------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9  (อ่าน 23458 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 20

เรือพี่นี้เป็นเรือยอร์ช น้องนางไม่ต้องกลัวตก





หลังจากกินขนมเสร็จ  ต้นน้ำกับนทีก็ขับรถวนมาส่งปุ้ยและใจดีที่โรงยิมก่อนกลับบ้าน  “ถามจริง  ทำไมถึงต้องไปลงคลิปอะไรแบบนั้นด้วย?”  ต้นน้ำถามเมื่อส่งสองสาวลงจากรถไปแล้ว

   “ไม่ดีเหรอ?  นายจะได้ชนะดิวไง” นทีดึงมือต้นน้ำมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ

   “ไม่ได้อยากจะชนะเลย” ชนะไปแล้วได้อะไร  ยอดไลค์ไม่ใช่สิ่งที่ต้นน้ำต้องการอยู่แล้ว  หรือแม้กระทั่งความเป็นหนุ่มฮอตอะไรทั้งหลายแหล่ที่ต้องใช้ความเป็นส่วนตัวไปแลกมา...เขาก็ไม่ต้องการ  ต้นน้ำจะดึงมือออก  แต่นทียังคงยื้อไว้

   “เราไม่ได้ความว่าอย่างนั้น” นทีบอกเสียงอ่อน  ง้องอนให้ต้นน้ำใจเย็นลง “เรารู้ว่านายไม่ชอบที่ต้องเอาเรื่องส่วนตัวไปบอกคนอื่น  แต่นายก็ต้องเข้าใจด้วยว่า...มีคนให้ความสนใจเรื่องของเรามานานแล้ว  ก่อนที่เรา...จะรู้สึกกับนายซะอีก  เราก็แค่อยากแก้ไขให้มันถูกต้อง”

   นทีมองสีหน้าต้นน้ำที่เริ่มผ่อนคลายลง  มือที่กุมไว้ก็ไม่รั้งออกอีกต่อไปแล้ว  “คนก็พูดเรื่องดิวกันไปทั่ว  เราไม่อยากให้นายไม่สบายใจ”

   “เราก็ไม่ได้ไม่สบายใจอะไรนี่”  ต้นน้ำบอกเสียงอ่อย  มันก็มีบ้างนิดหน่อย...นิดเดียวจริงๆ นะ  ไม่มากเท่าไร

   “นิดเดียวก็ไม่เลยเหรอ?”

   “ไม่” ไม่เล๊ย  ไม่ได้พูดความจริงเลยสักนิด

   นทีหัวเราะในลำคอก่อนพูดต่อ  “สบายใจก็ดีแล้ว  ว้า...งั้นที่ทำไปก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ” เสียงทุ้มกระเซ้าเจือแววน้อยอกน้อยใจนิดๆ

   ต้นน้ำหัวเราะออกมาได้  “ก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง  อย่างน้อย...ขนมเมื่อกี้ก็อร่อยดี”

   ช่วงที่รถติดไฟแดง   นทีก็หันหน้ามาหาต้นน้ำ  ใช้มือทั้งสองข้างกุมมือต้นน้ำไว้แล้วลูบเบาๆ  “เราอยากให้นายรู้เอาไว้นะ  ว่าเราชัดเจนกับนาย  ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว  มีนายคนเดียว”  ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาของต้นน้ำ  ถ้าดวงตาจะเป็นหน้าต่างของความจริงใจ  เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดซ่อนเอาไว้ 

   ต้นน้ำยิ้มก่อนเบือนหน้าไปทางริมถนน  “เฮ้ย  ผู้หญิงคนนั้นทำไมนุ่งสั้นขนาดนั้นวะ?”

   นที  “ไหน?”  เขามองไปตามสายตาของต้นน้ำ  เห็นแต่ลุงแก่ๆ เข็นรถขายโรตีผ่านมา

   “ไอ้บ้า  ไหนว่าไม่มีคนอื่นอีกแล้วไง?”

   “แค่มอง...ไม่ได้ชอบสักหน่อย” นทีแก้ตัว

   “ไม่ชอบ  แล้วจะมองทำไม?”

   “ก็ชอบมอง  ชอบดูเฉยๆ  ไม่ได้ชอบใจอ่ะ  เข้าใจป่าว?  ชอบนายคนเดียว  รักต้นน้ำคนเดียว”  นทีเขยิบเข้าไปหาต้นน้ำหมายจะกอดเอาใจคนขี้ระแวงสักหน่อย  แต่ต้นน้ำถอยออก  เขาเลยจูบที่หัวไหล่ต้นน้ำเบาๆ แทน

   “เหม็นไหม?  ไปเรียนมาทั้งวัน  ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

   นทีหัวเราะ  “ไม่รู้สิ  เมื่อกี้เอาจุ๊บเฉยๆ  ไม่ได้ดม  ต้องลองอีกที  มา”  มือใหญ่รั้งต้นแขนของต้นน้ำข้างที่เอื้อมถึงได้  พยายามจะดึงต้นน้ำเข้ามา  แต่ต้นน้ำขืนตัวไว้ก่อนบอก  “ไฟเขียวแล้ว” 

   นทีหันกลับไปขับรถต่อแต่ก็ยังไม่วายดึงมือต้นน้ำมากุมไว้เหมือนเดิม 

   นทีลอบยิ้มมุมปาก  ใช่แค่เรือนทีดิวที่ล่มเสียเมื่อไร...เรือริวต้นน้ำก็ต้องล่มด้วย  อัพคลิปแค่คลิปเดียว  ยิงเรืออับปางไปสองลำ  กำไรเหนาะๆ  เขากระชับมือที่กุมไว้ให้แน่นขึ้น

   เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีคลอไปกับเสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ   ต้นน้ำนั่งเหม่อมองไปทางถนน  นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว 

   ตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่หนึ่ง  เขาได้ยินพ่อกับแม่คุยกันอยู่ในครัวในช่วงเช้าก่อนที่พ่อจะออกไปทำงาน

   “ผมไปสองวัน  วันอาทิตย์กลับนะ” 

   “วันธรรมดาก็ไปทำงานทุกวัน  วันหยุดยังจะให้ไปดูงานที่ต่างจังหวัดอีกเหรอคุณ?”

   “ทำไงได้?  ช่วงนี้ไซต์งานที่โคราชมีปัญหาบ่อย  นายไม่ไว้ใจผู้รับเหมาทางโน้นก็เลยอยากให้ผมไปดูเอง”

   “หึ  ให้มันจริงเถอะ  ไม่ใช่ไปมีเล็กมีน้อยซ่อนแอบไว้นะ” ฝนทิพย์ปรามาส  เพราะสามีเคยมีประวัติเสียมาก่อน

   ปราการดึงฝนทิพย์เข้ามากอดเอาใจ  “ไม่มีหรอกน่า  มีคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ”

   แต่คำพูดของพ่อก็เป็นเพียงแค่ลมปากที่เป่าออกมาเท่านั้น  ไม่มีน้ำหนัก  ไม่มีความจริง  ไม่มีความสำคัญอะไรที่จะต้องให้คุณค่า

   เย็นวันนั้นเขาไปงานวันเกิดเพื่อน  พ่อแม่ของเพื่อนพาพวกเขาไปเลี้ยงขนมในห้าง  เขาเห็นพ่อเดินเคียงคู่กับผู้หญิงไม่คุ้นหน้า  มือหนึ่งล้วงกระเป๋า  มือหนึ่งโอบไหล่  ท่าทางสนิทสนม แม้กระทั่งเด็กประถมยังรู้ว่าท่าทางใกล้ชิดกันแบบนี้...เขามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน?

   พ่อไม่เห็นเขา  แต่เขามองเห็นพ่อชัดเจน  เขามองพ่อเดินผ่านไปด้วยน้ำตานองหน้าแต่พูดอะไรไม่ออก  เป็นความผิดหวัง  หมดหวัง  หมดศรัทธา  ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเดินออกไปแสดงตัวว่าเขาเห็นพ่อนะ  เขาอยากบอกให้พ่อกลับบ้าน  อยากให้พ่อทิ้งผู้หญิงคนนั้นไปซะแล้วเลือกเขากับแม่เถอะ  แต่เขากลัวคำตอบเหลือเกิน...หากพ่อไม่เลือกเขาล่ะ

   หรือถ้าพ่อเลือกเขา  คำพูดที่พ่นออกมาเชื่อถือได้แค่ไหนกัน?
 

   เมื่อย้อนคิดดูถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น  ต้นน้ำไม่ได้ร้องให้ออกมาอีกแล้ว  มันเหมือนแผลสดที่แห้งจนตกสะเก็ดแล้วกลายเป็นแผลเป็น  แตะแล้วไม่ได้รู้สึกเจ็บอีกต่อไป  แต่ก็ยังคงมองเห็นอยู่  และยังคงจดจำได้ว่า ‘อะไร’ ที่ทำให้เราเจ็บ

   คิดเรื่อยเปื่อยจนรถจอดสนิท  ต้นน้ำถึงได้รู้สึกตัว  เขาลงจากรถมา...นทีก็เข้ามาคว้ามือจูงเดินเข้าบ้าน  ลามปาม!  ต้นน้ำพยายามจะดึงมือออก  “มีแฟนแล้ว  มาจับมือคนอื่นได้ไง?”

   “ได้สิ  ก็จับมือแฟนตัวเอง”

   “จำได้...ว่าเราไม่มีแฟนนะ”

   “แฟนในอนาคตไง  จองไว้ก่อน”  ไม่พูดเปล่า  นทีดึงมือต้นน้ำเข้าไปเกาะกุมให้แน่นขึ้น

   “ไม่ให้จองเว้ย  เรื่องอะไร  เผื่อมีสาวๆ สวยๆ เข้ามา...เราก็อดน่ะสิ”  ทั้งสองคนพากันคุยกันไป  เดินกันไปจนถึงหน้าห้องนอนต้นน้ำ   

   “นายเข้าใจเราผิดตลอดเลย  เราจองตัวเองไว้ให้นายต่างหากล่ะ”  นทีชี้ที่ตัวเอง  “ประกาศออกไปแบบนี้  จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเราไง”  นทีบีบมือที่กุมไว้ตลอดทางเบาๆ

   “ขอแคนเซิลได้ไหม?”  ต้นน้ำหันมาถาม

   “ได้ไงล่ะ?”  นทีโวยวาย  “นี่สินค้าเกรดพรีเมียมเลยนะ  ไม่เชื่อ...ลองเทสต์ดูก่อนก็ได้”  นทีว่าพลางส่งยิ้มแววตากรุ้มกริ่มมาให้ต้นน้ำ 

   “ไม่ลองเว้ย”  ต้นน้ำส่ายหน้าก่อนเปิดประตูห้อง  นทีจะก้าวตามเข้าไปด้วย  แต่ต้นน้ำหันกลับมาดันไว้  “อย่าล้ำเส้น”

   “ไอ้เส้นเมื่อวานมันขีดไว้ตรงนี้”  นิ้วยาวชี้ลงไปตรงจุดที่กินพื้นที่เข้าไปในห้องหนึ่งก้าวเล็กๆ ตรงพื้นที่เขายืนพอดี

   ต้นน้ำส่ายหน้าให้คนขี้โกง  มือขาวล้วงปากกาเมจิกออกมากระเป๋า  ขีดเส้นที่พื้นตรงกับขอบประตู  “เส้นมันอยู่ตรงนี้” 

   นทีกรอกตาก่อนเดินหมดแรงออกไปยืนหลังเส้น  “อย่างน้อย  ถ้ายังไม่เทสต์สินค้าก็น่าจะจ่ายมัดจำก่อนเป็นไง?” 

   ต้นน้ำยิ้ม  “ขอพิจารณาดูก่อน  แต่ตอนนี้...ไปนอนได้แล้ว  ง่วง!”   พูดจบก็ปิดประตูทิ้งให้นทียืนเก้ออยู่หน้าห้องเพียงลำพัง  เมื่อข้อเสนอทุกข้อถูกปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย  ถวายตัวให้ขนาดนี้ก็ยังไม่เอา  ถึงเวลานี้...นทีถึงเพิ่งสำนึกได้ว่า...เขาเดินหมากตัวแรกผิดไปตัวหนึ่ง  หากเขาไม่บอกความรู้สึกตัวเองออกไป  แกล้งเนียนๆ  ทำเป็นจำเรื่องที่ต้นน้ำจูบเขาไม่ได้  ป่านนี้...จะแตะตรงไหนก็คงแตะได้  จะจับตรงไหนก็สบาย  นอนด้วยก็ยังได้  ไม่ต้องมีไอ้ขีดบ้าๆ นี่มากั้นไว้หรอก 

   ร่างสูงค่อยๆ นั่งยองลงบนพื้น  เส้นสีดำที่ต้นน้ำวาดไว้ถูกบานประตูปิดทับจนมองไม่เห็นแล้ว  แต่ยังไง...มันก็ยังคงมีอยู่   ปากกาเมจิกแบบนี้...จำได้ว่ามีน้ำยาสำหรับลบขายอยู่นี่นา 





ต้นน้ำวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วเดินไปยังชั้นวางหนังสือด้านข้าง  มีรูปพ่อกับแม่และเขาถ่ายร่วมกันวางอยู่บนสุดของตู้   เขามองภาพนั้นด้วยสายตาเฉยชา  แวบเดียวที่ความเจ็บปวดบางอย่างฉายวูบขึ้นมาแล้วก็จางหายไป 

   “น้ำรักพ่อนะ  แต่น้ำก็เกลียดการกระทำของพ่อด้วย”  ต้นน้ำมองรูปนั้นสักพักก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป 

   บนหัวของต้นน้ำยังมีไอเย็นจากการสระผมเกาะอยู่เมื่อเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ  เสียงแอพพลิเคชั่นไลน์ดังเตือนขึ้นมา  เขาเอี้ยวตัวไปเปิดดู  เป็นข้อความจากนที

   Nathee : นอนยัง?
   Tonnaam : ยัง


   จากนั้นก็เป็นสายที่วิดีโอคอลเข้ามา  ต้นน้ำกดรับ   

   “ไปเช็ดหัวให้แห้งสิ  เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” นทีบอกเมื่อเห็นว่าปลายสายอีกด้านเส้นผมยังเปียกอยู่  ส่วนตัวเขา...ยังไม่ได้อาบน้ำ 

   “เออ รู้แล้วน่า  นายยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ?” ว่าพลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผม 

   “เช็ดให้แห้งนะ”
   
   “เออ  เดี๋ยวเอาไดร์เป่าด้วย”
 
   “ดีมาก  แล้วนายหายไปไหนเนี่ย?”  นทีถามเพราะต้นน้ำเดินหายไป  มองไม่เห็นในจอโทรศัพท์ 
   
   “อยู่หน้ากระจก  หาไดร์เป่าผมอยู่”
   
   “เอาเราไปด้วยสิ  เราอยากคุยกับนายนะ  ไม่ได้อยากคุยกับเพดาน”

   ต้นน้ำเดินมาหยิบโทรศัพท์ไปวางไว้หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง  ส่วนตัวเองก็หยิบไดร์มาเป่าผมให้แห้ง 

   นทีเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง  มองภาพต้นน้ำที่กำลังเป่าผมอย่างเพลิดเพลิน  จากผมลีบแบนเพราะเปียกน้ำค่อยๆ นุ่มฟูขึ้น  นิ้วเรียวสางเส้นผมเบาๆ  ดูพลิ้วนุ่มจนอยากยื่นมือเข้าไปลูบเบาๆ  แค่คิดก็เหมือนสมองจะส่งกลิ่นที่เขาเคยแอบดมเข้ามากระทบปลายจมูก 

   “นายก็ไปอาบน้ำได้แล้วไป”  ต้นน้ำบอกพลางสางผมอีกครั้งเพื่อตรวจดูว่าแห้งสนิทดีหรือยัง

   “โอเค”  นทีตอบรับก่อนลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน  เขาวางโทรศัพท์ไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องก่อนถอดเสื้อออก  แล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า

   ต้นน้ำเหล่มองโทรศัพท์  เขาเห็นนทีจากทางด้านหลัง   แผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือยมาถึงเอวสอบที่หายลับลงไปในกางเกง  เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ลมหายใจติดขัด เลือดลมวูบวาบๆ อย่างไรไม่รู้

   “เข้าไปอาบด้วยกันไหม?”  นทีหันกลับมาถามเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  โชคดีมากที่เป็นการพูดคุยผ่านวิดีโอคอล  อย่างน้อย...เขาก็ยังมีความหวังว่าภาพอาจจะไม่ค่อยชัด  นทีอาจจะจับไม่ได้ก็ได้...ว่าเขาแอบมองอยู่ 

   ต้นน้ำแกล้งทำเป็นก้มหัวสะบัดๆ  เพื่อจัดแต่งทรงผม  จัดบ้าอะไรนักหนาเล่า  นี่หวีๆ ปัดๆ อยู่นานแล้ว...แต่งทรงผมเพื่อเข้านอนหรือไง?  เขาสะบัดผมขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์

   อุ๊ก...เต็มๆ

   นทีเดินมาอยู่ตรงหน้าจอแล้ว  หันหน้าเข้าหาจอในสภาพเปลือยท่อนบนอล่างฉ่าง  เป็นภาพที่เขาเห็นบ่อยๆ  ในช่วงที่นอนด้วยกัน  เคยทำใจไม่ได้ยังไง...ตอนนี้ก็ยังคงทำใจไม่ได้อยู่อย่างนั้น  หนำซ้ำนับวัน...ประสิทธิภาพในการตั้งรับของเขาเหมือนยิ่งเสื่อมถอยลง 

   “ทะ...ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก?”

   “ก็นายยังไม่ตอบเลย” 

   “ตอบอะไร?”  ต้นน้ำงง  เมื่อกี้ตอนที่หันมาเหมือนว่านทีจะพูดอะไรสักอย่าง  แต่เขาไม่ได้ฟัง...มัวแต่วางมาดทำเป็นเป่าผม  สะบัดไปมาจนหัวจะหลุดอยู่แล้ว

   “จะเข้าไปอาบน้ำด้วยกันไหม?”

   ต้นน้ำตาโต  สีหน้า  แววตา  น้ำเสียงของนทีเหมือนพูดทีเล่นทีจริงเพื่อท้าทายเขา  เล่นไม้นี้เหรอ?...ได้เลยลูกพี่  อย่าคิดว่าเขาไม่กล้านะ  ต้นน้ำพูดเสียงดังฟังชัด  “ไม่”

   แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่กล้า 

   นทีหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจก่อนเดินหายไปจากหน้าจอ 

   ต้นน้ำถอนหายใจ  ลมหายใจที่ติดขัดเมื่อสักครู่นี้ค่อยกลับมาหายใจคล่องสักหน่อย  ร่างโปร่งเดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม  ซุกตัวลงในผ้าห่มอุ่น  แต่ก็ไม่ลืมคว้าเอาโทรศัพท์ติดมือมาด้วย   

   เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ความรู้สึกสั่นไหวเมื่อครู่นี้ยังสะเทือนอยู่ในใจ  ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไร  พอรู้สึกตัวมันก็โลดแล่นโจนทะยานจนยั้งไม่อยู่   ก่อนหน้านี้เขาทรมานจากการพยายามจะปกปิด  กดเหยียบมันเอาไว้   แต่พอเผยความรู้สึกออกมา...กลับทรมานยิ่งกว่า

   หากเปรียบความรักเป็นเหมือนเรือลำเล็กที่มีนทีนั่งอยู่  เขาก็กลัวว่าเขาจะเป็นคนที่ตกเรือไปก่อนที่เรือจะถึงฝั่ง

   เสียงนทีออกมาจากห้องน้ำพลอยทำให้ต้นน้ำหันไปมอง  นทีสวมผ้าเช็ดตัวพันบั้นท้ายไว้แน่นหนา  ตามลำตัวชุ่มชื้นแม้จะไม่มีหยดน้ำเกาะอยู่  ต้นน้ำเขยิบตัวเองลงในผ้าห่ม  คลุมโปงจนมิดเหลือเพียงรูเล็กๆ ที่เหลือไว้ส่องหน้าจอโทรศัพท์  รู้สึกเหมือนตอนที่กำลังดูหนังผีที่ต้องเอามือปิดหน้าเอาไว้  แล้วแอบมองลอดผ่านระหว่างช่องนิ้วของตัวเอง  เพียงแต่ตอนนี้...เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนตอนที่ดูหนังผีเท่านั้นเอง

   นทีมองกลับมาในจอไม่เห็นต้นน้ำ  คนคงจมลงไปในผ้าห่มกองใหญ่แล้ว  มือเรียวหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าก่อนร้องบอก  “เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายหรอก” 

   คนที่อยู่ในผ้าห่มยังคงนิ่งเงียบ   ทำตัวเป็นพวกถ้ำมองเต็มรูปแบบ  เสียแต่ว่าคนที่ถูกมองดันรู้ตัว  ไม่อย่างนั้นคงสมบูรณ์แบบกว่านี้   ในผ้าห่ม...ต้นน้ำเอามือลูบสำรวจใบหน้า  เมื่อแน่ใจว่าไม่มีของเหลวจำพวกน้ำลายหรือเลือดกำเดาไหลก็ค่อยๆ  ยื่นหน้าออกมาจากผ้าห่ม

   นทียังคงเป่าผมอยู่   ทั้งตัวก็ยังคงมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่   ต้นน้ำมองสำรวจเรือนร่างของคนที่อยู่อีกฝั่งผ่านหน้าจอ...หล่อมาก!  หล่อจนน่าสงสารเลยที่ต้องมารักคนอย่างเขา   เอาจริงๆ ถ้าถามคนสิบคนว่าระหว่างนทีกับเขา...ใครหล่อกว่ากัน?  มีแค่ครึ่งคนเท่านั้นแหละที่จะตอบว่าเขาหล่อกว่า 

   ฐานะก็ดี...ชนิดที่เลี้ยงข้าวเขาวันละสิบมื้อก็ยังได้  กินขนมหมดตู้เย็นไป  พรุ่งนี้ก็เติมให้ใหม่...เต็มเหมือนเดิม

   นิสัย...เขาก็ไม่รู้ว่าสำหรับคนทั่วไปเรียกว่าเป็นนิสัยดีไหม?  แต่สำหรับเขาแล้ว...สามผ่านไม่น่าจะพอ  โดยเฉพาะระยะหลัง...ถ้าเขาบอกว่าอยากกินนก...ก็ไม่มีทางได้กินหมา  หรือถ้าเขาบอกว่าอยากกินหมา...คาดว่าน่าจะเอาลูกปืนมายิงหมาให้เขาเลย  วันนี้ไม่ได้กิน...พรุ่งนี้ก็ได้กิน  ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ได้กิน...วันมะรืนต้องมีแน่

   แล้วยังจะลังเลอะไรอีกวะ?  ปล่อยให้คนหล่อต้องเสียใจมันบาปนะ

   นทีวางไดร์เป่าผมลง   เห็นคนในจอนอนนิ่ง  สายตามองตรงมายังเขาแทบไม่กระพริบก็อดยิ้มออกไม่ได้  เขาทอดสายตาอ่อนโยนมองกลับเข้าไปในจอ “คิดอะไรอยู่?”  ถามเสร็จก็เดินไปหยิบกางเกงมาสวม  ก่อนพาโทรศัพท์มานอนบนเตียงด้วย 
   
   เมื่อใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นบนจออีกครั้ง  ต้นน้ำถึงได้เอ่ยปาก “กำลังคิดว่า...ถ้าตกเรือ  มันจะเป็นยังไง?”

   “เรืออะไร?  เรือแจวเหรอ?”

   “อืม”

   “ก็คงจะเปียกมั้ง?  ก็น่าสนุกดี...ตกเรือก็จะได้ว่ายน้ำเล่นต่อ”

   ต้นน้ำ  “......” 

   “นายก็ว่ายน้ำเป็นนี่?”

   ต้นน้ำพยักหน้า

   “ถ้ากลัวตกเรือแจว  ก็มาขึ้นเรือยอร์ชกับพี่สิน้อง”  นทีหัวเราะร่ากับคำพูดอวดโอ่ของตัวเอง  พลอยทำให้ต้นน้ำหมั่นไส้ไปด้วย 

   เรือรักของนที...เป็นเรือยอร์ชหรอกเหรอ?  นี่เขาก็นึกว่าเป็นเรือแจว...พายจนเหนื่อยก็ไม่ถึงฝั่งมาตลอด

   “เรือไททานิคยังล่มเลยเหอะ”

   “เรือล่มมันก็มีแหละ  แต่เรือรอดเยอะกว่า  ข่าวมันก็ออกแต่พวกเรือล่ม...ประโคมกันเข้าไปให้  แต่เรือลำไหนรอดแล้วต้องเป็นข่าว  หนังสือพิมพ์สิบหน้าก็น่าจะไม่พอนะ   นายคิดฟุ้งซ่านเกินไปแล้ว  ว่างเหรอ?”

   ต้นน้ำเบ้หน้าเมื่อโดนว่าตรงๆ  ที่ฟุ้งซ่านอยู่นี่...ก็คิดเรื่องนายไหมล่ะ?  แล้วก็นอนเฉยๆ  แบบนี้...ดูก็รู้ว่าว่างขนาดไหน  แม้แต่ขยับตัวสักนิดก็ยังไม่ขยับเลย

   “ว่างก็มานอนห้องนี้สิ  จะได้มีอะไรทำ” 

   ทำอะไร?  ไม่ทำโว้ย  เมื่อเผยความรู้สึกออกมาแล้ว  ความเสื่อมก็เผยออกมาด้วย

   “นายคิดอะไร?  เราก็แค่ชวนมาเล่นเกมส์ด้วยเฉยๆ  แต่ก่อน...นายก็ยังเคยมานั่งเล่นเลย”  นทีตัดพ้อเมื่อเห็นต้นน้ำหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด  ปลายประโยคติดน้ำเสียงคล้ายจะน้อยอกน้อยใจ   เมื่อก่อนใช้มุกแบบนี้ทีไร  ไม่ได้แทะ...ก็ยังได้เล็มบ้าง

   แต่ต้นน้ำผู้แข็งแกร่งไม่มีวันใจอ่อนกับมุกเรียกคะแนนสงสารของนทีอีกต่อไปแล้ว  “เหมือนชวนสาวๆ ไปนอนจับมือเฉยๆ น่ะเหรอ?”

   มุกโบราณไร้รสนิยมเหมือนพวกเจ้าชู้ตลาดล่าง  นทีไม่เอามาใช้เด็ดขาด  แต่จะพูดออกไปก็กลัวว่าจะเป็นการสาดโคลนเข้าตัว  วิธีเดียวที่เขาจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้  คือการสาดโคลนออกไปให้พ้นตัว  “รู้ดีนักนะ  เคยใช้เหรอ?”  ถึงต้นน้ำจะเปื้อนโคลนยังไง...เขาก็รัก  แต่ถ้าตัวเขาเปื้อนโคลน...ต้นน้ำอาจจะไม่รักก็ได้  เขาเลยยอมให้ต้นน้ำเปื้อนดีกว่า

   ต้นน้ำรู้สึกเหมือนเลือดขึ้นหน้านิดๆ  อยู่ๆ ก็วกมาเป็นเขาได้ไง?  “ไม่เคยเว้ย  ไม่ใช่นายสักหน่อย  ต้องให้สาธยายชื่อเสียงนายไหม?...นที! คน! ดัง!” 

   โคลนเลี้ยวมาทางนทีอีกแล้ว  โดนคลื่นอารมณ์ซัดมาเสียด้วย...อารมณ์ล้วนๆ  ไร้ความเป็นเหตุเป็นผลซ่อนอยู่  นทีรีบยกธงขาว  ยกสองมือขึ้นยอมแพ้ก่อนที่คลื่นจะซัดสูงกว่านี้จนกลายเป็นสึนามิพัดพาทุกอย่างพังพินาศ  “โอเคๆ  ไม่เคยก็ไม่เคย  สัญญาเลยว่า...ต่อไปจะไม่ชวนใครไปนอนจับมืออีกแล้ว  จะชวนแค่นายคนเดียว”

   ไอ้บ้า  เขาไม่ได้ต้องการอย่างนี้สักหน่อย  ต้นน้ำปรับอารมณ์ไม่ทัน  เกี่ยงกันเรื่องมุกชวนสาวขึ้นเตียงอยู่ดีๆ  ไหงกลายมาเป็นชวนเขาไปนอนจับมือแทนได้ล่ะ

   “ทำไม?”  นทีถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของต้นน้ำ  “นายไม่อยากนอนจับมือเฉยๆ เหรอ?  อยากได้อะไรก็บอก...ตามใจนายทุกอย่างเลย” 

   นทียังคงยกสองมือศิโรราบด้วยสีหน้าขัดเขินนิด  เอียงคอมองอย่างไร้เดียงสา  อยากได้มากกว่านอนจับมือก็บอกสิ  จัดให้ได้ 

   ต้นน้ำอยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด  มือเรียวทึ้งผมตัวเองอย่างอดไม่อยู่ก่อนตะโกน  “ไม่ใช่โว้ย”

   นทีหัวเราะในลำคอ  “รู้น่า  นายไม่อยากได้มากกว่านั้นหรอก  งั้นแค่นอนจับมือเฉยๆ ก็ได้เนอะ”  มุกไร้รสนิยมถูกนทีเอามาใช้จนได้  แต่เขาก็ถือว่าไม่ผิดกติกา  ที่ผ่านมาเขาไม่เคยใช้มุกนี้จริงๆ  แต่ถ้ามันพอจะหลอกล่อคนที่หัวยุ่งเพราะทึ้งผมตัวเองได้  เขาจะยอมลดระดับรสนิยมของตัวเองลงมาหน่อยแล้วกัน

   “พรุ่งนี้แยกกันไปมหา’ลัยนะ”  ต้นน้ำเปลี่ยนเรื่อง  ไม่อยากตอบรับเพราะจะกลายเป็นเชิญชวนกันนอนจับมือเกินไป  แต่จะให้ปฏิเสธ  ก็...ไม่อยากอีกเหมือนกัน

   “ทำไมล่ะ?”  นทีถามเสียงสูง  หรือว่าการชวนนอนจับมือกันเมื่อครู่นี้จะทำให้ต้นน้ำโกรธมากจนไม่อยากแม้แต่จะอยู่ใกล้เขา  “นายโกรธจริงๆ เหรอ?”  แววตาขี้เล่นของนทีเมื่อครู่นี้ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว 

   “ไม่  ไม่ใช่แบบนั้น”  เมื่อเห็นสีหน้าตกใจระคนหวาดหวั่นของนที  ต้นน้ำคนแข็งแกร่งก็ไม่เหลืออยู่แล้วเช่นกัน  “พรุ่งนี้อาจารย์งดคลาสเช้า  ไปเสริมตอนเย็นแทน  น่าจะเลิกค่ำมาก  รอกันไปรอกันมาไม่สะดวกหรอก  เราว่า...แยกกันไปก่อน  รอให้ดิวหายก่อน  ค่อยว่ากันอีกที”  ต้นน้ำหลุบสายตาลง  เขาไม่รู้ว่าดิวชอบนทีจริงหรือเปล่า?  ได้แต่ฟังคำพูดคนอื่นมา  แต่ถ้าดิวชอบนทีจริงๆ  ดิวก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ  เป็นตัวเลือกที่อาจจะดีกว่าเขาในทุกๆ ด้าน  ถ้านทีจะชอบผู้ชายสักคน...เป็นดิว  อาจจะดีกว่าเขาก็ได้   

   เขารู้ตัวดีว่ากำลังฝากปลาย่างไว้กับแมว  ถ้าแมวจะกินปลาย่าง...เขาก็อาจจะ...เสียใจ  แต่เขาคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของแมว  ดีเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต้องถลำลึกลงไปกับแมวมักง่าย

   “นายกำลังจะ...ไล่เราไปหรือเปล่า?”  เสียงนทีถามเบา  แต่กลับชัดเจนในความรู้สึกของต้นน้ำ  น้ำเสียงของนทีไม่ได้ร้อนรน  แต่ก็ไม่ได้มั่นคงนักเช่นเดียวกับสายตาที่ทั้งอ้อนวอนและร้องขออยู่ในที

   ต้นน้ำกลืนน้ำลายลงคอ  ใจอ่อนฮวบลงไปอีก  เขากล้าพูดเพราะคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายที่เสียใจ  แต่พอคิดว่านทีจะเป็นคนที่เสียใจ...เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา 

   “ไล่ไปไหมล่ะ?”  ต้นน้ำพูดยิ้มๆ  เขาจะปล่อยให้คนหล่อทำหน้าเศร้าไม่ได้  นี่เป็นบาปมหันต์  พระเจ้ารักนทีมากแค่ไหน...ถึงได้มอบหน้าตาหล่อเหลาอย่างนี้มาให้  เขาจะทำลายไม่ได้!

   “ไม่  ถึงไล่ก็จะไม่ไป”  นทียิ้มกว้างออกมาได้  แม้สายตาจะยังมีความกังวลเจือจางอยู่อย่างไม่ปิดบัง   

   “ก็เท่านี้  ไม่คุยแล้วนะ  นอนเถอะ”

   “เปิดกล้องไว้นะ  อยากนอนด้วย”  นทีกระพริบตาปริบๆ กึ่งออดอ้อนกึ่งขอร้อง

   “ถ้าโทรศัพท์ระเบิดล่ะ” 

   “ไม่เป็นไร  ห้องเราอยู่ติดกัน  โทรศัพท์นายระเบิด  นายตาย...เราก็ตายด้วย” 

   ต้นน้ำ “......”  หมายความว่า...โทรศัพท์นทีระเบิด  เขาก็ตายด้วยใช่ไหม? โทรศัพท์สองเครื่องเท่ากับความเสี่ยงคูณสองเลยนะ 

   “ฝันดีนะ”  นทีบอกทั้งที่ตายังจ้องมองคนในโทรศัพท์อยู่     

   “อืม  ฝันดี”

   นทียิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก  เป็นครั้งแรกที่เขาบอก ‘ฝันดี’ คนอื่น  ไม่แน่ใจต้นน้ำบอกกลับมาตามมารยาทหรือเปล่า?  แต่เขาหวังว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของหน้าจอ  อีกฝั่งหนึ่งของผนังห้องจะนอนหลับแล้วฝันดีจริงๆ   คงจะดีมากถ้าในฝันดีนั้นมีเขาอยู่ด้วย 





Rrrr…Rrrr…
   มือเรียวคว้าสะเปะสะปะไปยังทิศทางที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตา  คว้าเท่าไรก็คว้าไม่โดน  สุดท้ายจึงได้ยอมลืมตามามองหาต้นเสียงอย่างยอมจำนนเพราะหลับจะหลับก็โดนเสียงโทรศัพท์รบกวนอยู่ดี 
   เมือคว้าโทรศัพท์มาได้  ต้นน้ำมองหน้าจอที่ปรากฏชื่อของนทีก่อนยิ้มมุมปากนิดๆ  อารมณ์ดีทั้งที่โดนปลุกเนี่ยนะ  บ้าไปแล้ว

   “อืม”  ต้นน้ำรับสายสั้นห้วน  น้ำเสียงยังคงอู้อี้อยู่บ้าง

   [ ตื่นได้แล้ว  สิบโมงแล้ว ]

   “โอเค”  ต้นน้ำรับคำง่ายๆ  อยากนอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว

   [ เราทอดไข่กับแฮมไว้ให้  อาจจะเย็นแล้ว  แต่รองท้องไว้หน่อย  อยู่ในกระทะนะ]

   “อืม” ต้นน้ำซุกหน้าลงกับหมอน  รู้สึกเหมือนเลือดมากองรวมกันที่หน้าจนหน้าบวม  ทั้งห้องก็มีแค่เขาคนเดียว  ไม่มีใครเห็นเสียหน่อย  แต่เขาก็ยังเขิน  เขินผีเขินฟ้าไปแล้วกัน

   [ งั้นเราเข้าเรียนก่อนนะ ]

   “อืม”  ต้นน้ำตอบสั้นๆ เหมือนเดิมก่อนวางสายด้วยรอยยิ้มพราว  เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเขาเป็นอะไรถึงยิ้มไม่หุบ  ยิ้มอยู่ได้  ยิ้มกว้างเหมือนกรามค้าง  ไม่ต้องรอจนสงบจิตสงบใจได้...ร่างโปร่งก็ลุกพรวดจากที่นอน  เดินลอยๆ ลงไปข้างล่างทั้งที่ยิ้มค้างอย่างนั้น 

   เขาตั้งใจลงมาเพื่อกินอยู่แล้ว  ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาทำคือตรงไปยังกระทะทรงกว้างที่อยู่บนเตา  เขาเปิดฝาแก้วที่ครอบไว้ออกก่อนความรู้สึกชนิดหนึ่งจะจุกอยู่ตรงลำคอ  คล้ายกับมีดอกไม้ไฟนับร้อยแตกปุ้งปั้งอยู่ในหัวสมอง  แต่เป็นดอกไม้ไฟสีพาสเทลแสนหวานที่ให้ความรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ 

   “ไอ้บ้า”  ต้นน้ำพูดกับตัวเองเบาๆ  เขาหยิบจานอาหารเช้าออกมาจากกระทะ  ไส้กรอกดัดเป็นรูปหัวใจล้อมรอบไข่ดาววางคู่กับขนมปังปิ้งที่ตัดเป็นรูปหัวใจ 

   หัวใจ  หัวใจ  หัวใจ  หัวใจหมดเลย!

   อาการยิ้มกว้างเหมือนกรามค้างกลับมาอีกครั้ง  เหมือนจะรุนแรงหนักกว่าเดิมเสียอีก  กินไปยิ้มไป...ต้นน้ำทำได้  กินข้าวคนเดียวก็มีความสุขดีนะ


---------- อ่านต่อด้านล่าง ----------





ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0

---------- ต่อจากด้านบน  ตอนที่ 20 ----------

เป็นการเรียนที่มาราธอนอีกวัน  ยิงยาวตั้งแต่บ่ายโมงจนหกโมงเย็น  เรียนกันจนสมองล้า  ปัญญาเริ่มอ่อนนิดๆ

   ตื้ดดดดด...เสียงโทรศัพท์ต้นน้ำสั่น  ต้นน้ำหยิบขึ้นมาดู  เป็นไลน์จากนที

   Nathee : กำลังไปส่งดิวแล้วนะ
   [ แนบรูปที่ถ่ายบนรถกับดิว ] 
   Nathee : เลิกกี่โมง?
   Tonnaam : หก
   Nathee : กินอะไรดี?  เดี๋ยวซื้อไว้ให้


   ต้นน้ำอมยิ้ม  พลอยทำให้ขิงที่ลอบมองอยู่เหยียดยิ้มมุมปากก่อนกระซิบ  “ ผัวรายงานตัวเหรอมึง?”

   ต้นน้ำถลึงตาใส่ขิง  “ซื้อกับข้าวมารอ  เขาเรียกผัวที่ไหนวะ?  เขาเรียกเมียหรือเปล่า?”

   ใจกล้าหน้าด้านแค่ไหน  ก็ใช่ว่าจะได้มาทุกอย่าง  เรื่องบางเรื่องก็ควรดูสภาพตัวเองด้วย  ขิงเบ้ปากพร้อมกับมองต้นน้ำอย่างเหยียดหยาม 

   “มึงอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องกูกับนทีนะ  กูยังไม่รู้จะเอายังไงเลย?”

   “อืม”  ขิงพยักหน้าส่งๆ  เรื่องที่เขารู้กันหมดแล้ว  ยังจะต้องไปบอกใครได้อีกล่ะ

   จนเกือบหกโมงเย็น  ต้นน้ำก็ได้รับไลน์จากนทีอีกครั้ง

   Nathee :  นายเลือกสิว่าจะเอาอะไรเพิ่มบ้าง  สั่งยำปลาดุกฟูกับต้มยำกุ้งให้แล้ว
   [แนบรูปเมนูอาหารมาสามรูป]
   Tonnaam : ส่งดิวแล้วเหรอ?
   Nathee : ส่งแล้ว
   Tonnaam : มีแต่เผ็ดๆ นายสั่งอะไร?

   
   ต้นน้ำถามเพราะเห็นว่านทีไม่กินเผ็ด  แต่รายการอาหารที่นทีสั่งรสชาติต้องจัดจ้านสักหน่อยถึงจะอร่อย

   Nathee : สั่งทอดมันกุ้งไปอีกอย่างหนึ่ง
   Tonnaam : งั้นเอาเอาปูผัดผงกะหรี่อีกจานหนึ่งแล้วกัน
   Nathee : โอเค  รอที่บ้านนนะ 

   
   ต้นน้ำยิ้ม  เห็นไหม?  ซื้อกับข้าวไปรอที่บ้าน  นี่มันตำแหน่ง ‘เมีย’ ชัดๆ

   เด็กปีหนึ่งคณะศิลปกรรมทยอยกันเดินออกมาจากห้องเมื่อหมดเวลาซึ่งกินเวลาเลยมาอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง  สีหน้าแต่ละคนบ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด  พวกผู้ชายไม่มีแววตาซุกซนอยู่ในดวงตาหลงเหลืออยู่แล้ว  ในขณะที่ผู้หญิงหัวฟู  เครื่องสำอางลบเลือนจนเห็นสภาพหน้าที่แท้จริงกันหมดแล้ว 

   “หิวว่ะ”  ขิงบอกเพื่อน  “หาอะไรกินกันเถอะ”

   “ขอหนักๆ เลยนะ  กูหมดแรง”  เนมพยักหน้าหงึกหงัก

   ในขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษกันว่าจะกินอะไรกันดี  ต้นน้ำก็กระแอมในลำคอ 

   “กูไม่หิวอ่ะ  เดี๋ยวกูกลับบ้านก่อนนะ  กูมีงานค้างอยู่ด้วย”  เชี่ย  ไม่หิวอะไรล่ะ?  หิวมากถึงมากที่สุด  แม้จะอิ่มใจจากอาหารเช้ารองท้องเมื่อเช้า  แต่อิ่มใจกับอิ่มท้องมันคนละเรื่องกัน  ถึงจะกินข้าวราดแกงที่โรงอาหารก่อนเข้าห้องเรียนไปแล้ว  แต่กระเพาะอาหารเขาว่างเกินสามชั่วโมงไม่ได้  นี่เลยมาเกือบหกชั่วโมงแล้ว  นับว่าเกินขีดความสามารถของเขาไปมากอยู่

   เพื่อนทุกคนหันมามองต้นน้ำอย่างแปลกใจ  แปลกใจมากๆ ด้วย  ต้นน้ำไม่หิว...ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย 

   ขิงกรอกตามองอย่างรู้ทัน “เออ  ไปเหอะ  รีบไป”  ขิงตัดบทให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำร่ำลาเพื่อนอีกเล็กน้อยก่อนเดินออกไป 

   เมื่อต้นน้ำเดินไปไกลแล้ว  ขิงเลยหันมาบอกเพื่อนคนอื่น  “เมียมันซื้อกับข้าวมารออยู่ที่บ้านแล้ว”

   “หา”  เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน  เหมือนฟ้าผ่าลงกลางวง  ต้นน้ำไม่หิวว่าแปลกใจแล้ว  ต้นน้ำมีเมียยิ่งเหลือเกินกว่าที่จะเชื่อได้ไปมาก  ทุกคนพอจะคาดเดาได้ว่าคนที่ซื้อกับข้าวมารออยู่ที่บ้านเป็นใคร  หรือสองคนนั้นระบุตำแหน่งกันได้แล้ว?

   “ก็มันบอกว่าผัวที่ไหนซื้อกับข้าวมารอ  ต้องเป็นเมียสิ”  ขิงยักไหล่   

   “มันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ?  ตำแหน่งผัวเมีย...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนซื้อกับข้าวนะโว้ย” เนมแย้ง

   ริวลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด “แปลว่า...ตำแหน่งบนเตียงยังไม่ได้รู้ผลสินะ” 

   “ช่างมันก่อนไหม?  ยังไม่รู้ผลวันนี้หรอก  กูหิวแล้ว”  เอื้องฟ้าบอก

   “เออ  คิดว่าจะกินอะไรก่อนดีกว่า?  ใครผัวใครเมีย...พวกมึงเดากันไม่ได้เหรอวะ?”  ไม่ต้องฟังโพลจากสำนักไหน  ขิงก็พอจะเดาออก  ไม่เห็นจะต้องคิดมากให้ปวดหัวเลย 

--------- tbc ---------

Smile A Talk :

แหะๆ อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้อัพ  ไม่ว่างจริงๆ  แต่คิดถึงนทีต้นน้ำตลอดนะคะ

ถ้าคนอ่านคิดถึงนทีต้นน้ำ  ก็ไปทวงถามกันได้ที่เพจ  หรือ ทวิตได้นะคะ  ไปคุยกันเล่นๆ เนอะ  อาจจะมีบางตอนที่นอกเหนือจากในนิยายให้อ่านด้วย  บางที่ถ้าใส่ในนิยายก็กลัวว่ามันจะเวิ่นไป  ก็เลยไปเขียนไว้เล่นๆ ในเพจค่ะ

แล้วก็ขอบคุณมากผู้มีอุปการะคุณที่ช่วยชวนเพื่อนมาอ่าน  และช่วยรีวิวให้
นทีต้นน้ำโลดแล่นครั้งแรก 19 ก.ย. 2562 57 ถึงวันนี้ก็ 2 เดือนแล้วค่ะ  เดินทางมาได้ 20 ตอนแล้ว
ดีใจที่มีคนชอบและมองว่านทีต้นน้ำน่ารักค่ะ 
ดีใจด้วยกับตัวเองด้วยที่เขียนมาได้ 20 ตอนแล้ว  ปกติเป็นคนเขียนไม่จบ  เปิดเรื่องใหม่ตลอด
ดีนะที่ครั้งนี้ตัดสินใจเอาลงเว็บเลย  จะได้มีคนคอยถาม คอยทวง  555

ถ้ามีตรงไหนที่อยากติ  บทบรรยาย  บทสนทนา  ฉาก  อะไรที่มันรวบรัดตัดตอนหรือยืดเยื้อมากไป
เตือนเอได้เลยค่ะ  เอจะพยายามพัฒนาต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4:การ :pig4: มาต่อแล้ว ขอบคุณค่า

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
ไอต้าววววนทีบ้า ป้ามากกกก น้องน้ำ ก็น่ารักมากก งือออ เขิล

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
รออยู่นานเชียวค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆๆ  พี่นู๋ต้นน้ำ   มโนเข้าข้างตัวเองว่าจะได้รุกน้องนทีอ่ะนะ    อิอิ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
นทีเต็มที่มากเลยอ่ะ

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 21
หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง






ตื๊ดดด...ตื๊ดดด...

   เสียงโทรศัพท์ต้นน้ำสั่น  ทุกคนเหลือบตามองต้นน้ำเล็กน้อย  แล้วก็หันไปทำธุระตัวเองต่อ  ไม่มีใครถามอะไรเซ้าซี้   เพราะสองสามวันที่ผ่านมาสั่นบ่อยจนเพื่อนเพื่อนชินกันหมดแล้ว

   ต้นน้ำเปิดอ่านข้อความในไลน์  ก่อนขมวดคิ้วมุ่น

   Nathee : หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง

   อะไรของมันวะ?  หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง?...คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาก่อน  แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก  เหมือนติดอยู่ในหัวนิดเดียว  ถ้ามีอะไรสะกิดให้สักหน่อยก็อาจจะพอนึกออกได้  เสียแต่ว่าไม่มีอะไรสะกิดนี่สิ

   Tonnaam : บ้านก็ได้  รถก็ได้เหรอ?

   ต้นน้ำตอบกลับ 

   Nathee : ได้  ถ้าตังค์พอ 

   ชิ...ต้นน้ำส่งเสียงในลำคอ

   Tonnaam :  ไหนว่าได้ทุกอย่าง?

   Nathee : ก็ได้ทุกอย่างที่เราให้ได้ไง  อะไรที่ให้ไม่ได้  จะไปหาจากไหนมาให้ล่ะ?
 
   Tonnaam : แต่ตอนนี้เรายังไม่อยากได้อะไร?

   Nathee : [ แนบสติ๊กเกอร์หัวกลมนั่งเศร้ากอดเข่า  ด้านบนมีเม็ดฝนตกใส่ ]


   เรียกคะแนนสงสารอีกละ  ต้นน้ำยิ้มเย้ยกับโทรศัพท์  เสียใจกับนทีด้วยที่เขารู้ทัน  ไม่ได้แอ้มง่ายๆ หรอก

   Nathee : แต่เราอยากจูบ
   
   ซ่า...เหมือนมีคลื่นอะไรสักอย่างพัดโหมกระหน่ำใส่ตัวต้นน้ำที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรง  พริบตาเดียวก็แช่เลือดทั้งตัวเขาให้แข็งค้าง  แต่เลือดที่หน้ากลับเดือดปุดๆ 

   “ว่างาย?  ลมอะไรหอบพวกมึงมาถึงคณะกู?”  ขิงร้องถามเมื่อเห็นเม่นกับนทีเดินเข้ามาที่ตึกคณะศิลปกรรม  และยังมุ่งตรงมาหาพวกเขาโดยเฉพาะ 

   ต้นน้ำเงยหน้ามองตามสายตาของขิงก็พบตัวต้นเหตุที่ทำให้เลือดเขาแข็งค้างกำลังเดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาหา  สายตายังคงจับอยู่บนใบหน้าเขา 

   ต้นน้ำรีบหันหลังให้นที  จะไม่ให้หันหนีได้ยังไง  ในเมื่อเขาโดนจับได้ว่าตัวเองก็ยิ้มกับคำตอบของนทีเหมือนกัน  พิมพ์ไปยิ้มไป  เขินอายกับโทรศัพท์เหมือนคนบ้า 

   “ลมรัก”  คนตอบคำถามชวนเลี่ยนไม่ใช่นที  แต่เป็นเม่นที่ตอบกระแทกเสียงใส่เพื่อนที่เดินมาด้วยกันก่อนหันมาหาต้นน้ำ  “คืองี้...ป๊ากูอ่ะ  อยากให้นทีไปถ่ายแบบให้แบรนด์กางเกงยีนส์ยี่ห้อหนึ่ง  แต่ต้องไปถ่ายที่เมืองจีน  ช่วงปิดเทอม”

   ต้นน้ำมองหน้าเม่นอย่างงงๆ  “แล้วเกี่ยวอะไรกับกูอ่ะ?”

   เป็นคำถามที่เม่นอยากจะถามอยู่เหมือนกัน 

   เจ้าของแบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดังต้องการตีตลาดฝั่งเอเชีย  และนายแบบที่เลือกก็ต้องเป็นเอเชียเท่านั้น  เอเจนซี่ที่ได้งาน...นอกจากจะได้ชื่อเสียงแล้ว  ยังหมายความถึงเม็ดเงินที่จะตามมาอีกมาก  แต่ละเอเจนซี่ต่างส่งนายแบบของตัวเองเข้าร่วมคัดเลือก  ตอนแรกทางแบรนด์ตกลงเลือกชิน  พวกเขากำลังจะจุดพลุฉลอง  แต่ปรากฏว่าชินดันติดปัญหาทางบ้าน...ไม่สามารถทำงานได้จนกว่าจะเข้ามหา’ลัยได้  บริษัทเขากำลังจะจนแต้ม...เก็บพลุฉลองไประเบิดตัวเองตายแทน  เตรียมตัวเสียงานใหญ่ให้กับเอเจนซี่เกาหลีแล้ว  แต่ปรากฏว่าตัวแทนจากแบรนด์ดังดันไปกินข้าวที่ห้าง  เจอรูปนทีถ่ายแบบให้กับชุดสูทร้านของน้ำตาลพอดี...เกิดถูกใจ  ถูกชะตา  ถูกจริตอะไรขึ้นมาไม่รู้  ติดต่อกลับมาว่าถ้าได้นายแบบคนนี้จะไม่เปลี่ยนเอเจนซี่

   ถือว่าพระเจ้ายังคงให้โอกาสเขาอยู่บ้าง  เพื่อนกัน...น่าจะคุยกันง่าย  แต่พอมาคุยกับนที  นทีกลับบอกให้มาขอต้นน้ำเสียอย่างนั้น  ยุ่งยาก  วุ่นวายเหลือเกิน

   “มันให้มาขอมึง  ถ้ามึงอนุญาต  มันก็จะไป”

   ต้นน้ำวาดสายตาแทนคำถาม เกี่ยวอะไรกับเรา? ไปทางนทีที่ยืนอยู่ข้างเม่น 

   นทีส่งจูบกลับมาให้แทนคำตอบ หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง! 

   ต้นน้ำทำสีหน้าปั้นยากก่อนตอบปัด  “ไม่เอาอ่ะ”

   เม่นเริ่มหน้าถอดสี  เพื่อนกัน...คุยกันได้ไม่ใช่เหรอ?  แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด  เม่นเบียดริวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามออกแล้วยัดตัวเองลงนั่งแทน  “มึงไม่ช่วยกูไม่ได้นะ  งานนี้งานใหญ่  ใหญ่มาก  ทำงานมาครึ่งปีก็ไม่เท่ากับงานนี้งานเดียว”  เม่นบอกหน้าตาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   ต้นน้ำเริ่มลังเล

   “น้ำใจอ่ะมึง  มีหรือเปล่าวะ?”  ริวที่ไปยืนอยู่ข้างนทีด้านหลังเม่นช่วยบอกอีกเสียง

   ต้นน้ำไม่เข้าใจ  นั่งอยู่ดีๆ ก็ผิดได้  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย  เขาแค่ไม่ให้นทีจูบเองนะ

   “กูบอกแล้ว...ว่ามันไม่ให้กูไปหรอก  มันคิดถึงกูจะตาย  กูอยู่ห่างมันได้ซะที่ไหน?” นทีบอกเสียงอ่อย

   เนมกลืนน้ำลายเอื๊อก  ท่านเทพนทีจีบสาว  เอ๊ย...จีบผู้ชายใช้มุกแบบนี้หรือขอรับ ท่านคงไม่ว่าอะไร  หากกระผมจะยืมไปใช้กับแฟนกระผมบ้าง

   เอื้องกับขิงเบ้หน้า  กลิ่นความรักอบอวลแถวนี้...หอมอย่างกับกลิ่นต้นตีนเป็ดกำจรจาย

   ริวแทบกระตุก   เขากับนทีปาดซ้ายแซงขวาจีบสาวกันมาหลายหน  นทีล่าเหยื่อแต่ละที...เงียบเชียบแต่เรียบร้อย  ไม่คิดเลยว่า...หมาป่าจะมาเล่นบทแมวบ้าน  ริวหันไปมองหน้าคนข้างๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา 

   มีเพียงเม่นเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าจริงจังและอ้อนวอนอย่างที่สุด ใจโฟกัสแต่เรื่องงานจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น  “แค่หกวันเองมึง  ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ  มึงห่างกันไม่นานหรอก”

   ต้นน้ำหน้าเอ๋อ  เขาไม่อยากห่างจากนทีตั้งแต่เมื่อไร?  ไหนจะยังสายตากดดันที่เพื่อนๆ มองมาอีก  ชัดเลย...ถ้าเขาไม่ตกลง  ตรา ‘ไม่มีน้ำใจ’ ประทับตรงหน้าผากเขาแน่ 

   เขาว่ากันว่าในวิกฤติมีโอกาส  ภายใต้ความกดดัน...ต้นน้ำกลับนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้  เขานึกเรื่อง ‘จูบเดียวแลกได้ทุกอย่าง’ ออกแล้ว  เป็นวันที่นทีกลับบ้านมา  แถมนทียังเสนอโปร ‘เหมาจ่าย’ ให้เขาอีกด้วย

   “ช่วยกูหน่อยเถอะ  ให้กูไหว้กูก็ยอม”  เม่นขอร้องอีกครั้ง  ทำท่าคล้ายจะยกมือขึ้นมาไหว้ต้นน้ำจริงๆ 

   “หยุดเลยมึง  ขอกูคิดแป๊บ”  ต้นน้ำปรามเพื่อนแล้วมองหน้านที  ก่อนหยิบโทรศัพท์มากด

   Tonnaam : เหมาจ่ายนี่คือครั้งเดียวใช่ไหม?

   นทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน  ก่อนพยักหน้า

   Tonnaam : รวมทั้งหนี้เก่าด้วย?

   นทีพยักหน้าอีกครั้ง 

   ต้นน้ำมองนทีอย่างหวาดระแวง  ไม่รู้ว่านทีมีแผนอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า? 

   นทีมองตอบกลับมาหน้าซื่อ  ตาใส  สงสารเพื่อนสนิทที่มาอ้อนวอนขอร้อง  สงสารต้นน้ำที่ทำหน้าลำบากใจ  แต่จะให้เขาทำยังไงได้?  นอกจากมือแล้ว  อย่างอื่นก็ไม่เคยได้จับมาหลายวัน   ห้องก็ไม่ให้เข้า  เขาเป็นคนหนุ่มที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน  จะให้ใช้ชีวิตเหมือนตาแก่ที่ได้แต่นั่งชายตาแล  แล้วท่องยุบหนอพองหนอดับกิเลส  มันจะไม่คุ้มกับชีวิตวัยหนุ่มเอานะ 

   “มึงก็จะหวงนทีไปทำไมนักหนาวะ?  ห่างกันบ้างก็ได้  ระยะทางพิสูจน์ม้า  กาลเวลาพิสูจน์คนเว้ย”  ขิงยกสุภาษิตมาช่วยกดดันอีกแรง 

   ต้นน้ำถลึงตาใส่ขิง  พูดออกมาแบบนี้  เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก  ก่อนลอบกวาดสายตาสังเกตุเพื่อนๆ  แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นใครทำท่าทางแปลกใจสักคน

   “เออ  ไปก็ไปสิวะ”  ต้นน้ำบอกเม่น  ก่อนบ่นกับตนเองเบาๆ  “กูก็ไม่ได้ห้ามอะไรเลย?  ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้นสักหน่อย”

   “เฮอะ  แล้วที่มึงไลน์คุยกันตลอดนี่ยังไงฮะ?  สรุปยังไง?...ยังไงเนี่ย?”  เอื้องฟ้าพยักเพยิดใส่ต้นน้ำ  เล่นเอาต้นน้ำถอยกรูด  พาตัวเองไปชิดกับอีกมุมของโต๊ะ 

   “อะไร?  อะไรของมึง?”  ต้นน้ำเก๊กหน้าซื่อ  ทำเป็นไม่รู้เรื่องไว้ก่อน  ใจเย็น  ใจเย็น  ใจเย็น  อย่าเพิ่งร้อนตัวไป  เผื่อว่าเรื่องที่เอื้องฟ้ากำลังถามถึงเขาอยู่...จะไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่เขาคิด

   “มึงกับนทีนี่ยังไงเนี่ย?  ได้กันแล้วยัง?”  หน้าตาสวยงาม  กิริยาต่ำทราม  มารยาทสถุน  เสื่อมทรามสมกับเป็นเอื้องฟ้าทุกประการ 

   “ไอ้เหี้ยยยย”  ต้นน้ำร้องเสียงหลงเมื่อเอื้องฟ้าถามจี้ใจดำ  “ยังไม่ได้โว้ย”  ณ จุดๆ นี้...เขาไม่รู้จะทำหน้ายังไงจริงๆ  ได้แต่เกาะโต๊ะไว้เป็นที่พึ่งสุดท้าย   แม้รู้ว่าโต๊ะจะพึ่งพาไม่ได้  แต่คนกำลังจะจมน้ำ...แม้แต่ฟางเส้นเดียวที่ลอยตามน้ำมาก็ยังต้องคว้าเอาไว้ก่อน

   “มึงก็...ถามเหี้ยอะไรก็ไม่รู้อีเอื้อง  ยังไม่ได้หรอกมึง”  เนมดุเอื้องฟ้าเบาๆ  ก่อนหันมาถามต้นน้ำ  “กูเดาถูกไหม?”  ละอ่อนน้อยอย่างต้นน้ำ  นทีควรจะค่อยๆ ตะล่อม  ใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไปสักหน่อย  จะได้ไม่แตกหัก  นทีถึงยังมีหน้ามาเสนออยู่ตรงนี้ได้

   ถูก!  แต่ไม่ตอบเว้ย  ไม่ต้องมาทำหน้าคาดหวังรอคำตอบแบบนั้นเลย  ให้ตายเขาก็ไม่ตอบ  ต้นน้ำเอาสองมือกุมขมับ  แทบจะแทรกตัวลงไปเป็นเนื้อเดียวกับโต๊ะที่พึ่งสุดท้ายของเขา  รู้สึกอายเหมือนโดนลากมาแฉกลางสี่แยก “ไอ้ขิงมึง”  ต้นน้ำเรียกขิงอย่างอาฆาตแค้น  อยากจะเอามือชี้หน้าด่า  เสียแต่ว่าเอามือปิดหน้าอยู่แล้วยังไม่กล้าเปิดออก 

   ขิงแบมือทั้งสองข้างยกขึ้น  “ไม่เกี่ยวกับกูนะ  พวกมันรู้ก่อนกูอีก”

   นทีหัวเราะก่อนเดินมายืนอยู่ข้างต้นน้ำ  โอบประคองตัวต้นน้ำให้พิงเขาไว้  สองมือก็ช่วยปิดหน้าปิดตาลูบหัวให้  ก่อนพูดกลั้วหัวเราะ  “พวกมึงอย่าแกล้ง”  ยิ่งต้นน้ำอายมากเท่าไร  เขายิ่งซวยมากเท่านั้น  ต่อไป...มือจะให้จับหรือเปล่าก็ไม่รู้  ปกป้องต้นน้ำก็เท่ากับเขาปกป้องตนเองด้วย

   แต่ไม่มีทางที่เพื่อนๆ จะปล่อยโอกาสนี้ให้ลอยนวลไปได้ 

   “ถรุย  ทำเป็นปกป้อง”  ริวเบ้ปาก มองสายตาวิบวับของนทีอย่างหมั่นไส้  อีตัวปกป้องน่ะ...ตัวดีเลย  แกล้งมากกว่าใครเพื่อน  แล้วยังมีหน้ามาเสแสร้งทำตัวเป็นพระเอก  อยากจะถุยให้ยาวถึงฟากฟ้า

    ถึงจะอายมากแค่ไหน  แต่ต้นน้ำก็ต้องยอมรับว่าพุงแข็งๆ ของนทีให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่าโต๊ะที่เขาเกาะ  ต้นน้ำยังคงเอามือปิดหน้า  แต่ย้ายไปทั้งมือทั้งหน้าไปซุกอยู่ที่พุงนทีแทน  โผล่ออกมาให้เห็นแค่ใบหูแดงๆ 

   “ไหน  พวกมึงจะถามอะไร  กูตอบแทนเอง”  นทีบอกเพื่อน  มือหนึ่งก็ลูบศีรษะต้นน้ำไปพลาง

   “ใครผัวใครเมีย?”  เนมถาม  แกล้งทำเป็นยื่นไมค์สัมภาษณ์เลียนแบบที่นักข่าวชอบทำทางทีวี

   “กูผัวสิ” นทีตอบโดยไม่ต้องคิด

   “เหี้ย”  ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้านที

   นทีก้มลงไปมองหน้าแดงๆ ของต้นน้ำ  ก่อนทำปากผะงาบๆ ส่งเสียงพอให้ต้นน้ำได้ยิน “อ๋อ  นายจะเป็นผัวเหรอ?”

   ต้นน้ำทำสีหน้าอึดอัด  ทำท่าคล้ายจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง  สุดท้ายก็พ่นออกมาคำเดียว “สัด” 

   นทีหัวเราะก่อนหันไปบอกเนมทั้งที่ยังหัวเราะอยู่  “ประเด็นนี้ขอไม่ตอบนะครับ...ขอเก็บไว้เป็นเรื่องของคนสองคน” 

   “แล้วนี่พวกมึงคบกันยังเนี่ย?”  เอื้องฟ้าถามด้วยน้ำเสียงธรรมดาปกติ  เหนื่อยที่จะเล่นแล้ว  “ประเด็นนี้มึงต้องตอบนะ  กูจะได้ทำตัวถูก”

   “ยัง”  นทีตอบหน้ามุ่ย  ชี้ลงไปที่หัวต้นน้ำ  “มันไม่ยอมเป็นอ่ะ  กูจีบอยู่”

   “อื้อหือ”  เม่นทำหน้าปุเลี่ยนขั้นสุด  อีกนิดเดียวจะลงไปอ้วกแล้ว  แต่จะสรรหาคำพูดมาแดกดันก็ไม่รู้จะหาคำไหมมาเปรียบเทียบได้เหมาะสม  นทีจีบสาว...เขาก็ยังไม่เคยพบเคยเห็น  ส่วนใหญ่ก็แค่ตอดเล็กตอดน้อยแล้วงาบเลย  จะถือว่าเป็นบุญตาได้ไหม?...ที่มีโอกาสได้เห็นนทีจีบผู้ชาย 

   “พวกมึงอย่าแซวสิ  เดี๋ยวกูจีบไม่ติด  อกหักขึ้นมาต้องมากินเหล้าปลอบใจกูอีก” 

   “กูไม่กลัวกินเหล้าเว้ย  แต่มึงอย่าเสือกไปหาเรื่องใครแก้เครียดอีกแล้วกัน  กูกลัวตายก่อนเรียนจบ”  เม่นกระแทกเสียง 

   “เออ...กูจะหุบปากหุบคำเลย  ไม่ให้มึงสองคนต้องกระทบกระเทือนใจเด็ดขาด  ขออย่างเดียว...มึงอย่าเก็บกระเป๋าออกจากบ้านอีกสักทีเลยนะนที  กูทนฟังเสียงถอนหายใจเฮือกๆ ของไอ้น้ำไม่ไหวอีกแล้ว  ใจกูจะขาดรอนๆ”  ขิงบอกนที  กึ่งขอร้องแกมบังคับ

   “จริงเหรอ?”  นทียิ้มร่า  ดวงตาเปล่งประกาย  เบ่งบานเหมือนบัวได้น้ำ

   ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาตบหน้าตัวเองปุๆ ไล่ความร้อน  ก่อนหันไปหยิบยางลบขว้างไปทางขิง  “มึงอย่ามั่ว” 

   “มั่วเหี้ยอะไร?  มึงไม่เห็นสภาพตัวเองหรอก  พูดแล้ว...หดหู่ชิบหาย”  ขิงส่ายหัว  ทำคอย่น  เขย็ดขยาดเหลือเกิน  อย่าได้เจออีกจะดีที่สุด

   ต้นน้ำ “......” หมดคำจะพูดจะเถียง  รู้ตัวอยู่บ้างว่าตัวเองอาการไม่ค่อยดี  แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักถึงขั้นใครๆ ก็ดูออก ไอ้ที่คิดจะปิดไว้ไม่ให้ใครรู้แบบเนียนๆ...สงสัยจะเป็นเขาที่คิดไปเองคนเดียว

   นที “......” ปริ่มเปรมกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้มาจนพูดอะไรไม่ออก  ไม่เคยคิดมาก่อนว่าช่วงที่เขาหนีออกจากบ้านจะมีผลอะไรกับต้นน้ำ  สีหน้าและแววตาอิ่มเอมเสียจนริวกับเม่นต้องเบือนหน้าหนี  ไม่คุ้น  ไม่ชิน  ไม่ไหว  ทนดูไม่ได้จริงๆ





นทีเปิดประตูรถให้ดิวขึ้นไปนั่งก่อน  ส่วนตัวเองเดินไปประจำที่ฝั่งคนขับ 

   ตื๊ดด...เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ  เขาหยับโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน

   Tonnaam : พิซซ่า กับ ขนมจีนน้ำยาปู

   Nathee : ขนมจีน

   Tonnaam : โอเค  นายจ่ายค่าขนมจีนนะ

   นทีหัวเราะออกมา  แปลว่า...กินมันทั้งสองอย่างสินะ 

   ดิวมองนทีหัวเราะกับโทรศัพท์  แววตาวูบไหวอยู่แวบหนึ่งก่อนยิ้มออกมา  “พักนี้ดูอารมณ์ดีจังนะ” 

   นทีเก็บโทรศัพท์ลงก่อนออกรถพลางหันมายิ้มตอบ  “อืม  ก็นิดนึง  ไม่ดีเหรอ?” 

   “ก็...ดี”  ดีกว่าทำหน้าบึ้งตึงจนเข้าหน้าไม่ติดเยอะเลย  “นทีหิวหรือเปล่า?  แวะกินอะไรกันก่อนไหม?”  แม้จะรู้ว่าคำตอบก็คงจะเป็นเหมือนหลายวันที่ผ่านมา  แต่ดิวก็ยังคงอดถามไม่ได้ 

   “ไม่ดีกว่า  เดี๋ยวเรากลับไปกินที่บ้าน  ดิวหิวเหรอ?”

   “นิดหน่อย  แต่เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”

   “แวะซื้ออะไรก่อนไหมล่ะ?” 

   “ไม่เป็นไร”  ดิวตอบแล้วก็เงียบไป  ก่อนหน้านี้...เขาเคยคิดว่าจะใช้ช่วงเวลาที่นทีอาสามารับส่งเขาที่บ้านใกล้ชิดกับนทีให้มากยิ่งขึ้น  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด  ต่อให้มีเวลาที่อยู่ด้วยกันมากกว่าแต่ก่อน  เขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้นทีมากกว่าความเป็นเพื่อนได้เลยสักนิด  ตาคู่สวยเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของนที  ทำท่าคล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่ก็ไม่อาจทำใจพูดออกมา 

   “ไม่เอาอะไรแน่นะ” นทีหันกลับมาถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง  เมื่อยังได้รับการยืนยันเช่นเดิม  จึงเอ่ยอีกครั้ง“งั้นเราขอแวะซื้อของแป๊บนึงนะ”  นทีจอดรถเข้าชิดริมฟุตบาธ  ร่างสูงเปิดประตูรถลงไปก่อนหายลับเข้าไปในร้านขายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ 

   “อะไรเหรอ?”  ดิวถามเมื่อเห็นนทีกลับมาพร้อมถุงพลาสติกใสภายในบรรจุกระป๋องอะไรสักอย่างที่ดิวไม่รู้จัก 

   “น้ำยาลบอเนกประสงค์น่ะ” นทีตอบทั้งที่ไม่แน่ใจว่าไอ้น้ำยาลบเอนกประสงค์ที่เจ้าของร้านเคลมว่าลบได้ทุกอย่างจะลบกำแพงอากาศที่ต้นน้ำกั้นไว้ได้หรือไม่?





“ด้านซ้ายๆ”  ทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้าน  นทีก็ได้ยินเสียงต้นน้ำดังมาจากทางโซฟา  เขามองไปทางต้นเสียง  เห็นต้นน้ำนั่งอยู่บนพื้น  เอนหลังพิงโซฟา  กำลังมองจอโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า  ในมือมีพิซซ่าหนึ่งชิ้น “เอาห่อสีเหลือง” ต้นน้ำบอกคนในจออีกครั้ง

   “ทำอะไร?”  นทีมานั่งบนโซฟาข้างต้นน้ำ

   “อ้าว  กลับมาแล้วเหรอ?” ต้นน้ำหันกลับมาถามก่อนชี้ไปยังหน้าจอโทรศัพท์  “ป๊ากับแม่คอลมา  ดูสิ  มีแต่ของน่ากิน”

   ภาพในจอโทรศัพท์ที่ต้นน้ำชี้ให้ดูมีห่อขนมเรียงรายหลากสีไปหมด  ก่อนปรากฏภาพของสองสามีภรรยาที่ทิ้งลูกชายสองคนไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูก 

   “กลับมาแล้วเหรอลูก?”  ป๊าหันมาถามเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งอยู่ “เอาขนมอะไรไหม?  ป๊าอยู่ที่ห้าง”

   “ขนมเมืองจีนน่ากินเพียบเลยอ่ะ”  ต้นน้ำบอกอีกครั้งอย่างตื่นเต้นทั้งที่เพิ่งกัดพิซซ่าในมือไปคำหนึ่ง

   นทีเอื้อมไปหยิบพิซซ่าบนโต๊ะมากินบ้างก่อนถาม  “น้ำซื้อเยอะหรือยังอ่ะป๊า?” 

   อีกฝั่งของโทรศัพท์ไม่ตอบ  หันกล้องไปยังรถเข็นที่บรรจุขนมเต็มคันรถแทน 

   นทีเหลือบตามองต้นน้ำ 

   ต้นน้ำก็เงยหน้ามองนทีก่อนแลบลิ้นเลียปากแผลบหนึ่ง  แล้วค่อยเอ่ยแก้ตัว  “เราไม่ได้สั่งทั้งหมดนั่น”  เขามองนทีอย่างขอความเห็นใจ  ถึงจะเป็นการช็อปปิ้งที่เพลินมาก  ดูๆ ตามหน้าจอแล้วก็สั่งๆ ชี้ๆ เผลอแผลบเดียว  สินค้าเต็มรถไปเสียแล้ว  แต่ยังไงเขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหมดทั้งคันรถนั้นจะเป็นรายการของเขาคนเดียว 

   กล้องแพลนไปที่ร่างบางที่ยืนห่างออกไป  ฝนทิพย์ยืนเลือกขนมอยู่ทั้งที่ในมือยังกอดไว้อีกสามห่อ

   บอกแล้วว่าไม่ใช่ของเขาทั้งหมด!

   “พรุ่งนี้ทีเอาเอกสารจากสุนีย์ไปให้ป้าด้วยนะลูก”  ธนกรบอกนทีก่อนบอกสถานที่นัดหมายให้  เป็นห้างๆ หนึ่งที่ชั้นบนเต็มไปด้วยโรงเรียนกวดวิชาเลื่องชื่อมากมาย

   นทียิ้มรับตอบ  หลังจากคุยสัพเพเหระสักพัก  ธนกรก็ขอวางสายก่อนที่รถเข็นคันเดียวจะไม่พอใส่ขนมของฝากลูกชายคนโต

   “พรุ่งนี้เรามีนัดกับพี่โอเล่ที่ห้างนั้นอยู่พอดี”  ต้นน้ำกัดพิซซ่าอีกคำพลางเอื้อมมือไปหยิบรีโมททีวีมาเปิดหาช่องหนังดู  แสร้งทำเป็นสนใจทีวีไปอย่างนั้นเอง  ทั้งที่ใจจดจ่ออยู่กับคำถามต่อไปมากกว่า “นายเข้าบริษัทเสร็จแล้วโทรหาเราสิ  ไปดูหนังกัน”

   มือเรียวเลื่อนกดรีโมทหาช่องดูไปเรื่อยเปื่อย  เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าธัญญากับนทีไม่ค่อยราบรื่นมากนัก  อาจจะถึงขั้นขรุขระเลยก็ว่าได้  หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์กับตาเมื่อคราวงานแต่งงานของธนกรและฝนทิพย์  แม้จะช่วยอะไรไม่ได้  แต่อย่างน้อย...เขาก็อยากไปเป็นเพื่อนนที

   ท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ของต้นน้ำเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา  “ไปเจอป้า  ไม่น่าสนุกหรอกนะ”

   ต้นน้ำอดเซ็งไม่ได้  คิดว่าตนเองเนียนแล้วนะ  แต่นทีก็ยังจับได้ว่าเขาอยากไปเจอป้าธัญญาเป็นเพื่อนนที  ตากลมใสยังคงมองไปยังหน้าจอทีวี  “หนึ่งจูบ”

   นทีมองต้นน้ำอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเองได้ยินในสิ่งที่ต้นน้ำบอกถูกต้องหรือไม่

   “หนึ่งจูบไง  แลกได้ทุกอย่างหรือเปล่า?”  ต้นน้ำถามอีกครั้ง  สายตายังคงมองไปยังทีวีอยู่เหมือนพูดลอยๆ  ไม่ได้เจาะจงพูดกับใคร  ทั้งที่ทั้งห้องมีแค่เขากับนทีแค่สองคน

   “ดีล!” ด้วยความไวเหนือสติยั้งคิดทั้งปวง  ไม่ต้องพิจารณา  ไม่ต้องคาดคะเนหาเหตุผลและตรรกะใดๆ  นทีตอบตกลงทันที

   ตาคู่สวยย้ายจากจอทีวีมาเป็นใบหน้าหล่อเหลาของคนบนโซฟาอย่างค้นหาคำตอบ  ทำไมตกลงเร็วจังวะ?

   “จ่ายเลยไหม?”  นทีถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

   “ไอ้บ้า  ยังไม่ได้ไปเลย  เกิดไปไม่ได้ขึ้นมาทำไง?”

   “ไม่รู้ล่ะ  สัญญาสองฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว  ยังไงนายก็ต้องจ่ายค่าปรับ” 

   ต้นน้ำยักไหล่  กลัวที่ไหนเล่า  ยังไงก็ต้องเหมาจ่ายอยู่แล้ว  สะสมให้ครบร้อยจูบค่อยจ่ายทีเดียวก็ด๊ายยย

    นทีหมั่นไส้คนลอยหน้าลอยตา  เหอะ...ให้มันเป็นอย่างนี้ให้ได้ตลอดเถอะ  ไอ้ปากแดงๆนี่...จับจูบขึ้นมาอย่าร้องนะ  เขายื่นมือไปดึงแก้มคนน่าหมั่นไส้จนยืด “ขนมจีนอยู่ไหน?”

   “โอ๊ย...เจ็บ  บนโต๊ะกินข้าว”  ต้นน้ำบอกเสียงอู้อี้  นทีดึงจริง  เขาก็เจ็บจริง

   ร่างสูงปล่อยมือแล้วลุกไปทางโต๊ะอาหาร  ต้นน้ำรู้สึกเจ็บจนต้องเอามือลูบแก้มที่โดนดึงเบาๆ  ไหนบอกว่าชอบ?  ไหนบอกว่ารัก?  คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอวะ?

   “คืนนี้งดคอล”  ต้นน้ำตะโกนบอกคนที่ยืนผิวปากอยู่หลังโต๊ะอาหาร  หมั่นไส้ท่าทางอารมณ์ดีขณะที่กำลังเทขนมจีนน้ำยาปูลงในจาน

    “ก็ได้ วันนี้มีงานต้องทำพอดี” นทีตะโกนกลับ  แม้แต่เสียงตะโกนก็ยังดูอารมณ์ดี

   อะไรวะ?  ปกตินทีมักจะขอคอลทุกคืน  บางคืนเขาทำงานก็นั่งเล่นเกมส์เฝ้า  บางคืนนทีทำงานก็ขอให้เปิดกล้องไว้  แต่วันนี้กลับยอมง่ายๆ  มันมีกลิ่นอะไรแปลกๆ

   “งั้นคอล” ต้นน้ำตะโกนบอกอีกครั้ง  หมั่นไส้แม่ง!



---------- ต่อด้านล่าง ----------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0

---------- นทีต้นน้ำ ตอนที่ 21 ----- ต่อจากด้านบน ----------


มือขาวยังคงกดแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่อง  รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว  นทีมองจอโทรศัพท์ที่เขาเปิดทิ้งไว้  แสงสลัวจากโคมไฟส่องให้เห็นใบหน้าของต้นน้ำที่กำลังหลับสนิท  ริมฝีปากของนทีแย้มขึ้นเล็กน้อย  เมื่อนึกถึงที่ต้นน้ำขอไปเจอป้ากับเขา  ร้อยวันพันปี...ต้นน้ำโคตรขี้เกียจจะออกจากบ้าน  ถ้าไม่มีธุระสำคัญ  หรือไม่ใช่เรื่องกิน  ก็ไม่เคยจะออกไปไหน  มือเรียวลูบไปที่หน้าจอตรงใบหน้าของคนที่หลับสนิท 

   การไปเจอป้า...ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกจริงๆ  เป็นเรื่องที่เขาหลบเลี่ยงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้   นทีไม่เคยบอกธนกรว่าธัญญาพูดจาร้ายกาจอะไรกับเขาลับหลังบ้าง  เขารักป๊า...แต่เขาก็รู้ว่าป๊ารักพี่สาวคนเดียวมากแค่ไหนเหมือนกัน  ป้าธัญญาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่ป๊าเหลืออยู่  หากไม่นับเขา...ที่ไม่รู้ว่าเป็นเป็นสายเลือดของป๊าจริงๆ หรือเปล่า?  เขาไม่อยากทำให้ป๊าเป็นห่วง  ไม่อยากเพิ่มเรื่องเหนื่อยใจให้กับป๊าอีก  แค่นี้บุญคุณป๊าก็ท่วมหัวจนไม่รู้ว่าทั้งชีวิตจะชดใช้หมดหรือเปล่า?     

   นทีกดเซฟงานก่อนปิดคอมพิวเตอร์   เปิดลิ้นชักข้างโต๊ะแล้วหยิบกุญแจพวงหนึ่งออกมา  ขายาวก้าวออกจากประตูตรงไปยังห้องของต้นน้ำ 

   เสียงปลดล็อคดังเบาๆ ก่อนประตูห้องของต้นน้ำจะเปิดออก  ร่างสูงเดินเข้ามานั่งยองอยู่ข้างเตียง  สายตาคมจับจ้องใบหน้าของของคนที่หลับใหลอยู่ในห้วงนิทรารมย์  แสงสลัวจากโคมไฟสว่างกว่าที่เห็นทางโทรศัพท์  ส่องทอให้เห็นใบหน้าของคนหลับชัดกว่าในจอ  นิ้วเรียวไล้ไปยังดวงหน้าใส...แม้แต่สัมผัสก็ยังลื่นมือกว่า  ขอบคุณคุณจริงๆ ที่ป๊ากับแม่แต่งงานกัน  ขอบคุณที่อะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้เจอกับต้นน้ำ  ถ้าไม่อย่างนั้น  เขาก็ไม่รู้จะไปควานหาคนๆ นี้มาจากไหน?

   ริมฝีปากบางกดลงบนหน้าผากมน  “ฝันดีนะ” 

   เขาไม่เคยบอกฝันดีกับใครมาก่อน  ไม่เคย...แม้แต่จะบอกตามมารยาท  มีแต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้นที่เขาปรารถนาให้ความฝันในทุกค่ำคืนกลายเป็นฝันดีจริงๆ





ต้นน้ำเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยรอโทรศัพท์จากนที  เขาจำได้ว่าเวลานัดที่ป๊าบอกไว้คือห้าโมงเย็น  สถานที่ก็คือคอฟฟี่ช็อปหรูหราสุดคลาสสิคแห่งหนึ่ง  เชี่ยยยยยยยยย...แบบนี้แอบมาเองก็ได้นี่หว่า  รู้ทั้งสถานที่  รู้ทั้งเวลานัด  แล้วเขาเสนอหนึ่งจูบไปเพื่ออะไรวะ?  นึกแล้วอยากจะขยี้หัวตัวเองให้ต่อมโง่มันหลุดออกมา  โง่จริง!  พับผ่าเถอะ!  นึกตะหงิดใจอยู่แล้วเชียวว่าทำไมนทีถึงได้รีบตกลงเร็วนัก 

   ร่างโปร่งเดินไปยังร้านไอศกรีม  ตั้งใจจะหาอะไรเย็นๆ มาดับอารมณ์คุกรุ่น  พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  เป็นนทีที่โทรเข้ามา 

   “ฮัลโหล”  ต้นน้ำรับสาย  นทีตอบกลับมาว่าถึงห้างแล้ว  กำลังหาที่จอดรถ  ทั้งสองคนนัดสถานที่นัดพบกันก่อนที่จะไปหาป้าธัญญาด้วยกัน 

   นทีหาที่จอดรถอยู่นาน  วนขึ้นไปเกือบถึงชั้นบนสุดของห้างถึงได้ที่จอดรถ  ร่างสูงรีบเดินเข้ามาในตัวห้างทันทีที่หาที่จอดรถได้  เขาไม่ได้กลัวสายสำหรับธัญญา  เพราะไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตามแต่   อีกฝ่ายก็หาเรื่องมาโจมตีเขาได้เสมอ  แต่ที่รีบเป็นเพราะต้นน้ำบอกว่าจะซื้อไอศครีมไว้รอเขาต่างหาก 

   ร่างสูงชะงักลงเมื่อเห็นคนคุ้นหน้า  เด็กหนุ่มร่างผอมสูงผมเกรียนแบบฉบับเด็กมัธยมใส่แว่นหนาเตอะ  สวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนเป็นระเบียบเรียบร้อยทับในด้วยกางเกงสแล็คทรงโบราณกำลังยืนมองโปสเตอร์หนังที่กำลังจะออกฉายในโรงภาพยนตร์ด้วยดวงตาวาววาม  เขาจำได้ว่านี่คือธร...ลูกพี่ลูกน้องของเขา  ลูกชายเดียวของธัญญา  แม้ว่าจะไม่ค่อยได้สนิทกันมากนัก  แต่เขาก็อดสะท้อนใจไม่ได้เมื่อเปรียบเทียบน้องชายของตนกับน้้าเหนือ...น้องชายของต้นน้ำ 

   คนหนึ่งสดใสเหมือนแสงอาทิตย์  อีกคนหม่นหมองเหมือนเงาที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง 

   “อยากดูเหรอ?”  นทีเข้าไปทักทาย

   ร่างผอมหันขวับมาทันที  ใบหน้าขาวเผือดลง  ก่อนเอ่ยละล่ำละลัก  “พะ...พี่นที...”  ตัวธนธรสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ 

   นทีมองน้อง  สายตาคมปลาบเต็มไปด้วยความสงสัย

   “ผม...ผมกำลังจะไปเรียน  ผมไม่ได้โดดเรียนนะพี่”  ธนธรบอกน้ำเสียงตะกุกตะกัก  แววตาหลุกหลิก

   นี่คงเป็นเหตุผลที่ธัญญานัดให้เอาเอกสารมาให้ที่ห้างนี้  เพราะต้องมานั่งเฝ้าลูกชายเรียนพิเศษนี่เอง  นทีตบไหล่ธนธรเบาๆ  เขาพยายามปลอบเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยภาษากายเพื่อบรรเทาอาการสั่นให้คลายลง “พี่ไม่ได้ว่าอะไร?  พี่แค่ถามว่าอยากดูเหรอ?” 

   “ไม่...” ธนธรส่ายหน้า  ร่างกายที่สั่นเทาอย่างรุนแรงเมื่อครู่ค่อยสงบลงเล็กน้อย  “ผมไม่อยากดู” 

   “อยากดูก็ดูไปสิ  พี่ไม่บอกแม่เราหรอก”

   ธนธรส่ายหน้าอีกครั้งพลางสะบัดมือนทีกุมไหล่เขาไว้ออก  “ผมไม่ได้อยากดู  ผมจะไปเรียนแล้ว”  แม่บอกเขาเสมอว่าพี่นทีเป็นเด็กเกเร  มีสายเลือดชั้นต่ำมาจากผู้หญิงหากิน  และคนแบบนั้นมาบอกให้เขาดูหนังได้  เขาควรจะเชื่อถือเด็กเกเรแบบพี่นทีเหรอ?

   ธนธรเหลือบสายตามองนทีหัวจรดเท้า  เขากับนทีแต่งตัวเหมือนกัน  ใส่กางเกงสแล็คเหมือนกัน  ใส่เสื้อเชิ้ตเหมือนกัน  ต่างกันที่กางเกงของนทีเข้ารูปตามแบบสมัยนิยม  ส่วนของเขา...เป็นทรงลุงที่แม่บอกว่าดูเรียบร้อยดี  เสื้อเชิ้ตนทีเป็นสีฟ้าอ่อนเข้ารูป...ส่วนเสื้อเขาเป็นสีเบจตัวหลวมโคร่งแบบที่แม่ชอบ

   เขาอยากดูหนัง  เขาชอบดูหนัง  ดูการ์ตูน  ดูยอดมนุษย์ที่เก่งกาจอย่างน่าเหลือเชื่อ  แต่แม่ที่หวังดีกับเขา  รักเขามากกว่าใครกลับไม่ชอบ  แม่ชอบให้เขาเรียนหนังสือ  แม่อยากให้เขาเรียนหมอ  เป็นหมอที่เหนือกว่าวิศวะที่เด็กเกเรอย่างพี่นทีสอบติด 

   เด็กเกเรอย่างพี่นที...อยากไปไหนก็ได้ไป  อยากทำอะไรก็ได้ทำ  ในขณะที่เขาเป็นเด็กดี...ที่ไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเลยสักครั้ง  ถ้าเขาขัดคำสั่งแม่...เขาจะกลายเป็นเด็กดื้อ

   ถ้าดื้อแล้วสามารถดูหนังได้  สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้  แล้วเขาควรจะเป็นเด็กดีอยู่หรือเปล่า?   

   ธนธรมองนทีด้วยแววตาสับสนก่อนตัดสินใจหมุนร่างเดินจากไป

   ร่างผอมของธนธรเดินออกไปยังทางที่มุ่งไปสู่โถงที่มีสถาบันกวดวิชาเปิดแข่งขันกันเต็มไปหมด  นทีมองตามหลังผอมเกร็งแบกกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยหนังสือหนักก่อนถอนหายใจออกมา 

   เหมือนคนที่เดินคนละทาง  ร่างสูงหมุนตัวหันหลังเดินลงบันไดเลื่อนมาเรื่อยๆ  ภายในหัวคิดถึงแต่เรื่องของธนธรจนถึงชั้นที่นัดกับต้นน้ำไว้  ดวงตาคมสอดส่ายสายตามองหาคนที่บอกว่าจะนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าร้านไอศกรีมจนเจอ  เขาทรุดตัวนั่งลงข้างต้นน้ำ  พิงตัวหงายไปกับพนักพิงพลางหลับตาลง  แต่แรงสะกิดจากคนด้านข้างทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
 
   “นายมาช้า  ไอติมนายละลายหมดแล้ว”  ต้นน้ำบอก  ในมือมีไอศกรีมไม่สมประกอบอยู่โคนหนึ่ง ทั้งวิ่นทั้งแหว่ง

   “ละลายเข้าท้องนายน่ะสิ”  นทีบอกก่อนดึงไอศครีมจากมือต้นน้ำไปกิน

   “ใช่สิ  มันจะหยดน่ะ”  ตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อมากินคนเดียวรอนที  แต่นทีดันโทรมาบอกว่าอยู่ที่ลานจอดรถแล้วเสียก่อน  คนเราก็ต้องมีน้ำใจต่อกันเลยซื้อเผื่อนทีด้วย  รออยู่นาน...คนก็ไม่มาสักที  ไอศกรีมก็ละลายจนเริ่มหยด  ปล่อยให้ละลายทิ้งก็เสียดาย  เลยสลับกินทั้งสองอันมันเสียเลย  กัดไปกัดมา  ก็เหลือเท่าที่นทีแย่งไปนั่นแหละ  อ๊ะ...แต่เขาเลียไปแล้วนะ  ทั้งดูด  ทั้งเลีย  ทั้งกัด  ครบสูตร!

   ต้นน้ำมองนทีที่กัดไอศกรีมกินอย่างเอร็ดอร่อย  แถมยังดูดส่วนที่ละลายหยดออกมาด้วย  ใช้ลิ้นเลียซ้ำเข้าไปอีก  ครบสูตรเหมือนกัน!  เอาเถอะ...เขาจะไม่พูดอะไรแล้วกัน

   “ไปยัง?”  ต้นน้ำถามเมื่อเห็นนทีกินไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าไป  ก้มมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว  “ให้ผู้ใหญ่รอ  มันไม่ดี”

   “รอไม่รอก็โดนด่าอยู่ดีแหละ  ให้รอบ้างจะเป็นไร?” นทีตอบอย่างไม่อินังขังขอบ  เจอหน้าป้าทีไรก็เตรียมตัวไว้เลยว่าจะต้องเจอกับคำพูดร้ายกาจที่เหมือนเข็มเล็กๆ คอยทิ่มแทงหัวใจ  เจอบ่อยจนไม่รู้ว่ามันเจ็บจนชิน  หรือว่าพื้นที่ในหัวใจมันอัดแน่นไปด้วยเข็มจนไม่มีพื้นที่ว่างเหลือสำหรับเข็มต่อไปแล้วกันแน่

   “แล้วแต่  ยังไงก็ได้”  ต้นน้ำนั่งกอดอกโยกตัวไปมา  “แต่ว่าเมื่อวานรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าอัพรูปร้านอาหารทะเลร้านหนึ่ง  น่ากินมาก  เขาว่าของมีจำนวนจำกัด  ไปช้าอาจหมด”

   “อยากไป?” นทีเลิกคิ้วถาม

   “อืม  อยากกิน”

   “ไหนเมื่อคืนบอกว่าอยากดูหนัง?”

   ง่อววว...ลื๊มมม...สนิทเล๊ยยยย  เมื่อคืนเขาอ้างเรื่องหนังนี่หว่า  “เปลี่ยนแผนไง  อาหารทะเลมันน่าสนใจกว่า” 

   นทีหัวเราะในลำคอ  “ป่ะ  พร้อมแล้ว”  นทีเอื้อมมือไปคว้าคอต้นน้ำลากให้ลุกเดินออกไปพร้อมกัน  โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำทุกอย่างได้อยู่ในสายตาของคนคนหนึ่งทั้งหมดแล้ว


---------------

a's Talk :

อย่าว่าเค้า  เค้ามาช้า  เค้าไม่ว่าง

นี่ถึงขนาดเก็บอเอาไปฝันว่า  มีคนอ่านมาคอมเม้นท์ว่าทำไมไม่อัพนิยายสักที

T_T

ตอนนี้แต่งแบบไม่ต่อเนื่อง  เวลาว่างมันมีเป็นช่วงๆ  ถ้ามีตอนไหนไม่สมูธ หรือกระท่อนกระแท่นยังไง  เตือนได้นะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รู้สึกว่าหายไปนานเลย รอตอนต่อไปค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครแอบมองอยู่?

ยัยป้า(ศรี)ธัญญาเหรอ?

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ดูป้าเขาสอนลูกตัวเอง  :ling2:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บางทีความรักที่เกินพอดีของแม่ก็ทำให้ลูกเหมือนถูกบีบอยู่ในที่แคบๆ สงสารเด็ก.  :hao4:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ ไรท์มา จริงๆนะ  :hao3:
รอ นที ต้นน้ำ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ยัยป้าตัวร้าย  :angry2:
ต้นน้ำอัดเสียงยัยป้าตัวร้ายไว้ให้พ่อฟังเลย  :m20: :laugh:
จะได้รู้ว่าปากพี่สาวลับหลังตัวเอง ร้ายอย่างไรกับลูกชาย  :z6: :fire: :m16:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sodamint

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักกันตลอดเลยคู่นี้ จีบกันไปนานๆเลยน้าาา เขินแทนต้นน้ำ

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 22
เป็นเกย์กันไหม?





ร่างผอมเกร็งของธัญญานั่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวภายในคอฟฟี่ช็อปหรูหราที่เป็นสาขาย่อยซึ่งมีร้านต้นตำรับอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส  ทั้งเครื่องดื่มและขนมหวานล้วนคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นเลิศ  ราคาก็ชั้นเลิศตามไปด้วย  สายตาเรียวเล็กปรายตามองไปยังร่างสูงทั้งคู่ที่เดินตามกันเข้ามา  แววตาที่เคยพึงพอใจกับรสชาติชาที่เพิ่งได้ลิ้มลองไปเมื่อสักครู่นี้เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว

   เกลียดนัก! ลูกนกกาเหว่าที่แม่มันไข่ทิ้งไว้  น้องชายเธอก็โง่แสนโง่  เฝ้าทะนุถนอม  เลี้ยงดูลูกคนอื่น  ทรัพย์สินเงินทองก็ประเคนให้มันหมด  อย่างกับมันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง  ทั้งที่ลูกชายของเธอควรเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่สมควรจะได้มรดกของตระกูลไป 

   เกลียดชังผู้เป็นมารดาที่ให้ความสำคัญกับลูกชายตามแบบฉบับของครอบครัวคนจีน รักลูกชายลูกสาวไม่เท่ากัน...มอบธุรกิจโรงสีกับที่ดินทั้งหมดของตระกูลให้กับธนกร  ส่วนเธอเองได้เพียงบ้านหลังใหญ่และอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมืองอีกสองแห่งเท่านั้น  แล้วยังไงล่ะ...น้องชายตัวดีของเธอขายที่ดินเกือบทั้งหมด  รวมทั้งธุรกิจโรงสีที่ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นอากงอาม่าทิ้งตั้งแต่ผู้เป็นมารดายังไม่ตาย  แล้วหันไปจับธุรกิจของเล่นแทน  คุณค่าและศักดิ์ศรีเทียบกับไม่ได้เลยสักนิด  ยังไงก็เถอะ...โง่แค่ไหน  เงินกงสีสิบห้าเปอร์เซ็นต์จากธุรกิจใหม่ของน้องชายก็ต้องเป็นของเธอทุกปี...ตามคำสั่งที่มารดาสั่งเสียไว้ก่อนตาย

   และเธอจะไม่ยอมให้ทรัพย์สมบัติที่ต้นตระกูลที่สั่งสมมาต้องไปตกอยู่กับไอ้คนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนทีแน่

   นทีเดินนำต้นน้ำเข้ามาจนถึงมุมด้านในที่ธัญญานั่งอยู่  ทั้งสองคนยกมือไหว้ผู้มีศักดิ์เป็นป้าที่นั่งจิบน้ำชาเงียบๆ  คล้ายไม่เห็นการทำความเคารพของเด็กทั้งสองคน  นทีล้วงซองจดหมายสีขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนยื่นไปวางไว้บนโต๊ะ  เอกสารที่ธนกรพูดถึง...ความจริงแล้วเป็นแค่ซองจดหมายสีขาวเพียงซองเดียว 

   “เอกสารครับ” นทีบอกสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

   ธัญญาละเลียดจิบน้ำชาอีกสักพัก  ก่อนวางแก้วลงบนจานรอง “มาสายนะ” มือผอมเอื้อมหยิบซองขาวมาเปิดดู  ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงไว้อย่างประณีตยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน  เป็นเช็คจำนวนหกหลักที่เธอขอจากธนกรไว้  เป็นเรื่องสมควรที่ผู้เป็นน้องชายจะไม่ขัดข้อง  ดีอยู่บ้างที่ธนกรยังรู้จักผิดชอบชั่วดี  น้องชายไม่เคยเอ่ยปฏิเสธเลยสักครั้งที่เธอเอ่ยเรื่องเงิน  คงจะคิดได้บ้างว่าให้พี่สาวกับหลานชายของตัวเองก็ต้องดีกว่าเอาไปเลี้ยงลูกให้ชู้

    “ขอโทษครับ”  นทีตอบ

   “ตลกจัง  คงไม่มีใครใจดีเท่าน้องชั้นแล้วที่เลี้ยงลูกงูเห่าไว้ใกล้ตัว  ให้น้ำให้อาหาร  แล้วรอวันแว้งกัด”

   มาแล้วดอกแรก! 

   ต้นน้ำกรอกตา...ถ้าป้าธัญญารับจ้างด่า  เขาเชื่อว่าน่าจะรายได้ดี   เป็นนักด่าตัวท็อปที่ช่างจิกกัด  ช่างสรรหาคำมาเปรียบเปรย  เชือดนิ่มๆ แต่บาดลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ 

   ตากลมอดเหลือบมองคนที่โดนเชือดไม่ได้  เขาเห็นเพียงแผ่นหลังและใบหูของนทีเท่านั้น  เหมือนครั้งที่เขาเดินตามหลังนทีไปเมื่อคราวงานแต่งงานของป๊าและแม่   นทียังคงมีท่าทางเหมือนเดิม  ไม่พูด  ไม่เถียง  ได้แต่ยืนรับฟังเงียบๆ 
   
   คราวที่แล้ว  เขาไม่รู้จักนทีมากนัก  ไม่เข้าใจว่าที่นทีแสดงออกคืออะไร  หรือรู้สึกยังไง?

   แต่คราวนี้  เขารู้จักนทีแล้ว  รู้จักมากกว่าแต่ก่อน  ไม่รู้จะเรียกว่าดีพอที่จะประเมินคนตรงหน้าได้หรือเปล่า?  แต่เขารู้สึกได้ว่าแผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังเจ็บปวด  อาจจะเริ่มจากเจ็บที่ก้อนเนื้อในอก  จากนั้นก็แพร่กระจาย  จนฉาบเป็นความเฉยชาไปทั่วร่าง  นิ่งเฉยเหมือนยอมรับในทุกถ้อยคำที่กล่าวหาโดยดุษฎี  เหมือนคนที่ยอมจำนนแล้วทุกสิ่ง

   “เรียนจบแล้ว  เธอวางแผนชีวิตไว้ยังไง?”  ธัญญาถามขึ้น 

   “ยังไม่ได้คิดครับ”  นทีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  แม้จะคิดไว้บ้างแล้ว  แต่ก็ป่วยการที่จะเล่าให้ธัญญาฟัง

   “หน้าด้าน  ไร้ยางอายที่สุด” เสียงแหลมตวาดกร้าว  “ถ้าเธอพอจะมีสามัญสำนึกบ้าง  เธอก็ควรคิดไปจากน้องชายชั้นได้แล้ว  ส่งเสียจนเรียนจบ  แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว  คิดจะเป็นกาฝากเกาะแข้งเกาะขากันไปถึงเมื่อไร  ถามจริงๆ เถอะ  ไม่อายบ้างหรือไง?  หรือยางอายของเธอมันไม่มีเหมือนกับแม่ชั้นต่ำของเธอ?”

   นทียังคงนิ่งเงียบ  แต่ต้นน้ำกลับรับรู้ได้ถึงเส้นอารมณ์ที่ตึงจนกำลังจะขาด

   ธัญญายังคงพูดจาร้ายกาจอีกหลายประโยค  นทีก็ไม่ได้เถียงเหมือนเดิม  แต่ต้นน้ำไม่ได้ฟัง เขาสนใจเพียงแผ่นหลังของคนตรงหน้า 

   หรือว่าเรื่องที่ป้าธัญญาพูดเป็นเรื่องจริง?

   ถ้าจริงแล้วยังไง?  เขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้หุ่นยนตร์ตรงหน้ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง  เร็วเท่าความคิด...ต้นน้ำขยับเข้าไปหลบหลังนที  กางนิ้วชี้และนิ้วโป้งออกมา หยิกหมับเข้าไปที่แก้มก้นที่ทั้งแน่นทั้งเด้ง

   หวา... เขาทำลงไปแล้ว!

   เขาหยิกก้นนทีเต็มๆ มือเลย

   นทีสะดุ้งเฮือก  ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนพาเอาสายตาคู่คมเหลือบมองมาทางด้านหลัง 

   นทีหันกลับมามองคนด้านหลังด้วยสีหน้าปั้นยาก

   ต้นน้ำมองตอบด้วยสีหน้าปั้นยากกว่า

   หน้าเหวอๆ ส่ายหน้าตอบเหมือนคนไม่รู้ไม่ชี้  เขาไม่ได้ตั้งใจ  แค่เห็นนทีดูเครียดๆ  เลยอยากจะทำอะไรสักอย่างที่ทำให้นทีคลายกังวล  ไม่รู้ยังไง...สมองยังไม่ได้ประมวลผลหาวิธีการ  แต่สัญชาติญาณก็ส่งมือเข้าไปหยิกหมับเข้าเสียแล้ว

   ไม่ใช่ความผิดของเขานะ  เป็นความผิดของไอ้ ‘สัญชาติญาณ’ ล้วนๆ

   นทีอมยิ้มเล็กน้อย  นัยน์ตาพราวระยับ  ก่อนเก็บอาการหันหน้ากลับไปรับเข็มนับพันจากธัญญาต่อ  แต่คราวนี้เหมือนเข็มที่ทิ่มเข้ามามันไม่เจ็บอีกแล้ว 

   ธัญญายังคงร่ายมลพิษต่อโดยไม่รู้ตัวว่าเด็กทั้งสองไม่ได้สนใจฟังถ้อยคำเสียดแทงใจเหล่านั้นเลย “หรือว่ากรเขาให้เธอเรียกว่าพ่อ จนเธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพ่อจริงๆ ไปแล้ว”

   “ลูกเขาจะเรียกพ่อว่าพ่อ  ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนนี่คะ?”  เสียงหวานดังมาจากร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อเชิ้ตตัวพริ้วและกระโปรงลินินเข้ารูปตามแบบทันสมัย  เรียกความสนใจจากคนทั้งสามให้หันไปมอง

   ต้นน้ำแทบจะตบมือรัวแล้วโห่ร้อง  บราโว่!!!

   ณภัทราถอดแว่นกันแดดสีชาออกก่อนจะเดินเยื้องกรายเข้ามาด้วยท่วงท่าราวกับนางพญา  แน่ล่ะ...เธอฝึกมาดีนี่  สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพอะไรทั้งหลายแหล่ก็ผ่านมาหมดแล้ว  ถ้าเอามาใช้ข่มขวัญคู่ต่อสู้ไม่ได้  จะเป็นนักแสดงที่ดีได้ยังไงล่ะ?

   ใบหน้าผอมเกร็งของธัญญาที่เกร็งอยู่แล้ว  ยิ่งเกร็งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นใบหน้าสวยเฉี่ยวของผู้ที่ก้าวเข้ามา  คนที่เธอเกลียดที่สุดในโลก

   มือเรียวที่แต่งแต้มเล็บไว้อย่างสวยงามจับที่ต้นแขนของนทีดันให้ถอยห่างออกมาเบาๆ แล้วแทรกตัวเองให้เผชิญหน้ากับธัญญาแทน  ท่าทางของณภรัทรายามนี้เหมือนแม่เสือที่กำลังกางเขี้ยวเล็บพร้อมตะปบใครก็ตามที่จะมารังแกลูกน้อยของเธอ  ภายใต้ท่าทีแย้มเยื้อน  ไม่มีใครรู้ว่าอารมณ์ภายในนั้นเดือดดาลแค่ไหน?  ยายแก่แร้งทึ้งเอ๊ย!!!   คอยดูนะ  แม่จะฟาดแล้วฉีกเนื้อให้หมากิน 

   ธัญญาหน้าตึงก่อนแสยะยิ้มออกมา “เธอเป็นใคร?” มือผอมยกน้ำชาขึ้นจิบอีกครั้งอย่างใจเย็น  ก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำที่ใช้เรือนร่างเข้าแลกเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ  สมองไปกองอยู่ที่นมทั้งหมด  ปัญญาเท่าเศษมดอย่าริอาจจะมาเผยอหน้าเทียบชั้นกับเธอ “ทำไมมายุ่งกับเรื่องในครอบครัวของคนอื่น?  เธอเป็นอะไรกับนทีเหรอ?” 

   1- 0

   หนึ่งประตูต่อศูนย์  ธัญญาเป็นฝ่ายนำแต้มไปก่อน

   คิ้วที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามของณภัทรากระตุกเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ  ยายแก่หนังเหนียว เคี้ยวยาก  สับเนื้อให้หมากิน  ยังนึกสงสารหมา  ทุกคำพูดช่างจี้ใจดำ

   “ชั้นไม่เคยเห็นว่าเขาจะนับญาติอะไรกับเธอ?”  ธัญญายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ  ใจเย็น  เธอรู้จุดอ่อนของณภัทราดี  ดีพอที่ขยี้และเหยียบย่ำให้แหลกเหลวยิ่งไปกว่าเดิม

   ดวงตาคมสวยตวัดวาบมาทางนที  ทั้งตัดพ้อ  ทั้งต่อว่า   

   “ม๊า”  โดยที่ไม่มีใครคาดคิด  นทีส่งเสียงเรียกณภัทราออกไป 

   แววตาของณภัทราวาวแสงขึ้นวูบหนึ่ง  ความรู้สึกเต็มตื้นเอ่อล้นจนดวงตาคู่สวยร้อนผ่าวก่อนจะระงับเอาไว้ได้อย่างจนใจ  เธออยากจะซึมซับเอาช่วงเวลาแห่งความประทับใจนี้เอาไว้อีกนิด  แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้  ใบหน้าสวยคมของดารานางแบบชื่อดังตวัดกลับไปหาธัญญาอีกครั้ง

   “หึหึ  คุณพี่ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ?  ว่าเราเป็นอะไรกัน?  ข่าวสารคุณพี่น่าจะล้าหลังไปสักหน่อย  น่าจะอัพเดตบ้างนะคะ  โถ...ลูกม๊า  หิวหรือยัง?  น่าจะบอกม๊าสักหน่อยว่านัดป้าไว้  ”  ณภัทราควงแขนนทีโชว์  มือหนึ่งก็ปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนไหล่กว้างพร้อมกับยิ้มหวานโชว์  เป็นท่าทางอวดโอ่ที่ยียวนกวนโมโหที่สุดในสายตาคนดูอย่างต้นน้ำ 

   1 – 1  คะแนนเสมอแล้ว

   ถึงคราวธัญญาคิ้วกระตุกบ้าง  แม้จะปรับสีหน้าให้ราบเรียบลงแล้ว  แต่ความไม่พอใจก็ยังฉายชัดจนปิดไม่มิด 

   “งั้นชั้นก็ดีใจด้วยนะ  ที่นับญาติกันแล้ว  ก็ดี...ทำไมไม่พากันไปอยู่ด้วยกันซะเลยล่ะ  ไปอยู่ในที่ของตัวเอง”

   “อื้อหือ  รวยอ่ะค่ะ  เลยซื้อที่ไว้เยอะ  ลูกชายอยากจะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น  ตามใจลูก เน๊อะ”  เสียง ‘เนอะ’ ช่าง...  ต้นน้ำยังบรรยายไม่ถูก  รู้แต่ว่ามันทำให้ธัญญาหน้ากระตุกอีกรอบ

   “เธอนี่มัน...หน้าด้านจริงๆ!  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  เธอยังคงเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยน”

   “เปลี่ยนสิคะ  เห็นแก่ตัวมากขึ้นด้วย”  น้ำเสียงของณภัทราไม่เหลือร่องรอยล้อเล่นอีกต่อไป “อะไรที่เป็นของชั้น  ชั้นจะเอาคืน  รวมถึง...อะไรที่ไม่ใช่ของชั้น  ชั้นก็จะเอา” 

   สิ้นประโยคของณภัทรา  ธัญญาก็เก็บอาการไม่อยู่อีกแล้ว  มือผอมสั่นระริกชี้หน้าสองแม่ลูก  “สารเลว!  ระรี้ระริกอยากได้ของคนอื่นจนตัวสั่น  อย่าได้หวังว่าเธอสองคนแม่ลูกจะได้อะไรไปจากกรอีก  ชั้นไม่มีทางยอม”

   “ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้ล่ะคะ?  ทุกอย่างของพี่กรก็ต้องตกเป็นของนทีอยู่แล้ว”

   “ไม่มีทางที่ชั้นจะยอมให้ทรัพย์สมบัติของตระกูลตกไปอยู่ในมือลูกชู้ของผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ” ธัญญากราดเกรี้ยวจนตัวสั่นไปด้วยความโกรธ

   “คุณพี่มโนอะไรอยู่คะ?  หวังอะไรอยู่?  นทีเป็นลูกของพี่กร  ลูกแท้ๆ  ต่อให้คุณพี่ย้ำอีกสักกี่ครั้ง  สายเลือดก็คือสายเลือด  คนที่อยากได้ของคนอื่นน่ะ...ไม่ใช่เราสองแม่ลูกหรอกนะคะ”

   “ชั้นไม่เชื่อ  ชั้นไม่เชื่อเด็ดขาด  ถ้าพวกแกแน่จริง  ไปตรวจดีเอ็นเอมาเป็นหลักฐานสิ”  ธัญญาท้า

   “ที่จริงก็ตรวจได้นะคะ  แต่ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องให้ลูกเสียเลือดเสียเนื้อให้เจ็บตัวไปทำไม?  เพื่อเอาไปเป็นหลักฐานให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเราเลยคนดูเท่านั้นเหรอคะ?” ณภัทราย้ำคำว่า ‘คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเรา’ เป็นพิเศษ “คุณพี่ไม่คิดว่ามันไร้สาระไปหน่อยเหรอ?  งั้นคุณพี่ก็น่าจะตรวจหน่อยนะคะ  เพราะชั้นก็คิดว่า...ลูกคุณพี่ไม่ใช่ลูกของพี่วันชัยเหมือนกัน”

   “แกๆ”  ธัญญาลุกขึ้นยืน  ชี้นิ้วที่สั่นเทาใส่ใบหน้าสวยที่ทำท่าเอ้อระเหยลอยชาย  “ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวอย่างแกนี่” 

   “อ๊ะๆ...ไม่มีหลักฐาน  ระวังโดนข้อหาหมิ่นประมาทนะคะคุณพี่  เอื้อย!”  สิ้นเสียงเรียกของณภัทรา  ร่างเล็กของคนที่นั่งอยู่โต๊ะที่เยื้องไปด้านหลังของธัญญาก็ลุกขึ้นมา  เอื้อยมีรูปร่างขนาดธรรมดา...ถ้าเป็นเสื้อก็เรียกได้ว่าเป็นขนาดฟรีไซส์  หน้าตาก็ธรรมดา  ทุกสิ่งทุกอย่างของเอื้อยดูธรรมดาไปหมดทั้งสิ้น  ยืนกับโต๊ะก็กลืนกับโต๊ะ  ยืนกับเสาก็กลืนไปกับเสา  นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ตัวสักคนว่าเอื้อยมานั่งด้านหลังของธัญญาตั้งแต่เมื่อไร “อัดเสียงไว้หมดแล้วใช่ไหม?”

   “ค่ะ  คุณภัท”

   “เรื่องนี้ไม่ถึงตำรวจหรอกค่ะ  แต่ต้องถึงพี่กรแน่  พี่กรจะต้องได้รู้ว่าพี่สาวคนเดียวที่พี่กรให้การดูแลมาตลอดทำอะไรไว้ลับหลังพี่กรบ้าง”

   ร่างเพรียวสวยหันหลังกลับโดยมีเอื้อยเดินประกบ  ไม่ลืมปรายตาให้นทีและต้นน้ำเดินตามมาด้วย 

   ปิดจ็อบ!

   ต้นน้ำไม่ได้นับคะแนนต่อ  แต่เขาเชื่อว่าหมัดของณภัทราตีฝ่ายตรงข้ามแตกกระจุย  ชนะน็อคอย่างไม่ต้องสงสัย





   ณภัทราเดินนำพวกเขาไปยังลานจอดรถ  ตลอดเส้นทาง...ณภัทราไม่หันกลับมาพูดอะไรสักคำ  ท่าทางเหมือนคนใช้ความคิดอย่างหนัก 

   “ผมกลับก่อนนะ”  เสียงของนทีเรียกให้ณภัทราหันกลับมา

   มือเรียวเข้ามาคว้าจับข้อมือนทีไว้  “ลูกเคยได้อะไรจากม๊าไหม?”  เสียงที่ถามโหยแผ่วจนน่าสงสาร มือเล็กที่เธอเคยจับ...กว่าจะได้จับอีกทีก็ใหญ่กว่ามือเธอไปเสียแล้ว

   นทีมองณภัทราอย่างงุนงงก่อนส่ายหน้า  “คุณหมายถึงอะไร? ผมไม่เคยได้อะไรจากคุณ”

   น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย  “ม๊าส่งของไปให้ลูกตั้งเยอะ  ม๊าไปหาก็ไม่เคยได้เจอ” หลังจากหย่าร้างกับธนกร  เธอทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างหนัก  ของดีมีราคาก็ซื้อส่งไปให้ลูกตลอด  ไปทำงานเมืองนอกก็ยังมองหาแต่ของลูก  แต่ลูกชายกลับไม่ได้รับเลยสักอย่างเดียว  ยามที่ไปหาก็โดนกีดกันไม่ให้เจอ  จนกระทั่งธนกรย้ายบ้านออกมาอยู่กันสองคนพ่อลูก  มีโอกาสได้เจอนทีอีกครั้ง...ลูกก็จำเธอไม่ได้  มีแต่ความเฉยชาและห่างเหินบนใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย

   ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น  ดวงตาวาวโรจน์เพราะความโกรธและเกลียด  สมองน้อยๆ พอจะประมวลผลได้ว่าเป็นเพราะใคร?  คิดแล้วอย่างจะกลับไปจิกหัวยายแก่นั่นโขกกำแพงสักที  สองที  ไม่สิ...สิบทีไปเลย

   “นี่ใช่ไหม? คือเหตุผลที่ลูกไม่ยอมเจอม๊า  ไม่ยอมเรียกม๊าว่าม๊า” ใบหน้าสวยยามนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจ  โกรธ  เกลียด  ชิงชัง  น้ำตาเม็ดโตไหลพราวไม่ขาดสายอย่างไม่อาจควบคุมได้

   นทีเองก็พอจะเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น  เขาเริ่มมั่นใจว่าเขาเป็นลูกป๊า  ลูกป๊าจริงๆ  ลูกแท้ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกับธนกรเและเขาไม่ได้โดนม๊าทิ้งไปอย่างไม่ใยดีอย่างที่ป้าบอก

   “หรือลูกโกรธที่ม๊าไม่ได้บอกคนอื่นว่ามีลูก”  ณภัทราละล่ำละลักบอก “ตอนนี้ม๊าบอกคนอื่นได้แล้วนะ  ม๊ามีพร้อมทุกอย่างแล้ว” 

   “แล้วคุณไม่อายเหรอ?” 

   “ไม่อาย  ม๊าไม่อาย  แต่...”  ณภัทรานึกถึงคำพูดของธัญญาที่เคยพูดกับเธอสมัยก่อน 

   ‘เธอไม่อาย  แต่เธอควรจะห่วงลูกเธอบ้าง  เด็กมันจะอายแค่ไหน?...ถ้าคนอื่นรู้ว่ามีแม่เต้นกินรำกิน  ไม่กลัวลูกโดนเพื่อนล้อบ้างหรือไง?’

   ‘มีแม่เป็นดาวยั่ว  คิดว่าลูกเธอจะภูมิใจเหรอ?’


   เมื่อสิบกว่าปีก่อน  คนที่เป็นนักแสดงไม่ได้เป็นที่ยอมรับกว้างขวางเหมือนปัจจุบันนี้   เพียงแค่ใส่ชุดว่ายน้ำวันพีซเชยๆ ออกสู่สาธารณะก็โดนตราหน้าว่าเป็นดาวยั่วเสียแล้ว  แม้ว่าภาพยนตร์ที่เธอแสดงจะเป็นโปรดักชั่นใหญ่ของต่างประเทศ  หนังสือนิตยสารที่ถ่ายก็เป็นนิตยสารหัวนอกก็ตาม

   “...ม๊ากลัวว่าลูกจะอาย”   

   

   “ผมไม่ได้อายหรอก  แต่ผมไม่อยากเรียกคุณว่าม๊า  เพราะคุณหน้าเด็กเกินไป”  มือใหญ่ของลูกชายเกลี่ยไล้น้ำตาให้ผู้เป็นมารดาเบาๆ  เท่านี้จริงๆ  ที่นทีให้ได้  ความผิดหวัง  ความเศร้า  ความเหงา  ความเดียวดาย  ตลอดชีวิตเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาของเขา  มันหายไปไม่ได้ภายในวันเดียว  คงมีแต่เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาทุกอย่าง 






   นทีนั่งเอนตัวอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ความรู้สึกของเขาตีรวนปรวนแปรกันไปหมดจนไม่อาจแยกแยะได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอะไรกันแน่ 

   ความโดดเดี่ยวเดียวดายที่ผ่านมา  เขาโทษว่าเป็นความผิดของมารดามาโดยตลอด  แต่มาวันนี้...เขารู้สึกเหมือนมีอะไรที่มันผิดพลาดไป  หากจะโทษใคร...ก็คงเป็นตัวเขาเองที่ไม่ยอมเปิดใจรับฟังเหตุผลของคนอื่น

   อยู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงเรื่องข้าวมันไก่ของต้นน้ำ  ต้นน้ำไม่เคยกินข้าวมันไก่เพราะแม่บอกว่าเผ็ดมาจนอายุสิบห้า  พอได้ลองกินก็ติดใจ  รู้สึกเสียดายเวลาสิบห้าปีที่พรากจากข้าวมันไก่จนต้องกินแล้วกินอีกเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป

   ตาคู่คมหันกลับไปมองต้นน้ำที่ขอเป็นคนขับรถเอง  “เฮ้ย...”  นทีมองต้นน้ำงงๆ  มือเรียวแตะไปที่ใบหน้าใสเบาๆ แล้วพบว่ามันเปียก  “ร้องให้เหรอ?”

   “เออ” 

   “ร้องทำไม?”

   “ไม่รู้  อยากร้อง”  เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร้องให้ทำไม  ความรู้สึกอึดอัดคับข้องมากมายไม่รู้ไหลบ่ามาจากไหน?  ตั้งแต่เดินเข้าไปในคอฟฟี่ช็อปกับนที  เจอกับคำพูดของป้า  เจอณภัทรา  จนมารู้ว่าณภัทราไม่เคยทอดทิ้งนทีเลย  เหมือนลูกโป่งอัดแก๊สจนขยายตัวแน่น  แน่นแล้วก็แน่น  พอขึ้นรถมาได้ก็...น้ำตาของเขาก็ค่อยไหลออกมา

   “จอดรถๆ”  นทีบอกเสียงอ่อน

   “ไม่เป็นไร  เราขับได้”

   “จอดเถอะ  ขอนะ” 

   น้ำเสียงขอร้องของนทีทำให้ต้นน้ำหักเลี้ยวรถเข้าไปจอดริมทาง  ทันทีที่รถจอดมือใหญ่ก็คว้าคนขับรถเข้าไปกอด 

   “บอกแล้ว...ว่าไปหาป้าไม่ใช่เรื่องสนุก”

   เชี่ยเอ๊ย!  ทำไมนทีแม่งไม่ร้องวะ?  เจออะไรมาตั้งมากมาย  จะเก็บไว้ทำไม?  อยู่คนเดียว...แม่งโคตรเหงาเลย  ทำไมเขาจะไม่รู้ 

   นทีเข้มแข็งหรือกำลังอดทนกันแน่? 

   “ฮึก...ทำไมนายไม่ร้องวะ?”  เมื่อได้รับอ้อมกอดอุ่น...ต้นน้ำก็ยิ่งร้องให้  เหมือนเด็กที่ได้รับการปลอบขวัญก็ยิ่งอยากเรียกร้องเอาแต่ใจ 

   นทีตอบคำถามต้นน้ำไม่ได้  นั่นสิ...ทำไมเขาไม่ร้องให้  เขาเคยร้องให้กับเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว  นานจนจำไม่ได้ว่าหยุดร้องไปตั้งแต่เมื่อไร  เจ็บจนชิน  จนน้ำตามันไม่ไหลออกมาแล้ว

   ตอนนี้...เรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ทำร้ายเขาอีกแล้ว  มันคือเรื่องราวดีๆ ดีมากกกก

   ถ้าป้าไม่ได้เป็นคนแบบนี้...
   ถ้าป๊าไม่เลิกกับม๊า...
   ถ้าป๊ากับแม่ไม่ได้แต่งงานกัน...
   เขากับต้นน้ำจะเป็นยังไง?  จะมีโอกาสได้เจอกันไหม?  หรือถ้าเจอกัน...เขาจะรู้สึกกับต้นน้ำขนาดนี้หรือเปล่า?

   บางที...อาจเป็นโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตคน  มอบบททดสอบให้เขาเสียมากมาย  เพื่อที่สุดท้ายแล้ว...เขาจะได้ของรางวัลใหญ่....

   คนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา!

   ...คนที่ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง  แต่ก็ยังจะเดินตามอยู่ข้างหลัง
   ...คนที่ทำให้เขายิ้มได้  แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เขาเคยร้องให้มาก่อน
   ...คนที่ร้องให้แทนเขา

   “แล้วนายร้องให้ทำไม?”  นทีถามเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดหยุดสะอื้น  เริ่มควบคุมลมหายใจได้บ้างแล้ว    มือใหญ่ค่อยๆ ประคองใบหน้าของต้นน้ำออกห่างเพื่อที่จะได้มองเห็นใบหน้าได้ชัดๆ 

   ต้นน้ำหลุบตาลงต่ำ  หาสาเหตุไม่ได้  เหมือนมันเจ็บ  เจ็บไปหมด

   เหมือนเห็นคนที่เรารักโดนรถชนต่อหน้าต่อตา  บาดแผลเต็มตัว...แต่เรากลับทำอะไรไม่ได้เลย  วิ่งไปขวางไม่ทัน  เขารู้ได้ถึงความเล็กกระจ้อยร่อยของตัวเอง  อยากย้ายบาดแผลเหล่านั้นมาไว้ที่ตัวเอง...ก็ทำไม่ได้  อึดอัดและทรมานจนอยากเจ็บแทน

   เห็นคนที่เรารักเจ็บ  เราเจ็บกว่า...นาทีนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งเลย

   เดี๋ยวนะ...คนที่รักเหรอ?

   ต้นน้ำช้อนสายตาขึ้นมองนที  แสงนวลจากเสาไฟฟ้าริมถนนส่องกระทบใบหน้าคมคร้ามที่ยกยิ้มมุมปากน้อยให้ดูหล่อเหลายิ่งขึ้นไปอีก  หล่อเหมือนคนที่อยู่ในความฝันทุกค่ำคืน

   ไม่รู้ว่าเมาน้ำตาหรือโดนมนต์สะกดจากคนในฝัน   ต้นน้ำเคลื่อนตัวเข้าหานทีอีกครั้ง  ริมฝีปากบางของนทีเผยอออกทันทีที่สัมผัสกับปากอุ่นของต้นน้ำ  ราวกับรออยู่แล้ว...นทีเม้มริมฝีปากอุ่นของต้นน้ำก่อนดูดดึงลิ้มรส  หยอกเย้างอนว้อให้คนที่เพิ่งผ่านการร้องให้มาอารมณ์ดีขึ้น  ลมหายใจร้อนผ่าวเลื่อนจากริมฝีปากไปยังพวงแก้มนุ่ม  สูดกลิ่นหอมจนพอใจ  จูบไล่ไปยังเปลือกตาช้ำทั้งสองข้าง  จับจูบจับหอมจนอิ่มเอมถึงได้ถอยตัวออกมามองคนที่ทำสีหน้า...จะเรียกว่าบึ้งก็ไม่ใช่  จะเรียกว่ายิ้มก็ไม่เชิง

   “จูบเหมาจ่ายน่ะ  ถือว่าจ่ายแล้วนะ”

   “หื้อ”  นทีส่ายหน้ารัว  “อันนี้นายจูบเราเองนะ  จำได้ไหม...ว่าเราต้องจ่ายนายหนึ่งจูบน่ะ  ครั้งนี้ถือว่าเราจ่ายนายก็แล้วกัน”

   นี่แหละ...สาเหตุที่ทำให้ต้นน้ำหน้าบึ้ง  เขาอุตส่าห์ขีดเส้นหน้าห้องไว้ดิบดี  สุดท้าย...เขาก็เป็นคนลากคอนทีมาจูบเองอีกแล้ว  ไอ้ต้นน้ำ...มึงเริ่มก่อนอีกแล้ว  ฟอร์มที่รักษามา...ไม่เหลือ

   หมั่นไส้ไอ้หน้ายิ้มๆ คล้ายคนที่ถือไพ่เหนือกว่า  ต้นน้ำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ  ด่านทีด้วยสายตาอีกที  ก่อนกล่าวเสียงเย็น “มาขับรถ”

   นทีย้ายมาเป็นฝ่ายขับรถอย่างจำยอม 

   เสนอมา  เขาก็สนอง  แล้วเขาทำอะไรผิดล่ะ?





   นทีขับรถอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทาง  ต้นน้ำก็นั่งหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงมาตลอดทางเช่นกัน

   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อยๆ ตลอดเวลา  บางทีก็ผิวปาก  บางทีก็หันมามองคนหน้าบึ้งแล้วก็ยิ้มเขินเสียเอง  ต้นน้ำมองคนที่ทำหน้าทำตาเหมือนเต้นบัลเล่ต์อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์แล้วก็หมั่นไส้ 

   เขาชอบนที...เขารู้!

   รู้ตัวมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว  ตั้งใจว่าจะแอบชอบ  ชอบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดชอบไปเอง  พยายามจะตัดใจ...แต่ยิ่งนานไปก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่เขาก็ไม่เคยคาดหวัง  ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะชอบเขากลับเลยสักครั้ง  เผลอตัวจูบไปครั้งนั้น...เขากลัว  หวาดหวั่นว่านทีจะรังเกียจจนต้องแกล้งจำไม่ได้  แกล้งเมาไม่รู้ตัว  นทีไม่กลับบ้าน...เขายังไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่าทำไม?  เขากลัวว่าคำตอบจะเป็นเพราะตัวเขาเอง  แต่แล้วโลกกลับตาลปัตร  คำตอบคือตัวเขาเองจริงๆ  ไม่ใช่เพราะเกลียด  แต่เป็นเพราะนทีก็ชอบเขาเหมือนกัน

   วินาทีนั้นเขาอยากวิ่งเข้าไปกอดแล้วจับนทีหมุนๆๆๆๆ   เธอหมุนรอบฉัน  ฉันหมุนรอบเธอให้รู้แล้วรู้รอด   แต่เขาทำไม่ได้

   การที่ผู้ชายคนหนึ่งแอบรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง  ยังไม่ได้เรียกว่าเกย์

   แต่การที่ผู้ชายสองคนรักกัน  เกย์สมบูรณ์แบบ!

   ผู้ชายสองคนที่รักกัน  ผู้ชายสองคนที่เป็นแฟนกัน  มันก็ต้องมีจูบกัน  มีเลื้อยกัน มี...  นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาปวดหัว  ดูทรงแล้ว  เอาแบบไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเลยนะ...เขาไม่ได้เป็นฝ่ายกดแน่นอน!  กับผู้หญิง...ถึงทฤษฎีจะเต็มร้อย  แต่ปฏิบัติจริงแค่ครั้งเดียว  เมากันทั้งคู่อีกต่างหาก  จะเอาอะไรไปกดคนอื่นเขาฟระ?  ว็อทดาฟัค!

   หรือจะแบบรักใสๆ  หัวใจสองดวง  คบกับแบบไม่ต้องเลื้อยกันไปเลื้อยกันมา  นอนจับมือ...งี้เหรอ?  นี่ก็บัดซบ  เผลอเมื่อไรก็เขานี่แหละที่ลากนทีคลุกวงในทุกที  ไอ้เส้นที่ขีดไว้หน้าห้องนั่นน่ะ....ไม่ได้มีไว้เพื่อกันไว้ให้นทีเข้ามาเท่านั้นหรอก  มีไว้เพื่อกันตัวเขาไม่ให้ออกไปด้วย  ผู้ชายทุกคนก็มีปีศาจร้ายในตัวทั้งนั้นแหละ!

   ต้นน้ำมองหน้านที “นายเป็นเกย์มาก่อนหรือเปล่า?”

   “หมายความว่าไง?”

   “นายเคยชอบผู้ชายมาก่อนหรือเปล่า?”

   “เปล่า  เพิ่งเคยชอบนายนี่แหละ”

   “แปลว่าแต่ก่อนชอบผู้หญิงสินะ”

   “นั่นก็ไม่  ไม่เคยชอบใครเลย  ชอบนายคนแรก”

   “.....” คำตอบของนทีทำให้ต้นน้ำอึ้ง  ชอบนายคนแรก  คนแรก คนแรกนะโว้ย!  ทำไมคำตอบนทีน่ารักอย่างนี้  น่ารักจนน่าจับกด  แต่เย็นไว้ต้นน้ำ  มึงกดเขาไม่ได้

   “ถ้าชอบนายแล้วเป็นเกย์  เราเป็นก็ได้”  นทีตอบยิ้มๆ  พร้อมๆ กับจอดรถเข้าที่พอดี  “มาเป็นด้วยกันไหมล่ะ?” 

   ต้นน้ำมองหน้าเกย์มือใหม่แล้วถอนหายใจยาว  เกย์หล่อ...หล่อมากด้วย  เกย์หล่อขนาดนี้มาชวนเขาเป็นเกย์ด้วยกัน  เขาควรคล้อยตามดีไหม? 

   ร่างโปร่งเปิดประตูรถลงไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด   ต้นน้ำรู้สึกได้ว่านทีเดินตามหลังเขามา   แต่...หมับ!!

   เขาโดนหยิกตูด

   ต้นน้ำทำสีหน้าปั้นยากไปมองนที 

   “อะไรล่ะ  ก็นายจับก้นเราก่อนนะ”  ต้นน้ำหยิกก้นเขาก่อนจริงๆ  พอเขาหยิกบ้าง  ทำไมมาขึงตาใส่เขาแบบนี้ล่ะ  ไม่แฟร์  ไม่แฟร์เลย

   “นั่นเราก็แค่  อยากทำให้นาย... เอ่อ...อารมณ์ดี”

   “เราก็แค่อยากทำให้นายอารมณ์ดีเหมือนกัน”  นทีเถียงกลับ  “ทีนาย...เรายังไม่ว่าเลย  อยากจับตรงไหนก็จับเลย  ตามสบาย”  นทีคว้ามือของต้นน้ำไปลูบไล้ตามร่างกายของตนเองไปทั่ว 

   “ไอ้บ้า”  คราวนี้อวัยวะส่วนที่ได้สัมผัสกับร่างกายนทีคือฝ่าเท้านุ่มๆ ของเขาเอง “เข้าบ้านไปเลย  หิวข้าวววว”  โครงการอาหารทะเลถูกพับเข้ากรุเรียบร้อยแล้ว  เนื่องด้วยผู้ร่วมอุดมการณ์ทั้งสองไม่มีอารมณ์  อยากรีบกินแล้วก็รีบซุกตัวลงนอนในผ้าห่มอุ่นเร็วๆ  วินาทีนี้...จะข้าวไข่เจียว ไข่ดาวอะไรก็ได้แล้ว

---------- tbc ----------

a's talk:

ตอนนี้เครียดไปป่าว?

หยิก ๆ นะ  อยากให้อารมณ์ดี

555++

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ในที่สุดก็ยอมรับว่ารักกันแล้ว

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิป้าธัญญานี่  แก่กะโหลกกะลา  จริงๆ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น่าร้ากกกกกกก.  o18

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ส่งเลย ๆ ......... ส่งต่อให้ธนกรเลย   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เหตุผลที่ป้า ว่านทีเป็นลูกชู้
คงเพราะป้าตั้งใจมโน สะกดจิตตัวเอง
เพื่อเอาสมบัติของน้องชายมาให้ตัวเองกับลูกสินะ  :fire: :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่  23
ทุกโปรโมชั่นมีดอกจันเล็กๆ ซ่อนอยู่






อันดับแรกในช่วงหลายวันนี้ที่ต้นน้ำต้องทำหลังจากอาบน้ำเสร็จคือการเช็คโทรศัพท์  วันนี้ยังไม่มีข้อความหรือรายการโทรมา  หรือนทียังอาบน้ำไม่เสร็จ?   ก็อาจเป็นได้  รออีกสักสิบนาทีแล้วกัน  ร่างโปร่งคว้าโทรศัพท์มานอนรอบนเตียง  กระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาจนครบสิบนาทีตามที่ตั้งใจไว้  นทีก็ยังไม่โทรมา

   หรือว่าอยากจะคิดอะไรคนเดียว?  นี่ก็อาจเป็นไปได้  งั้นเขานอนก่อนแล้วนะ

   ต้นน้ำนอนหลับตา...หลับตา...หลับตา  เชี่ย!  ตาหลับ  ใจไม่หลับ  ต้องทำยังไง?  นับแกะก็แล้วกัน  แกะหนึ่งตัว...แกะสองตัว..........แกะสิบสามตัว...หรือนทีมันฆ่าตัวตายไปแล้ววะ?...ไม่หรอกมั้ง...ผ่านมาได้ตั้งหลายปี  ถ้าจะฆ่าตัวตายก็น่าจะตายไปนานแล้ว....แกะตัวที่สิบสี่...แกะตัวที่สิบห้า...................แกะตัวที่สามสิบสอง...ก็ไม่แน่นะ...อาจเป็นอาการซึมเศร้าแอบแฝง  แล้วเพิ่งมาออกอาการทีหลัง...แกะตัวที่สิบเจ็ด...แกะตัวที่สิบแปด  ไอ้สัส!  เมื่อกี้กูนับถึงตัวที่สามสิบกว่าแล้วนี่ 

   วุ่นวายใจจนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูใหม่อีกรอบ  เผื่อตัวเองเผลอปิดเสียงปิดสั่นโดยไม่รู้ตัว  เพื่อที่จะพบว่า  โทรศัพท์ตัวเองเปิดทั้งสั่นทั้งเสียงไว้เบอร์แรงสุด  หลอกตัวเองเก่ง!

   ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ  นอนไม่หลับ!

   ทำไงดีวะ?  โทรหาไหม?  โทร?...ไม่โทร? 

   สุดท้ายแล้วก็กดแอพพลิเคชั่นเฟซบุคแล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป

   นอนหลับไหม?
   คิดมากไหม?
   หรือว่านอนแล้ววะ...ไอ้สัส


   เขาอยากบ่นอ่ะ  ไม่ได้เครียดมากมายจนถึงขั้นต้องออกไปกินเหล้าชะโลมใจหรือโทรไปปรับทุกข์กับใครสักคน  แค่อยากระบายออกมาพอให้อะไรที่มันคับแน่นอยู่ในอกมันโล่งขึ้นบ้าง 

   ติ๊ง!! 

   เสียงเตือนจากแอพเฟซบุคดัง

My name is name : นอนไม่หลับ  ไม่ได้คิดมาก นอนแล้วจะตอบได้ไงไอ้ควาย

Tonnaam saharat : @My name is name… กูไม่ได้ถามมึง

Uang Fah : กูก็นอนไม่หลับ

Palm Tk : อยากกินตับ ไม่หลับไม่นอน

My name is name : @tonnaam saharat… แล้วมึงถามใคร?

Brownie sugar : เดี๋วเราไปนอนเป็นเพื่อนเอง

ใจดี มีใจเดียว : @pui cutegirl... มึงมานี่

Pui cutegirl : พี่ก็นอนไม่หลับ ถ้าต้นน้ำเม้นต์กลับ คงจะหลับฝันดี ฮิฮิ

Nott pakdee : พวกกูกำลังจะออกไปแซ่บ  มึงออกมาไหม?

ใจดี มีใจเดียว : @pui cutegirl… เร็วเชียะ

Pui cutegirl : @ใจดี มีใจเดียว... กูมาก่อนแล้วเหอะ  คิดแคปชั่นอยู่ กลัวอ่อยแล้วน้องไม่รู้ตัว

ใจดี มีใจเดียว : @pui cutegirl… อ่อยขนาดนี้  น้องรู้  แต่น้องไม่เอาไง @tonnaam saharat หนูแกล้งทำเป็นไม่รู้ใช่ไหมลูก?

Palm tk : @nathee tangkijpanich… มึงมากดไลค์คอมเม้นต์กูทำไมเนี่ย  นอนไม่หลับ  อยากกินตับอ่อ?

Pui cutegirl : @Nathee tangkijpanich... กรี๊ดดด นทีอยากกินตับใครลูก?

Dada Thailand : @pui cutegirl ตับใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ตับเหี่ยวๆ อย่างมึง  @nathee tangkijpanich ตับพี่ยังว่างอยู่นะคะ?

Pui cutegirl : @dada Thailand… มึงมาได้ไงเนี่ย  กลับเรือมึงบัดเดี๋ยวนี้


   ต้นน้ำไม่ได้สนใจว่ามีใครเม้นต์อะไรอีก  เขาสนใจแค่ว่านทีกดไลค์โพสต์เขา  และยังกดไลค์คอมเม้นต์ของต้นปาล์มด้วย  ความหมายมันคืออะไรบอกที?

   เขาลุ้นให้นทีตอบคำถามต้นปาล์ม

   ไม่ต้องรอนาน  เสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นแชทก็เตือนเข้ามา 

Nathee: ถามใคร? เราเหรอ?

   เทพเกิ๊น  นั่งทางในเป็นเหรอ?  รู้ได้ไงวะว่าเขาอยากถามอะไร? ถึงจะถามกับเจ้าตัวได้โดยตรง  แต่เขาไม่กล้าถามอ่า   ฮือออ...ใจป๊อด!

Tonnaam : ถามอะไร?

   โง่ๆ ไว้ก่อน  ปลอดภัย ถามอะไร๊?  เขาไม่รู้เรื่อง 

Nathee : ก็ที่นายโพสต์ถามในเฟซไง
Tonnaam : อ่อ  ถามตัวเอง  บ่นไปเรื่อย
Nathee : แล้วไม่รู้เหรอว่าตัวเองนอนแล้วหรือยัง?


   อ้าว...ลื๊มมม  ลืมอีกแล้วว่าแคปชั่นประโยคสุดท้ายเขาถามว่า  หรือว่านอนแล้ววะ?  เกลียดความขี้ลืมของตัวเองว่ะ 

Nathee : แล้วด่าตัวเองว่าไอ้สัสทำไม?

   ด่ามึงนั่นแหละ  แต่ตอนนี้ด่าตัวเองด้วย  สมควรแล้ว ไอ้สัสต้นน้ำ! โง่ชิบหาย

Nathee : เรานอนไม่หลับ
Tonnaam : เห็นไม่คอลมา  นึกว่าหลับแล้ว
Tonnaam : คิดมากเหรอ?
Tonnaam : เรื่องวันนี้


   อีกฝั่งของของหน้าจอคือร่างสูงของนทีที่นั่งกึ่งเอนอยู่บนพื้น  หลังพิงขอบเตียง  ผ้าม่านผืนใหญ่ที่ทอดยาวจากเพดานจรดพื้นเปิดกว้างให้แสงจากภายนอกส่องผ่านกระจกยาวลอดเข้ามาภายในตกกระทบดวงหน้าหล่อเหลาเป็นเงาสลัว

   คิดมากไหม?  เป็นคำถามที่ทำให้เขาต้องทบทวนตัวเอง  เขากำลังคิดเรียบเรียงเรื่องราวที่ผ่านมา  ปะติดปะต่อจนใกล้จะเป็นรูปเป็นร่าง  แต่ก็เหมือนมีบางชิ้นส่วนที่ยังขาดหายไป  เป็นความคิดที่ทอดยาวไปเรื่อยจนลืมไปว่าอาจจะมีบางคนเป็นห่วงอยู่   รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์  น็อตไลน์มาชวนไปเที่ยว  แล้วยังให้ชวนต้นน้ำไปด้วยนี่แหละ
 
Nathee : คิด แต่ไม่มาก เหมือนยังงงๆ มากกว่า
Tonnaam : นอนหลับสิ  เขาว่ากระบวนการจิตใต้สำนึกจะจัดการเรียบเรียงข้อมูลให้เราเองตอนหลับ
Nathee : นอนไม่หลับอ่ะ
Tonnaam : แล้วปกติตอนนอนไม่หลับทำไง


   ออกไปเที่ยว  กินเหล้าให้เมา  แล้วจบลงด้วยเรื่องบนเตียง  อืม...เขาไม่พูดหรอก

Nathee : สวดมนต์
Tonnaam : ก็ดีนะ  พระช่วยได้เหรอ?
Nathee : ไม่รู้สิ  ไม่รู้ว่าพระจะศักดิ์สิทธิ์ไหม?  นอนคนเดียวแล้วนอนไม่หลับเลยขอให้มีคนมานอนเป็นเพื่อน


   อุก...เหมือนอะไรสักอย่างกระแทกใจ  ต้นน้ำนอนมองหน้าจอเงียบ 

   นี่นทีชวนเขาไปนอนด้วยหรือเปล่า?  ทันทีที่สมองประมวลผลแปลไทยเป็นไทยได้  รอยยิ้มจุดก็ขึ้นที่มุมปาก  หน้าซุกหมอน  ร่างกายบิดม้วนเข้ากับผ้าห่ม 

Tonnaam : นายชวนเราไปนอนเป็นเพื่อนเหรอ?
Nathee : อืม
Tonnnaam : นี่นายยั่วเราใช่ไหม?


   นทีตอบไม่ถูก  ขาดแค่เต้นรูดเสา  แล้วถอดเสื้อผ้าปาใส่เท่านั้น  นอกนั้นเขาทำมาหมดแล้ว  ให้จับ  ให้จูบ  ให้ลูบ  ให้คลำ  ทอดสะพานปูพรมแดง  แทบจะซื้อบัตรทางด่วนแถมให้  แต่คนถูกยั่วเพิ่งจะรู้ตัวงั้นเหรอ?

   ให้อ้อย...แต่ได้แห้วกลับมา  น้ำตาจะไหล  คิดถึงคอมเม้นต์ของปุ้ยเมื่อครู่นี้    กลัวอ่อยแล้วน้องไม่รู้ตัว

   ฮาวทู...อ่อยอย่างไรไม่ให้รู้ตัว...ก็เขานี่แหละ  อ่อยเนียนสัด 

Nathee :ไม่ได้ยั่ว  แต่ประตูไม่ได้ล็อค
Nathee :  ไม่เคยล็อค


   ทิ้งท้ายไว้อีกสักนิด  เผื่อไม่กล้าเข้ามาตอนนี้  ดึกๆ อยากเข้ามา  เขาก็ยินดี  กลัวแต่จะเป็นอย่างที่ใจดีว่า  น้องรู้ตัวแต่น้องไม่เอา  ศักดิ์ศรีของหนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งและเดือนมหา’ลัยช่างแผ่วเบาราวปุยนุ่น  เขาทอดสะพานให้ต้นน้ำ  ทอดเอง...ต้นน้ำไม่ข้ามมา  เขาข้ามไปเองก็ยังได้  แต่อีกฝ่ายจะยินยอมให้เขาข้ามไปหรือเปล่า?

   ต้นน้ำมองไปที่ประตู  รับรู้ได้ถึงเส้นสีดำบางๆ ที่ตนเองขีดกั้นไว้ 

   ในนิทานปรัมปราที่เขาเคยอ่าน  ผู้ใหญ่มักจะสอนให้เด็กๆ ให้อยู่แต่ในบ้านตอนกลางคืน  เพราะมีปีศาจร้ายคอยล่อลวงอยู่ข้างนอก  ได้ยินเสียงเรียกอย่าตอบ  ได้ยินเสียงทักอย่าขาน   

   ... ต้นน้ำมองประตูแล้วกลับมาที่ข้อความแชทหน้าจอโทรศัพท์

   เขาไม่ได้ขานนะ... แค่ลุกแล้วหอบผ้าห่มไปเลย  หมอน...ไม่ต้องเอาไป  ห้องโน้นมีหมอนสองใบ  ปีศาจที่ไหนเล่าจะสวดมนต์ 

   ... เปิดประตูแล้วคร้าบ  เส้นบ้าห่าเหวอะไรที่ตัวเองขีดไว้  ช่างแม่ง! แล้วพุ่งไปสู่ประตูที่ไม่ได้ล็อค  ประตูที่ไม่เคยล็อค!






   หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งแห่งมหาวิทยาลัย A กำลังนั่งกอดหมอนมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างคนที่ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดี  ต้นน้ำเงียบไปนานมากแล้วหลังจากที่เขาพิมพ์ประโยคสุดท้ายไป  เขาควรชวนคุยต่อหรือบอกราตรีสวัสดิ์ 

   ขณะที่กำลังใช้ความคิด  แสงสว่างวาบจากภายนอกก็สาดเข้ามาจากทางด้านหลัง  ใบหน้าหล่อเหลาเหลียวกลับไปมองก็พบคนที่ควรจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหน้าจอเปิดประตูเข้ามาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว  มาพร้อมกับผ้าห่มด้วย

   ต้นน้ำปิดประตูก่อนไถลขึ้นมาบนเตียง  “ทำไมไปนั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ?”  เสียงนุ่มถามเมื่อเห็นนทีนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง  เขาใช้เท้าดันผ้าห่มของนทีไปอีกด้าน  แล้วสะบัดผ้าห่มคลุมตัวเองก่อนซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม

   นทียิ้ม  ยิ้มเล็กๆ กับดวงตาแวววาวราวกับมีหยดน้ำกลอกกลิ้งอยู่ภายใน ร่างสูงขยับปีนขึ้นไปนอนเคียงข้างคนบนเตียง  นึกขอบคุณสิ่งศักดิ์ที่ดลบันดาลให้ต้นน้ำมานอนเป็นเพื่อนเขาคืนนี้  ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ...ทั้งที่เขายังไม่ได้สวดมนต์สักบทเลย

   “.....”

   “.....”

   ไม่มีถ้อยคำใดออกมาจากปากของคนทั้งคู่  มีเพียงการสบตากันและกันในความมืดสลัวของแสงไฟที่ส่องผ่านกระจกยาวเข้ามา

   มือใหญ่ลอดผ่านผืนผ้าห่มเข้าไปควานหามือของคนข้างๆ คนเจอ  เกาะกุมไว้แผ่วเบา “แค่นอนจับมือเฉยๆ ไง”

   ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ฝ่ามือ   มือเรียวเป็นฝ่ายจับข้อมือนทีพลิกขึ้น  จังหวะเดียวกับที่ตัวเขาก็พลิกไปคร่อมอยู่บนตัวนทีแล้ว  ดวงหน้าใสก้มต่ำจนเกือบจะชิดกับใบหน้าของคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง  สายตาที่สบกันทอประกายวูบวาบ 

   “มากกว่าจับมือหน่อยหนึ่งก็ได้” 

   นทียังยิ้มน้อยๆ เหมือนเดิม  หากแต่หยดน้ำที่กลิ้งกลอกอยู่ภายในกลับวิบไหวยิ่งกว่าดาวดารดาษบนท้องฟ้า  เขาไม่รอให้คนความรู้สึกช้าเคลื่อนไหว  แขนหนึ่งเท้าข้อศอกไว้กับเตียง  อีกมือหนึ่งก็รั้งท้ายทองคนด้านบนให้โน้มลงต่ำลงมาอีก  ริมฝีปากร้อนตามประกบอย่างรวดเร็วราวกับอสรพิษฉกเหยื่อ   รวดเร็ว...จนเหยื่อตั้งตัวไม่ทัน  ลิ้นร้อนตวัดไล้โลมเลียไปทั่วโพรงฝีปากนุ่ม  รสจูบคราวนี้ไม่ได้ยั่วเย้าหยอกล้อเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำอีกแล้ว   หากเต็มไปด้วยความปรารถนาดูดดื่ม  เนิ่นนานที่ต่างฝ่ายต่างรุกไล่ราวกับต้องการต้อนให้อีกฝ่ายจนมุม 

   “คราวนี้นายจูบเรา  จูบเหมาจ่าย...เราจ่ายแล้วนะ”  ต้นน้ำบอกเสียงหอบเมื่อนทีปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระ

   “เหรอ?” นทีถามกลับ  นัยน์ตายังวิบวับเพราะความต้องการที่พุ่งขึ้นยังไม่ได้รับการเติมเต็ม “เหมาจ่าย...มันต้องเยอะกว่านี้รึเปล่า?”

   ร่างสูงเป็นฝ่ายพลิกกลับมาอยู่ด้านบน  กดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง  ลึกล้ำและเรียกร้องมากกว่าเดิม     

   “อื้อ”  เสียงร้องสะท้านเมื่อนทีละริมฝีปากออก  ลิ้นร้อนลากลงต่ำ

   “ต้องจูบตรงนี้ก่อน” ลมหายใจทั้งอุ่นและร้อนซุกไซร้ไปทั่วซอกคอขาวนุ่ม  ไม่ไหว...กลิ่นกายของคนใต้ร่างชวนให้หน้ามืดตามัวจนไม่อาจละจาก   กระดุมเสื้อของต้นน้ำทุกเม็ดถูกปลดออกไปแล้ว  เม็ดสุดท้ายที่ปลดไม่ทันใจถูกดึงออกจนขาดกระเด็น

   โพรงปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยที่โผล่พ้นขอบเสื้อออกมา  “จูบตรงนี้ด้วย”  แล้วลากลิ้นสากทิ้งความหวามไหวไว้ตามรอยชื้นไปยังยอดอกอีกข้าง  “ตรงนี้ด้วย”

   “อื๊อออ”  ต้นน้ำส่งเสียงออกมาเมื่อลิ้นร้อนตวัดรัวสลับกับลมหายใจแผ่ว  ร่างกายบิดเร้าเพราะความเสียวซ่านที่ไม่อาจทานทน

   นทีถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกโยนไปอีกทาง  เผยให้เห็นกล้ามเนื้อมัดสวยเรียงตัวแน่นบนร่างของคนที่กำลังคร่อมเขาอยู่  ใครบอกว่าผู้ชายไม่สวย  แต่ต้นน้ำกลับคิดว่ากล้ามเนื้อของนทีสวยมาก  สวยจนยั้งใจไว้ไม่อยู่  ต้องเอามือไปลูบไล้เบาๆ

   “พอแล้วมั้ง”  ตากลมใสสบตาคนที่อยู่ด้านบนคล้ายงุนงง  กึ่งอ้อนวอนกึ่งผลักไส  เขาอยากได้อีกแต่ก็กังวล  กลัวว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามันจะมากเกินไป  เกินกว่าจะรับไหว

   “ยัง  ยังไม่ครบ”  นทีตอบพร้อมกับโน้มตัวลงมาอีกครั้ง  ปากบอกว่าพอแล้ว  แต่มือลูบไล้อยู่ตรงหน้าท้องเนี่ยนะ  ใครจะไปพอ?  อ้อนวอนน่ะได้  แต่ผลักไส...เขาไม่อนุมัติ!

   “แล้ว...ต้องแค่ไหน?” 

   “ทั้งตัว!”

   “.....”

   “อยู่เฉยๆ นะ  อย่าดิ้น  ไม่งั้นต้องโดนมากกว่าจูบแน่ๆ ” ต้นน้ำไม่ต้องทำอะไรเลย  แค่นอนนิ่งๆ เขาก็แทบจะโบยบินไปไกลแล้ว  ยามที่คนใต้ร่างเคลื่อนไหวบดเบียดยิ่งทำให้เขาร้อนผ่าวจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่  ส่วนอ่อนนุ่มแข็งขืนขยายตัวจนอึดอัด   

   ต้นน้ำสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำเตือนกระซิบแผ่วพร้อมกับลมร้อนผ่าวข้างหู....บอกให้เขาอยู่เฉยๆ  แต่นทีกลับอยู่ไม่สุข  แล้วเขาจะอยู่เฉยๆ ได้ยังไงเล่า? 

   นทีพรมจูบอ่อนโยนไปทั่วร่าง   ไม่เว้นแม้แต่แผ่นหลังขาวเนียน  จูบเบาๆ ตั้งแต่ลาดไหล่เรื่อยไปตามสันกระดูก  บางครั้งแผ่วพลิ้วชวนให้เคลิบเคลิ้ม  บางครั้งขมเม้มดูดดุนจนคนใต้ร่างเผลอส่งเสียงครางหวาน  นทีพลิกตัวเขากลับอย่างง่ายดาย  ง่ายมากเพราะตัวเขาอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว  จูบตรงไหน...เหลวตรงนั้น 

   มือใหญ่เกี่ยวกางเกงนอนขายาวให้เลื่อนหลุดจากสะโพก

   “อย่า”  ต้นน้ำส่งเสียงสั่นเครือทักท้วง “ อย่าจูบตรงนั้น”  สองมือปัดป่ายเป็นพัลวันแต่ถูกคนด้านบนที่ถนัดกว่ารวบไว้ 

   งือออ...ร่างขาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อริมฝีปากอุ่นขบเม้มตรงขาอ่อนด้านใน  จูบเรื่อยไปถึงด้านบนของส่วนที่แข็งขืน  ไล้เลียแล้วครอบครองไว้ด้วยโพรงปากที่ทั้งนุ่มและร้อน  รู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนอยู่ภายใน   ต้นน้ำบิดตัวพล่าน  ความเสียวกระสันซ่านไปทั่วร่าง  และพุ่งสูงขึ้นเมื่อนทีเปลี่ยนจังหวะจากเนิบช้าเป็นรัวเร็วทั้งปากและมือ 

   “ฮึก...พอ  พอก่อน  จะเสร็จ”  นทียังคงไม่ปล่อยเขา  ฮืออ...ไม่ไหวแล้ว  ร่างขาวบิดตัวเร่า  จนกระทั่งถึงขีดสุดท้าย...น้ำสีขาวขุ่นก็ไหลทะลัก  บางส่วนเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนที่แทบจะกลืนกินตัวตนเขาไป 

   จูบตรงไหน...เหลวตรงนั้น  แม้แต่ส่วนแข็งขืนที่สุดก็ยังไม่พลาด  ปวกเปียกเลยมึง

   นทีใช้นิ้วโป้งปาดหยาดน้ำที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากล่างออก  ใบหน้าหล่อเหลาดูเซ็กซี่ยั่วยวน  ล่อลวงให้มือขาวยื่นไขว่คว้าดวงหน้านั้นมาจูบอีกครั้ง 

   นทีจูบกลับอย่างเต็มใจ  มือใหญ่รั้งแก่นกายตนเองรูดขึ้นลง  เหมือนภาพฝันที่กลายเป็นจริง  กี่คืนที่ผ่านมา  ที่เขาจินตนาการถึงคนตรงหน้า  ถึงกลิ่นที่เคยดอมดม  ริมฝีปากนุ่มและเนื้อเนียนลื่นมือยามที่ได้สัมผัสใต้ร่มผ้า  แต่ความเป็นจริงกลับปลุกเร้าให้เร่าร้อนยิ่งกว่าในความฝัน 

   ต้นน้ำดันร่างของนทีลงนอน  กลับเป็นฝ่ายพรมจูบไปทั่วกล้ามเนื้อแกร่งแทน  จูบทุกที่...เหมือนที่นทีเคยจูบเขา 

   เสียงคำรามต่ำดังขึ้นอย่างพึงพอใจ  นทีมองใบหน้าที่พรากเอาหัวใจของเขาไปคล้อยลงต่ำ  ดวงตาใสแจ๋วช้อนตาขึ้นมองสบตาคมอย่างลังเล

   “เราทำไม่เป็นนะ”  ต้นน้ำบอกเสียงเบาพลางเหลือบมองมือของตนเองที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงขอบกางกางนอนของนที

   ต้นน้ำไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้  เขาเคยบอกไปแล้ว  แต่นอนข้างๆ ให้เขาได้กลิ่น  ได้สัมผัส  ได้ลูบไล้  เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือเขาทำเองได้  ทำอยู่ทุกวันแม้ไม่มีตัวจริงให้สัมผัส

   แต่ถ้าได้มากกว่านั้น  ก็ต้องเอาไว้ก่อน

   “เราก็ไม่เคยทำให้คนอื่นมาก่อนเหมือนกัน”

   ต้นน้ำชั่งใจก่อนดึงกางเกงของนทีลง  ตากลมสวยเบิ่งกว้างเมื่อเห็นน้องชายนทีผงาดออกมาเมื่อขอบกางเกงผ่านพ้น  อยากจะร้องให้แล้ว  แต่ที่บ้านสอนมาดี  ใครทำอะไรให้ก็ต้องตอบแทน  เกลียด!

   เขาเข้าครอบครองแก่นกายแข็งขึงอย่างช้าๆ  เงอะงะงุ่มง่าม  คิดเสียว่าเป็นไอติมแท่งใหญ่ก็แล้วกัน  ลิ้นเล็กตวัดไล้ไปรอบๆ ก่อนมองสังเกตท่าทีของคนด้านบน 

   แค่ภาพต้นน้ำบิดเร้าร่างกาย  ดวงตากลมฉ่ำปรือคล้ายจะร้องให้พลางกัดริมฝีปากสะกดกลั้นแรงอารมณ์ตอนที่เขา ‘จูบ’ ไปทั่วทั้งตัวก็ทำให้เขาเจียนจะคลั่ง  แต่ยามที่ริมฝีปากสีสดแตะต้องกลืนกินตัวตนเขาในตอนนี้กำลังทำให้เขาคลั่งจริงๆ แล้ว 

   ตาคมมองภาพคนเบื้องล่างไม่วางตาราวกับต้องการบันทึกภาพความทรงจำนี้ไว้ไม่ให้พลาดแม้สักเสี้ยววินาที  นทียื่นลูบสางผมที่ท้ายแผ่วเบาก่อนบอกด้วยเสียงแหบพร่า “เร็วอีกนิดนึง” 

   มือเรียวรุดรั้งเร็วขึ้นตามคำสั่ง  พอๆ กับริมฝีปากสีสวยที่ทำงานสัมพันธ์กับมือ ไม่ช้าร่างแกร่งก็กระตุกพุ่งน้ำสีขาวขุ่นสวนให้ริมฝีปากบางรับไว้ทั้งหมด

   ต้นน้ำจวนเจียนจะขาดใจ  แง...เขาทำให้นที  แต่ส่วนอ่อนไหวเบื้องล่างเขามันดึงดันขึ้นมาอีกแล้ว 

   นทีดึงตัวต้นน้ำขึ้นนั่งบนตักกดสันจมูกบนไหล่ลาดเรื่อยไปยังกกหู   จุดอ่อนที่ทำให้ร่างของเขาตอบสนองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว 

   คืนนี้...พวกเขานอนไม่หลับจริงๆ





Nott phakdee :  @nathee yangkijpanich… โทรไปไม่รับ  ไลน์ไปไม่อ่าน  หายหัวไปไหน?

Palmy tk : @nott phakdee… นอนกันแล้วมั้งมึง

Nott phakdee : ไหนว่านอนไม่หลับ  @palmy tk… เมื่อไรมึงจะกลับโต๊ะ

Palmy tk : @nott phakdee… กูอยู่ที่โต๊ะแล้วไอ้สัส






   นทีปรือตาขึ้นมองแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านประตูกระจกเข้ามา  แสงค่อนข้างจ้าทำให้เขารู้ว่าน่าจะเป็นเวลาสายมากแล้ว  เมื่อคืนเขาไม่ได้ปิดผ้าผ่าน  อารามรีบร้อนและกลัวว่าจะมีใครสักคนเปลี่ยนใจไม่ยอมจ่ายค่าจูบ  แล้วกลับไปนอนห้องตัวเอง  เขาเลยไม่ยอมเสียเวลาไปกับอะไรทั้งสิ้น  ทั้งร่างกายและจิตใจโฟกัสอยู่กับร่างขาวๆ เท่านั้น

   นทีพลิกตัวไปทางที่ต้นน้ำนอนอยู่  มองคนหลับที่อาจจะตื่นเพราะแสงแยงตาเร็วๆ นี้  แต่เขาก็ไม่กล้าลุกไปปิดผ้าม่าน  เกรงว่าจะเป็นการรบกวนการนอนหลับของอีกฝ่าย

   เขาเห็นใบหน้าตอนหลับของต้นน้ำมาหลายครั้งแล้ว  แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ  เรื่องที่เกิดขึ้นบนเตียงเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา  ไม่ใช่แค่ตอบสนองความต้องการของร่างกาย  แต่ยังเติมเต็มความปรารถนาในหัวใจด้วย 

   ต้นน้ำเริ่มขยับตัว  สักพักตาคู่สวยก็กะพริบมองเขา  ก่อนกลับตาลงไปอีกครั้งแล้วลืมขึ้นมาใหม่ด้วยสายตาแจ่มชัดกว่าเดิม

   “กี่โมงแล้ว” 

   “ไม่รู้  แต่น่าจะสายแล้ว”

   “หิวว่ะ”  ต้นน้ำบอกเสียงเบา  เมื่อคืนเสียพลังงานไปตั้งเยอะ  ตื่นมาก็หิวเลย  เขาบอกนทีให้มากกว่าจูบหน่อยนึง  ไม่รู้นทีเข้าใจคำว่า ‘หน่อย’ ผิดไปหรือเปล่า?  ใส่กันโครมครามจนเสียพลังงานกันไปละสองรอบ 

   ร่างขาวชันตัวลุกขึ้นนั่ง  ผ้าห่มที่คลุมตัวเลื่อนหลุดไปกองที่เอวเผยให้เห็นรอยจุดสีชมพูแต้มอยู่บนเนื้อขาว 

   “เชี่ย”

   “เชี่ย”  สองเสียงอุทานขึ้นพร้อมกัน 

   “โคตรเยอะอ่ะ”  ต้นน้ำไล่สายตาไปตามร่างกายของตัวเอง  ร่องรอยประทับปรากฏตั้งแต่แขน  หน้าอก หน้าท้อง  เลิกผ้าห่มขึ้นดู...ต้นขาอ่อนก็มี 

   นทีเองก็ผุดลุกขึ้นมานั่งเหมือนกัน  สายตาคมไล่ไปยังรอยสีกุหลาบแผ่นหลังขาวเนียน  เมื่อคืนเขาหน้ามืดไปหน่อย...อยากจูบ  จูบ  จูบ  แล้วก็จูบเท่านั้น  อยากตีตราให้เจ้าของเรือนร่างระลึกถึงเขา  จดจำได้ถึงความเร่าร้อนจากริมฝีปากเขาทุกครั้งที่ได้เห็นร่องรอยเหล่านี้ 

   แต่ไม่คิดว่า...ว่ามันจะเยอะขนาดนี้
   
   ต้นน้ำตวัดสายตากลับมามองนที  มองไปตามแผ่นอกที่ปรากฏรอยสีชมพูที่เขาทำไว้เหมือนกัน  แต่ก็ยังไม่มากเท่าร่องรอยบนตัวเขา  “ไอ้หื่นเอ๊ย”

   “ก็นายมายั่วเราทำไมล่ะ?”

   ใครยั่ว?  ถ้าจำไม่ผิด...เมื่อคืนเขาโดนนทียั่วไม่ใช่เหรอ?

   “เออ วันหลังไม่ยั่วแล้ว” 

   “ทำไม่ได้หรอก  แค่นายนั่งหายใจเฉยๆ ก็ยั่วแล้ว  ดูดิ...ขึ้นแล้ว”  ไม่พูดเปล่า  ยังทำท่าจะเปิดผ้าห่มที่คลุมอยู่ให้คนช่างยั่วดูด้วย   

   “อย่าเลย...ไม่ต้อง  ดูซิ...ที่คอมีหรือเปล่า?”  ต้นน้ำเงยคอให้นทีดูตรวจสอบในจุดที่เขามองไม่เห็น

   ไอ้หยา... นทีหน้าเจื่อนตอบด้วยเสียงหงุงหงิง “มี”  ไม่อยากจะบอกเลยว่าตรงคอด้านหลังก็มี

   “ไอ้...” ต้นน้ำอยากด่า  แต่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าจ๋อยก็ด่าไม่ลง  “แล้วจะหายทันไปมหา’ลัยไหมเนี่ย?” มือขาวยกขึ้นขยี้หัวแรงๆ

   ใครจะไปรู้ว่า ‘จูบเหมาจ่าย’ คือจูบทั้งตัว!  เขาไม่น่าพลาด  เวลาจะซื้อโปรโมชั่นโทรศัพท์  ก็ยังต้องอ่านดอกจันเล็กๆ ที่อธิบายแนบท้ายให้ดีก่อน  แล้วเขาเอาอะไรไปเชื่อไอ้เซลล์ขายโปรคนนี้วะ

   “ก็ไปมันทั้งอย่างนี้แหละ  ไม่เป็นไรหรอก”

   “ได้ไงเล่า  อายเขา”  โดยเฉพาะไอ้พวกเพื่อนตัวดีนี่แหละ  โดนล้อยันลูกบวชแน่

   “งั้นก็ลาป่วยซะ”  นทีเคลื่อนตัวเข้ามากอดด้านหลังต้นน้ำ  จูบที่ไหล่ซ้ำรอยเดิมเบาๆ  “เราเป็นแฟนกันได้หรือยัง?”
   
   ต้นน้ำเงียบไป 

   เขาควรตอบยังไง?  อยากเป็น...แต่ก็ยังกลัว...กลัวสูญเสีย  กลัวคบแล้วต้องเลิก  กลัวว่าจะมีใครสักคนเปลี่ยนไป 

   ขณะที่ต้นน้ำกำลังคิดพะวงอยู่กับคำตอบของตัวเอง  ปัง!!!...เสียงประตูเปิดออก  เรียกความสนใจจากคนสองคนที่อยู่บนเตียง

   “นที  เห็นน...น้ำ...” ดวงตาคู่กลมของผู้ที่เข้ามาใหม่เบิกกว้าง 

   หยาดน้ำเอ่อคลอดวงตากลมใส  เมื่อเห็นร่างสองร่างที่เคล้าคลอกันอยู่บนเตียง  ไม่อาจจะปฏิเสธอะไรได้อีกในเมื่อทุกอย่างมันฟ้องชัด  นทีและต้นน้ำเปลือยช่วงบนทั้งคู่  ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าภายใต้ผ้าห่ม...ช่วงล่างทั้งสองคนก็ย่อมเปลือยเปล่าเช่นกัน  แล้วยัง...รอยแต้มสีกุหลาบบนตัวนั่นอีก

   “น้ำ”  น้ำตาลเรียกต้นน้ำด้วยเสียงแผ่วหวิว  พูดอะไรไม่ออก  แม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะเรียกคนตรงหน้าก็ยังไม่มี  น้ำตาเม็ดใสพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย  ความรู้สึกหลากหลายถาโถมประเดประดังเข้ามาราวกับห่าฝน  ทั้งเสียใจ  ทั้งผิดหวัง  สับสนและไม่เข้าใจ

   “น้ำตาล”  มีถ้อยคำมากมายที่ต้นน้ำอยากบอก  อยากอธิบายแต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก 

   “น้ำ...น้ำกับนที...?” 

   ---------- มีต่อด้านล่าง ---------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0


-------- ตอนที่ 23 ต่อจากด้านบน ----------

เขาไมได้อยากทำร้ายจิตใจเพื่อนวัยเด็ก  แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงตรงหน้า  ได้แต่ยอมจำนน  เขาอยากจะลุกขึ้นไปรั้งร่างบางไว้เพื่ออธิบาย  แต่สภาพเขาตอนนี้ช่างไม่อำนวยเสียเลย  “น้ำตาลใจเย็นๆ  ฟังเราก่อนนะ”

   “ฮือออ”  น้ำตาลปล่อยโฮเสียงดัง  ร่างบางวิ่งถลาออกไปอย่างรวดเร็วราวคนเสียสติ 

   ต้นน้ำลุกพรวดไปคว้าเสื้อนอนที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวมลวกๆ  “กางเกงอยู่ไหนวะ?”

   นทีช่วยหา  เขาเจอกางเกงตัวเองอยู่ในผ้าห่มตรงปลายเท้า  เลยคว้าส่งให้ต้นน้ำไปก่อน “ใส่ของเราไปก่อน”

   ต้นน้ำรับมาสวมอย่างรวดเร็วแล้วถลันตามน้ำตาลออกไป  ทิ้งให้นทีนั่งเกาหัวแกรกๆ  เขาเคยเห็นฉากนี้ในละคร  เคยอ่านข่าวทำนองนี้ในหนังสือพิมพ์

   เมียหลวงบุก!  เจอผัวนอนกกเมียน้อยในห้องพัก!

   ฟ้าคคคค!!!  นี่เขาได้บทเมียน้อยเหรอวะเนี่ย?   

   เขาหอบร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งได้ตำแหน่ง ‘เมียน้อย’ หมาดๆ ลุกขึ้นมาหาเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าใส่  สักพัก ‘ผัว’ เขาก็เดินหน้าม่อยกลับมา 

   “ไม่ทันว่ะ  ขับรถออกไปแล้ว”  ต้นน้ำนอนแผ่หลาลงบนเตียง  ขายังห้อยอยู่ข้างเตียง 

   นทีเดินมานั่งข้างๆ  คว้ากางเกงนอนต้นน้ำที่หาเจอก่อนหน้ามายื่นให้  “แล้วเอาไง?”

   ต้นน้ำถอนหายใจ  รับกางเกงมาถือไว้  “ไม่เอาไง  เป็นห่วง  เดี๋ยวว่าจะขับรถตามไปดูที่บ้าน”

   “เอาสิ  หาอะไรกินก่อน  เดี๋ยวเราไปด้วย”

   ต้นน้ำมองหน้านที  “จะดีเหรอ?  ถ้าน้ำตาลเห็นนาย...”

   “เห็นเราก็ไม่ดี  เห็นนายก็ไม่ดีเหมือนกัน  เห็นใครก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ”

   “แล้วเอาไงดี?”  ต้นน้ำเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง

   นทีทิ้งตัวลงบนเตียงข้างต้นน้ำ  “ก็คงต้องปล่อยให้อยู่กับตัวเองก่อน”

   “แต่เราเป็นห่วง กลัวเกิดอุบัติเหตุ” 

   มือใหญ่ลูบศีรษะต้นน้ำเบาๆ  “นายชอบน้ำตาลเหรอ?”

   ต้นน้ำทำท่านึก  “ก็ชอบนะ  แต่ไม่ได้ชอบแบบที่นายคิดแล้วกัน” 

   “แล้วชอบแบบไหน?” 

   “น้ำตาลเหมือน...เหมือนแม่คนที่สาม”  ถ้าป้าเล็กเป็นแม่คนที่สอง  น้ำตาลก็เหมือนแม่คนที่สามที่คอยดูแลเขาไม่ต่างจากคนในครอบครัว

   นทีขำพรืด  สงสารยัยน้ำตาล  “แล้วนายเคยบอกน้ำตาลไหม?”

   ต้นน้ำส่ายหน้า  เขาเคยคิดจะตอบรับความรู้สึกของน้ำตาล  เคยพยายามจะลองคบด้วยอยู่พักหนึ่ง  แต่ยิ่งคบก็ยิ่งเหนื่อย   ไม่เป็นตัวเอง

   ‘เราซื้อกระเป๋าตังค์มาให้’ 

   ‘แต่ใบเก่าเรายังดีอยู่เลย’

   ‘เอาใบนี้แหละ  ใช้คู่กับเรา’

   ‘รอใบเก่ามันพังก่อนดีไหม?  แล้วเราค่อยใช้ใบใหม่  เสียดายใบเก่า’

   ‘เราอุตส่าห์ซื้อให้  ถ้าน้ำไม่ใช้  ก็ไม่ต้องมาคุยกับเรา’
 

   สุดท้ายเขาก็ต้องเปลี่ยนกระเป๋าตามใจเพื่อนวัยเด็ก

   ‘เรียนศิลปกรรมไม่เห็นเท่เลย  มีแต่พวกซกมก  เรียนบริหารสิ เท่ดี’
   ‘ถ้าน้ำไม่ไปด้วย  เราก็ไม่ไป’
   ‘น้ำเรียนมอA  เราก็จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ  ไม่รู้ล่ะ...เราจะไปฟ้องป้าฝน’


   ยังมีอีกหลายถ้อยคำที่น้ำตาลใช้เพื่อให้เขาทำในสิ่งที่น้ำตาลต้องการ

   เขารู้ว่าน้ำตาลหวังดี  แต่ความรักของน้ำตาลมันหนักเกินไป  จุดสิ้นสุดของการตัดสินใจคือตอนที่น้ำตาลแกล้งคบกับรุ่นพี่ที่เป็นนายแบบเพื่อทำให้เขาหึง  แทนที่เขาจะรู้สึกหึงหวงอย่างที่น้ำตาลต้องการ  เขากลับรู้สึกโล่งใจที่น้ำตาลจะมีคนอื่นดูแล 

   ตอนที่น้ำตาลมาสารภาพความจริงกับเขา  ใจเขายิ่งออกห่างจากน้ำตาล  คนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจริงเหรอ? 

   ความหึงหวงเป็นเรื่องทรมาน  เขาเคยเห็นแม่กินไม่ได้  นอนไม่หลับ  โทรหาพ่อทุกชั่วโมงเพื่อถามว่าพ่ออยู่ไหน?ทำอะไร?  พ่อเองก็เบื่อที่จะต้องมาตอบคำถามเหล่านี้ซ้ำๆ   

   ทั้งที่บอกว่ารัก  แต่กลับทรมานให้อีกฝ่ายร้อนรนด้วยความหึงหวง

   ถ้าเขาจะรักใครสักคนเขาก็อยากจะรักคนที่ไม่ต้องทำให้เขารู้สึกแบบนี้   เขาอยากกินได้  นอนหลับสบาย  อยากพบคนที่เขาสามารถวางใจไว้มือของคนๆ นั้นได้  โดยไม่ต้องกังวลว่าหัวใจของเขาจะถูกเหยียบย่ำ 

   “ไม่เคยบอก  กลัวเขาเสียใจ”

   “บอกไปเถอะ  บอกเขาทุกเรื่อง  ยังไงก็ตั้องเจ็บอยู่แล้ว  การบอกความจริงจะทำให้เขาเจ็บน้อยที่สุด  ความเจ็บปวดจะทำให้คนเราเติบโต  น้ำตาลก็ควรโตได้แล้ว”

   “มันไม่ควรเป็นเราป่าววะ?  เราอยากให้คนอื่นเป็นคนทำให้น้ำตาลเติบโตมากกว่า  อย่างน้อยเวลาที่น้ำตาลร้องให้  เราก็ยังปลอบได้  ยังอยู่ข้างๆ ได้”

   “ทำยังไงได้?  ก็น้ำตาลชอบนาย  ถ้าเลือกได้...ก็อยากให้น้ำตาลชอบเราแทนนะ”  สาบานเลยว่าจะคิดบทบอกปฏิเสธอย่างตั้งใจ  ขยี้หัวใจดวงน้อยให้แหลกคามือ 

   “ก็นายเป็นลูกรักของพระเจ้า  พระเจ้าไม่ให้บทยากกับนายอยู่แล้ว”

   นทีหัวเราะหึหึ  ลูบใบหน้าขาวใสแผ่วเบา  “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”  ถ้าเขาเป็นลูกรักของพระเจ้าจริง  เขาขออะไร  ก็คงได้ใช่ไหม?

   “ถ้าเราบอกว่าเราไม่ชอบนายล่ะ?  นายจะทำยังไง?”

   มือที่ลูบไล้แก้มเนียนแข็งค้าง  “อ่า...เราคงไม่ใช่ลูกรักของพระเจ้าซะแล้ว”

   “ถามจริงๆ ตอบมา”

   นทีดึงมือกลับ  นอนมองเพดานด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนลุกขึ้นไปค้นอะไรกุกกักอยู่ที่โต๊ะหนังสือ  สักพักก็กลับมาพร้อมกับปากกาเคมีแท่งหนึ่ง

   “เอามือมา”

   ต้นน้ำยื่นมือให้  นทีคว้าไว้แล้ววาดหัวใจสีแดงไว้กลางฝ่ามือหนึ่งดวง

   “หัวใจที่ให้ไปแล้ว  จะเอาคืนได้ยังไง?  ลองลบดูสิ”

   ต้นน้ำใช่มือขยี้  แต่รอยปากกาก็ยังคงอยู่ “ลบไม่ออก”

   “อืม  มันจะจางลงทุกวันๆ  วันหนึ่งมันก็คงหายไป  ไม่ง่าย...แต่ยังไงซะ...มันก็ต้องหายไปในวันหนึ่งอยู่ดี”

   “หมายความว่า...วันหนึ่ง...นายก็จะเลิกชอบเราเหรอ?”

   “ก็ถ้านายไม่ชอบเราอ่ะนะ  ลบทุกวัน  ล้างทุกวัน  วันหนึ่งก็ต้องหายไป”

   “แล้วถ้าเราชอบ  อยากให้อยู่...?”

   “ก็อยู่”  นทีคว้ามือขาวมาวาดรูปหัวใจทับลงไปอีกรอบ  “ลบได้  ก็วาดใหม่ได้” 

   “แล้วถ้ามันหายไป  ทั้งที่เราอยากให้อยู่ล่ะ”

   นทียิ้มบาง  เขาในตอนนี้อยากจะบอกว่า...ไม่มีวันนั้น  แต่ไม่มีใครรู้อนาคต  และต้นน้ำก็อาจจะไม่เชื่อถ้าเขาพูดมันออกไป  “อันนั้นก็กลับกัน...ถ้านายรักใครสักคน  แล้วเขาไม่รักนาย  นายจะหยุดรักคนๆ นั้นได้ไหม?”

   ตากลมใสสบเข้ากับดวงตาคมปลาบ

   ไม่ได้...หยุดรักไม่ได้!!!


------------ tbc -----------



ต่อไปนทีมันต้องนอนไม่หลับทุกคืนแน่ 555

ส่งท้ายปีเก่า สุขสันต์วันปีใหม่กันแบบโครมครามๆ

ขอให้คนอ่านทุกคนมีความสุขมากๆ นะคะ 

ใครเล่นทวิต  ฝากแท็ก #นทีต้นน้ำ ด้วยนะ

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อย อย่ากริบๆ ข้าเจ้าใจบ่อดี

แล้วเจอกันอีกทีหลังปีใหม่น๊า

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
กกกกรี๊ดดดดด เขาขยำกันแล้ว (?)
รอตอนต่อไปค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด