------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9  (อ่าน 23435 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
นที ได้รับพร แบบไม่ต้องสวดมนต์  o22 :a5: :really2:
มันนนนนนนนนนน ยอดจริงๆ  :z3:

น้ำตาล ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าเป็นคุณแม่คนที่สามไปเรียบร้อยแล้ว  :m20:
แต่การที่ไม่เคยล๊อกประตู  :really2:
ก็ทำให้น้ำตาลรู้อะไรที่ควรจะรู้ซักที  :laugh: :pigha2: o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
กี๊ดดดดดด เหมาจ่ายรุนแรงมาก

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
พัฒนาความสัมพันธ์กันมาขนาดนี้แล้ว เรียกว่าเป็นแฟนได้แล้วมั้ง.   :hao3:

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 24
แฟน 70% loading




   น้ำตาลไม่ได้ไปไหนไกล  เธอเลือกศาลาพักใจเป็นคอนโดของบุ้งซึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมแต่เลือกเรียนที่มหา’ลัย A ที่เดียวกับต้นน้ำและนที 

   เสียงร้องให้ดังระงมทั่วห้องแคบบนคอนโดเก่ากลางใหม่  บุ้งได้แต่นั่งเท้าคางบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กมองเพื่อนสาวร่างเล็กที่เปลี่ยนโซฟาเบดตัวยาวของเธอให้เป็นโซฟาคนเศร้าไปเสียแล้ว  ตั้งแต่มาถึง...น้ำตาลก็ร้องให้  พูดจาวกวนจนจับใจความแทบไม่ได้  รู้แต่ว่าอกหักจากต้นน้ำที่หมายปองมานานร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแล้ว   

   น้ำตาลควรจะร้องให้แบบนี้ตั้งแต่สามปีก่อนที่บอกรักต้นน้ำไปแล้ว  ต้นน้ำปฏิเสธน้ำตาลแบบอ้อมโลก  คนนอกพอจะมองออก  แต่คนในอย่างน้ำตาลกลับเลือกที่จะหลอกตัวเองว่ายังพอมีหวัง 

   ต้นน้ำไม่มีใคร  ไม่ได้คบใคร  ไม่ได้จีบใคร  ยังไม่มีคนที่ชอบ...คือเปอร์เซ็นต์แห่งความหวังอันน้อยนิดของน้ำตาล

   แต่เธอว่านี่ล่ะ...ที่น่ากลัว  ไม่มีใครแต่ก็ไม่เคยเลือกที่จะมีน้ำตาล!

   บุ้งได้แต่หยิบกระดาษทิชชูส่งให้น้ำตาลเป็นบางครั้ง  พร้อมกับเอาถังขยะมาตั้งไว้ใกล้ๆ ด้วย  คงไม่ดีแน่ถ้ากระดาษทิชชูเปื้อนน้ำมูกน้ำตาเกลื่อนกลาดไปทั่วห้องนอน  รักเพื่อนก็รักนะ  แต่ไม่ได้รวมไปถึงขี้มูกเพื่อนด้วย  รอจนน้ำตาลร้องให้จนพอใจ  พอจะสงบจิตสงบใจได้บ้าง  สาวน้อยแว่นกลมจึงได้เอ่ยปากถามความเป็นมา  “ไง?  จะเล่าได้ยัง?”

   น้ำตาลพยักหน้าทั้งที่ยังสะอื้นอยู่

   “เป็นไร?”

   “อกหัก”  แค่พูดเบาๆ ก็เจ็บ  ทำนบน้ำตากันไว้ไม่อยู่จนต้องปล่อยให้ไหลออกมาอีก  หยดน้ำตาใสบริสุทธิ์ติดสีดำของมาสคาร่าเป็นรอยยาวลงมาบนแก้มนวล  ตาคู่สวยเลอะรอยดำเป็นวงใหญ่รอบดวงตา  ไม่ได้ดูคล้ายหมีแพนด้าเลยสักนิด  อย่างน้อย....ขอบตาของหลินฮุ่ยก็ไม่ได้แหว่งเว้ากระดำกระด่างเหมือนของเธอ  ถ้ารู้มาก่อนว่าวันนี้ต้องร้องให้หนักมาก  เธอคงจะแต่งหน้าแบบกันน้ำเหมือนตอนเล่นสงกรานต์แล้ว 

   “เรื่องมันเป็นยังไง?  ไหนเล่าซิ”

   น้ำตาลอึกอัก  ไม่รู้จะเล่าออกมายังไง  “น้ำมีคนอื่นแล้ว”  สุดท้ายก็พูดออกมาแค่ประโยคเดียว 

   “รู้ได้ไงว่ามี?”

   “ก็เห็นน่ะสิ”

   “เห็นเขาอยู่ด้วยกันเหรอ?”

   “อืม”

   “ที่ไหน?”

   “ที่บ้าน”

   “อาจจะเป็นเพื่อนหรือเปล่า?”

   “ไม่ใช่!  ไม่ใช่เพื่อนแน่นอน”  เพื่อให้บุ้งช่วยวิเคราะห์ได้ถี่ถ้วน  เธอจึงเล่าให้มากขึ้นอีกนิด  “เขาอยู่บนเตียงด้วยกัน”

   “แกก็เคยอยู่บนเตียงต้นน้ำไหม?” 

   ใช่!  เธอเคยอยู่บนเตียงกับต้นน้ำเหมือนกัน  แต่ก็...ไม่เหมือนกัน!!  น้ำตาลร้องให้ออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงภาพบนเตียงแสนแสลงใจ “ถอดเสื้อทั้งคู่เลย”  มีรอยแดงเต็มตัวด้วย 

   “โอเคๆๆ”  บุ้งพยายามปลอบให้น้ำตาลสงบลงก่อนถอนหายใจหนักหน่วงอย่างคนที่ตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว  “เอาจริงนะ  ต้นน้ำจะมีใครก็ไม่ผิดหรอก  แกกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”  เธอตัดสินใจว่าจะให้ยาแรงเพื่อน  ปลอบมาหลายปี  แอบทักท้วงมาหลายหน  พูดอ้อมๆ ไม่เข้าใจ  บางที...เจ็บแต่จบก็อาจจะดีกว่า  อย่างน้อยเพื่อนเธอก็ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งตามคนที่เขาไม่รักอีก

   “โฮฮฮฮ” 

   บุ้งหยิบกระดาษทิชชูส่งให้น้ำตาลอีกสองแผ่น  เลื่อนขยะเข้าไปใกล้ๆ อีกหน่อยนึงด้วย  จะได้ทิ้งให้ถนัดมือ 

   น้ำตาลร้องให้จนพอใจไปอีกรอบ  “แต่เราโคตรรักต้นน้ำ  รักมาตั้งนานแล้ว  แกก็รู้  ทำไมวะ?  เราทำอะไรผิดไป  ทำไมน้ำถึงไม่รักเรา  เราไม่ดีตรงไหน?”

   น้ำตาลทิ้งกระดาษทิชชูลงถังขยะแรงๆ  แต่น้ำตาพร่ามัวทำให้กะองศาพลาด  กระดาษทิชชูคาอยู่ที่ขอบถังสักพักคล้ายกำลังตัดสินใจว่าจะร่วงหล่นลงข้างในหรือข้างนอกดี  สุดท้ายเจ้ากระดาษก็ม้วนตัวร่วงหล่นลงด้านนอก

   บุ้งทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย  “แกไม่กินเสือ...ก็ไม่ได้หมายความว่าเสือจะไม่กินแก  แกไม่กัดหมา...ก็ไม่ได้หมายความว่าหมาจะไม่กัดแกนะเว้ย  แกรักต้นน้ำ...ก็ไม่ได้หมายความว่าต้นน้ำต้องรักแกตอบ  ถ้าเป็นอย่างนั้น...ก็คงไม่มีคนอกหักบนโลกนี้แล้วสิ”  เพลงอกหักขายดีจนทำยอดยูทูปได้มากกว่าร้อยล้านวิว  คนอกหักกอดคอกันเมาล้นร้านเหล้า

   “ฮือออ” 

   ขอโทษนะน้ำตาล  น้ำตาลอาจจะต้องเจ็บปวดกับคำพูดของบุ้ง  แต่บุ้งต้องต้องทำจริงๆ  เธอหยิบกระดาษทิชชูให้น้ำตาลอีกครั้ง  หวังว่าคราวนี้จะทิ้งลงถังขยะนะ

   “ร้องไปเถอะ  ร้องดังๆ  ร้องให้มันจบๆ ไป”  บุ้งเดินไปปิดหน้าต่าง  เปิดแอร์  เพื่อนจะได้ร้องให้แบบเย็นสบายหน่อย  ก่อนย้ายร่างท้วมมานั่งที่เดิมพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

   Rrrr…Rrrr

   บุ้งเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดู  “ต้นน้ำว่ะ”

   “แกอย่ารับนะ”

   ช่วยไม่ได้  น้ำตาลบอกช้าเกินไป  มือบุ้งกดรับสายไปเสียแล้ว  “ฮัลโหล”

   [บุ้ง  น้ำตาลอยู่กับบุ้งไหม?]

   บุ้งมองหน้าน้ำตาลที่ส่ายหัวดิก  ไม่ยอมให้เพื่อนบอกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

   “อ่อ  น้ำตาลมันไม่ให้บอกว่ามันอยู่ที่นี่”

   อีบุ้ง! เลวววว!  น้ำตาลเขวี้ยงกระดาษทิชชูลงข้างๆ ถังขยะที่บุ้งเตรียมไว้ให้อย่างตั้งใจ 

   บุ้งจิ๊ปากไม่สบอารมณ์  อะไรที่มันไม่อยู่ในที่ในทางของมันมักจะทำให้เธอรำคาญใจเสมอ  เปิดสปีกเกอร์เลยละกัน  ยาแรงอย่างเดียวไม่พอ  ถึกและทน  มโนเป็นเลิศอย่างน้ำตาลคงต้องจับเข้าห้องผ่าตัดแล้ว

   [อ่อ เออ...ดีแล้ว  เราเป็นห่วง]

   “มันบอกว่ามันอกหักจากน้ำ”  บุ้งพูดต่อ

   ต้นน้ำเงียบไปอยู่นานถึงได้ตอบกลับมาอีกครั้ง [ อืม ]

   แค่นี้เหรอ? ...ไม่ได้นะ  นี่ห้องผ่าตัดโรคหัวใจ  มันต้องเยอะกว่านี้สิ  เดี๋ยวคนไข้ไม่หาย เป็นมานานแล้วด้วย “แล้วน้ำไม่ได้รักน้ำตาลเหรอ?”

   [ รักสิ  เรารักน้ำตาลนะ...แต่มันคงไม่ใช่ความรักในแบบที่น้ำตาลอยากได้]

   “แล้วทำไมไม่พูดตรงๆ  ทั้งที่น้ำก็น่าจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าน้ำตาลคิดกับน้ำยังไง?”  บุ้งพูดเสียงแข็งใส่  ส่วนหนึ่งตั้งใจขู่ต้นน้ำ  อีกส่วนมาจากความขุ่นเคืองที่ต้นน้ำไม่ยอมพูดอะไรให้ชัดเจนสักที

   [เรา...เราไม่รู้จะบอกยังไง  เรากลัวน้ำตาลเสียใจ  ไม่อยากให้น้ำตาลร้องให้]

   “ถ้ากลัวเราจะเสียใจ  ทำไมไม่รักเรา  ทำไมไม่เลือกเรา  สุดท้ายเราก็ต้องเป็นคนที่ร้องให้อยู่ดีป่ะ”  ประโยคนี้บุ้งไม่ได้พูด  น้ำตาลโพล่งออกมาทั้งน้ำตา

   ต้นน้ำเงียบไปอีกครั้ง... [เราขอโทษ  น้ำตาลสำคัญกับเรามากนะ  เราเห็นน้ำตาลเป็นน้องสาว  เป็นคนในครอบครัวเรามาตลอด  แต่เราไม่ได้รักน้ำตาลแบบนั้น  เราขอโทษ  ขอโทษจริงๆ]

   น้ำตาลปล่อยโฮอีกครั้ง  ยังไม่ทันที่บุ้งจะยื่นกระดาษทิชชูให้  มือเล็กก็เอื้อมมาหยิบไปเอง 

   “อันนี้เราถามเอง  เราถามได้ไหม?”  บุ้งขออนุญาต  แผลเปิดแล้ว  ขอกรีดให้มันกว้างขึ้นอีกนิด

   [อืม]  ต้นน้ำอนุญาต  เขาอยากจะเคลียทุกอย่างให้น้ำตาลเข้าใจ 

   “ทำไมถึงไม่เลือกมันอ่ะ  มันดีกับน้ำมากนะ”

   [ เรา... ] ต้นน้ำสูดหายใจยาว [ เราอึดอัดถ้าต้องคบกันเป็นแฟน  น้ำตาลสำคัญกับเรามากจริงๆ  สำคัญจนเราไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย  เราใส่เสื้อที่น้ำตาลซื้อให้ทั้งที่เราไม่ชอบ...เพราะเรากลัวน้ำตาลเสียใจ  เราทำทุกอย่างที่น้ำตาลอยากให้ทำ...ทั้งที่เราไม่อยากทำ  เพราะว่าเราไม่อยากให้น้ำตาลเสียใจ ]

   ภาพเก่าๆ หมุนวนในหัวราวกับต้องการตอกย้ำความจริงในสิ่งที่ต้นน้ำพูด  น้ำตาลปล่อยให้น้ำตาไหลหยดออกมา

   [เราผิดเองที่ไม่เคยบอกน้ำตาล  เราขอโทษ] ต้นน้ำบอกขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  เป็นอีกครั้งที่เขากลัว...กลัวว่าจะเสียเพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันมานานกว่าครึ่งชีวิตไป  ไม่รู้ว่าขอโทษอีกกี่ครั้งถึงจะเพียงพอ  ไม่รู้ว่าจะต้องขอโทษอีกที่ครั้งถึงจะได้รับการอภัยกับการที่เขาทำน้ำตาลเสียใจครั้งนี้

   “น้ำไม่ต้องขอโทษหรอก” บุ้งรู้สึกสงสารคนทั้งคู่  ต่างฝ่ายต่างก็รักกัน  เพียงแค่เป็นความรักในรูปแบบที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง  “น้ำไม่ได้ทำอะไรผิด” หากการที่เราไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของใครสักคนได้เป็นเรื่องผิด  คนหล่อคนสวยทุกคนบนโลกนี้สมควรเข้าคุก

   “พอเถอะ”  น้ำตาลตัดบทเสียงดัง  ต้นน้ำไม่ผิดที่ไม่รักเธอ  เธอผิดเองที่รักคนที่ไม่รักตัวเอง  เธอรู้ดี...แต่หัวใจกำลังจะรับไม่ไหวแล้ว “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว  เราไม่อยากฟัง”

   [เราเป็นห่วง]

   “ไม่ต้องมาห่วง  ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมาห่วง  ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก” อารมณ์พาลทำให้น้ำตาลระเบิดถ้อยคำที่เธอคิดว่าจะทำร้ายความรู้สึกของต้นน้ำได้ดีที่สุดออกไป

   เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายเงียบไปนาน  นานจนน้ำตาลรู้สึกผิดที่พูดถ้อยคำตัดสัมพันธ์ร้ายกาจออกไป  แต่ทิฐิและความเจ็บช้ำเข้าครอบงำจนไม่อยากจะแก้ไขใดๆ 

   [งั้น...ตาลดูแลตัวเองดีๆ นะ] คำพูดกระท่อนกระแท่นถูกเอ่ยออกมาในที่สุดราวกับเจ้าตัวเองก็ไม่อยากที่จะพูดมันออกมา

   สัญญาณถูกตัดขาดด้วยมือของบุ้ง  คิ้วหนาขมวดมุ่น “สงสารต้นน้ำ”

   “สงสารทำไม  เพื่อนแกคือคนที่อกหักนะเว้ย” 

   “สงสารแกด้วย  แต่ที่สงสารมันก็เพราะว่ามันดีกับแกจริงๆ  ไปเรียนพิเศษก็ไปเป็นเพื่อนแก  แกอยากกินอะไรก็พาไปกิน  ตามใจแกสารพัด  มีเพื่อนคนไหนดูแลแกได้อย่างนี้บ้าง  ถ้ามันไม่เห็นแกเป็นคนสำคัญจริงๆ”  ในสายตาคนนอกอย่างบุ้ง  ต้นน้ำให้ความสำคัญกับน้ำตาลเสมอต้นเสมอปลาย  แต่ไม่เคยมีทีท่าในเชิงชู้สาวเลยสักนิด  ถ้าน้ำตาลไม่คิดล้ำเส้นก่อน  ต้นน้ำก็คงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับน้ำตาล 

   “ก็เพราะน้ำใจดียังไงล่ะ  เราถึงเป็นอย่างนี้ไง  ให้น้ำใจร้ายกับเราดีกว่า  เราจะได้ไม่ต้องรัก”

   ใครเจอคนแบบนี้  จะห้ามใจไม่ให้รัก...ก็คงยาก

   ความรักเป็นเรื่องน่าปวดหัวเสียจริง!
 
   “แกมันน่าสงสารจริงๆ ด้วย  ต้องอกหักเพราะผู้ชายไม่รัก  แถมยังต้องเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปอีกคน  บอกตามตรง  เราเองก็ยังดูแลแกได้ไม่เท่าต้นน้ำ  แค่แกทิ้งกระดาษทิชชูเกลื่อนรอบห้องอย่างนี้ก็อยากเอาตีนฟาดแล้วเนี่ย  ร้องเสร็จแล้ว  อย่าลืมเก็บทิ้งให้ด้วยนะ  คาใจมาก”

   “อกหักอยู่  อยากได้คนเข้าข้างอ่ะ  อยากได้คนดูแล...เข้าใจไหม?”  ถ้าเป็นต้นน้ำ...จะต้องเข้าข้างเธอ  ต้องดูแลเธออย่างดีแน่  น้ำตาหยดใสๆ  ไหลลงมาอีกครั้ง  หยิบภาพที่เห็นมารีรันใหม่ในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า  พาลเกลียดคนที่เป็นฝ่ายได้หัวใจอีกฝ่ายไปครอง  “ฮือ...นที...ไอ้เลว  ไอ้ชั่ว  ฮืออ” ไหนบอกว่าจะช่วยเราวะ  คาบไปกินเองเฉยเลย 

   บุ้งทำตาโต  เลิกคิ้วสูง  อกหักจากต้นน้ำ  แล้วไปด่านทีทำไม? 

   เจอที่บ้าน!!!  หรือว่า....?!?!? 

   ถึงเพื่อนจะร้องให้น้ำตาเช็ดหัวเข่า  แต่เธอฟินได้ไหม?





   ต้นน้ำไล่โทรหาเพื่อนน้ำตาลที่รู้จักอยู่หลายคน  จนมาพบว่าน้ำตาลอยู่กับบุ้งถึงได้คลายใจลง  โชคดีที่บุ้งยอมบอกว่าน้ำตาลอยู่ด้วย  ไม่งั้นเขาคงเป็นห่วงจนทำอะไรไม่ได้ 

   แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าเขาจะทำอะไรได้

   มือเรียววางโทรศัพท์ลงอย่างเหนื่อยล้า  สิ่งที่เขากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว  เขากลัว...ที่จะต้องเสียน้ำตาลไปหากเขาบอกปฏิเสธ  และ...เขาก็เสียน้ำตาลไปจริงๆ   คำพูดของน้ำตาลดังก้องราวกับถูกมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

   ทุกการกระทำของเขาดูไร้ค่า  แม้เขาจะทำดีกับน้ำตาลมามากเท่าไรก็ไม่มีความหมาย  มันช่วยชดเชยอะไรไม่ได้เลย 

   “กินข้าวเถอะ”  เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลังฉุดต้นน้ำให้ออกจากความคิด 

   “ไม่กินอ่ะ  กินไม่ลง”   

   “เจอน้ำตาลหรือยัง?”  นทีถามเพราะเห็นต้นน้ำไล่โทรศัพท์หาเพื่อนน้ำตาลมานานแล้ว  เขาให้แม่บ้านออกไปซื้อข้าวกลับมา  ต้นน้ำก็ยังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม

   “เจอแล้ว”

   “แล้วเป็นอะไร?”

   “อกหัก”  ต้นน้ำตอบเสียงแผ่ว  เขาคิดแบบนี้จริงๆ  ทุกความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง  คือการอกหัก  เขาอยากเป็นเพื่อนกับน้ำตาล  แต่น้ำตาลไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอีกต่อไปแล้ว  ก็คืออกหัก 

   และคนที่ทำให้เขาอกหักเป็นคนแรกก็คือ...พ่อของเขาเอง!

   เขารู้ว่าว่าพ่อรัก...ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนเกลียดลูก  แต่นั่นเป็นความ ‘รู้’ ไม่ใช่ความ ‘รู้สึก’

   ลูก...สำคัญที่สุด  แต่ในวันที่เขาขอร้องให้พ่ออยู่  พ่อกลับเลือกเดินจากไป  เขาได้แต่ยืนมองด้านหลังของพ่อ  รอแล้วก็...รอ  ความรู้สึกของเขาคือ  เขาถูกพ่อทอดทิ้ง  เขาไม่ได้รับความสำคัญมากไปกว่าผู้หญิงอีกคนหนึ่งของพ่อ  เขาอยากเป็นคนสำคัญที่สุด  แต่...เขาเป็นไม่ได้

   เขาอกหัก!  อาการใจสลาย...บางทีมันก็ไม่ได้มาในทีเดียว  มันค่อยๆ กัดกร่อนไปทีละเล็กทีละน้อย  จนทุกอย่างจางหาย  ไร้ค่าเหมือนฝุ่นผง

   นที “......” 

   ร่างสูงทรุดนั่งตรงโซฟาข้างๆ ต้นน้ำ  มือใหญ่โอบรอบลำตัวเข้าไปไว้ในวงแขน  หากต้นน้ำขืนตัวไว้  “นั่งดีๆ สิ  เดี๋ยวดามให้”

   ต้นน้ำ “...!?!...”

   “ก็อกหักไม่ใช่เหรอ?  เดี๋ยวช่วยดามให้”  นทีไม่ฝืนรั้งตัวคนด้านข้างแล้ว  เขาเท้าศอกลงกับเข่าแล้วมองคนหน้าม่อยแทน  สงสารตากลมๆ ที่หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด 

   ต้นน้ำก็มองนทีกลับ  เขาเห็นความเป็นห่วงในดวงตาคู่นั้น  บางที...สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจแย่  แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรถ้ามีคนๆ หนึ่งคอยอยู่ข้างๆ

   “ดามยังไง?”

   “ไปกินข้าว  ซื้อข้าวมันไก่มาให้”

   “กินข้าว...แล้วจะหายอกหักเหรอ?”

   “ไม่หาย!  แต่ไม่กินก็ไม่หายเหมือนกัน  ไหนๆ ก็อกหักแล้ว  ก็อกหักแบบท้องอิ่มแล้วกัน  อย่าให้มันรันทดถึงขนาดอกหักไปด้วย หิวไปด้วยเลย”

   “นายอยากกินข้าวมันไก่เหรอ?”

   “ไม่  ซื้อมาเอาใจคนอกหักเฉยๆ” 

   ต้นน้ำ  “.....”  เขารู้ว่านทีเบื่อข้าวมันไก่ไปแล้ว  ถึงเขาจะยังชอบกินอยู่  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้คนอื่นต้องกินบ่อยๆ ไปด้วย  คิดแล้วก็วนไปถึงเรื่องน้ำตาล...เขาทำอะไรหลายๆ อย่างที่น้ำตาลชอบ  ทั้งที่ตัวเองไม่ชอบ  แต่นทีกลับทำอะไรหลายๆ อย่าง  ที่เขาชอบ  แล้วนทีจะอึดอัดใจเหมือนที่เขาเคยเป็นหรือเปล่า?

   นทีลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยไม่ลืมลากคนหน้าม่อยให้ลุกขึ้นตามไปด้วย  “ไม่ต้องห่วง  ของเราเป็นข้าวหมูกรอบ”

   ต้นน้ำยอมให้มือใหญ่จับจูงไปที่โต๊ะอาหาร  บนโต๊ะมีข้าวมันไก่ที่แบ่งเนื้อไก่ใส่จานไว้แล้ว  เคียงข้างกับหมูกรอบจานใหญ่ 

   เขามีความสุขที่ได้อยู่กับนที  รู้สึกสบายใจ  ไม่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ  เขาได้กินข้าวมันไก่  ในขณะที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่านทีจะไม่ชอบ 

   เวลานี้ต้นน้ำนั่งกระดิกเท้า  รอคนตัวสูงตักข้าวให้

   “เอาข้าวสวยหรือข้าวมัน”

   “ข้าวมัน”  ต้นน้ำตอบโดยไม่ต้องคิด

   ถ้าต้องตอบถาม ‘เป็นแฟนกันไหม?’ ของนที  คำตอบเจ็ดในสิบ ณ เวลาปัจจุบันคือ...ตกลง!





   ต้นน้ำนอนไม่หลับ  เขากินข้าวน้อยลงไปครึ่งจาน  วันนี้ทั้งวัน...เขาทำตัวเหมือนลูกนกกระจอกที่มีแม่นกอย่างนทีคอยหาอาหารมาป้อน  เขาหลบขึ้นมาวาดรูป  วาดไปเรื่อยๆ  มีงานที่ต้องทำส่งป้าเล็ก  แต่สติและสมาธิไม่มากพอที่จะทำงานตามคำสั่งคนอื่นได้  เขาได้แต่วาดเรื่อยเปื่อยตามอารมณ์จนนทีเรียกให้ลงไปกินข้าวเย็น  เขาก็ลงไป 

   นทีออกไปซื้อของตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  หอบรองพื้นหลายสีมาให้เขาเลือกเพื่อปกปิดรอยสีแดงที่คอ  ผ่านไปเกือบวันรอยจ้ำหดเล็กลงแต่สีกลับเด่นขึ้น  นทีพยายามอธิบายการใช้รองพื้นที่ฟังมาจากพนักงานขายให้เขาฟัง  แต่เขาก็ยังงงอยู่ดี  จะไม่ให้งงได้ยังไง?  ในเมื่อคนอธิบายก็ยังดูงงๆ อยู่เหมือนกัน แต่เขาก็พอจับใจความได้ว่าต้องเลือกสีที่ตรงกับผิวจริงให้มากที่สุด  ห้ามทาปาด  แต่ต้องใช้นิ้วแตะๆ ตบๆ แทน 

   กลับขึ้นมาอาบน้ำ  ตั้งใจจะนอน  แต่คนเราก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำตามที่ตั้งไว้สำเร็จ 

   ครุ่นคิดจนอารมณ์พังได้ที่  มือเขาก็รวบคว้าผ้าห่มเดินออกไปสู่ประตูที่ไม่ได้ล็อค

   “เขยิบไปสิ  อย่ามาแกล้งหลับ”  ต้นน้ำเบียดตัวเองดันคนที่นอนกลางเตียงให้เลื่อนตัวไปยังอีกฝั่ง   

   นทีแสร้งอิดออดเล็กน้อยก่อนเขยิบให้  “รู้ทันอีก  ก็กลัวนายจะอายแล้วหนีกลับ”

   “แสงมือถือนายมันลอดออกมาจากผ้าห่มนะ”  ที่จริงก็อาย  แต่ไม่อยากนอนพลิกไปพลิกมาคนเดียวมากกว่า 

   “อ้าว  นึกว่าปิดแล้ว”  นทีหยิบมือถือมานอนเล่นอีกครั้ง  “แสงแยงตาหรือเปล่า?” 

   “ไม่”  ต้นน้ำนอนตะแคงดูคนที่เล่นโทรศัพท์อยู่ “ระวังมันตกใส่หน้า”

   “เคย?”

   “อืม  สันดั้งเลย  โคตรเจ็บ”

   “ฮ่า  ของเราปลายดั้ง น้ำตาไหล”

   เสียงหัวเราะเบาๆ ประสานกันในความมืด 

   “ไอ้ปาล์มแม่ง...สารเลว  ดูสิ...พี่สาวมันซื้อลูกหมามาใหม่  มันจับหมาเขามาวาดคิ้ว”  นทียื่นโทรศัพท์ให้ต้นน้ำดูรูปหมาน้อยพันธ์บีเกิลที่มีคิ้วโก่งสวย  พร้อมแคปชั่น...  เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า พี่ปริมเห็นก็กรี๊ดดังเลย  หนูสวยชิมิคร๊า

   “เออ  คิ้วตกไปหน่อย  หน้ามันเลยดูเศร้า  ถ้ามันวาดให้หางชี้ขึ้นอักนิด  หน้าหมามันจะดูร่าเริงขึ้นทันที”  ต้นน้ำออกความเห็น

   “มันไม่ได้เรียนวาดรูปเหมือนนายนี่  แค่มันวาดคิ้วเท่ากันก็เก่งแล้วนะ”

   เพียงเท่านั้น  สายตาสองคู่ก็จ้องมองรูปหมาน้อยอย่างละเอียดอีกครั้ง 

   “ไม่เท่ากันว่ะ”

   “ทั้งองศาและขนาด”

   “สมควรแล้วที่พี่มันจะกรี๊ด”

   อยู่กับนทีโคตรสบาย  มันเป็นความสบายแบบโล่งๆ  สบายตัว  สบายใจ  เหมือนไม่มีอะไรให้ต้องคิดในหัวเลย  เพลินไปเรื่อยๆ  ปล่อยเวลาให้ไหลไปทุกนาที

   เขาเคยคิดที่จะเป็นแฟนกับน้ำตาล  ตอบแทนความรักท่วมท้นที่น้ำตาลมีให้  แต่เขาไม่รู้สึกสบายตัวเหมือนตอนนี้  เหมือนมีแรงกดทับทำให้อึดอัดและคับแคบไปเสียหมด  แต่ตอนนั้นน้ำตาลไปควงพี่แทนนายแบบมาลองใจเขาเสียก่อน 

   “อยู่กับนายแล้วเราต้องสบายจนเคยตัวแน่ๆ”

   ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว!  “ก็ดีแล้วนี่”

   “แล้วนายไม่อึดอัดเหรอที่ต้องทำอะไรตามใจเรา”

   “ไม่นี่”

   “.....” 

   “ถ้าเป็นนาย  นายจะอึดอัดไหม?”  นทีหันมาถามต้นน้ำบ้าง

   ต้นน้ำคิดนิดเดียวก่อนตอบ “ไม่”

   “เพราะเราเหมือนกันไง” 

   ต้นน้ำคิดอีกครั้ง  “เหมือนตรงไหนวะ?” เขากับนทีไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง  บุคลิก  ลักษณะ  ท่าทางหรือการแต่งตัว  ไม่มีอะไรเหมือนสักนิด 

   เขาชอบศิลปะ  ทุกอย่างยืดหยุ่นได้

   นทีชอบคำนวณ  ความคิดเป็นตรรกะ

   อะไรคือความเหมือน?

   “เหมือนตรงที่...เราชอบนายแบบที่นายเป็น  นายก็ชอบเราแบบที่เราเป็น  ไม่ต้องบังคับให้อีกฝ่ายต้องเป็นในแบบที่เราชอบ  เราก็เลยไม่อึดอัด”

   นี่ไง?  แค่คำพูดก็มีตรรกะสามชั้นให้ครุ่นคิดแล้ว  เป็นตรรกะที่สรุปออกมาแล้วชวนให้เขินอายเสียจริง

   “เคยพูดว่าชอบเหรอ?  เมื่อไร?  ที่ไหน?  จำไม่เห็นได้”

   “ภาษามันมีแต่ภาษาพูดที่ไหนล่ะ  ภาษากายก็บอกได้”  นทีชี้ที่คอตัวเอง  “ที่นี่  เมื่อคืนนี้ไง”

   อ๊ากกกก...เขาเก็บผ้าห่มหนีกลับห้องทันไหม? 




   ต้นน้ำใช้ชีวิตผ่านช่วงเช้าจันทร์มาด้วยดี  ยังไม่มีเพื่อนคนไหนใครเรื่องรอยแดงใดๆ  ต้องขอบคุณรองพื้นกันน้ำกันเหงื่อติดทนราวโบกปูนนานแปดชั่วโมง  รวมกับความรู้พื้นฐานในการผสมสีแล้ว  ผลคือ...รองพื้นเขาเนียนกริ๊บ  แยกไม่ออกว่าเป็นผิวจริงหรือรองพื้นมา  นวัตกรรมของผู้หญิงช่างล้ำเลิศจนน่ากลัว  ที่เหลือก็ได้แต่หวังว่าจะไม่หลุดลอกไปเสียก่อนเวลาเลิกเรียนตามคำโฆษณา 

   ต้นน้ำเห็นผิวเนียนๆ ของเอื้องฟ้าแล้วก็สงสัยว่านี้ผิวจริงหรือโบกรองพื้นมา  นิ้วเรียวเผลอเอื้อมไปปาดแก้มนวลของเอื้องฟ้ามาดู  ไม่มีคราบรองพื้นติดออกมา

   “เชี่ย  มึงทำอะไรเนี่ยไอ้น้ำ” เอื้องฟ้าเอามือกุมแก้มมองต้นน้ำด้วยสายตาหวาดกลัวเหมือนลูกแมวน้อยที่ปกป้องตัวเองไม่ได้  ลืมตัวตนไฮยีน่าของตัวเองหมดสิ้น

   “โทษๆ โทษที  กูแค่จะดูว่ามึงใช้รองพื้นไหม?”

   นทีที่นั่งข้างๆ หัวเราะ  เขาเข้าใจดีว่าต้นน้ำกำลังทึ่งกับไฮเทคโนโลยีของรองพื้นเหมือนที่เขาตะลึงมาแล้วเมื่อวานตอนที่พนักงานเทสต์ให้ดู

   “ใช้โว้ย  แต่เป็นแบบน้ำ  มันเลยดูไม่ออก  ว่าแต่...นี่อะไรวะ?”  เอื้องฟ้าเอื้อมมือมาจับมือต้นน้ำไปดูรูปหัวใจบนฝ่ามือที่แม้จะจางลงแล้วแต่ก็ยังเห็นชัดอยู่ “มึงมีปานรูปหัวใจตั้งแต่เมื่อไร?  เป็นเจ้าชายจากประเทศไหนที่โดนสับตัวมา?” 

   “เจ้าชายเหี้ยไรเล่า?  กูวาดเล่น”  ต้นน้ำสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเอื้องฟ้า

   “ย่ะ” วาดเล่นก็วาดเล่น  เอื้องฟ้าทำหน้าเอือม  แต่คาดคั้นไปเพื่อนก็ไม่มีวันเผยความจริงออกมาหรอก   อย่าให้มีโอกาสอีกสักครั้ง  แม่จะแฉๆๆ

   “แต่เอาจริงๆ นะ  พล็อตหากันจนเจอเพราะปานรูปหัวใจนี่โคตรป่วย” น็อตบ่น  เขาเบื่อละครที่คุณย่าชอบดูมาก  ดูเป็นเพื่อนคุณย่ามาตั้งแต่เด็ก  พล็อตก็ยังเดิมๆ  จนเดาทางออก

   “อืม  กูมีปานที่เอว  แม่กูยังจำไม่ได้เลยว่ารูปอะไร  แม่ในละครนี่จำได้ได้ไงวะ?”  ต้นน้ำชื่นชมแม่ๆ ในละครกับการจำรูปร่างและตำแหน่งปานของลูกมาก  คุณฝนทิพย์นี่เลิกจำว่าเขามีปานรูปอะไร  อยู่ตรงไหน ตั้งแต่เขาอาบน้ำเองได้แล้ว 

   “รูปใบไม้ป่ะ?” นทีหันมาถามต้นน้ำ  เขาเคยคิดอยู่เหมือนกันว่ามันเป็นรูปอะไร?

   เกิดเดธแอร์ขึ้นกลางอากาศในกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในกลุ่มโต๊ะเดียวกัน  ในความเงียบมีการสบตากันวิบวับไปมา  ลูกตาดำแต่ละคู่เคลื่อนไหวกลอกซ้ายไปขวากันรุนแรงโดยไม่มีการเคลื่อนไหวของใบหน้าให้เป็นที่ผิดสังเกตของคนที่กำลังคุยกันอยู่

   อะรุ่ม!  อรุ่มอรุ่ม!

   แต่มีคนสามคนที่ไม่รับรู้ถึงความผิดปกตินี้ 

   “ก็คล้ายใบไม้สุดแล้วอ่ะนะ  ขอลูกชิ้นอันนั้นได้ไหม?”  หนึ่งคือคนที่กำลังเล็งลูกชิ้นของนทีอยู่...เจ้าของปานรูปใบไม้ที่เอว

   และคนที่สอง...

   “ เอาไปสิ”  นทีเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวไปใกล้ๆ เพื่อให้ต้นน้ำตักลูกชิ้นได้ถนัดยิ่งขึ้น 

   “เออ อร่อยว่ะ  คราวก่อนที่ซื้อไม่เห็นมีลูกชิ้นแบบนี้ให้เลย”

   “เขาให้เฉพาะคนหล่อ”

   ต้นน้ำแสยะยิ้ม  “หล่อจ้า  หล่อวัวตายควายล้มเลยจ้า” 

   นทีหัวเราะ  ดวงตายิบหยีทวีความหวานเข้าไปอีก   

   ส่วนคนที่สามนั้น...

   ต้นปาล์มคว้าส้อมมาจิ้มลูกชิ้นอีกลูกในชามไปกินพร้อมกับยักคิ้วให้  “ลูกสุดท้ายแฟนสวย”

   บรรยากาศกรุบๆ กริบๆ เริ่มคลายตัวลง  เม่นแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เริ่มแห้ง  หยิบน้ำมาดูดก่อนเอ่ยขัดจังหวะ  เขามีเรื่องจะคุยกับนทีอยู่แล้ว  แต่บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งของเพื่อนทั้งสองคนทำให้เขาเกรงว่าจะมีคนอารมณ์เสีย โชคดีที่ได้ต้นปาล์มผู้ที่มีจังหวะนรกเป็นทุนเดิมขัดขึ้นเสียก่อน 

   “มึง  วันนี้ตอนเย็นต้องไปคุยเรื่องสัญญากับกูนะ” 

   “อืม  กี่โมงอ่ะ  ค่ำหน่อยได้ไหม?  วันนี้ต้องไปส่งดิวแล้วมาพร้อมน้ำด้วย”

   “ไม่เป็นไรๆ  เรากลับเองได้”  ต้นน้ำบอก

   “ไม่เอา  ไปส่งดิวแล้วไปด้วยกันไหม?”

   “มีงานป้าเล็กน่ะสิ  เมื่อวานไม่ได้วาดเลย”

   “งั้นนายเอารถไป  เดี๋ยวให้ไอ้น็อตไปส่งดิว  มึงไปส่งกูนะเม่น” 

   เม่นพยักหน้ารับ  แต่น็อตส่ายหน้าปฏิเสธ “วันนี้ไม่ได้ว่ะ  ป้ากูขึ้นมาจากใต้  กูต้องไปรับ” 

   “เดี๋ยวเราไปส่งดิวให้เอง  แป๊บเดียว...ไม่เสียเวลาหรอก”  ต้นน้ำเสนอตัว   

   ดังนั้นทุกคนจึงตกลงกันตามนี้ก่อนแยกย้ายกันไปตามหน้าที่ของตัวเอง 




---------- ต่อด้านล่าง -----------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0


---------- ตอนที่ 24 ต่อ ------------



   ตัวคนน่ะแยกย้าย  แต่...

   องค์กรลับสุดๆ (6)

____________________________

Uangfah : พวกมึ๊งงงงง
The Khing : เออๆ กูรู้
Uangfah : มึงได้ยินเหมือนที่กูได้ยินใช่ไหม?
MyNameIsName : กูว่ามันดูปกติเกินไป
SuperMen : ไม่เจ็บ  ไม่ไข้  เดินก็ปกติมากเลย
Nott : มึงไม่เห็นสายตาไอ้นทีเหรอ @Riw มึงกะกุนั่งตรงข้ามพวกมัน
Riw : เห็น
Uangfah : ยังไงวะ? ทำไมรอดสายตากู
The Khing : ก็เรานั่งฝั่งเดียวกับพวกมัน แหม...นั่งกันนิ่งๆ ตาส่ายเป็นระวิงเลยเชียว
UangFah : โคตรฮา กูเกร็งหน้ามาก
riw : ก็ถ้าไอ้น้ำเป็นส้ม  ไอ้นทีก็ปอกเปลือกส้มด้วยสายตาได้อ่ะ
MyNameIsName : เชรดดดด เจ้าคารม
Nott : เหมือนสายตามึงตอนมองน้องขวัญเมื่อวันเสาร์ช่ะ
SuperMen : ไอ้ควัย  มันไม่ได้แค่มอง มันปอกเปลือกแล้ว
Riw : กูไม่ได้ปอก
SuperMen : อ้าว แล้วน้องเขาหายไปพร้อมมึงคืออะไร
Riw : @Khing
The Khing : (แนบสติ๊กเกอร์เขินอาย) คิกค้ากกก
Nott : คิกค้ากพ่อง โธ่! น้องขวัญของกู

.
.
.
.
.
18.17 น.
SuperMen : (แนบรูปนทีถอดเสื้อ  เผยให้เห็นรอยจูบสีชมพูอมม่วงตรงช่วงอก)
Uangfah : เชี่ย
The Khing : เชี่ย
MyNameIsName : เชี่ย
Nott : เชรดดด
Riw : มันยังไงๆ
SuperMen : มันอิดออดไม่ยอมถอดเสื้อตอนฟิตติ้งไง  แต่ขัดไม่ได้  พอถอดออกมา  พวกพี่ๆ สาวๆ แม่งหน้าแดงกันหมด 
The Khing : หุหุ เพื่อนเราก็เอาเรื่องอยู่นา
Uangfah : กุไม่ไหวแล้วมึง  เลือดกำเดากูไหลแล้ว งานดี
The Khing : เพื่อนไหม?
Riw : ผัวเพื่อนด้วย


โดยที่ไม่มีใครคาดคิด  เกิดเดธแอร์ขึ้นกลางแชท  ไม่มีการพิมพ์โต้ตอบอะไรกันทั้งสิ้น  ราวกับคลื่นลมอันแสนสงบ 
.
.
.
Nott : (แนบมีม...อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ)
SuperMen : ไอ้น้ำแม่ง...
MyNameIsName : มึงอย่าพูด กูฮึ่มฮั่มแล้ว
UangFah : คีสดีมั่ยดั้ยเรย
The Khing : เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว  ดีกว่ามันทะเลาะกัน
Riw : นี่มันก็ทะเลาะกันนะ กูว่าหนักอยู่ รอยเพียบเลย
SuperMen : ไร้สาระว่ะ กูไปดูไอ้นทีต่อละ
Nott : มึงอ่ะตัวดี คนเปิดเลยเหอะ
SuperMen : (แนบสติ๊กเกอร์บ๊ายบาย)






   “น้ำหิวป่ะ?”  ดิวถามเมื่อต้นน้ำขับรถมาจนถึงตลาดทางเข้าบ้าน  ถามเหมือนที่เขาเคยถามนทีทุกครั้งที่นทีมาส่ง 

   “หิวสิ  หิวมากด้วย”  ต้นน้ำตอบทั้งที่สายตาก็มองตลาดด้านหน้า

   “แวะกินก่อนไหม?”

   “ดี  กำลังจะชวน” ต้นน้ำตบไฟเลี้ยวขอทาง  เปลี่ยนเลนแทรกเข้าไปจอดริมฟุตบาธ

   “..... ”ดิวมองการกระทำของต้นน้ำแบบอึ้งๆ กับคำตอบตกลงแสนง่ายดาย  ต่างจากนทีที่ไม่ว่าเขาจะถามอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยตอบตกลงเลยสักครั้ง

   “ดิวจะกินอะไรล่ะ? ที่นี่อะไรอร่อย?”  ต้นน้ำถาม  เขาเดินลงพยุงดิวที่ยังใช้ไม้ค้ำอยู่ 

   “เอ่อ  ข้าวคลุกกะปิร้านโน้นอร่อย  กินได้เปล่า?”

   “ได้  ไปสิ  ไม่ได้กินนานแล้ว” 

   ต้นน้ำพาดิวมานั่ง  เขาสั่งข้าวคลุกกะปิสองที่แล้วสั่งกลับบ้านสำหรับนทีอีกที่หนึ่ง

   “แล้ว...ไม่ต้องกลับไปกินกับนทีเหรอ?”

   “ไม่ต้อง  ก็ซื้อไปฝากแล้วไง”

   “เอาน้ำอะไร  เดี๋ยวเราไปซื้อให้”  ต้นน้ำหันมาถามดิวหลังจากที่สอดสายตาอ่านเมนูน้ำปั่นร้านข้างเสร็จ 

   “เอาชาเย็นแล้วกัน”

   “โอเค”  ต้นน้ำลุกเดินออกไปโดยมีสายตาของดิวมองตามหลัง

    นทีรีบกลับไปกินข้าวกับต้นน้ำทุกวัน  แต่ต้นน้ำกลับไม่กระตือรือร้นเลยสักนิด  หรือว่าเป็นนทีที่รู้สึกกับต้นน้ำฝ่ายเดียว 

   ต้นน้ำกลับมาอีกครั้งพร้อมกับชาเย็นและชาเขียวปั่นวิปครีมพูนแก้ว  ข้าวคลุกกะปิสองจานวางถูกเสริฟไว้พร้อมอยู่แล้ว

   “นทีอยู่บ้านเป็นยังไงเหรอ?”  ดิวพยายามชวนคุยเรื่องนที  ส่วนหนึ่งเพราะนทีเป็นจุดเชื่อมโยงเดียวของเขาและต้นน้ำ  อีกส่วนหนึ่งคือความอยากรู้ส่วนตัว

   “ทำไมมีแต่คนถามเราเรื่องนี้?”  เริ่มแรกสุดเลยก็เอื้องฟ้า  หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนในคณะที่เริ่มรู้ว่าแม่เขาแต่งงานกับป๊า

   “ก็นทีไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง”

   “ก็ยังไงดีอ่ะ  ก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ  กินๆ นอนๆ”  ขออภัย! เขาไม่รู้จะตอบคำถามปลายเปิดแบบนี้ยังไงจริงๆ  “เล่นกับหมา เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ ดูหนัง  ก็ประมาณนี้”  อ่ะ...เขาตอบให้อีกนิดหนึ่งก็ได้  แต่มากกว่านี้ก็ตอบไม่ถูกแล้ว

   “สองตัวที่ชอบอัพลงไอจีน่ะเหรอ?”

   “ใช่  เขารักของเขามาก  จูบซ้ายจูบขวา  ข้าวก็กินจานเดียวกัน”

   “ฮ่าๆๆ จริงดิ?”

   “ไม่จริงหรอก” ต้นน้ำหัวเราะ “ก็เป็นบางอย่าง  หมูปิ้งงี้  ไส้กรอกงี้  กินตัวเองคำ ป้อนหมาคำ” 

   “น่ารักว่ะ  ผิดกับที่มหา’เลย  ตอนที่เราเจอครั้งแรก  เราว่านทีหยิ่ง  ดูเลวด้วย”

   “เหมือนกัน  ตอนที่เราเจอครั้งแรก...”  ต้นน้ำทำท่าขนลุก  เขาไม่ได้เสแสร้งนะ...ขนลุกจริง  วันวนนักเลงไม่เหมาะกับเขาหรอก 

   “เป็นยังไงอ่ะ?  รู้จักกันก่อน  หรือว่ารู้จักกันเพราะพ่อแม่” 

   “รู้จักกันแบบเป็นทางการเพราะพ่อแม่  แต่ตอนเข้าปีหนึ่งเราก็รู้จักนทีมาก่อนแล้วว่าเป็นเดือนมหา’ลัย  คนดังนี่นะ”

   “แล้วเจอกันครั้งแรกเป็นยังไง?”

   “ก็...” ต้นน้ำทำหน้าสยอง “ เราจอดรถไว้แถวสวนวนศาสตร์ตอนรับน้อง  แล้วนทีก็ต่อยกับใครไม่รู้ข้างรถเราพอดี  เราก็เลยเข้าไปช่วย” พูดดีมากไอ้น้ำ  เหมือนเข้าไปช่วยตีกับเขา  แต่แท้ที่จริงแล้วเข้าไปช่วยเก็บซากเฉยๆ

   “อ่า น่าจะเป็นตอนนั้น  เราเอง...นทีช่วยเราไว้”

   ต้นน้ำตาโต “หืม?”

   “ตอนนั้น  กลุ่มนั้นมัน...” ดิวไม่อยากใช้คำว่าลวนลาม  เป็นผู้ชายแต่ถูกลวนลาม...มันดูแย่เกินไปสักหน่อย “...หาเรื่องเรา  แล้วนทีก็เลยช่วยเอาไว้  น็อตเป็นคนพาเราไปโรงพยาบาล”

   “อืม  เราสวนกับน็อตตอนเดินเข้าไปพอดี” เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  พระเอกช่วยนางเอกจากตัวร้าย  พล็อตน้ำเน่าสุด  เหอะ! 

   แล้วเขาเป็นใครวะ?  ผู้ช่วยพระเอกเหรอ?

   ดิวยิ้มขื่น  สาเหตุที่ทำให้ต้นน้ำและนทีเจอกันครั้งแรกก็คือตัวเขานี่เอง

   “แล้วมีเจอกันอีกไหม?”

   ต้นน้ำตักข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์เสียเมื่อนึกถึงการเจอกันครั้งที่สอง  เสียงจูบกับลมหายใจแผ่วๆ ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนแล่นวาบเข้ามาในสมอง  ไอ้บ้านั่นกล้าเอาปากที่จูบผู้หญิงคนอื่นมาจูบเขา  แค่คิดก็รู้สึกร้อนระอุ  เหมือนร่างทั้งร่างถูกองค์ก๊อตซิลล่าเข้าสิง 

   ก้าซ...ก้าซ...อยากพ่นไฟเผาบ้านเผาเมืองทั้งหมดเสียจริง

   “ไม่มีแล้ว  ใครจะไปอยากเจอ  คนชื่อเสียงแบบนั้น” 

   ถ้าฟังไม่ผิด  ดิวคล้ายได้ยินเสียงกัดฟันกรอดเล็ดลอดออกมาจากปากต้นน้ำ 

   “แต่ที่จริงนทีเป็นคนดีนะ”  ทำไมต้นน้ำถึงต้องพูดถึงนทีในทางเสียหายแบบนั้น  หรือว่าไม่ได้ชอบนทีจริงๆ  นทีรักต้นน้ำข้างเดียวงั้นเหรอ?  แต่ก็ยังไม่ยอมตัดใจ  เขารู้ดีว่าการรักใครสักคนข้างเดียวมันทรมานแค่ไหน? 
   
   “เราชอบนทีตั้งแต่ตอนที่นทีช่วยเราแล้ว  ถ้าต้นน้ำไม่ได้คิดอะไรกับนทีแบบนั้น  เราขอนทีได้ไหม?”


---------- tbc ------------

มาแล้วคร่าาาา  รอนานไหม?

ไม่ได้รอ?

เอ๋????

ร้องห้ายยยแพรพ!!!

ออฟไลน์ cookie8009

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องน้อยขอตรงๆ แมนๆ ต้นน้ำจะว่าไง

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
กล้าหาญมาก... ปรบมือ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


โถๆๆๆๆๆๆ อิหนูดิว   ยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าต้นน้ำหน่ะชอบนทีเต็ม ๆ

อย่างว่าแหละนะ  ก็ความรักทำให้คนตาบอดนิ  ดิวเลยมองไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก  หุหุ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
หึๆ คิดเหรอว่าน้ำจะให้

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฮ้ย !!!!! .........   o22 :a5: :angry2:
ดิว ขอนทีจากต้นน้ำง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ   มันแปลกๆอยู่นะ :fire:
คิดอยู่ว่าเข้าทางดิว ที่ต้นน้ำเป็นคนไปส่งดิว  :เฮ้อ:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
อุ้ย ต้นน้ำใจร่มๆ อย่าไปตอบอะไรให้นทีเสียใจอีกเลย
ฟิน ต้นน้ำ นทีมากจ้า :

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
รอฟังคำตอบต้นน้ำ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
อย่างนี้ต้องมีไฟต์​

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
อย่าไปคิดแทนเขาสิดิวววววววววว
อะไรที่เห็นมันก็ไม่ใช่แบบนั้นแมะะะะะ

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 25
ไม่อยากเป็นแฟน






   ช้อนในมือต้นน้ำสั่นระริก  เขวี้ยงเลยได้ไหม?  ต้นน้ำพยายามยกมุมปากขึ้นอย่างยากลำบาก  หน้ามันดูตึงๆ “ทำไมดิวถึงถามเราอย่างนี้ล่ะ?”

   “เพราะเราคิดว่านทีกับต้นน้ำสนิทกัน  แต่เราไม่แน่ใจว่าสนิทกันแบบไหน  ถ้าต้นน้ำกับนทีไม่ได้คบกัน...แบบนั้น  เราก็อยากจะเป็นคนดูแลนทีเอง”

   “เราว่าดิวไปคุยกับนทีเองจะดีกว่า  อำนาจการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่เรา  มันเป็นเรื่องของนทีกับดิว  เราคงตัดสินใจแทนใครไม่ได้”  ต้นน้ำวางช้อนส้อมลง  ใช้มือข้างหนึ่งเท้าที่คาง  ข้างที่มีหัวใจดวงหนึ่งวาดไว้ตรงฝ่ามือ 

   “เรายังไม่เคยบอกนทีตรงๆ  แต่ก็ว่าจะคุยแหละ  เราไม่ได้หวังว่านทีจะตอบรับความรู้สึกเราหรอก  เราแค่อยากยืนข้างๆ  อยากดูแลในวันที่นทีไม่มีใครเท่านั้นเอง”  ดิวก้มหน้าก้มตาพูดอธิบายความรู้สึกของตนเอง 

   ต้นน้ำได้แต่ภาวนาให้ดิวเงยหน้าขึ้นมา  ซึ่งไม่มีเสียงตอบรับจากพระเจ้า  ดิวยังคงมีก้มหน้าก้มตาพูดด้วยท่าทางลำบากใจ  ถ้าลำบากใจที่จะพูดออกมามากนัก  ก็หุบปากไปเลยก็ได้นะ

   ต้นน้ำปล่อยมือที่เท้าคางออกไปเชยคางดิวให้เงยหน้า  “ดิว   เงยหน้าหน่อย”

   พอดวงตาใสแจ๋วมองมาที่ตนแล้ว  ต้นน้ำก็ใช้มือ ‘ข้างที่มีหัวใจวาดไว้’ เกาที่หลังหูเบา ๆ “เราว่าดิวกำลังเข้าใจอะไรผิดๆ”  เขาย้ายมือกลับมาเท้าคางใหม่อีกครั้ง  “เราชอบนทีนะ”

   ดิว “......”

   “เราไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราดูแลนทีไม่ดีเท่าไร  ดิวอาจจะดูแลนทีได้ดีกว่าเราก็ได้”

   “แล้วทำไมดูเหมือน...น้ำไม่ค่อยใส่ใจนทีเท่าไร  แล้วเมื่อกี้...ยังพูดว่า นทีเป็นคนนิสัยแบบนั้น”  มันเป็นคำพูดในทางลบไม่ใช่เหรอ?  ดิวเริ่มงงว่าสองคนนี้รักกันแบบไหน?

   “ทำไมล่ะ?  แล้วต้องแสดงออกยังไง?  ต้องชื่นชมตลอดเวลาเหรอ?  เราไม่รู้ว่าความรักของดิวเป็นยังไง  แต่ความรักของเราเป็นแบบนี้  คนเราร้อยพ่อพันแม่  ความรักก็มีร้อยแปดพันแบบ  จะให้เหมือนกันทุกคนก็น่าเบื่อแย่สิ”

   ต้นน้ำอธิบายไป  สะบัดมือไปจนเมื่อย  ไม่รู้ว่ารูปหัวใจตรงฝ่ามือจะเข้าตาอีกฝ่ายบ้างหรือยัง?  แต่เพื่อความแน่ใจ...เขาจึงสะบัดต่อ   ภาษากายของเขาวิบัติมาก  ตรงกับถ้อยคำที่สื่อออกไปหรือเปล่าก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าดิวจะต้องเห็น ‘หัวใจ’ บนฝ่ามือเขาให้ได้  “แล้วมนุษย์เรานี่ก็แปลกนะ  ชอบให้ในสิ่งตัวเองทำได้  ให้ในสิ่งที่ตัวเองให้ได้  แต่ไม่เคยถามอีกฝ่ายเลยว่าเขาต้องการหรือเปล่า?  ดิวลองไปถามกับนทีเองก็แล้วกัน  ว่านทีอยากให้ดิวดูแลไหม?  อยากให้ดิวยืนข้างๆ เวลาที่ไม่มีใคร  หรืออยากยืนอยู่คนเดียวมากกว่า”

   หากเขาพูดมากกว่านี้เกรงว่าจะเป็นการชี้โพรงให้โจรมาขโมย ‘ของ’ ของเขาเสียเปล่าๆ  ต้นน้ำเลื่อนเก้าอี้ออก  “เราไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ  ดิวจ่ายให้ด้วย  เราไม่ได้เอากระเป๋าเงินลงมา”  เงินฟูเต็มกระเป๋าแต่เราจะไม่จ่าย  มีใครว่าอะไรไหม? 

   ต้นน้ำใช้น้ำลูบหน้าคลายความร้อนในหัว  ร้อนมาก...ร้อนรุ่มจนแทบจะเป็นบ้า  ดิวจริงใจกับความรู้สึกตัวเองอย่างที่เขาทำไม่ได้  อยากจะเกลียด...แต่ทำไม่ลง  ที่สำคัญ...ดิวรักนทีอย่างเปิดเผยจนเขารู้สึกพ่ายแพ้ 

   เขาอิจฉาดิว!

   เขาหึงนที!!!

   ความรู้สึกหึงหวงอัดแน่นจนแทบจะระเบิดเผาผลาญทุกอย่างเป็นจุล  ต้นน้ำวักน้ำล้างหน้าอีกครั้ง  รวมถึง...รองพื้นที่คอด้วย

   “ร้อนเนอะ”  ต้นน้ำกระพือเสื้อให้ลมเข้ามาในเสื้อขณะที่กลับมาที่โต๊ะ  มือขาวแหวกคอเสื้อด้านหลังให้กว้างขึ้นอีก “กลับกันเถอะ”  ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนแทบจะเกินความสูง  เพราะคอยืดมาก  ยังจะไม่เห็นอีกไหม?  ให้มันรู้กันไปสิ!

   ดิวถูกต้นน้ำประคองมาที่รถด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก 

   พอขึ้นรถได้...รถก็ออกตัวเร็วตามแรงอารมณ์ของคนขับ  เมื่อวานนอนเป็นลูกนกกระจอก...ชีวิตช่างสโลไลฟ์  แต่มาวันนี้ชีวิตเขามีแต่ fast & furious เท่านั้น  ตีนจิกพื้น...หลังติดเบาะกันไป





   องค์กรลับสุดๆ (6)
__________________________________

19.42 น.

Riw : เมย์เดย์ เมย์เดย์
Riw : ต้นน้ำชวนกินเหล้าๆ :m29: :mc2:
Riw : เอายังไงๆ
The Khing : ไม่ว่างๆ
The khing : วันนี้จะแกะของขวัญ
Nott : ป้ากุมาไง  ไม่อยากออกตอนกลางคืน
Uangfah : กุเข้าบ้านแล้วอ่า 
MyNameIsName : ถามเมียแป๊บ
.
.
MyNameIsName : เมียว่าได้จ้า  แต่เมียไปด้วย
Super Men : ไม่อยาก แต่ดูทรงแล้วต้องไป 
Super Men : นทียังไม่เสรด  เจอกันที่ไหน กี่โมง 
Riw : นัดกันสามทุ่มที่บาร์เบลอ
Super Men : ไอ้น้ำมันเป็นไรเปล่าวะ?
Riw : ไม่รู้  เดี๋ยวค่อยถาม
Super Men : ดีๆ นะมึง  กูกลัว 
Riw : มันทะเลาะกันป่าวล่ะ
Super Men : ไม่นะ โทรศํพท์นทีอยู่กับกู  ไอ้น้ำไลน์มาถามว่าจะกินข้าวไหม? มันจะซื้อข้าวคลุกกะปิมาฝาก  แค่นั้น
Uangfah : มีความผัวเมีย
The Khing : งั้นกุไปด้วย
The khing : ไม่แกะแล้วของขวัญ 
Nott : ตาม
Uangfah : @MyNameIsName…อิเนม มารับกุด้วย ให้แป้งไป ผญ คนเดียว กุเป็นห่วง
MyNameIsName : @uangfah…ค่ะ กุเรียกเมียแป๊บ
Uangfah : เรียกมาทำไมคะ
MyNameIsName : เรียกมาดูคนตอแหลตรงนี้ค่ะ
Uangfah : งั้นเข้ามาใกล้ๆ ค่ะ มึงจะได้เห็นตีนคนตอแหลชัดๆ





   นทีออกมาจากสตูดิโอก็ต้องงงเมื่อเห็นเม่นนั่งรออยู่ด้วยชุดเต็มยศ  อาบน้ำใหม่กลิ่นหอมฉุย  เม่นโยนกระเป๋าที่นทีฝากไว้คืนเจ้าของ  แล้วยังยื่นเสื้อให้อีกตัวหนึ่ง “ไปมึง”

   “ไปไหน?”

   “ไปบาร์เบลอ”

   “เฮ้ย  เดี๋ยวกูกลับบ้าน”

   “กลับทำไม?  ไอ้น้ำก็อยู่บาร์เบลอ  ไปกินข้าวคลุกกะปิที่บาร์เบลอโน่น”

   นทีเดินตามเม่นมาขึ้นรถ  ถอดเสื้อนักศึกษาที่ใส่มาออก  เปลี่ยนเป็นเสื้อที่เม่นยื่นให้แทน  เม่นเหลือบมองแผ่นอกที่เดิมมีรอยแดงประปราย แต่ทีมงานลงรองพื้นกลบไว้อย่างแนบเนียน

   “เป็นไง?”
   
   “อะไร?”

   “มึง...กับไอ้น้ำ  คบกันแล้วเหรอ?”

   “หื้อ” นทีส่ายหน้า  “ยัง”

   “แล้วนั่นมันรอยอะไร?”

   นที “......”  ไม่มีเสียงตอบรับ  ใบหน้าหล่อเหลาเมินไปนอกหน้าต่าง

   “แล้วเป็นไงวะ?  ดีป่ะ?”  เม่นถามด้วยน้ำเสียงครึกครื้นสุดๆ 

   นทีเงียบไปนานจนเม่นแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ความอมพะนำของเพื่อนคิดว่าจะไม่ตอบเสียแล้ว  สักพักเสียงทุ้มก็ดังขึ้น “โคตรดี”  นทีใช้ข้อศอกเท้ากับกระจกก่อนหันกลับมาย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มพราวไปทั้งหน้าทั้งตา “ดีมากกกกก” 

   พอได้รับคำตอบ  เม่นก็เบ้ปากหนักขึ้นไปอีก  รู้...ว่าความสุขมันล้นทะลัก  แต่ทำแบบนี้มันเหมือน...คนขี้อวด!!!






   ความขี้อวดของคนบางคนก็ต้องหยุดชะงักลง  เพราะโดนเบรกอย่างแรงเมื่อมาถึงร้านอาหารกึ่งผับแถวมหา’ลัยที่นัดกันไว้  นทีเห็นคนบนโซฟาตัวยาวนั่งหันหลังให้ก็เดินไปลูบศีรษะเบาๆ  แต่ต้นน้ำกลับเบี่ยงหลบพร้อมกับพยักเพยิดไล่ให้นทีไปหาที่นั่ง

   ริวที่นั่งคู่กับต้นน้ำเขยิบจะลุกให้นทีเข้ามานั่งกับต้นน้ำ  แต่มือขาวกลับคว้ารั้งเขาไว้ให้อยู่ก่อน  ริวกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างคนที่รู้ชะตากรรมของตัวเองดี  ไม่ว่าจะเรียกว่ากรรมการห้ามมวยหรือไม้กันหมา...ตำแหน่งไหนเขาก็ไม่ต้องการทั้งนั้น

   นทีเลิกคิ้วสูง  สาดใบหน้าหล่อเหลาที่มีคำว่า ‘ว๊อทททท...ว๊อท ดา ฟ้าค?’ แปะอยู่บนหน้าผากไปยังเพื่อนที่รายรอบตัว  ทุกคนพากันส่ายหน้าแทนคำตอบ

   “เกิดอะไรขึ้นวะ?”  นทีถามริวทันทีที่นั่งลง

   “กูก็ไม่รู้  อยู่ๆ มันก็ชวนมากินเหล้า  กูก็คิดว่ามันอาจจะมีเรื่องเครียดๆ  เลยมา”

   “มันโทรชวนมึงกี่โมง?”

   “ประมาณทุ่มครึ่งได้”

   นทีนิ่งคิด...เป็นเวลาที่น่าจะไปส่งดิวเสร็จพอดี “แล้วกินไปเยอะแล้วเหรอ?”

   “ก็...”  ริวมองขวดเหล้าที่พร่องไป  “พอกรึ่มๆ มั้ง” 

   ต้นน้ำคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน  มีคนเดียวที่ถูกเมิน  ก็คือคนขี้อวดเมื่อสักครู่นี้ 

   ขิงเห็นอาการผิดปกติของเพื่อนก็เริ่มสะกิดเอื้องฟ้า “กุสวดมนต์แล้วนะ”  อยู่แกะของขวัญก็ดีอยู่แล้ว  กูไม่น่าเสือกเลย

   “มึงจะสวดบทอะไร?” เอื้องฟ้าถาม

   “ชินบัญชร”

   “โอเค  งั้นกูสวดพาหุงฯ  ช่วยๆ กัน”  เอื้องฟ้าเหลือบมองแป้งและเนมที่กำลังคุยเรื่องเล่นกับต้นปาล์มและน็อตอย่างออกรสออกชาติอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ  ฝั่งหนึ่งก็ชื่นมื่นเหลือเกิน  อีกฝั่งหนึ่งก็สุดแสนจะลุ้นระทึกใจ  เธอเลือกฝั่งผิดหรือเปล่านี่?

   ต้นน้ำเหล่ตามองนทีที่กำลังกินข้าวไปคุยกับเพื่อนไปพลางคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาจิบอีกสักรอบ  เขาตั้งใจจะชวนริวมาหาอะไรกินนิดหน่อยแก้เซ็ง  แต่ไม่คิดเลยว่าเพื่อนจะฟอร์มทีมตัวจริงลงสนามครบเซ็ตแบบนี้  ทั้งกลุ่มเขาที่มากันครบ...และยังมีกลุ่มนทีแถมมาด้วยอีกทั้งกลุ่ม  ตั้งแต่เห็นน็อตกับปาล์มเดินเข้ามา  เขาก็พอจะเดาได้ว่านทีกับเม่นต้องตามมาด้วยแน่  เหนื่อยใจ...หลบยังไงก็หลบไม่พ้น

   นทีทยอยส่งสายตา  ส่งรอยยิ้ม  ไปให้คนที่นั่งอีกฝั่งของริว  แต่เหมือนอีกฝ่ายสายรับสัญญาณเสีย  ไม่ว่าเขาจะส่งสัญญาณอะไรไปให้ก็เมินทิ้งเสียหมด  ต้นน้ำพูดคุยกับทุกคน  ยกเว้น...คนพิเศษ

   หัวเน่าเป็นพิเศษ!

   เมื่อส่งสัญญาณให้ต้นน้ำไม่ได้  นทีก็ส่งสัญญาณให้ริวเป็นคนหลบไปแทน  ริวลุกพรวดโดยไม่รีรอ  เขารอจังหวะนี้อยู่แล้ว

   ต้นน้ำเห็นนทีเขยิบเข้ามาใกล้จากทางหางตา  ก็เมินไปมองทางอื่น

   “งอนอะไรเนี่ย?”

   “ไม่ได้งอน  ทำไมเราต้องงอนอะไรนายด้วยอ่ะ?”  ต้นน้ำหันมาตอบก็จริง  แต่ไม่มองหน้าคนถามสักนิด

   “แล้วทำไมไม่คุยกัน?”

   “ก็คุย  นี่ไม่เรียกว่าคุย?” 
   
   นที  “......”  ไม่มองหน้าคน...แต่มองแก้ว  คุยกับแก้วน้ำเหรอ? 

   “กุว่างอน”  ขิงกระซิบเอื้องฟ้า

   “กุก็ว่างั้น  เราเมากันไหมมึง?  ชิงเมาก่อน  เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องรับรู้แล้ว”

   “กูก็อยากทำแบบนั้น  แต่ถ้ามันทะเลาะกันอีก  เราจะช่วยแก้ไขอะไรไม่ทันนะโว้ย  มึงกับกูได้ไปปรึกษาจิตแพทย์แน่”

   “เออ  งั้นฟังต่อ  ดูทิศทางลมก่อน”

   “แล้วเป็นอะไร?”  นทีเริ่มต้นบทสนทนาใหม่  พยายามทำตัวปกติ  ใจเย็นอย่างที่สุด  ตักกับข้าวเอาใจคนข้างตัว 

   “เป็นอะไรก็ได้  ที่ไม่ใช่เป็นแฟนกัน”

   นทีถือช้อนค้าง  กับข้าวที่ตักไว้หล่นแผละลงในจาน  อีกครั้งที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำถาม  นี่เขากำลังถูกปฏิเสธอยู่ใช่ไหม? 

   ริวที่กลับมานั่งแทนที่นทีได้ยินที่ต้นน้ำตอบนทีพอดีชะงักก้นค้างกลางอากาศ  เอาล่ะเว้ย! กูเตรียมปวดหัวไว้เลย 

   เม่นที่นั่งถัดจากริวดึงให้ริวนั่งลงพลางกระซิบ “กูอยากถ่ายคลิปหน้าไอ้นทีไว้ฉิบหาย” หน้าหนุ่มหล่อสุดฮอตตอนโดนปฏิเสธนี่เหวอสุด  ช็อคตาตั้งไปเลย

   “กูว่าพวกมึงเตรียมตัวตายดีกว่า  หน้ามันตอนนี้พร้อมบวกมาก” 

   เม่นเหลือบมองนทีอีกครั้ง  เมื่อกี้นี้ยังเหวออยู่เลย  แต่ตอนนี้เหมือนมีไอทะมึนบินวนอยู่รอบตัว “มึงคอยดูมันด้วยนะ  อย่าให้มันลุกไปไหนคนเดียว  ไม่งั้นมันอาจจะลากตีนกลับมาฝากพวกเราได้” 

   ริวกุมขมับ  คว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มย้อมใจ  อยู่กับต้นน้ำก็หม่นหมองจนจะเป็นประสาท  อยู่กับนทีก็อาจโดนตีนจนตายได้  ตอนที่อาม่าสอนให้เลือกคบเพื่อนก็น่าจะเชื่ออาม่าสักหน่อย

   “ไอ้นที  น้องโต๊ะโน้นขอเบอร์มึงแน่ะ” ต้นปาล์มที่เดินไปหาเสียงรอบร้านเพิ่งกลับมาตะโกนบอกเพราะนั่งคนละฝั่ง  คนที่ควรได้ยิน...ก็ได้ยิน  คนที่ไม่ควรได้ยิน...ก็ได้ยินเหมือนกัน

   เม่นกุมขมับตามริว  พลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มย้อมใจอย่างคนที่ยอมรับในชะตากรรมของตนเองแต่โดยดี 

   “หึ” ต้นน้ำส่งเสียงในลำคอ  มองนทีด้วยหางตา

   นทีตวัดสายตาปราดเดียว  ต้นปาล์มหุบปากฉับ “โอเค  กูไป...บอกน้องเอง  ว่ามึงไม่ให้”  เพื่อนอารมณ์ไม่ดีมาก  ไม่ดีสุดๆ ไปเลย

   “บอกน้องเขาไปด้วย  ว่า...กู มี แฟน แล้ว”

   “ใจเย็นนะเพื่อน  กูจะไปจัดการให้มึงบัดเดี๋ยวนี้ ”  ต้นปาล์มรับคำเสียงสั่น  ไม่เข้าใจว่า...แค่ผู้หญิงขอเบอร์  ทำไมเพื่อนต้องเกี้ยวกราดเบอร์นี้   ต้นปาล์มค่อยๆ ยืดตัวขึ้นแล้วลุกหายไปอย่างรวดเร็วราวสายลม

   ริวกับเม่นมองตามหลังร่างที่พุ่งปรู๊ดออกไปอย่างอิจฉา  อยากลุกไปบอกให้จังเลย  พวกเขาไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้  ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงช้อนกระแทกจานอย่างแรง  หันกลับไปดูอีกทีก็เห็นต้นน้ำกับนทีจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร 

   “กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ” เป็นนทีที่พูดขึ้นก่อน

   “ไม่  วันนี้ไม่กลับ จะนอนกับริว”  ต้นน้ำตอบเสียงแข็ง  เขาไม่อยากกลับไปกับนที  อยากอยู่ห่างๆ  อยากอยู่ไกลๆ 

   ริวเสียวสันหลังวาบ   นอนอยู่ดีๆ ความซวยก็มาเคาะประตูถึงหน้าห้องนอน  ไม่โดนตีนคนอื่นก็อาจจะโดนตีนเพื่อนตัวเอง  โชคดีที่นทีไม่หันหลังกลับมาสนใจเขา

   “กลับ!”  เสียงทุ้มเยียบเย็นหากอารมณ์ภายในเริ่มคุกรุ่น 

   “ไม่!!”

   สองคนยังเล่นเกมส์จ้องตากันอยู่  ในขณะที่คนอื่นในโต๊ะลุ้นใจหายใจคว่ำ  ไม่กล้าสอดแทรกแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ

   “อยากให้คนอื่นเขาลำบากใช่ป่ะ?” 

   “ใช่”  ฤทธิ์แอลกอฮอล์และความอยากเอาชนะทำให้ต้นน้ำไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน  เถียงตอบไปข้างๆ คูๆ  โดยไม่สนใจความรู้สึกใคร

   ช่วยถามเพื่อนด้วย  จะตอบอะไรก็ถามเพื่อนด้วยว่าพร้อมลำบากกับมึงไหมน้ำ?  ขิงอยากจะลุกจับคอเพื่อนเขย่าต้องมีผีบ้าสักตัวเข้าสิงต้นน้ำแน่ๆ  ต้องเขย่าให้ผีตัวนั้นหลุดออกไป

   นทีมองต้นน้ำด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก  หัวร้อนจนถึงจุดเดือด  มือใหญ่เอื้อมกุมใบหน้าเรียวโน้มเข้ามาใกล้  บดขยี้ริมฝีปากลงไปเต็มแรง 

   โกรธคนอื่นต้องต่อย  โกรธคนที่รักต้องจูบหรือเปล่าวะ? 

   ว๊อทททท  ดา  ฟ้าคคคคคค!!!  เพื่อนในโต๊ะช็อคไปแล้ว  เอื้องฟ้าแทบจะใช้สองมือทึ้งผมตัวเอง  ในขณะที่แป้งที่นั่งถัดจากเอื้องฟ้าใช้สองมือปิดปากร้องกรี๊ดเบาๆ  เมื่อเห็นคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริง

   เนมมองนทีด้วยสายตาชื่นชม  เวลาแป้งงอน...เขาจะยืมมุกนี้ไปใช้บ้าง  นที...มายไอดอล!

   “ทำเนียน  เหมือนเรียนมา”  เม่นพูดลอยๆ

   นทีคลายริมฝีปาก  แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่ประคองดวงหน้าใส“หายโกรธหรือยัง?”

   ต้นน้ำเม้มปาก  นัยน์ตากลมใสมองนทีด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย  จะบึ้งก็ไม่บึ้ง  จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก  อยากโกรธต่อมากๆ  แต่จะทำยังไงดี?  เมื่อกี้มันแบบ...แบบ...ฮือ   ฮึบไว้  ต้นน้ำฮึบไว้...ฮึบๆ  “......”

   “ยังไม่หายเหรอ?”  นทีทำท่าจะเข้ามาใหม่

   “หายแล้ว” 

   “หายแล้วก็กลับบ้านเถอะ  อยู่ตรงนี้อายคนอื่นเขานะ” 

   ต้นน้ำรู้สึกตัว  ตากลมค่อยๆ เหลือบมองเพื่อนแต่ละคน  เอื้องฟ้าเหมือนช็อคไปแล้วในขณะที่ขิงโบกมือพัลวัน  “กูไม่เห็น  กูไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น”

   แป้งโบกมือไล่ความร้อนบนใบหน้าพลางบอกเนม  “ชั้นร้อนจังเลยเธอ”  เนมรีบกุลีกุจอพัดวีศรีภรรยาโดยไม่สบตาต้นน้ำ โชคดีที่ต้นปาล์มยังไปปฏิเสธสาวให้นทียังไม่กลับ 

   น็อต เม่น ริว นั่งยิ้มกริ่ม “กูเห็นทุกอย่าง  มึงรีบกลับบ้านเลย  ก่อนที่กุจะล้อ” ริวว่าพลางยักคิ้วให้

   นทีล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์พันสองใบส่งให้ริว  “กุฝากจ่ายด้วย  ไปละ”

   พูดจบก็ลากคนที่เมินหน้าหนีเพื่อนเดินออกไป





   ตลอดทางที่ขับรถกลับไม่มีใครพูดอะไร  ปล่อยให้อารมณ์และความคิดจมดิ่งในความเงียบ  แต่ทันทีที่ลงจากรถนทีก็กุมข้อมือต้นน้ำลากเข้าบ้าน  ต้นน้ำอยากสะบัดมือหนีเป็นสาวน้อยเหมือนนางเอกในนิยายทว่าจนใจ พระเอกกุมข้อมือเขาแน่นเชียว  นางเอกหนีไม่รอดยังไง...เขาก็ไม่รอดอย่างนั้น 

   “คุยกันก่อน”  นทีเปิดประเด็นเมื่อลากคนที่ยังไม่ยอมเปิดปากสักคำตั้งแต่ถูกจูบเข้ามาในห้อง

   ต้นน้ำมองเมิน  จะให้คุยอะไรล่ะ?  ก็คนมันงี่เง่าน่ะ...เข้าใจไหม?  ขอเวลากันบ้างสิ  เดี๋ยวอีกสักพักสติก็กลับมาเองแหละ  แต่ตอนนี้...มีแต่คนพาลเท่านั้นที่อยู่ในร่างเขา  “ไม่คุย  ไม่อยากคุย”

   “เป็นอะไรอ่ะน้ำ?  ถ้าน้ำไม่พูด  เราก็ไม่รู้นะ  แล้วเราจะช่วยแก้ปัญหาได้ยังไง?”

   นทีไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น  มีแต่เขาเท่านั้น...ที่มีปัญหา 

   นทีไม่ได้ทำอะไรผิด  นทีไม่ได้ไปยุ่งกับใคร 

   นทีไม่ได้ชอบดิว  ดิวชอบนทีฝ่ายเดียว  ทั้งสองคนเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน...ต้องมีเรื่องให้ติดต่อพูดคุยกัน

   นทีหน้าตาดี  นทีหล่อ  นทีเป็นคนดัง  ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนเข้าหา

   ต้นน้ำเข้าใจดี!...แต่ช่วยเข้าใจเขาด้วยได้ไหมว่า...บางทีคนเราก็รู้ทุกอย่าง  เข้าใจดีทุกอย่าง  แต่ก็ต้องใข้เวลา...ถึงจะยอมรับได้  โดยเฉพาะ...ตอนที่ความรู้สึกของเขามันแกว่งราวลูกตุ้ม  ช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าหรือหยุดอยู่ตรงนี้

   “ไม่บอกได้ไหมล่ะ?”  ต้นน้ำบอกเสียงแผ่ว  มันต้องอายขนาดไหนที่จะบอกนทีว่า...เขาหึง!  เสียอะไรก็เสียได้  แต่เสียหน้าไม่ได้!

   “บอกได้ไหมล่ะ?”  นทีทอดเสียงอ่อน “ดิวพูดอะไรหรือเปล่า?”  นทีคาดเดาเรื่องจากช่วงเวลาที่ต้นน้ำโทรชวนริวออกไป 

   “ไม่นี่  ดิวไม่ได้พูดอะไร” 

   “งั้นเราโทรถามดิวเอง”  นทีล้วงโทรศํพท์ออกมาตั้งท่าจะกด  ทว่ามือขาวคว้าจับเอาไว้ก่อน

   “อย่าโทรนะ  ดิวไม่ได้พูดอะไรจริงๆ”

   ตาคมหรี่มองอย่างคาดคั้น  ทำเอาคนโกหกอยู่ไม่สุข

   “ก็พูดนิดหน่อย”  ต้นน้ำหลบสายตา  แต่นทียังคงใช้สายตาคาดคั้นไม่หยุด  คั้นอะไรนักหนา  จะเหลวเป็นน้ำส้มแล้ว  สุดท้ายเขาก็ต้องยอมพูด  “ดิวบอกว่าชอบนาย”

   “แล้วทำไมต้องโกรธ?  เราไม่ได้ชอบดิวสักหน่อย”

   นั่นสิ...ทำไมวะ?

   ทำไม? ทำไม? ทำไม?

   ก็รู้อยู่ว่าทำไม?...แต่มันตอบไม่ได้ไง  เหมือนคำถามง่ายๆ เช่น  สองบวกสองได้เท่าไร?  แต่ห้ามตอบว่าสี่  พร้อมทั้งต้องยกเหตุผลที่ตอบแบบนั้นมาอธิบายให้ได้ด้วย

   ทำไมถึงโกรธ?

   ห้ามตอบว่า...หึง  จงอธิบายเหตุผล! 

   เวรเอ๊ย! จะให้คนไม่มีเหตุผลมาอธิบายเหตุผล  จะเอาที่ไหนมาอธิบายเล่า  ที่ทำลงไปทั้งหมด...นั่นคือพาลล้วนๆ จ้า

   “ก็...ไม่ได้โกรธนี่  ปล่อยให้มันผ่านไปได้ไหมล่ะ?” 

   “ไม่ได้  ถ้าไม่บอก...ก็ไม่ต้องนอนหรอก  นายเพิ่งปฏิเสธเราไปนะ  อย่างน้อย...เราควรได้รู้เหตุผลที่นายไม่เอาหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเจือแววตัดพ้อคนคนฟังสำนึกผิดแทบไม่ทัน

   ตาคู่สวยหลุบลง  เสมองไปทางอื่นก่อนตอบตามตรง “เรา...หึง”

   นทีอึ้งไปชั่วขณะ “หึง?  ไม่ยอมเป็นแฟนเรา...แต่บอกว่าหึงเราเหรอ?”  เดี๋ยวนะ...ไหนต้น  ไหนปลาย  ช่วยจับมาชนกันให้ดูหน่อยได้ไหม? 

   “อืม...ก็เราไม่อยากคบกับคนที่ทำให้เราหึงอ่ะ  มัน...โคตรแย่”  ความรู้สึกหึงหวงมันทรมาน  ร้อนรุ่มจนแผดเผาตัวเขาเอง

   “นายคิดอะไรอยู่วะ?  เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ  สาบานได้ว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับดิวเลย  เราดูเป็นคนที่เชื่อไม่ได้สำหรับนายเหรอ?”

   “เชื่อได้”

   “แต่นายไม่เชื่อ  เราเคยโกหกนายสักครั้งไหม?”  นทีพ้อ  เรียกร้องความยุติธรรมที่เขาไม่ได้รับ  ทั้งที่เขาให้ความสำคัญกับคนตรงหน้ามากกว่าใคร  ทั้งที่เขาทุ่มเทให้จนหมดหน้าตัก   

   ต้นน้ำส่ายหน้า...นทีไม่เคยโกหกเขา  มีแต่เขาที่โกหกนที  มีแต่เขา...ที่โกหกแม้กระทั่งตัวเอง

   “ขอโทษ”  ต้นน้ำบอกเสียงสั่น  กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าว

   “ทั้งที่เรารักนาย  จริงใจกับนาย...แต่นายกลับปฏิเสธเราเพราะสิ่งที่เราไม่ได้ทำ  เหมือนสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด...มันไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับนาย”

   คลื่นอารมณ์กดดันหนักหน่วงจนยากจะต้านทานไว้ได้  “ก็นายหล่อไง  นายเป็นคนดังที่ใครๆ ก็อยากเข้าหา  นายเป็นคนดีที่ใครๆ ก็ชื่นชม  เราหวง...เราไม่อยากให้ใครเข้าใกล้นาย  แล้วความรู้สึกนี้มันก็...ทรมานจริงๆ”  ต้นน้ำพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บกักไว้ทั้งหมดออกมาพร้อมๆ กับน้ำตาเม็ดโตที่เก็บไว้ไม่อยู่อีกแล้ว  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาหวงแหนคนตรงหน้านี้แค่ไหน 

   หวงแหน...แต่ก็หวาดกลัวที่คว้าเอาไว้ 

   ถลำลึก...แต่ก็ไม่อาจถอยกลับมา


   แววตาของนทีอ่อนแสงลง  “นายคิดว่านายเป็นคนเดียวเหรอ?  นายรู้ไหมว่าเรารู้สึกยังไงตอนที่นายวิ่งตามน้ำตาลออกไป  นายแคร์ความรู้สึกน้ำตาล  นายให้ความสำคัญกับน้ำตาล  แล้วเราล่ะ...เคยสำคัญกับนายบ้างไหม?” 

   ดวงตาสองคู่จับจ้องกันด้วยความรู้สึกหลากหลายปนเป  ราวกับจะถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด   นทีก้าวเข้ามาหา  มือใหญ่กอบกุมคว้ามือของต้นน้ำขึ้นไปลูบไล้ใบหน้าของตัวเอง  “หน้าตาดีเหรอ?  ดังเหรอ?  นิสัยดีเหรอ?  มันจะมีประโยชน์อะไรถ้านายไม่ชอบมัน  มันจะมีประโยชน์อะไร...ถ้าไม่มีนายอยู่  เรามีทุกอย่างที่นายพูดมาก็แค่เพื่อ...ให้คนที่เรารัก...หันมามองเรา  และรักเรากลับบ้างเท่านั้นเอง  เราไม่ได้มีไว้เพื่อคนอื่น  มีไว้ให้นายเป็นเจ้าของ”

   ต้นน้ำไล่สายตาไปยังริมฝีปากหยักของนที  จมูกโด่ง  และดวงตาเฉี่ยวคมที่ฉายความรู้สึกออกมาอย่างไม่ปิดบัง...ทุกอย่างเป็นของเขา

   “เป็นของเรา...ทุกอย่าง?”

   “ใช่...ทุกอย่าง”  มือใหญ่ไล้ริมฝีปากอิ่มแล้วเลื่อนไปยังดวงตาที่มีหยดน้ำเกาะพราว “แล้วนายล่ะ  มีปากไว้ยิ้มให้ใคร?  มีตาคู่นี้ไว้มองใคร?” 

   นาย!  ต้นน้ำตอบได้ทันที 

   ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปาก  มีแต่ถ้อยคำผ่านดวงตาที่จับจ้องแค่เพียงใบหน้าหล่อเหลาเท่านั้น  ในดวงตาของต้นน้ำปรากฏเพียงใบหน้าของนทีคนเดียว

   มือใหญ่ไล้ไปทั่งดวงหน้าราวกับกำลังร่ายมนต์สะกด  “รอยยิ้มนายเป็นของเรา  ดวงตานายเป็นของเรา  ตัวนาย...ก็เป็นของเรา  ได้ไหม?”

   “อืม”  เสียงตอบแผ่วเบาแต่ดังก้องกังวานในใจของคนที่รอคอยมาตลอด   คุ้มค่าเหลือเกินที่ทุ่มเท  แบไต๋จนไม่เหลืออะไรที่เป็นของตัวเอง...แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันมากกว่าที่ให้ไปตั้งไม่รู้กี่เท่า

   
----------  อ่านต่อด้านล่าง ---------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0


---------- ตอนที่ 25 ต่อ ----------


ราวกับมีแรงดึงดูดให้ร่างสองร่างเคลื่อนเข้าหากัน  รอยจูบแผ่วเบาเกลี่ยไล้ทั่วริมฝีปากและดวงหน้า  ก่อนวกกลับมาประทับที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง  หวานจนไม่อาจละออกมาได้  รสจูบร้อนเร่าและเรียกร้องตามแรงอารมณ์ที่ไต่ระดับขึ้นทุกที  สอดแทรกปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดพันพัว  ร่างหนาโอบดันคนในอ้อมแขนให้เคลื่อนไปที่เตียงนอนนุ่ม  มือใหญ่ล้วงลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียน  สัมผัสอุ่นชวนให้ร่างกายลอยล่อง  ทันทีที่นทีละริมฝีปากออก  เสื้อยืดสีขาวก็ถูกถอดออกทางศีรษะตามไปด้วย

   ร่างใหญ่ที่ค่อมอยู่ด้านบนประคองดวงหน้าแดงก่ำไว้ในมือ  ดวงตาฉ่ำน้ำปรือปรอยมองสบคนที่อยู่ด้านบน  ทรวงอกยังคงกระเพื่อมหอบเพราะคลื่นอารมณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่นี้ 

   นทีพยายามปรับลมหายใจ  ปรับอารมณ์ให้คงที่  เขาหลงใหลใบหน้านี้  เรือนร่างนี้  คนๆ นี้จนแทบจะบ้าคลั่ง  อยากตะปบคั้นเค้นเนื้อขาวให้แหลกคามือ  แต่ความรู้สึกรักใคร่ก็คอยย้ำเตือนให้กดความปรารถนาส่วนลึกลงไปก่อนที่กลีบดอกไม้จะแหลกสลายจนไม่เหลือกลิ่นไว้ให้ดอมดม

   จูบต่อมาจึงหวานอ้อยอิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มคล้อยตาม  ลิ้นร้อนไล้เสียไปทั่วใบหูปลุกอารมณ์หวามให้ตื่นขึ้น  จมูกโด่งกดย้ำสูดกลิ่นที่ถวิลหาทุกค่ำคืนไปทั่วซอกคอขาว  ลมหายใจอุ่นร้อนเรียกความปรารถนาในทุกอณูที่ลากผ่าน  นิ้วชี้เรียวสะกิดยอดอกสีสวยพร้อมกับที่ส่งลิ้นเรียวหยอดล้อยอดอกอีกข้าง 

   “อื้ออ”  ต้นน้ำสั่นสะท้านจนต้องส่งเสียงครางออกมา  มือไม้เปะปะไปทั่วแผ่นหลังแกร่ง  ความรู้สึกอยากสัมผัสเนื้อแนบเนื้อพลุ่งพล่าน  เขาพยายามดึงเสื้อนทีออก  ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี  ยอมละลิ้นร้อนออกจากเม็ดขนมหวานที่กำลังละเลียดชิมอยู่ 

   นทีแลบลิ้นเลียปากอย่างเสียดาย  ก่อนดึงเสื้อยืดออกให้พ้นด้วยตัวเอง  อวดกล้ามเนื้อแน่นสมใจคนที่นอนมองอยู่ด้านล่างจนดวงตาทอประกายแวววาว 

   นทีโน้มตัวลงมาอีกครั้ง  มือใหญ่ปลดกระดุมกางเกงของคนใต้ร่างออกเพื่อที่จะได้รุกรานได้ถนัด  ไม่รู้ว่าคืนนี้ต้นน้ำจะเข้าใจตรงกันกับเขาหรือไม่ว่าการเป็นเจ้าของคืออะไร?  แต่สุดท้าย...เขาก็จะพาคนตรงหน้าให้เข้าใจตรงกันอยู่ดี 

   กางกางยีนส์และชั้นในตัวน้อยถูกรูดลงเบื้องล่าง  เผยส่วนอ่อนไหวที่ขยายตัวอยู่ภายในออกมา  นทีก้มจูบคนใต้ร่างในขณะที่มือใหญ่รูดสาวส่วนนั้นขึ้นลง 

   “อา...ซี๊ดด..” ต้นน้ำส่งเสียงครางขาดห้วงเหมือนใจจะขาด  บิดตัวพล่านเมื่อถูกปรนเปรอทั้งช่วงล่างและช่วงบน  นทีทั้งรุกทั้งเร้าพาเขาขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่ปล่อยให้เว้นช่วง

   ร่างขาวหอบกระชั้นคล้ายจะถึงจุดที่สูงที่สุดอยู่รอมร่อ  แต่จู่ๆ  นทีก็หยุดชะงัก  เอื้อมคล้ายหยิบอะไรสักอย่างจากลิ้นชักหัวเตียง 

   ไม่อาจรั้งรอให้นานกว่านี้  นทีสอดแทรกลิ้นร้อนเรียกร้องความหวานจากโพรงปากนุ่ม  มือใหญ่เข้ากอบกุมรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของต้นน้ำอีกครั้ง  ก่อนลากลิ้นไปทั่วทรวงอกขาวและหน้าท้องนวล

   ต้นน้ำสะดุ้งเฮือก  เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นลื่นที่สัมผัสกับช่องทางด้านหลัง  นทีกดรอบโดยรอบก่อนส่งนิ้วเรียวยาวเข้ามา 

   “อื๊อออ” 

   “เจ็บไหม?”

   ต้นน้ำส่ายหน้า  ไม่เรียกว่าเจ็บ...แต่มันจุกๆ  เขาหลับตาปี๋พร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง 

   “เก่ง”  นทีชมให้กำลังใจ  ผลักคนที่ซุกอกออกแล้วจูบปลอบขวัญ  ก่อนส่งนิ้วที่สองเข้าไปนวดวนอยู่ภายใน  ริมฝีปากนุ่มข้าครอบครองยอดอกรสหวานอีกครั้ง  ปลายลิ้นตวัดเร็วจนคนใต้ร่างแอ่นอกรับความเสียวซ่านที่ได้รับ

   นทีส่งนิ้วที่สามเข้าไป

   “อื๊อออ..เจ็บ  เจ็บแล้ว”  มันแน่นไปหมด  แล้วเขาแน่ใจว่าของนทีใหญ่และยาวกว่าสามนิ้วที่สอดเข้ามาแน่  มันจะเข้ามาได้ยังไง?  ฮืออ..อ  “เราทำเหมือนเดิมก่อนไม่ได้เหรอ?”

   “ลองดูก่อน  ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอก”

   “ถ้าบอกให้หยุด  จะหยุดใช่ไหม?”

   “อืม  แต่ตอนนี้...ไม่เกร็งนะ”  เสียงทุ้มกระเส่าปลอบประโลม  ความคับแน่นในช่องทางที่โอบรัดนิ้วมือเขาดึงดูดจนเขาเองก็แทบทนไม่ไหว  อยากเข้าไปสัมผัสความนุ่มร้อนภายในเต็มที  ใกล้จะถึงจุดหมายแต่คนกลับงอแงเสียนี่ 

    “อ๊าา”  เรือนร่างเปลือยขาวสะท้านอีกครั้ง  ท้องน้อยหดเกร็งเมื่อนิ้วเรียวหมุนวนโดนจุดที่ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่าน

   “ตรงนี้เหรอ?” นทีสวนนิ้วเข้าออกกดย้ำตรงจุดที่ทำให้ร่างขาวบิดเร่าครวญครางก่อนถอนนิ้วออกไป 

   ความรู้สึกวาบโหวงชั่วขณะหนึ่งพอจะทำให้ต้นน้ำหายใจโล่งคอขึ้นมาบ้าง  แต่นทีก็ไม่ปล่อยให้เขาพักนานนัก  ร่างสูงก้มลงจูบเขาอีกครั้ง  ช่วงชิงลมหายใจที่เพิ่งได้กลับมาไปหมดสิ้นอีกครั้ง  แล้วส่งสิ่งที่ใหญ่กว่าเข้ามาเติมเต็มความวูบโหวงที่หายไป   

   ส่วนปลายอุ่นชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นหมุนวนอยู่ตรงปากทางเข้าได้สักพักก่อนเข้ามาทักทายกับความนุ่มนิ่มภายใน

   ไม่มีแม้แต่โอกาสทักท้วงเมื่อมือแกร่งประคองใบหน้าเขาให้แหงนเงยรับปลายลิ้นร้อนเวียนวน   ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยัดเยียดส่วนปลายแข็งขืนของตนเข้าไปในร่างเขา 

   “งื้อออ”  ต้นน้ำประประท้วงเมื่อนทีปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระ  ไม่มีแม้แต่โอกาสจะบอกให้หยุด

    “เข้าไปแล้ว”  นทีกระซิบริมหู  ต้นน้ำเป็นของเขาแล้ว  และกำลังจะเป็นโดยสมบูรณ์

   ต้นน้ำน้ำตาคลอ  รู้สึกเหมือนโดนมัดมือชกส่วนหนึ่ง  ถึงจะเต็มใจเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ 

   นทีกดจูบลงอีกครั้ง  มือใหญ่ปลุกเร้าแกนกายของคนใต้ร่างพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวตนของตัวเองเข้าไปให้ลึกขึ้นอีกนิด  ทุกขั้นตอนเขาพยายามบอกตัวเองราวกับนกแก้วนกขุนทอง...นุ่มนวล...อ่อนโยน...ทะนุถนอม...ครั้งแรก...นุ่มนวล...อ่อนโยน...นุ่มนวล...

   “อ๊า...อื๊อ...หมดหรือยัง?”

   “อีกนิดเดียว”  นทีบอกเสียงพร่า  “น้ำผ่อนคลายหน่อย...มันแน่น...เดี๋ยวจะเจ็บ...ซี๊ดด”  เสียงคำรามต่ำพอใจกับความคับแน่นที่บีบรัดแกนกาย  นุ่มนวล...อ่อนโยน...

   ผ่อนคลายยังไง?  ใครก็ได้ช่วยบอกต้นน้ำที  เขากำลังจะเสียตัวครั้งแรก  มันต้องผ่อนคลายยังไง...หา?  น้ำตาที่คลออยู่เมื่อสักครู่นี้ไหลออกมาเป็นสาย  กลัวและกังวลในสิ่งที่ตนเองกำลังจะก้าวข้ามผ่านไป

   “พอก่อน  หยุดก่อน”  กายก็เจ็บ  ใจก็กลัว  ไม่เอาแล้ว 

   ทว่านทีกลับชันตัวขึ้น   จับเรียวขาขาวพาดบ่า  แหวกก้อนซาลาเปาสองลูกออกแล้วสวนแทรกนทีไม่น้อยเข้าไปให้ลึกอีก  เหลืออีกนิดเดียวต้นน้ำก็จะรับเขาไว้ได้ทั้งหมด  ...นุ่มนวล...อ่อนโยน

   “อึก”  ไอ้บ้า...แทงสวนเข้ามาได้  “เบาหน่อย”  ไหนบอกว่าหยุด  ก็จะหยุดไงวะ

   “เข้าไปหมดแล้ว” นทีนวดเค้นเรือนร่างขาวนุ่มอย่างโหยหา  จูบซ้ำไปมาจนคนที่ร้องขอให้หยุดไม่มีจังหวะที่จะพูดอีก กระแทกกายย้ำจุดกระสันให้คนใต้ร่างครวญครางขับกล่อม  ลุ่มหลงมัวเมาในรสรัก  ...นุ่มนวล...อ่อนโยน

   เรือนกายแกร่งสวนร่างเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้า  ตอกย้ำตรงจุดจนต้นน้ำเสียววาบไปทั่วท้องน้อย  ส่งเสียงครางขานรับทุกครั้งที่กายแกร่งกระแทกเข้ามา  หยุดไม่ได้แล้ว...อารมณ์ปรารถนาเบื้องลึกบงการให้ร่างกายเดินทางไปจนถึงปลายทางสุดท้ายเท่านั้น

     สายตาคมปลาบจับจ้องคนใต้ร่างทุกขณะ  แววตาร้อนแรงแทบจะแผดเผาต้นน้ำให้เป็นจุล

   ดวงตากลมใสฉ่ำน้ำมีแววเว้าวอนอย่างที่ไม่มีใครได้เห็น...มีแต่เขา

   สีหน้าทรมานไปด้วยไฟปรารถนาบนเตียงนอนยับยู่ยี่...เป็นของเขา 

   บนผิวขาวมีรอยแดงที่เกิดจากน้ำมือเขาประปรายราวกับเชิญชวน...เป็นของเขาทั้งหมด

   “น้ำ...อย่ายั่ว”นทีบอกเสียงพร่า ทั้งที่ยังคงสาวร่างไม่หยุด  ...นุ่มนวล

   “อ๊า...นที...” 

   แค่เสียงเรียกเท่านั้น  นทีก็โยนทุกคำที่ท่องมาออกจากหัว  ในสมองไม่มีอะไรเหลือนอกจากคิดจะย่ำยีเรือนร่างคน  เลือดลมสูบฉีดเร่งเร้า  สะโพกสอบขยับเร็วเร็วจนตัวคนโยกไหวตามแรงกระทั้น

   ความเสียดเสียวพุ่งทะยานจนมือเรียวจิกรั้งผ้าปูที่ไว้เพื่อระบายอารมณ์  ใบหน้าน้อยบิดส่ายไปมาอย่างยากที่จะทานทน

   “น้ำ...เรียกอีก...เรียกชื่ออีก”

   “นที...นที...จะเสร็จ...จะเสร็จแล้ว”  ต้นน้ำทนไม่ไหวเมื่อจุดกระสันถูกกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  นวลมือเรียวไขว่คว้าหมายรูดรั้งแกนกลางของตัวเองเพื่อปลดปล่อย  เพียงแค่รวบกำไว้เบาๆ  ความเสียวซ่านก็ทะลักทะลายออกมาจนหมด

   นทีส่งเสียงคำรามต่ำ  เร่งขยับสะโพกสาวแกนกายเข้าออกกับบั้นท้ายขาวนวล  ช่องทางนุ่มกระตุกตอดบีบรัดตัวตนของเขาแน่น  ไม่นานนักกายแกร่งก็กระตุกพ่นน้ำอุ่นร้อนให้ช่องทางด้านหลังได้กลืนกิน

   นทีโน้มตัวลงไปกอดคนใต้ร่างที่ยังคงหายใจหอบ  ไม่ยอมถอนกายออกจากบั้นท้ายคนใต้ร่าง  ปรับลมหายใจได้สักพักถึงได้ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

   ต้นน้ำหลับตาปี๋  เม้มปากแน่น  เมื่อสำนึกได้ถึงความเจ็บจากร่องรอยที่ถูกเสียดสีหนักหน่วงไปเมื่อสักครู่ 

   นทีกดจูบปลอบใจ  “ขอบคุณนะ”  เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้านวลที่ยังคงแดงก่ำ   จมูกโด่งเป็นสันกดซุกไปทั่วลำคอ  พรมลมหายใจร้อนผ่าวลงไปอีกครั้ง  รสรักที่ได้รับเติมเต็มหัวใจที่ว่างโหวง 

   เขาและต้นน้ำเป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์!! 


--------- tbc ---------

 :give2:

NC  ครั้งแรกของต้นน้ำ  และ ครั้งแรกของเราด้วยนะคะ

เขียนไปก็เขิ๊นเขิน   

อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง  บอกกันหน่อยน๊า

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
หึงจนได้กัน... 55 รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:


ดิว  แกทำดีมาก 

ทำให้สองคนนั้นฟิเชอริ่งกันจนได้  อิอิ

ออฟไลน์ cookie8009

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 109
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ค้างสุด อะไรสุด

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ลงเอยกันจนได้ ลุ้นแล้วลุ้นอีก.   :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ในที่สุดนทีก็สมหวัง ดิวเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีจริง ๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Oh.....God.......มันยอดดดดดด มากกกกกกกกก    :z3: :z1: :pighaun: :haun4:
สถานการณ์ที่โต๊ะเหล้า ก็สนุกมากกกกก 55555

นที ตอบเม่น..... “โคตรดี”  นที ย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มพราวไปทั้งหน้าทั้งตา “ดีมากกกกก”   
อะจ๊ากกกกก คนอ่านซาบซึ้งไปด้วยเลย  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
จะมีขอกันเป็นทางการมั้ยน้า  :hao7:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะ   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 26
คนขี้อวด






    ตึ๊ด...ตึ๊ด...ตึ๊ด...ตึ๊ด

   ริวคว้าโทรศัพท์มากดปิดเสียงเตือนปลุกก่อนซุกหน้าลงไปบนหมอนอีกครั้ง  หากภายในใจกลับพะวักพะวงคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเห็นว่ามีแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ส่งมา  เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกรอบ

   นที: ต้นน้ำป่วย ลาเรียนให้ด้วย   03.27 น.

   สงสัยว่าต้นน้ำคงจะป่วยหนักมาก  โทรมาเองก็ไม่ได้  ต้องให้นทีไลน์มาบอก  แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นเวลาที่นทีส่งข้อความเข้ามา  ตีสาม!  ตีสามยังไม่หลับไม่นอน  แยกกันตอนเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่มีอาการอะไร  ตีสามดันไข้ขึ้นหนักถึงขั้นบอกได้ว่าจะขาดเรียนเลยเหรอวะ? 

   ป่วยการเมืองเห็นๆ  ป่วยการเมืองชัดๆ...เห็นชัดเลยว่ามันมีอะไรไม่ปกติ  ริวยิ้มร้ายก่อนแคปหน้าจอส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์ทิ้งไว้  แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป 

   องค์กรลับสุดๆ
__________________________________

Riw : [ แนบรูป ]
The Khing : มันไม่สบายเหรอวะ?
Uangfah : ก็ลาให้มันสิ

   ริวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความในแชทหลังจากอาบน้ำเสร็จ  ไม่มีใครสังเกตถึงความผิดปกติของช่วงเวลาบ้างเลยเหรอ?

Supermen : ไอ้เหี้ย 
Supermen : ของมึงยังดี  ของกูสิ  มันโทรมาตอนตีสาม  ให้กูไปรับดิวแทนมันด้วย  นี่กูต้องแหกขี้ตาตื่นไปรับดิวเนี่ย  วันนี้มีเรียนแปดโมงอีก
Riw : ตีสาม!!!!!!!!!!!!  กูให้มึงดูเวลา  ตีสามนะเว้ย
MyNameIsName : IG ด่วน!!!!!


   ริวรีบกดเข้าดูไอจี  รูปนทีที่ถ่ายแค่ช่วงหน้าโชว์หรา  มือของนทีกุมมือของใครอีกคนหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นหน้าขึ้นมาบังครึ่งหน้า  พร้อมแคปชั่น...มีเจ้าของแล้ว ไม่ยุ่งนะ
   
   ชาวไอจีพากันโหมคอมเม้นท์ถามว่าบุคคลปริศนาเป็นใคร?  โดยมีรอยปากการูปหัวใจจางๆ ที่ฝ่ามือเป็นเงื่อนงำชิ้นเด็ด  ชื่อของต้นปาล์มคนดังแห่งโซเชียลเน็ตเวิร์กคือชื่อที่ถูกเรียกร้องให้มาช่วยตอบคำถามนี้มากที่สุด

   The Khing : โคตรเท่ 
   MyNameIsName : งานสายตาไอ้นทีไม่เคยธรรมดา
   Uangfah : กูอยากด้ายยยยยย
   Supermen : มีเจ้าของแล้วไหม?
   The Khing : เอ๊ะ
   Uangfah : [ แนบสติ๊กเกอร์...รูปหมีมีเครื่องหมายคำถาม ??? ]
   MyNameIsName : [ แนบสติ๊กเกอร์...เขิลลล ]
   Riw : พวกมึงควรเอ๊ะตั้งแต่เห็นไลน์ส่งมาตอนตีสามแล้ว
   The Khing : เห้  มึงฉลาดว่ะริว  ไอ้นทีมันคงคิดไม่ถึงว่ามึงจะเดาได้
   Supermen : มันคิดได้ มันตั้งใจอวดเหอะ


   ไอ้ขี้อวดเอ๊ย!  เม่นก่นด่าเพื่อนในใจ  นทีไม่น่าโง่ที่จะไม่รู้ว่าถ้าส่งข้อความไปให้ริวตอนกลางคืน...เสือร้ายอย่างริวริวมีเหรอ?...ที่จะจับเค้าลางอะไรไม่ได้  ถ้านทีต้องการปิดบังจริงๆ  ไม่มีทางที่จะทิ้งร่องรอยให้เพื่อนหรือคนอื่นๆ ตามสืบได้แน่  แต่นี่อะไร?...ทั้งส่งไลน์หาริวในเวลาผิดปกติ  ทั้งโทรหาเขา  แล้วยังลงรูปภาพบนไอจีอีก...ไม่ใช่อวดแล้วจะเป็นอะไรไปได้  หมอเม่นฟันธง!!!!

   เม่นวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ดิวที่ยังใช้ไม้เท้าช่วยพยุงอยู่เมื่อเห็นดิวเดินมา
    
   “ทำไมวันนี้เป็นเม่นล่ะ?” ดิวถามเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว

   “ไอ้นทีมีธุระ  เป็นหมาเฝ้าเจ้าของ”  เม่นตอบยิ้มๆ  แต่ดิวกลับหน้าหดลง  เขาเห็นไอจีนทีตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว  เห็น...แม้กระทั่งรอยปากการูปหัวใจในมือของ ‘เจ้าของ’ นทีด้วย  เป็นรูปเดียวกับที่เขาเห็นจากฝ่ามือของต้นน้ำเมื่อคืนนี้ 

   “สองคนนั้น...ตกลงคบกันแล้วเหรอ?”

   เม่นเหลือบสายตามองดิวอย่างลำบากใจ  ก่อนตอบรับ “อืม” 

   ดิวนั่งเงียบอย่างคนที่ใช้ความคิด  เขาควรทำตัวยังไงกับสถานการณ์นี้ดี  คนที่เขาแอบชอบ...มีเจ้าของเสียแล้ว เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะบอกความรู้สึกของตัวเองเสียด้วยซ้ำ  แพ้...ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่ง

   “เราว่าดิวตัดใจดีกว่า” เม่นพูดขัดความเงียบขึ้นมา 

   ดิวเงียบไปสักพักก่อนยอมรับ “เม่นก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับนทีใช่ไหม?” 

   “อืม”  เม่นพยักหน้า “แต่คนอื่น  ไม่มีใครรู้หรอกนะ  ดิวสบายใจได้”

   “แม้แต่นทีก็ไม่รู้เหรอ?”

   เม่นนิ่งไปสักพัก  เขาคิดว่านทีเองก็ดูออกว่าดิวรู้สึกยังไงกับตัวเอง  แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องบอกแทนเพื่อน  “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ไม่ว่านทีมันจะรู้หรือเปล่า...ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว  นทีมันชอบต้นน้ำมาตั้งนานแล้ว”

   ดิวยิ้มขื่น  “เม่นจะบอกเราว่า  ต่อให้นทีรู้ความรู้สึกของเรา  นทีก็ไม่มีวันชอบเรางั้นเหรอ?”

   เม่นถอนหายใจ  เขาเห็นใจดิวที่ต้องเป็นฝ่ายผิดหวัง  แต่เขาก็ลำบากใจที่ต้องเป็นคนบอกให้ดิวตัดใจเสียเอง  เขาไม่ควรเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย  แต่ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปแล้ว  จะบังคับให้เลี้ยวกลับมาก็ไม่ได้  คงต้องปล่อยเลยตามเลย  เนื้อ...ก็ไม่เคยได้กินกับใครเขา  หนัง...ก็ไม่เคยเอามาลองนั่ง  แต่กลับต้องเอากระดูกมาแขวนไว้บนคอ  เวรกรรมของไอ้เม่นจริงแท้  เอาวะ...เจ็บแต่จบเว้ย
   
   “ก็...ประมาณนั้น  นทีไม่ได้ชอบใครง่ายๆ  เราคบกับมันมานาน  ไม่เคยเห็นมันชอบใคร  แล้วที่สำคัญ...มันไม่ได้ชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรก  ตอนแรกที่เรารู้ว่านทีชอบต้นน้ำ  เรายังตกใจเลย  นี่ก็เตรียมตัวฝังศพมันเผื่อว่ามันอกหักแล้วนะ  โชคดีที่ไอ้น้ำก็ชอบมันเหมือนกัน” 

   “เราคิดว่าต้นน้ำไม่ได้ชอบนทีซะอีก”

   “ไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รักนะ”

   “เม่นว่าเราควรบอกความรู้สึกเรากับนทีไหม?” 

   อยู่ๆ ดิวก็โยนคำถามตอบยากมาให้  จะถอนหายใจก็เกรงใจเพื่อน  เม่นคิดสักพักก่อนตอบ  “คิดว่าไม่  มันไม่มีประโยชน์อะไรกับดิว  มีแต่จะทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกันไปเปล่าๆ  เราไม่อยากให้เพื่อนสองคนมองหน้ากันไม่ติดหรอกนะ”

   ดิวยิ้มขื่น  ก่อนทอดสายตาออกไปยังนอกหน้าต่าง  “แต่เราจะบอก”

   เม่น “......”




   ในตอนที่ต้นน้ำรู้สึกตัว...เขารู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเป็นอันดับแรก  และเมื่อขยับตัวก็รู้สึกได้ถึงความแรงเสียดช่วงล่างเป็นอย่างที่สองจนต้องส่งเสียงครางฮือ  เมื่อคืน...เขาทำอะไรลงไป?  แค่คิด...อาการปวดหัวก็ตามมาเป็นอย่างที่สาม 

   มือใหญ่สัมผัสลงตรงหน้าผาก “เป็นไง?  ปวดหัวไหม?”  เสียงทุ้มคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ 

   ต้นน้ำพยายามขยับเปลือกตาขึ้นมองอย่างยากเย็น  ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยแต่กลับดูไม่คุ้นเคย  เป็นนทีคนเดิมแต่ไม่เหมือนนทีคนก่อนหน้านี้ที่เขาเคยเห็น  เหมือนมีบางอย่างแปลกไปจนอดเอื้อมมือไปแตะดวงหน้าที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้  หน้าก็ยังเป็นหน้าเดิม...แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่านทีหล่อขึ้น?

   “นายหล่อขึ้นเปล่าวะ?”  ถึงจะเป็นคำถามโง่ๆ แต่ต้นน้ำก็อดถามออกไปไม่ได้ 

   ทว่าคำถามโง่ๆ กลับทำให้คนฟังยิ้มกว้างไปทั้งปากและตา  นทีไม่ถือสาหากผ่านคืนวันอันแสนหวานร่วมกันไปแล้ว  ต้นน้ำจะคิดว่าเขาหล่อขึ้น  หากต้นน้ำเบื่อและคิดว่าเขาขี้เหร่ลง...นั่นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่  อย่างน้อยตอนนี้ก็มั่นใจได้ว่า...ต้นน้ำไม่ฟันเขาแล้วชิ่งหนีแน่นอน

   “อืมมม”  นทีตอบเบาๆ  พลางซุกหน้าลงบนบ่าของคนที่นอนอยู่  กระชับอ้อมแขนโอบล้อมรอบลำตัว  สูดเอากลิ่นไอเนื้ออุ่นหอมอวลเข้าปอด  “เหมือนตัวอุ่นๆ เลย”

   ต้นน้ำกรอกตามองเพดานอย่างระอาใจ  เขาไม่น่าจะมีอาการอะไรนอกจากเจ็บเสียดช่วงล่างจากการใช้งานเมือคืนบ้างเท่านั้น...ถ้านทีจะหยุดแค่รอบเดียว  แต่ที่เมื่อยขบไปทั้งเนื้อทั้งตัวแถมยังมีไข้อ่อนๆ  ก็น่าจะเป็นเพราะคนมักมากอย่างนทีที่พาเขาลากยาวบนเตียงไปถึงสองรอบ  แล้วยังอุตส่าห์ใจดีพาไปอาบน้ำ  ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ในห้องน้ำอีกรอบ 

   กรรม!  ต้นน้ำเอามือปิดหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องพลิกคว่ำพลิกหงายน่าละอายที่เพิ่งผ่านพ้นไป  ถึงเขาจะเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว  แต่มันก็แค่ครั้งเดียว  เหนือกว่าพวกไร้เดียงสา  ไม่มีประสบการณ์มาแค่ขีดเดียวเท่านั้นเอง  เมื่อคืนนี้ออกจะ...อัพเลเวลเร็วไปสักหน่อยสำหรับเขา  ทั้งรสสัมผัส  ทั้งกลิ่น  ทั้งเสียง  เหมือนจะตราตรึงไปทั่วทุกอณูของร่างกายจนใบหน้าร้อนผ่าว 

   “เป็นอะไร?”  นทีถามเมื่อเห็นต้นน้ำเอามือปิดหน้า

   ต้นน้ำส่ายหน้าทั้งที่ยังไม่คลายมือ  “ไม่เป็นอะไร  หยิบโทรศัพท์ให้หน่อย  น่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกง”  ซึ่งกางกางอยู่ไหนนั้น...ก็ให้คนถอดเป็นคนหาแล้วกัน

   “เราให้ริวลาเรียนให้นายแล้วนะ”  นทีบอกขณะที่ลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้า 

   “อืม” ต้นน้ำแอบส่องร่างสูงในชุด...เอ่อ...วันเกิดผ่านร่องนิ้ว  รู้สึกเหมือนเลือดลมจะตีกลับไปกลับมาอีกแล้ว  เขาลูบหน้าตัวเองแรงๆ  ตั้งสติไล่ความคิดลามกที่อยู่ในหัวออกไป 
   ยุบหนอ...พองหนอ
   อกหนอ...ไหล่หนอ...ไหปลาร้าหนอ...หน้าท้องหนอ
   ภาพเมื่อคืนหมุนวนเข้ามาอีกครั้ง  เหมือนหนังที่กดรีเพลย์ซ้ำซาก  ว้ากกกก...ต้นน้ำถูหน้าตัวแรงๆ  แรงจนแดงเถือกไปทั้งหน้า

   นทีหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาใส่แล้วหยิบมาเผื่อต้นน้ำด้วยอีกชุดหนึ่ง  วางไว้บนผ้าห่มบนตัวต้นน้ำก่อนก้มลงไปหยิบกางเกงยีนส์ของคนที่ยังนอนอยู่ขึ้นมาพลิกหาโทรศัพท์ที่ซุกอยู่ในกระเป๋า 

   ต้นน้ำขยับตัวมาหยิบเสื้อผ้า  ก่อนสูดปาก “อูย” เบื้องล่างส่งสัญญาณประท้วง 

   ร่างสูงทรุดนั่งลงข้างเตียง  พลางยื่นโทรศัพท์มาให้ “เจ็บเหรอ?” 

   “อืม  ก็เสียดๆ นิดหน่อยอ่ะ”  ต้นน้ำพยักหน้า  มันต้องเจ็บอยู่แล้วสิ  แต่เขาไม่อยากโวยวายให้มากเรื่อง  พลังงานยังชาร์ตไม่เต็ม  จะนั่งทั้งทียังปวดแปล๊บ  เขาไม่อยากสิ้นเปลืองพลังงานใดๆ ไปมากกว่านี้  นทีใช้มืออังหน้าผาก  ลำคอ และไหล่ของเขา  ทิ้งร่องรอยร้อนผ่าวไปตามรอยมือ  อย่าลูบ!!!  เดี๋ยวไอ้ตัวลามกมันจะกลับมา  แล้วคนที่ลำบากก็คือตัวเขาเอง  ใจเอย...จงสงบนิ่ง  “หิวข้าวแล้ว”

   “เดี๋ยวเราลงไปหาข้าวมาให้  แล้วกินยาอีกสักหน่อย” นทีช่วยหยิบเสื้อมาสวมให้ก่อนจะหยิบกางเกง  ทว่าต้นน้ำกลับยั้งไว้

   “เดี๋ยวเราใส่เอง”

   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มนิดๆ  “ใส่ถนัดเหรอ?  เจ็บอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

   “เถอะน่า  ใส่ได้”

   “อายอะไร?  เห็นมาหมดแล้วป่ะ?”  เสียงทุ้มเจือรอยหยอกเย้า 

   “......”  ต้นน้ำเม้มปาก  ถลึงตาใส่คนช่างหยอก  รู้แล้วน่า  ไม่ต้องมาย้ำ 

   นทีหัวเราะก่อนยื่นกางเกงให้  “โอเค  ยอมๆ  งั้นเราลงไปหาข้าวมาให้ก่อนนะ”  ก่อนจะลุกยังไม่วายก้มลงมาหอมผมคนกระฟัดกระเฟียดอีกฟอด

   ต้นน้ำพรูลมหายใจโล่งอกเมื่อร่างสูงลับประตูออกไป  เขาหยิบกางเกงมาสวมอย่างทุลักทุเล  ขยับซ้ายก็แปล๊บ  ขยับขวาก็แปล๊บ  ไม่ต้องขยับยังแปล๊บ  วันนี้จะนอนทั้งวันไปเลย  จะไม่ลุกไปไหน  จะไม่ให้ก้นกระทบกระเทือนสิ่งใดทั้งสิ้น  ใช้เวลากับการใส่กางเกงอยู่สักพัก  ตัวกางเกงยังขึ้นไม่ทันถึงหัวเข่า  นทีก็วิ่งพรวดเข้ามา  ไม่พูดพร่ำทำเพลง...จับกางเกงเขาเลื่อนพรืด...ขึ้นทีเดียวถึงเอว 

   ต้นน้ำหน้าเหวอ  จะทำอะไร...ได้โปรดเกรงใจผู้บาดเจ็บสักนิด  น้ำตาจะไหล

   “ป๊ากลับมาแล้ว”  นทีบอกพลางรีบเขี่ยเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเข้าใต้เตียง 

   “เอาไงดี?”  ต้นน้ำตาโต  เลิ่กลั่กมองซ้ายขวา  จะขยับก็ไม่ถนัด “ทำไมกลับมาเร็วจังวะ?”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  เดี๋ยวค่อยถาม”

   ต้นน้ำรีบสำรวจตัวเอง  เสื้อผ้าก็ใส่ครบ...ไม่มีปัญหา

   นทีเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างกระจายไปทั่วห้อง  พอดีกับที่ประตูห้องเปิดออก 

   “อ้าว...อยู่นี่กันเอง”  ธนกรมองลูกทั้งสองคนที่ทำหน้าเหรอหรา  ตามองตา...ต่างฝ่ายต่างงง “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?  ไม่ดีใจที่เจอป๊าเหรอ?”

   ต้นน้ำหัวเราะฝืดเฝื่อน  “ฮ่าฮ่าฮ่า ดีใจสิครับป๊า  แหะๆ  ไหนครับของฝาก?” พูดคำ  หัวเราะอีกคำ  ด้วยท่าทาง ‘พยายาม’ จริงใจอย่างที่สุด  เฮ้อ...มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าตอแหล 

   นทีกลั้นขำหันหน้าเข้ากับผ้าม่านริมระเบียง

   “ไปทำอะไรผิดมาใช่ไหมน้ำ?”  ฝนทิพย์เดินตามหลังธนกรเข้ามา  เอ่ยถามด้วยสีหน้าคาดคั้น  เลี้ยงลูกมาก็นาน  หน้าตาสีหน้าแบบไหน....คนเป็นแม่ย่อมรู้

   “......”  ต้นน้ำอึกอัก  ไม่รู้จะตอบยังไง? 

   นอนกับนทีเมื่อคืนอ่ะแม่! 
   เสียตัวเมื่อคืนอ่ะแม่!
   ป๊า...ผมได้ลูกป๊าแล้วครับ!

   ทุกคำตอบล้วนอุกอาจฉกาจฉกรรจ์  โดนด่าได้ทุกคำตอบ  เผลอๆ อาจถึงขั้นโดนไล่ออกจากบ้าน  เหงื่อชื้นซึมที่มือทั้งที่ห้องนอนเปิดแอร์เย็นเฉียบ 

   “ว่ายังไง?”  ฝนทิพย์ทำเสียงเขียวกดดันลูกชาย  “แม่ไม่ชอบให้น้ำโกหกนะ  นี่ถ้าแม่ไม่กลับมาเร็ว...แม่ก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ”

   “คือ...คือว่า....”  ต้นน้ำคอตก  “เมื่อคืน...”

   “เมื่อคืนอะไร?”

   “เมื่อคืน...น้ำไปเที่ยวมาน่ะแม่  แล้ว...”  ต้นน้ำกลืนน้ำลาย  “แล้วน้ำก็เมา...ก็เลย...”

   ฝนทิพย์กับธนกรนิ่งฟัง  ใจหายและกังวลกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับลูกชาย  ในใจคิดกังวลไปต่างๆ นาๆ 

   “น้ำเล่ามาเลย  ถ้าป๊าช่วยได้...ป๊าจะช่วย  น้ำขับรถชนคนมาหรือเปล่าลูก?”  ธนกรถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นทั้งที่ในใจร้อนรน

   ต้นน้ำส่ายหน้าหวือ  ทำไมป๊าคิดไปได้ถึงขนาดนั้น? “เปล่าๆ ป๊า  น้ำแค่เมาแล้ว...”

   ฝนทิพย์โล่งอกไปหนึ่งเปราะ...ที่เรื่องราวอาจจะไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดเมาแล้วขับรถชนคน  แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้เสียทีเดียว 

   “เมาแล้วแฮงค์  แอบโดดเรียนแค่นั้นเองป๊า”  นทีช่วยเฉลยคำตอบหลังจากที่กลั้นขำเสร็จเรียบร้อยแล้ว 

   “โธ่เอ๊ย...แค่นี้เองลูก  แม่ก็นึกว่าเมาแล้วไปพลาดปล้ำสาวที่ไหนให้พ่อแม่เขามาแหกอกแม่ซะอีก”

   ต้นน้ำทำตาโตหันไปสบตากับนทีแวบหนึ่ง  ก่อนที่นทีจะหันหลังกลับไปหัวเราะจนไหล่สั่นกับผ้าม่านอีกครั้ง 

   “หัวเราะเข้าไป”  ต้นน้ำหยิบหมอนขว้างใส่หลังสั่นๆ ของนที  “ความผิดนทีเลยป๊า  ชวนน้ำเที่ยว”  เมื่อโกหกได้เรื่องหนึ่ง  เรื่องอื่นก็ย่อมไหลลื่น

   “เอาเถอะๆ  เรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าป๊าจะสนับสนุนให้ทำบ่อย  นานๆ ทีป๊าจะไม่ว่าหรอก  จะทำอะไรก็อย่าให้เสียการเรียน  เสียอนาคตก็พอ  นอกนั้นป๊าไม่ห้าม”

   “จริงนะป๊า?”  นทีหันขวับกลับมาถามอย่างรวดเร็ว

   ธรกรเหมือนฉุกใจคิดขึ้นมาได้  เขากำลังชี้โพรงให้กระรอกเจ้าเล่ห์อยู่หรือเปล่า? “ถามแบบนี้...ไปทำอะไรผิดมาเหรอนที?”

   “เปล่า...ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น  แค่ถามดู...ต่อไปมีอะไรจะได้มาบอกป๊าไง  แค่ไม่เสียการเรียน  ป๊าก็จะไม่ว่าใช่ไหมล่ะ?”

   ผู้เป็นพ่อนิ่งคิด  สิ่งที่เขาห่วงที่สุดก็คืออนาคตของลูก  ขอแค่ลูกมีความสุข  ดูแลตัวเองได้  เขาก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว  “อืม  ถ้าไม่เสียการเรียน  ไม่เสียอนาคต  ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน...ก็จะไม่ว่า”

   “ป๊าพูดแล้วนะ  จำไว้ด้วยล่ะ”

   “บ๊ะ...ไอ้นี่  ป๊าเริ่มกลัวแล้วนะ  แกไปทำสาวท้องมาหรือไง?”

   “โธ่ป๊า...มีเรื่องอย่างนั้นที่ไหนล่ะ  ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”  นทีรีบปฏิเสธเสียงแข็ง

   ต้นน้ำขมวดคิ้ว  หรี่ตามองคนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ   ทำจ้ะ...เป็นคนแบบที่ป๊าพูดนั่นแหละ  แค่ผู้หญิงไม่ได้ท้องเท่านั้นเอง   

   “ป๊าก็...ไปล้อลูก  ลงไปข้างล่างกันเถอะ ไปดูของฝากกัน  แม่ซื้อมาเต็มเลย”

   ต้นน้ำขยับตัวจะลุก  แต่กลับเจ็บแปลบวาบขึ้นมาจนต้องทรุดกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง  ดวงหน้าขาวเหยลงจนฝนทิพย์เป็นห่วง

   “น้ำเป็นอะไรลูก?”

   “ไม่ได้เป็นอะไรแม่  เมื่อคืนเมาแล้วล้ม  ก้นเลยกระแทกพื้น”  ต้นน้ำยิ้มแหย 

   “อ้อ...ระวังตัวกันหน่อยลูก  จะไปเที่ยวกันแม่ก็ไม่ว่า...แต่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วย  แม่เป็นห่วง”

   นทีปราดเข้ามาพยุงต้นน้ำ  “ผมก็พยายามดูแลอยู่ครับ  เนี่ย...กลัวทำอะไรไม่ถนัด  เลยต้องพามานอนที่ห้องด้วย” 

   ต้นน้ำกดยิ้มเย็นที่มุมปาก...เอาหน้าไปอีก  ดูแลหรือทำให้เจ็บกันแน่?

   “ดูแลกันก็ดีแล้วล่ะจ๊ะ  ขอบใจมากนะนทีที่ช่วยดูแลต้นน้ำ”  ฝนทิพย์ลูบหัวนทีด้วยความเอ็นดูก่อนเลื่อนมากุมมือนทีไว้

   หน้าที่ของนทีโดยตรงเลยล่ะแม่  นทีนี่แหละคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องนอนซมแบบนี้...ต้นน้ำกรอกตามองบน

   “ลูกแม่เป็นคนดีจริงๆ  ป๊าเลี้ยงลูกมาได้ดีที่สุด” ฝนทิพย์ยังคงซาบซึ้งไม่หยุด  ธนกรเองก็ปลาบปลื้มที่ลูกชายของตนช่วยดูแลพี่ชายต่างสายเลือด ลึกๆ ในใจทั้งสองคนต่างก็กังวลว่าลูกจะยอมรับกันได้จริงหรือเปล่า?  หรือเพียงทำเพื่อให้พวกเขาสบายใจเท่านั้น  กังวลว่าสักวันอาจจะมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกัน  แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ  แต่ทั้งสองคนก็สบายใจได้อีกขั้นหนึ่ง...อย่างน้อย...เด็กทั้งสองคนนี้ก็คอยดูแลกัน  มีน้ำใจต่อกันแม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวกเขา 

   แม้จะยังรู้สึกได้ว่ามีความลับบางอย่างที่ลูกชายทั้งสองคนช่วยกันปิดบังแต่ไม่ยอมบอกพวกเขา  แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็พร้อมจะมองข้ามไป  เพราะนั่นเป็นสัญญาณของความเป็นพี่น้อง  ความเป็นพรรคพวกเดียวกันของเด็กทั้งสองคนแล้ว

   นทีเริ่มร้อนรน  ฝนทิพย์ส่งสายตาชื่นชมเขามาเสียมากมาย  ทั้งที่...เขาเพิ่งฟาดฟันลูกชายแม่ไปเมื่อคืนเองนะ!  ความรู้สึกผิดแล่นฉิวดั่งลูกศรแหลมคมปักที่อกดังฉึก “ผมรักแม่นะ  ผมจะรักและดูแลต้นน้ำให้ดีครับ” 

   ต้นน้ำอ้าปากค้าง...นทีพูดอะไรออกมา?  สมองบวมไปแล้ว?  เมนส์ไม่มา?...เลือดลมตีกลับ?  หรือยังไง?

   ต้นน้ำทั้งงง...ทั้งชาวาบทั่วใบหน้า รู้สึกเหมือนนทีกำลังขอเขากับแม่อย่างไรอย่างนั้น  ทว่าฝนทิพย์กลับหัวเราะคิกคักถูกใจที่นทีเล่นบทซาบซึ้งไปกับตนเองด้วยจนแทบจะรวบร่างสูงมาไว้ในอ้อมกอดแล้วติดป้าย ‘ลูกรัก’ ไว้บนหน้าผาก

   “ไปๆ  ไปข้างล่างกัน  ป๊าหิวมาก  เมื่อกี๊...ป๊าแวะซื้อข้าวมาด้วย  คิดถึงอาหารไทยจะแย่แล้ว”  ธนกรขัดคอก่อนที่ฝนทิพย์จะติดป้ายลูกรักให้นทีแล้วตัวเขาจะตกกระป๋อง

   ฝนทิพย์หัวเราะก่อนเดินเคียงข้างธนกรนำลงไปก่อน  ปล่อยให้นทีพยุงต้นน้ำตามลงไป 

   “เอาหน้าว่ะ”  ต้นน้ำกระซิบกระซาบบอกคนที่เข้ามาพยุง

   “เขาเรียกว่า...อยู่เป็นโว้ย!!  ไม่งั้นจะให้พูดว่าไง  บอกความจริงไปเลยไหม?  กล้าป่ะล่ะ?”

   “ไอ้บ้า  เรื่องแค่นี้!...ใครจะไปกล้าวะ?  อย่าลูบก้น!”  พยุงเฉยๆ ก็ได้ไหม?  ทำไมต้องเอามือลูบด้วย 


----------- อ่านต่อด้านล่าง ----------

ออฟไลน์ Smile A

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 50
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0



------------  นทีต้นน้ำ ตอนที่ 26 (ต่อ) -----------


ร่างโปร่งนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาท่ามกลางขนมกองใหญ่  ราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆที่ทำมาจากซองขนม หลังจากกินข้าวที่ธนกรซื้อมาจนอิ่มหมีพีมัน...ต้นน้ำก็มานอนกางพุงให้อาหารย่อยอยู่บนปุยเมฆแห่งกองของฝากแห่งนี้  ไม่คิดจะขยับตัวไปไหนอีก  มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด  เห็นแจ้งเตือนแอพอินสตราแกรมมาแวบๆ  แต่จู่ๆ หน้าจอก็ดับวูบกลายเป็นสีดำสนิท...แบตเตอรี่หมด!!!

   “นที...ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ  ของเราแบตหมด” ต้นน้ำบอกนทีที่กำลังช่วยฝนทิพย์รื้อของออกจากกระเป๋าเข้าเก็บตามตู้ต่างๆ คอยตามประคบประหงม  ประจบประแจงยิ่งกว่าลูกแท้ๆ อย่างเขาเสียอีก

   “ชาร์ตแบตอยู่ข้างบน  จะเอาป่ะ?  เดี๋ยวไปเอาให้  เราเก็บของให้แม่ก่อน”

   “นทีช่วยแม่อยู่  ตัวเองนอนขี้เกียจเฉยๆ ยังจะมาใช้เขาอีกนะ  นิสัยไม่ดีเลย” ฝนทิพย์ตะโกนแหวดุลูกชายสวนขึ้นมา

    “โธ่แม่  น้ำแค่ขอยืมโทรศัพท์เฉยๆ เอง  ยังไม่ได้ใช้อะไรสักหน่อย”  ต้นน้ำหน้ามุ่ย  ไม่กล้าแตะ ‘ลูกรัก’ ของฝนทิพย์ไปมากกว่านี้

   “รู้สึกเป็นส่วนเกินเลยใช่ไหมล่ะ?” เสียงผู้หญิงกระซิบแผ่วเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง  นอกจากเขาแล้ว  ทุกคนในบ้านรวมตัวกันอยู่ในครัว  แล้วเสียงที่เขาได้ยิน...ก็ไม่ใช่เสียงแม่!

   ต้นน้ำขนลุกเกรียว  ค่อยๆ หันหน้าไปทางต้รเสียงก่อนสะดุ้งโหยง  หัวใจหล่นวูบเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงสวยผู้มีใบหน้าขาวนวล  ริมฝีปากแดงสดอยู่ห่างจากเขาแค่คืบ  ดวงตาที่มีรอยช้ำรอบดวงตาจ้องเขาเขม็ง   ริมฝีปากแดงนั้นก็ขยับอีกครั้ง
   
   “เป็นอะไร?  ทำหน้าเหมือนเห็นผี”  ริมฝีปากแดงสดขยับอีกครั้ง

   ต้นน้ำกระพริบตาเรียกสติ  ชั่วเวลาหนึ่งที่ลมหายใจสะดุดเหมือนหัวใจหยุดเต้น

   “คุณ...คุณ...เอ่อ...” 

   “ม๊า!  เรียกม๊าสิ” ณภัทราบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นข่มขวัญ  หากนทีเรียกฝนทิพย์ว่าแม่  ต้นน้ำก็ควรเรียกเธอว่า ‘ม๊า’ ได้เหมือนกัน 

   ต้นน้ำ “.......”

   ดวงตาช้ำแดงช้ำเขียวดุดันเพ่งเขม็งมองต้นน้ำราวกับจะบอกว่า...หากเขายังไม่ยอมเรียกเธอว่าม๊า  เขาจะต้องไม่มีชีวิตอยู่ดีแน่

   “มะ...ม๊า”

   รอยยิ้มพอใจจุดขึ้นที่มุมปากของณภัทรา  และยังเผื่อแผ่ไปถึงดวงตาด้วย  พลอยทำให้ลมหายใจของต้นน้ำไหลเวียนได้คล่องขึ้น  ร่างโปร่งค่อยๆ ขยับหนีให้พ้นจากท่าทีคุกคามของดาราสาว  หากแต่ไม่ทันมือแกร่งที่จับต้นแขนเขาให้ลอยหวือขึ้นอย่างรวดเร็ว

   “คุณมาทำอะไรที่นี่?” เสียงดังมาจากร่างสูงที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังเขาไม่มีร่องรอยหงุดหงิดรำคาญใจ  แต่ก็ยังคงเรียบเฉยอยู่ในที

   ณภัทราระบายรอยยิ้มที่มุมปาก  อย่างน้อยบุตรชายก็ไม่ได้ตั้งท่ารังเกียจเหมือนอย่างเคย  กำแพงที่เคยตั้งหนาอาจจะเบาบางลงจนเธอสามารถจะทลายเข้าไปได้สักที  “ถ้าไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร  แล้วฉันก็หน้าเด็กเกินกว่าที่จะเรียกว่าแม่  จะเรียกพี่ก็ได้นะ” 

   นทีปราดสายตาคมไปทั่วทั้งร่างสวย  ตั้งแต่หัวจรดเท้า  เท้าจรดหัว “เจ๊ไปทำอะไรมา?  ทำไมตาช้ำแบบนั้นล่ะ?”

   ใบหน้าระบายยิ้มของณภรัทราเปลี่ยนสีไปมาจนไม่สามารถบ่งบอกอารมณ์ได้  เธอตั้งใจแต่งหน้าออกจากบ้านมาอย่างดี  บล็อกตาเฉี่ยวคมดุดัน  ทาปากแดงเสริมบารมี  ตั้งใจมาคุยกับธนกรเรื่องธัญญาให้รู้เรื่อง  หากธนกรไม่ลงดาบธัญญาให้เด็ดขาด  แม่จะฟาดๆๆๆ...ฟาดให้ขาดกระจุย  แล้วดูสิ...ยังไม่ทันได้โหมโรง  ลูกชายก็มาดับความมั่นใจเสียสนิท  แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม  มันน่าโมโหไหมล่ะ?”

   “มาเร็วจริง” เสียงธนกรดังมาจากทางด้านหลังนที  ฝนทิพย์ก้าวมายืนเคียงข้างกับธนกร 

   ณภรัทราเบ้หน้ากรอกตา  ได้จังหวะจริง  โผล่มาได้ตอนที่เธอกำลังเสียหน้าพอดี  แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนอย่างเธอมีหรือจะปล่อยให้เรื่องแต่นี้มาทำลายความมั่นใจได้  ร่างเพรียวเหยียดตัวตรง  ยกขาเรียวสวยขึ้นไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่ฝึกฝนมาอย่างดี  “เราจะคุยกันได้หรือยัง?”

   ธนกรมองสบตากับณภรัทราด้วยสีหน้าลำบากใจ  ก่อนหันมามองนที  บรรยากาศโดยรอบล้อมอวลไปด้วยความอึดอัด  ทุกคนในที่นี้ต่างรู้กันโดยไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องที่กำลังจะเป็นประเด็นสำคัญคือเรื่องอะไร  เรื่องที่เคยเก็บเอาไว้ในใจ  กดให้ลึกที่สุดจนแทบจะลืมเลือนกำลังจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา

   “ผมคิดว่า...ผมควรจะ...ขึ้นไปนอนพักสักหน่อยดีกว่า”  ต้นน้ำเอ่ยแทรกท่ามกลางบรรยากาศที่ความคิดในหัวแต่ละคนเริ่มระอุ  พ่อแม่ลูกเขาจะคุยกัน  แม่เขาก็คือแม่เลี้ยงที่กลายไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว  แต่ตัวเขาที่เป็นแค่ลูกติดของฝนทิพย์มาไม่สมควรอย่างยิ่ง...อย่างมาก...ที่จะอยู่ตรงนี้ 

   “ไม่เป็นไร  นั่งเถอะ  น้ำก็ควรจะได้รับรู้ด้วย” ธนกรบอกเสียงเรียบ พลางทรุดลงนั่งที่โซฟาตัวยาวข้างหนึ่งโดยมีฝนทิพย์นั่งข้างๆ 

   ต้นน้ำหน้าจ๋อย...คนอื่นไม่คิดเหมือนเขาแฮะ

   นทีพยักหน้าให้ต้นน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนพากันนั่งลง

   เมื่อเห็นว่าครบองค์ประชุมแล้ว  ณภรัทราก็หยิบแฟลชไดร์ฟที่บรรจุไฟล์คลิปเสียงไว้มาวางบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า 

   “ตามที่เราคุยกันไว้  คลิปเสียงทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว  ถ้าพี่ไม่จัดการกับพี่ธัญญา  ฉันจะเป็นคนจัดการเอง  และถ้าให้ฉันจัดการ  เชื่อมือได้เลยว่า...เรื่องต้องไม่เล็กแน่!”  ถ้าจะเล่น...ก็ต้องเล่นให้ใหญ่  สื่อทุกสื่อต้องได้ข่าว  และไม่ใช่แต่ข่าวประเดี๋ยวประด๋าว  จะต้องเป็นข่าวใหญ่ไล่ละเอียดยิบตั้งแต่เธอแต่งงาน  เธอต้องเจอกับแม่สามีและพี่สามีที่ร้ายกาจแค่ไหน  โดนใส่ร้ายอย่างไรบ้าง  คนไทยทั้งประเทศจะต้องได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของไฮโซธัญญาที่ได้ชื่อว่าวางตัวอยู่ในกรอบระเบียบและศีลธรรมอันดีงามมาตลอด

   “พี่จะจัดการเอง  คลิปเสียงนี้  พี่เอาไปได้เลยใช่ไหม?”  ธนกรกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางเอื้อมมือมาหยิบแฟลชไดร์ฟก่อนชะงักค้าง

   “เอาไปได้เลย  ฉันอัดไว้หลายอัน  จะเอาอีกสองสามอันก็ได้นะ”  ตาคมสวยเหลือบมองธนกรด้วยสายตาท้าทาย  หากธนกรจัดการได้ไม่เด็ดขาดพอ  เธอจะลงมือเอง

   แววตาเหนื่อยหน่ายปนลำบากใจปรากฏวูบขึ้นในสายตาของธนกรจุดรอยยิ้มหวานเย็นให้กับณภรัทรา  ธนกรไม่ใช่คนไม่ดี  ไม่ใช่คนผิด  แต่เรื่องบางเรื่อง...ธนกรก็ต้องชดใช้ให้กับเธอเช่นกัน

   “พี่ต้องการทั้งหมด”  ธนกรเป็นฝ่ายเรียกร้อง

   “คงจะไม่ได้” ณภรัทราตอบทันควัน  รวดเร็วราวกับไม่ต้องคิด

   อดีตสามีภรรยาจ้องตากันราวกับพร้อมจะกระโจนเข้าขย้ำห้ำหั่นกันเต็มที่  สุดท้ายธนกรจึงได้เป็นฝ่ายถอยก่อน  “เธอต้องการให้พี่จัดการยังไง?  แค่ที่เราคุยกันมันยังไม่พอใจเธออีกเหรอ?” ณภรัทราโทรไปคุยกับเขาตั้งแต่เย็นวันที่เกิดเรื่องขึ้น  และนัดว่าจะมาคุยอีกทีวันที่เขากลับมา  ทำให้เขาต้องเลื่อนไฟล์ทกลับให้เร็วขึ้น 

   “ไม่พอ  แค่ตัดเงินช่วยเหลือแค่นั้นไม่พอ  พี่ต้องถอนหุ้นของพี่ธัญออกด้วย  ธุรกิจพี่..พี่ธัญไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว”  ถ้าจะเกี่ยวก็ช่วยทำให้ล่มจมมากกว่าที่จะช่วยให้เจริญขึ้น

   “เธอก็รู้ว่ามันเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของม๊าพี่”

   “ม๊าพี่ก็เห็นแก่ตัวพอกันนั่นแหละ”  ณภรัทราบอกเสียงแข็ง  “ม๊าพี่เคยสนใจอะไรบ้าง?  แม้แต่หลาน...เคยสนใจไหม?”

   ธนกรนิ่งงัน  ในใจส่วนหนึ่ง...เขารับรู้ว่าลูกชายไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควรมาตลอด  แต่ด้วยหน้าที่ของลูกชายคนโตทำให้เขาได้แต่บอกตัวเองให้อดทน  บอกลูกให้อดทน  เพื่อที่เมื่อถึงวันหนึ่ง...ทั้งเขาและลูกจะไม่ต้องทนกับอะไรอีก  แต่เขากลับทำพลาดไป  นทีได้รับความอยุติธรรมมากกว่าที่เขาคิดไว้

   “พี่เองก็เห็นแก่ตัวเหมือนม๊า...เหมือนพี่ธัญนั่นแหละ” ณภรัทรายิ้มขื่น  ยิ้มให้กับความรักบิดเบี้ยวของคนในครอบครัวนี้ที่ทำร้ายเธอ  ทำร้ายอนาคตของหญิงสาวคนหนึ่ง  สุดท้ายก็ยังทำลายความเป็นแม่ของเธอ  ธนกรอยากเป็นลูกชายที่ดี  อยากเป็นน้องชายที่ดี  เฝ้ารักษาคำสัญญาของคนที่ตายไปแล้วโดยไม่แยแสความเจ็บปวดของคนที่เคยขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมียคนหนึ่ง  แม้แต่ความรู้สึกของลูกชายก็ยังละเลยไป  “ได้  พี่จะเอาอย่างนั้นก็ได้  แต่นทีต้องไปอยู่กับฉัน”

   นทีกับต้นน้ำมองหน้ากัน  นทีทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง  หากแต่ต้นน้ำสะกิดไว้ก่อนพลางส่ายหน้าเป็นสัญญาณไม่ให้พูด

   “ไม่  เรื่องนี้พี่ไม่ยอม”  ธนกรกล่าวเสียงแข็ง

   “แล้วพี่จะเอายังไง?  เรื่องอะไรพี่ก็ไม่ยอมสักอย่าง  พี่ธัญทำอะไรไว้บ้าง?....พี่รู้หรือเปล่า?  เฮอะ...แต่รู้แล้วยังไง?  สุดท้าย...พี่ก็ทำอะไรไม่ได้  เพื่อคำว่าพี่น้อง  เพื่อม๊าพี่  เพื่อครอบครัวพี่  คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันสินะ  ที่จริงแล้ว...พี่คือคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด  รู้ตัวไว้ด้วย”

   ธนกรขยับจะพูดต่อ  แต่นทีกลับเรียกณภรัทราขึ้นมา “ม๊า!!!” 

   เพียงแค่เสียงผู้เป็นลูกเรียกแม่ให้ได้ยินอีกครั้ง  จิตใจของณภรัทราก็อ่อนยวบ  ร่างสูงของผู้เป็นบุตรชายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  “ขอผมคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม?”


------------ tbc ---------

มาแล้วค่ะ พอแสดงความสำนึกผิด เราฮาราคีรีตัวเองเรียบร้อยแล้วค่ะ





ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: :pig4: :pig4: ขอบคุณที่มานะคะ

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
โย่ว ดีใจที่มาต่อมากๆๆ มาถึงสนุกเลยจ้า อยากเห็นจัดการปัามหาภัยแบบไหนเหมือนกัน สงสารนที โดนรังแกมาตลอดเลย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จัดไปคุณพ่อ  เอาให้หนัก  ยัยป้ามหาประลัยต้องพินาศไป

ถ้าไม่ทำ  เด๋วคุณแม่ทำเอง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด