บทที่24
ขายาวที่ก้าวเดินไวๆ ไปตามทางเดินอย่างเร่งรีบ เพราะไม่อยากให้ใครบางคนต้องรอนาน กลัวว่าควายเด็กบางตัวมันจะคิดมากจนงอแง สุดท้ายฝ่ามือหนาก็ค่อยๆ หยิบคีย์การ์ดเปิดเข้าไปในห้องของตัวเอง ความมืดที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้ต้องขมวดคิ้ว
เงียบ ... ไม่มีการเคลื่อนไหว
มืด ... แบบไฟในห้องถูกจุดถูกปิด
ร้อน ... เพราะแอร์ไม่ถูกเปิดไว้
‘พรึบ’
เอื้อมมือไปเปิดสวิชไฟที่อยู่ไม่ห่างออกไปเท่าไหร่ในตอนนี้ ภาพที่ปรากฏไม่ต่างจากที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมา ได้แต่ยืนเอาตัวพิงไว้กับประตูหน้าห้องที่ตัวเองพึ่งปิดมันไปเมื่อสักครู่ ศีรษะทุยผมสีทองสว่างเอนพิงกับประตูอย่างเหนื่อยๆ สายตาคมที่ได้แต่มองเพดานแล้วถอนหายใจออกมาหนักๆ แทน
“กูว่าแล้ว แม่งเอ้ย” อดจะหงุดหงิดไม่ได้ ... แต่ไม่ได้หงุดหงิดให้คนที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในห้องแล้ว แต่หงุดหงิดที่เรื่องมันต้องมาเป็นแบบนี้ ไอ้เอมยังเด็ก อย่างน้อยมันก็อายุน้อยกว่าตัวเขา มันจะโกรธจนไม่อยากฟังเหตุผลก็ไม่แปลกใจหรอก แต่มึงออกจากห้องไปแล้วไปอยู่ไหนวะแม่ง มองไปรอบๆ ห้อง พื้นที่ก่อนหน้าที่ตัวเค้าจะออกจากห้องยังเต็มไปด้วยเศษแก้วและเศษซากขาหมู ตอนนี้มันกลับมาสะอาดแล้ว แถมห้องยังมีกลิ่นหอมสดชื่นจากสเปร์ที่ถูกฉีด มองดูก็รู้ว่าไอ้เอมมันคงทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก่อนจะออกไป ...
ผมที่ได้แต่เดินเข้าไปดูในห้องอีกครั้ง ก็แค่เผื่อๆ ว่ามันจะนอนขดเป็นลูกควายอยู่บนเตียง ... แต่แน่นอนว่าไม่มี ก้าวขายาวๆ ไปตรงตู้เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน พอเปิดออกแล้วก็ได้แต่ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเสื้อผ้าหนังสือเรียนของมันยังกองอยู่ตรงนี้ ...
“เฮ้อ ยังดี” บอกกับตัวเองแบบนั้นก่อนจะเดินกลับมาทรุดตัวนั่งลงบนเตียง แต่ถึงแบบนั้น
“มันไปอยู่ไหนวะแม่ง อย่าบอกว่าไปหาไอ้เก้อนะ สัด” แค่คิดก็หงุดหงิดขึ้นมาเป็นเท่าตัว ... ความรู้สึกต่างจากครั้งก่อนตอนที่เอมมันไปอยู่กับไอ้เก้อก็ตรงที่ ตอนนี้ผมดันรู้สึกกับมันมากกว่าเดิม
“แม่ง!” ตั้งท่าคว้ากุญแจรถ กูจะไปลากแม่งกลับมาให้ได้เลยคอยดู ถ้าเจอหน้าไอ้สัดล่ำนั่น กูจะตบแม่งสักทีสองที หรือทำจริตสวยๆ แล้วข่วนหน้าแม่งเลยดี จะได้เป็นทางยาวๆ เวลาอาบน้ำแม่งจะได้แสบ เออ... ดูสะใจดีกว่า
‘ครืดๆ’
“สัด” ได้แต่สบถออกไปแบบนั้นตอนที่โทรศัพท์มือถือสั่น พอเห็นหน้าจอว่าใครโทรเข้าแล้วยิ่งหงุดหงิด
“โทรมาทำเหี้ยไรไอ้สัด!”
((โอ้โห ใจเย็นนะจ๊ะเจ๊พี่มึง นี่น้องอิฐเองไง) )
“ถ้าไม่มีเรื่องเหี้ยไรก็แค่นี้” พูดออกไปแบบนั้น ตั้งใจว่าจะกดวางสายเพราะไอ้สัดนี่กำลังทำให้เสียเวลา แต่ก็ถูกเสียงจากปลายสายแหกปากตะโกนโวยวายออกมาซะก่อน
((เดี๋ยวๆๆๆๆๆ อิเจ๊พี่ดาบมึงอย่าพึ่งวางนะโว้ยๆๆ) )
“มีเหี้ยอะไรอีกวะ” รำคาญฉิบหาย วุ่นวายเป็นเมีย
((อุ๊ต๊ะ วันนี้เรียกพี่ดาบไม่โกรธด้วยว่ะ) ) ปลายสายที่พึมพำออกมาแบบนั้นเบาๆ เหมือนว่ามันกำลังคุยกับตัวเองมากกว่าที่จะคุยกับผม
‘ติ๊ด’
ได้ยินแบบนั้นแล้วกรอกตาทันที กดวางสายแม่ง ... คว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องนอน เสียงโทรศัพท์มือถือที่สั่นอยู่ในกางเกงก็กวนใจตามมาอีก ตั้งใจว่าจะไม่กดรับสาย แต่ไอ้คนโทรก็ดูจะมีความพยายามมากจริงๆ มือถือสั่นจนไข่กูจะยานอยู่แล้ว
“มีเหี้ยอะไรอีกไอ้สัดอิฐ ถ้าไม่สำคัญกูจะไล่มึงออก!” บอกมันไปแบบนั้นด้วยเสียงดุๆ อารมณ์กูตอนนี้ไม่ได้ดีเหมือนหน้าตาสวยๆ บอบบางของกูนะบอกก่อน
((ใจเย็นครับพี่ครับ อย่าพึ่งวางสายน้องอิฐอีกนะ) )
“เข้าเรื่อง”
((เออๆ ...ก็จะถามว่าพี่มึงเมื่อไหร่จะเข้าร้านวะ คืนนี้มีนัดเทสเหล้านะเว้ย) )
“กูไม่เข้าละ มึงเทสเลย” บอกมันออกไปแบบนั้นพร้อมๆ กับเดินออกจากห้องไปด้วย คิดเอาไว้แล้วว่าจะไปตามหาไอ้เอมที่ห้องไอ้เก้อ ยังไงก็จะไม่มีทางยอมให้ไอ้ควายน้อยได้นอนที่ห้องไอ้ล่ำนั่นแน่ๆ
((ไม่ได้สิเว้ยเจ๊พี่มึง ก็พี่มึงบอกแล้วว่าจะมาเทสเอง ผมเลยไม่ได้หาใครมาดูตรงบาร์แทนแล้วไง เพราะงั้นผมจะไปเทสเหล้าเองได้ไงล่ะวะพี่) )
“แม่ง วุ่นวายฉิบหาย!” หงุดหงิดจนรู้สึกจะประสาทแดก รำคาญที่พอกำลังรีบๆ แล้วอะไรหลายๆ อย่างมันก็จะประจวบเหมาะกันแบบนี้
((เจ๊พี่ดาบมึงรีบเข้ามาเลย นัดเค้าไว้แล้วนะเว้ย) )
“มึงให้ไอ้จูนมันไปเทส”
((พี่จะบ้ารึไงวะ ไอ้จูนมันแดกเหล้าได้ที่ไหนล่ะ ให้มันไปเทสหรือให้มันไปเมา ถ้าเหล้าไม่ถึงที่เจ๊พี่มึงพอใจอีก ร้านเราจะขาดทุนนะเว้ย) )
“แม่ง น่ารำคาญฉิบหายเลยไอ้สัด กูกำลังยุ่งเนี่ย K!”
((เอ้า โกรธอะไรน้องอิฐอ่ะถามก่อน) )
“สัด เดี๋ยวกูเข้าไป!” บอกมันออกไปแบบนั้นทั้งๆ ที่ใจก็ร้อนรนฉิบหาย ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันยังไม่ถึงสี่ทุ่ม คิดว่าจะไปจัดการเทสเหล้าเข้าร้านให้ไวที่สุด หลังจากนั้นจะออกไปตามไอ้เอมทันที ยังไม่ถึงเที่ยงคืนคิดว่าน่าจะยังทัน ... คิดแบบนั้นก็เลยกดตัดสายไอ้อิฐไปอีกหนึ่งรอบ สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปจัดการเรื่องในร้านก่อนให้เรียบร้อย ถ้ารู้ว่าเป็นโตขึ้นแล้วจะเหนื่อยขนาดนี้ กูไม่เป็นสเปิร์มที่แข็งแกร่งที่สุดหรอกแม่งเอ้ย
.
.
.
“เจ๊พี่มึงจ๊ะ เชิญดื่มน้ำจ๊ะ”
“ไม่แดก กูจะรีบไป” บอกไอ้อิฐแบบนั้นตอนที่มันเดินยิ้มหน้าระรื่นเข้ามาหาพร้อมแก้วเหล้าในตอนที่ผมเดินลงมาจากชั้นสองของร้านหลังจากที่เข้าไปเทสเหล้ายี่ห้อใหม่ที่จะเอามาลงร้านเรียบร้อยแล้ว
“รีบไปไหนของเจ๊พี่มึงวะครับ ว่าแต่เรื่องเหล้าเรียบร้อยไหมพี่”
“เออ เรียบร้อย กับอิแค่เทสเหล้าทำไมต้องวุ่นวายวะ” หันไปถามไอ้อิฐแบบหงุดหงิดสุดๆ มองไปรอบๆ ร้าน วันนี้ลูกค้าก็ดูจะเยอะเหมือนทุกที ส่วนโซนร้านอาหารทางด้านนอกตอนนี้ปิดไปแล้วเพราะหมดเวลาเปิดร้าน
“เอ้า ก็เจ๊พี่ดาบมึงบอกจะมาเทสเองนี่หว่า ไหงมาหงุดหงิดล่ะวะ”
“แล้วไหนมึงบอกปลีกเวลาออกจากบาร์ไม่ได้ แล้วนี่มึงมาเสนอหน้ายืนรอกูหน้าบันไดเพื่อ นี่จ้อจี้กูหรอไอ้สัด อยากกินตีนกูหรอไอ้เหี้ยอิฐ”
“โอ้ย เปล่าสักหน่อย มันปลีกมาไม่ได้จริงๆ เว่ยตอนจะไปเทสเหล้าอ่ะ แต่เจ๊พี่ดาบมึงดูตอนนี้สิจ๊ะ คนเค้าไปแดนซ์กันตรงฟลอร์หมดแล้วจ๊ะ น้องอิฐเลยปลีกเวลามาเสิร์ฟน้ำให้พี่มึงดับไฟในใจได้นี่ไงล่ะจ๊ะ เป็นไง ลูกน้องน่ารักไหม แบบนี้พี่มึงต้องขึ้นเงินเดือนให้แล้วอ่ะเนาะ” มันที่ว่าแบบนั้นแล้วทำหน้าตาประจบ หันไปมองมันที่ฉีกยิ้มกว้างขวางแล้วกระพริบตาปริบๆ
“น่ารักมากมั้งไอ้สัด ตัวยังกับควาย” ด่ามันออกไปแบบนั้นแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมากระดกทีเดียวหมดแล้วยัดแก้วไปใส่ไว้ในมือไอ้อิฐอีกที
“ก็คือว่ากูตัวควายอ่ะเนาะ แล้วคือเจ๊พี่มึงนี่น่ารักจุ๊บจิ๋มมากสินะ” ได้ยินมันบ่นเบาๆ ออกมาแบบนั้น แต่เลือกที่จะทำแค่หันไปมองมันเล็กน้อยๆ เห็นไอ้อิฐที่กอดแก้วไว้ที่อก อีกมือนึงคือมันยกขึ้นมาปิดปากมันไว้ทันที ไม่อยากจะสนใจมันให้เสียเวลาเลยเลือกที่จะเดินหนีมันออกมา แต่ติดตรงที่ว่าโดนใครอีกคนเรียกกันไว้ซะก่อน
“ไอ้ดาบ” หันหลังกลับไปก็เจอเข้ากับไอ้เมฆ ...
“มึงมาอยู่นี่ได้ไง แล้ว...”
“กูไปส่งพายมามาแล้ว นี่มึงกำลังจะไปไหนวะ” มันที่ชิงบอกออกมาก่อนแบบนั้น สายตาของมันที่เหมือนมีอะไรอยากจะพูดแบบนั้น พอเห็นแล้วก็ทำให้ต้องถอนหายใจออกมา วันนี้กูจะต้องถอนหายใจอีกกี่รอบ ... อายุสั้นหมดแล้วตัวกู
“กูรีบ”
“ขึ้นไปคุยกับกูที่ชั้นสองก่อนดิวะ”
“แป๊บเดียวมึง” มันที่ยังคงพูดแบบนั้นออกมา แค่เห็นสายตาของมันก็รู้แล้วว่ามันคงอยากพูดเรื่องพาย และท่าทางว่ากูจะหนีแม่งออกไปจากตรงนี้ทั้งแบบนี้ไม่ได้
“ห้ามนาน กูรีบ” ย้ำกับมันอีกครั้งแล้วเหลือบสายตามองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเอง
“เออ”
สุดท้ายเลยเดินนำขึ้นไปที่โต๊ะโซนโซฟาที่ชั้นสอง ผมที่ทรุดตัวลงนั่ง และไอ้เมฆก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มันที่นั่งหันหน้าไปทางบันได้ และกำลังจ้องหน้ามาที่ผม
“มึงมีอะไรก็รีบๆ พูดมาไอ้เมฆ กูรีบ”
“มึงมั่นใจแล้วหรอวะ เรื่องพาย” มันเองที่ก็ถามออกมาแบบนั้นเข้าประเด็นทันทีแบบที่ผมร้องขอ จ้องตามันที่มันเองก็มองกันแบบรอคำตอบ ผมรู้ดีว่าไอ้เมฆก็เป็นคนนึงที่ห่วงพาย ... และมั่นใจว่ามันเองก็ห่วงผมเหมือนกัน
“กูมั่นใจ”
“พายร้องไห้ตลอดทางเลยตอนที่กูไปส่ง” มันบอกออกมาแบบนั้นแล้วถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะเอนตัวพิงลงพนักโซฟาแบบเหนื่อยๆ
“พายน่าสงสาร”
“กูรู้...กูก็สงสารพาย” พูดบอกออกไปแบบนั้น ก่อนจะเปิดปากพูดต่อ
“แต่ความสงสารมันไม่มีประโยชน์ ถ้ากูยังไม่พูดออกไปให้ชัดเจนอยู่แบบนี้ ทั้งพาย ทั้งตัวกูและเอม มันจะไม่มีใครสักคนไปต่อได้ และถ้ายังคาราคาซังอยู่แบบนี้ จะเป็นกูเองที่ต้องเสียใจ”
“มึงไม่ได้เอาน้องเอมมาแทนพายใช่ไหมวะ” ไอ้เมฆถามออกมาอีกพร้อมขมวดคิ้ว
“มึงว่าไอ้เอมมีอะไรเหมือนพายบ้างวะ หน้าตา นิสัย ฐานะ ... มันเอามาแทนกันได้หรอวะ” ผมที่ว่าออกไปแบบนั้นแล้วหัวเราะออกมาหน่อยๆ
“มันไม่มีใครมาแทนใครหรอก มันก็แค่...เป็นใครสักคนที่ลงล็อคพอดี แบบที่ไม่ได้มาแทน ... ไอ้เอมมันเป็นคนนั้นว่ะ คนที่กูรู้สึกอยากอยู่ด้วย ทั้งๆ ที่มันไม่มีอะไรดีสักอย่างถ้าเทียบกับพาย .. อ้อ แต่อาจจะมีข้อนึงที่พายเทียบมันไม่ได้เลย”
“หื้ม?”
“ใจมัน ... ใจไอ้เอมมันบริสุทธิ์กว่าพายเยอะ” ผมพูดออกไปแบบนั้น เป็นคำพูดตรงๆ เป็นครั้งแรกที่ผมพูดถึงพาย และก็คงเป็นครั้งแรกที่ไอ้เมฆต้องเบิกตากว้างมากขนาดนั้น
“กูไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้ออกมาจากปากมึงได้ อเมซิ่งมากๆ ไอ้เชี่ยดาบ”
“มันก็เป็นงี้ไม่ใช่หรอวะ เวลาที่เราไม่รู้สึกแล้ว จะพูดจะทำอะไรมันก็ง่ายไปหมด ... แม้กระทั่งข้อเสียของพาย ในตอนนี้ถ้าอยากจะให้กูแจกแจงเป็นข้อๆ ออกมาก็คงได้อีกเป็นร้อยข้อ แต่มันไม่จำเป็นหรอก แค่ให้เข้าใจไว้ว่าตอนนี้กูไม่รู้สึกกับพายแล้วแค่ข้อเดียวแค่นั้นก็พอ ... กูควรไปต่อตั้งนานแล้วแต่ก็โง่รอไม่เลิก เพราะแบบนั้น...วันนี้กูจะไม่ยอมเสียโอกาสที่กูจะได้ไปต่อกับคนที่พอดีกับใจกูไปอีกแล้ว”
“ได้ยินมึงพูดแบบนี้แล้วกูดีใจว่ะ ในที่สุดมึงก็เลิกยึดติดกับพายสักที แบบนี้ก็คบน้องเอมได้แล้วดิ”
“กูคบกับมันได้ตั้งนานแล้วเถอะ มีแต่แม่งนี่ล่ะที่ไม่ยอมสักที”
“น้องเค้าไม่มั่นใจในตัวหรือเปล่าวะ” ไอ้เมฆที่ว่าแบบนั้นแล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง หน้าตาที่กำลังสำรวจผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางหน้าถีบฉิบหายแบบที่เห็นแล้วอยากยันให้มันหงายท้อง
“กูมีอะไรให้ไม่มั่นใจ กูนี่ทำให้แม่งแทบทุกอย่างแล้ว อีกนิดนึงก็อุ้มมันไว้เอาแบบไม่ให้ตีนมันแตะพื้นแล้วเถอะ รักขนาดไหนมึงนึกภาพดู” บอกออกไปแบบนั้น เริ่มฉุนนิดหน่อยตอนที่นึกถึงเรื่องนี้
“ขนาดนั้นเลยนะ”
“ก็ขนาดนั้นเลยสิวะ อิดอก”
“สัด ยังจะมามีอิดอกเหี้ยไรอีก มึงเอาไอ้ดาบเพื่อนกูคืนมาเลยนะ” ไอ้เมฆที่ว่าออกมาแบบนั้นทำเอาผมกรอกตา แต่ถึงแบบนั้นก็ยังนึกขึ้นได้อีกเรื่องนึง
“อีกอย่าง.....”
“หื้ม?”
“กูรู้สึกเหมือนว่าไอ้เอมมันไม่ได้ชอบที่ตัวตนของกูเลยว่ะ” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยพูดออกไป แต่ก็แค่สังเกตได้หลายครั้งจากคำพูดของมัน
“หมายถึงอะไรวะ”
“กูรู้สึกว่า เอมมันไม่ได้ชอบที่กูเป็นแบบนี้ มันแค่ต้องการผู้ชายเท่ๆ ไว้อวดใครต่อใครว่ามันมีแฟนเท่อะไรแบบนี้”
“มึงจะบอกว่าน้องมันไม่ได้ชอบร่างตุ๊ดควายของมึง” ไอ้เมฆที่ว่าออกมาแบบนั้น และก็เป็นผมเองที่พยักหน้าตอบมันไปที ไอ้เมฆที่นิ่งชะงักไปตอนที่ผมตอบ ก่อนมันจะหัวเราะลั่นออกมาทันทีในเวลาต่อมา
“ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้ฉิบหาย ก็ไม่ใช่แต่น้องเอมไหมวะที่ไม่ชอบ มีใครชอบร่างนี้ของมึงบ้างไอ้สัด ทั้งป๊าม๊า พี่ปืน น้องแจ กู ไอ้จั๊ม มีใครชอบบ้างไอ้สัด ใช้หน้าตาได้เสียของฉิบหาย หล่อเกือบตายแล้วมึงจะมาทำตัวเป็นตุ๊ดแด๊ะแด๋เพื่อไรวะ” ไอ้เมฆที่ว่าออกมารัวๆ แบบนั้นแล้วขำเหมือนจะขาดใจตาย ขนาดร้านแสงน้อยขนาดนั้นยังมองเห้นว่ามันขำจนหน้าแดง
“สัด ร่างดานี่มันยังไงวะ มันก็ออกจะน่ารักนุ่มนิ่มป่ะ สวยๆ อ่ะสัด...จะรักกันทั้งที ก็ควรมองที่ตัวตนของกูไหมวะ ไม่ใช่แค่เปลือกที่เหมือนพระเอกหนังในซีรี่ย์”
“ไอ้ดาบ”
“เหี้ยไร”
“ดานี่มันเป็นตัวตนของมึงจริงๆ หรอวะ ... มึงเองก็เป็นดานี่เพราะพายไม่ชอบผู้ชายไม่ใช่หรือไง ตอนนั้นมึงถึงแกล้งเป็นตุ๊ดเพื่อให้พายชอบ ถ้ามึงพูดแบบนี้ มันก็จะไม่ยุติธรรมกับน้องเอมมากไปหน่อยหรอวะ ... มึงจะชอบแต่งหน้าทาปากจริงๆ หรือตอแหลก็เรื่องของมึงเถอะ แต่ถ้ามึงเองยังยึดติดเรื่องนี้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ของมึงที่อยากไปต่อ มันก็อาจจะไปไม่ได้นะเพื่อน ... เปิดใจให้กว้างหน่อยดิวะ ชีวิตคู่อ่ะ มันเอาแต่ใจตัวเองไม่ได้หรอกนะมึง”
ไอ้เมฆที่พูดออกมาแบบนั้น คำพูดของมันเหมือนจะกระแทกใจของผมแบบที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดถึงมาก่อน จริงๆ อาจเป็นเพราะผมไม่เคยคิดถึงจุดนี้มาก่อนเลยล่ะมั้ง อาจเป็นเพราะว่าผมเป็นดานี่มานานจนชิน และการเป็นดานี่มันไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตอะไรกับผมจนผมลืมไปแล้วล่ะมั้งเลยไม่ได้คิดถึงมุมนี้ ... อีกมุมนึงของไอ้เอม
“แต่กูสวยนะคะ” เลือกที่จะแกล้งดัดจริตออกไป เห็นไอ้เมฆตีนกระตุกหน่อยๆ และตาที่กรอกกลับไปกลับมาของมัน แต่ถึงแบบนั้นผมก็ยังพยักหน้าส่งไปให้
“ที่มึงพูดก็ถูก กูจะคุยกับไอ้เอมใหม่”
“เออดีละ ... กูอยากเห็นเพื่อนกูมีความสุขกับความรักสักที”
“เออ...แต่ถึงแบบนั้นตอนนี้กูต้องไปแล้ว” พูดแบบนั้นพร้อมลุกขึ้นยืน
“จะรีบไปไหนของมึงวะ อยู่กินเหล้าเป็นเพื่อนกูก่อนดิ”
“ไม่ล่ะ กูจะไปตามหาเอม”
“หื้ม มึงจะไปตามหาน้องเอมทำไมวะ” มันที่ขมวดคิ้วทำหน้างงส่งมาให้กัน เห็นแบบนั้นแล้วถอนหายใจออกมาอีกทีเลยกู หล่อนะคะอิดอก แต่โง่!
“ก็เพราะว่ามันหายไปน่ะสิวะ กูถึงต้องตามหา”
“น้องเอมหาย?”
“เออ..ไอ้เอมมันหายไปจากห้องกู”
...
“กูถามจริงนะ ทำไมมึงต้องอยากไปร้านนี้ด้วยวะ” เสียงของแขกที่กูไม่ได้เชิญถามออกมาด้วยคำถามเดิมๆ เป็นรอบที่สามล้าน ได้แต่หันหน้ากลับไปมองไอ้คนที่ตอนนี้กำลังนั่งจับจองพื้นที่อยู่บนเตียงของผมแบบหน้าด้านๆ
“พี่มึงจะถามอะไรนักวะ”
“กูไม่ชอบ ไม่อยากไป” มันที่บอกออกมาแบบนั้น หน้าตาที่ปกติก็โหดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งบึ้งตึงหนักเลย กูขอสาบ่นว่า ถ้ากูเป็นเด็กแล้วเห็นหน้ามันแบบตอนนี้ กูจะแหกปากร้องไห้แล้ววิ่งไปฟ้องแม่ว่ามันจะไถเงินกูจริงๆ ด้วย
“คือไอ้พี่เก้อ มึงเข้าใจผิดอะไรไหม กูจะไปเที่ยว กูไม่ได้ชวนมึงครับ”
“มึงจะไปเที่ยว กูก็อยากไป”
“งั้นพี่มึงก็ไปดิ” บอกแบบนั้นกับมันแล้วหันกลับมาเลือกสร้อยข้อมือใหม่
“ก็มึงจะไปร้าน Daniworld ห่าอะไรนั่น กูไม่อยากไป”
“คือกูไม่ได้บังคับมึงไง มึงอยากไปไหนมึงก็ไปสิวะ” หันกลับไปมองหน้ามันอีกรอบ นี่มันกวนตีนหรือกวนตีนนะเอาดีๆ
“ก็กูจะไปกับมึงไงไอ้สัดเสือ” ตอบออกมาแบบฉุนเฉียว พี่มันที่เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มแล้วมองกันแบบอารมณ์เสีย แต่ถึงมันจะอารมณ์เสียแบบนั้น แต่ภาพตรงหน้าที่กำลังมองเห็นก็ต้องยอมรับว่า จริงๆ แม่งหล่อฉิบหาย หล่อแบบล่ำๆ เถื่อนๆ
“แล้วมึงจะอยากไปกับกูทำไมวะ ปกติพี่ออกล่า ไข่พี่ก็ไม่ได้ติดกับไข่ผมไหมวะ”
“ใครมันจะอยากเอาไข่ไปติดกับไข่มึงวะไอ้ลูกเสือ แค่คิดก็ขมคอไอ้ฉิบหาย” เบะปากนิดหน่อยแล้วว่าออกมาแบบนั้น ทำหน้ารังเกียจกันจนกูอยากเอาตีนเขี่ยให้มันตกเตียง
“งั้นต่างคนต่างไป” บอกมันออกไปแบบนั้นแล้วหันหน้าหนีแม่ง เหนื่อยที่จะเถียง ตั้งแต่ขึ้นห้องมามันก็เอาแต่บ่นเรื่องทำไมต้องไปร้านนี้ ผมที่ไปอาบน้ำออกมาเป่าผม มันก็ยังพูดแต่แบบนี้ และจนตอนนี้กูแต่งตัวเรียบร้อยพี่มันก็ยังเอาแต่บ่นด้วยเรื่องเดิมๆ แบบไม่เปลี่ยนอยู่แบบนั้น เหมือนคนแก่ฉิบหายเลยครับ เพราะแบบนั้นเลยตัดสินใจว่าจะเลิกสนใจมันสักที ... ได้ยินเสียงมันขยับตัวลงจากเตียง แต่เลือกจะไม่สนใจ หันไปเล็งขวดน้ำหอมต่อ วันนี้คิดว่าจะฉีด Tom Ford Rose Prick ในตอนที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบก็ต้องชะงัก
“มึงโกรธหรอวะ” เสียงเข้มๆ ที่ดังมาจากด้านหลังในระยะประชิดตัวทำเอาสะดุ้ง มึงมาทำไรข้างหลังกูวะพี่มึง
“โกรธอะไ...” ในตอนนี้ที่หันหลังกลับมาแล้วจะถามมันว่ากูโกรธอะไรวะ แต่สุดท้ายคำพูดก็ถูกกลืนลงท้องไป เพราะในจังหวะที่หันกลับมาแบบไม่ระวังอะไร ปลายจมูกของผมกับอีกฝ่ายที่ชนกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ในตอนนี้ก็ต้องเบิกตาขึ้นหน่อยนึง ไม่ได้สะดีดสะดิ้งแบบสาวน้อยทั้งผมและมันที่ก็แค่ชะงักกันไป เราที่มองหน้ากันอยู่แบบนั้น เผลอขยับก้าวถอยหลังออกมาให้ห่างอีกนิด แต่ดันติดโต๊ะที่ผมวางพวกน้ำหอมและหนังสือเรียน
‘หมับ’
ฝ่ามือหนาที่เอื้อมมือมาโอบเอวของผมเอาไว้ ก่อนจะดึงให้ตัวผมขยับเข้าไปหาตัวมัน ไม่ได้ตกใจอะไรก็แค่เขยิบตามไปและมองหน้าอีกฝ่ายเอาไว้ ไม่ต่างกัน ที่มันก็แค่มองมา
“โต๊ะมึงแม่งบอบบาง ชนนิดหน่อยก็จะหักแล้ว” มันที่ว่าแบบนั้น
“อ้อ...นี่คือจุดประสงค์ที่ต้องดึงตัวกูมาแนบกับพุงอ้วนๆ ของพี่มึงหรอวะ”
“ปากหมา ให้เกียรติซิกแพคกูด้วยไอ้สัดเสือ” มันที่ทำหน้าหงิกอีกรอบแล้วว่าแบบนั้น พอเห็นหน้ามันแบบนั้นแล้วอดไม่ได้จริงๆ ที่จะต้องหัวเราะขำออกมา หน้าตาจริงจังที่ทำท่าเหมือนถ้ากูยังไม่ยอมรับมันจะแก้ผ้าออกมาให้ดู
“เออๆ เรื่องของพี่มึงเถอะ อวดเหมือนกูไม่มีอ่ะ”
“หึ เอวบางๆ แบบนี้อ่ะนะ” พูดแบบนั้นพร้อมๆ กับเอาฝ่ามือที่โอบเอวของผมอยู่จับที่ด้านข้างของเอวผมให้ผมรู้ว่าเอวผมมีแค่นี้
“มึงไม่รู้จักหุ่นลีนสินะ”
“เรื่องมึงเหอะ ว่าแต่มึงงอนกูหรอวะ”
“งอนเหี้ยไร!” กูนี่โพล่งคำว่าเหี้ยออกไปเต็มหน้ามันเลย ขนลุกกับคำพูดของแม่ง ดูแต๋วแตกจนกูอยากใส่กระโปรงวิ่ง
“ก็เรื่องที่กูไม่อยากไปไอ้ร้านเหี้ยนั่น” ... อะเรื่องนี้ยังไม่จบหรอวะ ผมถอนให้ใจออกมาแรงๆ ใส่หน้ามันหนึ่งทีเต็มๆ
“เปล่าเว้ย”
“จริงจัง” ถามแบบนั้นแล้วจ้องหน้ากูแบบเค้นถามเอาคำตอบให้ได้ ผมที่แค่พยักหน้าลงไปแรงๆ แบบจริงจังให้มันเชื่ออีกหนึ่งที
“เออ ไม่ได้โกรธ ไร้สาราระสัด จะโกรธเหี้ยไรกับเรื่องแค่นี้วะพี่” ส่ายหน้าหน่ายๆ ตั้งใจจะผลักมันออกห่าง แต่อีกคนที่ก็แค่ยืนท่อเหมือนไม้ไม่ยอมขยับไปไหน มันที่พยักหน้าตามผมหน่อยๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากออกมาพร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ ... อยากจะถามออกมาว่า มึงเป็นอะไรไอ้สัดเก้อ ... แต่กลัวมันต่อยในระยะประชิดเลยเลือกจะเงียบไว้
“มึงแม่งง่ายดีว่ะ”
“สัด พี่มึงหมายความว่าไรวะ อยากกินตีนกูหรอ”
“กูไม่ได้หมายความว่าง่ายแบบพร้อมแหกตูดถ่างขา” บรรยายซะกูอยากจะถุยน้ำลายใส่ลูกตา เหยดแหม่
“แต่กูแค่ว่า อยู่กับมึงแล้วง่ายดี มึงทำอะไรสบายๆ ดี”
“เอ้า เรื่องแค่นี้ไหมวะ ถ้ามึงไม่อยากไปก็แยกกันไป จะมาบังคับฝืนใจอะไรกันกับเรื่องแค่นี้วะ”
“แล้วมึงก็ไม่โกรธ ไม่งอน?”
“โทษนะพี่ จะมาโกรธเหี้ยไรอ่ะ ปัญญาอ่อน ... กูว่ามึงต้องเจอแต่ผู้หญิงงอแงกับเด็กผู้ชายนุ่มนิ่มที่มึงใช้เงินซื้อมาแดกอ่ะดิ ดูทรงแล้วพี่มึงนี่จะตามใจเก่งเหลือเกิน”
“ก็ไม่ได้ยากไหมวะ ปกติก็แค่พาไปซื้อของ อยากได้ไรก็แค่ซื้อให้ งอนหน่อยก็หาซื้อของปลอบใจก็จบ” มันที่ยักไหล่พูดออกมาแบบนั้น แต่แค่ฟังก็เข้าใจได้ เพราะกูเองก็ไม่ต่าง... แต่อาจจะต่างนิดหน่อยตรงกูไม่มีปัญญาเปย์มากมายแบบพี่มันในตอนนี้ .... แต่ถ้าเป็นผมในอดีต ก็อาจจะใช่
“ผู้ชายนิสัยรวยอ่ะเนอะมึงเนี่ย”
“ชอบไหมล่ะ กูรวยนะ”
“แหม่ พูดขนาดนี้กูนี่อยากพุ่งขึ้นเตียงแล้วแหกขาพร้อมครางว่า มาค่ะพี่เก้อ มาเอาน้องเสือเลยมา”
“สัดเอ้ย! มึงแม่งจริงเลยไอ้สัดเสือ”
“ฮ่าๆๆ แล้วไง เก็ทนะกูไม่ได้โกรธไม่ได้งอนเหี้ยไรทั้งนั้นล่ะ ทีนี้ปล่อยกูได้ยัง” ถามมันออกไปแบบนั้นพร้อมปรายตาไปมองมือมันที่ยังไม่ปล่อยจากเอวกัน
“ก็ไม่ได้อยากจับอะไรขนาดนั้นไหมวะ”
“คือกูจะฉีดน้ำหอมไงพี่มึง คือมึงเกะกะกูมากสัดพี่เก้อ”
“อ้อ...กลิ่นนี้อ่ะนะ” ไม่ได้สนใจคำด่าของกัน มันที่แค่เอนตัวเข้ามาใกล้ พร้อมๆ กับเอื้อมมือไปทางด้านหลังของผม ใบหน้าคมของมันที่เฉียดผ่านข้างแก้มของผมไป บ่าใหญ่ที่อยู่ตรงจมูกของผม กลิ่นเปเปอร์มิ้นท์ที่ค่อนข้างเด้นกระแทกเข้าจมูก เป็นความรู้สึกเย็นๆ แต่น่าค้นหา จำได้ว่าเป็นน้ำหอมกลิ่น Bleu de Chanel ผมไม่ค่อยได้ใช้กลิ่นนี้ แต่ก็คิดว่าเป็นกลิ่นที่ค่อนข้างเหมาะกับพี่มันจริงๆ
‘ฟืด ฟืด’
ละอองน้ำหอมกลิ่นกุหลาบที่ฉีดลงที่ซอกคอของผมทำเอาผมสะดุ้ง และในตอนนั้นคนตรงหน้าที่ก็ผละหน้าออกมามองกัน ก่อนจะค่อยๆ ยื่นหน้ากลับเข้ามาใกล้กับซอกคอของผมอีกครั้ง เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ต้องเผลอกลั้นหายใจตอนที่ลมหายใจอุ่นๆ รดอยู่ใกล้ๆ ซอกคอ และก็เผลอกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างยากลำบากอีกครั้งในตอนที่พี่มันผละหน้าออกไป
“หอมดี ของทอมฟอร์ตหรอวะ”
“อ..เออ”
“กลิ่นกุหลาบ ... เหมาะกับมึงดี ไม่หวานไป ดูยั่วๆ ดี”
“สัด กูไปยั่วตรงไหนวะ” ว่าแบบนั้นออกมาแล้วผลักอกแม่งหนี และตอนนี้อีกฝ่ายก็ยอมถอยออกไปแบบง่ายๆ มันที่หัวเราะออกมาแบบไม่เบาแล้วพูดต่อ
“ยั่วตีนกูนี่ไง เห็นหน้าทีไรอยากเอาตีนลูบหน้ามึง”
“ความคิดตรงกับกูเลย เห็นหน้าพี่มึง ตีนกูก็กระตุกทุกที” ตอบออกไปแบบนั้นแล้วยักคิ้วให้แม่งหนึ่งที ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าขวดน้ำหอมนั่นมาฉีดเอง
“ฮ่าๆ มึงแม่งเด็กกวนตีนฉิบหาย” มันที่หัวเราะอารมณ์ดีแล้วหันหลังกลับไปกระโดดขึ้นไปนอนรอบนเตีบงกูหน้าตาเฉย ... มึงแม่งก็กวนตีนกูเหมือนกันล่ะสัดไอ้พี่เก้อ
.
.
.
(มีต่อจ้า)