Beauty and the boy สวยๆเป็นผัว [อัพ ตอนพิเศษ {22/05/21}]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Beauty and the boy สวยๆเป็นผัว [อัพ ตอนพิเศษ {22/05/21}]  (อ่าน 178985 ครั้ง)

ออฟไลน์ Alich85

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :3125:พาพวยนี่ยังไงนะ สตรอเหรอเรา อิเจ๊ตบเลยค่ะจะได้จบๆ

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่41




“เป็นเด็กดีนะคะหนู”



“เลิกพูดแบบนี้สักทีเถอะน่า ผมเคยดื้อที่ไหนเล่า”



“มึงนี่ตัวดี ยืนหนึ่งความดื้อในโลกของควายเลยล่ะ”



“อิเจ๊พี่แม่งชอบว่ากัน”



“หึ มาจงมาเจ๊ แต่ถึงจะเจ๊ก็ผัวดุๆของมึงอ่ะเนาะ”  คนตรงหน้าที่ยืนพิงมอเตอร์ไซค์ที่ชื่อว่าจุ๊บจิ๊บของตัวเองอยู่ ยื่นมือมาหยิบหมวกกันน็อคออกไปจากหัวของกันแล้วพูดออกมาแบบนั้นแล้วขยิบตาให้อีกหนึ่งที ถือเป็นการกวนตีนกันสำเร็จในความคิดของพี่มัน



“ก็ไม่เห็นจะดุเท่าไหร่เลยน้า”



“มึงท้าทายกูหรอคะอิหนู” มันว่าแบบนั้นพร้อมๆกับดวงตาที่แข็งขึ้นในตอนที่มองหน้ากัน ดวงตาคมที่วันนี้ไม่ได้แต่งหน้าทาปากหรือกรีดอายไลน์เนอร์แบบที่เจ้าตัวชอบ ก็มีแค่ใบหน้าสดๆไร้เมคอัพเพราะถูกปลุกให้มาส่งผมให้ทันเรียนตอนแปดโมงเช้า เพราะวันนี้อาจารย์จะสอนชดเชย เลยต้องมาเรียนไวกว่าทุกทีหนึ่งชั่วโมง ... ไม่อยากจะบอก ตัวอยู่มหาลัย จิตใจไอ้เอมอยู่ที่เตียงนอน



“ยังไง คือมึงจะเอาใช่ไหมคะ”



“เอาอะไร ใครจะเอาอะไรกันอ่ะ ฟังแล้วไม่เห็นจะเข้าใจเลยครับ” แกล้งยักไหล่แล้วยิ้มทะเล้นใส่มันไปแบบนั้น พี่มันที่มองกันแบบคาดโทษไว้



“แกล้งโง่ไปเหอะ เดี๋ยวกูสอนมึงใหม่ในทุกๆท่า อย่ามาร้องละกัน”



“โวะ ทำไมเจ๊ชอบทะลึ่งจังวะ”



“เอ้า ผิดตรงไหนที่กูอยากให้มึงเก่งไงคะ”



“เก่งเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ หึ่ย มีแต่คนแบบเจ๊เท่านั้นแหล่ะที่ชอบอ่ะ”



“จะบอกว่ามึงไม่ชอบ”  ถามแบบนั้นแล้วเลิกคิ้วมองหน้ากัน ท่าทางแบบนั้นที่ยิ่งเพิ่มระดับความดูดีของพี่มันมากขึ้นไปอีก



“อะ เถียงไม่ได้ เพราะอยู่ใต้ตัวกูทีไรมึงก็ร้องเสียงดีทุกทีเลย รู้สึกเหมือนมีเมียเป็นสายโวคอลเลยอ่ะค่ะ”



“โว้ย ผมไม่อยากคุยกับเจ๊แล้วแม่ง ไปดีกว่า”



“ฮ่าๆ เขินแล้วชอบฟึดฟัดอ่ะค่ะ ดูออกนะคะ”  หัวเราะออกมาเสียงดัง ถูกใจที่ทำให้กูอายได้แหล่ะ



“ไปค่ะ ไปเรียนได้แล้ว เย็นนี้กลับเองได้นะคะ”



“ได้น่า เมื่อก่อนผมก็กลับเองตลอดนี่หว่า”



“ก็ตอนนี้มึงมีกูแล้วไงคะ มันก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วไหมอ่ะหนู” ว่าออกมาแบบนั้น สายตาคมที่มองมาที่ตาของผม ทำให้รู้สึกร้อนหน้าจนต้องเสหน้าหนี และสายตาก็บังเอิญไปเห็นรถคันดำยี่ห้อหรูที่ดูจะคุ้นหน้าคุ้นตาดีเลี้ยวเข้ามาจอดในลานจอดห่างออกไปไม่ไกลตรงผมเท่าไหร่



“มองอะไรคะ กูทำซึ้งอยู่ มึงบังอาจสนใจอะไรมากกว่าคนสวยๆแบบกูหรอคะอิหนู” 



“เดี๋ยวสิเจ๊พี่ดาบ”



“อะ เรื่องเสือกเมียกูก็คือสกิลไม่ธรรมดา”  มันว่าออกมาแบบนั้นพร้อมผิวปากเป็นเชิงล้อกัน อดไม่ได้ต้องหันกลับมามองค้อนมันทีนึง อีกคนก็แค่ยกยิ้มมุมปากส่งมาให้ แล้วยื่นหัวชะโงกไปทางเดียวกันกับผมทันที



“มึงมองอะไร ขอกูดูด้วยคนค่ะ”



“มึงก็เสือกใช่ไม่ใช่”



“ไม่งั้นเราจะคบกันหรอคะ คู่รักขี้เสือกสะท้านโลกไง”  กูนี่กรอกตาเลย เกลียดชื่อที่มันตั้งครับ ... แต่ถึงแบบนั้นผมก็ละสายตาจากพี่ดาบแล้วมองไปทางเดียวกัน ไม่กี่นาทีต่อมาก็เป็นแผ่นหลังที่คุ้นตาของไอ้เก้อที่ลงมาจากรถ ได้ยินเสียงพี่ดาบมันจิ๊ปากแบบหงุดหงิดนิดหน่อยตอนที่เห็นหน้าไอ้เก้อ



“นี่มึงมาแอบมองไอ้ล่ำต่อหน้ากูหรอคะ”



“ชู่วว เจ๊เงียบน่า นั่นๆๆๆ เห็นไหม่” บอกมันไปแบบตื่นเต้นในตอนที่ประตูข้างคนขับเปิดออก



“เอ๊ะ เด็กคนนั้น” 



“หื้ม เจ๊พี่ดาบมึงรู้จักด้วยหรอ” หันไปมองหน้าคนข้างๆที่ตอนนี้ก็เอาคางมาเกยไหล่ผมไว้จากทางด้านหลัง พอหันหน้าไป แก้มก็เลยแนบเข้ากับสันจมูกโด่งของอีกคนแบบเต็มๆ ในตอนนั้นที่สายตาของพี่มันที่มองมาด้วยแววตาระยิบระยับ พร้อมๆกับริมฝีปากหยักที่ยกยิ้มมุมปากขึ้นมานิดๆ



“เห้ย” ผงะหน้าหนี พร้อมๆกับที่ผมก็ขยับตัวหนีไปด้วยในตอนนี้



“ร้องดังทำไมอ่ะคะ กูเปล่าจู่โจมหอมแก้มมึงนะคะ มีแต่มึงเนี่ย เป็นใจ ตั้งใจอ่อยกูแหล่ะ อยากให้กูหอมแหล่ะดูออกน้า”



“ผมเปล่านะเว้ย” ยกมือกุมแก้มตัวเองแล้วเถียง รู้สึกร้อนๆหน้าไปหมด ดีนะที่ตอนนี้มันยังเช้ามากๆเลยยังไม่ค่อยมีใครมาอยู่ที่ลานจอดรถตรงนี้ พอนึกว่าถึงตรงนี้ก็รีบหันหน้ากลับไปที่รถไอ้เก้อ และใช่...แม่งหายไปทั้งน้องเสือทั้งไอ้เก้อแล้ว



“วุ้ย ไม่ทันเลยเนี่ย”



“ก็จะอยากเสือกอะไรขนาดนั้นล่ะวะเอม”  พี่มันถอนหายใจออกมา ทำท่าทางแบบระอากันนิดๆ แหม...ทำมาเป็นระอากู เมื่อกี้ก็ยื่นหน้ามาเสือกด้วยกันอยู่เห็นๆอ่ะ



“เจ๊พี่ดาบมึงจะไปเข้าใจอะไรอ่ะ ถ้าเราได้รู้เรื่องแค่ครึ่งๆกลางๆจิตใจเราจะไม่สงบ เราจะไม่มีสมาธิเวลาเรียนนะ”



“อะ ขนาดนี้แล้วนะเมียกูอ่ะ”



“บ่นไรงึมๆงำๆ หันหน้ามาพูดกันดีๆก็ได้อ่ะ” เห็นพี่มันขยับปากครับ แต่ฟังไม่ค่อยจะได้ยิน



“เปล่าๆค่ะอิหนู ว่าแต่ทำไม อิล่ำนั่นจะมากับใครแล้วทำไม”



“ก็เพราะว่ามันมากับน้องเสืออ่ะดิที่น่าสนใจ มันไปดีกันตอนไหนวะ”  สงสัยมากๆ เรื่องนี้ไอ้เอมต้องเอาไปบอกเล่าเก้าสิบกับอิป้าให้ได้เลย



“มันคบกันหรอวะ”



“เหยดดด สกิลการเสือกของเจ๊พี่มึงก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย มองแค่นี้ก็ได้กลิ่นอ่ะ ฉลาดจังเลยครับ” ผมยิ้มกว้างๆแล้วเอื้อมมือไปลูบหัวพี่มันสองสามที ฉลาดแสนรู้จริงๆเลยครับ



“อะ เล่นหัวกูไปอีก เพื่อนเล่นมึงเลยนะอิหนู”



“หยอกน่า ... ผมไปเรียนก่อนดีกว่า บ๊ายบายน้า ... แล้วไปกับคุณป๊าวันนี้อย่าดื้อนะรู้เปล่า” ผมกำชับพี่มันอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อคืนนี้คุณป๊าโทรมาบอกว่าคืนนี้อยากให้พี่ดาบมันไปงานเลี้ยงด้วย เป็นงานเลี้ยงที่พ่อเลี้ยงของพระพายเชิญไปครับ ผมไม่ค่อยสบายใจ แต่อย่างน้อยพี่มันก็บอกผมตรงๆว่าต้องไปเพราะอะไร



“รู้แล้วค่ะ กูจะพยายามทาปากไปสีอ่อนที่สุดนะคะไม่ต้องห่วง”



“กูห่วงตรงนี้นี่แหล่ะ” ถอนหายใจหนักๆใส่เลย แต่อีกคนก็แค่ยักไหล่แบบไม่สนใจเท่าไหร่พร้อมวาดขาขึ้นคล่อมอิจุ๊บจิ๊บไว้แบบแสนเท่



“เอม” อีกคนที่สวมหมวกกันน็อคแบบเต็มใบเรียบร้อย หันหน้ามาเรียกกันแบบนั้น



“หื้ม”



“ไม่ต้องกังวลอะไรนะ”  พูดย้ำแบบนั้นในตอนที่เรามองตากัน ผมได้แต่พยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มไปให้



“อื้ม เอมจะรอที่ห้องนะ”



“ครับผม เจอกันคืนนี้นะ” บอกแบบนั้นก่อนจะเอื้อมมือไปปัดกระจกหมวกกันน็อคให้เรียบร้อย ก่อนที่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่นั่นจะค่อยๆเคลื่อนตัวออกไป ผมที่ยืนมองแผ่นหลังกว้างนั่นค่อยๆห่างออกไปช้าๆแล้วยิ้มกับตัวเอง



ดีจังที่มีพี่มันเป็นคนรักของผม



คิดแบบนั้นแล้วก็อยากจะยกมือขึ้นตบกะโหลกตัวเองจริงๆ น่าอายฉิบหาย ขยี้ผมตัวเองจนเหนื่อยก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวไปเรียนได้ แต่พอหันกลับมาก็ต้องสะดุ้ง



“เชี่ยม็อบ!” ผงะถอยหลังหนีสองก้าว เพราะแม่งมายืนสิงหลังกันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้



“ตกใจง่ายจัง ไม่ระวังตัวเลยนะครับ ผมมายืนอยู่ข้างหลังพี่ตั้งนานยังไม่รู้ตัวเลย” มันที่ว่าออกมาแบบนั้น วันนี้มันไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษา แต่งตัวด้วยชุดธรรมดาที่ผมไม่คุ้นตาเท่าไหร่ ปกติมันจะชอบแต่งตัวแบบสุภาพไปทางโทนผู้ดี แต่วันนี้มันกลับอยู่ในเสื้อยืดคอกลมสีดำธรรมดากับกางเกงยีนส์สีสนิม



“ห่า แล้วมึงมีไร มาสิงกูขนาดนี้”



“ก็เปล่า แค่อยากมาเจอพี่”



“แล้วรู้ได้ไงว่ากูจะมาเรียนตอนนี้” ผมขมวดคิ้วใส่มันเลยครับ ไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่มันทำแบบนี้ ผมตกใจ และมากกว่าความตกใจก็คือวันก่อนผมเห็นมันอยู่กับพาพวย ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้ตาฝาด เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้ผมไม่สนิทใจกับมันเหมือนเดิม



“มีอะไรเกี่ยวกับพี่ที่ผมไม่รู้บ้าง”



“กูจะไปรู้กับมึงเรอะ เฮ้อ ถอยๆ กูจะไปเรียนแล้วไอ้ม็อบ...ว่าแต่ทำไมมึงแต่งตัวงี้วะ”



“ผมก็แค่เข้ามา ไม่ได้มาเรียน”  มันบอกแบบนั้นแล้วกูก็ต้องขมวดคิ้วกับคำพูดของมันเลย นี่กูโง่จริงๆหรือมันพูดเข้าใจยากเลยไม่ค่อยเข้าใจที่มันพูดกันวะ



“อะ เรื่องของมึงเถอะงั้น”  ไม่อยากพูดกับมันครับ ตอนนี้เจ็ดโมงครึ่ง ก็ยังมีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนเข้าเรียน



“พี่เอม”



“ว่าไง” หันไปมองมัน มันที่ยังยืนอยู่ที่เดิมแล้วมองหน้าผมอยู่แบบนั้น



“ทุกวันนี้พี่ทำงานกับพี่ดาบหรอ”



“หื้ม หมายถึงไรวะ”



“พี่รับจ้างทำงานบ้านให้เค้า แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรอว่าชีวิตพี่ผูกติดกับเค้ามากไปนะ ถ้าไม่มีเค้าพี่จะเหลืออะไรอ่ะ จะเอาเงินเอางานที่ไหนมาใช้มาทำ” มันพูดออกมาแบบนั้นทำให้ผมต้องหันไปมองหน้ามันเต็มๆหน้า ไม่เข้าใจที่มันพูดมาว่าคืออะไร แต่คิ้วผมก็ขมวดเข้าหากันไม่หยุด



“มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไง”  เดินตรงกลับไปหามันที่ตอนนี้ก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม มันยักไหล่นิดหน่อยตอนที่ผมเดิมเข้าไปใกล้



“ว่ายังไง มึงหมายความว่าไง”



“ก็ไม่ได้หมายความว่าไง จริงๆผมแค่อยากมาชวนพี่ไปทำงานที่ร้านกาแฟที่มาเปิดใหม่หน้ามอแค่นั้นแหล่ะ”  ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยิ้มกว้างๆออกมาแบบที่มันชอบทำ หน้าตาซื่อๆของมันที่ยิ้มกว้างๆให้กัน



“ชวนกูไปทำงาน”



“ครับ พอดีเป็นร้านของรุ่นพี่ที่ผมรู้จักอ่ะ เค้ามาเปิดที่หน้ามอ ก็แค่คิดว่าพี่น่าจะทำได้”



“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแฟนกู ที่มึงบอกว่าถ้ากูไม่มีเค้ากูจะเหลืออะไร” จ้องหน้ามัน แต่อีกคนก็ยังคงยิ้มใสๆแบบที่ชอบทำกลับมาให้ มันหัวเราะไปด้วยในตอนนี้



“พี่คิดมากอะไรวะ ผมก็แค่พูดไปงั้น สมมุติว่าพี่เลิกกันงี้”



“กูบอกมึงแล้วไงวะว่าไม่มีแพลนจะเลิกกันอ่ะ” รู้สึกฉุนๆขึ้นมานิดหน่อยเลยขึ้นเสียงใส่มัน ทำไมแม่งชอบมาแช่งวะ ห่า



“โอเคๆ ผมรู้แล้วน่า ไม่ต้องขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งแบบนั้นก็ได้นี่ครับ” ว่าแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมาดึงแก้มกู ยกมือขึ้นฟาดมือมันแต่ไม่ทันเพราะมันชักมือกลับก่อน



“กวนตีนจังวะม็อบ”



“ฮ่าๆ พี่รู้ตัวไหมว่าขนาดพี่ด่าก็ยังน่ารัก”



“พอ เลิกชมกู” ตัดบทออกไปแบบนั้น



“แต่ผมพูดจริงนะ ทุกเรื่องเลย”



“เออๆ กูไปล่ะ” ผมตัดสินใจหันหลังหนีมัน ขี้เกียจจะฟังคำพูดของมันอีก ไร้สาระครับ



“พี่เอม”



“อะไรอีกล่ะวะ!” ฉุนเฉียวนิดหน่อย เรียกกูแม่งอยู่นั่นแหล่ะ กูเดินยึกๆยักๆเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ รู้สึกเหมือนคนบ้านิดหน่อย



“อย่าลืมเรื่องร้านที่ผมบอกนะพี่ ถ้าพี่สนใจ เข้าไปสมัครแล้วบอกว่าผมแนะนำมาได้เลยนะ”



“เออๆ ทำตัวเหมือนมึงได้ค่าโฆษณานะ”  ว่ามันแบบนั้น แต่อีกฝ่ายกลับแค่ยิ้มให้กัน ผมถอนหายใจหงุดหงิดนิดหน่อยในตอนที่มองหน้ามัน รู้สึกเซ็งนิดๆ คิดว่าสีหน้ารำคาญของผมคงจะเก็บไม่มิดอีกแล้วในตอนนี้ แต่ไอ้ม็อบก็แค่ยิ้มมาให้กันแบบที่มันชอบยิ้มให้ผมเสมอ 



“พี่เอม...ผมชอบพี่จริงๆนะ” มันพูดออกมาอีกครั้ง ไม่แม้แต่จะสนใจสีหน้าของผมว่าเป็นยังไง มันแค่ยิ้มและพูดออกมาแบบนั้น ผมถอนหายใจหนักๆแล้วในตอนนี้ อยากจะพูดอะไรออกไปให้มันเข้าใจสักที แต่ไอ้ม็อบก็แค่พูดขัดขึ้นมา



“ผมก็แค่อยากบอกพี่ไว้ ว่าผมชอบพี่จริงๆ ... ก็แค่นั้น” บอกแล้วก็ยังยิ้มมาให้แม้ว่าผมจะทำหน้านิ่วแค่ไหนก็ตาม



“พี่ไปเรียนเถอะ โชคดีนะครับ”



“โวะ ไม่รู้อะไรของมึง กูไปละ” ถอนหายใจทิ้งๆอีกรอบแล้วหันหลังเดินจ้ำขายาวๆหนีมันมา ไม่รู้เหมือนกันว่ามันทำหน้ายังไง แต่คิดว่ามันก็คงจะยิ้มบ้าบอแบบที่มันชอบทำเหมือนเดิมนั่นแหล่ะ



               เดินขึ้นมาบนห้องเรียนเจอกับไอ้หยีที่ตอนนี้กำลังหยิบกระจกขึ้นมาส่องหน้าตัวเองเหมือนที่มันชอบทำเป็นประจำทุกวัน กลับเรื่องเรียนมึงจริงจังขนาดนี้ไหม อยากจะถามจริงๆครับ



“เอ้า อิเอมมมมม มาแล้วหรอคะหนูลูก มาเช้าน้า กูก็นึกว่าจะมาไม่ไหว” จีบปากจีบคอทักทายกัน ด้วยเสียงที่ดังเอาซะเพื่อนทั้งห้องรู้ว่ากูมาถึงแล้ว



“เสียงดังจังวะป้า แล้วทำไมกูต้องมาไม่ไหวด้วย” วางกระเป๋าลงบนโต๊ะว่างๆแล้วทรุดตัวลงนั่งที่โต๊ะแลคเชอร์อีกตัวข้างๆมัน

“ก็นึกว่าพี่ดาบทำการบ้านมึงหนักๆอ่ะค่ะลูก แบบว่าอาจจะมาเรียนเช้ามากแบบนี้ไม่ไหวหรือเปล่าน้า”



“มึงนี่เป็นผู้หญิงยังไงวะป้า พูดแต่ละอย่างแบบนี้ไงถึงไม่มีผัวอ่ะ” ท้อครับ อยู่ๆอยากพูดเรื่องบนเตียงของกูก็พูดขึ้นมาหน้าตาเฉยเลย



“เอ๊ะ กูแค่เป็นห่วงไหมอ่ะคะ นี่มึงล้อปมกูหรอ บุลลี่กูเรื่องไม่มีผัวหรอคะ ไปตบกับกูนอกห้องเดี่ยวนี้เลยไป กล้าดียังไงมาว่าคนสวยแบบกูคะ!”



“เฮ้อ ไม่แปลกใจจริงๆที่มึงเคยเป็นน้องรหัสอิเจ๊” มองหน้ามันแล้วถอนหายใจปลง ไอ้หยีหรี่ตามองกันนิดหน่อยตอนที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น



“สวยเหมือนกันหรอคะ”



“แรดพอกันเลย”



‘เพี๊ยะ’



“โอ๊ย เจ็บนะป้า”  เอามือลูบแขนทันทีที่มันตีกันเสร็จ ฟาดลงมาแบบไม่ยั้งมือ คิดว่าแขนกูต้องแดงแน่ๆ ทำไมเป็นคนร้ายๆแบบนี้



“กวนตีนกูนักนะคะ”



“น่าป้า ให้กูกวนตีนแก้เซ็งหน่อยสิวะ”



“ทำไม มึงเซ็งเรื่องไร หรือพี่ดาบเสร็จไวก็เลยเซ็งหรอ ก็ไม่น่าไหมวะ” ว่าแบบนั้นพร้อมเก็บแป้งพัฟลงในกระเป๋าของมัน ใบใหม่ครับ เป็นกระเป๋าคลัชของBalenciaga รุ่นใหม่ที่เป็นลายกราฟฟิกเท่ๆ ... ใช่ครับ พี่ดาบซื้อให้มันตามสัญญาตั้งแต่กลับมาจากค่ายแรกๆแล้วครับ



“ไม่ใช่โว้ยป้า มึงคิดอะไรวะเนี่ย”



“อุ๊ย กูก็ว่าแล้วค่ะว่าคงไม่ใช่หรอก” ยักคิ้วหลิ่วตาล้อกูจนพอใจก็ยกขาเรียวสวยของมันขึ้นมานั่งไขว่ห้างแล้วใช้แขนเท้าคางหันมามองหน้าผม



“พร้อมเสือกแล้วสินะป้า”



“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ให้ใช้คำว่า พร้อมที่จะรับฟังเรื่องราวในหัวใจของเพื่อนแล้ว”  ใช้คำซะสวยผิดการกระทำแม่งเหลือเกิน



“กูแค่เซ็งไอ้น้องม็อบ”



“ผู้มาจีบอีกแล้วหรอคะลูก มึงก็พูดกับมันตรงๆไปแล้วไม่ใช่หรอ”



“ก็พูดไปแล้วนะป้า ชัดกว่านี้คือกูต้องบอกว่ากูได้กันท่าไหนแล้วนะ”



“อู๊ย ซี๊ดปาก ว่าแต่ท่าไหนหรอมึง”



“อันนี้กูประชด แต่สีหน้ามึงคืออยากรู้จริงนะป้า” ผลักไหล่มันให้ไปไกลๆครับ แต่ไอ้หยีก็ขยับกลับมาใกล้กันเหมือนเดิม ท่าทางที่บอกผมว่า กูไม่ไป! ไล่กูก็ไม่ออก ออกแล้วจะเอาภาษีประชาชนที่ไหนมาแดก!...เอ่อ หยอก หมายถึงว่า ออกแล้วจะเอาโต๊ะที่ไหนนั่งข้างผม



“ขำๆสะเก็ดดาวค่ะอิลูก แต่ว่านะมึง น้องม็อบนี่ก็แปลกๆนะ ยิ่งวันนั้นที่มึงบอกกูว่าน้องมันไปกับพี่พาย กูว่ามึงอย่าไปใกล้มันมากเลยว่ะ”



“กูก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เลยไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับมัน”



“ดีแล้วค่ะ แต่ถ้ามีไรเกิดขึ้นมึงต้องบอกกูทันทีนะ กริ๊งกร๊างมาทันที กูจะรีบไปหามึง”



“ขอบใจนะป้า” ถึงหยีมันจะชอบแตกตื่นเรื่องชาวบ้าน แต่ก็อย่างที่รู้ๆครับ มันจริงใจและไม่เคยหวังผลอะไรตอบแทนเลย เป็นเพื่อนที่น่ารัก ที่ผมคิดว่าโชคดีมากๆที่ได้เจอเพื่อนแบบนี้ครับ



“ไม่เป็นไร กูขอค่าตอบแทนเป็นการบ้านวิชานี้แทนก็แล้วกันค่ะ เอามากูจะลอก กูจะลอกตอนนี้เลยอิเอม กูลืมทำมา สมุดมึงอยู่ไหน!”



ถุย! กูขอคำพูดเมื่อกี้นี้แทนด้วยละกัน ปัดโถ่เอ้ย!



“มึงอย่าพึ่งลอกการบ้านป้า”



“ทำไม เดี๋ยวไม่ทันเนี่ยอิเอม” แล้วทำไมมึงไม่ทำมาวะ อยากจะถามมันแบบนั้นครับ แต่คิดว่าจะโดนมันด่ากลับมาอีกเลยไม่พูดดีกว่า เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแทน



“ตอนกูมาเมื่อเช้าเห็นไอ้เก้อมากับน้องเสือ”



“อะไรนะคะ!”  ไอ้หยีโยนปากกาทิ้งแล้วเงยหน้าขึ้นมามองกัน ...ไหนเมื่อกี้มึงยังบอกว่าจะลอกงานไงวะ



“เออ มันมาด้วยกัน แต่มาด้วยกันได้ไงอันนี้ไม่รู้”



“แปลกมากๆ หรือมันไปง้อน้องแล้ว ก่อนหน้านี้มันยิ่งทำท่าทางแปลกๆ”



“ก็ไม่แน่นะ ไม่งั้นน้องจะมากับมันหรอวะ”



“ครุ่นคิดๆๆ เนี่ย เป็นเรื่องให้กูได้ครุ่นคิด มันมากับน้องเสือ ทำไมวะ ยังไงวะ...”



“ก็ไม่ยังไงอ่ะ ก็แค่กูคบกับไอ้เสือแล้ว”



“อ๋อออ เป็นแบบที่กูคิดจริงๆ เอ๊ะ...อิเก้อ!” เราสองคนที่เงยหน้าขึ้นไปมอง และใช่ครับ ไอ้เก้อตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงนี้ มันที่ยักคิ้วส่งมาให้พวกเรานิดๆ เท่จัดๆหน้าตาดูอารมณ์ดี มันเดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผม



“ยังไงคะ หมายความว่าไง”



“ก็ตามนั้น ... ว่าแต่พวกมึงคือนินทากูอยู่หรอครับ”



“อย่าเรียกว่านินทา เรียกว่าพูดถึงเรื่องราวของเพื่อน” ผมหันไปบอก ไอ้เก้อก็แค่ยกมือขึ้นมาผลักหัว พูดตรงๆว่าไม่ได้ดูมุ้งมิ้งน่ารัก แม่งผลักแบบที่เรียกได้ว่าคอโยก



“มึงอย่าตีกัน ตอบกูว่าไปคบกันอิท่าไหนคะ!”  ไอ้หยีที่โยนงานทิ้งแล้วขยับโต๊ะแลคเชอร์มาหาไอ้เก้อมันทั้งแบบนั้น



“ก็หลายท่าอยู่นะ หมายถึงเมื่อก่อนน่ะ” มันว่าแบบนั้นแล้วยกยิ้มมุมปาก ไอ้หยียกมือขึ้นอุดปากเลยครับตอนนี้ ท่าทางอยากจะกรี๊ดของมัน ดีแล้วที่มันอุดปากทัน



“อิเหี้ย! แซ่บมาก ว่าแต่อย่าบอกว่าพึ่งกลับมาคบกันมึงก็พาน้องไปโยกเลยหรอคะ!”



“ใช่ที่ไหนล่ะป้า กูก็แค่ไปรับมันมาเรียนเฉยๆ โยกก็เหี้ยละ” ไอ้หยีหรี่ตามอง ก่อนจะหันมามองผม สายตาที่ผมอ่านออกว่ามันถามผมว่า ‘มึงเชื่อน้ำหน้ามันไหน’



“ใช่หรอวะ”



“พวกมึงสองคนไม่ต้องมองกูแบบนั้นเลยครับ กูไม่ได้พาไอ้เสือไปโยกเหี้ยไรทั้งนั้นแหล่ะ ก็แค่ไปรับมันมาจากหอแล้วพามาเรียน”



“อิเหี้ย กูตกใจมากที่ได้ยินอะไรแบบนี้ ทำไมมึงดูเป็นคนดีทั้งๆที่อดอยากมาเป็นเดือน กูรู้นะว่ามึงไม่ได้ไปเอาใครมาเป็นเดือนตั้งแต่กลับมาจากค่าย จริงๆตรอมใจอยู่ แต่แกล้งไม่เป็นไร อยากจะถุยค่ะ”



“เออ กูไม่ได้ไปเอาใคร แต่ยังไงวะ กูพึ่งขอมันคบเมื่อวาน จะให้กูเอามันหรอวะ มันจะรู้สึกไงอ่ะ มันจะไม่คิดว่ากูคบมันเพราะแค่อยากเอาหรอ ...ไม่ว่ะ กูทนได้ ยังไงกูก็ทนมาเป็นเดือนแล้วป่ะ”



“เหยดดดดด ไอ้เก้อเปลี่ยนไป คิดดีเหมือนไม่ใช่มัน เหมือนมีใครกินไอ้เก้อไปเลยว่ะป้า” หันไปพูดกับไอ้หยีที่ตอนนี้ก็ทำหน้าเหลือเชื่ออยู่เหมือนกัน



“เป็นไงล่ะ กูเป็นคนดีขนาดนี้ยังไม่ชอบ เสือกชอบตุ๊ด เห็นความดีกูไหม เสียดายกูล่ะสิท่า”  ว่าแบบนั้นแล้วยักคิ้วใส่ผมแบบกวนส้นตีน ผมนี่เบ้ปากใส่เลย



“พูดวนไปเพื่อจะอวยตัวเองเนี่ยนะ กูยอมเลย”



“ยอมอะไรกูวะเอม กูไม่เอามึงนะ มีแฟนแล้วชื่อน้องเสือ”



“หูยยยย น้องเสือ / หูยยยย น้องเสือ” ผมมกับไอ้หยีที่พูดออกมาพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย ไอ้เก้อที่หันมามองหน้าเราสองคนแล้วยักคิ้วใส่พร้อมยกยิ้มมุมปาก



“แล้วไงวะ เรียกน้องเสือก็น่ารักเข้ากันมันดีไม่ใช่หรือไง”



“มึงเคยมองน้องมันน่ารักด้วยหรือไงคะ”



“เมื่อก่อนอาจจะไม่ ... แต่ตอนนี้แค่แม่งหายใจ กูก็ว่าน่ามอง”



“โอ๊ยยย อิสัด...เหมือนกูเจอคนคลั่งรักอีกคนแล้ว อิหยีท้อ อยากมีผัวค่ะ!!” ไอ้หยีที่แหกปากออกมาแบบนั้นแล้วรีบลุกขึ้นลากโต๊ะกลับไปนั่งที่เดิม มันทำหน้าแบบทนไม่ไหว เหมือนจะอยากอ้วกมากๆในตอนนี้ ... แต่ไม่ว่ายังไง ผมรู้สึกว่าผมดีใจนะ ที่ในที่สุดไอ้เก้อมันก็รู้ตัวจริงๆสักทีว่ามันรักใคร



“ดีใจด้วยนะมึง” ผมหันไปบอกมันเบาๆ ไอ้เก้อที่ละสายตาออกมาจากหน้าจอมือถือของมันแล้วหันมาหาผม มันที่ยิ้มออกมานิดๆ



“ขอบใจ ... กูเองก็ดีใจกับมึงเหมือนกัน”



ผมรู้ว่ามันหมายถึงอะไร ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันบอกว่าดีใจด้วยที่ผมมีแฟนเป็นพี่ดาบ แต่ครั้งนี้เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่มันพูดออกมาแบบจริงใจ เป็นความรู้สึกของเพื่อนจริงๆที่อวยพรให้กัน  ที่มันทำได้แบบนั้นก็เพราะว่าตอนนี้ใจของมันก็ไม่ได้อยู่ที่ผมอีกแล้ว อาจจะอยู่ที่ใครสักคน อาจจะเป็นใครสักคนที่มันกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มมุมปากตอนนี้ก็เป็นได้ล่ะมั้ง



[[tiger: กินขนมปังกับนมที่พี่มึงยัดมาให้ในกระเป๋าแล้ว เลิกบอกย้ำสักทีสิวะ กูกินแล้วเนี่ย]]



[[TGer: กูย้ำมึงแล้วมันจะทำไม]]



[[tiger: ก็จะบอกบ่อยอะไรนักหนาล่ะวะ รู้แล้วไงเก้อ เสือรู้แล้วไง]]



[[TGer: ก็กูห่วงแฟนกู ไม่เข้าใจไงครับน้องเสือ]]



[[TGer: พี่ห่วงแฟนพี่อ่ะครับ]]



[[tiger: สัด! ตั้งใจเรียนไปเลยพี่มึง ไม่คุยแล้ว!]]



[[TGer: คร้าบบบบบบบ]]



[[tiger: ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ....แฟนไอ้เสือ]]



“สัด น่ารักฉิบหาย”



และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่อาจารย์ประจำวิชาของเราจะเดินเข้ามาพอดี ไอ้เก้อที่เก็บโทรศัพท์ลงในกระเป้าเสื้อ แต่รอยยิ้มกว้างๆของมันก็ยังไม่ยอมหมดไปจากหน้าสักทีเลยในตอนนี้ เหมือนมันเองก็จะมีความสุขดีแบบที่มันว่าจริงๆ



...



(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ

‘ติ๊ด’



ผมที่ใช้การ์ดแตะเข้าไปที่ประตูห้อง เปิดประตูเข้าไปในช่วงเวลาทุ่มกว่าๆ วันนี้เรียนเต็มวัน พอตอนเลิกแล้วไอ้หยีมันขอให้ไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนมันหน่อยก็เลยถึงห้องช้า ไฟในห้องถูกปิดสนิท ก็เพราะว่าวันนี้ไม่มีใครอยู่ อิเจ๊พี่มันคงออกไปนานแล้ว ผมเก็บกระเป๋าแล้วทำความสะอาดห้องเหมือนที่ต้องทำเป็นประจำ ก็ลูกจ้างนี่หว่า ใช่ว่าเป็นแฟนมันแล้วจะไม่ต้องทำงานนะครับ ยังไงพี่มันก็จ่ายเงินเดือนผมทุกเดือน คิดมาถึงตรงนี้แล้วก็อดนึกถึงคำพูดของไอ้ม็อบไม่ได้



“พี่รับจ้างทำงานบ้านให้เค้า แล้วพี่ไม่คิดบ้างหรอว่าชีวิตพี่ผูกติดกับเค้ามากไปนะ ถ้าไม่มีเค้าพี่จะเหลืออะไรอ่ะ จะเอาเงินเอางานที่ไหนมาใช้มาทำ”



“แม่ง ก็ใช่ว่าวันนี้พรุ่งนี้กูจะไม่มีกันนี่หว่า ห่า” บ่นออกมาแบบนั้น แล้วเอาเครื่องดูดฝุ่นดูดไปตามซอกตู้ ตามพื้นพรหมสีชมพูที่มันบอกว่าขโมยมาจากลูกพี่ลูกน้องของมัน เห็นว่าของบ้านเฮียทัพ



ใช้เวลาไม่นานก็ทำเสร็จครับ สะอาดเหมือนใหม่ ไฉไลจนกูต้องยกมือขึ้นปรบ



“เก่งมากๆเลยน้องเอม” บอกตัวเองแบบนั้น เหมือนที่พี่มันชอบพูดทุกวันเวลาผมทำความสะอาดเสร็จ แต่วันนี้มันไม่อยู่ ผมก็เลยบอกตัวเองซะเลย เดินเข้าไปในครัวเพราะท้องเริ่มหิว กวาดส่ายตาไปทั่วก็มองเห็นบนโต๊ะที่ตอนนี้มีที่ครอบกับข้าวแบบเป็นฝาแก้วใสครอบเอาไว้อยู่ บนนั้นมีแผ่นกระดาษโพสอิทสีชมพูใบหนึ่งแปะเอาไว้ เป็นข้อความที่พออ่านแล้วก็ยิ้มได้ในทันที





‘อิหนู กูทำข้าวผัดกระเพราหมูสับแบบที่มึงชอบไว้ให้นะคะ มีไข่ดาวที่ทอดแบบไม่สุกไว้ให้ด้วย กลับมาแล้วเอาเข้าไมโครเวฟ กดปุ่มเลขสอง พอมันร้องตี๊ดๆคือเสร็จมึงเอามาแดกได้ อ่านให้ขึ้นใจแล้วทำตามที่กูว่ารับรองมึงไม่ทำครัวกูพัง ... กูใส่ใจลงไปในกับข้าว รับรองว่ากินแล้วรักกูหลงกูตลอดไป ...รักมึงนะคะหนู’





“อะไรของพี่มันวะ ทำยังกับผมเป็นเด็ก” บ่นออกมาแบบนั้น แต่ก็ทำตามมันอย่างละเอียด เพราะครั้งนึงเคยเกือบทำไมโครเวฟมันระเบิดเพราะเอาพลาสติกเข้าไปแบบเกินเวลา เพราะแบบนี้เลยต้องเชื่อฟังพี่มันแบบละเอียด ถึงจะพูดแบบนั้น แต่หัวใจของผมมันก็สั่น รู้สึกมีความสุขจนต้องยิ้มออกมากว้างๆ



“แม่ง แพ้ว่ะ แพ้มึงอีกแล้วทุกทีเลยพี่ดาบ”  เขินจนเจ็บไข่ กูอยากเอาหน้าจุ่มลงไปในกระเพราให้รู้แล้วรู้รอด



.

.

.




               เหลือบมองไปผนังห้องมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาว่าห้าทุ่มครึ่ง ตัดสลับกับหันไปมองที่หน้าประตูห้อง แล้วหันกลับมาดูมือถือที่วางไว้ที่โต๊ะหน้าทีวีอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น



“ทำไมพี่มันยังไม่กลับมาอีกวะ” เปิดดูมือถือเครื่องเก่าดั้งเดิมของตัวเองที่อิเจ๊พี่มันเคยด่ากันว่าเหมือนเศษซากจากนอกโลกนั่น ไม่มีข้อความอะไรส่งมาจากพี่มัน



[[เอม: ดึกแล้ว ยังไม่กลับอีกหรอวะพี่]]



ผมกดพิมพ์ไปแล้วส่งไปแบบนั้น แต่ไม่ว่าผ่านไปนานกี่นาที อีกฝ่ายก็ยังไม่แม้แต่จะเปิดอ่าน ถอนหายใจเซ็งๆในตอนนี้ ผมไถลตัวลงไปนอนกับโซฟา กอดหมอนอิงเอาไว้แล้วเอียงหน้าเข้าทีวีที่เปิดอยู่ ไม่ได้สนใจดู ก็แค่อยากให้ห้องมีเสียง



‘หาว’



ผมอยากรอพี่มันกลับมา รู้สึกคิดถึงอ้อมกอดที่เคยกอดกันในทุกๆคืน พอคืนนี้ไม่มีก็เหงาแปลกๆแหะ ... ผมว่าผมเองก็เริ่มจะติดพี่มันมากเกินไปแล้วจริงๆนั่นแหล่ะ ทั้งๆที่ครั้งนึงผมเคยคิดว่า การเจอกันระหว่างผมกับพี่มันเป็นเรื่องของนรกลิขิตชัดๆ นึกไปถึงครั้งแรกที่เจอกันที่ผับเก่าที่ผมทำงาน จนวนกลับมาเจอกันอีกครั้งเพราะผมถูกป้าไล่ออกจากบ้าน จนได้ทำงานที่ร้านของเจ๊พี่มัน แล้วก็โดนมันลากมาอยู่ด้วยเพราะผมไม่มีที่อยู่ โดนพี่มันจ้างทำงานบ้านแทนงานที่ร้านเพราะมันไม่อยากให้กระทบเวลาเรียน ผ่านมาถึงเรื่องแม่ของพี่มัน จนถึงตอนนี้ เวลานี้ที่เรามีกัน ได้คบกัน และรักกัน ... มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อมากๆสำหรับผม แต่ถึงจะน่าเหลือเชื่อหรือไม่ก็ตาม ผมก็ขอบคุณอะไรสักอย่างที่ทำให้ผมกับพี่มันได้รัก ...



คิดแบบนั้นแล้วยิ้มออกมา เป็นความสุขที่ทำให้รู้สึกอิ่มไปทั้งใจ ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ทุกฉากทุกตอนวิ่งเข้ามาในหัวของผมแม้ว่าผมจะหลับตา และสุดท้าย ความสุขมากมายที่ได้รับ ก็ทำให้ผมมีฝันดีไปอีกหนึ่งคืน



.

.

.



‘ปังๆๆ’



เสียงเคาะประตูดังสนั่นที่ดังเข้ามากระทบหู และเสียงอะไรบางอย่างที่ดังจนจับใจความไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกตัวขนสะดุ้งขึ้นมา แสงสีจ้าที่ทำเอาแสบตาจนต้องยกมือขึ้นบังไว้ ก่อนที่เวลาจะผ่านไปสักระยะผมถึงจะค่อยๆคุ้นชิน และภาพตรงหน้าที่เห็นก็คือห้องนั่งเล่นในห้องของพี่ดาบ



“เชี่ย เมื่อคืนกูนอนตรงนี้หรอวะ” ยกมือขึ้นเกาหัวและขยี้ตาของตัวเองแบบงงๆ มองซ้ายมองขวา ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมง



“หื้ม แปดโมงหรอวะ” แปดโมงแล้วทำไมอิเจ๊พี่มันไม่ลุกมาทำอาหารแบบทุกเช้าล่ะวะ ก้าวลงจากโซฟาทั้งๆที่โซซัดโซเซ มึนๆนิดหน่อย ผมเดินเข้าไปเปิดประตูห้องนอนดู ที่นอนยังเรียบสนิทแบบไม่ได้ถูกใช้งาน ผมขมวดคิ้วขึ้นมาในตอนนี้



“ไม่ได้กลับหรอวะ”



‘ปังๆๆ’



เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาอีกครั้งด้วยเสียงที่คิดว่าอาจจะมีคนอยากจะพังมันเข้ามา ผมเดินเข้าไปใกล้ๆประตูห้อง ได้ยินเสียงเหมือนคนเถียงกันอยู่ในตอนนี้ ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าคือใคร แต่หนึ่งเสียงในนั้นผมจำได้ว่าเป็นใคร



“แต่ว่าทำไมอิเจ๊พี่ดาบไม่กลับวะ” พูดกับตัวเองแบบนั้น รู้สึกวูบไหวในอกแปลกๆ แต่ถึงแบบนั้นก็เลือกที่จะเปิดประตูห้องออกก่อน และคนตรงหน้าที่ปรากฏอยู่ที่หน้าห้องก็ทำให้ตกใจ



“ฉันเป็นเพื่อนของคนที่อยู่ในห้องนี่ค่ะ ว่าแต่คุณพี่เป็นใครค๊า”



“ผมก็บอกคุณไปแล้ว”



“ใช่หรือเปล่าๆ นี่เป็นพวกโรคจิตหรือเปล่าถึงมาด้อมๆมองๆอยู่หน้าประตูห้องแล้วเดินกลับไปกลับมา คุณพี่ลงไปเลยนะคะ ไม่งั้นจะเรียกรปภ.จริงๆค่ะ!”



“นี่น้อง หน้าตาก็สวยทำไมพูดไม่รู้เรื่องวะครับ”



“อะ จะยอมฟังเพราะชมกูว่าสวยเลยนะ แต่ถึงแบบนั้นก็ยังไม่น่าไว้ใจค่ะคุณพี่!”



เสียงสองเสียงที่ทะเลาะกันหน้าดำหน้าแดงอยู่หน้าห้องในตอนนี้แบบไม่สนใจว่าใครจะออกมาดู ดีหน่อยที่ชั้นนี้มีห้องอยู่แค่สี่ห้องเท่านั้น ผมถอนหายใจออกมากับภาพตรงหน้าที่ดูจะยุ่งเหยิงนี้นิดๆ



“ไอ้หยี” ผมเรียกออกไปแบบนั้น เพราะเหมือนว่าคนทั้งคู่ที่อยู่หน้าห้องจะไม่รู้เลยว่าผมเปิดประตูแล้ว คนสองคนที่หันหน้ามามองผมพร้อมๆกัน



“น้องเอม”



“อะ อิตานี่รู้จักกับมึงจริงๆด้วยหรอคะอิลูก”  ไอ้หยีพูดแทรกคำพูดของผมซะก่อนในตอนนี้ ผมยิ้มแหยๆส่งไปให้ร่างสูงของใครอีกคนที่ยืนกอดอกมองหน้ากันแบบเซ็งๆ ผมยกมือไหว้เค้า



“เฮียปืน สวัสดีครับ เฮียมาแต่เช้าเลย”



เฮียปืน ... พี่ชายคนโตของบ้านพี่ดาบ ผมเคยเจอเฮียเค้าครับ เพราะหลังๆได้ไปทำกาแฟให้แม่พี่มันที่บ้านแล้วเจอ แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกับเฮียแกมากครับ แปลกใจนิดหน่อยที่เห็นเฮียแกมาที่นี่



“เฮียมานานแล้ว แต่จะเคาะห้องก็ไม่กล้า กำลังคิดว่าจะทำไงดี ก็เจอน้องคนสวยนี่มาด่าซะก่อน”  เฮียว่าแบบนั้นพร้อมบุ้ยหน้าไปหาไอ้หยี



“เอ่อเฮีย นี่หยีเพื่อนผมเอง ... จริงๆเคยเป็นน้องรหัสพี่ดาบด้วยครับ แต่หยีมันซิ่วมาเรียนกับเอม”



“อ่อ”



“ไอ้ป้า นี่เฮียปืน พี่ชายอิเจ...เอ่อ พี่ชายพี่ดาบ” ผมหันไปบอกไอ้หยีที่ตอนนี้อยู่ในชุดนักศึกษา วันนี้มันปล่อยผมที่ดัดเป็นลอนแบบเกาหลีของมันเอาไว้ไม่ได้มัด หน้าม้าก็ถูกหวีมาอย่างดี ใบหน้าที่แต่งมาแบบอ่อนๆยิ่งทำให้มันดูสวย



“ตายแหล่ว พี่ชายจริงดิอิลูก” มันเดินมากระซิบผมแบบหน้าเลิ่กลั่ก



“จริงครับ พี่ชื่อปืน ไม่ใช่โรคจิตแบบที่น้องว่า”



“อุ๊ยตาย สวัสดีค่ะ หยีค่ะ...เอ่อ ขอโทษเฮียปืนด้วยค่ะ หยีไม่ได้ตั้งใจ” ยกมือไหว้อย่างสวยงาม พร้อมทำหน้าตาใสๆเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่ได้ยืนเท้าเอวด่าเค้า อยากถามว่ามันมาคีพลุคตอนนี้จะทันหรือเปล่า



“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่...” เฮียปืนส่งยิ้มให้มันน้อยๆ แต่เหมือนเฮียจะมีเรื่องกังวลในใจแปลกๆจนผมสังเกตได้



“เข้ามาก่อนเถอะครับ” ผมบอกออกไปแบบนั้น แล้วเชิญทุกคนเข้ามาในห้อง



“ว่าแต่มึงมาทำไมวะป้า” หันไปถามมันแบบงงๆ วันนี้เรามีเรียนบ่ายครับ และปกติมันก็ไม่ค่อยมาหาผมที่นี่อยู่แล้ว มันทำปากขมุบขมิบนิดหน่อย แต่อ่านได้ว่า ‘กูจะมาขอเอางานกลับไปลอก’



“ลอกงาน”



“สัด พูดเบาๆสิอิเอม” ด่ากูเสียงดังฟังชัด จนเมื่อกี้มึงไม่น่าขมุบขมิบปาก เฮียปืนหันมามองขำๆนิดหน่อย แต่ถึงแบบนั้นเฮียก็ยังมองเลยเข้าไปในห้องนอน



“เฮียมาหาพี่ดาบหรอครับ” ผมถามตรงประเด็น เพราะเฮียปืนดูแปลกๆ



“ใช่ เอมไปปลุกมันมาหาเฮียหน่อย”



“เอ่อ...เฮีย เมื่อคืนพี่มันไม่ได้กลับห้องอ่ะ” ผมบอกออกไปแบบนั้นพร้อมยกมือเกาหัว



“ไม่ได้กลับ เชี่ย!”



“ทำไมหรอเฮีย มีอะไรหรอครับ” ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี เมื่อเฮียปืนเริ่มทำหน้ากระวนกระวายใจแปลกๆ เฮียปืนหันมามองหน้าผมแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา พวกเรานั่งตามแล้วในตอนนี้



“เมื่อคืนนี้มันไปงานของบ้านพาย จริงๆรู้แหล่ะว่าเค้าตั้งใจมาเจรจาขอซื้อเกาะนั่น” เฮียพูดออกมาแบบนั้น และผมเองก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วเพราะพี่มันเล่าให้ฟัง แต่แล้วมันทำไม



“แต่เฮียได้ยินมาว่าเหมือนจะเจรจาไม่สำเร็จ เมื่อคืนเฮียไม่ได้ไป ส่งแค่เลขาไป เค้าโทรมาบอกแบบนั้น แต่เห็นว่ามันหายออกไปก่อนงานจบ พี่กลัวว่ามันจะมีอันตราย กลัวไอ้พวกนั้นมันเล่นไม่ซื่อเพราะเราไม่ยอมขาย เอาจริงๆพี่ให้พวกไอ้ทัพไอ้รบเช็คประวัติดู บ้านพายจริงๆเค้าขายยา”



“ห๊ะ!” ผมกับไอ้หยีแทบจะตะโกนออกมาพร้อมกันในตอนนี้ รู้สึกหัวเต้นตุบๆ ใจผมเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าเป็นแบบที่เฮียปืนว่า แล้วตอนนี้พี่ดาบมันหายไปไหน ... ใครจะทำอะไรมันหรือเปล่า



“เฮีย แล้วแบบนี้พี่ดาบละ”



“พี่ห่วงนี่แหล่ะเลยมาที่นี่ มาดูว่ามันอยู่นี่หรือเปล่า แต่พอตอนนี้ไม่อยู่ แม่ง! แป๊บนะ เดี๋ยวพี่บอกไอ้ทัพไอ้รบแป๊บ” เฮียปืนว่าแบบนั้นแล้วลุกขึ้นเพื่อเดินหนีออกไปคุยโทรศัพท์กับญาติๆของพวกเค้า



“เออ ไอ้ดาบไม่อยู่ที่นี่ มึงเช็คให้กูหน่อยทัพ บอกไอ้รบช่วยด้วยอีกแรง ห๊ะ มันไม่อยู่ ไปตายห่าไหนวะ ทีพอกูอยากให้ช่วยไม่เสือกอยู่ อะไรนะ ออกไปซื้อขนมตาลตั้งแต่เมื่อคืน เหี้ย ช่างแม่ง งั้นฝากไอ้รุกช่วยอีกแรงละกัน”



ได้ยินเฮียปืนว่าแบบนั้น ก่อนที่เฮียจะเดินหายไปที่ระเบียงเพื่อคุยโทรศัพท์ต่อ ผมหันหน้ามาหาไอ้หยี มันเองก็มองมาทางผมด้วยสายตาเป็นห่วง



“ไอ้เอม มึงใจเย็นนะ”  ไอ้หยีว่าแบบนั้น มันเอื้อมมือมากุมมือของผมเอาไว้ พึ่งรู้ในตอนนี้เองว่ามือผมสั่นมากแค่ไหน ในใจผมห่วง



“ถ้าพี่มันเป็นอะไรจะทำยังไงดีวะป้า พวกนั้นแม่งคนค้ายาเลยนะเว้ย”



“พูดบ้าๆน่ะมึง พี่ดาบเก่งจะตาย ไม่เป็นไรหรอก” มันบอกแบบนั้นแล้วเอื้อมมือมากอดตัวผมไว้ ได้แต่พยายามสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อตั้งสติ ผมเอื้อมมือไปกดโทรศัพท์ แล้วกดเข้าไปในไลน์ ตอนนี้พี่มันก็ยังไม่ได้อ่านข้อความเมื่อคืนของผม



“ตั้งแต่เมื่อคืนมันยังไม่ได้อ่านข้อความของกูเลย”



“พี่เค้าอาจจะแบตหมด หรืออะไรก็ได้นะมึง แหม...สมัยนี้จะติดต่อกันแค่ไลน์ไม่ได้นะมึง มีปัญหาก็โทรสิ พิมพ์ข้อความทำไมล่ะคะ จริงไหมๆ ไม่มีไรหรอกมึง”  มันปลอบผมออกมาแบบนั้น แต่ใช่ พิมพ์ทำไม กูโทรเลยแล้วกัน



พอคิดแบบนั้นก็ตั้งใจจะกดโทรออก แต่ดันเป็นจังหวะเดียวกับที่มือถือของผมสั่น ข้อความเด้งขึ้นมาใหม่เป็นข้อความขอเพิ่มเพื่อนจากใครก็ไม่รู้ โปรไฟล์ไม่มีภาพ ชื่อก็แปลกๆ แต่พอเปิดเข้าไปแล้วหัวใจของผมกลับสั่นระรัว



คลิปสั้นๆที่พอเปิดออกก็ได้เห็นแผ่นหลังกว้างๆของใครบางคนที่กำลังคล่อมทับใครสักคนแล้วระดมจูบเค้าแบบบ้าคลั่ง ผมขมวดคิ้วในตอนนั้นว่ากูเปิดมาดูคลิปโป๊ทำไม จนเมื่ออีกฝ่ายดันคนที่อยู่ใต้ร่างขึ้นมาด้านผม แผ่นหลังทั้งแผ่นหลังของผมก็ชา หนังหัวรู้สึกชาหนึบจนพูดอะไรไม่ออก ความรู้สึกวิ๊งๆที่เหมือนถูกหมัดฮุกต่อยเข้าเต็มๆหน้าจนหน้าหงาย เจ็บไปทั้งใจจนพูดไม่ออก



“ไอ้เอม...นั่นมัน...”



‘อ๊ะดาบ เบาๆสิดาบ’



เสียงร้องจากในคลิปที่ทำให้ผมน้ำตาไหล ความรู้สึกเหมือนกับแลชแบล็คในอดีตฉายกลับมาอีกครั้งตอนที่ผมจับได้ว่าไอ้ม่อนลูกพี่ลูกน้องของผมแอบมีอะไรกับไอ้มาร์ชแฟนเก่าผมยังไงยังงั้น



‘ดาบ พายอยู่นี่ อ๊ะ’



เสียงร้องจากในคลิปที่ดังออกมาอีกเป็นประโยคสุดท้าย พร้อมๆกับน้ำตาของผมที่ไหลลงกระทบหน้าจอโทรศัพท์ ผมปล่อยให้มันร่วงลงพื้น เหมือนกับหัวใจของผมที่ถูกกระชากลงไปบนพื้นไม่ต่างกัน



“ไอ้เอม คือ กูว่า...” ไอ้หยีเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่มันก็คงหาคำพูดดีๆมาปลอบผมไม่ได้ และใช่ ผมเองก็ด้วย จะหาคำพูดดีๆที่ไหนมาพูดปลอบตัวเองได้ ในเมื่อพี่ดาบมันหายไปทั้งคืน จนถึงตอนนี้มันยังไม่กลับ จะบอกว่าคลิปนี่เป็นของปลอม แล้วภาพที่เคลื่อนไหวที่เป็นหน้าพี่มันกับพระพายคืออะไร จะบอกว่าตัดต่อเหมือนไอ้คนใหญ่คนโตที่ไลฟ์สดขายหน้ากากอนามัยหลายร้อยล้านแต่ตอแหลว่าเป็นคลิปตัดต่อหรอ ....



ใครเชื่อก็ควาย!



“เอม เฮียบอกไอ้....เอมร้องไห้ทำไม”  เฮียปืนที่คุยโทรศัพท์เสร็จแล้วเดินเข้ามาก่อนจะชะงักคำพูดของตัวเองในตอนที่เห็นหน้าผม



“พี่ดาบเค้ายังสบายดี สบายดีมาก อึก เค้าไม่ได้เป็นอะไรครับ เค...เค้าแค่ เค้าแค่ไปนอนกับพระพาย”



“ห๊ะ!”



ผมกลั้นใจบอกออกไปแบบนั้น ในหัวของผมสับสนไปหมด แต่ถึงแบบนั้น คำพูดสุดท้ายของพี่มันที่บอกว่าจะกลับมาหากันก็ยังได้ยินอยู่ข้างๆหู แต่ภาพที่พึ่งเปิดดูตรงหน้าก็ทำให้ผมปฏิเสธไม่ได้ ความรู้สึกเหมือนถูกทำร้ายๆซ้ำมันวนกลับมาหาผม เป็นความรู้สึกที่ว่าโดนทรยศซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากคนที่เชื่อใจไม่ต่างจากในอดีต ...มือคู่นั้นของพี่มันที่เคยกอดเอวผม ลูบไล้ไปตามแผ่นอกแผ่นหลังและหน้าท้อง แต่ตอนนี้มันกำลังใช้มือคู่นั้นกอดใครอีกคน ใครอีกคนที่ไม่ใช่ผม



“ฮึก ...หยี กูไม่ไหวว่ะมึง”



“ไอ้เอมกูอยู่นี่มึง”



คนๆนึง จะทนเสียใจจากเรื่องราวซ้ำๆแบบเดิมๆได้กี่ครั้งกัน



--------------To be continued--------------



 กรี๊ดดดดด ยื่นทิชชู่ให้จ้าาา โดเนททุเรียนให้ทุกคนด้วยค่ะ

พูดกันตรงนี้ว่าแคทใช้หลังใจทั้งหมดในการเขียนในตอนนี้ ถ้าคนอ่านชอบ สนุก และอินไปด้วยกันคงจะดีมากๆ

ส่วนถ้าใครไม่ชอบ อย่าด่ากันนะคะ ใจหนูบาง แค่คนอ่านหายไปก็ใจบางแล้วน้า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แคทอยากให้ทุกคนได้อ่านและอยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่องนะคะ

เหลืออีกไม่กี่ตอน เรื่องนี้จะลาไปแล้ว แคทหวังว่าทุกคนจะสนุก สุข เศร้า และยิ้มไปด้วยกันในทุกๆตอนค่ะ

ฝากคอมเม้นท์ และ RT กดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะคะ #สวยๆเป็นผัว ด้วยจ้า จ๊วบ


ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :z6: ฝากกระทืบพาพวยที

 o22 เอมคะ หนูอย่าโง่นะลูก หนูห้ามโง่เลยนะ สงสารอีเจ๊มัน

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อีพาพวยยยยยย :beat: :beat: :beat: :beat:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
โดนยาหรือจัดฉาก แต่ถ้าโดนยาแล้วหนีกลับมาบ้านไม่ได้นี่เสียชื่อพี่ดาบหมด โกรธพี่ดาบมันด้วยที่หนีมาไม่ได้

ออฟไลน์ Alich85

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :fire: :really2:โอ๊ยยยยยย อิผีพาย มาแม่จะตบแทนหนูเอมลูก พี่ดาบนะพี่ดาบ อุตส่าห์อยากได้ผัวแบบพี่ดาบดันมาเสียท่าอิผีพายเข้าอีก แต่เราว่ามันต้องมีเงี่ยนงำ พี่ดาบชั้นไม่โง่นางฉลาดจะตาย รอๆๆอ่านต่อนะคะ  :กอด1:

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
น่าจะไม่ใช่ดาบใช่มะ? หรือไม่กะคือใช่แต่คลิปมันมีถึงไหน ถ้าแค่โรมรันแสดงว่าแค่จัดฉากให้ดูว่ามีอะไรกัน แต่จริง ๆ คือพี่มันสลบไม่รู้เรื่อง?

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
ความเดิมคือค้างอยากกระทืบพาพวย ค้าวต่อไปปปปป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ cakecoco-boom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 201
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เซ็ทละครมาเป็นฉากๆเลย อย่าไปตามเค้าสิ้ลู๊กกก :katai1:

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่42



‘ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก’



               เสียงตบไฟเลี้ยวที่ดังขึ้นพร้อมๆกับรถสีดำคันหรูที่เลี้ยวเข้าไปจอดในบริเวณลานจอดรถด้านหน้าของหอพักที่มาบ่อยจนลุงยามหน้าหอคุ้นเคยกันดี ... บรรยากาศเงียบๆแบบที่ไม่มีใครพูดอะไร ไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่ตรงไหน แต่เหมือนกับว่าต่างฝ่ายต่างยังกระดากอายกับความสัมพันธ์ใหม่ที่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปจากเดิม



กะทันหันจนใจมันยุบยิบๆ



“เอ่อ...ถึงแล้ว” พูดออกไปแบบนั้นแล้วก็อยากจะยกมือขึ้นไปตบกะโหลกตัวเองแรงๆให้หัวยุบ พูดห่าอะไรของมึงวะไอ้เสือ ก็เห็นๆอยู่ว่าถึงแล้ว พูดเพื่อ!



คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคนขับยกยิ้มมุมปากออกมานิดๆตอนที่มันได้ยินผมพูดออกไปแบบนั้น ยิ้มทำห่าอะไร มึงคิดว่าหล่อหรอวะ...เหอะ หน้าเหี้ยครับ ผมหล่อกว่าเห็นๆ เกลียดรอยยิ้มมันชะมัด เกลียดตอนที่มันเอียงหน้าหันมามองกันแบบนี้ด้วย เกลียดสายตาคมๆของมันที่ดูระยิบระยับขึ้นมาตอนที่มองหน้าผม



กวนตีน  อยากเอานิ้วจิ้มตามันให้บอด



“ยิ้มไรวะพี่”



“ก็เปล่านี่ ก็ถึงแล้วจริงๆ”  ไอ้พี่เก้อว่าแบบนั้นแล้วยักไหล่ขึ้น ทำท่าแบบไม่มีอะไร แต่รอยยิ้มกวนตีนนั่นก็ยังไม่หมดไปจากใบหน้าของมัน แม่ง หมั่นไส้ครับ แต่ถึงจะหมั่นไส้แบบนั้นก็ยังรู้สึกค้างคาใจ ขมวดคิ้วเข้าหากันเลยในตอนนี้



“ขมวดคิ้วทำไม แล้วกัดปากแบบนั้นทำไมวะ อย่าดิเดี๋ยวปากแตก” มันบอกพร้อมๆกับยื่นนิ้วมาเขี่ยปากกัน น่ารำคาญ กัดแม่ง



“โอ๊ย” มันร้องออกมาแบบนั้นตอนที่ผมงับเข้าไปที่นิ้วชี้ของมัน เขี่ยปากกูอยู่ได้มึงต้องเจอ กูกัดไม่ปล่อยนะบอกเลย ... กัดนิ้วมันอยู่แบบนั้นแล้วหันหน้าไปมอง ไอ้พี่เก้อที่ตาวาวขึ้นมา ที่ไรผมของมันก็มีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย บรรยากาศแปลกๆในตอนที่เราสบตากัน



“อย่ามากัดนิ้วกูแบบนั้น เดี๋ยวหาว่ากูไม่เตือน”



“สัด ใครอยากกัดกันวะ เค็มก็เค็มเถอะ” ปล่อยนิ้วมันทันทีแล้วขยับตัวหนี ทำท่ารังเกียจมันนิดๆ ไอ้สัดพี่เก้อขำออกมาหน่อยๆก่อนจะยื่นมือมาจับหัวผมโยกไปมา



“จริง ก่อนพามึงมาส่งกูขำห้องน้ำแล้วไม่ได้ล้างมือพอดีเลยว่ะ ฮ่าๆ”



“สัด คนสกปรก ถุยๆ นี่จับKแล้วไม่ล้างหรอวะ จะอ้วก” ผมทำท่าถุยน้ำลายทิ้งอย่างรังเกียจ จริงๆกูก็รังเกียจแบบไม่โกหกนี่ล่ะ คนโสโครก



“ทีงี้ทำมารังเกียจกัน ทีตอนอมให้กันมึงไม่เห็นจะรังเกียจ”



“สัดพี่มึง นี่แน่ะ! พูดเหี้ยไรวะ”



“โอ๊ย เจ็บนะไอ้เสือ ปล่อยหัวกูก่อนโว้ย” มันที่ยกมือขึ้นมาจับมือผมให้ออกไปจากหัวมัน กวนส้นตีนนัก มึงต้องโดนกูขยุมหัวแบบนี้ ใครให้มึงเอาเรื่องจริงมาล้อเล่นกันวะไอ้สัดเอ้ย!



“หนังหัวกูหลุดติดมือมึงไปหรือเปล่าวะเนี่ย”



“ก็ชอบกวนตีนอยู่ได้”



“จริงๆก็เขินแหล่ะ”



“กูไม่ได้เขินโว้ย!” หันไปถลึงตาใส่ แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะท้าน มันก็แค่อมยิ้มขำกันแบบตาวาววับ ได้แต่หงุดหงิดจนต้องกอดอกทิ้งตัวลงพิงกับเบาะลดแรงๆ อยากจะเดินหนีลงไปจากรถ แต่ในใจมันก็ยังมีสิ่งกวนใจกันอยู่ หันไปมองหน้าไอ้พี่เก้อที่ตอนนี้ก็หันมามองหน้าผม ผมไม่ยอมพูดอะไรออกไป อีกฝ่ายก็เลยเป็นคนที่เปิดปากออกมาแทน



“เดี๋ยวสองทุ่มกูมารับ”



“แล้วทำไมต้องมารับกูตอนสองทุ่มด้วยวะพี่” ถามมันออกไปแบบนั้น ไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นแบบนั้น



“เอ้า หรือมึงแต่งตัวไม่ทัน งั้นไว้กูมารับสามทุ่มก็ได้” มองหน้าผมแล้วบอกออกมา ยังจะเสือกเป็นห่วงเวลากู กลัวกูแต่งตัวไม่ทันไปอีก เห็นแบบนั้นแล้วยิ่งขมวดคิ้วเข้าหากันเลยกู



“โอเคไหม”  โอเคกับผีปู่มึงสิ



“ว่าไง...ทำไมมองกูแบบนั้น”  มองเข้าไปในดวงตาของมัน แต่อีกฝ่ายไม่มีอะไรซ่อนอยู่ มันมองผมแบบเป็นห่วงว่าผมเป็นอะไรหรือเปล่าด้วยซ้ำ ถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วในตอนนี้



“ก็แล้วทำไมมึงต้องวนรถกลับไปกลับมาด้วยวะพี่”



“เอ้า แล้วทำไม”



“ก็นั่นสิทำไม”



“อะไร” มันที่ยกมือขึ้นเกาหัวแล้วมองผมแบบไม่เข้าใจ หงุดหงิดเลยตัวกู



“ทำไมมึงขึ้นไปอยู่กับกูก่อนไม่ได้วะพี่ มึงอย่าอ้างว่าไม่มีเสื้อผ้านะ เสื้อผ้ามึงยังอยู่ในตู้กูอยู่เลย อย่าตอแหลเก้อ ขอร้องเลย” บอกมันไปแบบนั้น พี่เสือเสตาหนีในตอนนั้น ท่าทางที่อึกๆอักๆของมันทำให้ผมไม่เข้าใจ



“เก้อ”



“ก็ขึ้นได้”



“ขึ้นได้มึงก็ขึ้นสิ มึงเป็นไร”



“เออ ก็ไปสิวะ ขึ้นเลย ขึ้นเดี๋ยวนี้ ไอ้เหี้ยเอ้ยขึ้นเลย”



“มึงพูดอะไร” เห็นมันโวยวายออกมาแบบนั้นแล้วไม่เข้าใจ เป็นห่าอะไร อดไม่ได้ต้องหันไปมอง พอมันเห็นผมมองแบบนั้นแล้วก็สะดุ้งทันที



“เปล่าๆ จะขึ้นก็ขึ้นสิ กูร้อนแล้วเนี่ย” อาการแปลกๆ แปลกมากๆจนอะไรหลายๆอย่างติดอยู่ในใจของผม



เราเข้ามาในห้อง ทุกอย่างยังเป็นเหมือนปกติแบบที่เคยเป็น ข้าวของเครื่องใช้ยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็น่าจะเป็นไอ้ใครอีกคนที่เดินเข้ามาในห้องแล้วรีบพุ่งไปนั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเขียนหนังสือของผม ทั้งๆที่ปกติมันจะโดดขึ้นเตียงของผมแบบคนหน้าด้าน ไล่ก็ไม่ลง ผมขมวดคิ้วกับภาพที่เห็น ไม่เข้าใจมากๆจนรู้สึกไม่ได้



“ไอ้พี่เก้อ”



“ห๊ะๆว่าไงมึง” แค่เรียกก็สะดุ้ง ท่าทางลอกแล่กแปลกๆ



ผมโยนกระเป๋าเรียนของตัวเองไปไว้บนเตียงแล้วดึงชายเสื้อนักศึกษาออกจากกางเกงพร้อมๆกับมองมันไปด้วย ไอ้พี่เก้อที่หันมาเห็นพอดีมันอ้าปากค้างในตอนนี้ เหมือนเห็นผี...หรือกูมีผีในห้อง



“มึง! มึงทำเหี้ยไร!!”



“เอ้า กูจะถอดเสื้อกูร้อน แล้วมึงเสียงดังทำไมวะพี่”



“มึงไม่ต้องถอด มึงจะถอดทำไม” มันแย้งออกมาแบบนั้น



“ก็กูร้อน แล้วกูก็ถอดแบบนี้ปกติ มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”



“กูเปล่า” บอกแบบนั้นแล้วเสหน้าหนี มองเห็นมันกระพือเสื้อนักศึกษาของตัวเองด้วยในตอนนี้ แอร์ก็เปิดนะ สงสัยมันเองก็คงจะร้อนเหมือนกัน ผมเดินเข้าไปหามันแล้วแกะกระดุมเสื้อมันออก แต่ติดตรงที่อีกฝ่ายปัดมือของผมทิ้ง มันที่รวบตัวคอเสื้อนักศึกษาของตัวเองขึ้นสูงจนมิดไม่ให้ผมเห็นคอ แล้วมองมาที่ผมหน้าตาตื่น



“มึง มึงจะทำไรไอ้เสือ”  ถามผมออกมาแบบละล่ำละลัก มองหน้าผมแบบตื่นตกใจ



“ก็มึงดูร้อนๆ กูจะถอดเสื้อให้”



แล้วกูผิดตรงไหนอ่ะ กูเป็นแฟนมันนะ มันทำท่าทางแบบนี้แล้วผมรู้สึกเสียเซลฟ์ยังไงชอบกล มันทำท่าทางเหมือนรังเกียจกัน



“กูถอดเอง กูทำเองได้ มึงไม่ต้องๆ”



ยิ่งมันพูดแบบนั้นผมยิ่งหงุดหงิด กูมันน่ารังเกียจหรอวะ



“กูถามจริงมึงเป็นอะไรไอ้พี่เก้อ”



“กูเปล่า กูปกติ”



“มึงปกติ”



“เออ มากกก มึงอ่ะไม่ปกติ อย่ามาจับตัวกูดิวะเสือ”



ผมกำมือแน่นแล้วในตอนนี้ ไอ้ท่าทีแบบนี้มันคืออะไร คำพูดแบบนี้มันคืออะไรกันวะ



“มึงมาเอากูเดี๋ยวนี้เลยไอ้พี่เก้อ”



“ห๊ะ! มึงพูดเหี้ยอะไร กูไม่เอา!!”



มันที่ตาเหลือกแล้วเบิกตากว้างตะโกนออกมาใส่หน้าผมแบบนั้น และก็ไม่ต่างกัน คำพูดของมันก็ทำเอาผมเบิกตาค้างขึ้นมา และใช่ ... ผมหน้าชามากๆในตอนนี้



“มึงไม่เอาก็ไม่ต้องเอาอีกเลย ไอ้หน้าสัด!”



“เอ้า!”


...


“เอม เฮียว่านะ....”



“เฮียช่วยไปตามหาพี่ดาบให้หน่อยนะครับ ถ้าเจอยังไงบอกผมด้วย” ผมที่มองหน้าคนตรงหน้าในตอนนี้แทบจะไม่เห็น แต่ก็ฝืนพูดออกมาแบบนั้น ได้แต่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองให้ออกไปจากหน้า โดยมีไอ้หยียืนจับมือผมอยู่ข้างๆ



“อืม พี่จะรีบส่งข่าวมาบอกนะ” เฮียปืนพูดออกมาแบบนั้น มองไม่ชัดถึงสีหน้าของเฮียที่อยู่ตรงหน้า แต่รับรู้จากน้ำเสียงว่าอีกฝ่ายก็คงไม่ได้รู้สึกดีนัก



“เฮียไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวหยีจะอยู่เป็นเพื่อนเอมเองค่ะ”



“เฮียฝากด้วยนะ”



“ค่ะ”  ยืนฟังบทสนทนาของคนข้างตัวอยู่แบบนั้น ทั้งๆที่ตอนนี้มันก็แทบจะไม่ได้เข้าใจอะไรมากมายนัก ผมรู้สึกเบลอๆ งงๆจนเหมือนกับจะทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงแบบนั้นก็ยังพยายามรวบรวมสติให้ได้มากที่สุดในตอนนี้



“เอม...”  ไอ้หยีที่เดินกลับมาหลังจากที่มันเดินไปส่งเฮียปืนแทนผม มันทรุดตัวลงนั่งข้างๆกัน ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แน่นๆ



“กูว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแหล่ะ ประเทศไทยสัญญาณเน็ตห่วยจะตาย อะไรก็เกิดขึ้นได้แหล่ะมึง ขนาดขับรถชนคนตายยังรอดได้เลย อันนี้กูว่าพี่ดาบก็คงไม่ได้ทำเหมือนกันแหล่ะ ฮ่าๆ” ไอ้หยีว่าแบบนั้น มันที่พยายามขำออกมาเสียงดังลั่นห้อง เป็นเสียงขำที่แห้งแล้งมากที่สุดที่เคยได้ยินมันขำมา ผมหันหน้าไปมองมัน ไอ้หยียิ้มค้างในตอนนั้น ก่อนที่มันจะค่อยๆหุบยิ้มลง ในสายตาของมันที่กำลังสั่นไหว



“เอม พี่ดาบรักมึงมากนะ...”



“กูรู้ กูรู้ว่าพี่มันรักกูมากเลย”



“แล้วคลิปนั่น...มันก็อาจจะไม่จริง” มันบีบมือของผมแน่นๆในตอนนี้ พยายามส่งกำลังใจมาให้กัน เป็นแบบนี้ทุกทีที่เวลาเรามีปัญหาก็มักจะเป็นเพื่อนที่คอยปลอบใจ แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คนที่จะทำให้เราหายเสียใจได้ มันคือคนที่เป็นคนทำ ไม่ใช่คนที่อยู่ข้างกันในเวลานี้



“แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะไม่จริง กูจำได้ กูจำแฟนกูได้ดีทุกส่วนไม่มีตรงไหนที่กูจะจำไม่ได้ แผ่นหลัง แขนมัน เสียงมัน ทุกอย่างกูจำได้ว่าในคลิปนั่นคือพี่มัน” ผมบอกต่อแบบนั้น ไอ้หยีที่มองหน้ากันเหมือนมันอยากจะร้องไห้ แต่ผมก็ทำแค่ยิ้ม



“ไอ้เอม...”



“กูจำได้เหมือนตอนที่ไอ้ม่อนกับไอ้มาร์ชมันแอบเอากันอยู่ในบ้านนั่นแหล่ะ กูจำได้หมดเลย” หยีที่ยกมือขึ้นลูบหัวผม ก่อนจะดึงตัวกอดผมเอาไว้แน่นๆ



“กูเข้าใจเอม กูเข้าใจมึงนะ” ผมซบหน้าลงบนไหล่ของมัน หลับตาแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาช้าๆ อยากจะร้องไห้ให้มันดังที่สุดเท่ากับความรู้สึกในใจตอนนี้ อยากจะโวยวายออกมาว่าความรู้สึกชาๆที่หน้าเหมือนโดนคนต่อยซ้ำๆมันเจ็บแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือการแค่นั่งอยู่ตรงนี้  นั่งอยู่เงียบๆตรงนี้แบบทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมัน



“กูเชื่อใจ ฮึก กูมั่นใจนะ อึก...ว่าพี่ดาบ เค้า ฮึก...ไม่ได้ตั้งใจหรอก หยี พี่ดาบเค้าไม่ทำกับกูเหมือนไอ้มาร์ชหรอก” พร่ำพูดออกไปแบบนั้น จับแขนไอ้หยีที่กอดมันไว้แน่นๆ



“จริงมึง พี่เค้าไม่เป็นคนแบบนั้น อึก...มึงอย่าร้องเลยนะ กูไม่อยากเห็นมึงเป็นแบบตอนนั้นแล้วเอม” มันที่ร้องไห้ออกมาพร้อมๆกับผมแล้วกอดตัวผมไว้แน่นๆ ผมกอดมันแล้วก็ร้องไห้เงียบๆ ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้นดังๆแบบที่ตั้งใจอยากจะทำ คิดว่าถ้าได้ร้องออกมาแบบนั้น มันคงจะดีซะกว่า



ความเจ็บปวดของคนเราไม่เคยเท่ากัน แผลในหัวใจของคนเราไม่เคยเจ็บเท่ากัน มันก็ไม่ต่างจากแผลเป็นของผม ผมคนที่เคยมีแผล ต่อให้พยายามรักษาทายาให้มันหายดีมากแค่ไหน แต่สุดท้าย รอยแผลเดิมมันก็ไม่เคยจากไปจากร่างกายของผมอยู่ดี แค่สะกิดนิดหน่อย ก็ยังรู้ว่ามันยังคงอยู่



“หยี”



“หื้ม ...”



“มึง อึก...ช่วยกูหน่อยได้ไหม นะ”



“มึงอยากให้กูทำอะไร บอกกูนะ กูจะช่วยมึงเอง อย่าร้องนะมึง มันไม่มีอะไรหรอก เชื่อกูนะ” มันที่ผละตัวออกจากผม มองหน้าผมทั้งน้ำตา สายตาที่มองตรงมาที่ผมที่กำลังบอกว่ามันเข้าใจความรู้สึกของผมดี มันเสียใจที่เห็นผมเป็นแบบนี้



“กูอยาก...”



.

.

.



“K! ไม่ได้เรื่องเลย”



“เชิญมึงด่ากูตามสบาย กูก็คิดว่ากูแม่งเป็นคนห่วยๆเหมือนกัน” ผมที่ทิ้งหัวลงกับเบาะรถแล้วหายใจออกมาแผ่วๆ ความรู้สึกมึนๆตึงๆในหัวยังคงอยู่ครบ แต่ถึงแบบนั้นความอึดอัดในใจกลับมีมากกว่า นั่งอยู่ตรงนี้ ในรถคันนี้ด้วยความอึดอัด



“กูไม่ได้ด่ามึงเลยเฮียดาบ กูด่าขนมตาลนี่ ไม่ได้เรื่องเลยอิฉิบหาย บูดหมด!” หันไปมองคนข้างตัวที่กำลังฟึดฟัด ปากมันยังมีเศษขนมสีเหลืองๆแปะอยู่ในตอนนี้ เป็นสภาพที่อุบาทว์สิ้นดี แต่ถึงแบบนั้นผมก็ไม่มีแรงจะพูดออกไป



“สู้ที่ไอ้ฝาซื้อให้กินที่หน้ามอก็ไม่ได้ มึงรู้ไหมว่าแฟนกูจีบกูด้วยขนมตาลหน้ามอนะ โคตรคูล” มันพูดออกมาแบบนั้นด้วยน้ำเสียงที่แค่ฟังก็รู้ว่ามันอวด แต่ถึงแบบนั้นก็เป็นการอวดที่พอปลายตาไปมองก็เห็นแววตามีความสุขของมันเปร่งประกายออกมา จริงๆแล้วไม่บ่อยนักที่ผมจะเห็นมันอวดอะไรแบบนี้



“แต่อิเจ้านี้แค่เอาไว้ในรถคืนเดียวทำเป็นอ่อนแอ แค่นี้บูด!” มันว่าต่อแล้วขมวดคิ้วหงุดหงิดกับขนมตาลที่อยู่ในมือมันตรงหน้า



“บูดมึงก็แค่ซื้อใหม่”



“มึงซื้อให้กูไหมล่ะเฮีย แม่ง จริงๆแล้วก็เป็นเพราะมึงนะเนี่ย ตัวหาแต่เรื่อง แทนที่กูจะได้กลับคอนโดไปแดกหนมตาลกับไอ้ฝา กูกลับต้องไปหามึงเนี่ย” หันมามองกูเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ว่ากูเป็นตัวซวยของเรื่องทั้งหมดที่ทำให้ขนมตาลมันบูด ทำหน้าทำตาแบบอยากจะถีบผมให้ลงไปจากรถมันไวๆ อิรถสีเหลืองคันหรู ที่เข้ามานั่งทีกูนึกว่าเป็นรถเจ้าอาวาส เหลืองตั้งแต่รถยันเสื้อผ้าเจ้าของรถ



“เดี๋ยวกูเหมาให้มึงเลย” บอกมันแบบนั้นอย่างเหนื่อยๆ



“มึงสัญญา มึงไม่จ้อจี้กูนะ”



“เออ เห็นกูเป็นคนไงวะ” เริ่มรู้สึกหงุดหงิดเพราะไอ้ตัวน่ารำคาญข้างๆยังเซ้าซี้ไม่เลิก วอแวแม่งแต่เรื่องขนมตาลไม่กี่สิบบาท ทิ้งหัวพิงเบาะรถแรงๆทั้งๆที่หลับตาอยู่ รู้สึกอยากจะอ้วกออกมาในตอนนี้ จริงๆเมื่อคืนนี้ก็อ้วกออกมาหลายครั้งแล้ว... ในหัวมีแต่ภาพเมื่อคืนในห้องนั้นกับพระพายฉายซ้ำๆ จนต้องยกมือขึ้นเสยผมที่ยุ่งไปหมดของตัวเองให้แม่งยุ่งยิ่งกว่าเดิม



“กูเห็นมึงเป็นคนเหี้ยนี่ล่ะ ... แล้วยังไง สรุปมึงจะเอาไงกับเรื่องเมื่อคืนนี้”



“กูไม่รู้”  ใช่ ผมไม่รู้



“มึงตั้งใจ” ไอ้รบที่โยนถุงขนมตาลของมันไปไว้เบาะหลัง หันมามองหน้ากันแล้วเลิกคิ้วถาม



“ก็เหี้ยละ กูมีแฟนแล้ว”



“อะ เรื่องนี้ก็ได้ยินวูบๆวาบๆลอยมาเข้าหูอยู่นะ คนที่ทำให้พี่มึงกลับมาเป็นพี่ดาบคนฮ็อตได้คนนั้นอ่ะ กูล่ะอยากจะเห็นหน้าเลยว่ะ... แต่มึงมีแฟนแล้วมึงไปอะหืดอะหาดกับกิ๊กเก่ามึงแบบนั้นได้ไงวะ ไม่กลัวแฟนมึงเสียใจรึไง”



มันถามออกมา หันมามองหน้าแบบรอคำตอบจากผม ... คำถามที่ว่า ไม่กลัวไอ้เอมเสียใจหรือไง ... เรื่องที่อยากจะทำให้มันเสียใจ เรื่องนั้นคงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดจะทำ



“ดูจากสีหน้าแล้วก็เดาคำตอบออก แต่ไงวะ มึงโดนยาปลุกหรอวะ”



“เปล่า กูไม่ได้โดน”



“เอ้า ไอ้เหี้ย! ยังไงของมึง มึงสมยอมหรือไงวะ” ไอ้รบขมวดคิ้วเหมือนคนที่กำลังเริ่มรำคาญ และใช่ ผมเองก็เริ่มรำคาญตัวเองแล้วเหมือนกัน รู้สึกหงุดหงิดจนต้องขยี้หัวแรงๆแบบที่ไม่กลัวว่าหนังหัวจะเจ็บแบบทุกทีที่ชอบกลัว



“กูเคยโดนยาปลุกแล้ว กูรู้ดีว่าอาการมันเป็นไง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่”



“สัด แล้วอะไร ไม่มีอย่างอื่นแล้ว หรือมึงเมา เมามากๆแล้วมึงชอบไปนัวอ่ะ”



“กูว่ากูไม่ได้เมาขนาดนั้น ในงานกูกินไปแค่สองแก้ว แต่มันบอกไม่ถูกว่ะ” 



“ตอนกูเข้าไปนี่มึงทั้งซุกทั้งไซร้ดูดกันจนเหนื่อย เสื้อไปทางกางเกงไปทางเลยนะ มึงฉีกเสื้อเค้าด้วย อาการเหมือนมึงของขาดอ่ะ เมียไม่ให้มึงเอาหรอถามจริง”



“กูไม่ได้เอากับพาย!” เถียงมันออกมาเสียงดัง อยู่ๆก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมามากๆแบบควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ หันหน้าไปมองไอ้รบตาขวาง ไอ้รบเขยิบตัวหนีไปติดประตูคนขับนิดๆ มันที่ยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้แบบกวนตีนๆ



“เออ มึงยังไม่ได้เอากับเค้า แต่กำลังจะเสียบเลยนะ ของมึงจ่อตรงนั้นของเค้าแล้วเหอะ กูเรียกกูดึงกูฉุดมึงก็ไม่หยุด แถมผลักกูออกอีก ถ้ากูไม่ถีบมึงตกเตียง จนเฮียมึงกลิ้งไปสองตลบ ตอนนี้มึงก็ได้เสียเป็นเมียผัวกับเค้าแล้วเหอะ”  ไอ้รบว่าออกมาเป็นฉากๆ แค่คิดหัวใจของผมก็เต้นรัวเร็วขึ้น ไม่ได้ตื่นเต้นหรือเสียวอยากใส่กับพระพาย แต่เพราะแค่คิดว่าถ้าไอ้เอมรู้เรื่องเข้าจะเป็นยังไง ... เลื่อนสายตามองไปที่หน้าปัดนาฬิกาที่หน้ารถของไอ้รบ ตอนนี้บอกเวลา6โมงครึ่ง คิดว่าไอ้เอมยังไม่น่าจะตื่นด้วยซ้ำ ปกติมันจะตื่นเพราะกลิ่นของอาหารเช้าของผมเสมอ ถ้ามันตื่นมาไม่เจอผม มันจะรู้สึกยังไงวะ ผมที่ไม่ได้กลับไปหามันทั้งคืน แต่กลับไปอยู่กับใครอีกคน



“เหี้ย แม่ง เหี้ยเอ้ย จะทำไงดีวะ” ใช่ จะทำยังไงดี



ประโยคนี้มันกวนใจผมมาตลอดคืน ตั้งแต่ไอ้รบลากผมออกมาจากห้องชั้นบนของโรงแรมที่เมื่อคืนมีงานจัดเลี้ยง ผมพูดไม่ได้เต็มปากว่าผมไม่รู้ตัว เพราะจริงๆผมรู้ตัว รู้ตัวดีตั้งแต่ตอนที่เดินตามพายเข้าไปในห้อง ไม่มีช่วงเวลาไหนที่ผมไม่รู้ตัว และเพราะเรื่องนี้ มันถึงทำให้ผมกังวล ผมเคยบอกเอมว่าจะไม่โกหกมัน แต่สำหรับเรื่องนี้ ต่อให้การไม่โกหกแล้วบอกความจริงไป หัวใจของมันจะรับได้แค่ไหนกันวะ



“แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่วะ มึงถึงไปเด้ากันบนเตียงงั้นอ่ะ”



“ยังไม่ได้เด้าไอ้สัดรบ เดี๋ยวกูเอาตีนเหยียบปากมึงนะ สัด!”



“ทำไมวันนี้ไม่เป็นคนสวยๆวะ เกรี้ยวกราดอะไรกับกูนักอ่ะ กูช่วยมึงมานะโว้ย”



“หุบปากแล้วฟังกูเล่า!”



“ยาวมาเลยคนสวย”



“สวยพ่อง!”



“เอ๊า!”


.

.

.


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ



               เสียงเพลงบรรเลงเพลงแนวแจ๊สที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายสากล ไม่ว่าจะเป็นวิโอลา เชลโล ดับเบิลเบส หรือแม้แต่ไวโอลิน ที่เล่นบรรเลงขับกล่อมให้เหล่าคุณหญิงคุณนาย หรือบรรดาเหล่าคุณชายนายทุนมีเงินที่กำลังเดินไปเดินมาในงานให้มีความสุขเพราะเสียงเพลง ... งานเลี้ยงของเจ้าของธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวที่จัดขึ้นมาเพื่อรวบรวมเหล่าคอนเนกชั่นให้ได้พูดคุยกัน โดยมีอาหารแบบค็อกเทลไม่อั้นพร้อมๆกับสัญญาที่จะได้ทำร่วมกันในตอนนี้หรืออนาคต



ฉากหน้าคืองานเลี้ยงหรูหรา ฉากหลังเละเทะจนต้องกรอกตาแรงๆ กูคิดถึงขาหมูของไอ้เอม อยากกลับบ้านไปหาเมียคะอิด-อก! ... ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจบเรื่องนี้เต็มทนจะไม่เสียเวลามาเลย นอนอยู่ห้องมาร์คหน้ากับไอ้เอมก็ยังจะดีซะกว่า อย่างน้อยก็ได้นอนหนุนตักเมีย แล้วหน้ากูก็จะเนียนนุ่มชุ่มชื่นเหมือนตูดเด็กแบบที่คนสวยๆแบบกูคู่ควรค่ะ!



“คืนนี้ไอ้ปืนไม่ได้มาด้วย แกต้องระวังดีๆ” พ่อของผมที่ยืนเคียงข้างกันในชุดสูทอย่างเป็นทางการกระซิบบอกผมด้วยสีหน้านิ่งๆ ถ้ามองจากคนรอบนอกแล้ว อาจจะมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าพ่อผมขยับปาก



“อืม รู้แล้วน่าป๊า” พยักหน้าบอกพ่อไปแบบนั้น แสร้งทำเป็นหันซ้ายหันขวามองดูรอบๆงานอย่างสนอกสนใจ แสร้งว่าอะค่ะ



“รู้แล้วก็ทำตัวให้มันดีๆหน่อย แกยุกยิกอะไรนักวะ”



“ป๊าว่าปากผมซีดไปป่ะ ตรงนั้นเหมือนมีมาช่างถ่ายรูป เดี๋ยวถ่ายออกมาแล้วไม่สวย” แสงไฟจ้ามาก วันนี้กูลงรองพื้นมาเบามากๆเพราะเมียสั่ง เนี่ย เดี๋ยวหน้าไม่เด้งโดนใจ ถ่ายไปแล้วเดี๋ยวไม่สวย...เครียดเลยนะคะ



“ไอ้ดาบ”



“ว่าไงป๊า ซีดใช่ป่ะ”



“เดี๋ยว กูจะถีบให้ เลิกสนใจหนังหน้ามึงสักที”



“โอ๊ย ไม่ได้ดั้งใจเลยอ่ะ”  สะบัดหน้าหนีพ่อเลยในตอนนี้ ไม่ได้เรื่อง ช่วยกันดูแค่นี้ก็ไม่ได้ คนเรามันต้องดูดีเสมอทุกช่วงเวลานะคะสังคม ... ถึงแม้ว่าผมจะมั่นใจว่าผมน่ะดูดีทุกท่วงท่าและลีลาเด็ดมาก แต่มันก็ต้องเพิ่มเติมกันบ้างสิวะ



“อ้าว สวัสดีครับ มากันแล้วหรอครับ อาหารต่างๆถูกใจไหมครับ”  เสียงของคนมาใหม่ที่ดังขึ้น พอผมหันไปมองก็เห็นชายร่างสูงใหญ่ จมูกโด่งแต่งองุ้มนิดๆที่ปลายจมูก สายตาแวววาวเจ้าเล่ห์แบบไม่น่าคบหากำลังเดินเข้ามา เค้าอยู่ในชุดสูทสีขาวทั้งตัว ยกเว้นแค่โบว์สีดำที่ติดอยู่ที่คอเสื้อก็เท่านั้น ด้านหลังของเค้ามีใบหน้าน่ารักของคนคุ้นเคยที่กำลังเดินตามมาด้วย



พระพาย...



พายที่อยู่ในชุดสูทสีดำ ที่พอใส่แบบนี้แล้วก็ยิ่งขับผิวให้ดูขาวสว่างมากยิ่งขึ้นไปอีก ดวงตากลมโตของพายที่มองซ้ายทีขวาทีแบบกล้าๆกลัวๆนั่น เห็นแบบนั้นแล้วผมก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าพายกำลังเป็นอะไร ท่าทางแบบนี้ผมเห็นมาบ่อยมากๆตั้งแต่สมัยเรียน พายที่หันมาเห็นหน้าผมพอดี รอยยิ้มน่ารักที่ส่งยิ้มมาให้กันน้อยๆแบบโล่งใจที่เห็นผมยื่นอยู่ตรงนี้ เหมือนคนรอบๆข้างจะสังเกตเห็นท่าทีนี้ ชายตรงหน้าพระพายหันไปมองพายด้วยสายตาที่เข้มขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าผม



“สวัสดีครับคุณอานนท์ งานวันนี้ดูดีมากๆ” พ่อของผมพูดขึ้น ก่อนที่อานนท์ พ่อเลี้ยงของพระพายจะหันกลับมายิ้มให้พ่อผม เป็นรอยยิ้มการค้าที่แค่มองดูก็รู้ ผมแค่นยิ้มออกมาหน่อยนึงในตอนนี้



“เอ้านี่พาย นี่เพื่อนลูกนี่” อานนท์ที่ทำท่าเหมือนพึ่งมองเห็นผม ทั้งๆที่ก็มองเห็นกูตั้งนานแล้ว ขอกรอกตาทีนึงเพราะกูดูออกค่ะ!



“เอ่อ..ดา..ดาบ”



“ยังไงเด็กๆก็มีเพื่อนแล้ว งั้นลูกก็อยู่กับเพื่อนจะดีกว่า ส่วนเรา ผมจัดห้องวีไอพีไว้ทางด้านนู้นแล้วครับ” อานนท์พูดออกมาแบบนั้นแล้วหันไปยิ้มให้พ่อผม กูนี่เลิกคิ้วเลย เอื้อมมือไปดึงแขนพ่อไว้ทันที



“ป๊า ผมไปด้วย” ว่าออกไปแบบนั้นแล้วหันไปจ้องตาใส่พ่อเลี้ยงของพระพาย



“ฮ่าๆ โตแล้วนะเนี่ย ทำไมยังทำตัวเป็นเด็กๆติดพ่ออยู่ล่ะ” หันมายิ้มขำให้ผม สายตาที่มองตรงมาก็ทำเอารู้สึกว่าอวัยวะเบื่องล่างของผมมันคันตะหงิดๆ อยากยกฟาดปากคนแก่



“พอดีว่าผมเป็นเด็กที่มีความคิดมากหน่อยน่ะครับ” ตอบกลับออกไปแบบนั้น คนตรงหน้าที่ดูจะหน้าตึงขึ้นมานิดๆ



“ไม่เป็นไรดาบ เดี๋ยวพ่อไปกับคุณวิเชียร”  คุณวิเชียรที่ว่าคือเลขาของสัดเฮียปืน มันไม่ได้มาแต่ส่งเลขามาแทนเพื่อที่จะได้รายงานความเคลื่อนไหวให้มันรู้ได้ตลอด ... พ่อหันมามองหน้าผมแล้วพยักหน้าให้นิดหน่อย เป็นอันรู้กันว่าให้ทำตามนี้ ถึงแม้จะขัดใจผมนิดหน่อยแต่ก็ทำไรไม่ได้



“งั้น ก็ให้สองคนนั้นไปเป็นเพื่อนพ่อด้วย ก็ดูสิครับรอบข้างคุณอานนท์มีแต่คนหน้าเหี้ยๆ หมายถึงว่าหน้าตาเคร่งขรึม เอาคนของผมที่หน้าตาดีไปด้วยน่าจะสบายสายตากว่า” บอกแบบนั้นแล้วยกยิ้มให้นิดๆ ไอ้อานนท์ทำหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่แต่ไม่ได้พูดอะไร พ่อผมที่ไม่อยากได้บอดีการ์ดที่พ่อเฮียทัพส่งมาไปด้วยเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็โดนผมพูดแบบนั้นไปแล้วเลยทำอะไรไม่ได้ ทั้งหมดนั่นยกโขยงเดินตามกันไปในห้องจัดเลี้ยงอีกห้องตามที่มันว่า ตรงนี้เลยเหลือแค่ผม...และพาย



“เฮ้อ ค่อยยังชั่ว” คนข้างตัวผมถอนหายใจออกมาหนักๆแล้วว่าแบบนั้น หันไปมองก็เห็นพายที่มีสีหน้าดีขึ้นหน่อย



“ไม่ชอบแล้วมากับมันทำไม”



“แล้วพายเลือกได้ที่ไหนล่ะ” บอกผมแบบนั้นแล้วยกเรียกบริกรที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่แถวนั้น หยิบแก้วไวน์มาสองแก้ว ยื่นให้ผมแก้วนึง ก่อนที่อีกแก้วตัวเองจะถือเอาไว้



“Cheer”



‘เคร้ง’



เสียงแก้วราคาแพงกระทบกันดังกังวานใสจากการกระทำของคนตรงหน้าผม



“ชนแล้วต้องดื่มนะ ดื่มให้ชีวิตห่วยๆของพายไง” ว่าออกมาแบบนั้นแล้วยกแก้วขึ้นดื่มก่อน ผมถอนหายใจออกมานิดๆก่อนจะยกขึ้นจิบไปสองอึก ความร้อนจากแอลกอฮอลที่ไหลลงตามลำคอทำเอาร้อนวูบ



“ชีวิตพายก็ไม่ได้ห่วยขนาดนั้น พายยังมีแม่ที่รักพาย ครอบครัวเงินทองก็มีพร้อม ถ้าพายไม่อยากเจอกับคนๆนั้น พายก็แค่ถอยออกมา ยังมีคนอีกมากที่ชีวิตเค้าเลือกไม่ได้และต้องลำบาก”  พูดไปพูดมาก็เพราะผมนึกถึงไอ้เอม มันที่สู้มาตลอด ถ้ามองเปรียบกัน มันลำบากกว่าพายเยอะเลย



“ชีวิตห่วยๆของพายที่พายว่า ก็คือชีวิตที่ไม่มีดานี่ของพายแล้ว”  ผมหันไปมองคนตรงหน้าแบบเต็มๆตาเป็นครั้งแรก วันนี้พายกรีดอายไลน์เนอร์มาด้วย ทำให้ดวงตากลมโตคู่นี้ดูเปร่งประกายมากกว่าเดิม



“อาการของพายดีขึ้นแล้วหรอ สงสัยตั้งแต่ที่กลับมาแล้ว” ผมเลือกจะพูดถึงเรื่องอื่นแทน พายชะงักแก้วที่กำลังจิบ ก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ผม



“อืม ก็ดีขึ้นนะ ไปอยู่ที่นู่นได้รักษา กลับมานึกว่าคุณแม่จะเลิกกับเค้าไปแล้วซะอีก แต่ที่ไหนได้...”  พายพูดออกมาเบาๆก่อนจะก้มหน้า สีกน้าที่บอกผมได้ว่าไม่อยากจะพูดถึงอีก ผมยักไหล่น้อยๆ ไม่อยากให้ถามก็ไม่ถาม ไม่ได้เป็นคนขี้เสือกขนาดนั้น



“อึดอัดอ่ะ ดาบว่าจะออกไปรอข้างนอก”



“หื้ม พายไปด้วยได้ไหม”  พายที่เอื้อมมือมาคว้าแขนของผมเอาไว้ มือเล็กๆที่เกาะต้นแขนของผมก่อนจะช้อนตามามองกัน สายตาที่บอกว่าเห็นผมเป็นที่พึ่ง



“พายมีอะไรหรือเปล่า”



“พ..พาย ... นะ ให้พายไปด้วย พายไม่อยากอยู่ตรงนี้ กับคนของเค้าที่คอยจ้องพายตลอด พายกลัว” บอกแบบนั้นแล้วมองหลุกหลิกไปซ้ายขวา พอมองตามก็เป็นแบบที่พายว่า บอดี้การ์ดของไอ้อานนท์ก็จ้องมาทางนี้ไม่เลิก



พายอึดอัดกับผู้ชายแปลกหน้า ถึงบอกว่าดีขึ้นแล้ว ก็คงไม่ดีขึ้นทั้งหมด



ผมถอนหายใจหนักๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะพยักหน้าลงไปช้าๆเป็นการตอบรับ พายยิ้มออกมาในตอนนี้ เป็นรอยยิ้มน่ารักที่ดูใสซื่อเหมือนสมัยก่อน แต่มันกลับมาประกายบางอย่างในสายตาที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม



เราสองคนเดินออกมาจากงานเลี้ยงที่อยู่ที่ห้องบอลรูมชั้นสอง ตั้งใจว่าจะออกไปเดินเล่นในสวนของโรงแรมข้างนอกนี่ แต่ก็ติดตรงที่พายดึงผมไว้ซะก่อน



“ดานี่ พายต้องขึ้นไปเอาของ”



“ของอะไร แล้วเอาที่ไหน”



“พายพักอยู่ที่ชั้นบนของโรงแรมนี้” ผมขมวดคิ้วตอนที่ได้ฟัง ทำไมมาพักที่นี่



“คือเค้าให้พายมาดูแลเรื่องงานในคืนนี้แหล่ะ ก็มาเตรียมงานที่นี่เป็นอาทิตย์ๆแล้ว เลยมาพักที่นี่เพื่อความสดวก เค้าว่าแบบนั้นอ่ะนะ”  พายยิ้มแหยๆ ... เค้าที่ว่าก็คงไม่พ้นไอ้อานนท์



“งั้นก็ขึ้นไปเหอะ”



“แต่พายไม่อยากไปคนเดียว” บอกออกมาอ้อมแอ้ม เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับพายแบบไม่เคยจะเป็น



“พาย ดาบมีแฟนแล้ว” ผมเลือกจะพูดออกไปตรงๆอย่างตัดปัญหา พายเงยหน้าช้อนตามองผม ในสายตาที่ส่งมามีแววตาตัดพ้อเล็กๆวูบนึง ก็จะแวบหายไป



“พายรู้ แต่มีแฟนแล้วก็ไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้หรอ ถ้าตลอดเวลาที่พายมาอยู่นี่ เค้าไม่พยายามจะเข้าห้องพายตลอดพายจะไม่ขอร้องหรอก พายกลัว”



“หมายความว่าอะไร” ผมขมวดคิ้วตอนที่ได้ยินแบบนั้น



“ก็หมายความแบบที่พูด เค้า...เค้ายังไม่เลิกวุ่นวายกับพายเลย พายก็แค่...กลัว”



“แต่ตอนนี้เค้าอยู่กับพ่อดาบในห้องนู้น ขึ้นไปทำไรพายไม่ได้หรอก”



“ใครจะไปรู้ เค้าทำได้ทุกอย่างแหล่ะ เหมือนเรื่องที่ของดานี่ เค้าอยากได้มาก เค้ามีวิธีจัดการทุกอย่างแหล่ะ”



“เรื่องนี้ก็อีก มันจะอยากได้อะไรนักหนา พายรู้อะไรก็พูดมา ดาบถามหลายครั้งแล้วนะ พายบอกมีหลักฐาน แล้วไหนอ่ะ อมอะไรไว้อ่ะ ดาบรำคาญเต็มทนแล้วนะ”



เป็นครั้งแรกที่ผมระเบิดเสียงดังใส่พายแบบไม่กลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจ พายขี้ตกใจ แต่เรื่องนี้ก็หลายรอบแล้วที่เราคุยกันกับเรื่องที่ของผมที่สุราษฎร์ว่าทำไมเค้าอยากได้นักได้หนา จริงๆที่พ่อผมกับเฮียปืนสืบมาก็พอรู้ว่าเค้าทำงานผิดกฎหมาย แต่เราไม่มีหลักฐาน แต่พายบอกว่าพายมี แต่ไม่ยอมให้ผมสักที ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เราเจอกัน ... หลายครั้งที่ผมต้องเจอพาย ก็เพราะเรื่องๆนี้



“พายมีจริงๆนะ”



“แล้วมันอยู่ไหน”



“อยู่บนห้อง ดานี่ขึ้นไปเอาเลยก็ได้ แค่ครั้งนี้เรื่องก็จะจบ”



“เออ ก็ได้ พายอยู่ชั้นไหน ห้องอะไร” ผมตอบออกไปแบบนั้น พายยิ้มออกมา ดูดีใจจนผมต้องขมวดคิ้ว



“ชั้น12 ห้อง127” ผมพยักหน้ารับนิดๆ ไม่สบายใจเท่าไหร่แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเดินตามพายไป ... พายตัวเล็ก จริงๆแค่เทียบกับขนาดตัว ผมก็เตะปลิวแล้ว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังเลือกจะหยิบมือถือขึ้นมา



[[DANI: มึงมาที่โรงแรมxxxขึ้นมาที่ชั้น12ห้อง127 ห้องของพระพาย ถ้าหลังจากนี้ครึ่งชั่วโมงกูไม่ออกมา มึงต้องเข้าไปช่วยกู]]



[[NAKROB: เหี้ยอะไร ไปทำเหี้ยอะไร แล้วคือกูอยู่ตลาดดดดด จะหาซื้อขนมตาลเนี่ย]]



[[DANI: เรื่องสำคัญ]]



มีเวลาแค่แอบพิมพ์บอกไปแค่นั้น แต่ถึงแบบนั้นก็ยังมีข้อความสั่นกลับมาอีกให้ได้ทันอ่านก่อนที่ผมจะตามพายขึ้นลิฟท์ไป



[[NAKROB: K!]]


.

.

.



“ถึงหรือยังพาย”



“ตรงหน้านั้นไง ห้องพาย” พายบอกผมแล้วยิ้มให้ อยู่ๆหัวใจของผมก็เต้นรัวเร็วขึ้นมา รู้สึกเหงื่อออกแปลกๆ จะบอกว่าร้อนก็ไม่ใช่ แต่เป็นความรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็ว เลือดสูบฉีดในร่างกายมากเกินไป เส้นทางเดินทอดยาวที่เรากำลังเดินตรงไปจนสุดปลายทาง เท้าของผมเหยียบย่ำลงไปที่พื้นพรมสีแดง แต่ทำไมถึงรู้สึกมองเห็นเป็นสีเขียวๆ น้ำเงิน วูบๆวาบๆไปหมด เสียงหวีดหวิวแปลกๆดังอยู่ข้างหูจนต้องหันหลังกลับไปดูแต่ก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากทางเดินทอดยาวที่พร่าเบลอ



“ดานี่” พายยกมือขึ้นมาจับแขนของผมในตอนนี้ สะดุ้งจนต้องปัดมือหนี มือพายเย็น ไม่สิจริงๆมันร้อน



“หือ”



“นี่แหล่ะห้องพาย” พายบอกแล้วก็ยิ้มพร้อมๆกับเอื้อมมือมาจับต้นแขนของผมอีกครั้ง จ้องมองไปที่หน้าของพายในตอนนี้เหมือนมีหน้าของใครบางคน ใครบางคนที่ทำให้หัวใจผมเต้นรัวแรง คนที่ตอนนี้อาจจะกำลังนอนรอผมอยู่ที่ห้อง สะบัดหัวหน่อยๆเพื่อไล่ความรู้สึกแปลกๆนี้ แต่พอยิ่งทำกลับรู้สึกยิ่งมึน หัวสมองของผมเบลอลอยๆหวิวๆ แต่ถึงแบบนั้นกลับอยากขยับตัวตลอดเวลา ทำให้ผมยิ่งก้าวเท้าเดินหน้าก้าวยาวๆเข้าไปในห้องของพายก่อนที่อีกฝ่ายจะเชื้อเชิญ ความรู้สึกที่อยู่ๆก็มีความสุขแปลกๆจนต้องฉีกยิ้มออกมาปะปนกับความรู้สึกของอารมณ์อย่างว่าที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน อาการรุนแรงที่อยากจะทำในตอนนี้



“ดานี่”



“อะไร” ผมพูดออกมาเสียงที่ฟังดูแล้วไม่เหมือนตัวเอง รู้สึกว่าหอบหายใจแรงแปลกๆ อุณภูมิร่างกายของผมดูเหมือนจะสูงขึ้น ผมมองเห็นพายเดินไปทางทีวีที่ตั้งอยู่ แต่สภาพทีวีที่เบี้ยวๆบูดๆนี่มันคืออะไร ได้ยินเสียงวิ้งๆดังอยู่รอบๆตัวในตอนนี้มันคือเสียงอะไรกันนะ



“ดานี่”



“อะไร”



“เลิกรักพายแล้วหรอ”  คำถามที่ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องเอียงหน้ามอง เป็นเสียงของใครกันวะ มันเป็นเสียงของใครกัน



ตึก ตึก ตึก



หัวใจของผมเต้นเร็วมากขึ้น มากขึ้นอีก ภาพตรงหน้าดูเป็นสีขาวๆดำๆ เป็นภาพโย้เย้ๆที่มองไม่ชัด ผมกำมือเข้าหาตัวเองแน่นๆในตอนนี้ สะบัดหน้าหนีจากฝ่ามือของใครบางคนที่เอื้อมมือมาประคองใบหน้าของผม ได้แต่กัดกรามแน่นๆ



“กลับมาหาพายไม่ได้หรอ กลับมาหาพายแบบที่เคยบอกว่าจะไม่ไปไหน มีแค่เรา มีแค่เราสองคนนะ”



“เรา...” ลมหายใจฟืดฟาดของผมที่หอบหายใจแรงๆ ความรู้สึกอัดอั้นที่รู้สึกได้กลิ่นหอมๆส่งมาจากมือของคนตรงหน้า เพ่งมองช้าๆ เห็นใบหน้าหลายๆหน้าซ้อนทับกันไปมา



“นะดานี่ ...”



ดา...นี่...งั้นหรอ



“ถอย!”   ผมตะโกนออกไปด้วยเสียงดังลั่น ดันมือตัวเองไปสะเปะสะปะเพื่อผลักใครอีกคนออก ผมพยายามประคองตัวให้เดินกลับออกไปที่ประตู ผมรู้ว่าผมกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนกับว่ากำลังมีใครอีกคนที่มันกำลังเข้ามาครอบครองตัวผมในตอนนี้ มันกำลังกลืนกินตัวผมไปทีละเล็กทีละน้อย ผมกำลังจะสูญเสียการควบคุม มีบางอย่างกำลังจะมาแทนที่ตัวผม



“ดานี่ มานี่ เอมอยู่นี่ไง” คำพูดนั้นที่ชะงักขาของผมพร้อมๆกับฝ่ามือเรียวที่พุ่งมากอดจากทางด้านหลัง ผมหอบหายใจ มองไม่เห็นอะไรตรงหน้านอกจากแสงวูบๆวาบๆ หันกลับไปมองหน้า เห็นเป็นใครอีกคนที่ใจผมคิดถึง



“เอม”



‘ผลัก’



“อ๊ะ!”



“กูไม่ไหว แฮ่ก มึงอยู่นิ่งๆ อึก” ผมผลักไอ้เอมลงไปกับเตียงก่อนจะตามคล่อมทับ ลากไล้ริมฝีปากไปหมดทุกส่วนเท่าที่จะทำได้ กระชากเสื้อที่มันใส่ออกอย่างแรงและโยนทิ้งไปไกลๆ



‘แควก’



“แฮกๆ ดานี่ อ๊ะ”



เสียงหอบหายใจฟืดฟาดของตัวเองดังมาแปลกๆ รู้สึกหัวเบาๆควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ความต้องการกลับยิ่งสูงขึ้น ยิ่งความต้องการสูงขึ้น ร่างกายกลับยิ่งเชื่องช้าลง แต่แกนกลางของผมมันกลับยิ่งโป่งนูนมากขึ้น



“เร็วๆ รีบมาอัด!”



“จะทำแบบนี้จริงๆหรอ คิดว่ามันจะได้ผลหรือไง”



“บอกให้ไวๆ อ๊ะ เดี๋ยวดานี่” ผมกระชากคนที่ตอนนี้อยู่บนร่างลงมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงพูดคุยแปลกๆแต่ไม่มีเวลาพอที่จะใส่ใจ จริงๆคือสายตาพร่าเบลอจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น เสื้อสีขาวที่ถูกฉีกออกในตอนนั้น ตามมาด้วยกางเกงที่ผมกระชากทิ้งแบบไม่ใส่ใจ ฝ่ามือเล็กคว้ามือของผมไปจับไว้ บังคับให้คว้าเข้าไปที่แกนกายของคนตรงหน้า .. คนที่ตรงหน้าที่คือไอ้เอม ไอ้เอมหลายๆหน้าหลายๆหัว



“อ๊ะ อื้ออ”  ผมซุกหน้าลงไปไหล่ขาว ทั้งขบทั้งกัด ดูดดุนแบบไม่สนใจ ความรู้สึกมันล้นจนอยากฉีกกระชาก แต่ร่างกายก็ไม่เป็นไปตามสั่ง ดีแต่ให้อีกฝ่ายชักนำมือผมไป



‘พลึบ’



ผมหงายหลังลงมานอนหงายเพราะแรงจากใครอีกคน เสื้อผ้าที่กระจายหายไปไหนแล้ว แต่ใครจะสน ผมอยากกระแทกเข้าไปแรงๆในตัวไอ้เอม



“ดาบ พายอยู่นี่ อ๊ะ”



พาย...



พาย.....



พายที่ไหนกันวะ



คนตัวบางที่นั่งคล่อมทับอยู่กลางท้องของผม ฝ่ามือบางที่ชักรูดแท่งเนื้อร้อนให้ผมต้องกัดกรามจนแน่น แข็งชันจนรู้สึกร้อนเหมือนมันใกล้จะระเบิด ท่อนเอ็นของผมที่กำลังจะแทงพรวดเข้าไปในตอนนี้ ก็แค่อีกนิดเดียว แค่นิดเดียว



‘ปังๆๆๆ!’



“เปิดประตูโว้ย!”



เสียงอะไรบางอย่างที่เหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แต่มันก็น่ารำคาญเพราะทำให้ฝ่ามือเล็กนั่นชะงักไป ผมต้องการอีก ต้องการมากกว่านี้



“อย่าหยุด!” ขบฟันแน่นพูดลอดไรฟันออกมาแบบนั้น แล้วกระชากแขนอีกคนลงไปนอนกลางเตียง



“เดี๋ยว อ๊ะ ดา... ไปดูสิว่าใคร อ๊ะ อย่ากัด”



ผมคว้าท่อนขาเรียวให้แยกออกจากกัน บังคับให้แยกออก ฉีกขาจนกว้าง



‘ปังๆๆ’



“ไม่เปิดหรอ มึงเจอกู!”



‘ปัง โคร้ม!’



“เห้ย”



“เห้ย!”



“เหี้ย พวกมึงทำเหี้ยไร สัด ไอ้เฮียดาบ เหยดแม่!”



เสียงสามเสียงที่ดังไม่เป็นภาษา แต่ผมไม่รู้ ผมไม่สน ตอนนี้ผมอยากกระแทกเข้าไปแรงๆ



“พวกมึงทำเหี้ยไร นี่กล้องKไร เอามาโว้ย!”



‘ผลั้ว! ตุบ’



“มึงมาหนี มึงอย่าหนีนะไอ้สัด”



ผมไม่สนใจเสียงนั่น ทำแค่กดริมฝีปากลงไปที่หน้าอก ขบกัดมันแรงๆ รู้สึกอยากให้หัวนมตรงหน้าติดปากมาได้เลยคงจะดี



“ดานี่ อื้ออ”



“เหี้ยๆๆๆ ไอ้เฮีย อิตุ๊ดปลอมมึงใจเย็นก่อน! แม่งเอ้ย” เสียงร้องโวยวายดังมาไกลๆ แต่ผมไม่สน ก่อนจะรู้สึกได้ถึงแรงกระชากที่ไหล่ แต่ก็ทำแค่ยกมือสะบัดมันออกไป



“สัด! มีสติหน่อยสิวะ”



“อย่ามายุ่ง!” รำคาญเหลือบไร ตะคอกออกไปแบบนั้น ผมอยากทำ อยากทำตอนนี้



‘ผลัก ตุบ!’



ความรู้สึกโดนกระแทกอย่างแรงจากอะไรสักอย่าง ทำให้หัวหมุนเคว้ก เห็นเส้นแสงหลายๆสีเหมือนเป็นภาพสโลโมชั่นที่บิดเบี้ยว ก่อนที่สุดท้ายจะรู้สึกเจ็บที่ก้นกบอย่างแรง



“น้ำๆๆๆ ไอ้เหี้ยน้ำๆ”



‘ซ่า’



“แค่กๆ”



และความรู้สึกแสบร้อนที่โพร่งจมูกก็ตามมาเป็นลำดับต่อไป ผมไอออกมาแรงๆจนตัวโยน รู้สึกเวียนหัวจนอยากจะอ้วกในตอนนี้ ได้แต่ค่อยๆคลานไปตามพื้น และอ้วกออกมา



“เหี้ย มึงเป็นไรวะเฮีย เห้ย จะไปไหน พี่พายเดี๋ยว! กูบอกให้หยุดไง”



“อ้วกกกกก”



“สัดเอ้ย นี่มันอะไรกันวะ” ได้ยินเสียงสบถที่รู้สึกว่าเริ่มจะคุ้นเคยดังใกล้เข้ามา เงยหน้าจากพื้นที่เลอะเทอะไปด้วยอ้วก เงยหน้าขึ้นมา เพ่งมองตรงหน้าชัดๆแล้วเหมือนจะเป็น...ไอ้นักรบ


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ


.

.

.



“เรื่องก็แบบนี้”



“กูว่าแม่งไม่ใช่แล้วนะ อาการมึงแปลกมาก แล้วยังไอ้คนที่แม่งต่อยกับกู มันถือกล้อง”  ไอ้รบพูดออกมาแบบนั้นตอนที่มันฟังผมเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจบจบ ผมเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่ามันคืออะไร เพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่การโดนยาปลุกเซ็กต์



“แล้วมึงจะนั่งอยู่ในรถอีกนานไหม มึงจะนั่งมองคอนโดตัวเองแบบนี้อีกนานแค่ไหนวะ มีไรดีขึ้นหรือไง”



“กูกลัว”



“มึงเคยกลัวอะไรด้วยหรือไง กูเห็นมึงไม่กลัวห่าอะไรตั้งแต่ทาปากแดงแล้วไอ้เหี้ยเฮียดาบ”



“ก็ถ้าจะเรียกกูแบบนี้ มึงก็ไม่ต้องนับกูเป็นพี่หรอก”



“เอ้า กูรอเวลานี้มานานละสัดดาบ”



“ฆวย!”



ด่ามันออกไปแบบนั้น แต่ไอ้ตัวการข้างๆก็ทำแค่ยิ้มคิกคัก มันอายุห่างกับผมแค่ปีเดียวครับ เป็นแบบหัวปีท้ายปีด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้นเราเลยไม่ค่อยสนใจเรื่องอายุ แต่มันเรียนช้าเพราะมีปัญหากับที่บ้าน มันถูกส่งไปญี่ปุ่นครับเลยกลับมาเรียนช้า เพราะแบบนั้นตอนนี้เลยยังเรียนมหาลัยอยู่



“แต่มึง กูให้คนจัดการละ ไม่น่าเกินพรุ่งนี้กูว่าน่าจะได้ภาพไอ้คนถือกล้องนั่น”



“ดี กูอยากได้ให้ไวที่สุด”



“ได้ แต่ตอนนี้กูว่ามึงควรขึ้นบ้านนะ อย่างน้อยเมียมึงเค้าน่าจะเป็นห่วง”  ไอ้รบว่าแบบนั้น ผมเองก็คิดว่าไอ้เอมน่าจะเป็นห่วง แต่ลางสังหรณ์บางอย่าง มันก็ทำให้ผมกลัว ... กลัวในสิ่งที่คิดจะเป็นจริง



...



‘ติ๊ด’



เสียงเปิดประตูหน้าห้องดังขึ้นในเวลาสิบเอ็ดโมง ผมหันไปมองหน้าประตูด้วยหัวใจสั่นๆ มือของผมเย็น ขาของผมชา ต่อมใต้สมองที่กำลังร้องบอกว่ามันเจ็บจี๊ด ... แต่ไม่เท่ากับใจในตอนนี้ที่มองเห็นร่างของใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าอ่อนเพลีย แต่เค้าก็ยังยิ้มให้ผม



“อิหนู” เสียงสองที่มาพร้อมรอยยิ้มกว้างๆแบบสดใส



“ตื่นแล้วหรอคะ วันนี้กูไม่ได้อยู่ทำอาหารมึงตื่นเองได้หรอเนี่ย ภูมิใจจังเลยค่ะแม่ควายน้อยของกู”  เสียงร่าเริงที่ดังมาพร้อมๆกับขายาวๆที่ค่อยๆก้าวเข้ามาหาผม ท่าทีที่ดูปกติธรรมดา แต่มันมีบางอย่างในสายตาของพี่มันที่ไม่เหมือนเดิม



มันมีความละอายแฝงอยู่ในนั่น



ความละอายที่ทำให้ใจผมสั่น ... และผมก็กลัวสิ่งนั้นมากกว่าสิ่งไหน



“ทำไมกลับมาตอนนี้ห๊ะ! รู้ไหมว่าผมรออ่ะ” ผมทำหน้างอแล้วว่าไปแบบนั้น อีกคนที่ถอนหายใจออกมาน้อยๆ เป็นแค่เล็กน้อยถ้าไม่สังเกตก็แทบจะมองไม่เห็น ผมกำมือแน่น พยายามทำให้มือตัวเองไม่สั่น



“ขอโทษนะคะหนู คือเมื่อคืนมันติดพัน”



“หรอ”



“ค่ะ พอดีว่ามีงานเลี้ยงแล้วกูเจออิรบค่ะ จำได้ไหมที่เคยพูดให้ฟัง ญาติกูน้องเฮียทัพอ่ะค่ะ เลยไปต่อกัน”



“ไปต่อกับนักรบ”



“ใช่ค่ะอิดอก เมามากๆ กลับไม่ได้เลย”  พี่มันทิ้งตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้บนโต๊ะกินข้าวแล้วมองตาผม ยิ้มให้กันนิดๆแบบแทบจะไม่มีอะไรผิดสังเกต แต่เพราะคำพูดของมันแบบนั้นยิ่งทำให้ใจผมเจ็บไปหมดทั้งใจ ความรู้สึกเหมือนน้ำเย็นๆเทราดลงมาจากที่สูง กระทบลงกลางหัวของผม ชาหนึบเจ็บแสบไปหมดแต่ยังต้องยิ้มอยู่



พี่มันโกหก



“กาแฟครับ”  ผมที่เงียบไปนาน จนทำกาแฟลาเต้แบบที่เคยทำให้แม่พี่มัน แต่ยังไม่เคยทำให้มันกินเลยสักครั้ง ดันไปให้ใครอีกคนที่นอนฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะ เหมือนมันกำลังเลี่ยงหลบหน้าผม มันกำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้แบบมิดชิด



แต่บางทีมันอาจจะลืมคิด ว่าความลับมันไม่เคยมีทางปกปิดได้บนโลกใบนี้



“ขอบคุณค่ะหนู”



และวันนี้ มันก็แปลงร่างเป็นเจ๊ดานี่มากกว่าที่มันเคยเป็น ผมมองเข้าไปในตาคมๆคู่นั้น สายตาที่ผมชอบ แววตาที่มักจะแสดงความรักส่งมาให้ผมเสมอ ... บนโลกนี้มันไม่เคยน่าอยู่ตั้งแต่ผมไม่มีพ่อกับแม่ จนผมมาเจอมัน มันเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นอีกวันเพราะมีมันอยู่ด้วย



น้ำตาผมไหลลงมาในตอนนี้ ค่อยๆไหลลงมาช้าๆต่อหน้าต่อตาของมัน พี่มันที่มองหน้าผม แววตาขี้เล่นที่มันแกล้งแสดงออกก่อนหน้านี้หายไปจนหมดแล้ว มันไม่ได้ตกใจที่เห็นผมร้องไห้แบบนี้ มีแต่แววตาของคนรู้สึกผิดที่ส่งมาให้กัน มันกำมือแน่นๆและพยายามเอื้อมมือข้ามโต๊ะมาจับผมไว้ แต่ก็เป็นผมซะก่อนที่ขยับถอยหนี ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่ร่างกายมันไปไวกว่าความคิด พี่ดาบชะงักมือมันค้างอยู่ตรงนั้น มองหน้ากันด้วยความรู้สึกผิด



“เอม...”



“บอกผมสิ ว่าโกหกผมทำไม” ผมถามมันออกไปแบบนั้นแบบคนที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ พี่มันสอน มันเป็นคนหล่อหลอมให้ผมเป็นผมในทุกวันนี้ เป็นคนที่ดีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน



“เอม กู...” ไม่มีคำพูดเสียงสองอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ มันที่ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้แล้วพูดออกมาได้แค่นั้น



“พี่ไม่ได้ไปต่อกับเฮียรบ แต่พี่ไปอยู่ไหนมา ฮึก ดาบ...ไปอยู่ไหน ไปทำอะไรกับใครมา”



“เอม กูไม่ได้ตั้งใจนะ จริงๆกูสาบานได้ มัน...”



คำพูดนั่นเหมือนกับเป็นคำสารภาพของมันใช่หรือเปล่า



มันกำลังบอกว่าเรื่องในคลิปที่ผมเห็นมันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม



จริงๆผมก็แอบภาวนา ว่ามันอาจจะเป็นแค่คนหน้าเหมือน เป็นคลิปตัดต่อเหมือนที่ไอ้พวกตำรวจมันจับคนรวยไปแล้วบอกแบบนั้น ว่าทุกอย่างมันไม่จริง ... แต่สุดท้ายมันก็ไม่ใช่



ผมจ้องหน้าพี่มันแบบพร่าเบลอ น้ำตาผมไหลลงมาช้าๆ เป็นความรู้สึกแตกสลาย อยากจะพุ่งเข้าไปกอดพี่มันไว้แล้วบอกให้ปลอบผมหน่อยวันนี้ผมเหนื่อยมากเลย ผมอยากทำแบบนั้น อยากทำแบบนั้นแต่มันก็ทำไม่ได้แล้วในตอนนี้



“กูไม่ได้ตั้งใจเอม  กูรักมึงเอม กูรักมึงแค่คนเดียวจริงๆนะ”



“รักผมแล้วพี่ไปทำแบบนั้นกับพระพายทำไมวะ รักแล้วโกหกผมว่าไปกับเฮียรบทำไมวะ หรือพี่เห็นผมเป็นควายจริงๆที่คิดว่าหลอกๆไป ผมไม่รู้อะไรอยู่แล้วหรอวะ”



ตอนที่มันยิ้ม ตอนที่มันทำเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทำให้ผมรู้สึกเหมือนเป็นควายไปจริงๆ



ถามหน่อยว่าถ้าผมไม่ได้เห็นคลิปในวันนี้ แล้วมันแกล้งทำเนียนๆไป ผมก็จะเป็นไอ้โง่แบบที่ไม่รู้อะไรตลอดไปจริงๆสินะ



“ใครบอกมึง ใครเป็นคนบอกมึง!” มันตะคอกออกมาเสียงดัง ท่าทางที่เหมือนมันไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนั้นทำเอาน้ำตาผมไหลลงมาอีก



“ผมไม่รู้! แต่ตอนนี้ที่ผมรู้คือท่าทีของพี่ตอนนี้มันกำลังฟ้องว่าทุกอย่างในคลิปนั่นมันคือเรื่องจริง ฮึก”



“เอม”



“บอกผมดิ ถ้าพี่พูดว่าไอ้คนในคลิปนั่นมันไม่ใช่พี่ พี่ไม่ได้กอดเค้า พี่ไม่ได้จูบเค้า ผมจะเชื่อเลยพี่ ผมเป็นควายอยู่แล้ว เป็นควายของพี่ไม่ใช่หรอวะ แค่พูดมา พูดมาเลย...บอกออกมาเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง แค่พี่พูด ฮึก แค่พี่พูดผมก็จะเชื่อนะ”



ขอร้อง แค่พูดออกมา



แค่บอกออกมาว่ามันไม่จริง ... ไอ้เอมคนนี้จะเชื่อพี่เอง



“กูไม่ได้ตั้งใจ กูควบคุมตัวเองไม่ได้”



เหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางใจของผม คำว่าไม่ตั้งใจของมันเหมือนฉายซ้อนทับกับคำว่าไม่ได้ตั้งใจในอดีตของไอ้มาร์ชไม่มีผิด



“พี่โดนยาปลุกหรอวะ”



“เปล่า ไม่ใช่ แต่กูไม่ได้ตั้งใจเอม มึงเชื่อกูนะ”



มันไม่ได้โดนยาปลุก ... แต่มันควบคุมตัวเองไม่ได้ มันต้องเหลืออะไรหรอวะ นอกจากความต้องการของใจมัน



มันเหลืออะไรให้ผมเลือกที่จะเชื่อบ้าง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ฮ่าๆๆๆ



“อื้ม ผมรู้ ผมรู้ว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ ผมเชื่อ” ผมยิ้มให้มันในตอนนี้ พยักหน้าแถมอีกหนึ่งทีกับคำพูดนั้นแต่น้ำตาของผมยังไหล ในหัวใจของผมมันยังเจ็บ



“เอม อย่าเป็นแบบนี้มึง กูขอร้องนะ”  พี่มันว่าแบบนั้น แล้วขยับตัวเข้ามาหาผมในตอนที่ผมเดินหนีออกมาจากโต๊ะกินข้าว ผมร้องไห้เงียบๆ ในขณะที่อีกคนก็อธิบายด้วยเสียงที่ไม่มั่นคง เป็นการทะเลาะกันครั้งแรกของเราที่เงียบเหงาที่สุด ไม่มีเสียงโวยวาย มีแต่ความเงียบที่โอบล้อมรอบตัวของเรา เป็นความเงียบที่อธิบายทุกอย่างได้ว่ามันคือเรื่องจริง



“ผมไม่ได้โกหกนะ ผมเชื่อว่าพี่รักผมจริงๆ” หันหน้ามาบอกมันแบบนั้น จ้องหน้าคนตรงหน้าที่ผมรักมากๆ



“เอม”  มันทำอะไรไม่ได้นอกจากเรียกชื่อของผม เป็นความรู้สึกที่ว่าแก้ตัวไม่ได้จนปากมันปิด ความจริงมันจุกอก ผมมองหน้ามันด้วยความรู้สึกผิดหวังไปทั้งหมด



“ผมเชื่อว่าพระพายวางแผนเรื่องนี้นะ”



“จริงๆ มันเป็นแบบนั้นเอม จริงๆนะมึง”



“เค้าอยากให้เราเลิกกัน”



“แต่กูไม่เลิกกับมึงนะ กูไม่ได้รักพายแต่กูรักมึง”



“อืม ผมรู้”



“เอม...”



“แต่ตอนนี้ผมอยู่แบบนี้ไม่ได้ว่ะพี่ดาบ”



“เอม มึงพูดแบบนี้หมายความว่าไง มึงหมายความว่าไง”  มันละล่ำละลักออกมาด้วยเสียงสั่นๆ เอื้อมมือมาคว้าแขนของผมไว้แม้ว่าผมจะไม่ต้องการเลยก็ตาม ดึงรั้งตัวของผมไว้ ยิ่งขยับเข้าไปใกล้ผมยิ่งได้กลิ่นน้ำหอมที่ผมไม่คุ้นเคย กลิ่นที่มันฟ้องว่ามันกอดคนอื่นมา



“ผมยืนอยู่ตรงนี้แล้วยิ้มให้พี่ไม่ได้ ผมพูดออกมาไม่ได้ว่าเอมเข้าใจพี่นะ เข้าใจหมดเลยมันไม่เป็นไร ผมพูดไม่ได้ว่ะพี่”



กับแฟนของเรา คนรักของเรา ที่เค้าบอกว่าไม่ได้ตั้งใจทำผิด แต่เรื่องจริงคือคำว่าใช่ กูไปกอดคนอื่นมา จะต้องให้ผมทำยังไงกับเหตุการณ์นี้ ให้ผมยืนยิ้มแล้วแผ่เมตตาให้หรอ ผมทำไม่ได้ว่ะ...ถ้ามีใครทำได้ ผมจะนับถือว่าเค้าเก่ง แต่ในตอนนี้ผมยังทำแบบนั้นไม่ได้เลย



“ผมรักพี่” บอกมันออกไปแบบนั้น เป็นความรู้สึกจริงๆจากใจของผม



“พี่ก็รักเอม มากๆเลยนะ” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เข่าทั้งสองข้างของมันที่ทรุดลงกับพื้นห้อง น้ำตาที่ไหลลงอาบแก้มของมัน วงแขนแข็งแกร่งของมันที่เอื้อมมาคว้าตัวของผมไว้ ใบหน้าหล่อที่ดูซูบซีดลงไปแนบลงกับหน้าท้องของผม มันร้องไห้ และผมเองก็ร้องไห้



คำบอกรักกัน ในวันที่เรากอดกันไม่ได้เหมือนเดิม เป็นอะไรที่เจ็บปวดมากที่สุด



“แต่เอมทำไม่ได้ว่ะพี่ แค่มองหน้าพี่ กอดพี่ เอมก็เห็นภาพของพี่ที่กอดใครอีกคน ภาพที่พี่จูบเค้ากอดเค้าเหมือนที่ทำกับผมมันซ้อนทับขึ้นมา พี่เข้าใจเอมได้ไหม ฮึก เข้าใจเอมได้หรือเปล่า”



“พี่เข้าใจ พี่ขอโทษที่ทำให้เอมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้อีกแล้ว แต่เอม อย่าทิ้งพี่ไป ไม่เอา อย่าไป พี่ไม่ให้ไป”



“ผมขอเวลา”



“นานแค่ไหน ต้องนานแค่ไหนเอม”  มันที่เงยหน้าขึ้นมามองผมแต่ยังไม่ยอมปล่อยตัวกันไป เราสองคนที่มองหน้ากันทั้งๆที่น้ำตายังไหล ผมรู้ดีถึงความไม่ตั้งใจของมัน และมันก็เข้าใจดีถึงความรู้สึกของผม ถึงแม้เราจะกอดกันให้แน่นที่สุด แต่ช่องว่างที่เกิดขึ้นของใจเรา มันยังอยากที่จะต่อในตอนนี้



“เอมไม่รู้”



ก็แค่ตอนนี้ ก็แค่ขอเวลาให้ใจเราได้รู้สึกดีมากขึ้นกว่านี้อีกหน่อย และอย่างน้อยๆมันก็ต้องจัดการเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ให้มันหมดไปซะก่อน



และสิ่งแรกที่ต้องจัดการไปก็คือ...พาพวย



.

.

.

[[เอม: ของหายอยากได้คืนหรอ มึงฝันไปเหอะ!]]



--------------To be continued------------

เอาล่ะจ๊ะ มาแล้วน้าาา ในตอนนี้ กลัวมากว่าคนอ่านจะไม่เศร้าจะไม่รู้สึกไปด้วยกัน

แต่ถ้าคนอ่านรู้สึกไปด้วยกันกับตัวละคร แคทจะดีใจมากๆเลยค่ะ

อยากขออธิบายว่า ถ้าใครมองว่าน้องเอมไม่มีสติ หรือใช้แต่อารมณ์ แคทอยากให้มองในมุมน้องนะคะ มันเป็นเรื่องยากมากๆเลย

สมมุติว่าเราเคยโดนมีดบาด มันคงไม่มีใครอยากถูกมีดบาดอีกใช่หรือเปล่า น้องเอมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ กับคนๆนึงที่เคยเจ็บ

น้องเคยถูกหักหลัง มันเป็นเรื่องที่ฝังใจ แล้วอีกอย่างก็คือ น้องเอมไม่ได้รู้เหตุการณ์ทั้งหมดแบบเราๆด้วยน้า

ส่วนในมุมพี่ดาบ แคทว่าพี่เค้าเป็นผู้ชายที่เท่มากๆคนนึงเลย เค้าแคร์น้องมากๆ เพราะแบบนั้นเลยยิ่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ

แม้ว่าเรื่องนั้นเค้าจะไม่ให้อยากเกิดขึ้นก็ตาม แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้อีกล่ะว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันจริงนะ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเนื้อหาในนิยายมันไม่สนุก มันน่าเบื่อมากจนเกินไป จนทำให้ใครหลายๆคนอยากจากกันไปแล้ว

แคทต้องขอโทษจริงๆนะคะ ไม่มีคำอื่นนอกจากคำนี้เลย และแคทก็รู้สึกผิดกับคนอ่านของแคทที่อยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้

คนอ่านหลายๆท่านที่คอยสนับสนุน ให้กำลังใจต่างๆ แคทรู้สึกผิดกับคนอ่านเหล่านี้มากๆที่แคทต้องออกมาพูดว่าแคทรู้สึกไม่ดีเวลาโดนว่า

เพราะฉะนั้นอยากขอร้องกัน ถ้ามันไม่สนุกมากๆจนไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องแจ้งให้แคททราบก็ได้ค่ะว่าจะไม่อ่านแล้ว

เวลาฟังมันเสียใจนะ...แต่ถึงแบบนั้นก็ยังขอขอบคุณที่ทนกันมาถึงตอนที่41-42ค่ะ

นิยายเรื่องนี้เหลืออีกประมาณ3ตอนจะลากันไปแล้ว

แคทหวังมากๆว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนอ่านรู้สึกสนุก ยิ้มได้ และลุ้นด้วยกันไปในทุกๆตอน

ถ้ามีใครรู้สึกแบบนั้น ก็ขอให้อยู่ด้วยกันไปจนถึงตอนสุดท้ายก่อนลาจากนะคะ

และ

ตอนพิเศษในเล่มอีก10ตอน จะมาแบบจุกๆ จะไม่ทำให้คนที่รอผิดหวังค่ะ

-รักน้า-

ฝาก #สวยๆเป็นผัว ในทวิตเตอร์ด้วยนะคะ

มาเถอะนะ มากรีดร้องไปด้วยกัน

ดานี่: สวัสดีวันหวยแดกจ้า เอดอกกกก กรี๊ดดดดดดด


ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตบสักทีได้มั้ยอิพาพวยเนี้ยะ  :beat: :beat: :beat:
ชอบเอาความจิตไม่ปกติของตัวเองมาอ้าง
เค้าไม่เอามึงแล้ววววว สติคะอิดอก

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อิคนถ่ายคลิปคงไม่ใช่อิน้องม๊อปนะ อิพี่ดาบเมื่อไหร่จะทันเกมพาพวยซักที ฮึ่ย! ทำน้องเสียใจอีกแล้ว  :katai1:

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
จัดการอิพาพวยให้มันสิ้นซากไปเลยจ้าอิหนูเอมจ้าาาา :z6: :z6:

ออฟไลน์ goldentime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เกียจอีพระพาย มันต้องมาหลอกอะไรพี่ดาบมันแน่ๆเลย :katai1:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อิพี่ดาบมันโดนอะไรถ้าไม่ใช่ยาปลุกก็คงเป็นคุณไสยแล้วล่ะ ที่ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ jum1201

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-5
 อ๊ากกกกก พาพวยยย  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ
บทที่43




“มึงมาเอากูเดี๋ยวนี้เลยไอ้พี่เก้อ”



“ห๊ะ! มึงพูดเหี้ยอะไร กูไม่เอา!!”



“มึงไม่เอาก็ไม่ต้องเอาอีกเลย ไอ้หน้าสัด!”



“เอ้า!” ผมอุทานออกไปแบบนั้น แม้ว่าจริงๆกูอยากจะตะโกนว่าเรื่องไรไอ้สัด กูจะเอามึง มึงอย่ามาห้ามกูกูจะเอา!! ... แต่ว่าพูดออกไปไม่ได้ กูคีฟคาแล็คเตอร์เป็นคนดีอยู่ ทำไมไอ้เสือแม่งไม่เข้าใจวะ ไม่เข้าใจไม่พอ ยังมาถลึงตาใส่กูอีก ปัดโถ่



“เร็วๆไอ้พี่เก้อ มึงเป็นอะไร” ถามกูแบบนั้นไม่พอ มันเร่งด้วยครับ เร่งพร้อมๆกับตอนที่ถอดกระดุมเสื้อออกมาที่ละเม็ดๆ



“เดี๋ยวๆ มึงใจเย็นๆก่อน เป็นเหี้ยอะไรนี่เสือ” บอกแบบนั้นพร้อมๆกับพยายามหันหน้าหนี อย่า...กูแพ้



ทำไมแม่งขาวจังวะ กูแพ้ของขาว ไอ้เสือ ไอ้เด็กเหี้ย!



“ทำไมมึงต้องทำแบบนี้วะพี่เก้อ” เอ้า! ดราม่า ดราม่าเหี้ยอะไรก่อนเอ่ย...ไอ้เสือที่หยุดมือในการปลดกระดุมตัวเองแล้วก้มหน้าลงมองตีน แต่ขอบคุณมากที่มึงเลิกถอดเสื้อตัวเองสักที กูอยากให้มึงใจเย็นและฟังกูสักหน่อยยยย



“กูทำอะไรเสือ มึงใจเย็นๆหน่อยสิวะ” เอาน้ำเย็นเข้าลูบ เดินเข้าไปหามันแล้วเอื้อมมือไปจับแขนมันทั้งสองข้าง แต่ไอ้คนตรงหน้าก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองกันอยู่ดี



“เสือ มองหน้ากูหน่อย”



“ถ้ากูมองแล้วมึงจะเอากูป่ะล่ะ!” โพล่งออกมาแบบนั้นจนกูตกใจ ผงะถอยหลังห่างจากมันไปอีกสองก้าว



“เนี่ย! มึงแม่ง” เงยหน้ามามองกันแล้วว่าแบบนั้น ตาแดงๆของมันกับปากบางๆที่เม้มเข้าหากันนั่นดูน่าสงสาร แต่สายตาที่มองกันเหมือนอยากแดกหัว คือโกรธอะไรกูล่ะครับ



“มึงเป็นอะไรเนี่ยเสือ”



“มึงสิเป็นอะไรอิเหี้ยพี่เก้อ K”



“เอ้า ด่ากูไม่พักเลย”



“มึงไปไกลๆตีนกูเลย” 



“เอ้า” โกรธกูด่ากู หันหลังเดินหนีกูไม่พอ ไล่กูแล้วในตอนล่าสุด ผมถอนหายใจออกมาแรงๆตอนที่ได้ยิน ได้แต่ยกมือเสยผมขึ้นแบบอึดอัด ไอ้เสือที่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแล้วหันหน้าเข้ากำแพง หันหลังให้กูทั้งแบบนั้น เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นอาการแบบนี้ของมัน



คือเอ่อ...อย่าบอกกูว่างอนนะ



“เสือ” ลองหยั่งเชิงเรียกมันแบบนั้น พร้อมๆกับเดินเข้าไปใกล้ๆ ค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างๆมันแล้วเอื้อมมือไปแตะแขนมันเบาๆ แต่ไอ้เสือสะบัดแขนหนี มันเป็นฟึดฟัด



“อย่ามาจับกู”



“ทำไมกูจะจับมึงไม่ได้วะ ทั้งตัวกูก็จับมาแล้วรึเปล่า”



“กูจะไปรู้กับพ่อมึงหรอ มึงลองถามพ่อมึงสิ บางทีอาจนานจนพ่อมึงเองก็ลืมแล้วว่ามึงเคยจับกูหรือเปล่า” โอ้โห ยาวๆ ด่ากูมายาวๆแบบไม่พัก มองเห็นแก้มของมันพองขึ้นมาตอนที่มันด่าผมแบบนั้น เป็นอาการโกรธแล้วน่ารักจังวะ อดไม่ได้ที่จะกอดมันในตอนนี้ แต่



‘ผลัก ตุบ โคร้ม’



“โอ้ยยย กูเจ็บนะไอ้เสือ” กูที่ตีลังกาหงายท้องลงมาจากที่นอน หมุนเป็นลูกข่างเพราะตีนไอ้เสือที่หันมายันท้องกัน จุกจนกูหน้าดำหน้าแดง



“มึงกลับไปเลยพี่เก้อ”



“เอ้า มึงไล่กูทำไมวะ กูแค่กอดมึงเองนะ”



“ก็เพราะมึงกอดแต่ไม่ทำห่าอะไรนี่ไง ออกไปเลยไอ้เหี้ยพี่เก้อ!”



‘ปัง โครม!’



และสิ่งสุดท้ายที่ผมได้ยินก็มีแค่เสียงด่า และประตูไม้ที่กระแทกหน้าเพราะไอ้เก้อปิดประตูใส่ ... ทำไมเป็นคนดีมันยากแบบนี้วะไอ้เหี้ยเอ้ย จริงๆกูอยากเอาจนแข็งแล้วเนี่ยยยยยยย



“กูจะมาใหม่นะ”



“มึงไม่ต้องมา คืนนี้กูไม่ไป”



“เสือ ไม่เอางี้ดิ”



“มึงไปไกลๆหน้าห้องกู รำคาญ!”



จบ...จบกันตรงนี้ชีวิตไอ้ไทเกอร์ เป็นเสือหรือหมากันแน่วะกู เจ้าของก็ไม่เปิดประตูห้องให้ แค่กูพยายามเป้นคนดีนี่มึงโกรธอะไร!



...



“มึงจะทำงี้จริงหรอเอม”



“อืม กูตัดสินใจแล้ว”



“เฮ้อ งั้นกูก็จะไม่ห้ามนะ แต่กูเชื่อนะว่าพี่ดาบเค้าไม่ได้ตั้งใจหรอก” ผมหันไปมองหน้าไอ้หยี คนที่ตอนนี้กำลังนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ ยิ้มบางๆให้มันแล้วพยักหน้านิดๆเห็นด้วยกับคำพูดนั้นของมัน



“กูก็เชื่อว่าพี่มันไม่ได้ตั้งใจ” ก็จากสายตาท่าทีต่างๆมันก็บอกได้แบบนั้น แต่ถึงว่ามันจะเป็นแบบนั้น...



“แล้ว”  ไอ้หยีตอนนี้เหมือนคนที่อยากเสือก แต่ก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรออกมา เป็นคนมีมารยาทแม้ว่าจริงๆในใจค่อนข้างจะยุบยับอยากจะรู้เรื่อง เห็นแบบนั้นแล้วอยากจะขำออกมา เป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งวันที่ผมขำออกมาได้ แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันไม่รู้สึกอยากจะขำเลยก็ตาม



“มึงอยากจะถามว่า ถ้าเชื่อแบบนั้นแล้วทำไมถึงทำแบบนี้น่ะหรอ”



“อืม...พูดตรงๆกับมึงเลยว่าอยากเสือกมาก แต่ว่าก็เกรงใจมึง กลัวพูดออกไปแล้วแม่งกระทบใจ กูจะกลายเป็นเพื่อนเหี้ย”



“กูไม่มองมึงแบบนั้นหรอก”



“เพราะกูน่ารักมากๆเลยใช่ไหมล่ะคะ ดีขนาดนี้จะเหี้ยได้ยังไง” เข้าเกียร์ตัวNแล้วดึงเบรคมือเอาไว้ หันมามองหน้าผมแล้วยิ้มระริกระรี้



“เพราะมึงไม่เหี้ย ก็แค่คนอยากเสือกเฉยๆ”



“โอ๊ยอิเอม นี่กูแม่มึงนะค๊า” ขึ้นเสียงสูงใส่พร้อมถลึง ผมเขาออกมานิดๆ แล้วถอนหายใจ เอนตัวพิงเบาะรถอย่างเหนื่อยๆ หันหน้าไปมองที่เบาะหลังของรถไอ้หยี เห็นกระเป๋าใส่เสื้อผ้าใบเดียวของตัวเองวางเอาไว้ตรงนั้น แค่นยิ้มออกมานิดๆในตอนที่มองเห็น ... กระเป๋าใบเดิม กระเป๋าใบเดียวที่ผมมีตั้งแต่ถูกไล่ออกมาจากบ้านของป้า วันนั้นผมอุ้มกระเป๋าใบนี้ออกจากบ้านนั้นมา ขึ้นรถไอ้หยีเพื่อไปเจอกับอิเจ๊พี่มัน และในวันนี้ผมก็หิ้วกระเป๋าใบนี้ขึ้นรถไอ้หยี เพื่อออกมาจากบ้านของมัน



“เอาจริงๆตอนแรกกูนึกว่ามึงจะเลิกกับพี่มันด้วยซ้ำ”



“ทำไมวะ”



“กูเห็นมึงมาตั้งแต่สมัยมึงเลิกกับไอ้เหี้ยมาร์ช เรื่องแม่งก็คล้ายๆแบบนี้ พูดตรงๆคนเรามันจะเจอเรื่องเดิมๆได้สักกี่ครั้งวะ ถ้ามึงจะเลิกกับพี่มันกูก็ไม่แปลกใจหรอก”



“ก็จริง”



“แต่การที่มึงทำแบบนี้ มึงไม่กลัวพี่พายจะเข้าไปหาพี่ดาบในช่วงจังหวะนี้หรอวะ”



“ไม่เลย กูไม่กลัว” บอกออกไปแบบมั่นใจแล้วหันไปมองหน้าไอ้หยียิ้มๆ



“กูไม่กลัวไอ้พาพวยนั่นสักนิด พี่ดาบมันไม่ใช่คนโง่นะ อย่างน้อยๆมันก็ไม่เคยโง่ในเรื่องความรู้สึกของมัน”



“อวยผัวอ่ะเนาะ” กูปลายตามองแรงเลย ยังจะมีอารมณ์มาแซวกัน ผมยกยิ้มนิดๆตอนที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น



“กูก็แค่ไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่เฉยๆ แต่ว่ามึงออกมาแบบนี้มันก็ไม่เหมือนเลิกกันหรอวะ”



“พี่มันบอกไม่ยอมเลิกกับกู และกูเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเลิกกับพี่มันนะ” ผมบอกออกไปแบบนั้น นี่คือความคิดจริงๆของผม ผมไม่ได้คิดอยากจะเลิกกับพี่ดาบ



“แต่กูแค่ย้อนมานึกถึงตัวเอง”



“หมายถึงอะไรวะ” ไอ้หยีเลิกคิ้วมองหน้ากันนิดๆ ก่อนที่มันจะหันไปมองถนนปลดเบรคมือแล้วขับรถออกไปต่อ



“วันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นการจัดฉาก แต่ถ้าในอนาคตมีแบบนี้อีกกูจะทำยังไงวะ”



“กูเชื่อว่ามันจะไม่มีอีกหรอก จริงๆนะมึง” ไอ้หยีรีบเถียงออกมา ผมรู้ว่ามันเองก็รักพี่ดาบ ในฐานะพี่รหัสมัน มันก็ค่อนข้างเอนเอียงไปทางเค้ามากกว่าใคร



“ใครจะรู้อนาคตวะมึง ถ้าทำได้กูก็อยากจะไปอนาคตแล้วดูว่าตอนจบมันจะเป็นยังไง ทางที่กูกำลังเดินไปมันถูกหรือเปล่า แต่มันก็ทำไม่ได้ไง สิ่งที่ทำได้มันก็คือกูต้องเดินต่อ และการเดินต่อไปของกู กูก็ต้องมีอะไรที่เป็นของกูบ้าง พูดกันตามตรง ตอนนี้กูไม่มีอะไรเลย กูมีแค่พี่เค้า ถึงเค้าจะดีมากแค่ไหน แต่มันไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าอนาคตมันจะไม่ผิดพลาด”



ผมคิดถึงคำพูดที่ไอ้ม็อบพูด ถึงผมจะไม่ถูกใจในคำพูดของมัน แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่มันพูดมาไม่ถูกต้อง “ไม่คิดบ้างหรอว่าชีวิตพี่ผูกติดกับเค้ามากไปนะ ถ้าไม่มีเค้าพี่จะเหลืออะไรอ่ะ จะเอาเงินเอางานที่ไหนมาใช้มาทำ”



“มึงขมวดคิ้วทำไมวะไอ้เอม”



“กูแค่นึกถึงคำพูดของไอ้ม็อบ”



“ไอ้เด็กเหี้ยนี่อีกแล้ว มันยังไม่ไปพ้นๆมึงอีกหรอวะ” ว่าแบบนั้นพร้อมทำเสียงเข้ม ผมทำหน้านึกนิดหน่อยว่าเจอมันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ อาจจะเมื่อสองวันก่อนหรือเปล่านะ



“จริงๆก็ไม่เจอมันมาสักพักละนะ เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ไลน์มาหาอะไรกูด้วย”



“กูว่าแม่งไม่น่าไว้ใจตั้งแต่ที่มึงเห็นมันอยู่กับอิผีพายนั่นละ”



“ตอนนั้นมึงยังเรียกพี่พายไง ทำไมตอนนี้เรียกเค้าผีพาย”



“จริงๆกูอยากตบด้วยไม้พายด้วยค่ะตอนนี้ คนดีๆที่ไหนถึงจงใจแย่งแฟนคนอื่นหน้าด้านๆแบบนั้นวะ มองจากนอกโลกกูก็รู้ค่ะว่านางตั้งใจทำ อิเหี้ยเอ้ยหน้าตาน่ารักแท้ๆแต่สมองเป็นเหี้ยอะไรก็ไม่รู้”



“เราก็ไม่รู้กับเค้าป่ะวะว่าจริงๆแล้วเค้าทำเพราะอะไร”



“จะอะไรนอกจากอยากได้ผัวมึง นี่มึงอย่ามาทำเป็นนางเอกนิยายนะอิเอม อิลูกโง่ เดี๋ยวกูตบให้สมองกลับเลยค่ะ” ปรายตามามองแรงใส่กูซะแบบนั้น โมโหเหมือนพี่ดาบเป็นผัวมันอ่ะครับ



“กูไม่ได้นางเอกหรอก แต่กูก็แค่คิดกลับกัน ว่าที่เค้าทำแบบนั้นมันเพราะอะไร”



“เรื่องบางเรื่องอ่ะมึง ต่อให้มึงคิดแทบตาย พยายามมองมุมกลับแค่ไหน กับเรื่องบางเรื่องที่คนตั้งใจทำให้มึงเจ็บอ่ะ มองไปมึงก็ไม่เห็นเหี้ยอะไรดีขึ้นมาหรอก” อืม...ก็อาจจะจริงแบบที่หยีมันว่า ผมพยักหน้ารับคำพูดของมัน ได้ยินเสียงมันถอนหายใจอีกครั้ง



“แต่ก็ขอบใจมากนะมึง ขอบคุณอาม่ามึงด้วยนะ”



“เล็กน้อยหน่า หอนี้มันก็มีห้องว่างอยู่พอดี มึงมาพักที่นี่ก็ดีกว่าที่อื่น กูก็จะได้สบายใจด้วย”



“ไม่รู้ชาติก่อนทำบุญอะไรถึงเจอเพื่อนแบบมึง ขอบคุณจริงๆว่ะป้า” คิดแบบนี้จริงๆ อยากยกมือไหว้ขอบคุณฟ้าดินที่ทำให้ผมเจอเพื่อนดีๆครับ ... ตอนนี้ผมตัดสินใจย้ายมาพักที่หอพักไม่ไกลจากมหาลัย เป็นหอพักของบ้านไอ้หยีที่เปิดให้นักศึกษาเช่า ราคาไม่แพงเท่าไหร่ และที่สำคัญ พอเป็นผม อาม่าของไอ้หยีก็ไม่เก็บค่าเช่าล่วงหน้าใดๆด้วย ถือเป็นความใจกว้างแบบหายากมากๆ และตอนนี้ เงินในบัญชีผมจากการทำงามมาตลอดหลายเดือนกับพี่ดาบก็ทำให้ผมพอมีเงินอยู่จำนวนหนึ่ง ถึงจะไม่มากแต่ก็พอจะจ่ายค่าน้ำค่าไฟในระยะนี้ และที่สำคัญไปกว่านั้น ผมก็ต้องเริ่มหางานทำด้วย ... งานที่ผมจะไม่ต้องผูกติดกับพี่ดาบมากเกินไป



เสียงตบไฟเลี้ยวของไอ้หยีทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์พอดี มองเห็นหอพักนักศึกษาร่มรื่นหน้าอยู่ครับ เป็นตึกที่ปลอดภัยเพราะมียามเฝ่าและมีที่จอดรถด้วย ไอ้หยีถอยรถเข้าไปจอดในลานจอดตรงช่องที่เอาไว้จอดสำหรับเจ้าของเท่านั้น



“เอ๊ะ” ในตอนที่ผมจะลงจากรถ บังเอิญว่าตาดันมองไปเห็นรถที่จอดอยู่ในลานจอดฝั่งตรงข้าม คุ้นมากๆจนต้องร้องออกมา



“อะไรมึง ปะ ลง เดี๋ยวกูพาไปดูห้อง ห้องมึงอยู่ชั้น3นะ”



“ไอ้หยี”



“อะไรคะ หรือมึงเปลี่ยนใจอยากกลับ”



“เปล่า”



“แล้วคือ”  ขมวดคิ้วมองกันแบบไม่เข้าใจ จนตอนที่ผมพยักเพยิกไปที่รถคันดำฝั่งตรงข้ามที่คุ้นตาเราสองคนมากๆ ไอ้หยีก็เบิกตากว้าง



“นั่นรถอิเก้อนี่คะ มันมาทำอะไรที่นี่ อิเหี้ยๆ หรือมันสุกเด็ก”



“เด็กมันก็น้องเสือไม่ใช่หรือไง”



“นั่นแหล่ะ ไอ้ห่านี่ไม่ทิ้งลายหรอวะ กูจะไปบอกน้องเสือ” มันว่าแบบนั้นแล้วรีบก้าวลงไปจากรถ ไม่รอกูด้วยนะ เรื่องเสือกนี่เป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยแหะ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอยากจะทำแบบนั้น ก็แค่อยากถึงห้องใหม่ไวๆแล้วจะได้พัก



“ใจเย็นๆ มันอาจจะไม่เป็นแบบนั้น” ผมคว้ากระเป๋าจากเบาะหลังแล้ววิ่งตามมันไป ในตอนที่เราสองคนกำลังจะเดินขึ้นบันไดไป ก็มีใครบางคนเดินสวนลงมาพอ



“อิเก้อ!” ไอ้หยีตะโกนเสียงดังแบบที่ไม่สนใจใคร ทำเอาผมตกใจ และใช่ ไอ้คนที่เดินสวนลงมาก็ตกใจเหมือนกัน มันที่อยู่ในชุดธรรมดาๆที่ยังดูดี แต่เช้าแบบนี้มันมาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ



“มึง...ป้า มาทำไรกันที่นี่วะ”



“กูสิต้องถามมึงว่ามาทำอะไรที่นี่คะ มึงนอกใจน้องเสือกูหรอ” อิหยีเท้าเอวแล้วชี้หน้าด่า ไอ้เก้อเบิกตากว้างเลยตอนที่ได้ยิน



“พูดเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย”



“มึงนอกใจกูหรอไอ้พี่เก้อ” และเสียงของคนมาใหม่ที่เดินตามลงมาอีกคนก็ไม่ใช่ใคร น้องเสือ .... มันที่พึ่งเดินตามลงมาแล้วเห็นผมกับไอ้หยีก็ทำหน้าตางงๆนิดหน่อย และใช่...ในตอนนี้เรายืนออกันอยู่หน้าบันได ไม่มีใครขึ้นได้ลงได้ คือพวกมึงจะช่วยเกรงใจกันหน่อยได้ไหมวะ



“กูเปล่านอกใจมึง ป้ามึงอย่ามาพูดพล่อยๆนะเว้ย แล้วพวกมึงมาทำอะไรกันที่นี่”



“นี่มันหอพักของบ้านกูจ้า กูพาไอ้เอมย้ายมาอยู่”



“ย้าย ย้ายมาทำเหี้ยไร”  ไอ้เก้อหันมามองผมแบบไม่เข้าใจ และในตอนนี้เองที่น้องเสือก็หันมามองกูด้วยเช่นกัน เป็นดาวเด่นที่ยืนอุ้มกระเป๋าและไม่มีบทสนทนาให้ได้พูดอะไรกับเค้าเลย



“มึงย้ายมาทำไมเอม มีเรื่องอะไร” 



“ก็...ไม่มีไร” ผมตอบไปแบบนั้นแล้วยิ้มออกมานิดๆ แต่ไอ้เก้อกลับไม่เป็นงั้นด้วย หน้ามันบึ้งลงนิดหน่อยแล้วจ้องหน้าผมแบบคาดคั้น



“ตอแหลไม่เคยเนียนยังจะพยายาม แล้วมันอยู่ห้องไหนวะป้า ขึ้นไปก่อนเหอะ มายืนเกะกะตรงทางขึ้นลงทำไมวะ” เออจริง ในใจกูก็คิดงั้นอ่ะ แต่ไอ้เอมเหนื่อย ไอ้เอมไม่อยากพูด อยู่ในช่วงเจ็บไข่ จุกจนพูดไม่ออก



“มึงส่งกระเป๋ามานี่ไอ้เอม เดี๋ยวกูถือให้”



“เห้ย ไม่ต้องๆ กูถือเองได้” ผมรีบบอกแบบนั้น แวบนึงที่กูแอบมองเลยไปที่หน้าน้องเสือที่สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ ผมเข้าใจนะ เป็นผมก็ไม่ชอบว่ะ ถึงไอ้เก้อจะไม่คิดอะไร แต่ก็ไม่ควรอยู่ดี ... เรื่องโง่อ่ะฉลาดนักแหล่ะไอ้ห่าเก้อ



“เรื่องมากเหี้ยไร กูถือให้ เอามาไอ้โง่”



“สัด” ด่ามันได้แค่นั้นแล้วฝ่ามือของมันก็เอื้อมมากะชากกระเป๋าเสื้อผ้าใบเก่าของผมไปถือหน้าตาเฉย Kจริงๆ



“ไปมึง ห้องไหน”



“ชั้นสามค่ะ ตามมาๆ” ไอ้หยีบอกแบบนั้นแล้วตั้งท่าจะเดินขึ้นบันไดไป แต่ติดตรงที่น้องเสือพูดออกมาแบบนั้นซะก่อน



“แล้วข้าวกูอ่ะไอ้พี่เก้อ” น้องเสือว่าออกมาแบบนั้น พวกเราสามคนชะงักไป รวมถึงไอ้เก้อที่เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้เหมือนกัน



“คือว่า...” ไอ้เก้อพูดออกมาแค่นั้น ตามองตา ระหว่างสายตาของน้องเสือและสายตาของไอ้เก้อ ผมหันหน้าไปมองหน้าไอ้หยีแล้วถอนหายใจออกมา



“มึงจะพาน้องไปกินข้าวหรอ” ผมถาม



“อืม”



“งั้นมึงก็พาน้องไปเหอะ กูจะไปห้องกับไอ้หยีเอง”



“แต่...กูก็อยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับมึง ทำไมมึงถึงต้องมาอยู่ที่นี่”



“มึงก็คอยมาถามกูเอาทีหลังก็ได้ เรื่องแค่นี้เองทำไรให้ยากวะ เอากระเป๋ากูมา” บอกมันไปแบบนั้นแล้วดึงกระเป๋าตัวเองกลับมา ผมไม่อยากเอาตัวเองไปเป็นปัญหาให้ใครมากขึ้นหรอก เท่าที่เป็นปัญหากับตัวเองตอนนี้ก็มากพอแล้ว



“เออ มึงพาน้องเสือไปเหอะ ห้อง313” ไอ้หยีพูดตัดบทออกมาแบบนั้น ก่อนที่เราสองคนจะเดินหนีมันขึ้นมา ไอ้หยีเอื้อมมือมาตบบ่าผมเบาๆ



“ไอ้เก้อมันโง่ มึงเข้าใจใช่ไหม”



“กูเข้าใจ แต่ภวานาให้แฟนมันเข้าใจแบบกูก็แล้วกัน” ผมบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักที่ไอ้หยีไขให้ เป็นห้องแบบสตูดิโอโล่งๆ ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย มีเตียงโต๊ะตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในตัว สำหรับผมอยู่ได้แบบสบาย



“ขอบคุณมากๆนะมึง จริงๆ” ผมหันไปบอกมันแบบนั้นอีกครั้งตอนที่ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง มันตามลงมานั่งข้างๆแล้วตบไหล่ผมเบาๆ



“มึงเข้มแข็งมากเลยเอม จริงๆนะ...ถ้ากูเป้นมึงอาจจะทำแบบนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ” มันพูดออกมาแบบนั้น และไม่รู้ทำไมตอนนี้ขอบตาของผมมันถึงร้อนๆแบบบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกเหมือนสิ่งที่พยายามอดกลั้นเอาไว้มันพังทลายลงมาตอนที่ไอ้หยีพูดแบบนั้น



“ถ้าเป็นกูอาจจะเลิกกับพี่มัน แล้วก็เตลิดเปิดเปิงไปไหนต่อไหนแล้ว ไม่มีสติมานั่งคิดว่าจะย้ายออก จะไปทำงานอะไรตรงไหนหรอก”



“ไม่หรอก มันก็ไม่ง่ายสำหรับกูเหมือนกัน” ใช่...มันไม่ง่ายสำหรับผมเลย โดยเฉพาะในตอนที่จะเดินออกมาจากห้องของพี่มันเมื่อเช้านี้



.

.

.



“เอม กูไม่ให้ไป กูไม่ให้มึงไป!” เสียงตะโกนที่กังฉุนเฉียวขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่มันพูดออกมาแบบนั้น



เราอยู่ด้วยกันแบบเงียบๆมาทั้งคืนตั้งแต่ที่ผมบอกว่าผมขอเวลา ผมอยากย้ายออกจากที่นี่ พี่มันก็เอาแต่นั่งซึมอยู่ที่เก้าอี้ในครัว ส่วนผมหนีเข้ามาอยู่ในห้องนอน ผมไม่ได้บอกมันว่าห้ามเข้าไป จะมีสิทธิ์อะไรไปพูดแบบนั้นได้ในเมื่อห้องนี้ก็ของพี่มัน แต่ถึงแบบนั้นพี่มันก็ไม่ได้เดินเข้ามาหา และในตอนเช้าที่ผมเก็บกระเป๋าออกมา มันก็โวยวายขึ้นมาแบบที่ได้ยิน



“แต่เอมจะไป” ผมจ้องตามัน ไม่มีความไหวหวั่นอะไรในน้ำเสียงของผม แต่ถึงแบบนั้นผมก็เสหน้าหนี มองหน้าของมันที่ตั้งแต่เจอกันมักจะมีสีสันสดใสเสมอ พี่ดาบมันจะไม่ยอมปล่อยให้หน้าซีด เพราะมันบอกว่าจะไม่สวย แต่หนักจนถึงขั้นใต้ตาดำคล้ำแบบนี้ยิ่งไม่เคยเห็นมาก่อน ...



“เอม...พี่ขอโทษ จะให้ทำยังไงก็ได้ เอมอย่าไป”



“พี่ เอมอยู่แบบนี้ไม่ได้ เอมแค่ขอเวลานะ...” บอกมันแบบจนปัญญา ก้มหน้ามองมือแกร่งที่จับแขนของผมเอาไว้แน่นๆ ฝ่ามือของพี่มันสั่นๆ เรี่ยวแรงดูไม่ค่อยจะมี แต่ผมคิดว่าเพราะเมื่อคืนมันคงนอนไม่หลับ ก็แค่คืนเดียวมันกลับโทรมมากขนาดนี้



“พี่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ...เอมไปถึงแล้วเอมจะบอกนะ”



“พี่จะปล่อยเอมไปได้ยังไง เอมมีแต่พี่นะ” มันพูดออกมาแบบนั้น คำพูดนั้นบีบหัวใจของผมจนน้ำตาคลอ ... ใช่ เรื่องจริงที่ว่าผมมีแต่มัน



“เพราะเอมมีแต่พี่ไง เอมถึงต้องไป ไปยืนด้วยตัวเองให้ได้ไม่ใช่เกาะพี่อยู่แบบนี้”



“เอมไม่ได้เกาะพี่! และถ้าอยากจะเกาะจริงๆกูก็ยินดี กูรวย!” มันที่ดูฉุนเฉียวขึ้นมาอีกครั้งแล้วตอนที่พูดออกมาแบบนี้ รู้ดีเพราะว่าฝ่ามือที่กุมข้อมือของผมกำแน่นขึ้นมา เหมือนมันทั้งโมโหและหวาดกลัว



“แล้วถ้าวันนึงเอมไม่มีพี่ เอมจะทำยังไงวะ”



“มันจะไม่มีวันนั้นไง วันที่เอมจะไม่มีพี่” จ้องหน้าผมอย่างขอร้อง สายตาที่ขอร้องว่าผมอย่าไป



“แต่เมื่อวานเอมก็เหมือนจะไม่มีพี่แล้วนะ...”



“เอม”



“มันยากมากนะเว้ยพี่ เอมไม่ใช่พระอ่ะที่จะแผ่เมตตาให้แล้วบอกว่าสิ่งที่เอมเห็นมามันไม่เป็นไร ถึงเอมจะเข้าใจเรื่องที่มันเกิดขึ้นแต่เอมก็ต้องทำอะไรบ้าง แล้วถ้าพี่ยังพูดอยู่แบบนี้ ได้แต่ขอโทษอยู่แบบนี้แต่ไม่ทำอะไรเลยมันไม่มีอะไรดีขึ้นเลยเว้ยพี่ ... พี่ดาบรู้ไหมว่าผมภวานาด้วยซ้ำว่าในคลิปบ้าๆนั่นมันจะไม่ใช่พี่ แต่พอมันใช่แล้วถึงผมจะเข้าใจแค่ไหนผมก็ยังทนไม่ได้อยู่ดี ผมทนมองหน้าพี่ดีๆตอนนี้ไม่ได้” น้ำตาผมไหลลงมาในตอนนี้ ไม่ต่างจากอีกคนที่หน้าซีดลงจนหัวใจผมเจ็บ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังคงพูดต่อ



“มันจะไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นเลย ถ้าพี่ตัดเค้าออกไปจากชีวิตพี่ตั้งแต่วันแรกที่เค้ากลับเข้ามา ... ให้มันเป็นบทเรียนนะว่ามันเพราะอะไรครั้งนี้ผมถึงต้องไป ...ผมรักพี่ แต่ตอนนี้ผมก็ยังกอดพี่เหมือนเดิมไม่ได้ พี่เข้าใจไหม”



บอกออกไปจนหมด และในตอนนั้นที่คนตรงหน้าก็ปล่อยข้อมือผมออกช้าๆ สายตาที่ไม่มีแสงมองผมอย่างคนหมดทางจะสู้ ผมสงสารและทนมองสายตานั่นนานกว่านี้ไม่ได้เลยต้องหันหลังเดินหนีมา



“พี่จะจัดการนะเอม แล้วถ้าถึงวันนั้น เอมจะกลับมาไหม”



“เอมก็ไม่เคยไปไหนจากพี่อยู่แล้วนี่”



“แต่วันนี้เอมกำลังจะไป”



“ก็แค่ชั่วคราว...พี่คิดว่าผมจะปล่อยไปให้กับอิพาพวยหรอวะ ฝันไปเถอะ”



.

.

.





               ไอ้หยีกลับไปได้สักพักแล้ว และมีแค่ผมที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องนี้เงียบๆโง่ๆอยู่คนเดียว แค่ปล่อยน้ำตาให้มันไหลลงมาแบบไม่กลั้นมันอีกต่อไป จริงๆผมอยากร้องไห้มาตั้งนานแล้ว ก็แค่ฝืนทำว่ากูไม่เป็นไรหรอก กูก็แค่หลบออกมาแค่แป๊บเดียวเอง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ต่อให้ตัวเราหนีออกมามากแค่ไหน สุดท้ายหัวใจมันก็ยังอยู่ที่เดิม



“เอม ฮึก... เอมคิดถึงพี่ว่ะ”



‘ตื่อดึง’



[[DANI: พี่คิดถึงเอม เมื่อไหร่เอมจะกลับ]]



“ฮึก...มึงมันบ้าพี่ดาบ กูพึ่งมาถึงเอง ฮึก คิดถึงพี่ คิดถึงมากๆเลยนะ”



มันเป็นความเศร้าที่ต่อให้เราคิดถึงกันมากแค่ไหน ก็กลับไปกอดปลอบใจให้กันไม่ได้อยู่ดี...



...



               วันต่อมาแต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อยมายืนอยู่หน้าร้านกาแฟข้างๆมหาลัย ใช่...ร้านกาแฟที่ไอ้น้องม็อบมันบอกว่าเค้ากำลังต้องการคน จริงๆก่อนหน้านี้ไปหาสมัครงานมาหลายที่แล้วแต่เค้าไม่รับ เค้าบอกว่าเศรษฐกิจเฮงซวยแบบนี้ไม่มีปัญญาจ้างคนเพิ่มหรอก เพราะแบบนั้นผมเลยลองเสี่ยงดู



‘กรุ้งกริ้ง’



เสียงโมบายกระดิ่งที่ห้อยไว้ที่หน้าประตูดังขึ้นมาแบบนั้นในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของกาแฟจากเครื่องชงกรุ่นขึ้นมาเตะจมูก เสียงเพลงเบาๆที่ถูกเปิดไว้ดังเข้ามากระทบหูให้ได้รู้สึกผ่อนคลาย มองไปรอบๆเป็นร้านโทนอบอุ่นเน้นโทนน้ำตาลและสีเนื้อกลมกลืน



“รับอะไรดีครับ”  เสียงดังมาจากบาร์ทางด้านหน้า มีผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึงยืนอยู่ตรงนั้น ก่อนจะส่งยิ้มน่ารักมาให้ผม ดวงตาวาววับสดใสที่ดูเป็นกันเองยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น



“เอ่อ...”



“ทางร้านเรามีหลากหลายเมนูให้ได้เลือกสรรเลยนะครับ อยากทานแบบไหนชอบแบบไหน เข้มอ่อนหวานหอมละมุนลิ้นชื่นใจก็บอกได้เลยครับผม”



“หึหึ” ได้ยินเสียงหัวดังมาจากโต๊ะที่หัวมุมฝั่งขวาไม่ไกลจากบาร์หลุดขำออกมาตอนที่ไอ้น้องนี่มันพูดออกมาแบบนั้น แต่จริงๆผมเองก็อยากขำแต่ฮึบไว้ น้องผู้ชายตรงหน้าหันไปถลึงตาใส่คุณลูกค้าโต๊ะนั้น แล้วขมุบขมิบปากว่า ‘เสือกนัก’



“เอ่อ...พอดีผมมาสมัครงานครับ” ยกมือขึ้นเกาหัวนิดๆแล้วพูดออกมาแบบนั้น ทำตัวไม่ถูกตอนที่เห็นน้องมันด่า



“สมัครงานหรอครับ ร้านเรารับสมัครคนตอนไหนวะ ไม่เห็นจะรู้เลย”



“หื้ม ไม่ได้เปิดรับอยู่หรอครับ”  กูนี่ตาค้างเลย หรือคนเต็มแล้ววะ เจ็บไข่มึงแล้วไอ้เอม ไม่มีที่ไปแล้วตัวกู



“มีอะไรกันหรอข้าว” เสียงของคนมาใหม่ที่เดินออกมาจากหลังร้าน ผู้ชายหุ่นบางรูปร่างผอมสูง ผมยาวประบ่าในตาสีฟ้าอ่อนๆจมูกโด่งและริมฝีปากเรียวสวย เป็นผู้ชายที่สวยเลย มองแล้วตอนแรกคิดว่าผู้หญิงด้วยซ้ำครับ



“เอ่อ ... เค้ามาขอสมัครงานครับ”



“หื้ม สมัครงานหรอ พี่ได้เปิดนี่นา”



“ขอโทษครับ พอดีรุ่นน้องผมบอกมาว่าร้านนี้ต้องการคนเยอะ คือขอโทษที่รบกวนนะครับ ผมอาจจะเข้าใจผิด” ผมบอกออกไปแบบนั้นในตอนที่เห็นทั้งเจ้าของและพนักงานทำหน้างงใส่กัน ... ไอ้ห่าม็อบ มึงทำให้กูดูแย่ ถ้าเจอนะมึง กูจะทุบให้หัวแบะ



“เดี๋ยวๆน้อง รุ่นน้องที่ว่าชื่ออะไรหรอ” พี่เจ้าของร้านคนสวยนั่นเรียกผมไว้ก่อน ก่อนที่จะทันออกจากร้าน



“เอ่อ ชื่อม็อบครับ”



“อ้ออออ” พี่เจ้าของร้านว่าแบบนั้น ก่อนสายตาสวยๆตาน้ำข้าวนั่นจะจ้องมองผมนิ่งๆตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกเหมือนถูกแสกนยังไงก็ไม่รู้ว่ะ



“เอ่อ...งั้นผมขอตัวนะครับ”



“เดี๋ยวๆน้อง รับๆๆ พี่ต้องการคนงานพอดีเลย”



“ห๊ะ” งงนิดหน่อยแต่แปลกใจมากๆ พี่เจ้าของร้านที่อยู่ในเสื้อเชิดพับแขนมาไว้ที่ข้อศอกเดินออกมาจากบาร์น้ำแล้วเดินเข้ามาหาผมพร้อมรอยยิ้ม



“ไม่ต้องงงๆ มาคุยเรื่องเงินเดือนกันเลยไหม”



“เดี๋ยวนะพี่ ร้านเราต้องการคนหรอ” น้องพนักงานที่อยู่ตรงเคาเตอร์ตะโกนออกมาแบบนั้น เห็นพี่เจ้าของร้านหันไปถอนหายใจใส่นิดหน่อย



“เสือกน่าไอ้ข้าว”  ผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะตรงมุมพูดออกมาแบบนั้น เค้าหันไปว่าน้องพนักงงาน คิดว่าน่าจะชื่อข้าว



“ไม่เสือกดิพี่ดิน”



“เดี๋ยวนะมึงนะ”



“พอๆ ไม่เอาอย่าทะเลาะกันน่าสองคนนี้ ว่าแต่เราชื่ออะไร พี่ชื่อโรสนะ”



“เอ่อ ชื่อเอมครับ”



“มาจากชะเอมหรอ”



“ครับ”



“ชื่อน่ารักดีจัง งั้นร้านพี่ก็จะอุดมไปด้วยพืชพรรณน่ะสิเนี่ย มีกุหลาบ มีข้าว แล้วก็มีชะเอมนะ” พี่เค้าพูดออกพร้อมรอยยิ้มใจดใจดี...ผมแปลกใจกับเหตุการณ์นี้นิดหน่อย แต่ถึงแบบนั้นผมก็ดีใจที่ผมได้งานทำแล้ว ...



และที่สำคัญ เงินเดือนก็ไม่เบาเลย อดจะแปลกใจที่ผมทำงานอาทิตย์ละไม่กี่ชั่วโมง เพราะผมติดเรียนแต่ก็ยังได้เงินหนึ่งหมื่นบาทอยู่ดี พี่เค้าให้เหตุผลว่า เพราะผมมีประสบการณ์ในการทำงานที่ร้านกาแฟ



.

.

.


(มีต่อจ้า)

ออฟไลน์ Yoghurt

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
    • แฟนเพจ



               ผมกลับมาจากร้านกาแฟนั่นตอนหกโมงเย็น กลับมาที่หอที่ผมพักอยู่ในตอนนี้ รู้สึกดีขึ้นหน่อยเพราะผมได้ทำงานแล้ว เวลาผ่านไวอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้ว หนึ่งอาทิตย์แล้วที่ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียวที่หอนี้ และก็เป็นหนึ่งอาทิตย์แล้ว ที่หน้าห้องของผมมีอาหารมาแขวนไว้ พร้อมๆกับน้ำผลไม้ที่คั้นสดใหม่แช่เย็นอย่างดีมาแขวน หยิบข้อความจากโพสอิทขึ้นมาอ่าน เป็นข้อความสั้นๆแบบที่ได้รับมาทุกวัน ‘พี่คิดว่าเอมน่าจะชอบนะ กินเยอะๆ เป็นห่วง’ ผมเก็บข้อความนั้นลงไว้ในกระเป๋าตังค์ ในนั้นมีกระดาษโพสอิทสีชมพูแบบนี้อยู่เจ็ดใบ ... ใช่ เพราะทุกๆเย็นพี่มันจะให้ลุงยามเอามาแขวนไว้แบบนี้เสมอ ...



เปิดกล่องออกมาวันนี้เป็นสปาเก็ตตี้ครีมกุ้งสุดแล้วโรยไข่กุ้งมาด้วย ผมยิ้มออกมาตอนที่เห็นแบบนั้น



“ก็ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยนี่หว่า” พูดกับตัวเองแบบนั้น แต่จริงๆในใจผมก็สั่น ผมคิดถึงพี่มันมากๆเลย อยากจะกลับไปกอดมันแน่นๆเหมือนที่เคยทำแล้วบอกว่าพี่เอมคิดถึงมากๆเลยนะ ... แต่เรื่องของพาพวยนั่นมันก็ค้างคาใจของผมมากไปจนทำแบบนั้นไม่ได้ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าแอพไลน์แล้วส่งข้อความไปแบบที่ผมทำทุกวัน



[[เอม: อร่อยเหมือนเดิมเลย แต่พี่ไม่ต้องทำมาก็ได้]]



[[DANI: เอมไม่อยากกินกับข้าวฝีมือพี่แล้วหรอ]]



แค่เป็นข้อความสั้นๆ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงนึกออกว่าหน้าตาอีกฝ่ายจะเป็นยังไง ถ้าเป็นหมาก็คงหูลู่หางตกแล้วทำหน้าเศร้านั่งอยู่ในครัวเหมือนทุกทีล่ะมั้ง



[[เอม: ก็แค่กลัวพี่เหนื่อย]]



[[DANI: พี่ไม่เหนื่อย กับเอมพี่ไม่เหนื่อยเลยนะ]]



[[เอม: ครับ งั้นเอมจะรอกิน ... ขอบคุณมากๆนะ]]



[[DANI: เอม]]



[[เอม: ครับ]]



[[DANI: เมื่อไหร่จะกลับบ้านเรา ห้องที่ไม่มีเอมอยู่มันเหงามากๆเลยนะ]]



และคำพูดแบบนี้ ผมก็ได้รับมันมาทุกวัน คำถามที่ผมยังไร้ในคำตอบที่จะตอบออกไป ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผมจะรู้สึกดีขึ้น ผมไม่มีคำตอบให้ แต่มันอาจจะดีกว่านี้ ถ้าพาพวยหายไปจากชีวิตเราสักทีล่ะมั้ง



               ผมมาทำงานที่ร้านกาแฟตามปกติเหมือนทุกๆวันที่เคยมาทำ เป็นงานสบายมากๆครับ ลูกค้าไม่วุ่นวายเพื่อนร่วมงานก็น่ารัก มันชื่อข้าว รุ่นเดียวกับไอ้อิฐไอ้จูน พูดแล้วก็นึกถึงเลย ต่างกันนิดหน่อยตรงไอ้ข้าวเป็นคนดื้อๆที่ชอบเถียงกับพี่ดิน พี่ดินที่เรียนอยู่ที่มหาลัยนี้ แต่ว่างมานั่งที่นี่เพื่อกวนไอ้ข้าวได้ทุกวัน



“พี่มาทำไมอีกวะ สั่งแก้วเดียวนั่งตลอดไป ไร้มารยาท” ผมได้ยินไอ้ข้าวบ่นออกมาแบบนั้นอีกแล้ว เป็นปกติที่ได้ยินมาตลอด



“พูดมากจังวะ มึงไปเอาอเมริกาโน่ร้อนมาอีกแก้ว”



“แดกไรเยอะแยะขนาดนั้นอ่ะ เดี๋ยวก็ตาตั้งหรอก”



“ไม่ตั้งแต่ตานะ อันอื่นก็ก็ตั้ง”



“เชี่ย ไอ้บ้ากาม!”



“กูหมายถึงผมกูเนี่ยตั้ง เห็นไหมว่ากูเซ็ตผมตั้งมาวันนี้ มึงคิดอะไร ลามก”



“หึ่ย อะไรจะตั้งก็เรื่องของพี่มึงเลยละกัน”



“หึ อีกอย่างกูไม่ได้เอามากินเอง กูสั่งมาให้เพื่อนกูเถอะ”



“แล้วแต่มึงเลยยยย พี่เอม คนบ้าขออเมริกาโน่แก้วนึงพี่”



“โอเค” ผมขำกับการเถียงกันเป็นเด็กๆของทั้งคู่ ถ้าพูดจริงๆจะเรียกว่าชินก็ได้นะ เพราะตั้งแต่ทำงานมาเป็นอาทิตย์ๆก็เห็นมันเถียงกันทุกวันๆ



“เอ๊ะ หมดหรอวะ” ตอนที่จะเอาช็อตอเมริกาโนมาใส่เครื่องชงก็ดันเห็นว่าหมดพอดี “ข้าว พี่ไปเอากาแฟหลังร้านนะ ฝากดูด้วย”



“ได้เลยครับพี่”  ผมยิ้มให้กับเสียงตอบรับอารมณ์ดีของไอ้ข้าว ก่อนจะเดินไปเอาผงกาแฟที่เก็บไว้อย่างดีที่ห้องด้านหลังร้าน



“ผมฝากด้วยนะพี่”



“ทำไม มันมีเรื่องอะไรกันแน่ พี่ไม่เข้าใจเลย แต่ม็อบไม่ต้องห่วงเอมหรอก เอมน่ะทำงานเก่ง พี่ซะอีกที่ต้องขอบใจเรามากกว่าที่หาคนทำงานดีๆมาให้ แต่พี่ไม่เข้าใจว่าทำไม เรามีเรื่องอะไรถึงต้องมาลา”



จริงๆก็ตั้งใจว่าจะเดินเลี่ยงๆออกไปเงียบๆ แต่ติดตรงชื่อของผมที่มันดันดังมาเข้าหูซะก่อน พี่โรสกำลังคุยกับใครบางคนอยู่ และคนๆนั้นผมก็คิดว่าไอ้ม็อบ ว่าแต่ลา ลาเรื่องอะไรกันวะ....ผมทรุดตัวลงนั่งหลบลงด้านหลังลังไม้ที่เอาไว้ใส่เมล็ดกาแฟสด พี่โรสกำลังคุยกับไอ้ม็อบอยู่ที่สวนด้านนอก จริงๆแล้วเป็นสวนด้านนอกที่เชื่อมกับลานจอดรถข้างๆร้าน เค้าไม่ได้มองมาทางผม แต่ผมมองเห็นพวกเค้าจากช่องแคบๆของลังไม้ ไม่ต้องห่วงนะ เรื่องเสือกสกิลไอ้เอมแข็งแกร่งมาก



“ผม...ผมคงต้องไปอยู่ที่อื่นสักพัก”



“ทำไม พี่ไม่เข้าใจ ไอ้แม็คฝากเราไว้กับพี่นะ ม็อบมีอะไรก็บอกพี่สิ” เสียงพี่โรสพูดออกมาอย่างกังวลใจ ว่าแต่แม็คไหนอีกวะ แม็คนั่มหรือเปล่า ว่าแล้วก็อยากกินไอติมเลย หรือจะเป็นแมคโดนัล สวัสดีครับเฟรนฟราย ทอดกรอบอร่อยดี เค็มถูกใจไตถูกตัดในเวลาต่อมาหรือเปล่าเอ่ย



“พี่แม็คก็ตายไปนานแล้ว พี่โรสเองก็ดูแลผมมานานแล้ว พี่ไม่ต้องดูแลผมแล้วนะ”



“ไม่ดูแลได้ไง ปล่อยให้เราไปทำงานกับไอ้อานนท์เหมือนไอ้แม็คน่ะหรอ...เดี๋ยวก็จบลงเหมือนไอ้แม็คหรอก หรือยังไง หรือว่าที่ม็อบจะมาลาพี่เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ” 



อานนท์ไหนอีกวะ



“ผม...”



“ม็อบ บอกพี่มาเถอะ ถ้ามีอะไรที่พี่พอจะช่วยได้ พี่จะช่วยม็อบเองนะ พี่เห็นเราเหมือนน้องแท้ๆ”



“พี่ช่วยดูแลเอมดีๆก็พอแล้วพี่ แค่นั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดแล้ว”



“เราชอบเอมหรอ”



“หึ...ถึงผมชอบ เค้าก็ไม่ชอบผมหรอกพี่”  มองจากมุมนี้มองเห็นไอ้ม็อบที่ดูจะซูบผอมลงมากกว่าเดิม ทุกทีผมจะชอบเห็นมันแต่งตัวแบบลุคคุณหนูๆ แต่งตัวผู้ดี มีแต่ครั้งที่แล้วและครั้งนี้ที่ดูแต่งตัวเก่าๆโทรมๆ



“และยิ่งเรื่องที่ผมพึ่งทำมา ถ้าเค้ารู้เค้าก็คงจะยิ่งเกลียดผม...ก็ผมไปทำกับแฟนเค้าซะขนาดนั้นนี่หว่า เอมน่ะเป็นคนดีนะพี่โรส แล้วเค้าก็รักแฟนเค้ามากๆด้วย”



หัวใจของผมสูบฉีด เต้นรัวในตอนนี้ ไม่รู้ทำไมแต่มือของผมมันกลับเย็นขึ้นมา ได้แต่กำมือแน่นๆแล้วนั่งให้เงียบที่สุดอยู่ตรงนี้ มันบอกว่ามันทำกับแฟนผม แฟนผมคือใคร...จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากพี่ดาบ มันหมายความว่าอะไร ไอ้ม็อบจะไปทำอะไรพี่ดาบ



“แฟนเอมเกี่ยวอะไรอีก พี่งงไปหมดแล้วนะ นี่เราทำอะไรมากันแน่ หรือไอ้อานนท์มันสั่งให้ทำอะไร” เสียงพี่โรสร้อนรนมากขึ้นในตอนนี้ ไม่ต่างจากใจของผมที่เหมือนกำลังถูกเผา



“คือผม...”



“ก็รีบๆบอกไปสิ ชักช้าอยู่ได้ บอกแล้วจะได้รีบกลับสักที” เสียงของคนมาใหม่ที่ดังขึ้นทำเอาผมทั้งหัวของผมชาหนึบ แค่เสียงผมก็จำได้ดีว่าเป็นใคร



“ถ้าพี่อยากรู้มากนักผมจะบอกให้ก็ได้ ผมก็แค่ให้ไอ้ม็อบไปช่วยถ่ายคลิปตอนที่ผมจะมีอะไรกับแฟนของไอ้เอมให้ไง แล้วมันก็ส่งข้อความไปให้ไอ้เอมนั่นดู”



“เห้ย! นี่หมายความว่าไง มันคืออะไรกัน เราทำจริงๆหรอม็อบ!” พี่โรสขึ้นเสียงดังในตอนนี้ ดูจะผิดหวังกับน้องชายตรงหน้าของเค้ามากๆ ไม่ต่างจากผมที่รู้สึกเสียใจมากๆเช่นกัน เสียใจจนต้องกำมือแน่นๆ เอาเล็บจิกเข้าไปในเนื้อตัวเองแน่นๆเพื่อตั้งสติไม่ให้ถีบกล่องหลังแล้วพุ่งไปถีบหน้าพวกมันทั้งหมด



“พอได้แล้วพาย ผมไปก่อนนะพี่โรส” ม็อบมันรีบบอกพี่โรสแบบนั้นแล้วจะผละหนี



“เดี๋ยว! พี่ไม่ให้ไป ม็อบบอกพี่ก่อน เราทำจริงหรอวะ ห๊ะ!”



“ทำจริงๆครับพี่ครับ แล้วก็ไม่ใช่แค่นี้ บอกไปสิว่าแก้วไวน์ที่กูส่งให้ดานี่กินในคืนนั้น มึงเองก็เป็นคนเอาเอ็กส์ตาซีใส่ลงไปในแก้วนั่นเองกับมือก่อนที่จะให้บ๋อยเอามาเสิร์ฟให้ฉันน่ะ”



เอ็กส์ตาซี



“เอ็กส์ตาซี คืออะไร นี่ทำอะไรกัน”



“โถ่เอ้ย ก็ยาอีไงพี่ บอกไว้ให้รู้นะว่าน้องชายพี่ไม่ได้ใสซื่อหรอก มันก็ยุ่งกับยาพอๆกับไอ้แม็คนั่นแหล่ะ”



ยาอี ... ยาเสพติดหรอวะ



มันเอายาเสพติดใส่ให้พี่ดาบกินหรอวะ



ผมที่ตาเบิกค้าง พร้อมๆกับที่น้ำตาไหลลงมาช้าๆ ไม่มีเสียงร้องสักนิดแต่ใจผมปวดไปหมด ... นึกย้อนไปถึงวันนั้น วันที่มันกลับมาหาผมด้วยสภาพไม่สู้ดี อารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันที่พยายามจะยิ้มให้ผม แล้วบอกว่ามันไม่รู้แต่มันขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วมันจะรู้ได้ยังไง มันจะรู้ตัวยังไงในตอนที่มันโดนยาแบบนั้น มันมีสติอยู่ได้ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว ... น้ำตาผมไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ พี่ดาบจะเป็นยังไงบ้างในตอนนี้ มันจะติดหรือเปล่ากับไอ้ยานรกพวกนี้...



ผมเป็นห่วงเค้า คนที่ผมทิ้งมาแต่มันก็ยังเรียกหาให้ผมกลับไป



“พอสักทีพาย! พี่โรสผมขอโทษ ผมไม่มีทางเลือกพี่....ไปกันได้แล้ว”



“พวกมึงจะไปไหน! มึงคิดว่ากูจะให้พวกมึงไปง่ายหรอวะ!”  ผมที่ลุกขึ้นยืนในตอนนี้ ไม่เหลือความกลัวใดๆแล้วนอกจากความแค้น ผมโกรธ ผมเสียใจ และผมก็เป็นห่วงใครอีกคน ... ไอ้พวกที่อยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้ พวกมันทั้งหมดเป็นต้นเหตุทุกอย่าง



“พี่เอม”



“ไอ้เอม”



“เออ! กูเอมเอง คนที่มึงกล้ามาทำร้ายแฟนกูไง” ยกเท้าถีบกล่องลังกาแฟจนมันบลิวออกไปไกลจนถึงไอ้ม็อบกับพระพายที่ถอยหลบเกือบไม่ทัน พี่โรสที่มองมาทางผมอย่างตกใจ



แต่ไม่มีทาง ผมไม่มีทางยกโทษให้กับพวกมันเด็ดขาด



“เหอะ มาได้ยินจนได้ ซวยชะมัด” พาพวยว่าแบบนั้นแล้วแค่นยิ้มออกมานิดหน่อย หน้าตาตอนนี้ของพาพวยทำเอาผมแทบจะจำไม่ได้ เค้าที่ตาดำคล้ำไม่สดใสแบบที่เคยเห็น พูดกันตรงๆก็เหมือนคนติดยา



“ทำแบบนี้ทำไมวะ พี่ดาบทำอะไรให้พวกมึง!” ผมก้าวเข้าไปหาพวกมันแบบไม่ไหวจะทน ไอ้ม็อบที่ก้าวเท้ามายืนขวางผมกับพาพวย



“เอม ผมขอ”



“มึงขอกูหรอ ได้!”



‘ตุบ ผลึก’



ยกขาขึ้นถีบเข้าที่กลางท้องน้อยของมันแรงๆหนึ่งทีจนมันเซถอยหลังลงไปกองที่พื้น พี่โรสตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะรีบวิ่งไปเข้าไปดูไอ้ม็อบ



“ส่วนนี่ของมึง”



‘ผลั้วะ ตุบ ตับ’



ผมถีบเข้ากลางท้องน้องของพาพวยเต็มแรง คนตรงหน้าผมเดิมทีก็ผอมกว่าผมอยู่แล้ว แต่สภาพที่ผมเห็นตรงหน้าในตอนนี้ก็ยิ่งไม่น่าจะสู้ผมได้ มันที่ทรุดลงไปกองกับพื้นถูกผมคล่องลงไปในตอนนี้แล้วต่อยเข้าไปที่หน้าเล็กๆนั่นแบบไม่ยั้ง ตั้งใจต่อยเข้าที่ปากจนหน้าสะบัด แล้วต่อยซ้ำอีกครั้งเข้าที่เบ้าตาแรงๆ แรงเท่าที่ความรู้สึกเจ็บในใจของผมจะมี



“ทำทำไม! ทำกับพี่ดาบทำไม ไอ้เหี้ย!”



‘ผลั้วะ’



หมัดที่สวนมาจากคนใต้ร่างที่ซัดเข้าเต็มๆหน้าของผม ไม่ถึงกับมึง แต่คิดว่ามันต้องเขียวช้ำแน่ๆ อีกคนผลักตัวผมออกแล้วลุกขึ้น



“ทำกับดาบหรอ! ดานี่สิที่ทำกับฉัน!! เค้าต่างหากที่ทำกับฉัน!” พาพวยลุกขึ้นแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง คนตรงหน้าที่จ้องหน้าผมเขม็งแม้ว่าเลือดจะกลบปากแล้วตาก็เริ่มบวมปูด



“พี่เค้าทำอะไรมึง! เค้ารักมึงมากๆด้วยซ้ำ!!”



“เค้าเลิกรักกูก็เพราะมึงไง เพราะมึง ถ้าไม่มีมึง ดานี่ก็ต้องกลับมาหากู กลับมาพากูออกไปจากชีวิตบ้าๆนี่!” พาพวยตะโกนออกมาเสียงดังในตอนนี้ ดูเหมือนคนไม่มีสติเท่าไหร่ แต่น้ำตาก็ไหลลงมาตอนที่ตะโกนเถียงผม คำพูดเห็นแก่ตัวของคนตรงหน้าที่ทำให้ผมต้องกำมือแน่น



“ชีวิตมึงบ้า มึงเลยพยายามจะวิ่งหาที่พึ่งงั้นหรอวะ แล้วที่พึ่งที่สุดท้ายที่มึงนึกถึงก็คือพี่ดาบหรอวะ มึงแม่งเห็นแก่ตัวพระพาย” ผมจ้องหน้าเค้าเขม็งในตอนนี้  แต่คนตรงหน้ากลับสะแหย่ะยิ้มออกมาแบบไม่สะทกสะท้าน



“แค่เพราะอยากให้กูเลิกกันมึงต้องใช้ยากับเค้า ยาเสพติดเนี่ยนะ”



“แล้วไง แค่มึงออกไปได้เค้าก็จะกลับมาหากู”



“ถุย! สมองหมาปัญญาควายมักง่ายเห็นแก่ตัวแบบมึงใครมันจะไปรัก พี่ดาบมันไม่โง่เหมือนมึงหรอกนะที่จะสมองน้อยกลับไปหาคนแบบมึง เค้ารักกู!”



“ไม่จริง! มึง!...”



‘ผลั้วะ’



“คนแบบมึงมันต้องไม่ตายดีไอ้พาย! มึงต้องตายเพราะส้นตีนกู!” ผมหมุนตัวเตะเข้าที่ปลายคางพระพายจนอีกคนกลิ้งลงไปกับพื้น สภาพจะสลบแหล่ไม่สลบแหล่ที่มองเห็นในตอนนี้ ผมก้าวขายาวๆจะตรงไปซ้ำอีก แต่ติดท่ามือของใครอีกคนที่วิ่งมาจับกัน



“พี่เอม อย่า ผมขอ” .... ไอ้ม็อบ ผมจ้องหน้ามันในตอนนี้ มองมันเหมือนคนที่ไม่เคยเห็น ดึงแขนตัวเองออกมาจากมือของมัน



“อย่ามาเรียกกูว่าพี่ กูไม่มีน้อยเหี้ยแบบมึง!”



“พี่เอม”



“มึงทำได้ยังไง ร่วมมือกับมันทำเรื่องเหี้ยๆแบบนี้ได้ยังไง!!” ผมจ้องมันเขม็งทั้งๆที่น้ำตาไหล ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ชอบมันแบบคนรัก แต่ก็มองว่ามันเป็นน้อง เป็นคนดีคนนึงที่ผมได้รู้จัก แต่จากสิ่งที่มันทำในตอนนี้



“พี่เอม ผมไม่ได้ตั้งใจ”



“กับคำว่าไม่ได้ตั้งใจของมึง มันทำให้มีคนพังไปกี่คนไอ้เฮงซวย”



‘ผลั้วะ’



ยกมือขึ้นต่อยหน้ามันแรงๆอีกทีจนหน้าหัน แต่มันก็ไม่คิดจะยกมือขึ้นมาสวนผม มันหันกลับมามองหน้าผมช้าๆ มีแววเสียใจบนใบหน้าของมัน แต่ผมไม่สนใจ



“อย่ามาเรียกกูว่าพี่ แค่เป็นคนเคยรู้จักกัน กูก็ยังไม่อยากจะเป็นเลย”



“พี่เอม”



ยกมือผลักไหล่มันให้ถอยหนี ก่อนที่ผมจะหันกลับไปหาพระพายที่ตอนนี้กำลังคลานหนีออกไปด้วยสภาพที่หน้าอนาถ แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังตั้งใจจะตามไป แต่คนที่กำลังคลานไปได้ไกลพอประมาณก็ชะงักการคลานนั้น ใบหน้าที่เปรอะเปลื้อนไปด้วยเลือดชะงักอยู่ที่ปลายเท้าของใครอีกคน ...



“ช...ช่วยด้วย ผม...ผมโดนทำร้าย”  พระพายพูดออกมาแบบนั้น แค่ได้ยินก็โมโห ตอแหลนัก!



“ไม่จริงนะครับ มันนั่นแหล่ะที่ทำร้ายคนอื่น” ผมพูดออกมาแบบนั้นแล้วก้าวยาวๆเข้าไปหา คนมาใหม่ที่อยู่ในชุดนักศึกษาละสายตามาจากหน้าของพระพายแล้วมองมาที่ผมนิ่งๆ สายตานิ่งๆที่ทำให้ผมรู้สึกเสียววาบไปทั้งตัว เค้าไม่พูดอะไร แต่ยกมือถือขึ้นมากดอะไรสองสามทีก่อนจะละสายตาจากจอมามองหน้าผมแล้วยกยิ้มมุมปากก่อนจะเก็บมือถือลงในกระเป๋ากางเกง



“เห้ย!ไอ้รุก มีเรื่องอะไรกันวะมึง” เสียงพี่ดิน ลูกค้าคนประจำที่ชอบมานั่งทะเลาะกับไอ้ข้าววิ่งออกมาจากในร้านแล้วพูดขึ้นมาแบบนั้น



“มึงมาก็ดี”  คนที่ชื่อรุกพูดขึ้นแบบนั้นก่อนจะปรายสายตาไปมองพี่ดิน



“กูยืมมือถือหน่อย”



“ห๊ะ! มึงจะโทรออกหรอวะ”



“เออ จะโทรหาเฮีย จะบอกว่าพี่สะไภ้กูบู๊อยู่” เค้าที่ว่าแบบนั้นแล้วหันกลับมามองผมนิดๆแล้วยกยิ้มมุมปาก



“เมียเฮียดาบสินะ”



“ห๊ะ” ผมที่เบิกตาค้างตอนที่ได้ยินแบบนั้น ... อย่าบอกว่านี่ญาติอิเจ๊พี่มันนะ



“เอามา กูจะโทร”



“มือถือมึงล่ะวะ”



“แบตหมดแล้ว ไวๆ” รุกหันไปกระดิกนิ้วใส่พี่ดินเพื่อขอโทรศัพท์ หน้าตาที่กำลังไม่สบอารมณ์ขมวดคิ้วนิดๆพรางล้วงกระเป๋าไปด้วย พาพวยที่เห็นแบบนั้น พยายามจะลุกหนี แต่ติดตรงที่ในตอนนี้รุกยกเท้าขึ้นเหยียบลงไปที่กลางหลังอีกคนแรงๆจนหน้าแนบไปกับพื้น



“อึก ... ปล่อย!”



“กูปล่อยก็โง่” แสยะยิ้มแล้วปรายตาไปมองด้วยสายตาเย็นๆ ก่อนจะรับโทรศัพท์มาจากพี่ดินที่ไม่เต็มใจเท่าไหร่



“อย่านานนะ กูเหลือเงินในโทรศัพท์สามบาท”



“หัดเติมมั่งเหอะเงินน่ะ”



“คนขอยืมกูมีสิทธิ์พูดแบบนี้หรอไอ้สัด”  พี่ดินว่าออกมาแบบนั้น เหมือนอยากจะด่ามากกว่านั้นแต่รุกกลับไม่ฟัง ทำแค่กรอกเสียงลงไปปลายสายแบบสั้นๆกระชับ



“ฮัลโหล อยู่กับเมียเฮีย เมียมึงบู๊เก่งมากจับกิ๊กเก่ามึงได้ สภาพเละเทะ และมันสารภาพละ...เป็นยาอี อืม เดี๋ยวพาตัวไป แค่นี้นะ”



“ไปด้วยกันนะครับ...เฮียดาบมันคิดถึงน่าดูแล้วล่ะ”



คนตรงหน้าที่ว่าออกมาแบบนั้น ยกยิ้มให้ผมน้อยๆ ... ผมเองก็ไม่ต่าง ผมคิดถึงและเป็นห่วงพี่มันมากๆจนจะไม่ไหวแล้ว





--------------To be continued------------



เอาล่ะจ้าาา มาแล้ววววว....มา ขอเชิญคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันกรีดร้องพร้อมๆกัน

ขอต้อนรับน้องเอมสายบู๊ ใครว่าลูกหนูอ่อนแอขอให้พักก่อนจ้าาา น้องจะสู้เมื่อถึงเวลาที่ต้องสู้

จริงๆแคทชอบคาแลคเตอร์ของตัวละครในเรื่องนี้มากๆเลย แคทตั้งใจวางไว้แบบนี้ แต่มันอาจจะถูกใจและไม่ถูกใจใครไปบ้าง

ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ แคทอยากให้ลองกลับไปอ่านที่เดียวกันอีกทีเผื่อจะรู้สึกสนุกขึ้นน้า

แต่ถ้าไม่สนุกและไม่โอเคกันจริงๆ แคทต้องขอโทษนะ ขอโทษจริงๆเลยค่ะ

ขอโทษที่เข้าไปเป็น มะริ่งกิ่งก่อง สะระน๊องก่องแก่ง มะน่องมะแน่งมั๊บ ปะล่องป่องแป่ง ง้องแง้งง้องแง้ง ในชีวิตการอ่านเธอ

ฮิฮิ...นิยายเรื่องนี้ใกล้จะลาจอไปแล้ว เหลืออีก2ตอนจะจากกันไปแล้ว

ขอบคุณคนอ่านที่ยังอยู่ด้วยกันและร่วมลุ้นไปด้วยกันในทุกๆตอน

สัญญาว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ให้พี่ดาบและน้องเอม ทำให้ทุกคนยิ้มได้ในทุกครั้งที่มาเปิดอ่านค่ะ

*เกร็ดความรู้* เอ็กส์ตาซี หรือยาอี หรืออีกชื่อที่เหล่านักท่องราตรีรู้จักกันในชื่อว่ายาเลิฟ

เป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ทั้งกระตุ้นและหลอนประสาทที่มีฤทธิ์แรงกว่ายาบ้า นิยมนำมาใช้กับเซ็กส์สำหรับพวกนักท่องราตรี

ทำให้ผู้คนเกิดอาการหลอน และมีอารมณ์ทางเพศขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว แต่มักจะทำกิจกรรมทางเพศได้ยาก

เพราะถึงจะแข็งตัว แต่ก็เสร็จกิจได้ยากค่ะ (ดังเช่นอาการแบบพี่ดาบในเรื่องค่ะ)

แคทพยายามหาข้อมูลอย่างเต็มที่ จริงๆแล้วมีคนอ่านจากทั้ง4เว็บที่แคทลง มี2ท่านที่ตอบเข้ามาว่าต้องเป็นยาเสพติดแน่ๆ

แต่เป็นยาLSD จริงๆตอนแรกตั้งใจจะเขียนLSDจริงๆค่ะ แต่ว่าLSDมักมาในรูปแบบของกระดาษแปะลิ้น

แคทเลยลงข้อมูลไปที่ยาอีแทนค่ะ

ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

ฝากแฮชแทค #สวยๆเป็นผัว ด้วยน้าาาา


ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: :pig4: :pig4: หนูเอมเก่งมากลูก

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
โอ้ยยยย ชะเอมลูกแม่ ซัดอิพาพวยหมอบเลยจ้าาา o13 o13 :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
หมดดราม่าแล้วเนาะ

ออฟไลน์ Austin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มาต่ออีกคุณพี่ มาต่ออีกกกกกกกกกก

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :laugh: เอออ!!!! มันต้องงี้ดิ เตะไม่ต้องยั้งเลยยยยย
 :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องเอมฟาดพาพวยได้สะใจแม่ยกมากค่ะลูก  :katai2-1:

ทีนี้ก็กลับไปหาอิเจ้พี่มันได้แล้วนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด