เข็มที่ 26 หนี
“เย็นนี้ทั้งสองคนจะมากินข้าวด้วยใช่ไหม” ศรศรัณย์ยืนถามอยู่ข้างรถอริญชย์ซึ่งมารับน้องชายของเขาที่บ้านตั้งแต่เช้าเพื่อออกไปธุระด้วยกัน “รีบไปรีบมานะพี่จะทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้รอ”
“ครับพี่ศร” ธารินตอบพลางกวาดตามองคนที่แต่งตัวเนี้ยบกว่าทุกวัน “แล้ววันนี้พี่ศรจะออกไปไหนครับแต่งตัวซะหล่อเลย”
ศรศรัณย์ยิ้มเขินที่โดนดูออก “ธาราจะพาไปซื้อของแต่งบ้านน่ะ”
“บ้าน?”
“เรือนหอที่ฉันสร้างไว้ไง” ธาราที่เดินตามหลังออกมาเอ่ยแทรกขึ้นพลางคล้องมือลงรอบเอวคู่หมั้นแล้วดึงตัวไปหอมแก้มครั้งหนึ่ง
“ธารานี่ละก็” ศรศรัณย์เบี่ยงหน้าหลบเขินๆ แต่ก็ไม่ได้แกะมือที่เกาะแน่นออก หลังจากปรับความเข้าใจกันได้ธาราก็ปฏิบัติกับเขาดีราวกับเป็นคนละคนก่อนหน้านี้ แถมยังชอบแสดงความรักและความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบไม่แคร์สายตาใครนั่นทำให้เขาไม่ค่อยชินเท่าไหร่แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกชอบใจอยู่ไม่น้อยจึงไม่ขัดอะไร
“แต่งแล้วว่าจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย แล้วศรเขาอยากเปิดร้านแล้วด้วย”
“จริงเหรอครับ” ธารินรู้สึกดีใจแทนพี่ชายอีกคนและนึกปลื้มในตัวพี่ชายของตนที่ดูเหมือนจะเป็นคนใจร้ายแต่กลับวางแผนเพื่อคนที่รักไว้หมดแล้วรวมทั้งการใช้ชีวิตร่วมกันต่อจากนี้
“วันเปิดร้านอย่างเป็นทางการจะบอกอีกทีนะ แต่คงอีกสักพักล่ะ รอให้อะไรๆ ลงตัวก่อนเพราะพี่คงทำร้านคนเดียว
“คนเดียวที่ไหน ฉันก็อยู่ด้วยนะ” ธารารีบแทรกขึ้น
“ใครจะกล้าใช้ท่านประธานบริษัทมาเสิร์ฟอาหารหรือล้างจานล่ะ” ศรศรัณย์ว่า
“แต่ฉันมีเงินซื้อเครื่องล้างจานนะ หรือนายอยากได้คนช่วยล้างช่วยเสิร์ฟสักกี่คนก็บอก ฉันจะรีบไปกว้านซื้อตัวจากโรงแรมหรือร้านอาหารชื่อดังมาให้”
“ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก”
“ไม่อยากให้มือสวยๆ นี่โดนน้ำยาล้างจานกัดจนเหี่ยวนี่นา” ธาราบอกพลางคว้ามือคู่หมั้นขึ้นมาลูบเบาๆ อย่างทะนุถนอมแล้วจูบครั้งหนึ่ง
“งั้นนายก็ช่วยฉันล้างสิ”
“ฉันล้างไม่เก่งนี่นากลัวล้างไม่สะอาดหรือซุ่มซ่ามทำตกแตกเดี๋ยวโดนดุ… ให้ฉันซื้อเครื่องล้างจานให้เถอะนะ… นะๆ”
“เอางั้นก็ได้” ศรศรัณย์ยิ้มหวานให้ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมาถาม “เออนี่ริน เห็นว่าเย็นนี้คุณไพลินจะมาทานอาหารเย็นกับเราด้วยเหรอ”
“ใช่ครับ” ธารินตอบ ดีใจที่ในที่สุดสองคนนี้ก็นึกออกว่าเขากับอาจารย์ยังอยู่ด้วย
ศรศรัณย์ลอบมองคนที่นั่งเงียบอยู่หลังพวงมาลัยด้วยท่าทางเกรงใจก่อนจะพูดต่อ “รินแน่ใจนะ… คือพี่ไม่คิดว่าการเชิญคนที่รินจะถอนหมั้นมาในวันที่รินจะบอกพ่อกับแม่เรื่องคุณรินจะเป็นการดีเท่าไหร่… อย่างน้อยในฐานะคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์นั้นมาก่อนพี่ว่ามันเจ็บนะ”
“ขอโทษนะ” ธาราหันไปกระซิบที่ข้างหูพลางเนียนขโมยหอมแก้มศรศรัณย์ไปครั้งหนึ่ง
“ไม่เป็นไร ฉันยกโทษให้” เมื่อก่อนตอนทะเลาะกันศรศรัณย์ต้องหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเถียงด้วย แต่ตอนนี้ต้องหันหน้าหนีเพราะอีกฝ่ายเล่นพูดคำหอมแก้มคำจนแก้มช้ำไปหมดแล้วเนี่ย
“ไพลินยืนยันว่าจะมาครับ” ธารินพยายามกลั้นใจไม่ออกอาการหมั่นไส้คนทั้งสองและพูดต่อ “เธอบอกว่าจะมาช่วยพูดให้ว่าเธอไม่มีปัญหาเรื่องที่ผมจะขอถอนหมั้น แล้วพวกพี่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่ฟังอาไพฑูรณ์กับไพลินมากกว่าผม ถ้าทางนั้นยอมช่วยผมจริงอย่างที่บอกเรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นอีกเยอะ แล้วอาจารย์เองก็ไม่ได้ขัดอะไรด้วย”
ศรศรัณย์รู้สึกไม่วางใจผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด ยิ่งพอรู้ว่าเป็นอัลฟาสาวที่ทั้งเก่งและสวย จริงอยู่ว่าเธอสามารถหาคนใหม่ที่ดีกว่าธารินได้จึงไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องถอนหมั้นตามที่ธารินเล่าให้ฟัง เขาเหลือบตามองอริญชย์ที่นั่งเงียบคิดว่าคนที่ทั้งฉลาดและทันคนขนาดนี้คงเตรียมแผนรับมือไว้แล้วแน่ๆ จึงไม่ทักท้วงอะไรอีกและได้แต่ภาวนาให้การพูดคุยเย็นนี้ราบรื่นไปด้วยดี
“เดินทางปลอดภัยและขอให้สนุกนะ” เขาอวยพรและโบกมือให้ทั้งสอง
ขับรถออกมาได้สักพักธารินที่ลอบสังเกตุท่าทีแปลกๆ ของอริญชย์มาตั้งแต่ตอนเลี้ยวรถเข้ามาจอดในบ้านเขาก็เอ่ยขึ้น “อาจารย์กังวลอะไรอยู่หรือเปล่าครับ เงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เรื่องคืนนี้เหรอหรือว่าเรื่องน้องโฮป”
“เรื่องน้องโฮป”
“ทำไมเหรอครับ”
“ฉันโทรหาคุณปรางค์ทิพย์ไม่ติดอีกแล้ว” อริญชย์บอกเสียงเครียด “จะบอกเธอว่าวันนี้จะเข้าไปหากลัวว่าจะไม่อยู่บ้าน”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ไปถึงก่อนค่อยว่ากันก็ได้” ธารินบอกแต่พลางมืองสำรวจคนที่หัวคิ้วแทบไม่คลายออกจากกันแล้วจึงเอ่ยขึ้น “อาจารย์มีอะไรที่ยังไม่บอกผมหรือเปล่าครับถึงได้ดูร้อนใจแปลกๆ… นี่ไม่ใช่การตามใจผมธรรมดาแน่ๆ ใช่ไหมครับ”
อริญชย์พยักหน้ายอมรับ “น้องโฮปน่ะมีเงินในบัญชีอยู่ก้อนนึงที่ได้มาจากการบริจาค ฉันเคยเป็นคนดูแลบัญชีนั้นและก็ยกให้แม่เขาไปแล้วแต่ว่าฉันยังมีแอปของธนาคารอยู่แล้วทางนั้นก็คงไม่รู้เลยไม่ได้เข้าไปแจ้งเปลี่ยนรหัส เมื่อวันก่อนฉันลองเปิดเข้าไปดู แค่สัปดาห์เดียวเงินในบัญชีหายไปสองล้านกว่าจากที่มีอยู่สามล้าน”
พอได้ฟังธารินก็เริ่มเข้าใจความกังวลทั้งหมดของอริญชย์แล้ว “มันผิดปกตินะครับ”
“ฉันบอกทางบ้านรักคุณไปแล้วทางนั้นบอกจะตรวจสอบให้แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ได้คำตอบเลย แล้วเช้านี้ฉันก็โทรหาเธอไม่ติดอีก ฉันเกรงว่าสองคนนั่นจะทำอะไรน้องโฮปถึงจะบอกว่าเป็นพ่อแม่แท้ๆ ก็เถอะแต่ก็เคยทิ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง จะทิ้งอีกสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“งั้นอาจารย์จะมัวรออะไรครับ เหยียบให้มิดเลยสิ!” ธารินร้องเสียงดัง
อริญชย์สะดุ้ง ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมีปฏิกิริยาตอบสนองถึงขนาดนี้ “แต่ฉันไม่มีหลักฐานอะไรอย่างอื่นเลยนะ ก็แค่เดาไปเรื่อย”
“แค่ไม่พาน้องโฮปมาตรวจตามนัดแถมโทรไม่รับนี่ก็ทำผิดมากพอให้ตามไปด่าถึงบ้านแล้วครับ แล้วนี่เงินหายไปตั้งสองล้านคือไร เอาไปซื้อวัวนมมาตั้งฟาร์มเหรอ! บ้าไปแล้ว!!”
“นายนี่ใจร้อนกว่าฉันอีกนะ”
“ผมแปลกใจมากกว่าว่าทำไมอาจารย์ใจเย็นรอได้จนป่านนี้ นี่ถ้าบอกผมตั้งแต่เมื่อวานผมไปแล้วนะ… โอ๊ย! ไม่รู้ว่าสองคนนั่นมันทำอะไรกับน้องกันแน่ ถ้าอาหารหอบกำเริบขึ้นมาทำยังไง”
อริญชย์เหลือบตามองคนที่นั่งโวยวายอยู่ข้างๆ การที่ธารินดูเขาออกง่ายๆ นั่นว่ารู้สึกดีแล้ว แต่การที่ยังยืนหยัดอยู่ข้างเขายิ่งทำให้อุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
OOOOOO
ปรางทิพย์กับเกียรติศักดิ์ขับรถกลับมาถึงบ้านเห็นมีรถของแขกผู้ไม่อยากต้อนรับจอดรออยู่หน้าบ้านก็มองหน้ากันและตัดสินใจจอดรถลงไปคุย
“มีธุระอะไรถึงมาโดยไม่บอกไม่กล่าวคะ” ปรางค์ทิพย์ทำเป็นตีหน้าซื่อถาม
“ผมแค่ผ่านมาทำธุระแถวนี้น่ะครับ เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยม” อริญชย์ปั้นหน้ายิ้มตอบกลับไป “แล้วนี่น้องโฮปไปไหนครับ”
“ไปโรงเรียนค่ะ”
“โรงเรียนอะไรครับ ผมจะแวะไปหา”
“ไม่ดีมั้งคะตอนนี้เป็นเวลาเรียน”
อริญชย์ยกนาฬิกาขึ้นดู “พักเที่ยงพอดีเลยครับ แต่ถ้าอาจารย์เขาไม่สะดวกผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ ว่าแต่โรงเรียนชื่อโรงเรียนอะไรนะครับ”
“โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดนี่ล่ะค่ะ”
อริญชย์เม้มปากสนิทอยู่อึดใจก่อนจะพูดเสียงเรียบพยายามไม่แหวกญาติให้งูตื่นมากทั้งที่ใจจริงอยากจับสองคนนี่แหกอกใจจะขาด “ระหว่างที่รอพวกคุณมาผมโทรหาโรงเรียนในละแวกนี้ทุกโรงเรียนขอให้เขาช่วยเช็กว่ามีเด็กนักเรียนชื่อนี้ไหม รวมทั้งโรงเรียนที่คุณเพิ่งบอกด้วย... น่าแปลกนะครับที่ไม่มีชื่อน้องโฮปเลย ตกลงคุณทั้งสองคนส่งลูกไปเรียนที่ไหนกันแน่ครับ”
“เราเพิ่งพาเขาไปสมัครเรียนอาจจะยังไม่มีชื่อในระบบก็ได้” ปรางค์ทิพย์เอาสีข้างเข้าถู “แล้วโรงเรียนก็มีระบบรักษาความปลอดภัยของเขา พวกคุณเป็นใครก็ไม่รู้โทรไป ใครเขาจะบอกความจริงล่ะคะก็ต้องบอกว่าไม่มีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัยของเด็ก”
คำว่า ‘ใครก็ไม่รู้’ ทำเอาอริญชย์แทบสงบสติอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงตัดสินใจใช้ไม้แข็ง “นั่นสินะครับ... เพราะพวกคุณก็คงเลือกโรงเรียนที่ดีสุดให้ลูกค่าเทอมถึงได้แพงขนาดนั้น”
“แพง?...” ปรางค์ทิพย์เครือลอดริมฝีปาก
อริญชย์ยิ้มอย่างเห็นอกเห็นใจ “ผมลืมบอกพวกคุณไป ว่าเงินในบัญชีน้องโฮปที่ผมเคยเป็นคนดูแลน่ะพอดีผมผูกกับแอปให้ส่งข้อความอัตโนมัติไว้ พอเงินมีการเคลื่อนไหวข้อความก็เด้งมาที่เครื่องผม... ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ผมคุณถอนเงินออกไปเยอะมาก... เหมือนจะสองล้านกว่าเลย ทั้งนี้ก็คงเอาไปใช้เป็นค่าลงทะเบียนกับอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ใช่ไหมละครับ ผมเองก็อายุมากเรียนจบมานานแล้วเพิ่งจะรู้ว่าสมัยนี้ค่าเทอมมันแพงขนาดนั้น”
“เอ่อ... คือว่า...” ปรางค์ทิพย์อึกอักเริ่มมั่นใจแล้วว่าโดนดูออกแต่ก็ยังไม่คิดจะสารภาพ เธอเหลือบตามองแฟนหนุ่มแล้วจึงแสร้งปั้นหน้าเครียดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกังวล “ฉันจะบอกความจริงพวกคุณก็ได้ค่ะ พอมาอยู่ที่นี่น้องโฮปดื้อมากเราจะพาให้ไปโรงเรียนก็ไม่ยอมไป ไม่ยอมอาบน้ำกินข้าวเอาแต่เล่น พวกเราสองคนก็ถือว่าเป็นพ่อแม่มือใหม่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยเอาแกไปฝากไว้กับคุณตาของเขาน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกเพราะเราเองก็ไม่อยากให้ทางนั้นไม่สบายใจเพราะคิดว่าเป็นลูก เราก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป”
“จริงเหรอครับ” อริญชย์ยกมือทาบหน้าอกพลางเหลือบตาลงมองรอยจ้ำเล็กๆ บนท่อนแขนเกียรติศักดิ์ที่พอเจ้าตัวรู้ตัวก็รีบดึงแขนเสื้อลงมาปิดและดึงหลบไปไว้ด้านหลัง “เอ๊ะ! แล้วนั่นแขนคุณไปโดนอะไรมาหรือครับ”
เกียรติศักดิ์กรอกตาเลิ่กลั่กก่อนจะทำเป็นตีหน้าเศร้า “คือ... วันก่อนผมจะพาแกอาบน้ำ แต่แกไม่ยอมทั้งเตะทั้งกัดจนแขนผมเป็นรอยไปหมดอย่างที่คุณเห็นนี่แหละครับ เพราะอย่างนี้เราเลยต้องเอาแกไปฝากไว้กับคุณตาก่อนไงครับ”
ธารินขยับปากเหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่อริญชย์กลับยกมือมากันเขาไว้ “ขอพวกเราไปเจอเขาหน่อยได้ไหมครับ ไหนๆ ก็ขับรถมากันไกลจากกรุงเทพแล้ว ผมเป็นห่วงอาการหอบเขาด้วยครับถึงจะไม่ได้กำเริบมานานแล้วแต่เวลามีอาการแต่ละครั้งก็เล่นเอาเกือบตายเลยนะครับ... นะครับคุณพ่อ คุณแม่”
“ถ้าพวกคุณยืนยันเช่นนั้นก็ได้ค่ะ” ปรางค์ทิพย์ขยิบตาให้เกียรติศักดิ์และเดินนำไปขึ้นรถ
“เดี๋ยวก่อนครับ!” อริญชย์เรียกไว้แล้วหันไปหาธาริน “นายขึ้นรถไปกับพวกเขาด้วย ฉันไม่ค่อยชำนาญทางแถวนี้เผื่อหลงกันนายจะได้โทรบอกฉันว่าต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตรงถนนหรือซอยไหน”
“ได้ครับอาจารย์” ธารินรับคำเสียงใส
“ไม่ต้องหรอกครับผมจะค่อยๆ ขับไป” เกียรติศักดิ์บอกแต่เด็กหนุ่มไม่สนใจและเดินลอยหน้าลอยตาไปขึ้นรถเรียบร้อย “รีบไปกันเถอะครับ พวกเราจะได้ไม่รบกวนคุณนาน”
แผนที่จะชิ่งหนีล้มไม่เป็นท่าเกียรติศักดิ์กับปรางค์ทิพย์เดินมาขึ้นรถด้วยท่าทีที่แทบจะเก็บอาการหัวเสียไว้ไม่มิด แต่ธารินก็ยังทำเป็นยิ้มไม่รู้ไม่ชี้พลางลอบมองสองผัวเมียเป็นระยะ เขามั่นใจว่าอาจารย์ต้องดูออกเหมือนที่เขาดูออกว่ารอยจ้ำบนแขนนั่นไม่มีทางเป็นรอยถูกเด็กอายุห้าขวบทำร้าย นั่นมันรอยเข็มจากการฉีดยาเข้าเส้นต่างหาก พวกนี้คิดว่าตัวเองฉลาดมากสินะถึงคิดว่าจะหลอกคนที่คลุกคลีกับเข็มอย่างอาจารย์หมอกับนักเรียนแพทย์ได้
หลังจากขับรถเลี้ยววนไปวนมา เดี๋ยวเข้าถนนใหญ่วกเข้าตรอกเล็กๆ จนธารินเริ่มสับสนเส้นทางสักพักก็มาโผล่กลางทุ่งนาที่มองเข้าไปเห็นบ้านหลังหนึ่ง
“บ้านคุณตาอยู่นั่นค่ะ” ปรางค์ทิพย์บอก
เกียรติศักดิ์จอดรถแล้วหันมาบอก “จากตรงนี้ต้องเดินไป”
ธารินทำเป็นรีรอจนปรางค์ทิพย์เปิดประตูลงไปก่อนแล้วจึงเดินตามลงไป อริญชย์จอดรถขนาบอยู่ด้านหลังและเดินมาสมทบและผายมือให้ปรางทิพย์เดินนำไป
“ทำไมเราไม่ไปทางนั้นครับ” อริญชย์ชี้มือไปทางถนนลาดยางที่เหมือนจะทอดนำไปสู่ตัวบ้านได้ในขณะที่ปรางทิพย์เดินนำพวกเขาไปบนคันนาแคบๆ ซึ่งสองข้างทางเป็นดินเละๆ พลางเหลือบตามองเกียรติศักดิ์ที่ยังทำเป็นรีรออยู่ที่รถ
“ทางนี้ใกล้กว่าค่ะ” ปรางค์ทิพย์ตอบ ตอนนั้นเองที่ประตูบ้านซึ่งเป็นเป้าหมายเปิดออกพอดีพร้อมกับที่ชายคนหนึ่งเดินออกมา เธอรีบโบกไม้โบกมือให้และร้องทักทายเขาเสียงใส “คุณตาคะ หนูมาเยี่ยมค่าาา~”
ชายสูงวัยเขม่นมองมาพลางโบกมือตอบ
อริญชย์กับธารินหันไปมอง ปรางค์ทิพย์จึงรีบฉวยจังหวะนั้นกลับหลังหันเพื่อหนีไปขึ้นรถแต่ก็โดนอริญชย์ยื่นมือมาคว้าแขนไว้ได้ทัน
“จะไปไหนครับ”
“ฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่รถเดี๋ยวกลับไปเอาก่อนนะคะ”
“โทรบอกให้สามีคุณเอามาให้ก็ได้นี่ครับ”
“นั่นสินะคะ ฉันก็ลืมไปเลย” ปรางค์ทิพย์ทำเป็นก้มหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วอาศัยช่วงจังหวะเสี้ยววินาทีที่อริญชย์หันกลับไปมองบ้านหลังนั้นยกกระเป๋าขึ้นมาฟาดใส่หน้าจนยอมปล่อยมือก่อนจะถีบเขากระเด็นไป
“เฮ้ย!” อริญชย์ร้องเสียงหลง อีกนิดเดียวเขาตกคันนาไปนอนเล่นกับควายแล้วโชคดีที่ธารินคว้าตัวไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ธารินประคองกอดตัวร่างบางไว้แน่นพลางยกมือขึ้นปัดเศษดินออกจากบริเวณหน้าท้องที่เป็นรอย
รองเท้าชัด รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันทียัยผู้หญิงคนนั้นก็จริงๆ ที่มีให้ถีบให้ผลักตั้งเยอะทำไมต้องจำเพาะเจาะจงเป็นตรงท้องด้วย
“ไม่เป็นไร” อริญชย์รีบบอกให้เด็กหนุ่มคลายใจถึงจะจุกอยู่ไม่น้อย
ทั้งสองมองไปยังหญิงสาวที่ถอดรองเท้าเพื่อวิ่งหนีกระโปรงปลิวกลับไปขึ้นรถที่เกียรติศักดิ์สตาร์ตรออยู่ก่อนแล้วและรีบขับหนีไป จะตามไปก็ไม่ทันแล้วจึงได้วิ่งต่อไปเพื่อให้ถึงตัวบ้านตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร
“สวัสดี มีธุระอะไรหรือพ่อหนุ่ม” ชายชราเจ้าของบ้านร้องทักคนแปลกหน้า
“ผมมาหาน้องโฮป” อริญชย์รีบบอกธุระขณะที่ธารินร้อนใจวิ่งไปที่ประตูบ้าน “น้องโฮปอยู่ไหน”
“พวกคุณหมายถึงใครกัน”
“ใครมาเหรอจ๊ะพ่อ” หญิงสูงวัยเจ้าของบ้านอีกคนเยี่ยมหน้าออกมาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าเมียงมองอยู่หน้าบ้านทำท่าจะบุกเข้ามา “ต้องให้แม่เรียกตำรวจไหม”
“ผมเป็นเพื่อนกับลูกสาวคุณ คนที่คุณโบกมือทักทายเมื่อกี้ไงครับ” อริญชย์ถาม
“ฉันไม่รู้จักเธอ เห็นโบกมือทักก็เลยทักตอบแค่นั้น”
อริญชญ์หันไปสบตาธารินรู้ตัวว่าโดนสองผัวเมียนั่นหลอกเข้าซะแล้ว เขารีบขอโทษคุณตาคุณยายเจ้าของบ้าน “ขอโทษครับเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย พวกผมแค่หลงทางมา”
“สองคนนั่นร้ายจริงๆ” ธารินพึมพำ
“ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนดีแต่แรกอยู่แล้วล่ะ” อริญชย์ว่า “แล้วเรื่องที่ฉันให้ทำเป็นไง เรียบร้อยไหม”
ธารินยิ้มกว้าง “ระดับนี้แล้ว ไม่พลาดครับ แล้วอาจารย์ล่ะ”
อริญชย์ยังไม่ทันตอบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารีบกดรับทันทีและปลายสายก็รายงานรวดเร็ว
“เราจับตัวสองคนนั่นได้แล้วนะพร้อมของกลางเป็นยาเสพติดจำนวนหนึ่งซุกอยู่ใต้เบาะอย่างที่คุณบอกจริงๆ ด้วย” ธาราละล่ำละลักบอกพลางมองไปยังกลุ่มนายตำรวจในเครื่องแบบราวสิบนายที่ปิดสถานีออกมาตั้งด่านสกัดจับรถหมายเลขทะเบียนที่อริญชย์แจ้งมา
“ดีจังเลย” อริญชย์ตอบเสียงใสพลางหันไปลูบศีรษะธารินที่สอดหน้าเข้ามาวางบนไหล่ฟังด้วย
“ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าสองคนนี้เล่นยา” ปลายสายถามต่อ
“ไปดูที่บ้านสิยังมีอีกเยอะเลย” อริญชย์ตอบ
ระหว่างรอพวกเขาไม่ได้โทรเช็กโรงเรียนเพราะข้อมูลเหล่านั้นเขาให้ธารินทำระหว่างนั่งรถมาแล้ว พอมาถึงเห็นว่าบ้านปิดเงียบและโทรหาไม่ติดก็เลยให้เด็กหนุ่มปีนหน้าเข้าไปเปิดประตูให้และค้นหาสิ่งที่พอเป็นเบาะแสในการตามตัวน้องโฮปจากพ่อแม่ใจอำมหิตสองคนนี้ นอกจากจะพบยาพ่นของน้องโฮปที่ทำตกไว้แล้วยังพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งใส่ถุงซุกไว้ในลิ้นชักจึงให้ธารินเอาผ้าห่อกันรอยนิ้วมือติดแล้วนำออกมาด้วย สาเหตุที่ให้นั่งรถไปด้วยไม่ใช่แค่กลัวหนีแต่เขาต้องการให้ธารินแอบเอามันไปซุกไว้ใต้เบาะ
สองคนนั่นก็เลยมัวแต่ระแวงเด็กหนุ่มไม่ได้สนใจว่าเขาได้แอบส่งข้อความบอกธาราและระบุพิกัดให้ตำรวจมาดักจับไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่ต้องทำให้มันยุ่งยากขนาดนี้ก็เพราะเขาโทรเข้าเบอร์ 191 แล้วไม่มีคนรับสักทีน่ะสิ พอโทรไปสน.ท้องที่ก็โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา สุดท้ายเขาก็เลยโทรหาธาราและผิดหวังจริงๆ สมแล้วที่เป็นอัลฟาหนุ่มทายาทอดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจใหญ่มีเส้นสายในเครื่องแบบที่พอจะไหว้วานให้มาช่วยกันได้บ้าง ก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลารอให้ทุกอย่างพร้อมและมีหลักฐานที่มัดตัวได้เพราะทางนั้นการจะขนคนออกมาก็ไม่อยากเสียหน้าเหมือนกัน
“ถามสิว่าพวกมันเอาตัวน้องโฮปไปไว้ที่ไหน” อริญชย์ว่า “ทีแรกฉันก็แค่คิดว่าพวกมันก็ปล่อยอดๆ อยากๆ หรือเอาไปให้คนอื่นเลี้ยงแต่ดูท่าจะไม่ใช่แล้ว”
“ได้ๆ รอแป๊บนะ... เฮ้ย! ไอ้ตี๋...” ธาราหันไปคุยกับเพื่อนที่เป็นตำรวจอึดใจก็กลับมาพูดเสียงเครียด “เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ พวกมันเอาเด็กไปขายให้พวกนิยมเด็กน่ะ ตำรวจกำลังแบ่งทีมไปเดี๋ยวผมจะส่งโลเคชั่นให้นะ”
“รีบไปกันเถอะ!” อริญชย์เก็บโทรศัพท์เตรียมจะออกวิ่งเด็กหนุ่มที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก็รวบตัวเขาขึ้นอุ้มทำเอาคนอายุมากกว่าคว้าคอไว้เกือบไม่ทัน
“ทางมันลื่นครับ ล้มไปล่ะแย่เลย” ธารินให้เหตุผลแล้วรีบเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถ
อริญชย์หยิบเอายาพ่นของน้องโฮปซึ่งเก็บได้ที่บ้านหลังนั้นขึ้นมาดูพลางภาวนาจนหมดใจขอให้ไปถึงที่หมายได้ทันก่อนที่น้องโฮปจะเป็นอะไรไป
OOOOOO
“อย่าทำผมเลยนะครับคุณตา”
เด็กชายพยายามอ้อนวอนแม้จะรู้สึกว่าความหวังนั้นแสนริบหรี่ ตอนนี้รอบคอเขามีสายหนังเส้นหนึ่งสวมอยู่เหมือนปลอกคอสุนัข แล้วคนที่เขาเรียกว่าคุณตาก็แปลงเป็นเดรัจฉานในร่างมนุษย์ มันอุ้มเขาเข้ามายังห้องซึ่งแอบอยู่ในสุดของตัวบ้าน ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นดูเหมือนจะถูกทำเป็นสถานที่มันเอาไว้ลงโทษเด็กๆ ที่ซื้อมาโดยเฉพาะ มีเตียงอยู่หนึ่งหลังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ และเหนือเตียงมีช่องระบายอากาศอยู่ช่องหนึ่ง
คุณตาวางเขาลงบนเตียงแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของเด็กชายออกทีละชิ้นจนเหลือแต่กางเกงชั้นในเป็นตัวสุดท้าย เขาก็หันไปค้นหาของในกล่องอีกครั้งก่อนจะแสยะยิ้มวิกลจริตออกมาเมื่อมือหยาบคว้าได้เทียนไขมาหนึ่งเล่ม เขารีบหาไฟแช๊คเอามาจุด
เปลวไฟสว่างวาบขึ้นมา เขาสะบัดไปมาตรงหน้าเด็กชาย “อยากให้ฉันลงโทษเธอยังไงดีจ๊ะหนูน้อย”
“ไม่เอา ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ”
แต่มันไม่สนใจ อันที่จริงดูเหมือนเขากำลังคุยกับตัวเองมากกว่า “อีกไม่กี่วันหวยจะออกแล้ว ดูสิว่าหนูจะให้โชคฉันพอเป็นค่าตัวหรือค่าเหล้าได้บ้างหรือเปล่า”
“ไม่เอา! ไม่เอานะครับ! ร้อน!” น้องโฮปร้องไห้จ้าเมื่อน้ำตาเทียนร้อนฉ่าหยดแหมะลงบนหลังมือ เขาดิ้นรนชักมือหนีแต่เรี่ยวแรงของเด็กห้าขวบตัวผอมบางมีหรือจะสู้แรงผู้ใหญ่ตัวโตได้
“อย่าดิ้นสิ ฉันบอกหนูแล้วใช่ไหมว่าเด็กดื้อต้องโดนลงโทษ เพราะงั้นหนูต้องเชื่อฟังฉัน อยู่นิ่งๆ นะ”
“อย่าครับคุณตา! ผมกลัวแล้ว... ผมเจ็บ... อ๊ะ!... แค่ก... แค่ก... อา...”
“เธอเป็นอะไร!” มันร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเด็กชายไอจนน้ำลายเป็นฟองเลอะเทอะเต็มเตียง
“ผมเป็นหอบ” เด็กชายละล่ำละลักตอบ “พี่ต่ายบอกว่าถ้าไม่มีอาการต้องรีบพ่น... ไม่อย่างนั้น... ผมจะ... แค่ก! แค่ก!”
“จะอะไรวะ!!!”
“ผมจะตาย... แค่ก! แค่ก!”
“ยาเธออยู่ไหน”
เด็กชายชี้มือเปะปะไป
“ในกระเป๋าเหรอ” มันโวยวายพร้อมกับกระโจนลงจากเตียงเปิดประตูย่ำเท้าโครมครามออกไปนอกห้อง “โธ่เว้ย! ไอ้สองคนนั้นเอาอะไรมาให้ฉันเนี่ย เกิดไอ้เด็กห่านี่ตายไปจะทำยังไง ไหนวะยาอยู่ไหน เฮ้ย! ไอ้หนูแกเก็บยาไว้ในกันแน่เนี่ย ไอ้หนู!”
เขาหันไปที่ประตูแล้วดวงตาก็เบิกโพลงเมื่อเห็นเด็กชายยืนอยู่ตรงนั้นแล้วดันประตูปิด เพิ่งรู้ตัวว่าโดนเด็กมันหลอกเข้าให้แล้ว “ไอ้หนู!!!”
น้องโฮปดันกลอนปิดได้ทันพอดี เขาถอยหลังและสะดุดขาตัวเองล้มลงด้วยความกลัว ประตูสั่นอย่างรุนแรงเมื่อคนข้างนอกพยายามจะพังเข้ามา แต่ก็คงจะยากสักหน่อยเพราะกลอนที่มันทำไว้นั้นก็แข็งแรงพอตัวเลยทีเดียว
ร่างกายเล็กๆ ของเด็กน้อยที่เหลือกางเกงตัวเล็กห่อหุ้มสั่นเทิ้ม เขามองไปรอบห้องที่ไม่รู้จัก
“น้องโฮปครับ น้องโฮปฟังพี่นะ”
เสียงพี่ต่ายของเขาดังขึ้นในหัว
“เวลาน้องโฮปมีอาการเหนื่อยให้รีบพ่นยาแล้วรีบมาบอกพี่นะ”
“ให้รีบมาเลยเหรอ”
“ใช่ครับ เรียกพี่ดังๆ นะ แล้วรีบวิ่งมาหาพี่ พี่ก็จะรีบวิ่งไปหาน้องโฮปเหมือนกัน”
“พี่ต่าย!”
เด็กชายร้องเรียกออกไปสุดเสียง แต่ก็ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเขามันดังสะท้อนไปสะท้อนมาอยู่ในห้องแคบๆ นั่น ไม่มีทางออกไปถึงพี่ต่ายของเขาได้เลย
“น้องโฮป!”
“ทำไมครับอาจารย์” ธารินสะดุ้ง จู่ๆ คนที่กำลังขับรถก็อุทานออกมา
“ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็ใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้ไอ้บ้านั่นมันจะทำอะไรน้องโฮปบ้าง” อริญชย์บอก เหงื่อออกด้วยความเครียดจนมือเกือบจะกุมพวงมาลัยไว้ไม่มั่น
“ไม่เป็นไรนะครับ” ธารินมองคนที่หน้าซีดเป็นกระดาษก่อนจะเอื้อมมาจับมือเขาไว้และบีบแน่นๆ ครั้งหนึ่ง “เราต้องไปช่วยน้องโฮปทันแน่นอนครับ อาจารย์รินซะอย่างแล้วน้องโฮปเองก็เป็นเด็กที่เก่งมากๆ ด้วย”
อริญชย์หันไปสบตาเด็กหนุ่มที่พยักหน้าให้กำลังใจ “ฉันสาบานต่อหน้านายนะริน หลังจากนี้... พอเราช่วยน้องโฮปได้ฉันจะไม่ยกน้องโฮปให้ใครอีกแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนมันจะพูดว่าอะไรก็ตาม”
************************************TBC*********************************