รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รังนุ่มนิ่มของคุณตัวเล็ก [Omegaverse] - ตอนที่ 16 - [ตอนจบ] - 6/03/2020  (อ่าน 58623 ครั้ง)

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ความน่ารักของคู่นี้ระดับปรอทแตกเลย...ละมุนมาก  :heaven

แต่อยากรู้ว่าช่วงที่ฮานหายไป..หายไปไหน  :m28: คุณตัวเล็กเลยอยู่คนเดียวเลย

แต่ก็ดีที่ฮานกลับมา  :mew1: แถมจับจองคุณตัวเล็กไว้แบบเนียน ๆ ด้วย :m1: น่ารัก  :m3:

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น



Chaining




อดยอมรับไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วผมนั้นเป็นโอเมก้าเพ้อฝัน


ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องราวเมื่อสี่วันก่อนขึ้น ผมได้เริ่มคิดเรื่องอนาคตของตัวเองมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว ทั้งเรื่องอาชีพและหน้าที่การงาน ตลอดจนการลงหลักปักฐานสร้างครอบครัว ไหนจะเรื่องที่ต้องรีบหาที่อยู่ของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของฮานอีก ในตอนแรกผมกะเอาไว้ว่าจะรีบหางาน เก็บเงินแล้วก็ย้ายออก เผื่อว่าฮานจะอยากสร้างครอบครัวเป็นตัวเป็นตน ผมจะได้ไม่กลายเป็นภาระที่น่ารำคาญ


ถึงปากจะพูดว่า อยากจะย้ายออกเพื่อไม่ให้เป็นภาระ แต่ความจริงแล้วผมก็แค่อยากจะหนีภาพบาดตาก็เท่านั้น


เรื่องความรู้สึกที่ผมมีต่อฮานมันชัดเจนมาตั้งแต่สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ปีสองที่มหาวิทยาลัยแล้ว เผลอๆ อาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราพบกันเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งฐานะของพวกเรา สถานะความสัมพันธ์ของพวกเรา ตลอดจนฮาน พวกเราก็เลยไม่เคยข้ามขั้นไปถึงจุดที่เรียกว่าคนรักสักที


ใช่ ฮานนั่นล่ะ


ฮานไม่เคยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาคิดกับผมแบบไหน ไม่เคยบอกว่ารัก ไม่เคยทำตาวิบวับเหมือนพระเอกในซีรี่ย์เวลามองนางเอกเลยสักนิด เพราะแบบนั้นผมเลยคิดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ชอบผมในแบบที่ผมชอบเขา เชื่อมาตลอดว่าที่เขาทำมาทั้งหมดก็แค่เพราะเขาเป็นเพื่อนที่แสนดี จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเมื่อสี่วันก่อนนั่นล่ะ ผมถึงได้เข้าใจ


ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกก็เพิ่งจะเข้าใจแจ่มแจ้งเมื่อเช้านี้เอง


ตอนที่โดนกัดเพราะเกิดอาการฮีท ผมเข้าใจและมั่นใจไปเองว่าฮานต้องเป็นคู่แห่งโชคชะตาของผมแน่ เพราะฉะนั้น ต่อให้เขาไม่ได้รักผมในแบบคนรักหรืออะไรแบบนั้นก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียโชคชะตาก็ผูกพันเราเอาไว้แล้ว


อย่างไรเสีย คนอย่างฮานก็จะอยู่กับผมตลอดไปแน่แม้ว่าจะไม่ได้คิดรักผมในแง่คนรักมากมายเท่าไหร่ก็ตาม ผมคิดแบบนั้นมาตลอดเวลาที่ถูกเขากกกอดจนกระทั่งเมื่อเช้านี้เองที่ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดไปทั้งหมด


ฮานไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของผม


ไม่เคยเป็นและไม่มีวันเป็นได้


ปกติแล้ว หากอัลฟ่าและโอเมก้าที่เป็นคู่แห่งโชคชะตาทำพันธะสัญญากัน สัญลักษณ์แห่งวิญญาณจะต้องปรากฏบริเวณต้นคอของโอเมก้าเพื่อเป็นการแสดงพันธะ แต่จากการส่องกระจกเมื่อเช้า ไม่ว่าจะพยายามเพ่งมองแค่ไหน สิ่งที่เห็นก็มีเพียงรอยรักสีม่วงช้ำเท่านั้น


ไม่มีสัญลักษณ์อะไรเลยที่บอกว่าผมคือคู่แห่งโชคชะตาของฮาน


เพราะฉะนั้นเรื่องราวทั้งหมดที่ผมคิดไว้จึงต้องพับเก็บลงกระเป๋าแล้วถูกแทนที่ด้วยกระดาษแผ่นใหม่ที่ว่างเปล่า มันว่างเปล่าเพราะผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น


‘ความรักที่รุนแรงจนสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการรัทขึ้นมาได้ หากไม่บิดเบี้ยวจนผิดรูปร่างก็คงรุนแรงและบ้าคลั่งดั่งพายุหมุน’


ไม่เคยมีสักครั้งที่คิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง


‘เพราะฉะนั้นเหล่าโอเมก้าทั้งหลาย จงภาวนาให้ได้เจอกับคู่แห่งโชคชะตาแทนที่จะต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนแห่งพันธนาการที่แสนอันตรายนั้นเถอะ’


โซ่ตรวนพันธนาการงั้นเหรอ...


ผมเหลือบตามองคนที่ยังคงตั้งใจจดจ่ออยู่กับการขับรถพลางแอบคิดเงียบๆ ในใจ


บางที เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวผมอาจจะไม่ใช่ความบังเอิญ


ความทรงจำมากมายถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเพื่อควานหาคำตอบที่ต้องการที่สุด ถ้าจำไม่ผิด เหมือนว่าครั้งหนึ่งในสมัยที่ผมยังคงเรียนมัธยมปลายอยู่ที่โรงเรียนเล็กๆ ใกล้หมู่บ้าน ผมเคยไปถามอาจารย์เพิ่มเติมหลังเลิกเรียนเกี่ยวกับอาการรัทของอัลฟ่าเพื่อมาทำรายงานอยู่นี่นา


นั่นสิ ตอนนั้น ผมถามว่าอะไรนะ เรื่องอาการรัท ไม่ก็อาการน็อท ไม่ก็...


อ้อ นึกออกแล้ว


ในวันนั้น เมื่อหลายปีก่อน ผมเคยไปพบอาจารย์วิชาสุขศึกษาเพื่อถามเกี่ยวกับอาการรัทในกรณีที่สองของอัลฟ่าเพื่อมาทำรายงานส่งในวิชาชีววิทยานี่นา


จำได้ว่าอาจารย์วิชาสุขศึกษาเป็นเบต้าผู้ชายที่ใจดีและมีผมสีน้ำตาลอ่อนหอมยาวจนถึงกลางหลัง เขาอนุญาตให้ผมเข้าไปพบหลังเลิกเรียน หลังจากนั้นก็...


‘เอ๊ะ เธออยากรู้เรื่องอาการรัทในกรณีที่สองของอัลฟ่าเหรอ’


ใช่ๆ เหมือนเขาจะพูดอะไรแบบนั้นล่ะ


‘เอ มันพูดยากอยู่นะ จะว่ายังไงดีล่ะ ถ้าจะให้พูดจริงๆ ก็คือ มันค่อนข้างจะอันตรายน่ะ’


‘อันตรายเหรอครับ’


ผมจำได้ว่าเขาพยักหน้าพร้อมกับทำสีหน้าประหลาด


‘อะไรที่มันมากเกินไป มันก็ไม่ดีทั้งนั้นล่ะจริงไหม ความรักก็เหมือนกันนั่นล่ะ ถ้ามันมากเกินไป ก็จะกลายเป็นเหมือนโซ่ตรวนที่พันธนาการเราเอาไว้ไม่ให้ไปไหน บางคู่น่ะ อัลฟ่าถึงกับล่ามคู่ตัวเองไว้กับเตียงไม่ให้เห็นเดือดเห็นตะวันเลยก็มีนะ ถึงส่วนตัวแล้วครูจะมองว่ามันเข้าใจได้ แต่ยังไงซะ การริดรอนเสรีภาพคนอื่นแบบนั้นก็เป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อยู่ดีจริงไหม’


‘อัลฟ่าที่ล่ามโอเมก้าน่ะผมก็พอเข้าใจได้อยู่นะครับ คงเพราะอาการฮีทด้วยอะไรด้วย แต่อัลฟ่าที่ล่ามเบต้านี่เพราะอะไรกันเหรอครับ’



ในตอนนั้น ครูของผมทำเพียงแค่เบนหน้าหนีแล้วพึมพำออกมาเบาๆ


‘นั่นสินะ’ เขาตอบด้วยส่ายตาเลื่อนลอย ‘ครูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน’


แม้จะไม่แน่ใจนัก แต่เหมือนว่าตอนนั้นเขาจะเงียบไปครู่นึงก่อนจะตอบกลับมาด้วยท่าทางที่ประหลาดกว่าเก่า นัยน์ตาของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่สักอย่าง อะไรบางอย่างที่ดูเหมือนจะไกลไปกว่าสิ่งที่เขียนไว้ในตำรา


อา ใช่ๆ ผมว่าที่ผมจำได้แม่นก็เพราะท่าทีแปลกๆ ของเขานี่ล่ะ


อาจจะเพราะรู้สึกมากเกินไปแต่ไม่สามารถพันธนาการเอาไว้ได้ล่ะมั้ง เพราะไม่ว่าอัลฟ่าจะเพียรกัดเบต้ามากแค่ไหน เบต้าก็ไม่มีวันที่จะผูกพันธะกับอัลฟ่านั้นได้’ เขานิ่งไปอีกอึดใจก่อนจะพูดต่อ ‘สุดท้ายแล้วก็คงเพราะกลัวจะสูญเสียนั่นล่ะ ก็เลยทำอะไรลงไปโดยไม่คิด พอรู้ตัว ก็เลยสูญเสียมันไปจริงๆ’


แล้วจู่ๆ เขาก็กลับมาทำท่าทีร่าเริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


‘ไหน มีคำถามอะไรอีกไหม’


‘อา..ไม่มีแล้วครับ’


‘โอเค งั้นครูขอทำงานต่อก่อนนะ’


‘ตามสบายเลยครับอาจารย์’



อ๋อ นึกออกแล้ว กะแล้วเชียวว่าเหมือนจะลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไป


ในตอนนั้น ในจังหวะที่ผมกำลังค้อมหัวให้อาจารย์เป็นการบอกลา นัยน์ตาของผมก็พลันเหลือบไปเห็นร่องรอยแผลเป็นใหญ่ที่ข้อเท้าอาจารย์ทั้งสองข้างเข้าพอดี แม้ตอนนั้นจะไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรออกไป แต่ในใจผมก็พอจะเดาได้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น


บางที เรื่องอัลฟ่าที่กักขังเบต้าเอาไว้นั่น อาจจะเป็นเรื่องของอาจารย์เองก็ได้


แย่จริง ทำไมผมถึงลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้นะ


ผมแอบเหลือบมองฮานที่ยังคงตั้งใจขับรถอย่างมุ่งมั่นอีกครั้ง


หวังว่าฮานจะไม่จับผมไปล่ามไว้แบบนั้นนะ ไม่งั้นเวลาไปเข้าห้องน้ำผมคงลำบากแย่เลย









ตั้งแต่เด็กจนโต ผมเคยได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องความร่ำรวยของตระกูลเจเล็ต...ของครอบครัวของฮานมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้น่ะนะ...


ผมกวาดตามองทิวทัศน์รอบด้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนเก็บไม่มิด ทันทีที่รถยนต์เคลื่อนที่ผ่านเข้ามาด้านในกำแพงอันเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลของครอบครัวเจเล็ต สวนและสนามหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตาก็พลันปรากฏขึ้นตรงหน้า ถนนกว้างที่ทอดยาวตรงเข้าไปยังที่ใดสักแห่งราวกับไม่มีจุดสิ้นสุดถูกห้อมล้อมไปด้วยรูปปั้นประดับและพืชพันธุ์มากมายตลอดรายทาง เมื่อเพ่งมองออกไปดีๆ จะเห็นหมู่อาคารใหญ่โตกระจัดกระจายไปรอบๆ ผืนดินแปลงใหญ่


ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าเมื่อครู่ผมลองหยิกตัวเองแล้วมันเจ็บมากๆ ผมก็จะเชื่ออย่างสุดใจเลยว่าตัวเองกำลังฝันไป


นี่มันเกินคำว่าบ้านหรือคฤหาสน์ไปแล้ว ดูยังไงก็อาณาจักรชัดๆ เลยไม่ใช่เหรอ! รู้แบบนี้ไม่ตอบตกลงไปก็ดีหรอก


ผมนั่งบ่นอุบอิบอยู่ในใจก่อนจะเบนสายตาไปมองคนที่ยังขับรถด้วยท่าทีสุขุมและไม่วอกแวกเหมือนเคยพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาหมาดๆ เมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนขึ้นมา


หลังจากที่ฮานพาผมไปจัดการเรื่องเอกสารที่สำนักงานรัฐเรียบร้อย เจ้าตัวก็เอ่ยปากอาสาอยากพาผมมาพบกับพ่อบุญธรรมผู้มีพระคุณกับเขามาตลอด แม้จะยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายผมก็ไม่สามารถจะเอ่ยปากปฏิเสธดวงตาที่ดูมีความสุขสุดๆ คู่นั้นได้เลย


‘ไปเถอะนะเอล คุณพ่อต้องดีใจแน่ๆ เลย‘


‘แต่ว่า...’


‘คุณพ่อน่ะ ทั้งใจดี ทั้งอ่อนโยน ไม่ต้องกลัวไปนะครับ’


‘เอ่อคือ...’


‘นะเอลนะ ผมว่าคุณพ่อต้องดีใจแน่ๆ ที่รู้ว่าผมกับเอลผูกพันธะกันแล้ว’


‘จะดีเหรอ...’


‘ดีสิครับ’


‘แต่...’


‘นะเอลนะ นะครับ’


‘อา ก็ได้ครับ’



สุดท้ายก็เลยจบลงที่การต้องนั่งมือเย็นตื่นเต้นอยู่ในรถแบบนี้ไงล่ะ


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาเบาๆ เพื่อระบายความตื่นเต้นในใจ ในขณะเดียวกันผมเองก็พยายามเรียกเค้นสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับตระกูลเจเล็ตเท่าที่จำได้ขึ้นมาจากก้นบึ้งลึกสุดของสมองเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเจอหน้าพ่อแม่สา...เอ่อ...สา....เอ่อ....ไม่ไหวแฮะ ขอเรียกแฟนไปก่อนก็แล้วกัน ถึงจะจดทะเบียนสมรสแล้วก็เถอะ


นั่นล่ะ ที่ผมอยากจะพูดคือการไปเจอหน้าพ่อแม่แฟนครั้งแรกก็ต้องเตรียมตัวใช่ไหมล่ะ อย่างน้อยถ้าเกิดว่าผมจะต้องผ่านด่านการทดสอบเหมือนในละครที่เคยดูมา ก็จะได้พอเตรียมใจตัวเองเอาไว้บ้าง


ว่าแต่ ตระกูลเจเล็ตนี่มีอะไรบ้างน้า...


สิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตระกูลของฮานคือพวกเขาเป็นนักธุรกิจที่จับงานธุรกิจหลากหลายประเภทมาตั้งแต่สมัยโบราณ สมาชิกส่วนใหญ่ของตระกูลเป็นอัลฟ่าและเป็นเช่นนั้นมาตลอด สายเลือดอัลฟ่าเข้มข้นที่เกิดจากโอเมก้าชั้นสูงถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาตลอดระยะเวลาหลายร้อยปี เท่าที่ผมรู้ เหมือนว่าจะไม่มีใครในตระกูลเจเล็ตเกิดจากเบต้าเลยสักคน หรือถ้ามี ผมก็ไม่เคยรับรู้ถึงการมีอยู่ของคนๆ นั้นเลย


อา แย่จัง นี่มันแทบจะไม่รู้อะไรเลยนี่หว่า แต่ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ต้องโทษคนนู้นเขาล่ะ


ผมเหลือบตามองพลางบุ้ยปากใส่คนที่กำลังตั้งใจขับรถเงียบๆ


ฮานไม่ค่อยจะเล่าเรื่องที่บ้านให้ผมฟังมากนัก ทุกครั้งที่เล่าก็มักจะมีคำประเภท ‘น่าเบื่อ’ หรือ ‘น่ารำคาญ’ อะไรพวกนั้นติดมาด้วยเสมอ แต่นั่นไม่นับรวมเวลาที่เขาพูดถึงพ่อบุญธรรมของตัวเองนะ


แม่แท้ๆ ของฮานเสียไปตั้งแต่เขายังอายุได้ไม่กี่เดือน เท่าที่เขาเคยเล่าให้ฟัง ผมจำได้ว่าแม่ของฮานเป็นอัลฟ่าคนหนึ่งที่เกิดในสายตรงของตระกูลเจเล็ต เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งสวย เก่ง และเฉลียวฉลาดเกินใคร เมื่ออายุได้ยี่สิบปี แม่ของเขาก็ออกเดินทางไปยังดินแดนตะวันออกและตั้งรกรากขยายอาณานิคมของตระกูลอยู่ที่อินเดียร่วมสิบปี และที่นั่น เธอก็ได้พบรักกับโอเมก้าหญิงชาวพื้นเมือง หลังจากนั้นไม่นาน ฮานก็ได้ลืมตาดูโลก


การถือกำเนิดของเด็กทารกจากคู่รักหญิงอัลฟ่ากับโอเมก้าหญิงชาวพื้นเมืองครั้งนั้นเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว ทารกที่เกิดจากคู่รักหญิงนั้นมีน้อยมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นลูกครึ่งยิ่งแทบไม่มี


‘เพราะแบบนั้น พวกเขาจึงเรียกผมว่า ‘ของหายาก’ มาตลอดทั้งชีวิตไงครับ’


วินาทีที่ฮานพูดประโยคนั้นออกมา นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยเจ็บปวดเสียจนผมไม่อาจนิ่งเฉยได้ สุดท้ายแล้วกิจกรรมเล่าเรื่องราวของตัวเองในยามค่ำคืนก็จบลงเพียงแค่นั้น


ค่ำคืนนั้นจบลงด้วยการที่ผมดึงตัวฮานเข้ามากอดปลอบไว้ตลอดทั้งคืน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรื่องแม่เป็นบาดแผลที่ใหญ่แค่ไหนในใจของฮาน แค่พูดถึงเพียงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาก็พลันเศร้าหมองขึ้นถนัดตา


หลังจากวันนั้น ผมก็ทำได้แค่ภาวนาว่าอย่าให้เขาต้องพบเจอกับความเจ็บปวดจากเรื่องนี้อีกเลย


หวังว่าการที่เขาพาผมกลับมาบ้านของตัวเองคราวนี้จะไม่ไปทำให้เขารู้สึกแย่จนเกินไปนักนะ


ผมลอบมองฮานอีกครั้งก่อนจะอมยิ้มบาง


ไม่เป็นไรหรอก ถ้าคราวนี้ใครคิดจะรังแกฮานล่ะก็ ผมนี่ล่ะจะเป็นคนคอยปกป้องเขาเอง


ยังไม่ทันที่ผมจะได้ชื่นชมกับความแข็งแกร่งของตัวเอง รถยนต์ที่ผมโดยสารมาตลอดก็พลันจอดสนิทลงหน้าอาคารไม้สองชั้นสีขาวหลังหนึ่ง


เทียบกับขนาดของที่ดินและประติมากรรมตลอดเส้นทางที่พวกเราขับรถผ่านมา อาคารไม้หลังนี้จัดว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่ทั้งเรียบง่ายและสงบอย่างน่าเหลือเชื่อ ดอกไม้นานาพันธุ์ที่เบ่งบานชูกิ่งก้านอยู่รอบตัวบ้านชวนให้รู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่มอง บนชั้นบนสุดของแท่นน้ำพุกลางลานประดับด้วยรูปปั้นของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังวิ่งเล่นกับเหล่ากวางช่างชวนมองอย่างน่าประหลาด


ความหรูหราที่ไม่ได้ทำให้เกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรกันนะ


“ถ้าจ้องนานกว่านี้อีกนิด คุณเทพธิดาเขาจะโกรธเอานะครับ”


“ฮะ? เฮ้ย!”


ในขณะที่ผมกำลังจะหันไปถามคนพูดว่าหมายความว่ายังไง นัยน์ตาก็พลันเห็นใบหน้าของอีกคนอยู่ใกล้ในระดับที่ถ้าผมถอยตัวออกมาช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ริมฝีปากของพวกเราก็คงประกบเข้าหากันไปแล้ว


“ฮานอา! ตกใจนะ” ผมเอ็ดอีกคนลั่นพลางตีแขนเขาไปเบาๆ “ตกใจจนลืมข้อมูลหมดแล้วเนี่ย”


คนฟังขมวดคิ้วยุ่งพลางมองผมด้วยสีหน้าสับสน


“ข้อมูลอะไรเหรอครับ”


“ก็ข้อมูลของครอบครัวฮานไง”


คราวนี้คิ้วเรียวสวยพันกันหนักขึ้นกว่าเก่า


“จำไปทำไมล่ะครับ”


“ก็เผื่อโดนทดสอบไง เหมือนในหนังประเภทที่ว่า ‘เธอจะแต่งงานกับลูกของฉันไม่ได้จนกว่าจะได้รับการยอมรับ’ น่ะ”


สิ้นคำตอบของผม บรรยากาศในรถก็พลันเงียบไปอึดใจก่อนที่ฮานจะเป็นฝ่ายระเบิดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเสียจนผมเริ่มรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา


อา เพราะตกใจก็เลยเผลอพูดทุกอย่างที่คิดออกไปหมดเลย น่าอายชะมัด


เพราะไม่รู้ว่าควรจะเถียงหรือพูดอะไรออกไปดี สุดท้ายผมจึงทำได้แค่นั่งมองอีกคนหัวเราะอยู่เฉยๆ ด้วยความอับอายอย่างถึงที่สุด ปากมันก็อยากจะเถียงออกไปอยู่หรอก แต่กลัวว่ายิ่งพูดน้ำตาก็จะยิ่งเอ่อขึ้นมานี่สิ ผมยิ่งเป็นพวกยิ่งโมโหยิ่งร้องไห้อยู่ด้วย ไม่ชอบตัวเองเอาเสียเลย


คงเพราะผมเงียบนานเกินไป ในที่สุดเจ้าคนตัวโตก็รู้ตัว


“เอลโกรธเหรอ”


ไม่ตอบหรอกนะ


“นี่เอล ฮานเย้าเล่นนะ”


แต่ผมอายจริงนี่นา


“เอล สบตาฮานสิครับ”


ไม่มอง ไม่มองใครทั้งนั้นล่ะ


“ตัวเล็กครับ ผมขอโทษ”


บ้าจริง ใช้ไม้ตายตลอดเลยเชียว


“ก็ไม่ได้โกรธ...” ผมนิ่งไปนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ “ก็ไม่ได้โกรธอะไรขนาดนั้น”


มือใหญ่ของเขารวบมือทั้งสองข้างของผมเข้าไปกอบกุมไว้แน่น


“ขอโทษนะ อย่าโกรธกันเลยนะครับ”


“อือ” ผมพยักหน้าทั้งที่ยังไม่สบตา “หายแล้วล่ะ”


“ถ้าหายก็ต้องสบตาก่อนนะ”


ผมบุ้ยปาก “ทำไมต้องสบตาล่ะ”


“ก็จะได้รู้ไงครับว่าหายโกรธแล้วจริงๆ” นิ้วโป้งใหญ่ถือวิสาสะเขี่ยหลังมือผมไปมา “นะครับ”


ให้ตายสิ แพ้เขาทุกทีเลยเชียว


ผมค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองคนที่จ้องมาก่อนหน้าอยู่แล้วพร้อมกับบุ้ยปากใส่อีกครั้ง


“มองแล้วนี่ไง”


คนฟังยิ้มกว้างก่อนจะก้มหน้าลงมาหอมปลายจมูกผมเบาๆ “ขอบคุณนะครับ”


เนี่ย ฮานก็เป็นซะแบบเนี่ย ให้จะให้ผมทำยังไงล่ะ


“พอเลย” ผมเอ่ยปรามคนที่เริ่มเคลื่อนริมฝีปากของตัวเองไปทั่วหน้าผมเบาๆ “ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวคุณพ่อรอนะ”


“จริงด้วยสิ งั้นอันนั้นมัดจำไว้ทำที่บ้านเราก็แล้วกันเนอะ”


แล้วเขาก็หัวเราะคิกคักก่อนจะผละออกไป มือใหญ่หยิบคว้ากุญแจรถออกมาใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเปิดประตูลงจากรถไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับตั้งใจทำตามคำสั่งของผมจริงๆ


เนี่ย เนี่ย ฮานก็เป็นซะแบบนี้ตลอดเลย


แล้วผมก็พลันฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่ลงไปก่อนหน้าอุตส่าห์เดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้


“ยินดีต้อนรับสู่ฝั่งตะวันออกของคฤหาสน์เจเล็ต เขตแดนของแดเนียล จูเนียร์ เจเล็ตและลูกชายบุญธรรม ฮาร์วี่ โรมิอาน่า เจเล็ตครับผม ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสต้อนรับสมาชิกคนใหม่ของบ้าน ถ้าไม่รังเกียจ รบกวนเชิญเข้าไปดื่มชาด้วยกันด้านในนะครับ”


แล้วฮานก็พลันฉีกยิ้มกว้างส่งมาให้


“คุณภรรยาของผม”


ให้ตายสิๆ แล้วผมจะหลุดพ้นจากบ่วงของคนๆ นี้ไปได้ยังไงกันล่ะ


อาจารย์ครับ โซ่ตรวนที่อาจารย์เคยบอกไว้นี่ น่ากลัวจริงๆ ด้วยล่ะ




**********************************************************************





ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
คุณตัวเล็กน่ารักอ่า  :mew1:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
ง่ะ เริ่มมีปมตามมาให้ค้นหา
ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาจริงๆ เหรอ
แล้วจะเป็นยังไงต่อเนี่ย...เฮ้อ~~~

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
แล้วถ้าน้องไปเจอคู่แห่งโชคชะตาจะเป็นอะไรมั้ย แงง มีแต่เรื่องน่าสนใจเต็มไปหมดเลย เรื่องของคุณครูเบต้า ประวัติของฮาน คุณตัวเล็กนี่ไม่ได้กลัวเค้าจับล่ามจริงๆนี่นา ทำไมถึงโตมาเป็นคนน่ารักขนาดนี้นะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
อยากอ่านความรู้สึกของฮานบ้าง สัมผัสได้ว่ารักน้องมาก อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆ    :hao7:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งานมาม่าก็มา...ปม ปม ปม เริ่มทยอยมาแล้ว :hao7:

ออฟไลน์ Pangpang24pp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
น้องลูกหนูต้องกลัวอย่าอื่นซิ ไม่ใช่กลัวเข้าห้องน้ำลำบาก5555 แต่จะกลัวทำไม่ล่ะฮานเค้ารักของเค้า เค้าดูแลของเค้ามาตั้งนาน เค้าไม่ทำให้หนูเจ็บตัวหรอกลูก

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ฮานชัดอยู่นะ น้องเอล หลงไหลสุดๆ

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
อย่าม่าเลยน้าคุณตัวเล็กอาจเข้าใจผิดก็ได้มั้งว่าไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาความจริงแล้วคือใช่

ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ในหัวคุณตัวเล็กดูยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมด มั่นใจในฮานนะคุณตัวเล็ก
โซ่ตรวนที่คุณตัวเล็กพูดถึงอาจจะหมายถึงความรักก็ได้น้าาา
ถ้าไม่ใช่คู่โชคชะตากันจริงๆ โซ่ตรวนของฮานคือรักมากๆๆๆๆๆ
เชื่อเรา!!!

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ฮานไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาจริง ๆ เหรอ แล้วแบบนี้ถ้าคู่โผล่ออกมาจะทำไงล่ะจะขัดชะตาได้จริงเหรอ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
น่ารักจริง ๆ เลย

 :-[ :-[

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกก อยากเห็นน้องสร้างรังแล้วววววววววว

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ Nocto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 70
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
เป็นโซ่ตรวน แต่เป็นโซ่ตรวนที่ชวนให้ถูกล่ามจริงเลยแฮะ ตอนนี้เหลืออย่างเดียวคือคู่แห่งโชคชะตา หวังว่าจะไม่โผล่มานะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ฮานดูแลน้องดีมากเลย จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Marymo

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-2
    • Fanpage: ปิงปองโต้คลื่น



Warning





ผมเคยคิดมาตลอดว่าบ้านของคนรวยจะต้องมีขนาดใหญ่โตและหรูหราฟูฟ่าแสดงให้เห็นถึงอำนาจเงินที่พวกเขามีอยู่ในมือ ไม่ว่าจะดูละครหรือหนังมากี่เรื่องต่อกี่เรื่อง บ้านของพวกคนมีเงินก็มักจะมีอะไรบางอย่างที่บ้านของคนธรรมดาทั่วไปไม่มี ไม่ว่าจะเป็นวงเวียนน้ำพุขนาดใหญ่หน้าบ้าน หรือแม้กระทั่งบันไดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางโถง


แต่พอได้มาเห็นบ้านของคนมีอันจะกินของจริง หลายสิ่งหลายอย่างก็ดันไม่เหมือนกับที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่เลย


ห้องหับที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีขาว ผนังที่ตกแต่งด้วยไม้สีขาว ตลอดจนฝ้าเพดานก็ยังเป็นสีขาว สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เหนือจิตนาการของผมไปทั้งสิ้น


บ้านคนรวยที่คิดเอาไว้ไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา...


“เอลครับ”


เสียงเอ่ยเรียกที่ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าผมหยุดเหม่อนานเกินไปของฮานทำให้ผมได้สติกลับมาอยู่กับปัจจุบันอีกครั้ง


ผมหมุนมองรอบตัวไปมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้กับคนที่ยืนทำหน้างงอยู่ด้านหน้า


“ที่นี่ไม่เห็นจะเหมือนกับคฤหาสน์ที่เคยเห็นในหนังเลยเนอะ”


คนฟังหัวเราะไม่เบานัก แต่เหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็เลยพาลหยุดหัวเราะไปเสียดื้อๆ ใบหน้าคมเหลือบมองผมก่อนจะเบนสายตาออกไปมองรอบๆ ตัวคล้ายกับกำลังไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง ถึงท่าทีของเขาจะดูประหลาดไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่เข้าใจเสียทีเดียวล่ะนะ


เขาคงกลัวว่าถ้าหัวเราะมากเกินไปแล้วผมจะโกรธอีกแน่เลย ฮานนี่ฮานจริงๆ เลยนะ


“อยากหัวเราะก็หัวเราะเถอะครับ ผมไม่ใช่คนโกรธง่ายอะไรขนาดนั้นสักหน่อย”


ดวงตาคมเบิกกว้างคล้ายตกใจที่ผมรู้ทัน “เอลรู้ด้วยเหรอ”


“ก็นะ” ผมไหวไหล่ “ฮานน่ะดูออกง่ายจะตาย เหมือนหนังสือที่เปิดตอนจบค้างไว้นั่นล่ะ”


คราวนี้เขาหัวเราะด้วยท่าทีที่ผ่านคลายกว่าเดิม


“เอาผมไปเปรียบเทียบกับอะไรล่ะนั่น”


แล้วเขาก็ก้มลงมาประทับจูบบนหัวของผมเบาๆ “น่ารักจังเลยครับ”


อา ไม่ไหวๆ แบบนี้ไม่ดีต่อหัวใจเลยจริงๆ ถ้าเกิดตอนนี้เขาขอจูบผมขึ้นมา น่ากลัวว่าผมคงจะยอมอย่างไม่มีข้อแม้...


“ฮะแฮ่ม”


ทันทีที่ได้ยินเสียงกระแอมไอจากบุคคลที่สาม ผมก็พลันผละออกจากฮานอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ทันจะได้หันไปมองเจ้าของเสียงด้วยซ้ำ


อา แย่แล้วๆ ถ้าพ่อเขามาเห็นผมในสภาพนี้เขาจะคิดว่าผมเป็นคนยังไงกันนะ


ฮือ ไม่ไหวๆ อายจนไม่กล้าเงยหน้ามองเลย


“ไม่เอาน่าอัลเฟรด อย่าทำให้ตกใจแบบนี้สิ”


อัลเฟรดเหรอ เหมือนพ่อฮานจะไม่ได้ชื่อนี้นี่นา


“ขอโทษด้วยนะครับคุณหนู พอดีคุณท่านให้ผมออกมาดูน่ะครับ เห็นว่าลงจากรถกันนานแล้วแต่ยังเดินไปไม่ถึงห้องทำงานของท่านสักที ท่านก็กังวลตามประสาคนมีอายุล่ะครับว่าจะหกล้มหรือเกิดอะไรขึ้น ไม่คิดเลยว่า....”


“กรุณาหยุดไว้แค่ตรงนั้นเถอะครับ”


หลังจากที่อุตส่าห์ยืนนิ่งเงียบพยายามทำตัวไร้ตัวตนมานานแสนนาน ในที่สุดผมก็ต้องยอมออกจากเงามืดเพื่อปรามไม่ให้คุณพ่อบ้าน (ผมคิดว่าเขาคงเป็นคุณพ่อบ้านล่ะ) ไม่ให้พูดอะไรน่าอายไปมากกว่านี้


และทันทีที่ผมเงยหน้า ผมก็ได้เห็นคุณพ่อบ้านเต็มสองตา


ในที่สุด ผมก็ได้เห็นสิ่งที่เหมือนกับในละครกับเขาสักที


ตรงหน้าของผม ห่างออกไปประมาณห้าหกก้าวมีชายชราในชุดสูทสีดำเรียบร้อยยืนส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ผมดอกสีเลารับกับหนวดเครางองุ้มสีเดียวกันชวนให้นึกถึงพ่อบ้านในหนังพีเรียดคอมเมดี้ขึ้นมาอย่างไงอย่างงั้น


นี่สิ พ่อบ้านในอุดมคติของผม


“แล้วไม่ทราบว่าคุณหนูทั้งสองจะให้ผมนำทางไปหานายท่านเลยไหมครับ”


อ๊ะ จริงสิ ผมจะมามัวตกตะลึงอยู่กับคุณพ่อบ้านไม่ได้นี่นา


ผมค้อมหัวให้อีกฝ่ายน้อยๆ ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนอบน้อมกว่าปกติ


“รบกวนด้วยนะครับ”


ชายชราตรงหน้านิ่งไปอึดใจก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกกว้างกว่าเก่า


“ผมไม่แปลกใจแล้วล่ะครับว่าทำไมคุณหนูฮานถึงเลือกคุณมาเป็นคู่ครอง”


เอ๊ะ


ผมจ้องมองคุณพ่อบ้านตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ


ทำไม...เขาถึงรู้ว่าผมเป็นคู่ของฮานล่ะ ในเมื่อผมก็ติดกระดุมคอที่เสื้อเชิ้ตแล้ว...


“เพราะกลิ่นไงล่ะครับ”


เอ๋ เขารู้ได้ยังไงกันล่ะว่าผมกำลังสงสัย


ชายชราตรงหน้าผมหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะค้อมหัวให้


“ขออภัยที่เสียมารยาทน่ะครับ แต่สีหน้าของคุณหนู ต่อให้เป็นคนที่ซื่อบื้อแค่ไหนก็เข้าใจได้ง่ายทั้งนั้นล่ะครับ”


 อ้อ...


พอได้รู้ความจริง ผมก็ทำได้แค่ฉีกยิ้มแก้มเก้อพลางยกมือขึ้นเกาหน้าตัวเองเบาๆ


อา น่าอายจังเลยน้า...


“ที่คุณหนูสงสัยเมื่อครู่ว่าผมรู้ได้ยังไงว่าคุณหนูคือคู่ของคุณหนูฮาน สาเหตุก็เพราะคุณหนูมีกลิ่นของคุณหนูฮานฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวไปหมดเลยยังไงล่ะครับ”


เห ไม่เห็นจะรู้เรื่องนั้นเลย


ผมยกแขนตัวเองขึ้นดมอย่างตั้งใจ แต่ไม่ว่าจะพยายามสูดลมหายใจเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้กลิ่นที่ว่านั่นเลย
แล้วตอนนั้นเอง ผมก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคนสองคนดังขึ้นพร้อมกัน


“คุณหนูนี่ตลกดีนะครับ”


ผมเลิกคิ้วมองคุณพ่อบ้านก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนที่ยังหัวเราะเบาๆ อยู่ด้วยความไม่เข้าใจ


เมื่อเห็นว่าผมสับสนมากขึ้นทุกที ฮานจึวยกมือลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูด


“เอล ดมไปก็ไม่ได้กลิ่นหรอกนะ กลิ่นนี้เป็นกลิ่นของอัลฟ่าที่จะมีแค่อัลฟ่าด้วยกันเท่านั้นที่รับรู้ได้”


โอ๊ะ งั้นก็หมายความว่า แม้กระทั่งคุณพ่อบ้านก็เป็นอัลฟ่างั้นสิ


โห ตระกูลที่สามารถเอาอัลฟ่ามาเป็นพ่อบ้านได้นี่ต้องมีอำนาจขนาดไหนกันนะ


ผมพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะหันกลับไปฉีกยิ้มแห้งๆ แก้เก้อให้คุณพ่อบ้านที่ยืนห่างออกไป


“พอดีว่าผมไม่ค่อยได้อยู่กับอัลฟ่าน่ะครับ ก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรแบบนี้เท่าไหร่”


“นั่นสินะครับ” นัยน์ตาฝ้าฟางทอดมองตรงมาที่ผม “คุณหนูฮานเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสอยู่ท่ามกลางโอเมก้าหรือเบต้าสักเท่าไหร่นัก หากมีอะไรที่ต้องชี้แนะ ก็ได้โปรดช่วยสั่งสอนคุณหนูฮานเธอด้วยนะครับ”


“ให้ผมสั่งสอนฮานเหรอครับ” มือสองข้างของผมโบกไปมา “ไม่ไหวหรอกครับ ฮานเขาเป็นถึงคุณหมอเชียวนะครับ น่ากลัวว่าเขาจะต้องช่วยสอนผมมากกว่า”


ชายชราตรงหน้าหัวเราะ แต่คราวนี้ เสียงหัวเราะนั้นกลับเย็นเยียบและเศร้าหมองพิกล


“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องความรู้หรอกครับ สิ่งที่ผมอยากจะให้คุณช่วยสอนคุณหนูฮานคงจะเป็นเรื่องอื่นที่สำคัญกว่านั้นมาก”

นัยน์ตาของเขาจับจ้องตรงมาที่ผม...ไม่สิ ไม่ใช่ เขาไม่ได้กำลังสบตากับผม


ดวงตาคู่นั้น...กำลังจ้องมองมาที่คอของผมต่างหาก


“ความรักนั้นสวยงาม แต่การปล่อยวางก็เป็นสิ่งจำเป็น เมื่อถึงเวลาต้องปล่อยก็จำเป็นต้องปล่อยนะครับ”


สายตานั้นเบนเปลี่ยนจากลำคอของผมไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังผม...ไปยังฮาน


“อะไรที่มากเกินไป มันไม่ดีหรอกนะครับ”


จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป ความรู้สึกขมุกขมัวปนตึงเครียดในจิตใจนี้คืออะไรกัน ความรู้สึกอึดอัดราวกับว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบนี่มันอะไรกัน


ไม่ชอบ ไม่ชอบเลย


ผมขยับตัวถอยหลังไปเรื่อยๆ ทีละเล็กทีละน้อยจนชนเข้ากับแผ่นอกของฮานในที่สุด ท่อนแขนของอีกคนยกขึ้นโอบกอดผมไว้หลวมๆ คล้ายเป็นการบอกว่า ‘ผมจะปกป้องคุณเอง’ อย่างไรอย่างนั้น


แค่นี้ก็พอ แค่ที่นี่เท่านั้นที่ผมรู้สึกปลอดภัย


“ขอบใจนะอัล” เสียงของฮานยังคงนุ่มทุ้มเหมือนอย่างทุกที น่าแปลกที่มันกลับรู้สึกน่ากลัวพิกล


แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมก็ยังเลือกที่จะอยู่ในอ้อมแขนแกร่งนี้ต่อไปอยู่ดี


“ขอบใจสำหรับความเป็นห่วงทั้งหมดที่มีให้”


คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่แค่ความรู้สึกส่วนตัว


ผมรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน กลิ่นหอมมะลิเข้มข้นที่แผ่ซ่านออกจากตัวฮานราวกับไม่มีวันหมดนั้นทำให้บรรยากาศรอบตัวตึงเครียดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า


ไม่ชอบ ไม่ชอบเลย


ผมขยับตัวซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกแกร่งมากขึ้นกว่าเก่า ไม่รู้ว่าเป็นผลจากกลิ่นของฮานหรือความตึงเครียดในอากาศ จู่ๆ ผมก็พลันรู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังสั่นเทิ้มเกินจะควบคุมได้


ผมกลัว ผมกลัวมาก และต้นเหตุของความกลัวก็อยู่ตรงหน้านี้เอง ทั้งที่รู้อย่างนั้น ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกอยากซุกตัวเข้าไปในอ้อมกอดนี้ให้มากขึ้นกว่าเก่า


ฝ่ามือใหญ่ที่คอยลูบไล้ปลอบโยนทำให้ผมสงบลงได้เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่หายดี


ฮานในตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน แต่ใจผมก็รู้ดีว่าเขาคือสถานที่พักพิงที่ดีที่สุด ความรู้สึกที่ทั้งกลัวทั้งอยากอยู่ใกล้แบบนี้ ผมไม่เข้าใจมันเลย


ไม่เลยสักนิดเดียว


“ฮาน” ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเอ่ยปากขึ้นเบาๆ พร้อมกับสองมือที่กำเสื้อเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย “เดี๋ยวคุณพ่อรอนานนะ”


แล้วกลิ่นมะลิคุ้นจมูกนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป


“จริงด้วย เราควรไปกันได้แล้วล่ะ”


แล้วเขาก็เงียบไปเล็กน้อย


“นำทางทีสิอัล”


พูดตามตรง ผมไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองหน้าหรือสบตาเขาด้วยสิ สิ่งที่ผมทำมีเพียงแค่การก้มหน้า ก้มแล้วก็ก้มอยู่อย่างนั้น แม้กระทั่งตอนที่ฮานจูงมือผมให้เดินตาม ผมก็ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองรอบตัวด้วยความอยากรู้เหมือนอย่างเคย


บางที นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ผมเข้าใจคำพูดของอาจารย์อย่างถ่องแท้


พันธนาการนี้ อันตรายเหลือเกิน










ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบความเงียบสักเท่าไหร่หรอก แต่บางที ถ้าต้องโดนบังคับให้ตอบคำถามที่ไม่อยากตอบ สู้อยู่กับความเงียบไปเรื่อยๆ ก็น่าจะดีกว่าล่ะน้า...


ผมเหลือบตามองชายวัยกลางคนตอนปลายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามเล็กน้อยก่อนจะรีบหลุบตาหนีด้วยความหวาดกลัว
คนตรงหน้าผมเป็นอัลฟ่าร่างสูงโปร่งที่ไม่ได้ดูกำยำล่ำสันเท่ากับฮาน เขามีมัดกล้ามเนื้อสวยพอประมาณ นัยน์ตาของเขามีสีอ่อนเหมือนกับชาวลินเดียทั่วไป ทั้งที่ผิวขาวจัดจนเกือบจะซีด แต่ใบหน้ากลับคมสันหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ ผมสั้นสีอ่อนของเขาถูกเซ็ตเป็นทรงเว็ทลุคประกอบกับการแต่งตัวที่ดูสบายๆ แต่กลับมีรสนิยมอย่างมาก...มากเกินไปสำหรับการแต่งตัวอยู่บ้านเฉยๆ ด้วย...


อา แย่แน่ๆ ผมรับมือคนแบบนี้ไม่ได้หรอก


ตั้งแต่รู้จักกับฮานมา เขาเองก็เคยพูดเรื่องของพ่อบุญธรรมให้ฟังอยู่สองสามครั้งเท่านั้นเอง


เอ๊ะ อันที่จริงจะไปเรียกว่าพ่อบุญธรรมก็คงจะไม่ถูกนักหรอก ถ้าจะเอาให้แม่นยำตามหลักการที่ชาวบ้านเขาเรียกกันก็คงจะเป็น...อืม...พ่อทูนหัว...ใช่ๆ ประมาณนั้นล่ะ


พ่อทูนหัวของฮานมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ ของเขา หลังจากที่แม่แท้ๆ ทั้งสองของฮานเสียชีวิตไปหลังจากที่ฮานเกิดได้ไม่นาน คุณลุงน่ากลัวที่นั่งตรงข้ามพวกเรานี้ก็เป็นคนรับเขามาเลี้ยงดู เท่าที่ผมรู้เหมือนว่าคุณลุงคนนี้จะไม่มีครอบครัวหรือคนรักอะไรทั้งนั้น

ตอนแรกที่ได้ยินจากฮานว่าอัลฟ่าจากตระกูลเก่าแก่ที่มีเงินทองมากมายไม่มีครอบครัวมันก็ออกจะฟังดูเหลือเชื่ออยู่หน่อยๆ แต่พอได้มาเจอตัวจริงของเขาแล้ว ผมว่าผมก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มีลูกมีภรรยาเหมือนคนอื่นเขา


“ตกลงก็คือไปจดทะเบียนกันเรียบร้อยแล้วค่อยมาบอกพ่อเนี่ยนะ” เสียงทุ้มต่ำนั้นฟังดูไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง “ใครสั่งใครสอนให้ทำแบบนี้กัน”


ไม่พูดเปล่า เขายังวางถ้วยชาลงบนโต๊ะแรงมากจนผมกลัวว่าแก้วจะแตกคามือเขาด้วย


อา คนอะไร เวลาโมโหแล้วน่ากลัวเป็นบ้าเลย


“โธ่พ่อครับ พ่อก็รู้จักเอลมาแต่ไหนแต่ไร ที่สำคัญผมกัดน้องไปแล้วด้วย อย่างไรเสียก็ควรรับผิดชอบ”


“พ่อพูดว่าไม่ให้รับผิดชอบรึยังหืม”


เอาแล้วๆ ผมว่าพายุกำลังจะเข้าเร็วๆ นี้ล่ะ


“แต่เมื่อกี้นี้พ่อบอกว่า...”


“พ่อบอกว่าเวลาจะทำอะไรก็ต้องทำให้มันถูกธรรมเนียม จะไปข้ามไปข้ามมา จดทะเบียนก่อนแล้วค่อยมาบอกกล่าวครอบครัวมันใช้ได้ที่ไหน แล้วนี่ที่บ้านเขาก็ยังไม่รู้ใช่ไหม”


ไม่ว่าเปล่า คุณลุงยังชี้มาทางผมด้วย


“แล้วเขาจะมองเราเป็นคนยังไง ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ ไม่เคารพให้เกียรติเขา เขาจะหาว่าไม่สั่งไม่สอนกันให้ดีน่ะสิ” แล้วเขาก็เงียบไปอึดใจ “เข้าใจที่พ่อพูดใช่ไหมฮาน”


เห ประโยคสุดท้ายนี่เสียงอ่อนลงจนน่าตกใจเลยนะเนี่ย


ผมเหล่ตามองคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ ผมนิ่ง ใจมันก็อยากจะเอ่ยปากปลอบเขาอยู่หรอก แต่ดูจากทรงแล้ว...


นัยน์ตาผมเหลือบมองคนที่จ้องเขม็งไปที่ฮาน


เงียบไว้น่าจะปลอดภัยกว่าแฮะ


ฮาน ผมขอโทษนะครับ แต่ผมรับมือกับคุณพ่อทูนหัวของฮานไม่ไหวจริงๆ เขาน่ากลัวกว่าแม่ผมตอนโกรธอีกอะ


หลังจากปล่อยให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่พักใหญ่ ในที่สุดคนคนตัวโตข้างๆ ผมก็ยอมปริปากพูดอ้อมแอ้มออกมา


“เข้าใจครับพ่อ” แล้วเขาก็เอื้อมมือมาบีบมือขวาผมเบาๆ คล้ายเป็นการขอกำลังใจ “ผมขอโทษครับ”


อา แย่จัง ผมอยากกอดปลอบเขาจังเลย


ผมใช้มือซ้ายที่วางอยู่ลูบหลังมือของเขาเป็นการปลอบใจก่อนจะหันไปสบตากับคุณลุงของฮานที่จ้องดูอยู่ก่อนแล้ว ทีแรกผมก็ตั้งใจจะทำหน้าขึงขังแล้วก็พูดประโยคคมๆ เหมือนในหนังรักอยู่หรอก แต่แหม...


รอยยิ้มแห้งๆ ถูกเสกให้ประดับบนใบหน้าผมโดยอัตโนมัติ


“ขอโทษด้วยนะครับคุณลุง”


ผมไม่กล้านี่นา คุณลุงน่ากลัวจะตายไป อีกอย่างผมก็เป็นคนพูดประโยคคมๆ ไม่เป็นด้วย ขืนให้พูดไปตอนนี้น่ากลัวจะพูดไม่รู้เรื่องเสียมากกว่า เพราะฉะนั้นฉีกยิ้มโง่ๆ แบบนี้ส่งไปนี่ล่ะดีแล้ว


แต่เหมือนจะมีแค่ผมที่คิดว่ามันดีแล้ว...


ชายวัยกลางคนตรงหน้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คล้ายรำคาญ


“ฮาน” เขาเรียกคนข้างตัวผมด้วยเสียงที่อ่อนลงกว่าเมื่อกี้เล็กน้อย “ออกไปข้างนอกก่อนไป พ่อมีอะไรจะคุยกับคู่ของลูกหน่อย”


“แต่คุณพ่อครับ เอลเขา...”


ฮานพยายามจะต่อสู้เพื่อผม แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สำเร็จนัก


“พ่อบอกให้ออกไปรอข้างนอกก่อนไง”


สุดท้าย ฮานก็เป็นฝ่ายเงียบแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด


“เอลครับ ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่พร้อมก็...”


“ฮาน”


ยังไม่ทันที่ฮานจะได้พูดจบประโยคก็พลันมีเสียงประกาศิตจากผู้อาวุโสสุดในห้องดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน คนโดนขัดมีสีหน้าอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดแต่ก็ยังไม่วายอุตส่าห์หันไปต่อสู้จนเฮือกสุดท้าย


“แต่ว่าพ่อครับ...”


“ฮาน อย่าให้พ่อต้องเรียกชื่อลูกเป็นครั้งที่สามนะ”


แอด แอด คุณลุงนำไปหนึ่งคะแนน


ใจจริงผมมันอยากตะโกนคำว่า ‘ม่ายยย’ ออกไปอยู่หรอก แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก...


“ฮานออกไปก่อนเถอะนะ เอลกับคุณลุงคุยกันเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้วล่ะ”


ใครบอกว่าผมอยากพูดแบบนั้นกัน ตีปากตัวเองเดี๋ยวนี้เลยนะเจ้าบ้าเอล


แล้วหนทางรอดเพียงหนึ่งเดียวของผมอย่างฮานก็ยอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดี


ตายแน่ งานนี้เอมานูเอลตายแน่ ตายแบบไม่ต้องสืบ ตายแบบเละเป็นโจ๊ก...


“นี่เธอน่ะ”


“คะ ครับ”


วินาทีที่คนสูงวัยกว่าเรียกหาอย่างเฉพาะเจาะจง กายละเอียดที่แสนบอบบางของผมก็แทบหลุดออกจากร่าง โชคยังดีที่ไม่ตกใจจนเป็นลมไปเสียก่อน


อันตราย อัลฟ่าอายุมากนี่อันตรายจริงๆ


“มาจากรัฐโอเซนใช่ไหม”


ผมสงสัยกับคำถามแต่ก็ยอมพยักหน้าออกไป


“ครับ”


“เหรอ” เขาตอบรับก่อนจะนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “ช่วยเล่าเรื่องที่นั่นให้ฟังหน่อยสิ”


เอ๊ะ


ผมเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยไม่อาจเก็บความประหลาดใจเอาไว้ได้ แต่ถึงจะรู้สึกว่ามันแปลก ผมก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมเล่นตามน้ำไปอยู่ดี


ว่าแต่ จะเล่าอะไรดีล่ะ ชีวิตผมยิ่งจืดๆ อยู่ด้วย


“โอเซนเป็นรัฐเล็กๆ ที่เน้นเกษตรกรรมแล้วก็....”


“เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้ว ช่วยพูดอะไรที่น่าสนใจกว่านี้ได้ไหม”


น้ำลายที่กลืนลงไปในคอหนืดข้นกว่าปกติ


อา แย่แล้ว แย่แน่ๆ เลย


“โอเซนเป็นรัฐที่เล็กมากก็จริงแต่เมืองหลวงของรัฐเป็นเมืองที่ร่ำรวยด้านศิลปะและวัฒนธรรมมากเลยครับ ด้วยเพราะมีภูมิศาสตร์ที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำ อารยธรรมโบราณของลินเดียจึงสามารถผมเจอได้ที่โอเซนทั้งหมด แล้วก็...”


ไม่ไหวๆ เขาดูไม่สบอารมณ์เลย งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า


“ถึงจะเป็นรัฐที่ร่ำรวยด้านของโบร่ำโบราณ แต่ผู้คนที่นั่นกลับไม่ค่อยเชี่ยวชาญเรื่องแบบนี้เท่าไหร่เลย สิ่งที่ขึ้นชื่อในโอเซนกลับเป็นอาหารและขนมพื้นเมืองจนโดนคนในลินเดียเรียกว่ารัฐแห่งอาหารเลยล่ะครับ ฮ่าๆ ...”


แม่ครับ พ่อครับ คุณลุงเขาดูอารมณ์เสียยิ่งกว่าเมื่อกี้อีกครับ เอาวะ งัดมุกสุดท้ายมาใช้เลยแล้วกัน


“ชีวิตของผมที่นั่นก็ค่อนข้างเรียบง่ายครับ ด้วยโอเซนเป็นรัฐที่มีเบต้าและโอเมก้าอาศัยอยู่มากที่สุด ในเมืองแทบจะไม่มีอัลฟ่าเลยล่ะครับ ยิ่งเป็นหมู่บ้านไกลตัวเมืองอย่างหมู่บ้านของผมแล้ว อัลฟ่าจัดเป็นสิ่งหายากเลยครับ เพราะฉะนั้นผมก็เลยรู้สึกโชคดีที่ไม่เคยโดนกลั่นแกล้งที่โรงเรียนเพราะความเป็นโอเมก้าเลย”


คราวนี้เขาเลิกคิ้วด้วยสีหน้าที่ดูสงบนิ่งกว่าเมื่อครู่ ผมจะขอนับว่านั่นเป็นสัญญาณที่ดีได้ไหมนะ


“พวกครูก็เป็นเบต้ากับโอเมก้ากันหมดเลยเหรอ”


เอ๊ะ ได้ผลแฮะ รู้งี้เล่าเรื่องขิงข่าแบบนี้แต่แรกก็คงดี


ผมพยักหน้าตอบเขาอย่างกระตือรือร้น


“ใช่ครับ โรงเรียนของผมมีวิชาพิเศษที่เรียกว่าสุขศึกษาสำหรับเบต้าและโอเมก้าด้วยนะครับ ที่เคยเป็นข่าวทั่วประเทศเมื่อประมาณสามปีก่อนน่ะครับ”


“อือฮึ” เขาครางรับในคอ “แล้วยังไงต่อ”


อ้าว นึกว่าจะรอดแล้วเสียอีก


 ผมก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางพยายามเค้นหัวข้อขึ้นมาอย่างสุดความสามารถ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ผล


ต้องยอมแพ้แล้วล่ะ


“ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ”


คู่สนทนาของผมเงียบไปพักใหญ่ เขาจ้องมองผมด้วยท่าทางเครียดขรึมอยู่พักหนึ่งก่อนจะค่อยๆ เอนหลังลงไปพิงพนักเก้าอี้แล้วถอนหายใจออกมา


“เด็กพวกนี้นี่นะ คิดอะไรอยู่กันแน่”


นัยน์ตาคมคู่นั้นทอดมองผมด้วยแววตาไม่พอใจ


“ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันแท้ๆ ทำไมถึงปล่อยให้เลยเถิดมาขนาดนี้ล่ะ”


เอ๊ะ


“ถ้ารู้ว่าไม่ใช่แต่แรก จะขอให้ทางรัฐถอนการจับคู่ให้ก็ได้แท้ๆ”


ทำไมล่ะ


“ถ้าวันหนึ่งเกิดพวกเธอคนใดคนหนึ่งเจอคู่ของตัวเองขึ้นมาแล้วจะทำยังไง จะไปถอนการจับคู่หลังฝังพันธะไปนานแล้วมันยากมากนะรู้ไหม”


ทำไมเขาถึงรู้ล่ะ


“กลิ่นของฮานที่ฝังอยู่ในตัวเธอรุนแรงมาก เขาคงรัทล่ะสิ”


คนๆ นี้...


“พูดกันตรงๆ เลยนะ”


ดวงตาคู่นั้นสบลึกเข้ามาในตาของผม


“ฉันอยากให้พวกเธอถอนพันธะกันซะ”


ทำไม ทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นล่ะ


“พวกเธอไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตาของกันและกัน ถ้าวันหนึ่งพวกเธอคนใดคนหนึ่งเกิดเจอคู่ของตัวเองขึ้นมาแล้วมันจะยุ่งยาก”


เขาเว้นจังหวะไปเล็กน้อย


“ไม่ใช่แค่ในเรื่องของการถอนพันธะหรอก แต่มันเป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่านั้นมาก”


อุณหภูมิในห้องลดลงจนรู้สึกหนาวสั่น


“อัลฟ่าที่รัทกับคนที่ไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตากันน่ะ จบไม่สวยสักคนเลยรู้ไหม”


ลมหายใจที่เคยอุ่นร้อน ตอนนี้กลับหนาวเย็นจนหนักอึ้งไปทั้งอก


“โซ่ตรวนแบบนั้น ฉันรู้จักมันดี”


แล้วเขาก็ถกแขนเสื้อตัวเองขึ้นเล็กน้อยก่อนจะยื่นข้อมือทั้งสองข้างมาตรงหน้าผม


ร่องรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ไม่ต้องย้อนอดีตไปดูก็พอจะเดาได้ว่าข้อมือทั้งสองข้างนี้เคยถูกพันธนาการอย่างแน่หนาและรุนแรงมาก่อนปรากฏขึ้นตรงหน้า ชายวัยกลางคนค้างมือของตัวเองอยู่อย่างนั้นคล้ายอยากจะให้ผมจดจำรอยแผลนี้ไว้ให้ขึ้นใจ


“เมื่อไรก็ตามที่อัลฟ่าบ้าคลั่งเพราะความรักที่มากมายจนเกินไป เมื่อนั้นจะเกิดโศกนาฏกรรม”


ถ้อยคำเหล่านั้นสลักลึกลงในใจผมช้าๆ


“ฉันเคยเกือบฆ่าคนที่ฉันรักที่สุดด้วยมือของฉันเองมาแล้วและฉันไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”


เสียงทุ้มต่ำนั้นเจือความเสียใจไว้อย่างสุดซึ้ง


“สายสัมพันธ์นี้คือคำสาป”


ทั้งอ้างว้างและทรมานเสียจนผมอดสะท้อนใจไม่ได้


“รีบถอยออกมาในตอนที่ยังมีโอกาส ดีกว่าถลำลึกลงไปจนย้อนกลับมาไม่ได้จะดีกว่า”


ถลำลึก...งั้นเหรอ...


...อ้อ...


“ถ้างั้นก็คงไม่เป็นไรหรอกครับ”


“ฮะ?”


ผมสบตากับเขาที่ดูงุนงงแล้วพูดซ้ำอีกครั้ง


“ถ้าคุณลุงกลัวว่าพวกผมจะถลำลึกล่ะก็ คุณลุงไม่ต้องกังวลไปหรอกนะครับ”


แล้วผมก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาเหมือนอย่างทุกที


“เพราะพวกผมน่ะ...ผ่านจุดย้อนกลับนั่นมานานมากแล้วล่ะครับ”






***************************************************************************







ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องเอลเป็นคนตลกที่น่าเอ็นดูจริงๆ นี่หนูเครียดจริงๆรึเปล่าลูก
แต่ประโยคสุดท้ายของหนู มันคมจริงๆน้า เก่งที่สุดเลย //ขอหอมหัวทีนึง

 :pig4:

ออฟไลน์ Inwoสูs

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1214
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หนูเก่งมากลูก เก่งมากๆ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คุณพ่อของฮานกับ คุณครูที่เป็นเบต้า หรือเปล่านา??

ถึงไม่ใช่คู่แห่งโชคชะตา แต่ก็ขอให้มั่นคงกันมากๆนะ รักกันขนาดนี้แล้ววว

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เอลน่ารักน่าเอ็นดู  :mew1: เป็นกำลังใจให้เอลและฮานในหนทางข้างหน้า

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1001
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ตงิด ๆ เรื่องเอลกับฮานว่าอาจจะไม่ใช่คู่แท้แต่รักกันขนาดนี้ทุกอย่างคงจะโอเคดี.....ใช่มั้ย  :monkeysad:

พ่อบุญธรรมกับคุณครูก็น่าสงสัยน๊า  :เฮ้อ:

รอ รอ รอ จ้า :mew1:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พ่อกับครูแน่ๆเลย :hao6:

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
น้องเอลคนซื่อ ทำไมหนูน่าเอ็นดูขนาดนี้ 555

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
บวก 1 เรื่องคุมพ่อกับคุมครู
เอาใจช่วยน้องเอล    :hao5: :hao5: :hao5:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด