เข็มที่ 9 คืนก่อนสอบ
บริจาคสเต็มเซลล์เสร็จ ธารินก็ถูกพากลับมาส่งที่ห้องพิเศษที่ทางโรงพยาบาล หรือถ้าจะพูดเจาะจงไปเลยคือเป็นห้องที่นนท์ประวิชจัดหาไว้ให้ซึ่งเจ้าตัวดูไม่ชอบใจเท่าไหร่เมื่อรู้ว่าเขาเป็นผู้บริจาค เห็นได้ชัดๆ ว่านนท์ประวิชกำลังจีบอาจารย์รินอยู่ และคงจะจัดเขาไปอยู่ในกลุ่มศัตรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ธารินก็ไม่แคร์ เพราะถ้าอิงตามกฎสามข้อของอริญชย์ เขากับนนท์ประวิชก็เสมอกัน
หลังจากอริญชย์บอกว่าจะไปเอากระเป๋าน้ำร้อนก็ไม่กลับมาหาเขาอีกเลย โทรศัพท์ไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ ธารินนอนมองฝ้าเพดานเอาผ้าห่มของอาจารย์มาพันตัวแทนความคิดถึงทั้งที่ไม่หนาวแล้ว
“เหมือนกลิ่นอาจารย์จะจางลงแล้วเลย” เขาพึมพำเศร้าๆ หวังว่าเจ้าของจะกลับมาก่อนกลิ่นหอมจะหายไปหมด
มีเรื่องน่าแปลกใจอย่างหนึ่งคือปุณณ์กับกิตติชัยมาเยี่ยมเขาตอนเย็น ทั้งสองเอาโน้ตย่อของทั้งสัปดาห์ที่เขาขาดเรียนมาให้ และยังช่วยเก็งข้อสอบที่อาจารย์จะออกพรุ่งนี้มาให้ด้วย
“ฉันนึกว่าพวกนายไม่ชอบขี้หน้าฉันเสียอีก” ธารินถามตรงๆ
“ทีแรกก็ไม่ค่อยชอบแบบที่ฉันไม่ชอบพวกอัลฟาทั่วๆ ไปที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นแล้วจะทำอะไรก็ได้น่ะแหละ” ปุณณ์บอก
“แต่หลังจากขึ้นฝึกงานกับนายมาหนึ่งอาทิตย์ฉันว่านายแค่บ้าว่ะ เป็นพวกทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วที่โง่ก็โง่จริงๆ ไม่ได้แกล้งด้วย” กิตติชัยเสริม
“ฉันจะถือว่านั่นเป็นคำชมนะ” ธารินหัวเราะแหะ
“แต่เอาเป็นว่าฉันนับถือน้ำใจนายตรงที่อยากจะช่วยน้องกัปตันน่ะ” กิตติชัยพูดต่อ “อาทิตย์ก่อนที่ได้อยู่กับน้อง น้องบอกฉันว่าความฝันเดียวตอนนี้คืออยากจากโรงพยาบาล อยากหายจากสิ่งที่เป็นอยู่ ฟังแล้วฉันก็คิดว่าน้องน่ะน่าสงสาร และฉันก็คิดว่าหลายๆ คนก็คงคิดแบบฉัน แต่สุดท้ายก็จบแค่คำว่าสงสารแล้วก็ปล่อยผ่านไปให้น้องสู้ต่อเพียงลำพัง พอได้เห็นนายลงมือทำแบบไปสุดแล้วก็เลยรู้สึกว่าแม่งเท่ว่ะ ถึงเรื่องที่ถ่อไปขอร้องให้ผู้บริจาคตัดสินใจใหม่นั่นจะไม่ค่อยโอเคก็เถอะ”
“นี่พวกนายรู้ด้วยเหรอ”
“ฉันแอบได้ยินหมอนนท์เล่าพี่น้ำใจฟังเมื่อวันก่อนน่ะ” ปุณณ์ว่า
“เข็ดแล้วล่ะ วันหลังจะคิดให้รอบคอบกว่านี้” ธารินบอก เขาสำนึกผิดแล้วจริงๆ
“พรุ่งนี้สอบแปดโมงนะ นายอย่าไปสายล่ะ” กิตติชัยกำชับ “พวกเราไปก่อนล่ะ”
“ขอบคุณสำหรับโน้ตนะ” ธารินตะโกนไล่หลัง
เขาเอาโน้ตย่อที่ทั้งสองให้มาพลิกดู สมแล้วที่เป็นท็อปของรุ่นนอกจากจะสรุปได้กระชับแล้วยังอ่านเข้าใจง่ายสุดๆ ด้วยความไม่มีอะไรให้ทำไปมากกว่านี้เขาจึงนอนอ่านไปเรื่อยๆ เพื่อฆ่าเวลารออาจารย์อริญชย์กลับมาหา
จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงสามทุ่มธารินก็เริ่มตัดใจแล้วว่าอาจารย์คงไม่มาหาเขาแน่ๆ ประตูห้องพักก็เปิดออกพร้อมกับที่ร่างบางในชุดกาวน์เดินเข้ามา
“เป็นไงบ้าง”
“อาจารย์!” ธารินรีบกระโดดลงจากเตียงไปหาทันที “อาจารย์หายไปไหนมาทั้งวันครับ มีเคสด่วนเหรอ”
“ฉันไปดูน้องกัปตันมา” อริญชย์ว่า “เห็นพี่คนสวยของนายมาหาแล้วก็ทำอาหารมาให้เยอะแยะ ฉันก็เลยปล่อยให้อยู่กันสองคน พวกนายจะได้มีเวลาคุยกันสบายๆ ไง”
“แล้วอาจารย์กินข้าวเย็นมาหรือยังครับ ยังเหลืออีกเยอะเลยมากินด้วยกันไหม”
“ไม่ล่ะ นายกินเถอะ” อริญชย์บอกพลางเดินไปนั่งลงบนโซฟา “เขาตั้งใจทำมาให้นายไม่ได้ทำมาให้ฉันสักหน่อย เออนี่ ฉันเจอพี่ชายนายด้วยล่ะ พี่ชายนายหล่อดีนะ เข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงได้โดนเอาไปเปรียบเทียบบ่อยๆ”
เด็กหนุ่มเดินมานั่งลงข้างกัน “พี่พูดอะไรกับอาจารย์หรือเปล่าครับ”
“เขาแนะนำตัวว่าเป็นพี่ชายนายแค่นั้นแหละ”
“จริงเหรอ”
“อือ”
คำตอบที่บอกไม่หมดนั่นทำให้ธารินรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันที ระหว่างเขากับพี่ไม่ว่าใครก็บอกว่าพี่ดีกว่า แล้วพี่ก็ไม่อยู่ในกฏสามข้อนั่นเสียด้วย “อาจารย์โกหกผมแน่ๆ เลย”
“แล้วนายจะอยากรู้ไปทำไมว่าเขาคุยอะไรกับฉัน” อริญชย์แกล้งถามกลับยิ้มๆ ยั่วให้เด็กหนุ่มอยากรู้มากขึ้น
“ก็ถามเฉยๆ”
“งั้นฉันถามบ้างดีกว่าว่านายคุยอะไรกับคุณศร ท่าทางน่าสนุกเชียว”
“ก็แค่เรื่องทั่วไปครับ”
“ฉันก็คุยเรื่องทั่วไปเหมือนกัน”
“อาจารย์โกรธอะไรผมหรือเปล่า” ธารินเปลี่ยนเรื่อง
“ฉันจะไปโกรธนายเรื่องอะไร”
“จู่ๆ อาจารย์ก็รีบร้อนออกไป ทั้งโทรทั้งไลน์ก็ไม่ตอบแล้วก็กลับมาเอาป่านนี้”
“ก็บอกแล้วไงว่าแค่อยากให้นายคุยกับคุณศร”
“อาจารย์ก็มาคุยด้วยกันได้นี่นา”
“ให้ฉันไปเป็นกขค.จะดีรึ”
“กขค.?” ธารินทวนคำ คิ้วเข้มย่นเข้าหากันตอนแรกที่พี่ชายกล่าวหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ศรก็คิดว่าพี่มโนไปเอง เพราะเขารักพี่ศรเหมือนพี่แท้ๆ และพี่ศรก็คิดแบบนั้นแต่พออาจารย์พูดอีกคนก็ทำให้ต้องกลับมาคิดใหม่อีกรอบว่าตัวเองคงทำตัวติดพี่มากเกินไป
“นายชอบเขาไม่ใช่เหรอ ฉันยืนมองอยู่หน้าประตูยังดูออกเลย ดี๊ด๋าออกนอกหน้าซะขนาดนั้น แถมมีจับไม้จับมือแล้วอ้อนให้เขาป้อนขนมอีก”
ธารินขยับปากจะแก้ไขความเข้าใจผิดแล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะถ้าบอกไปว่าจริงๆ แล้วเขาชอบใครมีหวังได้โดนอาจารย์ไล่ตะเพิดไม่ยอมให้เข้าใกล้อีกแน่ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้คงต้องแกล้งรับสมอ้างไปก่อนแล้วที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง
“ผมไม่ได้ชอบพี่ศรสักหน่อยก็แบบว่า… พี่เขาใจดีผมก็เลยชอบอ้อน” ทำเป็นปฏิเสธแบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะรู้ว่าแบบนี้จะได้ผลดีกว่าบอกไปตรงๆ
“เขาเป็นคนที่ทำให้นายอยากเป็นหมอใช่ไหม”
ธารินพยักหน้าหงึกหงัก “จะได้ดูแลพี่เขาเวลาป่วยได้” …แต่อันนี้เรื่องจริง
“เห็นแบบนี้แต่น่ารักเหมือนกันนะเราเนี่ย” อริญชย์เอื้อมมือไปหยิกแก้มเด็กหนุ่มครั้งหนึ่ง “ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ”
“งั้นเรามาติวหนังสือกันต่อดีไหมครับ”
“ฉันว่าไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วแทนที่จะดูจากรูปกับอ่านหนังสือฉันว่านายลองฝึกทำจริงๆ เหมือนตอนสอบเลยดีกว่า” อริญชย์เสนอ “ฉันจะแสดงเป็นคนไข้ให้ นายเริ่มตั้งแต่แรกเลยนะ”
“ได้เลยครับ” ธารินรับคำขึงขัง
เขาเริ่มซ้อมสอบไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงตอนตรวจระบบการหายใจที่ต้องมีการดูและคลำหน้าอก
จากที่เก็บอาการได้ดีมาตลอด พออริญชย์เลิกเสื้อขึ้นให้ธารินก็ถึงกับหายใจขัดเมื่อเห็นผิวขาวเนียนกับยอดอกสีหวานอยู่ตรงหน้า เขาค่อยๆ แตะปลายนิ้วลงไปเบาๆ ด้วยความประหม่า
“ไม่ใช่อย่างนั้น” อริญชย์ว่าพร้อมกับจับมือเด็กหนุ่มวางทาบลงไปบนหน้าอก “จับลงไปเลย อย่าลูบๆ คลำๆ แบบนั้นมันจั๊กจี้”
เด็กหนุ่มหน้าร้อนวาบเมื่อได้สัมผัสอกเนียนนั้นเต็มไม้เต็มมือ ความรู้สึกตอนนี้คืออยากขยำและขบยอดสีชมพูนั่นเล่นให้หายมันเขี้ยว “ผม… เอ่อ…”
“ช่วยไม่ได้แฮะ” อริญชย์ลุกไปกดล็อกประตูแล้วเดินกลับมาถอดทั้งเสื้อกาวน์และเสื้อเชิ้ตออกพาดบนพนักโซฟา
“อาจารย์จะทำอะไรครับ”
“มันเกะกะ นายเองก็เห็นมาหลายรอบจนฉันขี้เกียจจะอายแล้ว”
...อายบ้างเถอะครับ ผมขอร้องล่ะ แค่ดูรูปที่ส่งให้มายังเก็บเอาไปฝันถึงได้ แล้วนี่ทั้งให้ดูของจริงแล้วยังให้จับด้วย มันจะทนไม่ไหวเอาน่ะสิ...
“นี่นะ เวลาตรวจน่ะนายต้องจับแบบนี้ แล้วก็... เฮ้ย! นี่นายฟังฉันพูดบ้างหรือเปล่าเนี่ย!”
“ขอ… ขอโทษครับ” ธารินบอกตะกุกตะกัก เขาเริ่มเก็บอาการไม่อยู่แล้วตอนนี้
อริญชย์กำลังจะโวยวายว่าไม่ยอมฟังที่สอน แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มนั่งงอตัวผิดปกติและหนีบสองขาเข้าหากันแน่น เขาเหลือบตาลงมองตรงเป้ากางเกง เพราะว่าใส่ชุดของโรงพยาบาลจึงไม่ได้สวมชั้นในทำให้เห็นความใหญ่โตที่ดุนดันขึ้นมาชัดเจนแม้จะพยายามซ่อนเอาไว้แล้วเขาก็หลุดยิ้มออกมา “เก็บกดมาหลายวันแล้วล่ะสิ”
ธารินรีบกุมเป้าตัวเองแล้วหันหน้าหลบ “ก็ตั้งแต่วันที่ไปนอนบ้านอาจารย์น่ะแหละ”
อริญชย์กวาดตามองร่างสูงที่กำลังเหนียมอายหน้าแดงอย่างนึกเอ็นดู “ช่วยไม่ได้แฮะ วันนี้นายเองก็เหนื่อยมากแล้วด้วยร่างกายก็คงต้องการการพักผ่อน งั้นเราพอแค่นี้ก่อนก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวสักพักมันก็สงบ อาจารย์สอนต่อเถอะ”
“ถ้านายนยืนยันแบบนั้น งั้นเราข้ามไประบบสืบพันธุ์กันก่อนแล้วกัน” อริญชย์บอกพลางถอดแว่นออกวางไว้บนโต๊ะ
“อา… อาจารย์จะทำอะไรครับ” ธารินเสียงสั่นพร่าเมื่อสบนัยน์ตากลมโตเป็นประกายวาววับ มือเรียวเอื้อมมาวางลงตรงกลางระหว่างขาพร้อมกับที่เจ้าตัวก้มหน้าลงมา
“สอนพิเศษให้คนทำความดีไง” อริญชย์กระซิบแล้วดึงขอบกางเกงลง “แค่ดูก็รู้แล้วว่าสุขภาพดี… ไหนตอบมาสิว่าหลังจากดูแล้วขั้นตอนต่อไปต้องทำอะไรต่อ”
“สัม... สัมผัสครับ”
“เก่งมาก” อริญชย์กระซิบเสียงหวานแล้วแลบลิ้นออกมา เพียงแค่ใช้ปลายลิ้นแตะลงไปเบาๆ บนปลายสีชมพูนั่นเด็กหนุ่มก็สะท้านไปจนถึงปลายเท้า
“อาจารย์... มันเสียวนะ...”
“อย่าขัดเวลาที่ฉันสอนสิ”
ริมฝีปากนุ่มค่อยๆ กลืนกินเด็กหนุ่มเข้าไปอย่างนิ่มนวล ความร้อนในโพรงปากสร้างความรู้สึกเสียวซ่านเกินจะทานทนให้ธาริน นี่เป็นครั้งแรกที่อริญชย์หรือจะพูดให้ถูกคือเป็นคนแรกที่สัมผัสเขาอย่างเร่าร้อนขนาดนี้ ร่างสูงเอนหลังพิงโซฟา มือใหญ่สอดเข้าในเรือนผมคนที่กำลังครอบของตนอยู่แล้วปัดผมที่ปรกหน้าขึ้น
นัยน์ตากลมหวานที่ช้อนขึ้นมองอย่างยั่วเย้า ยิ่งทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน ริมฝีปากและลิ้นสัมผัสเขาทุกซอกซอกมุม จนในที่สุด…
“อาจารย์... อึก... ผมจะไม่ไหวแล้ว”
อริญชย์ถอนริมฝีปากออก แล้วครีมขาวข้นก็พุ่งเปรอะเต็มหน้าท้อง “เป็นไง สบายตัวขึ้นบ้างหรือยัง”
ธารินหอบหายใจแรง เขาก้มลงมองคนที่เท้าแขนลงบนหน้าตักแล้วใช้ปลายนิ้วละเลียดครีมข้นนั้นเล่น และตอบคำถามด้วยการดึงตัวร่างบางขึ้นไปจูบ
อริญชย์ยกมือขึ้นจับไหล่กว้างเตรียมจะผลักออกหลังจากประกบปากไปได้นิดเดียว แต่พอเรียวลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดพลิกไปมา เขาก็หลับตาลงแล้วเลื่อนมือลงไปตามแนวบ่ากว้างและยินยอมให้เด็กหนุ่มช้อนสะโพกขึ้นนั่งคร่อมลงบนตัก
...เทียบกับพี่ชายแล้วเจ้าเด็กนี่จูบเก่งกว่าเห็นๆ เลยแฮะ แถมตัวยังหอมกว่าอีก...
หลังจากยื้อยุดกันอยู่พักใหญ่ ธารินก็ยอมปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระในที่สุดแล้วรั้งตัวร่างบางมากอดแนบอกพร้อมกับซบหน้าลงบนบ่า “ขอโทษครับอาจารย์”
อริญชย์หัวเราะในลำคอ “ขอโทษทำไมเล่า ก็บอกแล้วไงว่าจะให้รางวัล”
ธารินกดจูบลงคอซอกคอขาวสูดกลิ่นหอมที่ฟุ้งขึ้นมาจนเต็มปอด มือทั้งสองกอดรัดรอบเอวสอบแน่น “รางวัลแค่นี้มันไม่พอ”
ความแข็งแรงที่ถูไถอยู่ตรงใต้สะโพกทำให้อริญชย์รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาไม่น้อย
“ผมอยากได้… มากกว่านี้… ได้ไหมครับ”
เสียงทุ้มออดอ้อนที่ข้างหูพาให้ใจสั่น …ตัวเขาเองก็อดอยากปากแห้งมานานแล้วเหมือนกัน ที่ช่วยตัวเองไปเมื่อตอนกลางวันนั้นยังรู้สึกไม่สาแก่ใจเลยสักนิด… พอคิดแบบนี้แล้วอริญชย์ก็นึกอยากเล่นอะไรสนุกๆ ขึ้นมา
“นายเคยคิดลามกกับคุณศรบ้างหรือเปล่า”
“ทำไมเหรอครับ”
“ฉันจะทำให้ความฝันของนายเป็นจริงไง”
“ยังไงครับ”
“ครั้งก่อนที่นายให้ฉันคิดถึงพี่นายจะได้รู้สึกผิดน้อยลง ครั้งนี้ก็นายคิดว่าฉันเป็นพี่ศรของนายสิ”
“แบบนั้นจะดีเหรอครับ”
“ดีสิ” อริญชย์หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแล้วพับเป็นแถบเอาพันรอบศีรษะตรงบริเวณดวงตาของเด็กหนุ่ม “เวลาอยู่ด้วยกันคุณศรเรียกนายว่าอะไร”
“เรียกชื่อครับ”
ผูกผ้าเรียบร้อยอริญชย์ก็วางมือลงบนบ่ากว้างแล้วเงยหน้าขึ้นกระซิบเรียกที่ข้างหู “ริน”
“อาจารย์…”
“ชู่~” อริญชย์แนบริมฝีปากกับกลีบปากหยักลึกแล้วขบเบาๆ ครั้งหนึ่งเป็นการลงโทษ “อย่าเรียกชื่อคนอื่นสิริน ตอนนี้ฉันเป็นพี่ศรของนายนะ”
ธารินกลืนน้ำลายเหนียวลงคอแล้วเอ่ยเรียกเสียงแตกพร่า “พี่ศร”
“นั่นล่ะดีมาก คนเก่งของพี่ ไหนบอกพี่มาสิว่ารินอยากให้พี่ทำอะไรให้”
“ไม่ต้องครับ” ธารินบอก “ผมขอเป็นฝ่ายทำให้พี่เองได้ไหมครับ”
“ตามที่นายต้องการเลย”
ธารินค่อยช้อนมือเข้าใต้สะโพกแล้วอุ้มตัวร่างบางขึ้นในท่าที่ยังกอดกันอยู่แบบนั้น “ตรงนี้มันแคบ ไปที่เตียงนะครับ… เอ่อ ผมมองไม่เห็นทางนะ พี่ศรบอกผมด้วย”
“เดินตรงไปเลย... นั่นล่ะ ดีมาก พอๆ ถึงเตียงแล้ว ทีนี้ค่อยๆ วางฉันลงนะ” อริญชย์นั่งลงบนขอบเตียงแล้วเริ่มต้นถอดเข็มขัด แต่มือใหญ่กลับฉวยไว้แล้วดึงขึ้นไปพรมจูบบนข้อนิ้ว
“ไม่ต้องช่วยถอดสิครับ ผมบอกแล้วไงว่าอยากทำเอง”
“ถ้างั้นก็เร็วๆ หน่อยสิ” อริญชย์เร่งพลางยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบ่า
เด็กหนุ่มปลดตะขอแล้วสอดมือเข้าใต้สะโพกจับขอบกางเกงรูดออกจากเรียวขา เขากัดกรามแน่นด้วยความเสียดายที่ไม่ได้เห็นร่างเนียนนั้นด้วยสองตา ทำได้แค่สัมผัสเท่านั้น
ในช่วงแรกธารินคลำไปตามเรือนร่างนั้นอย่างเงอะงะ แต่พอผ่านไปสักพักเขาก็สามารถจินตนาการรูปร่างขึ้นมาในหัวผ่านปลายลิ้นที่พรมจูบไล่ตั้งแต่ใบหน้าลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ ที่เคยแซวว่ามีพุงก็พูดติดตลกไปอย่างนั้นแหละ ผอมขนาดนี้เขายังขุนได้อีกหลายกิโลเลย เขาใช้เวลาอยู่กับหลุมตื้นเล็กๆ น่ารักนั้นพอสมควร เขาชอบเวลาที่ร่างบางนั้นเกร็งตอบสนองและส่วนล่างของร่างกายสั่นระริกราวกับกำลังเรียกร้องให้รีบมาหาไวๆ
สองมือใหญ่กอบกุมสะโพกไว้ไม่ให้ขยับหนี แล้วเขาก็เริ่มกลืนกินร่างบางเข้าไปจนหมด
อริญชย์หอบหายใจแรง ลำตัวเอนราบไปกับเตียง ปลายเท้าเกี่ยวรอบแผ่นหลังกว้างและเขาต้องใช้สองมือเกาะคอเด็กหนุ่มไว้เป็นหลักยึด “ใครสอนนายทำแบบนี้เหรอ”
“พี่น่ะแหละ” ธารินตอบ “ตอนที่พี่ศรอยู่ม.สี่แล้วอาการฮีทกำเริบ ผมจะไปอยู่เป็นเพื่อนพี่ แต่ดันเข้าไปเห็นตอนที่พี่กำลังช่วยตัวเอง หลังจากนั้นผมก็เก็บเอาไปฝันถึงตลอด”
“ช่างเป็นเด็กที่จินตนาการสูงดีจริงๆ” อริญชย์หัวเราะในลำคอ “ชอบเหรอ ถึงกินไม่เลิกสักที”
“ตัวพี่ทั้งหอมแล้วก็หวาน ไม่ว่าจะชิมตรงไหนก็อร่อยไปหมดเลยครับ”
“ปากหวานจริงๆ งั้นนายก็กินให้หมดเลยนะอย่าให้เหลือแม้แต่หยดเดียวล่ะ”
ธารินหยักยิ้มมุมปาก “ผมกลัวแค่ว่าพี่จะมีไม่พอให้ผมกินน่ะสิ เพราะผมเป็นคนกินจุนะ”
“ก็ลองดูละกัน” อริญชย์หนีบขาเข้าหากันแล้วออกแรงพลิกตัวกลับเป็นฝ่ายมาอยู่ด้านบน เขาเลื่อนไถลตัวลงไปด้านล่างแล้วจับตัวเด็กหนุ่มขึ้นมาจ่อตรงทางชุ่มชื้นด้านหลัง “รอบนี้พี่จะป้อนให้ ถ้ารินกินไม่อิ่มแล้วค่อยเติมทีหลังนะ”
ร่างบางกดสะโพกลงมาช้าๆ มันยังคงคับแน่น ธารินจึงช่วยโดยการเอื้อมมือไปจับของอีกฝ่ายเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายลง ในขณะที่อีกมือก็จับตุ่มไตบนหน้าอกเล่น
“มือซนจังนะเรา” อริญชย์ว่า
“ผมมองไม่เห็นนี่นาก็เลยจับเล่นไปเรื่อย พี่อยากให้ผมจับตรงไหนก็บอกสิ”
“ตรงนั้นแหละ” อริญชย์ค่อยขยับโยกจนเกิดความคุ้นชินก่อนจะเพิ่มเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่าเอวบางนั้นจะมีแรงเหลือเฟือและพลิ้วไหวได้ขนาดนี้
ถึงจะรู้สึกเพลิดเพลินแต่มันยังไม่ถึงใจเด็กหนุ่มที่อดเปรี้ยวไว้รอกินหวานมาหลายวัน เขาคว้าตัวอริญชย์แล้วจับพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคุมเกมแทนอีกครั้ง
“ผมอยากฟังเสียงพี่” ธารินกระเซ้า “เงียบแบบนี้ผมนึกว่าพี่เป็นตุ๊กตายาง”
“ก็อยากครางหวานๆ ให้ฟังอยู่หรอกนะ แต่ฉันไม่แน่ใจว่าไอ้ห้องVIPนี่มันเก็บเสียงได้แค่ไหนน่ะสิ”
“เรียกเบาๆ ก็ได้”
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวใครผ่านมาได้ยิน รินรีบๆ ขยับสะโพกเข้าสิ อย่ามัวแต่คุยชักช้าแบบนี้เดี๋ยวพี่ไม่ให้ทำแล้วนะ”
“ทำเป็นพูดดี พี่ชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” ธารินแกล้งสอดเข้าลึกอย่างแรงแล้วแช่ค้างไว้
“รินน่ะ” แก้มขาวแดงก่ำ อริญชย์คล้องมือลงรอบคอร่างสูงแล้วดึงตัวลงมาจูบแทนคำขอร้อง
ธารินโอบสองแขนรอบแผ่นหลังแล้วเริ่มต้นขยับอีกครั้ง กลิ่นหอมที่ฟุ้งขึ้นเรื่อยๆ เป็นยิ่งกว่ายากระตุ้นให้เขาขยับรุนแรงมากขึ้นทุที
แรงที่โถมใส่ลงมาทำให้ผ้าที่ปิดตาไว้ค่อยๆ คลายออก เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแกะออกด้วยความรำคาญแต่อริญชย์ก็ยกมือขึ้นมาปิดตาเขาไว้แทน
“ห้ามถอดจนกว่าจะเสร็จนะ”
ธารินจึงต้องปล่อยให้อีกฝ่ายจับไว้แบบนั้นแล้วโถมเข้าใส่เป็นครั้งสุดท้าย ส่งทั้งตัวเองและร่างบางให้ถึงฝั่งพร้อมกัน
“เก่งมากเลยริน” อริญชย์พึมพำพร้อมกับจูบเขาที่ข้างแก้มก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
ในขณะที่สติกำลังอยู่ในช่วงครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้นเอง เขารู้สึกถึงความร้อนที่ประกบลงมาบนริมฝีปาก ก่อนจะได้ยินเสียงทุ้มกระซิบบอกรักที่ข้างหู ทั้งที่เขาคิดว่าเด็กหนุ่มเรียกชื่อคนที่แอบชอบ แต่ทำไมมันช่างฟังดูคล้ายชื่อของเขาจังเลยนะ
“รักนะครับ พี่ริน”
...อืม นี่ฉันหูเพี้ยนหรือฝันไปกันแน่นะ... ใช่แล้ว มันต้องเป็นทั้งสองอย่างนั่นน่ะแหละ...
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ในอีกห้องหนึ่งของโรงพยาบาล
“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะเดี๋ยวใครจะผ่านมาได้ยินเข้า” หญิงสาวเอ่ยห้ามชายหนุ่มที่สวมกอดตนอยู่ทางด้านหลัง มือใหญ่ของเขาสอดผ่านคอเสื้อที่หลุดลุ่ยคลึงเคล้ายอดปทุมถันที่เต่งตึงเต็มไม้เต็มมือ ในขณะที่อีกมือล้วงเข้าใต้กระโปรงผ่านกางเกงในตัวจิ๋วเข้าไปสัมผัสความร้อนที่ชุ่มฉ่ำด้านใน
ถึงปากจะบอกปฏิเสธแต่เธอกลับรั้งใบหน้าเขามาจูบและกุมมือเขาที่กำลังใช้ปลายนิ้วรุกรานเข้าไปในร่างกายของเธอดันให้สอดเข้าไปลึกกว่านี้
“คุณก็อย่าร้องเสียงดังสิครับ รู้ไหมว่าคุณน่ากินจนผมอดใจไม่ไหวแล้ว”
#########
ตอนนี้สาระไม่ค่อยมีขอเน้น NC ไปก่อนนะคะเดี๋ยวตอนหน้าพาเข้าเรื่องล่ะ5555