉลาดอย่างหมอริน เรายังรู้เลยว่าศร รักธารา แค่ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ธาราเปลี่ยนไป

ธาริน ช่วยโตสักทีเถอะ ขอความชัดเจนในที่สิ่งทำและพูดบ้าง

ส่วนธารา จากร้ายๆน่ารังเกียจ อยู่ดีๆดันดูน่าสนใจและมีเสน่ห์น่าค้นหาขึ้นมาซะอย่างนั้น

 

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 16 ถอนหมั้น

เพราะยังอยู่ในช่วงพักงานอริญชย์จึงตั้งนาฬิกาปลุกสายกว่าปกติ ไม่ใช่เพราะขี้เกียจแต่เขาต้องการหลีกเลี่ยงการเจอคนในบ้านโดยเฉพาะธาริน เขาตื่นมาราวแปดโมง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ลงมากินอาหารเช้าที่คุณแอนแม่บ้านร่างท้วมหน้าดุจัดไว้ให้ เธอเป็นคนที่ธาราส่งมาดูแลเขาซึ่งอริญชย์คิดว่าเธอคงไม่ชอบหน้าเขาแน่ๆ เพราะนอกจากจะถามคำตอบคำแล้วยังคอยจับจ้องเขาทุกฝีก้าวไม่ว่าจะขยับไปทางไหนจนรู้สึกเกร็งไปหมด ช่วงกลางวันก็ไปนั่งคุยศรศรัณย์แก้เหงาในครัวและพบว่าเขาทำอาหารอร่อยมากจริงๆ ตามที่เด็กหนุ่มเคยเล่าให้ฟังจนรู้สึกเสียดายที่คนอื่นๆ ในบ้านไม่ยอมกิน ส่วนตอนเย็นก็ไม่ค่อยเจอใครอยู่แล้วเพราะไม่มีใครกลับตรงเวลาสักคน ระยะเวลาเกือบสัปดาห์ที่มาอยู่ที่นี่จึงมีแค่เขากินข้าวกับศรศรัณย์สองคนเท่านั้น

“ปกติคุณกินข้าวคนเดียวแบบนี้เกือบทุกวันเลยเหรอ” อริญชย์ถามในเย็นวันหนึ่ง

“ไม่หรอก ส่วนใหญ่รินจะมากินด้วย” ศรศรัณย์ตอบ ทีแรกเขาก็ไม่ค่อยอยากคุยกับอริญชย์เท่าไหร่แต่เพราะอีกฝ่ายตามตื๊อไม่เลิกจนถึงขั้นลามมาขอดูตอนเขาทำอาหารพอเขาทำเสร็จก็นั่งมองเขาตาแป๊วเลยต้องชวนมากินด้วยแล้วหลังจากนั้นพวกเขาสองคนก็กลายมาเป็นเพื่อนกินข้าวกัน

“แล้วช่วงนี้หายไปไหน” อริญชย์เหลือบตามองอริญชย์มองนาฬิกาที่ผนังตอนนี้เวลาล่วงมาถึงสองทุ่มแล้ว

“มีเรียนมั้ง ไม่ก็คงขึ้นฝึก”

“ช่วงนี้ไม่มีขึ้นฝึกและไม่มีวิชาไหนเลิกคลาสเกินหกโมงเย็นแน่ๆ เพราะใกล้สอบกลางภาคแล้ว” อริญชย์ว่า “คุณศรไม่ลองโทรหรือไลน์ไปตามหน่อยเหรอ”

ศรศรัณย์เลิกคิ้ว “ไม่ล่ะ โตๆ กันแล้ว ไม่เห็นต้องตามเลยเดี๋ยวก็กลับ ถ้าคุณเป็นห่วงก็โทรเองสิ คุณเองก็สนิทกับเจ้ารินนี่นา”

“เรื่องอะไรต้องโทร” อริญชย์บ่นงึมงำ “แล้วก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นด้วย”

“เหรอ~ ผมเห็นหมู่นี้เขาพูดถึงคุณบ๊อยบ่อย ว่าอาจารย์รินดีอย่างงั้นอย่างงี้ เป็นมายไอดอลของเขา เพิ่งพาหมอนั่นไปเที่ยวมาด้วยไม่ใช่เหรอ”

อริญชย์หัวเราะแห้ง “สนิทยังไงก็สู้คุณไม่ได้หรอกมั้งคุณศร ตอนเขาบริจาคสเต็มเซลล์คุณก็ไปนั่งเฝ้าเป็นวันไม่ใช่เหรอ ได้ข่าวว่าถึงขั้นยอมไปลาออกจากรงานเพื่อขอให้ธาราพาไปเลยนี่นา”

“เขาเป็นน้องของธารานี่นา” ศรศรัณย์บอก “ตอนเด็กๆ สองคนนั่นไม่เหมือนกันสักนิด ธาราเป็นเด็กตัวเล็ก ผอม ขี้อายชอบอ่านหนังสือ แต่เจ้ารินนี่กินเก่ง อ้วนตัวใหญ่มาตั้งแต่เด็กแล้วก็เป็นหัวโจกเที่ยวหาเรื่องเขาไปทั่ว”

“ผมนึกภาพออกเลยล่ะ”

“เวลาทะเลาะกับใครได้แผลมาก็จะมาให้ผมทำแผลให้ แล้วก็อ้อนให้ผมทำขนมให้กินปลอบขวัญ จะว่าไปที่ผมชอบทำอาหารก็ได้อิทธิพลมาจากเจ้ารินส่วนนึง คุณลองคิดดูนะมีเด็กตัวกลมๆ ปุ๊กปิ๊กมานั่งเกาะแขนขอขนมพอส่งให้ก็ทำตาโตตักกินแก้มตุ้ย ในฐานะคนทำนี่เป็นปลื้มจะตาย”

“เพราะงี้ใช่ไหมคุณเลยชอบเด็กนั่น”

“ก็ชอบสิ... เดี๋ยวนะผมว่าคุณกำลังหมายถึงชอบแบบที่ธาราเข้าใจผิดแน่ๆ”

อริญชย์เลิกคิ้ว “เข้าใจผิดจริงเหรอ”

ศรศรัณย์เท้าแขนลงบนโต๊ะและทำหน้าเบื่อหน่าย “ขี้เกียจอธิบายแล้วเหนื่อย พูดไปก็ไม่เชื่ออยู่ดี”

อริญชย์ชะโงกตัวไปข้างหน้าจนหน้าเกือบจะชิด “เล่าหน่อยน่าอยากฟัง รับรองว่าผมจะเชื่อที่คุณพูดทุกคำเลย”

“เอาเป็นว่าเจ้ารินเป็นน้องผม แล้วหมอนั่นก็มีคนที่ชอบมากแล้วแค่นั่นแหละ” ศรศรัณย์สรุป

“ชอบมากนี่มากนี่แค่ไหน”

“แบบที่อยากได้มาทำเมียน่ะ”

อริญชย์แทบไถลตกจากโต๊ะ เขาดึงตัวกลับมานั่งที่เดิมและพูดอ้อมแอ้ม “คุณพูดเกินไปหรือเปล่า”

“เจ้ารินบอกเอง... อาทิตย์ก่อนยังมาเกาะแขนถามผมอยู่เลยว่าจะทำยังไงให้เขามีความสุข มาวันนี้หงอยเป็นลูกหมาโดนวางยาสงสัยอกหักไปแล้วมั้ง... ว่าแต่คุณไม่รู้เลยเหรอว่าเจ้ารินแอบชอบใคร”

อริญชย์ส่ายหน้า

พอทั้งสองกินข้าวเสร็จคุณแอนก็เดินมาเก็บจานก่อนจะเสิร์ฟไอศกรีมลงตรงหน้าอริญชย์ในขณะที่ศรศรัณย์ปฏิเสธเพราะอยากคุมน้ำหนัก

“คุณชอบเหรอเห็นทานทุกวันเลย”

“เพิ่งหัดกินเร็วๆ นี้แหละ” อริญชย์บอกพลางตักไอศกรีมที่วันนี้เป็นรสแพชชั่นฟรุ๊ตใส่ปากจริงๆ เขาอยากกินรสรัมมากกว่าแต่พอแกล้งเอ่ยปากขอไปคุณแอนก็ส่งสายตาเขียวปัดมาให้จนเขานึกสงสัยว่าคุณแอนรู้อะไรหรือเปล่าเพราะธาราไม่ได้บอกใครนอกจากธารินว่าเขาท้องนี่นา

“ธาราเขาเอาใจคุณดีนะ ให้แม่บ้านคนสนิทมาดูแลแถมยังเตรียมของที่ชอบไว้ให้อีก”

อริญชญ์พลางเหลือบตามองคุณแอนที่ยืนมือประสานกันอยู่ด้านหลังด้วยท่าทีเรียบร้อยแต่สายตาที่มองมานั้นช่างดุดันเหลือเกินจนรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ตลอดเวลา “ไม่รู้ว่าเอาใจหรือส่งคนมาคุม”

“พรุ่งนี้ผมจะกลับบ้านแล้วนะ” ศรศรัณย์เอ่ยขึ้นทีแรกก็คิดว่าจะออกไปเงียบๆ แต่พอสนิทกันมากขึ้นก็คิดบอกไว้หน่อยก็ดีกว่าหายไปเฉยๆ เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปอริญชย์อาจจะต้องนั่งกินข้าวเย็นคนเดียวเหมือนอย่างที่เขากินมาหลายปีก็ได้

อริญชย์มีสีหน้าตกใจขึ้นมาทันที “ทำไมล่ะครับ คุณธงชัยกับคุณวิลาวรรณก็อนุญาตให้คุณอยู่ที่นี่ต่อไปได้นี่น่า”

“ถอนหมั้นไปแล้วจะให้ผมอยู่ในฐานะอะไรละครับ” ศรศรัณย์ถามกลับ “ตอนนี้ผมก็กลายเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์แล้วผมกลับบ้านไปอยู่บ้านตัวเองดีกว่า”

“แล้วคุณไม่บอกลาอดีตคู่หมั้นคุณหน่อยเหรอ”

“ผมส่งข้อความไปบอกเขาแล้วเมื่อเช้า”

“แล้วเขาตอบว่าไง”

“ก็ไม่เห็นตอบอะไร” ศรศรัณย์บอก

“แล้วคุณจะทำไงต่อ ได้ข่าวว่าลาออกจากงานแล้วนี่”

“ก็ไปสมัครงานใหม่แค่นั้นเอง เศรษฐกิจแบบนี้อาจจะหายากหน่อยแต่เดี๋ยวก็หาได้ ผมไม่นั่งงอมืองอเท้าขอเงินใครหรอก”

อริญชย์ได้แต่พยักหน้าและไม่ถามอะไรอีกก่อนจะแยกย้ายกันไป

คุณแอนกำลังเก็บโต๊ะอาหารตอนที่เด็กหนุ่มในชุดนึกศึกษาเดินเข้ามาในห้องอาหาร “อ้าว คุณหนูกลับมาพอดีคุณศรกับคุณรินเพิ่งทานข้าวเสร็จเมื่อสักครู่ คุณหนูจะรับข้าวเลยไหมคะ”

“ผมทานมาแล้วครับป้า” ธารินตอบพลางมองสำรวจถ้วยขนมที่เกลี้ยงเกลา “วันนี้เขาทานได้เยอะไหม”

“ข้าวไม่ค่อยทานค่ะ แต่ทานไอศกรีมวันละสิบลูกจนป้าเริ่มเหนื่อยใจแล้วค่ะ เมื่อเย็นนี้ก็ทานข้าวได้สามคำแต่ได้ไอศกรีมไปสี่ลูกตอนนั่งคุยกับคุณศร” คุณแอนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจในฐานะคนที่ดูแลนายน้อยทั้งสองของบ้านมาตั้งแต่เล็กและตอนนี้ก็ได้รับมอบหมายให้ดูแลคู่หมั้นให้ดีกินอิ่มนอนหลับ คุณศรศรัณย์ก็ทำกับข้าวกินเองจนเธอแทบไม่มีโอกาสแสดงฝีมือ ส่วนคุณอริญชย์ก็กินข้าวอย่างกับแมวดม รู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นแม่บ้านที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ

“ช่วงนี้เขาไม่ค่อยสบายน่ะครับคงกินได้น้อย นี่ครับผมซื้อมาเพิ่มให้แล้วเขาอยากทานรสอะไรก็ให้ทานไปนะครับแต่อย่าเอารสรัมให้กินเด็ดขาดเลยนะครับ เขาแพ้แอลกอฮอล์น่ะ” ธารินบอกพร้อมกับส่งถุงของในมือให้

“ได้ค่ะคุณหนู” คุณแอนรับมาเปิดดูของข้างในนอกจากจะมีไอศกรีมหลายรสที่เน้นรสเปรี้ยวเป็นหลักแล้วก็ยังมีนมสดอีกหลายกล่อง “แหม คุณอริญชย์นี่โชคดีนะคะมีคุณหนูคอยเอาใจ คุณศรของป้าไม่เห็นคุณธาราเอาใจแบบนี้บ้างเลย”

“แล้วนี่จะแต่งงานพร้อมคุณธาราเดือนหน้าเลยหรือเปล่าคะ หรือจะรอไว้หลังเรียนจบก่อน”

ธารินสะดุ้งเฮือก “เดี๋ยวนะครับป้าแอน! ผมคิดว่าป้าแอนต้องเข้าใจอะไรผิดไปกันใหญ่แล้วแน่ๆ อาจารย์รินเขาเป็นอาจารย์หมอที่ผมขึ้นฝึกครับ”

“อ้าวเหรอ” แม่บ้านอาวุโสเอียงคอสงสัยเพราะคำสั่งของธารากับคนรับใช้คนอื่นๆ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าให้ดูแลแขกคนสำคัญอีกคนให้ดีด้วย “ป้าเข้าใจผิดได้ไงเนี่ย... ป้าว่าป้า...”

“ป้าไม่ต้องคิดอะไรแล้วครับ เอาเป็นว่าผมฝากดูแลเขาด้วยนะครับ ถ้าเห็นมีอะไรผิดปกติมาบอกผมได้เลยนะครับป้าแอน”

“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณหนู ป้าทำตามที่คุณหนูสั่งเป็นอย่างดีเลยค่ะ” คุณแอนรับคำและรีบเอาไอศกรีมไปแช่ตู้เย็นก่อนที่มันจะละลายเสียหมด

เช้าวันต่อมาอริญชย์ก็รีบตื่นลงมาส่งศรศรัณย์กลับบ้าน ทีแรกเขาคิดว่าคงมีคนอื่นๆ มาด้วยแต่ก็มีแค่เจ้าตัวที่กำลังยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ขึ้นท้ายรถอย่างทุลักทุเล “ผมช่วยนะครับ... โห หนักใช่เล่นเลยนะเนี่ย”

“ก็อยู่มาตั้งนานแล้วนี่นา” ศรศรัณย์บอกพลางกดปิดฝาท้าย

“โชคดีนะครับ” 

ศรศรัณย์หันมามองชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะตวัดสายตาลงมามองมือข้างซ้ายของตัวเองแล้วถอดแหวนเงินบนนิ้วนางส่งให้ “รับไปสิครับ”

“คุณเอาให้ผมทำไมครับ” อริญชย์ถามด้วยความสงสัยแต่ถึงอย่างนั้นก็รับมาถือไว้

“มันเป็นแหวนหมั้นน่ะ” ศรศรัณย์บอกพลางทอดสายตามองแหวนเงินที่เขาสวมติดนิ้วมาตลอดนับตั้งแต่วันที่ได้รับมาในมือเจ้าของคนใหม่ “ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้าของมันแล้ว แต่มันเป็นของคุณ”

แม้คนที่เป็นเจ้าของวงที่เป็นคู่กันจะไม่เคยสวมให้แต่เขาก็ยังอาลัยอาวรณ์มันอยู่ไม่น้อยไม่ใช่ที่มูลค่าหากเป็นที่จิตใจ แหวนวงเล็กๆ ซึ่งเหมือนเป็นกุญแจและสายใยบางๆ ผูกพันที่ทำให้เขาเข้าออกบ้านหลังนี้ได้ ถ้าไม่มีมันแล้วเขาคงไม่มีเหตุผลจะมาที่บ้านหลังนี้อีก และนี่คงเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้ยืนอยู่ในบ้านหลังนี้ จริงๆ เขาคิดว่าจะออกไปตั้งแต่วันแรกที่อริญชย์เข้ามาแล้วด้วยซ้ำ หากลึกๆ แล้วเขายังแอบหวังว่าธาราจะพูดอะไรสักอย่างเช่นยังอยากเป็นเพื่อนกันต่อไป แต่เขาก็คงหวังมากเกินไป ธาราไม่พูดอะไรและจนถึงตอนนี้ข้อความที่ส่งไปบอกว่าจะไปยังไม่ได้รับการตอบใดๆ แม้ว่าจะถูกเปิดอ่านแล้วก็ตาม และนี่แหละคือฟางเส้นสุดท้ายสำหรับเขา

“คุณศร” อริญชย์เรียกเสียงเบาเมื่อเห็นคนตรงหน้าหลุดไปอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง

ศรศรัณย์รู้สึกตัว เขาเบนสายตากลับมาหาชายหนุ่ม “ว่าไงครับ”

“แล้วพบกันใหม่นะครับ”

ศรศรัณย์รู้สึกแปลกใจกับถ้อยคำบอกลาที่เจือด้วยการต้อนรับอยู่กลายๆ ทั้งที่มันไม่น่าจะมีทางเป็นไปได้แต่เขาก็ตอบรับไปตามมารยาท “ครับ”

ส่งศรศรัณย์ขับรถออกไปอริญชย์ก็กลับเข้ามาในบ้าน คุณแอนก็รีบเข้ามาทำหน้าที่ของเธออย่างแข็งขันเหมือนอย่างเคยถึงหน้าตาจะไม่ยิ้มเลยก็ตาม

“คุณอริญชย์จะรับข้าวเช้าเลยไหมคะ ฉันจะได้ให้คนตั้งสำรับให้”

“ผมยังไม่หิวครับ เดี๋ยวผมหาทานเองขอบคุณมากนะครับ”

“ถ้าไม่หิวจะรับของว่างก่อนไหมคะ วันนี้ฉันเตรียมไอศกรีมรสมะนาวกับสตรอว์เบอร์รี่ไว้ให้ค่ะ”

อริญชย์หันควับไปทันที “ถ้างั้นจะรออะไร ตั้งโต๊ะเลยครับ” เขาบอกพร้อมกับเดินตามไปอย่างอารมณ์ดีจึงไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามหลังไปด้วยความเป็นห่วง

ธารินเดินลงมาชั้นสอง เขามองผ่านประตูออกไปเห็นรถของศรศรัณย์กำลังขับลับสายตาถึงเมื่อคืนจะร่ำลากันแล้วแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ที่เช้านี้พี่ศรรีบร้อนออกไปโดยไม่ยอมให้น้องชายคนนี้ไปส่ง พี่ศรคงจะไม่อยากแสดงท่าทีเสียใจให้เขาเห็น

เขาตวัดสายตากลับมามองร่างบางที่กำลังจะเข้ามาเป็นว่าที่สะใภ้คนใหม่แทนที่ เห็นอริญชย์ดูมีความสุขไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับความขมขื่นของคนอื่นแล้วก็ยังนึกสงสัยไม่หายว่าทำไมเรื่องมันถึงพลิกจากมือเป็นหลังมือได้ในระยะเวลาเพียงแค่ชั่วข้ามคืน... อาจารย์เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลและเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้เลยเหรอ

แล้วภาพที่อริญชย์ก้มหัวขอโทษเขาตอนที่รู้ว่าตัวเองผิดหลังจากขึ้นเสียงใส่เขาตอนที่แอบพาน้องมีนนี่ออกจากวอร์ดกับตอนที่ออกหน้าเถียงนนท์ประวิชที่ต่อว่าเขาเรื่องแอบไปหาผู้บริจาคสเต็มเซลล์ลอยขึ้นมาในหัว คนในชุดกาวน์ที่นั่งหลังขดหลังแข็งสอนการบ้านน้องโฮปทุกวัน และสุดท้าย... คนที่ร้องไห้กับอกเขาอยู่เกือบชั่วโมงตอนเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟัง

...นี่ไม่ใช่อาจารย์รินคนที่เขารู้จัก อาจารย์รินของเขาไม่ใช่คนแบบนี้ และเขายังคงเชื่อมั่นแบบนั้น...

ธารินพึมพำกับตัวเอง มือกำสายกระเป๋าแน่นแล้วเดินออกจากบ้านไป



“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะศร” กุลธิดากล่าวกับลูกชายคนเดียว

หลังจากจากสามีของเธอเสียไปตั้งแต่ศรศรัณย์ยังเล็กทั้งสองก็อยู่กันสองแม่ลูกมาโดยตลอด ช่วงแรกๆ ชีวิตก็ล้มลุกคลุกคลานบ้างเพราะก่อนสามีจะเสียธุรกิจที่ลงทุนไว้ก็ใช่ว่าจะดีนัก เป็นหนี้ธนาคารหลายสิบล้าน เธอเองเป็นแม่บ้านเต็มตัวไม่เคยลงมือทำงานบริหารธุรกิจเรียกว่ามานับหนึ่งกันใหม่ รู้สึกผิดไม่น้อยที่ต้องเก็บของเก่าทั้งเครื่องเพชรและเครื่องเงินที่รุ่นปู่รุ่นย่าส่งเป็นมรดกตกทอดมาไปขายเพื่อหาเงินมาหมุนแต่ตอนนี้มรสุมต่างๆ ก็ผ่านพ้นไปหมดแล้ว

ศรศรัณย์ทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างคนเป็นแม่หลังจากย้ายตัวเองเข้าไปอยู่บ้านธาราเมื่อปีก่อนทำให้เขาไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนัก “ไม่ได้กลับบ้านซะนาน คิดถึงแม่จัง”

“ขนของมาหมดหรือยัง”

“ก็ยังเหลืออีกนิดหน่อยครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเข้าไปเอาอีกรอบ” ศรศรัณย์บอกพลางเอื้อมมือไปสัมผัสกลีบบางของดอกกุหลาบแดงในกระเช้าใบใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ คิดว่าแม่คงจัดเตรียมไว้ต้อนรับลูกชายกลับบ้านแน่ๆ

“โล่งอกไปทีนะที่ทางนั้นเป็นฝ่ายถอนหมั้นเสียเอง แม่ก็ลุ้นแทบตายนึกว่าศรจะเป็นคนถอนหมั้นก่อน”

“ผมไม่อยากทำให้คุณปู่เสียใจ”

“ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่แม่ขอบใจศรมากที่ยอมเสียสละถ้าต้องให้หาเงินมาจ่ายทางนั้นแม่แย่แน่ๆ”
ศรศรัณย์ลุกขึ้นนั่งตัวตรง “เงินอะไรครับ”

“เงินค่าทำสัญญาไง”

“สัญญาอะไรแม่” ศรศรัณย์ถามย้ำ “ปู่แค่สั่งเสียให้เราแต่งงานกันไม่ใช่เหรอ แล้วมีเรื่องเงินอะไรอีก”

“ก็ที่ปู่เราตกลงกันเรื่องแต่งงานน่ะมันไม่ใช่แค่เรื่องสนิทกันแต่เขาทำสัญญาเดิมพันกันไว้ด้วย ถ้าฝ่ายไหนเป็นคนถอนหมั้นต้องจ่ายค่าแพ้พนันสิบล้าน”

“สิบล้าน!” ศรศรัณย์ร้องเสียงดัง

“เอ้านี่ศรจำไม่ได้เหรอ วันที่ทนายพูดเรื่องนี้ตอนเปิดพินัยกรรมน่ะ...”

เด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายนั่งตัวเกร็งอยู่ท่ามกลางพวกผู้ใหญ่ที่มารวมกันอยู่ในห้องโถงของวันเปิดพินัยกรรมหลังจากที่คุณปู่เสีย

ศรศรัณย์นั่งตัวตรงไม่กล้ามองไปทางไหน เพราะในบรรยากาศเศร้าโศกนั้นอวลไปด้วยความตึงเครียด นานๆ ครั้งถึงเหลือบตามองไปยังเด็กหนุ่มในชุดสูทสีดำอย่างเป็นทางการที่นั่งข้างกัน ร่างกายของเขาสูงใหญ่ อกกว้างและสง่าผ่าเผยจนไม่น่าเชื่อเลยว่าจนถึงสองปีก่อนธาราจะตัวเล็กกว่าเขาและเตี้ยกว่าเกือบสิบเซนต์ ในระยะเวลาแค่สองปีกลับสูงแซงหน้าเขาไปอย่างไม่น่าเชื่อ

‘พินัยกรรมระบุไว้ว่าขอให้หลายชายของทั้งคู่ คุณธาราและคุณศรศรัณย์แต่งงานกันเมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีบริบูรณ์’ ทนายความประจำตระกูลอ่านคำบันทึกด้วยเสียงดังฟังชัด ‘ถ้าหากมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการทำตามความประสงค์จะต้องเสียค่าผิดคำสัญญาให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นจำนวนเงินสิบล้านบาท’

‘เงินมากถึงขนาดนั้นเราไม่มีจ่ายหรอกค่ะ’ กุลธิดาเอ่ยขึ้น ‘คุณก็ทราบดีว่าหลังจากที่สามีดิฉันเสียไปก็ทิ้งหนี้สินไว้ก้อนโต’

‘ไม่มีก็ไม่ยากนี่ครับ คุณก็แค่รับปากตกลงแต่งงานเรื่องมันก็จบแล้ว’ ธงชัยกล่าว

‘ใช่ค่ะ ฉันไม่เห็นว่ามันจะยากตรงไหน’ วิลาวรรณสำทับ ‘แล้วถ้าหากว่าคุณไม่มีเงินไปหมุนก็เอาเครื่องเพชรมาฝากไว้กับเราก่อนก็ได้นะคะ ได้ข่าวว่าคุณแม่ของสามีคุณสะสมไว้หลายชิ้นอยู่ บางชิ้นก็เป็นสมบัติตกทอดมาหลายรุ่นเป็นของมีค่าหายากมากรับรองว่าทางเราจะให้ราคาสมน้ำเนื้อแน่ๆ ค่ะ’

‘เรื่องเครื่องเพชรดิฉันขอบคุณและลองไปคิดดูนะคะ’ กุลธิดาค้อมศีรษะ ‘แต่ว่าเรื่องแต่งงานของลูก ถึงเขาจะเป็นโอเมก้าแต่ดิฉันคิดว่ายังไงก็ควรให้เขาตัดสินใจเลือกคู่ครองเองค่ะ’

‘แต่ถ้าเขาไม่ตกลงทางคุณก็ต้องเสียสิบล้านนะคะ’ วิลาวรรณบอก

‘แต่ทางเราก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ศรเองพวกคุณก็เอ็นดูอยู่ไม่น้อย ถึงจะเป็นข้อตกลงของพวกคุณพ่อแต่เราก็น่าจะคุยกันได้นะคะ’

‘ผมเป็นนักธุรกิจครับ” ธงชัยเอ่ยขึ้น “แล้วพินัยกรรมของพวกคุณพ่อก็เขียนไว้ชัดเจน ก็คงต้องจ่ายกันตามนั้นไม่มีลดทอนใดๆ’

‘แต่ว่า...’

‘ทำไมคุณไม่ลองถามลูกชายคุณดูก่อนละคะ’ วิลาวรรณบอก ‘ผู้ใหญ่อย่างเรามัวแต่มาคิดแทน บางทีเขาอาจจะอยากแต่งงานกับลูกชายดิฉันก็ได้นะ’

กุลธิดาขยับตัวอย่างอึดอัดภายใต้ชุดผ้าไหมเนื้อดี เธอหันไปหาลูกชายและเอ่ยถาม ‘ลูกมีความเห็นยังไงบ้าง ถ้าลูกปฏิเสธเราต้องเสียให้เขาสิบล้านนะ’

ศรศรัณย์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ผู้เป็นแม่ก็หันมาคุยด้วย ‘แม่ว่ายังไงนะครับ’

กุลธิดาผ่อนลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวซ้ำ ‘คุณปู่ของพวกเราน่ะ ตกลงกันไว้ว่าอยากให้ลูกกับธาราแต่งงานกัน ลูกจะว่ายังไงจ๊ะ’

ศรศรัณย์หันมองเด็กหนุ่มที่นั่งข้างกันอีกครั้งก่อนจะตอบด้วยเสียงดังฟังชัด ‘แต่งครับ’



“นึกออกหรือยัง” กุลธิดาถาม

ศรศรัณย์ส่ายหน้า “ผมจำไม่ได้จริงๆ ครับ”

เขาสาบานได้ว่าจำไม่ได้เลยจริงๆ... ทุกอย่างมันเลือนลางมาก ความทรงจำที่แจ่มชัดสำหรับเขาคือเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของคนในชุดสูททางการสีดำที่นั่งอยู่ข้างกันเท่านั้น เขาแทบไม่ได้ฟังว่าพวกผู้ใหญ่คุยอะไรกันเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเด็กอย่างเขา แต่จำได้ว่าคุยกันเรื่องคำสัญญาและการแต่งงานระหว่างเขากับธารา พอแม่หันมาถามเขาก็ตอบตกลงไปแค่นั้นเอง

“เอาเถอะ! ยังไงเรื่องมันก็จบแล้ว ลูกแม่ก็ใจแข็งมากเลยนะที่รับปากยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แม่นึกว่าต้องเสียเงินสิบล้านให้ทางนั้นเสียแล้ว ทางนั้นน่ะสบายๆ แต่บ้านเราไม่ได้มีเงินขนาดนั้นแล้วคุณธงชัยกับคุณวิลาวรรณก็ไม่ประนีประนอมเลยถึงแม่จะขอร้องสักกี่ครั้งก็ยืนยันว่าให้จ่ายตามพวกคุณปู่พนันกันไว้”

ศรศรัณย์สมองมึนชาไปหมดกับสิ่งที่เพิ่งรู้ว่านี่เป็นแค่เกมของพวกผู้ใหญ่ งั้นที่ผ่านมาที่เขาทนอยู่เพื่อต้องการพิสูจน์ตัวเองให้บ้านนั้นเห็น ยอมแม้กระทั่งลาออกจากงานตามที่ธาราต้องการเพื่อเตรียมตัวมาเป็นแม่บ้านดูแลลูก แต่กลับกลายเป็นว่าโดนมองว่าเพราะไม่อยากแพ้พนัน... เพราะเห็นแก่เงินอย่างนั้นเหรอ ที่ธารากระแหนะกระแหนเขามาตลอดหลายปีนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงเลยน่ะสิ

“แม่... แล้วที่แม่ไปเอาเงินเขามาใช้หนี้ล่ะ”

“แม่เอาเงินเขามาใช้หนี้ แต่แม่ไม่เคยขอเขาสักบาทเลยนะ” กุลธิดาบอกลูกชาย “เป็นเงินที่แม่เอาเครื่องเพชรไปขายให้เขาบางส่วน และบางส่วนธาราเขาก็โอนมาให้แม่เองบอกว่าเป็นกำไรที่ได้จากการลงทุนร่วมกันกับลูก”

“แล้วที่เขาโอนให้แม่มาสองล้านเมื่อเดือนก่อนละครับ”

“เขาบอกแม่ว่าเป็นค่าชดเชยที่ต้องขอให้ลูกลาออกจากงานทำให้ไม่มีรายได้” กุลธิดาบอกพร้อมกับเปิดกระเป๋าหยิบสมุดบัญชีขึ้นมาให้ดู “แต่แม่ไม่ยุ่งหรอก เพราะหนี้ที่พ่อทิ้งไว้แม่จัดการหมดแล้ว แม่เลยเอาเงินนั่นไปเปิดบัญชีเป็นชื่อเราเพื่อว่าในอนาคตต้องใช้เวลามีลูก”

ศรศรัณย์รับสมุดบัญชีมายอดรวมในตอนนี้มีอยู่สิบล้านตามที่ธาราเคยบอก แต่เขาสองคนไม่ได้ลงทุนหรือทำธุรกิจอะไรใดๆ ร่วมกันแล้วธาราจะโกหกเขาไปเพื่ออะไร

“เอ้านี่ของเรา ธาราเอามาให้แม่เมื่อเช้า” กุลธิดาเปิดกระเป๋าอีกครั้งแล้วส่งซองสีขาวอันหนึ่งให้

“อะไรครับ” ศรศรัณย์รับมา ซองนั้นค่อนข้างหนาและมีน้ำหนักมากพอสมควรถ้าหากเป็นเงินก็คงไม่หน่อยกว่าหลักแสนทีเดียว

“เขาบอกว่าเป็นค่าทำขวัญกับค่าเสียหายที่ต้องขอให้ถอนหมั้นในช่วงเวลากระชั้นชิด” กุลธิดาบอก “เขามาพร้อมกระเช้าดอกไม้ช่อใหญ่แล้วก็ขอโทษขอโพยใหญ่เลย แม่ปฏิเสธยังไงก็ขอให้รับไว้ให้ได้เขาบอกว่ามันเป็นของลูก เป็นสิ่งที่ลูกควรได้รับ”
ศรศรัณย์หันไปมองกระเช้าดอกกุหลาบแสนสวยบนโต๊ะอีกครั้งแล้วก้มลงแกะซองสีขาวในมือออกดู

“เขาให้มาเท่าไหร่เหรอลูก”

“มันไม่ใช่เงินครับ”

“แล้วเขาให้อะไรเรามาล่ะ”





ศรศรัณย์ขับรถมาจอดหน้าอาคารสูงสองชั้นหลังหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องเปิดดูที่อยู่ซึ่งระบุไว้ในเอกสารที่ธาราให้มาซ้ำสอง เขามั่นใจมากว่าต้องเป็นที่นี่

ร่างสูงโปร่งเปิดประตูเดินลงจากรถและเดินตรงไปยังรั้วทำใหม่ซึ่งสูงระดับอก มองจากด้านนอกเข้าไปเห็นสนามด้านหน้าอาคารถูกปูด้วยพรมหญ้าญี่ปุ่นสีเขียวสดตรงแนวรั้วมีดอกกุหลาบกุหลาบเป็นแนวยาว และตรงประตูทางเข้าร้านก่ออิฐสีน้ำตาลแดงนั้นขนาบข้างด้วยต้นกุหลาบป่าที่ลำตันเลื้อยขึ้นไปเป็นซุ้มดอกไม้ที่กำลังออกดอกสีแดงสดบานสะพรั่ง

ประตูไม้นั้นล็อกอยู่เขาหยิบซองที่ได้รับมาจากแม่... จากธาราออกมาและเทของข้างในออกมา มันคือลูกกุญแจสีเงินดอกใหญ่ เขาไม่แปลกใจเลยที่แม่กุญแจคลายสลักออกให้เข้าไปด้านในอย่างง่ายดาย

มือเรียวผลักประตูไม้เข้าไปด้านใน และราวกับว่ามันพาเขาข้ามเวลากลับไปวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน


เด็กสองคนนั่งอยู่ตอนหลังของรถเก๋งที่กำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เด็กคนหนึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือในขณะที่เด็กชายตัวโตกว่าอีกคนกำลังมีความสุขกับการเกาะขอบหน้าต่างดูสิ่งต่างๆ ที่เคลื่อนผ่านไป

‘ธารา ถ้าเราโตขึ้นนะ เราจะซื้อห้องตรงนั้นมาทำเป็นร้านอาหารล่ะ’

เจ้าของชื่อละสายตาจากหนังสือแล้วเหลียวมองข้ามไหล่ไปยังตรงที่คนซึ่งมาด้วยกันชี้ให้ดู มันเป็นอาคารธรรมดาหลังหนึ่งค่อนไปทางเก่าซึ่งเจ้าของเปิดเป็นร้านขายของชำไม่ได้ดูมีอะไรน่าสนใจนัก ไม่ว่าจะด้วยทำเลหรือสิ่งแวดล้อมโดยรอบ ‘ทำไมถึงต้องเป็นห้องนั้น’

‘มันอยู่ตรงกลางระหว่างบ้านเรากับบ้านนายไงพอดีไง เวลานายมาหาเราจะได้มาง่ายๆ แล้วเราก็จะได้ไปบ้านนายง่ายๆ ด้วยไม่ดีเหรอ’

‘ไร้สาระ’

‘ตรงไหนที่ไร้สาระ’

‘ตรงที่มาหาง่ายๆ ไง’ ธาราว่า ‘ต่อให้นายหนีไปเปิดร้านอยู่ใต้มหาสมุทรแปซิฟิคหรือบนยอดเขาโอลิมปัสก็ไม่มีที่ไหนยากเกินที่ฉันจะไปตามหาหรอก’

‘ใช่สิ พ่อคนเก่ง’

‘อือ โดยเฉพาะเรื่องตามหานายเนี่ยฉันมั่นใจมากเลย’ ธาราบอกพร้อมกับปิดหนังสือ ‘รู้แล้วก็อย่าคิดหนีฉันไปไหนอีกนะ ถึงนายจะเป็นโอเมก้า เราก็ยังเป็นเพื่อนกันนะ’

‘อืม’ เด็กชายยิ้มกว้างพร้อมกับยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวให้คำสัญญา



ศรศรัณย์กวาดตามองไปรอบๆ ห้องที่ว่างเปล่าแต่การตกแต่งบางส่วนบอกให้รู้ว่ามันถูกเตรียมพร้อมสำหรับทำเป็นร้านอาหารและมีบันไดวนเล็กๆ ตรงกลางร้านทอดนำไปยังชั้นสองซึ่งแน่นอนว่าคงจะเชื่อมยาวขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าแน่นอน


ภาพตัดไปเป็นบนม้านั่งใต้ต้นไม้ตรงข้างสนามฟุตบอลในโรงเรียน เด็กหนุ่มสองคนนั่งอยู่คนละฟากคนหนึ่งกำลังนั่งวาดอะไรขยุกขยิก ในณะที่อีกคนกำลังนั่งอ่านหนังสือเหมือนเช่นเคย สักพักหนึ่งคนที่กำลังวาดรูปอยู่ก็ลุกขึ้นและเดินอ้อมโต๊ะไปหาอีกคนแล้วส่งสมุดที่เขาเพิ่งสเก็ตซ์รูปเสร็จให้ดู

‘นี่แบบร่างร้านในฝันของฉัน ผนังตรงห้องครัวเราจะติดกระจกทั้งหมด เอาไว้สำหรับแอบมองคนที่มากินอาหารของฉันว่าพวกเขารู้สึกยังไง ฉันจะทำบันไดวนๆ ตรงนี้’

‘บันไดธรรมดาก็พอมั้ง แบบนั้นปวดหัวตาย อันตรายด้วย ลูกค้าก้าวพลาดตกลงมาโดนฟ้องอีก’

‘ฉันชอบนี่นา แล้วก็ไม่ได้มีไว้ให้ลูกค้าขึ้นไปด้วย เพราะชั้นสองฉันจะทำเป็นที่พักของตัวเอง เวลาวันไหนเลิกดึกกลับบ้านไม่ไหวก็นอนที่ร้าน ส่วนตรงดาดฟ้าก็จะทำเป็นลานสำหรับมานั่งกินข้าวและนอนดูดาว’

‘อากาศเมืองไทยร้อนจะตาย ขึ้นไปนอนดูดาวไม่ไหวหรอก’

‘ปลูกต้นไม้รอบบ้านเยอะๆ สิ ต้นไม้ทำให้อากาศเย็นนะนายไม่รู้เหรอ’

‘นายจะขึ้นไปกินข้าวดูดาวกับใคร’ ธาราถามต่อ

‘กับแฟนไง’ ศรศรัณย์บอก

‘มีแล้วเหรอแฟนน่ะ’ ธาราถาม

‘ตอนนี้ยังไม่มีแต่เดี๋ยวก็มี... แล้วก็จะมีลูกสักสามสี่คน’

‘เยอะขนาดนั้นเลี้ยงไหวเหรอไง’

‘ไหวสิ ฉันชอบเด็กนี่นา แล้วที่บ้านก็เป็นลูกคนเดียวด้วย ฉันนะอิจฉาเจ้ารินมาตลอดเลยที่มีพี่ชายดีๆ แบบนาย ถ้ามีคนมาสอนการบ้านให้บ้างก็ดีน่ะสิ’

‘ถึงไม่ได้เป็นพี่ชาย ฉันก็สอนการบ้านนายได้นะ’

‘มันไม่เหมือนกันนี่นา’

‘นายไม่คิดจะปรึกษาแฟนนายในอนาคตเลยหรือไง ถ้าเขาไม่อยากมีลูกเยอะขนาดนั้นล่ะนายจะทำยังไง’

‘ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่แต่ง ไม่เห็นจะยากเลย’

‘เหรอ’ ธาราไม่ตอบโต้อะไรอีกและก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ



ศรศรัณย์กำทุกสิ่งทุกอย่างในมือแน่นเขาคิดมาตลอดว่าธาราเกลียดเขาที่หักหลังคำว่าเพื่อนแล้วตกลงแต่งงานเพราะเห็นแก่เงิน
แต่ถ้าธาราเกลียดเขาแล้วทำไมต้องโกหกเขามาตลอดเรื่องใช้หนี้แทน ทำไมถึงไล่ให้เขาไปรักคนอื่นทั้งที่ตัวเองไม่เคยลืมความฝันเล็กน้อยของเขาที่แม้แต่ตัวเขาเองยังปล่อยมันทิ้งไว้กับอดีตเพราะคิดว่าคงไม่มีวันเป็นจริงแล้ว

“ธารา เรามีเรื่องต้องคุยกัน!”

(ต่อข้างล่างค่ะ)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
(ต่อตรงนี้ค่ะ)

ศรศรัณย์ขับรถกลับไปที่บ้านเห็นรถของธาราเพิ่งเลี้ยวเข้ามาในโรงจอดรถพอดีเหมือนกันจึงรีบจอดรถและเดินไปหา

ในขณะเดียวกันบนชั้นสองของบ้านอริญชย์ที่นั่งหง่าวเฉยๆ กินไอศกรีมรอเวลาให้ผ่านไปมองลงมาเห็นรถสองคันแล่นเข้ามาจอดในเวลาไล่เลี่ยกันก็รีบลุกขึ้นชะโงกหน้าลงไปดู “กลับมาไวกว่าที่คิดแฮะ” เขารีบกวาดไอศกรีมที่กินค้างไว้จนหมดถ้วยส่งให้คุณแอนโดยไม่ลืมกำชับว่าห้ามตามลงมาแล้วรีบเดินลงไปชั้นล่าง... ต้องขอไปเกาะติดสถานการณ์ฟังเหตุการณ์ให้ชัดๆ หน่อย

“มีอะไรเหรอศร” ธาราทำเสียงเหนื่อยหน่ายพลางถอนหายใจเสียงดัง

“ผมต่างหากที่ต้องเป็นคนถามคุณว่านี่อะไร” ศรศรัณย์ชูเอกสารที่แสดงว่าเขาเป็นเจ้าตึกและกุญแจห้องให้ดู

ธาราเหลือบมองด้วยหางตาแล้วตอบเสียงเรียบ “ค่าทำขวัญไง ผมบอกแม่คุณไปแล้วนี่นา”

“ทำไมถึงต้องเป็นที่นั่น แล้วทำไมคุณถึงต้องปลูกกุหลาบไว้เต็มสวน”

“ถ้าคุณไม่ชอบที่ตรงนั้นก็ขายให้คนอื่น แต่ถ้าไม่ชอบกุหลาบก็แค่ถอนทิ้งไป ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่”

“คุณตอบไม่ตรงคำถามนะธารา”

“แต่ผมก็ตอบแล้วไงศร คุณจะเอาอะไรกับผมอีก”

ศรศรัณย์เม้มปากสนิท แต่เขาจะไม่ยอมกลับไปง่ายๆ แน่ “ธารา! คุณตอบผมมาได้ไหมว่าทำไมคุณถึงไม่ปฏิเสธการแต่งงานนี้ตั้งแต่แรก เพราะเงินใช่ไหม เพราะคุณไม่ต้องการเสียเงินพนันสิบล้านก็เลยยอมรับปากใช่ไหม”

“ถ้าผมตอบว่าใช่ล่ะ”

“เหรอ”

“ตกใจทำไม คุณเองก็ไม่อยากเสียเงินเหมือนกันนี่นา”

“คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจนะ แต่ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักนิดเดียว วันนั้นผมไม่ได้ฟังพวกผู้ใหญ่คุยกันด้วยซ้ำเพราะผมมัวแต่มองหน้าคุณ” ศรศรัณย์บอก “ที่ผมรับปากจะแต่งงานเพราะผมอยากแต่งงานกับคุณจริงๆ”

“คุณโกหก คุณรักเจ้าริน”

“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมโกหกล่ะ ทั้งที่ผมพูดความจริงมาตลอดว่าผมคิดว่าเจ้ารินเป็นแค่น้อง” ศรศรัณย์บอก “คนที่ผมรักคือคุณต่างหาก... รักตั้งแต่วันที่คุณกระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วประกาศบอกทุกคนว่าผมเป็นเพื่อนคุณ แต่นับจากวินาทีนั้นผมไม่เคยมองว่าคุณเป็นเพื่อนอีกเลย นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมทนอยู่กับคุณถึงทุกวันนี้... แต่ในเมื่อคุณว่ามองการแต่งงานนี้มันเป็นธุรกิจจริงๆ ตามเกมของพวกผู้ใหญ่แล้วละก็... ลาก่อน”

“ศร เดี๋ยว!”

ศรศรัณย์ชะงัก ไม่ใช่เพราะธาราเรียกแต่เพราะร่างบางเดินเข้ามาขวางทางไว้

“เรื่องจบดีขนาดนี้ ได้เวลาพูดความจริงแล้วล่ะ” อริญชย์ยิ้มกว้าง หลังจากที่แอบอยู่นานก็ถึงเวลาออกโรงสักที

 “คุณน่ะเงียบไปเลยคุณริน” ธารารีบพูดดักคอ

อริญชย์ยกนิ้วชี้ขึ้นตรงหน้าอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะกระดิกไปมาเป็นเชิงถามว่าใครกันแน่ที่ต้องเงียบ “นับสามนะ จะให้ผมพูดหรือคุณจะพูดเอง”

“คุณริน!” ธาราร้องเสียงดัง

ศรศรัณย์หันมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความสับสน แล้วคำตอบก็ค่อยๆ ปรากฏชัดขึ้นเมื่ออริญชย์พูดต่อจนจบ

“หมอนี่เป็นหมันน่ะ”

“คุณว่าไงน่ะ” ศรศรัณย์ทวนคำอย่างไม่เชื่อหู

“ช่ายยยย~ เพราะงั้นเขาก็เลยไม่อยากแต่งงานกับคุณเพราะไม่อยากทำให้คุณผิดหวัง และก็ไม่อยากให้คุณโดนที่บ้านต่อว่าเรื่องมีลูกไม่ได้ด้วยเพราะพ่อกับแม่ไม่มีทางโทษว่าเป็นความผิดของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนผู้เพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่างแน่นอน แล้วคนที่ซวยก็จะกลายเป็นสะใภ้โอเมก้าอย่างคุณ” อริญชย์รีบพูดรัวเร็วก่อนที่จะโดนขัด

ต้องขอบคุณตัวเองที่นึกขึ้นได้ว่าคงไม่ใช่เรื่องปกติที่นายธาราจะไปทำแผลโดนต่อยปากคนเดียวที่คลินิคผู้มีบุตรยากทั้งที่อยู่ไกลบ้านขนาดนั้นทั้งที่โรงพยาบาลอยู่ใกล้กว่า แล้วเจ้าล้านก็เพิ่งจะบอกเขาเองว่าครอบครัวของธาราเป็นผู้บริจาครายใหญ่ คนระดับนี้ถ้าโผล่หน้าไปแน่นอนว่ามีเจ้าหน้าที่ดูแลVIP ล้อมหน้าล้อมหลังให้บริการเป็นพิเศษ นั่นจึงดูผิดวิสัยมาก เขาก็เลยแกล้งทำเป็นสับสนและขวัญเสียกับเรื่องที่ตัวเองท้องโดยไม่ตั้งใจก่อนจะตอบตกลงเรื่องแต่งงานให้อีกฝ่ายตายใจไปก่อนแล้วค่อยๆ ตะล่อมถามข้อมูลมาโดยได้ละม่อมในตอนที่มานั่งคุยรายละเอียดกันทีหลัง

“คุณริน!” ธาราถลึงตาใส่ “คุณทำผิดข้อตกลงของเรา”

อริญชย์ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้

“เดี๋ยวนะธารา” ศรศรัณย์คว้าไหล่ธาราให้หันมาเผชิญหน้า “ที่นายไม่อยากแต่งงานกับฉัน แล้วทำตัวร้ายๆ กับฉันด้วยเหตุผลแค่นั้นจริงๆ น่ะเหรอ”

“ฉันรู้ดีว่าพ่อแม่ฉันเป็นคนยังไง” ธาราบอก “ฉันขอโทษนะศรที่ต้องทำให้นายเสียเวลากับฉันอยู่หลายปี”

“นี่มันยุคไหนแล้ว นายรู้หรือยังว่าเราโลกกลมแล้วมนุษย์ก็ไปเหยียบดวงจันทร์มาแล้วนะ วิวัฒนาการทางการแพทย์เขาไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เป็นหมันก็ไปรักษาสิ มีวิธีผสมเทียมตั้งไม่รู้กี่สิบวิธี”

“ทีแรกฉันก็คิดแบบนั้นแต่ฉันพยายามรักษามาหลายปีแล้วมันก็ไม่สำเร็จน่ะสิ อสุจิของฉันไม่ใช่แค่มีน้อยแต่มันไม่สมบูรณ์แล้วก็แข็งแรงพอ”

“แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันรับได้ล่ะ”

“แต่นายมีอยากลูกมากเลยนะ” ธาราว่า “แถมยังเคยบอกอีกว่าอยากมีสักสามสี่คน แต่ในกรณีของฉันนี่แค่คนเดียวยังแทบเป็นไปไม่ได้เลย”

“ถ้าไม่ใช่ลูกที่มีกับนายฉันไม่มีก็ได้” ศรศรัณย์บอก “แล้วถ้านายกลัวฉันเสียใจทำไมไม่ปฏิเสธการแต่งงานนี้ตั้งแต่แรก นายจะยื้อไว้ทำไม”

“ก็เพราะ...” เสียงของธาราขาดหาย เขาสบตาคนตรงหน้าก่อนจะพูดต่อจนจบ “ฉันน่ะหลงรักนายตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า ที่ไม่ปฏิเสธงานแต่งเพราะมันเป็นทางเดียวที่จะเก็บนายไว้ข้างตัว ฉันไม่กล้าพอที่จะเห็นนายไปจับคู่กับคนอื่น”

“แต่นายกล้าพูดจาร้ายๆ ใส่ฉันแบบนั้นเนี่ยนะ!”

“ก็ให้นายเป็นฝ่ายบอกว่าจะไปเองมันง่ายกว่านี่นา... แต่นายก็ไม่ยอมไปสักที ฉันก็อุตส่าห์หาเรื่องโอนเงินให้แม่นายไว้เสียค่าแพ้พนันจนครบสิบล้านแล้วแท้ๆ”

“ก็เพราะรักไงถึงไม่ไป”

พอเจอคำนี้ไปอีกครั้งคนปากแข็งก็ถึงกับไปไม่เป็น

“ขอโทษ” ธาราพูดเสียงอ่อย “ต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว”

“คืนครับ” อริญชย์เข้ามาแทรกตรงกลางพร้อมกับส่งแหวนเงินให้ศรศรัณย์ “ผมใส่ไม่ได้มันหลวม แล้วมันก็ดูเหมาะมากๆ เลยบนนิ้วของคุณสงสัยเป็นเพราะคนสั่งทำเขาต้องคิดถึงคุณแน่ๆ เลย”

“ขอบคุณ” ศรศรัณย์ยื่นมือออกไปแต่มือใหญ่กลับไวกว่า

“เอามานี่” ธาราว่า “ของที่ฉันให้ทำไมเอาไปให้คนอื่นง่ายๆ ล่ะศร”

“แค่วางไว้บนโต๊ะเฉยๆ แล้วดันมาให้แบบนั้นยังมีหน้ามาหวงอีกเหรอ” ศรศรัณย์ย้อนเข้าให้

“หวงสิ” ธาราบอกพร้อมกับคว้ามืออีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะค่อยๆ บรรจงใส่แหวนคืนไปที่นิ้วนางข้างซ้าย “ห้ามถอดแล้วนะ”

“ใส่นิ้วนั้นรู้ไหมว่าหมายความอะไร”

“รู้สิ” ธารากระชับฝ่ามือที่กุมไว้แล้วก้มหน้าลงประทับริมฝีปากทับลงไป “หมายความว่าเดือนหน้าเราแต่งงานกันนะ”

ทั้งสองเงยหน้าขึ้นสบตากัน แล้วราวกับเวลาร้ายๆ ที่ผ่านมาหายไปและถูกย้อนกลับไปวันแรกที่พบกันอีกครั้ง

เด็กชายตัวเล็กจ้องมองเด็กชายตัวสูงอยู่หลังผ้าม่าน ผิวของเขาขาวผุดผ่องราวกับแสงจันทร์ ดวงตากลมโตรับกับแพขนตายาวจนเขาคิดว่านางฟ้าหลุดออกจากหนังสือมายืนอยู่ตรงหน้า

แต่ทำไมนางฟ้าถึงมากับเพื่อนของคุณปู่ได้ล่ะ

เขาแอบเมียงมองอยู่เนิ่นนาน ไม่กล้าออกไปทำความรู้จัก จนกระทั่งนางฟ้ารู้สึกตัวหันมาเห็นและเดินเข้ามาหา

‘สวัสดี’ เสียงของนางฟ้าน่าฟังเหมือนระฆังแก้ว ‘เราชื่อศรนะ นายชื่ออะไรเหรอ’

เด็กชายที่อยู่หลังผ้าม่านไม่ตอบและแอบถอยหลังเข้าไปจนเกือบไม่เห็นตัว

นางฟ้าของเขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบเอาอมยิ้มสีสวยออกมาแกะห่อออกแล้วยื่นไปตรงหน้า ‘กินไหม... อร่อยนะ’

เด็กชายตัวเล็กหลังผ้าม่านพยักหน้าอายๆ แล้วยื่นมือออกมา นางฟ้ารีบชักมือกลับ ‘เราไม่ให้ขนมคนแปลกหน้า เพราะฉะนั้นนายต้องบอกชื่อนายมาก่อนเราถึงจะให้’

เด็กชายหลังผ้าม่านจ้องมองนางฟ้าแล้วเอาดอกกุหลาบที่ซ่อนไว้ข้างหลังออกมาส่งให้เป็นการแลกเปลี่ยน ‘เราชื่อธารา’

‘เป็นเพื่อนกันนะ’

นางฟ้าบอกพร้อมกับยิ้มหวานที่ทำเอากุหลาบสีแดงสดในมือดูหมองไปถนัด เด็กชายยิ้มตอบถึงในใจจะไม่เคยมองนางฟ้าเป็นเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

‘กุหลาบนี่สวยจัง’

‘ชอบไหม’

‘ชอบสิ’

‘’ถ้านายชอบงั้นเราจะปลูกกุหลาบให้เต็มสวนเลยดีไหม’

‘จริงสิ’ เด็กชายพยักหน้า ‘กุหลาบสวยๆ เหมาะกับคนสวยๆ นะ’

นับจากวันนั้นสวนของบ้านก็เต็มไปด้วยดอกกุหลาบนานาพันธุ์ที่ผลัดกันเบ่งบานตลอดทั้งปี

   

ธาราดึงตัวศรศรัณย์มากอดแนบอก “ฉันขอโทษนะ ที่ปล่อยเวลามันผ่านมานานขนาดนี้”

“ไม่เป็นไร” ศรศรัณย์ซบหน้าลงกับอกกว้าง ลมพัดมาเอื่อยๆ หอบเอากลิ่นหอมของกุหลาบที่เธอชอบจากในมาโปรยปรายรอบๆ ตัวราวกับเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความรักที่ส่งไปถึงกันสักที

“เราเริ่มต้นกันใหม่นะ”

“ได้สิ แต่ว่า... แล้วคุณรินล่ะ ก็พวกคุณ... ”ศรศรัณย์พยักพเพยิดไปยังพลาสเตอร์ที่แปะอยู่ตรงต้นคอของร่างบาง

“ช่างเถอะ แค่แผลน่าเกลียดน่ะ” อริญชย์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้พวกคุณปรับความเข้าใจกันได้ก็พอแล้ว แต่อย่าเพิ่งบอกใครนะว่าพวกคุณดีกันแล้ว เพราะผมยังจับโจรไม่ได้เลย”

“คุณพูดเรื่องอะไรน่ะ ผมสงสัยมาตั้งแต่ตอนที่เราตกลงทำสัญญากันแล้วนะ” ธาราถาม

“เอาน่า จับได้แล้วก็รู้เองแหละ” อริญชย์บอกพร้อมกับแบมือออกมาตรงหน้า “ผมขอกุญแจห้องคุณหน่อยสิคุณศร”

“คุณจะเอาไปทำไม”

“ผมจะไปนอนห้องคุณไง”

“แล้วผมจะนอนที่ไหนล่ะ”

“คุณก็ไปนอนกับคู่หมั้นคุณสิ” อริญชย์บอก “ในฐานะกุมารแพทย์ผมจะบอกเคล็ดลับการมีลูกให้นะ... ข้อแรกคือทำ ข้อสองคือทำและข้อสามยันข้อที่หนึ่งร้อยก็ยังทำอยู่ดี”

“แต่ว่า...” ธาราอ้าปากจะท้วงในขณะที่ศรศรัณย์หน้าแดงไปถึงหู

“อย่ามัวแต่ไปบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพึ่งหมอก่อนที่จะได้ลงมือทำ... เอ้า! รู้แล้วก็พากันเข้าห้องไปทำลูก ปฏิบัติ!” อริญชญ์ปรบมือสร้างความฮึกเหิมพร้อมกับรุนหลังทั้งสองคนให้รีบเข้าบ้านก่อนที่คนอื่นๆ จะกลับมา

ศรศรัณย์หันไปหาชายหนุ่มที่กลับมาเป็นคู่หมั้นอีกครั้ง “ธารา ฉันขอถามหน่อยว่าใครเป็นคนวางแผนพวกนี้”

“เริ่มต้นมันเป็นแผนของฉันที่จะหาเรื่องถอนหมั้นและยังให้เงินกับของนายไปตั้งตัวได้ แต่ไปๆ มาๆ ดูเหมือนว่าจะกลายเป็นแผนของคุณรินไปแล้ว”

“คุณพูดซะเหมือนผมเป็นตัวอิจฉาเลย ผมนี่นางเอกนะ คู่หมั้นเขาเพิ่งคืนดีกันแล้วก็กลายเป็นหมานี่ไง” อริญชย์พูดติดตลก
ศรศรัณย์หันควับมาหาคนที่ยิ้มร่า “ถึงยังไงคุณก็ยังร้ายจริงๆ นี่นา”

“ก็ฟังกิตติศัพท์จากเจ้ารินแล้วบ้านคุณเชื้อมันน่ากลัวนี่นาผมก็เลยต้องใช้ยาแรงหน่อย” อริญชย์พูดหน้าตาเฉย “ถ้าเข้ามาโดยวิธีปกติผมคงได้โดนไล่ตะเพิดกลับตั้งแต่มายืนอยู่หน้าประตูแล้วล่ะ ไม่ได้มากินข้าวกับคุณพ่อคุณแม่และยืนลอยหน้าลอยตาคุยกับพวกคุณแบบนี้หรอก”

“เล่นตลกกับกับศีลห้าขนาดนี้ไม่กลัวบาปหรือไงครับ” ศรศรัณย์ถาม

“ถ้าเจตนาเราบริสุทธิ์ นรกก็เป็นแค่ชื่อน้ำพริกครับ” อริญชย์ตอบยิ้มๆ บรรากาศรอบตัวทั้งสองกับสรรพนามที่เปลี่ยนไปอย่างเป็นโดยธรรมชาติโดยต่างฝ่ายต่างไม่รู้ตัวทำให้อริญชย์รู้ตัวว่าหมดหน้าที่ตรงนี้แล้ว “เอาล่ะ ผมไปดีกว่าไม่กวนคู่ข้าวใหม่ปลามันแล้ว ขอให้สนุกนะ... นอนคุยกันให้เรียบร้อยแล้วพรุ่งนี้คุณค่อยมาเคลียร์กับผมเรื่องผิดสัญญานะธารา ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ ผมสัญญาว่าจะไม่หนีคุณไปไหนแน่นอน”

 “จากที่จะหลอกใช้เขา กลายเป็นฉันโดนเสียเองเหรอเนี่ย” ธาราพึมพำกับตัวเองก่อนจะหันไปหาคนข้างกายที่กำลังจะขอขยับมาเป็นคนข้างใจ “ศร”

“อะไร”

“ได้ไหม”

“อย่าถามว่าได้ไหมเลยธารา เพราะฉันพร้อมเป็นเมียนายมาสิบกว่าปีแล้ว” ศรศรัณย์บอกพร้อมกับดึงคอเสื้ออีกฝ่ายให้โน้มตัวลงมาหา คืนนี้จะขอเอาคืนคนใจร้ายที่คอยแกล้งเขามาหลายปีให้หนำใจเลยคอยดู

******************************
 คิกค้ากกกกกก แล้วเขาก็ได้กัน
ใครอ่านจบแล้วฝาก ติด #เชื้อดื้อรัก ชวนเพื่อนมาอ่านบ้างนะคะ หมู่นี้คนเขียนหน้าเหี่ยวพิกล แง~


ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
งื้อชอบศรกับธารามากๆ รู้สึกเหมือนเป็นบ้าเพราะตอนเมื่อกี้พึ่งด่าไป55555 คือเขาน่ารักมากๆเขินมากๆ ชอบมากๆเลย อาหารที่ศรทำธาราต้องได้กินแล้วนะ ศรมีร้านอาหารด้วยดีใจด้วยมากๆขอให้มีลูกเยอะๆนะ แล้วใครคือคนร้ายอ่ะ หมอรินคือร้ายมากๆๆ รีบไปทำความเขาใจกับหมารินได้แล้ว :pig4: :L1:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้โห หักมุมมาก ถึงว่าทำไมพี่รินถึงยอมแต่งงานกับธารารวดเร็วปานนั้น ทีนี้ก็เหลือเจ้ารินคนเดียวแล้วที่ยังไม่รู้เรื่อง ป่านนี้ใจช้ำไปหมดแล้วมั้ง

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ธารา.... ที่เราเคยด่าเธอไว้  เราขอโทษษษษษ~~~ :mew2: เอ๊ะ!! รึไม่ขอโทษดี เพราะตอนแรกจะหลอกใช้หมอรินนี่หน่า โดนหมอรินหลอกเองซะนี่  :laugh: // คู่ธารากับศรคือน่ารักมากๆๆๆๆๆ // รอเจ้ารินสมหวังเท่านั้นแหละ ว่าแต่ใครคือคนร้าย อยากรู้แล้วววว :hao7:

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อ้าวว สุดท้ายก็กลายเป็พ่อบ้านกลัวเมียทั้ง 2 คนพี่น้องเลย 555 อาจารย์​รินแอบร้ายยยย

ออฟไลน์ YADA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :katai1: โหหหหหหหหหหห ธาราน่าตีง่ะะะ โอ้ยยยยยย ตะมุตะมิเฉย

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
จบไปหนึ่งคู่ เหลืออีกคู่นึงสินะ  :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
อุเกรดดด!! พี่หมอริน ซ้อนแผนเล่นใหญ่มากก ก็ว่าทำไมมันรวบตึงแต่ย้อนแย้งคลุมเครือ ตลบหลังฉกแผนธาราไปเป็นแผนตัวเองหน้าตาเฉย :hao7:

พี่น้องธารากับธาริน ชอบอ้อมไม่ชอบเดินกันตรงๆกันทั้งคู่ มันน่าซัดสักทีสองที ทำศรเสียใจตั้งนาน
ขยันทำเข้าไปธารา ทำและทำ เด่วก็ได้เด่วก็ติด! :laugh:

ตอนนี้ไม่ห่วงอั้ยลูกหมาล่ะ พี่หมอรินเอาอยู่ ร้ายสุดก็พี่รินนี่ล๊า :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-01-2020 22:27:59 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
เดินไล่จับโจรต่อไป :katai4:

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อ้าววววหมอรินนนนนนนวางแผนจับโจรอยู่หรอออออ :a5: :a5: o22 o22

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
โอ้โหหหหหหหหห คิดไม่ถึงงงงงงงง

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
หักมุมมากกกก 5555555555
ว่าแต่คนร้ายคือใคร

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 17 สารภาพ

เพราะห้องของศรศรัณย์นั้นอยู่ทางด้านหลังของตัวบ้าน อริญชย์จึงเลือกใช้ทางเดินลัดสวนเพื่อชมต้นไม้ กลิ่นกุหลาบที่หอมอบอวลไปทั่วทำให้อริญชย์แอบอมยิ้มว่าคืนนี้คงจะมีใครคนหนึ่งโดนเจ้าของกลิ่นหอมนี้โอบกอดไว้ทั้งคืน

ไม่ได้นึกอิจฉาที่ตัวเองไม่มีเจ้าของกลิ่นหอมเป็นของตัวเองบ้าง เพราะความทรงจำเลวร้ายด้านความรักในครอบครัวที่ฝังรากลึกอยู่ในใจบ่มเพาะให้คิดว่าการอยู่คนเดียวนั้นเหมาะกับตัวเองมากกว่า อีกทั้งตัวเองก็ผ่านการนอนกับผู้ชายมามากหน้าหลายตา เขาไม่ได้รังเกียจที่ตัวเองเป็นแบบนี้เพราะคิดว่าตัวเองมีอภิสิทธิ์เหนือร่างกายตัวเองรวมทั้งความพึงพอใจในเรื่องเซ็กซ์ แค่รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับคู่ในอนาคตถึงได้ตั้งกฏกับตัวเองว่าจะไม่รักใครง่ายๆ แม้จะเห็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมรุ่นหรือแม้กระทั่งผู้ปกครองของเด็กๆ ที่มาโรงพยาบาลเดินจับมือกันมาเป็นคู่ๆ ก็คิดแค่ว่ายินดีด้วยที่คนเหล่านั้นเจอคู่แท้แต่ไม่ได้คิดมากอะไร

ทั้งที่คิดแบบนั้นมาตลอดแต่ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงกลับคิดอะไรแปลกๆ อย่างเช่นว่า …สักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้รู้จักความรักและการถูกรักมันจะเป็นยังไงกันนะ…

สงสัยเป็นเพราะอายุที่เริ่มมากขึ้นละมั้ง จะว่าขาดของก็ไม่ใช่ จะว่าเหงาก็ไม่เชิง แต่เหมือนชีวิตมันขาดอะไรบางอย่างไป

แล้วภาพเด็กหนุ่มที่คอยวนเวียนอยู่รอบตัวในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านก็ปรากฎขึ้น ไม่ใช่แค่ในความคิดแต่กลับมีรูปลักษณ์เป็นดอกกุหลาบที่ชูช่อลอยไปลอยมาอยู่เต็มสองข้างทาง

เขาจึงเอื้อมมือไปปัดให้พ้นทางแต่ดันจับพลาดโดนหนามตำจนเลือดไหลซิบ

“เจ็บจัง” อริญชย์ย่นปากพลางกดห้ามเลือด แล้วจู่ๆ เขานึกถึงวันที่โดนหนามแคสตัสที่ห้องตำ หนามนั้นเล็กกว่านี้แต่กลับให้ความรู้สึกเจ็บกว่านี้มากมายนัก

หยดน้ำใสเอ่อขึ้นที่หางตา อริญชย์ยกมือขึ้นจะปาดออกเมื่อลำแขนแกร่งสอดเข้ามาจากทางด้านหลัง กลิ่นหอมราวกับมีแสงอาทิตย์เจิดจ้าทั้งที่ฟ้ามืดสนิททำให้อริญชย์รู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดเป็นใครก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกชื่อเสียอีก… ทำไมนายถึงมาได้ถูกที่ถูกที่เวลาตลอดนะ

…เวลาที่ฉันอ่อนแอและรู้สึกว่าต้องการใครสักคน…

“อาจารย์ครับ”

อริญชย์สูดจมูกกลั้นน้ำตาให้หยุดไหลแล้วตอบเสียงห้วนโดยไม่หันไปมองหน้า “มีอะไร”

เด็กหนุ่มสอดคางวางเกยลงบนบ่าแล้วตอบคำถาม “ผมกลับมาถึงเมื่อกี้เห็นพี่กับพี่ศรกำลังจูบกัน”

“แล้วยังไง” อริญชย์พยายามแกะวงแขนของเด็กหนุ่มออกจากรอบเอว แต่ยิ่งแกะแขนนั้นกลับยิ่งพันรัดแน่นขึ้นทุกที

“ทั้งสองคนบอกผมว่าไม่ถอนหมั้นแล้วและจะแต่งงานกันเดือนหน้า แล้วอาจารย์ล่ะจะทำยังไงต่อ”

“ก็แต่งกันไปสิ! ยังไงธาราก็ยังเป็นคู่ของฉันอยู่ดี เรื่องนี้มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว”

“เปลี่ยนได้สิครับ”

“จะให้เปลี่ยนยังไง”

“เปลี่ยนเป็นผมไงครับ”

อริญชย์สะดุ้งเฮือก “นายหมายความว่าไง”

“ผมจะเป็นคู่ของอาจารย์เอง”

“จะบ้าเรอะ! นายอย่ามาพูดมั่วๆ” อริญชย์พยายามจะผลักตัวเด็กหนุ่มออกไปแต่แขนแกร่งนั้นกอดแน่นจนเขาขยับหนีไปไหนไม่ได้

ธารินก้มหน้าลงฝังจมูกข้างซอกคอขาวแล้วสูดกลิ่นคนในอ้อมแขนจนเต็มปอด วันก่อนไม่ทันได้ดมให้แน่ใจแต่วันนี้มั่นใจมากว่าไม่ผิดแน่นอน “เด็กคนนี้ลูกผมไม่ใช่เหรอ ก็นี่มันกลิ่นผมชัดๆ ... เป็นเพราะคืนนั้นใช่ไหมครับ ที่เราสองคน... ในห้องน้ำ...”

พอหมดคำจะแก้ตัว อริญชย์จึงหยุดดิ้น “นายไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบหรือรู้สึกผิด คืนนั้นฉันเต็มใจเอง”

“ผมไม่ได้ทำเพราะรู้สึกผิด”

“แล้วเพราะอะไร”

“เพราะผมรักอาจารย์”

“โกหก!” อริญชย์ร้องเสียงดัง

“ผมไม่ได้โกหกนะ!” ธารินเถียงกลับเสียงดังกว่า “ผมรักอาจารย์จริงๆ รักตั้งแต่ตอนที่เจอกันวันแรก หลังจากนั้นก็ยิ่งรักมากขึ้นเรื่อยๆ ที่อาจารย์ถามผมว่าทำไมผมถึงไปคอยตามวอแว คอยเอาอกเอาใจ ผมไม่ได้อยากได้เกรดผมอยากได้อาจารย์ต่างหาก อยากได้ทั้งหมดของอาจารย์ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือหัวใจ”

“นายก็พูดไปเรื่อย ตอนอยู่ด้วยกันขนาดฉันฮีทแทบตายนายยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย พี่นายเสียอีกที่หลงฉันหัวปักหัวปำ ฉันถึงเชื่อว่าเขาเป็นคู่ไง”

“ใครว่าผมไม่รู้สึก!” ธารินจับตัวร่างบางให้หันกลับมาเผชิญหน้าแล้วกดสะโพกให้ส่วนล่างของร่างกายแนบสนิท และเพื่อเป็นการยืนยันให้ชัดเจนเขาคว้ามืออริญชย์ดึงไปสัมผัสตรงเป้ากางเกงที่แม้จะมีผืนผ้าหนาขวางกั้นแต่ก็สัมผัสได้ถึงความร้อนและขนาดของร่างกายที่ขยายใหญ่ขึ้นมา

“เฮ้ย!” อริญชย์ร้องเสียงหลง แก้มขาวค่อยๆ ซับสีเข้มจนแดงไปถึงหู เขารีบชักมือออกแต่ก็ยังโดนร่างสูงบดเบียดสะโพกเข้าหา จะถอยหลังก็ติดอ้อมแขนที่รัดแน่น ตอนนี้เขาจึงทำได้แค่ยืนเฉยๆ ไม่ให้ร่างกายเสียดสีกันจนเกิดความร้อนมากไปกว่านี้

“ผมเก็บกดแทบตายเวลาอยู่กับอาจารย์ อยากขย้ำฉีกเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วกลืนอาจารย์ลงไปทั้งตัว แต่ถ้าทำแบบนั้นผมคงต้องโดนอาจารย์เกลียดแน่ๆ ก็เลยต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร ผมอยากทะนุถนอมอาจารย์กลัวอาจารย์เจ็บ ไม่อยากทำให้อาจารย์กลัว อยากให้สบายใจเวลาอยู่กับผมไม่ใช่อยู่กับผมแล้วต้องมีแต่เรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้อง อยากให้รู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็พร้อมมาหาและจะอยู่กับอาจารย์เสมอ แล้วทำไมผมถึงโดนมองว่าไม่รักอาจารย์ไปได้ล่ะครับ”

อริญชย์เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มแต่แล้วก็ต้องก้มหน้าหนีเพราะบัดนี้สายตาใสซื่อที่เคยเห็นเสมอกลับดื้อดึงและร้อนแรงจนเขารู้สึกว่ากำลังมอดไหม้โดยเริ่มจากตรงพวงแก้มทั้งสองข้าง “น... นายรู้ใช่ไหมว่าโอเมก้าจับคู่แล้วจะมีอะไรกับคนอื่นไม่ได้... เพราะฉะนั้นถ้านายดึงดันจะอยู่กับฉันนายก็จะทำอะไรไม่ได้เลยนะแม้แต่จูบ”

“ผมทนได้” ธารินกล่าวหนักแน่น “ผมทนไม่มีเซ็กซ์ไปตลอดชีวิตได้แต่ผมทนอยู่ต่อไปไม่ได้ถ้าไม่มีอาจารย์ ขอโอกาสให้ผมพิสูจน์ตัวเองให้อาจารย์เห็นได้ไหมว่าผมรักอาจารย์จริงๆ รักไม่น้อยกว่าใคร ขอให้ผมเป็นคนที่ได้ยืนข้างอาจารย์นะครับ”

อริญชย์ยืนนิ่ง รู้สึกตัวเองเป็นไอศกรีมที่กำลังหลอมละลายเพราะคำสารภาพรักที่ร้อนแรงและตรงไปตรงมาของเด็กหนุ่ม ตากลมค่อยๆ เลื่อนขึ้นสบสายตาซื่อตรงที่มองมาที่เขาก่อนจะตอบเสียงเบา “แต่ฉันทนไม่ได้น่ะสิ”

เด็กหนุ่มเม้มปากสนิทก่อนจะหลับตาแน่นเพื่อหนีความพ่ายแพ้ที่กำลังเผชิญอยู่เบื้องหน้า เมื่อมือเรียวคล้องลงรอบคอแล้วดึงตัวขึ้นมาหา

“ฉันมันคนเซ็กซ์จัด อยู่กับฉันก็เหนื่อยหน่อยนะ”

“อาจารย์...” ธารินหายใจขัดเมื่อลมหายใจถูกช่วงชิงด้วยริมฝีปากอุ่นโดยไม่ทันตั้งตัว ตามด้วยเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา เขาตอบรับทันทีด้วยการสอดมือเข้าใต้เรือนผมกดรั้งท้ายทอยและรั้งเอวร่างบางรับสัมผัสที่โหยหามาหลายวัน

ทั้งสองจูบกันเนิ่นนานก่อนที่เด็กหนุ่มจะนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบผละออกเพราะกลัวจะเป็นอันตรายจากปฏิกิริยาต่อต้านตามที่เคยเห็นมาทั้งคลื่นไส้ อาเจียน หายใจไม่ออกบางคนหนักถึงขั้นชักต้องหามส่งโรงพยาบาล แต่คนเริ่มต้นจูบก่อนนอกจากจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ ยังยิ้มจนตาหวานทั้งที่ยังกัดริมฝีปากล่างของเขาไว้ครึ่งหนึ่ง

“มีปัญหาอะไรเหรอ”

“ทำไม… ไม่มีปฏิกิริยา…”

อริญชย์หัวเราะในลำคอแล้วแกะพลาสเตอร์ที่หลังคอออก ผิวเนื้อตรงนั้นยังคงขาวเนียนปราศจากรอยประทับแสดงความเป็นเจ้าของอย่างที่หลายคนเข้าใจ “แค่โดนยุงกัดแล้วมันแดงน่ะ เลยเอาพลาสเตอร์มาติดไว้แต่ตอนนี้หายแล้วล่ะ”

เด็กหนุ่มหน้าตาเหรอหรายังตามไม่ทันคนอายุมากกว่า แต่พอเห็นสายตาซุกซนกับรอยยิ้มหวานบนริมฝีปากบางรวมทั้งสองมือที่คล้องรอบคอตนไว้แน่น เขาก็รู้ตัวว่าโดนหลอกมาตลอดหลายวันและหลุดหัวเราะออกมาด้วยความโล่งใจ “อาจารย์นี่มันร้ายจริงๆ”

“ไม่ร้ายเข้าบ้านนายไม่ได้หรอก”

เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้ฝันไปธารินก้มหน้าลงจูบคนในอ้อมแขนอีกครั้งซึ่งอริญชย์ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

“อาจารย์ไม่ได้โกรธผมเหรอ”

“โกรธสิ! โกรธมากด้วย!” อริญชย์ว่าพร้อมกับกัดปลายจมูกเด็กหนุ่มเป็นการเอาคืน “โกรธที่นายอ้ำอึ้งไม่พูดให้ชัดๆ ถ้าพูดตั้งแต่วันนั้นเรื่องก็จบล่ะ ฉันก็หลงเครียดอยู่ตั้งนานว่าโดนเด็กมันมาหลอกกินตับ”

“ก็พี่นนท์เพิ่งขู่ว่าอาจารย์โดนพักงานเพราะผม นาทีนั้นใครจะกล้าพูดล่ะครับกลัวเรื่องจะไปกันใหญ่” ธารินบอก “แล้วนี่ตกลงเรื่องมันเป็นไงมาไงกันแน่ครับทั้งเรื่องที่เราไปเที่ยวกันแล้วทำให้อาจารย์โดนพักงาน เรื่องที่จู่ๆ อาจารย์ก็จะมาแต่งงานกับพี่ผม เรื่องท้อง ตกลงมันเกิดขึ้นได้ยังไงครับ ยาคุมไม่ได้ผลเหรอ”

“ดูเหมือนที่ช่วงนี้ฉันมีอาการบ่อยๆ ไม่ใช่เพราะดื้อยาแต่เป็นเพราะมีคนแอบสลับยาน่ะ ฉันเอาไปถามเทียบกับที่คลินิคมาแล้วสรุปว่าไม่ใช่ยาคุมจริงๆ แถมยังเป็นยากระตุ้นไปอีกน่ะ แล้วฉันก็สังสัยว่า...” อริญชย์เว้นวรรคพลางเหลือบตาขึ้นมองผู้ต้องสงสัยรายแรก

“ไม่ใช่ฝีมือผมนะ!” ธารินรีบพูดเสียงดัง

“แน่นะ!” อริญชย์คาดคั้น

ธารินชูสองนิ้วขึ้นในอากาศพร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางขึงขัง “สาบานให้เป็นหมันเลย ผมจะทำแบบนั้นทำไมล่ะครับ”

อริญชย์พยักหน้า “ฉันก็คิดแบบนั้นแหละเพราะถ้านายจะมาอึ๊บฉันแลกเกรดจริง การที่ฉันท้องมันยิ่งส่งผลเสียต่อนายมากกว่า”

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่ได้คิดแบบนั้น”

“ก็แค่ไล่เรียงเหตุผลให้ฟัง” อริญชย์ว่า “แต่ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายทำแต่แรกอยู่แล้วล่ะ”

“เพราะผมจริงใจกับอาจารย์ใช่ไหม”

“โง่ๆ แบบนี้ไม่น่ามีไปปัญหายากระตุ้นแล้วเอามาปลอมฉลากได้เหมือนขนาดนั้นต่างหาก”

“อาจารย์น่ะ” ธารินแกล้งทำเป็นคอตกแต่ถึงอย่างนั้นก็ดีใจที่อาจารย์เชื่อใจเขา “แล้วอาจารย์คิดว่าเป็นใครครับ”

“ยังจับโจรไม่ได้หรอก แต่ก็มีผู้ต้องสงสัยอยู่หลายคนเพราะฉันยังไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ฉันฮีทหรือท้อง” อริญชย์ว่า “แต่เรื่องนั้นต้องพักไว้ชั่วคราวเพราะตอนนี้สิ่งสำคัญกว่าคือฉันต้องหาพ่อให้เด็กคนนี้ก่อน”

“อาจารย์เลยคิดจะจับพี่ผมว่างั้น?"

“จับนายน่ะแหละ ไอ้เด็กบ้า!” อริญชย์เอื้อมมือไปจับแก้มเด็กหนุ่มแล้วดึงแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยว “นายกับธารานี่เป็นพวกพูดแล้วไม่รู้จักฟังเหมือนกันจริงๆ ฉันเริ่มเข้าใจหัวอกคุณศรที่พูดจนขี้เกียจจะพูดแล้วล่ะ ฉันก็บอกนายจนปากเปียกปากแฉะแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบหมอนั่น ยิ่งตอนนี้แค่เข้าใกล้ได้กลิ่นโชยมาก็จะอ้วกแล้วจะให้ไปจับคู่ด้วยได้ยังไง”

“อาอาน อ๊มเอ็บอ๊า~”

อริญชย์ดึงเล่นจนสาแก่ใจจึงหยุดมือและเล่าต่อ “แล้วพอพี่นายมาจ้างให้ฉันแต่งงานด้วยเพราะจะหาเรื่องถอนหมั้นคุณศรแลกกับการรับเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ ฉันเลยคิดได้ว่าหรือจริงๆ แล้วสองคนนี้จะชอบกันแต่เป็นพวกปากแข็งทั้งคู่ ถ้าจะเกลียดกันขนาดนี้ถอนหมั้นแต่แรกก็จบไปนานล่ะถึงจะบอกว่าเป็นคำสัญญารุ่นปู่รุ่นทวดก็เถอะ เป็นฉันนะ จะสิบล้านยี่สิบล้านก็บอกมาจะหามาจ่ายให้ครบทุกบาททุกสตางค์ หาไม่ได้ก็หนี ใครมันจะยอมทนแต่งงานกับคนไม่ได้รักวะ บ้าบอ!”

ธารินหัวเราะในลำคอ ต้องแบบนี้สิถึงจะสมเป็นอาจารย์รินของเขา “แล้วไม่กลัวผิดแผนเหรอครับ”

“ไม่เลยเพราะฉันมั่นใจมากว่ายังไงนายก็ชอบฉัน แต่อาจจะแค่ยังไม่รู้ใจตัวเองเฉยๆ”

ถึงเจ้าตัวจะพูดด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจจนน่าหมั่นไส้ แต่นาทีนี้อาจารย์จะพูดอะไรธารินก็คิดว่าน่ารักไปหมดแล้ว

“แล้วอาจารย์ไม่กลัวโดนไล่ออกเหรอครับ”

“แค่ท้องไม่ใช่ความผิดที่จะมาไล่ออกกันได่สักหน่อย ถ้าจะโดนก็คงเพราะไปยุ่งกับเด็กนักเรียนมากกว่า แล้วฉันก็ไม่แคร์ด้วย ออกจากที่นี่ก็ไปหางานที่อื่นทำก็ได้ ความสามารถระดับฉันมีโรงพยาบาลหรือคลินิครอต้อนรับอีกเยอะ”

“แต่อาจารย์ทุ่มเทแทบตายกว่าจะมาทำงานที่นี่ได้นะครับ”

“ก็พังเพราะความอยากของตัวเองจะโทษใครได้ล่ะ” อริญชย์ไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “แต่ถ้าพี่นายยอมช่วยฉันตามที่รับปากไว้จริง ฉันก็สบายเลยเพราะบ้านนายเป็นVIPของโรงพยาบาล แค่เขาเอ่ยปากคำเดียวใครจะกล้าหือ เจ้าล้านนี่ไม่ต้องพูดถึงขี้ประจบสอพอขนาดนั้นเผลอๆ จะพลิกลิ้นมาคอยพาฉันไปฝากท้องทุกเดือน นี่เป็นอีกเหตุผลที่ฉันยอมรับข้อเสนอของเขามาหลอกคุณศรเผื่อว่าแผนจับนายพลาด”

“ผมขอถามตรงๆ ได้ไหมครับ อาจารย์เคยคิดจะทำแท้งไหม... สักแวบหนึ่งที่คิดแบบนั้นน่ะมีไหมครับ”

“ไม่นะ” อริญชย์ส่ายหน้าก่อนจะก้มหน้าลงมองท้องตัวเองแล้วลูบเบาๆ “ความผิดพลาดของฉัน แต่ไม่ใช่ความผิดของเด็กคนนี้... เออ ที่ฉันบอกว่าจะมาจับนายน่ะ ไม่ได้หมายความว่าจะมาจับให้แต่งงานด้วยหรือบังคับเป็นพ่อนะ ฉันก็แค่อยากพิสูจน์ทิฐิบ้าๆ ของตัวเองที่ไม่คิดว่าจะมองคนพลาดน่ะ เด็กคนนี้ฉันเลี้ยงของฉันคนเดียวได้... ถึงตอนนี้จะยังจินตนาการภาพตัวเองตอนให้นมลูกไม่ออกก็เถอะ แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้แหละหนักกว่านี้ยังผ่านมาแล้วเลย... เพราะฉะนั้นทั้งหมดที่นายพูดมาเมื่อกี้น่ะไม่ต้องทำจริงๆ ก็ได้นะ แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ”

ธารินกวาดตามองคนตรงหน้าถึงสีหน้าจะเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจแต่ลึกลงไปในแววตากลับเต็มไปด้วยสั่นไหวและมีความกังวลหลายๆ อย่างที่เจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยให้ใครได้เห็น

“นั่นนายจะทำอะไรน่ะริน” อริญชย์ร้องถามด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มก็นั่งคุกเข่าลง

“ไม่ต้องห่วงนะครับอาจารย์” ธารินบอกพร้อมกับคว้ามือทั้งสองข้างมากุมไว้ “ผมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ตอนฝากท้องผมจะพาไปฝากเองไม่ต้องลำบากคนอื่น โครงการคุณพ่อคุณภาพผมก็จะไปเข้าด้วยทุกคลาส ชื่อพ่อในใบสูติบัตรก็ต้องเป็นชื่อผมอย่าเว้นว่างไว้หรือไปเอาชื่อคนอื่นมาใส่นะ พอลูกเกิดมาไม่ว่าจะอาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมพาไปฉีดวัคซีนผมก็จะเป็นคนทำให้เอง แล้วทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่เพราะความจำใจแต่เป็นความเต็มใจครับ”

“นายก็พูดเวอร์ไป ถ้างั้นก็มาทำคลอดเองด้วยเลยไหมล่ะ”

“ถ้าอาจารย์อนุญาตก็ไม่มีปัญหาครับ นี่ถ้าแพ้ท้องแทนได้ผมก็จะทำให้ด้วย หมู่นี้คลื่นไส้ก็เลยกินอาหารไม่ค่อยลงใช่ไหมละครับ”

“ทำเป็นรู้ดี”

“รู้สิครับซูบไปตั้งเยอะ ปกติกอดเต็มมือกว่านี้”

“ก็อุตส่าห์กินไอศกรีมที่นายซื้อมาชดเชยให้วันละสิบลูกแล้วไง”

“รู้ด้วยเหรอครับว่าเป็นผม”

“ไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครที่ดูแลฉันดีขนาดนี้” อริญชย์บอก “ขอบใจนะ แล้วก็ลุกขึ้นได้แล้ว”

“ผมยังพูดไม่จบเลย”

“จะพูดอะไรอีก”

“คบกันนะครับ”

“อะไรของนายเนี่ย”

“ผมแค่อยากทำให้มันถูกขั้นตอน” ธารินบอก

“เราสองคนมันผ่านขั้นนั้นไปเยอะแล้วนะ”

“ก็อยากทำให้ครบครับ” ธารินยืนยัน “แล้วอาจารย์จะตอบว่ายังไงครับ”

อริญชย์มองตาเด็กหนุ่มกับมือที่จับไว้แน่นแล้วจึงพยักหน้า “อือ”

“ขอบคุณนะครับ” ธารินฝังริมฝีปากลงบนหลังมือที่กุมไว้ก่อนจะรั้งเอวบางเข้ามาใกล้แล้วจูบเบาๆ ลงบนหน้าท้อง “ผมสัญญาว่าจะดูแลทั้งสองคนอย่างดีที่สุดเลยครับ”

อริญชย์รู้สึกร้อนวาบไปทั้งหน้าคล้ายๆ กับว่าน้ำตามันจะไหลจนต้องตีมือรัวๆ ลงบนบ่ากว้างแก้เขิน “รินพอได้แล้ว ลุกขึ้นยืน”

ธารินยอมลุกขึ้นแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่โอบไว้และจูบลงข้างขมับคนอายุมากกว่าก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาตามแนวสันจมูกจนมาถึงริมฝีปากบางที่เผยอรับทันที

“อาจารย์ครับ”

“มีอะไร”

“เข้าห้องกันไหมครับ”

อริญชย์อมยิ้มกรุ้มกริ่ม เขาเหลือบตามองคนอายุน้อยกว่าที่จ้องเขาไม่วางตาก่อนจะวางมือลงบนบ่าลาดแล้วเขย่งตัวขึ้นไปกระซิบที่ข้างหู “เอาท์ดอร์ก็โอเคนะ”

“คิดลึกอีกล่ะ” ธารินว่าพลางดึงตัวร่างบางที่กำลังงับใบหูเขาเล่นออกห่าง “นี่เริ่มมืดแล้วผมจะชวนไปนอนพักต่างหากครับ คนท้องนอนดึกมากไม่ดีนะครับ”

“เป็นอะไรกันทำเป็นมาสั่ง”

“อยากได้คำตอบว่าเป็นผัวหรือเป็นพ่อของลูกล่ะครับ”

อริญชย์ฟาดมือลงอกกว้างดังเพี๊ยะ! “เป็นเด็กเป็นเล็กดูพูดจาเข้า”

“แล้วผิดตรงไหนล่ะครับ… ไปครับ ไปนอนได้แล้ว”

“ท้องไม่ใช่ข้อห้ามของการมีเซ็กซ์ซะหน่อย” อริญชย์ว่า

“ผมรู้ครับ” ธารินบอก “แต่ผมเป็นห่วง”

อริญชย์ย่นปาก ไอ้เด็กบ้านี่ทั้งกอดทั้งจูบเขาจนสะท้านไปทั้งตัวแล้วจะมาตัดบทไล่ไปนอนเฉยๆ เนี่ยนะ เขาตวัดตาลงมองต่ำก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้มเมื่อเห็นว่าคนปากแข็งกำลังแกล้งทำเป็นอดทนจึงค่อยๆ เลื่อนมือลงไปตามแผงอกกว้าง ต่ำลงไปจนถึงส่วนที่ยังคงร้อนรุ่มเพียงแค่เค้นคลึงเบาๆ เขาก็รับรู้ได้ถึงความอดทนที่กำลังจะขาดสะบั้น

“อาจารย์… อย่าครับ”

“ฉันอยากรู้ว่ารินที่ไม่อดทนน่ะมันเป็นยังไง ช่วยแสดงให้ฉันดูหน่อยสิ”

อริญชย์หอบหายใจแข่งกับเสียงหัวใจที่เต้นรัว ปลายเท้าเกร็งจิกลงบนเตียงจนผ้าปูยับย่นในขณะที่ปลายเล็บฝังแน่นลงบนแผ่นหลังกว้างของคนที่ทาบทับอยู่บนตัว ผิวกายของเขาร้อนรุ่มและชุ่มไปด้วยเหงื่อ กลิ่นกายหอมกรุ่นปะปนกันคละคลุ้งอยู่ในอากาศช่วยเป็นแรงกระตุ้นให้ต่างฝ่ายต่างขยับสะโพกเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า

หลังจากผลักประตูเข้ามาในห้องเด็กหนุ่มก็จู่โจมเขาด้วยจูบที่ร้อนแรงกว่าทุกครั้งและพอเขารู้ตัวอีกทีกางเกงก็ถูกเหวี่ยงหายไปไหนไม่รู้ร่างกายส่วนล่างเปียกแฉะพร้อมรับการสอดใส่ แล้วพอเด็กหนุ่มฝังร่างเข้ามาทุกอย่างก็ดูพร่าเลือนไปหมดราวกับลอยอยู่ในปุยเมฆที่มีพายุพัดโหมอยู่ด้านใน

“อ๊ะ! ริน… ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตายเลย”

“ข… ขอโทษครับอาจารย์” ธารินหยุดพักแล้วใช้สองมือกอบกุมใบหน้าขาวให้หันมาหา ตากลมฉ่ำน้ำตาจนเขาต้องรีบจูบซับน้ำตาให้ “อาจารย์เป็นไงบ้าง เจ็บตรงไหนครับ”

อริญชย์ปรือตาขึ้นมองเด็กหนุ่มแล้วตอบด้วยเสียงสั่นพร่า “ไม่ได้เจ็บแต่เสียว”

“แต่เมื่อกี้อาจารย์บอกว่าเหมือนจะตาย”

“ฉันหมายถึงสำลักความสุขจนจะตายต่างหาก”
ได้ยินดังนั้น ธารินก็นึกอยากขย้ำให้สำลักความสุขตายจริงๆ สักที

“แล้วนี่หยุดทำไมทำต่อเร็วๆ เข้า กำลังดีเลยเชียว”
“ไม่ทำแล้ว กลัวอาจารย์ตาย” ธารินพูดหน้าตาเฉยทั้งที่ยังสอดค้างอยู่ในตัวร่างบาง

“ไอ้เด็กบ้า! นายนี่มันแสบจริงๆ” อริญชย์ค้อนขวับเข้าให้ เขายกขาขึ้นตีก้นแน่นๆ นั่นเป็นการแก้แค้นที่โดนแกล้งก่อนจะร้องเสียงหลงเมื่อเด็กหนุ่มถอนออกแล้วสอดกลับเข้ามาด้วยความรวดเร็วจนมิดด้าม “อ๊ะ!”

“แบบนี้ใช่ไหมครับที่อยากได้น่ะ” ธารินถามยั่ว เขาสอดมือเข้าใต้สะโพกมนแล้วกลับมาขยับอีกครั้งด้วยจังหวะที่ดุดันกว่าเดิม

“ใช่” อริญชย์โอบมือรอบแผ่นหลังกว้างแล้วยอมให้เด็กหนุ่มพาไปจนสุดทาง

ธารินพลิกตัวนอนหงายแล้วสอดแขนเข้าใต้ตัวร่างบางเตรียมจะกอด แต่อีกฝ่ายที่ยังไม่มีทีท่าจะหมดแรงก็ตะกายขึ้นมานอนพาดบนอกเขาเสียก่อนจนตั้งตัวรับแทบไม่ทัน

“นี่รินสัญญา ไม่สิ! สาบานมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าต่อไปจะไม่อดทนอีก”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็เพราะมันดีมากเลยน่ะสิ ครั้งก่อนว่าดีแล้วครั้งนี้ยิ่งสุดยอดเลย” อริญชย์ซุกหน้าลงสูดกลิ่นหอมของแสงอาทิตย์ที่ดูเหมือนจะเสพติดมากขึ้นทุกวัน เคยได้ยินแต่อัลฟาหลงกลิ่นโอเมก้า น่าตลกดีที่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกลับกัน

ธารินหัวเราะในลำคอพลางจ้องมองคนที่เกาะตัวกลมอยู่บนหน้าอกเขา สำหรับคนอื่นๆ อาจจะเรียกอริญชย์ว่าเป็นกระต่ายเพราะผิวขาวตัวเล็กนุ่มนิ่มน่ากอด หรือเป็นเพราะเล่นละครเป็นกระต่ายขี้เซาตามที่เด็กๆ แซวแต่สำหรับเขาแล้วสิ่งที่ทำให้นึกถึงนอกจากความน่ารักคือแรงดึงดูดทางเพศกับความหื่นที่พร้อมจะมีเซ็กซ์ได้ตลอดเวลา

“อาจารย์ครับ”

“อะไร”

“อาจารย์คิดยังไงกับผม”

“คิดว่าเป็นพ่อของลูกไง”

“ไม่ใช่แบบนั้นสิครับ ผมอยากรู้ว่าอาจารย์รักผมบ้างหรือเปล่า ในเมื่ออาจารย์เคยบอกว่าไม่ชอบเด็ก ที่อาจารย์ยอมตกลงคบกับผมเพราะผมสารภาพรักหรือเพราะอาจารย์รักผมจริงๆ ครับ”

อริญชย์แสร้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่อึดใจก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “เรียนจบแล้วจะบอก”

“ขอเป็นของขวัญแลกเกรดในการสอบกลางภาคนี้ไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่ได้หรอกเพราะฉันวางแผนไว้แล้วว่าจะให้อะไรนาย”

“อีกตั้งสองปีเลยนะครับกว่าจะจบน่ะ”

“แล้วนายรอได้ไหมล่ะ”

“ได้ครับ”

“งั้นก็รอไป”

“อาจารย์น่ะ…”

เห็นเด็กหนุ่มทำหน้าหงอยอริญชย์ก็อดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ เขายกตัวขึ้นเล็กน้อย เอามือยันคางไว้ข้างหนึ่งแล้วจับหน้าคนกำลังน้อยใจให้หันมาสบตา “ฟังนะริน คนอย่างฉันถ้าไม่เต็มใจคือไม่ทำเด็ดขาด สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนายตอนนี้คือเรียนให้จบ เข้าใจนะ”

“รู้แล้วครับ ไม่เห็นต้องมาวางมาดอาจารย์เอาตอนนี้เลย” ธารินพึมพำ

“มีเด็กกำลังงอนหนึ่งอัตรา”

“ไม่ได้งอนครับ แค่น้อยใจ”

“โถ~ โถ~ โถ~”

ธารินหันหน้าหนี อริญชย์ไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากขยับตัวเล็กน้อยอยู่บนหน้าอกเขา เมื่อความเงียบค่อยๆ โรยตัวลงมาเขาก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายง้อจึงหันหน้ากลับมา แล้วก็พบว่าอริญชย์เขยิบขึ้นมาใกล้และจ้องมองเขาอยู่ ระยะห่างที่ปลายจมูกปัดกันไปมาทำให้คลื่นความร้อนที่สงบไปแล้วค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

“ริน”

“ครับ”

“อีกรอบไหม”

คำถามที่มาพร้อมกับรอยยิ้มหวานทำให้เด็กหนุ่มหมดแรงจะขัดขืน

“ก็ได้ครับ”

เขาตอบตกลงแล้วฉกกลีบปากหวานที่อ้ารออยู่มาครอบครองก่อนจะพากันลอยละล่องไปอีกครั้ง
*************

แชทที่เจ้ารูกหมาใช้เต๊าะอาจารย์หมอของเค้าค่ะ

https://www.readawrite.com/a/d86b591a6c46b1aadcb3eb88b98b56bd

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 13:12:45 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
กี้ดดดดดดปรับความเข้าใจกันแล้ววววว :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮ่อยยยย ดีมากกกก ดีจังงงงงง ดีที่สุดดดดดดด มีความสุขอ่ะ สองคู่แฮปปี้  :กอด1: // ว่าแต่ใครเปลี่ยนยาหมอรินคะ  :hao4:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ปรับความเข้าใจกันแล้ว เย้

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยย พอปรับความเข้าใจกันได้แล้ว เจ้ายู๊กหมาตัวโต ก็เสดพี่กระต่ายหื่นนนน :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2020 12:04:30 โดย Ac118 »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด