ต้นน้ำ ตอนที่ 1
เสือไม่กินเสือ ไฮยีน่าไม่กินไฮยีน่า
ต้นน้ำและฝนทิพย์มาถึงบ้านธนกรด้วยรถคนละคัน ของเกือบครึ่งบนรถเขาเป็นของฝนทิพย์ บ้านธนกรหลังใหญ่พอสมควร แม้จะไม่ถึงขั้นคฤหาสน์ แต่ก็เรียกได้ว่า...ใหญ่! ถ้าจะมีคนอยู่แค่สองคนอ่ะนะ
ทำไมต้นน้ำถึงไม่เคยเฉลียวใจมาก่อนว่าธนกรรวย เขาหันไปมองหนูตกถังข้าวสารด้านข้าง หนูตัวสีชมพู หน้าตาเป็นสีชมพูระเรื่อ แววตาหวานซึ้งปนปลื้มปริ่ม ถ้าเขารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรก เขาหย่อนหนูลงถังข้าวสารนานแล้ว ไม่อยากเห็นหนูที่เลี้ยงลูกมาเพียงลำพังเหนื่อยมากไปกว่านี้
นั่นไง...เจ้าของถังข้าวสาร วิ่งหน้าตาสดใสมาเชียว
“ที่รัก” ธนกรวิ่งมาจับมือฝนทิพย์ “เหนื่อยไหม? เข้าบ้านกันเถอะ ผมจะไปรับก็ไม่ยอม”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เก็บของมาไม่กี่อย่างเอง”
ต้นน้ำกรอกตาขึ้นบน ‘ไม่กี่อย่างเอง’…เต็มรถเขากับรถแม่ทั้งสองคันเลยเนี่ยนะ เขาเก็บของมาสำหรับพอใช้แค่อาทิตย์เดียว เดี๋ยววันเสาร์ค่อยไปเก็บใหม่ แต่ของคุณนายแม่เก็บมาหมด เหมือนตั้งใจมาอยู่ทั้งชีวิต... ก็ขอให้อยู่ทั้งชีวิตอย่างนั้นจริงๆ เถอะ เขาภาวนาขอให้รักครั้งนี้ของแม่เป็นรักครั้งสุดท้ายจริงๆ
“น้ำ เข้ามาก่อน ของเอาไว้อย่างนั้น เดี๋ยวป๊าให้คนมายกลง” ธนกรรีบท้วงเมื่อเห็นต้นน้ำทำท่าจะยกสัมภาระลง
ป๊าเหรอ?...อืม สถานะเปลี่ยน สรรพนามเปลี่ยนสินะ ช่างรวดเร็วดีจริง แต่ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน
“ผมจะเอาของที่ต้องใช้ลงก่อนครับ...ป๊า”
ธนกรยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำเรียกขานที่เปลี่ยนไป แววตาวาวโรจน์ขึ้นด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด
ตัวบ้านภายในแยกเป็นสัดส่วน โดยมีห้องนั่งเล่นเป็นศูนย์กลาง เยื้องไปเป็นโต๊ะอาหาร มีเคาน์เตอร์บาร์กั้นส่วนของครัวไว้ ทางเดินด้านหลังอ้อมไปยังสระว่ายน้ำ มีเครื่องออกกำลังกายจัดไว้อีกมุมหนึ่งที่อยู่ในร่ม
ชั้นบน เป็นห้องนอนที่แยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องนอนและห้องทำงานของธนกร อีกฝั่งเป็นห้องนอนของนที คั่นด้วยห้องนอนอีกสองห้อง เขาถูกจัดให้อยู่ห้องนอนใหญ่อยู่ติดกับห้องของนที พื้นที่ส่วนกลางของชั้นสอง เต็มไปด้วยชั้นหนังสือ เกมส์ และ...ของเล่น ดูแล้วไม่เหมือนของที่จะเป็นของธนกร
“ของทีน่ะ” ธนกรเดินเข้ามาใกล้ มือใหญ่ลูบไล้เบามือ “เขาชอบเล่นของพวกนี้ตอนเด็กๆ เล่นคนเดียวเวลาที่ป๊าไปทำงาน แล้วน้ำล่ะ...เล่นแบบนี้เหมือนกันไหม?”
“ก็คล้ายๆ แบบนี้เหมือนกันครับ” คล้าย...ตรงที่เล่นคนเดียวนี่แหละ
ต้นน้ำทิ้งตัวลงบนที่นอนขนาดคิงไซส์ เขาปลีกตัวมาจากคู่รักแห่งปี ผู้ใหญ่ทั้งสองคนรักกัน แม้จะไม่ได้แสดงความรักต่อกันโจ่งแจ้ง...แต่แววตาเวลาที่ทั้งสองคนมองกัน กลิ่นอายรอบตัวดูหวานเชื่อมจน...เลี่ยน เขายังไม่ชินเลยขอปลีกตัวเข้าห้องนอนก่อน ปล่อยให้คู่รักเขาสวีทกันไปดีกว่า แว่วว่าจะช่วยกันทำกับข้าวเย็นวันนี้
ภายในห้องนอนตกแต่งเป็นสีเอิร์ธโทนง่ายๆ สบายตา มีโต๊ะเขียนหนังสือ ชั้นวางของ ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ก็ไม่มีอะไรมาก อะไรที่ควรมีก็มีหมดแล้ว ต้นน้ำเริ่มรื้อของออกมาจัดเข้าที่
ตั้งแต่เขามา ยังไม่เจอนทีเลย ธนกรบอกว่านทีไปอยู่คอนโดทุกวันศุกร์ กลับมาวันอาทิตย์เย็น เพราะบ้านอยู่ใกล้มหา’ลัยมากกว่า แต่คอนโดอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากกว่า
นทีคนดัง...ช่างเป็นผู้ชายชัดเจนจริงๆ!!
ไม่รู้ว่าส่วนสูงจะหยุดเพิ่มตอนอายุเท่าไรกันแน่ แต่ต้นน้ำเชื่อว่าเขากำลังโต เพราะฉะนั้น...สปาเก๊ตตี้ซอสหมูชามโตที่คู่รักแห่งปีช่วยกันทำให้เขานั้น...ไม่อิ่มท้องเอาเสียเลย
หลังจากรับมื้อเย็นกันเรียบร้อยคู่รักทั้งสองคนก็ย้ายที่ไปสวีทกันต่อที่หน้าทีวีแล้ว ส่วนต้นน้ำยังรื้อของกุกกักๆ ในตู้เย็น จัดสปาเก๊ตตี้ไปแล้ว กินอะไรอีกดี ต้นน้ำคว้าไส้กรอกถุงใหญ่ออกมาไว้ในมือเป็นหนึ่งในตัวเลือก
อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงตึงตังดังมาจากด้านหลัง คล้ายสียงฝีเท้าของสัตว์ตัวใหญ่ ถ้าเป็นในหนัง...เสียงนี้จะเป็นฉากที่หมาป่าวิ่งไล่เหยื่อ ต้นน้ำเสียวสันหลังวาบ เขาหันหลังกลับพลันผงะหงายโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ยยยย” สัตว์หน้าขนตัวใหญ่โถมกระโจนเข้าหาเขา ลิ้นเปียกเลียหน้าเลียตา ต้นน้ำใช้สองมือปัดป้องใบหน้าของตัวเองเป็นพัลวัน และ...ไม่ใช่ตัวเดียว...ไม่ใช่ลิ้นเดียว!
“เฮ้ เดี๋ยวพี่ชายคนใหม่ก็ตกใจหมดหรอก” มือใหม่เอื้อมมาคว้าปลอกคอหมาทั้งสองตัวออก
ต้นน้ำค่อยๆ ขยับด้วยแววตาระแวดระวัง จัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ มองภาพไอ้ตัวใหญ่ทั้งหมดเต็มตา ร่างสูงนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ขนาบข้างด้วยองครักษ์ที่ยืนหอบลิ้นห้อยทั้งสองตัว โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ตัวเต็มวัยส่งยิ้มหวานมาให้เขา มันก็ทำหน้าตาเป็นหมาปกตินี่ล่ะ แต่ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกว่าพวกมันยิ้มได้ ยิ้มประจบเสียด้วย
“รู้จักไว้สิ นี่พี่ชายคนใหม่ของพวกเรา ชื่อพี่ต้นน้ำนะ” นทีแนะนำตัวเขาให้หมารู้จัก มือใหญ่กอดคอหมาทั้งสองข้างพลางลูบปลอบประโลม
ท่าทีอ่อนโยนมาก แต่แววตาวิบวับกับน้ำเสียงติดจะเย้าแหย่แบบนั้น...มันไม่ใช่นะ!
ปลอบหมา แต่แหย่เขา?
‘พี่ชาย’ ของ ‘พวกเรา’ ?
เขาแก่กว่านทีเหรอ?
“ก็นายถือของโปรดพวกมันอยู่ มันคงคิดว่านายจะเอาให้มันกินน่ะสิ มันถึงได้วิ่งมา” เสียงทุ้มอธิบาย
ของโปรดเหรอ?
ต้นน้ำมองถุงไส้กรอกในมือ ยิ้มที่มุมปากข้างเดียว ก่อนจับไส้กรอกทั้งถุงยัดใส่ไมโครเวฟ เขาหันไปล้างหน้าที่อ่างล้างมือ หยิบกระดาษทิชชูมาซับอย่างใจเย็น รอจนไมโครเวฟดัง สะบัดผมไปมาเล็กน้อย ก่อนหยิบไส้กรอกใส่จาน ราดมายองเนส ซอสพริก แล้วเดินผ่านหน้าเหล่า ‘น้องชาย’ ไปนั่งกินที่โซฟาหน้าทีวีกับคู่รักแห่งปี
เจ้าของหมา “.....”
หมา “.....” สองตัวใหญ่ใช้ขาหน้าสะกิดพี่ชาย
คนอะไรวะ? ของหมาก็แย่ง ไหนว่าคนดี?
นทีมองหน้าหมา ซวยละพวกเอ็ง พี่ชายคนใหม่ไม่ใจดีซะแล้ว
เจ้าของหมาเดินนำหมามานั่งข้างคนแย่งของหมากิน พลางหยิบไส้หรอกเข้าปากตัวเองคำหนึ่ง ป้อนใส่ปากหมาอีกตัวละคำ “นี่โจลี่ นี่แบรดพิตต์ ทำตัวดีๆ นะ แล้วพี่ชายใจดีจะแบ่งไส้กรอกให้กินอีก”
ต้นน้ำเหล่ตามอง ปากก็บอก “ของเรา”
“ก็นายแย่งของโจลี่กับแบรดพิตต์ก่อน” เขาแค่ทวงความยุติธรรมให้น้องชายเท่านั้น
“นายก็แย่งหมากินเหมือนกัน” ตัวเองเป็นคนกินเข้าไปก่อนแท้ๆ
“หื้อ” นทีส่ายหน้าแรง “แบบนี้เขารียกว่าแบ่งกันต่างหาก”
“งั้น...เราก็ต้องเรียกว่าเแบ่ง เราเป็นคนหยิบก่อน เราเป็นคนเวฟด้วย”
“เห็นไหม ทำตัวดีๆ แล้วพี่ชายใจดีจะแบ่งไส้กรอกให้กิน” นทีเถียงไม่สู้ หันไปปลอบหมาดีกว่า
“ใครพี่ชาย?”
“นายไง นายเกิดเดือนกันยาไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่”
“เราเกิดตุลา ห่างกันเดือนหนึ่ง นายเป็นพี่” นทียิ้มกริ่ม “นายต้องเสียสละให้น้อง เป็นพี่ที่ดีต้องปกป้อง ดูแลน้อง ฝากตัวด้วยนะ...พี่ชาย” คนเป็นน้องยักคิ้วหลิ่วตาให้พี่
“หึ” เคยเห็นพี่ชายเลวๆ ไหมไอ้น้อง “นายอย่าพาพวกน้องๆ นายเข้าบ้านอีกจะดีกว่า”
“หึย ทำไมอ่ะ? มันเป็นน้องชายของเรานะ เราเลี้ยงมาตั้งหลายปี” แล้วไอ้พวกนี้ก็เข้าบ้านมาตลอด พี่ชายตัวใหญ่คว้าน้องชายขึ้นมากอดราวกับกลัวใครจะมาพรากจาก
ต้นน้ำพยักเพยิดไปทางด้านหลังให้นทีหันไปดู รอยเท้าหมาและเศษดินเปื้อนเป็นหย่อมๆ ตามทางที่พวกมันเดิน
พอนทีหันกลับมา ก็พบว่าต้นน้ำชี้รอยดินที่เปื้อนเป็นดวงบนเสื้อของตัวเองให้เขาดู
“ก็ได้ พี่ชายคนใหม่ใจร้าย เขาไม่ชอบให้เราเข้าบ้านล่ะ” ประโยคหลังหันไปตัดพ้อกับน้องชายทั้งสองตัว “ไป เราไปอยู่ข้างนอกกันเถอะ” ร่างสูงหันมาคว้าจานไส้กรอกเดินนำลูกน้องออกไปข้างนอกอย่างเกียจคร้าน
ต้นน้ำโคลงหัวมองตามน้องชายตัวใหม่ทั้งสองตัวที่เดินออกไปอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเดินตามลูกพี่หรือเดินตามไส้กรอกกันแน่ เขาไม่ได้รักหมา และก็ไม่ได้เกลียดหมา แต่ก็ไม่เคยคิดจะเลี้ยง เพราะเห็นว่าเป็นภาระเกินไปที่เอาชีวิตอีกชีวิตหนึ่งมาผูกไว้กับตัว เขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะดูแลอีกชีวิตขนาดนั้น
คนที่เลี้ยงหมาต้องรักหมาขนาดไหนกันนะ?
แล้วหมาสองตัวนั่นก็ดูรักพี่ชายมากเสียด้วย
นักเลงหัวไม้ที่เขาเห็นในวันนั้นใช่คนเดียวกับคนที่นั่งแบ่งอาหารกินกับหมาจริงๆ หรือ?
คนที่เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่ากางเกงในใช่คนที่เรียกหมาว่าน้องชายจริงๆ หรือ?
เมื่อเห็นลูกชายทั้งสองคนเข้ากันได้ คุยเล่นกันอย่างมีความสุข ธนกรและฝนทิพย์นั่งมองก็นั่งมองอย่างปลาบปลื้มใจ “ลูกเราสนิทกันดีนะคะ”
ในแสงไฟเลือนราง นทีนั่งลงตรงชานหน้าบ้าน พลางก้มลงมองไส้กรอกในจานที่ตัวเองถือมา ‘พี่ชายใจร้าย’ ราดซอสพริกกับมายองเนสลงแค่ฝั่งเดียวของจาน
เขาจิ้มไส้กรอกกับซอสพริกใส่ปากตัวเอง ก่อนหยิบไส้กรอกด้านที่ไม่เปื้อนซอสยื่นให้ลูกน้องที่กระดิกหางรออยู่
ต้นน้ำคนดีงั้นหรือ?
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในบ้านหลังใหม่ด้วยคู่รักรุ่นใหญ่หัวใจสีชมพู ธนกรกับฝนทิพย์ช่วยกันทำอเมริกันเบรกฟาสต์ชุดใหญ่ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ไข่ดาว แฮม เบคอน ผักต้ม ขาดแต่ไส้กรอก ซึ่งน่าจะหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน
ต้นน้ำลงมาในชุดนักศึกษาเตรียมพร้อมที่จะออกไปเรียน เขาเหลือบมองในจาน “แม่ ขอไข่ดาวเพิ่มอีกฟองได้ไหมอ่ะ?”
“แม่ก็เพิ่มออมเล็ตให้ลูกแล้วไง”
“วันนี้มีเรียนยาว ต้องใช้พลังงานเยอะ ร่างกายต้องการโปรตีน”
คนกำลังโตนั่งลงที่โต๊ะอาหาร จัดการอัพโปรตีนเข้าสู่กระเพาะ
เสียงฝีเท้าดังมาจากบันไดก่อนที่ร่างสูงจะโผล่พรวดเข้ามาฟุบใบหน้าลงกับเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งกั้นอยู่ตรงกลางระหว่างโต๊ะอาหารและส่วนที่เป็นครัว ท่าทางยังไม่ตื่นเต็มตา ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่กางเกงขายาวตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นมัดกล้ามที่เรียงตัวสวยบนแผ่นหลัง
นทีนั่งหันหลังให้ต้นน้ำ ต้นน้ำเพ่งสายตามองไปที่แผ่นหลังแน่นของนที ไอ้ขีดแดงๆ เล็กๆ นั่น ใช่รอยข่วนหรือเปล่านะ? ต้นน้ำไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นนะ แค่เรื่องมันมาอยู่ตรงหน้าเขาเอง
ฝนทิพย์ตักไข่ดาวให้ต้นน้ำเสร็จแล้วจึงเดินเข้าไปหานที “ทีจะกินข้าวเลยหรือเปล่าลูก?”
แต่ฝนทิพย์คงจะยิ่นหน้าเข้าไปใกล้เกินไป
“โอ๊ะ” นทีผงะ สะดุ้งพรวด ร่างสูงสะดุดเก้าอี้บาร์ทรงสูงเล็กน้อย ก่อนตะลีตะลานวิ่งขึ้นข้างบนไป
ฝนทิพย์หันมาหาต้นน้ำ ส่งสายตาสื่อความหมายว่า...นทีเป็นอะไร?
ต้นน้ำส่ายหน้า...ไม่รู้
ฝนทิพย์หันไปหาธนกร ธนกรยักไหล่...ไม่รู้เหมือนกัน
นทีกลับลงมาใหม่ในสภาพเรียบร้อยกว่าเดิม รอบนี้สวมเสื้อยืดตัวหลวมลงมาด้วย เขาลืมไปว่าที่บ้านมีผู้หญิงมาอยู่ด้วยเพิ่มอีกคนหนึ่งแล้ว ถึงจะอายุคราวแม่ก็เถอะ อย่างน้อย...การใส่เสื้อก็ดูสุภาพกว่า ให้เกียรติมากกว่า
“อ๊ะ ทีขึ้นไปใส่เสื้อมาเหรอลูก?” ฝนทิพย์ถามลูกชายคนใหม่ที่เพิ่งเรียกเธอว่าแม่ได้สองวันด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติ
“ครับ” นทีตอบรับด้วยท่าทางเขินๆ
ปลอมมาก... ความเห็นส่วนตัวของต้นน้ำเอง ไม่ได้โพสต์ลงโซเชียลใดๆ ทั้งสิ้น
“แย่จัง” ฝนทิพย์ทำหน้ามุ่ย “แม่อยากเห็นซิกซ์แพ็คหนุ่มๆ ชุ่มชื่นหัวใจ”
“เดี๋ยว ผมก็มีซิกซ์แพคนะ” ธนกรเปิดเสื้อโชว์หน้าท้องที่เกร็งไว้ ถึงจะไม่อ้วนจนพุงพลุ้ยแต่ก็ไม่มีกล้ามเนื้อสักแพค
“วันแพคน่ะสิป๊า ซิกซ์แพ็คต้องแบบนี้” คนลูกเปิดโชว์บ้าง บลัฟกันสุดฤทธิ์
“ว้าว นทีสุดยอดไปเลยลูก แน่นเปรี๊ยะ” ฝนทิพย์เอามือตีหน้าท้องแข็งของนทีดังปุปุ ก่อนเอาไปลูบวันแพคของคนพ่อ “ของกรก็นุ่มมือดีค่ะ ฝนชอบ เวลากอดจะได้อุ่นๆ”
ธนกรยิ้มกว้างก่อนเข้ามาซบว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้นี้อย่างออดอ้อน ฝนทิพย์แอบขยิบตากับนทีก่อนลากคนพ่อไปที่ครัว
อายุก็จะห้าสิบกันแล้ว กระเง้ากระงอดกันน่าดูไม่หยอก
นทีนั่งลงตรงฝั่งตรงข้ามต้นน้ำ สายตายังคงจับจ้องไปยังคู่รักที่ทำตัวติดกันอยู่หน้าเตาแก๊ส หวังว่าครัวคงไม่ไหม้ในเร็ววันนี้
ใบหน้าหล่อเหลาแหยลง ก่อนเบือนหน้ากลับมาทางคนที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่ก่อนแล้ว ตาสองตาสบตากันอย่างคนที่เข้าอกเข้าใจกันดี บรรยากาศสีชมพูลอยฟุ้งแบบนี้ สำหรับสองหนุ่มโสดแล้ว บอกตามตรง... ขนลุกเหี้ยๆ
“นายมีเรียนกี่โมง?” นทีถาม
“แปดโมง”
“โชคดีจัง” นทีพูดเสียงแผ่ว นึกน้อยอกน้อยใจในโชควาสนาของตนเองที่ต้องอยู่รับมือกับคู่รักแสนหวานตามลำพัง
“อืม นายก็รีบกิน รีบขึ้นไปอยู่ข้างบนเร็วเข้า ถ้าอยู่ตรงนี้นานกว่านี้ เดียวก็อ้วกหรอก” ต้นน้ำเตือนนทีด้วยความหวังดี เขาอยู่ตรงนี้มาร่วมยี่สิบนาที หวานเลี่ยนจนออมเล็ตจะเลื่อนขึ้นมาถึงคอหอยแล้ว ไม่น่าขอไข่ดาวอีกฟองเล๊ย
ต้นน้ำกินไข่คำสุดท้าย
“ทีรอแป๊บนะลูก แม่จะทอดไข่ให้ใหม่ แม่เอาไข่ทีให้น้ำกินหมดแล้ว”
พรวดดดด!!!
“มึงเห็นโพลใหม่ประจำเดือนยัง?” สาวน้อยหน้าคมสวยยื่นหน้ามาถามต้นน้ำ
“ยังอ่ะ โพลไรวะ?”
“นี่มึงไม่ได้เข้าเฟสบุคเลยเหรอ?”
ต้้นน้ำส่ายหน้า ตั้งแต่วันเสาร์ที่ฝนทิพย์กับธนกรนัดเขาให้เจอกับนที แล้วเกิดจับพัดจับผลูย้ายบ้านกระทันหันก็ยุ่งกับการเก็บจัดข้าวของมาโดยตลอด ไม่มีเวลาดูโทรศัพท์เลย “ทำไม มีอะไร?”
“โพลใหม่ มีชื่อมึงด้วย หนุ่มหน้าสวย flower boy ที่หนุ่มๆ อยากเปลี่ยนใจยอมเป็นเกย์ อันดับสี่ว่ะ”
“กูสวยเหรอวะ?” ต้นน้ำถามแบบงงๆ
เอื้องฟ้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใช้สายตากวาดไปทั่วดวงหน้าเนียนใส พิจารณาใบหน้าของต้นน้ำให้ชัดๆ “อืม หน้ามึงใสมากอ่ะน้ำ มึงใช้ครีมอะไรวะ?”
ต้นน้ำเอียงหน้าถอยอย่างไม่ค่อยไว้ใจ คนภายนอกมองมาอาจคิดว่าเอื้องฟ้าสวย เริ่ด เชิ่ด หยิ่งตามสไตล์ลูกคุณหนู แต่ความเป็นจริงที่มีแต่เพื่อนในกลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าเอื้องฟ้าถึกและบึกบึนแค่ไหน
หน้าตาสวยงาม กิริยาต่ำทราม มารยาทสถุน คือสโลแกนของเอื้องฟ้าที่ริวตั้งให้
“แม่กูซื้อมาให้ อะไรที่แม่ไม่ใช้ แม่ก็ขนมาให้กูใช้ จะได้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้อใหม่ กูเสียดาย ใช้แม่งหมดเลย จำไม่ได้ว่ายี่ห้ออะไรบ้าง” เดย์ครีม ไนท์ครีมอะไรบ้างไม่รู้ อาจมีเผลอใช้เดย์ตอนไนท์ ใช้ไนท์ตอนเดย์บ้างเหมือนกัน อะไรทาก่อน อะไรทาทีหลัง เขาเองก็จำไม่ได้ โบ๊ะๆ โบกๆ ลงไปอย่างนั้นเอง
“มึงลองตัวนี้สิ ดีนะ" มือเล็กหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าถือ "นี่ตัวใหม่เลย ขนตามึงจะงอนเด้ง ยาวกว่าเดิมสองเท่า แบรนด์เขาเคลมมาว่างี้” ว่าพลางกระพริบขนตางอนเด้งกว่าเดิมสองเท่าใส่เขา
ต้นน้ำมองเพื่อนด้วยแววตาเยือกเย็น
“แหม ไม่เล่นเหรอ?” เอื้องฟ้าเก็บของลงกระเป๋าตามเดิม “ก็กูเห็นว่าขนตามึงยาว จมูกดูสันเป็นคม เส้นผมก็ทำไฮไลท์ กูก็นึกว่าจะได้เพื่อนสาวไว้เม้าท์มอยเรื่องเครื่องสำอางกับเขาบ้างไง มึงก็สวยอยู่นะน้ำ แต่... กูว่า...ไอ้ขิงสวยกว่า”
“อ๊าวววว อีเหี้ยนี่” ขิงโยนน้ำแข็งจากแก้วน้ำที่กำลังดูดอยู่ใส่เอื้องฟ้า
ขิงโวยวายทุกครั้งที่มีคนชมว่าสวย รูปหน้าตาอย่างขิง สูงชะลูดตูดปอดออกขนาดนี้ ต้อง ‘หล่อ’ เท่านั้นถึงจะคู่ควร ถึงขิงจะไม่มี ‘ไอ้นั่น’ แบบผู้ชายก็เถอะ
“แม่ง ทำไมไม่มีโพลสาวหล่อบ้างวะ? กูได้อันดับหนึ่งชัวร์”
“ไม่สวยได้ไง ไม่สวยมึงจะได้ชิงดาวคณะกับเขาเหรอ?” ริวร่วมด้วยช่วยเอื้อง
“ก็อีเคี้ยวเอื้องมันส่งชื่อกูลง”
“มึงแอบส่งชื่อกูก่อนไหม อีขิง” เอื้องแหวเพื่อน
“อย่ามา กูไม่รู้เรื่อง มึงอย่ามาใส่ร้ายกู” ขิงเนียนมาก ตอนคัดเลือกดาว ต้นน้ำเห็นว่าขิงเขียนชื่อเอื้องฟ้าลงไป ริวเห็น และเนมก็เห็น สรุปว่าเห็นกันทั้งกลุ่ม ยกเว้นเอื้องฟ้าคนเดียวที่ไม่เห็น เพราะขอตัวไปเข้าห้องน้ำแล้วแอบไปลงชื่อขิงไว้ที่รุ่นพี่อีกคนหนึ่ง พอกันทั้งคู่...แต่สองคนนี้ไม่ได้เป็นดาวคณะหรอก สาวสวยแบบหวานๆ นิสัยเรียบร้อยที่ชื่ออิ๊งปาดคะแนนชนะไปอย่างหวุดหวิด "มึงเอาโทรศัพท์มึงมาซิ" ขิงกระดิกมือให้เอื้องฟ้า
“ไม่”
“มึงจะให้ดีๆ หรือจะให้ด้วยน้ำตา” ขิงเริ่มขู่กรรโชก ซึ่งขิงบอกว่า...มันเป็นสไตล์ของทอมแนวตบจูบ
“กูไม่ให้ มึงจะทำไม?” เอื้องฟ้าลอยหน้าลอยตาน่าถีบเป็นที่สุด
แต่ขิงไม่ถีบ เป็นทอมต้องให้เกียรติผู้หญิง “ถ้ามึงไม่อยากให้รูปมึงตอนไม่แต่งหน้าออกสู่สาธารณะ ส่งโทรศัพท์มึงมาเดี๋ยวนี้”
เอื้องฟ้าเริ่มกลัว แต่ยังคว้าโทรศัพท์ไว้แน่น “มึงบอกกูก่อน ว่ามึงจะเอาโทรศัพท์กูไปทำอะไร?”
“เออน่า สิ่งที่กูจะทำ ดีกว่าโชว์รูปมึงตอนไม่แต่งหน้าออกสื่อแน่นอน กูรับประกัน”
“กูมีรูปตอนรับน้อง มึงเอาไหมขิง?” เนมที่นั่งรอฟังผลมานานถามขึ้น
“รูปใคร?”
“รูปอีเอื้องตอนเป็นบ้า” ตอนรับน้อง สภาพแต่ละคนดูไม่จืด ทั้งมัดจุก ทั้งแต่งหน้าทาปาก แต่เอื้องฟ้าแย่สุด รูปที่ถ่ายออกมาแต่ละรูป ไม่บ้า...ก็ไม่เรียกว่าดี ศรีธัญญาเห็นเข้า...ต้องรีบมาจับตัวเลยทีเดียว
เสียงผู้ชายสองคน ทอมหนึ่งคนที่ร่วมด้วยช่วยกันแกล้งผู้หญิงหัวเราะประสานกันทำให้เอื้องฟ้าแทบจะกลายเป็นบ้าไปจริงๆ
“อ่ะ เอาไป ดีๆ นะมึง อย่าให้เสียหาย” หญิงสาวแท้ๆ คนเดียวในกลุ่มยื่นโทรศัพท์ให้สาวหล่อตาขวาง
“น้ำ พวกคนสารเลวพวกนี้มันแกล้งเรา น้ำต้องช่วยเรานะ” เอื้องฟ้าซบหน้าลงมาที่อกของต้นน้ำอย่างออดอ้อน งานอดิเรกของเอื้องฟ้าคือแสดงละคร บทนี้น่าจะมาจากบทนางเอกผู้น่าสงสาร บอบบาง น่าทะนุถนอม ตรงข้ามกับตัวจริง “เพราะน้ำเป็นเพื่อนสาวเพียงคนเดียวของเรา”
สมควรแล้ว...ที่โดนพวกเพื่อนผู้ชายรุมแกล้ง สมควรตายแล้วเอื้องฟ้า สมองต้นน้ำประมวลผล เขาเคยมีรูปอุบาทว์ของเอื้องฟ้าอยู่ในเครื่องไหมนะ?
ดูยังไงก็ดูไม่รู้ว่าทอมตบจูบกับผู้หญิงหยาบคายสองคนนี้ จบมาจากโรงเรียนหญิงล้วนที่มีชื่อเสียงเก่าแก่ ขึ้นชื่อเรื่องเคร่งครัดมารยาท
“นั่นมันนทีนี่นา” เอื้องฟ้าเด้งตัวออกจากอ้อมอกต้นน้ำอย่างรวดเร็ว
ในภาพสารคดี กวางน้อยคือเหยื่อของเหล่านักล่า และคนทั่วไปก็ให้คำนิยามว่า...ผู้หญิงเป็นกวางน้อย
นิยามผู้ชายว่าเป็นเสือ นักล่าผู้ว่องไวและเก่งกาจ
แต่คำนิยามเหล่านั้นไม่เหมาะกับเอื้องฟ้าเลยแม้แต่น้อย ตัวเล็กเหมือนกวาง แต่เกิดมาเพื่อล่า ไม่มีนิยามใดจะเหมาะกับเอื้องฟ้ามากไปกว่า... ‘ไฮยีน่า’ อีกแล้ว
ต้นน้ำมองไปตามสายตาของเอื้องฟ้า นทีเดินขึ้นตึกมาพร้อมกับเพื่อนอีกสามคน คนที่เดินข้างนทีคือไอ้หน้าตี๋ที่ยืนพิงรถเขาในวันที่เขาสูญเสีย ‘เชือก’
เหมือนบรรยากาศภายในตึกจะเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะฮือฮาดังขึ้นกว่าเดิม
นทีเดินขึ้นตึกไปแล้ว เอื้องฟ้าก็หันมาบ่น “หล่อสัด ขาวเหี้ย ได้นัวสักทีจะดีไม่น้อย” เสื่อมทรามสมสโลแกนตลอด
“มีไอ้ขิงแล้ว มึงยังจะมองหาใครอีก?” ริวถามทั้งที่มือยังกดโทรศัพท์ยิก
ส่วนขิงกับเนมก็สุมหัวกันจัดการกับโทรศัพท์ของเอื้องฟ้าอยู่
“กูไม่กินเพื่อนเว้ย แล้วทีมึงอ่ะ มีไอ้น้ำอยู่แล้วยังจะแชทกับสาวอีกนะ” ริวกับต้นน้ำรู้จักกันมาตั้งแต่มอสี่ แต่อยู่กันคนละห้อง มาสนิทกันจริงๆ ก็ตอนเข้ามหา’ลัยแล้วมาเรียนคณะเดียวกันนี่ล่ะ ริวหน้าตาดีจนได้รับเลือกเป็นเดือนคณะแต่ไปแพ้นทีในรอบชิง ได้แค่ตำแหน่งรองกลับมา แต่ดูเหมือนริวจะไม่สะทกสะท้านใดๆ ตำแหน่งรองเดือนมหา’ลัยไม่มีผลในการจีบหญิง
ถ้าใครจะนิยามคำว่า ‘เสือ’ คงไม่มีใครเหมาะไปกว่าริวคนพลิ้วอีกแล้ว เช้าคน...เย็นคน...พลิ้วไปทั้งตัว ทั้งเอว กินเงียบ แดกเรียบ กว่าเหยื่อจะรู้ตัวก็...โอ๊ะ! ริวกินไปแล้วนะจ๊ะ
“กูกับไอ้น้ำเกี่ยวอะไรกันวะ?”
“ก็สาวๆ เขาจิ้นมึงกับไอ้น้ำไง จิ้นเหมือนเป็นแฟนกันไรงี้”
“ตลกละ กูก็ไม่แดกเพื่อนเว้ย”
ไฮยีน่าไม่กินเพื่อน!!
เสือก็ไม่แดกเพื่อน!!
“อ่ะ เอาคืนไป” ขิงยื่นโทรศัพท์คืนให้เอื้องฟ้า
เอื้องฟ้ารับโทรศัพท์มาเปิดดูโน่นนี่สักพัก พอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับโทรศัพท์ตัวเอง ก็กระดิกนิ้วเรียกขิง สาวหล่อลุกจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเดินมาหาสาวแท้ แล้วสาวแท้ก็ลากสาวหล่อออกไปคุยข้างนอกตึก
“นี่มึงต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ?” เอื้องฟ้าถามขิงด้วยสีหน้าจริงจัง
“ทำไม? กูทำอะไร? ขนาดไหน?” ขิงถามงงๆ ด้วยสีหน้าท่าทางไม่รู้จริงๆ
“กับไอ้แค่โพลสาวหล่อที่มึงอยากได้ นี่มึงขนาดขายเพื่อนเลยนะ” เอื้องฟ้ายื่นโทรศัพท์ตัวเองให้ขิงดู...ภาพต้นน้ำกับริวที่ถ่ายคู่กันในอิริยาบถต่างๆ ถูกส่งให้เพจคิวท์บอย
Cuteboy
------------------------------------------------------------------
พี่คะ
หนูเป็นดี้ค่ะ หนูชอบทอม
พี่ช่วยจัดโพลสาวหล่อให้หนูหน่อยนะคะ
โดยเฉพาะคนนี้นะ
ขิง ศิลปกรรมค่ะ
เพื่อนหนูเอง
หนูแอบชอบเขามานานแล้วค่ะ
[แนบรูปขิงแบบที่หล่อมาก สูง ขาว กระชากใจสาว]
จ้า
พี่จะปรึกษาทีมงานดูนะ
ถ้าพี่จัดให้หนู หนูมีของขวัญให้พี่ค่ะ
[ แนบรูปต้นน้ำกับริว 3 รูปรวด ]
นี่แบบเรียกน้ำย่อยนะคะ
อู้ว เด็ด
[ส่งสติ๊กเกอร์หัวใจรัวๆ]
มีเด็ดกว่านี้นะ
แต่ว่าโพลนี้จะเป็นโพลสุดท้ายของเทอมนี้แล้วจ้า
ปิดเทอมทีมงานก็ต้องพักเหมือนกัน โพลที่น้องเสนอมาน่าสนใจนะ
พวกพี่กำลังตันเลยว่าจะลงโพลอะไรดี เปิดเทอมมาจะจัดให้เป็นโพลแรกเลย
แต่ของรางวัลพวกพี่ก็รับนะจ้ะ เด็ดมากอ่ะ อยากดูภาพเอ็กคลูซีฟกว่านี้
จัดให้ค่ะ เปิดเทอมรอรับเลย
555
น้องอยากมาร่วมทีมกับคิวท์บอยไหมอ่ะ
เห็นคอเดียวกัน ตามล่าหาหนุ่มหล่อ สนุกนะ
ขอคิดดูก่อนนะคะพี่ อิอิ
-------------------------------------------------------------------
ขิงตบหัวเอื้องฟ้า “ขายเหี้ยอะไร? รูปแบบนี้คนอื่นก็มี”
“แต่มึงบอกว่าจะปล่อยรูปเอ็กคลูซีฟ”
“เออ แล้วไง? รูปเอ็กคลูซีฟก็มีหลายแบบป่าววะ? ก็แค่เอารูปที่คนอื่นไม่เคยเห็นเอง เมื่อกี้ไอ้เนมก็นั่งดูกับกู ก็ไม่เห็นมันว่าอะไร”
“เปล่า กูก็ไม่ได้ว่าอะไร? กูแค่จะถามว่ารูปเอ็กคลูซีฟน่ะ...มึงมีหรือยัง?” ตาสบตา เป็นเพื่อนกันมานาน มีเหรอที่จะไม่รู้ใจ
ขิงหัวเราะ “ก็ถ่ายใหม่เอาสิวะ”
-------------------------------------------------------
มาแล้วจ้า ช่วงนี้จะอัพบ่อยหน่อย
แต่คงไม่อัพทุกวันนะคะ
บางวันก็อาจจะตัน บางวันก็อาจจะยุ่ง
แต่เห็นคอมเม้นท์แล้วสดชื๊น สดชื่น
อัพพลังให้นักเขียนมาก
อยากเขียน อยากอัพขึ้นมาเลย
ขอบคุณสำหรับการอัพพลังนี้ด้วย
เอเองค่ะ
นทีต้นน้ำ ตอนที่ 8
ในวันที่อากาศร้อน
“เมื่อกี้ใครน่ะ?” นทีถามต้นน้ำ
“อ่อ ไม่รู้จักอ่ะ น้องเขาเดินมาทัก”
“ทักว่าไง?” คิ้วเรียวขมวดลงเล็กน้อย
“ก็ทักว่า...แบบ...เอ่อ...”
“ว่า...?” เรียกทุ้มเข้มขึ้น
“ว่า...ก็เหมือนตามมาจากเพจน่ะ ประมาณอยากให้คบกันนานๆ นะ อะไรอย่างนั้นน่ะ” ต้นน้ำพยายามพูดให้ดูซอฟท์ลง ความจริงแล้วน้องเขาพูดเยอะกว่านี้...ขอให้พี่สองคนรักกันนานๆ นะคะ...พวกพี่น่ารักมากเลยค่ะ...ประหนึ่งว่าพวกเขาเป็นแฟนกันแล้ว
หน้ามุ่ยเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง “น้องเขาก็น่ารักดีนะ”
เม่นกับริวพรูลมหายใจพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่าย นทีคนเท่ห์...ไม่มีอีกแล้ว เหลือแค่ลูกไก่ในกำมือเท่านั้นแหละ
“อะไรเอ่ย...จะบีบก็ตาย จะคลายก็ไปไหนไม่รอด?” เม่นถามริว
“ควายไง โดนขังไว้ก็ไม่รอด เปิดกรงให้แล้วก็เสือกโง่ออกมาไม่เป็นอีก”
นทีเดินแยกไปซื้อน้ำเปล่ามาเพิ่ม ส่วนต้นน้ำนั่งกินข้าวมันไก่ที่นทีซื้อไว้ให้
“อื้ม...ข้าวมันไก่ที่นี่อร่อยจริงๆ ด้วย” เนื้อไก่ไม่มันมาก ข้าวมันเรียงเม็ดสวยไม่แฉะ น้ำจิ้มก็อร่อย เสียแต่ให้น้อยไปหน่อย
เม่นกระแซะเข้ามาใกล้ “มึงว่าดิวมันชอบนทีไหม?”
ต้นน้ำทำหน้างง เม่นพยักเพยิดทางนทีที่ยืนคุยกับดิวอยู่ ไม่รู้ว่าคุยอะไร แต่ทั้งคู่ก็หัวเราะให้กัน
“นทีเป็นเกย์?” ต้นน้ำหันไปถามเม่น
“เปล่า แต่มันก็ชอบผู้ชายได้” เสียงเม่นใกล้หูเขามากและก็ชัดมาก
ต้นน้ำมองไปที่นทีที่ยังคงคุยกับดิวไม่เสร็จ พลางลุกขึ้น
“จะไปไหน?”
“ไปซื้อข้าวมันไก่อีกจาน อร่อยดี”
ต้นน้ำเดินออกไปแล้ว ริวปาน้ำแข็งใส่เม่น
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ มึงไปแกล้งมันทำไมเนี่ย?”
“ทีมึงยังแกล้งเพื่อนกูเลย แต่ไอ้น้ำมันแข็งกว่าที่คิดนะเนี่ย”
“อะไรแข็ง? K?”
เม่น “.....”
สิ่งที่แน่นอนที่สุดบนโลกนี้คือความไม่แน่นอน โลกใบนี้เป็นน่าจะเป็นโลกที่ไม่มีความแน่นอนอาศัยอยู่จริง
คนที่เหมือนควรจะป่วยอย่างนทีกลับแข็งแรง ในขณะที่คนซื้อยาให้กลับนอนป่วยแทน
เมื่อวานตอนเย็น แป้งมาที่คณะ เนมเลยชวนเพื่อนทั้งหมดไปกินขนม ช่วงก่อนจะเช็คบิล ฝนก็ตกลงมาหนักมากทั้งที่ไม่มีวี่แววมาก่อน และมันก็ไม่ใช่หน้าฝนด้วย รถจอดอยู่ไกลพอสมควรถ้าต้องวิ่งไปท่ามกลางสายฝน จะให้ผู้หญิงที่ใส่ชุดนักศึกษาวิ่งเปียกฝนก็ดูใจร้ายเกินไป ต้นน้ำเลยอาสาเป็นคนไปขับรถมารับเพื่อนทั้งหมดที่หน้าร้านเอง เมื่อรถมาจอดเทียบหน้าร้าน พนักงานที่คอยบริการอยู่อาสากางร่มมาส่งที่รถ
ดังนั้นคนที่เปียกก็จะมีแค่...ต้นน้ำผู้เสียสละเพียงคนเดียว
แค่กๆๆ... ต้นน้ำรู้สึกระคายคอจนนอนหลับต่อไม่ได้
"กินน้ำหน่อย" ต้นน้ำรู้สึกได้ถึงแรงยวบที่เตียง
แพขนตาหนาช้อนขึ้น กระพริบตาเพื่อปรับแสงสว่างเล็กน้อย เมื่อปรับโฟกัสได้จึงเห็นว่าคนที่อยู่ข้างๆ คือนที
"นายไม่ได้ไปเรียนเหรอ?" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาค่อนข้างแหบ อาจเป็นเพราะว่านอนมานานเกินไป
"ก็นายไม่สบาย เราจะทิ้งนายไปเรียนได้ยังไง ไปก็เป็นห่วงเปล่าๆ" มือใหญ่ทาบลงตรงหน้าผากมน เย็นสบายจนเขาต้องหลับตาลง "ตัวร้อนจัง" นทีละมือออก เดินกลับออกไปข้างนอก
ต้นน้ำมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินพ้นประตูออกไปก่อนย้ายมาโฟกัสที่แสงสว่างเพียงจุดเดียวที่โต๊ะหนังสือ มีหนังสือนิทานวางอยู่หลายเล่ม เป็นนิทานที่เขาวาดรูปประกอบทั้งหมด ทุกเล่มที่เป็นผลงานของเขา...ป้าเล็ก เจ้าของสำนักพิมพ์จะส่งมาให้เขาสองเล่มเสมอ เล่มหนึ่ง...เขาเอาไปบริจาค เล่มหนึ่ง...เก็บไว้เป็นที่ระลึก
นทีอยู่ในห้องตลอดเวลาที่เขาหลับเลยเหรอ?
ต้นน้ำคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู พลางแอดลงไลน์กลุ่ม
Friend with No benefit
_____________________________________
กูไม่สบาย เพิ่งตื่น ลาเรียนให้ด้วยนะ
เอื้องฟ้า
รู้แล้ว ลาให้แล้ว
รู้ได้ไงอ่ะ?
เอื้องฟ้า
ไอจี!
______________________________________
รู้จากทางไอจี? ไอจีเนี่ยนะ!! มือเรียวเปิดแอพพลิเคชันรูปกล้องทันที มีรูปหนึ่งที่คนไลค์กันเยอะมาก ต้นน้ำรีบกดเข้าไปดู รูปเขาหลับ!... เป็นรูปที่นทีแท็กมา โดยเขียนแคปชันว่า 'GG ไม่สบาย นอนหลับฝันดี แล้วช่วยบอกที หวยออกอะไร?'
GG มันเกิดมาจากรูปที่ตัดต่อตอนถ่ายแบบรูปหนึ่ง เป็นรูปที่นทีใส่สูทสีดำและเขาใส่สูทสีขาว ถูกถ่ายไว้จากคนละรูป แต่ไม่รู้ใครเอามาตัดต่อให้รวมเป็นรูปเดียวกัน แล้วเขียนเป็นแคปชั่นว่า dewa and satan, good guy or badboy? หลังจากนั้นก็มีแฮชแท็ก #GGBB เกิดขึ้นในรูปของเขาบ่อยๆ
realriw : งื้อ เป็นอะไร? เมื่อคืนหนัก?
สองแง่สามง่ามตลอดดด
mynameisname : แงงง เดี๋ยวเค้าเอายาไปเซ่นนะคนดี
คงจะรู้สึกผิดที่ให้เขาเปียกฝนเมื่อวานนี้สินะ
Supermen : เป็นไข้ต้องไปหาหมอ แต่ต้องเป็นอะไรหนอ ถึงได้ไปหาเธอ
คอมเม้นท์ของเม่นกับริวกวนก็จริง แต่ก็ยังมีคนทำให้เขาหมดคำพูดมากกว่า
Palmtree : เขาว่าคืนแรกจะทำให้คนป่วยได้
จากนั้นเป็นคอมเม้นท์ยาวที่รีพลายถามเกี่ยวกับ ‘คืนแรก’
...คืนแรกอะไรอ่ะปาล์มมี่?
...ปาล์มมี่รู้อะไรมา?
...ต้นปาล์มมีความลับ?
ซึ่งต้นปาล์มยังไม่ได้มาตอบอะไร
ต้นน้ำเข่นเขี้ยว เคี้ยวฟัน มึงไม่ตอบ กูตอบเอง... ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ เมื่อวานผมเปียกฝนตอนเย็น เลยมีไข้นิดหน่อย @palmtree @supermen @realriw พวกมึงก็ลากไก่ไปกินในน้ำบ่อยๆ ทำไมไม่ป่วยกันบ้างวะ?
นทีกลับเข้ามาพร้อมพร้อมกับถ้วยข้าวต้มควันกรุ่น หอมมาก
“กินข้าวก่อน แล้วค่อยกินยา”
“อืม แต่เราไม่ได้ฝันถึงหวยนะ”
นทีหัวเราะพลางเอาถ้วยข้าวต้มมาวางไว้ที่ข้างเตียง “เห็นแล้วเหรอ?”
“เห็นแล้ว พวกเหี้ยนั่นกวนตีน” พูดพลางก็บิดเนื้อตัวไปพลาง...รู้สึกปวดตัว ครั่นเนื้อคั่นตัวไปหมด
“ให้ป้อนไหม?” นทีที่เดินไปเปิดม่านหันกลับมาถาม จากนั้นก็มานั่งริมเตียงข้างๆ ต้นน้ำ
“ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก” ต้นน้ำคว้าชามข้าวต้มมาชิม “อร่อยว่ะ” คุยโน่นคุยนี่กันไปจนข้าวต้มหมดชามก็กินยาต่อ
พยาบาลจำเป็นมองคนป่วยกินยา กินน้ำไม่ละสายตา พอต้นน้ำทำทุกอย่างเสร็จ พยาบาลจำเป็นก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กเดินเข้าห้องน้ำก่อนกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆ “เช็ดตัวหน่อย”
ต้นน้ำจะรับผ้าขนหนูมา แต่นทีกลับคว้ามือไว้ “เดี๋ยวเช็ดให้”
ตาคมปลาบมองมาที่ตากลมใส ต้นน้ำหลุบสายตาลงก่อน
คนเราก็ไม่ได้เก่งในทุกสถานการณ์ ไม่ได้รู้ว่าควรทำตัวแบบไหนในทุกสถานการณ์ ต้นน้ำปล่อยให้มือใหญ่ไล้ผ้าผืนเล็กไปตามหน้าผาก ดวงตา แก้ม จรดปลายคาง
ในความเงียบ ตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าที่บรรจงเช็ดตัวให้เขา ตาคมก็มองสบมาเหมือนกันก่อนมองไล่ลงไปยังลำคอขาว ผ้าขนหนูชื้นน้ำที่เช็ดแผ่วเบาตรงลำคอให้ความรู้สึกร้อนอย่างประหลาด ความเย็นของผ้าขนหนูไล่ลงมาถึงช่วงอกที่โผล่พ้นเสื้อนอน
นทีปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนของต้นน้ำออก ไม่ทันที่จะปลดกระดุมเม็ดที่สอง มือเรียวอีกคู่ก็คว้ามือเขาไว้
“เรา...ร้อน...อยากอาบน้ำ” เขารู้สึกร้อนจริงๆ ร้อนไปหมด แม้กระทั่งมือก็ยังชื้นเหงื่อ
“แต่...”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ล้างตัวเฉยๆ เหนียวตัว”
“อืม” ตาคมทอแววหวานละมุน
นทีพาต้นน้ำไปส่งที่หน้าห้องน้ำ “เราคงเป็นคนดูแลที่แย่ที่สุดที่ปล่อยให้คนป่วยอาบน้ำ”
“คนป่วยดื้อไง”
“งั้นก็อย่าดื้อสิ”
“อืม ไว้วันหลังแล้วกัน”
ต้นน้ำแปรงฟัน ล้างหน้า ใบหน้าขาวใสเป็นสีแดงระเรื่อ ไล่ไปตั้งแต่พวงแก้มถึงใบหู เขาสบตาตัวเองในกระจกก่อนรีบไปล้างตัวไล่ความร้อนออกจากร่างกาย
ร่างขาวพันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมา หยดน้ำบางหยดยังเกาะอยูที่ร่องอกและแผ่นหลัง
นทีที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือหันมา ร่างสูงโปร่งสาวเท้ายาวไปยังตู้เสื้อผ้าที่อยู่อีกมุมห้องผ่านหน้าเขาไป นทีก้าวตาม
ต้นน้ำรีบคว้าเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้น หยิบตัวไหนได้ก็เอาตัวนั้นแหละ ก่อนจะหันตัวกลับไปในห้องน้ำ แต่ร่างสูงกลับยืนขวางไว้ ด้วยความสูงที่ต่างกันไม่มากทำให้ช่วงหน้าของคนสองคนห่างกันแค่คืบ
“ตัวยังไม่แห้งเลย” นทีขยับตัวเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมที่ใช้เป็นประจำรวมกันกลิ่นเฉพาะตัวของคนตรงข้ามลอยอวลเข้าจมูก มือหนึ่งของนทีจับแขนเขาไว้ อีกมือเอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ในตู้ก่อนโอบเขาไว้หลวมๆ จับปลายผ้าเช็ดตัวจากด้านหลังของเขาโอบมาพันทบไว้ด้านหน้า “เช็ดตัวให้แห้งสิ เดี๋ยวไข้ก็กลับหรอก”
“อืม” ต้นน้ำเบี่ยงตัวหลบ เดินเลี่ยงไปทางด้านข้าง สงสัยไข้จะกลับแน่แล้ว ตัวเขาร้อนผ่าวไปหมด
ต้นน้ำกลับขึ้นเตียงในสภาพที่ดีขึ้น ตัวไม่ค่อยร้อน หน้าไม่ค่อยแดงแเล้ว แต่เพลียมากกก เหมือนร่างกายไม่ค่อยมีแรง ร่างโปร่งเดินขึ้นเตียงแล้วห่มผ้านอนหลับตาทันที
เขารู้สึกได้ว่าเตียงด้านข้างยวบลง คนตัวสูงคงลงมานอนด้วย
"ระวังติดไข้"
"ถ้าติด ติดไปนานแล้ว ก็นอนตรงนี้ตลอด"
ตลอดเลยเหรอ? นึกว่านั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะหนังสือซะอีก
"สบู่นายกลิ่นหอมจัง"
"ไม่ได้ถูสบู่สักหน่อย แค่ล้างตัวเฉยๆ"
"งั้นก็กลิ่นตัวนายหอม"
รู้สึกร้อนอีกแล้ว ไข้กลับอีกแล้วมั้ง
"จะนอนไหม? จะไปปิดม่านให้" นทีเห็นถามเมื่อเห็นต้นนำไม่ยอมลืมตาสักที
" ไม่แน่ นอนมาตั้งนานแล้ว แต่ก็เพลียๆ อาจจะหลับอีกก็ได้"
"อ่านนิทานไหม? "
ต้นน้ำลืมตาขึ้นพลางมองคนข้างๆ นทีนอนเท้าแขนข้างเดียวมองเขาอยู่แล้ว
" นิทานของเราน่ะเหรอ? อ่านหมดแล้ว"
" ก็เรายังอ่านไม่หมด นายอ่านให้ฟังหน่อยสิ"
"ได้ข่าวว่าเราไม่สบาย"
"งั้นเราอ่านให้ฟังเอง"
หืม... อย่างนี้ก็ได้เหรอ?
"เอาเรื่องไหนดี? เรื่องนี้ดีกว่า...คุณหมีไม่สบาย!”
ต้นน้ำตะแคงข้างหันไปทางนที รอฟัง
นทีนอนคว่ำตั้งใจอ่าน...
“คุณหมีไม่สบาย” จบไปแล้วหนึ่งหน้า
“คุณหมีตัวร้อน” หน้าที่สองมีรูปหมีหน้าแดง หน้าตาเพลีย
“คุณหมีไอ แค่ก แค่ก” หน้าที่สามมีรูปคุณหมีไอ ท่าทางเจ็บคอ
“คุณหมีต้องนอนพักผ่อน” คุณหมีขึ้นเตียงแล้ว
“คุณหมีต้องทานยา” รูปคุณหมีทานยา
“คุณหมีเช็ดตัว” รูปคุณหมีเช็ดตัว โดยมีหมีแก่ตัวเมียใส่แว่นเช็ดตัวให้
“คุณหมีหายแล้ว” หมีน้อยท่าทางสดชื่นเชียว
“คุณยายดีใจที่คุณหมีหายแล้ว” รูปหมียายหลานกอดกัน
“จบ!... เอาจริงสิ นิทานมันสั้นๆ ห้วนๆ แบบนี้น่ะเหรอ?” บางหน้ามีรูปเดียวแต่ใช้สองหน้า ข้อความก็สั้นๆ เท่าที่อ่าน
ต้นน้ำหัวเราะกว้าง “ก็นี่มันนิทานเด็กเล็กนี่ เขาก็แค่เอาไว้สอนเด็กเล็กให้รู้จักว่าไม่สบายคืออะไร? ต้องปฏิบัติตัวยังไง?...เท่านั้นแหละ อ่านเล่มนั้นสิ” ต้นน้ำชี้ไปที่หนังสือเล่มเล็กที่อยู่บนสุด
“คนเก่งฉี่ใส่กระโถนเนี่ยนะ”
“อื้อ” ต้นน้ำยิ้ม
นทีโคลงศรีษะก่อนเปิดอ่านหน้าแรก “เราทุกคนฉี่ใส่กระโถน...ไม่ใช่แล้ว ชักโครกไหม?”
“เด็กเว้ย...เด็ก” ต้นน้ำเตือน
นทีพลิกหน้าที่สอง เป็นรูปหมาทำหน้าตาแปลกๆ อยู่ด้านซ้าย ด้านขวามีข้อความว่า “คุณหมาปวดฉี่ๆ แล้ว”
หน้าที่สาม เป็นรูปคุณหมาฉี่ใส่กระโถน “คุณหมาเก่งจัง คุณหมาฉี่ใส่กระโถน”
ต้นน้ำหัวเราะ หน้าตานทีตลกมาก ตอนที่อ่านว่า ‘คุณหมาเก่งจัง’ หน้าตานี่ไม่ได้ชมคุณหมาเล๊ย ติดจะเหยียดหยามคุณหมาด้วยซ้ำไป ด่าคุณหมาได้...คงด่าไปแล้ว
หน้าที่สี่...รูปคุณหมีทำหน้าตาแปลกๆ เหมือนคุณหมา “คุณหมีปวดฉี่ๆ แล้ว”
“คุณหมีเก่งจัง คุณหมีฉี่ใส่กระโถน”
จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นคุณแมว คุณวัว คุณแกะ คุณกระต่าย แล้วก็จบด้วย... “ทุกคนเก่งจัง ทุกคนฉี่ใส่กระโถน อย่างนี้เราก็เก่งมากอ่ะ”
“อย่าดูถูกไป ทุกเรื่องเขาผ่านการคิดมาแล้ว สมองเด็ก...ความจำยังสั้น ใช้คำน้อยๆ เข้าใจง่ายๆ ดีที่สุด”
“นายรู้ดีจังนะ”
“รู้สิ คนแต่งบอก ป้าเล็ก...คนที่เล่าเรื่องลูกคนที่สามให้เราฟังไงล่ะ”
“หืม...ใครนะ?” นทีทำหน้าสนใจขึ้นมาทันที
“ป้าเล็ก เป็นคนแต่งนิทานเด็ก” ต้นน้ำพลิกตัวจากนอนตะแคงเป็นนอนหงาย “เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์หลายสำนักพิมพ์เลยล่ะ ทั้งนิทาน นิยาย พวกฮาวทูก็อีกสำนักพิมพ์หนึ่ง เป็นเพื่อนกับแม่ไง ป๊าก็น่าจะรู้จัก ป้าเล็กเก่งมากนะ นายสังเกตดูสิ อย่างเรื่อง ‘คุณหมีไม่สบาย’...ป้าเล็กก็บอกว่า...ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากแต่งให้มีพ่อแม่เข้ามาเกี่ยวข้องมาก เพราะสงสารพวกเด็กกำพร้าที่ได้อ่าน ‘คุณหมีฉี่ๆ’ ก็ไม่มีเรื่องของพ่อแม่เลย ที่สำนักพิมพ์ไปทำบุญบ้านเด็กกำพร้าบ่อย ไปทีก็หอบหนังสือไปบริจาค เพราะป้าเล็กเองก็ไม่มีพ่อเหมือนกัน แล้วป้าเล็กกำลังรณรงค์ให้ทางโรงเรียนงดกิจกรรมวันพ่อวันแม่ด้วยนะ เจ๋งใช่ไหมล่ะ” ต้นน้ำเล่าไปดวงตาก็วาววับ
นทีที่นอนตะแคงมือใหญ่เท้าแขนไว้กับเตียงข้างหนึ่ง จับตาดูดวงตาวาววับคู่นั้น และริมฝีปากเล็กๆ ที่เล่าไม่หยุดอยู่ตลอด เผลอเอามือใหญ่ข้างที่ว่างอยู่วางพาดไปบนเอวต้นน้ำ ใบหน้าคมฝังลงที่ไหล่ “อืม เจ๋งมาก อยากเจอซะแล้วสิ”
ต้นน้ำชะงัก ปล่อยให้คนตัวใหญ่ซบหน้าลงกับไหล่นิ่งๆ “อืม แล้วจะพาไปเจอ” บางทีนี่อาจจะเป็นความอ่อนไหวของคนที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน “แม่นายเคยไปงานวันแม่ไหม?”
นทีส่ายหน้าทั้งที่ใบหน้ายังฝังอยู่ที่ไหล่เขา
ต้นน้ำตบไหล่นทีเบาๆ โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนสูดกลิ่นที่นทีบอกว่าหอมเข้าไปเต็มปอด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ต้นน้ำปล่อยให้นทีกอดไว้อย่างนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึก ‘ร้อน’ รู้แต่เพียงว่า...แสงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ได้ยินเสียงนกร้องขับขานเตรียมกลับรัง ลมเบาๆ พัดใบไม้ร่วง บรรยากาศดีจนความ ‘ร้อน’ เปลี่ยนเป็นความอุ่น
แอ๊ด.... เสียงเปิดประตู
คนที่กำลัง ‘คุย’ กันเพลินหันไปมอง
เม่นกับริวเดินนำมาก่อน พลางชะงักอยู่หน้าห้อง
"อุ้ย"
"อุ๊ย โทษที ต่อเลยๆ" ทั้งสองคนทำท่าจะปิดประตู แต่ไม่ทัน ต้นปาล์มถลาเข้ามาก่อนด้วยความเร็วสูง เข้ามาได้ก็โผเข้ามาจะกอดต้นน้ำ ดีที่ริวกับเม่นเดินเข้ามาดึงคอเสื้อเอาไว้
"ทำไมพวกมึงต้องรุนแรงกับกูด้วยล่ะ? ไม่รักกูเลย"
"นี่พวกกูปราณีมึงมากเลยนะ" เม่นตอบ
"ช่าย ไม่งั้นมึงอาจจะเจอความรุนแรงมากกว่านี้" ริวบอกพลางเหลือบตามองนทีที่เริ่มย่นหน้า คิ้วขมวดมุ่น
ต้นปาล์มฮึดฮัดขัดใจ
นทีกุมขมับ จบแล้ว!
คนที่เดินตามหลังมาพากันกระจายตัวหาที่นั่งรอบห้อง
"เป็นไงบ้างมึง?" เอื้องฟ้าถาม
"โห พวกมึงมาเยี่ยมกูกันเหรอเนี่ย?"
"เปล่า จะไปกินหมูกระทะ บ้านมึงแค่ทางผ่าน เลยแวะดูใจ" น็อตตอบ
"จริงใจว่ะ ของเยี่ยมก็ไม่มี”
“อืม ไม่มีของมึงหรอก แต่ไอ้ปาล์มแวะซื้อไส้กรอกมาฝากโจลี่กับแบรดพิตต์นะ” ขิงรายงาน
ไม่มีใครสนใจเม่นกับริวที่ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่มุมห้องไกลผู้ไกลคน
“เสื้อผ้ายังอยู่ครบว่ะ” ริวกระซิบบอกเม่นที่ยืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้าอยู่
“ไม่แน่นะมึง อาจจะเมื่อคืน เขาว่าถ้ารุนแรงจะไข้ขึ้นได้ไม่ใช่เลยหรอ? แล้วไอ้น้ำก็...”
“ไม่ใช่แน่นอน กูดูสีหน้าไอ้น้ำออก ถ้าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้น หน้ามันไม่ปกติแบบนี้แน่”
ทั้งสองคนมองไปยังนทีที่นั่งชันขาข้างหนึ่ง เอาศอกเท้าไว้กับเข่า ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียง...สีหน้าแววตาสงสารแกมสมเพชเพื่อนเป็นที่สุด
น็อตโกหก ที่จริง...เพื่อนๆ ซื้อของมาเยี่ยมกันเยอะมาก...แต่เป็นของที่พวกมันอยากกินทั้งนั้นเลย ต้นน้ำกินได้แค่ข้าวต้มที่ป้าแม่บ้านทำไว้ให้ กินกันเสร็จคุยกันสักพักก็แยกย้ายกลับบ้าน ป๊ากับแม่เข้ามานั่งเล่นในห้องเขาพักใหญ่ก่อนกลับห้องนอน ต้นน้ำถือโอกาสนี้ล้างตัวอีกครั้ง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น นทีก้าวเข้ามาพร้อมผ้าห่มหนึ่งผืน “นอนด้วย” ไม่รอฟังคำตอบ ร่างสูงโถมลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
ต้นน้ำ “.........” จะให้เขาทำยังไงล่ะ? ปฏิเสธ?...จะดูรังเกียจอีกฝ่ายไปหรือเปล่า? “เอ่อ...เรานอนคนเดียวได้นะ”
“แต่เราปล่อยให้นายนอนคนเดียวไม่ได้ มานอนเถอะ”
ต้นน้ำเดินไปปิดไฟ ไฟในห้องดับหมดแล้ว มีเพียงแสงสว่างจากด้านนอกทะลุผ่านผ้าม่านโปร่งชั้นนอกเข้ามาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในความเลือนราง...เขาเห็นนทีลุกขึ้นมาถอดเสื้อ นทีเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง...ที่ชอบนอนถอดเสื้อ ภายในห้องมืดมาก แต่เหมือนเขาจะเห็นมัดกล้ามทุกมัดบนร่างของนที ดีนะที่พรุ่งนี้วันหยุด ตัวเขาต้องกลับมาร้อนอีกแน่
“ไม่ต้องเอาหมอนไปหรอก ห้องลูกมีตั้งหลายใบ คุณจะไปนอนกับลูกจริงๆ เหรอ?”
“จริงสิ คนไม่สบายต้องการกำลังใจที่สุด” ธนกรตอบพลางลากฝนทิพย์ออกมาจากห้องนอน เดินตรงไปที่ห้องต้นน้ำ “รู้ไหม? ตอนนทีเด็กๆ ไม่สบายทีไร ต้องขอนอนกับป๊าทุกที บอกว่านอนกับป๊าแล้วหายเร็ว”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“ตั้งแต่โตมา ยังไม่เคยเห็นป่วยสักที”
"ประตูล็อค" ฝนทิพย์บอกเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องต้นน้ำแล้วพบว่าประตูห้องถูกล็อคไว้
"กุญแจอยูในห้องนอน เดี๋ยวผมไปเอาก่อนนะ คุณรออยู่นี่แหละ"
"ลูกคงหลับแล้วมั้งคุณ"
"อาจจะเพลีย เราถึงต้องยิ่งดูแลอย่างใกล้ชิดไง"
ธนกรกลับไปเอากุญแจมาไข ค่อยๆ แง้มประตูเบามือ "อ้าว มีคนมานอนแทนซะแล้ว"
ฝนทิพย์มองตาม เห็นต้นน้ำนอนหลับสบาย ส่วนนทีนอนตะแคงไปอีกข้าง ท่าทางเหมือนหลับสบายเหมือนกัน
"กลับไปนอนห้องเรากันเถอะน่า" ฝนทิพย์รีบสรุปเมื่อเห็นสามีทำหน้าเสียดาย
ฝนทิพย์พาธนกรที่กำลังผิดหวังจากการไม่ได้นอนให้กำลังใจลูกชายคนโตกลับห้อง โดยที่ไม่รู้เลยว่า...ลูกชายคนเล็กได้ทำหน้าที่แทนเป็นอย่างดี ทันทีที่ประตูปิด นทีก็ลืมตา เปลี่ยนท่าหันไปนอนซบกลิ่นต้นน้ำเหมือนเดิม
ต้นน้ำตื่นมา นทีก็หายตัวไปแล้ว ต้นน้ำเดินลงมาข้างล่าง
"นทีกับป๊าไปไหนล่ะแม่?" ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นฝนทิพย์นั่งดูทีวีลำพัง
"ไปบริษัทกับป๊า"
"แล้วแม่ไม่ไปร้านเหรอ?" ต้นน้ำยกถ้วยข้าวต้มมานั่งกินหน้าทีวีกับฝนทิพย์ วันๆ กินแต่ข้าวต้ม เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเพื่อนถึงบ่นเขาเรื่องที่กินแต่ข้าวมันไก่กันนัก
"ไม่ไปอ่ะ ลูกชายสุดที่รักป่วยอยู่แบบนี้ แม่จะทิ้งไปได้ไงล่ะ?" ฝนทิพย์ตอบพลางเข้ามาหอมหัวหอมหูลูกชายสุดที่รัก
ปกติก็ทิ้งประจำเถอะ... ต้นน้ำแค่คิดในใจ
"เออนี่... ลูกค้าหนุ่มสาวร้านเราเพิ่มขึ้นเยอะมากเลยนะ ตั้งแต่ลูกกับนทีถ่ายแบบให้ป้าอ้อยน่ะ แม่ว่าจะจ้างช่างภาพมาถ่ายรูปลูกๆ เป็นแบบให้ร้านเราบ้าง... ดีไหม? "
"ผมยังไงก็ได้ " กิจการในครอบครัว ควรช่วยกันทำมาหากินสิ "แต่นทีไม่รู้นะ"
"เดี๋ยวแม่ลองถามอีกที แล้ววันเกิดป้าเล็ก...อีกสองอาทิตย์ลูกจะไปไหม?"
" ไปสิครับ ไม่ได้เจอป้าเล็กนานแล้ว จัดที่เดิมหรือเปล่า"
" ที่เดิมนั่นแหละ"
เมื่อไม่มี 'พยาบาลจำเป็น' ต้นน้ำก็อาการดีขึ้น ยังคงเหลืออาการไออยู่เพียงเล็กน้อย ไม่มีอาการ ‘ร้อน’ จน 'ไข้กลับ' อีกต่อไป
แต่นทีที่เพิ่งกลับมาบ้าน อาการแย่อย่างเห็นได้ชัด หน้าแดง ตาแดง จมูกแดง จามฟุดฟิดตลอดเวลา ต้นน้ำเลยมีคนช่วยกินข้าวต้มแล้ว
" น้ำเอายาไปให้ทีหน่อยลูก" ฝนทิพย์สั่งขณะที่กำลังจะเก็บจานไปล้าง
ต้นน้ำเคาะประตูห้อง รอสักพักก็ไม่ได้ยินเสียงตอบเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป ภายในห้องมืดสนิท ไม่มีไฟเปิดสักดวง เอื้อมไปคลำหาสวิตช์ตรงตำแหน่งที่คิดว่าน่าจะมี สักพักก็เจอ
พอไฟสว่างขึ้น สายตาก็จับภาพได้ ร่างสูงนอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า
ต้นน้ำรีบเข้าไปดู มือเรียวแตะที่หน้าผากก่อนเรียก "นที นที"
ตาคมปรือขึ้น มีแววอ่อนล้าในดวงตา "อือออ"
"กินยาก่อนเถอะ ลุกไหวไหม?"
"ไหว" นทีลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
ต้นน้ำยัดเม็ดยาใส่มือขาว ตามด้วยน้ำ พอกินยาเสร็จ ร่างสูงก็หงายศรีษะพิงเข้ากับหัวเตียง
"ปวดหัวจัง"
"นอนพักเถอะ"
"อยากอาบน้ำ"
"เช็ดตัวก็พอมั้ง"
"แล้วทีเมื่อวาน ใครขออาบน้ำ"
" ก็เราอาบไหว นายอาบไหวไหมล่ะ?"
" ไม่ไหว เช็ดตัวให้หน่อยสิ" ไม่พูดเปล่า เอื้อมมือมาสะกิดขาพยาบาลคนใหม่พลางเอียงใบหน้ามองเขาด้วยสายตากึ่งอ้อนวอน กึ่งขอร้อง
---------------ต่อด้านล่างนะจ๊ะ-------------