บทที่37
คงไว้ได้แค่กลิ่นที่ไม่เคยเลือนลา
ยังหอมดังวันเก่ายามเมื่อลมโชยมา
ทิ้งไว้เพียงอดีตที่ไม่เคยหวนมา
ซ่อนเธอไว้ในใจ
เสียงเพลงที่ดังคลอไปกับเสียงกีต้าร์และสายลมเอื่อยๆในช่วงเวลากลางดึก แสงไฟจากกองไฟขนาดพอเหมาะที่ส่องสว่างเป็นแสงให้พวกเราได้มองเห็น ลูกไฟที่แตกออกจากไฟกระจายเป็นลูกเล็กๆหยอกล้ออยู่กับท่อนไม้ในกองนั้น เหมือนกับกำลังโลดเต้นไปกับเส้นเพลงที่พวกน้องๆปี1กำลังเล่นอยู่ตอนนี้ ... ถือเป็นบรรยากาศดีๆในการเล่นรอบกองไฟแบบชิลๆ
“มาคุ มาคุจัดๆ”
“ป้า มึงบ่นอะไรงึมงำๆวะ”
“มึงไม่รู้สึกหรอคะอิเอม ข้างๆมึงน่ะ ไอ้เก้อแม่งแดกดีหมี แดกดีเสือเข้าไปหรอวะ สภาพแม่งพร้อมต่อยพร้อมตีมากๆ” ไอ้หยีที่เอียงหน้ามากระซิบบอกผมแบบนั้น ผมที่ค่อยๆหันไปมองทางด้านหลัง ไอ้เก้อที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้านิ่งๆ หน้าอ่ะนิ่งแต่คิ้วคือขมวดจัดๆ สายตาของมันเหมือนมีกองไฟลุกอยู่ในนั้น
“ตาแม่งเหมือนมีกองไฟลุกอยู่เลยว่ะ” ผมหันมากระซิบตอบกลับไป
“ใช่ไหมล่ะคะ นี่มันไปอาบน้ำแล้วเผลอเหยียบขี้อะไรมาหรือเปล่า ทำไมดูหงุดหงิดขนาดนั้นวะ”
“กูจะไปรู้ได้ไงเล่าป้า ไม่ได้ไปอาบพร้อมมันนี่หว่า” ผมทำงานอยู่กันคนละส่วนกับไอ้เก้อครับ เพราะงั้นเลยได้ไปอาบน้ำก่อนมัน อาบตรงห้องน้ำที่ทำขึ้นมาใหม่นั่นแหล่ะครับ ไม่มีฝักบัว มีแต่โอ่งกับขัน อาบที่เย็นซู่ซ่าชื่นใจไอ้เอมนัก
“แต่กูว่ากูรู้ค่ะ”
“มึงไปอาบน้ำกับมันมา”
“พูดบ้าอะไรของมึงอิสมองลูกควาย ถึงกูจะอยากแอบดูห่อหมกเพื่อน แต่กูก็ไม่โรคจิตขนาดวิ่งไปอาบน้ำกับผู้ชายนะคะ รักนวลสงวนตัวสุดๆคือกูเอง” ครับ ถึงว่าอายุอานามขนาดนี้ มันยังไม่มีแฟนเลยนะครับผมอยากจะบอก
“แล้วยังไง ป้ามึงรู้อะไรมา”
“มึงดูนั่นสิคะ ดูสายตามัน มันกำลังหันไปมองใคร นู่นๆ” บอกกูแบบนั้นแล้วทำปากยื่นปากยาวบุ้ยปากให้ผมหันไปมองตาม พอมองตามไปก็เห็นเป็นน้องๆปี1กลุ่มนึง ทั้งแก้งค์เป็นน้องๆสาวสองที่สวยเอามากๆ เอาจริงๆคือสวยกว่าไอ้หยีที่เป็นผู้หญิงจริงๆไปไกลแล้วมาก แล้วไงวะ ไอ้เก้อจ้องน้องกลุ่มนี้ทำไม มันชอบหรอ ??
“มึงมองอะไรของมึงอิเอม นั่นมันกลุ่มลูกสาวส้มจี๊ด หันไปอีก เรื่องเสือกต้องให้สุด หันอีกค่ะ นั่นๆ”
“เอ๊ะ...นั่นมัน”
“ใช่ไหมล่ะคะ นั่นเลยค่ะน้องเส..”
“ไอ้อิฐนี่หว่า มันมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะเนี่ย”
“ห๊ะ อิฐไหนของมึงอีกคะอิเอม นี่มึงมองใครอยู่” ไอ้หยีที่ทำหน้าตาหมดอารมณ์ใส่ผมทันที แต่ผมว่านั่นมันไอ้อิฐจริงๆนะครับ แล้วมันไม่ทำงานที่ร้านแล้วหรอวะ ยังไง ... พอคิดแบบนั้นแล้วผมก็ตั้งท่าจะลุกเดินเข้าไปหา
“มึงเดี๋ยวกูมา”
“อะไรของมึงอีกคะ พูดคนละเรื่องเดียวกันแล้วมึงจะไปไหนอีก”
“เออน่า เดี๋ยวกลับมา” บอกแบบนั้นตอนที่ลุกขึ้นยืน แต่ยังไม่ทันจะได้ไปไหน ก็เห็นไอ้ม็อบเดินเข้ามาหาพร้อมๆกับของในมือที่อยู่ในถาด
“พี่เอม ผมเอามันเผามาให้ครับ ชาวบ้านเอามาให้พวกเรา พี่กินเลยสิ ร้อนๆมันอร่อยมากเลยนะ”
“พวกมึงเผาเองหรอวะ”
“ใช่พี่ นั่งสิเดี๋ยวผมปลอกให้” มันพูดจบแล้วถือวิสาสะลงนั่งที่ท่อนไม้ข้างๆที่นั่งของผม พร้อมๆกับฝ่ามือของมันที่เอื้อมมาจับแขนของผม ตั้งท่าจะฉุดให้นั่งลงตามมัน แต่ติดที่มือของไอ้หยีที่เอื้อมมาคว้าข้อมือของผมอีกข้างไว้ได้ทัน
“อิเอม”
“เอ่อ...”
“เมื่อกี้มึงบอกจะไปไหนไม่ใช่หรอ จะไปก็ไปค่ะมึง” มันบอกแบบนั้น ตอนที่มองตามันผมก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง พยักหน้าลงทันที
“เออจริง งั้นเดี๋ยวกูไปก่อน ไอ้ม็อบกูขอบใจเรื่องมันอันนี้มากนะ วางไว้นี่แหล่ะเดี๋ยวกูมาปลอกกินเองได้” บอกแบบนั้นแล้วยิ้มให้มันนิดๆแบบไม่อยากให้มันเสียน้ำใจ
“พี่เอมจะไปไหน มันมืดละนะพี่ เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน” มันที่บอกออกมาแบบนั้นแล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นยืนตามผม เหลือบสายตามองเห็นไอ้หยีที่ทำหน้าเอือมใสมันในตอนนี้
“มึงเป็นแค่น้องรหัสไม่ใช่หรอวะ แค่น้องรหัสก็อย่าล้ำเส้นให้มันมากนักสิไอ้เหี้ย” เสียงเข้มที่ดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบไม่มีใครเชิญชวน แต่เสือกขึ้นมาแบบได้จังหวะโดยแท้
“โอ๊ะโอ๋ อิผัว แซ่บๆเลย”
“ว่าไง มึงไม่รู้หรอวะว่าพี่รหัสน้องรหัสของเขตแม่งอยู่ตรงไหน” ไอ้เก้อที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของมัน ก่อนจะก้าวขายาวๆเข้ามา สายตาที่มองมาที่ไอ้ม็อบเรียกว่าเห็นมันเป็นแค่มดปลวก
“แล้วพี่รหัสน้องรหัสมันทำไมล่ะครับพี่ ผมก็แค่เป็นห่วงพี่เอม”
“แต่การทำตัวของมึงมันทำให้เพื่อนกูอึดอัด อย่ามาแกล้งโง่ มันมีผัวแล้ว”
“แต่ผัวพี่เอมก็คงไม่ใช่พี่” ไอ้ม็อบที่เลิกคิ้วถามไอ้เก้อออกไปแบบนั้น หน้าตากวนๆของมันที่ทำให้เก้อเดินเข้ามาใกล้
“ใช่ แล้วก็ไม่มีทางเป็นมึงด้วย กูจะบอกอะไรให้ สำหรับไอ้เอมน่ะ มันต้องไอ้พี่ดาบของมันเท่านั้น หัดรู้ซะบ้างว่าความสัมพันธ์ของพี่รหัสน้องรหัสมันควรจะเป็นยังไง เหอะ จริงๆแม่งก็เป็นได้แค่เท่านี้แหล่ะไอ้โง่!” มันว่าออกมาแบบนั้นแล้วผลักไหล่ไอ้ม็อบแรงๆทีนึง จนมันเซไปข้างหลัง
“เห้ยๆใจเย็นค่ะอิผัว” เป็นไอ้หยีที่รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปคว้ามือของไอ้เก้อเอาไว้ก่อน
“มึงไปไหนก็ไปเหอะไอ้ม็อบ” ผมบอกมัน ท่าทางของมันที่หัวเสียเอามากๆตอนมองกลับไปที่ไอ้เก้อ เป็นท่าทางเอาเรื่องที่ผมไม่เคยเห็นจากมันมาก่อน สายตาที่บอกว่ามันไม่ยอมแบบนั้นทำเอาผมถึงกับขมวดคิ้ว มันแปลกๆจังวะ
“ไอ้ม็อบ” ดึงแขนมันแรงๆหนึ่งทีจนมันหันกลับมามองหน้าผม มันที่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะกระพริบตานิดๆแล้วค่อยๆส่งยิ้มบางๆเหมือนปกติมาให้
“ผมไปก่อนก็ได้พี่”
“อืม” ตอบรับมันแบบนั้น แล้วเจ้าตัวก็ค่อยๆเดินหายไปอีกทาง รอบๆตัวเรามีคนมองมาที่เราอยู่ไม่น้อย ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ เสียงของไอ้เก้อก็ไม่ได้เบาเท่าไหร่เลย
“เหอะ ก็แค่พี่รหัสคนนึงป่ะวะ จะสนใจเหี้ยไรนัก” ไอ้เก้อยังคงพูดออกมาแบบนั้นอีก มันไม่ได้มองมาที่ผมหรือไอ้หยี ไม่ได้สนใจด้วยว่าไอ้ม็อบจะเดินหนีไปแล้ว สายตาของมันแค่มองตรงไป มองตรงไปสบเข้ากับสายตาสวยดุของใครอีกคนที่ยืนมองมันมาจากที่ไกลๆไม่ต่างกัน .... น้องเสือ
“เหอะ”
มันแค่นเสียงหัวเราะเหมือนสมเพชเล็กๆก่อนจะเตะก้อนหินแถวนั้นให้กระเด็นไปโดนเต้นท์ชาวบ้านแบบไม่สนใจ ก่อนมันจะเดินหนีปึงปังหายไปอีกทาง ผมกับไอ้หยีที่หันมองหน้ากัน เหมือนมีแสงเลเซอร์ของความเสือกส่งใส่ตากันปิ๊งๆ
“กูว่ามันมีเงี่ยนำจริงๆค่ะอิเอม”
“เงื่อนก็พอไอ้ป้า”
“เงี่ยนนี่แหล่ะ มึงเห็นไหมเมื่อกี้ไอ้เก้อมองแต่น้องเสือ”
“เราอาจจะคิดไปเองเปล่าวะ”
“มึงอย่าโลกสวยกูขอร้อง กูว่าเมื่อกี้ไอ้เก้อก็พูดจากับไอ้น้องม็อบแปลกๆ เหมือนไม่ได้พูดด่าน้องมันยังไงไม่รู้ แม่งย้ำอยู่นั่นพี่รหัสน้องรหัสอ่ะ”
“มันอาจจะอยากบอกไอ้ม็อบ”
“อิเอม ถ้าโง่ก็อยู่เฉยๆอย่าหาขัดกูค่ะ มึงเป็นสก๊อตไบร์ทหรอ ขัดกูเก่งจริง”
“เอ้า...” พูดไม่ออก กูได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวเลยครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกสะกิดใจอะไรหรอกนะ เพียงแต่ว่า ถ้าพูดว่าไอ้เก้อกับน้องเสือจะมีอะไรๆแปลกๆ แบบเกินกว่าพี่รหัสน้องรหัสกันเนี่ย มันจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ นึกถึงแต่ตอนที่พวกมันตีๆกันนั่นแหล่ะที่ออก ถึงแม้ว่าช่วงหลังๆมามันจะตัวติดกันมากๆก็เถอะ ... แต่มันจะใช่หรอวะ
“แล้วเมื่อกี้มึงจะไปไหน”
“ว่าจะไปตรงนั้น กูว่ากูเหมือนเห็นคนรู้จัก”
“ใคร มึงยังจะรู้จักใครนอกจากพวกกูสองคนอีกคะ อย่าหาทำความรู้จักมั่วซั่วได้ไหมมึง หาแต่เรื่อง สเน่ห์อะไรของมึงถึงดึงดูดผู้เข้ามานัก อิม็อบนั่นก็อีก สมควรให้อิเก้อมันด่า นี่ถามจริง มึงไม่รู้จริงๆหรอว่ามันชอบมึง”
ไอ้หยีที่พูดออกมาแบบใส่อารมณ์ ท่าทางของมันที่เหมือนแม่ที่กำลังด่าลูกที่ไม่ได้ดั่งใจ เห็นแล้วอยากยกมือไหว้มากๆเลยครับ ผมยิ้มออกมานิดๆตอนที่ได้เห็น
‘แปะ’
“โอ๊ย ไอ้หยีกูเจ็บนะ” ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองทันที แม่งตบลงมาแบบเน้นๆไม่ออมแรงเลย เขาสั่นครับ
“มันน่าไหม ยิ้มหาพ่อมึงหรอคะ นี่นะๆ กูอยากจะโทรไปฟ้องพี่ดาบมากๆพูดเลย”
“มึงนี่ดูแลดีเกินหน้าที่มากๆเลยนะ ปัดโถ่เอ้ย”
“ไม่ได้หรอก พี่ดาบซื้อกูด้วยBalenciagaเลยนะมึง กูต้องทำเต็มหน้าที่”
“โถ่เอ้ย กูก็นึกว่าห่วงกูด้วยใจ” ผมแกล้งเบ้หน้าใส่ อีกคนก็จ้องตาถลึงใส่กันทันที
“กูก็ห่วงมึงไหมล่ะ กูพูดตรงๆเอม กูว่าอิน้องม็อบนี่แม่งแปลกๆนะ”
“เรื่องมันชอบกู จริงๆกูก็คิด แต่บางมุมมันก็เหมือนแค่รุ่นน้องทั่วๆไปที่อยากสนิทกับรุ่นพี่”
“มันชอบมึงค่ะอิเอม คิดเข้าข้างตัวเองบ้างอิควาย”
“อย่ามาด่ากูควายนะ มึงชื่อดาบหรอห๊ะ”
“แหม กูอยากจะเบ้ปากใส่ อะไรๆก็พี่ดาบ อะไรก็ผัวอ่ะเนอะ เค้าเรียกควายก็ยังพออกพอใจนะมึงเนี่ย”
“แน่นอน ก็ควายของพี่มันแปลว่าน่ารักนี่หว่า” ตอบมันออกไปแบบนั้น ทำหน้าภูมิใจพร้อมๆกับยักคิ้วอีกสองทีส่งไปให้ ไอ้หยีที่กรอกตาใส่พร้อมเบ้ปากมาให้ บางทีผมก็สงสัยนะครับ เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม เราไม่ได้เกลียดกันอ่ะเนอะ
“กลับมาเรื่องอิม็อบ มึงอยู่ให้ห่างมันเอม กูรู้นิสัยมึงดี มึงขี้เกรงใจขี้สงสาร แต่กับบางคนมึงไม่ต้องไปสงสารมันหรอกถ้ามันจะทำให้มึงมีปัญหา มึงไม่ได้โง่ มึงต้องรู้สิวะว่ามันคิดยังไง”
“ขอบใจมากนะป้า ครั้งหน้ากูว่ากูจะพูดกับมันตรงๆว่ากูมีแฟนแล้ว”
“ดีค่ะ เพราะถ้าพี่ดาบหลุดมือมึงไป กูก็คิดไม่ออกแล้วว่าจะมีควายที่ไหนหลงมาหามึงอีกแล้วนะกูพูดเลย”
“สัดป้าหยี”
“รักกกก รักหนูลูก”
“หึ่ย”
“อะๆ ไม่โมโหๆ มากินหญ้าตรงนี้มาๆ” เด็ดหญ้าขึ้นมาให้กูด้วย ได้แต่ส่ายหน้าระอาใจส่งไปให้ ก่อนจะขอตัวแล้วเดินหนีมันออกมา ตั้งใจว่าจะเดินไปทางที่มองเห็นไอ้อิฐ ผมมั่นใจมากๆว่าก่อนหน้านี้เห็นไอ้อิฐ
‘ครืดๆ’
มือถือของผมสั่นในตอนที่กำลังเดินออกไปแถบๆโซนที่เต้นท์พวกปีหนึ่งอยู่ พอหยิบมือถือขึ้นมาดูก็ได้แต่ยิ้มออกมากว้างๆเลยในตอนนี้
“ฮัลโหล สองโหลยี่สิบสี่จ้า”
((รับโทรศัพท์ไม่เหมือนใครเลยนะมึงเนี่ยอิหนู))
“แน่นอน เพราะคนแบบไอ้เอมน่ะมีคนเดียว คิดถึงกันหรอครับคุณแด็ป”
((แด็ปที่หน้ามึงค่ะหนู แต่ใช่ พี่คิดถึงจังเลยครับน้องเอม))
ปลายสายที่พูดออกมาแบบนั้น ลงท้ายประโยคด้วยเสียงทุ้มๆนุ่มๆแบบที่ปกติไม่ได้ชอบทำ แล้วมันยังไงนักวะ ที่พอแค่ได้ยินก็รู้สึกร้อนหน้าแบบแปลกๆ มุมปากผมกระตุกขึ้นเองแบบห้ามไม่อยู่ ยิ้มออกมากว้างๆแบบห้ามกันไม่ได้เลยทีเดียว สุดท้ายผมก็เลยต้องเดินไปนั่งลงบนขอนไม้ใกล้ๆ ไม่ไกลจากผู้คนมาก แต่ก็เงียบพอที่จะได้ยินเสียงของอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น
((น้องเอมเขินหรอครับ หื้ม))
“พี่...”
((ว่าไง))
“พี่ช่วยกลับไปเป็นอิเจ๊พี่มึงทีเถอะ ผมว่าแบบนี้ผมไม่ไหวว่ะ” บอกมันออกไปแบบนั้น ได้แต่ยกมือกุมแก้มตัวเองเอาไว้แบบห้ามไม่อยู่ มึงอย่ายิ้มไปมากกว่านี้ได้ไหมวะไอ้เอม
((หึ อะไรกันวะ ใครมันบอกว่าอยากได้พี่ดาบไง พอตอนนี้มาเรียกหาดานี่ มึงจะเอายังไง))
“กูเขิน พี่ดาบอะไรทำไมแม่งเป็นงี้วะ ไม่ไหวเลยว่ะ ผมว่าผมไม่ไหว”
((กูจะบอกอะไรให้นะหนู...))
“หื้ม
((...ไม่ว่ากูจะเป็นตุ๊ดออกสาว หรือกูจะเป็นอะไร ทั้งหมดมันก็คือกู ... กูที่เป็นแค่คนๆนึง ที่แค่รักมึงแค่คนเดียว...))
“พี่...”
อยู่ๆก็รู้สึกพูดไม่ออกมาซะแบบนั้น เป็นความรู้สึกที่ว่า ถ้าตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าผมคงดึงมันมากอดไว้แน่นๆแล้ว ไอ้หยีพูดถูก ว่าหมดจากพี่ดาบผมคงหาใครที่ดีกับผมแบบนี้ไม่ได้แล้ว และไอ้เก้อเองก็พูดถูก ว่าสำหรับผม มันก็ต้องเป็นแค่คนนี้คนเดียวจริงๆ
“ขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้ผมเจอพี่นะ”
((งั้นก็ขอบคุณความเมากูไหมคะ วันนั้นที่ร้านนั้นที่มึงทำงานน่ะค่ะ เราเลย อิอ๊ะๆ กรี๊ดดดด เอดอก แค่นึกถึงก็เสียวไข่วูบวาบ หน้าแดงหมดเลยค่ะ เขินๆ))
เสียงสองที่กลับมาพร้อมๆกับเสียงกรี๊ดที่ดังแบบไม่บอกไม่กล่าว กูตกใจจนต้องดึงหูโทรศัพท์ออกให้ห่าง เสียงแหลมมากจนแก้วหูกูทนไม่ได้ ถอนหายใจออกมาหน่อยนึง อยากกรอกตาใส่ครับ แต่จริงๆผมเองก็แอบคิดถึงท่าทางแบบนี้ของมันนะ โคตรน่าหมั่นไส้
“นี่พี่อยู่ในงานหรอ”
((ใช่ค่ะ เบื่อมากๆ))
“พี่แต่งตัวยังไง แต่งหน้าเกินไปหรือเปล่า”
((หวง กลัวกูจะสวย))
“กลัวคนในงานตกใจ”
((ถ้ามึงอยู่ใกล้กูจะตบด้วยปากกระชากด้วยลิ้นกูลงโทษมึงค่ะน้องเอม พูดเลย))
“ฮ่าๆ พี่มึงนี่นะ ... ถ้าอยู่ใกล้ตอนนี้ผมก็จะยอมให้พี่ลงโทษเลย” บอกออกไปแบบนั้น ท้าทายครับ เพราะอะไร เพราะมันโผล่มาที่นี่ไม่ได้น่ะสิ ฮ่าๆๆ อยู่ใกล้ใครจะสู้มันได้ครับ ระดับกระเทยปลอมแบบนั้นน่ะ
((ฮึ่ม กูจดไว้แล้ว กลับมามึงเจอกูแน่เอม))
((ว่าแต่วันนี้มีอะไรจะเล่าไหม)) อยู่ๆเสียงอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปซะแบบนั้น และอยู่ๆกูก็รู้สึกขนลุกชูชันขึ้นแบบไม่ทราบสาเหตุด้วยเหมือนกันครับ เอ่อ....อะไรหว่า
“เรื่องอะไรอ่ะ วันนี้มาถึงผมก็เลื่อยไม้เลยเว้ยพี่ เป็นไง เท่ป่ะล่ะ ตอนเย็นก็มาหาไรกิน อาบน้ำในห้องน้ำสังกระสี แต่น้ำเย็นมาก แต่ถึงจะสังกะสีก็ไม่มีใครมาแอบดูนะ บอกไว้เลยหายห่วง”
((หรอ...มันไม่แอบดูมึงอาบน้ำ ก็เพราะว่าแม่งเล่นตามมึงทุกก้าวอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงคะหนู)) สัด! ขนลุกชูชัน
เสียงของอีกฝ่ายที่นิ่งๆ ไม่ได้ล้อเล่นเหมือนก่อนหน้านี้ ขนาดไม่ได้อยู่ด้วยกันตรงหน้าก็ยังรู้เลยว่ามันจะทำหน้ายังไง ... ใคร ใครบอกมึงพี่ หรือไอ้หยีวะ
“พี่...”
((ใช่ไหม อย่าโกหกกู))
“คือ...มันก็ใช่ แต่ผมไม่ได้คิดอะไรนะพี่ดาบ”
((มึงไม่คิดแต่มันคิด เอาจริงๆกูรู้ว่ากูไม่มีเหตุผลที่จะบอกให้มึงอย่าใกล้มัน แต่กูก็อยากบอกว่ะ เอมกูหึง เอาไอ้หัวไม้ถูพื้นนั่นไปไกลๆ อย่าให้กูทนไม่ไหวแล้วต้องรุนแรงกับมันนะ))
ผมยิ้มออกมาในตอนที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น พี่ดาบมันเป็นแบบนี้ตลอดเลย เป็นผู้ชายน่ารักที่มีวุฒิภาวะมากกว่าผม มันพยายามให้เหตุผลกับผมเสมอ แต่แน่ล่ะ บางเรื่องเราคงมีเหตุผลไม่ไหวหรือเปล่า ใครจะทนได้วะ เหมือนที่ผมไม่ทนเวลาเจอพาพวยไง
“เอมขอโทษนะที่คิดง่ายๆ”
((กูรู้จักมึงดีเอม แต่ไอ้เหี้ยนั่น ดีดแม่งออกไปไกลๆ แล้วอย่าไปแดกมันขอมันนะ ขยะ))
“เดี๋ยวนะ พี่มึงรู้เรื่องนี้ได้ไงอิเจ๊พี่มึง” ผมขมวดคิ้วเลย เรื่องมัน มันพึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เองนะ แล้วยังไง ... กูว่าชัวร์ละ ชัดๆเลยไอ้แม่ย้อย
((เรื่องกูค่ะหนู ส่วนมึง กลับมาเจอกูลงโทษแน่ไอ้ควายน้อย))
“หึ่ย พี่มึงมันร้ายนัก”
((ร้ายอะไรกันอ่ะคะ สวยไม่เข้าใจ นี่นางเองนะรู้ยัง สวยมากๆพูดกันตรงนี้ แป๊บนะ เจ๊ขอเติมปากก่อน มั้ว~~))
ไม่ว่าเปล่า ยังทำเสียงเหมือนเวลาผู้หญิงทาลิปเสร็จแล้วชอบเม้มปากประกบกันแล้วทำเป็นเสียงเหมือนจูบใส่ผมอีก มันกวนตีนกันตลอด
“พี่แม่ง”
((แม่งอะไรครับเอม))
“แม่งน่ารักวะ เอมรักพี่น้า”
((สัดเอ้ย ใจกูจะวาย คืนนี้กูต้องไปสีหมอนแล้วว่ะเอม))
“ทุเรศว่ะพี่แม่ง อย่าเอากางเกงในกูไปดมนะ บ็อกเซอร์ก็ไม่ได้กูหวง พูดเลย”
((นี่มึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ ... ขอแค่หมอนกลิ่นมึงจะได้ไหม นะ))
“โว้ยย พี่แม่ง”
((ฮ่าๆ คิดถึงมึงว่ะเอม นี่กูอยู่ในงานแต่หลบพ่อกับแม่มา น่าเบื่อฉิบหาย ใกล้จะเริ่มงานละ))
“โอเคครับ พี่ไปเถอะ พรุ่งนี้ผมก็กลับแล้ว แล้วเราค่อยเจอกันนะ”
((โอเคเลยครับ งั้น ... ดานี่ แอบมาอยู่นี่เอง ...))
ดานี่...
“หื้ม เสียงใครวะพี่ดาบ” ผมขมวดคิ้วทันทีในตอนที่ได้ยินเสียงของใครอีกคนแทรกเข้ามา เป็นเสียงที่พูดตรงๆเลยว่า ขนาดหลับฝันผมก็ยังจำได้แม่น
((เอม เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ ไว้เจอกันนะคะควายน้อย))
“เดี๋ยว พี่ดาบ เดี๋ยวมึง...”
‘ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ดดด’
สายถูกตัดไปแล้วทั้งแบบนั้น ผมได้แต่ก้มลงมองมือถือที่หน้าจอกลับไปเป็นสีดำสนิทเพราะปลายสายวางไปแล้วจริงๆ อยู่ๆหัวใจของผมก็เต้นแรงขึ้น วันนี้พี่มันไปงานกับที่บ้านของมัน ผมรู้เรื่องดีเพราะพี่มันมาเล่าให้ฟังแล้ว แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือว่า ในงานวันนี้มีพาพวยไปด้วย ทำไมมันไม่บอกผม ...
และเพราะอะไรถึงต้องวางสายไปแบบนั้นโดยไม่อธิบายอะไรกับผมสักคำแบบนั้น
อยู่ๆมือก็ชื้นเหงื่อขึ้นมาแปลกๆ อยากจะโทรกลับไปถาม อยากจะได้คำตอบออกมาเดี๋ยวนี้ แต่ผมรู้ดีว่าถึงทำแบบนั้นไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะถ้าพี่มันตั้งจะบอก มันคงไม่เลือกจะวางสายไปแบบนั้น
ได้แต่กดปลดล็อคมือถือแล้วเข้าแอพไลน์ ตรงเข้าไปกดเข้าไปในห้องแชทของคนที่อยู่บนสุดเสมอเพราะปักหมุดเอาไว้
[[เอม: ผมเชื่อใจพี่นะ...แต่กลับไป]]
[[เอม: มึงกับกูมีเรื่องต้องคุยกันอิเจ๊!]]“สัด น่าโมโหจริงๆเลยเว่ย” เก็บมือถือลงไปไว้ในกระเป๋ากางเกง ลืมไปแล้วว่าจริงๆตั้งใจจะเดินออกมาที่นี่ทำไม ในหัวของผมมีแต่เสียงของพะพายที่แทรกเข้ามา ผมอยากรู้เรื่องราวทั้งหมด อยากรู้ว่าทำไมพาพวยถึงไปอยู่ตรงนั้น แล้วมันเพราะอะไรอิเจ๊พี่มันถึงปิดกูแบบนี้! แค่คิดก็ไฟลุกแล้วกู แม่ง!
เดินสับขากลับมาทางที่จะไปที่เต้นท์ของพวกปีสอง คิดว่าอยู่แบบนี้กูคงจะงุ่นงานไม่เลิก กลับไปนอนน่าจะดีกว่า เต้นท์ถูกแบ่งแยกระหว่างชายหญิง นอนเต้นท์ละ4คนครับ เพราะงั้นไอ้หยีเลยไปนอนกับพวกผู้หญิงในรุ่น เต้นท์ผมมีผม ไอ้เก้อ และเพื่อนในรุ่นที่รู้จักกันอีก2คน
ระหว่างทางเดินที่จะกลับไป บังเอิญไปเห็นเงาตะคลุ่มๆบางอย่าง เหยดแม่ ผีหลอกกูแล้วสัด คาถาอะไรดีในจุดๆนี้ ... ในตอนที่กูตั้งใจจะหันหลังวิ่ง ก็ต้องชะงักขาเพราะความเสือกสะกดเอาไว้
“ปล่อยกูพี่เก้อ มึงไม่มีสิทธิ์มาลากกูแบบนี้นะ มึงนึกว่าถ่อยแล้วเท่หรอวะ”
“แล้วไงอ่ะ กูไม่มีสิทธิ์แล้วใครมี ไอ้เด็กเหี้ยคณะอื่นคนนั้นหรอวะ”
“มึงเป็นบ้าอะไรของมึงวะ ไอ้อิฐมันเพื่อนผม ส่วนพี่ก็คือพี่ผม ผมว่าเราคุยกันจบไปแล้วนะ”
“มึงจบแล้วกูบอกว่าจบหรอสัด มึงพูดๆจบแล้วก็ไป ฟังกูพูดสักคำไหมวะ”
“ไม่ต้องฟังกูก็เข้าใจว่ะพี่ ไม่ว่าตอนไหน เรื่องของเราก็ต้องจบอยู่ดี จะวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องจบ มึงมาเอากูแทนไปเรื่อยๆมันทำให้มึงเลิกรักพี่เอมหรอวะ”
“กูไม่ได้เอามึงแทนเอม ฟังกูบ้างสิวะไอ้เสือ!”
เสือ!!!
เสืออออออออ
น้องเสือหรอวะ!!!
กูนี่อ้าปากค้างอยู่กลางทางข้างต้นไม้ใหญ่เลย เหยดแม่ อยากกรี๊ด ไอ้เก้อไอ้เสืออะโบ๊ะจะม๊ะป๊ะเท่งป๊ะกันจริงๆ นี่มันอะไร เมื่อไหร่กันวะ
“ฟังนะพี่มึง ขอบใจที่มึงบอกว่าไม่ได้เอากูแทนใคร แต่มึงไม่ได้รักกู ต่อให้ไม่มีกู มึงจะไปเอาใครก็ได้”
“แต่กูไม่ได้อยากเอาใครก็ได้!”
อ๊ากกก กูอยากกรี๊ด อิเก้ออิเหี้ย มึงพูดขนาดนี้ มาขนาดนี้เลยนะเพื่อน ... ผมมองเห็นไอ้เก้อที่ทำหน้าเครียด มันที่จับมือของไอ้น้องเสือเอาไว้ไม่ปล่อย ดูทรงแล้วจะทะเลาะกันแน่ๆ
“พอเหอะว่ะพี่ อย่าทำแบบนี้กับผมเลยว่ะ”
“กูทำอะไรให้มึงทรมานมากหรอวะมึงถึงมาบอกให้เราจบกันแบบนี้อ่ะ”
“แล้วเกมส์นี้มันแฟร์กับกูหรอวะไอ้สัด มึงที่ปล่อยให้กูรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวแต่ตัวเองไม่รู้สึกเหี้ยอะไร แฟร์กับกูหรอสัดเก้อ เกมส์ที่เล่นแล้วไม่มีเส้นชัยกูจะเล่นต่อไปทำเหี้ยอะไรล่ะ!”
น้องเสือที่พูดรัวๆออกมาแบบนั้น มันที่ตะโกนออกมาเสียงดังแบบไม่สนใจอะไร หรือถ้าพูดจริงๆผมคิดว่าพวกมันสองคนคงไม่ได้คิดว่าจะมีใครมาแอบฟัง ถ้าไม่เป็นเพราะผมโมโหมากเกินไปก็คงไม่เดินมาไกลขนาดนี้
“มึง...เสือ...... มึงหมายความว่า....”
“อย่าแกล้งโง่ มึงไม่ได้โง่ไอ้เก้อ มึงรู้ว่ากูรู้สึกยังไง เลิกเล่นกับใจกู แล้วกลับไปตามหาใจมึงที่มึงต้องการเหอะ มาอยู่กับกูก็ไม่ได้อะไรนอกจากทำให้ใครอีกคนแบบกูยิ่งรู้สึกเสียใจก็แค่นั้น ถ้ายังเห็นกูเป็นน้องแบบที่มึงว่า ก็ปล่อยกูไปซะ”
น้องเสือมันพูดจบแค่นั้น มองจากตรงนี้ผมเห็นน้องมันน้ำตาไหล มันที่เป็นเด็กที่ดูเข้มแข็งมากๆจากหลายๆครั้งที่เคยเจอกัน เป็นเด็กที่ดูกล้าได้กล้าเสียและร่าเริง ไม่เคยคิดเลยว่าพอมันร้องไห้แล้วจะดูน่าสงสารมากขนาดนี้ ... ตาน้องมันสวยครับ
น้ำตาที่ไหลลงมาจากดวงตาคู่นั้น มันไม่สะอื้นสักนิด แค่มองตรงไปที่ไอ้เก้อที่ตอนนี้ยืนทำหน้าอึ้งแบบพูดอะไรไม่ออก มันที่ได้แต่ค่อยๆปล่อยมือเรียวคู่นั้นของน้องออกช้าๆ น้องเสือที่ไม่ได้เช็ดน้ำตาตัวเองแต่ทำแค่กลับหลังหันแล้วเดินหนีออกไป ไอ้เก้อที่ยืนทำหน้าโง่มองตามน้องไปอยู่แบบนั้น พูดตรงๆจากสายตาคนนอกแบบผม ผมไม่เคยเห็นไอ้เก้อมองใครแบบนั้น แม้แต่ผมเองมันก็ไม่เคยใช้สายตาแบบนั้นครับ
“กู...ขอโทษ”
มันที่พูดเบาๆแล้วก้มหน้าลงมองเท้า พื้นดินตรงหน้าของมันเป็นดวงลงมาในตอนนั้น เห็นแบบนั้นแล้วผมได้แต่เบิกตากว้างแล้วยกมือขึ้นปิดปาก ... ไอ้เก้อร้องไห้
“ไม่รู้สึกแล้วเสียใจทำเหี้ยไรวะ หึ ตลกว่ะไอ้สัดเก้อ”
เออ ตลกจริง ไอ้เพื่อนโง่ ไม่รู้สึกก็เหี้ย กูมองจากยอดดอยอ่างขางก็มองออกว่ามึงชอบน้องเสือ สาดดดดดด
‘สวบสาบ’
เสียงพุ่มไม้ด้านหลังผมขยับ ทำให้ต้องหันไปมอง ก่อนจะตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นใครอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น บนหัวของมันมีกิ่งไม้ปักอยู่ เราสองคนมองสบตากันแล้วได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ
“สมแล้วที่เราเป็นเพื่อนกัน” ไอ้หยีทำปากว่าออกมาแบบนั้นเบาๆ
นี่มันอะไรกันวะ ... รวมพลคนเสือกหรอเนี่ย เจ็บไข่จริงๆเลยโว้ย!
--------------To be continued------------
มาแล้วค่ะ มาลงแล้วเช่นเดิม ... สำหรับตอนนี้แคทขอสารภาพว่าเขียนภายในวันนี้วันเดียวแล้วเอามาลงเลย
เพราะตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาแคทไม่ได้แตะงานเลยค่ะ อย่างที่คนอ่านบางท่านได้เห็นที่แคทโพสไปในเพจเมื่อต้นอาทิตย์
ความคิดที่ว่าอยากปิดเรื่องพี่ดาบไปเป็นความจริงค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่วูบๆวาบๆเข้ามาตลอดตั้งแต่เขียนเรื่องนี้มา
พูดตรงๆว่าแคทไม่เคยร้องไห้กับคอมเม้นท์ของคนอ่านเลยตั้งแต่เขียนหนังสือมา แต่เขียนเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ร้องไห้
แคทต้องขอโทษจริงๆที่งานเขียนของแคทมันยังดีไม่พอ ตอนแคทวางพล็อตแคทก็ตั้งใจอยากให้มันเป็นนิยายสนุกๆ
แต่พอเขียนไปเขียนมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันถึงไม่สนุก เนื้อหามันถึงมีแค่นี้ ประเด็นมันเอื่อย นายเอกงี่เง่าและต่างๆนา
ทั้งหมดนั่น แคทขอโทษจริงๆค่ะ แคทขอโทษจริงๆนะที่วางและเขียนออกมาแบบขาดอะไรหลายๆอย่าง
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ แคทต้องขอบคุณคนอ่านหลายๆท่านที่ทักทายเข้ามา มาให้กำลังใจ รวมถึงความห่วงใยที่มากมายจนแคทไม่รู้ว่าแค่ขอบคุณมันพอไหม
ขอบคุณทุกๆท่านที่ส่งกำลังใจเข้ามามากๆค่ะ แคทได้อ่านมันทั้งหมดเลย แต่ขอโทษที่อาจจะยังตอบไม่ครบ
ขอบคุณคนอ่านทุกๆท่านที่อยู่ด้วยกัน และชื่นชอบงานของแคทที่มันไม่ดีเท่าไหร่ ขอบคุณกำลังใจ และคำติชมมากมายที่มอบให้กัน
ต่อจากนี้แคทก็ยังจะพยายามมากๆต่อไปค่ะ ... เพราะแบบนั้น ในวันนี้เลยมาลงตอนนี้ต่อ ถึงมันอาจจะไม่ดี แต่แคทก็ยังหน้ามึนเขียนต่อไปนะคะ
ขอบคุณ และ ฝากรักเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยด้วยนะคะ