ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ไพรพิศวง : [ตอนที่ 32 : ยังไม่จบ(อวสานภาค1)] 02/06/2563  (อ่าน 65383 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
จร้าาาา

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
กลับไปบ้านคราวนี้พี่โหรคงไม่เป็นอันกินอันนอน

ออฟไลน์ Pe_no

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 375
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ร้อนแรง  :mew2:

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3

ออฟไลน์ Gimlongdeep

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :katai1:  :ling1: แง้ๆๆๆ กุมภ์์์์์์์คนเปล่ายั่ว55555555. พี่โหรโซเดมฮอตมากค่ะะ

ออฟไลน์ cho_co_late

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 337
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
กุมภ์เปล่ายั่วเลยจ่ะ แค่อยากจับกล้ามพี่โหรร
นี่ขนาดแค่นี้ยังโซฮอต ถ้าไปขั้นสุดเมื่อไหร่คง freaking hot 55555

ตอนนี้ฟีลกู้ดจัง อยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยยยๆ ขอให้ปรางค์ตัดใจได้ไวๆ

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ติดตามจ้า สนุกมากเรื่องนี้

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ arm20436

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :impress2: ไม่ได้เข้าเล้ามานานมาก เห็นในทวิตเตอร์มีริวิวไว้เลยตามมาอ่าน เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนนะครับ :mew1: รีบมาต่อน้าาา :z13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
ตอนที่ 30 คบเด็กสร้างบ้าน

            โหรกลับบ้านไปได้หลายวันแล้ว โดยมีคนรักหนุ่มไปส่งถึงคิวรถตู้ ใจจริงกุมภ์อยากจะไปขับรถไปส่งให้ถึงบ้าน แต่ติดตรงที่มีเรียนเลยต้องหักใจแล้วมานั่งทำหน้าเป็นหมาหงอยในห้องเรียนแทน

                เรื่องที่กุมภ์กับโหรคบหากันไม่ใช่ความลับ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้ ในกลุ่มของพวกเขาไม่มีใครรังเกียจความรักระหว่างเพศเดียวกันอยู่แล้วแม้แต่คะนิ้งอดีตสาวสังคม ที่ตอนนี้ผันตัวเป็นสาวน้อยจิตอาสาไปเสียแล้ว คงเหลือแค่ปรางที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำใจยอมรับได้หรือยังว่าผู้ชายที่ตัวเองชอบดันไปชอบผู้ชายคนอื่นเสียแล้ว แต่พอก็จะเดาได้ว่าสถานการณ์คงจะดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะเขาไม่เห็นเธอมาปรากฏตัวอีกเลยนับตั้งแต่คืนนั้น

                พันนาหมุนปากกาในมือเล่น ขณะที่อาจารย์ทำหน้าที่อยู่หน้าห้อง คำบรรยายเข้าหูซ้ายทะลุออกหูขวา แต่อาการของเขายังดีกว่าไอ้กุมภ์เยอะ

                ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ของโหรกับกุมภ์หรอกที่กำลังพัฒนา เขาเองก็เช่นกันมิหนำซ้ำยังเกิดกับเพศเดียวกันอีกด้วย คิดแล้วก็น่าขำ ชีวิตนายพันนาที่มีแฟนเป็นผู้หญิงมาตั้งแต่มัธยมต้นกำลังรู้สึกดีกับเด็กผู้ชายหัวเกรียนแถมนิสัยยังเกรียนผมกับเส้นผม

                จริงอยู่ที่เขาไม่เคยปิดกั้นเรื่องของเพศที่สาม แต่ก็ไม่เคยมีใจให้ผู้ชายคนไหน แม้จะมีสาวเทียมมาจีบบ้างทว่าก็ไม่ได้สนใจ แล้วจู่ๆ ความรู้สึกก็ดันไปเกิดขึ้นกับเด็กดื้อที่ชื่อว่าจ้าวจอม

                จ้าวจอมเป็นเด็กหัวเกรียนอายุเพิ่งจะ 18 ปี เรียนมัธยมปลายต่างจังหวัด นิสัยไม่ต้องพูดถึง เป็นผู้ชายเต็มร้อย ซนยิ่งกว่าลิง คำพูดคำจาบางครั้งก็หมั่นไส้จนอยากจะดีดกะโหลกเกรียนๆ สักทีสองที แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันเขาถึงได้สนใจเด็กคนนี้ขึ้นมา รู้ตัวอีกทีก็หยุดคิดถึงไม่ได้แล้ว

                พันนาเผลอยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงบทสนทนาล่าสุด จ้าวจอมบ่นว่าช่วงนี้เรียนหนักเพราะต้องการจะมาเรียนที่เดียวกับเขา แถมยังคณะเดียวกันอีกด้วย คงอยากจะความรู้ด้านกฎหมายมาช่วยชาวบ้านที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ซึ่งเขาก็เห็นด้วย ถึงทนายความจะตัวเล็กไปหน่อยก็เถอะ จ้าวจอมไม่ใช่คนตัวสูง เพราะอายุ 18 แล้ว มีโอกาสพัฒนาความสูงได้อีกไม่แค่กี่เซนติเมตร ถึงอย่างนั้นก็ไม่คงถึง 175 ดีหน่อยที่ได้เตี้ยถึงขนาดต้องสอยมะเขือกิน

                ครั้งล่าสุดที่เจอกัน ดูเหมือนว่าจะสูงขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็แค่นิดเดียว หัวเกรียนๆ ยังถึงแค่ครึ่งใบหูของเขาอยู่เลย จ้าวจอมมากับรถบัสคันใหญ่ที่ทางโรงเรียนจัดให้ สวมเครื่องแบบนักเรียน สะพายกระเป๋าเป้สีดำเดินมาพร้อมกับเพื่อนๆ น่าแปลกที่เขาสามารถหาจ้าวจอมเจอภายในเวลาอันรวดเร็วถึงแม้จะมีเด็กร่วมพันคน และแน่นอนว่าเขาเก็บภาพจ้าวจอมไว้มากกว่าใคร น่าเสียดายที่ได้เจอกันแค่วันเดียว แถมยังไม่ได้พาเด็กหัวเกรียนไปกินบิงซูตามที่เจ้าตัวบ่นว่าอยากกินเลย เมื่อคืนเขาลองนับนิ้วดูเล่นๆ อีกไม่กี่เดือนจ้าวจอมก็จะจบชั้นมัธยม และถ้าโชคดีก็อาจจะได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันกับเขา และได้เป็นพี่น้องคณะเดียวกัน แค่คิดว่าจะมีรุ่นน้องแสบซนอย่างจ้าวจอมก็สนุกจนแทบรอไม่ไหวเสียแล้ว

                “ยิ้มอะไรวะ”

                ข้อศอกแหลมของรชตกระทุ้งเข้าที่สีข้างแบบไม่จริงจังนักแต่ก็ทำให้สะดุ้งได้ เขาหันไปมองพลางส่ายหน้าปฏิเสธ ใครยิ้ม...ใครจะไปยิ้มคนเดียวได้นอกจากคนบ้าเท่านั้นแหล่ะ

                “กูว่าหมู่นี้มึงแปลกๆ นะ เหมือนคนมีแฟน” รชตยังไม่เลิก กระซิบถามพร้อมกับสายตาจับพิรุธ

                “ห่วงตัวเองเถอะมึงอ่ะ” เขากระซิบกลับ พอจะรู้อยู่บ้างว่าตอนนี้รชตปรางค์ไม่ใช่แค่คนรู้จักกันทั่วไป ไม่ใช่เพราะสัมผัสที่หกอย่างเมื่อคราวผีพิกุล แต่เรียกว่าเซนส์ของผู้ชายต่างหาก

                “อะไรวะ” รชตหรี่ตามองด้วยความสงสัย

                “คืนนั้นมึงหายไปกับปรางค์ไม่ใช่เหรอวะ”  พันนากระซิบตอบ ขณะที่สายตาจับจ้องไปเบื้องหน้าทำทีเป็นสนใจบทเรียนที่อาจารย์กำลังบรรยาย

                “คะ..คืนไหน”

                พันนาอยากจะขำให้ฟันหัก เมื่อกี้ยังไล่บี้เขาอยู่เลยพอถูกสวนกลับบ้างทำมาเป็นอึกอัก “มึงเป็นเพื่อนกูนะ ทำไมต้องปิดบัง”

                “ปิด..ปิดบังอะไร ไม่มี๊!”

                เพราะเสียงปฏิเสธที่สูงผิดปกติแถมยังดังแทรกกับอาจารย์ทำให้ทั้งห้องหันมามอง รวมทั้งอาจารย์ด้วย รชตเบิกตากว้างหน้าตาเลิกลั่กรีบกล่าวขอโทษอาจารย์และคนอื่นๆ ก่อนจะหันมาใช้สายตาขู่อาฆาตใส่

                พันนาส่ายหน้าไม่ได้นึกกลัวเลยสักนิด พลางยกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองด้วยความเคยชิน ช่วงสามสี่เดือนมานี้เขาเริ่มจะชอบการจับเส้นผมตัวเองเล่น เหมือนเป็นการสำรวจไปด้วยว่ามันยาวแค่ไหนแล้ว จำได้ว่าเปิดเทอมวันแรกเขากับรชตถูกถามชุดใหญ่ว่าไปทำอะไรมาผมกับคิ้วถึงได้โล้นเตียนขนาดนี้ เขาไม่เคยเล่าอะไรให้ใคร ได้แต่บอกไปว่าอยากบวชสงบจิตใจ หลายคนทำหน้าไม่เชื่อเพราะก่อนหน้านี้ทั้งเขาและรชตไม่เหมือนพวกสนใจในธรรมะเลยสักนิด แต่จู่ๆ เกิดหันหน้าเข้าหาพระธรรมถึงขนาดโกนหัวบวช แต่ก็ยอมรับว่าระยะเวลาเพียงสั้นๆ ที่ได้อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ จิตที่เคยฟุ้งซ่านมันสงบขึ้นมาก ยกเว้นตอนนี้

                เขาปล่อยให้เด็กสิบแปดเข้ามามีอิทธิทั้งความคิดและการกระทำตั้งแต่เมื่อไรกัน อันนี้ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ รู้ตัวอีกเขาเอาแต่คิดถึงหัวเกรียนกับเสียงกวนๆ ของจ้าวจอมเสียแล้ว ใครจะไปคิดว่ายอดชายอย่างนายพันนาจะมานั่งคิดถึงเด็กวัยสิบแปด แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย หากไปเล่าให้ใครฟังก็คงจะพากันขำ หรือบางคนอาจจะเบือนหน้าหนีคิดว่าเขาเป็นพวกผิดเพศ

                ผิดเพศ?

                คำนี้เหมือนเข็มเล็กๆ ทิ่มใจเหมือนกัน เขาไม่เคยคบเพศเดียวกันเป็นแฟน ตลอดเวลาก็คบกับผู้หญิงมาโดยตลอด ไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้เขาเกิดสนใจจ้าวจอมขึ้นมาได้ หากความสัมพันธ์จะพัฒนาไปถึงขั้นที่เรียกว่าคนรัก เชื่อเหลือเกินว่าต้องเจอกับภูเขาลูกใหญ่ที่เรียกว่าปัญหาแน่นอน

                พอคิดมาถึงจุดนี้ก็นึกชื่นชมพี่โหรกับกุมภ์ขึ้นมาทันที สองคนนี้ก้าวผ่านปัญหานั้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ครอบครัวของกุมภ์ยอมรับ ขณะที่พี่โหรเองก็ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอมทำงานรับราชการเพื่อทำให้พ่อแม่ของกุมภ์มั่นใจว่าจะดูแลกุมภ์ได้ แต่เขาเชื่อว่าถึงพี่โหรไม่ได้รับราชการก็สามารถดูแลกุมภ์ได้ อีกอย่างกุมภ์เองก็ไม่ได้บอบบางถึงขนาดต้องพึ่งพาใคร

                แล้วเขาล่ะ พ่อกับแม่ด้วย จะยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับจ้าวจอมได้ไหม ถึงพ่อจะพอเอ็นดูจ้าวจอมอยู่บ้างแต่คงไม่มากถึงขนาดรับเป็นลูกสะใภ้ได้ง่ายๆ

                ลูกสะใภ้? ไอ้บ้าเอ๊ย! นี่คิดไปถึงไหนกัน

                พันนาขยี้ผมตัวเองแรงๆ รู้สึกว่าตอนนี้มันจะยาวเกือบจะเท่าปกติ ส่วนคิ้วเขาเลิกห่วงนานแล้วเพราะมันขึ้นเต็มตั้งแต่เดือนแรก ก่อนที่จะถึงพ่อกับแม่เขาต้องจัดการกับความคิดถึงนี้ให้ได้เสียก่อน...

 

                ความคิดถึงห้ามกันไม่ได้ มันคือเรื่องจริง

                เขาพลิกตัวกลับไปกลับมากระสับกระส่ายมาเกือบชั่วโมงแล้ว ทั้งทีร่างกายอ่อนล้าเพราะงานของคณะรุมเร้าทุกวัน แต่พอหัวถึงหมอนแทนที่จะหลับ มันกลับเอาแค่คิดถึงจ้าวจอม

                เด็กนี่ก็เหมือนแกล้งกัน ปกติแล้วจะต้องโทรมากวนบาทาเขาทุกคืนก่อนนอน แต่วันนี้กลับเงียบสนิท เขาส่งข้อความไปก็ไม่มีวี่แววว่าจะเปิดอ่าน ครั้นจะโทรไปก็เกรงใจเพราะตอนนี้มันใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว จ้าวจอมต้องนอนไม่เกินสี่ทุ่ม เนื่องจากบ้านอยู่ไกลโรงเรียน ต้องตื่นให้ทันรถสองแถวที่มีเพียงแค่สองเที่ยวต่อวัน เที่ยวแรกคือตีห้าครึ่ง เที่ยวที่สองคือห้าโมงเย็น หากสายกว่านั้นต้องหารถไปเอง เขาเคยถามว่าทำไมจ้าวจอมไม่ซื้อมอเตอร์ไซค์สักคันเหมือนที่เด็กวัยรุ่นทั่วไปใช้กัน ได้คำตอบมาสั้นๆ ง่ายๆ เข้าใจได้ว่า ‘เปลือง’

                จริงๆ แล้วฐานะทางบ้านของจ้าวจอมก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไรนัก อาชีพเกษตรไม่ได้เลวร้ายนัก พอมีกินมีใช้และมีเก็บ ไหนจะรายได้พิเศษที่จ้าวจอมหามาอีก เคยได้ยินมากว่างวดหนึ่งๆ ร่วมหมื่นบาท หรือเกินกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่จ้าวจอมก็ไม่เคยใช้จ่ายเงินสิ้นเปลือง คงเป็นเพราะการสั่งสอนของครอบครัวเลยทำให้จ้าวจอมใช้เงินเป็น หรือจะเรียกให้ถูก ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ใช้

                หลังจากทนความฟุ้งซ่านกระวนกระวายใจไม่ไหวก็ต้องลุกขึ้นมาเปิดไฟที่หัวเตียง คว้าโทรศัพท์มือถือมาดู ไลน์ยังคงเงียบเหมือนเดิมเลยตัดสินใจไปที่อีกแอพพลิเคชั่น

                เฟซบุ๊กของจ้าวจอมไร้การเคลื่อนไหว ล่าสุดคือเมื่อวานนี้เป็นรูปที่เจ้าตัวถ่ายกับเพื่อนสนิทอีกสองคน แต่รูปถ่ายที่มีคนแท็กมาให้ต่างหากที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้จ้าวจอมกำลังทำอะไรและอยู่กับใคร

                ‘บิงซูอร่อยมากเลย ไว้มากันอีกนะ’ เมื่อ 2 ชั่วโมงที่แล้ว

                ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของเด็กสาวผมสั้นแค่คอ ดวงตากลมเป็นประกาย ริมฝีปากสีสวย เกือบจะติดกับใบหน้าของใครอีกคน

                มือที่จับโทรศัพท์มือถือบีบแน่นขึ้น จากไม่ง่วงยิ่งตาสว่างกว่าเดิม ไหนจะบรรดาคอมเมนท์ร่วมร้อยที่บอกไปในทางว่าสองคนนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนหรือคนรู้จัก เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบแทบจะทุกคอมเมนท์แต่จ้าวจอมไม่ตอบเลยเพียงแค่กดถูกใจรูปเท่านั้น

                เด็กผู้หญิงชื่อน้ำหวาน เคยเห็นเข้ามาเมนท์เฟซบุ๊กของจ้าวจอมบ้างเหมือนกัน ตอนแรกเขาไม่ได้สนใจแต่ตอนนี้เขานึกหงุดหงิดยัยเด็กที่ชื่อน้ำหวานตงิดๆ แล้ว

                หัวคิ้วค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน ความไม่พอใจก่อตัวเงียบๆ ในอก อยากจะโทรไปถามว่าทำไมต้องถ่ายรูปใกล้กันขนาดนี้ ไหนจะข้อความจากเพื่อนๆ เป็นเชิงเย้าแหย่ว่าทั้งคู่กำลังจีบกัน

                พันนาวางโทรศัพท์ลง ใช้ธรรมมะที่ศึกษามาข่มความร้อนในอก นานเกือบห้านาทีกว่าความรู้สึกจะสงบลง สติมาปัญญาก็เกิด เขาไม่ควรโทรไปโวยวายใส่จ้าวจอม เพราะตอนนี้สถานะของพวกเขายังไม่ชัดเจน ดีไม่ดีอาจจะมีแค่เขาคนเดียวที่คิดเกินเลย ยอมรับว่าบางครั้งเขาก็หลงลืมไปว่าจ้าวจอมเป็นเด็กผู้ชาย เขาเองก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้ว วัยรุ่น วัยที่ฮอร์โมนพุ่งพล่าน ความต้องการมันมีมากไปหมด บางทีจ้าวจอมอาจจะอยากมีแฟนเป็นผู้หญิงก็ได้

                “เฮ้อ”

                พันนาถอนหายใจทิ้งหนักๆ เอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ระลึกถึงธรรมมะแล้วข่มตาให้หลับ ซึ่งกว่าจะหลับจริงๆ ก็เกือบจะตีสองแล้ว…

 

                เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกให้คนที่หลับใหลสะดุ้งตื่น มือหนาควานหาโทรศัพท์โดยอัตโนมัติ เพราะสติที่ยังไม่เต็มร้อยทำให้ไม่ทันได้คิดว่ามันเป็นเสียงของโทรศัพท์บ้านไม่ใช่มือถือ กว่าจะคลำหากระบอกโทรศัพท์เจอก็เล่นเอาแทบจะหายมึน

                “ครับ...”

                “คุณพันครับ มีเด็ก...เอ่อ ผู้ชายมาหาครับ”

                “เด็กผู้ชาย....”

                พันนาใช้เวลาตั้งสติอยู่สองสามวินาที ถึงจะจำได้ว่าคนที่โทรมานั้นคือยามหน้าคอนโด ส่วนเด็กผู้ชายที่ว่าเขาคิดไม่ออกจริงๆ เพราะไม่มีญาติที่อยู่ในวัยที่เรียกว่าเด็ก ซ้ำยังไม่เคยมีญาติคนไหนบุกมาหาถึงคอนโดในกรุงเทพฯ มาก่อนอีกด้วย

                “ครับ...เอ็งชื่ออะไรนะ” ประโยคหลังดูเหมือนว่าพี่ยามจะหันไปถามเด็กคนนั้น เขาถือกระบอกโทรศัพท์พร้อมปิดตาลงเพราะความง่วงเริ่มจะครอบงำอีกแล้ว “...ชื่อจ้าวจอมครับคุณพัน”

 

                เด็กผู้ชายชื่อจ้าวจอมตอนนี้กำลังนั่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวี ดวงตากลมใสต้องมองภาพในนั้นขณะที่มือหยิบมันฝรั่งทอดยี่ห้อดังเข้าปากสลับกับดูดน้ำอัดลมสีดำ เส้นผมที่เคยเห็นเมื่อหลายเดือนก่อนตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ย้ำว่าเล็กน้อย แค่ไม่ได้สั้นเตียนติดหนังหัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความน่ารักลดน้อยลง

                น่ารัก? ตลกชะมัด เขากล้าใช้คำนี้กับเด็กผู้ชายได้อย่างไรกัน

                ตั้งแต่บุกมาหาแบบไม่บอกไม่กล่าว จนถึงตอนนี้จ้าวจอมยังไม่บอกเลยว่ามาหาเขาทำไม คงไม่ใช่แค่มานั่งดูซีรีส์ถึงกรุงเทพฯ หรอกกระมัง

                พันนาถอนหายใจ ความคิดถึงที่ท้วมท้นลดลงไปบ้างก็จริงได้แค่ความหงุดหงิดที่มีตั้งแต่เมื่อคืนมันดันเกิดขึ้นอีกรอบ คันปากอยากจะถามเหลือเกินว่าเด็กที่ชื่อน้ำหวานนั่นเป็นใคร มีความสัมพันธ์ถึงขั้นไหนกันแล้ว แต่คำว่า ‘เส้น’ มันกั้นเอาไว้

                เขากับจ้าวจอมยังไม่ได้เป็นอะไรกัน มีเส้นที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้ เขายังไม่อาจข้ามเส้นนั้นไปได้ จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนกว่านี้

                “อย่าบอกนะว่าที่ลงทุนมาถึงกรุงเทพฯ แค่อยากจะมาดูซีรีส์น่ะ”

                จ้าวจอมเบือนหน้าจากจอทีวีมาทางเขานิดหน่อย ไหวหัวไหล่เล็กน้อย “เปล่า”

                “พ่อกับแม่รู้หรือเปล่า”

                “รู้สิ ไม่รู้จะยอมให้มาเหรอ” จ้าวจอมบอก พลางยกห่อมันฝรั่งทอดเทใส่ปาก ห่อแรกหมดไปภายในเวลาแค่ห้านาที มือขาวยื่นไปดึงมาอีกถุง แต่ก่อนที่จะหยิบเข้าปากเขาคว้าข้อมือเล็กกว่าเอาไว้ จ้าวจอมหันมามองขมวดคิ้วไม่พอใจ “จะกินขนม”

                “หิวก็กินข้าว กินแบบนี้เมื่อไรจะอิ่ม”

                “ก็....ไปไม่ถูก” ริมฝีปากเล็กมันวาวเพราะขนมขยับน้อยๆ ผิวขาวแถวโหนกแก้มแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย

                พันนาหัวเราะหึๆ “หิวก็บอกว่าหิว เดี๋ยวพาไปกิน รอแป๊บขออาบน้ำก่อน”

                จ้าวจอมพยักหน้าหงึกหงัก เก็บซองขนมลงในถุงพลาสติกใบใหญ่ที่เดาว่าน่าจะซื้อมาจากเซเว่นหน้าคอนโด

                พันนาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสิบห้านาที นับว่าเร็วที่สุดตั้งแต่จำความได้ เหลือบดูนาฬิกาสีดำบนข้อมือที่เพิ่งคาดเสร็จ เกือบจะสิบโมงครึ่งแล้ว จ้าวจอมมาถึงคอนโดใกล้สิบโมง มีเป้มาหนึ่งใบและถุงขนม ตอนที่ลงไปรับหน้าป้อมยามเขายังไม่อยากจะเชื่อว่าจ้าวจอมจะมาหาถึงกรุงเทพฯ ไอ้ดีใจก็ดีใจอยู่หรอก แต่แปลกใจมากกว่า

                พอออกมาจากห้องจ้าวจอมก็นอนคุดคู้บนโซฟาแล้ว เขาก้มหน้ามองไอ้เด็กดื้อที่เข้ามารบกวนความคิดอยู่นานหลายเดือน ใบหน้าขาวสะอาดค่อนข้างใส ผิวแก้มเนียนเหมือนผู้หญิง เปลือกตาบางปิดดวงตากลมขนตายาวพอประมาณ คิ้วเรียงสวยไม่หนาไม่เข้มเกินไป จมูกโด่งแต่รั้น เคยได้ยินมาว่าคนจมูกแบบนี้จะดื้อซึ่งเขาเห็นด้วย ริมฝีปากอิ่มสีสด ถ้าหากจับแต่งตัวหล่อๆ ตัดผมเท่ห์ๆ รับรองว่าจ้าวจอมหล่อเป็นนายแบบวัยรุ่นได้ทีเดียว แต่ผมเกรียนๆ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ความน่ารักมันจะได้ไม่มากไปกว่านี้

                เขาสะกดหัวไหล่จ้าวจอมเบาๆ แค่สองทีเด็กดื้อก็ลุกพรวดขึ้น กระพริบตารัวๆ ใบหน้ามึนงงดูน่าแกล้งน่าหยิกพิกุล แต่เชื่อเถอะถ้าเขาหยิกไปจริงๆ มีหวังโดนไอ้เด็กนี่กัดหูแน่นอน

                “ไปกินข้าวกัน”

 (มีต่อ)               

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
จ้าวจอมไม่คัดค้าน ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าเงินแล้วเดินตามมาออกมา เขาเพิ่งสังเกตว่าจ้าวจอมท่าทางอ่อนเพลียอยู่ไม่น้อย ซึ่งพอมาคิดทบทวนให้ดี จ้าวจอมมาถึงคอนโดตอนใกล้สิบโมง น่าจะออกเดินทางตั้งแต่ตีห้ากว่ามาถึงกรุงเทพฯ เขาพาจ้าวจอมออกมารอลิฟต์เพราะถึงจะแข็งแรงแค่ไหน แต่จะให้เดินลงบันไดยี่สิบชั้นคงไม่ไหว เพื่อนร่วมชั้นออกมารอลิฟต์กันหลายคน จ้าวจอมเปิดปากหาวยังไม่รักษาความน่ารัก เขาส่ายหน้าทั้งเอือมทั้งเอ็นดู อยากจะยกมือขยี้ผมสั้นๆ เกรียนๆ แต่ก็เกรงสายตาคนอื่น ที่สำคัญเขากลัวว่าไอ้ตัวแสบมันกระโดดบีบคอเอา พอลิฟต์เปิดเขาก็เดินเข้าไปก่อน แต่ชั่วจังหวะหนึ่งจ้าวจอมถูกผู้หญิงเบียดจนเซ ดีที่เขาคว้าแขนไว้ได้ทัน เธอหันมาขอโทษขอโพยยกใหญ่ จำได้ว่าเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ห้องถัดไป แถมยังเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน จ้าวจอมส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ก่อนจะก้มมองมือที่จับต้นแขนอยู่

                “ปล่อยได้แล้วน่า ไม่เป็นอะไรสักหน่อย”

                พันนาเกือบจะปล่อยตามที่จ้าวจอมบอก แต่เลื่อนมากุมมือเล็กกว่าเอาไว้แทน จ้าวจอมทำท่าจะดึงมือออก แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจู่ๆ ก็ยอมอยู่เฉยๆ แถมยังขยับมาใกล้จนหัวไหล่เบียดกันอีกด้วย

                พันนารอให้คนออกจากลิฟต์ไปก่อนแล้วค่อยจูงมือจ้าวจอมออกมา ตลอดทางเดินจนถึงเข้าไปในรถมือทั้งคู่ไม่ได้คลายออกจากกันเลย พันนาได้รู้ว่ามือของจ้าวจอมไม่ได้นุ่มเหมือนผู้หญิง เป็นมือที่ผ่านการทำงานมาสารพัดแต่ก็ไม่ได้สากกระด้างเหมือนไม้กระดาน ทว่าอบอุ่นและแข็งแรงไปพร้อมกัน ก็คงเหมือนกับจ้าวจอม ตัวเล็ก แต่ไม่ได้อ่อนแอบอบบาง เขาเชื่อเด็กคนนี้สามารถดูแลตัวเองได้ เอาตัวรอดเก่ง แถมยังฉลาดเป็นกรด

                จ้าวจอมคาดเบลล์อย่างรู้หน้าที่ ซ้ำยังจัดการเปิดเพลงเสร็จสรรพ เพลงไทยสมัยนิยม จังหวะฟังง่ายๆ สบายๆ จากนั้นก็ปรับเบาะให้ต่ำลงเอนตัวพร้อมนอน เขาหัวเราะเบาๆ อย่างที่เดาไม่ผิด จ้าวจอมง่วงจริงๆ เพราะเพลงเล่นไปได้แค่ครึ่งเดียวเด็กหัวเกรียนก็หลับเสียแล้ว สังเกตได้จากจังหวะลมหายใจที่สม่ำเสมอและริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อย

                ร้านที่เขาจะพาจ้าวจอมไปกินอยู่ในห้างดัง ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะถึง ซึ่งก็น่าพอสำหรับการงีบหลับ การจราจรไม่ติดขัดมากนัก แต่ทุกครั้งที่ติดไฟแดงเขาจะหันมองคนหลับเสมอ บางครั้งก็แอบใช้นิ้วเขี่ยจมูกเล็กเล่น

                 การปลุกจ้าวจอมไม่ใช่เรื่องยาก แค่กระซิบเบาๆ ว่ากินข้าว เด็กหัวเกรียนก็สะดุ้งตื่นแล้ว แต่น่าแปลกตรงที่เขาแอบเขี่ยจมูกเล่นไปตั้งหลายหนกลับไม่รู้สึกตัว

                จ้าวจอมลืมตามองทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะบิดขี้เกียจพร้อมเปิดปากหาว หางตาฉ่ำรื้นขึ้นเล็กน้อย “ถึงแล้วเหรอ”

                “อืม”

                จ้าวจอมไม่ถามอะไรอีก ดูเหมือนว่าวันนี้จะพูดน้อยผิดวิสัย ทั้งที่ความจริงแล้วจะช่างจ้อน้ำไหลไฟดับ

                “พี่พาผมมาร้านอะไรเนี่ย”

                จ้าวจอมถามหลังจากที่เข้ามาในร้านอาหารเกาหลีชื่อดัง จำได้ว่าจ้าวจอมเคยบ่นๆ ว่าอยากจะลองกินหมูย่างเกาหลีดูสักครั้ง ถึงการกินปิ้งย่างตอนก่อนเที่ยงจะแปลกไปหน่อยก็เถอะ เขาไม่ได้ตอบคำถามแต่เลือกเมนูแล้วส่งให้พนักงาน ไม่ถึงห้านาทีเมนูที่สั่งไปก็มาเสิร์ฟ เตาแบบดูดควันได้เปิดใช้งาน เขาจัดการนำเนื้อที่ทำการหมักแล้ววางบนตระแกรง พลางพยักพเยิดให้จ้าวจอมทำตาม

                ถึงจะยังไม่หายงง แต่จ้าวจอมก็พอจะรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร อันที่จริงแล้วหมูย่างเกาหลีก็ไม่ได้ต่างจากหมูกระทะไทยเท่าไรนัก เพียงแต่เครื่องเคียงเยอะแยะไปหมด เขาสั่งบิบิมบับหรือข้าวยำเกาหลีให้ด้วย

                “ไอ้นี่กินยังไง” จ้าวจอมใช้ตะเกียบชี้ไปที่ถ้วยบิบิมบับ หน้าตาดูไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไรว่าเมนูนี้จะกินได้

                “เอาช้อนคนๆ ก็กินได้แล้ว กินกับกิมจิอร่อยมาก”

                จ้าวจอมเลิกคิ้วสูง ทำเหมือนไม่อยากกิน แต่พอเขาพยักหน้ายืนยันมันกินได้จริงๆ ก็เอาช้อนคนๆ ให้ส่วนประกอบมันเข้ากัน ก่อนจะตักเข้าปาก

                “ร้อนๆ”

                เขาส่ายหน้าบอกให้เป่าก่อน เพราะมันร้อน จ้าวจอมทำหน้ามุ่ยแล้วพลางเคี้ยวข้าวในปากหยับๆ ไม่นานสีหน้าก็คลายลง แล้วคำที่สองและสามก็ตามมา

                ระหว่างที่จ้าวจอมดื่มด่ำกับข้าวยำเกาหลี หมูบนตระแกรงก็สุกได้ทีพอดี เขาใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอดีคำวางในถ้วยให้ พร้อมกับสอนการกิน จ้าวจอมวางช้อนข้าวคว้าผักและเครื่องเคียงต่างๆ พร้อมหมูลงในผักม้วนเป็นก้อนแล้วยัดเข้าปากคำใหญ่ หลังจากนั้นทั้งข้าวยำและหมูย่างก็สลับกันเข้าปากชนิดไม่มีจังหวะให้หยุดพักกันเลยทีเดียว

                จ้าวจอมกินเก่ง กินจุ ได้ผิดรูปร่างนัก หมูย่างหายวับเหมือนล่องหนจนแทบจะย่างไม่ทัน ไม่มีคำชมว่าอร่อย แต่ก็กินไม่หยุด น้ำอัดลมหมดไปแล้วสองแก้วแต่จ้าวจอมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอิ่ม สุดท้ายเขาก็กลายเป็นคนทำให้หมดทุกอย่าง กินไปแค่ข้าวยำถ้วยเดียวกับหมูย่างอีกไม่กี่คำ จบเมนูคาว จ้าวจอมกวักมือเรียกพนักงานสั่งของหวานทันที แล้วก็ไม่พ้นบิงซูเมล่อนที่เจ้าตัวชื่นชอบ แถมด้วยโกโก้ปั่นอีกแก้ว

                ตัวเล็กแค่นี้กินเอาไปไว้ที่ไหนกัน

                บิงซูเมล่อน โกโกปั่นและชาเขียวร้อนของเขาถูกนำมาเสิร์ฟหลังจากทิ้งระยะห่างจากหมูย่างไม่ถึงห้านาที จ้าวจอมกำลังจะตักเมล่อนลูกกลมเล็กเข้าปาก แต่ก็ชะงักค้างแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา

                “พี่เลี้ยงใช่ปะ ไม่ได้หารครึ่งใช่ปะ”

                “อืม พี่เลี้ยง”

                “เออ ค่อยสบายใจ”

                พอรู้ว่าตัวเองไม่ต้องควักสักแดงเดียวก็จ้วงเอาๆ ไอ้เด็กขี้เหนียวเอ๊ย! กินเก่งหยั่งกับปล้น แต่กลับขี้งกอย่าบอกใคร

                จบจากมื้อเที่ยงจ้าวจอมก็ตื่นเต็มตา เขาพาเด็กดื้อไปร้านรองเท้า กระเป๋าแบบที่เด็กวัยรุ่นชอบกัน แต่จ้าวจอมที่หวงเงินพอๆ กับจงอางหวงไข่ กลับทำเป็นไม่สนใจอะไรแม้แทบละสายตาจากรองเท้ายี่ห้อดังไม่ได้เลยก็ตาม

                “ไม่อยากได้เหรอ สวยดีนะ” เขาถาม แต่จ้าวจอมส่ายหน้าบอกว่าแพงเกินไป ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีออกจากร้านไป

                พันนาถอนหายใจ แม้แต่เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าจ้าวจอมชอบรองเท้าคู่นี้ เขามองรองเท้าคู่ที่จ้าวจอมสวมอยู่ สีขาวตุ่นๆ บอกถึงอายุการใช้งาน ถึงจะไม่ได้เก่าจนพื้นเปิด แต่หากมีไว้ผลัดเปลี่ยนอีกสักคู่ก็ไม่เสียหายอะไร

                จ้าวจอมเดินเร็วได้อย่างไม่น่าเชื่อ เขาทำธุระไม่ถึงห้านาทีก็ไม่เจอจ้าวจอมเสียแล้ว กำลังจะกดโทรศัพท์โทรหา แต่ก็เห็นเด็กหัวเรียนไวๆ แถวร้านเครื่องสำอางผู้หญิง แถมไม่ได้อยู่คนเดียวเสียด้วย

                “อ้าวไอ้พัน กูกำลังถามถึงมึงกับจอมพอดี”

                โลกนี้มันแคบนัก ห้างในกรุงเทพฯ มีร้อย แต่เขากับรชตดันเลือกมาที่นี่ ที่สำคัญรชตไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับปรางค์ ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยของเขาว่ามันมีมูลความจริง

                “เออ แล้วมึงกับ....ปรางค์มาทำอะไรกันล่ะ” เขาหรี่ตามองรชตอย่างจับผิด ไอ้ชตคนซื่อที่แทบไม่น่าเชื่อว่าเมื่อชาติที่แล้วมันจะร้ายกาจถึงขนาดฆ่าคนได้ทำหน้าเหรอหรา หันมองปรางค์ทีเขาที หาคำตอบไม่ได้ อึกอักจนอึดอัดแทน

                “เราเบื่อๆ น่ะ ชตก็เลยพามาเที่ยว” เป็นปรางค์ที่ให้คำตอบแทน สีหน้าและท่าทางของเธอดูดีกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน บางทีอาจจะทำใจเรื่องของกุมภ์ได้แล้ว...เขาหวังให้เป็นอย่างนั้น

                “อืม แต่เราว่าอยู่กับไอ้ชตน่าเบื่อกว่าอีก”

                “อ้าว ไอ้เพื่อนสารเลว” รชตถลึงตาใส่ แต่หาความน่ากลัวไม่ได้เลยสักนิด ขณะที่ปรางค์อมยิ้มขำๆ “กูไม่คุยกับมึงแล้ว...จอมล่ะ เป็นไงมาไงถึงมากับไอ้นี่ได้” ประโยคหลังรชตถามจ้าวจอม

                “นั่งรถมา” จ้าวจอมตอบแบบกำปั้นทุบดิน

                รชตแยกเขี้ยวใส่ “รู้แล้วเว้ย หมายถึงทำไมมากรุงเทพฯ ได้”

                “นั่งรถตู้มา” จ้าวจอมยังกวนไม่เลิก สมกับเป็นตัวแสบประจำตำบลจริงๆ

                “โอ๊ย กูละปวดหัวกับพวกมึง” รชตเกาหัวจนผมยุ่ง ปรางค์ที่อมยิ้มกลายเป็นหัวเราะเบาๆ แล้ว

                “ก็...เบื่อๆ เหมือนกัน อยากจะมาเที่ยวกรุงเทพฯ บ้าง”

                “ก็แค่นี้” รชตว่า “แล้วนี่พวกมึงจะไปไหนกัน กูกับ...ปรางค์กำลังจะไปหาอะไรกิน ไปด้วยกันไหม”

                “ไม่ไหวแล้ว ท้องจะแตก” พูดจบจ้าวจอมก็ลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมาหน่อยๆ ของตัวเองให้ดู “พี่ไปเถอะ ผมอยากจะเดินย่อยสักหน่อย”

                จ้าวจอมสรุปบทตัดความโดยไม่ถามความเห็นของเขาสักคำ แต่เขาก็เห็นด้วย ท่าทางรชตอยากจะอยู่กันตามลำพังกับปรางค์ ที่เอ่ยชวนก็แค่ตามมารยาทเท่านั้น

                พันนาถือโอกาสยกมือขึ้นกอดคอเด็กหัวเกรียน เจ้าตัวหันมาทำหน้ายุ่งใส่แต่ก็ไม่ได้ปัดมือทิ้ง “เออ กูกินกันมาแล้ว มึงไปเถอะ เดี๋ยวจะพาเด็กป่าเที่ยวเมืองสักหน่อย”

                รชตไม่ได้ดึงดันอะไร พวกเขาเอ่ยคำลากันเล็กน้อย แล้วรชตก็พาปรางค์เดินแยกไปทางร้านอาหารญี่ปุ่น ถึงตอนนี้จะไม่มีใครบอกว่าทั้งคู่คบหากัน แต่เขาแอบมั่นใจว่ารชตกับปรางค์ต้องเป็นมากกว่าคนรู้จักแน่นอน...

 :hao7:

ใกล้จบแล้วทุกคน

ตอนนี้แต่งน้องจอมอยู่ ไม่ได้หวานๆ เด้อ ยังคงความน่ากลัวเอาไว้อยู่ แต่จะตื่นเต้นเท่านี้ไหม ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ไว้รออ่านกันเด้อ อย่าลืมไปอุดหนุนพี่โหรกันนะคะ

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
โถ่พี่พันนาหลงเด็กอีกคนซะแล้ววว จอมมาไกลจังลูก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ไม่รู้ใครหลงใครแล้วละ

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ชอบเด็กก็รีบบอก

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
ชอบกันแหละดูออก

ออฟไลน์ valenna yy

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
พันนาเอ๊ย หลงก็คือหลงอะเนอะคนเรา

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
หลงเด็กแสบซะแล้วพี่พันนา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ให้มันเดินต่อไปแบบอะเครๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5

ตอนที่ 31 เพราะคิดถึง

            เด็กป่าสนใจห้องสมุดมหาวิทยาลัยคณะนิติฯ เป็นพิเศษ เมื่อคราวที่มางานโอเพ่นเฮาส์ก็ป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่นานที่สุด แต่เพราะเวลาที่มีจำกัดเลยไม่ได้เข้ามาสำรวจ วันนี้มีเวลาเขาเลยพามาเที่ยว?

                ห้องสมุดในวันเสาร์เงียบกว่าวันธรรมดา ถึงจะมีนักศึกษามาหาความรู้อยู่บ้าง แต่ก็บางตา จ้าวจอมเดินไปตามชั้นหนังสือ กวาดสายตาไล่ไปตามสันหนังสือที่เรียงกันแน่น โซนนี้เป็นหนังสือสำหรับวิชากฎหมาย เขาเคยมายืมไปอ่านหลายเล่มอยู่เหมือนกัน บางเล่มก็เก่าจนปกซีดจาง แต่เพราะการเก็บรักษาที่ค่อนข้างดีทำให้มันยังอยู่ในสภาพแข็งแรงและพร้อมจะทำหน้าที่ให้ความรู้กับว่าที่ทนายความหรือนักกฎหมายรุ่นต่อไป

                จ้าวจอมตั้งใจจะเรียนนิติฯ เหมือนกับเขา หลายครั้งที่เคยขอคำปรึกษาเรื่องวิชาเรียน ผลการเรียนของจ้าวจอมอยู่ในเกณฑ์ดี สมกับความฉลาดแกมโกง ดวงตากลมโตที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ในบางครั้งคราวมันเหมาะกับสิ่งที่เจ้าตัวเลือกดีเหมือนกัน

                เขามองแผ่นหลังไม่กว้างไม่เล็กเกินไปของจ้าวจอมเพลินตา ศีรษะกลมหมุนไปมาตามความสนใจ มือขาวไต่ไปตามสันหนังสือ บางคราวก็เกี่ยวเอาหนังสือออกมาเปิดดูผ่านๆ แสงอ่อนๆ ในห้องสมุดทำให้ทุกอย่างดูละมุนตาไปหมดจนอดใจไม่ไหวต้องดึงโทรศัพท์มือถือออกมาเก็บภาพเอาไว้ แต่เขาจงใจไม่ให้เห็นหมดทั้งตัว มีแค่ช่วงหัวไหล่จนถึงเท้าเท่านั้น จากนั้นก็อัพรูปลงในอินสตาร์แกรมส่วนตัว ใส่แค็ปชันง่ายๆ ว่า

                ‘บ่ายวันเสาร์’

                พันนาเดินตามร่างของเด็กหนุ่มไปเรื่อยๆ จดจำทุกรายละเอียดเอาไว้ให้ได้มากที่สุด ตั้งใจจะเก็บช่วงเวลาตอนนี้เอาไว้เพื่อทดแทนความคิด การมาของจ้าวจอมมันทำให้ความคิดถึงลดลงไปบ้าง ทว่าส่วนลึกมันกลับโหยหาบางอย่าง ที่แม้แต่เขาก็ให้คำตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

                ที่จริงแล้วจ้าวจอมไม่ได้สนใจแค่ห้องสมุดคณะของเขา แต่ยังรวมไปถึงห้องเรียน โรงอาหารหรือแม้แต่หอพัก จ้าวจอมคอยถามเป็นระยะ เพราะนักศึกษาปีแรกจะต้องเข้าพักที่หอใน อยู่ร่วมกับรูมเมท จำเป็นต้องมีการปรับตัว เขากับเพื่อนๆ ก็เคยอยู่หอในมาก่อน รับรู้ถึงความลำบากไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือมิตรภาพและการใช้ชีวิตอิสระ

                “ร้านข้าวร้านไหนอร่อยที่สุด”

                จ้าวจอมถามต่อ ขณะที่มาหยุดริมบานหน้าต่าง จากมุมนี้ทำให้เกือบจะมองเห็นทิวทัศน์ของมหาวิทยาลัยได้ทั้งหมด ยกเว้นคณะบริหารที่อยู่หลังตึกคณะนิติฯ

                พันนาชี้นิ้วไปโรงอาหารที่วันนี้เปิดขายแค่ร้านเดียว แต่ร้านที่เขาฝากท้องตั้งแต่เข้าปีหนึ่งปิดเหลือป้ายร้านที่แขวนอยู่ “ร้านเจ๊วิไล ขายข้าวราดแกง อร่อยมาก ไม่แพงให้เยอะ แต่ปากเจ๊แกจะจัดสักหน่อย เข้าตำราปากร้ายแต่ใจดี”

                “เหรอ” จ้าวจอมมองไปทิศเดียวกับนิ้วมือ อีกไม่กี่เดือน หากโชคดีจ้าวจอมก็อาจจะได้เป็นนิสิตคณะนี้ ซึ่งเขาก็ภาวนาเอาใจช่วย เพราะอยากจะมีรุ่นน้องกวนๆ เกรียนๆ แบบนี้เหลือเกิน “ผมต้องอยู่หอในด้วยใช่ไหม”

                “ใช่ ถ้าหิวมีเซเว่นอยู่หน้าหอ”

                “พี่ว่าผมจะได้เรียนที่นี่ไหม”

                พันนาเลิ่กคิ้วมอง ใบหน้าด้านข้างของจ้าวจอมดูอ่อนเยาว์กว่าเด็กวัยสิบแปดเสียอีก แก้มที่ค่อนข้างกลม จมูกโด่ง ปลายรั้นเชิดขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากบาง จ้าวจอมยังไม่มีหนวด ไม่รู้ว่าฮอร์โมนเพศชายยังทำงานไม่เต็มที่ หรือไม่มีเลยกันแน่ ส่วนสูงแตะที่ร้อยเจ็ดสิบต้นๆ ดวงตากลมข่อนข้างโต มองไปด้านหน้า ถึงจะไม่ได้เห็นทั้งหมดแต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ

                “พี่ว่าได้...แต่ถ้าไม่มั่นใจก็บนสิ พี่เองก็บนเหมือนกัน เหมาไข่แทบจะหมดเล้า”

                นี่คือเรื่องจริง ทว่าคนที่บนไม่ใช่เขา แต่เป็นแม่ต่างหาก ท่านบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชื่อดังประจำหวัดด้วยไข่ต้ม 4,999 ฟอง ต้องแจกจ่ายกันเกือบทั้งอำเภอกว่าจะหมด

                “ไม่รู้จะบนกับใคร”

                “...กับพี่ไหมล่ะ”

                พูดจบก็แทบจะกัดลิ้นตัวเอง ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดไปแบบนั้น แต่กำลังจะบอกว่าล้อเล่น จ้าวจอมก็ชิงพูดเสียก่อน

                “บนยังไง” ใบหน้าขาวสะอาดเอียงมอง ดวงตาฉายแววสงสัยแกมอยากรู้อยากลอง

                พันนากลืนน้ำลายลงคอ บางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในความรู้สึกพุ่งพรวดขึ้นมา ลมหายใจแรงพอๆ กับจังหวะการเต้นของหัวใจ ในห้องสมุดเงียบมาก แถวนี้ไม่มีใครเลย ลมจากด้านนอกพัดเข้ามาทางบานหน้าต่างเพราะไม่ได้เปิดแอร์ เขาขยับเท้าเข้าไปใกล้ ก้มศีรษะลงจนจมูกเกือบจะชนกัน จ้าวจอมเองก็ไม่ได้ถอยหนี ริมฝีปากเผยอน้อยๆ คงแปลกใจว่าเขากำลังจะทำอะไร

                “ถ้าสอบได้ ค่อยมาจูบพี่คืนนะ”

                ริมฝีปากแตะบนกลีบปากสีสดแผ่วเบาเหมือนผีเสื้อหยอกล้อกับดอกไม้ แต่ความนุ่มหยุ่นของมันกระตุ้นความโลภให้ทำงาน เขาเพิ่มน้ำหนักลงอีกนิด เลาะเล็มเนื้อหยุ่นเหมือนเจลลี่ ใช้ลิ้นเลียเบาๆ จ้าวจอมไม่ได้เบือนหน้าหนี ซึ่งเขาก็เดาไม่ออกแล้วว่าทำไม แต่ยกมือเกาะมาที่ช่วงเอว เอนร่างไปด้านหลังเล็กน้อย เขาก้มหน้าให้แนบชิดกว่าเดิม ริมฝีปากบดเบียดมากขึ้น จูบแผ่วเบากลายเป็นดูดดื่มมากขึ้น เขาสอดมือรอบเอวบางรวบร่างเล็กกว่าเข้ามาชิดเสียงเสียดสีของเสื้อผ้าดังเข้ามาในหู ขณะที่หัวใจโครมครามด้วยความตื่นเต้น

                เขาแหย่ลิ้นไปที่รอยแยกของริมฝีปาก จ้าวจอมเปิดรับอย่างไม่อิดออด ลิ้นสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่น เลาะไปตามไรฟันราวกับนักสำรวจก่อนจะเกี่ยวหยอกล้อกับลิ้นเล็ก จ้าวจอมตัวสั่นจนรู้สึกได้ ส่งเสียงครางเบาๆ ในคอ มือกำเสื้อของเขาแน่นกว่าเดิม เสียงของเหลวเคลื่อนไหว เขากวาดไล้ไล่ต้อนเก็บเกี่ยวน้ำลายใสเอาไว้แต่บางส่วนก็ไหลผ่านมุมปากไหลไปตามคางเรียวของจ้าวจอม กระทั่งแผ่นอกบางกระเพื่อมหนักๆ ส่งสัญญาณกลายๆ ว่า เด็กหัวเกรียนกำลังหายใจไม่ทัน เขาถึงได้ยอมปล่อยกลีบปากนุ่มให้เป็นอิสระทั้งที่เสียดายแทบขาดใจ

                จ้าวจอมหอบหายใจ ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงหู ดวงตาฉ่ำรื้น ริมฝีปากเห่อบวมขึ้นเล็กน้อย น้ำลายเปื้อนมุมปาก เขาใช้ปลายนิ้วช่วยเช็ดให้ ไอ้เจ้าเด็กดื้อเงยหน้ามองกึ่งโกรธกึ่งอาย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา นานจนลมหายใจกลับมาเป็นปกติถึงได้กระซิบบอก

                “ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวมีคนเห็น”

                ไม่ใช่แค่จ้าวจอมหรอกที่เพิ่งได้สติ เขาเองก็เหมือนกัน ความโหยหามันมีพลานุภาพสูงเสียจนทำให้เขาหลงลืมไปว่าที่นี่คือห้องสมุด ไม่ใช่ห้องพักส่วนตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหลงลืมตัวได้ขนาดนี้

                “..สอบให้ติดนะ รู้ไหม” เขาบอก ก่อนจะกระชับมือเล็กเอาไว้ ปลายนิ้วบีบกลับมาคล้ายจะตอบรับสิ่งที่เขาพูด...

 

                หลังจากกลับจากห้องสมุดของคณะฯ พวกเขาก็แวะซื้อมื้อเย็นมาปรุงเองง่ายๆ เขาไม่เก่งเรื่องทำอาหาร แต่ไม่ใช่สำหรับจ้าวจอม รายนี้มีแค่ปลากระป๋องกับไข่ก็เนรมิตได้หลายเมนูแล้ว ดังนั้นเย็นนี้เขาเลยได้กินฝีมือของจ้าวจอมแบบจริงๆ เสียที เพราะเคยได้ยินแต่เจ้าตัวคุยโว

                จ้าวจอมทำผัดกระเพราหมู ไข่เจียวหมูสับ ต้มยำมาม่าปลากระป๋อง ผัดผักกุ้ง ตอนที่ได้กลิ่นกับข้าวท้องเขาก็ร้องจ๊อกขึ้นมาทันที และพอได้ชิมฝีมือพ่อครัวหัวเกรียนก็ต้องยกนิ้วให้ รสเด็ดขาดจริงๆ สมแล้วที่อวดอ้างสรรพคุณเอาไว้ สรุปแล้วเย็นนี้เขากินข้าวไปสามจาน ตบท้ายด้วยไอศกรีมที่จ้าวจอมแอบซื้อติดมือมาด้วยอีกถ้วย กินข้าวอิ่มเขาก็นอนเอนหลังดูทีวีปล่อยให้ผู้มาเยือนอาบน้ำอาบท่าชำระล้างร่างกาย

                พันนานั่งมองเด็กหัวเกรียนที่ตอนนี้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าผ่านเกือบวันแล้วแต่จ้าวจอมยังไม่ยอกบอกว่าทำไมถึงมาหาเขาถึงกรุงเทพฯ ไหนจะเรื่องคาใจที่เขาเองก็ยังไม่กล้าถาม ขณะที่กำลังไตร่ตรองกว่าควรจะถามดีหรือไม่ จ้าวจอมก็ดึงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้จับมันเลย

                รอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นขณะที่นิ้วเรียวกดอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์กระตุ้นความสงสัยให้รุนแรงกว่าเดิม ภาพคู่กับเด็กที่ชื่อน้ำหวานนั่นคล้ายกับน้ำมันที่สาดเข้ากองไฟ ความกล้าไม่รู้มาจากไหนสั่งให้ปากขยับพูด

                “เด็กคนนั้นน่ารักดีนะ ที่ชื่อน้ำหวานน่ะ”

                จ้าวจอมหันหน้ามอง คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย “พี่เห็นด้วยเหรอ”

                “เห็นสิ...ไม่เห็นก็แปลกแล้ว”

                จ้าวจอมเงียบไปพักใหญ่ วางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างตัว แล้วเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จนได้ไออุ่นและกลิ่นหอมของครีมอาบน้ำที่เขาใช้ทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมพอมันมาอยู่บนตัวจ้าวจอมถึงได้หอมชื่นใจกว่าเดิม

                “ไม่มีอะไร..เพื่อนกัน” จ้าวจอมบอกเรียบๆ น้ำเสียงไม่ได้ร้อนรนหรือรู้สึกผิด แต่กลายเป็นเขาเสียอีกที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นสาวน้อยขี้งอน เขาถอนหายใจควบคุมอารมณ์และใช้สติให้มากขึ้น

                “ไม่มีอะไร พี่ก็แค่เห็นว่าน่ารักดี” เขาบอก หันไปมองเด็กหัวเกรียนที่ตอนนี้อยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ

                “ใคร...น่ารัก” เสียงของจ้าวจอมเบาลงคล้ายกระซิบ

                “ก็...” พันนามองดวงตากลมใสที่ช้อนมองอย่างรอคอยคำตอบ เขายังจำความรู้สึกเมื่อช่วงบ่ายได้ดี กลิ่นหอมอ่อนๆ รสชาติหวานล้ำอย่างที่หาคำเปรียบไม่ได้ เรือนกายอบอุ่น เสียงครางแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อเลยว่าทั้งหมดจะเกิดกับเพศเดียวกัน เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเป็นแบบนี้

                ไอ้เด็กหัวเกรียนนี่น่ารักชะมัด!

                “ว่าไงใครที่น่ารัก”

                “ก็...ทั้งคู่นั่นแหล่ะ” เขาตัดบท ใครจะกล้าบอกกันล่ะว่าเขาเห็นเด็กผู้ชายหัวเกรียนๆ กวนๆ น่ารักกว่าเด็กสาวหน้าตาบ้องแบ๊วได้ล่ะ               

                “เหรอ...” จ้าวจอมพูดแค่นั้น ก่อนจะหันกลับไปสนใจโทรศัพท์มือถือของตัวเองต่อ

                จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันอึดอัดพิกล อะไรบางอย่างยังคงตกค้างอยู่ในหัวใจ ไหนจะท่าทางที่ผิดไปของจ้าวจอม ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่คุยเก่งยิ่งกว่าอะไร แต่วันนี้กลับพูดน้อยผิดไปจากทุกที แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะจูบที่ห้องสมุดแน่นอน

                พันนาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ชอบความรู้สึกในตอนนี้เลยมันเหมือนถูกห่อด้วยถุงพลาสติก แถมเขาเองก็ไม่ใช่พวกทนกับความอึดอัดเก่งเสียด้วย อีกอย่างขืนรอให้จ้าวจอมพูดเองมีหวังได้อกแตกตายก่อนพอดี

                “กับน้ำหวาน...มีอะไรกันหรือเปล่า”

                จ้าวจอมละมือกับสายตาจากโทรศัพท์มือถือ หันมามองทางเขา เป็นจังหวะที่เขาเองก็เบือนหน้าไปหาพอดี จ้าวจอมทำตาขวางมุมปากตกลง คิ้วดูเหมือนว่าจะโก่งขึ้นเล็กน้อยด้วย มองปราดดูก็รู้ว่ากำลังไม่พอใจ

                “เป็นเพื่อนกันไง...หรืออยากให้เป็นอะไร”

                “เปล่า” พันนาส่ายหน้า “พี่แค่อยากรู้”

                จ้าวจอมทำเสียงหึในคอ ทำท่าจะหันไปเล่นโทรศัพท์อีก แต่เขาแย่งมันมาถือไว้เอง ไอ้เด็กดื้อจะยื้อเอาคืน แต่ช่วงแขนสั้นกว่าเลยไม่เป็นตามหวัง เขาอาศัยจังหวะที่จ้าวจอมโถมตัวใส่ใช้มืออีกข้างที่ว่างโอบเอวเอาไว้ ร่างเล็กเลยจมอยู่ในอกไปโดยปริยาย

                “เล่นอะไรวะ!” เสียงของจ้าวจอมเต็มไปด้วยความหงุดหงิดก็จริง แต่แก้มกับแดงเรื่อ ริมฝีปากจิ้มลิ้มเม้มเป็นเส้นตรง ยิ่งทำให้อยากแกล้งมากกว่าเดิม

                “คิดยังไงถึงมาหาพี่”

                “ไม่ได้คิด!” จ้าวจอมตอบเสียงห้วน แต่ไม่ยอมเงยหน้ามาสบตากัน พันนาวางโทรศัพท์ในซอกของโซฟา แล้วจัดการกอดร่างของเด็กดื้อด้วยสองอ้อมแขน ออกแรงรั้งให้ขึ้นมานั่งเกยบนตัก ถึงจ้าวจอมจะไม่ได้ตัวเล็กเหมือนเด็กน้อยแต่ก็น่ากอดเหมือนตุ๊กตา หัวเกรียนๆ มันชวนให้ขบเล่น แล้วเขาก็ทำจริงๆ เพราะอดมันเขี้ยวไม่ได้ จ้าวจอมร้องโอ๊ย ยกมือทุบที่อกแรงๆ มันก็เจ็บอยู่หรอก แต่คิดแล้วมันคุ้มดี

                “ปล่อยสิวะ! หายใจไม่ออก!”

                “บอกมาก่อนแล้วจะปล่อย”

                จ้าวจอมดิ้นอึกอักอยู่ไม่กี่ครั้งก็ยอมหยุดนิ่ง สูดหายใจเสียงดัง ก้มหน้างุดติดกับอก เขารู้สึกได้ถึงจมูกที่ดุนๆ อยู่แถวหน้าอกซ้าย นานร่วมครึ่งนาทีกระมัง เจ้าเด็กดื้อถึงได้ยอมเปิดปากบอกความจริง

                “ก็...ไม่ได้เจอกันนาน....คิด...ถ” ท้ายประโยคแผ่วจนเหมือนกระซิบ

                “อะไรนะ ได้ยินไม่ชัด”

                “.....”

                เมื่อได้รับคำตอบเขาก็แกล้งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น กดจมูกลงกับหัวเกรียนๆ กลิ่นแชมพูอ่อนๆ ผนมกับสบู่มันหอมชื่นใจไม่หยอก

                “โว๊ย! อย่าหอมสิ มันจั้กจี้”

                “ก็พูดให้มันดังๆ ชัดๆ สิ” เขาเร่ง

                ฟอด

                คราวนี้ไม่ใช่บนหัวเกรียนๆ แต่เป็นแก้มนิ่มๆ ต่างหาก ยอมรับตรงนี้เลยว่าแก้มเด็กผู้ชายมันนิ่มไม่แพ้ผู้หญิงเลย จ้าวจอมหน้าแดงแจ๋ ตาขวางจัด แต่พอเขาทำท่าจะก้มลงหอมแก้มอีก เจ้าตัวก็รีบตะโกนเสียงดัง

                “คิดถึง!”

                “ก็เท่านั้นแหล่ะ ทำเป็นปากแข็งอยู่ได้”

 

                ช่วงเวลาสองวันที่ได้อยู่ด้วยกัน พวกเขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกเล่นเกม นอนดูหนังด้วยกัน จ้าวจอมชอบดูหนังตลกตามประสาเด็กวัยรุ่น แต่พันนาชอบดูหนังสืบสวนสอบสวน ตอนแรกจ้าวจอมบ่นอุบว่าดูไม่รู้เรื่อง แต่พอเรื่องที่สามก็เริ่มจะติดใจ อาหารก็ทำกินกันเองง่ายๆ เพราะต่างก็ไม่ใช่คนเรื่องมาก ส่วนการนอนเขากับจ้าวจอมนอนเตียงเดียวกัน สาบานให้มดกันตาย แค่นอนกอดกันเท่านั้น ตอนแรกก็แปลกๆ หน่อย เพราะเขาไม่เคยมีเพื่อนร่วมเตียงถึงขนาดนอนกอดกัน แถมยังเป็นผู้ชายอีกด้วย เพื่อนสนิทอย่างกุมภ์ยังไม่เคยทำ แต่เขากลับรู้สึกอุ่นใจเมื่อได้กอดไอ้เด็กดื้อ

                ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขมันสั้นนัก รุ่งขึ้นเขาต้องไปส่งจ้าวจอมขึ้นรถตู้กลับบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ จ้าวจอมเองก็อิดออดไม่อยากกลับบ้าน เขาเองก็ไม่อยากใกล้จ้าวจอมกลับเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงมันไม่อาจทำตามที่ใจต้องการได้ เลยจำต้องยอมขัดความรู้สึกตัวเองดันเด็กดื้อให้ขึ้นรถกลับบ้าน สีหน้าเศร้าสร้อยแกมตัดพ้อทำเอาเขาแทบอยากจะหักรถกลับไปหา แต่มันก็เป็นได้แค่ความคิดเท่านั้น

                เขาเลือกจอดรถห่างจากจุดที่จ้าวจอมขึ้นรถไปไม่ถึงห้าร้อยเมตร เฝ้ามองทุกอิริยาบถของเด็กผู้ชายผิวขาว ตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ทรงผมสามด้านเกรียน หน้ามุ่ย นั่งกอดกระเป๋าเป้ไว้ที่อก ใจหนึ่งก็นึกอยากจะส่งข้อความไปหา แต่ถ้าทำอย่างนั้นเขานั่นแหล่ะจะเป็นฝ่ายตัดใจไม่ได้ และเพราะในรถมันเงียบเกินไปเขาเลยเลื่อนมือไปเปิดเพลงฟัง เพลงป๊อบฟังง่ายๆ สบายหู เป็นเพลงของนักร้องผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่ผ่านเวทีประกวดมาแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเขาก็แอบเชียร์เธอเหมือนกัน เลยตั้งใจฟังเพลงบวกกับเฝ้ามองจ้าวจอมไปด้วย

                ไม่รู้ว่าบังเอิญหรืออะไรดลใจ จ้าวจอมเสียบหูฟังใส่ ไม่นานใบหน้าบึ้งตึงก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง เขาโน้มตัวลงกับพวงมาลัย แขนทั้งสองข้างกางคร่อมมันเอาไว้ เอียงหน้ามองจ้าวจอม ปลายนิ้วเกาะไปตามจังหวะเพลง และทำอยู่อย่างนั้นกระทั่งจ้าวจอมขึ้นรถและหายไปจนลับสายตา

                พันนาถอยตัวกลับมานั่งพิงเบาะรถ รู้สึกใจหายและเสียดายที่จะไม่ได้เจอหน้าเด็กหัวเกรียนอีกพักใหญ่ๆ อย่างนานที่สุดก็จนกว่าจะได้มาเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกัน เวลาสองวันที่ได้อยู่ด้วยกันมันสั้นเกินไปถ้าเทียบกับความคิดถึง แต่มันก็ทำให้เขารู้ว่า การอดทนรอคอยมันคุ้มค่ามากขนาดไหน ที่สำคัญเขายังได้รู้ว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ทรมานเพราะความคิดถึง...

 

                จากอดีต ‘หมอ’ จำเป็นประจำหมู่บ้าน ตอนนี้โหรกลายเป็นหมอโหรแล้วจริงๆ หากแต่ไม่ใช่หมอสายคุณไสยหรือหมอยาอย่างเคย ทว่าเป็นหมอดิน หมอป่า และหมอสมุนไพรต่างหาก

                ความรู้ที่เคยได้ร่ำเรียนมาตามตำราคำสอนของอาจารย์ถูกนำมาใช้และประยุกต์ร่วมกับความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ความรู้ที่ได้รับจากชาวบ้าน จากเพื่อนร่วมงาน และจากการลองผิดลองถูก ไม่นานเขาก็รู้จักวิธีพลิกฟื้นหน้าดิน เปลี่ยนให้ดินลูกรังไร้ประโยชน์ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ได้ จากนั้นก็พัฒนาต่อยอดไปได้เรื่อยๆ กระทั่งเขาได้งบประมาณก่อสร้างศูนย์การเรียนรู้แนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และได้เป็นวิทยากรประจำศูนย์ ได้รับรางวัลมากมายพร้อมๆ กับได้ต้อนรับคณะศึกษาดูงาน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผ่านมาหลายเดือนไม่ใช่แค่งานที่ขยับขยายไปในทางที่ดีขึ้น แต่ยังรวมไปถึงความสัมพันธ์ของเขากับกุมภ์อีกด้วย

                ถึงตัวจะห่างแต่ใจไม่เคยห่าง คำนี้ยังใช้ได้เสมอ

                ต้องขอบคุณเทคโนโลยีสมัยนี้ที่ทำให้พวกเขาไม่ขาดการติดต่อ ซ้ำยังหาเวลาหรือโอกาสเหมาะสมมาพบเจอกันในบางครั้ง ถึงตอนนี้เขากล้าเรียกกุมภ์ว่า ‘แฟน’ ได้เต็มภาคภูมิแล้ว

                เขาไม่เคยปิดบังเรื่องความสัมพันธ์ แต่ก็มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ว่านายโหรคนนี้มีคนรักเป็นผู้ชาย หนึ่งในนั้นคือพี่ใจ ที่เคยมาชม้ายชายตา ที่เธอรู้เพราะกุมภ์เคยมาหาเขาถึงที่ทำงาน แล้วบังเอิญเห็นตอนที่เขาแอบขโมยหอมแก้มกุมภ์พอดี แต่พี่ใจก็ไม่ได้เอาไปป่าวประกาศบอกใคร และเลือกที่จะมาถามเขาด้วยตัวเอง พอได้คำตอบเธอก็ทำตาเหลือกเหมือนเห็นผี เพราะท่าทางเขาไม่เหมือนเกย์สักเท่าไร เขาไม่ได้เล่าอะไรให้เธอฟัง แค่บอกว่าเขาชอบกุมภ์เท่านั้น เธอไม่ได้ซักถามอะไรน่าเกลียดแค่พยักเข้าใจแกมยอมรับความสัมพันธ์ของเขากับกุมภ์ แถมยังไม่ได้เอาไปเล่าให้ใครฟังเพราะกลัวว่าจะกระทบกับองค์กร

                โหรก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือเรือนละร่วมหมื่นบาท นี่แทบจะเป็นเครื่องประดับที่แพงที่สุดรองจากทองคำเส้น เหตุที่ซื้อมาเพราะคราวก่อนที่กุมภ์มาเยี่ยม เจ้าตัวคะยั้นคะยอให้เขาซื้อเพราะมันเหมาะกับเขา หลายๆ คนก็ชมอย่างนั้นเหมือนกัน เหลืออีกไม่กี่นาทีจะห้าโมงเย็นแล้ว กุมภ์ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า โดยปกติแล้วต้องมาถึงราวบ่ายสามโมง นี่เลยมาสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็น โทรไปแล้วก็ไม่ได้รับ เส้นความอดทนใกล้จะขาดเต็มที โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

                แค่เห็นชื่อที่ปรากฏที่หน้าจอโทรศัพท์ใจเขาก็ชื้นขึ้นเป็นกอง

                “อยู่ไหน ทำไมยังไม่ถึงอีก” โหรถามเสียงเครียด ลุกขึ้นยืนอัตโนมัติ กวาดตามองรอบๆ เพื่อหาร่างคนรัก แต่ก็พบ

                “ใจเย็นๆ สิพี่ชาย ผมอยู่โรงพยาบาล”

                “อะไรนะ!” โหรตะโกนเสียงดังด้วยลืมตัว ใจที่ชื้นเมื่อครู่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม ท้องไส้บิดเกลียวไปหมด “เกิดอะไรขึ้น ไปโรงพยาบาลทำไม!”

                “พูดเบาๆ หน่อยสิ แก้วหูดับแล้ว” กุมภ์บ่น น้ำเสียงไม่มีวี่แววของความเจ็บป่วยอย่างที่กังวล แต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี

                “แล้วไปทำอะไรที่โรงพยาบาล บอกชื่อโรงพยาบาลมาเดี๋ยวนี้เลย เร็วๆ”

                กุมภ์เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่าเกิดอุบัติเหตุก่อนถึงตัวจังหวัดนิดหน่อย ส่วนรายละเอียดจะเล่าให้ฟังอีกทีพร้อมแจ้งชื่อของโรงพยาบาลให้รู้ โหรรีบเหยียบคันเร่งด้วยใจร้อนรน เพื่อให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถึงจะบอกว่าไม่มีอะไร แต่เพราะว่าเป็นกุมภ์ก็ไม่มีอะไรวางใจได้ ใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าถึงจะที่หมาย พอเจอหน้าเขาก็กระชากร่างคนรักมากอดทันทีโดยไม่สนใจสายตาผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น

                “ทำอะไรเนี่ย! คนเยอะแยะเลยไม่เห็นหรือไง”

                กุมภ์ขืนตัวออกจากอ้อมแขนได้สำเร็จเงยหน้ามอง ผิวแก้มแดงจัด ขณะที่โหรแทบจะตีอกชกลมเมื่อเห็นผ้าพันแผลที่หน้าผากของกุมภ์ ไหนจะรอยถลอกที่แขนอีก

                “ไหนว่าอุบัติเหตุเล็กน้อยไง ทำไมถึงได้มีแผลเต็มตัวไปหมดแบบนี้”

                โหรจับใบหน้าขาวเอียงซ้ายเอียงขวา กวาดตาไล่มองหารอยแผล นอกจากที่หน้าผากแล้ว ยังมีที่แก้มอีกสองรอย ที่แขนเป็นจ้ำเขียว เสื้อผ้าเปื้อนหลายจุด

                “ใจเย็นสิ แผลแค่นิดเดียวเอง สองสามวันก็หายแล้ว” ขณะที่โหรเป็นห่วงแทบบ้า แต่กุมภ์กลับมีท่าทางสบายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “มีอะไรทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ถ้ามันเป็นเยอะกว่านี้จะทำยังไง!”

                “ก็มันไม่มีอะไรไง อุบัติแค่นิดเดียวเอง ก็แค่....รถตกข้างทาง”

                “อะไรนะ!” โหรตะโกนลั่น จนคนหันมามอง กุมภ์ต้องรีบฉุดลากรั้งร่างใหญ่ให้ออกมาจากตรงนั้น แล้วไปสงบสติอารมณ์ในร้านกาแฟแทน

                โหรโกรธอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ปกติโหรจะใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ แต่คราวนี้โหรกลับควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ยิ่งได้เห็นบาดแผลบนร่างของคนรักก็ยิ่งโกรธ

                “พี่โหร โกรธผมเหรอ” กุมภ์ถาม พลางลื่นกาแฟให้ก่อนจะวางปลายนิ้วลงบนหลังมือหนา แต่โหรดึงมือออกแล้วยกมันขึ้นกอดอก ดวงตาจ้องเขม็ง

                “ใช่ พี่โกรธ พี่มันไม่สำคัญเลยใช่ไหม รถตกข้างทาง ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะ” โหรดุเสียงเข้ม

                “ผมรู้” กุมภ์พยักหน้า แววตาสลดลง “ฝนมันตกไง ถนนเลยลื่น ผมไม่ชินทาง ก็เลยเสียหลักนิดหน่อย”

                “ที่บ้านคุณเรียกว่านิดหน่อยอย่างนั้นเหรอ?”

                สรรพนามที่เปลี่ยนไปยิ่งเล่นเอาหัวใจคนฟังหล่นวูบ กุมภ์ก้มหน้างุดด้วยสำนึกผิด “...ผมขอโทษ”

                โหรเอนหลังพิงกับเบาะเก้าอี้ อยากจะจับว่าที่ทนายความตีก้นเสียให้หลาบจำ เขาต้องใช้หลักคำสอนของพระอาจารย์ขึ้นมาข่มความโกรธ นานร่วมครึ่งนาทีไฟในอกถึงได้ลดลง พอได้เห็นสีหน้าของกุมภ์ความโกรธก็แทบจะไม่เหลือแล้ว ถึงตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าที่โกรธเพราะเป็นห่วงมากเกินไปนั่นเอง

                “แล้วรถเป็นยังไงบ้าง พังเยอะหรือเปล่า”

                “เยอะครับ อยู่ที่อู่แล้ว”

                “มีรูปไหม ขอดูหน่อย”

                กุมภ์ช้อนตามองอยู่ชั่วประเดี๋ยวก็ส่งโทรศัพท์ให้ เขาเลื่อนนิ้วกดรหัสล็อคอย่างคล่องแคล่ว เปิดหาดูความเสียหายที่กุมภ์ถ่ายเอาไว้ พอได้เห็นใจก็กระตุกอีกรอบ รถยนต์สุดหรูพังยับแทบจะทั้งคัน ด้านหน้ายุบไปถึงเบาะนั่งดูเหมือนว่าจะชนกับต้นไม้ใหญ่เข้าเต็มแรง นี่ไม่ใช่แค่ตกข้างแล้ว! เขากำโทรศัพท์แน่น เงยหน้ามองเจ้าของรถหรูที่ตอนนี้เกือบจะเป็นเศษเหล็กไปแล้ว ไม่รู้ว่าประกันจะยอมจ่ายค่าซ่อมให้หรือเปล่า เขากำลังจะอ้าปากต่อว่า แต่กุมภ์ชิงพูดขึ้นก่อน

                “ตอนนั้นผมก็คิดว่าแย่แล้วเหมือนกัน แต่มันเหมือนมีอะไรกระชากผมออกจากรถ” กุมภ์ว่า “ผมออกจากรถได้ก่อนที่จะชนกับต้นไม้ ส่วนแผลที่หน้าผากเป็นเพราะผมกลิ้งไปชนกับก้อนหิน”

                “กระชาก? ยังไง?” โหรสงสัย กุมภ์ได้สักยันต์ป้องกันภัยเหมือนเขา ดังนั้นไม่น่าจะมีอะไรคอยช่วยเหลือในยามที่ตกอยู่ในอันตราย

                “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันแต่...” กุมภ์เว้นวรรค เม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิด แต่สายตามีแววลังเล “...ถ้าผมไม่ได้ตกใจจนตาฝาดไป เหมือนผมจะเห็นชายผ้าสีขาว เหมือนกระโปรงผู้หญิง”

                “กระโปรงผู้หญิง?”

                โหรทบทวนคำพูดของกุมภ์ กระโปรงสีขาวอย่างนั้นหรือ? มีเพียงคนเดียวที่เขาคิดออก

                พิกุล!

                “พิกุลหรือเปล่า” กุมภ์สันนิษฐาน ซึ่งก็ตรงกับความคิดของโหรพอดี

                “จะอะไรก็ช่างเถอะ คราวหน้าต้องระวังมากกว่านี้นะรู้ไหม ที่โกรธเพราะพี่เป็นห่วง” โหรถอนหายใจ ความโกรธถูกแทนที่ด้วยความห่วงใย ถึงน้ำเสียงจะฟังดูกระด้างไปหน่อยก็เถอะ

                “ครับ” กุมภ์จ๋องไปเยอะทีเดียว

                แผลที่หน้าผากเย็บไปเจ็ดเข็ม ส่วนรอยตามตัวไม่กี่วันก็หายแล้ว กุมภ์แจ้งเรื่องกับที่บ้าน ไม่แปลกที่จะถูกมารดาเอ็ดชุดใหญ่ และกำชับให้ขากลับนั่งรถโดยสารกลับไม่อย่างนั้นก็ให้โหรมาส่งแทน ซึ่งประการหลังโหรเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริงแล้วโหรตั้งใจจะไปรับกุมภ์อยู่แล้ว แต่เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างสารพัด อยากชมวิวบ้างล่ะ ไม่อยากให้ลำบากบ้างล่ะ กลัวเหนื่อยบ้างล่ะ สุดท้ายโหรอ่อนใจยอมให้กุมภ์ขับรถมาเอง เลยประสบอุบัติเหตุ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แม้แต่คนที่อยู่ละแวกนั้นยังแปลกใจที่กุมภ์ออกมาจากรถได้ก่อนที่จะชนกับต้นไม้…

 
(มีต่อ)           

ออฟไลน์ libra82

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 285
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-5
(ต่อ)
หลังจากปรับความเข้าใจกันเขาก็ชวนกุมภ์กลับบ้าน ตอนที่มาถึงจ้าวจอมก็ยิ้มเผล่พร้อมกับต้มยำไก่บ้านถุงใหญ่พอดี ไม่รู้ว่ามีญาณทิพย์มาจากไหนถึงได้รู้ว่ากุมภ์จะมา แต่พอเห็นแผลก็ตกใจตาโต ถามไถ่ที่มาที่ไปทุกซอกทุกมุมเสียยิ่งกว่าเจ้าพนักงานสอบสวน เขาตัดรำคาญไล่มันไปเจียวไข่เพิ่ม และให้กุมภ์ไปอาบน้ำ ส่วนตัวเองก็จัดการหุงข้าวหุงปลา เพราะเย็นมากจนแทบจะหมดแสงสุดท้ายของวันแล้ว

                “ได้ยินมาว่าตรงนั้นมีอุบัติเหตุบ่อยด้วยล่ะ”

                หนุ่มต่างถิ่นเงยหน้ามองคนพูด มือที่กำลังตักต้มยำกุ้งชะงัก ต้องถามต่อทันทีด้วยความสงสัย “ยังไงเหรอ”

                “ผมเคยได้ยินว่าตรงนั้นมีตัวตายตัวแทน” เด็กหัวเกรียนว่า “คนตายหลายรายแล้ว เพื่อนผมมันเคยเล่า ตอนกลางคืนมีคนออกมายืนโบกรถ วิ่งตัดหน้ารถบ้าง หรือไม่ก็กระโดดขึ้นรถมาด้วยก็มี”

                “มึงมันขี้โม้” ผู้อาวุโสสุดขัดขึ้น ตัดไข่เจียวใส่จานคนรัก “อย่าไปฟังมันมาก ไม่มีอะไรหรอก”

                “ไม่มีอะไรที่ไหน โรงเรียนผมอยู่แถวนั้น จะไม่เคยได้ยินได้ยังไง” เด็กจอมกวนย่นจมูกใส่ ก่อนจะตัดไข่เจียวไปทีเดียวครึ่งจาน ข้อหาหมั่นไส้

                “น่ากลัว” กุมภ์ลูบขนที่แขน หากที่จ้าวจอมเล่าเป็นเรื่องจริง เขาโชคดีมากจริงๆ ที่ไม่ได้ไปเป็นตัวตายตัวแทนของใคร

                “ดีแล้วที่พี่ไม่เป็นอะไร ว่ากันว่าปีหนึ่งจะต้องหาคนไปบูชาเจ้าป่า 19 ศพ ด้วยล่ะ”

                “ไอ้เพ้อเจ้อ! ขืนพูดอะไรให้แฟนกูกลัวอีก กูจะสั่งให้ไอ้ลายตะปบมึง”

                “เชอะ! พวกบ้าอำนาจ แค่ฆ่าไอ้บอดได้ก็ทำมาเป็นเบ่ง ไอ้ลายพี่อ่ะ ผมเอาหนังสติ๊กยิงสองทีก็วิ่งหางจุกตูดแล้ว” จ้าวจอมแลบลิ้นใส่ ไม่มีทีท่าจะกลัวคำขู่สักนิด

                โหรส่ายหน้าด้วยระอาใจความกวนบาทาของไอ้เด็กหัวเกรียน มันดื้อตาใส ใช้หน้าตาที่กระเดียดไปทางจิ้มลิ้มมากกว่าจะหล่อเหลาหลอกให้คนเชื่อว่ามันเป็นเด็กนิสัยน่ารัก แท้จริงแล้ว ทั้งกวน ทั้งพูดมากอย่าบอกใคร

                “เออ แล้วนี่พี่จะมาอยู่กี่วันแล้ว....ทำไมไม่ชวนเพื่อน เอ่อ เพื่อนๆ พี่มาด้วยล่ะ” จ้าวจอมเปลี่ยนเรื่อง ชั่วจังหวะหนึ่งที่แก้มใสซับสีเลือด แต่แค่พริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติ

                “ไม่มีใครว่างน่ะสิ ชาร์ลกับคะนิ้งไปทำบุญแถวภาคเหนือ ส่วนรชตเห็นว่าต้องช่วยปรางค์ดูเรื่องร้าน ปรางค์กำลังจะเปิดร้านเค้กน่ะ แล้วก็ไอ้พัน” กุมภ์จงใจเว้นระยะ เพราะอยากจะแกล้งเด็กแถวนี้เล่น “มันติดไปช่วยรุ่นพี่ถ่ายรูปที่นครนายกน่ะ เข้าป่าอีกแล้ว แต่ได้ข่าวว่าได้ของดีไปจากเราแล้วไม่ใช่เหรอ”

                “ไม่มีอะไรเลย แค่คาถาบทสองบท เผื่อเจอไอ้ลาย”

                ไอ้ลายที่ว่าคือเสือ พันนาไม่ได้กลัวหรอก แต่จ้าวจอมไม่ไว้ใจ ขึ้นชื่อว่าป่าไม่ว่าที่ไหนก็อันตรายทั้งนั้น เลยมาขอคาถาป้องกันตัวจากโหรไปให้ใช้คุ้มครองตัว เมื่อตอนเย็นก็เพิ่งจะไลน์มาบอกว่าขึ้นมาอยู่บนห้างแล้ว ดีที่คราวนี้มีเจ้าหน้าที่ไปด้วย เลยไม่ต้องกลัวมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจะออดอ้อนขอกำลังใจอยู่ดี

                ใครใช้ให้ไปกัน ทำเป็นหน้าใหญ่อาสาไปทั่ว!

                “อิ่มแล้ว กลับดีกว่า เดี๋ยวแม่เป็นห่วง” จ้าวจอมลุกขึ้นหลังจากจัดการข้าวหมดจาน แล้วเผ่นลงเรือนไปทันที ราวกับจะกลัวเรียกให้กลับมาล้างจาน

                โหรส่ายหน้าอีกรอบ ถึงมันจะกวนไปสักหน่อย แต่เพราะจ้าวจอมนี่แหล่ะที่ทำให้ชีวิตไม่เงียบเหงาเกินไป

                “กินเยอะๆ เดี๋ยวกินยา”

                เจ้าของบ้านบอกคนเจ็บ ถึงจะเป็นแผลไม่เยอะ แต่คืนนี้ต้องอักเสบแน่นอน กุมภ์พยักหน้าหงึก รู้สึกเจริญอาหารมากเป็นพิเศษ ถึงแม้จะมีแค่ต้มยำกับไข่เจียวก็ตาม เรือนหลังเก่าที่ได้รับการรีโนเวทเสียจนใหญ่โตกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แข็งแรงขึ้นเป็นสิบเท่า ดูน่าอยู่น่านอนกว่าเดิมเป็นไหนๆ ตำหนักครูบาอาจารย์ถูกจัดให้อยู่ในห้องหับเรียบร้อย ตัวบ้านไม่ใช่แค่ไม้เก่าคร่ำคร่าอีกต่อไปแล้ว กลายเป็นครึ่งไม้ครึ่งปูน มีที่จอดรถ มีระเบียงยื่นออกไปรับลม มีสวนสำหรับปลูกสมุนไพร แต่ถ้าจะถามหาดอกไม้ก็คงจะผิดหวัง เพราะเจ้าของบ้านไม่นิยมของสวยๆ งามๆ จะมีก็แค่ดอกของต้นสมุนไพรต่างๆ ที่ปลูกไว้

                ถึงตอนนี้จะรับราชการมีหน้าที่การงานมั่นคงแล้ว แต่โหรก็ยังชอบปลูกสมุนไพร ใช้หัวใช้ใบบดเป็นยาเอาไว้แจกชาวบ้านยามที่มีคนเจ็บป่วย โหรยังคงเป็นหมอไร้ปริญญารับรองของชาวบ้านอยู่เหมือนเดิม

                “อ้วนขึ้นหรือเปล่าอ่ะ” กุมภ์ทัก รู้สึกว่าหมอโหรจะตัวใหญ่กว่าเดิม ถึงจะไม่มีพุงยื่นออกมาให้เห็นก็ตาม

                “ไหน ใครอ้วน ตัวเองหรือเปล่าเถอะ แก้มจะแตกอยู่แล้ว”

                กุมภ์ยกมือขึ้นจับแก้มตัวเองทันทีที่โดนทักกลับ จริงด้วยสิ เพราะปรางค์กำลังจะเปิดร้านเค้ก เขาเลยได้กลายเป็นลูกค้าวีไอพีก่อนร้านจะเปิดอย่างเป็นทางการ ไหนจะคุกกี้ ขนมปังไส้ต่างๆ นี่ยังไม่นับรวมชา กาแฟ อีกหลายแก้ว

                อ้วนแล้วไงล่ะ!

                เชอะ!

                กุมภ์เชิดหน้าไม่สนใจ ตักข้าวกินต่อ เคี้ยวหยับๆ แม้จะขุ่นเคืองใจไม่หายที่โดนทักว่าอ้วนกลับมาบ้าง

                โหรไม่ได้ใส่ใจกับท่าทางแบบนั้น เขากินข้าวต่อจนอิ่ม เรียกว่าข้าวที่หุงไว้หมดเกลี้ยงไม่เหลือสักเม็ด น้ำต้มยำแห้งขอด ไข่เจียวก็ไม่เหลือซาก ตบท้ายด้วยเงาะและมังคุดที่ซื้อติดมือมา กุมภ์อาสาล้างจานแต่เขาห้ามและกำชับให้กินยา จากนั้นก็ยกสำรับทั้งหมดไปล้างในครัว

                ระเบียงหน้าบ้านเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับกุมภ์ในยามนี้ แสงไฟจากหลอดนีออนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ โหรให้คนรู้จักช่วยรีโนเวทบ้านเสียจนแทบไม่เหลือเค้ากระท่อมเก่าๆ อย่างที่เคยเห็น ลมอ่อนๆ พัดเอากลิ่นหอมของดอกอะไรสักอย่างที่โหรปลุกไว้ชวนให้ชื่นใจ ดาวดวงน้อยค่อยๆ เปล่งแสงเมื่อฟ้ามืดลง กุมภ์นั่งลงบนโต๊ะไม้ตัวอย่างที่ตอกติดกับระเบียง ห้อยข้าลงไปด้านล่าง ปล่อยเท้าแกว่งไปมาเหมือนนั่งชิงช้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเวลาไม่ถึงปี หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมาก แม้แต่กับตัวเขาเอง

                เมื่อหลายเดือนก่อน เขายังเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาที่เอาแต่เก็บความลับเรื่องที่เป็นเกย์เอาไว้ ชีวิตไร้สีสัน กระทั่งได้มาเที่ยวบ้านของพันนาที่จังหวัดนี้ เขาก็ได้พบเจอเรื่องราวอัศจรรย์พันลึกมากมาย ทั้งภูตผี ปิศาจ อมุษย์ หรือแม้แต่เสือสมิง มันน่าเหลือเชื่อเกินไป หากไม่ประสบด้วยตัวเองเขาก็จะไม่มีวันเชื่อโดยเด็ดขาด

                เขาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง นอกจากพ่อแม่ กลัวจะถูกกล่าวหาว่าเพี้ยน เจ้าหน้าที่ที่เช้ามาช่วยเหลือหลังจากออกมาจากป่าได้แล้วก็ยังไม่มีใครกล่าวถึง ราวกับทุกคนรู้ดีว่าแท้จริงแล้วลึกลงไปในป่ามีอะไรที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้

                กุมภ์คิดย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ที่เล่าให้โหรฟังว่ารถเสียหลักตกข้างทางนั้น ที่จริงแล้วเขาเห็นเงาดำไร้รูปร่างวิ่งผ่านหน้ารถ เลยหักพวงมาลัยหลบ แต่กลับกลายเป็นว่ารถเขาตกไล่ทางพุ่งเข้าชนกับต้นไม้ โชคยังดีที่อะไรบางอย่างกระชากเขาออกมาจากรถได้ทัน ดังนั้นเขาเลยค่อนข้างตกใจและหวาดกลัวไม่น้อยตอนที่ได้ยินจ้าวจอมเล่าเรื่องถนนเส้นนั้นให้ฟัง ส่วนรถอยู่ในอู่เรียบร้อยแล้ว เมื่อกี้ก่อนจะกินมื้อเย็นลองโทรไปถามช่างแล้ว อีกสองอาทิตย์กว่าจะเสร็จ ประเมินค่าใช้จ่ายก็ร่วมแสนบาท ดีหน่อยที่ทำประกันชั้นหนึ่งเอาไว้

                พ่อกับแม่ไม่ได้โทรถามอะไรอีกหลังจากบ่นยาวเหยียด แค่สั่งไม่ให้เขาขับรถกลับบ้าน คิดๆ แล้วตัวเองโชคดีหลายชั้นเหลือเกิน เจออะไรมากมาย เสี่ยงต่อชีวิตหลายครั้งแต่ก็รอดได้ทุกครั้ง ใครจะว่าเขางมงายก็ได้ แต่พรุ่งนี้เขาจะชวนโหรไปทำบุญให้พิกุล

                “คิดอะไรอยู่” เสียงห้าวดังขึ้นข้างๆ เขาหันหน้าไปทางคนถาม ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าหมู่นี้โหรดูดีขึ้น กล้ามเนื้อแน่นกว่าเดิมที่บอกว่าอ้วนคงเพราะเป็นมัดกล้ามที่ใหญ่และแข็งขึ้น

                ส่วนเขาไขมันล้วนๆ!

                “พรุ่งนี้ไปทำบุญให้พิกุลกัน” เขาชวน “วัดที่พันเคยบวชน่ะ”

                “เช้าคงไม่ทัน เดี๋ยวค่อยไปถวายข้าวเพลหลวงตาก็แล้วกัน”

                กุมภ์พยักหน้าเห็นด้วย กะทันหันเกินไปหน่อยเลยไม่ได้เตรียมอะไร แถมแถวนี้ก็ไม่มีตลาดเสียด้วยต้องขับรถเข้าเมืองไปหลายกิโลกว่าจะมีร้านขายของ

                “บ้านใหม่สวยดี” เขาชม ยื่นหน้ารับลมเย็นๆ มันสบายยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศในห้องนอนเสียอีก

                “ค่าจ้างช่างโคตรแพง ลองออกมาไม่ดีสิ พ่อจะให้ไอ้นิลไปเล่นงานให้บ้านพัง”

                นิลคือควายธนูที่เคยช่วยชีวิตพวกเขาเมื่อคราวที่ต้องปะทะกับตาเวก เขาไม่ได้ติดใจเรื่องนิลหากแต่เป็นค่าจ้างที่ว่าแพงต่างหาก “เสียเงินไปเท่าไรเหรอ ถ้ารู้สึกว่ามันเกินไป ผมหาทางฟ้องร้องให้ได้นะ”

                “หึ ไม่ขนาดนั้นร๊อกครับคุณทนาย” โหรแซว ว่าที่ทนายเลยหันมาค้อนใส่ “แค่ต้มยาแก้ล่มปากอ่าวให้มันไปเท่านั้นเอง”

                “ทะลึ่งว่ะ” กุมภ์ว่าขณะที่หน้าร้อนผ่าว เพิ่งรู้ว่าหมอโหรมีตำรายาแบบนี้อยู่ด้วยเหมือนกัน

                “อยากจะลองดูไหมล่ะ แต่อย่างเราสองคนอ่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ตัวช่วยหรอก” โหรยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ชวนเสียวสันหลังชอบกล...

 :hao7:

รายงานความคืบหน้า "ไพรพิศวง 2 รักเธอจนตาย"

เป็นคู่ของจ้าวจอมกับพันนาเดินเรื่องนะคะ วางพล็อตแล้ว เรื่องย่อก็จัดการเรียบร้อย และกำลังแต่งบทนำค่ะ

รอสักหน่อยเด้อ เพราะงานประจำพรากเอาพลังงานไปเยอะเหลือเกิน

รักทุกคนนะคะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
โหรจะปราบผีได้ไหม

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
พิกุลมาช่วยกุมภ์ไว้ด้วย  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
มียาดีอยู่แล้วพี่โหร รู้แล้วว่าคิดถึง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หึหึ

ออฟไลน์ psychological

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 253
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
กุมภ์น่าจะบอกโหรเรื่องเงาดำ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พันนา โดนเด็กเกรียนวางยาเสียแล้ว หึงเขาไปเรื่อยนะ พอเจอตัวก็ห้ามใจตัวเองไม่อยู่
เจ้าจอม ก็คงคิดถึงพันนาทนไม่ไหวแหละ ถึงได้เดินทางมาหาโดยไม่บอก น่ารักจัง
กุมภ์ ดีใจด้วยที่ปลอดภัยนะ ดีใจที่ไม่เป็นอะไรมาก โหรรู้ข่าวถึงกับตั้งสติไม่อยู่ ดีที่ขับรถไปหา ไม่ไปชนใคร
โหร  ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้สูตรยาแก้ล่มปากอ่าวเท่านั้น คนเขียนบอกได้ป่ะ อย่าเก็บเงียบไว้นะ อิอิอิ
 :z2: :z2: :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด