Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
- CH.11
Black Spinel
TIM : ประชุมบ้านกู“กูนึกว่ากูอ่านไลน์ผิดตอนที่มันขึ้นว่านัดประชุมในกรุ๊ปลูกเพื่อนแม่ อ่านชื่อคนส่งสิบรอบ”
“ไอ้มิลถึงกับโทรศัพท์ร่วง”
“กูยืนค้างอยู่หน้ากล้องนานมากจนทุกคนทัก”
“กูเป็นคนส่งแล้วมันทำไม”
พอคนมีอำนาจกว่าหัวหน้าแก๊งว่าอย่างนั้นเบนก็รีบถลาเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไรเลยทำท่าทางออดอ้อนจนทิมอยากถีบให้มันกระเด็น ที่จริงเรื่องนัดประชุมกลุ่มเป็นเรื่องปกติของแก๊งลูกเพื่อนแม่อยู่แล้ว เวลาที่ต้องการคำปรึกษาหรือเวลาที่เจอเรื่องไม่สบายใจ และก่อนหน้านี้คนที่นัดประชุมกลุ่มบ่อยที่สุดก็คือไอ้หัวหน้าแก๊งอย่างรามิล
ตั้งแต่ตอนจีบต้นไม้ก็นัดประชุมเป็นว่าเล่น ประชุมแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงหอบผ้าหอบผ่อนมานอนบ้านไอ้มิลกันหมด นอกนั้นก็เป็นไอ้เบนที่นัดแดกเหล้าหลังๆ ก็ฝากฝังให้ดูแลคีตาเพราะเบนบินไปทำงานที่อเมริกมากว่าอยู่ไทย ส่วนคินนัดประชุมเรื่องเรื่องงานที่ทำอยู่ไม่ค่อยมีเรื่องอื่น ยกเว้นทิมคนเดียวที่ไม่เคยนัดประชุมกลุ่มเลย สักครั้ง
และนี่เป็นครั้งแรก..
ทุกคนคิดว่าถึงมีปัญหาทิมก็สามารถแก้ได้โดยที่พวกเขาสามคนไม่ต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ก็ทับทิม นพจินดาเก่งที่หนึ่งอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้รู้สึกว่าปัญหาที่เจอน่าจะเรื่องใหญ่พอสมควร แต่พอมาถึงก็ยังไม่มีใครรู้ว่าหัวข้อประชุมในวันนี้นั้นเรื่องอะไร
“ทิม เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”
“ไม่ จริงๆ ก็มี”
“เกี่ยวกับอะไร งานหรือเรื่องอื่น”
“เรื่องอื่นแต่ก็เกี่ยวกับงานด้วยว่ะ”
“เหมือนกูเคยเจอเรื่องแบบนี้มาแล้ว”
“เหตุการณ์คุ้นมากเหมือนตอนไอ้มิลสับสนเรื่องไม้ไม่มีผิด”
“’งั้นกูถามตรงๆ เกี่ยวกับพอร์ชใช่ไหม”
พอคินถามอย่างนั้นทั้งสามคนก็ลองสังเกตทิมที่นั่งนิ่งอยู่ตรงโซฟา พอเห็นท่าทางที่แปลกไปของเพื่อนสนิท คิน เบน และรามิลได้แต่หันมามองหน้ากันพวกเขาเดาไว้แล้วว่าเรื่องที่ทิมเรียกประชุมจะต้องเกี่ยวกับสถาปนิกเจริญกิจธาราคนนั้น รามิลเลยลุกมานั่งข้างๆ ก่อนจะคว้าเอาตัวทิมเข้ามากอดไว้
“มึงรู้ใช่ไหมทิมถึงกูจะเป็นห่วงมึงมากๆ แต่กูก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเรื่องความรักของมึงเพราะอยากให้มันเป็นเรืองของคนสองคน”
“บางทีมันอาจจะเป็นแค่เกมๆ หนึ่งก็ได้”
“วันนี้เราจะตัดเรื่องเกมออกไปก่อน ถ้าเรื่องมึงกับพอร์ชไม่มีคำว่าเกมมาเกี่ยวข้องตอนนี้มึงรู้สึกยังไงกับพอร์ช”
“……………………………………………..”
“ชอบไหม”
“ชอบ”
“รักหรือยัง”
“แล้ว”
“แล้วพอร์ช?”
“ไม่รู้เลยกูไม่รู้อะไรเลยมิล ”
ทั้งสามคนยอมรับว่าไม่เคยเห็นทับทิม นพจินดาเป็นแบบนี้มาก่อนเขาชินกับภาพเด็กผู้ชายมัดจุกหน้าตาน่ารักตัวแสบของกลุ่ม รามิลยกมือขึ้นมากอดทิมที่ซบอกอยู่ตอนนี้ ทิมไม่ได้ร้องไห้แต่ดวงตาก็ดูเหนื่อยล้าจนน่าใจหาย รามิลเองก็พอรู้ว่าพอร์ช พชร วางแผนเรื่องครอบครัวไว้แบบไหนทิมเองก็เคยเล่าให้ฟัง ก็เข้าใจพอร์ชนะเพราะกว่าที่เขาจะรู้ตัวและยอมรับว่ารักต้นไม้เขาก็ใช้เวลาเหมือนกัน
“เท่าที่กูเห็นพอร์ชก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างจากมึงเลยนะ แค่มึงกับพอร์ชไม่เคยได้พูดกันตรงๆ”
“กลัวว่าจะเป็นแค่หลงมากกว่า มึงรู้ใช่ไหมถ้าพอร์ชเลือกกูความฝันที่พอร์ชฝันไว้จะหายไปหมดเลย ”
“ทับทิมที่กูรู้จักไม่เคยกลัวอะไรเลยนะ”
“กูเป็นแบบนี้ได้ยังไงวะ”
“เรื่องความรักใครๆ ก็อ่อนแอทั้งนั้น กูเมาหัวราน้ำร้องไห้ทุกวันตอนเลิกกับฝ้าย และเหงาแทบตายตอนที่ต้องห่างจากต้นไม้ ไอ้เบนร้องไห้จะเป็นจะตายเรื่องพี่จันทร์เจ้า ซึมเป็นหมาอดข้าวตอนที่ทะเลาะกับคีตา มันไม่แปลกเลยทิมถ้ามีความรักแล้วจะอ่อนแอ”
“เดือนหน้างานของเจริญกิจธาราจะเสร็จแล้ว”
“แล้วของพอร์ช”
“แหวนแต่งงาน จนถึงตอนนี้เครื่องประดับของพอร์ชยังคงเป็นแหวนแต่งงานไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แหวนแต่งงานต้องมีสองวง ถ้าอีกวงไม่ใช่ของกู..ยังไม่รู้เลยว่ะว่าจะต้องออกแบบด้วยความรู้สึกแบบไหน”
“ทิม”
“ตลกดีถ้าต้องออกแบบแหวนแต่งงานให้คนที่ตัวเองรักให้เขาไปสวมให้คนอื่น”รามิลยกมือลูบศีรษะทิมเบาๆ เบนกับคินได้แต่ถอนหายใจถึงเขาจะห่วงทิมมากแค่ไหนอยากจะให้ทิมถอยออกจากเกมนี้ใจจะขาด ในใจลึกๆ ก็ไม่อยากให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพอร์ชนอกจากเรื่องงาน แต่เขาก็รู้อีกนั่นแหละว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ทิมมีความสุขเวลาอยู่กับพอร์ชและจะให้อยู่ดีๆ จะตัดใจแล้วหายออกไปจากชีวิตก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน
“จะเกิดอะไรขึ้นมึงยังมีแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่อยู่กับมึง ไม่ว่ามึงจะเจอเรื่องแบบไหนพวกกูสามคนจะปกป้องมึงเอง เหมือนตอนเด็กๆ ที่เราเล่นกันมีมึงเป็นเจ้าชายน้อย กูเป็นองครักษ์ ไอ้เบนเป็นทหาร และก็มีไอ้คิน”
“เป็นลูกกระจ๊อก”
“เออ ตำแหน่งกูตอนห้าขวบกับตอนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ถ้ามันทำมึงร้องไห้เดี๋ยวกูไปจัดการให้เองพังบ้านสามร้อยล้านมันเลยดีไหม หมั่นไส้ทำตัวเหมือนหล่อมาก”
คินขยับตัวมานั่งตรงหน้าทิมก่อนจะผลักหัวกลมๆ ที่มัดจุกนั่นเบาๆ สำหรับภาคิน ทับทิม นพจินดาคือเพื่อนคนแรกในชีวิตเพราะเราอยู่บ้านข้างกัน ครั้งแรกที่เขาเจอทิมคือไอ้เด็กตัวเท่าตุ๊กตาหมีกำลังเกาะรั้วมองเขาเล่นรถบังคับ ตอนแรกนึกว่าเด็กผู้หญิงหน้าตาบ๊องแบ้วเกินจะเป็นเด็กผู้ชาย เห็นยืนมองอยู่นานเลยยื่นรถคันเล็กๆ ให้นึกว่าอยากเล่นแต่มันก็ขว้างไปไหนก็ไม่รู้
ดูมัน.
ตั้งแต่นั้นมาทิมก็ข้ามรั้วมานั่งเล่นด้วยกัน คินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องคอยดูแลเพื่อนตัวจิ๋วลูกเพื่อนแม่ข้างบ้านนี่ด้วยอายุก็เท่ากันแท้ๆ รู้แค่ว่าขาสั้นเดินช้าก็ให้ขี่หลัง มีขนมอร่อยๆ ก็แบ่งให้มันกินหมด พอเข้าอนุบาลก็ต้องคอยสะพายกระติกน้ำให้ ใครมาแกล้งก็ต้องคอยปกป้อง สารพัดสิ่ง
แต่สิ่งตอบแทนทีได้จากทิมในวัยเก้าขวบคือการ์ดใบเล็กๆ ลายมือยึกยือจนแทบอ่านไม่ออกเขียนไว้ว่า เขา เบน และรามิลคือเพื่อนที่ดีที่สุด พอโตมาก็ได้สร้อยข้อมือประจำแก๊ง จนถึงตอนนี้ทิมก็ยังคงเป็นคนออกแบบแหวนคู่หรือแหวนแต่งงานให้แก๊งลูกเพื่อนแม่ทุกคนตามที่สัญญาไว้
ทับทิมของพวกเขาไม่สมควรที่ต้องร้องไห้เลย
ลูกกระจ๊อก ทหาร และองครักษ์ก็อยากให้เจ้าชายน้อยได้เจอความรักที่ดีๆ เหมือนกัน Jewelry Design
“กำไลข้อเท้าน้องฟอร์ดเสร็จแล้วนะครับ ผมเห็นว่ามันน่ารักดีเลยทำสร้อยข้อเท้าให้ด้วย”
“หลานผมชอบแน่ใส่มันสองข้างเลย”
“แบบสร้อยคอของคุณอัญชัญก็แก้แล้วผมเปลี่ยนจี้ให้ด้วยผมว่าอันนี้น่าจะเข้ากับตัวสร้อยมากกว่า”
“โอเคครับเดี๋ยวคุณทิมส่งแบบให้ผมเลย ผมบอกน้าอัญชัญเองไม่รู้ว่าตอนนี้ไปเชียงรายหรือเปล่า”
“ของทุกคนในเจริญกิจธาราเสร็จหมดแล้วเหลือแค่แหวน..”
“ผมขอแวะหาพิมก่อนได้ไหมครับ คุณทิมหิวหรือเปล่า”
ทิมเงียบลงก่อนจะพยักหน้าเมื่อพอร์ชเลี้ยวรถไปยังร้านเบเกอรี่ที่เขาคุ้นเคยดีทั้งๆ ที่รู้ว่าคุณพิมเพิ่งจะเลิกกับแฟนมาอาการก็คงน่าเป็นห่วง ทิมรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่นิสัยไม่ดีมากๆ รู้ทั้งรู้ว่าช่วงนี้คุณพิมคงต้องการกำลังใจจากเพื่อน พอร์ชถึงได้แวะมาหาทุกวัน เขาไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าแต่สำหรับพอร์ชคุณพิมน่าจะเป็นเพื่อนคนสำคัญมากๆ ถึงได้เป็นห่วงขนาดนี้
“กินข้าวบ้างหรือเปล่า”
“กินแล้วค่ะถามเป็นหมอเลยเช้ากลางวันเย็นก่อนนอน”
“สามคำไม่เรียกว่ากินนะ”
“วันนี้หนึ่งจานถ้วน….แล้วทำไมคุณทิมไม่เข้ามาด้วย”
“เพิ่งเอารูบี้ไปเช็คร่างกายมาร้านห้ามเอาสัตว์เลี้ยงเข้านี่”
“หมาเหรอ”
“ชินชิลลารู้จักไหม”
“รู้จักที่มันเหมือนหนูตัวส้มๆ ในการ์ตูนพิมอยากเห็นขอออกไปดูหน่อย”
เจ้าของร้านขนมวิ่งออกไปหน้าร้านที่มีคุณทิมยืนถือกระเป๋าใส่เจ้ารูบี้ไว้ พอร์ชเลยต้องเดินตามออกมาด้วยพอเห็นพิมกรี๊ดกร๊าดกับเจ้ารูบี้แบบนี้ได้พอร์ชก็เบาใจขึ้นมาบ้างก่อนหน้านี้ซึมทั้งวันเอาแต่นั่งดูรูปไอ้กรณ์แล้วก็ร้องไห้ ท่าทางพิมจะชอบเจ้ารูบี้มากเอาแต่บอกว่ามันน่ารักทิมเลยเอาออกมาจากในกระเป๋าแล้วให้พิมลองอุ้ม
“น่ารักมากพิมอยากเลี้ยงแต่แพงจัง”
“อย่าเลยทำขนมไปเถอะ”
“เอ๊ะ..ทำไมๆมีปัญหาอะไรนายพอร์ช”
“รูบี้ทำหน้าเบื่อพิมแล้ว”
พอร์ชรับเจ้าชินชิลลาสีขาวมาอุ้มไว้เองท่าทางสนิมสนมแถมเจ้ารูบี้ดูจะคุ้นเคยกับพอร์ชมากทีเดียวไม่มีดิ้นหนีไปไหนยอมนั่งนิ่งๆ บนฝ่ามือพอโบว์เล็กๆ ที่ใส่ไว้ตรงคอเบี้ยวคุณทิมก็เข้ามาจัดให้มันตรง มะรุมมะตุ้มกันสองคน ตัวพิมเองไม่รู้เหมือนกันว่าความสัมพันธ์ของพอร์ชกับคุณทิมมันเป็นแบบไหนแต่ก็น่าจะไม่ใช่แค่ลูกค้าที่เคยบอกเอาไว้ พอเจ้ารูบี้แต่งตัวเสร็จก็กลับมาซนตามเดิมทั้งพอร์ชทั้งคุณทิมเลยต้องพยายามไม่ให้รูบี้หนีไปไหนช่วยกันจับเจ้าขนฟูกันใหญ่ ภาพตรงมันน่ารักจนพิมต้องยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้
เหมือนรูปครอบครัว..“เดี๋ยวพอร์ชไปก่อนนะพิม”
“เฮ้ยเอาขนมไปด้วยดิ เอาอะไรเดี๋ยวพิมไปหยิบให้”
“พอร์ชเอาขนมที่มันเป็นช็อคโกแลตแล้วก็เอาที่เป็นสตรอว์เบอรี่ให้คุณทิม เอาพุดดิ้งไหมที่ผมซื้อไว้มันหมดแล้ว เอาคุ้กกี้ด้วยดีกว่าเนยสดนะพิมมีใช่ไหมห้ามให้ฟรีเดี๋ยวพอร์ชเข้าไปจ่าย”
“เดี๋ยวนี้กินคุ้กกี้ด้วย?”
“ของคุณทิมรายนั้นกินขนมพิมได้หมดร้านเลยนะ”
พิมหันไปมองคุณทิมที่กำลังพยายามเอารูบี้เข้ากระเป๋าตามเดิม แต่ท่าทางเจ้าขนฟูสีขาวคงไม่อยากเข้าเลยดิ้นหนีตลอด พอร์ชเลยเข้าไปช่วยมีการขู่ว่าจะตีเล็กน้อยเพราะเจ้ารู้บี้เริ่มซนจนจับไว้ไม่ไหว เจ้าชินชิลลาตัวขาวเลยยอมเข้าไปนั่งจุ้มปุ๊กในกระเป๋าตามเดิม กว่าจะเรียบร้อยก็ทำเอาเหนื่อยอยู่เหมือนกัน ทิมเลยบอกว่าจะไปรอที่รถแทนเพราะยืนอยู่ตรงนี้กลัวรูบี้จะซนอีก จังหวะที่พอร์ชกำลังจะเปิดประตูเข้าไปในร้าน พิมที่เดินตามหลังอยู่เลยเผลอพูดออกมาเบาๆ
“เหมือนพอร์ชกับคุณทิมกำลังเลี้ยงลูกเลยเนอะ ดูเป็นครอบครัวสุขสันต์”
พอร์ชที่เดินอยู่ข้างหน้าหยุดเดินแล้วหันไปมองทับทิมที่ยกกระเป๋าใส่รูบี้แล้วทำท่าทางดุใส่ เดาว่ารูบี้น่าจะวิ่งไปมาอยู่ในกระเป๋าไม่ยอมอยู่นิ่งๆ ประโยคของพิมที่บอกออกมาทำให้พอร์ชยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว
ครอบครัว..“ยิ้มอะไรคนเดียวน่ากลัวเดินไปจ่ายตังค์”
พอเห็นเพื่อนยืนยิ้มอยู่คนเดียวพิมก็เลยดันหลังคนที่อยู่ข้างหน้าให้เดินเข้าร้านไปเร็วๆ เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นทำให้ทิมเงยหน้าขึ้นมามอง ทิมเองก็ไม่รู้ว่าคุณพิมรู้ความสัมพันธ์ของเขากับพอร์ชหรือเปล่าแต่เอาจริงๆ ถ้ามีใครถามถึงเรื่องนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไรเลยในเมื่อเราสองคน
ไม่ได้เป็นอะไรกัน..
รูบี้ตื่นเต้นกับสนามหน้าบ้านพอร์ชมากดูท่าจะอยากจะกระโจนลงไปวิ่งเล่นใจจะขาด แต่คุณทิมก็สั่งห้ามไว้เพราะสถานที่ไม่คุ้นกลัวว่าจะวิ่งเตลิดหายไปไหน พอร์ชเงยหน้ามองคุณทิมที่อยู่ในชุดอยู่บ้านเสื้อตัวใหญ่แขนตกกางเกงสามส่วนจะว่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาสามารถเจอกับทับทิม นพจินดาด้วยชุดอยู่บ้านขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เมื่อตอนแรกคุณทิมอยู่ในชุดทำงานแม้กระทั่งวันหยุด แถมตอนนี้ยังยืนรดน้ำต้นไม้ในบ้านเขาด้วย รดไปบ่นไปเมื่อเห็นว่าต้นไม้บางต้นมันเหี่ยวใกล้ตาย
“ไม่รอดแน่ต้นนี้”
“พรุ่งนี้ก็ออกดอกแล้วครับ”
“ใบเหลืองขนาดนี้ทีหลังไม่ต้องปลูกต้นไม้เลยนะ”
“หรือผมจะไปซื้อกระบองเพชรร้านคุณไม้มาเลี้ยงดีไหม”
“ปลูกอะไรก็ไม่รอดทั้งนั้นสามเดือนมีเวลารดน้ำที”
“หม่าม๊าบ่นใหญ่เลยรูบี้ไปนอนเล่นกับปะป๊าดีกว่าเนอะ”
มีการเนอะแนะกับเจ้าขนฟูสีขาวที่ดูจะเข้าใจที่พอร์ชพูดมีการซบลงบนมือใหญ่ที่อุ้มอยู่น่าหมั่นไส้จริงๆ ทิมเลยแกล้งตวัดสายยางในมือมาทางที่พอร์ชยืนอยู่แน่นอนว่าพอร์ชกระโดดหลบทัน ดีที่ไม่เจ้ารูบี้ร่วงลงพื้น พอเห็นพอร์ชเดินหนีไปทางอื่นแล้วทิมเลยหันมารดน้ำต้นไม้ต่อ แต่แค่เพียงไม่นานแก้มขาวด้านขวาก็ถูกหอมเต็มแรงแก้มนุ่มบุ๋มลงจนทิมต้องยอมทิ้งสายยางแล้วยกมือขึ้นมาดันตัวพอร์ชไว้
“หอมคนขี้บ่นก่อนเลิกรดน้ำต้นไม้แล้วมานอนเล่นกันครับ”
นอนเล่นเหมือนอยู่ชายหาดบางแสนเตียงผ้าใบขนาดใหญ่ถูกลากมาวางกลางสนามหญ้า หมอนนุ่มนิ่มสองใบขนมนมเนยพร้อมเสร็จสรรพทิมได้ยืนมองเจ้าของบ้านตบหมอนปุบๆ ก่อนจะผายมือให้เขามาลองนั่งเล่น ดีที่วันนี้แดดไม่ร้อนไม่งั้นโดนเผาตายไปแล้ว
“เหมือนมาปิคนิค”
“อยากทำนานแล้วแต่ผมไม่ค่อยมีเวลาเลย ถ้าไม่มีงานผมก็นอนอยู่ในห้องคนเดียว”
“แล้ววันนี้นึกยังไงถึงอยากนอนเล่นแบบนี้”
“เพราะมีคุณทิมอยู่ด้วย”
ทิมเงยหน้าขึ้นมามองคนพูดที่ยิ้มให้แล้วยื่นหน้ามาจูบเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะขยับตัวให้ทิมนอนลงข้างๆ พอร์ชหยิบหนังสือที่อ่านค้างไว้มาถือไว้พอทิมเห็นหน้าปกก็หัวเราะออกมาเพราะมันเกี่ยวกับฮวงจุ้ย พอได้ยินมาบ้างมาสถาปนิกมักจะมีปัญหากับเรื่องนี้อยู่บ่อยๆ เคยได้ยินพอร์ชบ่นเรื่องนี้เหมือนกันแต่ก็ไม่คิดว่าจะจริงจังถึงขนาดไปซื้อหนังสือมาอ่าน
“ห้ามหัวเราะผมศึกษาไว้ไปต่อสู้กับลูกค้า”
“อ่านแล้วเข้าใจเหรอไง”
“ก็พอรู้เรื่องเวลาอธิบายให้ลูกค้าฟังผมก็ดูฉลาดขึ้นมาหน่อย”
“ปัญหาใหญ่เหมือนกันเนอะ”
พอร์ชปิดหนังสือแล้วเริ่มเล่าเรื่องที่ทะเลาะกับลูกค้าเรื่องฮวงจุ้ยให้ฟัง พอเล่าเรื่องหนึ่งก็เริ่มย้อนไปตั้งแต่สมัยเรียนหลากหลายเรื่องราวที่ทิมได้ฟังก็พอรู้ว่าพอร์ชเองก็น่าจะเป็นเด็กแสบพอสมควร น่าจะประเภทเดียวกับคินรายนั้นวีรกรรมยาวเหยียดเป็นหางว่าว ทิมมองคนที่เล่าเรื่องไปยิ้มไปเขาชอบช่วงเวลาแบบนี้อาจเป็นเพราะระหว่างเราการเริ่มต้นมันไม่ได้เหมือนคู่อื่นเลยไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของกันและกันเลยสักนิด
“คนแตกตื่นกันทั้งคณะตอนเห็นผมนั่งอยู่บนหลังคา”
“ดีนะที่เขายังให้คุณเรียนต่อไม่จับส่งโรงพยาบาล”
“คุณทิมนอนซบอกฟังเรื่องที่ผมเล่าตาแป๋วเลยน่ารัก”
“กำลังฟังเรื่องคนบ้าปีนหลังคาคณะอยู่”
มีการก้มลงมาจูบหน้าผากขาวๆ อีกรอบจนทิมต้องดันตัวไว้เพราะกลัวว่าจะล้มกลิ้งไปที่พื้นกันทั้งคู่ ต่างคนต่างผลัดกันเล่าเรื่องในสมัยเด็กพอร์ชหัวเราะจะเป็นจะตายเมื่อทิมเล่าเรื่องของแก๊งลูกเพื่อนแม่ให้ฟัง เพราะบรรดาแม่ๆ สนิทกันเลยจับลูกแต่งตัวเหมือนกันตั้งแต่เด็ก เวลาซื้อชุดก็จะซื้อสี่ชุดทุกคนเลยเข้าใจผิดว่าเป็นแฝดสี่
ไอ้คินกับเบนเคยแหกปากร้องไห้เพราะไม่อยากใส่เสื้อดราก้อนบอล แต่เพราะไอ้รามิลชอบการ์ตูนเรื่องนี้เป็นชีวิตจิตใจเลยบังคับทุกคนใส่ ทิมหยิบไอแพดขึ้นมาวาดงานที่ค้างไว้พร้อมกับเล่าเรื่องไปด้วย แบบเครื่องประดับตรงหน้าทำให้พอร์ชมองอย่างสนใจ แต่ที่เขาสนใจมากกว่าแบบเครื่องประดับก็คือแบบ สมุดปกสีน้ำตาลเรียบๆ ที่วางอยู่ในบนตัก
“ผมเห็นคุณทิมถือสมุดเล่มนี้ตลอดเลยบางครั้งก็เห็นคุณวาดรูปในนี้”
“เอาจริงผมชอบวาดในสมุดมากกว่าไอแพด เล่มนี้ผมวาดทุกอย่างที่สำคัญ ถ้าผมวาดอะไรลงไปในเล่มนี้แสดงว่ามันสำคัญ”
“สำคัญ?”
“ครับ อย่างเช่นผมไม่เคยคิดจะออกแบบแหวนแต่งงานตัวเองแต่ถ้าผมวาดลงไปในนี้แปลว่าผมรักคนที่เป็นเจ้าของแหวนมากๆ”“……………………………………”
พอร์ชเงียบไปเมื่อได้ยินประโยคที่ทิมตอบกลับมาใบหน้าน่ารักของคุณทิมยังคงยิ้มให้เขาอยู่อย่างนั้นพร้อมกับกอดสมุดเล่มนั้นไว้แนบอกท่าทางเหมือนเด็กหวงของทำให้พอร์ชรู้สึกเอ็นดูทั้งๆ ที่อีกฝ่ายอายุมากกว่าแท้ๆ พอร์ชเลยกอดกระชับให้แน่นขึ้นพร้อมกับหันไปจูบตรงข้างขมับเบาๆ
“ผมอยากฟังเรื่องอัญมณีอีก”
“ความเชื่อน่ะเหรอ”
“ครับ”
“เอาจริงๆ มันก็เหมือนเรื่องฮวงจุ้ยที่คุณพอร์ชกำลังอ่าน บางครั้งความเชื่อเรื่องอัญมณีก็มีผลต่อการออกแบบ”
“เรานี่เจอเหมือนกันเลย”
“เมื่อก่อนผมคิดว่าเครื่องประดับแค่สวยก็พอแล้วครับ แต่พอเจอลูกค้าเยอะๆ ก็เริ่มรู้ว่าบางทีคนเราใส่เครื่องประดับเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรัก บางคนใส่เพื่อแก้เคล็ด เพื่อความสบายใจ”
“…………………………………………..”
“แหวนแต่งงานพี่พลอยเป็น พลอยสีน้ำเงิน Blue Sapphire ผมเลือกให้พี่พลอยเอง พี่พลอยกับพี่ดลคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยทั้งสองคนไม่เคยทะเลาะกันเลย ขนาดไปเรียนป.โทก็เรียนคนละประเทศแต่ก็ยังรักกันดี ”
“แล้วทำไมถึงเป็น Blue Sapphireล่ะครับ”
“ชาวเปอร์เซียเรียกว่า หินที่มาจากฟ้า เพราะมันมีสีน้ำเงินและก็เป็นสัญลักษณ์ของของความจริงใจ”
“พี่ชายสองคนคุณก็ต้องเป็นคนออกแบบให้ด้วยแน่ๆ ”
“ครับ..แหวนแต่งงานของพี่เพชรก็ เพชรนั่นแหละครับเรียบง่ายและสวยงาม แหวนเพชรมีความหมายว่ารักนิรันดร์และความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด”
“ความหมายดีจัง”
“ส่วนพี่หยก คิดอยู่นานว่าจะให้แหวนหมั้นเป็นหยกดีไหมมันดูแปลกๆ ใช่ไหมถ้าจะให้คู่หมั้นใส่แหวนหยก สุดท้ายผมก็เลยเลือกมรกตให้พี่หยกแทน ในอียิปต์หมายถึงอียิปต์ในสมัยก่อนนะเชื่อว่ามรกตเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตอมตะ พอมาเป็นเรื่องความรักมรกตเลยเป็นตัวแทนความศรัทธาและความมั่นคงในความรัก”
“แล้วทับทิมล่ะครับ”
“ทับทิมเป็นอัญมณีสีแดง เขาว่ากันว่าสีของทับทิมจะมีพลังช่วยกระตุ้นให้กล้าแสดงออกและกล้าแสดงความรู้สึกรักมากขึ้น และเป็นอัญมณีที่ทำให้สุขสมหวังในความรัก แต่ก็ไม่รู้จริงหรือเปล่า”
“แล้วสำหรับนพจินดา ทับทิมคืออะไร”
“ความรัก ไม่มีความเชื่ออะไรเลยแค่รักเพราะอยากรักและอยากให้เขารักอยากให้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตผมรักคนยาก ถ้ารักใครแล้วมันคงไม่เปลี่ยนไปง่ายๆ”“………………………………………………”
ทิมลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับมองหน้าพอร์ชไปด้วยหลายวันมานี้มีสิ่งให้ทิมต้องคิดเยอะไปหมดโดยเฉพาะเรื่องพอร์ช..ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากเกมแค่เกมเดียวแต่ทุกอย่างมันกลับถลำลึกจนกลับตัวไม่ได้ ความรู้สึกของทิมเองมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมันล้ำเส้นมากเกินไป เขารู้ตัวถ้าเขารักเขาอยากได้ทั้งหมดเขาอยากให้พอร์ชเป็นของเขาคนเดียว แต่เพราะไม่มีใครที่จะเริ่มพูดเรื่องความสัมพันธ์ในตอนนี้มันเลยกลายเป็นความสับสนที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
ไม่ใช่ว่าทิมไม่อยากพูดทุกอย่างที่รู้สึก
แต่ท่าทางของพอร์ชเองไม่มีทีท่าว่าอยากให้ทิมเป็นมากกว่านี้เลย
“จ้องหน้าผมทำไมกันเพราะผมหล่อมากล่ะซิ”
“พอร์ช..งานของเจริญกิจธาราเสร็จหมดทุกอย่างแล้วแบบที่แก้ก็แก้หมดแล้วเหลือแค่แหวนแต่งงานของคุณ เหลือแค่อย่างเดียวพอร์ชอยากให้มันเป็นแบบไหน อยากได้อัญมณีอะไร ”
อยากให้มันเป็นทับทิมหรือเปล่า
นั่นคือสิ่งที่ทิมไม่ได้ถามออกไป..
“คุณทิม”
“แหวนแต่งงานต้องมีสองวงนะคุณรู้ใช่ไหม มันเป็นแหวนที่พอร์ชจะต้องเป็นคนสวมให้กับคนที่พอร์ชรัก”“………………………………………..”
ทิมรู้ว่าพอร์ชเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อเขาเลือกเองที่จะไม่ถามออกไปตรงๆ แต่เรื่องแหวนแต่งงานมันก็น่าจะทำให้ตัวทิมเองรู้คำตอบได้เหมือนกัน แต่เหมือนเขาจะพอรู้..เพราะคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเงียบลงและไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาคำพูดหยอกล้อหรือล้อเล่นก็ไม่มีเช่นกันราวกับรู้ว่าที่เขาพูดมันหมายถึงอะไรพอร์ชไม่ใช่คนโง่แต่ตอนนี้มีแต่แววตาที่ทิมเองตีความหมายไม่ได้เลยสักนิด
ชอบกันบ้างไหมรักกันบ้างหรือเปล่า
แหวนแต่งงานของคุณจะเป็นทับทิมอย่างที่ผมหวังไว้ใช่ไหม
“พอร์ช”
“………………………………..”
“ถ้ารู้ว่าอยากได้แหวนแบบไหนช่วยบอกให้ผมรู้ทีนะครับ เวลาเหลือไม่มากแล้ว”
“………………………………..”
สุดท้าย..ก็มีแต่ความเงียบที่เป็นคำตอบในตอนนี้ทิมเขยิบตัวออกจากพอร์ชก่อนจะค่อยๆ ปิดสมุดหน้าปกสีน้ำตาลที่อยู่บนตักแล้ววางมันลงข้างตัวสงสัยเขาคงจะไม่มีโอกาสหยิบมันขึ้นมาอีกแล้ว ไอแพดในมือเลือกที่จะเปิดแบบแหวนแต่งงานที่เขาเคยออกแบบไว้ขึ้นมาดู ทิมไม่ได้หันไปมองว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่เพียงแค่พูดบางอย่างขึ้นมาให้พอร์ชได้ยินก็เท่านั้น
“ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของแหวนแต่งงานอีกวงของคุณ ผมก็ยังจะเป็นคนที่ออกแบบแหวนให้คุณนะพอร์ช ผมสัญญาว่าผมจะออกแบบให้สุดฝีมือ”
และด้วยหัวใจของผมมีเพียงแต่ความเงียบระหว่างเราหน้าจอไอแพดของทิมขึ้นตัวสีแดงเตือนว่างานของเจริญกิจธาราใกล้จะเสร็จสิ้นในไม่ช้า และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่งานมันรวมถึง เกมที่เราสองคนกำลังเล่นอยู่ด้วย
ถ้ารู้ว่าตอนสุดท้ายแล้ว เขาจะเป็นฝ่ายแพ้
ถ้ารู้ว่าตอนสุดท้ายแล้ว เขาจะเป็นแค่คนเดียวที่ต้องเจ็บ
ถ้ารู้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะเป็นฝ่ายที่ตกหลุมรัก
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ทิมจะไม่กดปุ่ม Start เล่นเกมนี้เลย
ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็เหลือแค่รอเวลาให้ Game over ก็แค่นั้น
TO BE CON
บ้านพังแน่นายพอร์ช...
จริงๆ มันยาวกว่านี้แต่คิดว่าตัดไปตอนหน้าเลยดีกว่าค่ะ เพราะมันหนักหนาสาหัส T_T
#อัญมณีที่รัก #ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo