พิมพ์หน้านี้ - รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Marymo ที่ 07-06-2019 19:52:11

หัวข้อ: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-06-2019 19:52:11
 :rureadyข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Morning Fall
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-06-2019 20:05:03
สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกับปิงปองอีกแล้ว เย้!


ในที่สุดก็มาถึงโปรเจคสุดท้ายที่ตั้งใจไว้จริงๆ แล้วค่ะ ก่อนหน้านี้เคยกะไว้ว่าจะให้เพลงรักสีขาวเป็นเรื่องปิดโปรเจค แต่เพราะพล็อตมันยังเลือกทางที่ควรจะไปไม่ได้สักที เราเลยตัดสินใจจะพักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนจนกว่าจะมีไอเดียที่คิดว่าดีพอที่จะเป็นแนวทางดำเนินเรื่องถึงจะกลับไปเขียนต่อ สำหรับใครที่อ่านค้างไว้ต้องขอโทษด้วยนะคะ


สำหรับเรื่องนี้เป็นการต่อยอดมาจากเรื่องสั้นชื่อเดียวกันที่อยู่ในเล้าเป็ดบอร์ดเรื่องสั้น แต่ทามไลน์ของเรื่องยาวที่ขยายมานี้อาจจะไม่ตรงกับเรื่องสั้นที่วางไว้ในตอนแรกสักเท่าไหร่นะคะ เพราะตอนที่เขียนเรื่องสั้นนั้นไม่คิดเลยว่าจะได้เอามาขยายต่อเป็นเรื่องยาว







ขอบคุณทุกคนที่อ่านการเกริ่นนำของเรามาจนถึงตอนนี้

ยังไงก็ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ชอบหรือไม่ชอบยังไงคอมเม้นท์บอกกันได้น้า


 :pig4: :pig4: :pig4:




สารบัญ

บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3980616#msg3980616)
Childhood Friends - ครึ่งแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3980618#msg3980618)
Childhood Friends - ครึ่งหลัง (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3981213#msg3981213)
Bite & Bond (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3983026#msg3983026)
Knotting (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3984877#msg3984877)
Above the Clouds
 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3986369#msg3986369)
Chaining (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3988039#msg3988039)
Warning (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3989785#msg3989785)
Acceptance (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3991341#msg3991341)
Recall (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70488.msg3992834#msg3992834)






ลิ้งค์เรื่องสั้น


รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70198.0)





หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friend
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 07-06-2019 20:09:06
ติดตามค่ะ
 :m1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friend
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-06-2019 20:10:40
‘โอเมก้า เบต้า แอลฟ่า เรื่องชนชั้นเหล่านั้นเป็นเพียงเรื่องของอดีตและสัญชาตญาณความเป็นสัตว์ที่ฝังร่างลึกลงในหมู่พงศ์พันธุ์ของเรามาช้านาน แต่ต่อแต่นี้ไปจะไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอัลฟ่าที่นำโอเมก้าและเบต้ามาเป็นทาส ไม่มีเบต้าที่ต้องหลบซ่อนในเงามืดเป็นเพียงชาวบ้านไร้โอกาสไต้เต้า และจะไม่มีอีกแล้วซึ่งการนำโอเมก้ามาเป็นเพียงเครื่องบำบัดทางเพศซึ่งโดนเหยียบย่ำทั้งศักดิ์ศรีและเกียรติยศ ต่อแต่นี้ไป ประเทศลินเดียแห่งนี้จะปราศจากชนชั้น ไร้ซึ่งการกดขี่ เราทุกคนจะอยู่ร่วมกันท่ามกลางความรัก การเคารพซึ่งกันและกัน การให้เกียรติ และความเสมอภาค เราทุกคนจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติตราบจนกว่าจะสูญสิ้นยุคสมัยแห่งประชาธิปไตยในลินเดีย’



สิ้นคำประกาศนั้น ประเทศของเราก็พลันเปลี่ยนไปตลอดกาล



ฤดูผันผ่าน ต้นไม้เติบใหญ่ ดอกไม้เบ่งบาน หยาดฝนร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า เรื่องเหล่านั้นเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ จะว่าเป็นเรื่องธรรมดาก็คงใช่ แต่หากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาก็คงจะใช่อีกเหมือนกัน



ถ้าจะพูดให้ถูกก็คงจะเป็น...


‘ช่างเป็นเรื่องธรรมดาสามัญสำหรับปัจจุบัน แต่แปลกประหลาดเหลือเกินสำหรับอดีต’


สินะ



หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friend
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-06-2019 20:13:22
Childhood Friends




-กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง-



เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังมาสักพักใหญ่ ๆ บังคับให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ฝ่ามือสองข้างพยายามคว้านหาต้นตอเสียงเพื่อกดปิดแต่ไม่ว่าจะกวาดมือไปทิศทางไหนก็ดูเหมือนจะไม่เจอเจ้านาฬิกาปลุกเจ้าปัญหานั้นเลย


อา หงุดหงิดแต่เช้าเลยเชียว


เพราะไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดเสียงน่ารำคาญนั่นลงได้ ผมเลยต้องจำใจลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางสะลึมสะลืออย่างถึงที่สุด


นาฬิกาปลุกควรหายไปจากโลกนี้ให้หมดๆ ไปเลย


แต่ก็นะ สุดท้ายมันก็เป็นได้แค่การก่นด่าในใจเท่านั้นล่ะ ขืนนาฬิกาปลุกหายไปจริงๆ น่ากลัวว่าชาตินี้ผมคงไม่มีโอกาสได้ไปทำงานอีกเลย


แล้วทำไมคนเราต้องไปทำงานด้วยน้า


พอคิดได้แบบนั้น ร่างกายโงนเงนของคนง่วงนอนที่สู้อุตส่าห์พยายามพยุงตัวเองจนลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ ก็ดันร่วงแหมะกลับลงไปบนเตียงอีกครั้ง แม้หัวจะไม่ถึงหมอน แต่ขอแค่เป็นเตียงนุ่มๆ นี่ ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของเตียงก็...


“เอลครับ คุณนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ”


เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลดึงผมออกมาจากห้วงนิทรา


แต่ก็ทำได้แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นล่ะ


ผมขยับพลิกตัวให้หน้าหันไปยังทิศทางของเสียงทั้งที่ตาสองข้างยังปิดสนิท


“อรุณสวัสดิ์ฮะดอกเตอร์ฮาร์วี่”


มือข้างหนึ่งยกโบกไปมาในอากาศคล้ายจะส่งคำทักทายว่า ‘โย่’ ออกไป


เสียงหัวเราะจากคนถูกทักทายทำให้สติของผมเริ่มกลับมาทีละเล็กทีละน้อย


ฮานหัวเราะเหรอ...ไม่ใช่เรื่องดีแน่


ว่าแต่ มันเรื่องอะไรกันล่ะ...ลืมให้อาหารหมาเหรอ หรือลืมเอาหนังสือไปคืนห้องสมุด หรือว่า...


“คุณลืมเดดไลน์ส่งงานไงล่ะครับคุณนักศึกษา”


อ๋อ เดดไลน์ส่งงานนี่เอง......เชร้ดเข้!


ผมผุดลุกขึ้นจากเตียงราวกับหุ่นยนต์โดนกดสวิตช์ก่อนจะเผลออ้าปากค้างจ้องหน้าคนพูดอยู่อึดใจ และตอนนั้นเองที่ผมได้เห็นว่าไอ้เจ้าเสียงนาฬิกาปลุกที่แสนปวดหูและน่ารำคาญนั่นมาจากนาฬิกาเรือนเล็กในมือของคนที่ยืนพิงประตูอยู่นั่นเอง


ไม่สิ นี่ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องนาฬิกาปลุกนี่นา


ทันทีที่ตั้งสติได้ ผมก็รีบกระโดดลงจากเตียงแล้วกุลีกุจอวิ่งเข้าออกระหว่างห้องน้ำกับห้องแต่งตัวจ้าละหวั่น ผ้าเช็ดตัวที่หยิบติดมือมาก็ไม่ใช่ผืนที่ใช้เป็นประจำแต่เพราะไม่มีเวลาแล้วเลยไม่ได้ใส่ใจ กว่าผมจะทำธุระกับตัวเองเสร็จก็ปาไปเกือบสิบห้านาที ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงสิบห้า นั่นหมายความว่าผมเหลือเวลาอีกแค่สิบสามชั่วโมงกว่าๆ ในการทำงานให้เสร็จเท่านั้น นั่นยังไม่คิดรวมเวลาที่ต้องร่างอีเมล์ส่งหาอาจารย์ด้วยสิ


สิบสามชั่วโมงกับรายงานที่เหลืออยู่อีกเกือบยี่สิบหน้างั้นเหรอ...


โอพระเจ้า ไม่ทันแน่ ไม่ทันแน่ๆ พ่อเจ้าพระคุณรุณช่องช่วยลูกด้วย


“ไม่ต้องตกใจขนาดนั้นหรอกน่า ยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ”


“เยอะที่ไหนกันเล่า เหลือแค่สิบสามชั่วโมงเองเถอะ”


พอถึงตรงนี้ผมก็เริ่มเบะปากใส่คู่สนทนาที่เอาเวลาไปนอนเอ้อระเหยบนเตียงผมราวกับไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับความลำบากของผมเลยสักนิด


“ฮานอา ทำไมคุณเพิ่งมาปลุกผมตอนนี้ล่ะครับ”


ยอมรับครับว่าเริ่มพาล พอหาที่ลงไม่ได้ก็ต้องไปลงกับคนรับหน้าที่ปลุกก่อน อย่างน้อยก็ช่วยให้ความรู้สึกที่ว่า ‘ตัวผมนี่มันช่างไร้ความรับผิดชอบจริงๆ เลยนะ’ หายออกไปจากใจได้บ้าง...


อา ไม่ดีๆ อันนี้ก็ไม่ดี ทำแบบนี้ไม่ดีเลย ไม่มีความรับผิดชอบเองแล้วโทษคนอื่นแบบนี้นี่ใช้ไม่ได้จริงๆ เลย


“โอ๊ย ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย”


ผมว่าพลางขยี้ผมยุ่งๆ ของตัวเองแรงๆ ก่อนจะหันไปสบตากับคนที่เปลี่ยนจากนอนยิ้มมายืนยิ้มมองผมด้วยท่าทีรื่มรมย์เป็นที่สุด
เนี่ย ก็เขาเป็นซะแบบนี้อะ ผมก็เลยอยากพาลไง ถ้าขอแค่เขาช่วยทำท่าทุกข์ร้อนกับผมสักนิดล่ะก็นะ... อา ไม่สิ ไม่ได้ๆ เป็นผู้ใหญ่แล้วนี่นา จะให้มาพาลคนอื่นเวลาไม่ถูกใจเหมือนเด็กๆ น่ะไม่ได้หรอก


ในที่สุดผมก็ตัดสินใจข่มความเอาแต่ใจของตัวเองเอาไว้ก่อนจะหันไปค้อมหัวให้คนที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ปลายเตียงผมน้อยๆ


“ฮานคือผมขอโทษด้วยนะครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของฮานเลย ผมไม่มีความรับผิดชอบเอง ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์มาปลุกผม แต่ตอนนี้ผมต้องรีบปะ เฮ้ย!”


เพราะเอาแต่พูดไปเดินไปก็เลยเผลอสะดุดกองผ้าที่ถอดทิ้งเรี่ยราดของตัวเองโดยไม่ตั้งใจ วินาทีที่ขาสองข้างลอยขึ้นจากพื้น ผมทำใจเอาไว้แล้วว่าไม่จบลงที่หัวโนก็ต้องหัวแตก ร้ายแรงที่สุดก็คงจะกระดูกหักสักชิ้นสองชิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก่อนที่เรื่องเหล่านั้นจะได้เกิดขึ้น ความอบอุ่นที่แสนคุ้นเคยก็พลันเข้ามาโอบล้อมรอบตัวผมเอาไว้เสียก่อน


ทั้งอบอุ่น ทั้งแข็งแกร่งจนผมไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด


ความเร็วระดับนี้ คนปกติยังไงซะก็คงทำไม่ได้


ความเร็วระดับนี้น่ะ ต่อให้เป็นเบต้าหรือโอเมก้าที่ฝึกฝนตัวเองมามากแค่ไหนก็ยากที่จะทำได้แน่


ก็นะ....


ผมเผลอพ่นลมหายใจแล้วหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แต่แทนที่เขาจะมาหัวเราะกับผม เจ้าของอ้อมแขนแกร่งดันเอามืเอื้อมมาบีบจมูกผมเสียนี่


“หัวเราะอะไรกันครับคุณตัวเล็ก ซุ่มซ่ามไม่มีใครเกินเลยจริงๆ ถ้าไม่มีผมอยู่ด้วยป่านนี้ก็คง...”


“อือ” ผมหยุดหัวเราะแล้ว แต่รอยยิ้มกว้างยังคงอยู่ นัยน์ตาของผมจับจ้องเข้ากับนัยน์ตาคมสีรัตติกาลของเขาไปวางตา “ถ้าไม่มีฮานอยู่ด้วย ผมคงอยู่ไม่ได้จริงๆ นั่นล่ะ”


ทั้งเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เขาก็อยู่ข้างผมแบบนี้มาตลอด และถ้าเป็นไปได้...


“เพราะฉะนั้นช่วยอยู่กับผมแบบนี้ไปตลอดไปเลยนะครับ”


ชายหนุ่มที่โอบกอดผมไว้นิ่งไปอึดใจก่อนจะหัวเราะออกมา ทั้งที่เป็นเสียงเค้นหัวเราะอันตรายเหมือนอย่างทุกทีแท้ๆ น่าแปลกทีคราวนี้ผมไม่ได้รู้สึกกลัว


“ถ้าผมคิดจะทิ้งคุณ ผมทิ้งไปนานแล้วล่ะครับ”


ดวงตาของเขาฉายแววบางอย่างที่ผมเห็นมาบ่อยแสนบ่อย แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เข้าใจ บางที วันหนึ่งผมอาจจะต้องถามเขาอย่างจริงจังว่าเวลาเขามองผมด้วยสายตาแบบนี้เขากำลังรู้สึกอะไร แต่สำหรับวันนี้ สำหรับคนอย่างฮาน หรือฮาร์วี่ เจเล็ต ผมจะถือว่าคำพูดเมื่อกี้นี้มันเป็นคำตอบตกลงก็แล้วกันเนอะ




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: nym_nima ที่ 07-06-2019 20:42:49
ปักหมุดเลยค่า ( ´ ▽ ` )ノ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 07-06-2019 21:03:29
เฟบอย่างเร็วเลย  :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-06-2019 21:07:48
อุ้ยยย มีเรื่องยาวด้วย
รอติดตามคุณตัวเล็กกกก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 07-06-2019 21:59:16
มีเรื่องยาวแล้ววว รอเลยค่า สู้ๆ นะคะคุณนักเขียน!
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 07-06-2019 22:26:57
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-06-2019 22:30:17
ตามมาจากเรื่องสั้น..ขอบคุณที่เขียนเป็นเรื่องยาว     :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.ช่วยใส่วันที่อัพท้ายชื่อหน้าหลักให้ด้วยจ้า..รออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 08-06-2019 00:06:19
กลับมาอัพผลงานแล้ววว ดีใจมากๆค่ะ น้องเรื่องนี้ดูจะเป็นน้องซื่อๆมึนๆอึนๆนะคะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณสำหรับผลงานค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 08-06-2019 12:30:56
ขอบคุณที่เขียนเป็นเรื่องยาวค่ะ ดีใจ ฮือออ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก]
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 08-06-2019 14:46:08
ขอบคุณที่เขียนเรื่องยาวให้นะคะ คุณตัวเล็กยังนิ่มนุ่มน่าบีบเหมือนเดิมเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก] - 7/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 08-06-2019 16:13:22
นั่งรอเขาสร้างรังกันค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งแรก] - 7/06/2019
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 08-06-2019 16:34:52
ตามมาส่องความนุ่มนิ่ม
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 09-06-2019 18:51:43


Childhood Friends [ครึ่งหลัง]





ผมกับฮาน จะเรียกว่าเพื่อนสมัยเด็กก็คงใช่ แต่ถ้าคิดดีๆ แล้วตอบไปว่าไม่ใช่ก็คงไม่ผิดอะไร


ความสัมพันธ์ของผมกับฮานเป็นความสัมพันธ์ประหลาด เราสองคนรู้จักกันโดยบังเอิญในร้านขนมเก่าแก่แห่งหนึ่งในตัวหมู่บ้านที่ห่างไกลจากเมืองหลวงออกไปหลายร้อยกิโล ในตอนนั้นฮานเป็นเพียงเด็กผู้ชายธรรมดาที่มีผมสีดำและนัยน์ตาสีดำสนิทน่าหลงใหล ผิวของเขาเป็นสีแทนผิดแปลกไปจากผู้คนทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เท่าที่ผมรู้ ในลินเดีย...ในประเทศของเรา ผู้คนส่วนใหญ่มักมีสีผมและสีตาที่ค่อนข้างอ่อน  ยิ่งสีผิวนั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าขาวจนค่อนไปทางซีดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นการปรากฏตัวของฮานในตอนนั้นค่อนข้างจะใกล้เคียงกับคำว่าโกลาหล


ความแตกต่างของเขาทำให้เขาดูแปลกแยกจากสภาพแวดล้อมโดยสิ้นเชิง แต่ถึงเขาจะแตกต่าง ผมก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเขาน่ะหล่อ...หล่อมากๆ ดูดีในขนาดที่ว่าตัวผมในวัยเจ็ดขวบยังรู้สึกได้ แม้ว่าประเมินทางสายตาแล้วเหมือนเขาจะอายุมากกว่าผมประมาณสามถึงสี่ปี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไม่น่าเข้าใกล้


แต่เหมือนว่าผมจะเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกอย่างนั้น


ผมจำมันได้ดี วันนั้นน่าจะเป็นวันแรกในชีวิตที่ผมได้มีโอกาสเห็นร้านขนมแห่งนั้นว่างเปล่าไร้ซึ่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจของเด็กๆ ในหมู่บ้าน


เหตุผลน่ะเหรอ...


‘นี่เอ็นมะ ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ’


ตัวผมในวัยเจ็ดขวบซึ่งเพิ่งเดินมาถึงร้านขนมในตอนเที่ยงวันเอ่ยปากถามเพื่อนคนหนึ่งในหมู่บ้านที่ค่อนข้างสนิทกัน คนถูกถามเบนความสนใจจากในร้านมาสบตาผมแว็บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองยังทิศทางเดิม


‘ชู่ เงียบๆ หน่อยสิเอล เดี๋ยวเจ้าเด็กประหลาดในร้านนั่นก็ได้ยินหรอก’


‘เอ๊ะ เด็กประหลาดเหรอ’


‘อือ ทั้งผมสีดำ ตาสีดำ ผิวก็คล้ำไม่เหมือนคนลินเดียเลย น่ากลัวชะมัด’


ผมละสายตาจากเพื่อนๆ ที่ยืนออกันอยู่ที่ประตูแล้วมองเข้าไปด้านในร้าน


และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เจอกับเขา


‘นี่ ฉันว่าพวกเราอย่าไปยุ่งกับเขาดีกว่านะ’


‘ใช่ๆ วันนี้เราไปที่อื่นกันเถอะ’


‘ขืนเข้าไปไม่รู้จะโดนอะไรบ้างนะ’


‘นั่นสิๆ’



เสียงพูดคุยของเหล่าเพื่อนฝูงที่อยู่รอบกายไม่สามารถดึงความสนใจของผมออกจากเด็กชายแปลกหน้าคนนั้นได้เลยแม้แต่น้อย
เพื่อนๆ ของผมเหล่านั้นต่างตกลงเป็นเสียงเดียวกันว่าจะไปวิ่งเล่นกันที่อื่น พวกเขาเอ่ยปากชวนผมพอเป็นพิธี แต่เมื่อเห็นว่าผมตอบปฏิเสธ พวกเขาก็ยอมจากไปแต่โดยดี ทิ้งผมเอาไว้เพียงลำพังตรงหน้าร้านขนมที่แสนเงียบเหงา


ลำพัง...งั้นเหรอ


ผมหันกลับไปมองเด็กชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่กลางร้านอย่างโดดเดี่ยว ทั้งที่ในมือของเขามีขนมอยู่มากมาย แต่กลับไม่มีเด็กคนไหนในหมู่บ้านกล้าเดินเข้าไปหาเขาเลยสักคน ทุกคนเอาแต่ยืนเกาะขอบประตูแล้วทอดมองเด็กชายผู้โดดเดี่ยวคนนั้นด้วยแววตาหวาดระแวงก่อนจะวิ่งหนีจากไป ภาพของเขาที่ยืนอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัดนั้นทำให้ผมในวัยเจ็ดขวบอดคิดบางอย่างขึ้นมาไม่ได้


เขา...เด็กคนนั้น ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้มากี่ครั้งกี่หนแล้วกันนะ


เพียงเพราะตอน้ำแห่งความสงสารเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมาในตอนนั้นทำให้ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขาแล้วถือวิสาสะหยิบขนมที่เขายืนจ้องอยู่นานสองนานขึ้นมาจากโถ


‘เจ้านี่เรียกว่าขนมโกทัน ข้างในเป็นถั่วเขียวบดละเอียดที่เอาไปคั่วกับน้ำตาล ส่วนข้างนอกที่เป็นแป้งนี่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเอาไปทำยังไงจนเหนียวยืดขนาดนี้ได้น่ะนะ’ ตัวผมในวัยเด็กหัวเราะ ‘แต่ที่แน่ๆ เจ้านี่น่ะ ไม่ได้หากินกันง่ายๆ หรอกนะ เป็นของขึ้นชื่อของรัฐโอเซนเลย ลองชิมดูไหม’


แววตาของฮานในตอนนั้นเป็นอะไรที่...ประหลาด เขามองมาที่ผมด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แต่แววตาของเขากลับเปล่งประกายไปด้วยความยินดีจนเปี่ยมล้น ดูไปแล้วก็ไม่เข้ากันเอาเสียเลย


ทำไมคนเราถึงทำหน้าตกใจทั้งๆ ที่ดีใจล่ะ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่


แต่ก็นะ นั่นล่ะคือจุดเริ่มต้นของมิตรภาพประหลาดๆ ระหว่างผมกับเขา


ฮานเป็นคนที่ละสายตาได้ยาก เป็นอัลฟ่าโดยเนื้อแท้ ซึ่งแน่นอนว่าหาได้ยากยิ่งในบ้านเกิดของผม เท่าที่จำได้ เหมือนตอนนั้นฮานจะเดินทางมาจากเมืองหลวง ติดสอยห้อยตามพ่อที่เป็นนักธุรกิจใหญ่เข้ามาเจรจาเรื่องการรับผลผลิตทางการเกษตรกับชาวบ้านในหมู่บ้าน


แน่ล่ะ หนึ่งในบรรดาชาวบ้านนั่นก็มีครอบครัวผมอยู่ด้วย


ครอบครัวเจเล็ตเป็นตระกูลอัลฟ่าผู้ร่ำรวยมาช้านาน แม้ว่าประเทศนี้จะได้รับการประกาศเอกราชและกวาดล้างชนชั้นทางสังคมไปตั้งแต่เมื่อเกือบร้อยปีก่อนแล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าโลกใบนี้มันไร้ซึ่งความเท่าเทียม แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายทาสอีกต่อไป แต่เหล่าอัลฟ่าก็ยังคงเป็นกลุ่มชนที่มีความสามารถสูงสุดในสังคม ทั้งทางสติปัญญาและร่างกาย พวกเขาล้วนเหนือกว่าเบต้าและโอเมก้าในทุกๆ อย่าง ต่อให้พวกเราพยายามมากแค่ไหนก็ยากที่จะไปยืนอยู่จุดเดียวกับพวกเขาได้ สิ่งเดียวที่พวกเขาด้อยกว่าพวกเราก็คงจะเป็น....


‘อัลฟ่าไม่สามารถสืบเผ่าพันธุ์ได้’


เรื่องพวกนั้นเหมือนจะเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจริงเท็จแค่ไหนเพราะตามหมู่บ้านชานเมืองแบบบ้านเกิดของผมนั้น ประชากรส่วนใหญ่ล้วนเป็นโอเมก้ากับเบต้า หลายร้อยปีถึงจะมีอัลฟ่าเกิดขึ้นมาสักคน เพราะฉะนั้น พวกวิถีชีวิตของอัลฟ่า หรือความทุกข์ทรมานของอัลฟ่า อะไรพวกนั้น ผมไม่ค่อยจะเข้าใจมันนักหรอก


ไม่เข้าใจมาตลอดจนกระทั่งได้เจอกับเขา


‘การเกิดมาเป็นอัลฟ่าน่ะ ไม่ได้ต่างจากการถูกสาปเลยสักนิด’


จำได้ว่าในตอนนั้นผมทำเพียงแค่จ้องหน้าเขานิ่งๆ แล้วไม่ได้ตอบอะไรออกไป


ทำเพียงแค่จ้องมองสีหน้าที่แสนชิงชังตัวเองของเด็กผู้ชายคนนั้นโดยไม่ได้ทำอะไรเลย


‘คู่แท้เหรอ พันธะแห่งโชคชะตาเหรอ เรื่องพวกนั้นน่ะ ไม่เห็นจะต้องการเลยสักนิด!’


น้ำเสียงของเขาเกรี้ยวกราด นัยน์ตาของเขาแดงก่ำคล้ายกำลังพยายามสกัดกลั้นน้ำตาด้วยความพยายามทั้งหมดที่มี เพราะภาพนั้น ผมในตอนนั้นเลยเผลอหลุดปากออกไป


‘ทำไม...ถึงเกลียดคู่แห่งโชคชะตาขนาดนั้นล่ะ’


‘ก็เพราะเราไม่ได้เป็นคนเลือกน่ะสิ’



เขาตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเหลือใจ


‘เพราะถ้าคนที่เรารักเป็นอัลฟ่าด้วยกัน ยังไงซะก็ไม่มีวันที่จะมีชีวิตที่มีความสุขได้ยังไงล่ะ’


เรื่องแบบนี้...ไม่เคยคิดมาก่อนเลยแฮะ


ตัวผมในตอนนั้นคิดแบบนั้น


คงเพราะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่มีแต่เบต้าและโอเมก้ามาตลอด ที่นั่นไม่ว่าจะเป็นฮีทหรือคู่แห่งโชคชะตา ทุกอย่างล้วนไม่มีความหมาย เบต้าไม่สามารถรับรู้กลิ่นของโอเมก้าได้ พอๆ กับที่โอเมก้าไม่มีวันจะมีคู่แห่งโชคชะตาเป็นเบต้าได้ เพราะแบบนั้นพวกเราทุกคนจึงอยู่ด้วยกันเพราะรักและผูกพันอย่างแท้จริง ไม่มีโชคชะตา ไม่มีการผูกมัดกัดคอหรืออะไรทั้งนั้น


เพราะแบบนั้น ตัวผมในวัยเจ็ดขวบเลยไม่เคยตระหนักถึงเรื่องที่เขาพูดมาก่อนเลย


เพราะแบบนั้น ตัวผมในตอนนั้นเลยเผลอพูดอะไรไร้สาระออกไปจนได้


‘ถ้ารักจริงล่ะก็ จะเป็นเบต้าหรือโอเมก้าหรืออัลฟ่ามันก็ไม่สำคัญไม่ใช่เหรอ’


ทั้งที่ไม่ได้เข้าใจโลกของอีกฝ่ายขนาดนั้น แต่ก็ยังอุตส่าห์พูดอะไรไร้สาระออกไป


‘ถ้ารักล่ะก็ ยังไงก็ต้องมีความสุขได้แน่ๆ เรื่องสืบเผ่าพันธุ์น่ะ ไม่ได้สำคัญเท่าความรู้สึกของเรานี่นา’


ในตอนนั้น สิ่งที่พูดออกไปก็มีเพียงแค่ความคิดแบบเด็กๆ เท่านั้น


‘ถ้ารักล่ะก็ ต่อให้ต้องหนีไปสุดขอบโลก ถ้าได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีกสักหน่อย ก็ต้องทำล่ะนะ’



ตัวผมในตอนนั้น พูดอะไรออกไปก็ไม่รู้...







“เสร็จแล้ว!”


ผมกู่ร้องตะโกนด้วยความดีใจสุดแสน


อา สุขใดเล่าจะเท่าเรียนจบ


หลังจากตรากตรำร่ำเรียนมาหลายปี ในที่สุดโปรเจคจบอันแสนหฤโหดของผมก็สิ้นสุดลงเมื่อสองวินาทีที่แล้ว และตอนนั้นมันก็คงไปนอนแช่นิ่งอยู่ในกล่องอีเมล์ของอาจารย์เป็นที่เรียบร้อย เป็นอันแน่ใจได้ว่ายังไงผมก็เรียนจบแน่นอน ส่วนจะจบด้วยเกรดแบบไหนนั้นมันก็...


ให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันเนอะ


ผมนั่งยืดแขนบิดขี้เกียจไปมาซ้ายทีขวาทีอย่างรื่นรมย์ใจก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง


เที่ยงคืนแล้วเหรอเนี่ย


แล้วทันใดนั้นเอง ท้องเจ้ากรรมของผมก็พลันส่งเสียงโครกครากขึ้นมา


อา ลืมไปเลยว่าตั้งแต่ตื่นขึ้นมายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด


หิว หิวเหลือเกิน แม่จ๋า หนูหิว


“กะแล้วเชียวว่าต้องเป็นแบบนี้”


น้ำเสียงทุ้มต่ำแสนคุ้นเคยที่ดังขึ้นด้านหลังไม่ชวนให้หันไปมองเท่ากับกลิ่นหอมๆ ที่เหมือนกับกลิ่นของ...


“แกงกะหรี่!”


“โปะแฮมเบิร์กมาให้ด้วยนะ”


แกงกะหรี่โปะแฮมเบิร์กเหรอ!


“ฮาน ถ้าไม่มีคุณอยู่ด้วยผมจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงล่ะเนี่ย”


“เว่อร์ไปแล้วคุณตัวเล็ก”


เขาหัวเราะก่อนจะกวักมือเรียกผมไปยังโต๊ะเล็กๆ ตรงมุมห้อง


“มากินข้าวมา”


“ทำอย่างกับเรียกหมาแหน่ะ”


ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์


“คุณเป็นหมาไม่ได้หรอกครับ เพราะคอนโดนี้เขาห้ามเลี้ยงสัตว์ ถึงคุณจะเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ แต่ก็ไม่สามารถที่จะนับเป็นสะ...”


“อ๊า! เงียบเลยนะ ไม่ให้พูดแล้ว”


ผมว่าพลางพุ่งตัวไปปิดปากเขา แต่ก็ทำได้แค่ทำท่าจะปิดปากเท่านั้นล่ะ ฮานสูงกว่าผมต้องเกือบสิบเซ็นต์ ต่อให้อยากจะปิดปากเขาแค่ไหนยังไงซะท่าทางผมก็เหมือนเด็กยืดแขนจะเอาลูกโป่งอยู่ดี


โลกนี้นี่น้า ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย


“ไม่พูดก็ไม่พูดครับ” เขาพูดกลั้วหัวเราะก่อนจะรวบผมเข้าไปในอ้อมกอด “มากินข้าวกันเถอะเนอะ ฉลองให้บันฑิตใหม่ไง”


ให้ตายซี่ เขามาไม้นี้แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะ


“อือ”


สุดท้ายก็ทำได้แค่ซุกหน้าเข้ากับหน้าอกกว้างแล้วพยักหน้าหงึกหงักก็เท่านั้นเอง


กว่าจะกินข้าว อาบน้ำเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบตีสาม แน่นอนว่าสภาพผมในตอนนี้น่ะเดินแทบไม่ตรงทางจนอีกคนต้องช่วยพยุงมาส่งนอนจนถึงเตียง


เป็นภาระให้เขาได้ตลอดเลยจริงๆ สินะ


“ยินดีด้วยนะครับคุณบัณฑิตใหม่”


ฝ่ามืออุ่นๆ ที่ลูบไล้ไปตามเส้นผมชวนให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ผมชอบเวลาที่เขาเล่นหัวผมแบบนี้มากๆ เลย


“หลังจากนี้ก็ขอต้อนรับเข้าสู่ชีวิตแบบผู้ใหญ่แล้วนะ”


ไออุ่นที่ไล้ไปตามแก้มชวนให้รู้สึกอบอุ่นจนอดเอียงหน้าเข้าหาไม่ได้ นิ้วอุ่นร้อนนั้นไล่ไปตามใบหน้าของผมอย่างเชื่องช้า ทั้งจมูก ทั้งปาก ทั้งเปลือกตา ทุกส่วนล้วนโดนสัมผัสโดยไม่มีข้อยกเว้น


ทุกส่วนไม่เว้นแม้กระทั่งปลอกคอสีดำที่สวมอยู่บริเวณคอ


“หลังจากนี้...”


เสียงของเขาแผ่วเบาคล้ายเสียงกระซิบ หากกลับแฝงไปด้วยกระแสอารมณ์บางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ ฮานไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับผมมาก่อน บางทีนี่อาจจะเป็นความฝัน


ใช่ ต้องเป็นฝันแน่ๆ


“คุณจะไม่ต้องใช้ปลอกคออีกแล้วนะครับ”


ไม่ต้องใช้ปลอกคอเหรอ มีแค่โอเมก้าที่โดนตีตราเท่านั้นที่ไม่ต้องใช้ปลอกคอ ทำไมฮานถึงพูดแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมน้ำเสียงของฮานถึงเป็นแบบนั้นล่ะ


อา ไม่ไหว ลืมตาไม่ขึ้นเลย


“หลับเถอะครับตัวเล็ก”


เสียงทุ้มต่ำนั้นราวกับมนต์สะกด สติของผมกำลังจะหายไปเต็มที


“แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ คุณคู่แห่งโชคชะตา”


สิ้นคำนั้น ภาพทุกอย่างก็พลันกลายเป็นสีดำ




****************************************************************************





หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 09-06-2019 19:21:47
เวลาฮานเรียกว่า ‘คุณตัวเล็ก’ นี่รู้สึกเขินมากกกกก :-[
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 09-06-2019 19:31:22
ละมุนรักระดับสิบ ตามติดจอขั้นสุด น่ารัก o13
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Mayana ที่ 09-06-2019 19:32:56
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 09-06-2019 19:49:35
ดีต่อใจ   :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 09-06-2019 20:22:02
นั่นแน่...เป็นคู่แห่งโชคชะตาซะด้วย~~~

จะต้อนน้องยังไงหนอ คุณฮาน ^^
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 09-06-2019 20:24:54
ฮานตอนเด็กกับตอนโตเนี้ยต่างกันเลยเนอะโตมาละมุมมากกกก เวลาเรียกคุณตัวเล็กครับ งี้เลาเขินนน>\\\<
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 09-06-2019 21:22:24
ฮานรู้มานานรึยังเนี่ยว่าเป็นคู่แห่งโชคชะตากัน!?
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 09-06-2019 21:42:28
คุณฮานดีมาก
คุณตัวเล็กของคุณฮานก็น่าเอ็นดูมาก อยากนั่งมองน้องนอนเลย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 09-06-2019 21:45:55
คู่แห่งโชคชะตาจริงๆ และคู่ที่ฮานเป็นคนกำหนดชะตาใช่ไหม  :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 09-06-2019 22:24:58
แงงงงงง. ไม่รู้เขินอะไรแต่เขินมากกกก ชอบค่ะ อยากได้เค้า55555
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 09-06-2019 22:28:37
คุณฮานร้ายมาก เตรียมตัววางแผนจะจับน้องซื่อๆของเราแล้ว ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเค้าเล้ยย แต่ที่แน่ๆหนีไม่พ้นแน่นอนน รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 09-06-2019 22:48:37
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-06-2019 07:05:16
ฮานเป็นคู่แห่งโชคชะตาเหรอ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 10-06-2019 11:41:48
ตอนอ่านเรื่องสั้นก็ว่าดีต่อใจแล้ว
พอเป็นเรื่องยาว มันดีต่อใจสุด ๆ

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 10-06-2019 18:33:39
คุณตัวเล็กนุ่มนิ่มขยายเป็นเรื่องยาว เย้ จุดพลุ!
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Childhood Friends [ครึ่งหลัง] - 09/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 10-06-2019 18:45:18
คู่แห่งโชคชะตาคุณฮานรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 16-06-2019 15:45:41

Bite & Bond





แสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านผ้าม่านสีขาวผืนบางเข้ามาต้องเปลือกตาบังคับให้ผมผมบอกลาห้วงนิทราออกมาอย่างเสียไม่ได้ ดวงตากลมลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะเบนสายตาไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ตรงผนังห้อง


เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย


ผมใช้มือสองข้างเขี่ยขี้ตาออกสลับกับบิดขี้เกียจอยู่พักใหญ่ก่อนจะเปลี่ยนค่อยๆ พยุงร่างกายโงนเงนให้ลุกขึ้นนั่งตรงได้ในอีกหลายสิบนาทีต่อมา


นอนดึกทีไรแล้วเป็นแบบนี้ทุกที


แต่ก็นะ เรื่องแบบนี้มันเลี่ยงได้ที่ไหนกันล่ะ...


ผมขยับตัวไปทางซ้ายทีขวาทีอีกสองสามครั้งเพื่อไล่อาการงัวเงีย จากนั้นจึงเริ่มดำเนินกิจวัตรประจำวันอย่างที่ควรจะเป็นจนถึงประมาณบ่ายโมง จากนั้นการทำงานของผมก็เริ่มต้นขึ้น


การทำงานที่ผมรัก การทำงานในอาชีพที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด...


หน้าจอคอมสว่างจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้า โปรแกรมสำหรับพิมพ์งานเอกสารที่เปิดค้างเติ่งไว้ตั้งแต่เมื่อวานดูเหมือนว่าจะมีที่ว่างมากกว่าตัวหนังสือ


น่าหดหู่ใจเสียไม่มี


ผมทิ้งแผ่นหลังลงพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีหมดแรงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


ตั้งแต่เรียนจบ นี่ก็ปาเข้าไปเดือนที่สามแล้ว ทั้งที่พยายามยื่นใบสมัครไปตั้งมากมายแต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าจะชวดมันเสียทุกงาน สุดท้ายก็เลยทำได้แค่พยายามปั่นต้นฉบับนิยายระหว่างรอให้บริษัทสักแห่งติดต่อมา ฝันหวานเอาไว้ว่าถ้าสามารถเขียนนิยายที่ผู้คนชื่นชอบจนสามารถขายได้มากมายก็คงจะดี


แต่ก็นะ ฝันก็คือฝันนั่นล่ะ


ถึงแม่จะเคยเปรยขึ้นเป็นทำนองว่า ‘ถ้าไม่ไหวก็กลับมาอยู่บ้านเรานะลูก’ ก็เถอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็ดันมาพบว่า ไอ้การบากหน้ากลับไปบอกพ่อแม่ว่าที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาเรียนถึงมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงนั้นมันช่างเสียเปล่าน่ะเป็นเรื่องยากที่สุดเท่าที่คนๆ นึงจะทำได้เลย


งานก็หาไม่ได้ เงินเก็บก็ร่อยหรอลงทุกวัน ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาทำงานพิเศษช่วยอาจารย์ที่ห้องสมุดควบคู่ไปกับการรับเงินค่าเทอมจำนวนน้อยนิดจากพ่อแม่มาด้วยก็เลยพออยู่ได้แบบเดือนชนเดือน แต่พอจบแล้ว งานพิเศษตรงนั้นก็ต้องส่งต่อให้รุ่นน้องที่ยังเรียนอยู่เพราะคุณสมบัติที่ระบุไว้ก็คือ ‘งานพิเศษสำหรับนักศึกษา’ พอไม่เป็นนักศึกษาแล้วก็เลยทำต่อไม่ได้ ไอ้ครั้นจะไปหางานพิเศษข้างนอกทำตอนนี้มันก็ท่าจะลำบาก


ก็แหม ผมนอนน้อยกว่าเก้าชั่วโมงไม่ได้นี่นา แต่พวกงานพิเศษสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นพวกงานร้านสะดวกซื้อช่วงกลางคืน ไม่ก็งานก่อสร้างช่วงกลางคืนเท่านั้น ถ้าขืนสมัครไปเดี๋ยวเขาคงโดนไล่ออกเพราะหลับในหน้าที่อยู่ดี


เอ๊ะ แต่อันที่จริง แต่ถ้าเป็นงานพวกร้านกาแฟหรือจะเป็นพวกงานร้านอาหารก็น่าจะพอไหวอยู่นะ ถึงตำแหน่งพาร์ทไทม์สำหรับผู้ใหญ่จะน้อย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่พยายามอะไรเลย


แผ่นหลังเล็กกลับมาตั้งตรงอีกครั้งในขณะที่กรอกข้อมูลค้นหาตำแหน่งงานลงในคอมพิวเตอร์ตรงหน้า


อย่างน้อยผมก็ควรเตรียมตัวเอาไว้บ้าง เผื่อว่าสักวันหนึ่งอาจจะโดนขอให้ออกไปอยู่ที่อื่นก็ได้...


โดนขอให้ออก...งั้นเหรอ


ดวงตาของผมกวาดมองไปรอบห้องด้วยสีหน้าหม่นหมอง ภาพความทรงจำในวันเก่าย้อนคืนกลับมาในหัวคล้ายต้องการย้ำเตือนว่าสถานที่นี้ไม่ใช่ที่ของผมเลย


นั่นสินะ สาเหตุที่ทำให้ผมได้มาอยู่ที่นี่น่ะ ย้อนกลับไปคิดถึงแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน


ในตอนนั้น ผมเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีที่เพิ่งเดินทางเข้ามาในเมืองหลวงด้วยตัวคนเดียวครั้งแรก การสอบติดมหาวิทยาลัยเป็นของแปลกในหมู่บ้านเขา แปลกพอๆ กับการเดินทางเข้าไปในเมืองหลวง เท่าที่จำได้ พวกผู้คนในหมู่บ้านไม่ค่อยเดินทางถ้าไม่จำเป็น สาเหตุคงเพราะอาชีพเกษตรกรรมนั่นล่ะ เรือกสวนไร่นาเหล่านั้นจำเป็นต้องมีคนดูแลและเฝ้าระวัง หากเสียหายไปก็อาจจะหมายถึงหายนะของชีวิตและครอบครัว


พวกคนคนหนุ่มในหมู่บ้านเอง ถ้าไม่เรียนกันที่มหาวิทยาลัยในเมืองใกล้ๆ ก็เลือกที่จะกลับมาทำงานช่วยครอบครัวหลังจากจบโรงเรียนมัธยมปลายกันเป็นส่วนใหญ่ ผมก็เลยกลายเป็นแกะดำที่น่าแปลกประหลาดใจ


ผมก็เลยกลายเป็นไอ้งั่งเพราะไม่รู้สักนิดว่าการเข้ามาเรียนในเมืองใหญ่แบบนี้ต้องทำอะไรบ้าง


วันนั้น เป็นวันที่กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าฝนจะตกหนักที่สุดในรอบเดือน รถไฟจากรัฐโอเซน บ้านเกิดของผมเข้าเทียบท่าที่ชานชาลาในเวลาเที่ยงวันตรงตามกำหนดการในตั๋วพอดิบพอดีเป๊ะ ในชุมทางรถไฟใหญ่นั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ กว่าจะออกจากสถานที่นั้นมาได้ ผมก็ใช้พลังงานไปจนแทบหมดหลอด


รสบัสที่นั่งเคลื่อนที่ผ่านสถานที่สำคัญของประเทศที่เคยเห็นแค่เพียงภาพในหนังสือมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา ตึกสูงระฟ้าจนแทบจะขึ้นไปแตะปุยเมฆเหล่านั้นก็ดูไม่ได้เกินจริงไปจากคำพูดของคุณลุงข้างบ้านที่เคยเล่าให้ฟังเลยสักนิด รถยนต์มากมายที่สัญจรไปมา ร้านรวงต่างๆ ที่เปิดไฟตกแต่งสวยงามเตรียมรับเทศกาลเฉลิมฉลองในฤดูใบไม้ร่วง


ภาพเหล่านั้นช่างแปลกตาและผมมั่นใจยิ่งกว่ามั่นใจว่า น้อยคนในเมืองโอเซนจะเคยเห็นทิวทัศน์เหล่านี้ ยิ่งในหมู่บ้านของผมยิ่งไม่ต้องพูดถึง


สวย...สวยจนจับใจ นี่สินะ ความศิวิไลซ์ของเมืองหลวง


‘สถานีถัดไป มหาวิทยาลัยเอียนเด สถานีถัดไป มหาวิทยาลัยเอียนเด กรุณาตรวจสอบสัมภาระของท่านก่อนลงจากรสโดยสาร ขอบคุณค่ะ’


เสียงเตือนที่ดังออกมาจากลำโพงทำให้ผมต้องละสายตาจากภาพวิวด้านนอกแล้วกุลีกุจอขนย้ายสิ่งของไปยืนรอบริเวณหน้าประตูรถเพื่อเตรียมลงในป้ายถัดไป


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ รถบัสก็หยุดลงพร้อมกับประตูที่เปิดออก วินาทีที่ได้เห็นมหาวิทยาลัยด้วยสองตาของตัวเองครั้งแรก
หัวใจของผม เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมาจากอกอย่างไรอย่างนั้น

“เอ๊ะ หอพักเต็มแล้วเหรอครับ”


“ค่ะ หอพักของมหาวิทยาลัยเราต้องจองผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ซึ่งตอนนี้ระบบก็ปิดไปแล้ว และเราไม่มีนโยบายรับนักศึกษาเข้าพักเพิ่มผ่านการวอร์คอินค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”


ทำไม...ถึงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ


“ถ้ายังไง นักศึกษาลองไปเดินดูที่เลคทาวน์ที่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลดูนะคะ ที่เมืองนั้นมีหอพักนักศึกษาเยอะ ตอนนี้ก็น่าจะยังพอหาห้องว่างได้อยู่บ้าง”


เลคทาวน์...เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่อยู่กับมหาลัย เมืองที่ค่าครองชีพแพงหูฉี่พอๆ กับวิวทิวทัศน์ที่สวยเกินห้ามใจนั่นน่ะเหรอ...
ไม่ไหวหรอก เงินที่มีอยู่ในกระเป๋าตอนนี้น่ะเช่าโรงแรมข้างนอกในแถบนี้นอนยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ


“เอ่อ ไม่ทราบว่านอกจากเลคทาวน์แล้ว พอจะมีที่อื่นอีกไหมครับ”


“ถ้าไม่ใช่เลคทาวน์เหรอคะ” เธอทำท่าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ “ก็ต้องเป็นเมืองเฟนที่อยู่ห่างออกไปเกือบยี่สิบกิโลเลยล่ะค่ะ ฉันว่ามันไม่เหมาะหรอกนะคะ เมืองนั้นอยู่ไกลเกินไป ที่สำคัญ...”


เธอลดเสียงลงจนกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบ


“เมืองนั้นอาชญากรรมชุกชุมเชียวค่ะ อย่าเสี่ยงดีกว่า”


สิ้นหวัง สิ้นหวังโคตรๆ


“ขอบคุณครับ”


“ยินดีค่ะ”


สุดท้ายแล้วผมก็ทำได้เพียงแค่พูดขอบคุณแล้วก็เดินจากมาเท่านั้นเอง


ผมทอดสายตามองสัมภาระมากมายที่กองอยู่ตรงทางเดินเข้าหอด้วยความสิ้นหวัง แต่เรื่องนี้จะให้ไปโทษใครอื่นก็คงไม่ได้ ถ้าขอเพียงแค่ผมหมั่นเข้าไปใช้บริการร้านอินเทอร์เน็ตในตัวเมืองถี่สักหน่อยก็คงจะรู้ข่าวเร็วกว่านี้


ช่างเถอะ รู้สึกเสียใจไปก็เท่านั้น อย่างไรเสียก็ไม่มีวันได้เข้าอยู่ในหอพักนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว สู้เอาเวลามานั่งคิดว่าจะทำยังไงให้คืนนี้ตัวเองมีที่ซุกหัวนอนดีกว่า


อา โจทย์ยากเกินไป ขอผ่านไปก่อนได้ไหมครับ...


ในขณะที่ผมกำลังนั่งถอนหายใจอยู่นั้น เสียงฟ้าร้องที่มาพร้อมกับสายลมกรรโชกที่พัดวูบผ่านหน้าไปทำให้ผมต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่สายฝนจะสาดซัดลงมาจนสัมภาระทุกอย่างเละเทะไปหมด


แต่ว่า...จะไปไหนดีล่ะ


ให้กลับเข้าไปในสำนักงานหอพักก็คงไม่ได้ จะไปที่อื่นก็ไม่รู้ว่าควรหรือต้องไปที่ไหน


-ครืน-


แย่แล้ว แย่จริงๆ แล้วสิ ถ้าที่นี่เป็นโรงเรียนสมัยมัธยมก็แค่เอาตัวเองไปหลบในห้องสมุดจนฝนหยุดตกแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้แท้ๆ ....เอ๊ะ...


ผมหยิบแผนที่มหาวิทยาลัยที่ปริ้นต์ติดมือไว้มากางออกพลางกวาดตามอง


ห้องสมุดของมหาลัยก็ไม่ได้ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่นี่นา


...ได้การล่ะ...


แผนที่แผ่นใหญ่ถูกพับเก็บยัดลงกระเป๋าเสื้อตามเดิมก่อนที่มือสองข้างจะจัดการหยิบคว้าเอาสัมภาระทั้งหมดมาถือว่า แล้วผมก็เริ่มออกเดิน


มหาวิทยาลัยเอียนเดไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับหนึ่งของประเทศ ไม่ใช่แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่มหาวิทยาลัยที่อยู่ในลำดับโหล่หรืออะไร จะเรียกว่ากลางๆ ค่อนไปทางบนก็คงจะได้ อันที่จริง ผมไม่ได้สนใจเรื่องลำดับของมหาวิทยาลัยอะไรนั่นสักเท่าไหร่หรอก สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ น่ะ...


“เลโอนาร์ด เอียนเด”


ผมอ่านชื่อป้ายอนุสาวรีย์รูปปั้นขนาดเท่าคนจริงที่ตั้งอยู่ตรงหน้าอาคารสีขาวหลังใหญ่ด้วยความรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ชายชราตรงหน้านี้ ไม่สิ ต้องเรียกว่า ท่านผู้นี้คือเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวที่ทำให้ผมเลือกที่จะจากบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลแสนไกลเพื่อมาอยู่ตรงนี้ ไอดอลเพียงหนึ่งเดียวที่ผมเคารพรักจากใจอย่างไร้ข้อแม้


เลโอนาร์ด เอียนเด นักเขียนผู้เลื่องชื่อ หนึ่งในผู้ร่างคำประกาศอิสรภาพทาสเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ทั้งก่อตั้งมหาวิทยาลัยที่เน้นศาสตร์ด้านวรรณกรรม ทั้งส่งเสริมให้ศิลปะของประเทศนี้เจริญขึ้นสู่จุดสูงสุดจนเป็นผลพวงให้อาชีพนักเขียนและศิลปินในประเทศเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้


ทำไมถึงได้เป็นคนที่น่าเคารพยกย่องขนาดนี้กันน้า


 “นี่”


ในขณะที่ผมกำลังชื่นชมอนุสาวรีย์ของไอดอลอยู่นั้นก็พลันมีเสียงเรียกปริศนาที่ดังขึ้นจากด้านหลังจนผมต้องรีบหันขวับไปมอง
คนที่เอ่ยเรียกผมเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผมของเขาเป็นสีดำขลับรับกับตาสีเดียวกันที่ซ่อนอยู่หลังแว่นสายตา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชายคนนี้เป็นคนที่ค่อนข้าง...อืม...ดูดีอย่างที่หาไม่ได้ในหมู่บ้านที่ผมจากมา ผิวสีแทนของเขานั้นก็แปลกประหลาด มันทั้งสวยทั้งน่าดึงดูดพิกล แต่ที่สำคัญเหนือเสน่ห์เย้ายวนของสีผิวสวยนั้น ผมเผลออดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นใครกันแน่ ในเมื่อลินเดียเป็นประเทศที่ค่อนข้างหนาว แถมเสียงอาทิตย์ก็ไม่ค่อยมี ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่เลยมีผิวขาวจัดค่อนไปทางซีดมากกว่าจะเป็นผิวสีแทนสวยสุขภาพดีแบบนี้


ท่าทางจะเป็นลูกคนรวยที่มีเงินไปนอนอาบแดดที่ประเทศทางใต้ซะละมั้ง


ผมค้อมหัวให้เขาเล็กน้อยเป็นการทักทายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป อีกฝ่ายที่มีท่าทางเหมือนอย่างจะพูดอะไรสักอย่างเมื่อครู่นี้ พอเห็นหน้าผมก็ดันเงียบไปเสียเฉยๆ ซะอย่างนั้น


อะไรกันเล่า อยากพูดอะไรก็พูดสิ ทำท่าทางแบบนี้แล้วมันน่าหงุดหงิดแปลกๆ นะ


ในขณะที่ผมกำลังบ่นขิงบ่นข่าอยู่ใน จู่ๆ ในหัวมันก็ดันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เสียอย่างนั้น


ลูกคนรวย ผิวสีแทน ผมสีดำ ตาสีดำงั้นเหรอ...เอ รู้สึกเหมือนว่าจะเคยเจอคนที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อนนี่นา...ใครกันน้า เหมือนจะเป็นใครสักคนที่เคยเจอเมื่อตอนเด็กๆ...


ในขณะที่ผมกำลังตบตีกับความทรงจำในหัวของตัวเองอยู่นั้น หางตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายแปลกหน้าอีกคนกำลังเดินดุ่มๆ เข้ามาอย่างหมายมาด


“เฮ้ เจเล็ต คนรู้จักเหรอ”


เอ๊ะ


คำพูดจากชายที่กำลังเดินเข้ามาทำให้ผมต้องหรี่ตามองชายตรงหน้าอย่างตั้งใจยิ่งขึ้นกว่าเก่า


เจเล็ต...เหรอ


“เฮ้ยๆ อะไรกันหมอนี่ เด็กใหม่ไม่ใช่เหรอ อย่ามาจ้องเจเล็ตสุ่มสี่สุ่มห้าสิวะ”


ผู้ชายคนนั้นเดินเอาตัวเข้ามาขวางระหว่างผมกับชายผมดำคนแรกด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรนัก ตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่าตรงหน้าผมมีผู้ชายตัวโตผมทองที่กำลังยืนทำหน้าตาถมึงทึงแทนชายผมดำที่เอ่ยทักเมื่อครู่ไปเสียได้


ไม่เอาน่า จะมามีเรื่องตั้งแต่ก่อนมหาลัยเปิดแบบนี้ไม่ได้นะ


“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรหรอกนะครับ” ผมพยายามอธิบายพลางไหวมือไปมาเป็นการปฏิเสธ “แบบว่า...เขาแค่หน้าคล้ายเพื่อนสมัยเด็กของผมเฉยๆ น่ะครับ”


ชายหนุ่มที่เพิ่งมาใหม่เลิกคิ้ว


“เพื่อนวัยเด็กเหรอ” แล้วเขาก็พลันหัวเราะออกมา “อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลยน่า”


เสียงหัวเราะนั้นเงียบลงก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน


“นายน่ะดูยังไงก็เป็นเด็กใหม่ อายุคงน้อยกว่าพวกฉันสักสามสี่ปีอย่างต่ำ ที่สำคัญนะ...”


ปลายนิ้วชี้ใหญ่มุ่งตรงมายังผมอย่างจำเพาะเจาะจง


“พวกฉันไม่ค่อยนิยมคบค้าสมาคมกับพวกโอเมก้าสักเท่าไหร่น่ะนะ”


อึก


ความรู้สึกจุกอกที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจทำให้ผมเผลอก้มหน้าต่ำลงพร้อมกับเอื้อมมือไปดึงคอเสื้อปิดปลอกคอสีดำของตัวเองโดยอัตโนมัติ


เรื่องชนชั้นอะไรนั่น ต่อให้มีกฎหมายออกมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรสินะ


ฟันของผมขบเข้าหากันอย่างแค้นใจ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีพลังมากพอจะพูดต่อต้านอะไรออกไป


ไม่ใช่ไม่อยากสู้ แต่เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำพูดที่มาจากคนต่ำกว่านั้นย่อมไม่ได้รับการรับฟัง


ตราบใดที่ผู้คนในประเทศนี้ยังยกย่องชื่นชมกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวให้เหนือกว่าคนอื่นอยู่ ความเท่าเทียมระหว่างอัลฟ่า เบต้า และโอเมก้านั้นคงไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้แน่ สุดท้าย กฎหมายก็จะเป็นเพียงกระดาษที่ถูกทำให้ไร้ค่าโดยคนในสังคมของตัวเอง
น่าเวทนา...ประเทศนี้ช่างน่าเวทนาเหลือกะ...


“พูดมากเกินไปแล้วนะเมเน็ต”


เอ๊ะ?


“ป่านนี้แล้ว ยังใส่ใจเรื่องชนชั้นไร้สาระพวกนั้นอีกรึไง”


ผมค่อยๆ ลดมือลงจากคอเสื้อก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนพูดช้าๆ


“จะเป็นอัลฟ่า เบต้า หรือโอเมก้า ทุกคนก็มีหนึ่งชีวิตเท่ากันทั้งนั้นล่ะ อีกอย่าง...”


แล้วตอนนั้นเอง นัยน์ตาสีรัตติกาลของเขากับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของผมก็สบเข้าหากัน


“อัลฟ่าน่ะ ไม่สามารถอยู่โดยขาดโอเมก้าได้หรอก”


แล้วตอนนั้นเอง สายลมแห่งโชคชะตาก็เริ่มโหมกระหน่ำรอบตัวพวกเรา...










“อะ...”


เรื่องพวกนั้น ผ่านมากี่ปีแล้วนะ


“เอ...”


ทั้งที่ผ่านมาตั้งนาน ไม่รู้ทำไมผ่านที่จำได้ถึงยังชัดเจนอยู่ได้ขนาดนี้


“เอล...”


หรือบางที นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าผมกำลังแก่รึเปล่านะ


“เอมานูเอล เฟอเรส!”


“ครับอาจารย์!”


เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ผมเรียนจบแล้วนี่ มันจะไปมีอาจารย์ได้ยังไงล่ะ อีกอย่างผมก็ยังอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์ด้วย เพราะฉะนั้น...


“ฮาน!”


ผมตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยความหัวเสีย และเมื่อหันหน้ากลับไปเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังหัวเราะจนตัวงอแล้วก็ยิ่งชวนหงุดหงิดเข้าไปใหญ่


“ฮานเงียบเลยนะ!”


ไม่ว่าเปล่า ผมยังกระโดดผลุงจากเก้าอี้ไปดึงแขนเป็นเชิงปรามอีกคนเอาไว้ด้วย


แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่น่ะนะ...


“ครับอาจารย์เหรอ ฮ่าๆ แสดงว่านี่แอบหลับในห้องเรียนบ่อยใช่ไหม”


โอ๊ย เขารู้ความลับของผมเข้าเสียแล้ว น่าอายเป็นบ้าเลย


“จะหลับหรือไม่หลับก็เรียนจบเหมือนกันล่ะน่า!”


“แต่ท่าทางเมื่อกี้นี่ตลกจริงๆ นะ”


“ฮาน!”


สิ้นเสียงของผมเขาก็ยกมือสองข้างชูขึ้นกลางอากาศเป็นเชิงยอมแพ้


“โอเคๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้”


แล้วสีหน้าล้อเล่นเมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็นจริงจังในชั่วพริบตา


รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ


“ฮาน มีอะไรรึเปล่า”


อีกฝ่ายไม่ได้ตอบกลับมาในทันที นัยน์ตาสีดำไล่มองผมหัวจรดเท้าอยู่อึดใจก่อนจะเอ่ยปากออกมา


“เดือนนี้คุณไม่เห็นมาขอยาผมเลย”


ยางั้นเหรอ ยาอะไรกันล่ะ...


เอ๊ะ


ปากของผมค่อยๆ เปิดออกทีละนิดก่อนจะ...


“อ๊า! แย่แล้ว แย่แล้ว แย่แล้วแน่ๆ เลยฮาน” ผมว่าพลางเขย่าแขนเขาไม่เบานัก “ลืมกินยาอะ ลืมไปเลย แย่แล้ว แย่แน่ๆ เลย”


สภาพผมในตอนนี้ไม่ต่างจากหนูแฮมสเตอร์ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอมุดเข้าไปในซอกที่มีเจ้าแมวลายเสือเป็นเจ้าถิ่นเลยสักนิด ใจของผมได้หล่นหายไปอยู่ตาตุ่มเป็นที่เรียบร้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เผลอทำสิ่งผิดพลาดที่โง่เง่าที่สุดลงไป


ไอ้เจ้าบ้าเอมานูเอล ลืมอะไรไม่ลืม ดันลืมกินยากันฮีทเนี่ยนะ!


โอ๊ย แย่แน่ แย่แน่ๆ


ผมผละจากท่อนแขนใหญ่ของฮานก่อนจะพุ่งตัวไปยังปฏิทินตั้งโต๊ะที่กางอยู่ไม่ไกลนัก ปากกาสีน้ำเงินถูกหยิบขึ้นมาคำนวณความน่าจะเป็นลงบนกระดาษปฏิทินอย่างรวดเร็ว


วันนี้วันที่ยี่สิบห้า ปกติแล้วไข่ผมจะตกในช่วงวันที่สามสิบ


อา แย่จริง อีกห้าวันเท่านั้นเอง


ตามหลักการทำงานของยากันฮีท เป็นอันรู้กันโดยสากลว่าต้องกินก่อนวันไข่ตกสองอาทิตย์ ถ้ากินหลังจากนั้นประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงเรื่อยๆ จนถึงไม่สามารถแสดงผลได้ ห้าวันที่เหลือ อย่างไรเสียก็คงไม่ทัน เพราะปกติแล้วฮีทของโอเมก้าจะเริ่มก่อนวันไข่ตกประมาณสามถึงห้าวัน นั่นหมายความว่าคืนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าผมจะเริ่มฮีท และอาการฮีทก็คงจะเริ่มขึ้นและจะอยู่อย่างนั้นไปจนกว่าจะถึงวันที่เจ็ดเดือนหน้า


หมดกัน แผนหางานพิเศษทำ


ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลัง


“ฮาน ผมขอโทษนะ แต่ตั้งแต่คืนนี้ไปผมขอ...”


อ๊ะ อะไรกันความรู้สึกนี้


ไม่นะ อย่าบอกนะว่า


ร่างกายที่จู่ๆ ก็รู้สึกร้อนขึ้นมาราวกับถูกเอาไปวางไว้บนเตาถ่านไร้ซึ่งเรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิง ขาสองข้างที่เคยพยุงตัวเองเอาไว้ก็พลันอ่อนแรงลงจนทำให้ตัวผมล้มพับลงไปกับพื้น


บ้า...บ้าชะมัด


“ไม่ทันแล้วล่ะเอล”


น้ำเสียงแบบนั้นของฮาน ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย


ใบหน้าของผมเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนก้มหน้านิ่งที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลนัก กลิ่นหอมหวานแปลกประหลาดโชยออกมาคละคลุ้งไปทั้งห้องจนชวนปวดหัว นัยน์ตาของผมพร่าเบลอลงอย่างน่าสังเวท ผมพยายามหรี่ตาลงเพื่อให้สามารถมองคนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาได้ชัดขึ้น


ผมอยากรู้ว่าเขาคนนั้น เพื่อนวัยเด็กของผมคนนั้น กำลังเป็นยังไง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเส้นทางที่พวกเรากำลังจะเลือกเดินต่อจากนี้ไม่อาจจะย้อนกลับได้อีกแล้วก็ตาม


แต่ถ้าเกิด...ถ้าเกิดว่าเขาอดทนพาตัวเองเดินออกไปได้ ถ้าเกิดว่าผมกับเขาไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากัน ถ้าเกิดมันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ฮานก็จะไม่เกิดอาการรัท และนั่นจะเป็นโอกาสให้ผมกับเขาสามารถเดินด้วยกันในเส้นทางสายเดิมได้


ถ้าโชคชะตาไม่ยอมรับ พวกเราก็คงจะสามารถเป็นเพื่อนกันต่อไปได้...


“เอมานูเอล เฟอเรส”


กลิ่นหอมคล้ายกลิ่นดอกมะลิคละคลุ้งไปทั่วห้องรุนแรงกว่าเมื่อครู่มากเสียจนผมเริ่มจะตั้งสติไม่อยู่เข้าไปทุกที


กลิ่นนี้ไม่ใช่กลิ่นของผม...ไม่ใช่กลิ่นของชาวลินเดียคนไหนทั้งนั้น กลิ่นดอกไม้เมืองร้อนแบบนี้ ไม่มีทางพบเจอได้ในสายเลือดของชาวลินเดียที่เป็นผู้คนในแถบเมืองหนาวแน่


เมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนั้นได้ เปลือกตาทั้งสองของผมก็ปิดลงพร้อมกับมีคำพูดที่เคยได้ฟังเมื่อนานมาแล้วผุดขึ้นมาในหัว


‘โดยทั่วไปแล้ว อัลฟ่าสามารถปล่อยกลิ่นของตนเพื่อข่มศัตรูหรือแสดงอาณาเขตได้ แต่กลิ่นพวกนั้นน่ะต่างกับกลิ่นตอนที่อัลฟ่าเกิดอาการรัทอยู่มาก’


เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ผมเริ่มเตรียมใจ


‘อาการรัทคืออาการที่อัลฟ่าสูญเสียการควบคุมตัวเองเนื่องมาจากกลิ่นและฮอร์โมนจากฮีทของโอเมก้า เมื่อไหร่ก็ตามที่อัลฟ่าเกิดอาการรัท กลิ่นที่แท้จริงของพวกเขาจะโชยออกมาในปริมาณที่เข้มข้นมหาศาล แม้เบต้าจะไม่สามารถรับรู้กลิ่นได้ แต่สำหรับโอเมก้านั้นเรียกว่าเป็นภัยร้ายมหันต์ กลิ่นนั้นจะทำให้พวกเธอ...เหล่าโอเมก้าทั้งหลาย ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทั้งสติสัมปชัญญะก็จะถูกลบเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว และขอเตือนเอาไว้ตรงนี้เลยว่า อัลฟ่าที่กำลังเกิดอาการรัทนั้นเป็นอะไรที่อันตรายยิ่งกว่าเครื่องจักรสังหาร พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่าถ้าต้องการ เพราะฉะนั้น เหล่าเบต้าและโอเมก้าผู้เป็นศิษย์ครูทั้งหลาย จงจำไว้ว่าอย่าได้เข้าไปยุ่งกับอัลฟ่าที่เกิดอาการรัทสุ่มสี่สุ่มห้าเชียว ถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรก็จงแจ้งตำรวจไว้ก่อน เข้าใจไหม’


หลังจากนี้ ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป


ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝ่ามืออุ่นบริเวณลำคอ


‘แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าพวกลูกศิษย์ตัวน้อย ถึงอัลฟ่ารัทจะดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วเหล่าอัลฟ่านั้นไม่ได้รัทกันง่ายๆ’


นิ้วมือเรียวไล้ไปตามปลอกคอสีดำรอบคอของผมคล้ายต้องการจะหาที่ปลดล็อก แต่ผมรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ปลอกคอของโอเมก้าถูกออกแบบมาให้คนใส่เท่านั้นที่สามารถถอดได้เพื่อป้องกันการโดนกัดคอจับคู่โดยไม่สมยอม


แต่ตอนนี้ มันไม่มีประโยชน์แล้ว


มือของผมเอื้อมไปแตะบริเวณด้านหลังของปลอกคอก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่า


“ปลดล็อก”


แล้วทันใดนั้นปลอกคอก็หลุดออกไป


ผม...ตัดสินใจแล้ว


‘จริงอยู่ที่อัลฟ่ากับโอเมก้าจะเรียกร้องหากันและกันระหว่างช่วงฮีทเพื่อการผสมพันธุ์ แต่จงจำไว้ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่โอเมก้าฮีท อัลฟ่าจะต้องรัท และไม่ใช่ว่าการฮีทของโอเมก้าจะส่งผลต่ออัลฟ่าทุกคนเท่ากัน บางครั้งอาการฮีทของโอเมก้าเออาจจะไม่ได้ส่งผลต่ออัลฟ่าบีสักเท่าไหร่ แต่ในขณะเดียวกันอาการฮีทของโอเมก้าเอ อาจจะทำให้อัลฟ่าซีคลั่งและดุร้ายราวกับสัตว์ป่า หรือที่เราเรียกกันว่ารัทขึ้นมาได้ เหตุผลที่อัลฟ่าจะรัทขึ้นมานั้นมีอยู่เพียงแค่สองข้อเท่านั้น’


“ตัวเล็กของผม เอมานูเอลของฮาน”


เสียงที่กระซิบอยู่ข้างใบหูนั้นทั้งต่ำ ทั้งแหบพร่าจนคล้ายเสียงคำราม


‘ถ้าหากไม่เป็นคู่แห่งโชคชะตากัน อัลฟ่านั้นก็ต้องรู้สึกรักและหวงแหนโอเมก้าคนนั้นมาก แน่นนอนว่าไม่ใช่แค่ความรู้สึกรักและอยากปกป้องแบบทั่วไป การที่อัลฟ่าจะรัทขึ้นมาได้ทั้งที่ไม่ได้มีโชคชะตาเป็นตัวช่วย ความรู้สึกที่ใช้กระตุ้นมันต้องรุนแรงกว่าแค่ความรักธรรมดา และครูหวังไว้ตรงนี้ว่าคงไม่มีลูกศิษย์ของครูคนไหนจะต้องเผชิญหน้ากับกรณีที่สองนะ เพราะความรู้สึกแบบนั้นจะเรียกว่าความรักได้เต็มปากไหมก็ไม่รู้’


สัมผัสอุ่นของหน้าอกแกร่งที่ทาบทับลงบนแผ่นหลังทำให้ร่างกายสั่นเทิ้มจนไม่อาจควบคุม


‘ความรักที่รุนแรงจนสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการรัทขึ้นมาได้ หากไม่บิดเบี้ยวจนผิดรูปร่างก็คงรุนแรงและบ้าคลั่งดั่งพายุหมุน หากวันหนึ่งมันระเบิดออกมา เมืองทั้งเมืองอาจจะราบเป็นหน้ากลองก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นเหล่าโอเมก้าทั้งหลาย...’


ลมหายใจอุ่นร้อนถอยห่างจากลำคอของผมไปชั่วขณะหนึ่ง เพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น


‘จงภาวนาให้ได้เจอกับคู่แห่งโชคชะตาแทนที่จะต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนแห่งพันธนาการที่แสนอันตรายนั้นเถอะ’


แล้วคมเขี้ยวของหมาป่าคลั่งก็สลึกลงบนร่างผมลึกไปจนถึงแก่นวิญญาณ




*******************************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: PandP ที่ 16-06-2019 17:36:00
ฮานรัทเพราะแบบที่ 2 อ่อออ น่ากลัวอ่าาา
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 16-06-2019 17:52:15
เห้ยยยยย น้องยังไม่เจอคู่หรอ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 16-06-2019 18:07:39
แต่นี่ก็เป็นคู่แห่งโชคชะตานี่นาเนาะ ^^

เอ...หรือคุณฮานต้องอดทนมานานกันแน่ อิอิ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 16-06-2019 18:22:57
หวีดแรงมากก
คุณอัลฟ่าไม่ใช่โซลเมตนุ่มนิ่ม
แต่รักน้องมากใช่ไหม
ฮื่อออ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 16-06-2019 19:44:37
เป็นรัทแบบไหนก้อไม่รู้แต่พี่แอบคิดว่า โรแมนติกอ่ะ  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 16-06-2019 20:08:03
หือออ คุณฮานนี่กรณีหลังใช่ไหมคะเนี่ย?
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 16-06-2019 21:28:48
 :a5:  ฮานรัทเพราะอย่างหลังเหรอ ?
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 16-06-2019 22:56:21
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 16-06-2019 23:06:09
เรางงอ่ะ ฮานกะน้องไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันหรอ รึใช่แล้วฮานทั้งรักทั้งหลงน้องจนรัน งงอ่า
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 16-06-2019 23:21:04
ฮานเป็นแบบหลังใช่ไหมเนี้ย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 17-06-2019 00:57:10
แต่ฮานรักคุณตัวเล็กมากนี่หน่า โซลเมตแหละ เชื่อเรา!!!
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 17-06-2019 01:04:09
รอตอนต่อไปค่า  :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 17-06-2019 09:20:32
กำลังลุ้น
รอตอนต่อไปค่ะ

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 19-06-2019 23:45:16
โซลเมทสิ เนื้อคู่แห่งโชคชะตา
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 20-06-2019 00:29:23
ฮานเป็นคู่แห่งโชคชะตาใช่ไหมม
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 20-06-2019 01:01:59
ถ้าอิงตามที่ฮานพูดทั้งคู่ก็เป็นคู่แห่งโชคชะตาของกันและกัน และการที่เอลเกิดอาการฮีทและฮานรัทขึ้นมาก็เพราะเป็นคู่แห่งโชคชะตา แล้วฮานก็ดูจะตั้งใจให้มันเกิดขึ้นด้วย เพราะบอกเอลว่าจะไม่ต้องใช้ปลอกคอแล้ว นี่ฮานวางแผนเตรียมพร้อมมากัดคอตัวเล็กเพื่อสร้างพันธะหลังตัวเล็กเรียนจบหรือเปล่าคะเนี่ย ไม่รู้ว่าความเป็นคู่แห่งโชคชะตากับความรักที่ฮานมีให้ตัวเล็กอันไหนเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้ฮานเกิดอาการรัทมากกว่ากัน และฮานกัดตัวเล็กแล้ว น้องก็ยินยอมโดยดีด้วย ฮือออ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจให้คุณนักเขียน ยังเขียนนิยายได้ดีเหมือนเดิมเลยค่ะ  ขอบคุณสำหรับการสร้างผลงานที่ดีนะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-06-2019 11:51:40
แล้วฮานรู้ตัวตอนไหนว่าตัวเองเป็นโซลเมทของเอล  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - Bite & Bond - 16/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: MANUTPLAII ที่ 23-06-2019 08:58:11
 :hao3:
น้องงงงงงงงง  คุณฮาน่าจะรู้อะไรเยอะแต่น้องไม่น่ารู้
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 23-06-2019 16:03:50


Knotting





ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ไหนกันนะ


“อ๊า”


เสียงนั่น ทำไมเหมือนเสียงของผมจัง


“ฮาน ได้โปรด”


ฮานเหรอ เกิดอะไรขึ้นกับฮานงั้นเหรอ


“เอล เอลของผม”


เสียงกระซิบข้างหูนี้ใช่เสียงของฮานแน่เหรอ ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เคยได้ยินเลยล่ะ แล้วสัมผัสอุ่นร้อนที่ล้อมอยู่รอบตัวนี้มาจากไหนกัน นี่ผมกำลังอยู่ที่ไหนกันนะ เมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกันนะ...เอ๊ะ...


“อ๊ะ”


เดี๋ยวสิเสียงนั่นมันออกมาจากปากของผมเองไม่ใช่เหรอ


“เด็กดี เด็กดีของผม”


นั่นก็เป็นเสียงของฮานไม่ผิดแน่ แต่ทำไมเขาถึงพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้นล่ะ


เอ๊ะ เดี๋ยวสิ ก่อนหน้านี้เหมือนจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นนี่นา...


‘ตัวเล็กของผม เอมานูเอลของฮาน’


เอ๊ะ


“ขอโทษนะตัวเล็ก แต่ผมไม่ไหวแล้วล่ะ”


เอ๊ะ


“ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากนี้ ผมจะรับผิดชอบเอง”


เอ๊ะ!


“อ๊า!”


สิ้นคำของเขา ปากมันก็พลันเปล่งเสียงเสียงออกมาทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจ ตอนนี้ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็พอจะรู้ตัวแล้วว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ สรุปอย่างง่ายคือผมฮีท และฮีทของผมก็ไปกระตุ้นให้ฮานเกิดอาการรัท แม้จะยังยืนยันไม่ได้ว่าอาการรัทของฮานในตอนนี้เกิดจากการที่เข้ารู้สึกกับผมมากเกินไปหรือเป็นเพราะเขาเป็นคู่แห่งโชคชะตาของผม


ตั้งแต่วินาทีที่คมเขี้ยวของเขาฝังลงบนต้นคอ เส้นทางของมิตรภาพระหว่างผมกับฮานก็จางหายไปแล้ว


หยาดน้ำรักอุ่นร้อนปริมาณมหาศาลที่พุ่งเข้ามาในร่างทำให้ผลเผลอขยับตัวหนีโดยอัตโนมัติ และเหมือนว่านี่คงเป็นปฏิกิริยาของโอเมก้าที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณ เพราะทันทีที่ผมขยับตัวคล้ายจะคลานหนี ท่อนแขนแกร่งของคนที่อยู่ด้านหลังก็พลันคว้าล็อกต้นขาของผมไว้ไม่ให้ไปไหน ในตอนแรกผมกะจะหันไปต่อว่าฮานที่ทำเกินกว่าเหตุไปอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่า...


“อย่าขยับ”


นัยน์ตาสีรัตติกาลสวยที่ผมหลงใหลคู่นั้นไม่เหลือแววตาของฮานในยามปกติอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สะท้อนออกมาจากตาคู่สวยมีเพียงสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่แสนดุร้ายเท่านั้น


นี่สินะ อาจารย์ตอนมัธยมถึงได้ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าได้เข้าไปใกล้อัลฟ่าที่กำลังรัท


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ร่างกายเบื้องล่างก็พลันรู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ปกติ คนที่อยู่ด้านหลังขยับตัวถอยห่างออกไปเล็กน้อยก่อนที่จะ...


“อ๊า!”


แรงกระแทกจากด้านหลังส่งให้บางสิ่งบางอย่างที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าจะหาได้ในร่างกายของเบต้าและโอเมก้าถูกดันเข้ามาในร่างของผม อวัยวะส่วนที่ถูกซ่อนเร้นเอาไว้ของอัลฟ่า...ของฮาน ถูกกระตุ้นด้วยอาการฮีทของผมจนถึงจุดสูงสุด และตอนนี้ มันก็กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างเต็มที่อย่างไม่น่าให้อภัย


สิ่งที่เพิ่งถูกดันเข้ามาในตัวผมหมาดๆ ขยายใหญ่ขึ้นและหามุมล็อกตำแหน่งลงในตัวผมได้พอดิบพอดีเสียจนโมโห เจ้าก้อนแข็งขยายล็อกร่างของผมให้ติดยึดอยู่กับคนด้านหลังโดยไม่อาจขัดขืนได้


บ้าจริง โดนน็อทเข้าเสียแล้ว


ก้อนเนื้อแข็งใหญ่ในตัวดูเหมือนจะขยายขึ้นอีกหน่อยเพื่อทำหน้าที่เสมือนจุกกั้นไม่ให้น้ำเชื้อชั้นดีของอัลฟ่าไหลย้อนหกออกไปให้เสียของ น้ำรักที่ยังพ่นพรายออกมาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดประกอบกับการทำหน้าที่ของเจ้าอวัยวะน่ารำคาญทำให้ผมเริ่มอึดอัดในช่องท้องมากขึ้นเรื่อยๆ จนต้องใช้มือทั้งสองกำผ้าปูเตียงจนยับยู่ยี่เพื่อระบายอาการไม่สบายตัว


อา นี่สินะสิ่งที่อาจารย์เคยบอกเอาไว้ ไม่สบายตัวเลยจริงๆ ด้วยสิ


‘อาการน็อทหรืออาการล็อกติดกับร่างของอัลฟ่านั้นเป็นเรื่องของธรรมชาติ กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นจากการที่อวัยวะพิเศษของอัลฟ่าขยายขนาดขึ้นในร่างของโอเมก้า อวัยวะนั้นจะทำหน้าที่ล็อกตัวโอเมก้าเอาไว้ไม่ให้ไปไหนเพื่อเพิ่มโอกาสในการผสมระหว่างเซลล์อสุจิกับเซลล์ไข่ เหตุผลที่ต้องเกิดกระบวนการนี้ก็เพราะเมื่อครั้งในอดีตหลายพันปีก่อน ก่อนที่มนุษย์จะมีสติปัญญาเช่นทุกวันนี้ การดำรงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งของกลุ่มย่อมต้องมีจ่าฝูง และจ่าฝูงย่อมไม่ยอมใช้โอเมก้าร่วมกับใคร เพราะฉะนั้นเจ้าอวัยวะนี้จึงมีหน้าที่เพิ่มโอกาสในการผสมพันธุ์และลดโอกาสที่จะให้อสุจิของอัลฟ่าตัวอื่นได้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นชีวิตใหม่’


ทั้งที่มนุษย์ในปัจจุบันวิวัฒนการมาได้ไกลถึงขึ้นมีนวัตกรรมทันสมัยมากมายแล้ว ทำไมถึงไม่ทำให้เจ้าสัญชาตญาณนี้หายไปด้วยนะ


‘ถึงจุดเริ่มต้นจะเกิดจากอัลฟ่าและโอเมก้า แต่แท้จริงแล้วอาการนี้สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ตามที่ผสมพันธุ์กับอัลฟ่า และเมื่อไหร่ก็ตามที่มันเกิดขึ้น จงอย่าได้ตื่นตระหนกไป โดยปกติแล้วอาการน็อทจะอยู่ประมาณสิบถึงสี่สิบห้านาที แต่ในรายของอัลฟ่าที่มีพละกำลังมากก็อาจจะอยู่ได้นานถึงเก้าสิบนาที เพราะฉะนั้น หากโอเมก้าถูกน็อทเมื่อไหร่ โอกาสตั้งครรภ์ก็จะพุ่งขึ้นสูงเกือบแตะร้อยละเก้าสิบเลยทีเดียว แต่ก็นะ อาการน็อทไม่ได้เกิดกันง่ายๆ ถ้าฮีทของโอเมก้าไม่ส่งผลต่ออัลฟ่านั้นรุนแรงพอ อาการน็อทก็จะไม่เกิด ตรงนี้ออกสอบนะ จดเอาไว้ด้วยล่ะ’


ตอนนี้เวลาผ่านไปกี่นาทีแล้วนะ แล้วถ้าต้องอยู่กับความอึดอัดนี้ไปจนถึงเก้าสิบนาทีอย่างที่อาจารย์เคยบอก ผมจะได้ทนได้ไม่นะ
บอกไว้ตรงนี้เลยว่าไม่ได้


“ฮาน”


ผมเรียกชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยสัมผัสความรู้สึกที่ในคอแห้งผากจนแทบเป็นผงแบบนี้มาก่อนเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าศึกที่ผมเจอนั้นหนักหนาขนาดไหน ในระหว่างที่สติของผมล่องลอยออกไป กายหยาบทางฝั่งนี้น่าจะรับมือหนักทีเดียว


อาการรัทของอัลฟ่านี่น่ากลัวจริงๆ


ดวงตาของผมลอบมองคนที่ยังติดยึดอยู่กับผมด้วยท่าทีสำรวจ ฮานดูสงบลงกว่าเมื่อครู่มาก แต่เพราะเขาก้มหน้าต่ำลง ผมเลยไม่มีโอกาสได้สังเกตว่าแววตาในตอนนี้ของเขาเป็นอย่างไร


เท่าที่รู้สึกตอนนี้ อาการร้อนรุ่มในตัวผมเบาลงไปมากแล้ว อันเป็นสัญญาณว่ากลิ่นฮีทที่ปล่อยมาก็น่าจะเบาบางลงไปด้วย
เอ๊ะ กลิ่นเหรอ...


ผมสูดหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่พลางพยายามแยกกลิ่นที่ดมเข้าไปในใจเงียบๆ


กลิ่นดอกมะลิ...จางลงแล้วนี่นา...


“ครับตัวเล็ก”


ฮานนะฮาน บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้เรียกว่าตัวเล็ก


ช่างเถอะ เรื่องนั้นเอาไว้ว่ากันทีหลัง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ...


“ฮานเคยน็อทรึเปล่า”


สิ้นคำของผม สัมผัสชวนจั๊กจี้ของเส้นผมก็พลันคลอเคลียลงบนแผ่นหลัง


ถ้าให้เดา ตอนนี้เขาคงกำลังเอาหัวถูไถไปกับแผ่นหลังของผมแน่ๆ เลย


“ไม่เคย”


เสียงของเขายังแหบพร่าคล้ายเสียงคำราม แต่ก็ฟังดูดุร้ายน้อยลงกว่าเมื่อครู่นี้มากอยู่ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ได้ได้ไหมนะ


“งั้นเหรอ” ผมเอ่ยรับคำพลางพยายามหาวิธีถามที่ดูนิ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ “แล้ว...ฮานคิดว่าเราจะต้องอยู่อย่างนี้กันไปอีกนานแค่ไหนเหรอ”


“ไม่รู้สิ” เขาตอบกลับมาแทบจะทันทีที่ผมถามจบ “น่าจะสักสี่สิบนาทีได้ล่ะมั้ง”


สี่สิบนาทีเหรอ นานขนาดนั้นเชียว


“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ตอนน็อทน่ะดีกว่าเมื่อกี้นี้เยอะเลยนะ”


ผมขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามไปทั้งที่ไม่สามารถหันไปมองหน้าอีกคนได้


“น็อทดีกว่างั้นเหรอ ทำไมล่ะ”


“ทำไมน่ะเหรอ”


ผมรู้สึกได้ถึงแรงขยับของบางอย่างในตัว อาการร้อนรุ่มที่เคยหายไปได้สักพักเริ่มกลับมาอีกครั้ง


นี่มันอะไรกัน...


“เวลาที่เกิดน็อท โอเมก้าจะหยุดฮีทชั่วคราว ซึ่งแน่นอนว่าส่งผลให้อาการรัทของอัลฟ่าทุเลาลงด้วย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่การน็อทจบลง...”


ผมรู้สึกได้ ผมรู้สึกได้ว่าเจ้าอวัยวะพิเศษนั่นกำลังถอยออกไปจากร่างกายของผม


กลิ่นนี้...กลิ่นมะลินี้เริ่มรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องอีกแล้ว


ไม่นะ อย่าบอกนะว่า...


“อาการฮีทและรัทก็จะกลับมา”


“อ๊า!”


แรงสวนกระแทกที่ดันกลับเข้ามาจนร่างทั้งร่างแทบลอยไปด้านหน้าทำเอาผมตาพร่าไปพักใหญ่ ช่วงเอวของผมถูกมือใหญ่ที่ร้อนจนแทบไหม้ของฮานจับไว้แน่นราวกับเขากลัวว่ามันจะหายไป แรงดันหนักหน่วงจากทางด้านหลังทำให้เรี่ยวแรงพยุงตัวตรงช่วงแขนของผมหายไปจนหมดเกลี้ยง สภาพของผมในตอนนี้ ต่อให้ใครมาเห็นก็คงรับไม่ได้


ใบหน้าของผมซุกลงกับเตียงนอน ริมฝีปากและฟันกัดผ้าปูเตียงเอาไว้แน่นพอๆ กับมือสองข้างที่จิกทึ้งผ้าผืนสีขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย


ผมเคยได้ยินมาอยู่หรอกว่าอัลฟ่ารัทนั้นดุร้ายและรุนแรง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้นี่นา


“ฮาน ไม่ไหว” ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายร้องขอความเมตตา “ไม่ไหวแล้ว”


ใบหน้าของผมซุกลงกับเตียงพลางหอบหายใจจนตัวโยน


นี่ขนาดฮีทผมยังรู้สึกทรมานเจียนขาดใจขนาดนี้ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าผมต้องโดนทำในวันที่ไม่ได้ฮีท ผมจะรู้สึกทรมานขนาดไหน
ไม่ไหว อัลฟ่าในตระกูลเก่าแก่น่ากลัวเกินไปแล้ว


“เหนื่อย...งั้นเหรอ”


คำเอ่ยถามจากคนที่อยู่ด้านหลังฉุดรั้งให้สติที่เกือบจะหลุดหายไปอยู่รอมร่อของผมกลับมายังกายเนื้ออีกครั้ง


เขาหยุดเคลื่อนไหวแล้ว แรงกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรงเมื่อครู่หายไปแล้ว


อา เหมือนได้ฟื้นจากความตายเลย


ผมพยายามควบคุมลมหายใจของตัวเองพลางพยักหน้ารัวเป็นการตอบ


“อือ ผมไม่ไหวแล้ว” ลมหายใจของผมเริ่มกลับมาเป็นปกติ “เอลไม่ไหวแล้วล่ะฮาน”


สิ้นคำของผมอีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปอึดใจก่อนที่ส่วนแข็งแกร่งของเขาจะถูกถอดถอนออกไปจากร่าง ทันทีที่มันหายไป ผมก็เผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้ว่าความร้อนในร่างกายจะยังคงสูงมากเมื่อเทียบกับปกติ จากการน็อทเมื่อครู่...หลังจากได้รับน้ำเชื้อตามกระบวนการที่ควรเป็น อาการฮีทของผมก็ดูเหมือนจะดีขึ้นมากจนไม่สติหลุดเหมือนช่วงแรกแล้ว


ถ้าเป็นอย่างนี้ บางทีผมคงสามารถผ่านช่วงฮีทนี้ไปได้โดยไม่จำเป็นต้องทำอีก...


“เหวอ!”


ในขณะที่ผมกำลังนั่งวางแผนอยู่อย่างสบายใจนั้น ต้นแขนขวาของผมก็พลันถูกดึงเข้าหาคนที่อยู่ด้านหลังก่อนที่ร่างทั้งร่างของผมจะถูกกดลงกับเตียงด้วยแรงที่ไม่เบานัก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกำลังนอนหงายเผชิญหน้ากับอัลฟ่าที่คร่อมร่างผมอยู่โดนบนโดยสมบูรณ์


ไม่ดี ท่านี้ไม่ดีเอาเสียเลย


กลิ่นมะลิหอมเย็นที่ลอยฟุ้งออกจากตัวของคนด้านบนเริ่มทำให้ภาพในตาของผมพร่าเบลอขึ้นพร้อมๆ กับอุณหภูมิร่างกายที่เริ่มสูงเรื่อยๆ


อาการฮีทของผมรุนแรงขึ้นอีกแล้ว


“อะ”


เสียงที่หลุดออกมาจากปากโดยไม่ตั้งใจเหมือนเป็นสัญญาณให้อีกคนรู้ว่าอาการฮีทของผมกลับมาสมบูรณ์เหมือนเมื่อสองชั่วโมงก่อนเรียบร้อยแล้ว


ไม่สิ นี่มันอาจจะมากกว่าเมื่อกี้นี้ด้วยซ้ำ


“เอลของฮาน”


“อ๊ะ”


ผมเปล่งเสียงร้องเมื่อปลายลิ้นอุ่นตวัดลงบริเวณสะดือ ใจผมหวังให้เขาหยุดแค่นั้น แต่เหมือนว่าพระเจ้าจะไม่เข้าข้างผมเอาเสียเลย...


“ฮาน อ๊ะ ฮาน”


ปลายลิ้นเรียวไล้ชิมรสตั้งแต่สะดือของผมเป็นทางยาวไปจนถึงช่องทางด้านหน้า คนขี้ซนแวะหยอกล้อกับส่วนกลางลำตัวของผมเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนที่ลงไปยังจุดหมายปลายทาง


ลมหายใจอุ่นร้อนคลอเคลียบริเวณด้านล่างจนผมเริ่มรู้สึกเขินอายจนเกินทนไว้ ทั้งที่ใจอยากจะเอ่ยปากห้าม ไม่รู้ทำไมร่างกายมันถึงได้ไม่ฟังเอาเสียเลย


“อ๊า!”


สัมผัสนุ่มหยุ่นที่ไล้ทำความสะอาดรอบช่องทางทำให้ผมดิ้นเร้าจนแทบเป็นบ้า ความชื้นร้อนที่อีกฝ่ายมอบให้มันรู้สึกแปลกเสียจนอยากจะหุบขาหนีเสียตอนนี้ ถ้าไม่ติดว่าอีกคนเอามือกดต้นขาของผมไว้มั่นจนขยับไม่ได้แบบนี้น่ะนะ


ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว


ผมหอบหายใจจนตัวโยนเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้น


ผมรู้...ผมรู้ดีว่าตัวเองต้องรีบทำให้ร่างกายผ่อนคลายให้มากที่สุด เพราะหลังจากนี้เทปม้วนเดิมกำลังจะถูกกรอซ้ำอีกครั้ง
ร่างกายอ่อนแรงของผมถูกท่อนแขนแกร่งของคนตรงหน้ายกอุ้มขึ้นไปนั่งบนหน้าขากว้างอย่างง่ายดาย ท่าทางในตอนนี้ของพวกเราหมิ่นเหม่อย่างน่าใจหาย


นิดเดียว ถ้าผมเผลอขยับตัวลงไปกว่านี้อีกนิดเดียว...


“อ๊า!”


ไม่รอให้ผมเป็นคนตัดสินใจ ส่วนแข็งแกร่งอีกฝ่ายก็พลันเคลื่อนเข้ามาในร่างของผมอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเป็นช่วงฮีทบวกกับเพิ่งจะน็อทมาสดๆ ร้อนๆ แต่ส่วนที่เข้ามานั้นก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถทำใจให้ชินได้โดยง่ายเลยสักนิด


ใบหน้าของผมซุกลงกับไหล่กว้างพลางหอบหายใจจนตัวโยน ในขณะมือของอีกฝ่ายก็ลูบปลอบแผ่นหลังของผมไม่ห่าง


“เจ็บไหมเอล”


เสียงของเขายังคงเจือแรงอารมณ์จากอาการรัท แต่มันก็เบาไปกว่าครั้งแรกมาก


ซึ่งก็นับว่าเป็นโชคดีแล้ว


ผมส่ายหน้าช้าๆ พลางซุกเข้าหาซอกคอของอีกคนมากขึ้น


“ไม่เจ็บ แต่อึดอัด”


“ขอโทษนะ” เขาว่าพลางลูบหัวผมช้าๆ “หลังจากนี้จะพยายามเบามือแล้วกัน”


เปลือกตาสองข้างของผมปิดลงช้าๆ พลางพยักหน้ารับเป็นการตกลง


ตกลง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายทำไม่ได้หรอก


อัลฟ่าที่เกิดอาการรัท ควบคุมตัวเองให้พูดคุยได้ขนาดนี้ก็เก่งแล้ว


คู่ของผมนี่ เกินมาตรฐานอัลฟ่าธรรมดาจริงๆ แฮะ


ไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น คนด้านล่างก็เริ่มเคลื่อนไหว


ผมรู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้


“อ๊ะ ฮาน ตรงนั้น”


ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นเป็นแบบนี้


“ฮาน แรงอีก ได้โปรด”


ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าตัวเองเตรียมใจไว้พร้อมแล้วแท้ๆ


“อ๊า!”


แต่พอโดนน็อทอีกครั้ง สติมันก็เหมือนจะดับวูบไปตรงนั้นเสียเฉยๆ


ไม่ไหว ครั้งนี้ไม่ไหวแล้วจริงๆ


อวัยวะพิเศษในตัวเหมือนจะขยายใหญ่ยิ่งกว่าครั้งก่อนอย่างรู้สึกได้ชัด หยาดน้ำรักที่พ่นพรายในตัวคราวนี้ก็มากมายเสียจนรู้สึกอึดอัดมากกว่าครั้งก่อนเป็นสองเท่า


ไม่ไหว แน่นท้องไปหมดแล้ว


“นี่ฮาน เราต้องอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหนเหรอ”


คนด้านล่างลูบไล้เส้นผมของผมช้าๆ ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนท่าทางอย่างระมัดระวังแล้วช่วยวางผมนอนลงบนเตียง


“ครั้งนี้น่าจะนานหน่อย หลับพักไปก่อนก็ได้นะ”


เอ๊ะ


ผมเบิกตาที่ปรือจนแทบปิดให้กว้างขึ้นอีกหน่อยเพื่อมองหน้าอีกคนให้ชัดเจนขึ้น


นัยน์ตาสีดำคู่นั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว...ดีจัง...


ฝ่ามือชื้นเหงื่อของผมไล้ไปตามใบหน้าได้รูปของอีกฝ่ายช้าๆ


“กลับมาแล้วเหรอฮาน”


คนข้างๆ พยักหน้ารับก่อนก้มลงมาประทับจูบลงบนหน้าผากผมแผ่วเบา


“ขอโทษนะที่รุนแรง”


ผมส่ายหน้า


“ไม่เป็นไรหรอก เหตุสุดวิสัยน่ะ”


แล้วพวกเราก็เงียบไป ปล่อยไว้เพียงสายตาสองคู่ที่จับจ้องกันคล้ายต่างฝ่ายต่างอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา


สุดท้าย เขาก็เป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน


“ที่ทำไปทั้งหมด นอกจากอาการรัทแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุสุดวิสัยหรอกนะ”


ผมก้มหน้างุดทันทีที่ฟังอีกฝ่ายจบ


ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุสุดวิสัยอะไรกันเล่า นี่มันคำสารภาพรักชัดๆ เลยไม่ใช่รึไง


“รอยกัดนี่” ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสของปลายนิ้วบริเวณแผลกัดตรงต้นคอ “ก็ไม่ได้เป็นเหตุสุดวิสัยนะ”


ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้นี่มัน...


“คิดว่าถ้าเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ผมจะยอมปลดล็อกปลอกคอไหมเล่า” แล้วผมก็ซุกหน้าเข้ากับหน้าอกกว้างของอีกฝ่ายเพื่อเลี่ยงที่จะมองดวงตาสีดำจอมซุกซน “เจ้าบ้าฮาน รับผิดชอบเลยนะ”


เขาหัวเราะ อย่างน้อยก็เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกได้ว่าเสียงหัวเราะของเขาไม่ค่อยน่ากลัวสักเท่าไหร่


“รับทราบครับคุณตัวเล็ก”


“นี่” ผมเอ็ด “เลิกเรียกผมว่าคุณตัวเล็กๆ ได้แล้วน่า ผมไม่ได้เตี้ยขนาดนั้นสักหน่อย”


“ครับๆ” เจ้าของเสียงทุ้มหัวเราะอีกครั้ง “คุณตัวเล็ก”


ให้ตายเถอะผู้ชายคนนี้...ช่างเถอะ ขี้เกียจจะเถียงแล้วด้วยสิ


ผมขยับซุกหน้าเข้าหาอีกฝ่ายมากขึ้นกว่าเก่าก่อนที่เปลือกตาทั้งสองจะปิดลง


ก่อนที่สติจะหลุดลอยไปสู่ดินแดนแห่งความฝัน ผมสัมผัสได้ถึงฝ่ามือใหญ่ที่คอยลูบไล้หัวผมอย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างทุกครั้งที่เขาต้องกล่อมผมนอน


“ฝันดีนะครับ คุณตัวเล็กของผม”


อือ ฝันดีนะครับ คุณตัวโตของผม






***************************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 23-06-2019 16:54:45
ฮานเบาๆกับน้องเอลหน่อย..   :m25:
น็อทแล้วน็อทอีก ตัวเล็กอีกคนคงมาอีกไม่ช้า  :-[

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 23-06-2019 17:03:28
อ่อนโยนได้อีก..กกกกกก  :ling1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 23-06-2019 17:03:49
 :-[ น็อทสองรอบบบ โอ้โห ขนาดนี้ไม่ท้องไม่รู้จะพูดอะไรแล้วว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-06-2019 17:32:19
ไม่ท้องให้รู้ไปซิ น็อทสองรอบติดแบบนี้ ไม่แฝด 4 ให้รู้ไปเลยล่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 23-06-2019 18:28:03
ท้องแน่นอน 100% :hao6:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 23-06-2019 19:14:57
โอ้วว  :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 23-06-2019 21:07:56
งุยยยยน็อทแต่ละครั้งแฝดชัวร์
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 24-06-2019 01:16:50
เหนื่อยเลยน้องงงงงงง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 24-06-2019 02:51:55
จะท้องแล้ว ตอนท้องจะสร้างรังแน่เลย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 24-06-2019 03:24:50
ละมุนมากคู่นี้  :-[
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 24-06-2019 06:43:20
ช่างดีต่อใจเสียเหลือเกิน
กับความอ่อนโยนี้

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 24-06-2019 08:01:13
อ่านโอเมก้ามาหลายเรื่องแล้ว แต่ชอบการสร้างสรรค์โอเมก้าของไรท์คนนี้มากๆ ดูเปิดโลกและอธิบายกลไกต่างๆได้ชัดเจนมาก ชอบการลำดับเหตุการณ์ การเรียบเรียงด้วย รอนะคะรอออออ :mew2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 24-06-2019 22:37:03
ฮานร้ายมาก ร้ายที่สุด แทบจะทุกอย่างคือความตั้งใจของฮานล้วนๆ  :ling1: ฮีท รัท knot วนไป วนไป แล้วฮานตอนรัทก็คือกลายเป็นอีกคนไปเลย แต่ตัวเล็กก็น่ารักมาก เข้าใจ ยอมรับทุกอย่าง แบบนี้จะไม่ให้ฮานหลงได้ยังไง คิดว่าตัวเล็กได้สร้างรังเร็วๆนี้แน่นอนเลยค่ะ ฮือออ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-06-2019 02:40:23
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 27-06-2019 14:48:57
กรี๊ดดดดด เป็นการบรรยายKnotting ที่อ่านแล้วเขินอายมากกกก  :-[
ฮานร้อนแรงมากกกก คุณตัวเล็กก็นุ่มนิ่มสุด ป้าๆเตรียมผ้าอ้อมรับเบบี๋แล้ววว o13
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 27-06-2019 16:23:05
ตอนที่แล้วคิดว่าฮานอาจจะยังไม่ใช่
มาตอนนี้ แท้แน่นอนมาก

รอตอนสร้างังเลยจ้าาาาาา

หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 3 - Knotting- 23/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 28-06-2019 02:19:11
คือมันดีมาก ชอบความไม่ใช่เหตุสุวิสัยหรอกนะของทั้งสองคน มันคือการสารภาพรักกันไปมา~   :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 30-06-2019 11:05:41



Above the Clouds






ปวดหัว


ผมพยายามฝืนตัวเองให้ลืมตาขึ้นแต่จนแล้วจนรอด ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหน อาการปวดหับตุบๆ ที่ลามมาจนถึงกระบอกตานี่ก็ไม่ยอมหายไปสักที


ปวด ปวดมากๆ จนรู้สึกเหมือนสมองข้างในจะระเบิดออกมาเลย


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาทางปากเพื่อระบายอาการอึดอัดตัวที่แสนน่ารำคาญ ไออุ่นร้อนที่เจือออกมาจนสัมผัสได้ทำให้ผมเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอะไร


นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าผลข้างเคียงจากอาการฮีท


สมัยก่อนก็เคยได้ยินเรื่องนี้มาจากหนังสือเรียนอยู่บ้างหรอกนะ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ยักจะเคยเห็นใครเขาเป็นกัน ทั้งที่คนในหมู่บ้านของผมก็ฮีทกันทุกเดือน หนำซ้ำบางบ้านยังมีลูกเป็นโขยงก็ไม่เห็นจะมีโอเมก้าในหมู่บ้านคนไหนเผชิญกับปัญหานี้เลยสักคน แล้วทำไมผมถึงแจ็กพอตโดนอาการนี้อยู่คนเดียวล่ะเนี่ย พระเจ้าไม่ยุติธรรมอา


เฮ้อ แย่จริง จะไปถามพ่อกับแม่ที่เป็นเบต้าก็ไม่ได้ พี่ชายผมก็ดันเป็นพวกประหลาดเกินไปจนไม่อยากคุยด้วย ถ้าจะให้ถามใครสักคนก็คงจะเป็น...กูเกิ้ลไง ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงคิดไม่ออกกันนะ


ในขณะที่ผมกำลังลิงโลดกับความฉลาดของตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ ก็พลันมีสัมผัสเย็นนุ่มของอะไรบางอย่างแตะลงบนหน้าผากจนเผลอย่นคอหนีโดยอัตโนมัติ ยังไม่ทันที่ผมจะได้เอ่ยปากถามอะไรออกไป เจ้าตัวการของความเย็นนั่นก็ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


“อย่าหนีสิครับ เดี๋ยวไข้ก็ไม่ลดหรอก”


ฮานเหรอ แปลกจัง ผมนึกว่าวันนี้เขาต้องเข้าเวรที่โรงพยาบาลเสียอีก


“ไม่ต้องทำหน้าแปลกใจเลยครับ เรื่องงานผมน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก”


เอ๊ะ สีหน้าของผมออกชัดไปเหรอเนี่ย ไม่รู้ตัวเลย


“เลิกทำหน้าประหลาดแล้วขยับขึ้นมาหนุนหมอนนอนดีๆ ได้แล้วครับ”


“ดุ” ผมเอ็ดเขาด้วยเสียงที่แหบแห้งอย่างน่าสังเวช แต่ถึงอย่างนั้นใจมันก็ยังสู้ไม่ถอย “ดุเป็นตาแก่เลย”


แทนที่อีกฝ่ายจะหงุดหงิดแล้วบ่นผมกลับมาตามปกติ เขากลับเปล่งเสียงหัวเราะในคออย่างมีความสุขออกมาแทน


เป็นอะไรน่ะ ไข้ขึ้นเหมือนกันเหรอ


คิดอยู่ในใจ แต่พูดออกไปไม่ได้หรอกนะ ขืนพูดตามใจคิด คราวนี้ผมคงโดนทิ้งให้แห้งตายอยู่คนเดียวในคอนโดเข้าจริงๆ ฮานยิ่งเป็นพวกพูดจริงทำจริงอยู่ด้วย ถ้าเผลอล้อเล่นไม่ดูตาม้าตาเรือเดี๋ยวก็ได้ตกที่นั่งลำบากกันพอดี เพราะฉะนั้น เงียบแล้วทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมไปดีกว่า


ผมยกหัวตัวเองกลับไปวางบนหมอนนุ่นทั้งที่ยังไม่ลืมตา อาการปวดหัวของผมตอนนี้ก็...เอ๊ะ


แล้วเปลือกตาสองข้างของผมก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับมือสองข้างที่ยกขึ้นมาแตะหน้าผากที แตะตามซอกคอ ซอกแขนที


เอ๊ะ


ผมผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียงพลางไล้มือไปตามตัวของตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


เอ๋! ทำไมตัวไม่ร้อนแล้วล่ะ!


ในขณะที่ผมกำลังตกอกตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของร่างกายตัวเอง คนที่ยืนดูอยู่ข้างเตียงมาสักพักใหญ่ๆ ก็พลันหลุดขำออกมาเสียงดัง


“นี่! ไม่ตลกนะฮาน จู่ๆ ไข้มันก็...”


“ถึงได้บอกไงครับว่าอย่าแอบหลับในคาบสุขศึกษา”


ฮะ?


คงเพราะทนกับสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของผมไม่ไหว ในที่สุดฮานก็ยอมสละเวลาหัวเราะของตัวเองมาอธิบายผมด้วยสีหน้าที่มีความสุขเสียจนน่าหมั่นไส้


ไม่ล่ะ ไม่เอาแค่น่าหมั่นไส้ หมั่นไส้เลยดีกว่า


ผมเอื้อมมือไปหยิกท้องของอีกฝ่ายเบาๆ พร้อมกับทำเสียงดุใส่


“หยุดหัวเราะได้แล้ว”


โชคดีที่เขาฟังผม ไม่สิ จะเรียกว่าโชคดีก็ไม่ได้เพราะยังไงซะฮานก็ฟังผมมาตลอดอยู่แล้ว เอาเป็นว่า ในที่สุดเขาก็หยุดขบขันกับความเด๋อด๋าของผมสักที นั่นแหละดีที่สุดแล้ว


แต่ถึงจะหยุดหัวเราะ แต่สีหน้ายิ้มแป้นแล้นผิดปกตินั่นก็ดูน่าหมั่นไส้อยู่ดีล่ะ


“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้” เขาทำท่าจะขำออกมาอีกครั้งแต่ก็ยั้งตัวเองเอาไว้ได้ทัน “ก็แค่แปลกใจที่เอลเป็นโอเมก้าแท้ๆ แต่กลับไม่เคยได้ยินเรื่องอาการข้างเคียงหลังผูกพันธะน่ะสิ”


ผมไหวไหล่เล็กน้อย “ก็เคยได้ยินอยู่นะ แต่ไม่...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ฮานพูดว่าอะไรนะครับ”


เขาเลิกคิ้ว “อาการข้างเคียงหลังผูกพันธะไงครับ”


มือขวาของผมยกขึ้นไปแตะบริเวณต้นคอโดยอัตโนมัติ สิ่งที่ปลายนิ้วสัมผัสได้ไม่ใช่ผิวกายหรือโลหะของปลอกคออย่างที่คุ้นเคย พื้นผิวนุ่มหยุ่นนี้ ถ้าเดาไม่ผิดก็คงเป็น...


“เมื่อวานผมกัดคุณแรงไปหน่อยเพราะอาการรัท แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมทำแผลให้แล้วล่ะ อีกวันสองวันก็คงหายดี”


ฮีท รัท กัด งั้นเหรอ...


พอคิดถึงตรงนี้ ภาพพร่าเบลอในความทรงจำของเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกันก็พลันแว็บกลับเข้ามาในหัว


‘ฮาน แรงอีก ได้โปรด’


เหมือนว่าตอนนั้นพูดอะไรแบบนั้นออกไปด้วย


‘ตัวเล็กของผม เอมานูเอลของฮาน’



จริงสิ ฮานเองก็พูดอะไรน่าอายแบบนั้นออกมาด้วยนี่นา


อ๊าก! ไม่ไหวแล้ว ผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียเดี๋ยวนี้เลย ตอนนั้นทำอะไรลงไปบ้างก็ไม่รู้ แถมยังต้องมาผูกพันธะกับเพื่อนที่รู้จักกันมาตลอดสิบเจ็ดปีอีก โอย ผมอายจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแล้วสิ


“นี่ๆ มาหน้าแดงตอนนี้ไม่ช้าไปหน่อยเหรอครับ” คนที่กำลังอยู่ในความคิดของผมเอ่ยทักขึ้นมาด้วยเสียงกึ่งเย้ากึ่งขำขัน “ตลอดสามวันที่ผ่านมานี่ไม่เห็นจะเขินเลย”


สามวันเลยเหรอเนี่ย นี่หมายความว่าผมกับฮานก็...


“น่าจะเพราะเป็นฮีทครั้งแรกในรอบหลายปี อาการก็เลยหนักสุดๆ กว่าผมจะได้สติกลับมาสมบูรณ์ก็ล่วงเข้ากลางคืนของวันที่สามแล้วเหมือนกัน”


เขาไหวไหล่ด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนกับกำลังพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ


“เล่นเอาเหนื่อยสุดๆ เลยล่ะครับ”


“ไอ้เจ้าบ้าฮาน!”


ผมพุ่งตัวขึ้นจากเตียงแล้วกระชากอีกคนให้ล้มกลิ้งลงมาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีทำให้คนที่ยืนเก๊กอยู่ข้างเตียงเมื่อครู่ล้มแปะลงบนเตียงด้วยท่าทางอเนจอนาถ


ให้มันรู้ว่าอย่ามาแหย่สิงโต!


ผมกระชากคอเสียอีกคนขึ้นมาด้วยแขนทั้งสองข้างพลางทำหน้าตาที่คิดว่าน่ากลัวที่สุดใส่คนที่นอนหมดท่าอยู่เบื้องล่าง


“บอกมาให้หมดเลยนะฮาน วันนี้เป็นวันอะไร แล้วเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้ว...”


ใบหน้าของผมเริ่มร้อนขึ้นเล็กน้อย


“แล้ว...”


แล้ว...แล้วไอ้นั่นไง พูดออกไปสิเอล พูดออกไปว่าแล้ว...


“เรื่องน็อทน่ะเหรอ”


อ๊าก! อย่าพูดนะ ไม่เอาไม่ฟัง ไม่ฟังไม่อยากฟัง แต่...แต่จริงๆ ก็อยากรู้ แต่...อ๊าก!


“อือ เรื่องนั้นล่ะ”


พูดออกไปแล้ว พูดออกไปด้วยตัวเองด้วย เอมานูเอลนี่มันโคตรเก่งเลยเว้ย!


“อืม...จะให้เริ่มจากตรงไหนดีล่ะ” คนผิวเข้มกว่าทำสีหน้าครุ่นคิด


 จะเริ่มจากตรงไหนก็เริ่มๆ มาเถอะน่า


“งั้นเอาเรื่องที่ว่าเราน็อทกันไปกี่ครั้ง...”


“เรื่องนั้นน่ะข้ามไปก็ได้ครับ!”


เขาหัวเราะร่วน “หว้า นึกว่าอยากรู้ซะอีก”


น่าหมั่นไส้ น่าหมั่นไส้มากๆ เลย


“อืม...”


เขาทำท่าคิดต่อ โชคดีที่คราวนี้ดูเหมือนว่าเขาจะยอมจริงจังกับมันสักที


“ตอนนี้สิ่งที่คุณควรรู้ก็คงเป็นเรื่องที่ว่าพวกเราสองคนผูกพันธะกันแล้ว ในระยะแรกนี้ ร่างกายของคุณจะพยายามปรับตัวเพื่อให้รับกับร่างกายของผม อาการไม่สบายตัว ปวดหัว เป็นไข้นั้นเป็นเรื่องปกติ ทางแก้เดียวก็คือพยายามอยู่ใกล้ๆ ผมไว้ กลิ่นของผมจะช่วยให้ร่างกายของคุณสงบลง เพราะฉะนั้นช่วงนี้ผมเลยขอลางานเพื่อมาอยู่กับคุณจนกว่าจะพ้นช่วงแรกนี้ไปก่อน”


แล้วจู่ๆ เขาทำท่าทางเหมือนคิดอะไรบางอย่างออกมาได้


“อ๋อ อีกอย่าง พวกเราก็ควรจะไปลงทะเบียนกับทางรัฐให้เรียบร้อยจะได้มีเอกสารรับรองที่ถูกต้อง หลังจากนั้นเราก็ค่อยเดินทางไปพบกับพ่อแม่ของพวกเราเพื่อแจ้งข่าว พอทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะได้กลับมาช่วยคุณสร้างรัง...”


“เดี๋ยวสิครับ มันจะไปไกลถึงสร้างรังได้ยังไงกัน คุณวางแผนไกลเกินไปละ...”


เอ๊ะ


ผมสบเข้ากับนัยน์ตาสีรัตติกาลที่จ้องตอบกลับมา


อย่าบอกนะว่า...


“น็อทกันไปตั้งขนาดนั้น เอาอะไรมาคิดว่าจะไม่ท้องล่ะครับ”


เห!


“ตะ แต่ผมเพิ่งเรียนจบแล้วก็ยังไม่ทันจะได้งาน...”


รอยยิ้มบางประดับลงบนใบหน้าของอีกฝ่ายตั้งแต่ผมยังไม่ทันจะพูดจบ


“ก็ดีแล้วนี่ครับ คุณจะได้อยู่บ้านทำงานเขียนต้นฉบับตามความฝันการเป็นนักเขียนอย่างเลโอนาร์ด เอียนเดที่คุณเคารพนับถือไงครับ เรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องกังวลไปนะครับ คุณกับลูกแค่สองคน ผมดูแลได้สบายมาก”


มันก็ถูกที่ว่าผมเองก็อยากมีเวลาเขียนต้นฉบับอยู่บ้าน แต่ว่า...แต่ว่า...


“แล้วถ้าไม่ท้องล่ะ” ผมก้มหน้าลงเล็กน้อย “แผนทุกอย่างที่วางไว้มันก็จะ...”


“ก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ”


เอ๊ะ


ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ดวงตาคมคู่นั้นเป็นประกายสวยยิ่งกว่าครั้งไหนที่เคยเห็น


“ยังไงอาการฮีทก็มาทุกเดือนอยู่แล้ว ไว้จัดการเดือนหน้าอีกรอบก็ไม่สายหรอกครับ”


ให้ตายสิ ผมลืมไปได้ยังไงกันว่าคู่ของผมคือฮาร์วี่ เจเล็ต


ฮานนี่มันฮานจริงๆ เลยเชียว


เหมือนจะรู้ว่ากำลังโดนผมนินทาอยู่ในใจ จู่ๆ ฮานที่ยอมนอนนิ่งๆ ให้ผมนั่งทับมาตลอดก็พลันดันตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนผมหวิดจะหงายหลังตกเตียง โชคยังดีที่เขาคว้าตัวผมเอาไว้ทัน ไม่งั้นป่านนี้ผมคงได้ไปคุยกับคุณปู่ทวดบนสวรรค์แล้วแน่ๆ


“ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”


ในตอนแรกเขาก็คงจะตั้งใจแกล้งให้ผมตกใจนั่นล่ะ แต่พอเห็นว่าผมเกือบจะตกลงไปหัวฟาดพื้นจริงๆ เจ้าตัวก็รีบขอโทษขอโพยจนลิ้นพันกันไปหมด


น่ารักจังเลยนะ


“ไม่เจ็บครับ” ผมตอบยิ้มๆ ก่อนจะกางแขนโอบกอดเขาไว้แน่น “เห็นไหม แค่นี้ก็ไม่ตกแล้ว”


เขานิ่งไปอึดใจ แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน









อาการฮีทเป็นสิ่งที่ผมห่างหายไปนานมากจนถึงมากที่สุด เรียกว่าตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมาก็ไม่เคยฮีทอีกเลย ส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะผมกินยาตรงเวลาสม่ำเสมอ อีกส่วนก็น่าจะเป็นเพราะ...


“เอล เตรียมตัวเสร็จรึยังครับ”


“ขออีกห้านาทีครับผม”


ผมตอบกลับไปก่อนจะเร่งมือติดกระดุมเสื้อเม็ดที่เหลือให้เรียบร้อยพลางจ้องมองตัวเองในกระจกเงียบๆ


ผ้าก็อชสีขาวแผ่นใหญ่ที่แปะอยู่บริเวณต้นคอ กับร่องรอยรักที่กระจายไปทั่วแผ่นอกชวนให้ความรู้สึกแปลกๆ พวยพุ่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก


จะว่ายังไงดีล่ะ ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่ค่อยจะได้ฮีทเท่าไหร่ แถมทุกครั้งที่ฮีทก็ไม่เคยจะไปทำอะไรกับใครและก็ไม่มีใครมาทำอะไรกับผมด้วย คงเพราะเกิดและเติบโตมาในหมู่บ้านที่มีแค่เบต้ากับโอเมก้าล่ะมั้ง อา นั่นล่ะ คงเพราะแบบนั้น ผมก็เลยไม่ค่อยคุ้นชินกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นไปสักเท่าไหร่เลย


เท่าที่จำได้ ผมเคยฮีทแค่สามครั้งในชีวิต ครั้งแรกก็คือสมัยเพิ่งเริ่มแตกหนุ่ม ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าแม่กับพ่อของผมจะตื่นเต้นกันใหญ่ ในขณะที่พี่ชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวของผมนั้นกลับมามองด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนพร้อมกับพูดว่า ‘อย่าแอบกินเค้กของฉันในตู้เย็นล่ะ’


นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มรู้สึกว่าพี่ชายของผมนั้นโคตรประหลาด ช่างเถอะ ยังไงซะผมก็คุยกับเขาแบบนับคำได้อยู่แล้ว


ฮีทครั้งแรกของผมนั้นทรมาน แต่พอพ้นสามวันไปได้ก็หายเป็นปกติดี ครั้งที่สองก็เหมือนจะเป็นช่วงมัธยมปลายที่บังเอิญยุ่งกับการเตรียมตัวสอบมากจนลืมกินยาตามกำหนด รู้ตัวอีกทีก็ฮีทจนต้องหยุดโรงเรียนและพลาดสอบเก็บคะแนนย่อยวิชาเคมีไปอย่างน่าเจ็บใจ หลังจากนั้นผมก็เลยสาบานกับตัวเองว่าจะไม่ยอมพลาดกำหนดการกินยาระงับอาการฮีทอีกเลย แต่นั่นก็เป็นเรื่องราวในสมัยที่ผมยังต้องดูแลตัวเองนี่นา พอเข้ามาอยู่มหาวิทยาลัยแล้วอะไรต่อมิอะไรก็เปลี่ยนไปจากเดิมเยอะเลย


เปล่าหรอก ผมไม่ได้พูดถึงในแง่ของชนิดยาหรืออะไรพวกนั้น แต่ผมกำลังพูดถึงฮานต่างหาก


เมื่อก่อนผมต้องจัดการเรื่องยาเองตลอด โดยเริ่มตั้งแต่ไปกรอกแบบฟอร์มรับยาฟรีที่โรงพยาบาลรัฐ จัดยาเป็นชุดๆ สำหรับแต่ละเดือน ตลอดไปจนถึงการวางแผนกินยา ผมก็ต้องจัดการเองทั้งหมด แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วได้ย้ายมาอยู่กับฮาน กิจวัตรเหล่านั้นก็ถูกอีกฝ่ายแย่งไปทำทั้งหมดด้วยข้ออ้างแค่ว่า ‘ก็ผมเป็นหมอไงครับ’ แค่นั้นเลย


ไม่ใช่แค่เรื่องยา ทั้งเรื่องอาหารการกิน ตารางเวลาชีวิต การเข้านอน การตื่นนอน ทุกอย่างในชีวิตของผมอยู่ภายใต้การดูแลของฮานแทบทั้งหมด ในขณะที่คนอื่นต้องกุลีกุจอตื่นแต่เช้าเพื่อไปต่อแถวกินข้าวที่โรงอาหาร ผมกลับมีอาหารเช้ารออยู่บนโต๊ะหลังตื่นนอนทุกวัน ในตอนที่ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากของการตื่นสายแล้วไปเข้าเรียนไม่ทัน ผมกลับมีรูมเมทที่แสนดีคอยปลุกทุกเช้าทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำให้ก็ได้


ชีวิตของผมในช่วงหลายปีมานี้เหมือนจะพึ่งพาแต่ฮานแทบทั้งหมดเลย


นั่นสิ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่ฮานเริ่มจะเข้ามามีบทบาทในการจัดการชีวิตของผมมากมายขนาดนี้


ถ้าจำไม่ผิด ก็คงจะเป็นช่วงปีสองในมหาวิทยาลัยล่ะมั้ง...


ในฤดูหนาวเมื่อหลายปีก่อน ในสมัยที่ผมยังเรียนปริญญาตรีอยู่ในมหาวิทยาลัย จู่ๆ ผู้คนในมหาวิทยาลัยก็พากันป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ไปกันหมด จำได้ว่าตอนนั้นสภามหาวิทยาลัยวุ่นวายมาก ทั้งอาจารย์และนักศึกษาต่างพากันป่วยเสียจนสุดท้ายทางคณะบริหารก็ต้องยอมแพ้แล้วสั่งหยุดการเรียนการสอนหนึ่งสัปดาห์เพื่อควบคุมโรคระบาด ทั้งที่ทุกคนพากันหวาดกลัว แต่ตัวผมในตอนนั้นกลับแสนจะมั่นใจว่าอย่างไรเสียตัวเองก็คงจะไม่ติดหวัดนี่แน่ๆ ไม่ใช่เพราะพี่ชายชอบปรามาสว่าผมเป็นคนบ้า แล้วบอกว่าคนบ้าจะไม่เป็นหวัดหรอกนะ แต่เพราะผมน่ะ...


“ฉันติดหวัดมาจากเพื่อนร่วมเซคน่ะ แย่จริงๆ เลยเชียว”


เพราะผมน่ะ...


“จริงด้วย ฉันเองก็ติดหวัดมาจากเพื่อนในสาขามาเหมือนกัน ต้องระวังอย่าอยู่กับเพื่อนๆ มากเกินไปแล้วล่ะ ไม่งั้นจะพาลจะติดหวัดกันไปหมด”


เพราะผมน่ะ...


“หรือเราควรจะแยกกันนั่งคนเดียวเหมือนผู้ชายคนนั้นดีนะ จะได้ไม่ติดหวัดกันไง”


ได้ยินนะโว้ย! ม๊าม้าไม่เคยบอกเหรอว่าเข้าห้องสมุดน่ะอย่าซุบซิบนินทากันเสียงดัง โดยเฉพาะถ้าคนที่กำลังเปิดประเด็นสนทนานั่งห่างไปไม่ถึงเมตรน่ะ!


ให้ตายเถอะคนพวกนี้


ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะพยายามตั้งสมาธิอ่านหนังสือต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


จริงอยู่ว่าตอนนี้ทั้งมหาวิทยาลัยกำลังพักการเรียนการสอนเนื่องมาจากเหตุการณ์ไข้หวัดระบาด แต่อาคารสถานที่อื่นที่เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักศึกษานั้นยังคงเปิดทำการตามปกติ ผมเลยถือโอกาสย้ายตัวเองออกจากห้องพักที่เช่าเพื่อนสมัยเด็กอยู่แล้วมานั่งปลีกวิเวกอยู่เพียงลำพัง


จนถึงตอนนี้ผมก็เข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยได้สองปีแล้ว แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยคือฐานะทางการเงินของผมยังอยู่ในขั้นวิกฤติเหมือนเดิม ไม่ต่างจากสถานะทางสังคมของผมที่ไม่ได้ขยับขึ้นจากช่อง ‘ไร้ตัวตน’ เลยสักนิด ถ้าให้นิยามชีวิตของผมอย่างงง่ายในตอนนี้ก็คงจะเป็น ‘จนและไม่มีคนคบ’ นั่นล่ะถึงจะเหมาะที่สุด


พอคิดถึงตรงนี้ผมก็อดจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งไม่ได้


สำหรับเรื่องการเงินนั้นแม้จะไม่ได้อยู่ในขั้นที่เรียกว่าสบาย แต่ก็นับว่าดีขึ้นมากแล้ว เพราะผมเองก็ทำงานพิเศษควบคู่ไปกับการได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนสมัยเด็กที่บังเอิญเจอกันที่รูปปั้นหน้าหอสมุดตอนปีหนึ่ง ตอนนี้ผมก็เลยสามารถย้ายเข้าไปอยู่ในคอนโดของเขาได้ด้วยค่าเช่าที่ถูกแสนถูก เพราะฉะนั้นเรื่องเงินน่ะ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ น่ะ....


“นี่ อเล็กซ์ตอบกลับมาว่าป่วยหนักเลยล่ะ เราไปเยี่ยมกันดีไหม”


“อือ ไปสิ ชวนเพื่อนคนอื่นไปด้วยนะ”


“ก็ดีนะ ชวนเพื่อนๆ ไปให้กำลังใจ เขาจะได้หายไวๆ”


นั่นล่ะปัญหา


‘เพื่อน’ นั่นล่ะคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมเลย


ทั้งที่ทำตัวค่อนข้างดีมาตลอดแท้ๆ แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะไม่มีเพื่อนที่สามารถเรียกว่า ‘เพื่อน’ ได้จริงๆ เลยสักคน ส่วนใหญ่ก็จะมีแค่คนรู้จักที่บังเอิญเคยทำงานกลุ่มเดียวกัน ไม่ก็คนที่บังเอิญนั่งข้างกันแล้วต้องทำงานคู่กันในคลาสเรียนก็เท่านั้น


มันมีปัญหาตรงไหนกันนะ ทำไมตอนนี้ผมถึงไม่มีเพื่อนเลยสักคนล่ะ ทั้งที่ตอนอยู่ที่หมู่บ้านผมมีเพื่อนสนิทมากมายเลยแท้ๆ


ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลย


“ขมวดคิ้วขนาดนั้นเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก”


เอ๊ะ


ผมเงยหน้าขวับขึ้นมองคนเอ่ยทักที่เพิ่งเดินเข้ามาก่อนจะฉีกยิ้มบางอย่างอ่อนใจ


กะแล้วเชียว นอกจากเขาแล้วใครจะอยากเดินเข้ามาทักทายผมกันล่ะ


“ไงฮาน ลมอะไรหอบมาถึงนี่ล่ะ”


เขายักไหล่ “ลมขี้เกียจล่ะมั้ง”


พอพูดจบ เขาก็ถือวิสาสะนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามบนด้วยท่าทีสบายๆ อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งที่เขาก็ไม่ได้สนิทอะไรกับผมมากมายแท้ๆ อันที่จริงต้องบอกว่าเขาแทบไม่มีเวลาอยู่กับผมเลยถึงจะถูก ทำไมถึงยังเป็นตัวของตัวเองต่อหน้าผมได้ขนาดนี้กันน้า


“แล้ว...” เพื่อนเพียงคนเดียวในมหาวิทยาลัยของผมชี้นิ้วมาหา “นี่มามหาลัยทำไมล่ะ เดี๋ยวก็ติดหวัดหรอก”


“อ้อ ผมดีผมมีหนังสือที่ต้องอ่านให้จบเพื่อเอาไปอ้างอิงสำหรับทำรายงานน่ะครับ” ผมตอบก่อนจะชูหน้าปกของหนังสือในมือให้ดู “อีกอย่าง ผมไม่ติดหวัดหรอก สบายใจได้เลย”


คนฟังหัวเราะเบาๆ พร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง


“ทฤษฎีที่ว่าคนบ้าจะไม่เป็นหวัดน่ะไม่ใช่เรื่องจริงนะครับ รู้ใช่ไหม”


“ฮานนี่!” ผมเอ็ดเขาเบาๆ ทั้งที่เผลอหัวเราะไปด้วย “ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นสักหน่อยครับ”


แล้วผมก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาไม่ให้อีกคนได้เห็น


“โรคระบาดน่ะ ถ้าไม่ติดต่อกับคนอื่นก็จะไม่ติดใช่ไหมล่ะครับ”


ดวงตาแสร้งทำเป็นจดจ่อกับหนังสือในมือราวกับไม่ยินดียินร้ายอะไรกับเรื่องที่กำลังพูด


“ยังไงซะผมก็ไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสบายใจหายห่วงเลยครับ”


แล้วผมก็หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าร่าเริงที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้


ในคราวแรกผมคิดว่าฮานคงจะตอบอะไรไร้สาระกลับมาเหมือนอย่างปกติ จากนั้นพวกเราก็จะได้เปลี่ยนหัวข้อแล้วก็คุยตลกโปกฮากันไปเหมือนอย่างเคย แต่สิ่งที่ผมคิดเอาไว้กลับไม่เป็นจริงเลยสักอย่าง


คนที่นั่งตรงข้ามไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ ไม่แม้แต่จะหัวเราะออกมาให้ได้ยินสักแอะ เขาเอาแต่เงียบ เงียบ และเงียบ จนสุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องยอมแพ้


แล้วเสียงหัวเราะของผมเงียบลง


ผมรวบรวมความกล้าแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับคู่สนทนา ทั้งที่คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าเขาไม่ทำหน้านิ่งๆ ก็คงกำลังสนใจอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผม แต่สิ่งที่เห็นกลับผิดคาดไปหลายขุม นัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องมองตรงมาที่ผมอย่างแน่วแน่ แววตาของเขาอ่อนโยนและโศกเศร้าจนน่าใจหาย


ทำไม...ถึงทำหน้าเศร้าขนาดนั้นล่ะ...


“ฮาน...”


“ผมไงครับ”


เอ๊ะ


ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความงุนงงกับคำพูดของเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดขัดอะไรออกไป


“ผมไงครับ” เขาพูดประโยคเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างนั้นเอื้อมมาดึงมือทั้งสองของผมไปกุมเอาไว้ด้วย “ผมไงครับที่เป็นเพื่อนของเอล ผมจะอยู่เคียงข้างเอลไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าอยากติดหวัดขนาดนั้น ผมก็จะไปเอาหวัดมา...”


“ไอ้เจ้าบ้า...”


ผมเอ็ดอีกคนออกไปเบาๆ แล้วก้มหน้านิ่ง


อา...บ้าจริงเชียว...ทั้งที่ทำใจได้แล้วแท้ๆ ทั้งที่บอกตัวเองให้ยอมรับสภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้แล้วแท้ๆ แล้วทำไมเขาถึงได้...ทำไมถึงได้...


“ใจดีกับผมเกินไปแล้วนะครับ”


แล้วน้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลกระทบลงบนหลังมือของตัวเอง


ทั้งที่ยอมรับได้แล้วแท้ๆ ว่าไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไร ทั้งที่ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาก็อยู่มาได้ตลอดด้วยตัวคนเดียวแท้ๆ ทั้งที่พยายามทำใจจนเริ่มยอมรับได้ว่าการอยู่คนเดียวแบบนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่แล้วแท้ๆ...


มือสองข้างของผมขยับออกจากการถูกเกาะกุมของอีกฝ่ายแล้วเปลี่ยนไปเป็นคนจับแขนเขาเอาไว้แทน


“ช่วยใจดีกับผมแบบนี้ไปนานๆ เลยนะครับ”


ผมไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นฮานทำหน้ายังไง แต่สิ่งเดียวที่ยังประทับแน่นอยู่ในความทรงจำก็คงจะเป็น...


“ด้วยความยินดีครับ คุณตัวเล็ก”


ไม่น่าเชื่อเลยว่า ทั้งที่เรื่องผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว ผมก็อุตส่าห์จำเหตุการณ์ได้แม่นยำราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
แต่ก็นะ มันเป็นเรื่องที่ควรค่าจะถูกจดจำนี่นา


“ตัวเล็ก เสร็จรึยังครับ”


เสียงตะโกนที่ดังแทรกห้วงความคิดเข้ามาทำให้ผมหลุดจากห้วงภวังค์แล้วรีบกุลีกุจอจัดการตัวเองอย่างรวดเร็ว


แย่แล้ว เผลอเหม่อไปเสียได้


“จะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ ขอติดกระดุมอีกเม็ดเดียว”


“นี่ ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องรีบนะ ไม่ต้องวิ่งด้วยนะครับ เดี๋ยวหกล้ม”


ฮานนะฮาน เห็นผมเป็นเด็กกี่ขวบกัน


ผมหยุดมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง นัยน์ตาจับต้องไปยังต้นคอของตัวเองที่มีรอยรักกระจายเต็มไปหมดจนแทบมองไม่เห็นผิวเนื้อจริง


มีเพียงแค่รอยรักสีม่วงช้ำที่ครอบครองผิวหนังทั้งหมดของผมเอาไว้


แล้วผมก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา


ฮานน่ะ ใจดีมากจริงๆ นะ





***********************************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 30-06-2019 12:36:11
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 30-06-2019 12:48:25
คุณตัวเล็กน่ารักมากๆๆๆๆ ดูนุ่มนิ่มฟัพฟี่สุดๆ  :กอด1:
ฮานคือดูสุภาพ อ่อนโยนกับคุณตัวเล็กก็จริง แต่ทำไมร่างคุณตัวเล็กถึงได้ม่วงช้ำไปหมดล่ะคะ :hao3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 30-06-2019 12:52:19
อยากได้ผู้ชายแบบฮาน

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 30-06-2019 12:56:33
พี่ฮานนี่พระเอกสุดๆ ^^
นี่วางแผนแทรกซึมชีวิตน้องมานานแล้วใช่มั้ยคะ พูด!! 555

ยังไงก็ได้มาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ แล้วน้า...ช่วยกันสร้างรังเนอะ อิอิ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 30-06-2019 13:19:40
อยากมีฮานเป็นของตัวเองเลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 30-06-2019 13:55:44
ใจดีแบบไหนกันคะ ถึงได้ไม่มีที่เหลือให้เห็นสีเนื้อเดิมเลยล่ะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 30-06-2019 14:22:39
คุณเค้าน่าสงสารอ่ะไม่มีเพื่อน ฮานน่าจะเป็นทุกอย่างสำหรับคุณเค้าเลยนะเนี้ย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 30-06-2019 14:32:48
โอโห คือแทรกไปอยู่ในทุกช่วงเวลาของตัวเล็กเลยเนี่ย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 30-06-2019 14:51:51
เป็นทุกอย่างให้คุณตัวเล็กแล้ว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 30-06-2019 15:11:32
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 01-07-2019 01:47:26
ฮานเตรียมการหลายๆอย่างไว้แล้วจริงๆด้วย ตั้งแต่เข้ามาแทรกซึมใช้ชีวิตกับเอลแบบเหมือนจะเนียนโดยที่เอลไม่ได้รู้ตัวไปด้วยเลยจนกระทั่งเรื่องการฮีท การจะมีลูกนั่นนี่ เหมือนว่ารอเวลาที่จะเป็น Family man มาตลอด ก็คือทำแล้วพร้อมรับผิดชอบเลยเหมือนรอวันนี้มาตลอด ฮื่ออ น่ารักมากค่ะ เจ้าตัวเล็กก็ยังมึนๆเหมือนเดิม เอ็นดู ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 01-07-2019 10:20:25
เจ้าวางแผนมากเลยฮาน  :hao3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 02-07-2019 08:59:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 02-07-2019 12:41:21
เป็นOmegaverseที่หวานนนนนนเวอร์เลย ชอบๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 02-07-2019 14:43:28
ละมุนกับรังรักนี้มากไป   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 03-07-2019 13:23:53
 :o8:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 04-07-2019 00:46:08
 :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 05-07-2019 00:44:12
ก่อนมาถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน ก็มีเรื่องราว มีความสัมพันธ์ มีความผูกพันกันมาก่อนสินะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 07-07-2019 08:12:42
 :mew6:น่ารักมากเลยยยย ความสัมพันธ์ที่คอยๆก่อตีววจนตอนนี้จะท้องสินะ5555
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 4 -Above the Clouds- 30/06/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 07-07-2019 09:36:28
ความน่ารักของคู่นี้ระดับปรอทแตกเลย...ละมุนมาก  :heaven

แต่อยากรู้ว่าช่วงที่ฮานหายไป..หายไปไหน  :m28: คุณตัวเล็กเลยอยู่คนเดียวเลย

แต่ก็ดีที่ฮานกลับมา  :mew1: แถมจับจองคุณตัวเล็กไว้แบบเนียน ๆ ด้วย :m1: น่ารัก  :m3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 07-07-2019 10:51:04



Chaining




อดยอมรับไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วผมนั้นเป็นโอเมก้าเพ้อฝัน


ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องราวเมื่อสี่วันก่อนขึ้น ผมได้เริ่มคิดเรื่องอนาคตของตัวเองมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทั้งเรื่องอาชีพและหน้าที่การงาน ตลอดจนการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว ไหนจะเรื่องที่ต้องรีบหาที่อยู่ของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของฮานอีก ในตอนแรกผมกะเอาไว้ว่าจะรีบหางาน เก็บเงินแล้วก็ย้ายออก เผื่อว่าฮานจะอยากสร้างครอบครัวเป็นตัวเป็นตน ผมจะได้ไม่กลายเป็นภาระที่น่ารำคาญ


ถึงปากจะพูดว่า อยากจะย้ายออกเพื่อไม่ให้เป็นภาระ แต่ความจริงแล้วผมก็แค่อยากจะหนีภาพบาดตาก็เท่านั้น


เรื่องความรู้สึกที่ผมมีต่อฮานมันชัดเจนมาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ปีสองที่มหาวิทยาลัยแล้ว เผลอๆ อาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราพบกันเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งฐานะของพวกเรา สถานะความสัมพันธ์ของพวกเรา ตลอดจนฮาน พวกเราก็เลยไม่เคยข้ามขั้นไปถึงจุดที่เรียกว่าคนรักสักที


ใช่ ฮานนั่นล่ะ


ฮานไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาคิดกับผมแบบไหน ไม่เคยบอกว่ารัก ไม่เคยทำตาวิบวับเหมือนพระเอกในซีรี่ย์เวลามองนางเอกเลยสักนิด เพราะแบบนั้นผมเลยคิดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ชอบผมในแบบที่ผมชอบเขา เชื่อมาตลอดว่าที่เขาทำมาทั้งหมดก็แค่เพราะเขาเป็นเพื่อนที่แสนดี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเมื่อสี่วันก่อนนั่นล่ะ ผมถึงได้เข้าใจ


ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็เพิ่งจะเข้าใจแจ่มแจ้งเมื่อเช้านี้เอง


ตอนที่โดนกัดเพราะเกิดอาการฮีท ผมเข้าใจและมั่นใจไปเองว่าฮานต้องเป็นคู่แห่งโชคชะตาของผมแน่ เพราะฉะนั้น ต่อให้เขาไม่ได้รักผมในแบบคนรักหรืออะไรแบบนั้นก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียโชคชะตาก็ผูกพันเราเอาไว้แล้ว


อย่างไรเสีย คนอย่างฮานก็จะอยู่กับผมตลอดไปแน่แม้ว่าจะไม่ได้คิดรักผมในแง่คนรักมากมายเท่าไหร่ก็ตาม ผมคิดแบบนั้นมาตลอดเวลาที่ถูกเขากกกอดจนกระทั่งเมื่อเช้านี้เองที่ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไปทั้งหมด


ฮานไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของผม


ไม่เคยเป็นและไม่มีวันเป็นได้


ปกติแล้ว หากอัลฟ่าและโอเมก้าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตาทำพันธะสัญญากัน สัญลักษณ์แห่งวิญญาณจะต้องปรากฏบริเวณต้นคอของโอเมก้าเพื่อเป็นการแสดงพันธะ แต่จากการส่องกระจกเมื่อเช้า ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองแค่ไหน สิ่งที่เห็นก็มีเพียงรอยรักสีม่วงช้ำเท่านั้น


ไม่มีสัญลักษณ์อะไรเลยที่บอกว่าผมคือคู่แห่งโชคชะตาของฮาน


เพราะฉะนั้นเรื่องราวทั้งหมดที่ผมคิดไว้จึงต้องพับเก็บลงกระเป๋าแล้วถูกแทนที่ด้วยกระดาษแผ่นใหม่ที่ว่างเปล่า มันว่างเปล่าเพราะผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น


‘ความรักที่รุนแรงจนสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการรัทขึ้นมาได้ หากไม่บิดเบี้ยวจนผิดรูปร่างก็คงรุนแรงและบ้าคลั่งดั่งพายุหมุน’


ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง


‘เพราะฉะนั้นเหล่าโอเมก้าทั้งหลาย จงภาวนาให้ได้เจอกับคู่แห่งโชคชะตาแทนที่จะต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนแห่งพันธนาการที่แสนอันตรายนั้นเถอะ’


โซ่ตรวนพันธนาการงั้นเหรอ...


ผมเหลือบตามองคนที่ยังคงตั้งใจจดจ่ออยู่กับการขับรถพลางแอบคิดเงียบๆ ในใจ


บางที เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวผมอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญ


ความทรงจำมากมายถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อควานหาคำตอบที่ต้องการที่สุด ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าครั้งหนึ่งในสมัยที่ผมยังคงเรียนมัธยมปลายอยู่ที่โรงเรียนเล็กๆ ใกล้หมู่บ้าน ผมเคยไปถามอาจารย์เพิ่มเติมหลังเลิกเรียนเกี่ยวกับอาการรัทของอัลฟ่าเพื่อมาทำรายงานอยู่นี่นา


นั่นสิ ตอนนั้น ผมถามว่าอะไรนะ เรื่องอาการรัท ไม่ก็อาการน็อท ไม่ก็...


อ้อ นึกออกแล้ว


ในวันนั้น เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยไปพบอาจารย์วิชาสุขศึกษาเพื่อถามเกี่ยวกับอาการรัทในกรณีที่สองของอัลฟ่าเพื่อมาทำรายงานส่งในวิชาชีววิทยานี่นา


จำได้ว่าอาจารย์วิชาสุขศึกษาเป็นเบต้าผู้ชายที่ใจดีและมีผมสีน้ำตาลอ่อนหอมยาวจนถึงกลางหลัง เขาอนุญาตให้ผมเข้าไปพบหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นก็...


‘เอ๊ะ เธออยากรู้เรื่องอาการรัทในกรณีที่สองของอัลฟ่าเหรอ’


ใช่ๆ เหมือนเขาจะพูดอะไรแบบนั้นล่ะ


‘เอ มันพูดยากอยู่นะ จะว่ายังไงดีล่ะ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือ มันค่อนข้างจะอันตรายน่ะ’


‘อันตรายเหรอครับ’


ผมจำได้ว่าเขาพยักหน้าพร้อมกับทำสีหน้าประหลาด


‘อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะจริงไหม ความรักก็เหมือนกันนั่นล่ะ ถ้ามันมากเกินไป ก็จะกลายเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่พันธนาการเราเอาไว้ไม่ให้ไปไหน บางคู่น่ะ อัลฟ่าถึงกับล่ามคู่ตัวเองไว้กับเตียงไม่ให้เห็นเดือดเห็นตะวันเลยก็มีนะ ถึงส่วนตัวแล้วครูจะมองว่ามันเข้าใจได้ แต่ยังไงซะ การริดรอนเสรีภาพคนอื่นแบบนั้นก็เป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อยู่ดีจริงไหม’


‘อัลฟ่าที่ล่ามโอเมก้าน่ะผมก็พอเข้าใจได้อยู่นะครับ คงเพราะอาการฮีทด้วยอะไรด้วย แต่อัลฟ่าที่ล่ามเบต้านี่เพราะอะไรกันเหรอครับ’



ในตอนนั้น ครูของผมทำเพียงแค่เบนหน้าหนีแล้วพึมพำออกมาเบาๆ


‘นั่นสินะ’ เขาตอบด้วยส่ายตาเลื่อนลอย ‘ครูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน’


แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่เหมือนว่าตอนนั้นเขาจะเงียบไปครู่นึงก่อนจะตอบกลับมาด้วยท่าทางที่ประหลาดกว่าเก่า นัยน์ตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง อะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะไกลไปกว่าสิ่งที่เขียนไว้ในตำรา


อา ใช่ๆ ผมว่าที่ผมจำได้แม่นก็เพราะท่าทีแปลกๆ ของเขานี่ล่ะ


อาจจะเพราะรู้สึกมากเกินไปแต่ไม่สามารถพันธนาการเอาไว้ได้ล่ะมั้ง เพราะไม่ว่าอัลฟ่าจะเพียรกัดเบต้ามากแค่ไหน เบต้าก็ไม่มีวันที่จะผูกพันธะกับอัลฟ่านั้นได้’ เขานิ่งไปอีกอึดใจก่อนจะพูดต่อ ‘สุดท้ายแล้วก็คงเพราะกลัวจะสูญเสียนั่นล่ะ ก็เลยทำอะไรลงไปโดยไม่คิด พอรู้ตัว ก็เลยสูญเสียมันไปจริงๆ’


แล้วจู่ๆ เขาก็กลับมาทำท่าทีร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


‘ไหน มีคำถามอะไรอีกไหม’


‘อา..ไม่มีแล้วครับ’


‘โอเค งั้นครูขอทำงานต่อก่อนนะ’


‘ตามสบายเลยครับอาจารย์’



อ๋อ นึกออกแล้ว กะแล้วเชียวว่าเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไป


ในตอนนั้น ในจังหวะที่ผมกำลังค้อมหัวให้อาจารย์เป็นการบอกลา นัยน์ตาของผมก็พลันเหลือบไปเห็นร่องรอยแผลเป็นใหญ่ที่ข้อเท้าอาจารย์ทั้งสองข้างเข้าพอดี แม้ตอนนั้นจะไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรออกไป แต่ในใจผมก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น


บางที เรื่องอัลฟ่าที่กักขังเบต้าเอาไว้นั่น อาจจะเป็นเรื่องของอาจารย์เองก็ได้


แย่จริง ทำไมผมถึงลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้นะ


ผมแอบเหลือบมองฮานที่ยังคงตั้งใจขับรถอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง


หวังว่าฮานจะไม่จับผมไปล่ามไว้แบบนั้นนะ ไม่งั้นเวลาไปเข้าห้องน้ำผมคงลำบากแย่เลย









ตั้งแต่เด็กจนโต ผมเคยได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องความร่ำรวยของตระกูลเจเล็ต...ของครอบครัวของฮานมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้น่ะนะ...


ผมกวาดตามองทิวทัศน์รอบด้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนเก็บไม่มิด ทันทีที่รถยนต์เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาด้านในกำแพงอันเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของครอบครัวเจเล็ต สวนและสนามหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตาก็พลันปรากฏขึ้นตรงหน้า ถนนกว้างที่ทอดยาวตรงเข้าไปยังที่ใดสักแห่งราวกับไม่มีจุดสิ้นสุดถูกห้อมล้อมไปด้วยรูปปั้นประดับและพืชพันธุ์มากมายตลอดรายทาง เมื่อเพ่งมองออกไปดีๆ จะเห็นหมู่อาคารใหญ่โตกระจัดกระจายไปรอบๆ ผืนดินแปลงใหญ่


ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อครู่ผมลองหยิกตัวเองแล้วมันเจ็บมากๆ ผมก็จะเชื่ออย่างสุดใจเลยว่าตัวเองกำลังฝันไป


นี่มันเกินคำว่าบ้านหรือคฤหาสน์ไปแล้ว ดูยังไงก็อาณาจักรชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ! รู้แบบนี้ไม่ตอบตกลงไปก็ดีหรอก


ผมนั่งบ่นอุบอิบอยู่ในใจก่อนจะเบนสายตาไปมองคนที่ยังขับรถด้วยท่าทีสุขุมและไม่วอกแวกเหมือนเคยพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาหมาดๆ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนขึ้นมา


หลังจากที่ฮานพาผมไปจัดการเรื่องเอกสารที่สำนักงานรัฐเรียบร้อย เจ้าตัวก็เอ่ยปากอาสาอยากพาผมมาพบกับพ่อบุญธรรมผู้มีพระคุณกับเขามาตลอด แม้จะยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถจะเอ่ยปากปฏิเสธดวงตาที่ดูมีความสุขสุดๆ คู่นั้นได้เลย


‘ไปเถอะนะเอล คุณพ่อต้องดีใจแน่ๆ เลย‘


‘แต่ว่า...’


‘คุณพ่อน่ะ ทั้งใจดี ทั้งอ่อนโยน ไม่ต้องกลัวไปนะครับ’


‘เอ่อคือ...’


‘นะเอลนะ ผมว่าคุณพ่อต้องดีใจแน่ๆ ที่รู้ว่าผมกับเอลผูกพันธะกันแล้ว’


‘จะดีเหรอ...’


‘ดีสิครับ’


‘แต่...’


‘นะเอลนะ นะครับ’


‘อา ก็ได้ครับ’



สุดท้ายก็เลยจบลงที่การต้องนั่งมือเย็นตื่นเต้นอยู่ในรถแบบนี้ไงล่ะ


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาเบาๆ เพื่อระบายความตื่นเต้นในใจ ในขณะเดียวกันผมเองก็พยายามเรียกเค้นสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับตระกูลเจเล็ตเท่าที่จำได้ขึ้นมาจากก้นบึ้งลึกสุดของสมองเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเจอหน้าพ่อแม่สา...เอ่อ...สา....เอ่อ....ไม่ไหวแฮะ ขอเรียกแฟนไปก่อนก็แล้วกัน ถึงจะจดทะเบียนสมรสแล้วก็เถอะ


นั่นล่ะ ที่ผมอยากจะพูดคือการไปเจอหน้าพ่อแม่แฟนครั้งแรกก็ต้องเตรียมตัวใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยถ้าเกิดว่าผมจะต้องผ่านด่านการทดสอบเหมือนในละครที่เคยดูมา ก็จะได้พอเตรียมใจตัวเองเอาไว้บ้าง


ว่าแต่ ตระกูลเจเล็ตนี่มีอะไรบ้างน้า...


สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตระกูลของฮานคือพวกเขาเป็นนักธุรกิจที่จับงานธุรกิจหลากหลายประเภทมาตั้งแต่สมัยโบราณ สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลเป็นอัลฟ่าและเป็นเช่นนั้นมาตลอด สายเลือดอัลฟ่าเข้มข้นที่เกิดจากโอเมก้าชั้นสูงถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี เท่าที่ผมรู้ เหมือนว่าจะไม่มีใครในตระกูลเจเล็ตเกิดจากเบต้าเลยสักคน หรือถ้ามี ผมก็ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนๆ นั้นเลย


อา แย่จัง นี่มันแทบจะไม่รู้อะไรเลยนี่หว่า แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ต้องโทษคนนู้นเขาล่ะ


ผมเหลือบตามองพลางบุ้ยปากใส่คนที่กำลังตั้งใจขับรถเงียบๆ


ฮานไม่ค่อยจะเล่าเรื่องที่บ้านให้ผมฟังมากนัก ทุกครั้งที่เล่าก็มักจะมีคำประเภท ‘น่าเบื่อ’ หรือ ‘น่ารำคาญ’ อะไรพวกนั้นติดมาด้วยเสมอ แต่นั่นไม่นับรวมเวลาที่เขาพูดถึงพ่อบุญธรรมของตัวเองนะ


แม่แท้ๆ ของฮานเสียไปตั้งแต่เขายังอายุได้ไม่กี่เดือน เท่าที่เขาเคยเล่าให้ฟัง ผมจำได้ว่าแม่ของฮานเป็นอัลฟ่าคนหนึ่งที่เกิดในสายตรงของตระกูลเจเล็ต เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย เก่ง และเฉลียวฉลาดเกินใคร เมื่ออายุได้ยี่สิบปี แม่ของเขาก็ออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันออกและตั้งรกรากขยายอาณานิคมของตระกูลอยู่ที่อินเดียร่วมสิบปี และที่นั่น เธอก็ได้พบรักกับโอเมก้าหญิงชาวพื้นเมือง หลังจากนั้นไม่นาน ฮานก็ได้ลืมตาดูโลก


การถือกำเนิดของเด็กทารกจากคู่รักหญิงอัลฟ่ากับโอเมก้าหญิงชาวพื้นเมืองครั้งนั้นเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว ทารกที่เกิดจากคู่รักหญิงนั้นมีน้อยมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นลูกครึ่งยิ่งแทบไม่มี


‘เพราะแบบนั้น พวกเขาจึงเรียกผมว่า ‘ของหายาก’ มาตลอดทั้งชีวิตไงครับ’


วินาทีที่ฮานพูดประโยคนั้นออกมา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเจ็บปวดเสียจนผมไม่อาจนิ่งเฉยได้ สุดท้ายแล้วกิจกรรมเล่าเรื่องราวของตัวเองในยามค่ำคืนก็จบลงเพียงแค่นั้น


ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการที่ผมดึงตัวฮานเข้ามากอดปลอบไว้ตลอดทั้งคืน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องแม่เป็นบาดแผลที่ใหญ่แค่ไหนในใจของฮาน แค่พูดถึงเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาก็พลันเศร้าหมองขึ้นถนัดตา


หลังจากวันนั้น ผมก็ทำได้แค่ภาวนาว่าอย่าให้เขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวดจากเรื่องนี้อีกเลย


หวังว่าการที่เขาพาผมกลับมาบ้านของตัวเองคราวนี้จะไม่ไปทำให้เขารู้สึกแย่จนเกินไปนักนะ


ผมลอบมองฮานอีกครั้งก่อนจะอมยิ้มบาง


ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคราวนี้ใครคิดจะรังแกฮานล่ะก็ ผมนี่ล่ะจะเป็นคนคอยปกป้องเขาเอง


ยังไม่ทันที่ผมจะได้ชื่นชมกับความแข็งแกร่งของตัวเอง รถยนต์ที่ผมโดยสารมาตลอดก็พลันจอดสนิทลงหน้าอาคารไม้สองชั้นสีขาวหลังหนึ่ง


เทียบกับขนาดของที่ดินและประติมากรรมตลอดเส้นทางที่พวกเราขับรถผ่านมา อาคารไม้หลังนี้จัดว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทั้งเรียบง่ายและสงบอย่างน่าเหลือเชื่อ ดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานชูกิ่งก้านอยู่รอบตัวบ้านชวนให้รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่มอง บนชั้นบนสุดของแท่นน้ำพุกลางลานประดับด้วยรูปปั้นของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกับเหล่ากวางช่างชวนมองอย่างน่าประหลาด


ความหรูหราที่ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ


“ถ้าจ้องนานกว่านี้อีกนิด คุณเทพธิดาเขาจะโกรธเอานะครับ”


“ฮะ? เฮ้ย!”


ในขณะที่ผมกำลังจะหันไปถามคนพูดว่าหมายความว่ายังไง นัยน์ตาก็พลันเห็นใบหน้าของอีกคนอยู่ใกล้ในระดับที่ถ้าผมถอยตัวออกมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ริมฝีปากของพวกเราก็คงประกบเข้าหากันไปแล้ว


“ฮานอา! ตกใจนะ” ผมเอ็ดอีกคนลั่นพลางตีแขนเขาไปเบาๆ “ตกใจจนลืมข้อมูลหมดแล้วเนี่ย”


คนฟังขมวดคิ้วยุ่งพลางมองผมด้วยสีหน้าสับสน


“ข้อมูลอะไรเหรอครับ”


“ก็ข้อมูลของครอบครัวฮานไง”


คราวนี้คิ้วเรียวสวยพันกันหนักขึ้นกว่าเก่า


“จำไปทำไมล่ะครับ”


“ก็เผื่อโดนทดสอบไง เหมือนในหนังประเภทที่ว่า ‘เธอจะแต่งงานกับลูกของฉันไม่ได้จนกว่าจะได้รับการยอมรับ’ น่ะ”


สิ้นคำตอบของผม บรรยากาศในรถก็พลันเงียบไปอึดใจก่อนที่ฮานจะเป็นฝ่ายระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเสียจนผมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา


อา เพราะตกใจก็เลยเผลอพูดทุกอย่างที่คิดออกไปหมดเลย น่าอายชะมัด


เพราะไม่รู้ว่าควรจะเถียงหรือพูดอะไรออกไปดี สุดท้ายผมจึงทำได้แค่นั่งมองอีกคนหัวเราะอยู่เฉยๆ ด้วยความอับอายอย่างถึงที่สุด ปากมันก็อยากจะเถียงออกไปอยู่หรอก แต่กลัวว่ายิ่งพูดน้ำตาก็จะยิ่งเอ่อขึ้นมานี่สิ ผมยิ่งเป็นพวกยิ่งโมโหยิ่งร้องไห้อยู่ด้วย ไม่ชอบตัวเองเอาเสียเลย


คงเพราะผมเงียบนานเกินไป ในที่สุดเจ้าคนตัวโตก็รู้ตัว


“เอลโกรธเหรอ”


ไม่ตอบหรอกนะ


“นี่เอล ฮานเย้าเล่นนะ”


แต่ผมอายจริงนี่นา


“เอล สบตาฮานสิครับ”


ไม่มอง ไม่มองใครทั้งนั้นล่ะ


“ตัวเล็กครับ ผมขอโทษ”


บ้าจริง ใช้ไม้ตายตลอดเลยเชียว


“ก็ไม่ได้โกรธ...” ผมนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ “ก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น”


มือใหญ่ของเขารวบมือทั้งสองข้างของผมเข้าไปกอบกุมไว้แน่น


“ขอโทษนะ อย่าโกรธกันเลยนะครับ”


“อือ” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังไม่สบตา “หายแล้วล่ะ”


“ถ้าหายก็ต้องสบตาก่อนนะ”


ผมบุ้ยปาก “ทำไมต้องสบตาล่ะ”


“ก็จะได้รู้ไงครับว่าหายโกรธแล้วจริงๆ” นิ้วโป้งใหญ่ถือวิสาสะเขี่ยหลังมือผมไปมา “นะครับ”


ให้ตายสิ แพ้เขาทุกทีเลยเชียว


ผมค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองคนที่จ้องมาก่อนหน้าอยู่แล้วพร้อมกับบุ้ยปากใส่อีกครั้ง


“มองแล้วนี่ไง”


คนฟังยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้าลงมาหอมปลายจมูกผมเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”


เนี่ย ฮานก็เป็นซะแบบเนี่ย ให้จะให้ผมทำยังไงล่ะ


“พอเลย” ผมเอ่ยปรามคนที่เริ่มเคลื่อนริมฝีปากของตัวเองไปทั่วหน้าผมเบาๆ “ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณพ่อรอนะ”


“จริงด้วยสิ งั้นอันนั้นมัดจำไว้ทำที่บ้านเราก็แล้วกันเนอะ”


แล้วเขาก็หัวเราะคิกคักก่อนจะผละออกไป มือใหญ่หยิบคว้ากุญแจรถออกมาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับตั้งใจทำตามคำสั่งของผมจริงๆ


เนี่ย เนี่ย ฮานก็เป็นซะแบบนี้ตลอดเลย


แล้วผมก็พลันฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่ลงไปก่อนหน้าอุตส่าห์เดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้


“ยินดีต้อนรับสู่ฝั่งตะวันออกของคฤหาสน์เจเล็ต เขตแดนของแดเนียล จูเนียร์ เจเล็ตและลูกชายบุญธรรม ฮาร์วี่ โรมิอาน่า เจเล็ตครับผม ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับสมาชิกคนใหม่ของบ้าน ถ้าไม่รังเกียจ รบกวนเชิญเข้าไปดื่มชาด้วยกันด้านในนะครับ”


แล้วฮานก็พลันฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้


“คุณภรรยาของผม”


ให้ตายสิๆ แล้วผมจะหลุดพ้นจากบ่วงของคนๆ นี้ไปได้ยังไงกันล่ะ


อาจารย์ครับ โซ่ตรวนที่อาจารย์เคยบอกไว้นี่ น่ากลัวจริงๆ ด้วยล่ะ




**********************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-07-2019 11:08:01
คุณตัวเล็กน่ารักอ่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Gokusan ที่ 07-07-2019 11:46:27
ง่ะ เริ่มมีปมตามมาให้ค้นหา
ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาจริงๆ เหรอ
แล้วจะเป็นยังไงต่อเนี่ย...เฮ้อ~~~
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 07-07-2019 12:28:08
แล้วถ้าน้องไปเจอคู่แห่งโชคชะตาจะเป็นอะไรมั้ย แงง มีแต่เรื่องน่าสนใจเต็มไปหมดเลย เรื่องของคุณครูเบต้า ประวัติของฮาน คุณตัวเล็กนี่ไม่ได้กลัวเค้าจับล่ามจริงๆนี่นา ทำไมถึงโตมาเป็นคนน่ารักขนาดนี้นะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 07-07-2019 13:26:46
น้องไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 07-07-2019 13:37:52
อยากอ่านความรู้สึกของฮานบ้าง สัมผัสได้ว่ารักน้องมาก อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆ    :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 07-07-2019 14:39:34
งานมาม่าก็มา...ปม ปม ปม เริ่มทยอยมาแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 07-07-2019 15:17:37
น้องลูกหนูต้องกลัวอย่าอื่นซิ ไม่ใช่กลัวเข้าห้องน้ำลำบาก5555 แต่จะกลัวทำไม่ล่ะฮานเค้ารักของเค้า เค้าดูแลของเค้ามาตั้งนาน เค้าไม่ทำให้หนูเจ็บตัวหรอกลูก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-07-2019 15:52:44
 :L1: :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 07-07-2019 20:42:04
ฮานชัดอยู่นะ น้องเอล หลงไหลสุดๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 07-07-2019 22:16:08
อย่าม่าเลยน้าคุณตัวเล็กอาจเข้าใจผิดก็ได้มั้งว่าไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาความจริงแล้วคือใช่
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 07-07-2019 23:18:37
ในหัวคุณตัวเล็กดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด มั่นใจในฮานนะคุณตัวเล็ก
โซ่ตรวนที่คุณตัวเล็กพูดถึงอาจจะหมายถึงความรักก็ได้น้าาา
ถ้าไม่ใช่คู่โชคชะตากันจริงๆ โซ่ตรวนของฮานคือรักมากๆๆๆๆๆ
เชื่อเรา!!!
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 07-07-2019 23:52:36
ฮานไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาจริง ๆ เหรอ แล้วแบบนี้ถ้าคู่โผล่ออกมาจะทำไงล่ะจะขัดชะตาได้จริงเหรอ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 08-07-2019 04:27:49
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 08-07-2019 12:00:24
น่ารักจริง ๆ เลย

 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 10-07-2019 14:19:56
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกก อยากเห็นน้องสร้างรังแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 10-07-2019 17:56:20
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 10-07-2019 20:12:28
รังต้องมา  :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 11-07-2019 13:29:12
เป็นโซ่ตรวน แต่เป็นโซ่ตรวนที่ชวนให้ถูกล่ามจริงเลยแฮะ ตอนนี้เหลืออย่างเดียวคือคู่แห่งโชคชะตา หวังว่าจะไม่โผล่มานะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 5 -Chaining- 7/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 12-07-2019 01:20:57
ฮานดูแลน้องดีมากเลย จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 14-07-2019 10:05:54



Warning





ผมเคยคิดมาตลอดว่าบ้านของคนรวยจะต้องมีขนาดใหญ่โตและหรูหราฟูฟ่าแสดงให้เห็นถึงอำนาจเงินที่พวกเขามีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะดูละครหรือหนังมากี่เรื่องต่อกี่เรื่อง บ้านของพวกคนมีเงินก็มักจะมีอะไรบางอย่างที่บ้านของคนธรรมดาทั่วไปไม่มี ไม่ว่าจะเป็นวงเวียนน้ำพุขนาดใหญ่หน้าบ้าน หรือแม้กระทั่งบันไดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโถง


แต่พอได้มาเห็นบ้านของคนมีอันจะกินของจริง หลายสิ่งหลายอย่างก็ดันไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่เลย


ห้องหับที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาว ผนังที่ตกแต่งด้วยไม้สีขาว ตลอดจนฝ้าเพดานก็ยังเป็นสีขาว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เหนือจิตนาการของผมไปทั้งสิ้น


บ้านคนรวยที่คิดเอาไว้ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา...


“เอลครับ”


เสียงเอ่ยเรียกที่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผมหยุดเหม่อนานเกินไปของฮานทำให้ผมได้สติกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง


ผมหมุนมองรอบตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้กับคนที่ยืนทำหน้างงอยู่ด้านหน้า


“ที่นี่ไม่เห็นจะเหมือนกับคฤหาสน์ที่เคยเห็นในหนังเลยเนอะ”


คนฟังหัวเราะไม่เบานัก แต่เหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เลยพาลหยุดหัวเราะไปเสียดื้อๆ ใบหน้าคมเหลือบมองผมก่อนจะเบนสายตาออกไปมองรอบๆ ตัวคล้ายกับกำลังไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ถึงท่าทีของเขาจะดูประหลาดไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจเสียทีเดียวล่ะนะ


เขาคงกลัวว่าถ้าหัวเราะมากเกินไปแล้วผมจะโกรธอีกแน่เลย ฮานนี่ฮานจริงๆ เลยนะ


“อยากหัวเราะก็หัวเราะเถอะครับ ผมไม่ใช่คนโกรธง่ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”


ดวงตาคมเบิกกว้างคล้ายตกใจที่ผมรู้ทัน “เอลรู้ด้วยเหรอ”


“ก็นะ” ผมไหวไหล่ “ฮานน่ะดูออกง่ายจะตาย เหมือนหนังสือที่เปิดตอนจบค้างไว้นั่นล่ะ”


คราวนี้เขาหัวเราะด้วยท่าทีที่ผ่านคลายกว่าเดิม


“เอาผมไปเปรียบเทียบกับอะไรล่ะนั่น”


แล้วเขาก็ก้มลงมาประทับจูบบนหัวของผมเบาๆ “น่ารักจังเลยครับ”


อา ไม่ไหวๆ แบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจเลยจริงๆ ถ้าเกิดตอนนี้เขาขอจูบผมขึ้นมา น่ากลัวว่าผมคงจะยอมอย่างไม่มีข้อแม้...


“ฮะแฮ่ม”


ทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอมไอจากบุคคลที่สาม ผมก็พลันผละออกจากฮานอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ทันจะได้หันไปมองเจ้าของเสียงด้วยซ้ำ


อา แย่แล้วๆ ถ้าพ่อเขามาเห็นผมในสภาพนี้เขาจะคิดว่าผมเป็นคนยังไงกันนะ


ฮือ ไม่ไหวๆ อายจนไม่กล้าเงยหน้ามองเลย


“ไม่เอาน่าอัลเฟรด อย่าทำให้ตกใจแบบนี้สิ”


อัลเฟรดเหรอ เหมือนพ่อฮานจะไม่ได้ชื่อนี้นี่นา


“ขอโทษด้วยนะครับคุณหนู พอดีคุณท่านให้ผมออกมาดูน่ะครับ เห็นว่าลงจากรถกันนานแล้วแต่ยังเดินไปไม่ถึงห้องทำงานของท่านสักที ท่านก็กังวลตามประสาคนมีอายุล่ะครับว่าจะหกล้มหรือเกิดอะไรขึ้น ไม่คิดเลยว่า....”


“กรุณาหยุดไว้แค่ตรงนั้นเถอะครับ”


หลังจากที่อุตส่าห์ยืนนิ่งเงียบพยายามทำตัวไร้ตัวตนมานานแสนนาน ในที่สุดผมก็ต้องยอมออกจากเงามืดเพื่อปรามไม่ให้คุณพ่อบ้าน (ผมคิดว่าเขาคงเป็นคุณพ่อบ้านล่ะ) ไม่ให้พูดอะไรน่าอายไปมากกว่านี้


และทันทีที่ผมเงยหน้า ผมก็ได้เห็นคุณพ่อบ้านเต็มสองตา


ในที่สุด ผมก็ได้เห็นสิ่งที่เหมือนกับในละครกับเขาสักที


ตรงหน้าของผม ห่างออกไปประมาณห้าหกก้าวมีชายชราในชุดสูทสีดำเรียบร้อยยืนส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผมดอกสีเลารับกับหนวดเครางองุ้มสีเดียวกันชวนให้นึกถึงพ่อบ้านในหนังพีเรียดคอมเมดี้ขึ้นมาอย่างไงอย่างงั้น


นี่สิ พ่อบ้านในอุดมคติของผม


“แล้วไม่ทราบว่าคุณหนูทั้งสองจะให้ผมนำทางไปหานายท่านเลยไหมครับ”


อ๊ะ จริงสิ ผมจะมามัวตกตะลึงอยู่กับคุณพ่อบ้านไม่ได้นี่นา


ผมค้อมหัวให้อีกฝ่ายน้อยๆ ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนอบน้อมกว่าปกติ


“รบกวนด้วยนะครับ”


ชายชราตรงหน้านิ่งไปอึดใจก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกกว้างกว่าเก่า


“ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะครับว่าทำไมคุณหนูฮานถึงเลือกคุณมาเป็นคู่ครอง”


เอ๊ะ


ผมจ้องมองคุณพ่อบ้านตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ


ทำไม...เขาถึงรู้ว่าผมเป็นคู่ของฮานล่ะ ในเมื่อผมก็ติดกระดุมคอที่เสื้อเชิ้ตแล้ว...


“เพราะกลิ่นไงล่ะครับ”


เอ๋ เขารู้ได้ยังไงกันล่ะว่าผมกำลังสงสัย


ชายชราตรงหน้าผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะค้อมหัวให้


“ขออภัยที่เสียมารยาทน่ะครับ แต่สีหน้าของคุณหนู ต่อให้เป็นคนที่ซื่อบื้อแค่ไหนก็เข้าใจได้ง่ายทั้งนั้นล่ะครับ”


 อ้อ...


พอได้รู้ความจริง ผมก็ทำได้แค่ฉีกยิ้มแก้มเก้อพลางยกมือขึ้นเกาหน้าตัวเองเบาๆ


อา น่าอายจังเลยน้า...


“ที่คุณหนูสงสัยเมื่อครู่ว่าผมรู้ได้ยังไงว่าคุณหนูคือคู่ของคุณหนูฮาน สาเหตุก็เพราะคุณหนูมีกลิ่นของคุณหนูฮานฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวไปหมดเลยยังไงล่ะครับ”


เห ไม่เห็นจะรู้เรื่องนั้นเลย


ผมยกแขนตัวเองขึ้นดมอย่างตั้งใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามสูดลมหายใจเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลิ่นที่ว่านั่นเลย
แล้วตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคนสองคนดังขึ้นพร้อมกัน


“คุณหนูนี่ตลกดีนะครับ”


ผมเลิกคิ้วมองคุณพ่อบ้านก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ยังหัวเราะเบาๆ อยู่ด้วยความไม่เข้าใจ


เมื่อเห็นว่าผมสับสนมากขึ้นทุกที ฮานจึวยกมือลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูด


“เอล ดมไปก็ไม่ได้กลิ่นหรอกนะ กลิ่นนี้เป็นกลิ่นของอัลฟ่าที่จะมีแค่อัลฟ่าด้วยกันเท่านั้นที่รับรู้ได้”


โอ๊ะ งั้นก็หมายความว่า แม้กระทั่งคุณพ่อบ้านก็เป็นอัลฟ่างั้นสิ


โห ตระกูลที่สามารถเอาอัลฟ่ามาเป็นพ่อบ้านได้นี่ต้องมีอำนาจขนาดไหนกันนะ


ผมพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปฉีกยิ้มแห้งๆ แก้เก้อให้คุณพ่อบ้านที่ยืนห่างออกไป


“พอดีว่าผมไม่ค่อยได้อยู่กับอัลฟ่าน่ะครับ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เท่าไหร่”


“นั่นสินะครับ” นัยน์ตาฝ้าฟางทอดมองตรงมาที่ผม “คุณหนูฮานเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสอยู่ท่ามกลางโอเมก้าหรือเบต้าสักเท่าไหร่นัก หากมีอะไรที่ต้องชี้แนะ ก็ได้โปรดช่วยสั่งสอนคุณหนูฮานเธอด้วยนะครับ”


“ให้ผมสั่งสอนฮานเหรอครับ” มือสองข้างของผมโบกไปมา “ไม่ไหวหรอกครับ ฮานเขาเป็นถึงคุณหมอเชียวนะครับ น่ากลัวว่าเขาจะต้องช่วยสอนผมมากกว่า”


ชายชราตรงหน้าหัวเราะ แต่คราวนี้ เสียงหัวเราะนั้นกลับเย็นเยียบและเศร้าหมองพิกล


“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องความรู้หรอกครับ สิ่งที่ผมอยากจะให้คุณช่วยสอนคุณหนูฮานคงจะเป็นเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นมาก”

นัยน์ตาของเขาจับจ้องตรงมาที่ผม...ไม่สิ ไม่ใช่ เขาไม่ได้กำลังสบตากับผม


ดวงตาคู่นั้น...กำลังจ้องมองมาที่คอของผมต่างหาก


“ความรักนั้นสวยงาม แต่การปล่อยวางก็เป็นสิ่งจำเป็น เมื่อถึงเวลาต้องปล่อยก็จำเป็นต้องปล่อยนะครับ”


สายตานั้นเบนเปลี่ยนจากลำคอของผมไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม...ไปยังฮาน


“อะไรที่มากเกินไป มันไม่ดีหรอกนะครับ”


จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ความรู้สึกขมุกขมัวปนตึงเครียดในจิตใจนี้คืออะไรกัน ความรู้สึกอึดอัดราวกับว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนี่มันอะไรกัน


ไม่ชอบ ไม่ชอบเลย


ผมขยับตัวถอยหลังไปเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อยจนชนเข้ากับแผ่นอกของฮานในที่สุด ท่อนแขนของอีกคนยกขึ้นโอบกอดผมไว้หลวมๆ คล้ายเป็นการบอกว่า ‘ผมจะปกป้องคุณเอง’ อย่างไรอย่างนั้น


แค่นี้ก็พอ แค่ที่นี่เท่านั้นที่ผมรู้สึกปลอดภัย


“ขอบใจนะอัล” เสียงของฮานยังคงนุ่มทุ้มเหมือนอย่างทุกที น่าแปลกที่มันกลับรู้สึกน่ากลัวพิกล


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังเลือกที่จะอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนี้ต่อไปอยู่ดี


“ขอบใจสำหรับความเป็นห่วงทั้งหมดที่มีให้”


คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกส่วนตัว


ผมรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมมะลิเข้มข้นที่แผ่ซ่านออกจากตัวฮานราวกับไม่มีวันหมดนั้นทำให้บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า


ไม่ชอบ ไม่ชอบเลย


ผมขยับตัวซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกแกร่งมากขึ้นกว่าเก่า ไม่รู้ว่าเป็นผลจากกลิ่นของฮานหรือความตึงเครียดในอากาศ จู่ๆ ผมก็พลันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังสั่นเทิ้มเกินจะควบคุมได้


ผมกลัว ผมกลัวมาก และต้นเหตุของความกลัวก็อยู่ตรงหน้านี้เอง ทั้งที่รู้อย่างนั้น ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกอยากซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดนี้ให้มากขึ้นกว่าเก่า


ฝ่ามือใหญ่ที่คอยลูบไล้ปลอบโยนทำให้ผมสงบลงได้เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หายดี


ฮานในตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน แต่ใจผมก็รู้ดีว่าเขาคือสถานที่พักพิงที่ดีที่สุด ความรู้สึกที่ทั้งกลัวทั้งอยากอยู่ใกล้แบบนี้ ผมไม่เข้าใจมันเลย


ไม่เลยสักนิดเดียว


“ฮาน” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นเบาๆ พร้อมกับสองมือที่กำเสื้อเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย “เดี๋ยวคุณพ่อรอนานนะ”


แล้วกลิ่นมะลิคุ้นจมูกนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป


“จริงด้วย เราควรไปกันได้แล้วล่ะ”


แล้วเขาก็เงียบไปเล็กน้อย


“นำทางทีสิอัล”


พูดตามตรง ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหน้าหรือสบตาเขาด้วยสิ สิ่งที่ผมทำมีเพียงแค่การก้มหน้า ก้มแล้วก็ก้มอยู่อย่างนั้น แม้กระทั่งตอนที่ฮานจูงมือผมให้เดินตาม ผมก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวด้วยความอยากรู้เหมือนอย่างเคย


บางที นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจคำพูดของอาจารย์อย่างถ่องแท้


พันธนาการนี้ อันตรายเหลือเกิน










ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบความเงียบสักเท่าไหร่หรอก แต่บางที ถ้าต้องโดนบังคับให้ตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ สู้อยู่กับความเงียบไปเรื่อยๆ ก็น่าจะดีกว่าล่ะน้า...


ผมเหลือบตามองชายวัยกลางคนตอนปลายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามเล็กน้อยก่อนจะรีบหลุบตาหนีด้วยความหวาดกลัว
คนตรงหน้าผมเป็นอัลฟ่าร่างสูงโปร่งที่ไม่ได้ดูกำยำล่ำสันเท่ากับฮาน เขามีมัดกล้ามเนื้อสวยพอประมาณ นัยน์ตาของเขามีสีอ่อนเหมือนกับชาวลินเดียทั่วไป ทั้งที่ผิวขาวจัดจนเกือบจะซีด แต่ใบหน้ากลับคมสันหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ผมสั้นสีอ่อนของเขาถูกเซ็ตเป็นทรงเว็ทลุคประกอบกับการแต่งตัวที่ดูสบายๆ แต่กลับมีรสนิยมอย่างมาก...มากเกินไปสำหรับการแต่งตัวอยู่บ้านเฉยๆ ด้วย...


อา แย่แน่ๆ ผมรับมือคนแบบนี้ไม่ได้หรอก


ตั้งแต่รู้จักกับฮานมา เขาเองก็เคยพูดเรื่องของพ่อบุญธรรมให้ฟังอยู่สองสามครั้งเท่านั้นเอง


เอ๊ะ อันที่จริงจะไปเรียกว่าพ่อบุญธรรมก็คงจะไม่ถูกนักหรอก ถ้าจะเอาให้แม่นยำตามหลักการที่ชาวบ้านเขาเรียกกันก็คงจะเป็น...อืม...พ่อทูนหัว...ใช่ๆ ประมาณนั้นล่ะ


พ่อทูนหัวของฮานมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของเขา หลังจากที่แม่แท้ๆ ทั้งสองของฮานเสียชีวิตไปหลังจากที่ฮานเกิดได้ไม่นาน คุณลุงน่ากลัวที่นั่งตรงข้ามพวกเรานี้ก็เป็นคนรับเขามาเลี้ยงดู เท่าที่ผมรู้เหมือนว่าคุณลุงคนนี้จะไม่มีครอบครัวหรือคนรักอะไรทั้งนั้น

ตอนแรกที่ได้ยินจากฮานว่าอัลฟ่าจากตระกูลเก่าแก่ที่มีเงินทองมากมายไม่มีครอบครัวมันก็ออกจะฟังดูเหลือเชื่ออยู่หน่อยๆ แต่พอได้มาเจอตัวจริงของเขาแล้ว ผมว่าผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มีลูกมีภรรยาเหมือนคนอื่นเขา


“ตกลงก็คือไปจดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอกพ่อเนี่ยนะ” เสียงทุ้มต่ำนั้นฟังดูไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้กัน”


ไม่พูดเปล่า เขายังวางถ้วยชาลงบนโต๊ะแรงมากจนผมกลัวว่าแก้วจะแตกคามือเขาด้วย


อา คนอะไร เวลาโมโหแล้วน่ากลัวเป็นบ้าเลย


“โธ่พ่อครับ พ่อก็รู้จักเอลมาแต่ไหนแต่ไร ที่สำคัญผมกัดน้องไปแล้วด้วย อย่างไรเสียก็ควรรับผิดชอบ”


“พ่อพูดว่าไม่ให้รับผิดชอบรึยังหืม”


เอาแล้วๆ ผมว่าพายุกำลังจะเข้าเร็วๆ นี้ล่ะ


“แต่เมื่อกี้นี้พ่อบอกว่า...”


“พ่อบอกว่าเวลาจะทำอะไรก็ต้องทำให้มันถูกธรรมเนียม จะไปข้ามไปข้ามมา จดทะเบียนก่อนแล้วค่อยมาบอกกล่าวครอบครัวมันใช้ได้ที่ไหน แล้วนี่ที่บ้านเขาก็ยังไม่รู้ใช่ไหม”


ไม่ว่าเปล่า คุณลุงยังชี้มาทางผมด้วย


“แล้วเขาจะมองเราเป็นคนยังไง ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ ไม่เคารพให้เกียรติเขา เขาจะหาว่าไม่สั่งไม่สอนกันให้ดีน่ะสิ” แล้วเขาก็เงียบไปอึดใจ “เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหมฮาน”


เห ประโยคสุดท้ายนี่เสียงอ่อนลงจนน่าตกใจเลยนะเนี่ย


ผมเหล่ตามองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ ผมนิ่ง ใจมันก็อยากจะเอ่ยปากปลอบเขาอยู่หรอก แต่ดูจากทรงแล้ว...


นัยน์ตาผมเหลือบมองคนที่จ้องเขม็งไปที่ฮาน


เงียบไว้น่าจะปลอดภัยกว่าแฮะ


ฮาน ผมขอโทษนะครับ แต่ผมรับมือกับคุณพ่อทูนหัวของฮานไม่ไหวจริงๆ เขาน่ากลัวกว่าแม่ผมตอนโกรธอีกอะ


หลังจากปล่อยให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่พักใหญ่ ในที่สุดคนคนตัวโตข้างๆ ผมก็ยอมปริปากพูดอ้อมแอ้มออกมา


“เข้าใจครับพ่อ” แล้วเขาก็เอื้อมมือมาบีบมือขวาผมเบาๆ คล้ายเป็นการขอกำลังใจ “ผมขอโทษครับ”


อา แย่จัง ผมอยากกอดปลอบเขาจังเลย


ผมใช้มือซ้ายที่วางอยู่ลูบหลังมือของเขาเป็นการปลอบใจก่อนจะหันไปสบตากับคุณลุงของฮานที่จ้องดูอยู่ก่อนแล้ว ทีแรกผมก็ตั้งใจจะทำหน้าขึงขังแล้วก็พูดประโยคคมๆ เหมือนในหนังรักอยู่หรอก แต่แหม...


รอยยิ้มแห้งๆ ถูกเสกให้ประดับบนใบหน้าผมโดยอัตโนมัติ


“ขอโทษด้วยนะครับคุณลุง”


ผมไม่กล้านี่นา คุณลุงน่ากลัวจะตายไป อีกอย่างผมก็เป็นคนพูดประโยคคมๆ ไม่เป็นด้วย ขืนให้พูดไปตอนนี้น่ากลัวจะพูดไม่รู้เรื่องเสียมากกว่า เพราะฉะนั้นฉีกยิ้มโง่ๆ แบบนี้ส่งไปนี่ล่ะดีแล้ว


แต่เหมือนจะมีแค่ผมที่คิดว่ามันดีแล้ว...


ชายวัยกลางคนตรงหน้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คล้ายรำคาญ


“ฮาน” เขาเรียกคนข้างตัวผมด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเมื่อกี้เล็กน้อย “ออกไปข้างนอกก่อนไป พ่อมีอะไรจะคุยกับคู่ของลูกหน่อย”


“แต่คุณพ่อครับ เอลเขา...”


ฮานพยายามจะต่อสู้เพื่อผม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จนัก


“พ่อบอกให้ออกไปรอข้างนอกก่อนไง”


สุดท้าย ฮานก็เป็นฝ่ายเงียบแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด


“เอลครับ ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่พร้อมก็...”


“ฮาน”


ยังไม่ทันที่ฮานจะได้พูดจบประโยคก็พลันมีเสียงประกาศิตจากผู้อาวุโสสุดในห้องดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน คนโดนขัดมีสีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังไม่วายอุตส่าห์หันไปต่อสู้จนเฮือกสุดท้าย


“แต่ว่าพ่อครับ...”


“ฮาน อย่าให้พ่อต้องเรียกชื่อลูกเป็นครั้งที่สามนะ”


แอด แอด คุณลุงนำไปหนึ่งคะแนน


ใจจริงผมมันอยากตะโกนคำว่า ‘ม่ายยย’ ออกไปอยู่หรอก แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...


“ฮานออกไปก่อนเถอะนะ เอลกับคุณลุงคุยกันเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ”


ใครบอกว่าผมอยากพูดแบบนั้นกัน ตีปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าบ้าเอล


แล้วหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียวของผมอย่างฮานก็ยอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี


ตายแน่ งานนี้เอมานูเอลตายแน่ ตายแบบไม่ต้องสืบ ตายแบบเละเป็นโจ๊ก...


“นี่เธอน่ะ”


“คะ ครับ”


วินาทีที่คนสูงวัยกว่าเรียกหาอย่างเฉพาะเจาะจง กายละเอียดที่แสนบอบบางของผมก็แทบหลุดออกจากร่าง โชคยังดีที่ไม่ตกใจจนเป็นลมไปเสียก่อน


อันตราย อัลฟ่าอายุมากนี่อันตรายจริงๆ


“มาจากรัฐโอเซนใช่ไหม”


ผมสงสัยกับคำถามแต่ก็ยอมพยักหน้าออกไป


“ครับ”


“เหรอ” เขาตอบรับก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ช่วยเล่าเรื่องที่นั่นให้ฟังหน่อยสิ”


เอ๊ะ


ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยไม่อาจเก็บความประหลาดใจเอาไว้ได้ แต่ถึงจะรู้สึกว่ามันแปลก ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเล่นตามน้ำไปอยู่ดี


ว่าแต่ จะเล่าอะไรดีล่ะ ชีวิตผมยิ่งจืดๆ อยู่ด้วย


“โอเซนเป็นรัฐเล็กๆ ที่เน้นเกษตรกรรมแล้วก็....”


“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว ช่วยพูดอะไรที่น่าสนใจกว่านี้ได้ไหม”


น้ำลายที่กลืนลงไปในคอหนืดข้นกว่าปกติ


อา แย่แล้ว แย่แน่ๆ เลย


“โอเซนเป็นรัฐที่เล็กมากก็จริงแต่เมืองหลวงของรัฐเป็นเมืองที่ร่ำรวยด้านศิลปะและวัฒนธรรมมากเลยครับ ด้วยเพราะมีภูมิศาสตร์ที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ อารยธรรมโบราณของลินเดียจึงสามารถผมเจอได้ที่โอเซนทั้งหมด แล้วก็...”


ไม่ไหวๆ เขาดูไม่สบอารมณ์เลย งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า


“ถึงจะเป็นรัฐที่ร่ำรวยด้านของโบร่ำโบราณ แต่ผู้คนที่นั่นกลับไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้เท่าไหร่เลย สิ่งที่ขึ้นชื่อในโอเซนกลับเป็นอาหารและขนมพื้นเมืองจนโดนคนในลินเดียเรียกว่ารัฐแห่งอาหารเลยล่ะครับ ฮ่าๆ ...”


แม่ครับ พ่อครับ คุณลุงเขาดูอารมณ์เสียยิ่งกว่าเมื่อกี้อีกครับ เอาวะ งัดมุกสุดท้ายมาใช้เลยแล้วกัน


“ชีวิตของผมที่นั่นก็ค่อนข้างเรียบง่ายครับ ด้วยโอเซนเป็นรัฐที่มีเบต้าและโอเมก้าอาศัยอยู่มากที่สุด ในเมืองแทบจะไม่มีอัลฟ่าเลยล่ะครับ ยิ่งเป็นหมู่บ้านไกลตัวเมืองอย่างหมู่บ้านของผมแล้ว อัลฟ่าจัดเป็นสิ่งหายากเลยครับ เพราะฉะนั้นผมก็เลยรู้สึกโชคดีที่ไม่เคยโดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียนเพราะความเป็นโอเมก้าเลย”


คราวนี้เขาเลิกคิ้วด้วยสีหน้าที่ดูสงบนิ่งกว่าเมื่อครู่ ผมจะขอนับว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดีได้ไหมนะ


“พวกครูก็เป็นเบต้ากับโอเมก้ากันหมดเลยเหรอ”


เอ๊ะ ได้ผลแฮะ รู้งี้เล่าเรื่องขิงข่าแบบนี้แต่แรกก็คงดี


ผมพยักหน้าตอบเขาอย่างกระตือรือร้น


“ใช่ครับ โรงเรียนของผมมีวิชาพิเศษที่เรียกว่าสุขศึกษาสำหรับเบต้าและโอเมก้าด้วยนะครับ ที่เคยเป็นข่าวทั่วประเทศเมื่อประมาณสามปีก่อนน่ะครับ”


“อือฮึ” เขาครางรับในคอ “แล้วยังไงต่อ”


อ้าว นึกว่าจะรอดแล้วเสียอีก


 ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางพยายามเค้นหัวข้อขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ผล


ต้องยอมแพ้แล้วล่ะ


“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ”


คู่สนทนาของผมเงียบไปพักใหญ่ เขาจ้องมองผมด้วยท่าทางเครียดขรึมอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เอนหลังลงไปพิงพนักเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมา


“เด็กพวกนี้นี่นะ คิดอะไรอยู่กันแน่”


นัยน์ตาคมคู่นั้นทอดมองผมด้วยแววตาไม่พอใจ


“ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันแท้ๆ ทำไมถึงปล่อยให้เลยเถิดมาขนาดนี้ล่ะ”


เอ๊ะ


“ถ้ารู้ว่าไม่ใช่แต่แรก จะขอให้ทางรัฐถอนการจับคู่ให้ก็ได้แท้ๆ”


ทำไมล่ะ


“ถ้าวันหนึ่งเกิดพวกเธอคนใดคนหนึ่งเจอคู่ของตัวเองขึ้นมาแล้วจะทำยังไง จะไปถอนการจับคู่หลังฝังพันธะไปนานแล้วมันยากมากนะรู้ไหม”


ทำไมเขาถึงรู้ล่ะ


“กลิ่นของฮานที่ฝังอยู่ในตัวเธอรุนแรงมาก เขาคงรัทล่ะสิ”


คนๆ นี้...


“พูดกันตรงๆ เลยนะ”


ดวงตาคู่นั้นสบลึกเข้ามาในตาของผม


“ฉันอยากให้พวกเธอถอนพันธะกันซะ”


ทำไม ทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นล่ะ


“พวกเธอไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของกันและกัน ถ้าวันหนึ่งพวกเธอคนใดคนหนึ่งเกิดเจอคู่ของตัวเองขึ้นมาแล้วมันจะยุ่งยาก”


เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย


“ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการถอนพันธะหรอก แต่มันเป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่านั้นมาก”


อุณหภูมิในห้องลดลงจนรู้สึกหนาวสั่น


“อัลฟ่าที่รัทกับคนที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันน่ะ จบไม่สวยสักคนเลยรู้ไหม”


ลมหายใจที่เคยอุ่นร้อน ตอนนี้กลับหนาวเย็นจนหนักอึ้งไปทั้งอก


“โซ่ตรวนแบบนั้น ฉันรู้จักมันดี”


แล้วเขาก็ถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นข้อมือทั้งสองข้างมาตรงหน้าผม


ร่องรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องย้อนอดีตไปดูก็พอจะเดาได้ว่าข้อมือทั้งสองข้างนี้เคยถูกพันธนาการอย่างแน่หนาและรุนแรงมาก่อนปรากฏขึ้นตรงหน้า ชายวัยกลางคนค้างมือของตัวเองอยู่อย่างนั้นคล้ายอยากจะให้ผมจดจำรอยแผลนี้ไว้ให้ขึ้นใจ


“เมื่อไรก็ตามที่อัลฟ่าบ้าคลั่งเพราะความรักที่มากมายจนเกินไป เมื่อนั้นจะเกิดโศกนาฏกรรม”


ถ้อยคำเหล่านั้นสลักลึกลงในใจผมช้าๆ


“ฉันเคยเกือบฆ่าคนที่ฉันรักที่สุดด้วยมือของฉันเองมาแล้วและฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”


เสียงทุ้มต่ำนั้นเจือความเสียใจไว้อย่างสุดซึ้ง


“สายสัมพันธ์นี้คือคำสาป”


ทั้งอ้างว้างและทรมานเสียจนผมอดสะท้อนใจไม่ได้


“รีบถอยออกมาในตอนที่ยังมีโอกาส ดีกว่าถลำลึกลงไปจนย้อนกลับมาไม่ได้จะดีกว่า”


ถลำลึก...งั้นเหรอ...


...อ้อ...


“ถ้างั้นก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ”


“ฮะ?”


ผมสบตากับเขาที่ดูงุนงงแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง


“ถ้าคุณลุงกลัวว่าพวกผมจะถลำลึกล่ะก็ คุณลุงไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ”


แล้วผมก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาเหมือนอย่างทุกที


“เพราะพวกผมน่ะ...ผ่านจุดย้อนกลับนั่นมานานมากแล้วล่ะครับ”






***************************************************************************






หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 14-07-2019 11:39:20
น้องเอลเป็นคนตลกที่น่าเอ็นดูจริงๆ นี่หนูเครียดจริงๆรึเปล่าลูก
แต่ประโยคสุดท้ายของหนู มันคมจริงๆน้า เก่งที่สุดเลย //ขอหอมหัวทีนึง

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Inwoสูs ที่ 14-07-2019 12:30:17
หนูเก่งมากลูก เก่งมากๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 14-07-2019 12:36:32
คุณพ่อของฮานกับ คุณครูที่เป็นเบต้า หรือเปล่านา??

ถึงไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตา แต่ก็ขอให้มั่นคงกันมากๆนะ รักกันขนาดนี้แล้ววว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 14-07-2019 13:20:12
เอลน่ารักน่าเอ็นดู  :mew1: เป็นกำลังใจให้เอลและฮานในหนทางข้างหน้า
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-07-2019 14:36:27
ตงิด ๆ เรื่องเอลกับฮานว่าอาจจะไม่ใช่คู่แท้แต่รักกันขนาดนี้ทุกอย่างคงจะโอเคดี.....ใช่มั้ย  :monkeysad:

พ่อบุญธรรมกับคุณครูก็น่าสงสัยน๊า  :เฮ้อ:

รอ รอ รอ จ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 14-07-2019 17:01:10
พ่อกับครูแน่ๆเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 14-07-2019 17:39:03
น้องเอลคนซื่อ ทำไมหนูน่าเอ็นดูขนาดนี้ 555
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 14-07-2019 21:32:06
บวก 1 เรื่องคุมพ่อกับคุมครู
เอาใจช่วยน้องเอล    :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-07-2019 22:38:50
แต่ทำไมตอนแรกฮานพูดเหมือนเป็นคู่แท้ อึงแงงงงงงง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 14-07-2019 22:50:44
เราก็หวังว่าไอ้เรื่องคู่แห่งโชคชะตาจะรีบ ๆ โผล่มาตอนนี้จะได้รีบ ๆ จัดการมันไปซะจะได้ไม่ยุ่งยากมากนัก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 14-07-2019 23:00:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: palm_rawinda ที่ 15-07-2019 18:05:01
เป็นกำลังใจให้เอลกับฮาน สู้ๆทั้งคู่นะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 15-07-2019 19:37:10
นี่ยิ่งกว่าโดนทดสอบ ที่เอลคิดไว้อีก นี่คือขอให้เลิกกันเลยนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 15-07-2019 23:17:56
จุดย้อนกลับอะไรหว่า ต้องเป็นเหตุการ์ณครั้งสำคัญของคนทั้งสองเลยสินะ รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 16-07-2019 00:06:18
เล่าต่อสิลูก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 16-07-2019 00:12:36
เอล กลับมาก่อนลูกกกก!!!
มาอธิบายต่อ แม่กำลังจะเข้าใจละ อีกนิดนึง เล่ามาก่อน จุดย้อนกลับอะไรลูกกก :katai1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 16-07-2019 02:09:52
ตอนนี้แสดงให้เห็นเลยค่ะว่าเอลก็หลงรักฮานไม่ไปน้อยกว่าที่ฮานรักเอลเลย และรับรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปถึงขั้นไหน น้อง ไม่ได้มึนๆอึนๆไปวันๆ ก็คือความสัมพันธ์ทั้งคู่ ไปสุดมากแบบไม่มีจุดย้อนกลับแล้วและไม่ย้อนกลับด้วย ตอนแรกเหมือนจะเป็นนิยานเรียบๆเรื่อยๆ ตอนนี้เริ่มมีความตึงเครียดเข้ามาปะปนและน่าติดตามต่อไปมากๆ อยากรู้มากๆว่าจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตา เพราะฉะนั้นความรักที่ฮานมีให้เอลก็คือท่วมท้นและหนักหน่วงมากๆ แอบห่วงแต่ละฝ่ายตอนอีกฝ่ายนึงคลั่งขึ้นมาเลยค่ะ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปนะคะ ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 16-07-2019 19:25:25
ประโยคสุดท้ายนั่นคมมากเลยหนูเอล คุณพ่อกับคุณครูแน่เลยใช่ไหมคะ อุแงง มันเกิดอะไรขึ้นนะ ใครพรากเค้าออกจากกัน น่าสงสารจังเลย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 17-07-2019 23:15:18
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่า แง ตอนแรกคิดว่ายังไงก็เป็นคู่แห่งโชคชะตาแน่ๆ แต่พอเริ่มมาทางนี้ก็รู้สึกว่าชีวิตรักของทั้งคู่จะยากลำบากขึ้นมาอีก โอ้ยย สู้ไปด้วยกันนะลูกกก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 18-07-2019 09:02:31
น้องเอลเก่งมาก ๆ ลูก

 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 18-07-2019 18:01:11
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 18-07-2019 22:51:07
พ่อกับครูแน่ๆเลย ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาก็ไม่ควรจับคู่งั้นหรอ
ถ้าแบบนั้นธรรมชาติก็ด้วยสร้างให้ฮีทหรือรััทกับคู่แห่งโชคชะตาแค่คนเดียวพอแล้วสิ จะสร้างให้เกิดอาการกับคนอื่นทำมั้ย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 6 -Warning- 14/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 20-07-2019 19:25:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 21-07-2019 10:09:13




Acceptance



ชายวัยกลางคนตรงหน้า...คู่สนทนาของผม...พ่อทูนหัวของฮาน กำลังนั่งจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาคู่คมฉายแววหงุดหงิดปนไม่เข้าใจ


“หมายความว่ายังไง”


ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อเลี่ยงการสบตา การสบตากับคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ตึงเครียดแบบนี้มักทำให้ผมไม่สบายใจและสูญเสียสมาธิจนทำผิดพลาดมานักต่อนักแล้ว ถ้าเลี่ยงได้ สู้ไม่มองไปเลยน่าจะดีกว่า


“ผมเข้าใจนะครับว่าคุณลุงเป็นห่วงว่าหากพวกเราเจอคนแห่งโชคชะตาขึ้นมา เรื่องราวยุ่งยากมากมายก็จะเกิดขึ้น แต่ผมรับรองได้เลยครับว่าเรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน ความรู้สึกที่ผมมีให้ฮานไม่ใช่แค่ความรู้สึกตื้นเขินอย่างความรักใคร่ชอบพอกันของเด็กๆ ผมรักเขาด้วยใจจริงและอยากจะดูแลเขามาตลอด จะให้ผมกลับไปเป็นเพื่อนกับเขาเหมือนแต่ก่อนผมเองก็คงทำไม่ได้ ความรู้สึกที่ผมมีให้ฮานมันผ่านจุดที่จะย้อนกลับนั้นมาแล้วล่ะครับ เพราะฉะนั้น...”


“เธอเอาอะไรมามั่นใจไม่ทราบ”


เสียงของผมถูกกลืนหายกลับลงไปในคออย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้เขาได้พูดต่อ


“ตัวเธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากนี้ หนึ่งปีหลังจากนี้ ห้าปีหลังจากนี้ สิบปี ยี่สิบปีหลังจากนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเนื้อคู่ของตัวเองเลย เธอมั่นใจได้ยังไงกัน”


ผมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดตอบ “จะพูดว่ามั่นใจก็คงไม่ถูกนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ก็คือไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เจอกับคู่ของตัวเอง”


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดเข้าไปในปอดเพื่อเพิ่มความกล้าให้กับตัวเอง


“ตัวผมเกิดมาในหมู่บ้านที่มีแต่โอเมก้าและเบต้า ตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่เคยเห็นใครจะได้มีโอกาสเจอคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองเลยสักคน เพราะฉะนั้น การมีชีวิตอยู่โดยไม่เจอคู่แห่งโชคชะตาไปตลอดชีวิตมันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่ครับ”


นัยน์ตาผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา


ตาคู่คมนั้นทั้งเรียบนิ่ง ทั้งสงบจนคล้ายจะไร้ความรู้สึกจนชวนให้รู้สึกไม่สบายใจยังไงพิกล


แต่สุดท้ายผมก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีแล้วพูดต่อ


“ขนาดคุณลุงเองก็ยังไม่เคยเจอเลยใช่ไหมล่ะครับ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ของผมกับฮานเลยนะครับ”


แล้วผมก็ก้มหัวให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้พร้อมกับภาวนาให้อีกคนยอมรับคำพูดของผมแต่โดยดี


ได้โปรดเถอะครับ ได้โปรดอย่าพรากผมกับฮานออกจากกันเลย


“ผมเองก็ขอร้องด้วยคนนะครับคุณพ่อ”


เอ๊ะ!


ผมรีบผงกหัวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังอยู่ข้างตัว ร่างสูงใหญ่คุ้นตาของคู่ชีวิตที่เข้ามาในห้องตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ที่ผมนั่ง


และเขากำลังก้มหัวต่ำมากกว่าครั้งไหนที่ผมเคยเห็น


“พวกผมรู้และเข้าใจดีครับว่าเรื่องราวในตอนนี้อาจจะนำพามาซึ่งความยุ่งยากในอนาคต แต่พวกผมตัดสินใจแล้ว หากวันหนึ่งจะเกิดอะไรขึ้นมา พวกผมก็จะขอรับมันเอาไว้เองครับ”


บ้าชะมัด ฮานนะฮาน ทำไมถึงใจดีกับผมไม่ยอมเลิกสักทีนะ


ไม่ได้แล้ว ผมเองก็ต้องต่อสู้ด้วยเหมือนกัน


ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮาน


“ผมเองก็ขอร้องด้วยคนนะครับคุณลุง”


แล้วผมก็ก้มหัวลงอีกครั้ง


แล้วพวกเราก็ก้มหัวลงอีกครั้ง


ห้องรับแขกขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอยู่นานแสนนาน แม้อาจจะเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีในโลกแห่งความเป็นจริง แต่ในหัวใจของผมกลับรู้สึกราวกับชั่วกัปชั่วกัลป์


ได้โปรด อย่าพรากฮานไปจากผมเลย ผมสัญญาว่าจะเป็นคนดี ไม่ดื้อไม่ซน ไม่เอาแต่ใจ จะพยายามรักษาดูแลชีวิตตัวเองให้ดี แล้วก็...


“พอได้แล้วล่ะครับ นายท่าน”


เสียงของบุคคลที่สามที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมเผลอผงกหัวขึ้นมองโดยอัตโนมัติ ในความแปลกใจนั้นมีความไม่แปลกใจปนอยู่ จะว่ายังไงดีล่ะ การที่ผมได้เห็นว่าบุคคลที่สามนั้นคือคุณพ่อบ้านอัลเฟรดไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกตกใจอะไร แต่พอคิดว่าจู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงแล้ว มันก็อดจะรู้สึกหวั่นๆ ในใจไม่ได้


ทำไมอัลฟ่าบ้านนี้ถึงได้เท้าเบานักนะ


ผมก้มหน้าต่ำลงทันทีที่รู้ตัวว่าเผลอมองพวกเขานานไปหน่อยแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงก็อดใจแอบเหลือบมองไม่ได้เลย น่ากลัวจะเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายเสียแล้วล่ะ


แม้จะเห็นไม่ชัดนัก แต่ผมก็พอบอกได้ว่าคุณพ่อบ้านกำลังเอามือบีบไหล่เจ้านายของตัวเอง


“พอเถอะครับแดน พวกเขาอุตส่าห์ขอร้องถึงขนาดนี้แล้ว”


แล้วมือใหญ่ของชายสูงวัยที่ถูกสวมทับไว้ด้วยถึงมือผ้าสีขาวอย่างนี้นั้นก็ค่อยๆ ไล้จากไหล่ลงมาที่ต้นแขนของคนที่นั่งไม่สบอารมณ์อยู่บนเก้าอี้นวมช้าๆ


“ถือเสียว่าผมขอนะครับ”


แล้วคุณลุงของฮานก็หลับตาลงพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่


“ให้ท้ายกันเข้าไปเถอะ ถึงเวลาถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”


แล้วอัลฟ่าร่างโปร่งผู้เป็นเจ้าของบ้านก็พลันลุกขึ้นแล้วเดินกระแทกเท้าออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหรือปรายตามามองพวกผมเลยสักแว็บเดียว


นี่มัน...อะไรกันเนี่ย


“พอได้แล้วครับทั้งสองคน ยืนโค้งตัวแบบนั้นนานๆ มันไม่ดีกับหลังนะครับ”


แม้จะยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ผมก็ยอมกลับมายืนตัวตรงตามที่เขาบอกได้โดยดี


ในหัวมีคำถามมากมายก่ายกองวิ่งวนอยู่เต็มไปหมดจนไม่รู้เลยว่าควรจะถามคำถามไหนออกไปก่อนดี โชคดีที่ผมยังมีคนข้างๆ อยู่ด้วย


“พ่อเขา...ยอมแล้วเหรอครับ”


นั่นล่ะฮาน คำถามนั้นเลย เก่งมากเลยครับ


ชายชราตรงหน้าไม่ได้ตอบคำถามของฮานในทันที เขามองหน้าพวกผมสองคนสลับกันไปมาก่อนจะคลี่ยิ้มบาง


“เรื่องนี้ ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอกครับ”


แล้วเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ


“แต่สำหรับวันนี้ ผมคิดว่านายท่านคงยอมรามือแล้วล่ะครับ”


แฮะๆ แค่สำหรับวันนี้สินะ


แย่จังเลยน้า


“ไหนๆ ก็อุตส่าห์มาอยู่ที่นี่กันแล้ว ไม่ทราบว่านายน้อยกับคุณเอลจะรับประทานอาหารเย็นที่นี่เลยไหมครับ”


คำถามนอกลิสต์ที่จู่ๆ ก็ถูกโพล่งขึ้นมาทำเอาผมเสียศูนย์จนตอบไม่ถูก


และก็เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกว่า ‘ดีจังเลยน้าที่ฮานอยู่ตรงนี้ด้วย’


“ไม่ดีกว่าอัล ขอบใจมาก”


“อย่างนั้นเหรอครับ” คุณพ่อบ้านรับคำด้วยท่าทีผิดหวัง “ถ้ายังงั้น ไว้วันหลัง ต้องมาทานอาหารเย็นที่นี่ให้ได้เลยนะครับ”


อา แย่จัง รู้สึกเหมือนตัวเองเผลอทำเรื่องไม่ดีสุดๆ ลงไปเลย


แต่เหมือนว่าฮานจะไม่คิดเหมือนผมล่ะนะ


“อือ” เจ้าของเสียงทุ้มเอ่ยปากรับคำด้วยท่าทีนิ่งสงบ “ถ้างั้นพวกผมขอตัวกลับก่อนก็แล้วกันนะครับ”


หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันตั้งตัว รู้ตัวอีกที รถยนต์ที่พวกเรากำลังโดยสารก็เริ่มออกห่างจาก

อาณาเขตของตระกูลเจเล็ตเข้าไปทุกที วันนี้เรื่องราวทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเร็วเหลือเกิน ยังไม่จะได้คิดให้ถี่ถ้วน สิ่งที่ผ่านเข้ามาก็สลายหายไปเสียแล้ว


แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าทุกสิ่งที่เห็น ทุกสิ่งที่ได้ยินเหล่านั้นมันคือความจริง


‘ตัวเธอจะมั่นใจได้ยังไงว่าหลังจากนี้ หนึ่งปีหลังจากนี้ ห้าปีหลังจากนี้ สิบปี ยี่สิบปีหลังจากนี้ เธอจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเนื้อคู่ของตัวเองเลย เธอมั่นใจได้ยังไงกัน’


คำพูดนั้นยังคงฝังแน่นอยู่กลางใจคล้ายเป็นม้วนเทปที่ยังกรอวนเล่นซ้ำไม่ยอมหยุด


ตัวผมเอง ก็ตอบคำถามนั้นไม่ได้เหมือนกัน สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้ก็คือ...


ผมเอื้อมมือไปวางบนหลังมือของฮานที่กำลังจับพวงมาลัยแน่นเสียจนข้อนิ้วเริ่มซีดขาว


“ผมรักฮานนะครับ รักมาตลอด”


นิ้วมือทั้งห้าของผมลูบไล้หลังมือเขาคล้ายต้องการจะปลอบโยน


“ผมอยากดูแลฮาน อยากอยู่กับฮาน อยากอยู่ในอ้อมกอดของฮานตลอดไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น...”


แล้วผมก็โน้มหัวลงไปจูบหลังมือเขาเบาๆ


“ช่วยอยู่ด้วยกันจนกว่าจะถึงตอนนั้นด้วยนะครับ”


แล้วมือที่เครียดเกร็งของฮานก็คลายลง











หลังจากคำพูดประโยคนั้น ผมกับฮานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ผมกับฮานไม่ค่อยจะคุยกันระหว่างขับรถหรือนั่งรถอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นพอต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในภวังค์แบบนี้ ห้องโดยสารที่ปกติก็เงียบอยู่แล้วก็เลยเหลือแค่เสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงดนตรีจากวิทยุไปโดยปริยาย แต่ส่วนตัวผมก็ไม่ได้มองว่ามันน่าอึดอัดหรืออะไรหรอกนะ ความเงียบแบบนี้ออกจะเป็นความเงียบในเชิงบวกด้วยซ้ำ


เอ จะว่ายังไงดีล่ะ ผมก็อธิบายเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเก่งหรอก เอาเป็นว่า ทุกครั้งที่ฮานเงียบ ผมไม่เคยรู้สึกไม่ดีเลย กลับกัน มันกลับทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยและสบายใจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ จะว่าแปลกก็แปลก จะว่าไม่แปลกก็คงไม่แปลกล่ะนะ


ผมขยับตัวเพื่อเอาหัวพิงกับประตูรถแล้วทอดสายตามองทิวทัศน์ด้านนอก


วันนี้ช่างเป็นวันที่ยาวนานอย่างไม่น่าเชื่อ คงเพราะมีนู่นมีนี่ให้ต้องทำเต็มไปหมด กว่าจะได้กลับบ้านก็ปาไปเกือบพระอาทิตย์จะตกดินแล้ว ปกติผมไม่ใช่พวกกลับบ้านค่ำ ฮานเองก็เหมือนกัน เพราะแบบนั้นผมเลยไม่ชินกับท้องฟ้ายามโพล้เพล้แบบนี้เอาเสียเลย


ทุกทีก็เคยเห็นวิวแบบนี้แค่จากห้องนอนของตัวเองน่ะนะ พอได้มามองดูท้องฟ้าผืนใหญ่เต็มๆ ตาแบบนี้ก็รู้สึกแปลกพิลึกดีเหมือนกัน


“ง่วงเหรอครับ”


คำพูดที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของคนขับรถทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ในทันที ความคิดมากมายที่เคยลอยฟ่องอยู่ในหัวก็พลันสลายหายไปหมด


ช่างเป็นเสียงที่มีพลังจริงๆ เลยน้า


ผมหันไปมองคนถามที่ยังคงจดจ่ออยู่กับการขับรถพลางส่ายหน้าทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่เห็น


“เปล่าหรอกครับ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”


เขาเงียบไปอึดใจ “คิดอะไรเหรอครับ”


“เรื่องไร้สาระน่ะครับ” ดวงตาของผมเหลือบมองข้อนิ้วที่เริ่มเครียดเกร็งของฮาน “อย่างเรื่องที่ว่าผมไม่ค่อยได้กลับบ้านเย็นก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นท้องฟ้าในเวลาแบบนี้นอกบ้านเลย พอได้เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกแปลกๆ ดีน่ะครับ”


แล้วข้อนิ้วที่ขาวซีดก็เริ่มมีเลือดฝาด “อย่างงั้นเหรอครับ งั้นไว้คราวหน้าผมพาเอลไปกินข้าวเย็นนอกบ้านบ่อยๆ ดีไหมครับ จะได้เห็นท้องฟ้าแบบนี้นอกบ้านบ้าง”


ผมทอดสายตามองท้องฟ้าอยู่พักนึงก่อนจะค่อยๆ เอนหลังทิ้งตัวลงพิงเบาะโดยสาร


“ก็ดีนะครับ”


น้ำลายเหนียวหนืดถูกกลืนลงไปในคออย่างยากลำบาก ผมกำลังชั่งใจอยู่ระหว่างการก้าวเดินออกจากพื้นที่ปลอดภัยพร้อมกับความกระจ่างหรืออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยพร้อมกับอาการขุ่นมัวในหัวใจ


แต่สุดท้ายแล้วผมก็เลือกที่จะเสี่ยง


“นี่ฮาน”


“ครับ” เขาขานรับเสียงเรียกของผมในทันทีเหมือนอย่างทุกครั้ง


“ผมมีเรื่องอยากจะถามน่ะครับ”


เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้ดูเหมือนปกติ “มีอะไรเหรอครับ”


อา เจ้าบ้าฮาน ท่าทางจะกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อยเลยสินะ


แต่เอาเถอะ ไว้คืนนี้ผมค่อยปลอบเขาก็ได้ ตอนนี้มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าอยู่


“ผม...ขอถามเกี่ยวกับคุณลุงของฮานได้ไหมครับ”


“คุณพ่อน่ะเหรอ” แม้จะไม่ได้หันไปมอง ผมก็พอเดาได้ว่าเขากำลังเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงนใจ “มีอะไรเหรอครับ”


ผมฝังตัวเองเข้ากับเบาะนุ่มที่นั่งอยู่ลึกขึ้นอีกหน่อย


“แบบว่า...” ริมฝีปากของผมเปิดแล้วก็ปิด ปิดแล้วก็เปิด อยู่อย่างนั้นอึดใจหนึ่งก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่กับตัวเอง “ฮานเคยเห็นรอยแผลเป็นที่ข้อมือของคุณลุงไหมครับ”


ถามออกไปแล้ว ถามคำถามที่อันตรายที่สุดออกไปแล้ว


เอ๊ะ


ผมเบิกตาขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป


เมื่อกี้นี้ ถ้าผมตาไม่ฝาด เหมือนมือของฮานจะดูผ่อนคลายลงนิดนึงรึเปล่านะ


ยังไม่ทันที่ผมจะได้ตริตรองอะไรกับตัวเองไปมากกว่านั้น คนข้างตัวก็พลันชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน


“เคยครับ จริงๆ สาเหตุของรอยแผลนั่นมันก็นานมากแล้วน่ะครับ” เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเอียงหัวมาทางเบาะโดยสารของผมทั้งที่นัยน์ตายังคงจดจ่ออยู่กับการขับรถ “อยากฟังรึเปล่าครับ”


แหมๆ พูดมาขนาดนี้เขาคงคาดหวังให้ผมตอบกลับไปว่า ‘ไม่ดีกว่าครับ’ อยู่หรอก ทำเหมือนไม่รู้จักกันไปได้


แต่ก็นะ ฮานก็คือฮานนั่นล่ะ


พอเห็นผมเงียบ คนตัวโตกว่าก็หัวเราะร่วนออกมา


“ไม่น่าถามเลยเนอะ”


ถูกต้องนะคร้าบ เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าหมียักษ์


“เมื่อครู่ตอนคุยกับคุณพ่อ เอลก็น่าจะได้ยินเรื่องที่ท่านบอกว่าถ้าอัลฟ่ารัทกับคนที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของตัวเอง ก็มักจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรมใช่ไหมครับ”


ฝ่ามือใหญ่หมุนพวกมาลัยเพื่อเข้าโค้งด้วยท่าทีสบายๆ ตามปกติ


“ประสบการณ์นั้น เป็นเรื่องของคุณพ่อเขาเองน่ะครับ”


อา เรื่องนั้นก็พอจะเดาได้อยู่ล่ะนะ


ภาพข้อมือที่มีรอบแผลเป็นใหญ่น่ากลัวที่เห็นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉายกลับขึ้นมาในหัว


อันที่จริงผมก็พอเข้าใจเขาอยู่หรอกนะว่าทำไมถึงต้องพูดอะไรแบบนั้นออกมา


จู่ๆ ในอกก็รู้สึกเจ็บแปล๊บๆ พิกล


เขาคนนั้น...คุณลุงของฮาน คงผ่านอะไรมาเยอะมากมายเลยทีเดียว


“ความจริง ผมเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก เพราะตอนที่เกิดเรื่องขึ้นผมยังเด็กมากๆ เหมือนคุณลุงจะเข้าคุกไปก่อนที่ผมจะเกิดเสียอีกครับ แล้วพอผมโตขึ้นมา พวกผู้ใหญ่ในตระกูลเขาก็ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องนี้กันสักเท่าไหร่ อัลเฟรดเองก็ดูไม่ค่อยอยากเล่าลงรายละเอียดอะไรมากมาย สิ่งที่ผมรู้ก็เลยเป็นแค่เรื่องราวกว้างๆ เท่านั้นเองครับ”


คนเล่าเรื่องจดจ่ออยู่กับรถยนต์ที่กำลังแล่นไปตามท้องถนนอย่างนุ่มนวลตามปกติ


“เท่าที่จำได้ เหมือนคุณพ่อเขาจะตกหลุมรักเบต้าคนหนึ่งมาก มากเสียจนไม่สามารถเก็บงำความรักที่มากมายมหาศาลนั้นเอาไว้ได้ สุดท้ายก็เลยกลายเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว” เขาเงียบไปอึดใจคล้ายกำลังคิดว่าควรจะพูดอะไรต่อไปดี


ผมว่าความทรงจำนี้ เขาเองก็คงไม่อยากจะจำมันสักเท่าไรนัก


“เรื่องราวมันควรจะจบลงที่การที่คุณพ่อโดนจับแล้วก็ปรับความประพฤติใช่ไหมล่ะครับ แต่ความโชคร้าย...” แล้วฮานก็หัวเราะแปร่งๆ ออกมา “คนอื่นมักจะบอกว่านี่ไม่ใช่ความโชคร้าย แต่สำหรับผม ยังไงซะมันก็เป็นความโชคร้ายอยู่ดี”


ไฟข้างทางตามท้องถนนที่เริ่มสว่างจ้าเพื่อรับช่วงต่อจากพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าสะท้อนเข้าไปในดวงตาคู่คมจนปรากฏบางอย่างออกมา


ดวงตาของฮาน ดูนิ่งเรียบกว่าปกติจนผมเองยังรู้สึกวูบโหวงในใจ


ทำไม ดวงตาของเขาถึงได้ดูไร้ความรู้สึกขนาดนั้นกันนะ


“ในระหว่างที่พ่อกักขังคนรักเอาไว้อย่างลับๆ และยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เขาก็ดันโชคร้ายไปเจอกับโอเมก้าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตาเข้า”


เอ๊ะ


ถ้อยคำที่ผมเพิ่งพูดออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนย้อนกลับมาในหัวราวกับฉายซ้ำ


‘ตัวผมเกิดมาในหมู่บ้านที่มีแต่โอเมก้าและเบต้า ตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่เคยเห็นใครจะได้มีโอกาสเจอคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองเลยสักคน เพราะฉะนั้น การมีชีวิตอยู่โดยไม่เจอคู่แห่งโชคชะตาไปตลอดชีวิตมันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นี่ครับ’


เข้าใจแล้ว ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้ว


‘ขนาดคุณลุงเองก็ยังไม่เคยเจอเลยใช่ไหมล่ะครับ เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ของผมกับฮานเลยนะครับ’


ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว สิ่งที่ผมติดใจมาตลอดจนต้องถามเรื่องแผลเป็นขึ้นมาก็เพราะแววตาในตอนที่ผมพูดประโยคนี้ออกไปนั่นเอง
นัยน์ตาคู่นั้นไม่ได้ปรากฏร่องรอยอะไรเลย มันทั้งนิ่ง ทั้งสงบจนผมเองยังแปลกใจว่าทำไมคนที่พยายามไล่ต้อนให้ผมเลิกกับฮานมาตลอด จู่ๆ ถึงได้ปรากฏแววตาแบบนั้นออกมา


เข้าใจแล้ว เพราะเขากำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีตของเขานี่เอง


ผมบีบฝ่ามือชื้นเหงื่อเขากับชายเสื้อของตัวเอง


ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมแววตาคู่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีจนต้องเก็บกลับมาคิด ผมเข้าใจแล้ว


เพราะนัยน์ตาคมนั้น ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกอะไรเลย ไม่มีความรู้สึกผิด ไม่มีความสุข ไม่มีความเสียใจ ไม่มีอะไรเลย


...คล้ายแววตาของสัตว์ที่บ้าคลั่งจนถึงขีดสุด...


“และด้วยความบ้าคลั่งของเขาในตอนนั้น เขาเลยฆาตกรรมโอเมก้าผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวไปโดยไม่ทันยั้งคิด สุดท้ายเขาก็เลยโดนจับและต้องปรับพฤติกรรมอยู่ในคุกประมาณสิบสองปี หลังจากนั้นคุณตาของผมก็ไปประกันตัวเขาออกมา แต่โทษของคุณพ่อเขาเป็นสิ่งที่...”


ฮานนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ


“เป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่มองว่ายากต่อการให้อภัยน่ะครับ สุดท้ายเขาก็เลยโดนทางการกักบริเวณตลอดชีวิต ไม่สามารถออกจากเขตบ้านได้จนตาย ถ้าวันนี้พวกเราอยู่ทานข้าวเย็นที่นั่น คุณก็คงได้มีโอกาสเห็นรถตำรวจมาตรวจตราความเรียบร้อยช่วงประมาณหนึ่งทุ่มน่ะครับ”


นี่สินะ โศกนาฏกรรมที่เขาพูดถึง


“รอยแผลเป็นที่ข้อมือนั่นก็ได้มาจากตอนที่เขาเข้าไปอยู่ในคุกนั่นล่ะครับ เท่าที่เคยได้ยินพวกคนฝั่งตระกูลใหญ่ซุบซิบนินทากัน พ่อเขาเหมือนจะโดนขังเดี่ยวด้วยระบบรักษาการสูงสุด และเหมือนตัวเขาเองในตอนนั้นก็บ้าคลั่งเอาเรื่อง ก็เลยได้แผลเป็นมาเต็มตัว แต่หลังจากออกจากคุก ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาหายดีกลายเป็นคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะครับ บางทีเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะดีสำหรับเขาแล้วก็ได้”


หายดีอย่างงั้นเหรอ...


ผมหลุบตาลงมองมือสองข้างที่กุมกันแน่น


ไม่หรอก เขาไม่เคยหายเลย เขาแค่กดมันไว้เก่งขึ้น หลอกทุกคนเก่งขึ้นแต่เขาไม่เคยหายเลย


เรื่องนี้...พูดออกไปไม่ได้สินะ ไม่งั้นฮานจะต้องเสียใจแน่ๆ


เอาเถอะ ยังไงคุณลุงเขาก็ต้องโดนกักบริเวณไปจนตายอยู่แล้ว ผมจะถือว่าผมไม่รับไม่รู้เกี่ยวกับอาการของเขาก็แล้วกัน


เอ๊ะ เดี๋ยวนะ กักบริเวณไปจนตายเหรอ...


“ฮานครับ”


“ครับ?”


“เมื่อกี้นี้ฮานบอกว่าคุณลุงโดนกักบริเวณตลอดชีวิตใช่ไหมครับ”


คนที่กำลังจดจ่อกับการขับรถพยักหน้าเบาๆ ผมจึงได้โอกาสถามสิ่งที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้


“แสดงว่าคนที่พาฮานไปโอเซนเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนก็ไม่ใช่คุณลุงสิครับ”


“อ๋อ” คราวนี้เขาพยักหน้าแรงกว่าเก่า “ใช่ครับ ตอนที่ผมไปโอเซนนั้น พ่อเขาเพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง ตอนแรกผมก็อยากจะอยู่ดูแลเขานะครับ เพราะเขาดูแย่มากๆ เลย แต่คำสั่งที่ให้ไปโอเซนนั่นก็เป็นสิ่งที่คุณตาหรือก็คือผู้นำตระกูลสูงสุดในตอนนั้นสั่งมา ผมก็เลยต้องติดสอยห้อยตามไปกับคุณลุงอีกคน คุณลุงคนนั้นโจนาธาน เป็นลูกพี่ลูกน้องของแม่ผมน่ะครับ เขาไม่ค่อยจะใจดีกับผมเท่าไหร่ด้วยนี่สิครับ”


คนพูดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “อันที่จริง ต่อให้ตอนนั้นพ่อเขาได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้านได้ ยังไงเสียเขาก็คงไปรัฐโอเซนไม่ได้อยู่ดีล่ะครับ”


ผมเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอครับ”


เอ๊ะ เดี๋ยวนะ


จู่ๆ ความทรงจำบางอย่างวิ่งตรงเข้ามาในใจผมอย่างได้เวลาพอเหมาพอเจาะจนน่าประหลาด


“ปกติ เวลาเกิดคดีแบบนี้ ทางการจะออกหมายศาลห้ามให้จำเลยอาศัยอยู่ในรัฐเดียวกับโจทย์ใช่ไหมล่ะครับ”


ได้โปรด อย่าเป็นอย่างที่ผมคิดเลย...


“แล้วคนที่พ่อเขารักจนเคยขังเอาไว้อาศัยอยู่ที่รัฐโอเซนพอดีน่ะครับ เพราะฉะนั้น ต่อให้อยากไปแค่ไหนก็ไปไม่ได้อยู่ดี”


แล้วภาพรอยแผลเป็นที่ข้อเท้าของอาจารย์ที่ผมเคารพรักที่สุดในชีวิตคนหนึ่งก็พลันปรากฏชัดขึ้นมาในหัว


อา ผมเข้าใจแล้วล่ะ


‘อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะจริงไหม ความรักก็เหมือนกันนั่นล่ะ ถ้ามันมากเกินไป ก็จะกลายเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่พันธนาการเราเอาไว้ไม่ให้ไปไหน’


‘เมื่อไรก็ตามที่อัลฟ่าบ้าคลั่งเพราะความรักที่มากมายจนเกินไป เมื่อนั้นจะเกิดโศกนาฏกรรม’



ถ้อยคำที่เคยได้ยินมาในอดีตไหลหลากกลับเข้ามาในหัวคล้ายกับแม่น้ำที่เชี่ยวกราก


‘บางคู่น่ะ อัลฟ่าถึงกับล่ามคู่ตัวเองไว้กับเตียงไม่ให้เห็นเดือดเห็นตะวันเลยก็มีนะ ถึงส่วนตัวแล้วครูจะมองว่ามันเข้าใจได้ แต่ยังไงซะ การริดรอนเสรีภาพคนอื่นแบบนั้นก็เป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อยู่ดีจริงไหม’


‘โซ่ตรวนแบบนั้น ฉันรู้จักมันดี’



ทั้งที่ผมได้ยินคำเหล่านั้นจากคนละห้วงเวลา แต่ความรู้สึกที่เจืออยู่ในน้ำเสียงและคำบอกเล่าของคนพูดนั้นกลับสื่อถึงกันอย่างน่าประหลาดใจ


‘ไม่ว่าอัลฟ่าจะเพียรกัดเบต้ามากแค่ไหน เบต้าก็ไม่มีวันที่จะผูกพันธะกับอัลฟ่านั้นได้ สุดท้ายแล้วก็คงเพราะกลัวจะสูญเสียนั่นล่ะ ก็เลยทำอะไรลงไปโดยไม่คิด พอรู้ตัว ก็เลยสูญเสียมันไปจริงๆ’


‘สายสัมพันธ์นี้คือคำสาป’



ผมเข้าใจแล้ว เข้าใจทุกอย่างที่พวกเขาพูดแล้ว


‘รีบถอยออกมาในตอนที่ยังมีโอกาส ดีกว่าถลำลึกลงไปจนย้อนกลับมาไม่ได้จะดีกว่า’


นี่สินะ ที่เขาเรียกกันว่าโศกนาฏกรรม




***********************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 21-07-2019 11:15:13
 :mew5: ผู้มีประสบการณ์ตรงมาเราเอง ก้ฟังเป้นข้อคิดบ้างนะจ๊ะ ทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 21-07-2019 11:39:12
ฮือ..จะดราม่ามั้ยกลัวววววเราอยากเห็นคุณตัวเล็กท้องแล้ว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 21-07-2019 11:39:26
ขอให้ฮานและเอลไม่เป็นแบบคุณพ่อและคุณครู
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 21-07-2019 14:14:08
ใครคือคู่แท้ของพ่อบุญธรรม อัลเฟรดรึ???   :ruready
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 21-07-2019 16:40:10
รอๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 21-07-2019 16:52:47
หวังว่าคู่แท้ของฮานจะไม่โผล่มานะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 21-07-2019 18:29:48
อาจารย์ของคุณตัวเล็กจะคิดถึงคุณพ่อของฮานบ้างไหมนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 21-07-2019 22:27:35
เป็นอดีตที่หนักหน่วง  :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 21-07-2019 22:47:45
 :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 21-07-2019 22:58:44
คุณพ่อบ้านกับคุณพ่อบุญธรรมมีซัมติงกัน?? หรือเราคิดมากไปเอง?
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 21-07-2019 23:28:21
ว่าแล้วเชียว..ว่าแล้วเชียว..ว่าต้องเป็นคุณครูแน่ ๆ   :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 22-07-2019 14:55:02
สงสารคุณครูกับคุณพ่ออ่ะ เค้ารักมากแล้วต้องแยกกันแบบกลับไปเจอกันไม่ได้เลย แงงงเศร้า หวังว่าคู่น้องจะไม่ซ้ำรอยนะ แต่กลัวกลัวใจฮานเหมือนกันนะเค้ารักของเค้ามากอยู่ ไม่ใช่น้องไม่รักฮานนะ แต่น้องใสๆอ่ะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร แต่ฮานเค้าชั้นเชิงลึกกว่าไงเลยกลัวใจเค้า แต่สงสัยอีกจุดทำไมคุณพ่อถึงฟังอัลขนาดนั้นล่ะ เค้ามีซัมติ้งอะไรป่าวอ่าา
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 7 -Acceptance- 21/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 22-07-2019 21:44:23
บีบหัวใจละเกินนนน
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 28-07-2019 10:10:07


Recall




หลังจากเกิดเรื่องราวมากมายขึ้นที่บ้านเจเล็ต ทั้งผมทั้งฮานก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องคู่แห่งโชคชะตาหรืออะไรขึ้นมาอีกเลย ตลอดสามสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราต่างใช้ชีวิตไปตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือถ้าจะพูดให้ถูก พวกเราก็แค่ใช้ชีวิตเหมือนเดิมเหมือนกับที่เป็นมาตลอดสี่ปีที่ผมย้ายเข้ามาอยู่กับฮาน ผมเองก็ยังไม่ได้เริ่มหางานเพราะอยากจัดการบอกเรื่องจับคู่กับที่บ้านให้เรียบร้อยก่อน ฮานเองก็ยังออกไปเข้าเวรรักษาคนไข้เหมือนอย่างปกติ ผมยังคงทำงานบ้านและอาหารให้ฮานเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอด ฮานเองก็ยังชอบซื้อขนมจากใต้โรงพยาบาลมาให้ผมกินเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา ชีวิตคู่ของผมไม่ได้มีอะไรหวือหวาขึ้นมาเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่ความการพูดคุยเรื่องการไปฮันนีมูนเหมือนอย่างคู่อื่นๆ เขาด้วย


แบบนี้เรียกว่าผิดปกติไหมนะ


“เอล”


เสียงเรียกที่ดังขึ้นมาไม่ให้ตั้งตัวทำให้ผมเผลอสะดุ้งน้อยๆ “ครับ?”


เพื่อนร่วมหอ...ไม่สิ คู่ชีวิตของผมเลิกคิ้วสบตากับผมสลับกับมองมีดและแครอทในมือผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เป็นอะไรไปรึเปล่าครับ ดูเหม่อๆ นะ”


“อ๋อ...” ผมเบนสายตาไปทางอื่น “ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ”


คนฟังเงียบไปชั่วอึดใจคล้ายอยากจะล่อให้ผมตายใจว่ารอดแล้วก่อนที่จะตัวจะพุ่งเข้าจู่โจมด้วยการเดินเข้ามาประชิดตัวผมอย่างรวดเร็ว


ฮานนี่ชอบใช้พรสวรรค์ของอัลฟ่ากับเรื่องไร้สาระจริงๆ ด้วยสินะ


ฝ่ามือใหญ่นาบลงบนหัวผมเบาๆ ก่อนจะเคลื่อนไปมาเหมือนอย่างที่เขาชอบทำ


“เวลาโกหกทีไร คุณไม่ยอมสบตาผมตลอดเลยนะ”


อา โดนจับได้แล้วสิ


“ก็มันไม่มีอะไรจริงๆ นี่นา” ผมตอบทั้งที่ยังคงหลบตาก่อนจะสำเหนียกได้ว่าอย่าพยายามเลยน่าจะดีกว่า “อะ ก็ได้ๆ จริงๆ ก็คิดเรื่องอะไรอยู่นิดหน่อยน่ะครับ”


“ซึ่งก็คือ?”


“ซึ่งก็คือ...” ผมหลบตาอีกครั้ง “พักโฆษณาสักครู่นะครับ!”


“เอล”


“โอเค ไม่เล่นแล้วก็ได้” ผมมองคนที่ทำหน้าจริงจังพลางเบะปากใส่ “ฮานเนี่ยชอบทำให้ผมสับสนจริงๆ นะว่าเราเป็นเพื่อนกันหรือเป็นคู่ชีวิตกันกันแน่”


เขาเลิกคิ้วด้วยสีหน้าเป็นกังวล “ผมทำอะไรพลาดไปเหรอครับ ผมทำอะไรให้เอลไม่สบายใจรึเปล่า”


“เปล่าหรอก ไม่ใช่อะไรแบบนั้น” มือสองข้างผมหยุกหยิกไปมา “แบบว่า ต่อให้จดทะเบียนกันแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าทุกอย่างยังเหมือนเดิมอยู่เลย”


คราวนี้ฮานยิ่งทำหน้ากังวลหนักเข้าไปอีก “มัน...ไม่ดีเหรอครับ”


“เปล่าๆ ไม่ใช่หรอก”


จะอธิบายยังไงดีน้า


“แบบว่า ปกติแล้ว เพื่อนกับแฟนมันเป็นความสัมพันธ์คนละรูปแบบกันใช่ไหมล่ะครับ เพราะฉะนั้นผมเลยเข้าใจมาตลอดว่า คนที่เป็นแฟนกันกับคนที่เป็นเพื่อนกันย่อมได้รับการปฏิบัติในรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่พอมาเจอเข้ากับตัวจริงๆ มันก็...” ผมเอียงคอเล็กน้อย “ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังเปลี่ยนสถานะทุกอย่างมันก็ดูเหมือนเดิมไปหมดจนผมเริ่มไม่แน่ใจว่าการจับคู่ของเรามันถูกต้องจริงๆ แล้วรึเปล่าน่ะครับ”


‘ฮานรักผมแบบคนรักจริงๆ หรือเปล่าครับ’ นั่นต่างหากคือคำถามที่แท้จริง


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ


“ผมเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ใจนึงผมก็รู้สึกว่ามันถูกแล้ว แต่อีกใจนึงผมก็ดันรู้สึกว่า ‘เพราะผมบีบบังคับฮานรึเปล่านะ’ ถ้าผมไม่ฮีทวันนั้น บางทีฮานอาจจะได้มีโอกาสพบกับคนอื่น...ได้พบกับคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองในสักวันหนึ่ง เพราะฉะนั้น....”


“เอลเสียใจที่ได้จับคู่กับผมเหรอครับ”


ถ้อยคำที่พูดแทรกขึ้นมาทำให้ผมตัวชาวาบขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ทั้งที่ฮานก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนปกติแท้ๆ ทำไมผมถึงรู้สึกได้ถึงอารมณ์บางอย่างที่เจืออยู่ในนั้นกันนะ


ไม่ใช่ความเสียใจ กระแสอารมณ์ที่สื่อมาถึงนั้นไม่ใช่ความหดหู่โศกเศร้า แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ล้ำลึกกว่านั้น


“ถ้าวันนั้นเราไม่จับคู่กัน เอลก็จะกลายไปเป็นของคนอื่นในสักวันหนึ่ง เรื่องแบบนั้นน่ะ ผมยอมไม่ได้หรอกครับ”


บางอย่างที่ผมเคยสัมผัสมาแล้วจากที่ไหนสักแห่ง


อะไรกันนะ ความรู้สึกแบบนี้มันเรียกว่าอะไรกัน


“ผมอยากเป็นของเอลแค่คนเดียว และผมก็อยากให้เอลเป็นของผมแค่คนเดียว แม้ว่าผมอาจจะแสดงออกไม่ชัดเจน แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมรักเอลมาตลอด”


ฝ่ามืออุ่นร้อนของคนพูดดึงมือผมให้ปล่อยแครอทและมีดทิ้งก่อนจะคว้าไปกุมไว้


“ที่ทุกอย่างมันเหมือนเดิมก็เพราะผมรักเอลและปฏิบัติกับเอลอย่างคนๆ หนึ่งจะทำให้คนที่รักได้มาตลอด เพราะแบบนั้นมันก็เลยน่าสับสน ผมผิดเองที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้”


ผมกลั้นใจสะกดความลังเลแล้วเงยหน้าขึ้นสบตาคนพูดอย่างเถรตรง


แล้ววินาทีนั้นเองผมก็เข้าใจ


“อย่าได้สับสนกับความรักของผมเลยนะครับ ผมรักเอล รักมาตลอด ปฏิบัติกับเอลอย่างที่คนรักคนหนึ่งจะทำได้มาตลอด เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมเต็มใจครับ”


ดวงตาของฮานนิ่งสงบเหมือนกับดวงตาของคุณลุงตอนที่พูดถึงคนรักเบต้าไม่มีผิด


ดวงตาที่นิ่งสงบ ดวงตาที่ไร้ซึ่งความลังเล อาจจะดูเหมือนพูดเกินจริงไปสักหน่อยแต่ผมรู้สึกได้ว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและศีลธรรมทั้งหมดทั้งมวลในจิตใต้สำนึกของฮานถูกผลักหายไปที่ไหนสักแห่งที่ผมมองไม่เห็นเสียแล้ว


นี่สินะโซ่ตรวนแห่งพันธนาการที่ทุกคนพากันพูดถึง


ช่างงดงามและอันตรายเหลือเกิน


รอยฝีปากของผมคลี่ยิ้มกว้างพลางโผตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของคนตรงหน้า “ขอบคุณนะครับ ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย”


แปลกจัง ทำไมผมถึงไม่กลัวกันนะ


“ผมเองก็มีแค่ฮานมาตลอดทั้งชีวิต ฮานเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งคนรัก เป็นทุกอย่างเสียจนผมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะระบุสถานะฮานเอาไว้ตรงไหน รู้แค่ว่าถ้าขาดฮานไปผมต้องแย่แน่ๆ”


สายเหล็กกล้าที่รัดตรึงเราไว้นั้นอาจจะดูน่ากลัว


“ผมดีใจนะครับที่ได้มาอยู่ตรงนี้กับฮาน ได้เป็นคู่ชีวิตของฮาน ได้รักและเป็นครอบครัวของฮาน เหมือนกับฝันเลยล่ะ”


หลายครั้งมันก็อันตราย แต่สำหรับผม แล้ว...


“ช่วยอยู่กับผมตลอดไปเลยนะครับ”


สัมผัสเย็นเยียบของมันกลับชวนให้สงบใจพิกล


สำหรับโซ่ตรวนเส้นนี้ ผมเต็มใจ


“ฮานเป็นคู่ชีวิตของเอลแล้วนะ ห้ามไปเจ๊าะแจ๊ะกับใครเข้าใจไหม”


คนฟังหัวเราะออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำอันเป็นเอกลักษณ์ “เอลก็ห้ามไปเป็นของใครอีกเหมือนกันนะ”


ตอนนี้เองที่ผมเพิ่งจะเข้าใจ พันธนาการนี้ไม่ใช่การพันเส้นเหล็กกล้าเข้ากับคนๆ หนึ่งแล้วมัดเอาไว้เหมือนอย่างอาจารย์กับคุณลุงแดเนียล ผมกับฮานไม่เหมือนพวกเขา


ถ้าฮานเป็นโซ่ตรวนเส้นใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัว ผมก็ไม่ต่างจากแท่งแม่เหล็กที่คอยดึงดูดโซ่นั้นเอาไว้


อา นี่สินะที่เขาเรียกว่ากิ่งทองใบหยก


แล้วผมก็อมยิ้มน้อยๆ พลางซุกหน้าสูดกลิ่นเฉพาะตัวของอีกคนเข้าไปจนเต็มปอด


ถ้าขาดกลิ่นนี้ไป ผมไม่รู้เลยว่าจะอยู่ต่อไปได้ยังไง


อยากให้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาจังเลยน้า


“เอลครับ” คนตัวโตว่าพลางลูบหัวผมไปมาเบาๆ “ผมเองก็อยากจะกอดเอลนานกว่านี้อีกสักหน่อย แต่พอดีว่าผมมีเคสผ่าตัดใหญ่ตอนกลางคืนนี้ เพราะฉะนั้นผมต้องไปแล้วนะ”


“อีกแล้วเหรอครับ เมื่อคืนก็เพิ่งมีเคสนึงนี่นา” ผมว่าพลางกอดเขาแน่นขึ้น


แปลก ไม่ต้องให้ใครมาบอกผมเองก็รู้สึกได้ว่าตัวเองแปลกไป แต่ถึงจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ ผมก็ยังไม่สามารถหยุดพฤติกรรมตัวเองได้อยู่ดี


เกิดอะไรขึ้นกับผมกันนะ


“อย่าอ้อนอย่างงี้สิครับ ไม่งั้นผมได้เสียงานเสียการกันพอดี” ว่าแล้วเขาก็โน้มใบหน้าลงมาหอมหน้าผากผมเบาๆ “สัญญาว่าจะซื้อขนมเค้กที่โรงพยาบาลกลับมาฝากนะ”


ไม่พอ ข้อเสนอไม่ดีเลยสักนิด


ถึงจะอยากพูดออกไปแบบนั้น แต่จนแล้วจนรอดผมก็ใช้พลังใจทั้งหมดในการข่มความรู้สึกนั้นเอาไว้แล้วค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกช้าๆ


“ไม่ต้องซื้ออะไรมาหรอกครับ” ผมพูดเสียงค่อย “แค่ฮานกลับมาอยู่ด้วยผมก็ดีใจแล้ว”


เขาเลิกคิ้วแล้วเงียบไปอึดใจ


“นี่...เอลไม่สบายรึเปล่าครับ” แล้วหลังมืออุ่นก็นาบลงบนหน้าผากของผม “ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา”


ผมไม่ได้ตัวร้อนหรือเป็นไข้อะไรทั้งนั้นล่ะ อันที่จริงผมก็อธิบายอาการพวกนี้ไม่ได้เหมือนกัน เหมือนมันจะเป็นความปั่นป่วนที่ไม่มีสาเหตุจากข้างในในแบบที่ผมเองก็ไม่เข้าใจ สิ่งเดียวที่ผมรู้คือผมอยากอยู่ใกล้ๆ ฮาน อยากได้กลิ่นของฮาน อยากจะกอดแล้วซุกตัวเขาเอาไว้ทั้งวัน แต่มันทำไม่ได้ไงเล่า


ผมเบะปากพลางปัดมือเขาออกเบาๆ


“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ ฮานไปทำงานเถอะ ระหว่างนี้ผมก็จะนั่งเขียนต้นฉบับไปด้วยเหมือนกัน”


อีกฝ่ายนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยอมพยักหน้าแต่โดยดี “โอเคครับ เจอกันพรุ่งนี้เช้านะ”


“อือ” ผมพยักหน้าเบาๆ ทั้งที่ยังไม่สบอารมณ์ “ขอให้การทำงานผ่านไปด้วยดีนะครับ”


“เช่นกันครับคุณตัวเล็ก”


แล้วเขาก็หอมหน้าผากผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไป


วินาทีที่กลิ่นมะลิประจำตัวของอีกฝ่ายจางลง อาการครั่นเนื้อครั่นตัวก็พลันรุนแรงขึ้นอย่างน่าประหลาด จิตใจของผมงุ่นง่าน ร่างกายของผมรู้สึกไม่สบายตัวอย่างร้ายกาจ


นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ


ไม่ไหว ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อบรรเทาอาการไม่สบายนี้ อย่างน้อยก็จนกว่าฮานจะกลับมา


ทันใดนั้นผมก็พลันนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้


ผมรู้แล้วว่าตัวเองควรจะทำอะไร











เสื้อผ้ามากมายของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตลอดสี่ปีถูกขนออกมาวางกองบนเตียงแบบลวกๆ ผมไล่พับเสื้อผ้าแต่ละชิ้นอย่างระมัดระวัง ดูเผินๆ ก็ไม่ได้ต่างจากการทำงานบ้านตามปกติของผมสักเท่าไหร่นัก แต่สิ่งที่ต่างออกไปก็เห็นจะเป็น...


“ตัวนี้ฮานไม่ค่อยได้ใส่ใช่ไหมคุณเมโม่”


ผมหันไปคุยกับปลาทองที่ฮานเลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนพลางสูดดมเอากลิ่นหอมจากเสื้อเชิ้ตในมือเข้าไปเต็มปอด


ไม่ใช่กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม ไม่ใช่กลิ่นถุงหอมในตู้เสื้อผ้าด้วย


นี่มันกลิ่นของฮาน กลิ่นของฮานทั้งนั้นเลย


จมูกเล็กๆ ของผมไซร้เสื้อตัวใหญ่ในมือไปมาอย่างมีความสุข แม้จะอ่อนจาง แต่กลิ่นหอมของฮานที่ฝังติดแน่นอยู่ในเสื้อตัวนี้ก็มากพอจะทำให้ความรู้สึกปั่นป่วนร่างกายของผมลดลงได้


ทั้งที่วางแผนกันไว้เสียดิบดีว่าสุดสัปดาห์นี้ฮานกับผมจะเดินทางกลับไปโอเซนเพื่อไปบอกเรื่องการผูกพันธะของพวกเราให้ที่บ้านผมรับรู้ แต่ขืนร่างกายยังปั่นป่วนอยู่แบบนี้ผมคงเดินทางไม่ได้แน่ มันไม่ใช่เรื่องสับซ้อนอย่างอาการเจ็บไข้หรืออะไรทำนองนั้นหรอก ถ้าจะพูดให้ถูก ผมคงกลัวจะห้ามตัวเองไม่ให้โผเข้าไปซุกฮานไม่ได้มากกว่า


อา อยากซุกแล้วดมกลิ่นมะลิของฮานทั้งวันจังเลยนะ


-กริ๊ง กริ๊ง-


ผมผละตัวเองออกจากเสื้อผ้าหอมนุ่มในมือแล้วหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่กำลังแผดเสียงร้องน่ารำคาญด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ


ใครมันช่างโทรมาขัดจังหวะเก่งเหลือเกินนะ


เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว อุปกรณ์สื่อสารเครื่องจิ๋วก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าในระยะที่เอื้อมถึง ทีแรกผมก็ตั้งใจจะกดรับทันทีอยู่หรอก แต่พอเห็นชื่อคนโทรแล้วนี่มันก็อดจะลังเลใจขึ้นมาไม่ได้


-กริ๊ง กริ๊ง-


และผมก็รู้ด้วยว่าต่อให้ผมจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วปล่อยมันไว้ มันก็จะดังอยู่อย่างนี้ตลอดไปจนกว่าผมจะหมดความอดทนจนต้องเดินมารับอยู่ดี ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่โทรศัพท์หรอก


-กริ๊ง กริ๊ง-


เจ้าพี่ชายน่ารำคาญของผมต่างหากล่ะปัญหา


ผมคิดแบบนั้นในขณะที่กดปุ่มรับสายอย่างช่วยไม่ได้


“ว่าไงมิกเกล”


[กว่าจะรับได้ ฉันนึกว่านายตายไปแล้วซะอีก]


ผมกลอกตามองบน “อาฮะ ทางนี้ก็คิดว่าพี่ตายไปแล้วเหมือนกัน”


[ว้าวๆ] ปลายสายทำเสียงตื่นเต้น [ไอ้เด็กตัวจ้อยที่เคยนอนฉี่รดเตียงตอนนั้นมันเริ่มมีพัฒนาการแฮะ]


นี่ไง ผมบอกแล้วว่าเขาน่ะน่ารำคาญ


“แล้วโทรมานี่มีอะไรรึเปล่า ผมไม่ว่างคุยกับพี่ทั้งวันหรอกนะ”


[อะไรกันเล่า] เขาทำเสียงไม่ทุกข์ไม่ร้อนเหมือนอย่างทุกที [คนตกงานนี่ยุ่งขนาดนั้นเชียว]


เอื้อะ โดนกลางใจไปหนึ่งจึ้ก


ไม่ได้นะเอล รักษาภาพลักษณ์ไว้ อย่าไปยอมแพ้ง่ายๆ


“ใครบอกว่าผมตกงานกัน ผมตั้งใจไม่หางานเองต่างหาก”


[อย่าบอกนะว่านายเตรียมตัวจะเป็นแม่คนแล้วน่ะ] เสียงหัวเราะร่วนลอดเข้ามาในสาย [ทั้งที่ยังไม่ทันได้รู้จักการชีวิตจริงๆ เลยแท้ๆ น่าเสียดายออกน้า]


เอ๊ะ


ผมกลืนน้ำลายเหนียวข้นลงไปในคอเมื่ออีกฝ่ายเพิ่งตระหนักถึงสิ่งสำคัญบางอย่างขึ้นมาได้


นั่นสิ ผมยังไม่ทันได้เลือกทางเดินชีวิตของตัวเองอย่างจริงจังเลยนี่นา นอกจากเป็นคนรักของฮานแล้ว ตัวผมก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองอยากทำอะไรกันแน่ ใจอยากทำอาชีพอะไรก็ไม่รู้ นักเขียนเหรอ? อา เพ้อฝันไปหน่อยล่ะน้า


เมื่อเห็นผมเงียบไปพักใหญ่ คนปลายสายก็ชิงพูดต่อ


[เฮ้ๆ อย่าบอกนะว่านายไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนั้นเลย ให้ตายสิ อย่าไปบอกใครเขานะว่าเป็นน้องชายฉัน อายตายเลย]


ผมอยากจะเถียงกลับไปอยู่หรอกถ้าไม่ติดว่าผมดันรู้สึกถึงความไม่ปกติบางอย่างขึ้นมาได้เสียก่อน


น้ำเสียงของพี่มันเปลี่ยนไปนี่นา...ไม่สิ ไม่ใช่น้ำเสียง


[คิดให้ดีนะเอล ทางที่นายกำลังจะเดินไปตอนนี้ใช่ทางที่ตัวเองเลือกแล้วจริงๆ รึเปล่า] ปลายสายเว้นเสียงอย่างจงใจก่อนจะพูดต่อ [หรือมีใครกำหนดมันไว้แล้วต้อนให้นายเข้าไปเดินโดยดูเหมือนว่าเต็มใจกันแน่]


ปกติพี่จะเจือความร่าเริงและกระตือรือร้นเอาไว้ในทุกคำที่พูดออกมา แต่ตอนนี้ผมกลับสัมผัสถึงอารมณ์เหล่านั้นไม่ได้เลย


จริงสิ น้ำเสียงของพี่ไม่ได้เปลี่ยน อารมณ์ที่เจือมากับเสียงต่างหากที่เปลี่ยน


ปกติพี่จะทำแบบนี้แค่เวลากำลังพูดเรื่องจริงจังนี่นา ทำไมจู่ๆ ตอนนี้ถึงได้ใช้เสียงแบบนี้กับผมล่ะ


หรือว่า...พี่เขาจะไม่ชอบฮานกันนะ...


ความเงียบไม่มีที่มาที่ไปเกิดขึ้นระหว่างเราอย่างฉับพลัน เขาเองก็เงียบ ผมเองก็เงียบ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์บางอย่างที่ยากจะอธิบาย


สุดท้าย ผมก็ตัดสินใจขึ้นมาก่อน


“ใครที่พี่ว่านี่..” ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเงียบๆ “หมายถึงฮานเหรอ”


ทั้งที่คิดเอาไว้ว่าสถานการณ์จะต้องกดดันยิ่งกว่านี้ แต่พอพี่ชายของผมหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น บรรยากาศมัวหมองเมื่อครู่ก็พลันสลายหายไปในพริบตา


ราวกับเวทมนต์อย่างไรอย่างนั้นเลย


[ดูคำถามสิ บ้าจี้ชะมัด อย่าไปบอกใครเขาล่ะว่าเป็นน้องชายฉันน่ะ] เขายังคงหัวเราะไม่หยุด [ถามเรื่องที่ตัวเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วออกมาเนี่ยะ สติยังดีอยู่ใช่ไหมเนี่ย]


ให้ตายสิๆ เขากลับมาอยู่ในโหมดปกติแล้ว


“แล้วทีตัวเองคอยมาไล่บี้จิตใจชาวบ้านเขาแบบนี้เนี่ย เป็นจิตแพทย์ประเภทไหนกัน”


ปลายสายนิ่งไปอึดใจ พนันได้เลยว่าเขากำลังยักไหล่ใส่โทรศัพท์อยู่แน่ๆ [เป็นจิตแพทย์ที่เก่งและหน้าตาดี]


นั่นไงเล่า ผมบอกแล้วว่าพี่ชายผมน่ะประหลาด


“แล้วตกลงที่โทรมามีอะไรกันแน่เนี่ย”


[อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ]


ไม่นะ ขอล่ะ ถ้าเขาพูดคำว่าคิดถึงออกมาผมต้องวิ่งไปโก่งคออาเจียนแน่เลย


[ก็แม่ให้โทรมาถามว่าจะมาถึงกี่โมง จะได้เตรียมไปจ่ายตลาดทัน]


เฮ้อ ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้เขาไม่พูดคำแสนสยองนั้นออกมา นับว่าเป็นโชคดีของผะ...


[แล้วจริงๆ ก็คิดถึงด้วยแหละ]


โอ้ ม่ายยย เขาพูดมันออกมาแล้ว พูดออกมาอีกแล้ว


“ขนลุกน่า”


ผมข่มความรู้สึกคลื่นไส้ก่อนจะตอบเขากลับไปเหมือนอย่างทุกที ผมหมายความอย่างนั้นจริงๆ นะ ดูขนแขนผมตอนนี้สิ ลุกขึ้นยืนตรงกันหมดเลย


[อะไรกัน] อีกฝ่ายทำบ่นงึมงำกลับมา [นี่ฉันทำตามหนังสือส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวเลยนะ]


“งั้นก็เลิกอ่านเถอะ ถือว่าผมขอ”


[เฮ้อ วัยรุ่นเดี๋ยวนี้นี่มันเข้าใจยากจริงๆ เลยนะ]


ตัวเองก็เพิ่งจะสามสิบไปเองไม่ใช่หรือไงฮะ! ทำเป็นพูดเหมือนตาลุงอายุแปดสิบไปได้


ผมกลอกตามองบนรอบที่ล้านก่อนจะแสร้งไม่สนใจสิ่งที่อีกคนพูด


“ผมว่าจะออกจากที่นี่กันสักประมาณเก้าโมงเช้า ไปถึงนู่นก็น่าจะประมาณบ่ายโมงนะครับ”


[แล้วจะกินข้าวเที่ยงระหว่างทางหรือจะมากินที่บ้านล่ะ]


ผมหยุดคิด “พวกผมจัดการกันเองดีกว่าครับ”


[โอเค] เสียงปากกาที่ขีดเขียนไปมาบนแผ่นกระดาษลอดเข้ามาในโทรศัพท์ [งั้นฉันจะบอกให้แม่ทำแค่อาหารเย็นเลยก็แล้วกันนะ]


“ของหวานด้วย” ผมท้วง


[โอ๊ะ เสียงอะไรนะ ไม่ได้ยินเลย]


นั่นไง ผมบอกแล้วว่าพี่ชายผมมันเป็นคนบ้า!


“บอกแม่ด้วยว่าอยากกินขนมโกทัน”


[โอ๊ะ อะไรนะ ไม่ได้ยินเลย วางก่อนนะ]


เอ๊ะ หรือทางนู้นจะสัญญาณไม่ดีจริงๆ นะ...


[อ้อ แล้วฝากบอกคุณน้องเขยด้วยว่ารีบๆ มาล่ะ ไม่งั้นขนมโกทันหมดไม่รู้ด้วยนะ]


แล้วเขาก็วางสายไปโดยไม่เว้นช่องว่างไว้ให้ผมได้ตอบโต้กลับเลย


เห็นไหมล่ะ ผมบอกแล้วว่าพี่ชายผมน่ะ มัน ประ หลาด!


แต่ถึงจะเป็นพวกบ้าบอแค่ไหนก็เถอะ...


[แล้วจริงๆ ก็คิดถึงด้วยแหละ]


เอาเข้าจริงก็เป็นคนดีล่ะน้า


ผมอมยิ้มพลางเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนในกองเสื้อผ้าของฮาน


[คิดให้ดีนะเอล ทางที่นายกำลังจะเดินไปตอนนี้ใช่ทางที่ตัวเองเลือกแล้วจริงๆ รึเปล่า]


สุ้มเสียงที่ดังขึ้นในหัวยิ่งทำให้ผมอมยิ้มมากขึ้นกว่าเก่า


เจอหน้ากันครั้งนี้ผมคงต้องคุยกับเขายาวเลย ต้องเลิกทำให้เจ้าพี่ชายบ้าจี้นี่เลิกสงสัยกับทางเลือกของผมสักที ต้องทำให้เลิกมองฮานในแง่ร้ายด้วย บางทีถ้าใช้ขนมโกทันเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ก็น่าจะดีนะ


อา ขนมโกทันเหรอ...


ผมขยับตัวเพื่อให้ใบหน้าฝังลงในกองเสื้อผ้ามาขึ้นพลางอมยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า


ถ้าฮานจำได้ก็ดีสินะ...





****************************************************************************


หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 28-07-2019 10:53:18
น่ารักกกก คุณตัวเล็กน่ารักมากๆเลย เริ่มติดกลิ่นกับสร้างรังแล้ว อยากเห็นตอนฮานกลับมาแล้วเห็นน้องสร้างรังจังเลย เป็นคู่ที่สมกันจริงๆแหละ คนนึงอยากผูกมัดคนนึงเต็มใจให้มัด ดูเหมือนคุณพี่มิกเกลจะดูออกตั้งนานแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-07-2019 11:19:28
ว่าที่คุณแม่เอลน้อยน่ารักจัง :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 28-07-2019 11:34:46
สัญญาณการเป็นคุณแม่เริ่มมา
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 28-07-2019 11:58:31
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2019 13:42:32
จะท้องหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-07-2019 13:43:04
จะท้องหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: JanTi ที่ 28-07-2019 15:42:10
คุณพี่ชายนี่น่ารักจัง :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 28-07-2019 19:21:27
เดาทางไม่ถูกจะดราม่าหรือไม่ดราม่ากันแน่
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 28-07-2019 19:57:22
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 28-07-2019 20:52:43
เรื่องของฮานกับคุณตัวเล็ก
จะไม่ดราม่าใช่มั้ยคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: เสพศิลป์ ที่ 28-07-2019 21:20:04
 :ling1: นี้ไม่ได้ชื่อคุณตัวเล็กทำไม เขินจังง
ชอบอารมฟิลกู้กแบบนี้จัง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 28-07-2019 22:45:17
ท้องแล้ว ๆ  :m3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 28-07-2019 23:30:05
น้องจะมาแล้ววว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-07-2019 23:32:01
มีอาการแปลกๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 28-07-2019 23:51:45
คุณตัวเล็กน่ารักมากๆ ขโมยเสื้อฮานมาทำรังแล้ววววว :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-07-2019 06:39:56
น้องเริ่มสร้างรังแล้ว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Pangpang24pp ที่ 30-07-2019 22:34:46
น้องท้องแล้วแน่เลย เราจะเป็นคุณย่าแล้ววว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 8 -Recall- 28/07/19
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 02-08-2019 10:52:35
น้องงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 04-08-2019 11:22:44



Nesting







“นี่ตัวเล็ก พักนี้คุณนอนเยอะไปรึเปล่าครับ ไม่ได้ป่วยอะไรใช่ไหม”


ถ้าจำไม่ผิด ฮานถามผมด้วยคำถามนี้มารอบที่ล้านเห็นจะได้แล้ว และคำตอบของผมก็มักจะเป็นอะไรเดิมๆ อย่างเช่น...


“เปล่าหรอกครับ ผมแค่ง่วงๆ น่ะ”


“เหรอครับ” เขารับคำด้วยน้ำเสียงคลางแคลงใจแต่ก็อุตส่าห์เดินมาหอมหัวผมที่ยังนอนแปะอยู่บนเตียงก่อนออกไปทำงาน

เหมือนอย่างทุกที “แล้วเย็นนี้ผมจะรีบกลับมานะครับ”


“อือ ขอให้เป็นวันที่ดีนะครับ”


“เช่นกันนะครับคุณตัวเล็ก”


แล้วฮานก็ออกจากบ้านไป


ชีวิตของผมวนลูปนี้มาได้เกือบอาทิตย์นึงแล้ว อันที่จริง ผมกับฮานวางแผนไว้ว่าจะเดินทางไปบอกเรื่องการจับคู่ของพวกเราให้ที่บ้านของผมรับรู้อย่างเป็นทางการในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึงในอีกสองวันข้างหน้านี้ แต่สภาพของผมตอนนี้เริ่มทำให้ตัวผมเองไม่แน่ใจว่าจะสามารถทนต่อการเดินทางระยะยาวเพื่อกลับบ้านเกิดตัวเองได้ไหม


แม้จะพยายามบอกฮานไปว่าไม่ได้เป็นอะไร แต่ผมเองก็ไม่ได้แน่ใจในถ้อยคำที่พูดออกไปขนาดนั้น
ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ นั่นล่ะคือคำถามที่แม้แต่ตัวผมเองก็ยังตอบไม่ได้


อาการง่วงนอนอย่างหนักนี้ยังนับว่าเป็นอะไรที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับอาการอื่นๆ ที่ผมพยายามปิดบังไม่ให้ฮานรู้ หนึ่งคือผมกินอาหารเยอะขึ้น สองคือผมต้องการได้กลิ่นของฮานตลอดเวลา และสามผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังต้องการอะไรบางอย่างอยู่ลึกๆ อย่างที่ตัวผมเองก็บอกไม่ได้ และเพื่อลดความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในใจนี้ ผมเลยพยายามทำอะไรต้องมากตั้งมายที่ดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่า หนึ่งในนั้นก็คือสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่นี่ล่ะ


“ขาดอะไรอีกไหมนะ”


ผมบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างที่ชอบทำเวลาต้องการใช้เวลาครุ่นคิดพลางทอดสายตามองหมอนและเสื้อผ้าที่กองกระจุกกันอยู่ตรงมุมห้องทำงานของผม


ห้องทำงานของผม...อดีตห้องนอนของผมในสมัยที่ยังเป็นแค่รูมเมทกับฮาน ปัจจุบันผมได้ย้ายเข้าไปนอนในห้องนอนใหญ่ซึ่งก็คือห้องนอนของฮานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว เพราะฉะนั้นห้องนอนเก่าของผมก็เลยถูกดัดแปลงให้เป็นห้องทำงานส่วนตัวซึ่งก็ยังเป็นของผมอยู่ดี ทั้งที่พยายามบอกฮานไปแล้วว่าการมีห้องทำงานส่วนตัวในคอนโดที่ผมแทบจะไม่ได้ช่วยจ่ายอะไรเลยมันมากมายเกินไป เจ้าตัวก็ดันตอบกลับมาแค่ว่า ‘แต่นี่เป็นบ้านของพวกเราแล้วนะครับ’ สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้


อันที่จริงจะเรียกว่ายอมก็ไม่ได้ เรียกว่าเขินจนเถียงไม่ทันจะดีกว่า


อา คิดถึงฮานจังเลย คิดถึงฮานอีกแล้ว


ผมทิ้งตัวลงบนกองหมอนและเสื้อผ้าที่สุมกันจนหนานุ่มแล้วซุกหน้าลงไปสูดเอากลิ่นมะลิคุ้นจมูกเข้ามากักเก็บไว้จนเต็มปอด
อยากโทรไปหาจังเลย ตอนนี้จะกินข้าวรึยังนะ กลับมาบ้านแล้วฮานจะอยากกินอะไรไหมนะ


หมอนใบโตถูกคว้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดในขณะที่ผมเขยิบฝังตัวลงไปในกองนุ่มนิ่มมากขึ้นกว่าเก่า


อยากเจอฮานจังเลย อยากได้กลิ่นฮานตลอดเวลาเลย ถ้าได้กอดฮานที่นี่ล่ะก็...


เอ๊ะ


จู่ๆ ในใจของผมก็พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา


กอดฮานที่นี่...งั้นเหรอ


ผมพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดตามองกองของนุ่มนิ่มที่ผมนอนทับอยู่ ความรู้สึกบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ


ทำไมกันล่ะ ทั้งที่อยากกอดฮานแท้ๆ แต่ทำไมถึงไม่อยากให้มายุ่งกับที่ตรงนี้กันนะ อา ไม่สงบใจเลย


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาด้วยความหงุดหงิด แม้ในใจจะพยายามหาข้อโต้แย้งมากแค่ไหนหรือสมองจะพยายามอธิบายเรื่องตรรกะเหตุผลอะไร อารมณ์ในใจก็ไม่ได้บรรเทาลงเลย


“น่าหงุดหงิดจัง”


แล้วผมก็บ่นอุบอิบกับตัวเองอีกครั้งก่อนจะทิ้งตัวลงนอนเพื่อคิดหาทางออกต่อไป


ผมว่าผมตั้งใจจะคิดหาทางออกให้กับอารมณ์ของตัวเองอยู่นะ ไม่รู้ทำไม รู้ตัวอีกทีภาพทุกอย่างก็พลันกลายเป็นสีดำไปเสียแล้ว
แย่จัง ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลยนะ








ผมเชื่อมาตลอดว่าคนเราต้องมีขีดจำกัดในการทำอะไรสักอย่างในชีวิต ต่อให้เป็นคนชอบกินแค่ไหนก็จะต้องมีจุดที่อิ่มมากจนกินต่อไปไม่ไหว ต่อให้เป็นคนขยันแค่ไหนก็ต้องมีสักจุดหนึ่งในชีวิตที่รู้สึกเหนื่อยล้าและอยากพักผ่อน กับเรื่องการนอนก็คงไม่ต่างกัน ต่อให้ชอบนอนแค่ไหน ยังไงซะก็ต้องมีจุดที่ไม่สามารถหลับลงได้อีกต่อไปอยู่อยู่ดี ผมคิดแบบนั้นมาตลอดเลย


ตลอดเลยจริงๆ นะ


เปลือกตาที่ปิดสนิทมาตลอดวันของผมค่อยๆ เปิดขึ้น ผมกวาดตามองรอบห้องทำงานที่ว่างเปล่าก่อนจะเหลือบไปมองนาฬิกาที่แขวนเด่นอยู่บนผนังห้อง


หกโมงเย็นแล้วเหรอเนี่ย


ผมถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้าแล้วพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนกองของนุ่มนิ่มแสนสบายแล้วเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ


หกโมงเย็นแล้วจริงๆ ด้วยสิ


เท่าที่จำได้ ผมตื่นขึ้นมาก่อนฮานจะไปทำงานนิดหน่อย เราบอกลากัน เขาจูบหน้าผากผมตามปกติ จากนั้นผมก็ลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัว กินข้าว แล้วก็ขนหมอนมากองเพิ่มในห้อง อย่างไรเสียก็คงเสร็จไม่เกินสิบโมงเช้า งั้นก็หมายความว่า...
นัยน์ตาผมเหลือบไปมองนาฬิกาอีกครั้ง


นี่ผมนอนมาราธอนมาแปดชั่วโมงรวดเลยเหรอเนี่ย แล้วคืนนี้จะนอนหลับไหมเนี่ย


“ตัวเล็ก ผมกลับมาแล้วครับ”


เสียงเรียกคุ้นหูที่ดังมาจากหน้าประตูทำให้ผมต้องกุลีกุจอลุกขึ้นจากกองของนุ่มนิ่มของตัวเองแล้วหาผ้ามาคลุมไว้ให้แนบเนียนที่สุดเท่าที่จะเป็นได้


ไม่ได้ ให้ฮานรู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยว่าผมแอบขโมยเสื้อของเขามานอนกก ขืนเขารู้เข้าคงได้ทำหน้าแขยงผมแน่


“ตัวเล็กครับ ทำงานอยู่เหรอ”


ผมสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้าเสียงที่ดังอยู่ไกลๆ เมื่อครู่ดังขึ้นมาจากหน้าประตูห้องทำงานของผมที่เปิดไว้อ้าซ่า มือที่ง่วนอยู่กับการปกปิดรังลับของตัวเองกุมเข้าหากันคล้ายไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับมันดี


ทำยังไงดี ฮานต้องรู้แน่ๆ ฮานต้องรู้แน่เลย ฮานต้อง...


“เอลครับ คุณโอเครึเปล่า”


สัมผัสอุ่นร้อนของฝ่ามือใหญ่ที่แตะลงบนไหล่ยิ่งทำให้ผมเครียดเกร็งมากขึ้นกว่าเก่า ทั้งที่ใจอยากจะหันไปส่งยิ้มให้เหมือนทุกครั้งแท้ๆ แต่พอเขาเข้ามาอยู่ใกล้ขนาดนี้แล้วผมกลับไม่สงบใจเลย


เอ๊ะ ไม่สิ นี่มันมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปไม่ใช่เหรอ


ผมไม่ได้กังวลที่ฮานเข้าใกล้ผมสักหน่อย สิ่งที่ผมกังวลจริงๆ น่ะ...


“แล้วนี่กองผ้าอะไรเหรอครับ ขอผมเปิดดูได้ไหม”


ไม่นะ ไม่ได้นะ อย่าจับนะ พูดออกไปสิเอล พูดออกไปสิ


ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมกำลังทำหน้าแบบไหนหรือกำลังรู้สึกยังไงเพราะผมไม่กล้าแม้แต่จะหันไปสบตาเขาด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวคือผมอยากให้เขาออกห่างจากห้องนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็เท่านั้น


อยากกอดก็อยากกอด แต่ก็ไม่อยากให้อยู่ในห้องนี้นี่นา


เมื่อเขาเห็นว่าผมไม่ตอบและไม่ได้ห้าม ฮานจึงถือว่านั่นเป็นการอนุญาตกลายๆ ฝ่ามือใหญ่เอื้อมมือไปกระตุกผ้าคลุมผืนบางที่ผมสู้อุตส่าห์วิ่งเอามาปิดไว้ออกไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะทำท่าคล้ายอยากจะสำรวจไปมากกว่านั้น


แต่ผมไม่ยอมหรอกนะ ครั้งนี้ไม่ยอมจริงๆ แล้วด้วย!


ผมกระโดดเข้าไปนั่งกองอยู่ใจกลางกองของนุ่มนิ่มแล้วดึงหมอนใบใหญ่เข้ามากอดไว้แน่น


“ฮานห้ามแตะนะ อย่าเข้ามาด้วยนะ”


แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่ผมพนันได้เลยว่าฮานต้องกำลังทำหน้างงงวยอย่างถึงที่สุดอยู่แน่ๆ หลังจากนั้นเขาก็จะถามคำถามประเภทที่ว่า...


“ผมกะแล้วเชียว”


ใช่เลย คำนี้ละ...เอ๊ะ ไม่ใช่สิ มันต้องเป็นคำถามประเภท ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเหรอครับเอล’ ไม่ใช่เหรอ


ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ผมเลยยอมเอาหน้าออกห่างจากหมอนนุ่มนิ่มในอ้อมกอดนิดหน่อยแล้วเบนหน้าหันกลับไปมองคนตัวโตที่อยู่ด้านหลัง


ผิดกับที่คาดไว้อย่างสิ้นเชิง ทั้งที่ผมคิดไว้ว่าฮานจะต้องทำหน้างุนงงสุดๆ แท้ๆ แต่พอหันมามอง สิ่งที่เห็นกลับเป็นสีหน้าพึงพอใจอย่างถึงที่สุดในแบบที่ผมไม่เคยเห็นจากฮานมาก่อน นัยน์ตาคมปรากฏประกายของความดีใจอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากสวยได้รูปนั่นก็วาดรอยยิ้มกว้างเสียจนน่าแปลกใจ


นี่มัน...เกิดอะไรขึ้นกันนะ


คงเพราะเห็นความสงสัยใคร่รู้บนใบหน้าของผม คนตัวโตยิ้มเก่งถึงได้ยอมย่อตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อให้ระดับสายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับผม


“ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ”


น้ำเสียงของเขาเนิบนาบคล้ายต้องการปลอบประโลม น่าแปลกที่คราวนี้เขาไม่ได้ยื่นมือเข้ามาจับตัวผมหรือดึงผมเข้าไปจูบหน้าผากอย่างที่ชอบทำตามปกติ


“การสร้างรังของโอเมก้าตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องทำอยู่แล้ว และผมเข้าใจกฎและข้อห้ามของอัลฟ่าต่อรังของโอเมก้าดีครับ เพราะฉะนั้นเอลไม่ต้องกังวลไปนะ”


รังเหรอ การสร้างรังงั้นเหรอ จริงด้วยสิ เหมือนเมื่อก่อนก็จะเคยเรียนอะไรทำนองนี้อยู่เหมือนกันนี่นา


‘โอเมก้า อัลฟ่า เบต้า เรื่องพวกนั้นมันเป็นเรื่องของสัญชาตญาณ การสร้างรังก็จัดเป็นหนึ่งในสัญชาตญาณนั้น มันอยู่เหนือการควบคุมของสมองและระบบความคิดด้านตรรกะแลเหตุผล สาเหตุที่ทำก็เพราะสัญชาตญาณสั่ง ต่อให้พวกเธอเป็นโอเมก้าที่เก่งกาจและมีอำนาจมากพอที่จะปกป้องตัวเองและลูกในท้องได้ สิ่งที่อยู่ในเซลล์ของเธอก็จะกระตุ้นให้เธอต้องหาแหล่งพักพิงอยู่ดี’


ใช่ๆ ตอนนั้นเหมือนจะมีใครบางคนพูดอะไรแบบนี้ให้ฟังเลย


‘การสร้างรังสำหรับโอเมก้าเป็นสิ่งสำคัญมาก พวกเขาต้องการที่ๆ ปลอดภัยสำหรับการให้ความอบอุ่นทารกในครรภ์ เพราะฉะนั้น อัลฟ่าทั้งหลายจงฟัง เมื่อคู่ชีวิตของพวกคุณเริ่มสร้างรังเมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณของการตั้งครรภ์ จงพาพวกคู่ของคุณไปหาหมอเพื่อสุขภาพที่ดีของแม่และเด็ก และสำคัญที่สุด ผมขอย้ำให้พวกคุณขีดเส้นใต้ไว้เลยว่า รังของโอเมก้าคือเขตหวงห้าม ตราบใดที่ไม่ได้รับอนุญาตใครก็ไม่มีสิทธิ์รุกล้ำโดยเด็ดขาด หลักการนี้อยู่ในข้อกฎหมายด้วย จดไว้ให้ดีล่ะ’


จริงด้วยสิ นี่มันเนื้อหาที่เคยเรียนสมัยมัธยมนี่นา แต่ว่า แต่ว่านะ..


“ถ้าโอเมก้าสร้างรังก็หมายความว่า...”


“ใช่ครับ คุณกำลังตั้งครรภ์”


เห เดี๋ยวสิ นี่มันยิ่งกว่าตอนประกาศผลว่าผมสอบติดมหาวิทยาลัยที่อยากเข้ามาตลอดชีวิตอีกนะ ทำยังไงดีล่ะ ต้องทำยังไงดีล่ะ ต้องไปฝากครรภ์ไหม แล้วต้องบอกพ่อแม่ยังไง แล้วไหนจะพ่อทูนหัวของฮานอีก ทำยังไงดีนะ


“เอลครับ”


ชื่อของตัวเองที่เปล่งจากเสียงที่คุ้นเคยทำให้ผมสงบลงเล็กน้อย ผมสูดหายใจเข้าลึกเพื่อเตรียมใจกับสิ่งที่กำลังจะได้ยินแล้วหันไปสบตากับคนที่นั่งอยู่นอก ‘รัง’ ของผม


ผมเม้มปากเล็กน้อย


“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะครับ” แล้วผมก็ก้มหน้าพร้อมกับรู้สึกว่านัยน์ตาตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาหน่อยๆ “ผมน่ะ ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหม”


อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไรกลับมาในทันที แต่ผมรู้สึกได้ถึงสายตาเป็นห่วงเป็นใยที่ทอดมองมาได้อย่างชัดเจน “เอลครับ ออกมาจากรังก่อนไหม คุณอยู่ในรังแบบนี้ผมก็กอดปลอบไม่ได้สิครับ”


ไม่ว่าเปล่า เขายังเขยิบตัวเองไปจนชิดผนังอีกฝั่งของห้องแล้วกางแขนออกคล้ายจะรอให้ผมพุ่งตัวเข้าไปหาในอ้อมกอดอย่างงั้นล่ะ


อยากกอดจัง อยากพุ่งตัวเข้าไปกอดจังเลย แต่ถ้าออกจากรังไปก็จะไม่ปลอดภัยนะ แต่ฮานก็ไม่ได้อันตรายสักหน่อย แถมในห้องนี้ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรด้วย แต่...อา ยังไงก็อยากอยู่แค่ในกองของนุ่มนิ่มนี้นี่นา


“เอลครับ มาเถอะ ผมจะปกป้องคุณเอง”


ฮานนะฮาน ฮานนี่มันฮานจริงๆ เลย ไม่ใช่แค่เข้าใจผม แต่ฮานน่ะ..


แล้วผมก็ค่อยๆ เขยิบตัวคลานออกจากรังทีละเล็กทีละน้อยจนในที่สุดก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของอีกคนได้สำเร็จ


ฮานน่ะ ไม่ได้เข้าใจแค่ผมหรอก แต่ฮานน่ะ เข้าใจธรรมชาติของโอเมก้าไปจนถึงแก่นเลยต่างหาก


ก็สมแล้วล่ะที่เขาสู้อุตส่าห์เรียนมาตั้งหลายปี


ผมซุกหน้าเข้ากับหน้าอกแกร่งของอีกฝ่ายในขณะที่ฝ่ามือใหญ่ยังคงลูบหัวปลอบโยนผมไม่หยุด


“ผมปั่นป่วนไปหมดเลยครับ” เสียงของผมอู้อี้เล็กน้อย “ผมไม่รู้เลยว่าตัวเองควรจะทำยังไงดี”


อ้อมแขนแกร่งรัดผมแน่นขึ้นอีกนิด


“ไม่เป็นไรนะครับตัวเล็ก” เขาว่าพลางก้มลงหอมหัวผมเหมือนอย่างทุกที “ผมอยู่ตรงนี้ไงครับ เราสองคนต้องเป็นพ่อที่วิเศษแน่ๆ”


“แต่ผมตื่นมาให้นมลูกกลางดึกไม่ได้หรอกนะครับ”


เขาหัวเราะ “งั้นเดี๋ยวเอลปั๊มนมไว้แล้วที่เหลือผมจัดการเองครับ”


อา ฮานนี่มันฮานจริงๆ ด้วย


ผมขยับตัวซุกเข้าไปในอ้อมกอดของเขามากขึ้นกว่าเก่า


“ช่วงนี้ผมอยากได้กลิ่นฮานตลอดเวลา อยากกอดฮาน อยากอยู่ในรัง อยากนอนเยอะๆ ด้วย รบกวนการใช้ชีวิตสุดๆ เลยล่ะ”


แล้วคนฟังก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง “งั้นเราช่วยกันจัดรังดีไหมครับ ถ้ารังเสร็จและคุณรู้สึกผ่อนคลายลง บางทีอาการอยากนอนเยอะๆ ของคุณอาจจะดีขึ้น”


ผมพยักหน้าทั้งที่ยังฝังตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา “อือ เอาหมอนนุ่มๆ เยอะๆ เลยนะ”


“นั่นสินะครับ ต้องซื้อหมอนสำหรับรองท้องด้วย เผื่อท้องใหญ่ขึ้นตัวเล็กจะได้นอนสบายๆ ไม่ปวดหลังไงครับ”


“อือ ดีเลยครับ” ผมว่าพลางอมยิ้ม “เอาเสื้อฮานเยอะๆ ด้วย”


แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


“เอลนี่นา” เขาว่าพลางเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของผมออก “นอกจากการสร้างรังแล้วเราต้องไปทำเรื่องฝากครรภ์กันด้วยนะครับ”


“ครับผม” ผมรับคำแล้วเงยหน้าขึ้นจูบคางเขาเบาๆ “ไว้ฮานสะดวกเมื่อไหร่ค่อยไปก็ได้นะครับ”


“สำหรับเอลแล้วผมสะดวกทุกวันล่ะ” แล้วเขาก็จูบหน้าผากผมอีกครั้ง “แต่ยังไงก็ตาม เพื่อความชัวร์ เอลช่วยใช้ชุดตรวจการตั้งครรภ์นี่ทีนะ”


กล่องอุปกรณ์สีขาวถูกหยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่ายแล้วยื่นส่งให้ผมราวกับเป็นเรื่องธรรมชาติ


“ยังไงวันนี้ผมขอรับหน้าที่ทำอาหารเองนะครับ เพื่อเป็นการฉลองให้เอลและลูกไง”


ผมจ้องมองกล่องเครื่องมือที่อยู่ในมือแล้วคลี่ยิ้มออกมาช้าๆ


“อือ”


ฮานนี่ฮานจริงๆ เลย


ถ้าพี่ชายของผมกับคุณลุงแดเนียลอยู่ตรงนี้ พวกเขาจะอยากพูดอะไรออกมากันน้า


‘คิดให้ดีนะเอล ทางที่นายกำลังจะเดินไปตอนนี้ใช่ทางที่ตัวเองเลือกแล้วจริงๆ รึเปล่า หรือมีใครกำหนดมันไว้แล้วต้อนให้นายเข้าไปเดินโดยดูเหมือนว่าเต็มใจกันแน่’


‘อัลฟ่าที่รัทกับคนที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันน่ะ จบไม่สวยสักคนเลยรู้ไหม’



ก็คงเป็นอะไรทำนองนั้นนั่นล่ะเนอะ


ช่างเถอะ ยังไงเสียผมก็หาคำโต้แย้งกลับไปได้อยู่ดีนั่นล่ะ






*******************************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 04-08-2019 12:19:38
เอลท้องแล้วววว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-08-2019 13:08:25
ท้องแล้ว ท้องแล้ว
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 04-08-2019 13:26:00
ฮานก็คือฮาน..เอลน้อยก็ยังเป็นเอลน้อย...น่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 04-08-2019 17:21:43
รอคุณตัวเล็กแพ้ท้อง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Toey0810 ที่ 04-08-2019 19:56:13
น้องงงงท้องแล้ว นุ่มนิ่ม หมุบหมับดีจัง... :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-08-2019 21:38:56
 :กอด1:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 04-08-2019 21:48:26
คนที่รู้เรื่องโอเมก้า ยิ่งกว่าโอเมก้า ฮานสุดยอดเลยนะ


55555555
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 04-08-2019 21:49:38
เย้
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 04-08-2019 22:56:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-08-2019 22:57:20
เป็นกำลังให้แเอลและฮาร่วมกันสร้างรังที่อบอุ่น :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-08-2019 23:03:46
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 04-08-2019 23:18:44
ฮานนี่มันฮานจริงๆ เลย ทำไมน่ารักแบบนี้นะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 04-08-2019 23:29:24
ฮือออออ เค้ารักกันมากกกกก ดีงามมากกกกก ละมุนละไมสุดดดดดด
ดีต่อใจสุดๆๆๆๆๆ ฮานกับคุณตัวเล็กน่ารักสุดๆไปเลย :sad4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 05-08-2019 00:11:05
รู้ทันไปหมดทุกอย่างเลยฮาน  :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 05-08-2019 01:06:11
 น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 05-08-2019 01:32:12
คิดภาพตอนน้องเอลอยู่ในกองของนุ่มนิ่ม ตอนลังเลว่าจะอยู่ในรังหรืออ้อมกอดของฮานดี แล้วมัน  :impress2:  :-[ :impress2:
ฮานเรียนหมอก็เพราะเอลสินะ โถ พ่อคนรักแฟนหลงแฟนหนักมาก
ขออย่าให้มีอะไรมาสร้างปัญหาให้คู่นี้เลย

 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 05-08-2019 22:03:44
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 05-08-2019 22:14:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 06-08-2019 03:50:14
ฮานเนี้ยเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านโอเมก้าหรอ รูละเอียดยิบเลย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 06-08-2019 08:35:18
ท้องแล้ว~
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 06-08-2019 11:09:42
รอรับขวัญหลานน๊าาาาาาาาา

 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 9 -Nesting- 4/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 06-08-2019 15:17:31
 o18 เนคนทึ่เข้าใจการตั้งครรภ์ของโอเมก้า ดีขนาดนี้ ดราม่าไม่น่าจะใหญ่น้า
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 11-08-2019 14:52:10




Home Sweet Home





หลังจากผลการตรวจจากโรงพยาบาลออกมาตรงกับชุดตรวจการตั้งครรภ์อย่างพอเหมาะพอเจาะราวกับจับวาง แผนการเยี่ยมเยียนญาติที่เคยคิดว่าจะได้ทำเมื่อสุดสัปดาห์ก่อนจึงต้องเลื่อนมาทำสัปดาห์นี้แทนทั้งหมดด้วยเหตุผลของฮานที่ว่า ‘เราจัดการเรื่องราวทางนี้ให้เสร็จก่อนไปพบคุณพ่อคุณแม่ของเอลน่าจะดีกว่านะครับ’นั่นล่ะ


ตอนแรกผมก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการเลื่อนนัดที่บ้านผมออกไปก่อนสักเท่าไหร่(จริงๆ ส่วนนึงก็เพราะรำคาญที่ต้องจะฟังพี่ชายของตัวเองเอาเรื่องนี้ขึ้นมาบ่นตลอดไปมากกว่า) แต่พอได้เห็นสิ่งที่ฮานเตรียมการไว้ให้ ความคิดที่อยากจะกลับบ้านของผมก็พลันหายไปในพริบตา


รังของผมดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นกว่าตอนแรกเยอะมาก จากเดิมที่เป็นเพียงกองหมอนและเสื้อผ้านุ่มๆ บนพื้นแข็งๆ มาตอนนี้กลับมีเบาะนุ่มที่ยกขอบกั้นเสริมขึ้นมา เบาะหนานุ่มที่ฮานสั่งทำพิเศษถูกยกกั้นด้านข้างขึ้นมาสามด้าน เว้นด้านที่ใช้เข้าออกไว้เพื่อเหตุผลที่ว่าผมจะได้เข้าออกรังได้สะดวกตามที่ต้องการ ตัวเบาะมีขนาดใหญ่กินพื้นที่ไปหนึ่งในสี่ของห้อง บนเบาะยังคงมีกองหมอนและเสื้อผ้าของฮานที่ผมเคยแอบเอามาซุกไว้อยู่ครบไม่ขาดหายไปไหน จะมีก็เพียงแต่หมอนรองท้องและตุ๊กตามากมายที่เพิ่มขึ้นมาก็เท่านั้น


อยากลงไปนอนจังเลยน้า


ในขณะที่ผมกำลังยืนมองรังของตัวเองด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม คนที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดการพื้นที่รอบรังก็หันมามองผมด้วยรอยยิ้มกว้างจนผมอดแซวไม่ได้


“มองอะไรครับว่าที่คุณพ่อ”


“กำลังมองว่าที่คุณพ่ออีกคนนึงอยู่ครับ” แล้วเขาก็เดินเข้ามาดึงผมไปกอด “หรือจะเป็นคุณแม่ดีครับ”


ผมส่ายหน้ายิก “ไม่เอาหรอกครับ เอลจะเป็นคุณพ่อ จองแล้วห้ามแย่งด้วย”


คราวนี้เขาหัวเราะร่วน “โอเคครับ ไม่แย่งก็ได้ งั้นให้ลูกเรียกเอลว่าคุณพ่อแล้วเรียกผมว่าแด๊ดดี้ดีไหมครับ”


“ก็ดีนะครับ” ผมหยุดคิดนิดหน่อย “แต่มันจะไม่ซ้ำกับเวลาเอลเรียกฮานเหรอ”


แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


“เด็กซน” แล้วริมฝีปากสวยได้รูปของอีกคนก็ดูดเม้มปลายจมูกของผมเบาๆ “เอลไม่ได้เรียกตลอดเวลาสักหน่อยนี่นา”


แล้วริมฝีปากช่างเจรจานั้นก็เคลื่อนจากปลายจมูกไปงับเข้าที่ติ่งหู


“เพราะฉะนั้นไม่ซ้ำหรอกเนอะ”


ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดลงบนใบหูชวนให้ใจเต้นแรงรัวขึ้นมาจนห้ามไม่อยู่ ร่างกายที่ยังแข็งแรงดีอยู่เมื่อครู่ก็พลันอ่อนปวกเปียกไร้เรี่ยวแรงราวกับโดนปีศาจร้ายดูดพลังออกไปจนหมด


ปีศาจร้ายงั้นเหรอ...


ผมปรายตามองลำคอแกร่งของคนที่ยังคลอเคลียลำคอและกกหูของผมอยู่ไม่ห่างพลางอมยิ้มออกมาน้อยๆ


“ฮานเป็นปีศาจร้าย”


“หืม?” เขาผละจากซอกคอแล้วถอยใบหน้ากลับมาสบตาผม “หมายความว่ายังไงครับเนี่ย”


ผมเม้มปากคล้ายจะบอกว่ากำลังหงุดหงิด แต่ที่จริงผมก็แค่แกล้งเขาไปเล่นๆ อย่างงั้นล่ะ


“ก็ฮานดูดพลังผมนี่นา”


เจ้าของใบหน้าคมคายคลี่ยิ้มด้วยแววตาเจ้าเล่ห์คล้ายหมาป่าที่กำลังหาจังหวะกระโจนเข้าขย้ำเหยื่อ “หมายความยังไงเหรอครับ” แล้วเขาก็เคลื่อนหน้าเข้ามาอีกนิด “เอลบอกฮานทีสิครับ ฮานไม่เข้าใจอะไรเลย”


เอ เอาไงดีน้า ฮานเครื่องติดแล้วด้วยสิ ถ้าผมยังซุกซนแบบนี้ต่อไปน่ากลัวว่าน่าจะได้ไปกันจนสุดทางแน่ ซึ่งนี่มันก็ยังเช้าอยู่เลย...


เช้าแล้วยังไงล่ะ ผมเองก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันล่ะนะ


“ก็ฮานน่ะ” ผมแสร้างทำเสียงกระซิบแหบพร่าแล้วประทับจูบลงบนแก้มของเขาเบาๆ “ทำให้ผมตัวร้อนไปหมดเลยนี่นา”


แล้วผมก็ได้ยินเสียงสูดหายใจลึกปะปนมากับเสียงครางต่ำของคนตรงหน้า


หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วเสียจนผมไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว


ริมฝีปากที่ทาบทับเข้าหากันอย่างตะกละตะกรามลบเลือนสำนึกการรับรู้และสติสัมปชัญญะของผมออกไปจนหมด กว่าจะรู้ตัวอีกที แผ่นหลังก็นาบติดกับเตียงนอนนุ่มที่ใช้พักผ่อนอยู่ทุกคืนไปเสียแล้ว


ฮานยังมีเสื้อผ้าสวมครบอยู่ดี ผมเองก็ไม่ต่างกัน แต่ไม่รู้ทำไม ในหัวผมถึงได้มีภาพร่างกายเปลือยเปล่าของอีกคนซ้อนทับเข้ามาเสียได้


อา แต่งงานได้ไม่ทันถึงเดือนดีก็กลายเป็นคนลามกไปเสียแล้วนะเอล


ฝ่ามือใหญ่ที่บรรจงลูบไล้ปลายเท้าของผมขึ้นมายังต้นขาด้วยท่าทีไม่รีบร้อนทำให้ความคิดในหัวของผมเริ่มกระจัดกระจายจนยากจะจัดการ ปลายนิ้วใหญ่อุ่นร้อนเค้นคลึงลงบนผิวเนื้ออย่างใจเย็นหากเน้นย้ำและดุดัน


ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังได้รับการนวดผ่อนคลายแต่ในขณะเดียวกัน บางสิ่งในใจของผมก็กำลังร่ำร้องเรียกหาอะไรที่มากกว่านั้น


ในขณะที่ผมกำลังพยายามคุมลมหายใจให้ปกติ คนตัวสูงก็ค่อยๆ คืบคลานทาบทับร่างกายของผมขึ้นมาช้าๆ จากฝ่ามือที่ไล้วนต้นขาเมื่อครู่ มาตอนนี้กลับรุกรานขึ้นมาถึงช่วงเอวแล้วถือสิทธิ์คว้าจับเข้าที่ขอบกางเกงโดยไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัว


“ยกสะโพกขึ้นหน่อยสิครับคนดี”


สุ้มเสียงแหบพร่าติดหยอกเย้าของคนด้านบนทำให้ผมเผลอใจเต้นรัวขึ้นมาชั่วขณะ ไม่ต้องสบตาดูก็พอจะเดาได้ว่าตอนนี้ฮานกำลังเซ็กซี่ขนาดไหน ถึงจะยังมีเสื้อผ้าอยู่ครบก็เถอะ


อา ไม่ไหวแล้ว สติกำลังจะหลุดลอยหายไปแล้วนะ


ในขณะที่ผมกำลังตบตีอยู่กับความคิดตัวเอง ร่างกายเจ้ากรรมก็ดันตอบสนองต่อคำขอของอีกคนทุกอย่างไปเสียอย่างนั้น รู้ตัวอีกทีท่อนล่างของผมก็เปลือยเปล่า


ไม่สิ ไม่ใช่แค่ผมสักหน่อย


คนที่ทำหน้าที่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของผมเมื่อครู่เปลือยท่อนบนตัวเองไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ และตอนนี้สิ่งที่เขากำลังทำก็คือการปลดปล่อยเบื้องล่างด้วยท่าทีเชื่องช้าราวกับต้องการส่งสารอะไรสักอย่างมาให้ผม


ใบหน้าเจ้าเล่ห์รับกับรอยยิ้มมุมปากและนัยน์ตาวิบวับแบบนั้น ใครไม่รู้ก็โง่เต็มทีแล้ว


และผมก็ไม่ใช่คนโง่เสียด้วย


ผมค่อยๆ ยันตัวเองขึ้นมาจากเตียงแล้วคลานเข้าไปหาคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ


“ขยับเข้ามาใกล้อีกนิดสิครับ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตากับคนที่ก้มมองลงมา “ผมแขนสั้นนะรู้ไหม”


แล้วคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงก็หลุดขำออกมาทั้งที่ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มซุกซน


“แขนสั้นที่ไหนกันล่ะครับ”


แล้วปราการขวางกั้นก็ถูกปลดเปลื้องออกไปต่อหน้าต่อตาของผม


“แขนของเอลถูกสร้างมาให้พอดีกับตัวของฮานแล้วนะ”


ร่างกายของผมถูกผลักให้ต้องเขยิบเข้าไปจนถึงกึ่งกลางเตียงโดยคนตัวสูงที่คลานตามมาคร่อมทับด้านบน


“ทุกอย่างของเอลถูกสร้างมาเพื่อผม ทุกอย่างของผมก็ถูกสร้างมาเพื่อเอล แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ”


ริมฝีปากของเขาทาบทับลงมา ดูดดึง หยอกล้อ และหวานฉ่ำ


“ไม่ให้ใครทั้งนั้น ผมขอสาบาน ไม่ว่าใครก็จะไม่มีวันได้แตะต้องเอลทั้งนั้น ผมจะเป็นของเอลตลอดไป”


นิ้วเรียวใหญ่คว้านลึกเข้ามาในร่างด้วยท่าทีเนิบช้า


“พวกเราจะเป็นของกันและกันตลอดไปเลยนะครับ”


บ้า นี่มันบ้าจริงๆ เลยเชียว


ผมยกแขนตัวเองขึ้นคล้องรอคอของฮานเพื่อเตรียมใจรอรับการรุกรานที่กำลังจะเกิดขึ้น


“อือ ผมจะเป็นของฮานตลอดไปเลย ฮานก็ต้องเป็นของผมตลอดไปนะ”


แล้วเช้านั้น แม้จะแค่รอบเดียว แต่ผมก็ถูกผูกติดกับฮานอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมงเต็ม












ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีในตอนบ่ายสี่โมงเย็น บนเตียงนอนนุ่มว่างเปล่าไร้ไออุ่นของตัวการแต่ร่างกายของผมนั้นสะอาดสะอ้านดี
ฮานเป็นแบบนี้เสมอ ทุกครั้งที่มีความสัมพันธ์กัน ถ้าผมไม่หลับไปก่อนเขาก็จะชวนผมไปจัดการอาบน้ำทำความสะอาด แต่ถ้าผมหมดสติไปแล้วเขาก็จะเป็นคนจัดการเช็ดล้างให้เองโดยไม่ต้องขอ


เป็นคนช่างใส่ใจเกินใครเลยล่ะ


รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผมทันทีที่คิดถึงใบหน้าของอีกคน ถ้าให้เดาจากสภาพเตียงที่ไม่หลงเหลือไออุ่นอยู่เลย ผมก็ขอเดาว่าฮานคงลุกไปนานมากแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะเกินครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ แต่ช่างเถอะ ยังไงเสียฮานก็มักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ผมไม่งอนเขาเพราะเรื่องนี้แน่นอน งานที่เข้ามาไม่เป็นเวลาทำให้เขาต้องเสียพลังกายพลังใจไปมาก จะให้ผมมาเป็นตัวบั่นทอนจิตใจของเขาอีกคนก็คงไม่ได้


ใช่แล้ว ผมต้องรับบทเป็นคู่ชีวิตที่ดีล่ะ


ผมบังคับให้ตัวเองลุกขึ้นจากเตียงแล้วเริ่มกิจวัตรที่ควรจะเป็น แม้จะยังปวดเนื้อปวดตัวอยู่เล็กน้อย...


ทันใดนั้นสายตาของผมก็พลันหันไปเห็นภาพสะท้อนของตัวเองที่เปลือยเปล่าอยู่หน้ากระจกตู้เสื้อผ้า


อา คงเรียกว่าเล็กน้อยไม่ได้แล้วล่ะ


เอาเป็นว่า แม้ว่าฮานจะไม่มีการสะกดคำว่ายั้งมือให้ผมเลยสักนิด แต่ผมก็ยังอยากเป็นคู่ชีวิตที่ดีที่เตรียมทำอาหารรอให้คู่ของตัวเองได้กลับมากินอย่างมีความสุขอยู่ดี ถึงผมจะทำอาหารได้ไม่อร่อยเท่าฮานก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็พอจะกินได้อยู่นะ


ผมคว้าเสื้อผ้าที่ฮานพับเตรียมไว้ให้บนเก้าอี้ปลายเตียงมาใส่อย่างรวดเร็วก่อนจะออกไปจัดการรื้อค้นตู้เย็นออกมาจนเคาน์เตอร์ครัวที่เคยสะอาดเรียบร้อยเมื่อหนึ่งนาทีก่อนดูรกรุงรังขึ้นมาถนัดตา


ในตอนแรกผมอยากจะทำอะไรที่เอาง่ายเข้าว่าเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะกินได้หรือกินไม่ได้ แต่พอคิดอีกที ถ้าได้กลับมากินของที่ชอบหลังจากทำงานมาเหนื่อยๆ น่าจะเป็นอะไรที่ช่วยเสริมพลังใจได้มากกว่า สุดท้ายตัวเลือกอาหารจึงมาจบที่ของโปรดของฮานอย่างข้าวราดแกงกะหรี่จนได้


แม้ว่าผมจะทำอาหารไม่เก่งนักและทำวนๆ อยู่ได้แค่ไม่กี่อย่าง แต่เรื่องกะหรี่นี่ขอให้บอก ตั้งแต่รู้ว่าฮานชอบกิน ผมก็ตั้งใจเรียนทำแกงกะหรี่มาตลอด แม้กระทั่งเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ อย่างการใส่ช็อกโกแลตลงไปก็ตั้งใจศึกษามาทั้งหมดแค่เพราะอยากให้ฮานกินเข้าไปแล้วดีใจ


ในบางครั้งถ้ามีเวลามากพอ ผมก็จะนั่งแกะรูปร่างน่ารักๆ ลงบนแครอทและมันฝรั่งด้วย น่าเสียดายที่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาเหลือพอให้ทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว


ไว้พรุ่งนี้จัดข้าวกล่องแบบญี่ปุ่นให้ฮานพกไปที่ทำงานดีกว่า


อา ไม่อยากเชื่อเลยว่าผมจะได้มีโอกาสเป็นคู่ชีวิตของฮานเข้าจริงๆ รู้จักกันมาสิบเจ็ดปี แอบชอบเขามาอีกตั้งสามปี จนตอนนี้ก็แต่งงานได้หนึ่งเดือนแล้ว เขินจังเลย ทั้งเขินทั้งดีใจจนไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง


แต่ถ้าเรื่องจริงนี้หายไปสักวันนึง ผมคงแย่แน่ๆ


นั่นสิ ถ้าวันหนึ่งฮานหายไป ผมต้องแย่แน่ๆ


พอคิดแบบนั้น คำพูดของคนหลายคนก่อนหน้าก็พลันแว็บเข้ามาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งคำพูดของพ่อฮาน ทั้งคำพูดของพี่ชาย ไหนจะคำพูดของอาจารย์กับคุณพ่อบ้านอัลเฟรดอีก ทุกคนเหมือนกำลังมองเห็นภาพอะไรสักอย่างที่ผมกับฮานไม่สามารถมองเห็นได้อย่างไรอย่างนั้นเลย


หรือนี่จะเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรู้สึกที่รุนแรงเกินไป’ กันนะ


อา ช่างเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เลยน้า


ผมครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ ในหัวพลางจัดการเคี่ยวแกงกะหรี่ตรงหน้า


พอคิดถึงเรื่องความรักที่รุนแรงจนเกินไปขึ้นมาแล้วก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าขาดฮานไปผมคงตายแน่ ฮานเองก็คงไม่ต่างกัน แล้วทำไมอีกคู่เขาถึงสามารถอยู่ต่อไปได้กันล่ะ


ทำไมคุณลุงของฮานกับคุณครูของผมถึงสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้โดยไม่มีอีกคนคอยเคียงข้างได้กันล่ะ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างก็คลุ้มคลั่งขนาดนั้นแท้ๆ


ผมจ้องมองฟองอากาศที่ผุดขึ้นมาในแกงกะหรี่ที่กำลังเดือดปุดๆ


ผมไม่เชื่อหรอกว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากคุณลุงของฮานเพียงฝ่ายเดียว ไม่ใช่เพราะเรื่องที่ไม่พยายามหนีหรืออะไรทำนองนั้น แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศาลต่างหาก


ถ้าผมจำไม่ผิด จากที่ฮานเคยเล่า เหมือนว่าอาจารย์ของผมไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหายอะไรนอกเหนือจากที่รัฐตั้งไว้ในระดับพื้นฐานเลย ซึ่งถ้าคิดกันตามจริงแล้ว ถ้าอาจารย์ไม่ได้รักคุณลุงของฮานหรือรักไม่มากพอ อย่างไรเสียก็คงขยาดและเกลียดแค้นกับการโดนกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่แล้ว ต่อให้ตั้งทนายมาฟ้องเรียกค่าเสียหายจนยับเยินก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร


การที่เขาไม่ต้องการอะไรเลยนั่นต่างหากที่แปลก


ถ้าให้ผมเดา ผมว่าอาจารย์ของผมเองก็คงมีความรู้สึกคลุ้มคลั่งไม่ต่างจากคุณลุงของฮานสักเท่าไหร่


งั้นทำไมกันล่ะ ทำไมพวกเขาถึงอดทนอยู่ห่างกันได้มาตั้งนานขนาดนี้


ไม่ไหว ผมอดทนต่อความสงสัยใคร่รู้ไม่ค่อยจะเก่งด้วยสิ


นิ้วของผมจิ้มปุ่มปิดเตาไฟฟ้าตรงหน้าอย่างรวดเร็วก่อนที่มืออีกข้างจะเอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่ไม่ไกลขึ้นมา


ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าผมจะเคยบันทึกเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์เอาไว้ในเครื่องนี่นา...


อา นี่ไง


[อาจารย์โยนาส โรงเรียนมัธยมปลายโอเซน]


บางที นี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยให้ผมคลายความแคลงใจทั้งหมดลงก็ได้


พอคิดได้แบบนั้น นิ้วของผมก็กดปุ่มโทรออกลงไปโดยไม่ลงเล







***************************************************************************





หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 11-08-2019 15:33:05
น้องงงงง

อย่าคิดมาก อย่าคิดเยอะ จนกระทบกับลูกหนาาาาาาา


เป็นห่วงงงง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-08-2019 17:17:02
เข้าใจถึงความกังวล เป็นเราก็คงจะกังวลเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 11-08-2019 21:04:09
เริ่มเข้มข้น  :z13:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 11-08-2019 21:19:18
ต้องกังวลไหมเนี่ย..ยยยยย   :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 11-08-2019 21:28:40
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 12-08-2019 00:03:31
กลัวรู้แล้วจะคิดมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 12-08-2019 00:15:35
หู้ยยยยๆๆๆๆ ฮานเตรียมรังให้คุณตัวเล็กคือน่ารักมากกกกกกก ฮานผู้อบอุ่นดั่งแสงอาทิตย์  :-[
คุณตัวเล็กก็ยั่วเล็กๆ น่ารักๆ  :o8:

เรื่องอาจารย์ของเอลกับคุณลุงของฮาน นี่อยากรู้เบื้องลึกมากๆๆๆ  รอลุ้นสุดดดด :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 12-08-2019 16:55:57
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 13-08-2019 14:24:15
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 10 -Home Sweet Home- 11/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 17-08-2019 22:06:46
รู้แเรื่องอาจารย์แล้วจะคิดมากรึเปล่านะ คนท้องอารมณ์อ่อนไหวด้วยซิ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 18-08-2019 10:22:16



Nostalgia





เสียงเพลงจากวิทยุที่ดังคลอไปกับเสียงหึ่งๆ ของเครื่องยนต์ ชวนให้ตาของปรือลงได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่เป็นเพลงสนุกสนานร่าเริงแท้ๆ แถมเมื่อคืนก็ไม่ได้นอนดึกด้วย ไม่รู้ทำไมถึงได้ง่วงขนาดนี้


ผมทิ้งแผ่นหลังฝังตัวลงกับเบาะโดยสารมากขึ้นกว่าเก่าพลางหลับตาลงช้าๆ


ไม่ไหว ลืมตาไม่ขึ้นแล้ว


“ถ้าง่วง เอลหลับไปก่อนก็ได้นะครับ ไว้ถึงบ้านแล้วผมจะปลุกอีกที”


แม้ใจอยากจะบอกไปว่า ‘ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะนั่งเป็นเพื่อนฮานไปอย่างนี้จนถึงที่หมายเอง’ แต่พอเอาเข้าจริง ผมกลับไม่สามารถต่อสู้กับความง่วนงุนที่ถาโถมเข้ามาได้เลย สุดท้ายก็เลยจบลงที่การพยักหน้าหงึกหงักอย่างจำยอมต่อความอ่อนเพลียแล้วก็ผล็อยหลับไปในที่สุด


ในห้วงความฝัน...เอ ผมจะเรียกมันว่าความฝันได้ไหมนะ ในเมื่อสิ่งที่ผมกำลังรับรู้อยู่ตอนนี้เห็นจะเป็นสิ่งที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างความทรงจำกับความฝันมากกว่า ในพื้นที่ว่างสีดำแสนมืดมิดค่อยๆ ปรากฏรูปร่างของความทรงจำขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย


ตัวผมในห้วงคำนึงกำลังพูดคุยกับฮานบนโต๊ะอาหารด้วยท่าทีร่าเริง ฮานกินข้าวราดแกงกะหรี่ที่ผมตั้งใจทำให้ด้วยสีหน้ามีความสุข ผมเองก็ช่างสรรหาเรื่องราวมาพูดคุยกับเขาได้ไม่รู้จบ สุดท้ายบทสนทนาการเดินทางมาถึงหัวข้อเรื่องการกลับไปเยี่ยมบ้านของผม พวกเรากุมมือกันและยิ้มให้กันอย่างอ่อนโยน


แล้วภาพนั้นก็ค่อยๆ หายไปก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความทรงจำบางอย่างที่เก่ากว่า


ฮานนั่นเอง เป็นฮานที่เพิ่งกลับมาจากทำงานพร้อมกับถุงขนมหวานในมือ ใบหน้าของเขาอ่อนโยนและร่าเริงเหมือนอย่างทุกๆ วัน เขาดึงผมเข้าไปกอดแล้วจากนั้นก็หอมแก้มพร้อมกับพูดว่า ‘กลับมาแล้วครับ’ ตัวผมในภาพฝันนั้นหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบกลับไปว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ’ ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเหลือเกิน ผมรักฮานของผมจัง


อา ดูสิ ภาพเปลี่ยนไปอีกแล้ว


คราวนี้ผมเห็นตัวเอง แค่ตัวผมเองคนเดียวกำลังยืนหน้าดำคร่ำเครียดอยู่หน้าเตาทำอาหาร ถ้าให้เดาคงเป็นตัวผมที่กำลังเครียดว่าจะสามารถทำอาหารออกมาได้ดีไหมแน่ๆ และถ้าให้เดามากไปกว่านั้น ผมว่าตัวผมในห้วงความคิดนี้คงกำลังทำอาหารให้ฮานอยู่แน่ๆ


ก็แหม ปกติผมไม่ค่อยเครียดเรื่องทำอาหารนี่นา


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ตัวผมในภาพเหตุการณ์ตรงหน้าก็ดูเหมือนจะคิดบางอย่างขึ้นมาได้แต่กลับมีท่าทางลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่จนแล้วจนรอด ผม...ตัวผมที่ผมกำลังมองดูอยู่นี้ก็ตัดสินใจปิดเตาแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะโทรศัพท์ออกไปหาใครสักคนแล้วก็...


‘อือ ได้สิ ช่วงนี้ครูอยู่บ้านทั้งวันอยู่แล้วล่ะ’


เอ๊ะ เสียงนี้ ประโยคนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะ


‘อืม แล้วเจอกันนะ ยังจำทางมาบ้านครูได้อยู่ใช่ไหม’


เหมือนว่าจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ มากเกินกว่าจะเป็นแค่ความฝันเลยนะ


‘อือ แล้วเจอกันนะ เอมา’


คนที่เรียกผมด้วยชื่อ ‘เอมา’ แทนที่จะเป็น ‘เอล’ เหมือนอย่างคนอื่นๆ น่ะเหรอ เท่าที่จำได้เหมือนจะมีอยู่แค่คนเดียวน่ะนะ


แล้วผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับความง่วงที่ลาจากหายไปราวกับปลิดทิ้ง


จริงด้วย การกลับบ้านครั้งนี้...มีบางอย่างที่สำคัญรออยู่นี่นา


“ตื่นแล้วเหรอครับ เพิ่งนอนไปนิดเดียวเอง”


คำเอ่ยทักจากคนที่กำลังขับรถอยู่ทำให้ผมอดกวาดสายตามองวิวทิวทัศน์ด้านนอกห้องโดยสารไม่ได้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนว่าก่อนที่ผมจะหลับไป พวกเราเพิ่งจะออกจากเขตเมืองหลวงมาได้หน่อยเดียวเท่านั้นเอง แต่ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้กลับเป็นภูเขาน้อยใหญ่วางสลับซ้อนกันไปมาที่ถูกปกคลุมด้วยผืนป่าเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา สภาพแวดล้อมแบบนี้ ต่อให้ควานหาทั่วลินเดียก็ไม่มีวันเจอได้ที่ไหนนอกจาก...


“นิดเดียวที่ไหนกันล่ะครับฮาน นี่เราเข้าเขตโอเซนกันแล้วไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันไปมองเขาแล้วแกล้งบุ้ยปากใส่ “อย่ามาหลอกกันเสียให้ยากเลยนะครับ คน ขี้ แกล้ง”


แล้วคนฟังก็หัวเราะ หัวเราะร่วนขึ้นมาทันที่ผมจะทันพูดจบประโยค


“อะไรกันล่ะครับ ผมพูดความจริงนะ” เขาว่าพลางหมุนพวงมาลัยในมือ “ก็ปกติเอลจะหลับตั้งแต่สิบโมงเช้าตื่นอีกทีก็หกโมงเย็นเลยนี่นา แต่เมื่อกี้นี้เอลหลับไปสามชั่วโมงเอง เทียบกันแล้ว ยังไงก็ถือว่าน้อยนะครับ คุณ ตัว เล็ก”


อา ดูสิๆ ฮานเขาแกล้งเน้นคำเหมือนผมด้วย แกล้งกันชัดๆ เลยนี่นา


ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่รู้ทำไมในใจมันถึงร้อนรุ่มขึ้นมาพิกล


ไม่ชอบ ไม่ชอบตัวเองในตอนนี้เลย


ผมกระชับหมอนนุ่มในอ้อมแขน


“ขี้แกล้ง” ยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนว่าเสียงของตัวเองจะสั่นขึ้นเรื่อยๆ “ฮานขี้แกล้ง ขี้แกล้ง ขี้แกล้งที่สุดเลย”


แม้จะไม่ได้หันหน้าไปสบตาแต่ผมก็พอจะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายหันมามองผมแว็บนึง


อะไรเล่า ถ้าจะแค่มองแต่ไม่ปลอบใจล่ะก็นะ...เอ๊ะ


ทันใดนั้นผมก็พลันรู้สึกถึงฟีโรโมนเข้มข้นของฮานที่จู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันจนคละคลุ้งไปทั่วทั้งรถ กลิ่นมะลิหอมเย็นเจืออยู่
ในทุกอณูของอากาศจนรู้สึกเหมือนมีต่อมกลิ่นของเขาจ่ออยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น ในตอนแรกผมก็อยากจะหันไปถามคนขับรถที่ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรออกมาอยู่หรอกว่าทำไมถึงปล่อยฟีโรโมนแบบไม่มีสาเหตุ แต่พอรู้สึกว่าใจของตัวเองสงบลงมากเมื่อสูดดมกลิ่นของอีกฝ่ายเข้าไป ผมเองก็พอเข้าใจอะไรๆ ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน


ผมผ่อนแรงที่กอดรัดหมอนลงเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนมือขวาไปลูบบริเวณหน้าท้องเบาๆ


“ขอโทษนะครับฮาน” เสียงของผมอ้อมแอ้ม “เอลกลายเป็นคุณพ่ออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไปซะแล้วล่ะ”


เขาหัวเราะ “ขอโทษอะไรกันครับ ไม่เห็นอะไรให้ต้องขอโทษเลย เรื่องธรรมชาติน่ะครับ อาการไม่มั่นคงทางอารมณ์ระหว่างตั้งครรภ์ของโอเมก้าเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ถ้าเอลได้ซึมซับฟีโรโมนผมมากพอ อาการก็จะค่อยๆ ดีขึ้นเองเองล่ะครับ ไม่ต้องกังวลไปนะ”


น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นชวนให้จิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ


อา ดีจังเลยที่มีฮานอยู่ใกล้ๆ แบบนี้


“จากนี้ ถ้ารู้สึกวุ่นวายใจเมื่อไหร่ก็ตรงดิ่งมาหาผมได้เลยนะครับ” เขาพูดพลางยกยิ้มกว้าง “อยากจะกระโดดเข้ามาในอ้อมกอดหรือกระโดดขึ้นขี่หลังก็ได้ทั้งนั้นเลยนะครับ”


ฮานเนี่ยน้า


“ถ้าให้ผมขึ้นขี่หลัง เดี๋ยวหลังก็เดาะหรอกครับ” ผมแซวเขากลับ “อายุจะสามสิบแล้วด้วยน้า”


“เดี๋ยวเถอะครับ ผมแก่กว่าเอลแค่สี่ปีเองนะ จะเรียกว่าเข้าใกล้สามสิบก็ไม่ถูกนะครับ”


เห ฮานยังอ่อนไหวเรื่องอายุเหมือนอย่างทุกทีเลยน้า ผมนึกว่าเขาจะเลิกกังวลเรื่องตัวเลขพวกนั้นแล้วเสียอีก
ผมหัวเราะพลางมองหน้าเขาด้วยแววตามีความสุข ใจก็อยากจะแกล้งมากกว่านี้สักหน่อยอยู่หรอกนะ แต่ก็...ไม่เอาดีกว่า ถือเสียว่าให้รางวัลที่เป็นคุณพ่อที่ดีล่ะนะ


“ครับๆ ไม่ล้อแล้วก็ได้” ผมก้มลงไปจูบมือขวาที่จับเกียร์ของเขาเบาๆ “คุณพ่อคนเก่ง”


แล้วพวกเราก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน


หัวเราะออกมาในจังหวะเดียวกับที่หางตาผมเหลือบไปเห็นป้ายเก่าเลือนที่ไม่ได้เห็นมาเสียหลายปี


[ยินดีต้อนรับสู่เมืองโอเซน รัฐโอเซน เขตปกครองที่ยี่สิบแห่งประเทศลินเดีย]









ก่อนหน้าที่จะกลับมาบ้าน ผมเองก็เตรียมใจที่จะรับมือกับความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นไว้บ้างแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้น่ะนะ...


“เอล มาให้แม่กอดหน่อยสิลูก โอ๊ย หายไปไหนมาตั้งปีกว่า ไม่กลับบ้านเลย แม่คิดถึงจะแย่แล้วรู้ไหม”


“ไม่ใช่แค่แม่นะ พ่อด้วยๆ”


“อา พ่อครับ แม่ครับ ใจเย็นสิครับ”


แม่ที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวกับเสื้อแขนกุดคุ้นตาไม่ต่างจากเมื่อก่อนวิ่งโผเข้ามากอดผมเต็มแรง นัยน์ตากลมโตคู่สวยมีน้ำตาคลอปริ่มๆ คล้ายจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ ในขณะที่ทางพ่อเองก็เหมือนจะไม่ยอมแพ้ เบต้าวัยกลางคนที่...เอ่อ... ผมก็ไม่อยากพูดนักหรอก แต่พ่อน่ะ ผมหายไปแล้วครึ่งนึงเพราะฉะนั้นทรงผมตอนนี้ของพ่อมันก็เลยดูประหลาดอยู่สักหน่อย แบบว่า เอ่อ ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าพ่อเองก็ไม่ยอมแพ้และเข้ามานัวเนียผมแข่งกับแม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะออกปากห้ามแค่ไหนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมทิ้งไพ่ตายที่ตั้งใจจะบอกตอนกินข้าวเย็นออกไปก่อนจนได้


“พ่อกับแม่อย่ากอดแรงสิครับ เอลท้องอยู่น้า”


“เอ๊ะ!/เห!”


อา นั่นไงๆ เป็นไปตามคาดเลย เสียงอุทานด้วยความตกใจที่ถูกเปล่งออกมาแทบจะพร้อมเพรียงกันประกอบกับหน้าตาแตกตื่นตกใจราวกับเห็นผีของพ่อกับแม่ทำเอาผมเริ่มเลิ่กลั่กจนต้องหารีบตัวช่วยพัลวัน


และในจังหวะที่ผมหันไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากฮานนั้นเอง ผมก็ดันได้เห็นคนที่ไม่ควรเห็นที่สุดยืนวางมือบนไล่ฮานด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับสนิทกันมาแล้วสิบชาติอย่างไรอย่างนั้น


ชายหนุ่มวัยสามสิบที่มีสีผมกับสีตาเหมือนกับผมเป๊ะราวกับถอดแบบกันออกมาติดแค่ว่าส่วนสูงนำผมไปหลายนิ้วกำลังยืนยิ้มให้ผมด้วยสีหน้าแววตาร่าเริงที่สุดเท่าที่มนุษย์คนนึงจะมีได้ คนอื่นอาจจะบอกว่าเขาน่าคบหา แต่สำหรับผมแล้ว ยังไงเสียนี่ก็เรียกว่าประหลาดชัดๆ


“โย่” คนๆ นั้นเอ่ยทักทายผมด้วยรอยยิ้มที่ดูอารมณ์ดีผิดมนุษย์ปกติเหมือนอย่างทุกที “กะแล้วล่ะน้าว่าต้องเป็นแบบนี้ คุ้มค่าที่ยอมลางานมาจริงๆ ด้วยสิ”


ให้ตายซี่ คนๆ นี้


“พี่เอามือลงจากไหล่ฮานเลยนะ” ผมสลัดตัวออกจากการเกาะกุมของพ่อแม่ด้วยความนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนจะเดินจ้ำเข้าไปหาคนที่ยืนทำหน้าตาไม่ทุกข์ไม่ร้อนอยู่ข้างๆ คู่ชีวิตของผม “เอามือไปวางแบบนั้น สนิทกับเขารึไง”


คนถูกถาม...พี่ชายของผม หัวเราะร่วน “ถามอะไรแบบนั้นเล่า” แล้วเขาก็หันขวับไปมองฮานที่ยืนยิ้มแหยะๆ ด้วยท่าทางร่าเริง “เป็นคุณน้องเขยทั้งที แถมยังเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน จะไม่สนิทได้ไงล่ะ”


คราวนี้เขาหันกลับมามองผม “เนอะ”


อา นี่ไง ถึงได้บอกไงล่ะว่าพี่ชายของผมมันน่าโมโหชะมัดเลย


“เจอกันแค่นั้นน่ะเรียกสนิทไม่ได้หรอกนะ” ผมว่าพลางเข้าไปแทรกเบียดให้เขาออกห่างจากฮานแบบเนียนๆ “เรียกว่าไม่รู้จักกันเลยยังเข้าท่ากว่า”


พี่ชายของผม...มิกเกลแสร้งทำหน้าตกใจ “เห ใจร้ายจังเลยน้า” เขาว่าพลางเดินด้วยท่าทีสบายๆ ไปหาพ่อกับแม่ “ทั้งที่ตัวเองก็เหมือนกันแท้ๆ”


เอ๊ะ


ผมสบตามิกเกลด้วยแววตากึ่งหงุดหงิดกึ่งสับสน ผมไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่ายังไง ยิ่งไปกว่านั้นคือไม่เข้าใจว่าเขาต้องการหมายความอย่างงั้นจริงๆ หรือเปล่า พี่ชายผมมักเป็นแบบนี้เสมอ เขาชอบพูดอะไรกำกวมด้วยท่าทีร่าเริง ไม่ทุกข์ไม่ร้อนจนบางครั้งก็ชวนสับสนว่าสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือแค่แกล้งเล่น


อา น่าหงุดหงิดใจจริงๆ น้า


ยังไม่ทันที่ผมจะได้โต้อะไรออกไป จู่ๆ ก็เหมือนเจ้าตัวจะเปลี่ยนเรื่องไปเองเสียอย่างนั้น


“เป็นโอเมก้า อัลฟ่านี่ก็ลำบากเหมือนกันน้า ต้องจับคู่ ต้องตั้งท้อง ทำอะไรตั้งเยอะแยะมากมายเลยเนอะพ่อเนอะ เนอะแม่เนอะ” พี่ชายของผมว่าพลางบีบไหล่พ่อกับแม่เบาๆ “ปล่อยให้คนท้องยืนหิวนานๆ คงไม่ดี ยังไงเสียพวกเราเข้าไปกินข้าวกันน่าจะดีกว่านะครับ”


“อือ นั่นสิเนอะ”


“พ่อเห็นด้วยนะ พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ”


แล้วก็เป็นอีกครั้งที่พี่ชายของผมสามารถครอบงำพ่อกับแม่ได้โดยสมบูรณ์ ถึงจะไม่อยากยอมรับและอยากจะโต้เถียงออกไปว่า ที่เขาทำสำเร็จเพราะพ่อกับแม่อยู่ในสภาวะไม่มั่นคงทางอารมณ์อยู่ก็เถอะ แต่ก็นะ..


“อ้าวคุณน้องเขย จะยืนตากลมอยู่ข้างนอกทำไมกันล่ะ มาๆ เข้าบ้านกัน เราด้วยเอล รีบๆ เข้าบ้านมา เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”


ยังไงเสียก็ต้องยอมรับว่าพี่ผมเป็นหนึ่งในบุคลากรชั้นนำด้านการสร้างบรรยากาศให้เป็นไปในแบบที่ตัวเองอยากให้เป็น ท่าทางเป็นมิตร รอยยิ้มกว้าง แววตาเป็นประกายร่าเริงนั่น ทุกอย่างล้วนเป็นการแสดง น่าแปลกที่มีแค่ผมคนเดียวที่ดูออก


คงเพราะเหมือนกันเกินไปล่ะมั้ง ผมกับพี่น่ะ


ทุกคนถูกมิกเกลต้อนเข้าไปในบ้านอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ แม้แต่ฮานเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น กว่าจะรู้ตัวอีกที พื้นที่ด้านหน้าบ้านก็เหลือแค่เพียงผมกับเขาเสียแล้ว


อา มาแนวนี้คงมีอะไรอยากจะพูดแหงเลย


“พี่อยากพูดอะไรก็ว่ามาเถอะ ผมหิวแล้วนะ”


เขาหันมามองผมด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนอย่างทุกที “นั่นสินะ เดินทางมาไกล คงเหนื่อยน่าดูเลย” แล้วรอยยิ้มของเขาก็ค่อยๆ หุบลง “งั้นฉันจะขอพูดให้สั้นและกระชับเลยก็แล้วกัน”


ใบหน้าที่มักจะถูกประดับด้วยรอยยิ้มปรากฏร่องรอยของความหงุดหงิดปนเย็นชาออกมาอย่างชัดเจน


“ถอนพันธะซะ”


“ฝันเถอะ”


ผมสวนกลับไปแทบจะทันทีโดยไม่ต้องคิด “ให้ตายสิ ทำไมทุกคนต้องเอาแต่พูดอะไรซ้ำๆ กันด้วยนะ ผมล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งคุณลุงของฮาน ทั้งพี่ ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด ผมกับฮานทำพันธะกันแล้วนะ เพราะฉะนั้นเรื่องคู่แห่งโชคชะตานั่นน่ะ....”


“กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้”


เอ๊ะ


ประโยคที่สวนขึ้นมาฉับพลันทำเอาผมชะงัก


กะแล้ว...งั้นเหรอ


“แบบว่า...ยังไงดีล่ะ ฉันก็คิดเอาไว้คร่าวๆ แล้วล่ะว่าความสัมพันธ์ของพวกนาย ถ้าจะไปกันได้สวยก็คงต้องออกมาในรูปแบบประมาณนี้นี่ล่ะนะ”


“รูปแบบ...ประมาณนี้เหรอ...”


อีกคนหันมามองผมที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกก่อนจะเปลี่ยนท่าทีของตัวเองจากขึงขังเย็นชากลายเป็นหัวเราะร่วนออกมาอย่างฉับพลัน


พี่ชายผมนี่...ไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์เร็วไปใช่ไหม...


“ก็แบบว่า ฮานน่ะ ถึงจะเป็นรุ่นน้องที่อ่อนกว่าหลายปี แต่ก็เคยมีโอกาสร่วมทำงานกันหลายครั้งอยู่ล่ะนะ” มิกเกลฉีกยิ้มกว้าง “หมอนั่นน่ะเป็นพวกไม่มั่นใจในตัวเองอย่างร้ายกาจ เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามวางแผนทุกอย่างอย่างรอบคอบแล้วไล่ต้อนให้ทุกคนเข้าไปเดินในเส้นทางนั้น ไม่ใช่เพราะเป็นคนโหดร้ายหรือจิตไม่ปกติอะไรหรอก แต่เพราะไม่มั่นใจว่าตัวเองจะสามารถรั้งอะไรเอาไว้ได้ ก็เลยกลายเป็นพวกชอบควบคุมคนอื่นโดยไม่รู้ตัว ส่วนนายน่ะ...”


นิ้วชี้เรียวสวยที่ยาวกว่านิ้วชี้ของผมเกือบสองเซนต์ชี้ตรงมาที่ผมอย่างหมายมาด


“เป็นคนโง่และบ้าบิ่นอย่างที่ฉันเองก็คิดไม่ถึงเลย นี่สินะ คุณสมบัติคนบ้า”


“คำพูดนั้นมันอะไรกันน่ะ...”


“ไม่ได้สบประมาทนะ” เขาว่าด้วยท่าทีสบายๆ “ชมต่างหากล่ะ ชมอยู่นะ”


มือใหญ่ทั้งสองข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ใบหน้าที่เหมือนกับผมเชิดขึ้นเล็กน้อย


“นี่ไอ้น้องชาย รู้ตัวบ้างไหมว่าตัวเองโคตรจะเหลือเชื่อเลย สำหรับฮาน ถึงแม้จะไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่คนทั่วไปถ้าโดนควบคุมและไล่ต้อนขนาดนั้น ยังไงซะก็ต้องเอะใจแล้วก็พยายามหนีออกมาแล้ว แต่นายน่ะ...” เขาทอดเสียงก่อนจะแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ “แหกกฎทุกข้อของคนธรรมดาจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าคนที่ผิดปกติน่ะ มันหมอนั่นหรือนายกันแน่ล่ะน้า”


แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง


“เอาน้าๆ ฉันก็พูดไปเรื่อยนั่นล่ะ เอาเป็นว่า สิ่งเดียวที่ฉันอยากจะพูดคือหมอนั่นน่ะ กำลังพยายามควบคุมนายให้ไปตามทิศทางที่เขาอยากให้เป็นอยู่ ไม่ใช่เพราะเป็นคนมีปัญหาทางจิตเรื่องความหึงหวง คลั่งไคล้หรืออะไรแบบนั้น แต่เป็นเพราะความไม่มั่นใจในตัวเองมากๆ ต่างหาก”


จู่ๆ มิกเกลก็เงียบลงแล้วสบลึกเข้ามาในดวงตาของผมด้วยแววตาที่จริงจังมากขึ้น


“แต่จำไว้นะเอล ปัญหาของฮานน่ะ ไม่ใช่แค่ความไม่มั่นใจในตัวเองแบบเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นหวาดกลัวที่จะตัดสินใจหรือคุมสติไม่ได้เมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชนหรืออะไรตื้นเขินทำนองนั้นหรอกนะ ความหวาดกลัวของเจ้านั่นล้ำลึกกว่าที่นายคิดมาก ลึกและรุนแรงมากพอจะหล่อหลอมให้เขาสามารถเฉิดฉายได้อย่างมั่นใจ”


ความไม่มั่นใจที่ทำให้สามารถสร้างภาพลักษณ์ของคนมั่นใจขึ้นมาได้อย่างงั้นเหรอ...


“เพราะไม่มั่นใจมากๆ จึงต้องพยายามให้มากกว่าเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตัวเอง ถ้าเป็นคนปกติคงทำไม่ได้ แต่เพราะเขาเป็นอัลฟ่า เป็นคนเก่งและฉลาด การจะก้าวข้ามมาจนถึงจุดๆ นี้ได้ก็คงไม่แปลก” แล้วพี่ชายของผมก็เงียบไปอึดใจ “เพราะกลัวจะสูญเสียเลยต้องควบคุม เพราะกลัวว่าสุดท้ายจะไม่เหลือใครจึงต้องผูกมัด เรื่องแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วยิ่งเป็นกรณีของฮานที่เกิดมาก็ไม่มีครอบครัวเลยแม้แต่คนเดียวด้วยแล้ว จะให้มารู้สึกมั่นคงปลอดภัยกับอะไรก็คงจะยาก จะว่าไป พ่อบุญธรรมของเขาเองก็เคยมีประวัติกับเรื่องทำนองนี้อยู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ”


พี่ชายผมเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “บางทีที่เขาพูดกันว่าตระกูลเจเล็ตใหญ่เกินไปจนไม่สามารถดูแลกันได้ทั่วถึงนี่น่าจะเป็นเรื่องจริงสินะ”


แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ภวังค์ความเงียบไร้ที่สิ้นสุด ทั้งผม ทั้งพี่ ต่างคนต่างเงียบไปราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นปิดปากเอาไว้ ไม่หรอก ถ้าจะพูดให้ถูกคงมีแต่ผมที่พูดไม่ออกมากกว่า สำหรับพี่แล้วน่ะ ที่เงียบไปก็แค่เพราะอยากจะปล่อยช่องว่างให้ผมได้คิดพิจารณาหลายๆ อย่างก็เท่านั้น เขาเป็นคนแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา


ว่าแต่ เรื่องที่พี่พูดเมื่อกี้นี้น่ะ ผมควรทำยังไงดีนะ มีอะไรที่ผมพอจะช่วยฮานได้บ้างไหม


“เพราะฉะนั้นน่ะเอล ตอนนี้น่ะ นายเหลือทางเลือกอยู่แค่สามทางแล้ว อ๊ะ ไม่สิ สำหรับนายน่าจะแค่สองมากกว่า”


ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดหาข้อสรุปให้ตัวเอง จู่ๆ คนที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้าติดทะเล้นเหมือนปกติเสียจนผมอดเงยหน้าขึ้นสบตาเขาไม่ได้


พี่ชายผม...มิกเกลน่ะ กำลัง...ยิ้มล่ะ


เป็นรอยยิ้มขี้เล่นเป็นกันเองเหมือนอย่างทุกที จะติดก็แค่ว่าดวงตาของเขา...นัยน์ตาของเขามันส่องประกายพึงพอใจออกมาอย่างชัดเจนเสียจนผมเองยังรู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ


“หนึ่งคือยอมเล่นตามเกมแล้วเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆ ในกรงทองให้คุณชายฮาร์วี่ เจเล็ตเลี้ยงดูไปจนตายซะ ไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างสวยงามเหมือนภาพฝัน แค่ทำตามที่เขาบอกทุกอย่างก็พอ”


ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น


ไม่อยากเชื่อเลย ทำไมล่ะ เกิดอะไรขึ้นกัน ทำไมจู่ๆ พี่เขาถึงได้ดูมีความสุขขนาดนี้กันล่ะ


“สองคือพยายามทำยังไงก็ได้ให้เขารู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกนาย...ความสัมพันธ์ของนายกับเขาคือสิ่งที่เขาสามารถเชื่อถือได้ สามารถมั่นใจได้ การต่อสู้กับความไม่มั่นใจของคนนั้นยากลำบาก แต่ถ้าทำสำเร็จ พวกนายก็จะได้เป็นคู่ชีวิตกันอย่างแท้จริง จะสามารถร่วมกันขีดเส้นชะตาของตัวเองได้”


ในขณะที่ผมกำลังสับสน คนตรงหน้าผมก็พลันหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นมาตรงหน้าผม สิ่งที่อยู่ในมือใหญ่มีลักษณะเหมือนจี้รูปกุญแจห้อยคอธรรมดาทั่วไป แต่บางอย่าง มีบางอย่างที่บอกผมว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา


“และนี่คือทางเลือกที่สาม แต่ฉันก็ไม่คิดว่านายจะเลือกหรอกนะ”


มิกเกลหัวเราะด้วยน้ำเสียงร่าเริงเป็นอย่างยิ่ง


“นี่เป็นกุญแจที่จิตแพทย์เรียกกันว่ากุญแจครอบจักรวาล มันสามารถใช้ไขกุญแจมือหรือปลอกล่ามเท้าได้ทุกแบบทุกขนาด ทุกประเภทวัสดุเท่าที่มีขายในลินเดียตอนนี้”


เขายัดมันใส่มือของผมโดยไม่ถามความเห็น “ปกติโรงพยาบาลจิตเวทของประเทศเราก็มักจะใช้อุปกรณ์พวกนี้ในการตรึงรัดให้ผู้ป่วยอาการหนักอยู่แต่บนเตียงอยู่แล้ว และปกติ คนทั่วไปก็ไม่สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์เฉพาะทางพวกนี้ได้ เพราะฉะนั้น....” มิกเกลยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า “ถ้าเกิดว่านายจะโดนทำอะไรเข้าสักวันจริงๆ อุปกรณ์ที่ใช้ก็คงไม่หนีกันมากเพราะเขาเองก็อยู่ในแวดวงเดียวกับฉัน ถึงเวลาเจ้ากุญแจนี่อาจจะมีประโยชน์”


เขาก็ตบบ่าผมเบาๆ


“แต่ช่วยจำอะไรเอาไว้อย่างนะ” แล้วเขาก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆ “ถ้าวันไหนที่เขาตัดสินใจล่ามโซ่นายขึ้นมา นั่นหมายความว่าความไม่มั่นใจได้ครอบงำเขาเกือบสมบูรณ์แล้ว และถ้านายเลือกที่จะใช้กุญแจนี่แล้วหนีออกมา...”


น้ำเสียงของมิกเกลทั้งนิ่งทั้งสงบ แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่แอบซ่อนเอาไว้ในคำพูดเหล่านั้น


พี่ชายของผม...มิกเกลน่ะ...กำลังสนุก


“ความสัมพันธ์ของพวกนายก็จบลงตรงนั้นล่ะ”


แล้วเขาก็หัวเราะด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างถึงที่สุด


“แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ สาบานเลยว่าฉันไม่ปล่อยให้นายตายแน่นอน ไว้ใจได้เลย ฉันเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้เป็นกระบุงเลยล่ะ”


ให้ตายสิ ทำไมพี่ชายของผมมันถึงได้น่ารังเกียจขนาดนี้นะ


แต่เอาเถอะ ถึงผมจะยังแยกไม่ค่อยออกว่าคำพูดไหนของเขาเป็นคำพูดจริง คำพูดไหนเป็นคำพูดเย้าเล่นก็เถอะ แต่ไอ้ประโยคที่บอกว่า ‘ฉันไม่ปล่อยให้นายตายหรอก ไว้ใจได้เลย’ นั่นน่ะ คงเป็นของจริงแท้แน่นอน


ผมมั่นใจอย่างนั้นนะ






****************************************************************************


หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 18-08-2019 11:39:26
ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเอลจะต้องผ่านที่สามแล้วถึงพบจุดหมายที่ทางที่สอง :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 18-08-2019 12:51:32
 :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 18-08-2019 16:23:40
ทำไมเหมือนดราม่าจะมาอย่านะคุณตัวเล็กกำลังท้องพี่ชายคุณตัวเล็กทำไมดูแปลกๆคนที่ไม่มั่นใจคือพี่ชายคุณตัวเล็กหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 18-08-2019 19:14:40
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 18-08-2019 19:52:35
ค้างหนักมาก :z3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 18-08-2019 20:24:15
อ่าาาาาาาาาาาา

ความเป็นอัลฟ่าก็กดดันประมาณนึงละนะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 18-08-2019 21:38:55
มิกเกลมาพูดแบบนี้ เราเริ่มกลัวฮานแล้วนะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 18-08-2019 23:16:04
พี่ขายเอลถึงจะดูแปลกๆ แต่ดูก็รู้ว่ารักน้องมาก เป็นห่วงนั่นแหละ เลยพูดไปตามความจริง รู้จักน้องตัวเองดี ไม่ได้คิดห้าม แต่ถ้าเจอปัญหาขึ้นมาก็พร้อมช่วย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 19-08-2019 00:13:23
รับรู้ได้ว่าเรื่องต่อจากนี้ในตอนต่อๆไป ดิชั้นต้องใช้สมองและสติในการอ่านเพิ่มมากขึ้นแน่ๆ ฮานตัวตนจริงๆต้องมีอะไรสักอย่างที่ซ่อนไว้จากฮานที่เรามองเห็นผ่านมุมมองของคุณตัวเล็ก ดูกำกวมตั้งแต่ไปบ้านคุณลุงละ แถมพี่ชายของคุณตัวเล็กก็พูดบางอย่างที่ซับซ้อนไปอี๊กกกกก อ่านจบนี่ยังงงๆ เอ๊ะๆ อะไรนะอ่านใหม่สิ นี่เป็นรักใสๆหรือรักจองจำนะ ค้างคามากกกเลยอ้ะะะะ :katai1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-08-2019 01:28:17
เดาทางพี่ชายยากมากๆ  :ling2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 19-08-2019 13:34:50
ได้กลิ่นดราม่าอย่างหนักหน่วงลอยมาแต่ไกล

 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 11 -Nostalgia- 18/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 20-08-2019 00:47:59
รอๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 25-08-2019 12:15:26
เอลต้องทำให้ฮานเชื่อใจและมั่นใจมากๆว่าจะก้าวเดินไปพร้อมกันแม้มีอุปสรรค
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 25-08-2019 13:53:29
รักนี้..จะมีอุปสรรคหรือไม่    :ruready
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 25-08-2019 14:48:06
ขอให้เอลเข้มแข็งที่จะรับมือกับอุปสรรค
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 25-08-2019 14:58:07
จากโรแมนซ์กลายเป็นดราม่า....เข้มข้นมาก  :ling1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-08-2019 16:01:46
รอๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 25-08-2019 20:05:10
ฮานก็ยังมีความกลัว คู่แห่งโชคชะตาสินะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 25-08-2019 22:55:34
เอลสู้เขานะลูกก ช่วยฮานด้วยนะ แงง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 25-08-2019 22:59:09
คุณตัวเล็กทำได้ๆๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 26-08-2019 00:21:40
คุณตัวเล็กถึงจะดูอ๋องๆ เบลอๆ สบายๆ แต่เราว่าถ้าเป็นเรื่องของฮาน คุณตัวเล็กสู้สุดใจ ปกป้องฮานเต็มที่ ตั้งแต่ตอนที่คุยกับคุณลุงละ ทำให้ฮานเชื่อมั่นให้ได้นะคุณตัวเล็ก สู้ๆๆ o13
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 26-08-2019 13:42:03
เป็นกำลังใจให้ตัวเล็กนะ

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 26-08-2019 19:53:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 26-08-2019 20:10:53
น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: lovemongjang ที่ 27-08-2019 23:51:12
สนุกมาก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 28-08-2019 21:35:04
โหห เป็นกำลังใจให้เอลกับฮานเลยค่ะ ชีวิตคู่ที่ขาดความเชื่อมั่นและความมั่นใจมันยากมากๆ อาการของฮานก็หนัก จากการแสดงออกที่แฝงมา ฮืออ แค่ความรักมันไม่มากพอที่จะทำให้อีกคนมั่นใจได้จริงๆ เป็นเรื่องที่เอลต้องคิดและหาวิธีเลยว่าจะทำยังไงให้มันดีที่สุด แต่เชื่อมากๆว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตามเอลจะพาตัวเองและฮานไปอยู่จุดที่ฮานมั่นใจในความรักของเอลได้ และความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะถูกกำหนดโดยคนทั้งคู่ ไม่ใช่แบบปัจจุบันที่ฮานเป็นคนกำหนดและชักจูงเอลไปในทางนั้น รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจให้คุณนักเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 12 -Learning- 25/08/19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 29-08-2019 00:31:49
เป็นกำลังใจให้เอลกับฮานนะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 01-09-2019 11:15:50
 o13 o13

เอลสู้นะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 01-09-2019 14:13:55
เอาใจช่วยเอลน้อย   :call:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 01-09-2019 14:28:53
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

สู้ ๆ นะตัวเล็ก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 01-09-2019 15:41:04
เริ่มรู้สึกว่ายืดเกินไปจริงๆค่ะ จังหวะของเอลกับพี่ชายกั๊กไปกั๊กมาสองสามตอนเลย มันไม่เชิงว่าเนื้อเรื่องยืดเกินไป แต่จังหวะการดำเนินเรื่องค่อนค้างช้า ถ้าจะบอกว่าเพราะคาแรกเตอร์มิเกลเป็นคนพูดอะไรกั๊กๆก็ไม่ใช่เสียทีเดียว มันบวกที่เอลเก็ทอะไรช้าเข้าไปด้วย(ทั้งๆที่ดูเป็นคนฉลาด) เข้าใจว่าตอนก่อนหน้านี้ไม่มีจังหวะให้ถามชัดๆเหมือนตอนนี้ แต่พอเข้าตอนนี้มิเกลก็ยังกั๊กคำตอบ(จริงๆที่เอลตกตะกอนเข้าใจแล้ว)ของปัญหาต่อไปอีก ถ้าเป็นแบบนี้ไปอีกหลายตอนเข้ามิเกลจะเป็นตัวละครที่น่ารำคาญมาก มันไม่บาลานซ์กับจังหวะเรื่องช่วงแรกๆที่เดินเร็วมากจริงๆ  :hao4: เริ่มเนือยเพราะเอลไม่เก็ทไม่ take action อะไรซักที
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmoominn ที่ 01-09-2019 22:41:17
เรื่องของสัญชาตญาณมันจะฝึกกันได้มัเยล่ะเนี่ย ดูเป็นนามธรรมจัง สู้ๆ นะเอลลล ปอลอคิดถึงฮาน ค่าตัวแพงมาก 5555 คุณนักเขียนเองก็สู้ๆ นะคะ รออ่านค่ะ
 :-[
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-09-2019 23:05:23
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: TheSpaceOfM ที่ 01-09-2019 23:27:22
เอลก็ยังคงไม่เข้าใจต่อไปว่าต้องทำยังไงให้ฮานเชื่อใจในตัวเองมากขึ้น หวังว่าการเจออาจารย์จะช่วยให้เอลเข้าใจและรู้อะไรมากขึ้น ถ้าไม่โดนมิกเกลปั่นหัวน้องไปซะก่อน ยังไงรอติดตามเรื่องราวต่อไปนะคะ ส่งกำลังใจค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-09-2019 01:42:19
หาคำตอบไม่ได้ไปกับน้อง 5555555555555
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 02-09-2019 20:28:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-09-2019 21:05:36
เอลสู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 05-09-2019 13:53:45
มันก็จะงงหน่อย ๆ  :m28:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -Advice- 1/09/19
เริ่มหัวข้อโดย: Majariga ที่ 12-09-2019 01:42:44
สู้ๆนะเอล ถ้าได้คำตอบแล้ว ก็ทำให้ฮานมั่นใจในตัวคุณตัวเล็กได้เร็วๆนะ จะได้ไม่กังวลเรื่องคู่แห่งโชคชะตาอีกต่อไป :katai3:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 03-03-2020 19:47:43


The First Hint




ปกติแล้ว เวลานั่งรถ ไม่ว่าจะนั่งไปกับใครก็ตาม ตัวผมไม่ค่อยจะมีปัญหาเรื่องความเงียบในรถมากเท่าไหร่ สาเหตุคงเพราะผมชอบความเงียบด้วยส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เพราะตัวผมไม่ได้รู้สึกว่าความเงียบนั้นเป็นเหตุแห่งความอึดอัดใจ ยิ่งถ้าความเงียบนั้นเป็นความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างผมกับฮานด้วยแล้ว มันยิ่งไม่มีทางเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดบรรยากาศที่กระอักกระอ่วนขึ้นได้เลย ผมคิดและเชื่อแบบนั้นมาตลอดจนกระทั่งได้มาเจอเขากับคนที่ตรงกันข้ามกับผมโดยสิ้นเชิง


จะเป็นใครไปได้อีกล่ะนอกจาก ‘เขา’ นั่นล่ะ


ผมเหลือบมองคนที่ง่วนอยู่กับการแหกปากร้องเพลงมาตั้งแต่เมื่อสิบนาทีก่อนด้วยหางตาพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
ในตอนแรกก่อนที่กลับมาบ้านเกิด ผมก็ตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องไปหาอาจารย์ที่นัดหมายไว้กับฮานให้ได้ ตั้งใจเอาไว้อย่างดีว่าจะไปเคลียร์ใจเรื่องทุกอย่างให้จบสิ้นกันไป แต่พอเอาเข้าจริงกลับเป็นตัวผมเองที่ไม่กล้าจะพูดว่า ‘เราไปหาคนรักของคุณพ่อฮานกันเถอะ’ ออกไป ประกอบกับคำพูดของเจ้าพี่ชายเมื่อวานทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดออกไปให้ฮานรู้ไม่ได้เข้าไปใหญ่


ผมยังไม่อยากให้เขารู้ในตอนนี้


ยังไม่ใช่ตอนนี้


พอตัดฮานออกไปแล้ว ผมก็ยิ่งจนปัญญาในการเดินทางไปหาอาจารย์ยิ่งกว่าเก่า ด้วยเพราะบ้านของเขาอยู่ค่อนข้างไกลจากบ้านของผมมาก ที่สำคัญโอเซนก็ไม่ได้มีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีขนาดนั้น


เพราะแบบนั้นมันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้...


‘เอ๋ นายมาขอร้องฉันเนี่ยนะ ประหลาดใจจังแหะ’


สุดท้ายผมก็เลยต้องบากหน้าไปขอให้คนที่ไม่อยากจะขอให้ช่วยที่สุดเข้าจนได้ มิกเกลมีท่าทีร่าเริงอย่างเห็นได้ชัด ผมแทบจะเดาไม่ออกอยู่แล้วว่าเขาดีใจเพราะอยากช่วยจริงๆ หรือเพราะมีอะไรแอบแฝงอยู่กันแน่


แต่ช่างเถอะ เป็นมิกเกลแหละดีแล้ว...


‘เพราะกลัวจะสูญเสียเลยต้องควบคุม เพราะกลัวว่าสุดท้ายจะไม่เหลือใครจึงต้องผูกมัด เรื่องแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อยู่ไม่ใช่เหรอ’


เพราะคำพูดของมิกเกลดันไปตรงกับสิ่งที่อาจารย์เคยพูดเอาไว้เมื่อนานมาแล้วอย่างพอเหมาะพอเจาะ สุดท้ายผมก็เลยต้องยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ว่า ไม่มีใครเหมาะสมกับภารกิจนี้ไปมากกว่าเขาอีกแล้ว


สุดท้ายผมก็เลยตกกะไดพลอยโจรไปกับเกมหลอกล่อพ่อแม่ของเจ้าพี่ชายตัวแสบเข้าจนได้


หลังจากอาหารค่ำเมื่อวาน มิกเกลแกล้งบอกพ่อกับแม่ให้รั้งตัวฮานไปช่วยงานอะไรสักอย่างที่ผมเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก แต่เหมือนพ่อกับแม่จะรู้ดีว่าพี่ชายของผมกำลังพูดถึงอะไร ราวกับเป็นความลับที่เข้าใจกันอยู่สามคนอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาพยักหน้าหงึกหงักให้กันไปมาอย่างมีความสุข และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่มิกเกลเองสามารถใช้รอยยิ้มสดใสราวกับพระอาทิตย์นั้นหลอกล่อคนไปได้อย่างแนบเนียน


สุดท้าย ผมก็เลยสามารถเดินทางไปบ้านของอาจารย์ได้อย่างสบายใจ


นี่สินะ ความเก่งกาจของพี่ชายที่ต่อให้พยายามจนตายผมก็ไม่สามารถทำตามได้


ทั้งรู้สึกอิจฉาแล้วก็หมั่นไส้อย่างน่าประหลาดใจเลยจริงๆ


ผมปรายตามองคนที่นั่งร้องเพลงอย่างออกรสอีกครั้งก่อนจะแสร้งถอนหายใจให้ดังขึ้นกว่าเก่า


ถึงจะรู้สึกขอบคุณพี่ชายมากๆ ที่ยอมร่วมมือ แต่ก็นะ ยังไงพวกเราก็เข้ากันไม่ค่อยจะได้อยู่ดีนั่นล่ะ


“นี่พี่ ร้องมาจะครึ่งอัลบั้มอยู่แล้ว ไม่เบื่อรึไง”


 “เห” มิกเกลหยุดร้องเพลงพลางทำหน้าครุ่นคิด ถึงสีหน้าจะดูจริงจัง แต่นิ้วชี้ทั้งสองข้างของเขาก็ยังคงเคาะพวงมาลัยรถตามจังหวะเพลงได้อย่างลื่นไหลไร้ท่าทีจะหยุด “จะเบื่อได้ยังไงล่ะในเมื่อไม่ได้ร้องเพลงเดิมสักหน่อย”


ผมเลิกคิ้ว ไอ้คำตอบแบบนี้นี่ชวนให้รู้สึกโมโหชะมัดเลย


เพราะแบบนั้นล่ะมั้งผมเลยรู้สึกอยากจะลองกวนอารมณ์เขาเป็นการเอาคืนดูสักหน่อย


“แบบนี้แปลว่าถ้าต้องฟังเพลงเดิมเพลงเดียวตลอดก็จะเบื่อสินะ”


“เห ถามยากจังเลยน้า” มิกเกลแซวผมพลางหัวเราะร่วน “ถ้าเป็นเพลงที่ชอบจริงๆ ยังไงก็ไม่เบื่อหรอก”


“จะมีเหรอ เพลงแบบนั้นน่ะ”


“นั่นสิน้า” เขาตอบรับอย่างอารมณ์ดี “แต่นายก็ไม่เคยเบื่อฮานนี่นา ใช่ไหมล่ะ”


ผมหันไปมองหน้าคนพูดพลางย่นหน้าใส่ “เอาคนกับเพลงไปเทียบกันแบบนั้นได้ที่ไหนกันเล่า”


“ก็ไม่เห็นจะต่างกันเลยนี่” เขาอมยิ้ม “ถ้าคนสามารถปรับเปลี่ยนบุคลิกไปตามกาลเวลาได้ เพลงเองก็ทำได้เหมือนกันนะ”


เอาอีกแล้วสิ เขาเริ่มพูดอะไรที่ผมไม่เข้าใจอีกแล้ว


“ถ้ามนุษย์น่าสนใจเพราะเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงแล้วล่ะก็ ดนตรีเองก็มีคุณสมบัติแบบนั้นอยู่เหมือนกันนะ เป็นต้นว่า ถ้าหากเรามีความสุขดี เวลาฟังเพลงเศร้าก็จะไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายใช่ไหมล่ะ แต่พออกหักดังเป๊าะขึ้นมา จู่ๆ เพลงเศร้าเพลงเดิมก็ดันตรงกับชีวิตของตัวเองขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่คนแต่งเขาก็ไม่ได้เขียนเพลงให้เราแท้ๆ” แล้วเขาก็เงียบไปอึดใจ “ดนตรีน่ะ เป็นของแบบนั้นล่ะ เป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ของผู้ฟังอย่างอิสระเสรีเลยล่ะนะ”


“เข้าใจยากจัง”


เขาหัวเราะร่วนให้กับคำบ่นของผม “ก็นะ ไม่ได้คาดหวังให้เข้าใจอะไรหรอก ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ สิ่งที่อยากให้เข้าใจจริงๆ น่ะ...” แล้วดวงตาสวยก็พลันเหลือบมามองผม แม้เพียงแค่แวบเดียว แต่เขาก็เหลือบมามองผม จ้องมองมาที่ผมอย่างไม่คิดปิดบัง “คือเรื่องของตัวนายเองต่างหาก”


ให้ตายซี่ นึกจะพูดอะไรก็พูด อยากจะเข้าประเด็นไหนก็เข้า เอาแต่ใจจังเลยนะพี่ชายผมเนี่ย


แต่เอาเถอะ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน


“บอกตามตรงนะ ต่อให้เอาเรื่องที่พี่พูดไปคิดมาทั้งคืนแล้ว ผมก็ยังไม่เข้าใจอะไรเลยอยู่ดี” ผมนิ่งไปเล็กน้อย “แบบว่า...ไม่ค่อยเข้าใจว่าฮานผูกมัดผมตรงไหนน่ะ”


“เห หัวทึบกว่าที่คิดนะเนี่ย” มิกเกลว่าด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย “แล้วทำไมถึงไม่คิดแบบนั้นล่ะ”


ทำไมน่ะเหรอ...


“ก็แบบว่า...” ผมบีบมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นขึ้นอีกหน่อย “ผมน่ะ ไม่เคยมองความรักระหว่างผมกับฮานเป็นอะไรที่ลึกซึ้งอย่างที่พี่มองเลยสักนิด พวกเราก็แค่รักกันแล้วก็อยู่ด้วยกัน มันก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอ ผมไม่เห็นว่าฮานเขาจะทำอะไรที่....”


“แน่ใจเหรอ”


เอ๊ะ


“แน่ใจเหรอว่าเขาไม่ได้ผูกมัด”


ผมหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองด้วยสีหน้าฉงนใจ นัยน์ตาของมิกเกลยังคงจับจ้องตรงไปยังถนนเบื้องหน้า ไม่แม้แต่จะปรายตามองกลับมา ถึงอย่างนั้น ผมกลับสัมผัสถึงอารมณ์กดดันของเขาได้อย่างชัดเจนราวกับว่าพวกเรากำลังสบตากัน


“เรื่องที่ว่าเขาไม่ได้ผูกมัดน่ะ เขาไม่ได้ทำจริงๆ หรือเขาทำแต่นายไม่รู้ หรือ...” แล้วเขาก็ปรายตามาแวบนึงก่อนจะกลับไปมองถนนตรงหน้าตามเดิม “นายแค่พยายามจะหลอกตัวเองว่าเขาไม่ได้ทำกันแน่”


หลอกตัวเองว่าฮานไม่ได้ทำเหรอ เรื่องแบบนั้นมันจะเป็นไปได้ยังไง...เอ๊ะ


ภาพความทรงจำมากมายไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำที่ถูกเปิดออกมาจากก๊อก


ยากันฮีทที่ถูกจัดให้ทุกเดือน


อาหารทุกมื้อที่ถูกเตรียมให้


ตารางชีวิตที่ถูกคิดมาให้แล้วเป็นอย่างดี


ชีวิตที่มีฮานคอยดูแลอยู่รอบๆ สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าการผูกมัดงั้นเหรอ


ถ้าคนอื่นจะเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าการผูกมัดล่ะก็...


“ผมไม่นับว่าสิ่งที่ฮานทำเป็นการผูกมัดหรอกนะ”


“อาฮะ” เขาว่าพลางใช้มือทั้งสองข้างหมุนพวงมาลัยด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ “ก็คิดอยู่แล้วล่ะว่าคำตอบคงจะเป็นประมาณนี้”


“เอ๊ะ”


มิกเกลอมยิ้มทั้งที่นัยน์ตายังจับจ้องไปยังถนนตรงหน้านิ่ง “ก็แบบว่า ถ้านายไม่ใช่คนที่มีวิธีคิดแบบนี้ ก็คงจะกลัวแล้วก็หนีฮานไปตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ที่ไม่หนีไปก็เพราะคิดแบบนี้ไงล่ะ”


คิ้วของผมเริ่มขยับเข้าใกล้กัน “หมายความว่ายังไงกันน่ะ พูดเข้าใจยากจัง”


แล้วมิกเกลก็พลันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “ไม่ไหวแฮะ ฉันคุยกับคนธรรมดาไม่ค่อยรู้เรื่องจริงๆ ด้วย”


ใช่สิ พ่อคนฉลาด พ่อคนอัจฉริยะ ขอโทษแล้วกันนะที่ในหัวผมมีแต่ขี้เลื่อยน่ะ


“ขอโทษทีแล้วกันนะที่ผมเป็นพวกเข้าใจยากนะ” ผมว่าพลางยกมือขึ้นกอดอก อาการอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างรุนแรงของผมเริ่มกลับมาอีกครั้ง แม้จะไม่มากเท่าก่อนหน้านี้ แต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวผมเองมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยแท้ๆ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดใจขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ ทั้งที่ตอนอยู่กับฮานก็...เอ๊ะ...


ผมใช้มือทาบลงบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิก่อนจะไล้ไปบีบตามเนื้อตามตัวที่เมื่อยขบ


จริงสิ เวลามีฮานอยู่ใกล้ๆ อาการไม่สบายตัวทั้งหมดนี้มันก็เหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย


“รู้ตัวแล้วสินะเจ้าน้องชาย” คำพูดที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้ผมต้องหันขวับไปมองใบหน้าด้านข้างของมิกเกลที่กำลังฉีกยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ แต่เหมือนเขาไม่ได้สนใจจะหันมามองผมเลยสักนิด ดวงตาสีสวยยังคงจดจ่อแน่วแน่อยู่กับการขับรถ “แบบว่า นี่ก็ถือเป็นการทดลองเล็กๆ น้อยๆ ล่ะนะ”


“ฮะ?”


เขายักไหล่ “จริงๆ จะเรียกว่าการทดลองก็คงไม่ถูกหรอก แค่เล่นสนุกน่ะ” พอพูดจบ เขาก็พลันหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันน่ะเป็นเบต้านะ ถึงจะเจ็บใจหน่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเรามันเป็นชนชั้นที่ผ่าเหล่าผ่าก่อ ไอ้สารจำพวกฟีโรโมนกลิ่นหรืออะไรแบบนั้นน่ะ ฉันรับรู้ไม่ได้หรอกนะ รวมถึงพวกอาการรัทหรือฮีทอะไรนั่นก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวมากๆ เลยด้วย แต่จากการคาดเดา ทั้งที่นายก็เพิ่งจะท้องอ่อนๆ แต่กลับสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม แถมยังไม่ปรากฏอาการแพ้ท้องหรืออาการอ่อนเพลียทางกายให้เห็นสักเท่าไหร่ทั้งที่แยกกับฮานมาได้หลายชั่วโมง เรื่องแบบนี้มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”


แล้วเขาก็คลี่ยิ้มกว้างออกมาทั้งที่ไม่ได้หันมามองหน้าผม “ฟีโรโมนของอัลฟ่านั่นล่ะคือคำตอบ”


“หมายความว่ายังไงกันน่ะ” นัยน์ตาของผมจ้องมองไปยังใบหน้าของเขานิ่ง “ผมก็พอรู้อยู่หรอกนะว่าฟีโรโมนของอัลฟ่าจะช่วยให้โอเมก้าที่ตั้งครรภ์ผ่านสภาวะที่ยากลำบากไปง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นมันก็คงไม่แปลกถ้าผมที่ได้รับฟีโรโมนของฮานจะไม่...”


“นายน่ะ รู้จักสรีระของตัวเองดีแค่ไหนกันเหรอเอล”


เอ๊ะ


ใบหน้าของมิกเกลผินมามองผมเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปจดจ่อกับท้องถนนอีกครั้ง “ทั้งที่เป็นโอเมก้าแท้ๆ แต่ก็ดันรู้เรื่องตัวเองน้อยมาก เรื่องแบบนั้นน่ะอย่าให้ใครรู้เชียว มันน่าอายนะ”


มันก็จริงอยู่หรอกที่ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอัลฟ่า โอเมก้าอะไรนั่นเท่าไหร่ แต่ว่านะ...


“ก็จริงอยู่ที่ฟีโรโมนของอัลฟ่าจะช่วยระงับอาการไม่สบายตัวระหว่างตั้งครรภ์ของโอเมก้าได้ แต่ในกรณีปกติแล้วน่ะ...” เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย “ฟีโรโมนจะเกิดผลก็ต่อเมื่ออัลฟ่าอยู่ใกล้ๆ กับโอเมก้าเท่านั้นล่ะนะ”


เอ๊ะ


“ทีนี้นายก็คงเริ่มเอะใจแล้วใช่ไหมล่ะว่าทำไมกันน้า ตัวนายถึงยังสบายดีอยู่ได้ทั้งที่ฮานไม่ได้อยู่ใกล้ๆ”


ไม่ทันที่ผมจะรู้ตัว จู่ๆ รถยนต์โดยสารของพวกเราก็หยุดลง ผมเดาว่าในขณะที่ผมกำลังง่วนอยู่กับบทสนทนา มิกเกลก็ถือวิสาสะตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางแล้วพาผมมายังอาคารเล็กๆ ที่ดูไปแล้วก็เหมือนจะเป็นร้านกาแฟไม่ก็ร้านสะดวกซื้อขนาดเล็กบริเวณริมถนน


แต่เขาจะพาผมมาที่ร้านสะดวกซื้อทำไมกันนะ...


“ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าฉันมาจอดที่นี่ทำไม แค่จะลงไปหาอะไรเล็กๆ น้อยๆ มาให้นายกินระหว่างเดินทางน่ะ กว่าจะถึงบ้านอาจารย์ก็อีกไกล ปล่อยให้คนกำลังท้องหิวนานไปก็คงไม่ดี”


อา พี่ชายผมเนี่ย เป็นแบบนี้ทุกทีเลยสิ แล้วผมจะหงุดหงิดเขาลงได้ยังไงกันล่ะ


“อ้าว นั่งนิ่งอยู่ทำไมกันล่ะ ปลดเข็มขัดนิรภัยได้แล้ว”


“เอ๊ะ” ผมมองเขาด้วยแววตาประหลาดใจ “ผมต้องลงไปด้วยเหรอ”


สิ้นเขาถามของผม คนฟังก็พลันเลิกคิ้วด้วยสีหน้ายียวน “ไม่เอาน้าเอล นายไม่คิดจะทำตัวเป็นคนท้องอุ้ยอ้ายนั่งอุดอู้อยู่กับที่ตลอดเวลาใช่ไหม” ก่อนที่ผมจะรู้ตัว มือเรียวสวยก็พลันมาอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว มาแนวนี้ก็คงไม่พ้น...


“โอ๊ย เจ็บนะ!”


นิ้วที่ดีดเข้ามาที่หน้าผากเต็มแรงทำให้ผมเผลอร้องลั่นออกไป หลังจากตั้งสติได้ก็ทำได้แค่ขยับตัวออกห่างจากเขาแล้วนั่งลูบหน้าผากตัวเองปอยๆ เท่านั้น บ้าจริง เขายังทำราวกับผมเป็นเด็กเล็กๆ อยู่อย่างงั้นล่ะ


“เจ็บสิดี จะได้รู้ว่าคนท้องไม่ใช่คนป่วย เลิกทำตัวเหยาะแหยะแล้วลงไปซื้อของกันได้แล้ว” น้ำเสียงนั้นช่างเผด็จการและน่าหมั่นไส้ แต่เอาเถอะ ผมรู้อยู่หรอกน่าว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร


จะยอมทำตามสักวันหนึ่งก็ได้นะ...


ในขณะที่ผมกำลังตกลงกับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆ มิกเกลที่เพิ่งปลดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก็พลันเอ่ยปากขึ้นมา


“อ้อ แล้วก็เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้น่ะ จะบอกให้ก็ได้นะว่าฉันสันนิษฐานเรื่องอาการของนายเอาไว้ว่ายังไง”


เอ๊ะ เดี๋ยวสิ จู่ๆ ก็กลับมาเข้าประเด็นแบบนี้เลยเหรอ แบบนี้มันไม่เปลี่ยนหัวข้อไปมามากไปหน่อยเหรอ...


“ก็อย่างที่บอกไปว่าในกรณีของคู่อื่นน่ะ ฟีโรโมนจะเกิดผลต่อโอเมก้าก็ต่อเมื่อทั้งสองอยู่ใกล้กันเท่านั้น ถ้าออกห่างจากกันเมื่อไหร่ก็จบ แต่มันก็มีอยู่คำตอบอยู่คำตอบหนึ่งที่พอจะตอบคำถามของฉันได้ เพียงแค่ฉันไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่น่ะนะ”


เขาปรายตามองผมด้วยแววตาเรียบนิ่งที่อ่านไม่ออก “ในกรณีคู่อัลฟ่าโอเมก้าทั่วไปแล้ว ฟีโรโมนจะมีผลเมื่ออยู่ในอาณาเขตที่เหมาะสม แต่มันก็มีกรณียกเว้นน่ะนะ...” แล้วประกายแห่งความพึงพอใจก็พลันปรากฏขึ้นในดวงตาที่เหมือนกับผมราวกับแกะ “สำหรับคู่ที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากันนะ”


เอ๊ะ


“ถ้าโอเมก้ากับอัลฟ่าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากันได้ทำพันธะกันแล้ว สายสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะแน่นแฟ้นกว่าคนทั่วไป ฟีโรโมนที่อัลฟ่าหลั่งออกมาระหว่างผูกพันธะก็จะเข้มข้นกว่ากรณีผูกพันธะปกติด้วย”


เขาหยุดพูดคล้ายต้องการปล่อยให้ผมได้มีเวลาตกผลึกข้อมูล


“ในกรณีปกติ ฟีโรโมนของอัลฟ่าจะแทรกซึมเข้าไปในตัวโอเมก้าแค่ในระดับที่พอจะให้รู้ว่าโอเมก้านี้มีเจ้าของแล้ว แต่ในกรณีที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากัน ฟีโรโมนของอัลฟ่านั้นจะเข้มข้นกว่ามาก มากจนสามารถแทรกซึมเข้าไปในร่างของโอเมก้าได้จนถึงระดับเซลล์ นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมโอเมก้าที่ตั้งครรภ์กับคู่แห่งโชคชะตาของตัวเองจึงไม่ปรากฎอาการแพ้ท้องหรืออาการอารมณ์แปรปรวนเกิดขึ้น”


“เพราะฟีโรโมนของอัลฟ่าอยู่ในตัวโอเมก้าอย่างเพียงพอแล้วอย่างงั้นเหรอ”


มิกเกลพยักหน้าให้ผมด้วยสีหน้าร่าเริง “อาฮะ เพราะแบบนั้นไงฉันถึงได้บอกว่ามันแปลกเพราะนายกับฮานไม่ได้เป็นคู่แห่งโชคชะตากันสักหน่อย สัญลักษณ์คู่แห่งโชคชะตาที่คอก็ไม่ขึ้นด้วย” แล้วเขาก็ขยิบตาให้ผม “เพราะแบบนั้นมันถึงได้น่าสนใจไงล่ะ”
“น่าสนใจ...เหรอ” ผมทวนคำพูดของเขาด้วยความสับสน “หมายความว่ายังไงกันน่ะ...”


“เอ หมายความว่ายังไงน่ะเหรอ” ชายหนุ่มหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเปิดประตูรถออกกว้าง “ก็หมายความว่าเขาคนนั้นน่ะ...สามีที่น่ารักของนายน่ะ แอบวางยานายมาตั้งนานแล้วน่ะสิ”


เอ๊ะ


“ในเมื่อไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากัน เพราะแบบนั้นก็เลยตั้งใจจะขีดโชคชะตาของตัวเองขึ้นมาด้วยมือของตัวเองซินะ หมอนั่นเนี่ย สุดยอดไปเลยนะ สุดยอดมากๆ สุดยอดจนฉันหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะ”


“ดะ เดี๋ยวสิ ผมยังไม่เข้าใจอะไรเลยนะ”


“เห นายเนี่ยน้า ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นน้องชายของฉันจริงๆ น่ะ” เขาทำหน้าเหนื่อยหน่ายใส่ผมอย่างไม่ปิดบัง “ยังไม่เข้าใจอีกรึไง หมอนั่นกับนายน่ะ ทั้งที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันแท้ๆ แต่ทำไมนายถึงได้มีอาการเหมือน ไม่สิ...”


เขาหยุดคิดไปเล็กน้อย “อาจจะไม่เหมือนเสียทีเดียวแต่ก็นับว่าใกล้เคียงกับคู่ที่เป็นคู่แห่งโชคชะตากันมาก คิดว่าเพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้นล่ะ” มิกเกลฉีกยิ้มกว้าง “ก็เพราะหมอนั่น...ฮานน่ะ คอยโอบล้อมนายด้วยฟีโรโมนของตัวเองอยู่ตลอดเลยน่ะสิ อาจจะไม่เข้มข้นพอให้นายรู้สึกได้ แต่เขาทำแน่ เขาคอยกกกอดนายผ่านฟีโรโมนของตัวเองมาตลอดแน่ๆ”


มาตลอด...งั้นเหรอ...


“กระบวนการแบบนี้มันต้องใช้เวลานะเอล ลำพังแค่หลังแต่งงานจนถึงตอนนี้น่ะ ทำขนาดนี้ไม่ได้หรอก หรือถ้าจะพูดให้ถูก...” นัยน์ตาของมิกเกลเป็นประกายราวกับเด็กกำลังเจอของเล่นที่ถูกใจ “หมอนั่นน่ะแอบป้อนฟีโรโมนของตัวเองให้ร่างกายของนายมาตั้งนานแล้ว เป็นแผนที่วางมาตั้งนานแล้ว อย่างน้อยก็ต้องสามปีเป็นอย่างต่ำล่ะนะ”


พี่ชายของผมก็หัวเราะร่วนออกมาอย่างอารมณ์ดี


“โชคชะตาของเรามีแค่เราเท่านั้นที่กำหนดได้งั้นเหรอ ให้ตายสิ ฉันนับถือเจ้านั่นเป็นบ้าเลย”


แล้วประตูรถที่เคยเปิดกว้างก็ถูกปิดลง






**************************************************************************



หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-03-2020 20:07:52
ฮานสุดยอด และขอให้เอลที่เป็นเอลอย่างนี้จะผ่านอุปสรรคทดสอบข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-03-2020 20:16:33
เกือบลืมไปเลย
กลับมาลุ้นต่อ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 03-03-2020 22:15:06
ดีใจที่กลับมานะคะ คนเขียนคนนน

ถ้าจริงอย่างมิกเกลพูด ก็ดูน่ากลัวอยู่นะ

รอดูต่อไป เพราะดูฮานรักเอลมากๆ

แต่การวางยาต่อเนื่องนิมัน...
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ❣☾月亮☽❣ ที่ 03-03-2020 22:28:42
กลับมาแย้ว :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: golove2 ที่ 04-03-2020 14:46:45
นับถือฮานจริง ๆ
โชคชะตาของเรา เราต้องเลือกเอก

 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 04-03-2020 15:52:20
กลับมาแล้ว..ววววววว คิดถึงๆๆๆๆ   :mc4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 13 -The First Hint- 3/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 04-03-2020 18:03:20
ดีใจที่มาอัพต่อนะคะ เรารอเก่งงงงง

แต่ฮานเนี่ยจะเป็นแบบที่มิกเกลพูดจริงๆหรอ คือแบบเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!!! ทุ่มเทเหลือเกินพ่อ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 14 -The Second Hint
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 04-03-2020 19:42:11



The Second Hint





หลังจากได้รับรู้ข้อสันนิษฐานของมิกเกล ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกหรือตอบสนองความจริงข้อนี้ออกมาแบบไหนดี


ผมควรจะดีใจที่ฮานหลงรักผมมาตลอดหรือผมควรจะกังวลกับการวางแผนผูกมัดของฮาน ความรู้สึกมากมายไหลวนตีกันในหัวจนรู้สึกราวกับว่าผมได้ใช้พลังทั้งหมดของวันนี้ไปกับการครุ่นคิดจนหมดแล้ว แต่ถึงแม้จะไม่สามารถสรุปความรู้สึกออกมาอย่างเป็นรูปธรรมได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดีที่สุดก็คือ...


ผมไม่กลัว ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรู้สึกที่จะรู้สึกกลัวกับการกระทำของฮานเลยสักนิด


ทั้งที่ควรจะตกใจ ทั้งที่ควรจะหวาดหวั่นแท้ๆ แต่สิ่งที่ผมกำลังสับสนกลับเป็นเพียงแค่เรื่องว่า ทำไมฮานถึงต้องทำขนาดนั้นทั้งที่สามารถสารภาพความรู้สึกกับผมมาได้ตั้งแต่แรก เสียมากกว่า


บางทีผมว่าผมเองก็เริ่มจะเข้าใจสิ่งที่มิกเกลพูดขึ้นมาบ้างแล้ว


‘ก็แบบว่า ถ้านายไม่ใช่คนที่มีวิธีคิดแบบนี้ ก็คงจะกลัวแล้วก็หนีฮานไปตั้งแต่ต้นแล้ว แต่ที่ไม่หนีไปก็เพราะคิดแบบนี้ไงล่ะ’


พอเริ่มเข้าใจ มันก็อดที่จะรู้สึกอุ่นๆ ขึ้นมาในอกไม่ได้


สำหรับฮานแล้วถ้าไม่ใช่ผมก็คงจะไม่ได้สินะ...


ทั้งที่ควรจะกลัวแท้ๆ แต่พอคิดว่าฮานทุ่มเทขนาดนั้นเพื่อผมแล้ว มันก็อดจะดีใจขึ้นมานิดๆ ไม่ได้


บางที ผมอาจจะพอมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ได้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไง


บางที ผมอาจจะพอรู้อยู่แล้วว่าทางเดินที่ผมกับฮานควรจะจับมือเดินไปด้วยกันนั้นเป็นทางเดินแบบไหน แต่มันก็แค่ยังไม่มั่นใจก็เท่านั้น


และเพราะไม่มั่นใจก็เลยต้องมาหาคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ตรงเสียก่อน


“ถึงสักทีน้า ทำไมอาจารย์ของนายถึงต้องมาอาศัยอยู่ในที่ไกลๆ แบบนี้ด้วยนะ”


ผมปล่อยให้เสียงบ่นอุบอิบของมิกเกลไหลผ่านหูไปโดยไม่คิดจะตอบกลับให้อีกฝ่ายได้ถือโอกาสชวนผมคุยจนเสียเวลาไปมากกว่านี้


เท่าที่จำได้ พ่อกับแม่บอกว่าจะกลับมาถึงบ้านประมาณหกโมงเย็นสินะ...


ผมก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเล็กน้อย


บ่ายสามโมงตรงรวมเวลาขับรถกลับบ้านอีกหนึ่งชั่วโมงก็หมายความว่าผมเหลือเวลาที่จะคุยกับอาจารย์ได้เพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้นสินะ


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกสูดเข้าไปในปอดเพื่อเรียกความกล้าให้ตัวเอง


ขอให้ทุกอย่างกระจ่างภายในสองชั่วโมงนี้ด้วยเถอะ


ผมปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะหันไปหามิกเกลด้วยท่าทางมั่นใจมากกว่าเก่า “ขอผมคุยกับอาจารย์สักสองชั่วโมงได้ไหมครับ”


“โห” ใบหน้าที่เหมือนกับผมราวกับแกะปรากฏร่องรอยแห่งความยินดี “แววตาใช้ได้เลยนี่ สมแล้วที่เป็นน้องชายของฉัน” แล้วเขาก็หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “งั้นฉันจะไปหาร้านกาแฟนั่งทำงานแถวนี้ก็แล้วกัน เสร็จเมื่อไหร่ก็โทรมานะ”


“อือ” ผมอมยิ้มเล็กน้อย “ขอบคุณนะ”


หลังจากนั้นเพียงอึดใจ ผมก็ลงจากรถ


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที รถของมิกเกลก็หายลับไปจากสายตา


หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาที...


“ไม่เจอกันนานเลยนะเอมา เข้ามาข้างในบ้านก่อนสิ”


ผมก็ได้เจอกับอาจารย์ที่ห่างหายกันไปหลายปี


ชายตรงหน้าดูมีอายุขึ้นหน่อย หากใบหน้านั้นยังนับว่าอ่อนเยาว์กว่าคนในวัยเดียวกันมาก ผมสีน้ำตายาวถึงกลางหลังของเขาถูกมัดรวบเอาไว้เรียบร้อย เสื้อผ้าที่อีกฝ่ายใส่ก็ดูเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ


ทั้งที่เป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ ในช่วงที่อากาศอุ่นแท้ๆ ....


“สวัสดีครับอาจารย์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ”


อยากจะพูดออกไปว่า ‘ยังใส่กางเกงขายาวในวันที่อากาศร้อนเหมือนเดิมเลยนะครับ’ จังเลยนะ








มือเรียวสวยของเจ้าของบ้านบรรจงถ้วยชาสวยที่บรรจุของเหลวสีพีชเอาไว้วางลงตรงหน้าอย่างเบามือก่อนจะตามมาด้วยจานใบเล็กที่มีขนมจุกจิกน่ารักอยู่สองสามอย่าง คนสูงวัยกว่าหันมาส่งยิ้มให้ผมพลางเดินไปนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามด้วยท่าทีเก้อเขิน


“นานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่มีคนมาเยี่ยมที่บ้าน ไม่ชินเอาเสียเลย” ใบหน้าอ่อนหวานฉายแววไม่มั่นใจเล็กน้อย “ปกติชานี้ครูชงดื่มเองน่ะ ถ้าไม่อร่อยยังไงบอกได้นะ เดี๋ยวครูจะไปเอาน้ำผึ้งมาให้ เอ หรือจริงๆ แล้วครูควรจะเอามาเลยดีนะ...”


เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะลุกขึ้นจากที่นั่งไปหยิบน้ำผึ้งมาจริงๆ ผมจึงรีบชิงพูดห้ามขึ้นมาก่อน “ไม่เป็นไรหรอกครับครู แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้วล่ะครับ”


“แน่ใจนะ”


“แน่ใจครับ”


“ไม่ขมไปนะ”


“เอ่อ เรื่องนั้นผมเองก็คิดว่าคงจะตอบไม่ได้หรอกครับ”


“เอ๊ะ”


เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของคนตรงหน้าผมจึงต้องจำใจบอกความจริงออกไปอย่างช่วยไม่ได้


“พอดีว่าตอนนี้ผมท้องอยู่น่ะครับ ก็เลย...”


“อ๋อ จริงด้วยสิ เอมาเป็นโอเมก้านี่นา ครูลืมไปเสียสนิทเลย”


แล้วพวกเราก็นิ่งเงียบกันไปอึดใจก่อนจะหัวเราะเบาๆ ออกมาพร้อมกัน


“นี่ลูกศิษย์ของครูมีครอบครัวไปอีกรุ่นนึงแล้วเหรอเนี่ย” เขาว่าเบาๆ ก่อนจะยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้นมาจิบ “เวลาผ่านไปเร็วเหมือนเดิมเลยนะ”


“นั่นสินะครับ” ผมรับคำพลางลอบสังเกตท่าทีของคนตรงหน้า


บางที ในเวลาที่ผ่อนคลายแบบนี้ คงจะเป็นโอกาสที่ดีแล้วล่ะ


ผมหยิบขนมขึ้นมาจากจานชิ้นนึงด้วยท่าทางที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุดก่อนจะเริ่มเข้าประเด็น


“ผมแต่งงานเรียบร้อยแล้วล่ะครับ”


“โห จริงเหรอเนี่ย ดีจังเลยนะ”


ผมพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง “เป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ผมรู้จักที่หมู่บ้านน่ะครับ แต่เขาไม่ได้เรียนที่โอเซน อาจารย์ก็เลยไม่รู้จัก”


“นานๆ ทีจะได้เจอลูกศิษย์ที่แต่งงานกับคนต่างเมืองนะเนี่ย” คนตรงหน้าผมคลี่ยิ้มกว้างชวนให้ใบหน้าที่หวานอยู่ด้วยดูงดงามยิ่งขึ้นกว่าเก่า “แล้วเขาเป็นคนแบบไหนเหรอ”


ฮานเป็นคนแบบไหนน่ะเหรอ...


ผมยิ้มกว้างขึ้นกว่าเก่า


“เป็นคนเอาใจใส่ น่ารักแล้วก็ใจดีมากๆ เลยล่ะครับ”


 “งั้นเหรอ ดีจังเลยนะ” อาจารย์ยิ้มรับด้วยใบหน้าอ่อนโยน “ความรักที่ดีน่ะ ต้องใส่ใจกันและกันให้มากๆ นะ”


“อันที่จริง ผมก็ไม่รู้ว่าความรักของผมจะเรียกว่าความรักที่ดีได้ไหมน่ะครับ”


คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาผมแทบจะทันทีที่ผมพูดจบ ใบหน้าอ่อนโยนเริ่มปรากฏความกังวลให้เห็น


“ทำไมเหรอ เขาทำอะไรเธอรึเปล่า”


ผมส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอกครับ แต่ว่า...” จากนั้นผมจึงดึงคอเสื้อให้คนตรงข้ามดู “ผมกับเขาไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันนี่สิครับ”


พวกเราทั้งสองคนก็เงียบกันไปอึดใจก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงพึมพำดังมาจากฝั่งตรงข้าม


“คู่แห่งโชคชะตางั้นเหรอ” อาจารย์หัวเราะเบาๆ หลังจากพูดจบ


หัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่นเสียจนผมรู้สึกเศร้าสร้อยตามไปด้วย


คนตรงหน้านี้...ผ่านความเสียใจมามากมายขนาดไหนกันนะ


“คู่แห่งโชคชะตา ไม่รู้ว่าจะนับเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายเลยนะ” เขาว่าพลางเกลี่ยผมทัดหูเบาๆ “โชคชะตาที่ขีดเส้นเองไม่ได้แบบนั้น ราวกับคำสาปเลยเนอะ”


แล้วคำพูดของคุณพ่อทูนหัวของฮานก็พลันแล่นกลับเข้ามาในหัว


‘สายสัมพันธ์นี้คือคำสาป’


วิ่งกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วเสียจนผมเองก็ยั้งเอาไว้ไม่ทัน


“พ่อทูนหัวของคู่ผมก็พูดอะไรทำนองนี้เอาไว้เหมือนกันครับ” ผมเว้นจังหวะเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ตรงข้ามเริ่มมีท่าทีนิ่งขรึมขึ้น แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็รู้สึกว่าตัวเองต้องพูดสิ่งนี้ออกไป


ต้องพูดออกไปให้ได้


“คุณแดเนียล จูเนียร์ เจเล็ต พ่อทูนหัวของคู่ผมก็เคยพูดเอาไว้ว่า สายสัมพันธ์ที่ถลำลึกมากจนเกินไปทั้งที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันนั้นเป็นคำสาปน่ะครับ”


สิ้นคำพูดของผม ห้องทั้งห้องก็พลันตกอยู่ในความเงียบ


เงียบเสียจนชวนให้หวั่นใจอย่างบอกไม่ถูก


ผมไม่ได้พูดอะไรออกไป อาจารย์เองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่เดินไปเรื่อยๆ เท่านั้นที่ยังคงดังก้องอยู่ในห้องรับแขกเล็กๆ แห่งนี้


ราวกับคนตรงหน้าผมกำลังจมลึกลงไปในห้วงความคิดอย่างไม่อาจจะเรียกกลับคืนมาได้


ราวกับเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว...


ในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนั้น จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าอ่อนหวานยังคงปรากฏรอยยิ้มบางเหมือนเคย หากสิ่งที่แปลกไปก็คงเป็นแววตา


นัยน์ตาสีอ่อนคู่นั้นช่างดูโศกเศร้าเสียจนหัวใจผมยังเผลอเต้นผิดจังหวะ


“จำที่ครูเคยสอนได้ไหม อะไรที่มากเกินไปมันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะ” แล้วถ้วยชาสวยก็ถูกยกขึ้นจิบอีกครั้ง หากครั้งนี้มันถูกจ่ออยู่ที่ริมฝีปากเนิ่นนานกว่าเก่า “แต่เรื่องของความรัก มันก็กะเกณฑ์กันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ เพราะแบบนั้น ครูจึงไม่เห็นด้วยกับเขานะ”


แล้วนัยน์ตาคู่นั้นก็เบนออกไปมองนอกหน้าต่าง


มอง...ไปยังที่ที่ไกลแสนไกลเกินกว่าที่ผมจะจินตนาการถึง


“ต่อให้มันเป็นคำสาป แต่คนที่เลือกว่าจะทำให้มันกลายเป็นคำสาปร้ายหรือคำอวยพรก็คือตัวเราเองไม่ใช่เหรอ”


เขาเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมาสบตากับผม


“เธอคงจะรู้อะไรมาบ้างแล้วสินะ”


ผมชั่งใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าออกไป


“งั้นเหรอ” เขาว่าเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างขึ้นอีกหน่อย “ถ้าอย่างนั้น เธอคงจะพอเห็นตัวอย่างของการทำให้ความรักที่มากมายกลายเป็นคำสาปร้ายแล้วสินะ”


คราวนี้ผมชั่งใจนานกว่าเดิม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะพยักหน้าออกไป


“เพราะฉะนั้น” แล้วเขาก็หยุดไปอึดใจก่อนจะส่งยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้มาให้ผม “อย่าซ้ำรอยพวกเรานะ”


สิ้นคำนั้น มือทั้งสองข้างของผมก็พลันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง


ทำไม...ทำไมถึงยังยิ้มอย่างสดใสได้ขนาดนั้นล่ะ


ทรมานไม่ใช่เหรอ ยังรักเขาไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม...


“เพราะทำผิดพลาดมาแล้วถึงได้เข้าใจ เพราะทำผิดพลาดมาแล้วถึงได้รู้สึกทรมานกับอดีตอยู่อย่างทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น พวกเธอต้องไม่ซ้ำรอยพวกเรานะ”


ไม่เข้าใจ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย


“อาจารย์...ไม่รักเขาแล้วเหรอครับ”


คนถูกถามนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะเค้นหัวเราะออกมา


บางเบาและเจ็บปวด


“มันไม่สำคัญอีกแล้วล่ะ” เขานิ่งไปครู่ใหญ่แล้วจึงพูดต่อ “พวกเราทำผิดพลาดไปแล้ว ทั้งเขาด้วย ทั้งครูเองก็ด้วย พวกเราทำผิดพลาดไปหมด”


อะไรกัน ไม่เห็นจะเข้าใจเลย


“แต่เขาเป็นคนขังอาจารย์ไม่ใช่เหรอครับ เพราะฉะนั้นอาจารย์น่ะ...”


“แต่คนที่ทำให้เขาตัดสินใจขังก็เป็นครูเองนะ”


เอ๊ะ


ชายตรงหน้าหลุบตาลงเล็กน้อย “คนที่ทำให้เขาหมดความเชื่อใจจนต้องจับขังก็คือครูเอง จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้หรอก”


นี่มัน...หมายความว่ายังไงกัน


“ตอนนั้น...เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”


“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ” เขาหัวเราะเบาๆ “มีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายเสียจนจำไม่หมดเลยล่ะ แต่ในคืนนั้น สิ่งที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปกว่าเดิมก็คือการโกหก”


คนพูดเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้นวมนุ่ม ปล่อยให้ร่างกายถูกดูดจมลงไปช้าๆ


“แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่การโกหกก็คือการโกหก ครูฉุนเฉียว เขาเองก็บ้าคลั่ง สุดท้ายมันก็เลยจบลงที่หายนะ”


อาจารย์ของผมเงียบไปอึดใจก่อนจะพูดต่อ


“จำไว้นะเอมา ในชีวิตคู่ที่บิดเบี้ยวแบบนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการจริงใจต่อกัน เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอกับเขาสามารถพูดทุกสิ่งให้อีกฝ่ายฟังโดยปราศจากการหลอกลวงได้” เขาส่งยิ้มมาให้ผม “เมื่อนั้น พวกเธอจะได้ครองคู่กันอย่างแท้จริง ไม่ใช่ในฐานะสัตว์เลี้ยงในกรง ไม่ใช่ในฐานะของผู้ควบคุมกับผู้ถูกควบคุม แต่เป็นในฐานะคนรักอย่างที่ควรจะเป็น”


แล้วนิ้วเรียวสวยของคนตรงหน้าก็แตะลงบนริมฝีปากของเขาเบา


“อย่าโกหก...เด็ดขาด ทั้งเขาและเธอ”


แล้วรอยยิ้มอ่อนโยนก็ถูกส่งมาให้อีกครั้ง


“ครูฝากข้อความนี้ไปถึงคู่ของเธอด้วยนะ”


แล้วในตอนนั้น ผมก็ได้คำตอบทุกอย่างที่ผมอยากจะได้ในที่สุด







***********************************************************************




หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 14 -The Second Hint- 4/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 04-03-2020 21:07:17
ของให้ความรักของฮานและเอลเป็นดังคำอวยพร
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 14 -The Second Hint- 4/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-03-2020 10:15:32
รอๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 15 -The Last Hint- 5/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 05-03-2020 20:41:46




The Last Hint




เพราะเรื่องราวมากมายที่พรั่งพรูออกมาจากปากของอาจารย์ไม่รู้จบ ทำให้ผมไม่สามารถพาตัวเองกลับออกมาได้ตามกำหนดการณ์ที่ตั้งใจไว้ในตอนแรก สุดท้ายก็เลยกลายเป็นว่าผมกับมิกเกลกลับมาถึงบ้านหลังพวกพ่อกับแม่จนได้


ทั้งที่ก่อนจะแยกกับฮานก็อุตส่าห์รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะอยู่บ้านตลอด ถ้าออกไปไหนก็จะรีบส่งข้อความบอก แต่พอเอาเข้าจริงผมก็ไม่รักษาสัญญา


เพราะแบบนั้นผมจึงไม่แปลกใจนักที่ได้เห็นท่าทีแปลกๆ ของอีกคนที่ส่งมาให้


หลังจากผมกับมิกเกลกลับมาถึงบ้าน พ่อกับแม่ก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่าพวกเราหายตัวไปไหนมา มิกเกลยังคงหลบเลี่ยงทุกอย่างได้อย่างแนบเนียนเหมือนปกติ เพียงแค่หัวเราะยิ้มๆ แล้วบอกว่า ‘พาไปเตร็ดเตร่ครับ’ พ่อกับแม่ก็ไม่ซักไซร้อะไรต่อ แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติได้อย่างน่ามหัศจรรย์


พวกเราพูดคุยกัน กินข้าวเย็นด้วยกัน หยอกล้อกันเหมือนปกติ ทุกอย่างดูปกติไปหมดเว้นไว้แค่เพียงเรื่องเดียว


ฮานไม่ยอมสบตาผมเลย...ไม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว


แม้ว่าอีกคนจะดูมีท่าทางเหมือนปกติแทบจะทุกอย่าง คอยดูแลเอาใจใส่ไม่ต่างจากปกติ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมสบตาผมเลย


ท่าทางแบบนี้เห็นทีคงจะไม่พ้นเรื่องนั้นล่ะนะ...


ผมพอจะเดาได้ว่าทันทีที่มาถึงบ้านแล้วไม่เห็นผมกับมิกเกล ฮานก็คงจะรู้ได้ด้วยตัวเองว่าพวกผมต้องออกไปที่ไหนสักแห่งด้วยกัน พ่อกับแม่เองก็คงจะพูดทำนองว่า ‘ไม่ต้องห่วงหรอก เอลคงออกไปกับมิกเกลนั่นล่ะ’ และฮานก็คงจะพยักหน้าแล้วยิ้มรับแต่โดยดีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น


แต่ผมรู้ดีว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุการณ์ภายนอกแต่เป็นในใจของฮาน


ปกติแล้ว ต่อให้ได้ยินว่าผมปลอดภัยดี อย่างไรเสียฮานก็ต้องโทรมาหาหรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องส่งข้อความมา แต่คราวนี้เขากลับไม่ติดต่ออะไรมาเลย ไม่แม้แต่นิดเดียว ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากยอมรับเท่าไหร่ แต่สาเหตุที่เขาไม่โทรหรือแม้แต่ส่งข้อความมาหาผมน่ะ ใช่ว่าจะไม่รู้ไปเสียทีเดียวหรอก


ไม่ใช่ว่าไม่ติดต่อมาเพราะรู้ว่าผมปลอดภัยดี แต่เขาไม่ติดต่อมาเพราะโกรธต่างหาก


โกรธที่ผมผิดสัญญา...ไม่ใช่แค่ผิดสัญญาที่ให้ไว้ ผมกับมิกเกลยังไม่ยอมพูดความจริงออกไปอีกต่างหาก แบบนี้ก็เท่ากับว่าผมกำลังโกหกเขาแบบยกกำลังสองเลยนี่นา


แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เลย


หลังจากเวลาอาหารค่ำจบลง ในที่สุดผมกับฮานก็ได้กลับมาในห้องนอนส่วนตัว สองเท้าของผมก้าวตามแผ่นหลังกว้างที่เดินนำหน้าไปเงียบๆ จนกระทั่งเข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันสองคนแล้วก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเริ่มจากตรงไหนดี


ควรจะขอโทษก่อนหรือบอกความจริงก่อนดีนะ แล้วถ้าจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาจะประหลาดไหม แล้ว...


“เอลจะอาบน้ำก่อนไหมครับ”


“เอ๊ะ อ๋อ ไม่ล่ะครับ” ผมส่ายหน้าช้าๆ “ฮานอาบก่อนเลย”


“โอเคครับ”


แล้วเจ้าของร่างสูงใหญ่ก็เดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่คิดจะหันมามองผมเลยสักนิด


ทั้งที่ถ้าเป็นเวลาปกติแล้วจะต้องหันมายิ้มทะเล้นให้ก่อนแท้ๆ


ผมทิ้งตัวลงกับเตียงก่อนจะเอาหน้าซุกเช้ากับหมอนใหญ่นุ่ม


ฮานนะฮาน ถ้าโกรธกันก็ดุออกมาเลยซี่ พูดออกมาเลยว่าเอลน่ะเป็นเด็กไม่ดี น่าตีสุดๆ


พอคิดได้ถึงตรงหน้า หน้าของผมก็หมองลงเล็กน้อย


ไม่ชอบเลย


ผมขดตัวกอดหมอนแน่นขึ้นกว่าเก่า


ไม่ชอบเวลาทะเลาะกับฮานแบบนี้เลย


ถ้าจะต้องทะเลาะกัน แล้วก็โกรธกัน แล้วก็ไม่พูดกัน จากนั้นก็จะต้องเลิกกัน...


ไม่เอานะ!


เมื่อคิดได้ถึงตรงนั้นผมก็รีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงก่อนจะพุ่งตัวไปเปิดประตูห้องน้ำอย่างรวดเร็ว


เสียงน้ำจากฝักบัวยังคงดังแว่วมาไม่ขาดสายเป็นสัญญาณว่าคนที่ผมกำลังคิดถึงอยู่คงกำลังง่วนอยู่กับการอาบน้ำไม่ผิดแน่ และก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น สองขาก็พลันวิ่งเข้าไปหาคนคุ้นตาด้านในที่กำลังยืนหันหลังอยู่พร้อมกับโผเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มแรง


ผมสัมผัสได้ว่าฮานสะดุ้งเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ขยับตัวหนีไปไหน ไม่แม้แต่จะเอื้อมมือไปปิดฝักบัวด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เขาทำมีเพียงแค่การยืนนิ่งๆ อยู่อย่างนั้น


ทั้งที่ปกติจะต้องหันมากอดตอบแล้วแท้ๆ


พอคิดได้แบบนั้น ความกลัวก็ยิ่งแล่นขึ้นมาในใจจนกระชับอ้อมกอดพร้อมกับซุกหน้าเข้ากับแผ่นหลังของอีกฝ่ายมากกว่าเก่า
“ขอโทษนะครับ” ผมพูดแบบนั้นพลางแนบแก้มเขากับแผ่นหลังกว้างมากขึ้นกว่าเก่า “เอลผิดไปแล้ว”


ฮานไม่ตอบอะไรกลับมา หรือจะพูดให้ถูก เขาไม่พูดอะไรกลับมาเลยแม้แต่คำเดียว


ไม่กอดตอบ ไม่ตอบรับคำขอโทษ แบบนี้แปลว่าผมโดนฮานเกลียดแล้วรึเปล่านะ


ไม่เอานะ ไม่เอาเด็ดขาดเลย


“ฮานอย่าโกรธเอลเลยนะ เอลขอโทษ”


แล้วผมก็ร้องไห้


“คุณตัวโตอย่าโกรธคุณตัวเล็กเลยนะ อย่าโกรธกันเลยนะ เอลผิดไปแล้ว”


สิ้นประโยคนั้น อีกฝ่ายก็มีปฏิกิริยาตอบกลับมา


ฮานใช้มือตัวเองแตะลงบนหลังมือของผมที่โอบรัดตัวเขาอยู่เบาๆ คล้ายเป็นสัญญาณให้ยกออก แม้จะงุนงงเล็กน้อยแต่ผมก็ยอมทำตามคำขอนั้นแต่โดยดี


และทันทีที่เป็นอิสระ อัลฟ่าหนุ่มตรงหน้าก็รวบตัวผมเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด


รวดเร็วและรัดแน่นยิ่งกว่าครั้งไหน


ใบหน้าคมซุกอยู่กับซอกคอของผม ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดลงบนผิวก่อนที่เจ้าของจมูกโด่งจะถือวิสาสะขบเม้มตีตราลงบนผิวต้นคอ


“รู้ใช่ไหมครับว่าตัวเองผิดอะไร”


เสียงของอีกฝ่ายทั้งอู้อี้และงึมงำเสียจนแทบจับใจความไม่ได้ แต่น่าแปลกที่ผมกลับเข้าใจมันได้ดีทุกคำ


“เอลผิดสัญญา”


“แค่นั้นเหรอครับ”


ผมแนบแก้มเข้ากับกลุ่มผมนุ่มของอีกคนพลางส่ายหน้าเบาๆ


“แล้วก็โกหกด้วย”


เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปผมจึงพูดต่อ


“เอลขอโทษที่นะครับ ยกโทษให้ผมเถอะนะ”


แล้วฝ่ามือใหญ่ก็พลันวางลงบนหัวของผมก่อนจะลูบไล้เส้นผมที่เปียกชื้นของผมช้าๆ


“ผมไม่ชอบที่เอลโกหกกับผิดสัญญาแต่เรื่องนั้นก็ยังพอรับได้อยู่”


เอ๊ะ


“แต่เรื่องที่เอลหายไปไกลตา ไปยังที่ๆ ผมตามไปหาไม่ได้แบบนั้น ผมไม่ชอบเลย”


แล้วอ้อมกอดของฮานก็กระชับแน่นขึ้นกว่าเก่า


“ไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่จะไม่รู้ว่าเอลอยู่ที่ไหน ไม่ชอบที่จะไม่มีเอลอยู่ในสายตา ไม่ชอบเลย”


แล้วในตอนนั้น ความทรงจำบางอย่างก็ผุดกลับขึ้นมา


‘เพราะกลัวจะสูญเสียเลยต้องควบคุม เพราะกลัวว่าสุดท้ายจะไม่เหลือใครจึงต้องผูกมัด เรื่องแบบนั้นมันก็เข้าใจได้อยู่ไม่ใช่เหรอ’


คำพูดของมิกเกลที่สะท้อนกลับเข้ามาในหัวยิ่งทำให้ผมเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นกว่าเก่า


หากเป็นเมื่อก่อน ผมก็คงไม่คิดอะไรแล้วปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินต่อไปโดยไม่คิดจะสำนึกถึงจุดสำคัญ ซึ่งสุดท้าย สิ่งนี้อาจจะนำพาพวกเราไปสู่โศกนาฏกรรมอย่างที่พ่อทูนหัวของฮานกับอาจารย์ของผมเคยเจอมา


แต่พวกเราไม่ใช่พวกเขา พวกเราไม่เหมือนกัน


ผมจะทำให้พวกเรากลายเป็นคู่รักที่แท้จริงให้ได้


ไม่อยากให้ฮานต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว


“เอลจะไม่ไปไหนอีกแล้ว” ผมฝังใบหน้าตัวเองลงในกลุ่มผมนุ่มของคนในอ้อมกอด “จะเป็นของฮาน เป็นของฮานคนเดียวตลอดไป”


ฝ่ามือของผมแตะลงกลางหน้าอกของฮานพลางออกแรงดันเบาๆ เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายคลายอ้อมกอด และทันทีที่อ้อมแขนที่พันธนาการหลุดออกไป ผมก็ถือวิสาสะโน้มคอของอีกคนลงมา


“เอลจะเป็นของฮาน เป็นคุณตัวเล็กของฮานตลอดไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”


แล้วผมก็จูบเขา


แล้วพวกเราก็จูบกัน


จากนั้นเสื้อผ้าเปียกชื้นของผมก็ถูกสลัดออกจากร่าง


จากนั้นพวกเราก็กอดก่ายกันและเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง


อีกครั้งและอีกครั้ง จวบจนแสงแรกของพระอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องผ่านม่านหน้าต่างสีขาวสะอาด






*************************************************************************





หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 15 -The Last Hint- 5/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-03-2020 21:47:23
อยากให้คู่พ่อกับครูมาคืนดีกันจัง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 15 -The Last Hint- 5/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 05-03-2020 22:09:09
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 15 -The Last Hint- 5/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 06-03-2020 01:27:46
อ่านคู่ลูก แต่ลุ้นคู่พ่อ งงไหม
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 15 -The Last Hint- 5/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 06-03-2020 13:02:07
คุณตัวเล็กง้อคุณตัวโตชวนใจอ่อนจริงๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ]
เริ่มหัวข้อโดย: Marymo ที่ 06-03-2020 20:34:44



After the rain, there is a rainbow [ตอนจบ]




หลังจากจากกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดของผมในคราวนั้น ชีวิตของผมกับฮานก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป...เล็กน้อย


“นี่เอล เวลาทำงาน ห้ามถือของหนักๆ เด็ดขาดเลยนะครับ มันเสี่ยงต่อลูกนะ”


“โอเคครับ”


“แล้วก็ต้องติดเข็มกลัดคนท้องตลอดเวลาด้วยเข้าใจไหมครับ”


“โอเคครับ”


“แล้วก็ต้องพกกริ่งป้องกันภัยตลอดเวลาด้วยนะ”


“รับทราบครับคุณพ่อคนเก่ง”


“นี่เอล ผมจริงจังนะ อย่าเย้าเล่นซี่”


ผมอมยิ้มมองคนขี้ห่วงก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


ตั้งแต่วันนั้น ฮานเปลี่ยนไปมาก


ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นจะตายยังไง หัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เคยยอมให้ผมออกไปทำงานเด็ดขาด แต่ตอนนี้กลับยอมลดความเคร่งครัดนั้นลงให้แล้ว


ด้วยเพราะยังอยู่ในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ประกอบกับฮานที่เลี้ยงดูผมด้วยฮอร์โมนอย่างดีจึงทำให้ร่างกายของผมแทบไม่มีอาการทางกายหรือจิตใจใดๆ ผมจึงถือโอกาสนี้ออกไปรับทำงานพิเศษสอนหนังสือเด็กอนุบาลเล็กๆ น้อยๆ แถวบ้าน แม้จะเป็นงานที่ได้เงินไม่มากนักแต่ก็นับว่าเป็นงานที่ดีในหลายๆ แง่ ทั้งการเดินทาง สุขภาพ ตลอดจนเรื่องของการได้ถือโอกาสเตรียมตัวเรื่องลูกไปด้วย


การได้เห็นเด็กๆ เติบโตไปพร้อมๆ กับจินตนาการว่าเจ้าตัวน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ในร่างนี้จะโตมาเป็นแบบไหนนั้นเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดระหว่างการทำงานเลย และถ้าฮานได้มาเห็น ผมก็มั่นใจว่าเขาก็คงจะคิดเหมือนกัน


การทำงานในโรงเรียนอนุบาลนั้นสนุกสนานพอๆ กับการรับบทเป็นคู่ชีวิตของฮาน


จากอัลฟ่าหนุ่มผู้ช่างวางแผน ควบคุม หลอกล่อ คอยสังเกตการณ์และทำทุกอย่างให้ผมเดินไปตามแผนที่วางไว้ในวันนั้น มาตอนนี้เขาเปลี่ยนไปมาก ฮานร่าเริงขึ้นมากจากเมื่อก่อน หลังจากที่ไม่ต้องคอยคิดอะไรมากมายอยู่ในหัว รอยยิ้มของเขาดูเปล่งประกายราวกับพระอาทิตย์ในฤดูร้อน


ไม่มีแววตาดำมืดที่ผมเคยเห็นอีกแล้ว พอๆ กับอาการเครียดเกร็งง่ายก็พลอยหายไปด้วย


ในขณะที่จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ง่วนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัว ในใจของผมก็คิดอะไรไปมากกว่าคำว่า ‘ดีจัง’ ไม่ได้


ดีใจ ดีใจเหลือเกินที่วันนั้นตัดสินใจพูดสิ่งที่อยากพูดออกไป


ดีใจเหลือเกินที่ในที่สุดพวกเราก็สามารถพูดสิ่งที่คิดออกมาให้อีกฝ่ายฟังได้เต็มปาก


หลังจากวันนั้น...วันที่พวกเราเปิดใจคุยกัน ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจนน่าประหลาดใจ


ในวันนั้น..หลังจากที่พวกเรากอดก่ายกันจนหมดแรง ถ้าจำไม่ผิดเห็นจะเป็นผมที่เริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน







“ฮาน พวกเรามาเปิดใจกันไหมครับ”


คนตัวสูงเลิกคิ้ว “เปิดใจอะไรเหรอครับ”


“ก็แบบว่า...” ผมนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบตากับคู่สนทนาที่นอนอยู่ข้างๆ “ก่อนหน้านี้ ผมรู้สึกว่าพวกเรากำลังเดินไปตามเส้นทางที่ไม่ควรไป ผมก็เลยรู้สึกว่าอยากจะมาคุยกันให้เข้าใจน่ะครับ”


ฮานดูมีท่าทีงุนงงมากกว่าเดิม “ขอโทษนะครับคุณตัวเล็ก แต่ผมว่า...ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่เอลพูดเลย”


“เอ การอธิบายเนี่ยยากเหมือนกันนะครับเนี่ย” ผมว่าพลางเอียงคอเล็กน้อย “งั้น เรามาเริ่มจากการพูดความจริงกันดีไหมครับ”


“พูดความจริง?”


ผมพยักหน้าหงึกหงัก “มาเล่าทุกอย่างที่เราปิดบังกันไว้มาตลอด จากนั้นก็ค่อยๆ คุยกันดีไหมครับ” ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบอะไรมากกว่านั้น ผมก็ถือวิสาสะโพล่งแทรกขึ้นมาเสียก่อน “เริ่มจากผมก่อนแล้วกันเนอะ”


“เมื่อวานที่ผมหายไปกับมิกเกลทั้งวัน จริงๆ แล้วผมไปหาอาจารย์ของผมมาน่ะครับ”


“อาจารย์เหรอครับ”


ผมพยักหน้ารับ “เป็นเบต้าคู่กรณีของคุณพ่อของฮานด้วยครับ”


ด้วยไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเคลือบแคลงใจไปมากกว่านี้ ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องราวจากนั้นต่อทั้งมหด


“มันเริ่มจากตอนที่ผมเรียนโรงเรียนมัธยมแล้วครับ ผมเคยบังเอิญเห็นว่าอาจารย์มีแผลเป็นน่ากลัวมากที่ข้อเท้าแต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งได้ยินเรื่องของคุณพ่อทูนหัวของฮานเข้า ก็เลยนึกขึ้นมาได้ ก็เลยลองไปหาอาจารย์เขาเพราะอยากจะถามอะไรหลายๆ อย่างน่ะครับ”


ผมเว้นวรรคไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ


“ทุกคนเอาแต่พูดว่าให้พวกเราถอนพันธะกันซะเพราะถ้าวันนึงพวกเราบังเอิญไปเจอคู่แห่งโชคชะตาเข้า พวกเราจะทรมานกันเสียเปล่าๆ ทั้งพ่อของฮาน ทั้งมิกเกล ทุกคนเอาแต่พูดแบบนั้นหมด แต่ฮานก็รู้ใช่ไหมครับ”


แล้วผมก็สบลึกเข้าไปในดวงตาของฮาน


“มิกเกลน่ะ...พี่ชายของผมน่ะ เป็นคนยังไง ชอบทำตัวแบบไหน ฮานที่เคยทำงานร่วมกันกับเขามาบ้างก็คงจะพอรู้ใช่ไหมล่ะครับ”
คนถูกถามพยักหน้าน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพราะแบบนั้นผมจึงถือโอกาสเล่าต่อ


“เขาเตือนผมเรื่องฮานมากมาย บอกอะไรหลายๆ อย่างที่ผมไม่เคยรู้ให้ฟัง ทั้งเรื่องที่ฮานคอยโอบกอดผมด้วยฮอร์โมนอัลฟ่ามาตลอด ทั้งเรื่องความหวาดกลัวต่อความไม่มั่นคงของฮาน มิกเกลพูดมันออกมาทั้งหมดเลยครับ ช่างเป็นผู้ชายที่นิสัยแย่แล้วก็ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านเป็นที่สุดเลย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำเพราะอยากจะปกป้องผม เพราะฉะนั้น...”


ผมแตะหลังมือของฮานเบาๆ


“อย่าโกรธเขาเลยนะครับ”


ฮานนิ่งค้างไป ผมไม่รู้ว่าเขากำลังตกใจเรื่องไหนมากกว่ากันระหว่างเรื่องที่ผมรู้ความจริงหรือเรื่องที่มิกเกลฉลาดจนสามารถเดาทุกอย่างได้อย่างถูกต้องทะลุปรุโปร่ง แต่ถึงอย่างนั้นฮานก็ยังไม่พูดอะไรขึ้นมาสักคำจนผมเริ่มจะหวั่นใจ


หวั่นใจเสียจนต้องรีบพูดสิ่งที่คิดออกไปเร็วกว่าเก่า


“แต่ไม่ว่าใครจะพูดยังไงก็ช่าง จะบอกว่าฮานควบคุมผมยังไง ผมก็ไม่เคยมีแม้แต่เสี้ยวนึงที่จะรู้สึกกลัวฮาน”


ผมยกมือขึ้นลูบใบหน้าของคนข้างๆ เบาๆ


“ต่อให้ฮานอยากจะกักขังผม เลี้ยงดูผมเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ก็ไม่เป็นไร”


แล้วผมก็ส่งยิ้มให้เขา


“ถ้าเป็นฮาน ต่อให้ต้องถูกจับล่ามเอาไว้ตลอดชีวิต ผมก็มั่นใจว่าตัวเองจะมีความสุขแน่ๆ เพราะฉะนั้น...”


แล้วผมก็โน้มตัวลงไปจูบหน้าผมเข้าเบาๆ


“ถ้าฮานกังวัล จะล่ามเอลเอาไว้ก็ได้นะ จะมัดไว้ ขังไว้ หรือควบคุมยังไงก็ได้ แต่อย่ากลัวว่าเอลจะไปจากฮานเลยนะ ชีวิตที่ไม่มีฮานน่ะ...”


แล้วผมก็ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มหยุ่น


“มันน่ากลัวมากๆ เลย”


สิ้นคำพูดนั้น ร่างทั้งร่างก็ถูกดึงรวบเข้าไปในอ้อมกอดแกร่งของคนที่นั่งพิงผนักเตียงเงียบๆ มาตลอด


ฝ่ามือใหญ่ไล้ไปตามเส้นผมของผม


แผ่วเบา เชื่องช้าและอ่อนโยน เหมือนอย่างทุกครั้ง


...เป็นฮานที่ผมรักมาตลอด...


“ตอนที่เอลพูดทุกอย่างออกมา ผมกลัวมากเลยล่ะ” ในที่สุดฮานก็ยอมพูดออกมาหลังจากเงียบมานานแสนนาน “กลัวว่าเอลจะจากไป กลัวว่าเอลจะรู้สึกขยะแขยงเสียจนทนไม่ไหว”


แล้วอ้อมกอดของฮานก็กระชับแน่นขึ้น ใบหน้าคมสันน่าหลงใหลซุกเข้ากับกลุ่มผมของผมอยู่นานแสนนาน


นานแสนจนผมนึกว่าเขาจะไม่พูดอะไรออกมาอีกแล้ว จนกระทั่ง...


“ขอบคุณนะครับ”


‘ขอบคุณนะครับ’


เพียงแค่คำนั้นคำเดียว ทุกอย่างก็พลันสดใสขึ้นทันตา


เพียงแค่ประโยคนั้นประโยคเดียว...


“จากนี้ พวกเรามาเป็นคนรักที่เท่าเทียมและซื่อสัตย์ต่อกันเถอะนะครับ”


“รับทราบครับ คุณตัวเล็กของผม”


แล้วทุกอย่างก็พลันเปลี่ยนไป







หลังจากที่พวกเราพูดเปิดใจกันใน ฮานก็เริ่มปล่อยวางกับความคิดของตัวเองมากขึ้น พร้อมกับยอมสารภาพจนหมดเปลือกถึงสิ่งที่เคยทำมา


ทั้งเรื่องที่จงใจไม่ให้ยากันฮีทผมในเดือนนั้นเพราะคำนวณมาแล้วว่ามีโอกาสที่ผมจะตั้งครรภ์ได้สูง


ทั้งเรื่องที่ไม่มีบริษัทไหนรับผมเข้าทำงานเพราะฮานใช้อำนาจครอบครัวในการกดดัน


ทั้งเรื่องที่ผมไม่มีเพื่อนตอนเรียนมหาลัยก็เพราะฮานคอยกันท่านั่นก็ด้วย


ทุกเรื่อง ทุกอย่างถูกสารภาพออกมาหมดเปลือกราวกับน้ำที่รินไหลออกจากก๊อก


ทั้งที่คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าคงจะเป็นแบบนี้แน่ๆ แต่พอเอาเข้าจริงก็ยังแอบตกใจไม่น้อยเลยเหมือนกันนะ


“เอลกลัวรึเปล่า ฮานขอโทษ ฮานขอโทษนะ อย่าทิ้งฮานไปเลยนะ”


ในวินาทีนั้น ผมมั่นใจว่าถ้าตัวเองพูดออกไปว่า ‘เราเลิกกันเถอะ’ สิ่งที่ฮานจะทำคงไม่พ้นการจับผมล่ามโซ่ขังเอาไว้ในคอนโดนี้แน่ๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นเป็นไร


ถ้าเป็นฮานล่ะก็...ไม่เป็นไรหรอก


“บอกแล้วไงครับว่าถ้าเป็นฮาน เอลไม่กลัวหรอก”


แล้วพวกเราก็ก้าวข้ามผ่านมันมาได้


ทั้งผม ทั้งฮาน พวกเราก้าวข้ามผ่านจุดที่คนธรรมดาบอกว่าอันตรายเข้ามาเสียแล้ว


ความรักที่มากมายจนบ้าคลั่งและบิดเบี้ยวนั้นอาจจะน่ากลัวในสายตาของคนทุกคน แต่สำหรับผมแล้ว...สำหรับพวกเราแล้ว ถ้าหากพวกเราพึงพอใจกับมัน ต่อให้ความรักนั้นไม่ถูกต้องในสายตาของใครก็ไม่เป็นไร


ขอแค่ผมกับเขาพอใจ โลกที่เหลือจะเป็นยังไงก็ช่าง


ผมคิดแบบนั้นในขณะที่โอบกอดฮานที่ตัวสั่นเทาเอาไว้ในอ้อมแขน


ผมรู้ดี หลังจากนี้ พวกเราจะได้ครองคู่กันอย่างแท้จริงแล้ว







- The End -
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 06-03-2020 21:26:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 06-03-2020 22:26:53
ขอบคุณนะคะเราจะมีโอกาสเห็นตัวเล็กมั้ยนะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 07-03-2020 03:11:07
เอลผู้อ่อนโยนและเข้มแข็งสมเป็นว่าที่คุณแม่ อยากให้มีต่อเพราะอยากรู้เรื่องราวของเบบี๋และอยากติดตามเวลาคุณตัวเล็กกับคุณตัวโตช่วยกันเลี้ยงลูก :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 07-03-2020 16:54:23
จบแล้ว ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-03-2020 02:48:46
ผ่านพ้นกันไปด้วยดี
อยากเห็นช่วยกันเลี้ยงเบบี๋นะ  :hao5:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-03-2020 16:35:44
ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 15-03-2020 03:20:42
 :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: phai ที่ 15-03-2020 10:59:59
อยากให้มีตอนพิเศษจังค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 15-03-2020 11:37:58
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์บิน ที่ 15-03-2020 18:38:56
 :mew4: อยากอ่านตอนมีเจ้าตัวเล็กกกกกอยากเห็นฮานเป็นคุงป้ออออออออออ ฮือออออออ ขอตอนพิเศษได้ไหมจ๊ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 17-03-2020 20:29:06
สนุกค่ะ เรื่องน่ารักดีค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: TiGgeRLuMOs62 ที่ 18-03-2020 11:44:20
พอรู้สิ่งที่ฮานทำก็น่ากลัวเหมือนกันนะ เป็นการควบคุมที่เรียกได้ว่าค่อยๆแทรกซึมอย่างสมบูรณ์
แอลเข้มแข็งและอ่อนโยนมากเลยนะ มันคงไม่ใช่ทุกคนที่จะรับกับสิ่งที่ฮานทำได้
และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่พอเป็นแอลมันก็เหมือนกับว่า เพราะคนที่ทำเป็นฮาน แอบก็เลยอยากเดินด้วยกันไปให้สุดทาง
สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้เลือกชะตาชีวิตของตัวเองว่าจะให้เป็นคำอวยพร หรือคำสาป
เราชอบพล็อตของคู่แห่งโชคชะตามาก เหมือนเป็นทางเลือกว่า ระหว่างความโรแมนติกในมุมมองที่เป็นพรหมลิขิต กับความรัก
ที่เราสามารถเลือกทางเดินได้เอง เราอยากเป็นแบบไหนกันแน่
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 20-03-2020 07:25:31
ดีมากจ้า ละมุนสุด
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 20-03-2020 18:23:50
 :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 20-03-2020 22:22:35
น่าร๊ากกกกก  :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 21-03-2020 00:36:35
มีคู่คุณพ่อด้วยใช่มั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 21-03-2020 07:44:23
ท้องแน่ๆ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 21-03-2020 07:52:02
ในที่สุด
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 21-03-2020 08:10:23
โอ้ยยยย..ขอกรี๊ดดดให้กับความรักของพี่ฮานและความน่ารักของเอล ดีงามที่สุดในสามโลก ชอบมากๆๆทุกตอน อยกให้เขียนต่อไปอีก ความละมุนที่พี่ฮานจะมอบให้เอลและลูกต้องเป็นอะไรที่วิเศษที่สุด.. จะรออย่างมีศรัทธานะ
 :mew1: :mew1: :mew1:  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: darkangel ที่ 21-03-2020 08:39:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: jennay ที่ 21-03-2020 13:16:13
เรื่องนี้คือดีงามมาก มีความโมเมก้า ถือว่าเป็นอีกมุมนึงที่ไม่เคยคิดมาก่อน นี่ก็เสียวๆอยู่ว่าจะจบดีมั้ัย สรุปคือดี ชอบความคิดนายเอกมาก ภาษาก็ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 23-03-2020 19:25:50
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: ป้าหมีโคตรขี้เกียจ ที่ 24-03-2020 22:43:56
เอลนี่มันเอลจริงๆเลย มีความรู้สึกเหมือนสำนวนเวลาอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นหน่อยๆ พวกคำอุทาน "เห~" อะไรแบบนี้ด้วย พออ่านไปในหัวก็จะมีภาพสี่ข่องแบบการ์ตูนลอยขึ้นมาประกอบกัน อยากให้รู้ว่าชอบมากกกกกก

เห็นประกาศในทวิตของคุณปิงปองแล้วก็ใจหาย ขอบคุณที่เขียนงานดีๆมาให้อ่านนะคะ ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วย ดีใจที่ได้รู้จักงานของคุณปิงปองนะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 15-04-2020 08:55:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: gibari ที่ 27-05-2020 11:09:05
อ่านแล้วรู้สึกบรรยากาศเย็น ๆ ไปทั้งเรื่อง แต่ไม่มีช่วงไหนที่รู้สึกเบื่อหรือไม่สนุกเลยค่ะ มันดีมาก ๆ เลย

เรื่องรารเหมือนจะมีความดาร์คอยู่เล็ก ๆ แต่ด้วยความที่มันไม่เรงเร้าหรือรีบรอ้นในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เรื่องมันเลยดูเย็นไปหมดเลยค่ะ

สนุกมากเลย ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 04-08-2020 19:42:31
ตอนแรกที่เห็นชื่อนึกว่าจะใสๆ
แอบมีหม่นๆเทาๆอยู่ด้วย
ดูเป็นชีวิตดี
อยากอ่านตอนพิเศษหลังเด็กคลอดแล้วจัง
น่าจะสนุกมาก
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 07-08-2020 11:52:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Shhblue1420 ที่ 07-08-2020 22:21:01
ชอบมากๆ ขอบคุณที่แต่งให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: lilchubby ที่ 13-09-2020 07:24:25
เนื้อเรื่องซับซ้อนกว่าที่คิดไว้มาก น่าติดตาม อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Kimmiku ที่ 11-07-2021 16:35:33
ละมุน ลุ่มลึก ชะตารักที่ขีดเอง เพราะรักเลยรับกันและกันได้ อยากอ่านเรื่องของมิกเกลบ้าง
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 28-07-2021 13:26:57
 :z13:
หัวข้อ: Re: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 03-05-2022 00:01:34
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ เรื่องนี้นะคะ  :กอด1: