ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65858 ครั้ง)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
                โหรส่ายหัว ‘ไม่ต้องหรอก ผมไปเองได้ ถามชตแล้วว่าต้องขึ้นรถที่ไหน’

                “ผมมีรถ ไปรับสะดวกกว่า ขึ้นรถไฟฟ้าต้องต่อหลายสาย เหนื่อยตาย” กุมภ์ต่อรอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงอยากจะทำหน้าที่สารถีขึ้นมา ทว่าโหรยังคงปฏิเสธ

                ‘คุณไปเรียนเถอะ ผมไม่อยากรบกวน’

                อาการน้อยใจพุ่งพรวด กุมภ์กดปุ่มยุติการสนทนา และไม่ยอมรับสายจากอีกฝ่ายด้วย รู้อยู่เต็มอกว่าที่ทำมันงี่เง่าสิ้นดี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มันผิดมากหรือไงที่อยากจะเทคแคร์คนที่รักบ้าง…

 

                อาการงี่เง่าเอาแต่ใจลามมาอีกหลายวัน โหรยังทำตัวเหมือนปกติ ส่งข้อความทักทายตามเวลาแม้ว่ากุมภ์จะไม่ตอบข้อความเลยก็ตาม

                แม่ยังไม่ได้บอกพ่อเรื่องที่เขาเป็นเกย์ มื้อเช้าและเย็นบนโต๊ะอาหารยังดำเนินเป็นไปตามปกติเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน คงต้องขอบคุณแม่ที่ชวนคุยโน่นคุยนี่จนพ่อลืมเรื่องที่เขาหลบหน้าไปร่วมอาทิตย์ แต่เขาเชื่อว่าลึกๆ แล้วพ่อคงมีคำถามอยู่หลายข้อ เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น เขาเองก็เช่นกัน

                เมื่อวานรชตบอกว่าโหรจะมากรุงเทพฯ วันนี้ และโหรก็ยังเหมือนเดิม ข้อความที่ทักทายมาไม่มีการบอกอะไรใดๆ เขาอาจจะเป็นเกย์ที่งี่เง่าที่สุดในโลกไปแล้วก็ได้ แต่การกระทำของโหรมันทำให้อดน้อยใจไม่ได้ เขาอยากจะไปรับโหร อยากดูแลบ้าง มันผิดมากหรือไง เขาไม่ใช่สาวน้อยที่ต้องถูกเอาใจตลอดเวลา โหรอาจจะลืมไปว่าเขาเป็นผู้ชาย ความอยากเทคแคร์เอาใจคนที่รักมันย่อมมีอยู่เต็มเปี่ยม

                กุมภ์นั่งถอนหายใจทิ้งเรื่อยเปื่อย ถึงจะไม่ต้องคอยหลบหน้าพ่อแม่แล้ว แต่เขาก็ยังมาถึงมหาวิทยาลัยเช้ากว่าคนอื่นอยู่ดี เสียงพูดคุยของเพื่อนนักศึกษาหนาหูขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งโต๊ะหินห่อนที่ประจำเต็มไปด้วยเพื่อนสนิท วันนี้คะนิ้งตามชาร์ลมาสมทบด้วย

                ตั้งแต่เกิดเรื่องชาร์ลกับคะนิ้งเปลี่ยนไปมากทีเดียว ชาร์ลสงบเสงี่ยมมากขึ้นขณะที่คะนิ้งก็สนใจธรรมมะ เคยได้ยินรชตพูดว่าคะนิ้งชวนไปทำบุญที่อยุธยา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินคำพูดทำนองนี้จากเธอเลย ซึ่งเขานับว่าเป็นเรื่องที่ดี

                พันนายังคงบ่นถึงกิจกรรมโอเพ่นเฮาส์ที่ใกล้เข้ามาทุกที รายนี้เรียนรองกิจกรรมต้องเด่น เป็นรุ่นน้องที่รุ่นพี่ให้ความไว้วางใจ และเป็นรุ่นพี่ปีสองที่ฮอตฮิตของน้องๆ ปีหนึ่ง หากจะถามว่าในกลุ่มนี้ใครป๊อปปูล่าสุดก็คงจะเป็นต้องพันนา นอกจากจะหน้าตาดีมากแล้ว ฝีมือในการถ่ายรูปยังยอดเยี่ยมจนเขานึกอยากจะเชียร์ให้มันไปเรียนถ่ายรูปให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย

                กุมภ์เลื่อนมือปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หวังลึกๆ ว่าใครบางคนจะส่งข้อความมาบอกกันว่ากำลังขึ้นรถ หรืออยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว แต่มันก็ว่างเปล่า ตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ามีเพียงแค่สติ๊กเกอร์โบกมือทั้งทักทายแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คนทางนั้นรู้ว่าเขาน้อยใจ แต่ก็ไม่เคยง้อ ทว่ายังทำตัวปกติ คงมีแค่เขาคนเดียวที่คิดเล็กคิดน้อย

                เพิ่งรู้ว่าอาการน้อยใจ มันทำให้หงุดหงิดขนาดนี้นี่เอง

                “เป็นอะไรวะ ทำหน้าเหมือนแฟนไม่โทรหามาสามวัน”

                กุมภ์เงยหน้ามองคนแซว จำได้ว่าเมื่อสองนาทีก่อนหน้านี้ไอ้เพื่อนตากล้องมันยังบ่นเรื่องที่ถูกใช้งานเยี่ยงทาสอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับทำหน้าทะเล้นเสียแล้ว

                “ไม่ได้เป็นอะไร” กุมภ์ตอบแบบขอไปที แต่ก็ต้องยอมรับว่าอารมณ์มันขุ่นมัวเกินกว่าจะควบคุมจริงๆ ก็มันสะสมมาสามวันแล้ว จะให้หายง่ายๆ ได้อย่างไร

                “ไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่” รชตช่วยสมทบอีกแรง เขาได้แต่ส่ายหน้า ยืนยันความปกติ? ของตัวเอง

                “มีอะไรกันเหรอ กุมภ์เป็นอะไร ทะเลาะกับปรางค์เหรอ” คะนิ้งถามเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าใบหรู ดูเหมือนจะสนใจเรื่องของเขาขึ้นมากะทันหัน

                “ถ้าทะเลาะกับปรางค์ มันไม่มานั่งทำหน้าเบื่อโลกแบบนี้หรอก” พันนายกคิ้วไวๆ ท่าทางอวดรู้จนน่าหมั่นไส้

                เอาเถอะ ไม่ทะเลาะกับจ้าวจอมบ้างก็แล้วไป!

                “ตกลงกุมภ์คบกับปรางค์หรือเปล่า” คะนิ้งถาม สีหน้าดูตื่นเต้นไม่น้อย “ปรางค์น่ารักนะ นิสัยก็ดี”

                “รู้ได้ไงว่าปรางค์นิสัยดี” ชาร์ลหันหน้าถามคนรัก

                “ก็...สัญชาตญาณผู้หญิงละมั้ง” คะนิ้งว่ายิ้มๆ “ตกลงได้คบกันไหม”

                “ไม่ได้คบ!”

                ไม่มีใครตกใจการปฏิเสธทันควันของกุมภ์ได้เท่ากับอีกเสียงที่แทรกเข้ามา ทุกคนหันไปมองต้นเสียงที่สอง เจ้าตัวเลิ่กลั่กก้มหน้าซ่อนความผิดปกติทั้งที่ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

                “ไอ้ชต! มึงไปรู้เรื่องเขาได้ยังไงวะ” ชาร์ลถาม สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ

                “กะ..กูเดาเอา” รชตอึกอัก

                “เดาซะพร้อมเจ้าตัวเลยนะมึง” พันนาพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ราวกับรู้อะไรบางอย่าง “เออ งานโอเพ่นเฮาส์กรุณาช่วยกูแจกใบปลิว แล้วก็ลงทะเบียนด้วย โดยเฉพาะมึงไอ้ชาร์ล ใช้ความหล่อให้เป็นประโยชน์หน่อย ส่วนมึงไอ้ชต ซ้อมโปรโมทคณะไว้เลยกูจะให้มึงช่วยพี่เขาประชาสัมพันธ์”

                “ไม่เอา! กูไม่ชอบพูดในที่ชุมชน ทำไมมึงให้ไม่ให้ไอ้กุมภ์ทำล่ะ”

                รชตโวยวาย แต่เขากลับเห็นด้วยกับพันนา เพราะถึงเป็นพวกไม่ค่อยชอบพูด แต่รชตมีหลักการและเหตุผล ยิ่งทางวิชาการสามารโต้ตอบได้ถึงพริกถึงขิง เขามองออกเลยว่าหากเรียนจบและรชตเอาดีทางการว่าความ ต้องไปได้ไกลแน่นอน ส่วนเขาเป็นพวกสมยอม ใครพูดอะไรก็เออออไม่ค่อยจะมีปากมีเสียงเสียเท่าไร ถนัดเป็นผู้ฟังมากกว่า งานที่เหมาะกับเขาที่สุดคงไม่หนีไม่พ้นแจกใบปลิวหรือไม่ก็รับลงทะเบียน

                เรื่องของเขา ปรางค์ และรชตถูกลืมไปโดยปริยายเมื่อมีหัวข้อกิจกรรมของคณะขึ้นมา ชีวิตวัยเรียนกลับมาอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ทว่าส่วนหนึ่งในความทรงจำไม่มีใครลืมเรื่องในป่ากว้างได้เลยจริงๆ...

                สามทุ่มตรง เขานั่งมองโทรศัพท์ที่ยังนิ่งสนิทมาตั้งแต่เย็นแล้ว หลังจากแยกย้ายกับเพื่อนตอนเที่ยง เขาก็เดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ห้างกับชาร์ลและคะนิ้ง ขณะที่รชตมีธุระกลับไปก่อน ส่วนพันนาต้องไปช่วยกิจกรรมคณะเหมือนทุกวัน พอเย็นก็กลับบ้าน กินมื้อเย็นคนเดียวเพราะวันนี้พ่อกับแม่ไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนร่วมรุ่น ความน้อยใจผสมหงุดหงิดกลายเป็นงุ่นง่าน นี่โหรคิดจะเล่นสงครามเย็นกับเขาหรือไง รู้ทั้งรู้ว่าเขาโกรธ แต่กลับไม่คิดจะง้อกันสักนิด หรือว่ากำลังทดสองความอดทนของเขาอยู่

                แน่นอนว่าสิ่งที่โหรอาจจะคิดทดสอบมันใกล้จะเกินลิมิตเต็มที ทั้งอยากรู้ ทั้งคิดถึง...ใช่ เขาคิดถึงโหร ลำพังแค่ไม่ได้เห็นหน้ามาร่วมเดือน ซ้ำยังไม่ได้คุยกันยิ่งทำให้ความคิดถึงทบทวี กุมภ์ปาโทรศัพท์ลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวตามไป ใบหน้าฟุบอยู่กับเตียงอุ่น ส่งเสียงอู้อี้ในคอเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ แล้วก็พลิกตัวกลับมานอนหงาย ตอนนี้ทิฐิกับความคิดถึงกลับสู้รบกันอย่างดุเดือด

                กุมภ์ขมวดคิ้วมุ่น เขาควรจะทำอย่างไรดี เปลือกตาเหนื่อยล้าจนต้องปิดลง เพียงไม่นานหลังการมองเห็นมีแค่ความมืด เสียงหัวใจมันก็ชัดเจนขึ้น

                เขาคิดถึงโหรมากจริงๆ

                ในที่สุดความคิดถึงก็ชนะทิฐิ กุมภ์ลืมตาควานโทรศัพท์ต่อสายถึงคนที่โคตรคิดถึงทันที...

 :o8:

*ขออภัยในความล่าช้า ตบตีกับการ edit นิยายจีน ตอนนี้จบแล้ว ดีใจมากทีเดียวเชียว*

**อย่างที่บอกจ้า มีแพลนจะแต่งรุ่นลูกแต่ต้องลุ้นว่าลูกใครนะจุ๊**

       

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
พี่โหรก็ใจร้ายเกินปล่อยให้กุมภ์รู้จากคนอื่น หรือว่าจะมีอะไรมาเซอร์ไพร์สกุมภ์รึเปล่าน๊า

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
กุมภ์นี่ ขี้น้อยใจมากเลย เราเข้าใจนะเคยผ่านช่วงนั้นมาแล้ว เคยโทรหาคนที่คิดถึงทุกครึ่ง ชม.
พอผ่านมาแล้วตอนนี้ ย้อนกลับไปคิดถึงตอนนั้นช่างงี่เง่าจริงๆ ว่าแต่พ่อพี่โหรเป็นใครเหรอ อยากรู้แล้วละ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
งอนเก่งนะหนูกุมภ์

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ไม่มีอะไรง่าย จริงๆ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่โหรมีเซอไพรส์รึเปล่าาา

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
เราเข้าใจกุมภ์แหละ แอบชอบเค้าก่อน
แล้วโหรก็นิ่งๆ ถึงหลังๆจะดีแล้วก็เถอะ
กุมภ์อาจจะกังวลไปสะระตะ
แต่จ้าวจอม มาน้อยแต่พูดถึงนะ มีการส่งยาแก้ปวดหลังไปให้พันนาด้วย
ฮืออออออออออ แอบฟิน

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ทำไมคู่รองมาแบบห่วงอยู่ห่างๆน๊า

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คู่หลักหายไปเลยอ่าาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
โหรนิ่งซะจนน่าหงุดหงิด

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
5555 โหรทำกุมภ์เสียศูนย์มาก เป็นเอ็นดูกุมภ์
มีความงอแง และมีความอยากให้ง้อ

โหรรู้ใจตัวเอง และเปิดใจแล้ว โหรก็พัฒนานะ
เอาใจช่วยกุมภ์นะคะ เชื่อว่าพ่อจะเข้าใจนะ

ตลกรชตกับพันนา เป็นกองหนุนที่ดี
จ้าวจอมคือตัวแสบที่ป่วนมาก 5555

ว้าววว มีรุ่นลูกอีกหรอคะ เป็นลูกใครล่ะ

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #402 เมื่อ14-04-2020 20:06:52 »

ตอนที่ 25 บันได

                โหรเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ ด้วยหวังว่าจะมีข้อความสั้นๆ หรืออย่างน้อยก็สติกเกอร์โง่ๆ สักอันก็ยังดี แต่ก็ยังเงียบเฉย สามวันแล้วที่กุมภ์มึนตึงใส่ เหตุเพราะเขาไม่ยอมบอกจะเข้ากรุงเทพฯ แถมยังปฏิเสธคำขอของกุมภ์อีกด้วย ไม่ใช่แค่ไม่อยากรบกวน แต่เพราะเขาปากหนักเกินกว่าจะความช่วยเหลือจากคนพิเศษ

                ใช่...ตอนนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากแล้วว่ากุมภ์คือคนพิเศษ มากกว่าเพื่อน มากกว่าน้องชาย และอาจจะมากถึงคำว่า ‘แฟน’ แต่คงยังไม่ใช่เร็วๆ นี้

                สำหรับเขาแล้ว แฟนคือคู่ชีวิตไม่ใช่แค่คู่นอน ดังนั้นเขาต้องให้มั่นใจเสียก่อนว่าเขาเหมาะกับกุมภ์แล้วจริงๆ ทว่าเวลานี้เขายังไม่มีอะไรเทียบเคียงกับกุมภ์ได้เลย

                กุมภ์เกิดในตระกูลเก่าแก่ เงินทองทรัพย์สมบัติมากมาย ขณะที่เขาเป็นแค่ พ่อมด หมอผี แม้แต่อาชีพก็ยังไม่มี จริงอยู่ความรักมันขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ แต่ในวัยของเขา องค์ประกอบอย่างอื่นก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะครอบครัว นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมาหาพ่อถึงกรุงเทพฯ

                หลังจากจัดการปลาดิบหมด รชตก็เลี้ยงกาแฟยี่ห้อดังอีกแก้ว เขาไม่ได้ถามถึงกุมภ์ แต่รชตก็ยิ่งกว่าเต็มใจเสียอีกตอนที่เล่าเรื่องของกุมภ์และปรางค์

                สองสามวันมานี้กุมภ์ดูหัวเสียไม่น้อย รชตเดาสาเหตุได้อย่างแม่นยำ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องของกุมภ์จะดึงความสนใจของกุมภ์ได้น้อยกว่าปรางค์ ถึงแม้จะถูกพิกุลขู่เอาไว้ แต่รชตก็ทำหน้าที่ได้เยี่ยม แบบที่ไม่ขาดตกบกพร่องด้วยซ้ำ ทุกๆ วันรชตจะโทรมารายงานความคืบหน้าการ ‘จีบ’ ปรางค์ ซึ่งเท่าที่ฟังมันยังไม่ก้าวหน้าสักเท่าไร เพราะทั้งเขาและรชตเองต่างก็รู้ว่าปรางค์ชอบกุมภ์ และแน่นอนว่าเรื่องที่กุมภ์เป็นเกย์ก็ยังคงเป็นความลับต่อไป

                ‘ผมว่า ผมคงชอบปรางค์จริงๆ แล้วล่ะ’

                รชตสารภาพ ไม่แปลกเลยที่รชตจะชอบเธอ ปรางค์เป็นคนสวย สมบูรณ์พร้อมที่จะเป็นคนรักของใครสักคน เขาไม่ได้ให้คำแนะนำอะไรไป เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้วิธีไหนรชตถึงจะพิชิตใจของปรางค์ได้ มีแค่คำอวยพรให้เท่านั้น

                เขามาถึงบ้านของพ่อตอนเกือบห้าโมงเย็น เวลาสี่ชั่วโมงในกรุงเทพฯ มันแค่ชั่วประเดี๋ยวเดียว คงเพราะครึ่งหนึ่งหมดไปกับการเดินทาง

                บ้านของพ่ออยู่ในหมู่บ้านจัดสรรขนาดกลาง ไม่ได้แออัดแต่ก็มีพื้นที่ไม่มากนัก หลังคาสีน้ำตาลจางบอกอายุการใช้งาน รถยนต์ญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่จอดอยู่ในรั้ว เขาโบกมือไล่ให้รชตกลับไปแล้วตัวเองก็มายืนกดกริ่งเรียกเจ้าของบ้านแต่เพียงลำพัง

                เด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับจ้าวจอมเป็นออกมาเปิดประตูบ้าน เด็กคนนั้นเอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย เขาบอกไปเพียงสั้นๆ ว่ามาพบพ่อหาญ

                ‘พี่มาหาพ่อทำไมอ่ะ’

                เด็กคนนั้นถามกลับ ยังไม่ยอมเปิดประตูรั้วให้ เขาถอนหายใจยาว รู้สึกไม่ชอบหน้าไอ้เด็กนี่ขึ้นมาตงิดๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ยืนมองหน้ากันอยู่ร่วมห้านาที พ่อหาญ ก็เดินออกมาจากบ้าน

                ไม่มีคำทักทาย มีแค่ประตูรั้วที่เลื่อนเปิดเชื่องช้า เสียงล้อบดกับร่องเหล็กครางอิดออด ราวกับไม่อยากจะต้อนรับแขกไม่ได้รับเชิญอย่างเขา

                บ้านของพ่อหลังไม่ใหญ่ก็จริง แต่ภายในตกแต่งหรูหราน่าอยู่พอใช้ ทั้งชุดโซฟา ผ้าม่าน ทีวีติดผนัง เครื่องปรับอากาศ แม้แต่ตู้โชว์ที่เต็มไปด้วยโมเดลการ์ตูน แสดงถึงฐานะทางการเงินที่ดีไม่น้อย พ่อหาญผายมือให้เขานั่งลงบนโซฟาหนังสีเข้ม แต่ยังไม่ที่ก้นจะแตะกับเบาะ เสียงเห่าของสัตว์สี่เท้าก็ดังขึ้น หมาตัวใหญ่สีเทาดำกระโดนมาถึงตัวรวดเร็ว ใบหน้าที่ขาวเฉพาะส่วนปากยื่นมาใกล้จนเกือบจะติดกับใบหน้า ขาหน้าสองข้างวางบนตักได้เหมาะเหม็ง ลิ้นสีแดงแลบยาว น้ำลายยืดไหลหยดเปื้อนกางเกง ดวงตาของมันเป็นสีฟ้าอมเทาข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นสีดำสดใส ถ้าจำไม่ผิด หมาพันธุ์นี้เรียกว่า ฮัสกี้

                เจ้าบ้านที่น่าจะอายุน้อยที่สุดดุหมาจอมดื้อตัวเองเสียงดัง เรียกชื่อมันว่า ข้าวเหนียว ก่อนจะใช้มือดึงปลอกคอลากมันออกไป

                ถึงจะไม่ได้เกลียดสัตว์หน้าขนนัก แต่เขาก็ไม่ใช่พวกรักเด็กหรือสัตว์แบบนางงาม ยอมรับว่าไม่ถูกกับกลิ่นของพวกมันสักเท่าไร

                พ่อหายเข้าไปในครัวและออกมาพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว ท่านไม่ได้พูดอะไร แต่กลับสร้างความอึดอัดให้ไม่น้อย เขาไม่ได้ดื่มน้ำที่พ่อเอามาให้ จุดประสงค์ของเขาไม่ได้จะมารบกวนแค่อยากจะมาบอกเรื่องสำคัญเท่านั้น ทว่าพอจะอ้าปากบอก พ่อก็แทรกขึ้นเสียก่อน

                ‘ไม่เจอกันเป็นสิบปีเลยนะ โตเป็นหนุ่มแล้ว ปีนี้ยี่สิบห้าแล้วใช่ไหม’

                น่าดีใจอยู่หรอกที่พ่ออุตส่าห์จำได้ว่าปีนี้เขาอายุยี่สิบห้าแล้ว เขาได้แต่พยักหน้ารับ มองหน้าพ่อเล็กน้อยแล้วส่งสายตามองหาคนอื่นๆ ซึ่งก็ได้รับคำตอบจากพ่อว่า ไอ้เด็กกวนเบื้องล่างนั่นชื่อ ‘ราม’ น้องชายคนละแม่ของเขานั่นเอง รามถูกเรียกตัวมาหลังจากแนะนำเสร็จ เด็กหนุ่มหัวเกรียนบอกถึงวัยว่ากำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นมัธยม เพิ่งสังเกตว่ารามหน้าตาดีไม่น้อย ผิวขาว เครื่องหน้าคมคาย และมีส่วนคล้ายเขาอยู่บ้าง ส่วนสูงที่สามารถเพิ่มขึ้นได้อีกหลายเซนกว่าจะอายุสิบแปด ปีนี้รามอายุ 16 ปี เพิ่งจะอยู่ชั้นมอสี่ อายุน้อยกว่าจ้าวจอมด้วยซ้ำ แต่รูปร่างแซงหน้าไอ้ตัวแสบไปแล้ว

                รามเป็นลูกของพ่อกับเมียใหม่ เขาไม่เคยเห็นหน้าแม่เลี้ยงตัวเองด้วยซ้ำ เพราะพ่อไม่เคยพาเธอไปหา อย่าว่าแต่แม่เลี้ยงเลย แม้แต่แม่แท้ๆ เขาก็ไม่เคยเห็น คิดแล้วก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ เกิดมาแม่ทิ้งไม่พอ พ่อยังมีครอบครัวใหม่อีก ทิ้งให้เขาอยู่กับปู่แต่เพียงลำพัง หากแต่ในทางกลับกัน ถ้าเขาไม่ได้อยู่กับปู่ เขาคงไม่ได้รับคำสอนดีๆ มากมายจากท่าน

                รามนั่งหน้าบึ้งอยู่ห่างจากเขาราววากว่า พ่อบอกว่าเขาเป็นพี่ชายที่เกิดจากแม่อีกคน รามไม่ได้ตกใจนักคิดว่าพ่อคงเล่าถึงเขาอยู่บ้าง เขาไม่ได้สนใจว่ารามจะยินดีหรือรังเกียจที่มีเขาเป็นพี่ อย่างที่บอกเขาแค่จะมาแจ้งเรื่องสำคัญเท่านั้น

                ‘ผมมีเรื่องจะบอกพ่อ...ผมชอบผู้ชาย’

                ดูเหมือนว่าทุกสิ่งรอบตัวจะหยุดเคลื่อนไหวไปพักใหญ่ พ่อมองเขานิ่ง เช่นเดียวกับรามขณะที่ไอ้เจ้าข้าวเหนียวก็พลอยหยุดยิ่งไล่แมลงนอกบ้านไปด้วย เกือบห้านาทีกระมังที่ภายในบ้านไร้เสียงสนทนา จากนั้นสีหน้าของพ่อก็เต็มไปด้วยความสับสนงงงวย ก่อนจะถามเขาด้วยเสียงแหบเหมือนเป็ดว่าเขาเป็นเกย์หรือ

                แน่นอนว่าคำตอบคือไม่ใช่ เขาไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคน และผู้เพียงคนเดียวที่เขารู้สึกดีด้วยคือกุมภ์ ถึงจะยังเรียก ‘แฟน’ หรือ ‘เมีย’ ไม่ได้ แต่เขาก็ยังอยากจะเดินหน้าต่อ

                เขาไม่ได้ต้องการการยอมรับเหมือนกุมภ์ เขาแค่อยากบอกให้ญาติที่เหลือเพียงคนเดียว ไม่สิ ตอนนี้เป็นสองคนแล้วได้รับรู้ หากจะรังเกียจเขาก็ยินดี เพราะเขาไม่ได้หวังให้ใครมาชื่นชมยกย่องอยู่แล้ว เขาไม่ได้อึดอัด ไม่เสียใจ เขาแค่มาทำหน้าที่ตามที่ตั้งใจไว้เท่านั้น

                เขาหันไปมองน้องชาย ที่ยังอ้าปากค้าง ดวงตาที่มีส่วนคล้ายเขามากที่สุดเบิกกว้างเล็กน้อย แต่พอเห็นว่าเขามองก็หลุบตาลง เขายกยิ้ม ไอ้เด็กนี่ต่างจากเขาลิบลับ ตอนเขาอายุสิบหกยังบวชเรียนที่วัดอยู่เลย ไม่มีโอกาสได้มาวิ่งไล่จับหมาแบบนี้หรอก       

                ‘ผมกลับล่ะ ขอให้โชคดีนะครับ’

                อย่างที่บอก เขาไม่ได้ต้องการมารบกวนแม้แต่เรื่องที่หลับที่นอน ก่อนหน้านี้เขาให้รชตช่วยหาห้องพักให้ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก แต่พอจะขยับตัวลุก พ่อก็เรียกเอาไว้

                ‘ที่ถามไม่ใช่ว่าพ่อรังเกียจ แต่พ่อตกใจ...แล้วคนที่ลูกชอบเป็นใครล่ะ’

                ‘สักวัน...ผมจะพาเขามาหาพ่อ’

                นั่นเป็นประโยคทิ้งท้าย ก่อนที่เขาจะกดเรียกใช้บริการแก็ปตามคำแนะนำของรชต แล้วรถยนต์คันหรูเกินค่าบริการก็พาเขามาถึงที่พักตอนเกือบทุ่มกว่า กว่าจะได้เข้าพักก็จวนจะสองทุ่ม ท้องร้องจนทนไหวเพราะปลาดิบเมื่อตอนกลางวันฝืนกินไปได้ไม่กี่คำเท่านั้น ดังนั้นมื้อเย็นเขาเลยต้องลงมาหาข้าวกระเพราข้างโรงแรมกิน กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยความวุ่นวาย ในความเจริญ ความสิวิลัยมันแฝงไปความน่าพิสมัยหลายอย่าง นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาไม่ค่อยอยากจะมาเยือนมหานครแห่งนี้นัก ทั้งอากาศ และอัธยาศัยของผู้คน

                ใกล้สามทุ่มถึงได้กลับมาบนห้องอีกครั้ง พอเห็นเตียงร่างกายก็พลันอ่อนล้าขึ้นมาทันที เขาเพิ่งสำเหนียกได้ว่าตลอดทั้งวันยังไม่ได้พักผ่อนจริงจังสักที ตั้งแต่หกโมงเช้าจนถึงตอนนี้ กินเวลาเกินสิบสองชั่วโมงไปแล้ว แต่อย่างน้อยภารกิจสำคัญก็เสร็จสิ้นไปหนึ่งอย่าง ถึงพ่อจะตกใจ น้องชายจะรับไม่ได้ ทว่าอากัปกิริยาแบบนั้นไม่ใช่จุดประสงค์ที่เขาต้องการ

                หากแต่ภารกิจของเขายังไม่หมด ไม่อย่างนั้นเขาคงจองห้องแค่คืนเดียว พรุ่งนี้ก็ขึ้นรถกลับบ้านได้แล้ว ทว่าหน้าที่อีกอย่างคือการดันตัวเองให้ดีพอที่จะยืนเคียงข้างกับกุมภ์ให้ได้ แม้จะยากจนถึงขึ้นหิน แต่ถ้าหากไม่ลงมือทำ คงไม่มีวันสำเร็จ

                โหรทิ้งตัวลงบนเตียงพร้อมกับความอ่อนเพลียที่ถาโถม อาจจะเกินจริงไปสักหน่อยถ้าหากจะบอกว่าการเดินทางในวันนี้เหนื่อยไม่ต่างจากสู้กับไอ้บอดเลย คงเป็นเพราะเขาเกลียดการนั่งรถนานๆ และอากาศชวนอึดอัดของเมืองหลวงกระมัง

                โทรศัพท์กลายเป็นแค่อุปกรณ์ถ่วงกระเป๋าเท่านั้นเมื่อไม่ได้รับการติดต่อจากใคร แม้แต่ไอ้ตัวแสบอย่างจ้าวจอม ได้ข่าวช่วงนี้มันใกล้สอบเลยต้องห่างจากโทรศัพท์ เพราะไม่อย่างนั้นคะแนนอาจจะน้อยจนแอดมิชชั่นเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับพันนาไม่ได้

                เขาพอจะระแคะระคายความสัมพันธ์ของคู่นี้ พอๆ กับที่พันนาและจ้าวจอมรู้ว่ากุมภ์คือคนพิเศษ เพียงแต่ไม่เคยคุยกันอย่างเป็นทางการเสียที

                ส่วนกุมภ์ หลังจากที่รู้ว่าเขาจะมากรุงเทพฯ แล้วเขาปฏิเสธความช่วยเหลือ เจ้าตัวก็มึนตึงใส่ แม้จะไม่มีคำพูดใดๆ แต่ความนิ่งเฉยในไลน์คือหลักฐานชั้นดี สมัยก่อนตอนที่เป็นแฟนกับแพร เธอก็งอนเขาบ่อยครั้งเพราะเขามันแข็งกระด้าง เอาใจไม่เก่ง แต่ก็จบด้วยการซื้อของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้ ทว่ากับกุมภ์ เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรให้เจ้าตัวหาย ‘งอน’ แถมสองสามวันมานี่เขาก็ยุ่งจนเกินกว่าจะคิดแผนการง้อผู้ชายเสียด้วย

                โหรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีข้อความจากพันนาและรชตเข้ามาถามไถ่ รายแรกที่ดูเหมือนว่าจะกิจกรรมรัดตัวตามคำบ่นของจ้าวจอม แต่ก็ยังมีกะใจชวนเขาไปทานข้าวด้วยกันสักมื้อ เขายังไม่ได้ตอบรับเพราะไม่แน่ใจว่าธุระอีกอย่างจะเสร็จสิ้นเมื่อไร เอาไว้ลงตัวแล้วคงจะส่งวันเวลาที่ชัดเจนไปให้อีกครั้ง

                เขาเลื่อนนิ้วมือไปยังรายชื่อของคนที่กำลังงอน ถึงจะไม่รู้ว่าควรจะใช้วิธีไหนในการง้อ แต่แค่ได้ยินเสียงก็น่าจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำตามที่ใจคิด โทรศัพท์ก็แผดเสียงลั่น ผู้ที่โทรเข้ามาคือ กุมภ์!

               

                ตั้งแต่เรียนจบ โหรไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้ทำงานและสามารถเรียกมันว่าอาชีพได้เต็มภาคภูมิ แดดร้อนจัดไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนไร่คนสวนอย่างเขา น้ำสีคล้ำกระเด็นจากบ่อปูนขนาดใหญ่เปื้อนใบหน้าอยู่หลายหน กลิ่นคาวจัดไม่ได้ทำให้สะอิดสะเอือน เขาเอื้อมมือเปล่าลงไปในบ่อ คว้าปลาตัวเขื่องที่กำลังฟาดหางแสดงฤทธิ์เดชมากที่สุดได้อย่างแม่นยำ

                “โอ้โห น้องเก่งจังเลยค่ะ คว้าทีเดียวอยู่ ตัวมันใหญ่กว่าแขนน้องอีกนะคะ แถมคนเลี้ยงยังบอกว่าโคตรดุ”

                โหรยิ้มรับเล็กน้อยกับคำชม จับปลาตัวใหญ่ลงในกระป๋องเตรียมย้าย ที่มันหงุดหงิดเพราะอีกไม่นานจะคลอดเอาลูกปลาตัวน้อยออกมา ดังนั้นเพื่อการรักษาและพัฒนาสายพันธุ์จึงจำเป็นต้องแยกบ่อ

                อาชีพที่เขาเลือกคือการเป็นนักวิชาการเกษตร แต่หน้าที่ไม่ใช่แค่คอยพัฒนาคุณภาพของเกษตรกรหรือดูแลพืชพันธุ์ หากแต่ยังรวมไปถึงงานเล็กๆ น้อยๆ ในศูนย์การเกษตรแห่งนี้ด้วย เช่นการแยกปลาท้องออกจากบ่อปูน

                ด้วยความเป็นน้องใหม่เพิ่งบรรจุได้ไม่ถึงเดือนทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ ทุกวันจะมีชาวบ้านมาร้อนเรียนเรื่องผลิตผลการเกษตร ไหนจะเพลี้ยลงไร่มันสำปะหลัง หรือราคายางพาราที่ตกต่ำ แม้แต่วัวไม่ยอมคลอดลูกเขายังต้องช่วยตามปศุสัตว์ให้ นับว่าเป็นงานที่แฟนตาซีไม่น้อย

                งานเข้าแปดโมงครึ่งเลิกสี่โมงครึ่ง แต่ไม่เคยมีวันไหนเลยที่จะได้กลับตรงเวลา เงินเดือนได้แค่หมื่นปลายๆ แต่เพิ่งเป็นจุดเริ่มต้น ถ้าหากเขาขยันและเก่งพอที่จะสอบเลื่อนขั้นได้เงินเดือนก็จะเพิ่มตาม แน่นอนว่ามันง่ายกว่าตอนที่สอบเป็นเข้าขิงตำแหน่งนี้มากนัก เขาต้องต่อสู้กับคู่แข่งนับร้อยคนเพื่อคำว่า ‘ราชการ’ เพราะมันคือบันไดขั้นแรกของฐานของความเหมาะสม

                มีไม่กี่คนหรอกที่รู้ว่าเขาทิ้งอุดมการณ์แล้วมาสอบบรรจุเป็นข้าราชการยอมได้รับเงินเดือนน้อยนิด เพื่อที่สักวันจะกลายเป็นคนรักที่เหมาะสมกับกุมภ์

                แน่นอนว่ามันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ เหมือนที่เคยพูดกับกุมภ์ กุมภ์กล้าหาญพอที่จะบอกพ่อแม่ว่าตัวเองเป็นเกย์ เขาเองก็ต้องทำบางอย่างเพื่อให้กุมภ์ภูมิใจ

                เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่ค่อยจะสมน้ำสมเนื้อเท่าไร...กุมภ์เสียเปรียบอยู่หลายขุมทีเดียว

                จ้าวจอมล้อเขาอยู่หลายวันทีเดียวพอได้รู้ว่าเขาไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการ แต่วันที่เขาสวมชุดกากี มันก็ยิ้มจนตาหยี ชมว่าเขาหล่อยกใหญ่ วันแรกก็เขินอยู่หรอก แต่พอต้องใส่ชุดกากีไปขนขี้วัวมาทำปุ๋ยหมักก็เลิกเขิน และวันต่อมาก็เขาก็เปลี่ยนเป็นกางเกงสแล็คกับเสื้อเชิ้ตสีเข้มแทน  กางเกงตัวนี้กลายเป็นกางเกงตัวเก่ง เพราะมันคือของขวัญที่กุมภ์ซื้อให้หลังจากที่รู้ว่าเขาสอบบรรจุได้ เจ้าตัวดีใจกว่าเขาเสียอีก นอกจากจะทำหน้าที่ไปส่งและอยู่เป็นเพื่อนในวันสอบแล้ว ยังเสียไข่ต้มหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าฟองเพื่อแก้บนให้เขาอีกด้วย

                ‘ก็ผมกลัวพี่สอบไม่ได้นี่’

            ได้ข่าวว่ากลุ่มเพื่อนสนิทของกุมภ์ได้กินไข่ต้มกันถ้วนหน้า รวมถึงเขาด้วย

                อะไรหลายอย่างๆ เริ่มเข้าที่เข้ามากขึ้น แม้จะไม่คุ้นชินกับงานเอกสารนักและถนัดไปทางใช้กำลังมากกว่า แต่ก็พอจะไปได้ ที่หนักหน่อยคงจะเป็นการรื้อฟื้นการใช้คอมพิวเตอร์ เขาไม่ได้แตะมันเลยตั้งแต่เรียนจบ ต้องไปถอนเงินในบัญชีมาซื้อโน้ตบุ๊กแล้วให้จ้าวจอมสอน ยอมให้มันหลอกด่าว่าโง่อยู่หลายรอบกว่าใช้งานคล่อง

                งานราชการไม่ได้แย่ แม้เงินเดือนจะไม่สูงแต่มั่นคง หากปฏิบัติตัวดี ขยันขันแข็ง หาความรู้ใส่ตัวตลอดก็มีสิทธิ์จะเลื่อนขั้นไปเรื่อยๆ เขาไม่ได้หวังให้ตัวเองครองตำแหน่งอธิบดี แต่ขอให้มียศติดบ่าเผื่อว่าว่าที่พ่อตาแม่ยายจะรังเกียจน้อยลง ถึงเรื่องที่กุมภ์กับเขากำลังศึกษากันอยู่จะยังไม่ถึงหูพวกท่านก็ตาม

                “โหร เย็นนี้ไปกินขนมร้านปลายฝนกันไหม เห็นว่าเป็นร้านของลูกสาวผู้ว่า พวกเด็กวัยรุ่นชอบไปกินกัน”

                เสียงหวานของ ‘พี่ใจ’ รุ่นพี่สาวที่อายุมากกว่า 2-3 ปีเอ่ยชวน โหรยังไม่ตอบรับเพราะกำลังหงุดหงิดอยู่กับรอยดำจากน้ำคลำเพราะการย้ายปลา มันติดเสื้อเชิ้ตสีอ่อนจนดูน่าเกลียด ลองใช้น้ำวนๆ ถูๆ แต่ไม่ได้ผลสักเท่าไร คงต้องถอดซักนั่นแหล่ะถึงจะสะอาด

                “วันนี้หรือครับ...ขอโทษทีนะครับพี่ ผมมีนัดแล้ว

                “ว้า..ใครกันนะนัดโหรตัดหน้าพี่เสียได้” พี่ใจแสร้งทำหน้าง้ำ กอดอกเอียงคอมองเขาที่กำลังใช้ปลายนิ้วถูรอยดำบนเสื้อ

                “น้องชายน่ะครับ” เขาตอบ โดยไม่ขยายความเพิ่มเติม พี่ใจไม่ได้ติดใจอะไร เธอชวนเขาคุยอีกนิดหน่อยก่อนจะขอตัวกลับไปทำงานต่อ

                น้องชายที่ว่าชื่อจ้าวจอม เขาขับรถกระบะรุ่นบุโรทั่งไปรับไอ้ตัวแสบถึงหน้าโรงเรียนตอนเกือบสี่โมงเย็น แต่ก่อนจะออกมาได้ต้องขออนุญาตหัวหน้ากลับก่อนเพราะมีธุระต้องไปทำ และธุระที่ว่าก็เกี่ยวกับจ้าวจอมด้วย

                ไอ้ตัวแสบกระโดดขึ้นรถพร้อมกับบ่นว่าร้อนไม่ขาดปาก ยื่นมือเร่งแอร์โดยไม่ถามเขาสักคำ เขาโยนขนมปังกับนมที่ซื้อมาจากเซเว่นให้ ถือเป็นศีลบนที่ชวนมันไปทำธุระด้วยกัน จ้าวจอมฉีกซองกินทันที แล้วก็บ่นเรื่องเรียนให้ฟัง หมู่นี้จ้าวจอมตั้งใจเรียนเป็นพิเศษ เพราะอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับพวกพันนาแถมคณะเดียวกันอีกด้วย โดยให้เหตุผลว่าจะเอามาช่วยญาติพี่น้องเผื่อว่าวันไหนเผลอหลุดเข้าไปเอาของป่ามาขาย

                ใช้เวลาไม่นานรถกระบะคู่ใจก็เลี้ยวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยที่เขาเคยเรียนอยู่ถึงสี่ปี อันที่จริงเขารู้จักมันแทบจะทุกซอกทุกมุม ต้นไม้ทุกต้นของคณะเขาจำได้หมด บรรยากาศมหาวิทยาลัยในยามบ่ายจัดคึกคัก เหมือนเมื่อครั้งที่ยังศึกษาอยู่ไม่เปลี่ยน เจ้ากระบะคันเก่าจอดที่หน้าตึกอำนวยการ จ้าวจอมถือซองเอกสารสีน้ำตาลแล้วลงรถ เดินตามเขาเข้าไปในตัวอาคาร กลิ่นอายแห่งวัยเรียนมาเยือนอีกครั้ง มันชวนให้กระปรี้กระเปร่าไม่น้อย

                “ค่าเทอมแพงว่ะ ตั้งห้าหมื่น” จ้าวจอมบ่น

                “ตังค์กูไหมล่ะ”

                ไอ้เด็กแสบไหวไหล่ ส่งซองเอกสารให้ แล้วพาตัวเองไปนั่งบนเก้าอี้สีฟ้า

                ใบปริญญาที่เกือบจะลืมมันไปแล้วถูกนำมาใช้บ่อยครั้งในช่วงนี้ เอกสารที่จ้าวจอมเตรียมให้ถูกกรอกอย่างครบถ้วน เจ้าหน้าที่วัยกลางคนส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับส่งใบรายละเอียดการเรียนให้ดู

                “จ่ายเงินค่าเทอมภายในสิ้นเดือนนี้นะคะ แล้ววันที่ 1 ก็มาเรียนได้เลย...สะดวกเรียนอาทิตย์ละสามวันเหรอคะ แต่มันเลิกดึกนะคะ”

                “ครับ” โหรพยักหน้ารับ

                “ถ้าอย่างนั้นก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ยินดีต้อนรับว่าที่นักศึกษาปริญญาโทนะคะ”

               

                “แหม ว่าที่นักศึกษาปริญญาโท โก้ไม่เบาเลยนะพ่อหนุ่ม โอ๊ย”

                สิ้นประโยคเขาก็ยกมือโบกไปที่กะโหลกกลมๆ ของไอ้เด็กตัวแสบจอมพูดมากไปหนึ่งที มันคลำหัวตัวเอง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะเจ็บสักนิด แถมยังตักเอาเค้กชิ้นสวยเข้าปากคำใหญ่ คิดแล้วก็อดเสียดายไม่ได้ ไม่ใช่ราคาแต่เพราะหน้าตาของเค้กที่เจ้าของร้านอุตส่าห์จัดแต่งสวยงาม แต่จ้าวจอมกลับตักกินคำใหญ่เหมือนกินข้าว

                ร้านปลายฝน คนเยอะอย่างที่พี่ใจคุยไว้จริงๆ เขาไม่ได้พิสมัยรสหวานของขนมนัก แต่ไอ้ตัวแสบนี่มันร่ำร้องอยากจะกิน ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าจ้าวจอมชอบกินขนม แต่ก็ดีกว่ากินเหล้ากินเบียร์เสียสุขภาพ

                “คิดยังไงถึงอยากจะเรียนปริญญาโทขึ้นมาล่ะ จะว่าไปฉันก็แปลกใจตั้งแต่พี่ไปสมัครสอบแล้ว” จ้าวจอมว่า แล้วตวัดลิ้นเสียครีมที่ติดรอบริมฝีปากส่งเสียงแจ็บๆ ไม่รู้ว่าพันนาเอ็นดูไปได้อย่างไร

                “กูอยากมีอาชีพ”

                “อ้าว แล้วที่ทำอยู่ไม่เรียกอาชีพเหรอ”

                “มึงนับว่าหมอผีเป็นอาชีพหรือเปล่าล่ะ” เขาถามกลับ ไอ้ตัวแสบสั่นหน้าดิก ถึงการรักษาผู้คนด้วยยาสมุนไพรจะถูกยกย่องจนบางคนเรียกว่าหมอ แต่ในความเป็นจริงมันไร้ความน่าเชื่อถือ ไม่มั่นคงและงมงาย

                “ก็ถ้าได้เป็นข้าราชการแล้ว ทำไมถึงต้องมาเรียนปริญญาโทต่ออีกละ” ไอ้ตัวแสบยังไม่เลิกสงสัย

                “กูเป็นคนโลภ ได้คืบแล้วต้องได้ศอก”

                ใช่ เขาเป็นคนโลภ แค่ข้าราชการไม่พอ หากจะได้บันไดอีกขึ้นเขาต้องมานะให้มากขึ้น เขาเลื่อนจานเค้กให้ไอ้จอมตะกละ ยกแก้วกาแฟร้อนขึ้นจิบ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคืนนี้จะได้นอนกี่โมงเพราะจะหกโมงเย็นแล้วยังจะรับคาเฟอีนเข้าร่างกายอีก

                พอจ้าวจอมหมดคำถาม เขาก็ดึงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขาไม่ได้ติดโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่เขาติดกุมภ์ต่างหาก ทุกวันต้องได้พูดคุย ทั้งแบบเห็นหน้าและไม่เห็นหน้า เขาชอบเทคโนโลยีก็ตรงนี้ ห่างกันค่อนโลกก็ยังเห็นหน้ากันได้ เขารายงานความคืบหน้าในการสมัครเรียนปริญญาโทให้กุมภ์รู้ คราวก่อนที่ไม่ได้บอกเรื่องเข้ากรุงเทพฯ เล่นเอาเด็กแอบดื้องอนไปสามวัน ดีที่ ‘ความคิดถึง’ มันช่วยเอาไว้

                วันนั้นกุมภ์เป็นฝ่ายโทรมาหาเขาก่อน ขอโทษที่ตัวเองงี่เง่า เสียงสั่นๆ กับเสียงสูดน้ำมูกมันหลอมหัวใจให้เหลวยิ่งกว่าขี้ผึ้งลนไฟเสียอีก เขาฟังเสียงอีกคนเพลิน จนลืมเหนื่อยไปเลยด้วยซ้ำ พอกุมภ์ขอโทษเสร็จก็เล่าเรื่องที่เขาไปพบพ่อและแผนการสมัครสอบเป็นข้าราชการ กุมภ์อาสาพาเขาไปส่งที่สนามสอบและขออยู่จนกว่าจะสอบเสร็จ ซึ่งยิ่งกว่าเต็มใจที่จะตอบรับ

                หลังจากส่งรูปตารางเรียนไปให้กุมภ์ก็ส่งข้อความตอบกลับมาทันที เขาอ่านไปอมยิ้มไป รู้สึกว่าการทำอะไรเพื่อใครหรือสิ่งที่กำลังรออยู่มันรู้สึกดีอย่างนี้นี่เอง แต่ข้อความถัดมาทำเอาโทรศัพท์แทบตกจากมือ

                ‘ผมจะบอกพ่อ ว่าผมเป็นเกย์ แล้วอาจจะบอกเรื่องของเราด้วย’

                ผู้ชายคนหนึ่งที่ว่าก็เป็นเขานั่นแหล่ะ เขาไม่ได้กลัวพ่อของกุมภ์เอาปืนมายิงถึงบันไดบ้าน แต่กลัวว่ากุมภ์จะรับไม่ไหว ลูกชายคนเดียวเป็นเกย์จะมีพ่อกี่คนกันที่รับได้ แม้แต่พ่อของเขาเองยังอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเลย

                ‘รอพี่ก่อน พี่จะไปบอกกับท่านเอง’

            ‘ไม่ ผมจะบอกเอง’

                แล้วกุมภ์ก็หายไป เขาส่งสติ๊กเกอร์ไปหลายครั้งก็ยังเงียบเฉย ในใจพาลเป็นห่วง นึกกังวลไปหมด บางทีกุมภ์ก็ดื้อจนเขาอยากจะจับตีเสียให้เข็ด

                “ตะกี้ยังยิ้มหน้าบานอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงหน้าเครียดเหมือนถูกหวยแดกเลยอ่ะ”

                เขาเกือบลืมไปว่าไอ้ตัวแสบตรงหน้ามันสอดรู้เก่งแค่ไหน ขนาดไม่เคยเล่าว่าเขากับกุมภ์เป็นอะไรกันมันยังรู้จนได้ “ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกูหรอก ห่วงตัวเองเถอะ ไอ้นาฬิกาสวยดีนี่”

                นาฬิกายี่ห้อดังสีดำพาดอยู่บนข้อมือของจ้าวจอม เพิ่งจะมาปรากฏให้เห็นเมื่อพักใหญ่ๆ นี่เอง น่าจะหลังจากที่จ้าวจอมไปงานโอเพ่นเฮาส์ของมหาวิทยาลัยที่พวกพันนาเรียน           

                “ขี้เสือกว่ะ” จ้าวจอมว่า ริ้วแดงกระจายไปทั่วหน้า “ก็เหมือนกับเสื้อกับกางเกงพี่นั่นแหล่ะ”

                โหรหัวเราะหึ ยกกาแฟขึ้นดื่มเป็นอึกสุดท้าย แบบนี้แหล่ะที่เขาเรียกว่าศีลเสมอกัน...

 
(มีต่อ)

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #403 เมื่อ14-04-2020 20:09:00 »

(ต่อ)

                สิ่งที่ยากยิ่งกว่าการเปิดอกพูดกับพ่อ คือสิ่งที่เขากำลังจะทำ ร้านกาแฟร้านเดิมที่เขาเคยได้เจอกับปรางค์เมื่อหลายเดือนก่อน คือสถานที่นัดแนะในวันนี้

                เขายังคงสถานะเพื่อนสนิทให้กับปรางค์ แม้ว่าเธอจะพยายามก้าวข้ามมาหลายครั้งแล้วก็ตาม

                เขาไม่เคยบอกปรางค์ว่าเป็นเกย์ ปรางค์เองก็ไม่เคยถาม

                พวกเขายังไปไหนมาไหนด้วยกัน เท่าที่สถานการณ์จะอำนวย ซึ่งโหรเข้าใจเรื่องนี้ดี เขาไม่เคยปิดบังหากมีนัดกับปรางค์ น่าแปลกนิดหน่อยตรงที่บ่อยครั้งเขามักจะได้พบกับรชต ทั้งที่ไม่เคยบอกว่าเขาจะไปไหนกับปรางค์

                บางทีเขาก็ลืมไปว่า ความบังเอิญมันไม่มีจริง

                กุมภ์มาถึงก่อนเวลานัด เขาเลือกที่นั่งด้านในสุด มุมนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ถนัด แมวตัวอ้วนลายสีส้มเดินบนกำแพง แดดอ่อนๆ ส่องผ่านใบของต้นมะม่วง กล้วยไม้ที่เจ้าของร้านปลูกไว้ออกดอกแข่งกัน สวยเสียจนนึกอยากจะถ่ายรูปเอาไว้อวดโหร ผีเสื้อตัวเล็กๆ กระพือปีกหยอกล้อบนกลีบดอกสีสด ในเมืองกรุงก็มีมุมสวยๆ แบบนี้อยู่เหมือนกัน

                กาแฟที่สั่งไว้วางกลางโต๊ะ รสขมปนหวานทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้บ้าง อาการง่วงงุนเพราะนอนไม่ค่อยหลับดูเหมือนจะทุเลาลงไปเล็กน้อย

                เมื่อคืนเขาเข้าไปหาพ่อ มันยากกว่าตอนที่คุยกับแม่ก็จริง แต่เขาไม่ถอยหลังไม่ได้แล้ว อีกอย่าง มันไม่มีประโยชน์อะไรหากจะดึงเวลาต่อไป

                ดูเหมือนสถานการณ์จะเป็นใจเหลือเกิน พ่อสวดมนต์เสร็จเร็วกว่าปกติ ท่านนั่งอยู่บนเตียงกับแม่ ดวงตาที่มองมาตอนที่เขาเปิดประตูเข้าไปไม่ได้แสดงความสงสัยอะไร คล้ายกำลังรอบางอย่าง...จากเขา

                การเปิดอกพูดไม่ได้อึดอัดเท่ากับคราวก่อน อาจะเป็นเพราะเขาเตรียมใจไว้นานแล้วบวกกับแรงใจจากโหร...แรงใจที่ปราศจากคำพูดหากแต่เป็นการกระทำ โหรยอมสอบข้าราชการทั้งที่ไม่เคยคิดจะทำ ยอมเรียนปริญญาโทต่อ เขารู้ว่าทั้งหมดนั้นโหรไม่ได้ทำแค่เพื่อตัวเอง ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้โหรเดินขั้นบันไดแต่เพียงลำพัง เขาจะต้องไปด้วย

                พ่อมองเขาอยู่ชั่วอึดใจ และเขาก็บอกกับท่านไปว่าเขาเป็นเกย์ ไม่มีอาการตกใจให้เห็น มีแค่สีหน้าเรียบเฉย แม่ที่นั่งอยู่ข้างๆ บีบมือพ่อเอาไว้ ก่อนจะละมาลูบศีรษะเขาแผ่วเบา เขายกมือขึ้นประนมแล้วก้มลงกราบแนบเท้าท่านทั้งสอง สำนึกในพระคุณและสำนึกในบาปที่ทำให้พวกท่านผิดหวัง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแม่ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ ส่วนพ่อยังคงนิ่งเฉย ไม่มีคำพูดหรือการกระทำใดๆ ที่ชัดเจน คงเป็นปัญหาให้เขาไปคิดเอาเองว่าท่านคิดอย่างไร และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้มีสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นมาจนถึงตอนนี้

                กาแฟหมดไปครึ่งแก้วปรางค์ก็มาคือพอดี เธอยิ้มหวานเป็นการทักทายก่อนจะเลื่อนเก้าอี้นั่งลงฝั่งตรงข้าม

                “สั่งอะไรหรือยัง ให้เราไปสั่งให้ไหม”

                “สั่งแล้วล่ะ วันนี้อยากกินชาเขียว” ปรางค์บอก “แล้วนี่นัดเรามาทำไมเหรอ อย่าบอกนะว่าจะให้เราติวบัญชีให้ ได้ข่าวว่าเรียนนิติไม่มีบัญชีนี่นา”

                กุมภ์ส่ายหัว นึกเอ็นดูใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของปรางค์ นี่ถ้าหากเขาเป็นชายแท้คงรุกจีบเธอไปแล้ว “เปล่าหรอก ช่วงนี้ป้าเปรมเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้เจอท่านเลย”

                “สบายดี กำลังเห่อไปทำบุญแถวราชบุรี ลงทุนตื่นตีสองตีสามเพื่อไปทำบุญ” ปรางค์พูดขำๆ “แล้วน้ากัญญาล่ะ สบายดีไหม พูดแล้วก็คิดถึง เอาไว้วันหลังเราทำคุกกี้ไปฝากดีกว่า นี่เราทำคุกกี้เก่งแล้วนะ มีคนชมด้วยล่ะ”

                นอกจากจะเรียนเก่งแล้ว ปรางค์ยังมีฝีมือด้านการทำเบอเกอร์รี่อีกด้วย เขาเคยได้ชิมคุกกี้อยู่ครั้งสองครั้ง รสชาติใช้ได้ หวานหอมกำลังดี

                “อืม ถ้าเปิดร้านเมื่อไรเราจะไปอุดหนุนบ่อยๆ นะ”

                “แล้วสรุป กุมภ์มีอะไรจะคุยกับเราเหรอ”

                “เราเป็นเกย์” กุมภ์ไม่อิดออดให้เสียเวลา เขาผ่านช่วงเวลาที่ยากที่สุดมาแล้ว อย่างที่เขาว่าหากมีครั้งแรกก็จะมีครั้งต่อไป และมันจะง่ายขึ้น

                ปรางค์นิ่งอึ้ง ซึ่งไม่ต่างจากปฏิกิริยาของพ่อกับแม่ ดวงตาของเธอค้างหยุดกระพริบไปพักใหญ่ ความเงียบปกคลุมพวกเขาไปชั่วขณะ เขายื่นมือไปแตะหัวไหล่เล็ก แต่เธอปัดออกแทบจะทันทีเหมือนโดนของร้อน ปรางค์ได้สติในตอนนั้น

                “อะ..ไรนะ”

                “เราเป็นเกย์ แล้วเราก็คิดว่าปรางค์คงเดามาได้สักพักแล้ว...ใช่ไหมล่ะ” เขาบอก ริมฝีปากคลี่ยิ้ม ไม่ใช่การฝืนทำหากแต่เป็นไปโดยอัตโนมัติ รอยยิ้มแห่งการยอมรับ “เราไม่โกรธหรอกนะถ้าปรางค์จะรังเกียจหรือเลิกคบกับเรา”

                “...เพราะโหรใช่ไหม”

                คราวนี้เป็นกุมภ์เสียเองที่แปลกใจ ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองสตรีตรงหน้า “พี่โหรเหรอ?”

                “เราเห็น...ไลน์ วันที่กุมภ์นอนโรงพยาบาล” สีหน้าของปรางค์นิ่งเรียบ แต่ที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อนคือแววตาโกรธขึงของเธอ “เพราะโหรใช่ไหมที่ทำให้กุมภ์เป็นเกย์”

                กุมภ์ไม่ได้โกรธที่เธอเสียมารยาทแอบอ่านข้อความส่วนตัวของเขา แต่เขาโกรธที่เธอโทษโหร กุมภ์นับหนึ่งถึงสิบ พยายามนึกถึงเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีให้กัน ผ่อนลมหายใจเข้าออกให้ลึกพอที่จะดับความร้อนในอกได้

                “เราเป็นเกย์ก่อนที่จะเจอพี่โหร”

                “ไม่จริง! เราไม่เคยเห็นกุมภ์มีแฟน...”

                “เราเคยแอบชอบรุ่นพี่ผู้ชายสมัยเรียนมัธยม” กุมภ์แทรกก่อนที่ปรางค์จะพูดจบ ไม่นำพากับความโกรธที่เพิ่มมากขึ้นทุกทีของเธอ “อย่าโทษพี่โหร เราแค่รู้สึกดีต่อกัน แต่เขาไม่ได้ทำให้เราเป็นเกย์”

                “วิปริต” ปรางค์ว่า เสียงของเธอไม่ดังนักแต่หนักแน่นและเต็มไปด้วยความเกลียดชังจนเขารู้สึกได้ ใบหน้าน่ารัก บัดนี้ถูกโทสะครอบงำเสียจนดูน่ากลัวไม่ต่างจากนางร้ายในละคร “เราจะบอกเรื่องนี้กับน้ากัญญา”

                “แม่เรารู้แล้ว” กุมภ์ส่ายหน้า เขารู้ซึ้งจริงๆ ว่าการต่อปากต่อคำกับคนโกรธมันไร้ประโยชน์จริงๆ “ปรางค์จะเอาไปบอกใครก็ได้ว่าเราเป็นเกย์ เราไม่โกรธ เพราะคนที่เรารักที่สุดรู้แล้ว...รวมทั้งปรางค์ด้วย”

                ปรางค์มองหน้าเขานิ่ง หยาดน้ำคลอขอบตา ความโกรธดูเหมือนจะผ่อนลง ปลายจมูกของเธอเรื่อง หัวไหล่เล็กสั่นไหวแล้วไม่นานน้ำตาก็ไหลผ่านแก้ม ไม่รู้ว่าเธอเสียใจหรือโกรธเขาจนร้องไห้กันแน่

                “...ทำไมล่ะ ฮึก ทำไม กุมภ์ ฮือ ไม่ชอบเรา ฮึก ทั้งที่เรา ชอบกุมภ์มาก ชอบมาตั้งแต่แรกเลย” ปรางค์พูดพร้อมปาดน้ำตา ผู้หญิงที่สวยจนแทบหาที่ติไม่ได้ กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าเขาอย่างไม่สนใจสายตาคนอื่น “เรา ฮึก ชอบกุมภ์ ฮึก กุมภ์คือรักแรกของเรา เรารอกุมภ์มาตลอดเลยนะ”

                คำพูดของเธอทำให้เขาสะท้อนใจ ความผิดอาบรดร่าง จำไม่ได้หรอกว่าสมัยที่ยังเป็นเด็กเขาเคยไปให้ความหวังเธอหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยแสดงออกเลยว่าคิดกับเธอเกินเพื่อน

                กุมภ์ก้มหน้า รู้สึกแย่ยิ่งกว่าตอนสารภาพกับพ่อเสียอีก ไหนใครว่าการทำอะไรซ้ำๆ จะทำให้ชินชา แต่ที่เขากำลังเผชิญอยู่นี่มันไม่เหมือนกันสักครั้ง

                ครั้งแรกกับแม่ อึดอัดจนอยากจะหายไปดื้อๆ

                ครั้งที่สองกับพ่อ เบาหวิวและไร้ความชัดเจน

                ครั้งที่สาม รู้สึกผิด

                ครั้งสุดท้ายที่แหล่ะที่ทำให้เขาคิดว่าตัวตนของเขามันทำร้ายปรางค์

                “ขอโทษนะปรางค์...แต่เราคิดกับปรางค์แค่เพื่อนจริงๆ”

                ไม่มีคำตอบรับ มีแต่เสียงสะอื้น กุมภ์ยกมือขึ้นบีบหัวไหล่ของปรางค์ นอกจากคำขอโทกับคำว่าเพื่อนเขาก็ไม่มีอะไรให้เธอแล้วจริงๆ ...

 :hao7:

*มาช้าแต่มานะ*

**ปรางค์ไม่ร้ายหร๊อกกกก ปรางค์ก็แค่ฉันก็รักของฉันเข้าใจบ้างไหม**

***เหมือน สนพ. อยากจะได้คู่น้องจอมเพิ่ม เดี๋ยวต้องไปคิดพล็อตก่อง***

****ใกล้จบแล้วจ้ะ เหลืออีกไม่กี่ตอน****

*****โปรดติดตามตอนต่อไป*****

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #404 เมื่อ14-04-2020 20:48:41 »

ทำไมคู่จอมมาแรงจัง พี่โหรทุ่มเทมากๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #405 เมื่อ14-04-2020 21:20:06 »

โหร นี่พอมีความรัก ก็ทำการใหญ่เลยนะ กลัวคนรักลำบาก ว่าแต่แบบโหรมีเหลือสักคนไหม พันนาเจ้าจอมก็จองไปแล้ว อิอิอิ
เข้าใจปรางค์นะ รักแรกและรอคอยมาตลอด ถึงแม้จะแอบรู้ว่ามีคุยกับโหร แต่ใจทีรักกุมภ์มากเลยมองข้ามสิ่งนี้ไป
แต่ไม่เป็นไรนะ มีรชต คอยปลอบใจอยู่ข้างๆ
ใกล้่จบแล้วหรือ อ่านกำลังเพลินๆ เลยนะ คิดถึงทุกคน

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #406 เมื่อ14-04-2020 22:24:24 »

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #407 เมื่อ15-04-2020 00:30:43 »

 :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #408 เมื่อ15-04-2020 00:50:36 »

จะจบแล้วหรอเนี่ย ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ อ่านเพลิน  พี่โหรเป็นผู้ใหญ่มากๆ ความคิดและการกระทำ อิจฉากุมภ์เลย 555
น้องรามออกมาฉากเดียวแต่กลับรู้สึกว่า ดาเมจเมะกระจาย ไม่รู้ว่าอนาคตจะมีเรื่องของน้องด้วยมั้ยน้าา ดูน่าจะแสบไม่น้อยไปกว่าจ้าวจอมเลย

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #409 เมื่อ15-04-2020 10:36:50 »

 :L2: :L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
« ตอบ #409 เมื่อ: 15-04-2020 10:36:50 »





ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #410 เมื่อ15-04-2020 21:52:56 »

โอ้โห พี่โหรนายแน่มาก เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ บทจะจริงจังก็ทุ่มเทเต็มที่เลย นับถือๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #411 เมื่อ16-04-2020 01:23:07 »

ใกล้ล้าาาา

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 25 : บันได] 14/04/2563
«ตอบ #412 เมื่อ20-04-2020 22:35:11 »

ดูท่าแล้ว ปรางค์น่าจะร้ายได้อีกนะเนี่ย

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 26 เข้าถ้ำเสือ

            โหรขีดฆ่าตัวเลขในปฏิทิน สามเดือนแล้วกับการบรรจุเป็นข้าราชการ และอีกหนึ่งเดือนสำหรับการเป็นนักศึกษาปริญญาโท ต้องยอมรับว่าตั้งแต่เรียนจบมา ช่วงเวลานี้นับว่าวุ่นวายที่สุด ไหนจะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปให้ทันเข้างาน เลิกงานก็ต้องไปเรียนต่อ เลิกเรียนก็สามสี่ทุ่ม กว่าจะถึงบ้านเขาก็แทบจะหมดแรง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยลืมสวดมนต์ เหมือนที่เคยทำมานับสิบปี เพราะเขาระลึกเสมอว่าการสวดมนต์มันทำให้เขาดำรงด้วยสติและสมาธิ

                และอีกสิ่งที่ทำไม่เคยขาดแม้จะเหนื่อยมากแค่ไหนก็ตาม นั่นคือการส่งข้อความหาคนไกล เพียงแค่ได้เห็นตัวอักษรสักตัวหรือสติ๊กเกอร์เขาก็แทบจะหายเหนื่อยแล้ว

                แบบนี้เรียกว่า ‘ชอบ’ ได้แล้วกระมัง

                สุดสัปดาห์นี้เป็นวันหยุดยาว เป็นวันสำคัญทางศาสนา แน่นอนว่าข้าราชการอย่างเขาและนักศึกษามีวันหยุดตรงกัน เขาวางแผนว่าจะไปหากุมภ์ที่กรุงเทพฯ และคราวนี้มีการนัดหมายกันแน่ชัด เพราะเขาไม่อยากให้กุมภ์งอนอีก มันทรมาน

                มือหนาละจากปฏิทิน ทิ้งตัวลงนอนบนฟูก มือควานหาโทรศัพท์ด้วยความเคยชิน วันนี้เขาไม่มีเรียนเลยได้กลับบ้านเร็ว ต้องยอมรับว่าการห่างกายไปจากบทเรียนมาหลายปีทำให้ต่อติดยากสักหน่อย โชคดีที่เขามีเพื่อนร่วมคลาสดีรวมไปถึงอาจารย์ประจำวิชา หลังจากผ่านมาสามเดือน เขาก็เริ่มชอบการเรียนขึ้นมาอีกครั้ง

                นิ้วมือขยับขึ้นลงบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เขาโดนแซวจากจ้าวจอมว่าใช้โทรศัพท์เก่งเสียยิ่งกว่าวัยรุ่น โต้ตตอบได้เร็ว แถมยังใช้แอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้คล่องทั้งที่จ้าวจอมสอนไปแค่ครั้งเดียว แน่นอนว่าเขาไม่ใช่พวกหัวทึบ เพียงแต่ไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้พิสมัยมัน ทว่าก็ขาดมันไม่ได้เพราะมันทำให้เขาคลายความคิดถึงกุมภ์ลงไปได้มากโข หากเป็นสมัยก่อนอย่างดีที่สุดคงได้แค่โทรศัพท์ฟังเสียงเท่านั้น

                เพิ่งจะสองทุ่ม กุมภ์น่าจะถึงบ้านแล้ว ช่วงนี้กุมภ์มีกิจกรรมที่คณะเห็นว่าจะมีงานกีฬามหาวิทยาลัย ถึงกุมภ์จะไม่ใช่นักกีฬา แต่ก็ต้องช่วยรุ่นพี่ ส่วนพันนากลายเป็นช่างภาพประจำคณะไปโดยปริยาย

                เมื่อสองเดือนก่อนกุมภ์ทำในสิ่งที่คิดไม่ถึง ไม่ใช่แค่บอกกับพ่อว่าตัวเองเป็นเกย์ แต่กับปรางค์ก็ด้วย

                กุมภ์เปิดเผยตัวตนกับปรางค์ เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจเธอมากที่สุด ใครๆ ก็มองออกว่าปรางค์คิดอย่างไรกับกุมภ์

                เขามั่นใจว่ากุมภ์เองก็รู้ แต่เจ้าตัวเลือกที่จะปิดหูปิดตาตัวเอง และให้คำจำกัดไว้แค่คำว่าเพื่อน ทว่าความรู้สึกของผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกัน ผู้หญิงเป็นเพศละเอียดอ่อนและคิดนำความจริง ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจเลยตอนที่กุมภ์บอกว่าปรางค์ร้องไห้หนัก และไม่พูดกับตนอีกเลย

                สำหรับปรางค์ถ้าหากเธอคิดได้ว่ากุมภ์จะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของเธอ สักวันความสัมพันธ์คงจะกลับมาเหมือนเดิมแต่ถ้าหากเธอใช้ทิฐิและความโมหะเป็นตัวนำ เธอก็อาจจะเสียเพื่อนดีๆ อย่างกุมภ์ไปตลอดชีวิต

                น้ำตาของปรางค์ทำให้กุมภ์รู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นเกย์ แต่เขาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย เกย์ ทอมหรือเพศอื่น ไม่ใช่ความผิด เรื่องของความรู้สึกหรือความรัก มันไม่มีถูกมีผิด ปรางค์ไม่ผิดที่รักกุมภ์ กุมภ์ไม่ผิดที่เป็นเกย์ ถ้าจะผิดก็คงเป็นเขากระมัง ที่ดันส่งข้อความไปให้กุมภ์อย่างไม่รู้เวล่ำเวลา

                กุมภ์เล่าว่าปรางค์โทษว่าเป็นเพราะเขาเลยทำให้กุมภ์เป็นเกย์ เธอเห็นข้อความที่เขาส่งไปให้กุมภ์ แม้จะไม่เห็นทั้งหมดแต่ก็จับทางได้ ซึ่งเธอก็เก่งเสียด้วย เซ้นส์ของผู้หญิงแม่นยำจนน่ากลัวทีเดียว และเชื่อหมูกินได้เลยว่าเธอเกลียดเขามากกว่ากุมภ์แน่นอน

                ได้แต่หวังว่ารชตจะทำหน้าที่ตัวสมานความสัมพันธ์ได้สำเร็จ

                เขาตัดเรื่องที่ผ่านมาทิ้ง ก่อนจะต่อสายถึงคนที่คิดถึง รอไม่ถึงอึดใจปลายสายก็ตอบรับ แค่ได้ยินเสียงทุ้มต่ำสบายหู ริมฝีปากก็ยกยิ้มเสียแล้ว

                ‘วันนี้ไม่มีเรียนเหรอครับ’

                “จำไม่ได้สักที พี่ลงเรียนพุธ พฤหัสฯ ศุกร์ไง” เขาบอกไม่ได้นึกโกรธหรอกที่อีกคนจำวันเรียนของเขาไม่ได้

                ‘เออ มันลืมไง แล้ววันนี้เหนื่อยไหม ต้องทำอะไรบ้าง’

                หน้าที่ของเขาคือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในแต่ละวันให้กับกุมภ์ฟัง งานราชการมันก็สนุกไปอีกแบบ มีเรื่องให้ตื่นเต้นได้ทุกวัน เพลี้ยเข้าไร่มันสำปะหลังบ้าง วัวหายบ้าง หรือไม่ก็แย่งพื้นที่ทำกินกัน ดังนั้นงานของเขาเลยไม่ค่อยจะซ้ำกันสักเท่าไร ที่ร่ำเรียนมาก็ได้ใช้บ้างแต่มันไม่สนุกเท่ากับการที่ต้องแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่างวันนี้ก็ต้องไปช่วยชาวบ้านทำปุ๋ยหมักแบบอินทรีย์ เนื้อตัวเปื้อนขี้วัวแห้ง คันไปทั้งตัว ด้วยจำนวนเจ้าหน้าที่น้อยงานเลยค่อนข้างหนัก หากเทียบกับหน่วยงานอื่น

                กุมภ์ฟังเขาแล้วไปพลางถามแทรกเป็นระยะ รายนั้นมักจะหัวเราะกับกิจกรรมเลอะเทอะเปรอะเปื้อนของเขา ทั้งโกยขี้หัว หรือบางวันก็ต้องไปทำน้ำหมักชีวภาพเอาไว้แจกประชาชน ซึ่งทั้งหมดเป็นงานที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะได้ทำ กุมภ์เคยเปรยๆ ให้ฟังว่าอยากจะลองมาช่วยเขาโกยขี้วัวหรือไม่ก็ปลูกต้นไม้บ้าง แต่ก็หาโอกาสยากเต็มที

                ในเมื่อกุมภ์มาหาเขาไม่ได้...เขาก็แค่ไปหากุมภ์

                เขาไม่ปฏิเสธหรอกว่าสามเดือนที่ผ่านมาความรู้สึกพิเศษที่มีต่อกุมภ์มันพัฒนาขึ้นมากทีเดียว จากแค่รู้สึกดีบัดนี้มันคือความชอบ และคงอีกไม่นานเขาจะเรียกมันว่า ‘รัก’ ได้เต็มปาก เขายังไม่อยากเร่งรัดความสัมพันธ์ อยากจะศึกษากันไปเรื่อยๆ เขาไม่ใช่วัยรุ่นใจร้อนริลองรักอีกต่อไปแล้ว หากแต่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยกลางคน ทุกความคิด ทุกการกระทำต้องรอบคอบและมั่นคงมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าหากจะจีบลูกหลานผู้ดีเก่าเขาจะทำตัวดิบห่ามแบบเมื่อก่อนไม่ได้

                คำสัญญาว่าอีกสองวันจะได้เจอกันดังเตือนในสมองเป็นรอบที่ร้อย ที่ต้องขีดฆ่าบนปฏิทินมันคือการนับวันรอ สามเดือนที่ไม่ได้เจอกัน โคตรคิดถึงเลย

                กุมภ์วางสายไปตอนเกือบสี่ทุ่ม พวกเขาจะใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคุยกันเพื่อบรรเทาความคิดถึงที่มีล้นอก คิดแล้วก็อดสมเพชตัวเองไม่ได้ อายุก็ตั้งยี่สิบห้าแล้วยังติดคุยโทรศัพท์เป็นเด็กๆ สงสัยเขาคงจะสนิทกับจ้าวจอมมากเกินไปกระมัง...

 

                จำนวนรถยนต์ในกรุงเทพฯ ไม่เคยลดลงซ้ำมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้ทางการจะสร้างถนนเพิ่มเพื่อแก้ไขปัญหาจราจร แต่ก็ยังไม่ช่วยอะไร เพราะมนุษย์ยังคงยึดติดอยู่กับสะดวกสบาย โหรก้าวลงจากรถตู้ที่วิ่งได้ฉวัดเฉวียนชวนเวียนหัว พอเท้าถึงพื้นก็ต้องสะบัดหน้าแรงๆ ไล่คลื่นเหียน ความคิดที่ว่าอีกสองปีจะซื้อรถยนต์คันใหม่ เห็นทีต้องล้มเลิก แล้วขยับมาเป็นปีนี้แทน ถึงจะเป็นการเพิ่มการจราจรให้เมืองหลวง แต่ถ้าหากต้องนั่งรถตู้บ่อยๆ เขาคงจะตายเข้าสักวัน

                อากาศในตอนเที่ยงร้อนเสียจนขนลุก แดดแรงยิ่งกว่าที่บ้านหลายเท่านัก แม้จะไม่พวกผิวบางออกจะกระด้างหยาบด้วยซ้ำ ก็ยังไม่ทนไม่ไหว รีบวิ่งเข้าไปหลบแดดใต้ต้นไม้ พลางชะเง้อหาใครบางคนที่รับปากหนักแน่นว่าจะมารับ แต่เพราะแดดมันจ้าแสบตามากเกินไป เลยมองไม่เห็นใครที่คุ้นตาเลย โหรถอนหายใจ ทำท่าจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครคนนั้น ทว่าที่หัวไหล่กลับรับรู้ถึงแรงสัมผัสเสียก่อน

                แค่เห็นนิ้วมือเขาก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ใบหน้าขาวสะอาด ดวงตากลมเป็นประกาย เส้นผมสีดำตัดกับสีผิว จมูกโด่งรับกับริมฝีปากแดงระเรื่อ โหรไม่อาจห้ามรอยยิ้มได้ รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมันหายไปในนาทีนั้น

                “สวัสดี”

                เสียงพูดที่เคยได้ยินผ่านลำโพงโทรศัพท์มานานหลายเดือน วันนี้มันเพราะกว่าเป็นร้อยเท่า ริมฝีปากขยับคำว่า ‘คิดถึง’ อย่างควบคุมไม่ได้

                โหรไม่รู้ว่าหันหน้าไปมองสารถีหนุ่มบ่อยครั้งแค่ไหน รู้อีกทีสายตามันก็หยุดนิ่งอยู่ที่มุมเดิมๆ เสียงเพลงสากลดังแผ่วในรถ เนื้อเพลงกล่าวถึงความรักที่เกินควบคุมและหยุดไม่ได้ หัวใจมันมักจะเต้นเร็วยามเมื่อได้สัมผัสกัน และไม่มีอะไรหยุดความรักครั้งนี้ได้ โหรนึกแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันที่สามารถแปลความหมายของเพลงนี้ได้ คงเป็นเพราะหลักสูตรปริญญาโทกระมังที่ทำเขาต้องเร่งฝึกฝนภาษาอังกฤษ ทว่าเหนือสิ่งอื่นใด เพลงที่กุมภ์เปิดมันตรงกับความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

                ใครจะไปคิดล่ะว่า ชายแท้อย่างเขาจะคิดถึงผู้ชายอีกคนได้ตลอดเวลา

                และเพราะไอ้ความคิดถึงนี่แหล่ะที่ผลักให้เขาต้องมากรุงเทพฯ

                เขาใช้เวลาในรถพิจารณาความเปลี่ยนแปลงของกุมภ์ สามเดือนที่ไม่ได้เห็นหน้ากันแบบจริงๆ กุมภ์เปลี่ยนไปเล็กน้อย ผิวขาวขึ้นคงเพราะไม่ค่อยได้โดนแดด อ้วนขึ้นเพราะแก้มกลมกว่าคราวก่อนที่เจอกัน ผมตัดเล็มเป็นทรงแบบที่ได้เห็นตามดาราวัยรุ่นในทีวี วันนี้กุมภ์อยู่ในชุดธรรมดา เสื้อยืดตัวใหญ่สีขาวสะอาดสกรีนลายตรงหน้าอก กางเกงยีนพอดีตัวสีดำขาดหัวเข่า มีสร้อยคอสีขาวห้อยยาวออกมานอกคอเสื้อ บนนิ้วมือมีแหวนที่น่าจะทำมาจากทองคำขาวสวมที่นิ้วชี้ เขาก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ากุมภ์แต่งตัวเก่งเอาการ ขณะที่เขาสวมเสื้อยืดสีขาวไม่มีลายกับกางเกงยีนสีเข้มคู่ใจ เครื่องประดับมีแค่หวานพระที่ปู่ให้ติดตัวไว้เท่านั้น

                เขาเพิ่งกระจ่างว่ากุมภ์หล่อมากแค่ไหน

                “จะมองอีกนานไหน เดี๋ยวผมก็เลี้ยวลงข้างทางหรอก” สารถีรูปหล่อพูดยิ้มๆ แม้จะเห็นจากด้านข้างแต่หัวใจคนมองก็พาลเต้นแรง มันเหมือนในเพลงไม่มีผิด แค่อยู่ใกล้กันหัวใจก็ทำงานผิดปกติเสียแล้ว

                “มองคนหล่อ”

                “ผู้ชายที่ไหนเขาชมผู้ชายหล่อกัน”

                “ก็ผู้ชายอย่างพี่ไง” นานแค่ไหนกันที่ไม่ได้เรียกตัวว่าเองพี่กับใคร ไม่รู้ทำไมกับกุมภ์เขาถึงอยากจะใช้คำที่เป็นกันเองแบบนี้

                “แต่ก็ดีกว่าชมว่าน่ารัก” กุมภ์ว่า ผิวแก้มระเรื่อขึ้น

                พวกเขาไม่มีแผนว่าจะไปที่อื่น การมากรุงเทพฯ ครั้งนี้ของโหร ไม่ใช่แค่คลายคิดถึงให้น้อยลง แต่เขายังต้องการแสดงตัวตนให้พ่อแม่ของโหรได้รับรู้อีกด้วย ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือได้อย่างไร

                บ้านของกุมภ์ใหญ่กว่าที่เคยเห็นในเฟสบุ๊คเสียอีก กะด้วยสายตาคร่าวๆ น่าจะเกินสามไร่ ซึ่งนับว่ากว้างมากเพราะที่นี่คือกรุงเทพฯ ซ้ำยังเป็นย่านที่รายล้อมด้วยความศิวิไลทุกรูปแบบ ที่สำคัญไม่ใช่บ้านจัดสรรหากแต่เป็นบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาก่อนที่ความเจริญจะมาถึง เป็นที่ดินเก่าแก่ที่ราคาสูงลิบ ถึงจะไม่พวกนายหน้าค้าที่ดินแค่นี้เขาก็ดูออก

                นี่มันดอกฟ้ากับหมาวัดชัดๆ

                ประตูรั้วอัลลอยค่อยๆ เคลื่อนเปิดด้วยฝีมือของผู้ชายตัวใหญ่วัยกลางคน ผิวเข้มคล้ำ ก่อนที่รถจะเข้าสู่ตัวบ้านชายคนนั้นผงกหัวเป็นเชิงให้ความเคารพกับกุมภ์ก่อน โหรแอบใจฝ่อ นี่เขาจะเด็ดดอกฟ้าได้จริงๆ หรือ?

                “เป็นอะไร หน้าเครียดเชียว”

                เจ้าของบ้านเอ่ยถามหลังจากลงมายืนบนพื้นเรียบร้อย เขาคงแสดงความเครียดออกทางสีหน้ามากเกินไป โหรถอนหายใจ ยอมรับว่าประหม่าและกดดันกว่าที่คิดไว้

                “เครียดสิ ตอนแรกคิดว่าแค่เข้าถ้ำเสือ แต่นี่มันคฤหาสน์เสือชัดๆ”

                กุมภ์หัวเราะเบาๆ ยกมือขึ้นจับบ่าบีบเบาๆ คล้ายจะให้กำลังใจ “พ่อแม่ผมไม่ได้ดุขนาดไอ้บอดหรอก แถมแปลงร่างไม่ได้ด้วย”

                โหรส่ายหัวให้กับคำพูดปลอบใจ ผีสางน่ะไม่น่ากลัวเท่าใจคนหรอก

                มองจากภายนอกว่าใหญ่โตโอ่อ่าแล้ว ภายในยิ่งกว่า แค่ห้องโถงก็ไม่อาจประเมินค่าได้ เฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้แทบทุกชิ้นล้วนงดงาม และเป็นงานฝีมือ ลวดลายวิจิตรจนโหรหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจ ไม่บอกก็รู้ว่าอายุของพวกมันร่วมร้อยปีแน่นอน แต่กลับยังใหม่เอี่ยมสะอาดสะอ้าน กุมภ์แตะแผ่นหลังเป็นเชิงดันให้เดินต่อ

                ในห้องโถงไม่มีใครมันทำให้เขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่เขาได้ยินเสียงคล้ายคนคุยกันดังมาจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อตั้งใจฟังจะรู้ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงที่มากกว่าสองคน แน่นอนว่าไม่ใช่ผี น่าจะเป็นมารดาของกุมภ์เขาจำเสียงของท่านได้

                “นั่งก่อน เดี๋ยวขาก็แข็งพอดี” กุมภ์ว่ายิ้มๆ กดไหล่ให้เขานั่งบนโซฟาโบราณสีน้ำตาลเข้มเงาปลาบ เบาะมันนุ่มเหมือนได้นั่งในรถหรูๆ เลยทีเดียว

                กุมภ์บอกให้เขารอแล้วเดินหายไปไปยังอีกฝากของห้องโถง ไม่ถึงสองนาทีก็กลับเข้ามาพร้อมกับถาดสีเงินที่มีเหยือกน้ำ แก้วและโถกระเบื้อง

                “น้ำกระเจี๊ยบแม่ทำเอง กินกับคุกกี้ขิงอร่อยดีนะ”

                น้ำสีแดงเข้มสวยไหลลงแก้วน้ำด้วยฝีมือของกุมภ์ คุกกี้ขิงสีน้ำตาลอ่อนส่งกลิ่นหอมตามแบบของว่างฝรั่ง เขายังไม่เห็นคนอื่นๆ นอกจากกุมภ์คนเดียว เลยไม่ได้สนใจของว่างสักเท่าไร หลายครั้งที่ชะเง้อไปทางเดียวกับที่กุมภ์เดินออกมา

                “เดี๋ยวแม่ก็มา ใจเย็น” กุมภ์บอก พลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน คว้าคุกกี้ขิงเคี้ยวตุ้ยๆ สลับกับยกแก้วน้ำกระเจี๊ยบขึ้นจิบ ท่าทางผ่อนคลายเสียจนอดหมั่นไส้ไม่ได้

                ใช่สิ! เขาต้องมาชิงลูกเสือที่กำลังลอยหน้าลอยตากินขนม โดยที่ไม่มีทางรู้เลยว่าพ่อแม่เสือเตรียมอะไรไว้ต้อนรับเขาบ้าง แต่ได้หวังว่าลิงลมที่สักไว้จะช่วยให้เขาวิ่งหลบลูกกระสุนได้ทัน

                ไม่นานเกินรอ คนที่เขาคอยชะเง้อมองก็ปรากฏตัวขึ้น ผู้หญิงวัยไม่เกินหกสิบปี สวมชุดเสื้อผ้าสบายๆ แต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาค่างวดของมันแพงกว่าเงินเดือนราชการชั้นล่างอย่างเขาเสียอีก เธอก้าวเดินจังหวะธรรมดาไม่ได้ช้าหรือเร็วเกินไป สีหน้าผ่อนคลายไม่ต่างจากบุตรชาย และเป็นฝ่ายส่งยิ้มทักทายเขาก่อนด้วยซ้ำ จนเขาต้องรีบยกมือไหว้ก่อนจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่ากำลังเสียมารยาท

                “สวัสดีจ้ะ ไม่เจอกันนานเลย” คุณกัญญาไหว้รับ ตอนที่เดินมาถึงโซฟา

                กุมภ์รีบขยับตัวนั่งให้เรียบร้อยขึ้น เว้นระยะห่างจากเขาราวช่วงแขน คุณกัญญาเลือกที่จะนั่งบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ข้างกัน ดวงตาเป็นมิตรมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนหนึ่งเพราะเขาคือคนที่เคยช่วยเหลือลูกชายเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ฟรีเงินสองแสนยังอยู่ดีในธนาคาร

                “คุณกัญญาสบายดีหรือครับ” แม้จะเป็นคำกล่าวทักทายที่แสนโบราณ แต่มันน่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้ที่สุด อาการเกร็งประหม่าผ่อนลงเล็กน้อย

                “สบายดี แล้วคุณโหรล่ะ เป็นยังไงบ้าง เห็นว่าได้รับบรรจุเป็นข้าราชการแล้วใช่ไหม ตอนกุมภ์เล่า ฉันแปลกใจมาก ไม่คิดว่าคุณจะมาทางนี้”

                โหรเหลือบมองคนช่างจ้อ แต่เจ้าตัวก็ทำเป็นไม่สนใจนิ้วมือกดรัวอยู่ที่โทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่กำลังตอบแชทใครหรอกแต่เล่นเกมอยู่ต่างหาก เห็นว่าพวกพันนาก็บ้าเกมนี้ด้วยเหมือนกัน

                “ครับ...ผมไม่อยากลำบากตอนแก่”

                คุณกัญญาหัวเราะน้อยๆ “ฉันเห็นด้วย เสียดายที่เงินเดือนข้าราชการน้อยไปหน่อย”

                ช่างเป็นคำพูดที่แทงใจดำนัก เงินเดือนแค่หลักหมื่น หากอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ คงหมดตั้งแต่กลางเดือน โชคดีที่เขาเป็นข้าราชการบ้านนอก ค่าครองชีพไม่ได้แพง บางวันเสียแค่ค่าน้ำมันมาทำงานเท่านั้น เพราะได้ข้าวฟรีจากชาวบ้านที่นำมาฝาก แต่ที่ทำให้เขามองข้ามเรื่องเงินเดือนไปก็คือเกียรติ เป็นข้าราชการก็ดีกว่าเป็นหมอ(ผี) ทว่าคุณกัญญาคงไม่คิดเช่นนั้น หล่อนคงคิดว่าเงินเดือนน้อยนิดพรรค์นั้นจะไปเทียบเท่ากับเงินค่าเช่าตึกในย่านธุรกิจได้อย่างไร

                โหรก้มหน้ายอมรับว่าละอายไม่น้อยที่ไม่มีมุมไหนทัดเทียมกับกุมภ์ได้เลย

                “ฉันไม่ได้ความอย่างที่คุณคิดนะ ฉันหมายความว่าเงินมันน้อยเกินไปหากเทียบกับงานที่ต้องทำ” คุณกัญญาบอก

                โหรเงยหน้าขึ้นก็พบกับใบหน้าขาวสะอาดของกุมภ์ที่มองมาทางตน เช่นเดียวกับคุณกัญญา แววตาของหล่อนแสดงความเสียใจกับคำพูดนั้น โหรส่ายหน้า เขาไม่ได้โกรธใคร และถ้าหากคุณกัญญาคิดเช่นนั้นจริงๆ มันก็ไม่ผิด

                “ครับ ผมทราบดี”

                “เออ แล้วได้เอาปุ๋ยมาฝากด้วยไหม เห็นกุมภ์เล่าว่าคุณทำปุ๋ยหมักกับชาวบ้าน”

                คุณกัญญาเปลี่ยนเรื่องได้เร็ว ผ่อนความเครียดให้คลายลง และดูเหมือนว่ากุมภ์จะช่างจ้อกว่าที่คิดไว้เยอะทีเดียว ท่าทางจะเล่าทุกอย่างที่คุยกับเขาให้แม่ฟัง เขาไม่ได้เคืองที่กุมภ์ทำแบบนั้น ตรงกันข้ามกลับรู้สึกดีเพราะนั่นหมายความว่ากุมภ์ไม่ได้ปิดบังมารดาว่ากำลังคุยกับเขา

                “ครับ กุมภ์บอกว่าคุณกัญญากำลังจะลองปลูกผักไว้กินเอง”

                “ใช่จ้ะ ผักในตลาดมีแต่ยาฆ่าแมลง ก็เลยอยากจะลองปลูกผักเอาไว้กินเอง แต่ติดตรงที่ไม่มีความรู้อะไรเลย เคยปลูกผักบ้าง แต่พอกินได้แค่กระทะเดียว” ท่านพูดติดตลก และมันก็สามารถความกดดันลงได้ “ไหนขอดูหน่อยซิ สมราคาคุยหรือเปล่า”

                จากนั้นบทสนทนาก็กลายเป็นการแนะนำขั้นตอนการทำปุ๋ยหมัก คุณกัญญาท่าทางสนใจไม่น้อย สอบถามเป็นระยะ บางครั้งดวงตาก็เป็นประกาย มุมนี้ท่านคล้ายกับกุมภ์มากทีเดียว กว่าจะอธิบายเสร็จก็กินเวลาไปร่วมครึ่งชั่วโมงเพราะไม่ใช่แค่เรื่องปุ๋ยหมัก คุณกัญญายังชอบให้เขาเล่าเรื่องชาวบ้านให้ฟังอีกด้วย

                “มันทำให้ฉันนึกถึงตอนเด็กๆ น่ะ” คุณกัญญาบอก “สมัยนั้นฉันติดคุณตามาก ฉันเคยเข้าป่าด้วยนะรู้ไหม”


(มีต่อ)     

               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
 “จริงหรือครับ” โหรเลิกคิ้ว เป็นข้อมูลใหม่ที่เขาไม่เคยรู้เลยจริงๆ แม้แต่กุมภ์เองก็ยังแปลกใจ

                “จริงสิ สักสิบขวบกระมัง ท่านพาไปนั่งห้างส่องสัตว์ สมัยนั้นนะป่าน่ากลัวไปทุกส่วน แต่ก็น่าตื่นเต้น แค่ได้เห็นนกเงือกฉันก็ดีใจแล้ว”

                “ไม่เห็นเคยเล่าให้ผมฟังเลย” กุมภ์ตัดพ้อ แต่ก็เลิกสนใจโทรศัพท์ไปโดยปริยาย “แล้วแม่เจอเสืออย่างผมไหม”

                คุณกัญญามองบุตรชายนิดหน่อยแล้วเล่าต่อ “เจอ ตอนนั้นนะหัวใจแทบหยุดเต้นเลยล่ะ เกือบจะร้องไห้แล้ว ดีนะที่ลุงพรานปิดปากทัน”

                “มีพรานนำทางด้วยเหรอครับ” กุมภ์ถามต่อ

                “มีสิ ป่าสมัยก่อนน่ากลัวจะตาย แต่คุณตาท่านชอบเดินป่ามาก บางครั้งก็มีเสือกลับมาด้วย ไม่ได้เลี้ยงเองหรอก ส่งไปให้เพื่อนที่ต่างประเทศน่ะ ยุคโน้น การล่าสัตว์ยังไม่ผิดกฎหมาย รู้หรือเปล่าสวนสัตว์เมืองนอกน่ะมีสัตว์จากบ้านเราเยอะแยะไปหมด ส่วนใหญ่จะขนส่งทางเรือ คุณตาเองก็เคยได้เงินก้อนโตเพราะขายเสือ ขายกระทิงนี่แหล่ะ”

                โหรตั้งใจฟัง มันคลับคล้ายคลับคลาชอบกล หัวใจก็เต้นแปลกๆ ลางสังหรณ์เริ่มทำงาน หวังว่าโลกมันจะไม่แคบอย่างที่คิด

                “ลุงพรานที่นำทางพวกเราใจดีมาก น่าแปลกที่พอฉันเห็นคุณ ฉันก็อดคิดถึงลุงพรานไม่ได้” คุณกัญญาหันมาทางโหร “ท่าทางเขาเหมือนคุณเลยล่ะ แต่หน้าดุกว่ามาก”

                “เอ่อ...พรานคนนั้นชื่ออะไรเหรอครับ” โหรกลั้นใจถาม หวังว่าชื่อนั้นจะไม่ตรงกับคนที่คิดไว้

                “ชื่อลุงเหม”

 

                ไอ้ทฤษฎีโลกแคบกว่าที่คิดมันคือเรื่องจริง ใครจะไปคิดว่าพรานที่เคยนำทางให้กับคุณกัญญาจะเป็นปู่เหม โหรเองก็จำไม่ค่อยได้นักว่านายของปู่เหมมีใครบ้างเพราะปู่ไม่ชอบเอ่ยถึงนายไทยนัก ส่วนใหญ่จะเป็นนายฝรั่ง คุณกัญญาบอกว่าตอนที่ไปรับกุมภ์ก็นึกคุ้นเคยสถานที่อยู่เหมือนกัน แต่เพราะสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปมาก ภาพความทรงจำในวัยเยาว์ก็ลางเลือนมาก บวกกับผ่านมาร่วมสี่สิบปีแล้ว เลยจำไม่ได้ว่าป่าผืนนี้นี่แหล่ะที่ตนเคยมาเยือนครั้งหนึ่งกับคุณตา แต่กลับจำพรานเหมได้ดี เพราะใบหน้าดุดัน พูดน้อย แต่ไม่เคยเอ็ดตนเลยสักครั้ง

                หลังจากต้องแปลกใจกับความบังเอิญกันพักใหญ่ คุณกัญญาก็ขอให้โหรช่วยลงแปลงปลูกผัก โดยมีกุมภ์ยืนดูไม่ห่าง โหรยกร่องแปลงผักคล่องแคล่ว สอนให้คุณกัญญาใช้ปุ๋ยที่นำมาในปริมาณที่เหมาะสม เพราะถ้าหากมากไปจะทำให้ดินเค็ม และผักอาจจะตายได้ คุณกัญญาพยักหน้ารับฟังโดยตลอด จนบ่ายคล้อยล่วงไปเย็นแปลงผักหลายร่องก็เสร็จสิ้น เนื้อตัวแต่ละคนเปรอะเปื้อนคราบดิน คราบปุ๋ย ยกเว้นแต่กุมภ์ที่ไม่ได้หยิบจับอะไร เพราะตนบอกแล้วว่าจะมาดูเฉยๆ

                โหรไม่ได้ถามถึงบิดาของกุมภ์ เพราะไม่มีจังหวะและเห็นว่ายังไม่เหมาะสักเท่าไร แต่พอรู้อยู่ว่าบิดาของกุมภ์เป็นช้าราชการระดับสูงในกระทรวงหนึ่ง นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขานึกอยากจะรับราชการขึ้นมา คุณกัญญาไล่เขาไปอาบน้ำเพราะเนื้อตัวมอมแมมเกินไป ส่วนห้องพักที่เตรียมไว้ให้ เป็นห้องรับรองแขก ถัดจากห้องที่กุมภ์พักไปหนึ่งห้อง โดยมีพื้นที่ว่างสำหรับอ่านหนังสือคั่นกลาง แม้จะอดเสียดายลึกๆ ไม่ได้ แต่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากพักห้องเดียวกันมีหวังเขาตบะแตกเพราะคิดถึงมากเกินไป

                พอเห็นเตียงนอนเขาก็สำเหนียกได้ว่าเหนื่อยล้าแค่ไหน ออกเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ นั่งรถชวนอ้วกและทำแปลงผักจนเย็นย่ำ ถ้าเทียบกับเดินป่ามันสู้กันไม่ได้เลย แต่เขากลับอ่อนเพลียกว่าอย่างเห็นได้ชัด โหรทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม แม้แต่เตียงที่นอนก็ยังดูดีกว่าในกระต๊อบเก่าแก่ของเขาอีก นอกจากจะวางแผนซื้อรถยนต์ใหม่ เขาคงต้องรีโนเวทกระต๊อบเหมือนกัน

                พักเอาแรงสักประเดี๋ยวก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ เหงื่อไคลไหลเต็มตัวมันเหนียวเหนอะไปหมด แค่ผลักบานประตูเข้าไปเขาก็พบกับห้องน้ำที่หรูหราพอๆ กับโรงแรมเลยทีเดียว มีอ่างขนาดกลาง ฝักบัว ที่ทำน้ำอุ่น เคาน์เตอร์วางของและกระจกขนาดครึ่งตัว โหรเลือกที่จะอาบน้ำแบบฝักบัวและไมใช่เครื่องทำน้ำอุ่น น้ำเย็นๆ นี่แหล่ะที่จะเรียกเอาจิตวิญญาณและพลังงานกลับคืนมา อีกอย่างเขาจำเป็นต้องมีทั้งแรงกายแรงใจในการพบกับพ่อของลูกเสือ

                เรื่องแรงใจต้องยอมรับว่ามันดีขึ้นมากทีเดียว เพราะคุณกัญญาให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดี ไม่มีทีท่ารังเกียจ เขาสันนิษฐานว่าท่านทำใจไว้แล้วระดับหนึ่ง และสองท่านคิดว่าเขาคือคนที่ช่วยเหลือกุมภ์ ส่วนคุณเจริญบิดาของกุมภ์นั้นเขายังไม่เคยพบท่านจริงๆ สักครั้ง แต่ฟังคร่าวๆ จากกุมภ์ ท่านไม่ใช่คนดุสักเท่าไร ตรงกันข้ามกลับใจเย็นเพราะชอบสวดมนต์ไหว้พระ แต่ก็อีกนั่นแหล่ะไม่มีอะไรรับประกันว่าคนที่ชอบทำบุญ สวดมนต์ จะโกรธไม่เป็น ยิ่งรู้ว่าเขาคือคนที่อยากได้ลูกเสือ ยิ่งต้องระวังตัวให้ดี

                โหรลงมาข้างล่างตอนเกือบห้าโมงเย็น พบกุมภ์ที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่หน้าจอทีวี กุมภ์เงยหน้ามาทางเขานิดหน่อยแล้วก้มลงสนใจโทรศัพท์ตามเดิม เขานึกมันเขี้ยวเพิ่งจะได้เจอกันในรอบสามเดือนแท้ๆ แต่กลับเอาแต่สนใจโทรศัพท์มากกว่าเขา โหรทิ้งตัวลงนั่งในที่ว่างข้างๆ จงใจไม่เว้นระยะห่าง หัวไหล่สัมผัสกัน เด็กเมืองกรุงฯ สะดุ้งน้อยๆ หันหน้ามามองพร้อมทำหน้ามุ่ย

                “อะไรเล่า ทำไมต้องมานั่งติดขนาดนี้ ที่นั่งก็มีเยอะแยะ”

                “คุยอะไร กับใคร”

                กุมภ์ตีมึนไม่ยอมตอบคำถามจนเขาอดใจไม่ได้ต้องดึงแก้มไปที เจ้าตัวหันขวับตวัดตาใส่คลำแก้มตัวเองเบาๆ

                “เจ็บนะ”

                “ก็บอกมาก่อนสิว่าคุยกับใคร” โหรไม่ยอมแพ้ แต่สายตาไม่ได้มองไปที่โทรศัพท์หรอกเพราะแก้มแดงๆ ของคนข้างๆ มันน่าสนใจกว่าเยอะ

                เพิ่งรู้ว่าแก้มผู้ชายมันนุ่มได้ขนาดนี้

                “กับพ่อ!”

                กุมภ์กระแทกเสียงตอบ แต่นั่นไม่น่าตกใจเท่ากับร่างของบุคคลที่สามที่เดินเข้ามาในห้องโถงพอดี และอาจจะได้เห็นภาพไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไรนัก

                โหรเผลอกลืนน้ำลายลงคอ เขาลวนลามลูกชายต่อหน้าพ่อ งานนี้คงได้กลับบ้านไปแบบไม่ครบสามสิบสองแน่นอน...



 :hao7:

*วันศุกร์มาอัพให้อีกจ้า ไม่มีดราม่าแน่นอน สบายใจด้ายยยยยย*

**รักทุกคนนะคะ ปลอดภัยจากโควิทเด้อ**

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พ่อดันมาได้จังหวะไปอีกก 55555555 พี่โหรสู้ๆ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
หูย อะไรจะแจ๊คพ๊อตขนาดนี้นะ เหมือนเวลาทำงานเลย ทำงานทั้งวันสุดเหนื่อย แต่พอนั่งพักสายตาเท่านั้นแหละเจ้านายไม่รู้มาจากไหน แอบมองเหล่ๆ อิอิอิอิ ความรู้สึกเดียวกันเลยอ่ะ รีบมาต่อให้ไวเลยนะไรท์ อยากอ่านแล้ว
 :z2: :z2: :z2:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ใจคนน่ากลัวกว่าผีก็จริงนะแต่เชื่อว่าความดีของพี่โหรจะชนะทุกสิ่ง ถ้าเราเป็นพ่อแม่จะยอมยกลูกให้ตั้งแต่สอบเป็นราชการแล้ว โหรมุ่งมั่นและตั้งใจจะสร้างอนาคตมากๆ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
พี่โหรสู้ๆๆๆๆๆๆ :ped149: :ped149: :ped149:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด