รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020  (อ่าน 58725 ครั้ง)

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ฮานนี่มันฮานจริงๆ เลย ทำไมน่ารักแบบนี้นะ

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ฮือออออ เค้ารักกันมากกกกก ดีงามมากกกกก ละมุนละไมสุดดดดดด
ดีต่อใจสุดๆๆๆๆๆ ฮานกับคุณตัวเล็กน่ารักสุดๆไปเลย :sad4:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
รู้ทันไปหมดทุกอย่างเลยฮาน  :hao5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
 น่ารักมากๆเลย

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
คิดภาพตอนน้องเอลอยู่ในกองของนุ่มนิ่ม ตอนลังเลว่าจะอยู่ในรังหรืออ้อมกอดของฮานดี แล้วมัน  :impress2:  :-[ :impress2:
ฮานเรียนหมอก็เพราะเอลสินะ โถ พ่อคนรักแฟนหลงแฟนหนักมาก
ขออย่าให้มีอะไรมาสร้างปัญหาให้คู่นี้เลย

 :pig4:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ฮานเนี้ยเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านโอเมก้าหรอ รูละเอียดยิบเลย

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
รอรับขวัญหลานน๊าาาาาาาาา

 :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o18 เนคนทึ่เข้าใจการตั้งครรภ์ของโอเมก้า ดีขนาดนี้ ดราม่าไม่น่าจะใหญ่น้า

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น




Home Sweet Home





หลังจากผลการตรวจจากโรงพยาบาลออกมาตรงกับชุดตรวจการตั้งครรภ์อย่างพอเหมาะพอเจาะราวกับจับวาง แผนการเยี่ยมเยียนญาติที่เคยคิดว่าจะได้ทำเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนจึงต้องเลื่อนมาทำสัปดาห์นี้แทนทั้งหมดด้วยเหตุผลของฮานที่ว่า ‘เราจัดการเรื่องราวทางนี้ให้เสร็จก่อนไปพบคุณพ่อคุณแม่ของเอลน่าจะดีกว่านะครับ’นั่นล่ะ


ตอนแรกผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเลื่อนนัดที่บ้านผมออกไปก่อนสักเท่าไหร่(จริงๆ ส่วนนึงก็เพราะรำคาญที่ต้องจะฟังพี่ชายของตัวเองเอาเรื่องนี้ขึ้นมาบ่นตลอดไปมากกว่า) แต่พอได้เห็นสิ่งที่ฮานเตรียมการไว้ให้ ความคิดที่อยากจะกลับบ้านของผมก็พลันหายไปในพริบตา


รังของผมดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นกว่าตอนแรกเยอะมาก จากเดิมที่เป็นเพียงกองหมอนและเสื้อผ้านุ่มๆ บนพื้นแข็งๆ มาตอนนี้กลับมีเบาะนุ่มที่ยกขอบกั้นเสริมขึ้นมา เบาะหนานุ่มที่ฮานสั่งทำพิเศษถูกยกกั้นด้านข้างขึ้นมาสามด้าน เว้นด้านที่ใช้เข้าออกไว้เพื่อเหตุผลที่ว่าผมจะได้เข้าออกรังได้สะดวกตามที่ต้องการ ตัวเบาะมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปหนึ่งในสี่ของห้อง บนเบาะยังคงมีกองหมอนและเสื้อผ้าของฮานที่ผมเคยแอบเอามาซุกไว้อยู่ครบไม่ขาดหายไปไหน จะมีก็เพียงแต่หมอนรองท้องและตุ๊กตามากมายที่เพิ่มขึ้นมาก็เท่านั้น


อยากลงไปนอนจังเลยน้า


ในขณะที่ผมกำลังยืนมองรังของตัวเองด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม คนที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดการพื้นที่รอบรังก็หันมามองผมด้วยรอยยิ้มกว้างจนผมอดแซวไม่ได้


“มองอะไรครับว่าที่คุณพ่อ”


“กำลังมองว่าที่คุณพ่ออีกคนนึงอยู่ครับ” แล้วเขาก็เดินเข้ามาดึงผมไปกอด “หรือจะเป็นคุณแม่ดีครับ”


ผมส่ายหน้ายิก “ไม่เอาหรอกครับ เอลจะเป็นคุณพ่อ จองแล้วห้ามแย่งด้วย”


คราวนี้เขาหัวเราะร่วน “โอเคครับ ไม่แย่งก็ได้ งั้นให้ลูกเรียกเอลว่าคุณพ่อแล้วเรียกผมว่าแด๊ดดี้ดีไหมครับ”


“ก็ดีนะครับ” ผมหยุดคิดนิดหน่อย “แต่มันจะไม่ซ้ำกับเวลาเอลเรียกฮานเหรอ”


แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


“เด็กซน” แล้วริมฝีปากสวยได้รูปของอีกคนก็ดูดเม้มปลายจมูกของผมเบาๆ “เอลไม่ได้เรียกตลอดเวลาสักหน่อยนี่นา”


แล้วริมฝีปากช่างเจรจานั้นก็เคลื่อนจากปลายจมูกไปงับเข้าที่ติ่งหู


“เพราะฉะนั้นไม่ซ้ำหรอกเนอะ”


ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงบนใบหูชวนให้ใจเต้นแรงรัวขึ้นมาจนห้ามไม่อยู่ ร่างกายที่ยังแข็งแรงดีอยู่เมื่อครู่ก็พลันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงราวกับโดนปีศาจร้ายดูดพลังออกไปจนหมด


ปีศาจร้ายงั้นเหรอ...


ผมปรายตามองลำคอแกร่งของคนที่ยังคลอเคลียลำคอและกกหูของผมอยู่ไม่ห่างพลางอมยิ้มออกมาน้อยๆ


“ฮานเป็นปีศาจร้าย”


“หืม?” เขาผละจากซอกคอแล้วถอยใบหน้ากลับมาสบตาผม “หมายความว่ายังไงครับเนี่ย”


ผมเม้มปากคล้ายจะบอกว่ากำลังหงุดหงิด แต่ที่จริงผมก็แค่แกล้งเขาไปเล่นๆ อย่างงั้นล่ะ


“ก็ฮานดูดพลังผมนี่นา”


เจ้าของใบหน้าคมคายคลี่ยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์คล้ายหมาป่าที่กำลังหาจังหวะกระโจนเข้าขย้ำเหยื่อ “หมายความยังไงเหรอครับ” แล้วเขาก็เคลื่อนหน้าเข้ามาอีกนิด “เอลบอกฮานทีสิครับ ฮานไม่เข้าใจอะไรเลย”


เอ เอาไงดีน้า ฮานเครื่องติดแล้วด้วยสิ ถ้าผมยังซุกซนแบบนี้ต่อไปน่ากลัวว่าน่าจะได้ไปกันจนสุดทางแน่ ซึ่งนี่มันก็ยังเช้าอยู่เลย...


เช้าแล้วยังไงล่ะ ผมเองก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันล่ะนะ


“ก็ฮานน่ะ” ผมแสร้างทำเสียงกระซิบแหบพร่าแล้วประทับจูบลงบนแก้มของเขาเบาๆ “ทำให้ผมตัวร้อนไปหมดเลยนี่นา”


แล้วผมก็ได้ยินเสียงสูดหายใจลึกปะปนมากับเสียงครางต่ำของคนตรงหน้า


หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วเสียจนผมไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว


ริมฝีปากที่ทาบทับเข้าหากันอย่างตะกละตะกรามลบเลือนสำนึกการรับรู้และสติสัมปชัญญะของผมออกไปจนหมด กว่าจะรู้ตัวอีกที แผ่นหลังก็นาบติดกับเตียงนอนนุ่มที่ใช้พักผ่อนอยู่ทุกคืนไปเสียแล้ว


ฮานยังมีเสื้อผ้าสวมครบอยู่ดี ผมเองก็ไม่ต่างกัน แต่ไม่รู้ทำไม ในหัวผมถึงได้มีภาพร่างกายเปลือยเปล่าของอีกคนซ้อนทับเข้ามาเสียได้


อา แต่งงานได้ไม่ทันถึงเดือนดีก็กลายเป็นคนลามกไปเสียแล้วนะเอล


ฝ่ามือใหญ่ที่บรรจงลูบไล้ปลายเท้าของผมขึ้นมายังต้นขาด้วยท่าทีไม่รีบร้อนทำให้ความคิดในหัวของผมเริ่มกระจัดกระจายจนยากจะจัดการ ปลายนิ้วใหญ่อุ่นร้อนเค้นคลึงลงบนผิวเนื้ออย่างใจเย็นหากเน้นย้ำและดุดัน


ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังได้รับการนวดผ่อนคลายแต่ในขณะเดียวกัน บางสิ่งในใจของผมก็กำลังร่ำร้องเรียกหาอะไรที่มากกว่านั้น


ในขณะที่ผมกำลังพยายามคุมลมหายใจให้ปกติ คนตัวสูงก็ค่อยๆ คืบคลานทาบทับร่างกายของผมขึ้นมาช้าๆ จากฝ่ามือที่ไล้วนต้นขาเมื่อครู่ มาตอนนี้กลับรุกรานขึ้นมาถึงช่วงเอวแล้วถือสิทธิ์คว้าจับเข้าที่ขอบกางเกงโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว


“ยกสะโพกขึ้นหน่อยสิครับคนดี”


สุ้มเสียงแหบพร่าติดหยอกเย้าของคนด้านบนทำให้ผมเผลอใจเต้นรัวขึ้นมาชั่วขณะ ไม่ต้องสบตาดูก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ฮานกำลังเซ็กซี่ขนาดไหน ถึงจะยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบก็เถอะ


อา ไม่ไหวแล้ว สติกำลังจะหลุดลอยหายไปแล้วนะ


ในขณะที่ผมกำลังตบตีอยู่กับความคิดตัวเอง ร่างกายเจ้ากรรมก็ดันตอบสนองต่อคำขอของอีกคนทุกอย่างไปเสียอย่างนั้น รู้ตัวอีกทีท่อนล่างของผมก็เปลือยเปล่า


ไม่สิ ไม่ใช่แค่ผมสักหน่อย


คนที่ทำหน้าที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผมเมื่อครู่เปลือยท่อนบนตัวเองไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ และตอนนี้สิ่งที่เขากำลังทำก็คือการปลดปล่อยเบื้องล่างด้วยท่าทีเชื่องช้าราวกับต้องการส่งสารอะไรสักอย่างมาให้ผม


ใบหน้าเจ้าเล่ห์รับกับรอยยิ้มมุมปากและนัยน์ตาวิบวับแบบนั้น ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทีแล้ว


และผมก็ไม่ใช่คนโง่เสียด้วย


ผมค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นมาจากเตียงแล้วคลานเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ


“ขยับเข้ามาใกล้อีกนิดสิครับ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ก้มมองลงมา “ผมแขนสั้นนะรู้ไหม”


แล้วคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงก็หลุดขำออกมาทั้งที่ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มซุกซน


“แขนสั้นที่ไหนกันล่ะครับ”


แล้วปราการขวางกั้นก็ถูกปลดเปลื้องออกไปต่อหน้าต่อตาของผม


“แขนของเอลถูกสร้างมาให้พอดีกับตัวของฮานแล้วนะ”


ร่างกายของผมถูกผลักให้ต้องเขยิบเข้าไปจนถึงกึ่งกลางเตียงโดยคนตัวสูงที่คลานตามมาคร่อมทับด้านบน


“ทุกอย่างของเอลถูกสร้างมาเพื่อผม ทุกอย่างของผมก็ถูกสร้างมาเพื่อเอล แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ”


ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมา ดูดดึง หยอกล้อ และหวานฉ่ำ


“ไม่ให้ใครทั้งนั้น ผมขอสาบาน ไม่ว่าใครก็จะไม่มีวันได้แตะต้องเอลทั้งนั้น ผมจะเป็นของเอลตลอดไป”


นิ้วเรียวใหญ่คว้านลึกเข้ามาในร่างด้วยท่าทีเนิบช้า


“พวกเราจะเป็นของกันและกันตลอดไปเลยนะครับ”


บ้า นี่มันบ้าจริงๆ เลยเชียว


ผมยกแขนตัวเองขึ้นคล้องรอคอของฮานเพื่อเตรียมใจรอรับการรุกรานที่กำลังจะเกิดขึ้น


“อือ ผมจะเป็นของฮานตลอดไปเลย ฮานก็ต้องเป็นของผมตลอดไปนะ”


แล้วเช้านั้น แม้จะแค่รอบเดียว แต่ผมก็ถูกผูกติดกับฮานอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมงเต็ม












ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนบ่ายสี่โมงเย็น บนเตียงนอนนุ่มว่างเปล่าไร้ไออุ่นของตัวการแต่ร่างกายของผมนั้นสะอาดสะอ้านดี
ฮานเป็นแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กัน ถ้าผมไม่หลับไปก่อนเขาก็จะชวนผมไปจัดการอาบน้ำทำความสะอาด แต่ถ้าผมหมดสติไปแล้วเขาก็จะเป็นคนจัดการเช็ดล้างให้เองโดยไม่ต้องขอ


เป็นคนช่างใส่ใจเกินใครเลยล่ะ


รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผมทันทีที่คิดถึงใบหน้าของอีกคน ถ้าให้เดาจากสภาพเตียงที่ไม่หลงเหลือไออุ่นอยู่เลย ผมก็ขอเดาว่าฮานคงลุกไปนานมากแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ แต่ช่างเถอะ ยังไงเสียฮานก็มักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ผมไม่งอนเขาเพราะเรื่องนี้แน่นอน งานที่เข้ามาไม่เป็นเวลาทำให้เขาต้องเสียพลังกายพลังใจไปมาก จะให้ผมมาเป็นตัวบั่นทอนจิตใจของเขาอีกคนก็คงไม่ได้


ใช่แล้ว ผมต้องรับบทเป็นคู่ชีวิตที่ดีล่ะ


ผมบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วเริ่มกิจวัตรที่ควรจะเป็น แม้จะยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่เล็กน้อย...


ทันใดนั้นสายตาของผมก็พลันหันไปเห็นภาพสะท้อนของตัวเองที่เปลือยเปล่าอยู่หน้ากระจกตู้เสื้อผ้า


อา คงเรียกว่าเล็กน้อยไม่ได้แล้วล่ะ


เอาเป็นว่า แม้ว่าฮานจะไม่มีการสะกดคำว่ายั้งมือให้ผมเลยสักนิด แต่ผมก็ยังอยากเป็นคู่ชีวิตที่ดีที่เตรียมทำอาหารรอให้คู่ของตัวเองได้กลับมากินอย่างมีความสุขอยู่ดี ถึงผมจะทำอาหารได้ไม่อร่อยเท่าฮานก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็พอจะกินได้อยู่นะ


ผมคว้าเสื้อผ้าที่ฮานพับเตรียมไว้ให้บนเก้าอี้ปลายเตียงมาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะออกไปจัดการรื้อค้นตู้เย็นออกมาจนเคาน์เตอร์ครัวที่เคยสะอาดเรียบร้อยเมื่อหนึ่งนาทีก่อนดูรกรุงรังขึ้นมาถนัดตา


ในตอนแรกผมอยากจะทำอะไรที่เอาง่ายเข้าว่าเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะกินได้หรือกินไม่ได้ แต่พอคิดอีกที ถ้าได้กลับมากินของที่ชอบหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ น่าจะเป็นอะไรที่ช่วยเสริมพลังใจได้มากกว่า สุดท้ายตัวเลือกอาหารจึงมาจบที่ของโปรดของฮานอย่างข้าวราดแกงกะหรี่จนได้


แม้ว่าผมจะทำอาหารไม่เก่งนักและทำวนๆ อยู่ได้แค่ไม่กี่อย่าง แต่เรื่องกะหรี่นี่ขอให้บอก ตั้งแต่รู้ว่าฮานชอบกิน ผมก็ตั้งใจเรียนทำแกงกะหรี่มาตลอด แม้กระทั่งเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างการใส่ช็อกโกแลตลงไปก็ตั้งใจศึกษามาทั้งหมดแค่เพราะอยากให้ฮานกินเข้าไปแล้วดีใจ


ในบางครั้งถ้ามีเวลามากพอ ผมก็จะนั่งแกะรูปร่างน่ารักๆ ลงบนแครอทและมันฝรั่งด้วย น่าเสียดายที่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาเหลือพอให้ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว


ไว้พรุ่งนี้จัดข้าวกล่องแบบญี่ปุ่นให้ฮานพกไปที่ทำงานดีกว่า


อา ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้มีโอกาสเป็นคู่ชีวิตของฮานเข้าจริงๆ รู้จักกันมาสิบเจ็ดปี แอบชอบเขามาอีกตั้งสามปี จนตอนนี้ก็แต่งงานได้หนึ่งเดือนแล้ว เขินจังเลย ทั้งเขินทั้งดีใจจนไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง


แต่ถ้าเรื่องจริงนี้หายไปสักวันนึง ผมคงแย่แน่ๆ


นั่นสิ ถ้าวันหนึ่งฮานหายไป ผมต้องแย่แน่ๆ


พอคิดแบบนั้น คำพูดของคนหลายคนก่อนหน้าก็พลันแว็บเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งคำพูดของพ่อฮาน ทั้งคำพูดของพี่ชาย ไหนจะคำพูดของอาจารย์กับคุณพ่อบ้านอัลเฟรดอีก ทุกคนเหมือนกำลังมองเห็นภาพอะไรสักอย่างที่ผมกับฮานไม่สามารถมองเห็นได้อย่างไรอย่างนั้นเลย


หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรู้สึกที่รุนแรงเกินไป’ กันนะ


อา ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เลยน้า


ผมครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ ในหัวพลางจัดการเคี่ยวแกงกะหรี่ตรงหน้า


พอคิดถึงเรื่องความรักที่รุนแรงจนเกินไปขึ้นมาแล้วก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าขาดฮานไปผมคงตายแน่ ฮานเองก็คงไม่ต่างกัน แล้วทำไมอีกคู่เขาถึงสามารถอยู่ต่อไปได้กันล่ะ


ทำไมคุณลุงของฮานกับคุณครูของผมถึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยไม่มีอีกคนคอยเคียงข้างได้กันล่ะ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็คลุ้มคลั่งขนาดนั้นแท้ๆ


ผมจ้องมองฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาในแกงกะหรี่ที่กำลังเดือดปุดๆ


ผมไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากคุณลุงของฮานเพียงฝ่ายเดียว ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ไม่พยายามหนีหรืออะไรทำนองนั้น แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลต่างหาก


ถ้าผมจำไม่ผิด จากที่ฮานเคยเล่า เหมือนว่าอาจารย์ของผมไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายอะไรนอกเหนือจากที่รัฐตั้งไว้ในระดับพื้นฐานเลย ซึ่งถ้าคิดกันตามจริงแล้ว ถ้าอาจารย์ไม่ได้รักคุณลุงของฮานหรือรักไม่มากพอ อย่างไรเสียก็คงขยาดและเกลียดแค้นกับการโดนกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่แล้ว ต่อให้ตั้งทนายมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจนยับเยินก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร


การที่เขาไม่ต้องการอะไรเลยนั่นต่างหากที่แปลก


ถ้าให้ผมเดา ผมว่าอาจารย์ของผมเองก็คงมีความรู้สึกคลุ้มคลั่งไม่ต่างจากคุณลุงของฮานสักเท่าไหร่


งั้นทำไมกันล่ะ ทำไมพวกเขาถึงอดทนอยู่ห่างกันได้มาตั้งนานขนาดนี้


ไม่ไหว ผมอดทนต่อความสงสัยใคร่รู้ไม่ค่อยจะเก่งด้วยสิ


นิ้วของผมจิ้มปุ่มปิดเตาไฟฟ้าตรงหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่มืออีกข้างจะเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา


ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าผมจะเคยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์เอาไว้ในเครื่องนี่นา...


อา นี่ไง


[อาจารย์โยนาส โรงเรียนมัธยมปลายโอเซน]


บางที นี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้ผมคลายความแคลงใจทั้งหมดลงก็ได้


พอคิดได้แบบนั้น นิ้วของผมก็กดปุ่มโทรออกลงไปโดยไม่ลงเล







***************************************************************************






ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
น้องงงงง

อย่าคิดมาก อย่าคิดเยอะ จนกระทบกับลูกหนาาาาาาา


เป็นห่วงงงง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
เข้าใจถึงความกังวล เป็นเราก็คงจะกังวลเหมือนกัน

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เริ่มเข้มข้น  :z13:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ต้องกังวลไหมเนี่ย..ยยยยย   :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
กลัวรู้แล้วจะคิดมาก  :hao5:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
หู้ยยยยๆๆๆๆ ฮานเตรียมรังให้คุณตัวเล็กคือน่ารักมากกกกกกก ฮานผู้อบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์  :-[
คุณตัวเล็กก็ยั่วเล็กๆ น่ารักๆ  :o8:

เรื่องอาจารย์ของเอลกับคุณลุงของฮาน นี่อยากรู้เบื้องลึกมากๆๆๆ  รอลุ้นสุดดดด :hao5:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
รู้แเรื่องอาจารย์แล้วจะคิดมากรึเปล่านะ คนท้องอารมณ์อ่อนไหวด้วยซิ

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น



Nostalgia





เสียงเพลงจากวิทยุที่ดังคลอไปกับเสียงหึ่งๆ ของเครื่องยนต์ ชวนให้ตาของปรือลงได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่เป็นเพลงสนุกสนานร่าเริงแท้ๆ แถมเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนดึกด้วย ไม่รู้ทำไมถึงได้ง่วงขนาดนี้


ผมทิ้งแผ่นหลังฝังตัวลงกับเบาะโดยสารมากขึ้นกว่าเก่าพลางหลับตาลงช้าๆ


ไม่ไหว ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว


“ถ้าง่วง เอลหลับไปก่อนก็ได้นะครับ ไว้ถึงบ้านแล้วผมจะปลุกอีกที”


แม้ใจอยากจะบอกไปว่า ‘ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะนั่งเป็นเพื่อนฮานไปอย่างนี้จนถึงที่หมายเอง’ แต่พอเอาเข้าจริง ผมกลับไม่สามารถต่อสู้กับความง่วนงุนที่ถาโถมเข้ามาได้เลย สุดท้ายก็เลยจบลงที่การพยักหน้าหงึกหงักอย่างจำยอมต่อความอ่อนเพลียแล้วก็ผล็อยหลับไปในที่สุด


ในห้วงความฝัน...เอ ผมจะเรียกมันว่าความฝันได้ไหมนะ ในเมื่อสิ่งที่ผมกำลังรับรู้อยู่ตอนนี้เห็นจะเป็นสิ่งที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างความทรงจำกับความฝันมากกว่า ในพื้นที่ว่างสีดำแสนมืดมิดค่อยๆ ปรากฏรูปร่างของความทรงจำขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย


ตัวผมในห้วงคำนึงกำลังพูดคุยกับฮานบนโต๊ะอาหารด้วยท่าทีร่าเริง ฮานกินข้าวราดแกงกะหรี่ที่ผมตั้งใจทำให้ด้วยสีหน้ามีความสุข ผมเองก็ช่างสรรหาเรื่องราวมาพูดคุยกับเขาได้ไม่รู้จบ สุดท้ายบทสนทนาการเดินทางมาถึงหัวข้อเรื่องการกลับไปเยี่ยมบ้านของผม พวกเรากุมมือกันและยิ้มให้กันอย่างอ่อนโยน


แล้วภาพนั้นก็ค่อยๆ หายไปก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความทรงจำบางอย่างที่เก่ากว่า


ฮานนั่นเอง เป็นฮานที่เพิ่งกลับมาจากทำงานพร้อมกับถุงขนมหวานในมือ ใบหน้าของเขาอ่อนโยนและร่าเริงเหมือนอย่างทุกๆ วัน เขาดึงผมเข้าไปกอดแล้วจากนั้นก็หอมแก้มพร้อมกับพูดว่า ‘กลับมาแล้วครับ’ ตัวผมในภาพฝันนั้นหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบกลับไปว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ’ ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเหลือเกิน ผมรักฮานของผมจัง


อา ดูสิ ภาพเปลี่ยนไปอีกแล้ว


คราวนี้ผมเห็นตัวเอง แค่ตัวผมเองคนเดียวกำลังยืนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่หน้าเตาทำอาหาร ถ้าให้เดาคงเป็นตัวผมที่กำลังเครียดว่าจะสามารถทำอาหารออกมาได้ดีไหมแน่ๆ และถ้าให้เดามากไปกว่านั้น ผมว่าตัวผมในห้วงความคิดนี้คงกำลังทำอาหารให้ฮานอยู่แน่ๆ


ก็แหม ปกติผมไม่ค่อยเครียดเรื่องทำอาหารนี่นา


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ตัวผมในภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้แต่กลับมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่จนแล้วจนรอด ผม...ตัวผมที่ผมกำลังมองดูอยู่นี้ก็ตัดสินใจปิดเตาแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะโทรศัพท์ออกไปหาใครสักคนแล้วก็...


‘อือ ได้สิ ช่วงนี้ครูอยู่บ้านทั้งวันอยู่แล้วล่ะ’


เอ๊ะ เสียงนี้ ประโยคนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ


‘อืม แล้วเจอกันนะ ยังจำทางมาบ้านครูได้อยู่ใช่ไหม’


เหมือนว่าจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ มากเกินกว่าจะเป็นแค่ความฝันเลยนะ


‘อือ แล้วเจอกันนะ เอมา’


คนที่เรียกผมด้วยชื่อ ‘เอมา’ แทนที่จะเป็น ‘เอล’ เหมือนอย่างคนอื่นๆ น่ะเหรอ เท่าที่จำได้เหมือนจะมีอยู่แค่คนเดียวน่ะนะ


แล้วผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความง่วงที่ลาจากหายไปราวกับปลิดทิ้ง


จริงด้วย การกลับบ้านครั้งนี้...มีบางอย่างที่สำคัญรออยู่นี่นา


“ตื่นแล้วเหรอครับ เพิ่งนอนไปนิดเดียวเอง”


คำเอ่ยทักจากคนที่กำลังขับรถอยู่ทำให้ผมอดกวาดสายตามองวิวทิวทัศน์ด้านนอกห้องโดยสารไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าก่อนที่ผมจะหลับไป พวกเราเพิ่งจะออกจากเขตเมืองหลวงมาได้หน่อยเดียวเท่านั้นเอง แต่ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้กลับเป็นภูเขาน้อยใหญ่วางสลับซ้อนกันไปมาที่ถูกปกคลุมด้วยผืนป่าเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา สภาพแวดล้อมแบบนี้ ต่อให้ควานหาทั่วลินเดียก็ไม่มีวันเจอได้ที่ไหนนอกจาก...


“นิดเดียวที่ไหนกันล่ะครับฮาน นี่เราเข้าเขตโอเซนกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันไปมองเขาแล้วแกล้งบุ้ยปากใส่ “อย่ามาหลอกกันเสียให้ยากเลยนะครับ คน ขี้ แกล้ง”


แล้วคนฟังก็หัวเราะ หัวเราะร่วนขึ้นมาทันที่ผมจะทันพูดจบประโยค


“อะไรกันล่ะครับ ผมพูดความจริงนะ” เขาว่าพลางหมุนพวงมาลัยในมือ “ก็ปกติเอลจะหลับตั้งแต่สิบโมงเช้าตื่นอีกทีก็หกโมงเย็นเลยนี่นา แต่เมื่อกี้นี้เอลหลับไปสามชั่วโมงเอง เทียบกันแล้ว ยังไงก็ถือว่าน้อยนะครับ คุณ ตัว เล็ก”


อา ดูสิๆ ฮานเขาแกล้งเน้นคำเหมือนผมด้วย แกล้งกันชัดๆ เลยนี่นา


ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่รู้ทำไมในใจมันถึงร้อนรุ่มขึ้นมาพิกล


ไม่ชอบ ไม่ชอบตัวเองในตอนนี้เลย


ผมกระชับหมอนนุ่มในอ้อมแขน


“ขี้แกล้ง” ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่าเสียงของตัวเองจะสั่นขึ้นเรื่อยๆ “ฮานขี้แกล้ง ขี้แกล้ง ขี้แกล้งที่สุดเลย”


แม้จะไม่ได้หันหน้าไปสบตาแต่ผมก็พอจะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายหันมามองผมแว็บนึง


อะไรเล่า ถ้าจะแค่มองแต่ไม่ปลอบใจล่ะก็นะ...เอ๊ะ


ทันใดนั้นผมก็พลันรู้สึกถึงฟีโรโมนเข้มข้นของฮานที่จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจนคละคลุ้งไปทั่วทั้งรถ กลิ่นมะลิหอมเย็นเจืออยู่
ในทุกอณูของอากาศจนรู้สึกเหมือนมีต่อมกลิ่นของเขาจ่ออยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น ในตอนแรกผมก็อยากจะหันไปถามคนขับรถที่ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรออกมาอยู่หรอกว่าทำไมถึงปล่อยฟีโรโมนแบบไม่มีสาเหตุ แต่พอรู้สึกว่าใจของตัวเองสงบลงมากเมื่อสูดดมกลิ่นของอีกฝ่ายเข้าไป ผมเองก็พอเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน


ผมผ่อนแรงที่กอดรัดหมอนลงเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนมือขวาไปลูบบริเวณหน้าท้องเบาๆ


“ขอโทษนะครับฮาน” เสียงของผมอ้อมแอ้ม “เอลกลายเป็นคุณพ่ออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไปซะแล้วล่ะ”


เขาหัวเราะ “ขอโทษอะไรกันครับ ไม่เห็นอะไรให้ต้องขอโทษเลย เรื่องธรรมชาติน่ะครับ อาการไม่มั่นคงทางอารมณ์ระหว่างตั้งครรภ์ของโอเมก้าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถ้าเอลได้ซึมซับฟีโรโมนผมมากพอ อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองเองล่ะครับ ไม่ต้องกังวลไปนะ”


น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นชวนให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ


อา ดีจังเลยที่มีฮานอยู่ใกล้ๆ แบบนี้


“จากนี้ ถ้ารู้สึกวุ่นวายใจเมื่อไหร่ก็ตรงดิ่งมาหาผมได้เลยนะครับ” เขาพูดพลางยกยิ้มกว้าง “อยากจะกระโดดเข้ามาในอ้อมกอดหรือกระโดดขึ้นขี่หลังก็ได้ทั้งนั้นเลยนะครับ”


ฮานเนี่ยน้า


“ถ้าให้ผมขึ้นขี่หลัง เดี๋ยวหลังก็เดาะหรอกครับ” ผมแซวเขากลับ “อายุจะสามสิบแล้วด้วยน้า”


“เดี๋ยวเถอะครับ ผมแก่กว่าเอลแค่สี่ปีเองนะ จะเรียกว่าเข้าใกล้สามสิบก็ไม่ถูกนะครับ”


เห ฮานยังอ่อนไหวเรื่องอายุเหมือนอย่างทุกทีเลยน้า ผมนึกว่าเขาจะเลิกกังวลเรื่องตัวเลขพวกนั้นแล้วเสียอีก
ผมหัวเราะพลางมองหน้าเขาด้วยแววตามีความสุข ใจก็อยากจะแกล้งมากกว่านี้สักหน่อยอยู่หรอกนะ แต่ก็...ไม่เอาดีกว่า ถือเสียว่าให้รางวัลที่เป็นคุณพ่อที่ดีล่ะนะ


“ครับๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้” ผมก้มลงไปจูบมือขวาที่จับเกียร์ของเขาเบาๆ “คุณพ่อคนเก่ง”


แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


หัวเราะออกมาในจังหวะเดียวกับที่หางตาผมเหลือบไปเห็นป้ายเก่าเลือนที่ไม่ได้เห็นมาเสียหลายปี


[ยินดีต้อนรับสู่เมืองโอเซน รัฐโอเซน เขตปกครองที่ยี่สิบแห่งประเทศลินเดีย]









ก่อนหน้าที่จะกลับมาบ้าน ผมเองก็เตรียมใจที่จะรับมือกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นไว้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้น่ะนะ...


“เอล มาให้แม่กอดหน่อยสิลูก โอ๊ย หายไปไหนมาตั้งปีกว่า ไม่กลับบ้านเลย แม่คิดถึงจะแย่แล้วรู้ไหม”


“ไม่ใช่แค่แม่นะ พ่อด้วยๆ”


“อา พ่อครับ แม่ครับ ใจเย็นสิครับ”


แม่ที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวกับเสื้อแขนกุดคุ้นตาไม่ต่างจากเมื่อก่อนวิ่งโผเข้ามากอดผมเต็มแรง นัยน์ตากลมโตคู่สวยมีน้ำตาคลอปริ่มๆ คล้ายจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ ในขณะที่ทางพ่อเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ เบต้าวัยกลางคนที่...เอ่อ... ผมก็ไม่อยากพูดนักหรอก แต่พ่อน่ะ ผมหายไปแล้วครึ่งนึงเพราะฉะนั้นทรงผมตอนนี้ของพ่อมันก็เลยดูประหลาดอยู่สักหน่อย แบบว่า เอ่อ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าพ่อเองก็ไม่ยอมแพ้และเข้ามานัวเนียผมแข่งกับแม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะออกปากห้ามแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมทิ้งไพ่ตายที่ตั้งใจจะบอกตอนกินข้าวเย็นออกไปก่อนจนได้


“พ่อกับแม่อย่ากอดแรงสิครับ เอลท้องอยู่น้า”


“เอ๊ะ!/เห!”


อา นั่นไงๆ เป็นไปตามคาดเลย เสียงอุทานด้วยความตกใจที่ถูกเปล่งออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกันประกอบกับหน้าตาแตกตื่นตกใจราวกับเห็นผีของพ่อกับแม่ทำเอาผมเริ่มเลิ่กลั่กจนต้องหารีบตัวช่วยพัลวัน


และในจังหวะที่ผมหันไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากฮานนั้นเอง ผมก็ดันได้เห็นคนที่ไม่ควรเห็นที่สุดยืนวางมือบนไล่ฮานด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับสนิทกันมาแล้วสิบชาติอย่างไรอย่างนั้น


ชายหนุ่มวัยสามสิบที่มีสีผมกับสีตาเหมือนกับผมเป๊ะราวกับถอดแบบกันออกมาติดแค่ว่าส่วนสูงนำผมไปหลายนิ้วกำลังยืนยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าแววตาร่าเริงที่สุดเท่าที่มนุษย์คนนึงจะมีได้ คนอื่นอาจจะบอกว่าเขาน่าคบหา แต่สำหรับผมแล้ว ยังไงเสียนี่ก็เรียกว่าประหลาดชัดๆ


“โย่” คนๆ นั้นเอ่ยทักทายผมด้วยรอยยิ้มที่ดูอารมณ์ดีผิดมนุษย์ปกติเหมือนอย่างทุกที “กะแล้วล่ะน้าว่าต้องเป็นแบบนี้ คุ้มค่าที่ยอมลางานมาจริงๆ ด้วยสิ”


ให้ตายซี่ คนๆ นี้


“พี่เอามือลงจากไหล่ฮานเลยนะ” ผมสลัดตัวออกจากการเกาะกุมของพ่อแม่ด้วยความนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะเดินจ้ำเข้าไปหาคนที่ยืนทำหน้าตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ข้างๆ คู่ชีวิตของผม “เอามือไปวางแบบนั้น สนิทกับเขารึไง”


คนถูกถาม...พี่ชายของผม หัวเราะร่วน “ถามอะไรแบบนั้นเล่า” แล้วเขาก็หันขวับไปมองฮานที่ยืนยิ้มแหยะๆ ด้วยท่าทางร่าเริง “เป็นคุณน้องเขยทั้งที แถมยังเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน จะไม่สนิทได้ไงล่ะ”


คราวนี้เขาหันกลับมามองผม “เนอะ”


อา นี่ไง ถึงได้บอกไงล่ะว่าพี่ชายของผมมันน่าโมโหชะมัดเลย


“เจอกันแค่นั้นน่ะเรียกสนิทไม่ได้หรอกนะ” ผมว่าพลางเข้าไปแทรกเบียดให้เขาออกห่างจากฮานแบบเนียนๆ “เรียกว่าไม่รู้จักกันเลยยังเข้าท่ากว่า”


พี่ชายของผม...มิกเกลแสร้งทำหน้าตกใจ “เห ใจร้ายจังเลยน้า” เขาว่าพลางเดินด้วยท่าทีสบายๆ ไปหาพ่อกับแม่ “ทั้งที่ตัวเองก็เหมือนกันแท้ๆ”


เอ๊ะ


ผมสบตามิกเกลด้วยแววตากึ่งหงุดหงิดกึ่งสับสน ผมไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เข้าใจว่าเขาต้องการหมายความอย่างงั้นจริงๆ หรือเปล่า พี่ชายผมมักเป็นแบบนี้เสมอ เขาชอบพูดอะไรกำกวมด้วยท่าทีร่าเริง ไม่ทุกข์ไม่ร้อนจนบางครั้งก็ชวนสับสนว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่แกล้งเล่น


อา น่าหงุดหงิดใจจริงๆ น้า


ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้อะไรออกไป จู่ๆ ก็เหมือนเจ้าตัวจะเปลี่ยนเรื่องไปเองเสียอย่างนั้น


“เป็นโอเมก้า อัลฟ่านี่ก็ลำบากเหมือนกันน้า ต้องจับคู่ ต้องตั้งท้อง ทำอะไรตั้งเยอะแยะมากมายเลยเนอะพ่อเนอะ เนอะแม่เนอะ” พี่ชายของผมว่าพลางบีบไหล่พ่อกับแม่เบาๆ “ปล่อยให้คนท้องยืนหิวนานๆ คงไม่ดี ยังไงเสียพวกเราเข้าไปกินข้าวกันน่าจะดีกว่านะครับ”


“อือ นั่นสิเนอะ”


“พ่อเห็นด้วยนะ พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ”


แล้วก็เป็นอีกครั้งที่พี่ชายของผมสามารถครอบงำพ่อกับแม่ได้โดยสมบูรณ์ ถึงจะไม่อยากยอมรับและอยากจะโต้เถียงออกไปว่า ที่เขาทำสำเร็จเพราะพ่อกับแม่อยู่ในสภาวะไม่มั่นคงทางอารมณ์อยู่ก็เถอะ แต่ก็นะ..


“อ้าวคุณน้องเขย จะยืนตากลมอยู่ข้างนอกทำไมกันล่ะ มาๆ เข้าบ้านกัน เราด้วยเอล รีบๆ เข้าบ้านมา เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”


ยังไงเสียก็ต้องยอมรับว่าพี่ผมเป็นหนึ่งในบุคลากรชั้นนำด้านการสร้างบรรยากาศให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองอยากให้เป็น ท่าทางเป็นมิตร รอยยิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายร่าเริงนั่น ทุกอย่างล้วนเป็นการแสดง น่าแปลกที่มีแค่ผมคนเดียวที่ดูออก


คงเพราะเหมือนกันเกินไปล่ะมั้ง ผมกับพี่น่ะ


ทุกคนถูกมิกเกลต้อนเข้าไปในบ้านอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้แต่ฮานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น กว่าจะรู้ตัวอีกที พื้นที่ด้านหน้าบ้านก็เหลือแค่เพียงผมกับเขาเสียแล้ว


อา มาแนวนี้คงมีอะไรอยากจะพูดแหงเลย


“พี่อยากพูดอะไรก็ว่ามาเถอะ ผมหิวแล้วนะ”


เขาหันมามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนอย่างทุกที “นั่นสินะ เดินทางมาไกล คงเหนื่อยน่าดูเลย” แล้วรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ หุบลง “งั้นฉันจะขอพูดให้สั้นและกระชับเลยก็แล้วกัน”


ใบหน้าที่มักจะถูกประดับด้วยรอยยิ้มปรากฏร่องรอยของความหงุดหงิดปนเย็นชาออกมาอย่างชัดเจน


“ถอนพันธะซะ”


“ฝันเถอะ”


ผมสวนกลับไปแทบจะทันทีโดยไม่ต้องคิด “ให้ตายสิ ทำไมทุกคนต้องเอาแต่พูดอะไรซ้ำๆ กันด้วยนะ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งคุณลุงของฮาน ทั้งพี่ ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ผมกับฮานทำพันธะกันแล้วนะ เพราะฉะนั้นเรื่องคู่แห่งโชคชะตานั่นน่ะ....”


“กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้”


เอ๊ะ


ประโยคที่สวนขึ้นมาฉับพลันทำเอาผมชะงัก


กะแล้ว...งั้นเหรอ


“แบบว่า...ยังไงดีล่ะ ฉันก็คิดเอาไว้คร่าวๆ แล้วล่ะว่าความสัมพันธ์ของพวกนาย ถ้าจะไปกันได้สวยก็คงต้องออกมาในรูปแบบประมาณนี้นี่ล่ะนะ”


“รูปแบบ...ประมาณนี้เหรอ...”


อีกคนหันมามองผมที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะเปลี่ยนท่าทีของตัวเองจากขึงขังเย็นชากลายเป็นหัวเราะร่วนออกมาอย่างฉับพลัน


พี่ชายผมนี่...ไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์เร็วไปใช่ไหม...


“ก็แบบว่า ฮานน่ะ ถึงจะเป็นรุ่นน้องที่อ่อนกว่าหลายปี แต่ก็เคยมีโอกาสร่วมทำงานกันหลายครั้งอยู่ล่ะนะ” มิกเกลฉีกยิ้มกว้าง “หมอนั่นน่ะเป็นพวกไม่มั่นใจในตัวเองอย่างร้ายกาจ เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามวางแผนทุกอย่างอย่างรอบคอบแล้วไล่ต้อนให้ทุกคนเข้าไปเดินในเส้นทางนั้น ไม่ใช่เพราะเป็นคนโหดร้ายหรือจิตไม่ปกติอะไรหรอก แต่เพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถรั้งอะไรเอาไว้ได้ ก็เลยกลายเป็นพวกชอบควบคุมคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนนายน่ะ...”


นิ้วชี้เรียวสวยที่ยาวกว่านิ้วชี้ของผมเกือบสองเซนต์ชี้ตรงมาที่ผมอย่างหมายมาด


“เป็นคนโง่และบ้าบิ่นอย่างที่ฉันเองก็คิดไม่ถึงเลย นี่สินะ คุณสมบัติคนบ้า”


“คำพูดนั้นมันอะไรกันน่ะ...”


“ไม่ได้สบประมาทนะ” เขาว่าด้วยท่าทีสบายๆ “ชมต่างหากล่ะ ชมอยู่นะ”


มือใหญ่ทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ใบหน้าที่เหมือนกับผมเชิดขึ้นเล็กน้อย


“นี่ไอ้น้องชาย รู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองโคตรจะเหลือเชื่อเลย สำหรับฮาน ถึงแม้จะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่คนทั่วไปถ้าโดนควบคุมและไล่ต้อนขนาดนั้น ยังไงซะก็ต้องเอะใจแล้วก็พยายามหนีออกมาแล้ว แต่นายน่ะ...” เขาทอดเสียงก่อนจะแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ “แหกกฎทุกข้อของคนธรรมดาจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่ผิดปกติน่ะ มันหมอนั่นหรือนายกันแน่ล่ะน้า”


แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง


“เอาน้าๆ ฉันก็พูดไปเรื่อยนั่นล่ะ เอาเป็นว่า สิ่งเดียวที่ฉันอยากจะพูดคือหมอนั่นน่ะ กำลังพยายามควบคุมนายให้ไปตามทิศทางที่เขาอยากให้เป็นอยู่ ไม่ใช่เพราะเป็นคนมีปัญหาทางจิตเรื่องความหึงหวง คลั่งไคล้หรืออะไรแบบนั้น แต่เป็นเพราะความไม่มั่นใจในตัวเองมากๆ ต่างหาก”


จู่ๆ มิกเกลก็เงียบลงแล้วสบลึกเข้ามาในดวงตาของผมด้วยแววตาที่จริงจังมากขึ้น


“แต่จำไว้นะเอล ปัญหาของฮานน่ะ ไม่ใช่แค่ความไม่มั่นใจในตัวเองแบบเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นหวาดกลัวที่จะตัดสินใจหรือคุมสติไม่ได้เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนหรืออะไรตื้นเขินทำนองนั้นหรอกนะ ความหวาดกลัวของเจ้านั่นล้ำลึกกว่าที่นายคิดมาก ลึกและรุนแรงมากพอจะหล่อหลอมให้เขาสามารถเฉิดฉายได้อย่างมั่นใจ”


ความไม่มั่นใจที่ทำให้สามารถสร้างภาพลักษณ์ของคนมั่นใจขึ้นมาได้อย่างงั้นเหรอ...


“เพราะไม่มั่นใจมากๆ จึงต้องพยายามให้มากกว่าเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง ถ้าเป็นคนปกติคงทำไม่ได้ แต่เพราะเขาเป็นอัลฟ่า เป็นคนเก่งและฉลาด การจะก้าวข้ามมาจนถึงจุดๆ นี้ได้ก็คงไม่แปลก” แล้วพี่ชายของผมก็เงียบไปอึดใจ “เพราะกลัวจะสูญเสียเลยต้องควบคุม เพราะกลัวว่าสุดท้ายจะไม่เหลือใครจึงต้องผูกมัด เรื่องแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วยิ่งเป็นกรณีของฮานที่เกิดมาก็ไม่มีครอบครัวเลยแม้แต่คนเดียวด้วยแล้ว จะให้มารู้สึกมั่นคงปลอดภัยกับอะไรก็คงจะยาก จะว่าไป พ่อบุญธรรมของเขาเองก็เคยมีประวัติกับเรื่องทำนองนี้อยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”


พี่ชายผมเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “บางทีที่เขาพูดกันว่าตระกูลเจเล็ตใหญ่เกินไปจนไม่สามารถดูแลกันได้ทั่วถึงนี่น่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ”


แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ภวังค์ความเงียบไร้ที่สิ้นสุด ทั้งผม ทั้งพี่ ต่างคนต่างเงียบไปราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นปิดปากเอาไว้ ไม่หรอก ถ้าจะพูดให้ถูกคงมีแต่ผมที่พูดไม่ออกมากกว่า สำหรับพี่แล้วน่ะ ที่เงียบไปก็แค่เพราะอยากจะปล่อยช่องว่างให้ผมได้คิดพิจารณาหลายๆ อย่างก็เท่านั้น เขาเป็นคนแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา


ว่าแต่ เรื่องที่พี่พูดเมื่อกี้นี้น่ะ ผมควรทำยังไงดีนะ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยฮานได้บ้างไหม


“เพราะฉะนั้นน่ะเอล ตอนนี้น่ะ นายเหลือทางเลือกอยู่แค่สามทางแล้ว อ๊ะ ไม่สิ สำหรับนายน่าจะแค่สองมากกว่า”


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดหาข้อสรุปให้ตัวเอง จู่ๆ คนที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าติดทะเล้นเหมือนปกติเสียจนผมอดเงยหน้าขึ้นสบตาเขาไม่ได้


พี่ชายผม...มิกเกลน่ะ กำลัง...ยิ้มล่ะ


เป็นรอยยิ้มขี้เล่นเป็นกันเองเหมือนอย่างทุกที จะติดก็แค่ว่าดวงตาของเขา...นัยน์ตาของเขามันส่องประกายพึงพอใจออกมาอย่างชัดเจนเสียจนผมเองยังรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ


“หนึ่งคือยอมเล่นตามเกมแล้วเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ในกรงทองให้คุณชายฮาร์วี่ เจเล็ตเลี้ยงดูไปจนตายซะ ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างสวยงามเหมือนภาพฝัน แค่ทำตามที่เขาบอกทุกอย่างก็พอ”


ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น


ไม่อยากเชื่อเลย ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมจู่ๆ พี่เขาถึงได้ดูมีความสุขขนาดนี้กันล่ะ


“สองคือพยายามทำยังไงก็ได้ให้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกนาย...ความสัมพันธ์ของนายกับเขาคือสิ่งที่เขาสามารถเชื่อถือได้ สามารถมั่นใจได้ การต่อสู้กับความไม่มั่นใจของคนนั้นยากลำบาก แต่ถ้าทำสำเร็จ พวกนายก็จะได้เป็นคู่ชีวิตกันอย่างแท้จริง จะสามารถร่วมกันขีดเส้นชะตาของตัวเองได้”


ในขณะที่ผมกำลังสับสน คนตรงหน้าผมก็พลันหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นมาตรงหน้าผม สิ่งที่อยู่ในมือใหญ่มีลักษณะเหมือนจี้รูปกุญแจห้อยคอธรรมดาทั่วไป แต่บางอย่าง มีบางอย่างที่บอกผมว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา


“และนี่คือทางเลือกที่สาม แต่ฉันก็ไม่คิดว่านายจะเลือกหรอกนะ”


มิกเกลหัวเราะด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง


“นี่เป็นกุญแจที่จิตแพทย์เรียกกันว่ากุญแจครอบจักรวาล มันสามารถใช้ไขกุญแจมือหรือปลอกล่ามเท้าได้ทุกแบบทุกขนาด ทุกประเภทวัสดุเท่าที่มีขายในลินเดียตอนนี้”


เขายัดมันใส่มือของผมโดยไม่ถามความเห็น “ปกติโรงพยาบาลจิตเวทของประเทศเราก็มักจะใช้อุปกรณ์พวกนี้ในการตรึงรัดให้ผู้ป่วยอาการหนักอยู่แต่บนเตียงอยู่แล้ว และปกติ คนทั่วไปก็ไม่สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์เฉพาะทางพวกนี้ได้ เพราะฉะนั้น....” มิกเกลยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า “ถ้าเกิดว่านายจะโดนทำอะไรเข้าสักวันจริงๆ อุปกรณ์ที่ใช้ก็คงไม่หนีกันมากเพราะเขาเองก็อยู่ในแวดวงเดียวกับฉัน ถึงเวลาเจ้ากุญแจนี่อาจจะมีประโยชน์”


เขาก็ตบบ่าผมเบาๆ


“แต่ช่วยจำอะไรเอาไว้อย่างนะ” แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆ “ถ้าวันไหนที่เขาตัดสินใจล่ามโซ่นายขึ้นมา นั่นหมายความว่าความไม่มั่นใจได้ครอบงำเขาเกือบสมบูรณ์แล้ว และถ้านายเลือกที่จะใช้กุญแจนี่แล้วหนีออกมา...”


น้ำเสียงของมิกเกลทั้งนิ่งทั้งสงบ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แอบซ่อนเอาไว้ในคำพูดเหล่านั้น


พี่ชายของผม...มิกเกลน่ะ...กำลังสนุก


“ความสัมพันธ์ของพวกนายก็จบลงตรงนั้นล่ะ”


แล้วเขาก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างถึงที่สุด


“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ สาบานเลยว่าฉันไม่ปล่อยให้นายตายแน่นอน ไว้ใจได้เลย ฉันเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้เป็นกระบุงเลยล่ะ”


ให้ตายสิ ทำไมพี่ชายของผมมันถึงได้น่ารังเกียจขนาดนี้นะ


แต่เอาเถอะ ถึงผมจะยังแยกไม่ค่อยออกว่าคำพูดไหนของเขาเป็นคำพูดจริง คำพูดไหนเป็นคำพูดเย้าเล่นก็เถอะ แต่ไอ้ประโยคที่บอกว่า ‘ฉันไม่ปล่อยให้นายตายหรอก ไว้ใจได้เลย’ นั่นน่ะ คงเป็นของจริงแท้แน่นอน


ผมมั่นใจอย่างนั้นนะ






****************************************************************************



ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเอลจะต้องผ่านที่สามแล้วถึงพบจุดหมายที่ทางที่สอง :mew1:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ทำไมเหมือนดราม่าจะมาอย่านะคุณตัวเล็กกำลังท้องพี่ชายคุณตัวเล็กทำไมดูแปลกๆคนที่ไม่มั่นใจคือพี่ชายคุณตัวเล็กหรือเปล่า

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ค้างหนักมาก :z3:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
อ่าาาาาาาาาาาา

ความเป็นอัลฟ่าก็กดดันประมาณนึงละนะ

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
มิกเกลมาพูดแบบนี้ เราเริ่มกลัวฮานแล้วนะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด