[Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10  (อ่าน 54112 ครั้ง)

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 22 หึง

ธารินออกจากบ้านช้ากว่าที่คิด ตอนแรกเขาใส่เสื้อยืดกางแกงส์ยีนส์สบายๆ เพราะคิดแค่ว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อนแต่พอเดินผ่านพ่อกับแม่ที่นั่งอยู่ในห้องโถงก็โดนเรียกไปปรับทัศนคติว่านี่คือการไปเดต และเรียกคุณแอนให้มาพาตัวเขาไปแต่งตัวเสียใหม่ ซึ่งคุณแอนก็ทำหน้าที่ของเธอได้ดีเยี่ยมลากเอาเสื้อสูททั้งราวไล่เฉดสีตั้งแต่ขาวไปถึงดำออกมาให้เลือกจนเขาเวียนหัว สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้และปล่อยให้เธอจับแต่งตัวให้เพราะกลัวจะเสียเวลาจนไปไม่ทันนัดกับอาจารย์ตอนสองทุ่ม

แค่เขาแกล้งเล่นตัวตอบช้าหน่อยเดียวว่าจะค้างหรือไม่ค้างยังงอนจนหน้างอ ถ้าเขาไปสายได้โดนปิดประตูใส่หน้าไล่กลับบ้านแน่ๆ

คิดแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ เพราะอาจารย์ไม่เคยบอกว่ารักเขาดังนั้นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ อย่างจูบเมื่อเช้าหรือที่งอนเขาด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็แสดงให้เห็นว่าสำหรับอาจารย์แล้วเขาพิเศษกว่าคนอื่น

พอมาถึงร้านอาหารก็พบไพลินนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว เธอสวมชุดเดรสสีชมพูยาวกรอมเท้าประดับด้วยผ้าลูกไม้เนื้อดีแต่แฝงความเซ็กซี่ด้วยซีทรูเบาๆ ตรงช่วงอกและรอยผ่าของกระโปรงด้านข้างที่สูงเลยเข่าขึ้นมาเกือบคืบ ความสวยสะดุดตาทำให้เธอเป็นจุดสนใจของคนในร้านที่ไม่ว่าใครก็ต้องเหลียวมาดูเธอโดยเฉพาะหนุ่มๆ ที่พากันจ้องตาแทบถลนยามที่เธอยกขาขึ้นไขว้แล้วชายกระโปรงทิ้งตัวลงเผยให้เห็นท่อนขาเรียวยาว

ธารินยอมรับว่าไพลินเป็นผู้หญิงที่น่ารักและมีเสน่ห์ เขาสัมผัสได้ว่าผู้ชายหลายๆ คนในร้านแอบมองอยู่ว่าใครกันที่สาวสวยคนนี้มาทานอาหารด้วย ถึงจะฟังดูเสียมารยาทแต่เชื่อเถอะว่าเขายอมแลกให้ใครก็ได้มานั่งแทนที่เพื่อจะได้รีบไปซื้อไอศกรีมก่อนที่ร้านจะปิด คนท้องคนไส้ฮอร์โมนขึ้นๆ ลงๆ อารมณ์ก็อ่อนไหวตามไปด้วย เขาไม่อยากเห็นคนรักต้องมานั่งร้องไห้งอนเขาแค่เพราะไม่ได้กินไอศกรีมหรอกนะ

“มาแล้วเหรอริน” ไพลินลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะมาเกาะแขนและดึงให้ธารินนั่งลงข้างกัน “รินใส่ชุดนี้หล่อจัง ชักอยากเห็นตอนใส่เสื้อกาวน์แล้วสิต้องเป็นคุณหมอที่หล่อมากแน่ๆ เลย แบบนี้เราต้องรีบแต่งงานกันเร็วๆ แล้วนะ”

“ฉันตั้งใจมาคุยกับเธอเรื่องนี้แหละ”

“รินก็อยากแต่งงานกับเราเร็วๆ ใช่ไหม”

ธารินมองตาหญิงสาวที่จ้องมาที่ตาด้วยประกายวิบวับ รู้ว่าคำที่จะพูดต่อไปนี้จะทำร้ายหัวใจและเกียรติของเธอแต่เขาคิดว่าการทำให้เรื่องมันจบเร็วที่สุดยิ่งดีกับทุกฝ่าย “การแต่งงานของเรามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น”

“ทำไมล่ะริน”

“เพราะฉันมีคนรักอยู่แล้วน่ะสิ” ธารินตอบเสียงดังฟังชัด

ไพลินรับฟังด้วยอาการสงบนิ่งกว่าที่ธารินคาดคิดไว้ หน้าของเธอซีดลงเล็กน้อยและตอบเสียงเรียบ “อย่างนั้นเหรอ”

เขาค่อยๆ ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของเธอ “ขอโทษนะ”

“ไม่เป็นไร เราเข้าใจ… แต่วันนี้รินอยู่กินข้าวกับเราก่อนนะไหนๆ เราก็อุตส่าห์แต่งตัวมาซะสวยแล้วเราก็สั่งอาหารมาเต็มโต๊ะเลย จะเหลือทิ้งก็เสียดายของนะ”

“ได้สิ” ธารินตอบก่อนจะลุกขึ้นและเลื่อนเก้าอี้ไปนั่งฝั่งตรงข้าม

“แหมริน เพื่อนกันก็นั่งกินข้าวข้างๆ กันได้นะ ไม่เห็นต้องขยับไปนั่งซะไกลเลย” ไพลินแอบประชดเบาๆ

“แต่เธอเป็นผู้หญิงแล้วฉันเป็นผู้ชาย นั่งใกล้กันมากไปฉันว่ามันดูไม่เหมาะเท่าไหร่” ธารินบอกตามตรงและนั่นก็ทำให้เธอหน้าตูมลงไปอีกเล็กน้อย

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จธารินก็ชิงจ่ายค่าอาหารให้เรียบร้อยและบอกลาเตรียมจะกลับ

“รินมายังไง ให้เราไปส่งไหม” ไพลินถาม

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเรานั่งรถกลับเอง” ธารินตอบพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาตอนนี้ทุ่มกว่าแล้วถ้าไปร้านที่เคยซื้อไอศกรีมประจำไม่ทันคงต้องวนไปอีกร้านที่ไกลกว่า แล้วป่านนี้ก็ไม่รู้จะกินข้าวเย็นหรือยังเขาควรจะต้องซื้อนมกับของกินง่ายๆ แต่มีประโยชน์ไปเผื่อด้วยสินะ… ว่าแต่อาจารย์ชอบกินอะไรล่ะ ปกติก็เห็นกินแต่ว้อดก้าใส่น้ำแข็ง

ไพลินสังเกตเห็นได้ชัดว่าใจของชายหนุ่มไม่ได้อยู่กับเธอเลยสักนิด ตั้งแต่ตอนที่กินข้าวด้วยกันก็เอาแต่ดูโทรศัพท์ทั้งที่ไม่มีคนโทรมาหรือมีข้อความความเข้าสลับกับดูนาฬิกาเป็นระยะเหมือนกับนัดใครไว้ เธอจึงพยายามยื้อเขาไว้ทั้งชวนกินของหวานและฟังเพลงหลังทานข้าวเสร็จแต่ก็ไม่สำเร็จ อีกฝ่ายก็ยังยืนยันว่าจะรีบกลับอยู่ดี ยังดีที่เขายังมีความเป็นสุภาพบุรุษพอจะไปส่งเธอที่รถจึงได้ยื้อเวลาอยู่ด้วยกันนานอีกหน่อย

“รินอยู่ตั้งปีสี่แล้วพ่อไม่ซื้อรถให้เหรอ”

“เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้นี่นา บ้านก็อยู่ห่างมหา’ลัยไปสองป้ายรถเมล์เอง”

“รินนี่เป็นคนง่ายๆ กว่าที่เราคิดอีกนะเนี่ย อุ๊ย!” ไพลินอุทานพร้อมกับนั่งยองลงกับพื้น

ธารินนั่งตามลงมาด้วยความเป็นห่วง เห็นหญิงสาวจับๆ อยู่ตรงข้อเท้า “เป็นอะไร ข้อเท้าพลิกเหรอ หรือว่าเดินสะดุดอะไร เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“สายรองเท้าขาดน่ะ” ไพลินตอบแล้วถอดรองเท้าขึ้นมาหิ้วไว้ด้วยท่าทีสบายๆ “ไปเถอะ”

“เดี๋ยวสิไพลิน เธอจะเดินเท้าเปล่าไปแบบนี้น่ะเหรอ”

“แค่นี้เองสบายมาก สมัยอยู่เมืองนอกเราก็ทำแบบนี้แหละ”

ธารินคว้าแขนหญิงสาวไว้ถึงเขาจะไม่ได้ชอบพอแต่การจะปล่อยให้เธอเดินเท้าเปล่ากลับไปก็ดูจะใจร้ายเกินไป เขาถอดรองเท้าออกและดันไปให้เธอ “เธอใส่รองเท้าเราไปดีกว่า”

“จะบ้าเหรอ เราใส่ไม่ได้หรอกรองเท้ารินใหญ่จะตายดูสิ” ไพลินบอกพลางกระโดดหย็องแหยงกลับมาสอดเท้าเข้าไปในรองเท้าหนังของเขาข้างหนึ่ง มันเหมือนเด็กน้อยใส่รองเท้ายักษ์ไม่มีผิด เธอพูดไปพลางหัวเราะคิกคักและถอดรองเท้าคืน “ไปเถอะริน อย่าเสียเวลาเลย ในรถเรามีรองเท้าแตะสำรองไว้อยู่แล้ว”

ธารินมองใบหน้าเปื้อนยิ้มกับเท้าเนียนเปล่าเปลือยที่ย่ำไปบนพื้นปูนด้วยความขัดใจ “งั้นฉันขออนุญาตนะ”

“ว้าย!” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ชายหนุ่มก็รวบตัวเธอขึ้นมา

“ริน กระโปรงๆ” ไพลินรีบคว้าชายกระโปรงไว้แน่นพลางหันมองซ้ายขวาตอนนี้คนเกือบครึ่งร้านพากันหันมาที่พวกเขา

“ฉันจับไว้แล้ว เธอจับฉันแน่นๆ ก็พอ”

“เราตัวหนักนะรินวางเถอะ”

“ไม่เป็นไรแค่นี้ฉันอุ้มไหว” ธารินกระซิบแล้วรีบก้าวยาวๆ ออกจากร้านไปท่ามกลางสายตาอิจฉาของใครหลายๆ คนในร้านที่พากันมองตามหลังคู่ชายหนุ่มสาวสวยที่แสดงความหวานกันแบบไม่แคร์สายตาคนอื่น

เช่นเดียวกับใครคนหนึ่งที่จับตามองเขาตั้งแต่วินาทีที่เดินเข้ามาในร้านแล้ว หากไม่ใช่ด้วยความรู้สึกอิจฉา แต่ถ้าถามว่าเป็นความรู้สึกอะไร เจ้าตัวก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน เขารู้แค่ว่าเป็นความรู้สึกไม่สบอารมณ์และปั่นป่วนอยู่ในใจจนพาลกินอะไรไม่ลง

อริญชย์คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าในชีวิตเขาจะมีเรื่องบังเอิญเกิดขึ้นได้บ่อยๆ ร้านอาหารในกรุงเทพมีเป็นร้อยเป็นพันแต่ดันแจ๊คพอตมานั่งร้านเดียวกันกับเด็กหนุ่มที่แอบนัดสาวสวยที่ไหนก็ไม่รู้มาด้วย

“รินทานขนมไหม” นนท์ประวิชเอ่ยเรียกคนที่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง “ไอศกรีมที่นี่อร่อยมากเลยนะ รินน่าจะชิมดูสักคำ”

อริญชย์ถอนสายตาจากทั้งสองหันมามองเนื้อครีมเนียนสวยในช้อนที่ยื่นมาตรงหน้า ภาพของใครคนหนึ่งทับซ้อนเข้ามาในความคิด

...อาจารย์กินอีกคำนะครับ...

อริญชย์ย่นปาก “ขอโทษนะครับพี่นนท์ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย เรากลับกันเลยได้ไหม”

“ได้สิ งั้นเช็กบิลเลยนะ” นนท์ประวิชเรียกพนักงานมาคิดเงินพลางเหลือบตามองคนตรงหน้าที่อาหารในจานแทบไม่พร่องเลยสักนิดด้วยความเป็นห่วง

“รินไม่สบายหรือเปล่าทำไมกินน้อยจัง” เขาถามขณะเดินคู่กันไปขึ้นรถ

“นิดหน่อยน่ะครับ” อริญชย์ตอบความจริงแค่ครึ่งเดียว “ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดเยอะไปหน่อยทั้งเรื่องยา เรื่องโดนพักงาน และก็เรื่องน้องโฮปอีก”

“มีอะไรก็ปรึกษาฉันได้นะรินไม่ต้องเก็บไว้คนเดียวหรอก”

“ขอบคุณครับแต่ผมไม่เป็นไรจริงๆ”

“ปากแข็งอีกแล้ว ดูสิ! หน้าเน่อไปหมดขนาดนี้ยังจะมาบอกว่าไม่เป็นไรอีกได้ยังไงฮึ!” นนท์ประวิชว่าพลางใช้มือจับคนที่เอาแต่ก้มหน้าตลอดมื้ออาหารให้เงยขึ้นมาสบตา

“พี่นนท์”

ปลายนิ้วอุ่นไล้เบาๆ ไปบนผิวแก้ม มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก และเสี้ยววินาทีที่กำลังสับสนนนท์ประวิชก็ก้มหน้าลงมา ริมฝีปากหยักแตะเบาๆ ราวกับจะขออนุญาต อริญชย์หลับตาลงและเผยอปากยินยอมให้อีกฝ่ายลุกล้ำเข้ามาหาความหวานด้านใน

อีกด้านหนึ่งของลานจอดรถ ธารินยืนนิ่งเมื่อเห็นภาพบาดตาตรงหน้า

…อาจารย์บอกเขาว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงออกมากินข้าวกับพี่นนท์… ทำไมถึงมายืนจูบกันตรงนี้ได้ล่ะ…

“ทำไมเหรอริน” หญิงสาวในอ้อมแขนถามเมื่อเห็นเขาเงียบไป

“เปล่า” เขาตอบแล้วรีบก้าวยาวๆ ให้พ้นไปจากตรงนั้นจนกระทั่งมาถึงรถของหญิงสาว

“ขอบใจนะ” ไพลินกล่าวขอบคุณหลังจากที่ธารินวางเธอลงอย่างนุ่มนวล

“ฉันไปนะ”

“ริน” ไพลินคว้าแขนเสื้อ ดึงให้คนที่กำลังจะไปให้หันมาหา “ถึงไม่ได้เป็นคู่หมั้นแล้วแต่เรายังไปหาหรือโทรคุยกับรินได้ไหม ในฐานะเพื่อนสมัยเด็กก็ได้”

“ได้สิ” ธารินตอบรวดเร็วแล้วรีบก้าวยาวๆ เดินจากไปโดยไม่หันกลับไปมองหญิงสาวซ้ำสองเพราะตอนนี้ทั้งหมดของเขากำลังพุ่งตรงไปที่ใครคนหนึ่งด้วยความสับสนและว้าวุ่น

เมื่อทนแรงกดดันในหัวใจไม่ไหวเขาก็ออกวิ่งไปยังจุดที่เห็นคนสองคนยืนจูบกันเมื่อสักครู่นี้ แต่ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นว่างเปล่า เขากวาดตามองหาอย่างร้อนรนและออกวิ่งไปรอบๆ ในที่สุดเขาก็เห็นร่างบางคุ้นตากำลังจะเปิดประตูขึ้นรถ

“อาจารย์!”

อริญชย์หันมามองด้วยหางตาแต่ก็ทำเป็นไม่สนใจและก้าวขึ้นรถ

ธารินคว้าตัวร่างบางให้หันมาแล้วดันประตูรถปิดไม่ให้หนีขึ้นรถไปได้

“ปล่อย” อริญชย์พูดเสียงห้วน

ธารินรั้งตัวร่างบางมากอดแนบอกแล้วซุกหน้าลงบนบ่า “ผมขอโทษ”

อริญชย์ตกใจไม่น้อย คิดว่าเด็กหนุ่มจะมาโวยวายต่อว่าที่เห็นเขาจูบกับคนอื่น “ขอโทษเรื่องอะไร”

“คนเมื่อกี้เป็นคู่หมั้นของผมที่เคยเล่าให้ฟังไง”

“อ๋อเหรอ… ก็สวยดีนี่”

“เขาชวนผมมากินข้าวแล้วพ่อก็สั่งให้ดูแลเขาให้ดี”
“เห็นอยู่ อุ้มมาส่งกันถึงรถเลย สวีทหวานน่าดู”

“รองเท้าเธอขาด” ธารินรีบอธิบาย “แล้วผมก็ปฏิเสธเธอไปแล้วนะ”

“ปฏิเสธที่จะอุ้มน่ะเหรอ”

“ปฏิเสธที่จะแต่งงานด้วยต่างหาก” ธารินบอก “ผมบอกไปแล้วว่ามีคนรักอยู่แล้วและตั้งใจจะแต่งงานกับคนๆ นั้นและคนๆ นั้นก็คืออาจารย์นะครับ”

ได้ยินแบบนี้อริญชย์ก็ใจอ่อนลงเล็กน้อยแต่ไอ้ความรู้สึกว้าวุ่นแปลกๆ ในใจมันก็ยังไม่หายไปสักที “เหรอ”

“แล้วนี่อาจารย์มากับพี่นนท์ได้ไงครับ”

“เขาชวนก็เลยมา” อริญชย์ว่า “แล้วนายไม่โกรธที่เห็นฉันจูบกับพี่นนท์เหรอ”

ธารินเม้มปากสนิท เขากำมือจนข้อนิ้วขาวซีด “โกรธครับ แต่ว่าอาจารย์ก็คงมีเหตุผลใช่ไหมล่ะ อาจจะโดนบังคับหรือว่าเผลอ…”

“ฉันตั้งใจ”

“ตั้งใจ...” ธารินทวนคำหน้าซีด “ทำไมครับ… อาจารย์…”

“ฉันอยากประชดคนโกหกที่บอกว่าจะไปอ่านหนังสือบ้านเพื่อนแต่ดันมากินข้าวกะหนุงกะหนิงกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้” อริญชย์ตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่นิ่งสนิทและนั่นก็ให้ความรู้สึกน่ากลัวกว่าการที่เจ้าตัวโวยวายออกมาเสียอีก “ก็ไม่ได้อยากจูบนักหรอก แต่พี่นนท์ก้มหน้าลงมาพอดีเลยตามน้ำไปเพราะถ้าไม่มัวทำแบบนั้น ฉันคงเดินเข้าไปกระชากหัวพวกนายสองคนให้แยกออกจากกัน จับยัยเด็กนั่นแหกอก จับนายเจี๋ยนแล้วสับเป็นพันๆ ชิ้นหลังจากนั้นก็เอาไปโยนให้เป็ดมันกิน”

ธารินขนลุกซู่ เขารับรู้ได้เลยว่านั่นไม่ใช่การขู่หรือพูดเล่น “อาจารย์~ ผมขอโทษ อย่าเจี๋ยนผมเลยนะ”

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันไม่อยากฟัง!” อริญชย์ดันตัวออกห่างจากเด็กหนุ่มแล้วหันไปจะเปิดประตูรถเมื่อลำแขนแกร่งสอดกลับเข้ามารอบเอวแล้วดึงให้หันกลับไปเผชิญหน้าอีกครั้ง

“อาจารย์กลับบ้านกับผมไหม”

อริญชย์ใจสั่นเพราะจู่ๆ แววตาของเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนไป “กลับไปทำไม”

“ผมจะกลับไปบอกพ่อกับแม่ว่าขอถอนหมั้นกับไพลินแล้วจะแต่งงานกับอาจารย์แทน” ธารินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังช้าๆ ชัดๆ ให้รู้ว่าเขาตั้งใจทำแบบนั้นจริงๆ

“นายจะบ้าเหรอ พี่นายเพิ่งบอกว่าจะแต่งงานกับฉันไปแหมบๆ”

“ยังไงพี่กับอาจารย์ก็แค่เล่นละครนี่นา ผมว่าตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงทุกคนแล้ว ขืนบอกช้าเดี๋ยวอาจารย์ท้องโตจะยิ่งลำบากนะครับ”

“แล้วที่มหา’ลัยนายจะทำยังไง”

“เคยมีข่าวว่าผู้ชายทำใครท้องแล้วโดนไล่ออกด้วยเหรอครับ ผมน่ะสบายมากอย่างมากก็โดนเพื่อนแซวว่ามีเมียแก่ แล้วผมก็เต็มใจให้แซวด้วยเพราะเมียผมถึงจะแก่แต่ก็ทั้งสวยทั้งแซ่บ ยิ่งอาจารย์เคยบอกว่าไม่แคร์เรื่องโดนไล่ออกยิ่งง่ายเลย อยากทำงานต่อก็ตามใจแต่ถ้าขี้เกียจก็มาอยู่บ้านเลี้ยงลูกเฉยๆ เดี๋ยวผมหาเลี้ยงเอง”

“แต่…”

“ไม่มีแต่แล้วครับ ไป! กลับบ้าน วันหลังอาจารย์จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาจูบกับคนอื่นประชดผมอีก คิดว่าตัวเองหึงเป็นเดียวหรือไงครับ ทางนี้ก็อยากจับพี่นนท์เอาหัวโขกกำแพงโทษฐานมายุ่งกับเมียคนอื่นเหมือนกันนะครับ”

“ริน”

“กุญแจรถอยู่ไหนครับ”

“หาเอาสิ”

“อาจารย์อย่ามาตลก ผมรีบครับเดี๋ยวพ่อกับแม่จะหลับเสียก่อน” ธารินควานหากุญแจรถเจอในที่สุด เขาเปิดประตูรถแล้วอุ้มอริญชย์ขึ้นนั่งในรถในขณะที่คาดเข็มขัดปากก็บ่นไปด้วย “ตกลงจะไปไหมครับ”

“ไปก็ไป” อริญชย์บอก “แต่ก่อนไปช่วยอะไรอย่างหนึ่งสิ”

“อะไรครับ”

“ล้างปากให้หน่อย”

ธารินตวัดสายตาขึ้นมองตากลมที่กำลังมองมาที่เขา “ล้างแค่ปากไม่พอหรอกครับ” เขาบอกพลางแตะปลายจมูกลงข้างซอกคอขาว “กลิ่นผู้ชายคนอื่นติดตัวมาหึ่งขนาดนี้คงต้องล้างทั้งตัว”

“ล้างให้สะอาดเลยนะ”

ธารินเงยหน้าขึ้นแตะริมฝีปากบางที่เผยอรออยู่แล้ว มือใหญ่เลื่อนไปปลดสายเข็มขัดนิรภัยออก ปรับเบาะให้เอนราบลงก่อนจะขยับตัวตามขึ้นไปแล้วดึงประตูปิด เขาจูบทั้งปากไล่ขึ้นไปที่หน้าปากแล้วพรมจูบวนไปทั่วทั้งดวงตา สองแก้มและซอกคอก่อนจะวนกลับมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง

“อาจารย์อย่าเอาคืนผมด้วยวิธีแบบนี้อีกนะ” ธารินกอดร่างบางแน่น “ผมแทบขาดใจนะรู้ไหม เมื่อกี้เกือบอดใจไม่ไหวโยนไพลินทิ้งแล้วเดินมาต่อยพี่นนท์แล้วนะ”

“แล้วทำไมไม่ทำล่ะ”

“กลัวเธอกลับไปฟ้องพ่อแล้วบ้านจะแตกน่ะสิ”
“แล้วไม่กลัวฉันโกรธหรือไง”

“ขอโทษครับ ผมไม่ทันได้คิด ก็เธอมัวแต่ลีลาอยู่ได้ ถอดรองเท้าให้ใส่ก็ไม่เอา ถ้าปล่อยให้เดินไปเองอีกชาตินึงก็ไม่รู้จะถึงรถไหม ผมรำคาญเลยคิดว่าอุ้มไปส่งเลยดีกว่าจะได้ถึงรถเร็วๆ ก็ผมนัดอาจารย์ไว้สองทุ่มนี่นา ร้านขายไอศกรีมก็จะปิดถ้าไปไม่ทันยังนึกไม่ออกเลยว่าจะไปซื้อให้ที่ไหน”

“เหตุผลฟังขึ้น วันนี้ยกโทษให้” อริญชย์ว่า “แต่ครั้งหน้าไม่เอาแล้วนะ ต่อไปนี้นายอุ้มฉันได้คนเดียวเท่านั้น”

“แค่อาจารย์เองเหรอ แล้วลูกของเราล่ะ”

“ไม่ให้อุ้ม” อริญชย์ตอบหน้าตาเฉย

“อาจารย์น่ะ อย่ามากีดกันพ่อลูกสิครับ”

“แล้วที่นายปฏิเสธเธอไปน่ะ เธอไม่ว่าอะไรเหรอ”

“ไม่นะครับ” ธารินตอบ “เธอดูเข้าใจดี อีกอย่างเธอก็เป็นอัลฟาที่ทั้งเก่งทั้งสวยคงมีหนุ่มๆ พวกลูกหลานเจ้าของบริษัทมาขายขนมจีบให้เยอะแยะไปหมด ไม่อะไรกับผู้ชายโง่ๆ แถมยังเรียนไม่จบแบบผมหรอกครับ… ผมว่าเราสบายใจเรื่องไพลินได้ จะมีปัญหาก็แค่พ่อแม่ผมนี่แหละ”

อริญชย์นิ่งคิดอยู่อึดใจ “อาทิตย์นี้นายสอบทั้งอาทิตย์ใช่ไหมริน”

“ครับ”

“งั้นสอบให้เรียบร้อยก่อน แล้วเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราค่อยไปคุยกับพ่อแม่นายกันตกลงไหม วันนี้ก็ดึกมากแล้วด้วย อีกอย่างเผื่อพ่อแม่นายไม่ยอมรับเรื่องของเราแล้วอาละวาดขึ้นมานายจะเสียสมาธิและจะพาลสอบไม่รู้เรื่อง”

“ได้ครับ” ธารินรับคำถึงจะมีท่าทีผิดหวังอยู่บ้าง “แล้วนี่อาจารย์จะไปฝากท้องเมื่อไหร่”

“ใจเย็นๆ เพิ่งจะได้สัปดาห์เดียวเอง เดือนสองเดือนนั่นแหละค่อยไปตรวจอีกรอบ ทำอย่างกับไม่ได้เรียนวิชาสูติฯ มา”

“ก็ผมตื่นเต้นนี่นา” ธารินว่ามือลงบนหน้าท้องแล้วลูบเบาๆ “อยากรู้จังว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย”

“แล้วนายอยากได้ผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ”

“ผมอยากได้ลูกสาว” ธารินบอก

“ทำไมล่ะ ผู้ชายไม่ดีเหรอ”

“ผู้ชายก็ดีครับปู่กับย่าคงรักตาย แต่ที่บ้านน่ะมีแต่ผู้ชาย ผมเลยอยากได้ลูกสาวจะได้มีสีสัน แล้วเด็กคนนี้ก็ต้องสวยแล้วก็เก่งมากๆ ด้วย”

“รู้ได้ไงว่าจะสวยอาจจะขี้เหร่ก็ได้นะ”

“ต้องสวยสิครับ ก็แม่สวยซะขนาดนี้” ธารินว่า “ผมว่าจะฝึกถักเปียรอแล้วเนี่ยเดี๋ยวลูกสาวเราไม่มีทรงผมสวยๆ ไปอวดเพื่อนที่โรงเรียน”

อริญชย์มองคนเห่อลูกทั้งที่เพิ่งจะปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนได้ไม่กี่วันชักอยากเห็นซะแล้วสิว่าเด็กคลอดออกมาจะดูแลได้ดีแค่ไหน “เด็กคนนี้ท่าทางจะติดนายนะ”

“ทำไมเหรอครับ”

“เวลาอยู่กับคนอื่นฉันจะทนแทบไม่ได้เลย ทั้งคลื่นไส้เวียนหัว แต่พออยู่กับนายอาการพวกนั้นก็หายเป็นปลิดทิ้งเลย”

“จริงเหรอครับ แหม~ น่ารักจริงๆ เลยลูกพ่อ อุตส่าห์ดูแลไม่ให้คนอื่นมายุ่งกับแม่แทนพ่อด้วย” ธารินขยับตัวลงไปจุ๊บเบาๆ ตรงหน้าท้องครั้งหนึ่ง “กลับบ้านกันดีกว่าครับ เดี๋ยววันนี้ผมขอแก้ตัวโดยการอาบน้ำให้อาจารย์นะ”

“ตามใจ”

ธารินขยับข้ามเบาะไปนั่งที่คนขับแล้วสตาร์ตรถออกไป

อีกฟากหนึ่งของลานจอดรถ ไพลินกำลังนั่งทำหน้าเซ็งอยู่ที่ตอนหลังของรถก็พอดีกับที่ประตูด้านคนขับเปิดออกแล้วตาณก้าวขึ้นมานั่ง

“เป็นไง”

“แฟนคุณธารินเป็นหมอที่โรงพยาบาลที่คุณหนูฝึกงานอยู่ครับ” ตาณรายงานพร้อมกับส่งแท๊ปเล็ตที่ทำการยันทึกภาพพร้อมข้อมูลอย่างละเอียดตั้งแต่ชื่ออายุวันเกิดปีเกิดไปจนถึงประวัติการศึกษาและนิสัยใจคอให้ดู

“เป็นอาจารย์แถมยังอายุมากกว่าด้วยเหรอ” ไพลินใช้ปลายนิ้วปัดภาพบนหน้าจอให้เลื่อนผ่านไปเรื่อยๆ ด้วยความหมั่นไส้ถึงจะอายุไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ดูแก่และยังหน้าตาดีเสียด้วย

“ถ้าจะใช้เป็นประเด็นเป็นอาจารย์อาจจะไม่ค่อยได้ผลนะครับ”

“ทำไมล่ะ”

“เพราะเขาแค่ช่วยดูแลคุณธารินช่วงสั้นๆ ตอนขึ้นฝึกเท่านั้นครับ หรือพูดอีกแง่หนึ่งแฟนคุณธารินก็เป็นคุณหมอที่อายุมากกว่าเท่านั้น”

“แล้วแบบนี้เราจะทำอะไรได้”

“คุณหนูอย่ากังวลไปครับ ลองเปิดไปอีกโฟลเดอร์หนึ่ง ผมมีสิ่งที่คิดว่าคุณหมอคนนั้นไม่อยากจะให้ใครรู้แน่ๆ ครับ”

ไพลินทำตามที่บอกแล้วก็ต้องตาโตกับภาพที่เห็นเธอปัดภาพอริญชย์ที่เดินเข้าเดินออก Devil Club กับผู้ชายไม่ซ้ำหน้าอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “หน้าตาก็ดีการงานก็ดี ไม่น่าเป็นพวกร่านเลยนะ”

“แต่ว่าปัญหาก็ยังมีอยู่อีกนิดหน่อยครับ” ตาณพูดต่อ

“อะไรอีกล่ะ”

“ดูเหมือนว่าคุณหมอคนนั้นจะเพิ่งตั้งครรภ์อ่อนๆ ครับ”

“กี่เดือน”

“แค่สัปดาห์เดียวครับ”

“ก็แค่นั้นเอง อะไรคือปัญหาของนายเหรอ”

“คุณหนูอยากให้ผมทำยังไงกับเด็กคนนั้นครับ”

“แล้วแต่นาย” ไพลินตอบสั้นๆ “แค่ลูกของโอเมก้าแพศยาไม่จำเป็นต้องแคร์อะไรมากนี่นา”

*****************
หุหุ ท่าทางจะงานงอกแล้วนะคะเนี่ยเจ้ารินเอ๊ย~





ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
อยากดูตอนธารินโมโหแล้วววว นางมารร้ายปรากฎตัว

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไพลิน! เธอทำร้ายลูกเจ้าริน จบไม่ดีแน่ๆ :angry2:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
อะ เจอโหมดมารหน่อยเป็นไง

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
 :a5:  ร้ายจริงแม่คุณ  :beat:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
วอนซะแล้ว นังคุณหนู :fire:
องค๋แม่ลงแกตาย  :beat:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
นังไพลินนน ผญมันร้าย :m31: :m16: :3125: เดี๋ยวเจอหมอริน

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 23 จับได้ ไล่ไม่ทัน

“รินกลับรถ!”

“ว่าไงนะครับ” ธารินถามเลิ่กลั่กเมื่อจู่ๆ คนที่นั่งข้างกันก็สั่งการเสียงดัง

“ไป Devil Club”

“อาจารย์นี่ไม่ใช่เวลาจะมาสนุกนะครับ แล้วตอนนี้ก็ดึก…”

“มิสเตอร์บีส่งข้อความมาบอกว่าพิษณุไปที่นั่น” อริญชย์พูดรัวเร็ว “รีบไปก่อนที่มันจะกลับไปเสียก่อน”

“จะรีบร้อนทำไมครับ ไปหาที่โรงพยาบาลก็ได้นี่นา” ธารินท้วง

“ถ้าไปหาที่ทำงานก็เท่ากับว่าฉันต้องเปิดหน้าจริงคุยกับมันด้วย” อริญชย์บอก “แล้วสถานที่มันก็ไม่เหมาะจะมาคุยเรื่องที่ฉันไม่อยากให้รู้เท่าไหร่”

ธารินพยักหน้าเข้าใจแล้วยูเทิร์นรถกลับ “แล้วอาจารย์จะไปหามันสภาพนั้นน่ะเหรอ” ถามพลางกวาดตามองคนที่ยังอยู่ในสภาพอาจารย์หมอเต็มยศ สวมเสื้อเชิ้ตสีเรียบกางเกงสแลค ผมเผ้าไม่ได้จัด หน้าไม่แต่งแถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะอีก

“ไม่มีปัญหา” อริญชย์ตอบสบายๆ แล้วกระโดดหายไปเบาะหลัง

“อาจารย์จะทำอะไรน่ะครับ!”

“เปลี่ยนชุดไง” อริญชย์ตอบเสียงใส “อย่าแอบมองนะเจ้าเด็กทะลึ่ง”

ธารินหน้าแดง พยายามห้ามตัวเองไม่ให้มองกระจกมองหลังแต่ก็ทำไม่ได้ ยิ่งเห็นอะไรขาวๆ เนียนๆ โฉบผ่านไปมาแวบๆ ใจยิ่งสั่นจนเหยียบเบรคเหยียบคันเร่งไม่ถูก “อา… อาจารย์ทำอะไรนะครับ”

อริญชย์ขยับมาเกาะอยู่ที่หลังเบาะแล้วชะโงกหน้ามากระซิบที่ข้างหู “แก้ผ้าอยู่… นายขับไปดีๆ นะ ตอนนี้ฉันไม่ได้ใส่อะไรเลยนอกจากกางเกงใน เดี๋ยวคันข้างๆ แอบมองมาจะเห็นหมด”

กลิ่นหอมสะอาดของอริญชย์ฟุ้งขึ้นมาแตะปลายจมูก ธารินเหลือบตามองมือขาวที่เกาะอยู่บนบ่า ไล่ขึ้นไปตามลำแขนกลมกลึงจนถึงหัวไหล่เปลือยเปล่าที่ยังมีรอยคิสมาร์คซึ่งเขาทำทิ้งไว้เมื่อคืนแล้วกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ รู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ในกางเกงจะเริ่มคับแข็งยังไงชอบกล “ครับ”

เขาเกร็งตัวคอแข็งมองไปข้างหน้าพร้อมกับประคองรถไม่ให้เข้าไปใกล้กับรถคันอื่น ไม่ถึงสิบนาทีอริญชย์ก็ปีนกลับมานั่งที่เบาะหน้า ถึงจะเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวเหมือนเดิมแต่แค่เปลี่ยนแพทเทิร์นและติดเครื่องประดับเพิ่มไปอีกนิดหน่อยตรงปกเสื้อก็ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น แว่นตาถูกถอดเก็บและหวีจัดทรงผมใหม่เรียบร้อยกลายเป็นกระต่ายน้อยนักท้องราตรีที่เขาเจอวันแรกอีกครั้ง

“นี่เตรียมพร้อมขนาดนี้เลยเหรอครับ”

“ก็ต้องมีบ้าง เผื่อวันไหนเกิดเหงาขึ้นมาหรือมีคนโทรมานัดกะทันหัน”

“ต่อไปไม่ต้องเตรียมแล้วนะครับ” ธารินพูดนิ่งๆ “อาจารย์มีผมกับลูกแล้วนะ ต่อจากนี้ไปถ้าเหงาหรือมีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็โทรหาผมนะ” ก่อนจะทำหน้ามุ่ยเพราะอีกฝ่ายไม่ได้สนใจฟังเอาแต่ดูความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก

“ปากซีดจัง” อริญชย์พึมพำอย่างขัดใจก่อนจะหันมาคล้องมือลงรอบคอเด็กหนุ่มแล้วชะโงกตัวไปจูบครั้งหนึ่ง

ธารินมือกระตุกจนรถปัด โชคดีที่ถนนโล่งจึงไม่ไปเฉี่ยวใครเข้า “อาจารย์ทำอะไรน่ะครับ!”

อริชญ์ย์ไม่สนใจเสียงบ่นทำลอยหน้าลอยตาไปส่องกระจกซ้ำอีกครั้ง “ค่อยมีสีหน่อย”

“คนขี้แกล้ง” ธารินบ่นงึมงำแล้วเหยียบคันเร่งไปต่อ โดยไม่รู้เลยว่าต้นเหตุที่ทำให้หัวใจว้าวุ่นเหลือบมองเขาด้วยหางตาแล้วนั่งอมยิ้มชอบอกชอบใจ

ไม่กี่นาทีต่อมารถก็มาจอดลงที่ Devil Club

“ตรงนั้น” มิสเตอร์บีพยักเพยิดไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ตรงมุมหนึ่ง “คุยกันยังไงก็ได้ แต่อย่าทำวุ่นวายให้ลูกค้าคนอื่นเดือดร้อนล่ะ”

อริญชย์หันไปพยักหน้าเป็นอันรู้กันกับธารินแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปหา

“แล้วเราจะเอายังไงครับ” ธารินกระซิบถามแต่ยังไม่ทันจะได้วางแผนอะไรกันอริญชย์ก็ปราดเข้าไปยืนขวางหน้าโต๊ะ

“เฮ้! ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“เฮ้ย!” พิษณุตกใจลุกขึ้นยืน

ธารินหน้าตาเหรอหราคิดว่าอาจารย์คงเตรียมแผนเด็ดๆ ไว้เหมือนตอนพี่ แต่ไม่คิดว่าจะเข้าไปเผชิญหน้าตรงๆ แบบนี้

“ท่าทางแบบนี้แสดงว่าจำกันได้สินะ” อริญชย์กอดอก

พิษณุเหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนี แต่ก็ติดโต๊ะกับผนังทางเดียวที่จะผ่านไปได้คือต้องฝ่าเจ้าโอเมก้านี่ไป แต่เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้จะประมาทก็ไม่ได้ครั้งก่อนช่วยกันฉุดสามคนยังเล่นเอาหอบ เขาล้วงมือลงในกระเป๋าควานหาอาวุธเจอมีดคัตเตอร์ที่พกไว้ก็ดึงออกมาขู่

“ถอยไป!”

คมมีดวาบวับตวัดมาตรงหน้า อริญชย์ตาโพลงด้วยความตกใจเขาหลบรัศมีมีดไม่พ้นแน่ๆ แล้วทันใดนั้นลำแขนแกร่งก็เอื้อมผ่านหัวไหล่มาจากทางด้านหลังคว้าเข้าที่ข้อมือแล้วหักบิดจนมีดหลุดจากมือ

พิษณุร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย!”
“อย่าคิดจะแตะต้องเมียฉันแม้แต่ปลายเล็บเลยนะไอ้เบต้าสกปรก” ธารินคำรามลอดไรฟัน

อริญชย์ยิ้มแป้นให้บอดี้การ์ดตัวโตที่ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม ในขณะที่เจ้าตัวส่งสายตาดุมาให้ว่าทำอะไรไม่ระวัง

“พวกแกต้องการอะไรจากฉัน!” พิษณุร้องถาม
อริญชย์รีบเก็บคัตเตอร์ขึ้นมาแล้วย่างสามขุมเข้าไปหา เขาแตะปลายคัตเตอร์ข้างแก้มสากแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางสนุกสนาน “ฉันต่างหากที่ต้องเป็นคนถามแกว่าต้องการอะไรจากฉันถึงได้ต้องทำกันถึงขนาดนี้”

“ฉันก็แค่ยากจะเอากับแกไง แต่แกไม่เล่นด้วย เรื่องมันก็จบไปแล้วยังจะมาอะไรกันอีก”

“แล้วแกมาเปลี่ยนยาฉันทำไม”

“ยาอะไร?”

“อย่ามาทำเป็นไขสือ เรามีหลักฐานนะว่าแกแอบเอายาปลอมมาสลับขายน่ะ” อริญชย์กดคมมีดเข้าเนื้อจนเลือดไหลซิบ

“ไม่! ฉันไม่เคยขายยาปลอม ยิ่งสลับยาอะไรยิ่งไม่รู้เรื่อง” พิษณุยืนกรานเสียงแข็งพลางเหลือบตามองปลายมีดด้วยความหวั่นวิตกเพราะดูแล้วเจ้าโอเมก้านี่เอาจริงแน่

“งั้นดูนี่หน่อยไหมจะได้รู้เรื่อง” อริญชย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดคลิปวันที่พวกมันพากันมาลอบทำร้ายเขาให้ดู พิษณุหน้าซีดลงอีกที่มีหลักฐานชัดขนาดนี้ “เลือกเอาว่าอยากโดนจับข้อหาไหน แต่ฉันว่าไม่ว่าอันไหนก็หมดอนาคตพอกันเลยนะ”

“เอามานี่!” พิษณุผวาเข้ามาจะแย่งโทรศัพท์ในมืออริญชย์ แต่ก็โดนธารินที่ยังจับข้อมือไว้กระชากตัวกลับไป “โอ๊ย!”

“บอกแล้วไงว่าแตะต้องเขา” ธารินเตือนเสียงเรียบแล้วหันไปคว้าคัตเตอร์มาถือไว้เสียเองเพราะกลัวอริญชย์จะพลาดจนได้แผล

“อย่าทำอะไรรุนแรงนะริน มิสเตอร์บีขอร้องว่าอย่าทำให้ร้านวุ่นวาย เอาแค่สั่งสอนเบาๆ พออย่าถึงขั้นเลือดตกยางออกเดี๋ยวต้องลำบากคนมาถูพื้น” อริญชย์ทำเป็นเกาะแขนพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “แล้วถ้าป๊ะป๋ารินรู้เข้าฉันต้องโดนต่อว่าแน่ๆ เลยที่พาลูกชายเขามาทำเรื่องแบบนี้… เออนี่ ฉันเตือนไว้ก่อนนะว่าแฟนใหม่ฉันคนนี้น่ะไม่ธรรมดา เป็นฉันนะจะอยู่นิ่งๆ ไม่กล้าทำให้เขาหงุดหงิดหรอกกลัวศพไม่สวย”

“แก!” พิษณุเหลือบตามองอัลฟาหนุ่มที่ร่างกายสูงใหญ่กว่าแล้วกัดฟันกรอด

“ฉันเช็กดูแล้วคนเหลือก็เป็นพวกๆ นายในห้องยาน่ะแหละ ก็ดีเหมือนกันนะมีเพื่อนเข้าคุกเยอะๆ จะได้ไม่เหงา”

“แล้วถ้าฉันพูดแกจะยอมลบคลิปไหม”

อริญชย์เคาะโทรศัพท์กับปลายคางทำเป็นครุ่นคิดด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ “เล่ามาก่อนสิ เดี๋ยวฉันคิดเองว่าจะลบหรือเปล่า”

“ฉันไม่ได้ขายยาปลอมอะไรทั้งนั้น!”

“อย่ามาตอแหล ถ้าแกไม่ทำธุรกิจใต้ดินจะมีเงินมาเที่ยวคลับระดับนี้ได้ยังไง”

“ฉันแค่เล่นกับจำนวนตัวเลข เบิกยาเกินคลังมานิดหน่อยแล้วเอาของพวกนั้นออกไปขายต่างหาก ไม่ได้ขายยาปลอมอะไรเลย” พิษณุหลุดปากพูดออกมา

“ได้ความผิดกระทงที่สองมาล่ะ” อริญชย์พึมพำพร้อมกับยิ้มกว้างและหันหน้าจอโทรศัพท์ให้ดูว่าเปิดโปรแกรมบันทึกเสียงไว้

“เฮ้ย!”

“เอางี้ฉันถามใหม่” อริญชย์ว่า “ช่วงสองสามเดือนนี้มีใครมาขอซื้อยากระตุ้นกับนายหรือเปล่า”

“เยอะแยะไป ฉันเป็นเภสัชนะเว้ย!”

“เอาที่มันแปลกๆ สิ ไม่มีเลยเหรอ”

“จะว่าไปก็มีคนนึง” พิษณุนึกขึ้นได้ “ขอซื้อยากระตุ้นแบบพิเศษตัวที่แรงมากๆ ของแพงหายากน่าดู”
อริญชย์หยิบแผงยาออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้ดู ที่บอกพี่นนท์ว่าทิ้งไปแล้วนั่นเขาโกหกหลักฐานชิ้นสำคัญขนาดนี้ใครจะปล่อยให้ห่างตัวล่ะ “ใช่อันนี้ไหม”

พิษณุเหลือบตามองอึดใจ “ใช่”

“ใครซื้อไป”

“ฉันไม่รู้จัก”

“ยังไม่เลิกตอแหลอีก!”

เพราะพลาดท่าไปแล้วหนนึงพิษณุจึงระวังตัวมากขึ้น “แต่ถ้าแกลบคลิปนั่นแล้วตกลงว่าจะไม่แจ้งความฉันอาจจะนึกออกก็ได้นะ”

“อ๋อเหรอ~” อริญชย์ว่า “งั้นฉันไม่อยากรู้แล้วล่ะ เอาไว้ที่เหลือแกไปให้ปากคำกับตำรวจเองก็แล้วกันนะ”

“เธอเป็นผู้หญิง!” พิษณุบอกอย่างร้อนรน “ฉันไม่รู้ว่ายัยนั่นเป็นใคร แล้วรู้ได้ยังไงว่าฉันสามารถหายามาให้ได้ แต่เธอมาออดอ้อนขอให้ฉันช่วยหาให้”
“แลกกับอะไร”

“ทีแรกฉันก็นึกว่าจะได้เอาฟรีน่ะแหละ แต่หล่อนส่งเงินมาให้ปึกหนึ่งบอกเป็นค่ายากับค่าปิดปาก”

“เท่าไหร่”

“ก็หลายหมื่น”

“จำหน้าเธอไม่ได้เลยเหรอ”

“สวย ขาว นมใหญ่”

“แหม~ อธิบายซะรู้เลยนะว่าเป็นใคร” อริญชย์ประชด “สมแล้วที่เคยโดนผู้หญิงหลอกหมดตัว”

“ไม่ได้โดนหลอกซะหน่อย ฉันเต็มใจให้ยัยนั่น แต่แค่เปย์หนักมือไปหน่อย”

“เอาเข้าไป” อริญชย์ถอนหายใจ แล้วหันไปกระซิบกระซาบกับเด็กหนุ่ม

จังหวะนั้นเองที่พิษณุสามารถสะบัดตัวหลุดจากมือธารินแล้วพุ่งเข้าใส่อริญชย์ล้มกลิ้งไปด้วยกัน

“ปล่อยนะเว้ย! แค่ก!” อริญชย์ร้องเสียงหลงเมื่อเสียท่าให้พิษณุกระโดดขึ้นคร่อม มือที่ใหญ่เหมือนคีมของมันบีบเข้ารอบลำคอเขา “ริน… ช่วย…”

ธารินหันมากระชากคอเสื้อมันเหวี่ยงไปกระแทกพื้น พิษณุรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีหายไปในฝูงชนเพราะว่ามันได้ของที่ต้องการแล้วคือโทรศัพท์มือถือของอริญชย์

“หนอยแน่!”

“ไม่ต้องตามริน” อริญชย์บอก

ธารินรีบหันกลับมาพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืน คนอื่นๆ พากันหันมามองการวิวาทเมื่อครู่แต่เข้าใจว่าเป็นการต่อยกันเพื่อแย่งโอเมก้าจึงไม่ได้นำพาอะไรและหันกลับไปกินดื่มกันต่อ

“อาจารย์แล้วเราปล่อยหมอนั่นไปแบบนั้นจะดีเหรอ”

“ไม่รู้จักปล่อยเสือเข้าป่าเหรอ” อริญชย์กระซิบ “ให้มันไปตามพวกมันมาแล้วเราจะได้เอากระชอนตักให้หมดแก๊ง”

“นั่นอาจารย์พูดถึงคนร้ายหรือปลาสวายครับ” ธารินหัวเราะในลำคอ เมื่อสักครู่เขาไม่ได้เผลอ แต่อริญชย์เป็นคนกระซิบบอกให้เขาแกล้งคลายมือแล้วโทรศัพท์เครื่องนั้นก็เป็นเครื่องสำรองที่อาจารย์เตรียมไว้ล่วงหน้าในนั้นไม่ได้มีข้อมูลอะไรนอกจากคลิปที่ได้ทำการแบ๊คอัปไว้หลายก๊อปปี้แล้ว
“แต่แผนการของอาจารย์ก็ล่อแหลม สุ่มเสี่ยงบุ่มบ่ามเกินไปไหมครับ ถ้าเมื่อกี้ผมช่วยไม่ทันจะทำยังไง ระวังหน่อยสิตอนนี้อาจารย์ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะครับ”

“ก็เพราะรู้ว่าไม่ได้ตัวคนเดียวน่ะสิ ถึงกล้าเสี่ยง” อริญชย์หันมายิ้มกว้างให้ “ก็มีนายอยู่กับฉันด้วยนี่นา”

“อาจารย์…” ธารินทำเสียงจ๊จ๊ะในลำคอด้วยความเขินคนอายุมากกว่าที่จู่ๆ ก็หันมาทำตาหวานใส่
อริญชย์แบมือออกมาตรงหน้า ธารินมองตาปริบเตรียมจะซึ้งเมื่ออริญชย์พูดต่อว่า “เอาโทรศัพท์นายมายืมหน่อยสิ”

ธารินถอนหายใจที่โดนแกล้งอีกแล้ว เขาล้วงมือลงในกระเป๋ากางเกงแล้วก็นึกอะไรขึ้นได้ “ไม่ได้ครับ!”

“มีความลับอะไร ส่งมาเดี๋ยวนี้นะ! หรือว่านายแอบซ่อนแชทกิ๊กไว้”

“ไม่มีครับกิ๊กเกิ๊กที่ไหนกัน”

“ไม่มี ‘กิ๊ก’ แต่มี ‘ไพลิน’ ใช่ไหม”

“อาจารย์เดี๋ยวก่อนครับ… อย่าเอาไป”

อริญชย์เข้ามากอดเอวหาโทรศัพท์ที่เจ้าตัวพยายามแอบซ่อน ในที่สุดเขาก็ดึงเอาไปจนได้และพอกดเปิดเข้าไปก็เห็นสาเหตุว่าทำไมเด็กหนุ่มถึงต้องหวง

“บอกแล้วว่าไม่มีกิ๊ก”

“นิสัยเสีย” อริญชย์พึมพำอายๆ ก็เจ้าตัวดีดันเอาภาพเซลฟี่ที่เขาถ่ายส่งไปให้ตอนสอนตรวจร่างกายตั้งเป็นภาพหน้าจอน่ะสิ เขาค้อนใส่ไปหนึ่งทีก่อนจะกดโทรออก

อีกด้านหนึ่งในห้องนอนของธารา

ชายหนุ่มที่ทั้งตัวเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวกำลังตั้งท่าเลียนแบบหมาป่ากำลังจะกระโจนขย้ำเหยื่อตัวขาวที่นอนรอความตายอยู่บนเตียง

“วันนี้แหละนายเสร็จฉันแน่คนสวย”

“ย… อย่าเข้ามานะฉันกลัวแล้ว” ร่างเพรียวบนเตียงซบหน้าหนีลงกับหมอนเรียวขายาวหนีบเข้าหากันแน่นปิดของสงวนจากสายตาคมที่จ้องมองมาอย่างหื่นกระหาย

หมาป่าหนุ่มกระชากเรียวขาขึ้นมาโลมเลียแล้วตวัดปลายลิ้นโอบรอบปลายนิ้วหัวแม่เท้าเข้าสู่โพรงปาก ดูดดึงเล่นจนร่างเพรียวสะท้านตัวสั่น

“ไม่เอา… อย่าดูดตรงนั้น… เสียว…” มือเรียวยกขึ้นไขว่คว้าตัวร่างหนาที่ส่งมือให้จับบีบระบายอารมณ์ หมาป่าหนุ่มดูดกินจนพอใจจึงคายออกแล้วไล่เลียขึ้นไปตามท่อนขาขาวสลับกับขบเม้มเบาๆ จนถึงขาอ่อนด้านใน

ปากทางนุ่มชุ่มชื้นสีชมพูสดดูน่ากิน หมาป่าหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากก่อนจะอ้าปากกว้างเตรียมดูดกินแหล่งน้ำหวานตรงหน้า

กริ๊ง~ กริ๊ง~ กริ๊ง~

“หืม” ร่างเพรียวสะดุ้งพลางเหลือบตามองที่มาของเสียง “ธารา… โทรศัพท์”

“ช่างมันเถอะน่า”

“แต่อาจเป็นที่ทำงานโทรมานะ”

“หมดเวลาทำงานแล้วนี่เป็นเวลาทำลูก” ธาราไม่สนใจและแตะริมฝีปากลงตรงปากทางเตรียมละเลงลิ้น

“อ๊ะ~ ธารา~”

กริ๊ง~ กริ๊ง~ กริ๊ง~

“รับก่อนไหม”

“ช่างมันเถอะน่า”

กริ๊ง~ กริ๊ง~ กริ๊ง~

ธารารู้สึกเหมือนหัวตัวเองเป็นภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิด เขายกตัวขึ้นเอื้อมแขนไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ “ว่าไง”

“ทำไมรับช้าจัง” อริญชย์บ่นหลังจากรออยู่นาน

“มีธุระอะไรรีบๆ พูดมาคนกำลังยุ่ง” ธาราว่า

พอได้ยินเสียงคนปลายสายที่อริญชย์โทรหาธารินก็เขยิบเข้ามาใกล้สอดคางวางเกยลงบนบ่าทำตาละห้อยเงี่ยหูฟังว่าสองคนคุยอะไรกัน

อริญชย์หัวเราะคิกคักกับเจ้าลูกหมาตัวโตขี้หวง เขาจึงเอียงหน้าพิงศีรษะเด็กหนุ่มให้ได้ยินด้วยว่าคุยอะไรกับพี่ชาย “เรื่องที่เราคุยกันไว้น่ะ เหมือนจะต้องดำเนินการเร็วๆ นี้แล้วล่ะ ยังไงฝากคุณจัดการด้วยนะ”

“ไม่มีปัญหาหรอก แต่ว่านะ…” ธาราเหลือบตามองศรศรัณย์ที่นอนอยู่บนเตียงแล้วลูบมือลงบนขาอ่อนกระตุ้นอารมณ์ไว้ไม่ให้ดับมอดแล้วค่อยๆ สอดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางชุ่มชื้นนั้นช้าๆ

“ธารา… อ๊ะ! ไม่เอาน้า~ อย่าแกล้งกันสิ” ศรศรัณย์กระซิบเสียงพร่ามองเขาตาปริบปรอยพลางขยับยกสะโพกตามจังหวะนิ้วที่เร่งเร้าเข้ามา

“แต่ว่าอะไร” อริญชย์ถาม

“ถ้าให้ผมประกาศแบบนั้นแล้วเจ้ารินล่ะ”

อริญชย์เหลือบตามองเด็กหนุ่มที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่แสดงคำถามเดียวกัน “รินทำไม”
“มันจะถอยกลับลำบากเอาน่ะสิ เพราะพ่อกับแม่ปลื้มไพลินมาก ผมว่าแทนที่คุณจะอ้างชื่อผมสู้ให้เจ้ารินออกหน้าไปเลยดีกว่าไหม นี่! ไม่ใช่ว่าผมจะผิดข้อตกลงอะไรนะ แค่ท้วงเพราะเป็นห่วงเฉยๆ”

อริญชย์นิ่งไปอึดใจ “เข้าใจแล้ว”

“แต่ไม่ต้องห่วง ต่อให้ไม่ต้องอ้างเรื่องนั้นผมก็จัดการไม่ให้ใครมายุ่มย่ามกับคุณได้”

“คุณทำได้เหรอ”

“คิดว่าผมเป็นใครกันล่ะ” ธาราว่าพลางถอนนิ้วออก “ธุระแค่นี้ใช่ไหมที่โทรมา ผมวางนะศรรอจนเมื่อยแล้วเนี่ย”

“งื้อ~ ธาราอย่าแกล้งสิ”

เสียงหวานที่ครางให้ได้ยินผ่านสายโทรศัพท์มาเบาๆ ทำให้อริญชย์นึกอยากจะแหมให้ถึงดาวอังคาร… สองคนนี้ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ

“ขอโทษที่รบกวนนะ” กดวางสายแล้วหันมาหาคนที่เกาะเขาแน่นยิ้มหน้าแป้นแล้น

“พี่ยอมรับเรื่องของเราแล้ว” ธารินบอก “เหลือแค่บอกพ่อกับแม่แล้วนะครับ”

“รู้แล้ว” อริญชย์หันไปแตะปลายจมูกข้างแก้มคนอายุน้อยกว่าที่ยังคลอเคลียไม่ปล่อย “แต่คืนนี้งดนะ นายต้องอ่านหนังสือ”

“แต่อาจารย์สัญญาแล้วนะว่าจะให้ผมอาบน้ำให้” ธารินถามเสียงอ่อย

“แค่อาบน้ำไม่ใช่เหรอ” อริญชย์ว่า “พรุ่งนี้มีสอบ เดี๋ยวคืนนี้ฉันติวให้”

“จริงนะครับ”

“เคยโกหกหรือไงล่ะ”

ธารินยิ้มหน้าบานแล้วเดินจูงมือกันออกไป โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่าท่ามกลางผู้คนมากมายใน Devil Club นั้นมีสายตาคู่หนึ่งมองตามติดอยู่ตลอดเวลา

*******************

ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์นะคะ ตอนนี้จับผู้ร้ายได้แล้วหนึ่งแต่ลาสบอสยังไม่ออกมาเลย มาลุ้นกันค่ะว่าเขาเป็นใคร


ออฟไลน์ Hnggnh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หูยยยย พี่รินคือแซบมากกกก สายบู้เลยอะ ชอบน้องรินจังงง เหมือนหมาโกลเด้นนนน

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โอ้โห อยากรู้แล้ววววว ลาสบอสคือใคร!!!! ใช่หมอนนท์รึป่าวเนี่ย เราไม่ไว้ใจนางเลย :katai1:

ปล. ตลกธารากับคุณศร รอจนเมื่อยแล้วววว จะทำลูกก็มีคนมาขัด เป็นเอ็นดู :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ใครจะเป็นลาสบอส ไม่ใช่ว่าเป็นพี่นนท์นะ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ลาสบอสคือนังคุณหนูเหรอ วุ่นวายมาก ไหนจะผู้รับใช้แสนซื่อสัตย์อีก   :ling1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยยย คนจะทำลูกก็มาขัด  :hao7:

ลาสบอสคือใครรรรร?
ตอนแรกคิดว่าพี่นนท์ไว้ แต่ตอนนี้ นัังคุณหนูเหรอ???

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ลาสบอสคือหมอนนท์รึป่าว ไพลินก็ไม่น่าไว้ใจ เป็นห่วงพี่หมอรินมากเลย

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ระวังตัวกันหน่อยยยยย โอยยยยยย  :ling3:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 24 ท้าทาย

หลังจากที่อริญชย์เจอพิษณุที่ Devil Club คืนนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็ลางานยาวหนีหน้าไปแต่อริญชย์ก็ไม่ได้ติดใจอะไรอีกเพราะตอนนี้ถือไพ่เหนือกว่า ที่สำคัญคือทางเขาเองก็มีชะนักปักหลังตรงชีวิตด้านกลางคืนที่เก็บเป็นความลับอยู่ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้โดนไล่ออก แต่ถ้าพิษณุเกิดพูดมากขึ้นมาแล้วเรื่องลามไปใหญ่โตก็คงส่งผลกับความน่าเชื่อถือของเขาไม่น้อย เอาเป็นว่าแค่ไม่มายุ่งกันอีกเขาก็จะเก็บคลิปนั้นไว้เป็นความลับต่อไป และช่วงนี้เขาก็ยุ่งสุดๆ ทุกวันจนไม่มีไปสนใจอย่างอื่นเพราะต้องเคลียร์งานทดแทนช่วงที่หยุดไป ธารินเองก็คร่ำเคร่งกับการสอบกลางภาคจนไม่มีเวลามาคิดเรื่องอื่น เผลอแป๊บเดียวเวลาก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้ว

“ทำไมวันนี้รินดูอารมณ์ดีจัง” นนท์ประวิชทักระหว่างที่เดินคู่กันไปหลังราวน์ช่วงเช้าเสร็จ

“วันนี้น้องโฮปจะมาตรวจตามนัดครับ” อริญชย์ตอบอย่างร่าเริง

“แค่นั้นจริงเหรอ” นนท์ประวิชยังไม่เลิกสงสัย “ช่วงนี้เซิ้งทุกวัน บางวันสามสี่ทุ่มยังไม่เลิก แต่ฉันก็เห็นนายดูมีความสุขไม่หงุดหงิดเลย แถมสีหน้าก็ดูดีขึ้นอีกด้วย”

“เหรอครับ” อริญชย์นึกตาม

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช่เหตุผลไหม แต่หลังจากที่เขาบ่นปนงอนๆ วันนั้นเรื่องจะค้างไม่ค้างธารินก็หอบเสื้อผ้ามานอนด้วยทุกวัน บางวันก็นั่งแกร่วรอเขาเลิกงานที่ห้องสมุดหรือไม่ก็ชั้นล่างของคอนโด เขาเลยต้องให้กุญแจกับคีย์การ์ดสำรองไว้ไปอ่านหนังสือรอในห้อง นึกถึงแววตาเป็นประกายของเด็กหนุ่มตอนเขาส่งให้แล้วยังขำไม่หาย อะไรจะดีใจขนาดนั้น

และเพราะรู้ว่าเขาเริ่มแพ้ท้องกินอะไรไม่ลง ธารินเลยขอร้องให้ศรศรัณย์ช่วยทำกับข้าวใส่ปิ่นโตมาให้ทุกวันแล้วมันก็ถูกปากเขามากจนลืมอาการคลื่นไส้ไปเสียสนิท ตบท้ายด้วยของหวานเป็นไอศกรีมกับนมสูตรสำหรับคุณแม่ที่ธารินขนซื้อมาใส่ไว้ให้เต็มตู้เย็นจนตอนนี้เขารู้สึกว่ากางเกงเริ่มจะคับๆ แล้ว

ทั้งสองเดินกลับมานั่งที่เคาน์เตอร์กลางสักพักก็เห็นเด็กๆ พากันทะยอยลุกออกจากเตียงมาหาคุณพรรณทิพย์ที่ยืนยิ้มหวานรออยู่หน้าวอร์ด หนึ่งในนั้นคือน้องกัปตันที่ตอนนี้อาการดีขึ้นมากสามารถออกจากห้องปลอดเชื้อมาเล่นกับเพื่อนๆ ได้แล้ว เพียงแต่ยังต้องให้สวมหน้ากากอนามัยและกำชับเรื่องการล้างมือบ่อยๆ เท่านั้น

“เอาล่ะเด็กๆ จับมือกันไว้แล้วเดินเรียงแถวตามพี่มานะจ๊ะ”

“ครับ/ค่า” เด็กๆ รับคำเสียงใสแล้วเดินตามเธอออกไป

“นั่นคุณทิพย์จะพาเด็กๆ ไปไหนครับ” อริญชย์ถามพลางมองดูเด็กชายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่ตอนนี้ออกมาข้างนอกได้แล้ว แม้จะมีหน้ากากปิดหน้าไว้ครึ่งหนึ่งแต่แววตาเป็นประกายสดใสนั้นก็ทำให้รู้ว่าใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากนั้นต้องเต็มไปด้วยรอยยิ้มแน่นอน

“พวกน้องๆ ปีสี่เขาสอบเสร็จเมื่อวาน แล้วหลังจากจากนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปฝึกงานที่แผนกอื่น วันนี้เลยชวนกันมาจัดกิจกรรมให้เด็กๆ เป็นการอำลาน่ะ” นนท์ประวิชบอก

อริญชย์นิ่วหน้า กิจกรรมที่ว่าธารินก็ต้องร่วมด้วยสิอย่าว่าแต่ซ้อมเลย แม้จะพูดให้ฟังยังไม่มีให้ได้ยินเลยทั้งที่อยู่ด้วยกันจนถึงเมื่อเช้าแท้ๆ

“นายจะไปดูไหม” นนท์ประวิชถาม

“ไม่ล่ะครับ” อริญชย์นึกงอนนิดๆ … ไม่คิดจะชวนกันเรื่องอะไรจะต้องไปดูล่ะ “ลงไป OPD กันเถอะครับ ป่านนี้คนไข้รอนานแล้ว”

“ตามใจ” นนท์ประวิชพยักหน้าแล้วเดินคู่กันออกไป “นี่แสดงว่ารินไม่ได้โกหกเรื่องที่ไม่ได้ติดต่อกับเจ้าเด็กนั่นแล้วจริงๆ สินะ” อดที่ถามด้วยความดีใจไม่ได้

“ครับ” …ไม่ได้ติดต่อกันตั้งแต่แปดโมง… อริญช์คิดต่อในใจ

“ดีแล้ว”

“ทำไมพี่นนท์ต้องคอยย้ำเรื่องนี้จังครับ”

“ไม่มีอะไรก็แค่เป็นห่วง” นนท์ประวิชบอก ลิฟต์ที่กดรอไว้มาถึงพอดีทั้งคู่ก้าวเข้าไปและกดลงไปที่ชั้นล่าง ในลิฟต์มีกันแค่สองคนเขาจึงถือโอกาสพูดต่อ “แล้วตกลงเรื่องของเรารินได้ไปคิดมาหรือยัง”
“กำลังคิดอยู่ครับ”

“ทำไมคิดนานจังล่ะ ไม่ใช่ว่ารินโอเคแล้วเหรอถึงได้ยอมให้ฉันจูบวันนั้น”

ลิฟต์หยุดที่ชั้นสองประตูลิฟต์เปิดออกแล้วตัวมาสคอตเป็นฉลามสีเทาผูกโบสีแดงตรงคอตัวโตสามตัวก็ก้าวเข้ามาทำให้ลิฟต์แออัดไปถนัด เจ้ามาสคอตตัวหนึ่งเอาครีบมาเบียดอริญชย์จนต้องหลบไปติดผนัง นนท์ประวิชจึงถือวิสาสะเอื้อมมือมาคว้าเอวคนอายุน้อยกว่าดึงมายืนหลบข้างเขา

“พี่นนท์…ไม่เป็นไรครับ ผมยืนได้” อริญชย์ขยับตัวอย่างอึดอัดเพราะมันแทบจะเป็นกอดกลายๆ อยู่แล้ว

“ไม่ต้องเกรงใจน่า” นนท์ประวิชกระซิบที่ข้างหู อาศัยความคับแคบของลิฟต์หวังเข้ากระชับพื้นที่หัวใจอีกฝ่าย “ว่าแต่รินตัวหอมขึ้นหรือเปล่าปกติก็หอมอยู่แล้วแต่เหมือนช่วงนี้หอมกว่าเดิมนะ… เขาว่ากันว่าโอเมก้าจะมีกลิ่นตัวหอมขึ้นสองกรณีคือกำลังมีความรักกับกำลังท้อง… ของรินคงไม่ใช่อย่างหลังสินะ”

อริญชย์หน้าแดง “ไม่ใช่อยู่แล้วครับ”

“แล้วถ้าอย่างนั้นอีกฝ่ายเป็นใครล่ะ คนที่ทำให้รินเป็นแบบนี้”

“ผม… ผมไม่รู้ครับ” อริญชย์ตอบอ้อมแอ้ม รู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกำลังโดนใครบางคนจ้อง แต่พอหันมองไปรอบๆ ลิฟต์ก็เห็นแค่ดวงตามันวาวของเจ้าฉลามเท่านั้น

“หรือว่าต้องให้ฉันทำมากกว่านี้รินถึงจะรู้ตัว” นนท์ประวิชยังไม่เลิกรุก

ลิฟต์เปิดออกที่ชั้น1 พอดี อริญชย์ลอบถอนหายใจและถือโอกาสแกะตัวเองออกจากวงแขนของนนท์ประวิชเดินตามหลังฝูงปลาฉลามทั้งสามตัวออกจากลิฟต์ไป

กิจกรรมสร้างรอยยิ้มให้เด็กๆ ของนักเรียนแพทย์ปีสี่นั้นจัดขึ้นที่ลานกิจกรรมหน้า OPD นี่เอง มีเด็กๆ ที่มาตรวจและเด็กๆ จากวอร์ดต่างๆ มานั่งดูกันอย่างเนืองแน่น

ตอนอริญชย์เดินผ่านมีนักเรียนแพทย์กลุ่มหนึ่งกำลังเล่านิทานเจ้าชายกบโดยใช้หุ่นมืออยู่พอดี เด็กๆ พากันปรบมือกันเสียงดังเมื่อเจ้าหญิงแสนสวยจูบไปที่ตัวกบน้อยสีเขียวแล้วก็กลายร่างเป็นเจ้าชายรูปงาม

ถึงปากจะบอกว่าไม่สนใจแต่อริญชย์ก็กวาดตามองเร็วๆ ไปตรงกลุ่มนักเรียนแพทย์ที่ยืนรุมๆ กันอยู่หากก็ไม่เห็นเงาของธารินแม้แต่น้อย

“หายไปไหนของเขานะ” นึกบ่นในใจก่อนจะเข้าห้องตรวจไป

จนกระทั่งคนไข้คนสุดท้ายหมดลง แต่อริญชย์ก็ยังไม่เห็นปรางค์ทิพย์พาน้องโฮปมาตามที่นัด

“เป็นอะไรเหรอริน” นนท์ประวิชถามคนที่ทำเสียงฟึดฟัดอยู่กับโทรศัพท์ เขาเองก็ตรวจเสร็จแล้วเช่นกัน

“ผมติดต่อคุณปรางค์ทิพย์ไม่ได้ครับ เนี่ยโทรหาจะสิบสายแล้ว”

“อาจจะกำลังขับรถอยู่ก็ได้ ใจเย็นๆ สิ จริงๆ ก็ยังไม่หมดเวลาตรวจเลย แต่วันนี้พวกเด็กๆ อยากไปดูการแสดงเลยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เราถึงได้เสร็จเร็วนะ แล้วนี่ก็เป็นหยุดคนมาตรวจนอกเวลาก็น้อยกว่าวันธรรมดาด้วย”

อริญชย์มองดูนาฬิกา จริงอย่างที่นนท์ประวิชว่า เขาจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าพยายามไม่คิดมากทั้งที่ในใจยังว้าวุ่น

“ไปดูน้องๆ เขาแสดงกันเถอะ” นนท์ประวิชเอ่ยชวนเปลี่ยนบรรยากาศพลางฉวยมือเรียวให้เดินตามมา

อริญชย์โดนดึงมือให้เดินตามไปแบบงงๆ ไปยืนปะปนอยู่กับเหล่าเด็กๆ และผู้ปกครองซึ่งตอนนี้การแสดงก็มาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว

“ต่อไปขอเชิญพบกับ The shark band อีกรอบครับ”

สิ้นเสียงพิธีกร เหล่าปลาฉลามสามตัวที่อริญชย์เห็นในลิฟต์ก็เดินอุ้ยอ้ายขึ้นมาตรงยกพื้นไม้เตี้ยๆ ที่เด็กๆ นั่งล้อมวงกันอยู่ เด็กๆ พากันปรบมือดีใจต้อนรับกันใหญ่

“เมื่อกี้แก๊งนี้เขาเต้นเบบี้ชาร์กกันค่ะ” หมอน้ำใจซึ่งเป็นอาจารย์พี่เลี้ยงของนักเรียนแพทย์และเป็นคนตอบรับคำขอแสดงกิจกรรมนี้เดินมาคุยด้วย “เด็กๆ ชอบใจกันใหญ่เลยขอให้ขึ้นมาแสดงอีกรอบเป็นการแสดงปิดท้ายน่ะค่ะ”

“เพลงชาติของเด็กๆ ยุคนี้เลยนี่นา” นนท์ประวิชบอก

“ใช่ค่ะ น่ารักมากเลยนี่น้ำใจถ่ายคลิปไว้ด้วยนะเดี๋ยวจะส่งให้พี่นนท์กับพี่รินดูด้วย”

“แล้วเขาจะแสดงอะไรกันอีกครับ หรือว่าจะเต้นเพลงเดิม” นนท์ประวิชถาม

“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ นี่น้ำใจก็รอดูอยู่เหมือนกัน”
เสียงอินโทรเพลงสนุกสนานดังขึ้นแต่ไม่ใช่เพลง Baby Shark เหล่าผู้ชมต่างพากันนิ่งปรบมือไม่ถูกกันไปอึดใจเพราะยังไม่คุ้นกับทำนองเพลงใหม่ แต่พอท่อนแรกขึ้นเกือบทั้งลานกิจกรรมก็พากันปรบมือเสียงดัง ไม่เว้นแม้แต่น้องน้ำใจกับพี่นนท์

เจ้ามีเขาอยู่แล้วยังดึงอ้ายเข้าไปหา อ้ายคนนอกสายตาเจ้าบ่แคร์บ่สน อ้ายมันใจง่ายที่เจ้าบ่หลูโตน เบื่อนำคำเว้าคน เฮ็ดให้เฮา เปลี่ยนไป

เหล่าฉลามแบนด์ต่างวาดลีลาโยกย้ายกันอย่างเมามันชนิดกล้วยกรุงศรีที่ว่าแน่มาเจอแก๊งนี้ยังต้องขอคิดหนัก

เด็กๆ หัวเราะชอบใจกันใหญ่จนกระทั่งมาถึงท่อนฮุกที่ทุกคนพากันพร้อมใจร้องออกมาแม้จะดำน้ำกันจนสาหร่ายเต็มหัว

ขอโทษที่เข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่อง สะระน๊องก่องแก่งมะน่องมะแน่งมั๊บ ปะล่องป่องแป่ง ง้องแง้งง้องแง้ง ในชีวิตเธอ

อริญชย์เองก็พลอยหัวเราะไปกับคนอื่นๆ ด้วยแล้วตอนนั้นเองที่เจ้าฉลามตัวที่ดูเล็กกว่าใครเพื่อนก็เดินแยกตัวออกมาทางพวกเขาแล้วสะกิดหมอน้ำใจให้ออกไปเต้นด้วยกัน

ด้วยความเป็นสาวเรียบร้อยและขัดใจใครไม่เป็น น้องน้ำใจจึงเดินตามไปโยกตัวซ้ายขวาสองสามทีแบบเขินๆ พอเป็นพิธีแต่แค่นี้ก็น่ารักน่าอ็นดูจนได้รับเสียงปรบมือดังกระหึ่ม เธอค้อมศีรษะขอตัวเดินกลับมายืนที่เดิม

ท่อนฮุกก็วนมาอีกครั้ง เจ้าปลาฉลามตัวที่ดูอวบอ้วนกว่าใครเพื่อนก็เดินตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยมาหา แต่คราวนี้เป้าหมายคือนนนท์ประวิช

ด้วยความที่เป็นคุณหมอสุดหล่อขวัญใจผู้ปกครองอยู่แล้วแค่ออกไปยืนยิ้มหวานโบกมือให้ บรรดาแม่ๆ ก็ปรบมือดังสนั่น

มาถึงท่อนฮุกรอบสุดท้าย เจ้าปลาฉลามตัวสูงก็ส่ายหัวสะบัดครีบมาหา มันเดินหยุดยืนตรงหน้าหมอน้ำใจก่อนจะทำท่าคิดหนักแล้วเอาครีบแบนๆ เขี่ยเธอไปด้านข้างด้วยท่าทางตลกๆ

คนดูหัวเราะครืนว่าเจ้าฉลามตัวนี้จะมาไม้ไหน
มันหันไปทางหมอนนท์แล้วก็กอดอกเชิดใส่แล้วหันหลังส่ายก้นดุ๊กดิ๊กให้

คนดูพากันโห่ฮาถามว่า “ทำไมๆ”

เจ้าก็ส่ายหัวโตๆ ของมันไปมาพลางสะบัดครีบประมาณว่าไม่ใช่สเปค ก่อนจะทำเป็นมองซ้ายมองขวาแล้วยกมือขึ้นปิดปากทำท่าตกตะลึงเป็นสัญญาณว่าคนนี้แหละใช่เลย

อริญชย์หน้าตาเหรอหราในขณะที่คนดูปรบมือเชียร์กันใหญ่เมื่อเจ้าปลาฉลามตัวสูงกระโดดมาสะบัดครีบวนไปมารอบๆ ตัวเขา

“หมอต่ายเต้นๆ” เด็กๆ พากันส่งเสียงเชียร์ "อย่ายอมแพ้พี่หลามนะ"

“ไม่เอา” อริญชย์ส่ายหน้า นี่มันไม่เหมือนกับใส่ชุดกระต่ายแล้วไปนอนเฉยๆ นะ

“หมอรินอย่ายอมแพ้” เสียงน้องกัปตันดังมา

เจ้าฉลามเอาหัวโตๆ ของมันมาดุนดันหลังเขาออกไปตรงกลางเวทีได้สำเร็จในที่สุด

อริญชย์โบกมือปฏิเสธ แต่กลายเป็นโดนเจ้าฉลามจอมอ้อล้อจับมือดึงขึ้นเหนือหัวโบกไปมาเหมือนหุ่นเชิด

อริญชย์ชักจะเวียนหัวสมกับเนื้อเพลงว่าไอ้เจ้าฉลามตัวนี้มันเป็นมะล่องก่องแก่งอะไรกับชีวิตเขานักหนาเนี่ย ทั้งเกาะแกะไม่เลิกแถมยังเอาปากยาวๆ ของมันมาดุนๆ ที่ข้างแก้มเขาจนเหมือนจะหอมแก้มอีก จนเขาต้องหันไปตีหัวกลมๆ ของมัน ซึ่งมันก็ทำท่าดีดดิ้นได้น่าหมั่นไส้เรียกเสียงหัวเราะไปได้อีก

เพลงท่อนสุดท้ายจบลงพร้อมกับที่เจ้าฉลามทั้งสามโบกครีบส่งจูบให้ทุกคน เด็กๆ พากันลุกขึ้นมากอดเอวพี่ฉลามแต่ละตัวและขอถ่ายรูปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการแสดงที่ประสบความสำเร็จที่สุดในวันนี้ก็ว่าได้

อริญชย์ถอยหลังออกจากวง ในขณะที่น้องน้ำใจเดินสวนกลับเข้าไปช่วยดูความเรียบร้อย ส่วนตัวเขายังงงไม่หายที่โดนเจ้าปลาฉลามนั่นแกล้ง

“เป็นไงบ้าง” นนท์ประวิชรีบเดินเข้ามาถาม

“ก็ไม่ยังไงครับแค่งงๆ นิดหน่อย”

“เจ้าปลาฉลามตัวนั้นดูเล่นถึงเนื้อถึงตัวจัง คนอื่นแค่แตะนี่มันแทบจะกอดนายอยู่แล้วหรือว่าจะเป็นเจ้าเด็กนั่น” นนท์ประวิชมองตามหลังปลาฉลามสามตัวที่เดินอุ้ยอ้ายมารวมกลุ่มกันหลังจากถ่ายรูปกับเด็กๆ เสร็จ

แก๊งปลาฉลามเริ่มทะยอยถอดหัวออก ตัวที่เล็กที่สุดคือปุณณ์ ส่วนตัวที่มีรูปร่างอ้วนท้วนคือกิตติชัย
ทุกคนต่างพากันแปลกใจเพราะไม่คิดว่าเด็กเนิร์ดของรุ่นจะกล้าออกมาเต้นบ้าๆ บอๆ แบบนี้

จนมาถึงตัวสุดท้ายที่ยังลีลาแอคท่าให้เด็กๆ ถ่ายรูปด้วยไม่เลิก

เจ้าฉลามตัวโตค่อยๆ ปลดล็อกตรงหลังคอเสื้อแล้วถอดหัวออก อริญชย์ยังไม่ทันได้เห็นว่าคนใส่เป็นเสียงหวานก็ร้องเรียกชื่อเจ้าตัวพร้อมกับที่สาวสวยในชุดเอี๊ยมยีนส์น่ารักเดินเข้าไปหา

“เหนื่อยไหมจ๊ะริน” ไพลินแทรกตัวผ่านเพื่อนๆ ร่วมรุ่นของเขาเข้าไปหาและดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาซับเหงื่อที่ซึมตามกรอบหน้าให้

“เฮ้ย! ไอ้รินคนนี้ใครวะ สวยนี่หว่า” เพื่อนคนหนึ่งถามแซว

“เพื่อนสมัยเด็กค่ะ” ไพลินชิงตอบขึ้นเสียก่อน “พอดีรินชวนมาแล้ววันนี้เราว่างก็เลยมาดู”

“เพื่อนจริงๆ เหรอครับ”

“เพื่อนจริงๆ ค่า เพราะรินมีคนที่ชอบแล้วแต่ไม่ใช่เรา” ไพลินตอบพลางเอาศอกสะกิดธาริน “เนอะรินเนอะ”

“อืม” ธารินพยักหน้า

“นี่ริน เราเอาขนมมาแจกเด็กๆ ด้วยนะ รินพาเราไปแจกหน่อยสิ” ไพลินบอกพร้อมกับชูถุงขนมที่ถือมาให้ดู มีทั้งอมยิ้ม ช็อกโลแลตและเวเฟอร์ที่เด็กๆ น่าจะชอบ เธอขยับมาคว้าแขนเขาไว้ข้างหนึ่งและดึงให้เดินไปด้วยกัน “มาเร็ว ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยไปคนเดียวเราเขิน”

“แหมๆ ไอ้ริน เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อนี่หว่า” เพื่อนในรุ่นยังไม่เลิกแซว

“เด็กคนนั้นมีแฟนแล้วเหรอ” นนท์ประวิชเปรยขึ้นเบาๆ

“เพื่อนครับ” อริญชย์พึมพำลอดไรฟัน

“รินรู้ได้ไง” นนท์ประวิชถาม

“ก็เจ้าตัวเขาเพิ่งพูดนี่ครับว่าเป็นเพื่อน” อริญชย์ตีหน้านิ่งทั้งที่ในใจอยู่ไม่สุข และเสี้ยวนาทีนั้นเองที่ไพลินหันมาสบตาเขาแล้วยกยิ้มมุมปาก

อริญชย์ยิ้มตอบ แต่ยังไม่ทันได้คิดว่าจะจับยัยเพื่อนมือปลาหมึกนั่นออกห่างจากเจ้าลูกหมาของเขายังไงดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นพอดี อริญชย์เห็นว่าเป็นปรางค์ทิพย์โทรกลับมาจึงละสายตาจากสองคนนั่นและเดินเลี่ยงออกจากฝูงชนเข้าห้องตรวจไปกดรับ

“อยู่ที่ไหนแล้วครับ”

“ขอโทษที่โทรกลับช้านะคะคุณหมอพอดีว่าพาน้องมาตรวจที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดน่ะค่ะ ตอนนี้ตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”

“ตรวจแล้วเหรอครับ?”

“ใช่ค่ะ” ปรางทิพย์บอกเสียงใส “พอดีว่าวันนี้สามีมีงานด่วนเข้ามาพอดี จะไปกรุงเทพก็ไม่สะดวกเพราะขับรถไม่เป็น พอดีมีคนรู้จักทำงานที่โรงพยาบาลบอกว่าไม่ต้องไปไกลก็ได้เพราะน้องก็อาการปกติดีเลยพาไปตรวจกับคุณหมอที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดน่ะค่ะ คุณหมอที่นี่ก็ให้คำแนะนำดี๊ดีว่าจะย้ายมารักษาต่อที่นี่เลยก็ได้เพราะเราสะดวกที่นี่ แต่ยังไงก็ต้องให้คุณหมอที่เคยรักษาช่วยสรุปประวัติเดิมส่งมาให้หน่อยน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหมอขัดข้องไหมคะ”

“เรื่องนั้นก็ได้อยู่นะครับ” อริญชย์อึกอักเพราะกาทำแบบนั้นหมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสได้เจอน้องโฮปอีกแล้ว “เอ่อ… ยังไงผมขอคุยกับน้องโฮปหน่อยได้ไหมครับ”

“ได้สิคะ” ปรางทิพย์เงียบไป อริญชย์ได้ยินเสียงแว่วมาในโทรศัพท์ “ลูกจ๊ะ มาคุยกับคุณหมอหน่อยลูก”

แล้วอึดใจต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงของเด็กชายที่คิดถึง

“พี่ริน?”

“เป็นไงบ้างครับ สบายดีไหม”

“งือ”

อริญชย์มีเรื่องอยากจะคุยด้วยมากมายแต่จู่ๆ เสียงก็เปลี่ยนกลับไปเป็นเสียงปรางค์ทิพย์อีกครั้ง

“ท่าทางน้องจะง่วงแล้วน่ะค่ะ ตะลอนไปที่นู่นที่นี่มาทั้งวัน ยังไงวันนี้ให้น้องพักก่อนเนอะ เดี๋ยววันหลังค่อยคุยกันใหม่นะคะ”

แล้วเธอก็ตัดสายโทรศัพท์ไป อริญชย์มองโทรศัพท์ที่หน้าจอดับไปแล้ว ในใจมีแต่คำถามและความสงสัย ในตอนนั้นเองที่เสียงใสก็ดังขึ้นพร้อมกับที่สองแขนแกร่งสอดเข้ามารอบเอว

“อาจารย์ค้าบ~”

อริญชย์เหลียวไปมองร่างสูงที่ตอนนี้ถอดชุดปลาฉลามออกเรียบร้อยและถามเสียงห้วน “อะไร ไม่ต้องมาอ้อนเลย”

ธารินยิ้มกว้างแล้วสอดคางวางลงบนบ่า “หงุดหงิดที่ผมเข้าไปเป็นมะริ่งกิ่งก่องในชีวิต’ จารย์เหรอ”
อริญชย์พยายามจะดันหัวทุยที่ซุกอยู่บนไหล่ออกแต่ก็ไม่สำเร็จจึงต้องยอมให้เด็กหนุ่มเกาะอยู่อย่างนั้น “ไม่เห็นบอกกันเลยว่าจะมีแสดงอะไรแบบนี้ด้วย”

“บอกก็ไม่เซอร์ไพรส์สิครับ”

“ถ้างั้นก็ไม่ได้ตั้งใจให้ฉันดูนี่นา”

“ก็ผมคิดว่าพออาจารย์ได้ยินว่ามีการแสดงยังไงก็ต้องมาดูอยู่แล้วนี่นา”

“ชวนคู่หมั้นมาดูได้แต่ชวนแม่ของลูกไม่ได้นะ” อริญชย์แกล้งประชด

“ผมไม่ได้ชวนสักหน่อย เธอรู้มาจากกิตกับปุณณ์แล้วก็ขอมาดูเอง ผมอยู่กับอาจารย์ทุกวันจะเอาเวลาที่ไหนไปคุยกับเธอ”

“จริงเหรอ”

“ไม่เชื่อดูโทรศัพท์ผมก็ได้นะ”

“เชื่อก็ได้ แล้วนี่เธอไปไหนทำยังไงถึงหลุดมาได้ล่ะเห็นเกาะแขนนายแน่นอย่างกับปลิงไหนว่าเคลียร์กันแล้วไง”

“ก็บอกไปตรงๆ ว่าไม่ให้จับเดี๋ยวแฟนงอนครับ เธอก็ปล่อยแขนผมแล้วผมก็รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วมาหาอาจารย์นี่ไง” ธารินตอบ

อริญชย์พยักหน้า ไม่คิดว่าตัวเองแปลความหมายรอยยิ้มท้าทายนั้นผิดไปแต่ถ้าธารินไม่เล่นด้วยเขาก็ยังรู้สึกวางใจได้อยู่

“แล้วเมื่อกี้ผมเต้นน่ารักป่าว”

“ไม่เลยสักนิด” อริญชย์ว่า “เต้นหย็องแหยงอะไรก็ไม่รู้แล้วยังมาแกล้งฉันอีก”

“ไม่ได้แกล้งอาจายรย์สักหน่อย ผมพยายามจะแยกพี่นนท์ออกไปต่างหากเกาะอาจารย์หนึบเป็นตังเมตั้งแต่ในลิฟต์แล้ว น่าหมั่นไส้” ธารินย่นปาก

“แยกอะไร? เบียดฉันจนติดผนังแบบนั่นน่ะนะ”

“ผมจะกันให้ออกไปห่างๆ ไงแต่ชุดมันเทอะทะขยับไม่ถนัด” ธารินบอกก่อนจะปลี่ยนเรื่อง “อาจารย์แล้วน้องโฮปล่ะ น้องโฮปมาหรือยังครับ นัดไว้วันนี้ไม่ใช่เหรอ”

อริญชย์หลุบตาลงมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งแล้วส่ายหน้า “ไม่มาแล้ว”

“ทำไมล่ะครับ”

“ก็แม่เขาพาไปตรวจที่อื่นแล้วน่ะสิ”

“อ้าว” ธารินร้องเสียงหลง “เขาทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอครับ”

“ได้สิ ก็เขาเป็นแม่แต่ฉันเป็นแค่หมอที่ดูแลนี่นา”
ธารินกวาดตามองคนในอ้อมแขนที่เงียบไปแล้วจึงพูดเสียงอ่อย “อาจารย์ผมคิดถึงน้องโฮปจัง”

“แล้วยังไง”

“พรุ่งนี้อาจารย์พาไปเยี่ยมหน่อยสิ”

“ที่อยุธยา?”

“ใช่แล้ว” ธารินตอบเสียงใส

“นายก็ไปเองสิ”

“ผมไปมันก็จะแปลกๆ สิแต่ถ้าอาจารย์ไปด้วยก็จะอ้างได้ว่ามาดูอาการมาดูความเป็นอยู่อะไรก็ว่าไป... นะครับอาจารย์ นะ นะ พาผมไปหน่อนนะครับ” ธารินอ้อน

“แต่พรุ่งนี้นายไม่ได้นัดพ่อกับแม่ไว้ว่าจะไปคุยเรื่องของเราเหรอ”

“นัดไว้ตั้งทุ่มนึง” ธารินว่า “อยุธยาแค่นี้ พี่ต่ายตีนผีขับชั่วโมงเดียวก็ถึง”

“นอกจากจะว่าฉันโหดแล้วยังว่าฉันตีนผีอีกไอ้เด็กบ้านี่”

“ตกลงไปด้วยกันน้า~”

“อือ” อริญชย์ทำเป็นตอบอย่างเสียไม่ได้ทั้งที่ในใจเตรียมวางแผนซื้อขนมที่น้องโฮปชอบไปฝากแล้ว
ธารินมองคนปากแข็ง อมยิ้มน้อยๆ แล้วกดจูบลงข้างขมับครั้งหนึ่งพลางนึกอยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ

อีกด้านหนึ่งของสายโทรศัพท์ หลังจากกดวางสายจากคุณหมอหนุ่ม ปรางค์ทิพย์ก็เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า

“เราจะทำยังไงกับเด็กนี่” เกียรติศักดิ์ถามพลางพยักเพยิดไปทางเด็กชายร่างผอมซึ่งนอนหลับสนิทคุดคู้อยู่บนพื้นปูนที่ไม่มีแม้แต่ผ้าปูรองพื้นที่ทั้งเย็นและแข็ง

เธอไม่ได้พาน้องโฮปไปหาหมอ และเด็กชายก็ไม่ได้เหนื่อยจนผล็อยหลับไปแต่เป็นเพราะเขาตื่นมาแล้วบ่นหิวข้าวด้วยความรำคาญเธอก็เลยเอาขนมปังใส่ยานอนหลับให้เด็กชายกินไปหนึ่งชิ้นจะได้ไม่ลุกขึ้นมาก่อกวนอีก

“ช่างมัน” ปรางค์ทิพย์บอกอย่างไม่แยแส “ปล่อยมันไว้แบบนี้แหละ”

“แล้วถ้ามันตายขึ้นมาล่ะ นิ่งไปเลยเนี่ยดูสิ”

“ก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอ ยังไงก็ไม่ได้อยากจะให้มันเกิดมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วนี่ ที่อุตส่าห์ไปรับมาอยู่ด้วยเพราะเห็นว่าเป็นตัวเงินตัวทองต่างหาก” ปรางค์ทิพย์กระหยิ่มยิ้มย่องพลางหยิบเงินที่เพิ่งถอนออกจากธนาคารเป็นปึกๆ ประกอบด้วยแบงค์พันปึกละหนึ่งร้อยใบราวสี่ถึงห้าปึกขึ้นมาดู “ต้องบีบน้ำทำตัวเป็นคุณแม่ผู้น่าสงสารอยู่เป็นนานสองนาน ไอ้เจ้าหน้าที่พวกนั้นกับไอ้หมอบ้านั่นก็ถามซอกแซกเสียจริง ดีนะที่นายฉลาดเลยไปยัดเงินพวกคนที่คิดว่าจะโดนเรียกไปถามไว้ก่อนแล้ว ไม่เสียแรงที่ฉันเอามาทำผัวจริงๆ”

“คนไทยนี่ใจดีนะ แค่บอกว่าเด็กโดนทิ้งเปิดรับบริจาคก็แห่โอนเงินให้มาได้ตั้งหลายล้าน” เกียรติศักดิ์ว่าพลางเปิดสมุดบัญชีที่มียอดเงินตั้งตั้นอยู่สามล้านเศษ และค่อยๆ ถูกทะยอยถอนออกมาทีละเล็กละน้อยไม่ให้เป็นที่สงสัยจนตอนนี้เหลือเงินอยู่ไม่ถึงหนึ่งล้านบาทภายในระยะเวลาแค่หนึ่งอาทิตย์ ส่วนเงินที่ถอนออกมานั้นส่วนหนึ่งก็ถูกนำไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายซื้อรถกับโทรศัพท์ใหม่และเที่ยวเล่น

“ไอ้เด็กนี่หน้าเหมือนเธอนะ เสียดายเป็นผู้ชายโตมาน่าจะสวยเอาไปขายได้เงินมาอีกต่อ” เกียรติศักดิ์นั่งยองลงข้างเด็กชายแล้วเอามือจับคางหันไปมา

“ไม่ต้องรอให้โตหรอก มีพวกตาแก่บ้ากามชอบเด็กๆ ตั้งเยอะ รีบๆ ขายไปซะก่อนจะเป็นภาระไปมากกว่านี้”

“แล้วเธอไม่กลัวไอ้คนที่บ้านเด็กกำพร้านั่นมาตามหรือไง”

“ถึงได้บอกให้รีบขายไง” ปรางค์ทิพย์ว่า “เอาเงินมาแล้วเราก็เผ่นไปอยู่ที่อื่น แล้วก็ยัดเงินคนแถวนี้ไปอีกหน่อยให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ซะ นังพวกนั้นงานมันก็ล้นมือมีเด็กอีกเป็นสิบๆ คนให้ต้องดูแลไม่มาอะไรกับเราหรอก”

“เธอก็พูดถูก” เกียรติศักดิ์พยักหน้าเห็นด้วย

“เลิกสนใจไอ้เด็กเปรตนั่นได้แล้ว แล้วเรามาสนุกกันต่อดีกว่า” ปรางทิพย์บอกพลางถอดเสื้อออกเหลือเพียงชั้นในตัวจิ๋วแล้วคล้องแขนลงรอบคอ

เกียรติศักดิ์ยกมือขึ้นบีบสองเต้าที่เต่งตูมแล้วซุกหน้าลงซุกไซ้ “เดี๋ยวพ่อจะเอาให้มันจนลืมโลกเลย”
แล้วทั้งสองคนก็เล่นเสียวกันอย่างสนุกสนานโดยไม่สนใจเด็กชายที่อยู่ถัดออกไปไม่กี่เมตร

เด็กชายนอนขดตัวแน่นด้วยความหนาว เนื้อตัวมอมแมมและเสื้อผ้าเริ่มมีกลิ่นเหม็นเพราะไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน บนแก้มเลอะฝุ่นปราศจากรอยยิ้มที่เคยฉายเต็มหน้าในวันที่เดินทางออกจากโรงพยาบาลมา

เขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อความหิวกัดกินกระเพาะจนแสบท้อง น้ำหยดเล็กซึมอยู่ที่หางตา มือเล็กๆ กอดของสิ่งหนึ่งที่ได้มาจากผู้ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดแม้สักเล็กน้อยแน่น

ในใจของเด็กชายเต็มไปด้วยความหมองหม่นและสับสน นี่คือครอบครัวที่เขาอยากมาอยู่ด้วยจริงๆ เหรอ

********************************
เป็นห่วงน้องโฮปจัง หมอรินกับเจ้ารินจะไปช่วยทันไหมเนี่ย


ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
สงสารน้องโฮปมากๆเลย ขอให้พี่รินทั้งสองคนไปช่วยน้องออกมาได้ไวๆนะ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ว่าแล้วว่าสองผัวเมียนี้ไม่ดีแน่ พี่รินกะน้องรินรีบมาช่วยน้องโฮปแล้วเอามันเข้าคุกเลยนะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
โหหห...... เพราะเงินเท่านั้น.... // น้องกลับมาป่วยอีกแน่ๆ ขอให้พี่หมอรินกับพี่รินมาช่วยน้องทัน ก่อนที่คนใจร้ายจะขายน้องไปด้วยเถอะ สาธุ :call:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
นั่นไง คนในรพก็รู้เห็นกับเขาด้วย  :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ได้โปรดไปช่วยน้องให้ทันอย่าได้ทำร้ายน้องไปมากกว่านี้เลยคนเขียน  :z3: :z3:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
โอ้ยยยย ว่าแล้วเชียว ฮือออ น้องโฮปลูก

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
นึกแล้วเชียว อิผัวเมียชั่วพวกนั้นมันมาเพราะเงิน เลว!! :fire:
พี่หมอริน มาช่วยน้องโฮปเร็วๆ

ออฟไลน์ คุณซี

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
มาช่วยพาน้องกลับครอบครัวเร้วคุมหมอออ

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
gเข็มที่ 25 บ้านคุณตา

“แม่ครับวันนี้เราจะไปไหนกัน” น้องโฮปถามอย่างใสซื่อ วันนี้คุณแม่ปลุกให้ตื่นแต่เช้าและพาอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณปะแป้งจนตัวหอมฟุ้ง เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นชุดใหม่เสื้อคอปกกะลาสีกับกางเกงขาสั้นสีฟ้าสดใส

เด็กชายหมุนตัวไปรอบๆ อยู่หน้ากระจกมันดูเหมือนชุดนักเรียนที่เคยเห็นในทีวี นึกสงสัยว่าวันนี้คุณแม่จะพาไปโรงเรียนหรือเปล่าหนอ เพราะว่าป่วยบ่อยเขาจึงไม่เคยไปโรงเรียนเลย น้องโฮแอยากไปโรงเรียนที่สุด อยากไปดูว่าโรงเรียนมันหน้าตาเป็นยังไง พี่ๆ ที่หอผู้ป่วยกุมาร3 ทั้งพี่มีนนี่กับพี่กัปตันต่างเล่าว่าเป็นสถานที่น่าตื่นเต้นมาก มีของเล่นเยอะแยะและมีเพื่อนๆ วิ่งเล่นด้วย แล้วก็มีคุณครูคอยสอนหนังสือ คุณครูที่โรงเรียนจะใจดีไหม เพราะน้องโฮปมีแค่พี่ต่ายที่จับมือเขียนหนังสือและอ่านนิทานให้ฟัง บางทีพี่ต่ายก็ดุเวลาน้องโฮปเขียนโย้ไปเย้มาเหมือนไส้เดือนดิ้นตายแต่น้องโฮปก็แอบเห็นนะว่าเวลาพี่ต่ายเขียนอะไรยุกยิกลงในแฟ้มที่ถือมาน่ะก็เป็นเส้นพันๆ กันเหมือนที่น้องโฮปเขียนนี่แหละแล้วมาบอกว่าน้องโฮปเขียนไม่สวยได้ไง น้องโฮปก็ตั้งใจเขียนให้เหมือนพี่ต่ายแล้วนะ

“แม่จะพาไปเยี่ยมคุณตาครับ” ปรางค์ทิพย์บอก ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ส่งรูปเด็กคนนี้ให้คนรู้จักไปเพียงแค่ข้ามคืนก็มีคนสนใจขอดูตัวเข้ามามากมายแถมยังให้ราคาดีเสียด้วย เธอเลือกคนที่ให้ราคาสมน้ำสมเนื้อพร้อมจ่ายได้ทันทีและนัดรับเด็กชายในวันบ่ายของวันนี้โดยมีข้อแม้ว่ารับคืนไม่ว่ากรณีใดๆ

หญิงสาวกระหยิ่มยิ้มย่องฝันถึงเม็ดเงินหลายหมื่นที่จะได้ ในขณะที่เด็กชายมองคุณแม่ตาแป๋วอย่างใสซื่อ

“คุณตาคือใครครับ”

“ตาคือพ่อของแม่ครับ คุณตาเป็นคนดุ แถมยังขี้บ่นเวลาเจอคุณตาหนูต้องพูดเพราะๆ อ้อนเยอะๆ ถ้าทำให้คุณตาหงุดหงิดนะ ลูกแม่ทำได้ไหมครับ”

น้องโฮปพยักหน้าหงึกหงักดวงตาเป็นประกายด้วยความดีใจที่จะได้เจอคนในครอบครัวเพิ่มมาอีกคน “ครับแม่”

“เก่งมากครับ” ปรางค์ทิพย์บอกพร้อมกับลูบหัวครั้งหนึ่ง

น้องโฮปยิ้มแก้มปริเพราะนี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มาอยู่บ้านหลังนี้แล้วคุณแม่ของเขาเอ่ยชมแถมยังลูบหัวด้วย
เกียรติศักดิ์เปิดประตูเข้ามา “จะไปกันหรือยังสายมากแล้วนะ มัวแต่โอ้เอ้กันอยู่ได้”

“แหม~ มันก็ต้องแต่งเนื้อแต่งตัวกันนิดนึงสิคะ จะให้ไปสภาพมอมแมมแบบนั้นได้ยังไง” ปรางค์ทิพย์ตอบเสียงอ่อนเสียงหวาน เธอหันไปคว้ามือเด็กชายแล้วก็ร้องเสียงดังเมื่อเห็นว่าเขาหยิบอะไรใส่กระเป๋า “ลูกจะเอาไอ้กรอบรูปสกปรกนี่ไปทำไมครับ”

“ผมอยากเอาไปอวดคุณตาด้วย” น้องโฮปบอก “แล้วมันก็ไม่สกปรกนะครับ ผมเช็ดทุกวันเลย”

“สกปรกสิ เลอะทั้งน้ำลายทั้งขี้มูก ยี้!” ปรางค์ทิพย์ทำท่าขนลุกขนพองเมื่อสังเหตเห็นคราบที่กระจกทั้งที่ความจริงแล้วเป็นแค่คราบน้ำตาเท่านั้น

“เออๆ เด็กมันอยากทำอะไรก็ช่างเถอะ รีบมาได้แล้วเดี๋ยวตาแก่นั่นจะรอนาน” เกียรติศักดิ์ตัดบท

“ตาแก่คือใครครับคุณพ่อ”

“คุณคะ” ปรางค์ทิพย์ขยิบตาเตือนสามีว่าต้องเล่นละครเป็นครอบครัวแสนสุข

“อ้อๆ” เกียรติศักดิ์ทำหน้านึกขึ้นได้ “พ่อหมายถึงรีบไปกันเถอะเดี๋ยวคุณตาจะรอนาน”

“ครับ” น้องโฮปพยักหน้าแล้วส่งมือให้คนเป็นแม่จูงไปขึ้นรถ

เด็กชายปีนขึ้นนั่งตอนหลังกับคุณกระต่ายที่แม่ซื้อให้ในขณะที่พ่อกับแม่นั่งหน้า เขาเปิดกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ใส่กรอบรูปซึ่งที่รินตัวโตของเขาให้มาดูให้แน่ใจอีกครั้งว่ามันยังอยู่เรียบร้อยดี แล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าไม่ได้หยิบเอายาพ่นแก้อาการหอบมาด้วย

น้องโฮปหันไปมองดูกระจกหลังที่รถแล่นออกมาไกลจนมองไม่เห็นตัวบ้านแล้วหันกลับมามองพ่อกับแม่ที่นั่งคุยกันเสียงดังอย่างอารมณ์ดีแล้วก็ปิดกระเป๋าเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ลำบากอีกทั้งตัวเองก็ไม่มีอาการกำเริบมานานแล้วด้วย เขาหันไปมองนอกกระจกที่วิวสองข้างทางวิ่งผ่านไปเรื่อยๆ เห็นสุนัขตัวหนึ่งวิ่งไล่ลูกบอลอยู่หน้าบ้านจึงหันไปเรียกพ่อกับแม่ให้ดูแต่ก็ไม่มีใครสนใจ เด็กชายละสายตาจากแผ่นหลังที่ไม่ยอมหันมามองแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“น้องโฮปดูนั่นสิครับ น้องหมาตัวเบ้อเริ่มเลย” เสียงทุ้มจากคนที่ให้เขานั่งอยู่บนตักดังขึ้นที่ข้างหูพร้อมกับมือใหญ่ที่ชี้ชวนให้ดูออกไปนอกหน้าต่างรถ

“ว้าวววว~ จริงด้วยครับพี่รินนั่นหมาจริงๆ เหรอ ผมนึกว่าหมี ขนมันยาวมากเลยนะครับ ปกติหมาขนสั้นไม่ใช่เหรอครับ”

“หมาขนยาวก็มีครับ แล้วหมีก็อาศัยอยู่ในป่าไม่มาเดินอยู่ในเมืองหรอกครับ แล้วหมีตัวจริงก็ตัวโตมากๆ เลย”

“ตัวโตกว่าพี่รินอีกเหรอครับ”

“ช่ายย~ ตัวเท่านี้เลย” พี่รินตัวโตอธิบายพร้อมกางแขนออกทำขนาดประกอบ

“ว้าววว~”

“สองคนพี่น้องจะตื่นเต้นอะไรนักหนากะอีแค่อลาสก้ามาลามิวต์กับหมี” เสียงหวานแกมดุของพี่ต่ายที่กำลังขับรถหน้าเครียดดังแทรกขึ้น “เดี๋ยวตอนเจอช้างรีแอคชั่นจะขนาดไหนเนี่ย”

“ก็ซ้อมๆ ไว้ก่อนไงครับ ที่บ้านไม่ได้เลี้ยงนี่นาจะได้เจอทุกวัน” พี่รินตัวโตหันไปทำหน้าล้อเลียนใส่ก่อนจะโดนพี่ต่ายเอื้อมมือมาเขกเข้าที่หน้าผากเสียงดังโป๊ก!

แล้วพวกเขาก็หัวเราะไปด้วยกัน


เคยคิดว่าครอบครัวคือคนที่อยู่ด้วยแล้วสามารถหัวเราะไปด้วยกันได้ แต่ทำไมพ่อกับแม่ถึงเอาแต่หัวเราะกันแค่สองคนในเรื่องที่เขาฟังไม่เข้าใจล่ะ น้องโฮปจึงได้แต่นั่งไปเงียบๆ อยู่บนเบาะหลัง

ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาเกียรติศักดิ์ก็เอ่ยขึ้น

“ถึงแล้ว”

น้องโฮปพุ่งไปที่กระจกและจ้องมองออกไปยังตัวบ้านหลังใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยสวนกว้างขวางร่มรื่นน่าอยู่ ตรงหน้ารั้วบ้านมีชายวัยกลางคนร่างท้วมยืนรอต้อนรับอยู่

เกียรติศักดิ์จอดรถและพยักหน้าให้ปรางค์ทิพย์หันมาอุ้มน้องโฮปลงจากรถเดินเข้าไปหา เขาดูภูมิฐานอายุราวห้าสิบต้นๆ และมีรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะเราพาเด็กมาส่งแล้วค่ะ”

น้องโฮปเงยหน้าขึ้นมองชายตรงหน้าพร้อมกับยกมือไหว้และกล่าวทักทายตามที่แม่สอนมา “สวัสดีครับคุณตา”

“แหม น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ” คุณตาบอกพร้อมกับลูบหัวเด็กชายเรื่อยลงมาถึงข้างแก้มที่เขาบีบเล่น “แก้มก็นุ๊มนุ่ม หนูชื่ออะไรครับ”

“โฮปครับ”

“ชื่อน่ารักจัง”

“พี่ต่ายเป็นคนตั้งให้ครับ พี่ต่ายบอกว่ามันแปลว่าความหวัง ใครๆ ก็บอกว่าชื่อน้องโฮปเท่สุดๆ ไปเลย”

“ใครคือพี่ต่าย” คุณตาถาม

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เด็กคนนี้ก็พูดไปเรื่อย” ปรางค์ทิพย์บอกและรีบตัดบท “สรุปว่าราคาตามที่ตกลงไว้นะคะ”

คุณตาพยักหน้าแล้วหยิบเอากระเป๋าสตางค์ออกมานับเงินส่งให้ปึกหนึ่ง ปรางค์ทิพย์รีบยกมือไหว้และรับมาใส่กระเป๋าโดยไม่นับแล้วหันหน้าไปขึ้นรถโดยไม่บอกลา

“คุณแม่จะไปไหนครับ” น้องโฮปร้องถาม พยายามจะเดินตามแต่ก็ถูกสองแขนโอบรอบตัวไว้ เขาหันไปมองหน้าคุณตาซึ่งกำลังส่งยิ้มมาให้

“คืนนี้อยู่กับตานะครับ”

น้องโฮปมองรถที่กำลังเคลื่อนตัวออกไปอย่างความรวดเร็วด้วยสายตาละห้อยยืนงงทำอะไรไม่ถูก “คุณแม่ครับ คุณพ่อครับ”
แต่ไม่ว่าจะส่งเสียงเรียกอย่างไรทั้งสองก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลี้ยวรถกลับมารับเลย ได้แต่คิดว่าตนกำลังถูกทิ้งอีกแล้วหรือเปล่า เด็กชายกอดตุ๊กตากระต่ายที่คุณแม่ให้มาแน่นและคิดว่าคงไม่ใช่หรอก ตอนอยู่โรงพยาบาลคุณแม่บอกว่ารักเขา คิดถึงเขา อยากเอาเขามาอยู่ด้วย คุณแม่เสียใจที่เคยทิ้งเขาไปและคุณแม่จะไม่มีวันทำแบบนั้นอีกเด็ดขาด และน้องโฮปก็เชื่อแบบนั้น

“เข้าบ้านกับตานะครับ เดี๋ยวตาจะพาไปรู้จักคนอื่นๆ” คุณตาบอกพร้อมกับจูงมือเดินเข้าไปในบ้าน

พอเข้าไปข้างในน้องโฮปก็ต้องรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเพราะในบ้านนั้นปิดกระจกและรูดม่านปิดสนิททุกบานจนมองไม่เห็นด้านนอก นอกจากนั้นยังมีเด็กผู้ชายคนอื่นที่โตกว่าน้องโฮปอยู่อีกสองคนนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวกลางบ้าน ทั้งสองคนมีหน้าตาน่ารัก ผิวขาวจัดเหมือนไม่เคยโดนแดดและสวมชุดนักเรียนทั้งที่ไม่เคยได้ไปโรงเรียน

“นั่นน้องเจมส์กับน้องอาร์ม” คุณตาบอกพลางเดินไปหาของในตู้ “สองคนนั่นก็ช่างเลือกชุดมาได้เหมาะดีจริงๆ เอ้า! น้องโฮปไปนั่งกับพวกพี่ๆ เขาสิ ทำความรู้จักกันไว้”

น้องโฮปเดินไปมองเด็กชายทั้งสองแล้วพวกเขาก็ขยับตัวเล็กน้อยพอให้รู้ว่าน้องโฮปควรนั่งตรงไหน ซึ่งก็คือถัดไปข้างๆ อาร์ม

“ไม่ต้องกลัวนะวันแรกเขาไมทำอะไรนายมาหรอก” เด็กชายคนที่ชื่อเจมส์บอกเขาน่าจะอายุราวๆ พี่กัปตันแต่ดูแววตาไม่สดใสและเบื่อหน่ายยิ่งกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่หอผู้ป่วยกุมาร3 เสียอีก

“มันอาจจะเจ็บหน่อยแต่เดี๋ยวก็ชิน” อาร์มพูดต่อเขาดูเด็กว่าเจมส์เล็กน้อยและดูเป็นคนแก่นๆ จากท่านั่งไขว้ห้างกอดอกมองมายังสมาชิกใหม่ด้วยท่าทางสนอกสนใจ “คุณตาเป็นครูก็เลยชอบสอน ถ้านายดื้อก็จะโดนลงโทษแต่ถ้าเป็นเด็กดีคุณตาก็จะให้ขนม”

“พวกนายสองคนก็เป็นหลานคุณตาเหรอ” น้องโฮปถาม

“เปล่า” เจมส์ตอบ

“แล้วทำไมถึงมาอยู่กับคุณตาได้ล่ะ” น้องโฮปถามต่อ “แม่บอกว่าคุณตาเป็นคุณพ่อของคุณแม่นี่นา”

เจมส์กับอาร์มมองหน้ากันกก่อนที่อาร์มจะเป็นฝ่ายบอก “นายโดนแม่หลอกแล้วล่ะ”

“หลอกยังไง” น้องโฮปถามด้วยท่าทางใสซื่อ “แม่บอกว่าจะพามาเยี่ยมคุณตาเดี๋ยวคุณแม่ก็มารับ”

“แม่นายจะไม่มีวันกลับมา” เจมส์บอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับว่านั่นคือสัจธรรมของชีวิต “เหมือนกับแม่ฉันและแม่หมอนี่”

“ไม่จริง! พวกนายโกหก” น้องโฮปผุดลุกขึ้นยืนและมองไปที่ประตูซึ่งปิดสนิทไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเปิดเข้ามารับเขาออกไป

ตอนนั้นเองที่ดูเหมือนคุณตาจะหาของที่ต้องการเจอพอดีเขาเดินกลับมาพร้อมกับกล่องใส่ของหนึ่งใบ “เอ้า! นั่งลงสิทำไมยังยืนอยู่อีกล่ะ”

“คุณตาครับเดี๋ยวคุณแม่จะมารับน้องโฮปกลับบ้านใช่ไหมครับ”

“น้องโฮปไม่อยากอยู่กับคุณตาเหรอครับ”

“โฮปอยากอยู่กับแม่” เด็กชายพึมพำ

“พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ พ่อแม่ไม่สอนเหรอว่าตอนอยู่กับฉันต้องทำตัวดีๆ เชื่อฟัง” คุณตาพูด “อืม... ไม่เป็นไรๆ หนูเพิ่งมาใหม่ก็แบบนี้เดี๋ยวฉันจะสอนให้เองว่ากฏของบ้านนี้คืออะไร”

“คืออะไรครับ” น้องโฮปถาม

คุณตานั่งยองลงวางกล่องที่ถือมาลงบนพื้นข้างตัวแล้วหยิบเครื่องมือสีดำอันเล็กๆ ขึ้นมาจากกล่องแล้วคว้ามือเด็กชายขึ้นมาจับไว้ด้วยสีหน้าเจ็บปวด “ฉันรักหนูนะแต่เพราะหนูบอกว่าไม่อยากอยู่กับฉันฉันก็เลยจำเป็นต้องทำแบบนี้”

เด็กชายยังไม่ทันได้ถามว่าทำแบบนี้คืออะไร คุณตาก็จ่อเครื่องมือนั้นลงที่หลังมือแล้วก็มีความรู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตแล่นปราดขึ้นมาจากบริเวณที่โดนเครื่องมือแปลกๆ นั่นจ่อพร้อมกับกลิ่นขนไหม้

“โอ๊ย!” น้องโฮปร้องลั่นพร้อมกับชักมือหนี เขายกหลังมือขึ้นดูเห็นมีรอยดำเล็กๆ บริเวณหลังมือ

“เจ็บใช่ไหมล่ะ” คุณตาถาม “ถ้าหนูไม่เชื่อฟังฉันหนูก็จะโดนลงโทษ แล้ววิธีการลงโทษของฉันก็ไม่ได้มีวิธีเดียวด้วย”

น้องโฮปเหลือบตามองในกล่องบนพื้นมันมีอุปกรณ์หน้าตาแปลกๆ อีกหลายอันทั้งแบบที่เป็นแท่งยาวๆ มีปุ่มปม ไม้เรียวอันสั้นๆ ที่มีพู่ตรงปลาย กุญแจมือของเล่น และอะไรต่อมิอะไรที่น้องโฮปไม่รู้จักแต่ก็รู้สึกไม่ดีและไม่ปลอดภัยเลยสักอันเดียว เขาเหลือบตามองเจมส์กับอาร์มที่อยู่มาก่อน ทั้งสองคนนั้นเขยิบเข้าหากันโดยอัตโนมัติและพอคุณตาหยิบสายหนังสีดำเส้นยาวๆ ขึ้นมาอาร์มที่ท่าทางก๋ากั่นยังเผลอเกาะแขนเจมส์แน่น

“มามะ ฉันจะสอนกฏข้อแรกของการอยู่ที่นี่ให้หนูฟัง” คุณตายิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับขยับเข้าหา

น้องโฮปถอยหลังหนีด้วยความกลัว แต่แล้วหลังก็ชนกำแพง เขากอดตุ๊กตากระต่ายในอ้อมแขนที่คุณแม่ให้มาแน่น แต่ในใจกลับคิดถึง ‘พี่ต่าย’ จอมเฮี้ยบคนที่จ้ำจี้จ้ำไชและแทบไม่เคยยิ้มให้เขาเลยมากกว่า

*****************************************TBC*********************************

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
สงสารน้องโฮป
พี่ริน ขอร้องล่ะ ฮืออออออ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
 :katai1: :katai1:
จิตใจทำด้วยอะไรอ่ะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
น้องโฮป ไม่เห็นทางที่ใครจะช่วยน้องเลย :katai1:
แต่ถ้าน้องโรคหอบกำเริบ ก็อาจ...

อิพ่อแม่สารเลวนั้น พี่ต่ายต้องจัดการมันให้ได้! โคตรโกรธเลย :fire:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด