Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
CH.5 Garnet
โกเมน
“ใจคอพอร์ชจะไม่เหลือขนมให้พิมขายเลยเหรอ”
พิมมองถาดขนมที่เพื่อนตัวเองคีบใส่ ทั้งถาดเต็มไปด้วยขนมที่ทำด้วยสตรอว์เบอร์รี่เรียกว่าเอามาแทบทุกชนิด ทุกแบบ เลยก็ว่าได้ พอเธอทักแบบนั้นไอ้คนที่กำลังจะคีบขนมใส่ถาดต่อก็เลยวางที่คีบแล้วส่งให้พนักงานคิดเงิน
“ซื้อฝากใครเต็มถาดขนาดนี้”
“เขาชอบกินขนมก็เลยว่าจะเอาไปฝาก”
“แน๊..แบบนี้ซื้อให้สาวแน่ๆ”
“ไม่ใช่สาว ไม่ใช่แบบที่คิดด้วย”
“ไม่เคยเห็นพอร์ชทำแบบนี้มาก่อนนี่ซื้อแทบหมดร้านพิม สงสัยต้องไปเค้นจากมีนน่ารักป่ะ”
“น่ารัก”
“แน่ะ!”
“หลอกถามว่ะ”
“มีแฟนแล้วจะลืมพิมป่ะเนี่ย แค่นี้ก็เหงาจะแย่”
“เดี๋ยวไอ้กรณ์ก็กลับมาแล้ว”
พอเห็นเจ้าของร้านขนมทำท่าหงอยๆ พอร์ชเลยต้องยกมือขยี้ผมให้เจ้าตัวยิ้มออกมา ทำหน้าบูดขนาดนี้ลูกค้าหนีหมดพอดี พิมมีแฟนแล้วก็คือกรณ์ เพื่อนในกลุ่มเขาเองรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียน พิมเป็นสาวอักษรเขาเจอครั้งแรกที่งานมหา’ลัยเป็นซุ้มขายขนมทาร์ตไข่ ตอนที่เจอครั้งแรกประทับใจที่พิมเอาแต่คะยั้นคะยอให้เขาชิมทาร์ตไข่ที่ทำเอง พอเขาบอกว่าอร่อยก็ยิ้มหน้าแป้น
ความรู้สึกแรกคือ มันประทับใจ
แต่พอรู้ตัวว่าเขารู้สึกยังไงกับพิม..มันก็สายไปแล้ว“มึงกูชอบพิมที่อยู่อักษร ชอบมากเลยว่ะอยากจีบ”ประโยคเดียวจากกรณ์เพื่อนสนิทในกลุ่มทำให้พอร์ต้องเก็บทุกความรู้สึกเอาไว้ให้ลึกที่สุด วันนั้นได้แต่เฮฮาไปกับเพื่อนว่าเอาเลย จีบเลย และจบลงที่คืนนั้นแดกเหล้าแทนน้ำเมาหัวทิ่มและแน่นอนไอ้คนที่ตามมาเก็บศพอย่างไอ้มีนเลยรู้ว่าเขาเฮิร์ทเรื่องอะไร แต่เขารู้ดีว่ามีนจะเก็บความลับนี้ไม่ให้ใครรู้เขาเชื่อย่างนั้น
และมันก็เป็นอย่างที่เขาคิด พิมกับกรณ์คบกันและมันก็ยาวนานมาจนถึงตอนนี้ เป็นคู่รักที่ทะเลาะกันมากกว่ารักกันเพื่อนที่สถาปัตย์เคยคิดว่าไม่กี่ปีก็เลิกแต่จนไอ้กรณ์ไปทำงานที่ญี่ปุ่นปีกว่าแล้วแต่ทั้งสองคนก็ยังคบกันอยู่ ถึงแม้จะยังทะเลาะกันอยู่ก็ตามเถอะ
ยิ่งข่าวล่าสุดที่บอกว่ากรณ์ไปกินข้าวกับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันบ่อยๆ
มันทำให้ตัวเขาเองกับมีนยิ่งเป็นห่วงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
เขาไม่ได้เป็นห่วงพิมพ์ในแบบนั้น..เขารู้จักพิมมานานและตอนนี้ก็เห็นเป็นเพื่อนคนหนึ่ง และถ้าเรื่องที่กำลังกลัวเกิดขึ้นจริงๆ เขายังไม่รู้เลยว่าต้องทำตัวยังไงไอ้กรณ์ก็เพื่อนสนิท ตอนนี้พิมก็เป็นเพื่อนเหมือนกันถึงความรู้สึกของเขาไม่เคยบอกให้พิมได้รับรู้แต่เขายังอยากเห็นพิมมีรอยยิ้มอยู่อย่างนี้ ไม่อยากให้ต้องมาเสียใจเพราะเพื่อนสนิทเขาเหมือนกัน
Jewelry Design
คุณเฟื่องฟ้ายังดูไม่แก่และท่าทางจะคุยถูกคอกับ
คุณย่ากาญจนาของเขามาก
วันนี้อยู่ดีๆ คุณเฟื่องฟ้าก็อยากจะขอประชุมเรื่องแบบเครื่องประดับ ได้ยินครั้งแรกทิมนึกว่าเขาออกแบบแล้วไม่ถูกใจถึงได้เรียกประชุมกะทันหันแบบนี้ เดินวนไปวนมาคิดแล้วคิดอีกว่าแบบไหนที่ทำพลาดจนพี่พลอยต้องเข้ามาบอกว่าคุณเฟื่องฟ้าแค่อยากทานข้าวด้วยเฉยๆ เพราะแบบเครื่องประดับที่ผ่านมาสวยก็เลยอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณ
นี่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
นึกว่าต้องออกแบบใหม่ทั้งหมดซะอีก
“ทิมคะ ตาพอร์ชทำงานด้วยยากไหมบอกย่าได้เลยนะตานี่ชอบคิดอะไรแปลกๆ ไม่เหมือนคนอื่น”
“อ้าว ย่า”
“วัยรุ่นก็แบบนี้ล่ะค่ะมีแนวทางชีวิตของตัวเอง”
“ถ้าคุณกาญจนาได้ไปบ้านพอร์ชนะคะ บ่นว่าปวดหัวแน่นนอนค่ะเดินสองก้าวเจอบันได เลี้ยวซ้ายก็เจอบันได ขึ้นๆ ลงๆ ชั้นสองของบ้านก็มีสนามเด็กเล่นด้วยนะคะ”
“สร้างไว้เผื่อมีลูกแน่ๆ”
“ลูกที่ไหนล่ะคะ เล่นเองเนี่ยล่ะบอกเอาไว้เล่นตอนคิดงานไม่ออกดูซิคะโตจนจะสามสิบอยู่แล้ว”
บทสนทนาทั้งสองฝั่งยังคงเถียงกันไม่หยุด ทิมได้แต่นั่งเฉยๆ แต่ก็ต้องหลุดยิ้มเมื่อคุณเฟื่องฟ้าบนเรื่องบ้านไม่ยอมหยุด สำหรับผู้ใหญ่วัยขนาดนี้เขาก็ต้องคิดว่ามันแปลกอยู่แล้วดีไม่ดีอาจจะเป็นลมถ้ารู้ว่าหลานชายสุดที่รักอยากได้สไลเดอร์ลงสนามหญ้าจากระเบียงชั้นสอง
“คุณทิมหัวเราะผมหมดแล้วย่า”
“แค่ชิงช้าสองอันไม่เป็นไรหรอกคุณพอร์ชโตแล้วก็ยังเล่นได้”
“ผมเอาบ่อทรายมาลงตรงสนามหญ้าด้วยดีไหมคุณทิม ตรงข้างๆ เผื่อวันดีคืนดีอยากสร้างปราสาท”
“มันใกล้สระว่ายน้ำคุณเกินไปเดี๋ยวทรายก็ลงสระ”
“หรือผมจะเปลี่ยนเป็นแปลงผัก ปลูกผักเอง”
“เวลานอนคุณยังไม่ค่อยจะมียังมาปลูกผักอีก เลิกกินมาม่าได้หรือยังในตู้นี่มีแทบทุกรส”
“อาทิตย์นี้ไม่ได้กินเลยครับ สาบานมีไว้ติดตู้ไปงั้นๆ”
พอร์ชและทิมยังคงคุยเรื่องนี้กันไม่เลิกโดยไม่ได้สังเกตว่าทั้งโต๊ะเงียบกริบและไม่ได้หยิบตะเกียบคีบอาหารเลยสักคน ทุกสายตามองไปยังคนสองคนที่ยังคงเถียงกันอยู่ เรียกว่าเถียงน่ะถูกแล้วเพราะแทบจะตีกันทุกประโยคแต่สำหรับเฟื่องฟ้าเพิ่งเคยเห็นเจ้าหลานชายคุยไปยิ้มไปก็คราวนี้
“ผมเลี้ยงหมาดีกว่าบ้านจะได้ไม่เงียบ อยากเลี้ยงซามอยด์”
“ต้นไม้หน้าบ้านเละแน่”
“ทิมเคยไปบ้านตาพอร์ชแล้วเหรอคะ”“……………………………………………”
“…………………………………………..”
คนที่กำลังคุยกันอยู่เลยหยุดชะงักแล้วหันกลับมาที่โต๊ะอาหารตามเดิม ทุกสายตาที่จ้องอยู่ทำให้ทิมต้องตอบรับเบาๆ ว่าครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทุกคนถึงจ้องแบบนั้น ทันทีที่เขาตอบรับคุณเฟื่องฟ้าก็ตาโตแล้วหันมามองหน้าหลานชายตัวเองที่พยักหน้าเช่นกัน
“ปกติเห็นหวงบ้านมากแสดงว่าสนิทกันแล้วนะ ถึงได้ไปบ้านแบบนี้”
ทั้งสองคนต่างหันมามองหน้ากันก่อนจะหันไปคนละทาง พลอยหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบเบาๆ แล้วมองท่าทางของทั้งคู่ น้องชายเธอน่ารักมากเธอรู้ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่เธอก็ไม่ได้ห่วงเท่าไหร่เพราะมีแก๊งลูกเพื่อนแม่คอยดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว นี่ก็ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างน้องชายกับลูกค้าสถาปนิกมันเป็นแบบไหน ที่จริงเธอสงสัยตั้งแต่พอร์ชคอยหยิบ คอยตักอาหารให้ทิม ตอนแรกเธอคิดว่าคงเป็นมารยาท
แต่พอถึงช่วงเวลาที่สั่งขนมหวาน ทิมลุกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก เธอเองตั้งใจจะสั่งทาร์ตสตรอว์เบอร์รี่ให้ทิมเพราะรู้ว่าน้องชอบแต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก พอร์ชก็สั่งแทนไปแล้วดูแล้วไม่น่าจะทานเองและเธอก็รู้ว่าพอร์ชสั่งให้ใครเมื่อเจ้าขนมนั่นวางอยู่ตรงหน้าน้องชาย
ทิมตาวาวเมื่อเห็นขนมวางอยู่ รายนั้นชอบขนมทุกชนิดบนโลกอยู่แล้วแต่มันก็น้อยนักที่ใครจะรู้จัก นพจินดาแห่งจิลเวลลี่ในมุมนี้ถ้าไม่ได้ใกล้ชิดจริงๆ กว่าโปรเจคของเจริญกิจาธาราจะจบลงพลอยเดาได้เลยว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่
มันคงไม่ใช่แค่ทางธุรกิจแน่ๆ
จากที่คุยกันเรื่องธุรกิจตอนนี้หัวข้อเริ่มเปลี่ยนไปเป็นกิจกรรมของผู้สูงอายุแล้ว บรรดาหลานๆ ที่มีธุระต่อเลยต้องขอตัวกลับรวมทั้งพอร์ชและทิมที่ขอตัวกลับปล่อยให้เพื่อนซี้ในวัยเดียวกันคุยกันต่อ ทิมโบกมือลาพี่พลอยที่ต้องไปรับน้องอัญลูกสาวคนเล็กที่เรียนพิเศษ เพราะทิมมากับรถของคุณย่าแต่ตอนนี้คุณย่าก็ติดลมอยู่เลยว่าจะเรียกแท็กซี่แทน พอเดินมาหน้าโรงแรมก็เจอพอร์ชที่ยืนรออยู่แล้ว
“คุณย่าคุณพอร์ชยังดูวัยรุ่นอยู่เลยนะ”
“ท่าทางตอนนี้คุณย่าคุณกับคุณย่าผมคงจะเป็นเพื่อนกันแล้วมีชวนกันไปต่อ”
“ยังไงก็ขอบคุณสำหรับขนมร้านคุณพิมนะครับ เยอะขนาดนี้ผมจะกินหมดได้ไง”
“เหมาหมดร้านเพื่อคุณทิมเลยนะ”
“วันนี้มุขหยอดไม่ตื่นเต้นเลย ฝีมือตกเหรอคุณพอร์ช”
“นั่นสิวันนี้ไม่ได้คิดแผนเลยความรู้สึกล้วนๆ”
“………………………………………..”
“คิดแผนแทบตายไม่เคยจะเขินพอพูดจริงแก้มแดงขึ้นมาเฉยทับทิม”
“ผมอนุญาตให้คุณเรียกชื่อนี้เหรอ”
“หวงชื่อจังเลยชื่อคุณทิมออกจะน่ารัก”
“เพราะว่ามันน่ารักผมถึงอยากให้เฉพาะคนที่ผมรักและรักผมเรียกเท่านั้น คุณพอร์ชยังไม่ได้เป็นทั้งสองอย่างนะ”“………………………………………..”
พอเจอคำตอบที่ไม่คาดคิดทำให้พอร์ชที่กำลังจะเรียกชื่ออีกรอบเงียบลง เพียงแค่ประโยคเดียวมันสามารถตีความหมายได้หลายอย่าง เขาไม่ใช่คนที่คุณทิมรักเลยห้ามเรียกหรือเพราะว่าเขาไม่ได้รักคุณทิมก็เลยเรียกไม่ได้เช่นกัน จะว่าไปคนที่เรียกคุณทิมได้มีแค่คนในครอบครัวและแก๊งลูกเพื่อนแม่เท่านั้น
เขายังไม่เคยได้ยินคนอื่นเรียกคุณทิมว่า ทับทิม เลยสักครั้ง
“โอเคเลิกคุยเรื่องชื่อกันเถอะ คุณทิมไปไหนต่อไหมครับหรือว่านัดลูกค้าถ้าคุณไม่ได้เอารถมาผมไปส่งได้นะ”
“ไปขายต้นไม้”
“ขายต้นไม้?”
“ถ้าคุณพอร์ชไม่มีงานต่ออยากไปขายต้นไม้ด้วยกันไหมครับ”
Jewelry Design
ขายต้นไม้จริงๆ ด้วยว่ะ
ที่สำคัญอยู่กันครบแก๊งลูกเพื่อนแม่และสะใภ้ทั้งสองคน งานอีเว้นท์ขายต้นไม้ที่เขาเคยเห็นบ่อยๆ แต่ไม่เคยจะมีเวลามาเลยสักครั้ง ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่คนที่ผ่านเข้ามาเพราะมาในฐานะของพนักงานร้าน SECRET GARDEN ทันทีที่เขาโผล่หน้ามาให้เห็นแก๊งลูกเพื่อนแม่ที่กำลังส่งเสียงดังเฮฮาปาจิงโกะก็เงียบลงแล้วตีหน้ายักษ์ใส่แทน
คุณเบนจามินดึงเสื้อคุณทิมให้เดินเข้ามาหาพร้อมกับเอาขาเกี่ยวไว้แน่นเหมือนรัดตุ๊กตา จนคุณทิมยกขาถีบถึงได้ปล่อยแล้วก็หายไปห้องด้านหลังกลับมาอีกทีคุณทิมก็ใส่ชุดอยู่บ้านออกมา
“ชุดคุณพอร์ชจะเลอะไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกครับเลอะก็ได้ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่”
“เสื้อยืดตัวละหมื่นจะเลอะเอานะครับ ผมกลัวว่าจะทนไม่ได้”
“ไม่เป็นไรครับคุณคิน ผมถือว่ายิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์”
คุณคีตาแอบอมยิ้มจนเขาสังเกตเห็นก่อนที่คุณไม้แฟนคุณมิลจะยื่นผ้ากันเปื้อนให้ใส่ คุณทิมเองกำลังให้คุณเบนโพกผ้าที่มีชื่อร้าน SECRET GARDEN ไว้บนศีรษะ วันนี้คุณทิมเหมือนตอนที่เขาไปหาที่บ้านวันนั้นวันที่ป่วย ทั้งเสื้อผ้าทั้งผมดูเด็กลงเหมือนยี่สิบต้นๆ อากาศก็ร้อนจนแก้มทั้งสองข้างขึ้นสีแดง นี่ก็เผลอมองจนไม่รู้ตัวว่ามีใครมายืนอยู่ข้างๆ
คุณรามิล..“เก็บอาการหน่อยรู้ว่าน่ารัก”
“ผมแสดงออกขนาดนั้นเลย”
“ไม่ใช่คุณคนแรกหรอกคุณพอร์ชที่มองไอ้ทิมตาค้างแบบนี้ ผมเจอจนชิน”
“อย่าเพิ่งต่อยผมนะแต่ผมไม่รู้จะห้ามตัวเองไม่ให้มองได้ยังไง”
“ถ้าคุณพอร์ชเจอทิมเวอร์ชั่นที่แสบแล้วยังบอกว่าน่ารัก รับรองว่าถ้าเจอเวอร์ชั่นอ้อนคุณอาจตายได้เลยนะเตือนไว้ก่อน”นี่มันคำเตือนประเภทไหนกัน?
พอร์ชหันไปมองคนที่กำลังจัดทรงผมตัวเอง ดวงตากลมโตสบตากับเขาผ่านกระจกใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ คงเพราะว่าเขาเผลอมองนานไปหน่อยเจ้าตัวก็เลยชี้มาที่ผ้าโพกหัวพลางถามว่าอยากได้บ้างเหรอ พอร์ชส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนที่คุณทิมจะจัดทรงผมต่อ
เป็นการขายต้นไม้ที่วุ่นวายฉิบหาย ลูกค้าเหมือนมากันทั้งประเทศเดาว่าส่วนหนึ่งมาจากหน้าตาของแก๊งลูกเพื่อนแม่ทั้งสี่คน พอมีคนถามว่าเขาเป็นสมาชิกคนที่ห้าเหรอ คุณคินนี่แทบจะถีบเขากระเด็นออกจากวงโคจร บอกให้ไปยืนไกลๆ อะไรวะ แถมคุณเบนกับคุณคินยังกันไม่ให้คุณทิมเข้ามาใกล้เลยสักนิด
เดินเฉียดกันแค่สองเซ็นก็ไม่ได้
นี่จับเขาแยกเหมือนเขาเป็นผู้ร้ายก่อคดีร้ายแรง
ส่วนคุณรามิลไม่ได้เข้ามายุ่งกับเขาเท่าไหร่แต่สายตาก็จับจ้องอยู่ตลอด แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่ทำงานเป็นทีมมากๆ อยากจะมอบรางวัลให้ ขนาดสะใภ้เบอร์หนึ่งอย่างคุณไม้มีการบอกคุณมิลว่าเบาๆ หน่อยอย่าแกล้งเขาแรง ส่วนคุณคีตาได้แต่ยืนเล่นกีตาร์อยู่ข้างๆ คุณเบน รู้ว่าทีมใครไม่มาช่วยเขาหรอก รู้แล้วว่าวันนี้เขาโดนคุณทิมแกล้งแน่ๆ ชวนมาขายต้นไม้นึกว่าจะได้เจออะไรที่สดชื่นแต่นี่โดนแก๊งลูกเพื่อนแม่ให้ทำอะไรมากมายจนหัวหมุนไปหมดโดนเรียกชื่อแทบจะทุกห้านาที
“คุณพอร์ชมาช่วยยกตรงนี้หน่อยครับ”
“คุณพอร์ชหยิบดินหลังร้านมาด้วยครับ”
“คุณพอร์ชฝากเอากระถางมาห้าใบด้วยครับ”
“พอร์ชมาช่วยตรงนี้ด้วย”
“พอร์ชฝากซื้อน้ำ”จากสรรพนามคุณพอร์ชเริ่มเหลือพอร์ชเฉยๆ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าน่าอาจจะเป็นไอ้พอร์ช ดีที่ต้นกระบองเพชรของคุณต้นไม้น่ารัก แถมคุณคีตายังคอยเล่นกีตาร์ให้อารมณ์ดีมีให้เขารีเควสเพลงที่อยากฟังได้ด้วย แต่แฟนหวงกันจังเลยโว้ยชมนิดชมหน่อยโดนไล่มาขายต้นไม้อีกแล้ว!
“ต้นนี่เท่าไหร่ครับ”
“85 ครับ”
“มีแถมอะไรบ้างไหมครับ”
“ตกแต่งกระถางให้ได้ครับ”
“แถมคนขายไหมครับ”
มุขเดิมรอบที่สองหมื่นตั้งแต่เจอมา ทิมได้แต่ยิ้มๆ ไม่ได้ตอบอะไรไปแต่ท่าทางลูกค้าคนนี้ไม่ยอมถอยง่ายๆ เหมือนคนอื่นทำเป็นยืนเลือกต้นกระบองเพชรไม่เลิก คินหันไปมองแล้วมองอีกแต่ลูกค้ากลุ่มใหญ่ตรงหน้าเขาก็ทิ้งไปไม่ได้เหมือนกัน
พอมองหาคนอื่นๆ ก็ไม่เห็นเบนน่าจะพาคีตาไปหาอะไรกิน ส่วนรามิลก็ไปช่วยไม้เคลียร์ต้นกระบองเพชรด้านหลัง เสียงเรียกของลูกค้าตรงหน้าทำให้คินต้องหันกลับไปสนใจตามเดิม แต่ทันทีที่ลูกค้าของทิมทำท่าจะขอช่องทางติดต่อ คินเลยตัดสินใจจะเดินเข้าไปหาแต่เหมือนจะช้ากว่าใครบางคน..
“ขอโทษนะครับผมเห็นคุณเลือกอยู่นานแล้ว ถ้าต้องการต้นที่พิเศษผมจะเรียกคุณไม้เจ้าของร้านให้ได้นะครับ”
พอร์ชเดินออกมาจากด้านหลังร้านพร้อมกับแตะแขนทิมให้ถอยออกมา ลูกค้าตรงหน้าดูจะหัวเสียอยู่ไม่น้อยที่ถูกขัดจังหวะ ปกติเรื่องแบบนี้ทิมจัดการเองได้อยู่แล้ว แต่คินแค่ไม่อยากให้มันยืดเยื้อเลยตั้งใจจะเข้าไปช่วย แต่พอลูกค้าของคินซื้อต้นกระบองเพชรไปแล้วคินเองกลับเลือกที่จะยืนพิงโต๊ะกอดอกมองเหตุการณ์ไม่ได้เดินเข้าไปหาทิมอย่างที่คิดไว้
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากให้คุณคนนี้แนะนำกระบองเพชรต่อ”
“ผมว่าคุณไม้ให้คำแนะนำได้ครับ”
“ผมขอรู้แค่ชื่อได้ไหมครับ”
“ชื่อกระบองเพชรยาวมากผมก็จำไม่ได้เหมือนกัน”
กวนตีนไม่เลิก..ทิมได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ รอดูว่าพอร์ชจะทำยังไงต่อไป มีหันไปมองด้านหลังเป็นระยะคงกลัวว่าต้นไม้จะเดินออกมาด่าเพราะตอนนี้กำลังยียวนกวนลูกค้าให้หัวร้อนอยู่ เอาเถอะปกติไม้ไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้วยังไงไอ้มิลก็ไล่ลูกค้าแทบทุกวัน แต่ที่เขาสนใจคืออยากรู้เหมือนกันว่ามันจะจบลงแบบไหน
“เมื่อกี้คนขายที่น่ารักๆ คนนี้ยังจำได้เลยนะครับ”
“คนที่น่ารักๆ คนนี้เหนื่อยแล้วครับคนขายหล่อๆ อย่างผมจะขายแทน”
“ถ้าคุณยังทำแบบนี้กับลูกค้า ผมก็จะไม่ซื้อร้านคุณแล้วนะ”
“ถ้าคุณเองยังจะจีบคนขายอยู่แบบนี้ผมก็ว่ามันไม่เข้าท่าเหมือนกัน แล้วถ้าไม่ได้ชอบต้นกระบองเพชรจริงซื้อไปคุณก็ไม่ดูแลมันอยู่ดี”
พอร์ชมองออกว่าคนตรงหน้าแค่เข้าจะมาจีบคุณทิมเฉยๆ ไม่ได้สนใจต้นกระบองเพชรเท่าไหร่ ท่าทางจะหัวเสียมาก เกือบจะปากระถางต้นกระบองเพชรลงพื้นแล้ว แต่ดีที่เขายกมือห้ามไว้ทันพร้อมกับบอกว่าทำลายข้าวของนี่โดนค่าปรับ ถึงได้วางแล้วเดินหนีออกไป
“สิบนาที..ใช้เวลานานเหมือนกันผมจัดการเองไม่ถึงห้านาทีแน่ๆ”
“คุณทิมนั่นแหละน่ารักอะไรนักหนา”
“นี่ชมโต้งๆ เลยนะไม่เล่นมุขหรือหยอดอะไรเลยเดี๋ยวนี้”
พอร์ชหันมามองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผากขาวเบาๆ เก็บไรผมที่ดูยุ่งจากผ้าที่โพกหัวให้ ทิมเองได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดเหงื่อให้ไม่อยากจะเอ่ยขัดอะไร พอร์ชก้มลงมาหาคนที่เงยหน้าขึ้นมามอง
“โดนจีบทุกห้านาทีแบบนี้ผมอยู่ห่างคุณทิมไม่ได้แล้วนะ ต่อให้แก๊งลูกเพื่อนแม่มากระทืบผมก็ไม่ไปบอกไว้ก่อน”
พอร์ชมองคนที่โดนอากาศร้อนจนแก้มแดงแจ๋ ดวงตากลมโตของคุณทิมมองเขาไม่ได้หลบสายตาไปไหนก่อนที่มือของทิมที่กอดอกอยู่จะคลายออกแล้วยกขึ้นมาดึงสายผ้ากั้นเปื้อนของพอร์ชให้ก้มลงมาให้ใกล้มากกว่าเดิม
“ยังห่างอยู่เลย แบบนี้ต่างหากที่เรียกว่าใกล้”
“ร้ายว่ะผมแพ้อีกแล้ว”
เสียงหัวเราะของทิมและพอร์ชทำให้คินที่ยืนดูอยู่เลือกที่จะไม่เดินเข้าไปหา เขาก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงปล่อยให้พอร์ชเข้าใกล้ทิมได้ถึงขนาดนี้ อย่างที่คินเข้าใจทั้งสองคนกำลังเล่นเกมกันอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแววตาของทั้งคู่ไม่เหมือนคนที่กำลังเล่นเกมเลยสักนิด
แววตาของทิมมันประกายสดใสในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมานาน
ส่วนแววตาของพอร์ชมันเหมือนแววตาที่ไอ้มิลกับไอ้เบนมองต้นไม้และคีตาไม่มีผิด
นี่เล่นเกมอะไรของพวกมันวะ?
ในที่สุดก็ขายต้นกระบองเพชรจนหมดเกลี้ยง มีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเล็กน้อยแต่ที่ฮอตที่สุดน่าจะเป็นน้องอันนา แมวของครอบครัวดนตรี น้องอันนาแมวหน้าไม่รับแขก นั่งสะบัดหางไปมาอยู่ในตะกร้าหวาย ถ่ายรูปได้ไม่โกรธแต่เข้าใกล้ไม่ได้โดนขู่ฟ่อ ได้ยินคุณทิมเถียงกับคุณเบนเรื่องน้องอันนากับน้องรูบี้ตลอดเวลา เพราะคุณเบนชอบเรียกรูบี้สัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณทิมว่า หนูผี เออ.. วันนี้ไม่เหมือนแก๊งมาเฟียเท่าไหร่เหมือนแก๊งแฟนฉันมากกว่า
“งานหน้าร้านเราต้องเช่าสามบูธแล้วพี่ไม้คนเยอะขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวคุณคินพาแฟนมาอีกไม่มีที่ยืน”
“ใครแฟนกูวะเต้ แล้วนี่ลูกค้าไอ้ทิมไม่ใช่แฟน”
“งานอีเว้นท์มหัศจรรย์นี่พาใครมาก็เห็นเป็นแฟนกันหมด ตั้งแต่พี่ไม้พาพี่มิลมา คุณเบนก็พาพี่คีย์มาเนี่ยจริงไม่จริง”
“มึงมาให้กูเตะเลยไอ้ลูกกระจ๊อก”
“ทำไมผมถึงต้องเป็นลูกกระจ๊อกคุณคินที่เป็นลูกกระจ๊อกคุณทิมอีกทีด้วย”
“อยากเลื่อนตำแหน่งบ้างอ่ะทิม เต้เหิมเกริมใส่กูแล้ว”
“เอาเต้มาเป็นลูกกระจ๊อกกูแทนมึงก็ว่าดีเหมือนกันคิน มึงไปเป็นทาสเบอร์หนึ่ง”
“สัด ทำไมตำแหน่งกูเลื่อนลงตลอด”
“คุณทิมตอนเด็กต้องแสบมากแน่ๆ”
“คุณพอร์ชรู้ไหมตอนเด็กไอ้ทิมตัวเท่ากระป๋องแป้งแต่ซ่าสุดในอนุบาล”
“ตอนประถมกูจำได้มีคนมาบอกกูว่าไอ้ทิมโดนขังไว้ในห้องน้ำกูนี่หัวร้อนมาก คิดภาพไว้คือไอ้ทิมนั่งตัวเปียกร้องไห้แล้วนะพอไปถึง เจอไอ้ทิมกำลังปีนออกมาเอาไม้ถูพื้นมาไล่ตีหัวชาวบ้าน”
“กูนึกออกแล้วไอ้โจ๊กป.5/3 ห่าเอ๊ยกู งง ไปหมดสรุปใครแกล้งใคร”
“กูเตรียมไม้กวาดมาฟาดมันเต็มที่เจอไอ้ทิมวิ่งไล่ตีไอ้โจ๊กอยู่กูยอมแพ้ อาวุธในมือกูไม่มีประโยชน์”
“พี่ทิมโคตรเท่”
“ไอ้เบนมึงเอามือปิดหูคีตาเลย เห็นไอ้ทิมเป็นไอดอลแบบนี้เดี๋ยวมึงได้ไหว้แฟนเช้าเย็น”
เป็นเรื่องราวที่โคตรตลกเวลาเขาคุยกันแบบนี้น่ารักดี ไม่มีมีเก๊ก ไม่ได้วางมาดอะไร และเขาก็ชอบที่เห็นคุณทิมเวลาอยู่กับแก๊งลูกเพื่อนแม่ดูผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเองดี วันนี้คุณภาคินไม่ค่อยน่ากลัวเท่าวันก่อนๆ ถึงจะยังดูตึงๆ กับเขาอยู่บ้างส่วนคุณเบนตอนนี้มีคุณคีตานั่งซบอกอยู่บนตัก เห็นบอกไปเล่นกีตาร์โชว์ตากแดดตากลมจนไม่สบายเพราะเห็นนั่งนิ่งๆ หมดแรงให้คุณเบนเล่นแก้มอยู่อย่างนั้น พอแฟนไม่สบายคุณเบนก็ดูอ่อนโยนขึ้นมาทันที ทุกทีภาพลักษณ์ที่เขาเห็นยังกะมาเฟียฮ่องกง
“ไปเดินเล่นกันไหมครับ วันนี้คุณพอร์ชทำงานหนักกว่าออกแบบบ้านอีก”
“วันนี้ผมโดนแกล้งเยอะนะ”
“นี่เบาสุดของแก๊งลูกเพื่อนแม่แล้วถ้าเจอของจริงคุณพอร์ชอาจจะกลับบ้านไปตั้งแต่ห้านาทีแรก”
“ไม่คิดว่าผมจะสู้สุดใจบ้างเหรอไง”
“สู้เพื่ออะไรเหรอครับ”
“อย่างน้อยวันนี้ผมก็เสี่ยงโดนคุณคินต่อยเพื่ออยู่ใกล้คุณทิม”
“โห..เริ่มหยอดแล้วนะเนี่ย”
ตอนเย็นอากาศดีขึ้นมาหน่อยมีงานดนตรีเล็กๆ ตรงลานโล่งๆ เสียงดนตรีดังลั่นไปทั่ว มีเครื่องดื่มน้ำพันช์สีๆ ขายอยู่ตามซุ้ม รู้สึกเหมือนย้อนวัยดีเหมือนกัน เสียงเพลงที่เขาไม่ได้ฟังมานานดังขึ้นมาบรรยากาศรอบตัวมันดีซะจนพอร์ชเองรู้สึกผ่อนคลายเขาทำงานหนักมาตลอดเรียกว่าบ้างานก็ว่าได้ ไม่มีหรอกนะที่จะมาเดินเล่นกินลมชมดนตรีแบบนี้
“ทำไมวันนี้คุณทิมถึงชวนผมมา”
“ให้มาช่วยขายต้นไม้ไง”
“ข้ออ้างผมรู้ขอเหตุผลจริงๆ”
“คุณพอร์ชทำงานหนักเกินไปกลัวจะป่วยไปซะก่อน ยังไม่ทันชนะผมเลย”
“แปลว่าห่วงได้หรือเปล่า”
“แล้วใช้คำไหนได้อีกเหรอครับ”
"ถ้าห่วงทำไมไม่ให้ผมนอนพักอยู่บ้านล่ะครับ"
"ไม่อยากอยู่ด้วยกันเหรอ""สงสารผมบ้างคุณทิมเขินเป็นเหมือนกันครับ"
"ไม่สู้เหรอวันนี้"
“เกมนี้ยากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ”
“มันก็ไม่ได้ง่ายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“ถ้านานกว่านี้มันจะยากขึ้นใช่ไหม”
“ตอบไม่ได้หรอกครับมันเป็นเรื่องของอนาคต ยิ่งมีความรู้สึกก็ยิ่งยาก”เราทั้งสองคนรู้ดีว่าหมายถึงเรื่องอะไรแต่ระหว่างเราก็ตอบไม่ได้ว่าอนาคตมันจะเกิดอะไรขึ้น และวันนี้ทุกอย่างมันดีจนอยากจะไปนึกถึงอะไรให้มันปวดหัว พอร์ชหยุดเดินแล้วหมุนตัวหันหน้าเข้าหาทิมสายตามองไปยังด้านหลัง ทิมเลยต้องหยุดเดินไปด้วย
“ตอนนี้..ข้างหลังคุณทิม”
“มีผู้ชายผมสั้นหน้าตาจิ้มลิ้มใส่เสื้อสีขาวถือแก้วน้ำสีฟ้ากำลังเดินเข้ามาหาคุณพอร์ช ผมเห็นเขามองคุณมานานแล้ว”
โห..ละเอียดยิบ“อยากไปกับเขาก็ได้นะครับ”
“อย่าปล่อยผมไปง่ายๆ ซิคุณ ผมร้องไห้เลยนะ”
“งอแงแล้วเด็กชายพอร์ช ”
“เด็กชายพอร์ชไม่อยากไปกับคนแปลกหน้าครับ”
“อยากให้ผมทำเหมือนที่คุณจัดการลูกค้าเมื่อตอนกลางวันเหรอครับ”
“ไหน..ช่วยโชว์ให้ผมเห็นภายในห้านาทีเหมือนที่คุณทิมเคยบอกไว้หน่อย”
ทั้งๆ มีเสียงดนตรีที่ดังอยู่รอบตัวแต่เหมือนทั้งคู่ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ทิมได้ยินประโยคที่พอร์ชบอกก่อนจะยกมือกระตุกผ้าโพกหัวให้ปมค่อยๆ คลายออกแล้วกระเถิบเข้าหาพอร์ชที่ยืนอยู่ตรงหน้า มันใกล้ซะจนพอร์ชเองต้องยกมือขึ้นมาวางตรงเอวของคุณทิมไว้
“ผูกให้หน่อย”
เขามั่นใจว่าคุณทิมตั้งใจพูดเสียงดังให้คนนั้นที่กำลังเดินเข้ามาได้ยิน พอร์ชยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนคุณทิมกระเถิบเข้ามาใกล้มากกว่าเดิมจนแทบจะซบอกกว้าง
“ผูกผ้าให้หน่อย”
“หนึ่งนาทีผ่านไปแล้วนะครับ”
“ผูกผ้าให้หน่อยครับ”
“สอง”
“พอร์ช ผูกผ้าให้หน่อยครับ”
“สาม”
“พอร์ชผูกผ้าให้พี่ทิมหน่อยได้ไหมครับ”สี่นาที..เท่านั้นคนที่กำลังเดินเข้ามาเลี้ยวเปลี่ยนเป้าหมายไปแล้วเมื่อเห็นภาพตรงหน้า พอร์ชเลยยกมือขึ้นมาอ้อมไปด้านหลังศีรษะของคุณทิมค่อยๆ จัดการผ้าโพกหัวให้ นี่ก็ผูกผ้าไม่ค่อยเป็นเหมือนกันมันเลยไม่ค่อยถนัด พอร์ชเลยต้องโน้มเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมเพราะมองปมผ้าด้านหลังไม่เห็น ทันทีที่ผูกเสร็จเสียงดนตรีในงานก็เปลี่ยนเป็นเพลงช้าขึ้นมาพอดี พอร์ชไม่ได้ละมืออกไปไหนยังคงสัมผัสเส้นผมสีน้ำตาลลื่นมืออยู่อย่างนั้น เสียงกระซิบที่เบาจนเขาไม่ได้ยินทำให้พอร์ชเอียงหน้าไปฟังใกล้ๆ
“ขอบคุณครับ”
แก้มที่แดงอยู่แล้วไม่รู้ว่าเพราะอากาศหรือว่าอะไร แววตาที่ดูอ้อนๆ กับคำพูดเพราะๆ ใกล้ๆ หู
มันทำให้พอร์ชเริ่มเข้าใจประโยคเมื่อตอนกลางวัน
“ถ้าคุณพอร์ชเจอทิมเวอร์ชั่นที่แสบแล้วยังบอกว่าน่ารัก รับรองว่าถ้าเจอเวอร์ชั่นอ้อนคุณอาจตายได้เลยนะเตือนไว้ก่อน”คำเตือนไม่เห็นช่วยอะไรเลยคุณรามิล!
หัวใจจะวายตายแล้วตอนนี้…คนเราจะทั้งร้ายทั้งน่ารักขนาดนี้ได้ยังไงวะไม่เข้าใจ!
TO BE CON
สงสารพอร์ชเขานะคะ โถ..
หรือจริงๆแล้ว เรื่องนี้อาจจะดราม่าสุดในสี่เรื่อง? โอ้ว
#อัญมณีที่รัก #ซีรีส์ลูกเพื่อนแม่
twitter @ribbinbo