ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65866 ครั้ง)

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
รอๆๆๆๆ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จริาาาา

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
รุกใหญ่เลยเด้อทีนี้
พี่โหรสู้น้าาาา
กุมภ์ตั้งรับให้ทันจ้า  :heaven :heaven

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
คอมโบมาเลย พี่โหรน่ะนะ
สงสารน้อง หน้าแดงทั้งวี่วันแบบนี้ท่าทางจะได้ออกจากโรงพยาบาลยากกก

ออฟไลน์ nizxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจ้าตัวไม่รู้ แต่คนใกล้ตัวเค้ารู้น้า กุมใจมาก เจ้ากุมภ์น่ารักมากกกกกกก พี่โหรดูขี้แกล้งแฟนอะ มันคันใจใช่มั้ยคะพิพัน เห็นเด็กเราไปใกล้สาวเนี่ย ปะทับใจความบุพผีสันนิวาส55555555 พิกุลถือช่วยเอาบุญหรอกนะ ดีนะพิโหรไม่ใจอ่อน พิกุลน่ะลวนลามพันนามาล้าว55555

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
ดูแลดีจริงๆตั้งแต่ยอมรับเนี่ย

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 22 เพื่อนสนิท

            “ดีใจที่กุมภ์หายแล้ว รู้ไหมปรางค์เป็นห่วงแค่ไหน อ่ะ กินนี่สิ มันดีกับคนป่วยนะ แม่เราบอกมา”

            เสียงเจื้อยแจ้วของปรางค์ดังต่อเนื่องไม่หยุดตั้งแต่มาถึง หญิงสาวมาชุดเดรสแค่เข่าสีสันสดใส แขนตุ๊กตายิ่งทำให้เธอดูบอบบางและสมเป็นผู้หญิง เส้นผมสีดำสนิทหวียาวตรงกลางหลัง มีกิ๊บรูปโบว์ติดอยู่ข้างหูทั้งสอง ผมหน้าม้าที่ไม่หนาเกินไปปรกหน้าผากนูน ดวงตากลมใสเป็นประกายยามจับจ้องคนบนเตียง นิ้วเรียวสวยบรรจงแกะส้มพันธุ์ดีราคาหลายร้อยบาทที่เจ้าตัวซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ที่สุดในจังหวัด

                กุมภ์รับส้มจากนิ้วเรียว เขากระดากใจเกินกว่าจะให้เธอป้อนถึงปาก เพราะในห้องไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคน แต่ทั้งพันนา รชต ชาร์ล คะนิ้งมากันครบ ส่วนโหรของตัวกลับบ้านตั้งแต่ล้อรถยนต์ของพันนามาถึง

                พันนามาถึงโรงพยาบาลตอนเจ็ดโมงเช้าพร้อมกับจ้าวจอม เสื้อผ้าที่ใส่ดูประหลาดพิกลไม่เหมือนของเจ้าตัวสักเท่าไร เสื้อม่อฮ่อมคอกลมแบบสวมคอ กางเกงแบบเดียวกัน เท่าที่คบกันมาพันนาไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อน ส่วนจ้าวจอมอยู่ในชุดนักเรียน ปากเคี้ยวข้าวเหนียวหมูปิ้งตุ้ยๆ จนคนที่ต้องจำทนกินข้าวต้มหมูสับจืดๆ ต้องแอบกลืนน้ำลายหลายหน

                ‘พี่กลับไปก่อน เดี๋ยวไอ้พวกนั้นสงสัย ผมวานไปส่งที่โรงเรียนให้ทีนะ’

                โหรไม่พูดอะไร แค่พยักหน้ารับ มองหน้าเขานานร่วมครึ่งหน้าทีก่อนจะส่งสัญญาณให้จ้าวจอมเดินออกไปพร้อมกัน

                หลังจากพันนามาถึงราวชั่วโมง ชาร์ลก็พาคนอื่นๆ มา เพื่อป้องกันไม่ให้มีข้อสงสัย เสื้อผ้าที่โหรใส่เมื่อคืนกลับมาอยู่บนร่างของโหร ส่วนชุดม่อฮ่อมถูกส่งคืนให้กลับโหร มันการส่งไม้ต่อแบบที่มีเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจ ซึ่งกุมภ์รู้ดีว่าทำไมพันนากับโหรถึงต้องแบบนี้ 

                ‘…ตอนแรกต้องเป็นพันนา แต่ผมขอ เขาก็เลยยอม แต่ต้องรอให้คนอื่นๆ กลับไปก่อน เราถึงเปลี่ยนกัน’

                ทุกคำพูดของโหรยังติดในความทรงจำ มันอาจจะเหมือนฝันก็จริง แต่ตอนนั้นเขาตื่นอยู่ และมั่นใจด้วยว่าไม่ใช่ภาพหลอนเพราะพิษไข้

                เมื่อคืนกลางดึก...โหรเอ่ยขอโทษเขา ทั้งยังพูดมาอีกหลายประโยคที่ชวนให้ใจเต้นแรง เขาจำมันได้หมดทุกคำ แม้จะมึนงงสับสนทว่ามันรู้สึกดีเหลือเกิน ความเจ็บหน่วงในอกที่รบกวนหัวใจมานานเป็นเดือนหายเป็นปลิดทิ้ง

                “อร่อยใช่ไหม ยิ้มหวานเชียว นี่เราเลือกเองเลยนะ ไม่คิดว่าที่นี่จะมีขาย”

                เสียงของปรางค์ทำให้เขาเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยิ้มอยู่ กุมภ์ผงกหัวเบาๆ แม้ว่าที่จริงแล้วลิ้นยังไม่ค่อยจะรับรสชาติอาหารสักเท่าไร คงเพราะเขายังไม่หายดี ลิ้นยังเค็มๆ ขมๆ อยู่

                “เมื่อกี้กูไปคุยกับหมอมา เขาบอกว่าถ้าวันนี้มึงไม่มีไข้ พรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” พันนาบอก “กูว่าจะกลับกรุงเทพฯ เลย เพราะอีกแค่สองวันคณะเราก็เปิดแล้ว”

                “ทำไมคณะพันเปิดเร็วจัง” ปรางค์สงสัย “มหา’ ลัยเราเปิดวันจันทร์หน้า”

                “ต้องเข้าไปช่วยรุ่นพี่เตรียมงานคณะ อีกอย่างไอ้นี่” พันนาชี้ไปที่ชาร์ล “มันต้องกลับไปหาพ่อมัน พ่อมันมาจากเยอรมันเมื่อคืน”

                “งานอะไรเหรอ น่าสนุกจัง” ปรางค์พูดยิ้มๆ “แล้วกุมภ์ล่ะ ต้องไปทำอะไรแบบนั้นไหม แต่ปรางค์ว่ากุมภ์อย่าเพิ่งทำอะไรเลยนะ ไปเรียนวันจันทร์ทีเดียวเลยดีกว่า เดี๋ยวไข้กลับ”

                กุมภ์ยิ้มแห้ง มันก็ดีอยู่หรอกที่มีคนเป็นห่วง แต่เขาคิดว่าปรางค์แสดงออกมามากเกินไปหน่อย “คณะเราจะมีโอเพ่นเฮาส์สัปดาห์เปิดเรียนนั่นแหล่ะ ไอ้พันมันสายกิจกรรมต้องไปช่วยพี่ๆ จัดงาน”

                “ไว้เราจะไปเที่ยวนะ อยากเห็นกุมภ์ใส่ชุดนักศึกษาด้วย คงจะหล่อน่าดู”

                กุมภ์ยิ้มรับหน้าร้อนผ่าว ไม่เชิงว่าเขินแค่รู้สึกแปลกๆ ที่ถูกชมซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แถมสายตาไอ้พวกเพื่อนๆ ตัวดีก็ทำเหมือนจะแซวกัน แม้แต่คะนิ้งเองก็ด้วย

                เขาอยากบอกเหลือเกินว่า ปรางค์เป็นแค่เพื่อนสนิท แต่เชื่อเหลือเกินว่าไม่มีใครเชื่อหรอก

                “เอ้า โทรศัพท์มึง กูชาร์จแบตให้แล้วด้วย เปิดดูสิ เผื่อพ่อกับแม่ไลน์มาถาม” ชาร์ลบอก พลางโยนโทรศัพท์ใส่ตักคนป่วย

                ทันทีที่โทรศัพท์เปิดใช้ทำงาน ข้อความต่างๆ ก็เด้งขึ้นมาเต็มไปหมด ทั้งไลน์ เฟสบุ๊คหรือแม้แต่สายโทรเข้าจากพ่อกับแม่ที่นับรวมๆ กันก็เกือบสิบสาย แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจจนต้องเพ่งหน้าจอโทรศัพท์เพื่อความแน่ใจ เพราะมันมีการแจ้งเตือนว่ามีผู้ใช้ชื่อ เฟสบุ๊คว่า ‘Hor hansa’ มาขอเป็นเพื่อน

                ชื่อตลกจนไม่คิดว่าเจ้าของจะเป็นนายโหร หน้ามึน ถ้าหากรูปโปรไฟล์ไม่ใช่ใบหน้าที่ก้มต่ำจนมองเห็นแพขนตายาวและหนา ปลายจมูกแหลมคม

                โหรไม่ได้อัพเดทอะไร มีแค่รูปโปรไฟล์กับรูปทิวเขาไกลๆ แถมมีเพื่อนอยู่ไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโหรเพิ่งจะสมัคร เฟสบุ๊คเมื่อวานนี้ เขากดยืนยันการขอเป็นเพื่อนทันที จากนั้นก็เข้าไปในไลน์ มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเป็นร้อย ยิ่งในกลุ่ม ‘นิติไม่ได้มีดีแค่หน้าตา’ ที่มีเกินสองร้อยข้อความ ส่วนกลุ่มครอบครัว ‘เกียรติรักษ์วงศ์’ ที่มีสมาชิกไม่ถึงสิบคน ต่างส่งข้อความแสดงความห่วงใยมาให้

                แต่ที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วคือข้อความจาก ‘โหร’ ที่ส่งมาแค่สามประโยคเท่านั้น กุมภ์ไม่อาจบังคับแก้มไม่ให้ยกสูงได้ โหรเลือกรูปเดียวกับใน เฟสบุ๊คแถมยังส่งสติ๊กเกอร์หมีบราวน์มาทักทายก่อนอีกด้วย

                “เด็กชะมัด”

                “หืม...กุมภ์ว่าอะไรนะ” ปรางค์ที่อยู่ใกล้ๆ ถาม

                “เปล่าๆ ไม่มีอะไร”

                บทจะดีก็เล่นใหญ่เสียจนตั้งรับไม่ทัน ผีเข้าผีออกยิ่งกว่าตาเวกเสียอีก

                หลังจากสตีกเกอร์หมีบราวน์ก็มีข้อความ ผมขอโทษ และ ตอนหลับคุณหน้าเด็กมากเลยนะ แถมด้วยรูปเขาตอนนอนหลับบนเตียงแนบมาให้ด้วย

                ‘เล่นอะไรเนี่ย ผมฟ้องคุณได้นะ ถ่ายรูปผมโดยไม่รับอนุญาตน่ะ’

                โหรไม่ได้ตอบกลับมาในทันที ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเพราะโหรไม่ใช่คนที่จะโซเชี่ยวอยู่แล้ว เรียกว่าไม่เคยแตะต้องเลยด้วยซ้ำ

                หลังจากส่งข้อความไปหาโหร เขาก็โทรศัพท์ไปหาพ่อแม่ บอกให้พวกท่านคลายกังวล ถูกกลุ่มเพื่อนๆ ดึงออกมาจากจอโทรศัพท์มือถือ ด้วยสารพัดเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน ครอบครัว โดยมีธรรมะจากทิดรชตและทิดพันนาอีกนิดหน่อย คะนิ้งกลายเป็นนางงามมิตรภาพไปโดยปริยายเพราะปรางค์ไม่ได้สนิทกับใครจากเขา คะนิ้งเลยชวนปรางค์คุย ได้ยินว่าพวกเธอคุยกันเรื่องแฟชั่น ทรงผม เครื่องสำอางแบบที่ผู้ชายอย่างเขาเข้าไม่ถึง

                จนล่วงถึงช่วงบ่าย ชาร์ลกับคะนิ้งก็ขอตัวกลับ เพราะคะนิ้งอยากได้ของไปฝากที่บ้าน เขาโบกมือไล่พวกที่เหลือให้กลับไปได้แล้วเพราะหายป่วยจนแทบไม่เหลืออาการ แล้วก็คุยนานจนชักจะเพลียอยากจะนอนพักสักหน่อย รชตกับพันนาไม่คัดค้านอะไรเพราะคงเห็นสีหน้าของเขาออก ยกเว้นปรางค์

                “ให้เราอยู่เป็นเพื่อนเถอะนะ เราเป็นห่วงกุมภ์ เนี่ย พอแม่รู้ว่ากุมภ์ป่วย ท่านสั่งให้เราดูแลกุมภ์ด้วย น้ากัญญาก็กำชับเรามาเหมือนกัน”

                พอยกแม่มาอ้าง กุมภ์ก็ปฏิเสธไม่ออก รชตกับพันนามองหน้ากันก่อนจะปล่อยให้เขาจัดการปัญหานี้เอง แล้วก็ขอตัวกลับ โดยพันนาอาสาที่จะเฝ้าเขาอีกคืน และช่วงหัวค่ำจะมารับปรางค์กลับบ้าน

                “กุมภ์นอนได้เลยนะ ไม่ต้องห่วงเรา เราแค่ไม่กวนหรอก แค่อยากเห็นว่ากุมภ์ปลอดภัยดี รู้ไหมตอนที่เห็นพันอุ้มกุมภ์ออกมา เราตกใจมากแค่ไหน”

                “...ขอโทษนะ”

                “อย่าป่วยอีกนะกุมภ์ เราใจคอไม่ดีเลย” ปรางค์ว่า ประกายความเศร้าฉายวูบเพียงครู่เดียวแล้วก็จางหายไปเมื่อเจ้าตัวคลี่ยิ้ม “แต่ตอนนี้กุมภ์หายแล้ว เราสบายใจแล้วล่ะ”

                กุมภ์ยิ้มรับความให้กับความห่วงใยของปรางค์ เขาไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงนัก เพื่อนร่วมชั้นก็มีไม่กี่คนแถมไม่ได้สนิทกันด้วย ส่วนคะนิ้ง เธอเป็นคนรักของชาร์ลจะเรียกว่ารู้จักแค่ผิวเผินก็คงไม่ผิดนัก เขาแย่ตรงที่ไม่รู้ว่าต้องปฏิบัติตัวอย่างไรถึงจะเหมาะสม จะทิ้งระยะห่างมากเกินก็กลัวว่าปรางค์จะคิดมาก ครั้นจะให้ความสนิทเท่ากับพวกพันนาก็เกรงว่าคนอื่นจะเข้าใจผิด เพราะสำหรับเขาแล้วปรางค์เป็นอะไรไม่ได้นอกจากเพื่อนสนิทเท่านั้น...

 

                กุมภ์หลับไปแล้วหลังจากคุยกันอีกไม่กี่ประโยค ท่าทางอ่อนเพลียกว่าตอนเช้าคงเพราะต้องลุกขึ้นมาต้อนรับคนเยี่ยม แต่สีหน้าสดใสกว่าเมื่อวานขึ้นเป็นเท่าตัว ไม่ได้ซีดเซียวซูบซีดอีกแล้ว แผ่นอกไม่หนาไม่บางสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจ ปรางค์คลี่ผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงช่วงอก สายตาสะดุดกับรอยช้ำที่ข้างฝ่ามือขวา เหมือนไปกระแทกโดนอะไรมา คิ้วเรียวขมวดเข้าหันเล็กน้อย เมื่อวานยังไม่มีเลย พันนาเฝ้าไข้ประสาอะไรกันกุมภ์ถึงเจ็บตัวได้

                ปรางค์โทษคนเฝ้าไข้เมื่อคืนที่ดูแลกุมภ์ไม่ดี ลำพังแค่ป่วยเธอก็กลุ้มใจจนแทบบ้า ต้องโทรไปปรึกษาแม่ว่าต้องทำอย่างไรกุมภ์ถึงจะป่วยไว พอรู้ว่าต้องกินผลไม้ที่มีวิตามินซีเยอะๆ เธอก็ขอให้รชตพาไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเลือกซื้อส้มพันธุ์ที่ดีที่สุดและผลไม้อีกสองสามอย่าง ใจจริงเธออยากจะปรุงอาหารให้กุมภ์เองด้วยซ้ำ แต่เกรงว่าหมอจะไม่อนุญาตเพราะกุมภ์ยังต้องอยู่ในการดูแลของหมอ หากมีภาวะแทรกซ้อนจากอาหารที่เธอทำไปให้จะเดือดร้อนไปกันใหญ่ ดีไม่ดีกุมภ์อาจจะโกรธเธอด้วยซ้ำ

                ใบหน้าในยามหลับใหลของกุมภ์ดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กหนุ่มที่วัยไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ ในสายตาเธอกุมภ์จัดว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว เครื่องหน้ารับกันไปหมด โดยเฉพาะดวงตาที่กลมใสเหมือนกวาง กุมภ์มีส่วนคล้ายน้ากัญญามากทีเดียว ไหนจะรูปร่างสูงโปร่งไม่ได้ใหญ่หนาเทอะทะ เธอเองก็ไม่ใช่พวกคลั่งไคล้หนุ่มกล้ามปูเสียด้วย ไม่ผิดนักหากจะบอกว่ากุมภ์คือสเปคของเธอ

                ปลายนิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมสีดำออกจากหน้าผาก ปรางค์อมยิ้มน้อยๆ ความพึงพอใจของเธอเกิดขึ้นง่ายดายแม้จะเพียงแค่เห็นคนที่ชอบนอนหลับก็ตาม

                ใช่...เธอชอบกุมภ์ ผู้ชายที่เป็นรักแรก และหวังจะให้เป็นรักสุดท้าย

                เสียงเตือนจากไลน์ดึงความสนใจจากกุมภ์ได้ชั่วขณะ เธอถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์มือถือของกุมภ์ขึ้นดู จะบอกว่าอยากรู้ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับกุมภ์เธอก็สนใจทั้งหมด เสียดายที่เธอไม่รู้รหัสปลดล็อค แต่ก็รู้ว่าเป็นข้อความจากโหร

                ปรางค์ขมวดคิ้ว เธอชื่นชมโหรในด้านความสามารถ และอยากจะลองเดินป่ากับกุมภ์โดยมีโหรเป็นคนนำทางสักครั้ง ทว่าเวลานี้เธอกลับรู้สึกไม่ชอบโหรขึ้นมาเสียดื้อๆ

                เมื่อวานโหรอยู่กับกุมภ์แทบจะตลอดวัน ทั้งที่ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ญาติก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่เชิงแค่คนรู้จักกัน แต่โหรทำท่าเหมือนสนิทกับกุมภ์มาก เธออ่านมันได้จากสายตาที่โหรมองกุมภ์

                มันไม่ต่างจากเธอเลย

                แววตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แบบที่แค่คนรู้จักกันไม่น่าจะมี

                มือที่จับโทรศัพท์สั่นเทาเล็กน้อย เมื่อเห็นข้อความที่โหรส่งมา ถึงจะไม่เต็มประโยคแต่ก็พอจะเดาความหมายได้

                ‘สงสัยจะโดนข้อหาถ่ายรูปคนน่ารัก….’

                เล่นส่งมาหากุมภ์แบบนี้คงไม่ใช่รูปคนอื่นแล้วล่ะ ปรางค์หายใจแรง ในอกสั่นไหวและหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกบางอย่างบอกกับเธอว่ากุมภ์กับโหรอาจจะไม่ใช่แค่คนที่รู้จักอย่างที่เธอเข้าใจ

                ทว่าอีกเสียงหนึ่งก็แย้งขึ้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร กุมภ์ไม่ใช่เกย์...โหรยิ่งแล้วใหญ่ ท่าทางอย่างนั้นจะเป็นเกย์ได้อย่างไร

                เธอไม่ได้รังเกียจหรือเหยียดเพศที่สาม เพราะเพื่อนที่คณะก็มีเยอะแยะ แต่มันต้องไม่ใช่กับกุมภ์

                ปรางค์ข่มความรู้สึกไม่พอใจไว้ให้ลึกที่สุด วางโทรศัพท์ลงที่เดิม เธอไม่อยากเกลียดโหร...อย่างน้อยก็ในตอนนี้

 

                โหรมองโทรศัพท์ที่ยังไร้การตอบกลับ คิดแล้วก็สมเพชตัวเอง ไม่รู้ว่ากล้าพิมพ์ข้อความเสี่ยวๆ อย่างนั้นไปได้อย่างไร แต่ใครมันจะทนไหว เล่นเอากฎหมายมาข่มกัน ก็ต้องตอบโต้ไปบ้าง ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้หลับลึกแถมยาวขนาดนั้น ไอ้เขาก็อยากจะลองเล่นโทรศัพท์เครื่องใหม่ เลยทดสอบกล้องด้วยการถ่ายรูปกุมภ์ตอนหลับ ไม่ใช่แค่รูปเดียวแต่ร่วมสิบรูปเลยล่ะ

                รถยนต์คันเก่าแต่เครื่องยนต์ยังดีเยี่ยมทำงานทันทีหลังจากบิดกุญแจ คืนนี้เขารับอาสาแทนพันนาอีกครั้ง และอาจจะได้เป็นคืนสุดท้ายที่ได้ทำหน้าที่นี้ เพราะพันนาบอกว่าอาการของกุมภ์ดีขึ้นมาก พรุ่งนี้อาจจะได้ออกจากโรงพยาบาล แล้วทั้งหมดก็กลับกรุงเทพฯ ทันที โอกาสของเขาเหลืออีกไม่มากแล้ว

                เพิ่งจะบ่ายสามโมงเย็น หลังจากนอนหลับเอาแรงอยู่หลายชั่วโมงเขาก็ตื่นมาพร้อมกับคำว่า ‘คิดถึง’ และพบกับข้อความที่กุมภ์ตอบกลับมาในไลน์ แถมด้วยการยืนยันคำขอเป็นเพื่อนใน เฟสบุ๊คอีกด้วย กุมภ์ไม่รู้หรอกว่าระหว่างที่รอให้กุมภ์กดยืนยัน เขาก็เข้าไปดู หรือจะเรียกว่า ‘ส่อง’ การเคลื่อนไหวของกุมภ์ตั้งแต่แรกจนถึงวันที่กุมภ์จะเข้าโรงพยาบาล กุมภ์ไม่ใช่พวกชอบอวด ไม่ใช่คนตัดพ้อ หรือโพสต์ส่อเสียดว่าใคร รูปล่าสุดที่ลงคือเมื่อวันที่เขาทำให้จ้าวจอมได้แผลนั่นแหล่ะ รูปถ่ายคู่กับปรางค์ใบหน้าเกือบชิดติดกัน และเป็นรูปเดียวกับที่จ้าวจอมเอาให้เขาดู หลายๆ ความคิดเห็นใต้ข้อความเป็นการหยอกล้อ พูดแซว และคิดว่าปรางค์คือว่าที่แฟนของกุมภ์ ซึ่งถ้าหากเขาไม่รู้ว่ากุมภ์เป็นเกย์เขาก็คงจะคิดเช่นนั้นเหมือนกัน

                กุมภ์กับปรางค์เหมาะสมกันอย่างปฏิเสธไม่ได้ คนหนึ่งหล่อ คนหนึ่งก็สวย ไม่ต้องพูดถึงฐานะ ชาติตระกูล การศึกษาที่เขาไม่อาจเทียบได้

                แต่ก็ใช่ว่าเขาจะถอดใจ ความรู้สึกที่มีต่อกุมภ์มันชัดเจนขึ้นหลังจากที่กุมภ์กลับไปกรุงเทพฯ เขาหงุดหงิดง่าย และคิดถึงเรื่องของกุมภ์อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ตอนนั้นเขาเขลาเกินกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของตัวเอง แม้ว่าพิกุลจะมาเตือนหลายรอบแล้วก็ตาม กระทั่งเห็นกุมภ์ป่วย กำแพงที่ก่อไว้ก็ทลายลง เขารู้ตัวแล้วว่าเขาเป็นห่วงกุมภ์มากแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เรื่องความเหมาะสมบ้าบออะไรนั่นมาเป็นข้อจำกัดกีดกันตัวเองได้อีก

                ในเมื่อเขาทำลายข้อบัญญัติทางสังคมว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิงได้ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก

                รถยนต์คันเก่าวิ่งไปบนถนนลูกรังด้วยความเร็วที่กฎหมายกำหนด ทิ้งฝุ่นสีแดงและควันสีขาวไว้เบื้องหลัง จนเกือบจะห้าโมงเย็น เจ้ากระบะอิซูซุกระดำกระด่างก็มาอยู่ในลานจอดรถของโรงพยาบาล เขามองหารถคันอื่นที่พอจะคุ้นตา แต่ก็ไม่เจอ ระหว่างขับรถมาพันนาไลน์มาบอกว่าจะไปรับไอ้แสบแล้วคงพามันไปหาอะไรกินอีกตามเคย

                ‘ปรางค์เฝ้าอยู่นะพี่ จะทำอะไรก็ระวังด้วย’     

                แล้วก็เป็นจริงอย่างที่พันนาบอกไว้ หลังจากเคาะประตูห้องตามมารยาท ปรางค์ก็เป็นคนมาเปิดประตูให้ บางทีเขาอาจจะคิดมากไป แต่แววตาที่ปรางค์มองเขามันต่างจากวันก่อน ทว่าเขาไม่ใส่ใจกับเรื่องจุกจิกของพวกผู้หญิงอยู่แล้ว ผู้ชายทั้งโลกรู้ว่าผู้หญิงเป็นเพศคิดเยอะ คิดเล็กคิดน้อยและคิดไปเองอยู่แล้ว

                “สวัสดีค่ะพี่โหร”

                ปรางค์กระพุ่มมือไหว้ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง และเป็นตัวเดียวกับที่เขานั่ง เขายกมือไว้รับ ก่อนจะหันไปมองคนป่วยที่นั่งตาแป๋วบนเตียง ช่วงแก้มบวมเล็กน้อย เดาว่าเจ้าตัวคงเพิ่งจะตื่นก่อนหน้าที่เขาจะไม่ถึงไม่นานนัก

                “พี่โหรนี่เป็นห่วงกุมภ์ดีจังนะคะ อยู่ตั้งไกลอุตส่าห์มา”

                “อืม...พอดีว่างน่ะ” โหรตอบกลับ ไม่สนใจสายตาเย็นชาจากคนพูด แต่เขาเป็นห่วงคนบนเตียงมากกว่า “หน้าตาสดใสขึ้นเยอะเลยนะครับ พรุ่งนี้คงได้กลับบ้านจริงๆ”

(มีต่อ)               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
                 กุมภ์เงยหน้ามอง จุดแดงเล็กๆ กลางแก้มลามไปถึงข้างหู ก่อนที่ศีรษะทุยจะผงกรับ

                “ค่ะ พวกเราจะกลับกันเลย นี่เห็นว่าพันจะให้รถตู้ไปส่งด้วยค่ะ” ปรางค์แทรกขึ้น “ที่จริงปรางค์จะให้รถที่บ้านมารับ แต่ลุงพงศ์ไม่อยากรบกวน”

                “ครับ...” โหรพยักหน้า รับรู้ได้ถึงสัญญาณไม่พอใจจากผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียว “เช็ดตัวหรือยัง คุณไม่ได้โดนน้ำมาสองวันแล้วนะ”

                “เอ่อ...ผมเข้าห้องน้ำไปสองสามรอบแล้ว” กุมภ์ตอบไม่ตรงคำถาม

                “ปรางค์จะเช็ดให้ แต่กุมภ์ไม่ยอมค่ะ สงสัยจะอาย” ปรางค์แทรกขึ้น “ที่จริงกุมภ์ไม่ต้องอายก็ได้นะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าเรามีน้องชาย ตอนเจ้าปอนด์ป่วย เราก็เป็นคนเช็ดตัวให้”

                “โธ่ปรางค์...น้องชายปรางค์กับเรา...ไม่เหมือนกันนะ” กุมภ์ครวญ หน้าแดงยิ่งกว่าเดิม “ปอนด์เป็นน้องชาย ส่วนเราเป็น...เพื่อน”

                “โอเคๆ เรารู้ว่ากุมภ์อาย” ปรางค์ยิ้มหวาน นิ้วมือเกลี่ยเก็บปอยผมทัดหลังใบหูขาว “กุมภ์อย่าเพิ่งไปช่วยกิจกรรมที่คณะนะ ร่างกายยังไม่แข็งแรงดี”

                “ปรางค์ เราหายแล้ว ส่วนเรื่องกิจกรรมน่ะ ไม่ใช่งานถนัดของเราหรอก งานของไอ้พันมัน รายนั้นทั้งต้องช่วยรุ่นพี่ที่คณะ แล้วไหนจะต้องถ่ายรูปให้ชมรมถ่ายภาพของมันอีก แต่รูปที่มันถ่ายสวยมากนะ ปรางค์เคยเห็นหรือยัง”

                “เคยแล้วๆ” ปรางค์พยักหน้าเร็วๆ “เราเห็นในเฟซน่ะ สวยจริงๆ ถ้าไม่รู้ว่าเรียนนิติเราต้องคิดว่าพันเรียนนิเทศแน่ บางรูปสวยเหมือนช่างภาพมืออาชีพเลย”

                โหรยืนฝั่งตรงข้ามกับปรางค์ เขาไม่ได้มองเธอตรงๆ แต่ก็เห็นท่าทางวิธีการพูดของเธอที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เย็นชาเหมือนตอนที่คุยกับเขา รอยยิ้มอ่อนหวานของเธอราวกับจะมีให้แค่กับกุมภ์คนเดียวเท่านั้น ไหนจะบทสนทนาที่เกี่ยวกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ชนิดที่คนเรียนจบมาหลายปีอย่างเขาหมดสิทธ์จะมีส่วนร่วมได้

                เมื่อรู้ว่าคงหมดโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ โหรเลยถอยห่างจากเตียง แล้วก็เหมือนมีระฆังช่วยเพราะสีสายเรียกเข้ามาพอดี มือล้วงโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาแถวระเบียงทางเดิม

                “ว่าไง”

                ‘ปรางค์ยังอยู่ใช่ไหม’ ปลายสายถาม

                “อืม..” โหรตอบกลับไป อยากจะขอบคุณพันนาสักล้านครั้งที่ทำให้เขาหลุดจากสถานการณ์ชวนอึดอัดได้อย่างไม่เสียฟอร์มนัก

                ‘เดี๋ยวผมจะให้รชตพาปรางค์กลับ แล้วผมจะขับรถพี่กลับไปพร้อมกับไอ้แสบ’ ไอ้แสบของพันนาคงหมายถึงจ้าวจอม

                “ทำไมถึงต้องเป็นรถผมล่ะ แล้วคุณขับได้เหรอ”

                ‘ก็ถ้าไม่อยากให้ปรางค์สงสัย ก็ต้องทำให้เนียน’ พันนาว่า ซึ่งเขาคิดว่าคงไม่ทันเสียแล้ว ปรางค์คงสงสัยและชังน้ำหน้าเขาเข้าให้แล้ว

                “เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วตอนนี้อยู่ถึงไหนกันแล้ว”

                ‘อีกสิบนาทีถึง ไอ้ชตน่าจะไปถึงก่อน เพราะผมแวบออกมารับเด็ก’

                โหรส่งเสียงรับในคอ แล้วก็วางสาย ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วถอนทิ้งยาวเหยียด รับมือกับผู้หญิงนี่ยากเสียยิ่งกว่าสู้กับตาเวกอีก กับผีเขายังรู้ว่าควรจะใช้อะไรปราบ แต่กับผู้หญิงเขาไม่รู้เลยว่าจะจัดการเธอได้อย่างไร

                “พี่โหร”

                เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้เขาต้องเอี้ยวตัวกลับไปมอง ไม่แปลกใจนักที่เห็นร่างของรชต เพราะพันนาเพิ่งบอกเมื่อครู่ว่ารชตคงมาถึงก่อน แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

                “มาถึงเร็วดี” โหรทักทาย “มีอะไรเหรอ ทำไมไม่เข้าไปหากุมภ์ล่ะ”

                “ก็ผมเจอพี่ก่อน” รชตบอก

                โหรเห็นความลำบากใจบนใบหน้าของอีกฝ่าย “มีอะไรก็บอกมาเถอะ ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย”

                “คือ...ผมว่าเราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีไหมครับ”

               

                ที่เงียบๆ ที่รชตว่าคือใต้ต้นหูกวางหลังตึกพักฟื้น มันเป็นลานกว้างที่มีญาติของผู้ป่วยและบุคลากรของโรงพยาบาลมักจะมานั่งพัก บ้างก็ซื้ออาหารมานั่งรับประทาน แต่สำหรับโหรกับรชตมีแค่กาแฟแก้วละ 30 บาท จากร้านใกล้ๆ เท่านั้น รชตนั่งบนปูนที่ก่อและฉาบให้เป็นที่นั่งรอบลำต้นหูกวาง แดดในยามเย็นจัดพัดอ่อนๆ สัมผัสได้ถึงไอหนาวที่ปะปนมา อีกไม่นานฤดูหนาวก็จะมาเยือนอย่างเป็นทางการ

                มือขาวสะอาดจับแก้วกาแฟเอาไว้ ท่าทางลำบากใจที่โหรเห็นยังคงมีอยู่ จนโหรต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน

                “คุณมีเรื่องไม่สบายใจใช่ไหม” โหรถามพลางดูดโอเลี้ยงเย็นของตัวเอง รสชาติถือว่าดีทีเดียวในราคาเท่านี้

                “ก็ไม่เชิงหรอกครับ” รชตบอก ก่อนจะถอนหายใจยาว “คือ...มันเกี่ยวกับพิกุล”

                โหรเลิกคิ้วสูง “พิกุล? ยังไม่ไปรับกรรมอีกเหรอ ไหนบอกกับผมว่าจะไปแล้ว”

                รชตส่ายหน้า “เขาไปแล้วล่ะครับ แต่เขาสั่งผมเอาไว้ก่อนที่เขาจะไป และถ้าหากผมทำไม่ได้ เขาจะมาเอาผมไปอยู่ด้วย”

                โหรทำเสียงขึ้นจมูก พิกุลร้ายน่าดู สมัยตอนยังมีชีวิตคงจะแสบสันไม่น้อยหรอก รชตในชาติที่แล้วถึงได้ชังน้ำหน้าทั้งที่เป็นเพื่อนสนิทกัน

                “เขาสั่งอะไรคุณ”

                “ก็....เฮ้อ ผมไม่รู้ว่าจริงไหม หรือผมจะโดนผีหลอกเอาจริงๆ แต่กุมภ์กับ....คุณ โอ๊ย! ทำไงดีวะ!” รชตยกมือข้างหนึ่งเกาหัวเตียนๆ ของตัวเองจนหนังศีรษะเริ่มจะแดง

                พิกุลยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากระรานเขาแล้วยังลามไปถึงอดีตเพื่อนแค้นแสนรักอีกด้วย และท่าทางจะขู่อาฆาตหนักเสียด้วย ไม่เช่นนั้นรชตคงไม่กังวลมากขนาดนี้

                “เขาบอกอะไรคุณ”

                “เขาสั่งให้ผม...ช่วยให้พี่รักกับ...กุมภ์” ปลายเสียงของรชตแผ่วลง จนเหมือนดังอยู่ในแค่ลำคอเท่านั้น สีหน้าเหมือนถูกบังคับให้กินยาขมไม่มีผิด

                ร้ายจริงๆ พิกุล

                โหรถอนหายใจ เหยียดขาไปตามความยาว ดวงตาทอดมองภาพเด็กชายตัวเล็กวัยไม่เกินสองขวบ วิ่งเตาะแตะไล่จับแมวจรจัดโดยมีพ่อกับแม่วัยกลางคนช่วยกันไล่จับลูกชายตัวน้อยอีกที

                ก่อนหน้านี้เขาเองก็ฝันอยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้เหมือนกัน อยากมีลูกสักสองคน มีภรรยาที่ทั้งสวยและเป็นแม่ศรีเรือน เขาจะไม่ให้เธอทำงานหนัก พร้อมที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี แต่ความผิดหวังในอดีตก็ทำให้เขาขลาดกลัวเกินกว่าจะหาคู่ชีวิตจริงๆ จังเสียที อีกอย่างลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่าแค่ความรักอย่างเดียวมันไม่พอสำหรับชีวิตคู่ แต่ปัจจัยหลักคือทรัพย์สิน และความมั่นคง จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ยอมอยู่บ้านหลังเก่าๆ กับสามีที่ไม่มีแม้แต่อาชีพ

                “ผมเคยคิดอยากจะมีเมียแล้วก็ลูกน่ารักๆ สักคนสองคน อยากจะทำหน้าที่พ่อ อยากเป็นปู่ที่ดี” โหรเปรย ตายังมองเด็กชายตัวอ้วนที่ตอนนี้ล้มเผละไปแล้ว โดยที่แม่รับไว้ไม่ทัน แล้วก็อย่างที่คิด เสียงร้องแผดจ้า ผู้เป็นพ่อย่อตัวช้อนตัวลูกชายเอาไว้ในอ้อมแขน โยกตัวเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ “แต่กุมภ์...ทำให้ผมลังเล”

                เขาไม่ถือสากับสีหน้าประหลาดของรชต ใครได้ยินก็ต้องรู้สึกแบบนี้ทั้งนั้น

                “วันที่พันนาไปช่วยคุณ กุมภ์วิ่งกลับมาหาผมใช่ไหม” รชตพยักหน้า โหรเลยพูดต่อ “เขาวิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามา ตอนที่ผมกำลังจะเสียท่าให้ไอ้บอดพอดี แล้วก็วิ่งหนีแทบตายเพราะไอ้บอดหันไปเล่นงานเขาแทน แต่นั่นทำให้ผมตั้งหลักสู้ได้อีกครั้ง ถ้าจะบอกว่าผมเป็นหนี้บุญคุณกุมภ์ก็คงจะไม่ผิด”

                “แค่นี้เหรอครับพี่ทำให้พี่ลังเล”

                “แค่ส่วนหนึ่ง...ที่จริงๆ ผมสะดุดตาเขาตั้งแต่แรกที่เจอกันแล้ว เขาค่อนข้างแตกต่างกับพวกคุณ แต่ก็กล้าหาญเกินตัว ตอนแรกผมก็ไม่อยากยอมรับหรอกว่าผมรู้สึกกับกุมภ์มากกว่าใคร มันประหลาดเกินสำหรับผู้ชายที่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่ผมหยุดคิดถึงเรื่องกุมภ์ไม่ได้เลย คิดมากจนหงุดหงิดไปหมด พิกุลมาบอกผมหลายหนเหมือนกัน เธอบอกให้ผมทำตามความรู้สึกตัวเอง แต่มันไม่ง่ายเลย เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับกุมภ์กันแน่...จนผมเห็นเขานอนให้น้ำเกลือนั่นแหล่ะ ถึงได้รู้ว่าผมเป็นห่วงเขามากแค่ไหน และมันก็ไม่ใช่ความห่วงใยแบบเพื่อนหรือพี่น้อง...ผมชอบกุมภ์”

                รชตหันมองหน้าเขา คิ้วขมวดแน่น ดวงตานิ่งค้าง แต่เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวคิ้วก็คลายออก สีหน้าผ่อนคลายลงมากจนเกือบเป็นปกติ

                “เฮ้อ...นี่ผมคงกรรมหนาจริงๆ ถึงไม่เคยรู้เลยว่าพี่ชอบไอ้กุมภ์”

                “ไม่แปลกหรอก เพราะผมไม่เคยบอกใคร”

                “แล้วทำไมพิกุลรู้ล่ะ” รชตถาม “ยัยนั่นน่ะ ทำเหมือนรู้ทุกอย่างในโลกนี้”

                “เขาอยู่รอคุณมานาน จำไม่ได้หรือไง เขาผ่านอะไรมามากมาย ได้เห็นรูปแบบความรักมาเยอะแยะ”

                “พี่รู้ใช่ไหมว่ากุมภ์เป็น...เกย์”

                คราวนี้เป็นโหรที่ประหลาดใจ ยกคิ้วสูงมองเด็กหนุ่มคู่สนทนาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง รชตไหวไหล่เล็กน้อย “ไอ้กุมภ์ไม่เคยบอกผมหรอกว่าเป็นเกย์...แต่ผมพอจะรู้ ผมเรียนโรงเรียนชายล้วนน่ะพี่ มีเพื่อนแบบนี้เยอะเหมือนกัน ถึงกุมภ์จะไม่ได้ตุ้งติ้ง แต่สัญชาตญาณมันบอก”

                “แล้วคุณ...ไม่รังเกียจ”

                “รังเกียจทำไมล่ะ กุมภ์มันเป็นคนดี ดีที่สุดในกลุ่มด้วยซ้ำ” รชตว่า “ยังไงก็ขอบคุณพี่มากนะที่กล้าพูดตรงๆ กับผม ผมโล่งอกขึ้นเยอะ อย่างน้อยผมก็ไม่ต้องถูกพี่ต่อย”

                “ถูกผมต่อย?”

                “ก็ยัยพิกุลขู่เอาไว้น่ะสิ ถ้าผมไม่ช่วยพี่เธอจะมาเอาผมไปอยู่ด้วย แต่ผมก็กลัวว่าถ้าพี่ไม่ได้ชอบกุมภ์ แล้วผมดันสอดเข้าไปช่วยพี่จะต่อยหน้าผม” รชตทำหน้าขยาด “ก็ดูตัวพี่สิ ต่อยผมทีคงฟันหักทั้งแผง”

                โหรหลุดขำกับท่าทางของรชต “คุณไม่กลัวหรอก ผมไม่ต่อยหน้าใครง่ายๆ อย่างนั้นหรอก อีกอย่าง...คุณแค่ชวนปรางค์คุยมากหน่อยก็พอ”

                “พี่รู้อะไรไหม...พี่กับไอ้พันพูดเหมือนกันเลย”

 :กอด1: :pig4:

*ยัยปรางค์ตัวร้ายกับนายโหรทื่อมะลื่อ 55555*

**แปลกใจกันไหมที่กุมภ์เป็นเกย์ ก็ไม่ได้ปิดบัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบอกใครนี่เนาะ**

***รักษาตัวให้อยู่รอดปลอดภัยกันเด้อทุกคน***

****เจอกันวันจันทร์จ้า****

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ปรางค์แอบแรง

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
เอาน้อนปรางค์ไปเก็บที 5555 แทนที่พี่โหรจะได้มีเวลากับกุมภ์มากกว่านี้ ดูสิว่าวันจันทร์นางจะยังอยู่เป็นกขคอยู่มั้ยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ขอบคุณ ที่มาให้หายเรื่องเครียดโควิด-19 ไปหน่อยนะจ๊ะ
อ่านไป ก็ยิ้มไป ที่ได้รับรู้บางอย่างของเรื่องนี่ว่าที่จริงแล้ว
พิกุล ชักใยอยู่เบื้องหลังนี่เอง หุหุหุ
วันหยุดพักผ่อนให้มากนะจ๊ะ ออกไปไหนไม่ได้กลัวโควิดดดดดด
 :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 847
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
นังปราง !!
ร้ายนัก ถ้าไม่ติดว่าพิกุลต้องไปรับกรรม
หล่อยต้องเจอดีแน่  :beat: :beat:

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ตัวช่วยพี่โหรเยอะแยะเลยทั้งคนทั้งผี ความสำเร็จในการเป็นแฟนน่าจะอยู่ไม่ไกลแล้วนะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อยากอ่านจนจบอ่ะ ลง e book ด้วยได้มั้ย

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
พี่โหรต้องรีบหน่อยแล้วล่ะ พันนาก็รุกเยอะๆ

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #377 เมื่อ30-03-2020 20:46:26 »

ตอนที่ 23 โอกาส

                โหรหายไปพักใหญ่แล้ว หลายต่อหลายครั้งที่เขาเผลอไปที่บานประตูที่คิดไปเองว่ามันอาจจะผลักเข้ามา ตามด้วยร่างสูงใหญ่ของโหรที่เดินกลับเข้ามาในห้อง แต่มันก็ยังปิดสนิทเหมือนเดิมมาเกินครึ่งชั่วโมง ปรางค์ยังชวนคุยเรื่อยๆ เธอบ่นเรื่องอาหารของโรงพยาบาลที่หน้าตาไม่ชวนกินเอาเสียแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เขาเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะนอกจะไม่น่ากินแล้ว รสชาติยังแย่มากอีกด้วย แต่เพราะเขายังต้องอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาล อย่างน้อยก็อีกหนึ่งคืน เลยจำเป็นต้องกิน

                “แม่ไลน์มาบอกว่า มีร้านอาหารเกาหลีมาเปิดใหม่ อยู่ใกล้กับมหา’ลัยของกุมภ์เลย เอาไว้เราไปลองกินกันดูบ้างไหม”

                “อืม” กุมภ์พยักหน้ารับ ทั้งที่จับใจความประโยคที่เธอพูดได้ไม่หมดนัก ต้องโทษความพะวักพะวงของเขาเอง โหรก็หายไปนานเหลือเกิน หรือบางทีอาจจะกลับบ้านไปแล้วก็ได้

                จิตใจมันพาลห่อเหี่ยวไปหมด โอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันตามลำพังก็ไม่ได้เยอะนัก แถมพรุ่งนี้เขาต้องกลับกรุงเทพฯ แล้ว ถ้าโหรกลับไปแล้วจริงๆ นั่นหมายความว่าเขาจะไม่ได้เจอโหรอีกพักใหญ่เลย

                “รอพี่โหรเหรอ”

                “ห๊ะ?”

                “เราถามว่ารอพี่โหรเหรอ”

                กุมภ์หันมองหน้าปรางค์ ใบหน้าน่ารักที่มักจะเปื้อนด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน วินาทีนั้นเขารู้เหมือนไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ทว่าเพียงประเดี๋ยวเดียวเธอก็กลับมายิ้มเป็นปกติ

                “เราถามว่ากุมภ์รอพี่โหรเหรอ เห็นมองไปทางประตูบ่อยๆ”

                “เอ่อ...เปล่าหรอก รอไอ้พันน่ะ เราฝากมันซื้อของนิดหน่อย” กุมภ์แก้ตัว รู้สึกว่าผิวแก้มันวูบเหมือนทำผิดแล้วถูกจับได้ เขาไม่กล้ามองตาเธอด้วยซ้ำ

                “ซื้ออะไรเหอ”

                “เอ่อ...”

                “พี่กุมภ์ ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้กลับบ้านได้แล้วเหรอ”

                เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เมื่อประตูถูกผลักเข้ามาพร้อมกับเสียงเจื้อยแจ้วของจ้าวจอม กุมภ์แอบถอนหายใจ เลื่อนตัวนั่งตัวตรงหลังพิงหมอน เขาไม่ได้หันไปมองปรางค์ เลยไม่เห็นสีหน้าของเธอ

                จ้าวจอมยังอยู่ในชุดนักเรียน แต่ชายเสื้อไม่ได้สอดลงขอบกางเกง เส้นผมสั้นเกรียนถูกระเบียบ มือมีแก้วกาแฟปั่นเย็นเฉียบ กับวัฟเฟิลหอมกรุ่นในถุงกระดาษ โดยมีพันนาเดินตามหลังมาไม่ห่างนัก รายนั้นก็มีแก้วกาแฟจากร้านเดียวกัน

                “อ้าว ไอ้ชตยังมาไม่ถึงอีกเหรอวะ ก็ออกมาพร้อมกันเนี่ย” พันนาถามถึงเพื่อนสนิท ซึ่งทั้งกุมภ์และปรางค์ต่างก็ส่ายหน้า

                “หายไปไหนของมันวะ...เออ ไอ้ชาร์ลกับคะนิ้งไม่ได้มานะ เห็นว่าจะพากันไปดูของฝากเพิ่ม พ่อไอ้ชาร์ลอยากได้ของเก่าเอาไว้ประดับบ้าน”

                กุมภ์พยักหน้า เขาไม่ได้โกรธที่ชาร์ลกับคะนิ้งไม่ได้มาเยี่ยม หรือสงสัยการหายตัวไปของรชต แต่เป็นห่วงโหรที่หายตัวไปพักใหญ่แล้ว

                แล้วร่างของคนที่เขาเป็นห่วงก็มาพร้อมกับรชต ทั้งคู่ตามหลังพันนาไม่ถึงห้านาที รชตท่าทางสดชื่นต่างจากทุกๆ วัน แถมยังชวนโหรคุย พอจับใจความได้ว่าทำไมโหรถึงมีวิชาแปลกๆ อย่างที่ไม่มีสอนในบทเรียน ไม่ใช่แค่รชตที่สนใจ แต่ทั้งจ้าวจอมกับพันนาก็ด้วย ทั้งหมดนั่งกระจุกรวมกันอยู่แถวโซฟาไม่ห่างจากเตียงนอนของเขานัก คงมีแค่ปรางค์เท่านั้นที่ไม่ได้เข้าไปร่วมวงสนทนา

                ถึงจะบังคับตัวเองไม่ให้สนใจเรื่องที่โหรกำลังเล่านัก พยายามตั้งจิตให้จดจออยู่กับเรื่องการหัดทำขนมของปรางค์ แต่หลายครั้งเหลือเกินที่หูมันมักจะไปได้ยินว่าโหรเคยบวชตั้งแต่เด็ก ร่ำเรียนวิชามาจากพระอาจารย์และบางส่วนก็มาจากปู่ที่เคยเห็นอดีตพรานใหญ่ โดยมีจ้าวจอมคอยเสริมเรื่อยๆ

                “กุมภ์ชอบกินอะไรระหว่างชูครีมกับโมจิ”

                “..............”

                “ว่าไงกุมภ์”

                “..............”

                “กุมภ์!”

                กุมภ์สะดุ้งเล็กน้อย เพราะทั้งเสียงที่ดังใกล้กว่าปกติและแรงดึงที่ข้อมือ ใบหน้าไร้ที่ติของปรางค์อยู่ห่างแค่คืบ มืออ่อมนุ่มของเธอกุมรอบข้อมือของเขา ดวงตากลมโตมีแววไม่พอใจเล็กน้อย

                “อะ อะไรเหรอ?”

                “เราเรียกกุมภ์ทั้งหลายครั้งแล้ว” ปรางค์ตัดพ้อ เธอลดระดับใบหน้าให้ออกห่างแต่ยังไม่ปล่อยมือ “กุมภ์ไม่ได้ฟังที่เราพูดเลยเหรอ”

                “ปะ เปล่า เราแค่คิดว่าพรุ่งนี้จะได้กลับบ้านแล้ว” กุมภ์พยายามปั้นยิ้ม รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ค่อยได้ฟังปรางค์พูดนัก ชั่วจังหวะหนึ่งเขาเผลอไปยังกลุ่มคนบนโซฟา แล้วดวงตาคู่หนึ่งก็มองกลับมา แค่เพียงเสี้ยววินาทีเดียวหัวใจก็เต้นไม่เป็นส่ำเสียแล้ว “ปรางค์ถามว่าอะไรนะ”

                “เราถามว่าระหว่าชูครีมกับโมจิ กุมภ์ชอบกินอะไรมากกว่า” ปรางค์ถามคำถามเดิม ทว่าใบหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด

                “ถ้าปรางค์ทำ เรากินได้หมด” กุมภ์ตอบ หากจะบอกว่าเป็นคำตอบที่เอาใจก็ไม่แปลกนัก แล้วมันก็ได้ผลรอยยิ้มสดใสกลับมาอย่างง่ายดายพร้อมกับริ้วแดงจางๆ บนแก้มขาว
                “งั้นกลับไปกรุงเทพฯ เราจะหัดทำชูครีมก่อน แล้วจะเอามากุมภ์ชิมเป็นคนแรก” ปรางค์ยิ้มหวาน ปลายนิ้วแตะแผ่วเบาบนข้อมือแล้วละออกไป

                ถึงจะไม่เคยมีคนรัก แต่กิริยาท่าทางของปรางค์มันทำให้เขารู้ว่าเธอมีใจให้เขา ทว่าเขาไม่ได้มีใจปฏิพัทธ์กับเพศเดียวกันเสียแล้ว อีกอย่างคนที่เขาป่วนหัวใจก็อยู่ห่างกันแค่นี้           

                “ผมว่าเรากลับกันดีกว่า เย็นมากแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมารับคุณชายกุมภ์พร้อมกัน” รชตเดินมาปลายเตียงป่วย คำว่า ‘เรา’ ในทีนี้คงหมายถึงปรางค์กับรชต ปรางค์หันไปมองคนพูดแต่เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ก่อนที่เธอเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

                “เรายังไม่อยากกลับ อยากจะอยู่เป็นเพื่อนกุมภ์อีกหน่อย”

                “แต่มันดึกแล้วนะ สองทุ่มกว่าแล้วแถมบ้านไอ้พันก็ใช่ว่าจะใกล้” รชตว่า “ผมไม่ค่อยชินเส้นทางนัก ถ้าดึกมากกวานี้กลัวว่าจะมีอันตราย”

                “เออ จริงด้วย เมื่อวันก่อน เพื่อนผมมันเล่าให้ฟังว่าพ่อมันถูกหินปาใส่รถ แถวซอยบ้านพี่พันนั่นแหล่ะ ดีนะก้อนหินมันไม่ใหญ่ เลยไม่เป็นอะไร...แต่แถวนั้นมีชิงรถกันบ่อยนะพี่ เพราะเป็นซอยคนรวย” จ้าวจอมแทรกขึ้น ไม่รู้ว่าเรื่องจริงหรือแต่งขึ้นเอง แต่มันก็ทำให้ปรางค์ลังเลได้

                “มึงเอาปืนติดไปด้วยก็ได้นะ ใช้เป็นหรือเปล่า กูมี .357 ที่ไอ้กุมภ์เอาเข้าป่าเมื่อคราวก่อนอยู่ในรถ เดี๋ยวเอาออกมาให้” พันนาสำทับอีกแรง คราวนี้ปรางค์หันขวับไปทางพันนาทันที

                “นี่ขนาดต้องพกปืนกันเลยเหรอ”

                “กันไว้ดีกว่าแก้” พันนาบอก “รีบไปเถอะ เดี๋ยวเราลงไปส่งที่รถ จะได้เอาปืนให้ไอ้ชตด้วย”

                ปรางค์หันมองทางกุมภ์ที รชตที ดวงตาหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด เธอคงทั้งเป็นห่วงกุมภ์ขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายอย่างที่จ้าวจอมเล่า หลังจากทนกดดันอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งนาทีเธอก็ตัดสินใจหันมาลากับคนบนเตียง

                “เรากลับก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้จะรับแต่เช้าเลย เราจะทำโจ้กให้ด้วย ลืมครัวแม่ของพันนาไว้แล้วล่ะ กุมภ์อย่าลืมเช็ดตัวนะ เอาน้ำลูบๆ ตัวหน่อยก็ดี”

                กุมภ์พยักหน้าหงึกหงัก หน้าร้อนอีกรอบเพราะตัวเขายังไม่ได้โดนน้ำเลย ตั้งแต่เมื่อวาน ทั้งไม่ยอมทำเองให้ไม่คนอื่นทำไม ปรางค์โบกมือลา แล้วก้าวตามสองหนุ่มออกไป           

                จ้าวจอมทำท่าจะตามไปด้วยแต่โหรคว้าแขนเอาไว้ก่อน สัญญาณบางอย่างในสายตาของโหรทำให้จ้าวจอมไหวไหล่แล้วซักเรื่องรอยสักที่ต้นแขนของโหรต่อ

                “พี่สักตั้งแต่ 15 จริงๆ เหรอวะ โคตรเจ๊ง” จ้าวจอมว่า “สักให้หน่อยสิ อยากมีวิชาติดตัวบ้าง”

                “ไม่ได้กูไม่มีวิชา แล้วคนสักให้กูท่านก็ปลงสิขาไปแล้ว”

                “เซ็งว่ะ” จ้าวจอมย่นจมูก แล้วดูดกาแฟปั่นของตัวเองต่อ โหรส่ายหัวให้กับความคิดของไอ้ตัวแสบ

                โหรลุกขึ้นยืน รู้สึกเบาใจไม่น้อยที่รชตพาปรางค์กลับบ้าน ไม่ใช่เพราะแค่เธอคือ ‘คู่แข่งหมายเลขหนึ่ง’ แต่เขาเป็นห่วง ที่จ้าวจอมเล่าไม่ใช่เรื่องโกหก แถวบ้านของพันนามีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะรู้กันดีว่าบริเวณนั้นเป็นแหล่งที่อยู่ของคนมีฐานะอันดับต้นๆ ของจังหวัด ถึงจะมีการป้องกันมากแค่ไหนแต่ก็ได้แค่ชั่วประเดี๋ยว ไม่ถึงสองเดือนก็มีเหตุเกิดอีก

                ท่อนขายาวก้าวไม่กี่ทีก็ถึงเตียง วันนี้หัวของกุมภ์ยุ่งกว่าเดิมเสียอีก แต่เขากลับนึกเอ็นดู แถมยังคิดว่ามันน่ามองกว่ารูปถ่ายหล่อๆ ใน เฟสบุ๊คเสียอีก

                “ทำไมยังไม่เช็ดตัว เดินสะดวกแล้วไม่ใช่เหรอ” โหรถาม หลุบตามองมือข้าวที่ฟาดกับขอบเตียง และเป็นข้างเดียวกับที่ปรางค์จับ ใช่ เขาเห็นกิริยาของปรางค์ทุกอย่าง  ทั้งยังได้ยินเรื่องที่เธอคุยกับกุมภ์อีกด้วย ปรางค์กำลังหัดทำขนม ถามว่ากุมภ์ชอบกินชูครีมหรือโมจิมากกว่านั้น เขาไม่รู้จักไอ้ชูครีมอะไรนั่น แต่เคยกินโมจิของฝากนครสวรรค์ที่ลูกค้ารายหนึ่งนำมาฝากเพราะเขาช่วยให้ลูกชายป่วยด้วยสมุนไพร

                “ผะ...ผมทำแล้ว” กุมภ์ตอบ

                “ทั่วหรือเปล่า”

                “ก็...ทั่วละมั้ง ช่างมั่นเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยอาบทีเดียว”

                “เพิ่งสร้างไข้ ใครเขาอาบน้ำกัน” โหรโคลงหัว เขาชอบมองหน้าแดงๆ ของกุมภ์               แล้วก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีของติดตัวมาด้วย ชายหนุ่มสอดมือลงในกระเป๋ากางเกงดึงเอาตลับพลาสติกกลมสีขาวออกมา “มือยังไม่หายเขียว ทายาหน่อยนะ”

                โหรบิดหมุนเปิดฝาแล้วใช้ปลายนิ้วแต้มยาเนื้อสีน้ำตาลอ่อน แล้วป้ายไปบนหลังมือขาว กลิ่นเย็นคล้ายเมนทอลอ่อนๆ ลอยในอากาศ กุมภ์ไม่ได้ชักมือหนี เนื้อยาเย็นๆ ไม่ได้ทำให้ไออุ่นจากปลายนิ้วของโหรลดลงเลย หรือบางทีเขาอาจจะจดจ่ออยู่กับโหรมากเกินไปก็ได้

                “อะแฮ่ม ผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นะคร้าบ จะทำอะไรก็เกรงใจกันบ้างซี่” จ้าวจอมทำเสียงยานคาง “ไปดีกว่า พี่พันไลน์มาตามแล้ว กลับก่อนนะพี่กุมภ์ พรุ่งนี้ไม่ได้ไปส่งนะ ผมต้องไปเรียน แล้วจะไลน์ไปหา”

                พูดจบเด็กแสบก็ยกมือขึ้นกระพุ่มไหว้แล้วโบกลา กุมภ์กำลังจะยกมือตอบกลับแต่โหรกุมเอาไว้

                “รีบไปได้แล้ว” โหรไล่ จ้าวจอมทำปากคว่ำ ส่งสายตาล้อเลียนก่อนจะผลักประตูออกไป

                “ทำไมถึงไล่จอมแบบนั้นล่ะครับ”

                โหรเอียงหน้ามอง ขณะที่ปลายนิ้วยังลูบแผ่วบนหลังมือ ยาซึมเข้าผิวไปแล้วแต่เขายังไม่อยากละมือออก “มันพูดมาก รำคาญ”

                “แต่ผมว่าจอมน่ารักดีนะครับ ถ้ามีน้องชายก็อยากได้แบบนี้แหล่ะ บ้านจะได้ไม่เหงา”

                “แก้วหูจะแตกซะมากกว่า พูดมากเกินใคร” โหรส่ายหัว เลื่อนนิ้วจากหลังมือเขาลงไปใต้ฝ่ามือ สัมผัสกับความอ่อนนุ่มอย่างคนที่ไม่เคยแตะต้องงานหนัก “มือนุ่มจัง”

                กุมภ์ทำตาโต ชักมือกลับทันที นิ้วแดงเมื่อครู่กลายเป็นปื้นแดงและกระจายทั่วหน้าในพริบตา โหรกลั้นยิ้มไม่อยู่ไม่ค่อยได้เห็นผู้ชายอายนัก...มันก็น่ารักดีเหมือนกัน

                “เออ...ใครใช้ให้คุณแอบถ่ายรูปผม” พอคลายความอาย เจ้าตัวก็ถามเสียงขุ่น

(มีต่อ)               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #378 เมื่อ30-03-2020 20:47:57 »

(ต่อ)
                โหรถอยกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ปรางค์ครองมาทั้งวัน ขายกขึ้นไขว้กันสบายๆ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมออกมาจากกระเป๋ากางเกง เลื่อนนิ้วคล่องแคล่วต่างจากเมื่อวาน แล้วยื่นให้คนบนเตียงดู “ไม่ใช่รูปเดียว เยอะจนแทบจะสร้างเป็นอัลบั้มได้เลยล่ะ”

                กุมภ์ถลึงตาใส่ ดึงโทรศัพท์จากมือ เลื่อนนิ้วดูรูปตัวเองในโทรศัพท์คนอื่น “รูปในเฟสบุ๊คผมนี่!”

                โหรไม่ปฏิเสธหรอกว่าเขาแอบเซฟรูปของกุมภ์มาจากเฟสบุ๊คไม่ใช่แค่รูปสองรูป แต่ร่วมยี่สิบรูปเลยล่ะ ทั้งจากเฟสบุ๊คส่วนตัว และที่เพื่อนๆ แท็กมาให้ ช่วยไม่ได้ใครใช้ให้น่ารักถูกใจเขากันล่ะ

                น่ารัก...นี่เขาใช้คำนี้กับกุมภ์มากี่ครั้งกันแล้ว

                “โรคจิต” กุมภ์พึมพำตอนที่ส่งโทรศัพท์คืนให้

                “เอารูปไปสิ จะได้หายกัน”

                “ไม่เอาหรอก หน้าโหดขนาดนี้ เดี๋ยวเขาจะหาผมเซฟรูปโจร”           

                โหรหัวเราะหึในคอ เรื่องหน้าดุนี่ไม่ปฏิเสธ เพราะมันคือพันธุกรรม ถึงจะได้เชื้อสายของแม่มาช่วยบ้างแต่เขาก็เหมือนปู่อยู่ดี นั่นเล่นเกมซ่อนตากันอยู่สักประเดี๋ยวพันนาก็โทรเข้ามา บอกว่ากำลังจะไปส่งไอ้แสบ แล้วพรุ่งนี้จะรีบมาก่อนเจ็ดโมง เขาตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะวางสาย

                คนบนเตียงทำท่าอึกอัก คล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง โหรเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เจ้าตัวถึงได้ยอมเอ่ยปาก

                “เอ่อ พัน...รู้เรื่องของเราไหม”

                “ไม่รู้เหมือนกัน...เขาไม่เคยบอกผม” โหรไม่ได้ปด พันนาไม่เคยเล่าหรือพูดอะไร มีเพียงแค่การกระทำเท่านั้นที่แสดงออกกลายๆ ว่ากำลังช่วยเขาอยู่? พันนาไม่ใช่พวกพูดมากเหมือนจ้าวจอมเสียด้วย แต่รายหลังก็สงบปากสงบได้ดีเกินคาดทั้งที่คงสงสัยว่าระหว่างเขากับกุมภ์มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่

                “แล้วเขารู้ไหมว่า...เป็นเกย์”

                “ผมไม่ได้บอกใคร...แล้วผมก็มั่นใจว่า เพื่อนของคุณรวมทั้งครอบครัวจะไม่มีวันรังเกียจคุณ”

                มันไม่ใช่คำปลอบ หากแต่คือความจริง ที่กุมภ์เลือกจะปิดบังเพราะกลัวว่าจะถูกรังเกียจ ทว่ากุมภ์คงลืมไปว่ารอบตัวล้วนแต่มีที่รักและหวังดีกับกุมภ์ทั้งนั้น รวมทั้งครอบครัวที่อบอุ่น เขาเชื่อว่าหากกุมภ์ยอมเปิดใจ ไม่มีใครผลักไสกุมภ์ เพียงแต่บางคนคงใช้เวลาเสียหน่อย โดยเฉพาะกับปรางค์

                พอคิดถึงปรางค์ บางอย่างก็สะกิดขึ้นมาในใจอย่างอดไม่ได้ คนทั้งโลกดูออกว่าปรางค์มีใจให้กับกุมภ์ และเขาก็มั่นใจว่ากุมภ์ก็รู้ ถึงกุมภ์จะเป็นเกย์ แต่มันช่วยไม่ได้เลยที่เขาจะรู้สึกว่าปรางค์คือคู่แข่ง...ตัวเบ้งเสียด้วย

                “คุณกับปรางค์...”

                กุมภ์เลิกคิ้ว “กับปรางค์...ทำไมหรือครับ”

                “พวกคุณ”

                “เราเป็นเพื่อนกัน” กุมภ์ชิงตอบก่อนที่เขาจะถามจบด้วยซ้ำ “แต่ปรางค์ไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์...ผมไม่กล้าบอกเธอ พอๆ กับไม่กล้าบอกกับคนอื่นนั่นแหล่ะ”

                โหรยิ้มบาง เอื้อมมือบีบที่หัวไหล่เล็กกว่าเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ “ผมรู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ผมเชื่อว่าคุณทำได้ อีกอย่าง ถ้าคุณไม่ได้รู้สึกกับปรางค์เกินกว่าคำว่าเพื่อน คุณก็ควรจะรีบบอกเธอตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าปล่อยให้เธอคิดไปไกล ไม่อย่างนั้นคุณจะเสียเพื่อนดีๆ ไป”

                กุมภ์ถอนหายใจดวงตาที่ทั้งคมทั้งสวยมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด “กลับไปผมจะบอกกับแม่ก่อน มันน่าจะง่ายกว่าคุยกับพ่อ”

                “เอาอย่างนั้นก็ได้” โหรเห็นด้วย “ทีนี้ก็มาถึงเรื่องของเรา”

                “เรื่องของเรา?”

                “ใช่” โหรพยักหน้า เลื่อนมือลงมากุมหลังมือขาวหลวมๆ “นอกจากผมจะขอโทษคุณแล้ว ผมยังอยากจะรู้จักคุณมากกว่านี้ อยากรู้ว่าคุณชอบอะไร เกลียดอะไร หรือกลัวอะไร ผมอยากให้เราเรียนรู้กันและกันไปพร้อมๆ กัน”

                กุมภ์กระพริบตารัว รู้สึกถึงไอร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วผิวหน้าลามไปถึงใบหู เขาแทบจะไม่ได้ยินคำพูดของโหรด้วยซ้ำ ได้ยินแต่เสียงอื้ออึงที่คล้ายกับจะดังมาจากในอก ตาก็พร่ามองเห็นอะไรไม่ชัด ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เมื่อเดือนก่อนเขายังน้ำตาตกในเพราะคิดว่าโหรจะรังเกียจ แล้วสองวันมานี้มันเกิดอะไรขึ้น นอกจากโหรจะขอโทษแล้ว ยังทำเหมือนจะ ‘จีบ’ เขาอีกด้วย

                ทุกอย่างมันเร็วเกินไป เขาไม่เคยถูกใครจีบ หรือแม้แต่จะจีบใคร เพราะรสนิยมเลยจำเป็นต้องเก็บงำความรู้สึกเอาไว้

                ถึงตอนนี้เขายังไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรถึงได้สนใจโหรมากกว่า ผู้ชายหน้าตาที่มีเกลื่อนกลาดในมหาวิทยาลัย อาจจะหล่อน้อยกว่ารุ่นพี่ที่เคยแอบชอบด้วยซ้ำ แต่อะไรบางอย่างในตัวโหรมันดึงดูดให้เขาเข้าหา นอกเหนือจากความสามารถในด้านที่น้อยคนนักจะทำได้

                คงเพราะ...ความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ในดวงตาดุๆ นั่นล่ะมั้ง

                กุมภ์หายใจยาวกว่าปกติ เพื่อระงับอาการ ‘ใจเต้นแรง’ เพิ่งรู้ว่าการถูกคนที่ชอบจีบ มันรู้สึกแบบนี้นี่เอง จั๊กจี้หน่อยๆ แต่ก็ห้ามปากไม่ให้ยกยิ้มไม่ได้

                ทว่า...ยังมีอีกสิ่งที่คิดค้าง

                “ทำ...ทำไมคุณถึง ทำเหมือน...ชอบผมล่ะ”

                โหรเลิกคิ้วพลางเอียงคอมอง มือที่กุมอยู่บีบแน่นขึ้นกว่าเดิม “ผมเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน มันสบายใจมั้งที่ได้ทำแบบนี้ พอได้เลิกคิดว่าคุณเป็นเพศอะไร อะไรๆ มันก็ง่ายขึ้น ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนตอนที่จีบ แพร...เอ่อ แฟนเก่าผมน่ะ ตอนนั้นผมเพิ่งจะ 18-19 ไม่เคยมีแฟน มันตื่นเต้นเชียวล่ะ ผมอยากจะเห็นหน้าเขาทุกวัน อารมณ์แบบแค่เป็นปลายผมก็ยังดี รักวัยรุ่นมันร้อนแรงเสมอ แต่กับคุณมันต่างออกไป...คุณไม่ได้ทำให้ผมตื่นเต้น แต่แค่คุณยิ้มได้ ไม่เจ็บ ไม่ป่วย ผมก็สบายใจ มันไม่หวือหวาแต่อบอุ่น...ในนี้”

                โหรจับมือไปทาบที่หน้าอกข้างซ้าย แผ่นอกกว้างสะท้อนตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ริมฝีปากหยักสีเข้มคลี่ยิ้มบางเบา ดวงตาคมดุมีแววอ่อนโยนอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น

                “ผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าชอบได้หรือเปล่า แต่คุณพิเศษกว่าคนอื่น”

                ถึงตอนนี้จะยังไม่ชัดเจน...แต่ก็ดีกว่าไม่มีโอกาส

                กุมภ์บอกกับตัวเองแบบนั้น…

 

                ไม่มีที่ไหนปลอดภัยมากกว่าบ้านของตัวเอง นั่นคือเรื่องจริง อ้อมกอดของพ่อและแม่อบอุ่นเสียยิ่งกว่าผ้าห่มร้อยผืนเสียอีก กุมภ์ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของมารดา เพิ่งรู้ว่าคิดถึงท่านมากแค่ไหนก็ตอนนี้นี่เอง มืออ่อนนุ่มของท่านลูบแผ่วเบาที่ศีรษะ โดยมีบิดายืนอยู่ไม่ห่าง ไม่มีคำต่อว่าต่อขานเรื่องที่เขาไม่ดูแลตัวเองจนป่วยนอนหยอดน้ำเกลือเสียสองวัน

                ต้องขอบคุณความละเอียดอ่อนของปรางค์ เธอโทรมาถามเขาก่อนจะออกจากโรงพยาบาลว่าอยากจะได้อะไรมาฝากพ่อกับแม่ไหม เขาเลือกไม่เป็น เลยยกหน้าที่นี้ให้ปรางค์ เธอเก่งในเรื่องนี้อย่างที่คิดไว้ ทั้งขนมขึ้นชื่อ อัญมณี และสมุนไพรอีกหลายอย่าง

                “ไหนซื้ออะไรมาฝากแม่ เยอะแยะเลย” แม่ถาม พลางฉุดมือให้ลงไปนั่งด้วยกันบนโซฟานุ่มตัวใหญ่

                “ผมไม่ได้ซื้อเองหรอกครับ ปรางค์จัดการให้” เขายกความดีความชอบนี้ให้ปรางค์แต่เพียงผู้เดียว

                “หนูปรางค์นี่น่ารักจริง ตอนที่กุมภ์นอนโรงพยาบาล ปรางค์โทรมาหาแม่ทุกวัน เล่าให้ฟังว่าอาการของกุมภ์เป็นยังไง”

                “ครับ” กุมภ์ยิ้มรับ ปรางค์ก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเหมือนกันระหว่างเดินทางกลับ แต่เขาไม่เหลือสติไม่มากพอที่จะฟังทุกเรื่องที่เธอเล่า ส่วนใหญ่เขาจะหลับและแอบตอบไลน์ใครบางคนมากกว่า

                หลังจากปลอบขวัญกันอยู่พักใหญ่ พ่อกับแม่ก็ปล่อยให้เขาได้พักผ่อน กระเป๋าเป้ถูกเด็กในบ้านยกขึ้นมาวางบนห้องพักเรียบร้อยแล้ว กุมภ์ทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มอบอุ่นที่หายห่างจากมันเสียหลายคืน ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ถูกเปิดไว้คอยท่าช่วยทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ถึงจะสู้ลมจากธรรมชาติไม่ได้ก็ตามที

                สามชั่วโมง...ไม่ขาดไม่เกินจากนี้ที่เขาไม่ได้ติดต่อกับคนทางไกล แค่คิดถึงหน้าดุๆ โหดๆ ริมฝีปากก็ยกยิ้มอย่างห้ามไม่ได้เสียแล้ว

                แม้จะคิดถึง แต่เขาไม่อยากรบกวนอีกคน ตอนนี้หกโมงกว่าแล้ว คนๆ นั้นกำลังสวดมนต์อยู่หน้าหิ้งพระ พักใหญ่นั่นแหล่ะกว่าจะเสร็จสิ้นธุระ

                ข้อความสุดท้ายที่โหรพิมพ์ไว้คืออวยพรให้เขาผ่านพ้นเรื่องต่างๆ ไปด้วยดี

                กุมภ์ถอนหายใจ ปล่อยมือจากโทรศัพท์ เรื่องต่างๆ ที่โหรว่าคือ การยอมรับตัวตนและเปิดเผยให้คนที่รักรู้ มันไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ ขอเพียงแค่กล้าพอเท่านั้น เปลือกตาเหนื่อยล้าปิดลงภาพเหตุการณ์เมื่อคืนไหลย้อนอยู่ในความคิด

                เตียงนอนผู้ป่วยคับแคบเกินไปสำหรับผู้ชายสองคน ดังนั้นโหรเลยเลือกที่นอนพื้นข้างๆ แทนโซฟา โหรใช้แค่ผ้าห่มผืนบางปูนอนกับหมอนอีกใบ โดยมีแค่ปลายนิ้วที่เกาะเกี่ยวกันไว้แทบจะทั้งคืน แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่ เรื่องของโหรสนุกและน่าสนใจกว่าเขานัก แต่โหรก็ตั้งใจฟัง ถามแทรกเป็นระยะ จนสุดท้ายก็มีคำถามที่เขารู้ตัวว่าเป็นเกย์ตั้งแต่เมื่อไร เขาตอบไปตามความเป็นจริงแถมยังเล่าเรื่องที่เขาเคยแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่งด้วย แต่สุดท้ายก็อกหักเพราะอีกฝ่ายมีแฟนเป็นผู้หญิงแถมยังท้องก่อนแต่งอีก

                โหรนิ่งไปชั่วอึดใจก่อนจะถามถึงรูปร่างของรุ่นพี่คนนั้น เขาไมโกหกหรอกว่ารักแรกของเขาหล่อเหลาเอาการไม่หยอกแบบหนุ่มในเมือง เขาได้ยินเสียงโหรหัวเราะในคอเบาๆ แต่ก็ไม่ได้พูดแทรกอะไร และกลายเป็นฝ่ายเขาที่ถามถึงรักครั้งแรกของโหรบ้าง

                แฟนคนแรกของโหรชื่อ ‘แพร’ เธอเป็นผู้หญิงสวย หน้าตาคมคาย ผิวพรรณขาวสะอาด เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายเกือบทั้งมหาวิทยาลัยปรารถนาจะได้ครอบครอง แล้วเธอก็เลือกโหร โหรจริงจังกับผู้หญิงคนนี้มากเพราะไม่เคยรักใครมาก่อน ถึงกับวางแผนแต่งงานสร้างครอบครัว แต่ก็ไม่รอดเพราะรักแท้แพ้ความสุขสบาย โหรเล่าว่าประวัติศาสตร์ความรักของตนกับพ่อเหมือนกันไม่มีผิด คือถูกทิ้ง

                ‘ผมได้ข่าวว่าเธอแต่งงานกับนักธุรกิจต่างชาติไปแล้วเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้คงสุขสบายอยู่กองเงินกองทอง’

                นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่โหรพูดถึงแพร

                แวบแรกที่ได้ยินโหรเล่าเรื่องคนรัก เขาแอบอิจฉาเธอ น้อยคนนักจะรู้ว่าโหรเป็นผู้ชายอบอุ่นและอ่อนโยน แม้ว่าภายนอกจะดูกระด้างกระเดื่อง ซ้ำยังหน้ายังโหด ตาดุเหมือนเสือ คิดไม่ออกเลยว่าตอนมีแฟนโหรปฏิบัติตัวต่อเธออย่างไร

                ความสัมพันธ์ของพวกเขาในตอนนี้ยังห่างไกลคำว่า ‘คนรัก’ หรือ ‘แฟน’ แต่เขานิยามมันว่า ‘ความรู้สึกดีที่มีให้กัน’ เขาอบอุ่นหัวใจและปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้โหร ขณะที่โหรก็พูดคุยอย่างเป็นกันเองมากกว่าเดิมหลายเท่า เขาได้เห็นหลายมุมที่ไม่เคยได้เห็น แม้จะเพียงแค่ข้ามคืนก็เถอะ พวกเขานอนแตะปลายนิ้วกันแล้วก็หลับไป ทุกอย่างเหมือนความฝัน แต่สิ่งที่อิ่มเอมอยู่ในใจมันยืนยันว่าคือเรื่องจริง

                แต่ยังมีสิ่งที่เขาจะต้องทำ และจำเป็นมาก

 :mew3:

*พอมันหวานก็จะแปลกๆ เนาะ มี nc ด้วยนะ แต่ต้องรอนิดนุง*

**รักษาสุขภาพกันด้วยเด้อ**

***เจอกันวันศุกร์หรือไม่ก็เสาร์นะจ๊ะ***

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #379 เมื่อ30-03-2020 21:22:44 »

ระวังความมุ่งมั่นของผู้หญิง บางครั้งก็ก่อเรื่องร้ายๆได้

มีตัวอย่างเห็นๆ เนอะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
« ตอบ #379 เมื่อ: 30-03-2020 21:22:44 »





ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #380 เมื่อ30-03-2020 21:27:14 »

กุมภ์ต้องไปเคลียร์กับปรางค์ให้ชัดเจนเลยนะ
แพ้พี่โหรเวอร์ชั่นอบอุ่นนี้จัง เขินน :o8:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #381 เมื่อ30-03-2020 22:38:37 »

 :3123: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #382 เมื่อ30-03-2020 23:14:05 »

ต้องผ่านไปได้ด้วยดีแน่นอน เอาใจช่วยนะทั้งสองคน

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #383 เมื่อ31-03-2020 16:29:26 »

 :กอด1: :กอด1:
โหมดนี้ โหรน่ารักมากเลยนะ อย่างว่านะเหมาะกับภุมภ์มาก
เอาใจช่วยกุมภ์เรื่องพ่อแม่ และปรางค์ ขอให้ผ่านไปด้วยดี
สู้ๆ น้าาา

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #384 เมื่อ31-03-2020 20:07:00 »

อยากเห็นพี่โหรจีบน้อง อยากรู้ว่าจะน่ารักขนาดไหน

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #385 เมื่อ31-03-2020 23:19:43 »

รอ nC  เลยจ้า

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #386 เมื่อ03-04-2020 17:32:32 »

เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้สนุกมากๆ

ออฟไลน์ nizxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #387 เมื่อ04-04-2020 13:48:38 »

ชอบเวลาเขาอยู่ด้วยกันมาก มันอุ่นๆเหมือนอยู่ร้านกาแฟอะ แต่ปรางนิสัยแย่นะ ไปเผือกแ่านของคนอื่น อยากรุ้ไปเสียหมด ทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของแต่เขาไม่มองผู้หญิงจ้า ทุกคนล้วนจับคู่ให้รชต เออ เราว่าไปกันได้นะ5555555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
Re: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 23 : โอกาส] 30/03/2563
«ตอบ #388 เมื่อ04-04-2020 20:11:40 »

เข้ามารอออ  :-[

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 24 เรื่องที่ไม่ง่าย

                ก๊อก ก๊อก

                เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังตอนเกือบสี่ทุ่ม สามียังสวดมนต์อยู่ในห้องพระ อีกครึ่งชั่วโมงถึงจะกลับเข้ามานอน เป็นกิจวัตรทียงยศทำตั้งแต่วัยหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้จะร่วมหกสิบปีก็ยังปฏิบัติมาต่อเนื่อง คราแรกที่รู้จักกันเธอแทบไม่เชื่อเลยว่าผู้ชายท่าทางห่ามจัดอย่างยงยศจะสวดมนต์เป็น แต่เมื่อได้มาแต่งงานร่วมหอลงโลงด้วยกันแล้ว ถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วยงยศเป็นคนธรรมะธรรมโมมากพอดู

                ร่างที่ยังผอมบางแม้วัยจะใกล้ปลดเกษียณเต็มทีลุกขึ้นจากเตียงนอน วางหนังสือเล่มโปรดไว้กับโต๊ะตัวเล็ก พอเปิดประตูออกก็พบกับร่างสูงโปร่งของบุตรชาย

                “อ้าวกุมภ์ ยังไม่นอนอีกเหรอลูก เข้ามาก่อนสิ”

                กัญญาแปลกใจที่เห็นร่างสูงโปร่งของบุตรชาย หลายปีแล้วที่กุมภ์ไม่ได้เคาะเรียกกลางดึกตั้งแต่หายกลัวฟ้าผ่า หรืออาจจะช่วงที่กุมภ์เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ความขี้อ้อนเลยพลอยหายไปด้วย มาถึงตรงนี้เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าความใกล้ชิดที่เคยมีมันห่างหายไป ไม่รู้ว่าเพราะเธอกับสามียุ่งอยู่กับงานหรือเพราะกุมภ์โตเกินกว่าจะอ้อนพ่อแม่แล้ว

                “พ่อยังสวดมนต์ไม่เสร็จหรือครับ”

                “ยังหรอกจ้ะ คงอีกพักใหญ่ๆ กุมภ์มีอะไรหรือเปล่า?”

                กุมภ์ยังไม่ตอบคำถาม ส่งสายตาขออนุญาตเข้ามาในห้อง เธอเบี่ยงตัวหลบให้ลูกชาย รอกระทั่งกุมภ์เลือกที่นั่งให้ตัวเองถึงได้ปิดประตูก่อนจะเดินตามเข้าไป

                กุมภ์ในวัยยี่สิบปีสวมชุดนอนสีอ่อน นั่งอยู่บนขอบเตียง ชวนให้นึกถึงเด็กชายกุมภ์เมื่อสิบปีก่อน แม้รูปร่างจะเปลี่ยนไป แต่โครงหน้าที่ยังซ่อนความอ่อนเยาว์ให้เห็นมันชวนให้คนเป็นแม่อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ กัญญายกมือขึ้นลูบเส้นผมชื้น ถึงจะโตแค่ไหนแต่กุมภ์ก็หลงลืมดูแลตัวเอง เพิ่งจะฟื้นไข้แต่อาบน้ำผมเปียกไม่ยอมเป่าให้แห้ง

                “ทำไมไม่เช็ดผมให้แห้งล่ะลูก เดี๋ยวก็ป่วยอีก แม่เป็นห่วงนะ ไม่รู้หรือไง” เธอเอ็ดลูกชายเบาๆ หันไปคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดผมให้ กุมภ์นั่งนิ่งเหมือนเด็กห้าขวบ ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นมอง แก้วตาใสมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด

                “แม่ครับ”

                “ว่าไง”

                กุมภ์จับมือที่กำลังช่วยเช็ดผม แล้วดึงมากุมไว้ พลางผ่อนลมหายใจเข้าออกยาวๆ หลายครั้งจนความสงสัยก่อตัว กัญญาเอียงคอมองบุตรชาย รู้ได้ทันทีว่ากุมภ์มีเรื่องไม่สบายใจ แต่ก็ยังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปาก

                “กุมภ์...มีอะไรบอกแม่ได้นะ เห็นลูกทำหน้าแบบนี้แล้วแม่ไม่สบายใจ”

                “คือ...กุมภ์มีบางอย่างอยากจะบอกแม่” กุมภ์ก้มหน้าลง มือที่กุมบีบแน่นขึ้น สำหรับคนเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกมีเรื่องทุกข์อยู่ในใจอย่างแน่นอน “กุมภ์อยากบอกแม่ก่อน...แล้วค่อยบอกพ่อทีหลัง” กุมภ์เงียบไปอีกพักใหญ่ ปลายนิ้วสั่นจนรู้สึกได้ กัญญาเลื่อนมือจากเส้นผมไปที่แผ่นหลัง ลูบขึ้นลงเบาๆ รู้สึกถึงแรงสั่นสะท้านจากจังหวะหายใจ “แม่...กุมภ์เป็น...เกย์”

                นอกจากคำสารภาพแล้วกุมภ์ยังรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดออกมาจากลำคอด้วย ทุกอย่างมันโล่งไปหมด รวมทั้งหัวสมองด้วย เขากลายเป็นคนไร้ความคิดไปชั่วขณะ หูอื้อ ตาลายไปหมด แต่กลับตัวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เขาพูดมันออกไปแล้ว สิ่งที่ปิดบังมานาน รสนิยมที่น้อยคนจะรับได้ ยิ่งเป็นผู้ให้กำเนิด เขาไม่แปลกใจหากท่านจะตบตีหรือด่าว่าเพราะเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว เป็นความหวังของวงศ์ตระกูล ไหนจะการเลี้ยงดูที่ไม่เคยมีจุดไหนที่จะทำให้เขากลายเป็นคนผิดเพศ...ทุกอย่างมันเกิดจากตัวเขาเอง

                แม่ไม่พูดอะไร มือที่ลูบหลังก็หยุดชะงักไปด้วย เขาไม่กล้าเงยหน้ามองแม่เลย เพียงแค่อาการหยุดนิ่งของท่านก็เหมือนกับมีใครเอาน้ำแข็งมาสาดใส่หน้าแล้ว มันชาจนปวดหนึบไปหมด มันไม่ง่ายเลยกับการยอมรับ น่าแปลกใจที่ทำไมโหรถึงยอมรับเขาได้

                กุมภ์ปล่อยมือจากแม่ แต่ก่อนที่ปลายนิ้วจะหลุดออกจากกัน ฝ่ามือเล็กแต่อบอุ่นก็บีบเอาไว้เสียก่อน กุมภ์เงยหน้าผู้หญิงที่รักมากที่สุดในชีวิต ดวงตาของท่านมองตรงมา มันไม่ได้มีแววตัดพ้อ ด่าทอเหมือนเกรี้ยวกราดเหมือนอย่างที่คิดไว้ หากแต่สั่นไหวจนเขายิ่งใจเสีย

                “แม่...ครับ”

                “จริงหรือลูก?” น้ำเสียงของท่านสั่นเครือ “ไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม”

                “ครับ...เป็นเรื่องจริง” และเป็นความจริงที่แสนเจ็บปวด ตนตัวของเขามันน่ารังเกียจเกินไป ซ้ำยังทำให้บุพการีต้องเสียใจ

                “กุมภ์....”

                “ผมขอโทษครับแม่ ที่ทำให้แม่ผิดหวัง” กุมภ์ก้มหน้าลง ในโพรงจมูกแสบร้อนไปหมด บีบมือมารดาแน่น ช่องท้องปั่นป่วนจนอยากจะอาเจียน การมองเห็นพร่ามัวไม่ชัดเจน ความอ่อนแอกำลังปะทุขึ้นมาอย่างเกินควบคุม

                “แม่...กุมภ์กลับห้องไปก่อนนะลูก...พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

                กุมภ์ไม่คัดค้านตอนที่ท่านปล่อยมือ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับมาที่ห้องของตัวเองตั้งแต่เมื่อไร สมองเหมือนถูกคว้านออกจากกะโหลก กระบอกตาร้อนผ่าวไปหมด แต่ร่างกายกลับชาวูบ ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะร้องไห้ต่อหน้าแม่ แต่เอาเข้าจริงๆ เขากลับไม่มีน้ำตาสักหยด รู้สึกจุกแน่นไปหมด ลำคอตีบตัน อึดอัดจนผะอืดผะอม ความเครียดก่อตัวเป็นพายุลูกใหญ่ส่งผลให้ร่างกายที่เพิ่งฟื้นจากพิษไข้อ่อนล้ากว่าเดิม กระเพาะบิดตัวรุนแรงจนสุดท้ายก็ต้องวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องน้ำ กระเพาะขย้อนเอาของเก่าออกมาอยู่หลายรอบ กุมภ์หายใจแรงจนตัวโยน ก่อนจะไถลร่างลงกับพื้น

                ทำไมคนในครอบครัวถึงยอมรับตัวตนของเขาไม่ได้

                เขามันน่ารังเกียจจริงๆ...

 

                กุมภ์ออกจากบ้านตั้งแต่ก่อนหกโมงเช้า ทั้งที่วันนี้มีเรียนตอนเก้าโมง มาถึงมหาวิทยาลัยยังไม่เจ็ดโมงด้วยซ้ำ ร่วมอาทิตย์แล้วที่เขาได้พบกับบรรยากาศสงบ ผู้คนบางตา มีนักศึกษาไม่กี่คนที่มาเรียนแต่เช้าเหมือนเขา โต๊ะหินอ่อนใต้อาคารเรียนโล่งจนน่าใจหาย อันที่จริงเขาสามารถเลือกหลบอยู่ในร้านกาแฟดังข้างมหาวิทยาลัยก็ได้ แต่เขาชอบสัมผัสธรรมชาติมากกว่า คงเพราะความรู้สึกบางอย่างมันติดตัวนับตั้งแต่การผจญภัยครั้งนั้น

                มื้อเช้าง่ายหาได้จากร้านสะดวกซื้อ เขาไม่ใช่พวกกินยาก ถึงแม้ว่าตอนเด็กๆ แม่จะบ่นว่าเขาชอบอมข้าวก็เถอะ

                พูดถึงแม่ ห้าหรือหกวันแล้วที่เขาหลบหน้าท่าน ไม่ใช่แค่แม่ แต่กับพ่อก็ด้วย เขาขี้ขลาดเกินกว่าจะเจอหน้าใคร ถ้อยคำและแววตาของท่านยังติดอยู่ในความทรงจำ ถึงจะไม่ใช่ความโกรธเคืองแต่ก็ไม่ใช่ยินดี

                โทรศัพท์มือถือสั่นเบาๆ ในกระเป๋ากางเกง ใครบางคนยังตรงเวลาเสมอ เจ็ดโมงตรงจะต้องส่งสติ๊กเกอร์ทักทายพร้อมทั้งชวนพูดคุย พักหลังโหรใช้โทรศัพท์คล่องขึ้น พิมพ์ตอบโต้ได้เร็วซ้ำยังรู้จักหาแค็ปชั่นมาทำให้เขาลืมเรื่องทุกข์ใจได้

                สติ๊กเกอร์โคนี่ตัวขาวโบกมือทักทาย หลังจากนั้นก็เป็นการถามไถ่ โหรรู้ว่าเขาบอกกับแม่ไปแล้วว่าเป็นเกย์ และท่านทำท่าเหมือนจะรับไม่ได้ โหรให้กำลังใจ เชื่อว่าสักวันความรักที่แม่มีให้ลูกจะทำให้แม่ยอมรับเขาได้ แถมยังกำชับให้เขาเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน อย่าทำให้แม่ต้องเสียใจอีก แค่พูดมันก็ง่ายอยู่หรอก แต่เอาเข้าจริงแค่มองหน้าพวกท่านเขายังทำใจไม่ได้เลย

                คุยกันไม่นาน ไลน์ในกลุ่มก็ดังตามมา รชตเป็นคนเปิดจากนั้นคนอื่นๆ ก็ตามมาสมทบ เขาเปิดอ่านไปพร้อมกับกัดแซนด์วิชอบเข้าปาก พลัดกับดูดกาแฟแก้วละไม่กี่สิบบาท ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยกลับเข้าที่อีกครั้ง ความกระตือรือร้น ความวุ่นวายถามหาตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียนด้วยซ้ำ กิจกรรมโอเพ่นเฮาส์จะเริ่มในเดือนหน้า แต่ต้องมีการเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ แน่นอนว่ารุ่นพี่ปีสองอย่างพันนาต้องเข้าไปช่วยทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ เหมือนตัวเชื่อม หน้าที่เลยมากกว่าใคร ส่วนเขาได้แต่ช่วยห่างๆ เพราะไม่ถนัดกิจกรรมสักเท่าไร อย่างมากก็คงช่วยจัดบอร์ดหรือไม่ก็แจกใบปลิวประชาสัมพันธ์คณะ

                แต่คนที่น่าจะเรียกความสนใจได้มากกว่าใครคงจะเป็นชาร์ล หนุ่มลูกครึ่งรูปหล่อที่เกือบจะได้เป็นเดือนคณะเมื่อปีก่อน แต่เจ้าตัวสละสิทธิ์ตำแหน่งนี้เลยตกเป็นคน ‘อิฐ’ หนุ่มหล่ออีกคน

                คณะของพวกเขาค่อนข้างตึงเครียด กิจกรรมสนุกสนานอย่างพวกนิเทศฯ หรือสถาปัตย์ฯ ไม่ค่อยจะมีนัก ดังนั้นพอมีกิจกรรมทีเลยตื่นเต้นกันใหญ่ พันนากลับบ้านดึกแทบทุกวัน บ่นปวดหลังให้ฟังตลอด ร้อนถึงเด็กแสบต้องขโมยยาจากโหรส่งไปรษณีย์มาให้

                ไม่ใช่โหรที่รู้ความเป็นไปของพวกเขา จ้าวจอมก็ด้วย และดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพันนากับโหรจะพัฒนาไปด้วยเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าสองคนนั้นสนิทกันมากแค่ไหน แต่อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่าไม่ใช่พี่กับน้องแน่นอน

                “ไอ้กุมภ์ ทำไมหมู่นี้มึงมาเร็วนักวะ ปกติกูเห็นฉิวเฉียดทุกที”

                แรงกอดที่หัวไหล่พร้อมกับคำทักทายที่แสนจะเป็นกันเองดึงให้เขาหลุดจากโลกของโทรศัพท์มือถือ รชตนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ กัน พลางวางแก้วกาแฟจากร้านดังมีชื่อเจ้าของแก้วเขียนเอาไว้ด้วย

                “มึงก็มาเร็ว เดี๋ยวตื่นเร็วนะ ตั้งแต่ไปบวชมาเนี่ย” เขาแซว แต่ก่อนรชตจะเป็นคนสายที่สุดในกลุ่ม ทำอะไรเชื่องช้า ทว่าการได้บวชเรียนแม้จะเพียงแค่เดือนเดียวก็เปลี่ยนรชตได้ นอกจากจะตื่นเร็วยังมีสติมากขึ้นอีกด้วย

                “เคยชินว่ะ ถึงจะไม่มีเสียงไก่ขันก็เถอะ บางคืนกูก็ผวาตื่นกลัวพิกุลมาหา” รชตพูดติดตลก คิดว่าเรื่องของพิกุลจะอยู่ในความทรงจำของรชตตลอดไป

                “ว่าแต่มึงเถอะ รู้หรือเปล่าว่าพี่โหรจะมากรุงเทพฯ”

                “อะไรนะ? แค่ก แค่ก” กุมภ์เลักกาแฟ ต้องไอออกมาสองสามครั้งถึงดีขึ้น

                “อะไรวะ คุยกันทุกวันดันไม่ยอมบอก” รชตเลิกคิ้วสูง “พี่โหรไลน์ถามกูว่าคิวรถตู้มันจอดที่ไหน กูเลยบอกให้เขามาลงที่หมอชิตเลยเดี๋ยวกูไปรับ”

                “แล้วเขาจะมากรุงเทพฯ ทำไม” แม้จะเคืองที่โหรไม่เคยบอกว่าจะมากรุงเทพฯ แต่ความอยากรู้มันมีมากกว่า

                “มาหาพ่อมั้ง ก็เพิ่งรู้ว่าพ่อพี่โหรอยู่กรุงเทพฯ” รชตพูดเรียบๆ ก่อนจะดูดกาแฟของตัวเอง แล้วด่ำดิ่งกับโทรศัพท์มือถือ ทิ้งให้เขาอยู่กับความข้องใจเล็กๆ และเรื่องพ่อของโหร...

 

                กุมภ์พยายามถ่วงเวลากลับบ้านทุกวัน เขาจะเข้าบ้านหลังทุ่มตรงไปแล้ว บางวันก็เดินเรื่อยเปื่อยในห้างจนเกือบสองทุ่ม เพื่อที่จะไม่ได้ต้องเจอหน้าพ่อกับแม่ เป็นวิธีที่แย่และขี้ขลาด แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เขาไม่อยากเห็นแววตาแบบนั้นจากแม่หรือพ่ออีก มันเจ็บเหมือนโดนหนามทิ่มลงในหัวใจ โหรเคยบอกว่าต้องเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะนานแค่ไหน แต่ยิ่งนับวันความอึดอัด ความเครียดก็ยิ่งถาโถม แค่เข้าไปในบ้านเขาก็รู้สึกเหมือนถูกรัดด้วยเชือกที่มองไม่เห็น

                ไม่มีใครรู้ว่าเขาอาเจียนทุกคืน และหลับไปพร้อมกับอาการปวดร้าวรอบศีรษะ

                กุมภ์เดินตัดจากที่จอดรถไปยังหลังบ้าน ทางเดินเล็กและมืดไม่ใช่ปัญหาเพราะเขารู้จักบ้านหลังนี้ตั้งแต่เกิด ประตูบานเล็กแง้มเอาไว้ เพราะป้าจิ๋วยังไม่นอน เขามักจะเจอป้าจิ๋วง่วนอยู่กับการเก็บทำความสะอาดจานชามพร้อมกับพี่สวย สาวชาวพม่าที่มาทำงานได้หลายปีแล้ว

                “อ้าวน้องกุมภ์ กลับมาแล้วเหรอคะ กินอะไรหรือยัง เดี๋ยวพี่อุ่นพะโล้ให้เอาไหมคะ” พี่สวยที่หันมาเห็นเขาพอดีเอ่ยทัก พี่สวยอยู่ประเทศไทยมาเกือบยี่สิบปีแล้ว ทั้งสำเนียงและคำพูดเลยชัดชนิดที่ถ้าไม่บอกเชื้อชาติไม่มีทางรู้เลยว่าไมใช่คนไทย

                กุมภ์ส่ายหัว เขาแวะกินก๋วยเตี๋ยวข้างทางมาแล้ว “ขอบคุณครับพี่สวย ผมไปก่อนนะครับ”

                พี่สวยไม่ได้ตื้อถาม เช่นเดียวกับป้าจิ๋ว ทั้งคู่ยิ้มให้เขาแล้วหันกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

                พ่อกับแม่นั่งอยู่บนโซฟาเบื้องหน้าคือจอทีวีขนาดใหญ่ เสียงรายการประกวดร้องเพลงดังมากพอที่จะกลบเสียงฝีเท้าของเขาได้ กุมภ์งับประตูปิดเบาๆ ก่อนจะทิ้งทั้งกระเป๋าและตัวเองลงบนเตียงนอน มันอึดอัดเสียจนหายใจแทบไม่ได้ ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเขาคงขาดใจตายเสียก่อน บางทีเขาอาจจะขอย้ายออกไปอยู่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย หรืออาจจะเป็นคอนโดเดียวกับที่ชาร์ลอยู่

                โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นน้อยๆ กุมภ์ยกยิ้มอัตโนมัติ หนึ่งทุ่มครึ่งจะมีไลน์มารายงานว่าวันนี้กินอะไรเป็นมื้อเย็น กุมภ์เลื่อนเปิดอ่านข้อความ วันนี้โหรมีผัดกระเพราเนื้อที่ท่าทางจะเผ็ดน่าดู หมู่นี้โหรถ่ายรูปเก่งขึ้น แค่กระเพราราดข้าวยังดูสวยเหมือนอยู่ในร้านดัง นี่ถ้าไม่บอกคงคิดว่าโหรเรียนถ่ายรูปมาแน่ หรือไม่เจ้าตัวคงไปขอเทคนิคมาจากพันนา รายนั้นถ่ายรูปสวยยิ่งกว่าช่างภาพเสียอีก

                เขาเกือบจะพิมพ์ตอบกลับไปว่าน่ากิน ทว่านึกขึ้นมาได้ โหรยังไม่ได้บอกเขาเรื่องมากรุงเทพฯ แถมวันนี้เขาเรียนหนักจนเพิ่งมีเวลาจับโทรศัพท์ แต่ก่อนที่จะพิมพ์ถามไป เสียงเคาะประตูก็ดึงขึ้นเสียก่อน

                “กุมภ์...แม่เอง”

                ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดจนชวนอาเจียนวนลูปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คราวนี้มันยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่า เบื้องหน้าของเขาคือร่างของผู้ให้กำเนิด ภายในห้องเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง มันไม่ได้เต้นเร็วหากแต่เชื่องช้าและแผ่วเบาอย่างผิดปกติ เขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะคำด่าทอ ต่อว่าหรือแม้แต่การไล่ส่งเขาก็ยินดีรับมัน

                กุมภ์นั่งบนพื้นพรมขณะที่แม่นั่งบนเตียง หลายปีแล้วที่แม่ไม่ได้เข้ามาหาถึงห้อง คงตั้งแต่เขาเลิกกลัวเสียงฟ้าร้องกระมัง เท้าของแม่เล็กแต่เขารู้ว่าแม่ผ่านอะไรมาบ้าง รูปร่างที่ยังคงผอมบางไม่เปลี่ยน แม่ของเขาเป็นคนสวย สมเป็นลูกสาวผู้ดีเก่า คุณทวดเคยเห็นข้ารับใช้ในวัง ได้แต่งงานกับนายทหารใหญ่ ตอนแต่งงานเลยได้ที่ดินผืนใหญ่เป็นสินสมรส และกลายเป็นบ้านหลังนี้ในที่สุด

                ไม่ใช่แค่ความสวย แต่ความงดงามทางมารยาทแม่ยังได้รับการถ่ายทอดมาจากคุณทวดอีกด้วย แต่คุณทวดจากไปก่อนที่เขาจะเกิด เลยมีโอกาสได้เห็นแค่รูปถ่ายในห้องพระเท่านั้น

                กุมภ์กล้ามองแค่เท้าของแม่เท่านั้น เวลาผ่านไปนานจนขาเริ่มปวดหนึบจากท่านั่งที่ไม่สบายนัก แต่เพียงแค่เขาขยับตัว แม่ก็พูดขึ้น

                “ขึ้นมานั่งกับแม่สิ ไปนั่งบนพื้นทำไม”

                น้ำเสียงของท่านอ่อนโยนไม่เปลี่ยน แต่นั่นยิ่งทำให้รู้สึกแย่ กุมภ์ยืดตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียงข้างมารดา ฝืนใจเงยหน้ามองท่าน นึกดีใจที่อย่างน้อยก็ไม่ได้เห็นดวงตาสั่นคลอนเหมือนวันก่อน

                “ผอมลงหรือเปล่า” ท่านถาม ฝ่ามืออบอุ่นลูบลงไปที่แผ่นหลัง “แม่เป็นห่วงรู้ไหม”

                “ผมขอโทษครับ” กุมภ์พึมพำ

                “กุมภ์” เสียงของแม่แผ่วเบา มือเล็กลูบเลยขึ้นมาบนศีรษะ “ทำไมเพิ่งมาบอกแม่”

                “ครับ?”

                “ทำไมเพิ่งมาบอกแม่ว่าเป็น...เกย์”

                กุมภ์ถอนหายใจ เรื่องอย่างนี้มันง่ายเสียที่ไหนกัน จริงๆ แล้วเขาไม่อยากบอกใครเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจจะเก็บมันเป็นความลับไปตลอดชีวิต แต่กลับปิดโหรไม่ได้ รายนั้นแค่มีเพื่อนเป็นเกย์ก็รู้เสียแล้ว

                “ผมไม่รู้จะบอกยังไง แล้วผมก็ไม่อยากถูกพ่อกับแม่รังเกียจ” กุมภ์บอก กระบอกตาร้อนผ่าว โพรงจมูกแสบร้อน ลำคอตีบตัน ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด และอยากจะอาเจียน อาการเหมือนคืนนั้นไม่มีผิด เป็นความทรมานที่คงไม่มีวันหาย

                “แล้วทำไมแม่ต้องรังเกียจลูกตัวเอง” ปลายนิ้วที่ลูบเส้นผมเลื่อนลงมาที่ใบหน้า ฝ่ามืออบอุ่นประคองสองแก้มเอาไว้ ดวงตาของผู้เป็นแม่เต็มไปด้วยความห่วงใย “แม่ขอโทษที่ทำให้ลูกเสียใจ คืนนั้นแม่แค่ตกใจ...แล้วที่ถามก็เพราะว่าลูกบอกแม่ช้าไป แม่น่ะคิดว่าลูกกับหนูปรางค์...”

                “ปรางค์เป็นเพื่อนที่ดีครับ” กุมภ์แทรกขึ้นก่อนที่ท่านจะพูดจบ เอียงหน้าซบลงกับฝ่ามืออุ่น

                “กุมภ์...แม่รักลูกนะ ถึงกุมภ์จะ...ชอบผู้ชาย” ปลายเสียงของท่านแผ่วเบาและสั่นเครือ คล้ายกำลังกลั้นสะอื้น “...แม่ก็รับได้”

                “แม่...ครับ”

                กุมภ์สอดมือรัดรอบเอวบางซุกหน้าลงกับอกอุ่น น้ำตาไหลผ่านแก้มง่ายดาย อคติขุ่นข้องทั้งหลายถูกทำลายลงเพียงแค่คำว่ายอมรับจากคนที่รักที่สุด อาการคลื่นไส้หายราวกับได้รับยาวิเศษ มือเล็กๆ ที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เกิดโอบกอดกลับ ไม่มีถ้อยคำหวานซึ้งระหว่างแม่ลูก คงมีแค่สายใยและความเข้าใจที่สื่อถึงกัน

                ถึงไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยาก แค่ต้องใช้เวลาและกำลังใจเท่านั้นเอง...

 

                “อือ แม่ยอมรับเรื่องที่ผมเป็นเกย์แล้ว แต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องพี่หรอกนะ”

                ‘ไม่เป็นไร เอาไว้พร้อมแล้วค่อยบอกก็ได้’

                “พี่ไม่โกรธนะ”

                ‘ผมโตพอที่จะรู้ถึงความสำคัญของเวลา แค่ยอมรับได้ แม่คุณก็เก่งมากแล้ว ให้เวลาท่านอีกสักหน่อยจะดีกว่า’

                กุมภ์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย แค่นี้แม่ก็เก่งมากแล้ว ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้มแข็งผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก รอยยิ้มไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าแม้ว่าจะผ่านช่วงเวลาแห่งความทรงจำไปพักใหญ่แล้ว แม่ได้คาดคั้นถามถึงเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเป็นเกย์ ที่จริงแล้วต้องบอกว่าแม่ไม่ได้ถามอะไรเลย ท่านแค่กอดเขาไว้และช่วยเช็ดน้ำตา แค่รอยยิ้มอ่อนโยนและอ้อมกอดที่อบอุ่นแค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว

                ‘แล้วคุณจะบอกกับพ่อเมื่อไร’

                กุมภ์กำลังจะให้คำตอบ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าโหรยังไม่ได้เล่าเรื่องที่จะเข้ากรุงเทพฯ มาหาพ่อ เขาไถลตัวลงมานอนหนุนหมอนหลังจากกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่หลายนาที ที่มุมเล็กๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ มีภาพใบหน้าของผู้ชายที่เขาคิดถึง ดวงตาคมใหญ่ดูเหมือนจะเด่นที่สุด                 ถึงภาพการเคลื่อนไหวจะติดๆ ขัดๆ ไปบ้าง แต่มันก็ช่วยให้ความคิดถึงคลายลงไปได้ไม่น้อย ทว่าเหนือความคิดถึงคืออาการคาใจที่ติดค้างมาตั้งแต่เช้า นี่ถ้าหากรชตไม่บอกเขาก็ไม่มีทางรู้

                “พี่จะมากรุงเทพฯ เหรอ”

                คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ความแปลกใจปรากฏใบบนหน้าแต่เพียงแค่ชั่วลมหายใจเดียวก็กลับมาเป็นปกติ ‘ชตบอกเหรอ’

                “ใช่ ไม่คิดจะบอกกันเลยเหรอ” จู่ๆ เขาก็เกิดน้อยใจขึ้นมา ความดีใจเมื่อครู่ลดลงรวดเร็ว

                ‘ผมเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร’

                “มาหาพ่อ ไม่ใหญ่เลยเหรอ” กุมภ์อดประชดไม่ได้ ทีกับรชตกลับเล่าให้ฟัง แถมยังจะไปรับกันด้วย แต่กับเขาแค่บอกสักคำยังไม่มี “แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”

                ‘น้อยใจเหรอเด็กน้อย’

                “ใครเด็กน้อย!” กุมภ์เผลอขึ้นเสียง ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้างอใส่อีกคน “ผมจะยี่สิบแล้ว ไม่ใช่เด็ก!”

                ‘เออจริงสิ วันเกิดคุณเดือนกุมภาฯ นี่นา ปีหน้าก็ยี่สิบเต็ม’ โหรพูดไปยิ้มไป ‘ถ้าอย่างนั้นผู้ใหญ่อายุยี่สิบฟังผมนะ ที่ไม่ได้บอกเพราะไม่อยากให้วุ่นวาย แค่เรื่องที่บ้านคุณก็คิดมากพอแล้ว’

                “ไม่ได้วุ่นวาย ผมไปรับพี่ได้” กุมภ์บอก ไม่ใช่แค่น้อยใจตอนนี้ยังอยากเอาแต่ใจตัวเองด้วย “ให้ผมไปรับพี่นะ”

 (มีต่อ)               

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด