รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020  (อ่าน 58678 ครั้ง)

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
มันก็จะงงหน่อย ๆ  :m28:

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สู้ๆนะเอล ถ้าได้คำตอบแล้ว ก็ทำให้ฮานมั่นใจในตัวคุณตัวเล็กได้เร็วๆนะ จะได้ไม่กังวลเรื่องคู่แห่งโชคชะตาอีกต่อไป :katai3:

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น


The First Hint




ปกติแล้ว เวลานั่งรถ ไม่ว่าจะนั่งไปกับใครก็ตาม ตัวผมไม่ค่อยจะมีปัญหาเรื่องความเงียบในรถมากเท่าไหร่ สาเหตุคงเพราะผมชอบความเงียบด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะตัวผมไม่ได้รู้สึกว่าความเงียบนั้นเป็นเหตุแห่งความอึดอัดใจ ยิ่งถ้าความเงียบนั้นเป็นความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับฮานด้วยแล้ว มันยิ่งไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนขึ้นได้เลย ผมคิดและเชื่อแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งได้มาเจอเขากับคนที่ตรงกันข้ามกับผมโดยสิ้นเชิง


จะเป็นใครไปได้อีกล่ะนอกจาก ‘เขา’ นั่นล่ะ


ผมเหลือบมองคนที่ง่วนอยู่กับการแหกปากร้องเพลงมาตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนด้วยหางตาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
ในตอนแรกก่อนที่กลับมาบ้านเกิด ผมก็ตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องไปหาอาจารย์ที่นัดหมายไว้กับฮานให้ได้ ตั้งใจเอาไว้อย่างดีว่าจะไปเคลียร์ใจเรื่องทุกอย่างให้จบสิ้นกันไป แต่พอเอาเข้าจริงกลับเป็นตัวผมเองที่ไม่กล้าจะพูดว่า ‘เราไปหาคนรักของคุณพ่อฮานกันเถอะ’ ออกไป ประกอบกับคำพูดของเจ้าพี่ชายเมื่อวานทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดออกไปให้ฮานรู้ไม่ได้เข้าไปใหญ่


ผมยังไม่อยากให้เขารู้ในตอนนี้


ยังไม่ใช่ตอนนี้


พอตัดฮานออกไปแล้ว ผมก็ยิ่งจนปัญญาในการเดินทางไปหาอาจารย์ยิ่งกว่าเก่า ด้วยเพราะบ้านของเขาอยู่ค่อนข้างไกลจากบ้านของผมมาก ที่สำคัญโอเซนก็ไม่ได้มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีขนาดนั้น


เพราะแบบนั้นมันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้...


‘เอ๋ นายมาขอร้องฉันเนี่ยนะ ประหลาดใจจังแหะ’


สุดท้ายผมก็เลยต้องบากหน้าไปขอให้คนที่ไม่อยากจะขอให้ช่วยที่สุดเข้าจนได้ มิกเกลมีท่าทีร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด ผมแทบจะเดาไม่ออกอยู่แล้วว่าเขาดีใจเพราะอยากช่วยจริงๆ หรือเพราะมีอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่


แต่ช่างเถอะ เป็นมิกเกลแหละดีแล้ว...


‘เพราะกลัวจะสูญเสียเลยต้องควบคุม เพราะกลัวว่าสุดท้ายจะไม่เหลือใครจึงต้องผูกมัด เรื่องแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อยู่ไม่ใช่เหรอ’


เพราะคำพูดของมิกเกลดันไปตรงกับสิ่งที่อาจารย์เคยพูดเอาไว้เมื่อนานมาแล้วอย่างพอเหมาะพอเจาะ สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับภารกิจนี้ไปมากกว่าเขาอีกแล้ว


สุดท้ายผมก็เลยตกกะไดพลอยโจรไปกับเกมหลอกล่อพ่อแม่ของเจ้าพี่ชายตัวแสบเข้าจนได้


หลังจากอาหารค่ำเมื่อวาน มิกเกลแกล้งบอกพ่อกับแม่ให้รั้งตัวฮานไปช่วยงานอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่เหมือนพ่อกับแม่จะรู้ดีว่าพี่ชายของผมกำลังพูดถึงอะไร ราวกับเป็นความลับที่เข้าใจกันอยู่สามคนอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาพยักหน้าหงึกหงักให้กันไปมาอย่างมีความสุข และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่มิกเกลเองสามารถใช้รอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์นั้นหลอกล่อคนไปได้อย่างแนบเนียน


สุดท้าย ผมก็เลยสามารถเดินทางไปบ้านของอาจารย์ได้อย่างสบายใจ


นี่สินะ ความเก่งกาจของพี่ชายที่ต่อให้พยายามจนตายผมก็ไม่สามารถทำตามได้


ทั้งรู้สึกอิจฉาแล้วก็หมั่นไส้อย่างน่าประหลาดใจเลยจริงๆ


ผมปรายตามองคนที่นั่งร้องเพลงอย่างออกรสอีกครั้งก่อนจะแสร้งถอนหายใจให้ดังขึ้นกว่าเก่า


ถึงจะรู้สึกขอบคุณพี่ชายมากๆ ที่ยอมร่วมมือ แต่ก็นะ ยังไงพวกเราก็เข้ากันไม่ค่อยจะได้อยู่ดีนั่นล่ะ


“นี่พี่ ร้องมาจะครึ่งอัลบั้มอยู่แล้ว ไม่เบื่อรึไง”


 “เห” มิกเกลหยุดร้องเพลงพลางทำหน้าครุ่นคิด ถึงสีหน้าจะดูจริงจัง แต่นิ้วชี้ทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงเคาะพวงมาลัยรถตามจังหวะเพลงได้อย่างลื่นไหลไร้ท่าทีจะหยุด “จะเบื่อได้ยังไงล่ะในเมื่อไม่ได้ร้องเพลงเดิมสักหน่อย”


ผมเลิกคิ้ว ไอ้คำตอบแบบนี้นี่ชวนให้รู้สึกโมโหชะมัดเลย


เพราะแบบนั้นล่ะมั้งผมเลยรู้สึกอยากจะลองกวนอารมณ์เขาเป็นการเอาคืนดูสักหน่อย


“แบบนี้แปลว่าถ้าต้องฟังเพลงเดิมเพลงเดียวตลอดก็จะเบื่อสินะ”


“เห ถามยากจังเลยน้า” มิกเกลแซวผมพลางหัวเราะร่วน “ถ้าเป็นเพลงที่ชอบจริงๆ ยังไงก็ไม่เบื่อหรอก”


“จะมีเหรอ เพลงแบบนั้นน่ะ”


“นั่นสิน้า” เขาตอบรับอย่างอารมณ์ดี “แต่นายก็ไม่เคยเบื่อฮานนี่นา ใช่ไหมล่ะ”


ผมหันไปมองหน้าคนพูดพลางย่นหน้าใส่ “เอาคนกับเพลงไปเทียบกันแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่า”


“ก็ไม่เห็นจะต่างกันเลยนี่” เขาอมยิ้ม “ถ้าคนสามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกไปตามกาลเวลาได้ เพลงเองก็ทำได้เหมือนกันนะ”


เอาอีกแล้วสิ เขาเริ่มพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจอีกแล้ว


“ถ้ามนุษย์น่าสนใจเพราะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงแล้วล่ะก็ ดนตรีเองก็มีคุณสมบัติแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ เป็นต้นว่า ถ้าหากเรามีความสุขดี เวลาฟังเพลงเศร้าก็จะไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายใช่ไหมล่ะ แต่พออกหักดังเป๊าะขึ้นมา จู่ๆ เพลงเศร้าเพลงเดิมก็ดันตรงกับชีวิตของตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่คนแต่งเขาก็ไม่ได้เขียนเพลงให้เราแท้ๆ” แล้วเขาก็เงียบไปอึดใจ “ดนตรีน่ะ เป็นของแบบนั้นล่ะ เป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ของผู้ฟังอย่างอิสระเสรีเลยล่ะนะ”


“เข้าใจยากจัง”


เขาหัวเราะร่วนให้กับคำบ่นของผม “ก็นะ ไม่ได้คาดหวังให้เข้าใจอะไรหรอก ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ สิ่งที่อยากให้เข้าใจจริงๆ น่ะ...” แล้วดวงตาสวยก็พลันเหลือบมามองผม แม้เพียงแค่แวบเดียว แต่เขาก็เหลือบมามองผม จ้องมองมาที่ผมอย่างไม่คิดปิดบัง “คือเรื่องของตัวนายเองต่างหาก”


ให้ตายซี่ นึกจะพูดอะไรก็พูด อยากจะเข้าประเด็นไหนก็เข้า เอาแต่ใจจังเลยนะพี่ชายผมเนี่ย


แต่เอาเถอะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน


“บอกตามตรงนะ ต่อให้เอาเรื่องที่พี่พูดไปคิดมาทั้งคืนแล้ว ผมก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลยอยู่ดี” ผมนิ่งไปเล็กน้อย “แบบว่า...ไม่ค่อยเข้าใจว่าฮานผูกมัดผมตรงไหนน่ะ”


“เห หัวทึบกว่าที่คิดนะเนี่ย” มิกเกลว่าด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย “แล้วทำไมถึงไม่คิดแบบนั้นล่ะ”


ทำไมน่ะเหรอ...


“ก็แบบว่า...” ผมบีบมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นขึ้นอีกหน่อย “ผมน่ะ ไม่เคยมองความรักระหว่างผมกับฮานเป็นอะไรที่ลึกซึ้งอย่างที่พี่มองเลยสักนิด พวกเราก็แค่รักกันแล้วก็อยู่ด้วยกัน มันก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอ ผมไม่เห็นว่าฮานเขาจะทำอะไรที่....”


“แน่ใจเหรอ”


เอ๊ะ


“แน่ใจเหรอว่าเขาไม่ได้ผูกมัด”


ผมหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองด้วยสีหน้าฉงนใจ นัยน์ตาของมิกเกลยังคงจับจ้องตรงไปยังถนนเบื้องหน้า ไม่แม้แต่จะปรายตามองกลับมา ถึงอย่างนั้น ผมกลับสัมผัสถึงอารมณ์กดดันของเขาได้อย่างชัดเจนราวกับว่าพวกเรากำลังสบตากัน


“เรื่องที่ว่าเขาไม่ได้ผูกมัดน่ะ เขาไม่ได้ทำจริงๆ หรือเขาทำแต่นายไม่รู้ หรือ...” แล้วเขาก็ปรายตามาแวบนึงก่อนจะกลับไปมองถนนตรงหน้าตามเดิม “นายแค่พยายามจะหลอกตัวเองว่าเขาไม่ได้ทำกันแน่”


หลอกตัวเองว่าฮานไม่ได้ทำเหรอ เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง...เอ๊ะ


ภาพความทรงจำมากมายไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำที่ถูกเปิดออกมาจากก๊อก


ยากันฮีทที่ถูกจัดให้ทุกเดือน


อาหารทุกมื้อที่ถูกเตรียมให้


ตารางชีวิตที่ถูกคิดมาให้แล้วเป็นอย่างดี


ชีวิตที่มีฮานคอยดูแลอยู่รอบๆ สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าการผูกมัดงั้นเหรอ


ถ้าคนอื่นจะเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าการผูกมัดล่ะก็...


“ผมไม่นับว่าสิ่งที่ฮานทำเป็นการผูกมัดหรอกนะ”


“อาฮะ” เขาว่าพลางใช้มือทั้งสองข้างหมุนพวงมาลัยด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ “ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าคำตอบคงจะเป็นประมาณนี้”


“เอ๊ะ”


มิกเกลอมยิ้มทั้งที่นัยน์ตายังจับจ้องไปยังถนนตรงหน้านิ่ง “ก็แบบว่า ถ้านายไม่ใช่คนที่มีวิธีคิดแบบนี้ ก็คงจะกลัวแล้วก็หนีฮานไปตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ที่ไม่หนีไปก็เพราะคิดแบบนี้ไงล่ะ”


คิ้วของผมเริ่มขยับเข้าใกล้กัน “หมายความว่ายังไงกันน่ะ พูดเข้าใจยากจัง”


แล้วมิกเกลก็พลันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ไม่ไหวแฮะ ฉันคุยกับคนธรรมดาไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ ด้วย”


ใช่สิ พ่อคนฉลาด พ่อคนอัจฉริยะ ขอโทษแล้วกันนะที่ในหัวผมมีแต่ขี้เลื่อยน่ะ


“ขอโทษทีแล้วกันนะที่ผมเป็นพวกเข้าใจยากนะ” ผมว่าพลางยกมือขึ้นกอดอก อาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างรุนแรงของผมเริ่มกลับมาอีกครั้ง แม้จะไม่มากเท่าก่อนหน้านี้ แต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวผมเองมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยแท้ๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดใจขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ ทั้งที่ตอนอยู่กับฮานก็...เอ๊ะ...


ผมใช้มือทาบลงบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิก่อนจะไล้ไปบีบตามเนื้อตามตัวที่เมื่อยขบ


จริงสิ เวลามีฮานอยู่ใกล้ๆ อาการไม่สบายตัวทั้งหมดนี้มันก็เหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย


“รู้ตัวแล้วสินะเจ้าน้องชาย” คำพูดที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมต้องหันขวับไปมองใบหน้าด้านข้างของมิกเกลที่กำลังฉีกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่เหมือนเขาไม่ได้สนใจจะหันมามองผมเลยสักนิด ดวงตาสีสวยยังคงจดจ่อแน่วแน่อยู่กับการขับรถ “แบบว่า นี่ก็ถือเป็นการทดลองเล็กๆ น้อยๆ ล่ะนะ”


“ฮะ?”


เขายักไหล่ “จริงๆ จะเรียกว่าการทดลองก็คงไม่ถูกหรอก แค่เล่นสนุกน่ะ” พอพูดจบ เขาก็พลันหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันน่ะเป็นเบต้านะ ถึงจะเจ็บใจหน่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเรามันเป็นชนชั้นที่ผ่าเหล่าผ่าก่อ ไอ้สารจำพวกฟีโรโมนกลิ่นหรืออะไรแบบนั้นน่ะ ฉันรับรู้ไม่ได้หรอกนะ รวมถึงพวกอาการรัทหรือฮีทอะไรนั่นก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวมากๆ เลยด้วย แต่จากการคาดเดา ทั้งที่นายก็เพิ่งจะท้องอ่อนๆ แต่กลับสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังไม่ปรากฏอาการแพ้ท้องหรืออาการอ่อนเพลียทางกายให้เห็นสักเท่าไหร่ทั้งที่แยกกับฮานมาได้หลายชั่วโมง เรื่องแบบนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”


แล้วเขาก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม “ฟีโรโมนของอัลฟ่านั่นล่ะคือคำตอบ”


“หมายความว่ายังไงกันน่ะ” นัยน์ตาของผมจ้องมองไปยังใบหน้าของเขานิ่ง “ผมก็พอรู้อยู่หรอกนะว่าฟีโรโมนของอัลฟ่าจะช่วยให้โอเมก้าที่ตั้งครรภ์ผ่านสภาวะที่ยากลำบากไปง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นมันก็คงไม่แปลกถ้าผมที่ได้รับฟีโรโมนของฮานจะไม่...”


“นายน่ะ รู้จักสรีระของตัวเองดีแค่ไหนกันเหรอเอล”


เอ๊ะ


ใบหน้าของมิกเกลผินมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับท้องถนนอีกครั้ง “ทั้งที่เป็นโอเมก้าแท้ๆ แต่ก็ดันรู้เรื่องตัวเองน้อยมาก เรื่องแบบนั้นน่ะอย่าให้ใครรู้เชียว มันน่าอายนะ”


มันก็จริงอยู่หรอกที่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอัลฟ่า โอเมก้าอะไรนั่นเท่าไหร่ แต่ว่านะ...


“ก็จริงอยู่ที่ฟีโรโมนของอัลฟ่าจะช่วยระงับอาการไม่สบายตัวระหว่างตั้งครรภ์ของโอเมก้าได้ แต่ในกรณีปกติแล้วน่ะ...” เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย “ฟีโรโมนจะเกิดผลก็ต่อเมื่ออัลฟ่าอยู่ใกล้ๆ กับโอเมก้าเท่านั้นล่ะนะ”


เอ๊ะ


“ทีนี้นายก็คงเริ่มเอะใจแล้วใช่ไหมล่ะว่าทำไมกันน้า ตัวนายถึงยังสบายดีอยู่ได้ทั้งที่ฮานไม่ได้อยู่ใกล้ๆ”


ไม่ทันที่ผมจะรู้ตัว จู่ๆ รถยนต์โดยสารของพวกเราก็หยุดลง ผมเดาว่าในขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับบทสนทนา มิกเกลก็ถือวิสาสะตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางแล้วพาผมมายังอาคารเล็กๆ ที่ดูไปแล้วก็เหมือนจะเป็นร้านกาแฟไม่ก็ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กบริเวณริมถนน


แต่เขาจะพาผมมาที่ร้านสะดวกซื้อทำไมกันนะ...


“ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าฉันมาจอดที่นี่ทำไม แค่จะลงไปหาอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาให้นายกินระหว่างเดินทางน่ะ กว่าจะถึงบ้านอาจารย์ก็อีกไกล ปล่อยให้คนกำลังท้องหิวนานไปก็คงไม่ดี”


อา พี่ชายผมเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกทีเลยสิ แล้วผมจะหงุดหงิดเขาลงได้ยังไงกันล่ะ


“อ้าว นั่งนิ่งอยู่ทำไมกันล่ะ ปลดเข็มขัดนิรภัยได้แล้ว”


“เอ๊ะ” ผมมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ “ผมต้องลงไปด้วยเหรอ”


สิ้นเขาถามของผม คนฟังก็พลันเลิกคิ้วด้วยสีหน้ายียวน “ไม่เอาน้าเอล นายไม่คิดจะทำตัวเป็นคนท้องอุ้ยอ้ายนั่งอุดอู้อยู่กับที่ตลอดเวลาใช่ไหม” ก่อนที่ผมจะรู้ตัว มือเรียวสวยก็พลันมาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว มาแนวนี้ก็คงไม่พ้น...


“โอ๊ย เจ็บนะ!”


นิ้วที่ดีดเข้ามาที่หน้าผากเต็มแรงทำให้ผมเผลอร้องลั่นออกไป หลังจากตั้งสติได้ก็ทำได้แค่ขยับตัวออกห่างจากเขาแล้วนั่งลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ เท่านั้น บ้าจริง เขายังทำราวกับผมเป็นเด็กเล็กๆ อยู่อย่างงั้นล่ะ


“เจ็บสิดี จะได้รู้ว่าคนท้องไม่ใช่คนป่วย เลิกทำตัวเหยาะแหยะแล้วลงไปซื้อของกันได้แล้ว” น้ำเสียงนั้นช่างเผด็จการและน่าหมั่นไส้ แต่เอาเถอะ ผมรู้อยู่หรอกน่าว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร


จะยอมทำตามสักวันหนึ่งก็ได้นะ...


ในขณะที่ผมกำลังตกลงกับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ มิกเกลที่เพิ่งปลดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็พลันเอ่ยปากขึ้นมา


“อ้อ แล้วก็เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้น่ะ จะบอกให้ก็ได้นะว่าฉันสันนิษฐานเรื่องอาการของนายเอาไว้ว่ายังไง”


เอ๊ะ เดี๋ยวสิ จู่ๆ ก็กลับมาเข้าประเด็นแบบนี้เลยเหรอ แบบนี้มันไม่เปลี่ยนหัวข้อไปมามากไปหน่อยเหรอ...


“ก็อย่างที่บอกไปว่าในกรณีของคู่อื่นน่ะ ฟีโรโมนจะเกิดผลต่อโอเมก้าก็ต่อเมื่อทั้งสองอยู่ใกล้กันเท่านั้น ถ้าออกห่างจากกันเมื่อไหร่ก็จบ แต่มันก็มีอยู่คำตอบอยู่คำตอบหนึ่งที่พอจะตอบคำถามของฉันได้ เพียงแค่ฉันไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่น่ะนะ”


เขาปรายตามองผมด้วยแววตาเรียบนิ่งที่อ่านไม่ออก “ในกรณีคู่อัลฟ่าโอเมก้าทั่วไปแล้ว ฟีโรโมนจะมีผลเมื่ออยู่ในอาณาเขตที่เหมาะสม แต่มันก็มีกรณียกเว้นน่ะนะ...” แล้วประกายแห่งความพึงพอใจก็พลันปรากฏขึ้นในดวงตาที่เหมือนกับผมราวกับแกะ “สำหรับคู่ที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากันนะ”


เอ๊ะ


“ถ้าโอเมก้ากับอัลฟ่าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากันได้ทำพันธะกันแล้ว สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะแน่นแฟ้นกว่าคนทั่วไป ฟีโรโมนที่อัลฟ่าหลั่งออกมาระหว่างผูกพันธะก็จะเข้มข้นกว่ากรณีผูกพันธะปกติด้วย”


เขาหยุดพูดคล้ายต้องการปล่อยให้ผมได้มีเวลาตกผลึกข้อมูล


“ในกรณีปกติ ฟีโรโมนของอัลฟ่าจะแทรกซึมเข้าไปในตัวโอเมก้าแค่ในระดับที่พอจะให้รู้ว่าโอเมก้านี้มีเจ้าของแล้ว แต่ในกรณีที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากัน ฟีโรโมนของอัลฟ่านั้นจะเข้มข้นกว่ามาก มากจนสามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างของโอเมก้าได้จนถึงระดับเซลล์ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมโอเมก้าที่ตั้งครรภ์กับคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองจึงไม่ปรากฎอาการแพ้ท้องหรืออาการอารมณ์แปรปรวนเกิดขึ้น”


“เพราะฟีโรโมนของอัลฟ่าอยู่ในตัวโอเมก้าอย่างเพียงพอแล้วอย่างงั้นเหรอ”


มิกเกลพยักหน้าให้ผมด้วยสีหน้าร่าเริง “อาฮะ เพราะแบบนั้นไงฉันถึงได้บอกว่ามันแปลกเพราะนายกับฮานไม่ได้เป็นคู่แห่งโชคชะตากันสักหน่อย สัญลักษณ์คู่แห่งโชคชะตาที่คอก็ไม่ขึ้นด้วย” แล้วเขาก็ขยิบตาให้ผม “เพราะแบบนั้นมันถึงได้น่าสนใจไงล่ะ”
“น่าสนใจ...เหรอ” ผมทวนคำพูดของเขาด้วยความสับสน “หมายความว่ายังไงกันน่ะ...”


“เอ หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ” ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเปิดประตูรถออกกว้าง “ก็หมายความว่าเขาคนนั้นน่ะ...สามีที่น่ารักของนายน่ะ แอบวางยานายมาตั้งนานแล้วน่ะสิ”


เอ๊ะ


“ในเมื่อไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากัน เพราะแบบนั้นก็เลยตั้งใจจะขีดโชคชะตาของตัวเองขึ้นมาด้วยมือของตัวเองซินะ หมอนั่นเนี่ย สุดยอดไปเลยนะ สุดยอดมากๆ สุดยอดจนฉันหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะ”


“ดะ เดี๋ยวสิ ผมยังไม่เข้าใจอะไรเลยนะ”


“เห นายเนี่ยน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นน้องชายของฉันจริงๆ น่ะ” เขาทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ผมอย่างไม่ปิดบัง “ยังไม่เข้าใจอีกรึไง หมอนั่นกับนายน่ะ ทั้งที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันแท้ๆ แต่ทำไมนายถึงได้มีอาการเหมือน ไม่สิ...”


เขาหยุดคิดไปเล็กน้อย “อาจจะไม่เหมือนเสียทีเดียวแต่ก็นับว่าใกล้เคียงกับคู่ที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากันมาก คิดว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” มิกเกลฉีกยิ้มกว้าง “ก็เพราะหมอนั่น...ฮานน่ะ คอยโอบล้อมนายด้วยฟีโรโมนของตัวเองอยู่ตลอดเลยน่ะสิ อาจจะไม่เข้มข้นพอให้นายรู้สึกได้ แต่เขาทำแน่ เขาคอยกกกอดนายผ่านฟีโรโมนของตัวเองมาตลอดแน่ๆ”


มาตลอด...งั้นเหรอ...


“กระบวนการแบบนี้มันต้องใช้เวลานะเอล ลำพังแค่หลังแต่งงานจนถึงตอนนี้น่ะ ทำขนาดนี้ไม่ได้หรอก หรือถ้าจะพูดให้ถูก...” นัยน์ตาของมิกเกลเป็นประกายราวกับเด็กกำลังเจอของเล่นที่ถูกใจ “หมอนั่นน่ะแอบป้อนฟีโรโมนของตัวเองให้ร่างกายของนายมาตั้งนานแล้ว เป็นแผนที่วางมาตั้งนานแล้ว อย่างน้อยก็ต้องสามปีเป็นอย่างต่ำล่ะนะ”


พี่ชายของผมก็หัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดี


“โชคชะตาของเรามีแค่เราเท่านั้นที่กำหนดได้งั้นเหรอ ให้ตายสิ ฉันนับถือเจ้านั่นเป็นบ้าเลย”


แล้วประตูรถที่เคยเปิดกว้างก็ถูกปิดลง






**************************************************************************




ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ฮานสุดยอด และขอให้เอลที่เป็นเอลอย่างนี้จะผ่านอุปสรรคทดสอบข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย :mew1:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
เกือบลืมไปเลย
กลับมาลุ้นต่อ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ดีใจที่กลับมานะคะ คนเขียนคนนน

ถ้าจริงอย่างมิกเกลพูด ก็ดูน่ากลัวอยู่นะ

รอดูต่อไป เพราะดูฮานรักเอลมากๆ

แต่การวางยาต่อเนื่องนิมัน...

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
นับถือฮานจริง ๆ
โชคชะตาของเรา เราต้องเลือกเอก

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กลับมาแล้ว..ววววววว คิดถึงๆๆๆๆ   :mc4:

ออฟไลน์ ป้าหมีโคตรขี้เกียจ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0
ดีใจที่มาอัพต่อนะคะ เรารอเก่งงงงง

แต่ฮานเนี่ยจะเป็นแบบที่มิกเกลพูดจริงๆหรอ คือแบบเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!!! ทุ่มเทเหลือเกินพ่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น



The Second Hint





หลังจากได้รับรู้ข้อสันนิษฐานของมิกเกล ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกหรือตอบสนองความจริงข้อนี้ออกมาแบบไหนดี


ผมควรจะดีใจที่ฮานหลงรักผมมาตลอดหรือผมควรจะกังวลกับการวางแผนผูกมัดของฮาน ความรู้สึกมากมายไหลวนตีกันในหัวจนรู้สึกราวกับว่าผมได้ใช้พลังทั้งหมดของวันนี้ไปกับการครุ่นคิดจนหมดแล้ว แต่ถึงแม้จะไม่สามารถสรุปความรู้สึกออกมาอย่างเป็นรูปธรรมได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดีที่สุดก็คือ...


ผมไม่กลัว ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกที่จะรู้สึกกลัวกับการกระทำของฮานเลยสักนิด


ทั้งที่ควรจะตกใจ ทั้งที่ควรจะหวาดหวั่นแท้ๆ แต่สิ่งที่ผมกำลังสับสนกลับเป็นเพียงแค่เรื่องว่า ทำไมฮานถึงต้องทำขนาดนั้นทั้งที่สามารถสารภาพความรู้สึกกับผมมาได้ตั้งแต่แรก เสียมากกว่า


บางทีผมว่าผมเองก็เริ่มจะเข้าใจสิ่งที่มิกเกลพูดขึ้นมาบ้างแล้ว


‘ก็แบบว่า ถ้านายไม่ใช่คนที่มีวิธีคิดแบบนี้ ก็คงจะกลัวแล้วก็หนีฮานไปตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ที่ไม่หนีไปก็เพราะคิดแบบนี้ไงล่ะ’


พอเริ่มเข้าใจ มันก็อดที่จะรู้สึกอุ่นๆ ขึ้นมาในอกไม่ได้


สำหรับฮานแล้วถ้าไม่ใช่ผมก็คงจะไม่ได้สินะ...


ทั้งที่ควรจะกลัวแท้ๆ แต่พอคิดว่าฮานทุ่มเทขนาดนั้นเพื่อผมแล้ว มันก็อดจะดีใจขึ้นมานิดๆ ไม่ได้


บางที ผมอาจจะพอมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ได้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไง


บางที ผมอาจจะพอรู้อยู่แล้วว่าทางเดินที่ผมกับฮานควรจะจับมือเดินไปด้วยกันนั้นเป็นทางเดินแบบไหน แต่มันก็แค่ยังไม่มั่นใจก็เท่านั้น


และเพราะไม่มั่นใจก็เลยต้องมาหาคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ตรงเสียก่อน


“ถึงสักทีน้า ทำไมอาจารย์ของนายถึงต้องมาอาศัยอยู่ในที่ไกลๆ แบบนี้ด้วยนะ”


ผมปล่อยให้เสียงบ่นอุบอิบของมิกเกลไหลผ่านหูไปโดยไม่คิดจะตอบกลับให้อีกฝ่ายได้ถือโอกาสชวนผมคุยจนเสียเวลาไปมากกว่านี้


เท่าที่จำได้ พ่อกับแม่บอกว่าจะกลับมาถึงบ้านประมาณหกโมงเย็นสินะ...


ผมก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเล็กน้อย


บ่ายสามโมงตรงรวมเวลาขับรถกลับบ้านอีกหนึ่งชั่วโมงก็หมายความว่าผมเหลือเวลาที่จะคุยกับอาจารย์ได้เพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้นสินะ


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดเข้าไปในปอดเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง


ขอให้ทุกอย่างกระจ่างภายในสองชั่วโมงนี้ด้วยเถอะ


ผมปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปหามิกเกลด้วยท่าทางมั่นใจมากกว่าเก่า “ขอผมคุยกับอาจารย์สักสองชั่วโมงได้ไหมครับ”


“โห” ใบหน้าที่เหมือนกับผมราวกับแกะปรากฏร่องรอยแห่งความยินดี “แววตาใช้ได้เลยนี่ สมแล้วที่เป็นน้องชายของฉัน” แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “งั้นฉันจะไปหาร้านกาแฟนั่งทำงานแถวนี้ก็แล้วกัน เสร็จเมื่อไหร่ก็โทรมานะ”


“อือ” ผมอมยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณนะ”


หลังจากนั้นเพียงอึดใจ ผมก็ลงจากรถ


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที รถของมิกเกลก็หายลับไปจากสายตา


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที...


“ไม่เจอกันนานเลยนะเอมา เข้ามาข้างในบ้านก่อนสิ”


ผมก็ได้เจอกับอาจารย์ที่ห่างหายกันไปหลายปี


ชายตรงหน้าดูมีอายุขึ้นหน่อย หากใบหน้านั้นยังนับว่าอ่อนเยาว์กว่าคนในวัยเดียวกันมาก ผมสีน้ำตายาวถึงกลางหลังของเขาถูกมัดรวบเอาไว้เรียบร้อย เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่ก็ดูเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ


ทั้งที่เป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ ในช่วงที่อากาศอุ่นแท้ๆ ....


“สวัสดีครับอาจารย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”


อยากจะพูดออกไปว่า ‘ยังใส่กางเกงขายาวในวันที่อากาศร้อนเหมือนเดิมเลยนะครับ’ จังเลยนะ








มือเรียวสวยของเจ้าของบ้านบรรจงถ้วยชาสวยที่บรรจุของเหลวสีพีชเอาไว้วางลงตรงหน้าอย่างเบามือก่อนจะตามมาด้วยจานใบเล็กที่มีขนมจุกจิกน่ารักอยู่สองสามอย่าง คนสูงวัยกว่าหันมาส่งยิ้มให้ผมพลางเดินไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีเก้อเขิน


“นานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่มีคนมาเยี่ยมที่บ้าน ไม่ชินเอาเสียเลย” ใบหน้าอ่อนหวานฉายแววไม่มั่นใจเล็กน้อย “ปกติชานี้ครูชงดื่มเองน่ะ ถ้าไม่อร่อยยังไงบอกได้นะ เดี๋ยวครูจะไปเอาน้ำผึ้งมาให้ เอ หรือจริงๆ แล้วครูควรจะเอามาเลยดีนะ...”


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้นจากที่นั่งไปหยิบน้ำผึ้งมาจริงๆ ผมจึงรีบชิงพูดห้ามขึ้นมาก่อน “ไม่เป็นไรหรอกครับครู แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้วล่ะครับ”


“แน่ใจนะ”


“แน่ใจครับ”


“ไม่ขมไปนะ”


“เอ่อ เรื่องนั้นผมเองก็คิดว่าคงจะตอบไม่ได้หรอกครับ”


“เอ๊ะ”


เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของคนตรงหน้าผมจึงต้องจำใจบอกความจริงออกไปอย่างช่วยไม่ได้


“พอดีว่าตอนนี้ผมท้องอยู่น่ะครับ ก็เลย...”


“อ๋อ จริงด้วยสิ เอมาเป็นโอเมก้านี่นา ครูลืมไปเสียสนิทเลย”


แล้วพวกเราก็นิ่งเงียบกันไปอึดใจก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมาพร้อมกัน


“นี่ลูกศิษย์ของครูมีครอบครัวไปอีกรุ่นนึงแล้วเหรอเนี่ย” เขาว่าเบาๆ ก่อนจะยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบ “เวลาผ่านไปเร็วเหมือนเดิมเลยนะ”


“นั่นสินะครับ” ผมรับคำพลางลอบสังเกตท่าทีของคนตรงหน้า


บางที ในเวลาที่ผ่อนคลายแบบนี้ คงจะเป็นโอกาสที่ดีแล้วล่ะ


ผมหยิบขนมขึ้นมาจากจานชิ้นนึงด้วยท่าทางที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุดก่อนจะเริ่มเข้าประเด็น


“ผมแต่งงานเรียบร้อยแล้วล่ะครับ”


“โห จริงเหรอเนี่ย ดีจังเลยนะ”


ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง “เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ผมรู้จักที่หมู่บ้านน่ะครับ แต่เขาไม่ได้เรียนที่โอเซน อาจารย์ก็เลยไม่รู้จัก”


“นานๆ ทีจะได้เจอลูกศิษย์ที่แต่งงานกับคนต่างเมืองนะเนี่ย” คนตรงหน้าผมคลี่ยิ้มกว้างชวนให้ใบหน้าที่หวานอยู่ด้วยดูงดงามยิ่งขึ้นกว่าเก่า “แล้วเขาเป็นคนแบบไหนเหรอ”


ฮานเป็นคนแบบไหนน่ะเหรอ...


ผมยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า


“เป็นคนเอาใจใส่ น่ารักแล้วก็ใจดีมากๆ เลยล่ะครับ”


 “งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ” อาจารย์ยิ้มรับด้วยใบหน้าอ่อนโยน “ความรักที่ดีน่ะ ต้องใส่ใจกันและกันให้มากๆ นะ”


“อันที่จริง ผมก็ไม่รู้ว่าความรักของผมจะเรียกว่าความรักที่ดีได้ไหมน่ะครับ”


คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแทบจะทันทีที่ผมพูดจบ ใบหน้าอ่อนโยนเริ่มปรากฏความกังวลให้เห็น


“ทำไมเหรอ เขาทำอะไรเธอรึเปล่า”


ผมส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกครับ แต่ว่า...” จากนั้นผมจึงดึงคอเสื้อให้คนตรงข้ามดู “ผมกับเขาไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันนี่สิครับ”


พวกเราทั้งสองคนก็เงียบกันไปอึดใจก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากฝั่งตรงข้าม


“คู่แห่งโชคชะตางั้นเหรอ” อาจารย์หัวเราะเบาๆ หลังจากพูดจบ


หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่นเสียจนผมรู้สึกเศร้าสร้อยตามไปด้วย


คนตรงหน้านี้...ผ่านความเสียใจมามากมายขนาดไหนกันนะ


“คู่แห่งโชคชะตา ไม่รู้ว่าจะนับเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเลยนะ” เขาว่าพลางเกลี่ยผมทัดหูเบาๆ “โชคชะตาที่ขีดเส้นเองไม่ได้แบบนั้น ราวกับคำสาปเลยเนอะ”


แล้วคำพูดของคุณพ่อทูนหัวของฮานก็พลันแล่นกลับเข้ามาในหัว


‘สายสัมพันธ์นี้คือคำสาป’


วิ่งกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วเสียจนผมเองก็ยั้งเอาไว้ไม่ทัน


“พ่อทูนหัวของคู่ผมก็พูดอะไรทำนองนี้เอาไว้เหมือนกันครับ” ผมเว้นจังหวะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงข้ามเริ่มมีท่าทีนิ่งขรึมขึ้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็รู้สึกว่าตัวเองต้องพูดสิ่งนี้ออกไป


ต้องพูดออกไปให้ได้


“คุณแดเนียล จูเนียร์ เจเล็ต พ่อทูนหัวของคู่ผมก็เคยพูดเอาไว้ว่า สายสัมพันธ์ที่ถลำลึกมากจนเกินไปทั้งที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันนั้นเป็นคำสาปน่ะครับ”


สิ้นคำพูดของผม ห้องทั้งห้องก็พลันตกอยู่ในความเงียบ


เงียบเสียจนชวนให้หวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก


ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป อาจารย์เองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ เท่านั้นที่ยังคงดังก้องอยู่ในห้องรับแขกเล็กๆ แห่งนี้


ราวกับคนตรงหน้าผมกำลังจมลึกลงไปในห้วงความคิดอย่างไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้


ราวกับเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว...


ในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้น จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าอ่อนหวานยังคงปรากฏรอยยิ้มบางเหมือนเคย หากสิ่งที่แปลกไปก็คงเป็นแววตา


นัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้นช่างดูโศกเศร้าเสียจนหัวใจผมยังเผลอเต้นผิดจังหวะ


“จำที่ครูเคยสอนได้ไหม อะไรที่มากเกินไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะ” แล้วถ้วยชาสวยก็ถูกยกขึ้นจิบอีกครั้ง หากครั้งนี้มันถูกจ่ออยู่ที่ริมฝีปากเนิ่นนานกว่าเก่า “แต่เรื่องของความรัก มันก็กะเกณฑ์กันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เพราะแบบนั้น ครูจึงไม่เห็นด้วยกับเขานะ”


แล้วนัยน์ตาคู่นั้นก็เบนออกไปมองนอกหน้าต่าง


มอง...ไปยังที่ที่ไกลแสนไกลเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการถึง


“ต่อให้มันเป็นคำสาป แต่คนที่เลือกว่าจะทำให้มันกลายเป็นคำสาปร้ายหรือคำอวยพรก็คือตัวเราเองไม่ใช่เหรอ”


เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสบตากับผม


“เธอคงจะรู้อะไรมาบ้างแล้วสินะ”


ผมชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าออกไป


“งั้นเหรอ” เขาว่าเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย “ถ้าอย่างนั้น เธอคงจะพอเห็นตัวอย่างของการทำให้ความรักที่มากมายกลายเป็นคำสาปร้ายแล้วสินะ”


คราวนี้ผมชั่งใจนานกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะพยักหน้าออกไป


“เพราะฉะนั้น” แล้วเขาก็หยุดไปอึดใจก่อนจะส่งยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้มาให้ผม “อย่าซ้ำรอยพวกเรานะ”


สิ้นคำนั้น มือทั้งสองข้างของผมก็พลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง


ทำไม...ทำไมถึงยังยิ้มอย่างสดใสได้ขนาดนั้นล่ะ


ทรมานไม่ใช่เหรอ ยังรักเขาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม...


“เพราะทำผิดพลาดมาแล้วถึงได้เข้าใจ เพราะทำผิดพลาดมาแล้วถึงได้รู้สึกทรมานกับอดีตอยู่อย่างทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น พวกเธอต้องไม่ซ้ำรอยพวกเรานะ”


ไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย


“อาจารย์...ไม่รักเขาแล้วเหรอครับ”


คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเค้นหัวเราะออกมา


บางเบาและเจ็บปวด


“มันไม่สำคัญอีกแล้วล่ะ” เขานิ่งไปครู่ใหญ่แล้วจึงพูดต่อ “พวกเราทำผิดพลาดไปแล้ว ทั้งเขาด้วย ทั้งครูเองก็ด้วย พวกเราทำผิดพลาดไปหมด”


อะไรกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย


“แต่เขาเป็นคนขังอาจารย์ไม่ใช่เหรอครับ เพราะฉะนั้นอาจารย์น่ะ...”


“แต่คนที่ทำให้เขาตัดสินใจขังก็เป็นครูเองนะ”


เอ๊ะ


ชายตรงหน้าหลุบตาลงเล็กน้อย “คนที่ทำให้เขาหมดความเชื่อใจจนต้องจับขังก็คือครูเอง จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้หรอก”


นี่มัน...หมายความว่ายังไงกัน


“ตอนนั้น...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”


“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” เขาหัวเราะเบาๆ “มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายเสียจนจำไม่หมดเลยล่ะ แต่ในคืนนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปกว่าเดิมก็คือการโกหก”


คนพูดเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้นวมนุ่ม ปล่อยให้ร่างกายถูกดูดจมลงไปช้าๆ


“แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่การโกหกก็คือการโกหก ครูฉุนเฉียว เขาเองก็บ้าคลั่ง สุดท้ายมันก็เลยจบลงที่หายนะ”


อาจารย์ของผมเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดต่อ


“จำไว้นะเอมา ในชีวิตคู่ที่บิดเบี้ยวแบบนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการจริงใจต่อกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอกับเขาสามารถพูดทุกสิ่งให้อีกฝ่ายฟังโดยปราศจากการหลอกลวงได้” เขาส่งยิ้มมาให้ผม “เมื่อนั้น พวกเธอจะได้ครองคู่กันอย่างแท้จริง ไม่ใช่ในฐานะสัตว์เลี้ยงในกรง ไม่ใช่ในฐานะของผู้ควบคุมกับผู้ถูกควบคุม แต่เป็นในฐานะคนรักอย่างที่ควรจะเป็น”


แล้วนิ้วเรียวสวยของคนตรงหน้าก็แตะลงบนริมฝีปากของเขาเบา


“อย่าโกหก...เด็ดขาด ทั้งเขาและเธอ”


แล้วรอยยิ้มอ่อนโยนก็ถูกส่งมาให้อีกครั้ง


“ครูฝากข้อความนี้ไปถึงคู่ของเธอด้วยนะ”


แล้วในตอนนั้น ผมก็ได้คำตอบทุกอย่างที่ผมอยากจะได้ในที่สุด







***********************************************************************





ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
ของให้ความรักของฮานและเอลเป็นดังคำอวยพร

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น




The Last Hint




เพราะเรื่องราวมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากปากของอาจารย์ไม่รู้จบ ทำให้ผมไม่สามารถพาตัวเองกลับออกมาได้ตามกำหนดการณ์ที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าผมกับมิกเกลกลับมาถึงบ้านหลังพวกพ่อกับแม่จนได้


ทั้งที่ก่อนจะแยกกับฮานก็อุตส่าห์รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะอยู่บ้านตลอด ถ้าออกไปไหนก็จะรีบส่งข้อความบอก แต่พอเอาเข้าจริงผมก็ไม่รักษาสัญญา


เพราะแบบนั้นผมจึงไม่แปลกใจนักที่ได้เห็นท่าทีแปลกๆ ของอีกคนที่ส่งมาให้


หลังจากผมกับมิกเกลกลับมาถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่าพวกเราหายตัวไปไหนมา มิกเกลยังคงหลบเลี่ยงทุกอย่างได้อย่างแนบเนียนเหมือนปกติ เพียงแค่หัวเราะยิ้มๆ แล้วบอกว่า ‘พาไปเตร็ดเตร่ครับ’ พ่อกับแม่ก็ไม่ซักไซร้อะไรต่อ แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติได้อย่างน่ามหัศจรรย์


พวกเราพูดคุยกัน กินข้าวเย็นด้วยกัน หยอกล้อกันเหมือนปกติ ทุกอย่างดูปกติไปหมดเว้นไว้แค่เพียงเรื่องเดียว


ฮานไม่ยอมสบตาผมเลย...ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว


แม้ว่าอีกคนจะดูมีท่าทางเหมือนปกติแทบจะทุกอย่าง คอยดูแลเอาใจใส่ไม่ต่างจากปกติ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมสบตาผมเลย


ท่าทางแบบนี้เห็นทีคงจะไม่พ้นเรื่องนั้นล่ะนะ...


ผมพอจะเดาได้ว่าทันทีที่มาถึงบ้านแล้วไม่เห็นผมกับมิกเกล ฮานก็คงจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าพวกผมต้องออกไปที่ไหนสักแห่งด้วยกัน พ่อกับแม่เองก็คงจะพูดทำนองว่า ‘ไม่ต้องห่วงหรอก เอลคงออกไปกับมิกเกลนั่นล่ะ’ และฮานก็คงจะพยักหน้าแล้วยิ้มรับแต่โดยดีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


แต่ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุการณ์ภายนอกแต่เป็นในใจของฮาน


ปกติแล้ว ต่อให้ได้ยินว่าผมปลอดภัยดี อย่างไรเสียฮานก็ต้องโทรมาหาหรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องส่งข้อความมา แต่คราวนี้เขากลับไม่ติดต่ออะไรมาเลย ไม่แม้แต่นิดเดียว ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่ แต่สาเหตุที่เขาไม่โทรหรือแม้แต่ส่งข้อความมาหาผมน่ะ ใช่ว่าจะไม่รู้ไปเสียทีเดียวหรอก


ไม่ใช่ว่าไม่ติดต่อมาเพราะรู้ว่าผมปลอดภัยดี แต่เขาไม่ติดต่อมาเพราะโกรธต่างหาก


โกรธที่ผมผิดสัญญา...ไม่ใช่แค่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ ผมกับมิกเกลยังไม่ยอมพูดความจริงออกไปอีกต่างหาก แบบนี้ก็เท่ากับว่าผมกำลังโกหกเขาแบบยกกำลังสองเลยนี่นา


แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เลย


หลังจากเวลาอาหารค่ำจบลง ในที่สุดผมกับฮานก็ได้กลับมาในห้องนอนส่วนตัว สองเท้าของผมก้าวตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าไปเงียบๆ จนกระทั่งเข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันสองคนแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเริ่มจากตรงไหนดี


ควรจะขอโทษก่อนหรือบอกความจริงก่อนดีนะ แล้วถ้าจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาจะประหลาดไหม แล้ว...


“เอลจะอาบน้ำก่อนไหมครับ”


“เอ๊ะ อ๋อ ไม่ล่ะครับ” ผมส่ายหน้าช้าๆ “ฮานอาบก่อนเลย”


“โอเคครับ”


แล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่คิดจะหันมามองผมเลยสักนิด


ทั้งที่ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วจะต้องหันมายิ้มทะเล้นให้ก่อนแท้ๆ


ผมทิ้งตัวลงกับเตียงก่อนจะเอาหน้าซุกเช้ากับหมอนใหญ่นุ่ม


ฮานนะฮาน ถ้าโกรธกันก็ดุออกมาเลยซี่ พูดออกมาเลยว่าเอลน่ะเป็นเด็กไม่ดี น่าตีสุดๆ


พอคิดได้ถึงตรงหน้า หน้าของผมก็หมองลงเล็กน้อย


ไม่ชอบเลย


ผมขดตัวกอดหมอนแน่นขึ้นกว่าเก่า


ไม่ชอบเวลาทะเลาะกับฮานแบบนี้เลย


ถ้าจะต้องทะเลาะกัน แล้วก็โกรธกัน แล้วก็ไม่พูดกัน จากนั้นก็จะต้องเลิกกัน...


ไม่เอานะ!


เมื่อคิดได้ถึงตรงนั้นผมก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงก่อนจะพุ่งตัวไปเปิดประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


เสียงน้ำจากฝักบัวยังคงดังแว่วมาไม่ขาดสายเป็นสัญญาณว่าคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่คงกำลังง่วนอยู่กับการอาบน้ำไม่ผิดแน่ และก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น สองขาก็พลันวิ่งเข้าไปหาคนคุ้นตาด้านในที่กำลังยืนหันหลังอยู่พร้อมกับโผเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มแรง


ผมสัมผัสได้ว่าฮานสะดุ้งเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหน ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือไปปิดฝักบัวด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำมีเพียงแค่การยืนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น


ทั้งที่ปกติจะต้องหันมากอดตอบแล้วแท้ๆ


พอคิดได้แบบนั้น ความกลัวก็ยิ่งแล่นขึ้นมาในใจจนกระชับอ้อมกอดพร้อมกับซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังของอีกฝ่ายมากกว่าเก่า
“ขอโทษนะครับ” ผมพูดแบบนั้นพลางแนบแก้มเขากับแผ่นหลังกว้างมากขึ้นกว่าเก่า “เอลผิดไปแล้ว”


ฮานไม่ตอบอะไรกลับมา หรือจะพูดให้ถูก เขาไม่พูดอะไรกลับมาเลยแม้แต่คำเดียว


ไม่กอดตอบ ไม่ตอบรับคำขอโทษ แบบนี้แปลว่าผมโดนฮานเกลียดแล้วรึเปล่านะ


ไม่เอานะ ไม่เอาเด็ดขาดเลย


“ฮานอย่าโกรธเอลเลยนะ เอลขอโทษ”


แล้วผมก็ร้องไห้


“คุณตัวโตอย่าโกรธคุณตัวเล็กเลยนะ อย่าโกรธกันเลยนะ เอลผิดไปแล้ว”


สิ้นประโยคนั้น อีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา


ฮานใช้มือตัวเองแตะลงบนหลังมือของผมที่โอบรัดตัวเขาอยู่เบาๆ คล้ายเป็นสัญญาณให้ยกออก แม้จะงุนงงเล็กน้อยแต่ผมก็ยอมทำตามคำขอนั้นแต่โดยดี


และทันทีที่เป็นอิสระ อัลฟ่าหนุ่มตรงหน้าก็รวบตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด


รวดเร็วและรัดแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน


ใบหน้าคมซุกอยู่กับซอกคอของผม ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดลงบนผิวก่อนที่เจ้าของจมูกโด่งจะถือวิสาสะขบเม้มตีตราลงบนผิวต้นคอ


“รู้ใช่ไหมครับว่าตัวเองผิดอะไร”


เสียงของอีกฝ่ายทั้งอู้อี้และงึมงำเสียจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่น่าแปลกที่ผมกลับเข้าใจมันได้ดีทุกคำ


“เอลผิดสัญญา”


“แค่นั้นเหรอครับ”


ผมแนบแก้มเข้ากับกลุ่มผมนุ่มของอีกคนพลางส่ายหน้าเบาๆ


“แล้วก็โกหกด้วย”


เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปผมจึงพูดต่อ


“เอลขอโทษที่นะครับ ยกโทษให้ผมเถอะนะ”


แล้วฝ่ามือใหญ่ก็พลันวางลงบนหัวของผมก่อนจะลูบไล้เส้นผมที่เปียกชื้นของผมช้าๆ


“ผมไม่ชอบที่เอลโกหกกับผิดสัญญาแต่เรื่องนั้นก็ยังพอรับได้อยู่”


เอ๊ะ


“แต่เรื่องที่เอลหายไปไกลตา ไปยังที่ๆ ผมตามไปหาไม่ได้แบบนั้น ผมไม่ชอบเลย”


แล้วอ้อมกอดของฮานก็กระชับแน่นขึ้นกว่าเก่า


“ไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่จะไม่รู้ว่าเอลอยู่ที่ไหน ไม่ชอบที่จะไม่มีเอลอยู่ในสายตา ไม่ชอบเลย”


แล้วในตอนนั้น ความทรงจำบางอย่างก็ผุดกลับขึ้นมา


‘เพราะกลัวจะสูญเสียเลยต้องควบคุม เพราะกลัวว่าสุดท้ายจะไม่เหลือใครจึงต้องผูกมัด เรื่องแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อยู่ไม่ใช่เหรอ’


คำพูดของมิกเกลที่สะท้อนกลับเข้ามาในหัวยิ่งทำให้ผมเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นกว่าเก่า


หากเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงไม่คิดอะไรแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปโดยไม่คิดจะสำนึกถึงจุดสำคัญ ซึ่งสุดท้าย สิ่งนี้อาจจะนำพาพวกเราไปสู่โศกนาฏกรรมอย่างที่พ่อทูนหัวของฮานกับอาจารย์ของผมเคยเจอมา


แต่พวกเราไม่ใช่พวกเขา พวกเราไม่เหมือนกัน


ผมจะทำให้พวกเรากลายเป็นคู่รักที่แท้จริงให้ได้


ไม่อยากให้ฮานต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว


“เอลจะไม่ไปไหนอีกแล้ว” ผมฝังใบหน้าตัวเองลงในกลุ่มผมนุ่มของคนในอ้อมกอด “จะเป็นของฮาน เป็นของฮานคนเดียวตลอดไป”


ฝ่ามือของผมแตะลงกลางหน้าอกของฮานพลางออกแรงดันเบาๆ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายคลายอ้อมกอด และทันทีที่อ้อมแขนที่พันธนาการหลุดออกไป ผมก็ถือวิสาสะโน้มคอของอีกคนลงมา


“เอลจะเป็นของฮาน เป็นคุณตัวเล็กของฮานตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”


แล้วผมก็จูบเขา


แล้วพวกเราก็จูบกัน


จากนั้นเสื้อผ้าเปียกชื้นของผมก็ถูกสลัดออกจากร่าง


จากนั้นพวกเราก็กอดก่ายกันและเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง


อีกครั้งและอีกครั้ง จวบจนแสงแรกของพระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านม่านหน้าต่างสีขาวสะอาด






*************************************************************************






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
อยากให้คู่พ่อกับครูมาคืนดีกันจัง

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
อ่านคู่ลูก แต่ลุ้นคู่พ่อ งงไหม

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
คุณตัวเล็กง้อคุณตัวโตชวนใจอ่อนจริงๆ :mew1:

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น



After the rain, there is a rainbow [ตอนจบ]




หลังจากจากกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของผมในคราวนั้น ชีวิตของผมกับฮานก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป...เล็กน้อย


“นี่เอล เวลาทำงาน ห้ามถือของหนักๆ เด็ดขาดเลยนะครับ มันเสี่ยงต่อลูกนะ”


“โอเคครับ”


“แล้วก็ต้องติดเข็มกลัดคนท้องตลอดเวลาด้วยเข้าใจไหมครับ”


“โอเคครับ”


“แล้วก็ต้องพกกริ่งป้องกันภัยตลอดเวลาด้วยนะ”


“รับทราบครับคุณพ่อคนเก่ง”


“นี่เอล ผมจริงจังนะ อย่าเย้าเล่นซี่”


ผมอมยิ้มมองคนขี้ห่วงก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


ตั้งแต่วันนั้น ฮานเปลี่ยนไปมาก


ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นจะตายยังไง หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เคยยอมให้ผมออกไปทำงานเด็ดขาด แต่ตอนนี้กลับยอมลดความเคร่งครัดนั้นลงให้แล้ว


ด้วยเพราะยังอยู่ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ประกอบกับฮานที่เลี้ยงดูผมด้วยฮอร์โมนอย่างดีจึงทำให้ร่างกายของผมแทบไม่มีอาการทางกายหรือจิตใจใดๆ ผมจึงถือโอกาสนี้ออกไปรับทำงานพิเศษสอนหนังสือเด็กอนุบาลเล็กๆ น้อยๆ แถวบ้าน แม้จะเป็นงานที่ได้เงินไม่มากนักแต่ก็นับว่าเป็นงานที่ดีในหลายๆ แง่ ทั้งการเดินทาง สุขภาพ ตลอดจนเรื่องของการได้ถือโอกาสเตรียมตัวเรื่องลูกไปด้วย


การได้เห็นเด็กๆ เติบโตไปพร้อมๆ กับจินตนาการว่าเจ้าตัวน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ในร่างนี้จะโตมาเป็นแบบไหนนั้นเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดระหว่างการทำงานเลย และถ้าฮานได้มาเห็น ผมก็มั่นใจว่าเขาก็คงจะคิดเหมือนกัน


การทำงานในโรงเรียนอนุบาลนั้นสนุกสนานพอๆ กับการรับบทเป็นคู่ชีวิตของฮาน


จากอัลฟ่าหนุ่มผู้ช่างวางแผน ควบคุม หลอกล่อ คอยสังเกตการณ์และทำทุกอย่างให้ผมเดินไปตามแผนที่วางไว้ในวันนั้น มาตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมาก ฮานร่าเริงขึ้นมากจากเมื่อก่อน หลังจากที่ไม่ต้องคอยคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว รอยยิ้มของเขาดูเปล่งประกายราวกับพระอาทิตย์ในฤดูร้อน


ไม่มีแววตาดำมืดที่ผมเคยเห็นอีกแล้ว พอๆ กับอาการเครียดเกร็งง่ายก็พลอยหายไปด้วย


ในขณะที่จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ง่วนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว ในใจของผมก็คิดอะไรไปมากกว่าคำว่า ‘ดีจัง’ ไม่ได้


ดีใจ ดีใจเหลือเกินที่วันนั้นตัดสินใจพูดสิ่งที่อยากพูดออกไป


ดีใจเหลือเกินที่ในที่สุดพวกเราก็สามารถพูดสิ่งที่คิดออกมาให้อีกฝ่ายฟังได้เต็มปาก


หลังจากวันนั้น...วันที่พวกเราเปิดใจคุยกัน ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ


ในวันนั้น..หลังจากที่พวกเรากอดก่ายกันจนหมดแรง ถ้าจำไม่ผิดเห็นจะเป็นผมที่เริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน







“ฮาน พวกเรามาเปิดใจกันไหมครับ”


คนตัวสูงเลิกคิ้ว “เปิดใจอะไรเหรอครับ”


“ก็แบบว่า...” ผมนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับคู่สนทนาที่นอนอยู่ข้างๆ “ก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่าพวกเรากำลังเดินไปตามเส้นทางที่ไม่ควรไป ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากจะมาคุยกันให้เข้าใจน่ะครับ”


ฮานดูมีท่าทีงุนงงมากกว่าเดิม “ขอโทษนะครับคุณตัวเล็ก แต่ผมว่า...ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เอลพูดเลย”


“เอ การอธิบายเนี่ยยากเหมือนกันนะครับเนี่ย” ผมว่าพลางเอียงคอเล็กน้อย “งั้น เรามาเริ่มจากการพูดความจริงกันดีไหมครับ”


“พูดความจริง?”


ผมพยักหน้าหงึกหงัก “มาเล่าทุกอย่างที่เราปิดบังกันไว้มาตลอด จากนั้นก็ค่อยๆ คุยกันดีไหมครับ” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบอะไรมากกว่านั้น ผมก็ถือวิสาสะโพล่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน “เริ่มจากผมก่อนแล้วกันเนอะ”


“เมื่อวานที่ผมหายไปกับมิกเกลทั้งวัน จริงๆ แล้วผมไปหาอาจารย์ของผมมาน่ะครับ”


“อาจารย์เหรอครับ”


ผมพยักหน้ารับ “เป็นเบต้าคู่กรณีของคุณพ่อของฮานด้วยครับ”


ด้วยไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเคลือบแคลงใจไปมากกว่านี้ ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวจากนั้นต่อทั้งมหด


“มันเริ่มจากตอนที่ผมเรียนโรงเรียนมัธยมแล้วครับ ผมเคยบังเอิญเห็นว่าอาจารย์มีแผลเป็นน่ากลัวมากที่ข้อเท้าแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งได้ยินเรื่องของคุณพ่อทูนหัวของฮานเข้า ก็เลยนึกขึ้นมาได้ ก็เลยลองไปหาอาจารย์เขาเพราะอยากจะถามอะไรหลายๆ อย่างน่ะครับ”


ผมเว้นวรรคไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ


“ทุกคนเอาแต่พูดว่าให้พวกเราถอนพันธะกันซะเพราะถ้าวันนึงพวกเราบังเอิญไปเจอคู่แห่งโชคชะตาเข้า พวกเราจะทรมานกันเสียเปล่าๆ ทั้งพ่อของฮาน ทั้งมิกเกล ทุกคนเอาแต่พูดแบบนั้นหมด แต่ฮานก็รู้ใช่ไหมครับ”


แล้วผมก็สบลึกเข้าไปในดวงตาของฮาน


“มิกเกลน่ะ...พี่ชายของผมน่ะ เป็นคนยังไง ชอบทำตัวแบบไหน ฮานที่เคยทำงานร่วมกันกับเขามาบ้างก็คงจะพอรู้ใช่ไหมล่ะครับ”
คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะแบบนั้นผมจึงถือโอกาสเล่าต่อ


“เขาเตือนผมเรื่องฮานมากมาย บอกอะไรหลายๆ อย่างที่ผมไม่เคยรู้ให้ฟัง ทั้งเรื่องที่ฮานคอยโอบกอดผมด้วยฮอร์โมนอัลฟ่ามาตลอด ทั้งเรื่องความหวาดกลัวต่อความไม่มั่นคงของฮาน มิกเกลพูดมันออกมาทั้งหมดเลยครับ ช่างเป็นผู้ชายที่นิสัยแย่แล้วก็ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเป็นที่สุดเลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำเพราะอยากจะปกป้องผม เพราะฉะนั้น...”


ผมแตะหลังมือของฮานเบาๆ


“อย่าโกรธเขาเลยนะครับ”


ฮานนิ่งค้างไป ผมไม่รู้ว่าเขากำลังตกใจเรื่องไหนมากกว่ากันระหว่างเรื่องที่ผมรู้ความจริงหรือเรื่องที่มิกเกลฉลาดจนสามารถเดาทุกอย่างได้อย่างถูกต้องทะลุปรุโปร่ง แต่ถึงอย่างนั้นฮานก็ยังไม่พูดอะไรขึ้นมาสักคำจนผมเริ่มจะหวั่นใจ


หวั่นใจเสียจนต้องรีบพูดสิ่งที่คิดออกไปเร็วกว่าเก่า


“แต่ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ช่าง จะบอกว่าฮานควบคุมผมยังไง ผมก็ไม่เคยมีแม้แต่เสี้ยวนึงที่จะรู้สึกกลัวฮาน”


ผมยกมือขึ้นลูบใบหน้าของคนข้างๆ เบาๆ


“ต่อให้ฮานอยากจะกักขังผม เลี้ยงดูผมเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ก็ไม่เป็นไร”


แล้วผมก็ส่งยิ้มให้เขา


“ถ้าเป็นฮาน ต่อให้ต้องถูกจับล่ามเอาไว้ตลอดชีวิต ผมก็มั่นใจว่าตัวเองจะมีความสุขแน่ๆ เพราะฉะนั้น...”


แล้วผมก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าผมเข้าเบาๆ


“ถ้าฮานกังวัล จะล่ามเอลเอาไว้ก็ได้นะ จะมัดไว้ ขังไว้ หรือควบคุมยังไงก็ได้ แต่อย่ากลัวว่าเอลจะไปจากฮานเลยนะ ชีวิตที่ไม่มีฮานน่ะ...”


แล้วผมก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มหยุ่น


“มันน่ากลัวมากๆ เลย”


สิ้นคำพูดนั้น ร่างทั้งร่างก็ถูกดึงรวบเข้าไปในอ้อมกอดแกร่งของคนที่นั่งพิงผนักเตียงเงียบๆ มาตลอด


ฝ่ามือใหญ่ไล้ไปตามเส้นผมของผม


แผ่วเบา เชื่องช้าและอ่อนโยน เหมือนอย่างทุกครั้ง


...เป็นฮานที่ผมรักมาตลอด...


“ตอนที่เอลพูดทุกอย่างออกมา ผมกลัวมากเลยล่ะ” ในที่สุดฮานก็ยอมพูดออกมาหลังจากเงียบมานานแสนนาน “กลัวว่าเอลจะจากไป กลัวว่าเอลจะรู้สึกขยะแขยงเสียจนทนไม่ไหว”


แล้วอ้อมกอดของฮานก็กระชับแน่นขึ้น ใบหน้าคมสันน่าหลงใหลซุกเข้ากับกลุ่มผมของผมอยู่นานแสนนาน


นานแสนจนผมนึกว่าเขาจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้ว จนกระทั่ง...


“ขอบคุณนะครับ”


‘ขอบคุณนะครับ’


เพียงแค่คำนั้นคำเดียว ทุกอย่างก็พลันสดใสขึ้นทันตา


เพียงแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว...


“จากนี้ พวกเรามาเป็นคนรักที่เท่าเทียมและซื่อสัตย์ต่อกันเถอะนะครับ”


“รับทราบครับ คุณตัวเล็กของผม”


แล้วทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป







หลังจากที่พวกเราพูดเปิดใจกันใน ฮานก็เริ่มปล่อยวางกับความคิดของตัวเองมากขึ้น พร้อมกับยอมสารภาพจนหมดเปลือกถึงสิ่งที่เคยทำมา


ทั้งเรื่องที่จงใจไม่ให้ยากันฮีทผมในเดือนนั้นเพราะคำนวณมาแล้วว่ามีโอกาสที่ผมจะตั้งครรภ์ได้สูง


ทั้งเรื่องที่ไม่มีบริษัทไหนรับผมเข้าทำงานเพราะฮานใช้อำนาจครอบครัวในการกดดัน


ทั้งเรื่องที่ผมไม่มีเพื่อนตอนเรียนมหาลัยก็เพราะฮานคอยกันท่านั่นก็ด้วย


ทุกเรื่อง ทุกอย่างถูกสารภาพออกมาหมดเปลือกราวกับน้ำที่รินไหลออกจากก๊อก


ทั้งที่คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงจะเป็นแบบนี้แน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังแอบตกใจไม่น้อยเลยเหมือนกันนะ


“เอลกลัวรึเปล่า ฮานขอโทษ ฮานขอโทษนะ อย่าทิ้งฮานไปเลยนะ”


ในวินาทีนั้น ผมมั่นใจว่าถ้าตัวเองพูดออกไปว่า ‘เราเลิกกันเถอะ’ สิ่งที่ฮานจะทำคงไม่พ้นการจับผมล่ามโซ่ขังเอาไว้ในคอนโดนี้แน่ๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นไร


ถ้าเป็นฮานล่ะก็...ไม่เป็นไรหรอก


“บอกแล้วไงครับว่าถ้าเป็นฮาน เอลไม่กลัวหรอก”


แล้วพวกเราก็ก้าวข้ามผ่านมันมาได้


ทั้งผม ทั้งฮาน พวกเราก้าวข้ามผ่านจุดที่คนธรรมดาบอกว่าอันตรายเข้ามาเสียแล้ว


ความรักที่มากมายจนบ้าคลั่งและบิดเบี้ยวนั้นอาจจะน่ากลัวในสายตาของคนทุกคน แต่สำหรับผมแล้ว...สำหรับพวกเราแล้ว ถ้าหากพวกเราพึงพอใจกับมัน ต่อให้ความรักนั้นไม่ถูกต้องในสายตาของใครก็ไม่เป็นไร


ขอแค่ผมกับเขาพอใจ โลกที่เหลือจะเป็นยังไงก็ช่าง


ผมคิดแบบนั้นในขณะที่โอบกอดฮานที่ตัวสั่นเทาเอาไว้ในอ้อมแขน


ผมรู้ดี หลังจากนี้ พวกเราจะได้ครองคู่กันอย่างแท้จริงแล้ว







- The End -

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ขอบคุณนะคะเราจะมีโอกาสเห็นตัวเล็กมั้ยนะ

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เอลผู้อ่อนโยนและเข้มแข็งสมเป็นว่าที่คุณแม่ อยากให้มีต่อเพราะอยากรู้เรื่องราวของเบบี๋และอยากติดตามเวลาคุณตัวเล็กกับคุณตัวโตช่วยกันเลี้ยงลูก :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2020 17:54:24 โดย เก้าแต้ม »

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
จบแล้ว ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ผ่านพ้นกันไปด้วยดี
อยากเห็นช่วยกันเลี้ยงเบบี๋นะ  :hao5:
 :pig4:

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณคนเขียนนะคะ

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ phai

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 406
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
อยากให้มีตอนพิเศษจังค่ะ

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ มนุษย์บิน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 407
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-1
 :mew4: อยากอ่านตอนมีเจ้าตัวเล็กกกกกอยากเห็นฮานเป็นคุงป้ออออออออออ ฮือออออออ ขอตอนพิเศษได้ไหมจ๊ะ  :hao5:

ออฟไลน์ van16

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 875
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
สนุกค่ะ เรื่องน่ารักดีค่ะ  :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด