บทที่36
“มึงเช็คดูดีๆ รึยัง ลืมอะไรหรือเปล่า”
เป็นรอบที่ร้อยที่ผมได้ยินประโยคนี้ออกจากปากของคนที่กำลังยืนเอามือกอดอกมองผมจัดการกับของกินตรงหน้า ได้แต่ยิ้มออกมาแล้วส่ายหัวหน่อยๆ กับเหตุการณ์นี้ ใจนึงก็เอือมครับ อีกใจก็รู้สึกใจฟูที่พี่มันใส่ใจกันขนาดนี้ ... อาหารเช้าวันนี้ก็เป็นพี่มันที่ตื่นขึ้นมาก่อน แล้วมาทำไว้ให้ ก็แค่ข้าวผัดกุ้งง่ายๆ แต่ทำเอาใจฟูแบบหยุดไม่อยู่ทุกทีเลย
“ไม่ลืมหรอกพ่อ ดูรอบที่สามพันเก้าแล้ว” เงยหน้าขึ้นไปมองพี่มัน อีกคนที่ขมวดคิ้วทำหน้าขัดใจ คืออะไร คือโกรธที่กูเรียกพ่อ กลัวแก่งี้หรอ
“หยุดเลยนะมึง พ่อพ่อง กูต้องแม่ค่ะอิหนู จัม!” กูนี่กรอกตาเลย เจ็บไข่นัก!
“กรอกตา กูเห็น ... รีบกิน เดี๋ยวกูจะไปส่ง”
“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ๆ ไม่ต้องไปส่งหรอก” พอได้ยินแล้วก็รีบโบกไม้โบกมือเป็นคำตอบไปให้เลย จำได้ว่าเมื่อวานไอ้เก้อมันบอกว่ามันจะมารับ อิเจ๊พี่มันตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำกับข้าวให้ผม จริงๆ ช่วงนี้พี่มันเหนื่อยครับ มีหลายเรื่องให้ต้องคิด และแน่นอนว่าเรื่องพวกนั้นมันมาจากผมทั้งนั้นเลย แล้วยังจะต้องให้พี่มันเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีก ผมว่าผมก็ดูจะเห็นแก่ตัวมากไปละ
“ทำไม” พี่ดาบที่กำลังจับเก้าอี้จะเลื่อนเพื่อนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับผมชะงักฝ่ามือพร้อมๆ กับจ้องตาผมดุๆ น้ำเสียงที่พูดออกมาแค่สองคำก็เข้มยิ่งกว่ากาแฟที่มันถืออยู่ซะอีก
“ก็เดี๋ยวไอ้เก้....”
“มึงห้ามพูดออกมานะว่าจะให้มันมารับ”
“เอ่อ...”
“ถ้ามึงพูดออกมามึงไม่ต้องไปเลยเอม ไม่ต้องไปแม่งละค่ายเหี้ยอะไร”
“เดี๋ยวๆ พี่เจ๊พี่มึงเป็นอะไร โกรธอะไรกันวะ” เอื้อมมือไปคว้าข้อมือพี่มันไว้ หัวคิ้วได้รูปของมันที่ขมวดเข้าหากันแบบบอกได้เลยว่ามันกำลังหงุดหงิดมากแค่ไหน
“กูจะไปส่งมึงเอง กูเป็นแฟนมึงนะ ไม่ใช่คนอื่นเผื่อมึงลืม”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ ผมก็แค่เกรงใจ...”
“มึงจะเกรงใจกู แต่ไม่เกรงใจไอ้ล่ำเพื่อนมึงหรอวะ มันเป็นไรกับมึง แล้วกูเป็นไรกับมึงเอม” พี่มันที่พูดออกมาแบบนั้น มองหน้าผมด้วยสายตาที่บอกว่าอีกนิดนึงมันจะไม่ทน เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที
“พี่ก็ต้องเป็นอะไรที่สำคัญกว่ามันอยู่แล้วไหมอ่ะ” รีบตอบออกไปทันที อีกฝ่ายที่เห็นผมพูดแบบนั้นมันก็สูดหายใจเข้าปอดยาวๆ วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ก่อนจะยกมือเสยผมขึ้นแบบสงบสติอารมณ์
“พ..พี่ดาบ”
“ว่า”
“พี่สำคัญกว่าใครทั้งหมดนั่นแหล่ะ เพราะพี่สำคัญผมเลยยิ่งเกรงใจไงล่ะวะ ทุกวันนี้ก็เหมือนผมเอาเปรียบพี่มากพอแล้วอ่ะ ผมทำอะไรให้พี่ก็ไม่ได้สักอย่าง มาอยู่กับพี่งานก็นิดๆ หน่อยๆ เงินเดือนก็ได้ตั้งเยอะ น้ำไฟอาหารอะไรๆ อีกเยอะแยะ ถ้าอะไรที่ผมทำเองได้แบบไม่ต้องรบกวนพี่ผมก็อยากจะทำ”
“มึงอย่าพูดแบบนี้ มึงไม่ได้เอาเปรียบอะไรกูเอม ที่กูได้จากมึงมา มันมากกว่าเงินทองอีกจำไว้”
เราสองคนที่สบตากันในตอนนี้ คำพูดหนักแน่นที่ส่งตรงจากริมฝีปากได้รูปของพี่มัน ส่งตรงมาถึงหัวใจของผม รู้สึกเหมือนหัวใจผมกำลังสูบฉีดความรู้สึกดีๆ แบบห้ามไม่อยู่ มีความสุขจนต้องยิ้มกว้างๆ ออกมาในตอนที่เรามองหน้ากัน
“งั้นพี่ไปส่งเอมนะ”
“มันก็แน่อยู่แล้วครับหนู”
...
“สัด”
สบถออกมาพร้อมๆ กับโยนโทรศัพท์มือถือไปไว้เบาะข้างๆ มองหน้าปัดนาฬิกาที่คอนโซลหน้ารถ บอกเวลาว่า7โมง แต่คนที่ผมพึ่งส่งข้อความหามันกลับไม่อ่าน ไม่ตอบ ถ้าพูดจริงๆ ก็คือมันไม่ตอบกันมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนที่มันเดินลงจากรถไปเหมือนมันทิ้งหินก้อนใหญ่มาใส่หัวผมด้วยเต็มๆ ก็ไม่ใช่ไม่รู้สึกผิด แต่มันลืม...เป็นคำแก้ตัวสิ้นคิด แต่มันก็คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ผมลืมไปว่านัดกับไอ้เสือมันไว้ว่าจะไปรับมันไปมหาลัยในวันไปค่ายด้วยกัน
“ทำไมแม่งไม่อ่านวะ โทรไปก็ไม่รับ” ปกติไอ้เสือไม่เป็นคนแบบนี้ พูดตรงๆ คือมันไม่เหมือนใครที่ผมเคยเจอ มันนิสัยแมนๆ เลยครับ ไม่เจ๊าะแจ๊ะ ไม่เรื่องมาก ง่ายๆ ลุยๆ แต่ติดใจร้อนและปากเสีย และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรของมันวะ
ได้แต่เคาะพวงมาลัยรถแล้วมองออกไปที่ตัวตึกหอพักที่ผมเคยมานอนบ่อยๆ หลังๆ มาที่นี่ถี่ยิ่งกว่าห้องตัวเองซะอีก ถ้าจะพูดตรงๆ ก็อาจจะมีแค่เมื่อคืนนี้ที่ได้กลับไปนอนห้องตัวเอง
“แม่ง” หงุดหงิดสัดๆ แต่ทำอะไรไม่ได้ เหลือบมองดูว่า7โมง10นาที นี่ผมนั่งโง่ๆ อยู่ในรถมาสิบนาทีแล้วหรอวะ ... สุดท้ายตัดสินใจเดินลงไปจากรถ แล้วตรงไปหาลุงยามคนเฝ้าหอ แกจำผมได้แล้วเพราะมาสิงที่นี่บ่อยแบบที่ว่า
“ลุง”
“อ้าว ทำไมวันนี้มาแต่เช้าเลยล่ะหนุ่ม”
“ลุงพาผมเข้าหอได้ไหม ผมจะมาหาไอ้เสือ พามันไปมหาลัยครับ”
“หื้ม เสือหรอ ... ลุงเห็นเค้าออกไปตั้งแต่หกโมงเช้าแล้วนะหนุ่ม หอบกระเป๋าอะไรเยอะแยะ...เอ้า ไปไหนล่ะพ่อ”
“ขอบคุณมากครับลุง กลับมาเดี๋ยวผมเลี้ยงกระทิงแดงนะ” หันหลังแล้วก้าวยาวๆ มาขึ้นรถแบบหัวเสีย แม่งเอ้ย!
“ไปแล้วก็ไม่เสือกบอกกูสักคำ เอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ไม่เห็นมีข้อความอะไรตอบกลับมาจากมันสักอย่าง อย่าว่าแต่ข้อความตอบกลับ เปิดอ่านแม่งยังไม่อ่านเลย
“ไอ้เสือ มึงนี่มัน...”
ทำกูรู้สึกหยุบหยิบๆ ในใจฉิบหายเลยเว้ย!”
...
“อุ๊ยตายยยยยย พกผัวมาด้วยหรอ พกผัวมาด้วยหรอเนี่ย แหมมาแค่เนี้ยก็พกผัวมาด้วย ฮิ้ววว” เสียงต้อนรับผมดังขึ้นมาเป็นจังหวะเพลง ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่าใคร ผมนี่เผลอกรอกตาใส่แม่งไปทีนึง
“เสียงดังทำห่าอะไรวะป้า”
“อายหรอคะ อายทำไมวะคนเยอะแยะ พี่ดาบบบบบ พี่ดาบของอิหยี สวัสดีค่ะ เรียกพี่ดาบได้แล้วใช่ไหมเอ่ย” ไอ้หยีที่ดันตัวผมหนี แล้ววิ่งหน้าสลอนเข้าไปฉีกยิ้มกว้างๆ ให้พี่มันใกล้ๆ อิเจ๊พี่มันที่วันนี้มันแต่งตัวง่ายๆ แค่เสื้อยืดสีดำธรรมดาๆ กับกางเกงยีนส์สีซีดมาแค่นั้น กูงงมากๆ ว่าแค่นี้ทำไมแม่งดูดีจังวะ หรือเป็นเพราะแหวนที่มันใส่ หรือจะเป็นนาฬิกา หรือสร้อยข้อมือ... ไม่อยากจะสงสัยต่อ เพราะจริงๆ หลักฐานที่ว่าอาจจะเป็นแค่หนังหน้าหล่อๆ ของมันก็แค่นั้นแหล่ะ
หล่อฉิบหาย หล่อวัวตายควายล้ม หึ้ย หล่อจนเจ็บไข่ไปหมด
“สวัสดีค่ะน้องหยีคนสวย”
“กรี๊ด ปากหวานจังเลย ชอบจังพี่รหัสกูเนี่ย”
“ใจเย็นนะคะ ขอกูวางกล่องนี่แล้วค่อยแทะโลมกันนะ หนักฉิบหายหลังจะแตก แบกไปทำเหี้ยอะไรวะ” พี่มันว่าแบบนั้นแล้ววางกล่องลังที่พี่มันแบกมาแทนผมวางลงบนพื้นเสียงดัง
“ก็มันกล่องหนังสืออ่ะ” ผมบอกมันอีกครั้งแล้วตั้งท่าจะแบกไปเก็บที่รถบัสต่อ แต่พี่มันก็ทำแค่ปัดมือของผมออก
“ไม่ต้อง กูแบกเอง ... เอาไปไว้ไหนคะน้องหยี”
“กรี๊ด อิเหี้ยหล่อแท้วะ กร๊าวใจกับคำว่าคะ มาค่ะพี่ดาบทางนี้ค่ะพี่ตามหนูมา” ประโยคแรกคือหันมาทำหน้าฟินใส่กู แล้วประโยคต่อไปก็คือจับมืออิเจ๊พี่มันให้มันเดินตามไป คือจับทำไมมันต้องแบกลังโว้ย!
“พี่ เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำแป๊บนะ”
“มึงจะเอาไร เดี๋ยวกูไปซื้อให้”
“ไม่ต้องน่า ผมไปได้ พี่อยู่กับอิป้ามันละกัน” ผมบอกมันแบบนั้นตอนที่เห็นมันทำท่าจะเดินผละไปก่อน ไอ้หยีที่มองเราสองคนสลับกันไปมา แล้วกรอกตาออกมาในตอนสุดท้าย
“หมั่นค่ะ ริษยาตาร้อนมากๆ มันจะอะไรกันขนาดนั้น ชะนีอิจฉาโว้ย”
“ใจเย็นๆ นะน้องหยี ถ้ายังไม่มีเราต้องทำใจ อย่าร้ายนะหนู”
“เอ๊ะ!”
“หยอกครับ”
“ตอนแรกกูจะโมโห แต่กูต้องหยุดเพราะกูจะตายตรงคำว่าครับอ่ะอิเอม” ไอ้หยีที่ทำหน้าเพ้อแล้วเอามือจับนมฟองน้ำของมัน ผมส่ายหน้าระอา จริงๆ พวกมันก็อดีตสายรหัสกันนะครับ ก็ไม่รู้ว่าจะถูกอกถูกใจอะไรกันขนาดนั้น ผมเลิกสนใจมันกับอิเจ๊พี่มัน ปล่อยให้มันสองคนเดินไปนั่งรอผมที่โต๊ะม้าหิน ตอนนี้เรารวมตัวกันอยู่หน้าตึกอธิการตรงหน้าทางเข้าของประตูแรกของมหาลัยเลยครับ ไปครั้งนี้ไปแบบยิ่งใหญ่ แห่กันไปทั้งคณะ...ผมหวังว่าการไปครั้งนี้ นอกจากจะได้คะแนนแล้ว ก็ขอให้ได้บุญกลับมาด้วย เผื่อส่วนกุศลไปถึงเรื่องแม่พี่ดาบมันด้วย ผมกับมันจะได้มีความสุขกันสักที
“ขอชาขาวสองขวดแล้วก็น้ำเปล่าขวดนึงครับป้า”
“พึ่งมาหรอครับพี่เอม” เสียงที่ดังอยู่ข้างๆ หูขวาทำให้ต้องสะดุ้ง พอหันกลับไปก็ต้องผงะถอยหน้าหนีออกมา แถมกูต้องถอยหลังหนีไปอีกสองก้าวเพราะหน้าที่ยื่นมาใกล้ แล้วแผ่นหลังของผมที่ชิดกับหน้าอกของมันจนเกิดไป
“สัดม็อบ พ่อง!”
“ฮ่าๆๆ อะไรกันครับเนี่ย ทักทายผมแบบนี้หรอ” มันที่ยิ้มตาหยีแบบเป็นเอกลักษณ์ พร้อมๆ กับยกมือขึ้นเกาหัวแบบงงๆ แบบที่มันชอบทำบ่อยๆ
“แล้วมึงจะมายืนสิงกูทำห่าอะไรล่ะวะ”
“อยากสมสู่มั้ง”
‘เพี้ยะ’
“โอ้ยพี่เอม ผมเจ็บนะพี่ ตบหัวผมทำไม”
“กวนตีนกูนัก” ถอนหายใจใส่มันแบบระอาแล้วหันไปรับน้ำจากป้าคนขายมาพร้อมยื่นเงินไปให้
“มึงอ่ะจะซื้ออะไร”
“มาซื้อน้ำครับ เจอพี่เลยทักไง”
“จะแดกอะไร มากูเลี้ยง”
“โหยพี่ ใจปล้ำมากๆ”
“เท่ใช่ไหมล่ะพี่รหัสมึงน่ะ” ยืดเลยในจังหวะนี้ ยืดพร้อมยักคิ้วส่งให้มันไปด้วยสองทีติดๆ ไอ้คนตรงหน้าที่ก็ทำแค่ยิ้มตาหยี ก็ไม่รู้ว่าแม่งจะยิ้มอะไรนักหนา
“เมื่อคืนผมไลน์ไปหาไม่เห็นพี่จะตอบเลย” มันที่ไม่เออออห่อหมกไปกับผม กลับเปลี่ยนเรื่องพูดซะหน้าตาเฉย ว่าแต่ไลน์อะไรวะ ไม่เห็นรู้เรื่อง
“ครับ” มันว่าแบบนั้นแล้วยังคงยิ้มให้กัน ส่วนตัวผมนั้นคือกูขมวดคิ้วแรงละ งง ไลน์อะไรก่อนเอ่ย
“มึงไลน์มา”
“ใช่ครับ” ยิ้มตาหยีแล้วพยักหน้าแข็งขัน
“พี่ลองเปิดดูดิ” มันบอกแบบนั้นและใช่ กูก็หยิบขึ้นมาทันทีแบบที่เชื่อคนง่ายๆ เลยๆ ล่ะ ...
ปรากฏว่ามือถือผมปิดเครื่อง
คืออะไรเอ่ย??
กดเปิดเครื่องแล้วรอเครื่องพร้อมเป็นเวลาสักพักเพราะแม่งอืดมาก เข้ามาในแอพไลน์ หน้าแชทยังอยู่เหมือนเดิม คืออันบนสุดคือของไอ้หยีเมื่อหลายวันก่อน ... ก็ไม่เห็นมีข้อความของไอ้ม็อบนี่หว่า
“มีไหมครับพี่” มันที่ถามย้ำผมอีกที พร้อมๆ กับเตรียมจะชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เห็นแบบนั้นผมก็กดปิดหน้าจอมือถือของตัวเองทันทีแล้วเก็บเข้ากระเป๋าไป
“มีๆ เห็นแล้ว โทษทีนะไม่ได้ตอบ” มันขมวดคิ้วนิดๆ แต่สักพักก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเหมือนเดิม อะไรของมัน ... แต่ว่านะ กูนี่คิดออกเลยครับ มือถือผมไม่เคยแม้แต่จะปิดเสียงปิดสั่น แล้วยิ่งปิดเครื่องนี้ไม่ต้องพูดถึง ผมไม่เคยทำครับ และคนๆ เดียวที่จะทำแบบนั้นกับมือถือของผมได้ก็ไม่ใช่ใคร ... อิเจ๊พี่ดาบเล่นกูแล้ว
“อ่า...ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหลังไม่เอาแล้วนะ คนรอก็ท้อเป็น”
“เล่นใหญ่นะมึงเนี่ย”
“ก็อยากให้พี่สนใจมั้ง” มันยกยิ้มแล้วว่าออกมาแบบนั้น สายตาที่ส่งมาพร้อมรอยยิ้มของมันทำให้ผมต้องเสหน้าหนี ... พอเถอะพอ ในตอนนี้ที่คิดว่าควรจะบอกลามันได้แล้ว ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ใครอีกคนพูดขึ้นมาพอดี
“ทำไมช้าจังวะเอม” เหยดแหม่ จังหวะละครอ่ะโน๊ะ ... แผ่นหลังของผมสัมผัสได้ถึงอกแข็งๆ ที่ยืนซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของผม เสียงเข้มที่ไม่เบาไม่ดังแต่ฟังแล้วมีอำนาจในแบบที่พี่มันไม่ค่อยจะชอบใช้ เพราะใช้ทีไรกูเห็นมีคนโดนตีนทุกที ครั้งสุดท้ายก็ตอนในร้านเหล้าที่มีคนมาจับตูดผมนั่นล่ะนะ
“พี่...”
“ว่าไง ทำอะไรอยู่หื้ม” เงยหน้าไปมองหน้าของพี่มัน ใบหน้าคมที่ดูหล่อเหลามากกว่าปกติ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้มันไม่ได้แต่งหน้าอะไรมาเลยมั้ง ตื่นมาล้างหน้าก็มาแบบหน้าสดๆ ไม่ต้องพูดถึงรองพื้น เพราะขนาดครีมกันแดดมันก็ไม่ได้ทา วันนี้เลยดูดิบๆ มากกว่าทุกที ... เชี่ย หล่อว่ะ
“ว่าไงครับ”
“อ...เอ่อ ผมมาซื้อน้ำนี่ไง ได้แล้ว”
“หรอ แล้ว....ไอ้นี่ใคร” ยกยิ้มมุมปากเท่ๆ พร้อมๆ กับแขนข้างนึงที่วางพาดลงมาบนไหล่ของผม สายตาคมของพี่มันที่มองตรงไปที่ไอ้ม็อบ มือวางๆ อีกข้างของอีกฝ่ายก็ชี้ไปที่หน้าของน้องมันทั้งแบบนั้น ปัดโถ่เว้ยพี่มึง
“น้องรหัสผมเองพี่” บอกแบบนั้น แล้วคว้าแขนที่ชี้หน้าไอ้ม็อบลง ไอ้พี่ดาบที่เอียงหน้าเอียงคอเล็กน้อยพร้อมยกยิ้มมุมปาก
“อ๋อออ ที่แท้ก็แค่น้องรหัสอ่ะเนาะ” เออน้องรหัสไง มึงย้ำทำไมวะ ... ไอ้ม็อบมองตรงมาที่พี่มันไม่ต่างกัน แต่เด็กนั่นก็ไม่ได้ยิ้มอะไรแล้ว
“สวัสดีครับน้อง พี่เป็นแฟนเอม” แนะนำตัวเสร็จสรรพแบบที่ไม่มีใครได้เชื้อเชิญมัน
“แล้วนี่เสร็จยังครับ” ก้มหน้าลงมามองกูตาหวาน หวานเกิ๊น มึงแสร้งทำอ่ะพี่ กูกลัวนะ... เห็นแบบนี้ผมเลยรีบพยักหน้าเออๆ ออๆ ทันที
“เสร็จแล้วๆ เดี๋ยวๆ ผมเลี้ยงน้ำน้องแป๊บ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” พี่มันว่าแบบนั้นแล้ววางเงินแบงค์ร้อยลงตรงหน้าเคาร์เตอร์ร้านของซุ้มขายน้ำที่พวกเรายืนอยู่
“ถือว่า เป็นของขวัญจากแฟนพี่รหัสนะครับ น้องม็อบ ... ปะเอม หยีรอนานละ” พูดเองเสร็จสรรพพร้อมยื่นมือมาจับมือของผมแล้วดึงให้เดินไปด้วยกัน
“เอ่อ กู กูไปก่อนนะ” ได้แต่หันไปพูดกับไอ้ม็อบแบบนั้น แล้วก้าวยาวๆ ตามพี่มันไปทันที
“ร้อยนึงนี่ เดี๋ยวผมจะดูแลพี่เอมที่ค่ายให้เป็นอย่างดีเลยครับ!” เสียงตะโกนที่ดังมาจากด้านหลังทำเอาขาของพี่ดาบมันหยุดชะงัก ผมเองก็เช่นกัน เงยหน้าไปมองคนข้างๆ ที่ตอนนี้หน้าบอกอารมณ์ที่ผมรู้เลยว่ามันไม่โอเคมากๆ
“สัด...กวนตีนกูนักนะ” มันพึมพำว่าแบบนั้น แล้วหันหลังพรวดกลับไปมองทันที เป็นผมที่ดึงแขนของพี่มันไว้แน่นเลยตอนนี้ สายตาคมที่มองตรงไปที่ไอ้ม็อบแบบไม่เป็นมิตร
“พี่ดาบ ไม่เอา ไปกัน”
“เดี๋ยวก่อน...” บอกผมแบบนั้นนิ่งๆ แล้วโอบเอวผมขยับเข้ามาใกล้ๆ ตัว ก่อนที่พี่มันจะพูดตอบไป
“แบบน้องก็ทำได้แค่นั้นแหล่ะครับ ก็แค่ได้ดูแลชั่วคราวแค่ที่ค่ายนั่นแหล่ะ เพราะที่ตรงนี้ที่เป็นตลอดไปน่ะ...มันคือที่ของกูจ๊ะ” พูดจบพร้อมกระพริบตาปิ๊งๆ และส่งยิ้มเหยียดกลับไปให้ไอ้ม็อบ ผมเห็นที่แว๊บนึงน้องมันผงะๆ เล็กๆ ด้วย ไม่ทันจะได้มองไอ้ม็อบต่อ พี่มันก็คว้าเอวผมแล้วดึงให้เดินออกไปจากบริเวณนี้ไวๆ เลย
“พี่ดาบ ใจเย็นสิพี่”
“สัดเอ้ย ไม่ติดว่ามหาลัย กูจะเอาตีนไปนาบหน้าแม่ง”
“น้องมันก็แค่แหย่เล่น”
“ไม่ได้แหย่เล่น มันอยากได้มึง สัด”
“พี่ดาบ” ได้แต่ส่งเสียงอ่อนใจตอบกลับไปแบบทำอะไรมากกว่านั้นไม่ได้ ผมรู้แหล่ะ พอมองออก แต่ถึงแบบนั้นก็พยายามทำไม่ใส่ใจไอ้ม็อบมันมาก
“มีอะไรกันหรอคะ ... ผัวมึงเป็นอะไรอ่ะอิเอม” ไอ้หยีที่เอียงหน้ามากระซิบผมตอนที่พวกเราเดินมาถึงโต๊ะแล้ว ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ ส่งไปให้ไอ้หยีมันแทนคำพูด ก่อนจะคว้าน้ำที่ซื้อมามาเปิดให้พี่มัน แล้วยื่นไปตรงหน้า
“หึงผมหรอ”
“มึงแฟนกู มึงเมียกู มึงของกูป่ะ” หันหน้ามามองแรงพร้อมพูดออกมาแบบนั้น กร๊าวใจมากๆ ... ขอโทษนะครับ กูหนีไปกรี๊ดได้ไหมไอ้สัด ดิบๆ ไม่มีสุกผสมเลยครับ
“อิเหี้ย กร๊าวมาก” ไม่ต้องหวีดแล้วกู ไอ้หยีหวีดแทนไปหมดแล้ว
“อะ ดื่มน้ำก่อนจะได้ใจเย็นๆ นะ”
“มึงแม่ง เลิกทำตัวเหมือนควายได้ไหมวะ”
“เหมือนควายคืออะไรวะพี่ แม่ง มีแต่พี่มึงนี่แหล่ะที่ว่ากูอ่ะ” ด่ากูเป็นควายแม่งทุกวัน
“ก็ควายสำหรับกูคือความน่ารักอ่ะ กูรักควายของกูมึงจะทำไมอ่ะคะ บอกก่อนเลยนะ ถ้าไปที่นั่นใครมาวุ่นวายกับมึง มึงต้องเอาเขาขวิดมัน สัญญากับกูมา”
“สัดพี่ แม่ง!” กูควรจะเขินก่อนหรือโมโหก่อนดีวะ มันที่ทำหน้าจริงจังแล้วจับมือผมไว้ บอกให้รู้ว่ากูต้องสัญญา ไอ้หยีที่นั่งอยู่ข้างๆ กันมันขำพรืดออกมาแบบไม่สนใจว่าท่าทางจะอุบาทว์มากแค่ไหน กูแอบเห็นน้ำลายมึงกระเด็นด้วยอ่ะ ทุเรศฉิบ
“พี่ดาบห่วงว่าจะมีใครมาจีบไอ้เอมหรอคะ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก”
“ห่วงดิน้องหยี ไอ้เด็กหัวไม้ถูพื้นแม่งกวนส้นตีน มันตั้งใจจีบไอ้เอม ดูออกค่ะ!”
“ใครวะคะ เด็กหัวไม้ถูพื้น”
“น้องรหัสกู มันชื่อม็อบ” หันไปบอกไอ้หยีที่ทำหน้างงๆ มาใส่กัน ... ไอ้พี่แม่ก็สร้างสรรค์ฉิบหาย
“อ๋อออ พี่ดาบไม่ต้องห่วง หยีสัญญาว่าจะไม่ให้ใครหน้าไหนแม่งมาไต่ไอ้เอมได้ สัญญา”
“ดี กลับมาพี่ถอยBalenciagaใบใหม่ให้”
“กรี๊ดดด บ้าน่า น้องทำให้ด้วยใจนะคะ”
“งั้นไม่เอาเนอะ”
“บ้าน่า ผู้ใหญ่ให้ของจะปฏิเสธทำไม ขอบคุณนะคะพี่ดาบขา ... ผัวมึงดีมากอิเอม ถ้ามึงไม่เอา กูเอานะบอกเลย”
“มึงฝันหรอ” ตอบมันกลับไปแบบนั้น ไอ้หยีที่ทำท่าเวอร์ผงะถอยหลังไปนิดหน่อยพร้อมๆ กับทำปากรูปตัวโอ
“โอ้ววว มันไม่ธรรมดานะคะหัวหน้า”
“ก็จริงของหยีนะ เอมมันไม่ธรรมดาจริงแหล่ะ น่ารักเป็นพิเศษ แบบนี้ไงเลยหวง”
อิเหี้ยเอ้ย พี่แม่งเล่นแบบนี้ เจ็บไข่ไปหมดเลยครับสังคม!
.
.
.
‘ตุบ’
เสียงโยนกระเป๋าลงข้างๆ โต๊ะของพวกเรา ทำให้ผมสามคนต้องหันไปมอง เป็นไอ้เก้อ
“กูก็ว่ามึงหายไปไหน มาช้าตลอดเลยนะคะอิผัว” ไอ้หยีพูดออกมา มันที่หันมามองหน้าพวกเราสามคน ก่อนจะคิ้วกระตุกตอนเห็นหน้าพี่ดาบ และไอ้คนข้างๆ ตัวของผมก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ พี่มันที่เอาข้อศอกยันไว้กับโต๊ะแล้วเอาหัวพิงฝ่ามือตัวเอง เอียงหน้ามองไอ้เห้อพร้อมยิ้มหวานยั่วตีน
“สวัสดีจ้าพ่อน้องล่ำ” ทักทายได้ดักตีครับ ไม่ใช่แต่ไอ้เก้อที่จะอยากดักตีพี่มันนะ กูก็ด้วยอ่ะแบบนี้
ไอ้เก้อมองพี่มันแบบหงุดหงิดหน่อยๆ มันที่หายใจเข้าออกแบบพยายามอดทน สักพักมันก็ยกมือขึ้นไหว้พี่ดาบ
“หวัดดีพี่” พูดแค่นั้นแล้วทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ แล้วหันหลังให้พวกเรา ในมือของมันยังคงกดๆ จิ้มๆ พิมพ์ๆ อะไรสักอย่างแบบไม่สนใจเรานอกจากมือถือ ผมหันไปมองไอ้หยีที่ตอนนี้ทำหน้าแบบประหลาดใจฉิบหาย แอบเห็นมันชะโงกหัวไปมองจอไอ้เก้อด้วยตอนนี้ เรื่องเสือกก็คือไว้ใจได้ครับ
และในเวลาตอน8โมง ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องออกเดินทาง น้องๆ ปี1ที่แยกนั่งรถหมายเลข1-7 เพราะเป็นรถบัสสองชั้น ส่วนปีอื่นๆ ก็ทยอยขึ้นคันต่อๆ ไป พี่ปี3ปี4มาไม่ครบครับ เพราะฉะนั้นรถก็เลยมีรถสำหรับปี2-4อีกแค่3คัน
“พี่เอม เจอกันที่ค่ายนะครับ” เป็นไอ้ม็อบที่เดินเข้ามาหาแล้วพูดแบบนั้น พี่ดาบที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมกำมือแน่น แต่เป็นผมที่เอื้อมมือไปจับมือพี่มันเอาไว้ซะก่อน ไอ้ม็อบเห็นแต่มันก็ทำเป็นมองผ่านไปแล้วเดินขึ้นรถไป
“กูว่าไอ้เด็กเหี้ยนี่แม่งอยากกินตีนกู”
“ไม่เอาน่าพี่ ไหนบอกเป็นคนสวยไง คนสวยต้องไม่ใช้ความรุนแรงสิครับ”
“กูไม่สวยเหี้ยทั้งนั่นล่ะ ตอนนี้กูจะเป็นผัว”
สาดดดดดดดด ทีแบบนี้มึงผัวขึ้นมาเลยนะ ห้าวสุดในน่านน้ำผับร้านDANI WORLD
“โอ๊ะ น้องเสือ ขึ้นคันนี้หรอ” ไอ้หยีตะโกนออกมาแบบนั้นเลยทำให้ผมกับไอ้เก้อที่ยืนอยู่ข้างกันหันไปมองพอดี ไอ้น้องเสือหันมา มันที่ยกมือไหว้พวกเราแล้วยิ้มออกมาบางๆ แปลกตรงที่มันดันมองผ่านหน้าไอ้เก้อไปซะแบบนั้น ได้ยินเสียงไอ้เก้อสบถในลำคอเบาๆ ด้วย
“แม่ง”
“มึงบ่นไรนะเก้อ”
“เปล่า มึงไปขึ้นรถก่อนเลยนะเดี๋ยวกูมา” มันที่บอกแบบนั้นแล้วเดินหนีออกไป มองทางก็คือทางที่น้องเสือพึ่งเดินออกไปเมื่อกี้
“กูว่ามีกลิ่นแปลกๆ นะคะอิเอม” ไอ้หยีหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้ผม ตามันเป็นประกายลุกโชนมากๆ เหมือนต่อมความเสือกกำลังพลุ่งพล่าน น่ากลัวเหี้ยๆ
“กลิ่นตัวมึงหรือเปล่า เปรี้ยวๆ นะ มึงลืมอาบน้ำมาหรอหยี”
“โอ้ยยยอิเอมอิเวน กูทาสารส้มมาแล้วค่ะ จำ!”
“ฮ่าๆๆๆ” ทั้งผมและพี่ดาบที่ขำลั่นออกมาแบบนั้นอย่างไม่อายใคร ไอ้หยีที่กรอกตาทีนึงแล้วหันไปลาพี่ดาบ พร้อมบอกแบบเป็นมั่นเป็นเหมาะว่ามันจะดูผมแบบไม่ให้คลาดสายตา ไอ้หน้าไหนเข้ามาวอแวมันจะเอาตีนยันไว้ให้
“พี่ฝากไอ้เอมด้วยนะน้องหยี”
“ได้เลยค่า” บอกแบบนั้นแล้วมันก็ลาไปขึ้นรถก่อน แต่คือกูเป็นตัวอะไรครับ ใครแม่งจะอยากได้อะไรกูนักหนาเอ่ย ไม่ต้องหวงต้องห่วกูขนาดนั้นก็ได้อ่ะครับ
“พี่ก็ห่วงผมเกินไป ผมดูแลตัวเองได้น่า”
“พูดมาสิว่าไม่ได้ชินที่ตอนนี้มีกูดูแลไปแล้วน่ะ” ยิ้มออกมาพร้อมๆ กับเอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ ความรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ วาบเข้ามาที่หัวใจของผม สายตาและท่าทางของพี่มันที่อยู่ๆ ก็ทำให้ผมอยากจะร้องไห้ คล้ายๆ กับตอนที่เราจะไปออกค่ายสมัยประถมแล้วมีพ่อแม่คอยไปส่งแล้วยิ้มใจดีบอกว่าจะรอเรากลับบ้าน ... แต่ความรู้สึกแบบนั้น ผมก็แทบจะลืมมันไปแล้ว เหมือนนานมากๆ จนมาตอนนี้ วินาทีนี้ที่ผมมีพี่มัน
“พี่ดาบ”
“รู้ใช่ไหมว่ากูรักมึงเอม” ได้แต่ก้มหน้าลง รู้สึกอายชะมัดที่ตอนนี้น้ำตาคลอๆ พี่มันดึงตัวผมเข้าไปกอดเอาไว้ ก้มลงจูบเบาๆ ที่หัวของผม
“พี่จะรอเอมกลับบ้านนะ” มันพูดออกมาแบบนั้นในตอนที่เรากอดกันแน่นอยู่ข้างๆ รถบัสคันที่ผมต้องนั่งไป ผมร้องไห้ออกมาเงียบๆ ไม่รู้ทำไม แต่ผมดีใจที่ผมได้รักพี่มัน ดีใจที่มีมันอยู่ในทุกๆ วันของผม เป็นพี่ เป็นเพื่อน เป็นแฟน เป็นคนรัก...และเป็นครอบครัว
“เอมจะรีบกลับนะ”
“อื้ม พี่จะรอที่บ้านเรานะ”
เรามองหน้ากันในตอนนี้ที่พี่มันก็เลื่อนมือมาเช็ดน้ำตาออกจากหน้าของผมเบาๆ เราที่มองตากัน ก่อนจะยิ้มและขำออกมาให้กันเบาๆ
“ควายน้อยเอ้ย กูต้องคิดถึงมึงมากๆ แน่ๆ เลย”
“เอมไม่อยู่ห้ามนอกใจนะ”
“รักมึงคนเดียว สัญญาเลยครับ”
“ดีมาก เป็นเด็กดีน้า” ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวพี่มัน กูต้องเขย่งเท้าขึ้นมาเลยตอนที่ลูบ
“กวนตีนแล้วนะคะอันนี้”
“ฮ่าๆ ผมไปแล้วนะครับ” บอกมันแบบนั้นในตอนที่ตัวเองก็พยายามสืดน้ำมูก เป็นความรู้สึกที่โคตรจะน่าอาย แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี
“ครับ เดินทางปลอดภัย ถึงแล้วพยายามหาสัญญาณติดต่อกูด้วยนะ”
“อื้ม พี่ด้วยนะ ไปงานกับที่บ้านดีๆ นะ”
“อันนี้ไม่สัญญา ถ้ารำคาญมากๆ กูจะแกล้งกรี๊ดออกมากลางงาน” บอกแบบนั้นแล้วทำหน้าเหม็นเบื่อ แต่พอพูดออกมากูนี่นึกภาพออกเลย ได้แต่ภวานาว่าพี่มันจะไม่ไปกรี๊ดกลางงานแบบที่ว่าจริงๆ ผมที่เดินขึ้นรถไปนั่งที่ริมหน้าต่างของรถบัสที่ชั้นสอง ผลักผ้าม่านออกแล้วมองลงมา พี่ดาบยังยืนอยู่ตรงนั้น พี่มันที่เงยหน้ามองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มให้กัน ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาโบกผ่านหน้าต่าง เป็นวินาทีที่รวดเร็วในตอนที่รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป และสายตาและความรู้สึกในหัวใจของผมมันกลับชัดเจน ... มันชัดเจนมากขึ้นไปกว่าครั้งไหนๆ ในตอนที่เราต้องห่างกัน
มันเป็นใครไม่ได้อีกแล้ว ... ต้องคนนี้ ต้องเป็นแค่พี่มัน ต้องเป็นแค่พี่ดาบคนเดียวจริงๆ
...
(มีต่อจ้าาาา)