------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9  (อ่าน 23461 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เพื่อนชงเพื่อนเชียร์​เยอะนะ​ แต่อย่าลืมอุปสรรคอีกชิ้นที่ยิ่งใหญ่​พอสมควรเลยก็คือพ่อแม่

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เพื่อนดี ๆ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
มีเพื่อนดีทั้งคู่เลยนะคะ.  :hao3:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ๊าาาา  ..........  :a5: o22 
รู้แล้วว่าใคร ที่ต้นน้ำเคยมีอะไรๆด้วย
แถม ยังกลับมาเจอหน้าเจอตากันอีก  o18
นที ต้นน้ำ มีคนช่วยชงไม่หยุด เยื่ยมไปเลย  :katai2-1:
แต่ดิวก็เกาะติดนทีอยู่  :เฮ้อ: :serius2:
เอื้อง จะกลับมาเจอกับวิวมั้ยนะ  :mew2: 
ชอบมุกต่อล้อต่อเถียงของไรท์   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตอนที่กลุ่มเม่น ม่อน หม่อน ตุยกัน  :m20: :laugh: :pigha2:
ส่วนปาล์ม เอิ่มมมม....ไร้เดียงสา หรือว่าซื่อบื้อก็ไม่รู้   :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
นทีรีบกลับบ้านเร็วๆ
โจลี่กับแบรดพิตต์รออยู่
 :mew3:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
เพื่อนช่วยกันพายเรือขนาดนี้ ไม่สำเร็จให้รู้ไป

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 18
หนึ่งเส้นที่วาดไว้  ต้องใช้อะไรลบ




ริวเข้ามาในร้านเบเกอรี่ใกล้มหา’ลัยซึ่งเนม ขิง  และเอื้องฟ้านั่งรออยู่แล้ว

   “ไง  คุยกับนทีแล้ว?”  เนมถาม

   “เรียบร้อย  แล้วไอ้น้ำล่ะ?”  ริวหันไปถามขิงเพื่อความแน่ใจว่าต้นน้ำไม่ได้อยู่ที่แล้ว

   “กูจับขึ้นรถกลับไปรอที่บ้านแล้ว  มึงแน่ใจนะว่าไอ้นทีจะกลับบ้านวันนี้?”

   ริวส่ายหน้า  “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” 

   ขิงไหล่ตก  “ไม่ไหวนะโว้ย  ถ้ามันไม่ดีกัน  แล้วกูต้องนั่งฟังไอ้น้ำถอนหายใจเฮือกๆ อีกล่ะก็  วิญญาณกูต้องหลุดไปกับลมหายใจมันแน่ๆ”  ขิงตัดพ้อ  เขาทนดูต้นน้ำในสภาพสลดหดหู่มาป็นอาทิตย์แล้ว  อยู่ใกล้คนแบบไหน...เราก็จะเป็นคนแบบนั้น   และตอนนี้...พลังชีวิตเขาก็หายไปเยอะแล้วด้วย 

   “แล้วให้กูทำไง?  กูก็ทำได้เท่านี้หรือเปล่าวะ?  หรือมึงจะให้กูจับหัวนทีฟาด  แล้วลากไปส่งให้ไอ้น้ำ”  ริวโต้กลับ  แผนการอยู่ที่คน  ผลอยู่ที่ฟ้า...เขาก็ทำตามแผนทุกอย่างแล้ว  ผลจะออกหัวหรือออกก้อย  เขาก็ไม่ใช่คนที่กำหนดได้

   “กูว่าจับไอ้น้ำฟาดแล้วตีหัวไปส่งให้นทีดีกว่าว่ะ” เนมพูดยิ้มๆ  คิดภาพออกเลยว่าถ้าเขาจับนทีฟาดแล้วพาไปส่งให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำคงทำได้แค่แก้มัดแล้วเดินหนีไป  แต่กลับกัน...หากเขามัดต้นน้ำไปส่งให้นที  นทีคงจับรวบลากเข้าห้องทั้งคนทั้งเชือก...หึหึ 

   “จ้ะ...กูว่ามึงโดนไอ้นทีฟาดตั้งแต่มึงฟาดหัวไอ้น้ำแล้ว” ริวหันไปเบ้ปากใส่เนมแล้วหันไปทางขิง  “ว่าแต่...ไอ้น้ำมันพูดออกมาเองเลยใช่ไหม...ว่ามันก็ชอบนทีเหมือนกัน?”

   “เออสิ...ไม่งั้นกูจะกล้าบอกมึงให้ไปบอกนทีเลยได้ไง?  แล้วมึงบอกนทีไปหรือยังว่าไอ้น้ำก็ชอบมันเหมือนกัน?”

   ริวสั่นหัว  “ไม่ได้บอกอ่ะ”

   ทุกคนที่เหลือร้องโอด   เอื้องฟ้าพักจาการดูดน้ำขวดที่สองเอ่ยเสียงแหบ  “แล้วยังงี้มันจะกลับบ้านไหมวะ?” 

   “ถึงกลับ ก็ไม่รู้มันจะดีกันหรือเปล่า?”  เนมบอก  เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปกะเกณฑ์ได้   

   ขิงฟุบหัวลงไปกับโต๊ะอย่างท้อแท้ใจ  พลังชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดเหมือนโดนสูบไปอีกแล้ว  “แล้วไอ้คนคิดแผนมันหายไปไหนแล้วล่ะ?”

   “กลับบ้านไปแล้ว  ป๊ามันให้ไปเฝ้าดาราออกอีเว้นท์  ส่วนไอ้น็อตลากไอ้ปาล์มไปเก็บ”  เรื่องนี้ให้ต้นปาล์มรู้ไม่ได้  ปาล์มรู้...โลกรู้  เม่นเลยวางแผนให้น็อตพาปาล์มออกไปก่อน  แล้วตัวเองค่อยหาทางกลับบ้าน  แล้วปล่อยให้นทีนั่งรอดิวที่หน้าคณะคนเดียว  เพื่อหาโอกาสให้ริวเข้าไปคุยกับนทีตามลำพัง

   พวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างนทีและต้นน้ำในช่วงที่ผ่านมา  อยู่ๆ ทำไมสองคนนั้นถึงห่างเหินกัน  แต่เท่าที่เม่นจับความได้ก็คือ...นทีชอบต้นน้ำแต่นทีคิดว่าต้นน้ำไม่ได้ชอบตัวเอง  เลยหนีออกมาอยู่คอนโดชั่วคราว  เม่นเลยให้เขาไปบอกนทีว่าต้นน้ำก็ชอบนทีเหมือนกัน  เพื่อหลอกล่อให้นทีกลับบ้านไปเจอต้นน้ำ...แผนของเม่นมีแค่นี้

   แต่ริวกลับคิดว่าการทำแบบนั้นดูจะเป็นการหลอกลวงนทีไปหน่อย  ถ้าหากต้นน้ำยังคงยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้ชอบ...คนที่เสียใจก็คือนที  ส่วนคนที่ต้องมานั่งรับรังสีแห่งความอับเฉาก็คือพวกเขา  เขาเลยส่งขิงเป็นสปายไปล้วงข้อมูลต้นน้ำ   ริวจะยังไม่ไปคุยกับนที...หากขิงยังไม่ได้ยินจากปากต้นน้ำว่าชอบนทีเหมือนกัน   

   “เจริญละ  ไอ้คนคิดแผนดันไม่อยู่อีก  มึงก็ไม่บอกไอ้นทีไปชัดๆ เลยวะว่าไอ้น้ำชอบมัน”

   “ก็กูอยากให้พวกมันคุยกันเองมากกว่า”

   ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ  คนรอบข้างก็อาจจะช่วยชี้ทางได้  แต่จะเดินไปทางไหน...คงต้องให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินเอง





ต้นน้ำนอนกระสับกระส่าย  เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นตามแนวผมและหน้าผาก  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เปลือกตาที่ปิดอยู่ขยับนิดๆ 

   ในความฝัน  เขาเดินไปตรอกที่ทั้งมืดและเปลี่ยว  ท่ามกลางความเงียบ...เขาได้ยินเสียงซอกแซกของแมลงตัวเล็กที่วิ่งวนไปทั่ว  ความกลัวแล่นริ้วเข้าครอบงำจิตใจที่อ่อนแอ  แต่เขาก็ยังเดินต่อไป   ดวงหน้าตื่นตระหนกเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลา...แมลงสาปตัวเขื่องหลายตัววิ่งพลุกพล่านไปมาล้อมรอบตัวเขา  ต้นน้ำรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น  เสียงขลุกขลักดังมาจากกล่องกระดาษผุผังตรงมุมมืดของเสาไฟฟ้า  เขาชะงักเท้าค่อยๆ หันหน้าไปมอง  กล่องกระดาษนั้นค่อยๆ เปิดออก  แล้วแมงสาปวัยกำดัดหลายตัวก็กระพือปีกบินขึ้นมา  ทุกตัวมุ่งหน้ามาที่เขา

   “ว้ากกก”  เขาหลับตาปี๋  มือขาวยกมือปัดป้อง ลมหายใจถี่กระชั้นจนร่างกายแข็งเกร็งก้าวขาไม่ออก  จนกระทั่งมีมือแกร่งเอื้อมมาดึงเขาไปไว้ในอ้อมกอด

   หยดน้ำใสๆ ไหลพร่างพรูออกมาในอ้อมกอดแข็งแรงนั้น  ต้นน้ำลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  บรรยากาศมืดและชื้นในชอยเปลี่ยวเมื่อครู่หายไปแล้ว  เหลือแต่เพียงความสว่างสดใสของตัวบ้านภายในห้องนั่งเล่น และตัวเขาได้กลับกลายเป็นเด็กชายตัวน้อยในอ้อมอกของผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง

   “พ่อ...น้ำกลัวแมลงสาป  มันบินมาเกาะน้ำ  มันจะมากัดน้ำ”  เด็กน้อยซุกศีรษะลงในอ้อมอกผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง

   “ไม่ต้องกลัวลูก  มันตัวเล็กกว่าเรา”

   “แต่น้ำก็ตัวเล็ก”

   “งั้นเอางี้...พ่อจะเป็นคนไล่มันไปให้เอง  จนกว่าจะถึงวันที่น้ำโตพอที่จะไล่มันไปได้เอง”

   “จริงๆ นะ”

   “จริง...พ่อสัญญา  แต่ตอนนี้เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม?”  มือใหญ่ช่วยเช็ดน้ำตาบนดวงหน้าน้อยน่ารักจนสะอาด  ริมฝีปากเล็กๆ สีแดงสดยิ้มออกมาได้  ยอมให้ผู้เป็นพ่อจับจูงเดินออกไป

   เย็นวันนั้น...เขาได้ยินเสียงพ่อและแม่ทุ่มเถียงกันในห้องครัว  แม้ผู้ใหญ่ทั้งสองจะพยายามไม่ให้เสียงดัง  แต่ด้วยแรงอารมณ์ที่สาดใส่เข้าหากันก็ทำให้ยากที่จะปิดให้มิด  แม้จะจับใจความไม่ได้แต่ความรุนแรงในน้ำเสียงก้พอที่จะทำให้เต้นน้ำรับรู้ได้ว่าพ่อกับแม่กำลังทะเลาะกัน  แล้วอยู่ๆ พ่อก็ผลุนผลันเดินไปที่ประตู  เด็กน้อยในวันนั้นวิ่งตามออกไป  ความสูงของเขาทำได้แค่เกาะขาผู้เป็นพ่อเอาไว้

   “พ่อจะไปไหน?”

   “พ่อไปทำงาน”

   “พ่อไม่ไปไม่ได้เหรอ?  ถ้าแมลงสาปออกมาแล้วใครจะไล่ให้น้ำ?”

   “แม่ไง”

   “แม่ก็กลัวแมลงสาปเหมือนกัน”

   พ่อย่อตัวลงมากอดเขาไว้ก่อนใช้มือใหญ่ลูบหัวเบาๆ “พ่อไปแป๊บเดียว  เดี๋ยวพ่อก็กลับมา”

   “จริงๆ นะ”

   “พ่อสัญญา” มือน้อยยอมปล่อยตัวจากอ้อมกอดแข็งแรงของผู้เป็นพ่อ  แล้วถอยออกมายืนดูร่างสูงเดินลับสายตาไป  เขาทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าประตูบ้าน  พ่อบอกว่าจะไปแป๊บเดียว  เดี๋ยวพ่อก็กลับมา  แต่เขารอมานานแล้ว  พ่อก็ยังไม่กลับ  แต่เด็กน้อยก็ยังคงรอ  รอต่อไปจนง่วงงุน  ร่างเล็กนอนคู้ลงกับพื้น  ดวงตาคู่น้อยปิดลงเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาพบว่าคำสัญญาไม่มีอยู่จริง


   ต้นน้ำลืมตาขึ้นช้าๆ หยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลจากหางตาไปตามผิวหน้าก่อนหยดลงสู่หมอนนุ่ม  ในความฝันจบลงแค่นั้น แต่ในความจริงพ่อกลับบ้านมาถัดจากนั้นอีกสองวัน  เขาเหลือบมองผ้าม่านโปร่งไปยังระเบียงด้านนอก  ไม่มีแสงอาทิตย์หลงเหลืออยู่แล้ว  มีเพียงแสงจากหลอดไฟที่สะท้อนเงาบนผ้าม่าน  อาจเพราะเรื่องราวมากมายทำให้เขาคิดมากจนเผลอหลับไปตั้งแต่เย็น  และทำให้เขาฝันถึงพ่ออีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ฝันมานาน 

   ต้นน้ำมองมือตัวเอง  ตอนนี้เขาโตขึ้นมาก  จำไม่ได้ว่าเลิกกลัวแมลงสาปตั้งแต่เมื่อไร  ถึงแม้จะไม่ได้ชอบพอกันถึงขั้นอยู่ร่วมห้องกันได้...แต่เขาก็ไม่ได้กลัวแมลงสาปขนาดนั้นแล้ว    ร่างสูงลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนเดินออกไปด้านนอก

   ตั้งแต่นทีไม่กลับบ้าน  นอกจากไถทวิต  ส่องโซเชียลจนกลายเป็นความเคยชินแล้วยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เขามักทำเป็นประจำคือการเปิดเข้าไปในห้องนที  แค่ได้เข้าไปอยู่ในบรรยากาศที่เจ้าของห้องเคยอยู่  ได้ลูบสันหนังสือที่อ่านทิ้งไว้...แค่นั้นก็เป็นความสุขที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้แล้ว

   มือเรียวหมุนลูกบิดประตูเหมือนทุกวัน  แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวัน  ลมจากแอร์เย็นที่เปิดไว้ไล้ผิวมือแผ่วเบาแต่ก็ยะเยือกพอที่จะทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวยืนทื่อเมื่อเห็นเจ้าของห้องยืนอยู่ตรงมุมตู้เสื้อผ้า  ท่อนบนเปลือยเปล่า  และใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่เห็นมานานนับสัปดาห์ก็หันหน้ามาทางเขา  ดวงตาคมหันมาสบตาพอดี...เขาหันหลังกลับไม่ทันแล้ว 

   นทีเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าต้นน้ำจะเปิดประตูเข้ามา  แม้ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้านก็คิดว่าตัวเองเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว  แต่พอเจอหน้าต้นน้ำ...เขาก็อดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้  กับคนอื่น...อะไรก็ดูง่ายไปหมด  แต่พอเป็นต้นน้ำ...เขากลับกังวลไปหมดทุกเรื่อง   มือใหญ่เอื้อมมือหยิบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมาสวม  ก่อนเดินมาทางต้นน้ำ

   ต้นน้ำกระอักกระอ่วนใจ  ในเวลาที่หาความปกติไม่ได้แบบนี้  เขารู้ว่าเขาควรพูดอะไรสักเล็กน้อย...แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรดี  อย่างน้อย...เขาก็ควรบอกนทีว่าเขาเปิดประตูเข้ามาทำไม?  อ๋อ...วันที่นายไม่อยู่  เราเปิดเข้ามาดูทุกวันแหละ  แต่วันนี้นายดันอยู่   ไอ้สัด...ชีวิตบัดซบ  หาเรื่องอื่นสิ   หาเรื่องอื่นสิ  หาเรื่องอื่น!

   “นายไม่ถามหน่อยเหรอ...ว่าทำไมเราไม่กลับบ้าน?”  นทีย่างเท้าเดินเข้ามาหาต้นน้ำช้าๆ  พร้อมกับติดกระดุมเสื้อไปด้วย

   ขอบใจที่คิดคำถามให้นะ  “เออ...ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ?”

   “อกหักมั้ง” นทีตอบและเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง

   “อ๋อ...อืม   อกหัก”  ต้นน้ำพยักหน้ารับรู้ในขณะที่นทีเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ในสมองกำลังระดมความคิดอย่างหนักว่าจะหาเรื่องมาคุยกับนที...เรื่องอะไรก็ได้ที่ไกลตัวสักหน่อย

   “เห็นใครๆ ก็ชอบถามกัน  แล้วนายจะไม่ถามหน่อยเหรอ...ว่าอกหักจากใคร?”  นทีติดกระดุมเพิ่มอีกเม็ด  เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีกก้าว

   “อ่อ...เออ...จากใครล่ะ?”  หาเรื่องอื่นมาคุยเข้าสิต้นน้ำ 

   นทีเดินมาหยุดตรงหน้าเขาแล้ว  ต้นน้ำหลบสายตา  หลุบตามองต่ำลงมาเล็กน้อย  เวรละ!  ติดกระดุม...ทำไมไม่ติดให้ครบๆ  เว้นสามเม็ดบนไว้ทำไม  พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย...ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้  ไม้เรียวอยู่ไหน? 

   ไม่ช่าย!  ไอ้ต้นน้ำ  มึงต้องหาเรื่องอื่นมาคุยสิ  ลม ฟ้า อากาศ...อากาศ  อากาศไง  มือเรียวกระพือเสื้อ  “ร้อนเนอะ”  ไอ้เหี้ย...แอร์เย็นเฉียบ  มึงบอกร้อน  ควายเอ๊ย...มึงโดนจับได้แน่ 

   แล้วก็โดนจับจริงๆ  นทีคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนดึงเข้ามาในห้องแล้วกดล็อคประตู  นัยน์ว่า...ในห้องเปิดแอร์  ถ้าร้อนก็เข้ามาอยู่ในห้องสิ  แต่นทีคงไม่รู้ว่า...การเข้ามาในห้องที่เย็นจัดฉับพลันจะทำให้ร่างกายป่วยได้  และเขาก็เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้วด้วย 

   “มีของมาฝากด้วยนะ”  นทีบอกเบาๆ  ทำให้ต้นน้ำที่ไม่กล้ามองหน้าเพราะกลัวว่าจะโดนถามคำถามที่ตัวเองตอบได้แต่ไม่อยากตอบเริ่มคลายความกังวล 

   เขาช้อนตามองนที  “อะไร?”

   “เลซิติน”

   “คืออะไร?”

   “อาหารบำรุงสมอง  ช่วยเพิ่มความจำ” นทีพูดยิ้มๆ

   ต้นน้ำตาโต  ริมฝีปากบางเม้มแล้วปล่อย  ปล่อยแล้วเม้ม  อย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ...วางใจได้ไม่เท่าไรก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว  ในสุภาษิตก็บอกไว้...ขว้างงูไปให้พ้นคอ  นี่ยังไม่ทันคิดหาวิธีขว้างเลย  ก็เปิดประตูเข้ามายืนรอให้งูเข้ามากัดเองเสียอย่างนั้น

   มือใหญ่ยกขึ้นเขี่ยติ่งหูต้นน้ำเล่นเบาๆ  “ที่ผ่านมา...อะไรที่ลืมไปแล้วก็ลืมมันไป  แต่ต่อจากนี้...ห้ามลืม!” ความทรงจำน่ะ...สร้างใหม่เมื่อไรก็ได้   ดวงหน้าคมโน้มลงมาใกล้  ใกล้...จนไม่มีช่องว่างเหลืออยู่ระหว่างริมฝีปากนุ่ม  มือเรียวยกขึ้นจับข้อมือใหญ่ที่กุมต้นคอเขาไว้  อีกมือก็รั้งเอวสอบให้เข้ามาใกล้กว่านี้  ริมฝีปากบางเผยอออกปล่อยให้คนที่เป็นฝ่ายที่รุกล้ำเข้ามาได้ขบไล้โลมเลียตามใจปรารถนา  เนิ่นนานราวกับจะไม่มีวันจบสิ้น...นทีถึงได้ถอนริมฝีปากออก  “ทีนี้รู้ตัวหรือยัง...ว่าอกหักจากใคร?”

   ต้นน้ำช้อนดวงตาฉ่ำปรือเต็มไปด้วยความหวานจากรสจูบเมื่อสักครู่นี้ขึ้นสบสายตาคมวาวหวามก่อนหลุบตาลงอีกครั้ง  “อืม...รู้แล้ว”  ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำอีกครั้ง  แต่รอบนี้ต้นน้ำถอยตัวเองออก “ก็บอกว่ารู้แล้ว”

   “ก็กลัวลืม  ยังไม่ได้กินเลซิตินเลย”

   “ไม่ลืมหรอกน่า” ต้นน้ำตอบพลางเสใบหน้าแดงก่ำไปทางอื่น

   นทีรวบร่างต้นน้ำเข้ามาในอ้อมกอด  ซึ่งต้นน้ำก็ยินยอมแต่โดยดี  แม้จะไม่ได้กอดตอบ...แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน “แล้วนายล่ะ คิดยังไง? เสียงทุมกระซิบริมหู

   “คิดว่า...หิวจัง” 

   นทียังไม่ยอมปล่อย  กระชับอ้อมแขนแกร่งให้แน่นขึ้นแล้วก้มลงไปสูดกลิ่นจากต้นคอของต้นน้ำ “แป๊บนึง คิดถึง”  เสียงทุ้มแผ่วที่กระซิบคำหวานเบาๆ ทำให้คนบางคนตัวจะแตก  หัวใจของต้นน้ำเต้นรัวเร็วจนไม่จนยากที่สงบลงได้ 





เบื้องหน้าของต้นน้ำมีจานข้าวมันไก่ที่นทีซื้อมาฝาก  และขวดพลาสติกบรรจุอาหารเสริมบำรุงสมอง เลซิติน  มันเป็นความสุขผสมกับความเศร้า  ได้ของฝาก...แต่เหมือนโดนด่าไปในตัว  แต่ต้นน้ำก็หิวเกินกว่าจะใสใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เขาจัดการเทข้าวมันไก่ใส่จานของตัวเองแล้วตักเข้าปาก  ถ้าเป็นยามปกติ...รสชาติของมันน่าจะเรียกว่าธรรมดาๆ พอกินได้  แต่ในยามที่หิวมาก...เรียกได้ว่าสวรรค์โปรดเลยทีเดียว  และคงจะดีมาก  ถ้า...

   ต้นน้ำเหลือบตามองไปยังคนที่นั่งฟุบลงไปกับโต๊ะ  เอียงหน้าส่งตาแป๋วมาทางเขา 

   “ไม่กินเหรอ?”  ต้นน้ำถามเพราะเห็นนทีซื้อมาสองถุง

   “กินแล้ว  ซื้อมาเผื่อนาย  กลัวนายไม่อิ่ม”

   ต้นน้ำกลืนข้าวมันไก่ลงคอ  “งั้นก็หันไปทางอื่นสิ  มองอยู่ได้” 

   “ก็กินไปสิ  เกี่ยวอะไรกันล่ะ”  สิ่งหนึ่งที่นทีเรียนรู้จากบทเรียนครั้งนี้...หากอยากเข้าใกล้ต้นน้ำ สิ่งที่เขาต้องทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือ หน้าด้าน!

   ต้นน้ำตักข้าวมันไก่กินอีกคำก็เหลือบไปมองนทีอีกครั้ง   เขาทำใจกินทั้งที่มีคนจ้องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ  โดยเฉพาะคนที่เพิ่งผ่านการจูบกันมาหมาดๆ 

   “ข้าวติดปากแน่ะ” นทีบอกพลางเอื้อมมือจะหยิบออกให้ 

   “ตรงไหน?”  ต้นน้ำถามเพราะเขาไม่รู้สึกเลยว่ามีเม็ดข้าวติดริมฝีปากเขาตรงไหน  ช่วงระยะเวลาไม่ถึงเสี้ยวนาที  จากที่นอนฟุบอยู่...นทีก็ลุกขึ้นมา  มือใหญ่ก็เปลี่ยนไปจับที่ปลายคาง  ลิ้นชื้นตวัดเลียใต้ริมฝีปากต้นน้ำแผ่วเบา

   ตู้มมมม...อะไรที่เก็บซ่อนมาแตกละเอียดเป็นผุยผง  มาดที่เก๊กไว้หลุดลุ่ยกระเจิดกระเจิง    ต้นน้ำมองใบหน้าที่ละออกไปตาค้าง  เหมือนเวลาหยุดลง  แม้กระทั่งหายใจก็ยังลืมว่าทำยังไง

   “ข้าวมันไก่อร่อยดีเนอะ”

   ต้นน้ำเริ่มกลับมาหายใจอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงนที  ดวงโตคู่สวยกระพริบๆ  ก่อนเสมองจานข้าวมันไก่ของตัวเอง  “ไม่เห็นอร่อยเลย  มีที่อร่อยกว่านี้อีก”  ต้นน้ำบอกด้วยน้ำเสียงติดจะเคืองเล็กน้อย  นทีจะมาทำแบบนี้กับเขาบ่อยๆ ไม่ได้นะ  หัวใจหยุดเต้นบ่อยๆ  โรคหัวใจจะมาเยือนเข้าสักวัน

   “หา” นทีทำหน้าแปลกใจอย่างจริงใจ ดวงตาคู่คมวาววับ “มีที่อร่อยกว่านี้อีกเหรอ?  ชักอยากกินแล้วสิ” 

   ต้นน้ำ “.....”  เขาหมายถึงข้าวมันไก่  นทีก็หมายถึงข้าวมันไก่ใช่ไหม?  งานนี้ต้นน้ำจะไม่ตอบโต้  วันนี้เขาฟอร์มตกสุดๆ  พูดอะไรก็ดูเหมือนจะเข้าตัวไปหมด  ในขณะที่นทีมาอย่างเหนือ...ท็อปฟอร์มสุดๆ  เขี่ยบอลกี่ครั้ง...ก็เข้าโกลตลอด

   Rrrr…Rrrr…
    สียงโทรศัพท์ของนทีดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต  ต้นน้ำจ้วงข้าวมันไก่เข้าปากอย่างไม่กลัวติดคอตาย  ถ้าขืนปล่อยนาทีทองนี้ไป  คืนนี้กินข้าวไม่เสร็จแน่

   “ฮัลโหล” นทีรับสาย 

   [ มึงอยู่คอนโดเปล่าวะ?  กูกำลังจะผ่านคอนโดมึง  กูปวดขี้...ขอแวะขี้หน่อย ] เม่นพูดมาตามสาย

   “ไม่อยู่  อยู่บ้าน” นทีตอบกลับ

   [ อ๋อ...เออ  โอเค  แค่นี้นะ  กูหาที่ขี้ก่อน]  เม่นรีบวางสาย

      


หลังจากนัดเจอกันที่ร้านเบเกอรี่ใกล้มหา’ลัยแล้ว  องค์กรสานสัมพันธ์ระหว่างนทีและต้นน้ำก็ย้ายมาหาข้าวกินที่ร้านอาหารใกล้มหา’ลัย

   เสียงไลน์ที่โทรศัพท์มือถือของทุกคนดังขึ้นพร้อมกัน

องค์กรลับสุดๆ 
_______________________________
Supermen : นทีกลับบ้านแล้ว
 
   “สวรรค์โปรด”  ขิงกุมสองมือตัวเองไว้ที่อก  เงยหน้ามองฟ้าตาพราวขอบคุณเทวดาที่ช่วยให้เขาไม่ต้องเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ชีวิตอย่างต้นน้ำในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาอีก

   “อย่าเพิ่งดีใจไป  กลับบ้านแล้ว...อาจจะไม่ได้ดีกันก็ได้  รอดูอาการพรุ่งนี้ก่อน”  เนมเตือน  ใช่ว่าทุกคู่ที่คุยกันแล้วจะเคลียร์กันได้เสมอไป  หลายคู่ที่ยิ่งเคลียร์...ก็เหมือนยิ่งปาระเบิดใส่กัน  เสียหายกันไปทั้งคู่

   “ดับความฝันกูหมดเลยมึง”  ขิงหน้าเจื่อนลง

   “มันอาจจะไม่ไปมหา’ลัยก็ได้นะโว้ย” เอื้องฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์

   “ทำไมอ่ะ?”

   “คืนนี้อาจจะ...เคลียร์กันดึกหน่อย”  เอื้องฟ้าตอบด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มคิกคัก  หากว่าสองคนนั้น...  คิดไปเอื้องฟ้าก็เขินจนตัวบิด  ตีแขนขิงดังเผียะ





ต้นน้ำกินข้าวมันไก่สองห่อเสร็จเรียบร้อย  อิ่มหมีพีมันและอารมณ์ดี  เขาเก็บจานไปล้างโดยมีนทีมายืนเล่นโทรศัพท์เฝ้าอยู่ข้างๆ  อึดอัดอย่างที่สุดที่มีคนคอยตามทุกฝีก้าว  แต่เป็นความอึดอัดที่ค่อนข้างแปลก  แปลก...ที่เขาก็อยากอึดอัดอยู่แบนี้  แปลก...ที่เขายอมอึดอัดโดยไม่ไล่นทีไป 

   ต้นน้ำล้างจานเสร็จก็เดินไปเปิดทีวีแล้วหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา  นทีก็ตามลงมานั่งใกล้ๆ  ใกล้มากจนไหล่เบียดกัน  อึดอัดอีกแล้ว  ต้นน้ำขยับตัวนิดหน่อย  ไม่ได้ขยับตัวหนี...แต่ขยับตัวให้ไหล่ทั้งสองข้างเบียดกันได้สบายยิ่งขึ้น 

   ต้นน้ำฉวยโอกาสตอนที่นทีเล่นมือถือโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาแอบสำรวจตามใบหน้าหล่อเหลา  เหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย  จมูกก็เหมือนเดิม  ตาก็เหมือนเดิม ปากก็เหมือนเดิม  แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ทำให้ใบหน้านั้นเหมือนดึงดูดสายตามากขึ้น

   “เก็บค่ามอง หนึ่งจูบ”  นทีบอกทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากมือถือ

   “แล้วทีนายมองเราเมื่อกี้นี้ล่ะ?”

   “เดี๋ยวจ่ายให้หนึ่งจูบ”

   ต้นน้ำทำเสียงหึในลำคอ  ทำไมจะไม่มีอะไรเปลี่ยน...นิสัยนี่ไงล่ะ  ไม่เจอกันแค่อาทิตย์เดียว...ทำไมนิสัยถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ  “ไม่ต้องจ่ายหรอก  หายกัน”

   “ไม่หาย  จะหายได้ยังไง?  ไม่จูบ...กับผลัดกันจูบ  มันเหมือนกันตรงไหน?” นทียอมละสายตาออกจากมือถือมามองต้นน้ำด้วยสายตาคาดคั้น 

   “งั้นก็จ่ายเป็นอย่างอื่นแล้วกัน”

   “ไม่เอา  หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง  ตกลงไหม?”

   “ไม่ตกลง  ข้อตกลงนี้มันเสียเปรียบชัดๆ  ใครจะไปเอา” 

   “เสียเปรียบตรงไหน?”  นทีมองต้นน้ำแบบงงๆ  “นายได้จูบเรา  เราได้จูบนาย  ได้ทั้งคู่  วิน-วิน” 

   ต้นน้ำ “.....”  ใช้เวลาสักพักต้นน้ำถึงได้ตั้งสติได้ “ไม่คุยด้วยแล้วนะ ไปนอนดีกว่า”  ต้นน้ำปิดทีวีแล้วเดินขึ้นห้อง 

   “ให้ติดไว้ก่อนก็ได้  ไว้ค่อยเหมาจ่ายทีเดียว” นทีเดินตาม  ตามติดๆ แทบจะประชิดทุกฝีก้าว 

   จนถึงหน้าประตูห้องนอน  ต้นน้ำก็หันกลับมา  นิ้วเรียวทำเหมือนวาดรูปไล่ไปตามขอบประตู  “เส้นนี้...ห้ามเข้า”

   แต่นทีที่เพิ่มระดับความหน้าด้านมาแล้ว  มีหรือจะหวั่นเกรง  มือขาวดันอกต้นน้ำเข้าไป  แล้วตัวเองก็เข้าไปตาม “นี่เรียกว่า...ล้ำเส้น”

   “ห้ามล้ำเส้นด้วย”  ต้นน้ำบอกเสียงแข็ง

   “ห้ามล้ำด้วยเหรอ?” ร่างสูงเดินถอยหลังออกไปอยู่หน้าประตู  แต่ก็คว้าแขนคนขีดเส้นให้เดินตามมาด้วย “งั้นเรารออยู่นอกเส้นนะ”  นทีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  เดาไม่ออกว่ารู้สึกยังไงกัน  แต่ความรู้สึกผิดกลับจี๊ดขึ้นในอกของต้นน้ำ 

   “.....” ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออก

   มือที่กำข้อมือต้นน้ำไว้ออกแรงกระตุกนิดเดียวเพื่อดึงให้เขาเข้าใกล้  มือหนึ่งโอบหลังเขาไว้  อีกมือลูบที่กรอบหน้าเขาแผ่วเบา  “สำหรับนายแล้ว...เราไม่มีเส้น  นายจะเข้ามาเมื่อไรก็ได้”

   เสียงทุ้มนุ่มของนทีราวกับปลอบประโลมความรู้สึกหลากหลายที่แข่งกันเต้นระบำอยู่ในอกของต้นน้ำให้สงบลง  ดวงตาที่มองตรงมาบ่งบอกถึงความจริงใจ 

   วูบหนึ่งที่นทีเห็นความกังวลใจฉายขึ้นในแววตาของต้นน้ำ  เขาทำได้แค่โอบกระชับร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นก่อนปล่อยให้ต้นน้ำเดินเข้าห้องไป  “ฝันดีนะ” 

   หากเขาหาทางเข้าไปในห้องไม่ได้  เขาก็ได้แต่หวังว่าเจ้าของห้องจะหาทางเปิดประตูออกมาหาเขาเอง





ต้นน้ำตื่นแต่เช้าเดินลงบันไดมาในชุดนักศึกษาพร้อมแล้ว  เจอนทีที่อยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนกันยืนหันหลังอยู่ที่เคาน์เตอร์ห้องครัว 

   “ทำอะไรน่ะ?”  ต้นน้ำถามก่อนไปยืนริมเคาน์เตอร์ข้างนที

   นทียื่นแก้วน้ำส้มคั้นให้ 

   “ทำเองเหรอ?”  ต้นน้ำถามพร้อมกับรับแก้วน้ำส้มมาดื่ม

   “หึ”  นทีส่ายหน้า  “ป้าแม่บ้านทำไว้ให้  แต่นี่ทำเอง” เขายื่นจานขนมปังปิ้งให้ต้นน้ำ

   ต้นน้ำรับมา  ทั้งสองคนยืนพิงเคาน์เตอร์กินขนมปังปิ้งเคียงข้างกัน

   “เดี๋ยวไปรถคันเดียวกันนะ”  นทีชวน

   “แต่ตอนเย็นเราเลิกช้านะ”

   “ไม่เป็นไร  รอได้” 

   “มันจะเหนื่อยหรือเปล่า?  นายทำเหมือนเดิมเถอะ”

   “เหมือนเดิม?  ทำยังไงล่ะ?  ก็มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”  นทีพลิกตัว  ใช้สองมือเท้ากับเคาน์เตอร์ค่อมต้นน้ำ  มือใหญ่ดีดหน้าผากต้นน้ำ  ไม่แรงมาก...แต่ก็แรงพอที่จะจะทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย “ตื่น!  ฝันอะไรอยู่?  อยากได้น้องชายดีๆคนเดิมเหรอ?  ไม่มีอีกแล้ว  เหลือแต่แฟนดีๆ นี่แหละ  เอาไหม?”

   ต้นน้ำเม้มปาก  ตาวาว  “.....”  ไม่เอาโว้ย!  เขาอยากตะโกนใส่หน้าหล่อๆ ให้หงายไปเลย  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะอีกใจก็ตะโกนกลับมาเหมือนกันว่า ‘เอา’  เขาไม่แน่ใจว่าจิตใจฝั่งไหนตะโกนดังกว่ากัน   

   นทีหัวเราะให้กับความดึงดันของต้นน้ำ  “เป็นแฟนกันไหม?”

   ต้นน้ำกัดขนมปังค้าง  ตาคู่สวยเหลือบสบตาคมที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าเขา  แต่ได้แค่เพียงชั่วแวบเดียวก็หลบสายตา  สีระเรื่อแล่นจับบนแก้มนวล  เขาขยับหนีตามสัญชาติญาณ  แต่ขยับซ้ายก็ติดแขน  ขยับขวาก็ติดแขน  และคนที่ล็อคเขาไว้ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ  วิธีเดียวที่จะหลบเลี่ยงได้คือหันหลังหนี  แต่หันหลังหนีก็ใช่จะพ้น  มือแกร่งเลื่อนจากเคาน์เตอร์มาโอบรอบเอวเขาแทน   อกแน่นๆ ของนทีแนบอยู่กับแผ่นหลังเขา  รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ อยู่หลังใบหู 

   ต้นน้ำยืนนิ่งให้กอด   แค่นี้นทีก็ยิ้มออกแล้ว  เมื่อคืน...ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน  ต้นน้ำก็ดูจะหลบเลี่ยงเขาไปซะทุกอย่าง  ไม่สบตา  เก้ๆ กังๆ  หากจะว่าเขาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักแล้ว  ต้นน้ำดูท่าจะอาการหนักกว่า  อย่างน้อย...เขาก็ยังใกล้ชิดผู้หญิงมาบ้าง  แต่คนที่นอกจากบ้านแล้ว  ก็มีแค่มหา’ลัยกับร้านอาหารอย่างต้นน้ำ  จะเอาเวลาที่ไหนไปสานสัมพันธ์กับคนอื่น    และต่อจากนี้...ต่อให้ต้นน้ำอยากจะไปสานสัมพันธ์กับใคร  ก็คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว 
   
   เขากดจูบลงไปบนใบหูแดงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  “ไม่ตกลงเป็นแฟนกันสักที  ถ้าทนไม่ไหว...ให้ทำยังไงล่ะ?”

   ต้นน้ำ “.....” ทน ไม่ ไหว คือ อะ ไร? ทน อะ ไร? สมองเขาเหมือนทำงานช้ามาก  ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่เมื่อเทียบกับอัตราการเต้นของหัวใจ 

   “ปล้ำนะ” เสียงทุ้มช่วยตอบคำถามในใจเขา “ปล้ำก่อน  แล้วค่อยเป็นแฟนกันทีหลัง”

   ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วเกินไป  ทำให้มือสั่น  ร่างโปร่งเผ่นผลุงออกจากอ้อมกอดหลวม  ก่อนตะโกนโดยไม่หันหลังกลับมา  “ไปเรียนเถอะ  สายแล้ว”  สิ้นสุดประโยคสุดท้าย...ต้นน้ำก็อยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว 

   ประตูบ้านปิดลง  ทุกอย่างเงียบงัน  แม้แต่เสียงตะโกนก็ไม่มีแล้ว

   แม้แต่กระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็ยังไม่หยิบไป 

   หนีเก่งนัก...หนีให้ได้ตลอดเถอะ  นทีโคลงศีรษะก่อนหยิบกระเป๋าทั้งของตัวเองและของต้นน้ำเดินตามออกไป 

   


----------- อ่านต่อด้านล่าง -----------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
----------- ต่อจากด้านบน ตอนที่ 18 -----------


ต้นน้ำตื่นแต่เช้าเดินลงบันไดมาในชุดนักศึกษาพร้อมแล้ว  เจอนทีที่อยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนกันยืนหันหลังอยู่ที่เคาน์เตอร์ห้องครัว 

   “ทำอะไรน่ะ?”  ต้นน้ำถามก่อนไปยืนริมเคาน์เตอร์ข้างนที

   นทียื่นแก้วน้ำส้มคั้นให้ 

   “ทำเองเหรอ?”  ต้นน้ำถามพร้อมกับรับแก้วน้ำส้มมาดื่ม

   “หึ”  นทีส่ายหน้า  “ป้าแม่บ้านทำไว้ให้  แต่นี่ทำเอง” เขายื่นจานขนมปังปิ้งให้ต้นน้ำ

   ต้นน้ำรับมา  ทั้งสองคนยืนพิงเคาน์เตอร์กินขนมปังปิ้งเคียงข้างกัน

   “เดี๋ยวไปรถคันเดียวกันนะ”  นทีชวน

   “แต่ตอนเย็นเราเลิกช้านะ”

   “ไม่เป็นไร  รอได้” 

   “มันจะเหนื่อยหรือเปล่า?  นายทำเหมือนเดิมเถอะ”

   “เหมือนเดิม?  ทำยังไงล่ะ?  ก็มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”  นทีพลิกตัว  ใช้สองมือเท้ากับเคาน์เตอร์ค่อมต้นน้ำ  มือใหญ่ดีดหน้าผากต้นน้ำ  ไม่แรงมาก...แต่ก็แรงพอที่จะจะทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย “ตื่น!  ฝันอะไรอยู่?  อยากได้น้องชายดีๆคนเดิมเหรอ?  ไม่มีอีกแล้ว  เหลือแต่แฟนดีๆ นี่แหละ  เอาไหม?”

   ต้นน้ำเม้มปาก  ตาวาว  “.....”  ไม่เอาโว้ย!  เขาอยากตะโกนใส่หน้าหล่อๆ ให้หงายไปเลย  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะอีกใจก็ตะโกนกลับมาเหมือนกันว่า ‘เอา’  เขาไม่แน่ใจว่าจิตใจฝั่งไหนตะโกนดังกว่ากัน   

   นทีหัวเราะให้กับความดึงดันของต้นน้ำ  “เป็นแฟนกันไหม?”

   ต้นน้ำกัดขนมปังค้าง  ตาคู่สวยเหลือบสบตาคมที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าเขา  แต่ได้แค่เพียงชั่วแวบเดียวก็หลบสายตา  สีระเรื่อแล่นจับบนแก้มนวล  เขาขยับหนีตามสัญชาติญาณ  แต่ขยับซ้ายก็ติดแขน  ขยับขวาก็ติดแขน  และคนที่ล็อคเขาไว้ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ  วิธีเดียวที่จะหลบเลี่ยงได้คือหันหลังหนี  แต่หันหลังหนีก็ใช่จะพ้น  มือแกร่งเลื่อนจากเคาน์เตอร์มาโอบรอบเอวเขาแทน   อกแน่นๆ ของนทีแนบอยู่กับแผ่นหลังเขา  รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ อยู่หลังใบหู 

   ต้นน้ำยืนนิ่งให้กอด   แค่นี้นทีก็ยิ้มออกแล้ว  เมื่อคืน...ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน  ต้นน้ำก็ดูจะหลบเลี่ยงเขาไปซะทุกอย่าง  ไม่สบตา  เก้ๆ กังๆ  หากจะว่าเขาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักแล้ว  ต้นน้ำดูท่าจะอาการหนักกว่า  อย่างน้อย...เขาก็ยังใกล้ชิดผู้หญิงมาบ้าง  แต่คนที่นอกจากบ้านแล้ว  ก็มีแค่มหา’ลัยกับร้านอาหารอย่างต้นน้ำ  จะเอาเวลาที่ไหนไปสานสัมพันธ์กับคนอื่น    และต่อจากนี้...ต่อให้ต้นน้ำอยากจะไปสานสัมพันธ์กับใคร  ก็คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว 
   
   เขากดจูบลงไปบนใบหูแดงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  “ไม่ตกลงเป็นแฟนกันสักที  ถ้าทนไม่ไหว...ให้ทำยังไงล่ะ?”

   ต้นน้ำ “.....” ทน ไม่ ไหว คือ อะ ไร? ทน อะ ไร? สมองเขาเหมือนทำงานช้ามาก  ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่เมื่อเทียบกับอัตราการเต้นของหัวใจ 

   “ปล้ำนะ” เสียงทุ้มช่วยตอบคำถามในใจเขา “ปล้ำก่อน  แล้วค่อยเป็นแฟนกันทีหลัง”

   ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วเกินไป  ทำให้มือสั่น  ร่างโปร่งเผ่นผลุงออกจากอ้อมกอดหลวม  ก่อนตะโกนโดยไม่หันหลังกลับมา  “ไปเรียนเถอะ  สายแล้ว”  สิ้นสุดประโยคสุดท้าย...ต้นน้ำก็อยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว 

   ประตูบ้านปิดลง  ทุกอย่างเงียบงัน  แม้แต่เสียงตะโกนก็ไม่มีแล้ว

   แม้แต่กระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็ยังไม่หยิบไป 

   หนีเก่งนัก...หนีให้ได้ตลอดเถอะ  นทีโคลงศีรษะก่อนหยิบกระเป๋าทั้งของตัวเองและของต้นน้ำเดินตามออกไป 

   





“นายลงไปรับดิวสิ”  นทีบอกคนข้างๆ  เมื่อรถญี่ปุ่นของต้นน้ำแล่นมาจอดหน้าบ้านดิว

   “เราเหรอ?”  ต้นน้ำชี้ตัวเอง  มันก็แปลกๆ อยู่นะถ้าเขาเป็นคนลงไปรับดิว 

   “หรือจะให้เป็นเรา?”

   ดิวเจ็บขา...ต้องพยุงกันด้วยนี่  “เราก็ได้  เห็นว่าเป็นคนขับรถหรอกนะ” 

   นทียักคิ้วให้ต้นน้ำ  ส่งยิ้มตามหลังคนที่ปลดเข็มขัดลงจากรถไป  เขาเคยคิดไปได้ยังไงว่าที่ผ่านมา...ต้นน้ำรังเกียจเขา  หากรังเกียจคงไม่ยอมให้เขาจูบแน่  ต้นน้ำขี้อายและปากแข็งยิ่งกว่าที่คิด  นทียิ้มกับตัวเองก่อนหันสายตามายังหน้ารถ  มีก้อนกลมๆ สีน้ำตาลเล็กๆ  ปรากฏอยู่ตรงกระโปรงรถ  เขาเปิดประตูรถลงไปดูเจ้าหอยทากตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าเกาะมาตั้งแต่เมื่อไร  เจ้าตัวน้อยไม่ยอมขยับเขยื้อน...ไม่รู้ว่าขี้เกียจหรือเกาะจนเหนื่อยแล้ว 
 
   “ไปหาแฟนเหรอ?  บอกมาซิ...อยู่ตรงไหน? จะพาไปส่ง”  มือใหญ่หยิบมันขึ้นมาแล้วพาหอยทากน้อยลงไปส่งในร่มใต้ต้นไม้  ตัวเล็กแค่นี้...มีขาก็เดินยากแล้ว  แล้วนี่ยังต้องคลานกระดืบๆ อีก...เมื่อไรจะถึงจุดหมาย? 

   “ทำอะไร?”  ต้นน้ำถามเมื่อพยุงดิวมาถึงรถ

   นทีไม่ตอบแต่ออกคำสั่งแทน  “ขึ้นรถเถอะ  ร้อน”

   “ร้อนแล้วจะลงมาทำไมเล่า?”  ต้นน้ำบ่นก่อนเปิดประตูด้านหลังให้ดิวขึ้นไปนั่งก่อน 

   นทีเดินมาเปิดประตูรถ “หมายถึงกลัวนายจะร้อนต่างหากล่ะ”
   
   ดิวรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ที่เห็นรถต้นน้ำมาจอดที่หน้าบ้าน  และคนที่เดินลงมารับเขาคือต้นน้ำแล้ว  แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะรู้ดีว่าสองคนนี้อยู่บ้านเดียวกัน  จวบจนที่เขาได้มาเจอนที  เขาก็แน่ใจว่าคนที่นทีชอบน่าจะเป็นต้นน้ำจริงๆ  สายตาแข็งกระด้างของนทีเมื่อวานนี้หายไปหมดแล้ว  แม้จะรู้สึกวูบๆ อยู่บ้าง  แต่ดวงตาแวววาวราวกับยิ้มได้ของนที...มันก็ดีกว่าจริงๆ


---------- tbc ----------

A's Talk :

เขากลับมาเจอกันแล้วคร้า 

จุดพลุ...ที่นิยายรายสัปดาห์ของเรา  ก็ยังเป็นรายสัปดาห์อยู่

เกือบไม่ทัน o6 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Januarysky

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0
ใช่แล้ว ยิ้มของนทีดีกว่าที่ผ่านมาจริงๆ ดิวตัดใจนะ
นทีต้องของต้นน้ำเท่านั้น
องค์กรลับสุดๆ
555 กดไลค์ให้แก๊งนี้

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:
องค์กร คงสบายใจได้นิดหนึ่งละ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
คนปากแข็งก็งี้แหละนที  :hao3:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เดินหน้าจีบคนปากแข็งเต็มที่เลยนที เป็นกำลังใจให้จ๊ะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
องค์กรลุ้น   :z10:
คนอ่านยิ่งลุ้นกว่า .........   :z3: :z3: :z3:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 19
หอยทากเดินช้า จับพาขึ้นเรือ






ในโรงอาหาร  ริวสะกิดเพื่อนให้ดูต้นน้ำที่เพิ่งเดินเข้ามา  ขิงกับเอื้องฟ้าเอียงหัวเข้าหากันทันที  “ออร่าแห่งความชั่วร้ายหายไปแล้วว่ะ” 

   “พวกมึงมองอะไรกู?”  ต้นน้ำนั่งลงข้างริว  และไม่รอคำตอบด้วย  ดวงตากลมเหลียวซ้ายแลขวาก่อนมองนาฬิกาข้อมือ  เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือก็รีบลุก  ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกิน  เมื่อเช้าเขากินขนมปังมาแผ่นเดียว  ขืนหิ้วท้องรอจนเรียนเสร็จ  อาจจะเป็นลมตายไปก่อนได้  แต่ยังไม่ทันได้ลุก...ก็ถูกริวรั้งไหล่ไว้ก่อน

   มือขาวแหวกคอเสื้อต้นน้ำก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อส่องดูภายใน 

   ต้นน้ำรีบดึงเสื้อกลับมาพร้อมกับกุมคอเสื้อเอาไว้แน่น  “อะไรของมึงวะ?” 

   “เปล่า  ช่วงนี้หัดมันระบาดน่ะ  กูเลยดูว่ามึงมีผื่นไหม?  เนี่ย...พวกกูดูกันหมดแล้ว  ทุกคนปลอดภัยดี”  ริวพยักเพยิดไปทางเพื่อนๆ  ซึ่งทุกคนก็เออออห่อหมกกันเป็นทีม

   ต้นน้ำมองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจก่อนก้มลงไปดูคอเสื้อตัวเองอีกที  “ไม่มี” 

   “เออๆ ดีแล้ว  มึงไปหาอะไรกินเถอะไป  เร็วๆ เลย  ใกล้ขึ้นเรียนแล้ว”

   ลับหลังต้นน้ำขิงก็ยื่นหน้าเข้าหาริว  “เป็นไงบ้างมึง?”

   “ไม่มีแม้แต่รอยยุงกัด” 

   “แล้วยังไงวะเนี่ย?”

   เอื้องฟ้าไถทวิตเตอร์  “อื้อหือ  สามพีว่ะมึง”  เป็นรูปนทีจูงดิวลงมาจากรถของต้นน้ำ  ส่วนต้นน้ำสลับไปเป็นคนขับรถ 

   “จะกี่พีก็ช่าง  อย่าปล่อยให้มันมานั่งอมทุกข์ใกล้ๆ กูก็พอ” ขิงบอก “มันทะเลาะกันอีกที  กูจะเลิกคบมันด้วย” ช่วงที่ผ่านมาเขาเหนื่อยใจเหลือเกิน   แค่มองหน้าต้นน้ำ...ความสดใสก็บินหายไปแล้ว  ตอนนี้อยู่ในช่วงเรียกความมีชีวิตชีวากลับคืนมา  ขอใช้ชีวิตช่วงนี้ให้เต็มที่สักหน่อยเถอะ 

   “ขิง...วันนี้มึงไปดูบาสกับกูใช่ป่ะ?” เอื้องฟ้าถาม

   “ไม่ไป”

   “ได้ไง?  ก็มึงนัดกูไว้แล้ว  แล้วกูก็นัดพี่ที่เจอกันที่สนามบอลเมื่อวานไว้แล้วด้วย”  ตอนที่ไปดูนักบอลหน้าเข้มเมื่อวาน  ในขณะที่เปิดโอกาสให้ขิงคุยกับต้นน้ำ  เอื้องฟ้าก็ลงไปจับกลุ่มกับรุ่นพี่คณะนิเทศกรี๊ดผู้ชายด้วยกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง  คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าจะไปดูชมรมบาสซ้อมแข่งเหมือนกัน  จึงได้นัดกันไว้

   “กูส่งไอ้น้ำเป็นตัวแทนไปไง”

   ต้นน้ำเดินถือจานข้าวเข้ามาพอดี 

   “ไอ้น้ำ  วันนี้มึงอย่าลืมไปดูบาสเป็นเพื่อนอีเอื้องมันนะ”  ขิงถือโอกาสเตือนความจำต้นน้ำอีกครั้ง

   “อ๋อ เออ”  ต้นน้ำตอบรับก่อนรีบกินข้าว  เหลือเวลาอีกไม่มากก็ต้องเข้าเรียนแล้ว   “เชี่ย  กูลืมว่ากูนัดนทีไว้  มันเลิกเร็วกว่าเราอยู่แล้วด้วย  มึงโทรบอกมันให้กูหน่อยดิ  ว่าให้มันกลับไปก่อนเลย”

   เอื้องฟ้ากรีดกรายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  ก่อนกดเบอร์นที  รออยู่สักพัก  นทีถึงรับสาย

   [ฮัลโหล]

   “นที  วันนี้กลับไปก่อนเลยนะ  ไม่ต้องรอไอ้น้ำ”  ระหว่างที่เอื้องฟ้าพูด  ต้นน้ำก็รีบทำเวลา  ตักข้าวใส่ปากแล้วเคี้ยว  เคี้ยวแล้วตักด้วยความเร็วสูง  บางคำก็ไม่เคี้ยว  กลืนได้ก็กลืนไปก่อน

   [ทำไมล่ะ?]

   “เดี๋ยวมันต้องไปดูผู้ชายกับกู  แค่นี้ก่อนนะ” เอื้องฟ้ากดวางสาย  แล้วหันไปบอกต้นน้ำ “ไอ้น้ำ  เร็วมึง  อีกสองนาทีจะเข้าเรียนแล้ว”

   “.....”  ต้นน้ำไม่ตอบ  รีบกินจนจุกไปหมดแล้ว  หากเร็วกว่านี้คือตายสถานเดียว

   [.....]  เอื้องฟ้าวางสายไปแล้ว  แต่อีกฝั่งของสายโทรศัพท์ยังถือโทรศัพท์ค้าง  ไปดูผู้ชาย  ไปดูผู้ชาย  ไปดูผู้ชายเหรอ?





ต้นน้ำส่งข้อความไปหานทีตอนพักเที่ยง  เพื่อจะไปเอากุญแจรถไปให้  แต่นทีตอบกลับมาว่าไม่ว่าง  เลิกเรียนตอนบ่ายสามจะเข้ามาหาเอง  ต้นน้ำจึงบอกเลขห้องเรียนช่วงบ่ายสามให้นทีไป  เปิดประตูห้องออกมาก็เจอร่างสูงใหญ่เจ้าของใบหน้าคมคายที่ดูยังไงก็หล่อขึ้นทุกวันยืนรออยู่หน้าห้อง 

   นทียิ้มกว้างก่อนเดินเข้ามาหา  ต้นน้ำล้วงกระเป๋าควานหากุญแจ 

   นทีคว้าแขนต้นน้ำลากเดินไปยังมุมลับตา 

   “ได้ข่าวว่า...จะ ไป ดู ผู้ ชาย”  เสียงเย็นเยียบกระซิบริมหูของต้นน้ำ  มือที่ล้วงกุญแจอยู่แข็งค้างอยู่ภายในกระเป๋า  ขนหูขนคอลุกชูชันเหมือนมีไอเย็นๆ ลากผ่านสันคอ

   “ก็...”  ต้นน้ำอึกอัก  จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไป  “ไปเป็นเพื่อนอีเอื้อง  เมื่อวานสัญญากับมันไว้  ไอ้ขิงมันไม่ว่าง  มันให้ไปแทนมัน  มันไม่อยากให้เอื้องฟ้าไปคนเดียว  แล้วอีเอื้องมันก็อกหักอยู่ด้วย  เราก็อยากอยู่เป็นเพื่อนมัน  แล้ว...แล้ว...”  แล้วเขาทำอะไรผิดล่ะ?

   “แล้วอะไร?”  นทีถาม

   “แล้ว...แล้วไปไม่ได้เหรอ?”  ต้นน้ำคว้ากุญแจเจอแล้วยื่นไปให้นที

   “ไปที่ไหน?”  นทีรับกุญแจไว้  เสียงที่ถามยังเยือกเย็นเจือแววข่มขู่อยู่เล็กน้อย

   “ที่โรงยิม  ชมรมบาส”

   “รออยู่ที่โรงยิมนะ  เราไปส่งดิวก่อน  เดี๋ยววนกลับมารับ”

   “เสียเวลาน่ะ  นายกลับบ้านเลยก็ได้  เดี๋ยวเสร็จแล้วเอื้องจะไปส่ง”

   “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวมารับ  อยากดูผู้ชายอยู่เหมือนกัน”

   ต้นน้ำ “.....”





“ฮัลโหล  สวัสดีค่ะคุณพี่”  เอื้องฟ้าโบกมือพลางส่งสียงทักทายกลุ่มรุ่นพี่ที่จับจองที่นั่งแถวเอลิสต์ติดขอบสนาม  มีทั้งผู้หญิงและกระเทยที่รู้จักกันเพราะมักจะเจอกันบ่อยๆ ตามงานกรี๊ดผู้ชาย 

   ต้นน้ำเดินตามหลังเอื้องฟ้าพลางเหลียวมองรอบๆ  คนดูค่อนข้างเยอะกว่าที่คิดไว้  เกือบเต็มทุกอัฒจันทร์เลยทีเดียว  อาจจะเป็นการแข่งสำคัญอะไรสักอย่างที่เขาก็ไม่รู้  ที่นั่งข้างๆ กลุ่มพี่สาวถูกจองไว้เผื่อเอื้องฟ้าและต้นน้ำสองที่  เอื้องฟ้านั่งติดกับพี่สาวที่รวบผมหางม้าหน้าตาค่อนไปทางน่ารักแบ๊วๆ คนหนึ่ง  ส่วนต้นน้ำก็นั่งถัดจากเอื้องฟ้าอีกที 

   “สวัสดีค่ะคุณน้อง” เหล่าพี่สาวน้องสาวจีบปากจีบคอฉอเลาะ  ดูไปก็คล้ายกลุ่มคุณหญิงคุณนายที่ชอบจับกลุ่มซุบซิบกันในละครหลังข่าว “แหม...พางานดีมาด้วยตลอดเลยนะคะ”  กลุ่มรุ่นพี่เหลือบไปทางต้นน้ำที่นั่งถัดไป  เมื่อวานพวกเธอเจอต้นน้ำแล้วครั้งหนึ่ง  แต่ต้นน้ำและขิงแยกไปนั่งด้วยกันค่อนข้างไกลกันพอสมควร  มีเพียงเอื้องฟ้าคนเดียวที่เข้ามานั่งรวมกลุ่มกับพวกเธอ

   “เพื่อนน่ะค่ะ  ไอ้น้ำ...มึงมารู้จักรุ่นพี่กูซิ”  แล้วคุณหญิงแม่ก็พาลูกชายมาเปิดตัวในวงสังคม  เอื้องฟ้าแนะนำให้ต้นน้ำรู้จัก  ในกลุ่มมีทั้งหมดห้าคน  กระเทยที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงชื่อพี่ดาด้า  ส่วนอีกคนเป็นเกย์ที่แต่งชุดนักศึกษาชายธรรมดาแต่ท่าทางออกจะตุ้งติ้งมากหน่อยชื่อพี่นพ  นอกนั้นเป็นผู้หญิงล้วน   พี่ใจดี...ท่าทางเหมือนเด็กเรียน  ใส่แว่น  ผมหน้าม้า  พี่ปุ้ย...สาวเปรี้ยวกับกระโปรงสั้นกุดที่มองทีไรก็รู้สึกเสียวฟันจี๊ดๆ  คนสุดท้าย...พี่นิดหน่อย  หญิงสาวที่นั่งข้างเอื้องฟ้า  เป็นผู้หญิงที่ดูธรรมดาที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว

   “แล้วน้องขิงไปไหนล่ะ?”  พี่นิดหน่อยที่นั่งใกล้เอื้องฟ้าที่สุดถามขึ้น   

   “ตามผู้หญิงไปแล้วล่ะค่ะ”  เอื้องฟ้าตอบแต่สายตามองไปยังนักกีฬาที่เริ่มเดินเข้ามาในสนาม   

   นิดหน่อยไม่พูดอะไร  มือตบหลังเอื้องฟ้าเบาๆ  คล้ายปลอบใจ  แต่เอื้องฟ้าก็ไม่รู้ว่านิดหน่อยต้องมาปลอบอะไรเธอเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก

   “เอื้องชอบผู้ชายคนไหน?  บอกพี่เลยนะ  พี่จัดให้”  นิดหน่อยบอกเสียงเรียบ  “พี่มีประวัติทุกคน”

   “หูย  สุดยอด  น้องขอคารวะ” เอื้องฟ้าชื่นชมนิดหน่อยจากใจจริง  ด้วยใบหน้าธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นของนิดหน่อย  แต่ใครจะรู้  ในมือกลับมีผู้ข้อมูลผู้ชายเพียบ

   นิดหน่อยพยักหน้าให้ยิ้มๆ 

   ต้นน้ำนั่งฟังที่สองสาวคุยกันเงียบๆ  นี่เป็นเรื่องที่ควรต้องชื่นชมกันเหรอวะ?





ขบวนนักกีฬาพากันเดินเข้ามาในสนาม  เสียงกรี๊ดลั่นโรงยิมเมื่อนักกีฬาคนหนึ่งเดินมาสมทบเป็นคนสุดท้าย  ใบหน้าค่อนข้างหล่อเฉี่ยวแบบหนุ่มเกาหลี  รูปร่างและท่วงท่าเหมาะที่จะเดินอยู่บนแคทวอล์กมากกว่าสนามบาส  เสื้อสีน้ำเงินสว่างเหมือนจะช่วยขับให้ผิวขาวจัดนั้นเปล่งประกายออกมาได้  เหล่าพี่สาวน้องสาวข้างตัวเขาสามัคคีกันกรี๊ดออกมาจนต้นน้ำรู้สึกเหมือนมีเสียงนกหวีดสะท้อนไปมาอยู่ในหู  ปลุกให้ต้นน้ำได้สติ...นี่เขามาดูผู้ชายจริงหรือเนี่ย?  สงสัยได้เชื้อจากเอื้องฟ้ามาเยอะ

   “คนนี้มึง  คนนี้  เด็กรัฐศาสตร์  หล่อ หรู  ดูดี  มีอนาคต”  เอื้องฟ้าบรรยายสรรพคุณชวนเชื่อ  ดูแล้วคล้ายเซลล์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้าน  มือก็เขย่าแขนต้นน้ำอย่างตื่นเต้น  ดวงตาฉ่ำวาวเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม 

   “อ่อ เออ”  ต้นน้ำพยักหน้าเออออ  หากเอื้องฟ้าคิดจะขายของก็ควรดูกลุ่มเป้าหมายด้วยนะ  ไม่ใช่เอาที่คาดผมผูกโบว์ตุ้งติ้งมาขายเด็กผู้ชาย  ขายยังไงเขาก็ไม่อินไปได้  ถึงจะเผลอมองไปแวบหนึ่งก็เถอะ

   ตากลมใสเหลือบมองเพื่อนสาวที่มองยังไงก็มองไม่ออก...ว่าเพิ่งผ่านการอกหักมาสดๆ ร้อนๆ   ชนิดที่แผลยังไม่ทันตกสะเก็ดก็มานั่งกรี๊ดผู้ชายติดขอบสนามเสียแล้ว 

   เกมส์บาสยังไม่ทันเริ่ม  ต้นน้ำก็หยิบโทรศัพท์กับหูฟังขึ้นมาเล่นเกมส์ในมือถือรอ  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร  เสียงเชียร์ยังคงดังขึ้นมาเป็นระลอกจวบจนกระทั่งมีเงาของใครคนหนึ่งบดบังแสงไฟ

   ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมอง

   “ไม่มีที่นั่งเลยอ่ะ  ออกไปนั่งข้างนอกเถอะ” นทีก้มลงบอกต้นน้ำ  แต่ต้นน้ำกลับบุ้ยใบ้ไปทางเอื้องฟ้า  ทำนองว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเอื้องฟ้าก่อน

   ร่างสูงของนทีทรุดนั่งลงบนพื้นตรงหน้าต้นน้ำก่อนเบียดตัวเข้าแทรกตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของคนที่นั่งอยู่ด้านบนแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง 

   ต้นน้ำดึงหูฟังออก  ก้มลงไปถามนทีใกล้ๆ เพื่อกันไม่ให้คนอื่นได้ยินคำถาม

   “ไหนว่าจะมาดูผู้ชายไง  นั่นไง...ดูเข้าไปสิ  ผู้ชายเต็มเลย” เขาเพยิดหน้าไปทางสนามบาส

   นทีเงยหน้าขึ้นมา  นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากมนของต้นน้ำเบาๆ “ก็ดูอยู่นี่  มาดูคนนี้”  ดวงตาคมสบเข้ากับดวงตาใส  ก็จะเอาคนนี้  จะไปดูคนอื่นทำไมให้เสียเวลากัน 

   เสียงกลองสะบัดชัยตีรัวอื้ออึงกลางหัวใจของต้นน้ำ  แม้ปราศจากรอยยิ้มแต่ดวงตากลับวาววับก่อนที่จะถอนใบหน้ากลับขึ้นมา  ไม่น่าเชื่อว่านทีจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  ตั้งแต่กลับมาก็ชอบใช้ตำพูดแปลกๆ ที่ทำให้เขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่เรื่อย

   คนที่นั่งอยู่เบื้องล่างเผลออมยิ้มตามไปด้วย  หน้าด้านหน้าทนมันดีอย่างนี้นี่เอง





กรรมการเป่าจบเกมส์แล้ว   พร้อมๆ กับที่กระเพาะของต้นน้ำก็ส่งสัญญาณเตือนเหมือนกัน

   “อีเอื้อง  ไปหาอะไรกินกันเปล่า?  กูหิวแล้ว”

   “เออ ไปดิ” เอื้องฟ้าตอบ  ใบหน้าคมสวยหันไปมองเหล่าพี่สาว  ตั้งท่าว่าจะขอตัวลากลับ  ทว่าเสียงแหลมเล็กของดาด้าดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   “โอ๊ย  หิว”  เสียงของดาด้าดังกินวงกว้างราวๆ สิบที่นั่งรอบตนเอง  เผื่อแผ่มาถึงต้นน้ำและคนที่นั่งพิงต้นขาเขาอยู่ด้วย

   “กูก็หิวเหมือนกัน  ไป...เราไปหาอะไรกินกันเถอะ” นพคุณเสริมดาด้า  หนึ่งปีหนึ่งขลุ่ยเล่นประสานเป็นเพลงเดียวกัน

   “น้องเอื้อง  น้องน้ำ น้องนที  ไปด้วยกันนะคะ?” นิดหน่อยเอ่ยเสียงเรียบ  ดวงยิ้มหยีแสดงถึงความจริงใจอย่างที่สุด 

   ปี่พาทย์วงใหญ่เล่นลดเล่นเสริมกันอย่างลงตัวพลอยทำให้เอื้องฟ้าปฏิเสธไม่ลง  ลำพังตัวเธอเองก็ไม่เท่าไร  เพราะคุ้นเคยกับรุ่นพี่สาวๆ กลุ่มนี้ดี  เกรงใจแต่เพื่อนสองคนที่อุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อน

   “ไปก็ได้ครับ  ที่ไหนล่ะ?  วันนี้ผมอยากกินข้าวต้ม” พูดเหมือนจะขอความเห็นแต่ก็ใส่ความต้องการของตนเองลงไปด้วย  จากนั้นก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มใสซื่อไร้เดียงสาชนิดที่สามารถปลุกสัญชาติญาณความเป็นแม่ในตัวของหญิงสาวให้ตื่นขึ้นมาได้

   ใจดีอดเอ็นดูต้นน้ำไม่ได้ “ไปกินข้าวต้มก็ได้จ้ะ”

   “แต่กูอยากกินส้มตำ”  เอื้องฟ้าแย้ง  หมั่นไส้เพื่อนที่ควักรอยยิ้มหากิน  หน้าซื่อ  ตาใสออกมาหลอกลวงผู้คน

   “ใครเขากินส้มตำตอนนี้กันคะคุณน้อง  เดี๋ยวตอนกลางคืนจะปวดท้อง  กินข้าวต้มดีกว่าค่ะ  เชื่อคุณพี่นะคะ”  พูดจบปุ้ยก็โอบไหล่เอื้องฟ้า  กึ่งสนิทสนมกึ่งข่มขู่ไปในตัว 

   เอื้องฟ้าหน้าเหวอ  นี่น้องนะ!  สนิทกันมาก่อนด้วย  ทำไมใครๆ ถึงได้เข้าข้างต้นน้ำกันไปหมด  ขอพื้นที่ให้ชะนีตัวน้อยด้วย   





ร้านที่ทุกคนตกลงกันว่าจะไปไม่ค่อยมีที่จอดรถมากนัก  ทุกคนจึงลงความเห็นว่าจะเดินทางด้วยรถสองคัน  โดยมีรุ่นพี่นั่งไปกับเอื้องฟ้าสามคน  และแบ่งไปนั่งรถต้นน้ำอีกสองคน

   “น้องนทีกับน้องน้ำนี่เขาสนิทกันมากเลยเหรอ?” นิดหน่อยที่นั่งคู่ด้านหน้ากับเอื้องฟ้าเอ่ยปากถามขึ้นทันทีเมื่อขึ้นมาบนรถของได้ 

   “ค่ะ สนิทกันมาก” เอื้องฟ้าตอบคำถาม 

   “นี่  แล้วเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า?”  นพคุณโพล่งออกมาแบบที่ไม่ต้องมีปี่มีขลุ่ยนำร่อง  ตามเผือกเรื่องรักสี่เศร้าเราสี่คนของน้องๆ กลุ่มนี้มานานแล้ว  เมื่อมีโอกาสได้ถามคนวงใน  ใจก็ร้อนรนจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่

   “ไม่พี่  เพื่อนกัน!”  เอื้องฟ้าตอบขำๆ  อย่าคิดนะว่าเธอจะขายเพื่อน  ไม่มีทาง  จะขายทั้งทีก็ต้องมีอะไรมาแลกสิ  ไม่มีผลประโยชน์สักหน่อย  ใครจะขายกันล่ะ

   “แล้วน้องน้ำกับน้องริวนี่ก็เพื่อนใช่ไหม?”

   “เพื่อนสิพี่  เพื่อนกันทั้งนั้น”  ถ้านทีกับต้นน้ำยังเป็นแค่เพื่อน  ต้นน้ำกับริว...ก็ยิ่งไม่ต้องหวังเลย

   “ว่าแล้ว  กูว่าแล้ว”  ดาด้าตบมือผาง “ต้องนทีดิวสิ...คู่จริง”

   “นทีดิวก็เพื่อน  คนอื่นเขาคิดกันไปเองทั้งนั้นนะพี่”  เอื้องฟ้ายังคงแก้ตัวให้ทุกคน

   “แล้วทำไมนทีต้องไปรับไปส่งน้องดิวทุกวันด้วยล่ะ  ถ้าเขาไม่ได้ชอบกัน  เพื่อนน้องดิวก็มี”  ดาด้าไม่ยอมแพ้  ใจเชียร์น้องดิวคนสวยมาเนิ่นนาน  หน้าสวยขนาดนั้น  ถ้าลองจับใส่วิก  แต่งหน้าแต่งตัวเสียหน่อย  รับรองว่าต้องสวยเริ่ดชนิดที่มงมิสทิฟฟานี่ต้องลงแน่นอน 

   “เออ  อันนี้หนูก็ไม่รู้เขานะ”  ก็พอรู้มาอยู่บ้างว่าเกิดอุบัติเหตุ  นทีทำให้ดิวเจ็บเลยต้องเป็นคนดูแลรับส่ง  แต่ก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกอะไรมากมาย “เขาเรียนวิศวะด้วยกัน  หนูอยู่คนละคณะ  ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก”

   “นี่จ้า” นพคุณหยิบโทรศัพท์มือถือให้ดูรูปดิวที่ใส่เสื้อนักศึกษาตัวโคร่งที่ชาวเรือมโนว่าเป็นเสื้อของนที  ซึ่งเป็นภาพที่เอื้องฟ้าเห็นแล้ว  และก็สืบความมาจากเม่นแล้วด้วย  “ทำไมดิวต้องใส่เสื้อนทีน๊า?” 

   เอื้องฟ้ากรอกตา...หมั่นไส้นทีแทนเพื่อน  อกหักจากอีกคนก็ไปนอนกับอีกคน  เธอก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป  ไม่น่าช่วยให้กลับไปคืนดีกันเลย 

   เสียงสองคนด้านหลังยังคงหวีดรูปหวานของนทีกับดิวอยู่  พากันอ่านข้อความอวยเรือตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

   “สองคนนี้น่ะ...เมนนทีดิว” นิดหน่อยพยักเพยิดไปทางด้านหลังที่นพคุณกับดาด้านั่งด้วยกัน   แล้วก็หันกลับมาพยักเพยิดไปทางรถของต้นน้ำที่อยู่ด้านหน้า “ส่วนสองคนนู้นน่ะ...เมนนทีต้นน้ำ”

   เอื้องฟ้าตาเหลือก ชิบ หาย แล้ว...ความจะแตกไหมวะ?





ต้นน้ำยังคงเล่นเกมส์ติดลมอยู่บนรถที่มีนทีเป็นคนขับ  โดยมีใจดีและปุ้ยนั่งด้านหลัง

   “เล่นบนรถ...เดี๋ยวก็เสียสายตาหรอก  ได้ใส่แว่นจริงๆ แน่คราวนี้”

   ใจดีกับปุ้ยมองหน้ากัน  เพราะตอนนี้ต้นน้ำก็ใส่แว่นอยู่  นี่ไม่ใช่ใส่แว่นจริงๆ หรอกเหรอ?  หรือนี่แว่นปลอม?

   “แป๊บนึงๆ”  ต้นน้ำต่อรอง

   “ไม่ได้  วางเลย”  นทีเริ่มเสียงแข็ง

   ต้นน้ำส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจที่โดนขัดใจก่อนปิดโทรศัพท์แล้วถอดแว่นออก 

   ใจดีกับปุ้ยนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ด้านหลัง  เมื่อเห็นคู่จิ้นตัวเองเป็นห่วงกัน

   “นทีมีแฟนยังคะ?”  ปุ้ยถามพยายามจะเสนอตัวมาด้านหน้าแต่โดนมือของใจดีปาดหน้าแล้วดันตัวให้เอนลงเสียก่อน

   นทีเหลือบตามองต้นน้ำที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่างทันทีที่ได้ยินคำถามก่อนตอบ  “มีแล้วครับ”

   ต้นน้ำหันขวับกลับมา  จ้องนทีตาโตแทบถลนออกมานอกเบ้า  เดี๋ยวนะ...ขอเขาเรียบเรียงก่อน  เมื่อเช้านทีขอเขาเป็นแฟน  ซึ่งเขายังไม่ได้ตกลง  ตอนเย็นบอกว่ามีแฟนแล้ว  งงในงง...ในงงอีกที  หรือว่าจะเป็นคนอื่น?  ที่เขาว่า...สามวันจากนารีเป็นอื่น...ว่าเลวร้ายแล้ว  สิบชั่วโมงจากชาตรีเป็นอื่น...แม่งโคตรเลวร้ายกว่า

   คนข้างหลังสองคนก็ตื่นตระหนกไปด้วย  ทำไมพวกเธอไม่เคยรู้?  หรือว่าจะเป็น...น้องต้นน้ำของพวกเธอ “แล้วน้องน้ำมีแฟนแล้วหรือยังคะ?” ปุ้ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ 

   “ยัง  ครับ”  ต้นน้ำตอบเสียงหนักแน่น  ส่งสายตาให้นทีอย่างท้าทาย  เสี้ยงชิ้งที่เกิดจากกระกระทบกันของสายตาเกิดขึ้นในมิติที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  ไม่เห็น...แต่ก็รู้สึกได้ถึงการห้ำหั่นกันภายใน

   แต่หญิงสาวข้างหลังทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น  รับรู้ได้แค่เพียงอาการหัวใจสลาย  ไม่ใช่ต้นน้ำ  งั้นก็หมายความว่า  เรือ  ล่ม  แล้ว

   “พี่อุตส่าห์เชียร์นทีต้นน้ำมาตลอดแท้ๆ” ปุ้ยเริ่มสติหลุดเมื่อคู่จิ้นไม่จิ้นดังหวัง  มือก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์รูปที่เซฟไว้  เมื่อใจเสีย  อะไรๆ ที่ไม่สมควรพูดก็คายออกมาหมด  “ดูสิ  พี่อุตส่าห์ไปไฟท์กับเรือนทีดิวมา”  ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเรือนทีดิวเปรียบเสมือนเรือยอร์ชเครื่องแรงที่แล่นทีก็ก่อเกิดคลื่นลูกใหญ่พัดเรือแจวลำเล็กของนทีต้นน้ำให้โคลงเคลงง่อนแง่น  แต่พวกเธอก็ยังยืนหยัดพายกันต่อมาได้ก็เพราะใจรักล้วนๆ  สุดท้ายแล้วไม่คิดเลยว่ากัปตันจะหนีเรือไปมีแฟนเสียอย่างนั้น
   
   “เรือเราแพ้เรืออื่นมาตลอดเลยนะ” ใจดีบ่นเซ็งๆ  เธอชอบน้องทั้งสองคนเวลาที่อยู่ด้วยกันมากจริงๆ  แม้น้องจะไม่ได้เป็นแฟนกัน  แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้จิตใจที่เหี่ยวเฉาของแม่ยกอย่างเธอกลับพองฟูขึ้นมาได้  แล้วยิ่งมาเจอต้นน้ำใกล้ๆ  ก็ยิ่งอยากสวมวิญญาณมารดา  เพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสช่วงเวลาที่น้องทั้งสองคนอยู่ด้วยกันใกล้ๆ โดยไม่ผ่านกล้องเ ป็นครั้งแรก  จะให้ทำใจยอมรับได้ว่าเรือตัวเองล่มแล้วในทันที...คงเป็นไปได้ยาก  ขอเวลาให้เธอสักหน่อยเถอะ

   “แพ้อะไรพี่?” นทีถามขึ้นเพราะอยากรู้

   ปุ้ยยื่นโทรศัพท์ให้ดู  เป็นถ้อยคำที่ชาวเรือนทีดิวโลดแล่นกันอย่างคึกคัก  มีบางประโยคที่กระทบกระเทียบชาวเรือนทีต้นน้ำบ้าง  นทีหน้าตึงขึ้นมาจนปุ้ยงง  เสียงกัดฟันกรอดทำเอาสาวเปรี้ยวต้องถอยกรูดไปด้านหลัง

   “พี่แอดเฟรนด์ผมมาเลย” นทีบอกเสียงแข็ง

   “จ้ะ จ้ะ”  ปุ้ยรีบกดโทรศัพท์  กดแอดนที  เธอเคยกดแอดนทีมาครั้งหนึ่งแล้ว  เพียงแต่นทีไม่เคยกดรับ  แต่ครั้งนี้...นทีกดรับอย่างรวดเร็ว 

   นทียกยิ้มที่มุมปากก่อนเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีกนิด


---------- อ่านต่อด้านล่าง -----------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0

--------- นทีต้นน้ำ ตอนที่ 19 --- ต่อจากด้านบน ----------

ร้านข้าวต้มตั้งอยู่ในบริเวณตลาดนัดใกล้มหาวิทยาลัยและหมู่บ้าน  ทำให้คนค่อนข้างพลุกพล่าน  เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนนักศึกษา  รถของเอื้องฟ้าได้ที่จอดรถก่อนเลยเข้ามาสั่งอาหารรอล่วงหน้า  ร่างสูงที่เดินเคียงกันเข้ามาตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้าน  นักศึกษาสาวต่างมหา’ลัยโต๊ะหนึ่งพากันเหลียวมองและกระซิบกระซาบกันอย่างออกรสชาติ   ระหว่างชายหนุ่มสองคน  คนหนึ่งหน้าหล่อล้ำกล้ามแน่น  คนหนึ่งหน้าใสใจละลาย  พวกเธอจะเลือกใครดี

   “กูสั่งไปบ้างแล้ว  มึงอยากกินอะไรเพิ่มไหม?” เอื้องฟ้าถามเมื่อนทีกับต้นน้ำนั่งลง  โดยมีปุ้ยและใจดีนั่งข้างนที 

    “กูสั่งไปบ้างแล้ว  มึงเอาอะไร?” เอื้องฟ้าถาม 

   “เอายำเกี๊ยมฉ่ายไข่แดง...สั่งไปหรือยัง?  นทีเอาอะไร?”  ต้นน้ำหันมาถามนทีที่ยังคงชะโงกหน้าไปดูโทรศัพท์กับปุ้ยและใจดีอยู่ 

   “สั่งมาเถอะ  กินได้หมด” นทีตอบส่งเดช  ใจเขาไม่ได้อยู่บนโต๊ะอาหารมานานแล้ว   ในมือยุกยิกอยู่กับโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด

   “เพิ่มเป็ดพะโล้ที่หนึ่ง  ยำเกี๊ยมฉ่าย...ขอไม่เผ็ดนะครับ”  ต้นน้ำหันไปบอกพนักงาน 

   เสียงกรี๊ดของปุ้ยและใจดีดังขึ้นจนต้นน้ำสะดุ้ง  ท่าทางตื่นเต้นดีใจของทั้งสองคนทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องมองหน้ากันไปมาแต่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบว่าทั้งสองคนกรี๊ดกร๊าดอะไร 

   ต้นน้ำยื่นหน้าเข้าไปดูก่อนร้องเสียงหลง “เฮ้ย”  มือเรียวฉวยโทรศัพท์นทีขึ้นมา เป็นคลิปที่ต้นน้ำนอนหลับอยู่บนตักของนที  โดยมีนทีเล่นกีตาร์ให้ฟัง  เนื้อเพลงดังออกมาจากคลิป

   ‘ ได้ชิดเพียงลมหายใจ  แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
   แค่เพื่อนเท่านั้น  แต่มันเกินห้ามใจ
   ที่ค้างคือความรู้สึก  ว่าลึกๆ เธอคิดยังไง
   รักเธอเท่าไร  แต่ไม่เคยพูดกัน 
   อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้ 
   มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย
   เธอจะมีใจหรือเปล่า
   เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า
   ที่เราเป็นอย่างนั้นคืออะไร
   เธอจะมีใจหรือเปล่า
   มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้
   ติดอยู่ในใจแต่ไม่อยากถาม
   กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป’

   “ทำไมเราไม่เคยเห็นคลิปนี้?”  ต้นน้ำทำหน้าเหวอเมื่อเห็นคลิป 

   “ก็นายหลับอยู่ไง”   

   เอื้องฟ้าชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาดูด้วย  “เฮ้ย  คลิปนี้กูไม่เคยเห็น  พวกมึงไปแอบถ่ายกันมาเมื่อไร?”

   “ตอนไปบ้านยายที่กาญฯน่ะ  กูไม่ได้ถ่าย  พี่ชายน้ำเป็นคนถ่าย”  นทีเป็นคนตอบโดยลืมคิดไปว่า...นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว  ไม่มีใครรู้ว่าพ่อแม่พวกเขาแต่งงานกัน  และพวกเขาอยู่บ้านเดียวกัน 

   ปุ้ยใช้ศอกสะกิดใจดี  หรือว่า...เปิดตัวกับที่บ้านแล้ว  และข่าวลือจากภาพหลุดของบุคคลปริศนาที่คุยกันโดยการเขียนผ่านชีทเรียน  เรื่องคนสองคนที่อยู่บ้านเดียวกันจะเป็นเรื่องจริง?   ตอนนั้นลือกันสนั่นว่าเป็นนทีกับต้นน้ำ  เรือแล่นฉิวจนแทบไม่ต้องกางใบ 

   คนอื่นๆ ในโต๊ะพลอยยื่นหน้ามาสนใจคลิปด้วย  ในขณะที่ใจดีกับปุ้ยคึกคะนองขั้นสุด  แต่ดาด้ากับนพคุณกลับทำหน้าเจื่อน  เมื่อเห็นว่าเรือของตนเองเองตกอยู่ในสภาพคลอนแคลน  และไม่ใช่ข่าวลือเสียด้วย  กัปตันปล่อยออกมาเองกับมือเลย

   พนักงานทยอยเสริฟกับข้าว  ต้นน้ำแจกจ่ายอุปกรณ์เริ่มแจกจ่ายอุปกรณ์ให้ทุกคน  สุดท้ายหยิบเอาจานเป็ดพะโล้ไปวางไว้ใกล้ๆ นที

   เอื้องฟ้าแค่นยิ้ม ที่แท้ก็สั่งให้แฟ...แค่ก...แค่ก...

   “อัพเลยนะ”  เสียงปุ้ยไม่ดังมาก  แต่ก็ดังพอที่ต้นน้ำซึ่งนั่งห่างไปแค่เพียงนทีกั้นจะได้ยิน

   ดวงหน้าขาวใสหันขวับไปทันที “อัพอะไรกัน?  อย่าบอกนะว่า...”

    “ใช่  ก็อัพคลิปเมื่อกี้ไง”  นทีหันมายักคิ้ว

   “ไม่เอา  ไม่อัพ”  ต้นน้ำเริ่มงอแง  มือไม้ป่ายไปทางโทรศัพท์ในมือปุ้ย  ซึ่งนทีก็คว้ารวบไว้ทั้งสองมือ

   “อัพแป๊บเดียว  ไม่เจ็บหรอก”

   “ไอ้บ้า  ไม่ใช่ฉีดยาโว้ย” ต้นน้ำโวยวายแต่นทีกลับหัวเราะกว้าง  “เดี๋ยวคนก็พูดโน่นพูดนี่  น่ารำคาญจะตาย” 

   “ทีเราไม่เห็นรำคาญเลย”

   “ใครมันจะไปกล้าพูดกับนายวะ” หน้าตานทีตอนทำหน้าปกติอย่างกับจะล้อเล่นด้วยได้งั้นนี่  แค่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตานิดเดียวก็เหมือนส่งมีดบินออกไปปาดคอคนแล้ว  ตอนที่เขาเจอนทีครั้งแรกยังหวั่นใจแทบตาย 

   “แล้วมีใครไปพูดกับนายเหรอ?” ต้นน้ำทำท่านึก   คนภายนอกล้วนไม่มีใครกล้าพูดกล้าถามกับเขาโดยตรง  อย่างมากก็แค่มองด้วยสายตา  แต่ที่พูดกันมากหน่อยก็ในโซเชียลเท่านั้น  “มีแต่พวกปากเก่งในโลกโซเชียลเท่านั้นแหละ  กลัวอะไรกับพวกเกรียนคีย์บอร์ด”

   “เออ  นั่นแหละ  ไม่อยากให้คนมอง” เขาไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นมากนัก  ไม่รู้ว่าคำพูดลับหลังเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี   แต่กันไว้ก่อนก็ย่อมดีกว่าต้องไปตามแก้ที่หลัง  “พี่...อย่าอัพนะ” เมื่อคุยกับนทีไม่รู้เรื่อง  ต้นน้ำก็หันไปขอร้องปุ้ยแทน

    ทั้งสายตาเว้าวอน  ทั้งน้ำเสียงที่ออดอ้อน  ล้วนกระแทกใจปุ้ยและใจดี  อา...ใจสั่นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  มือที่ถือโทรศัพท์ของปุ้ยเริ่มสั่น 

   ดาด้าและนพคุณมองหน้ากระพริบตาใส่กันปริบๆ  ต้นน้ำตอนมองภายนอกเหมือนผู้ชายหล่อหน้าใสคนหนึ่ง  แต่พอได้สัมผัสใกล้ๆ  เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก  เหมือนหมาแมวตัวน้อยที่แม้ไม่ได้รัก...ก็เกลียดไม่ลง  ต่อให้ไม่รักยังไงก็ยังเผลอจับขึ้นมาฟัดมากอดอยู่ดี  แต่พวกเธอจะจับน้องกดตอนนี้...ไม่ได้! 

   นิดหน่อยเอ็นดูต้นน้ำมาตั้งนานแล้ว  พอเห็นน้องทำท่าทางอย่างที่ตัวเองไม่เคยเห็นก็ทำให้ยิ่งเอ็นดูเข้าไปใหญ่  เธอยิ้มเล็กน้อยตามนิสัยก่อนหันไปคุยกับเอื้องฟ้าที่ใช้ตะเกียบคีบกับข้าวเข้าปากตัวเองโดยไม่สนใจคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามราวกับเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน  “นทีกับต้นน้ำสนิทกันดีจริงๆ ด้วยเนอะ” 

   “อืม  แล้วพี่ล่ะ  ไม่ใช่สาววายกับเขาเหรอ?”

   “ใช่สิ” นิดหน่อยเริ่มกินข้าวบ้าง “แต่พี่เมนริวต้นน้ำ”

   นทีที่ได้ยินทุกอย่างที่นิดหน่อยพูดก็เปลี่ยนจากที่รวบมือต้นน้ำอยู่เป็นรวบกอดทั้งตัว  ปากก็สั่งปุ้ย “อัพเลยพี่  ด่วนๆ”

   “ไม่เอา  อย่าอัพนะพี่” ต้นน้ำเริ่มดิ้น  นทีก็ยิ่งรัดแน่น

   ปุ้ยลังเล  จะอัพหรือไม่อัพดี  คนหนึ่งก็หล่อ...น่าตามใจ  คนหนึ่งก็น่ารัก...น่าสงสาร  ทั้งคลิปทั้งแคปชั่นก็เขียนไว้หมดแล้ว  เหลือแต่กดปุ่มอัพโหลดเท่านั้น  เธอจะทำยังไงดี?

   นทีที่กอดรัดต้นน้ำไว้เห็นปุ้ยละล้าละลังเลยใช้แขนเดียวรัดต้นน้ำ  อีกมือก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์จากมือปุ้ยชูขึ้นสูง  ต้นน้ำเอื้อมตัวตามไป  แต่ไม่ทัน...มือใหญ่ของนทีไวกว่า...คลิปทั้งหมดถูกแชร์ออนไลน์ไปแล้ว

   คนทั้งสองสบตากันในท่าค้างอยู่อย่างนั้น  เพียงแต่ว่า...คนหนึ่งยกยิ้มอวดชัยชนะ  คนหนึ่งหน้าตึงอยากกระโดดถีบคนข้างๆ
   
   บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารไม่ได้คลายลงเท่าไรนัก  ปุ้ยกับใจดีแอบหวีดยอดไลค์ในคลิปที่เพิ่งอัพลงไปเบาๆ  เป็นการหวีดที่เงียบที่สุดเพราะเกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนใจคนที่นั่งหน้าตูมอยู่ข้างๆ นที 

   “เราปล่อยสองคนนี้ไว้อย่างนี้จะดีเหรอ?” นิดหน่อยกระซิบกระซาบเอื้องฟ้าพลางพยักเพยิดไปทางนทีที่กำลังคีบกับข้าวมาใส่จานต้นน้ำอย่างเอาใจ
   
   “ปกติพี่  อย่าไปสนใจเลย  เดี๋ยวก็ดีกัน”  ถ้าไม่ถึงขั้นว่ามีใครคนใดคนหนึ่งเก็บกระเป๋าหนีออกจากบ้าน  แล้วอีกคนก้ไม่ได้ทำท่าซึมเศร้าเหมือนจะฆ่าตัวตายภายในอีกสองวินาทีก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากมาย  ต้นน้ำเป็นคนไม่ค่อยโกรธอะไรใคร  โกรธทีก็ไม่นาน  ยิ่งนทียิ่งแล้วใหญ่...โกรธใครแค่ต่อยตูมเดียวก็หายแล้ว  ไม่นานเลยจริงๆ

   ในเมื่อคลิปก็อัพไปแล้ว  ต้นน้ำคงได้แต่ทำใจยอมรับสายตาและเสียงนินทาในวันพรุ่งนี้  เขาก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากคำใหญ่เคี้ยวตุ้ยๆ  โดยมีนทีคอยคีบกับข้าววางใส่ไว้ให้จนพูนจาน  ถ้าป้อนได้ก็ป้อนไปแล้ว  ถ้าเคี้ยวแทนได้ก็จะเคี้ยวให้ด้วย  ถ้ากลืนแทนได้ก็จะทำให้อีก

   “นี่ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?”

   “.....” ต้นน้ำเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มพองพลางเหลือกตาใส่นที

   “นายโกรธจนกับข้าวจะหมดโต๊ะแล้วนะ”

   “.....” ต้นน้ำมองไปรอบโต๊ะ  กับข้าวแทบเกลี้ยงจานทุกอย่างจริงๆ 
   “ไปโกรธต่อที่ร้านขนมไหม?”

   ร้านขนมก็น่าสนใจนะ  ใครบางคนอาจมีโลกสองใบ  แต่สำหรับต้นน้ำ...มีกระเพาะสองใบ  ใบหนึ่งใส่ของคาว  ใบหนึ่งใส่ของหวาน  กระเพาะของคาวเต็มแล้ว  แต่กระเพาะของหวานยังว่างอยู่ 

   “นายเลี้ยงนะ”  ต้นน้ำบอกนที

   “แต่ต้องหายโกรธแล้วนะ  ตังค์หมดกระเป๋าแล้ว”

   ต้นน้ำพยักหน้า  “ได้”  ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรอยู่แล้ว  ตกเป็นเป้านินทา...ใช่ว่าจะเคยครั้งแรก  ครั้งที่สองสักหน่อย  เรียกว่าโดนจนชินดีกว่า 

   หือ...หายโกรธง่ายจัง  นิดหน่อยแค่เพียงคิดในใจ


--------- tbc ---------

A's Talk :

เย้ๆ สุดท้ายก็ยังคงเป็นนิยายรายสัปดาห์อยู่  ขอตบมือให้ตัวเอง ณ จุดนี้

แต่คนเราก็อย่าไปยึดติดอะไรมากเนอะ  มันอาจจะเป็นนิยายรายสองสัปดาห์ รายปักษ์  หรือรายเดือนเข้าสักวันก็ได้นะ

ตอนนี้จะเป็นการปูเรื่องไปสู่ตอนต่อไปค่ะ  จะได้รู้ว่าทำไมต้นน้ำถึงยังไม่ยอมเป็นแฟนนทีสักที ทั้งที่ตัวเองก็ชอบเขาแล้วแท้ๆ

ขอบคุณที่เอาใจช่วยนทีและต้นน้ำนะคะ

Smile A

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ลงเรือ  นที ต้นน้ำ  :o8: :-[ :impress2:

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
มันน่าพิมพ์บทสนธนานี้แล้วอัพเรียกไลค์บ้างจริง ๆ ฮา

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เรือนทีต้นน้ำแล่นฉิวนำไปแล้วตอนนี้.  ทำสาวๆรอบตัวอิจฉาตาร้อนตายเลย   :laugh:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เรือหลายลำ จ้วงกันไป

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


ปรบมือให้นทีรัว ๆ  อิอิ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
เราจะลงเรือลำใหนดี

555555

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พอนายไม่คิดมากแล้วนายก็เต็มที่เลยอ่ะนที ชอบๆๆ 55555555555555555
 o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด