Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
- CH.10
Amethyst
“พอร์ช นี่นอนทั้งชุดนี้ไม่อาบน้ำอาบท่าเดี๋ยวย่าตีเลยนะ”
“………………………………………..”
“ห้องทำงานข้างล่างก็รกย่าล่ะกลัวจะมีงูโผล่ออกมา พอร์ชตื่นหรือยังได้ยินที่ย่าพูดไหม”
“ได้ยินแล้วครับ”
คุณย่ายังคงคอนเซ็ปต์เดิมไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่สมัยเขาเรียนมัธยม ตอนนี้ก็กำลังฉุดกระชากผ้าห่มให้หลุดจากตัวพอหมดแรงก็เปลี่ยนมานั่งบนเตียงแทน พอเห็นคุณย่าอ่อนกำลังลงหลานชายตัวโข่งก็เลยเขยิบตัวมานอนหนุนตักเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ
“ทำผิดแล้วก็มาอ้อน”
“โห..ย่าครับพอร์ชทำงานหนักมากนี่ก็หลับไปโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิด”
“ซกมกจริงๆ แล้วจะทำงานหนักขนาดนี้ไปทำไมกันหรือว่าจะเอาเงินไปขอสาว”
“แค่งานมันแก้เยอะเองครับ”
“ก็มัวแต่ทำงานงกๆ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้แต่งงานสักทีตาพอร์ช เมื่อก่อนเล่าให้ย่าฟังเป็นเรื่องเป็นราวว่าอยากมีงานแต่งงานแบบนู้นแบบนี้ มีบ้านสวยๆ มีลูกชายลูกสาวลูกแฝด”
“…………………………….”
คุณย่ายังคงเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ มือก็คอยลูบผมเขาไปด้วย คนที่นอนตักอยู่ไม่ได้ตอบอะไรไปแค่นอนใช้ความคิดเงียบๆ พอร์ชยอมรับว่าเขาวางแผนเรื่องครอบครัว เรื่องการแต่งงาน เรื่องบ้านไว้ตั้งแต่เด็กแล้วเขาก็แน่วแน่ทำตามที่ฝันไว้มาตลอด ตอนนี้เขามีบ้านที่ออกแบบเองทั้งหมดแล้วก็ขาดแค่..
“ย่าครับ”
“ย่าถามจริงๆ นะเราน่ะไม่ได้คุยกับใครเลยเหรอไง หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี่เหร่ มีคนมาดูแลเราบ้างก็ดีทำงานหนักจนย่ากลัวว่าจะป่วยเอา”
“นี่ไงผมก็มีย่ากับป้าพร”
“มันเหมือนกันที่ไหนแล้วแบบเครื่องประดับเราที่ให้ pure Jewelry ออกแบบ เล่นประกาศให้ทุกคนในครอบครัวรู้ว่าจะเอาแหวนแต่งงาน ย่าก็นึกว่าเรามีเจ้าสาวพร้อมไว้อยู่แล้ว จะได้พาไปหาทิมให้เขาออกแบบให้แหวนแต่งงานมันต้องมีสองวงนะ”
“ถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งผม หมายถึงภรรยา ไม่ใช่ซิ คนที่ผมรัก”
“ย่าว่าแล้วว่าเราน่ะมี”
“ผมไม่รู้จะบอกย่าว่ายังไงดี”
“เอาไว้เราเข้าใจตัวเองค่อยมาคุยกับย่าแล้วกัน ตอนนี้ย่าจะลงไปข้างล่างแล้วป้าพรกำลังกวาดพื้นอยู่ ดูซิว่าบ้านราคาแพงขนาดนี้จะมีอะไรกินบ้าง”
พอร์ชลุกขึ้นมานั่งบนเตียง หลังจากโดนคุณย่าฟาดสองสามทีให้ลุกไปอาบน้ำเพราะใส่ชุดเดิมมาตั้งแต่เมื่อคืน ทันทีที่ประตูห้องปิดลงคนที่นั่งอยู่ที่เดิมได้แต่ยกมือขึ้นมาลูบหน้า ในหัวตอนนี้มันมีความคิดหลายอย่างตีกันไปมาจนเขาเองก็ไม่รู้จะจัดการมันยังไง พอร์ชเงยหน้ามองไปรอบๆ ห้องนอนของตัวเอง เขาเคยคิดว่าถ้าแต่งงานห้องนี้จะต้องตกแต่งใหม่ถ้าภรรยาต้องการให้มันเป็นแบบอื่น
“ทำเพดานแบบให้เห็นท้องฟ้าได้ไหมอยากนอนมองดาว”
“ถ้าในฐานะสถาปนิกผมก็จะตอบว่าได้ครับไม่มีปัญหา”
“แล้วในฐานะพอร์ช”
“จะไปซื้อดาวเรืองแสงยี่สิบบาทมาติดบนเพดานให้ครับ”
จำได้ว่าตอนนั้นคุณทิมยังคงบอกแบบบ้านที่ตัวเองชอบให้ฟังอีกเยอะแยะ และเขาเองจำได้ทั้งหมด ยอมรับว่าพอร์ชเคยคุยทั้งผู้หญิงและผู้ชาย แต่เพราะเขามีความฝันที่แน่วแน่มาตลอดว่าจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเลยไม่ได้จริงจังกับผู้ชายที่คุยด้วยสักนิด คิดแค่เดี๋ยวก็เลิกคุยกันไม่ได้ติดต่อทุกอย่างก็จบลงไป บอกแล้วว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ชายที่แสนดีสักเท่าไหร่ ยิ่งเรื่องความรักก็ยิ่งนิสัยแย่
ตอนที่เจอกับคุณทิมครั้งแรกมันไม่ได้มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้องเลยสักนิดก็แค่เกมๆ หนึ่งที่เล่นสนุก ก็แค่รอดูว่าใครที่จะแพ้หรือชนะ พองานจบเราทั้งสองคนก็คงแยกย้ายกันไปเอง แต่ทุกวันนี้เหมือนเราไม่ได้เล่นเกมกันแล้วคุณทิมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไม่ว่าจะนอน จะตื่น จะทำงาน กินข้าว หรือไปไหนเขานึกถึงคุณทิมเป็นคนแรกเสมอและยิ่งคำพูดของมีนมันทำให้พอร์ชเริ่มคิดเรื่องนี้
“เหมือนมึงกับคุณทิมแต่งงานกันแล้วเลยว่ะ ลูกค้าอะไรตัวติดกันเป็นตังเมถามจริง..มึงจริงจังแล้วใช่ไหมวะกับคนนี้เขาคือคนที่มึงอยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตแล้วใช่ไหม”
“คำถามมึงนี่”
“อ้าว..ก็กูอยากรู้มึงแค่หลงคุณทิมหรือรักเขากันแน่วะพอร์ช”
“………………………………………….”เขาตอบคำถามของมีนไม่ได้และเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ยอมตอบออกไปทั้งๆ ที่มันไม่ใช่คำถามที่ยากอะไรสักนิด ความรู้สึกของตัวเองเขาก็ต้องรู้อยู่แล้ว แต่ที่เขายังลังเล..
หรือเพราะว่าลึกๆ แล้วเขาก็ยังอยากมีครอบครัวที่เขาเคยฝันไว้ตลอดมา
Jewelry Design
“กว่าจะลงมาหลานคนนี้นี่ตื่นก็สาย อาบน้ำก็นานทิมเขารออยู่ที่ห้องนั่งเล่นนานแล้วนะ”
“คุณทิม?”
“อ้าว..ย่านึกว่านัดกันไว้เห็นเขาบอกโทรหาเราไม่ติดน่าจะเอาแบบเครื่องประดับมาให้ดู”
“อ้อ..ครับ”
“แล้วปกตินัดกันที่บ้านนี้เหรอย่านึกว่าเราไปคุยกันที่ pure Jewelry ปกติเราไม่ให้ใครเข้าบ้านง่ายๆ”
“เวลาผมไม่ตรงกันกับคุณทิมเท่าไหร่ย่าก็รู้ นัดที่นี่สะดวกกว่า”
พอเห็นคุณย่าพยักหน้าอย่างเข้าใจพอร์ชเลยเดินไปที่ห้องนั่งเล่นคุณทิมยังรออยู่จริงๆ พอเห็นหน้าเขาคุณทิมก็ลุกเดินเข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าไม่รู้ว่าคุณย่าจะมา
“ย่าชอบเป็นงี้อยู่แล้วครับเป็นคนเดียวที่แทบจะบีบคอผมให้ทำกุญแจบ้านให้ไม่งั้นไม่ยอม”
“ผมกลับก่อนดีกว่า”
“กินข้าวยังครับ ป้าพรมาด้วยรับรองมื้อนี้ไม่ใช่มาม่า”
“คุณพอร์ชอยู่กับคุณย่าเถอะผมอยู่ด้วยคงไม่ดี คุณอยู่กับครอบครัวคุณ”
“อ้าวไม่บอกอยากเป็นคนในครอบครั..”
“พอเถอะมุกนี้เก่าแล้ว”
“โดนดักตลอด อย่าเพิ่งกลับเลยครับอยู่ชิมอาหารป้าพรก่อนเด็ดอย่างนี้เลย”
ยังไม่ทันจะได้เถียงอะไรต่อคุณย่าเฟื่องฟ้าก็ชวนทิมทานข้าวด้วยกัน พอเป็นผู้ใหญ่ชวนทิมเลยไม่กล้าปฏิเสธแต่จะให้นั่งอยู่เฉยๆ ก็กลัวว่าจะดูไม่ดีทิมเลยลุกไปที่ห้องครัว เห็นป้าพรกำลังหยิบของสดออกมาเตรียมไว้แต่ก็ไม่น่าพอที่จะทำอาหารได้เพราะมันมีแค่ไข่ไม่กี่ใบ เนื้อหมูหนึ่งชิ้น ป้าพรเลยก็ขอตัวจะไปจ่ายตลาดเพราะอยากจะทำอาหารให้คุณชายพอร์ชสุดที่รักทาน
“เดี๋ยวย่าไปกับป้าพรแล้วกัน”
“มีอะไรให้ผมทำก่อนไหมครับ”
“ป้าหมักหมูไว้จะทอดรอก็ได้ค่ะ ไม่ยากเท่าไหร่”
ป้าพรยกหมูที่หมักไว้ได้ที่แล้วออกมาก่อนจะเปิดตู้หาอุปกรณ์ต่างๆ ทิมเลยเดินเข้ามาช่วยพร้อมกับหยิบชาม กระดาษซับมัน ตะหลิว กระทะออกมาพร้อม ป้าพรกับคุณย่าเฟื่องฟ้าได้แต่มองทายาทธุรกิจอัญมณีหยิบข้าวของได้อย่างคล่องแคล่ว และรู้ว่าทุกอย่างถูกเก็บไว้ตรงไหน
รู้ได้ยังไงกัน..
“พอร์ชจะเอาอะไรไหมย่าจะได้ซื้อทีเดียว นม น้ำผลไม้ ขนม”
“ยังมีอยู่เลยครับ เพิ่งไปซื้อกันอาทิตย์ที่แล้ววันนั้นเราซื้อน้ำส้มมาสองกล่องใช่ไหมแล้วนมกี่แพคนะ”
“ช็อคโกแลตหมดแล้วเหลือแต่นมจืด ทีหลังไม่ชอบกินก็ซื้อแต่รสช็อคก็ได้”
“ก็คุณทิมกินรสนี้ผมก็เลยหยิบมาด้วย”
ผู้ใหญ่สองคนได้แต่มองตากันปริบๆ เมื่อได้ฟังบทสนทนา คงเพราะมัวแต่ยุ่งกับหมูทอดตรงหน้าทั้งสองคนเลยเถียงกันอยู่อย่างนั้น ป้าพรเลยเป็นฝ่ายบอกว่าให้รีบไปที่ตลาด แต่พอเดินยังไม่ทันจะได้เดินเลยพ้นรั้วบ้านคุณย่าเฟื่องฟ้าดันลืมกระเป๋าตังค์ที่วางไว้ตรงห้องนั่งเล่นเลยต้องเดินกลับเข้ามาอีกรอบ เสียงหัวเราะดังลั่นไปทั่วห้องครัวทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนรีบเดินเข้าไปดูเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ภาพที่เห็นคือพอร์ชนั่งบนเคาน์เตอร์ข้างๆ เตาที่ทิมกำลังทอดหมูอยู่และที่มาของเสียงก็คือ..
“บอกว่าอย่าโยนลงในกระทะเข้าใจไหมพอร์ช!”
“ก็ผมกลัวน้ำมันมันกระเด็น”
“แค่ทอดหมูยังไม่ได้เลยอดตายแน่”
“จะยากอะไรในเมื่อมีคนทอดหมูให้”
“โยนหมูใส่กระทะอีกรอบโดนฟาดแน่”
“เราทอดทีเดียวไม่ได้เหรอครับเทๆ ให้หมดนี่เดี๋ยวมันก็สุก”
“ไปเรียนทำอาหารกับเบนเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“มัดจุกให้คุณทิมดีกว่า”
พอทิมยกที่คีบในมือขึ้นมา คนที่นั่งกอดชามใส่เนื้อหมูก็เปลี่ยนเรื่องแล้วหันไปหยิบกระปุกยางมัดผมมาจัดการมัดจุกให้คนที่กำลังทอดหมูอยู่ ชื่นชมผลงานได้แค่แป๊บเดียวก็โดนลากให้มาทำอาหารต่อ ทิมหัวเราะออกมาเพราะลองบอกให้พอร์ชมาทอดเองบ้างแต่ท่าทางคนที่ไม่เคยทำอาหารมันเลยดูตลกไปซะหมด แค่น้ำมันกระเด็นก็ร้องซะลั่นบ้าน เสียงหัวเราะและรอยยิ้มตรงหน้าทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนเลือกที่จะยืนอยู่หน้าห้องครัว สัมผัสที่แขนทำให้คุณเฟื่องฟ้ารู้สึกตัวก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“น้องพอร์ช..ดูมีความสุขนะคะตั้งแต่ย้ายออกไปอยู่คนเดียวฉันเองก็กังวลไปหมดเลี้ยงมาตั้งแต่ตัวเล็กๆ”
คุณเฟื่องฟ้ารู้ว่าป้าพรหมายถึงเรื่องอะไรและเธอก็รู้เหมือนกันว่าพอร์ชกำลังมีความสุข เพราะแววตาที่พอร์ชมอง ทิม นพจินดาหลานชายคนเล็กของคุณกาญจนามันเป็นแววตาเดียวกับเวลาที่พอร์ชเล่าเรื่องครอบครัวที่ฝันไว้ไม่มีผิด
บางที..คนที่ออกแบบแหวนแต่งงานให้พอร์ช
ก็อาจจะเป็นคนเดียวกับที่ได้สวมแหวนวงนี้ก็ได้Jewelry Design
“พิม..ร้องไห้จนน้ำตาจะหมดตัวแล้วเว้ย”
มีนได้แต่ตบลงบนไหล่บางที่สั่นจนเขาเองก็เริ่มกังวลว่าเพื่อนเขาตรงหน้าจะเป็นลมล้มพับไปซะก่อน พิมทะเลาะกับกรณ์..จริงๆ มันไม่ใช่แค่ทะเลาะแต่ทั้งคู่ตัดสินใจหยุดความสัมพันธ์เหลือแค่เพื่อน ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเท่าไหร่แต่มีนกลับโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะตั้งแต่กรณ์ไปทำงานที่ญี่ปุ่นทั้งสองคนก็ระหองระแหงกันมาตลอด
วันนี้มันคงถึงที่สุดแล้ว..
“กรณ์มีคนอื่นพิมรู้...รู้มาตลอดเลย”
“ที่จริงเราก็สงสัยแต่เราเห็นมันเป็นเรื่องของพิมกับกรณ์เลยไม่กล้าที่จะคุย”
“ไม่ใช่ความผิดมีนหรอกแล้วเมื่อไหร่พอร์ชจะมา”
“มันต้องไปงานแต่งแต่บอกมันแล้วเดี๋ยวมันแวะมาหาพิมก่อน”
แค่เพียงไม่นานคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำก็เปิดประตูเข้ามาหา ดีที่ตอนนี้หน้าร้านเบเกอรี่ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไหร่ เลยไม่มีใครสงสัยที่เจ้าของร้านหายตัวไปแบบนี้ พอร์ชถอนหายใจเมื่อเห็นว่าใบหน้าของพิมเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาบวมช้ำจนน่าสงสารพอเห็นหน้าเขาก็ร้องไห้โฮใส่อีกรอบ พอร์ชพอจะรู้เรื่องมาก่อนแล้วแต่รายละเอียดทั้งหมดก็ไม่รู้แน่ชัดเท่าไหร่ แต่จะให้พิมเล่าตอนนี้ก็น่าจะไม่ไหวเหมือนกัน
“คุณทิม”
มีนเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่เดินตามมาคือคุณนพจินดาที่ใส่ชุดไปงานเหมือนกับพอร์ชเดาว่าทั้งคู่น่าจะไปงานเดียวกัน มีนจะชวนคุยคุณทิมคุยต่อ แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นว่าสายตาของคุณทิมมองไปยังพอร์ชที่ตอนนี้กำลังลูบศีรษะพิมที่ยังร้องไห้ไม่เลิก ใบหน้าน่ารักของคุณทิมนิ่งสนิทไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา แต่จากสายตาที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้เขาบอกได้คำเดียวว่าคุณทิม
กำลังหวง..
“หยุดร้องไห้ก่อนพิมเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก”
“น้ำตามันไหลเองพอร์ชไปงานเถอะพิมอยู่ได้”
“เอายังไงดี”
“เดี๋ยวก็หยุดร้องแล้วพอร์ชไปงานเลยเดี๋ยวสาย”
“เอางี้พอร์ชอยากกินทาร์ตไข่แบบเดียวกับที่พิมเคยขายในงานตอนมหา’ลัย”
“ยังจำได้อีกเหรอตอนนั้นมันไหม้นะพิมลองทำครั้งแรก”
“เอาแบบไหม้ๆ แบบนั้นเลย”
ทั้งๆ ที่เป็นบทสนทนาธรรมดาทั่วๆ ไปแต่ไม่รู้ว่าทำไมทิมถึงรู้สึกแปลกๆ จนต้องเอ่ยขอตัวกับมีนว่าออกไปรอข้างนอก ยอมรับตามตรงว่าทิมรู้สึกอัดอัดในอกตอนที่เห็นว่าพอร์ยกมือขึ้นมาลูบหัวคุณพิมพร้อมกับเรื่องราวที่คุยเข้าใจกันอยู่สองคน พอร์ชเองก็คงไม่ได้ยินเพราะทิมไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะหันมามองด้วยซ้ำ ทันทีที่คุณทิมเดินออกไปแล้วมีนได้แต่ถอนหายใจ
เรื่องความรักของเพื่อนเขานี่น่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย
“คุณพิมโอเคหรือเปล่าเดี๋ยวผมโทรเรียกให้คินมารับก็ได้นะถ้าคุณพอร์ชจะไม่ไป”
ทิมที่ยืนพิงรถอยู่ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพอร์ชเดินออกมาจากร้านแต่ก็ยังไม่วายหันไปมองในร้านไม่เลิก แต่สุดท้ายพอร์ชก็บอกว่าไม่เป็นไรแต่พอขึ้นมาบนรถท่าทางที่ยังดูกังวลทำให้ทิมตบลงบนหลังมือเบาๆ พอร์ชเลยพลิกมือเป็นฝ่ายจับไว้แล้วยกขึ้นจูบหลังมือแทน
“มันแย่ตรงที่กรณ์ก็เป็นเพื่อนผมเหมือนกัน จะด่ามันก็นะ..นั่นก็เพื่อนพิมก็เพื่อน”
“ความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนเขาคงตัดสินใจกันดีแล้ว”
“สงสารพิม พิมรอกรณ์กลับมาทุกวันแต่ไอ้กรณ์ไม่ได้สนใจเลย เหมือนพิมรู้สึกรักอยู่ฝ่ายเดียว”
“นั่นสิ..ฝ่ายที่รู้สึกมากกว่ายังไงก็เจ็บมากกว่าอยู่แล้ว”“ครับ?”
“สายแล้วรีบไปเถอะ”
ยังไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อก็โดนไล่ให้ขับรถ ตั้งแต่ยอมตามใจคุณย่าไปงานแต่งครั้งนั้นก็โดนใช้ให้ไปงานตลอดปกตินี่เขาเลี่ยงทุกงาน อ้างลูกค้าจนเดี๋ยวนี้คุณย่าไม่ค่อยเชื่อเขาแล้วว่าเขาติดลูกค้าจริงๆ ดีที่งานนี้เป็นงานแต่งของอาจารย์ที่คณะสถาปัตย์ และคุณทิมเองไปด้วยจริงๆ นี่เขาก็เห็นว่าคุณทิมไปงานแต่งแทบทุกวันส่วนใหญ่ก็เป็นลูกค้าของ pure Jewelry ทั้งนั้น
“วันนี้คุณพอร์ชดูเครียดๆ เราเล่นเกมกันไหม”
“ผมจะเครียดกว่าเดิมหรือเปล่า”
“กลัวแพ้เหรอ”
“โห..ว่ามาเลยกติกาวันนี้คืออะไร”
ทิมยิ้มนิดๆ แล้วมองไปรอบๆ งานเขาเห็นผู้หญิงในงานหลายคนพยายามส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้ทายาทของเจริญกิจธารา บางคนทำท่าจะเดินเข้ามาหาน่าจะรอจังหวะอยู่ ทิมเงยหน้าขึ้นมามองคนที่ยืนรอฟังอยู่ก่อนจะกระชิบบอกคำสั้นๆ
“ ’s ”พอร์ชขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคีย์เวิร์ดสั้นๆ ‘s ก่อนที่คุณทิมจะยิ้มให้หนึ่งทีแล้วเดินหนีไปหาคนรู้จักอีกด้าน ทิ้งพอร์ชไว้กับคำสั้นๆ ที่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงกับมัน แค่เพียงไม่นานพอร์ชก็เจอกับกลุ่มเพื่อนเลยเดินแยกออกไปอีกทาง แต่ถึงอยู่คนละมุมพอร์ชก็เห็นว่าคุณทิมอยู่ตรงไหนอยู่ดี แถมตอนนี้ก็น่าจะฮอตพอตัวเพราะเห็นคนเข้ามาหาไม่หยุด แจกนามบัตรหมดกระปุกแล้วมั้งตอนนี้
“คุณพอร์ชนี่คิวว่างยังคะ ฝนอยากได้บ้านใหม่จังเลยค่ะ”
“ติดต่อไปที่บริษัทได้เลยครับถ้าคุณฝนต้องการ”
“เจอสถาปนิกหนุ่มโสดในฝันต่อหน้าแล้วจองคิวตรงนี้เลยไม่ได้เหรอคะ ชนแก้วกันหน่อย”
พอร์ชได้แต่ยิ้มๆ เขาไม่อยากตอบรับหรือปฏิเสธเผื่อว่าผู้หญิงสวยตรงหน้าจะกลายมาเป็นลูกค้าจริงๆ จังหวะที่พอร์ชกำลังจะยกแก้วขึ้นมาชนด้วยอยู่ดีๆ แขนข้างที่ถือแก้วไวน์ไว้ก็ถูกรั้งไว้ก่อนที่แก้วจะชนกันเพียงเสี้ยววินาที พอร์ชหันมามองเมื่อเห็นว่าคนที่ยังจับแขนเขาไว้คือคุณทิม
“อร่อยเหรอ”
“ครับ?”
“แก้วนี้อร่อยเหรอ”
“ก็โอเค”
“ขอชิมได้ไหม”
พอร์ชดู งงๆ เมื่อคุณทิมส่งสายตาอ้อนมาให้อีกต่างหากพอเห็นเขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นคุณทิมก็จับมือเขาที่ถือแก้วไวน์อยู่ขึ้นมาดื่มแต่ดวงตากลมโตมองไปยังคุณฝนที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า พอร์ชมองสลับไปสลับมาระหว่างทั้งสองคนก่อนที่เขาจะเริ่มเข้าใจคำว่า ‘s
“ขอตัวนะคะ”
คุณฝนไม่ได้เอ่ยอะไรมากกว่านั้นแถมยังเดินหายไปอย่างรวดเร็วพอร์ชรั้งให้คนที่ยังคงดื่มไวน์ให้หยุดก่อน ขืนคุณทิมดื่มแบบนี้เมาหัวทิ่มพอดี ปากบางตอนนี้ฉ่ำไปด้วยไวน์สีแดงยิ่งดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีกพอร์ชอยากจะยกมือขึ้นเช็ดให้จริงๆ แต่ติดที่คนอยู่เยอะแล้วเขาก็กลัวว่ามันจะประเจิดประเจ้อไปหน่อย
“ผมเข้าใจกติกาแล้ว”
“เข้าใจว่า”
“แสดงความเป็นเจ้าของ”
“ตอนนี้ผมนำแล้วนะตามมาให้ทันแล้วกัน”
พอร์ชหัวเราะเบาๆ เมื่อคุณทิมคว้าแก้วไวน์แล้วหันมาโบกมือให้เขา ท่าทางน่ารักแบบนั้นแน่นอนว่ามีคนเห็นกันทั้งงานพอร์ชมองไปรอบๆ นี่เขาก็ไม่รู้ว่าคุณทิมมางานแต่งเดือนหนึ่งกี่ครั้งกัน และทุกครั้งที่มานี่มาคนเดียวหรือเปล่าหรือมีเพื่อนมาด้วยแต่แก๊งลูกเพื่อนแม่นี่ไม่น่าจะปล่อยให้คุณทิมมาคนเดียวหรอกนะ หวงขนาดนั้น
เสียงพิธีกรในงานแต่งยังคงดำเนินงานต่อไปเรื่อยๆ แต่พอร์ชไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่สายตาเขาตอนนี้มองตามแต่คุณทิมที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของบรรดานักธุรกิจ พอร์ชแกล้งทำเป็นเดินทักทายกับเพื่อนของคุณย่าเฟื่องฟ้าจนมายืนอยู่ข้างๆ ได้ พอเขาเงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นว่าคุณทิมมองเขาก่อนอยู่แล้ว
“แหวนแต่งงานนี่ออกแบบยากไหมครับ”
“ก็ขึ้นอยู่กับว่าเลิฟสตอรี่ของแต่ละคู่เป็นแบบไหนครับ”
“แล้วอย่างนี้ของคุณทิมเป็นแบบไหนครับ ผมอยากรู้จัง”
“ก็..”
“ถ้ามันยาวเราไปหาร้านนั่งคุยกันไหมครับ”
ว่าแล้ว..ทิมไม่ได้ตอบอะไรไปเพียงแค่ยิ้มนิดๆ แก้วไวน์ในมือกำลังถูกยกขึ้นมาดื่มแต่อยู่ดีๆ ก็มีมือเอื้อมมาจากด้านหลังมารั้งไว้พอทิมหันหน้ามาทางซ้ายก็เห็นว่าเป็นพอร์ชที่ยืนซ้อนหลังอยู่ พอร์ชเงยหน้ามองคนตรงหน้าจำได้ว่าชื่อคุณธีร์เพราะเคยถ่ายนิตยสารหนุ่มโสดด้วยกัน
“จะไปเข้าห้องน้ำฝากกุญแจรถไว้หน่อย”
“…………………………………….”
“ยังไงเราก็ต้องกลับบ้านด้วยกันคงไม่ได้กลับกับคนอื่น”
“…………………………………….”
ลงท้ายประโยคชัดๆ คุณธีร์น่าจะช็อคพอสมควรก่อนจะตั้งสติทักทายตามประสาคนเคยรู้จัก คุณทิมพยายามศอกใส่ให้เขาเขยิบตัวออกไปแต่เรื่องอะไรที่เขาต้องทำตาม พอเห็นว่าผมที่เซ็ทไว้อย่างดีตอนนี้เริ่มตกลงมาข้างแก้มพอร์ชก็เลยจับทัดไว้เหมือนที่เขาชอบทำบ่อยๆ
“พอร์ช”
“ครับ”
“ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ”
“ลืมไปเลย”
“คุณธีร์ทำตัวไม่ถูกแล้ว”
“งั้นไปเข้าห้องน้ำก่อนแต่กุญแจรถฝากไว้แล้วก็..เราเสมอกันแล้วนะครับ”
....................
...............................................................