พิมพ์หน้านี้ - ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Smile A ที่ 13-08-2019 13:43:01

หัวข้อ: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 13-08-2019 13:43:01
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

                         ----------------------------------------------------------------------------------------------


สวัสดีค่ะ   

ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ไว้ในสายตาคนอ่านทุกท่านด้วยค่ะ 

ติชมกันเข้ามาได้เลยนะ  ไม่ต้องเกรงใจ

อยากได้ความคิดเห็นของทุกคนเลยนะ 

รักนะจ๊ะ
เอ
smile A
หัวข้อ: Re: -- นทีต้นน้ำ --
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 13-08-2019 14:01:09
Introduction





“น้ำ...น้ำว่าไงลูก?”  เสียงหวานนุ่มดังขึ้นข้างตัว

“ฮะ...แม่ว่าไงนะครับ?”  ต้นน้ำหันไปสนใจฝนทิพย์

“เราตกลงกันว่าจะย้ายเข้าบ้านลุงกรเดือนหน้านี้เลยดีไหม?  ถ้าย้ายช่วงก่อนแต่งงานแล้วลูกสองคนติดสอบ  มันจะฉุกละหุกไป” ฝนทิพย์ปรึกษาลูกชาย

ต้นน้ำเหลือบตามองฝนทิพย์และธนกรที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม  คู่รักข้าวใหม่ปลามันที่ลอบมองกันตาหวานเชื่อมเหมือนเด็กหนุ่มเด็กสาวที่เพิ่งหัดตกหลุมรัก  เห็นแล้วอยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ

ตั้งแต่สามีเสียชีวิต  ฝนทิพย์ก็ทำงานเลี้ยงดูต้นน้ำเพียงลำพังโดยไม่เคยมีแฟนใหม่  ใครถามก็ตอบว่า...รอให้ต้นน้ำโตพอที่จะช่วยเธอเลือกก่อน  จนกระทั่งได้พบกับธนกร...เพื่อนเก่าในวันเลี้ยงรุ่น  ต่างฝ่ายต่างเคยแอบชอบพอกันสมัยเรียนหนังสือตอนชั้นมัธยมปลาย  ก่อนแยกกันไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย  พอมาพบกันอีกครั้งก็เหมือนย้อนอดีตไปในสมัยวันวานยังหวานอยู่   ฝนทิพย์แนะนำให้ต้นน้ำรู้จักกับธนกรตั้งแต่แรก  ธนกรดูแลเอาใจใส่ฝนทิพย์เป็นอย่างดี...ในแบบที่คนเป็นลูกก็ทำไม่ได้  ต้นน้ำยอมรับความสัมพันธ์ของแม่ในครั้งนี้  ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะลองใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอีกครั้งพร้อมกับ...ลูกชายของทั้งสองฝ่ายด้วย

“นายว่าไง?” ต้นน้ำหันไปถามคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา  ข้างๆ กับธนกร...ชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา  เหมือนเป็นจุดรวมทุกสายตาตั้งแต่แรกพบ  กำลังดูดชาเขียวเย็นเพิ่มวิปครีมอย่างสบายอกสบายใจ   

ต้นน้ำรู้จักคนๆ นี้!!!...
...ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่รู้จัก   ใครๆ ก็รู้จัก 
หนุ่มหล่อดีกรีเดือนวิศวะ... ผู้หญิงกรี๊ด  เกย์คลั่ง  ตุ๊ดตาย
รวย... ขับรถสปอร์ต  โทรศัพท์รุ่นใหม่  ในกระเป๋าตังค์มีบัตรเครดิต
เก่ง... ข่าวลือยังไม่แน่ชัด  แต่ก็ลือกันมาว่าสอบเข้ามาด้วยคะแนนอันดับต้นๆ ของคณะ
แต่ข่าวลือที่เขาได้ยินมาก็ไม่ใช่แค่นี้...

ช่วงเปิดเทอม...หลังจากรับน้องเสร็จ  ต้นน้ำก็พาร่างสะบักสะบอมไปยังรถญี่ปุ่นที่จอดอยู่ใกล้ๆ กับสวนเกษตรที่ค่อนข้างลับตาคน  แต่ยังไม่ทันจะเดินถึงที่จอดรถ  หูเจ้ากรรมก็ดันได้ยินเสียงแปลกประหลาดขึ้นมาเสียก่อน  เสียงดังตุบตับคล้ายคนกำลังชกต่อยกันดังมาจากทางด้านหน้าที่เขากำลังมุ่งไป
 
ผู้ชายคนหนึ่งกึ่งลากกึ่งจูงผู้ชายอีกคนหนึ่งสวนมา  ผ่านหน้าเขาไปขึ้นรถบีเอ็มดับบลิวที่จอดอยู่ด้านหลัง  ก่อนสตาร์ทเครื่องขับออกไปด้วยความเร็วสูง
 
ต้นน้ำกระพริบตาปริบๆ มองตามรถที่แล่นออกไป  ก็ไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องชาวบ้านนักหรอกนะ  แต่เรื่องชาวบ้านดันมาเกิดตรงหน้าเขาเองนี่   ร่างสูงโปร่งยักไหล่ก่อนก้าวเดินไปยังที่จอดรถช้าๆ  เสียงต่อยตีดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  สังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแล้ว  เขาอยากจะเลี่ยงไปใช้อีกทาง  แต่อีกไม่กี่อึดใจก็จะถึงที่จอดรถของเขาแล้ว  ดูลาดเลาไปก่อนแล้วกัน  ถ้าเลี่ยงได้ค่อยเลี่ยง  หลังจากลับมุมถนน  ภาพผู้ชายห้าคนที่ซัดกันนัวก็ปรากฏขึ้นสู่สายตา..

สามรุมหนึ่ง!
ใช่...ไม่ผิดหรอก  มีผู้ชายอยู่ห้าคน  แต่ที่ซัดกันอยู่มีแค่สี่คน  อีกคนยืนอยู่เฉยๆ 
อ๊ะ!...แต่อาจจะผิดก็ได้...สภาพเหมือนหนึ่งรุมสามมากกว่าแฮะ
 
ผู้ชายหนึ่งเดียวที่ฝากรอยเท้าให้สามคนนั้นคือนที...เดือนวิศวะมาดเท่ที่เพื่อนผู้หญิงของเขากำลังคลั่งไคล้อยู่ในตอนนี้  ส่วนอีกคนที่ยืนดูอยู่เฉยๆ นั่นเหมือนจะเป็นเพื่อนของนที
 
อืม...ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเขาเลย  เขาไม่ใช่พวกซูเปอร์ฮีโรที่เข้าไปช่วยใครในสถานการณ์ที่ตัวเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด  แล้วสถานการณ์นี้ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยใครดีด้วย  ระหว่างนที...กับสามคนที่ผลัดกันล้ม  ผลัดกันลุกขึ้นมา  ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขา...ก็คงจะเป็น...รถเขาที่จอดอยู่ตรงนั้น...ตรงที่ร่างสูงของผู้ชายหน้าตี๋เพื่อนของนทียืนพิงมองดูคนตีกันอย่างสงบ
 
สามคนนั้นดูไม่เหน็ดไม่เหนื่อย  นทีซัดคนหนึ่งหมอบ  อีกคนก็ลุกขึ้นมา  บางคนพยายามจะจับล็อคนทีไว้แต่เหมือนจะล็อคไม่อยู่  ร่างสูงถองศอกไปด้านหลังทีหนึ่ง  ขายาวๆ ก็ยืดไปถีบคนข้างหน้าทีหนึ่ง

คนที่ยืนพิงรถอยู่ก็ใจเย็น  ไม่คิดจะช่วยเพื่อนเลยสักนิด  มึงใจเย็น  แต่กูไม่นะ  กูทั้งหิวทั้งร้อนเลย  ช่วยจัดการให้เสร็จแล้วรีบออกไปให้พ้นจากรถกูที

จนแล้วจนรอด  ในที่สุดต้นน้ำก็ทนไม่ไหว  เขาเดินเข้าไปหาเพื่อนนที 'นายไม่คิดจะช่วยเพื่อนนายหน่อยเหรอ?'
 
หน้าตี๋ๆ หันมาเหวอใส่เขาเหมือนยังจับต้นชนปลายกับคำถามของเขาไม่ถูก  ก่อนส่ายหน้า 'ไม่อ่ะ  เดี๋ยวเจ็บ'

ต้นน้ำถอนหายใจ  อย่างนี้ก็ยิ่งเสียเวลาน่ะสิ  เขาหิวนะ  ร่างสูงโปร่งเปิดหลังรถขึ้นมา  หยิบเชือกที่เอาไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉินได้ก็เดินออกไป

นทีฟาดมาหนึ่งคน  ต้นน้ำก็จับมือไพล่หลังแล้วมัดเอาไว้  ฟาดมาอีกคนก็มัดอีกคน  ฟาดมาเท่าไหร่ก็มัดเท่านั้น  ฟาดสามก็มัดสาม
 
เสร็จ!  แบบนี้สิถึงจะไม่เสียเวลา  อย่าปล่อยให้ศัตรูลุกขึ้นไปสู้ต่อได้
 
'ถอยหน่อย' ต้นน้ำบอกหนุ่มหน้าตี๋ที่ยังคงยืนพิงรถเขาอยู่  ซึ่งอีกฝ่ายก็ยอมขยับให้แต่โดยดีแม้หน้าตาจะดูงงๆ ไปบ้าง

ต้นน้ำขึ้นรถ  ขับเคลื่อนออกไป  หิวเหลือเกิน!  ต้มยำกุ้งที่บ้านเหลือไหมนะ?  ไข่ลูกเขยอีกล่ะ  ปูอบวุ้นเส้น  ไม่ไหวแล้วโว้ย!!!  ข้าวมันไก่หน้ามหา’ลัยแล้วกัน

นั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักนที!...เดือนวิศวะคนดังของมหา’ลัยตัวเป็นๆ 








และในวันที่หิวมากอีกวัน ต้นน้ำนัดเพื่อนไว้ที่ร้านอาหารกึ่งผับใกล้ๆ มหาวิทยาลัย  วนเวียนหาที่จอดรถอยู่นานจนได้ไปจอดในมุมลับตา เขาเดินเร่งฝีเท้าเต็มสปีดพลางคิดคนเดียวในใจ  ต้มยำกุ้ง  ปูผัดผงกะหรี่ ยำปลาดุกฟู  หมึกนึ่งมะนาว
 
'อืมมมม' เสียงแผ่วหวานดังมาจากมุมรั้วข้างหน้า  ทำให้เขาต้องเบาฝีเท้าลง  ก่อนชะโงกหน้าเข้าไปดูสักเล็กน้อย  ไม่ใช่คนชอบเสือกเรื่องชาวบ้านหรอกนะ...จริงๆ!!  เขาแค่กังวลว่าเสียงนั่นอาจจะทำให้เขาเดือดร้อนได้หากทะเล่อทะล่าเข้าไปเท่านั้นเอง
 
แล้วก็จริง!

เขาเห็นร่างสูงของผู้ชายคนหนึ่งอิงแอบแนบชิดกับสาวน้อยร่างบางในชุดเดรสรัดรูป  ร่างน่ะ... บางจริง  แต่ทรวดทรงองค์เอวตรงอื่นไม่บางเท่าไร  ออกจะเกินตัวไปมากเสียด้วยซ้ำ
 
ยังไม่ทันพิจารณาสาวน้อยได้สักเท่าไร  สายตาก็ไปสะดุดกับผู้ชายที่กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกัน  คุ้นๆ ว่าจะเป็นนที...ผู้ชายหน้าขาวที่ไล่กระทืบหนึ่งรุมสามเมื่อวันก่อนแน่นอน  นี่โลกมันกลมหรือคนมันซวย?  นอกจากกิตติศัพท์เรื่องหล่อ รวย เก่งแล้ว  เรื่องตีรันฟันแทงของนทีก็ไม่น้อยหน้าใคร  ตี...กับผู้ชาย!  ฟัน...กับผู้หญิง!
  
แต่ตอนนี้เขาหิว!  หิวมากด้วย!

มันแย่ตรงที่ทางเข้าร้านด้านหลังจะต้องผ่านสองคนนี้ไปเท่านั้น  ต้นน้ำนั่งยองลงกับพื้นน้ำตาจะไหล  จะเปลี่ยนใจไปเข้าทางด้านหน้าร้านก็ไม่มีที่จอดรถอีก  เดินก็ไกลมากกก  จะรอให้สองหนุ่มสาวเสร็จธุระก็น่าจะนานอยู่  ถ้าขืนฝืนเดินตัดเข้าไป  เกิดไอ้หน้าขาวมันโมโหขึ้นมา ไล่กระทืบเขาเหมือนไอ้สามตัวนั่น  นอกจากไม่ช่วยให้หายหิวแล้วยังจะกลายเป็นศพเร็วขึ้นอีกด้วย  หากเขายอมนั่งทนหิวสักหน่อย  อย่างน้อย...ก็ยังคงเหลือชีวิตไปกินต้มยำกุ้งต่อได้
 
'คืนนี้กลับด้วยนะ' สาวร่างกระซิบด้วยเสียงเบา
   
เบายังไง  ต้นน้ำก็ได้ยินอยู่ดี  ใกล้กันแค่รั้วกั้น  บรรยากาศก็เงียบ  จะกลับกันตอนนี้เลยไหมล่ะ  เขาจะได้เข้าไปกินต้มยำกุ้งสักที
 
'วันนี้ต้องกลับบ้าน  ไว้วันหลังเถอะนะ'  เสียงไอ้หน้าขาวแน่นอน
 
'อื้อออ  ไม่เอาอ่ะ  อยากไปวันนี้นี่...น๊าา' เสียงหวานลากยาวออดอ้อน
 
'ไม่ได้ครับ  อย่างอแงนะคนดี  เดี๋ยวชดเชยให้ทีหลังนะ'
 
'ก็ด้ะ'  เสียงหวานติดจะเง้างอน  แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้าย  'สัญญานะ  ว่าจะชดเชยให้  จนคุ้ม'

ว่าแล้วก็คงจะจ่ายค่าชดเชยกันอีกเล็กน้อย  ต้นน้ำยังไม่กล้าชะโงกหน้าเข้าไปดู  ได้แต่เอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ  อดทนไว้ลูกเอ๊ย  เดี๋ยวพ่อจะชดเชยให้เอ็งเหมือนกัน
 
'สัญญาครับ  แพนเดินเข้าไปก่อนนะ  เดี๋ยวผมค่อยเดินเข้าไปทีหลัง'
 
ทำไมมึงไม่เดินเข้าไปพร้อมกันเลยว้า  เดี๋ยวกูเดินเข้าไปทีหลังเอง  ผลัดกันเดินเข้าไปแบบนี้  เมื่อไรจะถึงคิวกู  เมื่อไรกูจะได้แดกข้าว  ต้นน้ำเงยหน้ามองพระจันทร์  แต่แสงไฟคงจะมากเกินไป  คืนนี้เลยไม่มีพระจันทร์  เห็นแต่ท้องฟ้าที่กลายเป็นสีหม่นๆ ยามค่ำคืน  และ... ไอ้หน้าขาวที่อยู่ๆ ก็โผล่หน้าเข้ามาในเขตสายตา
 
'ชอบถ้ำมองเหรอ?'  ใบหน้าหล่อเหลาชะโงกเข้ามาจนใกล้  ดวงตาคมไม่มีร่องรอยตำหนิ  มีแต่ความแปลกใจนิดๆ  มากกว่า

ต้นน้ำเบิกตาโต  อ้าว... นี่โดนจับได้แล้วเหรอ?

เขาลุกขึ้นเต็มความสูง  180 เซนติเมตร  เขาก็ว่าเขาสูงแล้วนะ  แต่คนตรงหน้าดันสูงกว่าอีก  น่าจะสูงกว่าไม่มาก สัก 5 - 6 เซนติเมตรได้  ถ้าต่อยกัน... ด้วยทักษะที่เขาได้เห็นมาเมื่อวันก่อน  บวกกับสรีระร่างกายที่อีกฝ่ายค่อนข้างหนากว่า  ตัดกำลังเขาด้วยความหิวโหยจากกระเพาะที่กำลังส่งเสียงประท้วงอยู่  มั่นใจได้เลยว่า... น็อคเขาได้ในหมัดเดียว!
 
'ไม่ชอบอ่ะ  แต่เห็นนายกำลัง... เอ่อ... '  คำว่า ‘เข้าด้ายเข้าเข็ม’ ถูกละไว้  '...ทะเลาะกันอยู่  เลยไม่กล้าเข้าไปกวน'
 
ตาคมหรี่ลงเหมือนจับผิด
 
'เออ... นั่นแหละ  นายเสร็จเรื่องแล้วใช่ไหม?  เราจะได้เข้าไปสักที' ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ  เขาจ้ำพรวดผ่านร่างสูงเข้าไปทันที

'เดี๋ยว'

เดินออกไปได้ก้าวครึ่ง  ยังไม่ถึงสองก้าวเลย  ร่างสูงโปร่งของต้นน้ำก็ต้องเซถลากลับมาที่เดิมอีกครั้ง
  
นทีคว้ามือต้นน้ำไว้  ดูไปก็คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นฉากแบบนี้ในละครหลังข่าวอยู่บ่อยๆ เป็นตอนที่นางเอกกำลังจะเดินหนีแล้วพระเอกก็คว้าแขนนางเอกไว้  ทำไงดี?... สะบัด สะดีดสะดิ้งเหมือนนางเอกละครดีไหม? เขาไม่เคยเห็นนางเอกเรื่องไหนรอดสักราย  แต่...เขาต้องรอดดดด
 
'ต้มยำกุ้ง' ต้นน้ำหันไปบอกเจ้าของมือที่คว้าแขนเขาไว้
 
หน้าหล่อๆ เลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ ทำหน้าเอ๋อยังจะมาหล่ออีก
 
'กูหิว'  กู... นี่แหละ  ไม่รง...ไม่เรามันแล้ว  มารยาทที่มีอยู่เพียงน้อยนิด  เขวี้ยงมันไปไกลๆ  ไม่ต้องรักษาใดๆ 'กูอยากกินต้มยำกุ้ง  กูรอพวกมึงทะเลาะกันเสร็จนานแล้ว  มีปัญหาอะไร  ไว้เคลียร์หลังต้มยำกุ้งกูได้ไหม?  นะ... กูขอร้องล่ะ  กูไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว'

นทีคล้ายจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ยอมคลายมือ
 
ต้นน้ำถอนใจก่อนหันหลังกลับไปยังตัวร้านด้วยความเร็วเต็มสปีด  วินาทีนี้...มือไวขนาดไหน  ก็คว้าจับเขาไม่ได้แล้ว

ถามว่าวันนั้นต้นน้ำได้กินต้มยำกุ้งไหม?  ตอบเลยว่าไม่!  เขาไปไม่ทัน  กุ้งไม่เหลือสักตัว  เหลือแต่เห็ดกับน้ำต้มยำ  เขาไม่อยากเรื่องมากจนต้องสั่งใหม่  ได้แต่กล้ำกลืนฝืนใจกินของเหลือเท่าที่มี  ปูผัดผงกะหรี่ก็ไปหมดแล้ว... เหลือแต่ผงกะหรี่ผัดต้นหอมไว้ให้ดูต่างหน้า  ยังดีที่หมึกนึ่งมะนาวกับยำปลาดุกฟูยังเหลือพอให้กล้อมแกล้ม 

แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่เห็นนทีจะเข้ามาคุยอะไรด้วยนี่  ยังหัวเราะอยู่กับเพื่อนที่โต๊ะอยู่เลย  แล้วที่ทำท่าเหมือนมีเรื่องจะคุย...มีเรื่องอะไรล่ะ?

นั่นเป็นครั้งที่สองที่เขาได้ประสบพบเจอกับนทีตัวเป็นๆ 





ช่างเป็นความประทับใจแรกพบไม่รู้เลือนจริงๆ
  
นทีคนดัง...เดือนมหา’ลัย...หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งในโพลเพจคิวท์บอย  ชายหนุ่มที่มาพร้อมกับออร่าเรียกความสนใจจากทุกสายตา  ผู้ชายที่ควงสาวไม่เคยซ้ำคน  ถ้าแปรงสีฟันต้องเปลี่ยนทุกๆ สามเดือน  นทีเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่านั้น 

นทีคนดังคนนั้น...กำลังดูดชาเขียววิปครีมล้นๆ หมดเป็นแก้วที่สองแล้ว  มือขาวปาดวิปที่เหลืออยู่เข้าปาก  “ไม่มีปัญหา  ย้ายเข้าวันนี้เลยก็ได้นะครับคุณแม่”  ประโยคหลังหันไปบอกฝนทิพย์อย่างประจบพร้อมกับเปลี่ยนสรรพนามเรียบร้อย  ก่อนหันมายิ้มให้ต้นน้ำอย่างสดใส  ไร้เดียงสา  บริสุทธิ์เป็นที่สุด

ต้นน้ำอยากจะเบ้ปากให้ความใสซื่อของนที  แต่แสดงออกได้เพียงแค่ยิ้มตอบก่อนตักเค้กใส่ปาก





นทีเหลือบตามองต้นน้ำ

เขาเองก็รู้จักคนๆ นี้  ตอนต้นเทอมที่เขาเข้ามหา'ลัยใหม่ๆ เคยมีเรื่องกับกลุ่มนักศึกษาเกะกะกลุ่มหนึ่ง  เขาไม่อยากลงมือหนักมาก  แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะไม่ยอมหยุดสักที  ต่อยจนคว่ำแล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่เหมือนตุ๊กตาล้มลุก  ตายยากเหมือนแมลงสาป  กำลังคิดว่าจะลงมือให้หนักอีกหน่อย  เบื่อแล้ว  อยากหยุดเสียที  อยู่ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้เอาเชือกมามัดพวกนั้นไว้ทีละคน  เขาซัดลงไปกอง...คนๆ นั้นก็มัดไปเรื่อยๆ จนครบ  จากนั้นก็จากไปไม่พูดไม่จา  เป็นการจากลาที่เรียบง่ายที่สุด

'ใครวะ?'  นทีถามเม่นที่ยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว  แต่อีกฝ่ายกลับยักไหล่ส่ายหัว

สุดท้าย...เขาก็รู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร  เมื่อเห็นผลโหวตหนุ่มหล่อสุดฮอตเพจคิวท์บอย  อันดับหนึ่งคือเขาเอง  แต่ที่สนใจจริงๆคืออันดับสี่... ต้นน้ำ  หนุ่มน้อยหน้าใสรองเดือนคณะศิลปกรรม  หนุ่มเนิร์ดสุดฮอตอันดับหนึ่งในมหา’ลัย   ในรูปต้นน้ำใส่แว่นกรอบทองบางๆ  ทั้งที่ตอนที่เขาเคยเจอก็ไม่ได้ใส่ 

เจอกันอีกครั้งตอนที่เขาโดนผู้หญิงที่ชื่อแพนลากออกมาด้านหลังร้านอาหาร  เขาเห็นจากปลายตาแวบๆ  ว่ามีคนจะเดินเข้ามา  แต่พอเห็นเขาก็ชะงักเท้าแล้วหลบไป  จนกระทั่งคุยธุระส่วนตัวกับแพนเสร็จนั่นแหละ  เขาถึงได้เดินเข้าไปดูว่าเป็นใคร

คนคุ้นตาที่วันนี้ไม่ได้ใส่แว่น!

ต้นน้ำที่นั่งยองอยู่ข้างรั้ว  มือกุมท้อง  หน้าใสแหงนมองดวงจันทร์ตาปรอย  ดูแล้วน่าขำจนอยากแกล้ง  เขารั้งต้นน้ำไว้  อยากจะขอบคุณที่ช่วยเขามัดไอ้พวกบ้านั่นไว้วันนั้น  แต่ต้นน้ำไม่เปิดโอกาส  ซึ่งเขาเข้าใจดี  ที่นั่งกุมท้องรออยู่นานขนาดนั้น...ต้มยำกุ้งคงสำคัญมาก

และอีกครั้งที่นทีนั่งกินก๋วยเตี๋ยวคนเดียวระหว่างรอเพื่อน  เขาเลือกที่นั่งหลบมุมอยู่ริมเสาต้นใหญ่
 
'เฮ้ย...นั่นมันต้นน้ำนี่'  เสียงผู้หญิงโต๊ะด้านข้างอีกฝั่งของเสากระซิบกระซาบกัน  นทีคีบลูกชิ้นเข้าปากอย่างใจเย็นพลางเหลือบตาขึ้นดู

วันนี้ใส่แว่นแฮะ
 
ต้นน้ำเดินกดสมาร์ทโฟน  โดยมีเพื่อนคอยกอดคอลากให้เดินตามไป  เขารู้จักเพื่อนของต้นน้ำ  ริว...เดือนคณะศิลปะกรรมที่ทำกิจกรรมตอนประกวดเดือนด้วยกัน  หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับสองของโพลเพจคิวท์บอย

'น่ารักอ่ะ  ข๊าวขาว  หน้าโคตรใส  เดินกับริวงี้แบบ...จิ้นว่ะ'
 

นทีดูดก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก  จิ้นกันไปเถอะ...คงได้แค่จิ้นเท่านั้นแหละ   ช่วงทำกิจกรรมประกวดเดือน  เขาเคยไปเที่ยวกับกลุ่มเดือนที่ร่วมประกวดด้วยกัน  ไม่ถึงเที่ยงคืน  สุดหล่ออย่างริวก็พลิ้วหายไปกับสายลม  ราวกับซินเดอเรลลาที่ต้องกลับบ้านก่อนเที่ยงคืน  แต่ซินเดอเรลลายังทิ้งรองเท้าไว้ให้ตามรอยได้  ส่วนริว...ไม่ทิ้งอะไรไว้เลย  รู้แต่ว่า...ผู้หญิงโต๊ะข้างๆ ที่เห็นยืนคุยกันอยู่เมื่อกี้นี้ก็หายไปด้วย

'เลือกไม่ถูกอ่ะ  รักทั้งคู่  ได้หมด...ถ้าสดชื่น'
 
'แต่กูชอบแบบนทีว่ะ  ต้นน้ำ นที ริว มึงเลือกใคร?'

'นทีหล่อแบบแบดๆ อ่ะ  ริวนี้หล่อแบบขี้เล่น  ต้นน้ำหล่อใสๆ  ดูเป็นคนดี๊คนดี แต่มึงถามกูว่ากูเลือกใครนี่  มึงถามแล้วหรือยังว่ามีใครเลือกกูมั่ง?'  เสียงใสหัวเราะประสานเสียงกันทั้งกลุ่มโดยไม่มีใครรู้ว่ามี 'คนหล่อแบบแบดๆ' ที่อยู่ในหัวข้อเมื่อสักครู่นี้นั่งอยู่ข้างๆ เสาด้านหลัง





หึ..คนดีงั้นเหรอ?
 
ต้นน้ำคนดี...หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับสี่...หนุ่มเนิร์ดสุดฮอตอันดับหนึ่งกินเค้กเป็นชิ้นที่สามแล้ว
 
“งั้นพรุ่งนี้เก็บของที่จำเป็นไปก่อนเลย  ลืมอะไรก็ค่อยแวะกลับมาเอาที่หลัง  บ้านป๊าอยู่ใกล้มหา’ลัยกว่าด้วย  เดินทางก็สะดวกสบายกว่า” ธนกรสรุป

นทีกระพริบตาปริบๆ “.....” เรื่องแบบนี้  ไวจริงนะป๊า

พรุ่งนี้!!  ต้นน้ำคนดี  กับ  นทีคนดัง  จะได้ชีวิตอยู่ด้วยกันแล้วสินะ
ต้นน้ำคนดีตักเค้กเข้าปาก
นทีคนดังดูดชาเขียวก้นแก้วดังซู้ด




***********************************************

กำลังงงๆ  กับการจัดรูปแบบอยู่ค่ะ  อยากให้อ่านง่ายๆ กันเนอะ

มือใหม่หัดโพสต์ด้วย  ใครชอบก็ใจเย็นๆ กันหน่อยนะคะ

โอ๊ย... ดีใจ  มีคอมเม้นท์ให้กำลังใจ

รักอ่า  จะรีบมาต่อให้ไวเลยค่ะ

--> smile A
หัวข้อ: Re: -- นทีต้นน้ำ --
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 13-08-2019 14:14:39
 o13 เริ่มต้นมา เราก็ติดแล้ววววว  o13 มาบ่อยๆ ยาวๆนะค่ะ จะรอ “ ต้นน้ำคนดี  กับ  นทีคนดัง” ทุกวันเลยค่ะ  :hao3: สู้ๆค่ะ  :mew1:

FYI : ดูท่าน้องต้นนำ้นี่ คงจะโอนล่อลวงง่ายด้วย ขนม+ นม + เนย + อาหาร นะค่ะ เนี่ย!!!! น้องนทีคงต้องชักจูง+ หลอกล่อด้วยอาหารและขนม 5555  :hao3:
หัวข้อ: Re: -- นทีต้นน้ำ --
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-08-2019 14:16:17
ตามมมมม   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: -- นทีต้นน้ำ --
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 14-08-2019 12:43:35
เอาล่ะซิ คนดีกะคนดัง
ชอบๆๆๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re:---- นทีต้นน้ำ ----- ตอนที่ 1--- [14/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 14-08-2019 15:07:20
ต้นน้ำ ตอนที่ 1

เสือไม่กินเสือ  ไฮยีน่าไม่กินไฮยีน่า





ต้นน้ำและฝนทิพย์มาถึงบ้านธนกรด้วยรถคนละคัน  ของเกือบครึ่งบนรถเขาเป็นของฝนทิพย์  บ้านธนกรหลังใหญ่พอสมควร  แม้จะไม่ถึงขั้นคฤหาสน์  แต่ก็เรียกได้ว่า...ใหญ่!  ถ้าจะมีคนอยู่แค่สองคนอ่ะนะ

ทำไมต้นน้ำถึงไม่เคยเฉลียวใจมาก่อนว่าธนกรรวย  เขาหันไปมองหนูตกถังข้าวสารด้านข้าง  หนูตัวสีชมพู  หน้าตาเป็นสีชมพูระเรื่อ  แววตาหวานซึ้งปนปลื้มปริ่ม  ถ้าเขารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก  เขาหย่อนหนูลงถังข้าวสารนานแล้ว  ไม่อยากเห็นหนูที่เลี้ยงลูกมาเพียงลำพังเหนื่อยมากไปกว่านี้

นั่นไง...เจ้าของถังข้าวสาร  วิ่งหน้าตาสดใสมาเชียว 
   
“ที่รัก”  ธนกรวิ่งมาจับมือฝนทิพย์ “เหนื่อยไหม?  เข้าบ้านกันเถอะ  ผมจะไปรับก็ไม่ยอม” 

 “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ  เก็บของมาไม่กี่อย่างเอง” 
     
 ต้นน้ำกรอกตาขึ้นบน  ‘ไม่กี่อย่างเอง’…เต็มรถเขากับรถแม่ทั้งสองคันเลยเนี่ยนะ  เขาเก็บของมาสำหรับพอใช้แค่อาทิตย์เดียว  เดี๋ยววันเสาร์ค่อยไปเก็บใหม่  แต่ของคุณนายแม่เก็บมาหมด  เหมือนตั้งใจมาอยู่ทั้งชีวิต... ก็ขอให้อยู่ทั้งชีวิตอย่างนั้นจริงๆ เถอะ  เขาภาวนาขอให้รักครั้งนี้ของแม่เป็นรักครั้งสุดท้ายจริงๆ

“น้ำ  เข้ามาก่อน  ของเอาไว้อย่างนั้น  เดี๋ยวป๊าให้คนมายกลง”  ธนกรรีบท้วงเมื่อเห็นต้นน้ำทำท่าจะยกสัมภาระลง

ป๊าเหรอ?...อืม  สถานะเปลี่ยน  สรรพนามเปลี่ยนสินะ  ช่างรวดเร็วดีจริง  แต่ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน

“ผมจะเอาของที่ต้องใช้ลงก่อนครับ...ป๊า”

ธนกรยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำเรียกขานที่เปลี่ยนไป  แววตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด 

ตัวบ้านภายในแยกเป็นสัดส่วน  โดยมีห้องนั่งเล่นเป็นศูนย์กลาง  เยื้องไปเป็นโต๊ะอาหาร  มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นส่วนของครัวไว้  ทางเดินด้านหลังอ้อมไปยังสระว่ายน้ำ  มีเครื่องออกกำลังกายจัดไว้อีกมุมหนึ่งที่อยู่ในร่ม 

ชั้นบน  เป็นห้องนอนที่แยกเป็นสองฝั่ง  ฝั่งหนึ่งเป็นห้องนอนและห้องทำงานของธนกร  อีกฝั่งเป็นห้องนอนของนที   คั่นด้วยห้องนอนอีกสองห้อง  เขาถูกจัดให้อยู่ห้องนอนใหญ่อยู่ติดกับห้องของนที  พื้นที่ส่วนกลางของชั้นสอง  เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ  เกมส์  และ...ของเล่น  ดูแล้วไม่เหมือนของที่จะเป็นของธนกร 

“ของทีน่ะ”  ธนกรเดินเข้ามาใกล้  มือใหญ่ลูบไล้เบามือ  “เขาชอบเล่นของพวกนี้ตอนเด็กๆ  เล่นคนเดียวเวลาที่ป๊าไปทำงาน  แล้วน้ำล่ะ...เล่นแบบนี้เหมือนกันไหม?”

“ก็คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกันครับ”  คล้าย...ตรงที่เล่นคนเดียวนี่แหละ 





ต้นน้ำทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดคิงไซส์   เขาปลีกตัวมาจากคู่รักแห่งปี   ผู้ใหญ่ทั้งสองคนรักกัน  แม้จะไม่ได้แสดงความรักต่อกันโจ่งแจ้ง...แต่แววตาเวลาที่ทั้งสองคนมองกัน  กลิ่นอายรอบตัวดูหวานเชื่อมจน...เลี่ยน   เขายังไม่ชินเลยขอปลีกตัวเข้าห้องนอนก่อน  ปล่อยให้คู่รักเขาสวีทกันไปดีกว่า  แว่วว่าจะช่วยกันทำกับข้าวเย็นวันนี้   

ภายในห้องนอนตกแต่งเป็นสีเอิร์ธโทนง่ายๆ  สบายตา  มีโต๊ะเขียนหนังสือ  ชั้นวางของ  ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่  ก็ไม่มีอะไรมาก  อะไรที่ควรมีก็มีหมดแล้ว    ต้นน้ำเริ่มรื้อของออกมาจัดเข้าที่ 

ตั้งแต่เขามา  ยังไม่เจอนทีเลย  ธนกรบอกว่านทีไปอยู่คอนโดทุกวันศุกร์  กลับมาวันอาทิตย์เย็น  เพราะบ้านอยู่ใกล้มหา’ลัยมากกว่า  แต่คอนโดอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากกว่า
 
นทีคนดัง...ช่างเป็นผู้ชายชัดเจนจริงๆ!!




ไม่รู้ว่าส่วนสูงจะหยุดเพิ่มตอนอายุเท่าไรกันแน่  แต่ต้นน้ำเชื่อว่าเขากำลังโต  เพราะฉะนั้น...สปาเก๊ตตี้ซอสหมูชามโตที่คู่รักแห่งปีช่วยกันทำให้เขานั้น...ไม่อิ่มท้องเอาเสียเลย 
   
หลังจากรับมื้อเย็นกันเรียบร้อยคู่รักทั้งสองคนก็ย้ายที่ไปสวีทกันต่อที่หน้าทีวีแล้ว  ส่วนต้นน้ำยังรื้อของกุกกักๆ ในตู้เย็น  จัดสปาเก๊ตตี้ไปแล้ว  กินอะไรอีกดี  ต้นน้ำคว้าไส้กรอกถุงใหญ่ออกมาไว้ในมือเป็นหนึ่งในตัวเลือก 

อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากด้านหลัง  คล้ายสียงฝีเท้าของสัตว์ตัวใหญ่  ถ้าเป็นในหนัง...เสียงนี้จะเป็นฉากที่หมาป่าวิ่งไล่เหยื่อ   ต้นน้ำเสียวสันหลังวาบ  เขาหันหลังกลับพลันผงะหงายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว

“เฮ้ยยยย”  สัตว์หน้าขนตัวใหญ่โถมกระโจนเข้าหาเขา  ลิ้นเปียกเลียหน้าเลียตา  ต้นน้ำใช้สองมือปัดป้องใบหน้าของตัวเองเป็นพัลวัน  และ...ไม่ใช่ตัวเดียว...ไม่ใช่ลิ้นเดียว!   

“เฮ้  เดี๋ยวพี่ชายคนใหม่ก็ตกใจหมดหรอก”  มือใหม่เอื้อมมาคว้าปลอกคอหมาทั้งสองตัวออก 

ต้นน้ำค่อยๆ ขยับด้วยแววตาระแวดระวัง  จัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่  มองภาพไอ้ตัวใหญ่ทั้งหมดเต็มตา  ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง  ขนาบข้างด้วยองครักษ์ที่ยืนหอบลิ้นห้อยทั้งสองตัว  โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวเต็มวัยส่งยิ้มหวานมาให้เขา  มันก็ทำหน้าตาเป็นหมาปกตินี่ล่ะ  แต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าพวกมันยิ้มได้  ยิ้มประจบเสียด้วย

“รู้จักไว้สิ  นี่พี่ชายคนใหม่ของพวกเรา  ชื่อพี่ต้นน้ำนะ”  นทีแนะนำตัวเขาให้หมารู้จัก  มือใหญ่กอดคอหมาทั้งสองข้างพลางลูบปลอบประโลม
 
ท่าทีอ่อนโยนมาก  แต่แววตาวิบวับกับน้ำเสียงติดจะเย้าแหย่แบบนั้น...มันไม่ใช่นะ!
ปลอบหมา  แต่แหย่เขา?
‘พี่ชาย’ ของ ‘พวกเรา’ ? 
เขาแก่กว่านทีเหรอ?

“ก็นายถือของโปรดพวกมันอยู่  มันคงคิดว่านายจะเอาให้มันกินน่ะสิ  มันถึงได้วิ่งมา”  เสียงทุ้มอธิบาย

ของโปรดเหรอ?
ต้นน้ำมองถุงไส้กรอกในมือ  ยิ้มที่มุมปากข้างเดียว  ก่อนจับไส้กรอกทั้งถุงยัดใส่ไมโครเวฟ  เขาหันไปล้างหน้าที่อ่างล้างมือ  หยิบกระดาษทิชชูมาซับอย่างใจเย็น  รอจนไมโครเวฟดัง  สะบัดผมไปมาเล็กน้อย  ก่อนหยิบไส้กรอกใส่จาน  ราดมายองเนส  ซอสพริก  แล้วเดินผ่านหน้าเหล่า ‘น้องชาย’ ไปนั่งกินที่โซฟาหน้าทีวีกับคู่รักแห่งปี

เจ้าของหมา  “.....”

หมา “.....”  สองตัวใหญ่ใช้ขาหน้าสะกิดพี่ชาย

คนอะไรวะ?  ของหมาก็แย่ง  ไหนว่าคนดี?
นทีมองหน้าหมา  ซวยละพวกเอ็ง  พี่ชายคนใหม่ไม่ใจดีซะแล้ว

เจ้าของหมาเดินนำหมามานั่งข้างคนแย่งของหมากิน  พลางหยิบไส้หรอกเข้าปากตัวเองคำหนึ่ง  ป้อนใส่ปากหมาอีกตัวละคำ “นี่โจลี่  นี่แบรดพิตต์  ทำตัวดีๆ นะ  แล้วพี่ชายใจดีจะแบ่งไส้กรอกให้กินอีก”

ต้นน้ำเหล่ตามอง  ปากก็บอก “ของเรา”

“ก็นายแย่งของโจลี่กับแบรดพิตต์ก่อน”  เขาแค่ทวงความยุติธรรมให้น้องชายเท่านั้น

“นายก็แย่งหมากินเหมือนกัน”  ตัวเองเป็นคนกินเข้าไปก่อนแท้ๆ

“หื้อ”  นทีส่ายหน้าแรง  “แบบนี้เขารียกว่าแบ่งกันต่างหาก”

“งั้น...เราก็ต้องเรียกว่าเแบ่ง  เราเป็นคนหยิบก่อน  เราเป็นคนเวฟด้วย”

“เห็นไหม  ทำตัวดีๆ  แล้วพี่ชายใจดีจะแบ่งไส้กรอกให้กิน”  นทีเถียงไม่สู้  หันไปปลอบหมาดีกว่า

“ใครพี่ชาย?” 

“นายไง  นายเกิดเดือนกันยาไม่ใช่เหรอ?” 

“ใช่”

“เราเกิดตุลา  ห่างกันเดือนหนึ่ง  นายเป็นพี่”  นทียิ้มกริ่ม  “นายต้องเสียสละให้น้อง  เป็นพี่ที่ดีต้องปกป้อง  ดูแลน้อง  ฝากตัวด้วยนะ...พี่ชาย”  คนเป็นน้องยักคิ้วหลิ่วตาให้พี่

“หึ”  เคยเห็นพี่ชายเลวๆ ไหมไอ้น้อง “นายอย่าพาพวกน้องๆ นายเข้าบ้านอีกจะดีกว่า”

“หึย  ทำไมอ่ะ?  มันเป็นน้องชายของเรานะ  เราเลี้ยงมาตั้งหลายปี”  แล้วไอ้พวกนี้ก็เข้าบ้านมาตลอด  พี่ชายตัวใหญ่คว้าน้องชายขึ้นมากอดราวกับกลัวใครจะมาพรากจาก

ต้นน้ำพยักเพยิดไปทางด้านหลังให้นทีหันไปดู  รอยเท้าหมาและเศษดินเปื้อนเป็นหย่อมๆ ตามทางที่พวกมันเดิน 

พอนทีหันกลับมา  ก็พบว่าต้นน้ำชี้รอยดินที่เปื้อนเป็นดวงบนเสื้อของตัวเองให้เขาดู

“ก็ได้  พี่ชายคนใหม่ใจร้าย  เขาไม่ชอบให้เราเข้าบ้านล่ะ”  ประโยคหลังหันไปตัดพ้อกับน้องชายทั้งสองตัว  “ไป  เราไปอยู่ข้างนอกกันเถอะ”  ร่างสูงหันมาคว้าจานไส้กรอกเดินนำลูกน้องออกไปข้างนอกอย่างเกียจคร้าน

ต้นน้ำโคลงหัวมองตามน้องชายตัวใหม่ทั้งสองตัวที่เดินออกไปอย่างว่าง่าย  ไม่รู้ว่าเดินตามลูกพี่หรือเดินตามไส้กรอกกันแน่  เขาไม่ได้รักหมา  และก็ไม่ได้เกลียดหมา  แต่ก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยง  เพราะเห็นว่าเป็นภาระเกินไปที่เอาชีวิตอีกชีวิตหนึ่งมาผูกไว้กับตัว  เขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะดูแลอีกชีวิตขนาดนั้น

คนที่เลี้ยงหมาต้องรักหมาขนาดไหนกันนะ?
แล้วหมาสองตัวนั่นก็ดูรักพี่ชายมากเสียด้วย
นักเลงหัวไม้ที่เขาเห็นในวันนั้นใช่คนเดียวกับคนที่นั่งแบ่งอาหารกินกับหมาจริงๆ หรือ?
คนที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่ากางเกงในใช่คนที่เรียกหมาว่าน้องชายจริงๆ หรือ?

เมื่อเห็นลูกชายทั้งสองคนเข้ากันได้  คุยเล่นกันอย่างมีความสุข  ธนกรและฝนทิพย์นั่งมองก็นั่งมองอย่างปลาบปลื้มใจ  “ลูกเราสนิทกันดีนะคะ”





ในแสงไฟเลือนราง  นทีนั่งลงตรงชานหน้าบ้าน  พลางก้มลงมองไส้กรอกในจานที่ตัวเองถือมา  ‘พี่ชายใจร้าย’ ราดซอสพริกกับมายองเนสลงแค่ฝั่งเดียวของจาน
 
เขาจิ้มไส้กรอกกับซอสพริกใส่ปากตัวเอง  ก่อนหยิบไส้กรอกด้านที่ไม่เปื้อนซอสยื่นให้ลูกน้องที่กระดิกหางรออยู่
ต้นน้ำคนดีงั้นหรือ? 




เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในบ้านหลังใหม่ด้วยคู่รักรุ่นใหญ่หัวใจสีชมพู  ธนกรกับฝนทิพย์ช่วยกันทำอเมริกันเบรกฟาสต์ชุดใหญ่ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน  ไข่ดาว  แฮม เบคอน ผักต้ม   ขาดแต่ไส้กรอก ซึ่งน่าจะหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน

ต้นน้ำลงมาในชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมที่จะออกไปเรียน  เขาเหลือบมองในจาน  “แม่  ขอไข่ดาวเพิ่มอีกฟองได้ไหมอ่ะ?”

“แม่ก็เพิ่มออมเล็ตให้ลูกแล้วไง”

“วันนี้มีเรียนยาว  ต้องใช้พลังงานเยอะ  ร่างกายต้องการโปรตีน”

คนกำลังโตนั่งลงที่โต๊ะอาหาร  จัดการอัพโปรตีนเข้าสู่กระเพาะ

เสียงฝีเท้าดังมาจากบันไดก่อนที่ร่างสูงจะโผล่พรวดเข้ามาฟุบใบหน้าลงกับเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งกั้นอยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะอาหารและส่วนที่เป็นครัว  ท่าทางยังไม่ตื่นเต็มตา  ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่กางเกงขายาวตัวเดียว  ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เรียงตัวสวยบนแผ่นหลัง 

นทีนั่งหันหลังให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำเพ่งสายตามองไปที่แผ่นหลังแน่นของนที  ไอ้ขีดแดงๆ เล็กๆ นั่น  ใช่รอยข่วนหรือเปล่านะ?  ต้นน้ำไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นนะ  แค่เรื่องมันมาอยู่ตรงหน้าเขาเอง 

ฝนทิพย์ตักไข่ดาวให้ต้นน้ำเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปหานที  “ทีจะกินข้าวเลยหรือเปล่าลูก?” 

แต่ฝนทิพย์คงจะยิ่นหน้าเข้าไปใกล้เกินไป
 
“โอ๊ะ”  นทีผงะ  สะดุ้งพรวด  ร่างสูงสะดุดเก้าอี้บาร์ทรงสูงเล็กน้อย  ก่อนตะลีตะลานวิ่งขึ้นข้างบนไป

ฝนทิพย์หันมาหาต้นน้ำ  ส่งสายตาสื่อความหมายว่า...นทีเป็นอะไร?

ต้นน้ำส่ายหน้า...ไม่รู้

ฝนทิพย์หันไปหาธนกร  ธนกรยักไหล่...ไม่รู้เหมือนกัน

นทีกลับลงมาใหม่ในสภาพเรียบร้อยกว่าเดิม  รอบนี้สวมเสื้อยืดตัวหลวมลงมาด้วย  เขาลืมไปว่าที่บ้านมีผู้หญิงมาอยู่ด้วยเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว  ถึงจะอายุคราวแม่ก็เถอะ  อย่างน้อย...การใส่เสื้อก็ดูสุภาพกว่า  ให้เกียรติมากกว่า

“อ๊ะ  ทีขึ้นไปใส่เสื้อมาเหรอลูก?”  ฝนทิพย์ถามลูกชายคนใหม่ที่เพิ่งเรียกเธอว่าแม่ได้สองวันด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ

“ครับ” นทีตอบรับด้วยท่าทางเขินๆ 
 
ปลอมมาก... ความเห็นส่วนตัวของต้นน้ำเอง  ไม่ได้โพสต์ลงโซเชียลใดๆ ทั้งสิ้น
 
“แย่จัง”  ฝนทิพย์ทำหน้ามุ่ย “แม่อยากเห็นซิกซ์แพ็คหนุ่มๆ  ชุ่มชื่นหัวใจ”
 
“เดี๋ยว  ผมก็มีซิกซ์แพคนะ” ธนกรเปิดเสื้อโชว์หน้าท้องที่เกร็งไว้  ถึงจะไม่อ้วนจนพุงพลุ้ยแต่ก็ไม่มีกล้ามเนื้อสักแพค
 
“วันแพคน่ะสิป๊า  ซิกซ์แพ็คต้องแบบนี้” คนลูกเปิดโชว์บ้าง  บลัฟกันสุดฤทธิ์
 
“ว้าว  นทีสุดยอดไปเลยลูก  แน่นเปรี๊ยะ”  ฝนทิพย์เอามือตีหน้าท้องแข็งของนทีดังปุปุ  ก่อนเอาไปลูบวันแพคของคนพ่อ “ของกรก็นุ่มมือดีค่ะ  ฝนชอบ  เวลากอดจะได้อุ่นๆ” 
 
ธนกรยิ้มกว้างก่อนเข้ามาซบว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้นี้อย่างออดอ้อน  ฝนทิพย์แอบขยิบตากับนทีก่อนลากคนพ่อไปที่ครัว
 
อายุก็จะห้าสิบกันแล้ว  กระเง้ากระงอดกันน่าดูไม่หยอก
 
นทีนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามต้นน้ำ  สายตายังคงจับจ้องไปยังคู่รักที่ทำตัวติดกันอยู่หน้าเตาแก๊ส  หวังว่าครัวคงไม่ไหม้ในเร็ววันนี้  
 
ใบหน้าหล่อเหลาแหยลง  ก่อนเบือนหน้ากลับมาทางคนที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ก่อนแล้ว  ตาสองตาสบตากันอย่างคนที่เข้าอกเข้าใจกันดี  บรรยากาศสีชมพูลอยฟุ้งแบบนี้  สำหรับสองหนุ่มโสดแล้ว  บอกตามตรง... ขนลุกเหี้ยๆ
 
“นายมีเรียนกี่โมง?” นทีถาม
 
“แปดโมง”
 
“โชคดีจัง”  นทีพูดเสียงแผ่ว  นึกน้อยอกน้อยใจในโชควาสนาของตนเองที่ต้องอยู่รับมือกับคู่รักแสนหวานตามลำพัง  
 
“อืม  นายก็รีบกิน  รีบขึ้นไปอยู่ข้างบนเร็วเข้า  ถ้าอยู่ตรงนี้นานกว่านี้  เดียวก็อ้วกหรอก”  ต้นน้ำเตือนนทีด้วยความหวังดี  เขาอยู่ตรงนี้มาร่วมยี่สิบนาที  หวานเลี่ยนจนออมเล็ตจะเลื่อนขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว  ไม่น่าขอไข่ดาวอีกฟองเล๊ย
 
ต้นน้ำกินไข่คำสุดท้าย  
 
“ทีรอแป๊บนะลูก  แม่จะทอดไข่ให้ใหม่  แม่เอาไข่ทีให้น้ำกินหมดแล้ว”  
 
พรวดดดด!!!
 
 
 
 
“มึงเห็นโพลใหม่ประจำเดือนยัง?”  สาวน้อยหน้าคมสวยยื่นหน้ามาถามต้นน้ำ
 
“ยังอ่ะ  โพลไรวะ?”
 
“นี่มึงไม่ได้เข้าเฟสบุคเลยเหรอ?” 
 
ต้้นน้ำส่ายหน้า  ตั้งแต่วันเสาร์ที่ฝนทิพย์กับธนกรนัดเขาให้เจอกับนที  แล้วเกิดจับพัดจับผลูย้ายบ้านกระทันหันก็ยุ่งกับการเก็บจัดข้าวของมาโดยตลอด  ไม่มีเวลาดูโทรศัพท์เลย “ทำไม  มีอะไร?”
 
“โพลใหม่  มีชื่อมึงด้วย  หนุ่มหน้าสวย flower boy ที่หนุ่มๆ อยากเปลี่ยนใจยอมเป็นเกย์  อันดับสี่ว่ะ”
 
“กูสวยเหรอวะ?”  ต้นน้ำถามแบบงงๆ
 
เอื้องฟ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้   ใช้สายตากวาดไปทั่วดวงหน้าเนียนใส  พิจารณาใบหน้าของต้นน้ำให้ชัดๆ  “อืม  หน้ามึงใสมากอ่ะน้ำ  มึงใช้ครีมอะไรวะ?”

ต้นน้ำเอียงหน้าถอยอย่างไม่ค่อยไว้ใจ  คนภายนอกมองมาอาจคิดว่าเอื้องฟ้าสวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่งตามสไตล์ลูกคุณหนู  แต่ความเป็นจริงที่มีแต่เพื่อนในกลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าเอื้องฟ้าถึกและบึกบึนแค่ไหน
 
หน้าตาสวยงาม  กิริยาต่ำทราม  มารยาทสถุน  คือสโลแกนของเอื้องฟ้าที่ริวตั้งให้

“แม่กูซื้อมาให้  อะไรที่แม่ไม่ใช้  แม่ก็ขนมาให้กูใช้  จะได้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อใหม่  กูเสียดาย  ใช้แม่งหมดเลย  จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรบ้าง”  เดย์ครีม  ไนท์ครีมอะไรบ้างไม่รู้  อาจมีเผลอใช้เดย์ตอนไนท์  ใช้ไนท์ตอนเดย์บ้างเหมือนกัน  อะไรทาก่อน  อะไรทาทีหลัง  เขาเองก็จำไม่ได้  โบ๊ะๆ โบกๆ ลงไปอย่างนั้นเอง
 
“มึงลองตัวนี้สิ  ดีนะ"  มือเล็กหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ  "นี่ตัวใหม่เลย  ขนตามึงจะงอนเด้ง  ยาวกว่าเดิมสองเท่า  แบรนด์เขาเคลมมาว่างี้”  ว่าพลางกระพริบขนตางอนเด้งกว่าเดิมสองเท่าใส่เขา  
 
ต้นน้ำมองเพื่อนด้วยแววตาเยือกเย็น 
 
“แหม  ไม่เล่นเหรอ?”  เอื้องฟ้าเก็บของลงกระเป๋าตามเดิม “ก็กูเห็นว่าขนตามึงยาว  จมูกดูสันเป็นคม  เส้นผมก็ทำไฮไลท์  กูก็นึกว่าจะได้เพื่อนสาวไว้เม้าท์มอยเรื่องเครื่องสำอางกับเขาบ้างไง  มึงก็สวยอยู่นะน้ำ แต่... กูว่า...ไอ้ขิงสวยกว่า” 
 
“อ๊าวววว  อีเหี้ยนี่”  ขิงโยนน้ำแข็งจากแก้วน้ำที่กำลังดูดอยู่ใส่เอื้องฟ้า
 
ขิงโวยวายทุกครั้งที่มีคนชมว่าสวย  รูปหน้าตาอย่างขิง  สูงชะลูดตูดปอดออกขนาดนี้  ต้อง ‘หล่อ’ เท่านั้นถึงจะคู่ควร  ถึงขิงจะไม่มี ‘ไอ้นั่น’ แบบผู้ชายก็เถอะ  
 
“แม่ง  ทำไมไม่มีโพลสาวหล่อบ้างวะ?  กูได้อันดับหนึ่งชัวร์”
 
“ไม่สวยได้ไง  ไม่สวยมึงจะได้ชิงดาวคณะกับเขาเหรอ?” ริวร่วมด้วยช่วยเอื้อง
 
“ก็อีเคี้ยวเอื้องมันส่งชื่อกูลง” 
 
“มึงแอบส่งชื่อกูก่อนไหม  อีขิง”  เอื้องแหวเพื่อน
 
“อย่ามา  กูไม่รู้เรื่อง  มึงอย่ามาใส่ร้ายกู”  ขิงเนียนมาก  ตอนคัดเลือกดาว  ต้นน้ำเห็นว่าขิงเขียนชื่อเอื้องฟ้าลงไป  ริวเห็น  และเนมก็เห็น  สรุปว่าเห็นกันทั้งกลุ่ม  ยกเว้นเอื้องฟ้าคนเดียวที่ไม่เห็น  เพราะขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบไปลงชื่อขิงไว้ที่รุ่นพี่อีกคนหนึ่ง   พอกันทั้งคู่...แต่สองคนนี้ไม่ได้เป็นดาวคณะหรอก  สาวสวยแบบหวานๆ  นิสัยเรียบร้อยที่ชื่ออิ๊งปาดคะแนนชนะไปอย่างหวุดหวิด    "มึงเอาโทรศัพท์มึงมาซิ"  ขิงกระดิกมือให้เอื้องฟ้า
 
“ไม่”
 
“มึงจะให้ดีๆ หรือจะให้ด้วยน้ำตา” ขิงเริ่มขู่กรรโชก ซึ่งขิงบอกว่า...มันเป็นสไตล์ของทอมแนวตบจูบ
 
“กูไม่ให้  มึงจะทำไม?”  เอื้องฟ้าลอยหน้าลอยตาน่าถีบเป็นที่สุด
 
แต่ขิงไม่ถีบ  เป็นทอมต้องให้เกียรติผู้หญิง  “ถ้ามึงไม่อยากให้รูปมึงตอนไม่แต่งหน้าออกสู่สาธารณะ  ส่งโทรศัพท์มึงมาเดี๋ยวนี้”
 
เอื้องฟ้าเริ่มกลัว  แต่ยังคว้าโทรศัพท์ไว้แน่น “มึงบอกกูก่อน  ว่ามึงจะเอาโทรศัพท์กูไปทำอะไร?”
 
“เออน่า  สิ่งที่กูจะทำ  ดีกว่าโชว์รูปมึงตอนไม่แต่งหน้าออกสื่อแน่นอน  กูรับประกัน”
 
“กูมีรูปตอนรับน้อง  มึงเอาไหมขิง?”  เนมที่นั่งรอฟังผลมานานถามขึ้น
 
“รูปใคร?”
 
“รูปอีเอื้องตอนเป็นบ้า”  ตอนรับน้อง  สภาพแต่ละคนดูไม่จืด  ทั้งมัดจุก  ทั้งแต่งหน้าทาปาก  แต่เอื้องฟ้าแย่สุด  รูปที่ถ่ายออกมาแต่ละรูป  ไม่บ้า...ก็ไม่เรียกว่าดี  ศรีธัญญาเห็นเข้า...ต้องรีบมาจับตัวเลยทีเดียว
 
เสียงผู้ชายสองคน  ทอมหนึ่งคนที่ร่วมด้วยช่วยกันแกล้งผู้หญิงหัวเราะประสานกันทำให้เอื้องฟ้าแทบจะกลายเป็นบ้าไปจริงๆ 
 
“อ่ะ  เอาไป  ดีๆ นะมึง  อย่าให้เสียหาย” หญิงสาวแท้ๆ คนเดียวในกลุ่มยื่นโทรศัพท์ให้สาวหล่อตาขวาง
 
“น้ำ  พวกคนสารเลวพวกนี้มันแกล้งเรา  น้ำต้องช่วยเรานะ”  เอื้องฟ้าซบหน้าลงมาที่อกของต้นน้ำอย่างออดอ้อน  งานอดิเรกของเอื้องฟ้าคือแสดงละคร  บทนี้น่าจะมาจากบทนางเอกผู้น่าสงสาร  บอบบาง  น่าทะนุถนอม  ตรงข้ามกับตัวจริง “เพราะน้ำเป็นเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเรา”
 
สมควรแล้ว...ที่โดนพวกเพื่อนผู้ชายรุมแกล้ง  สมควรตายแล้วเอื้องฟ้า  สมองต้นน้ำประมวลผล  เขาเคยมีรูปอุบาทว์ของเอื้องฟ้าอยู่ในเครื่องไหมนะ?

ดูยังไงก็ดูไม่รู้ว่าทอมตบจูบกับผู้หญิงหยาบคายสองคนนี้  จบมาจากโรงเรียนหญิงล้วนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่  ขึ้นชื่อเรื่องเคร่งครัดมารยาท 
 
“นั่นมันนทีนี่นา”  เอื้องฟ้าเด้งตัวออกจากอ้อมอกต้นน้ำอย่างรวดเร็ว 

ในภาพสารคดี  กวางน้อยคือเหยื่อของเหล่านักล่า  และคนทั่วไปก็ให้คำนิยามว่า...ผู้หญิงเป็นกวางน้อย 
นิยามผู้ชายว่าเป็นเสือ  นักล่าผู้ว่องไวและเก่งกาจ
แต่คำนิยามเหล่านั้นไม่เหมาะกับเอื้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย  ตัวเล็กเหมือนกวาง แต่เกิดมาเพื่อล่า  ไม่มีนิยามใดจะเหมาะกับเอื้องฟ้ามากไปกว่า... ‘ไฮยีน่า’ อีกแล้ว

ต้นน้ำมองไปตามสายตาของเอื้องฟ้า  นทีเดินขึ้นตึกมาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคน  คนที่เดินข้างนทีคือไอ้หน้าตี๋ที่ยืนพิงรถเขาในวันที่เขาสูญเสีย ‘เชือก’

เหมือนบรรยากาศภายในตึกจะเงียบไปพักหนึ่ง  ก่อนจะฮือฮาดังขึ้นกว่าเดิม

นทีเดินขึ้นตึกไปแล้ว  เอื้องฟ้าก็หันมาบ่น “หล่อสัด  ขาวเหี้ย  ได้นัวสักทีจะดีไม่น้อย” เสื่อมทรามสมสโลแกนตลอด

“มีไอ้ขิงแล้ว  มึงยังจะมองหาใครอีก?”  ริวถามทั้งที่มือยังกดโทรศัพท์ยิก 

ส่วนขิงกับเนมก็สุมหัวกันจัดการกับโทรศัพท์ของเอื้องฟ้าอยู่ 

“กูไม่กินเพื่อนเว้ย  แล้วทีมึงอ่ะ  มีไอ้น้ำอยู่แล้วยังจะแชทกับสาวอีกนะ”  ริวกับต้นน้ำรู้จักกันมาตั้งแต่มอสี่  แต่อยู่กันคนละห้อง  มาสนิทกันจริงๆ ก็ตอนเข้ามหา’ลัยแล้วมาเรียนคณะเดียวกันนี่ล่ะ  ริวหน้าตาดีจนได้รับเลือกเป็นเดือนคณะแต่ไปแพ้นทีในรอบชิง  ได้แค่ตำแหน่งรองกลับมา  แต่ดูเหมือนริวจะไม่สะทกสะท้านใดๆ  ตำแหน่งรองเดือนมหา’ลัยไม่มีผลในการจีบหญิง

ถ้าใครจะนิยามคำว่า ‘เสือ’   คงไม่มีใครเหมาะไปกว่าริวคนพลิ้วอีกแล้ว  เช้าคน...เย็นคน...พลิ้วไปทั้งตัว  ทั้งเอว  กินเงียบ  แดกเรียบ  กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็...โอ๊ะ! ริวกินไปแล้วนะจ๊ะ

“กูกับไอ้น้ำเกี่ยวอะไรกันวะ?” 

“ก็สาวๆ เขาจิ้นมึงกับไอ้น้ำไง  จิ้นเหมือนเป็นแฟนกันไรงี้” 

 “ตลกละ กูก็ไม่แดกเพื่อนเว้ย”

ไฮยีน่าไม่กินเพื่อน!!
เสือก็ไม่แดกเพื่อน!!




“อ่ะ  เอาคืนไป”  ขิงยื่นโทรศัพท์คืนให้เอื้องฟ้า

เอื้องฟ้ารับโทรศัพท์มาเปิดดูโน่นนี่สักพัก  พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ตัวเอง  ก็กระดิกนิ้วเรียกขิง  สาวหล่อลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเดินมาหาสาวแท้  แล้วสาวแท้ก็ลากสาวหล่อออกไปคุยข้างนอกตึก

“นี่มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ?”  เอื้องฟ้าถามขิงด้วยสีหน้าจริงจัง

“ทำไม?  กูทำอะไร?  ขนาดไหน?”  ขิงถามงงๆ  ด้วยสีหน้าท่าทางไม่รู้จริงๆ

“กับไอ้แค่โพลสาวหล่อที่มึงอยากได้  นี่มึงขนาดขายเพื่อนเลยนะ”  เอื้องฟ้ายื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ขิงดู...ภาพต้นน้ำกับริวที่ถ่ายคู่กันในอิริยาบถต่างๆ  ถูกส่งให้เพจคิวท์บอย

Cuteboy
------------------------------------------------------------------
พี่คะ
หนูเป็นดี้ค่ะ หนูชอบทอม
พี่ช่วยจัดโพลสาวหล่อให้หนูหน่อยนะคะ
โดยเฉพาะคนนี้นะ 
ขิง ศิลปกรรมค่ะ 
เพื่อนหนูเอง 
หนูแอบชอบเขามานานแล้วค่ะ
[แนบรูปขิงแบบที่หล่อมาก  สูง ขาว  กระชากใจสาว]

จ้า 
พี่จะปรึกษาทีมงานดูนะ

ถ้าพี่จัดให้หนู  หนูมีของขวัญให้พี่ค่ะ
[ แนบรูปต้นน้ำกับริว 3 รูปรวด ]
นี่แบบเรียกน้ำย่อยนะคะ 

อู้ว เด็ด
[ส่งสติ๊กเกอร์หัวใจรัวๆ]

มีเด็ดกว่านี้นะ

แต่ว่าโพลนี้จะเป็นโพลสุดท้ายของเทอมนี้แล้วจ้า 
ปิดเทอมทีมงานก็ต้องพักเหมือนกัน  โพลที่น้องเสนอมาน่าสนใจนะ 
พวกพี่กำลังตันเลยว่าจะลงโพลอะไรดี  เปิดเทอมมาจะจัดให้เป็นโพลแรกเลย
แต่ของรางวัลพวกพี่ก็รับนะจ้ะ  เด็ดมากอ่ะ  อยากดูภาพเอ็กคลูซีฟกว่านี้
 
จัดให้ค่ะ  เปิดเทอมรอรับเลย
555

น้องอยากมาร่วมทีมกับคิวท์บอยไหมอ่ะ 
เห็นคอเดียวกัน  ตามล่าหาหนุ่มหล่อ  สนุกนะ

ขอคิดดูก่อนนะคะพี่ อิอิ

-------------------------------------------------------------------

ขิงตบหัวเอื้องฟ้า  “ขายเหี้ยอะไร?  รูปแบบนี้คนอื่นก็มี” 

“แต่มึงบอกว่าจะปล่อยรูปเอ็กคลูซีฟ” 

“เออ  แล้วไง?  รูปเอ็กคลูซีฟก็มีหลายแบบป่าววะ?  ก็แค่เอารูปที่คนอื่นไม่เคยเห็นเอง  เมื่อกี้ไอ้เนมก็นั่งดูกับกู  ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร”

“เปล่า  กูก็ไม่ได้ว่าอะไร?  กูแค่จะถามว่ารูปเอ็กคลูซีฟน่ะ...มึงมีหรือยัง?”  ตาสบตา  เป็นเพื่อนกันมานาน  มีเหรอที่จะไม่รู้ใจ

ขิงหัวเราะ  “ก็ถ่ายใหม่เอาสิวะ”




-------------------------------------------------------

มาแล้วจ้า  ช่วงนี้จะอัพบ่อยหน่อย
แต่คงไม่อัพทุกวันนะคะ 
บางวันก็อาจจะตัน บางวันก็อาจจะยุ่ง

แต่เห็นคอมเม้นท์แล้วสดชื๊น  สดชื่น 
อัพพลังให้นักเขียนมาก
อยากเขียน  อยากอัพขึ้นมาเลย

ขอบคุณสำหรับการอัพพลังนี้ด้วย
เอเองค่ะ

หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 1---[14/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-08-2019 18:28:56
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re:------ นทีต้นน้ำ------ตอนที่ 2-----[15/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 15-08-2019 15:38:50
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 2

 
Sing like nobody’s watching
 
 
 
 
“เมื่อกี้ต้นน้ำใช่ป่าววะ?”  เม่นถามนที
 
“อืม” นทีพยักหน้า
 
“คนที่ช่วยมึงจัดการกับพวกไอ้คิงอ่ะนะ” น็อตที่อยู่ข้างหลังได้ยินเลยถามขึ้น
 
“แล้วมึงไม่เรียกให้กูดูหน่อยวะ  ยังไม่เคยเจอเลย  เสียดายวันนั้นกลับบ้านก่อน” ปาล์มบ่น  เขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์มัดตราสังข์ในครั้งนั้น
   
เรื่องของต้นน้ำเป็นที่โจษจันในกลุ่มของนที  ทุกคนที่ได้ยินล้วนประทับใจกับการ 'มัด' ของต้นน้ำมาก
 
“แฟนสวยซะด้วย” 
 
“แฟนเหรอ  นึกว่าเป็นเกย์ซะอีก  เห็นพวกสาวๆ ชอบแชร์รูปคู่กับไอ้ริว” น็อตนึกถึงรูปที่สาวๆ แชร์บ่อยๆ
 
“จิ้นเฉยๆ มั้ง  ไอ้ริวแม่งตัวจี๊ด  วันก่อนกูไปร้านบาร์เบลอ  ว่าจะจีบสาวคนหนึ่ง   พยาบาลมั้ง  เผลอแป๊บเดียว  หันไปอีกที  ไอ้ริวนั่งประกบแล้ว  เนียนชิบหาย" พูดถึงแล้ว  ปาล์มก็ยังแค้นใจที่โดนริวปาดหน้าเค้กไป 
 
“อะไรวะ  อาทิตย์ก่อน กูเห็นมันดูหนังกับสาวนิเทศ” เม่นงง “นที  มีคนแรงกว่ามึงแล้วว่ะ”
 
“หือ  กูไม่แรงนะ  รักกันเบาๆ ก็พอ”  นทีหัวเราะตอบเพื่อน   




ต้นน้ำกลับมาบ้านแบบหมดสภาพ  วันนี้นอกจากตอนพักกลางวันแล้ว   เขาเรียนอัดแน่นทั้งวันจริงๆ  แต่งานยังเหลืออีกสองหน้าสุดท้าย 

ต้นน้ำเปิดคอม   เขารับจ๊อบวาดภาพประกอบนิทานเด็กให้สำนักพิมพ์ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ของเพื่อนฝนทิพย์  เรื่องที่เขาวาด  คราวนี้เป็นเรื่องของเจ้าลิงขี้หวงที่ได้รับตะกร้าวิเศษจากนางฟ้า   ตะกร้านี้มีผลไม้เต็มตลอดเวลา   โดยมีข้อแม้แค่ข้อเดียวคือ   จะต้องแบ่งผลไม้ให้สัตว์อื่นๆ ด้วย 

กว่าจะเสร็จสองหน้า  ฟ้าก็มืดลงมากแล้ว  เขากดส่งไฟล์ก่อนลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ 

ร่างสูงโปร่งเดินลงมาชั้นล่าง   ไฟในบ้านชั้นล่างเปิดหมดแล้ว   เขาได้ยินเสียงกุกกักอยู่ในครัว

“กินอะไรหรือยัง?”  นทีถามเมื่อเห็นพี่ชายหมาดๆ  ของเขาเดินเนือยๆ  เข้ามา   มือก็ซาวข้าวในหม้อหุงข้าว

“ยัง  ป๊ากับแม่ล่ะ?  ยังไม่กลับเหรอ?”  ต้นน้ำเดินไปที่โต๊ะกลางที่นทีวางถุงกับข้าวไว้   ถือวิสาสะรื้อถุงกับข้าวออกดู

“ไปดินเนอร์  ป๊าโทรมาบอกให้ซื้อข้าวมาเผื่อนายด้วย” 

“อู้ว  ต้มยำกุ้ง  สมควรละที่นายต้องซื้อมาชดใช้” ก็นทีเป็นคนทำให้ต้นน้ำอดกินนี่นา

“ทำไมล่ะ  วันนั้นนายไม่ได้กินเหรอ?”  มือใหญ่ใช้ผ้าเช็ดก้นหม้อที่เปียกน้ำ

“หมดอ่ะดิ  ไปไม่ทัน   นายคุยธุระนานเกินไป”

“ทำไมไม่สั่งใหม่”  นทีหันกลับมาคุยด้วยหลังจากกดหม้อหุงข้าวเสร็จแล้ว

“ไม่ล่ะ  เกรงใจคนอื่น  ที่จริงตอนนั้นกินอะไรก็อร่อยหมดแหละ  หิวจนตาลาย  หืม...ไม่น่าเชื่อว่านายหุงข้าวเป็นด้วย”  ต้นน้ำชะโงกหน้าผ่านร่างสูงที่ยืนพิงเคาน์เตอร์ครัวไปยังหม้อหุงข้าวด้านหลัง

“หรือนายหุงไม่เป็น”  นทียิ้มนิดๆ

“.....”  หุงไม่เป็นได้ยังไงล่ะ  แม่ทำงาน  เด็กที่อยู่คนเดียวอย่างเขาก็ต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่แล้ว  ต้นน้ำยักไหล่  หันไปเทกับข้าวใส่จาน

“นายว่าบ้านเราจำเป็นต้องมีไลน์กรุ๊ปไหม?”  นทีถามเผื่อๆ  เขาไม่แน่ใจว่าบ้านอื่นเขาทำกันยังไง?  ปกติแล้ว...ไปไหนมามาไหน  แค่โทรบอกป๊าคนเดียวก็จบแล้ว

ต้นน้ำนิ่งไป  ควรมีไหม?  เขาเองก็ไม่รู้หเมือนกัน   แต่รู้สึกดีกับคำว่า ‘บ้านเรา’ เป็นบ้าเลย  “มีเถอะ  เผื่อมีอะไรจะได้บอกกันทีเดียว”

“ขอเบอร์นายหน่อยสิ”

ต้นน้ำบอกเบอร์นทีไป   สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“นั่นเบอร์เรา   เมมด้วย   ห้ามบอกเบอร์ใคร”   

“ครับ   พ่อคนดัง”  ต้นน้ำกดเมมเบอร์

“ดีมากครับ  คุณคนดี”




 
ข้าวสุกแล้ว  ร่างสูงตักข้าวมาคลุกกับตับบด  "นายกินไปก่อนก็ได้  เดี๋ยวเราเอาข้าวไปให้เด็กๆ ก่อน"   นทีบอกก่อนจะเดินออกไป
 
ต้นน้ำเดินตาม  "นายต้องเอาข้าวไปให้เองทุกวันเลยเหรอ"
 
“ไม่หรอก  ผลัดๆ กันกับป๊า  ไม่ว่างก็เป็นป้าแม่บ้าน  แต่ส่วนใหญ่ก็เรา  เป็นกลยุทธ์หลอกลูกกลับบ้านของป๊าหรือเปล่าไม่รู้?”  นทีพูดขำๆ  “เราเคยขอป๊าเลี้ยง  ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว  แต่ป๊าก็ไม่ให้สักที  จนมอสอง  ก็ขออีก  ป๊าก็ตั้งกฏสารพัดกฏ  ให้ข้าวเองช้าวเย็น  อาบน้ำให้เอง  อะไรบ้างไม่รู้เยอะแยะ  เรายอม... ถึงจะให้  แล้วมันก็กลายเป็นความจำฝังใจว่าต้องดูแลมันด้วยตัวเองนะ เพิ่งมาผ่อนๆ ลงตอนเข้ามหา'ลัยนี่เอง”  ขายาวก้าวย่างอย่างสบายอารมณ์  เดินไปเล่าไป  เสียงทุ้มเอื่อยเฉื่อยผ่อนคลาย
 
ต้นน้ำเองก็เป็นผู้ฟังที่ดี  เขาฟังนทีพูดเรื่อยๆ จนนทีพูดจบ
 
“เคยได้ยินว่าให้อาหารเม็ดดีกว่า”
 
“ป๊าให้ตอนเช้า  แต่เราทำใจไม่ได้   กลัวมันเบื่อ   มีนายอยู่ก็ดีนะ  ต่อไปก็เป็นนายให้บ้าง  เราจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะขึ้น”นทีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย  เหมือนมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
 
ต้นน้ำหัวสเราะเบาๆ  “อืม... แล้วเราจะเอาให้พวกมันเอง  ไม่ให้นายต้องห่วงเลย” 
 
เขาชอบคำพูดของนที ‘มีนายอยู่ก็ดีนะ’  
คนรักหมาอย่างนทีวางใจฝากน้องชายไว้กับเขา  แล้วทำไมเขาต้องทำลายความไว้วางนั้นล่ะ
 
นทีเลิกคิ้วสูง   อยู่ๆ ก็มีคนผลักภาระมาให้  คนส่วนใหญ่มักจะปฏิเสธ  แต่ต้นน้ำกลับรับปากเขาง่ายๆ 
 
สองคนพากันเดินมาถึงบ้านเจ้าสองตัว  เป็นบ้านจริงๆ   บ้านหลังขนาดเท่าห้องเล็ก ๆ ขนาดสองคูณสองเมตรได้   ภายในมีฟูกนอนขนาดใหญ่   นุ่มฟูน่านอน
 
โจลี่กับแบรดพิตต์กระดิกหางรออยู่แล้ว  ทันทีที่นทีเปิดบ้านให้  ก็พากันกระโดดขึ้นกระโดดลงคึกคักกันใหญ่
 
“นายให้สิ”  มือใหญ่ยื่นจานตับบดมาให้เขา  
 
ต้นน้ำรับมา   ตับเปลี่ยนมือ   ลูกน้องก็เปลี่ยนพรรค   หันมาตามติดต้นน้ำแทน
 
“พวกมันชอบกินอะไร?”  ต้นน้ำถามพลางลูบหลังโจลี่กับแบรดพิตต์
 
“กินทุกอย่าง  แต่ห้ามกระดูกไก่นะ  เดี๋ยวติดคอ  ก็ตามคอมมอนเซนส์นายแหละ  เอาอะไรที่มันธรรมดาๆ ก็พอ  ไม่ต้องแปลกพิสดารมาก” 
 
“ได้เลย  จัดไป” 
 
“อืม  ไปกินข้าวกันเถอะ”





 
มีพี่น้องก็ไม่ได้แย่นักหรอก  อย่างน้อยก็ไม่ต้องกินข้าวคนเดียว  
 
“นายสายตาสั้นเหรอ?”  นทีมองแว่นที่แขวนไว้บนคอเสื้อของต้นน้ำ
 
“เปล่า... ไม่ได้สั้น  แว่นกรองแสงน่ะ  ไว้ใช้ตอนทำงานกับคอมเยอะๆ  แล้วก็ตอนแสงจ้าๆ   เคยทำงานแล้วปวดตา  แล้วมันก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์เด็กเรียนดีด้วย   เผื่ออาจารย์เห็นจะได้คิดว่าเป็นเด็กเรียน”
 
“ไว้จะหามาใส่มั่ง  เออ...จริงสิ  ตอนที่นายเห็น...  เอ่อ... ตอนที่นายช่วยเอาเชือกขึ้นมามัดพวกนั้นไว้น่ะ  ขอบใจนะ”
 
“นี่เป็นเรื่องที่นายจะพูดวันต้มยำกุ้งใช่ไหม?” 
 
“อืม”  นทีพยักหน้า “แล้ววันนั้นนายไม่ตกใจเหรอ?”
 
“ตกใจสิ  มากด้วย   คนตีกันอยู่ต่อหน้าเลยนะ  จะหนีกลับก็ไม่ได้   รถก็จอดอยู่ตรงนั้น”
 
“ที่จริงนายก็บอกให้เม่นขยับ  นายก็ขับออกไปได้แล้ว”
 
“เออ  จริงด้วย   ทำไมตอนนั้นคิดไม่ออกวะ”
 
นที  “.....”
 
“สงสัยตอนนั้นหิวมั้ง   เลยคิดอะไรไม่ค่อยออก”
 
“ต้มยำกุ้งอีกเหรอ?”
 
ต้นน้ำส่ายหน้า “หึ... ข้าวมันไก่”
 
นทีหัวเราะกว้าง  หัวเราะไปทั้งปากทั้งตา   ต้นน้ำชี้หน้าคาดโทษ  ก่อนลุกขึ้นเดินไปตักข้าวใหม่อีกครั้งเป็นรอบที่สอง   นทีเริ่มจานที่สองไปแล้ว   ดังนั้นข้าวที่เหลืออยู่ในหม้อทั้งหมดควรเป็นของเขา
 
 
 
 
 
เริ่มเข้าสู่เทศกาลหฤหรรษ์ของเหล่านักศึกษา   เทศกาลสอบปลายภาค   ต้นน้ำงดรับงานนอก   ถึงปีหนึ่งจะไม่หนักมาก   แต่ก็ต้องอ่านหนังสือเหมือนกัน  
 
ช่วงพักสายตาจากการอ่านหนังสือ   ต้นน้ำเดินลงมาหาอะไรรองท้อง   คว้าขนมปังเนยได้ก้อนหนึ่งก็หมุนตัวจะกลับขึ้นไปบนห้อง
 
“น้ำเอานมขึ้นไปให้ทีหน่อยลูก”  ฝนทิพย์ที่กำลังเก็บของให้เข้าที่เข้าทางร้องบอก
 
“ครับ”  เขาคว้าแก้วเซรามิคใบสูงติดมือไปด้วย  
 
มือขาวเคาะประตูเบาๆ  แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก  
 
เขาลองเปิดประตูดู   ประตูไม่ได้ล็อค   ภายในห้องเงียบและมืดเกินกว่าจะเป็นห้องของคนที่อ่านหนังสือเตรียมสอบ   มีเพียงแสงจากโคมไฟอ่านหนังสือที่หัวเตียงเปิดอยู่
 
คนที่ควรจะอ่านหนังสือนอนตะแคงหันหลังให้ประตู  
 
ต้นน้ำผ่อนฝีเท้าเดินเข้าไปดูใกล้ๆ 
 
ท่อนบนของนทีเปลือยเปล่า  ดูเหมือนจะเป็นคนไม่ชอบใส่เสื้อนอน  หลังจากวันแรกที่นทีเผลอถอดเสื้อเดินลงไปข้างล่าง   เขาก็ไม่เคยเห็นนทีไม่ใส่เสื้ออีกเลย   ดวงตาคมที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายหลับพริ้ม   ข้างตัวมีหนังสือการ์ตูนวางอยู่ 2 เล่ม    น่าจะเป็นวิชาที่ออกสอบเป็นวิชาแรก 
 
เขาวางแก้วนมลง  ก่อนนั่งยองลงข้างเตียง  พลางพิจารณาคนตรงหน้าอย่างละเอียด   เส้นผมที่ตัดซอยเป็นทรงโลว์อันเดอร์  ด้านบนพองๆฟูๆ  ดูนุ่มเหมือนขนแมว  ใบหน้าเรียวได้รูป  แม้แต่สันกรามด้านข้างก็ยังดูสวยเลย  คางจะยาวไปไหนวะ   จมูกเป็นสันโด่งมาก  คิ้วเข้มเป็นเส้นเรียว  ขนตาไม่ยาวมากแต่เยอะ  ผิวขาว  ปากแดงไม่หนา  ไม่บาง  พอดีเป๊ะ
 
ต้นน้ำชอบวาดรูป   เขาหัดวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก   สังเกตใบหน้าคนมาก็มาก   บางคนตาสวยแต่จมูกไม่สวย     บางคนตาสวย  จมูกสวย  ปากสวย   แต่พอมาอยู่รวมกันบนใบหน้ากลับไม่ได้เข้ากัน
 สรุปแล้วว่า... คนบ้าอะไรจะเกิดมาเป๊ะขนาดนี้    เครื่องหน้าทุกอย่างดูเข้ากัน   รับกันไปหมด
 
ต้นน้ำมองไล่ต่ำลงมาตามลาดไหล่  ไหปลาร้า   พระเจ้า.... มัดกล้ามแน่นๆ  ล้วนๆ  อยากลองเอามือตบๆ ดูทดสอบความแข็งดูสักที   มิน่า... วันนั้นแม่เขาถึงได้ตบดังปุๆ   มันน่าลองตบดูอย่างนี้นี่เอง   กล้ามแขนไม่ถึงขนาดเป็นกล้ามปู  แต่ก็มีกล้ามเนื้อในระดับพอเหมาะ
 
ทั้งตัวของนที... จะหาขอผิดพลาดไม่ได้เลยหรือไง? 
 
ต้นน้ำมองต่ำเรื่อยลงไป   ต่อจากกล้ามเนื้อหน้าอก....จบ   ผ้าห่มปิดไว้ครึ่งตัว   โผล่ออกมาอีกทีก็มีแต่หน้าแข้งกับข้อเท้าเท่านั้น   
 
ต้นน้ำย้ายจุดโฟกัส   เขาเพิ่งเคยเข้าห้องนอนของนทีเป็นครั้งแรก   โทนสีของห้องเป็นสีเอิร์ธโทนคล้ายๆ  ห้องของเขา   เพียงแต่ข้าวของเยอะกว่าและ.... อลังการกว่า   โต๊ะอ่านหนังสือ  คอมฯ ชุดใหญ่   ทีวีเครื่องใหญ่   เครื่องเสียงเซ็ตใหญ่  ตู้เสื้อผ้าแบบบิลท์อินขนาดใหญ่  

เขาว่าห้องเขาใหญ่แล้วนะ  แต่ของนทีใหญ่กว่า   ใหญ่กว่าทุกอย่างเลย   
 
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกเมียน้อย    แล้วลูกเมียน้อยอย่างเขาควรทำอย่างไรดี?    ต้นน้ำเล็งไว้แล้วล่ะ....คอมฯ น่าเล่นเกมส์มาก   ทีวีก็น่านอนดูหนังมาก   จิตใจด้านชั่วร้ายเริ่มเข้าครอบงำเขา    คอยดูนะ... สอบเสร็จเมื่อไร   จะต้องบังคับนทีขอลองเล่นเกมส์เครื่องนี้ให้ได้   จะต้องได้นอนดูหนังจากทีวีเครื่องนี้ให้ได้
 
เราต้องแย่งของเล่นลูกเมียหลวงสิ! 
 
 
 
 
“กินอะไรดีวะ?”  เอื้องฟ้าถามขึ้นหลังจากเรียนคาบสุดท้ายเสร็จ
 
“ข้าวมันไก่”  ต้นน้ำตอบ
 
“มึงหยุดเลยนะไอ้น้ำ   มึงเป็นอะไรกับข้าวมันไก่นักหนาวะ?  ชวนกูแดกแต่ข้าวมันไก่   จนหน้ากูจะเป็นไก่อยู่แล้วเนี่ย”  เนมพ้ออย่างน่าสงสาร
 
“มึงเป็นเหี้ยแปลงร่างมาใช่ไหม?  มึงพูดมา  กูสัญญาจะไม่บอกใคร”  ริวล็อคคอต้นน้ำเข้ามาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง  
 
“กูจะไม่พูดอะไรซ้ำเติมมึง   แต่กูเห็นด้วยกับพวกมันทุกอย่าง”  สาวใสหนึ่งเดียวในกลุ่มไม่ได้พูดอะไรซ้ำเติมต้นน้ำเลยจริงๆ
 
มีเพียงขิงเท่านั้นที่ไม่พูดอะไรจริงๆ เพราะมัวแต่เล่นโทรศัพท์อยู่
 
 
เสียงไลน์โทรศัพท์ดังขึ้น
 
Nathee : ป๊าบอกให้พานายไปลองชุดที่ร้านเพื่อนป๊า  เผื่อไม่พอดียังไงจะได้สั่งแก้ไว้ก่อนเลย
 
Tonnam : ชุดอะไร? 
 
Nathee : ชุดงานเลี้ยงวันแต่งแม่กับป๊าไง
 
Tonnam :  เออ  ลืมไปเลย  นายเลิกกี่โมง
 
Nathee :  เลิกเย็นเลย  แต่เดี๋ยวจะโดด  
 
Tonnam : โอเค  โดดด้วย  ว่าไงก็ว่าตามกัน
 
Nathee : เจอกันที่บ้าน
 
 
“กูไม่กินแล้วนะ  กูมีธุระ  คาบบ่ายกูโดด  เช็คชื่อให้ด้วย”  ต้นน้ำคว้ากระเป๋าได้ก็เผ่นผลุงออกไป   หาคนกินข้าวมันไก่ด้วยได้แล้ว
 
 
 
 
 
 
เคยเห็นในละครไหม?  ที่พระเอกต้องพานางเอกไปลองชุด  ไปเลือกซื้อเสื้อผ้า  แล้วนางเอกก็โผล่ออกมาจากห้องลองเสื้อ   พระเอกที่ทำท่าเผลอๆ อยู่ก็เหลือบไปเห็น   มองไล่ขึ้นไปตั้งแต่เท้าจรดหัว   มีสายลมพัดผ่านเบาๆ  และพระเอกก็...ตะลึง  ตะลึง  ตะลึง
 
นั่นแหละ  ตอนนี้ต้นน้ำกำลังรู้สึกอย่างนั้นเลย   
 
นทีลองชุดไหนออกมาก็หล่อหมด  จะแหวกอก  ผูกไทด์  ผูกโบว์ไทด์   แค่เดินออกมายืนโชว์ตัวอยู่หน้ากระจก   สะบัดผมซ้ายขวาสักทีสองที   พนักงานในร้านก็ตะลึง  ตะลึง  ตะลึง
 
“นายชอบแบบไหน?”  นทีหันมาถามเขา
 
“แบบไหนก็ดูดีหมดนั่นแหละ”  ต้นน้ำพูดความจริงนะ   นทีใส่ชุดไหนก็หล่อหมด 
 
ส่วนเขาน่ะเหรอ...มองเห็นแต่ความบัดซบเท่านั้น  เขาต้องยืนเคียงข้างกับนทีไปตลอดทั้งงานในฐานะลูกเจ้าบ่าวและลูกเจ้าสาวจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย? 
 
“แล้วของนายเลือกแบบไหน?” 
 
“เอาแบบใส่เชิ้ตธรรมดา   งานมันก็กันเองหน่อยไหม   อยากให้มันดูลำลองๆ หน่อย  ขี้เกียจผูกไทด์ด้วย  อึดอัด”  ธีมงานที่คุณนายแม่จัดขึ้นเป็นสีเบอร์กันดี้   เขาเลยเลือกสูทสีเบอร์กันดี้สวมทับเชิ้ตขาวอีกที
 
“โอเค  เอาตามนั้นล่ะครับ   เหมือนกัน”  
 
“นายจะมาเอาเหมือนเราทำไม   นายก็เลือกแบบที่ตัวเองชอบสิ” 
 
“ทีเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวยังใส่เหมือนกันได้เลย   แล้วทำไมลูกเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะใส่เหมือนกันไม่ได้ล่ะ   เอาเหมือนกันนี่แหละ   ขี้เกียจเลือกแล้ว”

“มันจะเหมือนกันเกินไป   จะเดินกันเป็นคู่แฝดหรือไง?   เราว่านายเปลี่ยนเป็นใส่เชิ้ตดำไหม?”

“ก็โอเคนะ   เอาตามที่นายว่าแหละ   เปลี่ยนเป็นเชิ้ตดำนะครับ   เอาแบบเดียวกัน”  นทีหันไปบอกพนักงาน





“ที” เสียงหวานเรียกขึ้นขณะที่พวกเขากำลังดูๆ เสื้อผ้าชุดอื่น   

ต้นน้ำหันไปมองตามต้นเสียง   หญิงสาวผมยาว   ตาโตกลมใส  ใบหน้าหวานละมุนส่งยิ้มกว้างมาให้นที

“อ้าวตาล   ทำไมวันนี้แวะมาได้” 

“แม่ให้มารับเสื้อไปให้ลูกค้า   แล้วทีมากับใคร?” น้ำตาลเป็นลูกสาวของเพื่อนธนกร  ซึ่งเป็นเจ้าของห้องเสื้อแห่งนี้   

นทีมองไปด้านข้าง   แต่ไม่เห็นต้นน้ำเสียแล้ว   ไม่รู้หายตัวไปตอนไหน   เมื่อกี้ยังคุยกันอยู่ดีๆ เขาหันไปตอบน้ำตาล  “มากับเพื่อนน่ะ  แต่ตอนนี้ไม่รู้ไปไหนแล้ว  แป๊บนะ”  นทีเดินอ้อมไปด้านหลังราวเสื้อ  เห็นขาต้นน้ำอยู่แว๊บๆ  เลยรีบเดินปรี่เข้าไปหา  แต่ก็ยังช้ากว่าอีกคนหนึ่ง

“น้ำ”  ร่างบางถลาเข้าไปกอดเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใคร  “คิดถึงจังเลย  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

ต้นน้ำกอดตอบพลางกรอกตาขึ้นบน  อุตส่าห์หลบ  ยังจะเห็นอีก  นทีก็ยังไง...โตๆ  กันแล้ว  ไม่ใช่เด็กๆ  หายแว๊บเดียว  จะตามมาทำไม   

นทีมองภาพตรงหน้าแบบงงๆ   หรือว่าเขาจะจุดไต้ตำตอต้นน้ำเสียแล้ว   

“นานที่ไหน?  เหมือนเพิ่งเจอไปเมื่อเดือนที่แล้ว  เอิ่ม...ปล่อยก่อนดีไหมตาล”

“ไม่เจอน้ำวันเดียวก็ถือว่านานแล้ว”

นทียิ้มกริ่มกับความรักอันร้อนแรงของน้ำตาล   เขารู้จักน้ำตาลมานาน   สาวน้อยหวานแหวว...ไม่คิดว่าจะร้อนแรงได้ขนาดนี้   ต้นน้ำคนดีคงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

ต้นน้ำทำตาดุใส่นที 

“เลือกชุดได้ยัง?”  น้ำตาลถามต้นน้ำ

ต้นน้ำพยักหน้า  “ได้แล้ว  กำลังจะกลับแล้ว”

“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ”

“.....”  ต้นน้ำหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากนที

“โอเค  น้ำอยากกินข้าวมันไก่อยู่พอดี”  นทียื่นหน้ามาตอบน้ำตาล   หน้าหล่อใสซื่ออย่างที่สุด





“สรุปว่าย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว”  น้ำตาลตาโต  ตื่นเต้น

ต้นน้ำพยักหน้า

“มีห้องเหลือไหม?”

“.....”  ต้นน้ำทำหน้าแปลกใจ

“จะได้ย้ายไปอยู่ด้วย”  น้ำตาลยิ้มกว้าง   แต่ต้นน้ำทำสีหน้าไม่ถูก   จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก  จะร้องก็ร้องไม่ได้

นทีกลั้นขำไว้ไม่อยู่   หลุดคิกออกมาเบาๆ  เขาปิดปาก  หันหลังให้ต้นน้ำ   แต่หลังสั่นอย่างปิดไม่มิด  สักพักจึงได้หันกลับมา   ดวงตายังฉ่ำด้วยน้ำตา

“พูดจาอย่างนี้   เดี๋ยวฟ้องป้าอ้อยนะ”  ป้าอ้อยหรืออรุณีคือแม่ของน้ำตาลซึ่งเป็นเพื่อนกับฝนทิพย์และธนกรด้วย  เท้าความกันไปมา   นทีรู้จักกับน้ำตาล   แต่เจอกันไม่บ่อย    ส่วนต้นน้ำกับน้ำตาลเป็นเพื่อเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก  เพราะฝนทิพย์และอรุณีเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน   เลยสนิทกันมากกว่า   

“ถ้าเป็นต้นน้ำ   แม่ไม่ว่าหรอก   แม่ยังบอกเลยว่าถ้าเราจับเองไม่ได้  แม่จะจับคลุมถุงชนให้”

ต้นน้ำส่ายหน้าระอา   คำพูดแบบนี้...ถ้าออกมาจากปากของเอื้องฟ้า   ก็ว่าขัดแย้งแล้ว   ยิ่งออกมาจากปากคนพูดหน้าหวานๆ  แบบนี้...ยิ่งไปกันใหญ่   

นทีเอี้ยวตัวหันกลับไปอีกแล้ว

“จะหัวเราะก็หัวเราะออกมาเลยเถอะน่า  ไม่ต้องมาเก๊กหรอก”  ต้นน้ำบอกนที

“ก็มันตลกอ่ะ  ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าน้ำตาลจะเป็นคนแบบนี้”

“แบบนี้น่ะ  แบบไหน?”  น้ำตาลแกล้งทำเสียงเขียวใส่

“เปิดเผยดี”

ต้นน้ำจัดการข้าวมันไก่เป็นจานที่สาม  ก่อนรวบช้อน  “คุยกันไปก่อนนะ  ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บ”  ร่างสูงโปร่งลุกออกไป

“มองตามตาละห้อยเชียวนะ   ชอบจริงๆ  เหรอ?”  ลับร่างต้นน้ำ  นทีก็หันมาถามน้ำตาล 

แววตาหวานไหววูบ  “อืม  ชอบจริงๆ  เคยขอคบแล้วด้วย  แต่น้ำปฏิเสธ”

“อะไร  ไหนว่าตาลมีแฟนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”  นทีพูดไปตามที่เคยได้ยินมา

“ไม่ได้คบจริงจังอะไรหรอก   คบหลอกๆ   เขาเป็นเกย์” 

นทีมองน้ำตาล   ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ไม่ได้เจอกัน   สาวน้อยวัยช่างฝันที่ตนเคยรู้จักหายตัวไปแล้ว  เหลือแค่เพียงหญิงสาวที่เติบโตขึ้นตามกาลเวลา

“ทำเป็นเล่นแบบนี้  น้ำจะรู้หรอว่าตาลเอาจริง  ถ้าชอบจริงๆ  ทำไมไม่จริงจังไปเลยล่ะ?”

น้ำตาลส่ายหน้า  ดวงตาสวยหลุบลงต่ำ  “ก็เคยจริงจังไปแล้วนี่   แล้วมันก็ผิดหวัง  ถ้าเราจริงจัง  น้ำก็จะหนี   แต่ถ้าเราทำเป็นเล่นๆ  แบบนี้   เขาก็ยอมให้เราอยู่ใกล้ๆ ได้”

นทีถอนหายใจ   สาวน้อยคนนี้รู้จักความรักเสียแล้ว   เขาเองก็ตอบแทนไม่ได้ว่าความรักแบบไหนมันดีกว่ากัน  “นานหรือยัง?” 

“ก็เมื่อปีที่แล้ว  เกือบสองปีแล้ว”  เกือบสองปีแล้วที่เธอเคยขอคบกับต้นน้ำแล้วโดนปฏิเสธ   ถ้ามันไม่ใช่ความรักจริงๆ  ความรู้สึกเจ็บปวดครั้งนั้น  ควรต้องหายแล้วสิ   

“อาจจะยังเด็กอยู่ด้วยมั้ง”

“อย่าพูดแบบนี้อีกนะ  เราเบื่อ  มีแต่คนบอกเราแบบนี้   ถ้ามันเป็นแค่เรื่องเด็กๆ  ทำไมเรายังคิดถึงอยู่  ทำไมเรายังอยากเจอ  ทำไมเรายัง...” รัก  คำพูดสุดท้ายถูกรั้งไว้ในใจ

“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น  เราไม่ได้บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”  ความรัก...มีรักจริง  หรือไม่จริงด้วยหรือ?  “เราแค่อยากจะบอกว่า...มันอาจจะยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม   รออีกสักสองสามปี   ต่างคนต่างโตขึ้น   ถึงตอนนั้นทุกอย่างอาจจะลงตัวกว่านี้ก็ได้”

จากที่นั่งหงอย  น้ำตาลกลับตาลุกวาว   เหมือนต้นไม้เหี่ยวได้น้ำทิพย์ชะโลมใจ   ตากลมโตกลับมาสดใสอีกครั้ง น้ำตาลเหลือบตามองนที   ผู้ชายรูปหล่อ  เพลย์บอยขี้เล่นที่ขึ้นชื่อในหมู่สาวๆ  ทั้งเพื่อน  รุ่นพี่และรุ่นน้องของเธอต่างคลั่งไคล้   เหมือนจะไร้สาระไปวันๆ   แต่พอคุยด้วยจริงๆ  กลับให้ความรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด

“ขอบใจนะ  คุยกับนทีทำให้เราสบายใจขึ้นเยอะ  ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเราอกหักอีกครั้ง   เราจะเปลี่ยนใจมาหานะ”

นทียิ้มกว้าง  “ยินดีเสมอ”





รถญี่ปุ่นขนาดกลางแล่นทะยานไปตามท้องถนนเมืองกรุง   ก่อนมาหยุดติดไฟแดง   ต้นน้ำเหลือบตามองคนที่นั่งเอนหลัง   เหยียดขายาวอย่างสบายใจอยู่ด้านข้าง   

เขากับนทีมารถคันเดียวกันเพื่อเป็นการประหยัดน้ำมัน   ตอนแรกตั้งใจว่าจะมารถนที   เขาไม่อยากขับรถ   ปกติก็ต้องขับให้แม่นั่งอยู่แล้ว   ไหนๆ ก็มีคนในครอบครัวเพิ่มมา   เขาควรจะได้นั่งสบายๆ  มั่งสิ   แต่ดูเหมือนว่าคนข้างๆ  ก็จะคิดเหมือนกัน   เถียงกลับมาว่ารถสปอร์คันสวยของตนเองเปลืองน้ำมันกว่า   แล้วไอ้ที่ขับโชว์สาวอยู่ทุกวัน  ทำไมไม่คิดว่ามันเปลืองบ้าง
 
“ทำไมนายไม่ชอบน้ำตาลอ่ะ   น่ารักดีออก”  นทีถามขึ้น  ทำลายความเงียบของบรรยากาศ
 
“นายชอบคนๆ  หนึ่งเพราะเขาน่ารักแค่นั้นเหรอ?”

“ก็ไม่  แต่น้ำตาลก็ดูไม่ได้เสียหายอะไร?”

“เขาดีเลยแหละ” ต้นน้ำบอก  ตามองไปที่ไฟแดง

“นั่นสิ  แล้วทำไมไม่ชอบ?” 
 
“ก็ชอบนะ  แต่ไม่อยากคบ   เป็นนาย  นายจะคบกับคนที่เป็นลูกเพื่อนแม่นายเหรอ?  นายจะคบกับเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ได้เหรอ?  เผื่อมันไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ  อาจจะมองหน้ากันไม่ติดอีกเลยก็ได้นะ”  ต้นน้ำหยิบโทรศัพท์มาเปิดบลูทูธ  เชื่อมกับเครื่องเสียง

“อืม  ก็มีเหตุผล  แต่ถ้าชอบจริงๆ  ก็ต้องลองแหละ  มันอาจจะดีก็ได้”

“เราอาจจะยังไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น”  ต้นน้ำเลื่อนรายชื่อเพลง

“อ๊ะ  เอาเพลงนี้   ชอบเพลงนี้”  นทีร้องบอกเมื่อเห็นต้นน้ำเลื่อนไปยังรายชื่อเพลงโปรดบนหน้าจอ

เสียงคีย์บอร์ดดัง  ติง  ติ๊ง  ติ่ง  ติง  ติ๊ง  ดังขึ้นก่อน    ร่างสูงเริ่มโยกตัว

“I'm hurting, baby, I'm broken down
I need your loving, loving, I need it now
When I'm without you
I'm something weak
You got me begging
Begging, I'm on my knees”

นทีเริ่มร้องคลอไปกับเพลง   ใส่อารมณ์ยิ่งกว่าลิปซิง   ตรงคีย์บ้าง  เพี้ยนบ้าง    ร้องให้ห้า  ลีลาให้ร้อย

“โคตรเพี้ยน”  ต้นน้ำหัวเราะ

“ไม่เคยได้ยินเหรอ?  Dance like nobody’s  watching (จงเต้นเสมือนว่าไม่มีใครมองคุณอยู่)   แต่นี่  Sing like nobody’s watching ไง”


ต้นน้ำหัวเราะ   คนร้องเพี้ยนไม่รู้จักดูตัวเอง   นี่!...เดี๋ยวคอยดู   พี่ชายคนนี้จะสอนน้องเอง

ท่อนต่อมา   ต้นน้ำร้องประสานไปด้วย 

“Your sugar
Yes, please
Won't you come and put it down on me”

นทีร้องว้าวเมื่อได้ยินเสียงต้นน้ำที่ร้องตรงตามคีย์ไม่ผิดเพี้ยน  พลางตะโกน  “so  good”  หูฟังเพลงฝรั่งอยู่   ปากก็เลยพลอยพ่นภาษาอังกฤษออกมาด้วย

ต้นน้ำหันมายักคิ้วให้


“ I'm right here, 'cause I need
Little love and little sympathy
Yeah you show me good loving
Make it alright
Need a little sweetness in my life
Your sugar
Yes, please
Won't you come and put it down on me”

ท่ามกลางรถติดบนท้องถนนเมืองกรุง   ภายในรถญี่ปุ่นที่มีอยู่ดาษดื่น   เสียงร้องตะโกนโหวกเหวกของผู้ชายสองคนดังประสานกับเสียงหัวเราะ   โดยไม่สนใจว่าจะมีคนจากรถคันอื่นมองเข้ามา

Sing like nobody’s watching!!!!





----------------------------------------------------------------




ก็ค่อนข้างจะเนิบๆ  หน่อยนะคะ   พระเอก  นายเอกไม่ค่อยหวือหวาเท่าไร

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังค่อยๆ ทำความรู้จักกันอยู่ค่ะ 

นทีเขาชอบแบบ รักกันเบาๆ

555555


หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 2---[15/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-08-2019 17:00:52
โอ๊ยยย นที 5555555
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 2---[15/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-08-2019 19:02:06
อืมมมมม..........รักกันแบบเบาๆ   :z3:
นที รักแบบเบาๆได้ด้วย  :really2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3 ----[16/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 16-08-2019 18:25:45
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 3

ลูกชายคนที่สาม
 
 
 
 
 
เข้าสู่เทศกาลสอบปลายภาคอย่างเป็นทางการ   รุ่นพี่ปีสามปีสี่บางคนแทบจะเปลี่ยนลุคส์   จากหนุ่มหล่อสาวสวยกลายเป็นซอมบี้ผีเดินได้   
 
ต้นน้ำที่เพิ่งไปติวกลับมารู้สึกหิว   เลยซื้อข้าวมันไก่ติดมาด้วย   
 
เขาจัดแจงเทข้าวมันไก่ใส่จานมานั่งกินที่โต๊ะอาหารพร้อมกับนั่งเล่นโทรศัพท์ไปด้วย
 
นทีเดินลงมาจากชั้นบนมองต้นน้ำด้วยสายตาแปลกๆ   เป็นสายตาที่ประกอบรวมไปด้วยความหวาดกลัวกึ่งขยะแขยงกึ่งไม่เชื่อ  เมื่อเห็นสิ่งที่ต้นน้ำกิน   อยู่กันมาเกือบเดือน   ต้นน้ำกินข้าวมันไก่ไปสิบกว่าครั้งได้
 
"ถามจริงๆ  เถอะ    นายชอบมากเหรอ... ไอ้ข้าวมันไก่เนี่ย? " 
 
ต้นน้ำละสายตาจากโทรศัพท์มือถือก่อนแสยะยิ้มให้นที  "ก็ไม่ได้ชอบมากเท่าไรนะ" 
 
นที "....." ไม่ชอบแล้วทำไมกินบ่อยๆ? 
 
"มันก็เหมือนอาหารสิ้นคิดไง   กะเพราไก่ไข่ดาวงี้   ไม่รู้จะกินอะไรดี  ก็ข้าวมันไก่แล้วกัน"
 
"ถามจริง"  นทีถามย้ำอีกครั้ง   ถ้าเขาไม่ได้ตาฝาด  เขาว่าเขาเห็นแววตาหลุกหลิกแวบหนึ่งในดวงตาของต้นน้ำ  และเมื่อเขาถามอีกครั้ง   มันก็ชัดขึ้น   ต้นน้ำเหมือนพยายามหาคำตอบมาตอบเขาให้ได้
 
นทีจ้องเข้าไปในดวงตาของต้นน้ำ
 
" เออๆ ก็ได้   รู้แล้วอย่าไปบอกใครนะ   เหยียบไว้เลย" 
 
"แน่นอน   ไม่บอก   เหยียบไว้เลย"  นทีนั่งหลังตรง  พลางชะโงกเข้ามาใกล้   ตายาวรีจดจ้องรอคอยคำตอบ
 
ต้นน้ำมองเหยียด   ไม่ค่อยจะเสือกเล๊ย
 
"คืองี้    ตอนเด็กๆ เรากินเผ็ดไม่ได้ไง   แล้วแม่ก็ไม่ว่างจะทำอาหาร   แม่ก็ชอบซื้อข้วมันไก่มาให้กิน   แต่ทีนี้น้ำจิ้มข้าวมันไก่มันเผ็ด   เรากินไม่ได้   แม่ก็จะซื้อข้าวหมูแดงมาให้เรากินตลอด  ส่วนตัวแม่เอง... กินข้าวมันไก่   แล้วก็จะย้ำกับเราว่า   เด็กอยู่... ยังกินไม่ได้  มันเผ็ด   รอให้โตก่อนค่อยกิน   แล้วเราก็คิดว่า... ข้าวมันไก่เนี่ย  มันคืออาหารผู้ใหญ่   คอยดูนะ   โตขึ้นจะต้องกินให้ได้"
 
นทีนั่งฟังอย่างสงบ   พอต้นน้ำเล่าจบก็นิ่งไปพักหนึ่ง   ก่อนจะหัวเราะเสียงดัง   
 
ข้าวมันไก่  
อาหารผู้ใหญ่ 
อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
 
"แล้วได้กินตอนอายุเท่าไร? "
 
"มอสาม"
 
ก็ไม่กี่ปีเองนี่  " มอสาม?  เป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอ?"  
 
"นั่นแหละที่เหี้ย   วินาทีที่รู้ว่า... ข้าวมันไก่ไม่ใช่ข้าวผู้ใหญ่    เด็กๆ ก็กินได้นี่แบบ...มันเลวร้ายมากกกกกอ่ะ   นี่เราเสียเวลาไปตั้งกี่ปี?   เราอดทนเพื่ออะไรวะเนี่ย?   นายเข้าใจป่ะ"
 
นทีขำจนท้องแข็ง   ตัวโยกตัวโยนไปหมด   ใช้มือขาวปาดน้ำตาที่เล็ดออกมา  เขาเข้าใจที่ต้นน้ำอธิบายทุกอย่าง   เห็นภาพชัดเจนทุกเม็ด   
แต่...
จะปลอบ   มันก็ทุเรศเกินไป
จะสมน้ำหน้า   ก็น่าสงสารเกินไป
ไร้สาระอะไรแบบนี้วะเนี่ย
 
"ไม่ขำนะโว้ย" ต้นน้ำหัวเสีย  นี่แหละ... ถึงไม่อยากจะเล่าให้ใครฟัง   แค่นึกถึง...จิตใจก็ร้าวราน    อยากกินข้าวมันไก่ให้หมดโลก
 
นทีพยายามสงบสติอารมณ์   แต่รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงจะให้เบรคกึกเลยก็คงยาก  ยังคงมีไถลออกมาบ้าง  "นายก็เลยกินชดเชยช่วงชีวิตที่ขาดงั้นเหรอ?"
 
"เออแม่ง  จะกินชดเชยถึงชาติหน้าเลย"  ต้นน้ำประชดไป  ตักข้าวมันไก่เข้าปากไป 
 
 “ข้าวมันไก่โรงอาหารวิศวะอร่อยนะ”  เสียงทุ้มเอ่ยคล้ายเอาใจคนหัวเสีย





“หา...จะไปญี่ปุ่นเหรอ?”

“ใช่  แต่งเสร็จวันเสาร์   เดินทางวันอังคาร   ฮันนีมู๊นนน...ฮันนีมูน”  ธนกรบอกด้วยน้ำเสียงดีด๊า   ประโยคหลังแทบจะร้องออกมาเป็นเพลง

“อ้าว...แล้วทำไงอ่ะ   ผมนัดพวกไอ้เม่นไว้  ว่าจะไปพัทยาด้วยกันวันพุธ”  นทีโอดครวญ

“แล้วลูกเกี่ยวอะไรด้วย”  ธนกรถามงงๆ

“.....”  นทีงงกว่า

“ไปฮันนีมูน   ใครเขาเอาลูกไปด้วยกันเล่า”

นทีทำหน้าเซ็ง   สามวันจาก...บิดาเป็นอื่น

“โอ๋ๆ   ไม่เอา   ไม่งอนนะ   เดี๋ยวกลับมาแล้วแม่จะพาไปเที่ยว   ภูเก็ตเป็นไง...ดีไหม?” ฝนทิพย์พูดเอาใจลูกชายคนเล็ก 

ลูกชายคนโตเบ้ปาก   เวลาอยู่กับฝนทิพย์    นทีทำตัวได้สมกับเป็นลูกชายคนเล็กจริงๆ   ทั้งออดอ้อน   ประจบ   เอาใจสารพัด   และดูเหมือนว่าแม่เขาจะชอบเสียด้วย

“น้ำไม่คิดจะอ้อนป๊าบ้างเหรอลูก?”  ธนกรหันมาถามยิ้มๆ  นทีไม่ค่อยอ้อนเขา    อ้อนแต่ฝนทิพย์   บางทีเขาก็อยากให้มีลูกมาอ้อนเขาบ้าง

ต้นน้ำยิ้มกว้าง   เดินเข้าไปกอดธนกร

“ป๊า  น้ำอยากได้รถสปอร์ตไว้ขับโชว์สาวเหมือนนทีบ้าง”

ธนกรกอดต้นน้ำหัวเราะเสียงดัง   รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก




ในเช้าที่แสงแดดละมุนละไม   เสียงนกโบยบินออกหากิน    พระสงฆ์เก้ารูปก็นั่งสวดมนต์ให้พรแก่คู่แต่งงานใหม่แล้ว  พิธีการช่วงเช้าจัดที่บ้านอย่างเรียบง่าย   มีเพียงคนในครอบครัวเท่านั้นที่มาร่วมพิธีตักบาตรตอนเช้า   ฟังพระให้ศีลให้พร   งานทั้งหมดธนกรจ้างออแกนไนซ์ดูแล   นทีและต้นน้ำเลยไม่ต้องเหนื่อยมาก   แค่แต่งตัวลงมาร่วมพิธีก็พอ

หลังจากพิธีสวมแหวน  คุณยายทิพย์ให้ศีลให้พรธนกรและฝนทิพย์    โดยมีป้าและลุงเขยของต้นน้ำมาร่วมเป็นสักขีพยานด้วย

ฝั่งของธนกร  บิดามารดาเสียหมดแล้ว   มีเพียงป้าและลุงเขยเท่านั้นที่มาร่วมงาน   ป้าธัญญามีรูปร่างผอม   ใบหน้าขาวมีส่วนคล้ายธนกรหลายส่วน   แต่กลับแข็งเกร็งอยู่ตลอดเวลา   ดูเป็นคนดุ  ต่างกับธนกรที่อบอุ่น  ใจดี   

ต้นน้ำสังเกตว่านทีเงียบขรึมลงไปมาก   ไม่ช่างคุย  ช่างซัก  ช่างแหย่เหมือนเคย   พลอยทำให้เขาเองทำตัวสำรวมไปด้วย

“แม่ขอให้ลูกทั้งสองครองคู่กันอย่างมีความสุข   ทะนุถนอม  ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน   อยู่ด้วยกันไปจนแก่จนเฒ่านะลูก  แม่ก็ไม่มีอะไรจะให้”  คุณยายทิพย์หยิบห่อเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าถือ  ก่อนวางใส่มือของธนกร  “นี่เป็นพระรอดที่พ่อของฝนใส่ไว้ตลอดก่อนที่จะเสีย   แม่มอบให้กรเป็นมิ่งขวัญ   ทำมาค้าขึ้น   อยู่รอดปลอดภัยนะลูกนะ”

ธนกรยิ้มรับ   ดวงตาฉายแววปลื้มปิติไม่ปิดบังก่อนก้มลงกราบที่เท้าของคุณยายทิพย์

ฝนทิพย์น้ำตาคลอ   ต้นน้ำเองก็ด้วย

จากนั้นคุณยายก็เอื้อมมือไปปลดสร้อยที่ตนเองใส่อยู่มาคล้องให้ฝนทิพย์   “แม่ขอให้ลูกมีความสุขมากๆ นะลูก”  ฝนทิพย์เข้าไปกราบลงที่เท้าผู้เป็นมารดาก่อนเอื้อมตัวเข้าไปกอด   คุณยายลูบหัวลูบหลังเบาๆ  ก่อนกวักมือเรียกนที

นทีที่ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนค่อยๆ คลานเข่าเข้าไปหา   

“นทีเป็นหลานยายคนหนึ่งแล้วนะลูก   ว่างๆ ก็ให้ต้นน้ำพาไปหายาย   จะได้รู้จักพี่น้องคนอื่นๆ”  คุณยายหยิบของออกมาอีกชิ้น   ลังเลว่าจะให้ชิ้นไหนดี  “พระขุนแผน ...หน้าตาอย่างนี้คงไม่ต้อง   พระปิดตา...พุทธคุณช่วยให้เจริญก้าวหน้า   ชื่อช่วยเตือนใจ   อะไรที่มันไม่ดี  ไม่สบายใจก็ไม่ต้องไปดูมัน   ปิดหูปิดตาไว้บ้างก็ดี”

นทีไม่ได้ยิ้ม   แต่แววตากลับฉายความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่ภายใน  ‘ขอบคุณ’

ต้นน้ำยกมือขึ้นปาดน้ำตา   รู้สึกอุ่นๆ  อยู่ในหัวใจ 




แล้วพระขุนแผนก็ตกมาอยู่ในมือของต้นน้ำ   นทีพาเขาขึ้นไปที่ห้องพระ   ภายในห้องพระมีตู้เซฟขนาดกลางอยู่ตู้หนึ่ง  ขนาดเล็กอีกตู้หนึ่ง   นทีไขเซฟขนาดเล็กแล้วเก็บพระเครื่องที่ได้มาจากคุณยายไว้ในนั้น   ต้นน้ำเลยขอฝากไว้ด้วย 

แม้ว่าจะเป็นการกระทำที่ธรรมดาและเรียบง่าย    แต่ความรู้สึกอุ่นๆ ในใจที่คุณยายทิ้งไว้ให้กลับเติมเต็มความสุขให้หลานชายทั้งสองคน





“คุณป้าจะกลับแล้ว   ทีกับน้ำไปส่งหน่อยได้ไหมลูก?”   ธนกรพูดคุยติดพันกับพี่เขยของภรรยาเลยเอ่ยไหว้วานนที

“ครับ”  นทีรับคำ  แววตาที่เต้นระริกอยู่เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเฉยชา    ใบหน้าติดจะอมยิ้มอยู่เล็กน้อยกลับแข็งกระด้าง

ต้นน้ำเดินตามไปด้วย   

“เป็นไงล่ะ?   ได้แม่ใหม่   แม่แกคงตกกระป๋องสักที   สมควรแล้วล่ะ   ผู้หญิงสำส่อนแบบนั้น    แกเองก็คงเหมือนกัน   เชื้อไม่ทิ้งแถว   มั่วแต่กับผู้หญิงโสโครก   ระวังจะติดโรค   สกปรกเหมือนแม่แก   ถ้าไม่มีเงินจากน้องชายฉัน   แกที่มีแต่ตัว  ผู้หญิงที่ไหนจะไปสน   ทั้งแก  ทั้งแม่แกจะไปได้สักกี่น้ำ    หึ...ตัวเองหนีตามผู้ชาย   ก็ยังทิ้งลูกไว้เป็นภาระคนอื่น”

นทีไม่ท้วง   ไม่เถียง   ได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ   ใบหน้าหล่อนิ่งเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก   

 “พอเถอะคุณธัญ”  วันชัยเอ่ยปรามภรรยาเบาๆ    แต่เตือนแบบนี้   ไม่เตือนเสียยังดีกว่า ธัญญากลับอารมณ์เสียหนัก   ขึ้นเสียงดังกว่าเดิม

“ไม่พอ   ไอ้เด็กนี่มันถลุงเงินน้องชายฉันไปเท่าไรแล้ว  กรก็โง่ที่เลี้ยงลูกชู้เหมือนลูกตัวเอง  เธอคงมีความสุขมากสินะ   จะเกาะไปจนถึงเมื่อไรล่ะ”

ถึงรถพอดี  “ขึ้นรถเถอะคุณ”  วันชัยแทบจะโอบเอวอุ้มภรรยายัดขึ้นรถ

“เดินทางปลอดภัยนะครับคุณป้า”  นทีเอ่ยเสียงเบา

“ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าป้า  ฉันไม่ใช่ป้าแก   แกไม่ใช่ลูกของน้องชายฉัน”  ธัญญาพูดจบก็หันหลังกลับขึ้นรถ   วันชัยรีบเข้าไปนั่งปิดท้าย   คนขับรถก็รู้หน้าที่   ประตูยังไม่ทันปิดดี   รถก็กระชากตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว

นทีมองตามรถที่แล่นออกไปนิ่งอยู่แบบนั้น   ก่อนหันหลังกลับมาเจอต้นน้ำที่ยืนอยู่ใกล้ผิดปกติ   คงจะเดินประกบเขาอยู่ข้างๆ มาตลอดทาง   รอยยิ้มมุมปากกลับมาบนใบหน้าอีกครั้ง

“หิวแล้ว  ไปกินข้าวกันเถอะ”





งานเลี้ยงตอนกลางคืนถูกจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงขนาดย่อมที่โรงแรม   ไม่มีการตั้งโต๊ะรับซองใดๆ   ไร้สิ้นซึ่งบรรยากาศเรียบง่ายอย่างงานพิธีการตอนเช้า    ดูไปคล้ายงานเลี้ยงรุ่นมากกว่า   

ช่วงแรกธนกรและฝนทิพย์เปิดฟอร์ลีลาศในเพลงคลาสสิค  อบอุ่น  เบาสบาย   และโรแมนติก   แต่พองานเลี้ยงเริ่มมาได้สักครึ่งชั่วโมง   เสียงดนตรีก็เปลี่ยนเป็นเพลงในยุคคุณพ่อคุณแม่ยังสาว   ธนกรเต้นฝากเลี้ยงโชว์อยู่หน้าเวที   ล้อมรอบไปด้วยเพื่อนวัยลูกโตกันหมดแล้ว   ในมือแต่ละคนแทบจะมีขวดเหล้าเป็นของตนเอง    งานอื่นชนกันเป็นแก้ว   งานนี้ชนกันเป็นขวด   ธีมงานสีเบอร์กันดี้บวกกับแสงไฟสลัวให้ความรู้สึกร้อนเร่าเป็นพิเศษ   เหมาะแก่การเป็นคืนส่งตัว 

นทีหายตัวไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้   ต้นน้ำเดินหาอยู่เป็นนานจนไปเจอนทียืนเครียดอยู่มุมหนึ่งหน้าโรงแรม  สายตาคล้ายกับกำลังมองหาใครสักคนอยู่

ต้นน้ำเดินเข้าไปหา

นทีมองมาทางเขาพอดี   หน้าหล่อคิ้วขมวดก่อนจะสาวเท้ายาวมาทางเขา   ต้นน้ำกำลังจะเอ่ยปากเรียก   แต่นทีกลับเดินเลยผ่านเขาไป   

นทีตรงไปยังหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้นน้ำเห็นเพียงด้านหลัง   ผมยาวถูกดัดเป็นลอน   ผิวขาวเด่น    รูปร่างสูงเพรียว   เอวเล็กคอด   

ร่างสูงโน้มตัวลงอุ้มหญิงสาวคนนั้นพาดบ่าก่อนจะวิ่งไปทางด้านหลัง 

ต้นน้ำวิ่งตามโดยสัญชาติญาณ   

“ปล่อยนะ   ปล่อยเดี๋ยวนี้”   ผู้หญิงคนนั้นตะโกน   มือเล็กทุบลงไปที่แผ่นหลังหนา

เสียงพนักงานรักษาความปลอดภัยเป่านกหวีดปรี๊ดดดดดดๆๆๆ

ทุกคนไล่ตามนทีมาถึงรถ   

“เกิดอะไรขึ้นครับ?”  เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนวิ่งเข้ามา

ต้นน้ำก็วิ่งมาถึงพร้อมกัน

“นายทำอะไรของนาย?”  ต้นน้ำถามทั้งที่ยังหอบแฮ่ก

“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?”  เจ้าหน้าที่ถาม

นทีปล่อยผู้หญิงคนนั้นลง   หญิงสาวจัดทรงผมให้เข้าที่   พอปัดผมที่ปรกหน้าออก   ทุกคนก็อ้าปากค้าง    นี่มัน...

ณภรัทรา...ดารานางแบบรุ่นใหญ่ที่อายุสี่สิบกว่าเข้าไปแล้ว   แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่   ยังคงเป็นสาวเซ็กซี่ตลอดกาลไม่มีเปลี่ยน   

ณภัทรามองนทีตาเขียว   นทีจ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ   ขอบคุณมากนะคะ” สุดท้ายดาราสาวก็หันไปตอบพนักงานรักผษาความปลอดภัยเสียงสะบัด

เมื่อณภัทรายืนยันแบบนั้น    พนักงานสองคนจึงยอมถอยทัพกลับไปโดยดี   อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เป็นข่าว   คนในวงการก็อย่างนี้แหละ   คนนอกวงการรู้ดี

“กลับบ้าน”  นทีสั่งณภรัทรา

“ไม่กลับ   จะอะไรนักหนา   ม๊าแค่จะมาแสดงความยินดีกับป๊าเอง”

ต้นน้ำ "....." ม๊า?  ม๊า?  ม๊า?  ม๊า...ที่แปลว่าแม่ใช่ไหม? 

“น้ำ”  นทีเรียกเขา

“หืม”   ต้นน้ำขานรับอย่างงงๆ

“ขับรถ”  นทีโยนกุญแจรถให้เขา   

ต้นน้ำกดปลดล็อค    ขึ้นไปประจำที่คนขับแบบงงๆ   นทีดันตัวณภัทราขึ้นไปก่อน   แล้วค่อยขึ้นตามไป  เป็นการล็อคไม่ให้คนหนี

รถทั้งคันมีแต่ความเงียบงัน   บรรยากาศกดดัน

“เอิ่ม...ผมก็ไม่อยากจะขัดบรรยากาศหรอกนะ   แต่ว่า...เราจะไปไหนกันเหรอครับ?”

ณภัทรายังคงนั่งนิ่ง

นทีบอกชื่อคอนโดหรูใจกลางเมืองให้เขา

ตลอดทาง   ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกันสักคำ   ณภัทราเบือนหน้าหนีไปทางหน้าต่างอีกฝั่ง   นทีแอบสังเกตพฤติกรรมของณภัทราอยู่เงียบๆ

เขาไม่ได้เสือกเรื่องคนอื่นนะ   จริงๆ...สาบานได้!    แต่เรื่องมันมาเกิดต่อหน้าเขาเอง

จวบจนรถเคลื่อนตัวเข้าเขตบริเวณคอนโด 

“เดี๋ยวถึงคอนโดแล้วคุณขึ้นห้องไปเลยนะ   แล้วอย่าไปรบกวนป๊าอีก”  นทีบอกด้วยน้ำเสียงเฉยชา

ณภัทรายิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  “อืม   วันนี้ไม่ไปแล้วล่ะ   เหนื่อย   อุตส่าห์ไปถึงงานแล้วแท้ๆ”

หมายความว่าวันนี้ไม่ไป   แต่จะไปวันอื่นสินะ

“อย่าได้คิดเชียว”  เสียงทุ้มแข็งกระด้าง

ร่างบางเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชาย   มือเรียวสวยเชยคางนทีขึ้น   ตาสวยจ้องเข้าไปในตา   “ถ้าไม่อยากให้ยุ่งก็เรียกม๊าก่อนสิ”

ณภัทราเห็นแววลังเลวาบขึ้นในดวงตาของลูกชาย   แต่จนแล้วจนรอด   นทีก็ไม่พูดอะไรออกมา

รถจอดนิ่งที่หน้าคอนโด 

นางแบบรุ่นใหญ่เพียงยิ้มมุมปากก่อนเคลื่อนตัวลงจากรถอย่างอ้อยอิ่ง

นทีเปิดประตูรถตามลงไปพลางร้องบอก   “อย่าให้เห็นหน้าอีกนะ”

ร่างสูงเพรียวหันกลับมาพร้อมกับโชว์ ‘นิ้วกลาง’ ให้ลูกชาย   ก่อนสะบัดตัวกลับไป

นทีกลับมาขึ้นรถด้านหน้าข้างคนขับ   

“ไปไหน?”  ต้นน้ำถาม 

“กลับบ้านเถอะ”

“อืม”

วันนี้ไม่มีเพลงคลอประสาน   มีแต่ความเงียบงันกับลมหายใจหนักหน่วง    ต้นน้ำขับรถเงียบๆ  ขับไปเรื่อยๆ





สูทสีเบอร์กันดี้สองตัวต่างไซส์วางเคียงคู่กันบนโซฟาหน้าทีวี    นทีนอนเอนหลังพิงกับพนัก   ขนตาหนาหลับพริ้ม   

“เบียร์หรือโค้ก”  ต้นน้ำถาม

“เบียร์”  นทีตอบทั้งที่ยังหลับตา

กระป๋องเบียร์เย็นเฉียบถูกนำมาแนบที่แก้มนที    เมื่อลืมตาขึ้นจึงเห็นใบหน้าใสจ้องอยู่   ต้นน้ำเท้าแขนกับโซฟายื่นเบียร์ให้อย่างรอคอย   เมื่อมือใหญ่รับไปแล้วค่อยเดินมานั่งลงอีกฝั่งของโซฟา

“ดูหนังไหม?”  มือขาวเปิดโค้กดื่ม

“อืม”  นทีเปิดกระป๋องเบียร์บ้าง  “นายจะไม่ถามอะไรหน่อยเหรอ?”

“ นายรู้ได้ไง   ว่าเรามีอะไรอยากจะถามนาย”

“เดาเอา  ลองถามมาสิ  ถ้าตอบได้จะตอบ”

ต้นน้ำเงียบไปพักหนึ่งพลางเงยหน้าดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลา 21.48 “นายว่า  ถ้าโทรสั่งพิซซ่าตอนนี้  เขาจะมาส่งไหม?” 





พิซซ่า...พร้อม!
โค้ก...พร้อม!
หนัง...พร้อม!
ผู้ชายสองคนในชุดนอนก็พร้อม!

“แม่กับป๊าจะเป็นไงมั่ง?”

นทีโคลงศรีษะ “น่าจะเมาเละ”

ต้นน้ำหัวเราะ 

“นายไม่อยากรู้เรื่องเรากับม๊าเหรอ?”

ต้นน้ำรู้ว่านทียังคงคาใจ   เขาจงใจหลบเลี่ยงเบี่ยงบทสนทนาเพราะคิดว่านทีอาจจะไม่ได้อยากพูดเรื่องราวที่เป็นเรื่องส่วนตัวกับเขา   แต่ในบรรยากาศผ่อนคลายแบบนี้...อีกฝ่ายยังคงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด   หากนทีตั้งใจว่าจะพูดเรื่องนี้กับเขา   เขาก็จะไม่หลบเลี่ยงอีก

“แล้วแต่นาย   นายอยากเล่าก็เล่า   แต่ถ้านายไม่อยากเล่า...ก็ไม่จำเป็นเลย” 

“ป๊าเป็นคนดี   ดีมากกกก...จนเราคิดว่าการที่เราเป็นคนไม่ดีแบบนี้   มันมาจากใคร?”
ต้นน้ำเริ่มงง   จับต้นชนปลายไม่ถูก   
นทีเป็นคนไม่ดี? 
ไม่ดีตรงไหน?
ต้นน้ำเริ่มคิดย้อนกลับไป  หรือจะเป็นประโยคที่ว่า  ‘มั่วแต่กับผู้หญิงโสโครก  สกปรกเหมือนแม่แก’  ที่ป้าธัญญาพูด

“นายรู้ไหมว่า...เรารับจ๊อบเขียนรูปประกอบนิทาน?”

นทีส่ายหน้า

“เราเคยได้ยินนิทานเรื่องหนึ่ง   เป็นเรื่องที่เราประทับใจมาก   ยังจำได้ดีจนถึงทุกวันนี้ 

มีผู้ชายคนหนึ่งเป็นโจร   
เขามีลูกชายอยู่สองคน   คนหนึ่งเป็นตำรวจ   คนหนึ่งเป็นโจรเหมือนเขา
มีนักข่าวไปสัมภาษณ์ 
ถามลูกคนโตว่า  ทำไมถึงเป็นตำรวจ?
ลูกคนโตตอบว่า  เพราะพ่อเป็นโจร

นายคิดว่าทำไมลูกคนโตถึงตอบแบบนั้น?”

นทีนิ่งคิด  “คงจะเกลียดพ่อมั้ง”

“อืม...เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
แล้วนักข่าวก็ไปถามลูกคนที่สองว่า  ทำไมถึงเป็นโจร?
ลูกคนที่สองตอบว่า  เพราะพ่อเป็นโจร? 
นายคิดว่าไง?”

“อาจจะรักพ่อ   แต่ก็...อาจจะเกลียดพ่อมากเหมือนกัน   เลยทำเหมือนพ่อประชดซะเลย”  นทีคิดถึงเรื่องของตัวเอง  เหมือนเขา...ที่ทำตัวไม่ต่างกันกับณภัทรา

“ก็อาจเป็นได้   แต่คนที่เล่าให้เราฟัง   เขาบอกว่า...ที่จริงโจรคนนั้นมีลูกชายคนที่สาม   ลูกชายคนที่สามเรียนวิศวะเครื่องกล   ไม่เป็นทั้งโจร  ไม่เป็นทั้งตำรวจ   ลอยตัวจากอิทธิพลของพ่อโดยสิ้นเชิง   นักข่าวตามไปสัมภาษณ์ทีหลัง   เขาตอบว่า...พ่อจะเป็นอะไรก็เรื่องของพ่อ   แต่เขาจะเป็นวิศวะ   เขากับพ่อไม่เกี่ยวกัน  คนละคนกัน”

เหมือนกุญแจที่พันธการเอาไว้ถูกไขออก   โซ่เหล็กที่ล่ามตรวนไว้หลุดร่วง      ตาสองคู่สบตากัน  ชั่วระยะเวลาหนึ่งที่เหมือนกับเวลาหยุดลง   ถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองไปยังอีกฝ่าย   หนังที่เปิดไว้...ไม่มีใครสนใจจะดู

นทีเป็นฝ่ายหัวเราะออกมาก่อน   เพราะเขาเองก็เรียนวิศวะเครื่องกล  “นายเปลี่ยนอาชีพตัวละครใช่ไหม?” 

ต้นน้ำก็หัวเราะด้วย  “ฉลาดนี่   ตอนนั้น...คนที่เล่าให้เราฟังก็บอกว่าลูกคนที่สามเป็นจิตรกร   วาดภาพประกอบหนังสือนิทาน”

นทีมองต้นน้ำนิ่ง  ลึกเข้าไปในดวงตา “ทำไมเขาเลือกที่จะเล่าเรื่องนี้ให้นายฟังล่ะ?” 

ต้นน้ำวางกระป๋องโค้กในมือ   แพขนตาช้อนขึ้น   ตาใสมองตอบนที  “ไม่รู้สิ   อาจป็นเพราะว่า...พ่อเราก็เป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่นเหมือนกัน    และก็...อาจจะไม่ดีในสายตาเราด้วย”

นทีฟังที่ต้นน้ำเล่าอย่างตั้งใจ

“พ่อเจ้าชู้มาก   ช่วงนั้น...แม่ร้องให้ทุกวัน   แม่ไม่รู้หรอกว่าเรารู้   ถึงแม่จะแอบร้องให้   เราก็รู้   เราเองก็ไม่รู้ว่าเรารักหรือเกลียดพ่อกันแน่   แต่ไม่ว่าจะรักหรือเกลียด   ก็มีอิทธิพลต่อคนเป็นลูกทั้งนั้น   เขาคงอยากให้เราลอยตัวจากความรู้สึกพวกนี้มั้ง    เลยเล่าให้เราฟัง” 

“นายเล่าเรื่องพวกนี้ได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยนะ   ผิดจากเรื่อง ‘ข้าวมันไก่’ ลิบลับเลย”

“ก็เรื่องพวกนี้มันจบไปแล้ว   ผ่านไปแล้ว   แต่เรื่องข้าวมันไก่มัน....หึยย  คาใจว่ะ”  ต้นน้ำหาคำมาอธิบายไม่ถูก   อารมณ์หัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับมาอีกครั้ง





“พังๆๆๆๆ   พังหมดแล้ว”  ต้นน้ำชะโงกหน้าไปดูดอกมะลิในมือนที   “เสียของว่ะ”

ฝนทิพย์เดินทางไปญี่ปุ่นกับธนกรแล้ว    โดยฝากให้ต้นน้ำแวะเข้ามาดูร้านขายดอกไม้ของฝนทิพย์ให้ด้วย   นทีติดสอยห้อยตามมา    ก่อนมานั่งหัดร้อยมาลัยช่วยต้นน้ำ

“พังตรงไหน?  ก็สวยออก”  เขาพยายามจัดให้มันตรงกันทุกดอกแล้วนะ

“มันช้ำไง   เวลาร้อยดอกไม้   นายก็จับเบาๆ  หน่อยสิ   มาลัยดอกไม้ช้ำๆ  ใครจะอยากซื้อ”

“ต้องมีสิ  ออกจะสวย”

“ถ้ามั่นใจขนาดนั้นว่าของตัวเองสวย  เดี๋ยวจะพาไปลองของ   แต่ตอนนี้ไปทำงานอื่นก่อนไป”

“งานอะไรอี๊ก?”   ตั้งแต่มานี่ก็ใช้งานไม่ได้หยุด   ให้ช่วยยกของบ้างล่ะ  ใช้ร้อยมาลัยบ้างล่ะ   

“ไปยืนตรงนั้น”   ตั้นน้ำชี้ไปยังมุมที่วางกระถางดอกไม้สำหรับขายไว้   

นทีเดินไป

“พี่น้อยๆ”  เอาดอกไม้ช่อที่จัดไว้   มาให้นทีถือหน่อยสิ”  ต้นน้ำหันไปบอกพนักงานที่เป็นผู้ช่วยของฝนทิพย์   ดอกไม้ช่อสวยถูกเอามายื่นให้นที

ต้นน้ำหยิบกล้องขึ้นมา

“เก๊กหล่อๆ หน่อย  จะเอาไปลงเพจร้าน  ยิ้มนะ”  นทีทำตาม  “ดีมาก  เกิดมามีดีแค่หน้าตา   ก็หัดเอามาใช้ประโยชน์หน่อย   อีกรูปนะ”  ต้นน้ำสั่งให้นทีหันซ้าย  หันขวา  ทำหน้าเศร้า  นทีก็ทำตามคำสั่งทุกอย่าง

“ให้ตีลังกาด้วยไหม?”

“ได้เหรอ?”

นที “.....”

ต้นน้ำกดโทรศัพท์ส่งรูปไปให้นที   “เอาลงไอจีนายสิ  ครอบครัวเดียวกันก็ช่วยกันทำมาหากินหน่อย” 

แล้วที่ช่วยยกของ  ช่วยร้อยมาลัยนี่ไม่ได้ช่วยหรอกเหรอ?  นทีหมั่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน   กดโทรศัพท์มือถือตัวเองอัพรูปลงไอจี

อัพรูปเสร็จ  คนหล่อก็กลับไปร้อยพวงมาลัยต่อ   ท่าทางเก้งก้าง   ดูแล้วพวงมาลัยไม่น่าจะออกมาดีได้เลย

“ร้อยไปทำไมนักหนา?”  ตอนนี้สี่ชีวิตอันประกอบไปด้วย นที  ต้นน้ำ  น้อยและดาว สองพนักงานมือโปร  กำลังนั่งร้อยพวงมาลัยกันอย่างขะมักเขม้น 

“พรุ่งนี้วันพระ   พวงเล็กๆ  แบบนี้   เขาเอาไว้ไหว้พระ   ต้องร้อยสวยๆ  ร้อยด้วยใจ    จะได้บุญเยอะ   เขาว่า...ถ้าถวายพวงมาลัยหรือดอกไม้สด   เกิดมาชาติหน้าจะหน้าตาดี”

“สงสัยชาติที่แล้วเราถวายไปเยอะแหงเลย”

ต้นน้ำ “.....” 





ดาวกับน้อยมองสองคนตรงหน้าเพลิดเพลินใจ   น้องน้ำว่าหล่อใส   ชุ่มชื่นหัวใจแล้ว    น้องทียิ่งหล่อเท่ระเบิดจนหัวใจพองฟู   แล้วยิ่งเวลาที่สองคนนี้มานั่งด้วยกัน   เถียงกันไป   เถียงกันมา   ตีกันไป   ตีกันมา
น่าร๊ากกกกกกกกก    น่าเอ็นดูที่สุด




------------------------------------------------------------



 เราก็ยังคงปูสะพานให้สองคนนี้ต่อไปจ้า

ตอนนี้ไม่ดราม่าเกินไปใช่ไหม?

อ่านแล้วช่วยคอมเม้นท์กันหน่อยนะ  ว่าเป็นยังไงบ้าง

เราอยากรู้ฟีดแบ็ค

จะติ  จะชม  ก็ไม่ว่ากัน

 
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3--- [16/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-08-2019 20:58:44
ชอบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน   :impress2:
คุยกันเรื่องต่างๆ ให้ความรู้สึกเข้าใกล้กัน ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ตลกเรื่องข้าวมันไก่ ที่กินน่ะกินชดเชย ไม่ใช่เพราะข้าวมันไก่อร่อยนะ  :m20: :laugh: :pigha2:
แต่ว่าข้าวมันไก่มันอร่อยจริงๆ   :katai2-1:
ต้นน้ำปลอบใจนทีได้ดีมากๆ  :mew1: :mew1: :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3--- [16/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 17-08-2019 00:44:52
 o13 ตอนนี้ดีมากๆเลยค่ะ ให้ข้อคิด “ลูกคนที่สาม” ดีจริงๆ แอบนำ้ตาหยดเลย....  :mew4:
ติดตามนะค่ะ สู้ๆค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 3--- [16/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-08-2019 02:10:49
ต้นน้ำอยู่ไม่นิ่งเลย 55555555555555
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 18-08-2019 21:58:19
นทีต้นน้ำตอนที่ 4

คนดีเรียกแขกซะแล้ว
 
 



ต้นน้ำพานทีหอบกล่องโฟมบรรจุพวงมาลัยเล็กใหญ่ลัดเลาะไปตามถนน    จนเดินมาถึงตลาดสดขนาดใหญ่   เดินต่อไปอีกสามล็อคก็ถึง 'rainyday florarist สาขา2'  ซึ่งเป็นแผงดอกไม้ขนาดเล็ก   ขายพวงมาลัย  ดอกไม้สดสำหรับไหว้พระ  พานบายศรีปากชาม  หมากพลู และธูปเทียนแพ็คเล็กกะทัดรัด
 
มีเด็กสาววัยใกล้เคียงกับเขานั่งอยู่ภายในแผง 
"น้องน้ำ"  เด็กสาวร้องทักเมื่อเห็นต้นน้ำเดินเข้าไป  ทักต้นน้ำแต่ตามองเลยไปยังร่างสูงด้านหลัง  
 
นทีส่งยิ้มหากินให้   ทำเอาหญิงสาวหน้าแดง   แทบจะม้วนตัวลงไปเลยกองเลยทีเดียว 
 
"พี่ดาวให้เอาพวงมาลัยมาส่ง"  ต้นน้ำยื่นกล่องโฟมให้
 
"พอดีเลย  ใกล้หมดแล้ว" 
 
"นี่นที  เอิ่ม... ญาติผม"  ต้นน้ำแนะนำ  "ส่วนนี่พี่แก้ว...อายุมากกว่าพวกเราปีหนึ่ง  มารับจ๊อบพาร์ทไทม์ที่ร้าน" 
 
"สวัสดีครับ"  นทีแค่เพียงพยักหน้าทักทายเพราะเห็นว่าอายุห่างกันไม่มาก  ยิ้มหวานกว่าเดิมหนึ่งเบอร์   เรื่องอัธยาศัยดี   ไว้ใจนทีได้
 
"นายเข้าไปนั่งข้างในสิ"  ต้นน้ำบอกนทีให้เดินเข้าไปนั่งด้านหลังแผง  ที่มีทางเดินเล็กๆ ให้แทรกตัวเข้าไป    ต้นน้ำตามเข้าไปนั่งด้วย  
 
แก้วเริ่มจัดเรียงพวงมาลัยแขวนไว้บนราว
 
"พี่แก้วเอา 3 พวงนี้แขวนด้วยนะ"  '3 พวงนี้'  คือสามพวงของนทีที่ขะมักเขม้นทำร่วมสองชั่วโมง  นั่นแหละ... นทีทำได้แค่นี้  ไม่นับจำนวนที่เสียไป
 
แก้วรับ '3 พวง' มาส่องดู   พร้อมกับสีหน้างงๆ   ส่งสายตาเป็นคำถาม... เอาจริงเหรอ? 
 
ต้นน้ำพยักหน้า
 
และเมื่อมีหนุ่มหล่อออร่ากระจายมานั่งเป็นนายกวักอยู่หลังแผง   ลูกค้าทั้งสาวทั้งแก่ก็แวะเวียนเข้ามาจับจ่ายซื้อพวงมาลัยกันไม่ได้หยุด  
 
"แล้วคนนั้นล่ะ?  ขายไหม?  ขายเท่าไร?  พี่มีพร้อมเปย์นะจ้ะ" กระเทยหน้าสวยเดินมากับเพื่อน  ตะโกนแซวนทีระรี้ระริก
 
"เพื่อนพี่สายเปย์ค่ะ   เปย์อย่างราชา  กลับไปกินมาม่าอย่างยาจก"  เพื่อนสาวเตะตัดขากันเอง   แล้วก็พากันหัวเราะคิกคัก
 
นทีก็แสนดี   นั่งให้แทะโลมด้วยสายตา  ไม่บ่นสักคำ   เวลาก็ผ่านไปทุกนาที   แต่พวงมาลัยของนทีก็ยังไม่ใช่พวงที่ถูกเลือก
 
นทีถ่ายรูปพวงมาลัย 3 พวงลงไอจี   พร้อมแคปชั่น... แค่อยากเป็นคนที่ถูกเลือก
 
แคปชั่นอ่อยขนาดนี้   คงไม่ต้องบอกเนอะ   ว่าสาวๆ เสนอตัวกันกี่คอมเม้นท์
 
แต่คอมเม้นท์หรือจำนวนหัวใจไม่ใช่ตัวชี้วัดความเป็นความตายของพวงมาลัย 3 พวงนี้
 
"พนันกันไหม?  ว่าพวงมาลัยนายจะขายออกหรือเปล่า?" 
 
"พนันอะไรล่ะ?" 
 
"ใครแพ้ต้องเป็นเบ๊หนึ่งวัน  ตามใจทุกอย่าง"  
 
"ดีล!  แต่ไม่ใช่พรุ่งนี้นะ  พรุ่งนี้ไปพัทยาแล้ว  ต้องหลังกลับจากพัทยา" 
 
"โอ๊ย... ไม่เป็นไร  ลงโทษแค่วันนี้ก็ได้  เราเป็นคนใจกว้าง  แค่นี้...พี่ไม่ซี" 
 
"เปล๊า   เรากลัวใช้นายได้ไม่เต็มวันต่างหาก" 
 
ต้นน้ำทำหน้าอี๋ใส่คนขี้โม้   หึหึ...เดี๋ยวก็รู้!!
.
.
.
.
.
หลู่เรื่อง!!!  
พวงมาลัย 3 พวงนั่นขายออกจริงๆ ด้วย   ผู้หญิงคนหนึ่งจูงมือเด็กผู้หญิงมาซื้อพวงมาลัยสำหรับไหว้พระ   เด็กหญิงคนนั้นเลือก 3 พวงของนที   โดยให้เหตุผลว่า... มันไม่สวย   ไม่มีใครสนใจมันเลย   มันน่าสงสารมาก
 
จิตใจดีมากลูกเอ๊ย! 
 
ต้นน้ำเดินหน้าตูมกลับร้าน   โดยมีนทีเดินกุมท้อง  หัวเราะตัวงอตามหลัง   และไม่มีพลาด... สารพัดถ้อยคำเยาะเย้ยถากถางดังมาจากคนข้างหลัง   
 
แต่เขาพลาด!  พลาด!  พลาดมาก!   
ต้นน้ำเป็นคนท้าพนันเอง   คิดบทลงโทษเอง   โดนลงโทษเอง  เสร็จสรรพ!   เล่นครบ...จบที่เขาคนเดียว
อะไรดลใจให้เขาท้าพนันออกไปวะ?   
 
 
 
 
 
ตอนเช้า  ต้นน้ำกับนทีกินข้าวเช้าด้วยกัน  แล้วต่างฝ่ายก็ต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางของตนเอง
 
นทีขับรถไปจอดที่บ้านเม่น   แล้วก็ไปพัทยาด้วยรถคันเดียวกันกับเดอะแก๊งทั้งหมดสี่คน
 
ส่วนต้นน้ำก็แยกไปร้านดอกไม้   วันนี้ไม่ใช่วันพระ  ไม่ต้องร้อยพวงมาลัยแล้ว   รับออเดอร์ลูกค้าตามปกติ    จนกระทั่งสองทุ่ม...ร้านปิด   ถึงได้ขอตัวกลับบ้าน 
 
ต้นน้ำจอดรถเข้าที่ก่อนก้าวลงมา   ภายในบ้านเงียบเชียบ   มีเพียงแสงไฟหน้าบ้านไม่กี่ดวงที่ป้าแม่บ้านคงมาเปิดไว้ให้   
 
ป้าแม่บ้านกับคนที่ดูแลบ้านทั้งหมดแยกไปอยู่บ้านอีกหลังซึ่งแม้จะอยู่ภายในรั้วบ้านเดียวกัน   แต่แยกส่วนกันอย่างชัดเจนโดยใช้รั้วต้นไม้กั้นแยกอาณาเขตระหว่างตัวบ้านใหญ่กับที่พักพนักงาน   และจะเข้ามาทำความสะอาดช่วงกลางวัน   ก่อนกลับไปอยู่ในส่วนของตัวเองตอนหกโมงเย็น
 
เหตุผลที่ธนกรทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้นทีดูแลตัวเองบ้าง   หากมีคนคอยทำให้ตลอดเวลา    นทีที่ไม่ต้องทำอะไรเลย   อาจจะเป็นง่อยได้ในที่สุด
 
บ้านหลังเดิม   ต้นไม้ก็ต้นเดิม   ใบไม้ก็ยังคงปลิวร่วงอยู่เหมือนเดิม   แต่ทำไม...เหงา
 
บ้านหลังใหญ่ที่มีทุกอย่างอำนวยความสะดวกครบครัน   พอไม่มีคนอยู่   กลับเงียบจนน่าใจหาย   เงียบยิ่งกว่าบ้านที่ต้นน้ำเคยอาศัยอยู่กับฝนทิพย์เสียอีก
 
ร่างโปร่งเดินขึ้นไปบนห้อง  ทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียง   ธนกรกลับบ้านดึกบ่อยๆ  ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่ที่นี่... นที... อยู่บ้านหลังใหญ่ขนาดนี้คนเดียวมาตลอดหรือนี่?   อยู่ๆ ต้นน้ำก็รู้สึกอ้างว้างขึ้นมา   
 
เขาลุกขึ้น  เดินไปที่ห้องนที   ห้องนั้นไม่ได้ล็อค   มือขาวเอื้อมเปิดสวิทช์ไฟ   แสงไฟภายในห้องสว่างขึ้น   ตาคู่สวยกวาดมองไปทั่ว   เท้าก็เดินไปเองโดยอัตโนมัติ  เสื้อผ้าบางตัวยังพาดแขวนอยู่ที่ราวแขวน   หนังสือการ์ตูนเล่มที่อ่านก็ยังวางกองอยู่เดิม   
คนๆ นี้ใช้ชีวิตมาแบบไหนกันนะ? 
 
ต้นน้ำย้ายตัวเองลงมาชั้นล่าง   เดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำกิน   ตาเหลือบไปเห็นไส้กรอกถุงใหญ่   เขาจับยัดใส่ไมโครเวฟทั้งหมด
 
โจลี่กับแบรดพิตต์กระดี๊กระด๊าเมื่อเห็นพี่ชายคนโตเอื้อมมือมาเปิดกรงให้   หางส่ายกระดิกเดินตามต้นน้ำเข้าบ้าน  
 
 
 
 
 
"โยว่แมน!... สาวพัทยาเจ๋งเป็นบ้าเลยว่ะ"  ต้นปาล์มร้องตะโกนเมื่อเข้ามาเห็นแสงสีในผับ
 
"ใจเย็น... พรุ่งนี้ไปบางแสน   สาวมอ B อย่างแจ่ม"  เม่นตบบ่าเพื่อน
 
โต๊ะของชายหนุ่มทั้งสี่โดดเด่นจนเป็นที่จับตามองของสาวๆ ในผับ  
 
ปาล์มที่อัธยาศัยดีเป็นที่สุดชนแก้วโต๊ะอื่นไปทั่ว   สักพักก็เริ่มคุยกันซ้ายขวา  ถามไถ่ความเป็นมา  ทั้งเม่น  ทั้งน็อตก็พลอยเฮฮาไปด้วย
 
มีเพียงนทีคนเดียวเท่านั้นที่ดูไม่ค่อยสนุกเท่าที่ควร   เขาไลน์หาต้นน้ำได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว  แต่ต้นน้ำไม่อ่าน   ไม่ตอบ   โทรไปก็ไม่รับ
 
เป็นอะไร?   เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? 
 
"มึงเป็นอะไรวะที?"  เม่นถามเมื่อเห็นนทีนั่งหน้านิ่ว   
 
"ไม่มีอะไร? เดี๋ยวกูไปโทรศัพท์แป๊บนึง   เดี๋ยวกูมา" 
 
"มันเป็นอะไรวะ?"  น็อตถามเม่น   เขาเองก็เห็นนทีนั่งเครียดมานานแล้ว
 
"ไม่รู้ว่ะ   สงสัยเมียไม่รับสาย?" 
 
"ฮึ่ย   พูดเป็นเล่น  ไอ้ทีนี่นะ... มีเมีย   ทำไมกูไม่รู้วะ?" 
 
"กูก็ไม่รู้   กูเป็นมันนั่งหน้าบูด   ถามว่าเป็นอะไร... มันก็ไม่ตอบ   บอกแต่ว่าจะออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึง"
 
"เออ   มันก็แปลกๆ อยู่นะ   มันดูโทรศัพท์โคตรบ่อยเลย   หรือว่ามันจะมีแฟนวะ? "
 
เม่นยักไหล่
 
"ฮัลโหล  เพื่อนๆ  คุยอะไรกันอยู่? " ปาล์มแทรกเข้ามากลางวง
 
" อย่าเสือก"  เม่นกับน็อตพูดขึ้นพร้อมกัน
 
 
 
 
 
นทีเดินหนีเสียงเพลงดังในผับออกมาข้างนอก  พลางกดโทรศัพท์มือถือ... รอฟังเสียง    กดใหม่... รอฟังเสียง   กดอีกรอบ... รอฟังเสียง   แต่จนแล้วจนรอด  ก็ยังไม่มีคนรับสาย  
 
เป็นอะไร?   ไม่สบายหรือเปล่า?   ทำไมไม่รับสาย? 
เกิดอะไรขึ้น?   มีอุบัติเหตุไหม?  ทำไมไม่รับสาย? 
ปกติแล้ว...ต้นน้ำไม่ใช่คนที่จะไม่รับสายโทรศัพท์คนอื่น  เขากังวลว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับต้นน้ำ  และก็เป็นห่วงที่ต้นน้ำอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวเป็นครั้งแรกด้วย  ไม่รู้ว่าช่วงเวลาแค่เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาจะทำให้ต้นน้ำคุ้นชินบ้างหรือยัง
 
"ทะเลาะกับแฟนอยู่เหรอ?" 
 
เสียงหวานดังขึ้นข้างตัว  นทีหันไปมอง   หญิงสาวที่ยืนยิ้มเอียงอายอยู่มีใบหน้าสวย  ผิวขาวกระจ่าง    ตาสวยคม  ริมฝีปากอิ่ม   ผมยาวไล่ระลงมาจนถึงเนินอกอวบที่โผล่พ้นเสื้อสายเดี่ยวให้เห็นวับแวม     มองปราดเดียวนทีก็เห็นไปถึงขาขาเรียวขาวที่โผล่พ้นกระโปงสั้นออกมา
หึ... ถ้าจะอายขนาดนั้นจะเดินเข้ามาทักทำไม? 
 
"คืนเดียวได้ไหม?"  นทีถามพลางกดโทรศัพท์อีกครั้ง
 
หญิงสาวขี้อายทำสีหน้ากังวล  "เอ่อ... แต่ว่า... " 
 
"ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร"  พูดจบนทีก็วางโทรศัพท์   ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปด้านใน
 
"ก็ได้"  หญิงสาวร้องบอก
 
นทีก้มหน้ายิ้มเหยียด  ก่อนเงยหน้าขึ้น  สีหน้ากลับเป็นปกติเหมือนเดิม "ไม่มีรถนะ  มากับเพื่อน" 
 
"ไปรถเราก็ได้"  ถึงจุดที่ไม่ต้องสร้างภาพกันแล้วสินะ
 
 
 
 

คนไม่รับสายฟนอนลูบคางลูบหัวโจลี่กับแบรดพิตต์อยู่บนโซฟา   ถุงไส้กรอกว่างเปล่าวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า   มีหมาสองตัวครางหงิงๆ  อยู่เคียงข้างซ้ายขวา   แต่ต้นน้ำก็ยังเหงา
 
เหงาจัง!  เหงาโว้ย!  เหงาโคตรๆ! 
 
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าตัวเองเป็นคนขี้เหงาขนาดนี้   อยู่คนเดียวมาตั้งนานก็เห็นจะเคยรู้สึกแบบนี้เลยสักครั้ง   อาจเป็นเพราะบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินไปจริงๆ ก็ได้
 
"พี่ชายแกทำอะไรอยู่วะโจลี่?"  ถามพลางลูบหัวตัวที่นอนอยู่ใกล้ๆ
 
หมาตัวโตส่งเสียงคำรามในคอเบาๆ... ไม่ใช่โจลี่นะ  นี่ผมแบรตพิตต์เอง 
 
 
 
 
 
"ไอ้ทีไปไหนวะ? " ปาล์มที่ไปโชว์ลีลากับกลุ่มสาวๆ จนเหงื่อชุ่ม   เพิ่งหาทางกลับโต๊ะเจอถามเพื่อน
 
"ไปที่ชอบๆ ละ"  เม่นตอบพลางยกโทรศัพท์ขึ้นโยกไปมา   แสดงว่านทีส่งสัญญาณมาบอกแล้ว
 
"มาไกลถึงพัทยา   ชีวิตไม่ต่างจากกินเหล้ากรุงเทพฯ  เลยว่ะ"  น็อตบ่น
 
" งั้นเดี๋ยวมึงก็คงหายเป็นรายต่อไปสินะ"  หมอเม่นฟันธงไว้เลย
 
" ม่ายยย  กูแยกแยะได้   อุตส่าห์มาเที่ยวกับเพื่อน   ก็ต้องอยู่กับเพื่อนสิ"
 
"งั้นกูหายนะ   นัดสาวโต๊ะนู้นไว้   โคตรเอ็กซ์   กูจะเดินมาบอกพวกมึงไว้นี่แหละ"  พูดจบปาล์มก็เดินลอยๆ   แทบจะเต้นมูนวอล์คออกไปเลยทีเดียว


 

 
ท่ามกลางแสงสลัว   เรือนร่างขาวนวลราวเปล่งประกายได้ในความมืดขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกจากกายแกร่ง   
 
ใบหน้างดงามเปลี่ยนเป็นเหยเกอัดแน่นไปด้วยความสุขสม   เสียงครวญครางดังไม่หยุดหย่อนจวบจนร่างหนากระตุกเป็นครั้งสุดท้าย   หลงเหลือเพียงหายใจหอบเหนื่อยจากทั้งสองร่างเท่านั้น
 
นทีเคลื่อนตัวออก  ถอดถุงยางมัดปากถุงก่อนโยนทิ้งขยะ   พลางคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้ง   ต้นน้ำยังไม่อ่านไลน์เขาเลย   
 
"อิจฉาแฟนนายจัง" 
 
คิ้วเข้มเลิกสูง...แฟน? 
 
"ก็นายคอยดูโทรศัพท์ตลอด  แฟนยังไม่รับสายไม่ใช่เหรอ? "  
 
นทียิ้มให้คนที่นอนอ้อยอิ่งอยู่บนเตียง   ถ้าเขามีแฟนจริงๆ   แล้ว 'คนที่ลากแฟนคนอื่นมานอนกก' จะอิจฉา 'แฟนที่โดนนอกใจ' ทำไม?  
 
"สวยมากเหรอ?" 
 
"ไม่สวยหรอก"    นทียิ้มขำ  เมื่อนึกถึง 'หนุ่มหน้าสวยอันดับ 4' "หรืออาจจะสวยก็ได้   แต่ก็มีคนสวยกว่า"
 
นทีหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม  
 
"จะกลับแล้วเหรอ?" 
 
"อืม    หมดธุระแล้วนี่" 
 
"ก็เริ่มใหม่ก็ได้นี่" ร่างบางเดินเข้ามาใกล้  มือเรียวโอบกอดเขาไว้   ใช้เล็บที่ตกแต่งไว้อย่างดีไล้ตั้งแต่ไหปลาร้าเรื่อยลงมาจนถึงหน้าท้องแกร่ง
 
"มีถุงยางอันเดียว"  ใช้ไปแล้ว
 
"ซื้อใหม่ก็ได้" 
 
"ไม่ดีกว่า   เดี๋ยวต้องโทรไปง้อแฟนก่อน"  เขาโบกโทรศัพท์ให้สาวสวยก่อนเดินไปเปิดประตู 
 
"นายจะไม่บอกชื่อนายหน่อยเหรอ?" 
 
นทีโบกมือแล้วปิดประตู   สาวสวยได้แต่กัดฟันกรอดที่เสน่ห์เหลือร้ายที่ตัวเองมั่นใจนักหนาถูกมองข้าม    ตากลมเหลือบไปเห็นเงินปึกหนึ่งว่างอยู่ข้างกระเป๋าสะพาย   ร่างบางรีบถลาเข้าไปดู    แบงค์พันสิบใบพอดี... ค่อยยังชั่ว
 
 
 
 
 
ต้นน้ำลืมตาตื่นมาเพราะความรู้สึกไม่สบายตัว   เป็นเพราะเขาเผลอนอนคว่ำหลับอยู่บนโซฟานี่เอง   ร่างสูงปลุกไอ้สองตัวที่นอนด้วยกันให้ตื่นก่อนเดินพาทั้งสองตัวไปส่งที่บ้าน
 
ขึ้นห้องได้ก็ตรงเข้าห้องน้ำอาบน้ำก่อนเลย   ไม่ทันได้ดูว่ามีใครที่โทรหาเขาบ้าง 
 
 
 
 
 
 
"พวกมึงจะกลับกันหรือยัง?"  นทีโทรถามเม่น
 
[ กำลังจะกลับแล้ว ]
 
"แวะมารับกูด้วย  เดี๋ยวส่งโลเคชั่นไปให้"  นทีกดส่งโลเคชั่น   ก่อนกลับมาหมกหมุ่นกับโทรศัพท์อีกครั้ง
 
ไลน์ก็ยังไม่ได้อ่าน
โทรอีกที... ก็ยังไม่รับ
มัวทำอะไรอยู่?


 
 

Rrrr... Rrrr... 
เสียงโทรศัพท์เข้า   นทีรีบรับสาย
 
[กูอยู่หน้าโรงแรมแล้ว]
 
"โอเค"  นทีตอบรับแล้วเดินออกไปขึ้นรถ
 
"ทำไมหน้าบูดวะ?  ไม่เด็ด?" 
 
นทีไม่ตอบ  แต่ถามกลับ  "ไอ้ปาล์ม  ไอ้น็อตไปไหน?"  
 
"ไปที่ชอบๆ เหมือนมึงนั่นแหละ" 
 
 



Rrrr... Rrrr... 
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง   นทีรีบรับสาย
 
[ไอ้ที  มึงอยู่ไหนวะ?   กูจะกลับโรงแรมยังไงวะเนี่ย?  ไม่มีรถ]  ปาล์มพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน [ไอ้เม่นแม่งปิดเครื่อง]
 
"กูอยู่กับมันเนี่ย  แบตมันหมด"
 
[งั้นบอกมันรีบมารับกูเลย  ด่วนๆ  ด่วนที่สุด] 
 
"ทำไมรีบกลับวะ  ไม่ให้สาวมาส่งล่ะ" 
 
[สาวเหี้ยอะไรล่ะ?  กระเทย!  ไอ้สัด]
 
 



Rrrr... Rrrr...   
เสียงโทรศัพท์นทีดังขึ้นอีกแล้ว   คราวนี้นทีไม่รีบรับสายแล้ว   ถ้าไม่ใช่น็อต  ก็คงเป็นปาล์มที่โทรมาเร่ง
 
[ นที ] 
 
ผิดคาด!  คราวนี้ถูกตัว
 
[ นายมีอะไรหรือเปล่า?  โทรมาเยอะมากเลย]
 
" ไม่มีอะไร?  แค่เป็นห่วง"  เสียงทุ้มอ่อนโยน
 
เม่น "....."  หืมมมมม... อยากจะ 'หืม' ยาวๆ  ไปจนถึงดาวอังคาร   
เป็นห่วง?  แล้วยังพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างนี้เนี่ยนะ   ไม่เคยได้เห็นนทีโหมดนี้มาก่อน
แน่นอนว่า... ต้องเสือกสิ! 
 
[ เราเผลอหลับอยู่ตรงโซฟาข้างล่างน่ะ  แล้วโทรศัพท์มันอยู่ข้างบน  โทษทีนะ ]
 
" อืม... ช่างเถอะ   ไม่เป็นไรหรอก   ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว   แล้วอาบน้ำ  กินข้าวหรือยัง?"  
 
[ เรียบร้อยหมดแล้ว  นายยังจะห่วงเราเรื่องกินอีกเหรอ? ]
 
นทีหัวเราะ  "เออ  ลืมไป  เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง" 
 
[ แล้วนายทำอะไรอยู่? ]
 
"ไปเที่ยวมา  กำลังจะกลับโรงแรมแล้ว"  
 
[ เมาหรือเปล่า?]
 
" ไม่เมา  เม่นขับ   ไอ้เเม่น... มึงเมาเปล่าวะ? "
 
" หึ  ไม่เมา "  เม่นส่ายหน้าแรง   ตอบด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด  กะให้ทะลุไปถึงคนในโทรศัพท์เลย  ผมไม่เมาครับพี่  เชิญพี่คุยกันต่อได้ตามสบายเลยครับ   เดี๋ยวผมขับรถให้เอง
 
"ฮ่าๆๆ  ได้ยินไหม?"
 
[ ชัด!  ช่วยเพื่อนดูทางเถอะ  เดี๋ยวก็เราจะนอนแล้วล่ะ ]
 
" อืม  ฝันดี"
 
[โอเค   นายเองก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ]
 
นทีวางสายไปแล้ว   รอยยิ้มยังแต้มอยู่บนใบหน้า
 
"ใครวะ?  อย่าบอกนะว่ามีแฟน" 
 
แฟนอีกแล้วเหรอ?   "ทำไมถึงคิดว่ากูคุยกับแฟนวะ?" 
 
หืมมมม... มึงไม่ดูสีหน้าตัวเองล่ะคุณเพื่อน  "กูแค่ไม่เคยเห็นมึงคุยกับผู้หญิงคนไหนเสียวอ่อนเสียงหวานแบบนี้    ก็เลยคิดว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะ...พิเศษ"
 
นที "....."  ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย
 
 
 
 
 
ต้นน้ำวางสาย   รู้สึกง่วงขึ้นมา   ทีแรกที่อาบน้ำเสร็จ... เขาตื่นเต็มตา   คิดว่าตนเองจะนอนไม่หลับเสียแล้ว   แต่พอคุยกับนทีเสร็จกลับรู้สึกง่วงจนอยากจะหลับอีกรอบ   ความเหงาบรรเทาเจือจางไปเมื่อไร   แม้แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ตัว



 
 
Rrrr... Rrrr... 
เสียงโทรศัพท์ดังแต่เช้า   ต้นน้ำควานมือเปะปะไปตามต้นเสียง   จนคว้าได้ก็เอามาแนบหู
 
"ฮัลโหล"  ชายหนุ่มกรอกเสียงง่วงงุนลงไปตามสาย
 
[ไอ้น้ำ]  เสียงจากปลายสายฟังดูตื่นเต้น  [นทีไปซื้อดอกไม้ร้านมึงด้วย ]
 
"ทำไมมึงเสือกแต่เช้าจัง"  ต้นน้ำงึมงำ   สติยังรวบรวมมาไม่ครบ
 
[ มึง.... ]  เอื้องฟ้าพูดอะไรไม่รู้    เขาไม่เข้าใจ    และไม่เข้าหูเลย    ปากก็พึมพำตอบไปตามเรื่องตามราว   วางสายไปตอนไหนก็ยังจำไม่ได้
 
ตื่นมาอีกทีก็สิบโมงกว่าเข้าไปแล้ว   ต้นน้ำรีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปร้าน



 

Rrrr....Rrrr...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกแล้ว
 
[ วันนี้ไปเที่ยวกันไหมมึง?  กูว๊างว่าง ]  ขิงโทรมาชวน
 
"ไปดิ  เบื่อๆ อยู่เหมือนกัน  มึงชวนใครแล้วบ้าง?"  กลับบ้านไปก็อยู่คนเดียว   ไปกับเพื่อนดีกว่า
 
[ ชวนไอ้ริวแล้ว  เดี๋ยวโทรหาไอ้เนม ]
 
"กูไปดึกหน่อยนะ   แม่ไม่อยู่  ต้องดูร้านให้แม่ก่อนว่ะ" 
 
[ ไม่เป็นไร  เดี๋ยวเจอกันร้าน moombar นะ ]
 
 
 
 
 
ต้นน้ำในเสื้อยืดกางกางยีนส์ขาดเข่าสีดำเดินผิวปากลงมาอย่างอารมณ์ดี   พลันต้องหยุกชะงัก  เมื่อได้ยินเสียงกุกกักอยู่หน้าประตู
 
'ขโมย'  ความคิดแรกที่แวบเข้าในสมอง   เขาแอบอยู่หลังบันได   
 
ประตูเปิด   ต้นน้ำพุ่งเข้าชาร์จจนล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่  
 
นทีที่ตั้งรับไม่ทันล้มลงไปข้างหน้าเมื่อโดนแรงกระแทกจากด้านหลัง   แต่ด้วยความที่รวบรวมสติได้เร็วทำให้รีบเอี้ยวตัวกลับมา   หวังจะสอยไอ้คนประทุษร้ายให้ได้สักหมัด
 
ส่วนคนประทุษร้ายก็เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว   ตั้งการ์ด ง้างมือไว้รอเลย   
 
"อ้าว" 
 
"อ้าว" 
 
ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากันงงๆ   เมื่อเห็นหน้ากันชัดๆ
 
"นี่เป็นวิธีต้อนรับกลับบ้านของบ้านนายเหรอ?"  นทีเลิกคิ้วสูง
 
"ไหนนายบอกว่าจะกลับพรุ่งนี้?" 
 
"ไอ้เม่นมันรีบกลับกระทันหัน   หมามันไม่สบาย?"  นทีตอบเสียงเรียบ   โชคดีมากที่เป็นคนหน้าตาย  ฝึกเก็บความรู้สึกมาตั้งแต่เด็ก  เวลาโกหกเลยไม่ค่อยจะมีคนจับได้
 
"เม่นนี่ดูเป็นคนรักหมาดีเนอะ"  
 
"ใช่  มันรักหมามันมาก  หมามันแก่แล้วด้วย  ไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานเท่าไร   มันเลยค่อนข้างเป็นห่วง   แล้วนี่นายจะออกไปไหน?"  นทีดูการแต่งตัวของต้นน้ำ   ไม่น่าจะเป็นชุดนอน   เหมือนเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวใหม่มากกว่า
 
" ไปเที่ยว   ไอ้ริวกับไอ้ขิงโทรมาชวน "
 
นทีกอดอกนิ่วหน้า  " ไปด้วย"  พูดจบก็เดินขึ้นห้อง  

ต้นน้ำมองตามร่างหลังสูงที่เดินขึ้นบันไดแบบงงๆ  ก่อนไลน์บอกพวกขิงว่ากำลังจะออกและจะมีเพื่อนไปด้วยคนหนึ่ง   พลางเล่นโทรศัพท์รอนที
 
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ  ลอยมาปะทะจมูกก่อน   ต้นน้ำหันหลังไปมอง
 
คุณพระคุณเจ้า! 
 
นี่มันเพลย์บอยตัวเต็มวัยใช่ไหม?   นทีในเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำเล่นลายกราฟฟิคคล้ายเสื้อฮาวายพับแขนเสื้อจรดข้อศอก  ปลดกระดุมสามเม็ดเผยแผงอกรำไร    กางเกงผ้าทรงลำลองสีดำ   ผมเสยเซ็ตทรงเต็มรูปแบบ   เครื่องประดับที่ทั้งตัวมีเพียงนาฬิกา Rolex GMT Blue Black แค่ชิ้นเดียว
 
หึ... เจอบอสด่านแปดเข้าไป   ผู้เล่นสาวๆ  ต้องโดนแอทแท็คหมดแน่
 
"นายจะหล่อเกินไปไหม?" 
 
"ไม่นี่  ปกติรดน้ำต้นไม้ก็แต่งตัวแบบนี้  แล้วทีนายล่ะ....ยังแต่งตัวน่ารักเลย" 
 
"เฮ้ย...น่ารักอะไรล่ะ   ปกติกวาดบ้านก็แต่งตัวแบบนี้   ไปกันเถอะ" 
 
รถเบ๊นซ์สปอร์ตถอยออกจากซอง    แต่ต้นน้ำก็ยังข้องใจ... ทำไมเขาเป็นคนขับอีกแล้ววะ?   ทำไมไอ้เจ้าของรถที่นั่งกระดิกนิ้วฮัมเพลงหล่อๆ  มันไม่ขับเองวะ
 
 
 
 
 
"เอื้องกับเนมอ่ะ? "  ต้นน้ำถามเมื่อเห็นริวกับขิงนั่งกันอยู่สองคน
 
"เนมไปกับแฟน   เอื้องมาไม่ได้"   พูดไปงั้นเอง   ขิงเป็นคนบอกให้เอื้องไม่ต้องมาเอง   เพราะตั้งใจว่าวันนี้จะถ่ายรูปต้นน้ำจับคู่กับริวส่งให้เพจคิวท์บอยให้ได้   
 
" แล้วพวกมึงมาด้วยกันได้ไงเนี่ย? "  ริวถาม
 
ต้นน้ำสรุปเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนฟัง  แม้จะดูมีท่าทีแปลกใจในตอนแรก  แต่ริวกับขิงก็ปรับตัวต้อนรับเพื่อนใหม่เข้าคณะได้อย่างรวดเร็ว  อาจเพราะมีแอลกอฮอล์เป็นตัวกลางด้วยทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเหมือนสนิทกันมานาน   ริวกับนทีเข้ากันได้ดีมาก  จากที่ตอนแรกชวนกันไปเต้นอยู่หน้าเวที  ตอนนี้สองคนย้ายไปโยกอยู่โต๊ะสาวๆ แล้ว
 
" แม่ง   มีไอ้ริวคนเดียว  ตลาดกูก็จะวายแล้ว  มีไอ้ทีเข้ามาอี๊ก  จบแล้วชีวิตกู"  ขิงโอดครวญ
 
"ของมึงยังดี... ยังมีตลาดเฉพาะตัว   ของกูนี่ดิ... กลุ่มเป้าหมายเดียวกับพวกมันเลย" ต้นน้ำที่นั่งอยู่เป็นเพื่อนขิงพูดกลั้วหัวเราะ
 
"สงสัยจะจริงของมึง  กูว่ากูเจอกลุ่มเป้าหมายแล้วว่ะ   เดี๋ยวกูมานะ"
 
พูดจบ...ทอมหล่อประจำกลุ่มก็เดินลิ่วไปยังกลุ่มเป้าหมาย     
 
ต้นน้ำเลยต้องเป็นคนเฝ้าโต๊ะ   นั่งดื่มเงียบๆ ลำพัง  สายตามองไปยังร่างสูงสองร่างที่สนุกสุดเหวี่ยง   ทั้งเต้น   ทั้งส่งสายตา  ส่งยิ้มหวาน   อัธยาศัยดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  ยอมใจในสกิลการบริหารเสน่ห์ของสองคนนี้จริงๆ   
 
“ทำไมนั่งคนเดียวล่ะคะ?”
 
ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นก่อนส่งยิ้มละมุน
 
 
 
 
 
สายตาคมปลาบวาวขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวยกแก้วขึ้นชนกับต้นน้ำ   ขายาวของนทีก้าวเข้าไปข้างหน้าโดยอัติโนมัติ   
 
ริวที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเหมือนกันสาวเท้าตามไปด้วย
 
เอาแล้ว!  ต้นน้ำคนดีเรียกแขกซะแล้ว


 

---------------------------------------------

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์เลยนะคะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเรา

เราเลยค่อนข้างจะนอยด์

ไอ้เรื่องที่ว่า...คนอ่านจะชอบไหม?...นิยายเราจะสนุกไหม?

เรากังวลอยู่แล้วล่ะ

แต่ที่เรากังวลก็คือ...คนอ่านจะอ่านรู้เรื่องไหม?

จะเข้าใจที่เราเขียนไหม?

555

สรุปว่า...อ่านรู้เรื่องกันใช่ไหมคะ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-08-2019 01:46:11
สนุกดีค่ะ​ จะตามอ่านต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-08-2019 02:27:51
 o13 อ่านรู้เรื่องค่ะ ไม่ต้องกังวล  o13

ตามอ่านนะค่ะ  :mew1: สู้ๆค่ะ  o13

 :hao3:  :hao3:  :hao3: ดูเหมือนนทีจะออกอาการหวงพี่(??? รึเปล่า)นะค่ะเนี่ย....  :hao3:   :ruready

FYI: ขออย่างเดียวนะค่ะ ถ้าคนแต่งจะกรุณา  :hao4: อย่ามีดร่ามาคู่รักนะค่ะ(ดร่ามาครอบรัว เรายังทนได้ค่ะ)   :ling3: เราใจบางมากกกกกกก  :ling3:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-08-2019 07:56:05
รู้เรื่องค่ะ
เวลานทีกับต้นน้ำอยู่ด้วยกันน่ารักดีนะ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 19-08-2019 09:29:31
อ่านรู้เรื่องค่ะ เรื่องไปเรื่อยๆ แต่อ่านแล้วน่าติดตาม
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2019 10:02:48
ไรท์....... เลิกวิตก กังวล ว่าคนอ่านจะอ่านไม่หลู่เรื่อง  :serius2:
เขียนมาได้เลย ยาวๆๆๆ    ชอบบบบบบบบบบ   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อ้าวๆ  !!!!!!  :a5:  ที่วางฟอร์มจีบสาว  o22  :really2:
เอนเทอเทนสาว นี่ เฟค ......... เฟคทั้งคู่ สุดๆ เลยละสิ
ที่แท้ตลอดเวลาก็จับจ้องคนดีตลอดๆ  ใช่ไหมสองหนุ่มหล่อ นที .... ริว   :m20: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 19-08-2019 13:01:28
อยากเห็นคนดีเรียกแขก
ท่าทางจะมันส์น่าดู
เค้า FC โจลี่กะแบรด์พิต
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-08-2019 13:46:51
อยากรู้จะเป็นยังไงต่อ 5555555555
แต่นายนทีว้าวุ่นจังเลยน้า
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 4--- [18/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 19-08-2019 16:43:50
กำลังสนุก

มายาวๆ

มาเยอะๆ

จะได้อ่านแบบจุใจ

สนุกชอบ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 20-08-2019 01:37:10
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 5

รู้สึก  มึนๆ  เบลอๆ  แปลกๆ
 
 
 
 
 
"ทำไมนั่งคนเดียวล่ะคะ" 
 
ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมอง  หญิงสาวหน้าตารูปร่างค่อนข้างดียืนส่งยิ้มมาให้เขา   
 
ต้นน้ำส่งยิ้มหวานละมุนตอบ  เป็นยิ้มหากินของเขาเอง  
 
"เราชื่อบีนะ   เรียนปีสอง   มอ w"  หญิงสาวแนะนำตัวพลางยื่นแก้วออกมาตรงหน้า
 
"ต้นน้ำ  ปีหนึ่ง  มอ A" มือเรียวยื่นแก้วออกไปชนก่อนยกขึ้นดื่ม  
 
ทันทีที่เขาวางแก้วลง   ก็รู้สึกได้ถึงรังสีแปลกๆ  แผ่กระจายออกมาจากทางด้ายฝนหลัง  มือใหญ่ทั้งสองข้างเลื้อยมาจากด้านหลังของเขา  ก่อนโอบกอดรอบตัวเขาไว้   แล้วดึงเขาเข้าไปใกล้จนชิดอกแน่น   กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยลอยอวลอยู่รอบ   แต่ครั้งนี้กลับแปลกออกไป   คล้ายกับว่ามีกลิ่นกายของนทีผสมรวมอยู่ด้วย   
 
นทีเกยคางลงบนบ่าเขา  ต้นน้ำเพียงแค่เหลือบสายตาไปมอง   ใบหน้าหล่อเหล่าของเดือนมหา'ลัยอยู่ชิดแค่คืบ   เขาเห็นเพียงแค่เสี้ยวด้านข้าง   จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าคนข้างๆ ทำสีหน้ายังไงอยู่ในขณะนี้   
 
"รู้จักกันเหรอน้ำ?"   คนที่ถามไม่ใช่นที   แต่เป็นริวที่ยืนขนาบเขาอีกฝั่ง
 
อะไรของคนพวกนี้?  หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่ง  กับหนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับสอง   มายืนกันท่าเขากันทำไม?   ต้นน้ำเริ่มงง   
 
"ชื่อบี  ปีสอง  มอ W  รู้แค่นี้  เมื่อกี้นี้แหละ" 
 
"อ่อออออ... พี่บีนี่เอง"  ริวส่งเสียงยียวน   กวนบาทาอย่างที่สุด  "ชื่อคุ้นๆ นะ" 
 
หญิงสาวหน้าเสีย  "ถ้าเพื่อนมาแล้ว  พี่ขอตัวก่อนแล้วกันนะคะ"  บีส่งยิ้มเจื่อนให้ต้นน้ำก่อนหมุนตัวกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง
 
นทีที่จ้องบีเขม็งเมื่อครู่นี้กลับมีสีหน้าอ่อนลง   ชายหนุ่มซุกหน้าลงกับบ่าของต้นน้ำ  เกือบไปแล้วสิ
 
"พวกมึงเป็นอะไรกัน?"  ต้นน้ำถามริวหน้าตาเหรอหรา
 
ริวนั่งลงพลางพรูลมหายใจยาว  "เด็กเก็บแต้มน่ะมึง  ได้ข่าวมาไม่ค่อยดีเท่าไร  เหมือนว่าจะเป็นเอดส์  มึงนี่... ถ้าพวกกูมาไม่ทัน  โดนลากไปจะทำไง?" 
 
"เหี้ย... มึงเห็นกูเป็นคนที่จะไปกับเขาง่ายๆ เหรอ?  แค่ชนแก้ว  ไม่ได้แลกน้ำ"
 
ริวยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นซดโฮก " ก็ใครจะไปรู้  เผื่อมึงจำศีลมานาน  วันนี้เกิดอยากขึ้นมาจะทำไง"
 
ต้นน้ำโคลงศรีษะ  มือเรียวตบต้นแขนของนที " นที... นที... นที"
 
นทีคลายอ้อมแขนออก   
 
ต้นน้ำพลิกตัวกลับไปหา  ใบหน้าที่เพิ่งเงยขึ้นมาแดงระเรื่อ   มีแววกังวลอยู่ในดวงตา
 
"เป็นไร?" 
 
นทีสั่นหน้า
 
"นายกลัวเราจะติดเอดส์เหรอ?"  ต้นน้ำหัวเราะลั่น   ไล่ชี้นิ้วไปที่นทีกับริว  "พวกมึงห่วงตัวเองกันเถ๊ออออะ" 
 
 
 
 
 
ไม่มีใครนึกถึงคนที่หายไป   ร่างสูงโปร่งของสาวหน้าหล่อแอบอยู่ริมเสา   พลางก้มลงมองกล้องถ่ายรูปขนาดพกพา   แม้ภาพที่ได้จะมืดไปบ้าง   แต่ก็ยังดูออกว่าใครเป็นใคร   ปาปารัซซี่จำเป็นปาดเหงื่อ  ถึงจะไม่ได้ภาพของต้นน้ำกับริวอย่างที่ตั้งใจเอาไว้  แต่ภาพของต้นน้ำกับนทีคงพอทดแทนได้   หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งกับอันดับสอง... ต่างกันไม่เท่าไรหรอกน่า
 
 
 
 
 
ขึ้นรถมาได้ต้นน้ำก็สวมบทบาทดีเจสองแถวเปิดเพลงดังลั่นรถ    
 
คนไม่มีแฟน  ของพี่เบิร์ด
" พี่เบิร์ด is the best" ดีเจต้นน้ำร้องจบก็ตะโกน
 
ต่อด้วย... อยู่ต่อเลยได้ไหม  สิงโต  นำโชค  ซึ่งนทีก็บ้าร้องตามไปด้วย   เสียงเพลงบนรถที่ห่างหายไปกลับมาอีกครั้ง
 
"เพลงนี้เด็ด  ให้นาย"  ต้นน้ำหันมาบอกคนขับรถ

เสียงหลีดกีตาร์หนักหน่วงดังขึ้นมาก่อน   ตามมาด้วยเสียงกลองกระแทกกระทั้น
เพียงแค่เธอสบตา
เพียงแค่เธอผ่านมา
แค่เพียงได้เคียงข้าง
ได้ยินเสียงแค่บางบาง
ทำให้ใจสั่นสะท้าน
แต่เธอทำให้ต้องผิดหวัง
ตอนที่เธอบอกฉัน
ว่ามันคงไม่มีวันที่เรานั้น
ได้คู่กันก็เพราะ
เรื่องราวของฉัน
บ้างก็ว่าฉันเป็นคนอย่างนั้น
บ้างก็ว่าฉันเคยทำอย่างนี้
ว่ากันว่าฉันเป็นคนไม่ดี
ว่าแต่ว่าไม่เคยคุยกับฉันซักที
สรุปว่าฉันนั้นดูไม่ดี
ทั้งที่เธอไม่ดู พอท้าให้เธอได้ดู
เธอก็ดันรู้ดีว่าฉันเป็นอย่างไร
จากน้ำลายของใครต่อใคร


นทียิ้มกว้างพราวไปทั้งหน้าทั้งตา  “ทำไมต้องเพลงนี้ล่ะ?”

“ก็คนชอบเอาไปลือไงว่านายอ่ะ...แบดบอย”  แล้วต้นน้ำก็ฮัมเพลงต่อ “ไม่ได้ตั้งใจเกิดมาเป็นเพลย์บอย  ที่คอยต้องทำให้เธอต้องช้ำจาย

นทีเบิกตากว้าง  “เฮ้ย...จริงดิ  ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” 

น้ำสง...น้ำเสียง...ไปหมดแล้ว   ตอแหลแน่นอน!  ต้นน้ำยังคงร้องเพลงต่อ  “ don’t  lie  to me, Arjentina

“ Cry!”  นทีตบมุกให้

“อ่อๆ  เออๆ    ขออออ...โทษษษษ...ที่ไม่เคยดี ที่ไม่เคยจะทำให้เธอสบาย  อย่างใครๆที่เขาทำได้  ขอออ...โทษษษ”  ต้นน้ำยังคงตอบเป็นเพลง  พลางทำมือเลื้อยๆ ต่อ   ดูเผินๆ นึกว่ากำลังประกวดเดอะสตาร์

รถเบ๊นซ์สปอร์ตถูกจอดเก็บเข้าซอง  นทีเปิดประตูรถฝั่งคนขับออกมา  ก่อนเดินไปเปิดประตูอีกด้าน  ลากคนเมาที่แหกปากมาตลอดทางลง
 
"เดินไหวไหม?"
 
"ไม่ไหวแค่ไหนต้องทนให้หวายยย  เจ็บแค่ไหน ทนให้ไหว  ต้องทนฝืนนน  ปล่อยเธอเดินไปปปป"  เอากับมันสิ... บอย พีซเมกเกอร์ก็มา  ต้นน้ำในเวลาปกติก็ดูเป็นคนดี   แต่เวลาเมาแบบนี้คือ... ‘คนบ้า’ ดีๆ  นี่เอง

นทีเอามือลูบขมับก่อนคว้าเอวต้นน้ำเข้ามาใกล้  อีกมือก็ช้อนแขนต้นน้ำมาพาดบ่าตัวเองไว้ 

น่ารักแบบนี้ ไม่ได้มีบ่อยๆ  ยิ้มให้สักนิด ส่งซิกให้สักหน่อย”  คนเมายังคงเล่นต่อ  ต้นน้ำจับคางนทีสั่นไปมา

นทีกรอกตา  เอาวะ...เล่นด้วยก็ได้  อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บ้าคนเดียว “ We turn fucking lit ouu we damn boyz
แล้วนี่เธอเมาหรือยัง?
” 

ต้นน้ำส่ายหน้า  “นี่นายเมาใช่ไหมนที?”

นทีกรอกตา  หน้าเซ็งสุดชีวิต “.....”  ทีงี้ละพูดภาษาคนได้ขึ้นมาเชียว 


ในกระปงในกระเป๋าไม่ค่อยมีแบงค์พัน
มีแต่ไอ้นั้น พาคุณมันส์ได้เหมือนกัน
หมายถึงไมโครโฟน Woo woo
I got microphone Woo woo
Oh yeah


สองคนกอดคอ  กอดเอวกันเดินตุปัดตุเป๋เข้าไปในบ้าน...หลังเดียวกับที่เคยเงียบเหงาเมื่อวันวาน  วันนี้กลับสดใสไปด้วยเสียงเพลงที่ร้องไม่ตรงคีย์ของคนเมา





ที่จริงเขาลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว  แต่นทียังไม่ลืม พวงมาลัยสามพวงนั้นไงล่ะ!!!

“ระวังน้ำเข้าหูมันสิ”  นทีที่อยู่ในชุดเชื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น  สวมแว่นดำ  สะอาดเอี่ยมไปทั้งตัวตะโกนบอก  ถ้ามีเก้าอี้ชายหาดกับน้ำมะพร้าวนี่...นึกว่าอยู่ทะเล

“ก็ระวังอยู่เนี่ย”  ต้นน้ำที่อยู่ในชุดเสื้อยืด  กางเกงขาสั้นเปียกปอนไปทั้งตัวร้องบอก   ปากก็พูด  มือก็ถูไปตามตัวของแบรดพิตต์ที่เต็มไปด้วยฟอง   เสร็จแล้วก็เอาน้ำล้างออกให้   “หอมแล้ว  ต่อไปตาแกแล้วแบรดพิตต์” เขาหันไปบอกตัวที่ต่อคิวอยู่

“ไอ้นั่นมันโจลี่ต่างหาก”
 
แบรดพิตต์สะบัดขนเปียกจนต้นน้ำต้องหันหน้าหลบ "เฮ้ย...อย่าสะบัดสิ  มันกระเด็นนะโว้ย"

“นายเช็ดตัวมันให้แห้งหมาดๆ ก่อนสิ”

“หน้ามันเหมือนกันออกอย่างนี้  นายแยกได้ยังไงอ่ะ?” ต้นน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวที่เตรียมไว้มาซับขนให้แบรดพิตต์   ก่อนหันไปคว้าโจลี่ 

“เรื่องของคนฉลาด  นายไม่มีวันเข้าใจหรอก” ว่าพลางดึงแบรดพิตต์ให้เข้ามาใกล้  ใช้ไดร์เป่าให้แห้ง

แต่พ่อแบดบอยช่วยเป่าแห้งให้ตัวเดียว  ตัวที่สองเขาเป็นคนเป่าเอง  คงกลัวหมาไม่สบาย  หรือไม่ก็ตั้งใจใช้งานเขาให้เต็มวันอย่างที่พูดไว้จริงๆ




ต้นน้ำกลับขึ้นไปอาบน้ำ  พอลงมาอีกครั้ง   ร่างสูงก็นอนเอกเขนกรออยู่แล้ว  และทันที่เห็นหน้า...คนตัวโตก็บิดซ้ายบิดขวาอย่างน่าหมั่นไส้  “โฮ้ย...เมื่อยจังเลยน๊า   มีใครใจดีนวดให้มั่งเนี่ย”

เหยียบดีไหม?  น่าจะหายเมื่อยเร็วกว่า

คำบางคำก็ทำได้แค่พูดในใจ  สัญญาทาสยังหลงเหลืออยู่อีกตั้งครึ่งวัน   ต้นน้ำกุลีกุจอเข้าไปใกล้  “เดี๋ยวผมนวดให้เองครับพี่”

ทั้งลูบ  ทั้งคลำ  สับ  ดัด  บีบหน้า  บีบหลัง  ต้นน้ำจัดให้ 

“โอ๊ย  เบาๆ หน่อยได้ไหม?”  นทีโอดครวญ

“ก็เมื่อยไง  จะได้หาย”  ต้นน้ำดัดขาให้ต่อ

“พอๆๆๆ  หายแล้วๆ”  นทีนั่งพรูลมหายใจเมื่อต้นน้ำปล่อยมือ  “ เฮ้อ  หิวน้ำ”  ตาคมเหลือบมองต้นน้ำ

ต้นน้ำกัดฟันเดินไปที่ตู้เย็น

“อ่ะ  เอาไป  ด้วยรัก...เราอวยพรให้ทุกหยดเลยนะ”

“อ้าวเหรอ  นึกว่าสาปแช่งเอาไว้ทุกหยดเสียอีก”  นทีรับมาเปิดดื่มทั้งขวด  “แหม...คำอวยพรนายนี่มันชื่นใจดีจริงๆ”

ต้นน้ำนั่งหลับตาพร้อมทั้งเอามือกุมขมับ

ยัง...ยังไม่จบ   นทีลากเขาขึ้นมาบนห้อง  สั่งให้จัดชั้นหนังสืออีรุงตุงนัง   แยกหมวดหมู่การ์ตูน   หนังสือเรียน  หนังสือรถ  แฟ้ม  ชีท   อะไรบ้างไม่รู้  ยุ่งเหยิงไปหมด  ไมโครเลโก้ตัวเล็กๆ นี่อีก  อะไรนักหนาก็ไม่รู้  กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบทุ่ม   เจ้าตัวก็นั่งเล่นเกมส์เพลินไป

“พอแล้วได้ไหมอ่า?”  ต้นน้ำโอดครวญ

“อีกนิดเดียวน่า  ใกล้จะเสร็จแล้ว”  นทีพูดด้วยน้ำเสียงปลอบประโลมกึ่งให้กำลังใจ  เหลือบตามามองแวบนึง  ก่อนหันไปเล่นเกมส์ต่อ   

ดูจริงใจ๊...จริงใจ...ต้นน้ำหันกลับมาจัดต่อ  พลางเห็นอัลบั้มรูปเก่าๆ  เลยรื้อมาดู “เฮ้ย...นี่มันรูปเรานี่”  มีรูปในตอนอายุประมาณ 6-7 ขวบนั่งคู่กับนทีอยู่บนขั้นบันไดที่ไหนสักแห่ง  ยิ้มแฉ่ง...ฟันหน้าหลอทั้งคู่

นทีชะโงกหน้าเข้ามาดูด้วย  “ไหน  เออจริงด้วย  ขี้เหร่ว่ะ”

“นายหล่อตายล่ะ  เราหล่อกว่าอีก”  พูดไปงั้นเอง  นทีตอนเด็กโคตรหล่ออ่ะ  คนบ้าอะไรวะ ...หล่อมาตั้งแต่เกิดเลยหรือไง?

“เราก็หมายถึงเรา  ไม่ได้ว่าอะไรนานสักหน่อย  อย่าร้อนตัวน่า”




"น้ำ... น้ำ  ตื่นเถอะ..."  ต้นน้ำงัวเงีย  พยายามดึงสติ "ที่รัก..."  สัมผัสแผ่วเบาแตะลงที่แก้ม
 
ต้นน้ำกระพริบตาปริบ  "เหวออออออ" มือขาวคว้าผ้าห่มมาปกป้องร่างกายตามสัญชาติญาณ  ก่อนตะเกียกตะกายลุกจากเตียง 
 
"อะไร?  เห็นหน้าเราเหมือนเห็นผี"  เสียงหวานกระเง้ากระงอด
 
" ตะ... ตะ... ตาล  ตาลมาได้ไง?"
 
" ก็เดินเข้ามาตามปกติเนี่ยแหละ  แม่บ้านเป็นคนเปิดประตูให้"
 
"แล้วมาทำไมล่ะ?"
 
" ก็คิดถึงนี่นา"  น้ำตาลว่าพลางเดินเข้าไปกอดต้นน้ำ 
 
"ปล่อย  ปล่อยก่อน  เราจะไปอาบน้ำ"  
 
"อาบน้ำเหรอ?  ให้เราอาบให้เอาไหม?  รับรอง... สะอาดทุกซอกทุกมุม"
 
" ไม่ ไม่  อย่าดีกว่า" ต้นน้ำถอยหนี 
 
น้ำตาลย่างสามขุมเข้ามาหา  ดวงตาแวววาวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์  ดูไม่ออกเลยว่าพูดเล่น
 
" ต้นน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวจะวิ่งเข้าห้องน้ำ  แต่น้ำตาลกลับดักทางเอาไว้ก่อน 
 
ต้นน้ำวิ่งเลี้ยวกลับ  หนีไปที่ห้องนที  โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อค  เขารับเปิดผัวะเข้าไป  ปิดประตูแล้วกดล็อคทันที
 
น้ำตาลตบประตูปังๆ " น้ำ... เราขอโทษ  เราล้อเล่น  ออกมาเถอะนะ  เราไม่ทำอะไรหรอก?"
 
นทีตกใจจนตื่น  เห็นต้นน้ำยืนอยู่หน้าประตู  "เสียงอะไรอ่ะ?" 
 
"ยัยน้ำตาลน่ะสิ  มาป่วนแต่เช้า... วันนี้ขออาบน้ำที่ห้องนายนะ" 
 
นทีพยักหน้าส่งๆ ก่อนล้มตัวลงไปนอนต่อ  ต้นน้ำเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว  แต่น้ำตาลยังคงตบประตูปังๆ  จนนทีทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมา  มือใหญ่กระชากประตูเปิดออก  ใบหน้่าหล่อเหลายุ่งเหยิง
 
"น้ำมันเข้าไปอาบน้ำแล้ว?  เลิกส่งเสียงดังสักที  คนจะนอน"
 
" ขอเข้าไปรอห้องนายได้ไหมอ่ะ?" 
 
"ไม่ได้" 
 
"น่า... นะ... สัญญาว่าจะไม่กวน" 
 
"เอาดิ" นทียิ้มเจ้าเล่ห์  น้ำตาลยิ้มกริ่ม... รอต้นน้ำใส่ผ้าเช็ดตัวออกมา  แต่ได้เห็นแผงอกขาวๆ ก็คุ้ม "แต่เข้าห้องเราต้องโดนปล้ำนะ  ไม่เคยรอดสักคน" 
 
น้ำตาลยิ้มค้าง
 
" หึ" นทียิ้มร้าย  ล็อคห้อง   แทบจะถลาลงเตียงอย่างมีความสุขเมื่อได้ความสงบกลับคืนมา
 
 
 
 
"นที  นที"  ต้นน้ำสะกิดแขนนทีที่ยื่นออกมา   นทีนิ่วหน้าก่อนลืมตาขึ้นช้า  กระพริบตาสองปริบ
 
ต้นน้ำที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนอยู่ข้างเตียง  ผมเส้นเล็กยังดูชื้นน้ำ  ช่วงอกขาวบางส่วนยังมีหยดน้ำเกาะอยู่
 
" โทษทีที่ปลุกนะ  แต่ยืมเสื้อหน่อยสิ" 
 
"อยู่ในตู้" นทีตอบเบลอๆ
 
"ตัวไหนก็ได้เหรอ?".
 
นทีลุกขึ้นมานั่ง  มองตามร่างสูงโปร่งไปแบบลอยๆ   ในหัวเหมือนมีอะไรขมุกขมัววนๆ  "อืม  ตัวไหนก็ได้" 
 
"กางเกงอ่ะ" 
 
"ตัวไหนก็ได้" 
 
"มีแปรงสีฟันอันใหม่ไหม?"  
 
"อยู่ในตู้ในห้องน้ำ" 
 
"กางเกงในล่ะ?" 
 
"ไม่มี" 
 
"โอเค" 
 
ต้นน้ำเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว  แต่นทียังนั่งงงๆ   วันนี้คงโดนปลุกแต่เช้าเกินไป  ถึงได้รู้สึกมึนๆ เบลอๆ แปลกๆ 
 
 
 
 
นทีนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด  พลางตักโจ๊กเข้าปาก  ต้นน้ำที่นั่งทำหน้าเบื่อโลกอยู่ตรงกันข้าม  
 
น้ำตาลนั่งเคียงข้างออเซาะต้นน้ำไม่ห่าง
 
" ที่มาเพราะเรื่องนี้น่ะเหรอ?"  นทีถาม  น้ำตาลมาที่นี่เพราะอรุณีสั่งให้มา  อรุณีเห็นนทีกับต้นน้ำใส่สูทของร้านตนในวันแต่งงานของธนกรและฝนทิพย์แล้วรู้สึกประทับใจมาก  อยากชวนพวกเขาสองคนไปเป็นแบบคอลเลคชั่นให้ร้าน
 
"ก็ส่วนนึง  แต่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของหัวใจมากกว่า  เนอะน้ำเนอะ" 
 
ต้นน้ำไม่เนอะด้วย   
 
"เราตกลง" นทีรีบตัดบท  เขารำคาญน้ำตาลเต็มทีแล้ว  ถ้าเป็นผู้ชายคงจะเหวี่ยงออกไปให้พ้นรั้วบ้านแล้วกระทืบซ้ำอีกที  "แต่เราขอเบอร์ป้าอ้อยหน่อยสิ  อยากตกลงอะไรด้วยเป็นการส่วนตัว"
 
น้ำตาลรีบบอกเบอร์โทรศัพท์อรุณี
 
"ครับป้าอ้อย  นทีครับ"
" ครับ  ตาลบอกแล้วครับ" 
"ผมยินดีและเต็มใจมากๆ ที่ได้ทำงานชิ้นนี้และได้ช่วยป้าอ้อยด้วย" 
"เลยครับแต่ผมมีเรื่องขอร้องป้าอ้อยหน่อยได้ไหมครับ?  คือว่า.. ช่วงนี้ยาวไปเลย  ผมกับน้ำมีโปรเจ็คท์ต้องทำร่วมกัน  แต่ถึงจะยุ่งแค่ไหน  พวกเราก็จะเจียดเวลาไปทำงานให้ป้าอ้อยนะครับ  แต่ผมขอ... รบกวนป้าอ้อยช่วยดูแล  อย่าให้น้ำตาลมากวนพวกผมอีกเลยนะครับ"
" วันนี้ก็มาปลุกแต่เช้า  พวกผมประชุมกันเสร็จตีสาม  แทบไม่ได้นอน  แล้วยังจะม่ตื๊อให้พาไปเที่ยวอีก  เวียนหัวไปหมดแล้วครับ"   
" ครับ  ขอบคุณครับป้า"
 
นทียื่นโทรศัพท์ให้น้ำตาล" อ่ะ  ป้าอ้อยจะคุยด้วย"
 
น้ำตาลเกิดลมตีขึ้นหน้าอก  หายใจรัวเร็วด้วยความโมโหรับโทรศัพท์พลางชี้หน้านที " ค่ะแม่"
" แม่อ่ะ  อย่าไปฟังนทีนะ"
" นทีมันโกหก" ที่จริงอยากใช้คำว่ามันตอแหลด้วยซ้ำ
" แม่....ม่...ม่"
 
อรุณีวางสายไปแล้ว  โดยมีคำสั่งให้น้ำตาลกลับบ้านเดี๋ยวนี้   
 
น้ำตาลหันกลับมาเล่นงานนที "นายทำแบบนี้ได้ไง?" 
 
นทียักไหล่ "ช่วยไม่ได้  ใครอยากให้มารบกวนการนอนของคนอื่น" ดูสิ... เขานอนต่อไม่หลับ  นอนไม่พอจนหงุดหงิด  ขัดหูขัดตาไปหมดเสียทุกอย่าง
 
" ฮึ"  น้ำตาลร้องอย่างขัดใจ  เมื่อเล่นงานคนหน้าหนาไม่ได้ก็หันมาอ้อนวอนคนใจดีแทน  น้ำตาลใช้หัวไถต้นน้ำอย่างออดอ้อน  "น้ำ... น้ำช่วยเราด้วยสิ  เราอยากมาหาน้ำอีกอ่ะ"
 
" ไว้หลังจากจบโปรเจ็คท์ได้ไหมตาล?  ช่วงนี้เรายุ่งมากจริงๆ" 
 
"ฮือออ.." น้ำตาลยังคงงอแงต่อ 
 
นทีเบ้ปาก  รู้สึกรำคาญจนทนไม่ไหว  อีกนิดเดียวจะกระอักออกมาเป็นเลือดแล้ว "โอ๊ย...หรือว่าจะไม่รับงานนี้ดีกว่า  สงสัยจะมีคนถูกห้ามไม่ให้มาที่นี่อีกนานนนน"
 
น้ำตาลเม้มปากแน่น  ขัดใจแต่พูดไม่ออก  มองหน้านทีอย่างแค้นเคือง  มีพริกมีเกลือก็จะเผาสาปแช่งมันตรงนี้  มองหน้าต้นน้ำ  ต้นน้ำก็ได้แต่มองกลับมาแบบงงๆ  สาวน้อยได้แต่กระทืบเท้าเดินจากไป  คราวก่อนที่นทีช่วยปลอบใจเธอ  เธอยังคิดว่านทีเป็นคนดีอยู่เลย   มาตอนนี้...ไหงมาทำตัวแปลกประหลาด  พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปได้  ขอถอนทุกความคิดที่เคยคิดว่านทีเป็นคนดี  ที่จริงแล้ว... นทีคือคนชั่ว  คนเลว  คนทราม  สันดานหยาบ  ต่ำช้า สามานย์ 
 
"เหมือนจะร้องให้ด้วย  นายไม่คิดว่านายใจร้ายเกินไปหน่อยเหรอ?" ต้นน้ำถามขึ้นเมื่อเห็นร่างน้อยเดินลับประตูออกไปแล้ว   
 
"ไม่หรอก  นายใจดีเกินไปเองต่างหาก" 
 
"ว่าแต่...เรามีโปรเจ็คท์อะไรเหรอ?" 
 
"นอน" พูดจบก็เดินขึ้นห้องไปเลย  รู้สึกสบายหู  สบายใจที่กำจัดตัวต้นเหตุออกไปได้





ป๊ากับแม่กลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว  ไปสองกระเป๋าเบาๆ  กลับมาสองกระเป๋าหนักๆ  ได้ข่าวว่าแม่บอกว่า...แม่ไปญี่ปุ่นเพราะชอบธรรมชาติที่นั่นนะ

ต้นน้ำกับนทีได้ของฝากหนึ่งใบเต็มๆ  สองคนนั่งรื้อของฝากด้วยกันอยู่หน้าโซฟา

รองเท้าเหมือนกันสองแบบ  แบบละสองคู่!
เสื้อลายเดียวกันหลายแบบ  แต่แบบละสองตัว!
กระเป๋าสะพายเหมือนกัน  สองใบ!
หมวกแก็ปเหมือนกัน สองใบ!
คือทุกอย่างมาเป็นคู่  เป็นคู่หมดเลยทุกอย่างจริงๆ

“แม่...พวกผมไม่ใช่แฝด”  ถึงจะเป็นแฝดกัน  ก็ไม่น่าจะชอบแต่งตัวเหมือนกันแบบนี้

“ก็มีลูกชายสองคนทั้งที  ก็ต้องซื้อให้เหมือนกันสิ  เดี๋ยวแย่งกัน”  ป๊าตอบแทน

สรุปว่าเป็นความคิดป๊าสินะ  ทีรถ...ทำไมไม่ให้ขับเบ๊นซ์เหมือนกันบ้างวะ

“แต่ของนที  แม่มีของพิเศษให้นะ”  แม่หยิบถุงลึกลับ  ห่อมิดชิดออกมาให้นที

นทีรับไปเปิดดู  สีหน้าแปลกประหลากพิลึกก่อนพ้อ “แม่เห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย? ” 

ฝนทิพย์ “.....”

“แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ  ผมชอบมาก”  นทีเข้าไปคลอเคลียฝนทิพย์

ต้นน้ำชะโงกหน้าเข้าไปดู ‘ของชอบ’ ของนที   แต่ถูกนทีผลักหน้าออก  “อย่ายุ่งน่า  ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”

“เรื่องของเด็กอยู่นี่  น้ำมาเอานี่กับป๊าดีกว่า” 

สุดยอด!  ขนมญี่ปุ่นถุงใหญ่   นี่มันสวรรค์ของนายต้นน้ำชัดๆ   “แบ่งนทีกินด้วยนะ”

“ครับป๊า”  ต้นน้ำรับปาก  มันต้องแบ่งอยู่แล้วล่ะ  แต่แบ่งมากแบ่งน้อยมันก็อีกเรื่องหนึ่ง




ต้นน้ำวิ่งจนเหงื่อซ่ก   อรุณีโทรมานัดวันถ่ายรูปกับพวกเขาแล้ว  เป็นวันพุธที่จะถึงนี้ก่อนเปิดภาคเรียนที่สองในวันจันทร์  เขาต้องรีบวิ่งไว้ก่อนที่พุงจะออก  โดยเฉพาะ...มีตัวเปรียบเทียบที่ชื่อนที

“นายจะวิ่งทำไมเยอะแยะ?  นทีที่เพิ่งออกกำลังกายเสร็จเดินเข้ามาถาม   


“ไม่วิ่งก็อ้วนดิ”  ต้นน้ำเปิดพุงโชว์   เขาไม่ได้อ้วนถึงขนาดมีพุง  ไม่ได้ผอมถึงขนาดเห็นซี่โครง  มีกล้ามเนื้อปกติ  แต่ก็ไม่ได้มีซิกซ์แพ็คเป็นลอนเด่นชัด   ถ้าซิกซ์แพ็คมีสิบระดับ  ซิกซ์แพ็คของเขาน่าจะอยู่เลเวลสอง  ส่วนของนทีน่าจะอยู่ประมาณเลเวลห้า  คือมีซิกซ์แพ็ค  เห็นเป็นลอน  แต่ไม่ได้เป็นลูกเด่นชัดเหมือนพวกนักกล้าม

นทีรู้สึกมึนๆ  เบลอๆ แปลกๆ  ขึ้นมาอีกครั้ง  รีบกินน้ำเข้าไปอึกใหญ่  เขาสงสัยว่าตนเองจะขาดน้ำ  “ก็ไม่เห็นจะอ้วนตรงไหน”

“ ถ้าไม่วิ่ง  กินเข้าไปก็อ้วน”

“ก็อย่ากินเยอะสิ”

“นั่นแหละถึงต้องวิ่ง  จะได้กินเข้าไปอีกเยอะๆ”  ขนมญี่ปุ่นถุงนั้นยังเหลืออีกตั้งหลายอย่างที่เขายังไม่ได้ลอง





ถึงวันถ่ายแบบ  ตามรายละเอียดที่คุยกันไว้  รูปเซ็ตนี้จะถูกใช้เป็นสองส่วน  ส่วนที่หนึ่งสำหรับลงแม็กกาซีนแฟชั่นชื่อดังของเมืองไทย  ซึ่งจะจัดเป็นสองปก  ปกหน้าเป็นปกของนิตยสารปกติที่วางแพลนไว้นานแล้ว  แต่เนื่องจากอรุณีใช้ความสามารถพิเศษเลยสามารถดันให้แฟชั่นเซ็ตนี้ให้ขึ้นปกหลังอีกปกได้  และอีกส่วน...ใช้สำหรับแบ็คดรอปหน้าร้าน  และป้ายขนาดใหญ่หน้าห้าง

นัดแต่งหน้าตอนแปดโมงเช้า  แต่งหน้าเสร็จก็เริ่มถ่าย...ทั้งถ่ายคู่  ถ่ายเดี่ยว  สลับกันไป 

คอลเลคชั่นล่าสุดเป็นสูทที่ออกแบบมาให้ทันสมัยมากขึ้น  เหมาะสำหรับวัยรุ่นและวัยทำงาน  ตัวเชิ้ตจะเน้นเข้ารูปมากกว่าเดิม  ไทด์เป็นเส้นค่อนข้างเล็ก  กางเกงที่เข้ากับสูทก็จะเป็นแบบเข้ารูป  ความยาวกรอมข้อเท้าตามแบบเกาหลีนิยม  เน้นสีและลายผ้าที่แปลกตากว่าสูทรุ่นเก่าๆ

“น้องสองคนเคมีเข้ากันมากค่ะ  คุณอ้อยไปหาที่ไหนมาคะ?”  พี่ บ.ก. ถามอรุณีที่มาดูการถ่ายแบบ 

“ลูกเพื่อนน่ะค่ะ  เป็นยังไงมั่งคะ?

“ขึ้นกล้องทั้งคู่เลยค่ะ  เก่งมากด้วย  ไม่มีเขินเลย”

“หล่อมากทั้งคู่ด้วยค่ะ  หน้างี้ใสจนอยากหยิก  น้องทีมองมาทีนี่   พี่แต่งหน้าไม่ออกเลยค่ะ”  ช่างแต่งหน้าที่นั่งดูอยู่ด้วยกันเสริมขึ้น

“ใจอีพี่บางหมดแล้ว  จะขาดแล้วค่ะ คุณขา”  ช่างทำผมเสริม
 
เสียงแซวพูดคุยเฮฮากันต่อเนื่อง  โดยที่คนสองคนหน้าเฟรมไม่รู้ตัว  ได้แต่ตั้งใจทำงานของตัวเอง

“ถ่ายไม่ได้ว่ะ  เขินอ่ะ”

หืมมมม...หน้าอย่างนี้นะอาย  ต้นน้ำมองหน้านที “จริงดิ?”

“จริง”  เสียงนทีหนักแน่น  แต่หน้านิ่งมาก 

“ดูไม่ออกเลย  ไม่มีใครรู้หรอก”  ต้นน้ำเพ่งมองหน้านทีพลางพยักน้าหงึกหงัก

“นายไม่ตื่นเต้นเหรอ?” 

“ตื่นเต้นสิ  มากด้วย”

“ดูไม่ออกเหมือนกันนะ  นายลองคิดว่ากล้องนั่นเป็นข้าวมันไก่สิ  ตั้งสมาธิดีๆ”  ต้นน้ำจ้องกล้องเขม็ง  ทนไม่ไหวถึงกับต้องกลืนน้ำลาย  กัดปาก

“หิวเลยว่ะ  แล้วนายล่ะ  คิดว่ากล้องเป็นอะไร?”

“คนที่เกลียด”

ตอบได้สมกับเป็นนที  อย่าอินมากถึงขนาดลุกไปพังกล้องก็พอ




เซ็ตสุดท้าย  ด้วยความที่แบรนด์เล็งเห็นแล้วว่า  เสื้อเชิ้ตและกางเกงสแล็คเป็นสินค้าที่ค่อนข้างขายดีและขายได้ง่ายกว่าสูทเต็มชุด  เลยรีเควสให้มีการถ่ายเจาะที่ตัวเสื้อและกางเกงให้มากหน่อย

สไตลิสท์สั่งปลดกระดุมเชิ้ตทีละเม็ด  จนมาถึงภาพสุดท้ายคือปลดทั้งหมด  เน้นความเซ็กซี่ของตัวแบบ  แต่ต้องไม่เด่นไปกว่าเสื้อ  ตัวเสื้อจะเห็นชัดในขณะที่อกของแบบจะเห็นแค่วับๆ แวม

“โอย  ดีจังที่มีช็อตถอดเสื้อด้วย  ขอบคุณสวรรค์  คืนนี้นอนหลับสบายแล้วกู” ช่างแต่งหน้าคุยกับช่างทำผม

“จริงๆ อ่ะพี่  ผมเป็นผู้ชายยังใจสั่นเลย  นี่ผมเป็นเกย์ป่าวเนี่ย?”  ช่างไฟร่วมผสมโรงด้วย

“พี่ก็เป็นเหรอ?  ผมนึกว่าผมเป็นคนเดียวซะอีก”  ผู้ช่วยตากล้องเสริม  “ยิ่งตอนน้องน้ำกัดปาก  ผมงี้ระทวยเลย  ผมไม่ได้ผิดปกติใช่ไหม?”

“ไหนๆ รูปกัดปาก  ขอดูหน่อยสิ”  ช่างผมเรียกร้อง

ผู้ช่วยตากล้องเอารูปที่ตัวเองถ่ายไว้ให้ดู  เป็นรูปที่ต้นน้ำกัดปาก  มองกล้องด้วยแววตาหิวกระหายราวกับจะกินใครสักคน  มือหนึ่งปัดเสื้อไปข้างหลัง  มือหนึ่งดึงสาบเสื้อขึ้น 

“กรี๊ด   อยากถูกกิน”

“ตอนเกรี้ยวกราด  ก็ร้ายนะยะ”




เซตกางเกงเป็นเซตสุดท้าย   วันพีซ!   พวกเขาถูกสั่งให้ถอดหมด  เหลือแค่กางเกงสแล็คตัวเดียว

“เซ็ตนี้เรียกเลือดมากอ่ะแก”  ช่างทำผมคุยกับสไตลิสท์

“โอ๊ยยยยย  น้องทีถอดเสื้อ  เอาใจพี่ไป  เอากระเป๋าตังค์พี่ไป  บ้าน  รถ  คอนโด  พี่ให้หมด   พี่ขออย่างเดียว...เอาตัวพี่ไปด๊วยยยย”

“ผมจะไม่ไหวแล้วพี่”  ผู้ช่วยตากล้องเดินแวบเข้ามาบอก  หลังจากถูกตากล้องหลักสั่งให้เก็บภาพระยะใกล้ 

ทุกคนมองไปที่ต้นน้ำและนที  แต่เห็นคนถือรีเฟลกยืนหน้าแดงเถือกอยู่ใกล้ๆ

“เฮลโหล  คนถือรีเฟลกยังสบายดีอยู่ไหม?”




งานเสร็จแล้ว  ต้นน้ำและนทีร่ำลาทีมงาน  และขอตัวกลับก่อน 
งานวันนี้เหนื่อยมากจริงๆ   กว่าจะได้กลับก็เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว
เสียงเพลงเปิดคลอเบาๆ  ต่างคนต่างคิดอะไรของตัวเองไปเรื่อย
ทำไมวันนี้ถึงได้รู้สึก  มึนๆ  เบลอๆ  แปลกๆ  ทั้งวัน


-------------------------------------------


มาแล้วค่า   ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ที่ให้กำลังใจเลยน้า
มันดีต่อใจมากๆ  เลิกนอยด์แล้วค่า

ช้าหน่อยนะคะ  แต่งเรื่อยๆ  เหนื่อยก็พัก
งานหลักก็ต้องทำ 
งานรักเลยต้องรอนิดนึง
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-08-2019 02:56:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-08-2019 06:23:22
น่าจะไม่ใช่แค่มึน ๆ เบลอ ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-08-2019 07:58:16
งี้ตาล เป็นตัวเร่งให้นทีรู้ตัว รู้ใจขี้นมาบ้าง  แต่ก็ยัง มึนๆ เบลอๆ   :really2:
คนอ่านก็ มึนๆ เบลอๆ ไปด้วย   :z1:
เห็นภาพต้นน้ำกัดปาก.........นที ไหวหวาม เลย   :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-08-2019 10:36:16
เป็นเพราะนอนน้อยแน่ๆเลยน้ออออออ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 5--- [20/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 20-08-2019 15:20:49
เซ็ตนี้ลงที่ไหนบ้าง จะตามส่อง ตามฟอลลโล่ ตามซื้อให้เกลี้ยงแผงเบย
 :mew3:
โจลี่กะแบรตพิตต์เค้าก็มา
กดบวกรัวๆ หมาๆ โดนเจ้านายคนดีอาบน้ำ
หัวข้อ: Re: ----- นทีต้นน้ำ -----ตอนที่ 6--- [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 21-08-2019 01:16:40
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 6

นทีเป็นคนช่างเลือกอยู่นะ





ได้เวลาเปิดภาคเรียนที่สอง  นักศึกษาทุกคนหน้าตาใสปิ๊ง  ชาร์จแบตมาเต็มอิ่ม  เอื้องฟ้าแต่งหน้ามาเบอร์เต็ม

ห้องเรียนรวมสโลปขนาดใหญ่เต็มไปด้วยนักศึกษาต่างคณะ  พวกต้นน้ำห้าคนเลือกที่นั่งฝั่งขวาค่อนไปทางด้านหลัง  เขานั่งริมสุดทางเดิน  ถัดไปเป็นริว  เอื้องฟ้า  ขิง  และเนม  เอื้องฟ้าขอนั่งตรงกลางทุกครั้ง  ด้วยเหตุผลที่ว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม  ต้องเป็นเดือนในหมู่ดาว  ต้องเป็นไข่ในหิน  และ...ต้องเด่น!

กลุ่มสาวๆ คณะพยาบาลนั่งอยู่มุมซ้ายด้านหน้ามองมายังพวกเขาบ่อยๆ  รวมทั้งสาวแท้และสาวสองคณะนิเทศกลางห้องด้วย  ต้นน้ำมองริวที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
 
“มึงไปมีคดีอะไรกับคณะพยาบาลกลุ่มนั้นป่าววะ?  มองๆ เม้าท์ๆ หลายทีละ”

ริวเหลือบตามองผ่านหลังต้นน้ำไป “ไม่ใช่กูแล้ว  ของกูไม่ใช่กลุ่มนี้”

“ของไอ้ขิงมัน” เอื้องฟ้าที่แอบได้ยินบอก  “มันไปทำเขาท้อง”

ต้นน้ำทำหน้าอี๋ใส่เอื้องฟ้า  ริวหัวเราะ “กูต้องเตรียมซื้อของให้หลานไหม?”




“ถ่ายไว้เลยมึง”  สาวคณะนิเทศสะกิดเพื่อน

“ถ่ายแล้ว  มึงอย่าเสียจริตได้ไหม?  เดี๋ยวเขาก็รู้ตัวหรอก  เฮ้ย...นั่นนที  โอ๊ย...มาทั้งกลุ่ม”  เกย์สาวตาไว  ตามองกลุ่มต้นน้ำที่อยู่ด้านหลังอยู่  ก็ยังสามารถมองไปเห็นกลุ่มนทีที่เดินเข้ามาจากด้านหน้าได้

“เรียนเซคนี้ด้วยเหรอวะ?”  เหี้ย...ลงเซคนี้โคตรคุ้ม  มีแต่คนหล่อๆ”  อีกหนึ่งสาวกระซิบกระซาบ

แต่เสียงกระซิบกระซาบเบาๆ  รวมกันหลายๆ เสียงก็กลายเป็นเสียงดังหึ่งๆ ได้นะ

เม่นเดินเข้ามาก่อนเป็นคนแรกพลางมองหาที่นั่ง   นทีเดินตามมา  จากนั้นก็เป็นน็อต  ปาล์มรั้งท้ายสุดแต่ร่าเริงที่สุด  เดินเข้ามาได้ก็ทักทายคนอื่นเขาไปทั่ว  ตำแหน่งหนุ่มฮอตอันดับหนึ่งควรจะเป็นของต้นปาล์มมากกว่านะ

นทียิ้มกว้างเมื่อเห็นต้นน้ำที่วันนี้ใส่แว่น  กำลังนั่งสุมหัวกับริวและเอื้องฟ้า  หน้าตาจริงจัง  ประกอบกับที่เม่นเดินนำไปทางที่นั่งด้านหลัง  ฝั่งเดียวกับกลุ่มของต้นน้ำพอดี 

มือใหญ่วางลงบนหัวทุยของต้นน้ำ  ก่อนก้มลงมา  “คุยอะไรกัน?”  ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมอง  “คุยเรื่องชาวบ้านอยู่ใช่ไหม?  หน้าตาจริงจังเชียว”

“เฮ้  แมน”  ริวยกขึ้นมือขึ้นมาไฟว์กับนที    สองคนนี้ปวารณาตัวเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่วันไปเที่ยวด้วยกันครั้งนั้น  แลกเบอร์  แลกไลน์พร้อม   นัดเดตกันอีกทีวันเสาร์นี้  สองบอสรวมตัว   ไม่อยากจะคิดถึงชะตากรรมของสาวๆ เลย

“พวกมึงไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไร?”  เม่นที่เกือบจะเดินนำไปแล้วหันมาถามงงๆ  แต่ไม่ได้หมายถึงนทีกับริวหรอกนะ   เขารู้ว่าริวกับนทีรู้จักกันนานแล้ว  นิ้วชี้ส่ายไปมาระหว่างต้นน้ำกับนที

นทีเปลี่ยนท่า  จากที่เอามือวางไว้บนหัว  กลับมากอดรอบคอต้นน้ำแทน  “ก็คนบ้านเดียวกันอ่ะ  เนอะ”

ต้นน้ำเออออ  หน้าใสพยักหงึกหงักๆ  แทนคำตอบ

น็อตที่เดินตามหลังมายังข้องใจ  มันไปเป็นคนบ้านเดียวกันตอนไหนวะ?  เทอมที่แล้วมันยังไม่รู้จักกันเลย   ส่วนปาล์ม...ยังเดินมาไม่ถึง  หาเสียงอยู่แถวๆ ด้านล่างของห้อง

“ทำไมทำหน้าเครียด?  นินทาใครอยู่  เหลาซิ”  นทีหยิกแก้มต้นน้ำ

“ไอ้ขิงอ่ะดิ  มันไปทำสาวท้อง”

ขิงที่เพิ่งโบกมือเซย์ไฮกับนทีไปทำหน้าเหรอ “เหี้ยน้ำ  มั่วแล้ว  มึงเอามาจากไหน?”

ต้นน้ำชี้ไปที่เอื้องฟ้า

“อ้าว  ก็มึงบอกว่าช่วงนี้มึงติดสาวพยาบาล  กูก็นึกว่าเป็นของมึง”  เอื้องฟ้ารีบออกตัว

“ไม่ต้องเถียงกัน  คนหนึ่งชอบไอ้ริว  คนหนึ่งชอบไอ้น้ำ”  เนมเฉลยพลางโบกมือให้พวกนทีแทนการทักทาย

“มึงรู้ได้ไง?” 

“แป้งบอก  กลุ่มนั้นเป็นเพื่อนของเพื่อนแป้งอีกที”  แป้งที่พูดถึงคือแฟนของเนม  เรียนอยู่ต่างมหา’ลัย  เป็นสาเหตุของการหายตัวแว้บไปแว้บมาของเนม

นทีกระชับวงแขนแน่นขึ้น  ตาคมปรายไปยังสาวพยาบาลกลุ่มนั้น 

กลุ่มสาวพยาบาลพากันหลบตาวูบ  หน้าแดงเรื่อ  ม้วนตัวก้มหน้าก้มตา  ร่างสะท้านไปด้วยความเขินอาย

รอยยิ้มหยันจุดขึ้นที่มุมปากของนที  เขาจำหน้าเอาไว้แล้ว...ทุกคน!




อาจารย์เข้าห้อง  นักศึกษานั่งประจำที่  กลุ่มนทีเดินไปนั่งด้านหลังถัดจากพวกต้นน้ำไปสี่ห้าแถว 

“กูพลาดอะไรไปหรือเปล่า?”  เอื้องฟ้ากระซิบถามขิง

“ใช่  มึงพลาด”  ขิงกระซิบกลับ

“พลาดอะไรวะ?”  เอื้องฟ้าสะกิดขิงยิกๆ

“เดี๋ยวกูค่อยเล่าได้ไหม?  อาจารย์มองมาแล้วมึง” 

เอื้องฟ้ายิ้มแหะๆ  ให้อาจารย์  ที่เหล่มองมาทางเธอ

ถ้ากูไม่รู้  กูเรียนไม่รู้เรื่องแน่...เอื้องฟ้าเขียนลงชีทให้ขิงดู

มันสองคนอยู่บ้านเดียวกัน... ขิงเขียนตอบ

เหี้ย  แล้วไงต่อวะ...เอื้องฟ้าใช้ศอกสะกิดขิง 

ขิงรับชีทมาเขียน   สักพักก็ส่งกลับพร้อมกับคิทแคทหนึ่งห่อ...เรื่องมันยาว  กูขี้เกียจเขียน  เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังทีเดียว  กูให้คิทแคทมึงด้วย  คิดจะพัก  คิดถึงคิทแคท  พักความเสือกของมึงไว้ก่อนนะ  เรื่องเรียน...หนูตั้งใจอย่างนี้ไหมลูก?

เอื้องฟ้ารับมาอ่านพลางเบ้หน้าอย่างขัดใจ  ขยับปากเหมือนจะด่าขิง

ขิงชี้หน้าห้าม...อย่านะมึง! 




“อยู่บ้านเดียวกัน?”  น็อตพูดทวนคำนทีหลังจากที่ฟังนทีเล่าจบ 

หลังเลิกคลาส  ทั้งสองกลุ่มนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะเดียวกันที่โรงอาหารกลาง 

“พวกมึงจะตกใจอะไรขนาดนั้นวะ?” 

“ก็โลกมันกลมสัดอ่ะ  เหมือนมึงเพิ่งมีเรื่องกับไอ้คิง  แล้วไอ้น้ำเข้าไปช่วยเมื่อวาน”

“ห่ะ  ไอ้น้ำเนี่ยนะ  เข้าไปช่วยนที  เป็นไปได้?”  ริวถามอย่างไม่เชื่อหู  คนอื่นๆ  ก็พลอยทำหน้าไม่เชื่อถือไปด้วย

“จริง”  แล้วเม่นก็เล่าวีรกรรมมัดเชือกของต้นน้ำ  “แล้วพวกมึงรู้ป่ะ  ว่าพอมัดเสร็จมันก็รีบขับรถออกไปเลยเว้ย”


ทุกคนพากันหัวเราะ  สมกับเป็นต้นน้ำ  เรื่องตี  เรื่องต่อย...น้ำไม่สู้   เรื่องกิน  เรื่องอยู่...น้ำสู้ตาย

“ถามจริง  มึงรีบออกไปไหนวะ?” 

นทีหลุดขำออกมา  ก่อนมองหน้าต้นน้ำที่มองมาอยู่พอดี  ทำหน้าคล้ายล้อเลียน...บอกดีไหมอ่ะ?

“มันหิวข้าวมันไก่”  นทีเฉลย

กลุ่มต้นน้ำหัวเราะลั่น 

“แดกทุกวัน  มึงยังจะรีบกลับไปแดกอีกเหรอ?” 

“ขอถ่ายรูปพวกมึงหน่อยสิ”  เนมขอทะลุกลางปล้อง

กลุ่มนทีกระพริบตาปริบๆ

“จะส่งให้แป้งดูว่าเพื่อนใหม่หล่อขนาดไหน?  พวกเพื่อนแป้งปลื้มไอ้ริวกับไอ้น้ำอยู่  เพิ่มพวกมึงมาอีก  กรี๊ดตายแน่” 

“ม่ายยยยยย”  เอื้องฟ้าโอดครวญ  “กูไม่รับนทีเป็นเพื่อนนะ  พวกมึงก็รู้ว่ากูไม่กินเพื่อน  ฮือออ”  เอื้องฟ้าฟุบหน้าลงกับโต๊ะไปแล้ว 

ทุกคนดูอึ้งๆ  กับเอื้องฟ้า

“เอื้องมันปลื้มนายอยู่”  ต้นน้ำอธิบาย  “แล้วมันก็มีคติว่า  มันจะไม่เป็นแฟน  เป็นกิ๊ก  ไม่คบ...กับคนที่เป็นเพื่อนกัน”

“เชื่อเถอะ...เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว  นทีมันไม่คบกับใครง่ายๆ หรอก  มันค่อนข้างเลือก”  น็อตบอกหน้าตาย

“เลือกคนที่ง่ายๆ น่ะ  ง่ายมากๆ จะรับพิจารณาเป็นพิเศษ”  ต้นปาล์มเสริม  พลางหันไปตบมือไฟว์กับน็อตที่ร่วมมือกันตบมุกได้ดี

นทีเหลือบมองไปที่จานข้าวมันไก่ของต้นน้ำแว้บนึงก่อนที่จะหันไปหัวเราะกับมุกของเพื่อน  ต้นน้ำเอาส้อมเสียบเนื้อไก่ที่ติดน้ำจิ้มเล็กน้อยเข้าปากนที  เพราะรู้ว่านทีกินเผ็ดจัดไม่ได้   ก่อนเปิดขวดน้ำแล้วยื่นให้

พฤติกรรมของคนสองคนเป็นไปอย่างธรรมชาติ  โดยที่ไม่รู้ว่ามีสายตาสองคู่ของเม่นกับริวจับจ้องอยู่




“มึง  เหลามา” เอื้องฟ้าคาดคั้นต้นน้ำเมื่อกลุ่มนทีเดินแยกออกไปแล้ว

“เล่าอะไรวะ?” 

“นทีอยู่บ้านเป็นไงมั่ง?  แซ่บไหม?” 

แซ่บเหรอ?  แซ่บยังไงอ่ะ?  ต้นน้ำอยู่บ้านทำหน้าเหรอหรา  “ไม่รู้ดิ  ยังไม่ได้กิน”

“ไม่ช่ายยย  กูหมายถึงแบบ...หล่อเหี้ย   สาวเยอะ  หัวกระไดไม่แห้งเลยดิ”

แปลกแฮะ...ไม่มีอะไรอย่างที่เอื้องฟ้าพูดเลย  นทีไม่เคยพาผู้หญิงมาบ้าน  ไม่เคยมีใครมาตาม  ไม่เคยต้องวุ่นวายกับเรื่องของผู้หญิงเลย  อยู่บ้านก็ดูชิลๆ  สบายๆ 

“ไม่มีเลยว่ะ  ดูไม่มีอะไรแบบนั้นเลย  อย่างไอ้ริวยังแชทคุยกับสาวบ้าง  แต่นทีไม่มีเลย”  หรือนทีจะเป็นคนระวังตัวเองกว่าที่คิด

“หรือว่า  จะเป็นแค่ข่าวลือวะ?” ขิงพูดขึ้น

“ลือเรื่อง?”

“ก็เรื่องสาวๆ นั่นแหละ  มึงจำแหวนได้ป่ะเอื้อง?”  ขิงถาม  เอื้องพยักหน้าหงึกๆ  “ มันว่านทีป้าบเพื่อนมันแล้ว  แล้วมันก็เห็นนทีออกไปกับผู้หญิงไม่เคยซ้ำหน้าเลยนะ  แบบว่า...ไม่เคยซ้ำจริงๆ  อ่ะ”

“เออ  เพื่อนของแป้งก็เม้าท์กัน  ว่านทีแซ่บ  แบบว่า...” เนมทำท่าขนลุกจนตัวสั่น

“แบบว่าอะไร?”  เอื้องฟ้าอยากรู้ 

เนมมองซ้ายมองขวา  ก่อนชะโงกหน้าเข้ามากลางวง  คนอื่นๆ พลางชะโงกหน้าเข้ามาด้วย  “ของเขาดี  เทคนิคเขาเด็ด  ทำผู้หญิงเสร็จได้เลยนะมึ๊ง”

ต้นน้ำตัวร้อนผ่าว  รู้สึกว่าอากาศวันนี้มันร้อนเสียจริงๆ  เขากระพือเสื้อไล่ความร้อนเบาๆ 

“ของเขาดี...นี่คือยังไง?”  คุณหนูเอื้องฟ้ายังคงถามต่อ 

เนมตบเอื้องฟ้าหัวคว่ำ  “มึงจะให้กูสาธยายขนาดนั้น  กูไม่ต้องกลายเป็นเมียมันก่อนหรือไง?  ถ้ามึงอยากรู้จริงๆ  มึงก็ไปเป็นเมียมันสิ”

“ก็มันไม่ให้กูเป็นนี่  เป็นได้ก็เป็นไปแล้ว”  เอื้องฟ้าคลำหัวตัวเองป้อยๆ

“เฮ้ย  ขนาดนั้นเลยเหรอ?  ดูไม่ออกอ่ะ”  ต้นน้ำส่ายหน้า  อยู่บ้าน...นทีเหมือนลูกแมวของฝนทิพย์   อ้อนอย่างกับเด็กๆ    กวนตีน  ยั่วโมโหเขา   ช่างหยอกเย้ากับธนกร   วันๆ ก็อยู่กับบ้าน  เล่นกับหมา  อ่านหนังสือ 

“เสือซุ่มไง  พวกมึงไม่รู้จักเหรอ?  ซุ่มเงียบๆ  ตะครุบทีเดียวอยู่หมัด  ดิ้นก็ไม่หลุด”  ริวยักคิ้วให้ต้นน้ำ  “มึงอาจจะยังไม่เห็นด้านมืดของมันก็ได้นะ” 





“ไอ้ขิง  มึงเห็นนี่หรือยัง?”  เอื้องฟ้าวิ่งกระหืดกระหอบมาหาขิงที่ใต้ตึก  คนอื่นแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้ว  เหลือแต่ขิงกับเอื้องฟ้าที่นัดกันไปช็อปปิ้งต่อ
   
“อะไรวะ?”  ขิงรับโทรศัพท์มาจากเอื้องฟ้า  “เฮ้ย  โพลสาวหล่อ”  ขิงเลื่อนดูภาพทั้งสิบอันดับ  อันดับที่สิบ...ไม่ใช่เขา  เก้า...แปด...เจ็ด...หก...ห้า...สี่...สาม...ก็ยังไม่ใช่  “เหี้ย...ไม่เห็นมีกูเลย”  แล้วกูจะดิ้นรนเพื่อ...?

ขิงเลื่อนต่อ  สอง...หนึ่ง...  “เหี้ย...กู...อันดับหนึ่ง”  รางวัลของความพยายามช่างหอมหวาน  สมควรแล้วกับที่ลงทุนลงแรงไป

“พี่เขาเฟสมาทวงรูปแล้วด้วยมึง  มึงมีรูปให้พี่เขาหรือเปล่า?”

“มี  เด็ดดวงกว่าไอ้ริวอีก”  ขิงกดมือถือให้เอื้องฟ้าดู

“เฮ้ย  นทีกับต้นน้ำ  เมื่อไรวะ?”

“ก็ตอนที่นัดกันไปที่ร้าน...ไง  ที่กูตั้งใจจะไปถ่ายไอ้น้ำกับไอ้ริวอ่ะ  มึงจำได้ป่ะ?  นั่นแหละ...วันนั้น...ไอ้น้ำมันพานทีมาด้วย” 

“แล้วทำไมมันกอดกันยังงี้?”  เอื้องฟ้าถามเมื่อเห็นภาพนทีซ้อนหลังต้นน้ำ 

“ก็วันนั้นมีเด็กเก็บแต้มมาชนแก้วกับไอ้น้ำ   แล้วไอ้ทีเลยกันไว้  หรืออะไรยังไงนี่แหละ”  เอื้องฟ้าทำหน้าเหวอ...กันคนอื่น?   เขากันแบบนี้เหรอวะ?

“รูปชวนให้คิดสัด  เย้ย...” เอื้องฟ้าเลื่อนดูภาพต่อไป  เป็นภาพนทีกับต้นน้ำยืนจ้องตากัน 

“รูปนี้ไม่มีอะไรเลย?  แค่มันชวนกันไปเต้นหน้าเวที  แล้วก็คุยกันอะไรก็ไม่รู้  หัวเราะกัน  แค่นั้นแหละ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า  แค่มองตาก็รู้ใจ...ไรงี้เนอะ   โอ้ว...”     เอื้องฟ้าตาโต  ภาพถัดมาเป็นภาพของนทีที่โอบเอวต้นน้ำอยู่   ท่าทางทั้งสองคนกำลังยืนคุยกับใครสักคนอยู่ที่ลานจอดรถ

“รูปนี้ไอ้น้ำเมาแล้ว   ยืนไม่ไหว  นทีเลยจับไว้  กำลังจะกลับ   ยืนคุยกับไอ้ริวอยู่   กูต้องแกล้งทำเป็นปวดฉี่  แล้วค่อยแอบถ่ายอ่ะ  กลัวพวกมันจับได้ชิบหาย”

“รูปนี้...กลับไป   ได้กันชัวร์”  เอื้องฟ้ากำลังดูรูปไล่ไป  เป็นรูปนทีส่งต้นน้ำขึ้นรถ  รูปนทีเดินอ้อมไปประจำที่คนขับ  และรูปที่รถเคลื่อนตัวออก  “ใช้ได้   ชวนให้คิดมากทุกรูป  จากภาพที่ไม่มีอะไรเลย  มึงปั้นน้ำเป็นตัวได้เก่งมากขิง  กูภูมิใจในตัวมึงเหลือเกิน ”





วันนี้นทีไม่กลับบ้าน  นอนคอนโด  มีนัดเดตกับริว   เม่น น็อต ปาล์มและขิงก็ตามไปด้วย  ขาดแต่ต้นน้ำกับเนม  สาเหตุก็เพราะเนมติดแฟน  ส่วนต้นน้ำติดงาน   พี่ปอ บ.ก.หนังสือส่งเนื้อเรื่องนิทานเรื่องใหม่มาให้เขาแล้ว  เขาอยากอ่านเรื่องและวาดคาแรคเตอร์ตัวละครส่งให้ทันอาทิตย์นี้    ก่อนที่จะมีงานกีฬามหา’ลัย

งานกีฬามหาลัยเริ่มต้นขึ้นหลังจากเปิดเทอมได้เพียงอาทิตย์เดียว    เป็นงานกีฬาที่แข่งกันระหว่างคณะ  โดยคัดนักกีฬาจากทุกชั้นปี  ไม่เหมือนตอนงานกีฬาเฟรชชี่ที่คัดตัวผู้เล่นจากปีหนึ่งเท่านั้น  สมกับสโลแกนมหา’ลัย...เรียนดี  กีฬาเด่นจริงๆ...มีกีฬาได้ทุกเทอม

หล่อพลิ้วอย่างริวเลือกลงบาส  จะได้ไปพลิ้วในสนาม  เนมเลือกลงฟุตบอล  กะเล่นให้ถึงรอบชิงโชว์แป้งให้ได้   ส่วนคนสวยอย่างเอื้องฟ้า...ไปเป็นหลีด   เกิดเป็นหญิงดัดจริต ชีวิตต้องป๊อบเท่านั้น

ฝั่งวิศวะ  นทีกับน็อตลงฟุตบอล  เม่นกับปาล์มนั่งเชียร์อยู่เฉยๆ 

ต้นน้ำเปิดไฟล์งาน  นิทานเรื่องใหม่ของเขาเป็นเรื่องของหมาป่าไม่กินเนื้อ  แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมาป่า  ไม่เคยมีสัตว์ตัวไหนยอมเป็นเพื่อนกับเขาเลยสักตัว  จนกระทั่งได้เจอกับกระต่ายน้อย  กระต่ายน้อยถามว่า “ถ้านายหิว  นายจะกินฉันไหม?”  หมาป่าตอบว่า “ฉันไม่กินเพื่อน” 

ต้นน้ำยิ้มกว้าง   นึกถึงเอื้องฟ้าขึ้นมาทันที  เอื้องฟ้าที่ยึดอุดมการณ์หนักแน่นในการไม่กินเพื่อนกันเอง  ขิงเล่าว่ามีเพื่อนในกลุ่มสมัยมัธยมคนหนึ่ง   สนิทกับเอื้องฟ้ามาก  ก่อนเรียนจบมอหก...สารภาพรักกับเอื้องฟ้า  แต่เอื้องฟ้าปฏิเสธเพราะชอบผู้ชายมากกว่า  หลังจากนั้นเพื่อนสนิทคนนี้ก็หายไปจากวงจรชีวิตของเอื้องฟ้าไปเลย 

อยากจะรักเพื่อน...ถ้าไม่ได้แฟน  ก็ต้องเสียเพื่อนอย่างนั้นเหรอ?

เป็นไปได้ไหม...ที่ไม่ได้รัก  แต่ก็ไม่สูญเสีย...

ถ้าต้องเลือกว่าต้องหยุด...หรือจะเดินต่อ  ถ้าเป็นเขา...เขาควรต้องเลือกทางไหน? 

ถ้าจะต้องสูญเสียแล้วล่ะก็  สู้เก็บความลับนี้ไว้กับตัวซะดีกว่า!!!





 
แข่งบอลรอบคัดเลือก  ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย  วิศวะเจอกับศิลปกรรม  นทีเจอกับเนมตั้งแต่รอบแรก  แพ้ปุ๊บ...ขึ้นสวรรค์เลย  กองเชียร์ฝั่งวิศวะแน่นอัฒจันทร์จนต้องล้นมากองเชียร์ฝั่งศิลปกรรมเกือบครึ่ง   
 
แน่นอนว่าพลาดไม่ได้  ปาล์มกับเม่น  นั่งอยู่ในกลุ่มกับกลุ่มเพื่อนวิศวะด้วยกัน  ใกล้ๆ กับกลุ่มของต้นน้ำที่มากันครบทั้งสี่คน 
 
"นั่น  เพิ่งเคยเจอใกล้ๆ"  เอื้องฟ้าชี้ให้ต้นน้ำดูทางที่นั่งฝั่งวิศวะ  เหนือปาล์มกับเม่น  "ดิว  ผู้ชายหน้าสวยอันดับหนึ่งไง  โคตรน่ารักเลยว่ะ" 
 
"ถ้าผู้ชายหน้าอย่างนี้  กูกลับใจเป็นผู้หญิงก็ได้นะ"   ทอมหล่อเพ้อ
 
ดิวหน้าสวยจริงๆ  ตัวเล็กๆ  ผิวขาวใส  หน้ารูปไข่เรียวเล็ก  เหมือนผู้หญิงที่น่ารักมากๆ แล้วตัดผมสั้น "ผู้ชายจริงเหรอวะ?" 
 
"เชี่ย  เขาจะหลอกลวงเรื่องเพศทำไม?  ปลอมตัวเป็นเจ้าฮะๆ หารักแท้งี้เหรอ?"
 
"เวลายิ้ม  โคตรน่ารัก  เกิดเป็นทอม  จีบผู้ชายจะเสียชาติเกิดไหมวะ? "
 
" ไม่หรอกมึง  แต่มึงต้องอยู่ล่างนะ" ริวที่รอจังหวะอยู่แล้ว  เสื่อมทะลุขึ้นกลางปล้อง
 
นทีกับน็อตในชุดนักนักฟุตบอลสีดำวิ่งมาที่อัฒจันทร์ที่เม่นนั่งอยู่  เรียกเสียงกรี๊ดดังจากทางฝั่งวิศวะ
 
ทางศิลปกรรมเองก็ฮือฮากันใหญ่  ยังดีที่ไม่กรี๊ดออกมา  รู้จักรักษาหน้าตาให้คณะบ้าง 
 
เม่นกับริวเริ่มคุยทับบลั๊ฟแหลกกัน  ขิงเองก็ร่วมด้วย  ถึงกับมีการวางเงินพนันกัน  ความเป็นเพื่อนที่เพิ่งเริ่มช่างเปราะบางเหลือเกิน
 
"กูว่าชอบนที" เอื้องฟ้ากอดคอต้นน้ำ  ดึงเข้ามากระซิบใกล้ๆ
 
"กูรู้แล้ว  มึงก็บอกกูอยู่ทุกวันว่ามึงชอบ"
 
เอื้องฟ้าตบกบาลต้นน้ำเบาๆ แต่ก็เจ็บอยู่ "กูไม่ได้หมายถึงกู  กูหมายถึงหนุ่มหน้าสวยเบอร์หนึ่งนั่น"
 
ต้นน้ำแอบมองลอดไรผมเอื้องฟ้าไป  นทีกำลังคุยกับเบอร์หนึ่งอยู่จริงๆ 


“เขาเป็นเกย์เหรอ?”


“ไม่รู้ว่า  แต่หน้าอย่างนั้น  น่าจะหาเมียยาก   ถ้าไม่ใช่เมียอย่างไอ้ขิง”


“แต่นทีเป็นผู้ชาย”


“ไม่แน่หรอกมึง  เขาสวยออกขนาดนั้น”

 
พอดีกับที่นทีตวัดสายตามองมาพลางกวักมือเรียกมาทางเขา  ต้นน้ำสะดุ้งเฮือก...หรือว่านทีจะรู้ว่าเขานินทา   อยู่ตั้งไกล  ไม่น่าจะได้ยินหรอกน่า  แล้วคนฉลาดอย่างนทีก็น่าจะรู้ว่าเขาไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น

ต้นน้ำเดินไปหาแบบแบบกล้าๆ กลัวๆ  มือใหญ่ล็อคคอต้นน้ำพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้  พูดกันเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน "นายเชียร์ใคร?" 
 
หืม...ไหนว่าฉลาด  เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้  เรียนคณะไหน  ก็ต้องมาเชียร์คณะนั้นสิ “ศิลกรรมสิ” 
 
"แล้วถ้าศิลกรรมแพ้ล่ะ  จะเชียร์ใคร?" 
 
"ก็ต้องวิศวะอยู่แล้ว" 
 
"ทำไมล่ะ?  บอกมาซิพี่ชาย...ว่านายเชียร์ใครในวิศวะ?" 
 
"ก็ต้องนายอยู่แล้วสิ" ทำไมนทีโง่จังวะ
 
คำตอบของต้นน้ำทำให้นทียิ้มกว้าง  แววตาโชนแสงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด  ยอมปล่อยคอที่โอบไว้ออก
 
ต้นน้ำเดินกลับ
 
"ศิลกรรมเตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ไว้ได้เลย"  นทีตะโกนตามหลัง
 
ต้นน้ำหันกลับไปเตะอากาศใส่  นทีหัวเราะร่าก่อนหมุนตัวกลับไปในสนาม
 
 
อ่าาาา... นทีทำได้อย่างที่พูด  วิ่ง วิ่ง วิ่ง แล้วก็วิ่ง  เกมส์เลยเนือยไม่ได้   เกมส์แผ่วเมื่อไร  นทีนำทีมวิ่งทันที  ถ้าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไม่ทันเกมส์  นทีเตะเข้าประตูหมดแน่  แค่นี้ก็ซัลโวเข้าไปคนเดียวสองลูก  วิศวะนำไปสี่ประตูต่อศูนย์  จบลงด้วยสกอร์สุดอนาถ
 
เนมที่ตั้งใจว่าจะเข้าสู่รอบชิงให้ได้  เพื่อที่จะได้ชวนแฟนมาเชียร์ข้างสนามวันชิงถ้วยถึงกลับตะโกนด่านทีลั่นสนาม
 
"ไอ้ที  มึงกินยาตัวไหนมา  วิ่งอย่างกับแข่งบอลโลก  มึงอยากได้ถ้วยขนาดนั้นเลยเหรอวะ?" 
 
"ไอ้เหี้ย  ทำคนอื่นหอบไปหมด  ถ้ามึงอยากได้ถ้วยขนาดนั้น  บอกกูก็ได้  เดี๋ยวกูซื้อให้" แม้แต่น็อตที่อยู่ทีมเดียวกันยังด่า  ด่าไปก็หอบไป
 
นทียิ้มแล้วโบกมือมายังกองเชียร์ ... ไม่ได้อยากได้ถ้วยสักหน่อย





ไม่ใช่แค่ในสนามที่ด่ากัน  “กากว่ะ  ฮู้ว” ปาล์มตะโกนใส่หน้าริว

“พูดอย่างนี้ต่อยกันเลยดีกว่าไอ้สัด”

“วู้วว...ขี้แพ้ชวนตีอ่อ?   ที่ไหน...นัดมา” เม่นตะโกน  “ไม่ได้นัดต่อยน๊า  เค้ากลัวเจ็บ  แต่หนึ่งอิ่มที่พนันไว้  นัดมาได้เล๊ย”  เม่นยังคงกลัวเจ็บอยู่เหมือนเดิม  แต่สมควรที่จะได้สักเจ็บ  เสียงเม่นยียวนกวนตีนมากกกกก  ไม่รู้ว่าปากอย่างนี้...มีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ยังไง

ชีวิตอัปยศของคนแพ้ยังคงดำเนินต่อไป   พวกเขาเดินเข้ามารวมกลุ่มกันแล้ว  จะได้ด่ากันได้ถนัดหน่อย  ไม่ต้องข้ามหัวชาวบ้าน   หนุ่มหน้าสวยอันดับหนึ่งยังคงนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ด้วย

“ลืมแนะนำเลย  นี่ดิว  เป้  โม  เพื่อนที่คณะ”  ปาล์มแนะนำ

“มึงไม่แนะนำทั้งคณะเลยล่ะไอ้สัด”

“เอางั้นเหรอ?  งั้นไล่เลยนะ โน่น...เติ้ล...แล้วก็...”

“พอๆ  กูล้อเล่น”  ทำให้ริวยอมแพ้ได้นี่  ถือว่าปาล์มต้องไม่ใช่คนปกติธรรมดาแน่ๆ 

“ต่อๆ  มาทางนี้บ้าง นี่...ริว..ขิง...ต้นน้ำ...เอื้องฟ้า  ตัวแทนความพ่ายแพ้จากศิลกรรม” นี่ก็สมควรจะโดนสักป้าบ   ขิงฟาดป้าบเข้าให้จริงๆ  ปาล์มก็แกล้งสำออยทำเป็นเจ็บ

ดิวโบกมือทักทายเพื่อใหม่

“โฮ้ย  สวยจริงๆ  ด้วย  ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีก”  ทอมปากเปราะ  เห็นคนสวยไม่ได้หูจะดำขึ้นมาทันทีเป็นคนพูด

ดิวหัวเราะจนตาหยี “อะไร  เพื่อนนายก็สวยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ดิวพยักเพยิดใส่ต้นน้ำ

ต้นน้ำไม่รู้ว่าดิวตั้งใจพูดถึงในทางไหน  รู้แต่ว่าเวลาดิวยิ้มจนตาหยีแบบนี้...น่าร้ากกกก

“ไอ้น้ำ  ทำไมหน้าแดง  ภูมิคุ้มกันต่ำนะมึง  เสาร์นี้ไปเหล่สาวเสริมภูมิหน่อยไหม?”

“อะไร๊?  หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งอยู่ตรงนี้แล้ว  ต้นน้ำมองใครไม่ได้อีกแล้ว”  นทีที่โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอก

ต้นน้ำ “.....” 

“แข่งอักทีวันพฤหัส ห้าโมงเย็น”  นทีบอก

“บอกเพื่อ...?”

“เอ้า...ก็นายบอกจะมาเชียร์ไง”

“ไม่ไปแล้ว”  ค่าแพ้พนันครั้งนี้  ริวบอกว่า...หารห้านะจ๊ะ...รวมเขาด้วย  น้ำตาจะไหล




“แปลกว่ะ”  ต้นน้ำเลื่อนโทรศัพท์ขึ้นลง

“แปลกอะไร?”  เอื้องฟ้าถาม

“คนแอดเฟสกูเต็มเลย  ไอจีด้วย  กดไลค์กันให้พรึ่บ”

“กูว่าเป็นเพราะเพจนั้นแหงเลย”

“เพจอะไร?””

“นี่มึงไม่รู้เหรอ?”

ต้นน้ำส่ายหน้า  “กูต้องรู้เหรอ?”

เอื้องฟ้าดึงโทรศัพท์ไปกด...#นทีต้นน้ำ...แล้วส่งกลับมาให้ต้นน้ำดู

เยเป็ด...อะไรวะเนี่ย?  คู่รักหวานแหววมาจากดาวไหน?  รูปคู่...ดูรั้กกั๊นรักกัน  ทั้งกอดคอ  โอบเอว  เดินด้วยกัน  กินข้าวด้วยกัน  มองตากัน 

“นี่มัน...”    ต้นน้ำอึ้งไปเมื่อเห็นรูปคู่ระหว่างตนเองกับนที  “กูคิดไม่ถึงเลยว่ะ  กูไปรักกันตอนไหนวะ?” 

ก็เมื่อตอนที่มึงหลงพานทีไปกินเหล้ากับไอ้ขิงอ่ะ...เรื่องบางเรื่อง  เอื้องฟ้าก็พูดได้แค่ในใจ  ขืนพูดออกมาจริงๆ  ต้องโดนสักอย่าง...ไม่มือก็ตีน

“โอ้โห  แต่ละคอมเม้นท์  มโนแจ่มมาก”
 
บางคนก็มาเป็นพลอตละครเลย
( รูปลูบหัว )
ต้นน้ำ :  อะไรติดผมเราอ่ะ?
นที : ไหนดูซิ
จุ๊บ!

จุ๊บพ่อง  ต้นน้ำอยากจะบอกว่า  กูไม่ได้พูดดดดดดด

“โคนันหรือวะเนี่ย?”  ของที่ป๊ากับแม่ซื้อให้จากญี่ปุ่นถูกเอามาตัดต่อเปรียบเทียบกัน  บ้างก็ว่าซื้อคู่กัน...บ้างก็ว่าอยู่บ้านเดียวกัน  ใส่ด้วยกัน  อยู่บ้านเดียวกันนะใช่...แต่ไม่ได้ใส่ด้วยกันโว้ย  หรือใส่ด้วยกันวะ? 

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้นน้ำหยิบเสื้อนทีมาใส่เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นเสื้อตัวใหม่ที่แม่ซื้อมาให้

นทีมองจ้องเขา

‘มองอะไร?’

‘นั่นเสื้อเราป่ะ’

‘อ้าวเหรอ  เรานึกว่าเสื้อที่แม่ซื้อมาให้  เดี๋ยวเราไปถอดคืน’

‘ไม่เป็นไร  ใส่ไปเถอะ’


แล้วยังมีครั้งที่ยืมเสื้อนทีใส่ตอนที่หนีน้ำตาลไปอาบน้ำที่ห้องนทีอีก  ใส่ทั้งวันเลยนะนั่นน่ะ 

ต้นน้ำถอนหายใจยาว  รู้สึกปลงกับชีวิต 




คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง  โดยเฉพาะ...คนแพ้พนัน

“ พวกเรามาเล่นเกมส์กัน”  ปาล์มเสนอ  “เกมส์นี้ชื่อว่าเกมส์คนกล้าหรือคนกาก   เช่น  ถ้าเราพูดว่า  ใครเคยตกต้นไม้  ถ้าใครเคย...ให้กินหนึ่งแก้ว  ถือว่าเป็นคนกล้านะ  แต่คนที่ไม่เคยตกต้นไม้  ให้กินสองแก้ว  จัดอยู่ในพวกคนกากนะ  โอเคไหม?  มีใครไม่เข้าใจกติกาบ้าง?”

หึ...ถ้าคิดว่าเกมส์จะเบาๆ  อย่างที่ตั้งคำถามล่ะก็  คิดผิด  คิดอะไรที่มันปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นเขา...ก็ไม่ใช่ต้นปาล์มแล้ว  ต้นน้ำหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม

ปาล์มหยิบฉลากใบแรกขึ้นมา “ใครเคยเสียตัวแล้ว?”

พรวดดดดดด!!!

---------- To be continue ----------




---to be continue -------------------------


มีตัวอย่างตอนหน้ามาให้อ่านเล่นเล็กน้อย
พอเป็นน้ำจิ้ม
อิอิ 

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง?  ไหน...เหลาซิ!
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 6 ------ [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-08-2019 01:55:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 6 ------ [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-08-2019 04:51:00
 o18  o18
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 6 ------ [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 21-08-2019 09:19:43
ฉันรักพวกเขาจังเลยค่ะคุณ

ทำไมฉันเอ็นดูวววว เจ้าต้นปาล์มจัง

น้องเป็นคนจานใช่ใหมลูก(จานรัย)5555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 6 ------ [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-08-2019 12:04:09
พอมารวมกันแล้วแบบ โหวกเหวกมากแต่ละคน โอ๊ยยยยย
555555555555555555
นทีนี่ยังไงอาการออกใหญ่เลยน้า
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 6 ------ [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-08-2019 14:19:38
นทีชอบสกินชิพ
ต้นน้ำก็ชอบตามแล้ว
 :mew3:
ส่วนโจลี่กะแบรดพิตต์น่ะ ของเค้าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 6 ------ [21/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-08-2019 12:26:44
ชอบบบบบบบบบ  สนุกมากกกกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

“ของเขาดี  เทคนิคเขาเด็ด  ทำให้ผู้หญิงเสร็จได้เลยนะมึ๊ง” .......นที้   :o8: :impress2:  :-[
“ใครเคยเสียตัวแล้ว?”.........อูยยยยย.......   :z3: :z3: :z3:
นที  ต้นน้ำ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 22-08-2019 12:45:48
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 7

‘เหมือน’ เป็นแฟนกันจริงๆ เลย






สรุปว่าแข่งนัดต่อมา...วิศวะตกรอบ  นทีเล่นสบายๆ  ไม่คึกเหมือนรอบแรก  สบายๆ กันทั้งทีม  ขึ้นสวรรค์กันยกทีม  แพ้สถาปัตย์อย่างองอาจไปหนึ่งประตูต่อศูนย์     

คนแพ้ทุกคนมากองรวมกันที่บ้านของนที  ทุกคนสรุปว่าจะปาร์ตี้บาร์บีคิวริมสระน้ำกัน  น่าจะประหยัดกว่าไปกินที่ร้านอาหาร  คนแพ้ก็ต้องดูแลตัวเองฉันใด...คนแพ้พนันยิ่งต้องดูแลตัวเองยิ่งกว่าฉันนั้น 

“เงินหนอ...เงินกู  นี่ก็เงินกู”  ขิงพลิกกุ้งบนตะแกรงไปมาพลางปลงอนิจจังกับเงินที่ปลิวออกจากกระเป๋าไป

“เงินกูด้วย”  เอื้องฟ้ากระแทกเสียงบอก

“ไม่รู้สิ  ไม่ใช่เงินกูอ่ะ  แต่แหมมม...กุ้งมันหวานดีจริงๆ”  เม่นหยิบกุ้งไปดูดหน้าตาพริ้ม  เม่นคนเดิม  เพิ่มเติมคือความกวนตีน  หลังจากที่ได้พบปะสมาคมกันหลายครั้งเข้า  เม่นก็ทวีความกวนตีนเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

พวกต้นน้ำทั้งสี่คนหัวเราะ   พวกเขาตกลงกันแล้วว่า...ไหนๆ  ตังค์ก็เสียไปแล้ว  เสียตังค์ได้...แต่เสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด  ไม่ว่าฝั่งวิศวะจะมาไม้ไหน  จะจิกจะกัดสักเท่าไร...ฝั่งศิลปกรรมก็จะไม่หัวร้อนเด็ดขาด

ความสนุกของการกวนตีนคือการที่ได้เห็นอีกฝ่ายหัวฟัดหัวเหวี่ยงนี่แหละ  เมื่อความสนุกลดลง  ฝั่งวิศวะก็เลิกพูดจาเกทับฝั่งศิลปกรรม  หันไปกวนตีนเรื่องอื่นแทน

“สร้อยอะไรวะริว?  กูเห็นมึงใส่ตลอดเลย”  ต้นน้ำถามเมื่อเห็นสร้อยที่ร่วงพ้นออกเสื้อออกมาตอนที่ริวก้มวางลังน้ำแข็ง  เป็นสร้อยทองคำขาวที่ร้อยแหวนเอาไว้หนึ่งวง

“ก็ไม่มีอะไรหรอก  มึงอยากรู้เหรอ?”

ต้นน้ำพยักหน้า  ก็ไม่อยากรู้เท่าไรหรอก  เรื่องชาวบ้านน่ะ  แต่ถ้าบอก  ก็จะฟังก็ได้   

ไม่เพียงแค่ต้นน้ำ  คนอื่นๆ  ก็พลอยเงี่ยหูฟังไปด้วย  เนียนมาก...จากที่พูดคุยเล่นกันอยู่ดีๆ  พากันหุบปากเงียบไปหมด

“เอียงหูมาสิ  กูบอกมึงแค่คนเดียวเลยนะ  ไม่บอกคนอื่น  มึงรู้แล้ว...ต้องเหยียบไปที่มึงคนเดียวเลย”

ต้นน้ำพยักหน้ารับคำพร้อมกับเอียงหูเข้าไปใกล้

“เสือก!!!”  ริวกระซิบเสียงดังจนได้ยินกันครบทุกคน  กระซิบแบบนี้ไม่ตะโกนใส่หูไปเลยล่ะ

นทีหัวเราะตาหยี  แววตาวาววับ  พลางมองดูต้นน้ำวิ่งไล่ถีบริว

“ถ้าไม่รู้ว่ามึงชอบผู้หญิง  กูคงคิดว่ามึงชอบไอ้น้ำไปแล้วนะเนี่ย” เม่นบอกนทียิ้มๆ 

นทีหัวเราะกลับเบาๆ   

ต้นน้ำ  นที  แยกเอาอาหารมาให้น้องรักทั้งสองตัว  ต้นปาล์มผู้รักสัตว์ก็ตามมาด้วย  “โจลี่มากินไส้กรอกเร็ว  กินร้อนๆ เนอะ  จะได้ไม่ปวดท้อง” ต้นปาล์มลูบหัวลูบหางแบรดพิตต์  อัธยาศัยดีแม้แต่กับหมา  คาดว่าเหี้ย...ปาล์มก็รัก

“ตัวนั้นชื่อแบรดพิตต์ ”  นทีบอกเสียงอ่อย

“เออ  ลืมถามเลย  แล้วหมาเม่นเป็นไงมั่ง?  หายดีแล้วเหรอ?”  ต้นน้ำถาม

นทีเลิกคิ้ว “..........”

“ก็ที่นายรีบกลับมาจากพัทยามาดูหมากันไง?”

“อ่อ...หายแล้ว”

บ้านไอ้เม่นเลี้ยงหมา?  รีบกลับมาดูหมา?...ไม่นะ  ตอนที่กลับจากพัทยา  นทีเป็นคนชวนกลับ  เพราะเป็นห่วงหมา  หมาที่บ้านไม่สบาย  ป๊าไม่อยู่  ไม่มีคนคอยดูแลไม่ใช่เหรอ?
ต้นปาล์มคาใจ... ไอ้เม่นนะไอ้เม่น  เป็นเพื่อนกันแท้ๆ  แอบเลี้ยงหมาไม่บอกเขา  คอยดูนะ  ต้องแอบไปเล่นให้ได้เลย

“เฮลโหล!!”  เนมโผล่หน้าเข้ามา  วันนี้เนมไม่หาย  แต่แว้บไปรับแฟนมาด้วยเลยมาช้า

“นี่แป้งสุดที่รักของกูเอง”  หญิงสาวหน้าหมวยเดินตามหลังเนมเข้ามา  แป้งยิ้มจนตาหยี  ท่าทางดูเขินๆ 

“หวัดดีแป้ง”  เอื้องฟ้าทักทาย  คนอื่นก็โบกไม้โบกมือกันไป

“นั่นน็อต  เม่น  ปาล์ม  แล้วก็นที”  เนมแนะนำคนที่แป้งยังไม่รู้จักทีละคน 

แป้งอมยิ้ม  ท่าทางเขินกว่าเดิมอีก  มือไม้อยู่ไม่สุข  ตัวบิดไปบิดมา

“เบาๆ จ้ะทูนหัว  หนูมีผัวแล้วนะคะ”  เนมหันไปลูบหัวแป้ง  แป้งยิ่งอายเข้าไปใหญ่...มือบางฟาดผัวะเข้าที่แขนเนมเสียงดัง

  “เฮ้ย...เขินแรงไปป่ะเนี่ย?”  เนมลูบแขนตัวเองป้อยๆ

เอื้องฟ้าตะโกนทันที “ถ้าผัวมันชั่ว  เปลี่ยนผัวไหมหนู?”  พูดจบก็เดินเข้าไปกอดแป้ง  “โอ๋ๆ  ไม่ต้องเขิน  เราเข้าใจ  เราก็เคยเป็นมาก่อน”

“เฮ้ย...อย่ามายุให้ผัวเมียเขาตีกัน  ใครจะดีกว่ากูไม่มีอีกแล้ว  นั่งรถมาพูดถึงแต่นทีตลอดทาง  เอาสิ...เจอตัวแล้วนี่  ลูบได้  จับได้  คลำได้  แต่อย่าเอาไม้แหย่รู   ใจกว้างขนาดนี้  จะไปหาที่ไหนได้อีก”

“เนมอ่า  หยุดแซวได้แล้ว”  แป้งยังเขินไม่หยุด  “เพื่อนเราเขาฝากมาถ่ายรูปนทีอ่ะ”  แป้งเดินมาบอกต้นน้ำ

ต้นน้ำงง  ทำไมถามเขาล่ะ?

“หรือว่า...แป้งก็...เป็นแฟนเพจนั้นเหรอ?” 

แป้งพยักหน้า 

“เพจอะไรวะ?”  ปาล์มถาม 

“ก็เพจนทีต้นน้ำไง  มึงไม่รู้เหรอ?”  เอื้องฟ้าบอก  พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดให้ดู

ปาล์มรับมาดูก่อนคืนให้เอื้องฟ้า  แล้วล้วงโทรศัพท์มือถือตนเองออกมาจากกระเป๋าบ้าง “กูกดไลค์แระ”  เต้นดุ๊กดิ๊กไป  มือก็โบกโทรศัพท์โชว์ 

“ว้าว  มีเพจแบบนี้ด้วย”  น็อตชะโงกหน้าเข้ามาดู  พลางเอาโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากด

คนอื่นๆ ก็ทำตาม  ทุกคนล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาแล้วกดไลค์เพจ

ต้นน้ำหันไปทางนทีที่ล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเหมือนกัน

“นายทำอะไรน่ะ?”

นทีเงยหน้าขึ้นมามอง  “หืม...ก็กดไลค์เพจไง”





“พวกเรามาเล่นเกมส์กันเถอะ”  ปาล์มเสนอ  ทุกคนส่งเสียงเฮ

“เกมส์นี้ชื่อว่าเกมส์คนกล้าหรือคนกาก   ยกตัวอย่างเช่น  ถ้าเราพูดว่า  ใครเคยตกต้นไม้   ถ้าใครเคย...ให้กินหนึ่งแก้ว  ถือว่าเป็นคนกล้านะ   แต่คนที่ไม่เคยตกต้นไม้  ให้กินสองแก้ว  จัดอยู่ในพวกคนกากนะ  โอเคไหม?  มีใครไม่เข้าใจกติกาบ้าง?”

ทุกคนมีแก้วเหล้าเต็มสองแก้วอยู่ตรงหน้า  คนกล้า...จะได้กินหนึ่งแก้ว  คนกาก...จะได้กินสองแก้ว

หึ...ถ้าคิดว่าเกมส์จะเบาๆ  อย่างที่ตั้งคำถามล่ะก็  คิดผิด  คิดอะไรที่มันปกติธรรมดาเหมือนคนอื่นเขา...ก็ไม่ใช่ต้นปาล์มแล้ว  ปาล์มหยิบฉลากใบแรกขึ้นมา “เอาล่ะนะ  ห้ามโกหก  ใครโกหกขอให้เป็นหมัน  ทำพันธุ์ไม่ได้อีกเลย”

“ใครเคยเสียตัวแล้ว?!?”

พรวดดดดดด!!!   ต้นน้ำสำลัก  นึกว่าเกมส์จะเบาๆ เปิดมาก็เล่นแรงเลย  เสร็จแล้วก็หยิบขึ้นมากินหนึ่งแก้ว  มีเอื้องฟ้าคนเดียวที่กินสองแก้ว

“ยังบริสุทธิ์อยู่สินะ  กากว่ะ”  เนมแดกดันเอื้องฟ้า  แล้วหันไปจุ๊บขมับแฟนตัวเองที่นั่งหน้าแดงอยู่ 

“ไอ้น้ำ  มึงโกหกป่าวเนี่ย?”  เม่นถามขึ้นเมื่อเห็นต้นน้ำกินเข้าไปแค่แก้วเดียว

“โกหกอะไรวะ?” 

“ไอ้ริว  ไหนมึงบอกว่าไอ้น้ำมันไม่เคยไง?”

“เอ้า...กูก็คิดแบบนั้น  ตั้งแต่คบกันมา  กูก็ไม่เคยเห็นมันไปกับใคร” แปลว่า...ต้องก่อนที่จะมาสนิทกันสินะ  เขาต้องแอบไปถามพวกเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกับต้นน้ำตอนโรงเรียนเก่าซะแล้ว

“พวกมึงแอบคุยเหี้ยอะไรกันลับหลังกูเนี่ย?  ถ้าพวกมึงไม่สบายใจ  กูกินอีกแก้วก็ได้นะ”

“เอาจริงดิ  มึงเคยแล้วจริงเหรอ?”  ขิงถาม

“ทำไมวะ?  กูต้องโกหกพวกมึงเพื่อ...?”  เขาอุตส่าห์ไม่โกหก  กลัวเป็นหมันอย่างที่ปาล์มแช่งไว้

ต้นปาล์มกอดต้นน้ำหมับ  “โธ่...ม่ายนะ  ต้นน้ำคนดีของปาล์มมี่  เสียคนไปซะแล้ว”

“พวกมึงก็กินแก้วเดียวกันทุกคนอ่ะ  ทำไมมาสงสัยแต่กูล่ะ?”

“ก็หน้ามึงมันไม่ให้ไง  เฮ้ยพอแล้วไอ้ที...ของมึงน่ะเสียไปตั้งนานแล้ว  กินแก้วเดียวก็พอแล้ว”  น็อตหันไปปรามนทีที่ยกแก้วที่สองของตัวเองขึ้นดื่ม

“มาๆ ข้อต่อไป”  ต้นปาล์มหยิบสลากใบที่สอง  ทุกคนทำสีหน้าหวาดๆ...กลัวคำถามมันเหลือเกิน “ใครเคยได้เสียบนรถ!?!”

ต้นน้ำกุมขมับ  โกหกดีไหมวะ?  ไอ้ปาล์มมันแช่งแม่นไหมนะ?  แต่เมื่อกี้ตอนที่มันแช่ง...หน้ามันก็ดูจริงจังอยู่  ต้นน้ำตัดสินใจ...หยิบขึ้นมากินหนึ่งแก้ว

“เฮ้ย...ไอ้น้ำ!!!”  เพื่อนทั้งกลุ่มทำสีหน้าตกใจ  ต้นน้ำไม่ใช่คนดีอย่างที่คิดซะแล้ว!  ใสๆ ที่เห็น...ความจริงอาจจะเป็นเหล้าขาวก็ได้

“มึงมันร้ายยยย” เม่นยกแก้วขึ้นชี้หน้าเขา 

ส่วนริวนั่งมองเงียบๆ...แต่ในใจไม่เงียบ  เขาต้องกลับไปสืบข่าวให้ได้

เอื้องฟ้ากินสองแก้วอีกแล้ว  “ไอ้เหี้ยปาล์ม  ถ้ามึงจะมีแต่คำถามเสื่อมๆแบบนี้  คืนนี้กูเมาคนแรกอ่ะ”  คนซิงคนเดียวในกลุ่มโวยวาย

“แล้วมึงจะให้ถามยังไง?  ใครเคยฉี่ใส่ที่นอน...งี้เหรอ?  ไม่เร้าใจเลย”

“มา  งั้นกูเขียนให้”  เอื้องฟ้าคว้ากระดาษเปล่าที่วางไว้มาช่วยเขียน 

“ต่อเลยนะ  ไม่รอเอื้องนะ”  ปาล์มหยิบสลากแผ่นต่อไป “ใคร...เคยมีอะไรกับคนเพศเดียวกัน”  ข้อนี้ง่ายมาก  มีขิงเป็นคนกล้าแค่คนเดียว  นอกนั้นกากหมด

“เดี๋ยวนะ...ไอ้ริว” ขิงที่ทำหน้าภาคภูมิใจขมวดคิ้ว  “ทำไมมึงกินแค่แก้วเดียว?”

ริวยิ้มกริ่มพลางยักคิ้วแทนคำตอบ  มือเรียวลูบแหวนที่อยู่บนสร้อยคอตัวเองเล่น

“บราโว  ริว...ชายเหนือชาย”  เสียงโห่ฮาดังขึ้น  “ริวคนจริง”   “ริวสุดยอด” 

ขิงปาเม็ดถั่วใส่ริว  “ไอ้เหี้ย  แค่เรื่องนี้  มึงยอมให้กูสักเรื่องไม่ได้เหรอวะ?”

“โห  กูจัดข้อนี้ให้ไอ้ขิงโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย” 

“นี่ๆ ขอถ่ายรูปได้ไหม?”  แป้งบอก 

ทุกคนขยับมารวมตัวกัน  แป้งก็ถ่ายไปเรื่อยแล้วกดส่งให้เพื่อนดู 

“เสร็จแล้ว”  เอื้องฟ้าตะโกน  “เก็บของเสื่อมๆ ของมึงลงไปเลยไอ้ปาล์ม”

“ไรว้า...มีของมึงด้วยนะเอื้อง  ใครยังซิงอยู่?....ฮ่าฮ่าฮ่า”  ปาล์มหัวเราะลั่น

“ไลฟ์สดได้ไหมอ่ะ  เพื่อนเราอยากดูด้วย”

ทุกคนมองหน้ากัน  พยักหน้ากันหงึกหงัก  ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายนี่

“เอาสิ  เอาสลากเสื่อมๆ ของไอ้ปาล์มทิ้งแล้วนี่”  เอื้องฟ้าบอก

“มาๆ ต่อ  กดไลฟ์แล้วใช่ไหม?” ปาล์มถามแป้ง 

“กดแล้ว”

“เอาล่ะนะครับ  กระผมนายต้นปาล์ม....”  ปาล์มอธิบายกติกาเกมส์  พร้อมกับรับหน้าที่เป็นพิธีกรเสียเลย  แป้งหัวเราะชอบใจใหญ่ 

“ต่อนะ...ใครเคยหนีเที่ยว?”  ยกหนึ่งแก้วทั้งกลุ่ม  หัวเราะเฮฮากันไป

“ใครเคย...โกหกพ่อแม่” เคยยกแก๊งอีกแล้ว  อะไรดีๆ นี่ ‘กล้า’กันหมด

“มาๆ ต่อๆ  โหย...ข้อนี่แหววสัดอ่ะอีเอื้อง  ใครมีคนที่แอบชอบอยู่?  อันนี้ทีละคนๆ” ปาล์มกำกับรายการ

กล้องแพนไปทีละคน  น็อต...กินสองแก้ว 

เม่น...กินสองแก้ว 

ริว...หนึ่งแก้ว 

“อ๊ากกกก...ไอ้เหี้ยริว  สงสารคนที่มึงแอบชอบว่ะ  ใครที่พ่อหนุ่มคนนี้แอบชอบ  รายงานตัวกับผมด้วย  ผมจะแถมข้าวสารให้ครับ” ปาล์มแซวผ่านสื่อ

ขิง...สองแก้ว

เอื้อง...กินหนึ่งแก้ว

เนมพูดกับกล้อง “ผมไม่ได้แอบชอบครับ  ผมมีคนที่ผมรักอยู่”  แล้วก็กินแก้วเดียวพร้อมกับเสียงโห่จากเพื่อนๆ โดยมีแป้งที่ยิ้มเขิน  หน้าแดงอยู่หลังกล้อง


“ผมชอบทุกคนเลย  แล้วผมต้องกินกี่แก้ว?”  ปาล์มกินไปสองแก้ว

ต้นน้ำ...กินหนึ่งแก้ว

นทีที่มองต้นน้ำอยู่ก็กินหนึ่งแก้ว

ต้นน้ไม่ได้มองหน้านทีเลย  ปลายตาเห็นแต่เพียงมือขาวของคนข้างๆ ที่วางแก้วลงเท่านั้น

เม่นกับริวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของทั้งสองคน  มองดูคนสองคนที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ  แต่ไม่ค่อยมองหน้ากัน  ไม่ค่อยพูดอะไรกันเหมือนเคยเงียบๆ

“เอาล่ะครับ  สนุกสนานกันไปพอหอมปากหอมคอกันแล้ว  จบการรายงานเพียงเท่านี้  พวกผมขอตัวไปกินต่อนะครับ  ต้นปาล์มรายงาน”





“แล้วพวกมึงคบกันได้ไงอ่ะ?”  เม่นถามคู่รักที่มีอยู่คู่เดียว

“ก็เป็นเพื่อนกันมาก่อน  แล้วค่อยมาเป็นแฟนกัน”  เนมตอบ

“แล้วมันมีอะไรเปลี่ยนไปไหม?  จากเพื่อนกลายเป็นแฟน” ลองเอื้องฟ้าเป็นคนถามแล้วล่ะก็...รอได้เลย  ถามอะไรแต่ละอย่าง  ถามละเอียด  ถามลึกทุกซอกทุกมุม  ชอนไชยิ่งกว่าฝุ่นตามซอกหน้าต่างเสียอีก 

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลย  ดูหนังด้วยกันเหมือนเดิม  กินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม  คุยกันเหมือนเดิม  อ้อ...เปลี่ยนสรรพนามไง  จากที่พูด...กูมึง  มาเป็น...ฉันเธอ  ตอนแรกใครเผลอพูดกูมึงนี่เก็บตังครั้งละสิบบาท  แป้งซื้อกระเป๋าได้ใบหนึ่งเลยอ่ะ”

“แล้วอย่างนี้จะเป็นแฟนกันไปทำไมวะ?  เป็นเพื่อนก็เหมือนกัน” 

เนมเริ่มทำสีหน้าลำบากใจ  “มัน...ก็ไม่เหมือนกันไปซะทุกอย่างหรอก  ฮึ๊ย...มึงเก็บไว้ถามตอนแป้งไม่อยู่ได้ไหม?”

“ตอบเลยนะ  เธอมีความลับกับฉันเหรอเนม?” แป้งหยิกเนมเบาๆ

“เป็นเพื่อนกัน  มัน...ก็...จูบกันไม่ได้ไง?”

“อ๋อ...มึงเป็นแฟนกับแป้งเพราะหวังฟันแป้ง?”

“มึงหยุดเลยอีเคี้ยวเอื้อง  พูดให้กูหมาตลอด  รักเพราะรักนะจ้ะดาร์ลิง”  ประโยคหลังเนมหันไปพูดกับแป้งพร้อมทั้งเอาหัวไถ

“อ๋อ...มึงไม่ได้หวังฟันแป้ง?

“โฮ้ย...อันนั้นมันก็แน่อยู่แล้วป่ะว่าหวังอ่ะ  กูจะอธิบายให้พวกคนไม่มีแฟนฟังยังไงดีวะ?”  คนไม่มีแฟนทุกคนนั่งฟังหูผึ่ง  แม้แต่ต้นปาล์มยังนั่งสงบเสงี่ยมได้   ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า...ผู้ชายที่ดู ‘เชื่องๆ’ อย่างเนมกลับเป็นคนที่ต้องมานั่งสาธยายเรื่อง ‘การมีแฟน’ ให้เหล่า ‘หนุ่มหล่อสุดฮอต’ ผู้เชี่ยวชาญ  ช่ำชองและโชกโชนทั้งหลายฟัง “ คือแบบ...อย่างเพื่อนเนี่ย  เราไปกินข้าวด้วยกัน  ดูหนังด้วยกัน  แต่เราจะไม่อยากจับมือ  ไม่อยากกอด  ไม่อยากเข้าไปใกล้กว่าเดิมอ่ะ  แต่กูอยากกับแป้งไง  กูเลยต้องจับแป้งทำแฟน”

“งี้ก็หาผู้หญิงมานอนด้วยสักคนก็จบป่ะ?  ได้มากกว่ากอดอีก”  ตอบคำถามเอื้องฟ้าว่าลงลึกแค่ไหน?...เอื้องฟ้าก็เข้าใจได้  แต่ตอบคำถามต้นปาล์ม  ถ้าไม่อัจฉริยะด้านการอธิบายมากๆ...ต้นปาล์มก็จะงงๆ  อยู่อย่างนั้น

“มันไม่เหมือนกัน  คู่นอนมันเป็นแค่ความสัมพันธ์ทางกาย  มันไม่มีเรื่องของความรู้สึก  อธิบายยังไง...มึงก็ไม่เข้าใจหรอกปาล์ม  ถ้ามึงไม่เห็นผี...มึงก็ไม่เชื่อว่าผีมีจริง”

อธิบายขนาดนี้  คนอื่นเข้าใจหมดแล้ว  แต่ปาล์มก็ยัง... “เหี้ย  งงว่ะ”

“แล้วถ้าวันหนึ่งมึงต้องเลิกกันล่ะ?”  เอื้องฟ้าถามบ้าง  ต้นปาล์มงงจนหาคำถามมาถามต่อไม่ได้แล้ว

“กูก็เคยคิดเรื่องนี้นะ  แต่เป็นเพื่อนกันไป...สักวันก็อาจจะทะเลาะกัน  หรือไม่ก็แยกย้ายกันทำงาน  ห่างๆ กันไปได้เหมือนกัน  แล้วกูก็ไม่รู้ว่าจะกังวลกับความสัมพันธ์ที่ไม่รู้จะเป็นยังไงในอนาคต  แล้วต้องทิ้งความสุขที่จับต้องได้ในตอนนี้ไปทำไม?”

“อืม  กูว่ามึงคิดถูกแล้วเนม”  เอื้องฟ้าบอก  ไม่มีใครเห็นมือขิงที่บีบมือเอื้องฟ้าเบาๆ  อยู่ใต้โต๊ะ





 “เฮ้ย!!”  ขิงตกใจ  เมื่อเห็นรูปในเพจนทีต้นน้ำ  เป็นรูปข้อความที่ขิงเขียนสนทนากับเอื้องฟ้าลงในชีทตอนที่เอื้องฟ้าสงสัยเรื่องนทีกับต้นน้ำ

“ไหนดูซิ  นี่ขนาดไม่ได้พูดชื่อเลยนะ  พวกนั้นรู้ได้ไงว่าหมายถึงนทีกับไอ้น้ำ?”

“มโนเอาเองไง”  มโนกันถูกเสียด้วย “แล้วมันหลุดไปได้ไงวะ?”

เอื้องฟ้านั่งคิด  “น่าจะอิ๊งอ่ะ  ยืมชีทกูไปลอก  กูว่าน่าจะหลุดจากทางนั้น”

“อิ๊งอาจจะไม่ได้ตั้งใจ  แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้งมึง  นทียังมากดไลค์เลย” 

“เออว่ะ  พวกวิศวะก็กดกันทั้งกลุ่ม  กูกดมั่งดีกว่า”




“นี่เด็กๆ  วันนี้ว่างไปกินข้าวกับแม่ไหม?”

“กินอะไรครับแม่?” ต้นน้ำถาม

“กินร้านบาร์บีกอนน่ะ  แม่ไม่ได้กินมาตั้งนานแล้ว” 

“โอเค  ผมว่าง  นายอ่ะ?” ต้นน้ำหันไปถามนที

“บอลแพ้ไปแล้ว  ว่างแล้ว  งั้นนายไปรถคันเดียวกับเราเลยสิ  ไหนๆ ก็ต้องไปด้วยกัน  ไปเจอกันที่ห้างเลยนะครับแม่”  นทีชวนให้ต้นน้ำไฟมหา’ลัยพร้อมกันเลย  เช้าวันนี้มีเรียนด้วยกันอยู่แล้ว  ใช้รถคันเดียวกันก็ต้องประหยัดกว่าสิ

“จ้าลูก  ตั้งใจเรียนนะเด็กๆ”

“เอารถนายไปนะ  เราขี้เกียจขับ”  ต้นน้ำบอก

“อืม  ได้  แต่ตอนเย็นนายเป็นคนขับนะ”

“งั้นเราขับตอนนี้ดีกว่า  ตอนเย็นนายค่อยขับ”

“ได้”

ขับรถออกจากหน้าปากทางเข้าหมู่บ้านไม่มันไร  ต้นน้ำก็นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์   ต้องวนรถกลับไปบ้าน  ทำให้เสียเวลาขึ้นอีก   พวกเพื่อนนั่งรออยู่ในห้องเรียนกันหมดแล้ว  จนอาจารย์เดินเข้าห้องมาแล้ว  นทีกับต้นน้ำก็ยังมาไม่ถึง

“ทำไมสองคนนั้นยังไม่มาอีก?”

“แป๊บนะ”  เอื้องฟ้าบอกเพื่อนคนอื่น  เอาโทรศัพท์ขึ้นมากดๆ  “อยู่ที่จอดรถแล้ว  กำลังขึ้นมา”

“พวกมันมันลำเอียงนี่  ทีกูไลน์หา  มันไม่เห็นอ่าน  แล้วทำไมมันตอบมึงวะ?”  ปาล์มน้อยใจที่เพื่อนทั้งสองไม่อ่านไลน์ตัวเอง  แต่กลับตอบเอื้องฟ้า

“กูไม่ได้ไลน์ถามมันนี่” 

“แล้วมึงรู้ได้ไง?”

“ทวิตเตอร์!!!  แฮชแท็กนทีต้นน้ำ”  ยอมใจชาวทวีต  เรื่องราวข่าวสารนี่เร็วจริง  แทบจะนาทีต่อนาที  สองคนนี้อยู่ไหน?  ทำอะไร?  กินข้าวกับอะไร?  กินกี่คำ?  รู้หมด   ชนิดที่ว่า...กลุ่มเพื่อนสนิทยังไม่รู้ขนาดนั้นเลย

ปาล์มเลื่อนทวิตเตอร์ดูบ้าง  วันนี้มีรูปนทีกับต้นน้ำเดินลงรถมาด้วยกัน  ตอกย้ำความอยู่บ้านเดียวกันเข้าไปอีก  ปกตินทีเป็นคนหวงรถมาก...แต่กลับยอมให้ต้นน้ำขับ  แปลกจัง! 

นทีกับต้นน้ำเดินเข้ามาพร้อมกัน  มองมาทางกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านหลังเกือบสุด  ถ้าเดินไปถึงจุดนั้นก็เกรงใจอาจารย์ที่เริ่มสอนไปแล้ว  เลยส่งสัญญาณว่าจะนั่งที่ว่างข้างหน้ากัน  ต้นน้ำเดินนำไปก่อน  นทีเลยคว้าข้อมือเอาไว้ให้นั่งข้างหน้าด้วยกัน

ต้นปาล์มมองแล้วก็อดคิดไม่ได้  ถ้าพวกขี้ชิปเห็นต้องจินตนาการไปไกลแน่...สองคนนั่นก็ทำตัว ‘เหมือน’ รักกันไปไหมวะ?

นทีเอามือพาดไปที่เก้าอี้ต้นน้ำ  ดูแล้วเหมือนโอบกลายๆ  แถมยังเอียงหน้าเข้าไปกระซิบอะไรกันอีก   ต้นน้ำก็หัวเราะให้นที 

เหมือน!  เหมือนมาก!  เหมือนจริงมาก! เหมือนสองคนนั้นเป็นแฟนกันจริงๆ เลย   ต้นปาล์มไม่แปลกใจเลย...ที่สาวๆ จะชิปคู่นี้




 
ต้นน้ำกับนทีมาถึงห้างแล้ว  แต่ธนกรกับน้ำฝนยังไม่มา  ทั้งสองคนเลยไปเดินเล่นกันก่อน  เดินมาถึงชั้นเสื้อผ้าผู้ชายก็อึ้งกันไปอึ้งกันมา

แบ็คดรอปขนาดใหญ่สูงตั้งแต่พื้นจรดเพดานเด่นหราอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าของอรุณี

“ป้าอ้อยเล่นใหญ่ไปไหมวะ?”  ต้นน้ำที่ยังตะลึงอยู่แสดงความคิดเห็นที่อยู่ในใจออกมา

“เราว่าเป็นฝีมือยัยน้ำตาล  นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นงานของร้านนะ  เราว่ายัยนั่นเอาแต่รูปนายไว้  แล้วเอารูปเราออกแน่”

ต้นน้ำทำหน้าไม่ถูก  ยิ้มไม่ได้  หัวเราะไม่ถูก 

“ป่านนี้...ห้องยัยนั่น  น่าจะมีแต่รูปนายเต็มไปหมด?  ทำเป็นผ้าปูที่นอน  ปลอกหมอนไปหมดแล้วมั้ง”

“นายอย่าพูดอย่างนั้นสิ  เหมือนน้ำตาลเป็นโรคจิตเลย”

“ก็เป็นโรคจิตจริงๆ อ่ะ  แต่ก็...พอเข้าใจได้”  นทีมองไปที่รูปของต้นน้ำภาพที่กำลังกัดปาก  หิวข้าวมันไก่

ส่วนต้นน้ำก็มองไปที่รูปนทีที่ถอดเสื้อ  ใส่วันพีซแค่กางเกงตัวเดียว

“พี่คะ”  น้องมัธยมกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทัก   นทีกับต้นน้ำหันไปพร้อมกัน “อุ้ย...ใช่จริงๆ ด้วย  ขอถ่ายรูปได้ไหมคะ?”  น้องๆ อุทานอย่างตื่นเต้นที่ได้เจอคนในแบ็คดรอปตัวจริง

พอมีกลุ่มหนึ่งก็มีกลุ่มสอง  กว่าจะหมด  นทีกับต้นน้ำก็ยิ้มจนเหงือกแห้ง

“แม่กับป๊าอยู่ไหนแล้วนี่?”  ต้นน้ำรีบกดโทรศัพท์แล้วหันมาบอกนที  “อยู่ที่ร้านแล้ว  ไปเถอะ  หิวโคตรๆ”

ป๊ากับแม่อยู่ที่ร้านแล้วจริงๆ  อาหารวางเต็มโต๊ะพร้อมปิ้งย่างได้เลย  ต้นน้ำเล่าให้ฝนทิพย์ฟังถึงสาเหตุที่มาช้า  ย่างกันไป คุยกันไปจนอิ่ม  มื้อนี้นทีกับต้นน้ำหารเงินกันเลี้ยงแม่กับป๊าเอง

พอออกมาหน้าร้าน  ป๊าก็ไปรับรถเข็นที่ฝากไว้  ในรถเข็น...เต็มไปด้วยนิตยสารปกที่นทีและต้นน้ำเป็นแบบ 

“ฮิฮิ  นัดวางแผงพร้อมกันกับแบ็คดรอป  แม่ไปเหมามาหมดเลย  เดี๋ยวเราไปถ่ายรูปหน้าแบ็คดรอปกันด้วยนะ” 

หา...ถ่ายรูปอีกแล้วเหรอ? “ถ่ายอีกแล้วเหรอแม่?”

“ต้องถ่ายนะ  นี่แฟนคลับอันดับหนึ่งเลยนะ”

นทีกับต้นน้ำพากันถอนหายใจยาว  เดินตามไปแบบเนือยๆ

“ทำหน้าดีๆ กันหน่อย  แม่เราเขาตื่นเต้นมากเลยนะ  ตอนขับรถมา  ผ่านป้ายหน้าห้าง  บอกอยากได้กลับบ้าน  แต่ป๊าห้ามไว้ก่อน  ป้ายใหญ่ขนาดนั้น...บ้านเราต้องใหญ่ขนาดไหน  ถึงจะเก็บได้”  ธนกรเดินเข็นรถช้าๆ ตามหลัง  พลางนินทาภรรยาอย่างรักใคร่ให้ลูกทั้งสองฟัง




“กินอะไรดีวะ?” เนมถามขึ้น 

“ข้าวมันไก่”

“อีกแล้วไอ้น้ำ  กูจะเลิกคบมึงเพราะข้าวมันไก่เนี่ยแหละ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า  กูจะไปกินที่โรงอาหารวิศวะ  นทีบอกข้าวมันไก่ที่นั่นอร่อย  ไปไหม?”

แน่นอนว่าไป  เอื้องฟ้าขอเข้าห้องน้ำแป๊บนึง  กลับออกมาในสภาพหน้า ‘เต็ม’   แน่นอนสิ...นี่ไปโรงอาหารวิศวะนะ   โรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักศึกษาวิศวะน่ะ  แล้วนักศึกษาวิศวะส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้นเลยนะ 

ต้นน้ำแยกไปเซเว่น  แล้วจะตามไปเจอกันที่ตึกวิศวะ  พอไปถึงก็เจอพวกเม่นนั่งรออยู่ก่อนแล้ว  ส่วนนทีแยกไปซื้อน้ำ

 “กินอะไรดีวะ? เอาก๋วยเตี๋ยวต้มยำดีกว่า”  ริวยื่นเงินให้เอื้อง

“เฮ้ย  ทำไมให้เอื้องไปซื้ออ่ะ  ผู้ชายทั้งนั้นเลยนะเว้ย”  น็อตผู้จริงจังตำหนิริว

“ก็เพราะอย่างนี้แหละ  ถึงให้มันไปซื้อ  มันจะได้โชว์ความสวยที่เพิ่งอัพมาให้โลกได้ประจักษ์ไง” ริวหัวเราะให้น็อต  “ เป็นห่วงก็เดินตามไปไป๊  ห่างๆ นะ  เดี๋ยวไม่มีใครแซวมัน”

คนอื่นลุกไปซื้อข้าวกันเหลือแต่ริวกับเม่น  ริวเหลือบมอง  เห็นข้าวมันไก่วางไว้จานนึง “ของไอ้น้ำเหรอ?”

เม่นนั่งเท้าคางพลางยักคิ้วตอบเนือยๆ “จะของใครได้อีก”

ริวเบ้ปาก

นทีเอาน้ำมาวาง  พลางถาม “น้ำล่ะ?”

“ก็มึงซื้อมานั่นไง”

“อย่ากวนตีน  กูถามถึงต้นน้ำ”

“ไปเซเว่น  เดี๋ยวก็มา  นั่นไง...เดินมาแล้ว” 

นทีมองตามสายตาของริวไป  เจอต้นน้ำที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง  ท่าทางคุยกันถูกคอ  ก่อนเดินแยกกันไป

“สงสัยหมาจะคาบไปแดกซะแล้ว”  ริวบอกเบาๆ พลางเท้าแขนลงกับบ่าของนที 

นทีตวัดสายตามองริว  เหมือนมีเข็มพันเล่มตรงเข้าจู่โจม  ริวรีบบอก “ไอ้เม่นน่ะ  มันชอบน้องคนที่เดินมากับไอ้น้ำเมื่อกี้”

“ใช่ๆ  กูชอบ” 

นทีตวัดสายตากลับ  พลางเดินไปหาต้นน้ำที่กำลังมองหาพวกเขา

“มึงไปแกล้งมันทำไมวะ?”  เม่นถามริว

“หรือมึงไม่แกล้ง?”

“แกล้งสิ  หึหึ”  เม่นยิ้มกว้างด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ

ต้นน้ำยื่นยาจิบแก้ไอกับยาแก้เจ็บคอให้นที

“รู้ได้ไงว่าเราเจ็บคอ?”  นทีรับยามาแบบงงๆ  เขามีอาการเจ็บคอ  แต่เป็นแค่เริ่มๆ เบื้องต้นเท่านั้น

“ก็เหมือนเสียงนายเปลี่ยนๆ ไปนิดนึง”

เม่นกับริวเผลอสบตากัน  กระพริบตาให้กันสางสามปริบ  ไม่มีความหมายใดๆ ในดวงตาทั้งคู่  แต่ทั้งสองคนกลับเข้าใจความหมายกันเอง

“กินน้ำไหม?”  เม่นเลื่อนแก้วน้ำมาให้ริว   

“ก็ดี”




------------tbc------------

เราสร้างแฟนเพจแล้ว
ไปคุยกันได้น๊า
https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarks
อยากมีคนคุยด้วย

คุยคนเดียวมันเหงา  อิอิ
เม้าท์ๆ กัน
รับรองได้ว่าเราไม่ใช่คนขี้เสือก  5555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-08-2019 13:32:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 22-08-2019 14:25:00
ต้นปาล์มลูก นู๋เป็นคนไสย์ๆนะ

ริวกับเม่นเซ้นต์แรงมากแม่

นทีกับต้นน้ำกรุบกริบ กรุบกริบ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 22-08-2019 15:57:41
เด๋วๆ ขอเผือกเจ้าของแหวนที่ห้อยคอริวด่วนๆๆๆ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-08-2019 16:28:14
ดูแลกันดีขนาดนี้ รู้ใจตัวเองกันไม่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-08-2019 16:59:37
จะเก็บไม่อยู่แล้วนที 5555555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-08-2019 13:15:13
เกมนี้สอน ให้รู้ว่าอย่าตัดสินต้นน้ำที่หน้าตา
สนุกมาก เราลุ้น ชอบความค่อยๆเป็นไป ชอบบริบท
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: lcortsess ที่ 23-08-2019 19:46:26
ฝากเนื่อฝากตัวด้วยจร้าาา
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 7 ------ [22/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2019 19:47:18
เกมนี้ ต้นน้ำคายความลับหมด   o22
เพราะกลัวคำแช่งเนี่ย.....นะ     :m20:  :laugh:
ให้แอบสงสัยคำถาม ใครเคยได้เสียบนรถ   :katai1:
ไม่ใช่ว่าต้นน้ำคิดว่าได้เงินเสียเงิน เพราะเล่นไพ่บนรถนะ  :z3: :z3: :z3:
แล้วที่ต่างก็มีคนที่แอบชอบเนี่ย  :hao4:
แล้วไม่มองหน้ากัน แอบปรายตามองแค่ที่มือ   :a5:  กล้วเปิดเผยอ๋อ  :-[
นที ก็ชัดเจนจนเพื่อนดูออก เรื่องให้ต้นน้ำขับรถหรูที่สุดหวง  :o8:
ส่วนต้นน้ำก็จับเรื่องเสียงเปลี่ยนไปของนทีได้  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 25-08-2019 02:31:48
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 8
ในวันที่อากาศร้อน






“เมื่อกี้ใครน่ะ?”  นทีถามต้นน้ำ

“อ่อ  ไม่รู้จักอ่ะ  น้องเขาเดินมาทัก”

“ทักว่าไง?”  คิ้วเรียวขมวดลงเล็กน้อย

“ก็ทักว่า...แบบ...เอ่อ...”

“ว่า...?”  เรียกทุ้มเข้มขึ้น

“ว่า...ก็เหมือนตามมาจากเพจน่ะ  ประมาณอยากให้คบกันนานๆ นะ  อะไรอย่างนั้นน่ะ”  ต้นน้ำพยายามพูดให้ดูซอฟท์ลง  ความจริงแล้วน้องเขาพูดเยอะกว่านี้...ขอให้พี่สองคนรักกันนานๆ นะคะ...พวกพี่น่ารักมากเลยค่ะ...ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นแฟนกันแล้ว

หน้ามุ่ยเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง  “น้องเขาก็น่ารักดีนะ”

เม่นกับริวพรูลมหายใจพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่าย   นทีคนเท่ห์...ไม่มีอีกแล้ว  เหลือแค่ลูกไก่ในกำมือเท่านั้นแหละ

“อะไรเอ่ย...จะบีบก็ตาย  จะคลายก็ไปไหนไม่รอด?”  เม่นถามริว

“ควายไง  โดนขังไว้ก็ไม่รอด  เปิดกรงให้แล้วก็เสือกโง่ออกมาไม่เป็นอีก”





นทีเดินแยกไปซื้อน้ำเปล่ามาเพิ่ม  ส่วนต้นน้ำนั่งกินข้าวมันไก่ที่นทีซื้อไว้ให้

“อื้ม...ข้าวมันไก่ที่นี่อร่อยจริงๆ ด้วย”  เนื้อไก่ไม่มันมาก  ข้าวมันเรียงเม็ดสวยไม่แฉะ  น้ำจิ้มก็อร่อย  เสียแต่ให้น้อยไปหน่อย

เม่นกระแซะเข้ามาใกล้  “มึงว่าดิวมันชอบนทีไหม?”

ต้นน้ำทำหน้างง   เม่นพยักเพยิดทางนทีที่ยืนคุยกับดิวอยู่  ไม่รู้ว่าคุยอะไร  แต่ทั้งคู่ก็หัวเราะให้กัน

“นทีเป็นเกย์?”  ต้นน้ำหันไปถามเม่น

“เปล่า  แต่มันก็ชอบผู้ชายได้”  เสียงเม่นใกล้หูเขามากและก็ชัดมาก

ต้นน้ำมองไปที่นทีที่ยังคงคุยกับดิวไม่เสร็จ  พลางลุกขึ้น

“จะไปไหน?”

“ไปซื้อข้าวมันไก่อีกจาน  อร่อยดี”

ต้นน้ำเดินออกไปแล้ว  ริวปาน้ำแข็งใส่เม่น

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ  มึงไปแกล้งมันทำไมเนี่ย?”

“ทีมึงยังแกล้งเพื่อนกูเลย  แต่ไอ้น้ำมันแข็งกว่าที่คิดนะเนี่ย” 

“อะไรแข็ง? K?” 

เม่น “.....”





สิ่งที่แน่นอนที่สุดบนโลกนี้คือความไม่แน่นอน  โลกใบนี้เป็นน่าจะเป็นโลกที่ไม่มีความแน่นอนอาศัยอยู่จริง
 
คนที่เหมือนควรจะป่วยอย่างนทีกลับแข็งแรง  ในขณะที่คนซื้อยาให้กลับนอนป่วยแทน 
 
เมื่อวานตอนเย็น  แป้งมาที่คณะ  เนมเลยชวนเพื่อนทั้งหมดไปกินขนม  ช่วงก่อนจะเช็คบิล  ฝนก็ตกลงมาหนักมากทั้งที่ไม่มีวี่แววมาก่อน  และมันก็ไม่ใช่หน้าฝนด้วย  รถจอดอยู่ไกลพอสมควรถ้าต้องวิ่งไปท่ามกลางสายฝน  จะให้ผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งเปียกฝนก็ดูใจร้ายเกินไป  ต้นน้ำเลยอาสาเป็นคนไปขับรถมารับเพื่อนทั้งหมดที่หน้าร้านเอง  เมื่อรถมาจอดเทียบหน้าร้าน  พนักงานที่คอยบริการอยู่อาสากางร่มมาส่งที่รถ
 
ดังนั้นคนที่เปียกก็จะมีแค่...ต้นน้ำผู้เสียสละเพียงคนเดียว
 
 
แค่กๆๆ... ต้นน้ำรู้สึกระคายคอจนนอนหลับต่อไม่ได้  
 
"กินน้ำหน่อย"  ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงแรงยวบที่เตียง 
 
แพขนตาหนาช้อนขึ้น  กระพริบตาเพื่อปรับแสงสว่างเล็กน้อย  เมื่อปรับโฟกัสได้จึงเห็นว่าคนที่อยู่ข้างๆ คือนที
 
"นายไม่ได้ไปเรียนเหรอ?"  น้ำเสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างแหบ  อาจเป็นเพราะว่านอนมานานเกินไป 
 
"ก็นายไม่สบาย  เราจะทิ้งนายไปเรียนได้ยังไง  ไปก็เป็นห่วงเปล่าๆ" มือใหญ่ทาบลงตรงหน้าผากมน  เย็นสบายจนเขาต้องหลับตาลง "ตัวร้อนจัง"  นทีละมือออก  เดินกลับออกไปข้างนอก 
 
ต้นน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินพ้นประตูออกไปก่อนย้ายมาโฟกัสที่แสงสว่างเพียงจุดเดียวที่โต๊ะหนังสือ  มีหนังสือนิทานวางอยู่หลายเล่ม  เป็นนิทานที่เขาวาดรูปประกอบทั้งหมด  ทุกเล่มที่เป็นผลงานของเขา...ป้าเล็ก  เจ้าของสำนักพิมพ์จะส่งมาให้เขาสองเล่มเสมอ  เล่มหนึ่ง...เขาเอาไปบริจาค  เล่มหนึ่ง...เก็บไว้เป็นที่ระลึก 

นทีอยู่ในห้องตลอดเวลาที่เขาหลับเลยเหรอ?
 
ต้นน้ำคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู  พลางแอดลงไลน์กลุ่ม

Friend with No benefit
_____________________________________
 
กูไม่สบาย  เพิ่งตื่น  ลาเรียนให้ด้วยนะ

เอื้องฟ้า
รู้แล้ว  ลาให้แล้ว

รู้ได้ไงอ่ะ?

เอื้องฟ้า
ไอจี!

______________________________________
 
รู้จากทางไอจี?  ไอจีเนี่ยนะ!!  มือเรียวเปิดแอพพลิเคชันรูปกล้องทันที  มีรูปหนึ่งที่คนไลค์กันเยอะมาก  ต้นน้ำรีบกดเข้าไปดู  รูปเขาหลับ!... เป็นรูปที่นทีแท็กมา  โดยเขียนแคปชันว่า 'GG ไม่สบาย  นอนหลับฝันดี  แล้วช่วยบอกที หวยออกอะไร?'

GG มันเกิดมาจากรูปที่ตัดต่อตอนถ่ายแบบรูปหนึ่ง  เป็นรูปที่นทีใส่สูทสีดำและเขาใส่สูทสีขาว  ถูกถ่ายไว้จากคนละรูป  แต่ไม่รู้ใครเอามาตัดต่อให้รวมเป็นรูปเดียวกัน  แล้วเขียนเป็นแคปชั่นว่า  dewa and satan, good guy or badboy?  หลังจากนั้นก็มีแฮชแท็ก #GGBB เกิดขึ้นในรูปของเขาบ่อยๆ
 
realriw : งื้อ เป็นอะไร? เมื่อคืนหนัก? 
 
สองแง่สามง่ามตลอดดด
 
mynameisname : แงงง  เดี๋ยวเค้าเอายาไปเซ่นนะคนดี

คงจะรู้สึกผิดที่ให้เขาเปียกฝนเมื่อวานนี้สินะ

Supermen : เป็นไข้ต้องไปหาหมอ แต่ต้องเป็นอะไรหนอ  ถึงได้ไปหาเธอ

คอมเม้นท์ของเม่นกับริวกวนก็จริง  แต่ก็ยังมีคนทำให้เขาหมดคำพูดมากกว่า

Palmtree : เขาว่าคืนแรกจะทำให้คนป่วยได้ 

จากนั้นเป็นคอมเม้นท์ยาวที่รีพลายถามเกี่ยวกับ ‘คืนแรก’ 
...คืนแรกอะไรอ่ะปาล์มมี่?
...ปาล์มมี่รู้อะไรมา?
...ต้นปาล์มมีความลับ?
ซึ่งต้นปาล์มยังไม่ได้มาตอบอะไร


ต้นน้ำเข่นเขี้ยว เคี้ยวฟัน  มึงไม่ตอบ  กูตอบเอง... ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ  เมื่อวานผมเปียกฝนตอนเย็น  เลยมีไข้นิดหน่อย  @palmtree @supermen @realriw  พวกมึงก็ลากไก่ไปกินในน้ำบ่อยๆ ทำไมไม่ป่วยกันบ้างวะ?

นทีกลับเข้ามาพร้อมพร้อมกับถ้วยข้าวต้มควันกรุ่น  หอมมาก

“กินข้าวก่อน  แล้วค่อยกินยา”

“อืม  แต่เราไม่ได้ฝันถึงหวยนะ”

นทีหัวเราะพลางเอาถ้วยข้าวต้มมาวางไว้ที่ข้างเตียง “เห็นแล้วเหรอ?”

“เห็นแล้ว  พวกเหี้ยนั่นกวนตีน” พูดพลางก็บิดเนื้อตัวไปพลาง...รู้สึกปวดตัว  ครั่นเนื้อคั่นตัวไปหมด 

“ให้ป้อนไหม?”  นทีที่เดินไปเปิดม่านหันกลับมาถาม  จากนั้นก็มานั่งริมเตียงข้างๆ ต้นน้ำ 

“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก”  ต้นน้ำคว้าชามข้าวต้มมาชิม “อร่อยว่ะ” คุยโน่นคุยนี่กันไปจนข้าวต้มหมดชามก็กินยาต่อ 

พยาบาลจำเป็นมองคนป่วยกินยา  กินน้ำไม่ละสายตา  พอต้นน้ำทำทุกอย่างเสร็จ  พยาบาลจำเป็นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กเดินเข้าห้องน้ำก่อนกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆ “เช็ดตัวหน่อย”

ต้นน้ำจะรับผ้าขนหนูมา  แต่นทีกลับคว้ามือไว้  “เดี๋ยวเช็ดให้”

ตาคมปลาบมองมาที่ตากลมใส  ต้นน้ำหลุบสายตาลงก่อน

คนเราก็ไม่ได้เก่งในทุกสถานการณ์  ไม่ได้รู้ว่าควรทำตัวแบบไหนในทุกสถานการณ์   ต้นน้ำปล่อยให้มือใหญ่ไล้ผ้าผืนเล็กไปตามหน้าผาก  ดวงตา แก้ม  จรดปลายคาง   

ในความเงียบ  ตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าที่บรรจงเช็ดตัวให้เขา  ตาคมก็มองสบมาเหมือนกันก่อนมองไล่ลงไปยังลำคอขาว  ผ้าขนหนูชื้นน้ำที่เช็ดแผ่วเบาตรงลำคอให้ความรู้สึกร้อนอย่างประหลาด ความเย็นของผ้าขนหนูไล่ลงมาถึงช่วงอกที่โผล่พ้นเสื้อนอน   

นทีปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนของต้นน้ำออก  ไม่ทันที่จะปลดกระดุมเม็ดที่สอง  มือเรียวอีกคู่ก็คว้ามือเขาไว้

“เรา...ร้อน...อยากอาบน้ำ”  เขารู้สึกร้อนจริงๆ  ร้อนไปหมด  แม้กระทั่งมือก็ยังชื้นเหงื่อ

“แต่...”

“ไม่เป็นไรหรอก  แค่ล้างตัวเฉยๆ เหนียวตัว”

“อืม”  ตาคมทอแววหวานละมุน 

นทีพาต้นน้ำไปส่งที่หน้าห้องน้ำ  “เราคงเป็นคนดูแลที่แย่ที่สุดที่ปล่อยให้คนป่วยอาบน้ำ”

“คนป่วยดื้อไง”

“งั้นก็อย่าดื้อสิ”

“อืม  ไว้วันหลังแล้วกัน”





ต้นน้ำแปรงฟัน  ล้างหน้า  ใบหน้าขาวใสเป็นสีแดงระเรื่อ  ไล่ไปตั้งแต่พวงแก้มถึงใบหู   เขาสบตาตัวเองในกระจกก่อนรีบไปล้างตัวไล่ความร้อนออกจากร่างกาย

ร่างขาวพันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา  หยดน้ำบางหยดยังเกาะอยูที่ร่องอกและแผ่นหลัง

นทีที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือหันมา  ร่างสูงโปร่งสาวเท้ายาวไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกมุมห้องผ่านหน้าเขาไป  นทีก้าวตาม 

ต้นน้ำรีบคว้าเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้น  หยิบตัวไหนได้ก็เอาตัวนั้นแหละ  ก่อนจะหันตัวกลับไปในห้องน้ำ  แต่ร่างสูงกลับยืนขวางไว้  ด้วยความสูงที่ต่างกันไม่มากทำให้ช่วงหน้าของคนสองคนห่างกันแค่คืบ 

“ตัวยังไม่แห้งเลย” นทีขยับตัวเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่ใช้เป็นประจำรวมกันกลิ่นเฉพาะตัวของคนตรงข้ามลอยอวลเข้าจมูก  มือหนึ่งของนทีจับแขนเขาไว้  อีกมือเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้ก่อนโอบเขาไว้หลวมๆ  จับปลายผ้าเช็ดตัวจากด้านหลังของเขาโอบมาพันทบไว้ด้านหน้า “เช็ดตัวให้แห้งสิ    เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก”

“อืม”  ต้นน้ำเบี่ยงตัวหลบ  เดินเลี่ยงไปทางด้านข้าง  สงสัยไข้จะกลับแน่แล้ว  ตัวเขาร้อนผ่าวไปหมด





ต้นน้ำกลับขึ้นเตียงในสภาพที่ดีขึ้น  ตัวไม่ค่อยร้อน  หน้าไม่ค่อยแดงแเล้ว  แต่เพลียมากกก  เหมือนร่างกายไม่ค่อยมีแรง  ร่างโปร่งเดินขึ้นเตียงแล้วห่มผ้านอนหลับตาทันที  
 
เขารู้สึกได้ว่าเตียงด้านข้างยวบลง  คนตัวสูงคงลงมานอนด้วย
 
"ระวังติดไข้"
 
"ถ้าติด  ติดไปนานแล้ว  ก็นอนตรงนี้ตลอด"
 
ตลอดเลยเหรอ?  นึกว่านั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหนังสือซะอีก
 
"สบู่นายกลิ่นหอมจัง"
 
"ไม่ได้ถูสบู่สักหน่อย  แค่ล้างตัวเฉยๆ"
 
"งั้นก็กลิ่นตัวนายหอม"
 
รู้สึกร้อนอีกแล้ว  ไข้กลับอีกแล้วมั้ง
 
"จะนอนไหม?  จะไปปิดม่านให้"  นทีเห็นถามเมื่อเห็นต้นนำไม่ยอมลืมตาสักที
 
" ไม่แน่  นอนมาตั้งนานแล้ว  แต่ก็เพลียๆ อาจจะหลับอีกก็ได้" 
 
"อ่านนิทานไหม? "
 
ต้นน้ำลืมตาขึ้นพลางมองคนข้างๆ  นทีนอนเท้าแขนข้างเดียวมองเขาอยู่แล้ว
 
" นิทานของเราน่ะเหรอ?  อ่านหมดแล้ว"
 
" ก็เรายังอ่านไม่หมด  นายอ่านให้ฟังหน่อยสิ" 
 
"ได้ข่าวว่าเราไม่สบาย" 
 
"งั้นเราอ่านให้ฟังเอง"
 
หืม... อย่างนี้ก็ได้เหรอ?  
 
"เอาเรื่องไหนดี?  เรื่องนี้ดีกว่า...คุณหมีไม่สบาย!”

ต้นน้ำตะแคงข้างหันไปทางนที  รอฟัง

นทีนอนคว่ำตั้งใจอ่าน... 

“คุณหมีไม่สบาย” จบไปแล้วหนึ่งหน้า

“คุณหมีตัวร้อน” หน้าที่สองมีรูปหมีหน้าแดง  หน้าตาเพลีย

“คุณหมีไอ  แค่ก แค่ก” หน้าที่สามมีรูปคุณหมีไอ  ท่าทางเจ็บคอ

“คุณหมีต้องนอนพักผ่อน”  คุณหมีขึ้นเตียงแล้ว

“คุณหมีต้องทานยา”  รูปคุณหมีทานยา

“คุณหมีเช็ดตัว” รูปคุณหมีเช็ดตัว  โดยมีหมีแก่ตัวเมียใส่แว่นเช็ดตัวให้

“คุณหมีหายแล้ว”  หมีน้อยท่าทางสดชื่นเชียว

“คุณยายดีใจที่คุณหมีหายแล้ว”  รูปหมียายหลานกอดกัน 

“จบ!... เอาจริงสิ  นิทานมันสั้นๆ ห้วนๆ แบบนี้น่ะเหรอ?”  บางหน้ามีรูปเดียวแต่ใช้สองหน้า  ข้อความก็สั้นๆ เท่าที่อ่าน

ต้นน้ำหัวเราะกว้าง  “ก็นี่มันนิทานเด็กเล็กนี่  เขาก็แค่เอาไว้สอนเด็กเล็กให้รู้จักว่าไม่สบายคืออะไร?  ต้องปฏิบัติตัวยังไง?...เท่านั้นแหละ  อ่านเล่มนั้นสิ”  ต้นน้ำชี้ไปที่หนังสือเล่มเล็กที่อยู่บนสุด

“คนเก่งฉี่ใส่กระโถนเนี่ยนะ”

“อื้อ” ต้นน้ำยิ้ม

นทีโคลงศรีษะก่อนเปิดอ่านหน้าแรก “เราทุกคนฉี่ใส่กระโถน...ไม่ใช่แล้ว  ชักโครกไหม?”

“เด็กเว้ย...เด็ก” ต้นน้ำเตือน

นทีพลิกหน้าที่สอง  เป็นรูปหมาทำหน้าตาแปลกๆ อยู่ด้านซ้าย  ด้านขวามีข้อความว่า “คุณหมาปวดฉี่ๆ แล้ว”

หน้าที่สาม  เป็นรูปคุณหมาฉี่ใส่กระโถน “คุณหมาเก่งจัง  คุณหมาฉี่ใส่กระโถน”

ต้นน้ำหัวเราะ  หน้าตานทีตลกมาก  ตอนที่อ่านว่า ‘คุณหมาเก่งจัง’  หน้าตานี่ไม่ได้ชมคุณหมาเล๊ย  ติดจะเหยียดหยามคุณหมาด้วยซ้ำไป  ด่าคุณหมาได้...คงด่าไปแล้ว 

หน้าที่สี่...รูปคุณหมีทำหน้าตาแปลกๆ เหมือนคุณหมา “คุณหมีปวดฉี่ๆ แล้ว” 


“คุณหมีเก่งจัง  คุณหมีฉี่ใส่กระโถน”

จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคุณแมว  คุณวัว  คุณแกะ  คุณกระต่าย  แล้วก็จบด้วย... “ทุกคนเก่งจัง  ทุกคนฉี่ใส่กระโถน  อย่างนี้เราก็เก่งมากอ่ะ”

“อย่าดูถูกไป  ทุกเรื่องเขาผ่านการคิดมาแล้ว  สมองเด็ก...ความจำยังสั้น  ใช้คำน้อยๆ เข้าใจง่ายๆ ดีที่สุด”

“นายรู้ดีจังนะ”

“รู้สิ  คนแต่งบอก  ป้าเล็ก...คนที่เล่าเรื่องลูกคนที่สามให้เราฟังไงล่ะ”

“หืม...ใครนะ?”  นทีทำหน้าสนใจขึ้นมาทันที 

“ป้าเล็ก  เป็นคนแต่งนิทานเด็ก” ต้นน้ำพลิกตัวจากนอนตะแคงเป็นนอนหงาย  “เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์หลายสำนักพิมพ์เลยล่ะ  ทั้งนิทาน  นิยาย  พวกฮาวทูก็อีกสำนักพิมพ์หนึ่ง  เป็นเพื่อนกับแม่ไง  ป๊าก็น่าจะรู้จัก  ป้าเล็กเก่งมากนะ  นายสังเกตดูสิ   อย่างเรื่อง ‘คุณหมีไม่สบาย’...ป้าเล็กก็บอกว่า...ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากแต่งให้มีพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้องมาก  เพราะสงสารพวกเด็กกำพร้าที่ได้อ่าน   ‘คุณหมีฉี่ๆ’ ก็ไม่มีเรื่องของพ่อแม่เลย   ที่สำนักพิมพ์ไปทำบุญบ้านเด็กกำพร้าบ่อย  ไปทีก็หอบหนังสือไปบริจาค เพราะป้าเล็กเองก็ไม่มีพ่อเหมือนกัน   แล้วป้าเล็กกำลังรณรงค์ให้ทางโรงเรียนงดกิจกรรมวันพ่อวันแม่ด้วยนะ  เจ๋งใช่ไหมล่ะ”  ต้นน้ำเล่าไปดวงตาก็วาววับ

นทีที่นอนตะแคงมือใหญ่เท้าแขนไว้กับเตียงข้างหนึ่ง  จับตาดูดวงตาวาววับคู่นั้น  และริมฝีปากเล็กๆ ที่เล่าไม่หยุดอยู่ตลอด  เผลอเอามือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่วางพาดไปบนเอวต้นน้ำ  ใบหน้าคมฝังลงที่ไหล่  “อืม  เจ๋งมาก  อยากเจอซะแล้วสิ”

ต้นน้ำชะงัก  ปล่อยให้คนตัวใหญ่ซบหน้าลงกับไหล่นิ่งๆ  “อืม  แล้วจะพาไปเจอ”  บางทีนี่อาจจะเป็นความอ่อนไหวของคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน  “แม่นายเคยไปงานวันแม่ไหม?”

นทีส่ายหน้าทั้งที่ใบหน้ายังฝังอยู่ที่ไหล่เขา 

ต้นน้ำตบไหล่นทีเบาๆ  โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนสูดกลิ่นที่นทีบอกว่าหอมเข้าไปเต็มปอด 
 
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร   ต้นน้ำปล่อยให้นทีกอดไว้อย่างนั้น  แม้ว่าเขาจะรู้สึก ‘ร้อน’    รู้แต่เพียงว่า...แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า  ได้ยินเสียงนกร้องขับขานเตรียมกลับรัง  ลมเบาๆ พัดใบไม้ร่วง  บรรยากาศดีจนความ ‘ร้อน’ เปลี่ยนเป็นความอุ่น
 
แอ๊ด.... เสียงเปิดประตู
 
คนที่กำลัง ‘คุย’ กันเพลินหันไปมอง
 
เม่นกับริวเดินนำมาก่อน  พลางชะงักอยู่หน้าห้อง
 
"อุ้ย"
 
"อุ๊ย โทษที  ต่อเลยๆ" ทั้งสองคนทำท่าจะปิดประตู  แต่ไม่ทัน  ต้นปาล์มถลาเข้ามาก่อนด้วยความเร็วสูง  เข้ามาได้ก็โผเข้ามาจะกอดต้นน้ำ  ดีที่ริวกับเม่นเดินเข้ามาดึงคอเสื้อเอาไว้
 
"ทำไมพวกมึงต้องรุนแรงกับกูด้วยล่ะ? ไม่รักกูเลย" 
 
"นี่พวกกูปราณีมึงมากเลยนะ" เม่นตอบ
 
"ช่าย  ไม่งั้นมึงอาจจะเจอความรุนแรงมากกว่านี้"  ริวบอกพลางเหลือบตามองนทีที่เริ่มย่นหน้า  คิ้วขมวดมุ่น
 
ต้นปาล์มฮึดฮัดขัดใจ   
 
นทีกุมขมับ  จบแล้ว!
 
คนที่เดินตามหลังมาพากันกระจายตัวหาที่นั่งรอบห้อง
 
"เป็นไงบ้างมึง?" เอื้องฟ้าถาม
 
"โห  พวกมึงมาเยี่ยมกูกันเหรอเนี่ย?"
 
"เปล่า จะไปกินหมูกระทะ  บ้านมึงแค่ทางผ่าน  เลยแวะดูใจ" น็อตตอบ
 
"จริงใจว่ะ  ของเยี่ยมก็ไม่มี”

“อืม  ไม่มีของมึงหรอก  แต่ไอ้ปาล์มแวะซื้อไส้กรอกมาฝากโจลี่กับแบรดพิตต์นะ”  ขิงรายงาน

ไม่มีใครสนใจเม่นกับริวที่ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่มุมห้องไกลผู้ไกลคน

“เสื้อผ้ายังอยู่ครบว่ะ”  ริวกระซิบบอกเม่นที่ยืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้าอยู่ 

“ไม่แน่นะมึง  อาจจะเมื่อคืน  เขาว่าถ้ารุนแรงจะไข้ขึ้นได้ไม่ใช่เลยหรอ?  แล้วไอ้น้ำก็...”

“ไม่ใช่แน่นอน  กูดูสีหน้าไอ้น้ำออก  ถ้าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้น  หน้ามันไม่ปกติแบบนี้แน่”

ทั้งสองคนมองไปยังนทีที่นั่งชันขาข้างหนึ่ง  เอาศอกเท้าไว้กับเข่า  ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียง...สีหน้าแววตาสงสารแกมสมเพชเพื่อนเป็นที่สุด





น็อตโกหก  ที่จริง...เพื่อนๆ ซื้อของมาเยี่ยมกันเยอะมาก...แต่เป็นของที่พวกมันอยากกินทั้งนั้นเลย   ต้นน้ำกินได้แค่ข้าวต้มที่ป้าแม่บ้านทำไว้ให้  กินกันเสร็จคุยกันสักพักก็แยกย้ายกลับบ้าน   ป๊ากับแม่เข้ามานั่งเล่นในห้องเขาพักใหญ่ก่อนกลับห้องนอน  ต้นน้ำถือโอกาสนี้ล้างตัวอีกครั้ง   

เสียงเคาะประตูดังขึ้น  นทีก้าวเข้ามาพร้อมผ้าห่มหนึ่งผืน “นอนด้วย” ไม่รอฟังคำตอบ  ร่างสูงโถมลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว

ต้นน้ำ “.........”  จะให้เขาทำยังไงล่ะ?  ปฏิเสธ?...จะดูรังเกียจอีกฝ่ายไปหรือเปล่า? “เอ่อ...เรานอนคนเดียวได้นะ”

“แต่เราปล่อยให้นายนอนคนเดียวไม่ได้  มานอนเถอะ”

ต้นน้ำเดินไปปิดไฟ  ไฟในห้องดับหมดแล้ว  มีเพียงแสงสว่างจากด้านนอกทะลุผ่านผ้าม่านโปร่งชั้นนอกเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น  ในความเลือนราง...เขาเห็นนทีลุกขึ้นมาถอดเสื้อ  นทีเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง...ที่ชอบนอนถอดเสื้อ  ภายในห้องมืดมาก  แต่เหมือนเขาจะเห็นมัดกล้ามทุกมัดบนร่างของนที   ดีนะที่พรุ่งนี้วันหยุด  ตัวเขาต้องกลับมาร้อนอีกแน่





“ไม่ต้องเอาหมอนไปหรอก  ห้องลูกมีตั้งหลายใบ  คุณจะไปนอนกับลูกจริงๆ เหรอ?”

“จริงสิ  คนไม่สบายต้องการกำลังใจที่สุด”  ธนกรตอบพลางลากฝนทิพย์ออกมาจากห้องนอน  เดินตรงไปที่ห้องต้นน้ำ  “รู้ไหม?  ตอนนทีเด็กๆ  ไม่สบายทีไร  ต้องขอนอนกับป๊าทุกที  บอกว่านอนกับป๊าแล้วหายเร็ว”

“แล้วตอนนี้ล่ะ?”

“ตั้งแต่โตมา  ยังไม่เคยเห็นป่วยสักที”

"ประตูล็อค"  ฝนทิพย์บอกเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องต้นน้ำแล้วพบว่าประตูห้องถูกล็อคไว้
 
"กุญแจอยูในห้องนอน  เดี๋ยวผมไปเอาก่อนนะ  คุณรออยู่นี่แหละ" 
 
"ลูกคงหลับแล้วมั้งคุณ" 
 
"อาจจะเพลีย  เราถึงต้องยิ่งดูแลอย่างใกล้ชิดไง"   
 
ธนกรกลับไปเอากุญแจมาไข  ค่อยๆ แง้มประตูเบามือ  "อ้าว  มีคนมานอนแทนซะแล้ว" 
 
ฝนทิพย์มองตาม  เห็นต้นน้ำนอนหลับสบาย  ส่วนนทีนอนตะแคงไปอีกข้าง  ท่าทางเหมือนหลับสบายเหมือนกัน
 
"กลับไปนอนห้องเรากันเถอะน่า"  ฝนทิพย์รีบสรุปเมื่อเห็นสามีทำหน้าเสียดาย
 
ฝนทิพย์พาธนกรที่กำลังผิดหวังจากการไม่ได้นอนให้กำลังใจลูกชายคนโตกลับห้อง  โดยที่ไม่รู้เลยว่า...ลูกชายคนเล็กได้ทำหน้าที่แทนเป็นอย่างดี  ทันทีที่ประตูปิด  นทีก็ลืมตา  เปลี่ยนท่าหันไปนอนซบกลิ่นต้นน้ำเหมือนเดิม
 
 
 
 
 
ต้นน้ำตื่นมา  นทีก็หายตัวไปแล้ว  ต้นน้ำเดินลงมาข้างล่าง
 
"นทีกับป๊าไปไหนล่ะแม่?"  ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นฝนทิพย์นั่งดูทีวีลำพัง
 
"ไปบริษัทกับป๊า"
 
"แล้วแม่ไม่ไปร้านเหรอ?"  ต้นน้ำยกถ้วยข้าวต้มมานั่งกินหน้าทีวีกับฝนทิพย์  วันๆ กินแต่ข้าวต้ม  เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเพื่อนถึงบ่นเขาเรื่องที่กินแต่ข้าวมันไก่กันนัก
 
"ไม่ไปอ่ะ  ลูกชายสุดที่รักป่วยอยู่แบบนี้  แม่จะทิ้งไปได้ไงล่ะ?" ฝนทิพย์ตอบพลางเข้ามาหอมหัวหอมหูลูกชายสุดที่รัก
 
ปกติก็ทิ้งประจำเถอะ... ต้นน้ำแค่คิดในใจ
 
"เออนี่... ลูกค้าหนุ่มสาวร้านเราเพิ่มขึ้นเยอะมากเลยนะ  ตั้งแต่ลูกกับนทีถ่ายแบบให้ป้าอ้อยน่ะ  แม่ว่าจะจ้างช่างภาพมาถ่ายรูปลูกๆ เป็นแบบให้ร้านเราบ้าง... ดีไหม? "
 
"ผมยังไงก็ได้ " กิจการในครอบครัว  ควรช่วยกันทำมาหากินสิ  "แต่นทีไม่รู้นะ"
 
"เดี๋ยวแม่ลองถามอีกที  แล้ววันเกิดป้าเล็ก...อีกสองอาทิตย์ลูกจะไปไหม?"
 
" ไปสิครับ  ไม่ได้เจอป้าเล็กนานแล้ว  จัดที่เดิมหรือเปล่า"
 
" ที่เดิมนั่นแหละ"
 
 
 
 
 
เมื่อไม่มี 'พยาบาลจำเป็น' ต้นน้ำก็อาการดีขึ้น  ยังคงเหลืออาการไออยู่เพียงเล็กน้อย  ไม่มีอาการ ‘ร้อน’ จน 'ไข้กลับ' อีกต่อไป
 
แต่นทีที่เพิ่งกลับมาบ้าน  อาการแย่อย่างเห็นได้ชัด  หน้าแดง ตาแดง จมูกแดง  จามฟุดฟิดตลอดเวลา  ต้นน้ำเลยมีคนช่วยกินข้าวต้มแล้ว
 
" น้ำเอายาไปให้ทีหน่อยลูก" ฝนทิพย์สั่งขณะที่กำลังจะเก็บจานไปล้าง
 
ต้นน้ำเคาะประตูห้อง  รอสักพักก็ไม่ได้ยินเสียงตอบเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป  ภายในห้องมืดสนิท  ไม่มีไฟเปิดสักดวง  เอื้อมไปคลำหาสวิตช์ตรงตำแหน่งที่คิดว่าน่าจะมี  สักพักก็เจอ
 
พอไฟสว่างขึ้น  สายตาก็จับภาพได้  ร่างสูงนอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า   
 
ต้นน้ำรีบเข้าไปดู  มือเรียวแตะที่หน้าผากก่อนเรียก "นที  นที" 
 
ตาคมปรือขึ้น  มีแววอ่อนล้าในดวงตา "อือออ" 
 
"กินยาก่อนเถอะ  ลุกไหวไหม?" 
 
"ไหว" นทีลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง   
 
ต้นน้ำยัดเม็ดยาใส่มือขาว  ตามด้วยน้ำ  พอกินยาเสร็จ  ร่างสูงก็หงายศรีษะพิงเข้ากับหัวเตียง 
 
"ปวดหัวจัง" 
 
"นอนพักเถอะ" 
 
"อยากอาบน้ำ" 
 
"เช็ดตัวก็พอมั้ง" 
 
"แล้วทีเมื่อวาน  ใครขออาบน้ำ"
 
" ก็เราอาบไหว  นายอาบไหวไหมล่ะ?" 
 
" ไม่ไหว  เช็ดตัวให้หน่อยสิ"  ไม่พูดเปล่า  เอื้อมมือมาสะกิดขาพยาบาลคนใหม่พลางเอียงใบหน้ามองเขาด้วยสายตากึ่งอ้อนวอน กึ่งขอร้อง 

 


---------------ต่อด้านล่างนะจ๊ะ-------------







หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 25-08-2019 02:32:58
---------------ต่อจากด้านบนนะจ๊ะ--------------


การเช็ดตัวให้  ก็เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการอบน้ำให้จริงๆ "งั้นเราไปเอาผ้าก่อน" ต้นน้ำเดินไปเลือกเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นมาด้วย   
 
"ห้องนายไม่มีผ้าเช็ดตัวผืนเล็กเหรอ? ขนาดผ้าเช็ดหน้าน่ะ"   
 
"มีอยู่ตรงในลิ้นชักชั้นบนมั้ง" 
 
ต้นน้ำหอบของทั้งหมดเดินเข้าห้องน้ำไป  ห้องน้ำพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเล็กหลายผืน
 
" เอามาทำไมตั้งหลายผืน?" 
 
"เดี๋ยวก็รู้" 
 
มือเรียวใช้ผ้าเช็ดไปตามขอบหน้าของคนป่วย  ลำคอ  ในขณะที่คนป่วยนั่งเอนหลังยิ้มกริ่ม  สายตาไม่ละไปจากใบหน้าของพยาบาลเลย   
 
"ถอดเสื้อออกหน่อยสิ" 
 
นทีเริ่มต้นปลดกระดุมเสื้อ   ช้ามาก... กว่าจะปลดหมด  กว่าจะถอด   
 
"มัน... ปวดตัวอ่ะ"
 
"ไม่สบายก็แบบนี้แหละ"  ต้นน้ำเริ่มเช็ดที่แขน  แล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กม้วนเป็นกลมๆ เหน็บไว้ที่ซอกรักแร้  "ลดอุณหภูมิ" 
 
จากนั้นก็เช็ดที่อก  แขนอีกข้าง  แล้วก็เหน็บผ้าไว้เหมือนกันอีกข้าง "นั่งตรงๆ ได้ไหม? จะเช็ดหลัง" 
 
นทีพยายามนั่งตรงๆ  ต้นน้ำยืนด้านข้าง  มือหนึ่งประคองไหล่นทีไว้  อีกมือหนึ่งก็ใช้ผ้าอีกผืนเช็ดตัวด้านหลังให้
 
"เช็ดอย่างกับล้างรถ  ทำไมไม่ทนุถนอมกันบ้าง? "
 
"ก็เช็ดตัวลดอุณหภูมิอ่ะ  ก็ต้องเช็ดแรงหน่อย  รูขุมขนจะได้เปิด" ว่าพลางเอาผ้าเช็ดตัวผืนแห้งมาซับหลังให้  ก่อนประคองให้พิงหมอนอีกครั้ง
 
"ทฤษฎีไหนเนี่ย?" 
 
"เคยเห็นน้าทำให้น้องตอนเด็กๆ  ข้างล่างจะเช็ดไหม?" ต้นน้ำเก็บผ้าเช็ดตัวทั้งหมดกลับ
 
"เช็ด  ถอดกางเกงให้ด้วยนะ  ก้มไม่ไหว  มันปวดหลัง"
 
.......... 
.......... 
.......... 
 
ต้นน้ำใช้มือตั้งสองข้างดึงเข็มขัด  ปลดตะขอ รูดซิบ  ไว้ก่อน  จากนั้นก็เอาผ้าเช็ดตัวผืนแห้งมาคลุมส่วนสงวนไว้  ก่อนดึงเอากางเกงออกมา
 
"ยังเหลืออีกชิ้น  เอาออกไปด้วยสิ"
 
.......... 
........... 
 
มือขาวสอดเข้าไปใต้ผ้าเช็ดตัวอีกครั้ง   
 
นิ้วเรียวเกี่ยวเอาชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายภายใต้ผ้าขนหนูออก  "เราไปเปลี่ยนผ้าให้ใหม่" ต้นน้ำรวบรวมชิ้นส่วนทั้งหมดที่เขาเป็นคนถอดออกมาไปทิ้งไว้ในตะกร้าซัก  ก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป
 
คนบนเตียงนอนยิ้มนิดๆ  ตาพราวระยิบระยับ
 
ต้นน้ำกับออกมาอีกครั้ง  นทีก็เอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้แล้ว 
 
"ไหนว่าจะให้เช็ดข้างล่างด้วย?"
 
"ก็เช็ดไปสิ  มันหนาวนี่"
 
" แล้วทำไมไม่เอาเสื้อมาใส่  เสื้อก็วางอยู่ตรงนี้"
 
"ก็ บอก แล้ว ว่า ใส่ เอง ไม่ ไหว"  นทีเน้นทุกคำ ไม่ไหว  ไม่ไหว  ไม่ไหว  เข้าใจไหมว่า...ไม่ ไหว
 
.......... 
.......... 
 
อยากตีคนป่วย  แต่มือก็คว้าเสื้อมาสวมให้  ก่อนตวัดผ้าห่มออกแค่ช่วงขา  แล้วไล่เช็ดมาตั้งแต่ต้นขา  ไล่มาถึงข้อเท้า   
 
" ทีเมื่อวานทำไมไม่ให้เช็ดแบบนี้บ้าง? "
 
"หะ?"
 
"เปล่าๆ ไม่มีอะไร?"
 
ต้นน้ำสวมกางเกงให้เป็นอย่างสุดท้ายก่อนเก็บผ้า   
 
"อยากแปรงฟันด้วย" 
 
"จะเอาทุกอย่างเลยใช่ไหม?" 
 
"ไม่  นี่ยังไม่ครบทุกอย่าง"...ที่อยากได้เลย
 
ต้นน้ำกรอกตา  "นายเป็นง่อยไปแล้วใช่ไหม?" 
 
"ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก  แค่ไม่สบาย  เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวไปหมด  เหนื่อยมาก เพลียง่าย แค่นั้นเอง" 
 
ต้นน้ำสะบัดหน้าเข้าห้องน้ำ  ก่อนออกมาพร้อมแปรงสีฟัน  กับแก้วน้ำ   
 
"นายบ้วนปากลงถังขยะแล้วกัน" 
 
นทีอ้าปากรอ
 
 "พรุ่งนี้นายต้องเป็นง่อยจริงๆ แน่"  ต้นน้ำแปรงฟันให้นที  ตรงไหนเลอะก็เอากระดาษทิชชูเช็ด  แปรงๆ เช็ดๆ บ้วนๆ สะอาดพร้อมนอน   
 
ร่างสูงโปร่งขยับจะลุก  แต่มือใหญ่กลับคว้าข้อมือเอาไว้ "นายไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง?" 
 
ใช้มาขนาดนี้แล้ว  เพิ่งจะมาถาม "แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว"
 
"หายเร็วจัง  ได้กำลังดีล่ะสิ  คืนนี้นอนนี่นะ? 
 
ต้นน้ำ ".........." ปฏิเสธ? 
 
ปฏิเสธ! 
 
ปฏิเสธ!!
 
ปฏิเสธ!!! 
 
"นะ!" 
 
ต้นน้ำ ".........." อย่าพูด  อย่าพูดออกมาแม้แต่คำเดียวนะ
 
"ก็อยากหายเร็วๆ บ้าง"   
 
ประตูเปิดออกผัวะ
 
"นที๊... ลูกรัก  ปะป๊ามาแล้ว"  ธนกรโผเข้ามา
 
"ป๊ามาทำไมอ่ะ?"
 
"มานอนเป็นเพื่อนลูกไง  คนป่วยต้องการกำลังใจนะ  ปะป๊าจะดูแลลูกเอ๊ง" 
 
"งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ"  ต้นน้ำรีบไปตัดบท " กู๊ดไนท์ครับป๊า
 
นที "ม่ายยยยยย" 
 
ต้นน้ำกลับมาที่ห้องนอน   พลางสูดหายใจเข้าเต็มปอด  เมื่อกี้เหมือนหายใจไม่อิ่ม  มันคอยจะขัดๆ อยู่ตลอดเวลา  คืนนี้กินยากันไว้หน่อย  เผื่อไข้จะกลับ





----------------โปรดติดตามต่อนต่อไป----------------

เค้ารักทุกคนเลย  ขอบคุณนะที่ติดตาม
ทั้งคนที่คอยให้กำลังใจตั้งแต่แรก  และคนที่เพิ่งอ่านนะคะ

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์  :กอด1:

อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกยังไงกันบ้างคะ?

จะรู้สึกเหมือนเรากันไหม?   :ling1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-08-2019 02:47:43
โถ่ นทีอีกนิดเดียว 5555555555555555
แต่ป่วยอยู่เนาะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-08-2019 03:56:18
 :laugh: ป๊า มาผิดเวลา
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-08-2019 06:47:47
ป๊าน่ารัก แต่แอบสงสารนทีนะ ชวดเลย 55
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-08-2019 08:51:18
ป๊าน่ารัก เอากำลังใจมาให้ลูก :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 25-08-2019 09:43:10
่นทีกรีดร้อง


ป๊าาาาาาา


มาทำม๊ายยยย


555555555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 25-08-2019 16:18:43
โถ่นที :laugh: :m20: :pigha2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-08-2019 17:33:17
คุณป๊า ลูกโตเป็นหนุ่มแล้ว ไม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนแล้วก็ได้ม้างงงงง 55555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-08-2019 18:31:54
 :laugh: น่าสงสารคนป่วย
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-08-2019 19:43:00
ป่วยน่ะป่วยจริงๆนะ......แต่ 30%  เท่าน้านนนน   :z3: :z3: :z3:
อีก 70%  มารยา สำออยล้วนๆ   :m20: :laugh: :pigha2:
กำไรล้วนๆ   :o8: :-[ :impress2:
นที  ต้นน้ำ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 25-08-2019 20:09:45
น่ารักมากๆ อ่านรวดเดียวเลยจ้า น่าติดตามสุดอ่ะ เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป พัฒนาไปเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 8 ------ [25/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-08-2019 22:17:59
 :pig4: :pig4: :pig4:

ป๊าน่าร้ากกกกกกก  555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 30-08-2019 01:50:26
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 9

เรากลัวผี...จริงๆ นะ!!!





นทีกับต้นน้ำมาเรียนด้วยกันในสภาพที่มีผ้าปิดปากทั้งคู่  นั่งเด่นแต่ไม่ค่อยเป็นสง่าเท่าไรนัก  ค่อนข้างเป็นที่รังเกียจของเพื่อนฝูงมากกว่า  เพราะทุกคนกลัวติดหวัด  ทั้งที่พวกเขาก็ยืนยันแล้วว่าอาการหวัดหายไปหมดแล้ว  เหลือแค่ไอเล็กน้อยเท่านั้น  แม้แต่อาจารย์ท้องแก่ก็ยังทำหน้ากึ่งๆ หวาดกลัว  กึ่งๆ ขยะแขยง
 
หลังเลิกคลาส  ฝั่งศิลปกรรมนั่งกินข้าวที่โรงอาหารรวม  ในขณะที่ฝั่งวิศวะแยกไปกินที่โรงอาหารคณะตัวเอง  เพราะมีควิซวิชาคณะในคลาสต่อไป  
 
เนื่องมาจากโพล 'สาวหล่อสุดฮอต' ทำให้ขิงขยายตลาดได้กว้างขึ้น  ไม่ว่าจะเดินไปไหนก็มักจะมีเสียงเรียก 'พี่ขิง' 'น้องขิง' ตลอดเวลา แต่วันนี้ 'สาวหล่อสุดฮอต' มีเหตุให้ต้องเสียอารมณ์ๆ  เพราะโพลใหม่ประจำเดือนออกแล้ว... 'คู่จิ้นที่อยากให้เป็นคู่จริงมากที่สุด' 
 
เปิดโพลมาก็เฮฮากันเลยเพราะในกลุ่มจับจิ้นกันเองถึงสองอันดับ  ซึ่งก็คือขิงกับเอื้องฟ้า... อันดับเจ็ด  ริวกับต้นน้ำ... อันดับสอง  
 
ส่วนอันดับหนึ่งได้แก่ต้นน้ำและนที   นทีเองก็มีชื่ออยู่ในโพลสองอันดับเหมือนกันกับต้นน้ำ  คืออันดับที่สาม... นทีกับดิว  
 
"มึงดูดิ  มันใช่เรื่องไหมวะ? น้องจิ๊บไลน์มาด่ากู  ว่ากูมีมึงอยู่แล้ว  ยังไปยุ่งกับน้องเขาทำไม? "
 
"กรรมตามสนองมึงไง  กูก็เลยซวยไปด้วย  คนอื่นต้องคิดว่ากูเป็นดี้หมดแน่" 
 
"กรรมตามสนองอะไรวะ?" ขิงถามงงๆ  เขาเคยไปทำอะไรให้ใครเมื่อไร? 
 
เอื้องฟ้าเอียงตัวเข้าหาขิง  ก้มกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน "ก็เพจคิวท์บอยอ่ะ ส่งข้อความมาหากู  ว่าสงสารกูที่แอบชอบมึงเลยลงคู่จิ้นให้  เป็นการขัดขาผู้หญิงคนอื่น"
 
" เหี้ย  กูไปแอบชอบมึงตอนไหนวะ? "
 
"ก็มึงใช้เฟสกูไปขอให้เขาจัดโพลสาวหล่อให้มึงไง  จำไม่ได้เหรอ?  เรื่องเหี้ยๆ นี่ไม่เคยจำเลยนะมึง  มึงเป็นต้นเหตุของคู่ไอ้น้ำกับไอ้ทีเลยนะ"
 
"จริงด้วยว่ะ" ขิงที่เพิ่งระลึกชาติได้  หันไปมองหน้าต้นน้ำหงอยๆ... น้ำ กูขอโทษนะ
 
ต้นน้ำที่กำลังดูดชานมไข่มุกไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีคนขอโทษอยู่ใกล้ๆ  มือหนึ่งกินชาไข่มุก  มือหนึ่งเลื่อนโทรศัพท์ดูโพล
 
"ถ้าเป็นจริงก็ 3p เลยนะ  กูได้เมียสองคนเลยเหรอนี่?" 
 
"ถรุย  พูดอะไรไม่ดูหนังหน้าตัวเอง  ไหน... มึงว่าหน้ากูเหมาะจะเป็นเมียมึงเหรอ?"  คู่จิ้นอันดับสองของเขาโวยวาย
 
ต้นน้ำ ".......... "
 
"ไม่เหมาะใช่ไหมละ? ทีนี้มึงรู้แล้วใช่ไหมว่าใครที่ต้องเป็นเมีย?" 
 
"นี่พวกมึงเถียงกันว่าใครผัวใครเมียเนี่ยนะ?  พวกมึงจะเอากันจริงๆ หรือไง?"  เนมที่นั่งฟังอยู่ถามขึ้น
 
"ไม่" ทั้้งสองคนตอบพร้อมกัน  ก่อนมองหน้าแบบรังเกียจ
 
"ไร้สาระว่ะ  หาอะไรกินดีกว่า" เนมลุกขึ้นไป  ริวก็ตามไปด้วย
 
"น้ำ  มึงเฝ้าโต๊ะนี่แหละ  เดี๋ยวกูไปซื้อให้  เอาอะไร?"  ขิงถาม
 
"มึงกินอะไร  กูก็กินอันนั้นแหละ" ต้นน้ำบอกผ่านๆ  ก่อนเลื่อนดูรูปนทีกับดิวที่เดินกอดคอกัน
 
มือขาวปิดเฟสบุค  เลื่อนไปเปิดไอจีแทน  พิมพ์แฮชแท็ก 'นทีดิว'ลงไปในช่องค้นหา  สักพักเดียวก็มีรูปนทีคู่กับดิวขึ้นมาเต็มหน้าจอ  
 
เรือ 'นทีดิว' ก็ทำงานหนักไม่แพ้ เรือ 'นทีต้นน้ำ' เหมือนกัน  มีทั้งรูปนทีกับดิวลงรถมาด้วยกัน  นั่งเรียนด้วยกัน  กินข้าวด้วยกัน  ทุกกิจกรรมที่เขาเคยทำกับนที  นทีก็ทำกับดิวเหมือนกัน
 
ต้นน้ำปิดโทรศัพท์ลง  หัวใจเต้นรัวเร็วจนรู้สึกได้  แต่กลับไม่อาจควบคุมได้  เขาหงุดหงิด  เขาโกรธ  โกรธ... ในสิ่งที่ไม่ควรโกรธ  ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะโกรธด้วยซ้ำ
 
 
 
 
 
อีกฝั่งหนึ่งของคณะวิศวะกรรมศาสตร์   มือขาวเรียวลูบไปที่รูปของนทีและต้นน้ำบนหน้าจอมือถือ ปากแดงบนใบหน้าขาวสวยไม่ต่างจากผู้หญิงเม้มแน่น... ทั้งๆ ที่เขาเจอนทีก่อน  ทั้งๆ ที่เขาชอบนทีมาก่อน  แต่เพราะคิดว่า
นทีที่ไม่ชอบผู้ชาย! 
นทีที่ไม่ได้เป็นเกย์! 
แค่ที่สนิทสนมเป็นเพื่อนกันได้  แค่นี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว  แต่เขาคิดผิด  แม้ว่าการกระทำหลายๆ อย่างที่นทีแสดงออกต่อเขาดูไม่แตกต่างจากต้นน้ำ  แต่มีอย่างหนึ่งที่ต่างออกไป... สายตา!  แววตาที่นทีมองต้นน้ำ... ไม่ต่างจากเขาที่มองนทีเลย!
 
ถ้าเขาแสดงความรู้สึกของตัวเองออกไปตั้งแต่แรก... นทีจะมองเขาด้วยสายตาแบบนี้แทนต้นน้ำหรือเปล่า?  ถ้านทีรับรู้ความรู้สึกของเขาบ้าง... เขายังจะมีสิทธิ์อยู่ไหม?  ไม่มีใครอยากเป็นคนที่แอบรักข้างเดียวไปตลอด  ไม่มีใครอยากเป็นคนที่ผิดหวัง   ไม่ผิดใช่ไหม?... ถ้า 'ผู้ชายหน้าสวยอันดับหนึ่ง' จะลงสนามแข่งกับ 'ผู้ชายหน้าสวยอันดับสี่' สักครั้ง  
 
 
 
 
 
นทีเคาะประตูห้องต้นน้ำ  แต่ไม่มีเสียงตอบรับ  มือใหญ่หมุนประตูลูกบิดออก  ภายในมืดและเงียบเชียบเหมือนไม่มีคนอยู่
  
เขาเอื้อมไปเปิดไฟ  เจ้าของห้องไม่อยู่จริงๆ  ร่างสูงเดินไปนั่งบนเตียงที่แม้จะทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว  แต่ก็ยังคงมีกลิ่นอายของเจ้าของห้องอยู่  ตาคมกวาดมองไปรอบห้อง  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม  เหมือนเมื่อครั้งแรกที่เขาเคยเข้ามาในห้องนี้  รวมทั้ง... กลิ่นที่หอมหวาน  อุ่นละมุนลอยอวลอยู่ในอากาศ  กลิ่นที่ตอนแรกไม่คุ้นชิน  แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นกลิ่นที่ยิ่งกว่าคุ้นเคย  เหมือนยาเสพติดที่ยิ่งดมก็ยิ่งติด  กลิ่นเดียวกับคนที่ไม่อยู่ 
 
อาทิตย์นี้ต้นน้ำยุ่งมาก  ตอนเช้าก็ออกไปแต่เช้า  ตอนเย็นกลับเข้ามาก็ขลุกอยู่แต่ในห้องตลอด  เห็นว่ารับงานวาดรูปมาจากป้าเล็กหลายงาน  ส่งท้ายก่อนสอบกลางภาค  เจอกันแต่ละทีช่างยากเย็น  ถึงเจอก็ได้เจอแค่แป๊บเดียว   แค่นี้... เขาก็เหมือนหายใจลำบากขึ้นทุกที
 
มือขาวลูบไปที่เตียงนอนช้าๆ  ราวกับต้องการซึมซับไออุ่นจากคนที่ไม่อยู่
 
 
 
 
 
"นที นที"  เสียงเรียกเบาๆ ทำให้นทีรู้สึกตัวตื่น  ตาคมปรือลอยคล้ายตื่นไม่เต็มตา  แต่มือใหญ่กลับตวัดรั้งร่างคนที่ปลุกให้ล้มลงในอ้อมแขนได้พอดี  
 
"เฮ้ย  ทำไมนายมานอนที่นี่?"  ต้นน้ำขยับตัวซึ่งนทีก็คลายอ้อมแขนให้อย่างง่ายดาย
 
"ง่วง"  นทีพลิกร่างตามต้นน้ำ
 
"ง่วงแล้วทำไมไม่นอนห้องตัวเอง" 
 
"อย่าพูดมากสิ  ขออีกแป๊บนึง"  ท่าเดิมเลย  ต้นน้ำนอนหงายโดยมีนทีซุกอยู่ตรงไหล่  แขนพาดตัว  เขาได้กลิ่นยาสระผมอ่อนๆ ของนทีลอยมา  
จบแล้ว... ที่ทำเป็นยุ่งอยู่ทั้งอาทิตย์  หมดกันวันนี้  
 
ต้นน้ำนอนนิ่งอยู่พักหนึ่งก่อนบอก" ง่วงแล้วเหมือนกัน  ปล่อยสิ  จะไปอาบน้ำ" 
 
"อาบทำไม?  ก็หอมดีออก" 
 
ก่อนหน้านี้นทีก็ไม่ได้เป็นคนอย่างนี้  ทำไมเดี๋ยวนี้ชอบพูดให้คิดไปไกลอยู่เรื่อย
 
"แล้วแต่นายเถอะ  เราเหนียวตัว  ไม่อาบแล้วนอนไม่หลับ  นายอาบแล้วเหรอ?" 
 
"อาบแล้วสิ  อาบแล้วก็มานอนรอนายอยู่เนี่ยแหละ"
 
นอนรอ?... โอ้ย!... ทำไมคำพูดแต่ละคำมันชวนให้จั๊กจี้หัวใจอย่างนี้ล่ะ
 
"รอทำไม?  มีอะไรหรือเปล่า?" 
 
"ไม่มี  ไม่มีแล้วมาหาไม่ได้เหรอ?"
 
ได้!  แต่ในใจกลับรู้สึกขัดแย้ง  มันไม่ควรเป็น 'ได้' สิ  ยิ่งคิดต้นน้ำก็ยิ่งงง  หรือเขาคิดอะไรให้มันมากไปเอง  นทีก็เป็นของนทีแบบนี้  อยากจะทำอะไรก็ทำอยู่แล้ว
 
"ไม่มีอะไรก็ดี  ไปอาบน้ำก่อนนะ" 
 
ต้นน้ำเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว  เรื่องเก่ายังงงๆ ไม่หาย  มีเรื่องใหม่มาให้คิดอีกแล้ว... เอาเสื้อผ้าเข้าไปใส่ในห้องน้ำด้วยเลยดีไหม? 
 
สมองซีกซ้ายบอกว่า... ไม่ควร  ปกติก็ไม่เอาเสื้อผ้าเข้าไปใส่ในห้องน้ำอยู่แล้ว  
สมองซีกขวาเถียง...ควร  ถ้ารู้สึกเขินๆ  ก็ต้องเอาเข้าไปด้วยสิ
ซีกซ้าย... เดี๋ยวนทีจะรู้สึกผิดปกตินะ  ถ้าเขาถามจะตอบยังไงล่ะ? 
ซีกขวา... ถ้าใส่ผ้าเช็ดตัวออกมาแล้วอายเหมือนคราวที่แล้วล่ะ
ว้ากกกกกกก! ต้นน้ำคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป  
ซีกซ้ายชนะ!!!  เขาจะทำตัวผิดปกติไม่ได้เด็ดขาด
 
อาบน้ำเสร็จแล้ว  คราวนี้เช็ดตัวแห้งมาก..ก  เดินออกมาปุ๊บ... คว้าเสื้อนอนมาใส่ได้เลยทันที  ต้นน้ำรู้สึกได้ว่ามีสายตาจาบจ้วงไล่ตามหลังอยู่ตลอดเวลา  แต่ไม่แน่... เขาอาจจะรู้สึกไปเองก็ได้   ตาคู่สวยเหลียวกลับไปดู
 
มองอยู่จริงๆ ด้วย... 
 
"นึกว่าหลับ  ไหนว่าง่วงไง?" 
 
"ก็นายชวนคุยเลยตื่น" นทีนอนยิ้มกริ่ม  สายตาไล่ไปตามมือขาวที่ติดกระดุมเสื้อ  เม็ดที่หนึ่ง... เม็ดที่สอง... สาม... สี่.... ห้า  ระเรื่อยไปยังผ้าเช็ดตัวที่พันเอวอยู่  มือขาวหยิบกางเกงมาสวม  นทีก็ยังคงมองอยู่  "แล้วนายไปไหนมา?" 
 
"ไปคุยธุระกับพี่ บ.ก.มาแล้วก็เลยส่งงานด้วย"  ต้นน้ำนั่งลงที่ปลายเตียง  มือก็เช็ดผมที่ยังไม่แห้งดี  
 
"ส่งเมลก็ได้ไม่ใช่เหรอ?" 
 
"ก็ใช่  แต่ก็มีบ้างที่พี่ บ.ก. เขานัดเจอกัน  กินข้าวกันบ้าง  นานๆ ที" 
 
นทีเขยิบเข้ามาใกล้  มือขาวเอื้อมมาหยิบผ้าขนหนู "มา เช็ดให้" 
 
"เราเช็ดเอง"
 
" เช็ดเองถนัดเหรอ?  วนแต่ที่เดิมเมื่อไรจะแห้ง?"  
 
ต้นน้ำปล่อยมือให้นทีเช็ดไป  แต่... เดี๋ยววว  ส่วนใหญ่คนเช็ดมักจะอยู่ด้านหลังไม่ใช่เหรอ?  แล้วนทีทำไมมานั่งจ้องหน้าเขาอย่างนี้ล่ะ  
 
"พี่ชาย!" นทีเรียกต้นน้ำเสียงอ้อน "คืนนี้ให้น้องนอนด้วยนะ" 
 
"แล้วทำไมนายไม่นอนห้องตัวเองล่ะ?"
 
"ห้องเรามีผี"
 
ต้นน้ำ ".........."  
 
"เมื่อกี้ตอนนายไม่อยู่  เราดูหนังผีมา  มันน่ากลัวมากๆ เลย  ทีวีจอก็ใหญ่  ผีก็ตัวใหญ่  น๊าาา..." 
 
สมองซีกซ้าย... ให้นอนไปสิ  เรื่องปกติน่า
สมองซีกขวา...ไม่! ให้นอนไม่ได้!! อยาก 'ร้อน'จนตัวแตกตายหรือไง
แก้ม... โบ้มมมม!!! 
 
 
 
 
 
"นี่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันไหม?"  นทีถาม  ตาเป็นประกายในความมืด
 
" ไม่!" ต้นน้ำที่นอนหันหลังให้บอก
 
" ทำไมล่ะ?"
 
"มีนัดแล้ว" 
 
"ฮือ... พี่ชายยยยยยยย" นทีโผเข้าซุกหลังของต้นน้ำ "พี่ชายไม่มีเวลาให้น้องเลย" 
 
"พรุ่งนี้จะเก็บของไปบริจาค  อาทิตย์หน้าป้าเล็กจะไปเลี้ยงเด็กกำพร้า  น้องชาย... นายก็ควรจะเก็บของๆ นายที่ไม่ได้ใช้ด้วยนะ"
 
"จริงเหรอ?  ที่บริษัทของเล่นที่ค้างสต็อคโคตรเยอะเลย  เอามาทำซีเอสอาร์ด้วยก็ดีนะ" 
 
"แล้วแต่นายเลย  มีเด็กอยู่ประมาณ 80 คนได้"
 
นทีเงียบไปสักพักก่อนเรียกต้นน้ำอีกครั้ง "นี่" 
 
"อะไร?"
 
"นายชอบนอนหันหลังคุยกับคนอื่นอย่างนี้เรื่อยเลยเหรอ? "
 
ไม่ ได้ ชอบ เว้ย  !!!
 
 
 
 
 
งานใหญ่เลยทีนี้  นทีถึงขั้นเจรจากับป๊าเรื่องทำซีเอสอาร์ที่บ้านเด็กกำพร้า  ป๊าก็เห็นด้วย  พากันเข้าไปวางแผนงานที่บริษัทแต่เช้า  
 
บริษัทของป๊าเป็นบริษัทนำเข้าของเล่นจากจีน  เอามาแพ็คขายส่งทั่วประเทศ  ไอ้ตุ๊กตุ่นตุ๊กตาที่ขายเป็นแผงๆ นั่นก็ใช่   ของเล่นเก่าๆ ของนทีที่วางโชว์อยู่ในตู้เลยมีเยอะมาก   ระยะหลังถึงมีของเล่นที่ผลิตเองด้วย   
 
ส่วนนทีเป็นเจ้าของบริษัทของเล่นอีกบริษัทหนึ่ง  เน้นของเล่นที่นทีคิดขึ้นมาเองโดยเฉพาะ  ป๊าลงทุนแรกเริ่มให้  โดยใช้พนักงานเดียวกันทั้งหมด  ต่างกันแค่แยกบัญชีเป็นคนละบริษัท  แต่ขนาดคนทำบัญชี...ก็ยังใช้คนเดียวกันเลย

ของเล่นชิ้นแรกของนทีคือ 'เกมส์วัดดวง' วางขายตามผับและร้านอาหารเท่านั้น   ขายดีพอสมควร  ตัวเกมส์ออกแบบมาให้เป็นกล่อง  มีรูเล็กๆ บนปากกล่องไว้สำหรับเขย่าให้กระดาษที่ม้วนไว้ภายในไหลออกมาได้  คล้ายๆ กับการจับสลาก  แต่ข้อความภายในเป็นคำสั่งที่น่ากลัวมาก  และก็แทบไม่เคยซ้ำกัน  หากไม่ทำก็ต้องดื่มตามจำนวนแก้วที่กำหนดไว้  เขาเคยเล่นครั้งหนึ่งจับได้ว่า... ให้แสดงท่าทางใบ้คำที่กำหนด  โดยห้ามใช้คำพูด  ถ้าเพื่อนตอบได้ให้ดื่ม 2 แก้วตามถนัด  ถ้าเพื่อนตอบไม่ได้ให้ดื่ม 2 แก้วออนเดอะร็อค  คำใบ้ที่กำหนดคือคำว่า 'นวัตกรรม'  วินาทีนั้น... ความรู้สึกแรกก็คือ... พ่อง!  ใครคิดคำนี้ขึ้นมาวะเนี่ย?  แล้วเขาต้องทำท่าทางยังไงให้เพื่อนทายถูกเล่า  และคืนนั้นเขาก็เมาตามระเบียบ
 
เขาเคยถามนทีว่าใครเป็นคนต้นคิดให้ใช้คำนี้  นทีตอบว่า... 'จำไม่ได้  ช่วยกันคิดหลายๆ คน  มีคำยากกว่านี้อีก  ก็ต้องยากสิ  ออกแบบมาเพื่อเมาโดยเฉพาะ'  
 
ต้นน้ำเก็บหนังสือต่างๆ ลงลังกระดาษแยกไว้หลายลัง  เสื้อผ้ามีไม่มาก  ส่วนใหญ่ยังอยู่บ้านเก่า  คิดได้แล้วก็พาลคิดถึงบ้านขึ้นมา  มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด
 
Tonnam : วันนี้ผมกลับไปนอนบ้านรัตนานะครับ
 
บ้านเก่าของเขาอยู่ในหมู่บ้านรัตนารมย์  เขาจึงเรียกสั้นๆ ว่าบ้านรัตนา
 
มีไลน์กรุ๊ป  แต่ไม่มีใครตอบ  ต้นน้ำหันไปเก็บของต่อ  สักพักไลน์ก็เด้ง  เป็นฝนทิพย์ที่ตอบก่อนคนอื่น
 
RainyMorning : นอนคนเดียวได้เหรอ
RainyMorning : ให้แม่ไปนอนเป็นเพื่อนไหม? 
Tonnam : นอนได้ครับ  สบายมาก  แม่ไม่ต้องเป็นห่วง  พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว

 
แล้วแม่ก็ไลน์มาอีกครั้ง  คราวนี้เป็นไลน์ส่วนตัว
 
RainyMorning : ฝากเอาของให้แม่ด้วยนะ...
 
แล้วก็เป็นรายการของยาวววววว  รวมทั้งของที่จะเอาไปบริจาคบ้านเด็กกำพร้าด้วย  งานใหญ่อีกแล้ว
 
RainyMorning : แล้วก็... ฝากสวัสดีพ่อให้แม่ด้วยนะ
 
แแแแแม่...ม่...ม่!!! 
 
 
 
 
 
นทีกับป๊าหายเงียบไปเลย  ตกเย็นต้นน้ำถึงได้ขับรถออกจากบ้าน
 
ต้นน้ำแวะซื้อข้าวมันไก่เจ้าประจำที่ไม่ได้ถึงกับอร่อยมากนัก  แต่เป็นรสชาติที่คุ้นเคย  กินมาตั้งแต่เด็ก  ก็ไอ้เจ้านี้ล่ะ... ที่แม่เขาชอบซื้อมาให้กิน  แล้วบอกว่าน้ำจิ้มมันเผ็ด! 
 
บ้านของเขาเป็นบ้านสองชั้นขนาดสองห้องนอน  สามห้องน้ำขนาดกลางๆ  อยู่สบายๆ สำหรับสองคนแม่ลูก  ร่างโปร่งกวาดสายตามองรอบบ้านช้าๆ สูดกลิ่นที่คุ้นเคยเต็มปอดก่อนเดินขึ้นไปยังห้องของตนเอง  ตั้งแต่ย้ายออกไป  นอกจากกลับมาเอาของไปเพิ่มแล้ว  ก็ไม่เคยกลับมาค้างเลยสักครั้ง  ห้องของเขายังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง  เหมือนตอนที่ย้ายออกไป  แค่ข้าวของบางตาลงไปมาก
 
มือขาวเรียววางกระเป๋าเป้ลงก่อนเริ่มรื้อกองหนังสือเก่าเป็นอย่างแรก   รื้อไปรื้อมาจนเพลิน  ทั้งของฝนทิพย์และของเขาเอง  รู้ตัวอีกทีก็ค่ำแล้ว  ภายในบ้านค่อนข้างเงียบ  เขาอยู่ที่บ้านหลังนี้มานาน  อยู่คนเดียวก็บ่อย  แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้สักที  ภายนอกสงัดราวกับไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด  ต้นน้ำรีบเดินไปปิดหน้าต่าง  แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่  ร่างสูงรีบเดินไปเปิดไฟภายในห้อง  แต่ไฟกลับไม่ติด  หรือเป็นเพราะว่า... 'ฝากสวัสดีพ่อให้แม่ด้วยนะ'
 
 
 
 
นทีไขประตูบ้านเข้ามา  รถต้นน้ำจอดอยู่หน้าบ้าน  แต่ทั้งบ้านกลับเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่  แม้แต่ไฟสักดวงก็ไม่เปิด  ฝนทิพย์เป็นห่วงต้นน้ำที่ต้องนอนที่นี่ตามลำพังเลยส่งเขามาดู  
 
ร่างสูงค่อยๆ ย่องเข้ามา  วูบหนึ่งที่นทีเห็นเงาคนในความมืดเดินหนีหายไปทางด้านหลังบ้าน
 
'ขโมย?' นทีสาวเท้ายาวตามไป  เงาร่างของคนๆ หนึ่งกำลังค้นของกุกกักอยู่ในมุมที่เป็นตู้เก็บของในครัว  นทีเดินเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว... กระโดดถีบเต็มแรง
 
"เฮ้ยยย!" 
 
"ว้ากกก!" 
 
ร่างสูงของหัวขโมยเซถลาไปชนเคาน์เตอร์ก่อนร้องตะโกน "ขโมยๆๆๆๆ" 
 
นทีชะงัก   ขโมยจะเรียกเขาว่าขโมยไม่ได้  ไอ้บ้านี่  ถ้าน้ำเสียงที่ร้องตะโกนไม่ใช่น้ำเสียงของต้นน้ำแล้วล่ะก็... โดนซ้ำไปแล้ว
 
ไฟสว่างพรึ่บ!! 
 
นทีมองคนที่ยืนตัวงออยู่ข้างเคาน์เตอร์  ต้นน้ำที่มีผ้าโพกหัว  มีหน้ากากสำหรับใช้กันฝุ่นปิดหน้าอยู่ในสภาพทุลักทุเล  มือกุมหน้าท้องมองเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ!! 
 
"เหี้ย" จบแล้วนที!





---------------- มีต่อด้านล่างนะคะ---------------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 30-08-2019 01:51:23
---------------ต่อจากด้านบนค่ะ--------------





"ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?" นทีพูดด้วยน้ำเสียงน่าสงสาร  มือขาวใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดประคบหน้าท้องที่แดงเป็นปื้นให้ต้นน้ำ
 
ต้นน้ำที่นอนกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาหน้าบ้านไม่ตอบ  เมินหน้าไปทางอื่น  เจ็บจนน้ำตาคลอ  ทั้งเจ็บทั้งจุกทั้งน้อยใจปนเปกันไปหมด
 
"ขอโทษ  เราไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นนาย  เราคิดว่าเป็นขโมย  ก็นายสวมแมสค์ปิดหน้าด้วย" 
 
ต้นน้ำยังคงเงียบ
 
" ก็เจ๊ากันไง  กับตอนที่นายคิดว่าเราเป็นขโมยแล้วเข้ามาชาร์จเราอ่ะ" 
 
ต้นน้ำเหลือบมองนทีด้วยสายตา 'เจ๊ากันยังไงวะ?'
 
"โอเคๆ ไม่เจ๊าๆ  เราผิดมากกว่า  เราขอโทษ  ขอโทษจริงๆ ทำยังไงนายถึงจะหายโกรธ? "
 
"ทำให้เราหายเจ็บสิ  เดี๋ยวนี้!  ตอนนี้!  มัน เจ็บ  มัน เจ็บ  ได้ยินไหม?" ต้นน้ำอยากตะโกนให้ดังกว่านี้   แต่ก็เจ็บท้อง "อุตส่าห์ไม่เคยมีเรื่องกับใคร  มาพลาดท่าเพราะตีนนายเนี่ยนะ"
 
"ยกโทษให้เราเถอะนะ  เราผิดไปแล้ว  ไหนใครๆ ก็เรียกนายว่าคนดีไง"
 
"ชิ  นายก็เชื่อเหรอ?  บอกเลยว่า.. ไม่..ใช่" ต้นน้ำเน้นเสียงท้ายประโยค 
 
ก็รู้แล้วล่ะ... ว่าไม่ใช่!  นทียิ้มประจบ
 
"ทีนาย  ชื่อเสียงสับปะรังเคจะตาย  เรายังไม่เชื่อเลย?"
 
"ทำไมไม่เชื่อล่ะ?  เขาพูดความจริง" นทีบอกหน้าซื่อ
 
"ตอนนี้เชื่อแล้ว" ต้นน้ำประชด  มองหน้านทีด้วยแววตาหมั่นไส้สุดขีด 
 
"ก็เหมือนที่เราเชื่อไงว่าต้นน้ำเป็นคนดี"  นทียิ้มประจบ "เราว่าเราไปซื้อน้ำแข็งมาประคบดีกว่า  ในตู้ไม่มีน้ำแข็งเลย"
 
"ไปไหนก็ไปเลย  กลับบ้านไปเลย" 
 
โกรธจริงๆ ด้วยแฮะ "ไม่เอา  เราจะกลับมา  กลับมาให้นายลงโทษไง  เราเป็นห่วงนายนะ  โทรศัพท์นายอยู่ไหน?" 
 
"อยู่ข้างบน  แบตหมด" 
 
"งั้นเอาของเราไว้  เผื่อมีอะไรฉุกเฉิน  นายก็ยังโทรเรียกคนอื่นได้  นายจะเอาอะไรไหม? "
 
"เอาทุกอย่างที่กินได้"
 
"เยอะไปไหม?"
 
ต้นน้ำเหลือบตามองด้วยสีหน้า 'แล้วจะเอาไง?'
 
"ได้ๆ ได้หมด  อยากได้อะไร  เดี๋ยวจะหามาให้นะจ๊ะ" คนผิดยกมือยอมแพ้
 
หึ... นทีเดินออกไปแล้ว  ต้นน้ำจับสะโพกโอดโอย  สะโพกด้านหลังที่เบี่ยงหลบฝ่าเท้านทีไปชนเคาน์เตอร์ก็เจ็บ  แค้นนี้ต้องชำระ! 
 
ต้นน้ำหยิบโทรศัพท์นทีขึ้นมาดู  ในไลน์มีสาวๆ ทักมาบ้างประปราย  ไม่เยอะเท่าที่คิด  นทีก็ไม่ค่อยได้ตอบสักเท่าไร  แต่เป้าหมายไม่ใช่ไลน์  ต้นน้ำกดแอพพลิเคชั่นเฟสบุค  แล้วพิมพ์...วันนี้ผมมีอะไรจะสารภาพ  เป็นเรืาองที่ผมปิดบังทุกคนมานาน  ผมทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว  ผมไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิดผมอีก  เรืาองที่ทุกคนลือกัน  มันไม่ใช่เรื่องจริง  ความจริงแล้ว...ผมเจี๊ยวเล็กครับ! ...กดโพสต์  
 
ติ๊ง! 
ติ๊ง! 
ติ๊ง! 
ติ๊ง! 
ติ๊ง! 
เสียงเตือนจากเฟสบุคดังต่อเนื่อง  หมั่นไส้ว่ะ!  ปิดเสียงเลยดีกว่า  ไอ้เฟสบุค... แกจะไม่ได้มีโอกาสมาเสนอเสียงอีกต่อไป ฮ่าๆๆๆ
 
ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย... ต้นน้ำนอนรอขนมอยู่บนโซฟา  ได้กลิ่นดอกราตรีโชยมาตามสายลมชวนให้เคลิ้มหลับไป  ในความฝันเลือนลาง  เขารับรู้ได้ถึงฝ่ามืออบอุ่นที่คอยลูบหัวให้แผ่วเบา    
 
"น้ำ  หลับเหรอ?" นทีสะกิดต้นน้ำ  "ตื่นมากินยาหน่อยเถอะ" 
 
"นายกลับมานานหรือยัง?" 
 
"เพิ่งกลับมา" นทียื่นยาแก้ฟกช้ำและแก้อักเสบให้ต้นน้ำ  มือก็เอื้อมไปหยิบน้ำแข็งใส่ผ้าขนหนูมาประคบที่ท้องให้อย่างแข็งขัน  
 
"นั่นอะไร?"  ต้นน้ำมองไปที่ถุงจากร้านสะดวกซื้อสามถุงใหญ่ๆ  
 
"ก็... ทุกอย่างที่กินได้" 
 
"เอามาให้ดูหน่อย" 
 
นทีเอี้ยวตัวไปหยิบมากองข้างโซฟาให้คนเจ็บ  ต้นน้ำรื้อดูอย่างตื่นเต้นพลางตาโต
 
"โหย... นี่เหมามาหรือเนี่ย?"  พูดจบก็แกะเลย  เยลลี่เหนียวหนึบของโปรด
 
"ไม่หมดหรอกน่า  เลือกมาแต่ของที่เห็นนายเคยซื้อ" 
 
"สุโค่ย... สุดยอด... สวรรค์" ต้นน้ำอุทาน  ตาโตใสเป็นประกาย
 
"หายโกรธแล้วใช่ไหม? "
 
"อืม" หายง่ายไปนิด  แต่จะโกรธนานไปทำไมเล่า?... เสียเวลาแห่งความสุขในชีวิตหมด 
 
"แล้วอาการดีขึ้นหรือยัง?" 
 
"อื้ม.. ดีขึ้นแล้ว  ตอนแรกมันจุกๆ  ได้พักสักแป๊บก็เริ่มหายแล้ว"  หายแล้ววววว...พร้อมกินให้จุกอีกรอบ
 
"แล้วเรื่องนี้ล่ะ... จะว่าไง?"  นทีโบกโทรศัพท์มือที่โชว์หน้าจอเฟสบุคหรา
 
ต้นน้ำ ".........." มือเรียวกรอกเยลลี่ทั้งถุงเข้าปากๆ  
 
นทีเปลี่ยนเป็นโหมดกล้องถ่ายรูป  แล้วกดถ่ายตอนที่ต้นน้ำหน้าบวมเพราะเยลลี่เต็มปาก  แล้วอัพโหลดทันที   เป็นรูปต้นน้ำแล้วเขียนแคปชั่นว่า... โพสต์เมื่อกี้มีคนขี้งอนแกล้ง  
 
"อำอะไอ?" ทำอะไร? ต้นน้ำพูดอู้อี้ถาม  พยายามจะกลืนเยลลี่ลงคอพลางยื่นมือจะแย่งโทรศัพท์  "ไอ๋... เอาอาอูอิ๊"  ไหน.. เอามาดูซิ 
 
นทีเบี่ยงโทรศัพท์หลบ  ต้นน้ำที่ยังคงเจ็บแผลร้องโอดโอย  "อูย" ปากก็เคี้ยวเยลลี่หนุบหนับ  ที่คงจะกินเข้าไปเยอะเกิน  มันเลยหนุบหนับเต็มปากเลย  
 
"เป็นไงมั่ง?" 
 
"เอ็บ เอ็บอ่ะ" 
 
"เป็นกบเหรอ? ร้องเอ็บ เอ็บ" 
 
ต้นน้ำคว้าน้ำมาดื่ม  เยลลี่หนึบหนับลื่นลงท้องหมดแล้ว  มือก็ตบหน้าอกตัวเองคลายความแน่นจากการรีบกลืน
 
"นายอย่าโพสต์อะไรแปลกๆ นะ" 
 
"โพสต์ไปแล้ว" 
 
"โพสต์ว่าอะไร?" 
 
"บอกว่า... โพสต์เมื่อกี้มีคนเจี๊ยวเล็กกว่าแกล้ง"  
 
ฆ่าได้... แต่หยามไม่ได้  อาการจุกหายเป็นปลิดทิ้ง  เหลือแต่อาการเคล็ด ขัด ยอก ช่วงสะโพกหลัง  ต้นน้ำลุกขึ้นจะไล่เตะนที  แต่ไม่ไหวจริงๆ  กลับนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง  เวลาปกติเขาก็จับนทีไม่ได้  ไล่ไม่ค่อยจะทันอยู่แล้ว  ยิ่งเวลาเจ็บ... ยิ่งไม่ต้องหวัง
 
 
 
 
 
นทีคอยประคองแขนต้นน้ำขึ้นไปบันได 
 
"ทำไมเดินขัดๆ เจ็บตรงไหนอีก?"  นทีถามเมื่อเห็นต้นน้ำเดินแปลกๆ  ไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่ด้านขวา
 
"อืม  เจ็บตรงสะโพกน่ะ  เมื่อกี้หลบไปกระแทกเคาน์เตอร์"
 
"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก?"
 
"มันก็แปล๊บๆ นิดหน่อยเอง"
 
"นิดเดียวก็ต้องดู" ต้นน้ำพานทีเข้ามาในห้องนอน  ที่รกไปด้วยข้าวของที่ยังเก็บไม่เสร็จเป็นหย่อมๆ 
 
"นายรออยู่นี่นะ  เราไปเอาน้ำแข็งแป๊บ"
 
ต้นน้ำหยิบโทรศัพท์มาชาร์ตแบต  ระหว่างรอก็แอบหยิบโทรศัพท์นทีมาเปิดเฟสบุค  สมบัติผู้ดีรู้จักไหม?  ก็รู้จักอยู่นะ  แต่ความอยากรู้ว่า... ฟีดแบ็คเจี๊ยวเล็กของตนเองเป็นไงบ้าง...มีมากกว่า
 
ต้นน้ำหน้าแดงเมื่อเห็นรูปและแคปชั่นพร้อมแท็กถึงเขา... รูปเขาแก้มป่องเหมือนคนขี้งอนจริงๆ ด้วย... ถึงความจริงแล้วจะขี้งอนจริงๆ ก็เถอะ  แต่ที่แก้มป่องนี่เป็นเพราะเยลลี่ต่างหากเล่า  ไม่ได้เป็นเพราะงอนสักหน่อย
 
แต่คอมเม้นท์แต่ละคอมเม้นท์นี่สิ
 
... งอนที่นทีเล็กเหรอจ๊ะต้นน้ำ?
 
มันมาต่อเนื่องจากโพสต์ที่แล้วได้ยังไง?  เขารีบกดตอบ  
 
... ผมไม่ได้งอนนะครับ  แค่กินขนมเต็มปากไปหน่อ
 
ว้ากกกกกกก!  เขาใช้แอคเคาน์นทีตอบคอมเม้นท์  ทำยังไงดี?  กดลบอยู่ตรงไหนนะ?  
 
หา หา หา 
ไม่ทัน!  คอมเม้นท์อีกฝ่ายเด้งขึ้นมาก่อน 
 
... ขนมนทีอร่อยไหมคะต้นน้ำ?  นี่ใช้เฟสเดียวกันเหรอ? 
 
ว้ากกกกกกก! 
 
"นายทำอะไร?"  
 
ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!!  นทีมาแล้ว  "ดูเฟสบุค"  ใช้ความนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวไว้ก่อน
 
"แล้วทำไมทำหน้าอย่างงั้นอ่ะ? "  
 
"ทำหน้าตกใจเหมือนเห็นผี" 
 
"ก็... แหะๆ...เราเอาโทรศัพท์นายมาเล่น  โทรศัพท์เรามันยังไม่ติดเลย" 
 
"นึกว่าอะไร  แค่นี้เอง... เมื่อกี้นายเพิ่งโพสต์เฟสบุคเราไปไม่ใช่เหรอไง?  เจ็บตรงไหนอีกนะ?" 
 
"สะโพก  ด้านหลัง  งั้นยืมต่อนะ" ต้นน้ำขอยืมโทรศัพท์ต่อ  ขอเข้าไปแก้ไขความเข้าใจผิดคอมเม้นท์เมื่อกี้ก่อน  รอบนี้ต้องคิดให้ดีก่อนตอบ
 
"ตามใจ นอนคว่ำซิ  จะประคบให้" 
 
ต้นน้ำนอนคว่ำ  เขาใส่กางเกงอยู่บ้านตัวหลวมอยู่แล้ว เลยเลื่อนขอบกางเกงลงเกาะสะโพกหมิ่นๆ  พอให้เห็นรอยฟกช้ำด้านบนที่อยู่เหนือสะโพก
 
แม้จะเป็นผู้ชายเหมือนกัน  แต่ต้นน้ำกลับไม่รู้เลยว่า  แบบนี้... มันยิ่งกว่าเปิดให้เห็นทั้งหมดเสียอีก!
 
ต้นน้ำเข้าไปสานต่อคอมเม้นท์ที่เข้าใจผิดเมื่อกี้นี้
 
...ไม่ได้ใช้เฟสเดียวกันครับ  นี่นทีครับ
 
นึกว่าจะไม่ตอบ  แต่รอสักสักพักคอมเม้นท์ก็เด้งขึ้น
 
...อย่ามาโกหกหน่อยเลย  นทีไม่เคยตอบเฟสคนอื่นหรอก
 
ต้นน้ำฟุบหน้าลงกับหมอน  ก่อนยื่นโทรศัพท์ให้นที  "ช่วยที" 
 
นทีรับโทรศัพท์ไปอ่าน  เรียบเรียงและประมวลผลสักครู่ก่อนตอบ
 
... ใช่ครับ  เมื่อกี้ไม่ใช่ผม  ขนมเราอร่อยไหมต้นน้ำ? 
 
ต้นน้ำยื่นโทรศัพท์คืนให้ต้นน้ำ... ไม่ใช่แล้ว  ให้ช่วยนะ  ไม่ใช่ให้ขยาย
 
...ไม่อร่อย!!!  ใช่ครับ  เป็นผมเองครับ
 
พิมพ์แล้วให้จบแค่นี้พอ  เขาไม่ยื่นโทรศัพท์ให้นทีแล้ว  หวังว่าคนอ่านคงจะงงๆ กันบ้าง "พอยัง? ไปอาบน้ำเถอะ  ง่วงแล้ว" ต้นน้ำหันไปถามนที
 
โดยที่ต้นน้ำไม่ทันสังเกตุ  นทีหน้าแดง  ลมหายใจขัดแปลกๆ  มีอาการคล้ายลมปราณใกล้จะแตกซ่าน  
 
"อืม  พอแล้ว  เราอาบก่อนนะ"  นทีคว้าของในกระเป๋าได้ก็รีบรุดไปยังห้องน้ำ
 
ต้นน้ำไม่ได้ใส่ใจ  โทรศัพท์เขาติดแล้ว  เลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองมาดู  ตัวเลขแจ้งเตือนในเฟสบุคมีเป็นหลักร้อย  ต้นน้ำเข้าไปส่องเฟสนทีต่อเป็นอันดับแรก  โอ๊ย... ทำไมแต่ละคอมเม้นท์มันจักกะจี้แบบนี้
 
... ต้นน้ำรู้ได้ไงว่านทีเจี๊ยวเล็ก? แปลว่าเคยเห็น? 
 
... ง้อให้หนักๆ เลยนะนที  เอาให้เดินไม่ได้เลย
 
... เรือเราแล่นฉิว  กัปตันพายเอง  
 
... อิพวกเรือผีดูไว้ซะ  ว่าลำไหนของจริง

 
อะไรคือเรือ? อะไรคือกัปตันวะ?  ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งงง  อ่านเพลินจนลืมดูเวลา  จนกระทั่งได้กลิ่นหอมของสบู่ใกล้ๆ  
 
"ตานายแล้ว ไปอาบสิ  อาบเองได้ไหม? " 
 
"ได้ สบายมาก  ยอกนิดหน่อยเอง" 
 
 
 
 
 
ต้นน้ำเดินออกมาจากห้องน้ำสบายตัว  นทีเหมือนรอจังหวะอยู่แล้ว...พุ่งเข้ามากอดแน่น  หน้าหล่อคมคายซุกอยู่กับบ่าเขา  กอดแบบที่เรียกว่ากอดเลย  ตัวติดเลย  แนบแน่นแทบจะเป็นเนื้อเดียว  แน่นมากด้วย  แน่นจนตัวจะแตกแล้ว "เป็นอะไร?" ต้นน้ำถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก
 
"ผู้ชายในรูปคนนั้นเป็นใคร?" 
 
"คนไหน? รูปบนชั้นน่ะเหรอ?  พ่อเราไง"  
 
นทีรัดอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก  ตอนแรกว่าแน่นแล้วนะ... แต่ยังแน่นได้อีก  
 
"ทำไมเหรอ?"  ต้นน้ำถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นนทีเอาแต่กอด  ไม่ยอมอธิบายอะไร 
 
"เมื่อกี้เราเจอ  คนที่แต่งตัวแบบนั้น  เดินเข้าไปหลังบ้านนาย  เราถึงคิดว่านายเป็นโจรไง"





-----------------to be continue---------------

โอ๊ย  ตอนที่แล้วป๊าขโมยซีน

ตอนนี้พ่อก็ยังมาขโมยซีนอีก

นที  ต้นน้ำ  พวกหนูยังไม่ได้เกิดกันนะลูกนะ

facebook page (https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarks)
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-08-2019 02:05:15
เจอของจริงแล้วนที ฮืออออออออออออ
ดิวจะเห็นมั้ยเนี่ย  :ling2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 30-08-2019 02:59:01
 :z3: ม่าย ม่ายหน้าอ่านเวลานี้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 30-08-2019 03:03:33
 :a5: นทีค่ะ  :a5: ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง แต่นทีเนียน นัวเนียได้น่ารักน่าหยิกมากกกค่ะ  :hao7:  :hao3:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-08-2019 04:17:49
กำลังเพลิน​ๆมาเจอแบบนี้ตอนตีสี่​ ใจนี้เสียวแวบเลย
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 30-08-2019 08:05:07
อุ๊ย !  คุณพ่อมาจริงป่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-08-2019 09:46:59
แต่งตัวแบบนี้ มาแบบนี้...ตอนตีสี่
ไม่กอดแน่นๆ ก็บ้าแว้ว
 :hao7:
เราต้องเนียนเข้าไว้เนาะ
กอดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2019 10:04:43
ฮืออออออออออออ ค้างงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
ท่าทางนที จะไปจัดการกับตัวเอง หลังจากทายาที่สะโพกต้นน้ำ
เพราะลมปราณแตกซ่าน   :pighaun:
มีคนท้าแข่งกับต้นน้ำแล้ว  :เฮ้อ:
ถ้าไม่ใช่ มันก๊ไม่ใช่นะดิว  :m16:
นที  ต้นน้ำ    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 30-08-2019 10:17:24
พ่อที่ว่านี่ใช่พลังงานป่ะอ่ะ ฮ่าๆ นทีไปไม่รอดแล้วลูกเอ๊ย น้องน้ำคนดีของอิป้า น่ารักกกก  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 30-08-2019 13:10:57
พ่อตายแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-08-2019 15:02:51
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-08-2019 17:46:38
 :pig4: :pig4: :pig4:

เด๋วนะ........คุ้น ๆ ว่าพ่อต้นน้ำเสียไปแล้วไม่ใช่เหรอ? 

แล้วที่นทีเห็นนั่นหล่ะ คืออัลไล?
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 9 ------ [30/8/2019]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 30-08-2019 23:15:03
รู้สึกคำอวยพรของแม่จะมีผล
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 04-09-2019 12:54:15
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 10

เปลี่ยนไปกินข้าวหมูแดงบ้างก็ดีนะ



“นี่” ต้นน้ำเป็นฝ่ายเรียกขึ้นก่อน

“อืม” นทีขานรับ

“เราจะนอนท่านี้กันจริงๆ เหรอ?”  ท่ามกลางแสงไฟทุกดวงเปิดสว่างจ้า  ผู้ชายตัวโตสูงไม่ต่ำกว่า 180 เซนติเมตรสองคนนอนหันหลังชนกันภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

“แล้วมันมีท่าไหนที่ผีเข้าไม่ได้บ้าง?” นทีเก็บเท้าเข้าในผ้าห่มผืนใหญ่มิดชิด 

“แต่ถ้าผีจะเข้า  ท่าไหนก็เข้าได้ป่ะ?  นายไม่เคยดูจูออนเหรอ?  นอนคลุมโปงก็ยังมุดออกมาได้”

“ไอ้หนังบ้านั่นมันทำลายเซฟโซนของเรา” นทีบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดจริงจัง   

‘เซฟโซน’ ผ้าห่มเนี่ยนะ? “นายกลัวจริงๆ เหรอ?”  นายเห็นจริงๆ เหรอ?

“นี่นายคิดว่าเราล้อเล่นเหรอ?  เราเห็นจริงๆ  แค่เรายังไม่อยากเล่าตอนนี้”  นทีพูดจบก็เบียดแผ่นหลังเข้ามาชิดอีก  เบียดจนแทบไม่รู้จะเบียดยังไงแล้ว 

“งั้นเรานอนหงายนะ  นอนท่าเดียวมันเมื่อย  ถ้าผีมันมาด้านบนกับข้างนี้...เดี๋ยวเรากันไว้ให้”  นี่เขาคุยอยู่กับเด็กสามขวบที่คิดว่าผ้าห่มกันผีได้อยู่หรือไง?

“อืม” นทีอนุญาต

“นายนอนท่าเดียวไม่เมื่อยหรือไง?”  นทีนอนตะแคงข้างเดียวมาครึ่งชั่วโมงกว่าๆ แล้ว “เราเปลี่ยนข้างกันไหม? นายย้ายมานอนเฝ้าระวังฝั่งนี้  เดี๋ยวเราไประวังฝั่งโน้นเอง”

ได้ผล...นทีพลิกตัวนอนหงายเตรียมตัวย้ายมานอนตะแคงอีกฝั่ง 

ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน  ต้นพลิกคว่ำ  ใช้แขนทั้งสองข้างค่อมตัวนทีไว้เพื่อย้ายไปนอนอีกด้าน  ตาสองคู่สบตากันชั่วครู่  เหมือนมีแรงดึงดูดให้ต่างคนต่างมองตากันและกัน...เหมือนเข้าใจแต่ไม่รู้ความหมาย 

“ท่านี้ปลอดภัยที่สุด” นทีบอกโดยไม่ละสายตาจากดวงตาคู่สวย

ต้นน้ำขยับตัวเบี่ยงไปอีกด้าน  หลบสายตาไปทางอื่น  เม้มปาก  กลืนน้ำลายเบาๆ...‘ร้อน’ อีกแล้ว 

 นทีนอนตะแคงหันหลังให้ต้นน้ำ  รอยยิ้มนิดๆ จุดขึ้นที่ริมฝีปาก  รอยยิ้มที่ต้นน้ำไม่ได้เห็น  เรื่องบางเรื่อง...ก็เร่งรีบไม่ได้นะ“นอนไม่หลับ  คุยกันเถอะ” 

ต้นน้ำเองก็รู้สึกว่าจะนอนไม่หลับเหมือนกัน  “อืม  คุยเรื่องอะไรล่ะ?”

นทีชวนต้นน้ำคุยตั้งแต่เรื่องของเล่น  เกมส์  เพื่อน  เรื่องราวตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน  ต่างคนต่างสรรหาเรื่องมาคุยไม่หยุดราวกับต้องการรักษาช่วงเวลานี้ให้ยาวนานที่สุด

“ตีสี่แล้ว  นอนได้ยัง?”  ต้นน้ำถามเนือยๆ 

“นายง่วงแล้วเหรอ?”

“ฮื่อ”  ง่วงนานแล้วเถอะ

“ง่วงแล้วทำไมไม่บอกแต่แรก”

“ก็นายกลัวผีนี่  นายไม่เคยได้ยินเหรอว่า...ตีสามผีออก  เราเลยคุยเป็นเพื่อนนายไง  แต่นี่...ตีสี่แล้ว  ผีน่าจะเลิกงานแล้วมั้ง  เราก็น่าจะนอนกันได้แล้ว”

“อย่าเพิ่งนอนเลย  ไหนๆ ก็จะเช้าแล้ว  เราไปตักบาตรให้พ่อนายกันเอาไหม?”  เผื่อคุณพ่อจะปราณี...ไม่มาให้เห็นอีก

ต้นน้ำอ้าปากหาวก่อนตัดสินใจ  “ไปก็ไป  งั้นก็ลุกไปหาโจ๊กกินกันด้วยเถอะ  หิวแล้วเนี่ย”





ตักบาตรเสร็จ...ต้นน้ำก็พานทีมาที่ต้นจำปีขนาดใหญ่ที่สูงกว่าบ้านสองชั้นของเขาส่งกลิ่นหอมรวยริน   เป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดของบ้านแล้ว

“นายทำอะไร?”  นทีถามเมื่อเห็นต้นน้ำกดโทรศัพท์มือถือ

“เซิร์ทเน็ต...หาบทกรวดน้ำ  นายท่องเป็นเหรอ?”

นทีส่ายหัว  “ไม่เป็นอ่ะ  เอาด้วย”  ว่าพลางหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดหาบทกรวดน้ำบ้าง

ทั้งสองคนพากันกรวดน้ำเงียบๆ  ต่างคนต่างบอกสิ่งที่ตัวเองอยากพูดในใจ 

นทีถามเมื่อเห็นต้นน้ำลุกขึ้น “ถ้าพ่อนายอยู่ตรงนี้  นายจะพูดอะไร?” 

ต้นน้ำลุกขึ้นยืน  “ขอโทษ...มั้ง  ขอโทษที่ไม่เคยบอกว่ารักเขาเลย  ไม่เคยแสดงออกด้วยซ้ำ”  ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เริ่มมีแสงแดดอ่อนยามเช้า “ตอนนั้นแม่ร้องให้บ่อย  บางครั้งก็บอกให้เราเลือกว่าเราจะอยู่กับใคร  เราก็รู้สึกเหมือนเราต้องเลือกทีม  ถ้าเราคุยกับพ่อ  แม่ก็จะเหงา  เหมือนเราไม่ได้เข้าข้างแม่  ทั้งที่ความจริงแล้ว...เราสามคนควรอยู่ทีมเดียวกันมากกว่า”  มือเรียวเอื้อมมือไปรับใบไม้แห้งที่ร่วงโรยลงมาจากยอดไม้ 

สายลมพัดกิ่งจำปีปลิวโบกเบาๆ  คล้ายการพยักหน้ารับรู้ของคนที่จากไป

นทีเองก็มองไปยังกิ่งไม้ที่โบกปลิวด้วย  “บางทีเราอาจจะผิดที่เลือกข้างก็ได้  เราเองก็ควรอยู่ข้างคนทั้งคู่เหมือนกัน  แต่จะทำยังไงได้ล่ะ?  ตอนนั้น...พวกเราก็ตัวแค่นั้น”




คลาสเรียนรวมในเช้าวันจันทร์  นทีจับจูงต้นน้ำที่เดินกระเผลกเข้ามาห้องเรียน  เสียงดังจอแจกลับเงียบลงไปชั่วอึดใจ  ก่อนจะฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง  คล้ายๆ  กับการถูกนินทาในกลุ่มเพื่อน...เวลาคนที่ถูกนินทาเดินเข้าไปในกลุ่ม  ทุกคนจะเงียบๆ อึ้งๆ  จากนั้นก็ทำเป็นหาเรื่องคุยสนุกสนานเฮฮากว่าเดิม  เหมือนเรื่องที่คุยอยู่ก่อนหน้านี้ไม่เกี่ยวกับคนที่เข้ามาใหม่แม้แต่นิดเดียว... บรรยากาศตอนนี้ก็คล้ายๆ จะเป็นอย่างนั้น

นทีประคองแขนต้นน้ำเข้าไปนั่งที่  ซึ่งกลุ่มเพื่อนช่างนินทารออยู่แล้ว

“อย่าบอกนะว่า...” ริวชี้หน้าต้นน้ำ 

“ว่าอะไร?”

“มึงเสร็จนทีไปแล้ว  เหมือนที่ในเพจเขาพูดกัน”  คำถามชัดเจนมากต้นปาล์ม

“ช่าย”  ต้นน้ำลอยหน้าลอยตาตอบ 

“เฮ้ยยย”  เสียงทั้งกลุ่มตะโกนอย่างตกใจ

“เสร็จตีนมันน่ะสิ”  ต้นน้ำเล่าเรื่องราวความเป็นมาให้เพื่อนฟัง

ริวกุมท้องหัวเราะจนน้ำตาเล็ด  “โถ...เพื่อน  มึงอุตส่าห์รักษาเนื้อรักษาตัว  ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร  มาโดนตีนนทีเปิดซิงซะงั้น” 

เม่นที่ได้ยินเรื่องการรักนวลสงวนตัวของต้นน้ำมานานก็หัวเราะด้วย  ว่าเขารักตัวกลัวตายแล้ว...แต่ต้นน้ำหนักกว่า “มึงต้องรับผิดชอบมันเลยนะนที”

“ก็รับผิดชอบอยู่เนี่ย”  คนมีความรับผิดชอบยิ้มรับนัยน์ตาพราว




คนบางคนก็เหมือนเกาะแน่นเหมือนเห็บ  น่ารำคาญเหมือนแมลง  แมลงหวี่แมลงวันที่แม้ไม่ได้อันตรายแต่ก็ยัง...น่ารำคาญอยู่ดี 

“น้ำ  คิดถึงจังเลย”  ร่างบางโผเข้ากอดทันทีที่เห็นใบหน้าขาวใสของต้นน้ำ

ต้นน้ำขืนตัวออกเล็กน้อยพอเป็นพิธี  คนอื่น...ไม่มีใครเข้าใจหรอกนะว่าน้ำตาลกับเขาสนิทกันแค่ไหน  ถ้ามีคนเอาไปนินทา...น้ำตาลนั่นแหละที่จะเป็นคนเสียหาย  น้ำตาลเองก็ไม่เคยระวังตัวเอาเสียเลย

อ่า...คนบางคนพ้นช่วงเคอร์ฟิวแล้วสินะ  มือใหญ่จับคอเสื้อต้นน้ำถอยมาด้านหลัง  อีกมือก็ช่วยดันหน้าน้ำตาลไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้

“นที๊!”  น้ำตาลเรียกชื่อนทีด้วยเสียงสูงกระชาก  น้ำเสียงผิดกันลิบลับกับที่ใช้เรียกต้นน้ำ  มือเล็กยังตะกายหาอ้อมกอดอุ่นของคนที่เพิ่งโดนแยกออกไป

“ระวังตัวหน่อยน้ำตาล”  นทีบอกเสียงขรึม  “เดี๋ยวต้นน้ำจะเสียหายนะ”

เพื่อนในกลุ่มมองหน้ากันเหรอหรา...ผู้หญิงไม่ใช่เหรอวะที่เป็นฝ่ายเสียหาย? 

เสียงคิกดังมาจากทางด้านหลัง  หญิงสาวสองคนใส่ชุดนักศึกษามหา’ลัยเดียวกับน้ำตาลหัวเราะให้กันคิกคัก

“เพื่อนเราเอง”  น้ำตาลบอกพร้อมกับแนะนำเพื่อนอีกสองคนให้ต้นน้ำรู้จัก  คนหนึ่งชื่อแตงโม...ซึ่งก็...สมชื่อ   อีกคนหนึ่งรวบผมครึ่งหัวไปมวยเป็นทรงบันนี่อยู่ด้านบนชื่อกระต่าย...ดูน่ารักๆ สมชื่อเหมือนกัน  ทั้งสองคนส่งยิ้มให้พร้อมกับโบกมือทักทาย  ประกายตาดูระยิบระยับขึ้นเมื่อมองไปทางนที

“นี่เพื่อนเรา”  ต้นน้ำแนะนำเพื่อนทั้งหมดให้หญิงสาวทั้งสามคนรู้จักก่อนเอ่ยชวน  “ไปกินข้าวกันเถอะ  กินที่โรงอาหารนี่ก็พอนะ  เรามีเรียนต่อ”

“ทำไมเดินกะเผลกๆ” น้ำตาลถามขณะที่เดินเคียงคู่กับต้นน้ำไปยังโรงอาหาร  หรือว่า...จะเป็นอย่างในเพจยุแยงตะแคงรั่วนั่น  อ่านเพจมากจนทนไม่ไหว  ต้องรีบรุดโดดเรียนเพื่อมาดูให้เห็นกับตาตนเองถึงที่นี่ 

“ก็นทีน่ะสิ ทำเราเมื่อคืน”

“ทำอะไร?  นทีทำอะไร?”  น้ำตาลเริ่มโวยวายเสียงดัง  ทั้งภาพทั้งเสียงที่คนเขาแชร์กัน  ถึงตอนแรกจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่คนอื่นมโนกันไปเอง  แต่พอเสพมากๆ เข้า  จิตใจก็ชักจะหวั่นใจ 

ต้นน้ำกลัวน้ำตาลโวยวายเสียงดัง  เลยรีบเล่าอีกรอบ  เล่าซ้ำสองรอบแล้วนะวันนี้ 

“จริงเหรอ?”  น้ำตาลถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“จริง!” ต้นน้ำพยักหน้าหนักแน่น

“นทีเข้าใจผิดคิดว่าน้ำเป็นโจรได้ไง? ในบ้านก็มีแค่คนเดียว  ก็น่าจะรู้ไหมว่าเป็นใคร?”

ต้นน้ำกลืนน้ำลาย  จากที่เขาฟังที่นทีเล่าคือนทีเห็นคนที่ใส่เสื้อสีฟ้าสวมกางเกงยีนส์สีเข้มเดินเข้าไปหลังบ้าน  ซึ่งแน่ใจได้ว่าไม่ใช่เขาอย่างแน่นอน  จะบอกว่าเป็นพ่อเขา...ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใช่จริงหรือเปล่า?  แม้ว่าในรูปจะเห็นแค่ช่วงบน  แต่นทีก็พูดถูก...ในวันที่พ่อเสีย  แม่สวมสีฟ้าเสื้อตัวโปรดเข้าคู่กับกางเกงยีนส์สีเข้มตัวเก่งให้พ่อจริงๆ   

นทีที่เห็นคนๆ นั้นเลยเดินตามเข้าไป  เมื่อเห็นคนกำลังกำลังรื้อของอยู่   ก็ปักใจเลยว่าเป็นขโมย   ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น...จัดให้เต็มๆ หนึ่งดอก!

“ก็ตอนนั้นเราใส่ผ้าโพกหัว  ใส่หน้ากากกันฝุ่นด้วยไง”

“อ๋อ”  น้ำตาลพยักหน้ารับ

ต้นน้ำระบายลมหายใจ  จบคำถามเจ้าหนูจำไมซะที 

“หึ...น้ำอย่ามาแก้ตัวแทนนทีหน่อยเลย  ยังไงเราก็ไม่ยอมหรอกนะ”  น้ำตาลเดินไปโวยวายใส่นทีที่เดินตามมาด้านหลัง  ง้างขาจะเตะหน้าแข้งนทีแต่นทีเอาขาหลบทัน

ต้นน้ำโล่งใจ  โยนไปทางนทีก็แล้วกัน

“เย้ย!  อะไรอ่ะ?  มาเตะเราทำไมน้ำตาล?”  นทีโวยวาย

“ก็นายทำให้ต้นน้ำเจ็บ  ต้องเดินกระเผลกๆ แบบนี้ไง  อย่าหนีนะ”  น้ำตาลชี้หน้ากล่าวโทษนทีที่ไปหลบหลังเม่นก่อนไล่ตามไป  วันนี้ต้องเธอต้องแก้แค้นคืนต้นน้ำให้ได้สักถีบ

“ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ  มันมืด”  นทีวิ่งไปหลบหลังริว

“ไม่ได้ตั้งใจก็ช่าง  น้ำใจดีไม่เอาเรื่อง  แต่เราไม่ใจดีเหมือนน้ำหรอกนะ”

ใจดีอะไรวะ...กว่าจะหายโกรธ  เขาง้อแทบตาย “นี่  ต้นน้ำไม่ชอบผู้หญิงขี้โวยวายหรอกนะ”  ได้ผล  น้ำตาลชะงักกึก

ร่างบางเคลื่อนเข้ามาใกล้  “แล้วน้ำชอบผู้หญิงแบบไหน?” 

“ไม่รู้  แต่เห็นชอบทำท่ารำคาญเอื้องฟ้าประจำตอนที่เอื้องมันโวยวาย” 

“นี่  นายช่วยสืบให้หน่อยสิ  ว่าต้นน้ำชอบผู้หญิงแบบไหน?”

มีใครบ้าช่วยสืบข้อมูลให้ศัตรูหัวใจกันวะ?  อย่างน้อย...ต้องไม่ใช่เขาแน่ “ได้สิ  เดี๋ยวเราจะช่วยสืบให้”  นทีบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่สุดในชีวิต




ทีม ‘เจ้าบ้าน’ ทำหน้าที่ตอนรับทีม ‘เยือน’ ไม่มีขาดตกบกพร่อง  ขิงทำหน้าที่พาน้องแตงโมทัวร์รอบโรงอาหาร  ซื้อข้าวซื้อน้ำโดยให้เหตุผลว่า...อากาศมันร้อน  กินแตงโมมันจะได้ชื่นหัวใจ  พอๆ กับคนรักสัตว์อย่างต้นปาล์มที่คอยดูแลให้ข้าวให้น้ำน้องกระต่ายไม่ห่าง 

พอมีคนมาเพิ่ม  โต๊ะก็แน่นเกินไป  นที เม่น ริว... สามหนุ่มโคตรสุภาพบุรุษเลยเสียสละย้ายมานั่งอีกโต๊ะหนึ่ง  นทีนั่งกอดอก  คิ้วเข้มขมวดมุ่น  ตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย  มองภาพน้ำตาลที่นั่งคุยกับต้นน้ำอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไรนัก   ภาพวันแรกที่เขาได้รู้ว่าน้ำตาลชอบต้นน้ำวนเข้ามาในสมอง

‘ถ้าจริงจังก็จะหนี  แต่ถ้าทำเป็นเล่นๆ  ก็จะยอมให้อยู่ใกล้ได้’ 

เขาเกลียดอาการนี้   เกลียดความรู้สึกแบบนี้  เกลียดความต้องการที่ไม่อาจไขว่คว้า  เกลียดความรู้สึกที่ ‘หยุด’แล้วก็ต้องทรมาน  แต่ถ้าไม่หยุด...ก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ  หรืออาจจะต้องพบเจอกับความทรมานยิ่งกว่า

ความรู้สึกที่เขามีต่อต้นน้ำ 
คนที่เป็นทั้ง...เพื่อน
เป็น...พี่ชาย
เป็น...ครอบครัว
นับวัน...ก็ยิ่งไม่ปกติแล้ว  ความร้อนรุ่มยามที่ได้อยู่ใกล้ชิด  รุนแรงยิ่งกว่ายามที่ได้คลอเคลียเรือนร่างเย้ายวนของผู้หญิงเสียอีก  กลิ่นหอมละมุนที่นับวันยิ่งโหยหายิ่งกว่ากลิ่นน้ำหอมราคาแพง  แรงดึงดูดจากดวงตาใสๆ คู่นั้นเชิญชวนยิ่งกว่าดวงตายั่วยวนของผู้หญิงทุกคนที่ได้พบเจอ
นับวัน...ก็ยิ่งยากที่จะทน
แต่ถ้าทนไม่ไหว...เขาก็อาจจะต้องเสียคนที่เป็นทั้งเพื่อน  พี่ชาย  และครอบครัวไป  พอจะมีหนทางไหม?...ที่เขาจะรักษาทุกอย่างไว้ได้เหมือนเดิม

‘นายชอบคนๆ  หนึ่งเพราะเขาน่ารักแค่นั้นเหรอ?’

‘เขาดีเลยแหละ’

นทียังคงจำคำพูดของต้นน้ำในวันนั้นได้ดี....ถ้าหน้าตาและความดียังไม่ใช่เหตุผลที่ต้นน้ำต้องการ  มันจะมีอะไรมากกว่านั้นอีกล่ะ?

‘ก็ชอบนะ  แต่ไม่อยากคบ   เป็นนาย  นายจะคบกับคนที่เป็นลูกเพื่อนแม่นายเหรอ?  นายจะคบกับเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ได้เหรอ?  เผื่อมันไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ  อาจจะมองหน้ากันไม่ติดอีกเลยก็ได้นะ’
หึ...นทียิ้มกับตัวเอง  เราจะรู้ได้ยังไงว่าใช่หรือไม่ใช่?  ในเมื่อเรายังไม่เคยลองเลย

‘เราอาจจะยังไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น’  แล้วต้องชอบมากขนาดไหนกัน?  ถึงจะยอม ‘ลอง’ สักครั้ง

“ตบเลยไหมมึง?” ริวเบียดเข้ามาใกล้พลางกระซิบชิดริมหูซ้าย  แขนหนึ่งเท้าเข้ากับไหล่นที  ส่งแววตาร้ายกาจไปยังกลุ่มของน้ำตาล

“กูเห็นด้วย  เล่นแม่งเลย”  เม่นเบียดตัวเข้ามากระซิบที่ริมหูขวา  แววตาพร้อมบวกไม่แพ้ริว 

นทีเหลือบตามองซ้ายทีขวาทีอย่างอิดหนาระอาใจ  โคลงศรีษะเบาๆ  ก่อนลุกขึ้นพรวด  เดินออกไปโดยไม่สนใจคนที่เท้าแขนกับไหล่เขาที่เพิ่งหล่นพรวดออกไป

ริวกับเม่นมองหน้ากัน

“ไปเถอะ”  เม่นชวน

“ไปไหน?”

“ไปซื้อข้าวกินบ้างสิวะ  รออะไรล่ะ กัปตันล่มเรือแล้วนี่”

ริวยักไหล่ก่อนเดินตามไป





วันนี้เป็นวันเกิดขิง  ขิงเลยต้องรีบกลับบ้านไปฉลองวันเกิดกับที่บ้าน  ประกอบกับที่อาทิตย์หน้าเป็นวันสอบกลางภาค  พวกเพื่อนๆ เลยแยกย้ายกันกลับบ้านกันหมด  ไม่ได้ไปฉลองที่ไหนกัน  ต้นน้ำเลยถือโอกาสชวนเพื่อนไปทำบุญที่บ้านเด็กกำพร้าในวันเสาร์นี้แทน   ซึ่งทุกคนก็ตกลง   

เอื้องฟ้านั่งรอนทีอยู่ใต้ตึกคณะเป็นเพื่อนต้นน้ำเอียงตัวเข้ามากระซิบ “วันเกิดไอ้ขิง  กูจะลงรูปนี้แฮปปี้เบิร์ธเดย์มัน”  มือเล็กโชว์รูปในโทรศัพท์...รูปเด็กผู้หญิงในชุดนักเรียนผมยาวถักเปีย  ต้นน้ำกระพริบตาก่อนเพ่งดูอีกรอบให้ชัดๆ  นั่นมัน...ไอ้ขิงจริงๆ ด้วย  ขิงตอนเป็นเด็กน่ารักมาก  ดูเป็นเด็กผู้หญิงหวานแหววที่ดูไม่ออกเลยว่าโตมาจะกลายเป็นทอมจอมกะล่อน 

“น่ารักใช่ไหมล่ะ?  เสียดายชิบหาย  เพื่อนสาวกูหายไปไหนวะ?”  เอื้องฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย 

“งั้นกูลงรูปมันตอนรับน้องด้วยดีกว่า  มึงอัพก่อนเลย  เดี๋ยวพอเราทำ  พวกไอ้ริวไอ้เนมก็ทำตาม”

“กูว่าเพื่อนที่โรงเรียนกูก็จะอัพตามด้วยน่ะสิ  วันเกิดมันทั้งที  กูไม่อยากให้เป็นวันนรกของมันนะ”  เอื้องฟ้าพูดเสียงอ่อน  สงสารเพื่อนที่โดนกลั่นแกล้ง  มือก็กดโทรศัพท์ยิกๆ   

“ใช่  ควรจะเป็นวันที่มันมีความสุขที่สุดสิ  กูไม่อัพรูปวันรับน้องแล้ว  กูจะอัพรูปนี้ดีกว่า”  ต้นน้ำยื่นโทรศัพท์ให้เอื้องฟ้าดู  เป็นรูปขิงในวันที่เมามาก  นอนหลับพับไปบนเก้าอี้  แต่รูปที่ต้นน้ำมีไม่ใช่รูปนอนหลับธรรมดา  แต่เป็นรูปมุมเสยที่เห็นทั้งเหนียงและรูจมูกของสาวหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งแบบเต็มหน้าจอ

“ดีมาก  กูจะได้ไม่ต้องโดนด่าอยู่คนเดียว  นั่น...รถมึงมาแล้ว”  เอื้องฟ้าชี้ให้ต้นน้ำดูรถเขาที่นทีเป็นคนขับมาจอดที่หน้าคณะ 

“งั้นกูไปนะ  ขอบใจมากที่นั่งเป็นเพื่อน  กลับดีๆ ล่ะ” ต้นน้ำเดินโขยกๆ แยกกับเอื้องฟ้าที่เดินไปยังรถของตัวเอง  นทีเปิดประตูรถลงมาช่วยพยุง 

“วันนี้ดิวกลับด้วยนะ  รถดิวเข้าอู่”  นทีบอกตอนที่เปิดประตูด้านหลังให้เขาเข้าไปนั่ง 

ดิวที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับหันมาทักทาย “หวัดดีต้นน้ำ  เป็นอะไร? ทำไมเดินแปลกๆ”

จะตอบว่าอะไรดีล่ะ?  โดนตีน!  ก็ไม่น่าจะใช่คำตอบที่ดี  ดูไม่หล่อเอาเสียเลย  “อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ  ลื่นไปชนเคาน์เตอร์” โชคดีที่วันนี้เขาตอบคำถามนี้บ่อยแล้ว  ไม่รู้ว่าเป็นอะไร...วันนี้ทั้งวัน  มีแต่คนถามเขาเรื่องนี้   หวังว่าดิวคงดีกว่าน้ำตาลที่แทบจะเค้นคอเขาถามให้ได้ว่าไปโดนอะไรมา?  พอรู้คำตอบก็หันไปโวยวายใส่นทีที่ทำให้เขาเจ็บตัว

“แล้วนทีก็ต้องคอยรับคอยส่งแบบนี้ทุกวันเหรอ?”

“..........”  ต้นน้ำตอบไม่ถูก  ปกติทุกวันจันทร์  เขากับนทีก็ต้องไป-กลับด้วยกันอยู่แล้ว  แต่วันอื่นๆ ก็แยกกันมา  แยกกันกลับตลอด  เจ็บครั้งนี้...เขากับนทียังไม่ได้คุยกันเลยว่าจะเอายังไง

“อืม  คงต้องเป็นอย่างนั้นแหละ  จนกว่าจะหาย”  นทีที่เข้ามานั่งในรถแล้วได้ยินคำถามพอดีเลยเป็นคนตอบแทน

หลังจากนั้นก็เกิดเดดแอร์ชั่วคราว  รถเคลื่อนตัว  แต่ไม่มีใครพูดอะไรกันเลยสักคน  ต้นน้ำเกลียดความรู้สึกแบบนี้  ความรู้สึกกระอักกระอ่วนที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไง?  แต่เขาเกลียดความรู้สึกก่อนหน้านั้นมากกว่า  ความรู้สึกที่เป็นต้นเหตุให้เขาไม่สามารถสรรหาคำพูดมาชวนอีกฝ่ายคุยได้  เขาไม่พอใจที่นทีพาดิวมาด้วย  ไม่พอใจที่เห็นดิวนั่งอยู่บนรถเขา  นั่งด้านหน้าคู่กับนที  เขาเกลียดความเอาแต่ใจไร้สาระบ้าบอคอแตกนี้  เกลียดที่ตัวเองไม่มีเหตุผล  เกลียด  เกลียด  เกลียด  เกลียด เกลียด!

ต้นน้ำนั่งมองไปนอกหน้าต่าง  พยายามปรับลมหายใจเข้าออกให้ช้าลง  สมัยเด็กๆ คุณยายเคยสอนว่า...คนเราเวลาโกรธมักจะหายใจเร็ว  ถ้าเรารู้ตัวว่าโกรธ  ให้พยายามปรับลมหายใจตัวเองให้ช้าลงก่อน  ปรับที่ร่างกายเราก่อน  แล้วอารมณ์ก็จะเย็นลงตาม  เข้า...ออก...เข้า...ออก...เข้า...ออก...เข้า...ออก....เข้า....ออก...เข้า...ออก...เข้า...ออก...  ขอให้ความลับยังคงเป็นความลับ!





ติ๊ง...เสียงไลน์เข้า
ต้นน้ำรีบเปิดดู

Uangfah : กูอัพรูปแล้ว  มึงอัพด่วนๆ เลย  กูไม่อยากโดนด่าคนเดียว 

ต้นน้ำยิ้มออก  ปรับลมหายใจอาจช่วยระงับอารมณ์ไม่ได้  แต่เพื่อนช่วยได้  เขาอัพรูปขิงค้างไว้ แต่ยังคิดแคปชั่นไม่ออก....

“เป็นอะไร?  ทำไมเงียบ?”  นทีถามพลางเหลือบมองมาที่ต้นน้ำที่อยู่ด้านหลังตอนรถติดไฟแดง

“ไม่พอใจที่เรามาด้วยหรือเปล่า?”  ดิวถามเสียงแผ่วจนน่าสงสาร  นทีที่อยู่ในสายตาเขามาตลอด...พอดูออกว่าชอบต้นน้ำ  แต่เขากลับมองต้นน้ำไม่ออกว่ามีใจให้นทีหรือเปล่า?  ถ้าต้นน้ำไม่พอใจเรื่องนี้จริงๆ  นั่นก็หมายความว่าต้นน้ำ...ชอบนทีอยู่เหมือนกัน

ต้นน้ำส่ายหน้าปฏิเสธพัลวัน  “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  เรามีเรื่องให้คิดนิดหน่อยนะ”

“เรื่องอะไร?”  นทีถามจริงจัง  เขาเป็นห่วงต้นน้ำที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาได้ก็นั่งหลับตาเงียบมาตลอดทาง 

“นายอย่ารู้เลย  มันไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก” 

นั่นแหละ...ยิ่งต้องรู้  นทีเลี้ยวรถจอดข้างทาง  “ไม่บอก  ก็ไม่ต้องกลับ”

ดิวมองหน้านที

ต้นน้ำก็มองหน้านที  เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้  แต่ก็บ่งบอกว่าไม่ได้ล้อเล่นก็เลยต้องเขยิบตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย  ก่อนยื่นโทรศัพท์ที่อัพภาพเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ลงแคปชั่นให้นทีดู  “ไอ้เอื้องมันไลน์มาบังคับให้อัพเป็นเพื่อนมัน  เราคิดแคปชั่นอยู่”

นทีดูรูปในโทรศัพท์ที่ขึ้นแคปชั่น ‘happy birthday...’ ไว้แล้วหัวเราะก๊าก 

ดิวที่ยื่นหน้าเข้ามาดูด้วยพอมีมารยาทกว่านทีอยู่บ้าง  เพียงแค่หัวเราะเบาๆ   พลอยทำให้บรรยากาศในรถดีขึ้น  จนตอนนี้...เขาก็ยังดูไม่ออกว่าต้นน้ำคิดเหมือนกันกับที่นทีคิดหรือเปล่า?





หลังจากส่งดิวเสร็จแล้ว  ต้นน้ำก็ย้ายมานั่งข้างหน้าคู่กับนที  พลางก้มเล่นโทรศัพท์

“กินข้าวไหม?”  นทีถามขึ้น

“อืม  กินก็ได้”

“บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ใช่ข้าวมันไก่”

“เออน่า”  ต้นน้ำหัวเราะอีก

สักพักเสียงไลน์กลุ่มก็เด้งขึ้นมา 

The khing : ไอ้พวกเลว

ต้นน้ำรู้ว่าขิงต้องเห็นภาพพวกนั้นแล้วแน่นอน  ไม่อยากโดนขิงด่า  ไม่เข้าไปอ่านดีกว่า  คืนนี้จะไม่แตะไลน์กลุ่มเลย  คอยดู!

เอื้องฟ้าเขียนแคปชั่นอวยพรว่า...happy birthday ลูกสาวสุดที่รัก  แม่ไม่เคยคิดเลยว่าโตมาจะกลายเป็นหนุ่มหล่อไปได้  ขอให้ชีวิตดี  มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง  หาสะใภ้ดีๆ เข้าบ้านให้แม่ได้ชื่นใจนะลูกนะ

ส่วนของเขาเขียนว่า...ขอให้มีคนข้างเคียง  เหมือนมีเหนียงอยู่ข้างคอ  มีคนอยู่เคียงคู่  เหมือนกับรูจมูกเธอ 

ริวเองก็อัพตาม  ริวอัพรูปขิงหล่อมาก  หล่อจริงๆ  ขิงยืนกอดอกพิงกำแพงอย่างเท่  ผู้ชายหลายคนชิดซ้ายไปเลย  แต่มีข้อความประกอบพิมพ์แปะติดแทนลายน้ำในรูปเลยว่า...นิ้วนะน้อง  ไม่ท้องนะจ๊ะ...  แล้วเขียนแคปชั่นอีกที...HBD  ปีนี้ขอให้ได้  ขอให้โดน

ต้นน้ำหัวเราะ  สมกับเป็นริวคนเสื่อม

ส่วนเนมอัพรูปตอนรับน้องพร้อมข้อความอวยพรอีกนิดหน่อย  ความจริง...รูปขิงตอนรับน้องไม่น่าเกลียดนักหรอก  ถ้าเทียบกับเอื้องฟ้าแล้ว...ความอุบาทว์เทียบกันไม่ติด  ขิงเหมือนนางฟ้า  ส่วนเอื้องฟ้าเหมือนคนบ้านหลุดออกมาจากหลังคาแดง  รุ่นพี่สาวๆ  เอ็นดูขิงมาก  ขิงโดนทำโทษทีไรก็จับแต่งหน้า  ดัดขนตา  กรีดอายไลน์เนอร์  จนพวกรุ่นพี่ผู้ชายพากันอยากลองของ ‘เปลี่ยนทอมกลายเป็นเธอ’ กันหลายคนอยู่

การโดนจับแต่งหน้าเป็นสาวถือว่าเป็นจุดบอดในใจสาวหล่ออย่างขิง  ขิงถือมาก...บอกว่าการแต่งหน้าแบบนี้เสียจรรยาบรรณทอมหมด

พอดีกับที่รถจอด  ต้นน้ำเลยให้นทีดูรูปที่เพื่อนอัพอวยพรวันเกิดให้ขิง  นทีหัวเราะ

“เราจะถ่ายรูปนายไว้เยอะๆ บ้าง  เอาไว้ตอนวันเกิดนาย”

“ตามสบายเถอะ  เราดูดีทุกท่วงท่าอยู่แล้ว  รูปตอนรับน้องยังไม่หลุดสักรูป”  พูดพลางก้าวเท้าเดินลงมาจากรถ  ก่อนชะงักเมื่อเห็นป้ายร้านข้าวมันไก่หราอยู่ตรงหน้า  “ไหนว่าไม่กินข้าวมันไก่ไง?” ต้นน้ำถามแบบงงๆ

“ก็ไม่ได้กินข้าวมันไก่  เขาขายข้าวหมูแดงด้วย”

“เราเคยบอกนายหรือเปล่า?  ว่าเราไม่กินข้าวหมูแดง”   ในขณะที่ฝนทิพย์กินข้าวมันไก่  ต้นน้ำซึ่งคิดว่าข้าวมันไก่เป็นอาหารผู้ใหญ่มาตลอดกลับได้กินแต่ข้าวหมูแดง   พอรู้ว่าตัวเองกินข้าวมันไก่ได้...เขาก็บอกเลิกกับข้าวหมูแดงไปโดยปริยาย  ไม่เคยแตะอีกเลย 

“ไม่เคยบอก  แต่เรารู้” ถ้าสังเกตก็ต้องรู้สิ  “ร้านนี้ข้าวหมูแดงอร่อยกว่าข้าวมันไก่นะ”

ต้นน้ำ  “..........”

“นายพลาดโอกาสกินข้าวมันไก่มาแล้วตั้งหลายปี  แต่ต่อไปอีกหลายๆ ปี  นายอาจจะพลาดโอกาสกินข้าวหมูแดงที่อร่อยที่สุดไปนะ  เปิดโอกาสให้อะไรใหม่ๆ บ้างสิ  รสชาติข้าวหมูแดงที่ไม่ได้กินมานานอาจจะอร่อยกว่าที่เคยกินก็ได้”  นทีลากแขนต้นน้ำเดินเข้าไปในร้าน

เย็นนั้น...ต้นน้ำอัพรูปข้าวหมูแดงที่ไม่ได้กินมาหลายปีพร้อมแคปชั่นว่า...อร่อยกว่าที่คิด 





ต้นปาล์มเลื่อนโทรศัพท์ขึ้นลง  เขาเข้าแท็กนทีต้นน้ำ  ในทวิตเตอร์มีคนมโนเยอะจริงๆ 

@SmileA988
วันนี้ในโรงอาหาร  มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหานที
ญ : นที  นายทำต้นน้ำเจ็บจนเดินกระเผลก
นที : มันมืด  ไม่ได้ตั้งใจ
นทีทำอะไรต้นน้ำตอนมืดๆ? ต้นน้ำเจ็บจนเดินกระเผลกด้วย คิดดีไม่ได้เลย #นทีต้นน้ำ


แน่นอนว่าคนดีๆ อย่างต้นปาล์มต้องช่วยไขความข้องใจนั้นสักหน่อย 

@palmtree กำลังตอบกลับถึง @SmileA
อุบัติเหตุชนกับเคาน์เตอร์ครัว เจ็บสะโพกนิดหน่อย  คิดดีๆ นะ


อา...เขานี่ช่างเป็นเพื่อนที่ดีเสียจริงๆ  ต้นปาล์มภูมิใจในตัวเอง



----------อ่านต่อด้านล่าง----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 04-09-2019 12:56:24
--------------- ต่อตอนที่ 10 ---------------


ต้นน้ำและนทีกลับเข้าบ้าน  เจอทั้งธนกรและฝนทิพย์ที่เพิ่งกลับเข้าบ้านมาเหมือนกัน 

“พวกลูกสอบเสร็จกันเมื่อไร?”  ธนกรถามเมื่อเห็นหน้าลูกชายสองคน

“อาทิตย์หน้าครับ  แล้วก็เรียนต่อเลย  ป๊ามีอะไรเหรอครับ?” 

“แต่สงกรานต์หยุดใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“ป๊าจะชวนไปบ้านคุณยาย  ไปกันไหม?”

นทีมองหน้าต้นน้ำคล้ายขอความเห็น  ต้นน้ำที่ยิ้มดีใจพยักหน้าให้นทีหงึกหงัก 

“ไปด้วยกันเถอะ  นทีจะได้รู้จักพี่น้องทางฝั่งแม่บ้าง” ฝนทิพย์กล่าวเสริม 

“ครับ” นทีตอบรับ





ขิงนั่งทำหน้าตาอาฆาตแค้นอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ  ตรงหน้ามีชาเขียวของต้นน้ำ  ถุงขนมจากเนม  และเค้กที่เอื้องฟ้าหอบมาเซ่นจากบ้าน   ขิงรับไว้ทั้งหมดแต่สีหน้ายังคงขุ่นเคืองไม่หาย

ริวเดินเข้ามานั่งพลางถาม “มึงเคืองอะไรขนาดนั้นเนี่ย?  ถามจริง...พวกกูทำไปเพราะเอ็นดูมึงมากเลยนะ”  เพื่อให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น  ริวยื่นมือเรียวไปลูบหัวขิงอย่างเอ็นดู

“กูยังทำใจไม่ได้  คนล้อกูตั้งแต่เช้าแล้ว”  ก็จริง...สาวหล่อสุดฮอตที่เดินไปทางไหนก็มีแต่คนทักทายนี่นา “พวกรุ่นพี่ผู้ชายแม่งก็กลับมาเรียกกู...น้องขิงคะ  น้องขิงขาอีกแล้ว”  เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นตอนรับน้อง  ความสวยของขิงจากรูปที่เนมลงเมื่อวานคงไปกระตุกต่อมลองของในตัวพวกรุ่นพี่เข้าอีกครั้ง

“ต้องเป็นเพราะรูปมึงแน่เลยไอ้เนม?”  เอื้องฟ้ารีบโยนเผือกร้อนให้เนม

“รูปมึงด้วยแหละอีเอื้อง  ถักผมเปียซะน่ารักเชียว”

“พวกมึงทั้งหมดน่ะแหละ  ความเป็นชายกูป่นปี้หมดแล้ว”  ขิงใช้มือกุมขมับทั้งสองข้าง

“ไม่เป็นไรขิง  มีคนหนึ่งช่วยมึงได้” ริวเหล่ตามาทางต้นน้ำ

ต้นน้ำชี้ที่ตัวเอง  “กู?”

ริวพยักหน้า  ดวงตาแฝงความเจ้าเล่ห์

ต้นน้ำขนลุกเกรียว  อะไรที่มาจากริว  ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ “ช่วยไงวะ?” 

“มึงจะยอมช่วยไหมล่ะ?  ถ้ามึงยอม  เดี๋ยวกูจัดการเอง”

นั่น!...ริวไม่ยอมบอกเสียด้วยว่าจะให้ช่วยอะไร?  ต้นน้ำกำลังจะปฏิเสธ  แต่กลับบังเอิญไปสบสายตาข่มขู่ของขิงเข้าเสียก่อน “ไอ้น้ำ  มึงต้องรับผิดชอบเหนียงและรูจมูกกูที่ถูกเผยแพร่ออกไปโดยไม่ได้ขออนุญาต”

ต้นน้ำหน้าเจื่อน  หันไปมองขู่อาฆาตริวแทน

คนอย่างริวเหรอจะเดือดร้อน?  ริวยักไหล่พลางกดโทรศัพท์  “เออ  พวกไอ้เอกกับไอ้โจชวนเที่ยววันสงกรานต์  มันกลับมาบ้าน  มึงว่างไหมน้ำ”

สมัยเรียนมัธยม  เอกเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับต้นน้ำ  ส่วนโจเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับริว  แต่ดันไปสอบติดมหาลัยเดียวกัน  คณะเดียวกันที่ต่างจังหวัด  เลยพลอยเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันไปด้วย  เหมือนเขากับริว

“ไม่ว่างว่ะ  แม่ชวนไปบ้านยาย  เสียดายว่ะ  พวกมึงไปกับกูไหม?”

ทุกคนส่ายหน้า  เนมนัดแป้งไว้แล้ว  เอื้องฟ้าไปเที่ยวกับที่บ้าน  ส่วนขิงนัดรวมญาติที่บ้าน  เอกกับโจก็คงไม่ไปเหมือนกัน  อุตส่าห์ได้กลับมาบ้านทั้งที

ติ๊ง..ติ๊ง... เสียงเตือนจากไอจีดังขึ้น  ต้นน้ำรีบเปิดอ่าน  รู้สึกได้ถึงลางร้ายบางอย่าง
 
ว๊ากกกก...รูปเขา! ในชุดนักเรียนหญิงปกกะลาสีของญี่ปุ่น
 
สมัยงานกีฬาสีตอนเรียนมอห้า  ปีก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนถูกผู้ปกครองฟ้องร้องเรื่องค่าใช้จ่ายงานกีฬาสีฟุ่มเฟือยเกินไป  พอมาปีเขา...โรงเรียนเลยจำกัดงบกิจกรรม  โดยให้เน้นไปทางความคิดสร้างสรรค์แทน  สีแต่ละสีถูกตัดงบ  และสีของเขาก็สร้างสรรค์ออกเป็นเชียร์หรีดเดอร์ธีมนักเรียนหญิงญี่ปุ่น  แต่ตอนนั้นมีกันหลายคน  ทำอะไรก็ทำเป็นทีม  ยุแยงตะแคงรั่วกันไป  สนุกสนานกันจนลืมไปว่า...รูปมันจะสร้างความอับอายในอนาคตได้นะ

“ไอ้เหี้ย!”  ริวแม่งโคตรเลว  ทำเป็นชวนเขาคุย  มือก็กดอัพโหลดรูปเขา  คนอื่นๆ ในกลุ่มก็ฮือฮากันใหญ่  เอื้องฟ้าแทบกรี๊ดเมื่อเห็นเพื่อนสาวคนใหม่

แคปชั่นก็เลว...จีบทอมไม่สำเร็จอย่าไปเสียดาย  ผู้ชายมีเยอะ

มาแล้ว...เร็วมากกกประดุจความเร็วแสง  คอมเม้นท์เด้งรัวๆ  ไลค์ไม่ต้องพูดถึง...ไม่รู้ว่าได้หัวใจเพิ่มวินาทีละกี่ดวง

วันนั้นทั้งวัน... ‘สาวหล่ออันดับหนึ่ง’ ก็ได้ ‘หนุ่มหน้าสวยอันดับสี่' เป็นเพื่อนร่วมเดินปิดหน้าปิดตาหลบเลี่ยงเสียงแซวจากทั้งเพื่อนและรุ่นพี่  ทั้งในคณะและต่างคณะ





---------------to be continue---------------

อุอุ  เขารู้ใจตัวเองกันแล้วนะ
แต่อาจจะติดขัดอะไรอยู่
ขัดใจอิช้อยเล็กน้อย  แต่ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ช้อยดันใส่รายละเอียดอื่นมาซะเยอะ

อย่าว่าช้อย  ช้อยบอบบาง  ยิ่งว่าช้อยก็จะยิ่งดองงาน
ช่วยไปให้กำลังใจช้อยด้วยนะคะ

เพจช้อยเอง (https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarks)   


หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-09-2019 14:03:25
 :L2: :pig4:

ดิวจะเป็นตัวกระตุ้นไหมนะ
ตอนนี้บอกให้รู้ว่า รูปเก่าๆต้องเก็บไว้ดีดี จรัมมมม
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-09-2019 14:04:32
 :jul3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-09-2019 15:56:55
 :pig4:
 :3123:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 04-09-2019 16:53:42
เพื่อน

ร๊ากกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-09-2019 17:34:15
ดิวเหมือนระเบิดเวลา นทีทำไมยังผูกติดขาไว้อีก มะค่อยชอบดิวอ่า
เพื่อนรัก รักเพื่อนแท้ทรู
อยากดูรูปเด็กหญิงญี่ปุ่น ที่เป็นลีดมั่งอ่า
 :mew1:

หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-09-2019 18:27:09
แกล้งขิง ต้นน้ำเลยโดนบ้าง :serius2:
แต่ถึงไม่แหย่ขิง นึกหรือว่าริวจะไม่แกล้งต้นน้ำ
เพราะริวน่ะซาตานชัดๆ
ไม่รู้ว่าเพื่อตัวเองด้วยหรือเปล่า  :really2:
ดิวเริ่มรุกนทีแล้ว  :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-09-2019 22:09:50
เพื่อนแต่บะคนนี่น่าเลิกคบจริงๆ
ทำกันไปด้าย o13
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 04-09-2019 23:24:50
ใครจะพูดก่อนล่ะทีนี้
มีตัวกระตุ้นทั้งคู่เลย  :ling2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 10 ------ [04/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-09-2019 01:33:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 11-09-2019 10:47:18
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 11

ดวงดาวในดวงตา





ใต้ตึกวิศวะ
 
“เฮ้ย!  พวกมึงมึงเห็นนี่ยัง?” เจ้าพ่อโซเชียลอย่างต้นปาล์มตะโกนเรียกเพื่อนพลางยื่นโทรศัพท์ให้ดู
 
ทุกคนสุมหัวมาดูทันที  ไม่เพียงแค่เพื่อนในกลุ่ม  แต่เพื่อนคนอื่นที่นั่งรอขึ้นตึกเรียนอยู่ด้วยกันก็แหวกเข้ามามุงด้วย  นทียื่นหน้าเข้ามาดูแวบเดียวก่อนหลบมุมไปนั่งกดโทรศัพท์อยู่คนเดียว
 
“นี่มันต้นน้ำนี่หว่า”
 
“โคตรน่ารักเลย”
 
“เป็นเกย์เหรอวะ? ทำไมแต่งหญิง  ดูไม่ออกเลย”
 
“ลองจีบดูสิวะ  เดี๋ยวก็รู้” 
 
“พวกมึงอย่าลอง  เจ้าของมันดุ” น็อตปรามเพื่อนในคณะ  เกรงว่าจะพูดเอาสนุกกันจนเลยเถิด  ยังไงเสีย... ต้นน้ำก็ถือว่าเป็นเพื่อนเขาคนหนึ่ง
 
“นี่มึงรู้ด้วยเหรอไอ้น็อตว่าใครเล็งมันอยู่?” เม่นถาม
 
“เชี่ย  มีแต่คนตาบอดเท่านั้นแหละที่ดูไม่ออก”
 
“ใครวะ? เจ้าของไอ้น้ำ  ไอ้น้ำมันมีแฟนแล้วเหรอ?” ต้นปาล์มถามขึ้นด้วยสีหน้าแววตาไร้เดียงสาอย่างที่สุด
 
น็อตม้วนกระดาษเป็นม้วนกลม  แล้วฟาดลงหัวเพื่อนแสนซื่อดังป้าบ  ก่อนหันไปบอกเม่น
 
“กูขอเพิ่มจากเมื่อกี้  มีแต่คนตาบอดกับคนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่รู้”
 
ต้นปาล์มคลำหัวป้อยๆ  “เออ พวกคนฉลาด มึงบอกกูหน่อยสิ  ว่าแฟนไอ้น้ำเป็นใคร?”
 
น็อตยิ้มเหยียดใส่ต้นปาล์มก่อนมองไปยังนทีที่นั่งหลบมุมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในโลกส่วนตัว  อาการเหมือนสาวน้อยตาหวานมีความรัก  เสียจริตสัดๆ  ไปหมดแล้ว... นทีคนเท่ห์ 
 
“มึงไม่รู้  ก็จงไม่รู้ต่อไปเถอะ” เม่นส่ายหน้า  ลูบหัวต้นปาล์มเบาๆ ก่อนเดินขึ้นตึกเรียน
 
ต้นปาล์มถลึงตาใส่  ตีหัวเขา... เขาไม่โกรธ  แต่พูดแล้วไม่บอก... เขาโกรธมาก  หลอกให้ยากแล้วจากไป  ไม่ได้คิดเล๊ยยยย... ว่าต้นปาล์มจะค้างคาใจขนาดไหน  ถ้าเขาคิดมากจนเป็นโรคนอนไม่หลับ  ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ
 
 
 
 
 
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขัดจังหวะการอ่านหนังสือของต้นน้ำ  ร่างโปร่งลุกขึ้นไปเปิดประตู  นทีส่งยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนเบียดตัวเข้ามา  ในมือมีถุงกระดาษติดมาด้วย  
 
“อ่ะ.. เอามาให้  เห็นนายชอบ” 
 
“อะไร?” ต้นน้ำเปิดถุง  หยิบขึ้นมาดูแบบงงๆ  ก่อนทำตาเหลือก... ว๊ากกก! ชุดนักเรียนหญิงญี่ปุ่นแบบเน็คไทด์ “เฮ้ย... มันไม่ใช่... “ 
 
“ที่ป๊ากับแม่ซื้อมาให้จากญี่ปุ่นไง  เราไม่ได้ใช้หรอก  นายเก็บไว้เถอะ” 
 
“เราก็ไม่ได้ใช้เหมือนกัน  มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”
 
“อะไร?  เราคิดอะไร?  เราก็ไม่ได้คิด” 
 
ต้นน้ำ “...........” 
 
นทีเดินไปที่ประตู  ชี้ลงไปในถุงที่ต้นน้ำถืออยู่ “มีชุดเมทกับชุดพยาบาลด้วยนะ  ท่าจะน่ารักดี”  มือใหญ่ปิดประตูลง  ทันเวลาก่อนที่ถุงกระดาษจะปลิวหวือลอยไปกระแทกตามหลังนิดเดียว





บ้านดวงดาราตั้งอยู่ชานเมืองปทุมธานีริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  เป็นบ้านเก่าหลังใหญ่ซึ่งได้รับบริจาคมาจากเศรษฐีนีชราที่สูญเสียลูกชายสองคนไปในอุบัติเหตุรถคว่ำ  ทำให้ไม่มีผู้สืบทอดมรดกจึงได้เปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นสถานสงเคราะห์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้เรื่อยมา 

เด็กในบ้านมีอายุตั้งแต่เจ็ดขวบไปจนถึงวัยมัธยมปลาย  ส่วนเด็กเล็กกว่านั้นจะอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอีกแห่ง

“สวัสดีครับป้าเล็ก”  ต้นน้ำพาเพื่อนๆ  เข้าไปสวัสดีป้าเล็ก 

นทีอึ้งไปเล็กน้อย  ‘ป้าเล็ก’ ในความคิดของเขาคือผู้หญิงตัวเล็กๆ  ที่ดูอบอุ่นและใจดี  ผิดไปจากรูปลักษณ์ของ ‘ป้าเล็ก’ ตัวจริงลิบลับ  ป้าเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขาคือผู้หญิงรูปร่างผอมสูงสวมเสื้อผ้าฝ้ายยาวคลุมเข่าทับกางกางผ้าฝ้ายสีนวลไว้อีกชั้น  ผมยาวสลวยปะบ่า  ใบหน้านวลตกแต่งไว้อย่างประณีต  ขนตาดกดำเป็นแพใหญ่   และ...มีลูกกระเดือก!

“เรายังไม่ได้บอกนายเหรอ?”  ต้นน้ำถามเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของนที

“เรื่อง...?”

“ป้าเล็กเป็นกระเทย”

นทีส่ายหน้าหวือ

“เอาเถอะ  ไม่แปลกหรอก  เราก็เพิ่งรู้ว่าป้าเป็นกระเทยตอนมอสี่นี่เอง  เราเข้าใจว่าป้าเป็นผู้หญิงมาตลอด”

นทีมองต้นน้ำอึ้งๆ   เขาไม่เคยเจอป้าเล็กมาก่อน  ไม่รู้ว่าเป็นกระเทยก็ไม่แปลก  แต่ต้นน้ำที่สนิทกับป้าเล็กมานาน  ไม่รู้ว่าป้าเล็กเป็นกระเทย...นั่นน่ะแปลก!

“สวัสดีจ้ะเด็กๆ”  เสียงแหบที่บีบจนเล็กสมชื่อกล่าวทักทาย “โอ้ย...มีแต่คนหน้าตาดีๆ  มาซิ....มาให้ป้ากอดให้ชื่นใจหน่อย” 

ร่างสูงไล่กอดไปทีละคน  เริ่มจากต้นน้ำ “โอ๊ย...ชื่นใจ  ลูกชายป้า  ไม่เจอกันแป๊บเดียว  โตเป็นหนุ่มขึ้นเยอะ  นี่นทีใช่ไหม?  ตอนเด็กๆ ว่าหล่อแล้ว  ยิ่งโตยิ่งหล่อ  จำป้าไม่ได้ล่ะสิ  ตอนพวกเราเล็กๆ พ่อแม่พาเราไปงานเลี้ยงรุ่นกัน  พ่อแม่พวกเธอน่ะ...โน่น!  อยู่หน้าเวที  ปล่อยให้ฉันเลี้ยงพวกเธอนี่ล่ะ”  ป้าเล็กเล่าให้ฟังด้วยรอยยิ้มพราย

ฝนทิพย์กับธนกรหัวเราะ 

“นี่  มีแฟนหรือยังล่ะ?”

“ยังครับ”

“อะไร?  หน้าตาแบบนี้  รอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ไงเนี่ย  เสียดายของ”

“ใครจะเหมือนแกไอ้เล็ก  แรดแต่เด็ก”  ธนกรแซวเพื่อน

“ย่ะ  พวกแกลงเอยกันได้เพราะใคร  สำเหนียกบุญคุณไว้บ้างสิยะ”  เล็กหันไปค้อนใส่ธนกรทั้งที่มือก็ยังจับนทีไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนวกกลับมากอดพวกเด็กๆ เรียงตัว  “มีปัญหาปรึกษาป้าเล็กได้  พ่อเธออาจจะเก่งเรื่องงาน  แม่เธอก็อาจจะเก่งเรื่องเลี้ยงลูก  แต่เรื่องความรัก...ไว้ใจป้า  ป้าเล็กเก่งที่สุด”

“ใช่”  ธนกรแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “พวกป๊าอกหักรวมกันทั้งรุ่น  ยังไม่เท่าครึ่งหนึ่งของป้าแกเลย”

เล็กตีหน้ายักษ์ใส่เพื่อน  “แน่นอนย่ะ  จะอกหักสักกี่สิบครั้งก็ยังคุ้ม  ถ้าสุดท้ายได้เจอคนที่ใช่” จบประโยคก็หันไปทำตาหวานกะลิ้มกะเหลี่ยใส่ด้านหลังของลุงแดง...ชายสูงวัยคู่ชีวิตที่คบกันมานานนับสิบปีที่กำลังขะมักเขม้นช่วยจัดอาหารสำหรับเด็กๆ “เอาล่ะ แยกย้ายกันไปทำงานก่อน  เดี๋ยวค่อยคุยกัน”  เล็กเอามือดันหลังของหนุ่มสาววัยฉกรรจ์ก่อนตะโกน  “ที่รัก  แรงงานมาแล้วจ้า”

พวกเขาแยกย้ายกันลำเลียงของ  จัดฉากถ่ายรูป  โดยมีตากล้องมาจากทางสำนักพิมพ์และจากทางบริษัทของธนกรคอยถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อย  มีพนักงานเก่าแก่ที่สนิทสนมกันหน่อยเท่านั้นที่มาร่วมด้วย  มีเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กๆ ก่อนที่จะมีพิธีรับมอบของ  โดยเด็กที่บ้านดวงดาราจะแบ่งกันนั่งเป็นโต๊ะละสิบคน  ในหนึ่งโต๊ะจะมีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโตเพื่อที่พี่ๆ ที่โตกว่าจะได้ดูแลน้อง ๆ ได้  ส่วนโต๊ะพวกเขาก็จะแยกเป็นกลุ่มผู้ใหญ่และกลุ่มเด็กๆ เหมือนกัน  กลุ่มของธนกรจะมีครูใหญ่นั่งอยู่ด้วย  ส่วนโต๊ะของต้นน้ำมีครูพี่เลี้ยงอีกสองคนนั่งด้วย 

“ต้องขออภัยด้วยนะคะ”  หนึ่งในครูพี่เลี้ยงกล่าวกับพวกเขา “เด็กๆ ที่บ้านเราอาจจะดูไม่เรียบร้อยไปบ้างที่พูดคุยกันตอนรับประทานอาหาร  ทางเราอยากให้เด็กๆ รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้าน  ไม่อยากให้มีกฎเกณฑ์บังคับมากมายเหมือนอยู่โรงเรียนประจำ  เราปฏิบัติกันมาแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่คุณยายท่านยังอยู่แล้วค่ะ”

“คุณยายคือใครเหรอครับ?”  น็อตถาม

“ท่านชื่อคุณยายทองจันทร์ค่ะ  ท่านเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้  เป็นคนบริจาคที่ดินทั้งหมดและก่อตั้งบ้านดวงดาราขึ้นมา” 

“ทำไมชื่อว่าบ้านดวงดาราล่ะคะพี่?”  แป้งที่ติดสอยห้อยตามเนมมาด้วยถามบ้าง

“คุณยายท่านเล็งเห็นว่าในชีวิตของเด็กคนหนึ่งต้องประสบเรื่องราวต่างๆ มากมาย  การสูญเสียพ่อแม่  เป็นเด็กกำพร้าก็เป็นแค่เหตุการณ์หนึ่งในชีวิตของเด็กๆ เท่านั้น  แต่การใช้ชีวิตต่อไปยังต้องพบเจอเรื่องราวอีกมาก  คุณยายอยากให้เด็กๆก้าวผ่านได้ในทุกสถานการณ์ค่ะ...ไม่ว่าจะพบเจอกับอะไรก็ตาม  ไม่ว่าเราจะสูญเสียอะไรไป  แต่อย่าสูญเสียดวงดาวในตาเรา...เป็นที่มาของชื่อบ้านดวงดาราค่ะ  หมายถึงแสงของดวงดาวในดวงตาของเรา”

“โห...คุณยายเจ๋งมากเลยครับ”  ปาล์มบอกอย่างตื่นเต้น

“แล้วป้าเล็กกับลุงแดงเขาเป็นอะไรกับมึงวะ?  ดูท่าเขาจะรักมึงมากเลยนะ”  ริวถามต้นน้ำเพราะเห็นเล็กดูแลเอาใจใส่ต้นน้ำเป็นพิเศษ  เรียกลูกคะ...ลูกขาทุกคำ  พูดเพราะยิ่งกว่าแม่ตัวจริงอย่างฝนทิพย์พูดกับลูกเสียอีก  ดูไม่เหมือนเป็นแค่ลูกชายเพื่อนธรรมดา

“เป็นพ่อแม่คนที่สองของกูมั้ง  เขาเลี้ยงกูมา”  ตอนเด็กๆ  เวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน  พ่อมักเดินออกจากบ้านไป  ส่วนแม่ก็หลบไปร้องให้  สภาวะจิตใจยังไม่พร้อมที่จะดูเด็กอย่างเขา  เวลานั้น...ป้าเล็กจะถูกเรียกมา  พาเขาเล่น  พาเขาเที่ยว   สอนหุงข้าว  ล้างจาน  คอยให้คำปรึกษาเวลาทะเลาะกับเพื่อน 

ตอนที่พ่อเสีย  ป้าเล็กต้องมาอยู่กับเขาบ่อยขึ้น  ดูแลทั้งจิตใจและร่างกายของเขา  เพราะแม่ที่ต้องรับภาระมากขึ้น...ต้องทำงานหนักขึ้น  แม้ว่าจะมีเงินประกันชีวิตจากพ่อมาช่วยเหลือภาระหนี้สินเรื่องบ้าน  เรื่องรถ  และพอมีเงินเหลือสำรองอยู่บ้าง  แต่ค่าใช้จ่ายรายเดือนก็ไม่ใช่น้อย  กว่าร้านดอกไม้ของแม่จะลงตัวพอที่จะทำกำไรมาจุนเจือค่าใช้จ่ายได้ก็ใช้เวลาเป็นปี   ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสมัยมัธยมต้นของต้นน้ำจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับป้าเล็กและลุงแดง  ซึ่งทั้งสองคนก็รักและเอ็นดูต้นน้ำเหมือนเป็นลูกของตัวเอง 





ช่วงบ่ายเป็นช่วงเล่นเกมส์ก่อนมอบของโดยแบ่งทีมเป็นทีมของเด็กๆ บ้านดวงดาราและทีมงานที่มามอบของ  โดยมีโอเล่และเต้...พนักงานจากสำนักพิมพ์ลิตเติ้ลบุ๊คของเล็กเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

“เอาล่ะค่ะ  มาถึงช่วงเล่นเกมส์กันแล้วนะคะเด็กๆ  เป็นเกมส์ง่ายๆ  ธรรมดาๆ  นะคะ...เกมส์เก้าอี้ดนตรีค่ะ  ขอตัวแทนจากทีมดวงดาราค่ะ...เอากี่คนดี  สิบแล้วกัน   แล้วก็ตัวแทนจากทีมดันดาราอีกสิบคนค่ะ”  โอเล่ตั้งชื่อทีมเองเสร็จสรรพเรียบร้อย

ทีมดวงดาราเลือกพี่โตวัยมัธยมปลายมาลงสนาม  เพราะต้องแข่งกับผู้ใหญ่ทั้งนั้น  เด็กๆ ส่งเสียงเชียร์กันเฮฮาสนุกสนาน

“คุณนทีไปสิ”  พวกพนักงานบริษัทส่งเสียงเชียร์ทำให้นทีต้องลุกขึ้นไปพร้อมชวนต้นปาล์มไปด้วย

“ของป้าส่งน้ำไปด้วย”  ป้าเล็กดันต้นน้ำให้ลุกขึ้น  ต้นน้ำลากริวกับเนมไปด้วยกัน

ทีมดันดาราประกอบไปด้วยริว เนม ต้นน้ำ นที ปาล์ม และพนักงานอีกห้าคน 

“พร้อมกันนะคะ?”  โอเล่ถาม  ทั้งสองทีมพยักหน้า 

เต้ให้สัญญาณเปิดเพลง  เพลงที่ใช้เป็นเพลงลูกทุ่งที่จังหวะมันส์มากพลอยทำให้ทุกคนคึกคักไปด้วย  เพลงหยุด...มีสามคนที่ต้องออก  ริวผู้ไม่แพ้ยังคงอยู่  ต้นปาล์มผู้ชื่นชอบการแข่งขันก็ยังอยู่  เนมคนอวดแฟนก็ยังคว้าเก้าอี้ไว้ได้  รวมถึงนทีและต้นน้ำด้วย  คนที่ออกไปคือพนักงานบริษัทของเล่นของธนกรที่ดูเหมือนจะเข้ามาเล่นเพื่อให้ครบจำนวนคนเฉยๆ ไม่ได้จริงจังกับการแข่งขันมากขนาดนั้น

“รอบแรก  ทีมดันดาราออกไปสามนะครับ  ทีมดวงดารายังอยู่ครบ  เหมือนกับว่าดวงดารามาพร้อมกับดวงจริงๆ นะครับวันนี้” 

“คุณเต้คะ  ดูเหมือนคุณจะเป็นกลางมากเลยนะคะ  พวกเราดูไม่ค่อยออกเลยว่าคุณเชียร์ทีมดวงดาราจนออกนอกหน้าไปนิดนึง” โอเล่ประชดเพื่อนร่มงานก่อนหันมายังทีมต้นน้ำ  “ดันดาราคะ  ยังสู้กันอยู่หรือเปล่า?”

“สู้ครับ!”  พวกเขาตะโกนตอบ

“ดวงดารา  สู้ไหม?” พิธีกรผู้เป็นกลางถามบ้าง

“สู้!!!”  เสียงเด็กๆ ตะโกนเต็มเสียงเล่นเอาเสียงพวกเขาแผ่วไปเลย

เพลงเปิดขึ้นอีกครั้ง  แต่รอบนี้เป็นเพลงช้ามาก  น่าจะยุคสุนทราภรณ์ได้  ทุกคนเดินกันเอื่อยเฉื่อย  ระวังหน้าระวังหลังกันสุดฤทธิ์  เพลงเปิดนานมาก  เดินวนกันจนผู้เล่นทุกคนคลายความระวังตัว...เพลงก็หยุดกะทันหัน   ต้นน้ำรีบถลาไปยังเก้าอี้ว่างที่ใกล้ตัวที่สุด  ชั่วขณะที่กำลังจะนั่งลงไปนั้นกลับมีคนที่เร็วกว่า  แต่ก็ยั้งไม่ทันแล้ว  เขานั่งทับลงไปบนตักของคนที่นั่งลงก่อนหน้า   พอรู้สึกตัวว่ากำลังนั่งตักใครสักคนอยู่  ร่างโปร่งก็ผลุนผลันผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว  แต่ทว่ากลับเร็วเกินไปจนเกือบทรงตัวไว้ไม่อยู่  มือใหญ่คว้าเอวเขาไว้ได้พลางประคองให้กลับลงมานั่งตักเหมือนเดิม  ต้นน้ำเอี้ยวตัวไปมอง...สายตาคมยิ้มกริ่มของนทีมองตอบกลับมา 

ชั่วเวลาแค่กระพริบตาสองปริบที่หัวใจเขาเต้นแรง  เลือดลมทั้งหมดสูบฉีดมาที่ใบหน้า  แต่ช่วงเวลาแต่สูดลมหายใจเข้าถัดมา...เขาก็รวบรวมสติท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมายได้  “เราว่า...เราเห็นก่อนป่ะ?”

“เราก่อนดิ  นายดูด้วย...ว่าใครนั่งก่อน”

ใบหน้าใสเบะปากใส่ก่อนลุกขึ้นยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี 

“เอาล่ะครับ  ดันดาราออกไปอีกสาม”  เต้ประกาศผล

ต้นน้ำหันขวับหาผู้ร่วมชะตากรรมทันที  เป็นทีมงานจากลิตเติ้ลบุ๊คอีกสองคน  ต่างฝ่ายต่างหัวเราะให้แก่กันในความกากของทีมตัวเอง   

“ดันดาราเหลืออีกสี่คนเท่านั้นนะครับ  ในขณะที่ดวงดารายังอยู่กันครบทีมเลย”  เต้บรรยายพลางเดินเข้าไปแทรกกลางระหว่างนทีกับริว  โดยมีต้นปาล์มกับเนมยืนอยู่ข้างๆ “น้องๆ ครับ  ยอมแพ้เลยดีไหมครับ?” 

เสียงกรี๊ดจากน้องๆ บ้านดวงดาราดังสนั่น  พวกพี่ที่มารอบนี้หล่อสวยกันทุกคนเลย  โดยเฉพาะพี่นทีกับพี่ริว

“ไม่นะคะ  ทีมดันดาราจะแพ้ไม่ได้นะคะ? เพื่อเป็นการจูงใจในการแข่งขัน  เรามีรางวัลจากบอร์ดบริหารจากทั้งสองบริษัทมามอบให้แก่ผู้ชนะเป็นพิเศษ  มาค่ะ...พี่เตรียมไว้แล้ว”  โอเล่ล้วงซองสีขาวขึ้นมาโชว์  “พี่เตรียมซองไว้แล้วค่ะ  ส่วนเงินรางวัลจะเป็นเท่าไรนั้น... ”  โอเล่ทำหน้าเจ้าเล่ห์เดินไปหาธนกรที่พอรู้ตัวว่าโดนมัดมือชกเข้าให้แล้วก็หัวเราะลั่นพลางล้วงกระเป๋าเงินคว้าแบงค์พันขึ้นมาใส่ลงในซองขาวสองใบอย่างใจป้ำ

จำนวนเงินสองพันเรียกเสียงเฮดังมาจากเด็กๆ บ้านดวงดาราอีกครั้ง  พร้อมๆ กับเสียงโห่จากผู้แพ้ที่ตกรอบไปก่อนหน้านี้  รวมถึงต้นน้ำด้วย

เมื่อมีเงินรางวัลมาล่อ   การแข่งขันก็ยิ่งคึกคักขึ้น  “เดี๋ยวค่ะ...เดี๋ยว  มีเงินรางวัลแล้วก็ต้องมีบทลงโทษ เมื่อกี้พี่เห็นน้องๆ ไม่ตั้งใจแข่งกันเลย  ใครแพ้ต้องเป็นแฟนพี่นะคะ”

“ผมมีแฟนแล้วครับ”  เนมรีบชี้มาที่แป้ง 

“โอเคค่ะ  ไม่แย่งแฟนกัน  ที่เหลือ...ใครแพ้ต้องเป็นแฟนพี่นะคะ”

เสียงกรี๊ดดังมาจากน้องๆ บ้านดวงดาราอีกครั้ง  น้องบางคนก็ใจกล้าตะโกนขึ้นมาว่า “ใครชนะต้องเป็นแฟนหนู?”  เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน

“เอ้าๆๆๆๆ  พี่โอเล่อยากมีแฟน  พวกเรามีกันตั้งสิบคน  จัดให้หน่อยดีไหม?” เต้ผู้ไม่เป็นกลางอย่างเห็นได้ชัดถามทีมดวงดารา  ซึ่งน้องๆ ก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดี  “ดีมาก  เริ่มได้!” 

เพลงถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง  ทุกคนดูเกร็งและคาดหวังมากกว่าเดิม  ต้นน้ำที่กลับมาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนๆ ก็พลอยลุ้นตามไปด้วย 

“รู้งี้กูไปเล่นด้วยก็ดี”  เอื้องฟ้าบอก

“ทำไม?  มึงอยากเป็นแฟนพี่โอเล่เขาเหรอ?”  ขิงถาม

“เปล่า  กูอยากได้เงินสองพัน”

“เชี่ย”  ขิงหัวเราะเพื่อน   

เพลงหยุดแล้ว  รอบนี้เนมกับน้องๆ บ้านดวงดาราได้ออกอีกสองคน  โอเล่ดูระรี้ระริกเป็นพิเศษ  ทีมดันดาราเหลือสาม  ดวงดาราเหลือแปด 
 
“โอ๊ย...เหี้ย  พอพี่โอเล่จะจับทำแฟน  ไอ้สามตัวนั้นแม่งเล่นโหดสัด  ไอ้ปาล์มแทบจะถีบกูออกจากเก้าอี้” เนมบ่นกระปอดกระแปดพลางลูบแขนที่มีรอยแดงจางๆ  เพราะรอบเมื่อกี้เขาแย่งเก้าอี้กับต้นปาล์ม

เพื่อนๆ พากันหัวเราะ  ก่อนพากันหันไปสนใจเกมส์ที่กำลังจะเริ่มรอบใหม่อีกครั้ง  โอเล่ยังคงปล่อยมุกเต๊าะหนุ่มๆ ไม่หยุดแถมยังดูเหมือนจะแปรพักต์เข้าข้างน้องๆ บ้านดวงดาราไปแล้ว  รอบนี้ทุกคนตั้งใจมากเป็นพิเศษ  ดูเหมือนสามคนนั้นจะไม่มีคำว่าเพื่อนหลงเหลืออยู่แล้ว

“มึงว่าพวกมันจริงจังกันเกินไปป่าววะ?”  น็อตถามเม่น

“มึงดูหน้าพี่โอเล่ก่อน  กูว่าเขาเอาจริงนะ”  ถึงโอเล่จะทำเป็นพูดเล่นก็เถอะ  แต่ก็ดูมีความสุขมากที่ได้แซะหนุ่มๆ

“น้องทีๆ  น้องทีชอบคนแก่กว่าหรือเด็กกว่าคะ?”

นทียิ้มเขิน “แก่กว่าครับ”

ต้นน้ำก็พลอยยิ้มไปด้วย  โอ๊ย...แล้วเขายิ้มทำไมวะเนี่ย?  แล้วไอ้ความรู้สึก...แอร๊ยย แอร๊ยย...แบบที่เห็นบ่อยๆ ตามคอมเม้นท์สาวๆ นี้มันคืออะไรวะเนี่ย?

“เราก็มีสิทธิ์น่ะสิ  พวกเด็กๆ หลบไป”  โอเล่หันไปบอกเด็กๆ บ้านดวงดารา 

“อย่าเพิ่งร้องลูก  อย่าเพิ่งร้อง  ยังเหลืออีก...”พี่โอเล่เหล่สายตาไปยังปาล์มกับริว 

“โอเล่ครับ” พี่เต้สะกิดเตือน  “เบาๆ ครับ  เจ้านายมาด้วยนะ”

“วินาทีนี้แล้วนะคะเต้  อายไม่ได้แล้วค่ะ  ทุกวันนี้ก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องแล้วล่ะค่ะ”

เต้ทนความหื่นของเพื่อนร่วมงานสาวไม่ไหว  สั่งเปิดเพลงโดยด่วน  พอเพลงจบพวกนทียังคงยึดเก้าอี้เป็นของตัวเองไว้ได้  น้องๆ บ้านดวงดาราออกไปกันสามคน 

“เอาแล้วๆ  อาจเป็นเพราะกำลังใจของโอเล่ทำให้หนุ่มๆ ของทีมดันดาราเกาะเก้าอี้กันไว้ได้เหนียวแน่น”  เต้พูดไปหัวเราะไปอย่างสะใจ  “ทีมดวงดาราออกไปอีกสามคนนะครับ  น้องเป็นยังไงกันบ้างครับ?  ยังสู้อยู่ไหม?” 

“สู้!” น้องๆ ยังคงกำลังใจดีพอๆ กับโอเล่ที่ยิ่งคึกคัก

“เริ่มเลยเถอะ  พี่ทนไม่ไหวแล้ว  พี่อยากรู้เหลือเกินว่าพี่จะได้ตกเป็นของใคร? มิวสิค!”  พี่โอเล่เรียกเพลง  ซึ่งก็ได้เพลงตามที่เรียก  ผู้เล่นยังงงๆ  อยู่เลยตอนที่เพลงขึ้น

เพลงจบ...นทีกำลังจะเข้าไปนั่ง  แต่มือบางของโอเล่เร็วกว่า  เธอดึงเก้าอี้ออกแล้วเอาไปเสียบไว้ให้น้องๆ บ้านดวงดาราแทน 

“พี่โอเล่  มายไอดอล”  เอื้องฟ้าแทบจะตะโกนบอกรักพี่โอเล่  ประทับใจในการเต๊าะหนุ่มแบบหน้าด้านๆ ไม่อายฟ้าอายดินของนาง

“คนนี้แฟนฉัน” โอเล่เดินไปคล้องแขนนทีที่ทำหน้าหัวเราะไม่ได้  ร้องให้ไม่ออก  แล้วก็หันไปแซวธนกรที่นั่งหัวเราะอยู่กับฝนทิพย์ “คุณพ่อขา  คุณพ่อได้ลูกสะใภ้แล้วนะคะ  เสียสองพัน แลกกับลูกสะใภ้หนึ่งคน  คุ้มนะคะเนี่ย”

ธนกรพยักหน้าเออออไปด้วย  หัวเราะไปด้วย  สักพักก็ส่ายหน้าระอาใจ

“เดี๋ยวฉันเป็นเจ้าภาพฝ่ายหญิงให้เอง  แถมข้าวสารให้ด้วยนะ” เล็กแซวธนกรบ้าง 

โอเล่รั้งตัวนทีไว้ลูบๆ คลำๆ พอประมาณก่อนปล่อยมานั่งกับเพื่อน  นทีเดินหมดแรงมานั่งข้างต้นน้ำ  ต้นน้ำก็ยื่นขวดน้ำเย็นให้  นทีรับมาดื่มเงียบๆ  คอยลุ้นเกมส์ต่อไปที่เหลือแค่ริวกับต้นปาล์มสองคน

“คู่ต่อสู้ของเราวันนี้สูสีมากนะครับ  ทีมดันดาราเหลือสองคน  ทีมดวงดาราเหลือสามคน  รอบนี้จะมีคนออกทั้งหมดสามคน  แล้วเราก็จะเข้าสู่รอบสุดท้ายกันแล้วนะครับ”

เพลงเริ่ม...เสียงพูดคุยก็เงียบลงไป  เพลงรอบนี้นานมาก  รอจนทุกคนเริ่มเบื่อเพลงก็หยุด  ต้นปาล์มโถมตัวไปยังเก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุด  แต่กลับต้องกระเด็นออกมาเพราะแรงปะทะจากคนที่ตังโตกว่าอย่างริว  ทั้งสองคนกระเด็นไปคนละข้าง  มือที่สามจากดวงดาราคว้าเก้าอี้ไปได้ 

คนแพ้ทั้งสองคนโดนโอเล่แทะโลมสักพักก็ปล่อยตัวออกมาสู่อ้อมอกเพื่อน 

“เชี่ย  มึงชนกูทำไมวะ?” ปาล์มบ่นริว

“มึงก็ชนกูเหมือนกันแหละ”

“ไม่เหมือน  กูเจ็บกว่า  สองพันกูปลิดปลิวไปแล้ว”

“มึงจะเอาไปทำไมวะ...สองพัน  ให้น้องๆ เขาไปเถอะ”

“กูได้มา  กูก็จะให้น้องอยู่ดีแหละ  แบบนั้นโคตรเท่ห์  แต่แบบนี้ไม่เท่ห์เลย  ศักดิ์ศรีน่ะ...มึงรู้จักไหม?” 

ริว “.....”  คนอย่างต้นปาล์มรู้จักคำว่าศักดิ์ศรีด้วยเหรอ?

เป็นที่แน่นอนว่าน้องๆ ดวงดาราได้เงินรางวัลสองพันบาทไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี  มาถึงช่วงสุดท้าย  โอเล่เชิญคุณครูใหญ่ขึ้นมาบนเวที

“สวัสดีค่ะ  วันนี้ครูอยากจะขอบคุณมากๆ  สำหรับน้ำใจ  ความสนุกสนาน  และมิตรภาพที่มีให้กับน้องๆ  ครูเองก็เป็นเด็กรุ่นหนึ่งที่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน  เรียนจบแค่มอหก...ก็ไม่เรียนต่อแล้ว  แต่เลือกที่จะมาทำงานอยู่ที่นี่แทน  เพราะคิดว่าเราเติบโตมาจากที่นี่  เราก็ควรตอบแทนบุญคุณที่นี่  ด้วยความที่ตอนนั้นยังอายุน้อย   ความคิดความอ่านก็แคบ  ครูต่อว่ารุ่นพี่คนหนึ่งที่มาเป็นลูกคุณยายรุ่นแรก  ในตอนนั้นมีเด็กเยอะขึ้น  ต้องการแรงงานหนุ่มสาวมาช่วยดูแลมากขึ้น  อะไรหลายๆ อย่างยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง  แต่รุ่นพี่คนนั้นกลับเห็นแก่ตัว  ไม่ยอมมาอยู่ดูแลที่นี่...ที่ที่เป็นรากเหง้าของตัวเอง  เขาคนนั้นทิ้งที่นี่ไปเดินทางตามความฝันของตัวเอง   น่าแปลก...ทั้งที่คุณยายไม่เคยโกรธคนคนนั้นเลย  แต่ครูกลับโกรธมาก  จนแทบจะไม่อยากคุยกับรุ่นพี่คนนั้นเลย   

ก่อนที่คุณยายจะเสีย...ท่านป่วยหนัก  เราประสบปัญหาทางด้านการเงิน  จำนวนเด็กที่มากขึ้นทำให้เราแทบจะรับมือกับปัญหาการเงินไม่ไหว  แต่อย่างที่คุณยายได้ตั้งใจถ่ายทอดแนวคิดของท่านไว้เรา...ไม่ว่าเราจะเจอกับอะไร  เราจะไม่สูญเสียดวงดาวในดวงตาเรา  วันหนึ่ง...ดวงดาวของท่านก็กลับมา  ทันเวลา...เพื่อให้คุณยายได้เห็นว่าดวงดาวของท่านเปล่งประกายงดงามแค่ไหน?” คุณครูใหญ่พูดไปทั้งที่น้ำตาคลอ  ทั้งความรู้สึกผิด  ความซาบซึ้ง  ความกตัญญูถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงที่แผ่วเบาทว่าหนักแน่น “ขอบคุณพี่เล็กค่ะ  ขอบคุณพี่เล็กที่กลับมาในวันนั้น  ทำให้เรายังมีวันนี้อยู่” 

เล็กเดินเข้าไปตระกองกอดครูใหญ่ไว้ในอ้อมแขน  เรียกน้ำตาของคนที่คอยฟัง 

เด็กๆ และครูที่ดูแลร้องให้กันหมด  ฝนทิพย์น้ำตาไหลซบใบหน้าลงกับอกกว้างของธนกร แป้งซับน้ำตาที่หัวตาโดยมีมือของเนมโอบกอดอยู่เบื้องหลัง  เอื้องฟ้ากับขิงน้ำตาไหลแบ่งกระดาษทิชชูกันเช็ด  ต้นปาล์มผู้อ่อนไหวปล่อยโฮโดยมีน็อตกับเม่นคอยห้ามไม่ให้ร้องให้หนักกว่านี้แล้ว...มันน่าอาย

“ร้องให้ใช่ไหม?”  นทีถามเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นจากการเบียดของคนทางด้านหลัง 

“อืม”  ต้นน้ำตอบเสียงสั่น  เขาใช้หลังนทีบังไม่ให้คนอื่นเห็นว่าเขาร้องให้  ริวที่นั่งข้างๆ ยื่นมือมาตบบ่าเขาเบาๆ

“นี่คือบทเรียนสุดท้ายที่คุณยายทิ้งไว้ให้ครูก่อนจากไป...เราไม่สามารถตัดสินใครได้  ตราบใดที่เราไม่ได้เดินทางไกลโดยสวมรองเท้าของเขา”  ครูใหญ่ทิ้งท้ายประโยคลงได้อย่างสวยงามก่อนยื่นไมค์ส่งต่อให้กับเล็ก

เล็กยิ้มรับไมค์  ยิ้มให้ครูใหญ่ก่อนหันมายิ้มให้เด็กๆ

“เรียกว่าป้าเล็กแล้วกันเนอะ” เล็กเงียบอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกำลังเรียบเรียงคำพูด “อย่างที่ทุกๆ คนรู้  ป้าเล็กเป็นกระเทยค่ะ”  คราวนี้ทุกคนเงียบ  “เหตุผลที่ป้าต้องมาอยู่ที่นี่  ไม่ใช่เพราะว่าป้าไม่มีพ่อแม่  แต่เป็นเพราะว่าพ่อของป้ารับไม่ได้ที่ป้าเป็นแบบนี้  ป้าถูกตีทุกวัน  แต่อย่างว่านะคะ...กระเทยไม่ใช่โรค  ที่รักษาแล้วหายได้...ไม่ใช่นิสัย  ที่ตีแล้วนิสัยจะดีขึ้นมาได้...คุณยายพบป้า  แล้วพาป้ามาอยู่ที่นี่  คุณยายบอกกับป้าว่า...ถ้าจะเป็นกระเทย...อย่าเป็นกระเทยธรรมดา  แต่ให้เป็นกระเทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  อย่าเป็นกระเทยขี้เหร่ที่หาได้ดาษดื่นตามท้องถนน...แต่จงเป็นกระเทยที่สวยที่สุด”

“ตอนแรกๆ ป้าไม่เข้าใจ  ป้าไว้ผมยาว  แต่งหน้า  ทาปาก  สวยมาก  ป้าเป็นนางรำ  ประกวดนางงาม...แต่คุณยายก็ยังบอกว่าป้าเป็นกระเทยธรรมดาอยู่นั่น” เล็กหัวเราะเมื่อนึกถึงอดีต “สมัยนั้นยังไม่เปิดกว้างเหมือนทุกวันนี้  ป้าโดนเด็กผู้ชายแกล้ง  ป้าก็ด่ากลับบ้าง  ตีกันบ้าง  จนมาวันหนึ่ง...ป้าเหนื่อยแล้วที่จะต่อสู้  ป้าแค่พยักหน้าให้แล้วเดินออกมา  วันนั้น...เป็นวันแรกที่คุณยายชมป้าว่าสวย  พวกหนูเริ่มเข้าใจไหมลูก?”  ป้าเล็กหยุดถาม

เด็กๆ หลายคนพากันพยักหน้าหงึกหงัก

“เราเป็นคนสวย...เราไม่จำเป็นต้องสนใจคำพูดของคนอื่น  ถ้าเรามั่นใจว่าเราสวยแล้ว...ให้เดินต่อไป เราอยู่เริ่ดๆ เชิ่ดๆ สวยๆ ของเรา  การทะเลาะเบาะแว้ง...ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนไม่สวยทำนะคะ” สิ่งที่เล็กพูดตอบโจทย์ที่ครูใหญ่ทิ้งเอาไว้ได้เป็นอย่างดี  เพราะเธอมั่นใจว่าเธอได้ทำในสิ่งที่สมควรแล้ว  เธอจึงได้เดินหน้าต่อในวิธีของตัวเองแม้ว่าครูใหญ่และคนอื่นๆ จะไม่เห็นด้วยก็ตาม  “ลูกๆ ทุกคนมีวิถีทางเป็นของตัวเอง  อย่าไปตัดสินใคร  และอย่าปล่อยให้ใครมาตัดสินเรา  จงเป็นตัวเองให้ดีที่สุด  เอาล่ะ...ป้าฝากไว้เท่านี้  เด็กๆ อยากถ่ายรูปกับคนสวยไหมคะ?”  เล็กชี้ที่ตัวเอง

“อยากค่ะ”  เด็กๆ ตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน 

“ป้าเล็กของนายเจ๋งจริงๆ ด้วย”  นทีกระซิบบอกต้นน้ำที่ยังคงตาแดงช้ำอยู่  แต่ก็ยังไม่วายหันกลับมายักคิ้วให้เขา



-----------------------------------------

เป็นตอนที่เขียนแล้วลบ  ลบแล้วเขียนบ่อยมากๆ 
ซีนหวานไม่ค่อยมีนะ 
เดี๋ยวตอนหน้า พวกนางจะไปเที่ยวสงกรานต์กันจ้า
ซีนต้องมาล๊าวววว

ทวงถาม ทักทาย ได้ที่ที่เพจเหงาๆ ของช้อยเอง (https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarks)

หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-09-2019 11:36:43
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 11-09-2019 12:02:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2019 13:00:28
ซึ้ง........จนน้ำตาซึมออกมาตามไปด้วยเลย   :mew6:
ชอบบบบบบบบบบบบ   คุณยายทองจันทร์ สอนป้าเล็กได้ดีมากกกกกก   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
"อย่าเป็นกระเทยธรรมดา
แต่ให้เป็นกระเทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
อย่าเป็นกระเทยขี้เหร่ที่หาได้ดาษดื่นตามท้องถนน...
แต่จงเป็นกระเทยที่สวยที่สุด
       :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 11-09-2019 14:05:44
กินใจมากกับคำสอนของคุณยายในพาร์ทนี้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-09-2019 14:23:20
  o13
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-09-2019 23:09:56
ช็อตนั่งตักกันจะมีใครถ่ายได้มั้ยน้าาาา
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 11 ------ [11/09/2019]---P.3
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 16-09-2019 16:24:53
 :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 16-09-2019 16:39:37
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 12

แยกสละกับระกำออกหรือยัง?





“สอบเสร็จสักที”  ต้นปาล์มเดินหอบร่างไร้วิญญาณเดินออกมาห้องสอบเป็นคนสุดท้าย “ไปฉลองกันไหมมึง?”

“ไปดิ  หมูกระทะนะ  ไม่เอาเหล้า  กูไม่ไหว  เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอนเลย”  เม่นเสนอความคิด

“เออ เหมือนกัน  กินอิ่มๆ  กูจะได้นอนหลับอย่างสบายใจ”  น็อตตกลงก่อนหันไปถามเพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่ข้างๆ กัน “พวกมึงไปด้วยไหมตั้ม?”

ตั้มที่กำลังนั่งเบื่อๆ อยู่พยักหน้า “ไปดิ  พวกมึงอ่ะดิว?”  เขาหันไปถามดิวที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ใกล้ๆ กันด้วย 

“อืม ไปสิ” ทุกคนพยักหน้าเออออตามกัน  เย็นวันนั้นวิศวะกลุ่มใหญ่พากันจับจองพื้นที่ร้านหมูกระทะโต๊ะใหญ่ 

“ไหนว่าไม่มีเหล้าไง?”  น็อตถามเมื่อเห็นว่าตั้มสั่งเบียร์มา

“มันต้องมีกลั้วคอสักหน่อยไหม?  มึงก็อย่ากินจนเมาสิ”  ตั้มตอบพร้อมกับรินเบียร์แจก “ช่วงนี้ทำไมกูไม่ค่อยเห็นมึงเลยวะนที?”

“กูก็ไปเรียนทุกวัน”

“กูหมายถึงตอนไปเที่ยว  แต่ก่อนนี่แรดออกทุกอาทิตย์  พอจะหายก็หายไปเลย  สาวๆ  ถามหามึงจนกูปวดหัว  ไม่เชื่อถามไอ้ปาล์มได้”

เม่นคีบหมูใส่ปาก  ก็ที่ร้านเหล้าไม่มีต้นน้ำนี่

“พรุ่งนี้ไหมล่ะ?”  ปาล์มชวน

“กูดีล”  ตั้มตอบ  เม่นกับน็อตก็พยักหน้าตกลง

“กูไม่ว่าง  มะรืนกูต้องขับรถพาป๊ากับแม่ไปต่างจังหวัด”

“มึงก็ให้ไอ้น้ำขับสิ” ปาล์มช่วยคิดหาทางให้เพื่อนเที่ยวได้

“เดี๋ยวมันก็ให้กูขับอยู่ดีน่ะแหละ”  นทีตอบ  ต้นน้ำเป็นโรคขี้เกียจขับรถ  บ่นทุกครั้งที่ตัวเองต้องเป็นคนขับ

น็อตทำหน้าเอือม คีบหมูชิ้นที่สุกใส่ปากบ้าง จ้า...แฟนขับจ้า 

“เดี๋ยวนะๆ  น้ำ?  ต้นน้ำศีลกรรมอ่ะนะ?”  นิว...เพื่อนในกลุ่มตั้มถามขึ้น

“เออ”  ปาล์มตอบ 

“แล้วมันไปกับที่บ้านมึง?” นิวถามหน้าตาเลิ่กลั่ก “หรือว่า...?”

“ว่าอะไร?” นทีถาม

“มึงกับมันเป็นแฟนกันจริงๆ เหรอ?” ตั้มมองซ้ายมองขวาก่อนถามเสียงเบา

นทีมองซ้ายมองขวาก่อนตอบเสียงเบา “....จริง”

เพื่อนในโต๊ะทั้งหมดเงียบ  มองหน้านทีด้วยสายตาทั้งอึ้งและทึ่ง

ต้นปาล์มหัวเราะเสียงดัง  “เชี่ย  มึงจะไปหลอกพวกมันทำไมวะ?  มึงก็บอกพวกมันไปสิว่าป๊ามึงกับแม่มันแต่งงานกัน  พวกมึงแค่อยู่บ้านเดียวกัน”

เม่นกับน๊อตวางตะเกียบลงพร้อมกัน  ไอ้ปาล์มมี่  มึงนั่นแหละที่ควรหุบปาก





ต้นน้ำเดินลงบันไดมาด้วยหน้าตาอิดโรย  การไม่ได้นอนยาวติดต่อกันเป็นอาทิตย์ส่งผลให้อารมณ์ของเขาหงุดหงิดง่ายกว่าปกติ  ตาคู่สวยมองผ่านกระจกหน้าต่างไปยังร่างสูงที่เล่นปาลูกบอลอยู่กับโจลีและแบรดพิตต์ด้วยใบหน้าสดใส  โกนหนวดโกนเคราเรียบร้อย  ดูเหมือนพระเจ้าจะเอ็นดูนทีเป็นพิเศษ  นอกจากหล่อ สูง  รูปร่างดีแล้ว  ยังได้สอบเสร็จเร็วกว่าอีกด้วย  แถมสอบเสร็จยังได้ไปกินหมูกระทะที่เขาอยากกินต่ออีก  อ่า...ชีวิตที่มีหมูกระทะช่างแสนเพอร์เฟ็คต์  ร่างกายเขาปราศจากหมูสามชั้นบนกระทะมีรูมานานเท่าไรแล้วเนี่ย  วันก่อนที่นทีโพสต์ภาพหมูกระทะพร้อมกับแท็กเพื่อนๆ กลุ่มวิศวะรวมถึงดิวด้วย  เขาอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย  อยากจะโผเข้าไปในรูปซะตอนนั้น  ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะรวบรวมสมาธิให้อ่านต่อได้...อิดโรยได้อีก 

กลับมาถึงบ้านเมื่อวานเขาก็นอนยาวมาจนถึงตอนนี้  แต่ก็เหมือนจะยังไม่พอ  อยากจะนอนต่ออีกสักวัน  แต่กลับต้องตื่นแต่เช้าเพราะต้องเดินทางไปบ้านคุณยาย  เฮ้อ...

“น้ำ  กินข้าวก่อนไหมลูก?”  ฝนทิพย์ถามลูกชายด้วยหน้าตาสดใส  ดีใจที่จะได้กลับไปเยี่ยมบ้าน  โดยมีธนกรที่หน้าตาสดใสนั่งอยู่ข้างๆ 

“ครับแม่” หน้าตาสดใสทั้งบ้านเลย  ยกเว้นเขาคนเดียว  เขายังเป็นลูกบ้านนี้อยู่หรือเปล่าเนี่ย?  น้อยใจจนต้องกินน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋จิ้มนมจนหมดไม่เหลือสักตัว

“นายกินปาท่องโก๋หมดเลยเหรอ?” นทีเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  ทันตอนที่ต้นน้ำกำลังใช้เนื้อปาท่องโก๋ชิ้นสุดท้ายกวาดนมข้นหวานเกลี้ยงถ้วยพอดี

“อืม  มีไรไหม?” ต้นน้ำเหล่ตาขึ้นมอง  หงุดหงิดพร้อมบวกมากตอนนี้

“หือ  ไม่มี๊  ไม่มีอะไรเลย” 

“อ้าว  น้ำกินปาท่องโก๋หมดเลยเหรอลูก?” ฝนทิพย์เดินออกมาจากบริเวณครัว  “นทียังไม่ได้กินเลย”

“ไม่รู้นี่  นึกว่ากินแล้ว”  ต้นน้ำทำสีหน้าสำนึกผิด  ทีเขายังไม่ได้กินหมูกระทะเลย  แค่นทีไม่ได้กินปาท่องโก๋...แค่นี้ยังน้อยไป  “แล้วทำไมยังไม่ได้กินล่ะ?” 

“ก็รอนายน่ะสิ  เดี๋ยวเหลือไว้ให้นายน้อยเกินไป  นายก็บ่นไม่อิ่มอีก”

คำตอบของนทีทำให้ต้นน้ำเริ่มรู้สึกผิดจริงๆ ขึ้นมา “ไข่ดาวไหม?  เดี๋ยวทอดให้”

“เจียวแล้วกัน  เอาแบบฟูๆ ใส่หอมหัวใหญ่ให้ด้วยนะ”

ต้นน้ำเดินไปเปิดตู้เย็น  หยิบไข่ไก่ออกมาสองฟอง  ปรุงรสก่อนเริ่มซอยหอมหัวใหญ่ 

“เดี๋ยวแม่ไปดูเด็กจัดของบนรถก่อนนะ” ฝนทิพย์บอกต้นน้ำ

“ครับ” 

“ของน้ำมีแค่กระเป๋าใบเดียวใช่ไหม?”

“ครับ  ผมวางไว้หน้าประตู  เดี๋ยวผมออกไปยกให้”

“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวแม่ให้เด็กมายก”

ฝนทิพย์เงียบหายไปแล้ว 

“นายโกรธอะไรเราหรือเปล่า?”  นทียื่นหน้าเข้ามาถาม  ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่ต้นน้ำดูหงุดหงิด  ทำหน้าบึ้งตึง  เย็นชาใส่เขา 

“ม๊าย...ไม่นี่” ต้นน้ำตกใจที่นทีโผล่เข้ามาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว  เผลอตอบเสียงสูง

แน่นอน!  แบบนี้โกรธแน่ๆ   “ถามจริง  เราทำอะไรให้นายไม่พอใจหรือเปล่า?”

 “ไม่นี่  ไม่มี๊”  ไม่มีสักหน่อย  ไม่มีอะไรเลย  นทีแค่ไปกินหมูกระทะกับเพื่อนเฉยๆ  ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องโกรธสักหน่อย  ต้นน้ำสับหัวหอมกระเด็น 

นทีกระเถิบตัวออก  “ไม่...ก็ดีแล้ว  เราไปรอที่โต๊ะนะ”  นทีชี้ไปที่โต๊ะเก้อๆ กังๆ  เขาไม่ควรเข้ามาที่ครัวตั้งแต่เห็นต้นน้ำถือมีดแล้ว

ต้นน้ำไม่ตอบอะไร  ก้มหน้าก้มตาทำไข่เจียวต่อไป  สักพักข้าวสวยร้อนๆ โปะไข่เจียวหอมกรุ่นก็มาเสิร์ฟนทีถึงที่  “เราไปช่วยแม่จัดของก่อนนะ”

“เดี๋ยวสิ  นายจะปล่อยให้เรานั่งกินคนเดียวอย่างนี้เหรอ?”

“แล้วปกตินายไม่ได้นั่งกินคนเดียวหรือไง?”  หึ...คงมีคนกินข้าวด้วยตลอดสินะ

“ก็กินคนเดียวนั่นแหละ  แต่ตั้งแต่มีนาย  ก็ไม่ค่อยชินกับการกินข้าวคนเดียวแล้ว”

อั้ก...เหมือนมีลูกศรยิงมากระแทกปุ่มโกรธแตกกระจุย  หยุดเดี๋ยวนี้นะ...ห้ามยิ้ม  ฮึบๆ ฮึบไว้  ต้นน้ำบอกตัวเองเมื่อรู้สึกได้ว่ามุมปากของตัวเองกำลังจะยกขึ้น  โนๆๆๆ...โกรธอยู่นะ  ริมฝีปากอาจจะยั้งทั้น  แต่สายตาที่ทอประกายวาว  อ่อนโยนขึ้นนั้น...ห้ามไม่อยู่แล้ว 

นทีเป็นฝ่ายยิ้มออกมาแทน  ก่อนตักข้าวไข่เจียวเข้าปาก

ต้นน้ำดึงเก้าอี้ออกห่างจากโต๊ะ  แทรกตัวเองลงนั่ง  “อร่อยไหม?”

“ชิมดูสิ” นทีตักข้าว  ยื่นช้อนไปใกล้ริมฝีปากต้นน้ำ

ต้นน้ำอ้าปากรับ  “อร่อยมาก  ใครทำกันนี่?  ต้องเป็นคนที่หล่อมากแน่ๆ เลย”

นทียิ้มพลางตักข้าวเข้าปากตัวเองบ้าง





เป็นอย่างที่นทีคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด...เขาเป็นคนขับ  โดยมีต้นน้ำนั่งเป็นเนวิเกเตอร์แสนดีที่นั่งกอดหมอนหลับตั้งแต่รถเคลื่อนออกจากบ้าน  ปาท่องโก๋ที่เจ้าตัวกินจนเกลี้ยงจานคงทำงานได้ดี  ต้นน้ำหลับสนิทนานเกือบสองชั่วโมงถึงได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ 

“โหย  ยังไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย?” 

“อืม  สงกรานต์  รถมันเยอะ” นทีตอบ

“เราน่ะนอนสบาย  ยังจะมาบ่นอีก  ตาทีขับมาตั้งนานยังไม่บ่นสักคำ” ฝนทิพย์กระแนะกระแหนลูกชายมาจากทางด้านหลัง 

“ไม่ได้บ่นสักหน่อย  ผมแค่งง  ปกติขับแค่สามชั่วโมงก็ถึงกาญฯ แล้ว” 

“ก็รถมันติดนี่ยะ  เราน่ะหลับไม่รู้เรื่องอะไร?”

“คร้าบผม  รับทราบครับ” ต้นน้ำค้นของในกระเป๋าเป้ก่อนเลือกขนมมาได้ห่อหนึ่ง

“อิ่มเป็นหลับ  ขยับเป็นกิน” เสียงฝนทิพย์ลอยมาแผ่วๆ 

“หรือจะให้หลับล่ะแม่?”  ต้นน้ำหาวอีกรอบเป็นการยืนยัน

“ตื่นมาพักผ่อนมั่งเถอะลูก  นอนนานแล้ว  เดี๋ยวจะเหนื่อย” ธนกรแซวบ้าง

“ป๊าอ่ะ  เข้าข้างแม่ตลอด  นี่ลูกนะ” 

สองข้างทางที่รถแล่นผ่านมีเด็กๆ  ตั้งกลุ่มสาดน้ำกันเป็นช่วงๆ  ตัวเล็กตัวน้อยสาดน้ำกันให้วุ่นไปหมดโดยไม่สนใจแดดร้อนเปรี้ยงแม้แต่นิดเดียว   สายตาแวววาวกับรอยยิ้มสนุกสนานมีให้เห็นตลอดกลางเดินทาง

ช่วงรถติดไฟแดง  รถกระบะที่บรรทุกถังน้ำเต็มคันรถจอบเข้าเทียบข้างรถเขา  เด็กวัยประถมสองคนกับผู้ใหญ่อีกสี่คนนั่งประกบอยู่ด้านหลัง

ต้นน้ำหันไปยิ้มให้เด็กคนหนึ่งที่หันหน้ามาสบตาเขาพอดี  พร้อมกับยักคิ้ว  กวักมือท้าทาย  ปากก็พูด “สาดเลย  แน่จริงสาดเลย”

เด็กน้อยทำหน้าโมโห  สาดน้ำปะทะกระจกดังปัวะ  ร่างโปร่งผงะหงาย  ก็รู้อยู่นะว่าสาดไม่โดนหรอก  แต่เสียงน้ำกระแทกกระจกก็อดทำให้ตกใจไม่ได้  ใบหน้าใสหันไปยี้ใส่เด็กน้อยที่กำลังจะตั้งท่าจะตักน้ำขึ้นมาสาดอีกครั้ง 

ผัวะ! น้ำสาดกระเด็นเข้ามาในรถ  แม้ไม่มากมายแต่ก็พอทำให้ใบหน้าของคนที่ยื่นไปเปียกได้

“นที๊!  นายเปิดกระจกทำไม?” มือเรียวคว้าหากระดาษทิชชู  นทีเปิดกระจกลงนิดเดียว  แต่น้ำที่สาดเข้ามาเน้นๆ ตรงช่วงตาพอดี

“โทษๆ  มือมันไปโดน”  นทีพูดกลั้วหัวเราะ  รีบหากระดาษทิชชูมายื่นให้  พอดีกับที่ไฟเขียว  นทีกลับไปขับรถต่อ 

ต้นน้ำเช็ดหน้าแล้วก็เช็ดคอนโซลรถต่อ  “ลงทุนแกล้งเนอะ”  ว่าพลางหันไปแลบลิ้นใส่เด็กน้อยตัวดำบนรถกระบะที่หัวเราะร่าตาใสพลางแลบลิ้นกลับใส่เขา  ป๊ากับแม่ก็นั่งหัวเราะอยู่ด้านหลัง







รถขับมาถึงถนนใหญ่แยกลงไปสู่แม่น้ำแคว  ในที่สุดเนวิเกเตอร์ก็ทำงานเสียที...ต้นน้ำบอกทางให้นทีเลี้ยวซ้ายลงไป  ผ่านทุ่งดอกคอสมอสสีชมพูปนม่วง  เลยไปอีกก็เป็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองส้มสดใส  เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แวะมาถ่ายรูปและเที่ยวชมพันธุ์ไม้ 

พวกเขาขับเลยบริเวณไร่กว้างขวางไปจนถึงทางเลี้ยวอีกแห่งหนึ่ง  นทีเลี้ยวเข้าไปตามคำบอกของเนวิเกเตอร์  พ้นรั้วไม้...ก็พบส่วนหย่อมที่จัดแบบเรียบง่าย  ก่อนถึงลานกว้างหน้าบ้านไม้สองชั้นขนาดกลาง 

ฝนทิพย์พาธนกรและลูกๆ  เข้าไปยังตัวบ้าน  คุณยายและคุณป้านั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นอยู่แล้ว

“มากันแล้วเหรอลูก?”  คุณยายยังคงยิ้มให้อย่างอบอุ่นเหมือนเคย 

นทียกมือไหว้คุณยายและป้าหยาดที่เขาเคยพบมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่องานแต่งงานของฝนทิพย์

เสียงวิ่งตึกตักดังมาจากหลังบ้าง  เด็กสาววัยรุ่นตัวกลม  มัดผมหางม้าคนหนึ่งโผล่เข้ามา

“พี่น้ำ” น้ำอุ่นตะโกนเรียกพลางกอดพี่ชายแน่น   ต้นน้ำหัวเราะลูบหัวลูบหลังน้องสาวคนเล็กของบ้านอย่างอารมณ์ดี

“พอๆ ยายอุ่น  พี่น้ำหายใจไม่ออกพอดี”  ป้าหยาดเอ่ยเตือน “สวัสดีป้าฝนกับลุงกรก่อนสิ” 

น้ำอุ่นถอยตัวออกไปสวัสดีฝนทิพย์กับธนกร  พลางชะงักเมื่อเห็นนที

“พี่นทีไง  ลูกชายลุงกร” หยาดทิพย์อธิบาย

น้ำอุ่นยิ้มเขินยกมือสวัสดี  ก่อนบอก  “ทำไมไม่มีใครบอกอุ่นเลยว่าพี่นทีหล่อแบบนี้?”

“หล่อกว่าพี่อีกเหรอ?”  ต้นน้ำชี้ที่ตัวเอง

“โอ๊ย...พี่น้ำน่ะ  หล่อที่สุดแล้วค่ะ  ยกให้เป็นที่หนึ่งตลอดกาลเลย”

“ดีมากน้องรัก” ต้นน้ำยกมือขึ้น  น้ำอุ่นก็ยกมือขึ้นแปะ

“น้องรักเขาน่ะ”  ฝนทิพย์อธิบาย  เธอมีพี่น้องทั้งหมดสามคน  หยาดทิพย์เป็นพี่คนโต  เธอเป็นคนกลาง  ภูรีเป็นน้องชายคนเล็ก...มีลูกชายคือน้ำเหนือ  และลูกสาวคือน้ำอุ่น  ตอนเด็กๆ น้ำเหนือไม่ค่อยเล่นกับน้ำอุ่นเท่าไรเพราะชอบเล่นแบบเด็กผู้ชายมากกว่า  และมีลูกพนักงานเป็นเพื่อนเล่นอยู่หลายคน  ส่วนธารา...ลูกชายของหยาดทิพย์และเธียร  ก็โตเกินกว่าจะเป็นเพื่อนเล่นของเด็กเล็ก  ทุกครั้งที่เธอพาต้นน้ำมาเยี่ยมบ้าน  น้ำอุ่นเป็นต้องมาชวนต้นน้ำเล่นเสมอ  และต้นน้ำก็ไม่เคยปฏิเสธ  ยอมเป็นเพื่อนเล่นให้น้องตลอด  น้ำอุ่นเลยค่อนข้างติดต้นน้ำมากกว่าคนอื่น

“ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ  อุ่นรอจนหิวแล้ว” น้ำอุ่นกระตุกแขนต้นน้ำ 

นทีมองตามขำๆ  สองคนนี้สมกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ 

ทุกคนพากันไปนั่งที่โต๊ะอาหาร 

“แล้วน้ำเหนือล่ะ?”  ต้นน้ำถามถึงน้องชาย

“ไปเล่นน้ำกับเพื่อนแล้ว”

“แล้วเราล่ะ  ไม่ไปเล่นกับเพื่อนเหรอ?”

“ก็รอพี่น้ำอยู่นี่นา  กับเพื่อนเดี๋ยวค่อยไปเล่นพรุ่งนี้ก็ได้  ไปเล่นด้วยกันไหมพี่น้ำ?”

“ไปสิ  ไปด้วยกันไหม?” ต้นน้ำหันไปถามนที  นทีพยักหน้า “งั้นวันนี้ไปดูสวนกันไหม?” 

นทีพยักหน้าอีก “แล้วแต่ไกด์เลย”

“อุ่นไปด้วยนะ”  น้ำอุ่นรีบเสนอตัวทันที 

“ต้องไปสิ  เป็นไกด์นี่”

“น้ำกับนทีไปนอนที่รีสอร์ทนะลูก” หยาดทิพย์บอก “น้าภูเขาเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”

“โอเคครับ”  ต้นน้ำกับนทีรับคำ  บ้านนี้เดิมมีทั้งหมดสี่ห้อง  ห้องคุณยาย  ห้องหยาดทิพย์และเธียร  ส่วนอีกห้องคือห้องเดิมของฝนทิพย์ที่เก็บไว้เวลาที่เธอกลับมาเยี่ยมบ้าน  และห้องเก่าของภูรีที่เปลี่ยนเป็นห้องของธาราแทน   

ปกติต้นน้ำนอนกับใครก็ได้  ทั้งกับธาราและฝนทิพย์  แต่พอเพิ่มนทีกับธนกรมาด้วย  จะเบียดนทีลงที่ห้องธาราอีกคนก็คงจะไม่สะดวกเท่าไร





กินข้าวเสร็จ  น้ำอุ่นก็พาต้นน้ำและนทีไปยังมอเตอร์ไซค์คันเก่ง “เอาไงดี?  มอเตอร์ไซค์มีคันเดียว”

“ซ้อนสามเลยก็ได้  พี่ขับเอง  อุ่นมานั่งหน้า  ไร่เราเอง  ขับไปแค่ในไร่  ตำรวจไม่จับหรอก”  ต้นน้ำพาดขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์เป็นคนแรก  น้ำอุ่นตามไปนั่งข้างหน้าต้นน้ำ  นทีรอให้ทั้งสองคนนั่งเข้าที่แล้วค่อยตามไปนั่งด้านหลัง  มือใหญ่อ้อมโอบเอวต้นน้ำไว้ทันควัน  อกกว้างชิดแผ่นหลังเขา

ต้นน้ำหันขวับ  จมูกนทีห่างจากแก้มเขาไม่ถึงคืบ  “ใกล้ไปไหม?” 

“กลัวตกนี่” นทีตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ

“แล้วไม่กลัวรถล้ม?” นทีทำหน้างง “กอดแน่นขนาดนี้  ขับไม่ถนัด  รถมันจะล้มได้นะ”

“อ๋อ” นทีคลายอ้อมแขนออก เขยิบตัวให้พื้นที่ต้นน้ำเพิ่มอีกนิดนึง 

ต้นน้ำขยับตัวหาท่านั่งที่สบายตัวก่อนสตาร์ทเครื่อง  “ไปแล้วนะ”

รถมอเตอร์ไซค์คันน้อยพุ่งทะยานพาผู้ชายตัวโตๆ สองคนและเด็กสาวตัวกลมอีกหนึ่งคนไปยังผ่านทุ่งดอกไม้หลากสีสันที่ยังคงเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว  เข้าสู่บริเวณโซนต้อนรับที่ด้านหน้าของไร่  ด้านหน้าสุดจัดเป็นร้านกาแฟและร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มาจากไร่และพื้นที่ข้างเคียง  มีทั้งผลไม้สด  ดอกไม้สด  ผลิตภัณฑ์แปรรูปและสินค้าโอท็อป

ต้นน้ำจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ด้านหน้า  น้ำอุ่นโดดผลุงลงไปทันทีที่มอเตอร์ไซค์จอดสนิท

“พี่ๆ ลุงเธียรอยู่ไหม?”  น้ำอุ่นถามพนักงานขายบัตรเข้าชมไร่ 

“เมื่อกี้พี่เห็นอยู่ที่สำนักงานนะคะ”

“ไปหาลุงเธียรกันก่อนนะ”  ต้นน้ำบอกนที  ก่อนเดินนำร่างสูงตามน้ำอุ่นเข้าไป

ส่วนของสำนักงานอยู่ด้านหลัง  ซึ่งต้องผ่านซุ้มจำหน่ายบัตรเข้าชมไร่ก่อน  พวกเขาจึงใช้หน้าน้ำอุ่นแทนบัตร  เพราะพนักงานส่วนใหญ่ล้วนจำน้ำอุ่นได้กันทุกคน

ผ่านซุ้มจำหน่ายบัตรเข้าไป  ด้านหลังร้านกาแฟก็จะเป็นส่วนสำนักงาน  ไกด์กิตติมศักดิ์ตัวกลมเดินนำหน้าพี่ชายทั้งสองคนตรงไปยังห้องด้านในสุด   พวกเขาเข้าไปสวัสดีเธียร...สามีของหยาดทิพย์  เจ้าของไร่แห่งนี้   เธียรทักทายพอเป็นพิธีก่อนปล่อยให้พวกเขาเที่ยวตามสบาย  เพราะรู้ว่าต้นน้ำกับน้ำอุ่นเชี่ยวชาญถนนหนทางในไร่จนทะลุปรุโปร่งดีอยู่แล้ว  ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ต้นน้ำพานทีเดินมายังซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ปกคลุมไปด้วยผักไม้เลื้อยจำพวกแตง บวบ  ฟัก  และยังใช้เป็นทางเข้าสู่ส่วนแสดงผักและผลไม้อีกด้วย
 
“พวกนี้มีไว้โชว์เฉยๆ”  น้ำอุ่นอธิบาย  “ไร่เราไม่ได้ปลูกหรอกค่ะ  ที่ขายอยู่ข้างหน้าก็รับของเพื่อนบ้านใกล้ๆ มาขาย  ที่ไร่เราเน้นปลูกแต่ดอกไม้” 

“ถ่ายรูปไหม?”  ต้นน้ำถามนทีพลางหยิบกล้องที่เขาฝากไว้ในกระเป๋าเป้ของน้ำอุ่นออกมา

“ถ่ายดิ”  นทีเข้าไปยืนริมซุ้ม  แค่หันข้างนิดๆ  ทำท่าจะจับลูกฟักที่ห้อยย้อยลงมาโดยไม่มองกล้อง  แค่นี้...ก็เหมือนถ่ายแบบลงนิตยสารแล้ว 

ต้นน้ำกดชัตเตอร์ไปสองสามรูป  ก่อนบอกให้นทีเปลี่ยนท่า  สักพักก็เปลี่ยนให้ตากล้องไปเป็นแบบ...แบบมาเป็นตากล้องบ้าง  น้ำอุ่นเองก็เข้าไปถ่ายรูปกับพี่ชายทั้งสองคนอย่างสนุกสนาน  เดินเล่นกันจนทั่วสวนที่จัดไว้สำหรับโชว์แล้วก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถมอเตอร์ไซด์ขับบึ่งไปยังไร่ดอกมะลิที่ต้องวนออกมาอีกทางหนึ่งที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้าแล้ว  ซึ่งพวกเขาสามารถเข้าได้สบายมาก  เพราะมีใบเบิกทางชื่อน้ำอุ่นมาด้วย

“ป้า” น้ำอุ่นตะโกนเรียกคนงานที่กำลังเดินอยู่ข้างทาง “เห็นพี่ธารไหมคะ?”

“อยู่สวนดาหลาจ้ะ”  ป้าตอบพลางชี้ไปอีกทาง

“พี่น้ำ  วนกลับ  ไปทางโน้น”  ไกด์กิตติมศักดิ์รู้เส้นทางในไร่ดี  แต่ไม่รู้ว่าคนที่ต้องการตามหาอยู่ส่วนไหนของไร่

ต้นน้ำวนรถกลับ  ผ่านหน้าร้านขายของอีกครั้ง  ไปยังเขตปลอดบุคคลภายนอกอีกด้านหนึ่งของไร่  ที่เต็มไปด้วยไม้ใบเรียวที่ดูเหมือนไม่มีลำต้น  คล้ายกับว่ามีแค่กิ่งงอกออกมาจากพื้นดินเท่านั้น  ดอกไม้ดอกใหญ่มีกลีบแข็งหนาสีชมพูเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆ งอกออกมาจากพื้นดินตรงโคนต้นโดยตรง  คล้ายกับเป็นการแตกหน่อมากกว่าการออกดอกเสียอีก 

ต้นน้ำจอดรถ  เมื่อเห็นกลุ่มคนออกันอยู่ตรงหน้า  คาดว่าพี่ชายคนโตของบ้านคงอยู่บริเวณนี้ 

“พี่ธาร”  น้ำอุ่นตะโกนเรียก 

ร่างสูงที่อยู่ปะปนกับคนอื่นคนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใครชะโงกตัวขึ้นมามอง  พอเห็นเป็นน้องๆ ของตัวเองก็เดินแหวกกลุ่มคนออกมาหา

ธารา... พี่ชายคนโตของพวกเขา  ลูกชายคนเดียวของหยาดทิพย์และธีระ  สถาปนิกหนุ่มอนาคตไกล...ไกลผู้ไกลคนมาอยู่ป่า!  เพราะตั้งแต่เรียนจบมาได้สองปี  ธาราก็ใช้ชีวิตขลุกอยู่ในไร่  ลุยกับดินกับโคลนมาตลอด  ไม่เคยใช้ชีวิตสถาปนิกห้องแอร์กับใครเขา  ซึ่งไม่มีใครเข้าใจว่าธาราจะเรียนสถาปนิกไปทำไม  และ...ทำไมไม่เรียนเกษตร?

“ไง  ไอ้น้ำ  ได้ข่าวว่าไปเป็นนายแบบ” ธาราทักน้องชาย

“แน่นอน  คนมันหล่อ” งานเดียวเท่านั้นแหละ  เขาก็ยังอุตส่าห์เอามาโม้ได้   “นี่...พี่ธาร  พี่ชายคนโตของบ้านเรา  ลูกป้าหยาดกับลุงเธียร”

นทียกมือไหว้  มองชายหนุ่มร่างสูงที่คำนวณแล้วน่าจะสูงพอๆ กับเขาเลยทีเดียว    ผมหยักศกยาวประบ่ารวบไว้ที่ท้ายทอย  ใบหน้าหวานแม้จะไม่หวานเท่าต้นน้ำ  แต่ก็มีบางส่วนที่คล้ายกันอยู่บ้าง 

“นี่นที  ลูกป๊า  น้องชายคนใหม่ของเรา” ต้นน้ำแนะนำ

“สวัสดีครับ”  นทียกมือไหว้ 

“ยินดีต้อนรับ  งั้นคงต้องมีการรับน้องสักหน่อยแล้ว”  ธารายกท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักมาโอบไหล่นทีแล้วตบปุๆ  เสื้อยืดคอวีกว้างและลึกพอที่จะเห็นรอยสักรำไรตรงช่วงอกแน่น  “คืนนี้เป็นไง?”

“ไม่เอาอ่ะ  ไม่ได้นอนเต็มๆ  มาหลายคืนแล้ว  คืนนี้ขอนอนให้เต็มอิ่มสักหน่อยเถอะ  ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน”  ต้นน้ำปฏิเสธ

“ตามใจ”

“แล้วพี่ไม่ไปเล่นสงกรานต์เหรอ?”  น้ำอุ่นถาม

“ไม่ล่ะ  ไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย  งานยังมีอีกเพียบเลย  เข้าไปถ่ายรูปข้างในสิ  ข้างในมีขิงแดง  กับดาหลาแดงด้วย”  ธาราบอกเมื่อเห็นนทีตั้งกล้องถ่ายรูป “น้ำพาไปสิ”

ต้นน้ำเดินนำ  นทีเดินตาม

“อุ่นไม่ไปนะ  อุ่นเมื่อย  รออยู่ที่นี่ดีกว่า”  น้ำอุ่นบอกเพราะเห็นว่าคงไม่มีอะไรมาก  แค่เดินไปถ่ายรูปแป๊บเดียว  เธอรอตรงนี้คงสะดวกกว่า

ธาราหันไปจัดการคนงานย้ายหน่อดาหลาต่อ

Rrrr…Rrrr… เสียงโทรศัพท์ของน้ำอุ่นดังขึ้น  เป็นสายที่มาจากรีสอร์ท

น้ำอุ่นรีบกดรับสายทันที  “สวัสดีค่ะ”

[ น้องอุ่นคะ! พี่วรรณนะคะ ]  วรรณาคือพนักงานต้อนรับที่รีสอร์ท

“ค่ะ  พี่วรรณ”

[ พอดีมีลูกค้าวอล์คอินเข้ามาน่ะค่ะ  อยากได้ห้องเตียงคู่สองห้อง  แต่ทางเรามีเหลือแค่ห้องเดียว  ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนกับห้องคุณต้นน้ำที่คุณภูจองไว้ได้ไหมคะ? ]

“แป๊บนึงนะคะพี่วรรณ”  น้ำอุ่นสอดสายตามองหาต้นน้ำและนที  ก่อนวิ่งออกไปตามทางที่ทั้งคู่เดินลับไป  แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา

“มีอะไรยัยอุ่น?”  ธาราถามเมื่อเห็นน้องสาวทำท่าทางเลิ่กลั่ก

“ที่รีสอร์ทโทรมาค่ะ  บอกว่าจะขอแลกห้องพี่น้ำที่เป็นเตียงคู่  มาเป็นเตียงเดี่ยวได้ไหมคะ?  พอดีมีลูกค้าวอล์คอินเข้ามา  เขาอยากได้เตียงคู่สองห้อง  แต่เรามีเหลืออยู่แค่ห้องเดียว”

ธารามองไปยังทางที่และนทีและต้นน้ำเดินหายเข้าไป  ไม่มีวี่แววว่าทั้งสองคนจะกลับมาง่ายๆ

“ไม่เป็นไรหรอกมั้ง  สองคนนั้นคงไม่คิดมากหรอก  ให้เปลี่ยนไปเถอะ  เดี๋ยวจะเสียลูกค้า”

น้ำอุ่นเอาโทรศัพท์แนบหูอีกครั้ง  “เปลี่ยนให้ลูกค้าได้เลยค่ะพี่วรรณ”

น้ำอุ่นวางสายเสร็จไปนานแล้ว  นทีกับต้นน้ำถึงได้โผล่มา   

“ทำไมหายไปนานจังล่ะ?” น้ำอุ่นถามเชิงบ่น

“ก็นทีน่ะสิ  ไม่รู้จักต้นเฮลิโคเนีย  เลยพาเดินไปดูถึงท้ายสวนโน่น  ทีนี้นายรู้จักแล้วนะ?”  ต้นน้ำถาม

“แน่นอนสิ  เรื่องง่ายๆ แค่นี้เอง”

“แล้วแยกลองกองกับลางสาดออกหรือยัง?”

“หึ...แล้วนายล่ะ  แยกสละกับระกำออกหรือยัง?”

“เหอะ”  ต้นน้ำเบ้หน้าใส่นทีก่อนเดินไปหาธารา  “น้ำไปก่อนนะพี่  เดี๋ยวเจอกันที่บ้าน”

“เออ  ไว้เจอกัน”

“ไปก่อนนะครับ”  นทียกมือไหว้ธารา

“เออๆ  โชคดีเว้ย”

ธารามองตามเด็กโข่งสองคน  ต้นน้ำเดินไปขัดขานทีจนเกือบคว่ำ  นทีก็หันกลับมาผลักหัวต้นน้ำจนเซไปอีกทาง  สองคนนี้มันถูกกันหรือเปล่าวะเนี่ย?  คืนนี้มันจะนอนเตียงเดียวกันรอดหรือเปล่าวะ?





น้ำอุ่นบอกทางมายังทุ่งดอกคอสมอสอีกด้านซึ่งเป็นอาณาเขตของไร่  นักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาในบริเวณนี้ได้  เลยทำให้ดอกไม้ด้านนี้ยังคงความสมบูรณ์อยู่ 

“พี่น้ำเก็บดอกไม้มาถือไว้สิ”

“เด็ดได้เหรอ?”

“ได้สิ  เราเป็นเจ้าของไหม?  เราควรใช้สิทธิความเป็นเจ้าของนะ”

“รวมถึงไร่มะม่วงข้างๆ นี่ด้วยไหม?”  ต้นน้ำถามน้ำอุ่นยิ้มๆ  เมื่อนึกถึงตอนที่เขาและน้ำอุ่นแอบเก็บมะม่วงไร่ข้างๆ มาจิ้มน้ำปลาหวานกิน

“ไม่ๆ  อันนั้นเราใช้สิทธิความเป็นขโมย  แหม...พูดแล้วน้ำลายสอเลย”  สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วหัวเราะขำ

“พี่สองคนเข้าไปกลางๆ หน่อย  แล้วมานั่งตรงนั้น  โอเคๆ พอแล้ว”  น้ำอุ่นสวมบทบาทตากล้องจำเป็น  จับพี่ชายสองคนมาเป็นนายแบบ  จัดท่าจัดทางสนุกสนาน  เอาดอกไม้ไปทัดหูนทีกับต้นน้ำแล้วถ่ายคู่กันประชันความงาม  “หูย  พี่สองคนทำไมสวยกว่าหนูอีกล่ะ?  อยากจะบ้า”  น้ำอุ่นเช็ครูปไปบ่นไป

ต้นน้ำเดินเข้ามาดูบ้าง  พลางออกความเห็น  “สวยว่ะ นที”

“พูดจาไม่ดูหน้าตัวเองเนอะ” นทีทำหน้าเหยียดหยามใส่ต้นน้ำ 

“อุ่น...ใครสวยกว่า?”  ต้นน้ำหันไปหากรรมการ

“ก็ต้องพี่น้ำสิ  ยกให้เป็นที่หนึ่งทุกเรื่องเลย”  ต้นน้ำไล่เตะน้ำอุ่นโทษฐานประจบสอพลอไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ





“ซ้ายหน่อยๆ  นั่นล่ะ...ลูกนั้นสวย”  ต้นน้ำยืนชี้นิ้วบอกนทีที่ได้รับภารกิจพิเศษให้มุดรั้วไปเก็บมะม่วงสวนเพื่อนบ้าน

“รู้แล้ว  นายก็พูดเบาๆ หน่อยสิ  เดี๋ยวเขาก็จับได้หรอก”  คนบนต้นไม้ร้องบอก

“โอ๊ย  ไม่ต้องกลัวหรอก  รู้จักกัน  ขอแค่ลูกสองลูก  เขาไม่ว่าหรอก”

“ลูกสองลูกกับผีสิ”  ที่เขาโยนไปให้ก็ไม่ต่ำกว่าสิบลูกแล้วนะ  แล้วยังมาชี้นิ้วสั่งให้เขาเก็บเพิ่มอีก

ในเวลาโพล้เพล้  ตะวันใกล้จะลับขอบฟ้า  ไม่ควรพูดถึง...

บรูว...บรูว...บรู๋ว...เสียงหมาหอนดังมาแต่ไกล

“นที”  ต้นน้ำตะโกนเรียก “ลงมา...เร็วๆ ด่วนๆ” ปากก็สั่ง  แต่ตัวต้นน้ำวิ่งกลับไปขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้ว

นทีรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงร้อนรนของต้นน้ำ  มีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่  ร่างสูงเผ่นพรวดตามคำสั่ง  ก้าวเท้ายาวๆ สามสี่ก้าวก็มุดรั้วออกมาได้  ต้นน้ำสตาร์ทเครื่องไว้รออยู่แล้ว  ก้นยังไม่ทันติดเบาะ   รถมอเตอร์ไซค์คันน้อยก็ทะยานออกไปราวกับติดปีก 

“เย้ยย”  นทีร้องเสียงหลง  มือยังกำมะม่วงติดมาอีกพวง  “ช้าหน่อย  คิดว่าขี่ดูคาติอยู่หรือไง?”

โฮ่งๆๆๆๆๆๆ...เสียงหมาเห่ามาจากทางด้านหลังไกลๆ  หมาตัวใหญ่สามตัวเบียดกันมุดรั้วออกมา  วิ่งตรงมาทางพวกเขา

นทีตะโกนอีกครั้ง  “เร็วอีกกกกกกก!!!”


------------tbc------------

ในที่สุดเราก็แต่งทันเล้าเปิด
5555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 16-09-2019 17:00:35
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Pungpondkid ที่ 16-09-2019 17:08:51
รออย่างใจจดใจจ่อ :sad4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2019 18:19:18
มีความสุขมากๆ ที่ได้อ่าน..........  :mew1: :mew1: :mew1:
ต้นปาล์ม ซื่อจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 16-09-2019 20:04:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 16-09-2019 21:29:06
 :pigha2: :laugh:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 16-09-2019 23:34:22
 :laugh: :m20:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-09-2019 00:06:52
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 17-09-2019 01:41:04
ยังไม่รู้ตัวว่าคืนนี้จะเจออะไร 5555555555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 17-09-2019 07:13:03
อ้าวๆ เจ้าถิ่นเค้ามาทวงของคืนแล้ว  :laugh:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 17-09-2019 13:04:17
ขอบคุณที่ติดตามมากๆ เลยนะคะ
 @catka12
 @MAGNOLIA
 @Januarysky
 @miikii
 @kawisara
 @B52
ขอบคุณที่อ่านและช่วยคอมเม้นท์ตอบมาตั้งแต่แรกๆ เลยนะคะ
ถ้าไม่มีคนอ่าน  เราก็อาจจะท้อไปแล้วก็ได้

และก็ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เข้ามาอ่านทีหลังด้วยนะคะ
ดีใจที่มีคนอ่านเพิ่มขึ้น  ดีใจที่คนชอบ  เราก็จะพยายามพัฒนามากขึ้น

ตอนนี้กำลังเขียนตอนที่ 13 อยู่  ก็หวังว่าเราจะบรรยายได้ดีกว่าบทที่หนึ่งนะ
55555

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ขอบคุณแบบไม่รู้จะขอบคุณยังไง
พูดคุย ทักทาย ทวงถาม ทักท้วง (https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarks) 

 
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 12 ------ [16/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 17-09-2019 13:12:03
เค้าสองคนเป็นธรรมชาติกันมากขึ้นๆๆๆ
ชอบเรื่องนี้ ขอบคุณที่มีเรื่องดีๆ น่ารักๆ มาให้อ่าน

 :mew1:
กดบวกเป็นกำลังใจ

ปล.เค้า FC โจลี่ แอนด์ แบรตพิทต์ ฟอร์เอฟเว่อร์ พามาเจอหน่อย กอดๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 23-09-2019 01:43:51
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 13

คำพูดที่พูดไม่ได้





นทีขับรถพาน้ำอุ่นและต้นน้ำมายังรีสอร์ทก่อน  ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่นั่งคุยกันต่อ  โดยทิ้งรถมอเตอร์ไซค์ของน้ำอุ่นไว้ที่ไร่ 

“อ่ะ  นี่กุญแจ”  น้ำอุ่นยื่นกุญแจให้ “อุ่นเข้าบ้านเลยนะ  พวกพี่เดินไปกันเองได้ใช่ไหม?  สุดทางเดินริมน้ำนั่นแหละ  ห้องใหญ่สุด  วิวดีสุดเลยนะ” 

“โอเค  ขอบใจมาก  พรุ่งนี้เจอกัน”  ต้นน้ำบอกน้องสาว  น้ำอุ่นโบกมือบ๊ายบายก่อนเดินไปยังตัวบ้านที่สร้างแยกออกไปทางด้านหลังของล็อบบี้รีสอร์ท  นทีกับต้นน้ำมีกระเป๋ากันมาคนละใบ  เลยไม่ให้พนักงานช่วยยกกระเป๋าไปให้  ทั้งสองคนเดินลัดเลาะตามตามทางเดินที่ปูด้วยหินไปยังห้องพักติดลำน้ำแควที่อยู่ริมสุด 

“ห้องนี้แหละ”  ต้นน้ำไขกุญแจเข้าไป

ด้านในแบ่งเป็นสองส่วน  คือส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอน  ทั้งสองส่วนมีกระจกใสกั้นระหว่างตัวห้องภายในกับระเบียงที่ยื่นออกไปติดริมน้ำ

ต้นน้ำอ้าปากค้าเมื่อเห็นเตียงเดี่ยวกลางห้องนอน  นทีกรอกตามองบน  ต่างคนต่างตกอยู่ในความคิดของตัวเองไปชั่วครู่ 

“เราอาบน้ำก่อนนะ”  ต้นน้ำบอกนทีพลางเดินเอากระเป๋าไปวางไว้ตรงตู้เสื้อผ้า

“เอ่อ...อืม”

ต้นน้ำเลือกชุดนอน  หยิบของใช้ที่จำเป็นเดินเข้าห้องน้ำไป  ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลง...ต้นน้ำก็เอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ  โอย...ตายแน่  เตียงเดียวกันเข้าไปอีก 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่เขารู้สึกแปลกๆ กับนที  อยากเจอ...แต่ก็ไม่อยากเจอ   อยากคุย...แต่ก็ไม่อยากคุย  อยากอยู่ใกล้ๆ...แต่ในขณะเดียวกันก็อยากถอยห่าง  เพราะความรู้สึกร้อนวูบวาบยามที่ได้อยู่ใกล้  มันเริ่มชัดเจนมากขึ้นทุกขณะ  และดูเหมือนจะมากขึ้นเรื่อยๆ  ทุกวัน

ทั้งๆ ที่พยายามจะหยุด  แต่ก็หยุดไม่ได้ 

ถ้าหากมีใครล่วงรู้ความลับของเขาเข้า  ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น?  ไม่รู้ว่าเขาจะต้องสูญเสียความสุขที่มีอยู่ในมือนี้ไปเมื่อไร?... แต่เขาไม่อยากเสี่ยงและยังไม่พร้อมที่จะเสี่ยง  เขาจะต้องเก็บความลับนี้ไว้ในส่วนลึกที่สุดในก้นบึ้งของหัวใจ  เหยียบทิ้ง  บี้แบน  จนกว่ามันจะหายไปเอง  ต่อให้ต้องทำร้ายใจตัวเองสักเท่าไร...ต่อให้เจ็บกว่านี้  เขาก็ต้องทำ





นทีทิ้งตัวลงบนเตียงนอน  มองไปยังด้านข้างที่ว่างเปล่า  ว่างเปล่า...เหมือนชีวิตเขาที่ผ่านมา  กินข้าวคนเดียว   อยู่บ้านคนเดียว  เจอผู้หญิง...ก็จบลงที่เตียง  เติมเต็มแค่เพียงความต้องการทางร่างกาย  แต่ความรู้สึกกลับขาดหาย   ท่ามกลางผู้คนมากมาย...แต่เขากลับหาคนที่จะหัวเราะไปกับมุกตลกฝืดๆ ของเขา  ร้องให้ให้กับเรื่องเศร้าของเขา  อยู่เคียงข้างเขาในวันที่เขาต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายไม่เจอ

แต่ต้นน้ำ...เหมือนสายน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลผ่านหัวใจในวันที่แห้งแล้ง  เหมือนสายลมเบาๆ...ที่พัดผ่านอยู่รอบตัวในวันที่เงียบเหงาที่สุด  เป็นแสงแดดอุ่น...ในวันที่อากาศเหน็บหนาว

ในวันแต่งงานของป๊า  เขารู้ดีว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้างในตอนที่ต้องเดินไปส่งป้าธัญญา  ถ้อยคำที่แสนเจ็บปวดที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก  ทุกคำคอยทิ่มแทงจิตใจของเขามาเนิ่นนาน  เจ็บจนชินชา  แต่เมื่อเขาหันหลังกลับมา...และพบว่าต้นน้ำยืนอยู่ด้านหลังเขามาตลอด  กลับกลายเป็นความอบอุ่นที่ค่อยๆ ซึมลึกเข้ามาเกาะกุมพื้นที่ในหัวใจ  ราวกับว่า... ไม่ว่าต้องเจอกับอะไร  ไม่ว่าเรื่องราวเลวร้ายแค่ไหน   เพียงแค่เขาหันกลับมา...เขาก็จะเจอคนๆ นี้ยืนอยู่

คืนที่ต้องพาณภัทราไปส่ง  ต้นน้ำเพียงแค่ขับรถเงียบๆ  ให้เขานั่งสบายโดยไม่พูดอะไรสักคำ...ทั้งที่เป็นคนที่ไม่ชอบขับรถแท้ๆ

บ้านที่เคยเงียบเหงา  มีเขาแค่เพียงลำพัง  ทุกครั้งที่เขากลับบ้านก็มีแค่ไฟหน้าบ้านที่ป้าแม่บ้านเปิดไว้ต้อนรับ  แต่พอมีต้นน้ำเข้ามา...บ้านก็สว่างไสวรอเขากลับบ้านทุกวัน  แค่เขากลับบ้าน...เขาก็จะเจอต้นน้ำรออยู่ 

เขาไม่ต้องกินข้าวคนเดียวอีกต่อไป  แม้ว่าเขาจะเบื่อข้าวมันไก่แค่ไหนก็ตาม
 
 นทียิ้มกับตัวเอง  มือเรียวลูบไปยังที่นอนด้านข้างที่ยังคงว่างเปล่าอยู่  แต่คืนนี้จะมีคนอีกคนหนึ่งมานอนที่นี่...ข้างๆ เขา
...หากเขายั้งตัวเองไม่อยู่? 
...หากเขาปล่อยทุกอย่างไปตามใจปรารถนาเล่า?
เขาจะคว้าคนที่ต้องการมาไว้ได้...หรือจะแหลกสลายคามือเขากันแน่?





ต้นน้ำกลับเข้ามาในห้องหลังพอดีกับที่นทีเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี  ร่างสูงพันผ้าเช็ดตัวไว้ที่เอวหมิ่นเหม่ก่อนเดินไปหยิบกางเกงนอนมาสวม

“ไปไหนมา?”

“ไปขอผ้าห่มมาเพิ่ม”  ต้นน้ำบอกด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“แล้วไหนผ้าห่ม?”

“หมด” เขาอุตส่าห์เดินไปขอผ้าห่มที่ล็อบบี้มา  แต่วันนี้แขกเยอะมาก  ผ้าห่มที่มีอยู่เลยหมดเพราะมีลูกค้าขอเพิ่มหลายห้อง

“เหรอ?...ว้า” น่าเสียดายจังเลย...นทีหันไปเก็บของเข้าตู้เสื้อผ้า  ริมฝีปากแต้มด้วยรอยยิ้มกริ่ม

“นายก็ใส่เสื้อนอนสิ  ผ้าห่มมีผืนเดียว  เดี๋ยวก็หนาวตอนกลางคืน”  ต้นน้ำทิ้งตัวนอนลงบนเตียง  มือเรียวตวัดผ้าห่มคลุมโปง  คนบ้าอะไรวะ?  ไม่ชอบใส่เสื้อนอน  อ่อยเรี่ยราดแบบนี้...เดี๋ยวพ่อก็จับกินกลางตลอดตัวเสียเลยนี่





“พวกพี่ดูแปลกๆ นะ  ไม่สบายกันหรือเปล่า?” น้ำอุ่นทักถามเมื่อเห็นพี่ชายสุดที่รักและพี่ชายคนใหม่นั่งหน้าหมองซึม ขอบตาเป็นรอยคล้ำจางๆ  กันอยู่สองคนในห้องอาหาร 

“อืม  เมื่อคืนแอร์เย็นน่ะ” นทีตอบ  เมื่อคืน...เขานอนไม่หลับ  ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน  ท่ามกลางป่าเขาธรรมชาติ  บรรยากาศริมน้ำ  และกลิ่นสบู่อ่อนจากคนข้างตัว  ไม่ได้ชวนให้ง่วงงุนเลย 

“ก็บอกแล้วให้นอนใส่เสื้อ  ผ้าห่มยิ่งมีผืนเดียวอยู่”  เมื่อคืนนทีไม่ยอมใส่เสื้อนอน  แถมยังมาเบียดแย่งผ้าห่มกับเขา  เสียงหัวใจเขาเต้นดังออกมาข้างนอกจนคิดว่าหัวใจจะวายเสียแล้ว  แล้วยิ่งตื่นมาพบว่าตัวเองนอนหนุนแขนกอดคนตัวโตหลับ...หัวใจก็ไหววูบ  เหมือนสติจะหลุดออกมาเสียอย่างนั้น  ขอโทษนะหัวใจ...คงทำงานหนักสินะ 

“.....” นทีก้มลงกินข้าวต่อ  ถ้าใส่เสื้อแล้วจะเอาเหตุผลอะไรไปซุกตัวใต้ผ้าห่ม ‘คนดี’เล่า  เขารอจนต้นน้ำหลับก็ช้อนศรีษะคนข้างๆ เข้าสู่วงแขน  รวบคนตัวผอมไว้ในอ้อมกอด  แค่นี้ก็อุ่นแล้ว  ต้องใช้ผ้าห่มสองผืนไปทำไม  กลิ่นสบู่ที่ทรมานเขาอยู่ค่อนคืน  เพียงแค่ได้ดอมดมใกล้ๆ ก็เปลี่ยนเป็นยากล่อมประสาทชวนให้งุนงงจนหลับใหลไปได้

“งั้นเดี๋ยวคืนนี้อุ่นเอาผ้าห่มที่บ้านไปเพิ่มให้นะคะ”  น้ำอุ่นบอกอย่างหวังดี  แต่ดูเหมือนเสียวสันหลังแปลกๆ เย็นเยียบจนต้องเอามือลูบท้ายทอย  โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนหมายหัวเอาไว้แล้ว

“เหนือไปไหนล่ะอุ่น?” 

“ยังไม่ตื่นเลย  โน่นแหละ...10 โมง”

ต้นน้ำพยักหน้า  “แล้ววันนี้เราไปเล่นน้ำไหนกัน?”

“บ้านเพื่อนอุ่น  บ้านเขาเปิดร้านขายส่งอยู่ในเมือง  ไปเล่นตรงนั้นคนเยอะดี  ของกินก็เพียบ  พี่เหนือก็ไปเล่นดนตรีอยู่ตรงนั้นนะ  โรงแรมเพื่อนพี่เหนืออยู่ฝั่งตรงข้าม  เอาเวทีมาตั้งหน้าโรงแรมเลย  ลงทุนสุดๆ”

“เอาสิ  เดี๋ยวบ่ายๆ ค่อยไปนะ  ร้อน”





หลังมื้อเช้า  ต้นน้ำพานทีเดินอ้อมไปทางด้านหลังของเรือนที่ถูกสร้างเป็นล็อบบี้และห้องอาหารไปยังบริเวณบ้านของน้ำอุ่นเพื่อไปทำความรู้จักกับภูรี...น้าชายของเขาและระริน...น้าสะใภ้  พ่อแม่ของน้ำเหนือและน้ำอุ่นก่อนพาเดินลัดเลาะตัวรีสอร์ทไปทางด้านหลังที่เป็นทางเดินธรรมชาติไปยังธารน้ำเล็กๆ ตกแต่งเลียนแบบธรรมชาติ  คล้ายกับเป็นน้ำตกย่อส่วน  ส่วนน้ำอุ่นขอตัวรอเพื่อนที่จะติดรถไปเล่นน้ำด้วยอยู่ที่บ้าน

“นายสนิทกับคนที่บ้านดีเนอะ”  นทีบอกก่อนเอามือวักน้ำเย็นฉ่ำที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ เล่น

“อืม  แต่ก่อนปิดเทอมทีไร  แม่ก็เอามาฝากเลี้ยงที่นี่”

“ถึงว่า...น้ำอุ่นติดนายแจ”

“ไม่มีใครเล่นด้วยน่ะสิ  มีแต่เรา”

“แล้วน้ำเหนือล่ะ?”

“ไอ้นั่นชอบเล่นมวยปล้ำ  ต่อสู้อะไรแบบนั้น  บ้าพลังเกินเหตุ  เล่นด้วยไม่ไหว”

“อย่าเดินไปตรงนั้น”  นทีร้องบอกเมื่อเห็นต้นน้ำกำลังจะเดินไปเหยียบบนโขดหินที่ทำเป็นทางเดินไปกลางน้ำ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า”  ขาดคำ  ต้นน้ำก็ลื่นพรืดลง “เหวอ  ว้ากกกก” นทีเอื้อมมือไปพยายามคว้าไว้...แต่ไม่ทัน  ร่างโปร่งล้มลงไปคุกเข่าในลำธารเสียแล้ว  แม้ระดับน้ำจะสูงเพียงแค่ครึ่งแข้ง  แต่คนล้มลงไป...ก็ทำให้เปียกได้เหมือนกัน

“ก็บอกแล้ว  นายใส่รองเท้าแตะ  มันก็ลื่นง่ายน่ะสิ” 

ต้นน้ำเบ้หน้า  ส่งเสียงคราง “อูยย” พลางชันเข่าขึ้นมาดู  ด้วยความที่น้ำตื้น  พอล้มลงไปเต็มน้ำหนัก  เข่าก็ไปครูดกับหินที่พื้นลำธารจนถลอกเป็นรอยแดง

“เป็นไงมั่ง?” นทียื่นมือไปให้ต้นน้ำจับ 

“เจ็บอ่ะ”  ต้นน้ำยื่นมือมาจับมือนทีที่พยายามจะดึงตัวเขาขึ้น  แต่จู่ๆ...คนที่อยู่ในน้ำกลับทิ้งน้ำหนักตัวลงพร้อมกับกระตุกมือ 

“เย้ยยย”  นทีที่ไม่ทันได้ตั้งตัวพยายามขืนตัวไว้  แต่ก็ต้านทานไม่ไหว  เซร่วงลงมาตามแรงดึง 

ต้นน้ำหน้าเหวอที่นทีเซร่วงมาทางเขา  ทั้งที่เขาตั้งใจจะดึงนทีให้ลงมาเปียกด้วยกันเฉยๆ  มือเรียวยกขึ้นกันตัวเองกับคนตัวโต  แต่น้ำหนักของนทีที่ทิ้งลงมาทำให้ดันไว้ไม่อยู่  นทีใช้มือหนึ่งยันตัวเองไว้กับพื้นหิน  อีกมือหนึ่งพยายามกันศรีษะต้นน้ำที่ผงะหงายไปด้านหลัง  ต้นน้ำเบี่ยงหน้าหนีเมื่อเห็นใบหน้าคมคายพุ่งเข้ามาใกล้  ปลายจมูกโด่งและปากนุ่มของนทีกดเบียดลงที่แก้มของเขาเต็มแรง 

“อื๊อออออ”  ต้นน้ำหลับตาปี๋   มือหนึ่งเท้ากับพื้นหินด้านหลัง  มือหนึ่งขวางระหว่างตัวเขากับนทีไว้  ส่วนนทีใช้มือหนึ่งยันตัวเองไว้กับพื้นหิน  อีกมือหนึ่งคอยกันศรีษะของต้นน้ำไว้ไม่ให้กระแทกลง  ร่างสูงคร่อมอยู่บนตัวเขาพอดี

...
...
...
กา...กา...กา... เสียงนกกาบินผ่าน

นทีสูดหายใจเข้า  ก่อนผ่อนลมหายใจช้าๆ   จมูกโด่งเป็นสันค่อยๆ เลื่อนออกจากพวงแก้มเนียนใสอย่างอ้อยอิ่ง   นทียันตัวเองให้นั่งคุกเข่า  ต้นน้ำค่อยๆ  ขยับตัวถอยจากร่างที่ค่อมทับอยู่  มือเรียวเอื้อมไปจับมือของนทีมาดู...รอยที่เกิดจากการใช้ฝ่ามือตัวเองยันไว้กับพื้นหินปรากฏให้เห็นเป็นรอยแดง

“พวกพี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”  เสียงน้ำอุ่นตะโกนมาจากริ่มฝั่ง  ต้นน้ำถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ต้องอยู่กับนทีสองคนในเวลาที่ตัวเขาเองยังควบคุมลมหายใจตัวเองไม่ได้แบบนี้ 

“ล้มน่ะ” นทีบอกพลางลุกขึ้นยืน 

“เลือด!” น้ำอุ่นร้องบอกเมื่อเห็นเลือดสีแดงไหลออกมาจากเข่าของนทีเป็นทาง

“เลือดจริงๆ ด้วย”  ต้นน้ำตกใจ  “นายเจ็บมากไหม?” เขาเอามือกวักน้ำใส่แผลของนทีเพื่อล้างรอยเลือดและดูขนาดของแผล

นทีส่ายหน้า  เขาแทบจะไม่รู้สึกเจ็บเลยด้วยซ้ำ  อย่ามาถามถึงความรู้เขาตอนนี้เลย...ตาคมมองไปยังแก้มเนียนที่เขาได้สัมผัสไปเมื่อสักครู่นี้  ไล่เรื่อยไปถึงริมฝีปาก  ดวงตาทอแววหวานวาบออกมา

“แผลไม่ใหญ่เท่าไร  ไปทำแผลที่บ้านเถอะ”  ต้นน้ำบอกก่อนลุกขึ้นจับต้นแขนนทีรั้งให้ออกเดินไปด้วยกัน

“พี่น้ำ  นี่เพื่อนอุ่น...ชื่อแก้ม”  น้ำอุ่นแนะนำเพื่อนสาวรูปร่างผอมสูงที่เดินตามกันมาด้วยแต่ไม่มีใครสนใจเพราะมัวแต่สนใจคนที่ได้เลือดอยู่  “นี่พี่น้ำ  ส่วนนี่...พี่นที”   

เด็กสาวยกมือสวัสดีชายหนุ่มทั้งสองคนที่เพียงพยักหน้าให้

“ไปที่บ้านกันเถอะ”  ต้นน้ำบอกน้ำอุ่นและเพื่อน  ก่อนหันไปหานที “ที่มือเจ็บไหม?”

นทีส่ายหน้า  พลางยื่นมือให้ต้นน้ำดูรอยถลอกเป็นปื้นแดง 

“เหมือนมีเลือดซึมนิดนึงเลย” 

“แล้วเข่านายล่ะ”  นทีนึกได้ว่าต้นน้ำเจ็บที่หัวเข่า  รีบก้มลงดู...เป็นแผลถลอก มีเลือดซึมเล็กน้อยเหมือนกัน 

“ก็ทำแผลกันทั้งหมดนี่แหละ”  ต้นน้ำสรุป  ชายหนุ่มทั้งสองคนเดินเคียงกัน  ปล่อยให้เด็กสาวสองคนรั้งท้าย

“แกเห็นอย่างที่เราเห็นหรือเปล่า?”  แก้มใสรั้งแขนน้ำอุ่นไว้ให้เดินช้าลงพลางกระซิบเบาๆ

“เห็นอะไรวะ?”

“เมื่อกี้พี่สองคนเขา...จูบกันป่าววะ?”

น้ำอุ่นเลิกคิ้วมองเพื่อนสาวที่ต่อมวายกำเริบ  อยากจะตบกบาลเคาะสมองส่วนมโนให้ร่วง “บ้าน่า...พี่เขาแค่ล้มลงไปด้วยกัน”

“แต่เราว่ามันแปลกๆ นะ”

“แกอย่ามโนน่า  นั่นพี่เรา!  เว้นๆ ไว้บ้างเถอะ”  น้ำอุ่นบอกเพื่อนก่อนลากแขนให้เดินตามเร็วๆ  จะได้เลิกฟุ้งซ่านสักที





ต้นน้ำแวะมาเอากล่องปฐมพยาบาลที่บ้านน้ำอุ่นก่อนพากันเดินกลับไปยังห้องพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกออก  ต่างฝ่ายต่างผลัดกันทำแผลให้อีกฝ่าย   แล้วพากันกลับมากินอาหารกลางวันที่น้าสะใภ้จัดเตรียมไว้ให้  ภูรีนั่งอยู่หัวโต๊ะ  ขนาบด้วยระรินและน้ำเหนือ  น้ำอุ่นกับแก้มใสนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาและนที 

น้ำเหนือสวัสดีนทีที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก  “พี่ทีโคตรเท่ห์เลยอ่ะ  เดี๋ยวเข้ามหา’ลัย  ผมไปตัดผมทรงพี่บ้างดีกว่า” น้ำเหนือเอ่ยชมตรงไปตรงมา

“เหรอ?  จะเข้าได้ไหมล่ะ? มหา’ลัยน่ะ” ภูรีดักคอ  ลูกชายเขาเรียนไม่เอาอ่าวสักเท่าไร  เก่งแต่เรื่องดนตรีกับกีฬา  ปีนี้จะเข้ามหา’ลัยแล้ว  ไม่รู้ว่าจะล่มหรือจะรอด

“โหย...พ่อ  อะไรคือคำว่ากำลังใจ?”

ภูรีตบกระเป๋าเสื้อเชิ้ต “ก็เงินที่ออกค่าวงดนตรีให้แกนี่ไงล่ะ?”  ภูรีคือหนึ่งในสปอนเซอร์ในการจัดแสดงดนตรีสดช่วงสงกรานต์ให้กับวงของน้ำเหนือ

ทั้งโต๊ะพากันหัวเราะ

“พี่น้ำ  พวกผมตั้งเวทีเล่นดนตรีกันที่ในเมือง  พี่แวะไปดูด้วยสิ  พี่นทีด้วยนะ”  น้ำเหนือชวน

“ไปอยู่แล้ว  วันนี้พี่น้ำจะไปเล่นน้ำกับพวกอุ่น” น้ำอุ่นชิงบอกก่อน

“ดีเลย  เดี๋ยวไปเลยไหม?  ผมจะติดรถไปด้วย  จะได้ไม่ต้องให้เพื่อนมารับ”

“แต่วันนี้ต้องกลับบ้านเร็วนะตาเหนือ  ห้ามกลับดึกเหมือนเมื่อวาน   เย็นนี้นัดรวมญาติกันที่บ้านคุณย่า” ระรินบอกเด็กๆ

ทั้งหมดเออออรับทราบ





นทีวนรถมาจอดที่หลังร้านขายส่งของเพื่อนน้ำอุ่น  เด็กสาวหน้าหมวยที่ชื่อไอติมวิ่งออกมาต้อนรับพลางยกมือสวัสดีพวกเขา  พาพวกเขาเดินอ้อมไปยังด้านหน้าที่ตั้งถังน้ำไว้แล้ว  น้ำอุ่นจูงมือต้นน้ำไปยังกลุ่มเพื่อนที่มีทั้งผู้หญิงผู้ชายนับสิบชีวิตรออยู่ก่อนแนะนำพี่ชายทั้งสองคนให้เพื่อนๆ รู้จัก  ส่วนน้ำเหนือก็แยกไปยังเวทีแสดงดนตรีที่ตั้งอยู่หน้าโรงแรมฝั่งตรงข้าม

เสียงฮือฮาดังมาจากกลุ่มเพื่อนๆ ของน้ำอุ่น

“พี่นทีหล่อจังเลยค่ะ”

“พี่น้ำก็หล่อ”

“พี่มีแฟนยังคะ?”

“ถึงไม่มี  พี่เขาก็ไม่เอาแกหรอก”

“เอ๊า...เราก็แค่ถาม”

เสียงแซว  เสียงพูดคุยดังสนุกสนาน  นทีกับต้นน้ำเพียงแค่หัวเราะไปด้วย

“แผลนาย...โดนน้ำมันจะแสบไหม?”  ต้นน้ำก้มลงมองที่แผลนที 

แต่นทีกลับจับมือต้นน้ำขึ้นมาดูแทน  “ก็คงแสบพอๆ กับแผลนายนั่นแหละ”

“ทำไงได้ล่ะ?  นี่มันสงกรานต์ทั้งทีนะ  กลัวแสบก็ไม่สนุกสิ” 

“ไป  งั้นไปแสบกันเถอะ” นทีจูงข้อมือต้นน้ำไปยังถังน้ำที่ตั้งไว้ริมถนน 

คนพลุกพล่านอย่างที่น้ำอุ่นว่าจริงๆ  มีขันหลายใบรวมทั้งถึงน้ำขนาดเล็กวางอยู่  ร้านข้างๆ ล้วนตั้งถังน้ำไว้หน้าบ้านด้วยกันทั้งนั้น  

ซ่าาา...ต้นน้ำตักน้ำราดนทีที่ไหล่  น้ำไหลย้อยซึมลงทั้งในเสื้อและกางเกง  นทีเหล่ตามองต้นน้ำ
 
“ประเดิมให้ไง”  ต้นน้ำตอบพลางยิ้มหวาน

หึ... เมื่อเช้าก็ทำเขาเปียกน้ำมารอบหนึ่งแล้ว  ตอนนี้ก็ยังมาทำให้เขาเปียกก่อนอีก  มือใหญ่ล็อคคอต้นน้ำ  อีกมือก็ใช้ขันจ้วงตักน้ำในถังสาดใส่ๆ  ต้นน้ำพยายามจะดิ้นออกจากอ้อมแขนแกร่ง  แต่นทีใช้แรงกดเขาไว้กับตัวทำให้ดิ้นไม่หลุด  เปียกปอนกันไปทั้งคู่  ด้วยน้ำมือกันเอง  ยามศึก... เรารบ  ยามสงบ... เราก็ตีกันเอง
 
แก้มใสมองภาพนทีและต้นน้ำแล้วยิ้มเขินสะกิดน้ำอุ่น "แกดูดิ  ไม่จิ้นเหรอวะ?” 
 
“พวกพี่เขาแค่สนิทกันเฉยๆ” น้ำอุ่นเถียง
 
“ก็แค่จิ้นเฉยๆ  ไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องจริงสักหน่อย  แกก็ดูสิ” ไอติมเจ้าของบ้านพยักเพยิดให้เพื่อนๆ ดูต้นน้ำที่ดิ้นหลุดมาจากอ้อมแขนของนทีได้แล้วก็ตักน้ำจ้วงๆ สาดใส่นที  พอดีกับที่มีรถกระบะขับผ่านมา  คนบนรถพร้อมใจกันสาดน้ำใส่ทั้งสองคนโครมใหญ่  คนเจ้าคิดเจ้าแค้นทั้งสองเลยร่วมมือกันจ้วงน้ำในถังสาดคืน  คนบนรถก็ไม่ยอมแพ้...สาดกลับ  พวกเด็กผู้ชายเห็นแล้วน่าสนุก... ก็วิ่งไปช่วยนทีกับต้นน้ำอีกแรง 
 
“แต่พี่สองคนเหมาะกันดีเนอะ” เสียงมดตะนอย...สาวน้อยหน้าใสอีกคนเห็นด้วยกับคนอื่นๆ
 
น้ำอุ่นมองไปยังร่างสูงเด่นทั้งสองคนที่ถูกสาวๆ กลุ่มใหญ่บนรถกระบะกรูลงมาประแป้ง  แม้เพื่อนผู้ชายของเธอจะช่วยกันไว้ให้  โดยการเสนอหน้าไปให้สาวๆ ปะแป้งแทน  แต่ก็ยังมีบางคนหลุดรอดเข้าไปถึงตัวนทีกับต้นน้ำได้  ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันสนุกสนาน 
 
แต่เหมือนจะมีแป้งเข้าตาต้นน้ำ  ต้นน้ำเลยวักน้ำล้างหน้าแรงๆ นทีเข้าไปประคองใบหน้าของต้นน้ำเพื่อดูดวงตาให้ 
 
พี่สองคนก็เคมีเข้ากันจริงแหละ





พอแสงแดดเริ่มเบาบาง  เสียงดนตรีก็ดังมาจากเวทีดนตรีสด

“สงสัยวงดนตรีขึ้นแล้วแหงเลย”  น้ำอุ่นบอกต้นน้ำ  “ไปดูกันเถอะ” ชวนพี่เสร็จก็หันไปชวนเพื่อนต่อ

แก๊งสงกรานต์หน้าขาวกลุ่มใหญ่พากันเดินข้ามถนนโดยมีชายหนุ่มร่างสูงสองคนเป็นหัวโจก  พวกเขาเดินตามหลังน้องๆ ไปเพื่อดูแลความปลอดภัยให้น้องด้วย  คนเริ่มหนาตากว่าตอนช่วงบ่ายมาก  การจราจรบนท้องถนนติดแหง็กแทบจะไม่ขยับเขยื้อนเลย  โชคดีที่พวกเขาไม่ได้เล่นบนรถกระบะ

ตลอดระยะทางที่เดินมา  ต้นน้ำและนทีโดนสาดน้ำปะแป้งตลอด  คนหนึ่งปะ...อีกคนก็มาสาด...สาดเสร็จก็ปะใหม่...วนอย่างนี้ไม่รู้กี่รอบ  กว่าจะทะลุทะลวงคลื่นมหาชนจนมาถึงเวทีได้....ก็ทุลักทุเลพอสมควร 

พวกน้ำอุ่นมาถึงก่อนแล้ว  พากันไปจับจองสร้างแลนด์มาร์คอยู่หน้าเวทีไว้รอ  พวกเขาหอบร่างอันเปียกโชกไปยืนด้านหลัง ตั้งใจว่าจะมาดูแลน้อง  แต่แค่จะดูแลตัวเองก็ยังจะไม่รอดแล้ว

“พวกพี่โทรมจัง”  น้ำอุ่นหัวเราะก๊ากเมื่อเห็นสภาพพี่ๆ ที่เหมือนไปตกถังแป้งเปียกมา

“อีกนิดเดียวเอาลงทอดได้เลยนะพี่”  แก้มใสแซวบ้าง  น้องๆ ในกลุ่มพากันหัวเราะพวกเขา 

เสียงดนตรีหนักหน่วงจากเวทีดังตลอดชั่วโมง  พวกเขาทั้งโยก  ทั้งกระโดดไปตามจังหวะเพลงที่เล่นสลับกันระหว่างเพลงเร็วและเพลงช้า  จนหกโมงเย็น...ต้นน้ำก็สะกิดน้ำอุ่น

“อุ่น  กลับเถอะ  เดี๋ยวไปสาย”

น้ำอุ่นพยักหน้า  “งั้นอุ่นไปบอกพี่เหนือก่อนนะ”  พูดจบร่างกลมก็ลากแก้มใสกลืนหายไปทางด้านหน้าสุดของเวทีอย่างรวดเร็ว

พอเพลงจบ  เขาก็เห็นน้ำเหนือก้มลงมาหาน้ำอุ่น  คุยอะไรกันบางอย่างพลางพยักหน้า  น้ำเหนือหันไปตะโกนบอกเพื่อน  แล้วทั้งหมดก็เข้าประจำที่อีกครั้ง

“วันนี้มือกีตาร์เราของกลับก่อนนะครับ  เนื่องจากนัดสาวไว้”  นักร้องนำหันไปหาน้ำเหนือ  “หา...อะไรนะ?  ไม่ใช่สาวเหรอ?  อ๋อๆ...ไม่ใช่สาวครับ  ผู้ชายครับ”  เสียงกลองตีรับลูกให้นักร้องนำที่แซวเพื่อน

น้ำเหนือยกเท้าไล่ถีบคนแซวบนเวที 

“เพลงสุดท้ายของน้ำเหนือนะครับ  เดี๋ยวเราจะเปลี่ยนมือกีตาร์คนใหม่ขึ้นมาแทน” เสียงบนเวทีเงียบไปสักพักก่อนที่นักร้องนำจะเริ่มร้อง

“ก็ไม่รู้เลย ว่าฉันต้องเริ่มอย่างไร
คงเป็นเพราะฉันกลัวว่าอาจจะเสียเธอไป
หากว่าฉันถามเธอ
แต่ความรู้สึก มันล้นจนทนไม่ไหว
ยิ่งเวลาที่เธอยิ้มมาและจ้องมองตา
มันเกิดคำถามมากมาย”


ไม่มีใครสังเกต  ไม่มีใครสนใจคนสองคนที่เต้นด้วยกันมาหลายเพลงกลับเงียบลงไป  ไม่มีเสียงร้องโหวกเหวก  ไม่มีแม้กระทั่งคำพูดใดหลุดออกมาจากปากของคนทั้งคู่  เหมือนต่างฝ่ายต่างดื่มด่ำจมดิ่งลงไปในห้วงความคิดของตนเอง  อะไรที่พยายามจะลบ...ก็เหมือนจะยิ่งตอกย้ำชัดเจน  ความรู้สึก...ที่หวังว่าจะจางหายลงไปกับกาลเวลายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะ  ยิ่งพยายามไม่สนใจมัน...พอเผลอ  มันก็จะปรากฏตัว

“ฉันไม่รู้ และยังคงไม่แน่ใจ
รักไม่รัก ใจจริงเธอต้องการแบบไหน
มันยังคงไม่ชัดเจน
เธอกับฉัน เราเป็นอะไร ช่วยบอกฉันที
อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน
มันหมายความว่าอะไร
เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหวที่คงหายไป
หรือซ่อนความรักที่มีเอาไว้
เธอคิดยังไงกับฉัน ช่วยบอกฉันที”


ในชั่วขณะหนึ่งที่ไม่ได้ยาวนานนัก  ต้นน้ำหันมาทางนทีก็พบว่าอีกฝ่ายมองมาอยู่ก่อนแล้ว  เหมือนมีแรงดึงดูดที่ทำให้เขาละสายตากลับไปไม่ได้  เหมือนดวงตาคู่นั้นอยากจะพูดอะไรกับเขา  เป็นข้อความที่ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้  ‘ข้อความในใจ’...ที่เขาอ่านไม่ออก 

นทียกมือเรียวขึ้นช้าๆ  เอื้อมไปหาต้นน้ำ  สายตาของเขาจับจ้องที่ดวงตาใสตลอดเวลา  ราวกับกลัวว่า...หากเขาละสายตาไป  ดวงตาคู่นี้จะหายไป...ไปยังที่ๆ เขาไม่อาจเอื้อมถึง  แม้จะอยู่ใกล้แสนใกล้  ก็ไม่อาจคว้ามาไว้ในครอบครองได้

“พี่น้ำ”  น้ำอุ่นตะโกนเรียก  “พี่เหนือให้กลับรถมารับที่ประตูฝั่งโน้น  ฝั่งนี้ออกไปไม่ได้  คนเยอะ...เดี๋ยวเปียก”

ต้นน้ำกระพริบตา  เขาเหลือบมองนทีแวบหนึ่งก่อนหันทางน้ำอุ่น  “อ๋อ...อืม”

นทีที่ยกมือค้างไว้  เอื้อมไปหยิบอะไบางอย่างออกมาจากผมต้นน้ำ

“อะไร?”  ต้นน้ำถาม

“หนอนน่ะ” นทีตอบ

ต้นน้ำ “.....”
แก๊งสงกรานต์พากันเดินกลับ  โดยไม่มีใครรู้...ในความปกติ  มีความไม่ปกติซ่อนอยู่





บนรถนั่งกันเงียบ  มีเพียงสองสาวจากเบาะด้านหลังเท่านั้นที่พากันคุยเสียงดัง

“แกว่าไอติมมันชอบไอ้ก้องป่ะ?”  น้ำอุ่นถามแก้มใส

“ชอบ  แน่นอน!”

“ทำไมแกมั่นใจนักวะ?”

“แกดูเว็บนี้สิ”  แก้มใสเปิดโทรศัพท์เลื่อนให้น้ำอุ่นดู

“อะไรวะ?  7 วิธีสังเกตพฤติกรรมคนแอบชอบ?”

“ใช่  เราเจอมา  ตรงทุกข้อเลย”

“ข้อหนึ่ง  คุณจะแอบมองเขาอยู่เสมอ...แม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางคนมากมาย  แต่คุณก็มักจะหาเขาเจอ”

“ใช่ไหมล่ะ?”

ใช่ เสียงตอบดังมาจากในใจของต้นน้ำที่เริ่มนั่งไม่ติด  หน้าใสหันไปมองนอกหน้าต่าง  ไม่หันมามองในรถอีกเลย

“ข้อสอง...คุณมักจะหาเรื่องอยู่ใกล้ชิดเขาเสมอ  พยายามกินข้าวใกล้ๆ เขา  ไม่ว่าจะเวลาทำงานหรือเวลาเรียนก็เลือกที่นั่งใกล้ๆ เขา”

ตลอดดด!  ยิ่งช่วงหลังมานี่  ยิ่งใช่เลย  ตอนเรียนด้วยกันก็นั่งติดกัน  ตอนกินข้าวก็ยังนั่งด้วยกัน  แถมเดี๋ยวนี้ยังมีนอนด้วยกันอีกนะ  ต้นน้ำกลืนน้ำลาย

“ข้อสาม...ทำตัวใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาให้มากที่สุด  เช่น โทรปลุก  กลับบ้านด้วยกัน”

ไม่นะ...ไม่ได้โทรปลุก  เดินขึ้นไปปลุกเลย  บ้าน...ก็ไม่ได้กลับด้วยกัน  ต่างคนต่างกลับ...แล้วกลับมาเจอกันที่บ้านต่างหาก

“ข้อสี่...เป็นห่วงเขาอยู่เสมอและใส่ใจเขาอยู่เสมอ  แค่เขาไม่สบายนิดเดียว  คุณก็รู้แล้ว”

ม่ายจริ๊งงงงงงงงงงง  เพื่อนกันก็ต้องห่วงกันเป็นธรรมดาสิ  ข้อนี้ปัดตกไป

“ข้อห้า...ตั้งใจฟังที่เขาพูดอยู่เสมอ”

ก็เสียงนทีน่าฟังอ่ะ  คุยก็สนุก  เขาก็ตั้งใจฟังที่ริวพูดเหมือนกันนะ

“ข้อหก...สนใจเขาในทุกเรื่อง  รู้หมดทุกโซเชียลเน็ตเวิร์ค”

เฮลโหล...ก็เพื่อนกันไหม?  ก็ต้องคอนเน็คกันทุกช่องทางอยู่แล้วสิ  เขาก็รู้เรื่องเอื้องฟ้าทุกช่องทางเหมือนกันนั่นแหละ

“ข้อเจ็ด...คิดถึงเขาบ่อยๆ  ได้กินอาหารอร่อยก็นึกถึงเขา  ฟังเพลงที่ใช่...ก็นึกถึงเขาทุกที”

เหอะ...ถ้าเปลี่ยนไอ้เจ็ดข้อนั่นเป็นลูกปืน  ข้อไหนโดน  ข้อไหนใช่...ก็ยิงปังเข้าสู่หัวใจ  เขาก็คงตายไปแล้ว  เลือดอาบเลยทีเดียว  ปัญหาของเขาคือ...จะให้นทีเห็นเลือดไม่ได้  เขาต้องกลบเรื่องนี้ให้มิด  ไม่ให้เหลือร่องรอย  นทีจะรู้สึกไหม?...ต่อไป...จะไม่แอบมอง  ไม่อยู่ใกล้  ไม่ปลุกตอนเช้า  ไม่เป็นห่วง  ไม่ตั้งใจฟังที่พูด  แต่แค่ตามไอจี  เฟสบุค...นทีคงไม่รู้หรอก  หรือถ้าแค่คิดถึง...นทีก็คงไม่รู้เหมือนกัน

นทีปรายหางตามองคนด้านข้างที่หันไปมองนอกหน้าตางตลอดทาง  เขาไม่เห็นหน้าต้นน้ำเลยไม่รู้ว่าต้นน้ำมีสีหน้าแบบไหน?  คิดอะไรอยู่?  แต่ก็อดขำกับตัวเองไม่ได้...ไอ้เจ็ดข้อนั่น  เขาทำมาหมดแล้วทุกข้อ  ถ้าต้นน้ำได้ยิน...พอจะรู้ตัวบ้างไหม?  ว่าเขารู้สึกยังไง?  ความในใจที่เขาพูดออกไปไม่ได้



------------tbc------------

เครดิตเพลง  หมายความว่าอะไร  ของวงมีนนะคะ

อัพให้อ่านก่อน  ดึกแล้ว  พรุ่งนี้แวะมาแก้ไขคำผิดให้อีกรอบนะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-09-2019 02:30:41
ถ้าแต่ละคนคิดเข้าข้างตัวเองหน่อยคงจะรู้ไปนานแล้วว่าโดนแอบรักอยู่
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Moonoii ที่ 23-09-2019 03:18:31
ซึนมากแต่ละคน อุแง๊
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-09-2019 11:22:31
ตรงทุกข้อ  ทั้งสองคนนั่นแหละ   :m20: :laugh: :pigha2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-09-2019 13:36:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-09-2019 15:19:55
 :L2: :L1: :pig4:

อึดอัดแทนคนแอบรัก
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 23-09-2019 18:01:14
ไม่ใครก็ใคร ก็จะเปยเผิดกันล่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-09-2019 23:31:06
คนนึงก้คิดแต่จะหนีอีกคนเขาคิดที่จะเข้าหาจริงๆแล้ว
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-09-2019 23:36:28
 :hao4: จะกล้าบอกรักกันไม๋คู่นี้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 24-09-2019 07:49:25
แล้วถ้าต่างคนต่างรู้ว่าคิดตรงกันล่ะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-09-2019 11:22:26
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 13 ------ [23/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 24-09-2019 23:04:38
เสร็จกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 25-09-2019 19:56:58
นทีต้นน้ำตอนที่  14

ทิ้งตัวแล้ว  ก็ช่วยทิ้งใจไว้ด้วยได้ไหม






นทีขับรถไปส่งแก้มใสที่บ้านก่อนวกกลับมาที่บ้านคุณยายอีกครั้ง  เมื่อทั้งหมดเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงเฮลั่นของคุณยายพร้อมกับเสียงโอดครวญของหยาดทิพย์  ฝนทิพย์  และระริน

“แม่ได้หัว  จ่ายมา” คุณยายที่นั่งอยู่ด้านหนึ่งของโต๊ะสี่เหลี่ยมฟาดไพ่ดังผัวะลงบนโต๊ะ  กวักมือเรียกเงินจากสองลูกสาวและหนึ่งลูกสะใภ้

“แม่อ่ะ  อีกแล้ว” ฝนทิพย์บ่น  ตั้งแต่ตั้งโต๊ะมา  คุณยายสายน้ำทิพย์กินเอาๆ  ชนะน็อคบ้าง  แต้มบ้างมาตลอด

“เขาเรียกว่าฝีมือ” คุณยายข่มทับลูกสาวคนเล็กซ้ำอีก

นทีมองสถานการณ์ด้วยความมึนงง  เกิดอะไรขึ้นกับคุณยายผู้อบอุ่นและใจดีของเขา

“ดัมมี่น่ะ  สี่ขาครบ”  ต้นน้ำอธิบายเมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของนทีแล้วเดินผ่านร่างสูงเข้าไปในครัว

“ไม่มีคำว่าแม่ลูกในวงไพ่หรอก”  น้ำเหนืออธิบายซ้ำก่อนเดินตามต้นน้ำไปอีกคน

“ไปเถอะ  เรื่องปกติ”  น้ำอุ่นดันหลังนทีให้เดินตามเข้าไปในครัว  เธียรและภูรีกำลังตำน้ำจิ้มซีฟู้ดสำหรับปิ้งบาร์บีคิวให้เด็กๆ

“มีน้ำพริกกะปิกับแกงส้มด้วยนะน้ำ” ภูรีบอกต้นน้ำ  “คุณยาทำไว้ให้”  ต้นน้ำยิ้มกว้าง  คุณยายไม่เคยลืมเลยว่าเขาชอบกินอะไร  ทุกครั้งที่กลับมาก็จะทำให้กินตลอด

“มีผักบุ้งผัดแกล้มหรือเปล่าน้าภู?” เขาชอบกินผักบุ้งผัดมากกว่าลวก  ซึ่งคุณยายก็รู้ใจหลาน

“มี”

ต้นน้ำลูบมือเดินไปยังโต๊ะอาหาร...มีทุกอย่างให้เลือกสรร  ถูกใจเขาที่สุด

“กินข้าวกันก่อน  เดี๋ยวค่อยไปต่อข้างนอก” เธียรบอกพลางยกเนื้อที่หมักไว้รวมทั้งน้ำจิ้มออกไปในสวนที่จัดเตนรียมสถานที่สำหรับปาร์ตี้ไว้

“พี่ธารล่ะคะ?”  น้ำอุ่นถามเธียร

“ออกไปซื้อเครื่องดื่มกับกร  เดี๋ยวมา  พวกเรากินกันเลย  คนอื่นกินหมดแล้ว”

ต้นน้ำทำหน้าที่พี่คนโตตักข้าวแจกทั้งตัวเองและน้อง 

“พี่น้ำ พรุ่งนี้ไปเล่นที่เดิมอีกไหม?”

“อ้าว  ไม่ขึ้นรถกระบะเหรอ?”

“อุ่นไม่อยากขึ้น  รถติด  พอน้ำหมดก็โดนสาดอยู่ฝ่ายเดียวเลย” น้ำอุ่นเคยมีประสบการณ์ไม่ดีจากการเล่นรถกระบะ  เลยไม่ค่อยชอบเท่าไร “เล่นอยู่กับที่สนุกกว่า”

“นายว่าไง?”  ต้นน้ำหันไปถามความเห็นนที  เผื่อนทีอยากขึ้นรถกระบะ

“ยังไงก็ได้” 

“นายเคยขึ้นรถกระบะเล่นหรือยัง?”

“เคยแล้ว  หนาว”

ต้นน้ำหัวเราะ  ก็จริง...แต่เวลารถแล่นแล้วลมตีพั่บๆ นี่...หนาวมาก  ตัดกำลังไปเยอะเลย

“หรือจะไปน้ำตกไหม?” 

“นายอยากไปเหรอ?” นทีถามต้นน้ำกลับบ้าง 

“ไม่อยาก  สงกรานต์ทั้งที  อยากไปสาดให้สะใจมากกกว่า  พรุ่งนี้วันสุดท้ายแล้วด้วย” 

“งั้นเล่นที่เดิมก็ได้”

“ที่เดิมก็ดีพี่  พรุ่งนี้พวกผมจะไปเล่นด้วย”

“จริงอ่ะ?” น้ำอุ่นถามอย่างดีใจที่พี่ชายจะมาเล่นน้ำด้วย

“จริง  ที่ดีใจนี่เพราะพี่ไปเล่นด้วย  หรือดีใจที่พวกไอ้แมนไปด้วย” น้ำเหนือกระเซ้าน้อง  เพราะรู้ว่ากลุ่มเพื่อนน้องสาวแอบปลื้มเพื่อนตัวเองอยู่

“ก็ต้องพี่แมนสิ  พี่เหนือเจอกันอยู่ทุกวัน  ต้องดีใจตรงไหน?”

“ฮึ๊ย” น้ำเหนือเบ้ปากใส่น้ำอุ่น

สี่พี่น้องแซวกันสนุกสนาน  กินเสร็จแล้วก็ย้ายไปยังสวนหน้าบ้าน  ผ่านวงไพ่สาวๆ  ต้นน้ำก็แวะหอมแก้มคุณยายทิพย์ฟอดใหญ่

“ขอบคุณนะครับ  น้ำพริกกะปิอร่อยมากเลยครับ”

มือย่นของคุณยายลูบหลังต้นน้ำ  อีกมือหนึ่งถือไพ่ที่คลี่เรียงไว้ในมือ 

“เพื่อเป็นการตอบแทนคุณยาย  น้ำจะบอกอะไรให้นะครับ...” คุณยายทิพย์เอียงคอมองหลานชายอย่างน่ารัก  รอฟังว่าหลานจะบอกว่าอะไร  “แม่อมสอง*”

คุณยายหัวเราะถูกใจ  แต่ฝนทิพย์โวยวาย

“ไปๆ ไอ้น้ำ  ออกไปเลยนะ  แผนแม่พังหมดแล้ว”

ต้นน้ำหัวเราะก่อนเดินออกไป  ฝนทิพย์ตีไพ่สองในมือออก  คุณยายทิพย์น็อคไพ่  กินรอบวง 

“ฮ่า...ต้นน้ำหลานรักของยาย  ได้เยอะกว่าค่าน้ำพริกกะปิเสียอีก” คุณยายหัวเราะเอิ้กอ้าก  มีความสุขอย่างที่สุด





วงเหล้าด้านนอกก็ครื้นเครงไม่แพ้กัน  ธนกรและธารากลับมาแล้ว  นั่งพร้อมหน้ากันอยู่ตรงมุมบ้านที่จัดโซฟาชุดใหญ่ไว้ตรงระเบียงริมสวนน้ำตก ด้านข้างมีเตาบาร์บีคิวที่มีหมูหมักน้ำเยิ้มวางแผ่หราอยู่หลายชิ้น 

“น้ำอยากกินหมูย่าง” 

“มีอะไรที่แกไม่อยากกินมั่งไอ้น้ำ  มาทีไรก็รีเควสแต่ของกิน”

“มีแล้วกันน่า  แต่หมูย่างไม่ได้กินนานแล้ว”

“อะไรกัน  กรเลี้ยงหลานพี่ยังไงให้หิว?”  เธียรแซวธนกร

“ใช่พี่  ต้นน้ำตัวเล็กนิดเดียว” ภูรีเข้าข้างพี่ชาย

“ฮะ”  นทีทำหน้าเหรอหรา “นี่ยังตัวเล็กอีกเหรอครับ?  กินจะหมดบ้านแล้วนะ”

“ลุงเธียรกับน้าภูแซวเล่น  นายก็ยังจะเป็นไปกับเขาอีกเหรอ?” 

“ก็ว่าอยู่ครับ  แต่ก่อน...พอผมเปิดตู้เย็นมา  มีของกินเต็มตู้เลย  เดี๋ยวนี้...พอผมเปิดตู้เย็นมา  ผมต้องทำใจ...ปิดตู้เย็นแล้วขับรถออกไปเซเว่นนะ”

“ทำไมอ่ะพี่?  ของกินหมด?”

“ใช่  ไม่ใช่หมดธรรมดานะ...ของหมายังหมดเลย...คิดดู  พี่สงสารหมาพี่มากเลย...ผอมหมดแล้ว”

ทุกคนหัวเราะไม่เว้นแม้แต่ต้นน้ำ  “เกินไปๆ  น้ำเปล่าเต็มตู้...ก็กินเข้าไปดิ”

“ก็นั่นแหละ สิ่งที่ทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้”

“ผมเข้าใจพี่  เหมือนตอนที่พี่น้ำมาอยู่บ้านผมเลย”  น้ำเหนือกอดนทีอย่างเข้าอกเข้าใจ  คนอื่นอาจจะคิดว่านทีล้อเล่น  แต่น้ำเหนือรู้ดีว่านทีพูดเรื่องจริง “ผมว่าถ้าพวกก๊อกน้ำ  อ่างน้ำมันกินได้  พี่น้ำคงกินเข้าไปแล้ว”

  “มันก็ไม่ได้ขนาดนั้นไหม”  ต้นน้ำเริ่มหน้ายู่

“ไม่เป็นไรๆ  ป๊าเลี้ยงได้  จะขุนให้อ้วนเลย”  ธนกรลูบหัวต้นน้ำเบาๆ อย่างเอ็นดู “แต่เค้กกล้วยหอมที่ป๊าซื้อก่อนมา  น้ำเป็นคนกินใช่ไหม?”

ต้นน้ำเอาหัวโขกกับโต๊ะ  ฟุบหน้านิ่ง “สองชิ้นเองป๊า”

“แต่มันมีแค่สามชิ้นนะลูก”

คนอื่นพากันหัวเราะ




ตกดึกวงเหล้าก็เริ่มกรึ่มๆ  ส่วนวงไพ่ก็เริ่มมีการออกมาไถเงินวงเหล้ากันบ้างแล้ว  คุณยายยังเป็นคนที่ได้เงินเยอะที่สุดเหมือนเดิม  ปกติคุณยายจะนอนเร็ว  เพียงแต่วันนี้ลูกหลานมากันครบขา...คุณยายเลยยอมนอนดึกสักวัน 

ต้นน้ำนั่งหน้าแดงอยู่ริมเตาบาร์บีคิว  หมูกับไวน์...กินแล้วมันเข้ากันจริงๆ

น้ำเหนือเกากีตาร์เบาๆ โดยมีน้ำอุ่นร้องคลอประสานเบาๆ  ต้นน้ำยิ้ม  บ้านภูรีเป็นบ้านนักดนตรี  ภูรีสนับสนุนให้ลูกสาวลูกชายเล่นดนตรี  เล่นกีฬาในเวลาว่าง  ทุกครั้งที่เขามา...เขาก็โดนจับเคี่ยวเข็ญให้เรียนดนตรีไปด้วย ต้นน้ำอดยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป  ถ่ายวิดีโอไว้ไม่ได้  แม้จะเป็นภาพที่เห็นชินตาบ่อยๆ  แต่ก็เป็นภาพที่สวยงามทุกครั้งเวลาที่นึกถึง

“เมาแล้วเหรอพี่?  หน้าแดงเชียว” 

“อืม  นิดหน่อย”  ก็นิดหน่อยจริงๆ  เขารู้สึกมึนหัวนิดเดียวเอง

“พี่ทีมีแฟนยังครับ?” น้ำเหนือถาม

“ยัง”

“ดีเลย เพื่อนผมฝากมาถาม  ลองคุยกับเพื่อนผมดูไหมพี่?  สวยนะ”

ต้นน้ำยกไวน์ขึ้นจิบ

“แต่มีคนที่ชอบแล้ว” นทีบอกยิ้มๆ

ต้นน้ำยกไวน์ขึ้นกรอก

“จีบอยู่เหรอ?  ผมจีบให้เอาไหม?  ผมจีบเก่งนะ  ไม่เชื่อถามพี่ธารดู”

ธาราหัวเราะเสียงดัง  เธียรและภูก็หัวเราะตามไปด้วย  เพราะรู้วีรกรรมจีบสาวของพี่น้องคู่นี้ดี

“ใครอ่ะ?  ทำไมผมไม่รู้?”  ต้นน้ำโวยวาย

“ก็พี่เมย์...สาวไร่ข้างๆ นี่ไง” น้ำอุ่นตอบ

“คนที่เราไปขโมยมะม่วงไร่เขาอ่ะนะ”

“ใช่  คนนั้นแหละ”

“แต่เป็นเพื่อนกันมาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“นั่นแหละที่ยาก  พี่เมย์เขารู้นิสัยพี่ธารดี  จนไม่อยากได้ไง” พูดจบน้ำเหนือก็ต้องย่นหัวลง  เพราะธาราโยนน้ำแข็งมาโดน  “โหย...คนอุตส่าห์ช่วยจีบ  หอบกีตาร์ไปเล่นหน้าบ้านเขาเป็นเดือน  พอจีบติด...ก็ถีบหัวส่ง”

“ถรุยยย  ให้ไปเล่นเป็นเดือน...จีบไม่ติด  อ่อนว่ะ  พี่เล่นเพลงเดียว...เขายอมตกลงเลย  ฝีมือมันคนละชั้นกันโว้ย”  ธาราข่มน้องชาย

“พี่เมย์ใจอ่อนตั้งแต่ตอนส่งผมไปเล่นแล้วเถอะ  แล้วนั่นมันร้องเพลงขอแต่งงานป่ะ  พี่ก็ต้องร้องเองสิ”

“แต่งงาน?” ต้นน้ำถามเสียงสูง  เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าธาราจะแต่งงาน  นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่สถาปนิกอนาคตไกลออกมาอยู่ไกลผู้ไกลคนในไร่นี่ก็ได้


“ใช่  พี่ธารขายออกแล้วนะ  จะแต่งกันปีหน้า  พี่ธารให้เก็บเป็นความลับ  อายตอนไปจีบเขา  อายยังไงไม่รู้...รู้กันหมดทั้งบ้าน”  น้ำอุ่นขายพี่ “ก็เล่นส่งพี่เหนือไปร้องเพลงให้เขาฟังทุกวัน  ใครไม่รู้ก็บ้าแล้ว”

ป๊อก...ป๊อก...เสียงน้ำแข็งตกลงบนหัวสองพี่น้องช่างเมาท์อย่างแม่นยำ 

“ผมไม่เกี่ยวนะ  ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย”  น้ำเหนือคร่ำครวญหาความยุติธรรม

“ก็เอ็งเริ่ม”  ธาราตอบ

“แหม  แค่เล่าสู่กันฟังในหมู่พี่น้องน่ะ  ไม่รู้ว่าจะอายอะไรนักหนา”

“หรือจะเอาอีกที...หา?”

“ไม่คร้าบ...ไม่แล้วครับพี่  มาพี่ที...เอาเพลงอะไร?  เดี๋ยวผมจีบให้”

“อย่าให้มันจีบให้เลย  มือปืนโพรไฟล์ต่ำ ไม่เคยมีประวัติการจีบติดมาก่อน  ลงมือเองเถอะน้อง...เชื่อพี่”  ธารายังคงเตือนมาด้วยความหวังดี  อย่างคนมีประสบการณ์  เขาเคยใช้บริการกากๆ นี้มาแล้ว 

“มันต้องติดสักคนสิน่ะ  ของพี่ทีอาจจะคนแรกก็ได้  เอาเพลงอะไร?  เลือกมาเลยพี่”

“เพลงอะไรก็ได้  เอาแบบที่...ฟังแล้วหลงรักเลย  จีบติดแน่นอน”

“จัดไปพี่”

น้ำเหนือเกากีตาร์เบาๆ  ก่อนเสียงร้องทุ้มนุ่มจะดังขึ้น

“ในเมืองเล็กเล็กที่มีผู้คนอยู่มากมาย
จะมีบ้างไหมสักคนที่มองมาหาฉัน
คล้ายโลกนี้ไม่มีใครอยู่
มีฉันคนเดียวที่ต้องคู่
อยากอยู่ด้วยกันนับวันจากนี้ไป

ในเมืองเล็กเล็กที่มีผู้คนอยู่รอบกาย
จะมีบ้างไหมสักคนที่ทำให้เรื่องร้าย
ฉันกลายเป็นเรื่องที่ยิ้มได้
ได้คิดและเริ่มชีวิตใหม่
สบตาทีไรสดใสได้ทุกที
อยาก มี ไว้ ใครสักคนที่ยืนข้างข้างกัน
อยากจะมีเวลาดีดีกับคนนั้น”


นทีนั่งเท้าคางฟังน้ำเหนือร้องเพลง...รอยยิ้มจางๆ เจืออยู่บนใบหน้า  ตั้งแต่ขับรถออกจากกรุงเทพฯ  เขาก็อมยิ้มมาตลอด  เป็นความรู้สึกเบาๆ  แต่ไม่ว่างเปล่าเหมือนเคย...

รอยยิ้มจาง...ขยับกว้างขึ้นไปอีกเมื่อคนที่นั่งข้างๆ เบียดตัวเข้ามาใกล้  ชิด...จนรู้สึกได้
 
“อยากตกอยู่ในสภาวะ ทิ้งตัว
อยากทิ้งทั้งตัวและหัวใจ
กับใครสักคนหนึ่ง คงต้องมีอยู่
แต่ก็ไม่รู้จะได้เจอกันจากมุมไหน
หากตกอยู่ในสภาวะ ทิ้งตัว
จะไม่มามัวยืนมองให้เสียเวลา
จะดึงเธอเข้ามากอด และทิ้งตัวลงที่ตัก
และจะหยุดพักหัวใจของฉันไว้
ที่ไหล่ข้างซ้ายของเธอตลอดไป”


ในเนื้อเพลงเป็นไหล่ข้างซ้าย  แต่ในความเป็นจริงของนทีคือไหล่ข้างขวา  เขารู้สึกหนักที่ไหล่เลยหันไปมอง...คนบางคนตกอยู่ในสภาวะทิ้งตัวไปแล้ว  ศรีษะต้นน้ำพิงอยู่ที่ไหล่เขา  ใกล้...จนได้กลิ่นยาสระผมลอยวนอยู่ในอากาศ 

“ทิ้งตัวไปแล้วหนึ่ง  สงสัยไอ้เหนือจะร้องเพราะมาก” ธาราแหย่

ต้นน้ำสัปหงกจนศรีษะร่วงลงจากบ่านที   มือใหญ่ประคองแนบไว้กับอก

“เออๆ ถือไว้ก่อน  พี่ถ่ายรูปแป๊บ” ธาราบอกให้นทีจับหัวศรีษะต้นน้ำไว้ก่อน  เรื่องแบบนี้...เขาชอบนัก  ถ่ายรูปคนตอนเมา  แล้วเก็บเอาไว้แบล็คเมลล์ตอนตื่น...สนุกที่สุด

นทีทำหน้างง...ว่าแล้ว  ต้นน้ำติดนิสัยนี้มาจากใคร?  ต้นน้ำเองก็เคยถ่ายรูปขิงตอนเมาลงไอจีตอนวันเกิด  กรรมตามสนองก็งานนี้ล่ะ 

“พี่ธารส่งให้อุ่นด้วย” น้ำอุ่นร้องบอก

“ผมด้วย” น้ำเหนือก็เอาด้วย  ความบันเทิงของครอบครัวนี้น่ากลัวจริงๆ 

“ผมด้วย” เสียงดังมาจากนที  ธารา  น้ำเหนือ  และน้ำอุ่นมองหน้ากัน  ก่อนพากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา 

“ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่  นายได้บัตรผ่านการเป็นครอบครัวเราแล้ว”  ธาราบอก

นทียิ้ม  เขาไม่ได้จะเอาไปแกล้งต้นน้ำสักหน่อย  แค่จะเอาไปเก็บไว้ดูเอง  แต่ถึงยังไง...เขาก็ได้บัตรผ่านแล้ว  ธาราจะเข้าใจผิดก็ช่างเถอะ

นทีค่อยๆ วางศรีษะต้นน้ำลงบนตักช้าๆ 

“เมาแล้วเหรอพี่ที?  ทำไมหน้าแดง?” 

อืม  เมา”  นทีตอบ  เขาไม่รู้จะเอาแขนวางไว้ตรงไหนเลยเอาพาดไว้บนไหล่คนที่นอนหลับอยู่บนตัก

“พี่ทีเล่นดนตรีไหม?” น้ำเหนือถาม

“เล่นกีตาร์เป็น”

“ลองสักเพลงไหม?”

“เอามาสิ”  นทียื่นมือไปรับกีตาร์จากน้ำเหนือมาดีดเบาๆ

น้ำอุ่นมองภาพนทีเล่นกีตาร์โดยมีต้นน้ำนอนอยู่บนตักมีฉากหลังเป็นน้ำตกจำลอง...คล้ายกับว่ากำลังกล่อมคนให้นอนหลับฝันดี

พี่เขาก็เหมาะกันจริงๆ แหละ  เพราะยายแก้มใสคนเดียวที่ทำให้ต่อมวายของเธอกำเริบไปด้วย  แม้ว่าจะพยายามบอกตัวเองว่านั่นคือพี่ชายของตนเองแล้วก็ตาม





นทีและน้ำเหนือช่วยกันประคองต้นน้ำลงจากรถ 

“เดี๋ยวพี่แบกไปก็ได้  เหนือช่วยประคองหลังแล้วกัน”  นทีย่อเข่าลงให้น้ำเหนือและน้ำอุ่นประคองร่างต้นน้ำขึ้นหลัง   คนเมาส่งเสียงอืออาคล้ายไม่สบายตัว  แต่ก็ยังคงหลับต่อไม่ยอมตื่น

นทีเดินไปที่ห้องโดยมีน้ำเหนือและน้ำอุ่นเดินตามเพื่อช่วยระวังด้านหลังให้  น้ำเหนือช่วยไขกุญแจให้ก่อนที่นทีจะพาต้นน้ำไปยังเตียงนอนด้านใน

“ทำไมเตียงเดียววะ?” น้ำเหนือหันไปกระซิบถามน้ำอุ่น  เขาจำได้ว่าเขาเป็นคนบอกวรรณาว่าจองเตียงคู่เอง

“อ๋อ  ลูกค้าขอเปลี่ยนน่ะ  ก็เลยเปลี่ยนให้”

น้ำเหนือพยักหน้า “พี่ที  ผมพาพี่เล่นอะไรสนุกๆ ป่าว?”  น้ำเหนือที่เริ่มมึนๆ เหมือนกันพูดไปขำไป

“อะไรอ่ะ?” นทีถาม  ตอนนี้ยังมีอะไรให้เล่นสนุกได้อีก  มือเรียวจัดท่าจัดทางคนเมาให้นอนสบายที่สุด

“พี่น้ำๆ”  น้ำเหนือเรียกต้นน้ำ

“อือ” ต้นน้ำส่งเสียงตอบเบาๆ

“ขอตังค์หน่อย”

“กา...ป๋าว” คนเมาบอกเสียงยานคาง

“เอาหมดเลยนะ”

“อืม”  ต้นน้ำพยักหน้าตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา

น้ำอุ่นกับน้ำเหนือหัวเราะ  นทีหัวเราะตาม

“พี่อยากได้อะไร?  ขอเลย...ได้หมด  พวกผมไปก่อนนะพี่  พรุ่งนี้เจอกัน” 

นทีเดินไปส่งน้องๆ ที่หน้าประตู  ก่อนเดินกลับมาหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ต้นน้ำ  คนเมาที่ผิวหน้าร้อนจัดส่งเสียงครางประท้วงเมื่อมีผ้าเย็นๆ มาโดนใบหน้า

นทีก้มลงไปดูหน้าใสของคนเมาใกล้ๆ  ก่อนส่งเสียงเรียกอ่อนหวาน “น้ำๆ”  มือเรียวเกลี่ยไปตามกรอบหน้าก่อนหยุดที่ผิวแก้มระเรื่อ

ต้นน้ำหลับตานิ่งสักพักก่อนส่งเสียงงึมงำออกมา 

“น้ำรักนทีไหม?”  เสียงทุ้มแผ่วเบา อ่อนโยน คล้ายหลอกล่อให้เหยื่อติดกับ

“รัก” คนที่ไม่มีสติสัมปะชัญญะหลงกลจนได้ 

ดวงตาคมวาววาบขึ้น  จุดรอยยิ้มที่มุมปาก

“ต้นน้ำ  ต้นน้ำคนดี”  เสียงเรียกคราวนี้ยิ่งทวีความหวาน  อ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่เคยเอ่ยมา

“งื้อออ”

“ขอจูบได้ไหม?”

รอไม่นานเลย  ริมฝีปากแดงอิ่มก็ตอบรับคำขอ “อืม”

หมาป่าที่จ้องจะตะครุบเหยื่ออยู่แล้วยิ้มกว้างไปทั้งปากและตา  มือเรียวที่รั้งอยู่ตรงกรอบหน้าไล้เลื่อนมายังปลายคางของคนหลับช้าๆ  นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ริมฝีปากสีแดงสดให้เผยอออก  ก่อนจะก้มลงไปลิ้มรสชาติหวานฉ่ำ  นทีค่อยๆ ละเลียดดูดดึงความหวานจากกลีบปากสีสด  ยิ่งได้ลิ้มชิมรส...เขากลับยิ่งรู้สึกว่าไม่พอ  ไม่พอ และไม่พอ  ทุกครั้งที่คิดจะหยุด  แต่ร่างกายกับไม่ฟังคำสั่ง  ริมฝีปากเหมือนแห้งเหือด  โหยหาการเติมเต็มอีกครั้ง  อีกครั้ง  อีกครั้ง 

จนกระทั่งคนหลับส่งเสียงครางประท้วงไม่สบายตัว  เขาถึงได้รู้สึกตัวว่าจูบเบาๆ ทีแรกนั้น...เริ่มจะหนักหน่วงขึ้นทุกที  นทีพลิกตัวนอนตะแคงมองหน้าต้นน้ำที่หลับสนิท  มือเรียวลูบไล้ริมฝีปากนุ่มอีกครั้งอย่างเสียดาย  เขากดจมูกสูดกลิ่นจากแก้มใสที่ขึ้นสีระเรื่อแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  คนหลับสบายไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย  ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสร้างความลำบากให้คนอื่นเขายังไง 

นทีถอนหายใจยาวอย่าง  ก่อนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่ได้ปิดประตู  เสียงหอบกระเส่าดังปนมากับเสียงน้ำจากฝักบัวสูงที่ร่วงกระทบพื้นกระเบื้องด้านล่าง  โดยที่คนที่หลับสบายอยู่บนเตียงไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ตลอดเวลา





แก้มใสมารอติดรถไปเล่นน้ำอยู่ที่บ้านน้ำอุ่นตั้งแต่เช้า 

“แกเห็นเพจนี้หรือยัง?” แก้มใสเอี้ยวตัวเข้าหาน้ำอุ่น  มือบางเลื่อนโทรศัพท์ให้ดู

น้ำอุ่นมองตามมือเพื่อน  “พี่นทีกับพี่น้ำนี่”

“ใช่สิ  เห็นไหม?  บอกแล้ว...ไม่ได้มีเราคนเดียวที่คิด  คนอื่นเขาก็คิดเหมือนกัน”

“ในทวิตก็มีนะ” แก้มใสกดเข้าแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์  ภาพของนทีและต้นน้ำเรียงขึ้นมาเป็นพรืด

น้ำอุ่นไล่ดูพลางทำหน้านิ่ว  “แกว่าเรื่องจริงไหม?”  จากที่ไล่ดูตามรูป...ก็คล้ายกับว่ามันเป็นเรื่องจริง  แต่จะเชื่อมากก็ไม่ได้...คนชงก็ชง  คนพายก็พาย  เรือใครก็เรือมันอยู่แล้ว 

“จะไปรู้ได้ไงเล่า?  แกเป็นน้อง  แกอยู่กับพวกพี่เขา  แกน่าจะรู้มากกว่าเรานะ”

น้ำอุ่นคิดหนัก  พี่สองคนอยู่ด้วยกัน  บางทีก็ตีกัน  บางทีก็...น้ำอุ่นหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา  เลื่อนรูปให้แก้มใสดู  รูปนทีกับต้นน้ำในอิริยาบถต่างๆ  ตั้งแต่ไปถ่ายรูปเล่นกันในสวน  จนถึงรูปที่ต้นน้ำนอนหนุนตักนทีเมื่อคืน

แก้มใสมองน้ำอุ่นด้วยสายตาเคลือบแคลง  “ทำไมเขาต้องซบกัน  นอนหนุนตักกันด้วย?”

“ก็เมื่อคืน  พี่น้ำเมาหลับมาซบพี่นที  พี่นทีเลยให้นอนหนุนตักตัวเองแทน”

“แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริง  แกจะทำยังไง?”

“.....”  น้ำอุ่นครุ่นคิดหนักมาก “เอาจริงๆ เลยป่ะ?”

“เออ”

“หวงพี่น้ำว่ะ  แต่พอเห็นหน้าพี่นทีแล้วก็แบบ...ยอมๆ ก็ได้”

ทั้งสองคนหัวเราะให้กัน 

“ไม่ต้องพี่นทีหรอก  แค่พี่น้ำคนเดียว  ถ้าพี่ชายเราจะเปลี่ยนใจเป็นเกย์...เราก็ยอมแล้ว  พูดก็พูดเถอะ...ถ้าเราเป็นพี่นที  เราหาทางปล้ำพี่น้ำไปนานแล้ว”

น้ำอุ่นหัวเราะ  “หรือจะให้พี่น้ำปล้ำพี่นทีดีวะ? พี่นทีโคตรหล่อ  โคตรดีอ่ะ  เมื่อคืน...พี่นทีดูแลพี่น้ำดีมากกกก  ค่อยๆ จับหัวพี่น้ำวางบนตัก  แล้วหลังจากนั้น...จะทำอะไรก็กลัวพี่น้ำจะตื่น  แล้วยังให้พี่น้ำขี่หลังกลับห้องด้วยนะ” 

แก้มใสเงียบไปก่อนพูดออกมาเบาๆ “เอิ่ม...ที่...แกพูด  มันคือ...เป็นแฟนกันเลยนะเว้ย”

“หรือจะจริงวะ?”

“ไม่จริงเราก็เชียร์แล้วล่ะ...ดีขนาดนั้น  แต่ถ้าดีขนาดนั้น...จะไม่จริงได้ไงวะ?”

“อืมม...” น้ำอุ่นครุ่นคิดอีกครั้ง  วันนี้เธอใช้สมองเปลืองมาก  ใช้เยอะกว่าตอนสอบเสียอีก  “เราว่าต้องสืบแล้วว่ะ  เรื่องนี้มีเงื่อนงำ”  สองคู่ซี้มองตากันวาววับ  นักสืบโซเชียลจะมาเก่งสู้นักสืบตัวจริงได้ไงเล่า?  ถึงจะเป็นมือสมัครเล่นก็เถอะ  แต่แค่เห็นภาพในจอ...จะมาสู้เห็นของจริงได้ยังไง





ต้นน้ำกับนทีเดินคู่กันเข้าในบ้านของน้ำอุ่นในเวลาเกือบเที่ยงแล้ว  ทุกอิริยาบถของทั้งสองคนอาจไม่รอดพ้นสายตาของสองนักสืบสาวแห่งลุ่มแม่น้ำแควไปได้ 

“กินข้าวยัง?”  ต้นน้ำถามสองสาวทันทีที่เห็นหน้า

“ข้าวเที่ยงยัง”

“มากินด้วยสิ  เดี๋ยวจะได้ออกไปเลย”  ต้นน้ำตักข้าวเผื่อน้องสองคนด้วย

“พวกพี่ดูโทรมกันจัง”  น้ำอุ่นทัก “แอร์เย็นอีกเหรอ?  เมื่อคืนกลับมาก็ดึกแล้ว  อุ่นลืมเอาผ้าห่มไปให้”

“เรากลับมากันกี่โมง?”

“ก็เกือบเที่ยงคืนน่ะ  พี่จำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”

ต้นน้ำส่ายหน้า  เมื่อคืนเขาดื่มไวน์ไปเยอะมาก...ภาพตัดไปตัดมาจนสับสนไปหมด  จำได้ว่านั่งฟังน้ำเหนือร้องเพลงอยู่ดีๆ...ภาพก็ตัดไปเป็นตอนที่มีเสียงกีตาร์ดังใกล้ๆ ส่วนเขานอนหลับอยู่  แล้วจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย

“นายจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”  นทีถามย้ำอีกครั้ง

ต้นน้ำส่ายหน้าอีก  ดวงตาใสแจ๋วสบเข้ากับสายคมของนที “ทำไม?  หรือเมื่อวานเราทำอะไรแย่ๆ ลงไป”

“ไม่มีหรอก  นายไม่ได้ทำอะไร?”  นทีบอกยิ้มๆ  “แต่เงินในกระเป๋าน่าจะหมดแล้วมั้ง”

ต้นน้ำเลิ่กลั่กควักกระเป๋าเงินออกมาดู  พลางถอนหายใจ “ไม่หายสักหน่อย”

นทีกับน้ำอุ่นหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“แต่ว่าเมื่อคืน...เราไปเดินชนอะไรเข้าหรือเปล่า?  หรือล้มกระแทกพื้นอะไรไหม?”  ต้นน้ำถามคิ้วขมวด

“ไม่มีนี่  ทำไมเหรอ?”

“รู้สึกชาปาก  เหมือนปากมันบวมๆ” พูดแล้วก็ลองทำปากจู๋เจ่อๆ ดู

นทีหัวเราะตาหยี “ไหนมาดูซิ”

ต้นน้ำหันหน้าไปหานที  มือใหญ่ลูบไล้เรียวปากของต้นน้ำด้วยดวงตาแวววาม 

นทีแกล้งพิจารณาริมฝีปากแดงช้ำก่อนบอก “ไม่มีอะไรนี่  คิดมาก”

ต้นน้ำหน้าม่อยกลับมา  ลองเม้มริมฝีปากดูอีกครั้ง  เขามั่นใจว่าไม่ได้คิดไปเอง...รู้สึกชาและบวมที่ริมฝีปากหน่อยๆ

ใต้โต๊ะกินข้าว  ขาแก้มใสเตะขาน้ำอุ่นยิกๆ  เป็นอันรู้กันว่าหมายความว่าอะไร?

“เหนือไม่กินข้าวเหรอ?”

“ออกไปแล้ว  พวกพี่ตื่นสาย  พี่เหนือกลัวจะได้เล่นสงกรานต์แป๊บเดียว”  สองวันที่ผ่านมาน้ำเหนือไม่ได้เล่นสงกรานต์เลย  เพราะมัวกังวลเกี่ยวกับเรื่องแสดงดนตรีสด  แต่พอได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจก็อยากเล่นสงกรานต์เป็นการส่งท้ายสักหน่อยเลยกระตือรือร้นเป็นพิเศษ





สองหนุ่มสองสาวพากันมาจอดรถที่หลังร้านขายส่งเหมือนเดิม  เพียงแต่วันนี้ไอติมไม่ได้ออกมารับแล้ว  พวกเขาที่รู้ทางแล้วเป็นฝ่ายเดินเข้าไปเอง  ที่หน้าร้านคนเยอะคึกคักกว่าเมื่อวานมาก  อาจจะเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องเวลาเท่าไร

“พี่นที  พี่ต้นน้ำ  สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ” เพื่อนน้ำอุ่นส่งเสียงทักทาย

“พี่นที  เมื่อวานพี่สาวหนูขอเบอร์พี่ด้วยล่ะ”  มดตะนอยร้องบอก

“พี่นทีมีคนที่ชอบแล้ว” น้ำอุ่นบอกเพื่อน

“พี่หนูเป็นกิ๊กได้นะ” มดตะนอยยังไม่ยอมแพ้  นทีหัวเราะขำไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ

ต้นน้ำเบ้ปาก  เบื่อความเสน่ห์แรงของคนข้างๆ เลยเดินไปยังถังน้ำคนเดียว  นทีมองพวกน้ำอุ่นยิ้มๆ ก่อนยักไหล่  เขากวักมือเรียกเพื่อนผู้ชายของน้ำอุ่น “ไป ลุยเลยเหอะ” แล้วเดินตามต้นน้ำไป

กลุ่มเด็กผู้ชายเดินตามนทีไป  ปล่อยพวกเด็กผู้หญิงไว้ที่โต๊ะสำหรับนั่งพักด้านหลัง

มดตะนอยก็มองตาม  “เราว่าเราพอจะรู้แล้วว่าพี่นทีชอบใคร”

“ใช่ไหม?  พวกเรากำลังสืบอยู่ว่าคู่นี้ยังไงกันแน่” แก้มใสบอกพลางเปิดมือถือให้มดตะนอยดูเพจนทีต้นน้ำ

ไอติมยื่นหน้ามาดูด้วย “ดูยังไงก็ใช่”

“แกมีไอจีพี่นทีป่าว?”

“ไม่มี  แต่เข้าไปดูในไอจีพี่ต้นน้ำก็ได้” น้ำอุ่นเลื่อนโทรศัพท์ดู “นี่ไง” เธอดูรูปต้นน้ำที่กลุ่มเพื่อนๆ แท็กมา

เด็กสาวทั้งสี่คนสุมหัวกันดูโทรศัพท์เครื่องเดียวกัน

“หูย  คนตามเยอะมาก”

“และก็...ลงรูปพี่น้ำเยอะมากด้วย” มดตะนอยตั้งข้อสังเกต  รูปในไอจีนทีส่วนใหญ่จะเป็นรูปถ่ายไฟ ถ่ายถนน  ถ่ายต้นไม้ไปเรื่อยตามอารมณ์  มีรูปเพื่อนๆ บ้าง  รูปตัวเองบ้าง  แต่รูปเดี่ยวที่เยอะรองลงมาจากรูปเจ้าของไอจีเองก็คือรูปของต้นน้ำ  สี่สาวพากันวิพากษ์วิจารย์กันใหญ่

“พวกแกไม่คิดว่าเราทำตัวเหมือนนักสืบโซเชียลเหรอวะ?  ไหนแกบอกว่านักสืบโซเชียลสู้นักสืบตัวเป็นๆ ไม่ได้ไง  เป้าหมายยืนอยู่ตรงหน้าแล้ง...ยังจะไปดูไอจีอีก” น้ำอุ่นเตือนเพื่อน

ทุกคนหน้าเจื่อนลงก่อนดึงหัวที่สุมกันออก  แล้วมองไปยังเป้าหมายที่ตัวเปียกกันหมดแล้ว

“เฮ้ย...นั่นมันพี่วุ้นเส้นนี่”  ไอติมร้องตกใจเมื่อหญิงสาวขวัญใจหนุ่มมัธยมในโรงเรียนเธอมาโผล่ที่นี่

ทั้งสี่คนมองไปยังหญิงสาวผมยาว  ผมสีดำขับให้ดวงหน้าขาวดูขาวยิ่งขึ้นไปอีก  ดวงตากลมโตรับกับริมฝีปากอิ่ม  จมูกโด่งนิดๆ ทำให้ดวงหน้านั้นดูจิ้มลิ้มน่ารักน่าทะนุถนอม

“มากันทั้งกลุ่มเลย”  แก้มใสบอกเมื่อเห็นกลุ่มสาวไฮโซประจำโรงเรียนเดินมาสมทบกับวุ้นเส้น  ทั้งกลุ่มสวมกางเกงขาสั้นโชว์เรียวขาสวย  แต่เสื้อตัวฐนสั้นยาวแตกต่างกันไป  บางคนก็สวมแขนกุด  บางคนก็สวมแขกว้างทับเสื้อกล้ามอีกที  ไม่โป๊จนน่าเกลียด  แต่ก็ดึงดูดสายตา

“เล็งพี่แกไว้แหงเลย” มดตะนอยบอกเมื่อเห็นสาวๆ ประกบข้างนทีและต้นน้ำทั้งสองข้าง “ไม่รู้ว่าใครเล็งใครล่ะ”

น้ำอุ่นมองตามด้วยสายตาติดจะหมั่นไส้  “ฝันไปเถอะ”  ตราบใดที่มีน้ำอุ่นอยู่  พวกรุ่นพี่พวกนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าใกล้พี่ชายเธอ  รู้จักอิทธิฤทธิ์คนเป็นน้องน้อยไปสิ 


--------- tbc ---------

มาล๊าวววว

โอ๊ยตอนนี้....ลูกสาวกับลูกชายชั้น

ไม่รู้จะห้ามพวกเขายังไงดี  แต่พวกเขาก็หวงเนื้อหวงตัวกันมาตั้ง 13 ตอนแล้วอ่ะเนอะ

ไม่รู้ว่าถึงเวลาอันสมควรแล้วหรือยังนะ?
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-09-2019 21:26:25
ต้นน้ำ...มีคน อบลักหลับนายแน่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 25-09-2019 21:55:33
 o18 แอบขโมยจูบหรอนที
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 25-09-2019 21:56:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 25-09-2019 22:30:24
เฮ้ย!  นทีร้ายอ่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 26-09-2019 02:21:40
ต้นน้ำผู้ร้ายอยู่ตรงนี้
อยากรู้ว่าน้ำอุ่นจะทำยังไง 5555555555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-09-2019 06:44:53
ตอนนี้คนมีความสุขที่สุด คือนที...........   :-[
รองมาก็คือ แก๊งนักสืบสาว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ  :impress2:
คุณยายน่ารักมั่กมาก  ต้นน้ำพุงกางเลย  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 14 ------ [25/09/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 27-09-2019 13:06:55
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 09-10-2019 14:06:27
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 15
แฟนกัน วันเดย์






น้ำอุ่นเดินมาหาพี่ชายทั้งสองคนพร้อมกับมีแก้มใส  ไอติม  และมดตะนอยเดินประกบทั้งสองข้าง 

“อ้าว สวัสดีค่ะ” วุ้นเส้นส่งยิ้มหวานทักทายเมื่อเห็นรุ่นน้องร่วมโรงเรียนเดินมาสมทบ

น้ำอุ่นยิ้มมุมปาก  หึ...ตอนอยู่ที่โรงเรียนไม่เห็นจะเป็นรุ่นพี่แสนดีแบบนี้เลย  เดินข้ามหัวได้คงข้ามไปแล้วมั้ง “สวัสดีค่ะ”  น้ำอุ่นทักตอบด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง  หน้าตาไม่รับแขก

ต้นน้ำเห็นหน้าตาน้องสาวก็พอจะเดาออกว่าน้ำอุ่นคงไม่โอเคกับสาวๆ กลุ่มนี้เท่าไร  เลยส่งสายตาเป็นสัญญาณให้นทีคอยดูแลน้ำอุ่นด้วย  เพราะนทีอยู่ใกล้กับน้ำอุ่นมากกว่า

นทีขยิบตากลับ

“น้องเป็นรุ่นน้องที่โรงเรียนพี่ใช่ไหมคะ? คุ้นๆ หน้า” วุ้นเส้นพยายามหาเรื่องคุย  น่าเสียดายที่เธอจำชื่อรุ่นน้องคนนี้ไม่ได้

“แค่คุ้นเหรอคะ? เราเคยคุยกันด้วยซ้ำ”  ตอนที่ไปดูน้ำเหนือเล่นดนตรี  ก็พี่กลุ่มนี้แหละที่เดินชนเธอ  แล้วเบียดแทรกตัวเองแซงพวกเธอไปข้างหน้า  โดยไม่เอ่ยขอโทษสักคำ  ไม่...แม้แต่จะหันมามอง  “แต่พี่คงจำไม่ได้หรอก เพราะ...”

น้ำอุ่นจะพูดต่อแต่นทีกลับพูดแทรก “อุ่นไปช่วยพี่ยกถังตรงโน้นมาเพิ่มหน่อยสิ”  มือใหญ่ดึงข้อมือเธอ  รั้งไว้ให้ไปด้วยกัน  น้ำอุ่นขัดใจ  อยากเปิดศึกกับแก๊งนางแบบเต็มทน  แต่ก็ขัดนทีไม่ได้  ได้แต่เดินตามแรงลากของนทีไป   “ไอติมไปช่วยดูหน่อยว่าถังไหนใช้ได้” นทีหันไปบอก

ไอติมได้แต่เดินตามสองพี่น้องไป

พอมาถึงมุมที่ใช้เก็บถังน้ำ  น้ำอุ่นก็ออกอาการ  “พี่นทีอ่ะ  พวกผู้ชายมีตั้งเยอะ  ทำไมไม่ใช้ล่ะ?”

“พี่ใช้ที่ไหน? พี่ไม่อยากให้เรามีเรื่อง”

“พี่ดูออกด้วยเหรอคะ?” ไอติมถาม

ใครจะดูไม่ออกเล่า  มองแรงกันซะขนาดนั้น “ดูออกสิ  ที่พี่ไม่อยากให้น้ำอุ่นมีเรื่อง  ก็เพราะพี่เป็นห่วงน้ำอุ่นนะคะ  ถ้าอยู่ที่โรงเรียน  ไม่มีใครดูแล  เพื่อนก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด  เกิดมีปัญหาขึ้นมา  พี่น้ำเสียใจแย่เลยนะคะ  พี่ก็เสียใจเหมือนกัน  โดยเฉพาะ...ถ้าปัญหานั้นเกิดจากพวกพี่” 

“ก็อุ่นไม่อยากให้พี่พวกนั้นเล่นด้วยอ่ะ  ตอแหลจะตาย”

นทีถอนหายใจก่อนดุ  “แบบนี้ไม่น่ารักเลยน้ำอุ่น” มือใหญ่ลูบหัวน้องสาวเบาๆ  “พี่อยากให้น้ำอุ่นเป็นเด็กน่ารัก  หน้าบูดแบบนี้  พูดไม่เพราะแบบนี้...ไม่เอานะ  พี่รู้ว่าน้ำอุ่นไม่อยากให้เขาเล่นน้ำด้วย  เดี๋ยวพี่จัดการเองนะคะ ตกลงไหม?”

น้ำอุ่นยังหน้าบึ้ง  ท่าทางขัดใจ  แต่ก็ยอมพูด  “ตกลงค่ะ”


นทียิ้มก่อนเข็นถังน้ำใบใหญ่ออกไปคนเดียว

ไอติมตาลอยตามหลังนทีไป “พี่นทีโคตรอบอุ่นเลย  ฮือ...หลงรักได้ไหม?”

น้ำอุ่นเขกหัวเพื่อน  “กลัวพี่วุ้นเส้นจะเอาไปกินก่อนน่ะสิ  ป่ะ...ไปกำจัดศัตรูกันก่อน”





ต้นน้ำเห็นนทีลากถังน้ำออกมาคนเดียวเลยเดินเข้ามาช่วย แม้ถังน้ำจะทำจากพลาสติกน้ำหนักเบา  แต่ก็มีขนาดใหญ่  ทำให้เคลื่อนย้ายค่อนข้างลำบาก  และเขาก็อยากรู้เรื่องของน้ำอุ่นด้วย

“ยัยอุ่นเป็นอะไร?”  ต้นน้ำถามทันทีที่เดินมาถึงตัวนที

นทีหยุดลากถังแล้วยืนคุยกับต้นน้ำ

“เหมือนไม่ค่อยถูกกับรุ่นพี่กลุ่มนั้นนะ  ยังไม่ได้ถามว่ามีปัญหาอะไรกัน  แต่น้องไม่อยากให้รุ่นพี่มาเล่นน้ำด้วย”

“ทำยังไงดีล่ะ? พวกเด็กผู้ชายตอบตกลงกันไปแล้วด้วย”

นทีมองไปที่กลุ่มเด็กผู้ชายที่กำลังตื่นเต้นดีใจเมื่อมีกลุ่มรุ่นพี่คนสวยมาเล่นน้ำด้วย  ก่อนหันมาหาต้นน้ำ

“มันก็พอมีวิธีอยู่”

“ยังไง?”

นทีกวักนิ้วเรียกต้นน้ำ  ต้นน้ำชะโงกหน้าเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงทุ้มกระซิบริมหู “เป็นแฟนกันไหม?”

ปรื๊ด! ปรื๊ด! เสียงเลือดเปิดไซเรนแล่นตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมากองรวมกันที่หน้า  ผิวหน้าใสซับสีแดงเรื่อไล่ตั้งแต่พวงแก้มไปจนถึงใบหู

“หมะ...หมะ...หมายความว่า...?”  ต้นน้ำละล่ำละลักถาม

“แฟนเดย์ไง...แฟนกันวันหนึ่ง”  นทีพูดจบก็ยิ้มบาง  ดวงตาวาววับอย่างเจ้าเล่ห์  “อยู่เฉยๆ อย่าร้องนะ” มือใหญ่โน้มต้นคอต้นน้ำเข้ามาใกล้ก่อนแนบจมูกลงบนแก้มนิ่มสูดลมหายใจเข้าฟอดใหญ่

ต้นน้ำตาโต  หลังจากที่นทีถอนจมูกออก  ตาใสก็มองนทีไม่กระพริบ 

นทีหัวเราะเบาๆ  ก่อนก้มลงไปฉกความหวานจากริมฝีปากที่เพิ่งได้ลิ้มลองไปเมื่อคืนอีกครั้ง  เขาเม้มปากอิ่มเบาๆ อย่างหยอกเย้า  ครู่เดียวก็ละริมฝีปากออก 

“อย่าโวยวายนะ  น้องกลุ่มนั้นมองอยู่” นทีกระซิบข้างริมฝีปาก

ต้นน้ำอึ้ง  ร่างทั้งร่างคล้ายถูกขึงตึงไว้ด้วยเส้นลวดที่มองไม่เห็น  แม้แต่เซลล์ในสมองก็ถูกแช่แข็งไปด้วย 

น้ำอุ่นและไอติมที่เพิ่งเดินตามออกมาก็อึ้ง

แก้มใสและมดตะนอยก็อึ้ง

กลุ่มวุ้นเส้นที่หันมามองมาพอดีก็อึ้ง

แม้แต่กลุ่มเด็กผู้ชายก็ยังเงียบกันไปหมด

นทีจับมือต้นน้ำมาจับไว้ที่ขอบถังน้ำ “จะมาช่วยไม่ใช่เหรอ?”

ต้นน้ำพยักหน้า  แต่ไม่รู้เรื่องที่นทีพูดสักคำ  ฟังไม่เข้าใจเหมือนในหัวมันว่างเปล่าไปหมด  ส่วนรับข้อมูลไม่ทำงาน  ส่วนแปลข้อมูลขอลาหยุด  ได้แต่ช่วยลากถังน้ำไปตามสัญชาติญาณ

“พี่...พี่สองคน” วุ้นเส้นลำล่ำละลักจะพูด  แต่ก็เรียบเรียงคำพูดไม่ถูก “พี่....พะ...พี่”

“พี่สองคนเป็นแฟนกัน?” ครีม...เพื่อนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างวุ้นเส้นเป็นคนถามขึ้น

วุ้นเส้นพยักหน้า  ใช่เลย...ที่เธอจะพูด

“ใช่ครับ”  นทีตอบพลางใช้มือโอบรอบสะโพกต้นน้ำดึงเข้ามาใกล้  เขาใช้อีกมือหนึ่งที่ว่างเขี่ยปอยผมที่ปรกหน้าต้นน้ำออก  พลางพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “แล้วพี่ก็หวงด้วย  ถ้าน้องจะเล่นน้ำด้วยกัน  อย่ามามายืนชิดแฟนพี่มากนะครับ” 

สาวหน้าคมที่ยืนประกบติดต้นน้ำในทีแรกเผลอขยับถอยโดยไม่รู้ตัว  อยู่ๆ ก็จุดไต้ตำตอ...ตอเบ้อเร่อเสียด้วย  เป็นใครจะไม่ตกใจบ้าง

“งั้นพวกเราไม่รบกวนดีกว่าค่ะพี่” ครีมเป็นคนเอ่ยขึ้น  เธอเป็นคนเดียวที่ประคองสติได้ดีที่สุด  และรู้จังหวะว่าควรถอยได้แล้ว  มือบางจับข้อมือเพื่อนให้เดินกลับ  แต่วุ้นเส้นก็ยังไม่วายหันกลับมามองเป็นระยะอย่างไม่เชื่อสายตา

เมื่อกลุ่มนางแบบประจำโรงเรียนถอยกลับ  น้ำอุ่นถึงได้หาลิ้นตัวเองเจอ  “พวกพี่...พะ...พวกพี่”  เสียงติดอ่างดังมาจากด้านหลัง  น้ำอุ่นและแก๊งเพื่อนสาวเพื่อนชายรวมตัวกัน ‘งง’ เฉพาะกิจ  ไม่รู้ว่าเป็นอุปาทานหมู่หรืออย่างไร?...น้องๆ ทุกคนถึงได้ทำตาโต  อ้าปากค้างกันไปหมด 

นทีกรอกตามองบนก่อนอธิบาย  “ไม่ได้เป็นอย่างที่คิดหรอกน่า” ตอนนี้น่ะ...ไม่  ต่อไปค่อยว่ากัน  “ก็อุ่นไม่อยากให้พี่ๆ กลุ่มนั้นเล่นน้ำด้วยไม่ใช่หรือไง?”

เสียงถอนหายใจพรูใหญ่จากกลุ่มน้องๆ

“ผมก็นึกว่าพวกพี่เป็นแฟนกันจริงๆ ซะอีก  เล่นซะเหมือนเชียว” เด็กผู้ชายขี้เล่นที่สุดในกลุ่มพูดขึ้นก่อนเป็นคนแรก  พลอยทำให้คนอื่นๆ เริ่มผ่อนคลายกันมากขึ้น  ต่างพากันแซวละครฉากเด็ดเมื่อสักครู่นี้  แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังดึงสติกลับมาไม่ได้ 

ต้นน้ำยืนมองนทีและกลุ่มเด็กๆ โต้ตอบกันไปมา  โดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย  ในหัวเขาตีกันยุ่งไปหมด...เกิดอะไรขึ้น?  นทีจูบเขา  นทีจูบเขาใช่ไหม?  นทีจูบเขา  นทีจูบเขาแน่นอน  นทีจูบเขาทำไม?  โกหก  แต่จูบจริงๆ นะ  ปากนทีก็นิ่มดีเหมือนกันนะ  ไม่ใช่สิ  ว้ากกกกก....เฮ้ยยยย....แล้วจูบทำไม?  จูบเล่นๆ  จูบโชว์สาวเหรอ  แต่จูบจริงๆ ใช่ไหม?  จูบทำไมวะ?  ปากโคตรนิ่มเลย  รู้สึกดีอ่ะ  แต่จูบทำไมวะ?  สาวๆ ไปเล้วเหรอ  จูบเล่นๆ  หรือยังไง? เมื่อกี้ถึงไหนแล้วนะ อ๋อ...นทีจูบเขา...เราจูบกัน 

“โอ๊ย” ต้นน้ำร้องเมื่อรู้สึกเจ็บที่แก้ม  นทีใช้สองมือดึงแก้มเขาจนยืด  ต้นน้ำปัดมือนทีออก  เอามือตัวเองกุมแก้มทั้งสองข้างแทน“เจ็บ”

“ก็ดึงให้เจ็บ เป็นไร? ทำไมเงียบ?”

“เมื่อกี้เราจูบกันเหรอ?”  ต้นน้ำถามนทีย้ำอีกครั้ง

“อืม”

ต้นน้ำยกมือขึ้นกุมอก  “ตกใจว่ะ”

“ช้าไปไหม?”

“ต้องเร็วกว่านี้เหรอ?  ไม่ทันแล้วอ่ะ...ตกใจอยู่” 

นทีหัวเราะเมื่อเห็นปฏิกิริยาการตกใจของต้นน้ำ...ช่างเป็นคนที่ตกใจแล้วนิ่งมาก

“ลองอีกทีไหม? จะได้หายตกใจ”

“เฮ้ย..ไม่” ต้นน้ำส่ายหน้าหวือ

“น่า  มาลองอีกที”  นทีขยับเข้าไปใกล้  ไม่ว่าจะเป็นต้นน้ำตอนตกใจ  หรือตอนที่ทำหน้าเหมือนลูกแมวขี้กลัวแบบนี้ก็ล้วนน่าแกล้งทั้งนั้น

“อย่าเข้ามานะ  ยิงตาแตกนะเว้ย” ต้นน้ำคว้าปืนฉีดน้ำขึ้นมา

นทียิ้มร้าย  “เอาสิ” เขาคว้าขันน้ำได้ก็สาดใส่ต้นน้ำจนเปียกซ่ก

ต้นน้ำไม่ยอมแพ้  อัดลมปืน...ฉีดน้ำใส่นที  พวกเด็กผู้ชายพากันตะโกนเชียร์พี่นทีสุดหล่อให้ไล่จับพี่ต้นน้ำมาจูบให้ได้ 

ส่วนแก๊งนักสืบสาวนั้น...

“แกว่าจริงหรือเปล่าวะ?” แก้มใสหันไปถามน้ำอุ่น

น้ำอุ่น “.....” จะว่าจริง...ก็จริง  จะว่าไม่จริง...ก็ไม่จริง 

คนเป็นแฟนกัน...ต้องสวีทหวานแหวว  เดินจับมือ  พูดจาคะขากันไม่ใช่เหรอ?  แต่พี่สองคนไม่ได้ใกล้เคียงกับอะไรแบบนั้นเลยสักนิด  เดินไปด้วยกัน...ไม่ขัดขากันก็บุญแล้ว

จะว่าเป็นแค่เพื่อนกัน...แต่ก็จูบกัน

“หรือจะเป็นอะไรที่มันมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟนไหม?”  มดตะนอยตั้งสมมุติฐาน

ทั้งกลุ่มพยักหน้าครุ่นคิดไปตามกัน  ยกเว้นไอติมคนเดียว

“เราว่า...ไม่ใช่แฟน  ก็ทำให้เป็นแฟนกันซะเลยสิ  ไม่รู้ล่ะ...พี่นทีนี่สเป็คเลย  ถ้าเราไม่ได้...เราจะไม่ยอมเสียพี่นทีให้ผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น  ยอมเสียให้พี่น้ำซะยังจะดีกว่า” 

“เห็นด้วย” แก้มใสสนับสนุน  “ถ้าต้องเสียพี่ต้นน้ำให้ผู้หญิงคนอื่นแล้วล่ะก็  ให้พี่นทีดีกว่า”

งืออออ...น้ำอุ่นอยากจะร้องให้  พี่ชายสุดที่รักและพี่ชายคนใหม่ที่แสนดี...นี่พี่ชายเธอทั้งสองคนเลยนะ





สาดกันไป  สาดกันมา  ต้นน้ำก็ชะงักค้าง  สายตามองไปยังด้านหลังของนที 

นทีหันกลับไปมองตามสายตาของต้นน้ำ...ชายหนุ่มในเสื้อลายดอกสีสันแสบตาทั้งห้าคนเดินเรียงกันมาทางเขา  ทั้งหมดสวมแว่นตาดำ  ปะแป้งขาว  ที่คอมีพวงมาลัยดอกมะลิห้อยไว้ทุกคน...‘แก๊งบอยแบรนด์ลุ่มน้ำแคว’ ช่างจัดจ้านในย่านนี้

“พี่เหนือ” เด็กผู้ชายตะโกนเรียก

น้ำอุ่น “.....” เธอไม่กล้าบอกใครเลยว่านี่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเธอ  พี่ชายแต่ละคน...ชวนให้น้องสาวต้องหลั่งน้ำตาเสียจริงๆ

พวกน้ำเหนือส่งยิ้มร้ายกาจมาให้

“ลุย!”  เสียงหนึ่งในแก๊งบอยแบรนด์ตะโกนก่อนวิ่งมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว

ไม่รู้ว่ามือใครเป็นมือใคร  ปะแป้งพวกเขาไปทั่ว  ปากก็พูด “ด้วยความเคารพครับพี่ๆ”  ถ้าเคารพจริง...ไอ้เด็กพวกนี้มันควรเบามือกว่านี้นะ  กว่าที่ต้นน้ำจะตั้งตัวได้  หน้าใสก็ขาววอก  ลายพร้อยไปด้วยแป้ง  เขาก้มลงมองสภาพตัวเองก่อนแล้วค่อยหันไปมองคนข้างๆ 

จังหวะเดียวกับกับที่นทีหันมามองเขา  ต้นน้ำหัวเราะกว้าง  นทีไม่ใช่พี่เคน ธีรเดชในเรื่องรถไฟฟ้ามหานะเธอ...ความหล่อของนทีเลยทะลุแป้งที่ทั้งหนาทั้งเปียกออกมาไม่ได้ 

นทีก็หัวเราะสภาพลูกแมวตกถังแป้งเปียกของต้นน้ำเหมือนกัน  เขาสองคนตกอยู่ในสภาพดูไม่จืด

พวกน้ำเหนือไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนผู้ชายของน้ำอุ่น...พากันหัวเราะอยู่ด้านหลัง 

“แค่นี้...ความหล่อของพวกพี่ก็ไม่เหลือแล้ว”

“สาวๆ จะต้องมองแต่พวกผมเท่านั้น...ฮ่าฮ่าฮ่า” 

“ผมใช้แป้งทานาคาเลยนะพี่  จะได้สวยเหมือนสาวพม่า”

ต้นน้ำกับนทีตักน้ำสาดใส่แก๊งบอยแบรนด์ไม่ยั้ง  ถึงจำนวนคนจะน้อย  แต่ชัยภูมิที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำมากกว่าก็เพียงพอที่ทำให้ศัตรูระส่ำระส่ายแตกแยกกันไปคนละทิศละทางได้ 





ต้นน้ำมานั่งพักเหนื่อยอยู่บนเก้าอี้เตี้ยด้านหลังพลางมองกลุ่มน้ำเหนือที่ไม่ว่าจะพากันทำอะไรก็เรียกเสียงฮาได้ทุกครั้ง  นทีเดินตามมานั่งด้วย

แก๊งบอยแบรนด์ทั้งห้าคนประกอบด้วย  น้ำเหนือ แมน โย่ง ตี๋ และแชมป์  เป็นแก๊งเดียวกับที่ร้องเพลงเพราะอยู่บนเวทีเมื่อวานนี้   แต่วันนี้พวกเขาไม่ได้มาเพื่อร้องเพลง  แต่มาเพื่อ...

“น้องๆ ระวังผึ้งนะจ้ะ” ตี๋ตะโกนบอกกลุ่มเด็กสาวบนรถกระบะ “ผึ้งรู้ว่ารักเธอ”

คนอื่นๆ ก็ส่งเสียงฮิ๊วรับมุกกันเป็นทีม

“พี่ๆ ก็ระวังต่อนะคะ” น้องผู้หญิงบนรถกระบะตอบกลับมา

“ต่ออะไรจ๊ะ?” ตี๋ถามกลับเสียงหวาน

“ต่อไปจะไม่ตายดีค่ะ”

พวกตัวประกอบส่งเสียงโห่ให้ตี๋อีกครั้ง 

“นายไม่ไปแซวสาวบ้างอ่ะ”  ต้นน้ำบอกนที  มือเรียวยกขวดน้ำกรอกปากก่อนยื่นให้คนข้างๆ

“เคยที่ไหนล่ะ  นึกมุกไม่ออกหรอก” นทีรับขวดน้ำมายกดื่มต่อ

“อืม  ก็จริง   อย่างนายไม่ต้องเล่นมุกจีบสาวหรอกมั้ง  แต่ไม่ลองดูอ่ะ  ได้ผลนะ”

“รู้ได้ไงว่าได้ผล...เคย?”

ต้นน้ำส่ายหน้า  “ไม่เคยหรอก  เห็นไอ้เหนือมันเล่าว่าไอ้ตี๋ได้แฟนก็เพราะมันชอบเล่นมุกแบบนี้นี่แหละ”

นทีมองตี๋ที่ยังคงปล่อยมุกจีบสาวไม่หยุด  ตี๋ไม่มั่วแต่ตี๋ทั่วถึง

“นี่ขนาดมีแฟนแล้วนะเนี่ย”

“อ๋อ...มันเพิ่งอกหัก  แฟนมันขอเลิกก็เพราะมันชอบเล่นมุกแบบนี้นี่แหละ”

นที “.....”

ต้นน้ำมองไปที่ตี๋บ้าง “ถ้าจะเล่นมุก  ก็ต้องเล่นกับคนๆ เดียว  มีแฟนแล้วยังเล่นพร่ำเพรื่อก็ต้องตกอยู่ในสภาพนี้แหละ”

“เฮ้ย...ผึ้ง”  นทีหน้าเหวอมองไปที่หลังต้นน้ำ  ต้นน้ำก็พลอยสะดุ้งไปด้วย  เขาพยายามเอี้ยวตัวหลบเจ้าแมลงตัวจิ๋วแต่ร้ายที่อาจจะมาตอมน้ำหวานจากแก้วน้ำที่พวกเขาวางทิ้งไว้  แต่...“ผึ้ง...จะรู้ว่ารักเธอ”

ต้นน้ำชะงัก  แทบจะลืมหายใจไปพักหนึ่ง  ตาใสกระพริบมองคนที่เพิ่งเล่นมุกจีบสาวใส่

“เป็นไง พอใช้ได้ไหม?” ตาคมพราวระยับมองกลับมา 

“เหอะ...ระวังต่อนะ”  ต้นน้ำบอกกลับ

“ต่อไปจะไม่ตายดีเหรอ?”

“ต่อไป...จะตกหลุมรัก” 

นทีอมยิ้มพลางเบี่ยงหน้าหันหน้าไปอีกทาง  ต้นน้ำที่เห็นแค่ใบหูแดงๆ จากทางด้านหลังของนทีก็อมยิ้มหันหน้าไปอีกทาง





ต้นน้ำอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาหานทีที่ส่วนของห้องนั่งเล่นที่ปกติเจ้าตัวจะนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาตัวยาว  แต่กลับไม่พบเงาของใครสักคน   รอสักพักก็มีเสียงไขกุญแจ...ร่างสูงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงเบียร์และขนมขบเคี้ยวถุงใหญ่ 

นทีเปิดให้ตัวเองกระป๋องหนึ่ง  เปิดให้ต้นน้ำกระป๋องหนึ่ง  “อ่ะ...ซื้อมาเผื่อ” 

ต้นน้ำรับกระป๋องเบียร์มาถือไว้งงๆ  เขาลังเลว่าควรจะดื่มดีหรือไม่?   
 
นทีจัดแจงเอาเบียร์ที่เหลือแช่ตู้เย็นก่อนลากต้นน้ำมานั่งที่พื้นหน้าโซฟา  มือใหญ่หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ต้นน้ำพาดหัวไว้มาขยี้ให้เบาๆ 

ต้นน้ำหยิบรีโมทไล่ดูรายการทีวี  เขายังลังเลว่าควรจะดื่มเบียร์ดีหรือไม่...แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธน้ำใจของคนที่นั่งเช็ดศรีษะให้อยู่เบื้องหลัง  มือขาวยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ 

“นายเป็นคนที่ทนเห็นคนผมเปียกไม่ได้หรือไง?” ต้นน้ำถาม  เขาสังเกตมาหลายทีแล้วว่า  เขาผมเปียกทีไร...นทีก็จับเช็ดจนแห้งทุกที 

“อืม...ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก  วันนี้เห็นคนอื่นเปียกแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรนี่”  ถ้าเป็นอย่างที่ต้นน้ำกล่าวหา  สงกรานต์นี้เขาคงไม่ต้องทำอะไรแล้ว  คงได้แต่ไล่เช็ดผมคนอื่นเขาไปทั่ว  “แต่พอเห็นผมนายเปียก  เรารู้สึกเหมือนตอนที่เห็นโจลี่กับแบรดพิตต์ขนเปียก...กลัวว่ามันจะไม่สบายน่ะ”

อ๋อ...ต้นน้ำเข้าใจแล้ว  คงห่วงเขาเหมือนที่ห่วงหมานั่นแหละนะ  “รู้สึกดีจัง  ความสำคัญเท่ากับหมาเลย” มือเรียวยกเบียร์ขึ้นจิบเรื่อยๆ

นทีหัวเราะ  เขาเช็ดผมต้นน้ำจนแห้ง  ก่อนเอาผ้าเช็ดตัวโปะหน้าต้นน้ำ  อย่างนี้ตลอด...ลูบหลังแล้วก็ตบหัวตลอด  เดี๋ยวก็ดี...เดี๋ยวก็ร้าย  เอายังไง...ไอ้เหี้ยนี่?  เธอจะรักหรือเธอจะร้าย  ต้นน้ำสะบัดผ้าขนหนูให้หลุดออกจากหัว  ใบหน้าซับสีเรื่อเบ้ปากเหล่ตามองคนตัวสูงที่ลุกขึ้นหยิบเบียร์มาดื่มอึกๆ   นทีวางกระป๋องเบียร์ที่เหลืออยู่อีกครึ่งกระป๋องวางลงบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าต้นน้ำ 

“ไปอาบน้ำก่อนนะ”  ไม่บอกเปล่า  ยังเอาเท้าเขี่ยขาคนที่นั่งอยู่บนพื้นด้วย  ต้นน้ำเบี่ยงขาหลบ  แล้วยกเบียร์ดื่มเข้าไปอีกอึกใหญ่





สวนอาหารชานเมืองกรุงเทพมหานคร  กลุ่มชายหนุ่มเจ็ดคนนั่งอยู่บริเวณด้านนอกตรงสวนมุมสุดของร้าน  ไม่มีใครสนใจฟังเสียงเพลงคลอเบาๆ จากกีตาร์โปร่งจากนักร้องบนเวที

“พวกมึงจะไปงานเลี้ยงรุ่นที่โรงเรียนเปล่าวะ?” เอกถามเพื่อน  เขากับโจคงไปไม่ได้เพราะต้องกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัยซึ่งอยู่ต่างจังหวัด

“พวกกูไป” ปอนด์กับทะเลพยักหน้า  พวกเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับต้นน้ำและเอกในสมัยมัธยม  และวันนี้พวกเขาก็นัดกันมาทานข้าวกับกลุ่มของริว  ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ชายดีๆ สี่คน ริว โจ แม็ก และเชน

“พวกกูก็ว่าจะไป  มึงอ่ะไอ้ริว?”  แม็กถามริวด้วยสีหน้ายิ้มๆ  โดยมีเชนยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่ข้างๆ

“ดูก่อนว่ะ”  ริวตอบ

“ดูก่อนเหี้ยไรวะ?  ดูน้องคนนั้นน่ะเหรอ?” โจแซวเพื่อน

“เชี่ย” ริวด่าเพื่อน

“น้องไหนวะ?”  กลุ่มต้นน้ำที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวมาก่อนถามอย่างกระตือรือร้น

“น้องปุณณ์” เชนช่วยไขข้อข้องใจ

“คนที่หน้าตาสวยๆ  เหมือนผู้หญิงคนนั้นน่ะเหรอ?”  ปอนด์พอนึกออก  ปูณณ์เป็นเด็กผู้ชายหน้าสวยที่พวกรุ่นพี่ผู้ชายชอบเข้าไปจีบแต่โดนตอกหน้าหงายกลับมาทุกรายเพราะเจ้าตัวไม่ได้ชอบผู้ชาย

“เออ”

“แต่เขาไม่ได้เป็นเกย์นี่” เอกสงสัย

“ไอ้เหี้ยนี่ก็ไม่ได้เป็นเกย์” โจพยักเพยิดไปทางริว  “แต่ก็เสือกไปจีบน้องเขา”

ริวเบือนหน้าหนี  เขาไม่อยากพูดเรื่องที่มันผ่านไปแล้วอีก

“แล้วผลเป็นยังไง?” ทะเลถามริว

ริวนั่งนิ่ง  ก่อนตอบคำถามด้วยคำถาม “ไอ้น้ำ...มันเคยมีแฟนหรือเปล่าวะ?”

พอได้ยินคำถามของริว  ทุกคนก็พลอยลืมคำถามก่อนหน้านั้นเสียสนิท 

ทะเลคิดสักพักก่อนตอบ “ไม่เคยนะ  ไม่เคยมีแฟนเลย”   

“อืม  กูก็ไม่เคยได้ยินมันพูดถึงผู้หญิงคนไหน?  สนิทมากสุดก็น้ำตาล...แต่ก็ไม่น่าใช่  ทำไมวะ?”  เอกถาม

ริวนิ่วหน้า  ถ้าไม่เคยมีแฟน...มันไปเสียตัวตอนไหน?  “คืองี้มึง  พวกกูเล่นเกมส์กัน  แล้วในเกมส์ให้ทุกคนตอบคำถามตามความจริง  คำถามมีอยู่ว่า...เคยเสียตัวแล้วหรือยัง?”

“ซึ่งไอ้น้ำตอบว่า ‘เสียแล้ว’ เหรอ?” 

ริวพยักหน้า

กลุ่มต้นน้ำมองหน้ากันไปมา

“กูว่าคืนนั้นว่ะ”  เอกสันนิษฐาน  “คืนที่มันหายตัวไป”

“คืนที่มันกินเบียร์อ่ะนะ?”  ปอนด์เริ่มคิดตามที่เอกพูด

กลุ่มของริวขยับเข้ามาใกล้กลุ่มเพื่อนต้นน้ำมากขึ้น 

“คืองี้...ไอ้ต้นน้ำมันแพ้เบียร์เว้ย”  ทะเลเริ่มเล่า  กลุ่มริวเริ่มหูผึ่ง  เรื่องมีที่มาอย่างนี้...ต้องตั้งใจฟังให้ดี  “ไม่รู้มันเป็นอะไรกับเบียร์  กินเบียร์เมื่อไร?...เปลี่ยนเป็นคนละคน”

“อาการเป็นยังไงวะ?” ริวถาม

“หน้ามันจะแดง  ตามันก็จะหวานหยดเยิ้ม  ยิ้มเรี่ยราดไปทั่ว” เอกอธิบาย “พูดไม่ถูกว่ะ...คือเหมือนอินเนอร์มันเปลี่ยนไป  แม้แต่องศาการมองคนยังเปลี่ยนเลย”

“องค์พ่อคาสโนว่าลงน่ะสิ   เหมือนอยู่ๆ...แม่งก็ปล่อยฟีโรโมนออกมาได้  แมลงบินตามกันให้ว่อน” ปอนด์เสริม

“แล้วเป็นทุกครั้งที่กินเบียร์เลยหรือวะ?”  ริวยังคงสงสัย

“อืม  พวกกูลองกันมาสามครั้งแล้ว  แต่ครั้งสุดท้าย...มันหายตัวไป  พวกกูถามก็ไม่ยอมบอกว่าหายไปไหนมา” เอกตอบ

“บอกว่าจะไปห้องน้ำแล้วก็หายไปเลย” ทะเลเสริม

“หรือว่ามันโดนลากไปไหนหรือเปล่า?  พวกมึงตามดูมันดีแล้วหรือยัง?” โจถาม  รู้สึกเป็นห่วงต้นน้ำตงิดๆ  แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ตาม 

“พวกกูดูหมดแล้ว  โทรหามันไม่รู้กี่รอบ  จนมันรับสาย...แล้วบอกว่าถึงบ้านแล้วนั่นแหละ  พวกกูถึงได้วางใจ  กูไม่ใช่คนทิ้งพื่อนนะเว้ย”  เอกตบบ่าโจให้ใจเย็น

“แล้วมีวิธีแก้ไหมวะ?  หรือก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายเมา”

“มี” ปอนด์ตอบ  “ให้มันกินเข้าไปอีกกระป๋อง  รับรอง...หลับไม่รู้เรื่อง”


---------- อ่านต่อด้านล่าง ------------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 09-10-2019 14:08:00
---------- ต่อจากด้านบน -----------

นทีเดินออกมาจากในห้องนอน  ต้นน้ำยังนั่งอยู่ที่พื้นเหมือนเดิม  นิ้วเรียวเขี่ยกระป๋องเบียร์เล่น  ตรงหน้ามีกระป๋องเบียร์เปล่าอยู่สองกระป๋อง  กระป๋องหนึ่งเป็นของต้นน้ำเอง  อีกกระป๋องเป็นของนทีที่กินเหลือไว้ครึ่งกระป๋อง 

“เรากินของนายหมดแล้ว” ต้นน้ำบอกนทีโดยไม่ได้เงยหน้าจากกระป๋องเบียร์เปล่านั้นเลย

“ไม่เป็นไร  เอาใหม่ก็ได้”  นทีเดินไปเปิดกระป๋องใหม่ “นายเอาด้วยไหม?”

“อืม” ต้นน้ำตอบรับ

นทีวางกระป๋องเบียร์ที่เปิดให้แล้วลงตรงหน้าต้นน้ำ  ก่อนทรุดนั่งลงตรงพื้นข้างๆ แล้วเปิดกระป๋องของตัวเองบ้าง 

มือขาวยกเบียร์กระป๋องใหม่ขึ้นดื่มอีกหลายอึก  ความขมแผ่ลงไปในลำคอก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความร้อนซ่านกระจายทั่วร่าง  ต้นน้ำกระพือเสื้อนอนที่สวมอยู่เบาๆ ก่อนใช้มือเสยผมขึ้น  ตาคู่ใสหันมามองคนที่มานั่งข้างๆ  มือเรียวเอื้อมไปจับที่ศีรษะของนที 

“ผมนายก็ยังไม่แห้งเลย” เขาใช้นิ้วชี้กรีดไล่ตามรอยหยดน้ำจากไรผมลงมาตามหลังใบหู  ลำคอ จนถึงไหปลาร้าของนที  ไม่เพียงแค่มือเท่านั้น  สายตายังไล่เรื่อยไปทุกจุดที่รอยนิ้วลากผ่าน 

ไม่ว่าต้นน้ำจะรู้ตัวหรือไม่...แต่ปลายนิ้วชี้ที่ใช้ลากไล้ไปตามลำคอของนทีก็ได้ส่งผ่านความร้อนไปยังอีกฝ่ายเสียแล้ว 

นทีหันมามองคนข้างตัวที่ดูแปลกไป

ต้นน้ำฟุบศรีษะลงบนโต๊ะเตี้ย  เอียงใบหน้าหันมาทางเขา  แพขนตาหนาที่กระพริบช้าๆ ไม่อาจปิดบังแววหวานจากดวงตาคู่สวยได้ 

“จะเช็ดให้ไหมล่ะ?” 

“อืม”  ต้นน้ำตอบรับ  เขาขยับไปใกล้นทีมากขึ้น   ซึ่งอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี   

นทีปล่อยให้ต้นน้ำเช็ดผมให้  ตาคมจ้องไปยังดวงตาใสของต้นน้ำที่มองตอบกลับมา  ต้นน้ำในเวลานี้...ไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนก็ล้วน ‘ยวนใจ’ เขาทั้งสิ้น  เพียงแค่ช้อนสายตาขึ้นมอง...หัวใจเขาก็กระตุกไหว  เพียงแค่เผยอปากนิดเดียว...เขาก็คิดไปไกล 

อะไรที่ยังไม่เคยชิม...ก็ไม่เคยเรียกร้องอยากจะกิน  แต่อะไรที่ได้ลองลิ้มรสชาติแล้วสักครั้งหนึ่ง...ก็เป็นธรรมดาที่อยากจะลองชิมอีกสักครั้ง  ยิ่งเป็นรสชาติที่ติดใจแล้วล่ะก็... 

ต้นน้ำเอาผ้าขนหนูพาดคอนทีไว้  แล้วจับลูบเส้นผมของนทีเบาๆ ก่อนถาม “นี่กี่โมงแล้ว?”

“น่าจะสี่ทุ่มกว่าแล้ว  ทำไม?”

“หึ  แฟนกันวันหนึ่งไง” มือเรียวจับชายผ้าขนหนูทั้งสองข้าง  แล้วดึงรั้งลำคอของคนข้างๆ เข้ามาใกล้  ริมฝีปากสีสดทาบทับลงบนริมฝีปากเย็นของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ 

จูบของต้นน้ำไม่ได้เงอะงะ  แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญแพรวพราว  หากเป็นจูบที่นุ่มละมุนที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา  ลมหายใจผะแผ่วที่ระเรื่อยไปตามริมฝีปากพลอยทำให้ความคิดเตลิด  นี่ไม่ใช่ความฝัน...เขาไม่ได้เมา  และต้นน้ำ...ก็ยังคงตื่นอยู่

ลมหายใจอุ่นๆ ของต้นน้ำเริ่มถอยออกห่าง  ตาคู่สวยมองริมฝีปากที่ตัวเองเพิ่งละออกมาก่อนเม้มปากแน่น  ทรวงอกกระเพื่อมแรงเหมือนมีไฟปะทุอยู่ภายใน 

อ้อยเข้าปากช้าง  คงไม่มีช้างตัวไหนคายออกมา  นทีไม่ปล่อยให้ริมฝีปากอุ่นผละไปได้นาน  มือใหญ่รั้งแผ่นหลังที่ถอยห่างออกไปเข้ามาก่อนกดริมฝีปากแนบลงไปอีกครั้ง  จูบที่อ่อนโยนในคราแรกของต้นน้ำกลายเป็นจูบที่หนักหน่วงเต็มไปด้วยความถวิลหาของนที  ต้นน้ำเบียดตัวเองเข้ากับแผ่นอกกว้าง  ริมฝีปากสีสดเผยอรับเรียวลิ้นชื้นที่สอดเข้ามา  มือเรียวรั้งท้ายทอยที่ยังคงเย็นจากความชื้นของเส้นผม 

นทีจูบไล่ไปถึงพวกแก้ม  ใบหูและซอกคอขาว  ต่างฝ่ายต่างวนเวียนตักตวงเต็มความปรารถนา  มือใหญ่ของนทีสอดล้วงเข้าไปภายในเสื้อนอนของต้นน้ำ  ลูบไล้เอวคอดและผิวนวลเนียนทั่วแผ่นหลัง  ทั้งปลอบประโลมทั้งโหมกระพือไฟในอกของต้นน้ำให้ลุกโชน 

ร่างหนาใช้ร่างตัวเองเบียดดันอีกฝ่ายให้เอนลงที่พื้นก่อนปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนออก  จูบไล่ไปตามไหปลาร้าและแผ่นอกที่กระเพื่อมแรง 

ลมหายอุ่นๆ และลิ้นนุ่มชื้นที่ลากไล้ทำให้คนที่อยู่ด้านล่างจวนเจียนจะขาดใจ  ต้นน้ำประคองใบหน้าของนทีที่ซุกลงอยู่ตรงแผ่นอกของเขาขึ้น   ตาคู่สวยมองเข้าในดวงตาคมที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาก่อนดึงรั้งดวงหน้านั้นมาจูบเบาๆ อีกครั้ง  เพื่อลดแรงอารมณ์ของอีกฝ่าย  แต่ยิ่งจูบก็ยิ่งเหมือนเติมน้ำมันเข้ากองเพลิง  ภายในโสตประสาทได้ยินพียงเสียงหอบพร่ากระตุ้นไฟในอกให้โหมแรงขึ้นเท่านั้น  แม้แต่เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้...เขาก็ไม่ได้ยิน 

‘ก๊อกๆๆๆ’...ไม่ว่าเสียงอะไร  เขาก็ไม่ได้ยินทั้งนั้น 

“พี่น้ำ”  เสียงหวานเล็กของน้ำอุ่นดังมาจากทางประตูห้อง  เหมือนโดนน้ำเย็นสาดแรงๆ...ไฟปรารถนาที่ลุกโชนดับมอดลงทันที

ต้นน้ำถอนริมฝีปากออก  หงายศีรษะลงบนพื้น  มือทั้งสองข้างกุมหน้าผากก่อนพรูลมหายใจยาวออกมาพร้อมๆ กับคนที่ฝังจมูกโด่งอยู่ตรงซอกคอเขา

“ไปเปิดประตูเถอะ”

“อืม” นทีกดจมูกลงบนแก้มแดงปลั่งของต้นน้ำแรงๆ  ก่อนตัดใจลุกขึ้นอย่างไม่เต็มใจ

มือหนากระชากประตูออกเต็มแรง  ใบหน้าถมึงทึงของนทีทำให้คนที่อยู่หน้าประตูทั้งสองคนหน้าซีดเผือด  น้ำอุ่นกอยกรูดไปชิดแก้มใส  จังหวะเดียวกับที่แก้มใสเองก็เขยิบมาชิดน้ำอุ่น   

“อุ่นเอาผ้าห่มมาให้”   

นทีเห็นหน้าน้องสาวสลดลงเลยพยายามจะปรับสีหน้าให้ดีขึ้น  แต่อารมณ์บางอย่างที่คุกรุ่นอยู่ก็ไม่สามารถจะดับลงได้โดยง่าย  “ขอบใจ”  มือใหญ่เอื้อมไปรับผ้าห่มที่ผู้เป็นน้องเอามาให้  “น้ำอุ่นไปนอนเถอะ  ดึกแล้ว”

สองสาวพยักหน้าหงึกหงัก  อยากไปตั้งแต่พี่ชายเปิดประตูออกมาแล้ว  รังสีบางอย่างคุกรุ่นลอยวนอยู่รอบตัวนทีพลอยทำให้คนมองเกร็งตัวขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว  จนกระทั่งประตูปิดลง...สองสาวถึงได้ผ่อนลมหายใจยาว

“พี่นทีเป็นอะไรไป?  ทำไมน่ากลัวจัง?”  แก้มใสถามขึ้น  มือหนึ่งก็ลูบอกตัวเองเป็นการปลอบขวัญ   

“ไม่รู้เหมือนกันน่ะ”  น้ำอุ่นอยากจะร้องให้  เธอหวังดี...กลัวพี่ชายหนาวจนนอนไม่หลับกันอีก  อุตส่าห์เดินหอบผ้าห่มผืนใหญ่ข้ามสวนมาให้  ยังมาเจอพี่ชายทำหน้าดุใส่อีก  “ดีนะ ที่วันนี้แกมานอนเป็นเพื่อนเรา  ฮืออออ” น้ำอุ่นกอดแก้มใส

แก้มใสตบหลังน้ำอุ่นเบาๆ  “อือ  กลับไปนอนกันเถอะ”


---------- tbc ------------

งือ  ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างเลยค่ะ  เลยมาช้าหน่อยนึง
ยังรอกันอยู่หรือเปล่า?

เราเปิดโหวตฉาก NC ที่เพจเรานะคะ  อยู่โพสต์บนสุด
ไปโหวตกันได้เลยว่าอยากได้แบบไหน?
โหวตฉาก NC (https://www.facebook.com/a.athenasmile/?ref=bookmarks)
เราวางพล็อตเรื่องไปจนจบแล้ว  NC น่ะ..ของมันต้องมี
แต่เราไม่รู้ว่าจะเขียนแบบไหนดี  เพราะนทีต้นน้ำออกแนวใสๆ มาตลอด
เลยตัดสินใจถามคนอ่านดีกว่า
บอกไว้ก่อนนะว่า...ยังไม่มาเร็วๆ นี้แน่นอน
ลูกสาวเราไม่ง่ายนะคะ 555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-10-2019 19:03:17
 :z3: อ้อยจะเข้าปากช้างแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 09-10-2019 19:50:53
เกือบแล้วเชียวววว :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-10-2019 20:29:12
จะต่อติไหมละอย่างนี้​ ไม่ใช่เมาหลับไปแล้วหรอกนะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 09-10-2019 21:25:41
 :m31: หวังดีผิดเวลานะน้ำอุ่น
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-10-2019 21:28:12
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 09-10-2019 21:30:12
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-10-2019 22:11:46
เหตุการณ์ล่อแหลมฝุดๆ  ยังมีเวลาแฟนเดย์อีกนิดนึงนะ จะอดใจกันได้อีกหรือเปล่าน้อ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 09-10-2019 23:08:40
หงุดหงิดกันเลยทีเดียวนที๊ 55555555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 09-10-2019 23:32:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 15 ------ [09/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 12-10-2019 19:56:42
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 17-10-2019 13:02:45
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 16
ความลับของต้นน้ำ






นทีลืมตาขึ้นมา  อากาศยังคงเย็นสบาย  แสงนวลอ่อนที่ส่องเข้ามาบ่งบอกว่ายังเป็นเวลาเช้าอยู่มาก  แต่คนที่นอนอยู่ข้างๆ กลับไม่อยู่บนเตียงแล้ว  มีเสียงน้ำร่วงลงจากฝักบัวกระทบพื้นดังมาจากในห้องน้ำ 

   เมื่อคืนหลังจากปิดประตูส่งน้ำอุ่นแล้วหันกลับมา  เขาก็พบว่าต้นน้ำดื่มเบียร์อั้กๆ จนหมดกระป๋องก่อนล้มตัวนอนลงบนโซฟา...ตาปิดสนิท!  เขาได้แต่หอบผ้าห่มเดินมานั่งยองมองคนหลับ 

   เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก  ต้นน้ำออกมาทั้งเสื้อผ้าครบชุด  “ตื่นแล้วเหรอ?”

   “อืม”  นทีตอบก่อนบิดขี้เกียจ  กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างเกียจคร้าน

   “ไปอาบน้ำสิ” 

   “แป๊บนึง”  ตายาวรีปิดสนิทซุกหน้าลงกับหมอนของคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ

   ต้นน้ำมองคนขี้เกียจบนเตียงแล้วได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ  ตัวเองก็เดินเก็บของไปเรื่อยๆ  ทั้งของตัวเองและของคนขี้เกียจ 

   “เมื่อคืนเมามากไหม?” เสียงทุ้มถามทั้งที่ยังคงซุกหน้าอยู่ในหมอน  ไม่ยอมเงย

   มือขาวที่กำลังพับผ้าอยู่ชะงักชั่วครู่ก่อนตอบ  “มาก”

   “แล้วจำอะไรได้ไหม?” 

   “.....”  ต้นน้ำนิ่งไปก่อนตอบ  “จำไม่ได้” 

   จากนั้นนทีก็เงียบไปทำท่าคล้ายจะหลับไปอีกรอบ  ส่วนต้นน้ำก็เก็บของเงียบๆ  จนกระทั่งเก็บของเสร็จถึงได้เดินไปดึงขาคนนอนขี้เกียจบนเตียง  “อาบน้ำเลยไหม?  เดี๋ยวไปเอาขนมปังมาให้”

   นทีลุกขึ้นมาจากเตียง  ไม่มีอาการงัวเงียให้เห็น  ตาคมมองเข้าไปยังดวงตาคู่ใสก่อนยิ้มบางๆ  มือใหญ่ยกขึ้นยีหัวต้นน้ำเบาๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป

   ต้นน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างที่หายเข้าไปในห้องน้ำพลางถอนหายใจออกมา  เขาเดินไปหยิบผ้าห่มอีกผืนที่ยังคงวางพับเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ตรงโซฟาแล้วเดินออกไปข้างนอก  ตั้งใจว่าจะเอาผ้าห่มไปคืนน้ำอุ่นแล้วยกข้าวเช้ากลับมาให้นที





ธนกรเป็นคนขับโดยปล่อยให้ลูกชายทั้งสองคนนอนหลับมาตลอดทาง  ต้นน้ำลืมตาตื่นเมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตูรถ  นทีเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน  ระหว่างเขากับนทีไม่มีใครพูดอะไรกันมากนัก  ต่างฝ่ายต่างหลับเป็นตาย  ตื่นมาก็ต่างฝ่ายต่างยกของตัวเองขึ้นไปบนห้อง


   มือใหญ่รั้งข้อศอกต้นน้ำไว้ก่อนที่เขาจะแยกเข้าห้อง  ต้นน้ำมองหน้านที  แพขนตาสวยหลุบลงก่อนสบตายาวรีของนทีอีกครั้ง “มีอะไร?”

    ตาคมปลาบจับจ้องดวงหน้าใสไม่คลาดสายตา  “เรื่องเมื่อคืน...นายจำไม่ได้จริงเหรอ?”

   ต้นน้ำส่ายหน้า  แต่ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องเขาไม่วางตา  “จำไม่ได้” ต้นน้ำบอกย้ำอีกครั้ง

   ดวงตาวาววับของนทีหม่นแสงลง  “อืม...จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร  ไม่มีอะไรให้นายต้องจำหรอก”  เจ้าตัวยังคงยิ้มบางก่อนยกมือยีหัวเขาอีกครั้งแล้วเดินเข้าห้องไป  ต้นน้ำมองส่งนทีตามหลังก่อนกลับเข้าห้องของตัวเองบ้าง





“ไอ้น้ำ” เนมเรียก  “พวกนทีไปไหนวะ?  หายไปทั้งกลุ่มเลย”

   ต้นน้ำส่ายหน้า...เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่านทีไปไหน?  หลังจากกลับจากกาญจนบุรี  นทีก็ไปนอนที่คอนโดตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว   

   “ในทวิตก็ยังไม่มีรายงานนะ” เอื้องฟ้าบอกทั้งที่มือยังเลื่อนโทรศัพท์อยู่

   “อาจจะโดด” ริวเงยหน้าขึ้นมาตอบก่อนทำตาโตเมื่อมองไปยังหน้าห้องเรียน  หญิงสาวผมผมยาวดัดเป็นลอนสวยก้าวเข้ามาอย่างมาดมั่น  ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดแย้มนิดๆ อยู่ตลอดเวลา  ร่างอวบอั๋นในชุดสูทเข้ารูปสีนวลเดินไปยังหน้าห้องเรียน

   รอจนเสียงภายในห้องเงียบลง  เสียงไพเราะจึงได้เอ่ยขึ้น “สวัสดีค่ะนักศึกษา  ครูชื่ออัญนะคะ  อัญชลี เมธาวิจิตร  มาสอนแทนครูกาญจนาที่ลาคลอดชั่วคราว” ตาสวยมองกวาดไปทั่วห้อง  แวบหนึ่งที่จุดสายตาสะดุดอยู่ที่ต้นน้ำก่อนมองไปทางอื่นในเวลาอันรวดเร็ว

   ต้นน้ำถอนหายใจก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะ

   “โคตรสวยเลยว่ะ” ความสวยของอาจารย์คนใหม่มันแน่นอกจนเนมทนไม่ไหว  ต้องเปรยออกมา

   “โคตรเอ็กซ์ด้วย  กูเพิ่งรู้นะว่าชุดสูทมันจะรัดรูปขนาดนี้” ขิงตาลอยไปยังร่างอวบแน่นตึงหน้าห้องเรียน ตั้งปณิธานไว้ในใจแล้วว่าจะไม่มีวันโดดเรียนวิชานี้แน่นอน 

   ทั้งห้องต่างพากันพูดถึงอาจารย์คนสวยไม่หยุด  มีเพียงต้นน้ำคนเดียวที่ได้แต่นั่งหลับตาฟังพร้อมกับเอามือลูบขมับเบาๆ

   จนหมดชั่วโมงเรียน  นักศึกษาพากันทยอยออกจากห้องเรียนไปทีละกลุ่มรวมทั้งกลุ่มของต้นน้ำเช่นกัน  ด้วยความที่ประตูห้องอยู่ด้านหน้า  เวลาเดินออกจากห้อง...หากไม่เดินผ่าน  ก็ต้องเฉียดใกล้โต๊ะอาจารย์ทำให้พวกเขาทั้งหมดพากันชะงักเมื่อได้ยินเสียงอาจารย์เรียก
   “เธอ”  อาจารย์คนสวยมองมายังต้นน้ำ “ช่วยครูยกเอกสารไปไว้ที่ห้องทีสิ”

   ไม่ต้องถามซ้ำอีกครั้ง  ต้นน้ำก็รู้ตัวดีว่าอาจารย์เรียกเขาแน่ๆ  ร่างสูงเดินมายกเอกสารกองไม่ใหญ่มากนักขึ้น  ตอนที่ถือมา...ก็ถือมาคนเดียว  แจกเอกสารนักเรียนหมดไปตั้งครึ่งแล้ว  พอจะกลับ...กลับถือเองไม่ได้  แต่เขาก็ไม่อยากจะแย้งอะไรให้มากความ  ได้แต่เดินถือเอกสารตามร่างอวบอิ่มในชุดสูทออกไป

   ระหว่างทาง...ไม่มีใครพูดอะไรกัน  ต่างฝ่ายต่างเดินเงียบๆ  อย่างใช้ความคิด  จวบจนถึงห้องพักครู  ปิดประตูเรียบร้อยแล้ว...ต้นน้ำวางเอกสารลงบนโต๊ะ  อัญชลีก็ตบเอกสารดังปัง  ตาคู่สวยที่วาดอายไลน์เนอร์ไว้คมกริบมองมาที่ต้นน้ำอย่างขุ่นเคืองพลางถาม  “ไหนว่าเรียนปีสองแล้วไง?”

   ร่างสูงถอยไปยืนพิงกำแพง “ไหนอาจารย์บอกว่าอยู่ปีสี่ไง?” แต่ที่ดูจากประวัติที่อัญชลีแนะนำตัวเมื่อสักครู่นี้...มันไม่ใช่  เธอจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ  อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามปีกว่าจะเรียนจบโท  ห่างจากคำว่า ‘ปีสี่’ ไปหลายปีอยู่

   อัญชลีทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน  มือทั้งสองข้างกุมขมับ  แม้จะหลับตาแต่สีหน้ากลับดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด  จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร?  เมื่อต้นเทอมหลังกลับมาจากเรียนจบด้วยคะแนนสูงเป็นที่น่าพอใจ  lucky in game แต่กลับ unlucky in love เสียอย่างนั้น...เธอถูกแฟนชาวจีนบอกเลิกก่อนบินกลับไปยังประเทศของตัวเอง  ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นเหมือนคบเธอฆ่าเวลาแค่ช่วงที่เรียนอยู่เท่านั้น  เรียนจบ...ก็แยกย้าย  บ้านใครบ้านมัน 

   คนอกหักจะทำอะไรได้  อย่างน้อยก็ต้องมีการออกไปกินเหล้ากับกลุ่มเพื่อนๆ บ้าง  และเป็นธรรมดา...ตามนิสัยของผู้หญิงที่ต้องตามส่องแฟนเก่า  ยิ่งได้รู้ว่าอีกฝ่ายกินหรูอยู่สบายดี  ไม่มีอาการอาลัยอาวรณ์สักนิด...เธอยิ่งแค้น 

   ทั้งฤทธิ์เหล้าและฤทธิ์อารมณ์ทำให้เธอควบคุมความรู้สึกไม่อยู่  อัญชลีเดินร้องให้ออกไปนอกร้านและบังเอิญเดินชนกับร่างสูงที่เดินสวนมา  ต้นน้ำคว้าร่างที่กำลังซวนเซเจียนจะล้มเอาไว้  อาการโงนเงนของคนในอ้อมแขนบ่งบอกอาการว่าเจ้าตัวเมามากแค่ไหน...แล้วยังน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสายอีก  ต้นน้ำอดห่วงไม่ได้...เลยเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้  ยิ่งเช็ดก็เหมือนน้ำตาใสๆ จะยิ่งไหลออกมา 

   แต่ในวินาทีนั้น  อัญชลีกลับรู้สึกเหมือนมีเทวดามาโปรด  สายตาที่พร่าเลือนด้วยคราบน้ำตากลับแจ่มชัดขึ้น  ในห้วงความคิด  เธอกลับสำนึกขึ้นได้ว่า...ควรเอาเวลามาอยู่กับผู้ชายที่เช็ดน้ำตาให้เธอดีกว่าเสียเวลาไปกับผู้ชายที่ทำให้เธอร้องให้  ชายหนุ่มตรงหน้าทั้งขาวทั้งใส  ผิวเนื้อเนียนละเอียด  ทั้งยังอ่อนโยนเหลือเกินเวลาที่มือเรียวนั้นปาดไล้คราบน้ำตาบนใบหน้า  เธอมัวเสียเวลากับไอ้หน้าปลากระโห้อยู่ตั้งหลายปี  ทั้งซักผ้า ทำกับข้าว  ดูแลทุกอย่าง...เพียงเพราะคำลวงที่ว่าเขารักเธอ จะแต่งงานกับเธอ  ถ้าได้แต่งงานกันจริงๆ...ชีวิตบัดซบเป็นยังไง  เธอคงได้รู้ก่อนใคร

   ‘โอเคไหมครับ?’ ต้นน้ำถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง  อัญชลีส่ายหน้า  ดวงตาจับจ้องไปยังดวงหน้าขาวใสไม่คลาดสายตา  ต้นน้ำกวาดตามองไปยังด้านหลังของหญิงสาว...ไม่มีใครตามออกมาสักคน  เขาไม่กล้าทิ้งหญิงสาวไว้ตามลำพัง ‘ออกไปนั่งรับลมข้างนอกหน่อยไหมครับ?’ อัญชลีพยักหน้าตอบ

   แต่แทนที่ต้นน้ำจะเป็นคนจับจูงอัญชลีออกไป  กลับเป็นอัญชลีที่ลากต้นน้ำไปยังรถส่วนตัวที่จอดไว้แทน  เธอแค่ต้องการเวลาที่จะตั้งสตินานกว่านี้อีกหน่อย  แค่อยากคิดอะไรในที่เงียบๆ ไม่มีคนรบกวน  แค่อยากมีใครสักคนคนอยู่ด้วย  แต่ไม่คิดเลยว่า...จะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่มองไม่เห็นจากชายหนุ่มชวนให้เธอเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มบาง   อยากให้สายตาคู่นั้นจ้องมองเธอ  อยากให้มือคู่นั้นลูบไล้เธอ 
   หลังจากรถเคลื่อนตัวออกไปไม่นาน  เธอก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยว  แล้วก็...


   อัญชลีพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ “เอาเป็นว่า...เก็บไว้เป็นความลับของเราแล้วกัน  เธอไม่พูด  ชั้นไม่พูด  เท่านี้ก็ไม่มีใครรู้แล้ว” อัญชลีลืมตาขึ้น 

   “อืม...ตามนั้น”  ต้นน้ำพยักหน้า  เขาเองก็ไม่ได้คิดจะพูดเรื่องนี้กับใครอยู่แล้ว

   “บอกไว้ก่อนเลยนะว่า  ชั้นไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้นนะ”  ไม่รู้อะไรดลใจเธอในคืนนั้นจริงๆ  แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่า...เธอกินเด็กอายุน้อยกว่าตั้งหลายปีเข้าไป กินเด็กว่าแย่แล้ว...นี่เด็กกว่าที่คิดเสียอีก 

   “รู้น่า” ต้นน้ำพยักหน้าก่อนเหลือบตามองคนที่นั่งหันหน้าเสมองไปทางอื่น “ผมไปละ  อาจารย์ดูแลตัวเองด้วย  อย่าอกหักอีกแล้วกัน”

   ร่างสูงลับประตูไปแล้ว  อัญชลีถึงได้หันหน้ากลับมา  “บ้าจริง  ใครจะอยากไปอกหักกันล่ะ” ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด  น้ำตาหยดใสๆ หล่นลงมาจากดวงตาคู่สวยหยดหนึ่ง





ต้นน้ำถอยรถเก็บเข้าที่  นทีไม่กลับมานอนบ้านได้เกือบอาทิตย์แล้ว  ป๊ากับแม่ก็ไปดูโรงงานที่จีน  นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาต้องอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว 

   ร่างสูงเดินไปเปิดกรงให้โจลีกับแบรดพิตต์  ทั้งสองตัวกระดิกหางรับก่อนเดินตามต้นน้ำเข้าบ้าน  ไม่รู้ว่าไปเล่นอะไรกันมาถึงได้ทิ้งรอยเท้าเปื้อนฝุ่นไว้เป็นทาง  ต้นน้ำเวฟไส้กรอกให้หมาสองตัวกินและเวฟเผื่อตัวเองด้วยก่อนเดินนำมายังหน้าทีวี  เขากดรีโมทเลื่อนหาช่องหนัง...เป็นหนังรักเก่าๆ ที่เคยนำออกมาฉายแล้ว  เงาร่างของนทีที่เคยนั่งดูทีวีอยู่ใกล้ๆ กันแวบเข้ามาในสมอง  มือเรียวกดเปลี่ยนช่อง....มาเป็นช่องเพลง  ก็ดันเป็นเพลงอกหัก...แผ่นหลังเหงาๆ  ดวงตาเศร้าๆ คู่นั้นที่เขาเห็นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินเข้าห้องนอนแวบเข้ามาอีกครั้ง  หลอกหลอนหัวใจเป็นที่สุด 

   มือขาวกดปิดทีวีก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  ลังเลว่าจะกดเบอร์โทรออกไปดีหรือเปล่า?  แต่ก็ตัดสินใจไม่กด  เปลี่ยนมาดูไอจีกับเฟสบุคที่ยังคงเงียบเชียบเหมือนเดิม...ไม่มีความเคลื่อนไหวใด     

   โชคดีที่มีแท็กนทีต้นน้ำ  อย่างน้อย...มันก็ยังทำให้เขาได้รู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายบ้าง  มีรูปนทียืนอยู่คนเดียวใต้เงาต้นไม้ใหญ่   อาจจะด้วยสีหม่นๆ ของภาพทำให้เงาร่างของนทีดูเหงากว่าที่เคย  ต้นน้ำเอามือลูบหัวแบรดพิตต์  เขาเองก็เหงาเหมือนกัน  นอกจากเหงาแล้ว...ยังคิดถึงด้วย  การคิดถึงใครสักคน...มันเป็นเรื่องที่ทรมานที่สุด  ถ้าเราเหงา...เราก็ยังดูหนังฟังเพลง  หาอะไรทำแก้เหงาได้  แต่ถ้าเราคิดถึง...ยิ่งดูหนัง...ยิ่งคิดถึง  ยิ่งฟังเพลง...ยิ่งคิดถึง  เอาจริงๆ...อาการนี้เป็นแล้วหายยากมาก  จะทำอะไรก็คิดถึงไปหมด  มองหน้าหมา...ก็ยังคิดถึงเจ้าของหมาเลย  คิดแล้วก็หมั่นไส้หมาเหลือเกิน...เขายื่นสองมือไปปั่นหน้าหมาจนหน้าสั่น  ครางหงิงๆ...แต่ทำไงได้  เคยสัญญากับเจ้าของหมาไว้แล้วว่าจะดูแลหมาให้อย่างดี   คิดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปหมาสองตัวลงไอจีสักหน่อย





รอยยิ้มกว้างจุดขึ้นที่มุมปากของนทีเมื่อเห็นรูปที่ต้นน้ำโพสลงอินสตราแกรม  เหมือนโจลีจะยิ้มจนตาหยี...โจลีมักจะทำหน้าตาแบบนี้เสมอตอนที่ได้ของกินถูกใจ  ภาพนี้ถ่ายในบ้าน...ดวงตาคมทอประกายอ่อนลง  เมื่อนึกได้ว่ามีคนเคยห้ามเขาพาหมาเข้าบ้าน  แต่วันนี้...คนๆ นั้นกลับพาเข้าบ้านเสียเอง 

   ดวงตายาวรีค่อยๆ ช้อนตาขึ้น  พ้นจากรูปหมาสองตัวในโทรศัพท์ก็สบเข้ากับดวงตาห้าคู่ที่เพ่งมองมาที่เขาเป็นจุดเดียว

   “มองอะไร?”  นทีถามเพื่อน 

   “มองมึงนั่นแหละ  ทำหน้าซังกะตายมาหลายวัน  อยู่ๆ ก็ยิ้มได้ขึ้นมา”  น็อตบอก

   “ไหนมาดูซิ  มึงดูอะไร?  ทำไมยิ้ม” ปาล์มเดินมาหานทีทำท่าชะโงกหน้าดูโทรศัพท์  แต่นทีเอาโทรศัพท์หลบได้เร็วกว่า  “ไรว้า  แค่นี้ก็ขี้หวง”

   “แค่รูปหมาเนี่ยนะ”  เม่นเลื่อนดูโทรศัพท์ตัวเอง  ไม่ต้องดูโทรศัพท์นทีก็พอจะรู้ได้  แค่เขาเข้าไปดูไอจีต้นน้ำก็รู้แล้ว “คิดถึงหมาที่บ้านก็กลับบ้านไปซะ  ช่วงนี้กูยิ่งไม่ค่อยว่างอยู่  ป๊าโอนงานมาให้กูคนเดียวเลย  แล้วพวกมึงมานั่งทำอะไรกันอยู่ตรงนี้  ป๊าให้พวกมึงหยุดงานอ่านหนังสือ  มานั่งสะแหลนทำอะไรกัน?”  ประโยคหลังหันไปบอกน้องฝาแฝดชายหญิงของตัวเองพร้อมกับทำหน้าดุ 

   ครอบครัวของเม่นทำธุรกิจผลิตสื่อทางโทรทัศน์  ทั้งรายการทีวีและละคร  มีนักแสดงในสังกัดอยู่หลายชีวิต  และวันชัย...ผู้เป็นบิดาก็สนับสนุนให้ลูกเรียนรู้งานโดยการช่วยทำงานทุกคน  พวกเขาพี่น้องล้วนเป็นผู้จัดการให้นักแสดงในสังกัดตามแต่จะได้รับมอบหมายจากบิดา  และเนื่องจากสองแฝดกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย  งานส่วนใหญ่จึงมาตกอยู่ที่เม่นคนเดียว

   “โธ่...เฮีย  พวกผมก็เพิ่งได้หยุดเอง  ขอพักสักวันหนึ่งเถอะ” ม่อน...แฝดชายผู้พี่บ่น  ดวงตาเรียวเล็กอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่น้องบ้านนี้กรอกไปมา 

   “แล้วแกล่ะไอ้หม่อน  แกหยุดงานมาสองวันแล้ว  อย่าบอกนะว่ายังจะพักอยู่”

   “ช่าย...ดูหนังสือมาสองวันแล้ว  วันนี้วันพักดูผู้ชาย” ใบหม่อนยิ้มยียวนก่อนหันไปส่งตาหวานให้นที  ถึงตาเธอจะเล็กแต่ก็ยังพอดูออกว่าส่งสายตาหวานเชื่อมอยู่

   “โอ๊ย...ปวดหัว  วันหลังมึงไม่อยู่  กูคิดถึงมึงขึ้นมา  กูจะไปเดินเล่นที่สวนสัตว์”

   “ไปทำไมอ่ะเฮีย?” ใบหม่อนรู้ว่าประโยคต่อไปจบไม่สวยแน่  แต่ก็ยังอยากรู้ว่าเม่นจะว่ายังไงต่อ?

   “คิดถึงน้องก็ต้องไปดูแรด  หน้าเหมือนน้องสาวกูเลย”  เม่นเลอยหน้าลอยตาตอบ

   “เฮียยยยยย”  ใบหม่อนเรียกพี่ชายด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

   “อย่าเรียกยาว” เม่นบอก  น้องๆ พากันลากเรียกเสียงยาวๆ ทีไร  ใจเขาเพลียทุกที “แล้วนี่ไอ้ชินไปไหน?”  เม่นถามถึงชิน...นักแสดงวัยรุ่นชื่อดังในสังกัดที่กำลังทำรายได้สูงสุดให้บริษัทในขณะนี้  ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับม่อนด้วย  ปกติมักจะเห็นสองคนตัวติดกันอยู่เสมอ  เวลาเรียนก็เรียนด้วยกัน  เวลางานก็ไปด้วยกัน  ไม่มีเรียน...ไม่มีงาน  ก็ยังอยู่ด้วยกัน  จนเม่นคิดไปแล้วว่าเขามีน้องชายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน

   “ไปซื้อบัวลอย” ม่อนตอบ

   หืมมม...กลุ่มเม่นที่รู้จักกับชินเพียงผิวเผินพากันทำหน้างง 

   “หน้าตาแม่งอินเตอร์สัด  ชอบกินบัวลอยเหรอ?” เนมถามอย่างแปลกใจ 

   “มันก็เงี้ยแหละ  สรรหาแต่ของกิน  วันก่อนก็หิ้วบะหมีเกี๊ยวมาฝาก”  ม่อนอธิบายนิสัยของเพื่อนตัวเองให้เพื่อนพี่ชายฟัง

   “โคตรอร่อยเลย  ไม่รู้มันไปซื้อมาจากไหน  เส้นเล็กแต่เหนียวหนึบๆ  น้ำซุปก็หวานสุดยอด  กระดูกหมูเปื่อยแทบจะไม่ต้องเลาะ  แค่ดูดๆ ก็หลุดออกมาเองเลย  พูดแล้วก็อยากกินอีกว่ะ”  เม่นโม้  เขาเองก็ได้อานิสงค์เป็นของกินอร่อยๆ จากชินอยู่บ่อยๆ คนฟังได้ยินพากันกลืนน้ำลายเอื๊อก

   นทีซุกหน้าลงบนหมอนอิง  อา...เขาคิดถึงต้นน้ำอีกแล้ว  แค่พูดถึงบะหมี่เกี๊ยว  ไม่รู้ว่ามันไปเกี่ยวกับต้นน้ำได้ยังไง  รู้แต่ว่า...คิดถึง

   เสียงเปิดประตูเข้ามาทำให้ทุกคนที่นั่งอยู่พากันหันไปมอง  ร่างสูงท่าทางปราดเปรียวเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาราวปฏิมากรรมชั้นเลิศที่บรรจงสลักขึ้นด้วยน้ำมือของพระเจ้า   ในมือมีถุงหิ้วขนาดใหญ่สองใบ

   “หวัดดีครับพี่”  ชินนั่งลงบนพื้นด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับวางถุงขนมไว้บนโต๊ะเตี้ย  ม่อนรีบถลามาเปิดดู...เป็นขนมบัวลอยใส่ไข่ล้วนๆ  ไม่มีสลิ่มปน

   “กี่ถุงวะเนี่ย? เยอะสัด”  ม่อนรื้อถุงขนมออกมา

   “สามสิบ” เก้าตอบ

   “สามสิบ! มึงซื้อมาถมที่เหรอ?”

   “เออ  มึงจะแดกไม่แดก?”

   “แดกสิ...เดี๋ยวมึงเสียน้ำใจ  กูไปเอาถ้วยแป๊บ”  ม่อนวิ่งไปเอาอุปกรณ์มาแจกจ่ายทุกคน 

   ต้นปาล์มทำตาปรอยเมื่อได้ชิมคำแรก  “หืม...เหมือนจะละลายในปากได้เลย  อร่อยมาก  อย่างนี้ต้องไลฟ์  คนหล่ออยู่ครบ  ยอดไลฟ์กูต้องกระฉูดแน่  กูไลฟ์ได้เปล่าวะ?”  ปาล์มหันไปถามเม่น  หลังจากที่มีโอกาสเป็นพิธีกรไลฟ์สดไปตอนที่เล่นเกมส์วัดดวง  ต้นปาล์มก็ติดใจ...มีโอกาสเมื่อไรก็ไลฟ์สดไปซะทุกครั้ง

   “ก็ถ้าไลฟ์เล่นๆ  ไม่มีสินค้าอะไร  ก็ไลฟ์ได้  ก็ดีนะ...เผื่อมีใครมาดู  ชิน...มึงมีไลน์อาหารเข้ายังวะ?”  ประโยคหลังเม่นหันไปถามชิน

   “ยังพี่  แต่ช่วงนี้ผมพักงานนะ  เตรียมตัวสอบ  ไว้เข้ามหา’ลัยได้ก่อน  ถึงเริ่มงานได้ ”

   “เค  งั้นเริ่มเลยนะ”  ต้นปาล์มเริ่มถ่ายทอดสด  กล้องมือถือถ่ายไปที่บัวลอยก่อนเป็นอันดับแรกก่อนแพลนไปที่ใบหน้าเพื่อนร่วมวงแต่ละคน  ยอดคนดูพุ่งกระฉูดเมื่อใบหน้าของชินปรากฏขึ้นบนหน้าจอ  คอมเม้นท์ทะลักทลายจนอ่านไม่ทัน  เสียเวลากับชินอยู่พักใหญ่  กล้องถึงแพลนไปทางนที...ร่างสูงถือถ้วยบัวลอยค้างไว้ในมือ  แต่ดวงตากลับเหม่อลอยไปนอกระเบียง 

   “พี่นทีคะ! พี่นทีคะ!” ปาล์มเรียกเพื่อนตามที่คนในคอมเม้นท์เรียกพร้อมกับดัดสียงเล็กเสียงน้อย  นทีค่อยๆ ผินหน้าหันกลับมาช้าๆ  คล้ายเพิ่งออกจากภวังค์  รูปหัวใจในหน้าจอลอยขึ้นรัวๆ  “พี่นทีเป็นอะไรคะ? ทำไมไม่ร่าเริงเลย” ต้นปาล์มอ่านคอมเม้นท์  แน่นอนว่า...ไม่ลืมดัดเสียง

   “อกหักค่ะ”  น็อตดัดเสียงตอบต้นปาล์มพร้อมกับทำใบหน้าเศร้า  มือเช็ดน้ำตาป้อยๆ ตอนที่กล้องของปาล์มแพลนไป 

   อกหักเหรอ?...นทียิ้มเยาะตัวเอง  ไม่รู้ว่าตอนนี้เรียกว่าอกหักได้หรือยัง?  แต่ถึงไม่ใช่...ก็เรียกว่าใกล้เคียงแล้วล่ะ  จนถึงตอนนี้...เขาก็ยังคิดเหตุผลที่ต้นน้ำแกล้งจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ไม่ออก  หาเหตุผลดีๆ มาสนับสนุนความคิดของตัวเองไม่ได้เลย  ที่เขาพอจะคิดได้และเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ...ต้นน้ำไม่ได้รู้สึกอย่างที่เขารู้สึก  ถึงได้แกล้งทำเป็นลืมทุกอย่างไป  ถ้าต้นน้ำอยากจำไม่ได้...เขาก็จะช่วย  อยากโกหกเขา...เขาก็จะเชื่อ
   เพียงแต่...จะให้เขาลืมรอยจูบในวันนั้นไปด้วย  เขาทำไม่ได้จริงๆ

   “อ้าว...เหม่อ  เหม่ออีกแล้ว  เหม่อตลอด”  เม่นสะกิดนทีก่อนกระซิบเบาๆ  นทีถึงได้ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง  ไม่รู้ว่าเขาเหม่อไปนานแค่ไหน  ต้นปาล์มไลฟ์จบไปแล้ว  พากันไปนั่งเช็คฟีดแบ็คอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง  “ถ้าอยู่นอกบ้านมันเศร้านักก็กลับบ้านเถอะมึง  กูถามจริงเถอะ  มึงทะเลาะกับไอ้น้ำใช่ไหม?”

   นทีสั่นหัวเบาๆ สีหน้ายังคงเหนื่อยหน่ายไร้อารมณ์  “ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน”

   เม่นตบเข่าดังผาง “นั่นไง  กูว่าแล้ว...ว่าต้องไม่ได้ทะเลาะกัน”  มือขาวโบกไล่นที  “กลับไปทะเลาะเลยมึง  จะได้รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน?  มัวมานั่งเหม่อๆ ลอยๆ เป็นพระเอกเอ็มวีอยู่แบบนี้  เมื่อไรจะรู้เรื่อง?”

   “กลับไม่ได้น่ะสิ” เขายังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะยังทำใจอะไรได้  ถ้ากลับไปแล้ว  อะไรที่ต้นน้ำอยากลืม...เขาอาจจะเผลอทวนความจำให้ขึ้นมาก็ได้  “อย่าเพิ่งกลับเลย”  นทีบอกเม่นแต่ก็เหมือนตั้งใจตอกย้ำกับตัวเองมากกว่า

   “แล้วแต่มึงแล้วกัน”  เม่นกรอกตาขึ้นบนแล้วลงล่างก่อนถอนหายใจ   บทเพื่อนเขาจะปอดแหกขึ้นมา...ก็แหกซะจนขี้ขึ้นสมอง  “แต่มึงช่วยเล่าให้กูฟังหน่อยได้ไหม?  ว่าทำไมมึงถึงต้องมานั่งตีหน้าเศร้า  ไม่เล่าเหี้ยอะไรเลยแบบนี้?” ทำตัวอกหักรักคุดไม่สมกับตำแหน่งเดือนมหา’ลัยที่ได้มาเล๊ย  รวมทั้งตำแหน่งหนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งด้วย  ถ้าอันดับหนึ่งยังต้องมานั่งซังกะตาย  พวกไม่มีอันดับอย่างเขาจะยังเหลือความหวังอะไรได้อีก

   “กูก็...อกหักไง”

   “อกหัก!! จริงดิ?” เม่นไม่ได้กล่าว...แต่คนที่กล่าวคือกลุ่มบุคคลที่แสร้งทำเป็นนั่งพูดคุยกันเรื่องไลฟ์สดเมื่อสักครู่นี้อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง  แต่หูคอยผึ่งฟังอยู่ตลอดเวลา  ด้วยความตกใจเลยทำให้เสียอาการ...เผลอพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันพลอยทำให้บุคคลที่ถูกแอบฟังรู้ตัว

   นทีส่ายหน้า  สมาคมเผือกหน้าเจื่อนเมื่อโดนจับได้  ค่อยๆ เดินกลับมานั่งตรงมุมโซฟาทีละคน

   “จับปล้ำเลย  เชื่อกู”  น็อตมานั่งก่อนเป็นคนแรกพลางเสนอความคิด

   “แล้วพี่รู้ได้ไงล่ะ?  ว่าเขาไม่ชอบพี่” ใบหม่อนถามด้วยความอยากรู้

   นทีอึ้ง “.....” จากที่เคยคิดคนเดียว  กลับเปลี่ยนมาระดมสมองโดยไม่ได้ตั้งใจ  อยู่ๆ ก็รู้สึกเย็นยะเยือก...รับรู้ได้ถึงการมาเยือนของความหายนะ

   “พี่บอกรักไปแล้วเหรอ?” ใบหม่อนถามอีก

   นทีส่ายหน้าหวือ 

   “ยังไม่บอกแล้วรู้ได้ยังไงว่าเขาไม่ชอบ?” ใบหม่อนพยายามขยี้ “ผู้หญิงน่ะ...ชอบอะไรที่มันชัดเจนนะ”  ยังขยี้ไม่จบ...ศีรษะก็โหม่งลงพื้นด้วยแรงตบเบาๆ จากผู้เป็นพี่ชาย

   เม่นกดหัวน้องสาวเอาไว้ก่อนบอก “ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย  ก็ต้องการความชัดเจนทั้งนั้นแหละน่า”

   ใบหม่อนดิ้นขลุกขลัก  เม่นพยักหน้าให้ม่อน  คู่แฝดมารับไม้ต่อใช้มือกดศีรษธแฝดผู้น้องของตัวเองไว้แน่น...กลัวว่าแรงที่มือจะไม่พอ  เลยใช้ตัวกดโถมลงไปอีก 

   “ไอ้ม่อน...หลังกูจะหัก  ไอ้ควาย...ตัวมึงไม่ใช่เบาๆ นะ” ใบหม่อนตะโกนทั้งที่ใบหน้ายังก้มต่ำเพราะโดนกดอยู่ 

   “เฮ้ย...มึงอย่าไปทำน้อง” น็อตสงสารใบหม่อนจึงช่วยแกะตัวม่อนออก  ซึ่งม่อนก็ยอมโอนอ่อนผ่อนตามแต่โดยดีหลังจากที่จับใบหม่อนกดจนสาแก่ใจแล้ว

   ใบหม่อนเงยหน้าขึ้นมาได้แล้ว  “พี่นที  พี่ชอบหนู...พี่ก็บอกมาเลย  ไม่ต้องกลัว”

   “เห็นไหม?  มึงปล่อยแรดออกจากกรงแล้ว” เม่นบอกน็อต

   “ไอ้เอื้องมันเคยมาเจอใบหม่อนเปล่าวะ?”  ปาล์มถามเม่นแต่เม่นส่ายหน้า “กูนึกว่ามันมาคายตะขาบให้น้องมึงซะอีก”

     พูดถึงเอื้องฟ้าก็นึกถึงต้นน้ำ  นึกถึงต้นน้ำก็...เม่นกับน็อตหันไปมองนทีที่ส่งยิ้มเนือยๆ กลับมาก่อนลุกขึ้นยืน “กูกลับดีกว่า ขอบัวลอยสามถุงนะ”  นทีหันไปบอกชินที่นั่งยิ้มคนเดียวอยู่มุมห้อง

   “เอาไปเลยพี่” ชินบอกพลางตักบัวลอยกินต่อด้วยสีหน้าอิ่มสุข 

   นทีเดินออกไปแล้ว  ต้นปาล์มบ่นกระปอดกระแปดกับตัวเอง  “เห็นไหม?  พวกมึงอ่ะ  กูยังไม่รู้เลยว่รามันอกหักจากใคร”

   “มึงนั่นแหละ!” เม่นกับน็อตบอกพร้อมกันก่อนกระโจนเข้าหาต้นปาล์มอีกโทษฐานที่ทำเสียเรื่องจนสืบอะไรไม่ได้สักอย่าง

   “อะไรนะ?  จากกูเหรอ? มันชอบกูเหรอ?” ต้นปาล์มตะโกนถามพลาง  วิ่งหนีไปพลาง 





ต้นน้ำตื่นลงมาข้างล่างก่อนเดินไปเปิดตู้เย็น  เห็นถุงบัวลอยวางอยู่ด้านหน้าสุดสามถุง  เมื่อวานตอนเย็นยังไม่มี...นทีกลับมาบ้านเหรอ?  ร่างโปร่งวิ่งขึ้นไปดูบนห้องนอน  เอื้อมมือค่อยๆ คลายลูกบิดประตู  ประตูไม่ได้ล็อค...เขาแง้มประตูออกช้าๆ  โผล่หน้าเข้าไปดูทีละนิด  แต่....ห้องกลับเงียบและว่างเปล่า  ผ้าปูที่นอนยังคงปูตึงเหมือนเดิม  ต้นน้ำงับประตูปิดลง

   เขาเดินกลับลงไปข้างล่าง  แววตาวาวโลดยามที่วิ่งขึ้นมาด้านบนเหือดหายไปแล้ว  มือขาวเทบัวลอยลงในถ้วย  ค่อยๆ ละเลียดกินบัวลอยทีละคำ  รสชาติของบัวลอยหวานและมีความหอมเฉพาะตัว  ผสมกับความมันและเค็มปะแล่มๆ ของกะทิสดทำให้เขาสุขและเศร้าไปพร้อมๆ กัน  ความสุขจากการได้กินของอร่อยๆ  และความเศร้าจากความคิดถึง 


---------- อ่านต่อด้านล่าง ----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 17-10-2019 13:06:23
---------- ต่อจากด้านบน ตอนที่ 16 -----------


กลุ่มนักศึกษาที่นั่งออกันอยู่หน้าร้านอาหารริมทางพากันชี้ชวนให้ดูร่างโปร่งที่กำลังจะเดินผ่านมา  ใบหน้าสวยหวานในชุดนักศึกษาชายชวนให้คนพากันจับกลุ่มซุบซิบนินทา  จนกระทั่งร่างนั้นเดินมาถึง  บางคนถึงกับปากกล้าเอ่ยคำพูดแซวออกไป

   “น้องสาว  มาคนเดียวเหรอจ๊ะ?  กินคนเดียวมันเหงา  มากินกับพี่ไหมจ๊ะ?” 

   เขาเจอเรื่องแบบนี้ไม่บ่อยนัก  แต่ก็ถือว่าบ่อยมากหากเทียบกับผู้ชายทั่วไป  ดิวพยายามไม่สนใจแล้วตั้งใจจะเดินผ่านไปเงียบๆ   แต่ร่างโปร่งก็ต้องชะงักเมื่อมีมือยื่นมาคว้าข้อมือเขาไว้  “กินข้าวด้วยกันก่อนสิน้อง”

   ดิวชักสีหน้าเมื่อการแซวด้วยคำพูดชักเริ่มถึงเนื้อถึงตัว  เขาอ้าปากจะปฏิเสธ  แต่มือใหญ่อีกมือหนึ่งเอื้อมมาคว่ข้อมือที่จับแขนเขาไว้แล้วบิดออกเสียก่อน 

   “พวกผมมีเรียน  คงกินข้าวกับพี่ไม่ได้” นทีกล่าวด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นก่อนเข้ามายืนขวางหน้าดิวไว้ 

   รุ่นพี่ที่ถูกบิดมือออกมองหน้านทีคล้ายจะเอาเรื่อง  แต่สายตาแข็งกร้าวที่มองตรงมาของหนุ่มหล่อรุ่นน้องก็ไม่ธรรมดา  เยื้องไปด้านข้างยังมีกลุ่มเพื่อนอีกสามคนยืนกอดอกรออยู่  เขากระชากมือกลับเบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างเสียไม่ได้ “ไม่เป็นไร  ไว้วันหลังค่อยกินด้วยกันก็ได้”

   นทียิ้มมุมปากแต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย “งั้นพวกผมไปเรียนก่อนนะพี่”  นทีหันกลับไปพยักหน้าให้ดิวออกเดิน  เม่น น็อตและต้นปาล์มเดินปิดท้ายให้ 

   “กูอยู่ท้ายสุด  เกิดมันวิ่งเอามีดมาแทง  กูโดนก่อนเลยนะ”  ต้นปาล์มกระซิบบอกเพื่อนเมื่อเดินห่างจากรุ่นพี่อันธพาลมาไกลแล้ว

   “งั้นมึงฟังไว้เลย...พอมันแทงมึงแล้ว  มึงจับข้อมือมันไว้ให้แน่นเลยนะ  อย่าให้มันถอนมีดออกไปได้”  น็อตตอบกลับ

   “ทำไมอ่ะ?  เดี๋ยวจะเสียเลือดมากเหรอ?”

   น็อตส่ายหน้า  “หึ...เดี๋ยวมันชักมีดออกมาได้  มันจะเอามาแทงกูต่อ”

   “ไอ้สัด”  ต้นปาล์มด่าน็อต  รู้สึกได้ว่าเพื่อนช่างรักเขามากมายเลยจริงๆ

   “ดิวน่าจะไปเรียนมวยไว้นะ” เม่นเตือนด้วยความเป็นห่วง  นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับดิว   ครั้งแรกเป็นตอนต้นเทอมที่ดิวถูกพวกเส็งเคร็งลวนลาม  เริ่มจากที่ทำเป็นเล่นๆ  ไม่รู้ว่าลุกลามใหญ่โตจนเกือบจะเป็นการลวนลามจริงๆ ไปได้ยังไง  โชคดีที่พวกเขาเจอเข้าเสียก่อน  ถึงได้ช่วยเอาไว้ได้  นทีจัดการพวกนั้นเสียราบคาบ  ส่วนน็อตก็พาดิวไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจรอยฟกช้ำตามร่างกายที่มีไม่น้อย  เป็นเหตุการณ์เดียวกันกับที่พวกเขาได้เจอกับต้นน้ำเป็นครั้งแรก

   “เคยแล้ว  แต่ไม่รอด  อาจจะตายเพราะเรียนมวยนี่แหละ”  ดิวพูดยิ้มๆ  เจ็บก็เจ็บอยู่  แต่เขาใจอ่อน  ไม่กล้าต่อยคนอื่นหรอก

   “อย่างน้อยก็ไปออกกำลังกายหน่อยดีกว่าไหม?”  นทีจับข้อมือดิวขึ้นมาดู  ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กำจนรอบข้อมือ  นิ้วชี้ยังเหลือเกินมาตั้งข้อ โชคดีที่ต้นน้ำไม่ได้ตัวผอมขนาดดิว  ไม่อย่างนั้นเขาคงเป็นห่วงจนนอนไม่หลับ

   “ก็ออกอยู่นะ  เมื่อกี้พวกนทีกำลังจะไปกินข้าวกันเหรอ?” 

   “อืม  ยังไมได้กินเลย  ดันเจอพวกเหี้ยนั่นซะก่อน”  นทีบอก

   “งั้นไปกินร้านข้องมอฝั่งโน้นไหม?  เรานัดพวกเติ้ลกับโอมไว้ที่นั่น  กับข้าวเขาอร่อยดีนะ”

   นทีหันไปถามเพื่อน  ทุกคนตอบตกลงก่อนเดินไปพร้อมกัน


----------- tbc ----------

ถึงจะมาช้า แต่เอก็มานะ 

คิดเสียว่าเป็นนิยายรายสัปดาห์ก็แล้วกันนะคะ

อิอิ 
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 17-10-2019 13:16:39
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-10-2019 13:57:35
 ระวังต้นน้ำเข้าใจผิดนา
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-10-2019 16:47:24
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-10-2019 18:40:55
 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 17-10-2019 20:13:54
เรื่องน่ารักมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-10-2019 22:39:41
จะมีการเข้าใจผิดหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-10-2019 01:14:15
 :katai2-1: น้องใบหม่อนพูดได้ดี  รู้ได้ไงว่าอกหัก
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-10-2019 01:21:23
ทำไมนทีถึงคิดว่าต้นน้ำจำได้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 16 ------ [17/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 18-10-2019 21:27:14
คู่นี้อยู่ๆ ก็ทำห่างเหินกันซะอย่างนั้น  :hao4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 23-10-2019 00:15:42
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 17
ต้นน้ำที่กลัวฝน





“อะโห  มึงดูสิ....น้องชินหล่อมากกกกกกก”  เอื้องฟ้าลากเสียงยาวพร้อมกับดึงขิงให้เข้ามาดูคลิปของปาล์ม  คลิปนี้ยอดวิวกระฉูด  คอมเม้นท์ถล่ม  ยอดไลค์กระจาย  “มันไปรู้จักกันได้ไงวะ?”

   “บ้านมันผลิตละคร”  ริวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบอก

   “แล้วทำไมกูไม่รู้วะ?”เรื่องแบบนี้คลาดสายตาเอื้องฟ้าไปได้ยังไง  แม้แต่ตัวเองยังไม่อยากเชื่อ

   “มึงรู้แล้วจะทำไม?” เนมถาม

   “กูก็จะไปกินกาแฟที่บ้านมันทุกวันเลย”

   “ส่องผู้ชายโดยเฉพาะสินะ” ขิงเบ้ปาก

   “แหม...อิขิง  ดาราเขาก็ไม่ได้มีแต่ผู้ชายหรอกน่า”

   ขิงยิ้มออก ดวงตาแวววาว  “เออ จริงด้วย  ไปกันอิเอื้อง  ไปตีซี้ไอ้เม่นตั้งแต่ตอนนี้เลย”  ผู้หญิงหนึ่ง ทอมหนึ่ง  หัวเราะให้กันอย่างถูกใจ

   คลิปเล่นไปเรื่อยๆ จนถึงที่น็อตบอกว่านทีอกหัก  ทุกคนมองไปที่ต้นน้ำเป็นสายตาเดียว  ต้นน้ำมองเพื่อนทีละคนอย่างหวาดๆ เผลอเขยิบถอยโดยอัติโนมัติ  “พวกมึงมองกูทำไม?”

   “มึงไม่รู้เหรอว่านทีอกหัก?” เอื้องฟ้าถามพลางหรี่ตามองอย่างจับผิด

   ส่ายหน้า  “ไม่รู้” 

   “มึงอยู่บ้านเดียวกันประสาอะไรวะ?  ทำไมมึงไม่รู้?  มึงไม่ใสใจ” เนมเริ่มกดดัน 

   “ก็กูบอกไปแล้วป่ะ...ว่ามันไปอยู่คอนโดเป็นอาทิตย์แล้ว  กูจะไปรู้ได้ไงว่ามันเป็นอะไร” ต้นน้ำเถียงข้างๆ คูๆ 

   “มึงรู้เถอะ...ไอ้น้ำ” ริวยิ้มนิดๆ ดวงตาทอประกายเจ้าเล่ห์ 

   “ไม่รู้  ไม่รู้เว้ย” ต้นน้ำลนลานเถียงก่อนลุกพรวด  “กูไปห้องน้ำก่อน” เขาทนรับแรงกดดันตรงนี้ไม่ไหวจริงๆ   ต้องรีบหาทางหนีทีไล่ก่อน

   เอื้องฟ้ามองตามหลังต้นน้ำที่วิ่งพรวดพราดออกไป  “แปลก  แปลกมาก  ต้องมีอะไรเกี่ยวกับมันแน่ๆ”  แค่ถามนิดเดียวก็ร้อนตัวเบอร์แรง

   “เกี่ยวกับมันนั่นแหละ”  ริวพูด

   “กูก็ว่าแล้ว  สองคนนั้นมันแปลกๆ  ถ้าจะว่า...มันทะเลาะกันเพราะชอบผู้หญิงคนเดียวกัน  มันก็...ผู้หญิงคนไหนวะ?  ไอ้น้ำแม่งไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนเลย  จีบก็ไม่เคยจีบ” ขิงตั้งข้อสันนิษฐาน  เขาที่เป็นทอมยังจับผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายอย่างต้นน้ำเสียอีก

   “เป็นไปได้ไหมที่มันอาจจะชอบคนที่เราไม่รู้จัก  แล้วผู้หญิงคนนั้นก็อาจจะกิ๊กกับนทีมาก่อน”  เอื้องฟ้าเสนอแนวคิดของตัวเองบ้าง

   “ไม่มีทาง  มีมึงอยู่  จะมีเรื่องไหนเล็ดรอดสายตามึงไปได้วะ” ขิงบอกเอื้องฟ้า

   “อืม  จริงของมึง  มีกูอยู่  ไม่มีเรื่องไหนที่กูไม่เสือก” เอื้องฟ้าเห็นด้วยกับขิงและเชื่อมั่นในความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองมากพอ “งั้นเท่าที่กูดูนะ  ไอ้น้ำ...ยังไม่ได้ชอบใคร  ส่วนนที...แฟนรายวันก็พอจะมี  แต่ยังไม่มีเจ้าไหนได้สัมปะทานระยะยาว”

   “หือ...มึงเสือกได้แค่นี้กันเองเหรอ?” เนมถาม “ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไรขึ้นมาเลย  ไอ้ริว...”

   “ทำไม?  กูทำไม?” ริวงงที่อยู่ๆ เนมก็โยนเผือกร้อนมาทางเขา

   “กูรู้ว่ามึงรู้” 

   “กูไม่รู้” ริวแก้ตัวเสียงสูง

   “อ่ะ...อีกคน  เป็นไปอีกคน  งั้นกูบอกเอง  กูว่า...มันชอบกัน  ใช่ไหม?”  เนมถามริว

   ริวกลอกตา “กูก็แค่สงสัย  แต่มันไม่เคยบอกกูตรงๆ หรอก”

   “ไอ้เหี้ย!” เอื้องฟ้ากับขิงอุทานขึ้นพร้อมกันก่อนมองหน้ากัน  “ถ้าลองย้อนคิดดีๆ มันก็...ใช่เลยว่ะ”  ต้นน้ำกับนทีสนิทกันมาก  มากจนน่าจะเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิททั่วไป  แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ทำให้เธอมองข้ามไป  “แล้วไงต่อวะเนี่ย...สรุปว่ามันทะเลาะกันเพราะอะไร?”

   “กูว่ามันคงรู้ใจตัวเองกันแล้วล่ะ”  เนมบอก

   “ทำไมมึงคิดอย่างนั้น?”

   “อ้าว...ก็ตอนกูกับแป้ง  เป็นเพื่อนสนิทกันมาอยู่ดีๆ พอรู้ตัวว่าชอบกันดันห่างกันไปซะงั้น  มันต้องมีช่วงให้คิดมั่งโว๊ย...ว่าจะเอายังไงต่อ  แบบว่า...เอ๊! จะเดินหน้าต่อดีไหม? หรือจะหยุด  เป็นเพื่อนกันต่อไปดี...อะไรงี้  เป็นเพื่อนกันมาก่อน....มันต้องมีจุดนี้ให้คิดโว้ย  ไม่ใช่คบกันไปส่งๆ เลิกกันแล้วก็มองหน้ากันไม่ติด”

   “อะโห...ท่านกูรูเนม  รู้จริงเว้ย”  ขิงซูฮก 

   “กูว่านทีอ่ะ...ชัดเจน  ชอบไอ้น้ำแน่นอน  แต่เพื่อนเรานี่สิ...แปลกๆ  เหมือนจะชอบ  แต่บางที...ก็เหมือนจะไม่ชอบ” กูรูเนมสันนิษฐานต่อ

   “กูว่าไอ้น้ำมันก็ชอบนทีเหมือนกัน  แต่มันอาจจะติดแค่...ไม่อยากเป็นเกย์หรือเปล่าวะ?”  ริวถามก่อนเอ่ยเสียงเย็น  “ข้ามเส้นนี้ไป  ก็โดนเรียกว่าเกย์แล้วนะ”

   เอื้องฟ้าเงียบไป  เหมือนมีอะไรมาแทงกลางใจดำ  ขิงเองก็แอบเหลือบมองอาการของเอื้องฟ้าก่อนถอนหายใจออกมา 

   “แม่ง...จะเกย์ จะกระเทย  จะเหี้ยอะไร?  มันก็ยังเป็นมัน  ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย  ใครพูดอะไร...กูเนี่ยแหละ  จะต่อยให้มันเอง”  ริวพูดน้ำเสียงกระแทก  กำหมัดแน่นด้วยสีหน้าถมึงทึง  จริงจังจนเพื่อนงง

   “เดี๋ยวมึง...ใจเย็น  ไม่ใช่เรื่องของมึงสักหน่อย  ไม่ต้องอิน”  เนมตบบ่าริวเบาๆ

   “แล้วถ้าคนที่พูดเหี้ยอะไรเนี่ย...คือพ่อแม่มันล่ะ  มึงจะไปต่อยพ่อแม่มันหรือไง?”  เอื้องฟ้าถามริวด้วยสายตาจริงจัง  ไม่มีแววล้อเล่นเหมือนอย่างเคย
 
   “เออ  กูลืมคิดไป”  ริวตอบด้วยท่าทีอ่อนลง  “กูก็แค่สงสารนที  การที่มันเลือกไอ้น้ำ...มันเองก็ต้องแลกกับอะไรเยอะเหมือนกัน  พ่อแม่มันก็มี  มันก็ยังยอมแลก  แล้วมึงดูเพื่อนเราสิ...หนีตลอด  โคตรป๊อด”

   จบคำพูดของริว...ทุกคนก็เงียบไป  ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง





“ทำไมมาช้าวะ?” ตั้มถามเมื่อเห็นนทีเดินเข้ามาในร้าน  ถัดจากเสียงตั้มก็มีเสียงอื่นร้องทักกันเซ็งแซ่

   “เพิ่งออกมาจาออฟฟิศเนี่ย”  นทีบอกก่อนนั่งลงข้างๆ น็อต   วันนี้เป็นวันเกิดตั้ม  ตั้มเลยชวนเพื่อนในคณะมาฉลองวันเกิดร่วมกัน  แต่น่าจะเป็นการหาเรื่องกินมากกว่า...ทั้งที่เป็นวันอาทิตย์และพรุ่งนี้มีเรียนทุกคน  แต่ชาวคณะก็ร่วมใจกันมา  ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องเดินเป๋กันทั่วร้าน

   “เขาเป่าเค้กกันไปแล้ว  และกูเมาแล้วด้วย”  ปาล์มบอกเสียงอ้อแอ้ 

   “ช่าย...มึงมาทีหลัง  ซ่อมเลย”  น็อตยื่นเหล้าสีอำพันเข้มข้นเต็มแก้วให้นที  มือใหญ่รับมาอย่างเสียไม่ได้  “สุดซอยไปเล๊ยเพื่อน”  พูดจบแค่นั้นน็อตก็แทบคว่ำ  ท่าทางกินกันหนักหน่วงมาตั้งแต่งานเริ่ม

    นทีคว้าน็อตไว้ได้ก่อนลากไปกองรวมกับคนอื่นๆ บนโซฟาก่อนบ่นเบาๆ   “กินกันมาตั้งแต่เมื่อไรวะ?”  แต่ละคนดูไม่เหลือสภาพเลย  ไม่เรื้อนก็โวยวาย  ไม่โวยวายก็หลับไม่รู้เรื่อง  “แล้วจะกลับกันยังไงวะ?  เมากันขนาดนี้”

   “เดี๋ยวเอารถจอดไว้นี่  กูคุยกับพี่เจ้าของร้านแล้ว  พรุ่งนี้ค่อยมาเอา  เดี๋ยวกูลากพวกนี้ไปนอนบ้านกูเอง” เติ้ลบอกนทีพลางชี้ไปยังร่างที่นอนซุกอยู่ลำพังตรงโซฟาเดี่ยว  “มึงเอาไอ้ดิวไปส่งหน่อย  มันเมามาก  ไม่ไหวแล้วเนี่ย  มึงรู้จักบ้านมันใช่ไหม?”

   นทีพยักหน้า  ดิวส่งเสียงอืออาเมื่อเติ้ลมาดึงแขนให้ลุกขึ้น  ตาคู่สวยปรือมองก่อนหลับลงไปอีกครั้ง  เติ้ลจับมือดิวมาพาดบ่าตัวเองไว้  อีกมือหนึ่งก็โอบกระชับเอวดิวดึงให้ลุกขึ้น  ดิวเดินตาม...ลืมตาบ้าง...หลับตาบ้าง  เติ้ลช่วยประคองพาดิวไปยังลานจอดรถ  แต่ช่วงหนึ่งของพื้นไล่ระดับกัน  เติ้ลไม่ทันได้ระวัง...ทำให้เท้าของดิวเกิดไปเตะพื้นต่างระดับสะดุดล้มลงไปพลอยทำให้เติ้ลที่พยุงดิวมาล้มลงไปด้วย  นทีพยายามคว้าร่างเพื่อนทั้งสองคนไว้  แต่คนจำนวนคนสองคน...น้ำหนักย่อมเยอะกว่า  ทำให้ร่างสูงเซล้มลงไปด้วย  น้ำหนักส่วนใหญ่ทิ้งไปทับเท้าของดิวเต็มแรง

   “เฮ้ย”  เสียงเติ้ลร้องดัง

   ความเจ็บที่ข้อเท้าทำให้สติที่เลือนรางเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ของดิวคืนกลับมาบางส่วน “อูยย” ดิวร้องโอดครวญ  น้ำตาซึมอยู่ที่หัวตา  มือกุมข้อเท้าไว้แน่น  อ้อมแขนแกร่งโอบรอบตัวดิว  นทีรีบอุ้มคนที่เจ็บไปยังรถที่จอดอยู่  “เดี๋ยวกูพาดิวไปโรงพยาบาลเอง  มึงดูไอ้พวกนั้นไปก่อน  เดี๋ยวมีใครเจ็บอีก” 
   
   โชคดีที่พื้นฐานนิสัยดิวไม่ใช่คนใจร้อนหรือขี้โวยวาย  เมื่อถึงโรงพยาบาลเลยค่อนข้างว่าง่าย  แม้ว่าจะยังมีอาการมึนเมาหลงเหลืออยู่บ้างแต่ก็ยอมให้แพทย์ตรวจอาการแต่โดยดี   นทีเงยหน้าขึ้นมองเมื่อดิวนั่งรถเข็นออกมาจากห้องตรวจ...ที่ข้อเท้ามีเฝือกอ่อนพันไว้

   “หมอว่าไงบ้าง?”

   “กระดูกนิ้วร้าว ไม่ต้องถึงกับใช้ไม้ค้ำ  แต่ก็ห้ามทิ้งน้ำหนักลงมากเกินไป”

   “ขอโทษนะ”

   “ขอโทษทำไม? ไม่เกี่ยวอะไรกับนทีสักหน่อย  มันน่าจะร้าวตั้งแต่ตอนเดินสะดุดพื้นแล้ว”

   ถึงดิวจะปฏิเสธแต่นทีก็ยังเชื่อว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิวต้องบาดเจ็บน่าจะเกิดจากเขาด้วย  นทีเอื้อมมือไปช่วยประคองแขนดิวตอนที่เข็นรถเข็นไปถึงรถเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายทิ้งน้ำหนักไปยังเท้ามากเกินไป “อืม  ไหวไหม?” 

   “นทีไปส่งเราที่บ้านเติ้ลเถอะ”  ดิวบอกเมื่อเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว  “เราไม่อยากกลับบ้านเวลานี้  อีกแป๊บเดียวก็เช้าแล้ว” 

   “อืม  งั้นไปนอนที่คอนโดเรา  แล้วไปมหา’ลัยพร้อมกัน”

   ดิวเงียบไปก่อนตอบรับเบาๆ “อืม” 

   รถเคลื่อนตัวไปออกไปด้วยความเงียบตลอดทาง  ต่างฝ่ายต่างคิดอะไรเงียบๆ ลำพัง





ดิวนั่งมองไปรอบๆ ห้องรอนทีอาบน้ำ  คอนโดที่นทีอยู่เป็นคอนโดห้องเดี่ยวแต่กว้างมาก  มีทีวีเครื่องใหญ่แขวนไว้อยู่ตรงผนังหน้าเตียง  โต๊ะเขียนหนังสือ  และตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าอยู่ไม่มากนัก  ห้องค่อนข้างโล่งเหมือนไม่ค่อยมีคนอยู่  เขาไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับช่วงเวลานี้ดี   เหมือนได้เข้าใกล้คนที่ตัวเองแอบชอบไปอีกขั้น...รู้สึกตื่นเต้นก็จริง  แต่ก็ไม่มากเท่าที่คิดเอาไว้  อาจเพราะเขารู้ดีว่านทีไม่ได้คิดอะไรกับเขาเกินกว่าเพื่อนคนหนึ่ง   

   นทีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จยื่นผ้าเช็ดตัวสะอาดให้ดิว  “ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนนี้แล้วกัน  แล้วนี่ชุดนอน”  นทีวางเสื้อยืด กางเกงขาสั้นทับบนผ้าเช็ดตัวอีกที

   “ขอบใจ”  ดิวเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ  นทีหันตัวเข้าซุกในผ้าห่มก่อนผลอยหลับไปอย่างง่วงงุน

   ดิวออกมาจากห้องน้ำเดินเข้าไปดูนทีใกล้ๆ ก่อนถอนหายใจออกมาเพราะร่างสูงที่นอนอยู่บนเตียงนอนหายใจสม่ำเสมอหลับสนิทไปเสียแล้ว  เขาเลยล้มตัวลงนอนข้างๆ  บนพื้นที่ว่างที่เหลืออยู่ 

   ตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับตาพริ้มอย่างเป็นสุขเงียบๆ...ในวันที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต...เขาไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเขา...เขาโดนนักศึกษามหา’ลัยเดียวกันพูดแซว  สนุกปากเลยเถิดจนถึงขั้นจับไม้จับมือ  แม้ว่าจะไม่ชอบใจแต่เขาก็ไม่อยากต่อล้อต่อความ  ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถึงขั้นเดินตามไปยังที่เปลี่ยวก่อนจะลงมือปล้ำจูบ  พอเขาขัดขืนก็ทำร้ายร่างกาย  ช่วงเวลาที่กำลังจะหมดแรง...กลับมีมือใหญ่คู่นี้เข้ามาช่วยเหลือ  ทั้งยังอยู่เคียงข้างคอยเป็นพยานในยามที่ต้องขึ้นสถานีตำรวจ 

   หลังจากนั้น...สายตาของเขาก็จับจ้องแต่คนๆ นี้ตลอดจนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว  เขารู้สึกดีทุกครั้งที่เห็นนทียิ้ม  หัวเราะกับเพื่อน  และรู้สึกเศร้าเวลาที่นทีเงียบขรึมไป 

   ที่พูดว่านทีอกหักในคลิปคงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างที่คนอื่นเอามาล้อ   เขาที่มองตามนทีเสมอย่อมรู้ดีกว่าใคร  มือเรียวยกขึ้นลูบจมูกคมสันเบาๆ...หากเปลี่ยนเป็นเขาได้ก็คงจะดี   เขาจะไม่ปล่อยให้นทต้องอยู่อย่างเหงาๆ คนเดียวลำพังอย่างนี้แน่





เอื้องฟ้าเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือขึ้นลงพลางทำหน้าขึงขัง 

   “มึงๆ” เอื้องฟ้าเรียกขิงเสียงเบา  มือเรียวสะกิดใต้โต๊ะ

   ขิงที่กำลังเล่นเกมส์อยู่รู้สึกขุ่นเคืองที่ถูกขัดจังหวะถามกลับเสียงดัง “อะไรวะ?” 

   ใต้โต๊ะ...มือเรียวเปลี่ยนจากสะกิดเบาๆ เป็นหยิกหนักๆ  ก่อนที่ขิงจะร้องโอดโอย...เอื้องฟ้าก็เข้าประชิดตัวพลางทำเสียงชู่ว  เหลือบตามองไปทางริวและเนมที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  แล้วเลื่อนโทรศัพท์มือถือให้ขิงดู

   ขิงที่อ้าปากจะด่ากลับทำตาโตเมื่อเห็นภาพนทีที่ลงรถมาพร้อมกับดิวที่ขาเจ็บ  ทั้งยังช่วยประคับประคองทำให้ชาวเรือ ‘นทีดิว’ แล่นปรู๊ดปร๊าด  ปราดซ้ายแซงขวามาอยู่หน้าสุดของขบวนเรือ 

   ‘เสื้อพี่ดิวตัวใหญ่ไปนะคะ  หรือว่าไม่ใช่เสื้อตัวเอง  เมื่อคืนไม่ได้กลับบ้านเหรอ?'
   ‘จับไม่ปล่อย หวงแหละ ดูออก’
   ‘รักเหอะ ดูออกเหมือนกัน’

   พวกมึงอ่ะ ดูออก  แต่พวกกูดูไม่ออกเลย  ขิงคิดคนเดียวในใจ 

   “หัวเรือใหญ่อย่างมึงไม่คิดจะทำอะไรเลยเหรอวะ?”  เอื้องฟ้ากระซิบขิง

   “หืม?” ขิงเลิกคิ้วสูงมองเอื้องฟ้า

   “ก็มึงอ่ะที่เริ่มเดินเรือนทีต้นน้ำ  ก็ที่มึงส่งรูปมันให้เพจคิ้วบอยไง  มึงทำอะไรสักอย่างสิ  เรือคนอื่นจะแซงหน้าแล้ว”

   ขิงหันกลับมามองภาพนทีและดิวพลางทำหน้าหนักใจ  “เราจะทำอะไรได้วะ?  ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับมันสองคน  กูพายเรือมึงพังมาครั้งหนึ่งแล้ว  กูบอกตามตรง  กูเข็ดว่ะ”

   “พวกมึงทำไรกัน?”  ต้นน้ำที่เพิ่งเดินมาสบทบตบบ่าเอื้องฟ้าที่สุมหัวกับขิงอยู่  ทำเอาร่างบางสะดุ้งเฮือก มือที่จับโทรศัพท์อยู่แทบหล่นก่อนคว้าไว้ได้หวุดหวิด

   “มึงอ่ะ  ทำกูตกใจหมด” เอื้องฟ้าพูดเสียงแง้วเบาๆ  เหมือนแมวน้อยต่างจากยามปกติที่เป็นไฮยีน่าตะกายตึก

   “มีพิรุธนะ  พวกมึงวางแผนชั่วอะไรกันอีก?” 

   “ปะ...ปะ...เปล่า”  เอื้องฟ้ากับขิงผลัดกันละล่ำละลักตอบเป็นพัลวัน  “เปล่า  ไม่มีอะไรเลยมึง”

   มีแน่ๆ  ต้นน้ำหรี่ตามอง

   “ไอ้น้ำ  มึงเห็นรูปนี้ยังวะ?”  ริวถามพร้อมกับยื่นโทรศํพท์ตัวเองให้ต้นน้ำดู

   เอื้องฟ้ากับขิงแทบตะโกนด่าริว...อุตส่าห์ปิดไม่ให้เพื่อนเห็น  แต่ริวกลับยื่นมีดให้เพื่อนแทงตัวตายเฉยเลย

   ต้นน้ำที่รับโทรศัพท์มาดูเงียบไปพักใหญ่  หัวใจสูบฉีดเลือดเร็วจนผิดจังหวะ  เหมือนมีลูกตุ้มหนักๆ มาทับที่อก  ทั้งบีบทั้งรัดหัวใจจนแน่น  มือสั่น  ตัวสั่นอย่างที่ตัวเองก็ควบคุมไม่ได้ 

   “คนบางคนก็ทุ่มเทเพื่อได้มา  แต่คนบางคนก็ทุ่มทิ้งตลอด  เป็นมึง...มึงเลือกคนไหนวะ?”  ริวถามเหมือนปรึกษาแต่ส่งรอยยิ้มมุมปากกับดวงตาร้ายกาจให้ต้นน้ำ

   ต้นน้ำไม่ตอบ  ได้แต่หลบตาริว  เขาจะตอบอะไรได้...ในเมื่อเขาเป็นคนที่วิ่งหนีออกมาเอง

   “ว่าไง...มึงเลือกคนไหน?”  ริวถามซ้ำ

    ต้นน้ำอ้ำอึ้งก่อนตอบ  “คนที่...ทุ่มเทมั้ง”

    “ถ้ามึงรักใครสักคน  ไม่ว่าเขาจะทุ่มเทให้มึง  หรือทุ่มมึงทิ้ง  มึงก็ยังจะเลือกเขาอยู่ดี” ริวบอกเสียงเรียบ  สายตามองต้นน้ำนิ่ง  “แต่คนที่น่าสงสารที่สุด  น่าจะป็นคนที่ทุ่มเท...แต่กลับได้กลับมาแค่ความว่างเปล่านะ” 

   “สงสารนทีว่ะ”  เนมสำทับ

   “สงสารทำไมวะ?” 

   “ก็มันอกหักไง”

    อกหักตรงไหนกัน?  ก็เห็นควงกันอยู่ “ไปเรียนเถอะมึง  สายแล้ว”





ต้นน้ำก้าวเข้าไปในห้องก่อนเป็นคนแรก  จากการแอบมองด้วยหางตา...เขาเห็นกลุ่มนทีแวบๆ อยู่ด้านหลังของห้อง  ต้นน้ำจึงเลือกที่นั่งด้านหน้าพลอยทำให้เพื่อนที่ตามหลังเข้ามาต้องตามมานั่งด้วย

   ริวหันไปเพยิดหน้าใส่เม่นแทนคำทักทาย  เม่นยกมือตอบ  เป็นอันว่า...รู้กัน 

   “ทำไมพวกมันไม่มานั่งกับเราวะ?”  ต้นปาล์มถาม  “หรือว่า...พวกมันเกลียดเราแล้ว”

   น็อตตบต้นปาล์มหัวคว่ำ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก  มันเกลียดมึงคนเดียว” 

   “ไอ้เหี้ย  กูไปทำอะไรให้มันวะ?  เดี๋ยวกูต้องไปถามให้รู้เรื่อง”

   “ไม่ใช่มึงหรอก  น่าจะเกลียดกูมากกว่า”  นทีที่ได้ยินบทสนทนาตลอดบอกเสียงแผ่ว

   เม่นมองต้นปาล์มอย่างเหยียดหยามก่อนหันไปหานที  “งั้นมึงต้องไปถามให้รู้เรื่องนะ”

   สายตาคมปลาบจับต้องที่แผ่นหลังของต้นน้ำตลอดคลาสเรียน  วูบหนึ่งก็คิดถึงเหลือเกิน  วูบหนึ่งก็ไม่รู้จะจัดการยังไงกับความสัมพันธ์นี้ดี  เขาไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้ว  อยากเดินหน้าให้รู้แล้วรู้รอด  แต่ถ้าการเดินหน้าต่อ...มันทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ  เขาก็ยินยอมกลับไปเป็นเหมือนเดิม  ดีกว่า...จะต้องสูญเสียไป

   จบคลาส...ต้นน้ำก็วิ่งปร๋อออกไปจากห้องโดยไม่สนใจใคร  แม้จะคิดถึงมากจนไถทวิตสามเวลาก่อนอาหาร  แต่เขายังไม้พร้อมที่จะเจอหน้านที  กลัวเหลือหากนทีจะถามว่า...เขาจูบนทีทำไม?  เขาจะตอบอย่างไร?
   ชอบ?
   รัก?
   ม่ายยยยยย...เขาจะให้นทีรู้ความรู้สึกเขาไม่ได้  เขาไม่น่าไปจูบนทีเลย  แต่โบราณว่า...อย่าถือคนบ้า  อย่าว่าคนเมา...เขาขอใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้  แล้วเขาก็แกล้งสมองเสื่อม...จำอะไรไม่ได้ไปแล้วด้วย 




ต้นน้ำนั่งเท้าคางอยู่ริมสนามฟุตบอล  เอื้องฟ้าชวนเขามาดู ‘นักฟุตบอล’สุดหล่อ  ผิวคร้ามร่างสูง 

   “มึงอย่ามาทำหน้าอมสากกะเบืออยู่แถวนี้สิวะ  กูอุตส่าห์ชวนมาดูผู้ชาย”  เอื้องฟ้าเอานิ้วผลักหน้าต้นน้ำ

   “กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”

   “หรา?  กรี๊ดดดด”  เอื้องฟ้ากรีดร้องเสียงดังเมื่อนักกีฬาหนุ่มหล่อส่งยิ้มมาทางอัฒจันทร์ฝั่งสาวๆ  “เขายิ้มให้กูๆ”  ร่างน้อยหันมาบอกเพื่อน

   ขิงส่ายหน้า  “ก็มึงตะโกนเรียกเขาซะขนาดนั้น  เขาจะไม่หันมาได้ไงล่ะ?”  ดีแค่ไหนแล้วที่หันมาส่งยิ้ม  ถ้าเป็นเขาแล้วล่ะก็...ได้ยินเสียงเรียกกระตุกจิตขนาดนี้  ไม่กระตุกตีนใส่ก็บุญแล้ว  ขิงคิดไปเองคนเดียวตามประสาทอมสไตล์ตบจูบ 

   “มึงไม่รู้อะไร?  การสบตานี่แหละที่เป็นหน้าต่างของหัวใจ  สบตาก่อน...เดี๋ยวใจก็เปิดเอง”  เอื้องฟ้าเบ้หน้าใสขิง  ก่อนวิ่งไปออกับสาวๆ กลุ่มแฟนคลับนักบอลอยู่หน้าอัฒจันทร์

   ขิงทำหน้ากลืนไม่เข้า  คายไม่ออกก่อนหันไปหาต้นน้ำ  “อีเอื้องมันชวนมึงมาเพราะมันเป็นห่วงมึงนะ  มันเห็นมึงซึมๆ”

   ต้นน้ำ “.....” เขาดูออกง่ายขนาดนั้นเชียว

   “มันคงไม่อยากให้มึงเป็นแบบมันอ่ะ”

   ต้นน้ำเลิกคิ้วมองขิงด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม  “เป็นแบบไหนวะ?”

   “มึงก็รู้เรื่องมันแล้วนี่  เพื่อนสนิทกูอ่ะ...คู่หูดูโอ้เลยมึง...ชื่อวิว  จีบสาวก็ไปด้วยกัน  กลุ่มเดียวกันกับอีเอื้องนี่แหละ  แต่แล้ววันหนึ่ง...มันก็มาบอกกูว่ามันชอบเอื้องฟ้า  กูก็เชียร์สิ  เพื่อนก็เชียร์กันหมด  มันก็ดูชอบกันนะ  แต่ก่อนวันเรียนจบ...วิวสารภาพว่าชอบมัน  แต่มันปฏิเสธ  หลังจากนั้น...ไอ้วิวก็ไปเรียนต่อต่างประเทศ  กูยังติดต่อมันอยู่  แต่พวกมันกลับไม่คุยกันเลย  มันแอดเฟรนด์กันในเฟสบุค  มันฟอลโลวไอจีกัน  แต่มันไม่เคยกดไลค์  ไม่เคยคอมเม้นท์กันเลย  บางทีกูดู...กูก็อึดอัดว่ะ  แล้วกูก็เป็นคนเชียร์พวกมันด้วย...พอมันมาเป็นแบบนี้  กูแม่งรู้สึกผิดเลย”

   “ไม่ใช่ความผิดของมึงหรอก  ใครจะรู้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้วะ?” 

   “แล้วมึงรู้สาเหตุที่มันมาดูผู้ชายวันนี้ป่ะ?”  ต้นน้ำส่ายหน้า  ขิงพยักเพยิดไปยังร่างบางที่ร้องกรี๊ดๆ เบื้องหน้าอัฒจันทร์  “อีเอื้องมันยังชอบไอ้วิวอยู่  เมื่อวาน...มันรูปคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง  เขียนแคปชั่นว่า  จบเรื่องเก่าเพื่อเล่าเรื่องใหม่  ไอ้เหี้ย...คนถูกปฏิเสธแม่งเริ่มชีวิตใหม่ไปแล้ว  แต่คนปฏิเสธยังวนอยู่ที่เดิมอยู่เลย”

   “น่าสงสารอีเอื้องว่ะ”  เขาไม่เคยรู้เลยว่าเบื้องหลังไฮยีน่าจะมีลูกหมาผู้ซื่อสัตย์ซ่อนอยู่

   “นี่แหละสาเหตุที่กูต้องมาดูผู้ชายเป็นเพื่อนมัน  เหม็นเหงื่อชิบหาย  ถ้ามึงสงสารมัน...พรุ่งนี้มึงไปดูผู้ชายที่ชมรมบาสเป็นเพื่อนมันนะ  กูจะได้นัดสาวสักที”

   “เชี่ย  เออ...เดี๋ยวกูไปดูเป็นเพื่อนมันเอง”

   “มึงเองก็เหมือนกัน  ถ้ามึงรักใครสักคนแล้วก็ลุยเลยเถอะ  เลิกรักมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนะเว้ย  เหมือนที่ไอ้ริวบอก  ต่อให้โดนทุ่มทิ้ง...มึงก็ยังจะรักคนนั้นอยู่”  กูรูขิง  บทจะจริงจังขึ้นมาก็เอาเรื่องเหมือนกัน 

   “หมายความว่า...เพื่อนมึงคนนั้นไม่ได้รักอีเอื้องแล้วเหรอ?”

   ขิงพูดมากจนคอแห้งเลยคว้าขวดน้ำมาดูดก่อนตอบ  “ก่อนหน้านี้ก็ยังรักอยู่นะ  แต่รู้แล้วไง...ว่าอีเอื้องไม่เอาแน่แล้ว  ก็เลยต้องไปต่อ  กูถามจริงๆ  มึงชอบนทีใช่ไหม?”

   “ถ้ากูบอกว่าเปล่าล่ะ?  ถ้าขิงยังสงสัย...นทีจะสงสัยเขาด้วยไหม?  ต้นน้ำถอนหายใจยาว  คนอื่นจะรู้ก็ช่าง  ขอแค่นทีไม่รู้ก็พอ

   “ก็เรื่องของมึง  หลอกใครก็หลอกได้  แต่มึงหลอกตัวเองไม่ได้หรอก  ถ้านทีตกลงไปคบคนอื่น...มึงจะรู้สึกยังไง?”

   ต้นน้ำเงียบคิด  “ก็คงยินดีว่ะ”

   “แล้วมึงไม่เจ็บ?”

   “เจ็บ”

   “แล้วมึงจะเลิกรักมันไหม?”

   “ไม่อ่ะ  กูก็คงจะยังรักมันอยู่อย่างนั้น” ต้นน้ำตอบโดยไม่ทันสังเกตรอยยิ้มร้ายที่ผุดขึ้นแวบหนึ่งบนใบหน้าขิง

   “แล้วทำไมมึงไม่คบกันสักทีวะ  นทีมันก็แสดงออกชัดเจนว่าชอบมึงเหมือนกันนะ?”

   “มัน  ชอบ  กู  เหรอ?”  นที  ชอบ  เขา  เหรอ?

   “อย่า บอก ว่า มึง ไม่ รู้”  ขิงพูดชัดเจนทีละคำเลียนแบบต้นน้ำ

   ต้นน้ำนิ่วหน้า  จะว่าไม่รู้ก็ไม่ใช่...หลายครั้งที่เขารู้สึกว่านทีเองก็ชอบเขาเหมือนกัน  แต่ก็ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง  และก็...

   “ถ้ามึงกลัวความสูง...มึงยืนอยู่บนที่สูง  แล้วข้างล่างมีคนที่มึงชอบอยู่...มึงกล้ากระโดดลงไปหาเขาไหม?”

   ขิงส่ายหน้า  “แบบนั้นไม่กล้าอ่ะ  กลัวตาย  แล้วถ้ามีเตียงอัดลมไว้รองรับล่ะ?  แบบ...มึงโดดลงไป  มึงปลอดภัยแน่นอน”

   “ก็ดีขึ้นนิดนึง  แต่ก็ต้องทำใจก่อนอยู่ดี”

   “สรุปว่ามึงกลัว!  กลัวอะไรวะ?”

   ต้นน้ำยู่หน้า  “ไม่รู้ว่ะ  รู้แต่ว่าไม่กล้า”

   



ร่างสูงเดินดูโทรศัพท์มือถือพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดีก่อนจะทรุดนั่งฝั่งตรงข้ามของคนที่นั่งจับจ้องตารางหมากรุกบนโต๊ะหินอ่อนใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าคณะวิศวกรรมศาตร์  บนตารางมีตัวเบี้ยหมากฮอสวางอยู่ทั่วกระดานคล้ายกับว่าผู้เล่นคนก่อนเล่นค้างไว้ 

   “ไง...ได้ข่าวว่าอกหักเหรอมึง?”  ริวทักขึ้นก่อน

   นทีหัวเราะเบาๆ  “ไม่รู้ว่ะ  มั้ง?”

   “เอาจริง?”

   “เอาจริงอะไร?”

   “เรื่องมึงกับไอ้น้ำอ่ะ...ยังไง?”

   นทียิ้มบาง  ไม่แปลกใจที่ริวรู้ว่าเขารู้สึกยังไงกับต้นน้ำ  เพราะเขาก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบังอะไร  เพียงแต่...เกรงว่าอีกฝ่ายจะรู้แล้วตื่นตูมหนีไปก่อนก็เท่านั้น 

   “กู...ชอบมันว่ะ  ชอบจริงๆ น่ะแหละ  แต่สำหรับมัน...กูไม่รู้  เหมือนพอกูขยับเข้าไปใกล้  มันก็จะเขยิบหนี  ทำยังไง...ระยะห่างก็เท่าเดิม  เหมือนมันมีพื้นที่...ที่กูยังเข้าไปไม่ได้”  เขานึกถึงคำพูดของน้ำตาลอีกครั้ง ‘ถ้าเราจริงจัง  น้ำก็จะหนี  แต่ถ้าเราทำเป็นเล่นๆ...เขาก็จะยอมให้เราอยู่ใกล้ได้’  ไม่ได้คิดเลยว่าวันหนึ่ง...ตัวเองกลับต้องมาพูดถ้อยคำคล้ายๆ กับที่น้ำตาลเคยพูด

      
   “มึงก็เลยมานั่งเศร้า...ว่างั้น?”

   “กูไม่ได้นั่งเศร้า กูแค่...ยังไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อไป”  มือเรียวเคาะไปที่กระดานหมากรุกบนโต๊ะหินอ่อน  “ถ้ากูเดินหมากผิดตัวเดียว  อาจจะล้มทั้งกระดานเลยก็ได้  มึงก็รู้ว่าเกมส์นี้...กูแพ้ไม่ได้”

   “แล้วที่มึงไม่ยอมกลับบ้านนี่  หมากเกมส์นี้...มันดีแล้วเหรอวะ?”

   “ก็ไม่ดีเท่าไรหรอก”  แต่ก็ยังดีกว่าผลีผลามทำอะไรลงไปแล้วผิดพลาด 

   “งั้นกูจะบอกอะไรให้มึงอย่างหนึ่ง  เผื่อมึงจะรู้ว่ามึงต้องทำยังไง?” ริวยักคิ้วให้อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า “ถึงมึงจะเป็นฝ่ายที่เดินเข้าหามัน  แต่มัน...ไม่เคยเดินหนีมึงเลยนะเว้ย  ระยะห่างมันไม่ได้เท่าเดิมอย่างที่มึงคิดหรอก”

   “มึงรู้ได้ไง?”

   “ไม่บอก  แต่เชื่อกูเถอะ  กูเอาเกียรติเป็นประกัน”

   “ซึ่งมึงไม่มี”

   “ไอ้สัด  กูอุตส่าห์หาข้อมูลมาให้  มึงนี่ไม่สำนึกจริงๆ  ลุยเลยเถอะมึง  ถ้ามันไม่ชอบมึงจริงๆ  ค่อยอกหักตอนนั้นก็ไม่สาย”

   นทียิ้มกว้างแบบที่ไม่ได้ยิ้มแบบนี้มาหลายวันแล้ว  สงสัยว่า...จะได้เวลาต้องกลับบ้านแล้วมั้ง   รู้แบบนี้แล้ว...เขาก็พอจะรู้ว่าต้องเดินทางไหนต่อ  ไม่ว่าพื้นที่ส่วนตัวหรือประตูที่ปิดตาย  เขาก็จะหาทางทำลายเข้าไปให้ได้


----------- tbc ----------

*A talk*

ใจเย็นน๊า  ตอนหน้านทีก็จะกลับบ้านแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 23-10-2019 00:39:51
 :pig4: :pig4: :pig4:

บรรดาเพื่อน ๆ นี่แสนดีเหลือหลายเลย 

น่ายินดีแทนนทีต้นน้ำจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 23-10-2019 02:32:50
เหมือนทำงานเป็นขบวนการ 55555555555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 23-10-2019 03:11:49
 :katai2-1: มีเพื่อนดี ต้องตบรางวัล
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-10-2019 04:49:31
เพื่อนชงเพื่อนเชียร์​เยอะนะ​ แต่อย่าลืมอุปสรรคอีกชิ้นที่ยิ่งใหญ่​พอสมควรเลยก็คือพ่อแม่
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-10-2019 06:35:50
เพื่อนดี ๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-10-2019 09:12:05
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-10-2019 11:30:29
มีเพื่อนดีทั้งคู่เลยนะคะ.  :hao3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-10-2019 08:23:24
อ๊าาาา  ..........  :a5: o22 
รู้แล้วว่าใคร ที่ต้นน้ำเคยมีอะไรๆด้วย
แถม ยังกลับมาเจอหน้าเจอตากันอีก  o18
นที ต้นน้ำ มีคนช่วยชงไม่หยุด เยื่ยมไปเลย  :katai2-1:
แต่ดิวก็เกาะติดนทีอยู่  :เฮ้อ: :serius2:
เอื้อง จะกลับมาเจอกับวิวมั้ยนะ  :mew2: 
ชอบมุกต่อล้อต่อเถียงของไรท์   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ตอนที่กลุ่มเม่น ม่อน หม่อน ตุยกัน  :m20: :laugh: :pigha2:
ส่วนปาล์ม เอิ่มมมม....ไร้เดียงสา หรือว่าซื่อบื้อก็ไม่รู้   :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 24-10-2019 11:08:51
นทีรีบกลับบ้านเร็วๆ
โจลี่กับแบรดพิตต์รออยู่
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 24-10-2019 23:47:51
 :L2: :pig4: :L2:;
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 17 ------ [23/10/2019]---P.5
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 26-10-2019 11:05:58
เพื่อนช่วยกันพายเรือขนาดนี้ ไม่สำเร็จให้รู้ไป
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 30-10-2019 13:22:53
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 18
หนึ่งเส้นที่วาดไว้  ต้องใช้อะไรลบ




ริวเข้ามาในร้านเบเกอรี่ใกล้มหา’ลัยซึ่งเนม ขิง  และเอื้องฟ้านั่งรออยู่แล้ว

   “ไง  คุยกับนทีแล้ว?”  เนมถาม

   “เรียบร้อย  แล้วไอ้น้ำล่ะ?”  ริวหันไปถามขิงเพื่อความแน่ใจว่าต้นน้ำไม่ได้อยู่ที่แล้ว

   “กูจับขึ้นรถกลับไปรอที่บ้านแล้ว  มึงแน่ใจนะว่าไอ้นทีจะกลับบ้านวันนี้?”

   ริวส่ายหน้า  “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ” 

   ขิงไหล่ตก  “ไม่ไหวนะโว้ย  ถ้ามันไม่ดีกัน  แล้วกูต้องนั่งฟังไอ้น้ำถอนหายใจเฮือกๆ อีกล่ะก็  วิญญาณกูต้องหลุดไปกับลมหายใจมันแน่ๆ”  ขิงตัดพ้อ  เขาทนดูต้นน้ำในสภาพสลดหดหู่มาป็นอาทิตย์แล้ว  อยู่ใกล้คนแบบไหน...เราก็จะเป็นคนแบบนั้น   และตอนนี้...พลังชีวิตเขาก็หายไปเยอะแล้วด้วย 

   “แล้วให้กูทำไง?  กูก็ทำได้เท่านี้หรือเปล่าวะ?  หรือมึงจะให้กูจับหัวนทีฟาด  แล้วลากไปส่งให้ไอ้น้ำ”  ริวโต้กลับ  แผนการอยู่ที่คน  ผลอยู่ที่ฟ้า...เขาก็ทำตามแผนทุกอย่างแล้ว  ผลจะออกหัวหรือออกก้อย  เขาก็ไม่ใช่คนที่กำหนดได้

   “กูว่าจับไอ้น้ำฟาดแล้วตีหัวไปส่งให้นทีดีกว่าว่ะ” เนมพูดยิ้มๆ  คิดภาพออกเลยว่าถ้าเขาจับนทีฟาดแล้วพาไปส่งให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำคงทำได้แค่แก้มัดแล้วเดินหนีไป  แต่กลับกัน...หากเขามัดต้นน้ำไปส่งให้นที  นทีคงจับรวบลากเข้าห้องทั้งคนทั้งเชือก...หึหึ 

   “จ้ะ...กูว่ามึงโดนไอ้นทีฟาดตั้งแต่มึงฟาดหัวไอ้น้ำแล้ว” ริวหันไปเบ้ปากใส่เนมแล้วหันไปทางขิง  “ว่าแต่...ไอ้น้ำมันพูดออกมาเองเลยใช่ไหม...ว่ามันก็ชอบนทีเหมือนกัน?”

   “เออสิ...ไม่งั้นกูจะกล้าบอกมึงให้ไปบอกนทีเลยได้ไง?  แล้วมึงบอกนทีไปหรือยังว่าไอ้น้ำก็ชอบมันเหมือนกัน?”

   ริวสั่นหัว  “ไม่ได้บอกอ่ะ”

   ทุกคนที่เหลือร้องโอด   เอื้องฟ้าพักจาการดูดน้ำขวดที่สองเอ่ยเสียงแหบ  “แล้วยังงี้มันจะกลับบ้านไหมวะ?” 

   “ถึงกลับ ก็ไม่รู้มันจะดีกันหรือเปล่า?”  เนมบอก  เรื่องบางเรื่องก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะไปกะเกณฑ์ได้   

   ขิงฟุบหัวลงไปกับโต๊ะอย่างท้อแท้ใจ  พลังชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนิดเหมือนโดนสูบไปอีกแล้ว  “แล้วไอ้คนคิดแผนมันหายไปไหนแล้วล่ะ?”

   “กลับบ้านไปแล้ว  ป๊ามันให้ไปเฝ้าดาราออกอีเว้นท์  ส่วนไอ้น็อตลากไอ้ปาล์มไปเก็บ”  เรื่องนี้ให้ต้นปาล์มรู้ไม่ได้  ปาล์มรู้...โลกรู้  เม่นเลยวางแผนให้น็อตพาปาล์มออกไปก่อน  แล้วตัวเองค่อยหาทางกลับบ้าน  แล้วปล่อยให้นทีนั่งรอดิวที่หน้าคณะคนเดียว  เพื่อหาโอกาสให้ริวเข้าไปคุยกับนทีตามลำพัง

   พวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างนทีและต้นน้ำในช่วงที่ผ่านมา  อยู่ๆ ทำไมสองคนนั้นถึงห่างเหินกัน  แต่เท่าที่เม่นจับความได้ก็คือ...นทีชอบต้นน้ำแต่นทีคิดว่าต้นน้ำไม่ได้ชอบตัวเอง  เลยหนีออกมาอยู่คอนโดชั่วคราว  เม่นเลยให้เขาไปบอกนทีว่าต้นน้ำก็ชอบนทีเหมือนกัน  เพื่อหลอกล่อให้นทีกลับบ้านไปเจอต้นน้ำ...แผนของเม่นมีแค่นี้

   แต่ริวกลับคิดว่าการทำแบบนั้นดูจะเป็นการหลอกลวงนทีไปหน่อย  ถ้าหากต้นน้ำยังคงยืนยันเสียงแข็งว่าไม่ได้ชอบ...คนที่เสียใจก็คือนที  ส่วนคนที่ต้องมานั่งรับรังสีแห่งความอับเฉาก็คือพวกเขา  เขาเลยส่งขิงเป็นสปายไปล้วงข้อมูลต้นน้ำ   ริวจะยังไม่ไปคุยกับนที...หากขิงยังไม่ได้ยินจากปากต้นน้ำว่าชอบนทีเหมือนกัน   

   “เจริญละ  ไอ้คนคิดแผนดันไม่อยู่อีก  มึงก็ไม่บอกไอ้นทีไปชัดๆ เลยวะว่าไอ้น้ำชอบมัน”

   “ก็กูอยากให้พวกมันคุยกันเองมากกว่า”

   ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ  คนรอบข้างก็อาจจะช่วยชี้ทางได้  แต่จะเดินไปทางไหน...คงต้องให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินเอง





ต้นน้ำนอนกระสับกระส่าย  เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นตามแนวผมและหน้าผาก  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เปลือกตาที่ปิดอยู่ขยับนิดๆ 

   ในความฝัน  เขาเดินไปตรอกที่ทั้งมืดและเปลี่ยว  ท่ามกลางความเงียบ...เขาได้ยินเสียงซอกแซกของแมลงตัวเล็กที่วิ่งวนไปทั่ว  ความกลัวแล่นริ้วเข้าครอบงำจิตใจที่อ่อนแอ  แต่เขาก็ยังเดินต่อไป   ดวงหน้าตื่นตระหนกเหลียวซ้ายแลขวาตลอดเวลา...แมลงสาปตัวเขื่องหลายตัววิ่งพลุกพล่านไปมาล้อมรอบตัวเขา  ต้นน้ำรีบสาวเท้าให้เร็วขึ้น  เสียงขลุกขลักดังมาจากกล่องกระดาษผุผังตรงมุมมืดของเสาไฟฟ้า  เขาชะงักเท้าค่อยๆ หันหน้าไปมอง  กล่องกระดาษนั้นค่อยๆ เปิดออก  แล้วแมงสาปวัยกำดัดหลายตัวก็กระพือปีกบินขึ้นมา  ทุกตัวมุ่งหน้ามาที่เขา

   “ว้ากกก”  เขาหลับตาปี๋  มือขาวยกมือปัดป้อง ลมหายใจถี่กระชั้นจนร่างกายแข็งเกร็งก้าวขาไม่ออก  จนกระทั่งมีมือแกร่งเอื้อมมาดึงเขาไปไว้ในอ้อมกอด

   หยดน้ำใสๆ ไหลพร่างพรูออกมาในอ้อมกอดแข็งแรงนั้น  ต้นน้ำลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  บรรยากาศมืดและชื้นในชอยเปลี่ยวเมื่อครู่หายไปแล้ว  เหลือแต่เพียงความสว่างสดใสของตัวบ้านภายในห้องนั่งเล่น และตัวเขาได้กลับกลายเป็นเด็กชายตัวน้อยในอ้อมอกของผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง

   “พ่อ...น้ำกลัวแมลงสาป  มันบินมาเกาะน้ำ  มันจะมากัดน้ำ”  เด็กน้อยซุกศีรษะลงในอ้อมอกผู้เป็นพ่ออีกครั้งหนึ่ง

   “ไม่ต้องกลัวลูก  มันตัวเล็กกว่าเรา”

   “แต่น้ำก็ตัวเล็ก”

   “งั้นเอางี้...พ่อจะเป็นคนไล่มันไปให้เอง  จนกว่าจะถึงวันที่น้ำโตพอที่จะไล่มันไปได้เอง”

   “จริงๆ นะ”

   “จริง...พ่อสัญญา  แต่ตอนนี้เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม?”  มือใหญ่ช่วยเช็ดน้ำตาบนดวงหน้าน้อยน่ารักจนสะอาด  ริมฝีปากเล็กๆ สีแดงสดยิ้มออกมาได้  ยอมให้ผู้เป็นพ่อจับจูงเดินออกไป

   เย็นวันนั้น...เขาได้ยินเสียงพ่อและแม่ทุ่มเถียงกันในห้องครัว  แม้ผู้ใหญ่ทั้งสองจะพยายามไม่ให้เสียงดัง  แต่ด้วยแรงอารมณ์ที่สาดใส่เข้าหากันก็ทำให้ยากที่จะปิดให้มิด  แม้จะจับใจความไม่ได้แต่ความรุนแรงในน้ำเสียงก้พอที่จะทำให้เต้นน้ำรับรู้ได้ว่าพ่อกับแม่กำลังทะเลาะกัน  แล้วอยู่ๆ พ่อก็ผลุนผลันเดินไปที่ประตู  เด็กน้อยในวันนั้นวิ่งตามออกไป  ความสูงของเขาทำได้แค่เกาะขาผู้เป็นพ่อเอาไว้

   “พ่อจะไปไหน?”

   “พ่อไปทำงาน”

   “พ่อไม่ไปไม่ได้เหรอ?  ถ้าแมลงสาปออกมาแล้วใครจะไล่ให้น้ำ?”

   “แม่ไง”

   “แม่ก็กลัวแมลงสาปเหมือนกัน”

   พ่อย่อตัวลงมากอดเขาไว้ก่อนใช้มือใหญ่ลูบหัวเบาๆ “พ่อไปแป๊บเดียว  เดี๋ยวพ่อก็กลับมา”

   “จริงๆ นะ”

   “พ่อสัญญา” มือน้อยยอมปล่อยตัวจากอ้อมกอดแข็งแรงของผู้เป็นพ่อ  แล้วถอยออกมายืนดูร่างสูงเดินลับสายตาไป  เขาทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าประตูบ้าน  พ่อบอกว่าจะไปแป๊บเดียว  เดี๋ยวพ่อก็กลับมา  แต่เขารอมานานแล้ว  พ่อก็ยังไม่กลับ  แต่เด็กน้อยก็ยังคงรอ  รอต่อไปจนง่วงงุน  ร่างเล็กนอนคู้ลงกับพื้น  ดวงตาคู่น้อยปิดลงเพื่อที่จะตื่นขึ้นมาพบว่าคำสัญญาไม่มีอยู่จริง


   ต้นน้ำลืมตาขึ้นช้าๆ หยาดน้ำตาหยดหนึ่งไหลจากหางตาไปตามผิวหน้าก่อนหยดลงสู่หมอนนุ่ม  ในความฝันจบลงแค่นั้น แต่ในความจริงพ่อกลับบ้านมาถัดจากนั้นอีกสองวัน  เขาเหลือบมองผ้าม่านโปร่งไปยังระเบียงด้านนอก  ไม่มีแสงอาทิตย์หลงเหลืออยู่แล้ว  มีเพียงแสงจากหลอดไฟที่สะท้อนเงาบนผ้าม่าน  อาจเพราะเรื่องราวมากมายทำให้เขาคิดมากจนเผลอหลับไปตั้งแต่เย็น  และทำให้เขาฝันถึงพ่ออีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้ฝันมานาน 

   ต้นน้ำมองมือตัวเอง  ตอนนี้เขาโตขึ้นมาก  จำไม่ได้ว่าเลิกกลัวแมลงสาปตั้งแต่เมื่อไร  ถึงแม้จะไม่ได้ชอบพอกันถึงขั้นอยู่ร่วมห้องกันได้...แต่เขาก็ไม่ได้กลัวแมลงสาปขนาดนั้นแล้ว    ร่างสูงลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาก่อนเดินออกไปด้านนอก

   ตั้งแต่นทีไม่กลับบ้าน  นอกจากไถทวิต  ส่องโซเชียลจนกลายเป็นความเคยชินแล้วยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เขามักทำเป็นประจำคือการเปิดเข้าไปในห้องนที  แค่ได้เข้าไปอยู่ในบรรยากาศที่เจ้าของห้องเคยอยู่  ได้ลูบสันหนังสือที่อ่านทิ้งไว้...แค่นั้นก็เป็นความสุขที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้แล้ว

   มือเรียวหมุนลูกบิดประตูเหมือนทุกวัน  แต่วันนี้กลับไม่เหมือนทุกวัน  ลมจากแอร์เย็นที่เปิดไว้ไล้ผิวมือแผ่วเบาแต่ก็ยะเยือกพอที่จะทำให้คนที่ไม่ได้ตั้งตัวยืนทื่อเมื่อเห็นเจ้าของห้องยืนอยู่ตรงมุมตู้เสื้อผ้า  ท่อนบนเปลือยเปล่า  และใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่เห็นมานานนับสัปดาห์ก็หันหน้ามาทางเขา  ดวงตาคมหันมาสบตาพอดี...เขาหันหลังกลับไม่ทันแล้ว 

   นทีเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าต้นน้ำจะเปิดประตูเข้ามา  แม้ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้านก็คิดว่าตัวเองเตรียมตัวเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว  แต่พอเจอหน้าต้นน้ำ...เขาก็อดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้  กับคนอื่น...อะไรก็ดูง่ายไปหมด  แต่พอเป็นต้นน้ำ...เขากลับกังวลไปหมดทุกเรื่อง   มือใหญ่เอื้อมมือหยิบเสื้อเชิ้ตแขนสั้นมาสวม  ก่อนเดินมาทางต้นน้ำ

   ต้นน้ำกระอักกระอ่วนใจ  ในเวลาที่หาความปกติไม่ได้แบบนี้  เขารู้ว่าเขาควรพูดอะไรสักเล็กน้อย...แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดอะไรดี  อย่างน้อย...เขาก็ควรบอกนทีว่าเขาเปิดประตูเข้ามาทำไม?  อ๋อ...วันที่นายไม่อยู่  เราเปิดเข้ามาดูทุกวันแหละ  แต่วันนี้นายดันอยู่   ไอ้สัด...ชีวิตบัดซบ  หาเรื่องอื่นสิ   หาเรื่องอื่นสิ  หาเรื่องอื่น!

   “นายไม่ถามหน่อยเหรอ...ว่าทำไมเราไม่กลับบ้าน?”  นทีย่างเท้าเดินเข้ามาหาต้นน้ำช้าๆ  พร้อมกับติดกระดุมเสื้อไปด้วย

   ขอบใจที่คิดคำถามให้นะ  “เออ...ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ?”

   “อกหักมั้ง” นทีตอบและเดินเข้ามาใกล้อีกก้าวหนึ่ง

   “อ๋อ...อืม   อกหัก”  ต้นน้ำพยักหน้ารับรู้ในขณะที่นทีเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ในสมองกำลังระดมความคิดอย่างหนักว่าจะหาเรื่องมาคุยกับนที...เรื่องอะไรก็ได้ที่ไกลตัวสักหน่อย

   “เห็นใครๆ ก็ชอบถามกัน  แล้วนายจะไม่ถามหน่อยเหรอ...ว่าอกหักจากใคร?”  นทีติดกระดุมเพิ่มอีกเม็ด  เดินเข้ามาใกล้ขึ้นอีกก้าว

   “อ่อ...เออ...จากใครล่ะ?”  หาเรื่องอื่นมาคุยเข้าสิต้นน้ำ 

   นทีเดินมาหยุดตรงหน้าเขาแล้ว  ต้นน้ำหลบสายตา  หลุบตามองต่ำลงมาเล็กน้อย  เวรละ!  ติดกระดุม...ทำไมไม่ติดให้ครบๆ  เว้นสามเม็ดบนไว้ทำไม  พ่อเจ้าประคุณเอ๊ย...ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้  ไม้เรียวอยู่ไหน? 

   ไม่ช่าย!  ไอ้ต้นน้ำ  มึงต้องหาเรื่องอื่นมาคุยสิ  ลม ฟ้า อากาศ...อากาศ  อากาศไง  มือเรียวกระพือเสื้อ  “ร้อนเนอะ”  ไอ้เหี้ย...แอร์เย็นเฉียบ  มึงบอกร้อน  ควายเอ๊ย...มึงโดนจับได้แน่ 

   แล้วก็โดนจับจริงๆ  นทีคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนดึงเข้ามาในห้องแล้วกดล็อคประตู  นัยน์ว่า...ในห้องเปิดแอร์  ถ้าร้อนก็เข้ามาอยู่ในห้องสิ  แต่นทีคงไม่รู้ว่า...การเข้ามาในห้องที่เย็นจัดฉับพลันจะทำให้ร่างกายป่วยได้  และเขาก็เริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แล้วด้วย 

   “มีของมาฝากด้วยนะ”  นทีบอกเบาๆ  ทำให้ต้นน้ำที่ไม่กล้ามองหน้าเพราะกลัวว่าจะโดนถามคำถามที่ตัวเองตอบได้แต่ไม่อยากตอบเริ่มคลายความกังวล 

   เขาช้อนตามองนที  “อะไร?”

   “เลซิติน”

   “คืออะไร?”

   “อาหารบำรุงสมอง  ช่วยเพิ่มความจำ” นทีพูดยิ้มๆ

   ต้นน้ำตาโต  ริมฝีปากบางเม้มแล้วปล่อย  ปล่อยแล้วเม้ม  อย่างไม่รู้จะพูดอะไรต่อ...วางใจได้ไม่เท่าไรก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว  ในสุภาษิตก็บอกไว้...ขว้างงูไปให้พ้นคอ  นี่ยังไม่ทันคิดหาวิธีขว้างเลย  ก็เปิดประตูเข้ามายืนรอให้งูเข้ามากัดเองเสียอย่างนั้น

   มือใหญ่ยกขึ้นเขี่ยติ่งหูต้นน้ำเล่นเบาๆ  “ที่ผ่านมา...อะไรที่ลืมไปแล้วก็ลืมมันไป  แต่ต่อจากนี้...ห้ามลืม!” ความทรงจำน่ะ...สร้างใหม่เมื่อไรก็ได้   ดวงหน้าคมโน้มลงมาใกล้  ใกล้...จนไม่มีช่องว่างเหลืออยู่ระหว่างริมฝีปากนุ่ม  มือเรียวยกขึ้นจับข้อมือใหญ่ที่กุมต้นคอเขาไว้  อีกมือก็รั้งเอวสอบให้เข้ามาใกล้กว่านี้  ริมฝีปากบางเผยอออกปล่อยให้คนที่เป็นฝ่ายที่รุกล้ำเข้ามาได้ขบไล้โลมเลียตามใจปรารถนา  เนิ่นนานราวกับจะไม่มีวันจบสิ้น...นทีถึงได้ถอนริมฝีปากออก  “ทีนี้รู้ตัวหรือยัง...ว่าอกหักจากใคร?”

   ต้นน้ำช้อนดวงตาฉ่ำปรือเต็มไปด้วยความหวานจากรสจูบเมื่อสักครู่นี้ขึ้นสบสายตาคมวาวหวามก่อนหลุบตาลงอีกครั้ง  “อืม...รู้แล้ว”  ใบหน้าหล่อก้มลงต่ำอีกครั้ง  แต่รอบนี้ต้นน้ำถอยตัวเองออก “ก็บอกว่ารู้แล้ว”

   “ก็กลัวลืม  ยังไม่ได้กินเลซิตินเลย”

   “ไม่ลืมหรอกน่า” ต้นน้ำตอบพลางเสใบหน้าแดงก่ำไปทางอื่น

   นทีรวบร่างต้นน้ำเข้ามาในอ้อมกอด  ซึ่งต้นน้ำก็ยินยอมแต่โดยดี  แม้จะไม่ได้กอดตอบ...แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน “แล้วนายล่ะ คิดยังไง? เสียงทุมกระซิบริมหู

   “คิดว่า...หิวจัง” 

   นทียังไม่ยอมปล่อย  กระชับอ้อมแขนแกร่งให้แน่นขึ้นแล้วก้มลงไปสูดกลิ่นจากต้นคอของต้นน้ำ “แป๊บนึง คิดถึง”  เสียงทุ้มแผ่วที่กระซิบคำหวานเบาๆ ทำให้คนบางคนตัวจะแตก  หัวใจของต้นน้ำเต้นรัวเร็วจนไม่จนยากที่สงบลงได้ 





เบื้องหน้าของต้นน้ำมีจานข้าวมันไก่ที่นทีซื้อมาฝาก  และขวดพลาสติกบรรจุอาหารเสริมบำรุงสมอง เลซิติน  มันเป็นความสุขผสมกับความเศร้า  ได้ของฝาก...แต่เหมือนโดนด่าไปในตัว  แต่ต้นน้ำก็หิวเกินกว่าจะใสใจเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ เขาจัดการเทข้าวมันไก่ใส่จานของตัวเองแล้วตักเข้าปาก  ถ้าเป็นยามปกติ...รสชาติของมันน่าจะเรียกว่าธรรมดาๆ พอกินได้  แต่ในยามที่หิวมาก...เรียกได้ว่าสวรรค์โปรดเลยทีเดียว  และคงจะดีมาก  ถ้า...

   ต้นน้ำเหลือบตามองไปยังคนที่นั่งฟุบลงไปกับโต๊ะ  เอียงหน้าส่งตาแป๋วมาทางเขา 

   “ไม่กินเหรอ?”  ต้นน้ำถามเพราะเห็นนทีซื้อมาสองถุง

   “กินแล้ว  ซื้อมาเผื่อนาย  กลัวนายไม่อิ่ม”

   ต้นน้ำกลืนข้าวมันไก่ลงคอ  “งั้นก็หันไปทางอื่นสิ  มองอยู่ได้” 

   “ก็กินไปสิ  เกี่ยวอะไรกันล่ะ”  สิ่งหนึ่งที่นทีเรียนรู้จากบทเรียนครั้งนี้...หากอยากเข้าใกล้ต้นน้ำ สิ่งที่เขาต้องทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือ หน้าด้าน!

   ต้นน้ำตักข้าวมันไก่กินอีกคำก็เหลือบไปมองนทีอีกครั้ง   เขาทำใจกินทั้งที่มีคนจ้องแบบนี้ไม่ได้จริงๆ  โดยเฉพาะคนที่เพิ่งผ่านการจูบกันมาหมาดๆ 

   “ข้าวติดปากแน่ะ” นทีบอกพลางเอื้อมมือจะหยิบออกให้ 

   “ตรงไหน?”  ต้นน้ำถามเพราะเขาไม่รู้สึกเลยว่ามีเม็ดข้าวติดริมฝีปากเขาตรงไหน  ช่วงระยะเวลาไม่ถึงเสี้ยวนาที  จากที่นอนฟุบอยู่...นทีก็ลุกขึ้นมา  มือใหญ่ก็เปลี่ยนไปจับที่ปลายคาง  ลิ้นชื้นตวัดเลียใต้ริมฝีปากต้นน้ำแผ่วเบา

   ตู้มมมม...อะไรที่เก็บซ่อนมาแตกละเอียดเป็นผุยผง  มาดที่เก๊กไว้หลุดลุ่ยกระเจิดกระเจิง    ต้นน้ำมองใบหน้าที่ละออกไปตาค้าง  เหมือนเวลาหยุดลง  แม้กระทั่งหายใจก็ยังลืมว่าทำยังไง

   “ข้าวมันไก่อร่อยดีเนอะ”

   ต้นน้ำเริ่มกลับมาหายใจอีกครั้งหลังจากได้ยินเสียงนที  ดวงโตคู่สวยกระพริบๆ  ก่อนเสมองจานข้าวมันไก่ของตัวเอง  “ไม่เห็นอร่อยเลย  มีที่อร่อยกว่านี้อีก”  ต้นน้ำบอกด้วยน้ำเสียงติดจะเคืองเล็กน้อย  นทีจะมาทำแบบนี้กับเขาบ่อยๆ ไม่ได้นะ  หัวใจหยุดเต้นบ่อยๆ  โรคหัวใจจะมาเยือนเข้าสักวัน

   “หา” นทีทำหน้าแปลกใจอย่างจริงใจ ดวงตาคู่คมวาววับ “มีที่อร่อยกว่านี้อีกเหรอ?  ชักอยากกินแล้วสิ” 

   ต้นน้ำ “.....”  เขาหมายถึงข้าวมันไก่  นทีก็หมายถึงข้าวมันไก่ใช่ไหม?  งานนี้ต้นน้ำจะไม่ตอบโต้  วันนี้เขาฟอร์มตกสุดๆ  พูดอะไรก็ดูเหมือนจะเข้าตัวไปหมด  ในขณะที่นทีมาอย่างเหนือ...ท็อปฟอร์มสุดๆ  เขี่ยบอลกี่ครั้ง...ก็เข้าโกลตลอด

   Rrrr…Rrrr…
    สียงโทรศัพท์ของนทีดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต  ต้นน้ำจ้วงข้าวมันไก่เข้าปากอย่างไม่กลัวติดคอตาย  ถ้าขืนปล่อยนาทีทองนี้ไป  คืนนี้กินข้าวไม่เสร็จแน่

   “ฮัลโหล” นทีรับสาย 

   [ มึงอยู่คอนโดเปล่าวะ?  กูกำลังจะผ่านคอนโดมึง  กูปวดขี้...ขอแวะขี้หน่อย ] เม่นพูดมาตามสาย

   “ไม่อยู่  อยู่บ้าน” นทีตอบกลับ

   [ อ๋อ...เออ  โอเค  แค่นี้นะ  กูหาที่ขี้ก่อน]  เม่นรีบวางสาย

      


หลังจากนัดเจอกันที่ร้านเบเกอรี่ใกล้มหา’ลัยแล้ว  องค์กรสานสัมพันธ์ระหว่างนทีและต้นน้ำก็ย้ายมาหาข้าวกินที่ร้านอาหารใกล้มหา’ลัย

   เสียงไลน์ที่โทรศัพท์มือถือของทุกคนดังขึ้นพร้อมกัน

องค์กรลับสุดๆ 
_______________________________
Supermen : นทีกลับบ้านแล้ว
 
   “สวรรค์โปรด”  ขิงกุมสองมือตัวเองไว้ที่อก  เงยหน้ามองฟ้าตาพราวขอบคุณเทวดาที่ช่วยให้เขาไม่ต้องเจอกับสิ่งมีชีวิตที่ไร้ชีวิตอย่างต้นน้ำในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาอีก

   “อย่าเพิ่งดีใจไป  กลับบ้านแล้ว...อาจจะไม่ได้ดีกันก็ได้  รอดูอาการพรุ่งนี้ก่อน”  เนมเตือน  ใช่ว่าทุกคู่ที่คุยกันแล้วจะเคลียร์กันได้เสมอไป  หลายคู่ที่ยิ่งเคลียร์...ก็เหมือนยิ่งปาระเบิดใส่กัน  เสียหายกันไปทั้งคู่

   “ดับความฝันกูหมดเลยมึง”  ขิงหน้าเจื่อนลง

   “มันอาจจะไม่ไปมหา’ลัยก็ได้นะโว้ย” เอื้องฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์

   “ทำไมอ่ะ?”

   “คืนนี้อาจจะ...เคลียร์กันดึกหน่อย”  เอื้องฟ้าตอบด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่มคิกคัก  หากว่าสองคนนั้น...  คิดไปเอื้องฟ้าก็เขินจนตัวบิด  ตีแขนขิงดังเผียะ





ต้นน้ำกินข้าวมันไก่สองห่อเสร็จเรียบร้อย  อิ่มหมีพีมันและอารมณ์ดี  เขาเก็บจานไปล้างโดยมีนทีมายืนเล่นโทรศัพท์เฝ้าอยู่ข้างๆ  อึดอัดอย่างที่สุดที่มีคนคอยตามทุกฝีก้าว  แต่เป็นความอึดอัดที่ค่อนข้างแปลก  แปลก...ที่เขาก็อยากอึดอัดอยู่แบนี้  แปลก...ที่เขายอมอึดอัดโดยไม่ไล่นทีไป 

   ต้นน้ำล้างจานเสร็จก็เดินไปเปิดทีวีแล้วหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา  นทีก็ตามลงมานั่งใกล้ๆ  ใกล้มากจนไหล่เบียดกัน  อึดอัดอีกแล้ว  ต้นน้ำขยับตัวนิดหน่อย  ไม่ได้ขยับตัวหนี...แต่ขยับตัวให้ไหล่ทั้งสองข้างเบียดกันได้สบายยิ่งขึ้น 

   ต้นน้ำฉวยโอกาสตอนที่นทีเล่นมือถือโดยไม่เงยหน้าขึ้นมาแอบสำรวจตามใบหน้าหล่อเหลา  เหมือนเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย  จมูกก็เหมือนเดิม  ตาก็เหมือนเดิม ปากก็เหมือนเดิม  แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรที่ทำให้ใบหน้านั้นเหมือนดึงดูดสายตามากขึ้น

   “เก็บค่ามอง หนึ่งจูบ”  นทีบอกทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากมือถือ

   “แล้วทีนายมองเราเมื่อกี้นี้ล่ะ?”

   “เดี๋ยวจ่ายให้หนึ่งจูบ”

   ต้นน้ำทำเสียงหึในลำคอ  ทำไมจะไม่มีอะไรเปลี่ยน...นิสัยนี่ไงล่ะ  ไม่เจอกันแค่อาทิตย์เดียว...ทำไมนิสัยถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ  “ไม่ต้องจ่ายหรอก  หายกัน”

   “ไม่หาย  จะหายได้ยังไง?  ไม่จูบ...กับผลัดกันจูบ  มันเหมือนกันตรงไหน?” นทียอมละสายตาออกจากมือถือมามองต้นน้ำด้วยสายตาคาดคั้น 

   “งั้นก็จ่ายเป็นอย่างอื่นแล้วกัน”

   “ไม่เอา  หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง  ตกลงไหม?”

   “ไม่ตกลง  ข้อตกลงนี้มันเสียเปรียบชัดๆ  ใครจะไปเอา” 

   “เสียเปรียบตรงไหน?”  นทีมองต้นน้ำแบบงงๆ  “นายได้จูบเรา  เราได้จูบนาย  ได้ทั้งคู่  วิน-วิน” 

   ต้นน้ำ “.....”  ใช้เวลาสักพักต้นน้ำถึงได้ตั้งสติได้ “ไม่คุยด้วยแล้วนะ ไปนอนดีกว่า”  ต้นน้ำปิดทีวีแล้วเดินขึ้นห้อง 

   “ให้ติดไว้ก่อนก็ได้  ไว้ค่อยเหมาจ่ายทีเดียว” นทีเดินตาม  ตามติดๆ แทบจะประชิดทุกฝีก้าว 

   จนถึงหน้าประตูห้องนอน  ต้นน้ำก็หันกลับมา  นิ้วเรียวทำเหมือนวาดรูปไล่ไปตามขอบประตู  “เส้นนี้...ห้ามเข้า”

   แต่นทีที่เพิ่มระดับความหน้าด้านมาแล้ว  มีหรือจะหวั่นเกรง  มือขาวดันอกต้นน้ำเข้าไป  แล้วตัวเองก็เข้าไปตาม “นี่เรียกว่า...ล้ำเส้น”

   “ห้ามล้ำเส้นด้วย”  ต้นน้ำบอกเสียงแข็ง

   “ห้ามล้ำด้วยเหรอ?” ร่างสูงเดินถอยหลังออกไปอยู่หน้าประตู  แต่ก็คว้าแขนคนขีดเส้นให้เดินตามมาด้วย “งั้นเรารออยู่นอกเส้นนะ”  นทีบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  เดาไม่ออกว่ารู้สึกยังไงกัน  แต่ความรู้สึกผิดกลับจี๊ดขึ้นในอกของต้นน้ำ 

   “.....” ต้นน้ำพูดอะไรไม่ออก

   มือที่กำข้อมือต้นน้ำไว้ออกแรงกระตุกนิดเดียวเพื่อดึงให้เขาเข้าใกล้  มือหนึ่งโอบหลังเขาไว้  อีกมือลูบที่กรอบหน้าเขาแผ่วเบา  “สำหรับนายแล้ว...เราไม่มีเส้น  นายจะเข้ามาเมื่อไรก็ได้”

   เสียงทุ้มนุ่มของนทีราวกับปลอบประโลมความรู้สึกหลากหลายที่แข่งกันเต้นระบำอยู่ในอกของต้นน้ำให้สงบลง  ดวงตาที่มองตรงมาบ่งบอกถึงความจริงใจ 

   วูบหนึ่งที่นทีเห็นความกังวลใจฉายขึ้นในแววตาของต้นน้ำ  เขาทำได้แค่โอบกระชับร่างในอ้อมแขนให้แน่นขึ้นก่อนปล่อยให้ต้นน้ำเดินเข้าห้องไป  “ฝันดีนะ” 

   หากเขาหาทางเข้าไปในห้องไม่ได้  เขาก็ได้แต่หวังว่าเจ้าของห้องจะหาทางเปิดประตูออกมาหาเขาเอง





ต้นน้ำตื่นแต่เช้าเดินลงบันไดมาในชุดนักศึกษาพร้อมแล้ว  เจอนทีที่อยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนกันยืนหันหลังอยู่ที่เคาน์เตอร์ห้องครัว 

   “ทำอะไรน่ะ?”  ต้นน้ำถามก่อนไปยืนริมเคาน์เตอร์ข้างนที

   นทียื่นแก้วน้ำส้มคั้นให้ 

   “ทำเองเหรอ?”  ต้นน้ำถามพร้อมกับรับแก้วน้ำส้มมาดื่ม

   “หึ”  นทีส่ายหน้า  “ป้าแม่บ้านทำไว้ให้  แต่นี่ทำเอง” เขายื่นจานขนมปังปิ้งให้ต้นน้ำ

   ต้นน้ำรับมา  ทั้งสองคนยืนพิงเคาน์เตอร์กินขนมปังปิ้งเคียงข้างกัน

   “เดี๋ยวไปรถคันเดียวกันนะ”  นทีชวน

   “แต่ตอนเย็นเราเลิกช้านะ”

   “ไม่เป็นไร  รอได้” 

   “มันจะเหนื่อยหรือเปล่า?  นายทำเหมือนเดิมเถอะ”

   “เหมือนเดิม?  ทำยังไงล่ะ?  ก็มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”  นทีพลิกตัว  ใช้สองมือเท้ากับเคาน์เตอร์ค่อมต้นน้ำ  มือใหญ่ดีดหน้าผากต้นน้ำ  ไม่แรงมาก...แต่ก็แรงพอที่จะจะทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย “ตื่น!  ฝันอะไรอยู่?  อยากได้น้องชายดีๆคนเดิมเหรอ?  ไม่มีอีกแล้ว  เหลือแต่แฟนดีๆ นี่แหละ  เอาไหม?”

   ต้นน้ำเม้มปาก  ตาวาว  “.....”  ไม่เอาโว้ย!  เขาอยากตะโกนใส่หน้าหล่อๆ ให้หงายไปเลย  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะอีกใจก็ตะโกนกลับมาเหมือนกันว่า ‘เอา’  เขาไม่แน่ใจว่าจิตใจฝั่งไหนตะโกนดังกว่ากัน   

   นทีหัวเราะให้กับความดึงดันของต้นน้ำ  “เป็นแฟนกันไหม?”

   ต้นน้ำกัดขนมปังค้าง  ตาคู่สวยเหลือบสบตาคมที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าเขา  แต่ได้แค่เพียงชั่วแวบเดียวก็หลบสายตา  สีระเรื่อแล่นจับบนแก้มนวล  เขาขยับหนีตามสัญชาติญาณ  แต่ขยับซ้ายก็ติดแขน  ขยับขวาก็ติดแขน  และคนที่ล็อคเขาไว้ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ  วิธีเดียวที่จะหลบเลี่ยงได้คือหันหลังหนี  แต่หันหลังหนีก็ใช่จะพ้น  มือแกร่งเลื่อนจากเคาน์เตอร์มาโอบรอบเอวเขาแทน   อกแน่นๆ ของนทีแนบอยู่กับแผ่นหลังเขา  รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ อยู่หลังใบหู 

   ต้นน้ำยืนนิ่งให้กอด   แค่นี้นทีก็ยิ้มออกแล้ว  เมื่อคืน...ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน  ต้นน้ำก็ดูจะหลบเลี่ยงเขาไปซะทุกอย่าง  ไม่สบตา  เก้ๆ กังๆ  หากจะว่าเขาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักแล้ว  ต้นน้ำดูท่าจะอาการหนักกว่า  อย่างน้อย...เขาก็ยังใกล้ชิดผู้หญิงมาบ้าง  แต่คนที่นอกจากบ้านแล้ว  ก็มีแค่มหา’ลัยกับร้านอาหารอย่างต้นน้ำ  จะเอาเวลาที่ไหนไปสานสัมพันธ์กับคนอื่น    และต่อจากนี้...ต่อให้ต้นน้ำอยากจะไปสานสัมพันธ์กับใคร  ก็คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว 
   
   เขากดจูบลงไปบนใบหูแดงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  “ไม่ตกลงเป็นแฟนกันสักที  ถ้าทนไม่ไหว...ให้ทำยังไงล่ะ?”

   ต้นน้ำ “.....” ทน ไม่ ไหว คือ อะ ไร? ทน อะ ไร? สมองเขาเหมือนทำงานช้ามาก  ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่เมื่อเทียบกับอัตราการเต้นของหัวใจ 

   “ปล้ำนะ” เสียงทุ้มช่วยตอบคำถามในใจเขา “ปล้ำก่อน  แล้วค่อยเป็นแฟนกันทีหลัง”

   ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วเกินไป  ทำให้มือสั่น  ร่างโปร่งเผ่นผลุงออกจากอ้อมกอดหลวม  ก่อนตะโกนโดยไม่หันหลังกลับมา  “ไปเรียนเถอะ  สายแล้ว”  สิ้นสุดประโยคสุดท้าย...ต้นน้ำก็อยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว 

   ประตูบ้านปิดลง  ทุกอย่างเงียบงัน  แม้แต่เสียงตะโกนก็ไม่มีแล้ว

   แม้แต่กระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็ยังไม่หยิบไป 

   หนีเก่งนัก...หนีให้ได้ตลอดเถอะ  นทีโคลงศีรษะก่อนหยิบกระเป๋าทั้งของตัวเองและของต้นน้ำเดินตามออกไป 

   


----------- อ่านต่อด้านล่าง -----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 30-10-2019 13:24:31
----------- ต่อจากด้านบน ตอนที่ 18 -----------


ต้นน้ำตื่นแต่เช้าเดินลงบันไดมาในชุดนักศึกษาพร้อมแล้ว  เจอนทีที่อยู่ในชุดนักศึกษาเหมือนกันยืนหันหลังอยู่ที่เคาน์เตอร์ห้องครัว 

   “ทำอะไรน่ะ?”  ต้นน้ำถามก่อนไปยืนริมเคาน์เตอร์ข้างนที

   นทียื่นแก้วน้ำส้มคั้นให้ 

   “ทำเองเหรอ?”  ต้นน้ำถามพร้อมกับรับแก้วน้ำส้มมาดื่ม

   “หึ”  นทีส่ายหน้า  “ป้าแม่บ้านทำไว้ให้  แต่นี่ทำเอง” เขายื่นจานขนมปังปิ้งให้ต้นน้ำ

   ต้นน้ำรับมา  ทั้งสองคนยืนพิงเคาน์เตอร์กินขนมปังปิ้งเคียงข้างกัน

   “เดี๋ยวไปรถคันเดียวกันนะ”  นทีชวน

   “แต่ตอนเย็นเราเลิกช้านะ”

   “ไม่เป็นไร  รอได้” 

   “มันจะเหนื่อยหรือเปล่า?  นายทำเหมือนเดิมเถอะ”

   “เหมือนเดิม?  ทำยังไงล่ะ?  ก็มันไม่เหมือนเดิมแล้ว”  นทีพลิกตัว  ใช้สองมือเท้ากับเคาน์เตอร์ค่อมต้นน้ำ  มือใหญ่ดีดหน้าผากต้นน้ำ  ไม่แรงมาก...แต่ก็แรงพอที่จะจะทำให้รู้สึกเจ็บนิดหน่อย “ตื่น!  ฝันอะไรอยู่?  อยากได้น้องชายดีๆคนเดิมเหรอ?  ไม่มีอีกแล้ว  เหลือแต่แฟนดีๆ นี่แหละ  เอาไหม?”

   ต้นน้ำเม้มปาก  ตาวาว  “.....”  ไม่เอาโว้ย!  เขาอยากตะโกนใส่หน้าหล่อๆ ให้หงายไปเลย  แต่ก็ทำไม่ได้  เพราะอีกใจก็ตะโกนกลับมาเหมือนกันว่า ‘เอา’  เขาไม่แน่ใจว่าจิตใจฝั่งไหนตะโกนดังกว่ากัน   

   นทีหัวเราะให้กับความดึงดันของต้นน้ำ  “เป็นแฟนกันไหม?”

   ต้นน้ำกัดขนมปังค้าง  ตาคู่สวยเหลือบสบตาคมที่ไม่ละสายตาจากใบหน้าเขา  แต่ได้แค่เพียงชั่วแวบเดียวก็หลบสายตา  สีระเรื่อแล่นจับบนแก้มนวล  เขาขยับหนีตามสัญชาติญาณ  แต่ขยับซ้ายก็ติดแขน  ขยับขวาก็ติดแขน  และคนที่ล็อคเขาไว้ก็ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ  วิธีเดียวที่จะหลบเลี่ยงได้คือหันหลังหนี  แต่หันหลังหนีก็ใช่จะพ้น  มือแกร่งเลื่อนจากเคาน์เตอร์มาโอบรอบเอวเขาแทน   อกแน่นๆ ของนทีแนบอยู่กับแผ่นหลังเขา  รู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ อยู่หลังใบหู 

   ต้นน้ำยืนนิ่งให้กอด   แค่นี้นทีก็ยิ้มออกแล้ว  เมื่อคืน...ไม่ว่าจะขยับไปทางไหน  ต้นน้ำก็ดูจะหลบเลี่ยงเขาไปซะทุกอย่าง  ไม่สบตา  เก้ๆ กังๆ  หากจะว่าเขาไม่มีประสบการณ์เรื่องความรักแล้ว  ต้นน้ำดูท่าจะอาการหนักกว่า  อย่างน้อย...เขาก็ยังใกล้ชิดผู้หญิงมาบ้าง  แต่คนที่นอกจากบ้านแล้ว  ก็มีแค่มหา’ลัยกับร้านอาหารอย่างต้นน้ำ  จะเอาเวลาที่ไหนไปสานสัมพันธ์กับคนอื่น    และต่อจากนี้...ต่อให้ต้นน้ำอยากจะไปสานสัมพันธ์กับใคร  ก็คงไม่มีโอกาสนั้นแล้ว 
   
   เขากดจูบลงไปบนใบหูแดงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  “ไม่ตกลงเป็นแฟนกันสักที  ถ้าทนไม่ไหว...ให้ทำยังไงล่ะ?”

   ต้นน้ำ “.....” ทน ไม่ ไหว คือ อะ ไร? ทน อะ ไร? สมองเขาเหมือนทำงานช้ามาก  ยิ่งช้าเข้าไปใหญ่เมื่อเทียบกับอัตราการเต้นของหัวใจ 

   “ปล้ำนะ” เสียงทุ้มช่วยตอบคำถามในใจเขา “ปล้ำก่อน  แล้วค่อยเป็นแฟนกันทีหลัง”

   ด้วยอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วเกินไป  ทำให้มือสั่น  ร่างโปร่งเผ่นผลุงออกจากอ้อมกอดหลวม  ก่อนตะโกนโดยไม่หันหลังกลับมา  “ไปเรียนเถอะ  สายแล้ว”  สิ้นสุดประโยคสุดท้าย...ต้นน้ำก็อยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว 

   ประตูบ้านปิดลง  ทุกอย่างเงียบงัน  แม้แต่เสียงตะโกนก็ไม่มีแล้ว

   แม้แต่กระเป๋าตัวเองที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ก็ยังไม่หยิบไป 

   หนีเก่งนัก...หนีให้ได้ตลอดเถอะ  นทีโคลงศีรษะก่อนหยิบกระเป๋าทั้งของตัวเองและของต้นน้ำเดินตามออกไป 

   





“นายลงไปรับดิวสิ”  นทีบอกคนข้างๆ  เมื่อรถญี่ปุ่นของต้นน้ำแล่นมาจอดหน้าบ้านดิว

   “เราเหรอ?”  ต้นน้ำชี้ตัวเอง  มันก็แปลกๆ อยู่นะถ้าเขาเป็นคนลงไปรับดิว 

   “หรือจะให้เป็นเรา?”

   ดิวเจ็บขา...ต้องพยุงกันด้วยนี่  “เราก็ได้  เห็นว่าเป็นคนขับรถหรอกนะ” 

   นทียักคิ้วให้ต้นน้ำ  ส่งยิ้มตามหลังคนที่ปลดเข็มขัดลงจากรถไป  เขาเคยคิดไปได้ยังไงว่าที่ผ่านมา...ต้นน้ำรังเกียจเขา  หากรังเกียจคงไม่ยอมให้เขาจูบแน่  ต้นน้ำขี้อายและปากแข็งยิ่งกว่าที่คิด  นทียิ้มกับตัวเองก่อนหันสายตามายังหน้ารถ  มีก้อนกลมๆ สีน้ำตาลเล็กๆ  ปรากฏอยู่ตรงกระโปรงรถ  เขาเปิดประตูรถลงไปดูเจ้าหอยทากตัวน้อยที่ไม่รู้ว่าเกาะมาตั้งแต่เมื่อไร  เจ้าตัวน้อยไม่ยอมขยับเขยื้อน...ไม่รู้ว่าขี้เกียจหรือเกาะจนเหนื่อยแล้ว 
 
   “ไปหาแฟนเหรอ?  บอกมาซิ...อยู่ตรงไหน? จะพาไปส่ง”  มือใหญ่หยิบมันขึ้นมาแล้วพาหอยทากน้อยลงไปส่งในร่มใต้ต้นไม้  ตัวเล็กแค่นี้...มีขาก็เดินยากแล้ว  แล้วนี่ยังต้องคลานกระดืบๆ อีก...เมื่อไรจะถึงจุดหมาย? 

   “ทำอะไร?”  ต้นน้ำถามเมื่อพยุงดิวมาถึงรถ

   นทีไม่ตอบแต่ออกคำสั่งแทน  “ขึ้นรถเถอะ  ร้อน”

   “ร้อนแล้วจะลงมาทำไมเล่า?”  ต้นน้ำบ่นก่อนเปิดประตูด้านหลังให้ดิวขึ้นไปนั่งก่อน 

   นทีเดินมาเปิดประตูรถ “หมายถึงกลัวนายจะร้อนต่างหากล่ะ”
   
   ดิวรู้สึกแปลกใจตั้งแต่ที่เห็นรถต้นน้ำมาจอดที่หน้าบ้าน  และคนที่เดินลงมารับเขาคือต้นน้ำแล้ว  แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไรเพราะรู้ดีว่าสองคนนี้อยู่บ้านเดียวกัน  จวบจนที่เขาได้มาเจอนที  เขาก็แน่ใจว่าคนที่นทีชอบน่าจะเป็นต้นน้ำจริงๆ  สายตาแข็งกระด้างของนทีเมื่อวานนี้หายไปหมดแล้ว  แม้จะรู้สึกวูบๆ อยู่บ้าง  แต่ดวงตาแวววาวราวกับยิ้มได้ของนที...มันก็ดีกว่าจริงๆ


---------- tbc ----------

A's Talk :

เขากลับมาเจอกันแล้วคร้า 

จุดพลุ...ที่นิยายรายสัปดาห์ของเรา  ก็ยังเป็นรายสัปดาห์อยู่

เกือบไม่ทัน o6 
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 30-10-2019 13:57:16
ใช่แล้ว ยิ้มของนทีดีกว่าที่ผ่านมาจริงๆ ดิวตัดใจนะ
นทีต้องของต้นน้ำเท่านั้น
องค์กรลับสุดๆ
555 กดไลค์ให้แก๊งนี้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-10-2019 15:21:47
 :L2: :pig4:
องค์กร คงสบายใจได้นิดหนึ่งละ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 30-10-2019 16:15:09
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 30-10-2019 16:32:32
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-10-2019 17:38:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 30-10-2019 22:37:36
คนปากแข็งก็งี้แหละนที  :hao3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 31-10-2019 03:17:43
 :pig4: :pig4: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 31-10-2019 07:34:57
เดินหน้าจีบคนปากแข็งเต็มที่เลยนที เป็นกำลังใจให้จ๊ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-10-2019 12:11:54
องค์กรลุ้น   :z10:
คนอ่านยิ่งลุ้นกว่า .........   :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 18 ------ 30/10/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 02-11-2019 13:57:23
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 06-11-2019 13:38:05
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 19
หอยทากเดินช้า จับพาขึ้นเรือ






ในโรงอาหาร  ริวสะกิดเพื่อนให้ดูต้นน้ำที่เพิ่งเดินเข้ามา  ขิงกับเอื้องฟ้าเอียงหัวเข้าหากันทันที  “ออร่าแห่งความชั่วร้ายหายไปแล้วว่ะ” 

   “พวกมึงมองอะไรกู?”  ต้นน้ำนั่งลงข้างริว  และไม่รอคำตอบด้วย  ดวงตากลมเหลียวซ้ายแลขวาก่อนมองนาฬิกาข้อมือ  เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาเหลือก็รีบลุก  ตั้งใจว่าจะไปหาอะไรกิน  เมื่อเช้าเขากินขนมปังมาแผ่นเดียว  ขืนหิ้วท้องรอจนเรียนเสร็จ  อาจจะเป็นลมตายไปก่อนได้  แต่ยังไม่ทันได้ลุก...ก็ถูกริวรั้งไหล่ไว้ก่อน

   มือขาวแหวกคอเสื้อต้นน้ำก่อนยื่นหน้าเข้าไปใกล้เพื่อส่องดูภายใน 

   ต้นน้ำรีบดึงเสื้อกลับมาพร้อมกับกุมคอเสื้อเอาไว้แน่น  “อะไรของมึงวะ?” 

   “เปล่า  ช่วงนี้หัดมันระบาดน่ะ  กูเลยดูว่ามึงมีผื่นไหม?  เนี่ย...พวกกูดูกันหมดแล้ว  ทุกคนปลอดภัยดี”  ริวพยักเพยิดไปทางเพื่อนๆ  ซึ่งทุกคนก็เออออห่อหมกกันเป็นทีม

   ต้นน้ำมองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจก่อนก้มลงไปดูคอเสื้อตัวเองอีกที  “ไม่มี” 

   “เออๆ ดีแล้ว  มึงไปหาอะไรกินเถอะไป  เร็วๆ เลย  ใกล้ขึ้นเรียนแล้ว”

   ลับหลังต้นน้ำขิงก็ยื่นหน้าเข้าหาริว  “เป็นไงบ้างมึง?”

   “ไม่มีแม้แต่รอยยุงกัด” 

   “แล้วยังไงวะเนี่ย?”

   เอื้องฟ้าไถทวิตเตอร์  “อื้อหือ  สามพีว่ะมึง”  เป็นรูปนทีจูงดิวลงมาจากรถของต้นน้ำ  ส่วนต้นน้ำสลับไปเป็นคนขับรถ 

   “จะกี่พีก็ช่าง  อย่าปล่อยให้มันมานั่งอมทุกข์ใกล้ๆ กูก็พอ” ขิงบอก “มันทะเลาะกันอีกที  กูจะเลิกคบมันด้วย” ช่วงที่ผ่านมาเขาเหนื่อยใจเหลือเกิน   แค่มองหน้าต้นน้ำ...ความสดใสก็บินหายไปแล้ว  ตอนนี้อยู่ในช่วงเรียกความมีชีวิตชีวากลับคืนมา  ขอใช้ชีวิตช่วงนี้ให้เต็มที่สักหน่อยเถอะ 

   “ขิง...วันนี้มึงไปดูบาสกับกูใช่ป่ะ?” เอื้องฟ้าถาม

   “ไม่ไป”

   “ได้ไง?  ก็มึงนัดกูไว้แล้ว  แล้วกูก็นัดพี่ที่เจอกันที่สนามบอลเมื่อวานไว้แล้วด้วย”  ตอนที่ไปดูนักบอลหน้าเข้มเมื่อวาน  ในขณะที่เปิดโอกาสให้ขิงคุยกับต้นน้ำ  เอื้องฟ้าก็ลงไปจับกลุ่มกับรุ่นพี่คณะนิเทศกรี๊ดผู้ชายด้วยกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง  คุยไปคุยมาถึงได้รู้ว่าจะไปดูชมรมบาสซ้อมแข่งเหมือนกัน  จึงได้นัดกันไว้

   “กูส่งไอ้น้ำเป็นตัวแทนไปไง”

   ต้นน้ำเดินถือจานข้าวเข้ามาพอดี 

   “ไอ้น้ำ  วันนี้มึงอย่าลืมไปดูบาสเป็นเพื่อนอีเอื้องมันนะ”  ขิงถือโอกาสเตือนความจำต้นน้ำอีกครั้ง

   “อ๋อ เออ”  ต้นน้ำตอบรับก่อนรีบกินข้าว  เหลือเวลาอีกไม่มากก็ต้องเข้าเรียนแล้ว   “เชี่ย  กูลืมว่ากูนัดนทีไว้  มันเลิกเร็วกว่าเราอยู่แล้วด้วย  มึงโทรบอกมันให้กูหน่อยดิ  ว่าให้มันกลับไปก่อนเลย”

   เอื้องฟ้ากรีดกรายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา  ก่อนกดเบอร์นที  รออยู่สักพัก  นทีถึงรับสาย

   [ฮัลโหล]

   “นที  วันนี้กลับไปก่อนเลยนะ  ไม่ต้องรอไอ้น้ำ”  ระหว่างที่เอื้องฟ้าพูด  ต้นน้ำก็รีบทำเวลา  ตักข้าวใส่ปากแล้วเคี้ยว  เคี้ยวแล้วตักด้วยความเร็วสูง  บางคำก็ไม่เคี้ยว  กลืนได้ก็กลืนไปก่อน

   [ทำไมล่ะ?]

   “เดี๋ยวมันต้องไปดูผู้ชายกับกู  แค่นี้ก่อนนะ” เอื้องฟ้ากดวางสาย  แล้วหันไปบอกต้นน้ำ “ไอ้น้ำ  เร็วมึง  อีกสองนาทีจะเข้าเรียนแล้ว”

   “.....”  ต้นน้ำไม่ตอบ  รีบกินจนจุกไปหมดแล้ว  หากเร็วกว่านี้คือตายสถานเดียว

   [.....]  เอื้องฟ้าวางสายไปแล้ว  แต่อีกฝั่งของสายโทรศัพท์ยังถือโทรศัพท์ค้าง  ไปดูผู้ชาย  ไปดูผู้ชาย  ไปดูผู้ชายเหรอ?





ต้นน้ำส่งข้อความไปหานทีตอนพักเที่ยง  เพื่อจะไปเอากุญแจรถไปให้  แต่นทีตอบกลับมาว่าไม่ว่าง  เลิกเรียนตอนบ่ายสามจะเข้ามาหาเอง  ต้นน้ำจึงบอกเลขห้องเรียนช่วงบ่ายสามให้นทีไป  เปิดประตูห้องออกมาก็เจอร่างสูงใหญ่เจ้าของใบหน้าคมคายที่ดูยังไงก็หล่อขึ้นทุกวันยืนรออยู่หน้าห้อง 

   นทียิ้มกว้างก่อนเดินเข้ามาหา  ต้นน้ำล้วงกระเป๋าควานหากุญแจ 

   นทีคว้าแขนต้นน้ำลากเดินไปยังมุมลับตา 

   “ได้ข่าวว่า...จะ ไป ดู ผู้ ชาย”  เสียงเย็นเยียบกระซิบริมหูของต้นน้ำ  มือที่ล้วงกุญแจอยู่แข็งค้างอยู่ภายในกระเป๋า  ขนหูขนคอลุกชูชันเหมือนมีไอเย็นๆ ลากผ่านสันคอ

   “ก็...”  ต้นน้ำอึกอัก  จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนตัวเองทำอะไรผิดไป  “ไปเป็นเพื่อนอีเอื้อง  เมื่อวานสัญญากับมันไว้  ไอ้ขิงมันไม่ว่าง  มันให้ไปแทนมัน  มันไม่อยากให้เอื้องฟ้าไปคนเดียว  แล้วอีเอื้องมันก็อกหักอยู่ด้วย  เราก็อยากอยู่เป็นเพื่อนมัน  แล้ว...แล้ว...”  แล้วเขาทำอะไรผิดล่ะ?

   “แล้วอะไร?”  นทีถาม

   “แล้ว...แล้วไปไม่ได้เหรอ?”  ต้นน้ำคว้ากุญแจเจอแล้วยื่นไปให้นที

   “ไปที่ไหน?”  นทีรับกุญแจไว้  เสียงที่ถามยังเยือกเย็นเจือแววข่มขู่อยู่เล็กน้อย

   “ที่โรงยิม  ชมรมบาส”

   “รออยู่ที่โรงยิมนะ  เราไปส่งดิวก่อน  เดี๋ยววนกลับมารับ”

   “เสียเวลาน่ะ  นายกลับบ้านเลยก็ได้  เดี๋ยวเสร็จแล้วเอื้องจะไปส่ง”

   “ไม่เป็นไร  เดี๋ยวมารับ  อยากดูผู้ชายอยู่เหมือนกัน”

   ต้นน้ำ “.....”





“ฮัลโหล  สวัสดีค่ะคุณพี่”  เอื้องฟ้าโบกมือพลางส่งสียงทักทายกลุ่มรุ่นพี่ที่จับจองที่นั่งแถวเอลิสต์ติดขอบสนาม  มีทั้งผู้หญิงและกระเทยที่รู้จักกันเพราะมักจะเจอกันบ่อยๆ ตามงานกรี๊ดผู้ชาย 

   ต้นน้ำเดินตามหลังเอื้องฟ้าพลางเหลียวมองรอบๆ  คนดูค่อนข้างเยอะกว่าที่คิดไว้  เกือบเต็มทุกอัฒจันทร์เลยทีเดียว  อาจจะเป็นการแข่งสำคัญอะไรสักอย่างที่เขาก็ไม่รู้  ที่นั่งข้างๆ กลุ่มพี่สาวถูกจองไว้เผื่อเอื้องฟ้าและต้นน้ำสองที่  เอื้องฟ้านั่งติดกับพี่สาวที่รวบผมหางม้าหน้าตาค่อนไปทางน่ารักแบ๊วๆ คนหนึ่ง  ส่วนต้นน้ำก็นั่งถัดจากเอื้องฟ้าอีกที 

   “สวัสดีค่ะคุณน้อง” เหล่าพี่สาวน้องสาวจีบปากจีบคอฉอเลาะ  ดูไปก็คล้ายกลุ่มคุณหญิงคุณนายที่ชอบจับกลุ่มซุบซิบกันในละครหลังข่าว “แหม...พางานดีมาด้วยตลอดเลยนะคะ”  กลุ่มรุ่นพี่เหลือบไปทางต้นน้ำที่นั่งถัดไป  เมื่อวานพวกเธอเจอต้นน้ำแล้วครั้งหนึ่ง  แต่ต้นน้ำและขิงแยกไปนั่งด้วยกันค่อนข้างไกลกันพอสมควร  มีเพียงเอื้องฟ้าคนเดียวที่เข้ามานั่งรวมกลุ่มกับพวกเธอ

   “เพื่อนน่ะค่ะ  ไอ้น้ำ...มึงมารู้จักรุ่นพี่กูซิ”  แล้วคุณหญิงแม่ก็พาลูกชายมาเปิดตัวในวงสังคม  เอื้องฟ้าแนะนำให้ต้นน้ำรู้จัก  ในกลุ่มมีทั้งหมดห้าคน  กระเทยที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงชื่อพี่ดาด้า  ส่วนอีกคนเป็นเกย์ที่แต่งชุดนักศึกษาชายธรรมดาแต่ท่าทางออกจะตุ้งติ้งมากหน่อยชื่อพี่นพ  นอกนั้นเป็นผู้หญิงล้วน   พี่ใจดี...ท่าทางเหมือนเด็กเรียน  ใส่แว่น  ผมหน้าม้า  พี่ปุ้ย...สาวเปรี้ยวกับกระโปรงสั้นกุดที่มองทีไรก็รู้สึกเสียวฟันจี๊ดๆ  คนสุดท้าย...พี่นิดหน่อย  หญิงสาวที่นั่งข้างเอื้องฟ้า  เป็นผู้หญิงที่ดูธรรมดาที่สุดในกลุ่มนี้แล้ว

   “แล้วน้องขิงไปไหนล่ะ?”  พี่นิดหน่อยที่นั่งใกล้เอื้องฟ้าที่สุดถามขึ้น   

   “ตามผู้หญิงไปแล้วล่ะค่ะ”  เอื้องฟ้าตอบแต่สายตามองไปยังนักกีฬาที่เริ่มเดินเข้ามาในสนาม   

   นิดหน่อยไม่พูดอะไร  มือตบหลังเอื้องฟ้าเบาๆ  คล้ายปลอบใจ  แต่เอื้องฟ้าก็ไม่รู้ว่านิดหน่อยต้องมาปลอบอะไรเธอเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก

   “เอื้องชอบผู้ชายคนไหน?  บอกพี่เลยนะ  พี่จัดให้”  นิดหน่อยบอกเสียงเรียบ  “พี่มีประวัติทุกคน”

   “หูย  สุดยอด  น้องขอคารวะ” เอื้องฟ้าชื่นชมนิดหน่อยจากใจจริง  ด้วยใบหน้าธรรมดาไม่มีอะไรโดดเด่นของนิดหน่อย  แต่ใครจะรู้  ในมือกลับมีผู้ข้อมูลผู้ชายเพียบ

   นิดหน่อยพยักหน้าให้ยิ้มๆ 

   ต้นน้ำนั่งฟังที่สองสาวคุยกันเงียบๆ  นี่เป็นเรื่องที่ควรต้องชื่นชมกันเหรอวะ?





ขบวนนักกีฬาพากันเดินเข้ามาในสนาม  เสียงกรี๊ดลั่นโรงยิมเมื่อนักกีฬาคนหนึ่งเดินมาสมทบเป็นคนสุดท้าย  ใบหน้าค่อนข้างหล่อเฉี่ยวแบบหนุ่มเกาหลี  รูปร่างและท่วงท่าเหมาะที่จะเดินอยู่บนแคทวอล์กมากกว่าสนามบาส  เสื้อสีน้ำเงินสว่างเหมือนจะช่วยขับให้ผิวขาวจัดนั้นเปล่งประกายออกมาได้  เหล่าพี่สาวน้องสาวข้างตัวเขาสามัคคีกันกรี๊ดออกมาจนต้นน้ำรู้สึกเหมือนมีเสียงนกหวีดสะท้อนไปมาอยู่ในหู  ปลุกให้ต้นน้ำได้สติ...นี่เขามาดูผู้ชายจริงหรือเนี่ย?  สงสัยได้เชื้อจากเอื้องฟ้ามาเยอะ

   “คนนี้มึง  คนนี้  เด็กรัฐศาสตร์  หล่อ หรู  ดูดี  มีอนาคต”  เอื้องฟ้าบรรยายสรรพคุณชวนเชื่อ  ดูแล้วคล้ายเซลล์ขายเครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้าน  มือก็เขย่าแขนต้นน้ำอย่างตื่นเต้น  ดวงตาฉ่ำวาวเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม 

   “อ่อ เออ”  ต้นน้ำพยักหน้าเออออ  หากเอื้องฟ้าคิดจะขายของก็ควรดูกลุ่มเป้าหมายด้วยนะ  ไม่ใช่เอาที่คาดผมผูกโบว์ตุ้งติ้งมาขายเด็กผู้ชาย  ขายยังไงเขาก็ไม่อินไปได้  ถึงจะเผลอมองไปแวบหนึ่งก็เถอะ

   ตากลมใสเหลือบมองเพื่อนสาวที่มองยังไงก็มองไม่ออก...ว่าเพิ่งผ่านการอกหักมาสดๆ ร้อนๆ   ชนิดที่แผลยังไม่ทันตกสะเก็ดก็มานั่งกรี๊ดผู้ชายติดขอบสนามเสียแล้ว 

   เกมส์บาสยังไม่ทันเริ่ม  ต้นน้ำก็หยิบโทรศัพท์กับหูฟังขึ้นมาเล่นเกมส์ในมือถือรอ  ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร  เสียงเชียร์ยังคงดังขึ้นมาเป็นระลอกจวบจนกระทั่งมีเงาของใครคนหนึ่งบดบังแสงไฟ

   ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมอง

   “ไม่มีที่นั่งเลยอ่ะ  ออกไปนั่งข้างนอกเถอะ” นทีก้มลงบอกต้นน้ำ  แต่ต้นน้ำกลับบุ้ยใบ้ไปทางเอื้องฟ้า  ทำนองว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเอื้องฟ้าก่อน

   ร่างสูงของนทีทรุดนั่งลงบนพื้นตรงหน้าต้นน้ำก่อนเบียดตัวเข้าแทรกตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของคนที่นั่งอยู่ด้านบนแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง 

   ต้นน้ำดึงหูฟังออก  ก้มลงไปถามนทีใกล้ๆ เพื่อกันไม่ให้คนอื่นได้ยินคำถาม

   “ไหนว่าจะมาดูผู้ชายไง  นั่นไง...ดูเข้าไปสิ  ผู้ชายเต็มเลย” เขาเพยิดหน้าไปทางสนามบาส

   นทีเงยหน้าขึ้นมา  นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากมนของต้นน้ำเบาๆ “ก็ดูอยู่นี่  มาดูคนนี้”  ดวงตาคมสบเข้ากับดวงตาใส  ก็จะเอาคนนี้  จะไปดูคนอื่นทำไมให้เสียเวลากัน 

   เสียงกลองสะบัดชัยตีรัวอื้ออึงกลางหัวใจของต้นน้ำ  แม้ปราศจากรอยยิ้มแต่ดวงตากลับวาววับก่อนที่จะถอนใบหน้ากลับขึ้นมา  ไม่น่าเชื่อว่านทีจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้  ตั้งแต่กลับมาก็ชอบใช้ตำพูดแปลกๆ ที่ทำให้เขารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวอยู่เรื่อย

   คนที่นั่งอยู่เบื้องล่างเผลออมยิ้มตามไปด้วย  หน้าด้านหน้าทนมันดีอย่างนี้นี่เอง





กรรมการเป่าจบเกมส์แล้ว   พร้อมๆ กับที่กระเพาะของต้นน้ำก็ส่งสัญญาณเตือนเหมือนกัน

   “อีเอื้อง  ไปหาอะไรกินกันเปล่า?  กูหิวแล้ว”

   “เออ ไปดิ” เอื้องฟ้าตอบ  ใบหน้าคมสวยหันไปมองเหล่าพี่สาว  ตั้งท่าว่าจะขอตัวลากลับ  ทว่าเสียงแหลมเล็กของดาด้าดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

   “โอ๊ย  หิว”  เสียงของดาด้าดังกินวงกว้างราวๆ สิบที่นั่งรอบตนเอง  เผื่อแผ่มาถึงต้นน้ำและคนที่นั่งพิงต้นขาเขาอยู่ด้วย

   “กูก็หิวเหมือนกัน  ไป...เราไปหาอะไรกินกันเถอะ” นพคุณเสริมดาด้า  หนึ่งปีหนึ่งขลุ่ยเล่นประสานเป็นเพลงเดียวกัน

   “น้องเอื้อง  น้องน้ำ น้องนที  ไปด้วยกันนะคะ?” นิดหน่อยเอ่ยเสียงเรียบ  ดวงยิ้มหยีแสดงถึงความจริงใจอย่างที่สุด 

   ปี่พาทย์วงใหญ่เล่นลดเล่นเสริมกันอย่างลงตัวพลอยทำให้เอื้องฟ้าปฏิเสธไม่ลง  ลำพังตัวเธอเองก็ไม่เท่าไร  เพราะคุ้นเคยกับรุ่นพี่สาวๆ กลุ่มนี้ดี  เกรงใจแต่เพื่อนสองคนที่อุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อน

   “ไปก็ได้ครับ  ที่ไหนล่ะ?  วันนี้ผมอยากกินข้าวต้ม” พูดเหมือนจะขอความเห็นแต่ก็ใส่ความต้องการของตนเองลงไปด้วย  จากนั้นก็ตบท้ายด้วยรอยยิ้มใสซื่อไร้เดียงสาชนิดที่สามารถปลุกสัญชาติญาณความเป็นแม่ในตัวของหญิงสาวให้ตื่นขึ้นมาได้

   ใจดีอดเอ็นดูต้นน้ำไม่ได้ “ไปกินข้าวต้มก็ได้จ้ะ”

   “แต่กูอยากกินส้มตำ”  เอื้องฟ้าแย้ง  หมั่นไส้เพื่อนที่ควักรอยยิ้มหากิน  หน้าซื่อ  ตาใสออกมาหลอกลวงผู้คน

   “ใครเขากินส้มตำตอนนี้กันคะคุณน้อง  เดี๋ยวตอนกลางคืนจะปวดท้อง  กินข้าวต้มดีกว่าค่ะ  เชื่อคุณพี่นะคะ”  พูดจบปุ้ยก็โอบไหล่เอื้องฟ้า  กึ่งสนิทสนมกึ่งข่มขู่ไปในตัว 

   เอื้องฟ้าหน้าเหวอ  นี่น้องนะ!  สนิทกันมาก่อนด้วย  ทำไมใครๆ ถึงได้เข้าข้างต้นน้ำกันไปหมด  ขอพื้นที่ให้ชะนีตัวน้อยด้วย   





ร้านที่ทุกคนตกลงกันว่าจะไปไม่ค่อยมีที่จอดรถมากนัก  ทุกคนจึงลงความเห็นว่าจะเดินทางด้วยรถสองคัน  โดยมีรุ่นพี่นั่งไปกับเอื้องฟ้าสามคน  และแบ่งไปนั่งรถต้นน้ำอีกสองคน

   “น้องนทีกับน้องน้ำนี่เขาสนิทกันมากเลยเหรอ?” นิดหน่อยที่นั่งคู่ด้านหน้ากับเอื้องฟ้าเอ่ยปากถามขึ้นทันทีเมื่อขึ้นมาบนรถของได้ 

   “ค่ะ สนิทกันมาก” เอื้องฟ้าตอบคำถาม 

   “นี่  แล้วเขาเป็นแฟนกันหรือเปล่า?”  นพคุณโพล่งออกมาแบบที่ไม่ต้องมีปี่มีขลุ่ยนำร่อง  ตามเผือกเรื่องรักสี่เศร้าเราสี่คนของน้องๆ กลุ่มนี้มานานแล้ว  เมื่อมีโอกาสได้ถามคนวงใน  ใจก็ร้อนรนจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่

   “ไม่พี่  เพื่อนกัน!”  เอื้องฟ้าตอบขำๆ  อย่าคิดนะว่าเธอจะขายเพื่อน  ไม่มีทาง  จะขายทั้งทีก็ต้องมีอะไรมาแลกสิ  ไม่มีผลประโยชน์สักหน่อย  ใครจะขายกันล่ะ

   “แล้วน้องน้ำกับน้องริวนี่ก็เพื่อนใช่ไหม?”

   “เพื่อนสิพี่  เพื่อนกันทั้งนั้น”  ถ้านทีกับต้นน้ำยังเป็นแค่เพื่อน  ต้นน้ำกับริว...ก็ยิ่งไม่ต้องหวังเลย

   “ว่าแล้ว  กูว่าแล้ว”  ดาด้าตบมือผาง “ต้องนทีดิวสิ...คู่จริง”

   “นทีดิวก็เพื่อน  คนอื่นเขาคิดกันไปเองทั้งนั้นนะพี่”  เอื้องฟ้ายังคงแก้ตัวให้ทุกคน

   “แล้วทำไมนทีต้องไปรับไปส่งน้องดิวทุกวันด้วยล่ะ  ถ้าเขาไม่ได้ชอบกัน  เพื่อนน้องดิวก็มี”  ดาด้าไม่ยอมแพ้  ใจเชียร์น้องดิวคนสวยมาเนิ่นนาน  หน้าสวยขนาดนั้น  ถ้าลองจับใส่วิก  แต่งหน้าแต่งตัวเสียหน่อย  รับรองว่าต้องสวยเริ่ดชนิดที่มงมิสทิฟฟานี่ต้องลงแน่นอน 

   “เออ  อันนี้หนูก็ไม่รู้เขานะ”  ก็พอรู้มาอยู่บ้างว่าเกิดอุบัติเหตุ  นทีทำให้ดิวเจ็บเลยต้องเป็นคนดูแลรับส่ง  แต่ก็ไม่ได้รู้เบื้องลึกอะไรมากมาย “เขาเรียนวิศวะด้วยกัน  หนูอยู่คนละคณะ  ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก”

   “นี่จ้า” นพคุณหยิบโทรศัพท์มือถือให้ดูรูปดิวที่ใส่เสื้อนักศึกษาตัวโคร่งที่ชาวเรือมโนว่าเป็นเสื้อของนที  ซึ่งเป็นภาพที่เอื้องฟ้าเห็นแล้ว  และก็สืบความมาจากเม่นแล้วด้วย  “ทำไมดิวต้องใส่เสื้อนทีน๊า?” 

   เอื้องฟ้ากรอกตา...หมั่นไส้นทีแทนเพื่อน  อกหักจากอีกคนก็ไปนอนกับอีกคน  เธอก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป  ไม่น่าช่วยให้กลับไปคืนดีกันเลย 

   เสียงสองคนด้านหลังยังคงหวีดรูปหวานของนทีกับดิวอยู่  พากันอ่านข้อความอวยเรือตัวเองอย่างบ้าคลั่ง

   “สองคนนี้น่ะ...เมนนทีดิว” นิดหน่อยพยักเพยิดไปทางด้านหลังที่นพคุณกับดาด้านั่งด้วยกัน   แล้วก็หันกลับมาพยักเพยิดไปทางรถของต้นน้ำที่อยู่ด้านหน้า “ส่วนสองคนนู้นน่ะ...เมนนทีต้นน้ำ”

   เอื้องฟ้าตาเหลือก ชิบ หาย แล้ว...ความจะแตกไหมวะ?





ต้นน้ำยังคงเล่นเกมส์ติดลมอยู่บนรถที่มีนทีเป็นคนขับ  โดยมีใจดีและปุ้ยนั่งด้านหลัง

   “เล่นบนรถ...เดี๋ยวก็เสียสายตาหรอก  ได้ใส่แว่นจริงๆ แน่คราวนี้”

   ใจดีกับปุ้ยมองหน้ากัน  เพราะตอนนี้ต้นน้ำก็ใส่แว่นอยู่  นี่ไม่ใช่ใส่แว่นจริงๆ หรอกเหรอ?  หรือนี่แว่นปลอม?

   “แป๊บนึงๆ”  ต้นน้ำต่อรอง

   “ไม่ได้  วางเลย”  นทีเริ่มเสียงแข็ง

   ต้นน้ำส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจที่โดนขัดใจก่อนปิดโทรศัพท์แล้วถอดแว่นออก 

   ใจดีกับปุ้ยนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ด้านหลัง  เมื่อเห็นคู่จิ้นตัวเองเป็นห่วงกัน

   “นทีมีแฟนยังคะ?”  ปุ้ยถามพยายามจะเสนอตัวมาด้านหน้าแต่โดนมือของใจดีปาดหน้าแล้วดันตัวให้เอนลงเสียก่อน

   นทีเหลือบตามองต้นน้ำที่หันหน้าออกไปทางหน้าต่างทันทีที่ได้ยินคำถามก่อนตอบ  “มีแล้วครับ”

   ต้นน้ำหันขวับกลับมา  จ้องนทีตาโตแทบถลนออกมานอกเบ้า  เดี๋ยวนะ...ขอเขาเรียบเรียงก่อน  เมื่อเช้านทีขอเขาเป็นแฟน  ซึ่งเขายังไม่ได้ตกลง  ตอนเย็นบอกว่ามีแฟนแล้ว  งงในงง...ในงงอีกที  หรือว่าจะเป็นคนอื่น?  ที่เขาว่า...สามวันจากนารีเป็นอื่น...ว่าเลวร้ายแล้ว  สิบชั่วโมงจากชาตรีเป็นอื่น...แม่งโคตรเลวร้ายกว่า

   คนข้างหลังสองคนก็ตื่นตระหนกไปด้วย  ทำไมพวกเธอไม่เคยรู้?  หรือว่าจะเป็น...น้องต้นน้ำของพวกเธอ “แล้วน้องน้ำมีแฟนแล้วหรือยังคะ?” ปุ้ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ 

   “ยัง  ครับ”  ต้นน้ำตอบเสียงหนักแน่น  ส่งสายตาให้นทีอย่างท้าทาย  เสี้ยงชิ้งที่เกิดจากกระกระทบกันของสายตาเกิดขึ้นในมิติที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  ไม่เห็น...แต่ก็รู้สึกได้ถึงการห้ำหั่นกันภายใน

   แต่หญิงสาวข้างหลังทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น  รับรู้ได้แค่เพียงอาการหัวใจสลาย  ไม่ใช่ต้นน้ำ  งั้นก็หมายความว่า  เรือ  ล่ม  แล้ว

   “พี่อุตส่าห์เชียร์นทีต้นน้ำมาตลอดแท้ๆ” ปุ้ยเริ่มสติหลุดเมื่อคู่จิ้นไม่จิ้นดังหวัง  มือก็ควักโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์รูปที่เซฟไว้  เมื่อใจเสีย  อะไรๆ ที่ไม่สมควรพูดก็คายออกมาหมด  “ดูสิ  พี่อุตส่าห์ไปไฟท์กับเรือนทีดิวมา”  ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเรือนทีดิวเปรียบเสมือนเรือยอร์ชเครื่องแรงที่แล่นทีก็ก่อเกิดคลื่นลูกใหญ่พัดเรือแจวลำเล็กของนทีต้นน้ำให้โคลงเคลงง่อนแง่น  แต่พวกเธอก็ยังยืนหยัดพายกันต่อมาได้ก็เพราะใจรักล้วนๆ  สุดท้ายแล้วไม่คิดเลยว่ากัปตันจะหนีเรือไปมีแฟนเสียอย่างนั้น
   
   “เรือเราแพ้เรืออื่นมาตลอดเลยนะ” ใจดีบ่นเซ็งๆ  เธอชอบน้องทั้งสองคนเวลาที่อยู่ด้วยกันมากจริงๆ  แม้น้องจะไม่ได้เป็นแฟนกัน  แต่เวลาที่อยู่ด้วยกันก็ทำให้จิตใจที่เหี่ยวเฉาของแม่ยกอย่างเธอกลับพองฟูขึ้นมาได้  แล้วยิ่งมาเจอต้นน้ำใกล้ๆ  ก็ยิ่งอยากสวมวิญญาณมารดา  เพิ่งมีโอกาสได้สัมผัสช่วงเวลาที่น้องทั้งสองคนอยู่ด้วยกันใกล้ๆ โดยไม่ผ่านกล้องเ ป็นครั้งแรก  จะให้ทำใจยอมรับได้ว่าเรือตัวเองล่มแล้วในทันที...คงเป็นไปได้ยาก  ขอเวลาให้เธอสักหน่อยเถอะ

   “แพ้อะไรพี่?” นทีถามขึ้นเพราะอยากรู้

   ปุ้ยยื่นโทรศัพท์ให้ดู  เป็นถ้อยคำที่ชาวเรือนทีดิวโลดแล่นกันอย่างคึกคัก  มีบางประโยคที่กระทบกระเทียบชาวเรือนทีต้นน้ำบ้าง  นทีหน้าตึงขึ้นมาจนปุ้ยงง  เสียงกัดฟันกรอดทำเอาสาวเปรี้ยวต้องถอยกรูดไปด้านหลัง

   “พี่แอดเฟรนด์ผมมาเลย” นทีบอกเสียงแข็ง

   “จ้ะ จ้ะ”  ปุ้ยรีบกดโทรศัพท์  กดแอดนที  เธอเคยกดแอดนทีมาครั้งหนึ่งแล้ว  เพียงแต่นทีไม่เคยกดรับ  แต่ครั้งนี้...นทีกดรับอย่างรวดเร็ว 

   นทียกยิ้มที่มุมปากก่อนเร่งเครื่องให้เร็วขึ้นอีกนิด


---------- อ่านต่อด้านล่าง -----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 06-11-2019 13:40:15

--------- นทีต้นน้ำ ตอนที่ 19 --- ต่อจากด้านบน ----------

ร้านข้าวต้มตั้งอยู่ในบริเวณตลาดนัดใกล้มหาวิทยาลัยและหมู่บ้าน  ทำให้คนค่อนข้างพลุกพล่าน  เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนนักศึกษา  รถของเอื้องฟ้าได้ที่จอดรถก่อนเลยเข้ามาสั่งอาหารรอล่วงหน้า  ร่างสูงที่เดินเคียงกันเข้ามาตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งร้าน  นักศึกษาสาวต่างมหา’ลัยโต๊ะหนึ่งพากันเหลียวมองและกระซิบกระซาบกันอย่างออกรสชาติ   ระหว่างชายหนุ่มสองคน  คนหนึ่งหน้าหล่อล้ำกล้ามแน่น  คนหนึ่งหน้าใสใจละลาย  พวกเธอจะเลือกใครดี

   “กูสั่งไปบ้างแล้ว  มึงอยากกินอะไรเพิ่มไหม?” เอื้องฟ้าถามเมื่อนทีกับต้นน้ำนั่งลง  โดยมีปุ้ยและใจดีนั่งข้างนที 

    “กูสั่งไปบ้างแล้ว  มึงเอาอะไร?” เอื้องฟ้าถาม 

   “เอายำเกี๊ยมฉ่ายไข่แดง...สั่งไปหรือยัง?  นทีเอาอะไร?”  ต้นน้ำหันมาถามนทีที่ยังคงชะโงกหน้าไปดูโทรศัพท์กับปุ้ยและใจดีอยู่ 

   “สั่งมาเถอะ  กินได้หมด” นทีตอบส่งเดช  ใจเขาไม่ได้อยู่บนโต๊ะอาหารมานานแล้ว   ในมือยุกยิกอยู่กับโทรศัพท์มือถืออยู่ตลอด

   “เพิ่มเป็ดพะโล้ที่หนึ่ง  ยำเกี๊ยมฉ่าย...ขอไม่เผ็ดนะครับ”  ต้นน้ำหันไปบอกพนักงาน 

   เสียงกรี๊ดของปุ้ยและใจดีดังขึ้นจนต้นน้ำสะดุ้ง  ท่าทางตื่นเต้นดีใจของทั้งสองคนทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องมองหน้ากันไปมาแต่ก็ไม่มีใครรู้คำตอบว่าทั้งสองคนกรี๊ดกร๊าดอะไร 

   ต้นน้ำยื่นหน้าเข้าไปดูก่อนร้องเสียงหลง “เฮ้ย”  มือเรียวฉวยโทรศัพท์นทีขึ้นมา เป็นคลิปที่ต้นน้ำนอนหลับอยู่บนตักของนที  โดยมีนทีเล่นกีตาร์ให้ฟัง  เนื้อเพลงดังออกมาจากคลิป

   ‘ ได้ชิดเพียงลมหายใจ  แค่ได้ใช้เวลาร่วมกัน
   แค่เพื่อนเท่านั้น  แต่มันเกินห้ามใจ
   ที่ค้างคือความรู้สึก  ว่าลึกๆ เธอคิดยังไง
   รักเธอเท่าไร  แต่ไม่เคยพูดกัน 
   อะไรที่อยู่ในใจก็เก็บเอาไว้ 
   มันมีความสุขแค่นี้ก็ดีมากมาย
   เธอจะมีใจหรือเปล่า
   เธอเคยมองมาที่ฉันหรือเปล่า
   ที่เราเป็นอย่างนั้นคืออะไร
   เธอจะมีใจหรือเปล่า
   มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้
   ติดอยู่ในใจแต่ไม่อยากถาม
   กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป’

   “ทำไมเราไม่เคยเห็นคลิปนี้?”  ต้นน้ำทำหน้าเหวอเมื่อเห็นคลิป 

   “ก็นายหลับอยู่ไง”   

   เอื้องฟ้าชะโงกหน้าข้ามโต๊ะมาดูด้วย  “เฮ้ย  คลิปนี้กูไม่เคยเห็น  พวกมึงไปแอบถ่ายกันมาเมื่อไร?”

   “ตอนไปบ้านยายที่กาญฯน่ะ  กูไม่ได้ถ่าย  พี่ชายน้ำเป็นคนถ่าย”  นทีเป็นคนตอบโดยลืมคิดไปว่า...นอกจากพวกเขาสามคนแล้ว  ไม่มีใครรู้ว่าพ่อแม่พวกเขาแต่งงานกัน  และพวกเขาอยู่บ้านเดียวกัน 

   ปุ้ยใช้ศอกสะกิดใจดี  หรือว่า...เปิดตัวกับที่บ้านแล้ว  และข่าวลือจากภาพหลุดของบุคคลปริศนาที่คุยกันโดยการเขียนผ่านชีทเรียน  เรื่องคนสองคนที่อยู่บ้านเดียวกันจะเป็นเรื่องจริง?   ตอนนั้นลือกันสนั่นว่าเป็นนทีกับต้นน้ำ  เรือแล่นฉิวจนแทบไม่ต้องกางใบ 

   คนอื่นๆ ในโต๊ะพลอยยื่นหน้ามาสนใจคลิปด้วย  ในขณะที่ใจดีกับปุ้ยคึกคะนองขั้นสุด  แต่ดาด้ากับนพคุณกลับทำหน้าเจื่อน  เมื่อเห็นว่าเรือของตนเองเองตกอยู่ในสภาพคลอนแคลน  และไม่ใช่ข่าวลือเสียด้วย  กัปตันปล่อยออกมาเองกับมือเลย

   พนักงานทยอยเสริฟกับข้าว  ต้นน้ำแจกจ่ายอุปกรณ์เริ่มแจกจ่ายอุปกรณ์ให้ทุกคน  สุดท้ายหยิบเอาจานเป็ดพะโล้ไปวางไว้ใกล้ๆ นที

   เอื้องฟ้าแค่นยิ้ม ที่แท้ก็สั่งให้แฟ...แค่ก...แค่ก...

   “อัพเลยนะ”  เสียงปุ้ยไม่ดังมาก  แต่ก็ดังพอที่ต้นน้ำซึ่งนั่งห่างไปแค่เพียงนทีกั้นจะได้ยิน

   ดวงหน้าขาวใสหันขวับไปทันที “อัพอะไรกัน?  อย่าบอกนะว่า...”

    “ใช่  ก็อัพคลิปเมื่อกี้ไง”  นทีหันมายักคิ้ว

   “ไม่เอา  ไม่อัพ”  ต้นน้ำเริ่มงอแง  มือไม้ป่ายไปทางโทรศัพท์ในมือปุ้ย  ซึ่งนทีก็คว้ารวบไว้ทั้งสองมือ

   “อัพแป๊บเดียว  ไม่เจ็บหรอก”

   “ไอ้บ้า  ไม่ใช่ฉีดยาโว้ย” ต้นน้ำโวยวายแต่นทีกลับหัวเราะกว้าง  “เดี๋ยวคนก็พูดโน่นพูดนี่  น่ารำคาญจะตาย” 

   “ทีเราไม่เห็นรำคาญเลย”

   “ใครมันจะไปกล้าพูดกับนายวะ” หน้าตานทีตอนทำหน้าปกติอย่างกับจะล้อเล่นด้วยได้งั้นนี่  แค่ขมวดคิ้วแล้วหรี่ตานิดเดียวก็เหมือนส่งมีดบินออกไปปาดคอคนแล้ว  ตอนที่เขาเจอนทีครั้งแรกยังหวั่นใจแทบตาย 

   “แล้วมีใครไปพูดกับนายเหรอ?” ต้นน้ำทำท่านึก   คนภายนอกล้วนไม่มีใครกล้าพูดกล้าถามกับเขาโดยตรง  อย่างมากก็แค่มองด้วยสายตา  แต่ที่พูดกันมากหน่อยก็ในโซเชียลเท่านั้น  “มีแต่พวกปากเก่งในโลกโซเชียลเท่านั้นแหละ  กลัวอะไรกับพวกเกรียนคีย์บอร์ด”

   “เออ  นั่นแหละ  ไม่อยากให้คนมอง” เขาไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นมากนัก  ไม่รู้ว่าคำพูดลับหลังเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี   แต่กันไว้ก่อนก็ย่อมดีกว่าต้องไปตามแก้ที่หลัง  “พี่...อย่าอัพนะ” เมื่อคุยกับนทีไม่รู้เรื่อง  ต้นน้ำก็หันไปขอร้องปุ้ยแทน

    ทั้งสายตาเว้าวอน  ทั้งน้ำเสียงที่ออดอ้อน  ล้วนกระแทกใจปุ้ยและใจดี  อา...ใจสั่นมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  มือที่ถือโทรศัพท์ของปุ้ยเริ่มสั่น 

   ดาด้าและนพคุณมองหน้ากระพริบตาใส่กันปริบๆ  ต้นน้ำตอนมองภายนอกเหมือนผู้ชายหล่อหน้าใสคนหนึ่ง  แต่พอได้สัมผัสใกล้ๆ  เหมือนมีอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก  เหมือนหมาแมวตัวน้อยที่แม้ไม่ได้รัก...ก็เกลียดไม่ลง  ต่อให้ไม่รักยังไงก็ยังเผลอจับขึ้นมาฟัดมากอดอยู่ดี  แต่พวกเธอจะจับน้องกดตอนนี้...ไม่ได้! 

   นิดหน่อยเอ็นดูต้นน้ำมาตั้งนานแล้ว  พอเห็นน้องทำท่าทางอย่างที่ตัวเองไม่เคยเห็นก็ทำให้ยิ่งเอ็นดูเข้าไปใหญ่  เธอยิ้มเล็กน้อยตามนิสัยก่อนหันไปคุยกับเอื้องฟ้าที่ใช้ตะเกียบคีบกับข้าวเข้าปากตัวเองโดยไม่สนใจคนสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามราวกับเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน  “นทีกับต้นน้ำสนิทกันดีจริงๆ ด้วยเนอะ” 

   “อืม  แล้วพี่ล่ะ  ไม่ใช่สาววายกับเขาเหรอ?”

   “ใช่สิ” นิดหน่อยเริ่มกินข้าวบ้าง “แต่พี่เมนริวต้นน้ำ”

   นทีที่ได้ยินทุกอย่างที่นิดหน่อยพูดก็เปลี่ยนจากที่รวบมือต้นน้ำอยู่เป็นรวบกอดทั้งตัว  ปากก็สั่งปุ้ย “อัพเลยพี่  ด่วนๆ”

   “ไม่เอา  อย่าอัพนะพี่” ต้นน้ำเริ่มดิ้น  นทีก็ยิ่งรัดแน่น

   ปุ้ยลังเล  จะอัพหรือไม่อัพดี  คนหนึ่งก็หล่อ...น่าตามใจ  คนหนึ่งก็น่ารัก...น่าสงสาร  ทั้งคลิปทั้งแคปชั่นก็เขียนไว้หมดแล้ว  เหลือแต่กดปุ่มอัพโหลดเท่านั้น  เธอจะทำยังไงดี?

   นทีที่กอดรัดต้นน้ำไว้เห็นปุ้ยละล้าละลังเลยใช้แขนเดียวรัดต้นน้ำ  อีกมือก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์จากมือปุ้ยชูขึ้นสูง  ต้นน้ำเอื้อมตัวตามไป  แต่ไม่ทัน...มือใหญ่ของนทีไวกว่า...คลิปทั้งหมดถูกแชร์ออนไลน์ไปแล้ว

   คนทั้งสองสบตากันในท่าค้างอยู่อย่างนั้น  เพียงแต่ว่า...คนหนึ่งยกยิ้มอวดชัยชนะ  คนหนึ่งหน้าตึงอยากกระโดดถีบคนข้างๆ
   
   บรรยากาศภายในโต๊ะอาหารไม่ได้คลายลงเท่าไรนัก  ปุ้ยกับใจดีแอบหวีดยอดไลค์ในคลิปที่เพิ่งอัพลงไปเบาๆ  เป็นการหวีดที่เงียบที่สุดเพราะเกรงว่าจะไปกระทบกระเทือนใจคนที่นั่งหน้าตูมอยู่ข้างๆ นที 

   “เราปล่อยสองคนนี้ไว้อย่างนี้จะดีเหรอ?” นิดหน่อยกระซิบกระซาบเอื้องฟ้าพลางพยักเพยิดไปทางนทีที่กำลังคีบกับข้าวมาใส่จานต้นน้ำอย่างเอาใจ
   
   “ปกติพี่  อย่าไปสนใจเลย  เดี๋ยวก็ดีกัน”  ถ้าไม่ถึงขั้นว่ามีใครคนใดคนหนึ่งเก็บกระเป๋าหนีออกจากบ้าน  แล้วอีกคนก้ไม่ได้ทำท่าซึมเศร้าเหมือนจะฆ่าตัวตายภายในอีกสองวินาทีก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรมากมาย  ต้นน้ำเป็นคนไม่ค่อยโกรธอะไรใคร  โกรธทีก็ไม่นาน  ยิ่งนทียิ่งแล้วใหญ่...โกรธใครแค่ต่อยตูมเดียวก็หายแล้ว  ไม่นานเลยจริงๆ

   ในเมื่อคลิปก็อัพไปแล้ว  ต้นน้ำคงได้แต่ทำใจยอมรับสายตาและเสียงนินทาในวันพรุ่งนี้  เขาก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากคำใหญ่เคี้ยวตุ้ยๆ  โดยมีนทีคอยคีบกับข้าววางใส่ไว้ให้จนพูนจาน  ถ้าป้อนได้ก็ป้อนไปแล้ว  ถ้าเคี้ยวแทนได้ก็จะเคี้ยวให้ด้วย  ถ้ากลืนแทนได้ก็จะทำให้อีก

   “นี่ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ?”

   “.....” ต้นน้ำเคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มพองพลางเหลือกตาใส่นที

   “นายโกรธจนกับข้าวจะหมดโต๊ะแล้วนะ”

   “.....” ต้นน้ำมองไปรอบโต๊ะ  กับข้าวแทบเกลี้ยงจานทุกอย่างจริงๆ 
   “ไปโกรธต่อที่ร้านขนมไหม?”

   ร้านขนมก็น่าสนใจนะ  ใครบางคนอาจมีโลกสองใบ  แต่สำหรับต้นน้ำ...มีกระเพาะสองใบ  ใบหนึ่งใส่ของคาว  ใบหนึ่งใส่ของหวาน  กระเพาะของคาวเต็มแล้ว  แต่กระเพาะของหวานยังว่างอยู่ 

   “นายเลี้ยงนะ”  ต้นน้ำบอกนที

   “แต่ต้องหายโกรธแล้วนะ  ตังค์หมดกระเป๋าแล้ว”

   ต้นน้ำพยักหน้า  “ได้”  ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอะไรอยู่แล้ว  ตกเป็นเป้านินทา...ใช่ว่าจะเคยครั้งแรก  ครั้งที่สองสักหน่อย  เรียกว่าโดนจนชินดีกว่า 

   หือ...หายโกรธง่ายจัง  นิดหน่อยแค่เพียงคิดในใจ


--------- tbc ---------

A's Talk :

เย้ๆ สุดท้ายก็ยังคงเป็นนิยายรายสัปดาห์อยู่  ขอตบมือให้ตัวเอง ณ จุดนี้

แต่คนเราก็อย่าไปยึดติดอะไรมากเนอะ  มันอาจจะเป็นนิยายรายสองสัปดาห์ รายปักษ์  หรือรายเดือนเข้าสักวันก็ได้นะ

ตอนนี้จะเป็นการปูเรื่องไปสู่ตอนต่อไปค่ะ  จะได้รู้ว่าทำไมต้นน้ำถึงยังไม่ยอมเป็นแฟนนทีสักที ทั้งที่ตัวเองก็ชอบเขาแล้วแท้ๆ

ขอบคุณที่เอาใจช่วยนทีและต้นน้ำนะคะ

Smile A
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-11-2019 14:46:11
ลงเรือ  นที ต้นน้ำ  :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-11-2019 16:07:53
มันน่าพิมพ์บทสนธนานี้แล้วอัพเรียกไลค์บ้างจริง ๆ ฮา
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 06-11-2019 18:15:51
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-11-2019 23:44:02
เรือนทีต้นน้ำแล่นฉิวนำไปแล้วตอนนี้.  ทำสาวๆรอบตัวอิจฉาตาร้อนตายเลย   :laugh:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-11-2019 01:23:31
เรือหลายลำ จ้วงกันไป
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-11-2019 02:45:51
 :pig4: :pig4: :pig4:


ปรบมือให้นทีรัว ๆ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 07-11-2019 14:21:57
เราจะลงเรือลำใหนดี

555555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 19 ------ 6/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-11-2019 00:52:24
พอนายไม่คิดมากแล้วนายก็เต็มที่เลยอ่ะนที ชอบๆๆ 55555555555555555
 o13
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 19-11-2019 14:31:32
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 20

เรือพี่นี้เป็นเรือยอร์ช น้องนางไม่ต้องกลัวตก





หลังจากกินขนมเสร็จ  ต้นน้ำกับนทีก็ขับรถวนมาส่งปุ้ยและใจดีที่โรงยิมก่อนกลับบ้าน  “ถามจริง  ทำไมถึงต้องไปลงคลิปอะไรแบบนั้นด้วย?”  ต้นน้ำถามเมื่อส่งสองสาวลงจากรถไปแล้ว

   “ไม่ดีเหรอ?  นายจะได้ชนะดิวไง” นทีดึงมือต้นน้ำมากุมไว้แล้วบีบเบาๆ

   “ไม่ได้อยากจะชนะเลย” ชนะไปแล้วได้อะไร  ยอดไลค์ไม่ใช่สิ่งที่ต้นน้ำต้องการอยู่แล้ว  หรือแม้กระทั่งความเป็นหนุ่มฮอตอะไรทั้งหลายแหล่ที่ต้องใช้ความเป็นส่วนตัวไปแลกมา...เขาก็ไม่ต้องการ  ต้นน้ำจะดึงมือออก  แต่นทียังคงยื้อไว้

   “เราไม่ได้ความว่าอย่างนั้น” นทีบอกเสียงอ่อน  ง้องอนให้ต้นน้ำใจเย็นลง “เรารู้ว่านายไม่ชอบที่ต้องเอาเรื่องส่วนตัวไปบอกคนอื่น  แต่นายก็ต้องเข้าใจด้วยว่า...มีคนให้ความสนใจเรื่องของเรามานานแล้ว  ก่อนที่เรา...จะรู้สึกกับนายซะอีก  เราก็แค่อยากแก้ไขให้มันถูกต้อง”

   นทีมองสีหน้าต้นน้ำที่เริ่มผ่อนคลายลง  มือที่กุมไว้ก็ไม่รั้งออกอีกต่อไปแล้ว  “คนก็พูดเรื่องดิวกันไปทั่ว  เราไม่อยากให้นายไม่สบายใจ”

   “เราก็ไม่ได้ไม่สบายใจอะไรนี่”  ต้นน้ำบอกเสียงอ่อย  มันก็มีบ้างนิดหน่อย...นิดเดียวจริงๆ นะ  ไม่มากเท่าไร

   “นิดเดียวก็ไม่เลยเหรอ?”

   “ไม่” ไม่เล๊ย  ไม่ได้พูดความจริงเลยสักนิด

   นทีหัวเราะในลำคอก่อนพูดต่อ  “สบายใจก็ดีแล้ว  ว้า...งั้นที่ทำไปก็ไม่มีประโยชน์น่ะสิ” เสียงทุ้มกระเซ้าเจือแววน้อยอกน้อยใจนิดๆ

   ต้นน้ำหัวเราะออกมาได้  “ก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง  อย่างน้อย...ขนมเมื่อกี้ก็อร่อยดี”

   ช่วงที่รถติดไฟแดง   นทีก็หันหน้ามาหาต้นน้ำ  ใช้มือทั้งสองข้างกุมมือต้นน้ำไว้แล้วลูบเบาๆ  “เราอยากให้นายรู้เอาไว้นะ  ว่าเราชัดเจนกับนาย  ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว  มีนายคนเดียว”  ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตาของต้นน้ำ  ถ้าดวงตาจะเป็นหน้าต่างของความจริงใจ  เขาก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดซ่อนเอาไว้ 

   ต้นน้ำยิ้มก่อนเบือนหน้าไปทางริมถนน  “เฮ้ย  ผู้หญิงคนนั้นทำไมนุ่งสั้นขนาดนั้นวะ?”

   นที  “ไหน?”  เขามองไปตามสายตาของต้นน้ำ  เห็นแต่ลุงแก่ๆ เข็นรถขายโรตีผ่านมา

   “ไอ้บ้า  ไหนว่าไม่มีคนอื่นอีกแล้วไง?”

   “แค่มอง...ไม่ได้ชอบสักหน่อย” นทีแก้ตัว

   “ไม่ชอบ  แล้วจะมองทำไม?”

   “ก็ชอบมอง  ชอบดูเฉยๆ  ไม่ได้ชอบใจอ่ะ  เข้าใจป่าว?  ชอบนายคนเดียว  รักต้นน้ำคนเดียว”  นทีเขยิบเข้าไปหาต้นน้ำหมายจะกอดเอาใจคนขี้ระแวงสักหน่อย  แต่ต้นน้ำถอยออก  เขาเลยจูบที่หัวไหล่ต้นน้ำเบาๆ แทน

   “เหม็นไหม?  ไปเรียนมาทั้งวัน  ยังไม่ได้อาบน้ำเลย”

   นทีหัวเราะ  “ไม่รู้สิ  เมื่อกี้เอาจุ๊บเฉยๆ  ไม่ได้ดม  ต้องลองอีกที  มา”  มือใหญ่รั้งต้นแขนของต้นน้ำข้างที่เอื้อมถึงได้  พยายามจะดึงต้นน้ำเข้ามา  แต่ต้นน้ำขืนตัวไว้ก่อนบอก  “ไฟเขียวแล้ว” 

   นทีหันกลับไปขับรถต่อแต่ก็ยังไม่วายดึงมือต้นน้ำมากุมไว้เหมือนเดิม 

   นทีลอบยิ้มมุมปาก  ใช่แค่เรือนทีดิวที่ล่มเสียเมื่อไร...เรือริวต้นน้ำก็ต้องล่มด้วย  อัพคลิปแค่คลิปเดียว  ยิงเรืออับปางไปสองลำ  กำไรเหนาะๆ  เขากระชับมือที่กุมไว้ให้แน่นขึ้น

   เสียงผิวปากอย่างอารมณ์ดีคลอไปกับเสียงเพลงดังขึ้นเบาๆ   ต้นน้ำนั่งเหม่อมองไปทางถนน  นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว 

   ตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่หนึ่ง  เขาได้ยินพ่อกับแม่คุยกันอยู่ในครัวในช่วงเช้าก่อนที่พ่อจะออกไปทำงาน

   “ผมไปสองวัน  วันอาทิตย์กลับนะ” 

   “วันธรรมดาก็ไปทำงานทุกวัน  วันหยุดยังจะให้ไปดูงานที่ต่างจังหวัดอีกเหรอคุณ?”

   “ทำไงได้?  ช่วงนี้ไซต์งานที่โคราชมีปัญหาบ่อย  นายไม่ไว้ใจผู้รับเหมาทางโน้นก็เลยอยากให้ผมไปดูเอง”

   “หึ  ให้มันจริงเถอะ  ไม่ใช่ไปมีเล็กมีน้อยซ่อนแอบไว้นะ” ฝนทิพย์ปรามาส  เพราะสามีเคยมีประวัติเสียมาก่อน

   ปราการดึงฝนทิพย์เข้ามากอดเอาใจ  “ไม่มีหรอกน่า  มีคุณคนเดียวเท่านั้นแหละ”

   แต่คำพูดของพ่อก็เป็นเพียงแค่ลมปากที่เป่าออกมาเท่านั้น  ไม่มีน้ำหนัก  ไม่มีความจริง  ไม่มีความสำคัญอะไรที่จะต้องให้คุณค่า

   เย็นวันนั้นเขาไปงานวันเกิดเพื่อน  พ่อแม่ของเพื่อนพาพวกเขาไปเลี้ยงขนมในห้าง  เขาเห็นพ่อเดินเคียงคู่กับผู้หญิงไม่คุ้นหน้า  มือหนึ่งล้วงกระเป๋า  มือหนึ่งโอบไหล่  ท่าทางสนิทสนม แม้กระทั่งเด็กประถมยังรู้ว่าท่าทางใกล้ชิดกันแบบนี้...เขามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน?

   พ่อไม่เห็นเขา  แต่เขามองเห็นพ่อชัดเจน  เขามองพ่อเดินผ่านไปด้วยน้ำตานองหน้าแต่พูดอะไรไม่ออก  เป็นความผิดหวัง  หมดหวัง  หมดศรัทธา  ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเดินออกไปแสดงตัวว่าเขาเห็นพ่อนะ  เขาอยากบอกให้พ่อกลับบ้าน  อยากให้พ่อทิ้งผู้หญิงคนนั้นไปซะแล้วเลือกเขากับแม่เถอะ  แต่เขากลัวคำตอบเหลือเกิน...หากพ่อไม่เลือกเขาล่ะ

   หรือถ้าพ่อเลือกเขา  คำพูดที่พ่นออกมาเชื่อถือได้แค่ไหนกัน?
 

   เมื่อย้อนคิดดูถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น  ต้นน้ำไม่ได้ร้องให้ออกมาอีกแล้ว  มันเหมือนแผลสดที่แห้งจนตกสะเก็ดแล้วกลายเป็นแผลเป็น  แตะแล้วไม่ได้รู้สึกเจ็บอีกต่อไป  แต่ก็ยังคงมองเห็นอยู่  และยังคงจดจำได้ว่า ‘อะไร’ ที่ทำให้เราเจ็บ

   คิดเรื่อยเปื่อยจนรถจอดสนิท  ต้นน้ำถึงได้รู้สึกตัว  เขาลงจากรถมา...นทีก็เข้ามาคว้ามือจูงเดินเข้าบ้าน  ลามปาม!  ต้นน้ำพยายามจะดึงมือออก  “มีแฟนแล้ว  มาจับมือคนอื่นได้ไง?”

   “ได้สิ  ก็จับมือแฟนตัวเอง”

   “จำได้...ว่าเราไม่มีแฟนนะ”

   “แฟนในอนาคตไง  จองไว้ก่อน”  ไม่พูดเปล่า  นทีดึงมือต้นน้ำเข้าไปเกาะกุมให้แน่นขึ้น

   “ไม่ให้จองเว้ย  เรื่องอะไร  เผื่อมีสาวๆ สวยๆ เข้ามา...เราก็อดน่ะสิ”  ทั้งสองคนพากันคุยกันไป  เดินกันไปจนถึงหน้าห้องนอนต้นน้ำ   

   “นายเข้าใจเราผิดตลอดเลย  เราจองตัวเองไว้ให้นายต่างหากล่ะ”  นทีชี้ที่ตัวเอง  “ประกาศออกไปแบบนี้  จะได้ไม่มีใครกล้ามายุ่งกับเราไง”  นทีบีบมือที่กุมไว้ตลอดทางเบาๆ

   “ขอแคนเซิลได้ไหม?”  ต้นน้ำหันมาถาม

   “ได้ไงล่ะ?”  นทีโวยวาย  “นี่สินค้าเกรดพรีเมียมเลยนะ  ไม่เชื่อ...ลองเทสต์ดูก่อนก็ได้”  นทีว่าพลางส่งยิ้มแววตากรุ้มกริ่มมาให้ต้นน้ำ 

   “ไม่ลองเว้ย”  ต้นน้ำส่ายหน้าก่อนเปิดประตูห้อง  นทีจะก้าวตามเข้าไปด้วย  แต่ต้นน้ำหันกลับมาดันไว้  “อย่าล้ำเส้น”

   “ไอ้เส้นเมื่อวานมันขีดไว้ตรงนี้”  นิ้วยาวชี้ลงไปตรงจุดที่กินพื้นที่เข้าไปในห้องหนึ่งก้าวเล็กๆ ตรงพื้นที่เขายืนพอดี

   ต้นน้ำส่ายหน้าให้คนขี้โกง  มือขาวล้วงปากกาเมจิกออกมากระเป๋า  ขีดเส้นที่พื้นตรงกับขอบประตู  “เส้นมันอยู่ตรงนี้” 

   นทีกรอกตาก่อนเดินหมดแรงออกไปยืนหลังเส้น  “อย่างน้อย  ถ้ายังไม่เทสต์สินค้าก็น่าจะจ่ายมัดจำก่อนเป็นไง?” 

   ต้นน้ำยิ้ม  “ขอพิจารณาดูก่อน  แต่ตอนนี้...ไปนอนได้แล้ว  ง่วง!”   พูดจบก็ปิดประตูทิ้งให้นทียืนเก้ออยู่หน้าห้องเพียงลำพัง  เมื่อข้อเสนอทุกข้อถูกปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย  ถวายตัวให้ขนาดนี้ก็ยังไม่เอา  ถึงเวลานี้...นทีถึงเพิ่งสำนึกได้ว่า...เขาเดินหมากตัวแรกผิดไปตัวหนึ่ง  หากเขาไม่บอกความรู้สึกตัวเองออกไป  แกล้งเนียนๆ  ทำเป็นจำเรื่องที่ต้นน้ำจูบเขาไม่ได้  ป่านนี้...จะแตะตรงไหนก็คงแตะได้  จะจับตรงไหนก็สบาย  นอนด้วยก็ยังได้  ไม่ต้องมีไอ้ขีดบ้าๆ นี่มากั้นไว้หรอก 

   ร่างสูงค่อยๆ นั่งยองลงบนพื้น  เส้นสีดำที่ต้นน้ำวาดไว้ถูกบานประตูปิดทับจนมองไม่เห็นแล้ว  แต่ยังไง...มันก็ยังคงมีอยู่   ปากกาเมจิกแบบนี้...จำได้ว่ามีน้ำยาสำหรับลบขายอยู่นี่นา 





ต้นน้ำวางกระเป๋าลงบนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วเดินไปยังชั้นวางหนังสือด้านข้าง  มีรูปพ่อกับแม่และเขาถ่ายร่วมกันวางอยู่บนสุดของตู้   เขามองภาพนั้นด้วยสายตาเฉยชา  แวบเดียวที่ความเจ็บปวดบางอย่างฉายวูบขึ้นมาแล้วก็จางหายไป 

   “น้ำรักพ่อนะ  แต่น้ำก็เกลียดการกระทำของพ่อด้วย”  ต้นน้ำมองรูปนั้นสักพักก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป 

   บนหัวของต้นน้ำยังมีไอเย็นจากการสระผมเกาะอยู่เมื่อเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ  เสียงแอพพลิเคชั่นไลน์ดังเตือนขึ้นมา  เขาเอี้ยวตัวไปเปิดดู  เป็นข้อความจากนที

   Nathee : นอนยัง?
   Tonnaam : ยัง


   จากนั้นก็เป็นสายที่วิดีโอคอลเข้ามา  ต้นน้ำกดรับ   

   “ไปเช็ดหัวให้แห้งสิ  เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” นทีบอกเมื่อเห็นว่าปลายสายอีกด้านเส้นผมยังเปียกอยู่  ส่วนตัวเขา...ยังไม่ได้อาบน้ำ 

   “เออ รู้แล้วน่า  นายยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ?” ว่าพลางเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผม 

   “เช็ดให้แห้งนะ”
   
   “เออ  เดี๋ยวเอาไดร์เป่าด้วย”
 
   “ดีมาก  แล้วนายหายไปไหนเนี่ย?”  นทีถามเพราะต้นน้ำเดินหายไป  มองไม่เห็นในจอโทรศัพท์ 
   
   “อยู่หน้ากระจก  หาไดร์เป่าผมอยู่”
   
   “เอาเราไปด้วยสิ  เราอยากคุยกับนายนะ  ไม่ได้อยากคุยกับเพดาน”

   ต้นน้ำเดินมาหยิบโทรศัพท์ไปวางไว้หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง  ส่วนตัวเองก็หยิบไดร์มาเป่าผมให้แห้ง 

   นทีเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง  มองภาพต้นน้ำที่กำลังเป่าผมอย่างเพลิดเพลิน  จากผมลีบแบนเพราะเปียกน้ำค่อยๆ นุ่มฟูขึ้น  นิ้วเรียวสางเส้นผมเบาๆ  ดูพลิ้วนุ่มจนอยากยื่นมือเข้าไปลูบเบาๆ  แค่คิดก็เหมือนสมองจะส่งกลิ่นที่เขาเคยแอบดมเข้ามากระทบปลายจมูก 

   “นายก็ไปอาบน้ำได้แล้วไป”  ต้นน้ำบอกพลางสางผมอีกครั้งเพื่อตรวจดูว่าแห้งสนิทดีหรือยัง

   “โอเค”  นทีตอบรับก่อนลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน  เขาวางโทรศัพท์ไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องก่อนถอดเสื้อออก  แล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้า

   ต้นน้ำเหล่มองโทรศัพท์  เขาเห็นนทีจากทางด้านหลัง   แผ่นหลังกว้างเปล่าเปลือยมาถึงเอวสอบที่หายลับลงไปในกางเกง  เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ลมหายใจติดขัด เลือดลมวูบวาบๆ อย่างไรไม่รู้

   “เข้าไปอาบด้วยกันไหม?”  นทีหันกลับมาถามเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว  โชคดีมากที่เป็นการพูดคุยผ่านวิดีโอคอล  อย่างน้อย...เขาก็ยังมีความหวังว่าภาพอาจจะไม่ค่อยชัด  นทีอาจจะจับไม่ได้ก็ได้...ว่าเขาแอบมองอยู่ 

   ต้นน้ำแกล้งทำเป็นก้มหัวสะบัดๆ  เพื่อจัดแต่งทรงผม  จัดบ้าอะไรนักหนาเล่า  นี่หวีๆ ปัดๆ อยู่นานแล้ว...แต่งทรงผมเพื่อเข้านอนหรือไง?  เขาสะบัดผมขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย  ก่อนมองไปยังหน้าจอโทรศัพท์

   อุ๊ก...เต็มๆ

   นทีเดินมาอยู่ตรงหน้าจอแล้ว  หันหน้าเข้าหาจอในสภาพเปลือยท่อนบนอล่างฉ่าง  เป็นภาพที่เขาเห็นบ่อยๆ  ในช่วงที่นอนด้วยกัน  เคยทำใจไม่ได้ยังไง...ตอนนี้ก็ยังคงทำใจไม่ได้อยู่อย่างนั้น  หนำซ้ำนับวัน...ประสิทธิภาพในการตั้งรับของเขาเหมือนยิ่งเสื่อมถอยลง 

   “ทะ...ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก?”

   “ก็นายยังไม่ตอบเลย” 

   “ตอบอะไร?”  ต้นน้ำงง  เมื่อกี้ตอนที่หันมาเหมือนว่านทีจะพูดอะไรสักอย่าง  แต่เขาไม่ได้ฟัง...มัวแต่วางมาดทำเป็นเป่าผม  สะบัดไปมาจนหัวจะหลุดอยู่แล้ว

   “จะเข้าไปอาบน้ำด้วยกันไหม?”

   ต้นน้ำตาโต  สีหน้า  แววตา  น้ำเสียงของนทีเหมือนพูดทีเล่นทีจริงเพื่อท้าทายเขา  เล่นไม้นี้เหรอ?...ได้เลยลูกพี่  อย่าคิดว่าเขาไม่กล้านะ  ต้นน้ำพูดเสียงดังฟังชัด  “ไม่”

   แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาไม่กล้า 

   นทีหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจก่อนเดินหายไปจากหน้าจอ 

   ต้นน้ำถอนหายใจ  ลมหายใจที่ติดขัดเมื่อสักครู่นี้ค่อยกลับมาหายใจคล่องสักหน่อย  ร่างโปร่งเดินมาล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม  ซุกตัวลงในผ้าห่มอุ่น  แต่ก็ไม่ลืมคว้าเอาโทรศัพท์ติดมือมาด้วย   

   เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ความรู้สึกสั่นไหวเมื่อครู่นี้ยังสะเทือนอยู่ในใจ  ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเมื่อไร  พอรู้สึกตัวมันก็โลดแล่นโจนทะยานจนยั้งไม่อยู่   ก่อนหน้านี้เขาทรมานจากการพยายามจะปกปิด  กดเหยียบมันเอาไว้   แต่พอเผยความรู้สึกออกมา...กลับทรมานยิ่งกว่า

   หากเปรียบความรักเป็นเหมือนเรือลำเล็กที่มีนทีนั่งอยู่  เขาก็กลัวว่าเขาจะเป็นคนที่ตกเรือไปก่อนที่เรือจะถึงฝั่ง

   เสียงนทีออกมาจากห้องน้ำพลอยทำให้ต้นน้ำหันไปมอง  นทีสวมผ้าเช็ดตัวพันบั้นท้ายไว้แน่นหนา  ตามลำตัวชุ่มชื้นแม้จะไม่มีหยดน้ำเกาะอยู่  ต้นน้ำเขยิบตัวเองลงในผ้าห่ม  คลุมโปงจนมิดเหลือเพียงรูเล็กๆ ที่เหลือไว้ส่องหน้าจอโทรศัพท์  รู้สึกเหมือนตอนที่กำลังดูหนังผีที่ต้องเอามือปิดหน้าเอาไว้  แล้วแอบมองลอดผ่านระหว่างช่องนิ้วของตัวเอง  เพียงแต่ตอนนี้...เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนตอนที่ดูหนังผีเท่านั้นเอง

   นทีมองกลับมาในจอไม่เห็นต้นน้ำ  คนคงจมลงไปในผ้าห่มกองใหญ่แล้ว  มือเรียวหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมาเป่าก่อนร้องบอก  “เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกตายหรอก” 

   คนที่อยู่ในผ้าห่มยังคงนิ่งเงียบ   ทำตัวเป็นพวกถ้ำมองเต็มรูปแบบ  เสียแต่ว่าคนที่ถูกมองดันรู้ตัว  ไม่อย่างนั้นคงสมบูรณ์แบบกว่านี้   ในผ้าห่ม...ต้นน้ำเอามือลูบสำรวจใบหน้า  เมื่อแน่ใจว่าไม่มีของเหลวจำพวกน้ำลายหรือเลือดกำเดาไหลก็ค่อยๆ  ยื่นหน้าออกมาจากผ้าห่ม

   นทียังคงเป่าผมอยู่   ทั้งตัวก็ยังคงมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่   ต้นน้ำมองสำรวจเรือนร่างของคนที่อยู่อีกฝั่งผ่านหน้าจอ...หล่อมาก!  หล่อจนน่าสงสารเลยที่ต้องมารักคนอย่างเขา   เอาจริงๆ ถ้าถามคนสิบคนว่าระหว่างนทีกับเขา...ใครหล่อกว่ากัน?  มีแค่ครึ่งคนเท่านั้นแหละที่จะตอบว่าเขาหล่อกว่า 

   ฐานะก็ดี...ชนิดที่เลี้ยงข้าวเขาวันละสิบมื้อก็ยังได้  กินขนมหมดตู้เย็นไป  พรุ่งนี้ก็เติมให้ใหม่...เต็มเหมือนเดิม

   นิสัย...เขาก็ไม่รู้ว่าสำหรับคนทั่วไปเรียกว่าเป็นนิสัยดีไหม?  แต่สำหรับเขาแล้ว...สามผ่านไม่น่าจะพอ  โดยเฉพาะระยะหลัง...ถ้าเขาบอกว่าอยากกินนก...ก็ไม่มีทางได้กินหมา  หรือถ้าเขาบอกว่าอยากกินหมา...คาดว่าน่าจะเอาลูกปืนมายิงหมาให้เขาเลย  วันนี้ไม่ได้กิน...พรุ่งนี้ก็ได้กิน  ถ้าพรุ่งนี้ยังไม่ได้กิน...วันมะรืนต้องมีแน่

   แล้วยังจะลังเลอะไรอีกวะ?  ปล่อยให้คนหล่อต้องเสียใจมันบาปนะ

   นทีวางไดร์เป่าผมลง   เห็นคนในจอนอนนิ่ง  สายตามองตรงมายังเขาแทบไม่กระพริบก็อดยิ้มออกไม่ได้  เขาทอดสายตาอ่อนโยนมองกลับเข้าไปในจอ “คิดอะไรอยู่?”  ถามเสร็จก็เดินไปหยิบกางเกงมาสวม  ก่อนพาโทรศัพท์มานอนบนเตียงด้วย 
   
   เมื่อใบหน้าหล่อเหลาปรากฏขึ้นบนจออีกครั้ง  ต้นน้ำถึงได้เอ่ยปาก “กำลังคิดว่า...ถ้าตกเรือ  มันจะเป็นยังไง?”

   “เรืออะไร?  เรือแจวเหรอ?”

   “อืม”

   “ก็คงจะเปียกมั้ง?  ก็น่าสนุกดี...ตกเรือก็จะได้ว่ายน้ำเล่นต่อ”

   ต้นน้ำ  “......” 

   “นายก็ว่ายน้ำเป็นนี่?”

   ต้นน้ำพยักหน้า

   “ถ้ากลัวตกเรือแจว  ก็มาขึ้นเรือยอร์ชกับพี่สิน้อง”  นทีหัวเราะร่ากับคำพูดอวดโอ่ของตัวเอง  พลอยทำให้ต้นน้ำหมั่นไส้ไปด้วย 

   เรือรักของนที...เป็นเรือยอร์ชหรอกเหรอ?  นี่เขาก็นึกว่าเป็นเรือแจว...พายจนเหนื่อยก็ไม่ถึงฝั่งมาตลอด

   “เรือไททานิคยังล่มเลยเหอะ”

   “เรือล่มมันก็มีแหละ  แต่เรือรอดเยอะกว่า  ข่าวมันก็ออกแต่พวกเรือล่ม...ประโคมกันเข้าไปให้  แต่เรือลำไหนรอดแล้วต้องเป็นข่าว  หนังสือพิมพ์สิบหน้าก็น่าจะไม่พอนะ   นายคิดฟุ้งซ่านเกินไปแล้ว  ว่างเหรอ?”

   ต้นน้ำเบ้หน้าเมื่อโดนว่าตรงๆ  ที่ฟุ้งซ่านอยู่นี่...ก็คิดเรื่องนายไหมล่ะ?  แล้วก็นอนเฉยๆ  แบบนี้...ดูก็รู้ว่าว่างขนาดไหน  แม้แต่ขยับตัวสักนิดก็ยังไม่ขยับเลย

   “ว่างก็มานอนห้องนี้สิ  จะได้มีอะไรทำ” 

   ทำอะไร?  ไม่ทำโว้ย  เมื่อเผยความรู้สึกออกมาแล้ว  ความเสื่อมก็เผยออกมาด้วย

   “นายคิดอะไร?  เราก็แค่ชวนมาเล่นเกมส์ด้วยเฉยๆ  แต่ก่อน...นายก็ยังเคยมานั่งเล่นเลย”  นทีตัดพ้อเมื่อเห็นต้นน้ำหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด  ปลายประโยคติดน้ำเสียงคล้ายจะน้อยอกน้อยใจ   เมื่อก่อนใช้มุกแบบนี้ทีไร  ไม่ได้แทะ...ก็ยังได้เล็มบ้าง

   แต่ต้นน้ำผู้แข็งแกร่งไม่มีวันใจอ่อนกับมุกเรียกคะแนนสงสารของนทีอีกต่อไปแล้ว  “เหมือนชวนสาวๆ ไปนอนจับมือเฉยๆ น่ะเหรอ?”

   มุกโบราณไร้รสนิยมเหมือนพวกเจ้าชู้ตลาดล่าง  นทีไม่เอามาใช้เด็ดขาด  แต่จะพูดออกไปก็กลัวว่าจะเป็นการสาดโคลนเข้าตัว  วิธีเดียวที่เขาจะเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ได้  คือการสาดโคลนออกไปให้พ้นตัว  “รู้ดีนักนะ  เคยใช้เหรอ?”  ถึงต้นน้ำจะเปื้อนโคลนยังไง...เขาก็รัก  แต่ถ้าตัวเขาเปื้อนโคลน...ต้นน้ำอาจจะไม่รักก็ได้  เขาเลยยอมให้ต้นน้ำเปื้อนดีกว่า

   ต้นน้ำรู้สึกเหมือนเลือดขึ้นหน้านิดๆ  อยู่ๆ ก็วกมาเป็นเขาได้ไง?  “ไม่เคยเว้ย  ไม่ใช่นายสักหน่อย  ต้องให้สาธยายชื่อเสียงนายไหม?...นที! คน! ดัง!” 

   โคลนเลี้ยวมาทางนทีอีกแล้ว  โดนคลื่นอารมณ์ซัดมาเสียด้วย...อารมณ์ล้วนๆ  ไร้ความเป็นเหตุเป็นผลซ่อนอยู่  นทีรีบยกธงขาว  ยกสองมือขึ้นยอมแพ้ก่อนที่คลื่นจะซัดสูงกว่านี้จนกลายเป็นสึนามิพัดพาทุกอย่างพังพินาศ  “โอเคๆ  ไม่เคยก็ไม่เคย  สัญญาเลยว่า...ต่อไปจะไม่ชวนใครไปนอนจับมืออีกแล้ว  จะชวนแค่นายคนเดียว”

   ไอ้บ้า  เขาไม่ได้ต้องการอย่างนี้สักหน่อย  ต้นน้ำปรับอารมณ์ไม่ทัน  เกี่ยงกันเรื่องมุกชวนสาวขึ้นเตียงอยู่ดีๆ  ไหงกลายมาเป็นชวนเขาไปนอนจับมือแทนได้ล่ะ

   “ทำไม?”  นทีถามซ้ำอีกครั้งเมื่อเห็นสีหน้าปั้นยากของต้นน้ำ  “นายไม่อยากนอนจับมือเฉยๆ เหรอ?  อยากได้อะไรก็บอก...ตามใจนายทุกอย่างเลย” 

   นทียังคงยกสองมือศิโรราบด้วยสีหน้าขัดเขินนิด  เอียงคอมองอย่างไร้เดียงสา  อยากได้มากกว่านอนจับมือก็บอกสิ  จัดให้ได้ 

   ต้นน้ำอยากจะวิ่งเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด  มือเรียวทึ้งผมตัวเองอย่างอดไม่อยู่ก่อนตะโกน  “ไม่ใช่โว้ย”

   นทีหัวเราะในลำคอ  “รู้น่า  นายไม่อยากได้มากกว่านั้นหรอก  งั้นแค่นอนจับมือเฉยๆ ก็ได้เนอะ”  มุกไร้รสนิยมถูกนทีเอามาใช้จนได้  แต่เขาก็ถือว่าไม่ผิดกติกา  ที่ผ่านมาเขาไม่เคยใช้มุกนี้จริงๆ  แต่ถ้ามันพอจะหลอกล่อคนที่หัวยุ่งเพราะทึ้งผมตัวเองได้  เขาจะยอมลดระดับรสนิยมของตัวเองลงมาหน่อยแล้วกัน

   “พรุ่งนี้แยกกันไปมหา’ลัยนะ”  ต้นน้ำเปลี่ยนเรื่อง  ไม่อยากตอบรับเพราะจะกลายเป็นเชิญชวนกันนอนจับมือเกินไป  แต่จะให้ปฏิเสธ  ก็...ไม่อยากอีกเหมือนกัน

   “ทำไมล่ะ?”  นทีถามเสียงสูง  หรือว่าการชวนนอนจับมือกันเมื่อครู่นี้จะทำให้ต้นน้ำโกรธมากจนไม่อยากแม้แต่จะอยู่ใกล้เขา  “นายโกรธจริงๆ เหรอ?”  แววตาขี้เล่นของนทีเมื่อครู่นี้ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว 

   “ไม่  ไม่ใช่แบบนั้น”  เมื่อเห็นสีหน้าตกใจระคนหวาดหวั่นของนที  ต้นน้ำคนแข็งแกร่งก็ไม่เหลืออยู่แล้วเช่นกัน  “พรุ่งนี้อาจารย์งดคลาสเช้า  ไปเสริมตอนเย็นแทน  น่าจะเลิกค่ำมาก  รอกันไปรอกันมาไม่สะดวกหรอก  เราว่า...แยกกันไปก่อน  รอให้ดิวหายก่อน  ค่อยว่ากันอีกที”  ต้นน้ำหลุบสายตาลง  เขาไม่รู้ว่าดิวชอบนทีจริงหรือเปล่า?  ได้แต่ฟังคำพูดคนอื่นมา  แต่ถ้าดิวชอบนทีจริงๆ  ดิวก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ  เป็นตัวเลือกที่อาจจะดีกว่าเขาในทุกๆ ด้าน  ถ้านทีจะชอบผู้ชายสักคน...เป็นดิว  อาจจะดีกว่าเขาก็ได้   

   เขารู้ตัวดีว่ากำลังฝากปลาย่างไว้กับแมว  ถ้าแมวจะกินปลาย่าง...เขาก็อาจจะ...เสียใจ  แต่เขาคงไม่โทษว่าเป็นความผิดของแมว  ดีเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต้องถลำลึกลงไปกับแมวมักง่าย

   “นายกำลังจะ...ไล่เราไปหรือเปล่า?”  เสียงนทีถามเบา  แต่กลับชัดเจนในความรู้สึกของต้นน้ำ  น้ำเสียงของนทีไม่ได้ร้อนรน  แต่ก็ไม่ได้มั่นคงนักเช่นเดียวกับสายตาที่ทั้งอ้อนวอนและร้องขออยู่ในที

   ต้นน้ำกลืนน้ำลายลงคอ  ใจอ่อนฮวบลงไปอีก  เขากล้าพูดเพราะคิดว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายที่เสียใจ  แต่พอคิดว่านทีจะเป็นคนที่เสียใจ...เขากลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา 

   “ไล่ไปไหมล่ะ?”  ต้นน้ำพูดยิ้มๆ  เขาจะปล่อยให้คนหล่อทำหน้าเศร้าไม่ได้  นี่เป็นบาปมหันต์  พระเจ้ารักนทีมากแค่ไหน...ถึงได้มอบหน้าตาหล่อเหลาอย่างนี้มาให้  เขาจะทำลายไม่ได้!

   “ไม่  ถึงไล่ก็จะไม่ไป”  นทียิ้มกว้างออกมาได้  แม้สายตาจะยังมีความกังวลเจือจางอยู่อย่างไม่ปิดบัง   

   “ก็เท่านี้  ไม่คุยแล้วนะ  นอนเถอะ”

   “เปิดกล้องไว้นะ  อยากนอนด้วย”  นทีกระพริบตาปริบๆ กึ่งออดอ้อนกึ่งขอร้อง

   “ถ้าโทรศัพท์ระเบิดล่ะ” 

   “ไม่เป็นไร  ห้องเราอยู่ติดกัน  โทรศัพท์นายระเบิด  นายตาย...เราก็ตายด้วย” 

   ต้นน้ำ “......”  หมายความว่า...โทรศัพท์นทีระเบิด  เขาก็ตายด้วยใช่ไหม? โทรศัพท์สองเครื่องเท่ากับความเสี่ยงคูณสองเลยนะ 

   “ฝันดีนะ”  นทีบอกทั้งที่ตายังจ้องมองคนในโทรศัพท์อยู่     

   “อืม  ฝันดี”

   นทียิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก  เป็นครั้งแรกที่เขาบอก ‘ฝันดี’ คนอื่น  ไม่แน่ใจต้นน้ำบอกกลับมาตามมารยาทหรือเปล่า?  แต่เขาหวังว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของหน้าจอ  อีกฝั่งหนึ่งของผนังห้องจะนอนหลับแล้วฝันดีจริงๆ   คงจะดีมากถ้าในฝันดีนั้นมีเขาอยู่ด้วย 





Rrrr…Rrrr…
   มือเรียวคว้าสะเปะสะปะไปยังทิศทางที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทั้งที่ยังไม่ลืมตา  คว้าเท่าไรก็คว้าไม่โดน  สุดท้ายจึงได้ยอมลืมตามามองหาต้นเสียงอย่างยอมจำนนเพราะหลับจะหลับก็โดนเสียงโทรศัพท์รบกวนอยู่ดี 
   เมือคว้าโทรศัพท์มาได้  ต้นน้ำมองหน้าจอที่ปรากฏชื่อของนทีก่อนยิ้มมุมปากนิดๆ  อารมณ์ดีทั้งที่โดนปลุกเนี่ยนะ  บ้าไปแล้ว

   “อืม”  ต้นน้ำรับสายสั้นห้วน  น้ำเสียงยังคงอู้อี้อยู่บ้าง

   [ ตื่นได้แล้ว  สิบโมงแล้ว ]

   “โอเค”  ต้นน้ำรับคำง่ายๆ  อยากนอนต่อก็นอนไม่หลับแล้ว

   [ เราทอดไข่กับแฮมไว้ให้  อาจจะเย็นแล้ว  แต่รองท้องไว้หน่อย  อยู่ในกระทะนะ]

   “อืม” ต้นน้ำซุกหน้าลงกับหมอน  รู้สึกเหมือนเลือดมากองรวมกันที่หน้าจนหน้าบวม  ทั้งห้องก็มีแค่เขาคนเดียว  ไม่มีใครเห็นเสียหน่อย  แต่เขาก็ยังเขิน  เขินผีเขินฟ้าไปแล้วกัน

   [ งั้นเราเข้าเรียนก่อนนะ ]

   “อืม”  ต้นน้ำตอบสั้นๆ เหมือนเดิมก่อนวางสายด้วยรอยยิ้มพราว  เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเขาเป็นอะไรถึงยิ้มไม่หุบ  ยิ้มอยู่ได้  ยิ้มกว้างเหมือนกรามค้าง  ไม่ต้องรอจนสงบจิตสงบใจได้...ร่างโปร่งก็ลุกพรวดจากที่นอน  เดินลอยๆ ลงไปข้างล่างทั้งที่ยิ้มค้างอย่างนั้น 

   เขาตั้งใจลงมาเพื่อกินอยู่แล้ว  ดังนั้นสิ่งแรกที่เขาทำคือตรงไปยังกระทะทรงกว้างที่อยู่บนเตา  เขาเปิดฝาแก้วที่ครอบไว้ออกก่อนความรู้สึกชนิดหนึ่งจะจุกอยู่ตรงลำคอ  คล้ายกับมีดอกไม้ไฟนับร้อยแตกปุ้งปั้งอยู่ในหัวสมอง  แต่เป็นดอกไม้ไฟสีพาสเทลแสนหวานที่ให้ความรู้สึกอุ่นซ่านไปทั้งหัวใจ 

   “ไอ้บ้า”  ต้นน้ำพูดกับตัวเองเบาๆ  เขาหยิบจานอาหารเช้าออกมาจากกระทะ  ไส้กรอกดัดเป็นรูปหัวใจล้อมรอบไข่ดาววางคู่กับขนมปังปิ้งที่ตัดเป็นรูปหัวใจ 

   หัวใจ  หัวใจ  หัวใจ  หัวใจหมดเลย!

   อาการยิ้มกว้างเหมือนกรามค้างกลับมาอีกครั้ง  เหมือนจะรุนแรงหนักกว่าเดิมเสียอีก  กินไปยิ้มไป...ต้นน้ำทำได้  กินข้าวคนเดียวก็มีความสุขดีนะ


---------- อ่านต่อด้านล่าง ----------




หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 19-11-2019 14:33:40

---------- ต่อจากด้านบน  ตอนที่ 20 ----------

เป็นการเรียนที่มาราธอนอีกวัน  ยิงยาวตั้งแต่บ่ายโมงจนหกโมงเย็น  เรียนกันจนสมองล้า  ปัญญาเริ่มอ่อนนิดๆ

   ตื้ดดดดด...เสียงโทรศัพท์ต้นน้ำสั่น  ต้นน้ำหยิบขึ้นมาดู  เป็นไลน์จากนที

   Nathee : กำลังไปส่งดิวแล้วนะ
   [ แนบรูปที่ถ่ายบนรถกับดิว ] 
   Nathee : เลิกกี่โมง?
   Tonnaam : หก
   Nathee : กินอะไรดี?  เดี๋ยวซื้อไว้ให้


   ต้นน้ำอมยิ้ม  พลอยทำให้ขิงที่ลอบมองอยู่เหยียดยิ้มมุมปากก่อนกระซิบ  “ ผัวรายงานตัวเหรอมึง?”

   ต้นน้ำถลึงตาใส่ขิง  “ซื้อกับข้าวมารอ  เขาเรียกผัวที่ไหนวะ?  เขาเรียกเมียหรือเปล่า?”

   ใจกล้าหน้าด้านแค่ไหน  ก็ใช่ว่าจะได้มาทุกอย่าง  เรื่องบางเรื่องก็ควรดูสภาพตัวเองด้วย  ขิงเบ้ปากพร้อมกับมองต้นน้ำอย่างเหยียดหยาม 

   “มึงอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องกูกับนทีนะ  กูยังไม่รู้จะเอายังไงเลย?”

   “อืม”  ขิงพยักหน้าส่งๆ  เรื่องที่เขารู้กันหมดแล้ว  ยังจะต้องไปบอกใครได้อีกล่ะ

   จนเกือบหกโมงเย็น  ต้นน้ำก็ได้รับไลน์จากนทีอีกครั้ง

   Nathee :  นายเลือกสิว่าจะเอาอะไรเพิ่มบ้าง  สั่งยำปลาดุกฟูกับต้มยำกุ้งให้แล้ว
   [แนบรูปเมนูอาหารมาสามรูป]
   Tonnaam : ส่งดิวแล้วเหรอ?
   Nathee : ส่งแล้ว
   Tonnaam : มีแต่เผ็ดๆ นายสั่งอะไร?

   
   ต้นน้ำถามเพราะเห็นว่านทีไม่กินเผ็ด  แต่รายการอาหารที่นทีสั่งรสชาติต้องจัดจ้านสักหน่อยถึงจะอร่อย

   Nathee : สั่งทอดมันกุ้งไปอีกอย่างหนึ่ง
   Tonnaam : งั้นเอาเอาปูผัดผงกะหรี่อีกจานหนึ่งแล้วกัน
   Nathee : โอเค  รอที่บ้านนนะ 

   
   ต้นน้ำยิ้ม  เห็นไหม?  ซื้อกับข้าวไปรอที่บ้าน  นี่มันตำแหน่ง ‘เมีย’ ชัดๆ

   เด็กปีหนึ่งคณะศิลปกรรมทยอยกันเดินออกมาจากห้องเมื่อหมดเวลาซึ่งกินเวลาเลยมาอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง  สีหน้าแต่ละคนบ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัด  พวกผู้ชายไม่มีแววตาซุกซนอยู่ในดวงตาหลงเหลืออยู่แล้ว  ในขณะที่ผู้หญิงหัวฟู  เครื่องสำอางลบเลือนจนเห็นสภาพหน้าที่แท้จริงกันหมดแล้ว 

   “หิวว่ะ”  ขิงบอกเพื่อน  “หาอะไรกินกันเถอะ”

   “ขอหนักๆ เลยนะ  กูหมดแรง”  เนมพยักหน้าหงึกหงัก

   ในขณะที่ทุกคนกำลังปรึกษกันว่าจะกินอะไรกันดี  ต้นน้ำก็กระแอมในลำคอ 

   “กูไม่หิวอ่ะ  เดี๋ยวกูกลับบ้านก่อนนะ  กูมีงานค้างอยู่ด้วย”  เชี่ย  ไม่หิวอะไรล่ะ?  หิวมากถึงมากที่สุด  แม้จะอิ่มใจจากอาหารเช้ารองท้องเมื่อเช้า  แต่อิ่มใจกับอิ่มท้องมันคนละเรื่องกัน  ถึงจะกินข้าวราดแกงที่โรงอาหารก่อนเข้าห้องเรียนไปแล้ว  แต่กระเพาะอาหารเขาว่างเกินสามชั่วโมงไม่ได้  นี่เลยมาเกือบหกชั่วโมงแล้ว  นับว่าเกินขีดความสามารถของเขาไปมากอยู่

   เพื่อนทุกคนหันมามองต้นน้ำอย่างแปลกใจ  แปลกใจมากๆ ด้วย  ต้นน้ำไม่หิว...ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย 

   ขิงกรอกตามองอย่างรู้ทัน “เออ  ไปเหอะ  รีบไป”  ขิงตัดบทให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำร่ำลาเพื่อนอีกเล็กน้อยก่อนเดินออกไป 

   เมื่อต้นน้ำเดินไปไกลแล้ว  ขิงเลยหันมาบอกเพื่อนคนอื่น  “เมียมันซื้อกับข้าวมารออยู่ที่บ้านแล้ว”

   “หา”  เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกัน  เหมือนฟ้าผ่าลงกลางวง  ต้นน้ำไม่หิวว่าแปลกใจแล้ว  ต้นน้ำมีเมียยิ่งเหลือเกินกว่าที่จะเชื่อได้ไปมาก  ทุกคนพอจะคาดเดาได้ว่าคนที่ซื้อกับข้าวมารออยู่ที่บ้านเป็นใคร  หรือสองคนนั้นระบุตำแหน่งกันได้แล้ว?

   “ก็มันบอกว่าผัวที่ไหนซื้อกับข้าวมารอ  ต้องเป็นเมียสิ”  ขิงยักไหล่   

   “มันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าวะ?  ตำแหน่งผัวเมีย...ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนซื้อกับข้าวนะโว้ย” เนมแย้ง

   ริวลูบปลายคางอย่างครุ่นคิด “แปลว่า...ตำแหน่งบนเตียงยังไม่ได้รู้ผลสินะ” 

   “ช่างมันก่อนไหม?  ยังไม่รู้ผลวันนี้หรอก  กูหิวแล้ว”  เอื้องฟ้าบอก

   “เออ  คิดว่าจะกินอะไรก่อนดีกว่า?  ใครผัวใครเมีย...พวกมึงเดากันไม่ได้เหรอวะ?”  ไม่ต้องฟังโพลจากสำนักไหน  ขิงก็พอจะเดาออก  ไม่เห็นจะต้องคิดมากให้ปวดหัวเลย 

--------- tbc ---------

Smile A Talk :

แหะๆ อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้อัพ  ไม่ว่างจริงๆ  แต่คิดถึงนทีต้นน้ำตลอดนะคะ

ถ้าคนอ่านคิดถึงนทีต้นน้ำ  ก็ไปทวงถามกันได้ที่เพจ  หรือ ทวิตได้นะคะ  ไปคุยกันเล่นๆ เนอะ  อาจจะมีบางตอนที่นอกเหนือจากในนิยายให้อ่านด้วย  บางที่ถ้าใส่ในนิยายก็กลัวว่ามันจะเวิ่นไป  ก็เลยไปเขียนไว้เล่นๆ ในเพจค่ะ

แล้วก็ขอบคุณมากผู้มีอุปการะคุณที่ช่วยชวนเพื่อนมาอ่าน  และช่วยรีวิวให้
นทีต้นน้ำโลดแล่นครั้งแรก 19 ก.ย. 2562 57 ถึงวันนี้ก็ 2 เดือนแล้วค่ะ  เดินทางมาได้ 20 ตอนแล้ว
ดีใจที่มีคนชอบและมองว่านทีต้นน้ำน่ารักค่ะ 
ดีใจด้วยกับตัวเองด้วยที่เขียนมาได้ 20 ตอนแล้ว  ปกติเป็นคนเขียนไม่จบ  เปิดเรื่องใหม่ตลอด
ดีนะที่ครั้งนี้ตัดสินใจเอาลงเว็บเลย  จะได้มีคนคอยถาม คอยทวง  555

ถ้ามีตรงไหนที่อยากติ  บทบรรยาย  บทสนทนา  ฉาก  อะไรที่มันรวบรัดตัดตอนหรือยืดเยื้อมากไป
เตือนเอได้เลยค่ะ  เอจะพยายามพัฒนาต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-11-2019 17:23:36
 :pig4:การ :pig4: มาต่อแล้ว ขอบคุณค่า
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: janamanza ที่ 19-11-2019 18:56:37
ไอต้าววววนทีบ้า ป้ามากกกก น้องน้ำ ก็น่ารักมากก งือออ เขิล
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-11-2019 19:00:52
รออยู่นานเชียวค่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 19-11-2019 22:35:11
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆๆๆๆ  พี่นู๋ต้นน้ำ   มโนเข้าข้างตัวเองว่าจะได้รุกน้องนทีอ่ะนะ    อิอิ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 20 ------ 19/11/2019]---P.6
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-11-2019 00:58:00
นทีเต็มที่มากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 13-12-2019 12:50:34
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 21
หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง






ตื๊ดดด...ตื๊ดดด...

   เสียงโทรศัพท์ต้นน้ำสั่น  ทุกคนเหลือบตามองต้นน้ำเล็กน้อย  แล้วก็หันไปทำธุระตัวเองต่อ  ไม่มีใครถามอะไรเซ้าซี้   เพราะสองสามวันที่ผ่านมาสั่นบ่อยจนเพื่อนเพื่อนชินกันหมดแล้ว

   ต้นน้ำเปิดอ่านข้อความในไลน์  ก่อนขมวดคิ้วมุ่น

   Nathee : หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง

   อะไรของมันวะ?  หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง?...คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาก่อน  แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก  เหมือนติดอยู่ในหัวนิดเดียว  ถ้ามีอะไรสะกิดให้สักหน่อยก็อาจจะพอนึกออกได้  เสียแต่ว่าไม่มีอะไรสะกิดนี่สิ

   Tonnaam : บ้านก็ได้  รถก็ได้เหรอ?

   ต้นน้ำตอบกลับ 

   Nathee : ได้  ถ้าตังค์พอ 

   ชิ...ต้นน้ำส่งเสียงในลำคอ

   Tonnaam :  ไหนว่าได้ทุกอย่าง?

   Nathee : ก็ได้ทุกอย่างที่เราให้ได้ไง  อะไรที่ให้ไม่ได้  จะไปหาจากไหนมาให้ล่ะ?
 
   Tonnaam : แต่ตอนนี้เรายังไม่อยากได้อะไร?

   Nathee : [ แนบสติ๊กเกอร์หัวกลมนั่งเศร้ากอดเข่า  ด้านบนมีเม็ดฝนตกใส่ ]


   เรียกคะแนนสงสารอีกละ  ต้นน้ำยิ้มเย้ยกับโทรศัพท์  เสียใจกับนทีด้วยที่เขารู้ทัน  ไม่ได้แอ้มง่ายๆ หรอก

   Nathee : แต่เราอยากจูบ
   
   ซ่า...เหมือนมีคลื่นอะไรสักอย่างพัดโหมกระหน่ำใส่ตัวต้นน้ำที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรง  พริบตาเดียวก็แช่เลือดทั้งตัวเขาให้แข็งค้าง  แต่เลือดที่หน้ากลับเดือดปุดๆ 

   “ว่างาย?  ลมอะไรหอบพวกมึงมาถึงคณะกู?”  ขิงร้องถามเมื่อเห็นเม่นกับนทีเดินเข้ามาที่ตึกคณะศิลปกรรม  และยังมุ่งตรงมาหาพวกเขาโดยเฉพาะ 

   ต้นน้ำเงยหน้ามองตามสายตาของขิงก็พบตัวต้นเหตุที่ทำให้เลือดเขาแข็งค้างกำลังเดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาหา  สายตายังคงจับอยู่บนใบหน้าเขา 

   ต้นน้ำรีบหันหลังให้นที  จะไม่ให้หันหนีได้ยังไง  ในเมื่อเขาโดนจับได้ว่าตัวเองก็ยิ้มกับคำตอบของนทีเหมือนกัน  พิมพ์ไปยิ้มไป  เขินอายกับโทรศัพท์เหมือนคนบ้า 

   “ลมรัก”  คนตอบคำถามชวนเลี่ยนไม่ใช่นที  แต่เป็นเม่นที่ตอบกระแทกเสียงใส่เพื่อนที่เดินมาด้วยกันก่อนหันมาหาต้นน้ำ  “คืองี้...ป๊ากูอ่ะ  อยากให้นทีไปถ่ายแบบให้แบรนด์กางเกงยีนส์ยี่ห้อหนึ่ง  แต่ต้องไปถ่ายที่เมืองจีน  ช่วงปิดเทอม”

   ต้นน้ำมองหน้าเม่นอย่างงงๆ  “แล้วเกี่ยวอะไรกับกูอ่ะ?”

   เป็นคำถามที่เม่นอยากจะถามอยู่เหมือนกัน 

   เจ้าของแบรนด์กางเกงยีนส์ชื่อดังต้องการตีตลาดฝั่งเอเชีย  และนายแบบที่เลือกก็ต้องเป็นเอเชียเท่านั้น  เอเจนซี่ที่ได้งาน...นอกจากจะได้ชื่อเสียงแล้ว  ยังหมายความถึงเม็ดเงินที่จะตามมาอีกมาก  แต่ละเอเจนซี่ต่างส่งนายแบบของตัวเองเข้าร่วมคัดเลือก  ตอนแรกทางแบรนด์ตกลงเลือกชิน  พวกเขากำลังจะจุดพลุฉลอง  แต่ปรากฏว่าชินดันติดปัญหาทางบ้าน...ไม่สามารถทำงานได้จนกว่าจะเข้ามหา’ลัยได้  บริษัทเขากำลังจะจนแต้ม...เก็บพลุฉลองไประเบิดตัวเองตายแทน  เตรียมตัวเสียงานใหญ่ให้กับเอเจนซี่เกาหลีแล้ว  แต่ปรากฏว่าตัวแทนจากแบรนด์ดังดันไปกินข้าวที่ห้าง  เจอรูปนทีถ่ายแบบให้กับชุดสูทร้านของน้ำตาลพอดี...เกิดถูกใจ  ถูกชะตา  ถูกจริตอะไรขึ้นมาไม่รู้  ติดต่อกลับมาว่าถ้าได้นายแบบคนนี้จะไม่เปลี่ยนเอเจนซี่

   ถือว่าพระเจ้ายังคงให้โอกาสเขาอยู่บ้าง  เพื่อนกัน...น่าจะคุยกันง่าย  แต่พอมาคุยกับนที  นทีกลับบอกให้มาขอต้นน้ำเสียอย่างนั้น  ยุ่งยาก  วุ่นวายเหลือเกิน

   “มันให้มาขอมึง  ถ้ามึงอนุญาต  มันก็จะไป”

   ต้นน้ำวาดสายตาแทนคำถาม เกี่ยวอะไรกับเรา? ไปทางนทีที่ยืนอยู่ข้างเม่น 

   นทีส่งจูบกลับมาให้แทนคำตอบ หนึ่งจูบแลกได้ทุกอย่าง! 

   ต้นน้ำทำสีหน้าปั้นยากก่อนตอบปัด  “ไม่เอาอ่ะ”

   เม่นเริ่มหน้าถอดสี  เพื่อนกัน...คุยกันได้ไม่ใช่เหรอ?  แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด  เม่นเบียดริวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามออกแล้วยัดตัวเองลงนั่งแทน  “มึงไม่ช่วยกูไม่ได้นะ  งานนี้งานใหญ่  ใหญ่มาก  ทำงานมาครึ่งปีก็ไม่เท่ากับงานนี้งานเดียว”  เม่นบอกหน้าตาจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   ต้นน้ำเริ่มลังเล

   “น้ำใจอ่ะมึง  มีหรือเปล่าวะ?”  ริวที่ไปยืนอยู่ข้างนทีด้านหลังเม่นช่วยบอกอีกเสียง

   ต้นน้ำไม่เข้าใจ  นั่งอยู่ดีๆ ก็ผิดได้  เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเลย  เขาแค่ไม่ให้นทีจูบเองนะ

   “กูบอกแล้ว...ว่ามันไม่ให้กูไปหรอก  มันคิดถึงกูจะตาย  กูอยู่ห่างมันได้ซะที่ไหน?” นทีบอกเสียงอ่อย

   เนมกลืนน้ำลายเอื๊อก  ท่านเทพนทีจีบสาว  เอ๊ย...จีบผู้ชายใช้มุกแบบนี้หรือขอรับ ท่านคงไม่ว่าอะไร  หากกระผมจะยืมไปใช้กับแฟนกระผมบ้าง

   เอื้องกับขิงเบ้หน้า  กลิ่นความรักอบอวลแถวนี้...หอมอย่างกับกลิ่นต้นตีนเป็ดกำจรจาย

   ริวแทบกระตุก   เขากับนทีปาดซ้ายแซงขวาจีบสาวกันมาหลายหน  นทีล่าเหยื่อแต่ละที...เงียบเชียบแต่เรียบร้อย  ไม่คิดเลยว่า...หมาป่าจะมาเล่นบทแมวบ้าน  ริวหันไปมองหน้าคนข้างๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา 

   มีเพียงเม่นเท่านั้นที่ยังคงสีหน้าจริงจังและอ้อนวอนอย่างที่สุด ใจโฟกัสแต่เรื่องงานจนไม่ได้สนใจเรื่องอื่น  “แค่หกวันเองมึง  ไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ  มึงห่างกันไม่นานหรอก”

   ต้นน้ำหน้าเอ๋อ  เขาไม่อยากห่างจากนทีตั้งแต่เมื่อไร?  ไหนจะยังสายตากดดันที่เพื่อนๆ มองมาอีก  ชัดเลย...ถ้าเขาไม่ตกลง  ตรา ‘ไม่มีน้ำใจ’ ประทับตรงหน้าผากเขาแน่ 

   เขาว่ากันว่าในวิกฤติมีโอกาส  ภายใต้ความกดดัน...ต้นน้ำกลับนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้  เขานึกเรื่อง ‘จูบเดียวแลกได้ทุกอย่าง’ ออกแล้ว  เป็นวันที่นทีกลับบ้านมา  แถมนทียังเสนอโปร ‘เหมาจ่าย’ ให้เขาอีกด้วย

   “ช่วยกูหน่อยเถอะ  ให้กูไหว้กูก็ยอม”  เม่นขอร้องอีกครั้ง  ทำท่าคล้ายจะยกมือขึ้นมาไหว้ต้นน้ำจริงๆ 

   “หยุดเลยมึง  ขอกูคิดแป๊บ”  ต้นน้ำปรามเพื่อนแล้วมองหน้านที  ก่อนหยิบโทรศัพท์มากด

   Tonnaam : เหมาจ่ายนี่คือครั้งเดียวใช่ไหม?

   นทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน  ก่อนพยักหน้า

   Tonnaam : รวมทั้งหนี้เก่าด้วย?

   นทีพยักหน้าอีกครั้ง 

   ต้นน้ำมองนทีอย่างหวาดระแวง  ไม่รู้ว่านทีมีแผนอะไรอยู่ในใจหรือเปล่า? 

   นทีมองตอบกลับมาหน้าซื่อ  ตาใส  สงสารเพื่อนสนิทที่มาอ้อนวอนขอร้อง  สงสารต้นน้ำที่ทำหน้าลำบากใจ  แต่จะให้เขาทำยังไงได้?  นอกจากมือแล้ว  อย่างอื่นก็ไม่เคยได้จับมาหลายวัน   ห้องก็ไม่ให้เข้า  เขาเป็นคนหนุ่มที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่าน  จะให้ใช้ชีวิตเหมือนตาแก่ที่ได้แต่นั่งชายตาแล  แล้วท่องยุบหนอพองหนอดับกิเลส  มันจะไม่คุ้มกับชีวิตวัยหนุ่มเอานะ 

   “มึงก็จะหวงนทีไปทำไมนักหนาวะ?  ห่างกันบ้างก็ได้  ระยะทางพิสูจน์ม้า  กาลเวลาพิสูจน์คนเว้ย”  ขิงยกสุภาษิตมาช่วยกดดันอีกแรง 

   ต้นน้ำถลึงตาใส่ขิง  พูดออกมาแบบนี้  เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก  ก่อนลอบกวาดสายตาสังเกตุเพื่อนๆ  แล้วถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นใครทำท่าทางแปลกใจสักคน

   “เออ  ไปก็ไปสิวะ”  ต้นน้ำบอกเม่น  ก่อนบ่นกับตนเองเบาๆ  “กูก็ไม่ได้ห้ามอะไรเลย?  ไม่ได้ตัวติดกันขนาดนั้นสักหน่อย”

   “เฮอะ  แล้วที่มึงไลน์คุยกันตลอดนี่ยังไงฮะ?  สรุปยังไง?...ยังไงเนี่ย?”  เอื้องฟ้าพยักเพยิดใส่ต้นน้ำ  เล่นเอาต้นน้ำถอยกรูด  พาตัวเองไปชิดกับอีกมุมของโต๊ะ 

   “อะไร?  อะไรของมึง?”  ต้นน้ำเก๊กหน้าซื่อ  ทำเป็นไม่รู้เรื่องไว้ก่อน  ใจเย็น  ใจเย็น  ใจเย็น  อย่าเพิ่งร้อนตัวไป  เผื่อว่าเรื่องที่เอื้องฟ้ากำลังถามถึงเขาอยู่...จะไม่ใช่เรื่องเดียวกับที่เขาคิด

   “มึงกับนทีนี่ยังไงเนี่ย?  ได้กันแล้วยัง?”  หน้าตาสวยงาม  กิริยาต่ำทราม  มารยาทสถุน  เสื่อมทรามสมกับเป็นเอื้องฟ้าทุกประการ 

   “ไอ้เหี้ยยยย”  ต้นน้ำร้องเสียงหลงเมื่อเอื้องฟ้าถามจี้ใจดำ  “ยังไม่ได้โว้ย”  ณ จุดๆ นี้...เขาไม่รู้จะทำหน้ายังไงจริงๆ  ได้แต่เกาะโต๊ะไว้เป็นที่พึ่งสุดท้าย   แม้รู้ว่าโต๊ะจะพึ่งพาไม่ได้  แต่คนกำลังจะจมน้ำ...แม้แต่ฟางเส้นเดียวที่ลอยตามน้ำมาก็ยังต้องคว้าเอาไว้ก่อน

   “มึงก็...ถามเหี้ยอะไรก็ไม่รู้อีเอื้อง  ยังไม่ได้หรอกมึง”  เนมดุเอื้องฟ้าเบาๆ  ก่อนหันมาถามต้นน้ำ  “กูเดาถูกไหม?”  ละอ่อนน้อยอย่างต้นน้ำ  นทีควรจะค่อยๆ ตะล่อม  ใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไปสักหน่อย  จะได้ไม่แตกหัก  นทีถึงยังมีหน้ามาเสนออยู่ตรงนี้ได้

   ถูก!  แต่ไม่ตอบเว้ย  ไม่ต้องมาทำหน้าคาดหวังรอคำตอบแบบนั้นเลย  ให้ตายเขาก็ไม่ตอบ  ต้นน้ำเอาสองมือกุมขมับ  แทบจะแทรกตัวลงไปเป็นเนื้อเดียวกับโต๊ะที่พึ่งสุดท้ายของเขา  รู้สึกอายเหมือนโดนลากมาแฉกลางสี่แยก “ไอ้ขิงมึง”  ต้นน้ำเรียกขิงอย่างอาฆาตแค้น  อยากจะเอามือชี้หน้าด่า  เสียแต่ว่าเอามือปิดหน้าอยู่แล้วยังไม่กล้าเปิดออก 

   ขิงแบมือทั้งสองข้างยกขึ้น  “ไม่เกี่ยวกับกูนะ  พวกมันรู้ก่อนกูอีก”

   นทีหัวเราะก่อนเดินมายืนอยู่ข้างต้นน้ำ  โอบประคองตัวต้นน้ำให้พิงเขาไว้  สองมือก็ช่วยปิดหน้าปิดตาลูบหัวให้  ก่อนพูดกลั้วหัวเราะ  “พวกมึงอย่าแกล้ง”  ยิ่งต้นน้ำอายมากเท่าไร  เขายิ่งซวยมากเท่านั้น  ต่อไป...มือจะให้จับหรือเปล่าก็ไม่รู้  ปกป้องต้นน้ำก็เท่ากับเขาปกป้องตนเองด้วย

   แต่ไม่มีทางที่เพื่อนๆ จะปล่อยโอกาสนี้ให้ลอยนวลไปได้ 

   “ถรุย  ทำเป็นปกป้อง”  ริวเบ้ปาก มองสายตาวิบวับของนทีอย่างหมั่นไส้  อีตัวปกป้องน่ะ...ตัวดีเลย  แกล้งมากกว่าใครเพื่อน  แล้วยังมีหน้ามาเสแสร้งทำตัวเป็นพระเอก  อยากจะถุยให้ยาวถึงฟากฟ้า

    ถึงจะอายมากแค่ไหน  แต่ต้นน้ำก็ต้องยอมรับว่าพุงแข็งๆ ของนทีให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่าโต๊ะที่เขาเกาะ  ต้นน้ำยังคงเอามือปิดหน้า  แต่ย้ายไปทั้งมือทั้งหน้าไปซุกอยู่ที่พุงนทีแทน  โผล่ออกมาให้เห็นแค่ใบหูแดงๆ 

   “ไหน  พวกมึงจะถามอะไร  กูตอบแทนเอง”  นทีบอกเพื่อน  มือหนึ่งก็ลูบศีรษะต้นน้ำไปพลาง

   “ใครผัวใครเมีย?”  เนมถาม  แกล้งทำเป็นยื่นไมค์สัมภาษณ์เลียนแบบที่นักข่าวชอบทำทางทีวี

   “กูผัวสิ” นทีตอบโดยไม่ต้องคิด

   “เหี้ย”  ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาจ้องหน้านที

   นทีก้มลงไปมองหน้าแดงๆ ของต้นน้ำ  ก่อนทำปากผะงาบๆ ส่งเสียงพอให้ต้นน้ำได้ยิน “อ๋อ  นายจะเป็นผัวเหรอ?”

   ต้นน้ำทำสีหน้าอึดอัด  ทำท่าคล้ายจะพูดอะไรออกมาสักอย่าง  สุดท้ายก็พ่นออกมาคำเดียว “สัด” 

   นทีหัวเราะก่อนหันไปบอกเนมทั้งที่ยังหัวเราะอยู่  “ประเด็นนี้ขอไม่ตอบนะครับ...ขอเก็บไว้เป็นเรื่องของคนสองคน” 

   “แล้วนี่พวกมึงคบกันยังเนี่ย?”  เอื้องฟ้าถามด้วยน้ำเสียงธรรมดาปกติ  เหนื่อยที่จะเล่นแล้ว  “ประเด็นนี้มึงต้องตอบนะ  กูจะได้ทำตัวถูก”

   “ยัง”  นทีตอบหน้ามุ่ย  ชี้ลงไปที่หัวต้นน้ำ  “มันไม่ยอมเป็นอ่ะ  กูจีบอยู่”

   “อื้อหือ”  เม่นทำหน้าปุเลี่ยนขั้นสุด  อีกนิดเดียวจะลงไปอ้วกแล้ว  แต่จะสรรหาคำพูดมาแดกดันก็ไม่รู้จะหาคำไหมมาเปรียบเทียบได้เหมาะสม  นทีจีบสาว...เขาก็ยังไม่เคยพบเคยเห็น  ส่วนใหญ่ก็แค่ตอดเล็กตอดน้อยแล้วงาบเลย  จะถือว่าเป็นบุญตาได้ไหม?...ที่มีโอกาสได้เห็นนทีจีบผู้ชาย 

   “พวกมึงอย่าแซวสิ  เดี๋ยวกูจีบไม่ติด  อกหักขึ้นมาต้องมากินเหล้าปลอบใจกูอีก” 

   “กูไม่กลัวกินเหล้าเว้ย  แต่มึงอย่าเสือกไปหาเรื่องใครแก้เครียดอีกแล้วกัน  กูกลัวตายก่อนเรียนจบ”  เม่นกระแทกเสียง 

   “เออ...กูจะหุบปากหุบคำเลย  ไม่ให้มึงสองคนต้องกระทบกระเทือนใจเด็ดขาด  ขออย่างเดียว...มึงอย่าเก็บกระเป๋าออกจากบ้านอีกสักทีเลยนะนที  กูทนฟังเสียงถอนหายใจเฮือกๆ ของไอ้น้ำไม่ไหวอีกแล้ว  ใจกูจะขาดรอนๆ”  ขิงบอกนที  กึ่งขอร้องแกมบังคับ

   “จริงเหรอ?”  นทียิ้มร่า  ดวงตาเปล่งประกาย  เบ่งบานเหมือนบัวได้น้ำ

   ต้นน้ำเงยหน้าขึ้นมาตบหน้าตัวเองปุๆ ไล่ความร้อน  ก่อนหันไปหยิบยางลบขว้างไปทางขิง  “มึงอย่ามั่ว” 

   “มั่วเหี้ยอะไร?  มึงไม่เห็นสภาพตัวเองหรอก  พูดแล้ว...หดหู่ชิบหาย”  ขิงส่ายหัว  ทำคอย่น  เขย็ดขยาดเหลือเกิน  อย่าได้เจออีกจะดีที่สุด

   ต้นน้ำ “......” หมดคำจะพูดจะเถียง  รู้ตัวอยู่บ้างว่าตัวเองอาการไม่ค่อยดี  แต่ไม่คิดว่าจะเป็นหนักถึงขั้นใครๆ ก็ดูออก ไอ้ที่คิดจะปิดไว้ไม่ให้ใครรู้แบบเนียนๆ...สงสัยจะเป็นเขาที่คิดไปเองคนเดียว

   นที “......” ปริ่มเปรมกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้มาจนพูดอะไรไม่ออก  ไม่เคยคิดมาก่อนว่าช่วงที่เขาหนีออกจากบ้านจะมีผลอะไรกับต้นน้ำ  สีหน้าและแววตาอิ่มเอมเสียจนริวกับเม่นต้องเบือนหน้าหนี  ไม่คุ้น  ไม่ชิน  ไม่ไหว  ทนดูไม่ได้จริงๆ





นทีเปิดประตูรถให้ดิวขึ้นไปนั่งก่อน  ส่วนตัวเองเดินไปประจำที่ฝั่งคนขับ 

   ตื๊ดด...เสียงข้อความไลน์ดังขึ้นขณะที่เขากำลังสตาร์ทรถ  เขาหยับโทรศัพท์ขึ้นมาอ่าน

   Tonnaam : พิซซ่า กับ ขนมจีนน้ำยาปู

   Nathee : ขนมจีน

   Tonnaam : โอเค  นายจ่ายค่าขนมจีนนะ

   นทีหัวเราะออกมา  แปลว่า...กินมันทั้งสองอย่างสินะ 

   ดิวมองนทีหัวเราะกับโทรศัพท์  แววตาวูบไหวอยู่แวบหนึ่งก่อนยิ้มออกมา  “พักนี้ดูอารมณ์ดีจังนะ” 

   นทีเก็บโทรศัพท์ลงก่อนออกรถพลางหันมายิ้มตอบ  “อืม  ก็นิดนึง  ไม่ดีเหรอ?” 

   “ก็...ดี”  ดีกว่าทำหน้าบึ้งตึงจนเข้าหน้าไม่ติดเยอะเลย  “นทีหิวหรือเปล่า?  แวะกินอะไรกันก่อนไหม?”  แม้จะรู้ว่าคำตอบก็คงจะเป็นเหมือนหลายวันที่ผ่านมา  แต่ดิวก็ยังคงอดถามไม่ได้ 

   “ไม่ดีกว่า  เดี๋ยวเรากลับไปกินที่บ้าน  ดิวหิวเหรอ?”

   “นิดหน่อย  แต่เดี๋ยวก็ถึงบ้านแล้ว”

   “แวะซื้ออะไรก่อนไหมล่ะ?” 

   “ไม่เป็นไร”  ดิวตอบแล้วก็เงียบไป  ก่อนหน้านี้...เขาเคยคิดว่าจะใช้ช่วงเวลาที่นทีอาสามารับส่งเขาที่บ้านใกล้ชิดกับนทีให้มากยิ่งขึ้น  แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิด  ต่อให้มีเวลาที่อยู่ด้วยกันมากกว่าแต่ก่อน  เขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปใกล้นทีมากกว่าความเป็นเพื่อนได้เลยสักนิด  ตาคู่สวยเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของนที  ทำท่าคล้ายกับจะพูดอะไรบางอย่าง  แต่ก็ไม่อาจทำใจพูดออกมา 

   “ไม่เอาอะไรแน่นะ” นทีหันกลับมาถามย้ำอีกครั้งหนึ่ง  เมื่อยังได้รับการยืนยันเช่นเดิม  จึงเอ่ยอีกครั้ง“งั้นเราขอแวะซื้อของแป๊บนึงนะ”  นทีจอดรถเข้าชิดริมฟุตบาธ  ร่างสูงเปิดประตูรถลงไปก่อนหายลับเข้าไปในร้านขายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ 

   “อะไรเหรอ?”  ดิวถามเมื่อเห็นนทีกลับมาพร้อมถุงพลาสติกใสภายในบรรจุกระป๋องอะไรสักอย่างที่ดิวไม่รู้จัก 

   “น้ำยาลบอเนกประสงค์น่ะ” นทีตอบทั้งที่ไม่แน่ใจว่าไอ้น้ำยาลบเอนกประสงค์ที่เจ้าของร้านเคลมว่าลบได้ทุกอย่างจะลบกำแพงอากาศที่ต้นน้ำกั้นไว้ได้หรือไม่?





“ด้านซ้ายๆ”  ทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้าน  นทีก็ได้ยินเสียงต้นน้ำดังมาจากทางโซฟา  เขามองไปทางต้นเสียง  เห็นต้นน้ำนั่งอยู่บนพื้น  เอนหลังพิงโซฟา  กำลังมองจอโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า  ในมือมีพิซซ่าหนึ่งชิ้น “เอาห่อสีเหลือง” ต้นน้ำบอกคนในจออีกครั้ง

   “ทำอะไร?”  นทีมานั่งบนโซฟาข้างต้นน้ำ

   “อ้าว  กลับมาแล้วเหรอ?” ต้นน้ำหันกลับมาถามก่อนชี้ไปยังหน้าจอโทรศัพท์  “ป๊ากับแม่คอลมา  ดูสิ  มีแต่ของน่ากิน”

   ภาพในจอโทรศัพท์ที่ต้นน้ำชี้ให้ดูมีห่อขนมเรียงรายหลากสีไปหมด  ก่อนปรากฏภาพของสองสามีภรรยาที่ทิ้งลูกชายสองคนไปทำงานหาเงินมาเลี้ยงลูก 

   “กลับมาแล้วเหรอลูก?”  ป๊าหันมาถามเมื่อเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนนั่งอยู่ “เอาขนมอะไรไหม?  ป๊าอยู่ที่ห้าง”

   “ขนมเมืองจีนน่ากินเพียบเลยอ่ะ”  ต้นน้ำบอกอีกครั้งอย่างตื่นเต้นทั้งที่เพิ่งกัดพิซซ่าในมือไปคำหนึ่ง

   นทีเอื้อมไปหยิบพิซซ่าบนโต๊ะมากินบ้างก่อนถาม  “น้ำซื้อเยอะหรือยังอ่ะป๊า?” 

   อีกฝั่งของโทรศัพท์ไม่ตอบ  หันกล้องไปยังรถเข็นที่บรรจุขนมเต็มคันรถแทน 

   นทีเหลือบตามองต้นน้ำ 

   ต้นน้ำก็เงยหน้ามองนทีก่อนแลบลิ้นเลียปากแผลบหนึ่ง  แล้วค่อยเอ่ยแก้ตัว  “เราไม่ได้สั่งทั้งหมดนั่น”  เขามองนทีอย่างขอความเห็นใจ  ถึงจะเป็นการช็อปปิ้งที่เพลินมาก  ดูๆ ตามหน้าจอแล้วก็สั่งๆ ชี้ๆ เผลอแผลบเดียว  สินค้าเต็มรถไปเสียแล้ว  แต่ยังไงเขาก็ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหมดทั้งคันรถนั้นจะเป็นรายการของเขาคนเดียว 

   กล้องแพลนไปที่ร่างบางที่ยืนห่างออกไป  ฝนทิพย์ยืนเลือกขนมอยู่ทั้งที่ในมือยังกอดไว้อีกสามห่อ

   บอกแล้วว่าไม่ใช่ของเขาทั้งหมด!

   “พรุ่งนี้ทีเอาเอกสารจากสุนีย์ไปให้ป้าด้วยนะลูก”  ธนกรบอกนทีก่อนบอกสถานที่นัดหมายให้  เป็นห้างๆ หนึ่งที่ชั้นบนเต็มไปด้วยโรงเรียนกวดวิชาเลื่องชื่อมากมาย

   นทียิ้มรับตอบ  หลังจากคุยสัพเพเหระสักพัก  ธนกรก็ขอวางสายก่อนที่รถเข็นคันเดียวจะไม่พอใส่ขนมของฝากลูกชายคนโต

   “พรุ่งนี้เรามีนัดกับพี่โอเล่ที่ห้างนั้นอยู่พอดี”  ต้นน้ำกัดพิซซ่าอีกคำพลางเอื้อมมือไปหยิบรีโมททีวีมาเปิดหาช่องหนังดู  แสร้งทำเป็นสนใจทีวีไปอย่างนั้นเอง  ทั้งที่ใจจดจ่ออยู่กับคำถามต่อไปมากกว่า “นายเข้าบริษัทเสร็จแล้วโทรหาเราสิ  ไปดูหนังกัน”

   มือเรียวเลื่อนกดรีโมทหาช่องดูไปเรื่อยเปื่อย  เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าธัญญากับนทีไม่ค่อยราบรื่นมากนัก  อาจจะถึงขั้นขรุขระเลยก็ว่าได้  หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์กับตาเมื่อคราวงานแต่งงานของธนกรและฝนทิพย์  แม้จะช่วยอะไรไม่ได้  แต่อย่างน้อย...เขาก็อยากไปเป็นเพื่อนนที

   ท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ของต้นน้ำเรียกรอยยิ้มที่มุมปากของคนที่นั่งอยู่บนโซฟา  “ไปเจอป้า  ไม่น่าสนุกหรอกนะ”

   ต้นน้ำอดเซ็งไม่ได้  คิดว่าตนเองเนียนแล้วนะ  แต่นทีก็ยังจับได้ว่าเขาอยากไปเจอป้าธัญญาเป็นเพื่อนนที  ตากลมใสยังคงมองไปยังหน้าจอทีวี  “หนึ่งจูบ”

   นทีมองต้นน้ำอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าตนเองได้ยินในสิ่งที่ต้นน้ำบอกถูกต้องหรือไม่

   “หนึ่งจูบไง  แลกได้ทุกอย่างหรือเปล่า?”  ต้นน้ำถามอีกครั้ง  สายตายังคงมองไปยังทีวีอยู่เหมือนพูดลอยๆ  ไม่ได้เจาะจงพูดกับใคร  ทั้งที่ทั้งห้องมีแค่เขากับนทีแค่สองคน

   “ดีล!” ด้วยความไวเหนือสติยั้งคิดทั้งปวง  ไม่ต้องพิจารณา  ไม่ต้องคาดคะเนหาเหตุผลและตรรกะใดๆ  นทีตอบตกลงทันที

   ตาคู่สวยย้ายจากจอทีวีมาเป็นใบหน้าหล่อเหลาของคนบนโซฟาอย่างค้นหาคำตอบ  ทำไมตกลงเร็วจังวะ?

   “จ่ายเลยไหม?”  นทีถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

   “ไอ้บ้า  ยังไม่ได้ไปเลย  เกิดไปไม่ได้ขึ้นมาทำไง?”

   “ไม่รู้ล่ะ  สัญญาสองฝ่ายเกิดขึ้นแล้ว  ยังไงนายก็ต้องจ่ายค่าปรับ” 

   ต้นน้ำยักไหล่  กลัวที่ไหนเล่า  ยังไงก็ต้องเหมาจ่ายอยู่แล้ว  สะสมให้ครบร้อยจูบค่อยจ่ายทีเดียวก็ด๊ายยย

    นทีหมั่นไส้คนลอยหน้าลอยตา  เหอะ...ให้มันเป็นอย่างนี้ให้ได้ตลอดเถอะ  ไอ้ปากแดงๆนี่...จับจูบขึ้นมาอย่าร้องนะ  เขายื่นมือไปดึงแก้มคนน่าหมั่นไส้จนยืด “ขนมจีนอยู่ไหน?”

   “โอ๊ย...เจ็บ  บนโต๊ะกินข้าว”  ต้นน้ำบอกเสียงอู้อี้  นทีดึงจริง  เขาก็เจ็บจริง

   ร่างสูงปล่อยมือแล้วลุกไปทางโต๊ะอาหาร  ต้นน้ำรู้สึกเจ็บจนต้องเอามือลูบแก้มที่โดนดึงเบาๆ  ไหนบอกว่าชอบ?  ไหนบอกว่ารัก?  คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอวะ?

   “คืนนี้งดคอล”  ต้นน้ำตะโกนบอกคนที่ยืนผิวปากอยู่หลังโต๊ะอาหาร  หมั่นไส้ท่าทางอารมณ์ดีขณะที่กำลังเทขนมจีนน้ำยาปูลงในจาน

    “ก็ได้ วันนี้มีงานต้องทำพอดี” นทีตะโกนกลับ  แม้แต่เสียงตะโกนก็ยังดูอารมณ์ดี

   อะไรวะ?  ปกตินทีมักจะขอคอลทุกคืน  บางคืนเขาทำงานก็นั่งเล่นเกมส์เฝ้า  บางคืนนทีทำงานก็ขอให้เปิดกล้องไว้  แต่วันนี้กลับยอมง่ายๆ  มันมีกลิ่นอะไรแปลกๆ

   “งั้นคอล” ต้นน้ำตะโกนบอกอีกครั้ง  หมั่นไส้แม่ง!



---------- ต่อด้านล่าง ----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 13-12-2019 12:52:11

---------- นทีต้นน้ำ ตอนที่ 21 ----- ต่อจากด้านบน ----------


มือขาวยังคงกดแป้นพิมพ์อย่างต่อเนื่อง  รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว  นทีมองจอโทรศัพท์ที่เขาเปิดทิ้งไว้  แสงสลัวจากโคมไฟส่องให้เห็นใบหน้าของต้นน้ำที่กำลังหลับสนิท  ริมฝีปากของนทีแย้มขึ้นเล็กน้อย  เมื่อนึกถึงที่ต้นน้ำขอไปเจอป้ากับเขา  ร้อยวันพันปี...ต้นน้ำโคตรขี้เกียจจะออกจากบ้าน  ถ้าไม่มีธุระสำคัญ  หรือไม่ใช่เรื่องกิน  ก็ไม่เคยจะออกไปไหน  มือเรียวลูบไปที่หน้าจอตรงใบหน้าของคนที่หลับสนิท 

   การไปเจอป้า...ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกจริงๆ  เป็นเรื่องที่เขาหลบเลี่ยงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้   นทีไม่เคยบอกธนกรว่าธัญญาพูดจาร้ายกาจอะไรกับเขาลับหลังบ้าง  เขารักป๊า...แต่เขาก็รู้ว่าป๊ารักพี่สาวคนเดียวมากแค่ไหนเหมือนกัน  ป้าธัญญาเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่ป๊าเหลืออยู่  หากไม่นับเขา...ที่ไม่รู้ว่าเป็นเป็นสายเลือดของป๊าจริงๆ หรือเปล่า?  เขาไม่อยากทำให้ป๊าเป็นห่วง  ไม่อยากเพิ่มเรื่องเหนื่อยใจให้กับป๊าอีก  แค่นี้บุญคุณป๊าก็ท่วมหัวจนไม่รู้ว่าทั้งชีวิตจะชดใช้หมดหรือเปล่า?     

   นทีกดเซฟงานก่อนปิดคอมพิวเตอร์   เปิดลิ้นชักข้างโต๊ะแล้วหยิบกุญแจพวงหนึ่งออกมา  ขายาวก้าวออกจากประตูตรงไปยังห้องของต้นน้ำ 

   เสียงปลดล็อคดังเบาๆ ก่อนประตูห้องของต้นน้ำจะเปิดออก  ร่างสูงเดินเข้ามานั่งยองอยู่ข้างเตียง  สายตาคมจับจ้องใบหน้าของของคนที่หลับใหลอยู่ในห้วงนิทรารมย์  แสงสลัวจากโคมไฟสว่างกว่าที่เห็นทางโทรศัพท์  ส่องทอให้เห็นใบหน้าของคนหลับชัดกว่าในจอ  นิ้วเรียวไล้ไปยังดวงหน้าใส...แม้แต่สัมผัสก็ยังลื่นมือกว่า  ขอบคุณคุณจริงๆ ที่ป๊ากับแม่แต่งงานกัน  ขอบคุณที่อะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้เจอกับต้นน้ำ  ถ้าไม่อย่างนั้น  เขาก็ไม่รู้จะไปควานหาคนๆ นี้มาจากไหน?

   ริมฝีปากบางกดลงบนหน้าผากมน  “ฝันดีนะ” 

   เขาไม่เคยบอกฝันดีกับใครมาก่อน  ไม่เคย...แม้แต่จะบอกตามมารยาท  มีแต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้เท่านั้นที่เขาปรารถนาให้ความฝันในทุกค่ำคืนกลายเป็นฝันดีจริงๆ





ต้นน้ำเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยรอโทรศัพท์จากนที  เขาจำได้ว่าเวลานัดที่ป๊าบอกไว้คือห้าโมงเย็น  สถานที่ก็คือคอฟฟี่ช็อปหรูหราสุดคลาสสิคแห่งหนึ่ง  เชี่ยยยยยยยยย...แบบนี้แอบมาเองก็ได้นี่หว่า  รู้ทั้งสถานที่  รู้ทั้งเวลานัด  แล้วเขาเสนอหนึ่งจูบไปเพื่ออะไรวะ?  นึกแล้วอยากจะขยี้หัวตัวเองให้ต่อมโง่มันหลุดออกมา  โง่จริง!  พับผ่าเถอะ!  นึกตะหงิดใจอยู่แล้วเชียวว่าทำไมนทีถึงได้รีบตกลงเร็วนัก 

   ร่างโปร่งเดินไปยังร้านไอศกรีม  ตั้งใจจะหาอะไรเย็นๆ มาดับอารมณ์คุกรุ่น  พอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  เป็นนทีที่โทรเข้ามา 

   “ฮัลโหล”  ต้นน้ำรับสาย  นทีตอบกลับมาว่าถึงห้างแล้ว  กำลังหาที่จอดรถ  ทั้งสองคนนัดสถานที่นัดพบกันก่อนที่จะไปหาป้าธัญญาด้วยกัน 

   นทีหาที่จอดรถอยู่นาน  วนขึ้นไปเกือบถึงชั้นบนสุดของห้างถึงได้ที่จอดรถ  ร่างสูงรีบเดินเข้ามาในตัวห้างทันทีที่หาที่จอดรถได้  เขาไม่ได้กลัวสายสำหรับธัญญา  เพราะไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือไม่ก็ตามแต่   อีกฝ่ายก็หาเรื่องมาโจมตีเขาได้เสมอ  แต่ที่รีบเป็นเพราะต้นน้ำบอกว่าจะซื้อไอศครีมไว้รอเขาต่างหาก 

   ร่างสูงชะงักลงเมื่อเห็นคนคุ้นหน้า  เด็กหนุ่มร่างผอมสูงผมเกรียนแบบฉบับเด็กมัธยมใส่แว่นหนาเตอะ  สวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนเป็นระเบียบเรียบร้อยทับในด้วยกางเกงสแล็คทรงโบราณกำลังยืนมองโปสเตอร์หนังที่กำลังจะออกฉายในโรงภาพยนตร์ด้วยดวงตาวาววาม  เขาจำได้ว่านี่คือธร...ลูกพี่ลูกน้องของเขา  ลูกชายเดียวของธัญญา  แม้ว่าจะไม่ค่อยได้สนิทกันมากนัก  แต่เขาก็อดสะท้อนใจไม่ได้เมื่อเปรียบเทียบน้องชายของตนกับน้้าเหนือ...น้องชายของต้นน้ำ 

   คนหนึ่งสดใสเหมือนแสงอาทิตย์  อีกคนหม่นหมองเหมือนเงาที่แสงอาทิตย์ส่องไปไม่ถึง 

   “อยากดูเหรอ?”  นทีเข้าไปทักทาย

   ร่างผอมหันขวับมาทันที  ใบหน้าขาวเผือดลง  ก่อนเอ่ยละล่ำละลัก  “พะ...พี่นที...”  ตัวธนธรสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ 

   นทีมองน้อง  สายตาคมปลาบเต็มไปด้วยความสงสัย

   “ผม...ผมกำลังจะไปเรียน  ผมไม่ได้โดดเรียนนะพี่”  ธนธรบอกน้ำเสียงตะกุกตะกัก  แววตาหลุกหลิก

   นี่คงเป็นเหตุผลที่ธัญญานัดให้เอาเอกสารมาให้ที่ห้างนี้  เพราะต้องมานั่งเฝ้าลูกชายเรียนพิเศษนี่เอง  นทีตบไหล่ธนธรเบาๆ  เขาพยายามปลอบเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยภาษากายเพื่อบรรเทาอาการสั่นให้คลายลง “พี่ไม่ได้ว่าอะไร?  พี่แค่ถามว่าอยากดูเหรอ?” 

   “ไม่...” ธนธรส่ายหน้า  ร่างกายที่สั่นเทาอย่างรุนแรงเมื่อครู่ค่อยสงบลงเล็กน้อย  “ผมไม่อยากดู” 

   “อยากดูก็ดูไปสิ  พี่ไม่บอกแม่เราหรอก”

   ธนธรส่ายหน้าอีกครั้งพลางสะบัดมือนทีกุมไหล่เขาไว้ออก  “ผมไม่ได้อยากดู  ผมจะไปเรียนแล้ว”  แม่บอกเขาเสมอว่าพี่นทีเป็นเด็กเกเร  มีสายเลือดชั้นต่ำมาจากผู้หญิงหากิน  และคนแบบนั้นมาบอกให้เขาดูหนังได้  เขาควรจะเชื่อถือเด็กเกเรแบบพี่นทีเหรอ?

   ธนธรเหลือบสายตามองนทีหัวจรดเท้า  เขากับนทีแต่งตัวเหมือนกัน  ใส่กางเกงสแล็คเหมือนกัน  ใส่เสื้อเชิ้ตเหมือนกัน  ต่างกันที่กางเกงของนทีเข้ารูปตามแบบสมัยนิยม  ส่วนของเขา...เป็นทรงลุงที่แม่บอกว่าดูเรียบร้อยดี  เสื้อเชิ้ตนทีเป็นสีฟ้าอ่อนเข้ารูป...ส่วนเสื้อเขาเป็นสีเบจตัวหลวมโคร่งแบบที่แม่ชอบ

   เขาอยากดูหนัง  เขาชอบดูหนัง  ดูการ์ตูน  ดูยอดมนุษย์ที่เก่งกาจอย่างน่าเหลือเชื่อ  แต่แม่ที่หวังดีกับเขา  รักเขามากกว่าใครกลับไม่ชอบ  แม่ชอบให้เขาเรียนหนังสือ  แม่อยากให้เขาเรียนหมอ  เป็นหมอที่เหนือกว่าวิศวะที่เด็กเกเรอย่างพี่นทีสอบติด 

   เด็กเกเรอย่างพี่นที...อยากไปไหนก็ได้ไป  อยากทำอะไรก็ได้ทำ  ในขณะที่เขาเป็นเด็กดี...ที่ไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบเลยสักครั้ง  ถ้าเขาขัดคำสั่งแม่...เขาจะกลายเป็นเด็กดื้อ

   ถ้าดื้อแล้วสามารถดูหนังได้  สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองชอบได้  แล้วเขาควรจะเป็นเด็กดีอยู่หรือเปล่า?   

   ธนธรมองนทีด้วยแววตาสับสนก่อนตัดสินใจหมุนร่างเดินจากไป

   ร่างผอมของธนธรเดินออกไปยังทางที่มุ่งไปสู่โถงที่มีสถาบันกวดวิชาเปิดแข่งขันกันเต็มไปหมด  นทีมองตามหลังผอมเกร็งแบกกระเป๋าเป้ที่เต็มไปด้วยหนังสือหนักก่อนถอนหายใจออกมา 

   เหมือนคนที่เดินคนละทาง  ร่างสูงหมุนตัวหันหลังเดินลงบันไดเลื่อนมาเรื่อยๆ  ภายในหัวคิดถึงแต่เรื่องของธนธรจนถึงชั้นที่นัดกับต้นน้ำไว้  ดวงตาคมสอดส่ายสายตามองหาคนที่บอกว่าจะนั่งรออยู่ที่ม้านั่งหน้าร้านไอศกรีมจนเจอ  เขาทรุดตัวนั่งลงข้างต้นน้ำ  พิงตัวหงายไปกับพนักพิงพลางหลับตาลง  แต่แรงสะกิดจากคนด้านข้างทำให้ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
 
   “นายมาช้า  ไอติมนายละลายหมดแล้ว”  ต้นน้ำบอก  ในมือมีไอศกรีมไม่สมประกอบอยู่โคนหนึ่ง ทั้งวิ่นทั้งแหว่ง

   “ละลายเข้าท้องนายน่ะสิ”  นทีบอกก่อนดึงไอศครีมจากมือต้นน้ำไปกิน

   “ใช่สิ  มันจะหยดน่ะ”  ตอนแรกเขาตั้งใจจะซื้อมากินคนเดียวรอนที  แต่นทีดันโทรมาบอกว่าอยู่ที่ลานจอดรถแล้วเสียก่อน  คนเราก็ต้องมีน้ำใจต่อกันเลยซื้อเผื่อนทีด้วย  รออยู่นาน...คนก็ไม่มาสักที  ไอศกรีมก็ละลายจนเริ่มหยด  ปล่อยให้ละลายทิ้งก็เสียดาย  เลยสลับกินทั้งสองอันมันเสียเลย  กัดไปกัดมา  ก็เหลือเท่าที่นทีแย่งไปนั่นแหละ  อ๊ะ...แต่เขาเลียไปแล้วนะ  ทั้งดูด  ทั้งเลีย  ทั้งกัด  ครบสูตร!

   ต้นน้ำมองนทีที่กัดไอศกรีมกินอย่างเอร็ดอร่อย  แถมยังดูดส่วนที่ละลายหยดออกมาด้วย  ใช้ลิ้นเลียซ้ำเข้าไปอีก  ครบสูตรเหมือนกัน!  เอาเถอะ...เขาจะไม่พูดอะไรแล้วกัน

   “ไปยัง?”  ต้นน้ำถามเมื่อเห็นนทีกินไอศกรีมคำสุดท้ายเข้าไป  ก้มมองนาฬิกาก็พบว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว  “ให้ผู้ใหญ่รอ  มันไม่ดี”

   “รอไม่รอก็โดนด่าอยู่ดีแหละ  ให้รอบ้างจะเป็นไร?” นทีตอบอย่างไม่อินังขังขอบ  เจอหน้าป้าทีไรก็เตรียมตัวไว้เลยว่าจะต้องเจอกับคำพูดร้ายกาจที่เหมือนเข็มเล็กๆ คอยทิ่มแทงหัวใจ  เจอบ่อยจนไม่รู้ว่ามันเจ็บจนชิน  หรือว่าพื้นที่ในหัวใจมันอัดแน่นไปด้วยเข็มจนไม่มีพื้นที่ว่างเหลือสำหรับเข็มต่อไปแล้วกันแน่

   “แล้วแต่  ยังไงก็ได้”  ต้นน้ำนั่งกอดอกโยกตัวไปมา  “แต่ว่าเมื่อวานรุ่นน้องที่โรงเรียนเก่าอัพรูปร้านอาหารทะเลร้านหนึ่ง  น่ากินมาก  เขาว่าของมีจำนวนจำกัด  ไปช้าอาจหมด”

   “อยากไป?” นทีเลิกคิ้วถาม

   “อืม  อยากกิน”

   “ไหนเมื่อคืนบอกว่าอยากดูหนัง?”

   ง่อววว...ลื๊มมม...สนิทเล๊ยยยย  เมื่อคืนเขาอ้างเรื่องหนังนี่หว่า  “เปลี่ยนแผนไง  อาหารทะเลมันน่าสนใจกว่า” 

   นทีหัวเราะในลำคอ  “ป่ะ  พร้อมแล้ว”  นทีเอื้อมมือไปคว้าคอต้นน้ำลากให้ลุกเดินออกไปพร้อมกัน  โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำทุกอย่างได้อยู่ในสายตาของคนคนหนึ่งทั้งหมดแล้ว


---------------

a's Talk :

อย่าว่าเค้า  เค้ามาช้า  เค้าไม่ว่าง

นี่ถึงขนาดเก็บอเอาไปฝันว่า  มีคนอ่านมาคอมเม้นท์ว่าทำไมไม่อัพนิยายสักที

T_T

ตอนนี้แต่งแบบไม่ต่อเนื่อง  เวลาว่างมันมีเป็นช่วงๆ  ถ้ามีตอนไหนไม่สมูธ หรือกระท่อนกระแท่นยังไง  เตือนได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-12-2019 14:47:35
รู้สึกว่าหายไปนานเลย รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 13-12-2019 15:32:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

ใครแอบมองอยู่?

ยัยป้า(ศรี)ธัญญาเหรอ?
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 13-12-2019 16:57:18
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 13-12-2019 17:57:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-12-2019 18:06:20
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-12-2019 01:08:19
ดูป้าเขาสอนลูกตัวเอง  :ling2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-12-2019 08:56:28
บางทีความรักที่เกินพอดีของแม่ก็ทำให้ลูกเหมือนถูกบีบอยู่ในที่แคบๆ สงสารเด็ก.  :hao4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-12-2019 19:18:17
ดีใจ ไรท์มา จริงๆนะ  :hao3:
รอ นที ต้นน้ำ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ยัยป้าตัวร้าย  :angry2:
ต้นน้ำอัดเสียงยัยป้าตัวร้ายไว้ให้พ่อฟังเลย  :m20: :laugh:
จะได้รู้ว่าปากพี่สาวลับหลังตัวเอง ร้ายอย่างไรกับลูกชาย  :z6: :fire: :m16:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 21 ------ 13/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sodamint ที่ 15-12-2019 11:08:13
น่ารักกันตลอดเลยคู่นี้ จีบกันไปนานๆเลยน้าาา เขินแทนต้นน้ำ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 20-12-2019 16:56:41
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 22
เป็นเกย์กันไหม?





ร่างผอมเกร็งของธัญญานั่งอยู่ในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวภายในคอฟฟี่ช็อปหรูหราที่เป็นสาขาย่อยซึ่งมีร้านต้นตำรับอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส  ทั้งเครื่องดื่มและขนมหวานล้วนคัดสรรแต่วัตถุดิบชั้นเลิศ  ราคาก็ชั้นเลิศตามไปด้วย  สายตาเรียวเล็กปรายตามองไปยังร่างสูงทั้งคู่ที่เดินตามกันเข้ามา  แววตาที่เคยพึงพอใจกับรสชาติชาที่เพิ่งได้ลิ้มลองไปเมื่อสักครู่นี้เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว

   เกลียดนัก! ลูกนกกาเหว่าที่แม่มันไข่ทิ้งไว้  น้องชายเธอก็โง่แสนโง่  เฝ้าทะนุถนอม  เลี้ยงดูลูกคนอื่น  ทรัพย์สินเงินทองก็ประเคนให้มันหมด  อย่างกับมันเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเอง  ทั้งที่ลูกชายของเธอควรเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่สมควรจะได้มรดกของตระกูลไป 

   เกลียดชังผู้เป็นมารดาที่ให้ความสำคัญกับลูกชายตามแบบฉบับของครอบครัวคนจีน รักลูกชายลูกสาวไม่เท่ากัน...มอบธุรกิจโรงสีกับที่ดินทั้งหมดของตระกูลให้กับธนกร  ส่วนเธอเองได้เพียงบ้านหลังใหญ่และอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมืองอีกสองแห่งเท่านั้น  แล้วยังไงล่ะ...น้องชายตัวดีของเธอขายที่ดินเกือบทั้งหมด  รวมทั้งธุรกิจโรงสีที่ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นอากงอาม่าทิ้งตั้งแต่ผู้เป็นมารดายังไม่ตาย  แล้วหันไปจับธุรกิจของเล่นแทน  คุณค่าและศักดิ์ศรีเทียบกับไม่ได้เลยสักนิด  ยังไงก็เถอะ...โง่แค่ไหน  เงินกงสีสิบห้าเปอร์เซ็นต์จากธุรกิจใหม่ของน้องชายก็ต้องเป็นของเธอทุกปี...ตามคำสั่งที่มารดาสั่งเสียไว้ก่อนตาย

   และเธอจะไม่ยอมให้ทรัพย์สมบัติที่ต้นตระกูลที่สั่งสมมาต้องไปตกอยู่กับไอ้คนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนทีแน่

   นทีเดินนำต้นน้ำเข้ามาจนถึงมุมด้านในที่ธัญญานั่งอยู่  ทั้งสองคนยกมือไหว้ผู้มีศักดิ์เป็นป้าที่นั่งจิบน้ำชาเงียบๆ  คล้ายไม่เห็นการทำความเคารพของเด็กทั้งสองคน  นทีล้วงซองจดหมายสีขาวออกมาจากกระเป๋าเสื้อก่อนยื่นไปวางไว้บนโต๊ะ  เอกสารที่ธนกรพูดถึง...ความจริงแล้วเป็นแค่ซองจดหมายสีขาวเพียงซองเดียว 

   “เอกสารครับ” นทีบอกสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

   ธัญญาละเลียดจิบน้ำชาอีกสักพัก  ก่อนวางแก้วลงบนจานรอง “มาสายนะ” มือผอมเอื้อมหยิบซองขาวมาเปิดดู  ริมฝีปากแต่งแต้มสีแดงไว้อย่างประณีตยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ภายใน  เป็นเช็คจำนวนหกหลักที่เธอขอจากธนกรไว้  เป็นเรื่องสมควรที่ผู้เป็นน้องชายจะไม่ขัดข้อง  ดีอยู่บ้างที่ธนกรยังรู้จักผิดชอบชั่วดี  น้องชายไม่เคยเอ่ยปฏิเสธเลยสักครั้งที่เธอเอ่ยเรื่องเงิน  คงจะคิดได้บ้างว่าให้พี่สาวกับหลานชายของตัวเองก็ต้องดีกว่าเอาไปเลี้ยงลูกให้ชู้

    “ขอโทษครับ”  นทีตอบ

   “ตลกจัง  คงไม่มีใครใจดีเท่าน้องชั้นแล้วที่เลี้ยงลูกงูเห่าไว้ใกล้ตัว  ให้น้ำให้อาหาร  แล้วรอวันแว้งกัด”

   มาแล้วดอกแรก! 

   ต้นน้ำกรอกตา...ถ้าป้าธัญญารับจ้างด่า  เขาเชื่อว่าน่าจะรายได้ดี   เป็นนักด่าตัวท็อปที่ช่างจิกกัด  ช่างสรรหาคำมาเปรียบเปรย  เชือดนิ่มๆ แต่บาดลึกถึงเส้นเลือดใหญ่ 

   ตากลมอดเหลือบมองคนที่โดนเชือดไม่ได้  เขาเห็นเพียงแผ่นหลังและใบหูของนทีเท่านั้น  เหมือนครั้งที่เขาเดินตามหลังนทีไปเมื่อคราวงานแต่งงานของป๊าและแม่   นทียังคงมีท่าทางเหมือนเดิม  ไม่พูด  ไม่เถียง  ได้แต่ยืนรับฟังเงียบๆ 
   
   คราวที่แล้ว  เขาไม่รู้จักนทีมากนัก  ไม่เข้าใจว่าที่นทีแสดงออกคืออะไร  หรือรู้สึกยังไง?

   แต่คราวนี้  เขารู้จักนทีแล้ว  รู้จักมากกว่าแต่ก่อน  ไม่รู้จะเรียกว่าดีพอที่จะประเมินคนตรงหน้าได้หรือเปล่า?  แต่เขารู้สึกได้ว่าแผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังเจ็บปวด  อาจจะเริ่มจากเจ็บที่ก้อนเนื้อในอก  จากนั้นก็แพร่กระจาย  จนฉาบเป็นความเฉยชาไปทั่วร่าง  นิ่งเฉยเหมือนยอมรับในทุกถ้อยคำที่กล่าวหาโดยดุษฎี  เหมือนคนที่ยอมจำนนแล้วทุกสิ่ง

   “เรียนจบแล้ว  เธอวางแผนชีวิตไว้ยังไง?”  ธัญญาถามขึ้น 

   “ยังไม่ได้คิดครับ”  นทีตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  แม้จะคิดไว้บ้างแล้ว  แต่ก็ป่วยการที่จะเล่าให้ธัญญาฟัง

   “หน้าด้าน  ไร้ยางอายที่สุด” เสียงแหลมตวาดกร้าว  “ถ้าเธอพอจะมีสามัญสำนึกบ้าง  เธอก็ควรคิดไปจากน้องชายชั้นได้แล้ว  ส่งเสียจนเรียนจบ  แค่นั้นก็มากเกินพอแล้ว  คิดจะเป็นกาฝากเกาะแข้งเกาะขากันไปถึงเมื่อไร  ถามจริงๆ เถอะ  ไม่อายบ้างหรือไง?  หรือยางอายของเธอมันไม่มีเหมือนกับแม่ชั้นต่ำของเธอ?”

   นทียังคงนิ่งเงียบ  แต่ต้นน้ำกลับรับรู้ได้ถึงเส้นอารมณ์ที่ตึงจนกำลังจะขาด

   ธัญญายังคงพูดจาร้ายกาจอีกหลายประโยค  นทีก็ไม่ได้เถียงเหมือนเดิม  แต่ต้นน้ำไม่ได้ฟัง เขาสนใจเพียงแผ่นหลังของคนตรงหน้า 

   หรือว่าเรื่องที่ป้าธัญญาพูดเป็นเรื่องจริง?

   ถ้าจริงแล้วยังไง?  เขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้หุ่นยนตร์ตรงหน้ากลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง  เร็วเท่าความคิด...ต้นน้ำขยับเข้าไปหลบหลังนที  กางนิ้วชี้และนิ้วโป้งออกมา หยิกหมับเข้าไปที่แก้มก้นที่ทั้งแน่นทั้งเด้ง

   หวา... เขาทำลงไปแล้ว!

   เขาหยิกก้นนทีเต็มๆ มือเลย

   นทีสะดุ้งเฮือก  ใบหน้าหล่อเหลาเชิดขึ้นเล็กน้อยก่อนพาเอาสายตาคู่คมเหลือบมองมาทางด้านหลัง 

   นทีหันกลับมามองคนด้านหลังด้วยสีหน้าปั้นยาก

   ต้นน้ำมองตอบด้วยสีหน้าปั้นยากกว่า

   หน้าเหวอๆ ส่ายหน้าตอบเหมือนคนไม่รู้ไม่ชี้  เขาไม่ได้ตั้งใจ  แค่เห็นนทีดูเครียดๆ  เลยอยากจะทำอะไรสักอย่างที่ทำให้นทีคลายกังวล  ไม่รู้ยังไง...สมองยังไม่ได้ประมวลผลหาวิธีการ  แต่สัญชาติญาณก็ส่งมือเข้าไปหยิกหมับเข้าเสียแล้ว

   ไม่ใช่ความผิดของเขานะ  เป็นความผิดของไอ้ ‘สัญชาติญาณ’ ล้วนๆ

   นทีอมยิ้มเล็กน้อย  นัยน์ตาพราวระยับ  ก่อนเก็บอาการหันหน้ากลับไปรับเข็มนับพันจากธัญญาต่อ  แต่คราวนี้เหมือนเข็มที่ทิ่มเข้ามามันไม่เจ็บอีกแล้ว 

   ธัญญายังคงร่ายมลพิษต่อโดยไม่รู้ตัวว่าเด็กทั้งสองไม่ได้สนใจฟังถ้อยคำเสียดแทงใจเหล่านั้นเลย “หรือว่ากรเขาให้เธอเรียกว่าพ่อ จนเธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพ่อจริงๆ ไปแล้ว”

   “ลูกเขาจะเรียกพ่อว่าพ่อ  ก็ไม่เห็นจะผิดตรงไหนนี่คะ?”  เสียงหวานดังมาจากร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อเชิ้ตตัวพริ้วและกระโปรงลินินเข้ารูปตามแบบทันสมัย  เรียกความสนใจจากคนทั้งสามให้หันไปมอง

   ต้นน้ำแทบจะตบมือรัวแล้วโห่ร้อง  บราโว่!!!

   ณภัทราถอดแว่นกันแดดสีชาออกก่อนจะเดินเยื้องกรายเข้ามาด้วยท่วงท่าราวกับนางพญา  แน่ล่ะ...เธอฝึกมาดีนี่  สถาบันพัฒนาบุคลิกภาพอะไรทั้งหลายแหล่ก็ผ่านมาหมดแล้ว  ถ้าเอามาใช้ข่มขวัญคู่ต่อสู้ไม่ได้  จะเป็นนักแสดงที่ดีได้ยังไงล่ะ?

   ใบหน้าผอมเกร็งของธัญญาที่เกร็งอยู่แล้ว  ยิ่งเกร็งขึ้นไปอีกเมื่อเห็นใบหน้าสวยเฉี่ยวของผู้ที่ก้าวเข้ามา  คนที่เธอเกลียดที่สุดในโลก

   มือเรียวที่แต่งแต้มเล็บไว้อย่างสวยงามจับที่ต้นแขนของนทีดันให้ถอยห่างออกมาเบาๆ แล้วแทรกตัวเองให้เผชิญหน้ากับธัญญาแทน  ท่าทางของณภรัทรายามนี้เหมือนแม่เสือที่กำลังกางเขี้ยวเล็บพร้อมตะปบใครก็ตามที่จะมารังแกลูกน้อยของเธอ  ภายใต้ท่าทีแย้มเยื้อน  ไม่มีใครรู้ว่าอารมณ์ภายในนั้นเดือดดาลแค่ไหน?  ยายแก่แร้งทึ้งเอ๊ย!!!   คอยดูนะ  แม่จะฟาดแล้วฉีกเนื้อให้หมากิน 

   ธัญญาหน้าตึงก่อนแสยะยิ้มออกมา “เธอเป็นใคร?” มือผอมยกน้ำชาขึ้นจิบอีกครั้งอย่างใจเย็น  ก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำที่ใช้เรือนร่างเข้าแลกเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ  สมองไปกองอยู่ที่นมทั้งหมด  ปัญญาเท่าเศษมดอย่าริอาจจะมาเผยอหน้าเทียบชั้นกับเธอ “ทำไมมายุ่งกับเรื่องในครอบครัวของคนอื่น?  เธอเป็นอะไรกับนทีเหรอ?” 

   1- 0

   หนึ่งประตูต่อศูนย์  ธัญญาเป็นฝ่ายนำแต้มไปก่อน

   คิ้วที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามของณภัทรากระตุกเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ  ยายแก่หนังเหนียว เคี้ยวยาก  สับเนื้อให้หมากิน  ยังนึกสงสารหมา  ทุกคำพูดช่างจี้ใจดำ

   “ชั้นไม่เคยเห็นว่าเขาจะนับญาติอะไรกับเธอ?”  ธัญญายังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ  ใจเย็น  เธอรู้จุดอ่อนของณภัทราดี  ดีพอที่ขยี้และเหยียบย่ำให้แหลกเหลวยิ่งไปกว่าเดิม

   ดวงตาคมสวยตวัดวาบมาทางนที  ทั้งตัดพ้อ  ทั้งต่อว่า   

   “ม๊า”  โดยที่ไม่มีใครคาดคิด  นทีส่งเสียงเรียกณภัทราออกไป 

   แววตาของณภัทราวาวแสงขึ้นวูบหนึ่ง  ความรู้สึกเต็มตื้นเอ่อล้นจนดวงตาคู่สวยร้อนผ่าวก่อนจะระงับเอาไว้ได้อย่างจนใจ  เธออยากจะซึมซับเอาช่วงเวลาแห่งความประทับใจนี้เอาไว้อีกนิด  แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้  ใบหน้าสวยคมของดารานางแบบชื่อดังตวัดกลับไปหาธัญญาอีกครั้ง

   “หึหึ  คุณพี่ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ?  ว่าเราเป็นอะไรกัน?  ข่าวสารคุณพี่น่าจะล้าหลังไปสักหน่อย  น่าจะอัพเดตบ้างนะคะ  โถ...ลูกม๊า  หิวหรือยัง?  น่าจะบอกม๊าสักหน่อยว่านัดป้าไว้  ”  ณภัทราควงแขนนทีโชว์  มือหนึ่งก็ปัดฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนไหล่กว้างพร้อมกับยิ้มหวานโชว์  เป็นท่าทางอวดโอ่ที่ยียวนกวนโมโหที่สุดในสายตาคนดูอย่างต้นน้ำ 

   1 – 1  คะแนนเสมอแล้ว

   ถึงคราวธัญญาคิ้วกระตุกบ้าง  แม้จะปรับสีหน้าให้ราบเรียบลงแล้ว  แต่ความไม่พอใจก็ยังฉายชัดจนปิดไม่มิด 

   “งั้นชั้นก็ดีใจด้วยนะ  ที่นับญาติกันแล้ว  ก็ดี...ทำไมไม่พากันไปอยู่ด้วยกันซะเลยล่ะ  ไปอยู่ในที่ของตัวเอง”

   “อื้อหือ  รวยอ่ะค่ะ  เลยซื้อที่ไว้เยอะ  ลูกชายอยากจะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น  ตามใจลูก เน๊อะ”  เสียง ‘เนอะ’ ช่าง...  ต้นน้ำยังบรรยายไม่ถูก  รู้แต่ว่ามันทำให้ธัญญาหน้ากระตุกอีกรอบ

   “เธอนี่มัน...หน้าด้านจริงๆ!  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  เธอยังคงเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยน”

   “เปลี่ยนสิคะ  เห็นแก่ตัวมากขึ้นด้วย”  น้ำเสียงของณภัทราไม่เหลือร่องรอยล้อเล่นอีกต่อไป “อะไรที่เป็นของชั้น  ชั้นจะเอาคืน  รวมถึง...อะไรที่ไม่ใช่ของชั้น  ชั้นก็จะเอา” 

   สิ้นประโยคของณภัทรา  ธัญญาก็เก็บอาการไม่อยู่อีกแล้ว  มือผอมสั่นระริกชี้หน้าสองแม่ลูก  “สารเลว!  ระรี้ระริกอยากได้ของคนอื่นจนตัวสั่น  อย่าได้หวังว่าเธอสองคนแม่ลูกจะได้อะไรไปจากกรอีก  ชั้นไม่มีทางยอม”

   “ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้ล่ะคะ?  ทุกอย่างของพี่กรก็ต้องตกเป็นของนทีอยู่แล้ว”

   “ไม่มีทางที่ชั้นจะยอมให้ทรัพย์สมบัติของตระกูลตกไปอยู่ในมือลูกชู้ของผู้หญิงชั้นต่ำอย่างเธอ” ธัญญากราดเกรี้ยวจนตัวสั่นไปด้วยความโกรธ

   “คุณพี่มโนอะไรอยู่คะ?  หวังอะไรอยู่?  นทีเป็นลูกของพี่กร  ลูกแท้ๆ  ต่อให้คุณพี่ย้ำอีกสักกี่ครั้ง  สายเลือดก็คือสายเลือด  คนที่อยากได้ของคนอื่นน่ะ...ไม่ใช่เราสองแม่ลูกหรอกนะคะ”

   “ชั้นไม่เชื่อ  ชั้นไม่เชื่อเด็ดขาด  ถ้าพวกแกแน่จริง  ไปตรวจดีเอ็นเอมาเป็นหลักฐานสิ”  ธัญญาท้า

   “ที่จริงก็ตรวจได้นะคะ  แต่ชั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องให้ลูกเสียเลือดเสียเนื้อให้เจ็บตัวไปทำไม?  เพื่อเอาไปเป็นหลักฐานให้คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเราเลยคนดูเท่านั้นเหรอคะ?” ณภัทราย้ำคำว่า ‘คนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเรา’ เป็นพิเศษ “คุณพี่ไม่คิดว่ามันไร้สาระไปหน่อยเหรอ?  งั้นคุณพี่ก็น่าจะตรวจหน่อยนะคะ  เพราะชั้นก็คิดว่า...ลูกคุณพี่ไม่ใช่ลูกของพี่วันชัยเหมือนกัน”

   “แกๆ”  ธัญญาลุกขึ้นยืน  ชี้นิ้วที่สั่นเทาใส่ใบหน้าสวยที่ทำท่าเอ้อระเหยลอยชาย  “ชั้นไม่ใช่ผู้หญิงขายตัวอย่างแกนี่” 

   “อ๊ะๆ...ไม่มีหลักฐาน  ระวังโดนข้อหาหมิ่นประมาทนะคะคุณพี่  เอื้อย!”  สิ้นเสียงเรียกของณภัทรา  ร่างเล็กของคนที่นั่งอยู่โต๊ะที่เยื้องไปด้านหลังของธัญญาก็ลุกขึ้นมา  เอื้อยมีรูปร่างขนาดธรรมดา...ถ้าเป็นเสื้อก็เรียกได้ว่าเป็นขนาดฟรีไซส์  หน้าตาก็ธรรมดา  ทุกสิ่งทุกอย่างของเอื้อยดูธรรมดาไปหมดทั้งสิ้น  ยืนกับโต๊ะก็กลืนกับโต๊ะ  ยืนกับเสาก็กลืนไปกับเสา  นั่นทำให้ไม่มีใครรู้ตัวสักคนว่าเอื้อยมานั่งด้านหลังของธัญญาตั้งแต่เมื่อไร “อัดเสียงไว้หมดแล้วใช่ไหม?”

   “ค่ะ  คุณภัท”

   “เรื่องนี้ไม่ถึงตำรวจหรอกค่ะ  แต่ต้องถึงพี่กรแน่  พี่กรจะต้องได้รู้ว่าพี่สาวคนเดียวที่พี่กรให้การดูแลมาตลอดทำอะไรไว้ลับหลังพี่กรบ้าง”

   ร่างเพรียวสวยหันหลังกลับโดยมีเอื้อยเดินประกบ  ไม่ลืมปรายตาให้นทีและต้นน้ำเดินตามมาด้วย 

   ปิดจ็อบ!

   ต้นน้ำไม่ได้นับคะแนนต่อ  แต่เขาเชื่อว่าหมัดของณภัทราตีฝ่ายตรงข้ามแตกกระจุย  ชนะน็อคอย่างไม่ต้องสงสัย





   ณภัทราเดินนำพวกเขาไปยังลานจอดรถ  ตลอดเส้นทาง...ณภัทราไม่หันกลับมาพูดอะไรสักคำ  ท่าทางเหมือนคนใช้ความคิดอย่างหนัก 

   “ผมกลับก่อนนะ”  เสียงของนทีเรียกให้ณภัทราหันกลับมา

   มือเรียวเข้ามาคว้าจับข้อมือนทีไว้  “ลูกเคยได้อะไรจากม๊าไหม?”  เสียงที่ถามโหยแผ่วจนน่าสงสาร มือเล็กที่เธอเคยจับ...กว่าจะได้จับอีกทีก็ใหญ่กว่ามือเธอไปเสียแล้ว

   นทีมองณภัทราอย่างงุนงงก่อนส่ายหน้า  “คุณหมายถึงอะไร? ผมไม่เคยได้อะไรจากคุณ”

   น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย  “ม๊าส่งของไปให้ลูกตั้งเยอะ  ม๊าไปหาก็ไม่เคยได้เจอ” หลังจากหย่าร้างกับธนกร  เธอทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวอย่างหนัก  ของดีมีราคาก็ซื้อส่งไปให้ลูกตลอด  ไปทำงานเมืองนอกก็ยังมองหาแต่ของลูก  แต่ลูกชายกลับไม่ได้รับเลยสักอย่างเดียว  ยามที่ไปหาก็โดนกีดกันไม่ให้เจอ  จนกระทั่งธนกรย้ายบ้านออกมาอยู่กันสองคนพ่อลูก  มีโอกาสได้เจอนทีอีกครั้ง...ลูกก็จำเธอไม่ได้  มีแต่ความเฉยชาและห่างเหินบนใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย

   ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น  ดวงตาวาวโรจน์เพราะความโกรธและเกลียด  สมองน้อยๆ พอจะประมวลผลได้ว่าเป็นเพราะใคร?  คิดแล้วอย่างจะกลับไปจิกหัวยายแก่นั่นโขกกำแพงสักที  สองที  ไม่สิ...สิบทีไปเลย

   “นี่ใช่ไหม? คือเหตุผลที่ลูกไม่ยอมเจอม๊า  ไม่ยอมเรียกม๊าว่าม๊า” ใบหน้าสวยยามนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดคับข้องใจ  โกรธ  เกลียด  ชิงชัง  น้ำตาเม็ดโตไหลพราวไม่ขาดสายอย่างไม่อาจควบคุมได้

   นทีเองก็พอจะเข้าใจอะไรหลายอย่างมากขึ้น  เขาเริ่มมั่นใจว่าเขาเป็นลูกป๊า  ลูกป๊าจริงๆ  ลูกแท้ๆ ที่มีสายเลือดเดียวกับธนกรเและเขาไม่ได้โดนม๊าทิ้งไปอย่างไม่ใยดีอย่างที่ป้าบอก

   “หรือลูกโกรธที่ม๊าไม่ได้บอกคนอื่นว่ามีลูก”  ณภัทราละล่ำละลักบอก “ตอนนี้ม๊าบอกคนอื่นได้แล้วนะ  ม๊ามีพร้อมทุกอย่างแล้ว” 

   “แล้วคุณไม่อายเหรอ?” 

   “ไม่อาย  ม๊าไม่อาย  แต่...”  ณภัทรานึกถึงคำพูดของธัญญาที่เคยพูดกับเธอสมัยก่อน 

   ‘เธอไม่อาย  แต่เธอควรจะห่วงลูกเธอบ้าง  เด็กมันจะอายแค่ไหน?...ถ้าคนอื่นรู้ว่ามีแม่เต้นกินรำกิน  ไม่กลัวลูกโดนเพื่อนล้อบ้างหรือไง?’

   ‘มีแม่เป็นดาวยั่ว  คิดว่าลูกเธอจะภูมิใจเหรอ?’


   เมื่อสิบกว่าปีก่อน  คนที่เป็นนักแสดงไม่ได้เป็นที่ยอมรับกว้างขวางเหมือนปัจจุบันนี้   เพียงแค่ใส่ชุดว่ายน้ำวันพีซเชยๆ ออกสู่สาธารณะก็โดนตราหน้าว่าเป็นดาวยั่วเสียแล้ว  แม้ว่าภาพยนตร์ที่เธอแสดงจะเป็นโปรดักชั่นใหญ่ของต่างประเทศ  หนังสือนิตยสารที่ถ่ายก็เป็นนิตยสารหัวนอกก็ตาม

   “...ม๊ากลัวว่าลูกจะอาย”   

   

   “ผมไม่ได้อายหรอก  แต่ผมไม่อยากเรียกคุณว่าม๊า  เพราะคุณหน้าเด็กเกินไป”  มือใหญ่ของลูกชายเกลี่ยไล้น้ำตาให้ผู้เป็นมารดาเบาๆ  เท่านี้จริงๆ  ที่นทีให้ได้  ความผิดหวัง  ความเศร้า  ความเหงา  ความเดียวดาย  ตลอดชีวิตเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาของเขา  มันหายไปไม่ได้ภายในวันเดียว  คงมีแต่เวลาเท่านั้นที่จะช่วยเยียวยาทุกอย่าง 






   นทีนั่งเอนตัวอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ความรู้สึกของเขาตีรวนปรวนแปรกันไปหมดจนไม่อาจแยกแยะได้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอะไรกันแน่ 

   ความโดดเดี่ยวเดียวดายที่ผ่านมา  เขาโทษว่าเป็นความผิดของมารดามาโดยตลอด  แต่มาวันนี้...เขารู้สึกเหมือนมีอะไรที่มันผิดพลาดไป  หากจะโทษใคร...ก็คงเป็นตัวเขาเองที่ไม่ยอมเปิดใจรับฟังเหตุผลของคนอื่น

   อยู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงเรื่องข้าวมันไก่ของต้นน้ำ  ต้นน้ำไม่เคยกินข้าวมันไก่เพราะแม่บอกว่าเผ็ดมาจนอายุสิบห้า  พอได้ลองกินก็ติดใจ  รู้สึกเสียดายเวลาสิบห้าปีที่พรากจากข้าวมันไก่จนต้องกินแล้วกินอีกเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป

   ตาคู่คมหันกลับไปมองต้นน้ำที่ขอเป็นคนขับรถเอง  “เฮ้ย...”  นทีมองต้นน้ำงงๆ  มือเรียวแตะไปที่ใบหน้าใสเบาๆ แล้วพบว่ามันเปียก  “ร้องให้เหรอ?”

   “เออ” 

   “ร้องทำไม?”

   “ไม่รู้  อยากร้อง”  เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร้องให้ทำไม  ความรู้สึกอึดอัดคับข้องมากมายไม่รู้ไหลบ่ามาจากไหน?  ตั้งแต่เดินเข้าไปในคอฟฟี่ช็อปกับนที  เจอกับคำพูดของป้า  เจอณภัทรา  จนมารู้ว่าณภัทราไม่เคยทอดทิ้งนทีเลย  เหมือนลูกโป่งอัดแก๊สจนขยายตัวแน่น  แน่นแล้วก็แน่น  พอขึ้นรถมาได้ก็...น้ำตาของเขาก็ค่อยไหลออกมา

   “จอดรถๆ”  นทีบอกเสียงอ่อน

   “ไม่เป็นไร  เราขับได้”

   “จอดเถอะ  ขอนะ” 

   น้ำเสียงขอร้องของนทีทำให้ต้นน้ำหักเลี้ยวรถเข้าไปจอดริมทาง  ทันทีที่รถจอดมือใหญ่ก็คว้าคนขับรถเข้าไปกอด 

   “บอกแล้ว...ว่าไปหาป้าไม่ใช่เรื่องสนุก”

   เชี่ยเอ๊ย!  ทำไมนทีแม่งไม่ร้องวะ?  เจออะไรมาตั้งมากมาย  จะเก็บไว้ทำไม?  อยู่คนเดียว...แม่งโคตรเหงาเลย  ทำไมเขาจะไม่รู้ 

   นทีเข้มแข็งหรือกำลังอดทนกันแน่? 

   “ฮึก...ทำไมนายไม่ร้องวะ?”  เมื่อได้รับอ้อมกอดอุ่น...ต้นน้ำก็ยิ่งร้องให้  เหมือนเด็กที่ได้รับการปลอบขวัญก็ยิ่งอยากเรียกร้องเอาแต่ใจ 

   นทีตอบคำถามต้นน้ำไม่ได้  นั่นสิ...ทำไมเขาไม่ร้องให้  เขาเคยร้องให้กับเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว  นานจนจำไม่ได้ว่าหยุดร้องไปตั้งแต่เมื่อไร  เจ็บจนชิน  จนน้ำตามันไม่ไหลออกมาแล้ว

   ตอนนี้...เรื่องราวที่ผ่านมาไม่ได้ทำร้ายเขาอีกแล้ว  มันคือเรื่องราวดีๆ ดีมากกกก

   ถ้าป้าไม่ได้เป็นคนแบบนี้...
   ถ้าป๊าไม่เลิกกับม๊า...
   ถ้าป๊ากับแม่ไม่ได้แต่งงานกัน...
   เขากับต้นน้ำจะเป็นยังไง?  จะมีโอกาสได้เจอกันไหม?  หรือถ้าเจอกัน...เขาจะรู้สึกกับต้นน้ำขนาดนี้หรือเปล่า?

   บางที...อาจเป็นโชคชะตาที่เล่นตลกกับชีวิตคน  มอบบททดสอบให้เขาเสียมากมาย  เพื่อที่สุดท้ายแล้ว...เขาจะได้ของรางวัลใหญ่....

   คนที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขา!

   ...คนที่ช่วยแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง  แต่ก็ยังจะเดินตามอยู่ข้างหลัง
   ...คนที่ทำให้เขายิ้มได้  แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เขาเคยร้องให้มาก่อน
   ...คนที่ร้องให้แทนเขา

   “แล้วนายร้องให้ทำไม?”  นทีถามเมื่อรู้สึกได้ว่าคนในอ้อมกอดหยุดสะอื้น  เริ่มควบคุมลมหายใจได้บ้างแล้ว    มือใหญ่ค่อยๆ ประคองใบหน้าของต้นน้ำออกห่างเพื่อที่จะได้มองเห็นใบหน้าได้ชัดๆ 

   ต้นน้ำหลุบตาลงต่ำ  หาสาเหตุไม่ได้  เหมือนมันเจ็บ  เจ็บไปหมด

   เหมือนเห็นคนที่เรารักโดนรถชนต่อหน้าต่อตา  บาดแผลเต็มตัว...แต่เรากลับทำอะไรไม่ได้เลย  วิ่งไปขวางไม่ทัน  เขารู้ได้ถึงความเล็กกระจ้อยร่อยของตัวเอง  อยากย้ายบาดแผลเหล่านั้นมาไว้ที่ตัวเอง...ก็ทำไม่ได้  อึดอัดและทรมานจนอยากเจ็บแทน

   เห็นคนที่เรารักเจ็บ  เราเจ็บกว่า...นาทีนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งเลย

   เดี๋ยวนะ...คนที่รักเหรอ?

   ต้นน้ำช้อนสายตาขึ้นมองนที  แสงนวลจากเสาไฟฟ้าริมถนนส่องกระทบใบหน้าคมคร้ามที่ยกยิ้มมุมปากน้อยให้ดูหล่อเหลายิ่งขึ้นไปอีก  หล่อเหมือนคนที่อยู่ในความฝันทุกค่ำคืน

   ไม่รู้ว่าเมาน้ำตาหรือโดนมนต์สะกดจากคนในฝัน   ต้นน้ำเคลื่อนตัวเข้าหานทีอีกครั้ง  ริมฝีปากบางของนทีเผยอออกทันทีที่สัมผัสกับปากอุ่นของต้นน้ำ  ราวกับรออยู่แล้ว...นทีเม้มริมฝีปากอุ่นของต้นน้ำก่อนดูดดึงลิ้มรส  หยอกเย้างอนว้อให้คนที่เพิ่งผ่านการร้องให้มาอารมณ์ดีขึ้น  ลมหายใจร้อนผ่าวเลื่อนจากริมฝีปากไปยังพวงแก้มนุ่ม  สูดกลิ่นหอมจนพอใจ  จูบไล่ไปยังเปลือกตาช้ำทั้งสองข้าง  จับจูบจับหอมจนอิ่มเอมถึงได้ถอยตัวออกมามองคนที่ทำสีหน้า...จะเรียกว่าบึ้งก็ไม่ใช่  จะเรียกว่ายิ้มก็ไม่เชิง

   “จูบเหมาจ่ายน่ะ  ถือว่าจ่ายแล้วนะ”

   “หื้อ”  นทีส่ายหน้ารัว  “อันนี้นายจูบเราเองนะ  จำได้ไหม...ว่าเราต้องจ่ายนายหนึ่งจูบน่ะ  ครั้งนี้ถือว่าเราจ่ายนายก็แล้วกัน”

   นี่แหละ...สาเหตุที่ทำให้ต้นน้ำหน้าบึ้ง  เขาอุตส่าห์ขีดเส้นหน้าห้องไว้ดิบดี  สุดท้าย...เขาก็เป็นคนลากคอนทีมาจูบเองอีกแล้ว  ไอ้ต้นน้ำ...มึงเริ่มก่อนอีกแล้ว  ฟอร์มที่รักษามา...ไม่เหลือ

   หมั่นไส้ไอ้หน้ายิ้มๆ คล้ายคนที่ถือไพ่เหนือกว่า  ต้นน้ำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันในใจ  ด่านทีด้วยสายตาอีกที  ก่อนกล่าวเสียงเย็น “มาขับรถ”

   นทีย้ายมาเป็นฝ่ายขับรถอย่างจำยอม 

   เสนอมา  เขาก็สนอง  แล้วเขาทำอะไรผิดล่ะ?





   นทีขับรถอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทาง  ต้นน้ำก็นั่งหน้าเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดงมาตลอดทางเช่นกัน

   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มน้อยๆ ตลอดเวลา  บางทีก็ผิวปาก  บางทีก็หันมามองคนหน้าบึ้งแล้วก็ยิ้มเขินเสียเอง  ต้นน้ำมองคนที่ทำหน้าทำตาเหมือนเต้นบัลเล่ต์อยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์แล้วก็หมั่นไส้ 

   เขาชอบนที...เขารู้!

   รู้ตัวมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว  ตั้งใจว่าจะแอบชอบ  ชอบไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหยุดชอบไปเอง  พยายามจะตัดใจ...แต่ยิ่งนานไปก็ยิ่งชอบมากขึ้นเรื่อยๆ  แต่เขาก็ไม่เคยคาดหวัง  ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะชอบเขากลับเลยสักครั้ง  เผลอตัวจูบไปครั้งนั้น...เขากลัว  หวาดหวั่นว่านทีจะรังเกียจจนต้องแกล้งจำไม่ได้  แกล้งเมาไม่รู้ตัว  นทีไม่กลับบ้าน...เขายังไม่กล้าถามด้วยซ้ำว่าทำไม?  เขากลัวว่าคำตอบจะเป็นเพราะตัวเขาเอง  แต่แล้วโลกกลับตาลปัตร  คำตอบคือตัวเขาเองจริงๆ  ไม่ใช่เพราะเกลียด  แต่เป็นเพราะนทีก็ชอบเขาเหมือนกัน

   วินาทีนั้นเขาอยากวิ่งเข้าไปกอดแล้วจับนทีหมุนๆๆๆๆ   เธอหมุนรอบฉัน  ฉันหมุนรอบเธอให้รู้แล้วรู้รอด   แต่เขาทำไม่ได้

   การที่ผู้ชายคนหนึ่งแอบรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง  ยังไม่ได้เรียกว่าเกย์

   แต่การที่ผู้ชายสองคนรักกัน  เกย์สมบูรณ์แบบ!

   ผู้ชายสองคนที่รักกัน  ผู้ชายสองคนที่เป็นแฟนกัน  มันก็ต้องมีจูบกัน  มีเลื้อยกัน มี...  นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เขาปวดหัว  ดูทรงแล้ว  เอาแบบไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองเลยนะ...เขาไม่ได้เป็นฝ่ายกดแน่นอน!  กับผู้หญิง...ถึงทฤษฎีจะเต็มร้อย  แต่ปฏิบัติจริงแค่ครั้งเดียว  เมากันทั้งคู่อีกต่างหาก  จะเอาอะไรไปกดคนอื่นเขาฟระ?  ว็อทดาฟัค!

   หรือจะแบบรักใสๆ  หัวใจสองดวง  คบกับแบบไม่ต้องเลื้อยกันไปเลื้อยกันมา  นอนจับมือ...งี้เหรอ?  นี่ก็บัดซบ  เผลอเมื่อไรก็เขานี่แหละที่ลากนทีคลุกวงในทุกที  ไอ้เส้นที่ขีดไว้หน้าห้องนั่นน่ะ....ไม่ได้มีไว้เพื่อกันไว้ให้นทีเข้ามาเท่านั้นหรอก  มีไว้เพื่อกันตัวเขาไม่ให้ออกไปด้วย  ผู้ชายทุกคนก็มีปีศาจร้ายในตัวทั้งนั้นแหละ!

   ต้นน้ำมองหน้านที “นายเป็นเกย์มาก่อนหรือเปล่า?”

   “หมายความว่าไง?”

   “นายเคยชอบผู้ชายมาก่อนหรือเปล่า?”

   “เปล่า  เพิ่งเคยชอบนายนี่แหละ”

   “แปลว่าแต่ก่อนชอบผู้หญิงสินะ”

   “นั่นก็ไม่  ไม่เคยชอบใครเลย  ชอบนายคนแรก”

   “.....” คำตอบของนทีทำให้ต้นน้ำอึ้ง  ชอบนายคนแรก  คนแรก คนแรกนะโว้ย!  ทำไมคำตอบนทีน่ารักอย่างนี้  น่ารักจนน่าจับกด  แต่เย็นไว้ต้นน้ำ  มึงกดเขาไม่ได้

   “ถ้าชอบนายแล้วเป็นเกย์  เราเป็นก็ได้”  นทีตอบยิ้มๆ  พร้อมๆ กับจอดรถเข้าที่พอดี  “มาเป็นด้วยกันไหมล่ะ?” 

   ต้นน้ำมองหน้าเกย์มือใหม่แล้วถอนหายใจยาว  เกย์หล่อ...หล่อมากด้วย  เกย์หล่อขนาดนี้มาชวนเขาเป็นเกย์ด้วยกัน  เขาควรคล้อยตามดีไหม? 

   ร่างโปร่งเปิดประตูรถลงไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด   ต้นน้ำรู้สึกได้ว่านทีเดินตามหลังเขามา   แต่...หมับ!!

   เขาโดนหยิกตูด

   ต้นน้ำทำสีหน้าปั้นยากไปมองนที 

   “อะไรล่ะ  ก็นายจับก้นเราก่อนนะ”  ต้นน้ำหยิกก้นเขาก่อนจริงๆ  พอเขาหยิกบ้าง  ทำไมมาขึงตาใส่เขาแบบนี้ล่ะ  ไม่แฟร์  ไม่แฟร์เลย

   “นั่นเราก็แค่  อยากทำให้นาย... เอ่อ...อารมณ์ดี”

   “เราก็แค่อยากทำให้นายอารมณ์ดีเหมือนกัน”  นทีเถียงกลับ  “ทีนาย...เรายังไม่ว่าเลย  อยากจับตรงไหนก็จับเลย  ตามสบาย”  นทีคว้ามือของต้นน้ำไปลูบไล้ตามร่างกายของตนเองไปทั่ว 

   “ไอ้บ้า”  คราวนี้อวัยวะส่วนที่ได้สัมผัสกับร่างกายนทีคือฝ่าเท้านุ่มๆ ของเขาเอง “เข้าบ้านไปเลย  หิวข้าวววว”  โครงการอาหารทะเลถูกพับเข้ากรุเรียบร้อยแล้ว  เนื่องด้วยผู้ร่วมอุดมการณ์ทั้งสองไม่มีอารมณ์  อยากรีบกินแล้วก็รีบซุกตัวลงนอนในผ้าห่มอุ่นเร็วๆ  วินาทีนี้...จะข้าวไข่เจียว ไข่ดาวอะไรก็ได้แล้ว

---------- tbc ----------

a's talk:

ตอนนี้เครียดไปป่าว?

หยิก ๆ นะ  อยากให้อารมณ์ดี

555++
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 20-12-2019 18:40:50
 :a5:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-12-2019 22:28:30
ในที่สุดก็ยอมรับว่ารักกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 20-12-2019 22:50:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิป้าธัญญานี่  แก่กะโหลกกะลา  จริงๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-12-2019 02:16:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-12-2019 12:12:50
น่าร้ากกกกกกก.  o18
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-12-2019 20:48:19
ส่งเลย ๆ ......... ส่งต่อให้ธนกรเลย   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
เหตุผลที่ป้า ว่านทีเป็นลูกชู้
คงเพราะป้าตั้งใจมโน สะกดจิตตัวเอง
เพื่อเอาสมบัติของน้องชายมาให้ตัวเองกับลูกสินะ  :fire: :angry2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 22 ------ 20/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-12-2019 13:52:09
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 27-12-2019 13:58:31
นทีต้นน้ำ  ตอนที่  23
ทุกโปรโมชั่นมีดอกจันเล็กๆ ซ่อนอยู่






อันดับแรกในช่วงหลายวันนี้ที่ต้นน้ำต้องทำหลังจากอาบน้ำเสร็จคือการเช็คโทรศัพท์  วันนี้ยังไม่มีข้อความหรือรายการโทรมา  หรือนทียังอาบน้ำไม่เสร็จ?   ก็อาจเป็นได้  รออีกสักสิบนาทีแล้วกัน  ร่างโปร่งคว้าโทรศัพท์มานอนรอบนเตียง  กระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาจนครบสิบนาทีตามที่ตั้งใจไว้  นทีก็ยังไม่โทรมา

   หรือว่าอยากจะคิดอะไรคนเดียว?  นี่ก็อาจเป็นไปได้  งั้นเขานอนก่อนแล้วนะ

   ต้นน้ำนอนหลับตา...หลับตา...หลับตา  เชี่ย!  ตาหลับ  ใจไม่หลับ  ต้องทำยังไง?  นับแกะก็แล้วกัน  แกะหนึ่งตัว...แกะสองตัว..........แกะสิบสามตัว...หรือนทีมันฆ่าตัวตายไปแล้ววะ?...ไม่หรอกมั้ง...ผ่านมาได้ตั้งหลายปี  ถ้าจะฆ่าตัวตายก็น่าจะตายไปนานแล้ว....แกะตัวที่สิบสี่...แกะตัวที่สิบห้า...................แกะตัวที่สามสิบสอง...ก็ไม่แน่นะ...อาจเป็นอาการซึมเศร้าแอบแฝง  แล้วเพิ่งมาออกอาการทีหลัง...แกะตัวที่สิบเจ็ด...แกะตัวที่สิบแปด  ไอ้สัส!  เมื่อกี้กูนับถึงตัวที่สามสิบกว่าแล้วนี่ 

   วุ่นวายใจจนต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูใหม่อีกรอบ  เผื่อตัวเองเผลอปิดเสียงปิดสั่นโดยไม่รู้ตัว  เพื่อที่จะพบว่า  โทรศัพท์ตัวเองเปิดทั้งสั่นทั้งเสียงไว้เบอร์แรงสุด  หลอกตัวเองเก่ง!

   ร่างโปร่งผุดลุกขึ้นนั่งเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ  นอนไม่หลับ!

   ทำไงดีวะ?  โทรหาไหม?  โทร?...ไม่โทร? 

   สุดท้ายแล้วก็กดแอพพลิเคชั่นเฟซบุคแล้วพิมพ์ข้อความบางอย่างลงไป

   นอนหลับไหม?
   คิดมากไหม?
   หรือว่านอนแล้ววะ...ไอ้สัส


   เขาอยากบ่นอ่ะ  ไม่ได้เครียดมากมายจนถึงขั้นต้องออกไปกินเหล้าชะโลมใจหรือโทรไปปรับทุกข์กับใครสักคน  แค่อยากระบายออกมาพอให้อะไรที่มันคับแน่นอยู่ในอกมันโล่งขึ้นบ้าง 

   ติ๊ง!! 

   เสียงเตือนจากแอพเฟซบุคดัง

My name is name : นอนไม่หลับ  ไม่ได้คิดมาก นอนแล้วจะตอบได้ไงไอ้ควาย

Tonnaam saharat : @My name is name… กูไม่ได้ถามมึง

Uang Fah : กูก็นอนไม่หลับ

Palm Tk : อยากกินตับ ไม่หลับไม่นอน

My name is name : @tonnaam saharat… แล้วมึงถามใคร?

Brownie sugar : เดี๋วเราไปนอนเป็นเพื่อนเอง

ใจดี มีใจเดียว : @pui cutegirl... มึงมานี่

Pui cutegirl : พี่ก็นอนไม่หลับ ถ้าต้นน้ำเม้นต์กลับ คงจะหลับฝันดี ฮิฮิ

Nott pakdee : พวกกูกำลังจะออกไปแซ่บ  มึงออกมาไหม?

ใจดี มีใจเดียว : @pui cutegirl… เร็วเชียะ

Pui cutegirl : @ใจดี มีใจเดียว... กูมาก่อนแล้วเหอะ  คิดแคปชั่นอยู่ กลัวอ่อยแล้วน้องไม่รู้ตัว

ใจดี มีใจเดียว : @pui cutegirl… อ่อยขนาดนี้  น้องรู้  แต่น้องไม่เอาไง @tonnaam saharat หนูแกล้งทำเป็นไม่รู้ใช่ไหมลูก?

Palm tk : @nathee tangkijpanich… มึงมากดไลค์คอมเม้นต์กูทำไมเนี่ย  นอนไม่หลับ  อยากกินตับอ่อ?

Pui cutegirl : @Nathee tangkijpanich... กรี๊ดดด นทีอยากกินตับใครลูก?

Dada Thailand : @pui cutegirl ตับใครก็ได้ ที่ไม่ใช่ตับเหี่ยวๆ อย่างมึง  @nathee tangkijpanich ตับพี่ยังว่างอยู่นะคะ?

Pui cutegirl : @dada Thailand… มึงมาได้ไงเนี่ย  กลับเรือมึงบัดเดี๋ยวนี้


   ต้นน้ำไม่ได้สนใจว่ามีใครเม้นต์อะไรอีก  เขาสนใจแค่ว่านทีกดไลค์โพสต์เขา  และยังกดไลค์คอมเม้นต์ของต้นปาล์มด้วย  ความหมายมันคืออะไรบอกที?

   เขาลุ้นให้นทีตอบคำถามต้นปาล์ม

   ไม่ต้องรอนาน  เสียงเตือนจากแอพพลิเคชั่นแชทก็เตือนเข้ามา 

Nathee: ถามใคร? เราเหรอ?

   เทพเกิ๊น  นั่งทางในเป็นเหรอ?  รู้ได้ไงวะว่าเขาอยากถามอะไร? ถึงจะถามกับเจ้าตัวได้โดยตรง  แต่เขาไม่กล้าถามอ่า   ฮือออ...ใจป๊อด!

Tonnaam : ถามอะไร?

   โง่ๆ ไว้ก่อน  ปลอดภัย ถามอะไร๊?  เขาไม่รู้เรื่อง 

Nathee : ก็ที่นายโพสต์ถามในเฟซไง
Tonnaam : อ่อ  ถามตัวเอง  บ่นไปเรื่อย
Nathee : แล้วไม่รู้เหรอว่าตัวเองนอนแล้วหรือยัง?


   อ้าว...ลื๊มมม  ลืมอีกแล้วว่าแคปชั่นประโยคสุดท้ายเขาถามว่า  หรือว่านอนแล้ววะ?  เกลียดความขี้ลืมของตัวเองว่ะ 

Nathee : แล้วด่าตัวเองว่าไอ้สัสทำไม?

   ด่ามึงนั่นแหละ  แต่ตอนนี้ด่าตัวเองด้วย  สมควรแล้ว ไอ้สัสต้นน้ำ! โง่ชิบหาย

Nathee : เรานอนไม่หลับ
Tonnaam : เห็นไม่คอลมา  นึกว่าหลับแล้ว
Tonnaam : คิดมากเหรอ?
Tonnaam : เรื่องวันนี้


   อีกฝั่งของของหน้าจอคือร่างสูงของนทีที่นั่งกึ่งเอนอยู่บนพื้น  หลังพิงขอบเตียง  ผ้าม่านผืนใหญ่ที่ทอดยาวจากเพดานจรดพื้นเปิดกว้างให้แสงจากภายนอกส่องผ่านกระจกยาวลอดเข้ามาภายในตกกระทบดวงหน้าหล่อเหลาเป็นเงาสลัว

   คิดมากไหม?  เป็นคำถามที่ทำให้เขาต้องทบทวนตัวเอง  เขากำลังคิดเรียบเรียงเรื่องราวที่ผ่านมา  ปะติดปะต่อจนใกล้จะเป็นรูปเป็นร่าง  แต่ก็เหมือนมีบางชิ้นส่วนที่ยังขาดหายไป  เป็นความคิดที่ทอดยาวไปเรื่อยจนลืมไปว่าอาจจะมีบางคนเป็นห่วงอยู่   รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงเตือนจากโทรศัพท์  น็อตไลน์มาชวนไปเที่ยว  แล้วยังให้ชวนต้นน้ำไปด้วยนี่แหละ
 
Nathee : คิด แต่ไม่มาก เหมือนยังงงๆ มากกว่า
Tonnaam : นอนหลับสิ  เขาว่ากระบวนการจิตใต้สำนึกจะจัดการเรียบเรียงข้อมูลให้เราเองตอนหลับ
Nathee : นอนไม่หลับอ่ะ
Tonnaam : แล้วปกติตอนนอนไม่หลับทำไง


   ออกไปเที่ยว  กินเหล้าให้เมา  แล้วจบลงด้วยเรื่องบนเตียง  อืม...เขาไม่พูดหรอก

Nathee : สวดมนต์
Tonnaam : ก็ดีนะ  พระช่วยได้เหรอ?
Nathee : ไม่รู้สิ  ไม่รู้ว่าพระจะศักดิ์สิทธิ์ไหม?  นอนคนเดียวแล้วนอนไม่หลับเลยขอให้มีคนมานอนเป็นเพื่อน


   อุก...เหมือนอะไรสักอย่างกระแทกใจ  ต้นน้ำนอนมองหน้าจอเงียบ 

   นี่นทีชวนเขาไปนอนด้วยหรือเปล่า?  ทันทีที่สมองประมวลผลแปลไทยเป็นไทยได้  รอยยิ้มจุดก็ขึ้นที่มุมปาก  หน้าซุกหมอน  ร่างกายบิดม้วนเข้ากับผ้าห่ม 

Tonnaam : นายชวนเราไปนอนเป็นเพื่อนเหรอ?
Nathee : อืม
Tonnnaam : นี่นายยั่วเราใช่ไหม?


   นทีตอบไม่ถูก  ขาดแค่เต้นรูดเสา  แล้วถอดเสื้อผ้าปาใส่เท่านั้น  นอกนั้นเขาทำมาหมดแล้ว  ให้จับ  ให้จูบ  ให้ลูบ  ให้คลำ  ทอดสะพานปูพรมแดง  แทบจะซื้อบัตรทางด่วนแถมให้  แต่คนถูกยั่วเพิ่งจะรู้ตัวงั้นเหรอ?

   ให้อ้อย...แต่ได้แห้วกลับมา  น้ำตาจะไหล  คิดถึงคอมเม้นต์ของปุ้ยเมื่อครู่นี้    กลัวอ่อยแล้วน้องไม่รู้ตัว

   ฮาวทู...อ่อยอย่างไรไม่ให้รู้ตัว...ก็เขานี่แหละ  อ่อยเนียนสัด 

Nathee :ไม่ได้ยั่ว  แต่ประตูไม่ได้ล็อค
Nathee :  ไม่เคยล็อค


   ทิ้งท้ายไว้อีกสักนิด  เผื่อไม่กล้าเข้ามาตอนนี้  ดึกๆ อยากเข้ามา  เขาก็ยินดี  กลัวแต่จะเป็นอย่างที่ใจดีว่า  น้องรู้ตัวแต่น้องไม่เอา  ศักดิ์ศรีของหนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งและเดือนมหา’ลัยช่างแผ่วเบาราวปุยนุ่น  เขาทอดสะพานให้ต้นน้ำ  ทอดเอง...ต้นน้ำไม่ข้ามมา  เขาข้ามไปเองก็ยังได้  แต่อีกฝ่ายจะยินยอมให้เขาข้ามไปหรือเปล่า?

   ต้นน้ำมองไปที่ประตู  รับรู้ได้ถึงเส้นสีดำบางๆ ที่ตนเองขีดกั้นไว้ 

   ในนิทานปรัมปราที่เขาเคยอ่าน  ผู้ใหญ่มักจะสอนให้เด็กๆ ให้อยู่แต่ในบ้านตอนกลางคืน  เพราะมีปีศาจร้ายคอยล่อลวงอยู่ข้างนอก  ได้ยินเสียงเรียกอย่าตอบ  ได้ยินเสียงทักอย่าขาน   

   ... ต้นน้ำมองประตูแล้วกลับมาที่ข้อความแชทหน้าจอโทรศัพท์

   เขาไม่ได้ขานนะ... แค่ลุกแล้วหอบผ้าห่มไปเลย  หมอน...ไม่ต้องเอาไป  ห้องโน้นมีหมอนสองใบ  ปีศาจที่ไหนเล่าจะสวดมนต์ 

   ... เปิดประตูแล้วคร้าบ  เส้นบ้าห่าเหวอะไรที่ตัวเองขีดไว้  ช่างแม่ง! แล้วพุ่งไปสู่ประตูที่ไม่ได้ล็อค  ประตูที่ไม่เคยล็อค!






   หนุ่มหล่อสุดฮอตอันดับหนึ่งแห่งมหาวิทยาลัย A กำลังนั่งกอดหมอนมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างคนที่ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงดี  ต้นน้ำเงียบไปนานมากแล้วหลังจากที่เขาพิมพ์ประโยคสุดท้ายไป  เขาควรชวนคุยต่อหรือบอกราตรีสวัสดิ์ 

   ขณะที่กำลังใช้ความคิด  แสงสว่างวาบจากภายนอกก็สาดเข้ามาจากทางด้านหลัง  ใบหน้าหล่อเหลาเหลียวกลับไปมองก็พบคนที่ควรจะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของหน้าจอเปิดประตูเข้ามาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว  มาพร้อมกับผ้าห่มด้วย

   ต้นน้ำปิดประตูก่อนไถลขึ้นมาบนเตียง  “ทำไมไปนั่งอยู่ตรงนั้นล่ะ?”  เสียงนุ่มถามเมื่อเห็นนทีนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง  เขาใช้เท้าดันผ้าห่มของนทีไปอีกด้าน  แล้วสะบัดผ้าห่มคลุมตัวเองก่อนซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม

   นทียิ้ม  ยิ้มเล็กๆ กับดวงตาแวววาวราวกับมีหยดน้ำกลอกกลิ้งอยู่ภายใน ร่างสูงขยับปีนขึ้นไปนอนเคียงข้างคนบนเตียง  นึกขอบคุณสิ่งศักดิ์ที่ดลบันดาลให้ต้นน้ำมานอนเป็นเพื่อนเขาคืนนี้  ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ...ทั้งที่เขายังไม่ได้สวดมนต์สักบทเลย

   “.....”

   “.....”

   ไม่มีถ้อยคำใดออกมาจากปากของคนทั้งคู่  มีเพียงการสบตากันและกันในความมืดสลัวของแสงไฟที่ส่องผ่านกระจกยาวเข้ามา

   มือใหญ่ลอดผ่านผืนผ้าห่มเข้าไปควานหามือของคนข้างๆ คนเจอ  เกาะกุมไว้แผ่วเบา “แค่นอนจับมือเฉยๆ ไง”

   ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่ฝ่ามือ   มือเรียวเป็นฝ่ายจับข้อมือนทีพลิกขึ้น  จังหวะเดียวกับที่ตัวเขาก็พลิกไปคร่อมอยู่บนตัวนทีแล้ว  ดวงหน้าใสก้มต่ำจนเกือบจะชิดกับใบหน้าของคนที่นอนอยู่เบื้องล่าง  สายตาที่สบกันทอประกายวูบวาบ 

   “มากกว่าจับมือหน่อยหนึ่งก็ได้” 

   นทียังยิ้มน้อยๆ เหมือนเดิม  หากแต่หยดน้ำที่กลิ้งกลอกอยู่ภายในกลับวิบไหวยิ่งกว่าดาวดารดาษบนท้องฟ้า  เขาไม่รอให้คนความรู้สึกช้าเคลื่อนไหว  แขนหนึ่งเท้าข้อศอกไว้กับเตียง  อีกมือหนึ่งก็รั้งท้ายทองคนด้านบนให้โน้มลงต่ำลงมาอีก  ริมฝีปากร้อนตามประกบอย่างรวดเร็วราวกับอสรพิษฉกเหยื่อ   รวดเร็ว...จนเหยื่อตั้งตัวไม่ทัน  ลิ้นร้อนตวัดไล้โลมเลียไปทั่วโพรงฝีปากนุ่ม  รสจูบคราวนี้ไม่ได้ยั่วเย้าหยอกล้อเหมือนเมื่อตอนหัวค่ำอีกแล้ว   หากเต็มไปด้วยความปรารถนาดูดดื่ม  เนิ่นนานที่ต่างฝ่ายต่างรุกไล่ราวกับต้องการต้อนให้อีกฝ่ายจนมุม 

   “คราวนี้นายจูบเรา  จูบเหมาจ่าย...เราจ่ายแล้วนะ”  ต้นน้ำบอกเสียงหอบเมื่อนทีปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระ

   “เหรอ?” นทีถามกลับ  นัยน์ตายังวิบวับเพราะความต้องการที่พุ่งขึ้นยังไม่ได้รับการเติมเต็ม “เหมาจ่าย...มันต้องเยอะกว่านี้รึเปล่า?”

   ร่างสูงเป็นฝ่ายพลิกกลับมาอยู่ด้านบน  กดจูบลงบนริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง  ลึกล้ำและเรียกร้องมากกว่าเดิม     

   “อื้อ”  เสียงร้องสะท้านเมื่อนทีละริมฝีปากออก  ลิ้นร้อนลากลงต่ำ

   “ต้องจูบตรงนี้ก่อน” ลมหายใจทั้งอุ่นและร้อนซุกไซร้ไปทั่วซอกคอขาวนุ่ม  ไม่ไหว...กลิ่นกายของคนใต้ร่างชวนให้หน้ามืดตามัวจนไม่อาจละจาก   กระดุมเสื้อของต้นน้ำทุกเม็ดถูกปลดออกไปแล้ว  เม็ดสุดท้ายที่ปลดไม่ทันใจถูกดึงออกจนขาดกระเด็น

   โพรงปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยที่โผล่พ้นขอบเสื้อออกมา  “จูบตรงนี้ด้วย”  แล้วลากลิ้นสากทิ้งความหวามไหวไว้ตามรอยชื้นไปยังยอดอกอีกข้าง  “ตรงนี้ด้วย”

   “อื๊อออ”  ต้นน้ำส่งเสียงออกมาเมื่อลิ้นร้อนตวัดรัวสลับกับลมหายใจแผ่ว  ร่างกายบิดเร้าเพราะความเสียวซ่านที่ไม่อาจทานทน

   นทีถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกโยนไปอีกทาง  เผยให้เห็นกล้ามเนื้อมัดสวยเรียงตัวแน่นบนร่างของคนที่กำลังคร่อมเขาอยู่  ใครบอกว่าผู้ชายไม่สวย  แต่ต้นน้ำกลับคิดว่ากล้ามเนื้อของนทีสวยมาก  สวยจนยั้งใจไว้ไม่อยู่  ต้องเอามือไปลูบไล้เบาๆ

   “พอแล้วมั้ง”  ตากลมใสสบตาคนที่อยู่ด้านบนคล้ายงุนงง  กึ่งอ้อนวอนกึ่งผลักไส  เขาอยากได้อีกแต่ก็กังวล  กลัวว่าสิ่งที่ได้รับกลับมามันจะมากเกินไป  เกินกว่าจะรับไหว

   “ยัง  ยังไม่ครบ”  นทีตอบพร้อมกับโน้มตัวลงมาอีกครั้ง  ปากบอกว่าพอแล้ว  แต่มือลูบไล้อยู่ตรงหน้าท้องเนี่ยนะ  ใครจะไปพอ?  อ้อนวอนน่ะได้  แต่ผลักไส...เขาไม่อนุมัติ!

   “แล้ว...ต้องแค่ไหน?” 

   “ทั้งตัว!”

   “.....”

   “อยู่เฉยๆ นะ  อย่าดิ้น  ไม่งั้นต้องโดนมากกว่าจูบแน่ๆ ” ต้นน้ำไม่ต้องทำอะไรเลย  แค่นอนนิ่งๆ เขาก็แทบจะโบยบินไปไกลแล้ว  ยามที่คนใต้ร่างเคลื่อนไหวบดเบียดยิ่งทำให้เขาร้อนผ่าวจนควบคุมอารมณ์ตัวเองไว้ไม่อยู่  ส่วนอ่อนนุ่มแข็งขืนขยายตัวจนอึดอัด   

   ต้นน้ำสั่นสะท้านเมื่อได้ยินคำเตือนกระซิบแผ่วพร้อมกับลมร้อนผ่าวข้างหู....บอกให้เขาอยู่เฉยๆ  แต่นทีกลับอยู่ไม่สุข  แล้วเขาจะอยู่เฉยๆ ได้ยังไงเล่า? 

   นทีพรมจูบอ่อนโยนไปทั่วร่าง   ไม่เว้นแม้แต่แผ่นหลังขาวเนียน  จูบเบาๆ ตั้งแต่ลาดไหล่เรื่อยไปตามสันกระดูก  บางครั้งแผ่วพลิ้วชวนให้เคลิบเคลิ้ม  บางครั้งขมเม้มดูดดุนจนคนใต้ร่างเผลอส่งเสียงครางหวาน  นทีพลิกตัวเขากลับอย่างง่ายดาย  ง่ายมากเพราะตัวเขาอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว  จูบตรงไหน...เหลวตรงนั้น 

   มือใหญ่เกี่ยวกางเกงนอนขายาวให้เลื่อนหลุดจากสะโพก

   “อย่า”  ต้นน้ำส่งเสียงสั่นเครือทักท้วง “ อย่าจูบตรงนั้น”  สองมือปัดป่ายเป็นพัลวันแต่ถูกคนด้านบนที่ถนัดกว่ารวบไว้ 

   งือออ...ร่างขาวสั่นไปทั้งตัวเมื่อริมฝีปากอุ่นขบเม้มตรงขาอ่อนด้านใน  จูบเรื่อยไปถึงด้านบนของส่วนที่แข็งขืน  ไล้เลียแล้วครอบครองไว้ด้วยโพรงปากที่ทั้งนุ่มและร้อน  รู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนอยู่ภายใน   ต้นน้ำบิดตัวพล่าน  ความเสียวกระสันซ่านไปทั่วร่าง  และพุ่งสูงขึ้นเมื่อนทีเปลี่ยนจังหวะจากเนิบช้าเป็นรัวเร็วทั้งปากและมือ 

   “ฮึก...พอ  พอก่อน  จะเสร็จ”  นทียังคงไม่ปล่อยเขา  ฮืออ...ไม่ไหวแล้ว  ร่างขาวบิดตัวเร่า  จนกระทั่งถึงขีดสุดท้าย...น้ำสีขาวขุ่นก็ไหลทะลัก  บางส่วนเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของคนที่แทบจะกลืนกินตัวตนเขาไป 

   จูบตรงไหน...เหลวตรงนั้น  แม้แต่ส่วนแข็งขืนที่สุดก็ยังไม่พลาด  ปวกเปียกเลยมึง

   นทีใช้นิ้วโป้งปาดหยาดน้ำที่ติดอยู่ตรงริมฝีปากล่างออก  ใบหน้าหล่อเหลาดูเซ็กซี่ยั่วยวน  ล่อลวงให้มือขาวยื่นไขว่คว้าดวงหน้านั้นมาจูบอีกครั้ง 

   นทีจูบกลับอย่างเต็มใจ  มือใหญ่รั้งแก่นกายตนเองรูดขึ้นลง  เหมือนภาพฝันที่กลายเป็นจริง  กี่คืนที่ผ่านมา  ที่เขาจินตนาการถึงคนตรงหน้า  ถึงกลิ่นที่เคยดอมดม  ริมฝีปากนุ่มและเนื้อเนียนลื่นมือยามที่ได้สัมผัสใต้ร่มผ้า  แต่ความเป็นจริงกลับปลุกเร้าให้เร่าร้อนยิ่งกว่าในความฝัน 

   ต้นน้ำดันร่างของนทีลงนอน  กลับเป็นฝ่ายพรมจูบไปทั่วกล้ามเนื้อแกร่งแทน  จูบทุกที่...เหมือนที่นทีเคยจูบเขา 

   เสียงคำรามต่ำดังขึ้นอย่างพึงพอใจ  นทีมองใบหน้าที่พรากเอาหัวใจของเขาไปคล้อยลงต่ำ  ดวงตาใสแจ๋วช้อนตาขึ้นมองสบตาคมอย่างลังเล

   “เราทำไม่เป็นนะ”  ต้นน้ำบอกเสียงเบาพลางเหลือบมองมือของตนเองที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงขอบกางกางนอนของนที

   ต้นน้ำไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้  เขาเคยบอกไปแล้ว  แต่นอนข้างๆ ให้เขาได้กลิ่น  ได้สัมผัส  ได้ลูบไล้  เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ที่เหลือเขาทำเองได้  ทำอยู่ทุกวันแม้ไม่มีตัวจริงให้สัมผัส

   แต่ถ้าได้มากกว่านั้น  ก็ต้องเอาไว้ก่อน

   “เราก็ไม่เคยทำให้คนอื่นมาก่อนเหมือนกัน”

   ต้นน้ำชั่งใจก่อนดึงกางเกงของนทีลง  ตากลมสวยเบิ่งกว้างเมื่อเห็นน้องชายนทีผงาดออกมาเมื่อขอบกางเกงผ่านพ้น  อยากจะร้องให้แล้ว  แต่ที่บ้านสอนมาดี  ใครทำอะไรให้ก็ต้องตอบแทน  เกลียด!

   เขาเข้าครอบครองแก่นกายแข็งขึงอย่างช้าๆ  เงอะงะงุ่มง่าม  คิดเสียว่าเป็นไอติมแท่งใหญ่ก็แล้วกัน  ลิ้นเล็กตวัดไล้ไปรอบๆ ก่อนมองสังเกตท่าทีของคนด้านบน 

   แค่ภาพต้นน้ำบิดเร้าร่างกาย  ดวงตากลมฉ่ำปรือคล้ายจะร้องให้พลางกัดริมฝีปากสะกดกลั้นแรงอารมณ์ตอนที่เขา ‘จูบ’ ไปทั่วทั้งตัวก็ทำให้เขาเจียนจะคลั่ง  แต่ยามที่ริมฝีปากสีสดแตะต้องกลืนกินตัวตนเขาในตอนนี้กำลังทำให้เขาคลั่งจริงๆ แล้ว 

   ตาคมมองภาพคนเบื้องล่างไม่วางตาราวกับต้องการบันทึกภาพความทรงจำนี้ไว้ไม่ให้พลาดแม้สักเสี้ยววินาที  นทียื่นลูบสางผมที่ท้ายแผ่วเบาก่อนบอกด้วยเสียงแหบพร่า “เร็วอีกนิดนึง” 

   มือเรียวรุดรั้งเร็วขึ้นตามคำสั่ง  พอๆ กับริมฝีปากสีสวยที่ทำงานสัมพันธ์กับมือ ไม่ช้าร่างแกร่งก็กระตุกพุ่งน้ำสีขาวขุ่นสวนให้ริมฝีปากบางรับไว้ทั้งหมด

   ต้นน้ำจวนเจียนจะขาดใจ  แง...เขาทำให้นที  แต่ส่วนอ่อนไหวเบื้องล่างเขามันดึงดันขึ้นมาอีกแล้ว 

   นทีดึงตัวต้นน้ำขึ้นนั่งบนตักกดสันจมูกบนไหล่ลาดเรื่อยไปยังกกหู   จุดอ่อนที่ทำให้ร่างของเขาตอบสนองอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว 

   คืนนี้...พวกเขานอนไม่หลับจริงๆ





Nott phakdee :  @nathee yangkijpanich… โทรไปไม่รับ  ไลน์ไปไม่อ่าน  หายหัวไปไหน?

Palmy tk : @nott phakdee… นอนกันแล้วมั้งมึง

Nott phakdee : ไหนว่านอนไม่หลับ  @palmy tk… เมื่อไรมึงจะกลับโต๊ะ

Palmy tk : @nott phakdee… กูอยู่ที่โต๊ะแล้วไอ้สัส






   นทีปรือตาขึ้นมองแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านประตูกระจกเข้ามา  แสงค่อนข้างจ้าทำให้เขารู้ว่าน่าจะเป็นเวลาสายมากแล้ว  เมื่อคืนเขาไม่ได้ปิดผ้าผ่าน  อารามรีบร้อนและกลัวว่าจะมีใครสักคนเปลี่ยนใจไม่ยอมจ่ายค่าจูบ  แล้วกลับไปนอนห้องตัวเอง  เขาเลยไม่ยอมเสียเวลาไปกับอะไรทั้งสิ้น  ทั้งร่างกายและจิตใจโฟกัสอยู่กับร่างขาวๆ เท่านั้น

   นทีพลิกตัวไปทางที่ต้นน้ำนอนอยู่  มองคนหลับที่อาจจะตื่นเพราะแสงแยงตาเร็วๆ นี้  แต่เขาก็ไม่กล้าลุกไปปิดผ้าม่าน  เกรงว่าจะเป็นการรบกวนการนอนหลับของอีกฝ่าย

   เขาเห็นใบหน้าตอนหลับของต้นน้ำมาหลายครั้งแล้ว  แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ  เรื่องที่เกิดขึ้นบนเตียงเมื่อคืนทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา  ไม่ใช่แค่ตอบสนองความต้องการของร่างกาย  แต่ยังเติมเต็มความปรารถนาในหัวใจด้วย 

   ต้นน้ำเริ่มขยับตัว  สักพักตาคู่สวยก็กะพริบมองเขา  ก่อนกลับตาลงไปอีกครั้งแล้วลืมขึ้นมาใหม่ด้วยสายตาแจ่มชัดกว่าเดิม

   “กี่โมงแล้ว” 

   “ไม่รู้  แต่น่าจะสายแล้ว”

   “หิวว่ะ”  ต้นน้ำบอกเสียงเบา  เมื่อคืนเสียพลังงานไปตั้งเยอะ  ตื่นมาก็หิวเลย  เขาบอกนทีให้มากกว่าจูบหน่อยนึง  ไม่รู้นทีเข้าใจคำว่า ‘หน่อย’ ผิดไปหรือเปล่า?  ใส่กันโครมครามจนเสียพลังงานกันไปละสองรอบ 

   ร่างขาวชันตัวลุกขึ้นนั่ง  ผ้าห่มที่คลุมตัวเลื่อนหลุดไปกองที่เอวเผยให้เห็นรอยจุดสีชมพูแต้มอยู่บนเนื้อขาว 

   “เชี่ย”

   “เชี่ย”  สองเสียงอุทานขึ้นพร้อมกัน 

   “โคตรเยอะอ่ะ”  ต้นน้ำไล่สายตาไปตามร่างกายของตัวเอง  ร่องรอยประทับปรากฏตั้งแต่แขน  หน้าอก หน้าท้อง  เลิกผ้าห่มขึ้นดู...ต้นขาอ่อนก็มี 

   นทีเองก็ผุดลุกขึ้นมานั่งเหมือนกัน  สายตาคมไล่ไปยังรอยสีกุหลาบแผ่นหลังขาวเนียน  เมื่อคืนเขาหน้ามืดไปหน่อย...อยากจูบ  จูบ  จูบ  แล้วก็จูบเท่านั้น  อยากตีตราให้เจ้าของเรือนร่างระลึกถึงเขา  จดจำได้ถึงความเร่าร้อนจากริมฝีปากเขาทุกครั้งที่ได้เห็นร่องรอยเหล่านี้ 

   แต่ไม่คิดว่า...ว่ามันจะเยอะขนาดนี้
   
   ต้นน้ำตวัดสายตากลับมามองนที  มองไปตามแผ่นอกที่ปรากฏรอยสีชมพูที่เขาทำไว้เหมือนกัน  แต่ก็ยังไม่มากเท่าร่องรอยบนตัวเขา  “ไอ้หื่นเอ๊ย”

   “ก็นายมายั่วเราทำไมล่ะ?”

   ใครยั่ว?  ถ้าจำไม่ผิด...เมื่อคืนเขาโดนนทียั่วไม่ใช่เหรอ?

   “เออ วันหลังไม่ยั่วแล้ว” 

   “ทำไม่ได้หรอก  แค่นายนั่งหายใจเฉยๆ ก็ยั่วแล้ว  ดูดิ...ขึ้นแล้ว”  ไม่พูดเปล่า  ยังทำท่าจะเปิดผ้าห่มที่คลุมอยู่ให้คนช่างยั่วดูด้วย   

   “อย่าเลย...ไม่ต้อง  ดูซิ...ที่คอมีหรือเปล่า?”  ต้นน้ำเงยคอให้นทีดูตรวจสอบในจุดที่เขามองไม่เห็น

   ไอ้หยา... นทีหน้าเจื่อนตอบด้วยเสียงหงุงหงิง “มี”  ไม่อยากจะบอกเลยว่าตรงคอด้านหลังก็มี

   “ไอ้...” ต้นน้ำอยากด่า  แต่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าจ๋อยก็ด่าไม่ลง  “แล้วจะหายทันไปมหา’ลัยไหมเนี่ย?” มือขาวยกขึ้นขยี้หัวแรงๆ

   ใครจะไปรู้ว่า ‘จูบเหมาจ่าย’ คือจูบทั้งตัว!  เขาไม่น่าพลาด  เวลาจะซื้อโปรโมชั่นโทรศัพท์  ก็ยังต้องอ่านดอกจันเล็กๆ ที่อธิบายแนบท้ายให้ดีก่อน  แล้วเขาเอาอะไรไปเชื่อไอ้เซลล์ขายโปรคนนี้วะ

   “ก็ไปมันทั้งอย่างนี้แหละ  ไม่เป็นไรหรอก”

   “ได้ไงเล่า  อายเขา”  โดยเฉพาะไอ้พวกเพื่อนตัวดีนี่แหละ  โดนล้อยันลูกบวชแน่

   “งั้นก็ลาป่วยซะ”  นทีเคลื่อนตัวเข้ามากอดด้านหลังต้นน้ำ  จูบที่ไหล่ซ้ำรอยเดิมเบาๆ  “เราเป็นแฟนกันได้หรือยัง?”
   
   ต้นน้ำเงียบไป 

   เขาควรตอบยังไง?  อยากเป็น...แต่ก็ยังกลัว...กลัวสูญเสีย  กลัวคบแล้วต้องเลิก  กลัวว่าจะมีใครสักคนเปลี่ยนไป 

   ขณะที่ต้นน้ำกำลังคิดพะวงอยู่กับคำตอบของตัวเอง  ปัง!!!...เสียงประตูเปิดออก  เรียกความสนใจจากคนสองคนที่อยู่บนเตียง

   “นที  เห็นน...น้ำ...” ดวงตาคู่กลมของผู้ที่เข้ามาใหม่เบิกกว้าง 

   หยาดน้ำเอ่อคลอดวงตากลมใส  เมื่อเห็นร่างสองร่างที่เคล้าคลอกันอยู่บนเตียง  ไม่อาจจะปฏิเสธอะไรได้อีกในเมื่อทุกอย่างมันฟ้องชัด  นทีและต้นน้ำเปลือยช่วงบนทั้งคู่  ไม่ต้องบอกก็พอเดาได้ว่าภายใต้ผ้าห่ม...ช่วงล่างทั้งสองคนก็ย่อมเปลือยเปล่าเช่นกัน  แล้วยัง...รอยแต้มสีกุหลาบบนตัวนั่นอีก

   “น้ำ”  น้ำตาลเรียกต้นน้ำด้วยเสียงแผ่วหวิว  พูดอะไรไม่ออก  แม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะเรียกคนตรงหน้าก็ยังไม่มี  น้ำตาเม็ดใสพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย  ความรู้สึกหลากหลายถาโถมประเดประดังเข้ามาราวกับห่าฝน  ทั้งเสียใจ  ทั้งผิดหวัง  สับสนและไม่เข้าใจ

   “น้ำตาล”  มีถ้อยคำมากมายที่ต้นน้ำอยากบอก  อยากอธิบายแต่เขากลับพูดอะไรไม่ออก 

   “น้ำ...น้ำกับนที...?” 

   ---------- มีต่อด้านล่าง ---------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 27-12-2019 14:01:08


-------- ตอนที่ 23 ต่อจากด้านบน ----------

เขาไมได้อยากทำร้ายจิตใจเพื่อนวัยเด็ก  แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงตรงหน้า  ได้แต่ยอมจำนน  เขาอยากจะลุกขึ้นไปรั้งร่างบางไว้เพื่ออธิบาย  แต่สภาพเขาตอนนี้ช่างไม่อำนวยเสียเลย  “น้ำตาลใจเย็นๆ  ฟังเราก่อนนะ”

   “ฮือออ”  น้ำตาลปล่อยโฮเสียงดัง  ร่างบางวิ่งถลาออกไปอย่างรวดเร็วราวคนเสียสติ 

   ต้นน้ำลุกพรวดไปคว้าเสื้อนอนที่ตกอยู่ข้างเตียงมาสวมลวกๆ  “กางเกงอยู่ไหนวะ?”

   นทีช่วยหา  เขาเจอกางเกงตัวเองอยู่ในผ้าห่มตรงปลายเท้า  เลยคว้าส่งให้ต้นน้ำไปก่อน “ใส่ของเราไปก่อน”

   ต้นน้ำรับมาสวมอย่างรวดเร็วแล้วถลันตามน้ำตาลออกไป  ทิ้งให้นทีนั่งเกาหัวแกรกๆ  เขาเคยเห็นฉากนี้ในละคร  เคยอ่านข่าวทำนองนี้ในหนังสือพิมพ์

   เมียหลวงบุก!  เจอผัวนอนกกเมียน้อยในห้องพัก!

   ฟ้าคคคค!!!  นี่เขาได้บทเมียน้อยเหรอวะเนี่ย?   

   เขาหอบร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งได้ตำแหน่ง ‘เมียน้อย’ หมาดๆ ลุกขึ้นมาหาเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าใส่  สักพัก ‘ผัว’ เขาก็เดินหน้าม่อยกลับมา 

   “ไม่ทันว่ะ  ขับรถออกไปแล้ว”  ต้นน้ำนอนแผ่หลาลงบนเตียง  ขายังห้อยอยู่ข้างเตียง 

   นทีเดินมานั่งข้างๆ  คว้ากางเกงนอนต้นน้ำที่หาเจอก่อนหน้ามายื่นให้  “แล้วเอาไง?”

   ต้นน้ำถอนหายใจ  รับกางเกงมาถือไว้  “ไม่เอาไง  เป็นห่วง  เดี๋ยวว่าจะขับรถตามไปดูที่บ้าน”

   “เอาสิ  หาอะไรกินก่อน  เดี๋ยวเราไปด้วย”

   ต้นน้ำมองหน้านที  “จะดีเหรอ?  ถ้าน้ำตาลเห็นนาย...”

   “เห็นเราก็ไม่ดี  เห็นนายก็ไม่ดีเหมือนกัน  เห็นใครก็ไม่ดีทั้งนั้นแหละ”

   “แล้วเอาไงดี?”  ต้นน้ำเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง

   นทีทิ้งตัวลงบนเตียงข้างต้นน้ำ  “ก็คงต้องปล่อยให้อยู่กับตัวเองก่อน”

   “แต่เราเป็นห่วง กลัวเกิดอุบัติเหตุ” 

   มือใหญ่ลูบศีรษะต้นน้ำเบาๆ  “นายชอบน้ำตาลเหรอ?”

   ต้นน้ำทำท่านึก  “ก็ชอบนะ  แต่ไม่ได้ชอบแบบที่นายคิดแล้วกัน” 

   “แล้วชอบแบบไหน?” 

   “น้ำตาลเหมือน...เหมือนแม่คนที่สาม”  ถ้าป้าเล็กเป็นแม่คนที่สอง  น้ำตาลก็เหมือนแม่คนที่สามที่คอยดูแลเขาไม่ต่างจากคนในครอบครัว

   นทีขำพรืด  สงสารยัยน้ำตาล  “แล้วนายเคยบอกน้ำตาลไหม?”

   ต้นน้ำส่ายหน้า  เขาเคยคิดจะตอบรับความรู้สึกของน้ำตาล  เคยพยายามจะลองคบด้วยอยู่พักหนึ่ง  แต่ยิ่งคบก็ยิ่งเหนื่อย   ไม่เป็นตัวเอง

   ‘เราซื้อกระเป๋าตังค์มาให้’ 

   ‘แต่ใบเก่าเรายังดีอยู่เลย’

   ‘เอาใบนี้แหละ  ใช้คู่กับเรา’

   ‘รอใบเก่ามันพังก่อนดีไหม?  แล้วเราค่อยใช้ใบใหม่  เสียดายใบเก่า’

   ‘เราอุตส่าห์ซื้อให้  ถ้าน้ำไม่ใช้  ก็ไม่ต้องมาคุยกับเรา’
 

   สุดท้ายเขาก็ต้องเปลี่ยนกระเป๋าตามใจเพื่อนวัยเด็ก

   ‘เรียนศิลปกรรมไม่เห็นเท่เลย  มีแต่พวกซกมก  เรียนบริหารสิ เท่ดี’
   ‘ถ้าน้ำไม่ไปด้วย  เราก็ไม่ไป’
   ‘น้ำเรียนมอA  เราก็จะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ  ไม่รู้ล่ะ...เราจะไปฟ้องป้าฝน’


   ยังมีอีกหลายถ้อยคำที่น้ำตาลใช้เพื่อให้เขาทำในสิ่งที่น้ำตาลต้องการ

   เขารู้ว่าน้ำตาลหวังดี  แต่ความรักของน้ำตาลมันหนักเกินไป  จุดสิ้นสุดของการตัดสินใจคือตอนที่น้ำตาลแกล้งคบกับรุ่นพี่ที่เป็นนายแบบเพื่อทำให้เขาหึง  แทนที่เขาจะรู้สึกหึงหวงอย่างที่น้ำตาลต้องการ  เขากลับรู้สึกโล่งใจที่น้ำตาลจะมีคนอื่นดูแล 

   ตอนที่น้ำตาลมาสารภาพความจริงกับเขา  ใจเขายิ่งออกห่างจากน้ำตาล  คนเราทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะบังคับจิตใจคนอื่นให้ทำในสิ่งที่ตนเองต้องการจริงเหรอ? 

   ความหึงหวงเป็นเรื่องทรมาน  เขาเคยเห็นแม่กินไม่ได้  นอนไม่หลับ  โทรหาพ่อทุกชั่วโมงเพื่อถามว่าพ่ออยู่ไหน?ทำอะไร?  พ่อเองก็เบื่อที่จะต้องมาตอบคำถามเหล่านี้ซ้ำๆ   

   ทั้งที่บอกว่ารัก  แต่กลับทรมานให้อีกฝ่ายร้อนรนด้วยความหึงหวง

   ถ้าเขาจะรักใครสักคนเขาก็อยากจะรักคนที่ไม่ต้องทำให้เขารู้สึกแบบนี้   เขาอยากกินได้  นอนหลับสบาย  อยากพบคนที่เขาสามารถวางใจไว้มือของคนๆ นั้นได้  โดยไม่ต้องกังวลว่าหัวใจของเขาจะถูกเหยียบย่ำ 

   “ไม่เคยบอก  กลัวเขาเสียใจ”

   “บอกไปเถอะ  บอกเขาทุกเรื่อง  ยังไงก็ตั้องเจ็บอยู่แล้ว  การบอกความจริงจะทำให้เขาเจ็บน้อยที่สุด  ความเจ็บปวดจะทำให้คนเราเติบโต  น้ำตาลก็ควรโตได้แล้ว”

   “มันไม่ควรเป็นเราป่าววะ?  เราอยากให้คนอื่นเป็นคนทำให้น้ำตาลเติบโตมากกว่า  อย่างน้อยเวลาที่น้ำตาลร้องให้  เราก็ยังปลอบได้  ยังอยู่ข้างๆ ได้”

   “ทำยังไงได้?  ก็น้ำตาลชอบนาย  ถ้าเลือกได้...ก็อยากให้น้ำตาลชอบเราแทนนะ”  สาบานเลยว่าจะคิดบทบอกปฏิเสธอย่างตั้งใจ  ขยี้หัวใจดวงน้อยให้แหลกคามือ 

   “ก็นายเป็นลูกรักของพระเจ้า  พระเจ้าไม่ให้บทยากกับนายอยู่แล้ว”

   นทีหัวเราะหึหึ  ลูบใบหน้าขาวใสแผ่วเบา  “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”  ถ้าเขาเป็นลูกรักของพระเจ้าจริง  เขาขออะไร  ก็คงได้ใช่ไหม?

   “ถ้าเราบอกว่าเราไม่ชอบนายล่ะ?  นายจะทำยังไง?”

   มือที่ลูบไล้แก้มเนียนแข็งค้าง  “อ่า...เราคงไม่ใช่ลูกรักของพระเจ้าซะแล้ว”

   “ถามจริงๆ ตอบมา”

   นทีดึงมือกลับ  นอนมองเพดานด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนลุกขึ้นไปค้นอะไรกุกกักอยู่ที่โต๊ะหนังสือ  สักพักก็กลับมาพร้อมกับปากกาเคมีแท่งหนึ่ง

   “เอามือมา”

   ต้นน้ำยื่นมือให้  นทีคว้าไว้แล้ววาดหัวใจสีแดงไว้กลางฝ่ามือหนึ่งดวง

   “หัวใจที่ให้ไปแล้ว  จะเอาคืนได้ยังไง?  ลองลบดูสิ”

   ต้นน้ำใช่มือขยี้  แต่รอยปากกาก็ยังคงอยู่ “ลบไม่ออก”

   “อืม  มันจะจางลงทุกวันๆ  วันหนึ่งมันก็คงหายไป  ไม่ง่าย...แต่ยังไงซะ...มันก็ต้องหายไปในวันหนึ่งอยู่ดี”

   “หมายความว่า...วันหนึ่ง...นายก็จะเลิกชอบเราเหรอ?”

   “ก็ถ้านายไม่ชอบเราอ่ะนะ  ลบทุกวัน  ล้างทุกวัน  วันหนึ่งก็ต้องหายไป”

   “แล้วถ้าเราชอบ  อยากให้อยู่...?”

   “ก็อยู่”  นทีคว้ามือขาวมาวาดรูปหัวใจทับลงไปอีกรอบ  “ลบได้  ก็วาดใหม่ได้” 

   “แล้วถ้ามันหายไป  ทั้งที่เราอยากให้อยู่ล่ะ”

   นทียิ้มบาง  เขาในตอนนี้อยากจะบอกว่า...ไม่มีวันนั้น  แต่ไม่มีใครรู้อนาคต  และต้นน้ำก็อาจจะไม่เชื่อถ้าเขาพูดมันออกไป  “อันนั้นก็กลับกัน...ถ้านายรักใครสักคน  แล้วเขาไม่รักนาย  นายจะหยุดรักคนๆ นั้นได้ไหม?”

   ตากลมใสสบเข้ากับดวงตาคมปลาบ

   ไม่ได้...หยุดรักไม่ได้!!!


------------ tbc -----------



ต่อไปนทีมันต้องนอนไม่หลับทุกคืนแน่ 555

ส่งท้ายปีเก่า สุขสันต์วันปีใหม่กันแบบโครมครามๆ

ขอให้คนอ่านทุกคนมีความสุขมากๆ นะคะ 

ใครเล่นทวิต  ฝากแท็ก #นทีต้นน้ำ ด้วยนะ

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้าง คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันหน่อย อย่ากริบๆ ข้าเจ้าใจบ่อดี

แล้วเจอกันอีกทีหลังปีใหม่น๊า
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 27-12-2019 15:11:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-12-2019 17:13:02
กกกกรี๊ดดดดด เขาขยำกันแล้ว (?)
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-12-2019 20:51:10
นที ได้รับพร แบบไม่ต้องสวดมนต์  o22 :a5: :really2:
มันนนนนนนนนนน ยอดจริงๆ  :z3:

น้ำตาล ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ว่าเป็นคุณแม่คนที่สามไปเรียบร้อยแล้ว  :m20:
แต่การที่ไม่เคยล๊อกประตู  :really2:
ก็ทำให้น้ำตาลรู้อะไรที่ควรจะรู้ซักที  :laugh: :pigha2: o18
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-12-2019 02:55:57
กี๊ดดดดดด เหมาจ่ายรุนแรงมาก
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 23 ------ 27/12/2019]---P.7
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 29-12-2019 00:21:54
พัฒนาความสัมพันธ์กันมาขนาดนี้แล้ว เรียกว่าเป็นแฟนได้แล้วมั้ง.   :hao3:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 10-01-2020 14:47:43
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 24
แฟน 70% loading




   น้ำตาลไม่ได้ไปไหนไกล  เธอเลือกศาลาพักใจเป็นคอนโดของบุ้งซึ่งเป็นเพื่อนสมัยมัธยมแต่เลือกเรียนที่มหา’ลัย A ที่เดียวกับต้นน้ำและนที 

   เสียงร้องให้ดังระงมทั่วห้องแคบบนคอนโดเก่ากลางใหม่  บุ้งได้แต่นั่งเท้าคางบนโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กมองเพื่อนสาวร่างเล็กที่เปลี่ยนโซฟาเบดตัวยาวของเธอให้เป็นโซฟาคนเศร้าไปเสียแล้ว  ตั้งแต่มาถึง...น้ำตาลก็ร้องให้  พูดจาวกวนจนจับใจความแทบไม่ได้  รู้แต่ว่าอกหักจากต้นน้ำที่หมายปองมานานร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแล้ว   

   น้ำตาลควรจะร้องให้แบบนี้ตั้งแต่สามปีก่อนที่บอกรักต้นน้ำไปแล้ว  ต้นน้ำปฏิเสธน้ำตาลแบบอ้อมโลก  คนนอกพอจะมองออก  แต่คนในอย่างน้ำตาลกลับเลือกที่จะหลอกตัวเองว่ายังพอมีหวัง 

   ต้นน้ำไม่มีใคร  ไม่ได้คบใคร  ไม่ได้จีบใคร  ยังไม่มีคนที่ชอบ...คือเปอร์เซ็นต์แห่งความหวังอันน้อยนิดของน้ำตาล

   แต่เธอว่านี่ล่ะ...ที่น่ากลัว  ไม่มีใครแต่ก็ไม่เคยเลือกที่จะมีน้ำตาล!

   บุ้งได้แต่หยิบกระดาษทิชชูส่งให้น้ำตาลเป็นบางครั้ง  พร้อมกับเอาถังขยะมาตั้งไว้ใกล้ๆ ด้วย  คงไม่ดีแน่ถ้ากระดาษทิชชูเปื้อนน้ำมูกน้ำตาเกลื่อนกลาดไปทั่วห้องนอน  รักเพื่อนก็รักนะ  แต่ไม่ได้รวมไปถึงขี้มูกเพื่อนด้วย  รอจนน้ำตาลร้องให้จนพอใจ  พอจะสงบจิตสงบใจได้บ้าง  สาวน้อยแว่นกลมจึงได้เอ่ยปากถามความเป็นมา  “ไง?  จะเล่าได้ยัง?”

   น้ำตาลพยักหน้าทั้งที่ยังสะอื้นอยู่

   “เป็นไร?”

   “อกหัก”  แค่พูดเบาๆ ก็เจ็บ  ทำนบน้ำตากันไว้ไม่อยู่จนต้องปล่อยให้ไหลออกมาอีก  หยดน้ำตาใสบริสุทธิ์ติดสีดำของมาสคาร่าเป็นรอยยาวลงมาบนแก้มนวล  ตาคู่สวยเลอะรอยดำเป็นวงใหญ่รอบดวงตา  ไม่ได้ดูคล้ายหมีแพนด้าเลยสักนิด  อย่างน้อย....ขอบตาของหลินฮุ่ยก็ไม่ได้แหว่งเว้ากระดำกระด่างเหมือนของเธอ  ถ้ารู้มาก่อนว่าวันนี้ต้องร้องให้หนักมาก  เธอคงจะแต่งหน้าแบบกันน้ำเหมือนตอนเล่นสงกรานต์แล้ว 

   “เรื่องมันเป็นยังไง?  ไหนเล่าซิ”

   น้ำตาลอึกอัก  ไม่รู้จะเล่าออกมายังไง  “น้ำมีคนอื่นแล้ว”  สุดท้ายก็พูดออกมาแค่ประโยคเดียว 

   “รู้ได้ไงว่ามี?”

   “ก็เห็นน่ะสิ”

   “เห็นเขาอยู่ด้วยกันเหรอ?”

   “อืม”

   “ที่ไหน?”

   “ที่บ้าน”

   “อาจจะเป็นเพื่อนหรือเปล่า?”

   “ไม่ใช่!  ไม่ใช่เพื่อนแน่นอน”  เพื่อให้บุ้งช่วยวิเคราะห์ได้ถี่ถ้วน  เธอจึงเล่าให้มากขึ้นอีกนิด  “เขาอยู่บนเตียงด้วยกัน”

   “แกก็เคยอยู่บนเตียงต้นน้ำไหม?” 

   ใช่!  เธอเคยอยู่บนเตียงกับต้นน้ำเหมือนกัน  แต่ก็...ไม่เหมือนกัน!!  น้ำตาลร้องให้ออกมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงภาพบนเตียงแสนแสลงใจ “ถอดเสื้อทั้งคู่เลย”  มีรอยแดงเต็มตัวด้วย 

   “โอเคๆๆ”  บุ้งพยายามปลอบให้น้ำตาลสงบลงก่อนถอนหายใจหนักหน่วงอย่างคนที่ตัดสินใจบางอย่างได้แล้ว  “เอาจริงนะ  ต้นน้ำจะมีใครก็ไม่ผิดหรอก  แกกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน”  เธอตัดสินใจว่าจะให้ยาแรงเพื่อน  ปลอบมาหลายปี  แอบทักท้วงมาหลายหน  พูดอ้อมๆ ไม่เข้าใจ  บางที...เจ็บแต่จบก็อาจจะดีกว่า  อย่างน้อยเพื่อนเธอก็ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งตามคนที่เขาไม่รักอีก

   “โฮฮฮฮ” 

   บุ้งหยิบกระดาษทิชชูส่งให้น้ำตาลอีกสองแผ่น  เลื่อนขยะเข้าไปใกล้ๆ อีกหน่อยนึงด้วย  จะได้ทิ้งให้ถนัดมือ 

   น้ำตาลร้องให้จนพอใจไปอีกรอบ  “แต่เราโคตรรักต้นน้ำ  รักมาตั้งนานแล้ว  แกก็รู้  ทำไมวะ?  เราทำอะไรผิดไป  ทำไมน้ำถึงไม่รักเรา  เราไม่ดีตรงไหน?”

   น้ำตาลทิ้งกระดาษทิชชูลงถังขยะแรงๆ  แต่น้ำตาพร่ามัวทำให้กะองศาพลาด  กระดาษทิชชูคาอยู่ที่ขอบถังสักพักคล้ายกำลังตัดสินใจว่าจะร่วงหล่นลงข้างในหรือข้างนอกดี  สุดท้ายเจ้ากระดาษก็ม้วนตัวร่วงหล่นลงด้านนอก

   บุ้งทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย  “แกไม่กินเสือ...ก็ไม่ได้หมายความว่าเสือจะไม่กินแก  แกไม่กัดหมา...ก็ไม่ได้หมายความว่าหมาจะไม่กัดแกนะเว้ย  แกรักต้นน้ำ...ก็ไม่ได้หมายความว่าต้นน้ำต้องรักแกตอบ  ถ้าเป็นอย่างนั้น...ก็คงไม่มีคนอกหักบนโลกนี้แล้วสิ”  เพลงอกหักขายดีจนทำยอดยูทูปได้มากกว่าร้อยล้านวิว  คนอกหักกอดคอกันเมาล้นร้านเหล้า

   “ฮือออ” 

   ขอโทษนะน้ำตาล  น้ำตาลอาจจะต้องเจ็บปวดกับคำพูดของบุ้ง  แต่บุ้งต้องต้องทำจริงๆ  เธอหยิบกระดาษทิชชูให้น้ำตาลอีกครั้ง  หวังว่าคราวนี้จะทิ้งลงถังขยะนะ

   “ร้องไปเถอะ  ร้องดังๆ  ร้องให้มันจบๆ ไป”  บุ้งเดินไปปิดหน้าต่าง  เปิดแอร์  เพื่อนจะได้ร้องให้แบบเย็นสบายหน่อย  ก่อนย้ายร่างท้วมมานั่งที่เดิมพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

   Rrrr…Rrrr

   บุ้งเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาดู  “ต้นน้ำว่ะ”

   “แกอย่ารับนะ”

   ช่วยไม่ได้  น้ำตาลบอกช้าเกินไป  มือบุ้งกดรับสายไปเสียแล้ว  “ฮัลโหล”

   [บุ้ง  น้ำตาลอยู่กับบุ้งไหม?]

   บุ้งมองหน้าน้ำตาลที่ส่ายหัวดิก  ไม่ยอมให้เพื่อนบอกว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

   “อ่อ  น้ำตาลมันไม่ให้บอกว่ามันอยู่ที่นี่”

   อีบุ้ง! เลวววว!  น้ำตาลเขวี้ยงกระดาษทิชชูลงข้างๆ ถังขยะที่บุ้งเตรียมไว้ให้อย่างตั้งใจ 

   บุ้งจิ๊ปากไม่สบอารมณ์  อะไรที่มันไม่อยู่ในที่ในทางของมันมักจะทำให้เธอรำคาญใจเสมอ  เปิดสปีกเกอร์เลยละกัน  ยาแรงอย่างเดียวไม่พอ  ถึกและทน  มโนเป็นเลิศอย่างน้ำตาลคงต้องจับเข้าห้องผ่าตัดแล้ว

   [อ่อ เออ...ดีแล้ว  เราเป็นห่วง]

   “มันบอกว่ามันอกหักจากน้ำ”  บุ้งพูดต่อ

   ต้นน้ำเงียบไปอยู่นานถึงได้ตอบกลับมาอีกครั้ง [ อืม ]

   แค่นี้เหรอ? ...ไม่ได้นะ  นี่ห้องผ่าตัดโรคหัวใจ  มันต้องเยอะกว่านี้สิ  เดี๋ยวคนไข้ไม่หาย เป็นมานานแล้วด้วย “แล้วน้ำไม่ได้รักน้ำตาลเหรอ?”

   [ รักสิ  เรารักน้ำตาลนะ...แต่มันคงไม่ใช่ความรักในแบบที่น้ำตาลอยากได้]

   “แล้วทำไมไม่พูดตรงๆ  ทั้งที่น้ำก็น่าจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าน้ำตาลคิดกับน้ำยังไง?”  บุ้งพูดเสียงแข็งใส่  ส่วนหนึ่งตั้งใจขู่ต้นน้ำ  อีกส่วนมาจากความขุ่นเคืองที่ต้นน้ำไม่ยอมพูดอะไรให้ชัดเจนสักที

   [เรา...เราไม่รู้จะบอกยังไง  เรากลัวน้ำตาลเสียใจ  ไม่อยากให้น้ำตาลร้องให้]

   “ถ้ากลัวเราจะเสียใจ  ทำไมไม่รักเรา  ทำไมไม่เลือกเรา  สุดท้ายเราก็ต้องเป็นคนที่ร้องให้อยู่ดีป่ะ”  ประโยคนี้บุ้งไม่ได้พูด  น้ำตาลโพล่งออกมาทั้งน้ำตา

   ต้นน้ำเงียบไปอีกครั้ง... [เราขอโทษ  น้ำตาลสำคัญกับเรามากนะ  เราเห็นน้ำตาลเป็นน้องสาว  เป็นคนในครอบครัวเรามาตลอด  แต่เราไม่ได้รักน้ำตาลแบบนั้น  เราขอโทษ  ขอโทษจริงๆ]

   น้ำตาลปล่อยโฮอีกครั้ง  ยังไม่ทันที่บุ้งจะยื่นกระดาษทิชชูให้  มือเล็กก็เอื้อมมาหยิบไปเอง 

   “อันนี้เราถามเอง  เราถามได้ไหม?”  บุ้งขออนุญาต  แผลเปิดแล้ว  ขอกรีดให้มันกว้างขึ้นอีกนิด

   [อืม]  ต้นน้ำอนุญาต  เขาอยากจะเคลียทุกอย่างให้น้ำตาลเข้าใจ 

   “ทำไมถึงไม่เลือกมันอ่ะ  มันดีกับน้ำมากนะ”

   [ เรา... ] ต้นน้ำสูดหายใจยาว [ เราอึดอัดถ้าต้องคบกันเป็นแฟน  น้ำตาลสำคัญกับเรามากจริงๆ  สำคัญจนเราไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย  เราใส่เสื้อที่น้ำตาลซื้อให้ทั้งที่เราไม่ชอบ...เพราะเรากลัวน้ำตาลเสียใจ  เราทำทุกอย่างที่น้ำตาลอยากให้ทำ...ทั้งที่เราไม่อยากทำ  เพราะว่าเราไม่อยากให้น้ำตาลเสียใจ ]

   ภาพเก่าๆ หมุนวนในหัวราวกับต้องการตอกย้ำความจริงในสิ่งที่ต้นน้ำพูด  น้ำตาลปล่อยให้น้ำตาไหลหยดออกมา

   [เราผิดเองที่ไม่เคยบอกน้ำตาล  เราขอโทษ] ต้นน้ำบอกขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  เป็นอีกครั้งที่เขากลัว...กลัวว่าจะเสียเพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันมานานกว่าครึ่งชีวิตไป  ไม่รู้ว่าขอโทษอีกกี่ครั้งถึงจะเพียงพอ  ไม่รู้ว่าจะต้องขอโทษอีกที่ครั้งถึงจะได้รับการอภัยกับการที่เขาทำน้ำตาลเสียใจครั้งนี้

   “น้ำไม่ต้องขอโทษหรอก” บุ้งรู้สึกสงสารคนทั้งคู่  ต่างฝ่ายต่างก็รักกัน  เพียงแค่เป็นความรักในรูปแบบที่แตกต่างกันไปเท่านั้นเอง  “น้ำไม่ได้ทำอะไรผิด” หากการที่เราไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของใครสักคนได้เป็นเรื่องผิด  คนหล่อคนสวยทุกคนบนโลกนี้สมควรเข้าคุก

   “พอเถอะ”  น้ำตาลตัดบทเสียงดัง  ต้นน้ำไม่ผิดที่ไม่รักเธอ  เธอผิดเองที่รักคนที่ไม่รักตัวเอง  เธอรู้ดี...แต่หัวใจกำลังจะรับไม่ไหวแล้ว “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว  เราไม่อยากฟัง”

   [เราเป็นห่วง]

   “ไม่ต้องมาห่วง  ถ้าไม่รักก็ไม่ต้องมาห่วง  ไม่ต้องมายุ่งกับเราอีก” อารมณ์พาลทำให้น้ำตาลระเบิดถ้อยคำที่เธอคิดว่าจะทำร้ายความรู้สึกของต้นน้ำได้ดีที่สุดออกไป

   เป็นอีกครั้งที่อีกฝ่ายเงียบไปนาน  นานจนน้ำตาลรู้สึกผิดที่พูดถ้อยคำตัดสัมพันธ์ร้ายกาจออกไป  แต่ทิฐิและความเจ็บช้ำเข้าครอบงำจนไม่อยากจะแก้ไขใดๆ 

   [งั้น...ตาลดูแลตัวเองดีๆ นะ] คำพูดกระท่อนกระแท่นถูกเอ่ยออกมาในที่สุดราวกับเจ้าตัวเองก็ไม่อยากที่จะพูดมันออกมา

   สัญญาณถูกตัดขาดด้วยมือของบุ้ง  คิ้วหนาขมวดมุ่น “สงสารต้นน้ำ”

   “สงสารทำไม  เพื่อนแกคือคนที่อกหักนะเว้ย” 

   “สงสารแกด้วย  แต่ที่สงสารมันก็เพราะว่ามันดีกับแกจริงๆ  ไปเรียนพิเศษก็ไปเป็นเพื่อนแก  แกอยากกินอะไรก็พาไปกิน  ตามใจแกสารพัด  มีเพื่อนคนไหนดูแลแกได้อย่างนี้บ้าง  ถ้ามันไม่เห็นแกเป็นคนสำคัญจริงๆ”  ในสายตาคนนอกอย่างบุ้ง  ต้นน้ำให้ความสำคัญกับน้ำตาลเสมอต้นเสมอปลาย  แต่ไม่เคยมีทีท่าในเชิงชู้สาวเลยสักนิด  ถ้าน้ำตาลไม่คิดล้ำเส้นก่อน  ต้นน้ำก็คงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับน้ำตาล 

   “ก็เพราะน้ำใจดียังไงล่ะ  เราถึงเป็นอย่างนี้ไง  ให้น้ำใจร้ายกับเราดีกว่า  เราจะได้ไม่ต้องรัก”

   ใครเจอคนแบบนี้  จะห้ามใจไม่ให้รัก...ก็คงยาก

   ความรักเป็นเรื่องน่าปวดหัวเสียจริง!
 
   “แกมันน่าสงสารจริงๆ ด้วย  ต้องอกหักเพราะผู้ชายไม่รัก  แถมยังต้องเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไปอีกคน  บอกตามตรง  เราเองก็ยังดูแลแกได้ไม่เท่าต้นน้ำ  แค่แกทิ้งกระดาษทิชชูเกลื่อนรอบห้องอย่างนี้ก็อยากเอาตีนฟาดแล้วเนี่ย  ร้องเสร็จแล้ว  อย่าลืมเก็บทิ้งให้ด้วยนะ  คาใจมาก”

   “อกหักอยู่  อยากได้คนเข้าข้างอ่ะ  อยากได้คนดูแล...เข้าใจไหม?”  ถ้าเป็นต้นน้ำ...จะต้องเข้าข้างเธอ  ต้องดูแลเธออย่างดีแน่  น้ำตาหยดใสๆ  ไหลลงมาอีกครั้ง  หยิบภาพที่เห็นมารีรันใหม่ในสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า  พาลเกลียดคนที่เป็นฝ่ายได้หัวใจอีกฝ่ายไปครอง  “ฮือ...นที...ไอ้เลว  ไอ้ชั่ว  ฮืออ” ไหนบอกว่าจะช่วยเราวะ  คาบไปกินเองเฉยเลย 

   บุ้งทำตาโต  เลิกคิ้วสูง  อกหักจากต้นน้ำ  แล้วไปด่านทีทำไม? 

   เจอที่บ้าน!!!  หรือว่า....?!?!? 

   ถึงเพื่อนจะร้องให้น้ำตาเช็ดหัวเข่า  แต่เธอฟินได้ไหม?





   ต้นน้ำไล่โทรหาเพื่อนน้ำตาลที่รู้จักอยู่หลายคน  จนมาพบว่าน้ำตาลอยู่กับบุ้งถึงได้คลายใจลง  โชคดีที่บุ้งยอมบอกว่าน้ำตาลอยู่ด้วย  ไม่งั้นเขาคงเป็นห่วงจนทำอะไรไม่ได้ 

   แต่ตอนนี้ก็ใช่ว่าเขาจะทำอะไรได้

   มือเรียววางโทรศัพท์ลงอย่างเหนื่อยล้า  สิ่งที่เขากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว  เขากลัว...ที่จะต้องเสียน้ำตาลไปหากเขาบอกปฏิเสธ  และ...เขาก็เสียน้ำตาลไปจริงๆ   คำพูดของน้ำตาลดังก้องราวกับถูกมีดกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 

   ทุกการกระทำของเขาดูไร้ค่า  แม้เขาจะทำดีกับน้ำตาลมามากเท่าไรก็ไม่มีความหมาย  มันช่วยชดเชยอะไรไม่ได้เลย 

   “กินข้าวเถอะ”  เสียงทุ้มดังมาจากทางด้านหลังฉุดต้นน้ำให้ออกจากความคิด 

   “ไม่กินอ่ะ  กินไม่ลง”   

   “เจอน้ำตาลหรือยัง?”  นทีถามเพราะเห็นต้นน้ำไล่โทรศัพท์หาเพื่อนน้ำตาลมานานแล้ว  เขาให้แม่บ้านออกไปซื้อข้าวกลับมา  ต้นน้ำก็ยังคุยโทรศัพท์อยู่ที่โซฟาเหมือนเดิม

   “เจอแล้ว”

   “แล้วเป็นอะไร?”

   “อกหัก”  ต้นน้ำตอบเสียงแผ่ว  เขาคิดแบบนี้จริงๆ  ทุกความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง  คือการอกหัก  เขาอยากเป็นเพื่อนกับน้ำตาล  แต่น้ำตาลไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอีกต่อไปแล้ว  ก็คืออกหัก 

   และคนที่ทำให้เขาอกหักเป็นคนแรกก็คือ...พ่อของเขาเอง!

   เขารู้ว่าว่าพ่อรัก...ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนเกลียดลูก  แต่นั่นเป็นความ ‘รู้’ ไม่ใช่ความ ‘รู้สึก’

   ลูก...สำคัญที่สุด  แต่ในวันที่เขาขอร้องให้พ่ออยู่  พ่อกลับเลือกเดินจากไป  เขาได้แต่ยืนมองด้านหลังของพ่อ  รอแล้วก็...รอ  ความรู้สึกของเขาคือ  เขาถูกพ่อทอดทิ้ง  เขาไม่ได้รับความสำคัญมากไปกว่าผู้หญิงอีกคนหนึ่งของพ่อ  เขาอยากเป็นคนสำคัญที่สุด  แต่...เขาเป็นไม่ได้

   เขาอกหัก!  อาการใจสลาย...บางทีมันก็ไม่ได้มาในทีเดียว  มันค่อยๆ กัดกร่อนไปทีละเล็กทีละน้อย  จนทุกอย่างจางหาย  ไร้ค่าเหมือนฝุ่นผง

   นที “......” 

   ร่างสูงทรุดนั่งตรงโซฟาข้างๆ ต้นน้ำ  มือใหญ่โอบรอบลำตัวเข้าไปไว้ในวงแขน  หากต้นน้ำขืนตัวไว้  “นั่งดีๆ สิ  เดี๋ยวดามให้”

   ต้นน้ำ “...!?!...”

   “ก็อกหักไม่ใช่เหรอ?  เดี๋ยวช่วยดามให้”  นทีไม่ฝืนรั้งตัวคนด้านข้างแล้ว  เขาเท้าศอกลงกับเข่าแล้วมองคนหน้าม่อยแทน  สงสารตากลมๆ ที่หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด 

   ต้นน้ำก็มองนทีกลับ  เขาเห็นความเป็นห่วงในดวงตาคู่นั้น  บางที...สิ่งที่เกิดขึ้นก็อาจแย่  แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไรถ้ามีคนๆ หนึ่งคอยอยู่ข้างๆ

   “ดามยังไง?”

   “ไปกินข้าว  ซื้อข้าวมันไก่มาให้”

   “กินข้าว...แล้วจะหายอกหักเหรอ?”

   “ไม่หาย!  แต่ไม่กินก็ไม่หายเหมือนกัน  ไหนๆ ก็อกหักแล้ว  ก็อกหักแบบท้องอิ่มแล้วกัน  อย่าให้มันรันทดถึงขนาดอกหักไปด้วย หิวไปด้วยเลย”

   “นายอยากกินข้าวมันไก่เหรอ?”

   “ไม่  ซื้อมาเอาใจคนอกหักเฉยๆ” 

   ต้นน้ำ  “.....”  เขารู้ว่านทีเบื่อข้าวมันไก่ไปแล้ว  ถึงเขาจะยังชอบกินอยู่  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้คนอื่นต้องกินบ่อยๆ ไปด้วย  คิดแล้วก็วนไปถึงเรื่องน้ำตาล...เขาทำอะไรหลายๆ อย่างที่น้ำตาลชอบ  ทั้งที่ตัวเองไม่ชอบ  แต่นทีกลับทำอะไรหลายๆ อย่าง  ที่เขาชอบ  แล้วนทีจะอึดอัดใจเหมือนที่เขาเคยเป็นหรือเปล่า?

   นทีลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยไม่ลืมลากคนหน้าม่อยให้ลุกขึ้นตามไปด้วย  “ไม่ต้องห่วง  ของเราเป็นข้าวหมูกรอบ”

   ต้นน้ำยอมให้มือใหญ่จับจูงไปที่โต๊ะอาหาร  บนโต๊ะมีข้าวมันไก่ที่แบ่งเนื้อไก่ใส่จานไว้แล้ว  เคียงข้างกับหมูกรอบจานใหญ่ 

   เขามีความสุขที่ได้อยู่กับนที  รู้สึกสบายใจ  ไม่ต้องฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ  เขาได้กินข้าวมันไก่  ในขณะที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่านทีจะไม่ชอบ 

   เวลานี้ต้นน้ำนั่งกระดิกเท้า  รอคนตัวสูงตักข้าวให้

   “เอาข้าวสวยหรือข้าวมัน”

   “ข้าวมัน”  ต้นน้ำตอบโดยไม่ต้องคิด

   ถ้าต้องตอบถาม ‘เป็นแฟนกันไหม?’ ของนที  คำตอบเจ็ดในสิบ ณ เวลาปัจจุบันคือ...ตกลง!





   ต้นน้ำนอนไม่หลับ  เขากินข้าวน้อยลงไปครึ่งจาน  วันนี้ทั้งวัน...เขาทำตัวเหมือนลูกนกกระจอกที่มีแม่นกอย่างนทีคอยหาอาหารมาป้อน  เขาหลบขึ้นมาวาดรูป  วาดไปเรื่อยๆ  มีงานที่ต้องทำส่งป้าเล็ก  แต่สติและสมาธิไม่มากพอที่จะทำงานตามคำสั่งคนอื่นได้  เขาได้แต่วาดเรื่อยเปื่อยตามอารมณ์จนนทีเรียกให้ลงไปกินข้าวเย็น  เขาก็ลงไป 

   นทีออกไปซื้อของตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  หอบรองพื้นหลายสีมาให้เขาเลือกเพื่อปกปิดรอยสีแดงที่คอ  ผ่านไปเกือบวันรอยจ้ำหดเล็กลงแต่สีกลับเด่นขึ้น  นทีพยายามอธิบายการใช้รองพื้นที่ฟังมาจากพนักงานขายให้เขาฟัง  แต่เขาก็ยังงงอยู่ดี  จะไม่ให้งงได้ยังไง?  ในเมื่อคนอธิบายก็ยังดูงงๆ อยู่เหมือนกัน แต่เขาก็พอจับใจความได้ว่าต้องเลือกสีที่ตรงกับผิวจริงให้มากที่สุด  ห้ามทาปาด  แต่ต้องใช้นิ้วแตะๆ ตบๆ แทน 

   กลับขึ้นมาอาบน้ำ  ตั้งใจจะนอน  แต่คนเราก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำตามที่ตั้งไว้สำเร็จ 

   ครุ่นคิดจนอารมณ์พังได้ที่  มือเขาก็รวบคว้าผ้าห่มเดินออกไปสู่ประตูที่ไม่ได้ล็อค

   “เขยิบไปสิ  อย่ามาแกล้งหลับ”  ต้นน้ำเบียดตัวเองดันคนที่นอนกลางเตียงให้เลื่อนตัวไปยังอีกฝั่ง   

   นทีแสร้งอิดออดเล็กน้อยก่อนเขยิบให้  “รู้ทันอีก  ก็กลัวนายจะอายแล้วหนีกลับ”

   “แสงมือถือนายมันลอดออกมาจากผ้าห่มนะ”  ที่จริงก็อาย  แต่ไม่อยากนอนพลิกไปพลิกมาคนเดียวมากกว่า 

   “อ้าว  นึกว่าปิดแล้ว”  นทีหยิบมือถือมานอนเล่นอีกครั้ง  “แสงแยงตาหรือเปล่า?” 

   “ไม่”  ต้นน้ำนอนตะแคงดูคนที่เล่นโทรศัพท์อยู่ “ระวังมันตกใส่หน้า”

   “เคย?”

   “อืม  สันดั้งเลย  โคตรเจ็บ”

   “ฮ่า  ของเราปลายดั้ง น้ำตาไหล”

   เสียงหัวเราะเบาๆ ประสานกันในความมืด 

   “ไอ้ปาล์มแม่ง...สารเลว  ดูสิ...พี่สาวมันซื้อลูกหมามาใหม่  มันจับหมาเขามาวาดคิ้ว”  นทียื่นโทรศัพท์ให้ต้นน้ำดูรูปหมาน้อยพันธ์บีเกิลที่มีคิ้วโก่งสวย  พร้อมแคปชั่น...  เพราะคิ้วคือมงกุฎของใบหน้า พี่ปริมเห็นก็กรี๊ดดังเลย  หนูสวยชิมิคร๊า

   “เออ  คิ้วตกไปหน่อย  หน้ามันเลยดูเศร้า  ถ้ามันวาดให้หางชี้ขึ้นอักนิด  หน้าหมามันจะดูร่าเริงขึ้นทันที”  ต้นน้ำออกความเห็น

   “มันไม่ได้เรียนวาดรูปเหมือนนายนี่  แค่มันวาดคิ้วเท่ากันก็เก่งแล้วนะ”

   เพียงเท่านั้น  สายตาสองคู่ก็จ้องมองรูปหมาน้อยอย่างละเอียดอีกครั้ง 

   “ไม่เท่ากันว่ะ”

   “ทั้งองศาและขนาด”

   “สมควรแล้วที่พี่มันจะกรี๊ด”

   อยู่กับนทีโคตรสบาย  มันเป็นความสบายแบบโล่งๆ  สบายตัว  สบายใจ  เหมือนไม่มีอะไรให้ต้องคิดในหัวเลย  เพลินไปเรื่อยๆ  ปล่อยเวลาให้ไหลไปทุกนาที

   เขาเคยคิดที่จะเป็นแฟนกับน้ำตาล  ตอบแทนความรักท่วมท้นที่น้ำตาลมีให้  แต่เขาไม่รู้สึกสบายตัวเหมือนตอนนี้  เหมือนมีแรงกดทับทำให้อึดอัดและคับแคบไปเสียหมด  แต่ตอนนั้นน้ำตาลไปควงพี่แทนนายแบบมาลองใจเขาเสียก่อน 

   “อยู่กับนายแล้วเราต้องสบายจนเคยตัวแน่ๆ”

   ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้นอยู่แล้ว!  “ก็ดีแล้วนี่”

   “แล้วนายไม่อึดอัดเหรอที่ต้องทำอะไรตามใจเรา”

   “ไม่นี่”

   “.....” 

   “ถ้าเป็นนาย  นายจะอึดอัดไหม?”  นทีหันมาถามต้นน้ำบ้าง

   ต้นน้ำคิดนิดเดียวก่อนตอบ “ไม่”

   “เพราะเราเหมือนกันไง” 

   ต้นน้ำคิดอีกครั้ง  “เหมือนตรงไหนวะ?” เขากับนทีไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง  บุคลิก  ลักษณะ  ท่าทางหรือการแต่งตัว  ไม่มีอะไรเหมือนสักนิด 

   เขาชอบศิลปะ  ทุกอย่างยืดหยุ่นได้

   นทีชอบคำนวณ  ความคิดเป็นตรรกะ

   อะไรคือความเหมือน?

   “เหมือนตรงที่...เราชอบนายแบบที่นายเป็น  นายก็ชอบเราแบบที่เราเป็น  ไม่ต้องบังคับให้อีกฝ่ายต้องเป็นในแบบที่เราชอบ  เราก็เลยไม่อึดอัด”

   นี่ไง?  แค่คำพูดก็มีตรรกะสามชั้นให้ครุ่นคิดแล้ว  เป็นตรรกะที่สรุปออกมาแล้วชวนให้เขินอายเสียจริง

   “เคยพูดว่าชอบเหรอ?  เมื่อไร?  ที่ไหน?  จำไม่เห็นได้”

   “ภาษามันมีแต่ภาษาพูดที่ไหนล่ะ  ภาษากายก็บอกได้”  นทีชี้ที่คอตัวเอง  “ที่นี่  เมื่อคืนนี้ไง”

   อ๊ากกกก...เขาเก็บผ้าห่มหนีกลับห้องทันไหม? 




   ต้นน้ำใช้ชีวิตผ่านช่วงเช้าจันทร์มาด้วยดี  ยังไม่มีเพื่อนคนไหนใครเรื่องรอยแดงใดๆ  ต้องขอบคุณรองพื้นกันน้ำกันเหงื่อติดทนราวโบกปูนนานแปดชั่วโมง  รวมกับความรู้พื้นฐานในการผสมสีแล้ว  ผลคือ...รองพื้นเขาเนียนกริ๊บ  แยกไม่ออกว่าเป็นผิวจริงหรือรองพื้นมา  นวัตกรรมของผู้หญิงช่างล้ำเลิศจนน่ากลัว  ที่เหลือก็ได้แต่หวังว่าจะไม่หลุดลอกไปเสียก่อนเวลาเลิกเรียนตามคำโฆษณา 

   ต้นน้ำเห็นผิวเนียนๆ ของเอื้องฟ้าแล้วก็สงสัยว่านี้ผิวจริงหรือโบกรองพื้นมา  นิ้วเรียวเผลอเอื้อมไปปาดแก้มนวลของเอื้องฟ้ามาดู  ไม่มีคราบรองพื้นติดออกมา

   “เชี่ย  มึงทำอะไรเนี่ยไอ้น้ำ” เอื้องฟ้าเอามือกุมแก้มมองต้นน้ำด้วยสายตาหวาดกลัวเหมือนลูกแมวน้อยที่ปกป้องตัวเองไม่ได้  ลืมตัวตนไฮยีน่าของตัวเองหมดสิ้น

   “โทษๆ โทษที  กูแค่จะดูว่ามึงใช้รองพื้นไหม?”

   นทีที่นั่งข้างๆ หัวเราะ  เขาเข้าใจดีว่าต้นน้ำกำลังทึ่งกับไฮเทคโนโลยีของรองพื้นเหมือนที่เขาตะลึงมาแล้วเมื่อวานตอนที่พนักงานเทสต์ให้ดู

   “ใช้โว้ย  แต่เป็นแบบน้ำ  มันเลยดูไม่ออก  ว่าแต่...นี่อะไรวะ?”  เอื้องฟ้าเอื้อมมือมาจับมือต้นน้ำไปดูรูปหัวใจบนฝ่ามือที่แม้จะจางลงแล้วแต่ก็ยังเห็นชัดอยู่ “มึงมีปานรูปหัวใจตั้งแต่เมื่อไร?  เป็นเจ้าชายจากประเทศไหนที่โดนสับตัวมา?” 

   “เจ้าชายเหี้ยไรเล่า?  กูวาดเล่น”  ต้นน้ำสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของเอื้องฟ้า

   “ย่ะ” วาดเล่นก็วาดเล่น  เอื้องฟ้าทำหน้าเอือม  แต่คาดคั้นไปเพื่อนก็ไม่มีวันเผยความจริงออกมาหรอก   อย่าให้มีโอกาสอีกสักครั้ง  แม่จะแฉๆๆ

   “แต่เอาจริงๆ นะ  พล็อตหากันจนเจอเพราะปานรูปหัวใจนี่โคตรป่วย” น็อตบ่น  เขาเบื่อละครที่คุณย่าชอบดูมาก  ดูเป็นเพื่อนคุณย่ามาตั้งแต่เด็ก  พล็อตก็ยังเดิมๆ  จนเดาทางออก

   “อืม  กูมีปานที่เอว  แม่กูยังจำไม่ได้เลยว่ารูปอะไร  แม่ในละครนี่จำได้ได้ไงวะ?”  ต้นน้ำชื่นชมแม่ๆ ในละครกับการจำรูปร่างและตำแหน่งปานของลูกมาก  คุณฝนทิพย์นี่เลิกจำว่าเขามีปานรูปอะไร  อยู่ตรงไหน ตั้งแต่เขาอาบน้ำเองได้แล้ว 

   “รูปใบไม้ป่ะ?” นทีหันมาถามต้นน้ำ  เขาเคยคิดอยู่เหมือนกันว่ามันเป็นรูปอะไร?

   เกิดเดธแอร์ขึ้นกลางอากาศในกลุ่มเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ในกลุ่มโต๊ะเดียวกัน  ในความเงียบมีการสบตากันวิบวับไปมา  ลูกตาดำแต่ละคู่เคลื่อนไหวกลอกซ้ายไปขวากันรุนแรงโดยไม่มีการเคลื่อนไหวของใบหน้าให้เป็นที่ผิดสังเกตของคนที่กำลังคุยกันอยู่

   อะรุ่ม!  อรุ่มอรุ่ม!

   แต่มีคนสามคนที่ไม่รับรู้ถึงความผิดปกตินี้ 

   “ก็คล้ายใบไม้สุดแล้วอ่ะนะ  ขอลูกชิ้นอันนั้นได้ไหม?”  หนึ่งคือคนที่กำลังเล็งลูกชิ้นของนทีอยู่...เจ้าของปานรูปใบไม้ที่เอว

   และคนที่สอง...

   “ เอาไปสิ”  นทีเลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวไปใกล้ๆ เพื่อให้ต้นน้ำตักลูกชิ้นได้ถนัดยิ่งขึ้น 

   “เออ อร่อยว่ะ  คราวก่อนที่ซื้อไม่เห็นมีลูกชิ้นแบบนี้ให้เลย”

   “เขาให้เฉพาะคนหล่อ”

   ต้นน้ำแสยะยิ้ม  “หล่อจ้า  หล่อวัวตายควายล้มเลยจ้า” 

   นทีหัวเราะ  ดวงตายิบหยีทวีความหวานเข้าไปอีก   

   ส่วนคนที่สามนั้น...

   ต้นปาล์มคว้าส้อมมาจิ้มลูกชิ้นอีกลูกในชามไปกินพร้อมกับยักคิ้วให้  “ลูกสุดท้ายแฟนสวย”

   บรรยากาศกรุบๆ กริบๆ เริ่มคลายตัวลง  เม่นแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เริ่มแห้ง  หยิบน้ำมาดูดก่อนเอ่ยขัดจังหวะ  เขามีเรื่องจะคุยกับนทีอยู่แล้ว  แต่บรรยากาศฟรุ้งฟริ้งของเพื่อนทั้งสองคนทำให้เขาเกรงว่าจะมีคนอารมณ์เสีย โชคดีที่ได้ต้นปาล์มผู้ที่มีจังหวะนรกเป็นทุนเดิมขัดขึ้นเสียก่อน 

   “มึง  วันนี้ตอนเย็นต้องไปคุยเรื่องสัญญากับกูนะ” 

   “อืม  กี่โมงอ่ะ  ค่ำหน่อยได้ไหม?  วันนี้ต้องไปส่งดิวแล้วมาพร้อมน้ำด้วย”

   “ไม่เป็นไรๆ  เรากลับเองได้”  ต้นน้ำบอก

   “ไม่เอา  ไปส่งดิวแล้วไปด้วยกันไหม?”

   “มีงานป้าเล็กน่ะสิ  เมื่อวานไม่ได้วาดเลย”

   “งั้นนายเอารถไป  เดี๋ยวให้ไอ้น็อตไปส่งดิว  มึงไปส่งกูนะเม่น” 

   เม่นพยักหน้ารับ  แต่น็อตส่ายหน้าปฏิเสธ “วันนี้ไม่ได้ว่ะ  ป้ากูขึ้นมาจากใต้  กูต้องไปรับ” 

   “เดี๋ยวเราไปส่งดิวให้เอง  แป๊บเดียว...ไม่เสียเวลาหรอก”  ต้นน้ำเสนอตัว   

   ดังนั้นทุกคนจึงตกลงกันตามนี้ก่อนแยกย้ายกันไปตามหน้าที่ของตัวเอง 




---------- ต่อด้านล่าง -----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 10-01-2020 14:49:48


---------- ตอนที่ 24 ต่อ ------------



   ตัวคนน่ะแยกย้าย  แต่...

   องค์กรลับสุดๆ (6)

____________________________

Uangfah : พวกมึ๊งงงงง
The Khing : เออๆ กูรู้
Uangfah : มึงได้ยินเหมือนที่กูได้ยินใช่ไหม?
MyNameIsName : กูว่ามันดูปกติเกินไป
SuperMen : ไม่เจ็บ  ไม่ไข้  เดินก็ปกติมากเลย
Nott : มึงไม่เห็นสายตาไอ้นทีเหรอ @Riw มึงกะกุนั่งตรงข้ามพวกมัน
Riw : เห็น
Uangfah : ยังไงวะ? ทำไมรอดสายตากู
The Khing : ก็เรานั่งฝั่งเดียวกับพวกมัน แหม...นั่งกันนิ่งๆ ตาส่ายเป็นระวิงเลยเชียว
UangFah : โคตรฮา กูเกร็งหน้ามาก
riw : ก็ถ้าไอ้น้ำเป็นส้ม  ไอ้นทีก็ปอกเปลือกส้มด้วยสายตาได้อ่ะ
MyNameIsName : เชรดดดด เจ้าคารม
Nott : เหมือนสายตามึงตอนมองน้องขวัญเมื่อวันเสาร์ช่ะ
SuperMen : ไอ้ควัย  มันไม่ได้แค่มอง มันปอกเปลือกแล้ว
Riw : กูไม่ได้ปอก
SuperMen : อ้าว แล้วน้องเขาหายไปพร้อมมึงคืออะไร
Riw : @Khing
The Khing : (แนบสติ๊กเกอร์เขินอาย) คิกค้ากกก
Nott : คิกค้ากพ่อง โธ่! น้องขวัญของกู

.
.
.
.
.
18.17 น.
SuperMen : (แนบรูปนทีถอดเสื้อ  เผยให้เห็นรอยจูบสีชมพูอมม่วงตรงช่วงอก)
Uangfah : เชี่ย
The Khing : เชี่ย
MyNameIsName : เชี่ย
Nott : เชรดดด
Riw : มันยังไงๆ
SuperMen : มันอิดออดไม่ยอมถอดเสื้อตอนฟิตติ้งไง  แต่ขัดไม่ได้  พอถอดออกมา  พวกพี่ๆ สาวๆ แม่งหน้าแดงกันหมด 
The Khing : หุหุ เพื่อนเราก็เอาเรื่องอยู่นา
Uangfah : กุไม่ไหวแล้วมึง  เลือดกำเดากูไหลแล้ว งานดี
The Khing : เพื่อนไหม?
Riw : ผัวเพื่อนด้วย


โดยที่ไม่มีใครคาดคิด  เกิดเดธแอร์ขึ้นกลางแชท  ไม่มีการพิมพ์โต้ตอบอะไรกันทั้งสิ้น  ราวกับคลื่นลมอันแสนสงบ 
.
.
.
Nott : (แนบมีม...อยู่ภายในใจเป็นหมื่นล้านคำ)
SuperMen : ไอ้น้ำแม่ง...
MyNameIsName : มึงอย่าพูด กูฮึ่มฮั่มแล้ว
UangFah : คีสดีมั่ยดั้ยเรย
The Khing : เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว  ดีกว่ามันทะเลาะกัน
Riw : นี่มันก็ทะเลาะกันนะ กูว่าหนักอยู่ รอยเพียบเลย
SuperMen : ไร้สาระว่ะ กูไปดูไอ้นทีต่อละ
Nott : มึงอ่ะตัวดี คนเปิดเลยเหอะ
SuperMen : (แนบสติ๊กเกอร์บ๊ายบาย)






   “น้ำหิวป่ะ?”  ดิวถามเมื่อต้นน้ำขับรถมาจนถึงตลาดทางเข้าบ้าน  ถามเหมือนที่เขาเคยถามนทีทุกครั้งที่นทีมาส่ง 

   “หิวสิ  หิวมากด้วย”  ต้นน้ำตอบทั้งที่สายตาก็มองตลาดด้านหน้า

   “แวะกินก่อนไหม?”

   “ดี  กำลังจะชวน” ต้นน้ำตบไฟเลี้ยวขอทาง  เปลี่ยนเลนแทรกเข้าไปจอดริมฟุตบาธ

   “..... ”ดิวมองการกระทำของต้นน้ำแบบอึ้งๆ กับคำตอบตกลงแสนง่ายดาย  ต่างจากนทีที่ไม่ว่าเขาจะถามอีกกี่ครั้งก็ไม่เคยตอบตกลงเลยสักครั้ง

   “ดิวจะกินอะไรล่ะ? ที่นี่อะไรอร่อย?”  ต้นน้ำถาม  เขาเดินลงพยุงดิวที่ยังใช้ไม้ค้ำอยู่ 

   “เอ่อ  ข้าวคลุกกะปิร้านโน้นอร่อย  กินได้เปล่า?”

   “ได้  ไปสิ  ไม่ได้กินนานแล้ว” 

   ต้นน้ำพาดิวมานั่ง  เขาสั่งข้าวคลุกกะปิสองที่แล้วสั่งกลับบ้านสำหรับนทีอีกที่หนึ่ง

   “แล้ว...ไม่ต้องกลับไปกินกับนทีเหรอ?”

   “ไม่ต้อง  ก็ซื้อไปฝากแล้วไง”

   “เอาน้ำอะไร  เดี๋ยวเราไปซื้อให้”  ต้นน้ำหันมาถามดิวหลังจากที่สอดสายตาอ่านเมนูน้ำปั่นร้านข้างเสร็จ 

   “เอาชาเย็นแล้วกัน”

   “โอเค”  ต้นน้ำลุกเดินออกไปโดยมีสายตาของดิวมองตามหลัง

    นทีรีบกลับไปกินข้าวกับต้นน้ำทุกวัน  แต่ต้นน้ำกลับไม่กระตือรือร้นเลยสักนิด  หรือว่าเป็นนทีที่รู้สึกกับต้นน้ำฝ่ายเดียว 

   ต้นน้ำกลับมาอีกครั้งพร้อมกับชาเย็นและชาเขียวปั่นวิปครีมพูนแก้ว  ข้าวคลุกกะปิสองจานวางถูกเสริฟไว้พร้อมอยู่แล้ว

   “นทีอยู่บ้านเป็นยังไงเหรอ?”  ดิวพยายามชวนคุยเรื่องนที  ส่วนหนึ่งเพราะนทีเป็นจุดเชื่อมโยงเดียวของเขาและต้นน้ำ  อีกส่วนหนึ่งคือความอยากรู้ส่วนตัว

   “ทำไมมีแต่คนถามเราเรื่องนี้?”  เริ่มแรกสุดเลยก็เอื้องฟ้า  หลังจากนั้นก็เป็นเพื่อนในคณะที่เริ่มรู้ว่าแม่เขาแต่งงานกับป๊า

   “ก็นทีไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเอง”

   “ก็ยังไงดีอ่ะ  ก็เป็นคนธรรมดานี่แหละ  กินๆ นอนๆ”  ขออภัย! เขาไม่รู้จะตอบคำถามปลายเปิดแบบนี้ยังไงจริงๆ  “เล่นกับหมา เล่นเกมส์ อ่านหนังสือ ดูหนัง  ก็ประมาณนี้”  อ่ะ...เขาตอบให้อีกนิดหนึ่งก็ได้  แต่มากกว่านี้ก็ตอบไม่ถูกแล้ว

   “สองตัวที่ชอบอัพลงไอจีน่ะเหรอ?”

   “ใช่  เขารักของเขามาก  จูบซ้ายจูบขวา  ข้าวก็กินจานเดียวกัน”

   “ฮ่าๆๆ จริงดิ?”

   “ไม่จริงหรอก” ต้นน้ำหัวเราะ “ก็เป็นบางอย่าง  หมูปิ้งงี้  ไส้กรอกงี้  กินตัวเองคำ ป้อนหมาคำ” 

   “น่ารักว่ะ  ผิดกับที่มหา’เลย  ตอนที่เราเจอครั้งแรก  เราว่านทีหยิ่ง  ดูเลวด้วย”

   “เหมือนกัน  ตอนที่เราเจอครั้งแรก...”  ต้นน้ำทำท่าขนลุก  เขาไม่ได้เสแสร้งนะ...ขนลุกจริง  วันวนนักเลงไม่เหมาะกับเขาหรอก 

   “เป็นยังไงอ่ะ?  รู้จักกันก่อน  หรือว่ารู้จักกันเพราะพ่อแม่” 

   “รู้จักกันแบบเป็นทางการเพราะพ่อแม่  แต่ตอนเข้าปีหนึ่งเราก็รู้จักนทีมาก่อนแล้วว่าเป็นเดือนมหา’ลัย  คนดังนี่นะ”

   “แล้วเจอกันครั้งแรกเป็นยังไง?”

   “ก็...” ต้นน้ำทำหน้าสยอง “ เราจอดรถไว้แถวสวนวนศาสตร์ตอนรับน้อง  แล้วนทีก็ต่อยกับใครไม่รู้ข้างรถเราพอดี  เราก็เลยเข้าไปช่วย” พูดดีมากไอ้น้ำ  เหมือนเข้าไปช่วยตีกับเขา  แต่แท้ที่จริงแล้วเข้าไปช่วยเก็บซากเฉยๆ

   “อ่า น่าจะเป็นตอนนั้น  เราเอง...นทีช่วยเราไว้”

   ต้นน้ำตาโต “หืม?”

   “ตอนนั้น  กลุ่มนั้นมัน...” ดิวไม่อยากใช้คำว่าลวนลาม  เป็นผู้ชายแต่ถูกลวนลาม...มันดูแย่เกินไปสักหน่อย “...หาเรื่องเรา  แล้วนทีก็เลยช่วยเอาไว้  น็อตเป็นคนพาเราไปโรงพยาบาล”

   “อืม  เราสวนกับน็อตตอนเดินเข้าไปพอดี” เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  พระเอกช่วยนางเอกจากตัวร้าย  พล็อตน้ำเน่าสุด  เหอะ! 

   แล้วเขาเป็นใครวะ?  ผู้ช่วยพระเอกเหรอ?

   ดิวยิ้มขื่น  สาเหตุที่ทำให้ต้นน้ำและนทีเจอกันครั้งแรกก็คือตัวเขานี่เอง

   “แล้วมีเจอกันอีกไหม?”

   ต้นน้ำตักข้าวเข้าปากอย่างอารมณ์เสียเมื่อนึกถึงการเจอกันครั้งที่สอง  เสียงจูบกับลมหายใจแผ่วๆ ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนแล่นวาบเข้ามาในสมอง  ไอ้บ้านั่นกล้าเอาปากที่จูบผู้หญิงคนอื่นมาจูบเขา  แค่คิดก็รู้สึกร้อนระอุ  เหมือนร่างทั้งร่างถูกองค์ก๊อตซิลล่าเข้าสิง 

   ก้าซ...ก้าซ...อยากพ่นไฟเผาบ้านเผาเมืองทั้งหมดเสียจริง

   “ไม่มีแล้ว  ใครจะไปอยากเจอ  คนชื่อเสียงแบบนั้น” 

   ถ้าฟังไม่ผิด  ดิวคล้ายได้ยินเสียงกัดฟันกรอดเล็ดลอดออกมาจากปากต้นน้ำ 

   “แต่ที่จริงนทีเป็นคนดีนะ”  ทำไมต้นน้ำถึงต้องพูดถึงนทีในทางเสียหายแบบนั้น  หรือว่าไม่ได้ชอบนทีจริงๆ  นทีรักต้นน้ำข้างเดียวงั้นเหรอ?  แต่ก็ยังไม่ยอมตัดใจ  เขารู้ดีว่าการรักใครสักคนข้างเดียวมันทรมานแค่ไหน? 
   
   “เราชอบนทีตั้งแต่ตอนที่นทีช่วยเราแล้ว  ถ้าต้นน้ำไม่ได้คิดอะไรกับนทีแบบนั้น  เราขอนทีได้ไหม?”


---------- tbc ------------

มาแล้วคร่าาาา  รอนานไหม?

ไม่ได้รอ?

เอ๋????

ร้องห้ายยยแพรพ!!!
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 10-01-2020 15:28:58
น้องน้อยขอตรงๆ แมนๆ ต้นน้ำจะว่าไง
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 10-01-2020 16:12:06
กล้าหาญมาก... ปรบมือ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-01-2020 19:28:55
 :pig4: :pig4: :pig4:


โถๆๆๆๆๆๆ อิหนูดิว   ยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าต้นน้ำหน่ะชอบนทีเต็ม ๆ

อย่างว่าแหละนะ  ก็ความรักทำให้คนตาบอดนิ  ดิวเลยมองไม่ออกก็ไม่แปลกหรอก  หุหุ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-01-2020 21:42:54
หึๆ คิดเหรอว่าน้ำจะให้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-01-2020 22:23:57
เฮ้ย !!!!! .........   o22 :a5: :angry2:
ดิว ขอนทีจากต้นน้ำง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ   มันแปลกๆอยู่นะ :fire:
คิดอยู่ว่าเข้าทางดิว ที่ต้นน้ำเป็นคนไปส่งดิว  :เฮ้อ:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 11-01-2020 09:48:20
อุ้ย ต้นน้ำใจร่มๆ อย่าไปตอบอะไรให้นทีเสียใจอีกเลย
ฟิน ต้นน้ำ นทีมากจ้า :
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-01-2020 10:27:01
รอฟังคำตอบต้นน้ำ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-01-2020 14:47:09
อย่างนี้ต้องมีไฟต์​
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 24 ------ [10/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-01-2020 02:42:01
อย่าไปคิดแทนเขาสิดิวววววววววว
อะไรที่เห็นมันก็ไม่ใช่แบบนั้นแมะะะะะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 22-01-2020 12:09:27
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 25
ไม่อยากเป็นแฟน






   ช้อนในมือต้นน้ำสั่นระริก  เขวี้ยงเลยได้ไหม?  ต้นน้ำพยายามยกมุมปากขึ้นอย่างยากลำบาก  หน้ามันดูตึงๆ “ทำไมดิวถึงถามเราอย่างนี้ล่ะ?”

   “เพราะเราคิดว่านทีกับต้นน้ำสนิทกัน  แต่เราไม่แน่ใจว่าสนิทกันแบบไหน  ถ้าต้นน้ำกับนทีไม่ได้คบกัน...แบบนั้น  เราก็อยากจะเป็นคนดูแลนทีเอง”

   “เราว่าดิวไปคุยกับนทีเองจะดีกว่า  อำนาจการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่เรา  มันเป็นเรื่องของนทีกับดิว  เราคงตัดสินใจแทนใครไม่ได้”  ต้นน้ำวางช้อนส้อมลง  ใช้มือข้างหนึ่งเท้าที่คาง  ข้างที่มีหัวใจดวงหนึ่งวาดไว้ตรงฝ่ามือ 

   “เรายังไม่เคยบอกนทีตรงๆ  แต่ก็ว่าจะคุยแหละ  เราไม่ได้หวังว่านทีจะตอบรับความรู้สึกเราหรอก  เราแค่อยากยืนข้างๆ  อยากดูแลในวันที่นทีไม่มีใครเท่านั้นเอง”  ดิวก้มหน้าก้มตาพูดอธิบายความรู้สึกของตนเอง 

   ต้นน้ำได้แต่ภาวนาให้ดิวเงยหน้าขึ้นมา  ซึ่งไม่มีเสียงตอบรับจากพระเจ้า  ดิวยังคงมีก้มหน้าก้มตาพูดด้วยท่าทางลำบากใจ  ถ้าลำบากใจที่จะพูดออกมามากนัก  ก็หุบปากไปเลยก็ได้นะ

   ต้นน้ำปล่อยมือที่เท้าคางออกไปเชยคางดิวให้เงยหน้า  “ดิว   เงยหน้าหน่อย”

   พอดวงตาใสแจ๋วมองมาที่ตนแล้ว  ต้นน้ำก็ใช้มือ ‘ข้างที่มีหัวใจวาดไว้’ เกาที่หลังหูเบา ๆ “เราว่าดิวกำลังเข้าใจอะไรผิดๆ”  เขาย้ายมือกลับมาเท้าคางใหม่อีกครั้ง  “เราชอบนทีนะ”

   ดิว “......”

   “เราไม่ปฏิเสธหรอกว่าเราดูแลนทีไม่ดีเท่าไร  ดิวอาจจะดูแลนทีได้ดีกว่าเราก็ได้”

   “แล้วทำไมดูเหมือน...น้ำไม่ค่อยใส่ใจนทีเท่าไร  แล้วเมื่อกี้...ยังพูดว่า นทีเป็นคนนิสัยแบบนั้น”  มันเป็นคำพูดในทางลบไม่ใช่เหรอ?  ดิวเริ่มงงว่าสองคนนี้รักกันแบบไหน?

   “ทำไมล่ะ?  แล้วต้องแสดงออกยังไง?  ต้องชื่นชมตลอดเวลาเหรอ?  เราไม่รู้ว่าความรักของดิวเป็นยังไง  แต่ความรักของเราเป็นแบบนี้  คนเราร้อยพ่อพันแม่  ความรักก็มีร้อยแปดพันแบบ  จะให้เหมือนกันทุกคนก็น่าเบื่อแย่สิ”

   ต้นน้ำอธิบายไป  สะบัดมือไปจนเมื่อย  ไม่รู้ว่ารูปหัวใจตรงฝ่ามือจะเข้าตาอีกฝ่ายบ้างหรือยัง?  แต่เพื่อความแน่ใจ...เขาจึงสะบัดต่อ   ภาษากายของเขาวิบัติมาก  ตรงกับถ้อยคำที่สื่อออกไปหรือเปล่าก็ไม่รู้  รู้แต่ว่าดิวจะต้องเห็น ‘หัวใจ’ บนฝ่ามือเขาให้ได้  “แล้วมนุษย์เรานี่ก็แปลกนะ  ชอบให้ในสิ่งตัวเองทำได้  ให้ในสิ่งที่ตัวเองให้ได้  แต่ไม่เคยถามอีกฝ่ายเลยว่าเขาต้องการหรือเปล่า?  ดิวลองไปถามกับนทีเองก็แล้วกัน  ว่านทีอยากให้ดิวดูแลไหม?  อยากให้ดิวยืนข้างๆ เวลาที่ไม่มีใคร  หรืออยากยืนอยู่คนเดียวมากกว่า”

   หากเขาพูดมากกว่านี้เกรงว่าจะเป็นการชี้โพรงให้โจรมาขโมย ‘ของ’ ของเขาเสียเปล่าๆ  ต้นน้ำเลื่อนเก้าอี้ออก  “เราไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ  ดิวจ่ายให้ด้วย  เราไม่ได้เอากระเป๋าเงินลงมา”  เงินฟูเต็มกระเป๋าแต่เราจะไม่จ่าย  มีใครว่าอะไรไหม? 

   ต้นน้ำใช้น้ำลูบหน้าคลายความร้อนในหัว  ร้อนมาก...ร้อนรุ่มจนแทบจะเป็นบ้า  ดิวจริงใจกับความรู้สึกตัวเองอย่างที่เขาทำไม่ได้  อยากจะเกลียด...แต่ทำไม่ลง  ที่สำคัญ...ดิวรักนทีอย่างเปิดเผยจนเขารู้สึกพ่ายแพ้ 

   เขาอิจฉาดิว!

   เขาหึงนที!!!

   ความรู้สึกหึงหวงอัดแน่นจนแทบจะระเบิดเผาผลาญทุกอย่างเป็นจุล  ต้นน้ำวักน้ำล้างหน้าอีกครั้ง  รวมถึง...รองพื้นที่คอด้วย

   “ร้อนเนอะ”  ต้นน้ำกระพือเสื้อให้ลมเข้ามาในเสื้อขณะที่กลับมาที่โต๊ะ  มือขาวแหวกคอเสื้อด้านหลังให้กว้างขึ้นอีก “กลับกันเถอะ”  ร่างสูงโปร่งลุกขึ้นยืนแทบจะเกินความสูง  เพราะคอยืดมาก  ยังจะไม่เห็นอีกไหม?  ให้มันรู้กันไปสิ!

   ดิวถูกต้นน้ำประคองมาที่รถด้วยสีหน้าบอกไม่ถูก 

   พอขึ้นรถได้...รถก็ออกตัวเร็วตามแรงอารมณ์ของคนขับ  เมื่อวานนอนเป็นลูกนกกระจอก...ชีวิตช่างสโลไลฟ์  แต่มาวันนี้ชีวิตเขามีแต่ fast & furious เท่านั้น  ตีนจิกพื้น...หลังติดเบาะกันไป





   องค์กรลับสุดๆ (6)
__________________________________

19.42 น.

Riw : เมย์เดย์ เมย์เดย์
Riw : ต้นน้ำชวนกินเหล้าๆ :m29: :mc2:
Riw : เอายังไงๆ
The Khing : ไม่ว่างๆ
The khing : วันนี้จะแกะของขวัญ
Nott : ป้ากุมาไง  ไม่อยากออกตอนกลางคืน
Uangfah : กุเข้าบ้านแล้วอ่า 
MyNameIsName : ถามเมียแป๊บ
.
.
MyNameIsName : เมียว่าได้จ้า  แต่เมียไปด้วย
Super Men : ไม่อยาก แต่ดูทรงแล้วต้องไป 
Super Men : นทียังไม่เสรด  เจอกันที่ไหน กี่โมง 
Riw : นัดกันสามทุ่มที่บาร์เบลอ
Super Men : ไอ้น้ำมันเป็นไรเปล่าวะ?
Riw : ไม่รู้  เดี๋ยวค่อยถาม
Super Men : ดีๆ นะมึง  กูกลัว 
Riw : มันทะเลาะกันป่าวล่ะ
Super Men : ไม่นะ โทรศํพท์นทีอยู่กับกู  ไอ้น้ำไลน์มาถามว่าจะกินข้าวไหม? มันจะซื้อข้าวคลุกกะปิมาฝาก  แค่นั้น
Uangfah : มีความผัวเมีย
The Khing : งั้นกุไปด้วย
The khing : ไม่แกะแล้วของขวัญ 
Nott : ตาม
Uangfah : @MyNameIsName…อิเนม มารับกุด้วย ให้แป้งไป ผญ คนเดียว กุเป็นห่วง
MyNameIsName : @uangfah…ค่ะ กุเรียกเมียแป๊บ
Uangfah : เรียกมาทำไมคะ
MyNameIsName : เรียกมาดูคนตอแหลตรงนี้ค่ะ
Uangfah : งั้นเข้ามาใกล้ๆ ค่ะ มึงจะได้เห็นตีนคนตอแหลชัดๆ





   นทีออกมาจากสตูดิโอก็ต้องงงเมื่อเห็นเม่นนั่งรออยู่ด้วยชุดเต็มยศ  อาบน้ำใหม่กลิ่นหอมฉุย  เม่นโยนกระเป๋าที่นทีฝากไว้คืนเจ้าของ  แล้วยังยื่นเสื้อให้อีกตัวหนึ่ง “ไปมึง”

   “ไปไหน?”

   “ไปบาร์เบลอ”

   “เฮ้ย  เดี๋ยวกูกลับบ้าน”

   “กลับทำไม?  ไอ้น้ำก็อยู่บาร์เบลอ  ไปกินข้าวคลุกกะปิที่บาร์เบลอโน่น”

   นทีเดินตามเม่นมาขึ้นรถ  ถอดเสื้อนักศึกษาที่ใส่มาออก  เปลี่ยนเป็นเสื้อที่เม่นยื่นให้แทน  เม่นเหลือบมองแผ่นอกที่เดิมมีรอยแดงประปราย แต่ทีมงานลงรองพื้นกลบไว้อย่างแนบเนียน

   “เป็นไง?”
   
   “อะไร?”

   “มึง...กับไอ้น้ำ  คบกันแล้วเหรอ?”

   “หื้อ” นทีส่ายหน้า  “ยัง”

   “แล้วนั่นมันรอยอะไร?”

   นที “......”  ไม่มีเสียงตอบรับ  ใบหน้าหล่อเหลาเมินไปนอกหน้าต่าง

   “แล้วเป็นไงวะ?  ดีป่ะ?”  เม่นถามด้วยน้ำเสียงครึกครื้นสุดๆ 

   นทีเงียบไปนานจนเม่นแอบเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ความอมพะนำของเพื่อนคิดว่าจะไม่ตอบเสียแล้ว  สักพักเสียงทุ้มก็ดังขึ้น “โคตรดี”  นทีใช้ข้อศอกเท้ากับกระจกก่อนหันกลับมาย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มพราวไปทั้งหน้าทั้งตา “ดีมากกกกก” 

   พอได้รับคำตอบ  เม่นก็เบ้ปากหนักขึ้นไปอีก  รู้...ว่าความสุขมันล้นทะลัก  แต่ทำแบบนี้มันเหมือน...คนขี้อวด!!!






   ความขี้อวดของคนบางคนก็ต้องหยุดชะงักลง  เพราะโดนเบรกอย่างแรงเมื่อมาถึงร้านอาหารกึ่งผับแถวมหา’ลัยที่นัดกันไว้  นทีเห็นคนบนโซฟาตัวยาวนั่งหันหลังให้ก็เดินไปลูบศีรษะเบาๆ  แต่ต้นน้ำกลับเบี่ยงหลบพร้อมกับพยักเพยิดไล่ให้นทีไปหาที่นั่ง

   ริวที่นั่งคู่กับต้นน้ำเขยิบจะลุกให้นทีเข้ามานั่งกับต้นน้ำ  แต่มือขาวกลับคว้ารั้งเขาไว้ให้อยู่ก่อน  ริวกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างคนที่รู้ชะตากรรมของตัวเองดี  ไม่ว่าจะเรียกว่ากรรมการห้ามมวยหรือไม้กันหมา...ตำแหน่งไหนเขาก็ไม่ต้องการทั้งนั้น

   นทีเลิกคิ้วสูง  สาดใบหน้าหล่อเหลาที่มีคำว่า ‘ว๊อทททท...ว๊อท ดา ฟ้าค?’ แปะอยู่บนหน้าผากไปยังเพื่อนที่รายรอบตัว  ทุกคนพากันส่ายหน้าแทนคำตอบ

   “เกิดอะไรขึ้นวะ?”  นทีถามริวทันทีที่นั่งลง

   “กูก็ไม่รู้  อยู่ๆ มันก็ชวนมากินเหล้า  กูก็คิดว่ามันอาจจะมีเรื่องเครียดๆ  เลยมา”

   “มันโทรชวนมึงกี่โมง?”

   “ประมาณทุ่มครึ่งได้”

   นทีนิ่งคิด...เป็นเวลาที่น่าจะไปส่งดิวเสร็จพอดี “แล้วกินไปเยอะแล้วเหรอ?”

   “ก็...”  ริวมองขวดเหล้าที่พร่องไป  “พอกรึ่มๆ มั้ง” 

   ต้นน้ำคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนาน  มีคนเดียวที่ถูกเมิน  ก็คือคนขี้อวดเมื่อสักครู่นี้ 

   ขิงเห็นอาการผิดปกติของเพื่อนก็เริ่มสะกิดเอื้องฟ้า “กุสวดมนต์แล้วนะ”  อยู่แกะของขวัญก็ดีอยู่แล้ว  กูไม่น่าเสือกเลย

   “มึงจะสวดบทอะไร?” เอื้องฟ้าถาม

   “ชินบัญชร”

   “โอเค  งั้นกูสวดพาหุงฯ  ช่วยๆ กัน”  เอื้องฟ้าเหลือบมองแป้งและเนมที่กำลังคุยเรื่องเล่นกับต้นปาล์มและน็อตอย่างออกรสออกชาติอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะ  ฝั่งหนึ่งก็ชื่นมื่นเหลือเกิน  อีกฝั่งหนึ่งก็สุดแสนจะลุ้นระทึกใจ  เธอเลือกฝั่งผิดหรือเปล่านี่?

   ต้นน้ำเหล่ตามองนทีที่กำลังกินข้าวไปคุยกับเพื่อนไปพลางคว้าแก้วเหล้าขึ้นมาจิบอีกสักรอบ  เขาตั้งใจจะชวนริวมาหาอะไรกินนิดหน่อยแก้เซ็ง  แต่ไม่คิดเลยว่าเพื่อนจะฟอร์มทีมตัวจริงลงสนามครบเซ็ตแบบนี้  ทั้งกลุ่มเขาที่มากันครบ...และยังมีกลุ่มนทีแถมมาด้วยอีกทั้งกลุ่ม  ตั้งแต่เห็นน็อตกับปาล์มเดินเข้ามา  เขาก็พอจะเดาได้ว่านทีกับเม่นต้องตามมาด้วยแน่  เหนื่อยใจ...หลบยังไงก็หลบไม่พ้น

   นทีทยอยส่งสายตา  ส่งรอยยิ้ม  ไปให้คนที่นั่งอีกฝั่งของริว  แต่เหมือนอีกฝ่ายสายรับสัญญาณเสีย  ไม่ว่าเขาจะส่งสัญญาณอะไรไปให้ก็เมินทิ้งเสียหมด  ต้นน้ำพูดคุยกับทุกคน  ยกเว้น...คนพิเศษ

   หัวเน่าเป็นพิเศษ!

   เมื่อส่งสัญญาณให้ต้นน้ำไม่ได้  นทีก็ส่งสัญญาณให้ริวเป็นคนหลบไปแทน  ริวลุกพรวดโดยไม่รีรอ  เขารอจังหวะนี้อยู่แล้ว

   ต้นน้ำเห็นนทีเขยิบเข้ามาใกล้จากทางหางตา  ก็เมินไปมองทางอื่น

   “งอนอะไรเนี่ย?”

   “ไม่ได้งอน  ทำไมเราต้องงอนอะไรนายด้วยอ่ะ?”  ต้นน้ำหันมาตอบก็จริง  แต่ไม่มองหน้าคนถามสักนิด

   “แล้วทำไมไม่คุยกัน?”

   “ก็คุย  นี่ไม่เรียกว่าคุย?” 
   
   นที  “......”  ไม่มองหน้าคน...แต่มองแก้ว  คุยกับแก้วน้ำเหรอ? 

   “กุว่างอน”  ขิงกระซิบเอื้องฟ้า

   “กุก็ว่างั้น  เราเมากันไหมมึง?  ชิงเมาก่อน  เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ต้องรับรู้แล้ว”

   “กูก็อยากทำแบบนั้น  แต่ถ้ามันทะเลาะกันอีก  เราจะช่วยแก้ไขอะไรไม่ทันนะโว้ย  มึงกับกูได้ไปปรึกษาจิตแพทย์แน่”

   “เออ  งั้นฟังต่อ  ดูทิศทางลมก่อน”

   “แล้วเป็นอะไร?”  นทีเริ่มต้นบทสนทนาใหม่  พยายามทำตัวปกติ  ใจเย็นอย่างที่สุด  ตักกับข้าวเอาใจคนข้างตัว 

   “เป็นอะไรก็ได้  ที่ไม่ใช่เป็นแฟนกัน”

   นทีถือช้อนค้าง  กับข้าวที่ตักไว้หล่นแผละลงในจาน  อีกครั้งที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคำถาม  นี่เขากำลังถูกปฏิเสธอยู่ใช่ไหม? 

   ริวที่กลับมานั่งแทนที่นทีได้ยินที่ต้นน้ำตอบนทีพอดีชะงักก้นค้างกลางอากาศ  เอาล่ะเว้ย! กูเตรียมปวดหัวไว้เลย 

   เม่นที่นั่งถัดจากริวดึงให้ริวนั่งลงพลางกระซิบ “กูอยากถ่ายคลิปหน้าไอ้นทีไว้ฉิบหาย” หน้าหนุ่มหล่อสุดฮอตตอนโดนปฏิเสธนี่เหวอสุด  ช็อคตาตั้งไปเลย

   “กูว่าพวกมึงเตรียมตัวตายดีกว่า  หน้ามันตอนนี้พร้อมบวกมาก” 

   เม่นเหลือบมองนทีอีกครั้ง  เมื่อกี้นี้ยังเหวออยู่เลย  แต่ตอนนี้เหมือนมีไอทะมึนบินวนอยู่รอบตัว “มึงคอยดูมันด้วยนะ  อย่าให้มันลุกไปไหนคนเดียว  ไม่งั้นมันอาจจะลากตีนกลับมาฝากพวกเราได้” 

   ริวกุมขมับ  คว้าแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มย้อมใจ  อยู่กับต้นน้ำก็หม่นหมองจนจะเป็นประสาท  อยู่กับนทีก็อาจโดนตีนจนตายได้  ตอนที่อาม่าสอนให้เลือกคบเพื่อนก็น่าจะเชื่ออาม่าสักหน่อย

   “ไอ้นที  น้องโต๊ะโน้นขอเบอร์มึงแน่ะ” ต้นปาล์มที่เดินไปหาเสียงรอบร้านเพิ่งกลับมาตะโกนบอกเพราะนั่งคนละฝั่ง  คนที่ควรได้ยิน...ก็ได้ยิน  คนที่ไม่ควรได้ยิน...ก็ได้ยินเหมือนกัน

   เม่นกุมขมับตามริว  พลางยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มย้อมใจอย่างคนที่ยอมรับในชะตากรรมของตนเองแต่โดยดี 

   “หึ” ต้นน้ำส่งเสียงในลำคอ  มองนทีด้วยหางตา

   นทีตวัดสายตาปราดเดียว  ต้นปาล์มหุบปากฉับ “โอเค  กูไป...บอกน้องเอง  ว่ามึงไม่ให้”  เพื่อนอารมณ์ไม่ดีมาก  ไม่ดีสุดๆ ไปเลย

   “บอกน้องเขาไปด้วย  ว่า...กู มี แฟน แล้ว”

   “ใจเย็นนะเพื่อน  กูจะไปจัดการให้มึงบัดเดี๋ยวนี้ ”  ต้นปาล์มรับคำเสียงสั่น  ไม่เข้าใจว่า...แค่ผู้หญิงขอเบอร์  ทำไมเพื่อนต้องเกี้ยวกราดเบอร์นี้   ต้นปาล์มค่อยๆ ยืดตัวขึ้นแล้วลุกหายไปอย่างรวดเร็วราวสายลม

   ริวกับเม่นมองตามหลังร่างที่พุ่งปรู๊ดออกไปอย่างอิจฉา  อยากลุกไปบอกให้จังเลย  พวกเขาไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้  ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงช้อนกระแทกจานอย่างแรง  หันกลับไปดูอีกทีก็เห็นต้นน้ำกับนทีจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร 

   “กลับไปคุยกันที่บ้านเถอะ” เป็นนทีที่พูดขึ้นก่อน

   “ไม่  วันนี้ไม่กลับ จะนอนกับริว”  ต้นน้ำตอบเสียงแข็ง  เขาไม่อยากกลับไปกับนที  อยากอยู่ห่างๆ  อยากอยู่ไกลๆ 

   ริวเสียวสันหลังวาบ   นอนอยู่ดีๆ ความซวยก็มาเคาะประตูถึงหน้าห้องนอน  ไม่โดนตีนคนอื่นก็อาจจะโดนตีนเพื่อนตัวเอง  โชคดีที่นทีไม่หันหลังกลับมาสนใจเขา

   “กลับ!”  เสียงทุ้มเยียบเย็นหากอารมณ์ภายในเริ่มคุกรุ่น 

   “ไม่!!”

   สองคนยังเล่นเกมส์จ้องตากันอยู่  ในขณะที่คนอื่นในโต๊ะลุ้นใจหายใจคว่ำ  ไม่กล้าสอดแทรกแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ

   “อยากให้คนอื่นเขาลำบากใช่ป่ะ?” 

   “ใช่”  ฤทธิ์แอลกอฮอล์และความอยากเอาชนะทำให้ต้นน้ำไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน  เถียงตอบไปข้างๆ คูๆ  โดยไม่สนใจความรู้สึกใคร

   ช่วยถามเพื่อนด้วย  จะตอบอะไรก็ถามเพื่อนด้วยว่าพร้อมลำบากกับมึงไหมน้ำ?  ขิงอยากจะลุกจับคอเพื่อนเขย่าต้องมีผีบ้าสักตัวเข้าสิงต้นน้ำแน่ๆ  ต้องเขย่าให้ผีตัวนั้นหลุดออกไป

   นทีมองต้นน้ำด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก  หัวร้อนจนถึงจุดเดือด  มือใหญ่เอื้อมกุมใบหน้าเรียวโน้มเข้ามาใกล้  บดขยี้ริมฝีปากลงไปเต็มแรง 

   โกรธคนอื่นต้องต่อย  โกรธคนที่รักต้องจูบหรือเปล่าวะ? 

   ว๊อทททท  ดา  ฟ้าคคคคคค!!!  เพื่อนในโต๊ะช็อคไปแล้ว  เอื้องฟ้าแทบจะใช้สองมือทึ้งผมตัวเอง  ในขณะที่แป้งที่นั่งถัดจากเอื้องฟ้าใช้สองมือปิดปากร้องกรี๊ดเบาๆ  เมื่อเห็นคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริง

   เนมมองนทีด้วยสายตาชื่นชม  เวลาแป้งงอน...เขาจะยืมมุกนี้ไปใช้บ้าง  นที...มายไอดอล!

   “ทำเนียน  เหมือนเรียนมา”  เม่นพูดลอยๆ

   นทีคลายริมฝีปาก  แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่ประคองดวงหน้าใส“หายโกรธหรือยัง?”

   ต้นน้ำเม้มปาก  นัยน์ตากลมใสมองนทีด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย  จะบึ้งก็ไม่บึ้ง  จะยิ้มก็ยิ้มไม่ออก  อยากโกรธต่อมากๆ  แต่จะทำยังไงดี?  เมื่อกี้มันแบบ...แบบ...ฮือ   ฮึบไว้  ต้นน้ำฮึบไว้...ฮึบๆ  “......”

   “ยังไม่หายเหรอ?”  นทีทำท่าจะเข้ามาใหม่

   “หายแล้ว” 

   “หายแล้วก็กลับบ้านเถอะ  อยู่ตรงนี้อายคนอื่นเขานะ” 

   ต้นน้ำรู้สึกตัว  ตากลมค่อยๆ เหลือบมองเพื่อนแต่ละคน  เอื้องฟ้าเหมือนช็อคไปแล้วในขณะที่ขิงโบกมือพัลวัน  “กูไม่เห็น  กูไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น”

   แป้งโบกมือไล่ความร้อนบนใบหน้าพลางบอกเนม  “ชั้นร้อนจังเลยเธอ”  เนมรีบกุลีกุจอพัดวีศรีภรรยาโดยไม่สบตาต้นน้ำ โชคดีที่ต้นปาล์มยังไปปฏิเสธสาวให้นทียังไม่กลับ 

   น็อต เม่น ริว นั่งยิ้มกริ่ม “กูเห็นทุกอย่าง  มึงรีบกลับบ้านเลย  ก่อนที่กุจะล้อ” ริวว่าพลางยักคิ้วให้

   นทีล้วงกระเป๋าหยิบแบงค์พันสองใบส่งให้ริว  “กุฝากจ่ายด้วย  ไปละ”

   พูดจบก็ลากคนที่เมินหน้าหนีเพื่อนเดินออกไป





   ตลอดทางที่ขับรถกลับไม่มีใครพูดอะไร  ปล่อยให้อารมณ์และความคิดจมดิ่งในความเงียบ  แต่ทันทีที่ลงจากรถนทีก็กุมข้อมือต้นน้ำลากเข้าบ้าน  ต้นน้ำอยากสะบัดมือหนีเป็นสาวน้อยเหมือนนางเอกในนิยายทว่าจนใจ พระเอกกุมข้อมือเขาแน่นเชียว  นางเอกหนีไม่รอดยังไง...เขาก็ไม่รอดอย่างนั้น 

   “คุยกันก่อน”  นทีเปิดประเด็นเมื่อลากคนที่ยังไม่ยอมเปิดปากสักคำตั้งแต่ถูกจูบเข้ามาในห้อง

   ต้นน้ำมองเมิน  จะให้คุยอะไรล่ะ?  ก็คนมันงี่เง่าน่ะ...เข้าใจไหม?  ขอเวลากันบ้างสิ  เดี๋ยวอีกสักพักสติก็กลับมาเองแหละ  แต่ตอนนี้...มีแต่คนพาลเท่านั้นที่อยู่ในร่างเขา  “ไม่คุย  ไม่อยากคุย”

   “เป็นอะไรอ่ะน้ำ?  ถ้าน้ำไม่พูด  เราก็ไม่รู้นะ  แล้วเราจะช่วยแก้ปัญหาได้ยังไง?”

   นทีไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น  มีแต่เขาเท่านั้น...ที่มีปัญหา 

   นทีไม่ได้ทำอะไรผิด  นทีไม่ได้ไปยุ่งกับใคร 

   นทีไม่ได้ชอบดิว  ดิวชอบนทีฝ่ายเดียว  ทั้งสองคนเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน...ต้องมีเรื่องให้ติดต่อพูดคุยกัน

   นทีหน้าตาดี  นทีหล่อ  นทีเป็นคนดัง  ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีคนเข้าหา

   ต้นน้ำเข้าใจดี!...แต่ช่วยเข้าใจเขาด้วยได้ไหมว่า...บางทีคนเราก็รู้ทุกอย่าง  เข้าใจดีทุกอย่าง  แต่ก็ต้องใข้เวลา...ถึงจะยอมรับได้  โดยเฉพาะ...ตอนที่ความรู้สึกของเขามันแกว่งราวลูกตุ้ม  ช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าหรือหยุดอยู่ตรงนี้

   “ไม่บอกได้ไหมล่ะ?”  ต้นน้ำบอกเสียงแผ่ว  มันต้องอายขนาดไหนที่จะบอกนทีว่า...เขาหึง!  เสียอะไรก็เสียได้  แต่เสียหน้าไม่ได้!

   “บอกได้ไหมล่ะ?”  นทีทอดเสียงอ่อน “ดิวพูดอะไรหรือเปล่า?”  นทีคาดเดาเรื่องจากช่วงเวลาที่ต้นน้ำโทรชวนริวออกไป 

   “ไม่นี่  ดิวไม่ได้พูดอะไร” 

   “งั้นเราโทรถามดิวเอง”  นทีล้วงโทรศํพท์ออกมาตั้งท่าจะกด  ทว่ามือขาวคว้าจับเอาไว้ก่อน

   “อย่าโทรนะ  ดิวไม่ได้พูดอะไรจริงๆ”

   ตาคมหรี่มองอย่างคาดคั้น  ทำเอาคนโกหกอยู่ไม่สุข

   “ก็พูดนิดหน่อย”  ต้นน้ำหลบสายตา  แต่นทียังคงใช้สายตาคาดคั้นไม่หยุด  คั้นอะไรนักหนา  จะเหลวเป็นน้ำส้มแล้ว  สุดท้ายเขาก็ต้องยอมพูด  “ดิวบอกว่าชอบนาย”

   “แล้วทำไมต้องโกรธ?  เราไม่ได้ชอบดิวสักหน่อย”

   นั่นสิ...ทำไมวะ?

   ทำไม? ทำไม? ทำไม?

   ก็รู้อยู่ว่าทำไม?...แต่มันตอบไม่ได้ไง  เหมือนคำถามง่ายๆ เช่น  สองบวกสองได้เท่าไร?  แต่ห้ามตอบว่าสี่  พร้อมทั้งต้องยกเหตุผลที่ตอบแบบนั้นมาอธิบายให้ได้ด้วย

   ทำไมถึงโกรธ?

   ห้ามตอบว่า...หึง  จงอธิบายเหตุผล! 

   เวรเอ๊ย! จะให้คนไม่มีเหตุผลมาอธิบายเหตุผล  จะเอาที่ไหนมาอธิบายเล่า  ที่ทำลงไปทั้งหมด...นั่นคือพาลล้วนๆ จ้า

   “ก็...ไม่ได้โกรธนี่  ปล่อยให้มันผ่านไปได้ไหมล่ะ?” 

   “ไม่ได้  ถ้าไม่บอก...ก็ไม่ต้องนอนหรอก  นายเพิ่งปฏิเสธเราไปนะ  อย่างน้อย...เราควรได้รู้เหตุผลที่นายไม่เอาหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเจือแววตัดพ้อคนคนฟังสำนึกผิดแทบไม่ทัน

   ตาคู่สวยหลุบลง  เสมองไปทางอื่นก่อนตอบตามตรง “เรา...หึง”

   นทีอึ้งไปชั่วขณะ “หึง?  ไม่ยอมเป็นแฟนเรา...แต่บอกว่าหึงเราเหรอ?”  เดี๋ยวนะ...ไหนต้น  ไหนปลาย  ช่วยจับมาชนกันให้ดูหน่อยได้ไหม? 

   “อืม...ก็เราไม่อยากคบกับคนที่ทำให้เราหึงอ่ะ  มัน...โคตรแย่”  ความรู้สึกหึงหวงมันทรมาน  ร้อนรุ่มจนแผดเผาตัวเขาเอง

   “นายคิดอะไรอยู่วะ?  เราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ  สาบานได้ว่าเราไม่ได้คิดอะไรกับดิวเลย  เราดูเป็นคนที่เชื่อไม่ได้สำหรับนายเหรอ?”

   “เชื่อได้”

   “แต่นายไม่เชื่อ  เราเคยโกหกนายสักครั้งไหม?”  นทีพ้อ  เรียกร้องความยุติธรรมที่เขาไม่ได้รับ  ทั้งที่เขาให้ความสำคัญกับคนตรงหน้ามากกว่าใคร  ทั้งที่เขาทุ่มเทให้จนหมดหน้าตัก   

   ต้นน้ำส่ายหน้า...นทีไม่เคยโกหกเขา  มีแต่เขาที่โกหกนที  มีแต่เขา...ที่โกหกแม้กระทั่งตัวเอง

   “ขอโทษ”  ต้นน้ำบอกเสียงสั่น  กระบอกตาเริ่มร้อนผ่าว

   “ทั้งที่เรารักนาย  จริงใจกับนาย...แต่นายกลับปฏิเสธเราเพราะสิ่งที่เราไม่ได้ทำ  เหมือนสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด...มันไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับนาย”

   คลื่นอารมณ์กดดันหนักหน่วงจนยากจะต้านทานไว้ได้  “ก็นายหล่อไง  นายเป็นคนดังที่ใครๆ ก็อยากเข้าหา  นายเป็นคนดีที่ใครๆ ก็ชื่นชม  เราหวง...เราไม่อยากให้ใครเข้าใกล้นาย  แล้วความรู้สึกนี้มันก็...ทรมานจริงๆ”  ต้นน้ำพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บกักไว้ทั้งหมดออกมาพร้อมๆ กับน้ำตาเม็ดโตที่เก็บไว้ไม่อยู่อีกแล้ว  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาหวงแหนคนตรงหน้านี้แค่ไหน 

   หวงแหน...แต่ก็หวาดกลัวที่คว้าเอาไว้ 

   ถลำลึก...แต่ก็ไม่อาจถอยกลับมา


   แววตาของนทีอ่อนแสงลง  “นายคิดว่านายเป็นคนเดียวเหรอ?  นายรู้ไหมว่าเรารู้สึกยังไงตอนที่นายวิ่งตามน้ำตาลออกไป  นายแคร์ความรู้สึกน้ำตาล  นายให้ความสำคัญกับน้ำตาล  แล้วเราล่ะ...เคยสำคัญกับนายบ้างไหม?” 

   ดวงตาสองคู่จับจ้องกันด้วยความรู้สึกหลากหลายปนเป  ราวกับจะถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด   นทีก้าวเข้ามาหา  มือใหญ่กอบกุมคว้ามือของต้นน้ำขึ้นไปลูบไล้ใบหน้าของตัวเอง  “หน้าตาดีเหรอ?  ดังเหรอ?  นิสัยดีเหรอ?  มันจะมีประโยชน์อะไรถ้านายไม่ชอบมัน  มันจะมีประโยชน์อะไร...ถ้าไม่มีนายอยู่  เรามีทุกอย่างที่นายพูดมาก็แค่เพื่อ...ให้คนที่เรารัก...หันมามองเรา  และรักเรากลับบ้างเท่านั้นเอง  เราไม่ได้มีไว้เพื่อคนอื่น  มีไว้ให้นายเป็นเจ้าของ”

   ต้นน้ำไล่สายตาไปยังริมฝีปากหยักของนที  จมูกโด่ง  และดวงตาเฉี่ยวคมที่ฉายความรู้สึกออกมาอย่างไม่ปิดบัง...ทุกอย่างเป็นของเขา

   “เป็นของเรา...ทุกอย่าง?”

   “ใช่...ทุกอย่าง”  มือใหญ่ไล้ริมฝีปากอิ่มแล้วเลื่อนไปยังดวงตาที่มีหยดน้ำเกาะพราว “แล้วนายล่ะ  มีปากไว้ยิ้มให้ใคร?  มีตาคู่นี้ไว้มองใคร?” 

   นาย!  ต้นน้ำตอบได้ทันที 

   ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปาก  มีแต่ถ้อยคำผ่านดวงตาที่จับจ้องแค่เพียงใบหน้าหล่อเหลาเท่านั้น  ในดวงตาของต้นน้ำปรากฏเพียงใบหน้าของนทีคนเดียว

   มือใหญ่ไล้ไปทั่งดวงหน้าราวกับกำลังร่ายมนต์สะกด  “รอยยิ้มนายเป็นของเรา  ดวงตานายเป็นของเรา  ตัวนาย...ก็เป็นของเรา  ได้ไหม?”

   “อืม”  เสียงตอบแผ่วเบาแต่ดังก้องกังวานในใจของคนที่รอคอยมาตลอด   คุ้มค่าเหลือเกินที่ทุ่มเท  แบไต๋จนไม่เหลืออะไรที่เป็นของตัวเอง...แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามันมากกว่าที่ให้ไปตั้งไม่รู้กี่เท่า

   
----------  อ่านต่อด้านล่าง ---------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 22-01-2020 12:12:52


---------- ตอนที่ 25 ต่อ ----------


ราวกับมีแรงดึงดูดให้ร่างสองร่างเคลื่อนเข้าหากัน  รอยจูบแผ่วเบาเกลี่ยไล้ทั่วริมฝีปากและดวงหน้า  ก่อนวกกลับมาประทับที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง  หวานจนไม่อาจละออกมาได้  รสจูบร้อนเร่าและเรียกร้องตามแรงอารมณ์ที่ไต่ระดับขึ้นทุกที  สอดแทรกปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดพันพัว  ร่างหนาโอบดันคนในอ้อมแขนให้เคลื่อนไปที่เตียงนอนนุ่ม  มือใหญ่ล้วงลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียน  สัมผัสอุ่นชวนให้ร่างกายลอยล่อง  ทันทีที่นทีละริมฝีปากออก  เสื้อยืดสีขาวก็ถูกถอดออกทางศีรษะตามไปด้วย

   ร่างใหญ่ที่ค่อมอยู่ด้านบนประคองดวงหน้าแดงก่ำไว้ในมือ  ดวงตาฉ่ำน้ำปรือปรอยมองสบคนที่อยู่ด้านบน  ทรวงอกยังคงกระเพื่อมหอบเพราะคลื่นอารมณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อครู่นี้ 

   นทีพยายามปรับลมหายใจ  ปรับอารมณ์ให้คงที่  เขาหลงใหลใบหน้านี้  เรือนร่างนี้  คนๆ นี้จนแทบจะบ้าคลั่ง  อยากตะปบคั้นเค้นเนื้อขาวให้แหลกคามือ  แต่ความรู้สึกรักใคร่ก็คอยย้ำเตือนให้กดความปรารถนาส่วนลึกลงไปก่อนที่กลีบดอกไม้จะแหลกสลายจนไม่เหลือกลิ่นไว้ให้ดอมดม

   จูบต่อมาจึงหวานอ้อยอิ่งชวนให้เคลิบเคลิ้มคล้อยตาม  ลิ้นร้อนไล้เสียไปทั่วใบหูปลุกอารมณ์หวามให้ตื่นขึ้น  จมูกโด่งกดย้ำสูดกลิ่นที่ถวิลหาทุกค่ำคืนไปทั่วซอกคอขาว  ลมหายใจอุ่นร้อนเรียกความปรารถนาในทุกอณูที่ลากผ่าน  นิ้วชี้เรียวสะกิดยอดอกสีสวยพร้อมกับที่ส่งลิ้นเรียวหยอดล้อยอดอกอีกข้าง 

   “อื้ออ”  ต้นน้ำสั่นสะท้านจนต้องส่งเสียงครางออกมา  มือไม้เปะปะไปทั่วแผ่นหลังแกร่ง  ความรู้สึกอยากสัมผัสเนื้อแนบเนื้อพลุ่งพล่าน  เขาพยายามดึงเสื้อนทีออก  ซึ่งเจ้าตัวก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี  ยอมละลิ้นร้อนออกจากเม็ดขนมหวานที่กำลังละเลียดชิมอยู่ 

   นทีแลบลิ้นเลียปากอย่างเสียดาย  ก่อนดึงเสื้อยืดออกให้พ้นด้วยตัวเอง  อวดกล้ามเนื้อแน่นสมใจคนที่นอนมองอยู่ด้านล่างจนดวงตาทอประกายแวววาว 

   นทีโน้มตัวลงมาอีกครั้ง  มือใหญ่ปลดกระดุมกางเกงของคนใต้ร่างออกเพื่อที่จะได้รุกรานได้ถนัด  ไม่รู้ว่าคืนนี้ต้นน้ำจะเข้าใจตรงกันกับเขาหรือไม่ว่าการเป็นเจ้าของคืออะไร?  แต่สุดท้าย...เขาก็จะพาคนตรงหน้าให้เข้าใจตรงกันอยู่ดี 

   กางกางยีนส์และชั้นในตัวน้อยถูกรูดลงเบื้องล่าง  เผยส่วนอ่อนไหวที่ขยายตัวอยู่ภายในออกมา  นทีก้มจูบคนใต้ร่างในขณะที่มือใหญ่รูดสาวส่วนนั้นขึ้นลง 

   “อา...ซี๊ดด..” ต้นน้ำส่งเสียงครางขาดห้วงเหมือนใจจะขาด  บิดตัวพล่านเมื่อถูกปรนเปรอทั้งช่วงล่างและช่วงบน  นทีทั้งรุกทั้งเร้าพาเขาขึ้นสู่ที่สูงโดยไม่ปล่อยให้เว้นช่วง

   ร่างขาวหอบกระชั้นคล้ายจะถึงจุดที่สูงที่สุดอยู่รอมร่อ  แต่จู่ๆ  นทีก็หยุดชะงัก  เอื้อมคล้ายหยิบอะไรสักอย่างจากลิ้นชักหัวเตียง 

   ไม่อาจรั้งรอให้นานกว่านี้  นทีสอดแทรกลิ้นร้อนเรียกร้องความหวานจากโพรงปากนุ่ม  มือใหญ่เข้ากอบกุมรูดรั้งส่วนอ่อนไหวของต้นน้ำอีกครั้ง  ก่อนลากลิ้นไปทั่วทรวงอกขาวและหน้าท้องนวล

   ต้นน้ำสะดุ้งเฮือก  เมื่อรู้สึกได้ถึงความเย็นลื่นที่สัมผัสกับช่องทางด้านหลัง  นทีกดรอบโดยรอบก่อนส่งนิ้วเรียวยาวเข้ามา 

   “อื๊อออ” 

   “เจ็บไหม?”

   ต้นน้ำส่ายหน้า  ไม่เรียกว่าเจ็บ...แต่มันจุกๆ  เขาหลับตาปี๋พร้อมกับซุกหน้าเข้าหาอกแกร่งเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตนเอง 

   “เก่ง”  นทีชมให้กำลังใจ  ผลักคนที่ซุกอกออกแล้วจูบปลอบขวัญ  ก่อนส่งนิ้วที่สองเข้าไปนวดวนอยู่ภายใน  ริมฝีปากนุ่มข้าครอบครองยอดอกรสหวานอีกครั้ง  ปลายลิ้นตวัดเร็วจนคนใต้ร่างแอ่นอกรับความเสียวซ่านที่ได้รับ

   นทีส่งนิ้วที่สามเข้าไป

   “อื๊อออ..เจ็บ  เจ็บแล้ว”  มันแน่นไปหมด  แล้วเขาแน่ใจว่าของนทีใหญ่และยาวกว่าสามนิ้วที่สอดเข้ามาแน่  มันจะเข้ามาได้ยังไง?  ฮืออ..อ  “เราทำเหมือนเดิมก่อนไม่ได้เหรอ?”

   “ลองดูก่อน  ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็บอก”

   “ถ้าบอกให้หยุด  จะหยุดใช่ไหม?”

   “อืม  แต่ตอนนี้...ไม่เกร็งนะ”  เสียงทุ้มกระเส่าปลอบประโลม  ความคับแน่นในช่องทางที่โอบรัดนิ้วมือเขาดึงดูดจนเขาเองก็แทบทนไม่ไหว  อยากเข้าไปสัมผัสความนุ่มร้อนภายในเต็มที  ใกล้จะถึงจุดหมายแต่คนกลับงอแงเสียนี่ 

    “อ๊าา”  เรือนร่างเปลือยขาวสะท้านอีกครั้ง  ท้องน้อยหดเกร็งเมื่อนิ้วเรียวหมุนวนโดนจุดที่ทำให้เกิดความรู้สึกเสียวซ่าน

   “ตรงนี้เหรอ?” นทีสวนนิ้วเข้าออกกดย้ำตรงจุดที่ทำให้ร่างขาวบิดเร่าครวญครางก่อนถอนนิ้วออกไป 

   ความรู้สึกวาบโหวงชั่วขณะหนึ่งพอจะทำให้ต้นน้ำหายใจโล่งคอขึ้นมาบ้าง  แต่นทีก็ไม่ปล่อยให้เขาพักนานนัก  ร่างสูงก้มลงจูบเขาอีกครั้ง  ช่วงชิงลมหายใจที่เพิ่งได้กลับมาไปหมดสิ้นอีกครั้ง  แล้วส่งสิ่งที่ใหญ่กว่าเข้ามาเติมเต็มความวูบโหวงที่หายไป   

   ส่วนปลายอุ่นชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นหมุนวนอยู่ตรงปากทางเข้าได้สักพักก่อนเข้ามาทักทายกับความนุ่มนิ่มภายใน

   ไม่มีแม้แต่โอกาสทักท้วงเมื่อมือแกร่งประคองใบหน้าเขาให้แหงนเงยรับปลายลิ้นร้อนเวียนวน   ในขณะที่อีกมือหนึ่งก็ยัดเยียดส่วนปลายแข็งขืนของตนเข้าไปในร่างเขา 

   “งื้อออ”  ต้นน้ำประประท้วงเมื่อนทีปล่อยริมฝีปากเขาให้เป็นอิสระ  ไม่มีแม้แต่โอกาสจะบอกให้หยุด

    “เข้าไปแล้ว”  นทีกระซิบริมหู  ต้นน้ำเป็นของเขาแล้ว  และกำลังจะเป็นโดยสมบูรณ์

   ต้นน้ำน้ำตาคลอ  รู้สึกเหมือนโดนมัดมือชกส่วนหนึ่ง  ถึงจะเต็มใจเป็นส่วนใหญ่ก็เถอะ 

   นทีกดจูบลงอีกครั้ง  มือใหญ่ปลุกเร้าแกนกายของคนใต้ร่างพร้อมกับค่อยๆ ขยับตัวตนของตัวเองเข้าไปให้ลึกขึ้นอีกนิด  ทุกขั้นตอนเขาพยายามบอกตัวเองราวกับนกแก้วนกขุนทอง...นุ่มนวล...อ่อนโยน...ทะนุถนอม...ครั้งแรก...นุ่มนวล...อ่อนโยน...นุ่มนวล...

   “อ๊า...อื๊อ...หมดหรือยัง?”

   “อีกนิดเดียว”  นทีบอกเสียงพร่า  “น้ำผ่อนคลายหน่อย...มันแน่น...เดี๋ยวจะเจ็บ...ซี๊ดด”  เสียงคำรามต่ำพอใจกับความคับแน่นที่บีบรัดแกนกาย  นุ่มนวล...อ่อนโยน...

   ผ่อนคลายยังไง?  ใครก็ได้ช่วยบอกต้นน้ำที  เขากำลังจะเสียตัวครั้งแรก  มันต้องผ่อนคลายยังไง...หา?  น้ำตาที่คลออยู่เมื่อสักครู่นี้ไหลออกมาเป็นสาย  กลัวและกังวลในสิ่งที่ตนเองกำลังจะก้าวข้ามผ่านไป

   “พอก่อน  หยุดก่อน”  กายก็เจ็บ  ใจก็กลัว  ไม่เอาแล้ว 

   ทว่านทีกลับชันตัวขึ้น   จับเรียวขาขาวพาดบ่า  แหวกก้อนซาลาเปาสองลูกออกแล้วสวนแทรกนทีไม่น้อยเข้าไปให้ลึกอีก  เหลืออีกนิดเดียวต้นน้ำก็จะรับเขาไว้ได้ทั้งหมด  ...นุ่มนวล...อ่อนโยน

   “อึก”  ไอ้บ้า...แทงสวนเข้ามาได้  “เบาหน่อย”  ไหนบอกว่าหยุด  ก็จะหยุดไงวะ

   “เข้าไปหมดแล้ว” นทีนวดเค้นเรือนร่างขาวนุ่มอย่างโหยหา  จูบซ้ำไปมาจนคนที่ร้องขอให้หยุดไม่มีจังหวะที่จะพูดอีก กระแทกกายย้ำจุดกระสันให้คนใต้ร่างครวญครางขับกล่อม  ลุ่มหลงมัวเมาในรสรัก  ...นุ่มนวล...อ่อนโยน

   เรือนกายแกร่งสวนร่างเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้า  ตอกย้ำตรงจุดจนต้นน้ำเสียววาบไปทั่วท้องน้อย  ส่งเสียงครางขานรับทุกครั้งที่กายแกร่งกระแทกเข้ามา  หยุดไม่ได้แล้ว...อารมณ์ปรารถนาเบื้องลึกบงการให้ร่างกายเดินทางไปจนถึงปลายทางสุดท้ายเท่านั้น

     สายตาคมปลาบจับจ้องคนใต้ร่างทุกขณะ  แววตาร้อนแรงแทบจะแผดเผาต้นน้ำให้เป็นจุล

   ดวงตากลมใสฉ่ำน้ำมีแววเว้าวอนอย่างที่ไม่มีใครได้เห็น...มีแต่เขา

   สีหน้าทรมานไปด้วยไฟปรารถนาบนเตียงนอนยับยู่ยี่...เป็นของเขา 

   บนผิวขาวมีรอยแดงที่เกิดจากน้ำมือเขาประปรายราวกับเชิญชวน...เป็นของเขาทั้งหมด

   “น้ำ...อย่ายั่ว”นทีบอกเสียงพร่า ทั้งที่ยังคงสาวร่างไม่หยุด  ...นุ่มนวล

   “อ๊า...นที...” 

   แค่เสียงเรียกเท่านั้น  นทีก็โยนทุกคำที่ท่องมาออกจากหัว  ในสมองไม่มีอะไรเหลือนอกจากคิดจะย่ำยีเรือนร่างคน  เลือดลมสูบฉีดเร่งเร้า  สะโพกสอบขยับเร็วเร็วจนตัวคนโยกไหวตามแรงกระทั้น

   ความเสียดเสียวพุ่งทะยานจนมือเรียวจิกรั้งผ้าปูที่ไว้เพื่อระบายอารมณ์  ใบหน้าน้อยบิดส่ายไปมาอย่างยากที่จะทานทน

   “น้ำ...เรียกอีก...เรียกชื่ออีก”

   “นที...นที...จะเสร็จ...จะเสร็จแล้ว”  ต้นน้ำทนไม่ไหวเมื่อจุดกระสันถูกกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก  นวลมือเรียวไขว่คว้าหมายรูดรั้งแกนกลางของตัวเองเพื่อปลดปล่อย  เพียงแค่รวบกำไว้เบาๆ  ความเสียวซ่านก็ทะลักทะลายออกมาจนหมด

   นทีส่งเสียงคำรามต่ำ  เร่งขยับสะโพกสาวแกนกายเข้าออกกับบั้นท้ายขาวนวล  ช่องทางนุ่มกระตุกตอดบีบรัดตัวตนของเขาแน่น  ไม่นานนักกายแกร่งก็กระตุกพ่นน้ำอุ่นร้อนให้ช่องทางด้านหลังได้กลืนกิน

   นทีโน้มตัวลงไปกอดคนใต้ร่างที่ยังคงหายใจหอบ  ไม่ยอมถอนกายออกจากบั้นท้ายคนใต้ร่าง  ปรับลมหายใจได้สักพักถึงได้ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ

   ต้นน้ำหลับตาปี๋  เม้มปากแน่น  เมื่อสำนึกได้ถึงความเจ็บจากร่องรอยที่ถูกเสียดสีหนักหน่วงไปเมื่อสักครู่ 

   นทีกดจูบปลอบใจ  “ขอบคุณนะ”  เขาพรมจูบไปทั่วใบหน้านวลที่ยังคงแดงก่ำ   จมูกโด่งเป็นสันกดซุกไปทั่วลำคอ  พรมลมหายใจร้อนผ่าวลงไปอีกครั้ง  รสรักที่ได้รับเติมเต็มหัวใจที่ว่างโหวง 

   เขาและต้นน้ำเป็นของกันและกันโดยสมบูรณ์!! 


--------- tbc ---------

 :give2:

NC  ครั้งแรกของต้นน้ำ  และ ครั้งแรกของเราด้วยนะคะ

เขียนไปก็เขิ๊นเขิน   

อ่านแล้วเป็นยังไงบ้าง  บอกกันหน่อยน๊า
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-01-2020 15:51:04
หึงจนได้กัน... 55 รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 22-01-2020 20:49:02
 :pig4: :pig4: :pig4:


ดิว  แกทำดีมาก 

ทำให้สองคนนั้นฟิเชอริ่งกันจนได้  อิอิ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: cookie8009 ที่ 23-01-2020 00:20:23
ค้างสุด อะไรสุด
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 23-01-2020 00:26:13
ลงเอยกันจนได้ ลุ้นแล้วลุ้นอีก.   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-01-2020 03:42:04
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 23-01-2020 22:46:31
ในที่สุดนทีก็สมหวัง ดิวเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-01-2020 16:07:26
Oh.....God.......มันยอดดดดดด มากกกกกกกกก    :z3: :z1: :pighaun: :haun4:
สถานการณ์ที่โต๊ะเหล้า ก็สนุกมากกกกก 55555

นที ตอบเม่น..... “โคตรดี”  นที ย้ำอีกครั้งด้วยรอยยิ้มพราวไปทั้งหน้าทั้งตา “ดีมากกกกก”   
อะจ๊ากกกกก คนอ่านซาบซึ้งไปด้วยเลย  :impress2:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-01-2020 02:54:24
จะมีขอกันเป็นทางการมั้ยน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 25 ------ [22/01/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 03-03-2020 02:04:12
เมื่อไหร่จะมาต่ออ่ะ   :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 04-04-2020 19:20:10
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 26
คนขี้อวด






    ตึ๊ด...ตึ๊ด...ตึ๊ด...ตึ๊ด

   ริวคว้าโทรศัพท์มากดปิดเสียงเตือนปลุกก่อนซุกหน้าลงไปบนหมอนอีกครั้ง  หากภายในใจกลับพะวักพะวงคลับคล้ายคลับคลาเหมือนจะเห็นว่ามีแจ้งเตือนข้อความจากไลน์ส่งมา  เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกรอบ

   นที: ต้นน้ำป่วย ลาเรียนให้ด้วย   03.27 น.

   สงสัยว่าต้นน้ำคงจะป่วยหนักมาก  โทรมาเองก็ไม่ได้  ต้องให้นทีไลน์มาบอก  แต่สายตาดันเหลือบไปเห็นเวลาที่นทีส่งข้อความเข้ามา  ตีสาม!  ตีสามยังไม่หลับไม่นอน  แยกกันตอนเกือบเที่ยงคืนก็ยังไม่มีอาการอะไร  ตีสามดันไข้ขึ้นหนักถึงขั้นบอกได้ว่าจะขาดเรียนเลยเหรอวะ? 

   ป่วยการเมืองเห็นๆ  ป่วยการเมืองชัดๆ...เห็นชัดเลยว่ามันมีอะไรไม่ปกติ  ริวยิ้มร้ายก่อนแคปหน้าจอส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์ทิ้งไว้  แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป 

   องค์กรลับสุดๆ
__________________________________

Riw : [ แนบรูป ]
The Khing : มันไม่สบายเหรอวะ?
Uangfah : ก็ลาให้มันสิ

   ริวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความในแชทหลังจากอาบน้ำเสร็จ  ไม่มีใครสังเกตถึงความผิดปกติของช่วงเวลาบ้างเลยเหรอ?

Supermen : ไอ้เหี้ย 
Supermen : ของมึงยังดี  ของกูสิ  มันโทรมาตอนตีสาม  ให้กูไปรับดิวแทนมันด้วย  นี่กูต้องแหกขี้ตาตื่นไปรับดิวเนี่ย  วันนี้มีเรียนแปดโมงอีก
Riw : ตีสาม!!!!!!!!!!!!  กูให้มึงดูเวลา  ตีสามนะเว้ย
MyNameIsName : IG ด่วน!!!!!


   ริวรีบกดเข้าดูไอจี  รูปนทีที่ถ่ายแค่ช่วงหน้าโชว์หรา  มือของนทีกุมมือของใครอีกคนหนึ่งซึ่งมองไม่เห็นหน้าขึ้นมาบังครึ่งหน้า  พร้อมแคปชั่น...มีเจ้าของแล้ว ไม่ยุ่งนะ
   
   ชาวไอจีพากันโหมคอมเม้นท์ถามว่าบุคคลปริศนาเป็นใคร?  โดยมีรอยปากการูปหัวใจจางๆ ที่ฝ่ามือเป็นเงื่อนงำชิ้นเด็ด  ชื่อของต้นปาล์มคนดังแห่งโซเชียลเน็ตเวิร์กคือชื่อที่ถูกเรียกร้องให้มาช่วยตอบคำถามนี้มากที่สุด

   The Khing : โคตรเท่ 
   MyNameIsName : งานสายตาไอ้นทีไม่เคยธรรมดา
   Uangfah : กูอยากด้ายยยยยย
   Supermen : มีเจ้าของแล้วไหม?
   The Khing : เอ๊ะ
   Uangfah : [ แนบสติ๊กเกอร์...รูปหมีมีเครื่องหมายคำถาม ??? ]
   MyNameIsName : [ แนบสติ๊กเกอร์...เขิลลล ]
   Riw : พวกมึงควรเอ๊ะตั้งแต่เห็นไลน์ส่งมาตอนตีสามแล้ว
   The Khing : เห้  มึงฉลาดว่ะริว  ไอ้นทีมันคงคิดไม่ถึงว่ามึงจะเดาได้
   Supermen : มันคิดได้ มันตั้งใจอวดเหอะ


   ไอ้ขี้อวดเอ๊ย!  เม่นก่นด่าเพื่อนในใจ  นทีไม่น่าโง่ที่จะไม่รู้ว่าถ้าส่งข้อความไปให้ริวตอนกลางคืน...เสือร้ายอย่างริวริวมีเหรอ?...ที่จะจับเค้าลางอะไรไม่ได้  ถ้านทีต้องการปิดบังจริงๆ  ไม่มีทางที่จะทิ้งร่องรอยให้เพื่อนหรือคนอื่นๆ ตามสืบได้แน่  แต่นี่อะไร?...ทั้งส่งไลน์หาริวในเวลาผิดปกติ  ทั้งโทรหาเขา  แล้วยังลงรูปภาพบนไอจีอีก...ไม่ใช่อวดแล้วจะเป็นอะไรไปได้  หมอเม่นฟันธง!!!!

   เม่นวางโทรศัพท์มือถือลงแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้ดิวที่ยังใช้ไม้เท้าช่วยพยุงอยู่เมื่อเห็นดิวเดินมา
    
   “ทำไมวันนี้เป็นเม่นล่ะ?” ดิวถามเมื่อขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว

   “ไอ้นทีมีธุระ  เป็นหมาเฝ้าเจ้าของ”  เม่นตอบยิ้มๆ  แต่ดิวกลับหน้าหดลง  เขาเห็นไอจีนทีตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว  เห็น...แม้กระทั่งรอยปากการูปหัวใจในมือของ ‘เจ้าของ’ นทีด้วย  เป็นรูปเดียวกับที่เขาเห็นจากฝ่ามือของต้นน้ำเมื่อคืนนี้ 

   “สองคนนั้น...ตกลงคบกันแล้วเหรอ?”

   เม่นเหลือบสายตามองดิวอย่างลำบากใจ  ก่อนตอบรับ “อืม” 

   ดิวนั่งเงียบอย่างคนที่ใช้ความคิด  เขาควรทำตัวยังไงกับสถานการณ์นี้ดี  คนที่เขาแอบชอบ...มีเจ้าของเสียแล้ว เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะบอกความรู้สึกของตัวเองเสียด้วยซ้ำ  แพ้...ตั้งแต่ยังไม่ได้ลงแข่ง

   “เราว่าดิวตัดใจดีกว่า” เม่นพูดขัดความเงียบขึ้นมา 

   ดิวเงียบไปสักพักก่อนยอมรับ “เม่นก็รู้ว่าเราคิดยังไงกับนทีใช่ไหม?” 

   “อืม”  เม่นพยักหน้า “แต่คนอื่น  ไม่มีใครรู้หรอกนะ  ดิวสบายใจได้”

   “แม้แต่นทีก็ไม่รู้เหรอ?”

   เม่นนิ่งไปสักพัก  เขาคิดว่านทีเองก็ดูออกว่าดิวรู้สึกยังไงกับตัวเอง  แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องบอกแทนเพื่อน  “เราก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่ไม่ว่านทีมันจะรู้หรือเปล่า...ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว  นทีมันชอบต้นน้ำมาตั้งนานแล้ว”

   ดิวยิ้มขื่น  “เม่นจะบอกเราว่า  ต่อให้นทีรู้ความรู้สึกของเรา  นทีก็ไม่มีวันชอบเรางั้นเหรอ?”

   เม่นถอนหายใจ  เขาเห็นใจดิวที่ต้องเป็นฝ่ายผิดหวัง  แต่เขาก็ลำบากใจที่ต้องเป็นคนบอกให้ดิวตัดใจเสียเอง  เขาไม่ควรเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเลย  แต่ลูกธนูที่ถูกยิงออกไปแล้ว  จะบังคับให้เลี้ยวกลับมาก็ไม่ได้  คงต้องปล่อยเลยตามเลย  เนื้อ...ก็ไม่เคยได้กินกับใครเขา  หนัง...ก็ไม่เคยเอามาลองนั่ง  แต่กลับต้องเอากระดูกมาแขวนไว้บนคอ  เวรกรรมของไอ้เม่นจริงแท้  เอาวะ...เจ็บแต่จบเว้ย
   
   “ก็...ประมาณนั้น  นทีไม่ได้ชอบใครง่ายๆ  เราคบกับมันมานาน  ไม่เคยเห็นมันชอบใคร  แล้วที่สำคัญ...มันไม่ได้ชอบผู้ชายมาตั้งแต่แรก  ตอนแรกที่เรารู้ว่านทีชอบต้นน้ำ  เรายังตกใจเลย  นี่ก็เตรียมตัวฝังศพมันเผื่อว่ามันอกหักแล้วนะ  โชคดีที่ไอ้น้ำก็ชอบมันเหมือนกัน” 

   “เราคิดว่าต้นน้ำไม่ได้ชอบนทีซะอีก”

   “ไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รักนะ”

   “เม่นว่าเราควรบอกความรู้สึกเรากับนทีไหม?” 

   อยู่ๆ ดิวก็โยนคำถามตอบยากมาให้  จะถอนหายใจก็เกรงใจเพื่อน  เม่นคิดสักพักก่อนตอบ  “คิดว่าไม่  มันไม่มีประโยชน์อะไรกับดิว  มีแต่จะทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงใจกันไปเปล่าๆ  เราไม่อยากให้เพื่อนสองคนมองหน้ากันไม่ติดหรอกนะ”

   ดิวยิ้มขื่น  ก่อนทอดสายตาออกไปยังนอกหน้าต่าง  “แต่เราจะบอก”

   เม่น “......”




   ในตอนที่ต้นน้ำรู้สึกตัว...เขารู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเป็นอันดับแรก  และเมื่อขยับตัวก็รู้สึกได้ถึงความแรงเสียดช่วงล่างเป็นอย่างที่สองจนต้องส่งเสียงครางฮือ  เมื่อคืน...เขาทำอะไรลงไป?  แค่คิด...อาการปวดหัวก็ตามมาเป็นอย่างที่สาม 

   มือใหญ่สัมผัสลงตรงหน้าผาก “เป็นไง?  ปวดหัวไหม?”  เสียงทุ้มคุ้นหูดังอยู่ใกล้ๆ 

   ต้นน้ำพยายามขยับเปลือกตาขึ้นมองอย่างยากเย็น  ภาพแรกที่เห็นคือใบหน้าที่คุ้นเคยแต่กลับดูไม่คุ้นเคย  เป็นนทีคนเดิมแต่ไม่เหมือนนทีคนก่อนหน้านี้ที่เขาเคยเห็น  เหมือนมีบางอย่างแปลกไปจนอดเอื้อมมือไปแตะดวงหน้าที่อยู่ข้างๆ ไม่ได้  หน้าก็ยังเป็นหน้าเดิม...แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่านทีหล่อขึ้น?

   “นายหล่อขึ้นเปล่าวะ?”  ถึงจะเป็นคำถามโง่ๆ แต่ต้นน้ำก็อดถามออกไปไม่ได้ 

   ทว่าคำถามโง่ๆ กลับทำให้คนฟังยิ้มกว้างไปทั้งปากและตา  นทีไม่ถือสาหากผ่านคืนวันอันแสนหวานร่วมกันไปแล้ว  ต้นน้ำจะคิดว่าเขาหล่อขึ้น  หากต้นน้ำเบื่อและคิดว่าเขาขี้เหร่ลง...นั่นถึงจะเป็นเรื่องใหญ่  อย่างน้อยตอนนี้ก็มั่นใจได้ว่า...ต้นน้ำไม่ฟันเขาแล้วชิ่งหนีแน่นอน

   “อืมมม”  นทีตอบเบาๆ  พลางซุกหน้าลงบนบ่าของคนที่นอนอยู่  กระชับอ้อมแขนโอบล้อมรอบลำตัว  สูดเอากลิ่นไอเนื้ออุ่นหอมอวลเข้าปอด  “เหมือนตัวอุ่นๆ เลย”

   ต้นน้ำกรอกตามองเพดานอย่างระอาใจ  เขาไม่น่าจะมีอาการอะไรนอกจากเจ็บเสียดช่วงล่างจากการใช้งานเมือคืนบ้างเท่านั้น...ถ้านทีจะหยุดแค่รอบเดียว  แต่ที่เมื่อยขบไปทั้งเนื้อทั้งตัวแถมยังมีไข้อ่อนๆ  ก็น่าจะเป็นเพราะคนมักมากอย่างนทีที่พาเขาลากยาวบนเตียงไปถึงสองรอบ  แล้วยังอุตส่าห์ใจดีพาไปอาบน้ำ  ช่วยเปิดประสบการณ์ใหม่ในห้องน้ำอีกรอบ 

   กรรม!  ต้นน้ำเอามือปิดหน้าเมื่อนึกถึงเรื่องพลิกคว่ำพลิกหงายน่าละอายที่เพิ่งผ่านพ้นไป  ถึงเขาจะเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว  แต่มันก็แค่ครั้งเดียว  เหนือกว่าพวกไร้เดียงสา  ไม่มีประสบการณ์มาแค่ขีดเดียวเท่านั้นเอง  เมื่อคืนนี้ออกจะ...อัพเลเวลเร็วไปสักหน่อยสำหรับเขา  ทั้งรสสัมผัส  ทั้งกลิ่น  ทั้งเสียง  เหมือนจะตราตรึงไปทั่วทุกอณูของร่างกายจนใบหน้าร้อนผ่าว 

   “เป็นอะไร?”  นทีถามเมื่อเห็นต้นน้ำเอามือปิดหน้า

   ต้นน้ำส่ายหน้าทั้งที่ยังไม่คลายมือ  “ไม่เป็นอะไร  หยิบโทรศัพท์ให้หน่อย  น่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกง”  ซึ่งกางกางอยู่ไหนนั้น...ก็ให้คนถอดเป็นคนหาแล้วกัน

   “เราให้ริวลาเรียนให้นายแล้วนะ”  นทีบอกขณะที่ลุกขึ้นไปที่ตู้เสื้อผ้า 

   “อืม” ต้นน้ำแอบส่องร่างสูงในชุด...เอ่อ...วันเกิดผ่านร่องนิ้ว  รู้สึกเหมือนเลือดลมจะตีกลับไปกลับมาอีกแล้ว  เขาลูบหน้าตัวเองแรงๆ  ตั้งสติไล่ความคิดลามกที่อยู่ในหัวออกไป 
   ยุบหนอ...พองหนอ
   อกหนอ...ไหล่หนอ...ไหปลาร้าหนอ...หน้าท้องหนอ
   ภาพเมื่อคืนหมุนวนเข้ามาอีกครั้ง  เหมือนหนังที่กดรีเพลย์ซ้ำซาก  ว้ากกกก...ต้นน้ำถูหน้าตัวแรงๆ  แรงจนแดงเถือกไปทั้งหน้า

   นทีหยิบเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นมาใส่แล้วหยิบมาเผื่อต้นน้ำด้วยอีกชุดหนึ่ง  วางไว้บนผ้าห่มบนตัวต้นน้ำก่อนก้มลงไปหยิบกางเกงยีนส์ของคนที่ยังนอนอยู่ขึ้นมาพลิกหาโทรศัพท์ที่ซุกอยู่ในกระเป๋า 

   ต้นน้ำขยับตัวมาหยิบเสื้อผ้า  ก่อนสูดปาก “อูย” เบื้องล่างส่งสัญญาณประท้วง 

   ร่างสูงทรุดนั่งลงข้างเตียง  พลางยื่นโทรศัพท์มาให้ “เจ็บเหรอ?” 

   “อืม  ก็เสียดๆ นิดหน่อยอ่ะ”  ต้นน้ำพยักหน้า  มันต้องเจ็บอยู่แล้วสิ  แต่เขาไม่อยากโวยวายให้มากเรื่อง  พลังงานยังชาร์ตไม่เต็ม  จะนั่งทั้งทียังปวดแปล๊บ  เขาไม่อยากสิ้นเปลืองพลังงานใดๆ ไปมากกว่านี้  นทีใช้มืออังหน้าผาก  ลำคอ และไหล่ของเขา  ทิ้งร่องรอยร้อนผ่าวไปตามรอยมือ  อย่าลูบ!!!  เดี๋ยวไอ้ตัวลามกมันจะกลับมา  แล้วคนที่ลำบากก็คือตัวเขาเอง  ใจเอย...จงสงบนิ่ง  “หิวข้าวแล้ว”

   “เดี๋ยวเราลงไปหาข้าวมาให้  แล้วกินยาอีกสักหน่อย” นทีช่วยหยิบเสื้อมาสวมให้ก่อนจะหยิบกางเกง  ทว่าต้นน้ำกลับยั้งไว้

   “เดี๋ยวเราใส่เอง”

   ใบหน้าหล่อเหลายิ้มนิดๆ  “ใส่ถนัดเหรอ?  เจ็บอยู่ไม่ใช่หรือไง?”

   “เถอะน่า  ใส่ได้”

   “อายอะไร?  เห็นมาหมดแล้วป่ะ?”  เสียงทุ้มเจือรอยหยอกเย้า 

   “......”  ต้นน้ำเม้มปาก  ถลึงตาใส่คนช่างหยอก  รู้แล้วน่า  ไม่ต้องมาย้ำ 

   นทีหัวเราะก่อนยื่นกางเกงให้  “โอเค  ยอมๆ  งั้นเราลงไปหาข้าวมาให้ก่อนนะ”  ก่อนจะลุกยังไม่วายก้มลงมาหอมผมคนกระฟัดกระเฟียดอีกฟอด

   ต้นน้ำพรูลมหายใจโล่งอกเมื่อร่างสูงลับประตูออกไป  เขาหยิบกางเกงมาสวมอย่างทุลักทุเล  ขยับซ้ายก็แปล๊บ  ขยับขวาก็แปล๊บ  ไม่ต้องขยับยังแปล๊บ  วันนี้จะนอนทั้งวันไปเลย  จะไม่ลุกไปไหน  จะไม่ให้ก้นกระทบกระเทือนสิ่งใดทั้งสิ้น  ใช้เวลากับการใส่กางเกงอยู่สักพัก  ตัวกางเกงยังขึ้นไม่ทันถึงหัวเข่า  นทีก็วิ่งพรวดเข้ามา  ไม่พูดพร่ำทำเพลง...จับกางเกงเขาเลื่อนพรืด...ขึ้นทีเดียวถึงเอว 

   ต้นน้ำหน้าเหวอ  จะทำอะไร...ได้โปรดเกรงใจผู้บาดเจ็บสักนิด  น้ำตาจะไหล

   “ป๊ากลับมาแล้ว”  นทีบอกพลางรีบเขี่ยเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเข้าใต้เตียง 

   “เอาไงดี?”  ต้นน้ำตาโต  เลิ่กลั่กมองซ้ายขวา  จะขยับก็ไม่ถนัด “ทำไมกลับมาเร็วจังวะ?”

   “ไม่รู้เหมือนกัน  เดี๋ยวค่อยถาม”

   ต้นน้ำรีบสำรวจตัวเอง  เสื้อผ้าก็ใส่ครบ...ไม่มีปัญหา

   นทีเดินไปเปิดผ้าม่านให้แสงสว่างกระจายไปทั่วห้อง  พอดีกับที่ประตูห้องเปิดออก 

   “อ้าว...อยู่นี่กันเอง”  ธนกรมองลูกทั้งสองคนที่ทำหน้าเหรอหรา  ตามองตา...ต่างฝ่ายต่างงง “ทำไมทำหน้าอย่างนั้น?  ไม่ดีใจที่เจอป๊าเหรอ?”

   ต้นน้ำหัวเราะฝืดเฝื่อน  “ฮ่าฮ่าฮ่า ดีใจสิครับป๊า  แหะๆ  ไหนครับของฝาก?” พูดคำ  หัวเราะอีกคำ  ด้วยท่าทาง ‘พยายาม’ จริงใจอย่างที่สุด  เฮ้อ...มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าตอแหล 

   นทีกลั้นขำหันหน้าเข้ากับผ้าม่านริมระเบียง

   “ไปทำอะไรผิดมาใช่ไหมน้ำ?”  ฝนทิพย์เดินตามหลังธนกรเข้ามา  เอ่ยถามด้วยสีหน้าคาดคั้น  เลี้ยงลูกมาก็นาน  หน้าตาสีหน้าแบบไหน....คนเป็นแม่ย่อมรู้

   “......”  ต้นน้ำอึกอัก  ไม่รู้จะตอบยังไง? 

   นอนกับนทีเมื่อคืนอ่ะแม่! 
   เสียตัวเมื่อคืนอ่ะแม่!
   ป๊า...ผมได้ลูกป๊าแล้วครับ!

   ทุกคำตอบล้วนอุกอาจฉกาจฉกรรจ์  โดนด่าได้ทุกคำตอบ  เผลอๆ อาจถึงขั้นโดนไล่ออกจากบ้าน  เหงื่อชื้นซึมที่มือทั้งที่ห้องนอนเปิดแอร์เย็นเฉียบ 

   “ว่ายังไง?”  ฝนทิพย์ทำเสียงเขียวกดดันลูกชาย  “แม่ไม่ชอบให้น้ำโกหกนะ  นี่ถ้าแม่ไม่กลับมาเร็ว...แม่ก็คงไม่รู้เรื่องอะไรเลยสินะ”

   “คือ...คือว่า....”  ต้นน้ำคอตก  “เมื่อคืน...”

   “เมื่อคืนอะไร?”

   “เมื่อคืน...น้ำไปเที่ยวมาน่ะแม่  แล้ว...”  ต้นน้ำกลืนน้ำลาย  “แล้วน้ำก็เมา...ก็เลย...”

   ฝนทิพย์กับธนกรนิ่งฟัง  ใจหายและกังวลกลัวว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงกับลูกชาย  ในใจคิดกังวลไปต่างๆ นาๆ 

   “น้ำเล่ามาเลย  ถ้าป๊าช่วยได้...ป๊าจะช่วย  น้ำขับรถชนคนมาหรือเปล่าลูก?”  ธนกรถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นทั้งที่ในใจร้อนรน

   ต้นน้ำส่ายหน้าหวือ  ทำไมป๊าคิดไปได้ถึงขนาดนั้น? “เปล่าๆ ป๊า  น้ำแค่เมาแล้ว...”

   ฝนทิพย์โล่งอกไปหนึ่งเปราะ...ที่เรื่องราวอาจจะไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดเมาแล้วขับรถชนคน  แต่ก็ยังไม่สามารถวางใจได้เสียทีเดียว 

   “เมาแล้วแฮงค์  แอบโดดเรียนแค่นั้นเองป๊า”  นทีช่วยเฉลยคำตอบหลังจากที่กลั้นขำเสร็จเรียบร้อยแล้ว 

   “โธ่เอ๊ย...แค่นี้เองลูก  แม่ก็นึกว่าเมาแล้วไปพลาดปล้ำสาวที่ไหนให้พ่อแม่เขามาแหกอกแม่ซะอีก”

   ต้นน้ำทำตาโตหันไปสบตากับนทีแวบหนึ่ง  ก่อนที่นทีจะหันหลังกลับไปหัวเราะจนไหล่สั่นกับผ้าม่านอีกครั้ง 

   “หัวเราะเข้าไป”  ต้นน้ำหยิบหมอนขว้างใส่หลังสั่นๆ ของนที  “ความผิดนทีเลยป๊า  ชวนน้ำเที่ยว”  เมื่อโกหกได้เรื่องหนึ่ง  เรื่องอื่นก็ย่อมไหลลื่น

   “เอาเถอะๆ  เรื่องมันไม่ได้ใหญ่โตอะไรหรอก  แต่ก็ไม่ใช่ว่าป๊าจะสนับสนุนให้ทำบ่อย  นานๆ ทีป๊าจะไม่ว่าหรอก  จะทำอะไรก็อย่าให้เสียการเรียน  เสียอนาคตก็พอ  นอกนั้นป๊าไม่ห้าม”

   “จริงนะป๊า?”  นทีหันขวับกลับมาถามอย่างรวดเร็ว

   ธรกรเหมือนฉุกใจคิดขึ้นมาได้  เขากำลังชี้โพรงให้กระรอกเจ้าเล่ห์อยู่หรือเปล่า? “ถามแบบนี้...ไปทำอะไรผิดมาเหรอนที?”

   “เปล่า...ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น  แค่ถามดู...ต่อไปมีอะไรจะได้มาบอกป๊าไง  แค่ไม่เสียการเรียน  ป๊าก็จะไม่ว่าใช่ไหมล่ะ?”

   ผู้เป็นพ่อนิ่งคิด  สิ่งที่เขาห่วงที่สุดก็คืออนาคตของลูก  ขอแค่ลูกมีความสุข  ดูแลตัวเองได้  เขาก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว  “อืม  ถ้าไม่เสียการเรียน  ไม่เสียอนาคต  ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน...ก็จะไม่ว่า”

   “ป๊าพูดแล้วนะ  จำไว้ด้วยล่ะ”

   “บ๊ะ...ไอ้นี่  ป๊าเริ่มกลัวแล้วนะ  แกไปทำสาวท้องมาหรือไง?”

   “โธ่ป๊า...มีเรื่องอย่างนั้นที่ไหนล่ะ  ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”  นทีรีบปฏิเสธเสียงแข็ง

   ต้นน้ำขมวดคิ้ว  หรี่ตามองคนแก้ตัวน้ำขุ่นๆ   ทำจ้ะ...เป็นคนแบบที่ป๊าพูดนั่นแหละ  แค่ผู้หญิงไม่ได้ท้องเท่านั้นเอง   

   “ป๊าก็...ไปล้อลูก  ลงไปข้างล่างกันเถอะ ไปดูของฝากกัน  แม่ซื้อมาเต็มเลย”

   ต้นน้ำขยับตัวจะลุก  แต่กลับเจ็บแปลบวาบขึ้นมาจนต้องทรุดกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง  ดวงหน้าขาวเหยลงจนฝนทิพย์เป็นห่วง

   “น้ำเป็นอะไรลูก?”

   “ไม่ได้เป็นอะไรแม่  เมื่อคืนเมาแล้วล้ม  ก้นเลยกระแทกพื้น”  ต้นน้ำยิ้มแหย 

   “อ้อ...ระวังตัวกันหน่อยลูก  จะไปเที่ยวกันแม่ก็ไม่ว่า...แต่ก็ต้องดูแลตัวเองด้วย  แม่เป็นห่วง”

   นทีปราดเข้ามาพยุงต้นน้ำ  “ผมก็พยายามดูแลอยู่ครับ  เนี่ย...กลัวทำอะไรไม่ถนัด  เลยต้องพามานอนที่ห้องด้วย” 

   ต้นน้ำกดยิ้มเย็นที่มุมปาก...เอาหน้าไปอีก  ดูแลหรือทำให้เจ็บกันแน่?

   “ดูแลกันก็ดีแล้วล่ะจ๊ะ  ขอบใจมากนะนทีที่ช่วยดูแลต้นน้ำ”  ฝนทิพย์ลูบหัวนทีด้วยความเอ็นดูก่อนเลื่อนมากุมมือนทีไว้

   หน้าที่ของนทีโดยตรงเลยล่ะแม่  นทีนี่แหละคือตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องนอนซมแบบนี้...ต้นน้ำกรอกตามองบน

   “ลูกแม่เป็นคนดีจริงๆ  ป๊าเลี้ยงลูกมาได้ดีที่สุด” ฝนทิพย์ยังคงซาบซึ้งไม่หยุด  ธนกรเองก็ปลาบปลื้มที่ลูกชายของตนช่วยดูแลพี่ชายต่างสายเลือด ลึกๆ ในใจทั้งสองคนต่างก็กังวลว่าลูกจะยอมรับกันได้จริงหรือเปล่า?  หรือเพียงทำเพื่อให้พวกเขาสบายใจเท่านั้น  กังวลว่าสักวันอาจจะมีเรื่องทะเลาะบาดหมางกัน  แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ  แต่ทั้งสองคนก็สบายใจได้อีกขั้นหนึ่ง...อย่างน้อย...เด็กทั้งสองคนนี้ก็คอยดูแลกัน  มีน้ำใจต่อกันแม้จะไม่ได้อยู่ต่อหน้าพวกเขา 

   แม้จะยังรู้สึกได้ว่ามีความลับบางอย่างที่ลูกชายทั้งสองคนช่วยกันปิดบังแต่ไม่ยอมบอกพวกเขา  แต่คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็พร้อมจะมองข้ามไป  เพราะนั่นเป็นสัญญาณของความเป็นพี่น้อง  ความเป็นพรรคพวกเดียวกันของเด็กทั้งสองคนแล้ว

   นทีเริ่มร้อนรน  ฝนทิพย์ส่งสายตาชื่นชมเขามาเสียมากมาย  ทั้งที่...เขาเพิ่งฟาดฟันลูกชายแม่ไปเมื่อคืนเองนะ!  ความรู้สึกผิดแล่นฉิวดั่งลูกศรแหลมคมปักที่อกดังฉึก “ผมรักแม่นะ  ผมจะรักและดูแลต้นน้ำให้ดีครับ” 

   ต้นน้ำอ้าปากค้าง...นทีพูดอะไรออกมา?  สมองบวมไปแล้ว?  เมนส์ไม่มา?...เลือดลมตีกลับ?  หรือยังไง?

   ต้นน้ำทั้งงง...ทั้งชาวาบทั่วใบหน้า รู้สึกเหมือนนทีกำลังขอเขากับแม่อย่างไรอย่างนั้น  ทว่าฝนทิพย์กลับหัวเราะคิกคักถูกใจที่นทีเล่นบทซาบซึ้งไปกับตนเองด้วยจนแทบจะรวบร่างสูงมาไว้ในอ้อมกอดแล้วติดป้าย ‘ลูกรัก’ ไว้บนหน้าผาก

   “ไปๆ  ไปข้างล่างกัน  ป๊าหิวมาก  เมื่อกี๊...ป๊าแวะซื้อข้าวมาด้วย  คิดถึงอาหารไทยจะแย่แล้ว”  ธนกรขัดคอก่อนที่ฝนทิพย์จะติดป้ายลูกรักให้นทีแล้วตัวเขาจะตกกระป๋อง

   ฝนทิพย์หัวเราะก่อนเดินเคียงข้างธนกรนำลงไปก่อน  ปล่อยให้นทีพยุงต้นน้ำตามลงไป 

   “เอาหน้าว่ะ”  ต้นน้ำกระซิบกระซาบบอกคนที่เข้ามาพยุง

   “เขาเรียกว่า...อยู่เป็นโว้ย!!  ไม่งั้นจะให้พูดว่าไง  บอกความจริงไปเลยไหม?  กล้าป่ะล่ะ?”

   “ไอ้บ้า  เรื่องแค่นี้!...ใครจะไปกล้าวะ?  อย่าลูบก้น!”  พยุงเฉยๆ ก็ได้ไหม?  ทำไมต้องเอามือลูบด้วย 


----------- อ่านต่อด้านล่าง ----------
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 04-04-2020 19:21:55



------------  นทีต้นน้ำ ตอนที่ 26 (ต่อ) -----------


ร่างโปร่งนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาท่ามกลางขนมกองใหญ่  ราวกับล่องลอยอยู่บนปุยเมฆที่ทำมาจากซองขนม หลังจากกินข้าวที่ธนกรซื้อมาจนอิ่มหมีพีมัน...ต้นน้ำก็มานอนกางพุงให้อาหารย่อยอยู่บนปุยเมฆแห่งกองของฝากแห่งนี้  ไม่คิดจะขยับตัวไปไหนอีก  มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด  เห็นแจ้งเตือนแอพอินสตราแกรมมาแวบๆ  แต่จู่ๆ หน้าจอก็ดับวูบกลายเป็นสีดำสนิท...แบตเตอรี่หมด!!!

   “นที...ยืมโทรศัพท์หน่อยสิ  ของเราแบตหมด” ต้นน้ำบอกนทีที่กำลังช่วยฝนทิพย์รื้อของออกจากกระเป๋าเข้าเก็บตามตู้ต่างๆ คอยตามประคบประหงม  ประจบประแจงยิ่งกว่าลูกแท้ๆ อย่างเขาเสียอีก

   “ชาร์ตแบตอยู่ข้างบน  จะเอาป่ะ?  เดี๋ยวไปเอาให้  เราเก็บของให้แม่ก่อน”

   “นทีช่วยแม่อยู่  ตัวเองนอนขี้เกียจเฉยๆ ยังจะมาใช้เขาอีกนะ  นิสัยไม่ดีเลย” ฝนทิพย์ตะโกนแหวดุลูกชายสวนขึ้นมา

    “โธ่แม่  น้ำแค่ขอยืมโทรศัพท์เฉยๆ เอง  ยังไม่ได้ใช้อะไรสักหน่อย”  ต้นน้ำหน้ามุ่ย  ไม่กล้าแตะ ‘ลูกรัก’ ของฝนทิพย์ไปมากกว่านี้

   “รู้สึกเป็นส่วนเกินเลยใช่ไหมล่ะ?” เสียงผู้หญิงกระซิบแผ่วเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง  นอกจากเขาแล้ว  ทุกคนในบ้านรวมตัวกันอยู่ในครัว  แล้วเสียงที่เขาได้ยิน...ก็ไม่ใช่เสียงแม่!

   ต้นน้ำขนลุกเกรียว  ค่อยๆ หันหน้าไปทางต้รเสียงก่อนสะดุ้งโหยง  หัวใจหล่นวูบเมื่อเห็นใบหน้าของผู้หญิงสวยผู้มีใบหน้าขาวนวล  ริมฝีปากแดงสดอยู่ห่างจากเขาแค่คืบ  ดวงตาที่มีรอยช้ำรอบดวงตาจ้องเขาเขม็ง   ริมฝีปากแดงนั้นก็ขยับอีกครั้ง
   
   “เป็นอะไร?  ทำหน้าเหมือนเห็นผี”  ริมฝีปากแดงสดขยับอีกครั้ง

   ต้นน้ำกระพริบตาเรียกสติ  ชั่วเวลาหนึ่งที่ลมหายใจสะดุดเหมือนหัวใจหยุดเต้น

   “คุณ...คุณ...เอ่อ...” 

   “ม๊า!  เรียกม๊าสิ” ณภัทราบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นข่มขวัญ  หากนทีเรียกฝนทิพย์ว่าแม่  ต้นน้ำก็ควรเรียกเธอว่า ‘ม๊า’ ได้เหมือนกัน 

   ต้นน้ำ “.......”

   ดวงตาช้ำแดงช้ำเขียวดุดันเพ่งเขม็งมองต้นน้ำราวกับจะบอกว่า...หากเขายังไม่ยอมเรียกเธอว่าม๊า  เขาจะต้องไม่มีชีวิตอยู่ดีแน่

   “มะ...ม๊า”

   รอยยิ้มพอใจจุดขึ้นที่มุมปากของณภัทรา  และยังเผื่อแผ่ไปถึงดวงตาด้วย  พลอยทำให้ลมหายใจของต้นน้ำไหลเวียนได้คล่องขึ้น  ร่างโปร่งค่อยๆ ขยับหนีให้พ้นจากท่าทีคุกคามของดาราสาว  หากแต่ไม่ทันมือแกร่งที่จับต้นแขนเขาให้ลอยหวือขึ้นอย่างรวดเร็ว

   “คุณมาทำอะไรที่นี่?” เสียงดังมาจากร่างสูงที่ซ้อนอยู่เบื้องหลังเขาไม่มีร่องรอยหงุดหงิดรำคาญใจ  แต่ก็ยังคงเรียบเฉยอยู่ในที

   ณภัทราระบายรอยยิ้มที่มุมปาก  อย่างน้อยบุตรชายก็ไม่ได้ตั้งท่ารังเกียจเหมือนอย่างเคย  กำแพงที่เคยตั้งหนาอาจจะเบาบางลงจนเธอสามารถจะทลายเข้าไปได้สักที  “ถ้าไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร  แล้วฉันก็หน้าเด็กเกินกว่าที่จะเรียกว่าแม่  จะเรียกพี่ก็ได้นะ” 

   นทีปราดสายตาคมไปทั่วทั้งร่างสวย  ตั้งแต่หัวจรดเท้า  เท้าจรดหัว “เจ๊ไปทำอะไรมา?  ทำไมตาช้ำแบบนั้นล่ะ?”

   ใบหน้าระบายยิ้มของณภรัทราเปลี่ยนสีไปมาจนไม่สามารถบ่งบอกอารมณ์ได้  เธอตั้งใจแต่งหน้าออกจากบ้านมาอย่างดี  บล็อกตาเฉี่ยวคมดุดัน  ทาปากแดงเสริมบารมี  ตั้งใจมาคุยกับธนกรเรื่องธัญญาให้รู้เรื่อง  หากธนกรไม่ลงดาบธัญญาให้เด็ดขาด  แม่จะฟาดๆๆๆ...ฟาดให้ขาดกระจุย  แล้วดูสิ...ยังไม่ทันได้โหมโรง  ลูกชายก็มาดับความมั่นใจเสียสนิท  แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม  มันน่าโมโหไหมล่ะ?”

   “มาเร็วจริง” เสียงธนกรดังมาจากทางด้านหลังนที  ฝนทิพย์ก้าวมายืนเคียงข้างกับธนกร 

   ณภรัทราเบ้หน้ากรอกตา  ได้จังหวะจริง  โผล่มาได้ตอนที่เธอกำลังเสียหน้าพอดี  แต่คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนอย่างเธอมีหรือจะปล่อยให้เรื่องแต่นี้มาทำลายความมั่นใจได้  ร่างเพรียวเหยียดตัวตรง  ยกขาเรียวสวยขึ้นไขว่ห้างด้วยท่วงท่าที่ฝึกฝนมาอย่างดี  “เราจะคุยกันได้หรือยัง?”

   ธนกรมองสบตากับณภรัทราด้วยสีหน้าลำบากใจ  ก่อนหันมามองนที  บรรยากาศโดยรอบล้อมอวลไปด้วยความอึดอัด  ทุกคนในที่นี้ต่างรู้กันโดยไม่ต้องพูดถึงว่าเรื่องที่กำลังจะเป็นประเด็นสำคัญคือเรื่องอะไร  เรื่องที่เคยเก็บเอาไว้ในใจ  กดให้ลึกที่สุดจนแทบจะลืมเลือนกำลังจะถูกขุดคุ้ยขึ้นมา

   “ผมคิดว่า...ผมควรจะ...ขึ้นไปนอนพักสักหน่อยดีกว่า”  ต้นน้ำเอ่ยแทรกท่ามกลางบรรยากาศที่ความคิดในหัวแต่ละคนเริ่มระอุ  พ่อแม่ลูกเขาจะคุยกัน  แม่เขาก็คือแม่เลี้ยงที่กลายไปเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว  แต่ตัวเขาที่เป็นแค่ลูกติดของฝนทิพย์มาไม่สมควรอย่างยิ่ง...อย่างมาก...ที่จะอยู่ตรงนี้ 

   “ไม่เป็นไร  นั่งเถอะ  น้ำก็ควรจะได้รับรู้ด้วย” ธนกรบอกเสียงเรียบ พลางทรุดลงนั่งที่โซฟาตัวยาวข้างหนึ่งโดยมีฝนทิพย์นั่งข้างๆ 

   ต้นน้ำหน้าจ๋อย...คนอื่นไม่คิดเหมือนเขาแฮะ

   นทีพยักหน้าให้ต้นน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนพากันนั่งลง

   เมื่อเห็นว่าครบองค์ประชุมแล้ว  ณภรัทราก็หยิบแฟลชไดร์ฟที่บรรจุไฟล์คลิปเสียงไว้มาวางบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้า 

   “ตามที่เราคุยกันไว้  คลิปเสียงทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว  ถ้าพี่ไม่จัดการกับพี่ธัญญา  ฉันจะเป็นคนจัดการเอง  และถ้าให้ฉันจัดการ  เชื่อมือได้เลยว่า...เรื่องต้องไม่เล็กแน่!”  ถ้าจะเล่น...ก็ต้องเล่นให้ใหญ่  สื่อทุกสื่อต้องได้ข่าว  และไม่ใช่แต่ข่าวประเดี๋ยวประด๋าว  จะต้องเป็นข่าวใหญ่ไล่ละเอียดยิบตั้งแต่เธอแต่งงาน  เธอต้องเจอกับแม่สามีและพี่สามีที่ร้ายกาจแค่ไหน  โดนใส่ร้ายอย่างไรบ้าง  คนไทยทั้งประเทศจะต้องได้รับรู้ถึงความเลวร้ายของไฮโซธัญญาที่ได้ชื่อว่าวางตัวอยู่ในกรอบระเบียบและศีลธรรมอันดีงามมาตลอด

   “พี่จะจัดการเอง  คลิปเสียงนี้  พี่เอาไปได้เลยใช่ไหม?”  ธนกรกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางเอื้อมมือมาหยิบแฟลชไดร์ฟก่อนชะงักค้าง

   “เอาไปได้เลย  ฉันอัดไว้หลายอัน  จะเอาอีกสองสามอันก็ได้นะ”  ตาคมสวยเหลือบมองธนกรด้วยสายตาท้าทาย  หากธนกรจัดการได้ไม่เด็ดขาดพอ  เธอจะลงมือเอง

   แววตาเหนื่อยหน่ายปนลำบากใจปรากฏวูบขึ้นในสายตาของธนกรจุดรอยยิ้มหวานเย็นให้กับณภรัทรา  ธนกรไม่ใช่คนไม่ดี  ไม่ใช่คนผิด  แต่เรื่องบางเรื่อง...ธนกรก็ต้องชดใช้ให้กับเธอเช่นกัน

   “พี่ต้องการทั้งหมด”  ธนกรเป็นฝ่ายเรียกร้อง

   “คงจะไม่ได้” ณภรัทราตอบทันควัน  รวดเร็วราวกับไม่ต้องคิด

   อดีตสามีภรรยาจ้องตากันราวกับพร้อมจะกระโจนเข้าขย้ำห้ำหั่นกันเต็มที่  สุดท้ายธนกรจึงได้เป็นฝ่ายถอยก่อน  “เธอต้องการให้พี่จัดการยังไง?  แค่ที่เราคุยกันมันยังไม่พอใจเธออีกเหรอ?” ณภรัทราโทรไปคุยกับเขาตั้งแต่เย็นวันที่เกิดเรื่องขึ้น  และนัดว่าจะมาคุยอีกทีวันที่เขากลับมา  ทำให้เขาต้องเลื่อนไฟล์ทกลับให้เร็วขึ้น 

   “ไม่พอ  แค่ตัดเงินช่วยเหลือแค่นั้นไม่พอ  พี่ต้องถอนหุ้นของพี่ธัญออกด้วย  ธุรกิจพี่..พี่ธัญไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่นิดเดียว”  ถ้าจะเกี่ยวก็ช่วยทำให้ล่มจมมากกว่าที่จะช่วยให้เจริญขึ้น

   “เธอก็รู้ว่ามันเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายของม๊าพี่”

   “ม๊าพี่ก็เห็นแก่ตัวพอกันนั่นแหละ”  ณภรัทราบอกเสียงแข็ง  “ม๊าพี่เคยสนใจอะไรบ้าง?  แม้แต่หลาน...เคยสนใจไหม?”

   ธนกรนิ่งงัน  ในใจส่วนหนึ่ง...เขารับรู้ว่าลูกชายไม่ได้รับความยุติธรรมเท่าที่ควรมาตลอด  แต่ด้วยหน้าที่ของลูกชายคนโตทำให้เขาได้แต่บอกตัวเองให้อดทน  บอกลูกให้อดทน  เพื่อที่เมื่อถึงวันหนึ่ง...ทั้งเขาและลูกจะไม่ต้องทนกับอะไรอีก  แต่เขากลับทำพลาดไป  นทีได้รับความอยุติธรรมมากกว่าที่เขาคิดไว้

   “พี่เองก็เห็นแก่ตัวเหมือนม๊า...เหมือนพี่ธัญนั่นแหละ” ณภรัทรายิ้มขื่น  ยิ้มให้กับความรักบิดเบี้ยวของคนในครอบครัวนี้ที่ทำร้ายเธอ  ทำร้ายอนาคตของหญิงสาวคนหนึ่ง  สุดท้ายก็ยังทำลายความเป็นแม่ของเธอ  ธนกรอยากเป็นลูกชายที่ดี  อยากเป็นน้องชายที่ดี  เฝ้ารักษาคำสัญญาของคนที่ตายไปแล้วโดยไม่แยแสความเจ็บปวดของคนที่เคยขึ้นชื่อได้ว่าเป็นเมียคนหนึ่ง  แม้แต่ความรู้สึกของลูกชายก็ยังละเลยไป  “ได้  พี่จะเอาอย่างนั้นก็ได้  แต่นทีต้องไปอยู่กับฉัน”

   นทีกับต้นน้ำมองหน้ากัน  นทีทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง  หากแต่ต้นน้ำสะกิดไว้ก่อนพลางส่ายหน้าเป็นสัญญาณไม่ให้พูด

   “ไม่  เรื่องนี้พี่ไม่ยอม”  ธนกรกล่าวเสียงแข็ง

   “แล้วพี่จะเอายังไง?  เรื่องอะไรพี่ก็ไม่ยอมสักอย่าง  พี่ธัญทำอะไรไว้บ้าง?....พี่รู้หรือเปล่า?  เฮอะ...แต่รู้แล้วยังไง?  สุดท้าย...พี่ก็ทำอะไรไม่ได้  เพื่อคำว่าพี่น้อง  เพื่อม๊าพี่  เพื่อครอบครัวพี่  คนอื่นจะเป็นยังไงก็ช่างหัวมันสินะ  ที่จริงแล้ว...พี่คือคนที่เห็นแก่ตัวที่สุด  รู้ตัวไว้ด้วย”

   ธนกรขยับจะพูดต่อ  แต่นทีกลับเรียกณภรัทราขึ้นมา “ม๊า!!!” 

   เพียงแค่เสียงผู้เป็นลูกเรียกแม่ให้ได้ยินอีกครั้ง  จิตใจของณภรัทราก็อ่อนยวบ  ร่างสูงของผู้เป็นบุตรชายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง  “ขอผมคุยอะไรด้วยหน่อยได้ไหม?”


------------ tbc ---------

มาแล้วค่ะ พอแสดงความสำนึกผิด เราฮาราคีรีตัวเองเรียบร้อยแล้วค่ะ




หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-04-2020 23:31:57
 :pig4: :pig4: :pig4: ขอบคุณที่มานะคะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: bigbeeboom ที่ 05-04-2020 00:05:09
โย่ว ดีใจที่มาต่อมากๆๆ มาถึงสนุกเลยจ้า อยากเห็นจัดการปัามหาภัยแบบไหนเหมือนกัน สงสารนที โดนรังแกมาตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 05-04-2020 00:11:27
 :pig4: :pig4: :pig4:

จัดไปคุณพ่อ  เอาให้หนัก  ยัยป้ามหาประลัยต้องพินาศไป

ถ้าไม่ทำ  เด๋วคุณแม่ทำเอง
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-04-2020 02:45:52
รถไฟเหาะมาก :ling1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: yochiki1404 ที่ 07-04-2020 08:59:22
ดิวถ้าเธอเป็นคนดี อย่าสารภาพกับนทีเลยนะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-04-2020 12:57:23
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: งงปะ ที่ 12-04-2020 22:22:39
อ่านจนทัน
เรื่องของดิว ดิวคงอยากบอกให้รู้และ
ไม่รู้สึกโกรธดิวหลอกนะที่อยากจะบอก
คงเตรียมทำใจใว้แล้วละว่ายังไงก็คงต้องโดนปฎิเสธไม่อาจตอบรับ
แต่คงแบบใจหนึ่งก็มันต้องบอกให้เขารู้ละว่าตัวเองรู้สึกยังไงถึงเขาจะไม่ชอบตอบก็ตาม ไหนๆก็ไหนๆจะได้ไม่ต้องมีอะไรคาใจ สักครั้งหนึ่งเราได้พูดไปถึงแม้จะไม่เป็นไปตามต้องการก็ตาม
ส่วนเรื่องที่แม่มาพูดก็เชียร์ฝ่ายแม่นะ มันต้องจัดการ นที คงทนและทรมานจากคำพูดมาตั้งแต่เด็กน่าสงสารนะ เลยกลายเป็นคนมีปมเรื่องความรักเพราะไม่กล้าจะรักทำได้แค่มีเซ็กแค่นั้น จนได้มาเจอน้ำถึงได้รู้จักคำว่ารักมันเป็นยังไง
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sodamint ที่ 18-04-2020 16:05:33
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ติดตามอ่านอยู่ตลอดค่ะ เป็นกำลังใจให้น้าาา❤️
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 2ฃ6 ------ [24/04/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 28-04-2020 07:27:09
นทีคนอวดเมีย  เพื่อนรู้กันหมดแล้ว ต้นน้ำจะทำหน้ายังงัยน้า  o18

นทีอย่าห้ามม๊านะ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เค้าจัดการกันไปเถอะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 27 ------ [07/12/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 07-12-2020 14:15:52
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 27
ดอกไม้ที่งดงามแม้ถูกเหยียบย่ำ




ภายในห้องนอนปรับอากาศเย็นเฉียบ  เงียบสงบไร้สิ่งรบกวนใดๆ 
   “ว้าก” เสียงต้นปาล์มตะโกนดัง  เพราะนอนหลับฝันหวานอยู่ดีๆ ร่างทั้งร่างก็ร่วงหล่นลงมาจากเตียงโดยไม่ทันตั้งตัว 
   “อีกครึ่งชั่วโมงเข้าเรียนแล้วมึง” ตัวต้นเหตุที่ทำให้ต้นปาล์มตกเตียงตะโกนพลางกระโจนพรวดเดียวข้ามเตียงรวมทั้งข้ามตัวต้นปาล์มที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น  ตรงดิ่งไปยังห้องน้ำ 
   ต้นปาล์มงัวเงียหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา  แปดโมงจะครึ่งแล้ว  สัญลักษณ์แจ้งเตือนแอพอินสตราแกรมในโทรศัพท์มโหฬารจนหนุ่มโซเชียลอย่างต้นปาล์มยังงงงันในความฮอตของตนเอง
   ใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว  เขาต้องรีบแล้ว  ต้องรีบกดเข้าไปดูอินสตราแกรมให้ไว!
   ห้ะ!  ต้นปาล์มตาเหลือก...รูปภาพของเพื่อนที่กำลังจับมือใครสักคนมาแนบริมฝีปากทำให้ต้นปาล์มงงเป็นไก่ตาแตก 
   สายตาเลื่อนไปยังแคปชั่น  ห้ะ!  นทีมีเจ้าของแล้ว!!!
   เจ้าของนที...เจ้าของมือที่มีรูปหัวใจอยู่ตรงกลางฝ่ามือ!
   หนุ่มโซเชียลตื่นเต็มตา  ต่อมเผือกสั่นระริก  คลับคล้ายคลับคลาว่าจะนึกออกแต่ก็นึกไม่ออก 
   ใครวะ?
   
   @palmtree... ใครอ่ะปาล์ม?
   @palmtree...ปาล์มจ๋า  มาตอบหน่อย
   @palmtree...ปาล์มหายไปไหน?
   @palmtree...ถ้าไม่มาตอบจะโกรธแล้วนะ


   ปาล์มจ๋ายิ่งงงเข้าไปใหญ่  ในแอพ...มีแต่คนโพสต์เมนชั่นเรียกหาเขา  ถามกูทำไมฟระ?  กูยังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร?  พิโธ่! พิถัง!  ต้นปาล์มรู้ ทุกคนรู้  แต่ถ้าทุกคนยังไม่รู้  แปลว่าต้นปาล์ม ก็ ยัง ไม่ รู้ เหมือน กัน
   เท่าที่สมองอันชาญฉลาดและเพิ่งตื่นของต้นปาล์มจะนึกออก  เมื่อคืนนทีกลับบ้านกับต้นน้ำ  งั้นคนที่ควรจะรู้ที่สุดก็ควรจะเป็น...
   ต้นปาล์มพิมพ์ลงไปทันที @tonnaam...
   เขายังไม่ทันได้พิมพ์ข้อความอื่น  ส้นเท้าอันใหญ่โตและเรียวงามของน็อตยันโครมกระแทกขาต้นปาล์มเบาๆ พอให้ร่างที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นพลิกหงายไปชนขอบเตียงที่เพิ่งตกลงมา
   “เร็วๆ มึง  เดี๋ยวไม่ทัน ” น็อตสำทับอีกรอบ
   ต้นปาล์มเบ้หน้าแล้วโอดโอย “มึงจะเบาๆ กับกูหน่อยไม่ได้นะ  กูบอบบางนะไอ้สัด”
   “นี่กูเบาสุดแล้ว  มึงรีบเลย  วันนี้ต้องไปมอ’ไซค์แล้วนะ”
   ต้นปาล์มจิ๊ปาก  กด ‘โพสต์’  ก่อนเดินบ่นกระปอดกระแปดเกี่ยวกับการปลุกอันอ่อนโยนของน็อตแล้วหายเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวของตนเองบ้าง 



นทีเดินนำณภัทราออกไปด้านนอกแล้ว  เหลือเพียงพ่อแม่ลูกสามคนนั่งมองหน้ากันปริบๆ 
   ฝนทิพย์มองหน้าธนกรที่นั่งหน้านิ่วก่อนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยสีหน้าขัดใจเต็มที่  ทนไม่ไหวจนต้องลุกเดินออกไปเป็นคนแรก  ร่างเล็กตรงไปยังหน้าต่างห้อง  ผ้าม่านถูกปลายนิ้วเรียวกรีดออกเบาๆ พอเป็นช่องให้ลูกตาส่องเห็น     ธนกรเห็นฝนทิพย์ลุกก็ลุกตามไปส่องบ้าง  เห็นร่างสูงของบุตรชายเดินนำเรือนร่างโปร่งของผู้เป็นแม่ไปยังเก้าอี้เหล็กดัดตัวยาวริมรั้วก็อดเปรยออกมาไม่ได้   
   “ไกลเกินไป  ไม่ได้ยินอะไรเลย”
   ฝนทิพย์ค้อนควัก  หมั่นไส้คน  ทำเป็นนั่งคิ้วขมวดอยู่นาน  วางท่าเก๊กอยู่ได้  สุดท้ายก็ตามมาส่องเหมือนกันนั่นแหละ  “แหงสิ  ถ้าอยากให้ได้ยิน  ตานทีก็นั่งคุยอยู่ในห้องให้พวกเราฟังด้วยแล้วสิ”
   ต้นน้ำมองตามหลังสองสามีภรรยาจอมสอดรู้สอดเห็นแล้วได้แต่ส่ายหน้าทอดถอนใจ  เขาเดินกลับขึ้นไปบนห้องของตัวเอง  ตรงไปยังประตูระเบียงแล้วเปิดกว้างอย่างเบามือ 
   หึ...หึ  มุมนี้สิถึงจะเห็นได้ชัดที่สุด  ถ้าพูดกันเสียงดังสักหน่อย  ก็จะได้ยินด้วย 



นทีมองใบหน้าบึ้งตึงของณภัทราด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูก  ใจหนึ่งยังบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความโกรธกรุ่นเอาไว้  อีกใจก็คล้ายว่าจะผ่อนคลายเบาลงแล้วเมื่อได้รู้ความจริงว่าณภรัทราไม่เคยทอดทิ้งตนอย่างที่คิด 
   “ผมรู้ว่าม๊าโกรธ”
   “น้อยไป”
   “เกลียด”
   “ก็ยังน้อยไป”  ณภรัทราฮึดฮัดขัดใจ  ความทุกข์ทรมานตลอดสิบห้าปีที่ผ่านมา  หากให้จำกัดความแค่คำว่า ‘โกรธ’ หรือ ‘เกลียดชัง’ มันยังนับว่าน้อยไป   
   ภาพในอดีตวนเข้ามาในห้วงความคิด...

   “แล้วคุณธนกรเขารู้ไหมว่าพี่สาวเขากับแม่เขาร้ายกาจกับเธอขนาดนี้”  ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งกล่าวกับสาวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม  แววตาของเขาเต็มไปด้วยความห่วงใย  จากหญิงสาวที่เคยสดใสร่าเริง  เป็นนางแบบและนักแสดงที่กำลังมีชื่อเสียง  ณภรัทรากลับเลือกทิ้งเส้นทางเดินสู่ฟากฟ้า  ยอมร่วงหล่นลงมาเพียงเพื่อสายเลือดที่อยู่ในครรภ์ 
   หลังจากแยกเส้นทางจากไป  วริศก็ไม่ได้เจอณภรัทราร่วมสองปี  กลับมาเจออีกที  ไม่คิดเลยว่าเด็กสาวในวันวานจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้  ท่าทางของณภรัทราดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  แต่ก็แลกมาด้วยแววตาสดใสราวลูกแก้วที่หายไป 
   ณภรัทราส่ายหน้า 
   “เขาไม่รู้หรอกค่ะ  ช่วงนี้เขาแทบไม่ค่อยได้กลับบ้าน  ไปดูสินค้าที่จีนบ่อยๆ  หลายเดือนถึงจะบินกลับมาสักทีหนึ่ง”
   “กลับมาทำงานกับพี่ไหม  พาลูกออกมาอยู่ด้วยกัน  พี่จะเป็นคนหางานให้เธอเอง”  วริศออกความเห็น  เขาดูแลงานให้ณภรัทรามาตั้งแต่แรกที่เด็กสาวเริ่มเข้าวงการ  เขาผันตัวเองจากนักแสดงหน้ากล้องมาเป็นเบื้องหลังได้พักใหญ่จึงรู้ดีว่าหน้าตาและความสามารถของเด็กสาวยังไปได้อีกไกล  ประกอบกับอุปนิสัยไม่ถือตัว  เข้ากับคนง่ายด้วยแล้ว  เส้นทางข้างหน้าราวกับปูพรมไว้ให้ด้วยกลีบกุหลาบ
   “พี่กรคงไม่อยากแยกจากครอบครัว  ป๊าเพิ่งเสีย  ม๊าก็ไม่ค่อยสบาย  พี่กรคงทิ้งไม่ได้”
   วริศอยากจะกรอกตาวนสักสิบรอบ  ทิ้งไม่ได้ก็ปล่อยมันเลี้ยงแม่มันเองสิ    แต่เขารู้ดี  ณภรัทรายึดติดกับคำว่าครอบครัวยิ่งกว่าใคร  เด็กสาวคนนี้เกิดในครอบครัวแตกแยก  พ่อแต่งงานใหม่  แม่ก็แต่งงานใหม่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศแล้ว  การมีชีวิตครอบครัวที่ล้มเหลวเป็นเหตุผลหนึ่งที่ณภรัทราต้องการลูกไว้  และคาดหวังกับการมีครอบครัวที่อบอุ่น  พยายามทำตัวเป็นแม่ที่ดีให้กับลูก  ทั้งอดทั้งทนจนไม่รู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะรับไหวได้ยังไงกัน
   “เฮ้อ  ฉันจะทำยังไงกับเธอดีเนี่ย”  วริศได้แต่ทอดถอนใจ 
   “แต่ถ้ามีงานเกี่ยวกับแม่และเด็ก  พี่ช่วยบอกภัททีนะคะ  งานแบบนี้ภัทคิดว่าน่าจะพอทำได้”  เป็นงานที่ไม่ส่งผลเสียกับภาพลักษณ์มากนัก  แล้วยังสามารถพานทีไปถ่ายด้วยได้  แม่สามีและพี่สามีน่าจะไม่ว่าอะไร
   “อืม  แล้วพี่จะดูให้”  วริศรับปากทำให้แววตาเศร้าหมองหญิงสาวกระจ่างขึ้น
   วันนั้นเขารับปากณภรัทราไปด้วยความรู้สึกเสียดาย  คอนเส็ปต์งานถ่ายแฟชั่นร่วมกับห้องเสื้อจากปารีสที่กำลังจะมาเปิดสาขาที่ไทยเหมาะกับณภรัทรามาก  เน้นที่สาวไทยลุคส์อินเตอร์เป็นตัวหลัก แม้คอนเส็ปต์จะหวือหวาไปหน่อยสำหรับคนไทย  แต่ราคาค่าตัวก็สมน้ำสมเนื้อ  เมื่อเปรียบเทียบกับงานนมผงแม่และเด็กที่วางอยู่อีกข้างๆ วริศก็อยากถอนหายใจยาวๆ ไปเลย 
   ไม่คาดคิดเลยว่าอยู่ๆ เขาก็ได้รับสายจากณภัทราอีกครั้งในเวลาประจวบเหมาะ  เสียงจากปลายสายสั่นเครือจนฟังไม่ได้ศัพท์
   “ภัท  เธออยู่ไหน?”  เมื่อได้พิกัดวริศก็รีบคว้ากุญแจรถออกไปทันที “เธออยู่ที่คนเยอะๆ ไว้นะ  พยายามเซฟแบตไว้  เดี๋ยวพี่ออกไปรับ”


   
ณภรัทรานั่งอยู่ใกล้ป้ารถเมล์ที่มีคนพลุกพล่านตามคำสั่งของวริศ  มือบางกอดกระเป๋าเสื้อผ้าที่ติดตัวมาอยู่ใบเดียวไว้แน่น  ดวงตาคู่สวยอ่อนล้าโรยแรงคล้ายคนที่ร้องให้มาอย่างหนัก  ร้อง...จนไม่เหลือน้ำตาให้ไหลออกมาอีกแล้ว  ท่าทางของหญิงสาวตอนนี้เหมือนดอกไม้ที่ร่วงหล่นลงบนพื้น  ผ่านการเหยียบย่ำจนบอบช้ำ  วริศดึงร่างบางเข้ามากอดแน่น  ขบฟันอย่างสะกดกั้นอารมณ์  อะไรทำให้ดอกไม้ที่กำลังจะเบ่งบานต้องตกอยู่ในสภาพนี้
   “เกิดอะไรขึ้นภัท?  ทำไมเธอเป็นแบบนี้”
   “เขาไล่ภัทออกมาแล้วพี่”  เสียงแหบแผ่วตอบเบาๆ 
   “ใคร? คุณกรเหรอ?”
   ณภรัทราส่ายหน้า “พี่ธัญ”
   “แล้วคุณกรรู้เรื่องหรือยัง?”
   “น่าจะยังมั้งคะ  เขาไม่ได้ติดต่อภัทมาเป็นเดือนแล้ว” 
   “โธ่  น้องเอ๊ย” วริศลูบศรีษะณภรัทราเบาๆ  ก่อนจับจูงไปขึ้นรถ  “ไป  ไปบ้านพี่ก่อน  เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”
   วริศพาณภรัทราขึ้นรถ  สอบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น  ธัญญาเห็นภาพข่าวที่ณภรัทรานัดเจอกับวริศเพื่อของานทำบนหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งพลางเข้าใจว่าณภรัทราแอบลอบพบกับชู้รักเก่า  แม้ว่าเธอจะอธิบายเท่าไรก็ไม่ฟัง  เก็บเสื้อผ้าส่วนหนึ่งยัดใส่กระเป๋าให้เธอออกมาจากบ้าน
   “โอ๊ย  อย่างกับในละคร”  วริศพูดก็เหลือบมองคนข้างตัวไปด้วย  อยากจะด่าให้มากกกว่านี้สักร้อยเท่าแต่พอเห็นท่าทางหงอยเหงาราวกับลูกนกตกรังแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ  เขาเองก็มีส่วนผิดในเรื่องนี้  เขามีรสนิยมรักชอบคนเพศเดียวกัน  แต่เพราะหน้าที่การงานและครอบครัวทำให้ไม่สามารถเปิดเผยออกไปได้  วริศค่อนข้างระวังตัวเองอยู่พอสมควร  นอกจากคนใกล้ชิดแล้วก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้อีก  วริศรักและไว้ใจณภรัทราเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่งจึงเปิดเผยรสนิยมส่วนตัวให้รับรู้  และเขาก็คิดถูก  ณภรัทราไม่เคยเปิดเผยความลับของเขากับใครแม้แต่คนรักอย่างธนกร  ขอบตาของเขาร้อนผ่าว  เอื้อมมือไปจับมือที่เล็กกว่า  “พี่ขอบคุณมากนะภัท  ที่ไม่เคยเปิดเผยเรื่องพี่  แต่พี่อนุญาต...ถ้าคุณกรกลับมา  อธิบายทุกอย่างให้เขาฟัง  บอกเขาไปทั้งหมดว่าพี่เป็นอะไร” 
   หญิงสาวยิ้มให้วริศทั้งน้ำตา  “ไม่เป็นไรหรอกพี่ริศ  ไม่ต้องบอกใครทั้งนั้น  ภัทจะไม่กลับไปบ้านนั้นอีกแล้ว  ภัทจะทำงานเก็บเงินและพาลูกออกมาจากบ้านหลังนั้นให้ได้”
   “แล้วคุณกรล่ะ?  เธอไม่รักคุณกรแล้วเหรอ?”
   ณภรัทรานิ่งเงียบ  ความรักของเธอกับธนกรเหมือนเปลวเพลิงร้อนแรง  ลุกลามแต่ก็แผ่วเบา  สุดท้ายก็เหลือไว้เพียงแค่รอยควันจางๆ เท่านั้น  ช่วงสองปีที่ผ่านมาเธอยุ่งอยู่กับลูก  กังวลเรื่องราวของสามี  วิตกกังวลและหวาดกลัวพี่สาวของสามีราวกับเดินวนอยู่ในเขาวงกตจนมองไม่เห็นทาง  ไม่น่าเชื่อว่าแค่เพียงได้นั่งใช้ความคิดลำพังโดยไม่มีเรื่องของใครมากดดันกลับทำให้เธอคิดเรื่องของตัวเองได้  ราวกับตัวเธอลอยสูงขึ้นมาเหนือเขาวงกตนั้น   มองเห็นเส้นทางคดเคี้ยวและตีบตันอย่างละเอียด  จนค้นพบทางออกของตัวเธอเอง 
   ธนกรเป็นสามีที่ดี  เป็นพ่อที่ดี  แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นลูกที่ดีและน้องชายที่ดีด้วย  บนบ่ากว้างนั้นต้องแบกรับภาระของครอบครัวไว้จนหนักอึ้ง  เธอเคยคิดว่าจะอยู่เป็นกำลังใจ  เป็นแรงผลักดัน  คอยดูแลทุกอย่างเบื้องหลังของเขา  แต่มันยาก...ยากมากเหลือเกินกับการที่ต้องเผชิญคนที่คอยตัดเรี่ยวแรงและกำลังใจอยู่ทุกวัน 
   “ภัทรักพี่กรค่ะ  ตอนนี้ยังคงรักอยู่  แต่ถ้าภัทกลับไปอยู่ที่นั่น  สักวันภัทอาจจะไม่เหลือความรักให้พี่กรแล้วก็ได้”


   ณภัทราลงจากรถคันใหม่ไปกดกริ่งประตู้บ้านที่ตนเองเคยอยู่เป็นครั้งแรก  หากแต่ทุกอย่างกลับเงียบ  ไม่มีเสียงตอบรับจากสิ่งที่เธอเรียก  เธอกดกกระดิ่งรัวอย่างบ้าคลั่ง  หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล ก็จะปีนรั้วแล้ว
   “พอได้แล้ว”  เสียงจากธัญญาดังออกมา  “อาม๊านอนหลับอยู่  เธอต้องการอะไร?  ที่นี่ไม่ต้อนรับเธอ”
   “ภัทรมาหาลูกค่ะ”
   “หึ  นทีไม่อยากมีแม่อย่างเธอหรอก”
   “คุณพี่หมายความว่ายังไง?” ณภัทราหน้าเสีย 
   “ปีหน้า  นทีก็จะเข้าโรงเรียนแล้ว  เธออยากให้ลูกโดนล้อว่ามีแม่เป็นดาวยั่วเหรอ?”
   ดาวยั่ว?  ดาวยั่วกับผีสิ  นั่นนางแบบโกอินเตอร์ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพจากอิตาลีนะ  นางเอกชื่อดังยังไม่มีปัญญาได้งานนี้เลย  ถ้าไม่ได้มีความสามารถ  เบื่อยายกบในกะลานี่จริง  และมันก็เป็นเรื่องน่าโมโหนัก  ที่กบในกะลาในประเทศนี้มีเยอะเกินไป  อาจจะรวมถึงผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ ในโรงเรียนของลูกชายด้วย
   หญิงสาวโต้เถียงไม่ออก  อาชีพที่เธอเลือกไม่ได้ดูมีเกียรตินักในสายตาคนในสังคม  สักวันนทีจะเข้าใจ  แต่ยังไม่ใช่ตอนนนี้...ตอนที่เขายังคิดอ่านเองไม่เป็น 
   “งั้นภัทรฝากของไว้ให้ลูกด้วยแล้วกันนะคะ”  ณภัทรากล้ำกลืนฝืนทน  ระหว่างนี้เธอต้องทำงานเก็บเงินให้มากที่สุด  เพื่อวันหนึ่งที่ลูกโตพอที่จะเข้าใจทุกอย่าง  วันนั้น...เธอจะได้ใช้เวลากับลูกให้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลกับอะไรอีก
   “ทางที่ดี  เธออย่ามาที่นี่อีกเลยดีกว่า  ที่ชั้นเตือน...ก็เพื่อลูกของเธอเองนะ  มีแม่ชั้นต่ำ...ไม่กลัวว่าจะดึงลูกให้ตกต่ำลงไปด้วยงั้นเหรอ?”
   หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น  ทั้งเจ็บและอับอาย  ตั้งแต่มีข่าวกับวริศ  สายตาที่มองเธอล้วนมีแต่แววดูถูกเหยียดหยาม  หากเธอพาลูกไปอยู่กับเธอตอนนี้  นทีก็ต้องพลอยได้รับสายตาร้ายกาจเหล่านั้นไปด้วย 
   ทุกครั้งที่มีโอกาส  ณภรัทรามักจะพาตัวเองไปยังโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง  เฝ้ามองเด็กคนหนึ่งเจริญเติบโต  สามปีต่อมา...ก็ย้ายไปเฝ้าโรงเรียนประถม 
   ประถมต้น
   ประถมปลาย
   เพื่อที่จะได้รู้ว่า...วันที่เธอได้เจอกับลูกอีกครั้ง  ลูกก็ไม่อยากเจอเธออีกต่อไปแล้ว

   

   ภาพที่เพียงแค่นึกถึงก็เหมือนลาวาร้อนระอุที่พร้อมจะแผดเผามอดไหม้  แต่ไม่สามารถหาทางปะทุออก  ทำได้แค่เพียงเก็บและกักมันลงไป  ปล่อยให้มันซึมลึกเข้าเลือดเข้าเนื้อของตนเอง  หล่อหลอมรวมกันจนแยกกันไม่ออก 
   ปากสีแดงสดเม้มเข้าหากันแน่น  ดวงตาแดงก่ำขึ้งเคียดจนนทียังคาดไม่ถึง
   ความเจ็บปวดของเขาได้รับการบรรเทาลงไปมากแล้ว  เขาเคยสูญเสีย  เคยกังวล  พื้นที่กว้างใหญ่ในโลกใบนี้ล้วนไม่มีที่ของเขา  แต่ก็ได้รับในสิ่งที่ตนเองต้องการมาทดแทน  แต่ผู้หญิงบอบบางที่ยืนตระหง่านตั้งตรงอยู่ตรงหน้าเขา...เคยสูญเสีย  แต่เคยได้อะไรตอบแทนมาหรือไม่?
   เมื่อก่อน  เขาคิดแค่ในมุมของตัวเอง  แต่เมื่อลองมองในมุมของคนเป็นแม่ดูบ้าง  นทีกลับรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดที่ไม่ได้น้อยไปกว่าของตนเลยสักนิด 
   “ม๊า”  นทีดึงณภรัทราเข้ามา  มือบอบบางสั่นเทาขืนไว้เล็กน้อยอย่างไม่ยินยอม “แลกกันนะ  แลกกันเถอะ  อะไรที่ม๊าเคยสูญเสียไป  ผมจะชดเชยให้เอง  เราเริ่มต้นกันใหม่นะม๊า  ผมไม่อยากให้ม๊าเก็บมันไว้  ไหนๆ เราก็เข้าใจกันแล้ว  เราอย่าเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระเลย  เวลาที่เหลือต่อจากนี้  เราใช้มันดูแลกันเถอะ  ให้ผมดูแลม๊านะ”
   น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย 
   “ทีไม่โกรธม๊าแล้วเหรอลูก?”
   “แล้วม๊าไม่โกรธผมเหรอ?  ผมเคยทำตัวไม่ดีกับม๊าเยอะแยะ”  ในทุกความเจ็บปวดที่ณภัทราได้รับมา  หนึ่งในที่สุดของความเจ็บปวดนั้นมาจากเขา
   “ไม่  ม๊าไม่เคยโกรธทีเลย” 
   ณภรัทรารีบตอบอย่างรวดเร็วราวกับเกรงว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้นานจะทำให้คนเป็นลูกต้องเสียใจ
 “ผมก็ไม่โกรธแล้ว  เคยโกรธ...ที่ม๊าไม่รัก  ไม่สนใจ  แต่ตอนนี้ม๊ารักแล้ว  ม๊าสนใจแล้วนี่  ไม่รู้จะโกรธต่อไปอีกทำไม  ถ้าเรามัวแต่โกรธกัน  เราจะยิ้มให้กันได้ยังไง  มันเสียเวลาในชีวิตเราเกินไปหรือเปล่าครับ”
   นทีดึงคนที่เคยโอบอุ้มเขาเมื่อตอนยังเล็กเข้ามาในอ้อมกอดกว้าง  ถ่ายทอดทุกความรู้สึกของนทีให้ผู้เป็นแม่ได้รับรู้  เขาจำไม่ได้แล้วว่าอ้อมกอดของแม่เป็นยังไง  แม้จะเคยเจ็บปวด  เคยโกรธ  เคยเกลียด  แต่ตอนนี้...ทุกอย่างมันอันตรธานหายไปหมดแล้ว  เขาเติบโตพอที่จะเข้าใจ  และให้อภัยอดีตได้
   “ม๊ารัก  ม๊ารักลูกมาตลอด  ไม่เคยมีวันไหนที่ไม่รักเลย  ม๊าขอโทษนะ  ม๊าขอโทษ  ม๊าไม่ได้อยากให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้  ม๊าอยากดูแลลูกเอง  อยากอยู่กับนที  แต่ม๊าไม่ดี  ม๊าไม่ดีเอง”  ณภรัทราปล่อยโฮ  ละล่ำละลักบอกสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ  กว่าจะได้เจอนทีอีกครั้ง  สายตาของลูกก็มองเธอเหมือนคนแปลกหน้าไปแล้ว
   นทีเข้าใจดี  ช่วงเวลาที่เขาคิดว่าแม่ทอดทิ้งคือช่วงเวลาเดียวกับที่ณภรัทราดิ้นรนหาทางมาเพื่อตัวเขาเหมือนกัน  อ้อมแขนแกร่งกระชับแน่นปลอมประโลมร่างโปร่งบางที่กำลังสะอึกสะอื้นจนตัวโยน
   “ผมยกโทษให้  ยกโทษให้ทั้งหมด  แต่ม๊าก็ต้องยกโทษให้ตัวเองด้วย  ม๊าทำดีที่สุดแล้วครับ”
   ณภรัทราร้องให้หนักกว่าเดิม  กอดผู้เป็นลูกชายแน่น   น้ำตาที่เคยหลั่งเพราะความคับแค้นเยียวยาด้วยน้ำตาของการให้อภัย  อ้อมกอดของลูกชายช่วยบรรเทาบาดแผลที่ไม่เคยปิดสนิทให้จางหายไป
   ความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้งของสองแม่ลูกพลอยทำให้ขอบตาของคนที่คอยจับจ้องตามมุมต่างๆ ของบ้านพลอยร้อนผ่าวไปตามๆ กัน 
   ต้นน้ำทนดูไม่ไหว  เขากลับขึ้นมาสะกดอารมณ์บนเตียงพลางนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้ชาร์จแบตโทรศัพท์เลย



มือขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อหน้าจอเปิดขึ้นอีกครั้ง  โทรศัพท์แจ้งเตือนจากแอพอินสตราแกรมโชว์ตัวเลขหลักร้อย  ใจเขาสั่นขึ้นมากระทันหันอย่างควบคุมไม่อยู่  ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่  แล้วก็ต้องช็อคหนักเข้าไปอีกเมื่อเห็นภาพฝ่ามือตัวเองแปะหราอยู่บนหน้า...หรือเจาะจงไปเลยว่าอยู่บนริมฝีปากของนที  โชว์รูปหัวใจจางๆ   นึกได้ถึงภาพหวานที่ล่องลอยคล้ายอยู่ในความฝันเมื่อคืน  เขาก็รู้สึกหวิวๆ ในใจอีกครั้ง  เขาหงายมือข้างที่ถูกวาดไว้มาดู  รอยสีซีดลงไปแล้วแต่ก็พอเห็นว่าเป็นรูปหัวใจกระดำกระด่าง  ไม่น่าจะมีคนรู้ว่าเป็นมือเขา  ถ้าลบดีๆ วันนี้น่าจะหายไปทั้งหมด
แต่...ก็มีคนรู้!  มีแต่คนทักเขา...เมนชั่นถึงเขา
   ต้นน้ำลนลานอย่างคนที่กระทำความผิดแล้วกลัวว่ามีคนจับได้  มือสั่นเทาเลื่อนหน้าจอหาสาเหตุอย่างรวดเร็ว
   เริ่มแรกทุกคนยังตามล่าหาเจ้าของมือ  และชาวเน็ตก็พุ่งเป้าไปหาเจ้าพ่อโซเชียล  เจ้ากรมข่าวลืออย่างต้นปาล์ม  จนกระทั่งต้นปาล์มมาตอบแล้วเมนชั่นถึงเขา  จากนั้นคอมเม้นท์ต่อๆ มาก็เริ่มมีชื่อเขา

   Sun_shines : อยากโดนเป็นเจ้าของ  อยากมีคนจับจอง @tonnam
   Jaideedeemetang : โอ๊ย...เรือชั้น  ลงถูกลำ @tonnam รู๊ก รูกแม่
   Mala21_ : เกียมตัดชุดแล้วน๊า @tonnam


   โอ๊ย...ไอ้ปาล์ม  มึงเมนชั่นถึงกุทำไมว้า?  ดันโพสต์แค่ชื่อ...  แล้วก็ไม่มีอะไรต่อท้าย  เดาจุดมุ่งหมายไม่ออกสักอย่าง 
ต้นน้ำกุมขมับ  หรือต้นปาล์มจะรู้เรื่องระหว่างเขากับนทีแล้ว  ถ้าต้นปาล์มรู้  ทุกคนรู้จริงๆ  แม่กับป๊าก็จะรู้ด้วยไหมเนี่ย? 
   เฮ้อ...คงมีแต่เขาคนเดียวที่ไม่รู้  ไม่รู้...ว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี  จากที่ใช้มือกุมขมับ  รอบนี้ต้นน้ำถึงกับใช้สองมือกุมหัวเลยทีเดียว 
   เขากดโทรศัพท์หาริว  รอสักพักริวถึงได้รับสายด้วยน้ำเสียงชวนเขินอายจนอยากจะกระโดดถีบเท้าคู่สักที
[ ฮั่ลโหลลลล้  เป็นงายยย  สบายดีม๊าย? ] เสียงยานคางท้ายประโยคชวนให้ต้นน้ำหนาวๆ ร้อนๆ  แต่เขาไม่อยู่ในอารมณ์จะเล่นกับใครทั้งนั้น 
   [ แซ่บบ่ออ้าย? ] เนมตะโกนเสียงหวานหยดแทรกเข้ามา
   [ แซ่บหลายเจ้า ] เสียงเอื้องฟ้าตะโกนตอบด้วยน้ำเสียงหวานที่หวานกว่า   
   อยู่ด้วยกันสินะ  ดี! จะได้เช็คบิลทีเดียว
    “มึง  จัดการให้กูที”  ต้นน้ำบอกน้ำเสียงกังวล
   [ จัดการอะไรวะ? ]  ริวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงงงๆ  เหมือนคนไม่รู้เรื่องจริงๆ
   “ไอ้ปาล์ม! มันไปบอกคนอื่นหมดแล้วว่าเป็นกู” 
   [ แป๊บนะ ] ริวบอกก่อนที่จะหันไปถามเพื่อนคนอื่น ต้นน้ำได้ยินเสียงลอดผ่านมาทางโทรศัพท์ [ ไอ้ปาล์มมันรู้เรื่องไอ้นทีกับไอ้น้ำแล้วเหรอวะ? ]
   [ ไม่นะ  หรือเมื่อคืนมันจะเห็นตอนไอ้ต้นน้ำกับไอ้นทีจูบกัน ]
   [ แต่ตอนนั้นไอ้ปาล์มมันไม่อยู่ที่โต๊ะนะ ]
   [ ก็ไม่แน่  บดปากกันซะขนาดนั้น ]
   ต้นน้ำเอามือปิดหน้า  จะนินทาอะไรก็ช่วยอย่าลืมด้วยว่าเขายังอยู่ในสาย 
   “พอก่อน” ต้นน้ำตะโกนเสียงสูง 
   ริวหัวเราะเบาๆ ก่อนบอก
[ มึงไม่โทรไปถามมันดูล่ะ ]
   “ไม่เอา  เดี๋ยวมันหาว่ากูร้อนตัว”
   [ นี่ก็ร้อนตัวอยู่ไม่ใช่เหรอ ]
   “ไม่เรียกว่าร้อนตัวเว้ย  แค่ร้อนใจ  มึงอย่าเพิ่งมากวนตีนได้ไหม  กูเครียดจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
   [ เครียดอะไร  มึงอายที่จะบอกคนอื่นว่าคบกันเหรอ ]
   “กูไม่ได้อาย  แต่กูกลัว  กูกลัวแม่รู้  แม่กูชอบแอบส่องโซเชียลอยู่ด้วย”
   [ เออๆ  เดี๋ยวกูลองคุยกับไอ้เม่นก่อน มึงใจร่มๆ ไว้ ]
   ริววางสายไปแล้ว  ต้นน้ำกังวลจนแทบจะเอาเท้ามาก่ายหน้าผาก  กลัวว่าจะมีใครรู้ความสัมพันธ์ของเขากับนที  กลัวว่าป๊ากับแม่จะรู้  ถ้ารู้แล้วจะรับได้ไหม?  จะเสียใจหรือเปล่า?  คิดไปจนถึงเรื่องของณภรัทรากับนที  คิดวนไปวนมาจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู  ต้นน้ำลุกพรวดขึ้นมานั่ง  นทีเปิดประตูเข้ามา
   “ทำไมทำหน้ายุ่งอย่างนั้นล่ะ?”
   “เดี๋ยวค่อยเล่าแล้วกัน  นายกับ...เอ่อ...แม่นายเป็นยังไงบ้าง”
   นทีล้มตัวลงนอนบนตักต้นน้ำ 
“ม๊ายอมปล่อยให้ป๊าจัดการเรื่องป้าธัญเองแล้ว  เราก็...ไม่ได้โกรธอะไรม๊าแล้ว”  ใบหน้าคมเข้าซุกพุงต้นน้ำ
   ท่าทางของนทีดูเหนื่อยล้า  ต้นน้ำใช้มือสางเข้าไปในกลุ่มเส้นผมนุ่มเบาๆ  ก่อนบอก “ไปนอนดีๆ เถอะ  ท่านี้ดูไม่สบายเลย”
   “นายห้ามหนีไปไหนนะ”  นทีบอกเสียงค่อย  มือแกร่งกระชับแน่นเข้า  เขามีความสุข  มีความสุขมากจนไม่ถือโทษโกรธเคืองกับทุกสิ่ง  เขาให้อภัยอดีตได้  เพราะเขาไขว่คว้าความสุขในปัจจุบันมาไว้ได้  หากไม่มีต้นน้ำ...เขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจะโกรธโลกเหมือนที่เคยเป็นมาหรือเปล่า
   เมื่อไม่มีเสียงตอบจากนที  ต้นน้ำเลยเลื่อนมือลง  ตั้งใจว่าจะดันตัวนทีออก 
   ร่างสูงขืนตัวซุกอยู่ที่พุงเขา  ก่อนส่งเสียงออกมาเบาๆ  “อยากได้ท่าเมื่อคืนนี้”
   ต้นน้ำ “..........”  ท่าอะไร  ใช้ไปตั้งหลายท่าอยู่นะ


เม่นเปิดดูข้อความที่ส่งมาจากริวก่อนเข้าไปดูโพสต์ต้นเหตุ  คิ้วเรียวขมวดมุ่น  เขาเหลือบมองตัวต้นเหตุที่นั่งเรียนอยู่ใกล้ๆ  กัน  ถ้าไม่ติดน็อตที่คั่นกลางอยู่เขาก็อยากจะเอาเท้ายันด้วยความเอ็นดูสักครั้ง
   เม่นสะกิดน็อตให้ดูผลงานแฉช่วงบ่ายของต้นปาล์ม
   “เมื่อคืนมันพูดอะไรหรือเปล่า?”  นิสัยของต้นปาล์มค่อนข้างเปิดเผย  ถ้าจะพูดก็น่าจะพูดตั้งแต่ตอนที่รู้เรื่องแล้ว
   น็อตส่ายหน้า 
   “ไม่นะ  ไม่เลย”  อย่าว่าแต่จะพูดให้เป็นเรื่องเป็นราว  แค่พูดให้เป็นคำยังลำบาก  เมาจนเขาต้องหิ้วปีกกลับห้อง  ตื่นมาอีกทีก็เกือบบ่าย  พลาดเรียนคาบเช้าไปแล้ว  รีบลนลานขึ้นวินมอเตอร์ไซค์แล้วใส่ตีนหมาโกยหน้าตั้งมาเข้าห้องเรียนนี่ล่ะ  แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ได้กิน 
แต่คนบางคน...ก็ยังมีเวลาไปโพสต์ตอบอินสตราแกรมได้อีก  น็อตเหลือบตาไปยังต้นปาล์ม
   “ไอ้ปาล์ม  เมื่อเช้ามึงโพสต์อะไรวะ?”
   ต้นปาล์มปรือตามองกลับมาท่าทีเฉื่อยชา  “โพสต์ไร?  ไม่ได้โพสต์อ่ะ  ง่วงว่ะ”  พูดจบก็หาวโชว์สักหนึ่งที
   “ก็เนี่ย” น็อตยื่นโทรศัพท์ให้ดู
   ดวงตาหรี่ปรือของต้นปาล์มเบิกกว้าง
    “กูแค่จะถามไอ้น้ำเฉยๆ  ว่าใคร  ก็เมื่อคืนมันกลับด้วยกัน  แต่ยังไม่ทันได้ถาม  มึงก็ถีบกู  ลากกูมาเรียนเนี่ย  สงสัยมือเผลอกดอ่ะ  ทำไงดีวะ?”
   “เหอๆ  มึงรีบแก้ข่าวให้พวกมันเลยนะ  เดี๋ยวไอ้นทีก็มาตีกบาลมึงหรอก”
   ต้นปาล์มเหลือบมองอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง  อาจารย์ประจำวิชานี้ค่อนข้างเนี้ยบ  ไม่ชอบให้นักศึกษาคุยกันหรือเล่นโทรศัพท์ระหว่างเรียน  เขาค่อยๆ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอย่างระมัดระวัง  สายตาก็คอยเหลือบมองอาจารย์ไปด้วย

   plamtree : ทุกคนคร้าบ  ทุกคนกำลังเข้าใจผิด  เมื่อเช้ามือลั่นไปหน่อย  ผมแค่จะพิมพ์ว่า @tonnaam...มึงมาตอบสิ  เมื่อคืนมึงกลับกับมันอ่ะ
   เสร็จแล้วก็กดตุ่มโพสต์  เป็นอันเรียบร้อย  ต้นปาล์มกำลังจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง  พอดีกับที่โทรศัพท์สั่นครืดด...
   @palmtree กลับด้วยกัน???  งั้นจะมีใครอีกล่ะคะ?  ถ้าไม่ใช่ต้นน้ำ
   ครืดดด...
    @palmtree กลับไปด้วยกัน  กลับไปด้วยกัน  กลับไปด้วยกัน
   ครืดดด...
   @sunlaya_jj มึงมาดูนี่  เขากลับด้วยกัน
   ครืดดด...
   ครืดดด...
   ครืดดด...
   ต้นปาล์มเลิ่กลั่ก  คนรอบข้างเริ่มหันมามอง 
   “ชิบหายแล้ววว”  แค่พูดเบาๆ ก็รู้สึกได้ถึงความหายนะ 
   “คุณนนทภพคะ!”  เสียงอาจารย์ดังมาจากหน้าห้อง 
   คุณนนทภพหน้าหด  รีบวางโทรศัพท์ที่สั่นครืดๆ ลงบนโต๊ะ  ชูสองมือขึ้นเหนือหัว  “ขอโทษครับอาจารย์  กำลังจะปิดเครื่องแล้วครับ”  พูดจบก็รีบปิดเครื่อง  ทำหน้าแหย  ส่งสายตากึ่งขอขมากึ่งอ้อนวอนไปให้มองเพื่อนสนิททั้งสอง
   เม่นกับน็อตทำท่าปาดคอตัวเองส่งกลับ มึงตายแน่!
   

*************** ต่อด้านล่าง ***************



หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 27 ------ [07/12/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 07-12-2020 14:18:10
*********** ต่อจากด้านบน ************

ต้นน้ำปล่อยให้นทีนอนหนุนตักไป  ส่วนตนเองก็ไถโทรศัพท์เล่นอย่างไม่ค่อยเป็นสุขนัก  ภายในใจลุ้นตุ๊มๆ ต่อมๆ อยู่ตลอดเวลา
“แม่ง”  ต้นน้ำจิ๊ปากเมื่อเห็นผลงานการแก้ตัวของต้นปาล์ม  มั่นใจว่านี่คือการแก้ไข?   ทำไมมันดูพุ่งเป้ามาที่เขามากกว่าเดิมล่ะ
   “เป็นไร?” นทีเงยหน้าขึ้นมาถาม
   ต้นน้ำยื่นโทรศัพท์ให้ดูอย่างเซ็งๆ
   “เนี่ย  ไอ้ปาล์มแม่ง...ทำคนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว”
   นทีเลิกคิ้ว  ไม่ใช่ว่า...ทำให้คนอื่นเข้าใจถูกหรอกเหรอ?
   ต้นน้ำบ่นงุบงิบ  “นายไม่น่าลงรูปเลย”
   หน้าคมสลดไปนิดนึง  ก่อนลุกขึ้นนั่งแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ต้นน้ำ  มือใหญ่ลูบไปที่หัวทุยเบาๆ
   “ก็นายไม่ชอบเวลาที่ตัวเองรู้สึกหึงไม่ใช่เหรอ?  บอกให้คนอื่นรู้...เขาจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเราอีก  แต่ถ้ามันทำให้นายไม่สบายใจ  เดี๋ยวเราลบออกให้ก็ได้”   
   ต้นน้ำย่นหน้าลำบากใจ  จนนทีลืมตัวอดชะโงกหน้าเข้าไปจุ๊บแก้มนิ่มเบาๆ ไม่ได้  “ทำหน้าบึ้งทำไมอ่ะ?”
   ดวงหน้าใสขึ้นสีเล็กน้อยอย่างไม่คุ้นชิน  “ก็กลัวแม่กับป๊าจะรู้นี่”
   “ถ้าเครียดนักก็ลบออก”  นทีทำท่าจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา  แต่มือขาวกลับยั้งไว้  ใบหน้าคมเหลือบมองคนที่กำลังกำลังทำหน้าเครียด
   “แต่ก็ไม่อยากให้ลบด้วย”
   ตู้มมม...นทีทนไม่ไหวแล้ว  มือแกร่งรวบร่างของคนตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอด  หอมซ้ายหอมขวาแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  ก่อนหยุดที่ริมฝีปากเล็ก  ขบเม้มเบาๆ อย่างหักห้ามใจ  เสียงลมหายใจผะแผ่วชวนให้อารมณ์เตลิดไปไกล  แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เพียงรวบคนที่เป็นต้นเหตุล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกัน
   ต้นน้ำปล่อยให้นทีกอดไว้สักพักก่อนเด้งตัวขึ้น
   “ดูในไอจี  ป๊ากับแม่ไม่น่าจะรู้หรอก  จะรู้ตอนที่เดินมาเคาะห้องนี่ล่ะ”
   “ต่อไปก็ล็อคห้องสิ”
   “มันจะยิ่งมีพิรุธนะ เอาเป็นว่าถ้าไม่แน่ใจว่าอยู่กันแค่สองคน  อย่ารุ่มร่าม” 
   คนบนเตียงถอนหายใจเฮือกใหญ่  อยู่ข้างนอกก็ต้องระวัง  อยู่ในบ้านก็ยังต้องระแวง  มือใหญ่เขี่ยแขนคนข้างตัวเบาๆ
   “แล้วเมื่อไรจะได้ทำ?”
   ต้นน้ำทำหน้าไม่ถูก  เขาไม่ได้เขินนะ...สาบานได้  แต่ก็ไม่ชินจริงๆ ที่จะต้องพูดเรื่องแบบนี้   ริมฝีปากบางเม้นแน่นก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว
   “ก็รอให้ป๊ากับแม่ไม่อยู่ก่อนสิ”
   นทีลุกขึ้นมานั่งข้างๆ  ใช้สองแขนโอบกระชับร่างของต้นน้ำเข้าหาตัวพร้อมกับกระซิบข้างใบหูแดงๆ 
   “วันเสาร์นี้ไปดูหนังกันไหม?
   น้ำเสียงทุ้มต่ำของนทีนุ่มนวลอ่อนโยน  เหมือนเสียงล่อลวงของพ่อมดที่หลอกล่อเด็กตัวน้อยด้วยลูกกวาด  แค่ชวนไปดูหนัง  ทำไมต้องใช้เสียงอ่อนเสียงหวานเบอร์นี้  ต้นน้ำเหลือบตามองใบหน้าหล่อเหลาของพ่อมด  ต่อให้พ่อมดไม่ล่อลวงเขา  เขาก็อยากเป็นฝ่ายล่อลวงพ่อมดเสียเอง
   “อืม”  ถึงลูกกวาดจะเคลือบยาพิษ  หากเป็นพ่อมดคนนี้ยื่นให้  เขาก็จะกลืนลงไป


ในขณะที่โลกฝั่งหนึ่งเป็นสีชมพู  โลกอีกฝั่งก็มืดมนเหลือจะพรรณนา  ต้นปาล์มนั่งกัดเล็บจนเล็บแทบกุดครบทุกนิ้ว  ในมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์มือถือที่หน้าจอโชว์รูปภาพของนทีและยอดคอมเม้นท์ที่ยังคงเดินหน้าไม่หยุด 
   น๊อตกับเม่นเดินมานั่งขนาบข้าง  เม่นวางขวดน้ำเปล่ามีไอน้ำเกาะเย็นเฉียบลงด้านหน้าพร้อมกับนอตที่วางถุงลูกชิ้นลง
   “กินข้าวกินปลาบ้างเถอะมึง” น๊อตบอก
   “สงบจิตสงบใจบ้าง  กายสังขารเป็นของไม่เที่ยง” เม่นลูบหัวต้นปาล์มเบาๆ อย่างทะนุถนอม “เห็นแก่ความเป็นเพื่อนกัน  ไอ้นทีไม่เล่นมึงถึงตายหรอก”
   น็อตบีบไหล่ต้นปาล์มเบาๆ
   “มึงต้องคิดในแง่ดีนะ  แค่พิการ  อย่างน้อย...มึงก็ยังมีชีวิตอยู่  ยังได้เจอพวกกูไปอีกนานแสนนาน”
   ต้นปาล์มมองเพื่อนทั้งสองคนอย่างซาบซึ้ง  ก่อนเอ่ยเบาๆ “ไอ้สัด”
   น็อตกับเม่นหัวเราะครืน
   ต้นปาล์มกุมขมับ “เอาจริงสิ  เนี่ย...แม่ง  กูจะทำยังไงดีวะ  กูทำให้คนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมดแล้ว  ความผิดกูคนเดียวเลย”
   เม่นกับน็อตมองเหม่อ  ใช่...ความผิดมึงคนเดียวเลย  ที่ทำให้คนอื่นเข้าใจถูก!



ธนกรผุดลุกขึ้นเมื่อเห็นนทีกับต้นน้ำเดินลงบันไดมา  นทีมองหน้าเขาด้วยสีหน้างุนงง
   “ที” ธนกรอึกอัก  ท่าทางดูประหม่า “พรุ่งนี้  เราไปตรวจดีเอ็นเอกันไหม?”
   แววตาสดใสของผู้เป็นลูกชายทอประกายหม่นลงวูบหนึ่ง  จนธนกรต้องรีบโพล่งออกมา
   “ป๊าอยากให้ทีแน่ใจว่า   ป๊าเป็นพ่อของทีจริงๆ  ต่อไป...ไม่ว่าใครจะพูดยังไง  ทีจะได้เชื่อมั่นได้ว่า  ป๊าเป็นปะป๊าของทีแน่นอน  เป็นป๊าคนเดียว  ไม่มีคนอื่นอีกแล้ว”  แม้จะพยายามควบคุมตัวเอง  แต่เสียงของธนกรก็ยังสั่น  เขากังวล  กลัวลูกจะเข้าใจผิด  กลัวลูกจะหาว่าเขารังเกียจ  แต่ก็ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่จะทำให้นทีมั่นใจได้ว่าเขาเป็นพ่อของนทีจริงๆ
   นทีเดินเข้ามาใกล้
   “แล้วถ้าผลตรวจออกมาว่าเราไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันล่ะครับ”
   ธนกรพูดไม่ออก  เขาไม่อาจควบคุมเสียงของตัวเองได้  แม้กระทั่งหยดน้ำตา  เขาก็ควบคุมมันไม่ได้  ผู้ชายวัยกลางคนที่ออกตระเวนไปทั่วเกือบทุกมุมโลก  สร้างเนื้อสร้างตัวเพียงลำพัง  บ่อยครั้งที่เหนื่อยล้า  หลายครั้งที่ต้องล้มลุกคลุกคลาน  แต่เขากลับพยายามยืนขึ้นมาใหม่  เพียงเพราะข้างหลังของเขามีเด็กคนนี้ยืนอยู่  ความเข้มแข็งของเขาทั้งหมด  มีลูกเป็นเบื้องหลัง  หากปราศจากนทีแล้ว  เขาก็คงเป็นเพียงผู้ชายอ่อนแอคนหนึ่งที่ปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามโลกและกาลเวลา
   “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง  ทีจะรังเกียจป๊าไหม?  ทีจะยังอยากให้ป๊าเป็นพ่อของทีอยู่ไหม” 
   นทีมองสายตาคาดหวังและรอคอยของธนกร  เขาเคยกลัวว่าป๊าจะทิ้งเขา  แต่ไม่เคยคิดเลยว่าป๊าเองก็กลัวว่าเขาจะทิ้งป๊าไป 
   “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปตรวจหรอกครับ  ยังไงป๊าก็เป็นพ่อผม  ผมเคยรักป๊ายังไง  ผมก็จะยังรักป๊าเหมือนเดิม”
   ธนกรดึงผู้เป็นลูกชายเข้ามากอด  ความกังวลที่สะสมมาทั้งวันเริ่มคลายตัว  รับรู้ได้ถึงความรักที่นทีมีต่อตนเอง ทุกทีที่เขากลับบ้าน  นทีไม่เคยงอแง  ไม่เคยเอาแต่ใจ  ไม่เคยเอ่ยรั้งเขาเวลาที่เขาต้องออกเดินทางไปทำงานนานๆ  ไม่ร้องขอมากไปกว่าที่เขาให้  เขาคิดว่าลูกไม่สนิทกับเขาเพราะไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน  แต่วันนี้...เขาได้คำตอบแล้วว่า...
มันไม่ใช่! 
ในแววตาเล็กๆ คู่นั้นสั่นไหวทุกครั้งที่มองเขา  ขลาดกลัวและไม่กล้า  กลัวว่าเขาจะทอดทิ้งไป  ไม่กล้าแม้จะดื้อดึงร่ำให้  ไม่เคยแม้แต่จะฟ้องว่าธัญญาทำอะไรกับตัวเองบ้าง  ลูกปกป้องเขา  ปกป้องจิตใจเขา  วันนี้...สมควรเป็นเขาแล้ว  ที่จะปกป้องนทีบ้าง
   “งั้นเราไปตรวจดีเอ็นเอกัน  ป๊ากับแม่คุยกันแล้ว  ป๊าจะเอาผลตรวจเลือดไปให้ป้าเราดู  เราต้องทำให้เด็ดขาด” ธนกรคลายอ้อมกอดออก  “ทีรักป๊าได้  แต่ทีต้องรักตัวเองด้วย  เอาแต่ใจตัวเองให้มากกว่านี้อีกหน่อย  ทำอะไรเพื่อตัวเองให้มากกว่านี้  ป๊าเป็นป๊า...เป็นพ่อที  ป๊าทำทุกอย่างก็เพื่อให้ลูกมีความสุข  ในโลกนี้...ทีสำคัญที่สุด  ถ้าลูกรักป๊า  อย่าปล่อยให้ใครมาทำให้ลูกไม่มีความสุข  สัญญากับป๊านะ” 
   นทีพยักหน้า  สายตาคมปลาบอ่อนโยนและเต็มตื้น 
   “ป๊ารู้ว่าทีโตแล้ว  อาจจะไม่ทันแล้ว  แต่ป๊าอยากจะบอกทีเอาไว้  ทีฟ้องป๊านะ...ฟ้องป๊า  ใครทำอะไรลูก  มาฟ้องป๊านะ  ป๊าจะจัดการให้เอง” ต่อให้เป็นพี่สาวเขา  ธนกรก็จะไม่ยอมปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกชายเขา
   ฝนทิพย์กับต้นน้ำที่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ กอดกันน้ำตาไหลพรากตามประสาสายดราม่า  ธนกรกวักมือเรียกทั้งคู่เข้ามา เป็นภาพอันสวยงามของครอบครัวทั้งสี่คนกอดกันยิ้มทั้งน้ำตา

********************

หายไปตามหา 'กลิ่นความเพ้อฝัน' ที่หายไปมาค่ะ
ไม่รู้ว่าหาเจอไหม?

ลองอ่านดูแล้วกัน ว่ามันยังมีกลิ่นกรุ่นๆ อยู่บ้างไหม
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 27 ------ [07/12/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 07-12-2020 18:47:05
 :pig4: :pig4: :pig4:

 :pig2: back
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 27 ------ [07/12/2020]---P.8
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 08-12-2020 22:30:36
ขอบคุณที่กลับมา พร้อมกับเคลียร์ปัญหาครอบครัวและคู่รักหมาดๆ ค่ะ.   :L2:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 28 ------ [09/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 09-12-2020 14:19:52
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 28
คำตอบของคำถาม


ภายในตึกขนาดย่อมสูงนับสิบชั้น  ชั้นบนสุดจัดเป็นที่ทำงานของผู้บริหารบริษัทเลทส์ทอยส์  บริษัทนำเข้าและค้าส่งของเล่นนับพันชนิด  ตั้งแต่ของเล่นแผงลอยไปจนถึงของเล่นชิ้นใหญ่   ธนกรยืนหันหลังมองผ่านกระจกใสบานสูงไปยังลานกว้างด้านล่างที่แบ่งสรรปันส่วนเป็นโรงงานและคลังสินค้าแยกพื้นที่กับตัวบริษัท  ข้ามกำแพงสูงไปด้านข้างคือพื้นที่ขนาดใหญ่ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งโรงงานขนมคบเคี้ยวที่มีขายตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อทั่วไป   ซึ่งเป็นธุรกิจที่เขาเพิ่งลงทุนใหม่ไปเมื่อแปดปีก่อน 
   ภาพรถขนของสวนกันไปมา  ภาพของพนักงานตัวจิ๋วเดินเข้าเดินออกซ้อนทับกับภาพของวันวาน  วันที่พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า  เป็นที่ดินมรดกที่เขาได้มาจากผู้เป็นบิดา  นอกจากที่ดินผืนนี้แล้ว  ยังมีที่ดินอีกหลายแห่งที่เขาได้รับมา  แต่มีเพียงผืนนี้ผืนเดียวที่เขาเก็บรักษาไว้  นอกนั้นเขาขายกินหมด!
   ใช่! เหมือนคำพูดที่ธัญญาเคยพูดไว้  เขาขายมรดกพ่อแม่กินจนหมดสิ้น

   ในวันที่ณภัทราท้อง  เขายังคงเป็นคุณชายของบ้าน  โดยไม่เคยรับรู้เรื่องธุรกิจของทางบ้านเลย  เขาในวัยที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ  ยังคงเที่ยวเล่นสนุกสนานเตรียมตัวที่จะสานต่อธุรกิจของตระกูล  เขายังคงเข้าใจว่าการเลี้ยงเด็กสักคนไม่ใช่เรื่องยาก  เขาตัดสินใจจะแต่งงานกับเธอ...หญิงสาวแสนสวยที่กำลังจะมีอนาคตในวงการ  หญิงสาวที่หนุ่มๆ ทุกคนหมายปอง  แต่กลับเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่กับเขา
   “เอาสิ  อยากแต่งก็แต่ง” ผู้เป็นบิดาบอกกับเขาเมื่อตอนที่เขาพาหญิงสาวเข้าไปแจ้งเรื่องที่เธอท้อง “แต่ไม่มีงานแต่งงานหรอกนะ  บ้านเราไม่ได้มีเงินขนาดที่จะมาจัดงานแต่งงานใหญ่โตอวดชาวบ้านขนาดนั้นหรอก   อยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่มีแต่หนี้ก็ตามใจเถอะ”
   “อาปา”  ธนกรเรียกเสียงแผ่ว  มึนงงและสับสน   บ้านเขาน่ะหรือ?...มีแต่หนี้  เขาคิดว่าอาปารังเกียจณภัทรา  จวบจนกระทั่งตามบิดาเข้าไปเรียนรู้งานถึงได้รู้ว่าผู้เป็นพ่อพูดความจริง  หนี้สูญที่เกิดจากการจำนองที่ดินหลายสิบล้านบาททำให้ขาดกระแสเงินสดหมุนเวียนทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อเสริมสภาพคล่อง  กำไรจากอพาร์ทเม้นท์ส่วนหนึ่งถูกนำไปจ่ายดอกเบี้ย  แต่รายรับเมื่อเทียบกับรายจ่ายแล้วก็ยังคงไม่เพียงพอ 
   “ไปถามแฟนแกดูซะ  ว่าจะยังรับแกได้อยู่ไหม?”  บิดาบอกเขาในวันที่เขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว
   ณภัทรายังคงเลือกที่จะอยู่เคียงข้างเขา  สร้างครอบครัวร่วมกับเขา
   หลังจากที่ณภัทราคลอดนทีออกมาได้ไม่นาน  บิดาของเขาก็เสีย  ดูเหมือนผู้เป็นพ่อจะรู้ตัวอยู่แล้วถึงอาการป่วยของตนเอง  ท่านไม่มีใจที่จะคัดค้านหรือคาดหวังกับสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว  คำพูดสั่งเสียก่อนจากไปจึงมีแค่ ‘ทำอย่างที่ลูกต้องการเถอะ’
นอกจากมรดกธุรกิจและทรัพย์สินที่ดินมากมายแล้ว ยังมีมรดกหนี้ก้อนโตมาเป็นของแถม
   ในขณะที่ธัญญาได้อพาร์ทเม้นท์ในส่วนที่ทำรายได้ให้ทั้งสามแห่งไป 
   เขากลับขายกิจการ  ขายที่ดินทั้งหมดเพื่อนำมาใช้หนี้  หากก็ยังไม่พอ  เขาขายทุกอย่างราวกับทุบหม้อข้าวตนเอง  เพียงเพื่อให้หนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนลดน้อยลง  เหลือที่ดินไว้แปลงหนึ่ง  เหลือทุนเพื่อทำมาหากินไว้อีกก้อนหนึ่ง  บอกลาลูกเมีย  เดินทางไปประเทศจีน  เดินตระเวนหาสินค้าแปลกใหม่เพื่อจะนำไปขายที่ประเทศไทย  ภายในหัวคิดแต่เรื่องตัวเลขตลอดเวลา  คิดคำนวณกำไรขาดทุน  ช่องทางการขาย  เงินทุนหมุนเวียน  คิดวนเวียนอยู่แบบนั้นนานหลายเดือนภายในห้องเช่าเก่าๆ 
   สิ่งเดียวที่พอจะเป็นกำลังใจให้เขาก็คือเสียงของณภัทรา  เสียงของนที  เวลาที่เขาท้อแท้มองไม่เห็นหนทาง  เพียงแค่คิดว่าหากไม่มีเขาสักคน สองคนข้างหลังเขาจะอยู่อย่างไร  แม้จะล้มสักกี่ครั้ง...เขาก็ต้องลุก  ลุก...แม้จะยังเหนื่อยล้า  ขอแค่ยังมีแรง  เขาก็จะเดินต่อ
   “ของเล่นที่พี่ส่งมาให้  ลูกชอบมากเลยนะ  คุณหมอบอกว่าเหมาะกับเด็กวัยนี้  ช่วยเสริมพัฒนาการได้มาก  คุณแม่ที่ไปฉีดวัคซีนด้วยกันยังอยากได้เลย”
   คำพูดของณภัทราดุจแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์  ธนกรเดินทางไปยังโรงงานของเล่นทุกแห่งเท่าที่หาได้  เจรจาต่อรองขอเป็นตัวแทนจำหน่าย  ขอ...ขอ...ขอ  แล้วก็ขอ  ได้บ้าง  ไม่ได้บ้าง
   สุดท้ายเขาก็กลับบ้านไปเปิดบริษัท  รับสมัครพนักงาน  เริ่มต้นกิจการใหม่ที่มีพนักงานรวมกันไม่ถึงสิบคน  เดินทางไปทั่วเหนือใต้  ติดต่อขอจำหน่ายของเล่นให้กับร้านค้าส่งและปลีก
   ส่วนตัวเขาบินกลับไปที่จีน  ตามของ  เช็คของ  ส่งของกลับมาประเทศไทย 
   กว่าทุกอย่างจะลงตัว  เขาก็เสียเมียไปแล้ว  และก็...เกือบจะเสียลูกไปอีกคน
   ในวันที่อ่อนล้า  เขาเดินทางกลับบ้านด้วยหัวใจพองฟู  จะมีที่ไหนดีเท่ากับบ้าน  บ้าน...ที่มีคนที่รักรออยู่  ขุมพลังที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้อีกครั้ง
   “กลับมาแล้วเหรอ?  แกดูสิ  เมียรักของแก  ฉาวโฉ่ขนาดไหน” ธัญญาโยนหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งให้ธนกรดู
   เป็นภาพของณภัทรานั่งกุมมือกับผู้ชายที่เป็นอดีตผู้จัดการของเธอ
   “มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้” ธนกรวางหนังสือพิมพ์ลง  รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ 
   “แล้วนี่ล่ะ” ธัญญาโยนรูปถ่ายอีกปึกหนึ่งลงมา  ภาพที่หญิงสาวและชายหนุ่มกอดประคองกัน  พากันขึ้นรถ  จวบจนไปถึงบ้านที่ณภัทราเข้าพักทั้งคืน  เป็นบ้านของวริศ
   ธนกรไล่มองรูปอย่างละเอียด  แววตาฉายแววเจ็บช้ำ 
   “ผู้หญิงผู้ชายอยู่ด้วยกันทั้งคืน  แกคงไม่ได้คิดว่าจะไม่มีอะไรหรอกนะ”
   ธนกรหลับตาลงข่มความรู้สึกที่มันอัดแน่นลงไป
   “ผมคิด”  เขาลืมตาขึ้น “มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้  ผมต้องถามภัทรก่อน  ภัทรอยู่ไหน?”
   “แก!  แกหลงมันจนไม่ลืมหูลืมตา  ตัวเสนียดจัญไรแบบนั้น  แกยังยังคิดว่าชั้นจะให้มันลอยหน้าลอยตาอยู่ในบ้านนี้ได้เหรอ?”
   “หมายความว่ายังไง?”
   “ชั้นเฉดหัวมันออกจากบ้านเราแล้วน่ะสิ”
   “เจ้ทำแบบนี้ได้ยังไง?  นั่นเมียผม  แม่ของลูกผม  ถ้าอยู่บ้านเดียวกันไม่ได้...ก็ไม่ต้องอยู่”  วินาทีนั้น  ความอดทนที่ขึงตึงจนแน่นของธนกรขาดสะบั้นลง 
“ถ้าแกคิดว่าผู้หญิงคนนั้นมันดีกว่าม๊า  แกก็ออกไปเลย” เสียงแหบพร่าดังมาจากประตูด้านข้าง  ก่อนที่หญิงชราผมสีดอกเลารูปร่างค่อนข้างท้วมจะปรากฏตัว  ด้วยอายุและโรคภัยที่รุมเร้าทำให้ต้องใช้ไม้เท้า  จังหวะการก้าวเดินค่อนข้างช้า  ธัญญาจึงรีบปรี่เข้าไปประคอง
“ม๊า” ธนกรส่งเสียงแผ่ว
“ผู้หญิงเต้นกินรำกินคนนั้นมันคิดจะจับแกตั้งแต่แรก  มันถึงปล่อยให้ท้อง  พอรู้ว่าแกจนตรอก  ก็ทิ้งแกไปหาผัวเก่า  ถ้าแกยังจะเอามันกลับมาเหยียบบ้านนี้อีก  แกก็ไม่ต้องเรียกม๊าว่าม๊า”
ธนกรพูดไม่ออก  บ้าน...ที่เขาเคยคิดว่าจะรักษามันไว้แทนอาปาที่จากไป  บ้าน...ที่เขาเคยคิดว่าจะเป็นแหล่งพักพิงให้เมียและลูก  บัดนี้...กลับเป็นฝ่ายผลักไสลูกเมียเขา
   “แล้วนทีล่ะ? นทีอยู่ไหน?  ลูกผมอยู่ไหน?”
   “อยู่หลังบ้านกับอาจิวโน่นแน่ะ ” ธัญญาตอบหน้าเชิด
   “คิดดูให้ดีนะลูก  แกจะทิ้งพี่ ทิ้งแม่ที่จะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ไปหาผู้หญิงที่ทิ้งแกทิ้งลูกได้ลงเหรอ?”  หญิงชรายื่นมือมาทางเขาหวังคว้าจับเขาไว้  ธนกรรีบรับมือที่ยื่นออกมา  พยุงร่างท้วมมานั่งโซฟา  “อาม๊าขอเถอะนะกร  ก่อนตาย  อาม๊าขอให้พวกเราได้อยู่กันพร้อมหน้า” 
   “อาม๊าอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะ  ผมจะพยายามหาทางออกให้ดีที่สุด”  ธนกรกล่าวปลอบใจผู้เป็นมารดาก่อนลุกออกไป 
“อาม๊าดูสิ  กรมันเคยสนใจอะไรที่ไหน?  ดีแต่ลอยไปลอยมา  ไปจีนก็ไม่รู้ว่าไปทำใครป่องไว้อีกหรือเปล่า?”
   หญิงชราได้แต่ส่ายหน้าทดท้อใจที่เลี้ยงลูกมาไม่ได้ดั่งใจตน  สมบัติที่สามีทิ้งไว้ให้น่าจะพอชดใช้หนี้สินทั้งหมด  ถ้าลูกชายเอาอ่าวสักหน่อย  คงไม่ขายจนหมดถึงเพียงนี้  แถมยังพาผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเข้ามาอยู่ในบ้านอีก  คิดไปก็พาลโกรธสามีที่ตายไป  ถ้ารู้จักห้ามปรามลูก  ลูกมันคงไม่กล้าพาเข้ามา  ขู่สักหน่อยว่าจะไม่ยกสมบัติให้  ขี้คร้านว่าจะกลัวจนหัวหด
   “ลูกมันก็ไม่รู้ว่าจะใช่ลูกมันหรือเปล่า?” ธัญญายังคงพูดไม่หยุด
   สีหน้าของหญิงวัยไม้ใกล้ฝั่งย่ำแย่ลงเมื่อพูดถึงหลานชาย  นทีเหมือนก้างปลาชิ้นโตที่กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก  หญิงชราเคยรักเคยเอ็นดู  เคยคิดว่าถ้ารับไว้แต่หลานชายโดยไม่ต้องแถมตัวแม่เข้ามาด้วยก็คงจะดี  แต่ทว่า...มาถึงตอนนี้  เธอกลับลังเลตามคำพูดของบุตรสาวเสียแล้ว 
   นทีน่ารักน่าเอ็นดูนัก  แต่โครงหน้ากลับไปทางแม่เสียมากกว่า  หากมีเค้าหน้าลูกชายเธอสักนิด  เธอคงไม่ตะขิดตะขวงใจมากถึงเพียงนี้ 
   ธนกรเดินมายังส่วนหลังบ้านที่กั้นเป็นห้องสำหรับเด็ก  ในนั้นมีเตียงนอนหลังเล็กของนทีที่ถูกจับจองไว้ด้วยร่างเล็กของธนธร...ลูกชายของธัญญา  ส่วนนทีนั่งเล่นของเล่นอยู่เพียงลำพงตรงมุมห้อง  เขามองหาพี่เลี้ยงเด็กก่อนพบว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนอกจากเด็กๆ
   “ที”  เสียงเรียกอ่อนหวานทำให้เด็กชายเงยหน้าขึ้นจากกองของเล่น  นทีน้อยเบะปาก  ร้องให้จ้าเดินมาหาเขา  ธนกรนั่งยองกางแขนโอบร่างน้อย  ผู้เป็นลูกกอดรัดลำคอเขาแน่น  นทีในวัยนั้นไม่อาจพูดเป็นประโยคหรือบอกเล่าความรู้สึกแก่เขาได้  ไม่รู้ว่านทีต้องเจอกับอะไรบ้างในวันที่ณภัทราเดินออกไป 
เขาปลอบลูกจนสงบ  แต่ตนเองกลับน้ำตาคลอ  อ้อมกอดเล็กๆ  นี้อุ่นนัก  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เขาจะกางแขนปกป้องเด็กตัวเล็กคนนี้ตลอดไป

   
ธนกรติดต่อณภัทราในวันรุ่งขึ้น  สถานที่ที่ณภัทรานัดพบคือสวนสาธาณะแห่งหนึ่ง  ที่ที่เขาและเธอเคยมาเดินเล่นด้วยกัน 
   ร่างเพรียวบางเดินมานั่งข้างๆ ธนกร 
   ธนกรมองใบหน้าสวยก่อนพูด “เหมือนเราไม่ได้เจอกันนานมากเลย”  เขาเดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อสามเดือนก่อน  แต่กลับมีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
   “ใช่” ณภัทรายิ้มรับ  เธอเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
   “เธอมีอะไรจะอธิบายไหม?”  ธนกรไม่รู้จะเริ่มต้นพูดอย่างไร 
   “มี” ณภัทราบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ชั้นไม่ได้เป็นอย่างที่พี่คิด”
   “เธอรู้ได้ยังไงว่าพี่คิดอะไร?”
   “ก็ถ้าพี่คิดอย่างที่พี่ธัญบอก”
   ธนกรมองออกไปยังทะเลสาบกว้าง
   “พี่ไม่ได้คิดแบบที่พี่ธัญบอก  พี่แค่คิดว่าทำยังไง...ครอบครัวเราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
   ณภรัทราน้ำตาไหล
   “พี่ทิ้งม๊าพี่ได้เหรอ?  พี่ย้ายออกมาจากบ้านนั้นได้เหรอ?”
   ธนกรส่ายหน้า  บางทีเขาอาจจะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ว่าเรื่องของเขากับณภัทราไปต่อไม่ได้แล้ว  ที่เขามาวันนี้...เพียงเพราะแค่ต้องการทำให้มันจบลงชัดเจนเท่านั้นเอง
   “ชั้นก็จะไม่กลับไปอยู่บ้านนั้นแล้วเหมือนกัน  ชั้นไม่รู้ว่าเมื่อไรงานของพี่จะเสร็จ  เมื่อไรพี่ถึงจะกลับมาอยู่กับชั้นกับลูกได้  แต่กว่าจะถึงวันนั้น...ไม่รู้ว่างานพี่  หรือใจชั้นจะจบก่อนกัน  ชั้นไม่อยากรอให้ถึงวันนั้น”
   ธนกรเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว  เขาไม่โทษเธอเลยที่ตัดสินใจแบบนี้  เขารู้ว่าแม่และพี่สาวของเขาปฏิบัติติอเธอไม่ได้ดีเท่าไร 
   “พี่ขอโทษนะ  ที่พาเธอมาเจอเรื่องแบบนี้  เธอควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้”  สิ่งที่เขาควรทำคือขอโทษเธอเสียมากกว่า  ณภัทราควรโลดแล่นในวงการบันเทิงอย่างที่ควรจะเป็นหากไม่ท้อง   เธอทิ้งอนาคตของเธอ  แต่เขากลับไม่สามารถรับผิดชอบอนาคตของเธอได้  เรื่องราวในชีวิตมีหลายปัจจัยที่ไม่อาจควบคุม
   เขาผิดที่เดินช้า  หรือเธอผิดที่ไม่อยู่รอ
   หรือไม่มีใครผิดทั้งนั้น
   “แต่นที  ภัทรขอให้นทีมาอยู่กับภัทรได้ไหม?  ตอนนี้ภัทรเริ่มมีงานเข้ามาแล้ว  ภัทรจะหาซื้อบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับลูก”
   “ไว้ตอนนั้นค่อยว่ากันแล้วกัน” ธนกรแบ่งรับแบ่งสู้  ส่วนหนึ่งก็เพราะกลัวว่าณภัทราจะพรากนทีไปจากเขา  ส่วนหนึ่งก็กลัวว่าตนเองจะไม่ดีพอที่จะดูแลลูกเอง “ตอนนี้เธอยังไม่พร้อม  พี่ก็มีเรื่องต้องคิดมากพออยู่แล้ว  รอให้เธอพร้อมกว่านี้  เราค่อยมาคิดกันอีกที”
   “อืม” ณภัทราสงบลงโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่หวังจะไม่มีวันเป็นจริง
   ธนกรโหมงานอย่างหนัก  เขารับพี่เลี้ยงเด็กเพื่อมาดูแลนทีโดยตรง  บินไปมาระหว่างประเทศไม่เว้น  รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่าง  โดยมีธัญญาเป็นผู้ดูแลทั้งหมด  โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลของผู้เป็นมารดาที่เจ็บป่วยเรื้อรังมาโดยตลอด  และมักจะย้ำทุกครั้งเวลาที่เขากลับบ้าน
   "อาม๊าฝากกรดูแลธัญด้วยนะ  มีกันอยู่สองคน  ธัญมันเป็นผู้หญิง  ไม่มีใครคุ้มครองจะโดนผัวรังแกได้  อาม๊าป่วยออดๆ แอดๆ  ก็ได้ธัญมันดูแล  ได้ฝากผีฝากไข้  กรมีเงินเยอะแล้ว  อย่าทิ้งพี่นะ  ธัญเสียสละดูอาม๊าแทนกร  ให้กรไปทำงานได้อย่างสบายใจ  กรต้องขอบคุณพี่  ต้องดูแลพี่ให้ดีนะ”
ธนกรพูดไม่ออก  ความสบายใจของเขามีพียงนทีเท่านั้น  ได้แต่จำใจรับปากมารดา  จนกระทั่งมารดาเสียชีวิต  เขาจึงได้ย้ายบ้านออกมาอยู่กับลูกเพียงลำพัง 
คำพูดของคนเป็นแม่ดั่งตราสลักทับลงในวิญญาณ  แม่ตัวจะไม่อยู่แล้ว  แต่คำสั่งเสียก่อนตายก็เป็นเหมือนพันธะสัญญาที่เขาต้องแบกรับ
เขายังคงรับผิดชอบ ‘บ้าน’ ของอาปาอาม๊าเหมือนเดิม  ยังคงดูแลธัญญาเหมือนเดิม 
   บริษัทขยับขยายจนเริ่มอยู่ตัว  รายรับมากกว่ารายจ่าย  สิบปีลูกผู้ชายสร้างเนื้อสร้างตัวช่างเหนื่อยสาหัสสำหรับเขา   เขาใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น  แต่เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าลูกกับเขามีปัญหา  นทีไม่เคยขอ  ไม่เคยขออะไรเขาเลย  ไม่เคยขอของเล่น  ไม่เคยขอให้พาไปเที่ยว  ไม่เคยโวยวาย  ไม่เคยเอาแต่ใจกับเขา  มองเผินๆ อาจจะดี...แต่เขาคิดว่ามันมีอะไรสักอย่างที่มันไม่ปกติ
   ถึงเวลาที่เขาต้องติดต่อณภัทรา  ตลอดระยะเวลาสิบปี  เขาเลี่ยงที่จะเจอหญิงสาวมาตลอด  เขากลัว...กลัวเหลือเกิน  กลัวว่าเธอจะมาพรากหัวใจดวงเดียวของเขาไป  หากไม่มีนที...เขาก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปเพื่อใคร 
   นี่คือความเห็นแก่ตัวของเขาอย่างแท้จริง 
   ณภัทราเดินทางมาที่บ้านหลังใหม่ของเขาและนทีด้วยหัวใจเต็มตื้น  เธอซื้อเสื้อผ้า  ซื้อขนม  ซื้อของเล่นมาเต็มคันรถ  ก่อนที่จะพบว่าลูกชายไม่ได้มองเธอเป็นแม่อีกต่อไปแล้ว
   ลูกมองแม่ไม่ใช่แม่!
   มองพ่อไม่ใช่พ่อ!
   “พี่ได้ยินไหม?”  ณภัทราพูดขึ้นหลังจากที่ได้พบปะพูดคุยพร้อมหน้าครอบครัวได้สักพัก  และธนกรอนุญาตให้นทีขึ้นไปเล่นข้างบนได้ 
   “ได้ยินว่า...?”
   “ลูกเรียกฉันว่าคุณ  ไม่ใช่ม๊า” 
   ธนกรถอนหายใจพลางถาม  “เธอเห็นอะไรไหม?” 
   “เห็นอะไร?”
   “ลูกไม่เคยขออะไรพี่เลย  เมื่อกี้ก็เห็นว่าไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้  แต่ก็ไม่พูด”
   “แต่เมื่อกี้ลูกขอชั้น”
   “ขออะไร?”
   “ขอให้ชั้นอย่ามาเจอเขาอีก  เขาอึดอัด!”
   แย่พอกัน! 
   “พี่ดีกว่าชั้นนะ  พี่ยังมีโอกาส  แต่ชั้นสิ”  แค่พูด...น้ำตาก็จะไหล  มองไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ  “ของตั้งเยอะแยะ   ไม่เอาสักอย่างเลยจะทำยังไง?”
   “เอาไปบริจาคสิ  เธอก็รู้ว่าพี่ทำบริษัทของเล่น  จะซื้อมาทำไม?  นั่น...และก็นั่น” ธนกรชี้ไปที่กองของเล่น “ของบริษัทพี่  นทีเล่นก่อนที่จะวางขายอีก”
   “ก็ชั้นอยากซื้อ  นั่นมันของพี่ให้  นี่มันของที่ชั้นให้  ลูกเล่นสองชิ้นแล้วมันจะเป็นยังไงล่ะ?”
   “แล้วลูกเล่นไหม?”
   “ก็ไม่เล่นน่ะสิ”
   “วันหลังก็ซื้อของที่ลูกยังไม่มีมาแล้วกัน”
   คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้แต่กุมขมับ  อดีตสามีภรยาที่อย่าร้างกันมาร่วมสิบปีกลับต้องมาร่วมมือกันอีกครั้ง


ณภัทราหายตัวไปนานพอสมควร  ไม่รู้ว่าหอบความบอบช้ำไปรักษาที่ไหน  กลับมาอีกทีก็หอบลูกหมาน่ารักน่าชังมาสองตัว  ‘ของที่นทีไม่มี’ 
   “ที่คอนโดม๊าไม่ให้เลี้ยง”
   นที “..........”
   “ม๊าเลยเอามาให้ลูกเลี้ยง”
   นที “..........”
   ณภัทรา “..........”
   “ถ้าผมรับเลี้ยง  คุณจะไม่มายุ่งกับผมกับป๊าอีกใช่ไหม?”
   “นที  ม๊า...”
   “มีแม่ที่ไหนไม่เลี้ยงลูก”
   “นที  ลูกกำลังเข้าใจม๊าผิด”
   “ผมเข้าใจอะไรผิด?”
   “ม๊าไม่ได้ไม่อยากเลี้ยงลูก แต่...”
   “แต่คุณไม่ได้เลี้ยงจริงๆ”  นทีบอกเสียงเรียบ  สายตามองลูกหมาตัวน้อยในตะกร้า  เหมือนลูกหมานี่....คอนโดไม่ให้เลี้ยง  ก็ไม่เลี้ยง
   ไม่ว่าจะแก้ตัวยังไง... ก็เป็นเพียงข้ออ้างที่จะไม่เลี้ยงอยู่ดี
   ณภัทราอึ้งไป   ใช่! เธอไม่ได้เลี้ยงเขามาจริงๆ  แม้จะเข้าไปหา...แต่ธัญญากลับไม่ให้เธอเจอนทีเลย  เธอกับธัญญามีปากเสียงกัน  แล้วเธอก็เดินกลับออกมา  ทั้งที่ความจริง...เธอควรต่อสู้  เอาตัวลูกออกมาด้วย 
   “ตอนนั้น  ม๊าไม่พร้อม  ม๊าไม่มีเงิน  บ้านก็ไม่มี”
   นทีเงียบไป  เขาไม่ได้ต้องการเงิน  ไม่ได้ต้องการบ้านหลังใหญ่เลยสักนิด  ป้าธัญบอกว่าเขาไม่ใช่ลูกของป๊า  เป็นแค่ลูกติดที่ม๊าทิ้งไว้  มาม๊าที่เขารอ...คาดหวังและผิดหวัง  นานวันเข้า  เขาก็เลิกรอ  ขอเพียงไม่หวัง  ก็ไม่มีอะไรให้ต้องผิดหวัง 
   “ช่างมันเถอะครับ”  นทีพูดจบนิ่งเงียบ  สายตาที่มองณภัทราดูเฉยชา  เขาเลิกรอและเลิกหวังมานานแล้ว  ผู้ใหญ่มักมีเหตุผลเสมอ  เขาเกลียดเหตุผลเหล่านั้น  เหตุผลที่ทำให้พวกผู้ใหญ่ได้ทำในสิ่งที่มันไม่ถูกต้อง 
   คนเป็นแม่ไม่ต้องเลี้ยงลูกก็ได้...ขอแค่มีเหตุผลสวยๆ สักข้อ
   ผู้ใหญ่อ้างเหตุผลมากมาย  เพียงเพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ  และเพื่อให้ตัวเองยังดูเป็นคนดีอยู่
   “ม๊าอยากให้ลูกรับไว้” เธอส่งตะกร้าลูกหมาให้เขา “แต่จะไม่ให้ม๊าไม่มาหา  ม๊าคงคงทำไม่ได้  แต่ม๊าจะพยายาม...ไม่มาบ่อยจนลูกลำบากใจ”  ลูกคงอึดอัดใจมากที่ได้เจอเธอ  แต่จะไม่ให้มาหาเลย...เธอคงทำไม่ได้  เธอแค่หวังว่า....วันหนึ่งนทีคงจะให้อภัยเธอ
   นทีรับลูกหมาไว้  รอจนธนกรกลับมาบ้าน 
   “ป๊า  ผมขอเลี้ยงหมาได้ไหมครับ” 
   ธนกรรู้อยู่แล้วว่าณภัทราเอาลูกหมามาให้ลูก  เธอโทรไปร้องให้กับเขา  เล่าให้เขาฟังในสิ่งที่นทีพูด  ธนกรรับฟังด้วยความรู้สึกผิด  ผิดที่เขาเห็นแก่ตัวกับเธอมาตั้งแต่แรก
   “ได้สิ  แต่ลูกต้องดูแลมันเองนะ” 
   “ครับ”  ดวงตาของเด็กชายแวววาว  พลอยทำให้ผู้เป็นพ่อสุขใจไปด้วย
   “ลูกหมาก็เหมือนคนนั่นแหละ  ต้องการความรักเหมือนกัน  ลูกต้องดูแลมันให้ดีๆ  พรุ่งนี้พ่อจะพาไปซื้อของให้มันนะ  ตอนนี้เราไปหาอะไรให้มันกินกันเถอะ” 
   “ครับ”  นทีเดินตามผู้เป็นพ่อไป   เขาดูแลเองทั้งหมด  โดยไม่ให้ธนกรต้องลำบากเลยสักนิด 
   ส่วนธนกรยังคงกลุ้มใจในความเป็นเด็กดีและพยายามหากิจกรรมยิงนก  ตกปลา  ต่อยมวย  ดำน้ำปลูกปะการัง  ทำอาหาร  นวดสปา  ปลูกป่า  ดำนา  เล่นเจ๊ตสกี  แรลลี่ตีกอล์ฟ  ล่องเรือ  ส่องสัตว์  ช้อปปิ้ง   ดูงิ้ว  ดูละครเวที  ดูคอนเสิร์ต  ดินเนอร์  ทำขนม  จัดดอกไม้  เที่ยวตลาดน้ำ  เรียนถ่ายรูป  ดูกายกรรม  ชมเมืองเก่า  เข้าสัมมนา  และอื่นอื่นทำเพื่อสานสัมพันธ์พ่อลูกต่อไป
 


เสียงเคาะประตูดังขึ้นฉุดให้ธนกรหลุดจากวังวนความคิดในอดีต  ผู้ที่ก้าวเข้ามาคือรัฐภูมิ  หนึ่งในหุ้นส่วนคนสำคัญที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่รุ่นบุกเบิก  ถ้าเขาเป็นคนบุกทะลวงที่เมืองจีนหาสินค้า  รัฐภูมิก็เป็นคนบุกตะลุยไทยเพื่อหาตลาด
   “เรื่องที่แกให้ชั้นไปสืบ”
   “ว่าไง?”
   “วุ่นวายมาก”  รัฐภูมินั่งลงบนโซฟาหน้าโต๊ะทำงาน “พี่ธัญเบิกเงินบริษัทเกินจำนวนหุ้นมาตลอด  แกรู้ใช่ไหม?”
   ธนกรพยักหน้า
   “ใช่  ชั้นให้ในส่วนของชั้นไป”
   “พี่ธัญใช้เงินเกินตัว  บวกกับ...มีผัวห่วยๆ ด้วย...งั้นมั้ง?”
   ธนกรแปลกใจ  เขาเลิกคิ้วสูง  วันชัยเป็นเด็กที่อาปาของเขารับเลี้ยง  ทำงานขยันขันแข็งจนไว้ใจให้มาเป็นผู้ช่วย  และยกลูกสาวให้  กลายมาเป็นลูกเขยในที่สุด  ตอนแต่งงาน  อาปาก็ให้เงินเปิดธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง  ธุรกิจก็ยังไปได้ดี  เท่าที่เขารู้จักกับวันชัยมา  วันชัยอ่อนน้อมถ่อมตน  แม้จะอายุมากกว่าเขาหลายปีแต่ก็ให้เกียรติเขาเสมอ  ไม่น่าจะเป็นคนห่วยๆ  อย่างที่รัฐภูมิว่า
   “แกหมายความว่ายังไง?”
   “พี่เขยแกมีเมียน้อย  ไม่ใช่ใครที่ไหน  ก็อาจิวพี่เลี้ยงลูกชายแกคนแรกยังไงล่ะ  มีลูกสาวลูกชายอยู่ด้วยกันอย่างละคน  คนโตอายุสิบห้า  คนเล็กสิบสอง  น่าจะลักลอบคบกันตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ที่บ้านแก  แต่ที่ว่าห่วยเนี่ย...ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกนะ  แต่เป็นพี่สาวแกมากกว่า  ที่มองว่าเขาห่วย  ห่วยจนตัวเองต้องลดตัวไปแต่งงานด้วยน่ะ”
   “แล้วมีเมียน้อยเนี่ยไม่ใช่ผู้ชายห่วยๆ หรือไงวะ?”
   รัฐภูมิส่ายหน้า 
   “พูดยากว่ะ  พี่เขยแกอาจจะไม่ได้รักพี่แกมาตั้งแต่แรก  เขารักอยู่กับอาจิวมาก่อนแล้ว  แต่ติดที่ว่าพ่อแกเป็นผู้มีพระคุณฝากฝังลูกสาวไว้  ก็เลยขัดไม่ได้  ต้องใช้ตัวตอบแทนบุญคุณ  เขาก็พยายามดูแลพี่ธัญ  ดูแลลูกอย่างดีนะ  แต่ทำอะไรก็โดนพี่ธัญขัดไปซะหมด  อย่างที่บอกแหละ  พี่ธัญมองว่าเขาเป็นผู้ชายห่วยๆ  เอาจริงๆ...เท่าที่ชั้นสืบมา  คุณวันชัยตั้งใจทำงานมาก  เงินที่ได้มาก็ช่วยเหลือเจือจุนทางพี่แกมากกว่าทางเมียน้อยเสียอีก  แต่พี่แกบอกว่าเขากระจอก  ไม่มีความรู้  หาเงินได้น้อย  ทางเมียน้อยที่มีลูกตั้งสองคนนอกจากไม่เคยบ่น  ยังช่วยกันทำมาหากิน  เปิดร้านขายขายขนมอีก  ส่วนพี่ธัญ...”
   ธนกรกุมขมับ  เขารู้ได้แม่รัฐภูมิจะไม่ได้พูดต่อ  ธัญญาไม่เคยทำงาน  ที่มีทุกอย่างทุกวันนี้ก็เงินกงสีทั้งนั้น  จะว่าเป็นเงินกงสีก็ไม่ถูก  ในเมื่อเป็นน้ำพักน้ำแรงของเขาคนเดียวทั้งนั้น
   “อย่าเพิ่งใจร้อน  ยังมีอีกๆ “ รัฐภูมิหัวเราะท่าทางอยากตายของเพื่อน  ลุยมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ  ไม่เคยเห็นทำท่าซังกะตายเท่านี้มาก่อน  “อพาร์ทเม้นท์สองแห่งที่พ่อแกให้พี่สาวแกไปตั้งตัว  ที่จริงอยู่ในทำเลที่ดีมากนะ  คนค่อนข้างพลุกพล่านเลยล่ะ  เสียแต่ว่าพี่แกหัวสูงไปหน่อย  ปรับปรุงเสียหรู  ตั้งค่าเช่าแพงลิบ  ไฮโซก็ไม่อยากเช่าเพราะอยู่ในแหล่งชุมชนเกินไป  ชาวบ้านก็เช่าไม่ได้เพราะสู้ราคาไม่ไหว  ตอนนี้ขาดทุนยับ”
   เอามีดมาแทงเขาได้เลย  ธนกรหงายหลังพิงพนักเก้าอี้
   “แกจะรีบตายไม่ได้  ยังไม่หมดนะเว้ย  เรื่องนี้เกี่ยวกับแกโดยตรง  เรื่องของณภัทรา”  ธนกรไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย  แต่ก็จำต้องฝืนลุกขึ้นมาอีกครั้ง “แกจำคนที่เป็นข่าวกับภัทรได้ใช่ไหม?  คุณวริศเขาเป็นเกย์มาตั้งนานแล้ว”
   “อืม  เรื่องนั้นชั้นรู้มานานแล้ว  ตั้งแต่ตอนที่เขาเปิดตัวว่าเป็นเกย์”
   “ใช่  แต่ที่จริงมันจะไม่มีอะไรเลย  ภัทรจะไม่เสียชื่อเสียงขนาดนั้น  ถ้าพี่แกไม่จ้างให้นักข่าวเล่นข่าวนี้”
   “แกหมายความว่า...”
   รัฐภูมิยักคิ้ว
   “พี่ธัญเป็นคนวางแผนทุกอย่าง  ให้นักสืบตามถ่ายรูปภัทร  รวมทั้งจ้างนักข่าวให้ประโคมข่าวเสียหายด้วย  แล้วก็ไปเสี้ยมสอนนทีว่าแม่ทิ้งไปกับชู้เก่า  และที่สำคัญ...บอกนทีว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของแก”
   ธนกรหลับตาลง  นี่สินะ...คือคำตอบของคำถามที่ธนกรถามตัวเองมาเนิ่นนาน
   “หมดแล้ว  แกตายได้เลย”  รัฐภูมิบอก  ในน้ำเสียงเจือแววล้อเล่น  แต่สีหน้ากลับสังเวชท่าทางอยากตายของเพื่อนสุดกำลัง 
ในชีวิตปากกัดตีนถีบของธนกร  เมียสวย  ลูกน่ารัก  ผัวเมียร่วมใจ  ขี้ไก่ก็กลายเป็นทอง  แต่มีจุดบอดเพียงจุดเดียว  ผัวเมียลูกเต้าล้วนแตกแยก  แม้แต่ทองก็กลายเป็นขี้ไก่ได้  คนในครอบครัวบางคนก็เกิดมาดั่งเป็นเจ้ากรรมนายเวรคอยล้างผลาญ  เขาก็ได้แต่หวังว่าธนกรจะไม่ยึดติดกับคำว่า ‘กตัญญู’ มากเกินไปนัก  หากว่าวิญญาณผู้เป็นมารดายังอยู่  จะรู้สึกยังไงที่ผู้เป็นลูกชายเซ่นสังเวยให้กับคำสั่งเสียก่อนตายด้วยลูกเมียของตนเอง
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 28 ------ [09/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 10-12-2020 09:40:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 28 ------ [09/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 12-12-2020 00:39:46
หวังว่าป๊ารู้เรื่องทุกอย่างแล้วจะจัดการเรื่องภายในครอบครัวให้เด็ดขาดซักทีนะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 14-12-2020 16:06:01
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 29

พื้นที่ส่วนตัว

 

 

นทีเดินเข้ามาในโรงอาหารด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ  ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ  ตรงกันข้ามกับต้นปาล์มที่ทำท่าหัวหดกล้าๆ กลัวๆ หลบซ้ายหลบขวาอยู่ข้างๆ เม่น

                “แหม  อารมณ์ดีมาเชียวนะมึง”

                นทียักคิ้ว

                “เจอเรื่องดีๆ มาก็ต้องอารมณ์ดีสิ”

                “งั้นมึงไม่โกรธกูใช่ป่ะ?” ต้นปาล์มยืดคอออกมาหยั่งเชิง

                “กู?” นทีเลิกคิ้วสูง “กูต้องโกรธมึงเรื่องอะไรวะ?”

                ต้นปาล์มแทบจะตบบ้องหูตัวเองสักที  โทษฐานวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ “ก็เรื่องไอจีเมื่อวานน่ะ  กูพยายามแก้ตั...เอ๊ย...แก้ไขแล้วนะเว้ย  แต่คนอื่นก็ยังเข้าใจผิด  ยิ่งแก้ก็ยิ่งแย่ไปใหญ่”

                นทีพยักหน้าเข้าใจ

                “กูอ่ะ...ไม่โกรธหรอก”

                ต้นปาล์มพยักหน้าโล่งอก  เขาเครียดอยู่เป็นนาน  ทีแรกตั้งใจว่าจะโทรไปอธิบายทางโทรศัพท์แล้วโดดเรียนวันนี้หนีหน้าไปสักพัก  แล้วค่อยให้เม่นกับน็อตคอยกล่อมนทีให้อารมณ์เย็นขึ้นสักหน่อย  แล้วค่อยโผล่หน้ามาให้เห็น  แต่คิดไปคิดมา...ช่วงสอบก็ใกล้เข้ามาแล้ว  ถึงต้นเทอมจะโดดเรียนมากหน่อย  ปลายเทอมต้องห้ามขาดเรียนเด็ดขาด  ดูเป็นคนที่ผ่านการปรับปรุงตัวและพัฒนาแล้ว  เริ่มต้นจะแย่ยังไงก็ตาม...แต่ตอนจบต้องจบให้สวยก่อนสอบสักเดือน  อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจะได้เอ็นดู  เขาเลยตัดสินใจไม่โทรหานที  รอรับโทษทีเดียวตอนเจอหน้าจะดีกว่า  เรื่องอะไรต้องหาเรื่องให้ตนเองโดนด่าโดนตีถึงสอบรอบ 

                คิดไม่ถึงว่าจะไม่ต้องโดนด่าเลยสักรอบ  แขนขายังอยู่ครบ  ต้นปาล์มกลับมาร่าเริงสดใส  เต็มเปี่ยมไปด้วยเอเนอจี้อีกครั้ง  ท่าทางเหมือนลูกโป่งเป่าลมจนพองฟู

                “แต่ต้นน้ำไม่แน่”  นทีบอกเสียงเรียบเฉย  เหมือนว่าจะโกรธมากซะด้วย

เสมือนว่าเป่าลมจนพองเสร็จ  ก็โดนเอาเข็มเจาะ  ต้นปาล์มเหี่ยวฟีบลงอีกครั้ง  เอาเถอะ...ต้นน้ำโกรธ  เอาขนมไปแลก  เดี๋ยวก็หาย  แต่ถ้านทีโกรธ เอาชีวิตไปแลกก็ไม่รู้จะหายโกรธหรือเปล่า

 

 

โรงอาหารฟากศิลปกรรม

                ต้นน้ำเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ  สบายมากๆ

                ก่อนลงรถเขาทำสมาธิ  สูดลมหายใจเข้า  เป่าลมหายใจออกนับสิบรอบ  เข้าออกแต่ละรอบลึกจนสุดพุง  รีดจากปลายตีนได้ก็จะรีด  ภาวนาสาธุขอให้ไม่มีใครจับได้ว่าเขาคือเจ้าของมือรูปหัวใจในภาพ

ทำถึงขนาดนี้แล้ว  จะไม่ให้เขามั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีคนจับได้แน่นอน  เนี่ย...สบายใจมาก  จนแทบจะเดินผิวปากอยู่แล้ว

“กิ๊วๆ”  ด่านแรกมาก่อนเลย  ไม่ใช่จากใครที่ไหน  เพื่อนตัวดีนี่แหละ  ใครบอกว่าเพื่อนต้องคอยอยู่เคียงข้างกัน  คอยโอบกอด  ปลอบประโลมกันเวลาที่เพื่อนไม่สบายใจ  ขอบอกเลยว่า...คุณเข้าใจผิด!  เพื่อนคือบุคคลที่ชอบเห็นคุณอับอายขายหน้ามากที่สุดแล้ว

“แหม  เดินตัวเกร็งมาเลยนะมึง”  ขิงทัก

                หมดกัน! ต้นน้ำเดินสะดุด  ท่าเดินกรุยกรายสบายอกสบายใจที่คิดไว้  สรุปว่า...คิดไปเอง!

                ตายตั้งแต่ด่านแรก!

                “แหมๆๆๆๆๆ  เหม็นกลิ่นคนมีเจ้าของ” เอื้องฟ้าเบะปาก

 บัดซบ!

“อีเอื้อง  มึงก็อย่าเอาความเหงาไปลงที่มัน”  เนมช่วยท้วง

ต้นน้ำทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เนมอย่างหมดแรง  เสียแรงเก๊กมาตั้งนาน  พัง!

 “เนมมมม”  หัวทุยซุกเข้ากับไหล่เนมพลางส่งเสียงครางอ๋อย “มึงเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหม?  ไม่ล้อกูเหมือนพวกมันใช่ไหม?”

เนมพยักหน้าหงึกหงัก

“เออ กูไม่ล้อหรอก  แต่กูมีคำถาม  นทีเด็ดจริงเหมือนที่เขาว่ามาใช่ป่ะ?”

ต้นน้ำถอยกรูด...แรงที่สุด!  เขาเอามือกุมอกตัวเอง  สีหน้าเจ็บปวด

“เจ็บที่ไว้ใจว่ะเนม  มึงมันเหี้ยที่สุดแล้ว”

“เอาจริงสิ  กูก็อยากรู้นะเนี่ย  ไอ้น้ำ” ขิงชะโงกหน้าข้ามฝั่งโต๊ะ  เอื้องฟ้าเองก็ตามมาติดๆ  พวกมึงแน่ใจนะ...ว่ามาจากโรงเรียนหญิงล้วนที่เน้นอบรมมารยาทสตรี

ต้นน้ำทำหน้าไม่ถูก  ตากลมโตเหลือบซ้ายแลขวา

“ไอ้ริวไปไหนอ่ะ?”

“มันไปกับเด็ก  เนี่ย...กูตอบมึงแล้ว  ตามึงตอบกูมั่ง  อย่ามาลีลา”  เอื้องฟ้าอารมณ์เสีย  อยากเค้นคอเพื่อน  เกลียดที่สุด...พวกหลอกให้อยากแล้วจากไป

“พวกมึงก็เสือกกันเกินไปไหมล่ะ?”  ต้นน้ำพูดเสียงอ่อย  เขาเหมือนลูกแกะกลางดงหมาป่ากระเหี้ยนกระหือรือ  ดูท่าวันนี้คงไม่รอด

“ถ้าพวกกูไม่เสือก  มึงจะมีวันนี้ไหม?  มึงคิดว่าพวกพระเอกนางเอกในละครรักกันโดยไม่มีอะไรกั้นเหรอ?  ได้ผัวเป็นตัวเป็นตนเพราะเพื่อนนางเอกทั้งนั้น”  ขิงทวงบุญคุณกองใหญ่

“ใช่ๆ  ไอ้ขิงมันห่วงพวกมึงมากนะ  ตอนมึงกับนทีทะเลาะกัน  ก็ได้ไอ้ขิงนี่แหละที่ช่วยออกหน้า”  เอื้องฟ้าช่วยขิงทวงบุญคุณเต็มปาก  ถึงขิงจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ด้วยก็เถอะ  แต่ขิงก็เหนื่อยมากจริงๆ นะ  ทั้งส่งรูปให้เพจ  ทั้งแอบตามถ่ายรูป  ถึงจะผิดฝาผิดตัวไปหน่อย  แต่ไม่ผิดใจแน่นอน  รูปหัวใจในไอจีเป็นพยาน!

“เออ  พวกกูก็แค่อยากรู้นิดเดียว  ดูหนังเรื่องหนึ่งมาตั้งนาน  เอาใจช่วยมาตลอด  ใครๆ ก็อยากรู้ตอนจบป่ะ” เนมปิดท้ายให้อย่างสวยงาม

  เอื้องฟ้าส่งสายตาให้เนม  เยี่ยม! พระเอกมากมึง   

ต้นน้ำทำท่าลังเล

“ก็...ดีอ่ะ”  เสียงตะกุกตะกักหลุดรอดออกมาจากลำคอ  ใบหน้าใสร้อนผ่าวขึ้นสีเรื่อ  ริมฝีปากแดงเม้มแน่น ราวกับจะไม่ยอมพูดอะไรมากกว่านี้แล้ว  ดวงตาวาววับเสไปมองรอบๆ  ตัวแต่ไม่ยอมสบสายตากับเพื่อนสักคน

“ หูยยยยย  เขินอ่ะ” เอื้องฟ้าทำท่าบิดตัว  คงมีแต่เวลาแบบนี้เท่านั้นที่เอื้องฟ้าค่อยดูสมกับที่เป็นผู้หญิงขึ้นมาหน่อย  เขินมากจนทนไม่ไหว  ฟาดเพี้ยะลงบนต้นแขนขิง

“อีเอื้อง  มึงเขินคนเดียวได้ไหม  กูเจ็บ”

“แต่กูยังอยากรู้อีกอ่ะ”  มาดพระเอกเมื่อครู่นี้ของเนมหายไปแล้ว

ต้นน้ำรู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก  รีบสกัดก่อนตัวเองจะโดนล้วงความลับไปมากกว่านี้ “พอ  กูจะไม่ตอบอะไรอีกแล้ว”

“คำถามเดียวๆ ”

“ไม่!”  ต้นน้ำบอกหนักแน่น  ล้วงเอาปากกาเคมีออกมาจากกระเป๋าทำท่าเหมือนจะเขียนไปที่หน้าเนม “ถ้ามึงอยากรู้ก็มา หนึ่งคำถามต่อหนึ่งรูป”

เนมหลบวูบ  มือป่ายปกป้องพัลวัน

“ไม่เอาโว้ย  เล่นอะไรเนี่ย”

                ต้นน้ำหัวเราะเสียงใส  “กูนึกอะไรออกแล้ว  พวกมึงไปตึกวิศวะเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ”

 

 

เนื่องจากต้นน้ำโทรมาบอกไว้ก่อนแล้ว  กลุ่มของนทีจึงนั่งรอพวกของต้นน้ำอยู่ใต้ตึก  เด็กศิลปกรรมกับเด็กวิศวยืนมองหน้ากันด้วยสายตาหลากหลายความหมาย  แม้ไม่พูดก็เข้าใจในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็อยู่องค์กรลับเดียวกัน  แต่ที่พวกเขาไม่เข้าใจก็คือ...ต้นน้ำมาทำอะไรที่นี่?

                ต้นน้ำยืนตรงหน้าปาล์ม  ดวงตาใสแจ๋วมองต้นปาล์มอย่างไร้ความหมาย  ไม่มีวี่แววกล่าวโทษหรือหาเรื่อง  เพียงแค่ยืนมองเฉยๆ  มองอยู่อย่างนั้น  มองแบบตั้งใจให้คนถูกมองรู้สึกตัวเสียด้วย

                เหล่าองค์กรลับเริ่มล่อกแล่ก  ส่งสายตาหากัน

                ฝั่งวิศวะเหลือบตามองต้นน้ำแล้วส่งสายตาให้ฝั่งศิลปกรรม...มันมาทำอะไร?

                ฝั่งศิลปกรรมกรอกตามองฟ้าบ้าง ดินบ้าง  หมุนเป็นวงกลม  ส่ายหน้านิดๆ...พวกกูไม่รู้!

                ฝั่งวิศวะทำหน้าตกใจ  ก่อนพยักเพยิดไปทางต้นน้ำ  แล้วหันมาส่งสายตาเป็นเชิงถามให้ฝั่งศิลปกรรมอีกที...ดูมันสิ  จ้องไอ้ปาล์มทำไม?

                ฝั่งศิลปกรรมกรอกตาซ้ายขวา...กู ไม่ รู้

                ต้นปาล์มก้มหน้ามองพื้นก่อนเงยหน้ามองต้นน้ำ  มองซ้ายแล้วหันกลับมา  มองขวาแล้วหันกลับมาอีกที...ต้นน้ำก็ยังจ้องเขาอยู่  รู้สึกกดดันสุดๆ

                “แหะๆ” ต้นปาล์มยิ้มแหย  “กู  กูขอโทษษษษ  กูผิดไปแล้ว  แต่กูไม่ได้ตั้งใจนะ  ไม่เชื่อมึงถามไอ้น็อตกับไอ้เม่นได้”

                เม่นกับน็อตส่ายหัววืด...กูไม่รู้  กูไม่เกี่ยว...เลียนแบบพวกศิลปกรรมสักหน่อย  ถามอะไรก็ไม่รู้สักอย่าง...ปลอดภัยที่สุด  ต้นน้ำน่ะไม่เท่าไร...แต่แบ็คมันเป็นใคร  ให้รู้ซะบ้าง

                ต้นปาล์มหน้าจ๋อยลงอีก  เมื่อเห็นเพื่อนลอยแพตัวเองแล้ว

                “กูพยายามแก้ไขแล้วนะ  ใครก็เห็น  กูยอมรับผิดทุกอย่าง  หายโกรธกูเถอะนะ  ให้กูเลี้ยงบุพเฟ่ท์อาหารทะเลหน้ามหาลัยไหม?  สดใหม่ทุกวัน”

                “ไม่ต้อง”  ต้นน้ำบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย

                “งั้น...งั้นเปลี่ยนเป็นอาหารญี่ปุ่นXXX ไหม  พ่อกูเพิ่งได้กิฟท์วอเชอร์มาเมื่อวาน  กูให้มึงสองใบเลย”

                ต้นน้ำมองหน้าต้นปาล์มนิ่ง  หรี่ตาลงนิดๆ

                “เอา”  ต้นปาล์มยิ้มได้  แต่ยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ  ต้นน้ำก็พูดขึ้นอีก “แต่ยังไม่หายโกรธ”

                “โว้ย  แล้วมึงจะให้กูทำยังไง  กิฟท์วอเชอร์สองใบก็สี่พันแล้วนะโว้ย  กูเสียสละขนาดนี้แล้ว  มึงยังไม่หายโกรธกูอีกเหรอ”

                “มึงไม่จริงใจอ่ะไอ้ปาล์ม”

                “แล้วยังไงถึงจะจริงใจวะ”

                “บ้านกูมีพิธีกรรมขอขมาอย่างหนึ่ง  มึงต้องหลับตา”  ต้นปาล์มหลับตา  “แล้วแบมือมาข้างหน้า  แบบนี้...” ต้นน้ำจับมือข้อศอกของต้นปาล์มให้ตั้งฉากกับแขนท่อนบนแล้วหงายมือทั้งสองข้างให้แบออก “แล้วมึงก็ต้องพูดว่า  กระผม...นายต้นปาล์มทำผิดไปแล้วครับ  ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ  ทั้งหมดสิบรอบ”

                “กระผม...นายต้นปาล์มทำผิดไปแล้วครับ  ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ”  ต้นปาล์มเพิ่งพูดรอบแรก  ต้นน้ำก็คว้าปากกาเคมีออกมา

                “กระผม...นายต้นปาล์มทำผิดไปแล้วครับ  ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ” รอบที่สอง  ต้นน้ำเล็งแล้วว่าจะวาดลงตรงมุมไหนให้ใกล้เคียงกับที่นทีวาดที่สุด  รูปหัวใจนั่นอยู่บนมือเขา  กินนอนร่วมกับเขา  ประทับจากมือไหลเข้าสู่สมอง  เข้าสู่หัวใจ  มองดูเป็นร้อยเป็นพันรอบ  จะไม่ให้จำแม่นได้ยังไง

                “กระผม...นายต้นปาล์มทำผิดไปแล้วครับ  ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ”

                “กระผม...นายต้นปาล์มทำผิดไปแล้วครับ  ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ”  รอบที่สี่ ต้นน้ำกำข้อมือต้นปาล์มแน่น  แล้วลงมือวาดทีเดียว จากปลายหนึ่งวนกลับสู่อีกปลายหนึ่งไม่มีพลาด

                องค์กรณ์ลับจุ๊ปาก...สมกับเป็นเด็กศิลปกรรม  วาดได้เหมือนจริงๆ

                ต้นปาล์มลืมตา  “เฮ้ย  มึงทำอะไร?”

                “มึงไม่จริงใจอ่ะปาล์ม  ยังไม่ถึงสิบรอบเลย”

                ต้นปาล์มอึดอัดขัดใจ  แต่ก็ยอมพูดใหม่  คราวนี้เร่งสปีด  ไม่เรื่อยเปื่อยอีกแล้ว  เพระไม่รู้ว่าระหว่างท่องตัวเองจะเจออะไรอีกบ้าง

                “อะไรของมึงเนี่ย” เขาลืมตาขึ้นถึงค่อยพบว่า  เหล่าเด็กศิลปกรรมเดินออกไปจนใกล้จะพ้นตึกแล้ว  เขาหันไปทำหน้างงใส่เพื่อน “อะไรของมันวะ  ท่องให้แล้วก็ไม่อยู่ฟัง  แล้วอย่ามาหาว่ากูไม่จริงใจอีกนะ”

                “กูไม่มีรสนิยมแบบไอ้ปาล์ม” นทีทำหน้ารังเกียจ

                ต้นปาล์ม “..........”

                เม่นกับน็อต  “..........”

 

 

เป็นเวลาเกือบค่ำแล้วที่ต้นน้ำเดินสะโหลสะเหลหอบหิ้วกระเป๋าเป้ใบโตเดินเข้าบ้านด้วยจิตใจอันบอบช้ำ  เจอทั้งสายตาสอดรู้สอดเห็น  ทั้งคำถามจับผิดมาทั้งวัน  เล่นเอาจิตใจของเขาแทบจะแบกรับความกดดันไม่อยู่  เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะกินข้าวก่อนเดินไปด้านหลังเคาน์เตอร์บาร์เพื่อหยิบน้ำออกมาจากตู้เย็น

                ที่บ้านไม่มีใครอยู่สักคนเพราะพานทีไปตรวจดีเอ็นเอกันหมด  เขาเองก็อยากจะไปด้วย  แต่งานที่ค้างติดพันทำให้ต้องอยู่คณะล่วงเวลา

                ต้นน้ำปิดตู้เย็นก่อนหันไปหยิบแก้วตรงเคาน์เตอร์  ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นใบหน้าขาวปากแดงยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์  สีหน้าตื่นๆ ท่วงท่าชะงักค้างเรียกเสียงหัวเราะแว่วหวานจากคนตรงหน้า

                “เธอนี่นะ  เห็นชั้นทีไรทำหน้าเหมือนเห็นผี” ณภรัทราพูดพลางหัวเราะพลางก่อนยิ้มค้าง  ลนลานควานหากระจกจากกระเป๋าถือ  พอคว้าขึ้นมาได้ก็รีบส่องซ้ายส่องขวา “ก็ยังสวยเหมือนเดิมนี่  เธอจะตกใจทำไม?”

                “ก็คุณชอบโผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียง  ผมคิดว่าที่บ้านไม่มีใครอยู่ก็เลยตกใจน่ะสิครับ”

                ณภรัทราชะโงกหน้าข้ามเคาน์เตอร์สูง  ท่าทางดุดันคุกคาม

                “บอกว่าให้เรียกม๊า”

                “ครับๆ”  ต้นน้ำหดคอหันไปคว้าแก้วน้ำ  สีหน้ายังไม่สู้ดีนัก  หรือว่าวันนี้จะไม่ใช่วันของเขา  นึกว่ากลับมาบ้านจะได้หายใจคล่องคอแล้ว  ยังไม่วายต้องมารับมือกับมาม๊าคนสวยที่แสนจะเดาใจยากของนทีอีก  เขาสูดหายใจเข้าปอดเรียกกำลังใจ

                “แล้วนี่หายไปไหนกันหมด?”

                “พานทีไปตรวจดีเอ็นเอครับ”  พูดจบก็ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม  แต่น้ำเย็นไม่ได้ช่วยให้ใจเย็นขึ้นเลย  ต้นน้ำทำตาโตเมื่อเห็นณภัทราขมวดคิ้วมุ่น  ใบหน้าคมสวยเกรี้ยวกราดขึ้นฉับพลัน  คล้ายมีเปลวไฟลุกพึ่บพั่บอยู่ด้านหลังเรือนร่างสะโอดสะอง

แย่แล้ว หรือว่าเขาพูดอะไรผิดไป?  ไม่นะ  เมื่อกี้ณภัทรายังให้เขาเรียกแม่อยู่เลย  จะเปลี่ยนใจมาตบตีเขาตอนนี้ไม่ได้นะ

                “ทำไมจะต้องตรวจ?”

                “คุณ...เอ่อ  ม๊า  ม๊าใจเย็นๆก่อนนะ  ที่ป๊าอยากให้ตรวจก็เพราะว่าป๊าจะเอาไปฟาดใส่หน้าป้าธัญน่ะครับ” สร้างเรื่องให้ใหญ่เข้าว่า  เอาใจณภรัทราไว้ก่อน  เพื่อที่ตัวเขาเองจะได้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยไปจนกว่านทีจะกลับ

                ดวงตาคู่สวยกรีดอายไลน์เนอร์เฉี่ยวหรี่ตามองต้นน้ำเขม็ง

                “จริงๆ ผมไม่โกหกม๊าหรอก  ถ้าม๊าไม่เชื่อ  ม๊าก็โทรถามนทีดูก็ได้”

                “ฮึ ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวชั้นรอถามนทีเองก็ได้  คืนนี้ยังอีกยาวไกล”  พูดจบเธอก็เลื่อนตัวออก  ผายมือไปทางด้านหลัง  เผยให้เห็นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่  เอิ่ม...สองใบ

                “ม๊าจะย้ายมาอยู่ที่นี้เหรอคับ”

                “ก็ว่าจะมาอยู่ด้วยสักสี่ห้าวันน่ะ  ช่วงนี้ว่าง  ชั้นก็ต้องมากระชับความสัมพันธ์กับลูกชายที่ห่างเหินมานานสักหน่อยสิ  ว่าแต่...มีอะไรกินมั่ง  ชั้นหิว”  สายตาณภรัทราสอดส่ายไปทั่ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจะพาตัวเองเดินผ่านเคาน์เตอร์เข้ามาหาเอง  สุดท้ายก็ย้ายสายตามาจับจ้องเขา

                “แป๊บนึงนะครับ” ต้นน้ำรู้ตัว  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ถามในกรุ๊ปครอบครัว

Tonnaam: จะกลับมากันกี่โมงครับ  กินอะไรกันมาหรือยัง

Morning rainy: ยังจ้า  ใกล้ถึงบ้านแล้วล่ะ  แวะซื้อกับข้าวกันอยู่  น้ำอยากกินอะไรรึเปล่า  พวกเราอยู่ร้านxxx

Tonnaam: ขอยำหมูยอ หอยลายผัดพริกเผา

                “ยำหอยนางรม  แกงคั่วหมูย่าง  แกงส้มกุ้งไข่ปลาเรียวเซียว”

เสียงกระซิบดังขึ้นด้านข้าง  ณภรัทราเข้าประชิดตัวเขาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้  อีกครั้งที่ต้นน้ำใช้สายตางุนงงมองใบหน้าสวยนี้

“รู้ว่าสวย  แต่อย่าเอาแต่มองได้ไหม  พิมพ์สิ  เดี๋ยวอดกิน”

ต้นน้ำทำตามคำสั่งง่ายดาย  วันนี้สมองเขาเออเร่อมาก  ประมวลผลไม่ค่อยทัน  จับต้นชนปลายไม่ถูก  นี่ยังไม่แน่ใจเลยว่าเขามายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้  จวบจนกระทั่งต้นน้ำพิมพ์เสร็จ  เสียงหวานก็เริ่มโวยวาย

“แอดชั้นเขาไปในกรุ๊ปครอบครัวด้วยสิ”

ต้นน้ำอ้าปากค้าง  ยังไม่ทันได้คิดว่าตนเองควรเพิ่มรายชื่อของณภรัทราลงไปดีหรือไม่  หรือว่าควรปรึกษานทีก่อน  มือเรียวเล็กก็คว้าโทรศัพท์ของเขาไปกดเพิ่มเพื่อนเสร็จสรรพ  แล้วแอดตัวเองเข้ามาเป็นหนึ่งในรายชื่อของกรุ๊ปครอบครัวเรียบร้อย  โดยมีชื่อเขาเป็นผู้เชื้อเชิญ

ทางฝ่ายโน้นยังไม่มีใครตอบอะไร  สงสัยยังคงอึ้งกันอยู่

“อ่า...”  ต้นน้ำตั้งใจจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร  โทรศัพท์ของเขาดังขึ้นเรียกสติที่หลุดลอยกลับเข้าหัว  ต้นน้ำมองไปยังโทรศัพท์ของตนเองโชว์เบอร์แปลกหรา

“นี่เบอร์ชั้นเอง  เธอเมมไว้สิ  มีเรื่องอะไรโทรหาชั้นได้” ณภรัทรายักคิ้วให้อย่างขี้เล่น

“อ่า...ครับ”  ต้นน้ำรับคำ  เขาถอนหายใจยาวเรียกสติ  เอาล่ะ...เขาต้องรับมือกับเธอคนนี้

“ผมจะเอาอาหารไปให้หมา  ม๊าจะไปกับผมไหม?”

“บ้านนี้มีหมาด้วยเหรอ?” ณภัทราทำตาวาววับ

“..........” ต้นน้ำอึ้งไป  ทั้งที่ทำใจไว้แล้ว “มีครับ  อยู่ด้านข้าง  แม่บ้านอาจจะยังไม่ได้ปล่อยมันออกมา” เขาหยิบไส้กรอกของโปรดของพวกมันออกมาแล้วเดินนำไป

 

 

ณภรัทรามองไปรอบบริเวณที่จัดแบ่งเป็นบ้านหมา

                ต้นน้ำอมยิ้ม  หน้าตาเขาตอนเห็นบ้านเจ้าแบรดพิตต์กับโจลี่ครั้งแรกก็คงดูตื่นๆ แบบนี้แหละ  แต่ไม่แน่ใจว่าจะดูดีแบบนี้หรือเปล่านะ

                เขาเปิดล็อคก่อนที่เจ้าสองตัวนั้นจะวิ่งกรูออกมากระโจนใส่เขา  ลิ้นห้อยสะบัดไปมาอยู่แถวๆ มือที่ถือถุงไส้กรอก

                “ตะกละจริง  พวกแกเนี่ย”

                ณภรัทรายืนดูอยู่ห่างๆ  ความไม่คุ้นชินทำให้เธอไม่กล้าเข้าไปไกล้  แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับเต็มแน่นท่วมหัวใจ

                “คุณลองให้อาหารพวกมันบ้างไหม” ต้นน้ำยัดถุงไส้กรอกใส่มือณภัทรา  โจลี่กับแบรดพิตต์เบนเป้าหมายทันที  พากันกระโดดเหย็งๆ เข้าหาหญิงสาว

                ณภรัทราตกใจจนถอยกรูด  ต้นน้ำรีบเข้ามารั้งปลอกคอของทั้งสองตัวไว้

                “รีบให้มันสิครับ  มันน่าจะหิว”

                “แล้วมันจะไม่กัดชั้นเหรอ?”  ณภัทรายืนตัวเกร็ง  พร้อมจะวิ่งทันทีหากต้นน้ำปล่อยพวกมันหลุดออกมาได้

                “ลองโยนๆ ก่อนก็ได้ครับ  โยนเข้ามาใกล้ๆ ปากมัน  เบาๆ นะครับ ”

                ณภัทราหยิบไส้กรอกออกมาโยนเบาๆ ตัวซ้ายรับได้  ตัวขวารับได้  เออ...ก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ  เธอเริ่มโยนไกลขึ้น...ยังรับได้  ซ้ายทีขวาที...ก็ยังรับได้

                “อย่าแกล้งมันสิครับ  พวกมันเริ่มสงบแล้ว  คุณเดินเข้ามาใกล้ๆ มันเถอะ”

                ร่างบางเดินเข้ามาช้าๆ  ก่อนยื่นไส้กรอกให้เจ้าตัวโตสองตัวเลียนแบบต้นน้ำ  ลิ้นชื้นตวัดแผลบให้ความรู้สึกแปลกๆ

                “เธอให้เถอะ”  ณภัทราบอกพลางยื่นถุงไส้กรอกให้ต้นน้ำ  ต้นน้ำค่อยๆ คลายมือออกจากตัวหนึ่ง  วางใจแล้วว่าเหล่าน้องชายบ้าพลังของนทีจะไม่กระโดดโลดเต้นอีกถึงได้รับถุงไส้กรอกมา

                “นี่ๆ แกทำให้มือชั้นเปื้อน  พวกแกต้องตาย”  มือขาวตรงเข้าขยี้เส้นขนนุ่มฟูทันที  แต่เจ้าสองตัวนั้นกลับไม่ใส่ใจ  พวกมันปรายตามองเล็กน้อยแล้วตั้งอกตั้งใจขอของกินต่อ  ณภัทรากลับได้ใจ  ขยี้ไม่ยั้ง

                “ตัวซ้ายชื่อโจลี่  ตัวขวาชื่อแบรดพิตต์”  เขาเริ่มแยกออกแล้วว่าตัวไหนโจลี่  ตัวไหนแบรดพิตต์  อยู่ด้วยกันมานานหลายเดือนขนาดนี้  แยกไม่ออกก็ไม่รู้ว่าจะยังไงแล้ว

                “ฮัลโหลโจลี่”  ณภัทราขยี้ขนแบรดพิตต์  และหันกลับทักทายอีกตัว  “ฮัลโหล แบรด”

                แบรดพิตต์ “..........”

                โจลี่เคี้ยวไส้กรอกหงุบหงับ...มาอีกคนแล้วพวกมะนุดสมองเสื่อม

                ต้นน้ำ “.........”  คุ้นๆ แฮะ  “ทำความรู้จักันไว้ซะ  นี่มาม๊า...แม่ของพวกเราไง”

                ทั้งสองตัวส่งเสียงงุ๊งงิ๊ง  คลายพูดด้วย  แต่ติดว่าเคี้ยวไส้กรอกอยู่ในปาก

                “แม่อีกคน  แม่ของนที” ต้นน้ำบอกอีกครั้ง

                ณภัทราหัวเราะ  “คุยกับหมารู้เรื่องด้วย”

                คราวนี้ต้นน้ำกลับยิ้มกว้าง  เกาคางโจลี่เบาๆ “ผมคุยไม่รู้เรื่องหรอกครับ  เดาๆ ไปอย่างนั้นเอง  นทีต่างหากที่คุยรู้เรื่อง  เขาโตมาด้วยกันนี่เนอะ”

                ณภรัทราทำสีหน้าปลาบปลื้ม  ดวงตาคู่สวยหลั่งน้ำตาออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  “นที...นทีเลี้ยงเองเหรอ?”

                “ใช่ครับ  เขารักของเขามาก  เลี้ยงเหมือนเป็นน้องชายเลย  เขาให้ผมเป็นพี่ชายคนโต”

                สองมือของณภัทรากอดหมาสองตัวไว้แน่น  น้ำตาไหลพรากพลางสะอึกสะอื้นไม่หยุด

                ต้นน้ำตกใจ  เขาไม่รู้ว่าณภัทราเป็นอะไรไป  สงสัยวันนี้ไม่ใช่วันของเขาจริงๆ  ทุกอย่างดูผิดที่ผิดทางไปหมด  เขารอจนรางบางเริ่มหายใจเป็นปกติ  ถึงได้เอ่ยปาก  พยายามสรรหาคำมาปลอบ

                “เอ่อ...”

                “เธอไม่ต้องมาปลอบใจชั้นหรอก  ชั้นรู้ดีว่ามันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว  วันนี้ชั้นถึงได้มาที่นี่  เริ่มต้นความทรงจำใหม่ๆ อีกสักครั้ง  เบื่อแล้ว...กับการที่ต้องอยู่คนเดียว  อยากมีคนกินข้าวด้วย  อยากมีคนกินพิซซ่าดูหนังไปด้วยกัน”  ดวงตาคู่สวยช้อนขึ้นมองตรงมายังต้นน้ำอย่างไม่ปิดบัง  แววตาระริกไหวยังมีหยดน้ำกลิ้งอยู่ภายใน  เจ้าตัวสูดหายใจแรง  คงไว้แต่แววตาอ่อนล้าแต่มั่นคงคู่นั้น  มือเรียวสวยลูบไล้ขนนุ่มไปมา  “ที่บ้านชั้นก็มีแมว  ยังกลัวอยู่เลยว่าเจ้าพวกนี้ได้กลิ่นแมวแล้วจะกระโจนใส่ชั้นหรือเปล่า”

                ต้นน้ำยิ้มบาง  เขาไม่รู้ว่านี่เป็นการแสดงของนักแสดงมืออาชีพหรือไม่  แต่ถ้าจะช่วยให้คนโดดเดี่ยวสองคนอุดช่องว่างที่หายไปได้  เขาก็ยินดี  เขาตัดสินใจแล้วว่าจะช่วยณภรัทรากู้คืนเมมโมรี่ที่หายไป

ณภรัทราทำสีหน้าซาบซึ้งจนออกนอกหน้า  น้ำตาพาลจะไหลออกมาอีกครั้ง

“แต่ก่อนอื่น  คุณช่วยเลิกแวบไปแวบมาสักทีได้ไหม?  ผมหัวใจจะวาย”

                ณภัทราหัวเราะร่า  เด็กคนนี้ขวัญอ่อนจริงเชียว  แกล้งอะไรก็สนุก  ไม่เหมือนนที...รายนั้นแกล้งอะไรก็ทำหน้ารำคาญแล้วเดินหนี  ปฏิกิริยาตอบสนองต่ำจนน่าเบื่อ  เธอเอื้อมมือมาหยิกแก้มต้นน้ำ “ก็มันน่ารักนี่”

                ต้นน้ำ “..........”  คุ้นๆ แฮะ  เหมือนที่ขยี้หัวแบรดพิตต์กับโจลี่เมื่อกี้เลย

                “ทำอะไรกัน?” เสียงแหบทุ้มดังขึ้นด้านหลัง  ต้นน้ำรีบหันขวับไปมอง  นทียืนเท้ากำแพงหน้านิ่ว  ตาคมจ้องเขม็งจนดูน่ากลัว

                ไม่ใช่วันของต้นน้ำอีกแล้ว!

                “ม๊าก็มาทักทายเหล่าลูกชายของม๊าน่ะสิ  เนี่ย...น่าร้าก”  ณภัทราก้มลงขยี้หัวปุกปุยของโจลี่อีกครั้ง  โจลี่ที่อิ่มแล้ววิ่งหนี  แบรดพิตต์ก็พลอยวิ่งตามไปด้วย  ก่อนที่จะโดนขย้ำเป็นรายต่อไป  “นี่ก็น่าร้าก”  ร่างบางหันกลับมาขยี้แก้มต้นน้ำจนยู่แทน

                ต้นน้ำสูดปากร้อง  เอ็นดูจริงหรือจะแกล้งเขากันแน่?

                นทีเดินมาช่วยดึงมือขาวออก  แล้วจับจูงมือของต้นน้ำให้ถอยห่าง  “ไปกินข้าวเถอะ”

                ณภัทรากระทืบเท้าอย่างขัดใจ “ไหนเมื่อวานใครบอกว่าว่าจะสร้างความทรงจำใหม่ไง” ไอ้ผู้ชายหลอกลวงปลิ้นปล้อนคนนี้นี่  ไม่ทันไรก็ทิ้งแม่เสียแล้ว


               
*********** มีต่อด้านล่าง **************


หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 14-12-2020 16:08:41

********** ตอนที่ 29 ต่อ************

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างอิหลักอิเหลื่อไม่น้อย  เธอมองหน้าฉัน  ฉันมองหน้าเธอ  แต่ต้นน้ำไม่สนใจจะมองใครทั้งสิ้น  นอกจากอาหารตรงหน้า
   “อื้ม  แกงส้มกุ้งไข่ปลาเรียวเซียวนี่อร่อยมาก  ไม่รู้เลยว่าร้านนี้ทำอร่อยขนาดนี้”  ต้นน้ำหันไปบอกณภรัทรา
   “จริงเหรอ?  นี่อาหารขึ้นชื่อของเขาเลยนะ”  สีหน้าของณภรัทราดูกระตือรือร้นขึ้นมาก
   “จริง  ปกติผมไม่ค่อยได้ไปที่ร้านหรอก  ส่วนใหญ่แม่กับป๊าจะโทรมาถามว่าอยากกินอะไร  แล้วค่อยซื้อกลับมาให้กิน  ผมเลยไม่ค่อยรู้เมนูแนะนำเท่าไร  เนี่ย...แกงคั่วหมูย่างนี่ก็เพิ่งเคยกิน”
   “ไม่ต้องห่วงลูกชาย”  ณภัทรายกมือขึ้นตบหลังต้นน้ำแปะๆ  “ต่อไปมาม๊าคนนี้จะพาไปกินเอง  มีร้านเด็ดด้วยนะ  ทั้งของคาว  ทั้งของหวาน  ม๊ามีให้เลือกเพียบ”  อยู่ๆ คำแทนตัวของณภัทราก็เปลี่ยนไป  แล้วยังเรียกอย่างเป็นธรรมชาติเสียด้วย 
   “ดีครับ”  ต้นน้ำยิ้มตาหยี
   อีกสามคนที่เหลือในโต๊ะลอบมองตากันแบบงงๆ  สุดท้ายธนกรกลับส่ายหน้า  ยิ้มอ่อน
   “ก็ดีเหมือนกัน  มีคนช่วยเลี้ยง  ป๊าจะได้มีเงินเก็บขึ้นอีกหน่อย”
   “ที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทสีเทาน่ะเหรอ?”  ฝนทิพย์ถาม
   ธนกรตาเหลือก  สีหน้างงงวย  หันไปมองหน้านที
   “ผมก็ไม่รู้ด้วยนะป๊า  ผมเคยรู้ซะที่ไหนว่าป๊าเอาเงินไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
   “อะไร  เดี๋ยวนี้มีเงินซ่อนด้วย  พี่ฝนรู้ไหม?  ตอนชั้นน่ะ...ขอเงินชั้นซะด้วยซ้ำ”  ณภัทราหันไปบอกฝนทิพย์  เรียกพี่เรียกน้องกันเนียนๆ 
   ต้นน้ำอยากจะกราบสกิลความตีสนิทนี้
   “ตอนนั้นพี่ยังจนอยู่นี่  เธออย่าเอาเรื่องเก่าๆ มาพูดได้ไหม?”
   “ใช่ๆ  ม๊าทำให้ป๊าดูแย่นะ”  ต้นน้ำท้วง
   “พอเลยๆ จบเรื่องนี้เถอะ”  ธนกรพยายามตัดบท  เอื้อมมือมาตักกับข้าวต่อ
   “แล้วเรื่องเงินในเสื้อ  ใช่ของกรไหมคะ?” ฝนทิพย์พูดเสียงเยียบเย็น
   มือใหญ่ที่กำลังจะตักกับข้าวชะงักค้างกลางอากาศ  กลางโต๊ะอาหารเลยด้วย  เขาค่อยๆ คีบกับข้าวไปวางไว้ในจานของฝนทิพย์  พลางกล่าวเสียงอ่อย
   “ของผมเองครับ”
   “แล้วจะเอาเก็บเอาไว้ทำอะไรคะ?”
   ธนกรก้มหน้าจ๋อย
   “กระเป๋าใบใหม่ดีไหมครับ?”
   “ซ่อนไว้เท่าไรเนี่ย?”  นทีอยากรู้จริงๆ ถึงขนาดซื้อกระเป๋าใบใหม่ให้ได้เลยนะ
   “ทำไมไม่ซ่อนไว้ที่ออฟฟิศล่ะ?”  ต้นน้ำงง  หูกระจงไม่ควรปลูกใกล้ตัวบ้านฉันใด  ซ่อนเงินเมียก็ไม่ควรซ่อนในตัวบ้านฉันนั้น
   “เปิดบัญชีใหม่สักบัญชีน่าจะดีนะ”  ณภัทราจิ้มยำหมูยอขึ้นมาเคี้ยวตุ้ยๆ  กับข้าวมื้อแรกที่กินกับลูกๆ อร่อยจริงๆ  แผนไดเอตควรต้องเลื่อนไปก่อน
   ธนกรได้แต่ส่งสายตาอาฆาตให้เพื่อนร่วมโต๊ะ 
   “เอาเถอะค่ะ  ยังไม่ต้องคิดว่าจะเอาไปใช้อะไรหรอก”  ฝนทิพย์เสียงอ่อนลง  ธนกรก็พลอยสดใสขึ้นมาด้วย “แต่ขอฝนเก็บไว้ก่อนแล้วกันนะคะ”
   แป่วววว...
   ธนกรยิ้มจืดเจื่อน  “คร้าบผม” 
   บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่าราบรื่น  แม้จะไม่ได้เรียกว่าชื่นมื่นนัก  แต่ก็ยังดีกว่าช่วงแรกที่ได้แต่ฟังเสียงช้อนกระทบกันไปมา
   

ทุกคนย้ายจากโต๊ะกินข้าวมาเป็นโซฟาหน้าทีวี  ณภัทรานอนเอกเขนกกินองุ่นอยู่บนโซฟายาวตัวหนึ่งแทนที่ของนที  นทีเลยย้ายมานั่งข้างๆ ต้นน้ำ
   “ผลตรวจเป็นไงมั่ง”  ณภัทราถามเสียงอู้อี้  ในปากยังเคี้ยวองุ่นกรุบกรับ
   “ยังไม่รู้เลย” ธนกรตอบ
   “ยังไม่ออกเหรอ?”
   “ออกแล้ว”
   ณภัทรามองธนกรคล้ายไม่เข้าใจ  ผลออกแล้ว  แต่ทำไมยังไม่รู้
   “ก็ยังไม่ได้เปิด  เอากลับมาลุ้นที่บ้าน”
   “ไปเอามาเปิดเลยเถอะ  ยังไงก็ไม่ใช่ลูกพี่หรอก”
   ทุกคนทำหน้าตื่น  แต่มีเพียงธนกรคนเดียวที่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
   “เธออย่ามาล้อเล่น”
   “ไม่ได้ล้อเล่น”  ณภัทราตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน 
   “ไม่ใช่ได้ยังไง  พี่เลี้ยงของพี่มาตั้งนาน”  ธนกรเริ่มโวยวาย
   “อ๊าววว  ทำไมมาเถียงคนคลอด  บอกว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ  ชั้นเป็นแม่นะ  ทำไมจะไม่รู้ว่าใครทำชั้นท้อง” ณภัทราโวยวายกลับ
   “ใช่สิ  ต้องใช่  ไม่ใช่ก็ต้องใช่  ถึงเธอบอกว่าไม่ใช่  แต่ยังไง...นทีก็ต้องเป็นลูกพี่”
   “ไม่เชื่อก็ไปเอามาเปิดดูสิ”  ณภัทราลอยหน้าลอยตาท้าทาย
   ธนกรไม่กล้าเปิด  เขามองไปที่กระเป๋าที่เก็บซองผลตรวจเลือด  ฝนทิพย์ยืนอยู่ตรงนั้น  ถือใบรายงานผลไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว เธอโบกกระดาษสีขาวไปมา  ตรงหน้ายังมีซองจดหมายที่แกะแล้ววางอยู่
“ก็ใช่นี่!”
   ธนกรแทบจะน้ำตาไหล  เขาเข้าไปกอดนที 
   “เห็นไหมๆ พ่อเป็นพ่อของนทีจริงๆ  หน้าตาดีได้พ่อมาขนาดนี้  พ่อจะไม่ใช่พ่อของลูกได้ยังไง”
   นทีกรอกตามองบน  ใครๆ ก็ว่าเขาหน้าเหมือนแม่
   ณภัทราหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ
   “ไหนว่าไม่ได้ล้อเล่นไง”  ธนกรหันกลับมาโวยวายใส่
   “ไม่ได้ล้อเล่น  แค่โกหกเฉยๆ”  พูดจบก็หันไปเคี้ยวองุ่นหงุบหงับต่อ “ก็บอกมาตั้งนานแล้วว่าลูกพี่  บอกไม่รู้กี่ครั้ง  บอกจนขี้เกียจบอก  ยัยป้าหงำเหงือกนั่นดันไม่อยากเชื่อเอง”  โดนแหกหน้ายับก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ 
   ธนกรได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน


นทีเดินตามต้นน้ำขึ้นห้อง 
   “วันนี้นอนด้วยนะ” 
   “ไม่ได้”
   นึกอยู่แล้ว  ผิดคาดซะที่ไหน  เมื่อเช้าก็ไม่ยอมไปมหา’ลัยพร้อมกัน  แต่ตรงนั้นเข้าใจได้  เพราะเขาต้องกลับบ้านก่อน  เพื่อไปตรวจดีเอ็นเอกับป๊า  เอารถไปคันเดียวคงไม่ค่อยสะดวกเท่าไร 
    “แล้วต่อไป  ถ้าม๊ากับแม่อยู่  ห้ามนอนห้องเดียวกันเด็ดขาด” ต้นน้ำเปิดประตูห้องนอน  เดินไปพูดไป
   “ทำไมทีเมื่อก่อนยังนอนได้  นายยังมานอนเล่นเกมส์  นอนดูหนังห้องเดียวกันกับเราบ่อยๆ เลย  อ้างแบบนั้นก็ได้นี่” นทีเดินตามเข้ามาติดๆ  ไม่ให้ทิ้งระยะห่าง
   “ก็เดี๋ยวนี้มันไม่เหมือนตอนนั้นแล้วไง”  ต้นน้ำวางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วหันกลับมาหาคนที่เดินตามต้อยๆ “หรืออยากจะกลับไปเป็นเหมือนตอนนั้น”  ต้นน้ำท้าทาย
   นทีจับข้อมือของคนปากดีลากเข้ามาใกล้  แล้วขโมยจูบปากดีๆ นี้โดยที่ต้นน้ำไม่ทันตั้งตัว  ต้นน้ำขืนตัวไว้เล็กน้อย  แต่อ้อมแขนแกร่งกลับโอบกระชับไว้แน่น  ริมฝีปากอุ่นคลอเคล้าดูดดึงจนต้นน้ำเผลอตอบรับ  ลิ้นร้อนรุกไล่ตักตวงจนพอใจถึงได้ยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระ
   มือแกร่งที่รัดแน่นเมื่อครู่นี้ลูบไล้ไรผมตรงหน้าผากให้เขาอย่างอ่อนโยน
   “วันนี้ขอแค่นี้” หากมีนาฬิกาวิเศษที่สามารถย้อนเวลาหรือเดินหน้าได้  เขาก็อยากให้เวลาหมุนกลับไปยังคืนวันนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า  หรือไม่...ก็หมุนให้มันเดินไปข้างหน้า  ไปจนถึงวัน...
   “เดี๋ยวป๊ากับแม่มาเห็น”  ต้นน้ำบ่นอุบอิบ
   “ไม่เห็นหรอก  ล็อคห้องแล้ว”
   ต้นน้ำใช้ความคิดครู่หนึ่ง  “งั้น...อีกทีได้ไหม?”  ไหนๆ ก็ล็อคห้องแล้ว  เนี่ย...มันเป็นอย่างนี้อ่ะคนเรา 
   นทียิ้มเบาบางหากดวงตาทอแสงระยิบระยับ  มือที่ลูบไล้เส้นผมไล้มาตามใบหน้าและริมฝีปากอิ่มทิ้งความร้อนลวกชวนให้ใจเต้นเป็นรอยยาว   มือหนาเชยคางเขาขึ้นพร้อมกับหน้าลงมาประทับความหวานให้อีกครั้ง
   “ยินดีด้วยนะ” ต้นน้ำซุกศรีษะลงบนบ่ากว้างของนที  เขาเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของนทีตอนที่ณภัทราโกหกว่านทีไม่ใช่ลูกของธนกร  และเห็นแววตาโล่งอกตอนที่ฝนทิพย์บอกว่า ‘ใช่’
   ในที่สุด...นทีก็เจอ ‘ที่’ ของตัวเองแล้ว 
   “อืม” นทีตอบรับ  สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคยจากลำคอขาวผ่อง  กลิ่นที่ทำให้เขาสบายใจเสมอมา  ไม่ว่าจะทุกข์ร้อนเรื่องใด  แค่เพียงได้อยู่ใกล้  ได้กลิ่นของต้นน้ำ...ก็เหมือนทุกอย่างจะบรรเทาลง  เขาเจอ ‘ที่’ ของตัวเองนานแล้ว

*************

ชอบเพื่อนพระเอก เพื่อนนายเอกคนไหนกันคะ

5555   เราเอ็นดูว์ต้นปาล์มมาก  จริงๆ น๊า
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: DrSlump ที่ 14-12-2020 16:42:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 14-12-2020 21:16:44
สรุปคือ คือรู้จักกันหมดในวง 555
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 14-12-2020 23:29:22
ขำแก้งส์ไลน์กลุ่ม คุยกันด้วยสายตาก็ได้ นับถือจริงๆ

คุณม่าม๊าก็ตีเนียนมาเป็นสมาชิกของบ้านได้อย่างเนียนสุดๆ สมแล้วที่เป็นดาราเจ้าบทบาท ได้ทุกบทจริงๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-12-2020 02:13:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 29 ------ [14/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-12-2020 22:02:05
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 17-12-2020 09:54:44
นทีต้นน้ำ  ตอนที่ 30
แฟน 100% Loading  Complete!!!


ธัญญาก้าวเข้ามาในบริษัทด้วยท่วงท่าดั่งนางพญา  เหล่าพนักงานพากันยกมือไหว้ตั้งแค่หน้าประตู  บ้างก็ค้อมตัวให้ราวกับต้นอ้อลู่ลม  ใบหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงามพยักหน้าน้อยๆ อย่างพึงพอใจ  ก่อนเดินเข้าลิฟต์ไป
   พนักงานพากันหายใจโล่งอกโล่งคอ  ใครๆ ก็รู้ว่าคุณธัญญาเป็นอย่างไร  ใครเคารพนบนอบต่อเธอก็อยู่รอด  แต่ถ้าไม่...ก็เตรียมตัวพับกระเป๋ากลับบ้านได้เลย 
   เลขาหน้าห้องธนกรกุลีกุจอต้อนรับธัญญา  ก่อนเคาะห้องทำงานของธนกร 
   “เข้ามาเลย”  ธนกรอนุญาต 
   “เชิญค่ะคุณธัญ”  เลขาเปิดประตูให้ธัญญา 
   ธัญญาพยักหน้าให้ก่อนเยื้องย่างเข้าไป  เลขาหน้าห้องปิดประตูเสียงเบาก่อนจะนึกได้ว่า  เธอลืมถามว่าวันนี้ธัญญาจะรับเครื่องดื่มอะไร?  นับเป็นความซวยของวันได้เลย  ทำงานที่นี่อะไรก็ดีหมด  เจ้านายก็ดี  ลูกเจ้านายก็หล่อ  มีแต่พี่สาวเจ้านายนี่ล่ะที่เอาใจยากสุดๆ 
   

“นั่งก่อนสิเจ้”  ธนกรบอกโดยไม่เงยหน้าจากกองเอกสาร  มือใหญ่ยังพลิกเปิดไปมา  หัวคิ้วขมวดมุ่น
   “มีอะไร  ทำไมยุ่งขนาดนั้น”
   ธนกรอ่านเอกสารสักพักก่อนเงยหน้ามองพี่สาวเพียงคนเดียวอย่างเหนื่อยอ่อน 
   “ตั้งแต่เปิดบริษัทมา  พี่เบิกเงินเกินทุกปี” เสียงทุ้มกล่าวคำเรียบง่าย
   ธัญญายิ้มมุมปาก 
   “นี่ยายเมียเก่าแกคงมาฟ้องอะไรอีกล่ะสิ”
   “ใช่”  ธนกรกดให้แล็ปท็อปด้านข้างเล่นเสียงจากไฟล์ที่ณภรัทราอัดมา
   ธัญญาหน้าเสีย  แต่ก็ยังคงรักษาท่าที
   “หึ  แล้วยังไง?  ใครๆ ก็สงสัยทั้งนั้นว่าตานทีใช่ลูกแกจริงหรือเปล่า?  ชั้นก็ไม่อยากพูดมากหรอกนะ  เห็นแกรักเด็กนั่นมาก  แต่นทีน่ะ...ไม่มีอะไรเหมือนแกเลย  แค่แกเลี้ยงมาจนโต  ส่งเสียจนมีหน้ามีตาในสังคมก็ดีแค่ไหนแล้ว  แต่จะมาฮุบสมบัติของตระกูลเรา...ชั้นไม่ยอมหรอก  อาม๊าก็คงไม่ยอมเหมือนกัน”
   ธนกรถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  ก่อนหยิบกระดาษแผ่นบางขึ้นมาวาง  ยื่นไปข้างหน้าธัญญา
   ธัญญาหยิบขึ้นมาดูอย่างเสียไม่ได้  ดวงตาของเธอเบิกกว้าง

   ผลการตรวจ : ผลการตรวจสารพันธุกรรม  กรณีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อ-ลูก  พบว่านายธนกร ธนสารสมบัติ  ไม่ถูกตัดออกจากการเป็นพ่อของนายนที  ธนสารสมบัติ
   เมื่อคำนวณโอกาสการเป็นพ่อของนายธนกร  ธนสารสมบัติ  ทีมีต่อนายนที  ธนสารสมบัติ  แล้วได้เท่ากับ 99.99999
   ความเห็น : เชื่อว่า  นายธนกร  ธนสารสมบัติ  เป็นพ่อนายนที  ธนสารสมบัติ จริง!

   “โกหก”  มือผอมบางสั่นน้อยๆ  “มันต้องทำเอกสารปลอมมาหลอกแกแน่ๆ”
   “ผมเป็นคนพานทีไปตรวจเอง  ภัทไม่รู้เรื่อง” 
   ร่างผอมเกร็งของธัญญาสั่นไปหมดอย่างไม่อาจควบคุมได้  ราวกับร่างกายอัดแน่นด้วยแรงอารมณ์  เธอเชื่อมาตลอดว่านทีไม่ใช่ลูกของธนกร  บอกตัวเองทุกวัน  เด็กที่มีสายเลือดของผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้น  มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอสักนิด 
   “แล้วยังไง  มันก็มีสายเลือดของผู้หญิงชั้นต่ำอยู่ดี”
   ธนกรไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง  ว่าพี่สาวของเขาจะร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้   ความโกรธแล่นเป็นริ้วๆ  จนอยากบดขยี้คนตรงหน้าให้ตายตก  แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทำได้เพียงหักห้ามใจกับคนที่เป็นพี่สาวของตนเองอีกครั้ง
   “ถ้านทีต่ำ  ผมที่เป็นพ่อก็คงไม่ได้สูงนักหรอก  เจ้เซ็นต์เอกสารฉบับบนี้เถอะ” ธนกรยื่นเอกสารชุดใหม่ให้ธัญญา  “แล้วเจ้จะได้ไปมีชีวิตของเจ้  ไม่ต้องมาเกี่ยวงข้องกับคนชั้นต่ำแบบเราสองพ่อลูกอีก”
   ธัญญาหยิบเอกสารขึ้นมาดู  เอกสารระบุการซื้อขายหุ้นในส่วนของเธอคืนให้บริษัท 
   “แก”  ร่างผอมผุดลุกขึ้น  ดวงตาเกรี้ยวกราดมองหน้าผู้เป็นน้องชาย  “นี่แกหลงมันขนาดนี้เลยเหรอ  มันหักหลังแกไปหาชู้รักเก่า  แกก็ยังเชื่อมัน  มันมีผัวใหม่าไปตั้งกี่คนแล้ว  แกก็ยังจะกินของเหลือเดนคนอื่นอีกงั้นเหรอ  ชั้นอุตส่าห์ยอมให้แกมีเมียใหม่  ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้ว...แกก็ยังกลับไปตายรังเดิม   นังคนนี้มันมีดีอะไรฮะ...แกถึงได้ไม่เลิกไม่ราสักที”  ยิ่งพูดก็ยิ่งจมลึกลงไปในอารมณ์ดำมืด  ผู้หญิงอย่างณภรัทรามีดีอะไร  ถึงได้มีหน้ามายึดทุกสิ่งทุกอย่างของเธอไป
     ณภัทราเกิดในครอบครัวแตกแยก  แม่มีสามีใหม่เป็นชาวต่างชาติ  สำส่อนตั้งแต่รุ่นแม่  เรียนยังไม่ทันจบก็ดันใจแตกท้องก่อนแต่ง  ดีแต่แต่งตัวสวยจับผู้ชาย   ในขณะที่เธอต้องมานะบากบั่น  ต้องพากเพียรแค่ไหนกว่าจะเรียนจบ  ต้องพยายามแค่ไหน...อาปามาม๊าถึงได้ภูมิใจในตัวเธอบ้าง 
   ผิดกับธนกรที่เกิดมาเป็นผู้ชาย  วันๆ ไม่ต้องทำอะไร  อาปาอาม๊าก็แทบจตะประเคนให้ทุกอย่าง  แต่สุดท้ายก็โง่พลาดท่าโดนผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าจับเสียได้ 
   “มันไม่เกี่ยวกับภัทเลย  พี่เบิกเงินไปตั้งเยอะแยะ จนวันนี้มันเกินราคาหุ้นของพี่ไปแล้ว  ตามกฎของบริษัทแล้ว  พี่ต้องโดนปลด”
   “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง  นี่มันบริษัทชั้น  ที่เกิดมาจากเงินของอาปา  ชั้นก็เป็นลูกของอาปาคนหนึ่ง  ชั้นควรจะมีสิทธิครึ่งหนึ่งด้วยซ้ำ  ถ้าไม่ติดว่าแกเป็นผู้ชาย  แล้วอาปา...ก็ยกสมบัติให้แก  แค่แกเกิดเป็นผู้ชาย  แก็ได้ทุกอย่างไป  แล้วชั้นล่ะ...แค่ชั้นที่เป็นผู้หญิง  ได้แค่อพาร์ทเม้นท์กระจอกๆ เนี่ยนะ  ใครกันที่ดูแลลูกให้แก  ดูแลอาปาอาม๊า  ให้แกออกไปเสวยสุขข้างนอกได้ตามใจ  ชั้นไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นคนอย่างนี้  ได้ดิบได้ดีแล้วก็ลืมบุญคุณ”
   ธนกรมองธัญญด้วยแววตาเจ็บช้ำ
   “เจ้คิดว่าผมไปเสวยสุขเหรอ  ผมไปลำบากอยู่ห้องเช่าซอมซ่อ  เดินตระเวนไปทั่วจนรองเท้าพัง  ก็เพื่อบ้านเราไม่ใช่เหรอ”
   “เพื่อบ้านเรา?  แกกล้าพูดออกมาได้นะ  ตอนนี้แกกำลังจะเฉดหัวชั้น  เอาเงินไปปรนเปรอนังผู้หญิงนั่นกับลูกของมัน  ตอนนี้คงสมใจมันแล้วล่ะสิที่แผนของมันสำเร็จ  สมบัติของอาปากำลังจะกลายเป็นของลูกมัน”  สีหน้าของธัญญาบิดเบี้ยวไปหมด 
   “ไม่มี  ไม่มีสมบัติของอาปาแม้แต่แดงเดียว” ธนกรขึ้นเสียงดัง  เอกสารปึกใหญ่ที่เขาเพิ่งดูเมื่อสักครู่นี้ถูกโยนลงตรงหน้าธัญญา “ถ้าเจ้ไม่เชื่อ  เจ้ก็อ่านดูเอาเอง  สมบัติของอาปามีแต่หนี้ทั้งนั้น  อพาร์ทเม้นท์กระจอกๆ ของเจ้  เป็นสมบัติที่ทำเงินได้ทั้งหมดของบ้านเราแล้ว”
   “หมายความว่ายังไง  โรงสี  ที่ดินอีกล่ะ  แกขายออกไปจนหมดแล้วนี่”
   “ผมจะบอกอะไรเจ้ให้นะ  ต่อให้ขายจนหมดแล้วก็ยังไม่พอใช้หนี้อาปาเลย”
   “แก”  ธัญญาชี้หน้าธนกร  “แกมันอกตัญญู”  ธัญญายังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ธนกรพูด  จะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง  เธอไม่เชื่อหรอกว่าที่มีกินมีใช้อยู่ทุกวันนี้จะไม่ใช่เพราะสมบัติของอาปา
   “ถ้าเจ้ไม่เชื่อ  ก็ให้ศาลตัดสินเถอะ”
   ธัญญามองหน้าน้องชายอย่างไม่เชื่อสายตา  คนในครอบครัวคนเดียวที่เหลืออยู่จะกล้าทำกับเธอแบบนี้  ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านจนควบคุมไม่อยู่  หากความรักความผูกพันที่มีไม่อาจรั้งน้องชายของเธอไว้ได้  เธอก็ไม่จำเป็นต้องเห็นแก่หน้าใครทั้งนัน
   “ได้”  ธัญญาคว้ากระเป๋าสะบัดตัวออกไป
   ธนกรมองตามหลังร่างที่ก้าวออกไปด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก


ธัญญากลับออกมาด้วยท่างเกรี้ยวกราดไม่ไว้หน้าใคร   สองขาก้าวฉับๆ  ตรงไปที่ลิฟท์ทันที 
   “โอ๊ะโอ”  เสียงหวานยียวนเอ่ยทักออกมาทันทีที่ลิฟท์เปิดออก “นึกว่าใคร  ที่แท้ก็คุณพี่นี่เอง”
   ธัญญาจ้องหน้าผู้ที่ออกมาจากลิฟท์เขม็งราวกับจะใช้สายตาแผดเผาร่างบางตรงหน้าให้กลายเป็นจุล 
   “แก”  เสียงคำรามรอดไรฟันดังออกมา
   “คะ?  อะไรนะคะ?  ไม่ค่อยได้ยินเลย”  ณภรัทราเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังออกมาชัดๆ  เสียงกัดเขี้ยวเคี้ยวฟันของธัญญาช่างฟังแล้วทำให้เธออารมณ์ดีเสียจริง 
   ฝนทิพย์ก้าวตามออกมา  เธอยกมือไหว้ธัญญาก่อนดึงแขนณภัทราเบาๆ   เป็นเชิงปราม  แต่ณภัทราเพียงยิ้มเล็กน้อย  “พี่ฝนไปดูพี่กรก่อนเถอะค่ะ  ป่านนี้ฆ่าตัวตายไปแล้วหรือยังก็ไม่รู้”
   “ แต่...” ฝนทิพย์ละล้าละลัง  ห่วงหน้าพะวงหลัง  เธอเป็นห่วงธนกรตั้งแต่เมื่อเช้า  เมื่อคืนนี้...ธนกรคิดมากจนนนอนไม่หลับ  เธอรู้ว่าเขากังวลเรื่องที่จะต้องคุยกับธัญญาวันนี้  พอณภัทราชวนมา  เธอก็ตกลงทันที  ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับธัญญาเข้าพอดี
   “ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกค่ะ  ยังไงภัทกับพี่ธัญก็คุ้นเคยกันดี”  ไม่ให้คุ้นเคยกันได้ยังไง  สิบกว่าปีมานี่  ฟาดฟันกันไปไม่รู้กี่ยก  ที่ผ่านมา...เธอยอมมาโดยตลอด  เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะสร้างความลำบากใจให้กับลูกชายของเธอ  แต่วันนี้ลมพายุโหมแรง  มีโอกาสทั้งที...ต้องพังเขื่อนเสียหน่อย
   ฝนทิพย์เห็นว่าเธอคงโน้มน้าวณภัทราไม่ได้แล้ว  หากฝืนมากกว่านี้  ก็จะเป็นที่จับจ้องของพนักงานเสียเปล่าๆ  บวกกับตั้งใจจะมาดูธนกรเป็นทุนเดิมเลยขอตัวออกมา
   ใบหน้าผอมเกร็ง  เกร็งจนไม่อาจจะเกร็งไปกว่านี้ได้อีก  ธัญญามองตาหลังฝนทิพย์อย่างแค้นเคือง  เสียแรงที่วางใจ  เห็นหน้าซื่อๆ  แถมยังมีลูกติด  ต่อให้หวังสมบัติยังไง...น้องชายเธอคงไม่โง่ยกให้  อย่างดีก็คงได้แค่ของเล็กๆ น้อยๆ  ถือว่าเป็นค่าเสียหายและค่าจ้างกันหมาหิวโซอย่างณภรัทราแล้วกัน  ไม่คิดเลยว่าจะไร้ประโยชน์ถึงขั้นกันหมาไม่ได้  ก็ยังเปิดประตูให้หมาเข้าบ้านอีก   
“ หน้าตาดูไม่สบายเลยนะคะ  ช่วงนี้ดวงตกหรือเปล่าคะคุณพี่  ทำบุญเสริมดวงหน่อยดีไหมคะ?”
“นังหน้าด้าน”
ณภรัทราหัวเราะ  เสียงหวานปั่นประสาทธัญญาให้ทะลุจุดเดือด
“อยากได้สมบัติคนอื่นเขาจนตัวซี้ตัวสั่น  ไม่เรียกว่าหน้าด้านเหรอคะ?”
“แก”
“จะพูดอะไรก็พูดเถอะค่ะ  แกๆ อยู่ได้  รำคาญ”
ธัญญขยับปากจะพูดว่า ‘แก’ อีก  ก็ไม่กล้าพูด  ได้แต่เดือดดาลอยู่ในใจจนทรวงอกกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลง  หากแต่ก็ยังเค้น
“นังคนชั้นต่ำ  แกกล้าดียังไงถึงมาปั่นหัวกร” ธัญญาเริ่มเสียงดัง 
“พี่กล้าดียังไงมาปั่นหัวลูกชั้น?”  แม้ธัญญษจะเสียงดัง  แต่ณภรัทราดังกว่า  เธอไม่อายอยู่แล้วที่จะเปิดเผยเรื่องราวโสมมที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้  ไม่มีความกลัว  ไม่มีความอายอะไรทั้งนั้นสำหรับความเจ็บปวดที่เก็บมาตลอดสิบห้าปี   ไม่เจอกันก็แล้วไป  แต่ถ้ามีโอกาสได้เจอ...อย่าหวังว่าเธอจะลงให้อีก  และคนอย่างเธอก็ใช่คนที่รอโอกาสเดินเข้ามาหา  อยากเจอ...ต้องได้เจอ
ธัญญาเม้มปาก  นิ้วมือกำแน่นจนเล็บยาวจิกเข้าไปในอุ้งมือ
“นังมันสิบแปดมงกุฏ  แกวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม?”
“แผนหลอกเอาสมบัติบ้าบอปัญญาอ่อนแบบนี้  มีไว้สำหรับผู้หญิงที่ทำมาหากินเองไม่ได้เท่านั้นล่ะค่ะ  ไม่ได้อยู่ในแผนของฉันเลยสักนิด” ณภรัทรายิ้มเยาะ  “แผนของฉันก็มีแค่...จะพาลูกชายไปกินของอร่อยๆ ที่ไหนดี  จะพาลูกไปเที่ยวประเทศอะไรดี  รถที่นทีใช้อยู่...แรงม้ามันน้อยไปไหมนะ?  ชั้นมีความสุขขนาดนี้แล้ว  จะทำยังไงให้มีความสุขมากกว่านี้ดี  เอาให้คนบางคนอกแตกตายไปเลยยิ่งดี”
“อย่าหวังว่าแกจะได้เงินไปเสวยสุข”
คราวนี้ณภรัทราหัวเราะเสียงดัง
“โอ๊ย  คุณพี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอคะ?”  ณภรัทราทำท่าปาดน้ำตา  เสียงหัวเราะยังคงติดพลันอย่างกลั้นไม่อยู่  “หัวสมองคุณพี่ทำมาจากอะไรคะเนี่ย  เห็นชอบด่าคนอื่นว่าโง่  นึกว่าจะฉลาด  ชั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินคนอื่นสักบาท  ชั้นก็ทำสิ่งเหล่านี้ให้ลูกได้  อ้อ...ลืมไป  คนที่ไม่เคยทำงานทำการคงไม่เข้าใจ”
ลมหายใจของธัญญาถี่กระชั้น  ลมโมโหตีตื้นอัดแน่นจนเต็มทรวง 


ฝนทิพย์สั่งเลขาหน้าห้องธนกรให้คอยจับตามวยคู่เอกไว้ให้ดี  ถ้าเห็นท่าไม่ดีให้วิ่งมาบอกเธอทันที  ก่อนเดินเข้ามาหาธนกรโดยพละการ  เธอจงใจที่จะไม่เคาะประตูเพราะไม่อยากให้คนเป็นสามีรู้ตัว  หากเขารู้ตัวก่อน...คงจะปั้นสีหน้ายิ้มแย้มแล้วแสร้งทำท่าว่าไม่มีอะไรให้เธอเห็น
   มือเล็กผลักประตูออกเผยให้เห็นร่างสูงยกมือขึ้นปิดหน้า  ขาทั้งสองเท้าอยู่บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่  แบกรับน้ำหนักของไหล่กว้างและภาระหน้าที่ที่อยู่บนนั้น 
   ธนกรเงยหน้าขึ้นมามองผู้ที่เข้ามาใหม่  เผลอเผยแววตาอ่อนล้าออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
   “ฝน” เขาเรียกฝนทิพย์เสียงแผ่ว
   ฝนทิพย์ยิ้มบาง  เธอเดินตรงเข้าไปหาธนกร  โอบสองแขนเล็กๆ  รอบไหล่กว้าง  หากบ่านี้รับน้ำหนักไม่ไหว...เธอจะเป็นอีกแรงที่ช่วยค้ำยัน
   ธนกรเอนตัวซบลงกับหน้าท้องนุ่ม 
   “ผมมีแต่เรื่องที่ต้องขอโทษคนอื่น  ขอโทษอาปา  ขอโทษอาม๊าที่ไม่ได้อยู่ดูแลทท่านให้ดี  วันสุดท้ายของอาปา...อาปายังคำนวณยอดหนี้อยู่เลย  วันสุดท้ายของอาม๊า...ผมกลับมาไม่ทัน  ขอโทษภัท...ที่ต้องทิ้งอนาคตมาอยู่กับผม  และผมก็รับผิดชอบเขาไม่ได้  ขอโทษลูก...ที่ทำให้เขาต้องมีชีวิตแบบนี้  ขอโทษเจ๊ธัญ...ที่ดูแลไม่ได้”
   ฝนทิพย์ลูบหลังธนกรเบาๆ
   “ชีวิตคน   มันก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ  เรามีเรื่องที่ต้องขอโทษคนอื่น  มีเรื่องที่ต้องขอบคุณคนอื่น  คนอื่นก็มีเรื่องที่ต้องขอโทษเรา  ต้องขอบคุณเรา  เราก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งนี่คะกร”
   ธนกรกอดฝนทิพย์  เขาเหนื่อยจริงๆ 
   ชีวิตมนุษย์ก็แค่นี้  ใช้ชีวิตไป  เหนื่อย...ก็มีคนให้กอด  เติมพลัง  แล้วก็ออกไปใช้ชีวิตใหม่ 
   ฝนทิพย์ปล่อยให้ธนกรกอดเงียบๆ  มือบางคอยลูบหลังลูบหัวให้เบาๆ  อย่างใจเย็น  ธนกรผ่านเรื่องราวโลกมามาก  ไม่จำเป็นต้องรับคำแนะนำจากเธอ  เธอเพียงแค่ต้องรอให้ธนกรตกตะกอนความคิดสักพักเท่านั้นเอง  บรรยากาศภายในห้องทำงานเงียบสงบ  จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดังขึ้น
   “ผมรักคุณ”
   ฝนทิพย์ยิ้มกว้าง
   “ฝนก็รักคุณค่ะ” ทั้งสองคนกอดกันแน่น  “แต่ฝนไม่คืนเงินคุณหรอกนะ”
   เงินไม่เท่าไร  แลกกับความสุข ณ เวลานี้  ธนกรทนได้  แต่อย่างน้อยก็ขอร้องให้ไว้อาลัยมันอีกสักหนเถอะ 
   

เสียงเปิดประตูผัวะดังขัดจังหวะหวานชื่นระหว่างคู่รัก 
   “แย่แล้วค่ะๆ”  ผู้ที่เข้ามาเป็นกอขอคอก็คือเลขาหน้าห้องที่วิ่งตาตื่นเข้ามา  “คุณธัญค่ะ คุณธัญ”
   ธนกรลุกพรวด
   “เกิดอะไรขึ้น?”
   “ตบกันแล้วค่ะ” 
ธนกรกับฝนทิพย์รีบวิ่งไป  ทั้งสองคนยังอยู่หน้าลิฟท์  ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงไปหมด  จิกทึ้งดึงดันกันไม่ยอมปล่อย  ธนกรวิ่งเข้าไปอุ้มธัญญา  ฝนทิพย์ก็เข้าไปกอดณภัทราจากทางด้านหลัง   แต่มือของทั้งสองคนก็ยังจิกกันแน่นเหนียว
   “ปล่อยชั้น”  ธัญญาตะโกน 
   ธนกรออกแรงทั้งอุ้มทั้งลากจนทั้งคู่หลุดออกจากกันได้  ณภัทราจะวิ่งเข้าไปอีกรอบ  แต่ฝนทิพย์ก็ไม่ยอมปล่อยเหมือนกัน  ในขณะธนกรพาธัญญาหายเข้าในลิฟท์  เลขก็รีบปิดลิฟท์โดยเร็ว
   ณภัทราหายใจหอบ 
   “ยังไม่หายแค้นเลย”  แม่เอ๊ย! ความแค้นสิบห้าปี  จะให้จบลงในห้านาทีเนี่ยนะ  หลังจากหายใจทิ้งไปได้สักพักถึงได้รู้สึกถึงแรงรัดแน่นจากอ้อมแขนเล็ก “ปล่อยได้แล้วน่า”
   ฝนทิพย์ช้อนเหลือบมองณภัทราอย่างชั่งใจ  “ไม่วิ่งลงไปอีกแน่นะ”
   ณภัทราพยักหน้า  ครั้นพอฝนทิพย์ปล่อย...ณภัทราก็ออกตัวพรวด  ทำท่าจะวิ่งลงบันไดหนีไฟไป  แต่ฝนทิพย์ระวังไว้อยู่แล้ว  ทั้งเธอและเลขาพุ่งตัวเข้าชาร์ตณภัทราก่อนลากตัวพามายังห้องทำงาน
   “พอได้แล้วภัท”  ฝนทิพย์ร้องบอก
   ณภัทรากระฟัดกระเฟียดอย่างขัดใจ  ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแรงๆ  “ก็คนมันแค้นอ่ะ”  อยากตบให้ตายคามือไปเลย 
   ฝนทิพย์ให้เลขาไปหายาแก้ฟกช้ำมา  ตามร่างกายและผิวหน้ามีรอยแดงอยู่ไม่น้อย  อีกสักหน่อยน่าจะเขียวช้ำ “เอาน่า  ไว้วันหลังเถอะ  ยังมีวิธีอีกเยอะให้เอาคืน”
   ณภัทรามองหน้าฝนทิพย์อย่างแปลกใจ  หา...เมื่อกี้เธอได้ยินอะไรนะ?
   “ ก็ตามนั้นแหละ  เจ็บตัวเดี๋ยวก็หาย  แจ่ถ้าเจ็บใจ...อาจจะเจ็บจนตายก็ได้นะ”  ฝนทิพย์ถลกแขนเสื้อณภัทราขึ้นเพื่อสำรวจร่องรอย 
   ณภัทรายิ้มออกที่ฝนทิพย์เข้าข้างเธอ 
“อย่าให้มีอีกสักครั้งนะ”  ณภัทราทำท่าตบลมกลางอากาศ  หมายมั่นปั้นมือ...เจ็บใจก็ต้องเจ็บ  เจ็บตัวก็ต้องด้วย...มันถึงจะสะใจ

********** มีต่อด้านล่าง **********
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Smile A ที่ 17-12-2020 10:10:06
**********  ตอนที่ 30 ต่อ **********

ต้นน้ำนั่งมองสองแม่ลูกวางท่าเขื่องใส่กันไปมาอยู่ไกลๆ  มวยคู่นี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง  แต่เขาก็พอรู้บทลงเอยอยู่บ้าง
นทีที่นั่งเท้าศรีษะอยู่บนโซฟา  สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างเพรียวสมส่วนของณภัทราอย่างใช้ความคิด  รอยช้ำจากการไปบู๊กับธัญญาเริ่มจางลงแล้ว 
   “ยังไม่หายช้ำเลยนะเจ๊”  ฝ่ายน้ำเงินเปิดก่อน
   “ใส่เสื้อแขนยาวไปก็ได้” ฝ่ายแดงยังไม่ยอมแพ้  ณภัทรานั่งกอดอก  ตอบหน้าเชิ่ด 
   “แล้วที่หน้าล่ะ”  เขาชี้ที่แก้มตัวเอง
   “เอารองพื้นตบๆ หน่อย  ก็ไม่เห็นแล้ว” 
   นทีปิดเปลือกตาลง  อา...เขาลืมไปได้ยังไงว่ามีนวัตกรรมแสนวิเศษที่เอาไว้ใช้ปิดบังร่องรอยอย่างรองพื้นสำหรับผู้หญิงอยู่บนโลกใบนี้  นิ้วเรียวเคาะขมับตนเองเบาๆ อย่างใช้ความคิด 
   วันนี้เป็นวันเสาร์  วันเสาร์ วันเสาร์
   วันเสาร์ที่เขานัดไปดูหนังกับต้นน้ำ  วันเสาร์ที่เขาอดทนรอมาทั้งอาทิตย์ 
   แต่...ผู้หญิงคนนี้จะไปด้วย! 
นทีถอนหายใจยาว  ตั้งแต่ณภัทรามาอยู่ที่บ้านนี้ก็แทบจะติดพวกเขาแจ  ทุกกิจกรรมต้องมีณภรัทราอยู่ด้วยเสมอ  วิ่งตอนเช้า  กินข้าวตอนเย็น  ดูหนังหลังอาหาร  ดื่มนมก่อนนอน  แทบจะสิงตัวกับพวกเขาตลอดเวลา  ต้นน้ำยิ่งระวังตัวแจ  อยู่ในบ้านก็จับไม่ได้  ออกไปข้างนอกก็ยิ่งแตะไม่ได้ 
“เมื่อไรเจ๊จะไปทำงาน?”
“ไม่ทำแล้ว”  เสียงหวานติดกระเง้ากระงอด  ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าผู้เป็นลูกชายหาเรื่องไล่เธอแล้ว  “ทำงานมาตั้งเยอะแล้ว  แค่นี้ก็ใช้ไม่พอแล้ว  ทำไมจะต้องทำอีก”
“ผมโตแล้วนะเจ๊  ไม่ได้ต้องการแม่ตลอดเวลาเหมือนตอนเด็กๆ แล้ว”
ณภัทราทำท่าจะร้องให้  เมื่อนึกถึกช่วงเวลาที่พลาดไป “ใช่ เป็นความผิดของชั้นเอง  แล้วเธอบอกจะชดเชยให้ชั้นไม่ใช่เหรอ?”
“ก็ชดเชยให้ได้ในแบบลูกที่โตแล้ว  ไม่ใช่ตัวติดกันตลอดเวลา  ถ้าเจ๊อยากได้แบบนั้น  เจ๊ต้องคลอดใหม่แล้ว”
   “จะคลอดใหม่  ก็ต้องมีผัวใหม่ก่อนไหมล่ะ”  แล้วเธอจะไปหาที่ไหน
   “เจ๊ไม่มีคนคุยมั่งเหรอ?”
   “มี  แต่คุยๆ หายๆ  ไม่ค่อยว่างน่ะ  มันเสียเวลา  ไม่ต้องมายุยงเลยนะ  ลูกก็มีแล้ว...จะต้องมีอีกทำไม  คลอดอีกที...กว่าจะโต...ชั้นไม่แก่หงำเหงือกเหรอ”  ณภรัทรายักไหล่  “ไม่เอาล่ะ  กลัวตายก่อนลูกโต”
   นทีถอนหายใจยาวอีกครั้ง 
   “งั้นก็ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ”
   ณภรัทรายิ้มร่า  แสดงออกชัดเจนว่าใจมาก  ดีแทบจะกระโดดก้าวเดินก้าว  สลับขาแล้วหมุนตัวกลางอากาศสักรอบ 
   นทีมองตามพลางส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ  เขาเดินไปจูบแก้มต้นน้ำหลายฟอด  โอบกอดอย่างอาลัยอาวรณ์  ต้นน้ำปล่อยตามใจนทีพักหนึ่งก่อนจะขยับตัว 
   “อย่าเพิ่งขยับ”  นทีบอกเบาๆ  จูบตามลำคอขาวไล่เรื่อยไปใบหูก่อนวกกลับลงมาอีกครั้ง  ทุกวันๆ เขาทำได้แค่นี้  ไม่เกินกว่านี้  หรือบางที...ก็น้อยกว่านี้ 
   เขาซุกใบหน้าลงบนบ่าของต้นน้ำ  ในความเงียบได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถแล่นเข้ามา
   “ป๊ากลับมาแล้ว”  นทีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง


ธนกรนอนหงายแผ่หลาลงบนโซฟา  วันนี้ธัญญายอมเซ็นต์เอกสารโอนหุ้นแล้ว  หลังจากที่เขาส่งทนายไปคุยหลายรอบรวมถึงทนายของณภรัทราด้วยในส่วนที่เรียกร้องค่าเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการให้ข่างของธัญญา
   เขายังคงจ่ายค่าใช้จ่ายในบ้านและค่ากิน  ค่าอยู่  ค่าดำรงชีวิตพื้นฐานให้ธัญญาอยู่   หากธัญญาไม่ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อก็อยู่ได้อย่างสบายๆ  นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาจะช่วยเหลือได้  แลกกับการที่ธัญญาจะไม่สามารถมายุ่งเกี่ยวกับงานที่บริษัทและนทีอีกต่อไป
   ฝนทิพย์ที่กลับมาพร้อมธนกรเดินแยกไปเอาน้ำในครัวมาเสริฟ  ต้นน้ำตามไปช่วยด้วย
   “เป็นไงบ้างป๊า?”  นทีถาม  เขาไม่ได้เข้าออฟฟิศพร้อมธนกร  เพราะธนกรนัดธัญญามาเซ็นต์เอกสารสัญญา  และไม่ต้องการให้เขาเจอธัญญา
   “จบแล้ว”  ธนกรตอบทั้งที่ยังไม่ลืมตา
   “ไม่ไหวก็ช่างมันเถอะ”  นทีบอกเมื่อเห็นสภาพของธนกร  เขาไม่ได้สนใจเรื่องธัญญาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้  นานมากแล้ว  คงตั้งแต่ที่ชีวิตตนเองมีความสุขล่ะมั้ง  เขาไม่ได้สนใจบทลงเอยของธัญญา  หากมันทำให้ธนกรรู้สึกแย่  เขาก็ไม่ต้องการเหมือนกัน  นทีทำท่าจะพูดต่อ  หากธนกรตัดบทเสียก่อน 
   “หิวอ่ะ  มีอะไรกินไหม?”
   “ไม่มี  ว่าจะไปกินข้างนอก  ก็เลยไม่ได้ซื้อไว้  ผมนึกว่าป๊าจะซื้อเข้ามา”
   พอดีกับที่ณภรัทราแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  กลิ่นน้ำหอมหอมฉุยนำมาก่อนเจ้าตัว   
   “จะไปไหน?”  ธนกรที่เพิ่งลืมตาถามเมื่อเห็นณภรัทราในชุดเต็มยศทั้งหน้าและผม
   “ไปดูหนังและก็ไปกินข้าวสักมื้อ  เนอะ” หญิงสาวหันไปพยักเพยิดกับผู้เป็นลูก
   นทียิ้มจืดจางพยักหน้าให้เนือยๆ
   “ไปด้วย  ไปกันหมดนี่แหละ”  ธนกรบอก
   นที  “..........”


ต้นปาล์มสะกิดเม่นให้ดูนที  “มันเป็นอะไรอีกวะ?  อาทิตย์ที่แล้วยังร่าเริงอยู่เลย  อาทิตย์นี้ทำหน้าเหมือนมีใครติดหนี้มันแล้วจ่าย”
   เม่นมองตามที่ต้นปาล์มบอก  สงสัยว่าจะมีคนติดหนี้มันจริงๆ  แล้วยังไม่จ่ายซะด้วย  ต้นปาล์มนั่งอยู่ฝั่งซ้ายมือมือของเขา  ฝั่งขวาคือน็อต  ส่วนนทีนั่งอยู่ฝั่งขวาสุดถัดจากน็อตไปอีกที  พวกเขานั่งเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดานอย่างสวยงาม   ถ้าไม่ติดว่าสายตาของคนขวาสุดจะดูเหมือนมาเฟียทวงหนี้ขนาดนั้น
   เม่นไล่ตามสายตานทีไป  เยื้องไปข้างหน้าหนึ่งแถว  ไล่จากขวาไปซ้าย เนม  ขิง  เอื้องฟ้า ริว ...ต้นน้ำ  นั่นแหละ...คนนี้! ลูกหนี้ไอ้นทีมัน!
   กรรม!  คู่นี้สามวันดี  สี่วันทะเลาะ เพื่อนจะไม่ไหวเอานะ
   “ไอ้ต้นน้ำมันทำอะไรไอ้นทีวะ?”  ต้นปาล์มกระซิบถามอีกเพราะเกรงใจอาจารย์ที่สอนหน้าห้อง  ขนาดต้นปาล์มผู้ไม่เคยเอะใจยังเอะใจ
   “ก็เรื่องที่มึงโพสต์น่ะแหละ  มันเลยทะเลาะกัน”  เม่นกระซิบตอบเบาๆ
   ต้นปาล์มทำหน้าสลดแล้วไม่กล้าถามอะไรอีก 
   จนกระทั่งเลิกคลาส  นทีก็ยังคงแผ่รังสี ‘เจ้าหนี้’  ออกไปกดดันผู้คน  แต่ดูเหมือนว่าคนที่เขาตั้งใจกดดันจะไม่รู้ตัว
   “กินข้าวด้วยกันป่ะมึง”  เอื้องฟ้าหันมาถามทีมวิศวะก่อนสะอึกค้างเมื่อเห็นสีหน้านที 
   “พูดไม่คิดนะมึง  ดูที่ดูทางก่อนไหม” ขิงรีบสะกิดบอก
   “กิน”  ไม่ทันแล้ว  ทีมวิศวะตอบตกลงอย่างพร้อมเพรียง  ตายหหมู่ดีกว่าตายเดี่ยว 
   ต้นน้ำเดินไปข้างหน้ากับเนมโดยมีนทีส่งสายตากดดันเดินตามหลัง   ต้นน้ำห่างเหินกับเขาขึ้นทุกวัน  เดี๋ยวนี้แม้จะมีเรียนคาบเดียวกันก็ยังไม่ยอมมาพร้อมกัน  นั่งใกล้กันสักนิดก็ยังไม่ได้   
   เหมือนมีเขาเพียงคนเดียวที่เป็นฝ่ายเข้าหา  เขายังคงกอดต้นน้ำได้  ยังคงจูบได้  ยังคงคุยกันก่อนนอนทุกคืนเหมือนเดิม   แต่เขาก็ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกวูบโหวงนี้คืออะไร 
   ต้นน้ำกังวล  กลัวว่าจะมีคนรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา  เขาเข้าใจ...แต่เข้าใจ  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะชอบใจ
   “มึงมีอะไรกันวะ?”  ริวเดินเข้ามาเดินขนาบพลางกระซิบถาม
   “ไม่มี”   นทีตอบเซ็งๆ 
   “ตอแหล  ไม่มีเหี้ยไร  หน้ามึงจะแดกหัวคนอยู่แล้ว” 
   นทีไม่ตอบ 
   “กูจะบอกอะไรให้นะ  ไม่ว่ามันจะทำอะไร  มึงทำใจร่มๆ  แล้วค่อยเอาคืน”  ริวดึงนทีเข้าใกล้พลางกระซิบแผ่ว  สีหน้ามาดร้าย “ บน เตียง ”
   “เลว” นทีด่ากระชับ  ได้ใจความ  ถ้าเอาคืนบนเตียงได้  เขาจะต้องมานั่งกดดัน  ยืนกดดันคนแบบนี้ทำไม 
   “แล้วมึงจะทำอะไรมันได้วะ?”
   ใช่  เขาทำอะไรไม่ได้เลย 


ต้นน้ำเดินลงมาข้างล่าง  รู้สึกเนือยๆ เฉาๆ  อย่างไรพิกล  เช้านี้ดิวตัดไหมแล้ว  และนทีเป็นคนพาไปโรงพยาบาลพร้อมกับออกค่าใช้จ่ายด้วย  วันนี้เขาเป็นฝ่าย ‘เข้าใจแต่ไม่ชอบ’ เสียเอง
   หลายวันที่ผ่านมา  เขายอมรับว่าเขาทำตัวห่างเหินกับนที  แต่เขาก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง  อยู่กับนทีสบายก็จริง  แต่เขาก็กังวลว่าจะมีใครรู้เข้าถึงความสัมพันธ์ของเขากับนที  โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังวางแก้วนมลงตรงหน้าเขานี้
   “เป็นอะไร?  ทำไมทำหน้าหงอยๆ”
   “ไม่เป็นไร  ขี้เกียจไปเรียน” ต้นน้ำรับแก้วนมมาดื่ม  “ม๊าล่ะ?”
   “ยังไม่ตื่นมั้ง”
   “แม่ไม่หึงป๊ากับม๊าเหรอ?  ไม่กลัวเขาจะคืนดีกันเหรอ?” 
   ฝนทิพย์ที่หันไปตักข้าวต้มให้ลูกชายชะงักค้าง  นิ่งคิดไปแป๊บหนึ่ง
   “ไม่นะ”
   “แม่ไม่ได้รักป๊าเหรอ?”
   “รักสิ  อย่าไปพูดอย่างนี้ให้ป๊าได้ยินนะ  เดี๋ยวป๊าเสียใจ  ช่วงนี้ยิ่งอ่อนไหวอยู่” 
   ต้นน้ำหัวเราะ  ช่วงนี้ธนกรอ่อนไหวจริง  เดี๋ยวก็อ้อนเหมือนเด็กๆ  เดี๋ยวก็ขึงขังจริงจัง  เห็นแล้วสงสาร
   “ก็เห็นแม่ไม่เคยหึงเลยสักครั้ง  ไม่เหมือนตอนพ่อ  แม่ไล่ขยี้กระจุยเลย”
   ฝนทิพย์หัวเราะบ้าง  เธอวางถ้วยข้าวต้มลงบนเคาน์เตอร์ให้ลูกชาย
   “มันไม่เหมือนกัน  ตอนนั้นพ่อเราเขาทำผิด  แต่ป๊ายังไม่มีอะไรให้ต้องกังวล  แล้วตอนนั้นแม่ก็ยัง...วัยรุ่นอยู่มั้ง”
   “แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ”
   “ตอนนี้ก็คงไม่หึงแล้วล่ะ”
   “ทำไมล่ะ?”
   “ก็แก่แล้วไง  เข้าใจอะไรๆ มากขึ้นแล้ว  ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป  รักได้...ก็มีหมดรักได้  แล้วเราก็กลับไปอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกเหมือนเดิม  ดีไหม?”
   ไม่ดี! เขาอยากอยู่กับนทีนี่นา 
   “นี่เป็นเหตุผลที่แม่ยังเก็บบ้านเราไว้อยู่เหรอ?”  เผื่อว่าวันหนึ่ง  เขากับแม่ต้องกลับไปอยู่บ้านหลังเก่าด้วยกันอีก
   “บ้า  คิดอะไรแบบนั้น  ก็เราไม่ได้เดือดร้อน  เก็บไว้ก็เป็นทรัพย์สินให้ลูก  มันเป็นบ้านที่พ่อของลูกตั้งใจซื้อไว้ให้เราสองแม่ลูกนะ  ถึงพ่อจะเป็นแบบนั้น  แต่ขอให้ลูกรู้ไว้  ความรักของพ่อที่มีให้เราเป็นเรื่องจริง”
   “ ถึงพ่อจะ...” เสียงท้ายเงียบหายไปในลำคอ  เขาไม่รู้จะใช้คำไหนมาอธิบาย  และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าคำที่ใช้จะไม่ทำให้ฝนทิพย์เจ็บปวด   เขาไม่เคยคุยเรื่องนี่กับแม่มาก่อน  ไม่รู้ว่าแม่จะทำใจเรื่องพ่อได้หรือยัง 
   “ใช่  ถึงพ่อจะนอกใจแม่  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า...ความรักของพ่อเป็นเรื่องหลอกลวง  น้ำโตแล้ว  แม่อยากให้น้ำเข้าใจ  พ่อไม่ได้ผิดคนเดียว  แม่เองก็มีส่วนผิดด้วย  ในความสัมพันธ์ของคนสองคน  ถ้ามันต้องจบลง  ถ้าจะมีใครเป็นคนผิด   ก็ผิดทั้งคู่”  ฝนทิพย์สบโอกาสที่จะอธิบายเรื่องของเธอและพ่อของลูกให้ผู้เป็นลูกชายเข้าใจ  ก่อนหน้านี้ต้นน้ำยังเด็ก  อธิบายอะไรก็คงไม่เข้าใจ  และเธอเองก็ยังโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของอดีตสามี  ไม่นิ่งพอที่จะตกตะกอนความคิดได้อย่างทุกวันนี้
   “แม่เคยกลัวไหมว่าป๊าจะเป็นเหมือนพ่อ?”
   ฝนทิพย์มองแววตาสับสนในดวงตาของต้นน้ำ  ลูกชายของเธอโตแล้วจริงๆ...และเธอก็ไม่อยากให้เรื่องในอดีตส่งผลต่อลูก
   “เคยคิด  แต่แม่ไม่เคยกลัว  อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  สุดมือสอยเราก็ต้องปล่อย  แต่ก่อนจะปล่อย...เราต้องมั่นใจว่าเราสอยเต็มที่แล้ว  เราได้ใช้ทุกวิถีทางแล้ว”
   “แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ  แม่ไม่กลัวมองหน้าป๊าไม่ติดเหรอ  ก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน  สังคมเดียวกันอีก”
   ฝนทิพย์ถอนหายใจ  เรื่องบางเรื่องก็ไม่รู้จะอธิบายให้วัยรุ่นฟังยังไงดี  คนแก่...ไม่ได้คิดถึงอะไรมากไปกว่าความสุขในชีวิตนักหรอกนะ  อะไรที่เคยสำคัญ  อะไรที่เราเคยให้ค่า...วันหนึ่งเมื่ออายุมากขึ้น  มันกลับไม่มีความหมายกับชีวิตเท่ากับความสุขที่จับต้องได้ 
   “แม่ก็เคยคิด  แต่ป้าเล็กเราบอกแม่ว่ามีคู่รักสองประเภทที่จะเลิกกันแล้วยังเป็นเพื่อนกันได้  หนึ่ง...คือไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก  สอง...รักกันมาก  แล้วตอนนั้นแม่ก็รักป๊าแล้วไง  แม่ก็เลยเลือกข้อสอง  ตัดสินใจที่จะพาลูกไปคุยกับนทีวันนั้น”
   ต้นน้ำนิ่งเงียบ  วันนั้นเป็นวันที่เขาได้รู้จักกับนทีอย่างเป็น ‘ทางการ’ ครั้งแรก
   “แม่ไม่อยากให้ลูกกลัวหรือกังวลอะไร  ถ้าป้าเล็กอยู่ตรงนี้  ป้าเล็กต้องบอกลูกของแม่ว่า...จงรัก...อย่างไม่กลัวเจ็บปวด  จงเต้น...เหมือนไม่มีใครมอง  วัยรุ่นต้องเต็มที่กับชีวิตสิ  ถึงจะต้องผิดหวัง  หรือร้องให้  แต่ลูกจะไม่มีวันเสียดายที่ลงมือทำ” 
   ฝนทิพย์ลูบหัวผู้เป็นลูกชายโยกเบาๆ  เมื่อวันก่อนอรุณีเพิ่งโทรมาหาเธอ  เล่าเรื่องที่น้ำตาลโดนต้นน้ำปฏิเสธร้องห่มร้องให้เสียยกใหญ่  เธอเองก็กังวลว่าความสัมพันธ์ของเธอและพ่อของต้นน้ำจะส่งผลกระทบอะไรต่อจิตใจลูกหรือไม่
น้ำตาลแสดงออกมาชัดเจนตั้งแต่แรกแล้วว่าชอบต้นน้ำอย่างคนรัก  ส่วนต้นน้ำไม่มีท่าทีอะไร  แบ่งรับแบ่งสู้มาตลอด  แต่จู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาปฏิเสธชัดเจน     
   เล็กให้เธอหาโอกาสพูดคุยกับลูกชายดู  ต้นน้ำอาจจะมีความกังวลใจลึกๆ  หากต้องสูญเสียความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนไป   ในวัยที่ติดติอสัมพันธ์กับเพื่อนมากกว่าพ่อแม่  คำว่า ‘เพื่อน’ ค่อนข้างมีอิทธิพลกับจิตใจเป็นพิเศษ 
   สำหรับเธอกับอรุณีแล้ว...ไม่กังวลถ้าหากว่าลูกสองคนจะคบกัน  แม้วันหนึ่งจะมีเหตุให้เลิกรากันก็เตรียมใจไว้แล้ว
   “ขอบคุณครับแม่”  ต้นน้ำยิ้มออกมาได้   แววตาสดใสกระจ่างชัด  “ผมไปเรียนก่อนนะ”  มือเรียวคว้ากระเป๋าแล้วเร่งเดินอย่างกระตือรือร้นออกไป  ต่างกับท่าทางเฉื่อยชาตอนที่เดินเข้ามา
   ฝนทิพย์มองตามงงๆ  หรือว่าเธอจะได้ลูกสะใภ้  โทรไปเล่าให้เล็กฟังดีกว่า


ต้นน้ำวิ่งกระหืดกระหอบจนมาถึงใต้ตึกวิศวะ  เขาสอดสายตาไปทั่ว   ถึงได้เห็นน็อต  ต้นปาล์ม เม่นนั่งอยู่มุมหนึ่งไม่ไกล  แต่เขาไม่เห็นนที   หรือว่าพาดิวไปโรงพยาบาลยังไม่เสร็จ
   “นทียังไม่มาเหรอ?”  ต้นน้ำเดินเข้าไปถาม
   “มาแล้ว”  ต้นปาล์มตอบทั้งที่ยังไม่เงยหน้า  ทั้งสามคนก้มหน้าก้มตาดวลเกมส์กันอย่างขะมักเขม้น “มึงเอากูไปด้วย  รอกูก๊อน”  ต้นปาล์มตะโกน
   “แล้วนทีอยู่ไหน?”  เม่นกับน็อตรู้สึกตัวแล้ว  เงยหน้าขึ้นมอง  เห็นว่าเป็นต้นน้ำก็หันไปมองหน้ากัน  แล้วชี้...
   เม่นชี้ไปทางซ้าย
   นอตชี้ไปทางขวา
   ต้นน้ำงง...ไปทางไหนกันแน่
   ต้นปาล์มยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นจากเกมส์...แต่ชี้ไปด้านหลัง “อยู่กับดิวในสวนโน่น”
   ต้นน้ำชะงัก  ก่อนตัดสินใจเดินไปดูให้รู้แน่
   เม่นโบกหัวต้นปาล์มไปหนึ่งที
   น็อตซ้ำอีกหนึ่งที
   “อะไรว้า  พวกมึงอ่ะ  กูตายแล้วเนี่ย”  ต้นปาล์มโวยวายที่ตัวเองในเกมส์ตายไปอีกรอบ
   แต่เม่นกับริวไม่สนใจ  ลุกพรวดเดินตามต้นน้ำไป 

ต้นน้ำแอบมาหลบอยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่  อยู่ในระยะที่พอได้ยินคนสองคนคุยกัน  ภาพที่นทียิ้มกว้างให้ดิวก่อนหน้านี้ทำเขาหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย  ทีแรกก็ว่าจะมาตาม  แต่พอเห็นบรรยากาศสงบเงียบไม่มีคน  ทั้งโลกมีแต่สองเราของดิวกับนทีแล้ว  อาการหน้ามืดก็คุกคาม  สติก็เลอะเลือน  รู้ตัวอีกทีเขาก็เลื้อยมาถึงพุ่มไม้ใกล้สุดที่พอหลบได้แล้ว
   เชี่ยเอ๊ย  กูมาทำอะไรตรงนี้  เหมือนพวกถ้ำมองเลย  ด่าคนอื่นว่าเสือก  ตัวเองก็เสือกชิบหาย
   “นทีรู้เหรอ”  ดิวถามนที 
   เป็นประโยคแรกที่ต้นน้ำได้ยิน  นทีรู้อะไรวะ?
   “ ก็พอรู้อ่ะนะ  แต่ก็อย่างที่บอกแหละ  รู้ไม่รู้ก็ค่าเท่ากัน”
   “เราก็พอรู้เหมือนกันว่าต้องผิดหวัง  แต่บอกไปก็ไม่ต้องคาใจอีก  ถ้าเราบอกก่อนที่นทีจะคบต้นน้ำ  มันจะเป็นเราได้ไหม?”
   “ คิดว่าไม่นะ  ต่อให้ไม่มีต้นน้ำ  ดิวก็ไม่ใช่คนแบบที่เราชอบอยู่ดี”
   ดิวอึ้งไป  นทีตอบตรงซะจนคนฟังเจ็บปวดใจไปหมด  แต่เขาก็ยังคงชอบนทีที่เป็นแบบนี้อยู่ดี  นทีคนที่พูดจาตรงไปตรงมา   ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา  แม้วันนี้...นทีก็ไม่ยอมอ้อมค้อมสักนิด  แต่เขากลับไม่รู้สึกโกรธ  เขารู้ว่านทีอยากให้เขาจบความรู้สึกนี้ซะ
   “ ยังไงเราก็ยังชอบนทีอยู่ดี”
   นทีเลิกคิ้ว 
   “มันไม่ได้ตัดกันง่ายๆ นะ  นทีก็คิดว่าเราเป็นเพื่อนนทีคนหนึ่ง  วันไหนต้นน้ำทำให้เสียใจ  ก็ชวนไปกินเหล้าได้”
   “ไม่ล่ะ  ขี้เกียจหิ้วคน” 
   ดิวหัวเราะ  เขากินเหล้าไม่เก่ง  เรื่องคออ่อนคอพับ  เขาชนะเลิศ  ลึกๆ ในใจแล้วเขาเข้าใจว่านี่เป็นคำปฏิเสธแบบอ้อมๆ ของนที 
   “นทีชอบต้นน้ำตรงไหนเหรอ?” 
   “ตรงที่...” นทีคิด  เขาชอบต้นน้ำตรงไหนเหรอ?
   กินเก่งก็ชอบนะ
   ตอนนั่งขี้เกียจๆ ก็ชอบนะ  แต่เขาไม่ชอบตอนที่ต้นน้ำตั้งใจทำงานจนไม่สนใจเวลา 
   ตอนเมาก็น่ารักดี
   ยิ่งคิด  นทีก็ยิ่งแปลกใจในรสนิยมของตัวเอง 
   กับคนบางคน...ไม่ต้องขยัน  ไม่ต้องพยายาม  ไม่ต้องเป็นคนดีอะไรมากมายขนาดนั้น  เขาก็รู้สึกว่า...น่ารัก
   “ไม่รู้สิ...ตอบยาก  อยู่ด้วยแล้วสบายใจล่ะมั้ง” เพราะต้นน้ำเป็นคนแบบนั้น  เขาเลยไม่เหนื่อย  ไม่กดดันว่าจะต้องเป็นคนที่ดีกว่านี้หรือเก่งกว่านี้ 
   ดิวอยากยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าอ่อนโยนของนที  แต่ยิ้มไม่ออก...ความรู้สึกของนทีที่มีต่อต้นน้ำ  ดูเหมือนว่าจะไม่มีช่องให้เขาแทรกเข้าไปได้เลย 
   คิดนานเชียว  ตอบยากขนาดนั้นเลย  ต้นน้ำคิดในใจ
   “ตอบยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ”  เสียงดังข้างตัวทำให้ต้นน้ำหันขวับ
   “มันชอบมึงตรงไหนวะ?”  น็อตกวาดสายตามองต้นน้ำหัวจรดเท้า 
   ส่วนเม่นใช้มือปิดปากต้นปาล์มที่ทำตาโต  ดิ้นขลุกขลักส่งเสียงอื้ออึง
   “ถ้ากูปล่อยมือ  มึงต้องเงียบๆ  อย่าส่งเสียงดัง  เข้าใจไหม”
   ต้นปาล์มพยักหน้า
   “กูจะปล่อยแล้วนะ  เงียบๆ”  เม่นกำชับอีกครั้ง  เขาไม่ค่อยไว้ใจต้นปาล์มเลย  แต่จะจับไว้...ไอ้หมาบ้านี่ก็ไม่ยอม
   “มึง”  ต้นปาล์มมองหน้าต้นน้ำไม่อยากเชื่อ  ทำหน้าหมือนคนจะร้องให้  “เป็นมึงได้ยังไงวะ”
   “ทำไม  เป็นกูแล้วยังไง”  ต้นน้ำโมโห  รู้สึกเหมือนโดนต้นปาล์มด่าด้วยสีหน้า
   “ก็มึงเป็นผู้ชาย”  ต้นปาล์มรู้จักนทีมาตั้งแต่มัธยมต้น  เขาเข้าใจว่านทีชอบผู้หญิงมาโดยตลอด  อยู่ๆ จะมาเสียเพื่อนให้ผู้ชายด้วยกัน  ต้นปาล์มยังคงทำใจรับไม่ได้
   “ให้เวลามันหน่อย  พ่อมันมีเมีย  มันยังรับไม่ค่อยได้”
   ต้นน้ำเบ้หน้า
   “ทีป๊ามีเมีย  นทียังรับได้เลย”
   “ก็ตอนนั้นเราไม่แน่ใจว่าเราเป็นลูกป๊าจริงหรือเปล่านี่”  เสียงดังมาจากข้างบน 
   สายเสือกทั้งสี่เงยหน้าขึ้นไปตามต้นเสียง  ก็เจอหน้าหล่อๆ  อยู่ด้านหลังพุ่มไม้  น็อตชะโงกหน้ามองหาดิว...ไม่เจอ  หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  สงสัยว่าจะคุยกันเสร็จแล้ว
   “เอ่อ มึง”
   นทีเพยิดหน้าให้น็อตเป็นสัญญาณว่าให้ไป 
   อ่อ ไล่นั่นเอง  น็อตรีบลุก  เม่นลากต้นปาล์มนำไปก่อนอย่างไว
   ต้นน้ำเห็นท่าไม่ดี  ทำท่าจะลุกตามไปด้วย  แต่ว่า...นทีกลับนั่งยองๆ ลงตรงหน้าดักทางเขาไว้ 
   ต้นน้ำกรีดนิ้วชี้เขี่ยนทีให้หลบออกเบาๆ 
   “เอ่อ...ช่วยหลบทีได้ไหม  เราก็จะไปเหมือนกัน”
   “มาทำอะไร?”  นทีไม่หลบไม่พอ  ถามคำถามกลับด้วย
   “มาหาไง”  เขาลืมไปแล้ว่าเขาตั้งใจมาหานที  เห็นคนอื่นวิ่งก็จะวิ่งด้วย
   “มีอะไรหรือเปล่า?”
   ต้นน้ำหลบสายตามองหญ้ามองดิน  เขาตั้งใจว่าจะรักนทีให้มากๆ  มากจนไม่มีวันเกลียด  จะเจ็บจะปวดยังไงก็ไม่เกลียด 
   จะรัก รัก รัก    รักทุกวัน  รักจนนทีร้องให้  รักจนอกแตกตาย   รักจนหายใจไม่ออก 
   แต่ความฮึกเหิมตอนขามาอันตรธานหายไปหมดแล้ว  คำพูดที่เรียบเรียงมาในรถแตกกระเจิง  บางประโยคก็นึกไม่ออก  แต่มีประโยคหนึ่งที่เขาไม่มีไม่ลืม
   นทีเท้าคางรอมองปากบางๆ เล็กๆ  เดี๋ยวอ้า  เดี๋ยวหุบ  เดี๋ยวเปิด  เดี๋ยวเม้ม 
   ตากลมหันกลับมามองนที 
   “เป็นแฟนกันไหม?”
   เห็นไหม?  น่ารักจริงๆ ด้วย  นทีเลิกคิ้ว  หัวเราะในลำคอ  เขาเป็นแฟนต้นน้ำมาตั้งนานแล้ว  ต้นน้ำเพิ่งคิดจะมาเป็นแฟนเขาเหรอ? 
   “อืม”  นทีตอบรับเบาๆ  สีหน้าไม่เปลี่ยนไปมากนัก  มีเพียงดวงตาที่ยิ่งแวววาวทวีความหวาน 
   “แล้วไงต่ออ่ะ?”  เป็นแฟนกันแล้ว  แล้วต้องยังไงต่อ  กระโดดกอดกันเหมือนในหนัง  ร้องให้เหมือนในละคร  หรือยังไง?
   “ก็ไม่ยังไง”  นทีลุกขึ้น  ส่งมือมาให้ต้นน้ำจับ “ไปเถอะ”
   ต้นน้ำวางมือลงบนมือของนที  ให้ร่างสูงออกแรงฉุดเขาลุกขึ้น  เป็นมือข้างเดียวกันกับที่นทีเคยวาดหัวใจไว้ให้  หัวใจดวงนั้นเขาเก็บไว้แล้ว 
   แต่วันนี้...เขาวางหัวใจของเขาไว้บนมือของนที  เขาเชื่อว่านทีจะดูแลมันอย่างดี  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  เขาก็ไม่กลัว  เขาจะรักเจ้าของมือนี้ตลอด

                                        - E N D -

     ************************

     จบแล้วค่ะ  ติดตามข่าวสารนิยายเรื่องใหม่ได้ที่
     Twitter : @SmileA988 
     Facebook page : a.athenasmile

     อาจจะไม่ได้แต่งลงเล้าแล้วนะคะ  เรางงกับการจัดรูปแบบหน้าจริงๆ

     ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามมาตลอด  คอยคอมเม้นท์ให้กำลังใจ  จนนิยายเรื่องแล้วของเราจบลงได้

     ตอนต้นปี  เราเจอมรสุมมากๆ  ท้อไปแล้ว  โชคดีที่ยังมีคนตามอ่าน  ตามทวง  พอคิดได้ว่ามีคนรอ  มีคนที่เขาสนับสนุนเรามาตั้งแต่แรก  เราก็พยายามแต่งต่อให้จบ 

     ทุกเช้าที่ตื่นมา  และก่อนนอนหลับ  เรามีความสุขทุกวัน 

     หวังว่าจะติดตามผลงานเรื่องต่อไปของเราอยู่นะคะ  เฮียริวรอจ่อคิวอยู่ทุกวัน 555

     สุดท้าย  เราอยากจะถามคำถามโง่ๆ สักข้อ 

     เราต้องแจ้งจบไหมคะ?  แจ้งได้ที่ไหนคะ?  5555 โง่จริงเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-12-2020 10:35:52
 :pighaun: :haun4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sompong ที่ 17-12-2020 21:39:19
ไม่บอกพ่อแม่เขาเหรอ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 17-12-2020 21:49:31
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :heaven :mc4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-12-2020 00:22:00
แม่ยังเข้าใจผิดอยู่เลย
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-12-2020 22:37:51
จบแล้วววววว  ชอบบบบบบบ  อ่านไปยิ้มไป   :katai2-1:  :mew1:
นที  ต้นน้ำ   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มากกกกก
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 31-12-2020 00:18:24
 o13
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-01-2021 00:49:12
จบแล้วจิงๆหลอออ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 22-01-2021 16:45:40
เรื่องน่ารักมากค่ะ
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sodamint ที่ 24-10-2021 10:29:13
ขอบคุณที่มาต่อจนจบนะคะ
วันนี้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาพอดี เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เข้าเล้ามาอ่านซ้ำบ่อยๆ
นทีต้นน้ำ เป็นแฟนกันแล้ว การได้เป็นที่รัก และได้รักใครสักคนคือสิ่งที่ดีจริง ๆ ของการมีชีวิตอยู่
หัวข้อ: Re: ------- นทีต้นน้ำ ------- ตอนที่ 30 ------ [17/12/2020]---P.9
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-10-2021 13:47:33
 :pig4:
 o13