[Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Omegaverse] Infectious Love #เชื้อดื้อรัก spe#1 ห้องแคบ (29/05/63) p.10  (อ่าน 54143 ครั้ง)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ไม่ไหวๆๆๆๆแบบนี้ :katai1: :katai1:

แล้วน้องต้องพบกับชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้ แล้วปล่อยให้ไอ้-อีสารเลวนั้นลอยนวลงั้นเหรอ :ling3: :ling3:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอ้ย รับไม่ไหวถ้าเด็กจะโดนทำร้ายแบบนี้ อยากให้มีคนมาช่วยน้องออกไปไวๆ

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อยากทำน้องตาแก่โรคจิตตตตตตต :katai1: :z3: :angry2: :angry2: :m31: :m31: :m31:

ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 26 หนี

“เย็นนี้ทั้งสองคนจะมากินข้าวด้วยใช่ไหม” ศรศรัณย์ยืนถามอยู่ข้างรถอริญชย์ซึ่งมารับน้องชายของเขาที่บ้านตั้งแต่เช้าเพื่อออกไปธุระด้วยกัน “รีบไปรีบมานะพี่จะทำกับข้าวอร่อยๆ ไว้รอ”

“ครับพี่ศร” ธารินตอบพลางกวาดตามองคนที่แต่งตัวเนี้ยบกว่าทุกวัน “แล้ววันนี้พี่ศรจะออกไปไหนครับแต่งตัวซะหล่อเลย”

ศรศรัณย์ยิ้มเขินที่โดนดูออก “ธาราจะพาไปซื้อของแต่งบ้านน่ะ”

“บ้าน?”

“เรือนหอที่ฉันสร้างไว้ไง” ธาราที่เดินตามหลังออกมาเอ่ยแทรกขึ้นพลางคล้องมือลงรอบเอวคู่หมั้นแล้วดึงตัวไปหอมแก้มครั้งหนึ่ง

“ธารานี่ละก็” ศรศรัณย์เบี่ยงหน้าหลบเขินๆ แต่ก็ไม่ได้แกะมือที่เกาะแน่นออก หลังจากปรับความเข้าใจกันได้ธาราก็ปฏิบัติกับเขาดีราวกับเป็นคนละคนก่อนหน้านี้ แถมยังชอบแสดงความรักและความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแบบไม่แคร์สายตาใครนั่นทำให้เขาไม่ค่อยชินเท่าไหร่แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกชอบใจอยู่ไม่น้อยจึงไม่ขัดอะไร

“แต่งแล้วว่าจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย แล้วศรเขาอยากเปิดร้านแล้วด้วย”

“จริงเหรอครับ” ธารินรู้สึกดีใจแทนพี่ชายอีกคนและนึกปลื้มในตัวพี่ชายของตนที่ดูเหมือนจะเป็นคนใจร้ายแต่กลับวางแผนเพื่อคนที่รักไว้หมดแล้วรวมทั้งการใช้ชีวิตร่วมกันต่อจากนี้

“วันเปิดร้านอย่างเป็นทางการจะบอกอีกทีนะ แต่คงอีกสักพักล่ะ รอให้อะไรๆ ลงตัวก่อนเพราะพี่คงทำร้านคนเดียว

“คนเดียวที่ไหน ฉันก็อยู่ด้วยนะ” ธารารีบแทรกขึ้น

“ใครจะกล้าใช้ท่านประธานบริษัทมาเสิร์ฟอาหารหรือล้างจานล่ะ” ศรศรัณย์ว่า

“แต่ฉันมีเงินซื้อเครื่องล้างจานนะ หรือนายอยากได้คนช่วยล้างช่วยเสิร์ฟสักกี่คนก็บอก ฉันจะรีบไปกว้านซื้อตัวจากโรงแรมหรือร้านอาหารชื่อดังมาให้”

“ขอบใจนะ แต่ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก”

“ไม่อยากให้มือสวยๆ นี่โดนน้ำยาล้างจานกัดจนเหี่ยวนี่นา” ธาราบอกพลางคว้ามือคู่หมั้นขึ้นมาลูบเบาๆ อย่างทะนุถนอมแล้วจูบครั้งหนึ่ง

“งั้นนายก็ช่วยฉันล้างสิ”

“ฉันล้างไม่เก่งนี่นากลัวล้างไม่สะอาดหรือซุ่มซ่ามทำตกแตกเดี๋ยวโดนดุ… ให้ฉันซื้อเครื่องล้างจานให้เถอะนะ… นะๆ”

“เอางั้นก็ได้” ศรศรัณย์ยิ้มหวานให้ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงหันมาถาม “เออนี่ริน เห็นว่าเย็นนี้คุณไพลินจะมาทานอาหารเย็นกับเราด้วยเหรอ”

“ใช่ครับ” ธารินตอบ ดีใจที่ในที่สุดสองคนนี้ก็นึกออกว่าเขากับอาจารย์ยังอยู่ด้วย

ศรศรัณย์ลอบมองคนที่นั่งเงียบอยู่หลังพวงมาลัยด้วยท่าทางเกรงใจก่อนจะพูดต่อ “รินแน่ใจนะ… คือพี่ไม่คิดว่าการเชิญคนที่รินจะถอนหมั้นมาในวันที่รินจะบอกพ่อกับแม่เรื่องคุณรินจะเป็นการดีเท่าไหร่… อย่างน้อยในฐานะคนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์นั้นมาก่อนพี่ว่ามันเจ็บนะ”

“ขอโทษนะ” ธาราหันไปกระซิบที่ข้างหูพลางเนียนขโมยหอมแก้มศรศรัณย์ไปครั้งหนึ่ง

“ไม่เป็นไร ฉันยกโทษให้” เมื่อก่อนตอนทะเลาะกันศรศรัณย์ต้องหันหน้าหนีเพราะไม่อยากเถียงด้วย แต่ตอนนี้ต้องหันหน้าหนีเพราะอีกฝ่ายเล่นพูดคำหอมแก้มคำจนแก้มช้ำไปหมดแล้วเนี่ย

“ไพลินยืนยันว่าจะมาครับ” ธารินพยายามกลั้นใจไม่ออกอาการหมั่นไส้คนทั้งสองและพูดต่อ “เธอบอกว่าจะมาช่วยพูดให้ว่าเธอไม่มีปัญหาเรื่องที่ผมจะขอถอนหมั้น แล้วพวกพี่ก็รู้ว่าพ่อกับแม่ฟังอาไพฑูรณ์กับไพลินมากกว่าผม ถ้าทางนั้นยอมช่วยผมจริงอย่างที่บอกเรื่องก็น่าจะง่ายขึ้นอีกเยอะ แล้วอาจารย์เองก็ไม่ได้ขัดอะไรด้วย”

ศรศรัณย์รู้สึกไม่วางใจผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด ยิ่งพอรู้ว่าเป็นอัลฟาสาวที่ทั้งเก่งและสวย จริงอยู่ว่าเธอสามารถหาคนใหม่ที่ดีกว่าธารินได้จึงไม่จำเป็นต้องแคร์เรื่องถอนหมั้นตามที่ธารินเล่าให้ฟัง เขาเหลือบตามองอริญชย์ที่นั่งเงียบคิดว่าคนที่ทั้งฉลาดและทันคนขนาดนี้คงเตรียมแผนรับมือไว้แล้วแน่ๆ จึงไม่ทักท้วงอะไรอีกและได้แต่ภาวนาให้การพูดคุยเย็นนี้ราบรื่นไปด้วยดี

“เดินทางปลอดภัยและขอให้สนุกนะ” เขาอวยพรและโบกมือให้ทั้งสอง

ขับรถออกมาได้สักพักธารินที่ลอบสังเกตุท่าทีแปลกๆ ของอริญชย์มาตั้งแต่ตอนเลี้ยวรถเข้ามาจอดในบ้านเขาก็เอ่ยขึ้น “อาจารย์กังวลอะไรอยู่หรือเปล่าครับ เงียบมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เรื่องคืนนี้เหรอหรือว่าเรื่องน้องโฮป”

“เรื่องน้องโฮป”

“ทำไมเหรอครับ”

“ฉันโทรหาคุณปรางค์ทิพย์ไม่ติดอีกแล้ว” อริญชย์บอกเสียงเครียด “จะบอกเธอว่าวันนี้จะเข้าไปหากลัวว่าจะไม่อยู่บ้าน”

“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ ไปถึงก่อนค่อยว่ากันก็ได้” ธารินบอกแต่พลางมืองสำรวจคนที่หัวคิ้วแทบไม่คลายออกจากกันแล้วจึงเอ่ยขึ้น “อาจารย์มีอะไรที่ยังไม่บอกผมหรือเปล่าครับถึงได้ดูร้อนใจแปลกๆ… นี่ไม่ใช่การตามใจผมธรรมดาแน่ๆ ใช่ไหมครับ”

อริญชย์พยักหน้ายอมรับ “น้องโฮปน่ะมีเงินในบัญชีอยู่ก้อนนึงที่ได้มาจากการบริจาค ฉันเคยเป็นคนดูแลบัญชีนั้นและก็ยกให้แม่เขาไปแล้วแต่ว่าฉันยังมีแอปของธนาคารอยู่แล้วทางนั้นก็คงไม่รู้เลยไม่ได้เข้าไปแจ้งเปลี่ยนรหัส เมื่อวันก่อนฉันลองเปิดเข้าไปดู แค่สัปดาห์เดียวเงินในบัญชีหายไปสองล้านกว่าจากที่มีอยู่สามล้าน”

พอได้ฟังธารินก็เริ่มเข้าใจความกังวลทั้งหมดของอริญชย์แล้ว “มันผิดปกตินะครับ”

“ฉันบอกทางบ้านรักคุณไปแล้วทางนั้นบอกจะตรวจสอบให้แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่ได้คำตอบเลย แล้วเช้านี้ฉันก็โทรหาเธอไม่ติดอีก ฉันเกรงว่าสองคนนั่นจะทำอะไรน้องโฮปถึงจะบอกว่าเป็นพ่อแม่แท้ๆ ก็เถอะแต่ก็เคยทิ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง จะทิ้งอีกสักครั้งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

“งั้นอาจารย์จะมัวรออะไรครับ เหยียบให้มิดเลยสิ!” ธารินร้องเสียงดัง

อริญชย์สะดุ้ง ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะมีปฏิกิริยาตอบสนองถึงขนาดนี้ “แต่ฉันไม่มีหลักฐานอะไรอย่างอื่นเลยนะ ก็แค่เดาไปเรื่อย”

“แค่ไม่พาน้องโฮปมาตรวจตามนัดแถมโทรไม่รับนี่ก็ทำผิดมากพอให้ตามไปด่าถึงบ้านแล้วครับ แล้วนี่เงินหายไปตั้งสองล้านคือไร เอาไปซื้อวัวนมมาตั้งฟาร์มเหรอ! บ้าไปแล้ว!!”

“นายนี่ใจร้อนกว่าฉันอีกนะ”

“ผมแปลกใจมากกว่าว่าทำไมอาจารย์ใจเย็นรอได้จนป่านนี้ นี่ถ้าบอกผมตั้งแต่เมื่อวานผมไปแล้วนะ… โอ๊ย! ไม่รู้ว่าสองคนนั่นมันทำอะไรกับน้องกันแน่ ถ้าอาหารหอบกำเริบขึ้นมาทำยังไง”

อริญชย์เหลือบตามองคนที่นั่งโวยวายอยู่ข้างๆ การที่ธารินดูเขาออกง่ายๆ นั่นว่ารู้สึกดีแล้ว แต่การที่ยังยืนหยัดอยู่ข้างเขายิ่งทำให้อุ่นใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

OOOOOO

ปรางทิพย์กับเกียรติศักดิ์ขับรถกลับมาถึงบ้านเห็นมีรถของแขกผู้ไม่อยากต้อนรับจอดรออยู่หน้าบ้านก็มองหน้ากันและตัดสินใจจอดรถลงไปคุย

“มีธุระอะไรถึงมาโดยไม่บอกไม่กล่าวคะ” ปรางค์ทิพย์ทำเป็นตีหน้าซื่อถาม

“ผมแค่ผ่านมาทำธุระแถวนี้น่ะครับ เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยม” อริญชย์ปั้นหน้ายิ้มตอบกลับไป “แล้วนี่น้องโฮปไปไหนครับ”

“ไปโรงเรียนค่ะ”

“โรงเรียนอะไรครับ ผมจะแวะไปหา”

“ไม่ดีมั้งคะตอนนี้เป็นเวลาเรียน”

อริญชย์ยกนาฬิกาขึ้นดู “พักเที่ยงพอดีเลยครับ แต่ถ้าอาจารย์เขาไม่สะดวกผมก็ไม่ว่าอะไรหรอกครับ ว่าแต่โรงเรียนชื่อโรงเรียนอะไรนะครับ”

“โรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดนี่ล่ะค่ะ”

อริญชย์เม้มปากสนิทอยู่อึดใจก่อนจะพูดเสียงเรียบพยายามไม่แหวกญาติให้งูตื่นมากทั้งที่ใจจริงอยากจับสองคนนี่แหกอกใจจะขาด “ระหว่างที่รอพวกคุณมาผมโทรหาโรงเรียนในละแวกนี้ทุกโรงเรียนขอให้เขาช่วยเช็กว่ามีเด็กนักเรียนชื่อนี้ไหม รวมทั้งโรงเรียนที่คุณเพิ่งบอกด้วย... น่าแปลกนะครับที่ไม่มีชื่อน้องโฮปเลย ตกลงคุณทั้งสองคนส่งลูกไปเรียนที่ไหนกันแน่ครับ”

“เราเพิ่งพาเขาไปสมัครเรียนอาจจะยังไม่มีชื่อในระบบก็ได้” ปรางค์ทิพย์เอาสีข้างเข้าถู “แล้วโรงเรียนก็มีระบบรักษาความปลอดภัยของเขา พวกคุณเป็นใครก็ไม่รู้โทรไป ใครเขาจะบอกความจริงล่ะคะก็ต้องบอกว่าไม่มีอยู่แล้วเพื่อความปลอดภัยของเด็ก”

คำว่า ‘ใครก็ไม่รู้’ ทำเอาอริญชย์แทบสงบสติอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จึงตัดสินใจใช้ไม้แข็ง “นั่นสินะครับ... เพราะพวกคุณก็คงเลือกโรงเรียนที่ดีสุดให้ลูกค่าเทอมถึงได้แพงขนาดนั้น”

“แพง?...” ปรางค์ทิพย์เครือลอดริมฝีปาก

อริญชย์ยิ้มอย่างเห็นอกเห็นใจ “ผมลืมบอกพวกคุณไป ว่าเงินในบัญชีน้องโฮปที่ผมเคยเป็นคนดูแลน่ะพอดีผมผูกกับแอปให้ส่งข้อความอัตโนมัติไว้ พอเงินมีการเคลื่อนไหวข้อความก็เด้งมาที่เครื่องผม... ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ผมคุณถอนเงินออกไปเยอะมาก... เหมือนจะสองล้านกว่าเลย ทั้งนี้ก็คงเอาไปใช้เป็นค่าลงทะเบียนกับอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ใช่ไหมละครับ ผมเองก็อายุมากเรียนจบมานานแล้วเพิ่งจะรู้ว่าสมัยนี้ค่าเทอมมันแพงขนาดนั้น”

“เอ่อ... คือว่า...” ปรางค์ทิพย์อึกอักเริ่มมั่นใจแล้วว่าโดนดูออกแต่ก็ยังไม่คิดจะสารภาพ เธอเหลือบตามองแฟนหนุ่มแล้วจึงแสร้งปั้นหน้าเครียดตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกังวล “ฉันจะบอกความจริงพวกคุณก็ได้ค่ะ พอมาอยู่ที่นี่น้องโฮปดื้อมากเราจะพาให้ไปโรงเรียนก็ไม่ยอมไป ไม่ยอมอาบน้ำกินข้าวเอาแต่เล่น พวกเราสองคนก็ถือว่าเป็นพ่อแม่มือใหม่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยเอาแกไปฝากไว้กับคุณตาของเขาน่ะค่ะ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอกเพราะเราเองก็ไม่อยากให้ทางนั้นไม่สบายใจเพราะคิดว่าเป็นลูก เราก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป”

“จริงเหรอครับ” อริญชย์ยกมือทาบหน้าอกพลางเหลือบตาลงมองรอยจ้ำเล็กๆ บนท่อนแขนเกียรติศักดิ์ที่พอเจ้าตัวรู้ตัวก็รีบดึงแขนเสื้อลงมาปิดและดึงหลบไปไว้ด้านหลัง “เอ๊ะ! แล้วนั่นแขนคุณไปโดนอะไรมาหรือครับ”

เกียรติศักดิ์กรอกตาเลิ่กลั่กก่อนจะทำเป็นตีหน้าเศร้า “คือ... วันก่อนผมจะพาแกอาบน้ำ แต่แกไม่ยอมทั้งเตะทั้งกัดจนแขนผมเป็นรอยไปหมดอย่างที่คุณเห็นนี่แหละครับ เพราะอย่างนี้เราเลยต้องเอาแกไปฝากไว้กับคุณตาก่อนไงครับ”

ธารินขยับปากเหมือนกับจะพูดอะไรสักอย่างแต่อริญชย์กลับยกมือมากันเขาไว้ “ขอพวกเราไปเจอเขาหน่อยได้ไหมครับ ไหนๆ ก็ขับรถมากันไกลจากกรุงเทพแล้ว ผมเป็นห่วงอาการหอบเขาด้วยครับถึงจะไม่ได้กำเริบมานานแล้วแต่เวลามีอาการแต่ละครั้งก็เล่นเอาเกือบตายเลยนะครับ... นะครับคุณพ่อ คุณแม่”

“ถ้าพวกคุณยืนยันเช่นนั้นก็ได้ค่ะ” ปรางค์ทิพย์ขยิบตาให้เกียรติศักดิ์และเดินนำไปขึ้นรถ

“เดี๋ยวก่อนครับ!” อริญชย์เรียกไว้แล้วหันไปหาธาริน “นายขึ้นรถไปกับพวกเขาด้วย ฉันไม่ค่อยชำนาญทางแถวนี้เผื่อหลงกันนายจะได้โทรบอกฉันว่าต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตรงถนนหรือซอยไหน”

“ได้ครับอาจารย์” ธารินรับคำเสียงใส

“ไม่ต้องหรอกครับผมจะค่อยๆ ขับไป” เกียรติศักดิ์บอกแต่เด็กหนุ่มไม่สนใจและเดินลอยหน้าลอยตาไปขึ้นรถเรียบร้อย “รีบไปกันเถอะครับ พวกเราจะได้ไม่รบกวนคุณนาน”

แผนที่จะชิ่งหนีล้มไม่เป็นท่าเกียรติศักดิ์กับปรางค์ทิพย์เดินมาขึ้นรถด้วยท่าทีที่แทบจะเก็บอาการหัวเสียไว้ไม่มิด แต่ธารินก็ยังทำเป็นยิ้มไม่รู้ไม่ชี้พลางลอบมองสองผัวเมียเป็นระยะ เขามั่นใจว่าอาจารย์ต้องดูออกเหมือนที่เขาดูออกว่ารอยจ้ำบนแขนนั่นไม่มีทางเป็นรอยถูกเด็กอายุห้าขวบทำร้าย นั่นมันรอยเข็มจากการฉีดยาเข้าเส้นต่างหาก พวกนี้คิดว่าตัวเองฉลาดมากสินะถึงคิดว่าจะหลอกคนที่คลุกคลีกับเข็มอย่างอาจารย์หมอกับนักเรียนแพทย์ได้

หลังจากขับรถเลี้ยววนไปวนมา เดี๋ยวเข้าถนนใหญ่วกเข้าตรอกเล็กๆ จนธารินเริ่มสับสนเส้นทางสักพักก็มาโผล่กลางทุ่งนาที่มองเข้าไปเห็นบ้านหลังหนึ่ง

“บ้านคุณตาอยู่นั่นค่ะ” ปรางค์ทิพย์บอก

เกียรติศักดิ์จอดรถแล้วหันมาบอก “จากตรงนี้ต้องเดินไป”

ธารินทำเป็นรีรอจนปรางค์ทิพย์เปิดประตูลงไปก่อนแล้วจึงเดินตามลงไป อริญชย์จอดรถขนาบอยู่ด้านหลังและเดินมาสมทบและผายมือให้ปรางทิพย์เดินนำไป

“ทำไมเราไม่ไปทางนั้นครับ” อริญชย์ชี้มือไปทางถนนลาดยางที่เหมือนจะทอดนำไปสู่ตัวบ้านได้ในขณะที่ปรางทิพย์เดินนำพวกเขาไปบนคันนาแคบๆ ซึ่งสองข้างทางเป็นดินเละๆ พลางเหลือบตามองเกียรติศักดิ์ที่ยังทำเป็นรีรออยู่ที่รถ

“ทางนี้ใกล้กว่าค่ะ” ปรางค์ทิพย์ตอบ ตอนนั้นเองที่ประตูบ้านซึ่งเป็นเป้าหมายเปิดออกพอดีพร้อมกับที่ชายคนหนึ่งเดินออกมา เธอรีบโบกไม้โบกมือให้และร้องทักทายเขาเสียงใส “คุณตาคะ หนูมาเยี่ยมค่าาา~”

ชายสูงวัยเขม่นมองมาพลางโบกมือตอบ

อริญชย์กับธารินหันไปมอง ปรางค์ทิพย์จึงรีบฉวยจังหวะนั้นกลับหลังหันเพื่อหนีไปขึ้นรถแต่ก็โดนอริญชย์ยื่นมือมาคว้าแขนไว้ได้ทัน

“จะไปไหนครับ”

“ฉันนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่รถเดี๋ยวกลับไปเอาก่อนนะคะ”

“โทรบอกให้สามีคุณเอามาให้ก็ได้นี่ครับ”

“นั่นสินะคะ ฉันก็ลืมไปเลย” ปรางค์ทิพย์ทำเป็นก้มหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าแล้วอาศัยช่วงจังหวะเสี้ยววินาทีที่อริญชย์หันกลับไปมองบ้านหลังนั้นยกกระเป๋าขึ้นมาฟาดใส่หน้าจนยอมปล่อยมือก่อนจะถีบเขากระเด็นไป

“เฮ้ย!” อริญชย์ร้องเสียงหลง อีกนิดเดียวเขาตกคันนาไปนอนเล่นกับควายแล้วโชคดีที่ธารินคว้าตัวไว้ได้ทัน

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ธารินประคองกอดตัวร่างบางไว้แน่นพลางยกมือขึ้นปัดเศษดินออกจากบริเวณหน้าท้องที่เป็นรอย
รองเท้าชัด รู้สึกใจหายวาบขึ้นมาทันทียัยผู้หญิงคนนั้นก็จริงๆ ที่มีให้ถีบให้ผลักตั้งเยอะทำไมต้องจำเพาะเจาะจงเป็นตรงท้องด้วย

“ไม่เป็นไร” อริญชย์รีบบอกให้เด็กหนุ่มคลายใจถึงจะจุกอยู่ไม่น้อย

ทั้งสองมองไปยังหญิงสาวที่ถอดรองเท้าเพื่อวิ่งหนีกระโปรงปลิวกลับไปขึ้นรถที่เกียรติศักดิ์สตาร์ตรออยู่ก่อนแล้วและรีบขับหนีไป จะตามไปก็ไม่ทันแล้วจึงได้วิ่งต่อไปเพื่อให้ถึงตัวบ้านตรงหน้าที่อยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร

 “สวัสดี มีธุระอะไรหรือพ่อหนุ่ม” ชายชราเจ้าของบ้านร้องทักคนแปลกหน้า

“ผมมาหาน้องโฮป” อริญชย์รีบบอกธุระขณะที่ธารินร้อนใจวิ่งไปที่ประตูบ้าน “น้องโฮปอยู่ไหน”

“พวกคุณหมายถึงใครกัน”

“ใครมาเหรอจ๊ะพ่อ” หญิงสูงวัยเจ้าของบ้านอีกคนเยี่ยมหน้าออกมาเมื่อเห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าเมียงมองอยู่หน้าบ้านทำท่าจะบุกเข้ามา “ต้องให้แม่เรียกตำรวจไหม”

“ผมเป็นเพื่อนกับลูกสาวคุณ คนที่คุณโบกมือทักทายเมื่อกี้ไงครับ” อริญชย์ถาม

“ฉันไม่รู้จักเธอ เห็นโบกมือทักก็เลยทักตอบแค่นั้น”

อริญชญ์หันไปสบตาธารินรู้ตัวว่าโดนสองผัวเมียนั่นหลอกเข้าซะแล้ว เขารีบขอโทษคุณตาคุณยายเจ้าของบ้าน “ขอโทษครับเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย พวกผมแค่หลงทางมา”

“สองคนนั่นร้ายจริงๆ” ธารินพึมพำ

“ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนดีแต่แรกอยู่แล้วล่ะ” อริญชย์ว่า “แล้วเรื่องที่ฉันให้ทำเป็นไง เรียบร้อยไหม”

ธารินยิ้มกว้าง “ระดับนี้แล้ว ไม่พลาดครับ แล้วอาจารย์ล่ะ”

อริญชย์ยังไม่ทันตอบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขารีบกดรับทันทีและปลายสายก็รายงานรวดเร็ว

“เราจับตัวสองคนนั่นได้แล้วนะพร้อมของกลางเป็นยาเสพติดจำนวนหนึ่งซุกอยู่ใต้เบาะอย่างที่คุณบอกจริงๆ ด้วย” ธาราละล่ำละลักบอกพลางมองไปยังกลุ่มนายตำรวจในเครื่องแบบราวสิบนายที่ปิดสถานีออกมาตั้งด่านสกัดจับรถหมายเลขทะเบียนที่อริญชย์แจ้งมา

“ดีจังเลย” อริญชย์ตอบเสียงใสพลางหันไปลูบศีรษะธารินที่สอดหน้าเข้ามาวางบนไหล่ฟังด้วย

“ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าสองคนนี้เล่นยา” ปลายสายถามต่อ

“ไปดูที่บ้านสิยังมีอีกเยอะเลย” อริญชย์ตอบ

ระหว่างรอพวกเขาไม่ได้โทรเช็กโรงเรียนเพราะข้อมูลเหล่านั้นเขาให้ธารินทำระหว่างนั่งรถมาแล้ว พอมาถึงเห็นว่าบ้านปิดเงียบและโทรหาไม่ติดก็เลยให้เด็กหนุ่มปีนหน้าเข้าไปเปิดประตูให้และค้นหาสิ่งที่พอเป็นเบาะแสในการตามตัวน้องโฮปจากพ่อแม่ใจอำมหิตสองคนนี้ นอกจากจะพบยาพ่นของน้องโฮปที่ทำตกไว้แล้วยังพบยาเสพติดจำนวนหนึ่งใส่ถุงซุกไว้ในลิ้นชักจึงให้ธารินเอาผ้าห่อกันรอยนิ้วมือติดแล้วนำออกมาด้วย สาเหตุที่ให้นั่งรถไปด้วยไม่ใช่แค่กลัวหนีแต่เขาต้องการให้ธารินแอบเอามันไปซุกไว้ใต้เบาะ

สองคนนั่นก็เลยมัวแต่ระแวงเด็กหนุ่มไม่ได้สนใจว่าเขาได้แอบส่งข้อความบอกธาราและระบุพิกัดให้ตำรวจมาดักจับไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนสาเหตุที่ต้องทำให้มันยุ่งยากขนาดนี้ก็เพราะเขาโทรเข้าเบอร์ 191 แล้วไม่มีคนรับสักทีน่ะสิ พอโทรไปสน.ท้องที่ก็โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา สุดท้ายเขาก็เลยโทรหาธาราและผิดหวังจริงๆ สมแล้วที่เป็นอัลฟาหนุ่มทายาทอดีตนักการเมืองและเจ้าของธุรกิจใหญ่มีเส้นสายในเครื่องแบบที่พอจะไหว้วานให้มาช่วยกันได้บ้าง ก็เลยคิดแผนนี้ขึ้นมาเพื่อถ่วงเวลารอให้ทุกอย่างพร้อมและมีหลักฐานที่มัดตัวได้เพราะทางนั้นการจะขนคนออกมาก็ไม่อยากเสียหน้าเหมือนกัน

“ถามสิว่าพวกมันเอาตัวน้องโฮปไปไว้ที่ไหน” อริญชย์ว่า “ทีแรกฉันก็แค่คิดว่าพวกมันก็ปล่อยอดๆ อยากๆ หรือเอาไปให้คนอื่นเลี้ยงแต่ดูท่าจะไม่ใช่แล้ว”

“ได้ๆ รอแป๊บนะ... เฮ้ย! ไอ้ตี๋...” ธาราหันไปคุยกับเพื่อนที่เป็นตำรวจอึดใจก็กลับมาพูดเสียงเครียด “เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ พวกมันเอาเด็กไปขายให้พวกนิยมเด็กน่ะ ตำรวจกำลังแบ่งทีมไปเดี๋ยวผมจะส่งโลเคชั่นให้นะ”

“รีบไปกันเถอะ!” อริญชย์เก็บโทรศัพท์เตรียมจะออกวิ่งเด็กหนุ่มที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลังก็รวบตัวเขาขึ้นอุ้มทำเอาคนอายุมากกว่าคว้าคอไว้เกือบไม่ทัน

“ทางมันลื่นครับ ล้มไปล่ะแย่เลย” ธารินให้เหตุผลแล้วรีบเร่งฝีเท้าไปขึ้นรถ

อริญชย์หยิบเอายาพ่นของน้องโฮปซึ่งเก็บได้ที่บ้านหลังนั้นขึ้นมาดูพลางภาวนาจนหมดใจขอให้ไปถึงที่หมายได้ทันก่อนที่น้องโฮปจะเป็นอะไรไป

OOOOOO

“อย่าทำผมเลยนะครับคุณตา”

เด็กชายพยายามอ้อนวอนแม้จะรู้สึกว่าความหวังนั้นแสนริบหรี่ ตอนนี้รอบคอเขามีสายหนังเส้นหนึ่งสวมอยู่เหมือนปลอกคอสุนัข แล้วคนที่เขาเรียกว่าคุณตาก็แปลงเป็นเดรัจฉานในร่างมนุษย์ มันอุ้มเขาเข้ามายังห้องซึ่งแอบอยู่ในสุดของตัวบ้าน ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นั้นดูเหมือนจะถูกทำเป็นสถานที่มันเอาไว้ลงโทษเด็กๆ ที่ซื้อมาโดยเฉพาะ มีเตียงอยู่หนึ่งหลังไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใดๆ และเหนือเตียงมีช่องระบายอากาศอยู่ช่องหนึ่ง

คุณตาวางเขาลงบนเตียงแล้วจัดการถอดเสื้อผ้าของเด็กชายออกทีละชิ้นจนเหลือแต่กางเกงชั้นในเป็นตัวสุดท้าย เขาก็หันไปค้นหาของในกล่องอีกครั้งก่อนจะแสยะยิ้มวิกลจริตออกมาเมื่อมือหยาบคว้าได้เทียนไขมาหนึ่งเล่ม เขารีบหาไฟแช๊คเอามาจุด
เปลวไฟสว่างวาบขึ้นมา เขาสะบัดไปมาตรงหน้าเด็กชาย “อยากให้ฉันลงโทษเธอยังไงดีจ๊ะหนูน้อย”

“ไม่เอา ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ”

แต่มันไม่สนใจ อันที่จริงดูเหมือนเขากำลังคุยกับตัวเองมากกว่า “อีกไม่กี่วันหวยจะออกแล้ว ดูสิว่าหนูจะให้โชคฉันพอเป็นค่าตัวหรือค่าเหล้าได้บ้างหรือเปล่า”

“ไม่เอา! ไม่เอานะครับ! ร้อน!” น้องโฮปร้องไห้จ้าเมื่อน้ำตาเทียนร้อนฉ่าหยดแหมะลงบนหลังมือ เขาดิ้นรนชักมือหนีแต่เรี่ยวแรงของเด็กห้าขวบตัวผอมบางมีหรือจะสู้แรงผู้ใหญ่ตัวโตได้

“อย่าดิ้นสิ ฉันบอกหนูแล้วใช่ไหมว่าเด็กดื้อต้องโดนลงโทษ เพราะงั้นหนูต้องเชื่อฟังฉัน อยู่นิ่งๆ นะ”

“อย่าครับคุณตา! ผมกลัวแล้ว... ผมเจ็บ... อ๊ะ!... แค่ก... แค่ก... อา...”

“เธอเป็นอะไร!” มันร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเด็กชายไอจนน้ำลายเป็นฟองเลอะเทอะเต็มเตียง

“ผมเป็นหอบ” เด็กชายละล่ำละลักตอบ “พี่ต่ายบอกว่าถ้าไม่มีอาการต้องรีบพ่น... ไม่อย่างนั้น... ผมจะ... แค่ก! แค่ก!”

“จะอะไรวะ!!!”

“ผมจะตาย... แค่ก! แค่ก!”

“ยาเธออยู่ไหน”

เด็กชายชี้มือเปะปะไป

“ในกระเป๋าเหรอ” มันโวยวายพร้อมกับกระโจนลงจากเตียงเปิดประตูย่ำเท้าโครมครามออกไปนอกห้อง “โธ่เว้ย! ไอ้สองคนนั้นเอาอะไรมาให้ฉันเนี่ย เกิดไอ้เด็กห่านี่ตายไปจะทำยังไง ไหนวะยาอยู่ไหน เฮ้ย! ไอ้หนูแกเก็บยาไว้ในกันแน่เนี่ย ไอ้หนู!”

เขาหันไปที่ประตูแล้วดวงตาก็เบิกโพลงเมื่อเห็นเด็กชายยืนอยู่ตรงนั้นแล้วดันประตูปิด เพิ่งรู้ตัวว่าโดนเด็กมันหลอกเข้าให้แล้ว “ไอ้หนู!!!”

น้องโฮปดันกลอนปิดได้ทันพอดี เขาถอยหลังและสะดุดขาตัวเองล้มลงด้วยความกลัว ประตูสั่นอย่างรุนแรงเมื่อคนข้างนอกพยายามจะพังเข้ามา แต่ก็คงจะยากสักหน่อยเพราะกลอนที่มันทำไว้นั้นก็แข็งแรงพอตัวเลยทีเดียว

ร่างกายเล็กๆ ของเด็กน้อยที่เหลือกางเกงตัวเล็กห่อหุ้มสั่นเทิ้ม เขามองไปรอบห้องที่ไม่รู้จัก

“น้องโฮปครับ น้องโฮปฟังพี่นะ”
เสียงพี่ต่ายของเขาดังขึ้นในหัว
“เวลาน้องโฮปมีอาการเหนื่อยให้รีบพ่นยาแล้วรีบมาบอกพี่นะ”
“ให้รีบมาเลยเหรอ”
“ใช่ครับ เรียกพี่ดังๆ นะ แล้วรีบวิ่งมาหาพี่ พี่ก็จะรีบวิ่งไปหาน้องโฮปเหมือนกัน”



“พี่ต่าย!”
เด็กชายร้องเรียกออกไปสุดเสียง แต่ก็ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเขามันดังสะท้อนไปสะท้อนมาอยู่ในห้องแคบๆ นั่น ไม่มีทางออกไปถึงพี่ต่ายของเขาได้เลย



“น้องโฮป!”

“ทำไมครับอาจารย์” ธารินสะดุ้ง จู่ๆ คนที่กำลังขับรถก็อุทานออกมา

“ไม่รู้สิ จู่ๆ ก็ใจคอไม่ดีเลย ไม่รู้ไอ้บ้านั่นมันจะทำอะไรน้องโฮปบ้าง” อริญชย์บอก เหงื่อออกด้วยความเครียดจนมือเกือบจะกุมพวงมาลัยไว้ไม่มั่น

“ไม่เป็นไรนะครับ” ธารินมองคนที่หน้าซีดเป็นกระดาษก่อนจะเอื้อมมาจับมือเขาไว้และบีบแน่นๆ ครั้งหนึ่ง “เราต้องไปช่วยน้องโฮปทันแน่นอนครับ อาจารย์รินซะอย่างแล้วน้องโฮปเองก็เป็นเด็กที่เก่งมากๆ ด้วย”

อริญชย์หันไปสบตาเด็กหนุ่มที่พยักหน้าให้กำลังใจ “ฉันสาบานต่อหน้านายนะริน หลังจากนี้... พอเราช่วยน้องโฮปได้ฉันจะไม่ยกน้องโฮปให้ใครอีกแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนมันจะพูดว่าอะไรก็ตาม”

************************************TBC*********************************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-03-2020 02:17:32 โดย leGGyDan »

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :katai1: มาช่วยน้องทันไม๊

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ขอให้ทัน  :z3:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ขอให้ทันช่วยน้องทีไม่อยากเศร้า เพราะโลกจริงมันก็มันก็แย่พอแล้ว

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ช่วยน้องโฮปปปด้วยยยยยยยยแงงงงงง :z3: :hao5:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
พี่ต่ายมาช่วยน้องโฮปเร็ววววว

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ขอให้ไปช่วยน้องโฮปทันนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 27 หาย

โลเคชั่นที่ธาราส่งมาให้นำอริญชย์กับธารินมาจอดรถลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ตามข้อมูลที่ธาราได้มาจากตำรวจและแอบส่งมาให้พวกเขาดูคร่าวๆ อัลฟาเจ้าของบ้านหลังนี้ชื่อศุภชัยเป็นครูสองวิชาสังคมของโรงเรียนชื่อดังประจำจังหวัด ค่อนข้างมีคนนับหน้าถือตาเพราะชอบช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้ทุนการศึกษาปีละหลายสิบทุน และได้รางวัลครูดีเด่นหลายสมัย หลายปีก่อนเคยมีเด็กคนหนึ่งออกมาโวยวายว่าสอบตกและโดนลงโทษด้วยการให้อมนกเขา แต่สุดท้ายคดีพลิกกลายเป็นว่าเด็กคนนั้นสร้างเรื่องใส่ร้ายแล้วเรื่องนี้ก็เงียบหายไปในม่านหมอกราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสถานศึกษาต้องการซุกปัญหาไว้ใต้พรม ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นเช่นไรนอกจากเด็กคนนั้นที่ต้องย้ายโรงเรียนหนีกับเจ้าตัวที่ยังคงทำงานสอนหนังสือต่อไป

“ตำรวจยังมาไม่ถึงเลย เราจะเอายังไงดีครับอาจารย์” ธารินจ้องมองไปยังบ้านสวนร่มรื่นที่ดูสงบเงียบ

“นายรอที่นี่ฉันจะลงไปดูลาดเลาก่อน” อริญชย์บอก ธาราย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าเพิ่งลงมือทำอะไรเพราะหลักฐานที่เค้นได้มาจากสองผัวเมียนั่นก็แค่แชทเรื่องสถานที่เท่านั้น เนื่องจากปรางค์ทิพย์ใช้วิธีคุยทางโทรศัพท์และลบประวัติการแชทอื่นๆ ทิ้งไปหมดแล้ว ถือว่าเธอก็รอบคอบอยู่ไม่น้อย แต่จะให้รออยู่เฉยๆ จนตำรวจรวบรวมข้อมูลได้มากพอแล้วตามมาก็ไม่รู้น้องโฮปจะโดนมันทำอะไรไปแล้วบ้าง

“ผมจะลงไปด้วย” ธารินบอกขึงขัง

“ไม่ได้หรอก เรายังไม่รู้เลยว่ามันมีอาวุธอะไรหรือเปล่า อีกอย่างถ้าบุ่มบ่ามเข้าไปแล้วเป็นการสับขาหลอกอย่างเมื่อกี้จะทำไง แค่นี้ฉันก็ลากนายมาพัวพันกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเยอะมากจนไม่รู้ว่าจะเข้าหน้าพ่อกับแม่นายได้ยังไง นายรออยู่ในรถนี่แหละเกิดคว้าน้ำเหลวแล้วเขาเอาเรื่องขึ้นมาฉันจะได้โดนคนเดียว”

“เรื่องของอาจารย์กับน้องโฮปไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องสักหน่อย รีบลงไปกันเถอะครับตอนนี้การช่วยน้องโฮปสำคัญกว่า แล้วพ่อกับแม่เขาก็ไม่สนใจหรอกว่าผมจะเป็นยังไง” ธารินเปิดประตูจะพุ่งออกไปอริญชย์ก็คว้าต้นแขนเขาไว้

“แต่ฉันสนใจนี่นา”

ธารินมองคนซึ่งจ้องมาที่เขาด้วยสายตาเต็มไปด้วยความกังวล แค่มีอาจารย์คนนึงเป็นห่วงเขาแค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้ว “งั้นอาจารย์ก็รอในรถครับ เพราะถ้าอาจารย์กับลูกเป็นอะไรไปผมคงเจ็บยิ่งกว่า” พูดจบที่ยกมือขึ้นสัมผัสข้างแก้มครั้งหนึ่งพร้อมกับยิ้มให้แล้วก้าวลงจากรถตรงไปยังประตูบ้าน

“รินโว้ย! เป็นเด็กเป็นเล็กแท้ๆ หัดฟังที่ผู้ใหญ่พูดบ้างสิ” อริญชย์เดินตามหลังมาโกรธก็โกรธแต่ก็ดันดีใจกับความเป็นห่วงของเด็กหนุ่มเสียได้เพราะไม่บ่อยครั้งหรอกนะที่จะมีคนมาเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจแบบนี้ อริญชย์ยกมือขึ้นลูบท้องตรงที่โดนปรางค์ทิพย์ถีบยังเจ็บจุกไม่หาย เขากัดฟันบอกลูกในท้องให้อดทนแล้วเดินไปหาธารินเหมือนไม่รู้สึกอะไร

หลังจากกดกริ่งเรียกอยู่อึดใจประตูบ้านก็เปิดออก ผู้ออกมาต้อนรับเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างท้วม เขาดูสุภาพและเป็นมิตรมากกว่าที่ธาราบอกมาเสียอีก มากเกินไปจนทั้งสองลอบมองหน้ากันว่ามาผิดบ้านหรือเปล่า

“คุณครูศุภชัยใช่ไหมครับ” อริญชย์ทักทาย “ผมเป็นพี่ชายของคุณปรางค์ทิพย์ครับ เธอบอกว่าพาลูกชายมาฝากเรียนพิเศษกับคุณที่นี่แล้วไม่ว่างมารับน่ะครับก็เลยวานผมมารับแทน”

ศุภชัยมองหน้าคนแปลกหน้าทั้งสองซึ่งเป็นชายหนุ่มหน้าสวยกับเด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างระแวดระวัง ภายใต้หน้ากากยิ้มแย้มนั้นเจ้าตัวก็ซ่อนความกระวนกระวายใจเอาไว้ไม่น้อย “ผมชื่อศุภชัยครับ แต่เรื่องเรียนพิเศษผมคิดว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้รับสอนพิเศษเด็กที่ไหน” เขาบอกแล้วทำท่าจะปิดบ้านประตูบ้านส่งแขก อริญชย์จึงรีบสอดเท้าเข้าขวางประตูไว้

“แล้วนั่นรองเท้าใครครับ”

ศุภชัยเหลือบตาลงมองแล้วก็แทบกลั้นหายใจ หลังจากที่เด็กคนนั้นล็อกห้องเขาก็พยายามหาวิธีเปิดเข้าไปแต่เจ้าสองคนนี้ก็ดันมากดออดประตูพอดีเลยต้องรีบแต่งตัวปั้นหน้าปัญญาชนแล้วออกมาต้อนรับ นึกว่าจะเป็นไปรษณีย์มาส่งของที่สั่งไปเลยไม่ทันได้เก็บข้าวของของเจ้าเด็กนั่นที่วางทิ้งไว้

“ของหลานชายผมครับ”

“งั้นผมขอเจอหลานชายคุณหน่อยได้ไหมครับ”

ศุภชัยรีบคิดหาทางออก เมื่อสักครู่สองคนนี้พูดถึงชื่อยัยคนที่เอาเด็กมาขายมาให้เขา จะบอกว่าเป็นสายตำรวจก็ไม่น่าส่งคนแบบนี้มาหรือถามคำถามโจ่งแจ้งอะไรแบบนี้ หรือว่าสองคนนี่จะเป็นคนรู้จักของเด็กนั่นจริงๆ แล้วไม่รู้เรื่องที่แม่มันเอามาขาย แต่หลังจากที่เจ้าหนูนั่นบอกว่าหอบแล้วล็อกประตูขังตัวเองอยู่ในห้องก็ผ่านมาร่วมครึ่งชัวโมงแล้ว ตอนนี้ก็เงียบไปเลยไม่รู้ว่าตายไปหรือยัง ข้อหาพรากผู้เยาว์กับฆ่าคนตายแม้จะไม่เจตนาบทลงโทษก็ต่างกันลิบลับ แต่ไม่ว่าข้อหาไหนเขาก็จะไม่ยอมรับทั้งนั้น

“ขอผมพบหลานคุณหน่อยได้ไหมครับ” อริญชย์ถามย้ำเสียงดังเมื่อจับพิรุธได้ชัดเจน เขาพยายามแทรกตัวผ่านเข้าไปแต่ก็โดนศุภชัยผลักประตูดันไว้มันกระแทกเข้าที่หัวไหล่และหนีบเท้าเขาจนเจ็บ แต่อริญชย์ก็ยังฝืนจะดึงดันเข้าไป
แล้วจู่ๆ ประตูก็เปิดผัวะออกจนอริญชย์แทบหน้าทิ่มเข้าไปข้างใน เขาหันกลับไปมองทันเห็นธารินที่กำลังลดเท้าลงพอดี ส่วนศุภชัยนั้นโดนประตูดีดใส่ล้มลงไปกองร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น

“อาจารย์รีบไปหาน้องโฮปเร็วครับ ผมจะจัดการไอ้เฒ่าทารกนี่เอง” ธารินคำรามลอดไรฟัน เขาเหลือบตามองรอยกระแทกเป็นปื้นสีแดงตรงต้นแขนอริญชย์ก่อนจะหันไปส่งสายตาอาฆาตที่แทบฆ่าคนที่ทำให้เกิดรอยนี้ได้

อริญชย์พยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งเข้าไปด้านใน

“ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับพวกแกข้อหาบุกรุก!!” ศุภชัยขู่ลั่นพร้อมยันตัวลุกขึ้นจากพื้นแต่ก็โดนธารินผลักกลับลงไปนั่งก้นจ้ำเป้าตามเดิม ก็พอดีกับที่เสียงอริญชย์ดังแทรกขึ้นมา

“ริน! ฉันเจอกระเป๋าน้องโฮปตกอยู่ตรงนี้!!” อริญชย์มองดูกรอบรูปที่ทำธารินให้แล้วน้องโฮปก็เอามาพกติดตัวไว้ตลอด เห็นกรอบกระจกที่แตกร้าวละเอียดเพราะโดนศุภชัยจับโยนหัวใจก็แทบสลายตามไปด้วย เขาดึงเฉพาะรูปออกมาพับใส่กระเป๋าแล้วลุกขึ้นวิ่งหาน้องโฮปต่อ

ธารินเหลือบตาลงมองคนบนพื้นราวกับมองเหลือบไรตัวหนึ่งด้วยความโกรธแค้นแล้วโยนโทรศัพท์ส่งให้ “เอาสิ! โทรเรียกตำรวจมาทั้งสน.เลย แล้วเรามาดูกันว่าตำรวจจะจับใครไปเข้าคุก”

อริญชย์วิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ เขาค้นทุกที่แม้แต่ใต้โต๊ะหรือในตู้ จนมาถึงตู้เก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาดที่อยู่ใต้อ่างล้างจานเขาก็เจอเด็กชายร่างผอมนั่งกอดเข่าตัวสั่นอยู่

“คุณเป็นใคร” เด็กชายถาม

“ฉันมาช่วย” อริญชย์ละล่ำละลักตอบด้วยความตกใจที่เจอเด็กคนอื่นอีก

“จริงเหรอ” เด็กชายถามด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ตาแก่นั่นพาคนอื่นเข้ามาในบ้านเพื่อเล่นอะไรพิเรนทร์ๆ กับพวกเขา

“พี่ชื่อริน ไม่ต้องกลัวนะ” อริญชย์ส่งมือไปประคองเด็กชายออกมาลูบหัวลูบหลังปลอบขวัญ “หนูชื่อะไรครับ”

“อาร์ม” เด็กชายตอบพลางกอดคอผู้มาช่วยแน่น

“มีเด็กคนอื่นนอกจากหนูอีกไหม”

อาร์มพยักหน้าแล้วชี้มือไปยังตู้เก็บของที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย “พี่เจมส์อยู่ในนั้น”

อริญชย์จูงมืออาร์มไปยังตู้ใบนั้นแล้วเปิดออก เขาเจอเด็กชายอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับน้องกัปตัวนั่งขดตัวอยู่ข้างในเพราะรูปร่างใหญ่กว่าเขาจึงไปแอบอยู่ด้วยกันใต้อ่างล้างมือแคบๆ ไม่ได้

“คุณคือพี่ต่ายเหรอ” เจมส์กลับเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาก่อน

“หนูรู้จักฉันได้ยังไง” อริญชย์ถามด้วยความแปลกใจ

“ผมเปิดกระเป๋าเด็กคนที่มาใหม่” เจมส์บอก “เจอรูปถ่ายคนที่หน้าเหมือนคุณ แล้วเด็กคนนั้นเอาแต่ร้องว่าพี่ต่ายจะมาช่วยเขา”

อริญชย์ตาเบิกโพลงทั้งดีใจที่รู้ว่าน้องโฮปอยู่ที่นี่แต่อีกใจก็นึกเสียใจว่าเป็นเพราะตัวเองทำให้น้องโฮปต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้ “แล้วเด็กคนนั้นอยู่ไหน”

เจมส์ชี้มือไปที่ประตูห้องซึ่งอยู่สุดทาง “เขาพาเด็กคนนั้นเข้าไปแล้วก็ไม่ออกมาอีกเลยเห็นว่าอาการหอบกำเริบ”

อริญชย์ใจร่วงไปอยู่ตาตุ่มเขารีบวิ่งไปที่ประตูบานนั้นแต่มันล็อกจากด้านใน เขาทั้งทุบและส่งเสียงเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา “น้องโฮป! นี่พี่ต่ายเอง เปิดประตูให้พี่หน่อย พี่มาช่วยแล้ว น้องโฮปครับ!!... รินมาช่วยฉันหน่อย!!!”

ธารินได้ยินเสียงร้องปริ่มว่าจะขาดใจก็รีบพุ่งไปหา “อาจารย์หลบครับ!”

อริญชย์ถอยไปยืนด้านข้าง ธารินยกเท้าขึ้นถีบแต่ก็มันก็ไม่ขยับเลยสักนิด เขาจึงถอยไปตั้งหลักแล้วพุ่งเอาไหล่เข้ากระแทกได้ยินเสียงคล้ายๆ ตะปูที่ยึดตัวล็อกไว้กับประตูขยับก็อกแก๊ก เขาถอยไปตั้งหลักอีกครั้งพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก ธรรมชาติรังสรรค์ให้สรีระของอัลฟามาแข็งแกร่งกว่าเพศอื่น แล้วเขาก็เป็นอัลฟาถ้าแค่เรื่องพังประตูแค่นี้ยังทำไม่ได้ก็เสียชาติเกิดไปหน่อยล่ะ

ธารินพุ่งเข้ากระแทกเต็มแรกอีกครั้ง ตะปูที่ยึดตัวล็อกหลุดออกมาตัวหนึ่งเขาออกแรงถีบซ้ำอีกครั้งบานประตูก็เปิดออกได้ในที่สุด เขารีบพุ่งเข้าไปด้านในโดยมีอริญชย์ตามเข้ามาติดๆ

“น้องโฮป! น้องโฮปอยู่ไหนครับพี่ต่ายกับพี่รินมาช่วยแล้ว”

ทว่าในห้องนั้นกลับว่างเปล่า

อริญชย์กวาดตามองไปรอบๆ นอกจากเตียงหลังหนึ่งแล้วในห้องนี้ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกนอกจาก...

“ช่องลมนั่น!” อริญชย์ร้องเสียงดังพร้อมที่ไปชี้ช่องลมเหนือเตียงซึ่งเปิดไว้ มันมีขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็ใหญ่พอให้เด็กชายซึ่งตัวเล็กและผอมอย่างน้องโฮปลอดออกไปได้ “ข้างหลังมันเป็นอะไร”

“เดี๋ยวผมดูให้ครับ” ธารินอาสาพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนเตียงเพื่อชะโงกหน้ามองออกไปดู มันเป็นด้านหลังบ้านซึ่งเป็นเรือกนาและสวนซึ่งมีต้นไม้ขึ้นหนาตาแม้จะไม่ได้รกร้างแต่ก็น่ากลัวและเป็นอันตรายเกินไปสำหรับเด็กเล็กๆ ที่พลัดหลงเข้าไปเพราะมีทั้งร่องน้ำและหลุมบ่ออีกทั้งยังอาจจะมีแมลงมีพิษและงูเงี้ยวเขี้ยวขออีก “น้องโฮปคงวิ่งหนีเข้าป่าไปแล้ว เรารีบไปดูกันเถอะครับ”

“อือ”

ธารินหันกลับมาแล้วก็ต้องตกใจแทบคลั่ง ช่วงที่ทั้งสองมัวแต่สนใจจะช่วยน้องโฮปนั้น ศุภชัยที่รู้ว่าไม่รอดมือตำรวจแน่ๆ เกิดสติแตกวิ่งเข้าไปในครัวแล้วคว้ามีดเล่มใหญ่ยาวราวครึ่งฟุตออกมา มันฟันฉัวะใส่อริญชย์ที่เบี่ยงตัวหลบไปได้แบบฉิวเฉียด

ศุภชัยก้าวตามไปเตรียมจะฟันซ้ำ ธารินกระโดดลงจากเตียงเข้ามายื้อยุดไว้ได้ทันเวลาพอดี

“แกกล้าดียังไงมาหันมีดใส่เมียฉันวะ!”

“ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งสองคน!”

ทั้งสองต่างใช้กำลังเข้าแย่งมีดกัน อีกฝ่ายเองก็เป็นอัลฟาเหมือนกันเรื่องกำลังเป็นรองแค่ด้วยอายุที่มากกว่า แต่เด็กหนุ่มนั้นได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ข้างขวาตอนที่ใช้กระแทกพังประตูเข้ามา ธารินกัดฟันแน่นพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้าให้อีกฝ่ายรู้ข้อเสียเปรียบนี้

แต่ศุภชัยเองก็ฉลาดไม่น้อยพอรู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มขยับแขนขัดๆ มันก็เหวี่ยงตัวเด็กหนุ่มให้ไหล่ขวาไปกระแทกกำแพงเจ็บซ้ำรอยเดิมจนเผลอปล่อยมือจากมีดที่กำลังแย่งกันอยู่

“ตายซะเถอะแก!” ศุภชัยแทงมีดเข้าใส่

ปลายมีดอยู่ห่างจากอกเด็กหนุ่มไม่ถึงคืบเท่านั้นก่อนที่ร่างของศุภชัยจะกระตุกจนเข่าทรุด มันหันควับไปยังตัวต้นเหตุซึ่งก็คือก็อริญชย์ที่ค้นเจอเครื่องช็อตไฟฟ้าในกล่องที่มันวางไว้จึงเอามาใช้เป็นอาวุธ

อริญชย์ช็อตซ้ำเข้าไปอีกครั้งตรงท่อนแขน แต่มันกลับไม่สะทกสะท้านอะไรและแสยะยิ้มให้

“ไอ้เครื่องเนี่ย ฉันเล่นอยู่ทุกวัน ชินซะแล้วล่ะ”

ศุภชัยเปลี่ยนเป้าหมายกลับมาเป็นอริญชย์อีกครั้ง มันพุ่งเข้าแทงสวนเต็มแรงหมายเอาให้ตายคามือ และอริญชย์ก็อยู่ใกล้เกินกว่าจะหลบพ้น

คมมีดพุ่งทะลุผ่านชั้นกล้ามเนื้อเข้าไปเกือบครึ่งด้าม ศุภชัยชักมีกลับจะแทงซ้ำเมื่อฝ่ามือแข็งแรงเหมือนคีมคว้าหมับเข้าที่ข้อมือ

“ฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำร้ายเมียฉัน” ธารินคำรามลอดไรฟันพร้อมกับส่งสายตาดุดันที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาโกรธจนสามารถฆ่าคนได้ไปให้

“ริน!” อริญชย์ร้องเสียงหลง คมมีดนั้นไม่ได้แทงโดนเขาเพราะเด็กหนุ่มพุ่งมาขวางไว้อย่างพอดิบพอดี

“แก!” ศุภชัยเริ่มร้อนรนจะถอยก็ไม่ได้เพราะโดนยึดมือไว้

ถึงคราวธารินแสยะยิ้มบ้าง ตอนนี้อีกฝ่ายเอามีดมาทำร้ายอริญชย์ไม่ได้อีกแล้วเพราะมันฝังอยู่ในตัวของเขา เขาเงื้อหมัดขึ้นแล้วซัดเข้าไปเต็มแรงที่กลางแสกหน้า ด้วยระยะประชิดจึงส่งผลให้ดั้งหักเลือดกระเซ็นเป็นสาย เขาถีบซ้ำเข้าให้อีกครั้งที่กลางอกส่งมันลงไปนอนแผ่หราบนพื้นก่อนจะก้าวตามไปกระทืบซ้ำ

“ริน พอแล้วริน!” อริญชย์เข้ามาคว้าแขนเด็กหนุ่มที่กำลังเลือดขึ้นหน้า ครั้งก่อนที่เขาเห็นธารินอาละวาดพังประตูห้องโรงแรมของ Devil Club เข้ามาช่วยเขาที่กำลังฮีทนั้นว่าน่ากลัวแล้วแต่เทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้

“ไม่ได้ครับเดี๋ยวมันลุกขึ้นมาทำร้ายอาจารย์อีก”

“มันลุกไม่ไหวแล้ว” อริญชย์ว่าพลางพยักเพยิดไปทางร่างท้วมที่แน่นิ่งไปแล้วตวัดสายตากลับมามองมีดยาวหกนิ้วที่ยังเสียบค้างอยู่ตรงท้องเด็กหนุ่มครึ่งหนึ่ง “นายต่างหากเป็นอะไรหรือเปล่า มาให้ฉันดูแผลหน่อย”

“ผมไม่เป็นไร...”

ยังไม่ทันขาดเด็ดหนุ่มเสียงหวอรถตำรวจก็ดังขึ้นที่หน้าบ้าน เสียงฝีเท้ากรูกันเข้ามาพร้อมกับเสียงพี่ชายของเขาที่ร้องเรียกดังลั่น

“ไอ้ริน! คุณหมอ! ปลอดภัยดีหรือเปล่าผมมาช่วยแล้ว”

“คุณช่วยหลบอออกไปก่อนครับ” เสียงตำรวจนายหนึ่งแทรกขึ้น

“ฉันจะไปหาน้องฉัน! คุณก็ทำหน้าที่คุณไปสิ... ไอ้ริน! อยู่ไหนวะ!”

“ผมอยู่ในห้องนี้ครับ” ธารินส่งเสียงตอบไปให้พี่ชายคลายใจแล้วจึงหยุดกระทืบศุภชัยและค่อยขยับไปนั่งลงบนเตียงโดยมีอริญชย์ประคองไว้ไม่ห่าง “อาจารย์เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

“ไอ้เด็กบ้า! ห่วงตัวเองก่อนมีดปักอยู่นั่น นั่งลงฉันจะดูแผลให้ ทำไมนายถึงชอบทำอะไรหุนหันพลันแล่นตลอดเลยนะ” อริญชย์โวยวายกลบอาการเป็นห่วงที่พาลจะทำให้ใจเสีย เขาฉีกเสื้อเด็กหนุ่มออกเห็นเลือดไหลไม่มาก “อย่าเพิ่งขยับนะ”

“เดี๋ยวมันจะไปโดนอวัยวะข้างในให้บาดเจ็บเพิ่มมากขึ้นใช่ไหมครับ” ธารินต่อประโยคให้ “เรื่องนี้ตื่นมาฟังอาจารย์สอนทันพอดีเลย แล้วผมก็ไม่ควรดึงมีดออกเองด้วยเพราะการเลือดไม่ไหลอาจเป็นได้ทั้งว่ามีดไม่โดนจุดสำคัญอะไร หรือบางทีมันอาจจะกำลังทำหน้าที่เหมือนจุกก๊อกกั้นเลือดไว้ไม่ให้พุ่งออกมาก็ได้”

“รู้แล้วก็อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว” อริญชย์ว่า

 “อาจารย์กับลูกปลอดภัยก็ดีแล้วครับ” ธารินบอกพลางซบหน้าลงบนหัวไหล่จู่ๆ ก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมา เขาสอดมือเข้ากุมมือเรียวแล้วบีบเบาๆ “คนโง่ๆ อย่างผมก็ทำได้แค่นี้แหละครับ”

“ไอ้ริน! คุณหมอ!” ธาราพุ่งเข้าประตูมาพร้อมตำรวจอีกสองนาย เขาหันไปส่งสัญญาณมือให้จัดการกับคนที่นอนสลบอยู่บนพื้นใบหน้าบวมบูดราวกับเป็นผู้สั่งการเสียเองแล้วปราดเข้าไปดูอาการทั้งสอง

“รินโดนมันแทง” อริญชย์บอก “รีบตามรถพยาบาลมาเร็ว”

“ไอ้บ้ารินเอ๊ย! ศรต้องโกรธฉันแน่ๆ เลย หมอนั่นย้ำนักย้ำหนาว่าให้ดูแลพวกนายให้ดีๆ ระหว่างที่เขาช่วยรับหน้าที่บ้านให้” ธาราบ่นเป็นหมีกินผึ้งทั้งที่ในใจก็เป็นห่วงน้องชายคนเดียวไม่น้อย เขาวิ่งกลับไปที่ประตูและส่งเสียงเรียกเพื่อนที่เป็นนายตำรวจ “ไอ้ตี๋! มึงรีบตามรถพยาบาลมาด่วนเลย น้องกูโดนแทง ถ้าน้องกูเป็นอะไรไปนะกูจะฟ้องมึงคนแรกเลยโทษฐานทำงานล่าช้า”

“อ้าวไอ้เพื่อนปากหมา นี่กูก็ปิดสน.รีบมาแทบตายแล้วนะ”

“ธารา! น้องโฮปปีนหนีออกไปทางช่องลม น่าจะเข้าป่าไป ให้คนรีบไปตามเร็วเดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน” อริญชย์ร้องบอก

“ไอ้ตี๋ แกได้ยินที่เพื่อนฉันบอกแล้วใช่ไหม รีบส่งคนไปปูพรมหาเลยนะ” ธาราตะโกนบอกต่อไปอีกทอดแล้วหันกลับมาหาน้องชายที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ “ไอ้ริน ยังไหวนะเว้ย!”

“ริน” อริญชย์ก้มหน้าลงมองคนที่ซวนซบอยู่บนไหล่ ฝ่ามือที่กุมมือเขาไว้เย็นเยียบจนน่าใจหาย ริมฝีปากที่เคยเป็นสีสดเริ่มซีดเผือดลงทุกที

“ไม่เป็นไรครับแค่เจ็บนิดหน่อย” ธารินพยายามเค้นเสียงตอบเขารู้สึกว่าลำคอมันแห้งผากราวกับกำลังโดนทิ้งไว้กลางทะเลทรายตอนกลางคืนไม่มีผิด

“ไม่เป็นไรนะริน รถพยาบาลกำลังมาแล้ว เดี๋ยวก็หายเจ็บแล้วนะ ฉันจะช่วยนายแล้วจะอยู่เป็นเพื่อนนายเอง”

ธารินอยากจะเล่นมุกกลับไปว่าอยากให้อยู่เป็นแฟนมากกว่าแต่เขาก็รู้สึกว่าเรี่ยวแรงมันเหือดหายไปจนหมด เขาจึงทำได้แค่พยักหน้าตอบกลับไปก่อนที่สติสัมปชัญญะสุดท้ายจะดับวูบลง

OOOOOO

“ที่นี่คือแดนมหัศจรรย์” น้องโฮปท่องในใจซ้ำไปซ้ำมาระหว่างที่วิ่งตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ เมื่อสักครู่ที่เหมือนว่ามีอาการหอบนั้นเด็กชายแค่แกล้งทำขึ้นมาเพื่อให้คุณตาที่น่าขยะแขยงนั่นออกห่างจากเขา “เราต้องออกไปจากที่นี่ ต้องไปตามหาพี่ต่าย พี่ต่ายจะช่วยเราได้ เราต้องวิ่ง... อย่ายอมแพ้นะ พี่ต่ายต้องมาช่วยเราแน่ๆ”

เส้นทางนั้นเป็นดินแห้งกับหินกรวดก้อนเล็กๆ ที่ทิ่มตำฝ่าเท้าทุกก้าวที่ย่ำลงไปและใบหน้าหญ้าที่ขึ้นรกชัฏก็บาดผิวอ่อนที่ตอนนี้มีเพียงกางเกงชั้นในตัวเดียวจนเกิดรอยแผลเต็มไปหมด แต่เด็กชายก็ไม่ยอมแพ้ยังคงวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ เท่าที่ขาสั้นๆ นั้นอ่อนระโหยโรยแรงจะทำได้ ในใจก็คิดถึงคนเดียวที่เป็นดังความหวังเติมพลังใจให้ร่างเล็กๆ นั้นมีแรงวิ่งไปข้างหน้า

“หนูชื่อโฮป พี่รินเป็นคนตั้งให้แปลว่าความหวังนะครับ”
“ความหวังคืออะไรครับ”
“ความหวัง... ก็เหมือนกับอลิซที่ตกลงไปในโพรงกระต่ายไง เพราะอลิซมีความหวังดังนั้นไม่ว่าจะเจอสัตว์ประหลาดหรือแม่มดชั่วร้ายในแดนมหัศจรรย์ อลิซก็เอาชนะมันได้เพราะอลิซมีความหวัง”
“ถ้างั้นพี่ต่ายก็คือความหวังน่ะสิครับ”
“ทำไมล่ะครับ”
“เพราะอลิซมีคุณกระต่ายคอยช่วย น้องโฮปก็มีพี่ต่ายคอยช่วยมาตลอดเหมือนกัน”


เด็กชายตัวน้อยวิ่งไปเรื่อยๆ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงทุกทีจนเกือบจะมองไม่เห็นทาง ฉับพลันนั้นเองแสงไฟก็สว่างวาบขึ้นตรงหน้า

“นั่นปากทางอุโมงค์ใช่ไหม”

น้องโฮปคิดอย่างลิงโลดแล้ววิ่งเข้าไปหาที่มาของแสงซึ่งปรากฏขึ้นในความมืด ทว่า นั่นไม่ใช่ทางออกไปจากดินแดนมหัศจรรย์และพี่ต่ายของเขารออยู่ แต่มันคือรถเก๋งที่พุ่งมาด้วยความเร็ว

เอี๊ยด!

ร่างของเด็กชายล้มลงนอนกับพื้น ดวงตาเล็กๆ ฉ่ำน้ำตาค่อยๆ ปิดลง แต่ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นตรงหน้าคือพี่ต่ายของเขาที่ยื่นมือออกมาหา

“คุณ! มีเด็กบาดเจ็บนอนอยู่ตรงนี้”

แต่นั่นไม่ใช่เสียงพี่ต่ายหากเป็นเสียงผู้หญิงที่เขาไม่รู้จัก ทว่าถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยื่นมือออกไปไขว่คว้าหาความหวังเดียวที่เขามีในตอนนี้ บทสนทนาที่เหลือดังขึ้นต่อเนื่องในหัวพร้อมกับแสงสว่างสุดท้ายที่ลาลับขอบฟ้าไป

“ขอบคุณพี่รินนะครับที่ดูแลผมตลอดมา ผมรักพี่รินนะครับ ผมอยากอยู่กับพี่รินตลอดไปเลยได้ไหมครับ”

 อริญชย์นั่งอยู่บนรถพยาบาลระหว่างนำธารินส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัด ในขณะที่นั่งกุมมือมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของคนไม่ได้สติจู่ๆ เขาก็หวนคิดถึงคำที่เด็กชายเคยพูดกับเขาเมื่อนานมาแล้ว

ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่นพลางก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่พยายามจะฝืนไหลออกมาให้ได้เมื่อภาพที่วันที่แม่จากไปตามมาด้วยภาพสุดท้ายของพ่อกับน้องย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิด

ตอนนี้น้องโฮปหายไปไหนเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ แล้วธารินก็ยังมาบาดเจ็บหนัก ทำไมนะ... ทำไมทุกคนที่เขารักถึงต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทำไมเขาถึงรักษาใครไว้ไม่ได้เลย

ทำไมเขาถึงเป็นคนที่โชคร้ายขนาดนี้ หรือสวรรค์กำลังจะบอกเป็นนัยว่าคนอย่างเขามันไม่สมควรรักใครหรือให้ใครมารักอย่างนั้นเหรอ

****************************************TBC***********************************

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :mew4: พี่ต่ายอย่าโทษตัวเองน้า

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ทุกคนทำดีที่สุดแล้ว เก่งมากๆแล้ว
 :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ทุกอย่างมันจะดีขึ้นอย่าโทษตัวพี่ต่าย  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :z3: :z3: :z3: :z3: ทุกคนจะต้องปลอดภัยยยย

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น้องโฮปเก่งมาก เดี๋ยวก็เจอพี่ต่ายแล้ว

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
น้อง รีบหาน้องโฮปให้เจอเร็ว ๆ นะ หวังว่ารถคันที่เจอน้องโฮปจะเป็นคนดีพาน้องไปรพ.ต่อนะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮือออออ น้องโฮปลูก ขอให้น้องปลอดภัย ได้กลับมาอยู่กับพี่ต่ายนะ

ออฟไลน์ MP_CHIN

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
สนุกค่ะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
พี่รินอย่าโทษตัวเอง น้องโฮปกับธารินจะต้องไม่เป็นไร ทุกคนต้องได้กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน น้องโอปลู้กก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-04-2020 22:16:23 โดย Ac118 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ leGGyDan

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 347
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
เข็มที่ 28 ทำสัญญา

ธารินลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแขนข้างหนึ่งมีสายน้ำเกลือห้อยอยู่ รู้สึกปวดหน่วงๆ ในช่องท้องเขาลองยกมือขึ้นคลำดูพบผ้าปิดแผลขนาดราวฝ่ามือแปะอยู่ใต้ชายโครงขวา อย่างน้อยมีดเล่มเขื่องนั้นกถูกผ่าตัดออกไปแล้วและถึงจะเป็นคนไม่ชอบดื่มเหล้าแต่ก็แอบหวังว่าตับของเขายังอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ดี
   
เด็กหนุ่มกวาดตามองไปรอบๆ ห้องพักว่างเปล่าแสนเงียบเชียบจนได้ยินเสียงน้ำเกลือหยดในกระเปาะแล้วก็ถอนหายใจออกมาเพราะเผลอหวังไปว่าจะมีใครสักคนในครอบครัวมารุมล้อมอยู่รอบเตียงรอให้เขาตื่น ลืมไปว่าแค่โดนมีดแทงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร และพอกลับไปบ้านเขาคงโดนพ่อกับแม่บ่นจนหูชาแน่ๆ แล้วไหนจะเรื่องเบี้ยวนัดกินข้าวเย็นวันนี้อีกล่ะ ช่างเถอะ! เขาก็แค่ทำหูทวนลมไปเหมือนทุกทีก็เท่านั้น ส่วนฤกษ์บอกเรื่องอาจารย์กับลูกก็คงต้องเอาไว้วันหลัง

หน้าของอริญชย์กับน้องโฮปลอยขึ้นมาในห้วงความคิด นี่ต่างหากสิ่งที่ทำให้ธารินไม่สบายใจที่สุด เขาเหลียวมองนาฬิกาบนผนัซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบทุ่มนึงแล้ว ข้างนอกนั้นมืดมาก ไม่รู้ว่าตำรวจหาตัวน้องโฮปเจอหรือยัง เด็กน้อยตัวเล็กๆ อายุแค่ห้าขวบคงต้องกลัวมากแน่ๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้หนีไปแอบร้องไห้ตรงไหน แล้วไหนยังอาจารย์กับลูกอีก ถึงอาจารย์จะบอกว่าไม่เป็นไรแต่เขาเห็นว่าอาจารย์แอบซ่อนสีหน้าเจ็บปวดไว้แล้วก็ยกมือขึ้นจับท้องบ่อยๆ ตอนที่โดนยัยผู้หญิงคนนั้นถีบต้องกระเทือนถึงลูกเขาแน่ๆ

คิดมาถึงตรงนี้เขาก็ร้อนใจจะออกไปตามหาทั้งสอง จึงรีบตวัดขาลงจากเตียง ยังไม่ทันที่เท้าจะแตะพื้นเสียงดุก็ดังลั่นขึ้นทันทีจนสะดุ้งโหยง

“นั่นนายจะไปไหนน่ะ!”

ธารินหันไปตามเสียง เห็นอริญชย์ที่ยังอยู่ในชุดเดิมก้าวเร็วๆ เข้ามาประคองหลังด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยแล้วริมฝีปากก็ดันคลี่ยิ้มออกมาซะอย่างนั้นทั้งที่กำลังโดนบ่นจนหูชา

“เพิ่งจะผ่าตัดเสร็จอย่าขยับมากสิ เดี๋ยวแผลก็ปริหรอก นี่ฉันแค่ออกไปทำธุระแป๊บเดียว นายตื่นมาก็ทำตัววุ่นวายเลยนะ”

“อาจารย์!” ธารินเรียกเสียงดัง “อาจารย์กับลูกเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่ไหม ไม่บาดเจ็บตรงไหนนะครับ”

“ก่อนจะถามฉัน นายน่ะห่วงตัวเองก่อนเถอะ ดีนะมีดไม่โดนอวัยวะสำคัญไม่งั้นตกเลือดตายไปแล้ว ตอนนี้กี่โมงอยู่ที่ไหนไม่สงสัยเลยเหรอ”

“ก็อยู่โรงพยาบาลประจำจังหวัด นาฬิกาบนผนังก็เห็นอยู่ว่าทุ่มนึง จับท้องดูมีดก็ไม่อยู่แล้วแผลไม่มีเลือดซึมก็ถือว่าตัวผมปลอดภัยดีแล้ว แต่ที่ผมยังไม่รู้คือเรื่องของอาจารย์กับลูกนี่นา” ธารินว่าพลางเอื้อมมือไปคว้าแขนอริญชย์ดึงให้ขยับมายืนตรงหน้าและกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้า “ตกลงบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”

อริญชย์ส่ายหน้าพลางปัดมือเด็กหนุ่มออกเพราะดันเล่นจ้องซะจนเขารู้สึกเขินไปหมด

“แล้วน้องโฮปล่ะ เจอตัวน้องโฮปแล้วใช่ไหมครับ”

อริญชย์ไม่ตอบคำถามนั่นทำให้ธารินหน้าเสียไปทันที

“ไปอยู่ที่ไหนกันนะ” ธารินรำพึง

“ริน” อริญชย์เรียกเสียงเบา “ฉันมีอะไรจะบอกนาย สัญญานะว่าจะไม่บอกใคร”

“ครับ”

เด็กหนุ่มรับคำมั่นเหมาะ อริญชย์จึงหันไปปิดสายน้ำเกลือแล้วถอดออกแขวนไว้นั่นสร้างความแปลกให้อีกฝ่ายไม่น้อย ก่อนจะใช้นิ้วชี้แตะปากเป็นสัญญาณบอกให้เงียบๆ แล้วพยุงลงจากเตียงเดินออกจากห้องเดินข้ามตึกไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง

“เราจะไปไหนกันครับ” ธารินกระซิบถามระหว่างที่เดินไปตามทาง

อริญชย์หันมาสบตาเด็กหนุ่มแล้วเริ่มต้นเล่าเสียงเครียด “วันนี้แม่โทรหาฉัน”

“คุณแม่อาจารย์น่ะเหรอ” ธารินทวนคำอย่างไม่เชื่อหู “แล้ว... เธอไปเอาเบอร์อาจารย์มาจากไหน”

“คงโทรไปถามที่โรงพยาบาลละมั้ง ฉันก็ไม่ได้ซัก พอรู้ว่าเป็นเธอฉันก็กดทิ้ง แต่เธอก็ไม่ละความพยายามโทรแล้วโทรอีกเป็นสิบสายและส่งข้อความมาว่าตอนนี้อยู่โรงพยาบาลมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย... แล้วก็บังเอิญว่าเธอเป็นคนเป็นยุดยาน่ะนะ โรงพยาบาลใหญ่ๆ มันก็มีที่เดียวน่ะแหละคือที่นี่”

พอพูดจบทั้งสองก็มาหยุดยืนที่หน้าห้องหนึ่งพอดี อริญชย์พยักเพยิดเข้าไปด้านใน “เมื่อกี้ตอนนายหลับฉันมาเยี่ยมเธอแล้วครั้งหนึ่ง”

“เธอป่วยหนักมากเลยเหรอครับ แล้วเธอต้องการอะไรจากอาจารย์”

“ฉันก็พูดไม่ถูกน่ะ เอาเป็นว่านายเข้าไปดูเองละกัน” อริญชย์บอกเสียงเรียบก่อนจะเคาะประตู “ผมเองครับ”

“เข้ามาเลยจ๊ะ” เสียงหวานดังตอบกลับมา

อริญชย์ผลักประตูเข้าไป ธารินรู้สึกว่ามันรวดเร็วมากจนเขาไม่ทันได้เตรียมใจ ถ้าเกิดเธอกำลังป่วยหนักใกล้ตายล่ะถึงได้โทรตามลูกที่ทิ้งกันไปเป็นสิบๆ ปี แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีศักดิ์เป็นแม่ของอาจารย์หรือก็คือว่าที่แม่ยายของเขา แล้วนี่เขาจะต้องปั้นสีหน้ายังไงและพูดอะไรดีล่ะ

ในระหว่างที่สมองกำลังคิดสับสนประตูก็เปิดออกกว้าง โดยมีผู้หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาเหมือนอริญชย์ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

ธารินรีบยกมือขึ้นไหว้อย่างเงอะงะพลางจะกล่าวแนะนำตัวแล้วตอนนั้นเองเสียงใสก็ร้องดังขึ้น

“พี่ริน!”

ธารินเงยหน้าขึ้นมองหญิงตรงหน้า นึกสงสัยว่าเธอรู้ชื่อเขาได้ยังไง แต่ว่าเธอยังไม่ทันพูดอะไรเลยนี่นาแค่ยืนยิ้มเฉยๆ แล้วนั่นเสียงใครกัน

ทันใดนั้นคำตอบก็พุ่งเข้ามากอดที่ต้นขา ธารินก้มหน้าลงมองเด็กชายตัวผอมในชุดโรงพยาบาลแล้วรีบย่อตัวลงกอดกระชับร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนทันที

“น้องโฮป! หนูปลอดภัยดีใช่ไหม”

“อื้อ” น้องโฮปเงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าให้เขาก่อนจะชี้มือไปทางคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง “แม่พี่ต่ายมาช่วยผมล่ะ”

“เขยิบเข้าไปหน่อย ฉันปิดประตูไม่ได้”

ธารินหันควับไปหาคนอายุมากกว่าที่ยักยิ้มมุมปากให้เขาพลางอุ้มน้องโฮปขึ้น “อาจารย์แกล้งผมนี่นา”

“แกล้งอะไร ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”

“ก็...” ธารินเถียงไม่ออก ใช่สิ! เขาคิดเองเออเองอยู่คนเดียวนี่นา

“คนนี้ใครเหรอริน” ผู้หญิงคนนั้นถาม

“ผมชื่อธารินครับ” ธารินรีบแนะนำตัว

“แฟน” อริญชย์ตอบสั้นๆ แต่ทำเอาทั้งเจ้าตัวและคนเป็นแม่ตกใจไปตามๆ กัน “ส่วนนี่คุณอิงอร เธอกับสามีเป็นช่วยน้องโฮปไว้”

ธารินเหลือบตามองผู้หญิงคนนั้น เธอหน้าเสียอย่างเห็นได้ชัดที่โดนลูกชายแท้ๆ เรียกว่า ‘เธอ’ หรือ ‘คุณ’ แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ เขามองเข้าไปในห้องเห็นชายอีกคนนั่งอยู่กับเด็กชายหญิง พวกเขาคงเป็นสามีใหม่กับลูกของเธอ

“คิดถึงพี่รินจังเลย”

เสียงเรียกชื่อทำให้เด็กหนุ่มหันมาสนใจเด็กชายที่กอดคอเขาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่ ทั้งที่ตามตัวมีรอยถลอกหลายแห่งและยังมีรอยไหม้เล็กตรงหลังมือคล้ายๆ โดนไฟฟ้าช็อตด้วยแต่น้องโฮปก็ยังยิ้มได้จนเป็นตัวเขาเองที่เกือบจะร้องไห้ให้กับความเข้มแข็งของเด็กคนนี้ “ปลอดภัยแล้วนะ”

“น้องโฮปวิ่งตัดหน้ารถเธอตอนกำลังขับกลับบ้านน่ะ” อริญชย์บอก

“เด็กคนนี้จับเสื้อฉันแน่นแล้วเอาแต่ร้องเรียกชื่อพี่รินๆ” แม่ของรินเล่าต่อ “ฉันก็เลยนึกขึ้นได้ว่าคุ้นๆ เห็นเขาอยู่กับรินตอนที่เจอกันครั้งก่อน ทีแรกก็ว่าจะโทรแจ้งตำรวจแต่พอเห็นบาดแผลบนตัวเด็กคนนี้แล้วก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ ไม่เหมือนเด็กหลงทางธรรมดาก็เลยพามาส่งโรงพยาบาลก่อนแล้วพยายามติดต่อหารินเพื่อถามว่าเรื่องมันเป็นมายังไงน่ะ”

“ฉันสงสัยว่าคนที่บ้านรักคุณจะมีเอี่ยวน่ะ” อริญชย์บอก “อาจจะไม่ถึงขั้นร่วมมือ แต่คงมีการยัดเงินเพื่อให้เรื่องมันเร็วขึ้นไม่งั้นในระยะเวลาแค่อาทิตย์เดียวพวกเขาจะตรวจสอบประวัติสองผัวเมียนั่นแล้วยกเด็กให้ง่ายๆ เลยเหรอ ฉันบอกเรื่องนี้กับเพื่อนธาราที่เป็นตำรวจไปแล้วเขาบอกจะไปสืบต่อให้ซึ่งฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเพราะในส่วนนี้กฏหมายคงลงโทษได้แค่ตักเตือนหรือปรับนิดๆ หน่อยๆ แต่อย่างน้อยฉันก็สบายใจว่าจากเหตุการณ์ครั้งนี้สองคนนั้นคงไม่สิทธิ์อะไรในตัวน้องโฮปอีกแล้ว ไอ้โรคจิตนั่นก็โดนจับเรียบร้อย เด็กสองคนที่เจอในบ้านหลังนั้นก็ถูกส่งไปสถานบำบัดแล้ว ส่วนเรื่องน้องโฮปฉันคิดอยู่หลายรอบแล้วก็ตัดสินใจว่าจะไม่บอกใครดีกว่าเพราะถ้ามีคนรู้น้องโฮปก็จะโดนส่งกลับไปอยู่บ้านรักคุณเพื่อรอคนอื่นมารับไปเลี้ยงอีกซึ่งตอนนี้ฉันไม่วางใจให้ที่นั่นเอาไปอีกแล้ว หรือจะส่งไปอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอื่นฉันยิ่งไม่โอเค แล้วตอนที่กำลังคิดอยู่ว่าจะเอายังไงดี เธอก็เลยเสนอว่าจะรับฝากน้องโฮปไว้ชั่วคราวก่อนน่ะ”

“แล้วเราจะวางใจเธอได้เหรอครับ” ธารินถามตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ “เพราะตามที่อาจารย์เล่าให้ผมฟัง ตอนที่อาจารย์ยังเป็นเด็กเธอทิ้ง...”

อริญชย์หันไปสบตาแม่ของตน

อิงอรผ่อนลมหายใจเล็กน้อยเพื่อคลายความอึดอัดในหัวใจแล้วจึงเริ่มต้นพูด “ถือว่าเป็นการไถ่โทษในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไปเถอะนะ แม่รู้ว่ามันทดแทนกันไม่ได้ แต่ขอให้แม่ได้ทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยรินเถอะ แล้วน้องโฮปก็เข้ากับน้องอินทร์น้องไอยได้ดีเลย แม่รับรองว่าจะดูแลเด็กคนนี้อย่างดี”

“ก็ตามนี้แหละ” อริญชย์ว่า “ถามว่าฉันไว้ใจเธอแค่ไหน ก็ไม่ได้เต็มร้อยหรอกนะ แต่ถ้าเทียบกันแล้วก็ถือว่ามากกว่าที่อื่นล่ะที่ฉันจะยื่นมือเข้าไปยุ่งลำบาก แล้วเธอก็ยังสัญญากับฉันแล้วว่าจะส่งข่าวน้องโฮปวันละสามเวลา และจะให้น้องโฮปมาคุยกับฉันได้ทุกครั้งที่ฉันหรือน้องโฮปต้องการด้วย อีกอย่างตอนนี้ฉันก็รู้จักบ้านเธอแล้วถ้าเห็นท่าไม่ดีฉันก็สามารถแจ้งตำรวจหรือรีบมารับกลับได้ทุกเมื่อ”

“ถ้าอาจารย์คิดรอบคอบแล้วก็ตามนั้นครับ”

“ผมอยากอยู่กับพี่ต่าย” น้องโฮปร้องขึ้นแล้วผลักตัวออกจากวงแขนเด็กหนุ่มวิ่งไปกอดขาอริญชย์แน่น รอยยิ้มที่มีจนถึงเมื่อครู่ละลายหายไปกับน้ำใสที่เอ่อขึ้นเต็มสองตา

อริญชย์ย่อตัวลงกอดตอบเด็กชายแน่น “พี่ก็อยากอยู่กับน้องโฮปครับ” 

“งั้นน้องโฮปขอไปอยู่ที่โรงพยาบาลกับพี่ต่ายเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ”

อริญชย์ลูบศีรษะเด็กน้อยปลอบขวัญพร้อมกับใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดน้ำตาให้ “โรงพยาบาลมันไม่ใช่บ้านนะครับ แล้วตอนนี้พี่ต่ายก็ยังไม่พร้อมด้วย น้องโฮปอยู่กับแม่พี่ต่ายไปก่อนนะ พี่ต่ายสัญญาว่าอีกไม่นานจะไปรับน้องโฮปมาอยู่ด้วยกันนะ”

“จริงนะครับ”

“พี่ต่ายเคยโกหกน้องโฮปด้วยเหรอครับ”

น้องโฮปยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาเร็วๆ แล้วยื่นนิ้วก้อยออกมา “สัญญานะ”

อริญชย์หลุบตาลงมองนิ้วก้อยเล็กๆ นั้นอยู่อึดใจแล้วจึงยื่นนิ้วก้อยของตนไปเกี่ยวให้คำมั่น

ทั้งสองนั่งเล่นและพูดคุยกับน้องโฮปจนกระทั่งผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจึงเอ่ยลาอิงอรกับครอบครัวแล้วเดินกลับมาที่ห้องของตัวเอง

ธารินจูงมืออริญชย์มาที่เตียงก่อนจะนั่งแล้วรวบตัวอีกฝ่ายมานั่งลงระหว่างขา โอบมือรอบเอวสอบไว้หลวมๆ แล้วสอดคางวางเกยบนบ่าเอาแก้มแนบหน้า “ดีจังเลยนะครับ ที่อะไรๆ ก็ดูคลี่คลายไปในทางที่ดี ทั้งเจอตัวน้องโฮปแล้วอาจารย์ก็ได้คุยกับแม่ด้วย”

“อือ”

“อาจารย์สบายใจได้แล้วนะครับ” พูดจบธารินก็กดจูบลงข้างขมับครั้งหนึ่งแล้วสอดคางวางลงที่เดิม

“อารมณ์ดีอะไรขนาดนั้น” อริญชย์แซวคนที่ทำตัวเป็นลูกหมาตัวโตออดอ้อนออเซาะเขาอยู่

“อาจารย์แนะนำผมกับแม่ว่าเป็นแฟน” พูดไปก็เขินไปจนธารินอดใจไม่ไหวเอาศีรษะถูไถตรงซอกอีกฝ่ายแก้เขิน

“ถ้าจะรีแอคชั่นขนาดนี้รู้งี้แนะนำว่าเป็นลูกศิษย์ดีกว่า” อริญชย์แกล้งว่าแล้วก็ได้ผลเมื่อเด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาทำตาละห้อยทันที

“อาจารย์ไม่ต้องมาแกล้งผมเลย จริงๆ ก็รักผมน่ะแหละแต่ทำเป็นปากแข็งเพราะเขินใช่ไหมล่ะ ดูออก~”

...รัก... อย่างนั้นหรือ

อริญชย์หลุบตาลงมองอ้อมแขนที่โอบรอบตัวเองไว้ รู้สึกอบอุ่นเหลือเกินโดยเฉพาะตรงที่เด็กหนุ่มแนบแก้มไว้ เขายกมือขึ้นกุมทับมือใหญ่กว่าแล้วลูบไปมา บทสนทนากับแม่ตอนที่ธารินมัวแต่เล่นอยู่กับน้องโฮปดังขึ้นในหัว

“แม่ไม่ขอให้ลูกยกโทษให้ แต่แม่อยากอธิบายให้ลูกเข้าใจนะริน แม่รักพ่อของลูก แต่เรื่องที่แม่รักเขามันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน มันเหนือการควบคุมของเราทั้งสองคน ลูกคงเคยได้ยินใช่ไหมเรื่องคู่แท้หรือคู่แห่งพรหมลิขิต”

“แน่นอนผมเคยได้ยิน” อริญชย์จ้องเขม็งไปยังร่องรอยแสดงความเป็นของบนหลังคอขาว “และผมก็คิดว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงามไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร แต่ถ้าหากการรักใครสักคนแล้วทำให้ใครอีกคนต้องเจ็บปวดหรือลำบาก ความรักนั้นมันก็ไม่สมควรมีหรือเราควรเพิกเฉยกับมันเสียดีกว่า”

“แม่ขอโทษจริงๆ แม่รู้ว่าลูกคงเจ็บแค้นแม่มาก แม่ไม่คิดว่าพ่อกับน้องของลูกจะลงเอยแบบนั้น แม่เสียใจจริงๆ”

“เราเลิกพูดเรื่องนี้กันได้ไหมครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

“ลูกยอมยกโทษให้แม่แล้วใช่ไหม”

“ผมไม่มีวันยกโทษให้คุณ” อริญชย์พูดเสียงดังฟังชัดและเขาก็หมายความตามนั้นจริงๆ “ผมแค่ไม่อยากพูดถึงมันอีกเพราะผมมูฟออนมาจากตรงนั้นได้แล้ว ตรงที่ไม่มีคุณและทุกอย่างก็กำลังไปได้ดี ผมขอบคุณคุณมากจริงๆ ที่ช่วยน้องโฮปและยินดีที่รับดูแลชั่วคราว แต่ถ้าคุณทำเพราะต้องการจะไถ่โทษเรื่องในอดีตผมบอกเลยว่ามันแทนกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าคุณจะเปลี่ยนใจเรื่องน้องโฮปผมก็ไม่ว่าอะไรนะ แค่นี้ผมก็ถือว่าติดหนี้คุณแล้ว”

“แม่เต็มใจดูแลเด็กคนนี้จริงๆ” อิงอรรีบบอก “แล้วลูกก็ไม่ต้องมาคิดเรื่องติดหนี้อะไรด้วย แม่แค่อยากช่วยเพราะแม่สงสารน้องโฮปที่โดนแม่แท้ๆ ทิ้งมาสองรอบแล้วก็เท่านั้นเอง”

อริญชย์หันไปสบตาผู้ให้กำเนิดตรงหน้า อยากถามเหลือเกินว่ากล้าพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขาก็ตอบกลับไปได้แค่ “ขอบคุณครับ”



อริญชย์เงยหน้าขึ้นสบตาเด็กหนุ่มที่มองมาที่เขา แววตาใสซื่อที่สารภาพความรู้สึกออกมาจนหมดใจเช่นเดียวกับการกระทำนั้นทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจนักจนนึกสงสัยว่าตัวเองเหมาะสมจะได้รับความรักนี้ไหม แต่ตราบใดที่วงแขนนี้ยังโอบกอดเขาอยู่เขาก็ไม่อยากผละหนีไปไหนเลยจริงๆ

“ริน... นายเคยบอกฉันว่าอยากมีลูกสาวใช่ไหม”

“ใช่ครับ” ธารินตอบอย่างกระตือรือร้น

“แต่ฉันอยากมีลูกชายนะ”

“ทำไมล่ะครับ”

“เพราะมันคงจะดีมากเลยน่ะสิถ้าโลกนี้มีผู้ชายแบบนายอีกคน” อริญชย์ยกมือขึ้นลูบท้องอย่างแสนรัก เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา

“แบบผมดีตรงไหนครับ”

“ดีทุกตรงน่ะแหละ” อริญชย์ว่า

ธารินยิ้มเขิน “ผมโง่จะตาย อย่างน้อยก็ให้ฉลาดเหมือนอาจารย์เถอะครับ”

“นายไม่ได้โง่สักหน่อย” อริญชย์บอกพลางหันไปสบตาเด็กหนุ่ม “นายจำที่เราคุยกันเรื่องเครื่องบินกระดาษได้ไหมริน”

“จำได้ครับ”

“เป้าหมายของนายคืออะไร” อริญชย์ถาม “เป็นที่หนึ่งของรุ่น ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง หรือว่าอยากได้รางวัลแพทย์ยอดเยี่ยมอะไรแบบนั้นเหรอ”

“ไม่ใช่ครับ”

“แล้วคืออะไรล่ะ”

“แหม จู่ๆ อาจารย์มาถามตรงๆ แบบนี้ผมก็เขินนะครับ เป้าหมายของผมมันน่าอายจะตาย”

“น่าอายยังไง”

“ก็แบบว่า... ถ้าเทียบกับคนอื่นๆ แล้วมันดูไม่ได้เรื่องน่ะสิครับ”

“แล้วมันคืออะไรล่ะ บอกฉันไม่ได้เหรอ”

ธารินเงียบไปอึดใจก่อนจะยอมพูดออกมา “ผมแค่อยากเรียนให้จบ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองแล้วก็ดูแลอาจารย์กับลูกได้ไม่ลำบาก”
เป็นฝ่ายอริญชย์ที่เขินเสียเอง เพราะไม่ใช่แค่เป้าหมายแต่เด็กหนุ่มกลับมองอนาคตที่มีเขากับลูกรวมอยู่ด้วย “เท่จะตาย ทำไมถึงคิดว่าไม่ได้เรื่องล่ะ”

“ก็ตอนนี้ผมยังเป็นภาระให้อาจารย์ดูแลอยู่เลยนี่นา”

“งั้นก็ตั้งใจเรียนให้จบสิเจ้าลูกหมา” อริญชย์จับแก้มธารินแล้วดึงออกให้เป็นรอยยิ้ม “ฉันกับลูกไม่หนีนายไปไหนหรอกน่า”

“จริงเหรอครับ”

อริญชย์พยักหน้า “แต่นายคงเหนื่อยเยอะเลยนะ เมียหนึ่งลูกสองได้ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตแน่”

ธารินตาววาวด้วยความดีใจ ในท้องมีอยู่แล้วคนหนึ่งดังนั้นลูกอีกคนที่อาจารย์พูดถึงจะเป็นน้องโฮปที่อาจารย์เกี่ยวก้อยให้สัญญาไว้แน่ๆ เขากอดกระชับคนในอ้อมแขนแน่นขึ้นอีกพลางจูบลงบนบ่าลาด “มีสักโหลก็ไหวครับ”

“พอๆ ใจคอจะตั้งทีมฟุตบอลหรือไง สงสารฉันบ้างอายุก็ไม่ใช่น้อยๆ แล้วนะแค่คิดก็ปวดหลังแล้วเนี่ย” อริญชย์หัวเราะในลำคอ สงสัยจะนอนไม่พอรู้สึกเหมือนเห็นหูเห็นหางของเด็กหนุ่มกระดิกไปมาอีกแล้ว

“ท้องไม่ได้แต่ช่วยเลี้ยงได้นะครับ” ธารินบอก “อาทิตย์ก่อนไปฝึกที่วอร์ดทารกแรกเกิด ทั้งพี่พยาบาลและแม่ๆ ต่างชมเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าผมเปลี่ยนผ้าอ้อมกับอาบน้ำเด็กเก่ง ป้อนนมก็คล่อง ช่วยคุณแม่นวดเต้าเวลานมคัดก็ทำเป็นแล้ว ส่วนการบ้านลูกผมก็มั่นใจว่าสอนได้นะ อย่างน้อยบวกลบคูณหารเลขระดับมัธยมผมก็ยังพอทำได้ แต่ถ้าขึ้นมหา’ลัยก็คงต้องพึ่งอาจารย์แล้วล่ะ”

“จ้า~ ว่าที่คุณพ่อคนเก่ง” อริญชย์ยิ้มกว้างเสียจนธารินมันเขี้ยวอดใจไม่ไหว เขาเอาปลายจมูกเขี่ยไปมาที่ข้างแก้มนิ่มเป็นเชิงขออนุญาตแล้วรอให้อีกฝ่ายหันหน้ามาจึงประกบริมฝีปากทับลงไป

รสจูบผะแผ่วค่อยรุนแรงขึ้นทุกที ทั้งที่เพิ่งจูบไปเมื่อวานก่อนเข้านอนแต่วันนี้มันช่างดูยาวนานเหลือเกินจนเกือบจะลืมรสหวานของกลีบปากนี่ไปเสียแล้ว ฝ่ามือใหญ่เลื่อนลงไปตามลำคอระหงลูบผ่านไปบนหน้าอกเรียบไปจนถึงเนินสะโพกที่เขาขยำแรงครั้งหนึ่งแล้วก็หยุดมือไว้แค่นั้น

อริญชย์ลืมตาขึ้นมองเด็กหนุ่มด้วยความงุนงง เขาขบริมฝีปากล่างอย่างขัดใจเบาๆ แต่ธารินถอนริมฝีปากออกอย่างแสนเสียดายแล้วซบหน้าลงบนบ่า “ถ้าแผลผมหายเมื่อไหร่นะจะกอดอาจารย์ให้หนำใจเลย”

“ทำไมต้องรอแผลหายล่ะ” อริญชย์ถาม “หรือว่านายปวดแผลเหรอ”

“ไม่ปวดครับ แต่ถ้าขยับตัวมากเดี๋ยวแผลปริเลือดออกอาจารย์ก็จะต้องมากังวลกับผมอีก ผมไม่อยากเป็นภาระให้อาจารย์”

“ถ้างั้นนายก็อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวฉันเป็นคนขยับเอง”

“อาจารย์หมายความว่าไงครับ”

อริญชย์ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับปลายคางเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา เขายิ้มหวานมีเลศนัยน์ให้ครั้งหนึ่งก่อนจะขยับไปกระซิบที่ข้างหู “ลูกมันคิดถึงพ่อน่ะ”

มือเรียวเลื่อนลงกระชับพื้นที่ระหว่างท่อนขาแกร่ง ยังไม่ทันจะได้สัมผัสตรงๆ ก็แข็งขึ้นสู้มือง่ายดาย อริญชย์งับติ่งหูที่เริ่มแดงหยอกๆ จนมันแดงยิ่งขึ้นไปอีกก่อนจะขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น

“ใจคอจะทำจนได้ลูกแฝดเลยเหรอครับ”

“ได้ก็ดีน่ะสิ ไหนๆ ก็จะเจ็บตัวแล้ว เอาให้คุ้มซะทีเดียวเลย”

ธารินหายใจขัดเมื่อส่วนอ่อนไหวของตนหายเข้าไปในโพรงปากอุ่น ปลายลิ้นนุ่มที่ไล้วนกับมือที่ขยับประสานกันทำให้เขาเสียวสะท้านไปทั้งร่าง

พอเด็กหนุ่มพร้อมเต็มที่ อริญชย์ก็ลุกขึ้นยืนถอดกางเกงโยนไปให้พ้นทางแล้วนั่งคร่อมลงบนตักพร้อมกับจูบธารินอีกครั้ง เขาใช้มือข้างหนึ่งเกาะบ่ากว้างไว้เป็นหลักยึดพยายามไม่โถมตัวใส่เด็กหนุ่มจนเกินไปด้วยกลัวว่าจะเจ็บแผล เขาใช้ปลายนิ้วของมืออีกข้างช่วยผ่อนคลายความคับตึงเบื้องหลังเป็นการเตรียมขั้นต่อไป แต่เขาเพิ่งสอดนิ้วชี้เข้าไปเท่านั้นธารินก็คว้ามือเขาเอาไว้

“ตรงนี้ผมจัดการให้” ธารินดึงมือเรียวกลับมากอบกุมส่วนร้อนรุ่มที่ด้านหน้าทั้งของตัวเองและของอริญชย์ แล้วกระซิบเสียงพร่าด้วยความต้องการถึงที่สุด “อาจารย์ช่วยสัมผัสตรงนี้แทนได้ไหมครับ”

“ได้สิ”

ความร้อนอันเกิดจากการเสียดสีจากฝ่ามือและส่วนอ่อนไหวของกันและกันทำให้รู้สึกดีอย่าเหลือเชื่อยิ่งเมื่อด้านหลังถูกเติมเต็มด้วยปลายนิ้วแกร่งที่แตะโดนจุดเร้าที่ด้านในสะโพกของอริญชย์ก็เริ่มขยับไปมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“พอแล้วริน ฉันอยากได้ของรินมากกว่า” อริญชย์หอบหายใจเขาละมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับบ่ากว้างไว้เป็นหลักยึดเพื่อยกตัวขึ้นในขณะที่อีกมือจับส่วนปลายร้อนรุ่มของเด็กหนุ่มจ่อที่ช่องทางชื้นแฉะของตนแล้วค่อยๆ กดสะโพกลงไปช้าๆ สร้างความคุ้นเคยจนเขาที่เข้าทางจึงเริ่มโยกเอวไปมา

กลิ่นกายโอเมก้าหอมยั่วเย้ารุนแรงขึ้นทุกที ธารินกัดกรามแน่นฝืนแรงปรารถนาที่อย่าจะฝังคมเขี้ยวแสดงความเจ้าของลงข้างซอกคอขาว

“ขัดใจล่ะสิ” อริญชย์กระซิบถามอย่างรู้ทัน

“ผมสัญญากับอาจารย์ไว้แล้วว่าจะอดทน” ธารินตอบ

“เก่งมากเด็กดีของฉัน” อริญชย์จูบให้รางวัล

ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ไปตามร่างเพรียวบางร้อนแรงอย่างมันเขี้ยว นึกเสียดายว่าตัวเองไม่น่าบาดเจ็บเลยไม่อย่างนั้นคงทำอะไรได้มากกว่านี้ เขาจึงระบายความต้องการด้วยการขยำบั้นท้ายได้รูปแล้วจับกระแทกให้เข้าไปให้ลึกที่สุด

ร่างบางสั่นระริก แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้รู้สึกพอใจอย่างที่สุด อริญชย์ถกชายเสื้อขึ้นมากัดไว้ “เมื่อกี้คุยว่านวดเต้าเก่งไม่ใช่เหรอไหนลองแสดงให้ดูหน่อยสิ”

แผงอกขาวเนียนตากับยอดสีชมพูระเรื่อยั่วเย้าให้เด็กหนุ่มก้มหน้าลงชิมรสตามคำขอทันที ทั้งดูดและดึงจนยอดอ่อนเปียกแฉะและเป็นไตแข็ง

“แรงอีก... นั่นล่ะ... อีกข้างด้วยสิ”

มือเรียวเกร็งจิกบ่ากว้างแรงขึ้นทุกทีเช่นเดียวกับที่ร่างบางนั้นตอดรัดส่วนร้อนรุ่มแน่นขึ้นทุกขณะ อริญชย์สอดมือเปะปะเข้าในกลุ่มผมแล้วดึงศีรษะเด็กหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นจูบ ปลายลิ้นของทั้งสองเกี่ยวพันกันแน่นจนแทบสำลัก ต่างฝ่ายต่างโจนจ้วงใส่กันอย่างโหยหาก่อนที่ความสุขจะอาบท้นทั่วร่าง

ธารินยังกอดร่างบางไว้ในวงแขนแล้วพรมจูบไปรอบกรอบหน้าทั้งตา จมูกและปาก “รักนะครับ” เขากระซิบกับกลีบปากนุ่มก่อนจะกดจูบย้ำลงมาอีกครั้ง

“รู้แล้ว” อริญชย์ตอบรับด้วยการจูบกลับไป นึกอยากให้วันที่เขากล้าพอจะตอบรับความรักนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำมาถึงเร็วๆ พลันเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นขัดจังหวะอริญชย์หันหยิบมาดูแล้วก็พบว่าไม่ใช่ของเขา

“ของผม” ธารินบอก “พี่โทรมา สงสัยพ่อกับแม่จะบ่นเรื่องที่เราเบี้ยวนัดกินข้าวเย็นนี้แน่ๆ”

อริญชย์เหลือบตามองนาฬิกาพลางตั้งข้อสังเกต “ธาราเพิ่งขับรถกลับไปก่อนนายตื่นแป๊บเดียวเองนะ ไม่น่าถึงบ้านเร็วขนาดนั้น”
และพอธารินกดรับปลายสายก็พูดเสียงดังอย่างร้อนรน

“เกิดเรื่องใหญ่แล้วริน!”

“ทำไมครับพี่” ธารินเห็นท่าไม่ดีจึงเปิดลำโพงให้อริญชย์ได้ยินด้วย

“ศรโทรหาฉันเมื่อกี้ ก็คุณไพลินคู่หมั้นแกน่ะสิ เธอไม่ได้มาบอกว่าเธอจะยกเลิกการหมั้น แต่เธอมาบอกว่าแกชอบเธอมากและต้องการจะแต่งกับเธอให้เร็วที่สุด แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือเธอรู้เรื่องที่ฉันกับคุณรินโกหกว่าเป็นคู่กันแล้วก็หอบเอากระเช้ามาแสดงความยินดีที่กำลังจะมีลูกด้วยกันด้วย!”

“เธอทำแบบนั้นทำไม!” ธารินว่า

“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าเธอทำไปทำไม ที่แน่ๆ คือพ่อกับแม่เชื่อเธอ พวกเขากำลังหาฤกษ์แต่งงานให้แกและหาทางไล่ศรออกจากบ้านอยู่”

ทั้งสองมองหน้ากัน เรื่องนี้มันชักจะไปกันใหญ่ขึ้นทุกทีแล้ว

“คุณรีบกลับไปหาคุณศร” อริญชย์บอกอย่างใจเย็น “จะอย่างไรก็ตามคุณกับศรอย่ามาผิดใจกันเพราะผมอีก เดี๋ยวเรื่องของผมผมจัดการเอง”

“มีอีกเรื่องที่ผมต้องบอกคุณไว้ก่อน” ธาราอึกอัก “คือเรื่องที่เคยคุยกันไว้น่ะ... คุณเข้าใจใช่ไหมว่าถ้าพ่อกับแม่ผมออกหน้า ผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย”

“ผมทราบครับ คุณไม่ต้องกังวลผมคิดแผนเผื่อเรื่องมันเลวร้ายถึงที่สุดไว้แล้ว แล้วเจอกันที่บ้านคุณครับ” อริญชย์กดวางสายแล้วหันไปหาเด็กหนุ่มตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว

“ไปกันเถอะครับอาจารย์” ธารินส่งมือให้

อริญชย์มองมือข้างนั้นก่อนจะวางมือทับลงไป ที่เขาไม่ยอมให้ธารินทำสัญลักษณ์ลงบนคอหลังไม่ใช่เพราะไม่รักหรือไม่เชื่อใจ แต่เขาแค่ยังไม่พร้อมที่จะให้เด็กหนุ่มเอาอนาคตที่สดใสมาฝากไว้กับคนอย่างเขาต่างหาก

เขาบีบมือเด็กหนุ่มแน่นขึ้นจนอีกฝ่ายหันมามองพร้อมกับตั้งปณิธานแน่วแน่

อย่างน้อยที่สุด... ถ้าหากสุดท้ายแล้วเขาจำเป็นต้องปล่อยมือนี้ไป ก่อนจะถึงตอนนั้นเขาจะต้องทำทุกวิถีทางให้แน่ใจว่าเขายื้อไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ

**********************************TBC***********************************************************

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
สงสารพี่ต่ายกับน้องริน อุปสรรคครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะมั้ง เรื่องคู่หมั้นเนี่ย

ออฟไลน์ Janemera

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 152
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อุปสรรคชิ้นโตเลยยยยยยยฮือออออออออออจับมือกันให้แน่นๆๆๆนะะะะะ :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :m31: มีเรื่องอีกแล้ว

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
สู้ไปด้วยกันนะ ห้ามปล่อยมือจากกันเด็ดขาด!

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ปลอดภัยแล้วนะลูกกกก TT
ยัยผู้หญิงคนนี้ไม่จบง่ายๆใช่มั้ย!!  :m16:

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ฮือออ น้องโฮป ปลอดภัยละนะลูกกก
ต่อไปเรื่องไพลินจ้า อันนี้ปวดหัวสุด

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เรื่องแค่นี้พี่ต่ายรับมือได้อยู่แล้ว o18 o18

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โล่งใจที่น้องโฮปปลอดภัยแล้ว แต่ปัญหายังไม่หมด ขอให้ทั้งสองคู่ผ่านอุปสรรคนี้ไปให้ได้นะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ว่าแล้วนางไม่ยอมง่ายๆแน่

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด